หลกั สตู รสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน
โรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๔
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2565)
โรงเรยี นตน้ แกว้ ผดุงพทิ ยาลัย อำเภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่
สำนกั การศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม
องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั เชยี งใหม่
ประกาศโรงเรียนต้นแก้วผดุงพทิ ยาลัย
เรือ่ ง ใหใ้ ช้หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นตน้ แก้วผดงุ พทิ ยาลัย พุทธศกั ราช ๒๕๖4
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2565)
ตามหลกั สตู รฐานสมรรถนะ พระราชบัญญัตพิ ื้นทีน่ วตั กรรมทางการศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
---------------------------------------------------------
พระราชบญั ญัตพิ ืน้ ที่นวตั กรรมการศกึ ษา พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ ความในมาตรา ๒๐(๔) สถานศึกษา
สามารถนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติไปปรับใช้กับ
การศึกษาในสถานศึกษานำร่องให้เหมาะสมกับพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และมาตรา ๒๕ หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับการปรับเพื่อนำไปใช้ตามมาตรา ๒๐(๔) ต้องครอบคลุมสมรรถนะ
สำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และมาตรฐานการเรียนร้ตู ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พนื้ ฐานตามกฎหมายวา่ ด้วยการศกึ ษาแหง่ ชาติโดยต้องจัดเนอ้ื หาการเรียนรู้ให้หลากหลายและสอดคล้องกับ
ความสามารถ ความถนัดหรอื ความสนใจของผูเ้ รยี น และสภาพพนื้ ท่ีจงั หวัดและบริบทของสถานศึกษา
โรงเรยี นตน้ แก้วผดงุ พทิ ยาลยั สังกดั องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนนำร่องพ้ืนที่
นวตั กรรมจังหวดั เชยี งใหม่ จึงไดจ้ ัดทำและพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๖4 (ฉบบั
ปรบั ปรงุ พ.ศ.2565) เปน็ หลักสตู รฐานสมรรถนะ ตามแนวคิดหลักสูตรองิ มาตรฐาน คอื กำหนดมาตรฐาน
การเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดใน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้
คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ
การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคน
สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ ใช้เป็นกรอบในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา มี
เปา้ หมายในการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน และแนวทางนำหลกั สตู รไปสกู่ ารปฏิบัติ โดยมกี ารกำหนดวิสัยทัศน์ ,
พันธกิจ , กิจกรรมสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน โดยสร้างเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนรู้ , คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ , การวดั และประเมินผล และเกณฑก์ ารจบหลักสูตร
ทั้งนี้ หลักสูตรโรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อวนั ท่ี ๒6 เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖5 จงึ ประกาศให้ใชห้ ลักสตู รโรงเรียนตั้งแต่
บัดนี้เป็นตน้ ไป
ประกาศ ณ วันท่ี 1 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5
ลงชอื่ ลงช่ือ
(นายแสวง แดงคำดี) (นายมานิช ถาอ้าย)
ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นตน้ แกว้ ผดงุ พิทยาลัย
สารบญั
เร่ือง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
ส่วนที่ ๑ สว่ นนำ ๑
ความนำ ๑
วิสยั ทัศนโ์ รงเรยี น ๕
พนั ธกจิ ๕
ส่วนท่ี ๒ โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน โรงเรยี นตน้ แกว้ ผดุงพิทยาลยั ๖
ระดับการศกึ ษา ๖
การจดั เวลาเรยี น ๗
กรอบสมรรถนะหลกั ของผ้เู รยี น ๗
- กรอบสมรรถหลักของผู้เรียนระดับประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๖ ๙
- กรอบสมรรถหลักของผู้เรยี นระดับมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ ๒๔
โครงสร้างเนอื้ หาท่ใี ช้เป็นกรอบในการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรยี น ๓๒
คณุ ลักษณะพึงประสงค์ของผู้เรยี น ๓๔
โครงสรา้ งเวลาเรียน ๓๖
คำอธบิ ายรายวิชา / หน่วยการเรยี นรู้ ป.1- ป.3
68
คำอธิบายรายวชิ า / หน่วยการเรียนรู้ ป.4- ป.6 94
คำอธบิ ายรายวิชา / หน่วยการเรยี นรู้ ม.1- ม.3 182
ส่วนที่ ๓ การวัดผลประเมนิ ผล 236
สว่ นที่ ๔ เกณฑ์การจบการศึกษา 250
ภาคผนวก 252
คำสั่งคณะกรรมการจดั ทำหลักสตู รสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน
พระราชบญั ญตั พิ ้นื ทน่ี วตั กรรมทางการศึกษา พุทธศกั ราช ๒๕๖๒
หนงั สอื สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เรือ่ ง ความอสิ ระของ
สถานศกึ ษานำรอ่ งในการใชเหลักสูตรตามพระราชบญั ญัตพิ ้นื ที่นวัตกรรม
การศึกษา พ.ศ.๒๕๖๒
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง การจดั ตั้งพ้ืนที่นวัตกรรมการศกึ ษา
จังหวดั เชียงใหม่
ประกาศจงั หวดั เชียงใหม่ เรือ่ ง ประกาศรายช่อื โรงเรียนนำร่องพนื้ ท่ี
นวัตกรรมการศกึ ษาจงั หวดั เชยี งใหม่ ปีงบประมาณ ๒๕๖๒
หนังสือองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงใหม่ ที่ ชม 51008/ ว1832 ลงวนั ท่ี 2
กรกฎาคม 2564 เร่ือง ผลการพิจารณาหลกั สูตรสถานศึกษานำร่องพืน้ ที่
นวัตกรรมจังหวดั เชียงใหม่
ส่วนท่ี ๑
สว่ นนำ
ความนำ
พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๒ หมวด ๑(๓) จัดตั้งพื้นที่
นวัตกรรมการศึกษา เพื่อวัตถุประสงค์ กระจายอำนาจและให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษาและ
สถานศึกษานำร่องในพน้ื ที่นวตั กรรมการศกึ ษาเพอื่ เพ่มิ ความคล่องตัวในการบริหารและการจัดการศึกษา
ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็น ๑ ใน ๖ พื้นที่
นวัตกรรมการศึกษานำร่อง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ๒๕๖๑ การพัฒนาการศึกษาของจังหวัดเชียงใหม่
ภายใต้การเป็นพืน้ ทีน่ วัตกรรมการศึกษานั้น มุ่งเน้นให้เหมาะสมกับการพฒั นาศักยภาพผู้เรียน เป็นไป
ตามบริบทของพ้ืนทแ่ี ละความต้องการของประเทศ นำไปสกู่ ารพฒั นาสมรรถนะของผ้เู รียนตามเป้าหมาย
๔ ด้าน คือ ๑) เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนรู้ ๒) พัฒนานวตั กรรมการบรหิ ารการศึกษาระดบั จงั หวัด ๓)
ลดความเหล่ือมลำ้ ด้านการศกึ ษา ๔) เสรมิ สร้างความร่วมมือกบั ทุกภาคสว่ น (การประชุมขบั เคลื่อนการ
บูรณาการด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ภาคเหนือ : ในวันที่ ๒๙
ตุลาคม ๒๕๖๑) ความในมาตรา ๒๐(๔) สถานศกึ ษาสามารถนำหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
ตามกฎหมายว่าด้วยการศกึ ษาแห่งชาติไปปรับใชก้ ับการศึกษาในสถานศกึ ษานำร่องให้เหมาะสมกับพื้นที่
นวัตกรรมการศึกษา มาตรา ๒๕ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่ได้รับการปรับเพื่อนำไปใช้
ตามมาตรา ๒๐(๔) ต้องครอบคลมุ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และมาตรฐาน
การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติโดยต้อง
จดั สาระการเรียนรรู้ ายวชิ าใหห้ ลากหลายและสอดคลอ้ งกับความสามารถ ความถนัดหรือความสนใจของ
ผู้เรียน และสภาพสังคม มาตรา ๓๗ ใหส้ ถานศึกษานำร่องจัดใหม้ รี ะบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายใน
สถานศกึ ษาและมกี ารประเมนิ เพื่อวัดผลสัมฤทธ์ิทางการศกึ ษาของผูเ้ รียนและตรวจสอบคุณภาพภายใน
สถานศึกษาเป็นประจำทุกปี ทัง้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่ีคณะกรรมการนโยบายกำหนด โรงเรียน
ต้นแก้วผดุงพทิ ยาลัย เป็นโรงเรยี นนำรอ่ งพื้นทีน่ วัตกรรมจังหวดั เชยี งใหม่ จงึ จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ให้เป็นหลักสูตรมุ่งเน้นสมรรถนะสำคัญที่พัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ตามบรบิ ทของพ้นื ที่ และพรอ้ มสกู่ ารเปน็ พลโลกทีเ่ ปย่ี มด้วยคุณภาพ
ทักษะศตวรรษ ที่ ๒๑ ของเด็กไทย การเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ในยุคแห่งศตวรรษที่ ๒๑
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจที่มีการผันผวนท้งั เวทีโลกและภายในประเทศอยู่ตลอดเวลา การเปล่ียนแปลง
วถิ ีชวี ติ ท่ีมีเทคโนโลยีมาเกย่ี วข้องทำให้การใช้ชีวติ สะดวกสบายมากขึน้ การติดต่อส่อื สารกับคนทว่ั โลกทำ
ได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมที่มีการไหลของวัฒนธรรมเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แตกต่างให้
ใกล้กัน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและบริบทรอบตัว เป็นยุคที่เด็กไทยต้องพร้อมด้วย
ทักษะความสามารถที่จะต้องสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ด้วยความมีคุณธรรมและจริยธรรม
เป็นคนที่มีคุณภาพทั้งในเวทีไทย และเวทีโลก ทักษะที่จะหล่อหลอมให้เป็นพลโลกที่มีคุ ณภาพน้ัน
ประกอบด้วยทักษะจำเป็น ๒ กลุ่มที่มีความสัมพันธ์กัน (การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑,
รองศาสตราจารย์ ดร.พิมพันธ์ เดชะคปุ ต์, ๒๕๕๗) ไดแ้ ก่
๑) กลุ่ม ๔R แบ่งเป็น ๓ ทักษะหลักที่ควรเน้น คือ ๑.การรู้หนังสือ (Literacy) คือ
ความสามารถอ่านอย่างเข้าใจ และเขียนอย่างมีคุณภาพ การเขียนรายงานวิชาการ รายงานโครงงาน
บทความ ตลอดจนการนำเสนอด้วยวาจา ๒.การรู้เรื่องจำนวน(Numeracy) คือทักษะการใช้ตัวเลข
ความน่าจะเป็น สถิติ ทักษะการชั่ง วัด ตวง รวมทั้งการวิเคราะห์เชิงปริมาณ ๓.การใช้เหตุผล
2
(Reasoning) คอื ความสามารถในการอุปนยั นิรนัย การใหค้ ำตอบแบบคาดคะเน การอปุ มาอุปมัย และ
การใช้เหตุผลเชิงจรยิ ธรรม เป็นปัจจัยในการทำงาน การดำเนนิ ชีวิตและการอยอู่ ย่างพอเพียง
๒) กลุ่ม ๗C คือทักษะหลัก ดังนี้ ๑.ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creative
Problem Solving Skills) คือความสามารถในการค้นคว้า การแก้ปัญหา ผลิตงานเชิงสร้างสรรค์
สร้างสิ่งประดิษฐ์ สร้างผลผลิตที่มีความสำคัญในการดำเนินชีวิต ๒.ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Creative Thinking Skills) ความสามารถอย่างชำนาญในการคิดที่จะทำหรือไม่ทำ เชื่อหรือไม่เชื่อ
ในเหตุการณ์ของชีวิตและการทำงาน ๓.ทักษะการทำงานอย่างร่วมพลัง (Collaborative Skills) คือ
ความสามารถอย่างเชี่ยวชาญในการทำงานเป็นกลุ่ม เป็นทีม แบบร่วมมือร่วมใจ แบบรวมพลังให้งาน
สำเร็จและผู้ทำมคี วามสุข เป็นกระบวนการที่เสรมิ สร้างความเป็นผู้นำ รู้จกั บทบาทและกระบวนการกลุ่ม
๔.ทกั ษะการสื่อสาร(Communicative Skills) คือ ทักษะการรู้หนงั สือ รวมถงึ ความสามารถในการอ่าน
ฟัง เขียน พดู คอื อา่ นอยา่ งเข้าใจ ฟังอยา่ งเขา้ ใจ เขยี นอยา่ งมีคณุ ภาพ พูดสอื่ สารได้ตรงและง่ายต่อความ
เข้าใจ ๕.ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ (Computing Skills) คือความสามารถอย่างเชี่ยวชาญในการใช้
คอมพิวเตอรเ์ ป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ รวมถึงใช้เพ่ือออกแบบและผลิตเชิงนวัตกรรม ๖.ทักษะ
อาชีพและทักษะการใช้ชีวิต (Career and Life Skills) คือความสามารถเชี่ยวชาญในอาชีพที่ตนสนใจ
และถนัดซึ่งมีฐานการเรียนในระดับพื้นฐานมากอ่ น การมีอาชีพทำให้ชีวิตมีความสุข นำไปสู่การใช้ชวี ิต
อยา่ งมคี ณุ ภาพ ๗.ทกั ษะการใช้ชีวิตในวฒั นธรรมขา้ มชาติ (Cross-Cultural Skills) ความสามารถอย่าง
ชำนาญในการใช้ชีวิตอย่างเปน็ สุขที่จะอยรู่ ่วมกนั ในระดบั ท้องถน่ิ ระดบั ชาติ ระดบั อาเซียน และระดับ
โลก
ทักษะศตวรรษที่ ๒๑ ที่สำคัญเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องใช้การเรียนรู้ที่มุ่งเน้นกระบวนการ
เพราะกระบวนการเท่านั้นท่ีจะนำไปสู่การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เป็นการฝึกทกั ษะ กระบวนการ
คิด การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ การสร้างคา่ นิยมตอ่ สงั คมจงึ จะส่งผลให้ คดิ เป็น ทำเปน็ ตัดสินใจ
และสามารถแกป้ ัญหาไดใ้ นทุกสถานการณ์
การจัดการศึกษาตามบริบทท้องถิ่นเชียงใหม่ ด้วยจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีความ
หลากหลายในวัฒนธรรมเป็นไปตามบริบททางภมู ิศาสตร์ การจัดการศึกษาในจงั หวัดเชยี งใหม่จึงมีความ
หลากหลายภายใต้ความเป็นเมืองเชียงใหม่ ตามกรอบการพฒั นาการศึกษาเชียงใหม่ (แผนยุทธศาสตร์
ปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่,๒๕๒๙) มุ่งให้ พลเมืองเชียงใหม่ มีใจรักษ์วัฒนธรรม ทันการเปลี่ยนแปลง
และแสวงสัมมาชีพ โดยมีหลักสูตรรักษ์เชียงใหม่เป็นกรอบในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็ก
เชยี งใหม่ โดยใหเ้ ดก็ และเยาวชนได้เรียนรเู้ รอื่ งราวของจงั หวัดเชียงใหม่ ๔ ด้าน ได้แกด่ า้ นประวัติศาสตร์
ด้านภูมิปัญญา ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านอาหารและวิถีชีวิต โดยมุ่งให้เยาวชนเรียนรู้ สืบทอด รักษา
คุณค่าความเปน็ เมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ตามแผนยทุ ธศาสตร์ปฏิรูปการศกึ ษาเชียงใหม่ ยังมุ่งเน้นการ
ยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านการเท่าทันเทคโนโลยี สามารถเป็นพลเมืองโลกอย่างมีความสุข
ในสภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ภายใต้โครงการตามแผน มุ่งยกระดับการสอนของครู
ที่มุ่งสร้างทกั ษะศตวรรษที่ ๒๑ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน และการลดความเหลือมล้ำทางการศึกษา โดยมุ่ง
พัฒนาการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงให้เกิดขึ้นกับเด็ดและเยาวชนเชียงใหม่ ภายใต้
การมีสว่ นรว่ มของภาคีเชยี งใหม่
กรอบแนวทางการการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพและปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ จึงประกอบ
ไปด้วย ๑.การเรยี นรูก้ ารเปน็ เยาวชนรกั ษ์เชียงใหม่ ๒.การเรียนรูเ้ ก่ยี วกบั การเท่าทันเทคโนโลยี ๓.การมี
สัมมาชพี ตามท่ีสนใจและมคี วามสุขกับการประกอบอาชพี
3
บริบทท้องถิ่นเชียงใหม่อีกด้านคือการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เชิงศิลปวัฒนธรรม
ของภูมิภาคอาเซียน การเป็นเมืองมรดกโลกด้านศิลปวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลาย
แหง่ โดยมนี กั ท่องเท่ียวและนักธุรกิจ มาเยือนจังหวัดเชียงใหมต่ ลอดทั้งปี โดยเดินทางมาจากสาธารณรัฐ
ประชาชนจนี มากท่ีสดุ โดยส่วนใหญม่ าท่องเที่ยวทางดา้ นวฒั นธรรมแล้วยังมาติดต่อซื้อขายแลกเปล่ียน
