ร่วมกบั
จดั ทำโครงการบันทกึ ทางฆอ้ ง โน้ตเพลง และประวัตผิ ลงานเพลง
ครูมนตรี ตราโมท
จากการถา่ ยทอดทำนองทางฆอ้ งวงใหญ่
โดย ดร. สริ ิชัยชาญ ฟกั จำรญู (ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)
ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔
ประวัติและผลงาน ครูมนตรี ตราโมท
ครูมนตรี ตราโมท เดิมชื่อว่า "บุญธรรม" ในสมัยที่มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการตั้งช่ือ
บุคคล ท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "มนตรี" เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ครูมนตรีเกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๔๓ ปีชวด ที่ตำบลท่าพ่ีเลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรนายยิ้มและนางทองอยู่ บิดาซึ่งรับ
ราชการตำรวจประจำเรือของพลโทพระวรวงศ์เธอพระเจ้าคำรบ ในส่วนของที่มาของนามสกุล "ตราโมท" น้ัน
ท่านพลโทพระวรวงศ์เธอพระเจ้าคำรบ บิดาของคุณชายคึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เป็นผู้ประทานนามสกุลให้ โดยครู
มนตรีได้อธิบายถึงที่มาของนามสกุลท่านไว้ในหนังสือคึกฤทธิ์ ๖๐ จัดพิมพ์ในศุภวาระดิถีงานทำบุญฉลองอายุครบ
๕ รอบ ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ในหัวข้อเรื่อง "สัมพันธภาพ"
ความว่า
" บิดาของข้าพเข้าเป็นผู้มีความรู้ในทางเครื่องจักรกล ได้ทำงานกับบริษัทต่างๆ อยู่หลายแห่ง แต่ใน
ที่สุดได้เข้ารับราชการเป็นตำรวจตำแหน่ง อินยิเนียร์ เรือกลไฟชื่อ พิษณุแสน เรือพิษณุแสนนี้เป็นเรือของกรม
ตำรวจ ประจำมณฑลกรงุ เก่า ซงึ่ แล่นขึน้ ล่องติดต่อราชการระหว่างจังหวดั อยุธยากับพระนครอยูเ่ สมอ และถ้าลงมา
พระนครเรอื พิษณแุ สนก็จะจอดประจำอยทู่ หี่ น้าวังทา่ นอธิบดกี รมตำรวจ ซง่ึ วังนี้ดา้ นหนา้ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และ
ด้านหลังติดกำแพงเมืองถนนพระอาทิตย์ อธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้นก็คือพระองค์เจ้าคำรบ ท่านบิดาของคุณชาย
คึกฤทธิ์นี่เอง ส่วนข้าพเข้าเวลานั้นอายุประมาณ ๑๗ - ๑๘ อยู่กรมมหรสพวังจันทร์ รู้ว่าเรือพิษณุแสนลงมา
พระนครเมื่อไร ก็จะรีบไปหาบิดาในเรือโดยเดินเข้าตรอกเล็กๆ หลังตำหนักแล้วจึงเลี้ยวเข้าไปที่ท่าน้ำเป็นดังนี้อยู่
เป็นนิตย์ ส่วนคุณชายเวลานั้นก็คงอายุราว ๗ - ๘ ขวบ เวลาข้าพเจ้าเดินผ่านหน้าตำหนักไปจะพบเห็นบ้างหรือ
เปล่าก็ไม่ทราบ เพราะธรรมดาลูกเจ้านายก็มักจะอยู่บนตำหนักถึงจะลงมาข้างล่างก็คงมีพี่เลี้ยงอุ้มชู ถุงหมื่น (ชาย
ชราผู้หนึ่ง) ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์เจ้าคำรบมา ก็บอกว่าแกเคยอุ้มคุณชายเมื่อตอนเด็กๆ และรู้จักอินยิเนียร์ยิ้มเรือ
พิษณุแสนบิดาข้าพเจ้าดี ข้าพเจ้าก็นึกเอาเองว่าคงจะเคยพบผ่านกันบ้างแต่เมื่อเห็นเป็นลูกเจ้านายก็คงจะหลีกไป
โดยไม่สนใจ เสด็จอธิบดีจะทรงรู้จักหรือประทานความกรุณาแก่บิดาของข้าพเจ้าแค่ไหน ข้าพเจ้าไม่ทราบ เพราะ
เวลาที่ข้าพเข้าไปหาบิดานั้น ไม่เคยพบเสด็จอธิบดีเลย ในเวลานั้นถึงแม้พระราชบัญญัติขนานนามสกุลได้
ประกาศใช้แล้วก็จริง แต่บิดาของข้าพเจ้าก็มิได้มีนามสกุล จะเป็นตอนไหนไม่ทราบ บรรดาตำรวจเรือพิษณุแสนซงึ่
มีทั้งนายท้ายอินยิเนียร์ ช่างไฟ และอื่นๆ ได้ขอประทานนามสกุลต่อท่านอธิบดี และเมื่อข้าพเจ้าไปหาบิดาในครั้ง
หลังต่อมา บิดาจึงบอกข้าพเจ้าว่า เสด็จอธิบดีประทานนามสกุลใหแ้ ล้วว่า "ตราโมท" ข้าพเจ้าจึงใช้นามสกลุ นี้สืบมา
และ ข้าพเจ้าก็มาคิดเอาเองอีกนั่นแหละว่า นามสกุลตราโมท ที่พระองค์เจ้าคำรบประทานนี้ ใกล้เคียงกับนามสกุล
ของท่านเป็นอันมาก ผิดกันเพียงตัวหน้าตัวหลังเท่าน้ัน ถ้าฟังเสียงก็แทบ จะเหมือนกันทเี ดียว ท่านคงจะโปรดหรอื
ประทานพระเมตตาเป็นพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งแก่บิดาข้าพเจ้าก็ได้ ข้าพเจ้าก็ได้แต่สำนึกในพระคุณอันนี้เป็น
อยา่ งยงิ่ ”
การศึกษา
- วชิ าสามัญ
ครูมนตรี ตราโมท ได้เริ่มเรียนหนังสือครั้งแรกที่โรงเรียนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี (ปรีชา พิทยากร)
จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๕๕ จึงคิดที่จะย้ายเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากในสมัยน้ัน
โรงเรียนต่างจังหวัดจะมีหลักสูตรอยู่แค่ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เท่านั้น แต่ครูมนตรไี ม่สามารถเขา้ เรียนได้ตามที่ต้งั ใจ
ไว้ ด้วยเหตุว่าสุขภาพของครูมนตรีในช่วงนั้นไม่ใคร่จะแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง จึงหมดกำลังใจท่ี
จะเรียนตอ่ และได้หนั เหความต้งั ใจไปหัดดนตรแี ทนจนสามารถเข้ารบั ราชการในกรมพณิ พาทยห์ ลวง เม่ือเขา้ มาอยู่
ทก่ี รมพณิ พาทย์หลวง สังกดั กรมมหรสพ กรมมหาดเล็ก จงึ ไดเ้ รยี นต่อในโรงเรียนพรานหลวง ในพระบรมราชูปถมั ภ์
ตอนเช้าเรียนวิชาสามัญ ตอนบ่ายเรียนวิชาศิลปะสาขาต่างๆ คือ ดนตรีไทย ดนตรีสากล และโขนละคร จนจบช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๘ สอบได้ภาค ๓ (สมัยนั้นมี ๖ ภาค และคณะเดียว) คณะนิติศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
- วิชาดนตรี
ครูมนตรี ตราโมท มีความสนใจในดนตรีไทยมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งท่ีครูมนตรีไม่ได้เข้าไปเรียนต่อใน
กรุงเทพมหานครนั้น จึงได้เริ่มหัดเรียนดนตรีปี่พาทย์ ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ ๑๓ ปี ที่บ้านครูสมบุญ (อ้วน)
นักฆ้องประจำวงปี่พาทย์วัดสุวรรณภูมิ เพื่อฝึกฝนจนชำนาญการแล้วท่านก็ได้เป็นนักดนตรีปี่พาทย์อยู่ที่จังหวัด
สุพรรณบุรีอยู่ประมาณ ๒ ปี หลังจากนั้นปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ครูมนตรีได้ย้ายไปหัดดนตรีที่จังหวัดสมุทรสงครามอีกท่ี
หนึ่ง เนื่องจากในสมัยนั้นแหลง่ วิชาการทางดนตรีที่มชี ื่อเสียงมากอยู่ที่จังหวัดสพุ รรณบุรี จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
และจังหวัดสมุทรสงคราม โดยในครั้งนี้ ครูมนตรีได้ไปฝึกฝนวิชาดนตรีที่บ้านครูสมบุญ สมสุวรรณ ตำบลบางกะ
พ้อม จงั หวดั สมทุ รสงคราม จนมฝี ีมอื ดี ณ ที่แหง่ น้ี ครูมนตรีได้มีโอกาสหดั ดนตรที งั้ ไทยและสากล ในทางดนตรีไทย
ครูมนตรีได้หัดตีระนาดเอกและฆ้องวงใหญ่ ส่วนทางสากล ครูมนตรีได้หัดเป่าป่ีคารีแนท รวมทั้งเรียนรู้วิธีการแต่ง
เพลงไทยจากครสู มบญุ ดว้ ย โดยอธิบายใหร้ ูห้ ลกั เกณฑแ์ ละสาธติ ให้รู้อยา่ งแจม่ แจง้
ตอ่ มาเมอ่ื อายไุ ด้ ๑๗ ปี ครมู นตรี ตราโมท ไดส้ มัครเข้ารบั ราชการในกรมพิณพาทย์หลวงกรมมหรสพ
กรมมหาดเล็ก ในบริเวณวังจันทร์เกษม (ในสมัยนั้นการแบ่งหน่วยราชการจะเรียกว่ากรมทุกชั้น แต่ว่ามีฐานะ
ต่างกัน กรมมหาดเล็กมีฐานะเสมอกระทรวง กรมมหรสพมีฐานะเทียบกับกรมในสมัยนี้ และกรมพิณพาทย์มีฐานะ
เทียบเทา่ กับกอง) ณ กรมพิณพาทยห์ ลวงแห่งนี้ มพี ระยาประสานดรุ ิยศัพท์ (แปลก ประสานศพั ท)์ เป็นเจ้ากรมทวี่ ัง
จันทร์เกษมแห่งนี้ ครูมนตรีได้มีโอกาสเรียนฆ้องวงใหญ่จากหลวงบำรุงจิตรเจริญ (ธูป สาตรวิลัย) เรียนกลองแขก
จากพระพิณบรรเลงราช (แยม้ ประสานศัพท์) ในช่วงระยะเวลาครมู นตรีทำงานที่กรมน้ี กม็ ีกิจกรรมท่ีฝกึ ซอ้ มตนเอง
อยู่เป็นประจำ คือเวลาตีห้า ท่านจะฝึกซ้อมฆ้องวงใหญ่กับหลวงสร้อยสำเนียงสนธิ์ (เพ่ิม วัฒนวาทิน) และนายก่อง
เจตนาวัต ต่อมา พระยาประสานดุริศัพท์ต้องการให้ครูมนตรีได้มีความชำนาญในเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ด้วย
จึงมอบหมายให้ครูมนตรีไปเรียนระนาดทุ้มชั้นต้นจากพระพาทย์บรรเลงรมย์ (พิมพ์ วาทิน) หลังจากนั้นได้รับความ
กรุณาจากพระยาประสานดุริยศัพท์สอนดนตรีต่อให้อีกและได้รับเลือกให้เป็นผู้ตีระนาดทุ้มใน "วงตามเสด็จพระ
ราชดำเนิน" ซึ่งจะต้องตามเสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ทุกคร้ังที่เสดจ็ แปรพระราชฐาน พระองค์
ท่านใฝ่พระทัยในด้านศิลปะมาก ทรงโปรดให้จัดการแสดงโขนละคร ทุกแห่งที่เสด็จพระราชดำเนินประทับแรม
