The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ann milaela, 2023-05-29 01:47:18

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ม.2

ครูจันจิรา เขียวคล้าย

๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑. นกัเรียนทา แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการอ่านอยา่งมีวิจารณญาณ ๖.๒.ครูอ่านสารคดีส้ันๆ ให้นกัเรียนฟัง ๖.๓. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องงานเขียนประเภทสารคดี พร้อมยกตัวอย่างชื่อนักเขียน สารคดีที่มี ชื่อเสียงของไทย และยกตัวอย่างหนังสือสารคดีที่ดี ๖.๔. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านจับใจความจากหนังสือเรียน และใบความรู้ เรื่อง สารคดี ๖.๕. นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปหลักการอ่านจับใจความ และท าใบงานที่ ๔.๑ เรื่อง หลักการอ่านจับ ใจความ เสร็จแล้วน าส่งครูตรวจ ๖.๖. นักเรียนเลือกอ่านสารคดีที่ครูน ามาเป็ นตัวอย่าง ๑ เรื่อง แล้วน าความรู้จากการอ่านสารคดีที่เลือก มาท าใบงานที่ ๔.๒ เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี ๖.๗. ครูตรวจสอบการท าใบงานที่ ๔.๒ เพื่อพิจารณาความถูกต้องของการจับใจความสารคดี ๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุน จากเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง หลักมีเหตุผล นักเรียนสามารถท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนสามารถน าแนวคิดจากเรื่องไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ เงื่อนไขความรู้ นักเรียนสามารถอ่านจับใจความจากสารคดีชีวประวัติ เงื่อนไขคุณธรรม นกัเรียนใฝ่เรียนรู้มุ่งมนั่ในการทา งาน และรักความเป็นไทย เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม


๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๗.๑. หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๗.๒. ใบความรู้ เรื่อง สารคดี ๗.๓. ตัวอย่างสารคดี ๗.๔. ใบงานที่ ๔.๑ เรื่อง หลักการอ่านจับใจความ ๗.๕. ใบงานที่ ๔.๒. เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) - ๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) -ระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดของข้อมูลที่ สนับสนุนจากเรื่องที่อ่านได้ - ตรวจแบบทดสอบก่อน เรียน เรื่อง การอ่านอย่างมี วิจารณญาณ - ตรวจใบงานที่ ๔.๑ -แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การอ่านอย่างมี วิจารณญาณ - ใบงานที่ ๔.๑ (ประเมินตามสภาพจริง) ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (P) –อ่านจับใจความจากสาร คดี - กระบวนการการท างาน รายบุคคล - ตรวจใบงานที่ ๔.๒ - สังเกตพฤติกรรมการ ท างานรายบุคคล - ใบงานที่ ๔.๒ -แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (A) - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน -รักความเป็ นไทย สังเกตความ ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมนั่ในการทา งาน และ รักความเป็ นไทย ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


