The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ann milaela, 2023-05-29 01:47:18

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ม.2

ครูจันจิรา เขียวคล้าย

แผนการจ ั ดการเร ี ยนร ้ ู รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ต าแหน ่ งคร ูวิทยฐานะช านาญการ โรงเรียนพนมศึกษา อ าเภอพนม จ ั งหว ั ดส ุ ราษฎร ์ ธาน ี สังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาส ุ ราษฎร ์ ธาน ี ช ุ มพร


แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ จ านวน ๖๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จ านวน ๑.๕ หน่วยการเรียน ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๖ การก าหนดการใช้แผนจัดการเรียนรู้ รายการตรวจสอบและกลนั่กรองการใชแ้ผนจดัการเรียนรู้ ความคิดเห็น ความคิดเห็น ................................................................................ ................................................................................ ................................................................................ ................................................................................ ................................................................................ ลงชื่อ................................................. (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ลงชื่อ................................................. (นางสาวณัฐิญา คาโส) หัวหน้าฝ่ ายบริหารงานวิชาการ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................. (นางผกา สามารถ) ผู้อ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา


ค าน า แผนการจดัการเรียนรู้เป็นสิ่งจา เป็นอย่างยิ่งต่อการพฒันาประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพราะเป็น เอกสารหลักสูตร ที่ใช้ในการบริหารงานของครูผู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา ก าหนดไว้ใน แผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และค าอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการ ถือว่า “แผนจัดการเรียนรู้”เป็ นเอกสารทางวิชาการที่ส าคัญที่สุดของครู เพราะในแผนจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย ๑. การก าหนดเวลาเรียน ก าหนดการสอน ก าหนดการสอบ ๒. สาระสา คญัของเน้ือหาวิชาที่เรียน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔. กิจกรรมการเรียนการสอน ๕. สื่อและอุปกรณ์ ๖. การวัดผลประเมินผล การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ ถือว่าเป็ นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็ นผลงานที่แสดงถึงความ ช านาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่นการออกแบบ การสอน การจัดการ และการประเมินผล ในการจดัทา แผนจดัการเรียนรู้น้นัจะทา ให้เกิดความมนั่ใจในการสอนไดต้รงจุดประสงค์ การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนในรายวิชาที่รับผิดชอบสูงข้ึน ท้งัยงัเป็นขอ้มูลในการนิเทศ ติดตามตรวจสอบและปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างมีระบบและครบวงจร ยังผลให้คุณภาพการศึกษา โดยรวมพัฒนาไปอย่างมีทิศทางบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ครูผู้สอน


สารบัญ เรื่อง หน้า ก าหนดการใช้แผน ค าน า วิเคราะห์หลักสูตร ▪ ค าอธิบายรายวิชา ▪ ตารางวิเคราะห์รายวิชา ▪ โครงสร้างรายวิชา วิเคราะห์ผู้เรียน ▪ ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ ▪ แบบวิเคราะห์ผู้เรียนเป็ นรายบุคคล/ความถนัด/ความสนใจ การวัดผลประเมินผล แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ อ่านมากรู้มาก ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หลากหลายความคิด ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕


สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ พิชิตหลักภาษา ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เจรจาพาที ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ มีดีน าเสนอ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕


ค าอธิบายรายวิชา รายวิชาภาษาไทย (รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ เวลา ๖๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จ านวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรียนที่ ๑ ศึกษาทักษะทางภาษา ฟัง ดู พูด อ่าน และเขียนเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมต่าง ๆ การอ่าน การฟังและการดู อย่างมีวิจารณญาณ การตีความ การวิเคราะห์ การวิจารณ์ การประเมินค่า และการวินิจฉัย เรื่องอย่างมีเหตุผล การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรองและการท่องบทอาขยาน การเขียนย่อความ การเขียนจดหมายกิจธุระ การเขียนช้ีแจงแสดงความคิดเห็น การใชถ้อ้ยคา สา นวน ระดบัภาษา ค าภาษาต่างประเทศในภาษาไทย การพูดและเขียนให้ชัดเจนถูกต้องเหมาะสมตรงตามจุดประสงค์ การแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ท้งัการพูดและการเขียน อ่าน ฟังและดู โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ ฝึ กทักษะกระบวนการท างานเป็ นกลุ่มและรายบุคคล ด้วยการ สืบค้นรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และการฝึ กปฏิบัติจนเกิดความช านาญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า การใช้ภาษาในการสื่อสารเห็นคุณค่าของวรรณคดี และวรรณกรรม น าความคิดไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในชีวิตประจ าวัน และสร้างนิสัยใฝ่ เรี ยนรู้ อยอู่ยา่งพอเพียง มุ่งมนั่ในการทา งาน รักความเป็ นไทย มีจิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย มีความคิดสร้างสรรค์ มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด และมีนิสัยรักการอ่าน การเขียน อนุรักษ์และสืบสานภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป รหัสตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๓/๑, ท ๑.๑ ม.๓/๒, ท ๑.๑ ม.๓/๔, ท ๑.๑ ม.๓/๗,ท ๑.๑ ม.๓/๙,ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ ท ๒.๑ ม.๓/๒,ท ๒.๑ ม.๓/๔, ท ๒.๑ ม.๓/๕,ท ๒.๑ ม.๓/๖,ท ๒.๑ ม.๓/๗,ท ๒.๑ ม.๓/๘ ท ๓.๑ ม.๓/๑, ท ๓.๑ ม.๓/๓, ท ๓.๑ ม.๓/๕,ท ๓.๑ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม.๓/๑, ท ๔.๑ ม.๓/๓, ท ๔.๑ ม.๓/๕ ท ๕.๑ ม.๓/๑, ท ๕.๑ ม.๓/๒, ท ๕.๑ ม.๓/๔ รวม ๒๒ ตัวชี้วัด


ตารางวิเคราะห์รายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ จ านวน ๖๐ ชั่วโมง / ภาคเรียน จ านวน ๑.๕ หน่วยกิต ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการ เรียนรู้ท้องถิ่น เวลา ชั่วโมง น ้าหนัก คะแนน ๑ อ่านมาก รู้มาก ๑. อ่านออกเสียงบท ร้อยแก้ว และบท ร้อยกรองได้ถูกต้อง และเหมาะสมกับ เรื่องที่อ่าน การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย - บทร้อยแก้วที่เป็ นบทความ ทวั่ ไปและบทความปกิณกะ - บทร้อยกรอง เช่น กลอนบท ละครกลอนเสภากาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่ สุภาพ ๑๘ ๓๐ ๒. ระบุความ แตกต่างของค าที่มี ความหมายโดยตรง และความหมาย โดยนัย ๓. ระบุใจความ ส าคัญและ รายละเอียดของ ข้อมูลที่สนับสนุน จากเรื่องที่อ่าน ๔. อ่านเรื่องต่างๆ แล้วเขียนกรอบ แนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและ รายงาน ๕. วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่อง การอ่านจับใจความจากสื่อ ต่างๆ เช่น -วรรณคดีในบทเรียน -ข่าวและเหตุการณ์ส าคัญ - บทความ - บันเทิงคดี - สารคดี - สารคดีเชิงประวัติ - ต านาน - งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ - เรื่องราวจากบทเรียนใน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย และกลุ่มสาระการ เรียนรู้อื่น สารคดีเกี่ยวกับ การท่องเที่ยว จังหวัด สุราษฎร์ธานี


ที่อ่านโดยใช้กลวิธี การเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจไดด้ีข้ึน๖. ประเมินความ ถูกต้องของข้อมูลที่ ใช้สนับสนุนในเรื่อง ที่อ่าน ๗. วิจารณ์ความ สมเหตุสมผล การ ล าดับความ และ ความเป็ นไปได้ของ เรื่อง ๘. วิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็น โต้แย้งเกี่ยวกับเรื่อง ที่อ่าน ๙. ตีความและ ประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จากงาน เขียนอย่าง หลากหลายเพื่อ น าไปใช้แก้ปัญหา ในชีวิต การอ่านตามความสนใจเช่น - หนังสืออ่านนอกเวลา - หนังสืออ่านตามความ สนใจและตามวัยของ นักเรียน - หนังสืออ่านที่ครูและ นักเรียนร่วมกันก าหนด ๑๐. มีมารยาทใน การอ่าน มารยาทในการอ่าน ๑๑. อธิบาย ความหมายค าศัพท์ ทางวิชาการและ วิชาชีพ ค าศัพท์ทางวิชาการและ วิชาชีพ ๒. ๑. ส รุ ป เ น้ื อ ห า วรรณคดีและ วรรณคดีและวรรณกรรม เกี่ยวกับ ๑๔ ๒๐