สินค้ากับชาวเชียงใหม่ บริบทด้านพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จึงมีความหลากหลายทั้งเชิงภูมิศาสตร์
เชิงสังคมศาสตร์ และเชิงการค้าธุรกิจ โดยการยกระดับคุณภาพการส่งเสริมการศึกษาจึงต้องมีแนว
ทางการพัฒนาด้านภาษาโดยเฉพาะภาษาจีน เพื่อให้เป็นพื้นฐานสำคัญการการใช้ชีวิตตามบริบทพื้นที่
ของจังหวดั เชยี งใหม่
การจดั การศึกษาตามบรบิ ทความตอ้ งการเพอื่ มุ่งสู่การพัฒนา จากปญั หาการศึกษาของไทย
ตามท่ีปรากฏให้เหน็ ไม่ว่าจะเปน็ ผลการสอบ PISA ทป่ี ระเมนิ เด็กอายุ ๑๕ ปี ทวั่ โลกวา่ มคี วามพร้อมที่จะ
อยู่ร่วมในสังคมเพียงใด โดยมงุ่ ทดสอบวา่ นกั เรียนสามารถนำสงิ่ ทไ่ี ด้เรียนในห้องเรียนไปประยุกต์ใช้เพ่ือ
แกป้ ัญหาในชวี ิต หรอื สถานการณ์จรงิ ได้หรอื ไม่ ผลการประเมินพบว่าเด็กไทยมีคุณภาพต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ทั้งในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และด้านการอ่าน แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของผู้เรียนไทยยังไม่ได้
มาตรฐานสากล และคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง ผลจากการศึกษาคุณลักษณะของผู้เรียน
ผลจากการจัดการศึกษาทงั้ ในด้านหลักสตู ร การเรยี นการสอน และการวดั ผลประเมนิ ผล มีข้อค้นพบว่า
แม้จะมีผู้เรียนจำนวนหนึ่งประสบความสำเร็จมีคุณลักษณะเป็นที่พอใจ แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว
พบว่าผู้เรียน ได้เรียนรู้เนือ้ หาสาระจำนวนมากแต่ไมส่ ามารถประยุกต์ใช้ความรู้ใหเ้ ป็นประโยชน์ในการ
ดำรงชีวิต จากปัญหาที่กล่าวมาเบื้องต้นทำให้ข้อค้นพบว่าแท้จริงแล้วความต้องการ เป้าหมาย จุดเน้น
ทางการศึกษาไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาข้างต้นเพียงอย่างเดียว ควรมองถึงบริบทความต้องการของผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องทางการศึกษา โรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัยได้ศึกษาถึงบริบทความต้องการในการ
จัดการศกึ ษากบั ผู้เกี่ยวขอ้ งพบว่า
ผู้เรียนมุ่งหวังเรียนรู้เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพในอนาคตตามที่สนใจ มุ่งหวัง
กระบวนการเรยี นรู้ทีไ่ ด้ลงมือทำ มากกกว่าการเรียนรู้แต่ในหอ้ งเรยี น สนใจการเรียนรู้จากแหลง่ เรียนรู้
อืน่ เพ่ิมเตมิ เชน่ การไปศูนยก์ ารเรียนรู้ สถานท่ีท่เี ป็นแหล่งเรยี นร้เู ฉพาะ
ผู้ปกครองคาดหวังให้โรงเรียนจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน สามารถอ่านออก เขียนได้
ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เรียนรู้เทคโนโลยี สามารถแก้ปัญหาในชีวิตเมื่อเติบโต ปรับตัวได้
อย่างเท่าทันหากเกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม มีทักษะชีวิตที่พร้อมประกอบอาชีพในอนาคต และเป็น
คนดขี องสังคม
ชุมชน คาดหวังใหโ้ รงเรยี นเปน็ ศนู ย์กลางการเรียนรู้ตลอดชวี ติ ให้กับชุมชน และสร้าง
บคุ คลคณุ ภาพที่เปน็ คนดีมารบั ใช้สังคมต่อไป โดยตอ้ งไมล่ มื ความเปน็ วฒั นธรรมท้องถ่ินดว้ ย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของโรงเรียนต้นแก้วผดุง
พิทยาลัย ไดก้ ำหนดจดุ เนน้ ทางการศึกษาไว้กับโรงเรียน โดยการมุ่งเน้นให้พัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนท่ีพร้อม
ด้วยทกั ษะสำคัญในศตวรรษที่ ๒๑ และอยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข
จากบริบทความต้องการ จุดเน้นเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ สรุปได้ว่า การจัดการศึกษา
ของโรงเรยี นควรม่งุ เนน้ ให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ และคุณลกั ษณะท่ีอันพึงประสงค์ รวมเรยี กว่าสรรถนะ
สำคัญของผู้เรียนให้เกิดเปน็ พลโลกที่มีคุณภาพต่อไป และด้วยบริบทตามที่กล่าวมาโรงเรยี นจึงม่งุ หวงั
ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา โดยคำนงึ ถึง สมรรถนะสำคัญ และคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ดงั น้ี
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน สมรรถนะเป็นความสามารถของบุคคลในการใช้ความรู้
ทกั ษะ เจตคติและคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ที่ตนมใี นการทำงานหรือการแกป้ ัญหาต่าง ๆ
4
จนประสบความสำเร็จในระดับใดระดับหน่งึ สมรรถนะแสดงออกทางพฤตกิ รรมการปฏิบัติท่ีสามารถวัด
และประเมนิ ผลได้สมรรถนะจึงเปน็ ผลรวมของความรู้ทกั ษะเจตคติ คณุ ลกั ษณะ และความสามารถอื่น ๆ
ที่ช่วยให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลประสบความสำเร็จในการทำงาน คนทุกคนมีศักยภาพ (Potential)
ภายใน ซึ่งเปน็ ความสามารถทแี่ ฝงอยู่ในตัวบุคคล แต่ละคนมศี กั ยภาพในด้านใดด้านหนง่ึ หรือหลายด้าน
แฝงอยู่แลว้ แต่อาจยงั ไม่ได้แสดงออกให้เห็น จนกว่าจะไดร้ บั การกระตุ้นหรอื ได้รับการศึกษาหรือเรียนรู้
ที่เหมาะสมกบั ภาวะแฝงนั้น และเมื่อศกั ยภาพนั้นปรากฏออกมาหากได้รับการส่งเสริมต่อไป ก็จะทำให้
บคุ คลนนั้ มีความสามารถในด้านนน้ั สูงข้ึนดังนน้ั การได้เรียนรู้สาระความรู้ (Knowledge) และได้รับการ
ฝึกทักษะ (Skills) ต่าง ๆ รวมทั้งการได้รับการพัฒนาคุณลักษณะ (Attributes) ที่พึงประสงค์เหล่านนั้
สามารถช่วยพัฒนาบคุ คลให้มีความสามารถเพิม่ สงู ข้ึนได้ สมรรถนะหลักของผู้เรียน ๑๑ สมรรถนะ ดงั น้ี
๑. ภาษาไทยเพอื่ การสื่อสาร (Thai Language for Communication)
๒. คณติ ศาสตร์ในชีวิตประจำวัน (Mathematics in Everyday Life)
๓. กระบวนการสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ( Scientific Inquiry &
Scientific Mind)
๔. ภาษาอังกฤษเพอ่ื การส่อื สาร (English for Communication)
๕. ทกั ษะชวี ิตและความเจริญแห่งตน (Life Skills and Personal Growth)
๖. อาชพี และการเปน็ ผู้ประกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship)
๗. ทักษะการคดิ ชน้ั สงู และนวัตกรรม (Higher-order Thinking Skills and Innovation)
๘. การรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศและดิจิทัล (Media, Information and Digital Literacy:
MIDL)
๙. การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีมและมีภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
๑๐. การเปน็ พลเมอื งต่นื รู้และมจี ติ สำนกึ สากล (Active Citizens and Global Mindedness)
๑๑. ภาษาจีนเพือ่ ชวี ิต (Chinese for Life)
5
วสิ ัยทศั น์
“สถานศึกษาผู้สร้างนวัตกรรม กา้ วลำ้ เทคโนโลยี นำวิถที ้องถิ่นส่สู ากล”
พนั ธกิจ
๑. การจดั การศึกษาใหม้ ีคณุ ภาพตามมาตรฐานของชาติและเทียบเคยี งมาตรฐานสากล
๒. พฒั นาการบริหารจดั การบนพื้นฐานการเปน็ โรงเรียนนำร่องพนื้ ท่นี วัตกรรม
๓. พฒั นาระบบกระบวนการจัดการเรียนรู้เพ่อื สรา้ งผเู้ รียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนร้แู ละกา้ วสู่
การเปน็ พลโลก
๔. ส่งเสริมให้มีภาคีเครือข่ายทางการศึกษาประสานความร่วมมือใหม้ ีเครอื ข่ายการศึกษาท้งั
ในและตา่ งประเทศ
๕. พฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาเพือ่ สนองตอบความแตกต่างระหว่างบคุ คลให้ไดร้ บั การพัฒนา
เต็มตามศกั ยภาพ
๖. พัฒนากิจกรรมเสริมหลักสูตร กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและเกดิ ความ
ภาคภมู ิใจความเป็นไทย
๗. พัฒนาแหล่งเรียนร้ภู ายในสถานศกึ ษาอย่างหลากหลายและพอเพยี งเอื้อต่อการเรยี นรู้และ
สง่ เสริมใหใ้ ช้แหล่งเรียนรภู้ ายนอกสถานศึกษาอย่างหลากหลาย
๖
สว่ นที่ ๒
โครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
โรงเรยี นตน้ แก้วผดุงพิทยาลัย
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2565) ตามหลกั สูตรฐานสมรรถนะ พระราชบญั ญัตพิ ้ืนที่นวตั กรรมทางการศึกษา
พุทธศักราช ๒๕๖๒ ได้กำหนดโครงสรา้ งของหลกั สูตรเพื่อให้ผู้สอนและผู้ทเ่ี กีย่ วขอ้ งในการจัดการเรียนรู้
ตามหลกั สูตรของสถานศึกษามแี นวปฏิบตั ิ ดงั นี้
ระดบั การศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๖๔
ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๒
จัดการศึกษา ดงั น้ี
ระดบั ประถมศึกษา การศกึ ษาระดบั น้ีเป็นชว่ งแรกของการศึกษาภาคบงั คับ เป็นการเรยี นการ
สอนที่มีจุดประสงค์การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเป็นเป้าหมาย มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถในการ
ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะต่าง ๆ อย่างเป็นองค์รวมในการปฏิบัติงาน การ
แก้ปัญหาและการใช้ชีวิต เป็นการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถใช้การได้
จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน มุ่งเน้น “การปฏิบัติ” โดยมีเนื้อหาความรู้ ทักษะ เจตคติ
และคณุ ลกั ษณะท่ีจำเปน็ ตอ่ การนำไปสูส่ มรรถนะท่ีต้องการ ลดเวลาเรียนเน้ือหาจำนวนมากที่ไม่จำเป็น
เอื้อให้ผู้เรียนมีเวลาในการเรียนรู้เนื้อหาที่จำเป็นในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น และได้ฝึกฝนการใช้ความรู้ใน
สถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะในระดับชำนาญหรือเชี่ยวชาญ เป็นการเรียน การ
สอนที่มีการบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานใดงาน
หนึ่งจะได้รบั การนำไปใช้เพ่ือความสำเรจ็ ของการปฏิบัติงาน การเรยี นการสอนเปน็ การบรู ณาการ ผเู้ รียน
สามารถใช้เวลาในการเรียนรู้ และมีความกา้ วหน้าในการเรียนรู้ไปตามความถนดั และความสามารถของตน
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ การศกึ ษาระดับนี้เปน็ ช่วงสุดท้ายของการศกึ ษาภาคบงั คบั มงุ่ เน้น
การพัฒนาความสามารถในการประยกุ ต์ใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะต่าง ๆ อย่างเป็นองค์
รวมในการปฏบิ ตั ิงาน การแกป้ ญั หา และการใช้ชวี ติ เป็นการเรียนการสอนท่ีเช่อื มโยงกับชีวิตประจำวัน
เรียนรู้เพือ่ ใหส้ ามารถใชก้ ารได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน มุ่งเน้น “การปฏิบัติ” โดยมี
เนื้อหาความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ลกั ษณะท่ีจำเปน็ ตอ่ การนำไปสู่สมรรถนะท่ีตอ้ งการ ลดเวลาเรียน
เนอ้ื หาจำนวนมากที่ไม่จำเป็น เอ้ือใหผ้ ู้เรียนมีเวลาในการเรียนรู้เนอ้ื หาท่จี ำเป็นในระดับที่ลึกซ้ึงข้ึน และ
ได้ฝึกฝนการใช้ความรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะในระดับชำนาญหรือ
เช่ยี วชาญ จดั กระบวนการเรยี นการสอนทมี่ ีการบูรณาการความรขู้ ้ามศาสตร์ ความรใู้ นศาสตร์ต่าง ๆ ที่
เก่ียวขอ้ งกบั การปฏิบัตงิ านใดงานหนึ่งจะไดร้ บั การนำไปใชเ้ พ่ือความสำเรจ็ ของการปฏิบัติงาน การเรียน
การสอนเป็นการบรู ณาการมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้ และมีความก้าวหน้าในการ
เรยี นรู้ไปตามความถนัดและความสามารถของตน พัฒนาศกั ยภาพในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชพี
๗
การจดั เวลาเรียน
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ. 2565) ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา
พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ ไดจ้ ดั เวลาเรียนตามกรอบสมรรถนะ ๑๑ สมรรถนะผ่านกรอบเน้อื หา ๔ ดา้ น และ
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจัดใหเ้ หมาะสมตามบรบิ ท จดุ เนน้ ของโรงเรียน และสภาพของผู้เรยี น ดงั น้ี
ระดบั ประถมศึกษา จัดเวลาเรยี นเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียนวนั ละ ๖ ชั่วโมง
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จดั เวลาเรียนเปน็ รายภาคเรียน โดยมีเวลาเรียนวนั ละ ๖ ชว่ั โมง
กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี น
กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้นนี้
ประกอบด้วยสมรรถนะหลักของผูเ้ รียน ๑๑ สมรรถนะ เป็นสมรรถนะที่สามารถตอบสนอง และมีความ
สอดคล้องกบั หลักการสำคญั ๖ ประการ ดงั นี้
๑) ความต้องการของประเทศตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ แผนปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ และมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
๒) สอดคล้องกับทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลก
ปจั จบุ นั และอนาคต
๓) ส่งเสริมการใช้ศาสตร์พระราชา พระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐
และพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
กมุ ารี
๔) ให้ความสำคัญกับความเป็นไทย ความเป็นชาติไทย เพื่อดำรงรักษาเอกลักษณ์ความเป็น
ไทยให้ถาวรสบื ไป
๕) สอดคล้องกับหลักพัฒนาการตามวัยของมนุษย์และตอบสนองต่อความแตกต่าง
ท่ีหลากหลายทง้ั ของผ้เู รียน บรบิ ท และภูมสิ ังคม
๖) สามารถเทียบเคียงกบั มาตรฐานสากลได้
สมรรถนะทั้ง ๑๑ สมรรถนะ เป็นสมรรถนะหลกั ทเ่ี ดก็ และเยาวชนไทยจะต้องได้รบั การพัฒนา
ในช่วงเวลา ๑๒ ปี ของการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและดำรงชีวิตได้
อย่างมีคุณภาพในโลกแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ประกอบด้วยคำอธิบาย และรายละเอียดสมรรถนะระดับ
ประถมศึกษา และระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ดังนี้
๘
แผนภมู ิสมรรถนะหลกั ของผูเ้ รียน (Student Core Competencies)
จากแผนภูมิ สามารถอธบิ ายไดด้ ังน้ี
สมรรถนะภาษาไทยเพ่ือการส่อื สาร สมรรถนะคณติ ศาสตร์ในชวี ิตประจำวัน สมรรถนะทักษะ
กระบวนการสบื สอบทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ รวมทัง้ สมรรถนะการใชภ้ าษาอังกฤษเพื่อการ
สอื่ สาร และสมรรถนะภาษาจนี เพอ่ื ชีวติ สมรรถนะทั้ง ๕ สมรรถนะนี้ เปน็ สมรรถนะที่จะช่วยให้นักเรียน
ต้นแก้วผดงุ พิทยาลัย เป็นเด็กต้นแก้วฉลาดรู้ (Literate Thais) คอื มคี วามรู้และเครือ่ งมอื พ้นื ฐานท่ีจะ
ใชใ้ นการแสวงหาความรูแ้ ละเรียนรตู้ ลอดชวี ิต
สว่ นสมรรถนะทักษะชวี ติ และความเจรญิ แหง่ ตน และทักษะอาชีพและการเป็นผูป้ ระกอบการ
จะช่วยใหน้ ักเรียนตน้ แกว้ ผดุงพิทยาลยั มีชวี ติ ที่อยู่ดีมีสุข (Happy Thais)
สำหรบั ทกั ษะการคิดขน้ั สงู และนวตั กรรม รวมท้ังการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ สารสนเทศและดิจทิ ลั
จะช่วยเพิ่มพูนความสามารถ ความเก่ง ให้เด็กและเยาวชนไทยคิดเก่ง และรู้ทันโลกทำให้นักเรียนตน้
แกว้ ผดงุ พิทยาลัย มคี วามสามารถสูง (Smart Thais) สง่ ผลต่อการเพ่มิ ขีดความสามารถในการแข่งขัน
ระดับโลกดว้ ย
สว่ น ๒ สมรรถนะสดุ ทา้ ยคือ สมรรถนะการทำงานแบบรวมพลัง เป็นทีม และมภี าวะผู้นำและ
สมรรถนะการเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แขง็ ตน่ื รทู้ ม่ี ีสำนึกสงั คม จะช่วยให้นกั เรียนต้นแกว้ ผดงุ พิทยาลัย เป็นท่ี
สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นผู้นำที่ดีและเป็นพลเมืองไทยใส่ใจสังคมและมีสำนึกสากล (Active
Thai Citizen with Global Mindedness) มคี วามรับผิดชอบมีสว่ นร่วมในกิจการของสังคมและผดุง
ความเปน็ ธรรมในสงั คมเพือ่ การอยู่ร่วมกนั อย่างสันติสุขตลอดไป โดยมีรายละเอยี ดกรอบสมรรถหลักของ
ผเู้ รียน ๑๑ สมรรถนะ ระดบั ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ดังนี้
๙
กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๖
๑. ภาษาไทยเพอ่ื การส่อื สาร (Thai Language for Communication)
ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธบิ าย
ฟงั ดู พูด อา่ น และเขยี นข้อความ ความรู้ ฟงั พูด อา่ นและเขยี น เพือ่ สือ่ สาร ขอ้ มลู
นิทาน เรือ่ งราวส้นั ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง กับตนเองและ ความรู้ ความรสู้ ึกนึกคดิ โดยใชป้ ระสบการณ์
สิ่งใกล้ตวั ดว้ ยภาษา ทีง่ า่ ย ๆ สนกุ กบั การทดลอง ความรทู้ างหลกั ภาษาและกลวธิ กี ารใช้ภาษาที่
ใชค้ ำ ข้อความต่าง ๆ สนใจเรยี นรู้เร่ืองราว ชว่ ยใหส้ ามารถรบั สารได้ถกู ต้อง เขา้ ใจเปิดกวา้ ง
เกย่ี วกับเมืองไทยและวัฒนธรรมไทย ผ่านการฟงั ไตรต่ รอง ประเมนิ และนำไปใช้ในชวี ติ สามารถ
และอ่านข้อความ เรือ่ งราว ท่ีใชภ้ าษาง่าย ๆ ถา่ ยทอดและผลิตผลงานผา่ นกระบวนการพูด
สามารถสร้างผลงาน โดยใช้ความรูด้ งั กล่าวและมี และเขียนไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ โดยคำนงึ ถึงผู้รบั
ความภาคภูมิใจ ในงานของตน สารเหมาะสมกบั กาลเทศะ เกิดประโยชน์แก่
ตนเองและส่วนรวม รวมทงั้ ใช้ภาษาไทยเป็น
เครือ่ งมอื ในการเรียนรูเ้ ขา้ ใจสงั คม วฒั นธรรม
และภมู ิปญั ญาไทยและถา่ ยทอดสรา้ งผลงานตอ่
ยอดสร้างสรรคจ์ ากความรู้ ความคิดท่ไี ดร้ บั
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. รบั ฟังการสนทนา ขอ้ ความส้นั ๆ ๑. รบั ฟังอยา่ งต้งั ใจและเข้าใจลกึ ซึง้ ในผพู้ ูด
เร่ืองราวงา่ ย ๆ ทนี่ ำเสนอในหลากหลายรูปแบบ และสาระทีร่ บั ฟงั ทั้งทเ่ี ปน็ ข้อความ คำพูด
อยา่ งตัง้ ใจ มีมารยาท เขา้ ใจและเพลดิ เพลนิ กับ ทา่ ทาง สัญลกั ษณแ์ ละกราฟิกต่าง ๆ เขา้ ใจ
สิ่งท่ฟี ัง สามารถตัง้ คำถามตอบคำถาม แสดง มุมมองทแ่ี ตกตา่ งกนั ตามบรบิ ทสังคมและ
ความรู้สกึ และความคิดเหน็ ของตนทีม่ ีต่อเร่อื งท่ี วัฒนธรรม มกี ารตรวจสอบความเข้าใจให้ตรงกนั
ฟงั ยอมรับความคดิ เห็นทแี่ ตกต่างจากตน และ ระหว่างผู้พดู และผู้ฟงั รวมทัง้ ตรวจสอบความ
นำความรู้ทไี่ ดจ้ ากการฟังไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิต ถกู ตอ้ งของขอ้ มูลก่อนตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั เรอื่ งท่ฟี ัง
๒. พูดสอ่ื สารในสถานการณต์ ่างๆใน และเลือกนำความรทู้ ีไ่ ด้จากการฟังไปใช้
ชีวติ ประจำวัน บอกความรูส้ ึกนึกคิดของตนเลา่ ประโยชนใ์ นชวี ติ ของตนและส่วนรวม
เรื่องและเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ หรอื บอกผา่ นการเลน่ ๒. พดู เพื่อวตั ถปุ ระสงค์ตา่ งๆในสถานการณ์
บทบาทสมมตุ ิ การแสดงงา่ ย ๆ ได้ ตงั้ คำถามและ ทหี่ ลากหลายอย่างสรา้ งสรรค์โดยคำนึงถึง
ตอบคำถามให้ผ้อู ่ืนเข้าใจไดอ้ ย่างส้ัน ๆ มมี ารยาท ลักษณะและความตอ้ งการของผฟู้ งั สามารถพูด
ในการพูดโดยคำนงึ ถึงความเหมาะสมกับ ได้กระชบั ถูกตอ้ งตรงประเด็นเขา้ ใจงา่ ยใช้ส่ือ
กาลเทศะและผู้รบั ฟัง และภาษาท่าทางประกอบไดอ้ ย่างมี
๓. อ่านบทอ่าน ขอ้ ความงา่ ย ๆทป่ี รากฏ ประสิทธภิ าพเหมาะสมกับกาลเทศะบรบิ ททาง
ในสื่อสิ่งพมิ พ์ และสง่ิ แวดล้อม สามารถต้ังคำถาม สังคมและวัฒนธรรมรวมท้ังตรวจสอบความ
และหาข้อมูลท่ีตอ้ งการคิดก่อนตัดสนิ ใจเช่อื และ เข้าใจของผฟู้ งั และประเมนิ เพือ่ ปรบั ปรงุ การพูด
นำความร้ขู อ้ คิดจากส่ิงท่อี า่ นไปใช้ในชวี ิต ของตน
๔. เขยี นขอ้ ความ เร่อื งสั้น ๆ เพอ่ื บอก ๓. อ่านสาระในรปู แบบตา่ งๆ ได้ โดยมี
ความคดิ ความรสู้ ึก หรอื แตง่ เร่อื งตาม วตั ถุประสงคก์ ารอ่านท่ีชัดเจนอ่านไดอ้ ยา่ งเข้าใจ
จนิ ตนาการ สามารถเขียนให้เข้าใจง่ายถกู ต้อง ถูกต้อง ตรงประเดน็ โดยใช้ประสบการณ์ ความรู้
และกลวธิ ีการอ่านตา่ ง ๆ สามารถวิเคราะหแ์ ปล
๑๐
ระดับประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖
ตามหลกั ภาษาไทย และคำนึงถึงผู้อา่ นและผู้ทต่ี น ความ ตีความ และประเมนิ สาระไดอ้ ย่างรเู้ ทา่ ทัน
เขียนถึง ในเจตนาของผูเ้ ขยี นและนำความคิดความร้ทู ่ไี ด้
จากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ของตนและ
๕. ฟงั ดู หรอื อา่ นบทอ่าน ขอ้ ความรหู้ รือ ส่วนรวม
เรอื่ งสน้ั ๆ ทีใ่ ชภ้ าษางา่ ย ๆ เกย่ี วกบั เมอื งไทย
และวฒั นธรรมทดี่ งี ามของไทยมคี วามภาคภูมใิ จ ๔. เขียนโดยมีวัตถปุ ระสงคท์ ่ีชัดเจนในการ
ในความเป็นไทยสามารถพดู หรือเขียนขอ้ ความ สอ่ื สารขอ้ มูล ความรู้ ความคิดความรสู้ ึก
เรอื่ งสนั้ ๆ ซง่ึ ใช้ประโยชนจ์ ากความรู้ หรอื สรา้ ง ในรูปแบบทห่ี ลากหลายโดยใชก้ ลวิธกี ารนำเสนอ
ผลงานง่าย ๆ เชน่ ภาพวาด แบบจำลองหรอื ทเ่ี หมาะสมสามารถเขยี นสอื่ ความหมายได้ตรง
สิ่งประดิษฐ์ทใี่ ช้ความร้ดู ังกลา่ ว ตามเจตนา เขา้ ใจได้ง่ายและถูกต้องตามอกั ขระ
วธิ ีใช้กระบวนการเขยี นผลติ งานในทาง
๖. ฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างมีความสุข สร้างสรรคอ์ ย่างรบั ผดิ ชอบและเคารพในสิทธิของ
สนุกกับการเรยี นรูแ้ ละทดลองใชภ้ าษาไทยเพ่ือ
วัตถุประสงคต์ ่าง ๆ ผู้อ่ืน
๕. ใช้ภาษาไทยในการศกึ ษาเรยี นรู้ สร้าง
ความเขา้ ใจพน้ื ฐานทางสังคมวัฒนธรรมและภูมิ
ปญั ญาของไทยมีความภาคภูมิผูกพันในความเปน็
ไทยสามารถกลน่ั กรองและสืบสานสิง่ ดงี ามที่
บรรพบรุ ษุ ได้สร้างไวแ้ ละพฒั นาให้มีคุณคา่ ตอ่ ไป
๖. พูด อ่านและเขยี นภาษาไทยไดถ้ กู ต้อง
ตามอกั ขระวิธีโดยเลือกใช้คำศัพท์ความรู้เก่ยี วกบั
หลักภาษาและกลวธิ ีตา่ ง ๆ ร่วมกบั ประสบการณ์
ชวี ิตในการนำเสนอและผลติ ผลงาน
๒. คณิตศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวัน (Mathematics in Everyday Life)
ระดบั ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธบิ าย
สามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ให้ มีทักษะดา้ นการแก้ปัญหา การให้เหตุผล
เหตผุ ลทางคณติ ศาสตร์ ส่อื สารและสอ่ื การสือ่ สารและการสอื่ ความหมายทาง
ความหมายทางคณติ ศาสตร์ รวมทัง้ สามารถ คณิตศาสตร์ และการเชอ่ื มโยงทางคณิตศาสตร์
เชอื่ มโยงทางคณิตศาสตรใ์ นระดบั เนอ้ื หาทเ่ี รียน เพ่อื ให้รเู้ ท่าทันการเปล่ียนแปลงของระบบ
เพ่ือนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างมี เศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม
ประสิทธิภาพ นำความรคู้ วามสามารถ เจตคติ ทักษะที่ได้รบั ไป
ประยกุ ต์ใช้ในการเรยี นร้สู งิ่ ตา่ ง ๆ และใน
สถานการณใ์ หม่ ๆเพ่อื ให้ไดม้ าซึ่งความรูใ้ หม่หรอื
การสรา้ งสรรคส์ ่ิงใหม่ ๆ และนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ติ ประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. แกป้ ญั หาในชีวิตประจำวันทเ่ี หมาะสม ๑. แกป้ ัญหาในชวี ิตประจำวนั ที่เก่ยี วขอ้ ง
กบั วัย โดยใช้กระบวนการแกป้ ัญหาทาง กบั คณติ ศาสตร์ โดยประยุกตค์ วามรู้ความเข้าใจ
๑๑
ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ – ๖
คณติ ศาสตรแ์ ละคำนงึ ถึงความสมเหตสุ มผลของ ทางคณิตศาสตร์เพื่อทำความเข้าใจปญั หา ระบุ
คำตอบท่ไี ด้ ประเด็นปัญหา วเิ คราะหป์ ัญหา วางแผน
๒. ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ทเี่ รียนหา แกป้ ัญหา โดยหากลวิธีทห่ี ลากหลายในการ
ขอ้ สรุปที่อธิบายความคิดของตนอยา่ ง แกป้ ัญหา และดำเนนิ การจนได้คำตอบท่ี
สมเหตุสมผลตามวยั สมเหตุสมผล
๓. ใชศ้ พั ท์ สญั ลกั ษณ์ แผนภูมิ แผนภาพ ๒. หาขอ้ สรปุ หรอื ข้อความคาดการณ์ของ
อย่างง่าย ๆ เพอ่ื สือ่ สารให้ผู้อน่ื เขา้ ใจในความคิด สถานการณ์ปัญหา และระบถุ ึงความสมั พนั ธข์ อง
ของตนเอง ได้อยา่ งหลากหลายและเหมาะสมกบั ข้อมูล เพอ่ื ยนื ยันหรือคดั คา้ นขอ้ สรุปหรอื
วัย เนือ้ หา และสถานการณ์ ขอ้ ความคาดการณน์ ั้น ๆอยา่ งสมเหตุสมผล และ
๔. อธิบายความรู้และหลกั การทาง ใช้เหตุผลแบบอปุ นัย (Inductive Reasoning)
คณติ ศาสตร์ ที่เชอื่ มโยงกบั ปญั หาหรอื ในการสรา้ งแบบรูปและขอ้ คาดเดาหรือใช้เหตุผล
สถานการณต์ ่าง ๆ ท่ตี นเองพบในชวี ิตจรงิ ได้ แบบนิรนยั (Deductive Reasoning)
อย่างมเี หตุผลตามวัย ในการตรวจสอบขอ้ สรุป ๓. ออกแบบ อธบิ าย และนำเสนอข้อมูล
และสร้างเหตุผลสนับสนนุ ท่นี า่ เชอ่ื ถอื ท่ีส่ือความหมายให้ผู้อน่ื เข้าใจตรงกนั เพอื่ แสดง
๕. คิดในใจในการบวก ลบ คูณ หารได้ ความเข้าใจหรือความคิดทีเ่ กีย่ วกับคณิตศาสตร์
อย่างคลอ่ งแคล่ว วอ่ งไว แม่นยำเพือ่ แกป้ ัญหา ของตนเอง โดยใชก้ ารพูดและเขยี น วตั ถุ
ทางคณิตศาสตร์ทีเ่ กิดขน้ึ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ใน รปู ธรรม รปู ภาพ กราฟ สญั ลักษณ์ทาง
ชีวติ ประจำวนั คณิตศาสตร์ และตวั แทน รวมทง้ั บอก
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาษาในชวี ิตประจำวนั กบั
ภาษาและสัญลกั ษณท์ างคณติ ศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ ง
หลากหลายและเหมาะสมกับเนอื้ หาและ
สถานการณ์
๔. เช่ือมโยงความรู้หรอื ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ทีเ่ รยี นมากับความรู้ปญั หาหรอื
สถานการณ์อน่ื ท่ตี นเองพบซ่ึงอาจเป็นการ
เชอื่ มโยงภายในวิชาคณิตศาสตร์เช่ือมโยง
คณิตศาสตร์กับศาสตร์อ่ืน ๆ และเชอื่ มโยง
คณิตศาสตร์กบั ชีวติ ประจำวนั เพอ่ื นำไปสกู่ าร
แกป้ ญั หาและการเรยี นรแู้ นวคิดใหม่ท่ซี บั ซอ้ น
หรือสมบรู ณ์ข้นึ
๕. ใช้ความคิดคลอ่ ง ความคิดยดื หยุ่น
ความคิดริเร่ิม และความคิดละเอยี ดลออ ในการ
คิดแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ และขยายความคิด
ทีม่ อี ย่เู ดมิ เพือ่ สร้างแนวคดิ ใหมป่ รับปรงุ หรือ
พฒั นาองคค์ วามรู้ทางคณติ ศาสตรห์ รือศาสตร์อนื่
ๆ โดยใช้คณติ ศาสตรเ์ ป็นฐาน
๑๒
๓. กระบวนการสบื สอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Inquiry & Scientific
Mind)
ระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปีท่ี ๔ – ๖
คำอธบิ าย คำอธิบาย
สนใจในปรากฏการณ์รอบตวั กล้าพูด กลา้ เป็นผู้มจี ติ วิทยาศาสตร์ท่มี ีความใฝ่ร้มู ุ่งมัน่
ซกั ถาม เพ่อื ให้เข้าใจในเหตุและผล ของ อดทนในการศึกษาหาความรโู้ ดยใช้
ปรากฏการณน์ น้ั สนุกท่ีจะหาขอ้ มูล สำรวจ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รักในความมี
ตรวจสอบสงิ่ ตา่ ง ๆ เพอื่ ให้ได้คำตอบในเรื่องที่ เหตผุ ล กล้าพดู กล้าแสดงออก รับฟงั ความ
อยากรสู้ ามารถสรา้ งแผนภมู ิ แผนภาพ แบบจำลอง คดิ เห็นและทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้อย่าง
อยา่ งง่ายเพือ่ อธบิ ายปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ สรา้ งสรรคส์ ามารถใช้กระบวนการสืบสอบทาง
แล้วใชห้ ลักเหตุผลสนบั สนนุ หรอื คดั คา้ น วทิ ยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้ สร้างและใช้
ข้อโตเ้ ถียงในประเด็นท่สี งสยั หรือสนใจ และใช้ แบบจำลองทางความคิดและแบบจำลอง ๓ มิติ
กระบวนการออกแบบทาง วิศวกรรมในการศึกษา เพ่ืออธิบายปรากฏการณท์ างธรรมชาตแิ ละ
ปญั หา ออกแบบ สรา้ งต้นแบบนวัตกรรมอย่างงา่ ย ปรากฏการณ์ท่เี ป็นผลจากการกระทำของ
ซง่ึ อาจ เปน็ ส่งิ ประดษิ ฐห์ รอื วธิ ีการเพอื่ ใช้แกป้ ญั หา มนุษย์ รวมทั้งใช้การโต้แยง้ เพ่ือตดั สินใจใน
ในชวี ติ ประจำวัน ประเดน็ ทางวิทยาศาสตรท์ ่ีมผี ลกระทบต่อ
ตนเองครอบครวั ชมุ ชน สังคม ประเทศ และ
โลกสามารถใช้ความรทู้ างวิทยาศาสตร์และ
กระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมเพ่ือสร้าง
นวัตกรรม ซึ่งเป็นผลงานส่ิงประดิษฐ์หรอื วธิ ีการ
ที่ใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวนั ดว้ ยความ
ตระหนกั และความรบั ผดิ ชอบต่อชมุ ชน สังคม
และโลก
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. สามารถเช่อื มโยงเหตุและผลของ ๑. สามารถเขยี นผังเชอื่ มโยงเหตุและผล
ปรากฏการณ์ และเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ท่ีเกดิ ขึน้ ใน จากเหตตุ ้นทางถึงผลปลายทางโดยแสดง
ชีวิตประจำวนั ความสมั พนั ธ์เชอ่ื มโยงเหตุและผลแทรก
๒. อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาติและ ระหว่างเหตตุ ้นทางและผลปลายทางอยา่ งเป็น
ปรากฏการณท์ เ่ี ป็นผลจากการกระทำของมนษุ ย์ ลำดบั และครบถ้วนเพื่อสรปุ /สร้างความร้ทู าง
ด้วยการใช้เหตุผลแบบอุปนัยแบบนิรนยั และทง้ั วทิ ยาศาสตร์
อุปนยั และนริ นัยประกอบกันอย่างสมเหตุสมผล ๒. อธบิ ายปรากฏการณธ์ รรมชาติ และ
๓. ตั้งคำถามเกย่ี วกบั ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท่ี ปรากฏการณ์ทเี่ ป็นผลจากการกระทำของ
พบในชีวติ ประจำวนั คาดคะเนหาคำตอบและคิด มนุษยด์ ้วยการใช้เหตุผลแบบอปุ นัยแบบนริ นยั
วิธกี ารหาคำตอบโดยอาจใชว้ ัสดุอุปกรณ์ เคร่อื งมือ และทงั้ อปุ นยั และนริ นยั ประกอบกันอยา่ ง
ชว่ ยในการสำรวจตรวจสอบ เก็บขอ้ มลู และสรปุ สมเหตุสมผล
คำตอบ ๓. สบื สอบความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์โดย
๔.สามารถเขียนแผนภาพแผนภมู ิ สามารถตงั้ คำถามสำคัญออกแบบและวาง
แบบจำลองอย่างง่าย เพอื่ อธิบายความรู้ความ แผนการสำรวจตรวจสอบข้อมูลเลอื กใชว้ สั ดุ
เขา้ ใจ และความคิดของตน อปุ กรณแ์ ละเครื่องมือท่ีเหมาะสม เก็บรวบรวม
๑๓
ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
๕. กลา้ พูดให้ความคิดสนบั สนุนหรือคัดค้าน ขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ มูลและนำเสนอผลการ
เกีย่ วกับเร่อื งทางวทิ ยาศาสตรท์ ่เี ปน็ ปญั หาถกเถยี ง สำรวจตรวจสอบ รวมทงั้ หลักฐานเชงิ ประจักษ์
กนั สามารถชีแ้ จงเหตุผลโดยมีหลกั ฐานประกอบ ท่ีไดร้ ับการยอมรบั จากสาธารณะซง่ึ นำไปสู่การ
พฒั นาความเป็นผูร้ กั ในความมเี หตุผลทาง
๖. นำคำตอบทไ่ี ดจ้ ากการสืบสอบไปคิด
สรา้ งตน้ แบบสง่ิ ประดิษฐ์อย่างง่าย ๆ วิทยาศาสตร์
๔. ออกแบบและสร้างแบบจำลองโดยใช้
ความรูแ้ ละหลักการทางวิทยาศาสตรแ์ ละใช้
แบบจำลองเพอื่ อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาติ
และปรากฏการณ์ทเ่ี ป็นผลจากการกระทำของ
มนุษย์
๕. โต้แยง้ ในประเดน็ ทางวทิ ยาศาสตร์โดย
การใหเ้ หตุผลสนับสนนุ หรือคัดค้านพรอ้ มท้ัง
หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์เพื่อการตัดสนิ ใจเลือก
เหตผุ ลทด่ี ีน่าเชื่อถือมากทีส่ ดุ และกลา้ พดู กลา้
แสดงความคิดเห็นบนฐานความรู้ พรอ้ มรับฟัง
