The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติท่านอาจารย์มั่น โดยหลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-10 22:10:15

ประวัติท่านอาจารย์มั่น โดยหลวงตามหาบัว

ประวัติท่านอาจารย์มั่น โดยหลวงตามหาบัว

Keywords: ประวัติท่านอาจารย์มั่น โดยหลวงตามหาบัว

141

นิมนต์ทา่ นเล่าความจรงิ  ให้ผมฟังดว้ ย ไม่เช่นนัน้ ผมเห็นจะรับทา่ น ไว ้ในส�ำนัก ไม ่ไดเ้ พราะเปน็ มา ได้
สองคืนแล้วท่ีผม ไม่เคยปรากฏ ในลักษณะนี้มาก่อนเลย พระรูปน้ันนั่งตัวสั่นเทา ๆ มองดูหน้าซีด 
ไปหมด เหมอื นคนจะเป็นลมและจะล้มลง ในขณะน้ัน พอดีมพี ระรูปหนึ่งท่านเห็นทา่  ไม่ดีเลยรีบ
กราบเรยี นขอ โอกาสท่านพระอาจารยม์ น่ั พดู กับเธอซงึ่ ก�ำลงั จะสลบอย่ ูในขณะนนั้ วา่

นิมนต์ท่านกราบเรียนท่านอาจารย์ โดยตรงตามเรื่องท่ีท่านมีความรู้สึกอย่าง ไรเพราะเท่าที่
ทา่ นอาจารยถ์ ามกเ็ พื่อทราบความจรงิ เท่าน้ัน มิ ไดม้ งุ่ ความเสียหายแก่ท่านแม้นอ้ ยเพยี ง ไร เทา่ ท่ี
พวกผมอยู่กับท่านมาก็มิ ใช่อยู่กันด้วยความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลส โดย ไม่มีความผิดท่ีจะมิ ให้
ท่านดุด่าว่ากล่าวอะ ไร ได้ แต่อยู่ด้วยกัน ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ซึ่งเหมือนพ่อ – แม่กับลูกอยู่
ด้วยกัน ย่อมมีการดุด่าว่ากล่าวกันตลอดมา ในเมื่อผู้ ใดท�ำผิดหูผิดตาท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นครู
อาจารย์ผู้สอดส่องมองดูเพ่ือความดีงามของบรรดาศิษย์ก็จ�ำต้องมีการสอบถามและว่ากล่าวส่ังสอน 
ไปตามเหตุการณ์

พวกผมเคยถูกดุด่าว่ากล่าวจากท่านมาเป็นประจ�ำยิ่งกว่าท่ีท่านว่า ให้ท่านเสียอีก ขนาด 
ไลห่ นจี ากวดั  ในเดีย๋ วน้ันก็ยงั มี แต่ก็ยังอย่กู ับทา่ นมา ไดจ้ นทกุ วันนี้ เมื่อร้สู ึก โทษและยอมตนว่าผิด
แลว้ ท่านเองก็ ไมเ่ ห็นขับ ไล่ ไสสง่  ไป ไหนอกี คงอยู่ด้วยกันมาดงั ท่ีท่านเหน็ อยู่ขณะนแ้ี ล ค�ำท่ที ่าน
กำ� ลงั เตอื นท่านอยู่ขณะน้ขี อนมิ นต์พิจารณาดว้ ยดี ตามทีพ่ วกผมฟังดูแลว้ รสู้ กึ ว่า ไมม่ อี ะ ไรพอจะ
กลวั ท่านจนเลยขอบเขตแหง่ ความพอดี ถา้ ทา่ นมีอะ ไรก็นมิ นต์กราบเรียนทา่ นตามความจริง เมื่อ 
ไม่มอี ะ ไรผิดหรอื สดุ วิสัยท่จี ะคิดคน้ มาเล่าถวาย ได้ ก็กราบเรยี นท่าน โดยตรงว่าสุดวิสยั ท่ีจะตามรู ้
ในเร่อื งอดีตท่ีลว่ งมาแลว้ ทา่ นจะฆา่ กย็ อมตาย ท่านจะขายก็ยอมเป็นสนิ คา้ ทา่ นจะขับ ไล่ ไสส่ง
ไป ไหนก็สุดแต่กรรมของตวั จะพา ใหเ้ ป็น ไป ดงั น้ีแลว้ เร่อื งกจ็ ะยุติลง ได้

พอท่านองค์นน้ั พดู จบลง ทา่ นอาจารย์กถ็ ามเธอซำ�้ อกี ว่า ว่าอย่าง ไรเลา่ ทา่ น ? ผมเอง
ก็มิ ได้คิดจะหาเร่ืองหาราวอะ ไร ใส่ท่าน โดย ไม่มีสาเหตุ แต่พอหลับตาลง ไปก็เห็นแต่เรื่องท่านมา
ขวางหนา้ อยแู่ ทบทั้งคนื จนเกิดความสลดสงั เวช ใจว่าพระทัง้ องค์ท�ำ ไมมาเปน็  ไดอ้ ย่างนี้ และเป็น
ไดท้ กุ คืนทท่ี า่ นมาอยู่กบั ผมท่นี ่ีแลว้ กต็ อ้ งถามทา่ นผูเ้ ป็นต้นเหตุ ว่าท่านจะมอี ะ ไรที่ ไม่ดี ไม่งาม
อยู่บ้างจงึ มาแสดงเหตอุ ยา่ งนัน้  ไมย่ อมลดละ หรอื ว่าความรู้ผมซง่ึ เคยเชื่อแน ่ใน ใจตลอดมานัน้ มัน
หลอกลวงผมและท�ำ ให้ท่านเส่ือมเสีย ไปด้วย จึงขอ ให้ท่านพูดตามความสัตย์ความจริง ให้ผมฟัง
ถ้าทา่ นยงั บริสุทธิด์ อี ยู่เปน็ แต่ความรผู้ มมันพา ใหเ้ ป็นบ้า ไปเอง กเ็ ท่ากับผมกเ็ ปน็ พระบา้ องคห์ นง่ึ
ซึ่ง ไม่ควรอย่กู ับหมคู่ ณะต่อ ไป จะทำ�  ให้หมู่พวกล่มจม ไปด้วย ตอ้ งหน ีไปเท่ยี วซุกซอ่ นตวั อยูต่ าม

142

แบบบา้ ของตน และตอ้ งระงับการอบรมสง่ั สอน ใคร ๆ ทันที ขืนสัง่ สอนตอ่  ไป โลกจะฉิบหายล่มจม
ไปเสยี หมดเพราะความรบู้ ้า ๆ ของผมเพียงคนเดียวเป็นสาเหตุ

ท่านทีเ่ คยเตอื นเตอื นเธอซ้�ำอกี เธอจงึ เริม่ กราบเรียนเรอ่ื งราวตอ่ ทา่ นอาจารยด์ ว้ ยท้งั เสยี ง
สั่นเครือแทบ ไม่เปน็ เสียงผ้เู สยี งคนว่า “ผมเป็นนกั มวย” เท่านก้ี ็หยุดเอาอย่างห้วน ๆ ท่านถามย�้ำ
อีกวา่ ท่านเปน็ นกั มวย ใช ่ไหม เธอตอบว่า ใช่ เพยี งคำ� เดียวเท่านั้น ทา่ นถามวา่ ก็ทา่ นก�ำลงั
เปน็ พระอยู่แล้ว ไปเปน็ นักมวย ไดอ้ ยา่ ง ไรกนั หรือเวลาทา่ นมาทน่ี กี่ ช็ กมวยหาเงนิ มาตามทางดว้ ย
อย่างนั้นหรือ ? ท่านถามอะ ไรเธอเป็นเหมือน ไม่มีสติรับทราบเร่ืองผิด – ถูก – ดี – ชั่วอะ ไรเลย
มีแต่ครบั เอาเสยี เรือ่ ย ทา่ นทเ่ี คยพดู กบั เธอจึงถามเป็นเชิงชกั จูง ให้เธอ ไดส้ ติรับทราบบา้ งว่า ม ิใช่
ทา่ นเคยเปน็ นักมวยแตค่ ราวเปน็ ฆราวาส โนน้ เวลามาบวชเป็นพระแล้วมิ ได้เป็นอยา่ งน้ันอกี ม ิใช่
หรอื  ? เธอตอบวา่ ใช่ เป็นนักมวยมาแตค่ ราวเป็นฆราวาส แตเ่ วลามาบวชเป็นพระแล้วม ิได้
เปน็ อกี ท่านอาจารยเ์ หน็ อาการ ไม่ดีจึงหาอุบายว่า ไดเ้ วลาบณิ ฑบาต หลังจากน้นั ทา่ นกส็ ั่งพระ 
ให ้ไปสอบถามเธอ โดยเฉพาะ เพราะเธอพูดกับทา่ นอาจารย ์ไม ่ไดเ้ ร่อื งเน่อื งจากเธอกลวั ท่านมาก
หลังจากฉันเสร็จแล้วพระที่เคยพูดกับเธอจึงถือ โอกาส ไปสอบถามเธอ โดยเฉพาะ ก็ ได้ความว่า
เธอเคยเปน็ นักมวยสวนกหุ ลาบผู้มีชือ่ เสียงมาหลายปี เกิดความเบื่อหนา่ ยทางฆราวาสจงึ ออกบวช
เปน็ พระ มุ่งหนา้ มาหาทา่ นอาจารย์ พอ ได้ทราบความชัดเจนจากเธอแล้วกม็ ากราบเรียนทา่ น
อาจารย ์ใหท้ ราบตามเร่อื งทเี่ ปน็ มา ทา่ นกม็ ิ ไดว้ ่าอะ ไรตอ่  ไป เรื่องของเธอก็เปน็ อนั ผ่าน ไป

นึกว่าจะเสร็จสิ้นเร่ืองของเธอ ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนกลางคืนท่าน ให้ โอวาทเธอ
องคน์ น้ั บา้ งแล้วก็มิ ไดป้ รารภอะ ไรอีก แต่ที่ ไหน ได้ตอนกลางคนื ท่านพจิ ารณาเรอื่ งของเธออีก ตอน
เช้าก็ ได้เรื่องเธอมาพูด ในท่ามกลางหมู่คณะอีกตามเคยว่า เร่ืองท่าน....นี้ยัง ไม่มีแต่ความเคยเป็น
นักมวยเทา่ นั้น แตย่ ังมอี ะ ไรแฝงอยอู่ กี ขอ ใหท้ า่ น ไปพิจารณา ให้ดอี ีกที เพยี งเคยเป็นนกั มวย
มาแต่ฆราวาสเท่านัน้ เรอ่ื งกค็ วรยตุ ิ ไปแล้ว ไม่ควรมาปรากฏซ้�ำ ๆ ซาก ๆ อีกทำ� นองน้ี พดู เพียง
เท่านัน้ กห็ ยุด พอ ได้ โอกาสพระองค์ทคี่ ุ้นเคยกับเธอก็ ไปหาเธอและถามเรือ่ งราวนน้ั อีก กท็ ราบว่า
เธอมีรูปภาพคนชกมวยทา่ ตา่ ง ๆ ตดิ มาด้วย จงึ  ใหเ้ ธอเอาออกมาดู ก็ ได้เห็นภาพมวยท่าตา่ ง ๆ
ราว ๑๐ กวา่ แผน่ พระท ่ีไปดูกป็ กั  ใจลงวา่ ต้องเปน็ ภาพน้แี น่นอนท่ที ำ�  ให้ทา่ นเดอื ดร้อนอย ู่ไม่หยุด
จงเอา ไปทิง้ หรอื เผา ไฟเสีย เธอก็ปฏิบตั ิตามและพากนั เอาภาพนน้ั  ไปเผา ไฟทิ้งจนหมด จากนัน้
ก็มิ ได้มีเร่ืองท�ำนองนี้เกิดขึ้นอีกต่อ ไป ต่างก็อยู่ด้วยความสงบสุข เธอเองก็เป็นพระปฏิบัติดี
มีมรรยาทที่นา่ เลอื่ ม ใส ท่านอาจารย์เองกเ็ มตตาเธอมากตลอดมา โดยม ิไดพ้ ูดถงึ เร่อื งอดตี ของเธอ
อกี ตอ่  ไป จากน้ันเธอกอ็ ยู่ด้วยความผาสุก เวลาม ีโอกาสพระก็ถามเปน็ เชงิ ลอ้ เล่นกับเธอเกยี่ วกับ

143

เร่ืองอดีต เธอพูด ให้พระฟังถงึ เร่ืองทา่ นอาจารยด์ ุเธอว่า เธอตาย ไปครึ่งหนึ่งแทบ ไม่มีความรสู้ ึก
รบั รู้เร่ืองด ี – ชั่วอะ ไรเลย จึง ได้ตอบท่าน ไปแบบคนตายครึง่ ม ิใช่คนเต็มเต็ง ถ้าท่าน ไมช่ ่วยเมตตา
อนเุ คราะหแ์ ลว้ คงจะเป็นบา้  ไปเลย (ค�ำวา่ ท่านหมายถึงพระองค์ที่ช่วยพดู แทน) ไม่มีวันกลับเปน็
คนดี ได้แน่ ๆ แต่ท่านอาจารย์เองท่านก็ฉลาดมาก พอเห็นเราจะเป็นบ้าและตายต่อหน้าท่าน
ท่านก็รีบระงับเร่ืองลงทันทีแล้วพูดเร่ืองอื่นมากลบเสียท�ำเป็นเหมือน ไม่มีเร่ืองนี้อยู่ ใน ใจท่านเลย
นีค่ ือภาพที่ปรากฏทางนิมิตภาวนาที่ทา่ นเคย ใช้เปน็ คูเ่ คียงกันตลอดมามิ ไดล้ ดละ เพราะเป็นธรรม
จำ� เปน็  ไมด่ ้อยกวา่ ปรจติ ตวิชา การก�ำหนดรวู้ าระจติ ของผอู้ น่ื

ท่านเล่าว่า ท่านพักอยู่ท่ีเชียง ใหม่มีประสบเหตุการณ์ทั้งภาย ใน โดยเฉพาะและเกี่ยวกับ
สิ่งภายนอกมากมายกว่าท่ีทั้งหลายท่ีเคยผ่านมา ในชีวิตแห่งนักบวช สิ่งท่ี ไม่เคยรู้เคยเห็นก็รู้เห็น
ขึ้นมาเป็นข้ึนมาท้ังน่าตื่นเต้นและอัศจรรย์ตลอดมา ย่ิงเวลาพักอยู่คนเดียวด้วยแล้วก็ยิ่งพบเห็น
สิ่งต่าง ๆ ทเี่ ป็นของลึกลับมากมาย แมต้ ัวเองก็ ไมอ่ าจจะประมาณ ได้ เพราะจติ ท่ีเป็นธรรมชาติ
รเู้ หน็ ตามวิสยั ของตนหากรเู้ ห็นอย่ทู �ำนองนั้น รู้เห็น ในเวลาเข้าท่ีก็มี เวลาธรรมดากม็ ี จึงนา่ แปลก
ประหลาดและอัศจรรย์จติ ดวงทเ่ี คย โง่และมืดมดิ ปดิ ทวารมาแต่กอ่ น ซ่ึง ไม่คาดฝนั วา่ จะสามารถ
รู้เหน็  ได้ดังท่ีรู ้ ๆ เห็น ๆ อยกู่ ับเหตุการณ์ทมี่ าเกย่ี วขอ้ ง ในปจั จบุ นั ประหนึ่งส่งิ ทม่ี าเก่ยี วขอ้ งนนั้  ๆ
เพ่งิ จะมีขึ้น ในปัจจบุ ัน ทั้งทเี่ คยมีอยดู่ งั้ เดิมแต่กาล ไหนกาล ไรมา

นอกจากเวลาจิตเข้าพักสงบเต็มที่ล่วงเลยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเข้า ไปเกี่ยวข้องถึงเท่าน้ัน
จงึ  ไม่มีอะ ไรปรากฏ ในเวลาน้นั จติ พกั อยู่ดว้ ยธรรม ธรรมอยูด่ ว้ ยจิต จิตเปน็ ธรรม ธรรมเป็นจติ
เปน็ เอกภี าพ คอื ธรรมกบั จติ เป็นอันเดยี วกนั ไมม่ ีสองกับอะ ไร ไม่มีสมมตุ ิ ใด ๆ เข้า ไปเกี่ยวขอ้ ง
กาล ไม่มี สถานท ่ีไม่ปรากฏ ขนั ธ์ ไมม่  ีในความรู้สกึ สุข – ทกุ ข์ที่เป็นสมมุต ิไม่ปรากฏ ถ้าจิต
ไมถ่ อนขน้ึ มาจะอย ู่ไปกวี่ นั กเี่ ดอื น กปี่ ี หรอื กกี่ ปั กก่ี ลั ป์ ก ็ไมป่ รากฏสมมตุ มิ ี อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า
เปน็ ตน้ เขา้  ไปรบกวน เพราะเป็นความดบั สมมุตอิ ยา่ งสนิท แมส้ มมุติทั้งหลายมีขนั ธท์ ่ีกำ� ลัง
ครองตัวอยู่ เป็นตน้ เกิดข โมยแตกสลาย ไป ในขณะทจ่ี ติ ก�ำลงั พกั อยู่ ในนิ โรธธรรม คือ ความดบั
สมมุติทัง้ หลาย ก็คง ไมม่ ีทางทราบ ได้ จิตคงเป็นสภาพน้ัน ไปเลย

นเี่ ป็นเพียงพดู ตามความเปน็ ของจติ  ในเวลาเข้าพกั ระงบั ดบั สมมุตชิ ่วั คราว คง ไมพ่ ักตลอด 
ไปเปน็ ปี ๆ ดังทวี่ ่านั้น เชน่ เดียวกับคนนอนหลับสนทิ ย่อมหมดการรับทราบ ในขันธ์ แม้จะหลบั  ไป
ก่ีวันก็คงเป็นท�ำนองคนนอนหลับอยู่น่ันเอง นอกจากเวลาต่ืนนอนข้ึนมาแล้วถึงจะรับทราบความ
สุข – ทุกข์ ไปตามหน้าที่ท่ีเคยรับ แต่การเข้าพักสงบจิตจะเป็นพักสงบธรรมดาหรือพัก ในนิ โรธ –

144

สมาบัติก็เป็นสมมุติอยู่ โดยดี เป็นแต่ผู้เข้าพักเป็นผู้พ้นจากสมมุติแล้วเท่าน้ัน กิริยาแห่งสมมุติ
ท้ังปวงจึง ไม่สามารถท�ำวิสุทธิจิตน้ัน ให้ก�ำเริบเป็นอื่น ได้ คงเป็นวิมุตติจิตอยู่ตามเดิม ในฐานะเป็น
อกาลกิ จติ คอื จติ ที่พน้ จากกาลสถานที่เป็นต้น ไปแลว้ เป็นจติ ทหี่ มดความคาดหมายด้นเดา ใด ๆ
ทั้งสนิ้ จึง ไมค่ วรคาดหมายดน้ เดา ให้เสียเวลาและล�ำบากเปล่า ขณะจิตทพี่ ักตวั อย่ ูในความสงบ
ลบสมมตุ ิทง้ั มวลแลว้ ไมร่ ับธรุ ะหน้าที่ ใด ๆ ฉะน้นั สิ่งท่ีควรเขา้  ไปเกย่ี วขอ้ ง ให้รู้เหน็ จึงระงบั ดบั สญู  
ไปหมดเวลานั้น ตอ่ เมอ่ื ถอนออกจากสมาธิสมาบตั ิ ออกมาอยู่ขน้ั อปุ จารสมาธิหรือเป็นวิสทุ ธจิ ิต
ธรรมดาแล้ว ถา้ มเี หตคุ วรรู้ จิตควรรู้ จึงจะรู้และรบั ทำ� ธุระ ไปตามหน้าทแี่ ละก�ำลังของตนตอ่  ไป
ตามกาลอันควร ทา่ นว่าจิตทา่ นเปดิ เผยตอ่ เหตกุ ารณอ์ ย่เู สมอ ท้งั อยู่ ในอปุ จารสมาธิและอยู่ปรกติ
ธรรมดา ต่างกนั เพียงลึกตนื้ หยาบละเอียดหรือกว้างแคบเท่านน้ั ถา้ ตอ้ งการความละเอียดและ
กว้างขวางต้องเข้าอปุ จารสมาธิพิจารณา

พุทโธหาย

เร่อื งเก่ยี วกบั ตาพิเศษ หูพเิ ศษกเ็ ชน่ กัน ตอ้ งเขา้ อุปจารสมาธสิ งบอารมณน์ ้อย ๆ แลว้ คอย
รับทราบ จะทราบทางรูปคนเสยี งคน หรือรปู สตั วเ์ สียงสัตว์ หรอื มาก ไปกว่านน้ั ตามแต่ความ
ประสงคจ์ ะทราบก็ทราบ ได้ เหมอื นเหน็ ด้วยตาเน้ือ ฟงั ดว้ ยหูหนงั เรือ่ งทั้งน้ที ่านเคยเลา่  ใหฟ้ งั
เวลาทา่ น ไปพักอยู่กบั พวกชาวเขา ซ่งึ  ไมเ่ คยเห็นพระเห็นสงฆ์เป็นสว่ นมาก นอกจากผ้มู  ีโอกาส 
ได้ลงมาเมืองหรือหมู่บ้านที่มีพระสงฆ์ถึงจะมี โอกาส ได้เห็นบ้าง ขณะท่าน ไปถึงทีแรกสององค์
ดว้ ยกนั ก็พากนั พกั อยูช่ ายภูเขา หา่ งจากหมู่บา้ นชาวเขาราวสองก ิโลเมตร พกั อยูร่ ่ม ไม้ธรรมดา
ตอนเชา้ พากนั เข้า ไปบณิ ฑบาต คนชาวเขาเหน็ ทา่ นเข้า ไปบิณฑบาตก็ถามท่านว่า ตุเ๊ จ้ามาธรุ ะ
อะ ไร ทา่ นก็บอกวา่ มาบณิ ฑบาต เขาถามวา่ มาบณิ ฑบาตอย่าง ไร ? เพราะพวกเขา ไม่เข้า ใจ
ท่านบอกว่า บิณฑบาตข้าว เขาถามวา่ ขา้ วสกุ หรือข้าวสาร ทา่ นบอกว่าข้าวสกุ เขากบ็ อกกนั  ใหห้ า
ขา้ วสุกมา ใส่บาตรทา่ น ได้แล้วกก็ ลับมาที่พกั และฉนั แต่ข้าวเปล่า ๆ อยู่นาน

ขณะ ไปพักอยู่ทน่ี ั้นทีแรกชาวบา้ นเขา ไม่มคี วามเลื่อม ใสและ ไว้วาง ใจทา่ นเลย ตกกลางคนื
หวั หนา้ บา้ นตเี กราะนดั  ใหช้ าวบา้ นมาประชมุ รวมกนั แลว้ ประกาศวา่ ขณะนมี้ เี สอื เยน็ สองตวั (หมายถงึ
ทา่ นอาจารยก์ ับพระทอี่ ยู่ด้วยกนั สององค์) มาพกั อย ู่ในปา่ แห่งน้นั จะเป็นเสอื เยน็ ประเภท ใดกย็ งั
ทราบ ไม่ ได้ พวกเรา ไม ่ไว้ ใจเสอื เย็นสองตวั นน้ั จึงห้าม ไม ่ใหเ้ ดก็ และผหู้ ญงิ เข้า ไป ในปา่ น้นั แม้
ผู้ชายจะ ไปกค็ วรมพี วกมเี พือ่ นและมเี คร่ืองมือติดตวั  ไปดว้ ย ไมค่ วร ไปคนเดียวและ ไปแต่ตัวเปล่า ๆ
เด๋ียวเสือเย็นสองตวั น้นั เอา ไปกนิ จะว่า ไมบ่ อก

145

ขณะที่เขาก�ำลังประชุมประกาศเรื่องเสือเย็น ให้ชาวบ้านทราบก็เป็นเวลาท่ีท่านอาจารย์
ก�ำลังเข้าที่ภาวนาอย่พู อดี เร่ืองทเี่ ขาประกาศ ให้ชาวบา้ นทราบท้งั หมดจึงเปน็ เหมือนประกาศ ให้
ท่านซ่งึ กำ� ลังตกอยู ่ในคำ� กล่าวหาว่าเป็นเสอื เยน็ ทราบด้วย โดยตลอด ทา่ นเกดิ ความสลดสงั เวช ใจ
อย่างย่ิงที่ ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าตนจะเป็นพระประเภทเสือเย็นดังค�ำกล่าวหา ขณะน้ันแทนท่ี
ท่านจะ โกรธและเสยี ใจ ในคำ� กล่าวหาของเขา แต่กลับเกดิ ความเมตตาสงสารเขาอยา่ งบอก ไม่ถูก
กลัวเขาผู้ ไม่รู้เร่ืองอะ ไรเลยก็มีจ�ำนวนมากจะพลอยเชื่อตามค�ำเหลว ไหลน้ันและพลอยเป็นบาป
หาบกรรม ไปตาม ๆ กัน เมอ่ื ตายจากชาตินี ้ไปแลว้ กลัวเขาจะ ไปเกดิ เป็นเสือกนั ทั้งบ้าน พอตน่ื เช้า
ทา่ นก็รีบบอกกบั พระท่ีอย่ดู ้วยวา่ คนื นี้พวกชาวบ้านเขาประชุม ประกาศกันว่าเราท้ังสององค์เป็น
เสือเย็นท่ีปลอมแปลงตัวเป็นพระมาหลอกลวงอย่างแยบยลลึกลับเพ่ือ ให้เขาตาย ใจเช่ือถือแล้วกลับ
ทำ� ลายชีวิตและทรัพยส์ นิ เขาด้วยวธิ ตี ่าง ๆ ฉะน้ัน เขาจึง ไม่เลอ่ื ม ใสและ ไว ้ใจพวกเราทง้ั สองเลย
เวลานี้ หากวา่ เราท้ังสองหน ีไปจากท่ีนีเ่ สยี  ในเวลาที่เขากำ� ลังคิด ไม่ดอี ยูข่ ณะนี้ เวลาเขาตาย ไปจะ
พากนั  ไปเกิดเปน็ สตั ว์เปน็ เสือกันท้งั บ้านซึ่งนับวา่ เป็นกรรมแกเ่ ขา ไมเ่ บาเลย เพื่อความอนเุ คราะห์
เขาซึ่งควรแกส่ มณกจิ ทพี่ อท�ำ ไดจ้ ึงควรอดทนอยู่ที่น ี่ไปกอ่ น แมจ้ ะทุกข์ลำ� บากก็พยายามอดทน ไป
จนกวา่ เขาจะพากันกลบั  ใจ ได้แลว้ จะ ไปท่ี ไหนคอ่ ย ไปกนั ดังนี้

นอกจากเขา ไม ่ไว ้ใจและเล่อื ม ใสแล้ว พวกผูช้ ายยังพากนั มาคอยสังเกตการณ์ตามสถานที่
ท่ีท่านพักอยบู่ ่อย ๆ คร้ังละ ๓ – ๔ คน โดยมเี ครื่องมือตดิ ตัวมาดว้ ย มายืนลอบ ๆ มอง ๆ อยู่
แถวบรเิ วณใกล ้ ๆ บา้ ง มายืนอยขู่ า้ งทางจงกรมบ้าง มายนื อยู่ท่ีหัวจงกรมบา้ ง มายนื อย่กู ลาง
ทางจงกรมบา้ ง ในเวลาทา่ นกำ� ลงั เดนิ จงกรมทำ� ความเพยี รอยู่ ตา่ งคนตา่ งจอ้ งและสอดสา่ ยสายตา
มองมายงั ทา่ นและเหลอื บมอง ไปรอบ ๆ บรเิ วณ เขา ใชเ้ วลาสงั เกตการณด์ ว้ ยความ ไม ่ไว ้ใจอยทู่ ำ� นอง
นัน้ นาน ประมาณครั้งละ ๑๐ นาทบี า้ ง ๑๕ นาทีบา้ งแทบทุกวัน และ ไม่พูดจา ไต่ถามอะ ไร
กบั ท่าน ในระยะเร่มิ แรก แลว้ ก็พากันกลบั  ไป วันหลงั  ได้ โอกาสก็พากนั มา ใหม่ เขาใช้เวลาสงั เกต
ทา่ นอย่นู านวันพอควร

ส่วนอาหารปัจจัยเคร่ืองอาศัยเป็นอยู่หลับนอนของพระเสือเย็นท้ังสองตัว จะขาดตก
บกพรอ่ งหรอื จะเปน็ จะตายอยา่ ง ไรบา้ งนน้ั เขาม ิไดพ้ ากนั สน ใจคดิ และขวนขวายกนั เลย ฉะนนั้ การ
เป็นอยขู่ องทา่ นทง้ั สองที่เขา ใหน้ ามวา่ เสือเย็นจึงลำ� บากอตั คัดมาก อาหารบณิ ฑบาตอย่างมากก็ ได้
ขา้ วเปลา่  ๆ มาฉัน บางวันรวมทงั้ ฉนั นำ้� ด้วยกอ็ มิ่ พอเบาะ ๆ บางวันรวมทั้งฉันนำ้� ก็ ไมพ่ อ ท่อี ยู่
หลับนอนกอ็ าศัย โคน ไมเ้ ป็นประจำ� ท้ังแดดท้ังฝนกท็ นเอา เพราะที่นัน้  ไม่มถี �้ำหรือเงอ้ื มผาพอ ได้
อาศัย ถา้ ฝนตกชกุ มาก  ในบางวันตกท้งั วนั พอฝนเบาลงบ้างกพ็ ยายามเที่ยวเกบ็  ใบ ไมแ้ ห้ง

146

หญา้ แห้งมาท�ำเป็นจากมุงพอบงั แดดบงั ฝน ไปพลาง พอประทงั ชีวิต ไปวนั หนงึ่  ๆ ดว้ ยความทุกข์
ลำ� บากมากมาย ขณะฝนตกกเ็ ขา้ หลบซ่อนอยู่ ในกลด ในมงุ้ พอบรรเทาความหนาว เวลาลมพดั
จากภูเขามาอย่างแรงฝนก็สาด กลดก็จะปลวิ หลดุ มอื องคท์ ่านและบริขารกเ็ ปยี กตวั สั่นเหมอื น
ลกู นกลกู กา ถา้ เป็นตอนกลางวนั กพ็ อท�ำเนา มองเห็นที ่ไปท่หี ลบซอ่ นและทีเ่ ก็บบรขิ ารต่าง ๆ บ้าง
แต่ฝนตกเอาตอนกลางคนื รูส้ กึ ล�ำบากมาก ตากม็ อง ไม่เหน็ อะ ไร ท้งั ฝนกระหน่�ำลง ลมกระหน�่ำมา
ประดังกนั กง่ิ  ไม้ท่ถี กู ลมพดั อยา่ งแรงต่างกข็ าดตกลงข้างหน้าขา้ งหลงั ตมู ตาม ๆ ไม่แน ่ใจว่าชวี ิต
จะต้านทานฝน ตา้ นทานลม ต้านทานความเหนบ็ หนาว หรือจะตา้ นทานกิง่  ไมน้ ้อย ใหญ่ท่ีหกั
ตกลงและ โหมกันมาจากทิศตา่ ง ๆ ในขณะนน้ั

เมอื่ ชวี ติ ยงั อยกู่ ท็ นกนั  ไป รอ้ นกท็ น ไป หนาวกท็ น ไป หวิ กท็ น ไป ระหายกท็ น ไป อดบ้าง
อม่ิ บ้างกท็ นกัน ไป จนกวา่ จะหมดกลิ่นแห่งความระแวงสงสัยของชาวบา้ นท่หี วาดระแวงตอ่ ท่านวา่
เปน็ เสอื เย็นคอยหลอกลวงกินเนอ้ื กนิ หนังเขา การขบฉันแม้เพยี งขา้ วเปล่า ๆ กอ็ ดมอ้ื อิ่มมอื้ สงิ่
อืน่ นนั้  ไมจ่ �ำต้องพูดถึงว่าเขาจะมีความสน ใจ ไยด ีใหท้ ่าน ทพี่ กั ทอี่ ย่กู ็แบบคนอนาถาหาทเี่ กาะท่ีพึ่ง 
ไม ่ได้เราด ี ๆ นีเ่ อง น�ำ้ กห็ วิ้ กาน้ำ� ลง ไป ในคลองซ่ึงอยตู่ นี เขา กรอง ใหเ้ ตม็ กาแลว้ กห็ ้ิวข้ึนมาฉนั มา ใช้
หลังจากสรงเสร็จแลว้ แตท่ �ำความเพียรสะดวกดมี าก หมดกงั วลทุกดา้ น ไมม่ ีอะ ไรเกาะเกยี่ ว

ตอนกลางคืนยามดึกสงดั ท�ำภาวนาฟังเสยี งเสอื กระหม่ึ ไป – มาทลี ะหลาย ๆ ตัว ใกล้ ๆ
บริเวณทท่ี า่ นพกั  ใต้ร่ม ไม้ แต่แปลกอยอู่ ยา่ งหนึง่ ทเ่ี สือ ไม่เขา้ มาหาทา่ นเลย ลว้ นเปน็ เสอื  โครง่  ใหญ่
ลายพาดกลอนทงั้ น้นั ท่านวา่ ทา่ นเพลิดเพลนิ  ไปกับเสยี งสตั วช์ นิดต่าง ๆ แต่บางทีเสอื กเ็ ขา้ มาหา
ท่านและลูกศิษย์ทา่ นเหมอื นกัน เขาคงสงสยั ว่าเปน็ สตั วซ์ ึ่งควรจะเป็นอาหาร ไดบ้ ้างแลว้ แอบเขา้
มาดู พอคนกระดกุ กระดิกลกุ ขึน้ เขารอ้ ง โก้กพร้อมกับกระ โดดเข้าปา่  ไป วนั หลงั  ไมเ่ หน็ เขามาหา
อกี เลย พอตกบ่าย ๆ กม็ ีชาวบ้านราว ๓ – ๔ คนออกมาสังเกตการณ์แทบทุกวัน แต่เขา ไม่พดู จา
อะ ไรกับท่าน ทา่ นกม็  ิไดส้ น ใจกบั เขา เฉพาะพวกเขาเองบางคร้ังมีการพูดกระซบิ กระซาบกัน
ขณะที่พวกเขามาทีน่ ัน่ ทา่ นก�ำหนดจติ ดจู ิต ใจเขาทค่ี ิดปรุงอยทู่ กุ ขณะและทกุ เวลาทีเ่ ขามา ส่วน
พวกเขาเองก็คง ไม่สน ใจคิดว่าท่านจะรู้เรื่องความคิดปรุงทาง ใจตลอดค�ำพูดเขาท่ีระบายออกจาก 
ใจผูบ้ งการอะ ไรเลย คงเขา้  ใจวา่ ตนมีความลบั ท ี่ไมม่  ีใครสามารถสอดรู้อยู่ภาย ใน จึงสนุกคิดเรอื่ ง
ตา่ ง ๆ อย่างเพลิน ใจ ซึง่  โดยมากกเ็ ป็นความคิดคอยจบั ผดิ ท่านอยภู่ าย ใน ท่านกำ� หนดด ูใจของ ใคร
ที่มาดว้ ยกันก่คี นก็มีความร้สู ึกนึกคดิ ท่คี อยจบั ผิดอยภู่ าย ในเชน่ เดยี วกันหมด สมกบั เขาประกาศส่ัง
พวกเขา ใหม้ าสังเกตการณจ์ รงิ  ๆ

