ครน้ั เมื่อผ้ทู จ่ี ดจำทำนองเเละวธิ รี ้องเพลงเขมรปีแ่ กว้ ทางสกั วาของเดิมได้จำมาร้องส่งใหด้ นตรรี ับ นักดนตรี
ก็ต้องใช้ทางดนตรีของครูช้อย สุนทรวาทิน ซึ่งเที่ยวแรกเป็นทางธรรมดานั้นมาบรรเลงรับ ครูมนตรี ตราโมท
เห็นว่าน่าจะเเต่งทำนองดนตรีเพลงเขมรปี่แก้วทางสักวาโดยเลียนทำนองให้ใกล้เคียงกับทำนอง สำหรับบรรเลงรับ
การร้องส่งเพลงเขมรปี่แก้วทางสักวาได้ จึงได้แต่งทำนองดนตรีเพลงเขมรปี่แก้วสามชั้น ทางสักวาขึ้น เมื่อ พ.ศ.
๒๔๗๑ ส่วนเที่ยวหลังเห็นว่า ทางของครูช้อย สุนทรวาทิน ก็เป็นทางสักวาอยู่แล้ว แม้จะเป็นชนิดที่สอดเเทรก
ลูกเล่นสนุกสนานก็มีความไพเราะดีอยู่และถูกต้องตามแบบของการบรรเลงเพลงไทย ซึ่งให้มีทำนองสนุกสนาน
กระฉับกระเฉงอยู่ตอนท้าย ส่วนทำนองร้องเป็นทำนองเก่า ซึ่งแทรกสร้อยเป็นคำเลียนภาษาเขมรเที่ยวหนึ่ง
ภาษาไทยเทยี่ วหนง่ึ ตามแบบสกั วา
ท่มี า : ฟังและเข้าใจเพลงไทย
๑๐๑
๑๐๒
๑๐๓
๑๐๔
๑๐๕
๑๐๖
QR CODE วดี โี อทางฆอ้ งวงใหญ่เพลงเขมรป่แี กว้ สามช้นั ทางสกั วา
๑๐๗
เพลงจระเข้ สามช้ัน ทางสกั วา
เมื่อราว พ.ศ. ๒๔๕๘ นายมนตรี ตราโมท อยู่ทีจ่ ังหวดั สมุทรสงคราม เคยได้ยินทา่ นผู้ใหญ่สูงอายุท่านหนง่ึ
ร้องเพลงจระเข้หางยาวทางสักวา ซึ่งในเวลานั้นถ้าหากครูผู้กำกับวงไม่บอกว่าเป็นเพลงจระเข้หางยาวก็คงจน
(คือ รับไม่ถูก) เป็นแน่ แต่ถึงแม้จะรับถูกเป็นเพลงจระเข้หางยาวก็ได้รับไปโดยใช้ทางธรรมดา เป็นแต่หันสำเนียง
ตอนท้ายเข้าหานิดหน่อยเท่านั้น สำเนียงเเละทำนองการร้องเพลงจระเข้หางยาวทางสักวาของท่านผู้นั้นได้ติดหูตดิ
ใจตลอดมา แต่น่าเสียดายที่นายมนตรี ตราโมท จำบทที่ท่านผู้นั้นร้องไม่ได้ ครั้น พ.ศ. ๒๔๗๔ นายมนตรี ตราโมท
จึงคิดแต่งทำนองดนตรีไปตามทางร้องขึ้นประกอบ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ต่อให้คุณเจริญใจ สุนทรวาทิน ร้องเป็นคน
แรก ส่งวิทยุกระจายเสียงวงมโหรขี องหลวง ณ สถานที ีพ่ ญาไท (โรงพยาบาลพระมงกฎุ ณ ปัจจบุ นั )
ทมี่ า : ฟงั และเข้าใจเพลงไทย
๑๐๘
๑๐๙
๑๑๐
QR CODE วดี โี อทางฆอ้ งวงใหญเ่ พลงจระเขห้ างยาว สามช้นั ทางสกั วา
๑๑๑
หมวดเพลงเถา
๑๑๒
เพลงกลอ่ มนารี เถา
เพลงกล่อมนารีชั้นเดียวเป็นเพลงโบราณอยูใ่ นเร่ืองสีนวล สำหรับทำนองสองชั้น นายมนตรี ตราโมทจำมา
จากนางเคลือบ ต้นเสียงหุ่นกระบอกของ ม.ร.ว.เถาะ พยัคฆ์เสนา และได้แต่งขึ้นเป็นสามชั้นให้ครบเถาเมื่อ พ.ศ.