ความคดิ เหน็ ผู้อื่น
๖. วางแผนหาวิธกี ารแกไ้ ขปญั หาใน
ชวี ติ ประจำวนั อย่างเปน็ ข้นั ตอนโดยใช้
กระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมท่ี
ประกอบด้วยขน้ั ตอนการระบุปัญหาการสบื ค้น
ขอ้ มูลเพื่อใช้ในการออกแบบการสร้างตน้ แบบ
โดยใช้วสั ดอุ ุปกรณ์ภายใตข้ ้อจำกดั หรือตาม
สภาพบริบทตลอดจนการทดสอบคณุ ภาพของ
ตน้ แบบเพ่ือใหไ้ ดข้ ้อมลู ย้อนกลับในการปรับแก้
ไขการออกแบบและต้นแบบใหม้ ีความ
เหมาะสม
๔. ภาษาอังกฤษเพ่อื การสื่อสาร (English for Communication)
ระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธบิ าย
สามารถใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะทางภาษา ทกั ษะดา้ นการส่อื สาร ฟัง พูด อา่ น และ
อังกฤษรวมทง้ั เจตคตแิ ละคุณลักษณะ สว่ นบคุ คล เขียน การใหเ้ หตุผล และการสื่อความหมาย
ในการสือ่ สารฟังพูดอา่ นเขยี น ทง้ั ในดา้ นการรับ สัญลกั ษณ์ ตา่ ง ๆ และการเชอ่ื มโยงทกั ษะด้าน
สาร การส่งสาร การ มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ มกี ลยุทธ์ใน ภาษาเพอื่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการสอ่ื สารตาม
การตดิ ต่อสอื่ สาร สามารถส่ือสารได้ถกู ต้อง สถานการณต์ ่าง ๆ นำความรู้ความสามารถ เจต
คล่องแคลว่ เหมาะสมกบั บริบททางสังคมและ คติ ทกั ษะที่ไดร้ ับไปประยกุ ต์ใช้ในการเรียนรู้ ส่งิ
วัฒนธรรม และสามารถแลกเปลยี่ นถา่ ยทอด ตา่ ง ๆ และในสถานการณ์ใหม่ ๆเพื่อใหไ้ ดม้ าซึง่
ความคิด ประสบการณแ์ ละวัฒนธรรมไทยไปยัง ความรู้ใหม่หรอื การสรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่ ๆ และ
๑๔
ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ – ๖
สังคมโลกไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์เหมาะสมกบั วยั มี นำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำวันไดอ้ ยา่ งมี
เจตคติทดี่ ีตอ่ การเรียนภาษา ใช้ภาษา อย่างมั่นใจ ประสทิ ธภิ าพ
โดยสามารถใช้ภาษาในการ ตดิ ต่อสอ่ื สารได้
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. รู้ (ฟังหรืออา่ นร้คู วามหมาย) คำศพั ท์ท่ี ๑. เข้าใจประเด็นสำคัญของเรือ่ งท่ีฟังเมอ่ื ผู้
พบบอ่ ย ๆ และสำนวนพ้ืนฐานเกี่ยวกบั ตนเอง พูด/คู่สนทนาพูดอย่างชัดเจนในหัวขอ้ ทคี่ นุ้ เคย
ครอบครวั และส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั และพบบ่อยเกี่ยวกับการทำงาน การไปโรงเรียน
๒. เขา้ ใจ (ฟงั เขา้ ใจ) และสามารถโต้ตอบ กิจกรรมยามวา่ งเป็นตน้ ตัวอยา่ งของการพดู ใน
กบั ผ้พู ดู /ค่สู นทนาได้เมอื่ คู่สนทนาใชส้ ำนวนงา่ ย ลกั ษณะดังกล่าว เชน่ การเล่าเรือ่ งสั้น ๆเปน็ ตน้
ๆ พดู ชดั เจนและช้า ๆ และคู่สนทนาอาจพดู ๒. สามารถอ่านงานเขยี นท่เี ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ
สำนวนน้นั ๆ ซำ้ (Repetition) และพูดซำ้ โดย และตรงไปตรงมาในประเด็นทเี่ กย่ี วข้องกับสาขา
ใช้ถอ้ ยคำใหม่ (Rephrasing)เมอ่ื พูดเก่ียวกบั และความสนใจของตนเองและเขา้ ใจในระดบั ที่
หวั ข้อท่ีคาดเดาได้ น่าพอใจ
๓. สามารถให้ (พูดหรอื เขยี น) ขอ้ มลู ๓. สามารถใชภ้ าษาที่ง่ายและหลากหลาย
ส่วนตัวเบอื้ งต้นเกยี่ วกับตนเองโดยใช้คำและวลีที่ เพอื่ สนทนาในหัวข้อทค่ี ุ้นเคย แสดงความคิดเหน็
สั้นและงา่ ยหรอื ใชป้ ระโยคพน้ื ฐานได้ ของตนเองและแลกเปล่ียนข้อมูลเกีย่ วกับหัวขอ้ ท่ี
๔. เข้าใจคำศัพท์วลีประโยคสนั้ ๆรวมไป ตนเองคนุ้ เคย สนใจ หรือหัวขอ้ เกี่ยวกบั
ถึงคำส่งั ทีใ่ ช้บ่อย ๆ ในสถานการณ์ทีค่ ุ้นเคยไมว่ า่ ชีวติ ประจำวัน
จะเปน็ ทง้ั ในการพูดและการเขียน ๔. สามารถสรา้ งงานเขียนง่าย ๆท่ีมี
๕. สามารถใชค้ ำศพั ทว์ ลสี นั้ ๆ และ ความคดิ เช่ือมโยงกันในประเด็นตา่ ง ๆ ท่คี ุน้ เคย
สำนวนท่ีใช้ในการส่ือสารเรอื่ งราวใน ในสาขาทีต่ นเองสนใจโดยเช่ือมโยงส่วนตา่ ง ๆ ใน
ชีวติ ประจำวันเพ่อื สอ่ื สารและบรรยายข้อมลู ส่วน งานเขียนให้เป็นลำดบั ต่อเนื่องกนั ได้
บุคคล สี ตวั เลขพนื้ ฐาน ส่ิงของพืน้ ฐานกจิ วตั ร ๕. เขา้ ใจคำและวลีสำคญั ในบทสนทนาและ
ประจำวัน ฯลฯ ติดตามหัวข้อในการสนทนาได้
๖. มีคำศัพท์จำกัด (สามารถจดจำและใช้ ๖. สามารถคาดเดาความหมายของคำท่ไี มร่ ู้
คำศพั ท์ได้ถกู ตอ้ ง) ซงึ่ สว่ นใหญ่เป็นคำโดด ๆ ความหมายจากบริบทและสรปุ ความหมายของ
ระดบั พน้ื ฐานและใช้วลีส้ัน ๆเกีย่ วกบั สถานการณ์ ประโยคได้หากเก่ยี วข้องกบั หัวขอ้ ที่คุน้ เคย
ในชีวิตประจำวนั ทพ่ี บได้ทั่วไป ๗. สามารถหาวิธถี า่ ยทอดประเด็นสำคัญที่
ตนเองตอ้ งการส่ือสารในบรบิ ทท่ีหลากหลายโดย
ตอ้ งเปน็ เร่ืองราวทตี่ นเองจำไดห้ รอื หาวิธที ่ีจะ
ถา่ ยทอดเรื่องราว
๕. ทกั ษะชวี ิตและความเจริญแห่งตน (Life Skills and Personal Growth)
ระดบั ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖
คำอธบิ าย คำอธบิ าย
รู้จักตนเอง พ่งึ ตนเองและดูแลตนเองได้ ร้จู กั ตนเองพึ่งตนเองและดำเนนิ ชวี ิตตาม
เหมาะสมตามวัย มีสขุ นสิ ัยในการทำกิจวตั ร หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ประจำวนั สามารถป้องกนั ตนเองจากภยั ต่าง ๆ มสี ขุ ภาพแขง็ แรงเป็นคนดี มีวนิ ยั
๑๕
ระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ – ๖
ควบคมุ อารมณ์ของตนได้ และปรับตนให้เลน่ เรียน มสี นุ ทรยี ภาพชน่ื ชมในความงามรอบตวั
และทำกจิ กรรมต่าง ๆ รว่ มกบั เพ่ือน ๆ ได้ มีสัมมา มีบคุ ลกิ ความเปน็ ไทย ทะนุบำรุงรักษา
คารวะ และปฏิบตั ติ นต่อผูอ้ น่ื ได้อยา่ งเหมาะสมกบั ศิลปวฒั นธรรมของชาติและธำรงเอกลักษณ์
บทบาทของตน ปฏิบตั ติ ามกฎ ระเบียบ และ ความเปน็ ไทยสร้างและรกั ษาความสมั พันธ์อันดี
ขอ้ ตกลงของครอบครวั และโรงเรยี น รบั ผดิ ชอบใน กบั บคุ คลอื่นรบั ผดิ ชอบในบทบาทหน้าท่ีของ
หนา้ ทข่ี องตน สามารถคิดหาวธิ ีแก้ปญั หาท่ีเกิด ตนเองท่ีมีต่อครอบครัวและสังคม รวมทงั้
ขึ้นกบั ตน และลองแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง มี สามารถนำตนเองในการเรยี นรูพ้ ัฒนาตนเอง
สุนทรียภาพในความงามรอบตัว และเข้ารว่ มใน และพัฒนาชีวติ ให้มีความสุขความ
กิจกรรมทางศลิ ปวฒั นธรรมของสงั คม เจริญก้าวหน้าอยา่ งย่ังยืน
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. ร้จู กั ตนเอง บอกสงิ่ ท่ีสามารถทำได้และ ๑. รู้จักตนเอง พ่ึงตนเอง และกำหนด
สิง่ ทท่ี ำไมไ่ ดบ้ อกได้ว่าตนชอบ ไม่ชอบอะไร บอก เปา้ หมายชวี ติ ตามความสามารถและความถนัด
ความคดิ ความรู้สึกความตอ้ งการและปญั หาของ ของตน วางแผนและดำเนนิ ชีวติ ตามหลักของ
ตนเองได้ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเพอื่ ไปสู่เป้าหมาย
๒. มวี นิ ยั ในการปฏบิ ัติตามสุขบัญญัติทำ ๒. มวี ินยั ในการดูแลจัดการตนเองให้มีสขุ
กิจวตั รประจำวันทัง้ การกนิ เล่น เรยี นชว่ ยทำงาน ภาวะทางกายทีด่ ีอย่างสมดุลกับสุขภาวะด้าน
พกั ผ่อน นอนหลับอย่างพอดีพอเหมาะกับวยั อ่ืน ๆ โดยมสี ุขภาพแข็งแรงกนิ อยู่ ดู ฟงั เป็น
๓. ระมัดระวงั ตนเองจากภยั ต่าง ๆ บอก ปกป้องตนเองใหป้ ลอดภยั จากภัยต่าง ๆ ทั้ง
หรือซักถามครู หรือผูใ้ หญใ่ นเร่ืองท่ไี มร่ ู้ ไมแ่ น่ใจ โรคภัย อุบตั ิภยั ภัยธรรมชาติ ภัยทางเพศ ภัย
ก่อนตดั สินใจ จากส่งิ เสพติดและอบายมุขตา่ ง ๆ รวมทัง้ ภัย
๔. ควบคมุ อารมณ์ ปรบั ตวั ร่วมเล่นและ จากสอื่ สารสนเทศและเทคโนโลยี
เรยี นกบั เพอื่ น ๆ ได้ ร้จู กั แบ่งปนั สามารถ ๓. ควบคุมอารมณ์ ความคดิ และ
แกป้ ญั หาด้วยสนั ติวธิ ี พฤตกิ รรมให้แสดงออกอย่างเหมาะสมรกั ษา
๕. ปฏบิ ัติตามกฎ ระเบียบและขอ้ ตกลงของ บคุ ลิกภาพความเป็นไทยผสานกบั สากลอยา่ ง
ครอบครัวและโรงเรียนรวมทั้งมีสมั มาคารวะต่อ กลมกลนื
ผู้ใหญแ่ ละปฏิบัติตนต่อผอู้ ืน่ ได้อยา่ งเหมาะสม ๔. เป็นคนดี สามารถแยกแยะสงิ่ ดีชัว่
๖. ละเว้นการกระทำทไ่ี ม่ควรทำและตัง้ ใจ ถกู ผดิ มีความกลา้ หาญเชงิ จรยิ ธรรมยนื หยดั ใน
ทำความดี หรือชว่ ยคนในครอบครัวและผู้อ่ืน การทำสง่ิ ทถี่ กู ต้องนอ้ มนำหลกั ศาสนาท่ีตน
๗. เขา้ รว่ มในกจิ กรรมทางศลิ ปะนาฏศิลป์ ยึดถอื มาเป็นเครอื่ งยึดเหน่ยี วในการดำรงชวี ิต
ดนตรี นนั ทนาการ กีฬา รวมท้ังการช่ืนชม ๕. รักษาระเบยี บวินัยของสังคมสร้างและ
ธรรมชาตริ อบตวั และการเข้ารว่ มในกิจกรรมทาง รกั ษาความสัมพนั ธอ์ ันดกี ับผูอ้ ืน่ รับผดิ ชอบใน
ศลิ ปวัฒนธรรม บทบาทหนา้ ทข่ี องตนทม่ี ตี ่อครอบครัวและ
สังคม
๖. มสี ุนทรยี ภาพ ช่นื ชมความงามใน
ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและรกั ษาเอกลกั ษณ์
ความเป็นไทยให้ธำรงตอ่ ไป
๗. พร้อมรบั ความเปล่ยี นแปลงสามารถ
ปรบั ตวั เผชญิ ปญั หา แกป้ ญั หายอมรับผลที่
๑๖
ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดับประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖
เกิดขน้ึ และฟื้นคนื สภาพจากปญั หาได้อยา่ ง
รวดเรว็
๘. สร้างแรงจงู ใจและนำตนเองในการ
เรียนรู้ เรียนร้วู ิธกี ารเรยี นรโู้ ดยใชท้ ักษะการ
เรยี นรูห้ ลากหลาย ทั้งทกั ษะการเรยี นรทู้ ักษะ
การสบื ค้นขอ้ มูล ทกั ษะการสบื สอบ ทกั ษะการ
สร้างความรแู้ ละนวัตกรรม รวมทง้ั ทกั ษะการ
ประยุกตใ์ ชค้ วามรเู้ พอื่ พฒั นาตนเองและชวี ิต
๖. อาชพี และการเป็นผปู้ ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship)
ระดับประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธิบาย
รู้จักตนเอง มเี ปา้ หมายในการทำงาน และ มเี ป้าหมายและการวางแผนอาชีพตาม
พยายามทำ งานให้สำเร็จตามเป้าหมาย มีทกั ษะ ความสนใจและความถนดั มีความรู้ และทกั ษะ
และลกั ษณะนิสยั ทด่ี ีในการทำ งาน มคี วามเพียร พน้ื ฐานสอู่ าชีพท่เี หมาะสม มที กั ษะและ
ความอดทน ความซื่อสตั ย์ และความรบั ผิดชอบ คุณลักษณะนสิ ัยทดี่ ใี นการทำงาน มีทักษะในการ
มที กั ษะพ้ืนฐาน ดา้ นการเงนิ ทั้งดา้ นการใชจ้ า่ ย ทำงาน และพฒั นางาน โดยยดึ หลักปรชั ญาของ
และการออม และสามารถแสดงความคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง มีความรแู้ ละทกั ษะ พ้นื ฐาน
สรา้ งสรรค์ ผ่านกจิ กรรมต่าง ๆ ของการเป็นผ้ปู ระกอบการทดี่ ี สามารถคิดสรา้ ง
งาน สรา้ งนวัตกรรมทเี่ ป็นประโยชน์ต่อตน
ครอบครวั หรือ สังคม
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. สามารถต้งั เป้าหมายในการทำงานและ ๑. วิเคราะห์ตนเองค้นหาเป้าหมายของชวี ติ
ตงั้ ใจทำงานให้สำเรจ็ ตามเป้าหมายท่ีคิดไว้ เตรยี มทกั ษะเฉพาะอาชพี และการปฏิบัติงานที่
๒. ทำงานด้วยความเอาใจใส่ มีความเพยี ร สอดคลอ้ งกับความสนใจ ความถนัด และ
อดทน พยายามทำงานให้ดีท่ีสดุ ตาม สตปิ ัญญาและฝกึ ฝนอาชพี ทส่ี นใจอยา่ งตอ่ เนื่อง
ความสามารถ เพอ่ื เปน็ พ้ืนฐานในการประกอบอาชีพในอนาคต
๓. มที กั ษะพ้นื ฐานด้านการเงินรจู้ ัก ๒. กำหนดเปา้ หมายในการทำงานท่ชี ัดเจน
ความหมายและคา่ ของเงิน การใชจ้ ่ายเงินการ วางแผน จดั เรยี งลำดับความสำคญั ของงานและ
ออม รูว้ า่ เงินมาจากการทำงานและเงนิ มจี ำกดั บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถใหค้ วามเห็นในการหาเงนิ ได้อย่างง่าย ๆ ๓. ปฏบิ ตั ิงานอย่างม่งุ มนั่ อดทนรบั ผดิ ชอบ
๔. แสดงความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ผา่ นการ และเพยี รพยายาม เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมาย
แสดงออกทางกิจกรรมต่าง ๆ ทัง้ กจิ กรรมศิลปะ ๔. คิดและปฏบิ ตั งิ านใด ๆ โดยใช้หลกั
ดนตรี นาฏศลิ ป์ การประดิษฐ์ หตั ถกรรม การ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คอื ทำ
เล่น และการผลิตชิน้ งาน โดยใชส้ อ่ื และ พอประมาณอย่างมีเหตุผล และมภี มู ิคมุ้ กนั บน
เทคโนโลยี ฐานของความร้แู ละคณุ ธรรม
๕. มคี วามรูแ้ ละทกั ษะพืน้ ฐานของการเป็น
ผปู้ ระกอบการที่ดี สามารถวางแผนการลงทุน
๑๗
ระดับประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖
การผลติ การตลาด การบริหารจัดการด้าน
ทรพั ยากร บุคลากร และการเงิน
๖. สามารถประยุกต์ใช้ความรใู้ นการสร้าง
ผลติ ภัณฑ์เชิงสร้างสรรคม์ ีจรรยาบรรณและความ
รับผิดชอบต่อสังคม
๗. ทักษะการคิดชนั้ สงู และนวัตกรรม (Higher-order Thinking Skills and Innovation)
ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
คำอธบิ าย คำอธิบาย
วเิ คราะห์ขอ้ มูลหรือเร่ืองงา่ ย ๆ ท่ีไมซ่ บั ซ้อน สามารถใชก้ ารคิดเปน็ เคร่ืองมือในการ
และคิดตัดสนิ ใจตามหลกั เหตุผลได้ สำรวจตนเอง เรียนรู้ และการใช้ชีวติ มีการคิดใหร้ อบคอบ
แลว้ สามารถระบปุ ญั หาของตนและปญั หาทม่ี กี ับ ก่อนที่จะกระทำหรอื ไม่กระทำการใด ๆ บนฐาน
เพ่อื น และคิดหา สาเหตุ และวธิ ีการแกป้ ญั หาแล้ว ของขอ้ มลู ท่เี พียงพอรวมทงั้ มีการวเิ คราะห์
ลงมือ แกป้ ัญหาด้วยวธิ ีการทีเ่ ลือก สามารถ วิพากษ์ ประเมนิ ขอ้ มูล เหตุผลและหลักฐาน
ตดิ ตามผล ประเมนิ ผลและสรปุ ผลการ แก้ปัญหา ตา่ ง ๆมวี ิจารณญาณในการคดิ ตดั สนิ ใจโดยยึด
ของตนได้ คิดหรอื จนิ ตนาการ ความคิดแปลกใหม่ หลักเหตุผล และการพจิ ารณาอย่างรอบด้าน
ในกจิ กรรมต่าง ๆ เชน่ การเล่น การประดษิ ฐ์ การ ทั้งในดา้ นคณุ โทษและความเหมาะสมตามหลัก
ทำของเล่น ของใช้ การเล่านิทาน การวาดภาพ กฎหมายศลี ธรรม คุณธรรม ค่านยิ ม รวมทงั้
การแสดงออก ทางศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ และ ความเชือ่ และบรรทัดฐานของสงั คมและ
กฬี า วฒั นธรรมสามารถแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ระบบ
โดยมกี ารวเิ คราะห์หาสาเหตุทแ่ี ท้จรงิ และหา
วธิ ีการแก้ปัญหาหรอื ทางออกทเ่ี หมาะสมกบั
บคุ คล สถานการณ์ และบริบท รวมท้ังสามารถ
ริเรม่ิ ความคิดใหม่ ๆ แปลงความคิด
นัน้ ให้เปน็ รูปธรรม และบริหารจัดการจน
เกิดผลผลิตเป็นผลงานในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่
แนวคดิ ใหม่ กระบวนการใหม่ ส่ิงประดิษฐ์
ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่
ชวี ิตของตน ผู้อน่ื สังคมประเทศและโลก
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. ฟงั /อ่านข้อมลู เรื่องราวส้นั ๆ ง่าย ๆที่ไม่ ๑. คิดพิจารณาเร่ืองต่าง ๆ โดยมีขอ้ มูล
มคี วามสลับซับซ้อนแลว้ สามารถสรปุ ความเข้าใจ เก่ยี วขอ้ งกบั เร่อื งนน้ั อย่างเพียงพอสามารถ
ของตนและแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตผุ ล วเิ คราะห์ วิพากษ์ และประเมนิ ข้อมูลและ
เกี่ยวกับเร่ืองน้นั ได้ เหตุผล สามารถสรปุ ความเข้าใจและให้
๒. ชแ้ี จงเหตุผลของการตดั สินใจในเรื่องตา่ ง ความเหน็ ในเร่ืองนัน้ ๆ
ๆ ในชีวิตประจำวนั ของตนและบอกไดว้ า่ การ ๒. ใช้วจิ ารณญาณ มกี ารตัดสนิ ใจเรือ่ ง
ตัดสนิ ใจของตนมคี วามเหมาะสมอยา่ งไร ต่าง ๆ บนฐานของขอ้ มูล เหตุผลหลกั ฐาน
รวมท้งั การพิจารณาอยา่ งรอบดา้ นทงั้ ในด้าน
๑๘
ระดับประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดับประถมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖
๓. บอกปญั หาของตนเอง และปัญหาท่ีมีกบั คณุ โทษ และความเหมาะสมตามหลกั
เพ่อื น เลือกปัญหาท่ีสามารถแกไ้ ขได้ดว้ ยตนเอง กฎหมาย ศีลธรรม คุณธรรมคา่ นิยม
คดิ หาสาเหตุ วธิ ีการแก้ไขรวมถงึ คดิ หาวิธีการ
แปลกใหม่ แล้วเลอื กวิธกี ารท่ดี ีที่สุดเพ่ือนำมาใช้ ๓. ระบปุ ัญหาท่เี กดิ ข้ึนกับตนเองและผู้อ่ืน
ได้มีมมุ มองตอ่ ปัญหาในทางบวกกล้าเผชิญ
แกป้ ัญหา
๔. ลงมอื แก้ปญั หาด้วยตนเอง และรว่ มมอื ปญั หาและคดิ แก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ โดยมี
การวเิ คราะหป์ ัญหาและหาสาเหตุท่แี ท้จรงิ
กับเพื่อนในการแก้ปัญหา โดยใชว้ ธิ ีการท่เี ลือกไว้ วธิ ีการแกป้ ัญหาทห่ี ลากหลายและแปลกใหม่
แล้วตดิ ตามผลและประเมนิ ผลการแก้ปัญหา เลอื กวธิ ีการทเ่ี หมาะสมทีส่ ุดแลว้ วางแผน
ดำเนนิ การแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ข้นั ตอน
๕. สามารถคิดคล่อง คดิ หลากหลายคิด
ยืดหยุ่น คิดจินตนาการ และคดิ ริเริม่ เกี่ยวกบั สงิ่ ๔. ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง และรว่ มมอื
ต่าง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั กบั ผอู้ ืน่ ในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร
๖. จนิ ตนาการเรือ่ งราว ความคิดแปลกใหม่ ดำเนนิ การตามแผนเกบ็ ข้อมูล วิเคราะหข์ ้อมลู
จากส่งิ รอบตัว และแสดงออกผา่ นกิจกรรมต่าง ๆ สรุปและประเมินผล
เช่น การเลน่ การวาดภาพ การเล่านิทาน การพดู
อธบิ ายการประดษิ ฐ์ การสรา้ ง การทำของเลน่ ของ ๕. มคี วามยืดหยุ่นทางความคดิ สามารถ
ใช้ และการแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ มอง/คิดและใหค้ วามเห็นในเรื่องตา่ ง ๆ ได้
และกฬี า หลากหลายแงม่ มุ หลายมิติ หลายวิธี ยนิ ดรี บั ฟงั
ความคิดเหน็ ทแ่ี ตกต่าง สามารถประสานหรอื
สงั เคราะห์ความคิดท่แี ตกต่าง และริเร่มิ
ความคดิ ใหม่ ๆ
๖. คดิ ริเรม่ิ ส่ิงใหม่ ๆ ซ่ึงอาจเป็นการปรับ
หรอื ประยกุ ต์จากของเดิม หรือต่อยอดจากสิง่
เดิม หรือรเิ รม่ิ ความคิดแปลกใหม่ที่แตกต่าง
จากเดมิ โดยสามารถอธิบายความคดิ ใหผ้ ูอ้ นื่
เข้าใจและทำใหค้ วามคิดนนั้ เกดิ ผลเปน็ รูปธรรม
เป็นแนวคดิ ใหม่ กระบวนการใหม่ นวัตกรรม
ส่งิ ประดษิ ฐ์ และผลิตภณั ฑ์ตา่ ง ๆ อันเปน็
ประโยชนต์ ่อตนเอง
๘. การรูเ้ ท่าทนั สื่อสารสนเทศและดจิ ทิ ลั (Media, Information and Digital Literacy : MIDL)
ระดบั ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธบิ าย
รูจ้ กั และใช้สื่อสารสนเทศ เข้าใจ ความ เขา้ ถึง เข้าใจ วิเคราะห์ ตีความประเมิน
ตอ้ งการของตนเองเมื่อตอ้ งเรยี นรู้ หรือใช้ คุณค่า ความนา่ เชอ่ื ถือของส่ือสารสนเทศ และ
ประโยชน์ เขา้ ใจวิธกี ารเข้าถงึ แหลง่ สารสนเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล เพอ่ื เลอื กรับและใช้ประโยชน์
แหลง่ เรียนรู้ และการใช้ประโยชน์ จากสือ่ ประเมิน รวมทงั้ สรา้ งสรรคส์ ่อื ขา่ วสาร และส่ือสารอยา่ ง
ความน่าเช่ือถือและคุณค่า เห็นประโยชนแ์ ละโทษ เปน็ ผู้รเู้ ท่าทนั ตนเอง โดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่
ของสอ่ื สารสนเทศ และเทคโนโลยดี จิ ิทลั สามารถ ผู้อืน่ และสังคมโดยรวม รวมทงั้ สามารถใช้
๑๙
ระดับประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดับประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖
สืบคน้ อา่ น สร้างสอื่ และข่าวสารอย่างง่าย และ
เลือกส่งตอ่ ข้อมูลขา่ วสารทเ่ี ป็นประโยชน์ ต่อ ประโยชนจ์ ากส่อื สารสนเทศและเทคโนโลยี
ตนเอง ครอบครัว และชุมชน ดจิ ิทัลเพ่ือพฒั นาตนเองชุมชน และสังคมโดย
คำนึงถงึ คุณ โทษ และผลกระทบที่จะเกดิ ตอ่ ผอู้ นื่
สมรรถนะ และสังคม
๑. รู้จักและเลือกใชเ้ ครื่องมอื และแหล่ง
สมรรถนะ
สื่อสารสนเทศเพอ่ื การสืบค้น และเข้าถึงข้อมูลที่ ๑. เขา้ ถงึ แหลง่ สอ่ื สารสนเทศ และ
ต้องการอยา่ งเหมาะสมกับวยั
เทคโนโลยีดิจทิ ัลทีห่ ลากหลายเพอื่ ใช้สบื ค้น
๒. ใชส้ ่ือและจดั การเวลาในการใชส้ ่อื อย่าง ข้อมูลและสารสนเทศทีต่ อ้ งการอย่างเขา้ ใจ และ
ระมดั ระวงั โดยไม่ให้เกดิ ผลเสยี ต่อตนเองและผู้อื่น เลอื กเรอ่ื งทีจ่ ะเกิดประโยชนต์ อ่ ตนเอง ชุมชน
และสังคม
๓. ตัดสนิ ใจอยา่ งมีเหตุผลท่ีจะเช่ือหรอื ไม่
เช่ือ ปฏบิ ัติตามหรือไมป่ ฏิบตั ิตามส่ือ สารสนเทศ ๒. เขา้ ใจความรู้สึกและความต้องการของ
และเทคโนโลยีดิจิทัลโดยร้วู ่าสื่อมีวัตถุประสงคใ์ น ตนเองเมื่อใช้ส่อื สารสนเทศ ท้ังการเขา้ ถึง สง่ ต่อ
การสอื่ สาร และกระจายขอ้ มลู ขา่ วสารโดยรับผิดชอบ
ผลกระทบทงั้ ต่อตนเองผู้อ่ืนและสังคม
๔. เลือกสาระที่มปี ระโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากสอื่
สารสนเทศ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เกดิ ๓. วเิ คราะห์ วิพากษ์และประเมนิ ส่ือ
ประโยชนก์ ับตนเอง และครอบครวั สารสนเทศ และเทคโนโลยีดจิ ิทัลในจดุ ประสงค์
ของการสือ่ สาร กระบวนการสรา้ ง และบทบาท
๕. เลอื กสรรข้อมูล และสร้างส่ือสารสนเทศ ของส่ือ สารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัลแบบตา่ ง
ในแบบตา่ ง ๆ แล้วสอื่ สารโดยคำนงึ ถึงผลทีเ่ กดิ ข้ึน ๆ อยา่ งเป็นผู้รู้เทา่ ทันผลกระทบทอ่ี าจจะเกิดกับ
ตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ ตนเอง ผูอ้ ืน่ และสงั คม
๔. ประยกุ ต์ใชค้ วามฉลาดร้ดู ้านดิจทิ ัล
ประกอบดว้ ยการจดั การเวลา การรกั ษาข้อมูล
ส่วนตัว การรักษาความปลอดภัยของตนเอง และ
การต้ังรบั ภยั คุกคามทางโลกออนไลน์ เม่ือต้อง
สัมพนั ธ์กับเทคโนโลยดี จิ ิทลั ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ
๕. ใช้ความรแู้ ละความเข้าใจดา้ นสือ่
สารสนเทศ และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง
รับผดิ ชอบและมีจริยธรรม ทง้ั เพือ่ การเรียนรู้
การใชช้ วี ิต และความสัมพนั ธก์ ับบุคคลอ่ืน ๆ ใน
โลกความจรงิ และโลกเสมือน
๒๐
๙. การทำงานแบบรวมพลงั เปน็ ทีมและมภี าวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ – ๓ ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธิบาย
ร้จู ักและใช้ส่อื สารสนเทศ เขา้ ใจ ความ มีทักษะในการทำงานกลมุ่ ทำงานเปน็ ทมี ทีม่ ี
ต้องการของตนเองเมือ่ ตอ้ งเรียนรู้ หรือใช้ ประสทิ ธภิ าพมสี ่วนร่วมทำงานแบบรว่ มมือรวม
ประโยชน์ เขา้ ใจวิธีการเข้าถึงแหลง่ สารสนเทศ พลงั โดยการสนับสนุนชว่ ยเหลอื ขจดั ปญั หา
แหลง่ เรยี นรู้ และการใชป้ ระโยชน์ จากส่ือ แบง่ ปันแลกเปลยี่ นความรู้และความคิดเห็นคณุ คา่
ประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื และคุณค่า เหน็ ประโยชน์ ของการทำงานรว่ มกันและปฏิบัตติ ามบทบาทเพื่อ
และโทษของส่อื สารสนเทศ และเทคโนโลยี ทำงานให้บรรลุเป้าหมายทีก่ ำหนดมีความเปน็ ผนู้ ำ
ดจิ ทิ ัล สามารถสืบคน้ อา่ น สร้างสอ่ื และข่าวสาร และใชภ้ าวะผู้นำอยา่ งเหมาะสมกับสถานการณ์
อยา่ งงา่ ย และ เลือกส่งตอ่ ข้อมูลข่าวสารท่ีเป็น สามารถแกป้ ญั หาและนำกลมุ่ ให้ไปสู่เปา้ หมาย
ประโยชน์ ตอ่ ตนเอง ครอบครัว และชมุ ชน สร้างแรงบันดาลใจใหผ้ อู้ ื่นไดพ้ ฒั นาตนเองนำ
จุดเดน่ ของสมาชิกมาใชเ้ พอื่ ให้บรรลุผลสำเร็จ
รว่ มกนั ปฏิบัตติ นในฐานะสมาชิกกลมุ่ ที่ดที ำงาน
รว่ มกนั ด้วยความไว้วางใจเปิดใจรับฟงั และเคารพ
ความคดิ เห็นทแี่ ตกต่างสามารถประสานความคิด
และใชส้ นั ตวิ ิธีในการจัด การปัญหาความขัดแย้ง
สรา้ งและรกั ษาความสมั พนั ธ์ทางบวกกับสมาชกิ
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. ทำหน้าที่เปน็ ผ้นู ำกล่มุ และสมาชกิ กล่มุ ๑. มที กั ษะการเปน็ ผู้นำการเป็นสมาชิกกลุม่
ที่ดีโดยมีกระบวนการทำงานหรอื วิธกี ารทำงานท่ี และกระบวนการทำงานกลุ่ม/กระบวนการทำงาน
ดแี ละเหมาะสม เป็นทีมที่ดีมีประสิทธิภาพ
๒. รบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อนื่ สนบั สนนุ ๒. แลกเปล่ยี นความรู้ แบง่ ปันความคดิ ดว้ ย
หรือโต้แยง้ ความคดิ เห็นของผูอ้ ่นื อยา่ งมีเหตุผล ความเตม็ ใจเพือ่ สนับสนุนส่งเสริมใหก้ ลุ่มบรรลุผล
๓. ร่วมทำงานกลมุ่ กบั เพอ่ื น ให้ความ ตามเปา้ หมายทีก่ ำหนดรว่ มกนั
รว่ มมอื ในการทำงาน รบั ผดิ ชอบต่อบทบาทและ ๓. รับฟัง ยอมรบั และเคารพความคิดเหน็
หน้าที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ใส่ใจในการทำงาน มมุ มองทแ่ี ตกตา่ งของผ้อู นื่ อย่างจริงใจเพ่ือให้เกดิ
พยายามทำงานใหด้ ีทีส่ ดุ และช่วยเหลอื เพ่ือน ความเขา้ ใจอนั ดีระหว่างกนั อย่างแท้จรงิ
๔. เมื่อการทำงานกลุ่มเกดิ มีปัญหาชว่ ยกนั ๔. ร่วมทำงานกลุม่ ปฏิบตั ิตนในฐานะสมาชกิ
ระดมคิดหาวิธกี ารแกไ้ ขปัญหาและชว่ ยกลมุ่ กลมุ่ ท่รี ับผิดชอบตอ่ หนา้ ทแ่ี ละบทบาททไ่ี ด้รบั
แกป้ ัญหา โดยสันตวิ ิธี มอบหมายอย่างใส่ใจ และให้ความไว้วางใจกนั และ
๕. ช่วยสร้างและรักษาความสัมพนั ธ์อันดี กัน เพ่อื ใหเ้ กิดความสำเร็จในการทำงาน และ
ของเพื่อนในกลมุ่ ความสัมพนั ธ์ทีด่ ี
๕. สรา้ งแรงบนั ดาลใจใหผ้ อู้ นื่ ได้พัฒนาตนเอง
และใชค้ วามสามารถของแตล่ ะคนเพ่อื ใหบ้ รรลุผล
สำเร็จร่วมกนั
๖. ปรับตัว พร้อมประสานความคิดทีม่ ีความ
แตกต่าง พร้อมใช้สนั ตวิ ธิ ใี นการจัดการปัญหา
๒๑
ระดบั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ ระดับประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖
ความขดั แย้งเพอ่ื สร้างและรกั ษาความสมั พันธ์
ทางบวกกบั สมาชกิ
๑๐. การเป็นพลเมอื งต่นื รู้และมีจติ สำนึกสากล (Active Citizens and Global Mindedness)
ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖
คำอธบิ าย คำอธิบาย
ปฏบิ ัตติ นตามระเบียบ กฎ กติกา ข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนในฐานะพลเมืองทม่ี ีความ
ของครอบครวั โรงเรยี น และสงั คม มีส่วนรว่ มใน รับผิดชอบ ด้วยการปฏบิ ัติตามบทบาท หนา้ ท่ี
การช่วยเหลือผอู้ ื่น รักษาสมบตั ิ ส่วนรวม ภมู ิใจใน ขนบธรรมเนยี มประเพณี เคารพ กฎ กติกา
ความเป็นชาติ อธิบาย ความคิดและการตัดสินใจ ข้อตกลง และกฎหมาย ปฏิบัติตนในฐานะพลเมอื ง
ของตนเองอย่างมีเหตุผลมีความสมั พนั ธอ์ ันดีในการ ที่มี ส่วนร่วมดว้ ยการเรียนรเู้ พอื่ ให้ตนเอง มคี วามรู้
อยู่รว่ มกนั กบั ผูท้ ่ีมคี วามแตกตา่ งหลากหลายและ มี พ้นื ฐานดา้ นการเมืองการปกครอง อย่รู ่วมกบั ผู้อนื่
สว่ นร่วมในกจิ กรรมสว่ นรวมไดเ้ หมาะสมกับวยั อยา่ งพงึ่ พาอาศัยกัน ประยุกต์ใชค้ วามรูด้ ว้ ยการ
ทำงานจติ อาสา รบั ผิดชอบต่อสว่ นรวมโดยร่วมมือ
กับ ผอู้ น่ื ในการแก้ปัญหาและพฒั นาสังคม ปฏิบัติ
ตนในฐานะพลเมอื งทม่ี ุ่งเนน้ ความเปน็ ธรรมของ
ปฏิบตั ิตนในฐานะพลเมืองท่ีความ รับผดิ ชอบ ดว้ ย
การปฏิบัตติ ามบทบาท หนา้ ที่ ขนบธรรมเนยี ม
ประเพณี เคารพ กฎ กติกา ขอ้ ตกลง และกฎหมาย
ปฏบิ ัติตนในฐานะพลเมอื งท่ีมีส่วนร่วมด้วยการ
เรียนรเู้ พ่ือให้ตนเอง มคี วามรูพ้ นื้ ฐานดา้ นการเมอื ง
การปกครอง อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ อยา่ งพ่งึ พาอาศยั กนั
ประยุกต์ใชค้ วามรู้วยั การทำงานจิตอาสา
รบั ผิดชอบต่อส่วนรวมโดยร่วมมือกบั ผอู้ ืน่ ในการ
แกป้ ญั หาและพัฒนาสังคม ปฏบิ ัติตนในฐานะ
พลเมืองทมี่ งุ่ เนน้ ความเป็นธรรมของสังคม เคารพ
ศักดศิ์ รี ความเปน็ มนษุ ย์
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. ปฏบิ ัตติ นดว้ ยความเขา้ ใจและให้ความ ๑. ปฏบิ ัติตามบทบาทหน้าท่ีของพลเมืองใน
เคารพตอ่ สัญลักษณแ์ ทนความเปน็ สถาบนั หลกั ของ ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรง
ชาติท่ียึดเหนยี่ วจติ ใจร่วมกันของผคู้ น เปน็ ประมุข
๒. ปฏบิ ัติตามบทบาทและหนา้ ท่ีท่ี ๒. เคารพสิทธแิ ละเสรภี าพของตนเองและ
รับผิดชอบตอ่ ครอบครวั ชัน้ เรียน โรงเรยี นและ ผอู้ น่ื เคารพและปฏบิ ัติตามกฎ กตกิ า ขอ้ ตกลง
ชุมชนอยา่ งเหมาะสม และกฎหมายรวมทง้ั แนวปฏบิ ัตติ าม
๓. อยู่รว่ มกันอยา่ งเอ้อื อาทร รกั ษาสทิ ธขิ อง ขนบธรรมเนยี มและประเพณี
ตนเอง โดยเคารพและไมล่ ะเมิดสิทธิของผอู้ นื่ ๓. ให้เกยี รติผ้อู ื่น เห็นอกเห็นใจเอือ้ อาทร
ช่วยเหลอื ผอู้ น่ื เพือ่ การอย่รู ว่ มกันอย่างสงบสุข
๒๒
ระดับประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ ระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖
๔. อย่รู ่วมกบั ผอู้ ืน่ อยา่ งพง่ึ พาอาศัยกันทงั้ ผู้ ๔. ร่วมมือกบั ผอู้ น่ื ในการทำงานสาธารณะ
ทอ่ี ยู่ในช้นั เรียน โรงเรยี น ครอบครวั และชมุ ชน และจิตอาสา
ด้วยความเขา้ ใจในความแตกต่างด้านอายุ เพศ
ความถนดั ฐานะ และบทบาทหนา้ ท่ี ๕. ตดิ ตามสถานการณ์ เหตุการณ์บ้านเมอื ง
และปัญหาของชมุ ชน สังคมและโลก มีส่วนร่วม
๕. ร่วมกับผู้อ่ืนแสวงหาทางออกอยา่ งเปน็ ทางตรงหรือทางออ้ มในการพัฒนาเปลี่ยนแปลง
เหตเุ ปน็ ผล เมือ่ เผชิญกบั ปัญหา ความขดั แยง้ หรอื และแก้ไขปัญหา
มีความคดิ เห็นไม่ตรงกนั
๖. มกี ารตดั สินใจและการแกป้ ัญหาร่วมกัน
๖. เขา้ ใจเร่อื งสว่ นตวั และส่วนรวมและใช้ สามารถแสดงจุดยนื ของตนเองมที กั ษะในการ
ของสว่ นรวมอย่างระมดั ระวงั ไม่กอ่ ใหเ้ กิดความ ตดั สินใจ การแกไ้ ขปัญหาการแกไ้ ขความขดั แย้ง
เสยี หาย และถนอมรักษาให้ผอู้ ื่นไดใ้ ช้ ด้วยการให้ความรว่ มมอื และการแสดงออกซง่ึ
ความสามารถท่ีจะอย่รู ่วมกนั ทา่ มกลางความ
๗. ปฏบิ ัตติ นตอ่ ผอู้ ื่นท้งั ในระดับครอบครวั หลากหลาย
และโรงเรียน โดยคำนงึ ถึงผลดผี ลเสยี ท่ีจะเกิดขึน้
๑๑. ภาษาจีนเพ่อื ชวี ติ (Chinese for life)
ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
คำอธิบาย คำอธบิ าย
สามารถใชค้ วามรู้และทักษะทางภาษาจีน ทักษะดา้ นการสื่อสาร ฟัง พูด อา่ น และเขียน
รวมท้งั เจตคตแิ ละคุณลักษณะสว่ นบุคคลในการ การให้เหตุผลและการสอื่ ความหมาย สญั ลกั ษณ์
ส่ือสาร ฟงั พดู อ่าน เขียน ทั้งในดา้ นการรบั สาร ตา่ ง ๆ และการเชือ่ มโยงทักษะดา้ นภาษาเพือ่ ให้
การสง่ สาร การมีปฏสิ ัมพันธ์ มกี ลยุทธ์ในการ เกดิ ประสทิ ธิภาพในการส่อื สารตามสถานการณ์
ติดต่อสือ่ สาร สามารถสือ่ สารไดถ้ ูกตอ้ งคล่องแคล่ว ตา่ ง ๆ นำความร้คู วามสามารถ เจตคติ ทักษะที่
เหมาะสมกับบรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม และ ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการเรยี นรู้ ส่ิงต่าง ๆ และใน
สามารถแลกเปล่ยี นถ่ายทอดความคิด สถานการณใ์ หม่ ๆเพือ่ ให้ไดม้ าซ่ึงความรใู้ หม่หรอื
ประสบการณ์และวฒั นธรรมไทยไปยงั สังคมโลกได้ การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ ๆ และนำไปประยุกต์ใช้ใน
อยา่ งสรา้ งสรรคเ์ หมาะสมกับวัย มีเจตคติท่ีดีต่อ ชีวิตประจำวันไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