ครมู นตรีไดใ้ ห้สัมภาษณถ์ งึ ความประทบั ใจในพระองค์ทา่ นไวใ้ นหนงั สอื กินรวี า่
" ที่ผมจำได้แม่นก็คือ ครั้งหนึ่งที่ทรงจัดการแสดงลิเก ปกติก็จะมีครูระนาดสองคนคือ หลวงเพลง
ไพเราะ กับหลวงชาญเชิงระนาด เป็นประจำถ้าสองคนนี้ไม่อยู่ก็มักจะเป็นหลวงสร้อยสำเนียงสนธ์ิอีกคน แต่วันน้ัน
เขาไม่อย่กู นั เลยสักคน พระมงกฎุ ทา่ นทรงออกแขก ผมกต็ ีระนาดรับ เกดิ จิตใจมนั สนกุ ข้นึ มา หรืออยา่ งไร ไม่ทราบ
พอทา่ นทรงร้อง ผมก็รบั สอดเขา้ ไปดว้ ยเกิดทรงโปรด ทรงพระสรวล แล้วทรงร้องซ้ำ ธรรมดาเขาก็จะรอ้ งเที่ยวเดียว
แลว้ เจรจา น่ีทรงรอ้ งอกี สองเท่ยี วเลย "
จากประสบการณ์ของท่าน ทำให้ได้มีโอกาสใกล้ชิด เบื้องพระยุคลบาทเป็นพิเศษเสมอมานอกจากนี้
ยังเป็นผู้ตีขิมในวงหลวงเป็นคนแรก โดยเริ่มจากการบรรเลงขิม (คลุมผ้าขาว) ถวายพระบาทมสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจ้าอย่หู วั เม่ือครง้ั ทป่ี ระชวร ณ พระราชวงั พญาไท ตามคำแนะนำของแพทยห์ ลวง
ทางด้านดนตรีสากล พ.ศ. ๒๔๓๖ ครูมนตรี ตราโมท ได้มีโอกาสศึกษาวิชาโน้ตสากล ทั้งทฤษฎีและ
การประสานเสยี ง จากวทิ ยาสากลดนตรีสถาน โดยมี พระเจนดรุ ยิ างค์ (ปีติ วาทยากร) เป็นครูผสู้ อน
การทำงาน
ครูมนตรี ตราโมท ได้เริ่มเข้ารับราชการตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ในกรมปี่พาทย์หลวง กรมมหรสพ
ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ หลังจากนั้น ๑ ปี ได้เป็นพนักงานในกรมปี่พาทย์หลวง กรมมหรสพ และเข้าประจำในวงตามเสด็จ
รัชกาลที่ ๖ เม่อื วนั ท่ี ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๑ หลังจากนน้ั ทา่ นก็ไดใ้ ช้ระยะเวลาชั่วชีวติ ของทา่ นอยู่ในงานราชการ
ดนตรีเรือ่ ยมา คือ
พ.ศ. ๒๔๖๕ รบั ราชการทหารประจำการ สังกัดทหารรกั ษาวัง จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๗ จึง
ปลดประจำการ
พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็นพนกั งานชั้น ๖ กองปพ่ี าทย์ กรมบญั ชาการมหาดเล็ก กระทรวงวงั
พ.ศ. ๒๔๗๐ เป็นพนักงานชนั้ ๔ กองปพี่ าทย์หลวง ๒ กรมป่ีพาทย์และโขนหลวง
กระทรวงวงั
พ.ศ. ๒๔๗๑ เป็นเสมยี นโท กองกลาง กรมปี่พาทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวัง
พ.ศ. ๒๔๗๒ เปน็ พนกั งานชัน้ ๒ ปพี่ าทยว์ ง ๒ กรมปพี่ าทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวัง
พ.ศ. ๒๔๗๕ เปน็ พนกั งานชั้น ๓ กองปพี่ าทยห์ ลวง แผนกป่พี าทย์ กรมป่พี าทย์ และ
โขนหลวง กระทรวงวัง
พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นพนักงานปพ่ี าทย์ หมวดปี่พาทย์ แผนกป่ีพาทยแ์ ละโขนหลวง
กรมมหรสพ สำนักงานปลัด กระทรวงวงั
พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็นครชู นั้ ๓ หมวดดุริยางค์ไทย แผนกละครและสงั คีต กองศิลปวิทยาการ
กรมศลิ ปากร กระทรวงธรรมการ
พ.ศ. ๒๔๘๑ ประจำแผนกนาฏดรุ ิยางค์ โรงเรยี นศลิ ปากร
พ.ศ. ๒๔๘๓ ประจำแผนกดรุ ยิ างคไ์ ทย กองดรุ ิยางคศิลป์ เปน็ หวั หนา้ แผนกดรุ ิยางคไ์ ทย
กองดรุ ิยางคศิลป์
พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นศลิ ปนิ ตรี รักษาการในตำแหนง่ หัวหน้าแผนกวชิ าการ กองการสังคตี
พ.ศ. ๒๔๘๗ เปน็ หัวหนา้ แผนกวิชาการ กองการสงั คีต
พ.ศ.๒๔๘๘ เป็นขา้ ราชการชั้นโท หวั หน้าแผนกดรุ ยิ างคไ์ ทย
พ.ศ. ๒๔๘๖ เปน็ ขา้ ราชการชัน้ เอก ประจำกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
พ.ศ. ๒๔๙๘ เปน็ ศิลปนิ เอก กองการสงั คตี กรมศลิ ปากร กระทรวงวฒั นธรรม
พ.ศ. ๒๕๐๓ เปน็ ศิลปนิ พเิ ศษ กองการสังคตี กรมศิลปากร กระทรวงศกึ ษาธิการ
(เป็นศิลปนิ คนแรกของกรมศลิ ปากรทไ่ี ดร้ บั เกยี รตนิ ้)ี
พ.ศ. ๒๕๐๕ ออกจากราชการเหตุ เพราะเกษียนอายุ และไดร้ บั การว่าจ้างต่อในฐานะ
ผู้เช่ยี วชาญดนตรีไทย จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ (รวมอายปุ ฏบิ ัติงานราชการ
ทงั้ สิ้น ๗๘ ป)ี
ในช่วงตลอดชีวิตที่ท่านรับราชการดนตรีอยู่นั้น ครูมนตรี ตราโมท ก็ได้รับราชการพิเศษที่เกี่ยวกับ
ดนตรคี วบค่ไู ปด้วย คือ
- เป็นผู้บอกเพลงในการบันทึกเพลงไทยเป็นโน้ตสากล ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๔ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรม
วงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเปน็ ประธาน จนถงึ สมัยหลังซง่ึ หลวงวจิ ิตรวาทการเป็น
ประธาน
- เป็นกรรมการพจิ ารณาเพลงชาติ พ.ศ. ๒๔๗๖
- เปน็ สมทบสมาชกิ ราชบณั ฑิตยสถาน สำนกั ดุริยางคศาสตร์ พ.ศ. ๒๔๗๘
- เปน็ กรรมการสอบไถ่ ประโยคมธั ยมศกึ ษา แผนกดรุ ิยางค์ พ.ศ. ๒๔๗๘
- เป็นกรรมการตรวงสอบเพลงไทยเป็นโน้ตสากล อีก ๒ ครั้ง คือ พ.ศ. ๒๔๘๓ และ พ.ศ. ๒๕๐๔
- เปน็ กรรมการวทิ ยุกระจายเสียง ผแู้ ทนกรมศลิ ปากร พ.ศ. ๒๔๘๑
- แต่งหนังสือหลักวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย ใช้สอนในโรงเรียนศิลปากร แผนกนา ฏดุริยางค์
พ.ศ. ๒๔๘๑
- เปน็ กรรมการสอบไถ่ วิชาชุดครปู ระถมศึกษา วิชาสังคตี พ.ศ. ๒๔๘๒
- ควบคุมละครและดนตรีไปแสดง ณ เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ในงานราชาภิเษกสุลต่าน
รัฐกลันตนั เมอื่ พ.ศ. ๒๔๘๗
- เป็นกรรมการฝ่ายวัฒนธรรม ประจำคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา สหประชาชาติ
พ.ศ. ๒๔๙๘
- ควบคุมดนตรีและละคร ไปแสดง ณ พระราชอาณาจักรลาว พร้อมกับคณะทูตสัมพันธไมตรี
เมือ่ ตน้ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐
- เป็นครูผู้กระทำพิธีไหว้ครู และครอบประสิทธิ์ประสาทวิชาดนตรีไทย ให้แก่กองการสัง คีต
วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปทัง้ ส่วนกลางและต่างจงั หวัดหนว่ ยราชการอ่ืนๆ สถานศกึ ษา และเอกชนทั่วไป
- จัดการแสดงดนตรแี ละการแสดงเบด็ เตลด็ สำหรับประชาชน ณ สงั คีตศาลา
- เขยี นคำอธบิ ายเพลงในนิตยสารศิลปากร และดนตรีสำหรบั ประชาชนตั้งแตต่ ้นมา
- ในงานกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๑ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ออกแบบแผน ตลอดจน ควบคุม
การฝึกสอน การแสดงรำโคม (นักเรียนช่างกลปทุมวัน) การแสดงฟ้อนเล็บ (นักเรียนวิทยาลัยครู
สวนสุนนั ทา และวิทยาลัยครสู วนดุสิต) จดั การแตง่ กายสตรีผู้ถือปา้ ยประเทศไทยนำนักกีฬา และ
แต่งบทร้อง สำหรับรำโคมโดยเฉพาะในงานนี้
- ปรับและควบคมุ การทำแผ่นเสียงเพลงไทย ของกรมศิลปากร ตง้ั แตช่ ดุ ท่ี ๑ มาจนลองเพลย์ และ
รำวงทุก ๆ ชุด
- ปรบั เพลงดนตรีและควบคมุ การบรรเลงบนั ทกึ เสียง ในการถ่ายทำภาพยนตรเ์ ร่ือง นิ้วเพชร
และเรื่องโบราณวตั ถุ
- เปน็ ผ้บู รรยายเร่อื งดนตรีไทยในสมยั สุโขทยั ในการสัมมนาทางโบราณคดีของ กรมศลิ ปากร
พ.ศ. ๒๕๐๓ ณ จังหวดั สุโขทยั
- เป็นผู้บรรยายเรื่องดนตรีไทยในสมัยอยุธยา ในวันครบรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงศรีอยุธยา
ณ หอสมุดแหง่ ชาติ
- เปน็ ทป่ี รกึ ษาในการนำละครและดนตรี ไปแสดง ณ สหภาพพมา่ ในการแลกเปลีย่ น
วัฒนธรรม เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๘
- เป็นผูเ้ ขา้ รว่ มประชุมในเรอ่ื งประเพณีการละครและดนตรีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พรอ้ มกบั นำการแสดงละครและดนตรีของกรมศิลปากรไปแสดง ณ กวั ลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซยี เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๒
- บทนาฏกรรมไทย ละครเรือ่ งมโนราห์ แสดงออกอากาศโทรทศั น์กองทพั บก ช่อง ๗
วนั ที่ ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๒
- เปน็ ผู้แทนของประเทศไทยไปสัมมนาเรอื่ งรามายณะ ที่ประเทศอนิ โดนเี ซีย
- เปน็ ท่ปี รกึ ษาและหัวหนา้ ไปประเทศตา่ งๆ เช่น ออสเตรเลีย สาธารณรฐั ประชาชนจนี
และประเทศรสั เซยี
- เป็นผบู้ รรยายความรู้ทางดรุ ยิ างคแ์ ละนาฏศลิ ป์ไทย อบรมนักเรยี นและนักศกึ ษา ท่จี ะไป
ศึกษาวชิ าการตา่ งประเทศ ของ ก.พ.