๒๔๗๔ ทำนองเพลงมีความหมายไปในเชงิ ขบั กล่อมให้หญงิ ทร่ี กั สบายอารมณ์และหลบั ใหล
ท่มี า : หนังสือฟงั และเข้าใจเพลงไทย
๑๑๓
๑๑๔
๑๑๕
๑๑๖
๑๑๗
QR CODE วีดีโอทางฆอ้ งวงใหญ่เพลงกล่อมนารี เถา
๑๑๘
เพลงขอมเงนิ เถา
เมื่อต้น พ.ศ. ๒๔๗๐ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้แต่งเพลงเขมรเหลืองสองช้ัน
ขึ้นอย่างเต็มของเก่าขึ้นเป็นอัตราสามชั้น ซึ่งครูมนตรี ตราโมท มีส่วนช่วยเหลืออยู่ด้วยและเมื่อแต่งเสร็จแล้ว ท่าน
ได้ตง้ั ชื่อข้นึ ใหมว่ ่า "เพลงขอมทอง" ตอ่ มาใน พ.ศ. นัน้ เอง ครูมนตรี ตราโมท จึงไดน้ ำเพลงเขมรขาวสองชน้ั มาแตง่
ขนึ้ เปน็ อัตราสามชัน้ และตดั ลงเปน็ ชั้นเดยี ว เพอ่ื บรรเลงรวมกับของเดมิ ให้ครบเป็นเถา พร้อมทง้ั ทำนองร้องและได้
ตั้งชื่อขึ้นใหม่ว่า "เพลงขอมเงิน" เพื่อให้เป็นคู่กัน ส่วนบทร้องผู้แต่งได้เลือกจากบทละครรำเรื่องพระร่วง พระราช
นพิ นธ์ในรัชกาลที่ ๖
ท่ีมา : หนังสือฟงั และเขา้ ใจเพลงไทย
๑๑๙
๑๒๐
๑๒๑
๑๒๒
๑๒๓
๑๒๔
๑๒๕
QR CODE วดี โี อทางฆ้องวงใหญเ่ พลงขอมเงิน เถา
๑๒๖
เพลงขอมทรงเคร่ือง เถา
เมื่อปลาย พ.ศ. ๒๔๗๒ ครูมนตรี ตราโมท ได้แต่งเพลงเขมรเอวบางขึ้นเป็นอัตราสามช้ัน
โดยประดิษฐ์ทำนองให้เป็นสำเนียงเขมรอีกแบบหนึ่ง ได้ทดลองฝึกซ้อมดูเป็นการภายใน เพื่อจะนำออกบรรเลงสู่
ประชาชนต่อไป แต่ระยะนั้นเอง (ตัน พ.ศ. ๒๔๗๓) ก็ได้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงเขมรเอวบาง (เพลงเดียวกัน) ขึ้นเป็นสามชั้นและตัดลงเป็นชั้นเดียวทรงตั้งชื่อว่า "เพลง
เขมรละออองค"์ ครมู นตรี ตราโมท เหน็ วา่ เม่ือเป็นเช่นน้ี กไ็ ม่เป็นการบังควรท่เี พลงเขมรเอวบางที่แตง่ ไวจ้ ะนำออก
บรรเลงต่อไป จึงระงับเพลงนี้เสียขอร้องให้ผู้ที่ต่อเพลงนั้นไว้จงลืมเสียให้สิ้น (ทั้งๆ ที่จวนจะเอาไปบรรเลงในวัน
ประสูติของสมเดจ็ เจ้าฟา้ ฯ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธนิ ที่วังแดงอยูแ่ ลว้ )
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ วงมโหรีหลวง ซึ่งต้องบรรเลงส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นประจำ จะขับร้องและบรรเลง
เพลงของทรงเครื่องเถา ส่งวิทยุกระจายเสียง ครูมนตรี ตราโมท จึงนำเพลงของทรงเครื่องสองชั้น ซึ่งเป็นเพลง
สำหรับร้องส่งในการแสดงละครมาแต่โบราณมาแต่งขึ้นเป็นอัตราสามชั้น โดยนำสำนวนการดำเนินทำนองสำเนียง