การเรยี นภาษา ใชภ้ าษา อย่างมัน่ ใจ
สมรรถนะ สมรรถนะ
๑. รู้ (ฟังหรืออา่ นรู้ความหมาย) คำศพั ท์ท่ี ๑. เขา้ ใจประเดน็ สำคญั ของเรือ่ งทฟ่ี ังเมอ่ื ผู้
พบบอ่ ย ๆ และสำนวนพื้นฐานเก่ยี วกับตนเอง พูด/คสู่ นทนาพูดอยา่ งชดั เจนในหวั ขอ้ ทคี่ ุ้นเคย
ครอบครวั และส่ิงต่าง ๆ รอบตวั และพบบอ่ ยเก่ยี วกับการทำงาน การไปโรงเรียน
๒. เขา้ ใจ (ฟังเขา้ ใจ) และสามารถโต้ตอบกบั กจิ กรรมยามวา่ งเปน็ ตน้ ตวั อยา่ งของการพูดใน
ผูพ้ ูด/คู่สนทนาไดเ้ ม่อื คู่สนทนาใช้สำนวนง่าย ๆ พูด ลกั ษณะดังกล่าว เช่น การเล่าเรื่องสั้น ๆเป็นตน้
ชดั เจนและช้า ๆ และคู่สนทนาอาจพดู สำนวนน้นั ๒. สามารถอ่านงานเขยี นท่เี ป็นข้อเทจ็ จรงิ
ๆ ซ้ำ (Repetition) และพูดซำ้ โดยใชถ้ อ้ ยคำใหม่ และตรงไปตรงมาในประเดน็ ที่เก่ียวขอ้ งกบั สาขา
(Rephrasing)เมอ่ื พดู เกี่ยวกับหวั ข้อท่คี าดเดาได้ และความสนใจของตนเองและเข้าใจในระดบั ท่นี า่
๓. สามารถให้ (พดู หรือเขยี น) ขอ้ มูลสว่ นตัว พอใจ
เบอ้ื งต้นเก่ียวกบั ตนเองโดยใชค้ ำและวลีท่ีสัน้ และ ๓. สามารถใช้ภาษาท่งี า่ ยและหลากหลาย
ง่ายหรือใชป้ ระโยคพื้นฐานได้ เพอ่ื สนทนาในหัวขอ้ ทคี่ นุ้ เคย แสดงความคิดเหน็
๒๓
ระดบั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖
๔. เข้าใจคำศพั ทว์ ลีประโยคสั้น ๆรวมไปถึง ของตนเองและแลกเปลี่ยนข้อมูลเก่ียวกบั หัวข้อที่
คำส่ังทใ่ี ช้บอ่ ย ๆ ในสถานการณ์ที่คุ้นเคยไมว่ ่าจะ ตนเองคนุ้ เคย สนใจ หรือหวั ข้อเกีย่ วกบั
เป็นทงั้ ในการพดู และการเขียน ชวี ิตประจำวัน
๕. สามารถใชค้ ำศพั ท์วลสี ้ัน ๆ และสำนวน ๔. สามารถสรา้ งงานเขียนงา่ ย ๆทีม่ ีความคดิ
ท่ใี ช้ในการสื่อสารเรือ่ งราวในชีวติ ประจำวันเพ่ือ
ส่ือสารและบรรยายขอ้ มลู ส่วนบุคคล สี ตวั เลข เชอื่ มโยงกันในประเดน็ ตา่ ง ๆ ท่คี นุ้ เคยในสาขาที่
พื้นฐาน สิ่งของพนื้ ฐานกิจวัตรประจำวัน ฯลฯ ตนเองสนใจโดยเชือ่ มโยงสว่ นต่าง ๆ ในงานเขยี น
ใหเ้ ปน็ ลำดับตอ่ เนอื่ งกนั ได้
๖. มีคำศพั ท์จำกัด (สามารถจดจำและใช้
คำศัพทไ์ ดถ้ ูกต้อง) ซงึ่ ส่วนใหญเ่ ปน็ คำโดด ๆ ๕. เข้าใจคำและวลีสำคญั ในบทสนทนาและ
ระดับพืน้ ฐานและใชว้ ลีสนั้ ๆเกยี่ วกบั สถานการณ์ ตดิ ตามหวั ข้อในการสนทนาได้
ในชวี ิตประจำวนั ท่ีพบไดท้ ั่วไป
๖. สามารถคาดเดาความหมายของคำทไ่ี มร่ ู้
ความหมายจากบรบิ ทและสรุปความหมายของ
ประโยคไดห้ ากเกย่ี วขอ้ งกบั หวั ข้อท่คี นุ้ เคย
๗. สามารถหาวธิ ถี า่ ยทอดประเดน็ สำคญั ท่ี
ตนเองต้องการส่ือสารในบริบทท่ีหลากหลายโดย
ต้องเป็นเรื่องราวท่ีตนเองจำไดห้ รอื หาวธิ ีท่จี ะ
ถ่ายทอดเรื่องราว
๒๔
กรอบสมรรถหลักของผูเ้ รยี นระดบั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ มีดังนี้
๑. ภาษาไทยเพ่ือการสือ่ สาร (Thai Language for Communication)
ระดับมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
ฟงั พดู อา่ นและเขยี น เพ่อื ส่อื สาร ขอ้ มูล ๑. รับฟงั อยา่ งตัง้ ใจและเขา้ ใจลกึ ซึ้ง ใน
ความรู้ ความรู้สึกนึกคิด โดยใช้ ประสบการณ์ ผพู้ ูดและสาระทร่ี บั ฟงั ทัง้ ทเ่ี ปน็ ข้อความ คำพดู
ความรู้ทางหลักภาษา และกลวิธกี ารใช้ภาษาที่ ท่าทาง สญั ลกั ษณ์และ กราฟิกต่าง ๆ
ชว่ ยให้รับสารได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เข้าใจ เปิดกวา้ ง ๒. พูดเพ่ือวตั ถุประสงคต์ า่ งๆ ใน
ไตรต่ รอง ประเมินและนำไปใชใ้ นชีวิต สามารถ สถานการณท์ ่ีหลากหลายอยา่ ง สรา้ งสรรค์ โดย
ถ่ายทอดและผลิตผลงานผ่านกระบวนการ พดู คำนงึ ถึงลกั ษณะและ ความตอ้ งการของผู้ฟงั
และเขยี นได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ ถงึ ผูร้ บั สาร ๓. อา่ นสาระในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้ โดยมี
เหมาะสมกับกาลเทศะ เกดิ ประโยชน์แกต่ นเอง วัตถปุ ระสงคก์ ารอา่ นท่ีชัดเจนอ่านไดอ้ ยา่ งเข้าใจ
และส่วนรวม รวมทงั้ ใชภ้ าษาไทยเป็นเครอื่ งมือใน ถกู ต้อง ตรงประเด็น
การเรยี นรู้ เขา้ ใจสังคมและและภมู ิปญั ญาไทย ๔. เขียนโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ท่ีชัดเจน ใน
และถา่ ยทอดสร้างผลงาน ตอ่ ยอด สร้างสรรค์ การสื่อสารข้อมูล ความรู้ ความคิด ความรู้สึก ใน
จากความรู้ ความคดิ ท่ไี ดร้ บั รปู แบบทห่ี ลากหลาย
๕. ใช้ภาษาไทยในการศกึ ษา เรียนรู้ สร้าง
ความเขา้ ใจพืน้ ฐานทางสังคม วัฒนธรรม และภมู ิ
ปัญญาของไทย
๖. พดู อา่ นและเขยี นภาษาไทยได้
ถูกต้องตามอักขรวิธี
๒. คณติ ศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวนั (Mathematics in Everyday Life)
ระดบั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย ๑. แกป้ ัญหาในชีวิตประจำวนั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง
มที ักษะดา้ นการแกป้ ญั หา การใหเ้ หตผุ ล กับคณิตศาสตร์ โดยประยุกตค์ วามรู้ความเข้าใจ
การสอื่ สารและการสอ่ื ความหมายทาง ทางคณติ ศาสตร์เพ่ือทำความเข้าใจปัญหา ระบุ
คณติ ศาสตร์ และการเช่อื มโยงทางคณติ ศาสตร์ ประเด็นปัญหา วเิ คราะห์ปัญหา วางแผน
เพื่อให้รเู้ ทา่ ทนั การเปล่ียนแปลงของระบบ แกป้ ญั หา
เศรษฐกิจสงั คม วฒั นธรรม และสภาพแวดล้อม ๒. หาขอ้ สรุป หรือขอ้ ความคาดการณ์
ของสถานการณป์ ญั หา และระบุถึงความสมั พนั ธ์
ของขอ้ มลู เพือ่ ยนื ยันหรือคัดคา้ นข้อสรุปหรอื
ขอ้ ความคาดการณ์นัน้ ๆ อยา่ งสมเหตสุ มผล
๓. ออกแบบ อธิบาย และนำเสนอขอ้ มูล
ทส่ี อ่ื ความหมายให้ผ้อู ่นื เข้าใจตรงกัน เพื่อแสดง
ความเข้าใจหรอื ความคิดทีเ่ ก่ียวกบั คณิตศาสตร์
ของตนเอง โดยใชก้ ารพูดและเขยี น วัตถรุ ูปธรรม
รูปภาพ กราฟ สญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ และ
ตัวแทน รวมท้งั บอกความสมั พันธร์ ะหว่างภาษา
๒๕
ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
ในชีวิตประจำวันกบั ภาษาและสัญลักษณท์ าง
คณิตศาสตร์ได้
๔. เช่ือมโยงความรู้หรอื ปญั หาทาง
คณิตศาสตรท์ ีเ่ รยี นมากับความรู้ ปัญหาหรอื
สถานการณ์อ่นื ท่ตี นเองพบ ซ่งึ อาจเปน็ การ
เช่ือมโยงภายในวิชาคณิตศาสตร์ เช่ือมโยง
คณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อ่นื ๆ และเชอ่ื มโยง
คณติ ศาสตรก์ ับชวี ติ ประจำวนั
๕. ใชค้ วามคิดคลอ่ ง ความคดิ ยืดหยนุ่
ความคิดรเิ ร่ิม และความคิดละเอยี ดลออ ในการ
คิดแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
๓. กระบวนการสืบสอบทางวิทยาศาสตรแ์ ละจติ วิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry & Scientific
Mind)
ระดับมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๓
คำอธิบาย สมรรถนะ
สนใจในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและ ๑. สามารถเขยี นผังเชื่อมโยงเหตแุ ละผล
ปรากฏการณท์ เ่ี ปน็ ผลจากการกระทำของมนุษย์ จากเหตตุ ้นทางถึงผลปลายทางโดยแสดง
รวมท้ังใช้การโต้แยง้ เพ่ือตัดสินใจในประเด็นทาง ความสัมพนั ธแ์ บบประยุกต์เชอ่ื มโยงเหตุและผล
วทิ ยาศาสตรท์ ่มี ีผลกระทบตอ่ ตนเองครอบครัว แทรกระหวา่ งเหตตุ ้นทางและผลปลายทางอย่าง
ชุมชน สงั คม ประเทศ และโลกสามารถใชค้ วามรู้ เปน็ ลำดับและครบถว้ นเพ่ือสรปุ / สร้างความรู้
ทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการออกแบบทาง ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นแบบประยกุ ต์
วิศวกรรมเพื่อสร้างนวตั กรรม ซงึ่ เปน็ ผลงาน ๒. อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาตแิ ละ
ส่งิ ประดิษฐ์หรือวธิ ีการทีใ่ ช้แกป้ ญั หาใน ปรากฏการณท์ เี่ ปน็ ผลจากการกระทำของมนุษย์
ชีวิตประจำวัน ด้วยความตระหนกั และความ ดว้ ยการใช้เหตุผลแบบประยุกตอ์ ุปนยั แบบนริ
รับผิดชอบตอ่ ชุมชน สังคมและโลก นัย และทัง้ อุปนยั และนริ นยั ประกอบกนั อยา่ ง
สมเหตุสมผล
๓. สืบสอบความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์โดย
สามารถต้ังคำถามสำคญั ออกแบบและวาง
แผนการสำรวจตรวจสอบขอ้ มลู เลอื กใช้วัสดุ
อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือทเ่ี หมาะสม เกบ็ รวบรวม
ขอ้ มลู วเิ คราะหข์ ้อมูลและนำเสนอผลการสำรวจ
ตรวจสอบ รวมท้งั หลักฐานเชิงประจักษท์ ี่ไดร้ ับ
การยอมรบั จากสาธารณะซง่ึ นำไปส่กู ารพัฒนา
ความเปน็ ผูร้ ักในความมีเหตุผลทางวทิ ยาศาสตร์
ประยกุ ต์
๔. ออกแบบและสรา้ งแบบจำลองประยุกต์
โดยใช้ความรแู้ ละหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์และ
๒๖
ระดบั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
ใชแ้ บบจำลองเพอื่ อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ
และปรากฏการณท์ ีเ่ ป็นผลจากการกระทำของ
มนุษย์
๕. โต้แย้งในประเด็นทางวิทยาศาสตรโ์ ดย
การให้เหตุผลสนับสนนุ หรอื คัดค้าน พร้อมทงั้
หลกั ฐานเชิงประจักษ์เพ่อื การตัดสินใจเลือก
เหตผุ ลที่ดนี า่ เชือ่ ถอื มากทสี่ ุดและกล้าพูด กล้า
แสดงความคิดเห็นบนฐานความรู้ พรอ้ มรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ผู้อืน่
๖. วางแผนหาวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาใน
ชีวิตประจำวนั อยา่ งเป็นขน้ั ตอนโดยใช้
กระบวนการออกแบบทางวศิ วกรรมประยกุ ต์ที่
ประกอบด้วยขั้นตอนการระบุปญั หาการสืบค้น
ขอ้ มูลเพื่อใช้ในการออกแบบการสรา้ งตน้ แบบ
โดยใช้วัสดุอปุ กรณภ์ ายใตข้ อ้ จำกดั หรือตาม
สภาพบริบทตลอดจนการทดสอบคณุ ภาพของ
ตน้ แบบเพื่อใหไ้ ดข้ ้อมูลยอ้ นกลับในการปรบั แกไ้ ข
การออกแบบและตน้ แบบให้มคี วามเหมาะสม
๔. ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร (English for Communication)
ระดับมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
สามารถใช้ความรแู้ ละทกั ษะทาง ๑. เขา้ ใจประเด็นสำคัญของเร่ือง ทฟี่ ังพดู /คู่
ภาษาอังกฤษรวมท้ังเจตคตแิ ละคุณลกั ษณะ สว่ น สนทนาพดู อยา่ งชดั เจน ในหัวข้อทคี่ นุ้ เคยและพบ
บคุ คล ในการสอ่ื สารฟงั พูดอา่ น เขียนทง้ั ในด้าน บอ่ ยเก่ยี วกับ การทำงาน การไปโรงเรียน
การรบั สาร การสง่ สาร การมีปฏิสมั พนั ธ์ มกี ล กิจกรรม ยามวา่ ง เป็นต้น ตัวอย่างของการพดู
ยุทธใ์ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สารสามารถสอื่ สารได้ถูกตอ้ ง ในลักษณะดงั กล่าว เชน่ การเลา่ เร่อื งส้นั ๆ เปน็
คลอ่ งแคล่ว เหมาะสมกบั บริบททาง สงั คมและ ต้น
วัฒนธรรม ทางภาษา ๒. สามารถอา่ นงานเขียนที่เป็น ข้อเท็จจริง
และตรงไปตรงมาในประเด็นที่เกี่ยวขอ้ งกบั สาขา
และความสนใจของ ตนเองและเข้าใจในระดับที่
นา่ พอใจ
๓. สามารถใชภ้ าษาทงี่ ่ายและ หลากหลาย
เพื่อสนทนาในหัวข้อที่ คุน้ เคย แสดงความคิดเหน็
ของตนเอง และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกย่ี วกับหวั ข้อ
ท่ี ตนเองคุน้ เคย สนใจ หรือหวั ขอ้ เก่ยี วกบั
ชีวิตประจำวัน
๒๗
ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๓
๔. สามารถสรา้ งงานเขยี นงา่ ย ๆ ทมี่ คี วามคิด
เชอ่ื มโยงกนั ในประเด็นต่าง ๆ ทคี่ นุ้ เคยในสาขาท่ี
ตนเองสนใจ โดยเชอ่ื มโยงสว่ นต่าง ๆ ในงาน
เขยี นให้ เปน็ ลำดบั ตอ่ เน่อื งกนั ได้
๕. เขา้ ใจคำและวลสี ำคัญในบทสนทนาและ
ตดิ ตามหวั ข้อในการสนทนา ได้
๖. สามารถคาดเดาความหมายของ คำทีไ่ มร่ ู้
ความหมายจากบริบทและสรุป ความหมายของ
ประโยคได้หากเกี่ยวข้องกบั หัวขอ้ ที่คนุ้ เคย
๗. สามารถหาวธิ ีถ่ายทอดประเดน็ สำคญั
ตนเองต้องการสอื่ สาร หลากหลายโดยต้องเป็น
เรอื่ งราวทตี่ นเองจำได้หรือหาวธิ ีท่จี ะถ่ายทอด
เรอ่ื งราว
๕. ทักษะชวี ิตและความเจริญแห่งตน (Life Skills and Personal Growth)
ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
ร้จู กั ตนเอง พง่ึ ตนเอง และดำเนินชีวิตตาม ๑. มสี ุนทรียภาพ ช่นื ชมความงาม ใน
หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถบริหาร ธรรมชาติ ศิลปวฒั นธรรมและรักษาเอกลักษณ์
จัดการเรอื่ งของตนเองได้อย่างสมดุลทั้งทาง ความเป็นไทยใหธ้ ำรงตอ่ ไป
ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปญั ญา มี ๒. พร้อมรับความเปลย่ี นแปลง สามารถ
สขุ ภาพแข็งแรง รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงด้าน ปรบั ตวั เผชิญปัญหา แกป้ ญั หา ยอมรบั ผลที่
เทคโนโลยดี ้านสุขภาพเปน็ คนดี มีวนิ ัยชว่ ยเหลือ เกดิ ขน้ึ และฟืน้ คืนสภาพจาก ปัญหาไดอ้ ยา่ ง
สงั คมส่วนรวม รวดเร็ว
มีสนุ ทรียภาพ ชื่นชมในความงามรอบตวั ๓. สรา้ งแรงจูงใจและนำตนเองใน การเรยี นรู้
มคี วามม่ันคงทางอารมณ์มีบคุ ลิกความ เปน็ ไทย เรยี นรูว้ ธิ ีการเรยี นรู้ โดยใช้ ทักษะการเรยี นรู้
ผสานความเปน็ สากล ทะนุบำรุง รักษา หลากหลาย ทั้งทกั ษะ การเรยี นร้ทู กั ษะการ
ศลิ ปวัฒนธรรมของชาติและธำรง เอกลักษณ์ความ สบื ค้นขอ้ มูล ทักษะ การสืบสอบ ทักษะการสรา้ ง
เป็นไทย สรา้ งและรกั ษาความสัมพันธอ์ นั ดีกบั ความร้แู ละ นวัตกรรม รวมท้ังทกั ษะการ
บคุ คลอ่ืนรับผิดชอบในบทบาทหนา้ ที่ของตนท่ีมตี ่อ ประยุกต์ใช้ ความรู้เพ่อื พัฒนาตนเองและชีวิต
ครอบครวั และสังคม พร้อมรับการเปลีย่ นแปลง
สามารถเผชญิ ปัญหา
แก้ปัญหา ยอมรบั ผลที่เกดิ ขนึ้ และฟ้นื คนื
สภาพจากปัญหาได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งสามารถนำ
ตนเองในการเรียนรู้ พฒั นาตนเองและพฒั นาชวี ิต
ใหม้ ีความสุขความเจรญิ ก้าวหนา้ อยา่ งยัง่ ยืน
๒๘
๖. อาชพี และการเป็นผปู้ ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship)
ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
คำอธิบาย สมรรถนะ
มีเปา้ หมายและวางแผนอาชีพตามความ ๑. วิเคราะหต์ นเอง คน้ หาเป้าหมาย ของชีวติ
สนใจและความถนดั มีความรู้และทักษะพ้ืนฐานสู่ เตรยี มทกั ษะเฉพาะอาชีพ และ การปฏิบตั ิงานที่
อาชพี ทีเ่ หมาะสม มีทกั ษะและคุณลักษณะนิสัยที่ สอดคลอ้ งกบั ความ สนใจ ความถนัด และ
ดีในการทำงาน มที ักษะในการทำงานและพฒั นา สติปญั ญาและ ฝึกฝนอาชีพท่ีสนใจอย่างตอ่ เนื่อง
งาน โดยยดึ หลักของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง มี เพือ่ เปน็ พื้นฐานในการประกอบอาชีพในอนาคต
ความรแู้ ละทกั ษะพ้นื ฐานของการเปน็ ๒. กำหนดเปา้ หมายในการทำงานที่ชัดเจน
ผ้ปู ระกอบการทดี่ ี สามารถคิด สร้างงาน สรา้ ง วางแผน จัดเรยี งลำดับความสำคัญของงานและ
นวัตกรรม ท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง ครอบครวั บริหารเวลาอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
หรือสังคม ๓. ปฏบิ ตั งิ านอยา่ งมุง่ มั่น อดทน รับผดิ ชอบ
และเพียรพยายามเพ่ือให้บรรลเุ ป้าหมาย
๗. ทกั ษะการคิดชัน้ สูงและนวตั กรรม (Higher-order Thinking Skills and Innovation)
ระดับมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
สามารถใชก้ ารคิดเป็นเครื่องมอื ในการ ๑. คดิ พจิ ารณาเรอ่ื งต่าง ๆ โดยมี ข้อมูล