- เป็นผู้บรรยายความรู้ดา้ นดนตรีไทย อบรมมคั คุเทศก์
- เปน็ ประธานการตัดสินการประกวด อ่านทำนองเสนาะ จัดโดยกองวรรณคดี และ
ประวตั ิศาสตรก์ รมศลิ ปากร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ - ๒๕๓๘
- เปน็ กรรมการบริหารมลู นธิ นิ รศิ รานุวดั ตวิ งศ์ และช่วยควบคุมการบรรเลงการประพนั ธ์
และบรรจเุ พลง รว่ มในงานวนั นริศทุกปี
- เปน็ กรรมการสมาคมสพุ รรณพระนคร
- เปน็ กรรมการพจิ ารณาขอเปดิ ดำเนนิ การหลักสตู รและการรบั รองมาตรฐานการศึกษาของ
สถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชน สาขาวชิ าดรุ ยิ ศิลป์ ทบวงมหาวทิ ยาลยั
- เป็นกรรมการพจิ ารณาผลงานทางวิชาการ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
- เป็นผทู้ รงคุณวุฒใิ นการก่อตง้ั คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
- ท่ีปรกึ ษาหนังสอื วารสารรายเดอื น "มานวสาร" ของชุมนุมนักเรียนเกา่ โรงเรยี น
ในพระบรมราชูปถมั ภ์ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว
- ประธานคณะกรรมการตดั สนิ การประกวดนักร้องเพลงไทย ชิงรางวลั เกยี รตยิ ศ
"ฆอ้ งทองคำ" ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ และ พ.ศ. ๒๕๒๘
- เปน็ ผรู้ ่วมสมานฉันท์ร้อยกรองหนังสอื "นวมราชสดุด"ี ในมหามงคลพระราชพิธี
รัชมงั คลาภิเษก วันท่ี ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
- ที่ปรกึ ษาคณะกรรมการจัดทำแบบเรยี นวชิ าดนตรีศึกษา ของกรมวชิ าการ กระทรวง
ศึกษาธกิ าร
- ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมการดำเนินงานจดั แสดงสงั คตี สายใจไทย
- ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมการฝ่ายการบรรเลงคอนเสิรต์ สายใจไทย
- พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้ังเป็นราชบัณฑิต
ในประเภทวจิ ิตรศิลป์ สำนักศิลปกรรม ตามประกาศสำนกั นายกรฐั มนตรี ลงวนั ท่ี ๒๓
มิถุนายน ๒๕๒๔
- ราชบัณฑิตทีป่ รกึ ษา ของราชบัณฑติ ยสถาน
เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณท์ ไี่ ดร้ บั พระราชทาน
๕ ธันวาคม ๒๕๓๕ มหาปรมาภรณ์ช้างเผอื ก (ม.ป.ช.)
๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ มหาวชริ มงกฎุ ไทย (ม.ว.ม.)
๕ พฤษภาคม ๒๕๓๐ ทุติยจลุ จอมเกลา้ วิเศษ (ท.จ.ว.)
๕ ธนั วาคม ๒๕๒๗ ประถมาภรณช์ ้างเผือก (ป.ช.)
๕ พฤษภาคม ๒๕๒๖ ทตุ ิยจลุ จอมเกลา้ (ท.จ.)
๕ ธนั วาคม ๒๕๒๓ ประถมาภรณม์ งกุฎไทย (ป.ม.)
๕ พฤษภาคม ๒๕๑๖ ตตยิ จลุ จอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
๕ ธันวาคม ๒๔๙๙ ตรติ าภรณช์ า้ งเผอื ก (ต.ช.)
๕ ธนั วาคม ๒๔๙๘ ตรติ าภรณ์มงกฎุ ไทย (ต.ม.)
๕ ธนั วาคม ๒๔๙๔ จตุรถาภรณ์ช้างเผอื ก (จ.ช.)
๔ ธนั วาคม ๒๔๙๑ จตุรถาภรณม์ งกุฎไทย (จ.ม.)
๒๗ กนั ยายน ๒๔๘๕ เบญจมาภรณช์ ้างเผือก (บ.ช.)
เหรยี ญราชอสิ ริยาภรณท์ ไี่ ดร้ บั พระราชทาน
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๑ เหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปังจบุ ันชัน้ ๓ (ภ.ป.ร. ๓)
๑๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๑๔ เหรยี ญดษุ ฎมี าลาเข็มศลิ ปวิทยา (ร.ด.ม.ศ.)
๗ มกราคม ๒๔๙๔ เหรยี ญบรมราชาภิเษก
๑๙ กนั ยายน ๒๔๘๘ เหรยี ญจักรพรรดิมาลา (รจพ.)
๖ มกราคม ๒๕๗๕ เหรยี ญฉลองพระนครครบรอบ ๑๕๐ ปี
เกียรติคณุ ทีไ่ ด้รับ
- ได้รับการครอบประสิทธิ์ประสาทการเรียนเพลงองค์พระพิราพจากครูทองดี ชูสัตย์
เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๗
- ได้รับการประสทิ ธ์ปิ ระสาทให้เป็นผูท้ ำพธิ ไี หว้ครูดนตรไี ทยและครอบประสิทธป์ิ ระสาทใหแ้ ก่ศิษย์
จากหลวงประดิษฐไ์ พเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) พ.ศ. ๒๔๘๔
- เป็นศลิ ปินคนแรกของกรมศิลปากรท่ไี ดช้ ั้นพิเศษ เม่ือวันที่ ๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๐๔
- ศิลปินตัวอย่างสาขาดนตรีไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๓ - พ.ศ. ๒๕๒๔ "แผ่นเสียงทองคำ
พระราชทาน" ครัง้ ที่ ๔
- ได้รบั โลจ่ ากกระทรวงศกึ ษาธิการในการแตง่ เพลงมารช์ วันครู พ.ศ. ๒๕๒๓
- ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันท่ี
๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๓
- ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันท่ี
๙ กรกฎาคม ๒๕๒๔
- ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อวันท่ี
๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๖
- รางวัลเสาอากาศทองคำจากผลงานการแตง่ ทำนองเพลงมา่ นมงคล
- ศิลปนิ แห่งชาติ สาขาศลิ ปะการแสดงดนตรีไทยเปน็ คนแรกเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๘
- นกั วจิ ยั ดเี ดน่ สาขาปรัชญา ของสภาวิจัยแห่งชาติ ปี ๒๕๒๙
- ได้รับรางวัล ASEAN AWARDS CULTURE COMMUNICATION & LITERARY WORKS (ASEAN) สาขา PERFORMING
ARTS ปี ค.ศ. ๑๙๘๗
- พอ่ ตัวอยา่ ง ปี พ.ศ. ๒๕๓๐
- เป็นผู้สูงอายุที่ได้รับการยกย่องประจำปี ๒๕๓๑ จากจังหวัดนนทบุรี และสมาคมส่งเสริม
วัฒนธรรมหญิงนนทบรุ ี
- บคุ คลดีเด่นของชาติ สาขาศลิ ปะ (ดา้ นดนตรี) ปี พ.ศ. ๒๕๓๑
- บคุ คลดเี ด่นเมอื งสุพรรณ เม่ือวนั ท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๓
- รางวลั พระเก้ียวทองคำ ปี พ.ศ. ๒๕๓๖
- ผูอ้ นรุ ักษม์ รดกไทยดเี ด่น เมอ่ื วนั ที่ ๒ เมยายน ๒๕๓๗
- ศิษย์และผู้นิยมผลงานของครูมนตรี ตราโมท ได้ร่วมกันก่อตั้ง มูลนิธิมนตรี ตราโมท สำนักงาน
เลขที่ ๑ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร เมื่อวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๗
ผลงานดา้ นการประพนั ธเ์ พลง
ครูมนตรี ตราโมท ทา่ นไดแ้ ตง่ เพลงไทยทั้งทำนองร้อง และทำนองดนตรีในลกั ษณะต่าง ๆ ไวม้ ากมาย
เพลงแรกทีท่ า่ นแตง่ ไว้ คอื เพลงตอ้ ยตริ่ง สามช้นั เมือ่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในคร้งั แรกน้นั ครมู นตรที า่ นรสู้ กึ ว่าอายุท่านยัง
น้อย เกรงว่าเพลงที่แต่งขึ้นจะไม่มีผู้นิยม จึงใช้ชื่อของหมื่นประคมเพลงประสาน (ใจ นิตยผลิน) ให้เป็นผู้ร่วมแต่ง
ด้วย ผลงานเพลงนี้เป็นที่นิยมมาก ทำให้ท่านมีกำลังใจที่จะแต่งเพลงขึ้นอีก เพลงพม่าเห่ เถา จึงเป็นผลงานที่สอง
ของทา่ น ได้เคยมผี ู้รวบรวมผลงานเพลงของท่านในทุกประเภทไวไ้ ด้ ถึงกวา่ ๒๐๐ เพลง ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้
- เพลงสามช้นั
๑. เพลงตอ้ ยตรงิ่ ๒. เพลงราโค
๓. เพลงมหาฤกษ์ ๔. เพลงเหาะ
๕. เพลงประพาศมหรณพ ๖. เพลงขับไมบ้ ณั เฑาะว์
๗. เพลงขบั นก ๘. เพลงเขมรป่ีแก้วทางสกั วา
๙. เพลงจระเข้หางยาวทางสกั วา ๑๐. เพลงเทพพนม
๑๑. เพลงเทพไสยาสน์ ๑๒. เพลงพระทอง
๑๓. เพลงพญาสเี่ สา ๑๔. เพลงมอญลอ่ งเรอื
๑๕. เพลงสรอ้ ยสน ๑๖. เพลงนาคพนั
๑๗. เพลงช้อนแท่น ๑๙. เพลงพม่าหา้ ทอ่ นทางดกึ ดำบรรพ์
ฯลฯ
- เพลงเถา (เพลงหนงึ่ เทา่ กบั ๓ เพลง เพราะมีทง้ั สามชน้ั สองชน้ั และ ชั้นเดยี ว)
๑. เพลงกลอ่ มนารี ๒. เพลงกาเรียนทอง
๓. เพลงขอมทรงเครอ่ื ง ๔. เพลงขอมเงนิ
๕. เพลงเขมรเหลือง ๖. เพลงขึน้ แท่น
๗. เพลงแขกกุลดิ ๘. เพลงแขกต่อยหมอ้
๙ . เพลงแขกอะหวงั (ทางธรรมดา) ๑๐. เพลงจีนหน้าเรือ
๑๑. เพลงตน้ เพลงยาว ๑๒. เพลงพมา่ เห่
๑๓. เพลงพมา่ หา้ ท่อน (ทางภาษาต่างๆ) ๑๔. เพลงพระจนั ทร์คร่ึงซกี
๑๕. เพลงเทพสมภพ ๑๖. เพลงภุมริน
๑๗. เพลงมอญรำดาบ ๑๘. เพลงโสมส่องแสง (เป็นเพลงเด่นเพลง
หนง่ึ ของครูมนตรี ตราโมท มผี นู้ ำมาเปน็ เพลงไทยสากลหลายรูปแบบดว้ ย)
๑๙. เพลงแขกอะหวงั ทางชวา ๒๐. เพลงสมโภชพระนคร (ร่วมสมโภชกรุง
รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป)ี
ฯลฯ
- เพลงสองช้นั และช้ันเดยี ว ทีเ่ พิม่ เตมิ ของเก่าใหเ้ ปน็ เพลงเถา
๑. เพลงขิมใหญ่ ชั้นเดียว ๒. เพลงขิมเลก็ ชน้ั เดียว
๓. เพลงแขกมอญ ชน้ั เดียว ๔. เพลงแขกลพบุรสี องช้นั และช้นั เดยี ว
๕. เพลงใบ้คลั่ง ชน้ั เดยี ว ๖. เพลงจนี แส ชั้นเดียว
๗. เพลงนางครวญ สองชน้ั และชั้นเดยี ว ๘. เพลงแปะ๊ ชัน้ เดยี ว
๙. เพลงสุดสงวน ชัน้ เดียว ๑๐. เพลงสารถี ชนั้ เดียว