147

ท่านเองแทนท่ีจะคิดระวังตัวกลัวเขาจะจับผิด แต่กลับคิดสงสารเขาเป็นก�ำลัง ว่าคน 
ในบ้านน้ันมี ไม่ก่ีคนที่เป็นผู้ชักน�ำชาวบ้านซ่ึงมีหลายคน ให้เห็นผิด ไปด้วย ท่านพักอยู่ที่นั้นเป็น
เดือน ๆ ยงั  ไมเ่ ห็นเขาลดละความพยายามคอยจับพริ ธุ ความผดิ พลาดทา่ น พวก ใดมาหาลว้ นมี
ความจ้องมองหาแต่ความผิดกบั ทา่ นเชน่ เดียวกัน ทา่ นว่าเขาช่างพยายามเอาเสียจรงิ  ๆ แตย่ งั ดี
อย่อู ย่างหน่งึ ทีเ่ ขา ไม่พร้อม ใจกนั มาขบั  ไลท่ า่ น ให้หนจี ากที่น้นั เปน็ เพยี งจัดวาระกันมาควบคมุ  โดย
ทางลบั เทา่ นนั้ เมอ่ื ท่านอยู่นาน ไปท้งั พวกเขากม็ าสงั เกตดอู ยหู่ ลายครั้ง เฉพาะพวกหนง่ึ  ๆ ยงั  
ไม่อาจจบั ความเคลือ่ น ไหวทผ่ี ดิ พลาดทา่ น ได้ เขาคงแปลก ใจอยมู่ าก ในเวลาต่อมา คืนวนั หนึง่
ทา่ นกำ� ลงั น่งั ภาวนาอยู่ ไดย้ ินหรอื ทราบขึ้นภาย ใน ใจว่า หวั หน้าบ้านประชมุ สอบถามผลของ
การสังเกตการณ์ว่า ได้ผลคืบหน้า ไปเพียง ใดบ้าง ชาวบ้านบรรดาที่มาสังเกต ให้ค�ำตอบเป็นเสียง
เดยี วกันวา่ ไม่มีผลอะ ไรตามความคิดเหน็ ของพวกเราท่ีคิดกนั  ไป ท�ำอย่างนน้ั ด ีไมด่ นี า่ กลวั จะเปน็  
โทษมากกว่าผลทีค่ าดกนั ผ้สู งสยั ซักขนึ้ ทำ�  ไมวา่ อยา่ งนน้ั เขาตอบกันวา่ กเ็ ทา่ ท่ีสังเกตดแู ล้วตเุ๊ จ้า
สองตนนัน้ (ตุเ๊ จา้ หมายถึงพระ) ไม่เห็นมีกริ ิยาทา่ ทาง ใด ๆ ท่ีเปน็  ไปดังที่พวกเราคาดกัน ไปสงั เกต
ดูที ไรก็เห็นแต่ท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่บ้าง ท่านเดินกลับ ไปกลับมา ในท่าส�ำรวม ไม่มอง โน้นมองนี้
อย่างคนท่ัว ๆ ไปบ้าง

คนท่ีจะเป็นเสือเย็นตั้งท่าคอยฉีกสัตว์กัดคนคง ไม่ท�ำอย่างนั้น ต้องมีอาการแสดงออก
พอจบั  ได้บา้ ง แตต่ ๊เุ จ้าสองตนน้ ีไม่มีกริ ิยาเชน่ น้ันแฝงอยูบ่ า้ งเลย ถา้ ขืน ไปทำ� อย่างท่ีพากันท�ำอยู่
ทุกวันนี้จึงน่ากลัวเป็นบาป ทางท่ีถูกควร ไปศึกษา ไต่ถามท่านดู ให้รู้เหตุผลตน้ ปลายก่อน อย ู่ ๆ ก็ 
ไปเหมาวา่ ทา่ น ไมด่ เี อาเลยตามความคิดเห็นเฉย ๆ อย่างนี้น่ากลวั เป็นบาป บรรดาพวกท ี่ไปสงั เกต
ทา่ นมาแล้วพูดเปน็ เสยี งเดียวกันว่า ท่านเปน็ ต๊เุ จ้าที่ดียากจะหา ได้ พวกเราก็เคยเห็นตเุ๊ จา้ มาบ้าง
พอจะรขู้ องดขี อง ไม่ดี บางรายก็ว่าเคารพเล่ือม ใสทา่ นมากกว่าจะคดิ แสห่ า โทษทา่ น ถา้ อยาก
ทราบรายละเอียดกค็ วร ไปศกึ ษา ไต่ถามทา่ นดูบ้างว่า การนั่งหลับตานง่ิ  ๆ ก็ดี การเดนิ กลับ ไป
กลับมากด็ ี ทา่ นนั่งเพอ่ื อะ ไรและท่านเดินหาอะ ไร

ทา่ นวา่ สดุ ทา้ ยแหง่ การประชมุ ของชาวปา่  ไดค้ วามวา่ ใหค้ น ไป ไตถ่ ามทา่ นดตู ามทต่ี กลงกนั
ตื่นเชา้ มาท่านก็พูดกบั พระที่อยูด่ ว้ ยว่า เขาเรม่ิ กลับ ใจมาทางดีแล้ว คนื น้ันเขาประชมุ กนั เกี่ยวกบั
การมาสังเกตดูพวกเรา ตกลงกันว่าจะจดั  ให้คนมา ไตถ่ ามข้อขอ้ ง ใจกบั พวกเรา พอวันหลงั ตอน
บา่ ย ๆ เขาพากันมาจรงิ  ๆ ดังท่ีร้ ูไว้ ในจ�ำนวนท่ีมามคี นหนง่ึ ถามข้นึ วา่ ตเุ๊ จ้านงั่ หลับตาน่งิ  ๆ และ
เดินกลับ ไปกลบั มานั้นตเุ๊ จ้านัง่ และเดนิ หาอะ ไร ทา่ นตอบเขาว่า พทุ  โธเราหาย เราน่งั และเดิน

148

หาพทุ  โธ เขาถามทา่ นว่า พุท โธเป็นตวั อย่าง ไร พวกเราจะหาช่วยตุ๊เจ้า ได้ ไหม ? ท่านตอบว่า
พทุ  โธเป็นดวงแกว้ อนั ประเสริฐเลศิ  โลกใน ไตรภพ เป็นดวงฉลาดรอบรูท้ วั่  ไตร โลกธาตุ ถ้าสจู ะหา
ช่วยเราก็ยง่ิ ดมี าก จะ ได้เห็นพทุ โธเรว็  ๆ ง่าย ๆ ดว้ ย (สูเปน็ ค�ำท่ชี าวเขานับถอื กันว่าดีมากสนิทกัน
มาก) เขาถามวา่ พุท โธตุเ๊ จา้ หายมานานแลว้ หรอื ท่านตอบว่า ไม่นาน ถา้ สชู ว่ ยหา ใหย้ ่ิงจะพบ
เรว็ กว่าเราหาเพียงคนเดียว

เขาถามว่า พุท โธเปน็ ดวงแกว้  ใหญ ่ไหม ? ทา่ นตอบวา่ ไม่ ใหญ่ ไม่เล็ก พอดีกับเราและ
พวกสดู ี ๆ นี่เอง ใครหาพทุ  โธพบคนนัน้ ประเสรฐิ มองเห็นอะ ไรตอ่ อะ ไร ไดต้ าม ใจหวัง เขา
ถามมองเหน็ นรก – สวรรคไ์ ด ้ไหมตุเ๊ จา้  ? ท่าน,ต้องมองเหน็ ซิ ไมเ่ ห็นจะว่าประเสริฐ ได้อย่าง ไร
ลกู เมีย – ผัวตายมองเหน็ ได ้ไหมตุ๊เจ้า ? ท่านตอบว่า เหน็ หมดถา้ ต้องการอยากเห็นเมื่อ ไดพ้ ุท โธ
แลว้ เขาถาม สว่างมากไหม ? ท่าน,สว่างมาก ยงิ่ กว่าพระอาทิตย์ตัง้ ร้อยดวงพันดวง เพราะ
พระอาทิตย์ ไมส่ ามารถส่องเหน็ นรก – สวรรค์ ได้ แตด่ วงพุท โธสามารถสอ่ งเหน็ หมด เขาถาม
ผหู้ ญิงหาช่วย ได ้ไหม ? เด็ก ๆ หาช่วย ได ้ไหม ? ทา่ น, ได้ทั้งน้นั ไมน่ ยิ มว่าหญิงวา่ ชายวา่ เดก็
หรือผู้ ใหญ่ ใครหาก็ ไดท้ ง้ั นั้น เขาถามทา่ นวา่ พทุ  โธน้ันประเสรฐิ  ในทาง ใดบา้ ง กนั ผ ีได ้ไหม ?
ท่านตอบ พทุ  โธประเสรฐิ และ ใช้ ได้หลายทางจนนบั  ไมถ่ ้วน ใน โลกทง้ั สาม คือ กาม โลก รูป โลก
อรูป โลก โลกทง้ั สามตอ้ งยอมกราบพุท โธทัง้ นั้น ไมม่  ีใครยงิ่  ใหญก่ วา่ พุท โธ ผกี ็กลัวพทุ  โธมาก
ต้องกราบพทุ  โธ ใครหาพทุ  โธแมย้ งั  ไมพ่ บ ผกี เ็ ร่ิมกลวั ผู้น้นั แลว้

เขาถามท่าน พุท โธเป็นแกว้ สอี ะ ไรตุ๊เจา้ ท่านตอบ พุท โธเป็นแกว้ ดวงสวา่ ง ไสวและมี
หลายสีจนนับ ไม ่ได้ พทุ  โธน้ีเปน็ สมบัตอิ นั วเิ ศษของพระพุทธเจา้ พุท โธน้นั เป็นองคแ์ ห่งความรู้
ความสวา่ ง ไสว ไมเ่ ปน็ วัตถุ พระพทุ ธเจ้าทา่ นมอบ ใหพ้ วกเรา ไวห้ ลายปีแล้ว แตเ่ ราเองยงั หา
พุท โธทีท่ ่านมอบ ใหย้ งั  ไม่เจอ ไม่ทราบวา่ อยทู่ ี่ตรง ไหน แตจ่ ะอยู่ที่ ไหน ไมส่ �ำคญั นัก ท่สี �ำคัญก็คือ
ถา้ สจู ะพากนั หาพุท โธช่วยเราจริง ๆ ใหพ้ ากนั นั่งหรือเดนิ นกึ  ใน ใจวา่ พุท โธ ๆ อยูภ่ าย ใน โดยเฉพาะ
ไม่ ใหจ้ ิตสง่ ออก ไปนอกกาย ให้รู้อยูก่ ับคำ� ว่าพุท โธ ๆ เทา่ น้นั ถ้าทำ� อยา่ งนพี้ วกสูอาจเจอพุท โธ
ก่อนเราก็ ได้ เขาถามทา่ นวา่ การน่ังหรือเดนิ หาพทุ  โธจะ ใหน้ ่งั หรอื เดนิ นานเท่า ไรถงึ จะพบพุท โธ
แลว้ หยดุ  ได้ ทา่ นตอบ ใหน้ ่งั หรอื เดินเพียง ๑๕ หรือ ๒๐ นาทีกอ่ นส�ำหรับผตู้ ามหาพุท โธ
ทแี รก พุท โธท่านยงั  ไมอ่ ยาก ให้พวกเราตามหาทา่ นนานนกั กลวั จะเหน่ือยแลว้ ตามพุท โธ ไมท่ นั
เดย๋ี วจะขีเ้ กียจเสียก่อนทีหลังจะ ไม่อยากตามหาทา่ นแลว้ ก็เลยจะ ไม่พบทา่ น เอาเพียงเท่าน้ีกอ่ น
ถ้าอธบิ ายมากกว่านจ้ี ะจ�ำวิธ ีไม่ ไดแ้ ล้วตามหาพุท โธ ไม่พบ

149

เสร็จแลว้ เขากพ็ ากนั กลับบา้ น การลาทา่ นสำ� หรบั เขาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเพราะเขา ไม่เคย
ลา ใคร วา่ จะ ไปเขาลกุ ขึ้นแลว้ ก็ ไปทันทที ัน ใด ไม่สน ใจคำ� ลา ใครทัง้ น้ัน พอ ไปถึงบา้ นแลว้
ชาวบา้ นต่างกม็ ารุมถามเป็นการ ใหญ่ เขากอ็ ธิบาย ให้ฟังตามทีท่ า่ นสงั่ สอนเขาแต่ โดยย่อ ไว้ก่อนนนั้
นอกจากนน้ั เขายังอธิบายเร่ืองท่านพระอาจารย์ ใหช้ าวบา้ นฟงั ว่า ทสี่ งสยั การนงั่ หลับตาน่งิ  ๆ และ
การเดินกลบั  ไปกลับมานน้ั ท่านนั่งและเดนิ หาพทุ  โธดวงเลิศตา่ งหาก ม ิไดน้ งั่ และเดินแบบเสือเยน็
ดังทพี่ วกเราเข้า ใจกัน พอชาวบา้ นทราบวิธตี ามทีพ่ วกมาถามท่านน�ำ ไปเล่า ให้ฟังแล้วต่างคนต่าง
ก็สน ใจฝึกหัดนึกพุท โธภาย ใน ใจ โดยท่ัวกัน นับแตห่ ัวหน้าบา้ นลงมาถึงผ้หู ญงิ และเด็ก ๆ ที่พอร้วู ธิ ี
นกึ พทุ  โธ ได้

เป็นที่อัศจรรย์ ไม่คาดฝันว่าจะมีผู้รู้เห็นธรรมของพระพุทธเจ้าภาย ใน ใจอย่างประจักษ์ โดย 
ไมเ่ น่นิ นานนกั คือผชู้ ายคนหนึ่งซ่งึ ตามหาพทุ  โธแล้วประสบธรรมคอื ความสงบสุขทาง ใจจากการ
นกึ บรกิ รรมพุท โธตามวิธที ่ที ่านบอกเขา ทา่ นเล่าว่า กอ่ นหน้า ๓ – ๔ วนั ท่เี ขาจะประสบผลจาก
พทุ  โธ เขานอนหลบั ฝนั ถึงท่านพระอาจารยม์ ัน่ ว่า ท่านเอาเทยี น ใหญ่ทีจ่ ดุ  ไฟอยา่ งสวา่ ง ไสวแลว้  
ไปตดิ  ไวบ้ นศรี ษะเขา พอทา่ นตดิ เทยี นเสรจ็ แล้วนับแตศ่ รี ษะลงมาถึงตวั เขาปรากฏวา่ สว่าง ไสว ไป 
โดยตลอด เขาดี ใจมากว่าตน ได้ของดมี คี วามสวา่ ง ไสวแผ่ออก ไปนอกกายตั้งหลาย ๆ วา พอจิตเขา
เป็นข้ึนมาก็รีบมาหาท่านพระอาจารย์และเล่าเร่ืองความเป็นและค�ำฝัน ให้ท่านฟังอย่างน่าอัศจรรย์
จากนัน้ ทา่ นก็ ไดอ้ ธิบายเพ่มิ เตมิ  ใหเ้ ขา ไปท�ำตอ่ ปรากฏวา่  ไดผ้ ลอยา่ งรวดเรว็ และยงั สามารถร ู้ใจ
ของผอู้ ืน่  ไดอ้ กี ดว้ ย ว่า ใจของ ใครยงั มเี ศรา้ หมองและผอ่ ง ใสเพยี ง ใด เขาพดู กับท่านอยา่ ง ไมม่ ีการ
สะทกสะท้านเลย ซง่ึ ตรงกับจรติ คนป่าที่มีนสิ ัยพูดตรง ไปตรงมาอยู่แล้ว

ในเวลาต่อมาเขาออกมาเล่าธรรม ใหท้ ่านฟัง วา่ เขา ได้พิจารณาร้เู หน็ จิตทา่ นอาจารย์และ
พระทอี่ ยกู่ บั ทา่ น ได้อยา่ งชดั เจน ทา่ นเองกถ็ ามเขาบ้างเปน็ เชิงเล่น ๆ วา่ จิตของทา่ นเป็นอย่าง ไร
มีบาปมาก ไหม ? เขาตอบทา่ นทนั ทเี ลยว่า จิตของตุเ๊ จ้า ไม่มีจดุ มีดวงเหลอื อยแู่ ลว้ มีแตค่ วาม
สวา่ ง ไสวอันเป็นทอี่ ศั จรรย์อยา่ งยงิ่ อย่ภู าย ในเท่าน้ัน ตเุ๊ จ้าเป็นผูป้ ระเสรฐิ สุด ใน โลก ไมม่  ีใคร
เสมอเหมือน เฮา ไมเ่ คยเหน็ (คำ� วา่ เฮาเทยี บกบั ค�ำว่าผม) ต๊เุ จ้ามาพกั อยู่ทีน่ ต่ี ้งั นานรว่ มปแี ล้ว
ทำ�  ไม ไม่สอนเฮาบ้างก๊าแตแ่ รกมาอยู่ (กา๊ เทา่ กับ ‘เลา่ ’ หรอื ‘ ใหม่’ ก ็ได้ แปล ได้หลายนัยมาก
พอดู มีติดท้ายประ โยค ได้ท้ังคำ� ถามค�ำตอบ) ท่านตอบ จะ ให้เราสอนอย่าง ไร ก็ ไม่เคยเห็น
พวกสมู าศึกษา ไตถ่ ามเราน่นี า เขาตอบท่านว่า ก็เฮาบฮ่ ู้ก๊า (บ่ เทา่ กับ ไม)่ วา่ ตเุ๊ จ้าเป็นผูว้ เิ ศษ
ถา้ ฮูจ้ ะทนอย ู่ไดอ้ ยา่ ง ไร ตอ้ งมาแน ่ ๆ ทนี ี้พวกเฮาฮูแ้ ลว้ ก๊าว่าตเุ๊ จ้าเปน็ ผู้ฉลาดมาก เวลาพวกเฮา
มาถามว่า ตเุ๊ จา้ นั่งหลบั ตานง่ิ  ๆ และเดนิ กลบั  ไปกลับมานน้ั ทำ� ท�ำ ไม หรอื หาอะ ไร ตเุ๊ จ้าก็

150

บอกพวกเฮาว่าพุท โธหาย ให้พวกเฮาหาชว่ ย เม่อื ถามถึงพุท โธเป็นลักษณะอย่าง ไร ก็บอก ไปว่า
เปน็ แกว้ ดวงสวา่ ง ไสว ความจริงจิตตเุ๊ จ้าเป็นพุท โธอยูแ่ ล้ว ม ิได้สญู หาย ไป ไหน แตเ่ ป็นอุบายฉลาด
ของตุ๊เจา้ ท่เี มตตาสงสารพวกเฮา ให้ภาวนาพทุ  โธเพอ่ื  ให้จติ พวกเฮาสวา่ ง ไสวเหมอื นจิตตุเ๊ จา้ ตา่ งหาก
เฮาฮูแ้ ล้วว่าตุเ๊ จ้าเปน็ ผู้ประเสรฐิ และเฉลยี วฉลาด ปรารถนา ใหพ้ วกเฮา ไดบ้ ญุ มคี วามสขุ และพบ
พทุ  โธดวงประเสรฐิ ท่ี ใจตัวเอง มิ ใช่หาพทุ  โธ ให้ต๊เุ จา้

นับแต่เขาคนนั้น ได้เห็นธรรมภาย ใน ใจเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องก็กระจาย ไปท่ัวบ้าน
ในไมช่ า้ คน ในบา้ นตา่ งกเ็ กดิ ความสน ใจและพากนั ภาวนาพทุ  โธ ไปตาม ๆ กนั ตลอดเดก็ เลก็  ๆ และ
เกดิ ความเชอ่ื ถอื และเลอื่ ม ใสท่านพระอาจารย์มน่ั มาก เร่อื งเสือเยน็ เลยหายซาก ไป ไมม่ ี ใคร
กล่าวถงึ เลย นบั แต่นั้นมาเวลาทา่ นกลบั จากบณิ ฑบาต คนทภี่ าวนาเป็นน้นั ตอ้ งตามส่งบาตรและ
ศึกษาธรรมกับท่านทุกวัน ถา้ วัน ไหนเขามีธุระ ไม ่ไดต้ ามส่งบาตรท่านกส็ ่ังกับคน ไว้ ในหมบู่ า้ นน้ัน
ทราบว่ามคี นภาวนาเป็นอยหู่ ลายคน มีท้ังชายและหญงิ ท่ีเก่งกว่าเพ่อื นนัน้ ก็คือเขาคนเป็นกอ่ น
น่นั เอง

คนเราเมือ่ ความพอ ใจมแี ล้ว สงิ่ อน่ื  ๆ กค็ ่อยเป็น ไปเอง เชน่ คนพวกน้ีแต่ก่อนเขา ไมเ่ คย
สน ใจกบั ทา่ นเลยวา่ ทา่ นจะ ไดอ้ ย ู่ได้นอน ได้ขบฉนั อย่าง ไรบา้ ง แมจ้ ะเปน็ หรือจะตายเขาก ็ไม่สน ใจ
ทั้งนั้น พอเขาเกิดความเช่ือถอื และเลอ่ื ม ใสแล้ว ทุกสิง่ ที่เคยขาดแคลนก็กลบั กลายเปน็ ความ
สมบรู ณ์ข้ึนมาเปน็ ล�ำดับ ทางจงกรมกฎุ ีทพี่ กั ทีฉ่ นั เขาพร้อมกันมาทำ� ถวายทา่ นเองจนเรียบ ไปหมด 
โดยม ิได้บอกกล่าวเลย มิหน�ำเขายงั มาต�ำหนทิ ่านเปน็ เชงิ ชมเชยอยอู่ ย่างลึกลับด้วยวา่ ทางจงกรม
อย่างนน้ั ตุเ๊ จา้ กเ็ ดนิ  ได้ ดแู ล้วมีแตต่ ้น ไม้เครอื เถาวัลย์เตม็  ไปหมด ตเุ๊ จา้ มิ ใช่หมพู อจะเดนิ บกุ ป่า
ฝา่ ดง ไปอย่างนน้ั แตท่ �ำ ไมยังอุตส่าห์เดินบุก ไป ได้ เมอื่ เฮาถามว่า น่ที างอะ ไร กบ็ อกว่าทาง
เดนิ หาพทุ  โธ พทุ  โธเราหาย เมือ่ เฮาถามวา่ นงั่ หลบั ตาอยนู่ งิ่  ๆ นน้ั นง่ั ทำ�  ไม กบ็ อกวา่ นง่ั หาธรรมบา้ ง
นงั่ หาพทุ  โธบา้ ง พดู อยา่ งนนั้ ก ็ได้ ตุ๊เจ้านี้แปลกคนท้ังหลาย ตุ๊เจ้าวิเศษเลิศ โลกเท่า ไรก็มิ ได้
บอกว่าวิเศษ ตุ๊เจ้าตนน้ีแปลกมาก เฮาชอบนิสยั ตุ๊เจ้าตนน้มี าก ที่หลบั ทีน่ อนกม็ แี ต่ ใบ ไม้ปูเตม็
พ้นื ดนิ จนจะเหม็นเน่าอยแู่ ลว้ ทา่ นทนนอนมาตง้ั หลายเดือนทำ�  ไมทน ได้ เฮาดูทน่ี อนตเุ๊ จา้ แล้ว
เหมอื นท่ีนอนหมู เห็นแลว้ เฮาสงสารตุเ๊ จา้ มากจนเกอื บรอ้ ง ไห้ พวกเฮาเองก ็โงจ่ รงิ  ๆ โงก่ ันทัง้ บา้ น
ไม่รจู้ ักของดี มหิ น�ำบางคนยังหาว่าต๊เุ จา้ มาอย่เู พ่อื หลอกลวงชาวบา้ น แล้วเขาก็พากนั รงั เกียจ
ระแวง แต่เวลานพี้ วกเขาพากันเชือ่ ถอื และเล่ือม ใสตุ๊เจ้ากนั ท้ังบา้ นแล้ว เพราะเขาทราบเรอื่ งของ
ตุ๊เจา้ จากเฮากา๊ ดังนี้

151

ท่านว่า คนพวกน้ีถ้าลงเขา ได้เช่ือและเคารพนบั ถอื แล้วตอ้ งนับถอื แบบถึง ใจจรงิ  ๆ และ
ถงึ  ไหนถงึ กัน เป็นก็เปน็ ดว้ ยกนั ตายกต็ ายด้วยกนั แมช้ วี ติ กย็ อมสละ ได้ เราพูดอะ ไรเขาเชอ่ื ฟัง
และเคารพนบั ถอื มาก การบริกรรมภาวนาหาพุท โธของเขา ท่านก็สอน ใหเ้ ขยบิ เวลาข้นึ  ไปตาม
ความเคยชนิ และผูช้ �ำนาญเปน็ ลำ� ดับ ปนี ั้นทา่ นต้องจ�ำพรรษากับพวกเขารวมแลว้ เปน็ เวลาปีกวา่
ทา่ นวา่ ท่านไปอยูก่ บั พวกเขาตง้ั แตต่ น้ เดอื นกมุ ภาพันธ์ จนถึงเดอื นเมษายนปหี ลังจงึ  ได้จากเขา ไป
ก่อนจะจากเขา ไป ไดก้ น็ ับวา่ ทุลกั ทเุ ลดว้ ยความสงสารเขาเอาการอยู่ เนอ่ื งจากเขา ไม่ยอม ใหท้ ่าน
หน ีไป ไหนเอาเลย

เขาบอกทา่ นว่า แม้ทา่ นตายลง ไป ในท่ีนนั้ เขาท้งั บา้ นจะรบั รองเผาศพทา่ น แมเ้ ขาเอง
ก็มอบชวี ติ  ไวก้ บั ทา่ นด้วย เพราะความรักและเคารพเลอ่ื ม ใสท่านมาก ผลดกี เ็ หน็ ประจกั ษต์ า
ประจักษ์ ใจ นา่ ชมเชยเขาทม่ี ีความฉลาดระลกึ  ในความผดิ  ได้ พอเหน็ พระท่ปี ฏิบัตดิ ีน่าเล่ือม ใส
จรงิ  ๆ แล้วกก็ ลบั มาเห็น โทษความผดิ ของตนท่ีคิด ไมด่ แี ต่ก่อน แล้วพร้อมกันมาขอขมา โทษทา่ น 
ให้อ โหสิกรรม ให้ ก่อนจากพวกเขา ทา่ น ได้พดู กับพระที่อยู่ดว้ ยวา่ ที่น่ีเขาหมด โทษแลว้ เราจะ ไป
ที่ ไหนก็ ได้ ไม่ขัดข้องแลว้ แตส่ �ำคญั ตอนลาเขาออกจากท่ีน้นั ท่านว่านา่ สงสารสังเวชกบั ความรัก
ความนบั ถือความเคารพเลื่อม ใสและค�ำวิงวอนเขาจนบอก ไมถ่ กู พอพวกเขาทราบว่าท่านจะจาก
เขา ไปเท่าน้นั เขาพากนั ออกมาทง้ั บา้ นมารอ้ ง ไหว้ ิงวอนกนั อยา่ งชุลมนุ วนุ่ วาย ไปท้งั ป่า เหมือนคน
รอ้ ง ไห้คิดถงึ คนตายนน่ั เอง ท่านก็พยายามแสดงเหตุผลท่ีจ�ำต้องจากเขา ไปและปลอบ โยนพวกเขา 
ไม่ ใหเ้ สยี  ใจจนเลยขอบเขตแหง่ ธรรมคือความพอดี จนเขาเปน็ ทล่ี ง ใจแล้วกอ็ อกจากทพี่ ักอันแสน
สำ� ราญนนั้

สง่ิ ท ี่ไมค่ าดฝันกลับเกิดขึน้ อีก คือทัง้ เดก็ และผู้ ใหญ่ตา่ งคนตา่ งว่งิ ออก ไปรุมล้อมท่านและ
เข้าแยง่ เอาบรขิ ารกลดบาตรกานำ�้ กบั ผตู้ ามสง่ ท่าน และฉดุ ชายสบงจีวรกอดแขง้ กอดขาทา่ นดงึ
กลับมาท่พี ักอกี เหมอื นเด็ก ๆ โดย ไม่ยอม ให้ท่าน ไป ท่านตอ้ งกลับมาแสดงเหตผุ ลและปลอบ โยน
 ใจ ให้สงบเย็นอีกพักหน่ึงแล้วค่อยพากันปล่อย ให้ท่าน ไป พอท่านก้าวออกจากที่พักเดิน ไป ได้
ประมาณ ๔ – ๕ วาเท่าน้นั ตา่ งก็ร้อง ไหแ้ ลว้ พากนั ตามฉุดเอาทา่ นกลบั มาอกี ทำ� เอาทา่ นเสีย
เวลา ไปหลายช่ัว โมง ฟงั เสียงรอ้ ง ไหร้ ะเบ็งเซ็งแซ่ฉกุ ละหุกวนุ่ วาย ไปทว่ั ท้ังป่า ซง่ึ เป็นทีน่ ่าสมเพช
เวทนาเอานักหนา คำ� วา่ ‘เสือเยน็ ’ ทีเ่ กิดขนึ้  ในตอนแรก ๆ จงึ หมดความหมาย ไปท้ังสองฝ่าย
ที่ยังเหลืออยู่จึงมีแต่ความเคารพเล่ือม ใสความอาลัยอาวรณ์ ในท่านผู้ทรงคุณธรรมอันสูงส่งที่สุดจะ
อดกลัน้  ไว้ ได้ ขณะทที่ ่านจาก ไปจึงมแี ต่เสยี งร้อง ไหร้ ะทมทกุ ขข์ องพวกชาวเขาท่พี ิ ไรร�ำพนั ท้ัง
เสยี งร้อง ไหแ้ ละสง่ั เสยี วา่ “เม่ือตุเ๊ จา้  ไปแลว้  ให้รบี กลบั คืนมาหาพวกเฮาอีก อย่าอยนู่ าน พวกเฮา

152

คิดถึงตุ๊เจ้าแทบอกจะแตกตายอยู่เด๋ียวน้ีแล้วก๊า” จน ไม่ทราบว่าเป็นเสียงเด็กหรือเสียงผู้ ใหญ่ที่
ต่างคนตา่ งรอ้ ง ไห ้ไวท้ ุกข์ ในคราวท่านจาก ไปเวลานนั้

นับว่าท่าน ไปอยู่ ในท่ามกลางแห่งความระแวงสงสัย ไม่พอ ใจเขา ในครั้งแรก แต่จาก ไป
ในท่ามกลางแห่งความอาลัยเสียดายของเขา ในภายหลังจึงนับว่าท่านเที่ยวชะล้างสิ่งสกปรกรกรุงรัง 
ให้กลายเป็นของสะอาดปราศจากมลทินควรแก่ความเป็นของมีคุณค่าขึ้น ได้ สมกับท่านบวชมา
เปน็ ลกู ศษิ ยข์ องพระตถาคตผ ู้ไมถ่ อื  โกรธถอื  โทษกบั ผ ู้ใดจรงิ  ๆ ใครรงั เกยี จทา่ นกพ็ ยายามอนเุ คราะห์
ด้วยความเมตตาสงสาร ไม่ยึดเอาความผิดพาลของเขามาเป็นอารมณ์เครื่องขุ่นข้องหมอง ใจ ให้
เป็นภัยแก่ตนและผู้อื่น มี ใจที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตา อันเป็นที่เจริญศรัทธาของ โลกผู้ร้อนด้วย
กิเลสตณั หาว่งิ เขา้ มาอาศัย ให ้ไดร้ ับความ ไว้วาง ใจและเยน็ ฉ�ำ่ ทัว่ หน้ากัน นับวา่ เปน็ ผ้อู ัศจรรย์ดว้ ย
คณุ ธรรมอันหาทเ่ี ปรยี บ ได้ยาก

ขณะนง่ั ฟงั ทา่ นเลา่ ผฟู้ งั เกดิ ความสงั เวชสลด ใจอดวาดภาพ ไปตาม ไม ่ได้ ปรากฏ ในม โนภาพ
ขณะนั้นเหมือนดูภาพยนตร์ที่แสดงเรื่องชุลมุนวุ่นวายของชาวบ้านป่าท่ีมีศรัทธาแรงกล้าสละเลือด
เนื้อ ชีวิต ดวง ใจต่อท่านผู้วิเศษด้วยคุณธรรม ขอ ให้ท่านประพรม โสรจสรงด้วยพรหมวิหาร
ประทานเมตตาแก่พวกเขา ให้มีชีวิตชวี าเจริญวาสนาสบื ต่อ ไป ด้วยการวงิ วอนและร้อง ไห้วิ่งกอด
แข้งกอดขาฉดุ ผ้าสังฆาฏิ สบง จีวร บาตร บริขาร ทา่ นกลบั มาสูบ่ รรณศาลาหลงั เล็ก ๆ ของฤๅษี
ท่มี ุงดว้ ยเปลอื ก ไม้ ใบหญา้ อันแสนสำ� ราญซึ่งเปน็ ทนี่ ่าสงสารอย่างประทับ ใจ แต่เป็นสิ่งที่สุดวสิ ยั
ของ โลกอนิจจฺ ํ จ�ำมาต้องจ�ำจากเพราะการพลดั พรากแปรผนั เปน็ สายทางเดินแหง่ คติธรรมดา
ไมม่ ีทา่ นผู ้ใดสามารถปิดกั้นหรือทำ� ลาย ได้ ดงั น้ัน ทา่ นพระอาจารย์มน่ั แมจ้ ะทราบอธั ยาศัย
ของชาวศรัทธาทเี่ กย่ี วพันหนักแนน่ กับทา่ นอยอู่ ย่างเต็ม ใจกจ็ ำ� ต้องจาก ไป ในเม่ือกาลมาถึงแลว้

เป็นท่ีทราบกันว่าท่านพระอาจารย์ม่ันท่ีชาวบ้าน ในเขาเคย ให้นามท่านว่าเป็น ‘เสือเย็น’
แต่ทา่ นเป็นวิสทุ ธิบคุ คลอยู่ ในขา่ ยแหง่ ปุ กเฺ ขตตฺ ํ โลกสฺส ของ โลก ทา่ น ได้จากชาวเขา ไปเพอ่ื
บำ� เพญ็ ประ โยชน์แก่ โลกตอ่  ไปตามอธั ยาศยั  ไม่มีประมาณ เร่ืองทัง้ นี้นับวา่ เปน็ คตแิ ก่อนุชนรนุ่ หลงั  
ไดเ้ ป็นอย่างดี ซงึ่ เวลานีพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนผรู้ ักความสงบ กำ� ลงั วติ กห่วง ใยทงั้ ตนและพระพุทธศาสนา
อันเป็นสมบัติล้นค่าและเป็นคู่เคียงแห่งชีวิตจิต ใจตลอดมาที่อาจถูกเพ่งเล็งกล่าวหาอย่างลึกลับว่า
เป็น ‘เสอื เยน็ ’ ท�ำนองทที่ า่ นพระอาจารยม์ ่นั ถูกมา แล้วก�ำจัดทำ� ลายอยา่ งเปดิ เผยก ็ได้ จาก
ฝ่าย ใดก็ตามท่ีมีความรู้ความเห็นเป็นปรปักษ์ต่อหลักพระศาสนาและคตินิสัยของพุทธศาสนิกชน
ซงึ่ เวลานี้ก็เร่มิ  ไหวตวั บ้างพอ ให้รู้สกึ ว่า ไมค่ วรนอน ใจ ถ้านอนหลับทบั สทิ ธจ์ิ นเกนิ  ไปอาจเสยี  ใจ ใน

153

ภายหลงั

ท่านพระอาจารย์มั่นท�ำประโยชน์มหาศาลแก่ส่วนรวม

ท่านพระอาจารย์ม่ันท่านด�ำเนินตามแบบสุค โต ไปอยู่ ในป่า ในเขาก็เป็นประ โยชน์แก่
ชาวป่าชาวเขา เทวบุตรเทวดา อนิ ทร์ พรหม ภตู ผี นาค ครฑุ ไมว่ า่ งงาน ทา่ นมีเมตตาสงสาร
อนเุ คราะห ์โลกอยตู่ ลอดเวลา ออกมาเมืองมนษุ ยม์ นาก ็โปรดมนษุ ย์มนา พระ – เณรเถรชี คหบดี
ทวยข้า ประชาชน คนทกุ ช้ัน ไม่เวน้ แตล่ ะเวลา มีมนุษย์มนา ไปมาหาสูศ่ กึ ษาอบรมอรรถธรรม
กับทา่ นเปน็ ประจ�ำ นับวา่ ท่านท�ำประ โยชน์มหาศาลแกส่ ว่ นรวม ซ่ึงยากจะมีผู้ท�ำ ได้ละเอยี ดลออ
กว้างขว้างเหมือนอยา่ งทา่ น