เรียนร้แู ละการใชช้ วี ติ มีการคิดใหร้ อบคอบกอ่ นที่ เก่ียวขอ้ งกบั เรื่องนน้ั อยา่ งเพียงพอ สามารถ
จะกระทำหรือไมก่ ระทำการใด ๆ บนฐานของ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ และประเมิน ขอ้ มูลและ
ขอ้ มูลที่เพยี งพอรวมท้ังมกี ารวเิ คราะห์ วิพากษ์ เหตผุ ล สามารถสรปุ ความ เข้าใจและให้
ประเมิน ข้อมูล เหตุผลและหลกั ฐานตา่ ง ๆ มี ความเห็นในเรอื่ งนัน้ ๆ
วจิ ารณญาณในการคิดตดั สนิ ใจ โดยยึดหลกั ๒. ใชว้ จิ ารณญาณ มีการตัดสนิ ใจ เรื่องตา่ ง
เหตุผลและการพจิ ารณาอยา่ งรอบด้านท้ังในด้าน ๆ บนฐานของขอ้ มลู เหตุผล หลกั ฐานรวมทั้งการ
คุณโทษ และความเหมาะสมตามหลกั กฎหมาย พจิ ารณาอย่างรอบด้าน ทั้งในดา้ นคณุ โทษ และ
ศลี ธรรม คุณธรรม ค่านยิ มรวมทงั้ ความเชื่อและ ความเหมาะสม ตามหลักกฎหมาย ศลี ธรรม
บรรทดั ฐานของสงั คมและวัฒนธรรมสามารถ คุณธรรม คา่ นิยม
แกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบโดยมีการวเิ คราะหห์ า
สาเหตุท่ีแท้จริงและหาวิธีแก้ปัญหาหรอื ทางออก
ที่เหมาะสมกับบุคคลสถานการณ์ และบริบท
รวมท้งั สามารถริเรมิ่ ความคิดใหม่ ๆ แปลง
ความคดิ นัน้ ให้เป็นรปู ธรรมและบริหารจัดการ จน
เกิดผลผลิตเป็นผลงานในลกั ษณะต่าง ๆ เชน่
แนวคดิ ใหมก่ ระบวนการใหม่ สง่ิ ประดิษฐ์
ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม ทเี่ ป็นประโยชนข์ องตน
ผู้อื่น สังคม ประเทศและโลก
๒๙
๘. การรู้เท่าทนั ส่อื สารสนเทศและดจิ ทิ ัล (Media, Information and Digital Literacy : MIDL)
ระดบั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ - ๓
คำอธิบาย สมรรถนะ
เขา้ ถึง เข้าใจ วิเคราะห์ ตีความประเมนิ ๑. เขา้ ถงึ แหล่งสือ่ สารสนเทศ และ
คณุ ค่า ความนา่ เชอื่ ถือของส่อื สารสนเทศ และ เทคโนโลยีดิจทิ ัลทีห่ ลากหลาย เพ่อื ใชส้ ืบคน้
เทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพ่ือเลือกรบั และใช้ประโยชน์ ข้อมลู และสารสนเทศที่ต้องการอย่างเข้าใจ และ
รวมทง้ั สรา้ งสรรคส์ ือ่ ขา่ วสาร และส่อื สารอย่าง เลือกเรอ่ื งท่จี ะเกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ชมุ ชน
เปน็ ผรู้ เู้ ทา่ ทนั ตนเอง โดยคำนงึ ถึงผลกระทบต่อ และสงั คม
ผอู้ นื่ และสงั คมโดยรวม รวมทงั้ สามารถใช้ ๒. เขา้ ใจความรู้สกึ และความต้องการของ
ประโยชนจ์ ากสอ่ื สารสนเทศและเทคโนโลยี ตนเองเมื่อใชส้ อ่ื สารสนเทศ ทัง้ การเข้าถึง ส่งตอ่
ดจิ ทิ ัล และกระจายข้อมลู ขา่ วสาร โดยรับผดิ ชอบ
เพ่ือพัฒนาตนเองชุมชน และสังคมโดย ผลกระทบทั้งตอ่ ตนเองผู้อ่นื และสังคม
คำนึงถึงคุณ โทษ และผลกระทบทีจ่ ะเกิดตอ่ ผู้อื่น
และสังคม
๙. การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีมและมีภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
มที ักษะในการทำงานกล่มุ ทำงานเป็นทมี ๑. มที กั ษะการเปน็ ผู้นำ การเป็นสมาชกิ กลุม่
ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพมีส่วนร่วมทำงานแบบรว่ มมือ และกระบวนการทำงานกลุม่ /กระบวนการ
รวมพลัง โดยการสนบั สนุน ช่วยเหลอื ขจดั ปัญหา ทำงานเป็นทีมทดี่ ี
แบ่งปัน ๒. แลกเปล่ยี นความรู้ แบง่ ปนั ความคิดในกลุ่ม
แลกเปลยี่ นความรู้และความคิดเหน็ คุณค่า ๓. รบั ฟงั ยอมรับ และเคารพความคิดเห็นผู้อ่นื
ของการทำงานร่วมกันและปฏิบตั ติ ามบทบาท ๔. ร่วมทำงานกลมุ่ ปฏบิ ัติตน ในฐานะสมาชกิ
เพือ่ การทำงานให้บรรลเุ ปา้ หมายทก่ี ำหนด กลุ่ม
๕. สรา้ งแรงบันดาลใจให้ผอู้ ่นื ไดพ้ ฒั นาตนเอง
๖. ปรบั ตวั พรอ้ มประสานความคดิ ในกล่มุ
๓๐
๑๐. การเปน็ พลเมอื งต่นื รแู้ ละมีจิตสำนึกสากล (Active Citizens and Global Mindedness)
ระดบั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
ปฏิบัติตนในฐานะการเปน็ พลเมืองดี มี ๑. ปฏิบัตติ ามบทบาทหน้าที่ของพลเมืองใน
ความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ี กฎ ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรง
กตกิ า ขอ้ ตกลง กฎหมาย และขนบธรรมเนียม เปน็ ประมขุ
ประเพณี เคารพเคารพศกั ดศ์ิ รี ความเปน็ มนษุ ย์ ๒. เคารพสิทธิและเสรภี าพของตนเองและ
สามารถประยกุ ตใ์ ชค้ วามร้ดู ้วยการทำงานจิต ผู้อน่ื เคารพและปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกา ข้อตกลง
อาสาทำประโยชนต์ อ่ ส่วนรวมโดยร่วมมอื กับผูอ้ ื่น และกฎหมายรวมท้ังแนวปฏบิ ัติตาม
ในการแก้ปญั หาและพฒั นาสังคม ขนบธรรมเนยี มและประเพณี
ศึกษาความรูพ้ ืน้ ฐานด้านการเมอื งการ ๓. ให้เกยี รตผิ ้อู น่ื เหน็ อกเหน็ ใจเอ้อื อาทร
ปกครอง มีส่วนร่วมทางการเมอื งในระดับตา่ ง ๆ ชว่ ยเหลือผอู้ ่นื เพอื่ การอยรู่ ่วมกันอย่างสงบสุข
แก้ไขความขดั แยง้ อยา่ งสนั ตวิ ธิ ี อยู่รว่ มกับผูอ้ ่นื
อยา่ งพงึ่ พาอาศยั กนั ยอมรับความแตกต่าง
หลากหลาย
๑๑. ภาษาจีนเพอื่ ชีวติ (Chinese for life)
ระดับมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๓
คำอธบิ าย สมรรถนะ
สามารถใช้ความรแู้ ละทกั ษะทางภาษาจนี ๑. เข้าใจประเดน็ สำคญั ของเรอื่ ง ทีฟ่ ังพดู /คู่
รวมท้ังเจตคติและคุณลกั ษณะสว่ นบุคคล ในการ สนทนาพูดอย่างชัดเจน ในหัวข้อทค่ี ้นุ เคยและพบ
ส่อื สารฟัง พูด อา่ น เขยี น ทัง้ ในด้านการรบั สาร บอ่ ยเก่ยี วกบั การทำงาน การไปโรงเรียน
การสง่ สาร การมีปฏิสมั พันธ์ มีกลยุทธ์ในการ กจิ กรรม ยามวา่ ง เป็นตน้ ตัวอย่างของการพดู
ตดิ ต่อส่อื สารสามารถสือ่ สารได้ถูกต้อง ในลักษณะดงั กลา่ ว เช่น การเลา่ เรอื่ งสนั้ ๆ เปน็
คลอ่ งแคล่ว เหมาะสมกับบรบิ ททางสังคมและ ตน้
วัฒนธรรมทางภาษา ๒. สามารถอ่านงานเขยี นทเ่ี ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ
และตรงไปตรงมาในประเดน็ ที่เกีย่ วขอ้ งกบั สาขา
และความสนใจของ ตนเองและเขา้ ใจในระดบั ที่
น่าพอใจ
๓. สามารถใช้ภาษาทีง่ ่ายและหลากหลาย
เพอ่ื สนทนาในหัวข้อท่ี คุ้นเคย แสดงความคิดเห็น
ของตนเอง และแลกเปล่ยี นขอ้ มูลเก่ยี วกับหัวขอ้
ท่ี ตนเองคุน้ เคย สนใจ หรอื หวั ข้อเก่ยี วกบั
ชวี ติ ประจำวัน
๔. สามารถสรา้ งงานเขียนงา่ ย ๆ ท่มี ีความคิด
เช่ือมโยงกนั ในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทค่ี นุ้ เคยในสาขาท่ี
ตนเองสนใจ โดยเชือ่ มโยงส่วนตา่ ง ๆ ในงาน
เขยี นให้ เปน็ ลำดบั ตอ่ เนือ่ งกนั ได้
๓๑
ระดับมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ - ๓
๕. เขา้ ใจคำและวลสี ำคญั ในบท สนทนาและ
ติดตามหัวข้อในการสนทนา ได้
๖. สามารถคาดเดาความหมายของ คำที่ไมร่ ู้
ความหมายจากบริบทและสรุป ความหมายของ
ประโยคไดห้ ากเกี่ยวข้องกับหัวขอ้ ทค่ี ้นุ เคย
๗. สามารถหาวธิ ีถา่ ยทอดประเด็นสำคญั
ตนเองตอ้ งการสอื่ สาร หลากหลายโดยต้องเป็น
เร่ืองราวทีต่ นเองจำไดห้ รอื หาวธิ ีท่จี ะถ่ายทอด
เรอ่ื งราว
๓๒
โครงสรา้ งเนื้อหาท่ีใช้เป็นกรอบในการพฒั นาสมรรถนะของผู้เรยี นโรงเรียนต้นแก้วผดงุ พิทยาลัย
ประกอบดว้ ย ๔ ดา้ น ดังน้ี
ดา้ นสขุ ภาพและสิง่ แวดล้อม ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ สสู่ ากล
• พฤกษศาสตร์และสิ่งแวดล้อม • วัฒนธรรม ประเพณี หตั ถกรรม ตำนาน ภาษา
• เกษตรอนิ ทรยี ์ คนเมืองล้านนา
• ต้นแก้ววัยใส • มรดกภมู ิปัญญาคนดศี รเี ชยี งใหม่
ต้นแกว้ สูโ่ ลกกวา้ ง • วิถลี ้านนาสู่สากล
Smart Life • ดนตรลี ้านนาและดนตรสี ากล
• เชียงใหม่กบั ภยั พบิ ัติ
๒
- มลพิษหมอกควัน และไฟปา่
- นำ้ ท่วม ภัยแล้ง ภยั ธรรมชาติ ฯลฯ
• การออกกำลงั กายและกฬี าเพื่อสุขภาพ
๑
๓ ๔
ด้านเศรษฐกจิ และการท่องเทยี่ ว ดา้ นการเมอื งการปกครอง กฎหมาย
• อตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยวเชยี งใหม่
• Chiang Mai SMART CITY • กฎหมายนา่ รู้
- กฎหมายท้องถิน่
- SMART FARM - กฎหมายการจราจร (TK Safety Road
- SMART Tonkaew
- E - coding Zone)
• การค้าและการลงทุนเชียงใหม่ - พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกย่ี วกบั
คอมพิวเตอร์
- กฎหมายสิทธิเดก็ และเยาวชน
- กฎหมายสง่ิ แวดล้อม
- กฎหมายทางวัฒนธรรม
- กฎหมายคมุ้ ครองทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา
แผนภูมิโครงสรา้ งเนือ้ หาทใ่ี ช้เป็นกรอบในการพฒั นาสมรรถนะของผู้เรยี น
โครงสรา้ งเน้ือหาทีใ่ ช้เป็นกรอบในการพฒั นาสมรรถนะของผู้เรียนโรงเรยี นตน้ แก้วผดุงพิทยาลัย
ใช้กรอบเนื้อหาที่เกีย่ วข้องกับบริบทของผู้เรียน เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นการเชือ่ มโยงวถิ ีชวี ิตของผู้เรียน
บูรณาการกับศาสตร์สาระการเรียนรู้ มุ่งสู่การพัฒนาสมรรถนะให้กับผู้เรียน ผ่านกรอบเนื้อหา ๔ ด้าน
ได้แก่
๓๓
๑. ด้านสุขภาพและส่งิ แวดล้อม ผู้เรียนจะไดร้ ับการพัฒนาสมรรถนะจากการเรยี นรหู้ น่วยการ
เรยี นร้ทู ่ีเก่ยี วขอ้ งกับส่งิ แวดลอ้ มของเมอื งเชียงใหม่ ได้แก่ พฤกษศาสตร์และสง่ิ แวดล้อม ,เกษตรอินทรยี ์
, ตน้ แก้ววยั ใสต้นแกว้ สโู่ ลกกวา้ ง ,Smart Life, เชียงใหม่กับภัยพบิ ัติ มลพิษหมอกควนั และไฟปา่ น้ำ
ทว่ ม ภัยแล้ง ภยั ธรรมชาติ ฯลฯ ,การออกกำลังกายและกฬี าเพ่อื สุขภาพ
๒. ด้านศลิ ปวฒั นธรรมท้องถิ่นสู่สากล การพัฒนาสมรรถนะของผเู้ รยี นจากวถิ วี ัฒนธรรม
เรม่ิ ต้นจากวิถวี ัฒนธรรมเมืองเชยี งใหม่สวู่ ิถวี ัฒนธรรมทหี่ ลากหลายในระดับสากล ไดแ้ ก่ วัฒนธรรม
ประเพณี หัตถกรรม ตำนาน ภาษาคนเมืองลา้ นนา ,มรดกภูมิปัญญาคนดีศรีเชียงใหม่ ,วถิ ีล้านนาสู่สากล
ดนตรีล้านนาและดนตรีสากล
๓. ด้านเศรษฐกจิ และการท่องเทยี่ ว เรม่ิ ตน้ ศึกษาพฒั นาสมรรถนะผู้เรียนจากเศรษฐกจิ
การท่องเท่ยี วทเี่ ป็นจดุ เด่นของเมอื งเชียงใหม่ เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ กดิ การพฒั นาดา้ นเกีย่ วกับเศรษฐกจิ และ
การทอ่ งเที่ยว ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ , Chiang Mai SMART CITY ,SMART FARM
,SMART Tonkaew , E – coding ,การค้าและการลงทนุ เชยี งใหม่
๔. ด้านการเมอื งการปกครอง กฎหมาย เป็นการพฒั นาสมรรถนะของผ้เู รยี นผา่ นการเรยี นรู้
เกยี่ วกบั การบรหิ ารราชการ กฎหมายน่ารู้
- กฎหมายทอ้ งถ่นิ
- กฎหมายการจราจร (TK Safety Road Zone)
- พ.ร.บ.ว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- กฎหมายสิทธิเดก็ และเยาวชน
- กฎหมายสิ่งแวดล้อม
- กฎหมายทางวฒั นธรรม
- กฎหมายคุ้มครองทรัพยส์ ินทางปญั ญา
๓๔
คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รยี น
พฒั นาผู้เรียนให้มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพ่อื ให้สามารถอย่รู ่วมกบั ผู้อน่ื ในสังคมได้อย่างมี
ความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้
๑ คุณลักษณะด้านความรู้
๑. เป็นผู้ใฝร่ ูใ้ ฝ่เรยี น และกล้าแสดงออก
๒. เป็นผ้รู ักการเรียน และการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง
๒ คณุ ลักษณะดา้ นความคิด
๑. การคิดวิเคราะห์
๒. การคิดสงั เคราะห์
๓. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
๔. การคดิ สร้างสรรค์
คุณลักษณะด้านทักษะ
๓ ๑. ทกั ษะการเรยี นรูแ้ ละนวัตกรรม
๒. ทกั ษะชวี ติ และการทำงาน
๓. ทักษะดา้ นส่ือเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ
๔ คณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรม
๑. การมีจิตสำนกึ และคา่ นยิ มที่ดงี าม
๒. การมีจติ สาธารณะ
๓. ความซือ่ สตั ย์สุจรติ
๔. ความมีระเบียบวินัย
๕. ความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสังคม
จากแผนภูมิดังกล่าว คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนโรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย
ในแต่ละด้าน มุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะต่างๆให้ติดเป็นนิสัย จนเป็นวิถีชีวิตหรือบุคลิกภาพ
สามารถอย่รู ่วมกบั ผูอ้ น่ื ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ทัง้ ในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก สรปุ ได้ดงั นี้
๑. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ดา้ นความรู้
มีความมุ่งหมาย ดังนี้ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน รักการอ่าน การเขียน และการ
แสวงความรดู้ ้วยตนเองอย่างตอ่ เน่ืองและสรา้ งสรรค์ ลดความสนใจในเรอ่ื งสอ่ื สารทางสงั คมภาคบันเทิง
และนันทนาการ (Social media for fun and happiness)
๓๕
ในขณะเรยี นรู้ ต้องการใหผ้ เู้ รียนกล้าแสดงออกในการแสดงความคดิ เหน็ ในองค์ความรู้ในเน้ือหา
ที่เรียนนั้นๆ ลดความสนใจกับกิจกรรมการเรียนที่เป็นการแสดงออกทางด้านนันทนาการ เช่น เล่มเกม
แสดงบทบาทสมมุติตามสื่อกระแสสังคมในปัจจุบัน ที่เลียนแบบมาจากดาราและนักร้องยอดนิยม
ขณะนั้น ผู้เรียนจะต้องเกิดการเรียนรู้ที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ตา่ งๆหลากหลายทงั้
จากหนังสอื และเอกสารทางวิชาการอนื่ ๆ รวมทัง้ จาก Internet โดยการนำความรูม้ าเรียบเรียงใหม่เป็น
แนวคดิ ของตนเองอย่างสรา้ งสรรค์
๒. คุณลักษณะอนั พึงประสงคด์ ้านความคิด
ต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ญาณ สามารถแก้ไขปัญหาในการดำเนินชีวติ ของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มีสติยั้งคิด ไม่กอ่
ปัญหาสังคม เช่น การหนเี รียน ไม่ใส่ใจในการเรยี นเท่าท่ีควร การพึ่งสารเสพติด การมีเพศสัมพนั ธก์ ่อน
วยั อันควร การทะเลาะววิ าท เปน็ ต้น สว่ นการคิดสร้างสรรค์ ผู้เรยี นสามารถคดิ คน้ พบสิ่งแปลกใหม่ด้วย
การคิดดดั แปลง ปรงุ แต่ง ผสมผสานใหเ้ กดิ สงิ่ ใหม่ รวมท้งั การประดษิ ฐค์ ิดค้น
๓. คุณลักษณะดา้ นทักษะ
ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม มุ่งเน้นใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นร้แู บบที่ผเู้ รียนรว่ มกนั สร้างความรู้เอง คือ
เรียนรู้ โดยการสร้างความรู้และเรียนรู้เป็นทีม มุ่งเน้นทักษะในการเรียนรู้ (Learning how to learn
หรือ Learning skills) ส่วนทักษะชีวิตและการทำงาน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดความยืดหยุ่นและ
ความสามารถในการปรบั ตวั เพ่ือพรอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลง การริเรมิ่ สร้างสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตนเอง มี
ทักษะสังคมและทักษะด้านวัฒนธรรมมีปฏิสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้อื่น ทำงานอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพในทีมท่ีหลากหลาย มีภาวะผูน้ ำและความรับผิดชอบต่อผู้อืน่ และสงั คม สอื่ เป็นผู้สร้างหรือ
ผูผ้ ลิตที่มีความรับผิดชอบเช่อื ถอื ได้ (มที กั ษะในการใช้สอ่ื เทคโนโลยีและสารสนเทศทห่ี ลากหลาย)
๔. คณุ ลกั ษณะด้านคุณธรรม
มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดจิตสำนึก และค่านิยมที่ดีงาม มีจิตสาธารณะ ความซื่อสัตย์สุจริต ความมี