เขมร ซง่ึ ได้เคยแตง่ ไว้ในเพลงเขมรเอวบางทล่ี ้มเลิกไปน้ัน มาดัดแปลงแก้ไขใช้ในเพลงขอมทรงเครื่องสามชั้นน้ีเกือบ
ตลอดเพลง พร้อมทั้งตัดลงเป็นชั้นเดียวอีกอัตราหนึ่ง เพื่อบรรเลงรวมกับของเก่าได้ครบเป็นเถา ความห มายของ
เพลงน้เี ปน็ การไวส้ งา่ ผยองในเดชอำนาจของตน
ส่วนลูกหมดที่บรรเลงต่อท้ายเพลงนั้นครูมนตรี ตราโมท เห็นว่าทำนองลูกหมดเพลงหนึ่ง
ซึ่งหลวงประดษิ ฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้แตง่ ไว้ มสี ำเนยี งทำนองรบั กันกับเพลงขอมทรงเครื่องน้ีได้อย่างสนิท
สนม ท่านจึงขอนำมาใช้เป็นลกู หมดประจำเพลงน้ี
ทมี่ า : หนงั สอื ฟงั และเข้าใจเพลงไทย
๑๒๗
๑๒๘
๑๒๙
๑๓๐
๑๓๑
๑๓๒
QR CODE วีดโี อทางฆอ้ งวงใหญเ่ พลงขอมทรงเครื่อง เถา
๑๓๓
เพลงแขกกุลดิ เถา
เพลงแขกกุลิดนี้ ครูมนตรี ตราโมท ไต้แต่งขึ้นจากเพลงแขกหนังสองชั้นของเก่า พร้อมทั้งเนื้อร้องและ
ทำนองร้อง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ ความหมายของเพลงเป็นไปในทางชมธรรมชาติป่าเขาลำเนาไม้อันร่มรื่นและตั้งช่ือ
ใหมต่ ามภาษามลายูว่า แขกกลุ ิด (กุลิด แปลว่า หนงั )
เพลงแขกหนังนี้ ความจริงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรง
พระนิพนธ์ขึ้นเป็นเถาอยู่ก่อนแล้ว ประทานชื่อว่าแขกมัสหรี เถา มีประวัติขำๆ ว่า ครั้งหนึ่งนายมนตรี ตราโมท
ไปเล่นดนตรีแถวฝั่งธนโดยมีนักร้องชายช่ือ อิ่ม ของกองดุริยางค์ทหารเรือเป็นผู้ขับร้อง จนกระทั่งงานเลิก ตอนขา
กลับระหว่างที่นั่งเรือจ้างมาด้วยกันนักร้อง ผู้นั้นได้ถามนายมนตรีว่า เพลงแขกมัสหรีเถาได้ไหม ถ้าได้ คราวหน้า
เล่นด้วยกันอีกเขาจะรอ้ งส่งเพลงนี้ให้นายมนตรีรับ นายมนตรีก็ตอบไปว่า ได้ซิ (ความจริง ยังไม่ได้) จากนั้นมานาย
มนตรีก็ลงมือแต่งเพลงนี้โดยเร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าถ้ายังไม่ได้เพลงนี้ เดี๋ยวเกิดไปพบกับนักร้องผู้นี้เข้าอีก ถ้าเขาร้อง
แล้วรับไม่ใดจ้ ะอายเขา จึงรบี แต่งและใหช้ อ่ื เพลงนวี้ ่า แขกกุลดิ
ทมี่ า : หนังสอื ฟงั และเข้าใจเพลงไทย
๑๓๔
๑๓๕
๑๓๖
๑๓๗
๑๓๘
QR CODE วดี ีโอทางฆอ้ งวงใหญเ่ พลงแขกกุลดิ เถา
๑๓๙
เพลงแขกต่อยหมอ้ เถา
เพลงแขกต่อยหม้อน้ี ในอัตราสองชั้นและชั้นเดียวเป็นเพลงไทยสมัยโบราณ ซึ่งอัตราสองชั้น
และอัตราชั้นเดียวบรรเลงเป็นเพลงเร็ว รวมอยู่ในเรื่องเพลงมอญแปลง ทั้งสองอัตราดำเนิน ทำนองเป็นพื้นๆ ซึ่ง
เหมาะสมกับกรณีที่ใช้ ต่อมาภายหลัง จึงมีผู้นำเอาทำนองเพลงแขกต่อยหม้ออัตราสองชั้นเป็นเพลงร้อง