เวลาพักอยู่ ในภูเขา ตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ พวกชาวป่าก็พลอย ได้รับความแช่มช่ืนเบิกบาน
จากธรรมท่ีท่านแสดง โสรจสรง ตกตอนดึกก็แก้ปัญหาและแสดงธรรมแก่เทวดาที่มาจากช้ันและ
ท่ีต่าง ๆ ฟัง เร่ืองเช่นน้ีนับว่าเป็นภาระอันหนักที่ท่านต้องท�ำซึ่งหาตัวแทนยาก ไม่เหมือนการ
ส่ังสอนมนุษย์มนา ที่ ใคร ๆ ส่ังสอนก็พอรู้เร่ืองกัน นอกจากจะฟังและปฏิบัติตามหรือ ไม่เท่านั้น
การเก่ียวข้องกับเทพเจ้าทั้งเบื้องบนเบื้องล่างนับว่าเป็นเร่ืองส�ำคัญมากส�ำหรับท่านพระอาจารย์ม่ัน
ฉะนนั้ ประวัติของท่านจงึ มักมีเร่ืองเกยี่ วกับเทพสับปนกัน ไปเสมอตามประสบการณ ์ในสถานทีแ่ ละ
เวลาต่าง ๆ กนั จนกว่าจะจบประวัติท่านเรอ่ื งทำ� นองนถี้ ึงจะส้ินสุดลง

เม่ือ ไมน่ านมานี้ ผ้เู ขยี น ได ้ไปกราบนมสั การทา่ นพระอาจารย์ผ้ทู รงคณุ ธรรมอันสงู ซ่งึ เป็น
อาจารยท์ างวปิ ัสสนากรรมฐาน มีประชาชนและพระ – เณรเคารพนบั ถือทา่ นมากแทบทั่วประเทศ 
ไทย พอ ไปถงึ กเ็ ปน็ เวลาท่ที ่านกำ� ลงั สนทนาธรรมอยู่กับพระ ๓ – ๔ องคซ์ ่ึงเป็นลูกศษิ ยท์ า่ นภาย ใน
วดั เรากพ็ ลอย ได้ โอกาสเข้าผสมด้วย ทา่ นแสดงอัธยาศัยด้วยความเมตตาอยา่ งย่งิ เราเรมิ่ สนทนา
ธรรมภาคปฏิบตั ิแขนงต่าง ๆ จนเตลิด ไปถงึ เร่อื งของท่านพระอาจารยม์ ัน่ ซ่งึ เปน็ อาจารย์ของทา่ น
ระยะนน้ั ทา่ น ไปศกึ ษาอบรมอยกู่ บั ทา่ นพระอาจารย์มนั่ ท่จี ังหวดั เชยี ง ใหม่ ในภเู ขาลกึ ห่างจากตวั
อำ� เภอมาก เดินดว้ ยเทา้ เปล่าเปน็ วนั  ๆ จึงจะถึงอำ� เภอ ทา่ นเลา่  ให้ฟงั หลายเร่อื งซึ่งลว้ นเปน็ เร่ืองท่ี
ฟังแล้วสะดดุ  ใจและเกิดความอัศจรรย์ชนดิ บอก ไม่ถกู แตจ่ ะน�ำมาเล่า ใหท้ ่านฟังเท่าทเี่ ห็นว่าอย ู่ใน
เกณฑท์ คี่ วร นอกนัน้ จงึ ขอผ่าน ไปตามท่เี คยเรยี น ใหท้ ราบมาแลว้

ท่านเล่าว่าท่านพระอาจารย์มั่นนอกจากจะเป็นท่ีแน่ ใจอย่างยิ่งว่าท่านเป็นผู้บริสุทธ์ิหมดจด 
ในสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านยังมีคุณธรรมพิเศษหลายประการอีกด้วย ท้ังน่ากลัว ท้ังน่าเคารพ

154

ท้งั นา่ เล่อื ม ใส ท้ังท�ำ ให้เราระวังตวั อยูต่ ลอดเวลา ความรแู้ ปลก ๆ ท่ีทา่ นเล่า ให้ฟังนั้นผมเองก็จ�ำ 
ไม่ ได้หมด ผู้เขียนเรียนถามทา่ นว่า ส่วนท่จี �ำ ไม่ ไดก้ ็สุดวสิ ยั แต่ท่พี อจำ�  ไดก้ ็ขออาราธนาเลา่  ให้
กระผมฟงั บ้าง พอ ได้ยึด ไวเ้ ปน็ ขวัญ ใจและเปน็ ทรี่ ะลึกบชู า ไปนาน ๆ  ทา่ นพูดว่า ก็เราคิดอะ ไร
ข้นึ มาภาย ใน ใจ ทา่ นร้เู อาเสียหมด จะวา่ อยา่ ง ไรละ่ ผมเองเหมือนถกู มดั  ไว้ทั้งวนั ทงั้ คืนเลย
ดว้ ยการระวังรกั ษาจิต ถงึ ขนาดนั้นท่านยังเอาเรอื่ งความคดิ ของเรา ไปเทศน ์ใหเ้ ราและหมูเ่ พื่อน
ฟังจน ได้ แต่จิตผมกร็ สู้ ึกว่าดอี ยู ่ไมน่ ้อยในระยะท่อี ยกู่ บั ท่านนน้ั เป็นแตร่ กั ษา ใจ ไม ่ใหค้ ดิ  ไปทกุ แง่
ทกุ มมุ  ไม่ ได้เทา่ น้ันเอง

ใคร ๆ กท็ ราบวา่  ใจเปน็ ของเล่นเมอ่ื  ไร มนั คดิ  ได้ท้ังวันท้ังคืน ใครจะ ไปทนตามทนห้าม
มนั หวาด ไหว ฉะน้นั จงึ  โดนทา่ นเทศน์เสียเรอื่ ย บางทเี ราคิดและหลงลมื  ไปแล้ว พอมาหาท่าน
ทา่ นเทศนเ์ รือ่ งนนั้ ข้นึ เราถึงระลกึ  ไดว้ า่ เรา ไดห้ ลวมตัวคิดอยา่ งท่านวา่ จริง ๆ อย่างน้ี ท่านด ุให้
ทา่ นอาจารยด์ ้วยหรอื  ? ผเู้ ขียนถาม บางทที ่านกด็ เุ อาบา้ ง แต่บางทีกแ็ นะน�ำ ไปทเี ดยี ว โดยยก
เอาเรื่องทเ่ี ราคิดนึกฝัน ไปนั่นเองมาเป็นบทธรรมแสดงแกเ่ ราเอง บางคร้ังก็มีพระ ไปน่ังฟงั อย่ดู ว้ ย
เราก็นึกอายพระท ี่ไป ได้ยินด้วย แตด่ ีอยูอ่ ย่างหนงึ่ เวลามีพระ ไปนัง่ ฟังอยู่ด้วยนบั แต่หน่งึ องค์ข้ึน ไป
ท่าน ไม่ระบชุ ื่อผู้เป็นต้นเหตคุ ดิ เปน็ แต่อธบิ ายเรอ่ื งความคดิ นกึ ด ี – ชวั่ นนั้  ๆ ไ ปเรอื่ ย ๆ เทา่ นน้ั

ทา่ นอาจารยค์ ดิ อยา่ ง ไรบา้ ง ทา่ นถงึ  ไดด้ บุ า้ งสง่ั สอนบา้ ง ผ้เู ขียนเรียนถาม ฟงั แตค่ ำ� วา่
ปุถุชนเปน็  ไร มนั หนายิง่ กวา่ ภูเขาหนิ และชนดะ ไปหมด ไมเ่ ลือกวา่ ดีวา่ ช่ัววา่ ผดิ ว่าถูก มันคดิ  ไป ได้
ทง้ั น้ัน พอดกี ับเรื่องท่ีควรดุทา่ นถึง ไดด้ ุ ท่านอาจารย์กลวั ท่านมากหรอื เปล่าเวลาท่านดุ ผ้เู ขียน
เรียนถาม ทำ�  ไมจะ ไมก่ ลัว ตัว ไม่สั่นแต่หวั  ใจมันสั่นอยูภ่ าย ใน บางทีแทบลืมหาย ใจก็ยังมี การ
รู้วาระจิตของผู้อ่นื น้นั ทา่ นรจู้ รงิ  ๆ ผม ไมส่ งสัยเลย เพราะเรอื่ งมันบอกอยกู่ ับตัวเรา ทุกอย่างท่ี
คดิ ออก ไปท่านตามเก็บเอามาเทศน์สอนเราเสยี ส้นิ บางครง้ั ผมคดิ วา่ จะ ไปเทย่ี วตามภาษาความ โง่
ของตน ถา้ คดิ ตอนกลางคนื พอตนื่ เชา้ มา ไปทำ� ขอ้ วตั รอปุ ฏั ฐากทา่ น ทา่ นกเ็ กบ็ เอาเทศนท์ นั ทที  ่ี
ไปถงึ ทา่ นวา่ ทา่ นจะ ไปเทย่ี วท ี่ไหนอกี ทน่ี น้ั  ไมด่ สี ทู้ นี่  ่ีไม ่ได้ อยทู่ นี่ ด่ี กี วา่ ทำ� นองน้ที กุ  ๆ ครงั้ ทเี่ รา
คดิ ปรากฏวา่  ไม่ยอม ให้ผ่านพ้น ไป ได้ ท่านว่าอยทู่ ่นี ่สี นุกฟงั เทศนด์ ีกวา่ อยู่ทนี่ ้นั แลว้ ก็ ไมอ่ นญุ าต 
ให้เรา ไปท่นี ัน้ จริง ๆ ดว้ ย เทา่ ทสี่ ังเกตดทู ่านคงเป็นหว่ งเรามาก กลวั จติ เราจะเสอ่ื มเสีย และทา่ น
กพ็ ยายามอบรมอยตู่ ลอดเวลา

ที่ผมกลัวท่านมากก็คือ ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน พอเราก�ำหนดพิจารณาดูท่านเมื่อ ไร
ก็ปรากฏเห็นท่านจ้องมองเราอยู่แล้ว ประหน่ึงท่าน ไม่ยอมพักผ่อนเอาเลย บางคืนผม ไม่กล้า

155

นอนเพราะมองดูท่านแลว้ เหมือนทา่ นมานงั่ อยตู่ รงหน้าเราและเพง่ ตาจับจ้องอยทู่ ีเ่ ราทุกขณะ เรา
ก�ำหนดจิตออก ไปข้างนอกท ีไรก็เหน็ แต่ท่านมองดเู ราอยู่แลว้ ฉะนน้ั การเคลอ่ื น ไหวทกุ อาการจงึ
เปน็  ไปดว้ ยความสำ� รวมระวงั อยเู่ สมอ เวลา ไปบณิ ฑบาตตามหลงั ทา่ น ต่างองค์ต่างระวงั สำ� รวม ใจ 
ไม ่ใหพ้ ล้ังเผลอออกนอกกาย ได้ ไม่เชน่ น้ันขากลบั ออกมาถงึ วัดหรอื ยัง ไมถ่ งึ ด้วยซ�ำ้  ในบางครงั้  โดน
เทศนจ์ น ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที ่ใดทัง้ กลางวนั และกลางคืนตอ้ งมสี ตริ ะวังตวั อยูต่ ลอดเวลา แม้เช่นนัน้
ยงั มเี ร่ือง ใหท้ า่ นนำ� มาเทศน์จน ได้ และก็จริงดงั ทีท่ ่านเทศนเ์ สียดว้ ย คือต้องมอี งค ์ใดองคห์ นึง่
อป โลกน ์ไปคดิ เร่ืองขึน้ มา ให้ทา่ นจำ� ตอ้ งน�ำมาเทศน์ บางครงั้ ขณะนงั่ ฟังเทศน ์ไดย้ นิ เสียงทา่ นเทศน์
ดุเรอ่ื งแปลก ๆ ซ่งึ เราเองก็มิ ได้คิดทำ� นองนนั้ พอเลกิ ประชุมฟังเทศนแ์ ลว้ ออกมากระซิบถามกันว่า
วนั นี้ทา่ นเทศนถ์ กู  ใครบา้ ง เสยี งเทศนร์ สู้ กึ ชอบกล ตอ้ งมีองค์หนึ่งสารภาพตวั  ใหเ้ ราฟงั จน ได้วา่
วันนี้ท่านเทศน์ถูกผมเอง เพราะผมอุตริ ไปคิดอย่างน้ันจริง ๆ ดังนี้ แต่อยู่กับท่านรู้สึกดีมาก
เพราะมสี ติอย่กู บั ตวั แทบตลอดเวลาเนอื่ งจากกลวั ทา่ น

ท่านเล่าว่าขณะ ไปถึงเชียง ใหม่ทีแรกและเข้า ไปพักวัด.... ได้ ไม่ถึงช่ัว โมงก็เห็นรถยนต์ว่ิง
เขา้ มา ในวดั ทผ่ี มพกั อยแู่ ละตรงเขา้ มาจอดทหี่ นา้ กฎุ ผี มพอดี พอมองลง ไปเปน็ ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั
ผมก็รีบลง ไปต้อนรับท่าน และเรียนถามถึงเร่ืองการมาของท่าน ท่านก็บอกทันทีว่าผมก็มา
รบั ท่านน่ันเอง เพราะทราบว่าทา่ นจะมาท่นี ่ตี ้งั แตเ่ มื่อคืนน้แี ล้ว เรากเ็ รยี นถามท่านวา่ ม ีใครเล่า
ถวายท่านอาจารยห์ รอื ว่ากระผมจะมาท่ีเชยี ง ใหม่ ท่านตอบวา่ ใครจะบอกหรือ ไม่ก็ ไม่เป็นปญั หา
ถา้ ทราบและอยากมาก็มาเอง ไดด้ ังน้ี พอ ได้ยินค�ำนัน้ แล้วจิตผมเร่มิ นกึ กลัวข้นึ มา และยังท�ำ ให้
เรานึกพิสดาร ไปต่าง ๆ ซึ่งจะท�ำ ให้กลัวท่านมากขึ้น เวลา ไปอยู่กับท่านจริง ๆ เร่ืองก็เป็นดังที่
คดิ  ไว้ทกุ ประการ

ขณะประชมุ ฟังเทศน์ถา้  ใจคิดเป็นธรรมแบบสละทฏิ ฐมิ านะเสยี จริง ๆ ก็รู้สึกสนกุ เพลดิ เพลนิ  
ในธรรมทา่ น เพราะท่านเทศน์เปน็ ธรรมล้วน ๆ ท�ำ ให้จิต ใจเพลดิ เพลิน ไปตาม ย่ิงกวา่ อะ ไรทเี่ คย
ผ่านมา ถ้าจติ  ไมค่ ่อยเปน็ ธรรมและหาบหาม โลก ไปทบั ถมท่านก็รู้สกึ จะ ได้ยินเสยี งเทศน์เปน็  ไฟ 
ไปทเี ดยี ว และผฟู้ ังแบบหาม โลก ไปหาทา่ นก็รู้สึกร้อนเป็น ไฟ ไปเช่นเดยี วกัน ทัง้ น้ีทา่ นมิ ได้สน ใจ
วา่ การเทศนจ์ ะ ไป โดนกเิ ลสของ ใครเขา้ ตรง ไหนท่มี เี รื่องมีกเิ ลสชกุ ชุมมาก ทา่ นจะพุ่งธรรมเข้า ไป
ตรงนัน้ ไม่ยอมแสดง ไปที่อน่ื เลย บางครง้ั ถงึ กบั ระบุตวั บุคคลออกมาเลยว่า คืนนท้ี ่าน…. ภาวนา
ทำ�  ไมอย่างน้นั นัน้ มนั  ไม่ถกู ที่ถกู ตอ้ งทำ� อย่างนนั้ และเมื่อเช้าน้ที า่ น…. คดิ …. อะ ไรอยา่ งนัน้
ถ้า ไม่อยากฉิบหายเพราะการท�ำลายตัวด้วยความคิดประเภทสังหารนั้นแล้ว อย่าหาญคิดต่อ ไป
สิง่ ท่พี ระพทุ ธเจ้า ให้คดิ  ให้ทำ� ท�ำ ไม ไม่คิด ไม่ทำ� แหวก ไปคดิ หาอะ ไรอย่างนนั้ ทน่ี ี่เป็นสถานท่ี

156

อบรมศีลธรรมเพ่ือแก้ความเห็นผิดคิดผิด มิ ใช่สถานที่สั่งสมความคิดเพื่อก่อ ไฟเผาตัวท�ำนองท่ี
คดิ น้นั ผู้ท่ยี อมรบั ความจรงิ ทาง ใจจะรู้สึกเย็นสบาย ทา่ นเองก ็ไม่ค่อยว่าอะ ไร สำ� คญั ทีม่ ีอะ ไร
ไปตะขดิ ตะขวง ใจทา่ นอยู่ภาย ในอยา่ งลึกลับ น้นั รสู้ ึกจะเหมือนเอา ไฟ ไปเผาลนทา่ น และจะ ได้
ยินค�ำแปลก ๆ ออกมาทันที แต่ถ้าผู้น้ันรู้สึกตัวรีบแก้ ไขความคิดเห็นเสีย ใหม่ก็ ไม่มีอะ ไรต่อ ไปอีก
เรอื่ งก็สงบ ไป

คืนหนง่ึ มพี วกชาวเขาพูดกนั วา่ ตุ๊เจ้าหลวง (พระอาจารย ์ใหญ)่ ที่มาพักอย่กู บั พวกเรา ทา่ น
จะมีคาถากันผีขบั  ไลผ่ ีหรอื เปลา่ ก็ ไมท่ ราบ พรุ่งนพี้ วกเราลองพากันออก ไปขอท่านดู ท่านจะพอ
มี ให้พวกเราบา้ ง ไหม ? พอต่นื เชา้ มาท่านอาจารย์มนั่ ก็รีบบอกกับพระทนั ทีว่า คนื นี้นง่ั ภาวนาอยู่
ไดย้ ินพวกชาวเขา ในหมบู่ ้านนีพ้ ูดกนั วา่ พวกพระเราจะมคี าถากันผ ีไล่ผีบ้าง ไหม เขาจะมาขอ
คาถานน้ั กบั พวกเรา ถ้าเขามาขอคาถาดงั ที่ว่าน้ัน ให้เอาคาถาพุท โธ ธัม โม สงั  โฆ ใหเ้ ขา ไป
ภาวนา คาถานก้ี ันผดี นี กั ผี ใน โลกนี้กลวั แตพ่ ุท โธ ธัม โม สัง โฆเทา่ นนั้ ไมม่ ผี ตี ัว ใดจะกล้าตอ่ สู้
กบั ธรรมเหลา่ น ้ีได้

พอตอนเช้าพวกชาวเขาพากันมาจริง ๆ ดังท่ีท่านบอก ไว้ และพร้อมกันมาขอคาถากันผี
ไลผ่ ีกบั ท่านจริง ๆ  ท่านกบ็ อกคาถาพทุ  โธ ธัม โม สัง โฆ ให้แก่เขา ไป โดยบอกวิธีท�ำ ให้เขา คือนกึ
พทุ  โธ ธัม โม สัง โฆ บท ใดบทหนึง่  ไว ้ใน ใจ และบอกวา่ ผีกลวั นกั หนา พอเขา ไดพ้ ทุ  โธ ธมั  โม สัง โฆ
ไปแล้วต่างกเ็ ร่มิ ทำ� พิธกี ันผีตามทที่ า่ นสง่ั โดยทเ่ี ขา ไมร่ ้วู ่าท่าน ใหเ้ ขาภาวนา พอเขาพากนั ท�ำตาม
แบบทท่ี ่านสง่ั สอน ใจเลยรวมสงบลงเปน็ สมาธิ ในขณะนน้ั รงุ่ เชา้ เขาก็รบี ออกมาหาท่านและเล่า
อาการท่ีเป็น ให้ทา่ นฟัง ท่านบอกวา่ น่ันเป็นวิธที ่ีถูกต้องแล้ว ผีแถว ๆ นีจ้ ะต้องกลวั และพากนั วิ่งหนี
หมด อยู่ท่นี ่ีต่อ ไป ไม่ ได้ เพราะธรรมของพวกแกแก่กล้าแลว้ ตอ่  ไปพวกแก ไม่ต้องกลวั ผีอกี แลว้
แม้พวกทภี่ าวนากนั ผยี งั  ไม่เป็น ผีกเ็ ร่มิ กลัวอยูแ่ ลว้

จากน้ันท่านสอน ให้เขาท�ำทุกวัน ตามปรกติคนชาวเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตมาดั้งเดิมจึง
สั่งสอนง่ายอยู่บ้าง เขาพากันท�ำทุกวันอย่างเอาจริงเอาจัง ต่อมา ไม่ช้าคน ในบ้านน้ันบางคน
ภาวนาเปน็ จรงิ  ๆ  จนจิตเกดิ ความสว่าง ไสวสามารถรู้จติ  ใจของคนอ่ืน ได้ ตลอดจติ พระทอ่ี ยู ่ในวดั
เช่นเดียวกบั คนบ้านเสอื เย็นทีก่ ล่าวผ่านมาแลว้ เวลาเขาออกมาวดั เลา่ เรอ่ื งภาวนา ใหพ้ ระอาจารย์
ฟังและเร่ืองที่จิตสามารถรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างน่าจับ ใจน้ัน พระ ในวัดเกิดความอัศจรรย์และกลัว
เขาจะรู้เหน็ จิตของตัวทคี่ ดิ  ไปต่าง ๆ  พระบางองค์ท่มี นี ิสัยขีข้ ลาดแต่อยากร้เู รอ่ื งตา่ ง ๆ อดทน ไม ่ได้
ก็ถามเขา เขากเ็ ล่า ใหฟ้ งั ตามเป็นจริง ยงั ทนตอ่ ความอยากถาม ไม ่ไดอ้ ีก พยายามแคะ ไค้ ไลเ่ บ้ีย

157

สอบถามเขาเข้ามาหาเรื่องของตัว โดยจะขาดทุนก ็ไม่ยอมรู้สกึ ตวั ราวกับ ใจมฝี าปิด ไว้ร้อยชน้ั อยา่ ง
มิดชิด ไมม่ ีอะ ไรจะสามารถเออ้ื มเขา้  ไปสัมผัสแตะต้อง ได้ พอถามเขา เขาก็บอกอย่างตรง ไปตรงมา
ตามภาษาของคนป่าซ่ึง ไมส่ น ใจกบั สังคมว่านยิ มกันอยา่ ง ไร พระที่ฟงั แลว้ ชอบ ใจว่าถกู กบั ปมด้อย
ของตัวและกลัว ในเวลาคิดปรุง ไปต่าง ๆ  ว่าเขาจะรู้ทำ� นองที่เขาเคยรแู้ ลว้ นน้ั

นอกจากเขาจะร้สู ่ิงตา่ ง ๆ ดงั ท่วี า่ น้ัน เขายังพดู กับท่านพระอาจารยม์ นั่ อย่างหนา้ ตาเฉย
ดว้ ยว่า จติ ตุ๊เจา้ หลวงเฮาก็ฮู้กา๊ (เรารู้ครับ) เพราะเฮาดแู ละฮู้จิตตุ๊เจา้ หลวงก่อน ใคร ๆ  ท่านก็
ถามบ้างวา่ จิตเราเป็นอย่าง ไร กลวั ผี ไหม ? เขาย้มิ แล้วก็ตอบทา่ นว่า จิตของตเุ๊ จ้าหลวงหมดดวง
สมมุตแิ ล้ว เหลือแตน่ ิพพาน ในรา่ งมนุษย์อย่างเดียว และ ไมก่ ลวั อะ ไรเลย จิตตุ๊เจา้ วิเศษสุดแล้ว
เรอื่ งผสี างอะ ไรเขาเลย ไม่กล่าวถึง แม้คน ในบา้ นนัน้ ก็หนั มาเล่ือม ใสศาสนาและท่านพระอาจารย์
มน่ั เสยี หมด ไมส่ น ใจกับผีกับสางอะ ไรอีกต่อ ไป เพราะคนทีภ่ าวนาเก่งคนนน้ั เปน็ ผปู้ ระกาศ ให้
ชาวบา้ นทราบเร่ืองของศาสนาและเรอ่ื งของท่านพระอาจารยอ์ ย่ทู ุกวัน

เวลา ใส่บาตรเขาพรอ้ มกนั มารวม ใส่ ในทีแ่ หง่ เดยี ว พอเสรจ็ จากการ ใสบ่ าตร เวลาจะ
อน ุโมทนาทา่ นพระอาจารยบ์ อก ให้เขาพรอ้ มกนั สาธดุ งั  ๆ  เผอ่ื เทวดาจะ ไดอ้ น ุโมทนาดว้ ย เขาจะ
มสี ว่ นบญุ กบั พวกเราอกี สว่ นหนง่ึ เขาเชอื่ ทา่ น พร้อมกันสาธดุ งั  ๆ ทกุ วัน ที่ท่าน ใหเ้ ขาสาธดุ ัง ๆ น้ี
ทราบว่าเวลากลางคืนยามดกึ สงดั มกั มีเทวดามาเยยี่ มและฟงั เทศนท์ า่ นเสมอ บางพวกกบ็ อกวา่  ไดย้ นิ
เสยี งสาธดุ งั  ไปถงึ เขา เขาจงึ ทราบวา่ พระคณุ เจ้าพักอย่ทู นี่ ่ีถงึ  ได้พากนั มาเยย่ี ม ตามธรรมดาทุกครงั้
ท่พี วกเทพมาเยี่ยมจะตอ้ งมหี ัวหนา้ นำ� มาเสมอ และพวกเทวดานนั้  ๆ กม็ ภี มู ทิ อี่ ยตู่ า่ ง ๆ กนั บางพวก
กเ็ ปน็ รกุ ขเทวดามาจากท ่ีใกลบ้ า้ ง ไกลบ้าง บางพวกก็เป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นนัน้  ๆ ดงั ทีแ่ สดง ไว้ ใน
ตำ� รา

ก่อนเวลาเขาจะมา ในคืน ใด คืนนั้นท่านต้องทราบล่วงหน้า ไว้ก่อนเสมอว่า เขาจะมา
ประมาณตี ๒ หรอื ตี ๓ ท่านกพ็ ักผอ่ นเสยี กอ่ น พอจวนถงึ เวลากล็ กุ ขึน้ เขา้ ทค่ี อยตอ้ นรับ ถ้า
ทราบวา่ เขาจะมาราวเทย่ี งคนื หรือตี ๑ ท่านก็เขา้ ท่ีคอยตอ้ นรบั แต่การเขา้ ทีค่ อยน้ันมีสองประเภท
คอื ภาวนา ไปตามลำ� พงั จนจิตลงส่คู วามสงบแล้วพักอย่หู น่ึง พอควรแกก่ าลแลว้ ถอนข้นึ มาอยู่
ระดับพอดีกบั ภมู ขิ องแขกจะรับทราบกัน ไดห้ นึ่ง ถ้าแขกยงั  ไมม่ ากด็ ี กำ� ลงั มากด็ ี หรือมารออยู่
ก่อนแลว้ ก็ดี ยอ่ มรบั ทราบกนั  ได้กับจติ ทอ่ี ย ู่ในระดบั นี้ มอี ะ ไรกส็ นทนากัน ไปจนกวา่ จะยตุ ิลงดว้ ย
เหตกุ ารณ์อันควร ถา้ จิตลง ไปอย่ ูในสมาธิเสยี จริง ๆ ภูมขิ องแขกที่มาเยยี่ มก็เขา้  ไมถ่ ึง ถ้าถอนออก
มาเป็นจติ ธรรมดาเสีย หากจิต ไมม่ คี วามช�ำนาญ ในทางนจ้ี ริง ๆ ก็ ไม่อาจรับทราบกัน ได้ทกุ ระยะกบั

158

สิ่งที่มาเกยี่ วขอ้ ง แม้ทราบ ไดก้  ็ไม่ถนัดเหมือนจติ ที่อย ู่ในขน้ั เตรยี มรบั ฉะนน้ั จติ ทอี่ ยภู่ มู อิ ปุ จาระ
คอื อยทู่ ป่ี ากประตจู งึ เปน็ ภมู ทิ เ่ี หมาะกบั เหตกุ ารณแ์ ทบทกุ กรณี

ท่านพระอาจารย์ม่ัน ท่านเชี่ยวชาญ ในทางน้ีมานาน เริ่มแต่สมัยท่านพักอยู่ถ�้ำสาริกา
นครนายกเป็นต้นมา ซง่ึ ระยะนน้ั ทราบวา่ ท่าน ได้ ๒๒ พรรษา จากน้นั มาจนถึงวันทา่ นมรณภาพ
พรรษากร็ ว่ ม ๖๐ แลว้ ท่านจงึ มคี วามช�ำนิช�ำนาญ ในทางนม้ี าก โลกมนุษย์เราตา่ งก็ม ีใจเป็นของ
คู่ควรกบั ส่งิ เหลา่ นีเ้ ชน่ เดยี วกบั ทา่ นท่ีสามารถปฏบิ ัติจนรู้เหน็  ได้ แต่ยัง ไมค่ ่อยมีผ้สู ามารถปฏิบตั  ิให้
รู้เหน็  ไดอ้ ย่างทา่ นพอเป็นพยานแก่ตัวเอง แม้ ไมม่ ากเหมือนทา่ นท่เี ชย่ี วชาญ นอกจาก ไม่เห็นแลว้
ยังอาจเข้า ใจวา่ สงิ่ เหล่านี ้ไม่มอี ย ู่ใน โลกสมมุติอกี ดว้ ย จึงเปน็ เรอ่ื งล�ำบากทจ่ี ิต ไม่มรี ะดับความพอดี
เปน็ ธรรมเคร่ืองอยู่ ถ้าจติ มีความสามารถดว้ ยการปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมซึ่งเปน็ หลักรับรองความ
ร้จู รงิ เหน็ จรงิ เท่าทีค่ วรแล้ว สง่ิ ที่ ไดร้ ดู้ ว้ ย ใจอยา่ งประจักษ์แลว้ แมค้ ำ� คัดคา้ นทงั้ แผ่นดินว่า ไมจ่ ริงมา
ลบลา้ ง ก็เปน็ คำ� คดั ค้านที่เปน็  โมฆะ โดยประการทัง้ ปวง สง่ิ ท่ยี ังคงอยูก่ ค็ อื ความจรงิ ของผ้รู จู้ ริง
เห็นจริงน่ันแล ไม่มีส่ิง ใดจะสามารถมาลบล้าง ได้ เพราะความจริงย่อม ไม่ขึ้นอยู่กับค�ำเสกสรร
และต ิ – ชม ใด ๆ นอกจากเป็นสง่ิ ท่ีจริงอยูอ่ ย่างตายตัวตามหลกั ธรรมชาตเิ ท่านัน้

ตามปา่ ตามเขาของอำ� เภอตา่ ง ๆ ใ นจงั หวดั เชยี ง ใหม่ ปรากฏวา่ ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั  ไดเ้ ทย่ี ว
ซอกแซกทกุ ซอกทกุ มมุ กวา่ จังหวัดอ่นื  ๆ  เพราะท่านอยู่ที่จังหวดั น้นั มาหลายปแี ละนานกว่าทอี่ ่นื  ๆ
การบำ� เพญ็ ธรรมก็สะดวก ความรู้ท่ีเกย่ี วกับเหตุการณต์ ่าง ๆ  กม็ ีมากกวา่ ท่อี ืน่  ๆ  ท่านวา่ ทา่ นอยู่ท่ี
เชียง ใหม่นานเพราะเหตุหลายประการ คือสถานท่บี �ำเพ็ญเหมาะสมมากหน่งึ ชาวป่าผู้มภี ูมิจติ ที่
น่าสงสารควรอนเุ คราะหม์ ีอยมู่ าก ผิดปรกตขิ องคน ในเขาทีม่ จี ำ� นวนนอ้ ย ซง่ึ ควร ได้รับการอบรม
สง่ เสรมิ เพ่อื ความม่นั คงตอ่  ไปดกี วา่ จะปลอ่ ยท้ิง ไว้ อันอาจมีการเสือ่ มถอยลง ไดห้ นึ่ง และเพอ่ื
สงเคราะห์พวกเทวดาทั้งหลายหนง่ึ

พวกกายทิพย์น้ีชอบมาถามปัญหาและฟังเทศน์ท่านเสมอ อย่างน้อยวันพระละสองครั้ง
นอกจากนั้นยังมีพวกนาคพาบริวารมาฟังธรรมท่านอยู่เสมอเช่นกัน ท่านว่ากลางคืนท่าน ไม่ค่อย
วา่ งจากการรบั แขกจ�ำพวกกายทิพยเ์ ลย บางคืนพวกเทพจากเบือ้ งบนชัน้ นนั้  ๆ มาเยี่ยม บางคนื
พวกรุกขเทพมาเย่ียม บางคืนพวกพญานาคมาเยี่ยม พวกเทพเบื้องบนชั้นนั้น ๆ มาแต่ละคร้ัง
หวั หนา้ เขาประกาศ ใหท้ า่ นและเทวดาทงั้ หลายทราบก่อนจะถามปญั หาและฟังธรรมวา่ มีจ�ำนวน
หม่นื บ้าง แสนบ้าง พวกรกุ ขเทพมาแต่ละคร้ังหัวหน้าประกาศ วา่ มจี ำ� นวนพันบ้าง หมื่นบา้ ง
พวกพญานาคพาบริวารมาแตล่ ะคร้งั ประกาศ วา่ มจี ำ� นวนห้ารอ้ ยบ้าง หนงึ่ พันบา้ ง

159

เวลาท่านลงเดินจงกรมตอนเยน็ จิตจะรบั ทราบความนัดหมายแหง่ การมาของพวกเทพ
เหล่านน้ั แทบทกุ เย็น บางครัง้ ก็ปรากฏเอาเวลาเข้าทีภ่ าวนา ว่าเทวดาชนั้ นั้นจะมาเยีย่ มเวลาเทา่ น้นั
ชัน้ นน้ั จะมาเวลาเทา่ นนั้ รกุ ขเทพพวกนนั้ จะมาเวลาเท่านน้ั และพวกนนั้ จะมาเวลาเทา่ นั้น พวก
นาคจะมาเวลาเท่านน้ั บางคืนมถี งึ สองสามพวก ทา่ นต้องนดั เวลา ไม ่ให้มาตรงกนั โดยพวกหน่ึง
นัด ให้มาราวหา้ ทมุ่ บ้าง พวกหนึง่ นดั  ใหม้ าราวหกทมุ่ บ้าง อกี พวกหนึ่งนดั  ใหม้ าราวเจ็ดทมุ่ บา้ ง
ตามแต่เห็นควร ไม่ ให้เวลาตรงกัน เพราะพวกเทพแต่ละช้นั ละภูมิมีพน้ื เพทางจิต ใจและธรรม
ท่ีควรแก่ตนต่างกัน พวกหนึ่งมาต้องการฟังธรรมประเภทหน่ึง อีกพวกหนึ่งต้องการฟังธรรม
อกี ประเภทหนง่ึ เพอ่ื ความเหมาะสมกบั ภมู ขิ องเทวดาทมี่ ปี ระเภทตา่ ง ๆ กนั ทา่ นจำ� ตอ้ งนดั  ใหม้ า
ในเวลาต่างกัน เพื่อสะดวกแก่การแสดงและการฟังทั้งสองฝ่าย เพราะความจ�ำเป็นดังกล่าวน้ี
ท�ำ ให้ทา่ นพักอยูท่ เ่ี ชียง ใหม่นาน เฉพาะพวกเทพทัง้ เบ้ืองบนเบ้อื งลา่ ง ปรากฏวา่ มาเก่ียวขอ้ งกบั
ท่านเป็นประจ�ำยิ่งกว่ามนุษย์และนาคครุฑภูติผีท้ังหลาย ทั้งน้ีเน่ืองจากผู้เข้าถึงจ�ำพวกกายทิพย์
ในทางจติ  ใจมีจำ� นวนน้อยมาก จงึ เปน็ ความจำ� เปน็ มาก ในการท�ำประ โยชนแ์ ก่พวกเทวดา แม้
เทวดาเองกเ็ คยพดู กับท่านมาแล้วแทบทุกจ�ำพวกเก่ยี วกบั ผู ้ไมร่ ู้เรอ่ื ง ไม่เขา้  ใจกับพวกเทวดา และ 
ไม่สน ใจว่าเทวดาก็เปน็ ก�ำเนดิ ชนิดหน่งึ ที่มี โลกอยอู่ าศัยตามกรรมของตน และมคี วามหวัง ในสงิ่ ที่
พงึ พอ ใจ เช่นเดียวกบั สตั ว ์โลกท่ัว ๆ ไ ป