หลากหลาย ความคิด วรรณกรรมที่อ่าน ในระดบัที่ยากข้ึน -ศาสนา - ประเพณี - พิธีกรรม - สุภาษิต ค าสอน - เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ - บันเทิงคดี - บันทึกการเดินทาง ๒. วิเคราะห์วิถีไทย และคุณค่าจาก วรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่าน ๓. สรุปความรู้และ ข้อคิดจากการอ่าน เพื่อน าไป ประยุกต์ใช้ในชีวิต จริง การวิเคราะห์วิถีไทย และ คุณค่าจากวรรณคดีและ วรรณกรรม ๔. ท่องจ าและบอก คุณค่าบทอาขยาน ตามที่ก าหนด และ บทร้อยกรองที่มี คุณค่าตามความ สนใจและน าไปใช้ อ้างอิง บทอาขยานและบทร้อยกรอง ที่มีคุณค่า - บทอาขยานตามที่ก าหนด - บทร้อยกรองตามความ สนใจ ๓. พิชิตหลัก ภาษา ๑. แต่งบทร้อยกรอง โคลงสี่สุภาพ แหล่งท่องเที่ยว ของจังหวัด สุราษฎร์ธานี ๘ ๑๕ ๒. จ าแนกและใช้ค า ภาษาต่างประเทศที่ ใช้ในภาษาไทย ค าที่มาจากภาษาต่างประเทศ ๓. วิเคราะห์ระดับ ภาษา ระดับภาษา


๔. เจรจาพาที ๑. แสดงความ คิดเห็นและประเมิน เรื่องจากการฟังและ การดู ๒. วิเคราะห์และ วิจารณ์เรื่องที่ฟัง และดูเพื่อน าข้อคิด มาประยุกต์ใช้ใน การด าเนินชีวิต การพูดแสดงความคิดเห็น และประเมินเรื่องจากการฟัง และการดู การพูดวิเคราะห์วิจารณ์จาก เรื่องที่ฟังและดู ๘ ๑๕ ๓. พูดโน้มน้าวโดย น าเสนอหลักฐาน ตามลา ดบัเน้ือหา อย่างมีเหตุผลและ น่าเชื่อถือ การพูดโน้มน้าว ประวัติศาสตร์ จังหวัด สุราษฎร์ธานี ๔. มีมารยาทในการ ฟัง การดูและการ พูด มารยาทในการฟัง การดู และ การพูด ๕. มีดีน าเสนอ ๑. คัดลายมือตัว บรรจงครึ่ งบรรทัด การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่ ง บรรทัดตามรูปแบบการเขียน ตัวอักษรไทย ๑๒ ๒๐ ๒. เขียนข้อความ โดยใช้ถ้อยค าได้ ถูกต้องตามระดับ ภาษา การเขียนข้อความตาม สถานการณ์และโอกาสต่างๆ เช่น -ค าอวยพรในโอกาสต่างๆ -ค าขวัญ -ค าคม -โฆษณา -คติพจน์ - สุนทรพจน์ แหล่งท่องเที่ยว ของจังหวัด สุราษฎร์ธานี ๓. เขียนย่อความ การเขียนย่อความจากสื่อ ต่างๆ เช่น นิทาน ประวัติ ต านาน สารคดีทางวิชาการ


พระราชด ารัส พระบรม ราโชวาท จดหมายราชการ ๔. เขียนอธิบาย ช้ีแจงแสดงความ คิดเห็นและโต้แย้ง อย่างมีเหตุผล การเขียนอธิบาย ช้ีแจงแสดง ความคิดเห็น และโต้แย้งใน เรื่องต่างๆ ๕. เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดง ความรู้ ความ คิดเห็น หรือโต้แย้ง ในเรื่องต่างๆ การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความ คิดเห็น หรือโต้แย้งจากสื่อ ต่างๆ เช่น - บทโฆษณา - บทความทางวิชาการ ๖. มีมารยาทในการ เขียน มารยาทในการเขียน รวม ๖๐ ๑๐๐


โรงเรียนพนมศึกษา ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อน าไปออกแบบการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับความสามารถของนักเรียน ๒. เพื่อเป็ นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ ชื่อผู้สอน นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย สรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพื้นฐานที่ใช้ในการเรียนวิชานี้ ระดับคุณภาพของ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน GPA ของกลุ่ม จ านวนคน ร้อยละ ปรับปรุง ต ่ากว่า ๒.๐๐ พอใช้ ๒.๐๐ – ๒.๕๐ ดี สูงกว่า ๒.๕๐ แนวทางการจัดกิจกรรม ผลสัมฤทธิ์ ทางการ เรียน ร้อยละ กิจกรรมแก้ไขหรือพัฒนาในแผนการ เรียนรู้ จ านวน เครื่องมือ/วิธีการ เดิม เป้าหมาย ประเมิน ดี ปรับปรุง


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๑ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ เด็กชายกมลภพ ต้นสวรรค์ ๒ เด็กชายกฤตมุข ภู่เชี่ยวชาญวิทย์ ๓ นายจรัลชัย หลับด้วง ๔ เด็กชายจักรพัฒน์ ปิ ตะมะหะ ๕ เด็กชายเจตรินทร์ เรณโร ๖ นายชวิน อรุณเมฆ ๗ เด็กชายไชยวัฒน์ ชูไทย ๘ เด็กชายณฐพงษ์ พระจ ารงค์ ๙ เด็กชายณัฐพร บ ารุงวงค์ ๑๐ นายณัฐวุฒิ ศรีเทพ ๑๑ เด็กชายธีรเดช เปรมกลนั่ ๑๒ เด็กชายนิติธร ทิพย์เดช ๑๓ เด็กชายปฏิภาน ด ารัส ๑๔ เด็กชายปรเมศวร์ แก้วศรี ๑๕ เด็กชายพงศ์ภรณ์ แก้วทิมบุตร ๑๖ เด็กชายพจน์ชระ ปานชู ๑๗ นายภัสสกร วงค์เดช ๑๘ เด็กชายภูตะวัน แช่มไล่ ๑๙ เด็กชายภูมิพัฒน์ ฉิมภักดี ๒๐ นายเมธาพร ขจร ๒๑ เด็กชายรัตภูมิ ช่วยศรี ๒๒ เด็กชายวิชชากร รามแก้ว ๒๓ เด็กชายอภิรักษ์ ขวัญเทพ ๒๔ นางสาวกันตา ศรีนุ้ย


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๑ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๕ เด็กหญิงกัลยารัตน์ ปิ ตะมะหะ ๒๖ เด็กหญิงฐานิตา คีรีรักษ์ ๒๗ เด็กหญิงณัฐณิชา นวลละออง ๒๘ เด็กหญิงดวงกมล รักนาควน ๒๙ เด็กหญิงธิติมา ชนะ ๓๐ เด็กหญิงนภสร วราชัย ๓๑ เด็กหญิงปุณญาพร เจียงพุทซา ๓๒ เด็กหญิงภัทรวดี สายเเก้ว ๓๓ เด็กหญิงโศภิตา เพ็งสมมุติ ๓๔ นางสาวสุชานันท์ แสงเดือน ๓๕ เด็กหญิงโสภิดา สังข์คร


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๒ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ นายกมลเทพ เนตรรุ่ง ๒ เด็กชายกัณติพันธ์ สุวรรณ์สอาด ๓ เด็กชายณรงค์ชัย บุญขวัญ ๔ เด็กชายณัฐพล จันทร์ทิพย์ ๕ เด็กชายณัฐวุฒิ ลิ่มพิกุล ๖ เด็กชายธนกฤต โทแก้ว ๗ เด็กชายธนพงศ์ ศรีสมทรัพย์ ๘ นายธนัชพร แสงตาขุน ๙ เด็กชายธีรเกียรติ ศรีรักษา ๑๐ เด็กชายธีรภัทร พรมมาก ๑๑ เด็กชายธีรภัทร ราชอ าไพ ๑๒ เด็กชายนพรัตน์ จันทะวงค์ ๑๓ เด็กชายปรเมษฐ์ จรูญรักษ์ ๑๔ นายพิชญะ วิเศษสมบัติ ๑๕ เด็กชายวัชรศักดิ์ สัมพันธ์ ๑๖ นายวีรวัฒน์ โสดา ๑๗ นายศุภชัย เพชรขุ้ม ๑๘ นายศุภณัฐ ขุ้ยด้วง ๑๙ เด็กชายสมพงศ์ จิตราภิรมย์ ๒๐ เด็กชายสหรัฐ แต่งคูหา ๒๑ เด็กชายอดิเทพ หงษ์จันทร์ ๒๒ นายอโนชา ศรีใย ๒๓ เด็กชายอภิชาติ สัมพันธ์ ๒๔ เด็กหญิงกัญญาภัค ข าช่วย


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๒ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๕ เด็กหญิงกัญญาวีร์ ถาพร ๒๖ เด็กหญิงนันทนา ชูมนต์ ๒๗ นางสาวบุญสิตา บัวตุ๋ย ๒๘ เด็กหญิงปณิศา พันธ์สุวรรณ์ ๒๙ เด็กหญิงปริณดา แสงจ านงค์ ๓๐ เด็กหญิงปุณยาพร พิษนาค ๓๑ นางสาวพัทธนันท์ สุขเช้ือ ๓๒ เด็กหญิงภาสินี หิรัญเรือง ๓๓ เด็กหญิงวนัชพร เกิดด้วง ๓๔ นางสาววัลลภา ภูวะกง ๓๕ เด็กหญิงศิรินาถ ศรีใย ๓๖ นางสาวสิริรัฐ ภูหญ้า ๓๗ เด็กหญิงสุนิษา วิเศษโชค