ประกอบการแสดงโขน ละครในบางโอกาส เพลงแขกต่อยหม้อที่นำไปร้องในการแสดงโขน ละครนั้น มักจะใช้ร้อง
ในตอนที่ตัวละครเรม่ิ จะเปลีย่ นอริ ยิ าบถอย่างใดอยา่ งหนึง่ เชน่ จะไป จะมา หรือจะแปลงตัวเป็นตน้
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ ครูมนตรี ตราโมท ได้นำทำนองเพลงแขกต่อยหม้อนี้ มาแต่งทำนองตนตรีและทำนอง
ร้องขึ้นเป็นอัตราสามชั้น โดยประดิษฐ์ทำนองดนตรีให้เป็นสำเนียงแขกเพื่อบรรเลงรวมกับสองชั้นและชั้นเดียว
ของเดิมให้ครบเป็นเถา แต่ครั้นเมื่อได้ทดลองร้องและบรรเลงดูแล้ว จึงเห็นว่าทำนองสองชั้น กับชั้นเดียวของเดิม
ซึ่งเป็นสำเนียงพื้น เข้ากันไม่สนิทสนม จึงได้แก้ไขดัดแปลงแต่งทำนองอัตราสองชั้นและชั้นเดียวขึ้นใหม่ให้เป็น
สำเนยี งแขกเชน่ เดยี วกัน บรรเลงตดิ ตอ่ กลมกลืนได้ทง้ั กไ็ ด้รับความนยิ มนำไปร้องและบรรเลงกันโดยทั่วไป
ส่วนบทร้องนั้น ครูนายมนตรี ตราโมท ได้เลือกเอาคำกลอนในบทเสภาเรื่องอาบูหะซัน ซึ่งบรรดา
กวีหลายท่านได้แต่งขึ้นโดยกระแสรับสั่งในรัชกาลที่ ๕ ดำเนินเรื่องตามเค้าโครงพระราชนิพนธ์ลิลิตเรื่องนิทรา
ชาคริตมาเป็นบทร้อง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของอาหรับ เข้ากันกับสำเนียงของทำนองดนตรี โดยเฉพาะตอนที่ครู
มนตรี ตราโมท เลือกมาเป็นบทร้องเพลงแขกต่อยหม้อนี้เป็นตอนที่พระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น ศรีเพ็ญ) เป็นผู้แตง่
แตก่ ารใช้คำกลอนเสภามารอ้ งนี้ จะรอ้ งไดโ้ ดยสะดวกและสนิทสนมกเ็ ฉพาะในอัตราสามช้นั กบั สองชัน้ เท่านน้ั
ทีม่ า : หนงั สือฟงั และเขา้ ใจเพลงไทย
๑๔๐
๑๔๑
๑๔๒
๑๔๓
QR CODE วีดีโอทางฆอ้ งวงใหญ่เพลงแขกตอ่ ยหมอ้ เถา
๑๔๔
เพลงแขกอะหวงั เถา
เพลงแขกอาหวังชั้นเดียว เป็นเพลงที่แปลงมาจากชวา ตั้งแต่โบราณ มักใช้ร้องอยู่ในการแสดงละครและ
เพลงตับต่างๆ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้แปลงทำนองแขกอะหวังชั้นเดียวนี้ให้เป็นทางแบบชวา
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ ครูมนตรี ตราโมท ได้แต่งทำนองแขกอะหวังสามชั้นขึ้นไป ๒ ทาง ทางหนึ่งสำหรับบรรเลง
ปี่พาทยม์ โหรี อกี ทางหนง่ึ ใหเ้ หมาะแก่การบรรเลงดว้ ยปพี่ าทย์ชวา ความหมายของเพลงนมี้ งุ่ ไปในทางชมป่าที่รม่ รืน่
ด้วยสุขารมณ์
ทม่ี า : หนงั สือฟงั และเขา้ ใจเพลงไทย
๑๔๕
๑๔๖
๑๔๗
๑๔๘
๑๔๙
QR CODE วดี ีโอทางฆอ้ งวงใหญเ่ พลงแขกอะหวงั เถา
๑๕๐