ฉะนน้ั เทวดาจึง ไม่มคี วามหมายส�ำหรับมนษุ ยป์ ระเภทดังกลา่ วนั้น เมอ่ื มาพบท่านผ้ทู รง
คุณธรรมอนั สงู สดุ ที่มีญาณหยั่งทราบว่าสตั วเ์ ปน็ สตั ว์ คนเปน็ คน เทวดาเป็นเทวดา และอะ ไร
เป็นอะ ไร ไม่ปฏิเสธ อนั เปน็ การ ใหเ้ กยี รตแิ กภ่ พก�ำเนดิ ของสตั ว์น้ัน ๆ เช่นนี้ ซ่งึ นาน ๆ จะเจอ
สักคร้ังหน่ึง จึงอดท่ีจะเกิดความปีติยินดีอย่างซาบซ้ึงมิ ได้ และพากันมากราบ ไหว้ถามปัญหา
ข้อขอ้ งใจและฟงั ธรรมเสมอ เพอื่ ดม่ื  โอชารสพระสทั ธรรมเขา้  ไปหลอ่ เลยี้ งเชดิ ชจู ติ  ใจ ความเปน็ อยู่
แหง่ ภพชาติของตน ใหม้ คี วามสขุ สมบูรณ์ยงิ่ ขน้ึ ดังนน้ั เทวดาทง้ั หลายจึงเคารพเล่อื ม ใสทา่ นผู้มี
คุณธรรมสูงมาก ท้ังรู้เร่ืองและเห็นอกเห็น ใจพวกเทวดาว่าเป็นสัตว์ท่ีมีความหวังอะ ไร ๆ  ที่เป็น
สิริมงคลแก่ตนและมีความหมายเช่นเดียวกบั สัตว ์โลกทว่ั  ไป

ท่านเลา่ ว่า สตั วจ์ ำ� พวกกายทิพย์ ในก�ำเนิดตา่ ง ๆ ทพ่ี อมที างตะเกยี กตะกายชว่ ยตวั เอง ได้
มาตดิ ตอ่ เกยี่ วขอ้ งกับท่านเพอื่ ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือมีจำ� นวนมากกวา่ มนษุ ยห์ ลายเทา่ แต่
เป็นสิ่งลี้ลบั สำ� หรับพวกเราผู้ยัง ไม่สามารถรเู้ หน็  ได ้ในทางจติ  ใจ สงิ่ เหลา่ นจ้ี ึงกลายเปน็ ปัญหาต่อ
สงั คมมนุษย์ชนดิ  ไมม่ ีทางแก้ ใหต้ ก ได้ แตท่ ั้งนีม้ ิ ได้เป็นอุปสรรคตอ่ การรู้เหน็ ของทุกราย ไป ผู้มี
ความสามารถ ในทางจิต ใจ ส่งิ เหล่านยี้ อ่ มกลายเป็นเร่อื งธรรมดา ไป เช่นเดียวกบั เร่ืองธรรมดา

160

ท่วั  ๆ ไ ปท่มี นุษย์สามารถ สำ� หรับทา่ นพระอาจารยม์ ัน่ รู้สกึ จะถอื เปน็ เรื่องธรรมดา ทา่ นจงึ สามารถ
ทำ� หน้าทเ่ี กี่ยวกับพวกกายทิพยต์ ลอดมา ไม่วา่ จะอยูท่  ่ีไหน ท่านจำ� เป็นต้องมีการเก่ียวขอ้ งเสมอ 
ในเวลาทเ่ี ขาตอ้ งการความชว่ ยเหลอื จากทา่ น เฉพาะจงั หวดั เชยี ง ใหมท่ า่ นวา่ ทา่ น ไดท้ ำ� การเกย่ี วขอ้ ง
กับพวกกายทิพย์ท่ีมีภพภูมิต่าง ๆ กันมากกว่าท่ีท่ัว ไป โดยท่ีสัตว์จ�ำพวกเหล่าน้ีส่วนมากชอบมา
ติดต่อกับท่านขณะที่พักอยู่ ในที่เปล่ียว ๆ อันสงัด ปราศจากผู้คนพลุกพล่านหรือสัญจร ไป – มา
ประกอบกบั เชียง ใหม่เปน็ ทำ� เลท่เี หมาะสมอย่างยง่ิ เพราะมีปา่ มีเขามาก ท่านเองขณะพกั อย่ทู ่ี
เชน่ น้ันกม็ เี วลาวา่ งจากภาระภายนอกมากกวา่ ที่อืน่  ๆ จงึ เปน็  โอกาสทพี่ วกกายทพิ ยจ์ ะเขา้ ถงึ  ได้ง่าย

เทวดาประเทศเยอรมันมาขอฟังเทศน์ท่าน

น่ีก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่เรื่องหนึ่ง ในบรรดาเรื่องที่เก่ียวกับเทวดาที่ท่านเคยสงเคราะห์
เรอ่ื ยมา เทวดาพวกนม้ี าจากประเทศเยอรมัน มาขอฟงั เทศนท์ ่านขณะที่พักอยหู่ มู่บ้านอีกอ้ กับ
พวกมเู ซอ ในเขาลกึ โดยเขาแสดงความประสงคอ์ อกมาเลยวา่ อยากฟังเทศนช์ ัยชนะคาถา ทา่ น
กำ� หนดหาบทธรรมทตี่ รงกบั ความตอ้ งการของเขา ธรรมกผ็ ดุ ขนึ้ มาภาย ในวา่ อก ฺโกเธน ชเิ น โกธํ
เป็นตน้ บอกความหมายข้ึนมาพร้อมและแสดง ให้พวกเทวดาฟังวา่ ธรรมนี่แลเป็นยอดแหง่ ธรรมท่ี
ผหู้ วังความชนะจะพึงเจริญ ใหม้ าก โลกท่ีมคี วามรม่ เยน็ เปน็ สุขต่อกันตลอดมากเ็ พราะธรรมน้ีเป็น
เคร่อื งปราบปรามความช่ัวทั้งหลาย มคี วาม โกรธ เป็นตน้ ให้เส่อื มสิ้นอำ� นาจ ในการทำ� ลายสังคม
มนษุ ยแ์ ละเทวดาทงั้ หลาย ท�ำ ให้ โลกมคี วามเจรญิ และสงบสุข โดยทั่วกนั เทวดาควรมธี รรมน้ี
เปน็ เครอ่ื งยดึ เหนย่ี วประสานกัน

โลกถา้ ขาดชยั ชนะธรรมนี้แลว้ อยา่ งนอ้ ยก็เกิดความ ไม่สงบสุข มากกว่านั้นกส็ งั หารทำ� ลาย
กัน ให้ฉิบหายย่อยยับ โดยถ่ายเดียว โลกจะเอาความ โกรธแค้นมาปราบปรามข้าศึกท้ังภาย ใน
ภายนอก ทัง้  ใกลแ้ ละ ไกล ทงั้ วงแคบและวงกวา้ ง ดว้ ยความ โกรธแค้นอนั เปน็ ของ ไมด่ แี ละเปน็
เครอื่ งทำ� ลายตนและผอู้ นื่ จงึ  ไมม่ ที างสำ� เรจ็  ไดต้ ลอดกาล ถา้ ขนื ปราบดว้ ยความ โกรธแคน้ มากขนึ้
เพยี ง ไร โลกกย็ ิ่งจะเป็น ไฟประลัยกัลป์ เผาผลาญกัน ให้ยอ่ ยยับจน ไมม่ ีอะ ไรเหลอื อยูเ่ พียงนัน้
เพราะความ โกรธแคน้ เป็น ไฟอยู่แลว้  โดยธรรมชาติ แตน่ �ำ ไปทำ� การหุงตม้ อะ ไร ไมส่ ำ� เรจ็ ทาง
ส�ำเรจ็ ของมนั กค็ ือ ทำ�  โลก ใหว้ อดวาย ไป โดยถา่ ยเดยี วเทา่ น้ัน ผู้ต้องการ ให ้โลกยงั คงเปน็ โลกทมี่ ี
ความหมายและนา่ อยู่ จงึ ควรเห็น โทษของความ โกรธแค้น อันเปน็ เครอ่ื งท�ำลายนว้ี า่ เป็น ไฟ
มหาวนิ าศไมค่ วรนำ� มา ใช้ จะเปน็ การกอ่  ไฟเผาตนและผอู้ นื่  ใหเ้ ปน็  ไฟ ไปตาม ๆ กนั

161

โลกอยไู่ ดด้ ้วยเมตตาคอื ความเอน็ ดสู งสารกนั ทุกตวั สตั วท์ ่มี ีชีวิตครองตัวอยู่ ไมพ่ ึงเบียดเบียน
ท�ำลายกนั ด้วยความ โกรธแค้นหรือดว้ ยความเหน็ แกป่ ากแก่ท้อง ซ่งึ  ไมม่ ปี ระมาณแห่งความอมิ่ พอ
และ ไม่มีทางสิ้นสุดแห่งการท�ำลายกัน พระพุทธเจ้าทรงเห็น โทษของมันด้วยพระปัญญาอัน
แหลมคม ไม่มที างสงสัย และทรงเหน็ คณุ  ในความเมตตาวา่ เป็นธรรมอ่อน โยนและสมัครสมาน
รัก ใคร่ ไมตรีต่อกันระหวา่ งสตั ว์ โลกทกุ ชัน้ ทกุ ภูมิ ซึ่งมคี วามรกั สุขเกลียดทุกข์เสมอหน้ากนั จงึ
ประทาน ไว้ เพอ่ื ความมน่ั คงแห่งสันติสุขแก ่โลกตลอดกาลนาน หากเมตตาธรรมยังมี ใน ใจของ
สตั ว ์โลกอยตู่ ราบ ใด โลกยงั จะมหี วังความสขุ ความสมหวังอยตู่ ราบนัน้ แตถ่ า้ เมตตา ได้ห่างเหนิ
จาก ใจของสัตว ์โลกกาล ใด กาลน้นั แม้สัตว์ โลกจะมีความอุดมสมบรู ณด์ ว้ ยเครื่องอปุ  โภคบร ิโภค
นานาชนดิ อย่างพงึ พอ ใจก็ตาม แต่จะ ไม่มีความสงบสุขตกคา้ งอย่ ูในวงสตั ว ์โลกนนั้  ๆ เลย สว่ นที่ 
ไดร้ ับจะมแี ต่ความเดอื ดรอ้ นขนุ่ เคอื ง ไปทุกหย่อมหญา้

ดังนั้นเมื่อเราทราบอยู่แก่ ใจว่า ธรรมเป็นธรรมและเป็นเคร่ืองน�ำความสุขเจริญมาสู่ตน
และทราบอยู่ว่า โลกที่เต็ม ไปด้วยความ โหดร้ายทารุณเผาอยู่ ในดวง ใจเหมือน ไฟลุก โพลงอยู่ด้วยเช้ือ
คอยแตจ่ ะสงั หารท�ำลายสิง่ ตา่ ง ๆ  ใหย้ ่อยยับดับสญู ลง ไปทุกเวลานาทเี ช่นนี้ จึงควรเร่งบ�ำเพญ็ ตน 
ใหพ้ น้ ภยั  ไปเฉพาะหนา้ ซึง่ ยังควรแก่วิสยั จะพอท�ำ ได้ หากกาลอนั ควรผ่าน ไปแล้วจะเสีย ใจภายหลงั
เพราะ โลกนี้คือ โลกอนิจฺจํ และต้ังอยู่บนร่างกายและจิต ใจของคนและสัตว์ ไม่เลือกหน้า นี่เป็น 
ใจความย่อแห่งชัยชนะคาถาที่ท่านแสดงแก่เทวดาท่ีมาจากประเทศเยอรมันฟัง

พอจบเทศนาเทวดาสาธุการสามคร้ัง เสียงสะเทอื น ไปทวั่  โลกธาตุ เสร็จแลว้ ท่านถามเขา
ว่า ทำ�  ไมเทวดาอยถู่ งึ ประเทศเยอรมัน ซึ่งชาวมนุษยถ์ ือว่า ไกลแสน ไกล จึงทราบ ได้ว่าอาตมา
พกั อยูท่ ี่น่ี เขาตอบวา่ สำ� หรับทา่ นแล้วจะอยู่ท่ ีไหนเขากท็ ราบกันทัง้ น้ัน อีกประการหนง่ึ เทวดา ใน
ประเทศ ไทยเคย ไปมาหาสู่กับเทวดา ในประเทศเยอรมันเสมอมิ ได้ขาด พวกเทวดามิ ได้ถือว่า
ประเทศ ไทยกับประเทศเยอรมันหรือประเทศ ใด ๆ  อยหู่ ่างกันเหมอื นทีพ่ วกมนุษยเ์ ข้า ใจกัน แต่
ถอื ว่าเป็นประเทศเขตแดนท่ีพวกเทวดา ไปมาหาสู่กนั  ได้สะดวกสบายธรรมดา ๆ เรานี่เอง เพราะ
มิ ได ้ไปดว้ ยเท้าหรือดว้ ยยานพาหนะ ดังมนุษย์ทัง้ หลาย ไปกนั แต่เทวดาเหาะลอย ไปดว้ ยฤทธิ์
เหมือนกระแสจิตท่ีส่ง ไป ในท่ีต่าง ๆ เพียงขณะเดียวก็ถึงจุดท่ีหมาย การ ไปมาของเทวดาจึง
สะดวกกว่าชาวมนษุ ยอ์ ยู่มาก ทา่ นว่าเทวดาประเทศเยอรมนั มาฟงั เทศน์ท่านเสมอ เช่นเดียวกับ
รุกขเทวดาซึ่งสถิตอยู่ ในท่ีต่าง ๆ ของเมือง ไทยมาฟังเทศน์ท่านบ่อย ๆ ฉะน้ัน ความเคารพของ
เทวดา ไมว่ ่าช้นั บนชัน้ ล่างมีลกั ษณะคล้ายคลึงกัน คือเวลาเขามาเยีย่ มทา่ น ในสถานทที่ ่มี พี ระพักอยู่
กบั ท่าน เทวดาจะ ไมเ่ ขา้ มาดา้ นทม่ี พี ระอยูน่ ้นั เลยหนึง่ มายามดกึ สงัดเวลาพระทา่ นพกั จ�ำวัดหน่ึง

162

มาถงึ แลว้ พรอ้ มกันทำ� ประทักษณิ สามรอบหนงึ่ มคี วามสงบเสงย่ี ม โดยทวั่ กนั หนึง่ เวลาจะจาก ไป
พรอ้ มกนั ทำ� ประทักษณิ สามรอบกอ่ นแลว้ ค่อย ๆเดนิ ถอยห่างออก ไป พอเห็นวา่ พ้นเขตท่พี ักทา่ น
อันเป็นที่ควรเคารพแล้วต่างค่อยเหาะลอยขึ้นบนอากาศเหมือนส�ำลีฉะน้ันหน่ึง เทวดาท้ังหลาย
ท�ำความเคารพท่าน โดยอาการอย่างนี้

ทา่ นอย ู่ในเขาจงั หวดั เชียง ใหม่ สถานท่บี �ำเพ็ญสะดวกทง้ั กลางวนั กลางคืน ทา่ นมคี วาม
รื่นเรงิ  ในทิฏฐธรรมสุขวหิ าร คอื ธรรมเปน็ เครือ่ งอยูส่ บาย ในเวลาขนั ธ์ยังครองตัวอยู่ การนัง่ สมาธิ
ภาวนาเป็น ไปตามเวลาท่ีตอ้ งการ ไมม่ สี ่งิ มาเปน็ อปุ สรรคทำ�  ให้ขาดวรรคขาดตอน ทา่ นมีความสุข
กายสบาย ใจมาก การสงเคราะห์ผู้มาเกีย่ วขอ้ งน้นั ในเวลากลางคืนกเ็ ปน็ พวกเทวดา ซง่ึ มีภูมิ
ละเอียดตามคตินสิ ยั อย่แู ลว้ จึง ไม่เป็นภาระกังวลมาก ในการต้อนรับและการสงเคราะหด์ ว้ ยธรรม
ทเ่ี กี่ยวกับประชาชนกม็ บี ้างเปน็ บางกาล เชน่ ตอนบ่าย ๆ หรอื เย็น ส่วนพระของท่านเองถา้ วันจะมี
การประชุมท่านกน็ ัด ใหเ้ องตามทีเ่ หน็ ควร เชน่ หนง่ึ ทมุ่ เป็นตน้ โดยมากก็เปน็ ผมู้ ภี มู ิจิตสูงนับแต่
สมาธขิ ึน้  ไปถึงปัญญาเป็นข้ัน ๆ ทัง้ เปน็ ผูม้ ุ่งมัน่ ตอ่ ธรรมและฟงั กนั แบบบ�ำเพญ็ เพยี รเพอ่ื มรรคผล
นพิ พาน ในขณะฟงั จรงิ  ๆ

การแสดงธรรมแก่ผูม้ ภี ูมจิ ิตภมู ธิ รรมต่างกนั และสูงขึน้  ไปตามล�ำดับลำ� ดาเช่นน้ัน ท่านก็
แสดงธรรม ไปตามลำ� ดบั ภมู ิ นบั แต่ภูมิสมาธิขน้ึ  ไปหาภมู ปิ ัญญาเป็นขัน้  ๆ จนถึงข้ันละเอียดสดุ คอื
วิมตุ ติหลุดพน้ แทบทกุ ครง้ั ผู้มีภมู จิ ิตน่งั ฟงั ทา่ นอธิบายธรรมภาคตา่ ง ๆ  ทำ�  ใหจ้ ิตเพลิดเพลนิ  ไปตาม
ธรรมข้ันนนั้  ๆ  จนลมื ตัวและลืมเวลา ปรกติท่านเทศน์สอนพระล้วน ๆ  ทางภาคปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา
กวา่ จะยตุ กิ ก็ นิ เวลา ไมต่ ำ่� กวา่ สองชวั่  โมงเปน็ อยา่ งนอ้ ย แตผ่ ฟู้ งั ตา่ งม ิไดส้ น ใจกบั เวล�่ำเวลายิง่  ไปกวา่
สน ใจ ไปตามกระแสธรรมทท่ี ่านก�ำลงั แสดง ไปเป็นระยะ ๆ ในเวลานน้ั ขณะฟงั ถ้าจิตของผู้ฟังอย ู่ใน
ระดบั  ใดก ็ไดก้ �ำลงั เพมิ่ ระดบั เดิมของตนขน้ึ เป็นลำ� ดับ ในทุกครง้ั ที่รับการสดับธรรม

ฉะนนั้ การฟงั ธรรมทางภาคปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความสำ� รวมระวงั และทดสอบจติ  ไปตาม ในขณะทฟี่ งั
จงึ จดั เปน็ ความเพยี รส�ำคญั ภาคหนง่ึ ไมด่ อ้ ยกว่าการท�ำความเพยี ร ในอริ ิยาบถและความเพียรภาค
อน่ื  ๆ ทา่ นผู้แสดงก็มีความม่งุ หมายอยาก ให้ผูฟ้ งั  ไดร้ เู้ หน็ ความจริงตามธรรมทแี่ สดงออกทกุ ระยะ
ไปเช่นเดียวกัน และแสดง ไปตามความคิดนกึ ความแสดงออกของจติ ท้งั ท่เี ปน็ ฝ่ายสมทุ ยั และ
ฝา่ ยมรรคของผ้ฟู ังจรงิ  ๆ  เพ่อื  ใหร้ ู้ท้ัง โทษและคุณที่ควรละและควรเจรญิ  ให้ยิง่ ขึน้  ไป ในขณะท่ีน่งั ฟัง
ย่ิงกว่าขณะอื่น ใด ในเวลาน้ัน ผู้มสี ตจิ ดจอ่ ต่อจติ ซง่ึ เปน็ ทีร่ วมของธรรม ไม่ ใหส้ ง่  ไปท่อี ่นื ยอ่ ม ไดร้ บั
ความสงบตามขนั้ สมาธิและ ได้อบุ ายตา่ ง ๆ  ตามข้นั ของปญั ญาที่สามารถ ไตร่ตรองตามธรรมซง่ึ ทา่ น

163

กำ� ลงั แสดง ในขณะนนั้ ผทู้ คี่ วรผา่ น ไป ได ้ในขณะฟงั กผ็ า่ น ไปเปน็ พกั  ๆ ฟงั คราวน ้ีไดอ้ บุ ายอยา่ งหนงึ่
ขึน้ มา ฟังคราวหน้า ไดอ้ บุ ายอกี อยา่ งหนง่ึ ขึ้นมา อนั เปน็ การเพ่มิ สตปิ ญั ญาดว้ ยการฟงั อย่เู สมอ
จิตย่อมเจริญกา้ วหนา้ ทัง้ ทางสมาธทิ กุ ขนั้ และปัญญาทุกภมู ิเป็นลำ� ดบั จนสามารถผ่านพน้  ไป ได้
ด้วยการปฏิบัติและการฟังท่ีผู้แสดงเป็นผู้รู้จริงเห็นจริงและแสดงถูกต้องกับจุดความจริงท่ีก�ำลังเป็น 
ไป ในผปู้ ฏบิ ตั ทิ มี่ าอบรมศกึ ษา

ฉะนนั้ การฟงั สำ� หรบั พระธดุ งคกรรมฐานจงึ ถอื เปน็ กจิ จำ� เปน็ ทางภาคปฏบิ ตั ิ เช่นเดียวกบั
การปฏบิ ัตภิ าคอืน่  ๆ  เสมอมา จะหา่ งเหินต่อการฟังยอ่ ม ไม ่ไดเ้ มื่อครอู าจารยผ์ สู้ ามารถทางจติ  ใจ
มีอยู่ ดว้ ยเหตุนพี้ ระธดุ งค์ผูม้ งุ่ อรรถธรรมอยา่ งแท้จรงิ จึงชอบแสวงหาครอู าจารยผ์ ู้คอยแนะน�ำ
ทางจติ ตภาวนาเปน็ นสิ ยั และเคารพรกั  ในอาจารยม์ าก หวงั พงึ่ เปน็ พง่ึ ตายดว้ ยจรงิ  ๆ ทา่ น ให้
อุบายแนะนำ� อย่าง ไรยอ่ มเขา้ ถึง ใจจรงิ  ๆ และนำ�  ไป ใคร่ครวญและปฏิบัติตามเต็มสติก�ำลังของตน
ถ้ายังมีแง่สงสัยหรือมีข้อสงสัยที่เกิดจากการภาวนา ในแง่ ใดบ้าง ก็มาขอค�ำแนะน�ำจากท่านอีก
แลว้ น�ำ ไปปฏิบตั ิเปน็ อาจณิ ฉะนน้ั ครูอาจารยผ์ ้ทู รงคุณวุฒ ิในทางจิตตภาวนามีอยู่ ณ ท่ี ใด
พระธดุ งคกรรมฐานจึงมกั  ไปรมุ ลอ้ มอยู่กบั ท่าน ณ ทนี่ น้ั ดังทา่ นอาจารย์มน่ั ท่านอาจารย์เสาร์
เป็นตวั อยา่ ง ทัง้ สององค์น้ีนบั ว่ามีลูกศษิ ยท์ ่ีเปน็ พระธุดงค์จำ� นวนมากเป็นพเิ ศษ ในภาคอสี าน

แต่เวลาท่ีพระอาจารย์ม่ันพักอยู่ท่ีเชียง ใหม่นั้นท่านตั้ง ใจปลีกองค์จากหมู่คณะออกบ�ำเพ็ญ
เป็นพเิ ศษ ไม่ตอ้ งการความยงุ่ เหยงิ วนุ่ วายจากภาระตา่ ง ๆ  มกี ารอบรมสง่ั สอน เปน็ ตน้ เพอื่ เรง่
ความเพียร ให้ถึงจุดที่หมายและเพ่ือความอยู่สบาย ในทิฏฐธรรม แม้เช่นน้ันก็จ�ำต้อง ได้รับภาระ
ในการอบรมสั่งสอนประชาชนและพระเณรอยู่ โดยดี ดังที่รู้ ๆ กันอยู่ท่ัว ไปว่า ท่านมีลูกศิษย์
ท้ังบรรพชิตและฆราวาสจ�ำนวนมากมาย ในประเทศ ไทย กอ่ นหน้าท่ีทา่ นจะปลีกจากหมูค่ ณะ ไป
บำ� เพ็ญอยา่ งเดด็ เด่ยี วแตผ่ เู้ ดียวทีเ่ ชียง ใหม่ ทา่ นกเ็ คยพูดเสมอวา่ เวลานี้ก�ำลังท่านยัง ไม่เพยี งพอ
ทง้ั เพ่ือตัวเองและผ้อู น่ื ทา่ นจงึ  ไดป้ ลกี ออก ไปตามเจตนาเดมิ ทพ่ี ดู  ไว้ และบ�ำเพญ็ เตม็ กำ� ลังจนส้นิ
ความสงสยั ทางจิต ใจทกุ ดา้ น ดังทเี่ คยกลา่ วผ่านมาบ้างแล้ว จากนัน้ มาท่าน ไม่เคยพูดอีกเลยว่า
“ก�ำลัง ไม่พอ”

ท่านพระอาจารย์ขาวพูดกับช้าง

ครง้ั หน่งึ ทา่ นเดนิ ธุดงค ์ไป ในเขาดว้ ยกนั สามองค์ มีท่านพระอาจารย์ขาว วัดถ�ำ้ กลองเพล
อุดรธานี และท่านพระอาจารยม์ หาทองสุก วดั สทุ ธาวาส สกลนคร ติดตาม ไปดว้ ย พอ ไปถึง

164

ช่องแคบจะขึ้นเขาก็เผอิญ ไปเจอช้าง ใหญ่เชือกหนึ่งที่เจ้าของเขามาปล่อยทิ้ง ไว้แล้วหนี ไป ไหนก็ ไม่
ทราบ เห็นแต่ชา้ งเท่ยี วหากนิ อย่ปู ากช่องข้ึนเขา งาของมนั ยาวเกือบวาเห็นแลว้ นา่ กลัวพิลึก ทา่ น
ปรึกษากันว่าจะท�ำอยา่ ง ไร ทางก็จำ� เพาะมีเทา่ น ี้ไมม่ ีท่ีพอปลกี แวะ ไป ไดบ้ ้างเลย ทา่ นพระอาจารย์
ม่นั บอก ให้ท่านพระอาจารย์ขาวพูดกับช้างซงึ่ ก�ำลังกิน ใบ ไผ่อยู่ติด ๆ กบั ทางที่ทา่ นจะผา่ น ไป ช้าง
อยู่หา่ งกับท่านประมาณสบิ วายนื หันก้นมาทางพระ มนั ยัง ไม่เห็นพระเวลานั้น ทา่ นพระอาจารย์
ขาวกเ็ รม่ิ พดู กบั ชา้ งวา่ “พชี่ าย เราขอพดู ดว้ ย” ประ โยคแรกมนั ยงั  ไม ่ไดย้ นิ ชดั เปน็ แตห่ ยดุ กนิ  ใบ ไผ่
ทา่ นอาจารย์ขาวพูดขึ้นอกี วา่ “พ่ชี าย เราขอพูดด้วย” พอประ โยคนจ้ี บลงมันรบี หนั หน้ามาทาง
พระยนื อยทู่ ันทหี กู างเต็มทีแ่ ละยนื น่งิ  ไม่กระดุกกระดกิ ท่านกพ็ ดู ซ้ำ� กบั มันอีกวา่ “พี่ชาย เราขอ
พดู ด้วย พี่ชายนัน้ ตัวก็ ใหญ่ ก�ำลงั กม็ าก ส่วนพวกเราเปน็ พระ ท้งั ก�ำลงั กม็ นี ้อยและกลัวพีช่ ายมาก
พวกเราขอเดินผ่าน ไปทพ่ี ีช่ ายยืนอย่นู ้นั ขอ ให้พี่ชายหลกี ทาง ให้พวกเราบา้ งพอมที าง ไป ได้ ถ้า
พช่ี ายยืนอยู่ทน่ี นั้ พวกเรากลวั พี่ชายมาก ไมก่ ลา้ เดินผา่ น ไปท่นี ้ัน ได้”

พอพูดจบลงช้างตัวนั้นรีบยืนหันหน้าเข้ากอ ไผ่ข้างทางทันที เอางายาว ๆ สอดเข้า ไป ใน
กลางกอ ไผ่ซง่ึ แสดงว่า ไมท่ �ำ ไมแล้ว ให้มากัน ได้ พอชา้ งหนั หน้าเขา้ กอ ไผ่เรียบร้อยแลว้ ท่าน
พระอาจารย์ม่ันก็บอกกนั ว่า ทีนี้เขา ไมท่ ำ�  ไมแล้ว พวกเรา ไป ได้ ทา่ นอาจารยท์ งั้ สองขอนิมนต์ 
ใหท้ ่านพระอาจารยม์ ่ันเดินกลาง ท่านอาจารยข์ าวเดินหน้า ทา่ นอาจารย์มหาทองสุกเดนิ หลงั
พากันเดินผ่าน ไปทก่ี ้นช้างหา่ งกันประมาณหน่งึ วา โดย ไมม่ ีอะ ไรเกดิ ข้ึน เผอญิ พอเดนิ ผ่านชา้ ง ไป ได้
ประมาณวาเศษ ขอกลดท่านอาจารยม์ หาทองสกุ ก็ ไปเกย่ี วเอาแขนง ไม ้ไผ่เขา้ พอดี ปลดอยา่ ง ไร
ก ็ไม่ยอมออก ต้องพยายามปลดอย่นู น้ั นานจนเหงอื่  โชก ไปทงั้ ตวั เพราะกลวั ช้างมาก ซ่ึงก�ำลังยืนดู
ท่านอยู่ ขณะทกี่ ำ� ลังปลดขอกลดอยูน่ ั้น ได้ช�ำเลอื ง ไปดูตาช้างตวั ก�ำลงั ยืนนิ่งเหมอื นตุ๊กตาอย่นู น้ั ได้
เห็นตาช้างตัวนั้น ใสแจ๋ว นา่ รักกว่าจะนา่ กลวั แต่ ใจก็ยังกลวั อย่ ูในขณะน้ัน พอพน้  ไป ได้แลว้
 ใจกลับเห็นช้างตวั นนั้ เปน็ สตั ว์ท่ีน่ารกั มาก เมื่อผ่านกัน ไปหมดแลว้ ท่านอาจารย์ขาวหนั มาพดู กบั
มันว่า “พีช่ ายเอย๋ พวกเราผ่านมาแลว้ ขอ ให้พชี่ ายหากิน ไดต้ ามสบายเถิด” พอจบลงเท่าน้นั
เสียงมันฉุดลากก่งิ  ไม้ดังฟดู ฟาดข้ึนทนั ที

เมื่อ ไปถึงท่ีพักแล้วจึง ได้สนทนากันถึงช้างตัวแสนรู้นั้นว่าเป็นสัตว์ท่ีน่ารักน่าสงสารมาก
เป็นแต่มนั พูด ไมเ่ ป็นเท่าน้ัน ขณะสนทนากนั ทา่ นอาจารยม์ หาทองสุกกราบเรียนถามท่านอาจารย์
ม่นั ว่า ขณะนน้ั ทา่ นอาจารย์ ไดก้ ำ� หนดดจู ิตมนั บ้างหรอื เปลา่ วา่ ช้างตวั นนี้ กึ อะ ไรบา้ ง ขณะท่ี
พวกเราเรียกและพดู กบั มันตลอดขณะท่เี ราเดนิ ผ่านมนั มา กระผมอยากทราบบ้างเพราะเปน็ สัตว์
ท่นี า่ รักและนา่ สงสารมาก ขณะพวกเราเรียกมนั พอ ได้ยินเสยี งเรียกเห็นมนั ทำ� ท่าตึงตังหนั หน้า

165

กลบั มาหาพวกเราทนั ทที นั  ใดราวกบั จะว่ิงมาขย้ี ให้แหลกละเอยี ด ในขณะนั้นจน ได้ แต่พอทราบ
เรื่องแล้วกลับเป็นมนุษย์ข้ึนมา ในร่างสัตว์และรีบหันหน้าเข้ากอ ไผ่เอางายาว ๆ สอดเข้ากลางกอ ไผ่
ยืนน่งิ เหมือนสตั ว์ ไมม่ ีวญิ ญาณ ซง่ึ เปน็ การบอกอย่างชดั เจนว่า “พวกนอ้ ง ๆ พากนั มาเถอะ พ ่ี
ไม่ทำ�  ไมแล้ว พีเ่ กบ็ ศาสตราอาวธุ ซ่อนมนั หมดแล้ว เชอ่ื และมาเถอะ” ในทำ� นองนี้ แลว้ กพ็ ูดเชงิ
หยอกเลน่ กบั ท่านอาจารย์ขาวบา้ งว่า ท่านอาจารยข์ าวกพ็ ิสดาร ไม ่ใชเ่ ล่น พดู กับช้างซง่ึ เปน็ สัตว์
ทั้งตัวราวกับพดู กบั มนษุ ยท์ ั้งคนว่า “พ ่ี ๆ  พวกนอ้ งกลัว ไป ไม ่ได้ ขอ ใหพ้ ห่ี ลกี ทาง ให้หน่อย
พวกน้องจะ ได้ ไปกนั  ได้ ไม่ต้องกลัวพ”่ี ไอ้พ่ีก็เหมือนเทวบุตร ใจมหาเวสสันดร พอ ไดล้ กู ยอเข้า ไป
สักลกู เทา่ น้นั ก็อมิ่ ท้องรีบจัดแจงหลกี ทาง ใหท้ ันทีทัน ใด ไม่รีรอ แตน่ อ้ งคนเล็กเซ่อเอาการ พอผ่าน
พ่ ีไป ได้ขอกลดกเ็ กดิ  ไปเกย่ี วกบั แขนง ไม้ ไผ่ ปลดเท่า ไร ๆ ก ็ไมย่ อมออก จะพยายาม ใหอ้ ยู่กับพ่ี
จน ได้ ใจหายหมดขณะท่กี �ำลังปลดขอกลดอยนู่ ้ัน กลวั พี่จะเลน่  ไมซ่ ื่อ

ท่านอาจารยม์ นั่ พอฟงั ค�ำท่านอาจารย์มหาทองสกุ พดู หยอกเลน่ ท่านอาจารย์ขาว วา่ ฉลาด
พดู กับชา้ ง แล้วเลยหัวเราะ ใหญ่ ไปพักหนึ่งจึงพดู ตอ่  ไปว่า ทำ�  ไมจะ ไม่ก�ำหนดดมู นั เลา่ แมแ้ ตเ่ รอื่ ง
เลก็  ๆ  นอ้ ย ๆ  เชน่ นกและลงิ เรายงั กำ� หนดดมู นั  ในบางเวลา นมี่ นั เรอื่ งถงึ ตาย ไม่ก�ำหนด ไดห้ รือ
เวลาทา่ นอาจารย์ก�ำหนดดูชา้ งตัวนนั้ มันคดิ อยา่ ง ไรบา้ ง ผ้ถู าม ท่านตอบ ทีแรก ไดย้ ินเสียงพวกเรา
มนั ตก ใจ จึงรีบหันหนา้ มาอย่างรวดเร็ว เป็นทา่ และความคดิ จะตอ่ สู้ พอมองมาเห็นพวกเราซง่ึ มี
สผี า้ กาสาวพสั ตรค์ รองอยู่ มนั ก็รทู้ ันทีว่าเป็นเพศทเ่ี ยน็ และ ไว ้ใจ ได้ เพราะมนั เคยเห็นมาจนชินตา
ชิน ใจแล้ว เจ้าของมันก็เคยเส้ียมสอนมาจนพอแล้ว ไม่ ให้ท�ำอันตรายแก่เพศน้ี ฉะน้ัน
พอพวกเราพูดกบั มันซึง่ เป็นค�ำทีม่ ันชอบมากอยู่แล้วว่า พ ี่ ๆ  ดังทท่ี า่ นขาวพดู กบั มนั กย็ ่งิ ทำ�  ให้มนั
ชอบ ใจ ใหญ่และหลกี ทาง ให้ทนั ที