ใบความรู้ เรื่อง สารคดี ความหมายและจุดมุ่งหมายของการเขียนสารคดี สารคดีหมายถึง งานเขียนที่เป็ นเรื่องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลที่มี ตวัตนจริง เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนจริง มีเจตนาเบ้ืองตน้ ในการให้สาระความรู้ความคิด ท้งัน้ีตอ้งมีกลวิธี การเขียนให้เกิดความเพลิดเพลินดว้ย สารคดีโดยทวั่ ไปมีจุดมุ่งหมาย ดงัน้ี ๑. เพื่อให้ความรู้อาจจะเป็ นความรู้เฉพาะสาขาวิชา เช่น วิทยาศาสตร์สังคมศาสตร์ หรือ ภาษาศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ความรู้เกี่ยวกับการเจียระไนพลอย ความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็ นต้น ๒. เพื่อให้ข้อเท็จจริง ซึ่งอาจได้มาจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนค้นคว้า รวบรวมมา ประสบด้วย ตนเอง หรือได้รับการบอกเล่าโดยมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เขียนจะน ามาเรียบเรียง หรือเล่าในรูปสารคดี เช่น สารคดีท่องเที่ยว สารคดีเกี่ยวกบัสัตวป์่า สารคดีเกี่ยวกบัเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน เป็นตน้ ๓. เพื่อแสดงความเห็น หรือแนวคิด เป็ นการให้แนวคิดที่เป็ นประโยชน์ เพื่อส่งเสริมให้ผู้อ่านมี ความคิดที่กวา้งขวางยิ่งข้ึน เช่น สารคดีเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชน สารคดีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของสังคม สารคดีเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของชาติ เป็ นต้น ๔. เพื่อให้ความเพลิดเพลิน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด สารคดีบางเรื่องจึงเขียนให้ เป็นสารคดีที่ไม่มีสาระวิชาการมากเกินไป ท้งัน้ีเพื่อมุ่งสนองความตอ้งการของผูอ้่าน ให้ผูอ้่านเกิดความ เพลิดเพลิน สนุกสนานไปกับเรื่อง ขณะเดียวกันก็ได้สาระความรู้ ข้อเท็จจริง และความคิดเห็นด้วย เช่น สารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ผู้เขียนจะน าชมสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ สวยๆ งามๆ โดยมีการพรรณนาความ งามของธรรมชาติด้วยถ้อยค าที่สละสลวย ลักษณะของสารคดี ๑. เน้ือเรื่องมีสารประโยชน์เป็นงานเขียนที่มุ่งให้ผูอ้่านเกิดความรู้ความคิด ๒. เน้ือเรื่องไม่จา กดัว่าจะเป็นเรื่องใด ถา้เห็นว่าเน้ือหาน้นมีสาระบันเทิงก็สามารถน ามาเขีย ันได้ ๓. การใช้ส านวนภาษาสร้างความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน และผ่อนคลายความตึงเครียดใน ชีวิตประจ าวัน ๔. สารคดีเป็ นเรื่องราวที่ไม่ค่อยล้าสมัย ไม่มีการจ ากัดกาลเวลาเหมือนข่าว


ใบความรู้ ประเภทของสารคดี สารคดีแบ่งออกเป็ น ๓ประเภทใหญ่ๆ ไดแ้ก่ ๑. สารคดีวิชาการเป็ นเรื่องที่ให้ความรู้วิชาการแขนงต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ ศาสนาศาสตร์ เป็ นต้น ๒. สารคดีทั่วไป เป็นเรื่องที่ให้ความรู้และความรอบรู้ทวั่ๆ ไป เช่น การท่องเที่ยว การเล่นกีฬา งานอดิเรก สงคราม อุบัติเหตุ ประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ การท าขนม ตดัเยบ็เส้ือผา้การออกก าลังกาย เป็ น ต้น ๓. สารคดีชีวประวัติ เป็ นการเขียนเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลที่มีความสามารถเป็ น พิเศษ ผู้เขียนจะต้องมีข้อมูลอย่างถูกต้อง ให้ความเป็ นธรรม ปราศจากอคติล าเอียง เขียนโดยการไป สัมภาษณ์เจา้ของประวตัิหรือผูท้ ี่เกี่ยวขอ้งกบัผูน้ ้ัน แลว้นา เอาสิ่งที่เป็นสาระมาเขียนไว้เพื่อให้เกิดความรู้ ความบนัเทิงแก่ผูอ้่าน