๑๑. เพลงต้นเพลงฉ่ิง ชนั้ เดยี ว ๑๒. เพลงสารกิ าเขมร ช้ันเดยี ว
๑๓. เพลงพราหมณเ์ ข้าโบสถ์ ชน้ั เดยี ว
ฯลฯ
- เพลงเด่ียว
๑. เดีย่ วจะเข้ เพลงจนี แส ๒. เดี่ยวจะเข้ เพลงแขกมอญ
๓. เดี่ยวจะเข้ เพลงเรอ่ื งตวงพระธาตุ ๔. เดย่ี วระนาดทมุ้ เพลงอาเฮยี
๕. เด่ียวฆ้องเล็ก เพลงเชิดนอก ๖. เดี่ยวขมิ เพลงลาวแพน
๗. เดี่ยวฆอ้ งเล็ก เพลงกราวใน
ฯลฯ
- เพลงประเกทรอ้ งสอดดนตรี (ใชใ้ นการบรรเลงดนตรปี ระวัตศิ าสตร)์
๑. เพลงไทยมงุ ๒. เพลงนา่ นเจา้
๓. เพลงสวุ รรณภมู ิ ๔. เพลงละว้า
๕. เพลงขอมสวุ รรณ ๖. เพลงไทยครอง
๗. เพลงปันไทย ๘. เพลงสิบสองจไุ ท
๙. เพลงไทยทวี ๑๐. เพลงเขมรไทย
๑๑. เพลงขุนบรม ๑๒. เพลงพยายาม
๑๓. เพลงฝั่งโขง ๑๔. พระทองใหม่
๑๕. เพลงพระแสงดาบคาบคา่ ย ๑๖. เพลงลานนา ๑
๑๗. เพลงลานนา ๒ ๑๘. เพลงลานนา ๓
๑๙. เพลงศิลปะญ่ปี นุ่ ๒๐. เพลงยามาดา
๒๑. เพลงร่วมวง ๒๒. เพลงเสื้อญีป่ ุ่น
๒๓. เพลงเลยี บแหลมมลายู ๒๔. เพลงกราวรำแขก
๒๕. เพลงไทยอาหม ๒๖. เพลงไทยลานชา้ ง
๒๗. เพลงไทยใหญ่ ๒๘. เพลงไทยสิบสองจไุ ท
ฯลฯ
- เพลงระบำ
คุณครูมนตรีท่านได้แต่งเพลงระบำไว้หลายรูปแบบ ทั้งแบบที่มีเนื้อร้องบรรจุ แบบที่ไม่มีเนื้อร้อง
บรรจุ แบบท่ีแตง่ ทำนองขึน้ ใหม่ และแบบที่บรรจุเพลงกม็ ี ดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้
๑. เพลงระบำเริงอรณุ ๒. เพลงระบำนกเขามะราปี
๓. เพลงระบำนพรตั น์ ๔. เพลงฟ้อนมา่ นมงคล
๕. เพลงระบำไกรลาศสำเริง ๖. เพลงระบำกฤดาภนิ ิหาร
๗. เพลงชมปัตตานี ๘. เพลงระบำนก
๙. เพลงระบำชุมนุมเผ่าไทย (๕ เผา่ ไทยกลาง, ไทยใหญ่, ไทยลานนา, ไทยลานชา้ ง,
ไทยสิบสองจไุ ท, ไทยอาหม)
๑๐. เพลงระบำเทพบันเทิง ๑๑. เพลงแมศ่ รที รงเคร่ือง (ใหม)่
๑๒. เพลงระบำอัศวลีลา ๑๓. เพลงระบำมยุราภริ มย์
๑๔. เพลงระบำมฤคระเรงิ ๑๕. เพลงระบำบันเทงิ กาสร
๑๖. เพลงระบำกุญชรเกษม ๑๗. เพลงกนิ รรี ่อน
๑๘. เพลงระบำชุดโบราณคดี (ประกอบด้วยเพลงระบำ ๕ เพลง ได้แก่ เพลงระบำ
ทวาราวดี, เพลงระบำศรีวิชยั , เพลงระบำลพบุรี, เพลงระบำเชียงเสน, เพลงระบำสโุ ขทยั )
๑๙. เพลงระบำดอกบวั ๒๐.เพลงพระเจ้าลอยถาดชั้นเดียว (ระบำ
เงือก)
๒๑. เพลงระบำฉิ่ง ๒๒. เพลงระบำดอกไมบ้ ชู าครู
๒๓. เพลงระบำขอฝน ๒๔. เพลงระบำปลา
๒๕.เพลงระบำชมุ นุมฉยุ ฉาย ๒๖. เพลงระบำอู่ทอง
๒๗. เพลงฟ้อนดวงดอกไม้ ๒๘. เพลงระบำลาวกระทบไม้
๒๙. เพลงฟ้อนเล็บ ๓๐. เพลงระบำจนี รำพดั
๓๑. เพลงรำสีนวล ๓๒. เพลงระบำพรายตานี
๓๓. เพลงระบำลาวรำดาบ ๓๔. เพลงระบำนางใน
๓๕. เพลงกนิ นรรำ ๓๖. เพลงแขกบชู ายัญ
๓๗. เพลงระบำนนั ทอทุ ยาน
ฯลฯ
- เพลงรำวง
ครูมนตรี ท่านไดแ้ ตง่ ทำนองเพลงรำวงไวห้ ลายเพลง เช่น
๑. เพลงงามแสงเดอื น ๒. เพลงรำมาซมิ ารำ
๓. เพลงชาวไทย ๔. เพลงคืนเดือนหงาย
๕. เพลงดวงจนั ทร์วันเพญ็ ๖. เพลงดอกไมข้ องชาติ
- เพลงท่แี ตง่ ขน้ึ ในโอกาสพเิ ศษ
ทุกครั้งที่รัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะนำคณะนาฏศิลป์ ไทยไปเผยแพร่และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ณ ต่างประเทศ ครูมนตรีจะได้รับมอบหมายจากกรมศิลปากรให้แต่งเพลงระบำ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่าง
ประเทศนั้นๆ และก็ได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชนประเทศนั้นๆ เป็นอันมาก จนกระทั่งปัจจุบันนี้ รัฐบาลก็
จะนำระบำเหล่าน้มี าแสดง เวลาทปี่ ระมุขหรือบคุ คลสำคญั ของประเทศนั้นๆ มาเยอื นประเทศไทย หรือ รัฐบาลไทย
ไปเยอื นประเทศต่างๆ
ตัวอย่างเพลงท่ีแต่งขนึ้ ในโอกาสพเิ ศษตา่ ง ๆ
๑. เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ครั้งที่รัฐบาลอนุมัติให้กรมศิลปากรนำคณะนาฏศิลป์ไทยไปเผยแพร่และ
แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ณ ราชอาณาจักรลาว ครูมนตรี ตราโมท ได้แต่งบทร้องและทำนอง
เพลงรำวง "โขงสองฝั่ง" เพื่อนำไปแสดง ปรากฎว่าเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนลาวเป็นอย่าง
มาก
๒. ระบำพมา่ - ไทยอธษิ ฐาน ทใ่ี ช้ในโอกาสเมื่อคร้ังเยอื นประเทศพมา่
๓. ระบำลาว - ไทยปณธิ าน ใชใ้ นโอกาสเยอื นประเทศลาว
๔. ระบำจนี - ไทยไมตรี ใช้เม่ือคร้งั เยือนประเทศจีน
๕. ระบำมติ รไมตรญี ี่ปนุ่ - ไทย
- เพลงเบด็ เตล็ด
๑. เพลงโหมโรงเออื้ งคำ ๒. เพลงเออ้ื งสาย
๓. เพลงใบค้ ล่ัง ชนั้ เดยี ว (เพลงเรว็ ) ๔. เพลงใบค้ ลง่ั ชั้นเดยี ว (ลูกบท)
๕. เพลงเรว็ ทะวอย ๖. เพลงเชดิ แขก
๗. เพลงชา้ กลาง ๘. เพลงสรา้ งเมือง
๙. เพลงแดนปา่ ๑๐. เพลงเสมอพมา่
๑๑. เพลงเสมอลาว ๑๒. เพลงเสมอแขก
๑๓. เพลงโลมมอญ ๑๔. เพลงโอดจนี
๑๕. เพลงโอดลาว ๑๖. เพลงกราวกลาง
๑๗. เพลงกล่อมพญาชัน้ เดียว ๑๘. เพลงม้าหอ้
๑๙. เพลงลาวรำดาบ ๒๐. เพลงโอ้ลาวครวญ
๒๑. เพลงโฮมพเุ ตย ๒๒. เพลงสงั คีตสายใจไทย
๒๓. เพลงช่นื ชมุ นมุ กลุ่มคนตรี ๒๔. เพลงโหมโรงขับไม้บัณเฑาะว์
๒๕. เพลงโหมโรงรัตนโกสนิ ทรส์ ามขั้น ๒๖. เพลงโหมโรงมหาราช ใช้บรรเลงในงานฉลอง
วาระพระชนมพรรษา ๕ รอบ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐
๒๓. เพลงโหมโรงเทิด ส.ธ. ครูมนตรี ตราโมท แต่งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จรัตนราชสุดาสยาม
บรมราชกุมารีฯ
ฯลฯ
- เพลงในแบบเรียน
ในสมัยที่นายถนอม นาควัชระ เป็นหัวหน้ากองสอบไถ่ กระทรวงศึกษาการ และเป็นประธาน
กรรมการพิจารณาหลักสูตรวิชาขับร้องเพลงไทย ครูมนตรีได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการชุดนี้ด้วย และเป็นผู้แต่ง
หรือเลอื กบทร้องเข้าบรรจุกบั ทำนองเพลงใหเ้ หมาะกบั บทเรยี นของเดก็ เช่น
๑. เพลงหนีเสอื เปน็ การสอนเร่อื งรกั ษาสุขภาพอนามัย
๒. เพลงลาวสมเดจ็ เปน็ การกล่าวถงึ การยกย่องเทดิ ทูนพระมหากษตั ริย์
๓. เพลงเต่ากนิ ผกั บุ้ง เปน็ การกลา่ วถงึ ความพยายามในการศกึ ษา
- เพลงไทยสากล
๑. เพลงวันรัฐธรรมนูญ เพลงนี้เป็นเพลงที่ครูมนตรี ตราโมท ได้รับรางวัลที่ ๑ จากสโมสรคณะ
ราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๗๘ เน่อื งใน โอกาสประกวดแต่งเพลงในงานฉลองรฐั ธรรมนูญ
๒. เพลงวันชาติ ครูมนตรี ตราโมท ได้รับรางวัลที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ ครั้งที่รัฐบาล ได้จัดให้มี
การประกวดบทรอ้ งและทำนองเพลง เพ่ือให้เปน็ เพลงประจำวันชาติ ๒๔ มิถุนายน เนือ่ งในโอกาสเปลย่ี นแปลงการ
ปกครอง
๓. เพลงมหานิมติ ๔. เพลงยามรุง่
๕. เพลงตนื่ เถดิ ๖. เพลงวันปีใหม่
๗. เพลงร่วมวงไพบูลย์ ๘. เพลงดอกไม้
๙. เพลงในน้ำมีปลาในนามีข้าว ๑๐. เพลงกราวอาสา
ฯลฯ
ผลงานดา้ นละครวทิ ยุ
จากการที่ครูมนตรี ตราโมท ได้มีโอกาสแต่งเพลงและบรรเลงดนตรี เพื่อออกอากาศทางสถานี
วิทยุกระจายเสียง ทำให้ท่านมีความรู้ความชำนาญทางด้านการกระจายเสียงสถานีวิทยุมากขึ้น ครูมนตรี ตราโมท
จึงจัดตั้งคณะตรีศิลป์ เพื่อจัดแสดงละครวิทยุ บทละครที่แสดงให้สาระบันเทิงแก่เด็ก เป็นนิทาน นิยาย นิยายอิง
ประวัติศาสตร์ นิทานประกอบสังคีต ซึ่งมีบทเจรจา และขับร้องประกอบดนตรี ออกอากาศที่สถานีวิทยุกรม
โฆษณาการ (กรมประชาสมั พนั ธ์) และสถานวี ทิ ยุ ๑ ป.ณ. ของกรมไปรษณียโ์ ทรเลข ได้แก่
๑. กน้ั หยน่ั คู่ ๒. วนาวนั (มีช่อื เสียงมากในยุคนน้ั )
๓. ผกามาศ ๔. จุลวนั
๕. นางพระยาชาวเกาะ ๖. คลโี อพัตรา
๗. สุวรรณสาม ๘. สาวเรอื นคำ
และเร่อื งเบ็ดเตลด็ อกี จำนวนมากกว่า ๓๐ เรอื่ ง
ผลงานดา้ นวิชาการ
๑. แต่งหนังสือดุริยางคศาสตร์ไทย ภาควิชาการ ใช้สอนในโรงเรียนศิลปากร แผนกนาฏดุริยางค์
ปี พ.ศ. ๒๔๘๑
๒. ศัพทส์ งั คตี เปน็ หนังสอื ที่เกีย่ วกบั ศัพทด์ นตรี ไทย พิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗
๓. การละเล่นของไทย กรมศิลปากรจัดพมิ พเ์ มือ่ พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดร้ บั ความนยิ มมาก
๔. การสบื สายดนตรไี ทย
๕. การเลน่ สักวา
๖. เรื่องเพลงชาติ
๗. เรือ่ งเพลงวนั ชาติ
๘. ดรุ ยิ สาสน์
๙. เครือ่ งสายไทย
๑๐. ปพ่ี าทย์ไทย
๑๑. ปพี่ าทยม์ อญ
๑๒. ป่พี าทย์ชวา
๑๓. ไหว้ครู
๑๔. ดรุ ยิ เทพ
๑๕. คุรเุ ทพ
๑๖. ขับไม้
๑๗. โหมโรงดนตรไี ทย
๑๘. การบรรเลงปพี่ าทยใ์ นพระราชพิธี