ระเบียบวินัย และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ซึ่งในการปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ดังกล่าว ทางโรงเรยี นต้นแก้วผดุงพิทยาลัยดำเนนิ การโดยใช้วิถีชีวิตประจำวนั ของนกั เรียน ขณะที่อยู่ใน
โรงเรยี น ทัง้ สอดแทรกในการกระบวนการเรียนรู้ในห้องเรียน กิจวตั รประจำวนั และกิจกรรมประจำวัน
ของนักเรียนทัง้ ภายนอกและภายในหอ้ งเรียน ดำเนินการปลูกฝังคุณลักษณะองั พงึ ประสงค์ในกิจกรรม
ตา่ งๆอยา่ งหลากหลายและต่อเนอ่ื งตลอดปี มีการกำหนดการวดั และประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
จากภาระงาน ผลงาน ชนิ้ งาน ผลผลิตทเี่ กิดจากการกำหนดรว่ มกนั จองครู ผู้เรยี น และทเี่ กี่ยวข้องอย่าง
ตอ่ เน่ือง
๓๖
โครงสรา้ งเวลาเรียน
โครงสร้างเวลาเรียน ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมทาง
การศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ มีดงั นี้
๑. โครงสร้างเวลาเรียน เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดในภาพรวม เวลาเรียนตามหน่วย
การเรียนรู้ และเวลาในการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ระดบั ประถมศึกษา และมธั ยมศึกษาตอนตน้ ดงั น้ี
โครงสรา้ งเวลาเรียน จำแนกแต่ละชัน้ ปี ระดับประถมศึกษาปที ่ี ๑ – 3
วชิ า / หน่วยการเรยี นรู้ / กิจกรรม เวลาเรียน ป.3
ป.1 ป.2 200
1 ภาษาไทย 200 200 200
2 คณติ ศาสตร์ 200 200 120
3 ภาษาอังกฤษ 120 120 80
4 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 80 40
5 สนุ ทรียศาสตร์ (ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์) 40 40 40
6 ภาษาจนี 40 40 40
7 พลศึกษา 40 40 80
8 สนทนาภาษาองั กฤษ 80 80 120
9 เกษตรอินทรยี ว์ ถิ ีตน้ แก้ว 120 120 120
10 วถิ ชี มุ ชนสู่คนตน้ แก้ว 120 120 40
11 ร้ทู ันภัยใกล้ตัว 40 40 1080
1080 1080
รวมเวลาเรยี น 40
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 30/10
กิจกรรมแนะแนว 40 40 ๔๐
120
ลูกเสือ-เนตรนารี/กิจกรรมเพือ่ สังคมและ 30/10 30/10 1200
สาธารณประโยชน์ ≤ 80
๔๐ ๔๐
ชมุ นุม 120 120
1200 1200
รวมเวลาเรยี นกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ≤ 80 ≤ 80
รวมเวลาเรียนท้งั หมด
(Home based learning)
ผ้เู รยี นปฏิบตั กิ จิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ผนวกในกจิ กรรมลกู เสือ/เนตรนารี
๓๗
โครงสรา้ งเวลาเรียน จำแนกแต่ละช้นั ปี ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 – 6
วิชา / หน่วยการเรียนรู้ / กิจกรรม ป.4 เวลาเรียน ป.6
80 ป.5 80
1 ภาษาไทย 80 80 80
2 คณิตศาสตร์ 120 80 120
80 120
3 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 80
4 ภาษาอังกฤษ 80 80 80
5 สนุ ทรียศาสตร์ (ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์) 40 80 80
6 ภาษาจีน 40 80 40
7 พลศกึ ษา 40 40 40
8 Coding 80 40 40
9 สนทนาภาษาองั กฤษ 80 40 80
10 สวนพฤกษศาสตรต์ ้นแกว้ 120 80 80
11 เชยี งใหมภ่ ยั พบิ ัติกับโรคภัยใกลต้ ัว 80 80 120
12 มรดกภูมิปญั ญา คนดศี รเี ชยี งใหม่ 80 120 80
13 เกษตรอนิ ทรยี ว์ ถิ ีต้นแก้ว 1,080 80 80
14 E-commerce 80 1,080
40 1,080
รวมเวลาเรยี น 40
30/10 40
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 30/10
๔๐ 30/10
กจิ กรรมแนะแนว 120 ๔๐
1,200 ๔๐ 120
ลูกเสอื -เนตรนารี/กิจกรรมเพอ่ื สังคมและ ≤ 80 120 1,200
สาธารณประโยชน์ 1,200 ≤ 80
ชุมนุม ≤ 80
รวมเวลาเรียนกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
รวมเวลาเรียนทัง้ หมด
(Home based learning) IXL
ผเู้ รยี นปฏิบตั ิกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ผนวกในกิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี
๓๘
โครงสร้างเวลาเรียน จำแนกแตล่ ะช้ันปี ระดับมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓
หนว่ ยการเรียนรู้ / กจิ กรรม เวลาเรยี น ม.๓ ม.๓
ม.๑ ม.๑ ม.๒ ม.๒ ๑ ๒
ภาคเรยี นที่ ๑๒๑๒ ๒๐ ๒๐
1 ภาษาไทย ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
๔๐ ๔๐
2 คณิตศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
3 ภาษาอังกฤษ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
4 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
4 สุนทรยี ศาสตร์ (ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์) ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
5 ภาษาจนี * ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
6 พลศึกษา
๘ E-coding * ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
๙ วิถีลา้ นนาสูส่ ากล ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
๑๐ พฤกษศาสตร์และสง่ิ แวดลอ้ ม * ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๑๑ เกษตรอนิ ทรยี ์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๑๒ ตน้ แกว้ วัยใส ๘๐ ๘๐
๑๓ Smart Life ๘๐ ๘๐
๘๐ ๘๐
1๔ Smart Farm ๘๐ ๘๐
1๕ Smart Tonkaew ๘๐ ๘๐
1๖ ตน้ แกว้ สู่โลกกวา้ ง ๘๐ ๘๐
รวมเวลาเรยี น ๕๔๐ ๕๔๐ ๕๔๐ ๕๔๐ ๕๔๐ ๕๔๐
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
กจิ กรรมแนะแนว ๒0 ๒0 ๒0 ๒0 ๒0 ๒0
ลูกเสอื -เนตรนารี ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕
กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๕๕๕๕ ๕๕
ชมุ นุม ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
รวมเวลาเรยี นกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
รวมเวลาเรียนทงั้ หมด ๖๐๐ ๖๐๐ ๖๐๐ ๖๐๐ ๖๐๐ ๖๐๐
≤ ๔0 ≤ ๔0 ≤ ๔0 ≤ ๔0 ≤ ๔0 ≤ ๔0
(Home based learning) IXL
ผเู้ รียนปฏบิ ัติกิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ผนวกในกิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี
* วชิ าเพิม่ เติม
๓๙
การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
๑. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เป็นแบบบูรณาการหนว่ ยการเรยี นรู้ฐานสมรรถนะ ลกั ษณะการ
จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓ ลักษณะ ดงั นี้
๑) การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ Home-Based Learning ไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ ๑๐
๒) การจัดกิจกรรมการเรยี นรใู้ นสถานศึกษาทง้ั ในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น ไม่เกิน
ร้อยละ ๘๐
๓) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ภายนอก หรือ แหล่งวิทยาการภายนอก
แหล่งภมู ปิ ญั ญา ศูนยก์ ารเรียน สถานประกอบการณ์ต่าง ๆ ไมน่ ้อยกว่า
รอ้ ยละ ๑๐
๒. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ที่ยึดผู้เรียนเปน็ สำคญั ในรปู แบบการจัดการเรียนรู้เชิง
รุก (Active Learning) เชน่
๑) การเรยี นรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน (Brain-Based Learning)
๒) การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน (Problem–based Learning)
๓) การจดั การเรยี นรแู้ บบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน (Project - Based – Learning)
๔) การจัดกิจกรรมการเรียนร้โู ดยใช้กจิ กรรมเปน็ ฐาน (Activities- Based-Learning)
๕) วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles)
๖) วิธีการสอนแบบศกึ ษาดว้ ยตนเอง (Self-Study Method)
โดยในหน่วยกิจกรรมการเรียนรู้สามารถเลือกใช้กระบวนการเรียนการสอน วิธีการสอนได้
หลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ตอ้ งเหมาะสมสอดคล้องกับระดับความสามรถของผเู้ รยี น และความเหมาะสม
กับเนื้อหา ตลอดจนถึงระยะเวลาในกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่
มุง่ เน้นผ้เู รยี นเปน็ ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเอง โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเกิดภาระงานและผลงาน ซ่ึงเปน็ โครงงาน
หรือการศึกษาค้นควา้ อิสระ(Independent Study) ดังน้ี
ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ โครงงานเด่ยี ว หรือโครงงานทมี
ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ โครงงานเดย่ี ว หรอื โครงงานทีม
ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ โครงงานเดย่ี ว หรือโครงงานทีม การศึกษาคน้ คว้าอสิ ระด้วย
ตนเอง หรือการศึกษาค้นคว้าอสิ ระรว่ มกับทมี
๔๐
๒. โครงสร้างเวลาเรียนชั้นปี เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดเวลาเรียนของหน่วยการเรียนรู้
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ๑๑ สมรรถนะ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นจำแนกแตล่ ะช้ันปี ดงั นี้
โครงสรา้ งเวลาเรียน หลักสูตรสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน โรงเรยี นต้นแกว้ ผดงุ พทิ ยาลยั
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลาเรยี น
หน่วยการเรียนรู้ / กจิ กรรม (ชั่วโมง/ป)ี
รหสั หน่วยการเรียนรู้ 200
ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย 200
ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ 120
อ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 40
ศ1๑๑01(ด) ดนตรี 40
จ1๑201 ภาษาจนี เพอ่ื ชวี ิต 80
อ1๑202 ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่ือสาร
บ1๑105 เกษตรอินทรยี ว์ ถิ ีต้นแกว้ 120
บ11103 วิถชี ุมชนสูค่ นตน้ แกว้ 120
บ1๑102 ร้ทู นั ภัยใกลต้ วั 120
พ๑๑๑๐๑(พ) พลศกึ ษา 40
รวมเวลาเรยี น ๑,๐๘๐
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
กจิ กรรมแนะแนว ๔๐
ลูกเสอื -เนตรนารี ๓๐
กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐
ชุมนุม ๔๐
รวมเวลาเรยี นกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๑๒๐
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด ๑,๒๐๐
โครงสรา้ งหน่วยการเรยี นรู้
ระดับชนั้ ประ
สมรรถนะข้อที่ ภาษาไทย
ค ิณตศาสตร์
๑. ภาษาไทยเพื่อการส่อื สาร 100 10
๒. คณิตศาสตร์ในชีวติ ประจำวนั - 100
๓. กระบวนการสบื สอบทางวทิ ยาศาสตร์
และจติ วิทยาศาสตร์ 10 25
๔. ภาษาองั กฤษเพือ่ การสอื่ สาร
๕. ทกั ษะชีวติ และความเจริญแหง่ ตน - 10
๖. อาชพี และการเป็นผปู้ ระกอบการ 15 15
๗. ทักษะการคดิ ชน้ั สงู และนวตั กรรม 15 10
๘. การรเู้ ท่าทนั ส่ือสารสนเทศและดจิ ทิ ัล 15 5
๙. การทำงานแบบรวมพลังเปน็ ทมี และมภี าวะผ้นู ำ 20 10
๑๐. การเป็นพลเมอื งตืน่ รูแ้ ละมีจิตสำนึกสากล 15 5
๑๑. ภาษาจนี เพอ่ื ชีวิต 10 10
--
รวม
200 200
๔๑
โรงเรียนตน้ แกว้ ผดุงพทิ ยาลัย
ะถมศึกษาปที ี่ ๑
ช่อื หน่วยการเรยี นรู้
ภาษาอังกฤษ
ดนต ีร
ภาษา ีจนเพื่อชีวิต
ภาษาอังกฤษ
เพ่ือการ ่ืสอสาร
เกษตรอินทรี ์ยวิ ีถ ้ตนแ ้กว
วิ ีถชุมชน ู่สคน ้ตนแ ้กว
ู้รทันภัยใก ้ล ัตว
พล ึศกษา
ิกจกรรมพัฒนา ูผ้เรียน
- 10 - - 5 5 5 - 10
5- - - 10 5 10 - 10
5- - - 30 10 10 5 10
80 5 - 60 5 5 10 - 10
5- - - 10 20 15 20 10
5- - - 15 15 10 - 10
5 10 - 10 10 10 10 - 10
5 10 - 10 10 10 10 - 10
5- - - 10 15 10 10 15
5- - - 10 20 25 5 15
- 5 40 - 5 5 5 - 10
120 40 40 80 120 120 120 40 120
๔๑
๔๒
โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สตู รสถานศึกษาขัน้ พื้นฐานโรงเรียนตน้ แกว้ ผดุงพิทยาลัย
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลาเรียน
หน่วยการเรียนรู้ / กิจกรรม (ชวั่ โมง/ปี)
รหสั หนว่ ยการเรยี นรู้ 200
ท12101 ภาษาไทย 200
ค12101 คณติ ศาสตร์ 120
อ12101 ภาษาอังกฤษ 40
ศ12101(ด) ดนตรี 40
จ1๒201 ภาษาจนี เพอ่ื ชีวิต 80
อ1๒203 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอื่ สาร 120
บ12105 เกษตรอนิ ทรยี ์วิถตี ้นแกว้ 120
บ12103 วถิ ชี มุ ชนสู่คนตน้ แกว้ 120
บ1๒102 รู้ทันภยั ใกล้ตวั 40
พ๑๒๑๐๑(พ) พลศึกษา ๑,๐๘๐
รวมเวลาเรียน ๔๐
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๓๐
กจิ กรรมแนะแนว ๑๐
ลกู เสือ-เนตรนารี ๔๐
กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๒๐
ชุมนุม ๑,๒๐๐
รวมเวลาเรียนกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด
๔๒
โครงสร้างหน่วยการเรยี
ระดบั ชัน้ ประ
สมรรถนะขอ้ ที่ ภาษาไทย
ค ิณตศาสตร์
๑. ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร 100 10
๒. คณิตศาสตร์ในชวี ิตประจำวัน - 100
๓. กระบวนการสบื สอบทางวทิ ยาศาสตร์
และจติ วทิ ยาศาสตร์ 10 25
๔. ภาษาองั กฤษเพือ่ การสื่อสาร
๕. ทกั ษะชวี ติ และความเจรญิ แห่งตน - 10
๖. อาชีพและการเปน็ ผูป้ ระกอบการ 15 15
๗. ทกั ษะการคดิ ชนั้ สูงและนวัตกรรม 15 10
๘. การรเู้ ท่าทนั ส่อื สารสนเทศและดิจทิ ลั 15 5
๙. การทำงานแบบรวมพลงั เป็นทมี และมภี าวะผ้นู ำ 20 10
๑๐. การเป็นพลเมอื งต่ืนรแู้ ละมจี ติ สำนึกสากล 15 5
๑๑. ภาษาจีนเพื่อชวี ติ 10 10
--
รวม
200 200
ยนรู้ โรงเรยี นตน้ แกว้ ผดุงพิทยาลัย
ะถมศึกษาปที ่ี ๒
ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้
ภาษาอังกฤษ
ดนต ีร
ภาษา ีจนเพื่อชีวิต
ภาษาอังกฤษ
เพ่ือการ ่ืสอสาร
เกษตรอินทรี ์ยวิ ีถ ้ตนแ ้กว
วิ ีถชุมชน ู่สคน ้ตนแ ้กว
ู้รทันภัยใก ้ล ัตว
พล ึศกษา
ิกจกรรมพัฒนา ูผ้เรียน
- 10 - - 5 5 5 - 10
5- - - 10 5 10 - 10
5- - - 30 10 10 5 10
80 5 - 60 5 5 10 - 10
5- - - 10 20 15 20 10
5- - - 15 15 10 - 10
5 10 - 10 10 10 10 - 10
5 10 - 10 10 10 10 - 10
5- - - 10 15 10 10 15
5- - - 10 20 25 5 15
- 5 40 - 5 5 5 - 10
120 40 40 80 120 120 120 40 120
๔๓
44
โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สตู รสถานศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานโรงเรยี นตน้ แกว้ ผดุงพทิ ยาลัย
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ เวลาเรียน
หน่วยการเรียนรู้ / กจิ กรรม (ชัว่ โมง/ปี)
รหสั หนว่ ยการเรยี นรู้ 200
ท13101 ภาษาไทย 200
ค13101 คณติ ศาสตร์ 120
อ13101 ภาษาอังกฤษ 40
ศ13101(ด) ดนตรี 40
จ13201 ภาษาจนี เพอ่ื ชีวติ 80
อ1๓203 ภาษาอังกฤษเพอื่ การส่ือสาร 120
บ13105 เกษตรอนิ ทรยี ์วิถีต้นแกว้ 120
บ13103 วถิ ชี มุ ชนสู่คนตน้ แก้ว 120
บ1๓102 รู้ทันภยั ใกลต้ ัว 40
พ๑๓๑๐๑(พ) พลศึกษา ๑,๐๘๐
รวมเวลาเรียน ๔๐
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓๐
กจิ กรรมแนะแนว ๑๐
ลกู เสือ-เนตรนารี ๔๐
กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๒๐
ชุมนุม ๑,๒๐๐
รวมเวลาเรียนกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
รวมเวลาเรยี นทั้งหมด
44