เอกสารประกอบการสอน เรื่องที่ ๑ สารคดีทั่วไปเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไปไหว้พระบรมธาตุไชยา เมืองสุราษฎร์ เมื่อได้ยินใครๆ พูดว่าจะไปเที่ยวสุราษฎร์ หรือจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่บอกว่าเป็ นเมือง “ร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ”ก็มักล้วนแล้วจะไปเที่ยวเกาะ กินเงาะ กินหอยนางรม (ซึ่งที่จริงคือหอยตะโกรม) ตัว ใหญ่ๆ แลว้ก็ซ้ือไข่เค็มเมืองไชยามาฝากกนัมีนอ้ยคนเหลือเกินที่จะแวะสวนโมกขพลารามที่ท่านพุทธทาสเคยอยู่ เคย ประกาศธรรม หรือแมแ้ต่จะเล้ียวเขา้ไปเที่ยวชม ไหวพ้ระบรมสารีริกธาตุที่วดัพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหารอนัเป็น ที่มาของค าว่า “แหล่งธรรมะ” ถา้ไปเที่ยวไหนต่อไหนเสร็จแลว้มีเวลาสักคร่ึงค่อนวนัก็น่าจะมาลองเที่ยวชมที่วดัพระบรมธาตุไชยาน้ีบา้ง วดัน้ีเป็นวดัสา คญัเก่าแก่มาต้งัแต่คร้ังอาณาจกัรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองประมาณพุทธศตวรรษที่๑๑ - ๑๒ เดิมเมือง ไชยา น้นัเป็นเมืองใหญ่มีขอบเขตต้งัแต่อ.ท่าชนะอ.ไชยาลงมาถึงอ.เมืองสุราษฎร์ธานีอ.กาญจนดิษฐ์อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐ นิคม อ.เวียงสระ อ.พระแสง เรียกว่าเกือบท้งัจงัหวดัเลยทีเดียว มีการติดต่อกบัต่างประเทศเรื่อยมาและรับเอาอิทธิพล ทางศาสนาพุทธลัทธิมหายานเข้ามาด้วย นกัโบราณคดีกล่าวถึงประวตัิการสร้างวดัว่า เกิดข้ึนในสมยัพระเจา้ธรรมเสตุข้ึนครองเมืองไชยาแลว้ก็ทรง สร้างพระนครกา แพงเมืองโดยมีคูลอ้มท้งัสี่ทิศและสร้างวดัข้ึนหลายแห่งรวมถึงวดัพระบรมธาตุไชยาน้ีดว้ย ด้วยอิทธิพลของศาสนาพุทธลัทธิมหายาน ตัวเจดีย์จึงมีลักษณะศิลปกรรมแบบศรีวิชัย หรือแบบที่เรียกกัน ว่าอินโดชวานีส โดยองคพ์ระธาตุมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตัุรมุข ส่วนยอดแบ่งเป็นสามช้นัลดหลนั่กนัข้ึนไป แต่ละช้นั ประดบัดว้ยรูปสถูปขนาดเล็กองคร์ะฆงัของสถปูน้นัมีลกัษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยม ต้งัอยบู่นรูปดอกบวัใหญ่เหนือองค์ ระฆงัเป็นบลัลงัก์บวักลมุ่และปลียอดเฉพาะปลียอดเดิมหุ้มดว้ยเงิน เหนือปลียอดประดบัดว้ยฉัตรทองปรุสามช้นัซ่ึง กว่าจะเป็ นรูปลักษณ์ในปัจจุบันก็ผ่านการซ่อมแซมมาหลายคร้ังคร้ังสา คญัคือในสมยัรัชกาลที่๕ โดยพระชยาภิวัฒน์ สุภัทรสังฆปาโมกข์ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๙ – ๒๔๕๓ มีการตกแต่งองคพ์ระบรมธาตุเจดียข์้ึนใหม่ฉาบปูนบางๆ ทวั่ ท้งัองค์พร้อมท้งัเสริมยอดที่หักพงัลงมา สร้างวิหารหลวงข้ึนมาใหม่ในที่เดิม สร้างวิหารคดโดยรอบลอ้มองคพ์ระ เจดียแ์ละพระวิหาร สร้างพระอุโบสถเพิ่มเติม และซ่อมแซมอีกคร้ังเมื่อคราวฉลองกรุงเทพฯ ครบรอบ ๒๐๐ ปี สิ่งน่าสนใจที่องคเ์จดีย์คือลวดลายปูนป้ันที่ประดบัอยใู่นซุ้ม ดา้นหนา้เป็นองคพ์ระพุทธรูปในตราแผ่นดินด้านหลัง เป็นรูปเทพนม ส่วนดา้นขา้งเป็นรูปพระอินทร์ทรงชา้งเอราวณัและรูปนกยงูท้งัยงัมีรูปลายอื่นๆ อีกมาก เช่น รูปสิงห์รูปเหรารูปผีเส้ือเป็นตน้ลวดลายปูนป้ันเหล่าน้ีเป็นลวดลายที่ทา ข้ึนมาใหม่ในสมยัรัชกาลที่๕