๑๙. คำอธิบายเพลงในหนังสือโนต้ เพลงไทย ซงึ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภูมิพลอดลุ ยเดชฯ
โปรดเกลา้ ฯ ใหก้ รมศิลปากรจัดพิมพจ์ ำหนา่ ย
๒๐. เรือ่ งดนตรีไทย ในหนงั สือชดุ THAILAND
๒๑. คำอธิบายศพั ท์ตา่ งๆ ในหนงั สือสารานกุ รมไทย ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน
๒๒. เร่อื งสมเดจ็ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ในด้านดรุ ิยางคศลิ ป์
๒๓. วิวฒั นาการวงปพ่ี าทยส์ มัยรตั นโกสินทร์
๒๔. ดนตรีไทยสมัยสโุ ขทยั อยุธยา และรัตนโกสินทร์
๒๕. แตง่ เพลงพรอ้ มบทร้องหลักสูตรวิชาขบั ร้องเพลงไทยสำหรบั นักเรยี น เช่น เพลงหนเี สือ
เพลงลาวสมเดจ็ เพลงเตา่ กนิ ผักบุ้ง
๒๖. ดนตรีกับชีวิต
๒๗. วงดนตรีประกอบการแสดงโขน
๒๘. ประวตั ิบคุ คลในวงการดนตรไี ทย
๒๙. เรื่องดนตรีไทย ในหนังสือสารานุกรมสำหรับเยาวชนไทย เล่ม ๒ ตามพระราชประสงค์ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ในโอกาสฉลอง ๒๐๐ ปี กรุงรตั นโกสนิ ทร์
๓๐. ดนตรีไทยภาคกลาง ในหนงั สือชดุ ศลิ ปกรรมไทย
ฯลฯ
ในการเขียนบทความต่างๆ บางครั้งท่านก็ใช้นามจริง นามย่อ หรือบางครั้งท่านก็ใช้นามปากกา
ส่วนนามย่อที่นิยมนั้นคือ บ.ตราโมท ย่อมาจากบุญธรรม ตราโมท (ใช้เมื่อครั้งที่ท่านยังไม่เปลี่ยนชื่อ) ม.ตราโมท
และนามปากกาของท่านคือ อัจฉรพรรณ ส่วนสาเหตุที่มาของนามปากกาน้ี ท่านได้อธิบายไว้ในคำนำหนังสือเรื่อง
หลายรส ซ่ึงจัดพิมพ์ในงานวนั เกดิ ครบรอบ ๗๒ ปี ของทา่ น เม่ือวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๕ ความวา่
"ขา้ พเจา้ เปน็ ขา้ ราชการกรมมหรสพมาตั้งแตอ่ ายุ ๑๗ ปี กนิ อย่หู ลบั นอนและปฏิบัตริ าชการอยู่ใน
วังจันทร์ วังจันทร์ก็คืออาณาเขตที่เป็นคุรุสภากับกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบันนี้ แต่บรรดาผู้ที่อยู่วังจันทร์สมัย
นั้น เรียกแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนที่เป็นคุรุสภาเป็นที่ตั้งกรมบัญชาการ กรมช่างมหาดเล็ก กรมพิณพาทย์หลวง
คลงั เคร่อื งโขน กองรักษาสถานท่ี โรงครัว โรงอาหารและรอบๆ มหี ้องสำหรบั นักเรียนพรานหลวง ร.อ. พกั เรียกว่า
วังจันทร์ ส่วนที่เป็นกระทรวงศึกษาธิการ เป็นที่ตั้งที่ทหารกองกลางเสือป่าพรานหลวง โรงพยาบาลและบ้านพัก
นายแพทย์ เรียกว่าสวนจันทร์ ระหว่างกลางของส่วนทั้งสอง มีคลองเม่งเส็ง (ออกคลองผดุงกรุงเกษม) ผ่าน
และมีถนนขนานกับคลองท้ังสองฝ่ัง บนฝั่งคลองด้านสวนจันทร์ ชื่อถนนทับทิมใต้ บนฝั่งคลองดา้ นวังจันทร์ชื่อถนน
ส้มมือใต้ ตรงปากคลองเม่งเส็งที่ออกคลองผดุงกรุงเกษมนั้น มีสะพานข้ามเชื่อมถนนลูกหลวงให้ต่อกันชื่อสะพาน
อัจฉรพรรณ ที่สะพานนี้เป็นสถานที่ปล่อยอารมณ์อย่างดีของข้าพเจ้า เวลาเย็นถ้าไม่มีกิจธุระใดๆ ก็มักจะมายืนพิง
ราวสะพานดูเรือไปมาค้าขาย แจว พาย ถ่อ อยู่ไม่ขาด ถ้าเป็นเวลาที่แดดยังร้อน ก็มักจะลงไปนั่งที่เชิงสะพานตรง
โคนต้นยางพารา ซึ่งมีรากโค้งคดขึ้น เป็นที่นั่งอย่างสบาย ต้นยางพารานี้ปลูกเรียงทั้งสองฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม
แต่ข้าพเจ้าก็พอใจนั่งแต่ต้นที่อยู่เชิงสะพานอัจฉรพรรณนี้เท่านั้น เพราะเป็นปากคลองเม่งเส็ง เป็นสามแยกของ
คลอง เนือ่ งจากเหตทุ ส่ี ะพานอัจฉรพรรณเปน็ สถานทเ่ี คยให้สขุ ารมณ์แก่ขา้ พเขา้ มานาน เวลาประพันธเ์ รอ่ื งใดๆ
ถ้าไม่ใช้นามจริง จึงได้ใช้นามปากกาว่า "อัจฉรพรรณ" อันเป็นอนุสรณ์สถาน ทำให้นึกถึงความร่มเย็นเป็นสุข
ซึ่งได้รับจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่ออยู่ในวัยเยาว์นั้นอย่างซาบซึ้ง
ตรึงใจ"
ผลงานด้านกวนี พิ นธ์
๑. ภิญโญวาทนยิ าย (นยิ ายชาดกลอนหญิง เป็นกาพย์ กลอน โคลง และฉนั ท)์
๒. ลลิ ิตอิหรา่ นราชธรรม
๓. โคลงเยอื นสมุทรสงคราม
๔. เลือดสพุ รรณทางสักวา
๕. โคลงกลบทหลงหอ้ ง
๖. โคลงกลบทพรหมพักตร์
๗. โคลงกลบทสกั วา
๘. โคลงกลบทสาลนิ ี อ่านเปน็ ฉนั ท์สาลนิ ี ถอดเรยี งเป็น โคลงสสี่ ภุ าพได้
๙. โคลงกลบทฉบัง อ่านเปน็ กาพยฉ์ บงั ถอดเรยี งเป็นโคลงสส่ี ภุ าพได้
๑๐. บทละครประวัตศิ าสตร์ เรื่องเกียรตศิ ักดิไ์ ทย ร่วมกบั นายธนติ อยูโ่ พธ์ิ และนางสดุ า
บษุ ปฤกษ์ รวมทัง้ จัดทำเพลงประกอบการแสดง (พ.ศ. ๒๔๘๖)
๑๑. แต่งบทละคร เรอื่ งรถเสน ฉากท่ี ๑
๑๒. แต่งบทละคร เรอ่ื งราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ร่วมกบั นายสเุ ทพ แสงสว่าง
๑๓. แต่งบทละคร เรือ่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนพระไวยแตกทพั รว่ มกับนายธนติ อยูโ่ พธิ์
มจ. หญงิ พูนพสิ มัย ดศิ กลุ และหมอ่ มแผ้ว สนิทวงศ์เสนี (พ.ศ. ๒๔๙๒)
๑๔. แตง่ บทละคร ตอนพระอภยั มณีพบนางละเวง รว่ มกับหม่อมแผว้ สนิทวงศ์เสนี (พ.ศ.๒๔๙๕)
๑๕. ร่วมแต่งและปรับปรุงบทละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนพลายเพชรพลายบัวออกศึกกับนาย
ธนติ อยโู่ พธ์ิ และ หมอ่ มแผ้ว สนทิ วงศ์เสนี (พ.ศ. ๒๔๙๖)
๑๖. แต่งบทละคร เรือ่ งมโนราห์ ฉาก ๑ และ ฉาก ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘)
๑๗. แต่งบทละครพันทางประวตั ิศาสตร์ เรื่องศกึ เก้าทัพ
๑๘. บทละครกระจายเสียงในโอกาสวันที่ระลกึ ของกรมศลิ ปากรหลายเรื่อง
๑๙. บทนิทานประวัตศิ าสตร์ สง่ กระจายเสียงของกรมศลิ ปากร
๒๐. บทละครเรือ่ งเศวตปักษี (THE PHOENIX ของสหประชาชาต)ิ
๒๑. บทรำโคมกฬี าแหลมทอง ครง้ั ท่ี ๑
๒๒. บทร้องอวยพรตอ้ นรับ ในงานต้อนรับพระราชอาคันตกุ ะทก่ี รมศลิ ปากรจดั แสดงตลอดมา
๒๓. แต่งบทละครเรื่องพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ให้โรงเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร แสดงออกอากาศ
สถานีโทรทัศนก์ องทพั บก ในรายการนาฏกรรมไทย
๒๔. กาพยข์ ับกลอ่ มไม้พระเศวตสุรคชาธาร
๒๕. บทร้อยแก้วสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งจารึกไว้ที่ฐาน
พระเจดียย์ ุทธหตั ถี อนสุ รณ์สถานดอนเจดีย์ จงั หวดั สุพรรณบุรี
๒๖. บทถวายพระพรพระบรมวงศานวุ งศ์ในโอกาสตา่ งๆ
๒๗. บทร้องเพลงไทย ประพันธ์ไว้จำนวนมาก ทั้งในการแสดงละคร บทร้องประกอบเพลงระบำ
บทร้องเนื่องในงานต่างๆ บทร้องในเพลงที่ประพันธ์ขึ้นทั่วไป บทร้อง ในละครวิทยุและบทร้องเพื่อประกอบ
บทเรียน มีประมาณกว่า ๑๐๐ บท เช่น บทร้องเพลงนกเขาขะแมร์ (เถา) บทร้องเพลงเทพไสยาสน์สามช้ัน
บทรอ้ งเพลงแป๊ะ (เถา) เน้อื ท่ี ๓ บทรอ้ งเพลงพระเจ้าลอยถาด บทร้องเพลงโสมส่องแสง ฯลฯ
๒๘. หลายรส รวมบทประพนั ธ์ของครมู นตรี ตราโมท
ฯลฯ
ตำแหน่งอาจารยพ์ เิ ศษ
- ครูพิเศษ สอนวิชาดุริยางคศิลปไทยและศิลปไทย ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติที่โรงเรียนนาฏศิลป
กรมศลิ ปากร
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาบทละครไทย ประวัติดนตรีไทย ทฤษฎีดนตรีไทย และเพลงไทย คณะครุ
ศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาภาษาไทยเกี่ยวกับบทละคร และวิชาภาษาไทยเกี่ยวกับ วรรณคดีและ
วฒั นธรรม คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
- อาจารย์พเิ ศษ สอนวิชาการประพันธ์เพลงไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาการประพันธ์เพลงไทย และวิชาทฤษฎีการดนตรีไทย คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาการละครไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขต
พระราชวังสนามจนั ทร์ นครปฐม
- อาจารย์พเิ ศษ สอนวิชาอ่านทำนองเสนาะ คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร วิทยาเขตวังท่า
พระ
ฯลฯ
ในด้านการดำเนนิ ชวี ิต
ระหว่างทค่ี รมู นตรี ตราโมท รับราชการอยู่น้ัน ครูมนตรีได้ลาอุปสมบทเป็นพระภิกษุวดั สุวรรณภมู ิ
จังหวดั สพุ รรณบรุ ี เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๗ ในระหวา่ งท่ีบวช ครูมนตรีสามารถสอบนักธรรมตรีได้ที่ ในการสอบธรรม
สนามหลวง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี เมอ่ื ลาสิกขาบทแล้ว ไดก้ ลบั เข้ารบั ราชการตามเดมิ
ด้านสุขภาพ ครูมนตรี ตราโมทได้ไห้เคล็ดลบั ในการรกั ษาสขุ ภาพให้แข็งแรง ให้มีอายุยืนยาว คอื ๗ อ.