ผูถ้ าม มันรภู้ าษาทเ่ี ราพดู กับมนั  ได้ทกุ คำ� หรอื เปล่า ทำ�  ไมจะ ไมร่ ู้ ไม่เช่นน้ันจะเอามนั มา
ลาก ไมเ้ ขน็ ซุง ในป่า ในเขา ไดห้ รอื เดยี๋ วมันฆ่าตายท้งิ เปล่า ๆ  สตั ว์พรรค์น้ีเขาต้องฝกึ สอนจนมันรู้
ภาษาคน ไดด้ ีถึงจะน�ำมาท�ำงานชนิดตา่ ง ๆ ได้ ก็ช้างตวั น้อี ายมุ นั เป็นร้อยปขี ้ึน ไป ดูงามันซิยาว
เกอื บวา แลว้ มันอย่กู บั คนมากป่ี ี แม้เจา้ ของของมนั ก็นา่ กลวั เพ่ิงเกดิ มา ไม่กีป่ ยี ังมาเปน็ ควาญมัน 
ได้ มันจะ ไมแ่ สนร้ภู าษามนษุ ย์อยา่ ง ไรเล่า ตอ้ งรูอ้ ย่าง ไม่มปี ญั หา ขณะทม่ี ันหันหน้าและสอดงา
เขา้ กอ ไผ่มนั คิดอยา่ ง ไรบา้ ง ผู้ถาม ท่านตอบ กม็ ันรู้เรื่องแลว้ น่นั เอง มันจึง ใหท้ าง ไมค่ ิดจะทำ�
อะ ไร ผ้ถู าม ขณะท่ีพวกเราเดนิ ผ่านมันมาน้ันทา่ นอาจารย์ ได้กำ� หนดด ูใจมนั มาตลอดทางผ่านหรอื
เปล่า ว่ามนั อาจคิดอย่าง ไรบ้างขณะทพี่ ระกำ� ลงั เดินผา่ นมา ท่านตอบ กำ� หนดดูก็เหน็ แต่มนั  ให้
ทางอยแู่ ล้ว โดย ไมค่ ิดอะ ไรอืน่ กระผมกลวั วา่ เวลาพวกเรากำ� ลังเดินผ่านมามนั อาจคดิ สนุกขึ้นมา

166

อยากทำ� ลายพวกเราเล่นสนุก ๆ ไปตามประสาสัตว์ จึงเรียนถามอย่างนน้ั

ท่านวา่ หาคดิ เร่ืองพิสดารที ่โลกเขาม ิไดค้ ดิ กันมาถาม ถ้าชอบคิดซอกแซกดังทค่ี ิดถามเร่อื ง
ช้างก็คงมหี วังพ้นทุกข ์ได ้ในวันหนงึ่ แน่นอน แตน่ คี้ ง ไม่สน ใจคดิ นสิ ัยมนษุ ย์เราชอบเปน็ อย่างนี้
มาด้ังเดมิ ถ้าสิ่งทีเ่ ป็นคณุ เปน็ ประ โยชน์ ไมช่ อบคิด แตท่ ี่เสียเวลาและเป็น โทษแลว้ ชอบคิดแบบ
ถงึ  ไหนถึงกัน นก่ี จ็ ะพยายามคดิ และถามเรื่องช้าง ไปตลอดคืนจน ไมต่ อ้ งสน ใจกับธมั มะธมั  โมอะ ไร
ละ่ หรือ พอถกู ขู่เทา่ นัน้ เร่อื งชา้ งเลยจบลงทันทเี พราะกลัวทา่ นจะเขน่  ใหญ่ (นที่ ่านอาจารยม์ หา
ทองสกุ เลา่  ใหฟ้ ัง)

ดุพระพูดคุยแบบไร้สติ

เรือ่ งการพูดคุยอะ ไรกบั ท่านแบบ ไรส้ ติวา่ ควรอยา่ ง ไร  ไม่ควรอย่าง ไรบา้ ง น่ีเคย โดนท่านดุ
มามากราย บางรายถึงกับเสยี สต ิในวาระตอ่  ไปก็มี มีพระรปู หนงึ่ ซ่งึ มนี ิสยั  ไม่ค่อยสุภาพนัก ไป
สำ� นกั อยกู่ บั ทา่ นชั่วคราว เวลาท่านพูดอะ ไรข้ึนมาเธอชอบพดู  ไปตามท่านเสมอ ตอน ไปอย่ ูใหม ่ ๆ
ท่านเคยเตือนบ่อย ใหส้ น ใจ ในหนา้ ทีข่ องตวั โดยมสี ติระวงั รกั ษา ใจทีจ่ ะคิดจะพูด ในเรือ่ งต่าง ๆ  ไม่
สน ใจกับเรอ่ื งของผูอ้ ่ืน นักปฏบิ ัตติ ้องรจู้ กั วธิ ีปฏบิ ัตติ วั  โดยถูกทาง ผู้มีสตอิ ยูก่ ับตัวย่อมเหน็ ความ
บกพร่องของ ใจที่แสดงออก แต่เธอนนั้ คงม ิได้สน ใจคดิ เรอื่ งท่าน ให้อุบายสง่ั สอนเทา่ ทีค่ วร จึงชอบ
เปน็  ไปตามนิสัยเสมอ วนั หนงึ่ เข้า ไปบิณฑบาต ในหม่บู ้าน ท่านพระอาจารยม์ ั่นท่านมีนสิ ยั ที ่ใคร ๆ
สังเกต ได้ยาก เวลาเดิน ไป ไหนมา ไหนท่านมองเห็นอะ ไร เช่น สัตว์ต่าง ๆ หรือผู้คนตลอดเด็ก ๆ
ทา่ นมกั จะเอาเรือ่ งท่ ีได้เหน็ นนั้  ๆ มาพจิ ารณาและพดู ของท่าน ไปคนเดยี วดงั ทเ่ี คยเขียน ไวบ้ า้ งแลว้

วันนั้นขณะที่ก�ำลังบิณฑบาต ท่าน ได้เห็นลูกวัวมีรูปร่างน่ารักที่ก�ำลังวิ่งเพลินอยู่กับแม่
ของมัน ขณะพระเดิน ไปมนั ยังมองไมเ่ ห็นทา่ น พอพระเดนิ  ไปจวนถงึ ตวั มันจงึ หันหนา้ มามอง
อย่างตก ใจและกระโดดว่ิงอ้าว ไปหาแม่แล้วเอาหลังหนุนคอแม่ ไว้หันหน้าออกมาสู่พระ นัยน์ตา
บอกวา่ กลัวมาก สว่ นแม่พอเหน็ ลกู วง่ิ  ไปหากร็ บี หนั หนา้ มองมาทางพระ พอร้แู ลว้ ก็ท�ำเฉยตาม
นิสยั ของสัตวท์ ่ีเคยกับพระมาจนจำ� เจแล้ว แต่ลกู ของมนั ยนื ตาจบั จ้องอย่ ูใต้คางแม่อย่าง ไม ่ไว้ ใจ
เม่ือท่านอาจารย์เห็นอาการของท้ังแม่ท้ังลูกท่ีแสดงอาการต่างกันเช่นนั้น จึงพูดขึ้นลอย ๆ ว่าแม่
 ไม่เหน็ แสดงอาการกลวั แต่ลกู ทำ�  ไมกลวั จนจะแบกแม่ท้งั ตวั ว่ิงหน ีไป ได้ (ทา่ นเห็นมนั อย่ ูใต้คอแม่
อนั เป็นลกั ษณะแบกแม่ถงึ  ไดพ้ ูดอย่างนน้ั ) พอเหลอื บเหน็ พระเทา่ นนั้ ก็ทั้งเผน่ ทั้งรอ้ งหาแม่ ให้ชว่ ย

คนเรากเ็ หมอื นกนั ตอ้ งว่งิ หาท่ีพึ่ง ถ้าอย ู่ใกล้แมก่ ว็ ง่ิ พง่ึ แม่ อยู่ ใกลพ้ ่อก็ว่ิงพ่งึ พอ่ อยู่กบั  
ใครกม็ กั จะพง่ึ คนน้ัน จะคดิ พึง่ ตวั เอง ไมค่ อ่ ยมี ตอนยงั เล็กกค็ ดิ หวงั พง่ึ ผอู้ น่ื แบบหนึ่ง โตขนึ้ มา

167

กค็ ิดหวังพงึ่ ผอู้ ื่น ไปอีกแบบหนงึ่ แก่ตวั ลงไปก็คิดหวงั พ่งึ ผอู้ ื่นอกี แบบหนึง่ จะยอ้ นจิตเข้ามา ใช้
อุบายหาทางพ่งึ ตัวเอง ไมค่ ่อยจะมกี ัน ฉะนั้น คนเราจงึ มกั ทำ� ตวั  ใหอ้ อ่ นแอ อย ู่ในวยั  ใดกห็ วงั พงึ่ แต่
ผอู้ น่ื อยทู่  ี่ใด  ไปท ี่ใดกห็ วงั พง่ึ แตผ่ อู้ น่ื เลย ไมเ่ ปน็ ตัวของตัว ไดต้ ลอดกาล พระเราก็เหมือนกัน
บวชมา ในศาสนาจะศกึ ษากเ็ กยี จคร้าน จะปฏิบัติก็กลัวเปน็ ทุกขล์ �ำบาก เพราะความขเี้ กียจ ไมย่ อม 
ให้ท�ำ คดิ อะ ไรทจ่ี ะเปน็ ประ โยชน์บ้าง พอคิดจะลงมอื ทำ� ความขเ้ี กยี จกม็ าคอยกนั ทา่  ไวเ้ สยี เลย
 ไมม่ อี ะ ไรสำ� เรจ็  ได้ เมอื่  ไมม่ ที างชว่ ยตวั เอง ไดก้ จ็ ำ� ตอ้ งหวงั พึ่งผอู้ ่ืน ไม่เชน่ น้นั ก็ครองตวั  ไป ไม ่ได้

ค�ำว่า อตตฺ า หิ อตฺต โน นา โถ เลย ไม่มีประ โยชน์ส�ำหรับคน ไมม่ ีจมูกหาย ใจ เราผบู้ วช
เปน็ พระและเปน็ นกั ปฏิบตั ิ จงึ  ไมค่ วรท�ำตนเป็นคน ไม่มจี มูก คอยหาย ใจจากผอู้ ื่นอยเู่ ร่อื ย ไป ครู
อาจารย์สง่ั สอนอะ ไรควรนำ�  ไปคดิ และพยายามท�ำตาม ไม ่ให้หลุดมอื ตกสูญหาย ไปเปล่า ๆ พยายาม
คิดและท�ำตามทา่ นจนเกดิ ประ โยชนข์ ้ึนมาแกต่ นจน ได้ จะ ไม่ตอ้ งหวังพึง่ ทา่ นตลอด ไป จมูกทาง
หาย ใจคอื ความร้คู วามฉลาดทางระบายทุกข์นอ้ ย ใหญ่ออกจาก ใจกพ็ อมีทางอาศยั ตน ได้ ชอื่ ว่าเปน็
พระขึน้ มา โดยล�ำดับจนกลายเปน็ พระสมบูรณแ์ บบและพึง่ ตนเอง ได้อย่างเต็มที่

ท่านพดู เป็นเชงิ สอนพระหรือสอน ใครก็สุดแตผ่ จู้ ะพิจารณาน�ำมาสอนตน ค�ำพดู ทา่ นยัง 
ไมจ่ บเรอ่ื งซงึ่ พอจะแทรกขน้ึ  ในระหวา่ งทา่ นหยดุ ชวั่ คราว แตพ่ ระองค ์ไมค่ อ่ ยพจิ ารณานกั กพ็ ดู พลา่ ม 
ไปตามท่าน โดยม ิได้ส�ำนกึ ตัววา่ ควรหรอื  ไม่ควรเพยี ง ไร ความบา้ ของเธออาจจะเขา้  ไปกระทบธรรม
ภาย ในท่านอยา่ งแรง จงึ ท�ำ ใหท้ ่านหันหน้ากลบั มาชำ� ระเสียบา้ ง พอ ให้พระองค์ท่มี สี งั วรธรรม
พลอยตกตะลงึ กลวั  ไปตาม ๆ กัน ใจความว่า ทา่ นนจ้ี ะบ้าเสยี แลว้ กระมงั นี่ พอตามองเหน็ ค้อน
เหน็  ไมท้ ี ่ใคร โยนมาแต่ทศิ  ใดแดน ใดก็คอยแตจ่ ะ โดดกดั รำ�่  ไป เหมอื นสนุ ัขบา้ ไม่มองด ูใจทีก่ ำ� ลัง
จะบ้าอยขู่ ณะนี้บา้ งเลย ผมว่าทา่ นจะบา้ แล้วนะ ถา้ ยังขนื ปล่อย ให้นำ้� ลาย ไหลออกแบบ ไม่มสี ติ
ดังทีเ่ ป็นอยูข่ ณะนี้ ว่าเท่านน้ั ก็หนั กลับและเดนิ เขา้ ทพี่ กั  ไมพ่ ูดอะ ไรตอ่  ไปอกี

มองดูพระองค์น้ันหนา้ ตาพิกลอยา่ งพดู  ไมอ่ อกตอนมาถึงทพ่ี ักแลว้ ขณะฉันกเ็ หน็ เธอฉนั
นิดเดยี ว พอเหน็ อาการอยา่ งนนั้ ตา่ งองคก์ ต็ า่ งนงิ่ เฉยทำ� เหมอื น ไมร่ แู้ ละ ไม ่ไปเกย่ี วขอ้ งกบั เธอ เกรง
วา่ จะอาย เวลาอน่ื กท็ ำ� เหมอื น ไม่มีอะ ไร ต่างองคต์ า่ งอยแู่ ละบ�ำเพญ็ ภาวนา ไปตามท่เี คยปฏบิ ตั มิ า
พอตกกลางคนื เงยี บ ๆ ได้ยนิ เสียงร้อง โวยวายข้ึนแบบคน ไม่มีสติ พดู  ไม่ ไดศ้ ัพท์ ไดแ้ สง พอทราบ
เหตุตา่ งองค์ต่างกร็ ีบ ไปดูที่เสยี งปรากฏข้นึ ก ็ได้เห็นพระองคน์ นั้ นอนร่ายมนตบ์ น่ เพอ้ ท้งิ เนอ้ื ท้งิ ตัว
อย่บู ริเวณทีพ่ ักนน้ั แบบคน ไมม่ ีสตเิ อาเลย แต่พอจบั  ใจความ ได้เปน็ บางตอนวา่ “เสีย ใจที่ ได้
ล่วงเกินท่านอาจารย ์โดย ไม่รูก้ าลเทศะ” ใครกต็ กตะลงึ พรึงเพริด ไปตาม ๆ กนั และตอ้ งรบี  ไปตาม

168

ชาวบา้ นมาช่วยพยาบาลรักษา คอื หายาแก้ลม เปน็ ตน้ มา ใหเ้ ธอฉัน คนนนั้ บบี คนนน้ี วดตาม
บรเิ วณรา่ งกายอย่พู กั หนึ่ง จากนนั้ กส็ งบและนอนหลับ ได้จนสว่าง

พอวันรงุ่ ข้นึ กม็ คี นมารบั เธอ ไปหาหมอ ฉีดหยูกยา ใหเ้ ธอ อาการก็พอลดลงบ้าง แต่ยงั มี
การกำ� เริบเป็นคราว ๆ  พอคอ่ ยยงั ชั่วบ้างก็ส่งเธอกลับบา้ น หลังจากนนั้ ก ็ไมท่ ราบวา่  โรคหายหรอื
เปน็ ตายอยา่ ง ไร ผเู้ ขยี นกท็ ราบจากพระทอ่ี ยดู่ ว้ ยกนั กบั เธอ ในเวลานนั้ เลา่  ใหฟ้ ัง ทง้ั นพ้ี ูดเร่อื ง โดนดุ
ถ้า โดนพอเบาะ ๆ ก็พอ ให้ผถู้ กู  โดน ไดส้ ติและระวงั ตัวต่อ ไป ถา้ หาเร่อื ง ใหถ้ กู  โดนดอุ ย่างหนักและ
ผู้ถูก โดน ไมม่ ีสตปิ ญั ญาพอจะถอื เอาประ โยชน ์ไดก้ ็มักมีทางเสยี  ไดด้ งั ทป่ี รากฏมา ฉะนนั้ ผอู้ ยกู่ บั
ทา่ นจงึ อยดู่ ว้ ยความระวงั สำ� รวมอยา่ งยงิ่ จะตสี นทิ คนุ้ เคย ในฐานะวา่ เคยอยู่กบั ท่านมานานย่อม ไม ่ได้
เพราะนสิ ัยทา่ นเป็นนสิ ยั ที ่ไมค่ ุ้นกับ ใครเอาง่าย ๆ แต ่ไหนแต่ ไรมา ผู้อยู่กับทา่ นจึงนอน ใจ ไม ่ได้
แม้ระวงั ตวั อยเู่ หมอื นแม่เนือ้ ระวงั นายพรานกย็ งั ถกู  โดนยิงจน ได้

จอมปราชญ์ทั้งสองฉลาดมาแต่เป็นฆราวาส

เทา่ ทีท่ ราบจากครูอาจารย์ท่ีเคยอย่กู บั ทา่ นมากอ่ นว่า ถา้ มีเฉพาะทา่ นท่ีมีภมู ิจติ  ใจสูงอยู่กับ
ท่าน การวางตวั ท่านก็ปล่อยตามนิสัยที่รู้จกั ทา่ นดแี ลว้ คือแสดงกิริยามรรยาทธรรมดาสบาย ๆ
เหมือนผู้ ใหญ่อยู่ด้วยกัน ไม่ค่อยเข้มงวดกวดขันนัก แต่การเปลี่ยนแปลงมรรยาทท่านรู้สึก
เปลยี่ นแปลง ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ จนตามแทบ ไมท่ นั อยสู่ ถานทแี่ หง่ หนง่ึ เปน็ อยา่ งหนง่ึ สถานทแี่ หง่ หนง่ึ
เป็นอีกอย่างหนง่ึ ตามแต่เหตกุ ารณ์ทค่ี วรเปล่ียนแปลง ไปตามสถานที่บุคคลนน้ั  ๆ และเปลยี่ นแปลง 
ได้อย่างรวดเร็วทงั้  ไม่ซ้ำ� รอยกันเลย นบั วา่ เปน็ เรือ่ งท่แี ปลกประหลาดส�ำหรับผู้ ไมส่ ามารถท�ำอย่าง
ท่าน ได้ เวลาว่าง โอกาสดี ๆ ท่านกเ็ ลา่ นทิ าน ให้ฟงั ซ่ึง โดยมากมกั ขัน ๆ และน่าหวั เราะทงั้ นัน้ จึง
ขอยกเร่ืองท่านมาเล่า ให้ท่านผู้อ่านฟังเล็กน้อยพอทราบว่าคน ๆ เดียวมีการเปลี่ยนแปลงตัวอย่างน่า
อัศจรรย์

คอื สมัยท่านเปน็ ฆราวาสก�ำลงั แตกหนมุ่ ท่านเคยเป็นหมอล�ำหมอเพลง คราวหน่งึ ท่านข้ึน 
ไปขับลำ� ท�ำเพลงประชันกนั กบั หญงิ สาวซึ่งเปน็ นกั ประชนั ที่มีชื่อคนหนึ่ง ในงาน ใหญ่ มีคน ไป ในงาน
นัน้ เป็นพนั  ๆ  ทา่ นนึกสนกุ ขึน้ มาก็ขนึ้  ไปบนเวทีขอประชนั เพลงกับหญงิ คนนน้ั หรือทา่ นอาจมรี ัก
เขาบา้ งก็ทราบ ไม่ ได้ จงึ เกิดความฮึกหาญข้นึ มาอยา่ งคาด ไมถ่ งึ หญงิ น้ันก็ยนิ ดเี ป็นค่แู ขง่ กบั ท่าน
พอเริ่มกลอนประชันยัง ไม่ถึง ไหนท่านก็เป็นฝ่ายแพ้กลอนเขาเข้า ไปสองสามกลอนแล้ว พอดีมี
เทวบุตรมา โปรด ไวท้ นั คือ ในงานนนั้ ทา่ นเจา้ คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ซึง่ เวลาน้ันท่านเปน็ ฆราวาส
และอย ู่ในวยั หนุ่มเชน่ เดียวกัน แต่อายุแกก่ วา่ ท่านอาจารย์ม่ันบา้ งก็ ไปงานน้นั ด้วย และเข้าฟงั

169

เพลงระหว่างทา่ นอาจารยม์ น่ั ซ่ึงเปน็ ชายหนมุ่ กบั หญงิ สาวคนนนั้ ขบั เคี่ยวกนั  ในเชงิ กลอนตา่ ง ๆ 

ท่านเจ้าคุณอุบาลี ฯ เห็นท่า ไม่ ได้การ เพราะฝ่ายเราคือท่านอาจารย์ม่ันแพ้เขา ไปหลาย
กลอนแล้ว กวา่ ตกดกึ  ไปกวา่ น้ีคงจะลงเวท ีไม่ ได้แน่ อาจจะถูกหญิงสาวคนนั้นหามลงแบบ ไม่มหี นา้
ติดตวั ลงมาเลย เพราะหญงิ สาวเปน็ นกั ตอ่ ส้มู าหลายเวทีแล้ว สว่ นคนของเราเพิง่ จะเรมิ่ ขึ้นเวทแี ละ
ก็ ใจป�้ำฮึกหาญส�ำคัญ โดดข้ึนสู้กับเสือ โคร่ง ใหญ่ลายพาดกลอน แม้จะเป็นเสือตัวเมียมันก็มีเขี้ยว
เต็มปากอยา่ งพอตวั แตเ่ สอื เราแมจ้ ะเปน็ เสือตัวผูแ้ ตฟ่ นั นำ้� นมมนั กเ็ พ่งิ จะออก ไมก่ ่ซี ี่ ขืน ใหส้ ู้ตอ่  ไป
เสือตัวเมียต้องถลกหนังมันเข้าตลาดแน่ ๆ อ้ายม่ันน่ีมัน ไม่รู้จักเสือ มันนึกว่าแต่สาว ๆ เท่านั้น
แต่มนั  ไม่รูจ้ กั ตาย เราตอ้ งเขา้ ชว่ ยเอาหนังมัน ไวก้ อ่ นครัง้ น้ี ไมเ่ ช่นนั้นหนงั มนั จะเข้าตลาดแนน่ อน
พอคดิ แลว้ ก ็โดดข้ึนบนเวทที ำ� ท่าว่า “อา้ ยมั่น อา้ ยหา่ กเู ทย่ี วตามหามงึ แทบตาย แมม่ งึ ตกเรอื น
สงู  ๆ ลงมากองอยู่กบั พ้นื จะตายหรือยงั ก ็ไม่แน่ ใจเลย พอกู โผล่เขา้  ไปจะช่วยเขาก ็ใช ้ใหก้ ูมาเที่ยว
ตามหามึงต้ังแต่วนั  ๆ จนป่านนี้ กตู ามหามึงแทบตาย ข้าวก็ยงั  ไมต่ กท้องเลย กูจะเปน็ ลมตาย
อยเู่ ด๋ียวนี”้

ทางอา้ ยมั่นกต็ กตะลงึ หญงิ สาวก็ตกตะลึง ในอบุ าย ไปตาม ๆ กนั ฝ่ายอ้ายม่ันอด ไม ่ได้รบี
ถามข้นึ มาทันทีวา่ “แมก่ ูเปน็ ยัง ไงวะอา้ ยจันทร”์ (ชื่อทา่ นเจ้าคุณอุบาลี ฯ วา่ นายจันทรส์ มยั เป็น
ฆราวาส ทา่ นพดู กนั ตอนเปน็ ฆราวาส) ฝ่ายอ้ายจนั ทร์ก็ท�ำเป็นอิด โรยจะเปน็ ลมตายอยู่บนเวทีว่า
“กูคดิ ว่าแมม่ งึ ตายแล้ว สว่ นกูกก็ �ำลังจะตายดว้ ยท้ังหวิ ขา้ ว ทง้ั เป็นลม” พอจบค�ำอ้ายจนั ทรก์ ็
ฉุดแขนอ้ายมน่ั ทำ� ท่าลากกันลงมาจากเวทีท่ามกลางคนเป็นพัน ๆ  ตกตะลึงพรงึ เพริด ไปตาม ๆ กนั
แล้วพากันออกวิ่งผ่านฝูงคน ไปอย่างรีบด่วน พอพ้นหมู่บ้านนั้น ไปแล้วอ้ายมั่นก็ถามซ้�ำอีกอย่าง
กระหายอยากทราบเป็นกำ� ลงั ว่า “แมก่  ูไปท�ำอะ ไรถงึ  ได้ตกเรือนจนขนาดกองกับพน้ื เลา่ ” ฝา่ ย
อา้ ยจันทรก์ ต็ อบว่า “กเู องก็ยงั  ไมท่ ราบสาเหตุชัด พอมองเหน็ และจะวิ่งเข้า ไปช่วยเขาก็ ใช ้ใหว้ ง่ิ
ตามหามึง กูกว็ ิ่งมาน้ี จะ ไปรเู้ รอ่ื งละเอยี ดลอออยา่ ง ไรเล่า” “เทา่ ท่ีมงึ ดูบ้างแล้ว แม่กูจะพอ
ตาย ไหม” อ้ายมน่ั ถามอย่างกระวนกระวาย อา้ ยจนั ทรต์ อบวา่ “ตายหรือยงั อยู่ เราก็ ไปดูเอง
อยขู่ ณะน้ียงั  ไงละ่ ”

พอเลยหมู่บา้ น ไป ไกลกะวา่ อ้ายมั่นจะ ไมก่ ล้ากลับมาคนเดียว ได้อีกแลว้ (สมยั กอ่ นหมู่บา้ น
อย่หู า่ งกนั มาก สัตว์เสือผีกช็ มุ ใคร ๆ จงึ  ไมก่ ล้ามาคนเดียว ในเวลาค่ำ� คนื ) จึงเปลีย่ นกริ ิยาอาการ
ทกุ อย่างเสยี  ใหมแ่ ลว้ บอกกบั อา้ ยมน่ั  โดยตรงวา่ “แมม่ งึ  ไม ่ได้เปน็ อะ ไรหรอก ทก่ี ูทำ� ท่าอย่างนน้ั
กูทนดูมึงติดกลอนอียายเมียมึงคนนั้น ไม่ ไหว กลัวมันจะถลกหนังมึง ไปขายตลาด ซึ่งเป็นการ

170

ขายหนา้ กูและขายหนา้ บ้านเราว่าอ้ายมั่นสผู้ หู้ ญิง ไม ่ได้ ให้เขาเปิดผา้ ลบลายเลน่ เหมอื นเสอื ตาย
แลว้ กจู ึง ได้คิดอุบายหลอกมึงและหลอกอยี ายเมียมงึ  ใหม้ นั ตาย ใจ และ ใหช้ าวบา้ นเชื่อถือ ได้วา่
มึงยงั  ไม่หมดประตสู ู้ แต่ต้องหนี ไปเพราะเหตสุ ุดวสิ ยั แลว้ ฉดุ มงึ หนีเพ่ือ ไม ่ให ้ใครเขาจับพริ ุธ ได้
แม้อยี ายเมยี คู่แขง่ มงึ กเ็ หน็ อดตกตะลงึ  ไปตามอบุ ายอนั แยบคายของกู ไม่ ได้ มันตอ้ งสน ใจฟังและ
มองตามพวกเราดว้ ยความตก ใจ และสงสารแมม่ ึงและมงึ  ไปตามเรา เห็น ไหม อุบายกูชว่ ยมึง
ออกจากนรกผ้หู ญิงคราวนี้ มงึ คิดว่าแยบคายดีพอ ใช ้ไหม”

พออา้ ยจนั ทร์พูดจบลง อ้ายมน่ั อุทานวา่ “ โอ ้โฮ น่าเสียดาย อา้ ยหา่ นีท่ �ำกถู ึงขนาดน้เี ทยี ว
นะ กูก�ำลงั คันฟันหำ้� หัน่ กับมันอย่างสนุกสนานมงึ มาฉุดกอู อกจากถว้ ยลาภ แมม่ ึงทำ� กอู ยา่ งถนดั
กูมิ ได้นึกเลยอ้ายจันทร์ กอู ยากคืน ไปซำ้� มันอกี เอาหนงั เขา้ ตลาด ในคนื วันนจี้ น ได้” อา้ ยจนั ทร์
ตอบ “ โธ่ มงึ จะตายกูช่วยชุบชวี ติ  ไว้ ได้แล้วมงึ ยังกลบั ท�ำทา่ อวดเกง่ อยูอ่ ีก เดย๋ี วกูจะผลกั หลังกลบั
คนื  ไป ใหอ้ ียายเมยี มึงเอาเนอ้ื ข้ึนเขียงเสยี  ในคืนนี ้ไมด่ หี รือ” อ้ายมัน่ ออกท่าวา่ “ทก่ี ูท�ำท่าตดิ กลอน
มนั บา้ งพอ ใหม้ นั  ได ้ใจ ไปหน่อยนัน้ เพราะกูเห็นมันเปน็ ผูห้ ญิง พอตกดกึ กูก็มัดมนั เขา้ กระสอบเอา 
ไปขายกินอยา่ งหวาน ๆ  ยัง ไงล่ะ มึงยงั  ไม่รอู้ ุบายกู เป็นอบุ ายเสอื หลอกลงิ เลย”

“ถา้ มงึ เกง่ จรงิ ดงั ทค่ี ยุ  โม้ เพยี งกคู ดิ อบุ ายนดิ หนอ่ ยฉดุ มงึ ขน้ึ จากนรกผหู้ ญงิ มงึ ยงั ตกตะลงึ ทงั้
จะรอ้ งหม่ ร้อง ไหต้ ่อหนา้ เมียมึงอยา่ ง ไม่คิดอายว่าตวั เปน็ ผูช้ ายเลย แล้ว ใครจะชมมึงวา่ ฉลาดพอจะ
เอาอียายเมยี มึงเขา้ กระสอบล่ะ กูคิดเหน็ แตม่ นั จะมดั มงึ  โยนลงเวทตี อ่ หน้าคนจ�ำนวนพัน ๆ เทา่ นนั้
มึงอย่าคุย โม ้ไปมาก รบี สาธุอุบายเมตตากทู ่มี ีต่อมึงดกี ว่า อ้ายแพผ้ ูห้ ญงิ ” สดุ ท้ายคนื นน้ั ท้งั อ้าย
จันทร์ทงั้ อ้ายมน่ั เลย ไม่ ไดด้ งู านตามความคาดหมาย ไว้ เพราะเรอื่ งน้ีเปน็ สาเหตุ ใหต้ อ้ งพรากงาน

ฟงั นักปราชญ์ท้งั สอง โตก้ นั แมส้ มยั ท่านยงั เปน็ ฆราวาสกย็ งั รู้สึกนา่ ฟงั มาก ถึงจะเปน็ เรือ่ ง 
โลก ๆ  แต่ก็เป็นเชงิ ของคนฉลาดพูดกนั จงึ เป็นท่ีซาบซ้ึงจับ ใจ ในอุบายทแ่ี สดงออกทกุ  ๆ ประ โยค
ฟังแลว้ ท�ำ ให้เพลิน ใจประหนง่ึ ท่านสนทนากนั อยู่ต่อหนา้ เราฉะน้นั เรื่องของทา่ นทง้ั สอง โตก้ นั ยังมี
อกี แยะ แต่เห็นวา่ เทา่ ที่กลา่ วมากพ็ อเป็นคติแกพ่ วกเราพอสมควร อุบายของทา่ นทั้งสองแสดง ให้
เห็น ได้ชัดว่ามีเค้าแห่งความฉลาดมาแต่เป็นฆราวาส ฉะนั้น เวลามาบวชเป็นพระท่านจึงเป็น
จอมปราชญท์ ง้ั สององค ์ในสมยั ปจั จบุ นั ปรากฏชอ่ื ลอื นามกระเดอื่ งเลอ่ื งลอื ทว่ั ประเทศ ไทยวา่ ทา่ น
เจ้าคณุ อบุ าลีคณุ ปู มาจารย์และทา่ นพระอาจารยม์ ัน่ ภรู ทิ ตั ตเถระ เป็นจอมปราชญ์ ในสมยั ปจั จบุ ัน
ที่เขียนว่าอ้ายจันทร์และอ้ายม่ันน้ันเขียนตามที่ทราบจากท่านเล่า ให้พระฟังเวลาท่านเปิด โอกาส
สบาย ๆ  กบั บรรดาศษิ ย์ท่เี ครง่ เครยี ดต่อการระวงั  ในทา่ นมาเป็นประจ�ำ หากเป็นการ ไมบ่ ังควร

171

ประการ ใดกข็ อประทาน โทษทา่ นเจา้ พระคณุ ทั้งสองและท่านผู้อา่ นท่ัว ๆ ไปด้วย ถ้าจะเล่ยี งเขยี น
ตามศพั ท์นยิ มก ็ไมถ่ นัด ใจ ที่ท่านเรยี กกนั เชน่ น้นั เข้า ใจวา่ ท่านนิยมนับถอื กันดว้ ยค�ำพูดทำ� นองน้ัน
ซึ่งเราเองก็เคย ใช้ต่อกันระหว่างบุคคลท่ีสนิทสนมกันตามฐานะและวัยเสมอมา จึง ได้เขียนตาม
เค้ามาดั้งเดิม จะหยาบคายหรือละเอียดประการ ใดก็ประสงค์ ให้เป็น ไปตามเร่ืองเดิม ซ่ึงเป็น
ธรรมชาติแทท้ ่ีทา่ น ใชก้ ัน ในเพศและวยั นนั้ รู้สกึ สะดวก ใจและอาจมองเห็นภาพทา่ นทงั้ คราวเป็น
ฆราวาสท่กี ำ� ลังคะนองร่นื เริง และภาพทเี่ ป็นนักบวชซึง่ สละความเป็น โลกออกอยา่ งสน้ิ เชงิ มีแต่
ความอศั จรรยล์ ้วน ๆ อย ู่ในองค์แหง่ พระทา่ นเวลาบวชแลว้

ขณะท่านเลา่ นทิ าน ให้ฟงั น่าฟงั มาก โดยมากกเ็ ป็นเร่อื งสมยั ปัจจุบันมากกวา่ จะเป็นนทิ าน
ทา่ นชอบชมเชยความฉลาดของทา่ นเจา้ คณุ อบุ าล ี ฯ ใหฟ้ งั เสมอ ครง้ั หนง่ึ ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นสนทนากบั
ท่านเจ้าคุณอุบาลี ฯ ถึงพระเวสสันดร พอ ได้ โอกาสท่านเรียนถามถึงแม่ของพระนางมัทรีคือ ใคร
ไมเ่ หน็ กลา่ ว ไว ้ในคมั ภรี ์ หรอื คน้ หา ไม่พบตา่ งหาก ทา่ นเจ้าคุณอุบาลี ฯ  กต็ อบขน้ึ ทนั ทวี ่า ท่าน
ยัง ไม่เคยเหน็  ไม่เคย ไดย้ นิ แมน่ างมทั รีบ้างหรอื เขาเห็นกนั ทั้งบา้ นทง้ั เมือง ทา่ นมัว ไปหานางมัทรี
อยู่ที ่ไหนถงึ  ไม่ ไดเ้ ห็นกบั เขา ท่านพระอาจารยม์ ั่นกราบเรียนวา่ ยงั  ไม่เคยเหน็ เลย ไมท่ ราบวา่ อยู่
ในคัมภรี ์ ไหน ท่านตอบทันทวี า่ จะอยู ่ในคัมภรี อ์ ะ ไรท ่ีไหนกัน ก็สาวอบผู้พดู เสียงดัง ๆ  บ้านแก
หลงั  ใหญ ่ ๆ อยู่สีแ่ ยกทางออก ไปวดั ยงั  ไงละ่ ทา่ นพระอาจารย์มั่นเกิดงงตอ้ งเรยี นถามทา่ นอกี ว่า
ส่ีแยกท่ี ไหนและทางออก ไปวัด ไหน ท่าน ไม่เห็นกล่าวเร่ืองวัดเรื่องวา ไว้เลย ท่านตอบว่า
กแ็ มน่ างมทั รบี า้ นแกอยเู่ กอื บติดกบั บ้านทา่ นอยา่ ง ไรล่ะ ท�ำ ไมยัง ไมร่ กู้ ระท่งั นางมทั รีและสาวอบ
แมน่ างมัทรีเข้าอีก ท่านนแี้ ย่จรงิ  ๆ เพียงนางมทั รแี ละสาวอบ ในหมบู่ า้ นเดียวกันยงั  ไมร่ อู้ กี ท่าน
จะ ไปเท่ียวหาแม่นางมัทรี ในคัมภีร์ ไหนกันอีก ผมก็แย่แทนท่านถ้าเป็นอย่างน้ี ท่านอาจารย์
ก็ระลึกได้ทันทีเมื่อท่านพูดว่านางมัทรีและสาวอบที่อยู่ ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ก่อนมัว ไปนึกภาพ
ในเรือ่ งพระเวสสนั ดร ในคมั ภีร์ โน้น จงึ ทำ�  ใหง้ ง ไปนาน