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๓ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ เด็กชายกฤษณะ พุทธศิริ ๒ เด็กชายกฤษติกร ช านินวล ๓ เด็กชายกวินท์ จิโน ๔ เด็กชายจักรกฤต ไชยสินธุ์ ๕ เด็กชายจิรเมธ แก้วสิงขรณ์ ๖ เด็กชายณัฐชนน ชาญเดช ๗ เด็กชายณัฐภูมิ คงวุฒิ ๘ เด็กชายณัฐศักดิ์ ศรีรักษา ๙ เด็กชายติณณภพ รื่นจ าปี ๑๐ นายเตชภณ ศรีนิล ๑๑ นายนภัทดิสร ยืนยง ๑๒ นายนันทพัทธ์ ครุฑมาก ๑๓ เด็กชายปวริศ ฤทธิกุล ๑๔ เด็กชายพงศ์พิพัฒน์ อุดมศรี ๑๕ นายพัสกร ทองสัมฤทธิ์ ๑๖ เด็กชายรพีพล ศรีไทย ๑๗ เด็กชายรัฐภูมิ ไกรวงศ์ ๑๘ เด็กชายสหรัถ เดชะ ๑๙ เด็กชายอดิเทพ ศรีรักษา ๒๐ เด็กชายอนันทวุฒิ พ่วงฟู ๒๑ เด็กหญิงกัญญาวี ทับเมือง ๒๒ เด็กหญิงกันต์กมล มาทัพ ๒๓ เด็กหญิงเกสรา นพฤทธิ์ ๒๔ เด็กหญิงจันแก้ว แอบมณี


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๓ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๕ เด็กหญิงณัฐฐ์วรีย์ บุญเมือง ๒๖ นางสาวปริยาภัทร ค าสวัสดิ์ ๒๗ เด็กหญิงปาริชาติ เถาว์ราม ๒๘ นางสาวแพรวา รอดโหม้ง ๒๙ เด็กหญิงภัทรวดี อินคง ๓๐ นางสาววิดามล พิบูลย์ ๓๑ เด็กหญิงโศธิดา โอภาสะ ๓๒ เด็กหญิงอนงค์นาถ วงศรี ๓๓ เด็กหญิงอาทิตยา จันทร์พรึก ๓๔ เด็กชายกิตติศักดิ์ ศรีขาว ๓๕ เด็กหญิงจันทิมา ทักแก้ว ๓๖ เดก็หญิงวราพรรณ อัปมะโน


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๔ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ นายกฤตภาส สุขอุ่น ๒ เด็กชายเกียรติศักดิ์ มงคลนิมิตร ๓ เด็กชายค ารณ พรมมาก ๔ นายเจตนิพัทธ์ วิชิต ๕ เด็กชายธนพล เจริญคุณ ๖ เด็กชายปกรณ์ ช่วยศรี ๗ เด็กชายพีรภาส ชูประเสริฐ ๘ นายรวีโรจน์ รักมาศ ๙ เด็กชายรัชชานนท์ พหลภักดี ๑๐ เด็กชายสิรดนัย สอนรัตน์ ๑๑ นายอธิภัทร สาริพัฒน์ ๑๒ เด็กหญิงกมลวรรณ พิทักษ์เเทน ๑๓ นางสาวกัญญาพัชร แก้วดี ๑๔ นางสาวจันทิมา บุญกลาง ๑๕ เด็กหญิงจุฬาลักษณ์ วิเชียร ๑๖ เด็กหญิงชนากานต์ แก้วภูชงค์ ๑๗ เด็กหญิงชนิกานต์ ช่วยชนะ ๑๘ นางสาวชษิตา จิตรอมร ๑๙ นางสาวณัฐณิชา สงเคราะห์ ๒๐ เด็กหญิงธัญพิชชา หวันดีน ๒๑ นางสาวนุชนาถ ศรีรักษา ๒๒ เด็กหญิงเนาวลักษณ์ จันทะวงค์ ๒๓ นางสาวบัณฑิตา ชูขาว ๒๔ เด็กหญิงปุณภา ทองเสน


แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็ นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ห้อง ๔ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๕ เด็กหญิงพวงเพชร วิจิตร์ ๒๖ นางสาวพัณณ์ชิตา ศรีพิทักษ์ ๒๗ นางสาวรัชฎาภรณ์ วงษ์สินธุ์ ๒๘ เด็กหญิงวรัณญ์ธร วงศ์สวัสดิ์ ๒๙ เด็กหญิงศุภกานต์ เย็นใจ ๓๐ เด็กหญิงสวรรยา ค าเกิด ๓๑ นางสาวสุทธิดา พิทักษ์ ๓๒ เด็กหญิงสุวภัทร ครุฑมาก ๓๓ เด็กหญิงอภาวดี สงพัฒน์แก้ว ๓๔ นางสาวอริณษิตา แจ้งอักษร ๓๕ เด็กชายศุภณัฐ เพชรช่วย ๓๖ เด็กหญิงณัฐนิชา มีมูลทอง


การวัดผลประเมินผล การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ / รายวิชา ในแต่ละตวัช้ีวดัช้ันปีซ่ึงสถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้และตวัช้ีวดัการประเมินสาระการเรียนรู้รายวิชา ให้ตดัสินผลการประเมินเป็น ระดับผลการเรียน ๘ ระดบัดงัน้ี คะแนน ๘๐ – ๑๐๐ ระดับผลการเรียน “๔” หมายถึง ผลการเรียนดีเยี่ยม คะแนน ๗๕ – ๗๙ ระดับผลการเรียน “๓.๕” หมายถึง ผลการเรียนดีมาก คะแนน ๗๐ – ๗๔ ระดับผลการเรียน “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี คะแนน ๖๕ – ๖๙ ระดับผลการเรียน “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนค่อนข้างดี คะแนน ๖๐ – ๖๔ ระดับผลการเรียน “๒” หมายถึง ผลการเรียนปานกลาง คะแนน ๕๕ – ๕๙ ระดับผลการเรียน “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ คะแนน ๕๐ – ๕๔ ระดับผลการเรียน “๑” หมายถึง ผลการเรียนผ่านเกณฑก์ารประเมินข้นัต่า คะแนน ๐ - ๔๙ ระดับผลการเรียน “๐” หมายถึง ผลการเรียนต ่ากว่าเกณฑ์การประเมิน ในกรณีที่ไม่สามารถให้ระดับผลการเรียนเป็ น ๘ ระดับได้ให้ใช้ตัวอักษร ระบุเงื่อนไขของผลการเรียน ดงัน้ี “มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิ์ เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียนมีเวลาไม่ ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละรายวิชา และไม่ได้รับการผ่อนผันให้ เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจากผู้เรียนไม่มีข้อมูล การเรียนรายวิชาน้นัครบถว้น ไดแ้ก่ไม่ไดว้ดัผลกลางภาคเรียน/ปลายภาค เรียน ไม่ได้ส่งงานที่มอบหมายให้ทา ซ่ึงงานน้นัเป็นส่วนหน่ึงของการ ตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ท าให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลกัษณะอนัพึงประสงคน์ ้นั ให้ระดบัผลการ ประเมินเป็ น ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียนที่มี คุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็ นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็ นที่ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่องบาง ประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือถา้มีผลงาน ผลงานน้นัยงัมีขอ้บกพร่องที่ตอ้งไดร้ับการปรับปรุง แก้ไขหลายประการ


หน ่ วยการเร ี ยนร ้ ู ท ี ่ ๑ อ่านมากร ้ ู มาก (จ านวน ๑๘ ชั่วโมง)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมาก รู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว จ านวน ๒ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ม.๓/๑๐ มีมรรยาทในการอ่าน ๒. สาระส าคัญ การอ่านออกเสียงเป็นวิธีการอ่านที่ควรใช้น้า เสียงให้ถูกตอ้ง สอดคลอ้งและมีความเหมาะสมกบัเน้ือ เรื่องแต่ละประเภท รวมถึงการรู้จกัฝึกฝนการอ่านอย่างสม่า เสมอจะช่วยทา ให้มีพ้ืนฐานการอ่านที่ดีเกิดความ ช านาญในการอ่าน รวมถึงการรู้จักมารยาทในการอ่านและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม จึงจะได้รับการ ยอมรับนับถือจากบุคคลอื่น ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -อธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วได้ - บอกมารยาทในการอ่านได้ ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ - อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - มีมารยาทในการอ่าน ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑.ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒.ความสามารถในการคิด ๔.๓.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย บทร้อยแกว้ที่เป็นบทความทวั่ ไปและบทความปกิณกะ ๕.๒. มารยาทในการอ่าน ๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑. นกัเรียนทา แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการอ่านออกเสียง ๖.๒.ครูสนทนากบันกัเรียนเกี่ยวกบัการอ่านบทร้อยแกว้ที่นกัเรียนพบเห็นในชีวิตประจา วนัจากน้ันให้ นักเรียนฟังซีดีการอ่านข่าวทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ วิธีการอ่าน ๖.๓. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว จากหนังสือเรียน ๖.๔. ครูเปิ ดซีดีการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วให้นักเรียนฟังและสังเกตรูปแบบและวิธีการอ่านออกเสียง บทร้อยแก้วที่ถูกต้องและไพเราะ ๖.๕.ครูสุ่มนกัเรียนนา เสนอขอ้ สังเกตในการอ่านให้ไพเราะจากน้นันกัเรียนร่วมกนัสรุปรูปแบบและ วิธีการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ที่ถูกต้องและไพเราะ ๖.๖. นกัเรียนฝึกอ่านนา บทความทวั่ ไป หรือบทความปกิณกะ ที่เตรียมมาตามขอ้ สรุปที่คน้พบ ๖.๗. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนอ่านบทอ่านของตนให้เพื่อนฟังให้เพื่อนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอ่าน ๖.๘. นักเรียนแต่ละคนอ่านบทอ่านของตนให้ครูฟังเพื่อประเมินผลการอ่านว่าถูกต้องไพเราะหรือไม่ ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร แล้วนักเรียนน าผลการประเมินไปพัฒนาการอ่าน ๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติ) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถอธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบอกมารยาท ในการอ่าน หลักมีเหตุผล นักเรียนอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนเลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลในการเลือก น าไปใช้ในการด าเนินชีวิตได้