๑. อ. อาหาร ทานอาหารปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ
๒. อ. ออกกำลังกาย ปกตคิ รมู นตรอี อกกำลังกายดว้ ยการเดิน เดินไปรอบๆ โรงเรยี นวิทยาลยั
นาฏศลิ ป เยย่ี มนกั เรยี นและผู้ใตบ้ งั คบั บัญชาห้องต่างๆ
๓. อ. อารมณ์ รักษาอารมณอ์ ย่าให้โมโห ใชห้ ลกั ทางพุทธศาสนาเข้าช่วย ครมู นตรี พยายามไม่ให้
มอี ะไรต่างๆ มากวนอารมณ์
๔. อ. อริ ยิ าบถ พยายามยืน เดิน นงั่ นอน ให้เทา่ ๆ กัน
๕. อ. อากาศ
๖. อ. อัประมาท จะทำอะไรใหม้ ีสติ
๗. อ. อุจจาระ ขบั ถ่ายใหส้ มำ่ เสมอ
ในดา้ นครอบครัว
พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่งงานกบั นางล้ินจี่ (บรุ านนท์) มบี ุตรทยี่ งั มีชวี ติ อยู่ ๒ คน คอื ด.ช. ฤทธี และ
ด.ช. ศิลปี
พ.ศ. ๒๔๗๘ นางล้นิ จ่ถี งึ แก่กรรม
พ.ศ. ๒๔๗๙ แตง่ งานกับนางพนู ทรัพย์ (นาฏประเสริฐ) มีบตุ ร ๒ คน คอื ด.ญ. ดนตรี และ
ด.ช. ญานี
ตัง้ บา้ นเรอื นอยทู่ ่ี ๘๑ หมู่ ๑๑ ซอยโสมสอ่ งแสง ถนนตวิ านนท์ ตำบลตลาดขวญั อำเภอเมือง
จังหวัดนนทบรุ ี
ครมู นตรี ตราโมท ถึงแกอ่ นิจกรรม เม่ือวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ด้วยโรคหัวใจลม้ เหลว
ณ โรงพยาบาลนนทเวช สริ ริ วมอายุ ๙๕ ปี ๑ เดอื น ๑๙ วนั
ประวัตแิ ละผลงาน ดร. สิริชยั ชาญ ฟักจำรญู
ประวัติการศกึ ษา
พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๕๐๐ ศึกษาระดับประกาศนยี บัตรนาฏศลิ ปช์ ัน้ ต้น วิทยาลยั นาฏศิลป กรมศิลปากร
พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๓ ศกึ ษาระดับประกาศนยี บัตรนาฏศลิ ป์ชัน้ กลาง วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศลิ ปากร
พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ศกึ ษาระดับประกาศนยี บตั รนาฏศิลป์ขนั้ สงู วทิ ยาลัยนาฏศลิ ป กรมศิลปากร
พ.ศ. ๒๕๑๘ สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตร (Ethnomusicology), East West Center, Hawaii
University ประเทศสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. ๒๕๒๕ สำเร็จการศึกษาในระดับครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏ
จันทรเกษม
พ.ศ. ๒๕๓๕ สำเร็จการศึกษาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย
พ.ศ. ๒๕๔๐ สำเร็จการศึกษาระดับครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษาคณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับผลการประเมินวิทยานิพนธ์ดีเยี่ยม เรื่อง "วิวัฒนาการและอนาคตภาพของ
วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปในการพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทย"
ประธานสอบ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ ฯ สยามบรมราชกุมารี
อาจารย์ท่ีปรกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ตร.กรรณกิ าร์ สจั กลุ
(ปัจจุบนั รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สจั กุล)
อาจารยท์ ป่ี รึกษาร่วม ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สุวัฒนา สวุ รรณเขตนคิ ม
(ปัจจุบนั รองศาสตราจารย์ ดร.สริ ิพนั ธ์ุ สวุ รรณมรรคา)
นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ได้รับการอบรมสั่งสอนฝึกฝนจากครูผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งศิลปะในแขนง
ต่างๆ ดังนี้
- เริ่มตนั จากการเรยี นขิมกบั คณุ พอ่ ทิพวนั ฟกั จำรุญ ในระดบั ช้นั ประถมศึกษา
- เรียนขิมเพิ่มเติมขณะเรียนชั้นประถมศึกษากับ ครูประจิตร อุทัยจันทร์ เรียนประเภท สองช้ัน
สามชน้ั และเพลงเดย่ี ว
- พ.ศ. ๒๔๙๕ เข้าเรยี นในวทิ ยาลยั นาฏศิลป ชัน้ ต้นเริม่ เรียนปพ่ี าทย์ (ฆ้องวงใหญ)่ กบั หลวงบำรุงจิตร
เจรญิ (ธูป สาตนวิลัย) พระประณตี วรศัพท์ (เขยี น วรวาทนิ )
- พ.ศ. ๒๕๐๑ เข้าเรียนเป็นนักเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป ชั้นกลางเรียนเครื่องปี่พาทย์กับครูประสิทธ์ิ
ถาวร โดยเป็นประเภทเพลงทม่ี ีความสำคัญมากยิง่ ข้ึน (เพลงช้นั สงู ข้ึน)
- พ.ศ. ๒๕๐๔ เข้าเรียนเป็นนักเรียนวิทยาลัยนาฎศิลป ชั้นสูงได้มีโอกาสเรียนกับศิษย์ของหลวง
ประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) หลายท่าน ได้แก่ ครูบาง หลวงสุนทร ครูโองการ กลีบชื่น ครูจิรัส อาจณรงค์
นอกจากนั้น ยังได้เรียนทฤษฎีทางดนตรีกับครูมนตรี ตราโมท และครูประเวช กุมุท พร้อมทั้งได้รับการฝึกการ
ตรี ะนาดเอกกบั ครปู ระสทิ ธ์ิ ถาวร ในดา้ นคตี ศลิ ป์ไดเ้ รยี นขบั รอ้ งกบั ครูท้วม ประสทิ ธกิ ุล ครูลิน้ จี่ จารจุ รรณ และครู
จ้ิมลิม้ กุลตณั ฑ์ เป็นต้น
- พ.ศ. ๒๕๐๖ เรียนเพิ่มเติมเรื่องการปรับวงดนตรีไทยกับครูประสิทธิ์ ถาวร เรียนทฤษฎีชั้นสูงและ
การแต่งเพลงกับครูมนตรี ตราโมท เรียนเพลงหน้าพาทย์ เพลงเรื่องและอื่นๆ เพิ่มเติมจากครูสอน วงฆ้อง ครูเทียบ
คงลายทอง ครูพริ้ง กาญจนผลิน ตอ่ มาไดศ้ ึกษาการตฆี อ้ งวงใหญเ่ พลงเดี่ยวต่างๆ กับครสู อน วงฆอ้ ง พร้อมทงั้ ไดร้ บั
การถ่ายทอดเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงถึงเพลงองค์พระพิราพ อนึ่งได้รับการถ่ายทอดทางเพลงเพิ่มเติมจากครู น้ำว้า
ร่มโพธิ์ทอง และทางเพลงบ้านพาทยโกศลจากครูเตือน พาทยกุล นอกจากนี้ยังได้รับการถ่ายทอดวิชาโปงลางเปน็
พิเศษจากครูเปล้อื ง ฉายรศั มี ศลิ ปนิ แห่งชาติสาขาศลิ ปะการแสดงอกี ดว้ ย
ประวตั ิการทำงาน
การทำงานของนายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการ
สอนทั้งในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย การบริหารงานด้านศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่
ระดับวิทยาลัยจนถึงส่วนราชการระดับกรม รวมทั้งการสืบสานด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเป็นผู้อ่านโองการไหว้ครู
ดนตรไี ทยและนาฎศิลป์ไทย มีรายละเอยี ดดังนี้
ดา้ นการสอนตำแหน่งข้าราชการครู
ในการฝึกทำงานครั้งแรกของนายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ได้เริ่มขึ้นในสมัยเมื่อยังเป็นนักเรียนท่ี
โรงเรียนนาฏศิลป (ชั้นกลาง) โดยการเริ่มต้นการฝึกสอนที่โรงเรียนสามเสน แต่สอนวิชาอื่น ๆ เช่น วิชาภาษาไทย
วิชาสังคม เนื่องจากไม่มีการเรียนการสอนวิชาดนตรีในโรงเรียนขณะนั้น จากนั้นขณะเรียนชั้นประกาศนียบัตร
นาฏศลิ ปช์ นั้ สูง ได้เข้าฝกึ สอนในโรงเรียนเตรยี มอดุ มศกึ ษา โดยสอนในวิชาภาษาไทย ซ่ึงมีวธิ ีการสอนโดยบูรณาการ
การสอนวิชาภาษาไทย วิชาประวัติวรรณคดี และวิชาวรรณคดี กับวิชาขับร้องและดนตรีเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้เรียน
เรียนอย่างมีความสขุ จากการร้องเพลง พร้อมทั้งทำความเขา้ ใจในเนื้อหา อารมณ์ ความรู้สกึ ของตัวละคร ซึ่งแฝงไว้
ด้วยขอ้ คิดและสาระจากวรรณคดีต่างๆ ได้ดยี ิ่งข้นึ ถือไดว้ า่ เปน็ การสอนแนวใหม่ในขณะนั้น
พ.ศ. ๒๕๐๖ - ๒๕๑๗ (ข้าราชการชั้นตรี - โท) เข้าบรรจุเป็นข้าราชการครู ในตำแหน่งครูตรี
แผนกโรงเรียนนาฏศลิ ป กองศิลปศึกษา กรมศลิ ปากร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตง้ั แตว่ ันท่ี ๓ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๖
พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๒๗ (ข้าราชการชั้นโท ระดับ ๖) บรรจุเป็นอาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป
กองศิลปศกึ ษา กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธกิ าร เป็นหัวหน้าหมวดวิชาปี่พาทย์และหัวหนา้ ภาควิชาดรุ ิยางค์ไทย
วทิ ยาลัยนาฏศิลป ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๓๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๘
ถวายงานการสอนดนตรไี ทย
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ เริ่มเป็นครูดนตรีประจำตำหนักปลายเนินหรือวังคลองเตย กรุงเทพมหานคร
เป็นพระตำหนักของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ จากการแนะนำของครูมนตรี
ตราโมท โดยเริ่มสอนเครื่องดนตรีประเภทปี่พาทย์ให้แก่เจ้านายในตำหนักปลายเนินคือ หม่อมเจ้าหญิงกรณิ กา
จิตรพงศ์ ทรงเรียนระนาดทุ้ม หม่อมราชวงศ์จักรรถ จิตรพงศ์ เรียนระนาดเอก และหม่อมราชวงศ์หญิงเอมจิตต์
จิตรพงศ์ เรียนฆ้องวงใหญ่ และในปัจจุบันตำหนักปลายเนินแห่งน้ี ได้เปิดจัดการเรียนการสอนให้แก่เยาวชนที่มี
ความสนใจได้เข้ามาเรียนและฝกึ ฝนดนตรีไทย คีตศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ไทย นอกจากนี้นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ
ได้มีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับตั้งแต่วันที่ ๒๑
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยถวายการสอนระนาดเอกและการประพันธ์บทเพลงเพื่อ
ประกอบการแสดงต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการส่งเสริมศิลปวัฒนรรมไทย รวมทั้งยังเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับ
การจดั การเรยี นการสอนดนตรีและนาฏศิลปไ์ ทยของตำหนักปลายเนินที่เปิดสอนใหก้ ับประชาชนทว่ั ไปอีกดว้ ย
สอนและเป็นวิทยากรเรือ่ งดนตรีไทยใหก้ บั หนว่ ยงานต่าง ๆ
ตั้งแต่ พศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นมา นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ดำรงตำแหน่งศิลปินแห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย มีบทบาทสำคัญในการสอนเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ รวมถึงเป็นผู้สร้างสรรค์บทเพลง
และปรับวงดนตรึไทยของคณาจารย์และนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสมาชิกของวงสายใยจามจุรี
วงปีพ่ าทยด์ กี ดำบรพ์ อีกท้งั วงจุฬาวาทิต จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้รับเชิญเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิตและสาขาวิชาดุริยางคศิลป์
ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ทำหน้าที่สอนนักศึกษาปริญญาโทรายวิชาดนตรีกับการแสดง
รวมท้ังได้รับเชิญเป็นประธานควบคมุ วิทยานพิ นธ์ท้งั ระดับปรญิ ญาโทและปริญญาเอกในหลายมหาวทิ ยาลัย
ได้รับเชิญเป็นวิทยากรอบรมข้าราชการกระทรวงต่างประเทศในหลักสูตรนักบริหารการทูตที่จะ
ดำรงตำแหน่งบริหารในฐานะเอกอัครราชทูต อัครราชทูต กงสุลใหญ่และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานอื่นๆ
ในหัวข้อ "สุนทรียศาสตร์แห่งดนตรี" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้นักบริหารการทูตได้เรียนรู้ศิลปะใน ด้านดนตรีและ
นาฏศิลป์ไทย และเป็นแนวทางการใช้ดนตรีเพ่อื ดำเนินงานทางการทตู
ด้านการบริหารและพฒั นาการศึกษาด้านศิลปวฒั นธรรม
ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวทิ ยลยั นาฏศิลป
พ.ศ. ๒๕๑๔ - ๒๕๑๘ เป็นครูสอนตนตรไี ทยที่วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปเชยี งใหม่ ในยุคแรกของการ
ก่อตัง้ วิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๓๒ (ข้าราชการระดับ ๗) ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี กอง
ศลิ ปศึกษา ตัง้ แตว่ ันท่ี ๑๒ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๒๘
พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๕ (ข้าราชการระดับ ๘) ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ ตั้งแต่
วันท่ี ๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๒
พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๖ (ข้าราชการระดับ ๘) รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏ
ศิลป (กรุงเทพฯ) ต้งั แต่วันท่ี ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
ดำรงตำแหนง่ บริหารในกรมศลิ ปากร
พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๓๘ (ขา้ ราชการระดับ ๘) ผอู้ ำนวยการกองศิลปศกึ ษา กรมศิลปากร ต้ังแต่
วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๔๐ (ข้าราชการระดับ ๘) เจ้าหน้าที่บริหารงานศิลปิน ๘ ส่วนการแสดง
สถาบันนาฎดรุ ยิ างคศลิ ป์ ต้ังแตว่ นั ท่ี ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙
พ.ศ. ๒๕๔๐ (ข้าราชการระดับ ๘) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนาฏดุริยางคศิลป์
กรมศิลปากร ต้ังแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๒ (ข้าราชการระดับ ๙) ผู้อำนวยการสถาบันนาฏดุริยางคศิลป์ กรม
ศลิ ปากร ต้งั แตว่ นั ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พ.ศ. ๒๕๔๓ (ข้าราชการระดับ ๙) ผู้อำนวยการสถาบันนาฏดรุ ิยางคศิลป์ รักษาราชการแทน
รองอธิบดีกรมศลิ ปากร ต้งั แตว่ ันท่ี ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
พ.ศ. ๒๕๔๓ - ๒๕๔๕ (ข้าราชการระดับ ๙) รองอธิบดีกรมศิลปากร ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๔๓
พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๖ (ข้าราชการระดับ ๑๐) อธิบดีกรมศิลปากร (นักบริหาร ๑๐) ตั้งแต่
วนั ท่ี ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ จนกระทั่งเกษียณอายรุ าชการ พ.ศ. ๒๕๔๖
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
มีวิสัยทัศน์ในการทำงานที่สำคัญ คือ การผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพทั้งในเชิงวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง เพื่อให้เป็น
ศลิ ปินทดี่ ี อีกท้งั เปน็ ครุศลิ ปศกึ ษาทไี่ ด้รบั การยอมรบั ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ
บทบาทและหน้าท่ใี นการพฒั นางานดา้ นศิลปวัฒนธรรม
หลังเกษียณอายุราชการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงปัจจุบัน นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ยังคงเป็นบุคคลท่ีมี
บทบาทในการพัฒนางานดา้ นศิลปวัฒนธรรมขององค์กรเครอื ข่ายต่างๆ ที่ธำรงและสืบสานงานด้านศลิ ปวฒั นธรรม
จนได้รับการยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตใิ ห้ดำรงตำแหนง่ สำคญั ตา่ งๆ อาทิ
- ศิลปินแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหน้าที่ให้คำปรึกษาอธิการบดีจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั ในงานเกย่ี วกับการทำนุบำรงุ ศิลปวฒั นธรรม อนั เปน็ หนึง่ ในพันธกจิ ของสถาบนั อุดมศึกษาไทย รวมทั้ง
ให้คำปรกึ ษาชมรมต่างๆ ของมหาวิทยาลยั ที่เกยี่ วขอ้ งกับศลิ ปวัฒนธรรมไทย
- ทปี่ รกึ ษากรมศลิ ปากร
- เลขานุการมูลนิธิสิรนิ ธร
- กรรมการมูลนิธินริศรานุวัดติวงศ์ มีหน้าที่คัดเลือกนักเรียนทุนประจำปี การให้คำปรึกษา
การจัดและกำกับการแสดงต่างๆ การจัดกิจกรรมหารายได้ และการให้คำปรึกษาในการจัดการเรียนการสอนด้าน
ศิลปวัฒนธรรม โดยมีแนวคิดการดำเนินงานที่สำคัญ คือ ยังคงรักษาเนื้อหาด้านศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าท่ี
ได้รับการสืบทอดมาจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่องค์การ
ศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เนื่องในวาระฉลองวันประสูติครบ ๑๐๐ พรรษา นับเป็นคนไทยคนที่ ๒ ที่ได้รับการยกย่อง
ดงั กล่าว
- อนุกรรมการพจิ ารณาเกณฑม์ าตรฐานดนตรีไทยของคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา
- กรรมการที่ปรกึ ษาสมาคมครุศาสตร์สมั พันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย
- กรรมการสภาสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งสร้างทักษะของบุคคลด้วยการฝึกฝน
กาย ใจ สติปญั ญา เพื่อพฒั นาความเป็นมนุษย์ ดว้ ยมงคลธรรม สุนทรยี ธรรมและวฒั นธรรม
- กรรมการวิชาการในการจัดทำนิทรรศรัตนโกสินทร์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษตั ริย์
- กรรมการสภาสถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์
ด้านการสบื สานศลิ ปวฒั นธรรม
นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญได้รับการสืบทอดให้เป็นผู้อ่านโองการไหว้ครูดนตรีไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.
๒๕๒๔ คือ การได้รับการครอบประสิทธ์ิประสาทให้เป็นผู้อา่ นโองการนำไหว้ครดู นตรีไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่ไดร้ ับการ
คัดเลือกมาเป็นอย่างดีจากกลุ่มบุคคลระดับอาวุโสในวิชาชีพ มีความประพฤติเป็นอย่างดี สำหรับผู้อ่านโองการไหว้
ครูดนตรีไทยตั้งแต่อดีตนั้น มีผู้อ่านโองการไหว้ครูหลายท่าน สามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ สาย ได้แก่ สายพระ
ประดิษฐไพเราะ (ครูมีแขก หรือ มี ดุริยางกูร) สายหลวงกัลยาณมิตตาวาส หรือสายบ้านพาทยโกศล และสาย
เสนาะดุริยางค์หรือสายบ้านสุนทรวาทิน นายสิริชัยชาญได้รับการสืบทอดมาจากสายของหลวงประดิษฐไพเราะ
ซึ่งเป็นสายที่นับว่าแพร่หลายมากที่สุด จากนั้นได้รับมอบสืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับนายสิริชัยชาญได้รับ
มอบต่อมาจากครูมนตรี ตราโมท ซึ่งนอกจากนายสิริชัยชาญแล้ว ครูมนตรี ตราโมท ยังได้มอบโองการให้กับครู
ดนตรีอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงอีกเป็นจำนวนมาก ได้แก่ นายประสิทธ์ิ ถาวร (ศิลปินแห่งชาติ) นายศิลปี ตราโมท
นายสงั เวียน ทองคำ นายยงยศ วรรณมาศ นายบญุ ชว่ ย โสวัตร นายนฐั พงศ์ โสวัตร และนายธงชยั ถาวร
ในเวลาต่อมา นายสิริชัยชาญยังได้มอบโองการไหว้ครูต่อให้กับครูดนตรีไทยอีก ๕ คน ได้แก่
นายลำยอง โสวตั ร นายปี๊บ คงลายทอง นายไพฑูรย์ เฉยเจริญ นายเอนก อาจมงั กร และนายดุษฎี มีป้อม อกี ท้ังยัง
ไดม้ อบไวท้ มี่ ูลนิธมิ นตรี ตราโมท อกี ๒ คน คือ นายไชยยะ ทางมีศรี และนายศักดิ์ชัย ลดั ดาอ่อน
นอกจากนย้ี ังไดเ้ ดินทางไปประกอบพิธีไหวัดรดู นตรีไทยในต่างประเทศ เชน่ นครชคิ าโก และนคร
ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และในประเทศองั กฤษ เปน็ ต้น
คำแถลงประธานมูลนธิ ิมนตรี ตราโมทในพระราชปู ถมั ภ์ฯ
ครูมนตรี ตราโมท (พ.ศ.๒๔๔๓ - พ.ศ.๒๕๓๘) ได้รับเครื่องราชอิศริยาภรณ์และรางวัลเกียรติยศ
พระราชทาน ไดแ้ ก่ ทุตยิ จลุ จอมเกลา้ วเิ ศษ (ท.จ.ว.) มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.) และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
เกียรติคณุ ท่ีได้รับ ได้แก่ ศิลปินแห่งชาตริ ุ่นแรก (พ.ศ. ๒๕๒๘) ศิลปินอาเซียน (พ.ศ.๒๕๓๐) นักวิจัยดเี ด่นแห่งชาติ
(พ.ศ.๒๕๒๙) รางวัลพระเกี้ยวทองคำ (พ.ศ.๒๕๓๖) รางวัลเสาอากาศทองคำเพลงยอดนิยมยอดเยี่ยม สสส.
ประจำปี ๒๕๒๑ และได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก ๓ มหาวิทยาลัยคือมหาวิทยาลัย
ศิลปากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เกียรติยศทั้งหลายข้างต้นที่
ท่านได้รับสืบเนื่องจากท่านนำความรู้อันหลากหลายที่ท่านศึกษามาบูรณาการ ก่อให้เกิดสาขาดุริยางคศาสตร์และ
นวตั กรรมอืน่ ๆซึ่งชว่ ยในการดำรงรักษามรดกทางวฒั นธรรมของแผน่ ดนิ ไทยไวอ้ ย่างย่งั ยนื
ครูมนตรี ตราโมทในฐานะนักประพันธ์ทำนองเพลงไทย เนื้อร้องและบรรจุเพลง จำนวนไม่ต่ำกว่า ๒๐๐
เพลง ท่านประพันธ์เพลงแรกในวัย ๒๐ ปี เมื่อรับราชการเป็นนักดนตรีวงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว คือเพลงต้อยตริง่ สามช้นั และเพลงสดุ ทา้ ยในวัย ๙๑ ปใี นเพลงเทพสมภพ เถา และเพลงโหมโรง เทิด สธ.