ทา่ นว่าท่านเจา้ คุณอุบาล ี ฯ ทา่ นฉลาด โตต้ อบดว้ ยอบุ ายแปลก ๆ อยา่ งน้ีเสมอมา ทา่ นมัก 
โต้ตอบแบบศอกกลับเสมอ ท�ำเอาผู้ฟังงง ไปตาม ๆ กันและก็ ได้สติปัญญาจากอุบายท่านตลอดมา
ทา่ นเล่าท้งั หวั เราะขันตัวท่านเองท ี่ไมท่ นั ลูก ไม้ทา่ นเจ้าคุณอบุ าล ี ฯ

ท้าวสักกเทวราชบนสวรรค์มาเยี่ยมท่านเสมอ

ท่านพกั จำ� พรรษาอยบู่ า้ นน้�ำเมา อ�ำเภอแม่ปัง เชยี ง ใหม่ ท่านว่าท่านตอ้ นรับแขกจำ� พวก
กายทิพย์บนสวรรค์ มที า้ วสักกเทวราชเปน็ หวั หน้ามากเป็นพิเศษ แม้หน้าแลง้ ท่านหลกี ออก ไป

172

เทย่ี ววิเวกองค์เดียวอยู่ ในถ�้ำดอกคำ� กม็ ที ้าวสักกเทวราชพาพวกเทวดามาเย่ียมทา่ น ซึง่ มาแตล่ ะครง้ั
เป็นหม่ืนเปน็ แสนและมาบอ่ ยท่สี ดุ ถา้ พวกท่ี ไม่เคยมา ทา้ วสกั กเทวราชตอ้ งเตือน ให้เขาเขา้  ใจ
วธิ ฟี ังธรรมกอ่ นท่ีท่านจะแสดง ใหฟ้ ัง โดยมากทา่ นแสดงเมตตาอปั ปมญั ญาพรหมวิหาร ให้เขาฟัง
เพราะพวกเทวดาชอบธรรมน้ีมากเป็นพิเศษ ท่านพักอยู่ทั้งสองแห่งนี้ท้าวสักกเทวราชมาเยี่ยม
ฟังธรรมเสมอ การตอ้ นรบั พวกเทพทุกชนั้ ทุกภูมิก็ปรากฏว่ามากเป็นพิเศษกวา่ ทอ่ี ื่น ๆ เพราะที่นี่
อยู่ลึกและสงดั มาก บรรยากาศกอ็ ำ� นวย

พวกนี้เคารพทา่ นและสถานทท่ี ท่ี า่ นพักอยมู่ าก แม้ทางจงกรมท่ีญาต ิโยมเอาทรายมาเกลย่ี  
ไว้ส�ำหรบั  ให้ทา่ นเดนิ จงกรมก็ ไม่กลา้ ผ่านเขา้ มา ต้องเว้นไปเข้าทางอืน่ พวกพญานาคก็เช่นกนั
เวลาเขาเข้ามาเยี่ยมฟังธรรมทา่ น ก ็ไม่อาจเดนิ ข้ามทางจงกรมเขา้ มา ถ้าหวั หนา้ จำ� เปน็ ต้องเดนิ
ผ่านเข้ามาเป็นบางครั้ง ต้องเวน้ ไปทางหวั จงกรมเดนิ ออ้ มเขา้ มา บางครง้ั พญานาค ใช้ ให้บรวิ าร
มากราบนมิ นตท์ า่ น ในกจิ บางอยา่ งเชน่ เดียวกับมนุษย์เรามานิมนตพ์ ระ ไป ในงาน ก ็ไมก่ ลา้ เดินข้าม
ทางจงกรมเข้ามา ถา้ มีทราย โรย ไวก้ ็เอามอื กวาดทรายออกเสียก่อนแลว้ ค่อยคลานเข้ามา พอพน้
จากนั้นแล้วค่อยลกุ ข้ึนเดินเขา้ มาหาทา่ น กิริยามรรยาททุกอาการอยู่ ในความสำ� รวมดมี าก ทา่ นวา่
มนษุ ยเ์ ราซง่ึ เปน็ เจา้ ของศาสนา ถา้ ตา่ งสน ใจ ในธรรมและมคี วามเคารพตอ่ ตวั เอง สมกับวา่ รักตน
จริง ๆ ตามความร้สู กึ ท่ฝี ังลกึ อยู่ภาย ในกค็ วรมมี รรยาทเคารพศาสนา เช่นเดียวกบั พวกเทวดา
และพญานาคทเ่ี ขาทำ� กนั แม ้ไมส่ ามารถจะมองเหน็ วธิ กี ารทเ่ี ขาทำ� ความเคารพตอ่ ศาสนา แตศ่ าสนา
ก็สอนวธิ ีเคารพ ไว้อย่างสมบรู ณ์แล้ว ไม่มอี ะ ไรบกพรอ่ ง นอกจากพวกมนุษย์เรา ไมค่ อ่ ยสน ใ จ
เท่าท่คี วรและต้ัง ใ จส่งั สมความประมาท ใสต่ นจนหาที่เก็บ ไม ่ไ ดเ้ ท่านั้น จึง ไ มค่ อ่ ยประสบความสขุ
ความสมหวงั ดงั ท่ีปรารถนากัน

ความจริงศาสนาเป็นแหล่งผลิตมรรยาทศีลธรรมอันดีงามเพื่อผลคือความสุขความสมหวัง
จะมที างเกิดขน้ึ แกผ่ ูส้ นใจตามหลกั ศาสนาที่สอน ไ ว้ ท่านกลา่ วเนน้ หนกั ลงไปวา่ ความส�ำคัญของ
ทกุ สงิ่ ในโลกกค็ อื  ใจ ถ้าใจหยาบทกุ สง่ิ ทมี่ าเกีย่ วข้องกก็ ลายเปน็ ของหยาบไปดว้ ย เชน่ เดยี วกับ
รา่ งกายสกปรก แมส้ ิ่งที่มาคละเคล้ากับกายจะเป็นของสะอาดสวยงามเพยี งไร กก็ ลายเปน็ ของ
สกปรก ไ ปตามรา่ งกายทส่ี กปรกอยแู่ ลว้ ฉะนน้ั ธรรมจงึ อดจะหยาบไปตามใจทส่ี กปรกไม ่ได้ ถงึ จะ
เป็นธรรมทบี่ ริสทุ ธ์ิหมดจด แตพ่ อคนม ีใจโสมมเข้าไปเกยี่ วขอ้ งธรรมกก็ ลายเป็นธรรมอับเฉาไปตาม
เหมอื นผา้ ทสี่ ะอาดตกลงไปคลกุ ฝุ่น หรือคนชั่วแบกคมั ภรี ์ธรรมอวดโลกให้เขารบั นับถือ ซงึ่ ท้ัง
สองน ี้ไม่มีผลดตี ่างกันเลย

173

คนที่มี ใจหยาบกระด้างต่อศาสนา ก็เป็นคนในลักษณะนี้เหมือนกัน จึงไม่มีทางได้รับ
ประโยชน์จากศาสนธรรม แม้เป็นของวิเศษเพียงไรเท่าที่ควร เอาแต่ชื่อออกประกาศกันว่าตน
นบั ถอื ศาสนา แต ่ไมท่ ราบวา่ ศาสนาคอื อะไรและมสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั ผนู้ บั ถอื อยา่ ง ไ รบา้ ง ถา้ ประสงค์
อยากทราบขอ้ เท็จจริงจากศาสนาอยา่ งแท้จรงิ แล้ว ตนกับศาสนาก็เปน็ อนั เดียวกนั ความสุข – 
ทุกข์ที่เกิดกับตน ย่อมกระเทือนถึงศาสนาด้วย ความประพฤติดี – ช่ัวก็กระเทือนถึง
ศาสนาเช่นกัน คำ� วา่ ศาสนากค็ ือแนวทางทถ่ี ูกตอ้ งแหง่ การด�ำเนินชวี ติ นัน่ แล จะเป็นอ่ืน
มาจากไหน ถ้าคดิ ว่าศาสนาอยทู่ ่อี ่ืนนอกจากตวั ก็ช่ือว่าเข้าใจศาสนาผดิ จากความจริง
การปฏิบัติต่อศาสนาก็ปฏิบัติ ไม่ถูก ค�ำว่าไม่ถูกนี้ ไม่ว่าอะไรไม่ถูกของน้ัน ใช้ประโยชน์อะ ไร
ไม ่ได้ แม้ ไ ด้ก็ ไม่ถูกตามกฎเกณฑ์ คือได้แบบขวางโลกขวางธรรม ขวางตนและขวางผอู้ น่ื ไปทัง้ นน้ั
คิดอย่างงา่ ย ๆ และเห็นประจักษ์ตาก็คือ การบวกลบคูณหาร ไม่ถกู ตดั เส้ือกางเกงไมถ่ กู เย็บ
เสอ้ื ผา้ ไม่ถูก สามภี รยิ าปฏิบัติ ไมถ่ ูกตามจารตี ประเพณี ครู่ ักปฏิบัต ิไม่ถูกตามค�ำมนั่ สัญญาที ่ให ้ไว้
ต่อกัน พ่อ – แม่กับลูก ๆ ปฏิบัติต่อกัน ไม่ถูก การแสวงหาทรัพย์ ไม่ถูกทาง การจ่ายทรัพย์
ไม่ถกู ทาง ขบั รถไม่ถกู ตามกฎจราจร เจ้าหน้าทป่ี ฏิบตั ิงานไม่ถูกตอ้ งตามกฎหมายอันเปน็ เครอื่ ง
ปกครองโลกให้ร่มเย็นทั่วหน้ากัน ราษฎรกับเจ้านายปฏิบัติต่อกัน ไ ม่ถูกตามระบอบประเพณีและ
กฎหมายบ้านเมอื ง ขาดความเคารพนบั ถอื กนั และกลายเปน็ ขา้ ศึกต่อกัน

เหล่านจ้ี ะเห็นเปน็ ความเสียหายมากนอ้ ยกวา้ งแคบเพยี ง ไร ผลคอื ความผิดหวงั และความ
เดือดร้อนท่ีเกิดขึ้นจากสิ่งท่ีท�ำผิดจะแสดงขึ้นท่ี ไ หน ถ้าไม่แสดงขึ้นตามจุดแห่งเหตุท่ีท�ำผิดไม่มีท่ี
แสดง ขนึ้ ช่อื ว่าผดิ แลว้ ผลคือความเสยี หายต้องแสดงข้ึนตามเหตนุ ั้น ๆ แมค้ นทท่ี ำ� ผิดตอ่ ผอู้ ื่นโดยที่
เขาจะทราบว่าตวั ทำ� ผดิ ต่อเขาหรือไม่ก็ตาม ผลคอื ความเสียหายทจี่ ะระบาดออกจากการท�ำผดิ น้ัน
ปิด ไม่อยู่แนน่ อน ต้องแสดงสดุ ขีดแห่งการทำ� ผดิ จะเปน็ ฝา่ ย ใด ไดร้ บั  ไมเ่ ปน็ ปญั หา ขอ้ แก้ตวั วา่
ทำ� ผดิ แลว้ ผลไมแ่ สดงตวั  ใหป้ รากฏ อยา่ ง ไรตอ้ งแสดงมากนอ้ ยจนถงึ ขนั้ แดง โรท่ วั่ ดนิ แดน ฉะนน้ั คำ� วา่
ไมถ่ กู เชน่ คดิ ไมถ่ กู พดู ไมถ่ กู และคำ� วา่ ไมถ่ กู หรอื คำ� วา่ ผดิ นจี้ งึ เปน็ จดุ ทคี่ วรสน ใจอยา่ งยง่ิ ไมช่ นิ ชา
ตามัว ไม่เหลียวแล เรอื่ งจะแกก่ ลา้ พรา่ เอาตวั ผเู้ ลอื่ นลอยตอ่ ความผดิ  ใหล้ ม่ จมอยา่ งเหน็ ประจกั ษต์ า
ในขณะน้ีชาติน้ี ไม่ต้องมอง ไกลอันเป็นการตะครุบเงามากกว่าจะถูกตัวจริง เพราะศาสนา
มิ ใช่เงาเครื่องหลอกหลอนคน ให้ โง่ แต่เป็นศาสนาที่ ให้ความจริงทุกประตูที่ประกาศสอน ไว้
ไม่ผิดพลาด ถ้าผู้นับถือ ไม่ปฏิบัติ ให้ผิดพลาด ไปเอง แล้วกล่าวตู่ว่าศาสนา ไม่เป็นท่า ซึ่งเป็น
การกว้านความผิดพลาดมาทับถม โจมตีตัวเอง ให้เกิดความทุกข์ร้อน จนหาท่ีปลงวาง ไม่ ได้เท่านั้น
จึง ไม่มีปัญหาสำ� หรับศาสนาซ่งึ เป็นของบริสทุ ธ์มิ าด้งั เดมิ

174

ทา่ นกลา่ วย�้ำอีกว่า คนเราถ้ายอมรับความจรงิ ตามหลักศาสนาท่ีสอน ไวต้ วั ยอ่ ม ได้รบั ความ
เปน็ ธรรม คอื ตวั ก็เยน็ ผเู้ ก่ียวข้องมากน้อยก็เยน็ โลกก็ร่มเยน็ ไม่ค่อยมีการทะเลาะเบาะแว้ง
แยง่ ชิงเพือ่ แขง่ ดบิ แขง่ ดีกัน ให้เดือดรอ้ น ไปท้ังสองฝ่าย ซึ่งสดุ ท้ายก็เปน็  ไฟ ไปตาม ๆ กนั ไม่มี ใคร ได้
ครองความสขุ ดัง ใจหวัง เพราะเอา ใจดวงกำ� ลังเปน็  ไฟทง้ั กองเขา้  ไปเปน็ หวั หนา้ ว่าความ ในกิจการ 
ใน โรง ในศาล ในเรอ่ื งต่าง ๆ ไ มม่ ปี ระมาณ ดว้ ยเหตนุ แี้ ลคนเราจึงหาประมาณความทรงตวั  ไดย้ าก
อยทู่ ี่ ไหนก็ร้อนเปน็ ฟืนเปน็  ไฟ ไม่เป็นสขุ เพราะ ใจแบกกอง ไฟ ไว้กบั ตวั ตลอดเวลา ไม่คดิ จะปลงวาง
ลงบา้ ง พอ ได้หาย ใจ ไกลทุกข์ประสบสุขเสียบา้ ง เพ่อื ทรงตัว

ท่านว่าผมเองนับแต่บวชมา ในศาสนา ชาตินี้เกือบท้ังชาติสนุกพิจารณาศาสนธรรมท่ี
พระพุทธเจ้าประทาน ไว้ ความกว้างลึกของศาสนธรรมยังกว้างลึกกว่ามหาสมุทรทะเลเป็น ไหน ๆ
เทยี บกนั  ไม ่ไดเ้ อาเลยถา้ พดู ตามความจรงิ จรงิ  ๆ แลว้ ความละเอยี ดสขุ มุ กเ็ หลอื ประมาณทจ่ี ะพจิ ารณา
ตาม ได้ ความอศั จรรยแ์ หง่ ผลทแ่ี สดงขนึ้ กับการปฏบิ ตั เิ ป็นระยะ ๆ ไปก็สุดจะกล่าว ถา้  ไมค่ ดิ วา่ คน
จะหาวา่ เราบา้ แลว้ ผมกราบพระพทุ ธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซงึ่ เป็นองค์แหง่ ธรรมอัศจรรย์แท้
 ได้ตลอด ไป เชน่ เดยี วกบั คนงานอน่ื  ๆ ซงึ่ หนกั ยง่ิ กวา่ การกราบไหวเ้ ปน็ ไหน ๆ  ไมม่ กี ารเกยี จครา้ น
ไมน่ กึ ระอา ไมน่ กึ วา่ ซำ้� ซากแตแ่ น ่ใจอยา่ งถอน ไมข่ น้ึ แมช้ วี ติ ดบั  ไปวา่ พทุ ธะ ธมั มะ สงั ฆะอยกู่ บั เรา
เราอยู่กบั ท่านตลอดเวลาอกาล ิโก ไมม่ กี ารแยกย้ายจากกนั เหมอื น โลก อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า
ทคี่ อยท�ำลายหัว ใจสัตว์ โลก ให้ระทมขมข่นื อยู่เสมอ ไมพ่ อ ให้หาย ใจ ไดแ้ ตล่ ะเวลาเลย

เทศน์โปรดสองพี่น้องสร้างพระเจดีย์ไม่เสร็จแต่ตายก่อน

ท่านเล่าว่า หลายคืนท่ที ำ� ความเพียรอย่ตู อนกลางคนื ยามดกึ สงัด ปรากฏเหน็ สามเณรน้อย
องค์หนง่ึ กบั ผู้หญงิ คนหน่ึงพากนั เดนิ ผา่ น ไปผา่ นมาอย่แู ถวบรเิ วณนัน้ แทบทุกคืน ท่านนกึ สงสยั วา่
คนท้ังสองนี้เดิน ไป – มาเพื่อประสงค์อะ ไร วันต่อมาจึงถามถึงเหตุที่ต้องพากันมาเดินวกเวียนอยู่
แถวนนั้ ก็ ไดค้ �ำตอบจากคนทง้ั สองวา่ เปน็ หว่ งและอาลยั  ในพระเจดีย์ทส่ี ร้างยงั  ไมเ่ สรจ็ แต่ ไดต้ าย 
ไปเสียกอ่ น เพราะความห่วง ใยนัน้ จงึ ตอ้ งวกเวียน ไป – มาอยทู่ �ำนองนีน้ านแล้ว ส่วนสามเณรนอ้ ย
นนั้ เป็นน้องชายของหญิงคนน้ัน ทั้งสองคน ไดร้ ว่ มก�ำลงั กันสรา้ งพระเจดีย์ ความที่ตา่ งคนตา่ งห่วง
และอาลัยพระเจดีย์และเสียดายเวลา ไม่รอคอยพอ ให้สร้างพระเจดีย์เสร็จก่อนแล้วค่อยตาย ไป
จะ ไมเ่ ปน็ ภาระผูกพนั ดังทเ่ี ป็นอยเู่ วลานี้ แมจ้ ะเป็นอยู่ ในภพทม่ี คี วามหว่ ง ใยแต่กม็ ิ ไดม้ คี วามทุกข์
ทรมานซึ่งควรจะเป็น เปน็ แต่จะ ไปผุด ไปเกดิ ท ี่ไหนก็ ไมอ่ าจปลง ใจลง ได้เดด็ ขาดเท่านัน้

175

ทา่ นจงึ เทศน ์ใหค้ นทง้ั สองฟงั วา่ สง่ิ ทลี่ ว่ ง ไปแลว้  ไมค่ วร ไปทำ� ความผกู พนั เพราะเปน็ สงิ่ ที่
ลว่ ง ไปแลว้ อยา่ งแท้จรงิ แมจ้ ะท�ำความผกู พันและมน่ั  ใจ ใหส้ ิง่ นนั้ กลบั มาเป็นปจั จบุ ันกเ็ ปน็  
ไป ไม่ ได้ ผู้ท�ำความส�ำคัญม่ันหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความ ไม่สมหวังตลอด ไป
อนาคตท่ียัง ไม่มาถึงก็เป็นส่ิง ไม่ควร ไปยึดเหน่ียวเกี่ยวข้องเช่นกัน อดีตควรปล่อย ไว้ตาม
อดีต อนาคตก็ควรปล่อย ไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านน้ั จะสำ� เรจ็ ประ โยชน ์ได้ เพราะ
อยู่ ในฐานะที่ควรท�ำ ได้ ไม่สุดวิสัย

การสร้างพระเจดีย์ยัง ไม่เสร็จแต่มาด่วนตาย ไปเสียก่อน น้ันถ้าเป็นสิ่งที่สามารถท�ำ ให้
เป็น ไปตาม ใจหวงั  ไดแ้ ลว้ เราก็ ไมค่ วรตาย ควรจะสร้าง ให้สำ� เร็จ ไปเสยี ก่อน แต่ก็ยังฝืนตาย ไป
จน ได้ มิหน�ำเวลาตายแล้วกย็ ังมาเปน็ ห่วง อยาก ให้เจดยี ส์ �ำเร็จทงั้ ท ี่ไมส่ ามารถทำ�  ได้ นกี่ ็แสดงว่า
คิดผดิ  ไปถงึ สองชัน้ แล้วยังจะเป็นหว่ งเพือ่  ใหส้ มความปรารถนาอกี ต่อ ไปก็ยง่ิ คิดผดิ  ไปอกี สามช้ัน
ความคิดผดิ ม ิได้ผิดเฉพาะความคิดเท่านน้ั การ ไปการมาการเกดิ  ในภพ การเสวยสขุ เสวยทกุ ข์ ใน
ภพนั้น ๆ ก็พลอยผิดความมุ่งหมาย ไปด้วย เพราะความคิดผิดเป็นสาเหตุจาก ใจเพียงดวงเดียว
จึงเปน็ การ ไม่สมควรอย่างยิ่งทจ่ี ะฝืนคดิ ฝืนเปน็ หว่ งตอ่  ไป

การสรา้ งพระเจดีย์เราสร้างหวงั บุญหวงั กุศลต่างหาก มิ ได้สรา้ งเพือ่ หวังเอาก้อนอฐิ ก้อนหิน
ปูนทราย ในองคพ์ ระเจดยี ์ ไปด้วย สิ่งท่เี ปน็ สมบัติของเรา ในการสรา้ งพระเจดีย์กค็ ือบญุ สร้าง ได้
มากนอ้ ยบญุ ท่ีเกิดจากการสรา้ งนนั้ เป็นของเรา จึง ไมค่ วรเป็นหว่ ง ใย ในอิฐ ในปูนและ ในพระเจดยี ์
ซึง่ เป็นวตั ถทุ ห่ี ยาบอย่างยงิ่ และเป็นสงิ่ สุดวสิ ยั ท่ีจะ ให้เปน็  ไป ไดด้ ัง ใจหวัง ท่านนกั สร้างบุญท้งั หลาย
ท่านเอาเฉพาะบุญติดตัว ไป มิ ได้เอาส่ิงก่อสร้างและวัตถุทานต่าง ๆ ที่สละลงเพ่ือทานแล้วติดตัว
 ไปดว้ ย เชน่ การสรา้ งวัด สร้างกุฎี วิหาร ศาลา โรงธรรมสวนะ สรา้ งถนนหนทาง สรา้ งถงั น�ำ้
สร้างสาธารณสถาน ตลอดการ ให้ทานด้วยวัตถุต่าง ๆ มากมายหลายวิธี ส่ิงเหล่าน้ันเป็นเพียง
เครื่องสนองกุศลเจตนาของผู้มุง่ ท�ำบญุ  ใหท้ านเทา่ นั้น มิ ใชต่ ัวบญุ ตัวกุศล ตัวสวรรคน์ พิ พาน และ
ม ิใชผ่ ู้จะ ไปส่มู รรค สผู่ ล สสู่ วรรค์นิพพาน สรา้ ง ไว้แลว้ นาน ไปก็ชำ� รดุ ทรดุ  โทรมและร่วง โรย ไป
ตามฐานะและกาลของมนั

สิ่งที่ส�ำเร็จจากการก่อสร้างและการ ให้ทานอันเป็นส่วนนามธรรมอยู่ภาย ใน นั้นคือตัว
บุญกุศล เจ้าของผู้คิดเป็นกุศลเจตนาขึ้นมา ให้ส�ำเร็จเป็นวัตถุ ไทยทานต่าง ๆ นั้นคือ ใจ ใจน่ีแล
เปน็ ผ้ทู รงบญุ ทรงกุศล ทรงมรรคทรงผล ทรงสวรรค์นพิ พาน และ  ใจน่แี ลเป็นผู้ ไปสู่
สวรรค์นพิ พาน นอกจาก ใจ ไมม่ ีอะ ไรจะ ไป เจดยี ข์ องคณุ ท้งั สองทสี่ รา้ งยงั  ไมเ่ สรจ็ นน้ั ก็ม ิได้

176

มีจติ  ใจพอจะมีเจตนา ในบญุ กศุ ลเพอ่ื  ไปสวรรคน์ พิ พานอะ ไรเลย ความเป็นห่วงก็คอื  ใจดวงหึงหวง
แม้จะเป็นฝา่ ยดี แต่ความคดิ ทีต่ ดิ อยูก่ ็จดั ว่าเป็นความคิดที ่ไม่ฉลาดต่อตัวเองอยูน่ ั่นแหละ จึงทำ�
เจา้ ของ ใหว้ ก ไปเวียนมาชกั ช้าตอ่ ทาง ไปผุด ไปเกิด

ถ้าคุณท้ังสองยินดีเฉพาะกุศลผลบุญท่ีท�ำ ได้จากการสร้างพระเจดีย์ ไปเท่านั้น  ไม่มุ่งจะ
แบกหามพระเจดีย์ ไปสวรรคน์ ิพพานด้วย คุณทัง้ สองก็ ไปอยา่ งสุค โตหายห่วง ไปนานแล้ว เพราะ
บญุ เป็นเครอ่ื งสนับสนุนคน ใหเ้ ปน็ สุค โตเสมอมา ดังธรรมแสดง ไวว้ ่า อกาล ิโก ฉะนน้ั บญุ จึง ไม่
เปลยี่ นแปลงตวั กลายเป็นบาปตลอดกาล ความหว่ ง ในส่ิง ไม่ควรห่วงและ ในกาล ไมค่ วรห่วงจึงเป็น
ความผิดของผู้ห่วง ใยเอง อน่ึง ความห่วงอยาก ให้เจดีย์ส�ำเร็จน้ันก็มิ ได้ส�ำเร็จไปตามความห่วง
ความหวัง จงึ  ไมค่ วรตั้งจติ คิดเป็นห่วง ในสง่ิ ท่เี ป็น ไป ไม่ ได้ พลงั แห่งบุญกศุ ลของคณุ ทั้งสองพอดีกบั
คณุ ทงั้ สองอยู่เฉพาะปจั จุบัน อยา่ คิดเร่ืองอดีตอนาคต ให้เป็นการกดถว่ งกำ� ลัง ใจท่คี วรจะ ไปทางดี
 ให้เสียเวลาอยนู่ าน ดังที่เปน็ มาและเปน็ อยขู่ ณะน้ี ควรแก ้ไขเจตสกิ ธรรมคอื ความคิดปรงุ ต่าง ๆ 
น้นั เสีย คณุ ทง้ั สองจะหายห่วงและ ไปอย่างสบายหายกังวล ใน ไม่ชา้ ขอ ไดพ้ ากันสน ใจ ในปจั จุบัน
อันเป็นท่ีบรรจุกุศลธรรมทั้งมวลเพื่อมรรคผลนิพพาน อดีตอนาคตเป็นข้าศึกที่ควรแก้ ไขอย่า ให้
เนน่ิ นาน

คณุ ท้งั สองเปน็ บคุ คลที่น่าสงสารมาก สรา้ งบุญญาภิสมภารมาเพือ่ ยังตน ไปส่สู คุ ติ แตก่ ลบั
มาติดกังวล ในอิฐ ในปูนเพียงเท่าน้ัน จนเป็นอุปสรรคต่อทางเดินของตนซ่ึงท�ำ ให้เสียเวลาไปนาน
ถ้าคณุ ท้ังสองพยายามตดั ความขดั ขอ้ งหว่ ง ใยทก่ี �ำลังเป็นอยูอ่ อกจาก ใจ ชว่ั เวลา ไมน่ านเลยจะเปน็
ผหู้ มดภาระเครื่องผกู พนั คณุ มจี ติ มุ่งมั่น ในภพ ใดจะสมหวงั  ในภพนั้น เพราะแรงกศุ ลท่ี ได้พากัน
สร้างมาพรอ้ มอย่แู ล้ว

จากนน้ั ทา่ นแสดงศลี  ๕ ซง่ึ เปน็ คณุ ธรรมท ่ีไมข่ ดั ตอ่ ภพกำ� เนดิ และเพศวยั  ใหฟ้ งั พรอ้ มอานสิ งส์
เป็น ใจความย่อว่า  ๑. ส่ิงท่ีมีชีวติ เป็นส่งิ ที่มีคุณคา่ อยู่ ในตวั ของมนั เอง จึง ไม่ควรเบยี ดเบยี นและ
ท�ำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขา ให้ตก ไป อันเป็นการท�ำลายคุณค่าของกันและกันเป็น
บาปกรรมแกผ่ ทู้ ำ�   ๒. สงิ่ ของของ ใคร ใครกร็ กั และสงวนแมค้ นอน่ื จะเหน็ วา่  ไมด่ มี คี ณุ คา่ แตผ่ เู้ ปน็
เจ้าของย่อมเห็นคณุ ค่า ในสมบัติของตน ไมว่ ่าสมบตั หิ รือสงิ่ ของ ใด ๆ ทมี่ ีเจ้าของ แมม้ ีคุณคา่ นอ้ ยก็ 
ไม่ควรท�ำลาย คอื ฉกลกั ปลน้ จี้ เป็นต้น อันเปน็ การทำ� ลายสมบตั แิ ละท�ำลายจติ  ใจกนั อย่างหนัก
ทั้งเป็นบาปมาก ไมค่ วรทำ�   ๓. ลูกหลานสามภี ริยา ใคร ๆ กร็ ักสงวนอย่างย่ิง ไมป่ รารถนา ให้ ใคร
มาอาจเอ้ือมล่วงเกิน จึงควร ให้สิทธิเขา โดยสมบูรณ์ ไม่ล่วงล้�ำเขตแดนของกันและกันอันเป็น

177

การท�ำลายจิต ใจของผู้อ่ืนอย่างหนักและเป็นบาป ไม่มีประมาณ ๔. มุสา การ โกหกพกลมเป็น
สง่ิ ทำ� ลายความเช่อื ถอื ของผอู้ ื่น ให้ขาดสะบั้นลง ขาดความนับถอื อยา่ ง ไม่มีชน้ิ ดีเลย แมแ้ ตส่ ัตว์
ดิรัจฉานเขาก็ ไมพ่ อ ใจ ในคำ� หลอกลวง จงึ  ไม่ควรพดู  โกหกหลอกลวง ให้ผู้อนื่ เสียหาย  ๕. สรุ า
ตามธรรมชาตกิ ็เปน็ ของมนึ เมาและ ให ้โทษอยู่ ในตัวของมันอย่างเต็มท่ีอยู่แลว้ เมอื่ ดม่ื เข้า ไปยอ่ ม
สามารถทำ� คนดี ๆ ใ ห้กลายเป็นคนบ้า ได้ ในทนั ทีทนั  ใดและลดคุณคา่ ลง โดยลำ� ดบั ผ้ตู อ้ งการเป็น
คนดีมีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์ท้ังหลาย จึง ไม่ควรดื่มสุราเคร่ืองท�ำลายสุขภาพทางกายและ
ทาง ใจอยา่ งย่งิ เพราะเปน็ การทำ� ลายตวั เองและผ้อู น่ื  ไปด้วย ในขณะเดยี วกัน

อานสิ งสข์ องศลี  ๕ เมอื่ รกั ษา ได ้ ๑. ทำ�  ใหอ้ ายยุ นื ปราศจาก โรคภยั เบยี ดเบยี น  ๒. ทรพั ย์
สมบตั ทิ อี่ ย ู่ในความครอบครองมคี วามปลอดภยั จาก โจรผรู้ า้ ยมาราวเี บยี ดเบยี นทำ� ลาย  ๓. ระหวา่ ง
ลกู หลานสามภี ริยาอยดู่ ว้ ยกันเป็นผาสกุ ไม่มีผูม้ าคอยล่วงล้�ำกลำ�้ กราย ต่างครองกันดว้ ยความ
เปน็ สขุ   ๔. พูดอะ ไรมีผเู้ คารพเชื่อถอื คำ� พูดมีเสน่ห์เปน็ ท่จี ับ ใจ ไพเราะด้วยสัตย์ด้วยศลี เทวดา
และมนุษย์เคารพรัก ผมู้ สี ัตย์มีศีล ไม่เปน็ ภัยแกต่ นและผู้อ่นื   ๕. เปน็ ผู้มสี ติปัญญาดีและเฉลยี ว
ฉลาด ไมห่ ลงหน้าหลงหลงั จับ โนน้ ชนนีเ้ หมือนคนบา้ บอหาสติ ไม่ ได้ ผมู้ ศี ีลเป็นผูป้ ลกู และสง่ เสริม
ความสขุ บนหัว ใจคนและสัตวท์ ั่ว โลก ให้มีแต่ความอบอนุ่  ใจ ไมเ่ ปน็ ท่รี ะแวงสงสัย ผู้ ไม่มีศีลเป็น
ผูท้ ำ� ลายหวั  ใจคนและสัตว์ ให้ ไดร้ ับความทกุ ข์เดอื ดร้อนทกุ หย่อมหญา้ ฉะนน้ั ผ้เู ห็นคณุ คา่ ของตัว
จงึ ควรเห็นคุณคา่ ของผู้อน่ื วา่ มีความรูส้ กึ เช่นเดยี วกนั ไม่เบยี ดเบยี นท�ำลายกัน ผมู้ ศี ลี สตั ยเ์ มอ่ื
ท�ำลายขนั ธ ์ไปเกิด ในสุคติ โลกสวรรค์ ไมต่ กต�ำ่ เพราะอ�ำนาจศลี ธรรมคุ้มครองรกั ษาและสนบั สนนุ
จงึ สมควรอยา่ งยิง่ ท่จี ะพากนั รกั ษา ใหบ้ ริบรู ณ์ เมื่อจากอัตภาพน้ีจะมีสวรรค์เปน็ ที ่ไป โดย ไม่ตอ้ ง
สงสยั ธรรมท่สี งั่ สอนแล้วควรจดจ�ำ ใหด้ ีปฏิบัติ ใหม้ นั่ คง จะเป็นผทู้ รงสมบัตทิ กุ อย่างในอตั ภาพ
ที่จะมาถงึ  ใน ไม่ชา้ นแี้ น่นอน

พอจบธรรมเทศนาสองพ่ีนอ้ งม ีใจรา่ เริง ในธรรมและขอสมาทานศีล  ๕  กบั ทา่ น ทา่ นได้
ประกาศศลี   ๕  ใหแ้ ก่สองพ่นี อ้ งตามเจตนา พอเสร็จการแสดงธรรมและประกาศศลี   ๕ แลว้ คน
ทงั้ สอง ได้นมัสการลาและหายตัว ไป ในท่แี ละขณะนั้นนนั่ เอง ด้วยอำ� นาจกศุ ลศลี ทานท ่ีไดส้ รา้ งมา
และกศุ ลท่ีฟังธรรมรักษาศลี   ๕  กบั ท่านอาจารย์ สองพนี่ อ้ ง ไดเ้ ปลย่ี นภพถา่ ยภมู ทิ ีเ่ ป็นอยู่ ไปเกดิ  
ในสวรรค์ช้ันดาวดึงส์พิภพ ในล�ำดับต่อมา โดย ไม่ชักช้า แล้ว ได้พากันมานมัสการเย่ียมฟังเทศน์
ท่านอาจารยเ์ สมอมิ ได้ขาด พร้อมด้วยความขอบพระคุณทา่ นทีเ่ มตตาอนเุ คราะห์ ให้อบุ ายสั่งสอน
ตา่ ง ๆ จน ไดพ้ ้นจากความวกเวียน ไป – มา ในสถานทนี่ ั้น แลว้  ไปเกิด ในสวรรค์เสวยทพิ ยสมบัติท ่ี
ไปรอคอยอยูเ่ ป็นเวลานานแลว้ อย่างมีความสุข เวลาทล่ี งมาเยีย่ มท่าน ไดเ้ ล่าเรื่องความหว่ ง ใยว่า

178

เปน็ ภยั แกจ่ ติ  ใจอยา่ งยงิ่ ทำ�  ใหเ้ นนิ่ ชา้ ตอ่ ทางดำ� เนนิ และภพชาตทิ ค่ี วรจะ ไดจ้ ะถงึ พอ ไดร้ บั อบุ ายแลว้
กส็ ามารถตัดความหว่ ง ใยเหลา่ นน้ั เสีย ได้ จิตพ้นจากความผกู พัน ไปเกดิ  ในสวรรค ์ได้ โดยสะดวก