เงื่อนไขความรู้ นักเรียนอธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบอกมารยาทในการ อ่าน เงื่อนไขคุณธรรม นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม ๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๘.๑. หนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๘.๒. ซีดีบันทึกเสียงการอ่านข่าวทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ๘.๓. ซีดีการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ๘.๔. บทความทวั่ ไป บทความปกิณกะ ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) - ๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) -อธิบายหลักการอ่าน ออกเสียงบทร้อยแก้วได้ - บอกมารยาทในการอ่านได้ ตรวจแบบทดสอบก่อน เรียน เรื่อง การอ่านออก เสียง แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การอ่านออกเสียง ประเมินตามสภาพจริง P) - อ่านออกเสียงบทร้อย แก้วที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับ เรื่องที่อ่าน ประเมินการอ่านออกเสียง บทร้อยแก้ว แบบประเมินการอ่าน ออกเสียงบทร้อยแก้ว ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ (A) - มีมารยาทในการอ่าน สังเกต ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ ปรับปรุง ต ่ากว่า ๑๐ พอใช้ รายการประเมิน ค าอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. ความถูกต้องตาม อักขรวิธี ออกเสียงได้ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ไม่มีที่ผิดพลาด ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๑–๒ ที่ ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๓–๔ ที่ ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๕ ที่ข้ึนไป ๒. ความถูกต้องตาม หลักการอ่าน แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่าน แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๑–๒ ที่ แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๓-๔ ที่ แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๕ ที่ข้ึน ไป ๓. ความไพเราะ ในการอ่าน บทร้อยกรอง มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ เป็ นส่วนใหญ่ มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ เป็ นบางส่วน มีความไพเราะ เพียงเล็กน้อย ไม่ค่อย เหมาะสมกับลักษณะค า ประพันธ์ ๔. ความไพเราะ ในการอ่าน บทร้อยแก้ว มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน เป็ นส่วนใหญ่ มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน เป็ นบางส่วน มีความไพเราะ เพียงเล็กน้อย ไม่ค่อย เหมาะสมกบัเน้ือเรื่อง ที่อ่าน ๕. การให้เหตุผล ในการเลือก บทอ่าน เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้ เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้เป็ น ส่วนใหญ่ เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้เป็ น บางส่วน เลือกบทอ่านได้ไม่ค่อย เหมาะสม มีความเป็ นเหตุ เป็ นผลในการเลือก เพียง เล็กน้อยน าไปใช้ในการ ด าเนินชีวิตได้เป็ น บางส่วน


แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การอ่านออกเสียง ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. ข้อใดคือการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง ก. สมชายก าหนดท่าทางที่จะอ่าน ข. สมศักดิ์ทดลองออกเสียงก่อนที่จะอ่าน ค. สมเดชศึกษาเจตนาของผู้แต่งเรื่องที่จะอ่าน ง. สุดาท าความเข้าใจในเรื่องที่จะอ่านอย่างถี่ถ้วน ๒. ข้อใดไม่ใช่การอ่านเพื่อความรู้ ก. ไก่ต๊อกอ่านฉลากยาแล้วปฏิบัติตาม ข. ไก่แจ้อ่านต าราอาหารไทยไปท าขนมขาย ค. ไก่โต้งอ่านนวนิยายเก็บข้อมูลแล้วไปเขียนนวนิยาย ส่งเข้าประกวด ง. ไก่อูมีความทุกข์จึงไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับศาสนา เพื่อผ่อนคลายความทุกข์ ๓. การท าเครื่องหมายในบทอ่าน ถ้าใช้เครื่องหมาย / หมายความว่าอย่างไร ก. หยุดอ่าน ข. หยุดหายใจ ค. เว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อหยุดหายใจ ง. ให้สังเกตข้อความที่จะอ่านต่อไปข้างหน้า ๔. ถ้าต้องการให้ทอดหางเสียง ต้องใช้เครื่องหมายใดก ากับ ก. // ข. ........ ค. ------ ง. **** ๕. ทักษะในข้อใดมีความจ าเป็ นส าหรับนักเรียนในการ แสวงหา ความรู้เพิ่มเติม ก. การฟัง ข. การพูด ค. การอ่าน ง. การเขียน ๖. ข้อใดคือลักษณะของผู้ที่อ่านเป็ น ก. กล้าผสมอักษรแล้วอ่านเป็ นค าได้ ข. เก่งอ่านหนังสือแล้วแปลความหมายได้ ค. ก้อยอ่านหนังสือแล้วมีความเข้าใจเรื่องที่อ่าน ง. แก้วอ่านหนังสือแล้วประเมินค่าของเรื่องที่อ่านได้ ๗. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของร้อยแก้ว ก. ข้อความที่ไม่มีลักษณะบังคับสัมผัส ข. ข้อความที่ใช้เขียนอยู่ในชีวิตประจ าวัน ค. ข้อความที่ไม่เน้นระบบค าและโครงสร้างประโยค ง. ข้อความที่มีรูปแบบถูกต้องตรงตามไวยากรณ์ไทย ๘. ข้อใดส าคัญที่สุดในการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ก. มีสมาธิในการอ่าน ข. อ่านให้เป็ นเสียงพูด ค. อ่านให้เสียงดังพอสมควร ง. อ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ๙. การใส่อารมณ์ในการอ่านเป็ นผลดีอย่างไร ก. เปลี่ยนอารมณ์ของผู้ฟัง ข. ทา ให้การอ่านน้นัชวนฟังยิ่งข้ึน ค. ทา ให้เรื่องที่อ่านน้นัน่าสนใจ ง. ทา ให้ผูอ้่านมีชีวิตชีวามากยิ่งข้ึน ๑๐. ข้อใดไม่ใช่แนวทางการอ่านบทร้อยกรอง ก. ต้องรู้จักท านองของบทร้อยกรองที่อ่าน ข. ต้องรู้จักฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองที่อ่าน ค. ต้องรู้จักผสมค าหรือพยางค์บทร้อยกรองที่อ่าน ง. ต้องรู้จักใส่อารมณ์ความรู้สึกในบทร้อยกรองที่อ่าน


๑๑.กลอนบทละครมีความแตกต่างจากกลอนสุภาพทวั่ ไป อย่างไร ก. คา ข้ึนตน้บท ข. จ านวนค าในแต่ละวรรค ค. การสัมผัสระหว่างบท ง. จ านวนบาทในแต่ละบท ๑๒.การพรรณนาความทวั่ ไปนิยมใชค้า ประพนัธ์ในขอ้ใด ก. กลอนเสภา ข. กาพย์ฉบัง ๑๖ ค. โคลงสี่สุภาพ ง. กาพย์ยานี ๑๑ ๑๓.การพรรณนาความงามของธรรมชาตินิยมใช้ค าประพันธ์ ในข้อใด ก. กลอนเสภา ข. กาพย์ฉบัง ๑๖ ค. โคลงสี่สุภาพ ง. กาพย์ยานี ๑๑ ๑๔.การอ่านค าประพันธ์ในข้อใดที่เชื่อกันว่าเริ่มตน้จากในคุก ที่คุมขังนักโทษ ก. กลอนเสภา ข. กาพย์ฉบัง ๑๖ ค. โคลงสี่สุภาพ ง. กาพย์ยานี ๑๑ ๑๕.ข้อใดแบ่งวรรคตอนในการอ่านโคลงสี่สุภาพได้ถูกต้องที่สุด ก. ภพน้ี/มิใช่หลา้ หงส์ทอง/เดียวเลย ข. กาก็เจ้า/ของครอง ชีพด้วย ค. เมาสม/มุติจองหอง หินชาติ ง. น้า มิตร/แลง้โลกมว้ย หมดสิ้น/สุขศานต์ ๑. ง ๒. ง ๓. ค ๔. ข ๕. ค ๖. ง ๗. ค ๘. ง ๙. ข ๑๐. ค ๑๑. ก ๑๒. ง ๑๓. ข ๑๔. ก ๑๕. ก


บันทึกหลังสอนแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ๑.ผลการสอนระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก........................................................................... ๒. ผลที่เกิดกับผู้เรียน ๒.๑) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………………..................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๒) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…........................................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ทกี่า หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ......................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๓) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดยใช้………………………........................ พบว่านกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ.................. ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๓. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ .......................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน................................................................................ ............................................................................................................................................................. ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย) วันที่.........../.................../.................


ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ๑. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนา ไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) ความคิดเห็นของหัวหน้าวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ (นางสาวณัฐิญา คาโส)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมาก รู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง จ านวน ๔ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ม.๓/๑๐ มีมรรยาทในการอ่าน ๒. สาระส าคัญ บทร้อยเป็ นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่งที่ชาวไทยทุกคนควรรักษาไว้ การอ่านออกเสียงบทร้อยจึงมี วิธีการอ่านที่มีหลกัเกณฑต์ามบทร้อยกรองประเภทน้นัๆ ดงัน้นัการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองจึงจ าเป็ นต้องมี การฝึ กฝนเพื่อให้เกิดความช านาญและความไพเราะ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -อธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่สุภาพ - บอกมารยาทในการอ่านได้ ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ - อ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - มีมารยาทในการอ่าน -รักความเป็ นไทย ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑.ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒.ความสามารถในการคิด ๔.๓.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. หลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่สุภาพ ๕.๒. มารยาทในการอ่าน ๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑.ครูเปิ ดซีดีการอ่านท านองเสนาะให้นักเรียนฟัง จากน้นัร่วมกนัแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบัวิธีการ อ่าน ๖.๒. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง จากหนังสือเรียน และซีดีการอ่าน ท านองเสนาะ ๖.๓. ครูก าหนดหัวเรื่องที่จะศึกษาเป็ นหัวข้อย่อย ๕ หัวข้อ คือ ๑) กลอนบทละคร ๒) กลอนเสภา ๓) กาพย์ยานี ๑๑ ๔) กาพย์ฉบัง ๑๖ ๕) โคลงสี่สุภาพ ๖.๔.ครูช้ีแจงนกัเรียนว่าจะมีการแบ่งกลุ่มตามหวัขอ้ที่กา หนด และแนะนา วิธีการศึกษาคือ นกัเรียน ต้องฝึ กอ่านบทร้อยกรองในหัวข้อที่รับผิดชอบ ๖.๕. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน คละกันตามความสามารถ เรียกว่า “กลุ่มบ้าน” แล้ว ให้สมาชิกแต่ละคนเลือกหมายเลขประจา ตวัตามความสมคัรใจ ต้งัแต่หมายเลข ๑ – ๕ และต้งัชื่อกลุ่มของตน พร้อมเขียนชื่อบนป้ายนิเทศหน้าห้องเรียน ๖.๖. ครูแจ้งกติกาว่า ห้ามสมาชิกออกจากกลุ่มจนกว่าจะท างานที่ได้รับมอบหมายแล้วเสร็จ ถ้าคนใด สงสัยไม่เข้าใจเรื่องใดจะต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในกลุ่ม ๖.๗. นกัเรียนที่มีหมายเลขเดียวกนัจากกลุ่มบา้นมานงั่รวมกนัเรียกว่า “กลุ่มผูเ้ชี่ยวชาญ” ให้แต่ละกลุ่ม ฝึ กอ่านบทร้อยกรองตามที่ครูก าหนดให้ โดยให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยเหลือกันจนทุกคนสามารถอ่านได้ ถูกต้องเป็ นอย่างดี ๖.๘. สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับไปยังกลุ่มเดิมของตนที่เรียกว่า “กลุ่มบ้าน” และผลัดกันอธิบายและฝึ ก อ่านเพื่อถ่ายทอดความรู้ที่ตนไดไ้ปศึกษามาโดยเริ่มจากหมายเลข ๑ – ๕ ตามล าดับ ๖.๙. นักเรียนแต่ละคนทดสอบอ่านบทร้อยกรอง เพื่อพิจารณาความถูกต้อง และความไพเราะของการ อ่าน ๖.๑๐. ครูประเมินผลการอ่านว่าถูกต้องไพเราะหรือไม่ ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร แล้วนักเรียนน าผล การประเมินไปพัฒนาการอ่าน ๖.๑๑. นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่องการอ่านออกเสียง


๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติ) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถอธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบท ละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่สุภาพ หลักมีเหตุผล นักเรียนอ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนเลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลในการเลือก น าไปใช้ในการด าเนินชีวิตได้ เงื่อนไขความรู้ นักเรียนอธิบายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่สุภาพ และบอกมารยาท ในการอ่าน เงื่อนไขคุณธรรม นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน และรักความเป็ นไทย เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม ๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๘.๑. หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๘.๒. ซีดีการอ่านท านองเสนาะ ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) -


๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) -อธิบายหลักการอ่าน ออกเสียงบทร้อยกรอง ประเภท กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่ สุภาพ - บอกมารยาทในการอ่านได้ ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียน เรื่อง การอ่านออก เสียง แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การอ่านออกเสียง ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ (P) - อ่านออกเสียงบทร้อย กรองที่ก าหนดได้อย่าง ถูกต้อง ไพเราะและ เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ประเมินการอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง แบบประเมินการอ่าน ออกเสียงบทร้อยกรอง ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ (A) - มีมารยาทในการอ่าน -รักความเป็ นไทย สังเกตการรักความเป็ น ไทย ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ ปรับปรุง ต ่ากว่า ๑๐ พอใช้ รายการประเมิน ค าอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. ความถูกต้องตาม อักขรวิธี ออกเสียงได้ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ไม่มีที่ผิดพลาด ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๑–๒ ที่ ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๓–๔ ที่ ออกเสียงไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี มีที่ผิดพลาด ๕ ที่ข้ึนไป ๒. ความถูกต้องตาม หลักการอ่าน แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่าน แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๑–๒ ที่ แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๓-๔ ที่ แบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ตามหลักและลีลาการ อ่านมีที่ผิดพลาด ๕ ที่ข้ึน ไป ๓. ความไพเราะ ในการอ่าน บทร้อยกรอง มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ เป็ นส่วนใหญ่ มีความไพเราะเหมาะสม กับลักษณะค าประพันธ์ เป็ นบางส่วน มีความไพเราะ เพียงเล็กน้อย ไม่ค่อย เหมาะสมกับลักษณะค า ประพันธ์ ๔. ความไพเราะ ในการอ่าน บทร้อยแก้ว มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน เป็ นส่วนใหญ่ มีความไพเราะเหมาะสม กบัเน้ือเรื่องที่อ่าน เป็ นบางส่วน มีความไพเราะ เพียงเล็กน้อย ไม่ค่อย เหมาะสมกบัเน้ือเรื่อง ที่อ่าน ๕. การให้เหตุผล ในการเลือก บทอ่าน เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้ เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้เป็ น ส่วนใหญ่ เลือกบทอ่านได้เหมาะสม มีความเป็ นเหตุเป็ นผลใน การเลือก น าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตได้เป็ น บางส่วน เลือกบทอ่านได้ไม่ค่อย เหมาะสม มีความเป็ นเหตุ เป็ นผลในการเลือก เพียง เล็กน้อยน าไปใช้ในการ ด าเนินชีวิตได้เป็ น บางส่วน


บันทึกหลังสอนแผนการจัดการเรียนรู้ที่๒ ๑.ผลการสอนระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก........................................................................... ๒. ผลที่เกิดกับผู้เรียน ๒.๑) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………………..................................พบว่า นักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๒) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…........................................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ทกี่า หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ......................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๓) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดยใช้………………………........................ พบว่านกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ.................. ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๓. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ .......................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน................................................................................ ............................................................................................................................................................. ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย) วันที่.........../.................../.................


ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ๑. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนา ไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) ความคิดเห็นของหัวหน้าวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ (นางสาวณัฐิญา คาโส)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมากรู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การอ่านวิเคราะห์ความหมายของค า จ านวน ๒ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๒ ระบุใจความแตกต่างของค าที่มีความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย ๒. สาระส าคัญ ในชีวิตประจ าวัน มนุษย์รับสารด้วยการอ่านสื่อที่หลากหลาย แต่ธรรมชาติการสื่อสารของคนไทย นอกจากสื่อความหมายตรงตามตัวอักษรแล้ว ยังใช้ภาษาสื่อสารที่มีความหมายแฝง เรียกว่า ความหมายโดยนัย ด้วยเสมอ ผู้เรียนจึงต้องฝึ กฝนทักษะการอ่านเพื่อวิเคราะห์ให้เข้าใจความหมายของค า ข้อความ ประโยค เพื่อให้ เข้าใจได้ถูกต้องตรงตามเจตนาผู้ส่งสาร ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -ระบุใจความแตกต่างของค าที่มีความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ -อ่านวิเคราะห์ความหมายของค า - กระบวนการ การท างานกลุ่ม ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - มีวินัย - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒. ความสามารถในการคิด ๔.๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. การอ่านวิเคราะห์ความหมายของค า


๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑.ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง ความหมายของค า แล้วให้นักเรียนยกตัวอย่างค า พร้อมบอก ความหมาย ๖.๒. ครูเขียนตัวอย่างค าที่มีความหมายโดยนัย บนกระดาน เช่น ดอกฟ้ากับหมาวัด หมาเห่าใบตองแห้ง แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายตามความเข้าใจของนักเรียน ๖.๓.ครูอธิบายให้นกัเรียนเขา้ใจว่าคอที่ยกตวัอยา่งมาน้ีเป็นคา ที่มคีวามหมายโดยนยัคือความหมายไม่ ตรงตามพจนานุกรม ๖.๔. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน คละกันตามความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านวิเคราะห์ความหมายของค าจากหนังสือเรียน ๖.๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันท าใบงานที่ ๓.๑ เรื่องความหมายของค า โดยให้สมาชิกแต่ละกลุ่มหา ค าตอบในใบงานด้วยตนเองจนครบทุกขอ้จากน้นัจบัคู่กบัเพื่อนในกลุ่มผลดักนัอธิบายคา ตอบของตนเองให้ เพื่อนฟัง ๖.๖. สมาชิกรวมกลุ่ม ๔ คน ตามเดิม จากน้นัผลดักนัอธิบายคา ตอบของคู่ตนเองให้เพื่อนอีกคู่หน่ึงฟัง และสรุปค าตอบที่เป็ นมติของกลุ่มแล้ว บันทึกค าตอบลงในใบงานที่ ๓.๑ เสร็จแล้วน าส่งครูตรวจ ๖.๗. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความแตกต่างของค าที่มีความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย พร้อมท้งับอกแนวทางในการนา ไปใชใ้ห้ถูกตอ้งและเหมาะสม ๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถระบุใจความแตกต่างของค าที่มีความหมายโดยตรง และ ความหมายโดยนัย หลักมีเหตุผล นักเรียนสามารถท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนสามารถน าความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจ าวัน เงื่อนไขความรู้ นักเรียนสามารถอ่านวิเคราะห์ความหมายของค า


เงื่อนไขคุณธรรม นักเรียนมีวินยั ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมนั่ในการทา งาน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม ๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๘.๑. หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๘.๒. ใบงานที่ ๓.๑ เรื่องความหมายของค า ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) - ๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) -ระบุใจความแตกต่าง ของค าที่มีความหมาย โดยตรง และความหมาย โดยนัย ตรวจใบงานที่ ๓.๑ ใบงานที่ ๓.๑ ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ (P) –อ่านวิเคราะห์ ความหมายของค า - กระบวนการการท างาน กลุ่ม - ตรวจใบงานที่ ๓.๑ - สังเกตพฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม - ใบงานที่ ๓.๑ -แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (A) - มีวินัย - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมนั่ในการ ท างาน ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


ใบงานที่ ๓.๑เรื่อง ความหมายของค า ตอนที่ ๑ ค าชี้แจงให้นักเรียนตอบค าถามที่ก าหนดให้ถูกต้อง ๑. ค าที่มีความหมายโดยตรง มีลักษณะอย่างไร ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ๒. ค าที่มีความหมายโดยนัย มีลักษณะอย่างไร ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ๓. การพิจารณาความหมายของค า มีหลักในการพิจารณาอย่างไร ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................


ตอนที่๒ ค าชี้แจงให้นักเรียนอ่านเรื่องที่ก าหนด แล้วรวบรวมค าที่มีความหมายโดยนัยว่า มีกี่ค า และมีที่มาอย่างไร ปี จอ ขอเขียนเรื่องสี่ขา คราวน้ีขอเขียนถึงเจา้สี่ขาสัตวส์ ัญลกัษณ์ของปีจอกนับา้ง สุนขัตามศพัทแ์ ปลว่าผูม้ีเล็บงาม เป็นคา สุภาพของหมา แต่ส านวนไทยส่วนใหญ่ใช้ค าว่า “หมา”เมื่อกล่าวถึงสัตวเ์ล้ียงชนิดน้ีถา้ใครรู้สึกว่าหมาไม่สุภาพ แล้วเปลี่ยนมาใช้ค าว่า สุนัขแทนจะฟังขัดหู จะมีก็เพียงส านวนหมาจนตรอกเท่าน้นัที่บางคร้ังใช้ว่าสุนัขจนตรอก ซึ่งหมายถึง คนที่จ าต้องฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อจวนตัวหมดทางก็ต้องหัน มาต่อสู้กันจนสุดฤทธิ์ สา นวนน้ีมาจากพฤตกิรรมของสุนขัเมื่อถูกไล่ตอ้นวนอยใู่นตรอกที่ตนัไมม่ ีทางหนีต่อไปก็มักจะ หันมาฮึดสู้การที่สา นวนน้ีใชค้า ว่า สุนขั โดยไม่ขดัหูคงเป็นเพราะมีการใชคู้่กบัสา นวน เสือสิ้นตวกั หมายถึง เสือที่เล็บหักหาย เมื่ออาวุธส าคัญส าหรับใช้ตะปบคู่ต่อสู้หายไปก็ตกอยู่ในภาวะฮึดสู้เหมือนกัน จึงเกิดส านวน เสือสิ้นตวกัสุนขัจนตรอกเพราะคา ว่า เสือกับ สุนัขข้ึนตน้ดว้ยพยญัชนะ ส เหมือนกัน และค าว่า ตวัก ก็มีเสียง สัมผัสกับค าว่า นัข เมื่อใช้ด้วยกันจึงมีเสียงคล้องจอง ฟังไพเราะ เมื่อแยกกล่าวเฉพาะส านวนที่เกี่ยวกับสุนัขจึง พบว่ามีการใชท้ ้งัสา นวน หมาจนตรอกและ สุนขัจนตรอก สุนขัเป็นสัตวเ์ล้ียงในบา้นที่ใกลช้ิดคน บางคนรักและทะนุถนอมสุนขัมากถึงกบันา มากอดจูบอุม้ชู บางคนถึงกบั ให้นอนดว้ย คนโบราณจะรักสุนขัมากขนาดน้ีหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้แต่ถา้สังเกตจากสา นวน ไทยจะเห็นว่าพฤติกรรมและเรื่องราวต่างๆ ของสุนขัที่นา มาเป็นสา นวนน้นั ไม่คอ่ยจะบ่งบงถึงความน่ารักน่า เอ็นดูของสุนัขสักเท่าไหร่เลย เช่น นิสัยของสุนัขที่ชอบเลีย ถ้าอุ้มหรือก้มหน้าลงไปใกล้สุนัข สุนัขก็จะเลียแสดง อาการรักใคร่ประจบประแจง คนไทยในสมยัก่อนไมไ่ดม้องในทางน่าเอน็ดูแต่กล่าวเป็ นส านวนว่า เล่นกับหมา หมาเลียปาก บางคร้ังก็ต่อด้วยส านวนว่า เล่นกับสากสากต่อยหัว โดยสังเกตจากสากขนาดใหญ่ที่ใช้ต าข้าวซึ่ง มักจะวางพิงไว้เวลาไม่ใช้งาน ถ้าใครอยู่ไม่สุขไปจับเล่น สากอาจจะเลื่อนล้มมาทับเอาได้ ส านวนไทยที่มักจะใช้ ต่อเนื่องกันว่า เล่นกับหมาหมาเลียปาก เล่นกับสากสากต่อยหัว จึงหมายถึงความว่าลดตัวลงไปพูดจาเล่นหัวกับ บุคคลช้นัต่า กว่าหรือเด็กกว่า เป็นการวางตวัที่ไม่เหมาะสม ก็จะถกูตีเสมอหรือถูกลามปามได้ ปกติสุนขัที่ถูก ปล่อยให้เดินเพ่นพ่านกลางถนน เรียกว่า สุนัขจรจัด แต่ถ้าสุนัขที่มีเจ้าของเล้ียงดูอยา่งเป็นเรื่องเป็นราวจะมีปลอก คอ คือ สายรัดรอบคอใช้ส าหรับล่ามจูงให้จับง่ายและในขณะเดียวกันก็เป็ นเครื่องหมายว่า สุนขัตวัน้ีไม่ใช่สุนขั กลางถนนหรือที่เรียกกันว่า หมากลางถนน แต่เป็นสุนขัที่มีเจา้ของ ดงัน้นัสา นวนหมามีปลอกคอ จึงหมายถึงคน ที่มีผู้ทรงอิทธิพลหรือผู้มีอ านาจคอยคุ้มครองคอยสนับสนุนช่วยเหลืออยู่