ผลงานเพลงของครูมนตรี ตราโมทที่ท่านประพันธ์แยกออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เพลงประกอบการ
เรียนการสอนในหลักสูตร เพลงประกอบการแสดงและเพลงบรรเลงเพื่อการฟัง เพลงทั้งหลายจึงได้รับการยอมรับ
และนำไปบรรเลงกันอย่างกว้างขวางนับเป็นเวลากว่า ๘๐ ปี แต่เมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลานาน
การบรรเลงเพลงและการขับร้องจึงมีความผิดเพี้ยนไปมาก ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๕ นายญาณี ตราโมท ทายาทครู
มนตรี ตราโมท เสนอทีป่ ระชุมมลู นิธิมนตรี ตราโมทในพระราชปู ถัมภฯ์ ให้มกี ารจดั ทำโน้ตเพลงและบันทึกทางฆ้อง
ผลงานเพลงของครูมนตรี ตราโมท ในนามของมลู นธิ มิ นตรี ตราโมทฯ เพ่อื แกไ้ ขปญั หาดังกล่าว หลังจากนั้นมีความ
พยายามดำเนนิ การบนั ทึกทางฆอ้ งมาโดยตลอดแตไ่ ม่สามารถดำเนินการได้สำเรจ็
จนกระทั่งเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ศิลปินแห่งชาติ ศิษย์ของครูมนตรี ตราโมท
และที่ปรึกษามูลนิธิมนตรี ตราโมท ในพระราชูปถัมภ์ฯ เสนอกิจกรรมการอนุรักษ์ทำนองเพลงผลงานครูมนตรี
ตราโมท โดยมีการดำเนินกิจกรรมเป็นลำดับขั้นตอน คือ การตรวจสอบทำนองทางฆ้องวงใหญ่จาก ดร.สิริชัยชาญ
ฟักจำรูญ การจัดทำโน้ตเพลงทางฆ้องวงใหญ่ และการบันทึกภาพเคลื่อนไหวทางฆ้องด้วยเครื่องดนตรีที่เป็นหลัก
ของวงดนตรีไทย คือ ฆ้องวงใหญ่ ไว้เป็นหลักฐานเพื่อการเผยแพร่ต่อไป โดยมีนายพงษ์พิพัฒน์ พรวัฒนาศิลป์
กรรมการมูลนิธิมนตรี ตราโมทในพระราชูปถัมภ์ฯ ร่วมเป็นผู้ดูแลการบันทึกโน้ตและควบคุมการบรรเลงในการ
บันทึกภาพเคลื่อนไหวทางฆ้องวงใหญ่ บรรเลงโดยวงดนตรีไทยบ้านครูมนตรี ตราโมท และนายทีปกร เทียนเจริญ
เปน็ ผู้บนั ทกึ ภาพเคลอื่ นไหวและเสียงดงั กล่าว
ผลงานการบันทึกทางฆ้องนี้ได้รับการเรียกร้องจากอาจารย์ผู้สอนดนตรีไทย นักดนตรีไทย และนักเรียน
นักศึกษาโดยทั่วไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อบันทึกภาพเคลื่อนไหวชุดแรกได้จำนวน ๔๑ เพลง ทางคณะทำงานจึง
ได้รวบรวม จัดทำกิจกรรมการอนุรักษแ์ ละเผยแพร่ การบันทกึ ภาพเคล่ือนไหวทางฆ้อง โนต้ เพลงและประวัติผลงาน
เพลงของครูมนตรี ตราโมทเพื่อนำออกเผยแพร่ทางสื่อโซเชียล โดยทางเทศบาลนครนนทบุรีร่วมสนับสนุน
งบประมาณสว่ นหนึ่ง
มูลนิธิฯ จึงใคร่ขอขอบพระคุณ คุณสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ดร.สิริชัยชาญ
ฟกั จำรูญ ศลิ ปินแห่งชาติ และคณะทำงานทุกทา่ นมา ณ โอกาสนี้
(หม่อมราชวงศจ์ ักรรถ จติ รพงศ์)
ประธานมูลนธิ มิ นตรี ตราโมทในพระราชูปถมั ภ์ฯ
สารบญั
ประวัตแิ ละผลงานครูมนตรี ตราโมท
ประวัตแิ ละผลงาน ดร.สริ ชิ ยั ชาญ ฟักจำรญู
คำแถลงประธานมลู นธิ มิ นตรี ตราโมทในพระราชูปถัมภ์ฯ
หมวดเพลงโหมโรง
โหมโรงเกษมศรี...................................................................................................................................... ๔๑
โหมโรงขบั ไม้บณั เฑาะว์.......................................................................................................................... ๔๘
โหมโรงตอ้ ยตร่ิง...................................................................................................................................... ๕๓
โหมโรงเทิด สธ....................................................................................................................................... ๕๘
โหมโรงมหาราช...................................................................................................................................... ๖๗
โหมโรงมหาฤกษ์..................................................................................................................................... ๗๕
โหมโรงรตั นโกสินทร.์ .............................................................................................................................. ๘๑
โหมโรงราโค............................................................................................................................................ ๘๗
โหมโรงเอ้อื งคำ....................................................................................................................................... ๙๕
หมวดเพลงสามชนั้
เขมรปแ่ี กว้ สามช้นั ทางสกั วา.............................................................................................................. ๑๐๐
จระเข้หางยาว สามชนั้ ทางสกั วา........................................................................................................ ๑๐๘
หมวดเพลงเถา
กลอ่ มนารี เถา..................................................................................................................................... ๑๑๓
ขอมเงิน เถา........................................................................................................................................ ๑๑๙
ขอมทรงเครื่อง เถา............................................................................................................................. ๑๒๗
แขกกุลิด เถา...................................................................................................................................... ๑๓๔
แขกตอ่ ยหมอ้ เถา............................................................................................................................... ๑๔๐
แขกอะหวัง เถา.................................................................................................................................. ๑๔๕
จนี ขิมเล็ก เถา..................................................................................................................................... ๑๕๑
เทพสมภพ เถา.................................................................................................................................... ๑๕๗
ปลาทอง เถา....................................................................................................................................... ๑๖๔
โสมส่องแสง เถา................................................................................................................................. ๑๗๐
อกทะเล เถา........................................................................................................................................ ๑๘๑
หมวดเพลงระบำ
ระบำกญุ ชรเกษม................................................................................................................................. ๑๙๑
ระบำกรบั ............................................................................................................................................. ๑๙๖
ระบำไกรลาศสำเรงิ .............................................................................................................................. ๒๐๑
รำกินนรรำ ออกแขกบชู ายัญ............................................................................................................... ๒๐๖
ระบำฉ่ิง............................................................................................................................................... ๒๑๒
ระบำดอกบวั ........................................................................................................................................ ๒๑๗
ระบำดอกบัวไทย................................................................................................................................. ๒๒๑
ระบำเทพบันเทงิ .................................................................................................................................. ๒๒๗
ระบำบนั เทิงกาสร................................................................................................................................ ๒๓๓
ระบำมฤคระเรงิ ................................................................................................................................... ๒๓๗
ระบำลพบรุ ี.......................................................................................................................................... ๒๔๒
ระบำศรีวิชัย......................................................................................................................................... ๒๔๖
หมวดเพลงประวตั ศิ าสตร์
ขอมสวุ รรณ.......................................................................................................................................... ๒๕๑
ไทยครอง............................................................................................................................................. ๒๕๔
ไทยมุง.................................................................................................................................................. ๒๕๗
พยายาม............................................................................................................................................... ๒๖๐
สิบสองจไุ ท........................................................................................................................................... ๒๖๓
หมวดเพลงรำวง
รำวงโขงสองฝ่ัง.................................................................................................................................... ๒๖๗
หมวดเพลงเบด็ เตล็ด
ช่นื ชุมนมุ กลุ่มดนตร.ี ........................................................................................................................... ๒๗๓
ภาพบรรยากาศการจัดทำโครงการ
คณะทำงาน
หมวดเพลงโหมโรง
๔๐
เพลงโหมโรงเกษมศรี
เพลงโหมโรงเกษมศรี สามชั้น เป็นผลงานการประพันธ์เพลงประเภทโหมโรงลำดับที่ ๙ ของครูมนตรี
ตราโมท ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ในขณะที่ท่านมีอายุ ๘๒ ปี โดยประวัติเพลงโหมโรงเกษมศรี สามชั้น
มคี ำอธบิ ายในหนังสือบนั ทกึ เพลงไทยผลงานครูมนตรี ตราโมท ชดุ โหมโรงดนตรไี ทย ดังนี้
เม่ือคราววนั คลา้ ยวันเกดิ ของครมู นตรี ตราโมท ที่ ๑๗ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๕๒๕ คณุ สมบัตแิ ละหมอ่ มราชวงศ์
ทอร์ศรี คงจำเนียร ท่านเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ ได้กราบขอให้ครูมนตรี ตราโมท ประพันธ์
เพลงโหมโรงเกษมศรี ซึ่งเป็นราชสกุลของหม่อมเจ้าพูนศรีเกษม เกษมศรี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ เพื่อใช้
บรรเลงหน้าพระท่ีนง่ั เป็นปฐมฤกษ์ในงานครบรอบ ๖๐ ปี ของการก่อตั้งโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์
ครูมนตรี ตราโมท แต่งเพลงโหมโรงเกษมศรี โดยการนำเพลงเต่าเห่อัตรา สองชั้น เพลงเก่ามาขยายเป็น
สามชั้น และให้ชื่อว่าโหมโรงเกษมศรี ดังคำกราบบังคมทูลรายงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
กมุ ารี ในการแสดงปฐมฤกษว์ ่า
"ขอพระราชทาน กราบบังคมทูล ทราบฝ้าละอองพระบาท ขอพระราชานุญาต บรรเลงเพลงถวาย
เพลงโหมโรงมโหรี มีชื่อบรรยายวา่ เพลงเต่าเห่ แพร่ขยายแต่โบราณแต่คร้ังนี้ อาจารย์มนตรี ตราโมท ท่านได้โปรด
กรณุ า มหาศาลแตง่ สองชน้ั เปน็ สามชัน้ จงึ บนั ดาลเกดิ เพลงใหม่ ช่ือขาน เกษมศรี มโี ชคชัย"
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ให้ถือว่าเพลงโหมโรงเกษมศรีนี้เป็นเพลงประจำโรงเรียน
และกำหนดให้นักเรียนทเ่ี รียนดนตรไี ทยต้องตอ่ เพลงดงั กล่าวนี้ทกุ คน"
ท่มี า : มูลนธิ มิ นตรี ตราโมท
๔๑
๔๒
๔๓
๔๔
๔๕
๔๖
QR CODE วดี โี อทางฆอ้ งวงใหญ่เพลงโหมโรงเกษมศรี
๔๗
เพลงโหมโรงขับไมบ้ ณั เฑาะว์
เพลงขับไม้บัณเฑาะว์สองชั้น ของเก่า ใช้บรรเลงติดต่อกันอยู่ในชุดเพลงกระแตไต่ไม้ ซึ่งมี
(๑) เพลงกระแตไตไ่ ม้ (๒) ขับนก และ (๓) ขับไมบ้ ัณเฑาะว์ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานริศรานุ
วัดติวงศ์ ทรงบรรจุในละครดึกดำบรรพ์ เรื่อง อิเหนา ตอนนางมะเดหวี นำให้บุษบากล่าวเสี่ยงเทียน
ครูมนตรี ตราโมท นำเพลงขับไม้บัณเฑาะว์สองชั้น ของเก่านั้น มาแต่งขึ้นเป็นสามชั้น ให้มีทำนอง ช้าๆ ห่างๆ
ให้วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ของกรมศิลปากร เริ่มบรรเลงเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๑ อันเป็นปีแรกที่
กรมศิลปากร เริ่มมีการบรรเลงดนตรีสำหรับประชาชน ณ สังคีตศาลาเดิม หน้าโรงละครศิลปากร ความหมายของ
เพลง เปน็ การโน้มน้าวดวงใจใหส้ งบ มีปณธิ านแน่วแนใ่ นการบชู าสิง่ ศักดิ์สทิ ธิด้วยความเคารพอยา่ งแทจ้ รงิ
ทมี่ า : มูลนิธมิ นตรี ตราโมท
๔๘
๔๙
๕๐