ล�ำดบั นั้นทา่ น ได้แสดงความห่วง ใยของจติ ว่า เปน็ ส่งิ ท่ีทำ�  ใหเ้ กิดอปุ สรรค ไดอ้ ยา่ งมากมาย
เวลาจะพรากจากขันธ์ นักปราชญ์ท่านจึงสอน ให้ระวังจิต ไม่ ให้เป็นอารมณ์ห่วง ใยกับส่ิง ใด ๆ
ทัง้ สิ้น กลวั จิตจะประหวดั กบั ส่ิงหน่ึงส่ิง ใดซึง่ เปน็ ที่รกั บ้าง เปน็ อารมณ์ขนุ่ มัว ใน ใจบา้ ง เชน่ ความ 
โกรธแค้น ใหผ้ ู้หน่ึงผ ู้ใด ขณะจิตจะออกจากร่างเป็นขณะท่สี ำ� คญั มาก อาจ ไปเกาะเอาอารมณ์
ท ี่ไมด่ ีเข้าแล้วก็กลบั มาเปน็  ไฟเผาตวั จากนนั้ ก ็ไปเกดิ  ในทคุ ตภิ พมนี รก เปรต อสรุ กาย สตั วด์ ริ จั ฉาน
อยา่ ง ใดอยา่ งหนงึ่ ซ่งึ ล้วนเป็นภพก�ำเนดิ ท่ ีไม่พึงปรารถนาและ ใหค้ วามทกุ ขร์ อ้ นตลอดภพนั้น ๆ

ฉะนั้น การฝกึ อบรมจิตเมื่ออยู่ ในฐานะท่ีควรท�ำ ได้จึงควรสน ใจอย่างย่ิง ฝึก ให้รู้เรื่อง
ของจิตเสียแต่ยังเป็นคนท่ีรู้ ๆเหน็  ๆ เรอื่ งของตนอยูท่ ุกขณะน้ีเป็นความชอบแท้ เมอื่ ทราบว่ายงั
บกพร่องส่วน ใดจะ ไดร้ ีบแก้ ไขดดั แปลงเสยี เวลาเข้าตาจนแล้วจะ ไดม้ ีทางรกั ษาตัวทนั กบั เหตกุ ารณ์
ไม่ต้องวิตกวจิ ารณ์ว่าจะเสียท่าเสยี ท ีให้ความชัว่ ท้ังหลายเข้ามาเหยียบย่ำ� ท�ำลาย ได้ ยิง่ ฝึก ให้ขาด
ความสบื ตอ่ กบั อารมณด์  ี – ชวั่ ทงั้ หลายอยา่ งประจกั ษแ์ ลว้ ยง่ิ ประเสรฐิ เลศิ  โลก ไมม่ สี งิ่  ใดเสมอเหมอื น
นกั ปราชญ์ท่านเห็นความส�ำคญั ของ ใจวา่ ประเสรฐิ ยงิ่ กว่าสิง่  ใด ๆ ในสามภพ ทา่ นจึงพยายามฝึก ใจ 
ให้ ไปถูกทางและสั่งสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติต่อ ใจด้วยดี

เพราะการขาดทุนสูญทรัพย์ภายนอกภาย ในข้ึนอยู่กับ ใจเป็นสำ� คญั เวลาเปน็ อยูก่ ็อยู่ดว้ ย 
ใจ สขุ ด้วย ใจ ทุกขด์ ้วย ใจ เวลาตาย ไปก ็ไปดว้ ย ใจ เกิดเปน็ ก�ำเนิดต่าง ๆ ดหี รอื ชว่ั กเ็ กดิ ด้วย ใจ
เสวยกรรมทง้ั หนกั ทัง้ เบา ทั้งดที ั้งช่ัว ด้วย ใจเป็นเหตทุ ั้งมวล ไม่มีสง่ิ  ใดพา ให้เปน็ ม ีใจดวงเดยี ว
เท่านั้นพา ให้เป็น ไป ใจจึงควร ได้รับการอบรม ในทางท่ีถูกที่ดีเสมอ เพ่ือรู้วิธีปฏิบัติต่อตัวเองท้ัง
ปจั จบุ นั และอนาคต พอจบการแสดงธรรมเทวดา ได้รบั ความแช่มช่ืนเบกิ บาน ใจเป็นอันมาก และ
กล่าวสรรเสริญธรรมท่ีท่านแสดงว่าเป็นยอดแห่งธรรมซ่ึง ไม่เคย ได้ยิน ได้ฟังจากท่ีอื่น ใดมาก่อนเลย
เสร็จแล้วพากนั กระทำ� ประทักษณิ สามรอบและถอยหา่ งออก ไปจนพน้ เขตที่ท่านพักอยู่ แล้วตา่ งก็
เหาะลอยขึน้ บนอากาศราวกบั ส�ำลอี นั ละเอยี ดถกู ลมพดั ปลิวขึ้นสอู่ ากาศฉะน้นั

นิมิตพระหนุ่มสององค์รู้ธรรมตามท่าน

มเี รื่องแปลกประหลาดอกี เร่ืองหนึ่ง ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นแปลก ใจมากคืนหน่งึ ที่มเี หตุการณ์ 
โดยทางนมิ ติ ภาวนาเกิดขึ้น เวลานั้นท่านพกั อยู่ ในภเู ขาลกึ แหง่ หนึ่ง ห่างจากหมบู่ ้านมาก ท่จี ังหวดั

179

เชยี ง ใหม่ เป็นเหตุการณท์ ี่ทง้ั น่าหวาดเสียวและน่ายินดีพอ ๆ กนั คืนนัน้ ดกึ มากราว ๓ นาฬิกา
อันเปน็ เวลาธาตขุ ันธ์ละเอียด ทา่ นต่ืนจากจำ� วดั นง่ั พิจารณา ไปเลก็ น้อยปรากฏวา่ จติ  ใจมคี วาม
ประสงค์จะพกั สงบมากกว่าจะพิจารณาธรรมท้ังหลายต่อ ไป ท่านเลยปลอ่ ย ใหจ้ ิตพักสงบ พอเริ่ม
ปล่อยจติ กเ็ ริม่ หยั่งลงสูค่ วามสงบอย่างละเอียดเต็มภมู สิ มาธิ และพกั อยู่นานประมาณ ๒ ช่ัว โมง
หลงั จากนนั้ กค็ อ่ ย ๆ ถอยออกมา แตแ่ ทนทจ่ี ติ จะถอนออกมาสปู่ รกตจิ ติ เพราะมกี ำ� ลงั จากการพกั ผอ่ น
ทางสมาธพิ อสมควรแลว้ แต่กลับถอยออกมาเพียงขนั้ อปุ จารสมาธแิ ล้วออกรู้เหตกุ ารณต์ ่อเนือ่ ง ไป 
ในเวลานน้ั เลยทเี ดยี ว

คือขณะน้ันปรากฏว่ามีช้างเชือกหน่ึง ใหญ่มากเดินเข้ามาหาท่าน แล้วทรุดตัวหมอบลง
แสดงเปน็ อาการจะ ให้ท่านขึ้นบนหลัง ทา่ นกป็ นี ข้ึนบนหลงั ชา้ งเชือกนัน้ ทันที พอท่านขนึ้ นง่ั บน
คอช้างเรียบร้อยแล้ว ขณะน้ันปรากฏว่ามีพระวัยหนุ่มอีกสององค์ขี่ช้างองค์ละเชือกเดินตามมา
ข้างหลังท่าน ชา้ งทั้งสองเชอื กนั้น ใหญ่พอ ๆ กัน แตเ่ ล็กกวา่ ชา้ งตัวทท่ี า่ นก�ำลังขอี่ ยู่เล็กน้อย ชา้ ง
ท้ังสามเชือกนั้นมีความองอาจสง่าผ่าเผยและสวยงามมากพอ ๆ กัน คล้ายกับเป็นช้างทรงของ
กษตั รยิ ์ มีความฉลาดรอบรคู้ วามประสงคแ์ ละอบุ ายต่าง ๆ ทเ่ี จา้ ของบอกแนะดีเชน่ เดยี วกบั มนษุ ย์
พอชา้ งสองเชือกของพระหนมุ่ เดินมาถงึ ทา่ นกพ็ าออกเดินทางมุง่ หนา้  ไปทางภูเขาทม่ี องเห็นขวาง
หน้าอย่ ูไมห่ า่ งจากทนี่ น้ั นักประมาณ ๑ กิ โลเมตร ชา้ งทา่ นเป็นผู้พาเดินหนา้  ไปอยา่ งสง่าผ่าเผย

ในความรู้สึกส่วนลึก ท่านว่า ราวกับจะพาพระหนุ่มสององค์นั้นออกจาก โลกสมมุติท้ัง
สามภพ ไมม่ วี ันกลบั มาสู่ โลก ใด ๆ อีกตอ่  ไปเลย พอ ไปถงึ ภูเขาแลว้ ชา้ งก็พาท่านและพระหนุ่ม
สององค์เดนิ เข้า ไปทห่ี นา้ ถ�้ำแห่งหนึง่ ซ่ึง ไมส่ ูงนกั เพยี งเปน็ เนนิ เชอ่ื มกนั ข้นึ  ไปหาถ้�ำเท่าน้นั เม่ือ
ช้าง ใหญ่ทั้งสามเชือกเข้า ไปถึงถ�้ำแล้ว ช้างเชือกที่ท่านอาจารย์ขี่อยู่ ก็หันก้นเข้า ไป ในหน้าถ�้ำ
หันหน้าออกมาแล้วถอยก้นเข้า ไปจรดผนังถ้�ำ ส่วนช้างสองเชือกของพระหนุ่มสององค์ต่างก็เดิน
เข้า ไปยืนเคียงข้างช้างท่านข้างละตัวอย่าง ใกล้ชิด หันหน้าเข้า ไป ในถ�้ำ ส่วนช้างท่านอาจารย์
ยืนหันหน้าออกมาหนา้ ถำ้�

ขณะนั้นปรากฏว่าท่านอาจารย์เอง ได้พูดส่ังเสียพระว่า นี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งขันธ์และ
ภพ – ชาตขิ องผมจะขาดความสบื ต่อกบั สมมตุ ทิ ้งั หลาย และจะยุติลงเพยี งแคน่ ้ี จะ ไม ่ได้กลบั มาสู่
โลกเกิด – ตายน้ีอีกแล้ว นิมนต์ท่านทั้งสองจงกลับ ไปบ�ำเพ็ญประ โยชน์ตน ให้สมบูรณ์เต็มภูมิก่อน
อกี  ไมน่ านทา่ นทั้งสองก็จะตามผมมาและ ไป ในลักษณะเดยี วกบั ทผ่ี มจะเตรยี ม ไปอย่ขู ณะนี้ การท่ี
สัตว์ โลกจะหนีจาก โลกที่แสนอาลัยอ้อยอิ่งแต่เต็ม ไปด้วยความระบมงมทุกข์นี้ ไป ได้แต่ละรายนั้น

180

ม ิใชเ่ ปน็ ของ ไป ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดายเหมือนเขา ไปเทยี่ วงานกนั แต่ตอ้ งเปน็ ส่ิงฝนื  ใจมากทผี่ ูน้ ัน้ จะตอ้ ง
ทุ่มเทก�ำลังทุกด้านลงเพื่อต่อสู้กู้ความดีทั้งหลาย ราวกับจะ ไม่มีชีวิตยังเหลืออยู่ ในร่างต่อ ไป
นัน่ แล จงึ จะเปน็ ทางพน้ ภัย ไรก้ ังวล ไม่ต้องกลับมาเกิด – ตายเสียดายป่าช้าอีกต่อ ไป

การจาก ไปของผมคราวนมี้  ิไดเ้ ปน็ การจาก ไปเพอื่ ความลม่ จมงมทกุ ข ์ใด ๆ แตเ่ ปน็ การจาก ไป
เพ่อื หายทุกข์กังวล ในขันธ์ จาก ไปด้วยความหมดเยื่อ ใย ในสิง่ ท่ีเคยอาลยั อาวรณท์ ง้ั หลาย และ
จาก ไปอย่างหมดห่วง เหมือนนกั  โทษออกจากเรือนจำ� ฉะน้ัน ไม่มีความหึงหวงและนอ้ ยเนอื้ ต่ำ�  ใจ
เพราะความพราก ไปแห่งขันธ์ท่ี โลกถือเป็นเรื่องกองทุกข์อัน ใหญ่หลวงและ ไม่มีสัตว์ตัว ใดปรารถนา
ตายกันเลย ฉะน้นั จึง ไมค่ วรเสีย ใจอาลยั ถึงผมอนั เปน็ เรือ่ งสั่งสมกิเลสและกองทุกข ์ไม่มชี น้ิ ดเี ลย
นกั ปราชญ ์ไม่สรรเสริญ

พอท่านแสดงธรรมแก่พระหนุ่มสององคจ์ บลง กบ็ อก ให้ถอยชา้ งสองตวั ออก ไป ซงึ่ ยืน
แนบสองข้างท่านด้วยอาการสงบนิ่งราวกับ ไม่มีลมหาย ใจและอาลัยค�ำสั่งเสียท่านท่ี ให้ โอวาทแก่
พระหนุ่มสององค์ ขณะน้ันช้างทั้งสามเชือกแสดงความรู้สึกเหมือนสัตว์มีชีวิตจริง ๆ ราวกับมิ ใช่
นิมิตภาวนา พอส่ังเสียเสร็จแล้ว ช้างสองเชือกของพระหนุม่ กค็ ่อย ๆ ถอยออกมาหน้าถ้ำ� หนั หลงั
กลับออก ไป แล้วหันหน้ากลับคืนมายังท่านอาจารย์ตามเดิมด้วยท่าทางอันสงบอย่างย่ิง ส่วน
ช้างทา่ นก็เร่มิ ทำ� หน้าทหี่ มนุ กน้ เข้า ไป ในผนงั ถ�้ำ โดยลำ� ดับ เฉพาะองค์ท่านนั่งอยู่บนคอชา้ งน่ันเอง
ท้ังขณะ ให้ โอวาท ทัง้ ขณะชา้ งหมนุ ตัวเขา้  ในผนงั ถ�้ำ พอช้างหมุนก้นเข้า ไป ไดค้ อ่ นตัว จติ ท่านก็
เร่ิมรู้สกึ ตวั ถอนจากสมาธิข้นึ มา เรื่องกเ็ ลยยุตลิ งเพยี งนั้น

เร่ืองนัน้ จงึ เปน็ สาเหตุ ใหท้ า่ นพิจารณาความหมายตอ่  ไป เพราะเปน็ นมิ ิตทีแ่ ปลกประหลาด
มาก ไม่เคยปรากฏ ในชีวิต ได้ความขึ้นมาเป็นสองนัย นัยหน่ึงตอนท่านมรณภาพจะมีพระหนุ่ม
สององค์รู้ธรรมตามท่าน แตท่ ่านมิ ได้ระบวุ ่าเป็น ใครบา้ ง อกี นัยหนง่ึ สมถะกับวิปสั สนาเปน็ ธรรม
มีอุปการะแกพ่ ระขณี าสพแตต่ ้นจนวาระสดุ ทา้ ยแห่งขันธ์ ตอ้ งอาศัยสมถะวปิ ัสสนาเป็นวหิ ารธรรม
เครื่องบรรเทาทุกข์ระหว่างขันธ์กับจิตท่ีอาศัยกันอยู่ จนกว่าระหว่างสมมุติคือขันธ์กับวิมุตติคือ
วิสุทธิจิตจะเลกิ ลาจากกนั ท ่ีโลกเรียกว่าตายนนั่ แล สมถะกบั วิปสั สนาจึงจะยตุ ิ ในการท�ำหนา้ ทล่ี ง ได้
และหาย ไปพร้อม ๆ กบั สมมุตทิ ั้งหลาย ไมม่ ีอะ ไรจะมาสมมุติกันว่าเปน็ อะ ไรต่อ ไปอกี

ท่วี ่านา่ หวาดเสยี วนนั้ ทา่ นคิดตามความรสู้ ึกทวั่  ๆ ไ ป คือตอนช้างทา่ นกำ� ลังหมนุ ก้นเขา้  ไป 
ในผนังถ�้ำทั้งท่ีท่านก็น่ังอยู่บนคอช้าง แต่ท่านว่าท่านมิ ได้มีความสะทกสะท้านหวั่น ไหวเพราะ
เหตุการณ์ท่ีกำ� ลังเปน็  ไปอยู่นน้ั เลย ปล่อย ให้ช้างท�ำหน้าที ่ไปจนกว่าจะถงึ ที่สุดของเหตุการณ์ ท่ีน่า

181

ยินดกี เ็ ช่นกนั คือตอนทน่ี มิ ิตแสดงภาพพระหนมุ่ และชา้ ง ใหป้ รากฏข้นึ  ในขณะนัน้ บอกความหมาย
วา่ จะมีพระหนมุ่ รธู้ รรมตามทา่ นสององค ์ในระยะท่มี รณภาพ ไมก่ ่อนหรอื หลังทา่ นนานนัก ท่าน
ว่าท่ีแปลกอยู่อีกตอนหน่ึงก็คือตอนท่านส่ังเสียและอบรมส่ังสอนพระหนุ่ม ไม่ ให้ตก ใจและมีความ
อาลัยถึงท่าน ให้พากันกลับ ไปบ�ำเพ็ญประ โยชน์ส่วนตน ให้เต็มภูมิก่อน และพูดถึงการจาก ไป
ของท่านเอง ราวกับจะ ไป ในขณะน้ันจริง ๆ นี้ท่านว่านิมิตแสดง ให้เห็นเป็นความแปลก ในรูป
เปรยี บวา่ เมอ่ื วาระนั้นมาถงึ จริง ๆ พระหนุ่มสององคน์ ัน้ จะร้ธู รรม ในระยะนน้ั แตเ่ ปน็ ทน่ี ่าเสยี ดาย
ท่ีพระหนมุ่ สององค์น้นั คือ ใครบ้าง เวลาเรียนถามทา่ น ทา่ น ไมบ่ อก

เวลานน้ั ผ้เู ขยี นกม็ ีอาการบา้ กำ� ลังกำ� เรบิ อยากรู้ช่ือพระหนมุ่ สององคน์ ้ัน จนลมื อยากรู้
ความบกพรอ่ งของตนเสยี หมด เลยวาดภาพหลอกตวั เองอย่รู �ำ่  ไปวา่ จะเป็นองค ์ไหนกนั แน่ องค ์
ไหนกันแน่ อย่ทู �ำนองนั้น และ ได้พยายาม ใชค้ วามสงั เกตเรื่อยมาแต่ทา่ นมรณภาพทีแรกจนถึงวัน
เขยี นประวตั ิท่าน ก็ยัง ไม่มีวแ่ี ววมาจากทาง ไหนวา่ องคน์ ั้นเป็นผมู้ ี โชคมหัศจรรย์ตามนมิ ติ ภาวนา
ท่ที ่านเมตตาบอกเล่า คดิ  ไปมากเท่า ไรกย็ ิ่งเห็นความบ้าของตนหนักเข้าที่ตะครุบเงานอกจากตัว ไป
ว่า ใครจะมาประกาศขายตัวว่าตนเป็นผู้บรรลุธรรมนั้น เพราะมิ ใช่ปลาเน่าที่จะประกาศขาย ให้
แมลงวนั ตอมเล่น ไม่มีประ โยชน์ เนื่องจากทา่ นผู้จะบรรลธุ รรมขั้นน้ันกต็ ้องเปน็ ผู้มคี วามฉลาดอย่าง
พอตัวและควรแก่ธรรมขั้นนั้นอย่างเต็มภูมิจึงจะบรรลุ ได้ แล้ว ใครจะยอม โง่มาประกาศขายตัว
 ให้นักปราชญ์สมเพชเวทนา ให้คนพาลหัวเราะเยาะ ให้คนหเู บาเชื่องา่ ย ไม่มเี หตผุ ลรบั เช่อื และ
ต่ืนข่าว ไปตาม ๆ กัน เหมือนกระต่ายตื่นตูมว่าฟ้าถล่มฉะนั้น เรื่องบ้าเลยขอบเขตก็ค่อยสงบลง
จึง ได้เขียนเรื่องน้ีลง ไว้เพื่อท่านผู้อ่านท้ังหลาย ได้พิจารณาต่อ ไป ผิดถูกประการ ใดกรุณาต�ำหนิ
ผู้เขียนซึ่งมีนิสัย ไม่รอบคอบมาดั้งเดิม เพราะเรื่องท�ำนองน้ีถือเป็นการภาย ในระหว่างอาจารย์
กบั ศิษยค์ วรพูดต่อกนั  โดยเฉพาะ ไมเ่ ป็นภัยตอ่ ฝ่าย ใดฝ่ายหนง่ึ แตผ่ เู้ ขียนประวตั ทิ า่ นเป็นคนมี
นิสยั ทค่ี วรตำ� หนอิ ยู่มาก ถา้  ไม่สงสารและให้อภัยดงั ทีเ่ รียนขอแลว้ ขอเลา่ ตลอดมา จึงหวัง ได้รับ
ความเมตตาเปน็ อยา่ งดตี ามเคย

เทศน์โปรดอนุเคราะห์จ�ำพวกกายทิพย์

การเทศน์ โปรดอนุเคราะห์จ�ำพวกกายทิพย์ ในภพภูมิต่าง ๆ ท่านพระอาจารย์ม่ัน ได้ท�ำ
ภาระอย่างหนักหน่วงตลอดมาจนถึงวันมรณภาพ ไม่ว่าท่านจะพักอยู่ที่ ใดจ�ำต้อง ได้ติดต่อส่ือสาร
กบั พวกกายทพิ ย์ประเภทต่าง ๆ อย่เู สมอ ยิง่ พักอย่ ูในปา่  ในเขาลึกปราศจากผู้คนดว้ ยแล้ว พวก
กายทิพย์จากภพภูมติ า่ ง ๆ ยงิ่ มาเกย่ี วขอ้ งทา่ นมากเปน็ พเิ ศษแทบ ไมเ่ ว้นแตล่ ะคนื โดยพวกนน้ั มา

182

พวกนี้มา ภมู นิ ้ันมา ภมู นิ ม้ี า ชนั้ นั้นมา ชัน้ นม้ี า แม้พวกเปรตผีที่รอรบั  ไทยทานจากญาติ ๆ ซ่งึ ทงั้
ผูเ้ ป็นเปรตเปน็ ผีและผเู้ ป็นญาติ เดมิ เปน็  โคตรแซ่อะ ไรอยเู่ มือง ไหน ตาย ไปแต่เม่อื  ไร และญาติ ใน
โคตรแซ่น้ันยงั มี ใครเหลืออยู่บ้างพอชว่ ยตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ก็ ไมม่  ีใครทราบ ได้ ยงั อุตส่าหม์ าตดิ ตอ่ กบั
ท่านอาจารย์เพ่ือเมตตาอนุเคราะห์ช่วยบอกกับญาติ ๆ ของเปรตผีน้ัน ๆ ใ ห้พากันท�ำบุญ ให้ทานแล้ว
อทุ ิศแผส่ ่วนกุศล ไป ให้เขา พอชว่ ยพยุง ให้ความทุกข์ทเ่ี สวยอยู่ ไดม้ ีวันเบาบางลงบ้าง ไม่ทรมานจน
เกิน ไป เท่าทเี่ สวยทุกข์อยู่ ในนรกก็นับว่าเหลือทนมานานแสนนานแล้ว จน ไมม่ มี นุษยค์ น ใดจะ
สามารถนับอ่านเดือนปีของแดนนรกซ่ึงต่างกับเมืองมนุษย์ ได้ เพราะเลยการนับอ่านของแดน
มนษุ ย์ที่ ใช้นับกนั จะอาจเอ้ือม

พอพน้ แดนนรกขึ้นมาแทนทจี่ ะหมดกรรมหมดเวรพอมคี วามสขุ บ้าง แตก่ ็ ไมป่ รากฏความ
ทุกข ์ได้ลดตัวลงสมกับคำ� วา่ พ้นจากนรกบา้ งเลย ความมีกรรมช่ัวติดตวั น้อี ยู่ ใน โลก ไหนก็สักแตช่ ือ่
เทา่ นนั้ ไม่มีอะ ไรเปลย่ี นแปลง ไปพอ ให้เย็น ใจหายทกุ ขพ์ อควรบ้างเลย ดังพวกขา้ พเจา้ เสวยอยู่
เวลานี้ ท้งั ยัง ไม่ทราบว่าจะพน้ จากกรรมชัว่  ไป ได้เมอื่  ไร ถา้ พระคุณเจ้า ไดเ้ มตตาบอกข่าวกลา่ ว
เร่อื ง ใหญ้ าติ ๆ ฟังแลว้ เขาอาจมีจติ เมตตาบ�ำเพ็ญกุศลอุทิศกลั ปนาผลส่งมา ให้ พวกข้าพเจา้ อาจมี
เวลาหลุดพ้นจากความทกุ ข์ทรมานซึ่งสดุ จะสงั เวชสงสารตนเหลอื ประมาณนเ้ี สีย ได้

เวลาท่านถามถึงญาติของผู้เป็นเปรตเป็นผีท่ีมาขอส่วนบุญก็บอก ไปคนละ โลกจน ไม่รู้เร่ือง
กัน ผูท้ ตี่ าย ไปตกนรกต้งั หมน่ื ตั้งแสนปที พิ ย์ กว่าจะพ้น โทษขนึ้ มาและมาเสวยกรรมปลกี ยอ่ ย
อันเปน็ เศษนรกอยู่ บางรายหา้ ร้อยปีทิพย์ บางรายก็พนั ปีทพิ ย์จน ไม่สามารถจะคน้ หาตน้ ตอ
หนอ่ แขนงแหง่  โคตรแซ่ ได้วา่ อยทู่ ่ี ไหน ถา้ เป็นรายเช่นน้ันกส็ ุดวสิ ยั ซงึ่ นบั วา่ เปน็ กรรมของสตั วอ์ กี
แขนงหนึง่ ท่ีพ้นกรรมหนกั ขนึ้ มาสู่กรรมเบาบา้ ง ทีพ่ อจะรับความชว่ ยเหลือจากผ้อู นื่  ได้ แต่ก็
กลับคน้ หาบัญชีส�ำมะ โนครวั  ไม่เจอเสียเป็นอันว่าตอ้ งยอมทนทกุ ขเ์ สวยกรรมนั้นต่อ ไป โดย ไม่มี
ก�ำหนดกฎหมายว่าจะตดั สนิ กรรมลง ไดเ้ มื่อ ไรสักที รายท่เี ปน็ ทำ� นองสัตว์ ไมม่ เี จา้ ของคอยอปุ การะ
น้ีมจี ำ� นวนไมน่ ้อย

รายทพี่ อชว่ ยเหลือ ได้บา้ งก็มี เชน่ รายท ี่ไมน่ านและ ไมห่ นกั ทงั้ อยู่ ในฐานะทีค่ วรรบั ทาน
จากญาติ ได้ สำ� มะ โนครวั คอื  โคตรแซ่ทเ่ี ปน็ ญาตกิ ย็ ังมี ชือ่ ญาติและสถานท่ีก็จำ�  ได้ทั้งอยู่ ไม่หา่ ง ไกล
กับสถานทม่ี าติดต่อขอความช่วยเหลือจากท่าน ถา้ อย่างนที้ ่านกอ็ นุเคราะห์ช่วยเหลอื  ได้ โดยหา
อุบายแสดงธรรม ให้เขาทราบและอุทิศส่วนกุศล ในเวลาบ�ำเพ็ญทาน ในงานต่าง ๆ หรือ ให้ทาน
ประจำ� วนั เชน่ ใสบ่ าตรถวายทานอันเปน็ การท�ำบุญทั่ว ๆ ไ ป เสร็จแล้วอทุ ิศแผส่ ว่ นกุศล ไปยัง

183

ผลู้ ว่ งลับซึ่งรอรบั อยูพ่ รอ้ มแลว้ บางรายกร็ ับสว่ นกศุ ลจากการอทุ ิศของท่านผ ู้ใจบญุ ทัง้ หลายอทุ ศิ
กันอยู่ทว่ั  ไปได้ เฉพาะทา่ นเองกอ็ ทุ ิศส่วนกุศลหรือแผ่เมตตาแกบ่ รรดาสัตว์ทัว่  ๆ ไ ปม ิไดข้ าด แต่
บางรายก็รับ ได้เฉพาะทีญ่ าตอิ ุทศิ  ให้เท่าน้ัน บางรายก็รบั  ได้ท่วั  ไปตามแต่ความนิยมของกรรมทมี่ ี
ตา่ ง ๆ กัน

ท่านว่าพวกเปรตผีน้ีพิสดารมากและมีก่ีร้อยก่ีพันจ�ำพวกท่ีมาเกี่ยวข้องกับท่านจน ไม่
สามารถนับอา่ น ได้ ทง้ั รบกวนมากกว่าจ�ำพวกอื่น ๆ ที่มีกายลึกลับเหมือนกัน เพราะพวกน้ีหมด
ที่พึ่งเหมือนคอยลมหาย ใจจากผอู้ ื่น พอเขาปิดจมกู  ไอหรอื จามเสียขณะหนึง่ ตัวกจ็ ะตายเพราะหมด
ทางหากิน จึงล�ำบากมากเก่ียวกับการอาศัยผู้อื่น โดยท่ี ไม่เป็นตัวของตัวมาแต่ดั้งเดิม ฉะนั้น การ
ท�ำบุญ ให้ทานจึงเป็นกิจส�ำคัญมากเหนือสิ่งอ่ืน ใดส�ำหรับผู้หวังพ่ึงตัวเองท้ังปัจจุบันและอนาคตท่ียัง
ท่องเทยี่ วอย่ ูในสงสาร เพราะสตั วท์ ่มี กี รรมท่ัว ไตร โลกธาตุตอ้ งเปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบตัวเองด้วยกัน ไมม่  ี
ใครจะคอยรบั ผิดชอบ ใคร ท้งั การเกิด ในก�ำเนิดด ี – ชั่วตา่ ง ๆ ตลอดการเสวยผลคอื สุขหรอื ทุกข์
หนักเบามากนอ้ ย ต้องเปน็ ผ้เู สวยกรรมของตัวท�ำ ไวท้ ้ังสิ้น ไมม่ ี ใครท�ำ ไวเ้ พื่อ ใคร ตา่ งกท็ ำ�  ไว้
เพือ่ ตวั แม้ ไมม่ เี จตนาว่าทำ�  ไวเ้ พื่อตวั ก็ตาม แต่ความจรงิ กเ็ ป็นกฎตายตัวมาดัง้ เดิมอยา่ งน้ัน

ทา่ นพระอาจารย์ม่ันท่านเชยี่ วชาญ ในทางเปรตผี เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ยมยกั ษ์
นาค ครฑุ มาก ทั้งภพหยาบภพละเอียดสามารถรซู้ อกแซก ไป ได้อย่าง ไมม่ ปี ระมาณ ในสิง่ ท่สี ดุ วสิ ัย
ของตาเนอื้ หูหนังจะเห็นและ ไดย้ ิน ได้ นอกจากทา่ น ไมเ่ ลา่ หมดตามทีร่ ทู้ เ่ี หน็ เทา่ นน้ั ขณะท่าน
เล่าเรอ่ื งเปรตผเี ปน็ ตน้  ใหฟ้ งั อดขนลุก ไม่ ได้ทั้งท่ี ไมก่ ลวั ผี แต่กอ็ ดกลัวกรรมซงึ่ เป็นของลกึ ลับและ
มีอ�ำนาจมาก ไม่ ได้ ท่านว่าคนเราถ้าสามารถรู้เห็นกรรมดี – ชั่วที่ตนและผู้อ่ืนท�ำขึ้นเหมือนเห็น
วตั ถุต่าง ๆ เช่น เห็นน�้ำ เห็น ไฟ เป็นต้น จะ ไม่กล้าท�ำบาปเหมือนคน ไม่กล้าเข้า ไฟ แต่จะ
กระตือรือร้นกันท�ำแต่ความดีซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน�้ำ ความเดือดร้อนของ โลกท่ีเคย ได้รับก็
นับวันลดนอ้ ยลง เพราะตา่ งคนตา่ งก็รักษาตวั กลวั เป็นบาปอันตราย

ลูกศิษย์กับอาจารย์ โต้นรก – สวรรค์กัน

ขณะท่ที า่ นอธบิ ายธรรมเก่ยี วกบั เปรต ผี นรก สวรรค์ เป็นตน้ มีอาจารย์องค์หนึ่งท่ีเปน็
ศษิ ยท์ า่ นเรยี นถามทา่ นขน้ึ วา่ เมอ่ื คนทงั้  โลก ไมร่  ู้ไมเ่ หน็ บาปเหน็ บญุ เหน็ นรก – สวรรค์ ตลอดเหน็
เปรต เทวบุตรเทวดา ครุฑ นาค และวญิ ญาณทเ่ี ปน็ ภพละเอียดยง่ิ แต่ทา่ นอาจารย์สามารถรู้เหน็
ไดเ้ พียงองคเ์ ดยี วทงั้ ทค่ี นอ่ืน ไมร่  ู้ไม่เห็นดว้ ย ทา่ นอาจารยจ์ ะอธบิ าย ใหค้ นรู้เหน็ ดว้ ย ไม ่ได้บา้ งหรือ
ตัง้ แตพ่ ระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านเวลาเหน็ แล้วยงั นำ� มาสงั่ สอน โลก ได้ เชน่ บาป บญุ นรก

184

สวรรค์ เป็นต้น ลว้ นเปน็ ธรรมชาตทิ พี่ ระองค์รู้เห็นแล้วน�ำมาสอน โลกทง้ั สิน้ ไม่เหน็  ใครปรบั  โทษ
พระพทุ ธเจ้าและพระสาวกท่าน นี่ก็เข้า ใจวา่ จะ ไม่มีทา่ นผ ู้ใดจะมาปรบั  โทษทา่ นอาจารย์ นอกจาก
เขาจะอนุ โมทนาสาธุกับท่านอาจารย์เท่าน้ัน เช่นเดียวกับพวกกระผมเชื่อและอัศจรรย์ความรู้
ความสามารถของท่านอาจารย์อย่เู วลาน้ี

ทา่ นอาจารย์ตอบว่า ผมยัง ไม ่ไดค้ ิดวา่ จะพดู อย่างท่านขอร้อง แต่ผขู้ อรอ้ งคอื ท่าน ยงั จะ
หาเรื่องบ้ามาฆา่ ตัวท่านและตัวผมกอ่ นแลว้ ถา้ ผมพูดตามความเหน็ ทา่ น ท่านกเ็ ป็นบ้าคนที่หนึ่ง
ผมก็คือบ้าคนที่สอง ผู้ฟังท่ีน่ังอยู่ด้วยกันน้ีก็จะเป็นบ้าคนที่สามที่ส่ี จะเป็นบ้า ไปด้วยกันทั้งวัด
แล้วจะมีวัดบ้าที่ ไหน ให้พวกเราซ่ึงเป็นบ้ากันหมดทั้งวัดอยู่ล่ะ ศาสนาออกจากท่านผู้รอบคอบ
แสดง ไวด้ ้วยความรอบคอบ เพ่ือปฏบิ ัติดว้ ยความรอบคอบ ร้ดู ว้ ยความรอบคอบและพดู ด้วยความ
รอบคอบ แตก่ ารพดู พลา่ ม ไปดงั ทา่ นนจ้ี ะจดั วา่ รอบคอบหรอื จดั วา่ พวกบา้ นำ�้ ลาย ทา่ นลองพจิ ารณา
ดูซิ ผมวา่ เพยี งคิดขนึ้ เท่านัน้ กเ็ รม่ิ คดิ เรือ่ งบ้าอยู่แลว้ มหิ น�ำยังจะขนื พูดออกมาถา้  โลกทนฟงั  ได้
 โลก ไม่แตก ผู้พูดผู้ฟังเหล่านี้ก็ดีแตกและบ้าแตกหา โลกอยู่ ไม่ ได้แน่ ๆ การพูดดังที่ท่านคิดนั้น
ทา่ นมีเหตุผลอะ ไรบ้าง ทา่ นลองคดิ ดู แม้แตส่ ง่ิ ที่เห็น ๆ รู้ ๆ กนั อยทู่ ั่ว ไป เขายงั รจู้ กั วธิ ีปฏบิ ตั ิวา่
ควรอย่าง ไร ไม่ควรอยา่ ง ไร จงึ จะเหมาะสมกับเหตกุ ารณส์ ถานทแี่ ละความนิยมของคน ในยคุ นัน้  ๆ
ธรรมแมจ้ ะเป็นความจรงิ เหนือส่งิ  ใด แต่ก็ยงั อาศยั  โลกผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั ธรรมอยู่ ซึ่งควรปฏบิ ตั ิ ให้
เหมาะสมกับ โลกกบั ธรรม ไปตามกรณี แมพ้ ระพทุ ธเจ้าทท่ี รงรู้เห็นส่งิ ต่าง ๆ ก่อน ใคร ใน โลก ท้งั
สามารถจะตรัสอะ ไร ได้ดว้ ยความรู้ความเหน็ ที่ประจกั ษ์พระทยั แต่ก็ทรงรอบคอบ ในสิ่งทั้งปวงว่า
จะควรปฏิบัตอิ ยา่ ง ไรเสมอมา หากพระองคจ์ ะตรสั บา้ ง ในบางเรอ่ื งกท็ รงเหน็ ว่าเหมาะกบั เหตุการณ์
สถานท่ีและบุคคลผู้รับฟัง มิ ได้ตรัส โดยปราศจากพระสติปัญญาความรอบคอบอันแหลมคม
ความรูค้ วามเหน็ สง่ิ ต่าง ๆ ที่ควรแกฐ่ านะของตนนนั้ เป็นสิทธิของผูน้ ั้น แต่จะพูดพลา่ มออกมาเสีย
ทุกสง่ิ ทกุ อยา่ ง โดยปราศจากสตปิ ญั ญาที่ควรนำ�  ใช้เป็นประจำ� น้ัน รู้สึกจะเปน็ ความรูค้ วามเห็นท่ี
แหวกแนว ค�ำพูดแหวกแนว แต่ผู้รับฟังซ่ึงมิ ใช่คนแหวกแนวก็ทนฟังอยู่มิ ได้ การที่ ใครจะ
ปรับ โทษหรือ ไม่นน้ั เปน็ เรื่องหยาบและเรื่องนอก ๆ ซึ่ง ไม่ส�ำคัญย่ิงกว่าตัวผู้รู้ผู้เห็นจะควรปฏิบัติ
ต่อตัว โดยสามีจิกรรมอันเปน็ ความชอบธรรมแก่ตนและผเู้ ก่ียวข้องทวั่  ๆ ไ ป