ธรรมชาติอย่างหนึ่งของสุนัข คือ เมื่อสุนัขตัวใดตัวหนึ่งเข้าจู่โจมคน สัตว์ชนิดอื่น หรือแม้แต่สุนัข ด้วยกัน แล้ว สุนัขตัวอื่นๆ จะกรูกันเข้ามาร่วมเห่าร่วมกัดด้วย ส านวนหมาหมู่ จึงหมายถึงกลุ่มคนที่กลุ้มรุมท าร้าย คนคนเดียวมักใช้ในกรณีของพวกนักเลงที่มีพรรคพวกมาก ร่วมกันรุมท าร้ายผู้มีก าลังน้อยกว่า พูดถึงหมาหมู่ แล้วขอพูดถึงหมาที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวบ้าง ไทยเรามีส านวน หมาหัวเน่า หมายถึง ผู้ซึ่งเป็ นที่รังเกียจของผู้อื่น เข้ากับ ใครไม่ได้ไมม่ ีใครคบหาดว้ย ส่วนหมาหางดว้นน้นัเป็นสา นวน หมายถึงผูท้ี่ท าอะไรผิดพลาดจนได้รับความอับ อาย แล้วพยายามชกัชวนผูอ้ื่นให้เห็นว่าสิ่งที่ตนทา ไปน้นัเป็นสิ่งที่ดีควรทา ตาม เพื่อจะไดม้ีพวกที่ทา ผิดอยา่ง เดียวกัน บา้นของคนไทยสมยัก่อนมกัยกพ้ืนสูงจึงมีใตถุ้นบา้น ถา้เป็นบา้นของคนธรรมดาพ้ืนกระดานจะ ไม่ปูชิดกนัจนสนิทจะมีร่องอยบู่า้ง โดยเฉพาะพ้ืนครัว ซ่ึงครัวมกัจะอยมุมชานบ้าน เมื่อท าอาหารอาจจะมีเศษ ู่ อาหารหล่นลงร่องสุนขัมกัจะมาหาอะไรกินแถวๆ ใตถุ้นครัว บางคร้ังสุนขัมากนัหลายตวัแยง่เศษอาหารกนักดั กนัส่งเสียงเห่าน่าร าคาญคนทา ครัวอยกู่ ็ร าคาญ จึงเอาน้า ร้อนเทราดลงไป เมื่อสุนขัถกูน้า ร้อนราดก็วิ่งพล่านจึง เป็นสา นวน หมาถูกน้า ร้อน ใชก้บัคนที่มีธุระร้อนตอ้งดิ้นรน เที่ยววิ่งพล่านไปทา ธุระน้นัๆ เรื่องของสุนขักบัน้า ร้อนยงัมีคนทอ้งถิ่นนา ไปเป็น สา นวนเปรียบอีกสา นวนหน่ึง คือ ทา งานเหมือนหมาเลียน้า ร้อน เพราะปกติเวลา สุนขักินน้า จะใชล้ิ้นเลียและตวดัน้า เขา้ปากอยา่งรวดเร็ว แต่เมื่อน้า น้นัร้อนสุนขจะไม่ค่อย ั กล้าจะเลียบ้าง หยุด บา้งหรือหนีไปเลย สา นวนทา งานเหมือนสุนขัเลียน้า ร้อน จึงหมายถึงคนที่ทา งานไม่เรียบร้อยไวใ้จไม่ได้ รางเป็ นภาชนะรูปยาวมีร่องตรงกลาง อาจจะน าไม้เป็ นแผ่นยาวมาต่อกันหรือน าท่อนไม้มาขุดเป็ น ร่องยาวตรงกลางก็ได้ ชาวบ้านจะน าอาหารมาเทในรางเพื่อให้หมูไดก้ิน สุนขัที่วิ่งไปกินอาหารรางน้นัทีรางน้ีที จึงเรียกว่า หมาสองราง เป็นสา นวนที่หมายถึงผูท้ ี่ทา ตวัเขา้กบัท้งัสองฝ่ายบางคร้ังใชส้า นวนว่า ตีสองหนา้หมา สองราง ปกติสุนขัเป็นสัตวก์ินเน้ือกินหญา้แต่มีนิทานเล่าถึงสุนขัในรางหญา้ว่าแมค้นจะไม่กินหญา้แต่เมื่อสัตว์ กินหญ้า เช่น โคกระบือ จะเข้ามากินหญ้าสุนัขจะไม่ยอม เป็ นส านวน หมาในรางหญ้า หรือ หมาหวงราง หมายถึง ผูซ้่ึงหวงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และไม่ยอมให้ผูอ้ื่นไดใ้ชป้ระโยชน์คล้ายกับ หมาหวงก้าง แต่ส านวน หมาหวงกา้ง มีนยัในทา นองกนัท่าคนอื่นในสิ่งที่ตนไดประโยชน์ไปแล้วหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว เหมือน ้ สุนขัที่กินเน้ือปลาหมดไปแลว้แต่ยงัคอยระวงัไม่ให้สัตวอ์ื่นมาแยง่กา้งปลาไป จะรวมไวห้มดท้งัเน้ือปลาท้งั ก้างปลาไม่ยอมให้ใครๆ มามีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มา : http://thaiidiom.kapook.com/


ใบงานที่ ๓.๑เรื่อง ความหมายของค า ************************************************************************************* ตอนที่ ๑ ค าชี้แจงให้นักเรียนตอบค าถามที่ก าหนดให้ถูกต้อง ๑. ค าที่มีความหมายโดยตรง มีลักษณะอย่างไร ค าที่มีความหมายตามตัวอักษร ซึ่งเป็นความหมายตามทพี่จนานุกรมก าหนด เป็นความหมายหลัก ที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไป ๒. ค าที่มีความหมายโดยนัย มีลักษณะอย่างไร ค าที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร แต่เป็ นความหมายแฝงหรือความหมายโดยนัยอ้อมเพื่อ เชื่อมโยงไปถึงอีกสิ่งหนึ่ง ๓. การพิจารณาความหมายของค า มีหลักในการพิจารณาอย่างไร หลักในการพิจารณาความหมายของค า มีดังนี้ ๑) พิจารณาความหมายตามทพี่จนานุกรมก าหนด ๒) พิจารณาความหมายจากส านวนโวหาร ๓) พิจารณาความหมายจากบริบท ๔) พิจารณาความหมายจากน ้าเสียงและสีหน้าประกอบ เฉลย


ตอนที่ ๒ ค าชี้แจงให้นักเรียนอ่านเรื่องที่ก าหนด แล้วรวบรวมค าที่มีความหมายโดยนัยว่า มีกี่ค า และมีที่มาอย่างไร ปี จอ ขอเขียนเรื่องสี่ขา คราวน้ีขอเขียนถึงเจา้สี่ขาสัตวส์ ัญลกัษณ์ของปีจอกนับา้ง สุนขัตามศพัทแ์ ปลว่าผูม้ีเล็บงาม เป็นคา สุภาพของหมา แต่ส านวนไทยส่วนใหญ่ใช้ค าว่า “หมา”เมื่อกล่าวถึงสัตวเ์ล้ียงชนิดน้ี ถ้าใครรู้สึกว่าหมา ไม่สุภาพ แล้วเปลี่ยนมาใช้ค าว่า สุนัขแทนจะฟังขัดหู จะมีก็เพียงส านวนหมาจนตรอกเท่าน้นัที่บางคร้ังใช้ว่าสุนัขจนตรอก ซึ่งหมายถึง คนที่จ าต้องฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อจวนตัวหมดทางก็ต้องหัน มาต่อสู้กันจนสุดฤทธิ์ สา นวนน้ีมาจากพฤตกิรรมของสุนขัเมื่อถูกไล่ตอ้นวนอยใู่นตรอกที่ตนัไมม่ ีทางหนีต่อไปก็มกัจะ หันมาฮึดสู้การที่สา นวนน้ีใชค้า ว่า สุนขั โดยไม่ขดัหูคงเป็นเพราะมีการใชคู้่กบัสา นวน เสือสิ้นตวกั หมายถึง เสือที่เล็บหักหาย เมื่ออาวุธส าคัญส าหรับใช้ตะปบคู่ต่อสู้หายไปก็ตกอยู่ในภาวะฮึดสู้เหมือนกัน จึงเกิดส านวน เสือสิ้นตวกัสุนขัจนตรอกเพราะคา ว่า เสือกับ สุนัขข้ึนตน้ดว้ยพยญัชนะ ส เหมือนกัน และค าว่า ตวัก ก็มีเสียง สัมผัสกับค าว่า นัข เมื่อใช้ด้วยกันจึงมีเสียงคล้องจอง ฟังไพเราะ เมื่อแยกกล่าวเฉพาะส านวนที่เกี่ยวกับสุนัขจึง พบว่ามีการใชท้ ้งัสา นวน หมาจนตรอกและ สุนขัจนตรอก สุนขัเป็นสัตวเ์ล้ียงในบา้นที่ใกลช้ิดคน บางคนรักและทะนุถนอมสุนขัมากถึงกบันา มากอดจูบอุม้ชู บางคนถึงกบั ให้นอนดว้ย คนโบราณจะรักสุนขัมากขนาดน้ีหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้แต่ถา้สังเกตจากสา นวน ไทยจะเห็นว่าพฤติกรรมและเรื่องราวต่างๆ ของสุนขัที่นา มาเป็นสา นวนน้นั ไม่คอ่ยจะบ่งบงถึงความน่ารักน่า เอ็นดูของสุนัขสักเท่าไหร่เลย เช่น นิสัยของสุนัขที่ชอบเลีย ถ้าอุ้มหรือก้มหน้าลงไปใกล้สุนัข สุนัขก็จะเลียแสดง อาการรักใคร่ประจบประแจง คนไทยในสมยัก่อนไมไ่ดม้องในทางน่าเอน็ดูแต่กล่าวเป็นส านวนว่า เล่นกับหมา หมาเลียปาก บางคร้ังก็ต่อด้วยส านวนว่า เล่นกับสากสากต่อยหัว โดยสังเกตจากสากขนาดใหญ่ที่ใช้ต าข้าวซึ่ง มักจะวางพิงไว้เวลาไม่ใช้งาน ถ้าใครอยู่ไม่สุขไปจับเล่น สากอาจจะเลื่อนล้มมาทับเอาได้ ส านวนไทยที่มักจะใช้ ต่อเนื่องกันว่า เล่นกับหมาหมาเลียปาก เล่นกับสากสากต่อยหัว จึงหมายถึงความว่าลดตัวลงไปพูดจาเล่นหัวกับ บุคคลช้นัต่า กว่าหรือเด็กกว่า เป็นการวางตวัที่ไม่เหมาะสม ก็จะถกูตีเสมอหรือถูกลามปามได้ ปกติสุนขัที่ถูก ปล่อยให้เดินเพ่นพ่านกลางถนน เรียกว่า สุนัขจรจัด แต่ถ้าสุนัขที่มีเจ้าของเล้ียงดูอยา่งเป็นเรื่องเป็ นราวจะมีปลอก คอ คือ สายรัดรอบคอใช้ส าหรับล่ามจูงให้จับง่ายและในขณะเดียวกันก็เป็ นเครื่องหมายว่า สุนขัตวัน้ีไม่ใช่สุนขั กลางถนนหรือที่เรียกกันว่า หมากลางถนน แต่เป็นสุนขัที่มีเจา้ของ ดงัน้นัสา นวนหมามีปลอกคอ จึงหมายถึงคน ที่มีผู้ทรงอิทธิพลหรือผู้มีอ านาจคอยคุ้มครองคอยสนับสนุนช่วยเหลืออยู่


ธรรมชาติอย่างหนึ่งของสุนัข คือ เมื่อสุนัขตัวใดตัวหนึ่งเข้าจู่โจมคน สัตว์ชนิดอื่น หรือแม้แต่สุนัข ด้วยกัน แล้ว สุนัขตัวอื่นๆ จะกรูกันเข้ามาร่วมเห่าร่วมกัดด้วย ส านวนหมาหมู่ จึงหมายถึงกลุ่มคนที่กลุ้มรุมท าร้าย คนคนเดียวมักใช้ในกรณีของพวกนักเลงที่มีพรรคพวกมาก ร่วมกันรุมท าร้ายผู้มีก าลังน้อยกว่า พูดถึงหมาหมู่ แล้วขอพูดถึงหมาที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวบ้าง ไทยเรามีส านวน หมาหัวเน่า หมายถึง ผู้ซึ่งเป็ นที่รังเกียจของผู้อื่น เข้ากับ ใครไม่ได้ ไม่มีใครคบหาดว้ย ส่วนหมาหางดว้นน้นัเป็นสา นวน หมายถึงผูท้ี่ท าอะไรผิดพลาดจนได้รับความอับ อาย แลว้พยายามชกัชวนผูอ้ื่นให้เห็นว่าสิ่งที่ตนทา ไปน้นัเป็นสิ่งที่ดีควรทา ตาม เพื่อจะไดม้ีพวกที่ทา ผิดอยา่ง เดียวกัน บา้นของคนไทยสมยัก่อนมกัยกพ้ืนสูงจึงมีใตถุ้นบา้น ถา้เป็นบา้นของคนธรรมดาพ้ืนกระดานจะ ไม่ปูชิดกนัจนสนิทจะมีร่องอยบู่า้ง โดยเฉพาะพ้ืนครัว ซ่ึงครัวมกัจะอยมูุ่มชานบา้น เมื่อทา อาหารอาจจะมีเศษ อาหารหล่นลงร่องสุนขัมกัจะมาหาอะไรกินแถวๆ ใตถุ้นครัว บางคร้ังสุนขัมากนัหลายตวัแยง่เศษอาหารกนักดั กันส่งเสียงเห่าน่าร าคาญคนท าครัวอยู่ก็ร าคาญ จึงเอาน้า ร้อนเทราดลงไป เมื่อสุนขัถกูน้า ร้อนราดก็วิ่งพล่านจึง เป็นสา นวน หมาถูกน้า ร้อน ใชก้บัคนที่มีธุระร้อนตอ้งดิ้นรน เที่ยววิ่งพล่านไปทา ธุระน้นัๆ เรื่องของสุนขักบัน้า ร้อนยงัมีคนทอ้งถิ่นนา ไปเป็น สา นวนเปรียบอีกสา นวนหน่ึง คือ ทา งานเหมือนหมาเลียน้า ร้อน เพราะปกติเวลา สุนขักินน้า จะใชล้ิ้นเลียและตวดัน้า เขา้ปากอยา่งรวดเร็ว แต่เมื่อน้า น้นัร้อนสุนขัจะไมค่ ่อยกล้าจะเลียบ้าง หยุด บา้งหรือหนีไปเลย สา นวนทา งานเหมือนสุนขัเลียน้า ร้อน จึงหมายถึงคนที่ทา งานไม่เรียบร้อยไวใ้จไม่ได้ รางเป็ นภาชนะรูปยาวมีร่องตรงกลาง อาจจะน าไม้เป็นแผ่นยาวมาต่อกันหรือน าท่อนไม้มาขุดเป็ น ร่องยาวตรงกลางก็ได้ชาวบา้นจะนา อาหารมาเทในรางเพื่อให้หมูไดก้ิน สุนขัที่วิ่งไปกินอาหารรางน้นัทีรางน้ีที จึงเรียกว่า หมาสองราง เป็นสา นวนที่หมายถึงผูท้ ี่ทา ตวัเขา้กบัท้งัสองฝ่ายบางคร้ังใชส้า นวนว่า ตีสองหนา้หมา สองราง ปกติสุนขัเป็นสัตวก์ินเน้ือกินหญา้แต่มีนิทานเล่าถึงสุนขัในรางหญา้ว่าแมค้นจะไม่กินหญา้แต่เมื่อสัตว์ กินหญ้า เช่น โคกระบือ จะเข้ามากินหญ้าสุนัขจะไม่ยอม เป็ นส านวน หมาในรางหญ้า หรือ หมาหวงราง หมายถึง ผูซ้่ึงหวงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และไม่ยอมให้ผูอ้ื่นไดใ้ช้ประโยชน์คล้ายกับ หมาหวงก้าง แต่ส านวน หมาหวงกา้ง มีนยัในทา นองกนัท่าคนอื่นในสิ่งที่ตนไดป้ระโยชน์ไปแลว้หรือใชป้ระโยชน์ไม่ไดแ้ลว้เหมือน สุนขัที่กินเน้ือปลาหมดไปแลว้แต่ยงัคอยระวงัไม่ให้สัตวอ์ื่นมาแยง่กา้งปลาไป จะรวมไวห้มดท้งัเน้ือปลาท้งั ก้างปลาไม่ยอมให้ใครๆ มามีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มา : http://thaiidiom.kapook.com/ ค าที่มีความหมายโดยนัย มี 14 ค า ได้แก่ หมาจนตรอก สุนัขจนตรอก เสือสิ้นตวัก เล่นกับหมาหมาเลีย ปาก หมามีปลอกคอ หมาหมู่ หมาหัวเน่า หมาหางด้วน หมาถูกน ้าร้ อน หมาเลียน ้าร้ อน หมาสองราง หมาใน รางหญ้า หมาหวงราง หมาหวงก้าง มีที่มาจากสุภาษิต ส านวน ค าพังเพย


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม ช้นั ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ การแบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม ๒ ความร่วมมือกันท างาน ๓ การแสดงความคิดเห็น ๔ การรับฟังความคิดเห็น ๕ ความมีน้า ใจช่วยเหลือกนั รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม ่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๑ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


บันทึกหลังสอนแผนการจัดการเรียนรู้ที่๓ ๑.ผลการสอนระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก........................................................................... ๒. ผลที่เกิดกับผู้เรียน ๒.๑) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………………..................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๒) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…........................................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ทกี่า หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ......................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๓) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดยใช้………………………........................ พบว่านกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ.................. ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๓. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ .......................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน................................................................................ ............................................................................................................................................................. ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย) วันที่.........../.................../.................


ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ๑. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนา ไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) ความคิดเห็นของหัวหน้าวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ (นางสาวณัฐิญา คาโส)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมากรู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี จ านวน ๔ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๓ ระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ๒. สาระส าคัญ การศึกษาสารคดีซึ่งเป็ นงานเขียนที่เป็ นเรื่องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ให้สาระ ความรู้ ความคิด และความ เพลิดเพลิน ผู้อ่านต้องระบุใจความส าคัญและรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -ระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่านได้ ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ -อ่านจับใจความจากสารคดี - กระบวนการ การท างานรายบุคคล ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน -รักความเป็ นไทย ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑.ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒.ความสามารถในการคิด ๔.๓.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. การอ่านจับใจความจากสารคดี ๕.๒. การอ่านจับใจความจากสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี


Click to View FlipBook Version