ความเชื่อและความอัศจรรย์ ก็มิ ใช่เหตุผลท่ีจะน�ำมาสนับสนุนเพ่ือเสริมคน ให้เป็นบ้า
ความเช่ือและความอัศจรรย์ด้วยความอยาก ให้พูด ให้คุย ก็เป็นความเช่ือความอัศจรรย์ของ
คนท่ีก�ำลังจะหาทางเป็นบ้า ผมจึง ไม่สรรเสริญความเชื่อความอัศจรรย์แบบนั้น แต่อยาก ให้
มีความเช่ือและความอัศจรรย์ท่ีจะเป็นความแหลมคม สมกับที่พระพุทธเจ้าทรงสอนคน ให้

185

ฉลาดบ้าง แม้ ไม่ฉลาดมากก็พอน่าชมด้วยความมีหวังว่าจะยังมีผู้ทรงพระศาสนา และสืบ
พระศาสนา ไปด้วยความฉลาดรอบคอบอยู่บ้าง ผมขอถามท่านบ้างว่า สมมุติว่าท่านมีเงิน
ติดตัวอยู่จ�ำนวนพอที่จะท�ำประ โยชน์หรือท�ำความเสียหายแก่ตัวท่าน ได้ หาก ไม่ฉลาด เวลา
ท่านเข้า ในท่ีชุมนุมชน ท่านจะปฏิบัติต่อสมบัติน้ันอย่าง ไรบ้าง ถึงจะปลอดภัยทั้งสมบัติ
และตัวทา่ นเอง

พระอาจารยอ์ งคน์ นั้ เรยี นตอบท่านวา่ กระผมกจ็ ะพยายามรกั ษาสมบัตนิ ัน้ เตม็ สติปญั ญา
ทจ่ี ะรักษา ได้ ท่านถามวา่ สติปญั ญาท่ที ่านจะน�ำมา ใชต้ ่อสมบัตแิ ละชมุ นมุ ชน ในเวลานน้ั ทา่ น
จะน�ำมา ใชด้ ว้ ยวธิ  ีใด สมบัติสว่ นอนื่  ๆ และตัวท่านเองจึงจะปลอดภัย อาจารยน์ น้ั เรยี นทา่ นวา่
ถ้ากระผมจะสงเคราะห์เขา โดยท่ีเห็นว่าควรสงเคราะห์ก็จะพยายามแยกสมบัติจ�ำนวนท่ีจะ
สงเคราะห์ออกแผนกหน่งึ โดยม ิให้เขามองเห็นสมบตั สิ ว่ น ใหญท่ ่ีมีอยขู่ องตน แลว้ สงเคราะห์เขา 
ไปเฉพาะจำ� นวนที่แยกออก ไว้จากสว่ น ใหญ่เทา่ นนั้ นอกน้ันกระผมกเ็ ก็บ ไวอ้ ย่างมิดชดิ  ไม่ ให้ ใครร ู้
ใครเห็นเพราะกลัวจะเปน็ ภัยแก่สมบตั ิและตวั กระผมเอง ทา่ นตอบวา่ เอาล่ะ ทีนีส้ มมุตวิ า่ ท่าน
รเู้ ห็นธรรมหรอื สิ่งต่าง ๆ ดังทท่ี ่านยกข้ึนถามผม มกี ารเหน็ เปรตผี เป็นต้น ท่านจะปฏบิ ัติ
ต่อความรู้ความเห็นและแก่ผู้เก่ียวข้องอย่าง ไรบ้าง ถึงจะจัดว่าเป็นผู้มีความรอบคอบ ในสมบัติ
ประเภทนัน้ และเป็นประ โยชน์แกห่ มู่ชนผ้มู าเกย่ี วขอ้ งเทา่ ทีค่ วร โดย ไมม่ กี ารอ้ือฉาวราวเรือ่ ง ซง่ึ
อาจเป็นความเสียหายแกท่ า่ นเองและพระศาสนา ได้

อาจารยอ์ งค์นั้นเรยี นทา่ นว่า กระผมก็จ�ำตอ้ งปฏบิ ตั ิทำ� นองเดียวกนั กับการปฏิบตั ิตอ่ เงนิ ซ่ึง
เห็นวา่ เปน็ คณุ แกต่ นและผูอ้ น่ื  โดยถ่ายเดยี ว ไม่มีภัยเขา้ มาแทรกดว้ ย ท่านถามว่า กเ็ มอ่ื สักคร่นู ี้
ท่านพดู เป็นเชิงชกั นำ�  ให้ผมประกาศ โฆษณาความรู้ความเหน็ มีเห็นเปรตผี เป็นต้น แก่ประชาชน
โดยม ิไดค้ ำ� นงึ ถงึ ผลประ โยชนแ์ ละความเสยี หายอนั จะตามมา นน้ั ทา่ นพดู มคี วามหมายอยา่ ง ไรบา้ ง
ผมคดิ ว่าถ้าคนมีสตปิ ัญญาพอประคองตัวอยู่บ้างดงั มนุษยท์ ่วั  ๆ ไ ป เขาคง ไมพ่ ดู อย่างทา่ นแนน่ อน
แตท่ ่านเองยงั พดู ออกมา ได้ ถ้าทา่ น ไมเ่ ลยข้นั คนธรรมดากา้ วเข้าขน้ั  ไมม่ ีสติแลว้ จะควรชมเชยวา่
ท่านก้าวขา้ ม ไปขนั้ ...อะ ไรแลว้ ผมเองยังมอง ไม่เหน็ จุดทค่ี วรชมเชยท่านบา้ งเลย สมมุติว่ามีผมู้ า
ตอ่ วา่ ทา่ นวา่ เวลานท้ี ่านก้าวเขา้ ถงึ ขน้ั ...แล้ว ท่านจะตอบเขาว่าอย่าง ไรจงึ จะตรงกับความจรงิ ทีเ่ ขา
ว่าทา่ น โดยมีเหตุมีผล ท่าน ได้คดิ บา้ งหรือเปล่าว่าคน ใน โลกมีคนฉลาดมากหรือคน โง่มาก และคน
จำ� พวก ไหนท่จี ะสามารถทรงพระศาสนา ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรือง ไปด้วยความมีเหตุผล และยั่งยนื  ไปนาน
 ไมถ่ ูกทำ� ลายด้วยแบบท่านถามผมเมือ่ สกั ครู่น้ี

186

ท่านนน้ั เรยี นท่านวา่ ถา้ พิจารณาตามทที่ ่านอาจารย์ว่าแล้วกเ็ ปน็ ความผดิ  ในการกลา่ วของ
กระผม โดย ไม่มีเงือ่ น ไข เพราะเทา่ ท่กี ระผมกราบเรยี นขอนั้น โดยมงุ่ เจตนา ในทางอยาก ใหค้ น
ท้ังหลายทราบบ้าง อย่างกระผมทราบแล้วรู้สึกซาบซึ้งและอัศจรรย์อย่างย่ิงที่ ไม่เคย ได้ยิน ได้ฟัง
มาจากท่านผู้ ใดเลย เม่ือเล่า ให้เขาทราบบ้างคงจะรู้สึกซาบซึ้ง ไปนานและเกิดประ โยชน์แก่เขา
มากมาย ด้วยความรูส้ ึกอยา่ งนจี้ งึ ท�ำ ให้ความอยากน้นั หลุดปากออกมา โดยมิ ไดค้ ำ� นึงวา่ จะเกิด
ความเสียหายแก่ผู้พูดและพระศาสนามากน้อยเพียง ไรด้วยความรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ กระผมจึงขอ
ประทาน โทษ ได ้โปรดเมตตาอย่า ให้กรรมนีต้ อ้ งติดอยู ่ในสนั ดานอกี ตอ่  ไป กระผมจะพยายามสำ� รวม
ม ิใหเ้ ปน็ ทำ� นองนอ้ี กี

หากมคี นมาตอ่ วา่ วา่ กระผมกา้ วเขา้ ถงึ ขน้ั ...กจ็ ำ� ตอ้ งยอมรบั ตามเหตุผล เพราะเราเป็นผู้
ควรถกู ตำ� หนอิ ยา่ งหาทางหลกี เลี่ยง ไม่ ได้ แต่ก่อนกระผมยงั ม ิได้คดิ วา่ คน ใน โลกมีความฉลาดมาก
หรือคน โงม่ าก เพ่ิงจะมาสะดดุ  ใจเอาขณะท่ที า่ นอาจารยถ์ ามนี่เอง เลยเดาเอาตามความรูส้ กึ วา่
คน โงม่ มี ากกวา่ คนฉลาดอยู่มากมาย คิดดู ในหม่บู ้านหน่งึ  ๆ มคี นฉลาดและรกั ศลี รักธรรมอยูเ่ พียง 
ไมก่ ค่ี น นอกนัน้ แทบจะพูด ไดว้ า่  ไม่ทราบที่ ไปที่มาของตวั เอาเลย ว่า ไปเพื่ออะ ไร มาเพอ่ื อะ ไร
ท�ำเพื่ออะ ไร ผิดหรือถูก ดีหรือชั่ว ควรท�ำหรือ ไม่ควร เขา ไม่ค่อยสน ใจคิดเลย ขอแต่ ให้
สะดวกสบาย ในขณะนั้นก็พอ ใจแล้ว จะเป็นอะ ไรต่อ ไปก็มอบ ให้ยถากรรมเป็นผู้ตัดสินเอาเอง
คราวน้ีกระผมพอเขา้  ใจ ได้บา้ งไมม่ ืดมดิ ปดิ ทวารเหมอื นแต่กอ่ น

ส่วนผู้จะทรงพระศาสนา ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งและยืนนานต่อ ไปด้วยความมเี หตุผล นน้ั กเ็ ห็นจะ 
ได้แกค่ นฉลาดเปน็ ผ้นู ำ� และทรง ไวด้ ้วยความราบรน่ื สม่ำ� เสมอมากกวา่ จ�ำพวกอื่น ๆ จ�ำพวกนอกนนั้
กพ็ ลอย ได้ประ โยชน ์ไปตาม ๆ กนั แตห่ ลกั  ใหญเ่ ห็นจะอยู่ ในคนจ�ำพวกมเี หตมุ ผี ลเปน็ แน่ เพราะ
ทาง โลกทางธรรมกิจบา้ นการอาชพี ตลอดงานทกุ แผนก รู้สึกจะหนีจ�ำพวกฉลาดมเี หตุผลเปน็ ผ้นู �ำ 
ไป ไม ่ได้

ท่านอาจารยอ์ ธิบายตอ่  ไปว่า งานทาง โลกทางธรรมท่านยงั พอคดิ พอพดู  ได้วา่ คนฉลาด
เป็นบุคคลสำ� คัญ ในวงการต่าง ๆ แต่งานของท่านเองซึ่งเป็นนักบวชและนกั ปฏบิ ตั ิ ท�ำ ไมจงึ  ไม่
คิดบ้างว่าควรอย่าง ไร ไมค่ วรอย่าง ไร งานพระศาสนาเป็นงานละเอียดมากยากทจี่ ะรู้ทัว่ ถงึ ผ้จู ะ
ทรงพระศาสนา ทรงธรรมทรงวินัย ให้ถึงขั้นสมบูรณ์ ได้ต้องเป็นคนฉลาด ความฉลาด ในที่นี่มิ ได้
หมายความฉลาดท่ีท�ำลาย โลก ให้พินาศ ท�ำลายศาสนา ให้ฉิบหายล่มจม แต่เป็นความฉลาด ใน
เหตุผลท่ีจะยัง โลกและธรรม ให้เจริญ โดยถ่ายเดียว ความฉลาดนี่แลท่ีแสดง ไว้ ในมรรคแปดว่า

187

สมั มาทิฏฐิ สมั มาสังกปั  โป คือ ความเห็นชอบ ความด�ำริคดิ นึกชอบ และเปน็ ผู้น�ำกายวาจา ให้
ประพฤติแต ่ในทางทชี่ อบตามปญั ญาสัมมาทฏิ ฐซิ ง่ึ เป็นผนู้ ำ�

แม้แต่สมาธิที่เป็น ไป ในทางชอบก็จ�ำต้องอาศัยสัมมาทิฏฐิองค์ปัญญาคอยตรวจตราสอดส่อง
อยู่เสมอ ไมเ่ ช่นน้นั ก็จะกลายเปน็ สมาธิหัวตอ ไป ได้ จิตสงบจติ รวมกต็ ้องมสี ตปิ ญั ญาคอยแฝง
อยู่เสมอ จติ เกิดความรอู้ ะ ไรข้ึนมา จติ ออกรอู้ ะ ไรบา้ ง สงิ่ ทร่ี ูน้ น้ั  ๆ จะควรปฏบิ ัติอย่าง ไรจงึ จะ
ถกู ตอ้ งตามหลักของผตู้ ้องการความรูจ้ รงิ เห็นจริง ในสงิ่ ที่มาเกี่ยวข้อง ถา้  ไมม่ ปี ญั ญาแฝงอย่ดู ว้ ย
แลว้ ตอ้ งท�ำ ใหเ้ หน็ ผดิ ยดึ ผดิ  ไปจน ได้ เพราะความรตู้ า่ ง ๆ ทง้ั ขา้ ง ในทง้ั ขา้ งนอกทเ่ี กยี่ วกบั สมาธ ิไมม่ ี
ประมาณ สดุ แตจ่ ะปรากฏขน้ึ มาและผ่านเขา้ มา ในรายท่ีนิสยั จะควรรคู้ วรเหน็ เป็นต้องรูต้ ้องเหน็
จะห้ามไม่ ใหร้ ู้ ใหเ้ หน็ ยอ่ ม ไม ่ได้ แตส่ ำ� คญั อยทู่ ปี่ ญั ญาจะคดั เลอื กเกบ็ เอาเทา่ ทพ่ี จิ ารณาเหน็ วา่ ควร
นอกนนั้ กป็ ลอ่ ย ใหผ้ ่าน ไปอย่างนักปัญญา ไมย่ ดึ ถือ ไว ้ใหก้ อ่ กวนตวั เองอยู่ ไมห่ ยุด ถ้าขาดปญั ญา
เพยี งข้นั สมาธกิ ็ ไป ไม่ตลอดคอื ต้องยนิ ดกี บั สิง่ นน้ั ยนิ รา้ ยกบั ส่ิงนี้ เพลิดเพลินกับส่ิงนน้ั เศรา้  โศก
กบั สงิ่ น้ี กล้าหาญกับส่งิ นน้ั หวาดกลัวกบั สงิ่ น้ี ซงึ่ ล้วนเปน็ อารมณ์เขย่า ใจ ใหล้ มุ่ หลง ไปตาม
ท้งั สิน้ อารมณ์ทีม่ าปรากฏถ้า ไมก่ �ำจัดดว้ ยปญั ญาจะตก ไป ได้ยาก นอกจากจะพา ใหเ้ ปน็ อารมณ์
ก่อกวนอยู่ ไมห่ ยดุ เทา่ น้ัน แต่ถ้าคดั เลือกด้วยปญั ญาแลว้ จะมีทางผ่าน ไป ได้ ทยี่ ังเหลืออยกู่ เ็ ฉพาะ
ท่ีปัญญาคัด ไวเ้ ท่านั้น ปัญญาจึงเปน็ ธรรมจ�ำเป็น ในธรรมทุกขั้น

ผู้ก้าวเข้ามาบวช ในศาสนาก็คือการก้าวเข้ามาหาความรู้ความฉลาดเพื่อคุณงามความดี
ทงั้ หลายที ่โลกปรารถนากนั ม ิไดเ้ ขา้ มาสง่ั สมความ โงเ่ ขลาเบาตอ่ เล่หเ์ หลยี่ มของกิเลสตวั หลอกลวง
แตเ่ พ่อื อบุ ายปัญญาพลกิ แพลง ใหท้ ันเรอื่ งของกิเลสตา่ งหาก เพราะคนเราอยู่และ ไป โดย ไมม่ เี ครอ่ื ง
ปอ้ งกนั ตวั ย่อม ไม่ปลอดภยั ตอ่ อนั ตรายทั้งภายนอกภาย ใน เคร่ืองป้องกนั ตวั ของนกั บวชคอื หลกั
ธรรมวนิ ยั มสี ตปิ ญั ญาเปน็ อาวธุ สำ� คญั ถา้ ตอ้ งการความเปน็ ผมู้ นั่ คงตอ่ สง่ิ ทง้ั หลาย ไมส่ ะทกสะทา้ น
จงึ ควรเปน็ ผมู้ ีสติปญั ญาแฝงอยู่กับตวั ทุกอริ ิยาบถ จะคิดจะพดู จะทำ� อะ ไร ๆ ก็ตาม ไมม่ กี ารยกเวน้
สติปญั ญาท่ีจะ ไม่เขา้ มาสอดแทรกอยู่ดว้ ย ในวงงานทท่ี ำ� ท้ังภายนอกภาย ใน จะเป็นทีแ่ นน่ อนต่อคติ
ของตนทุก ๆ ระยะ ไป

ผมปรารถนาอย่างย่ิงท่ีจะเห็นบรรดาลูกศิษย์มีความเข้มแข็งต่อแดนพ้นทุกข์ด้วยความเพียร
ทุกประ โยคทีเ่ ตม็  ไปด้วยสติปญั ญาเป็นหัวหนา้ งาน ไมง่ ุ่มงา่ มเซอะซะตอ่ ตัวเองตลอดธุระหน้าท่ี
ทง้ั หลาย สมกบั ศาสนายอดเย่ยี มด้วยหลักธรรมท่สี อนคน ให้ฉลาดทกุ แง่ทกุ มมุ แต่ ไมป่ รารถนา
อย่างย่ิงที่จะเห็นผู้ปฏิบัติท่ีมาอาศัยอยู่ด้วยเป็นคนอ่อนแอ โง่เง่าเต่าตุ่นวุ่นวายอยู่กับอารมณ์เคร่ือง

188

ผกู พัน ดว้ ยความนอน ใจและเกยี จครา้ น ในกจิ การที่จะยกตวั  ให้พน้ ภัย ไม่ขยนั คิดอา่ นดว้ ยความ
สน ใจ ในงานของตวั ทุกประเภท เพราะงานของพระผพู้ รอ้ มแลว้ เพ่ือข้าม โลกข้ามสงสารเปน็ งาน
ชั้นเย่ียม ไม่มีงาน ใด ใน โลกจะหนักหน่วงถ่วง ใจย่ิงกว่างานยกจิต ให้พ้นจากห้วงแห่งวัฏฏทุกข์
งานนเ้ี ป็นงานท่ที ุม่ เทก�ำลงั ทุกดา้ น แมช้ ีวติ กย็ อมสละ ไม่อาลัยเสียดาย จะเปน็ จะตายกม็ อบ ไว้
กับความเพียรเพอื่ รอ้ื ถอนตน ใหพ้ ้นจากหลมุ ลกึ คอื กเิ ลสท้งั มวล ไมม่ ีการแบง่ รบั แบ่งสเู้ หมือนงาน
อ่ืน ๆ จะรู้จะเห็นธรรมอัศจรรย์ที่ ไม่เคยพบเคยเห็น ก็รู้และเห็นกันกับความเพียรท่ีสละตาย
 ไมเ่ สยี ดายชวี ิตนี่แล วิธอี ่นื  ๆ ก็ยากจะคาดถกู  ได้

การท�ำความเพียรของผู้ต้ัง ใจจะข้าม โลกไม่ขอเกิดมาแบกหามกองทุกข์นานาชนิดอีกต่อ ไป
ต้องเป็นความเพียรชนิดเอาตายเข้าแลกกัน เฉพาะผมเองก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์สอนหมู่คณะ
มิ ได้นกึ วา่ ชีวิตจะยังเหลอื เดนมาเลย เพราะความมงุ่ มน่ั ต่อธรรมแดนหลดุ พ้นมรี ะดับสงู เหนอื ชีวิต
ที่ครองตัวอยู่ การท�ำความเพียรทุกประ โยคและทุกอิริยาบถ ได้ต้ังเข็มทิศ ไว้เหนือชีวิตทุกระยะ
ไม่ยอม ใหค้ วามอาลัยเสียดาย ในชวี ติ เขา้ มากีดขวาง ในวงความเพยี รเลย นอกจากความบบี บังคบั
ของจติ ทเี่ ตม็  ไปด้วยความหวงั ต่อทางหลุดพ้นเท่านนั้ เป็นผบู้ งการแตผ่ ู้เดยี วว่า ถา้ ขันธท์ น ไม่ ไหว
จะแตกตาย ไปก็ขอ ให้แตก ไป เราเคยตายมาแลว้ จนเบื่อระอา ถ้า ไมต่ ายขอ ให้รธู้ รรมทพี่ ระองค์
รเู้ ห็น อยา่ งอ่นื  ไมป่ รารถนาอยากรอู้ ยากเหน็ เพราะเบ่อื ต่อการรเู้ หน็ มาเตม็ ประดาแลว้ บดั นีเ้ รา
อยากรู้เพยี งอย่างเดยี วคอื ส่ิงทีเ่ รารูแ้ ล้ว ไม่ต้องกลบั มาลุ่มหลงเกิด – ตายอีกต่อ ไป สง่ิ น้นั เป็นส่งิ ที่
ปรารถนาอย่างยงิ่ ของเรา ในบดั นี้

ส่วนความเพียรท่ีหมนุ  ไปตามความอยากร้อู ยากเห็นธรรมดวงนัน้ จงึ เปน็ เหมอื น โรงจักร
ท่เี ปดิ ท�ำงานแล้ว ไมย่ อมปิดเคร่อื ง ปลอ่ ย ให้หมนุ ตวั เปน็ ธรรมจักรฟาดฟนั หัน่ แหลกกบั กเิ ลสวฏั ฏะ
ท้ังหลาย ไม่มีวันมคี นื  ไม่มอี ิริยาบถ ใดว่า ไดย้ ่อหยอ่ นความเพยี ร เวน้ แต่หลบั  ไปเสียเทา่ น้นั เป็น
เวลาพกั งานชัว่ คราว พอตนื่ ขน้ึ มามอื กับงานคือสตปิ ัญญาศรัทธาความเพยี รกบั กเิ ลสที่ยงั เหลือเป็น
เช้อื เรื้อรงั อยู่ภาย ในมากน้อย ไมว่ า่ งตอ่ การรบพงุ่ ชงิ ชัยกันเลย จนถกู ทำ� ลายดว้ ยสตปิ ญั ญาศรัทธา
ความเพยี ร ใหร้ าบเรยี บ ไปหมดอยา่ งสบายหายหว่ ง นบั แตข่ ณะนน้ั มาสว่ นทตี่ าย ไปคอื กเิ ลสทงั้ หลาย
ก็ทราบวา่ ตาย ไปอย่างสนิท ไมก่ ลบั ฟื้นคนื มาก่อกวนวุ่นวาย ไดอ้ กี สว่ นทยี่ ังเหลอื คือชีวติ ธาตขุ ันธ์
ก็ทราบว่ายังพอทนต่อ ไป ได้ ไม่แตกสลาย ไปตามกิเลส ขณะท่ีเข้าสู่สงครามท�ำการหัก โหมกัน
อย่างสุดก�ำลังทุกฝ่าย สิ่งที่ต่างฝ่ายต่างหมายยึดครองถึงกับต้องท�ำสงครามย้ือแย่งแข่งชัยชนะ
กันน้ัน คือ ใจอันเปรียบเหมือนนางงาม ได้ตกมาเป็นสมบัติอันล้�ำเลิศประเสริฐสุดของฝ่ายเรา
เรยี กวา่ อมตจติ หรืออมตธรรม ใครคน้ พบผูน้ ้ันประเสริฐ โดย ไมม่ ีอะ ไรมาเสกสรร

189

แตธ่ รรมนัน้ อยู่ฟากตาย ถา้ ใครกลัวตายเสยี ดายทกุ ข์ ชอบถือเอาความสนกุ  ในการเกดิ ว่า
เลิศเลอ ผู้น้ันต้องจัดว่าลืมตัวมัวประมาทและชอบผัดเพ้ียนเลื่อนเวลาว่าเช้า – สาย – บ่าย – เย็น
ไมอ่ ยากบำ� เพ็ญความดสี �ำหรบั ตนในเวลาทเ่ี ป็นฐานะพอท�ำ ได้อยู่ ความประมาททง้ั น้ยี งั จะพา ให้
หลั่งน�้ำตาด้วยความทุกข์ ในสงสาร ไม่อาจประมาณ ได้ว่ายังอีกนานเท่า ไร จึงจะผ่านพ้นแหล่ง
กนั ดารอนั เป็นทที่ รมาน ไป ได้ จึงขอฝากปญั หาธรรมเหล่าน ้ีไวก้ ับท่านทั้งหลายน�ำ ไปขบคดิ ด้วยว่า
เราจะเป็นฝา่ ยคบื หนา้ กลา้ ตายดว้ ยความเพยี รหมายพึ่งธรรม ไมม่ องหลังมาดูทุกขท์ ่ีเคยเปน็ ภาระ 
ให้แบกหามด้วยความเจ็บแสบและปวดร้าว ในหัว ใจมาเป็นเวลานาน หรือยังจะเป็นฝ่ายเสียดาย
ความตายแล้วกลับเกิดอีกอันเป็นตัวมหันตทุกข์ที่แสนทรมานอีกต่อ ไป รีบพากันน�ำ ไปพิจารณา
อย่ามัวเมาเฝ้าทุกข์และหาย ใจทิ้งเปล่า ๆ ดังท่ีเป็นมาและเป็นอยู่เวลาน้ี จะช้าทางและเสีย ใจ
 ไปนาน เพราะ โรงดัดสันดานกิเลส ตัวพา ให้ว่ายบกอกแตกแบกกองทุกข์ ไม่มีเวลาปลงวางนั้น
มิ ได้มีอยู่ ในท่ีอื่น ใดและ โลก ไหน ๆ แต่มีอยู่กับผู้ต้ังหน้าบ�ำเพ็ญด้วยการ ใช้หัวคิดปัญญาศรัทธา
ความเพียรเป็นเคร่ืองมือบุกเบิกเพื่อพ้น ไปนี้เท่าน้ัน ไม่หยุดหย่อนนอน ใจว่ากาลเวลายังอีกนาน
สงั ขารยงั  ไม่ตาย รา่ งกายยงั  ไม่แก่ ซ่งึ เป็นความคดิ ที่ท�ำ ให้แยล่ ง โดยถ่ายเดียว ผเู้ ปน็ นักบวช
และนกั ปฏบิ ัติจึง ไม่ควรคิดอย่างยิ่ง

อนง่ึ ผจู้ ะพา ให้ผดิ พลาดและพา ใหฉ้ ลาดแหลมคมกม็ อี ยู่กับ ใจดวงเดียวจะเปน็ ผู้ผลติ ไม่มี
อยู่ ในท่ี ใด ๆ จงึ ไมค่ วรตงั้ ความหวงั  ไว้กบั ที่ ใด ๆ ท่มี ิ ได้สน ใจดูตวั เอง ตัวจักรเครื่องท�ำงานคือกาย
วาจา ใจที่ก�ำลังหมุนตัวกับงานทุกประเภทอยู่ทุกขณะ ว่าผลิตอะ ไรออกมาบ้าง ผลิตยาถอนพิษ
คือธรรมเพื่อแก้ความ ไม่เบ่ือหน่ายและอ่ิมพอ ในความเกิด – ตาย หรือผลิตยาบ�ำรุงส่งเสริมความ
มัวเมาเหมาทุกข์ ให้มีก�ำลังขยายวัฏฏะวน ให้ยืดยาวกว้างขวางออก ไป ไม่มีส้ินสุด หรือผลิตอะ ไร
ออกมาบ้าง ควรตรวจตราด ูใหล้ ะเอียดถถี่ ว้ น ไม่เช่นน้ันจะเจอแตค่ วามฉิบหายล่มจม ไม่มีวนั  โผล่
ตัวขึน้ จากทุกข์ท่ี โลกทั้งหลายกลัว ๆ กัน ได้เลย

ท่านแสดงธรรม โดยถือเอาพระที่เป็นต้นเหตุอาราธนาท่าน ให้แสดงตามท่ีรู้ท่ีเห็นส่ิงต่าง ๆ 
แก่ โลกอย่าง ไม่มีขอบเขตนั้น ปรากฏว่าท่านแสดงอย่างเผ็ดร้อนมาก ท้ังเน้ือธรรมก็ทรงรสชาติ
อยา่ งมหัศจรรย์ยากจะ ไดย้ ิน ไดฟ้ ัง พระผู้เป็นตน้ เหต ุให้ท่านตอ้ งแสดงก็ ไมน่ า่ จะผดิ ตามทที่ ่านดดุ ่า
ขเู่ ขญ็ แตอ่ าจจะเปน็ อบุ ายวธิ ีอาราธนา ใหท้ า่ นแสดงธรรม โดยทางอ้อมก็ ได้ เท่าทเี่ คยสงั เกตท่าน
ตลอดมาถ้าท่านแสดงธรรมตามปรกติ ไม่มีอะ ไรเข้า ไปสัมผัสหรือกระเทือนถึง ใจหรือถึงธรรมท่าน
ท่านชอบแสดง ไปเรียบ ๆ แม้จะแสดงธรรมชั้นสูงก็ท�ำนองเดียวกัน ผู้ฟังรู้สึกจะขาดอะ ไร ๆ อยู่
บา้ ง ไมจ่  ุใจ

190

แต่ถ้ามีราย ใดรายหนึ่งก่อเหตุขึ้นเป็นเชิงเรียนถามปัญหาท่านหรือสนทนาธรรมกันเอง
ต่อหน้าท่านแบบผิด ๆ ถูก ๆ พอ ให้ท่านร�ำคาญ หรือธรรมที่ก�ำลังสนทนากัน ไปสะดุด ใจท่านเข้า
ขณะน้นั นัน่ แลเปน็ ขณะท่ีธรรมภาย ใน ใจทา่ นเรมิ่  ไหวตวั ออกมาผดิ ปรกตแิ ละแสดงออกทางวาจา
อยา่ งเผด็ รอ้ นและถึง ใจทัง้ ท่านผแู้ สดงและผู้ฟงั อย่างเพลนิ  ใจ และทกุ คร้งั ทท่ี า่ นแสดงแบบนี้ต้อง
เป็นที่ซาบซึ้งด่ืมด�่ำเหลือที่จะพรรณนา ให้ถูกต้องกับความรู้สึก ได้ ผู้เขียนซ่ึงเป็นผู้มีนิสัยหยาบ
จึงชอบฟังธรรมท่ีทา่ นแสดงแบบนมี้ ากกว่าแบบอ่ืน ๆ เพราะเหน็ วา่ ถูกกับจรติ นสิ ยั ท่ีหยาบของตน
มาก ฉะนน้ั ท่านผเู้ ป็นต้นเหตุอาราธนาทา่ นด้วยอบุ ายวิธีตา่ ง ๆ ถงึ กับท่าน ได้แสดงธรรมแบบ
เผด็ รอ้ นออกมานนั้ จงึ เขา้  ใจวา่ เปน็ ความแยบคายของแตล่ ะองคจ์ ะหาอบุ ายแสดงออกตามสตปิ ญั ญา
ของตน ซง่ึ  ไม่ควรจะผดิ  ไปทีเดียว อาจมีเจตนาเพื่อประ โยชน์แก่ตนแฝงอย่กู ับคำ� อาราธนานน้ั ด้วย
ท้ังนี้เม่ือมาถึงวาระของผู้เขียน ได้สดับธรรมจากท่านจริง ๆ แล้ว โดยมาก ได้ฟังธรรมเด็ดเดี่ยวที่ 
ให้เกิดความอาจหาญร่าเริง มักจะเกิดจากวิธีเรียนถามปัญหาซอกแซกกับท่านมากกว่าวิธีอื่น ๆ
ขณะท่านอธิบายธรรมก็ถูกกับจุดที่ต้องการ ซ่ึงผิดกับการแสดงแบบแกงหม้อ ใหญ่เป็น ไหน ๆ
ดงั นั้น เมื่ออยู่กบั ท่านนาน ๆ ไปกค็ อ่ ยทราบวธิ แี สวงหาธรรมกับท่านกวา้ งขวางออก ไป ไมร่ อคอย 
ให้ท่านหยิบยื่น ให้ถ่ายเดียว ยังพอมีอุบายขอร้องต่าง ๆ พอ ให้ท่านเมตตาบ้าง โดยมิ ใช่วันประชุม
แสดงธรรมตามปรกติ

ท่านพิจารณาเห็นถ�้ำด้วยตาทิพย์

ทา่ นกับหมู่คณะราว ๓ – ๔ องค์เท่ียววเิ วกมาพักอย่ถู �ำ้ เชียงดาว ไดป้ ระมาณสองคนื พอ
ตื่นเช้าคืนที่สามท่านบอกว่า คืนนี้ภาวนาปรากฏเห็นถ้�ำ ใหญ่และกว้างขวางน่าอยู่มาก อยู่บน
ยอดเขาสูงและชัน ถ�้ำนี้สมัยก่อน ๆ เคยมีพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมาพักเสมอ แต่พระเรา
สมัยน้ี ไปอยู่ ไม่ ได้เพราะสูงและชันมาก ทั้ง ไม่มีที่ โคจรบิณฑบาต ท่านสั่ง ให้พระข้ึน ไปดูถ�้ำน้ัน
และก�ำชับว่าก่อนข้ึน ไปต้องเตรียมเสบียงอาหารขึ้น ไปพร้อม ทางขึ้น ไม่มี ให้พยายามปีนป่าย
ข้ึน ไป โดยถือเอายอดเขาลูกนัน้ เป็นจดุ ทหี่ มาย คอื ถ�ำ้ ท่ีว่านี้อย่ ูใตย้ อดเขาน้ันเอง พระและ โยม 
ได้พากนั ขน้ึ  ไปดตู ามคำ� ทท่ี ่านบอก เมอ่ื ข้ึน ไปถึงแล้วปรากฏวา่ ถำ�้ นั้นสวยงามและกวา้ งขวางมาก
ดงั ท่ที า่ นวา่ จริง ๆ อากาศก็ปลอด โปร่งสบายน่าอยมู่ าก พระเกิดความชอบ ใจอยากพกั อยบู่ ำ� เพญ็
สมณธรรมเป็นเวลานาน ๆ แต่จ�ำเป็นดว้ ยท ่ีโคจรบณิ ฑบาต ไม่มี เพราะถำ�้ อยูส่ งู และหา่ ง ไกลจาก
หม่บู ้านมาก พอเสบยี งจวนหมดจำ� ต้องลงมา


Click to View FlipBook Version