นอกจากน้ีภายในวดัยงัมี“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา” ต้งัอยดู่ว้ยเปิดให้ชมมาหลายปีแลว้ โดยแบ่ง เป็ นสองอาคาร อาคารแรก “ศาลานีลวัฒนานนท์” ด้านหน้าจัดแสดงประติมากรรมศิลาและส าริดที่ค้นพบในเมือง ไชยา เก่าอย่างเทวรูปพระนารายณ์เทวรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรซึ่งเป็ นองค์จ าลอง องค์จริงแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พระนคร ในกรุงเทพฯ นี่เอง อย่างไรก็ดีภายในยังมีศิลปวัตถุจัดแสดงอยู่เป็ นจ านวนมาก ส่วนอาคารที่ ๒ เป็นที่จดัแสดงหลกัฐานสมยัก่อนประวตัิศาสตร์ต้งัแต่สมยัทวารวดีศรีวิชยัลพบุรีสุโขทยั อยธุยา ท้งัยงัมีโบราณวตัถุที่มีความประณีต งดงาม เช่น หนา้บนัไมแ้กะสลกัเก่าแก่ลวดลายงดงามอ่อนชอ้ยเครื่องถว้ย ชามเบญจรงค์ ลายเทพนม นรสิงห์ เครื่องถ้วยศิลปะอันนัม เครื่องลายครามของจีน รวมไปถึงพระพุทธรูปทองค า เครื่องเงิน เครื่องทองและอื่นๆ อกีเป็นจา นวนมากเหมาะแก่การเรียนรู้เพื่อทา ความเขา้ใจศิลปะทอ้งถิ่น หลงัจากเที่ยวชมศิลปวตัถุของเก่าที่ดูเหมือนจะตายไปแลว้ในวดัในพิพิธภณัฑก์ ็ไม่น่าจะละเลยที่จะไปเที่ยว ชมตลาดและหมู่บ้าน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าพอเป็ นวิถีชีวิตที่สัมผัสได้ หมู่บ้านที่น่าสนใจ คือ หมู่บ้านพุมเรียง ซึ่งไม่ได้เป็ น เพียงชุมชนที่อยชู่ายทะเลทา การประมงชายฝั่งเล้ียงชีวิตเท่าน้นัแต่พี่นอ้งมุสลิมที่นี่ยงัมีฝีมือทางดา้นทอผา้ สมยัก่อนเขา จะทอไว้ใช้เองใช้ในเวลาแต่งงาน หรือนุ่งไปทา พิธีที่มสัยิด ลายเก่าแก่ที่นิยมทอกนัคือ“ลายยกเบ็ด”แต่ปัจจุบนัน้นัหา ดูไดย้ากแลว้ว่ากนัว่าคนที่จะนุ่งผา้ทอพมุเรียงน้ีมกัจะเป็นเศรษฐีมีสตางค์และเป็นที่นิยมกว่าผา้ทอเมืองนคร หรือผา้ ทอเกาะยอ สงขลาเสียอีก ผา้ทอพุมเรียงมาดงัมากอีกคร้ังก็สมัย พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรีที่ใครๆ ก็หาผ้าไหม มาตดัเส้ือทรงพระราชทาน ผา้ทอที่นี่ก็ไดร้ับความนิยมมากเรียกว่าตอ้งเปลี่ยนจากการทอพ้ืนบา้นเป็นอุตสาหกรรม การทอเลยทีเดียวเดี๋ยวน้ีก็ยงัมีอยมู่ากแมจ้ะไม่ดงัเท่าเมื่อก่อนก็ตามและก็มีท้งัผา้ไหม ผา้ฝ้ายจะลองถามหาซ้ือตามบา้นหรือ ไปหาซ้ือที่ร้านวรรณม๊ะไหมไทยร้านใหญ่เก่าแก่ก็ได้ ถา้มาแต่เชา้ป่านน้ีก็คงบ่ายโข ยิ่งมาเมื่อตอนบา่ยตอนน้ีก็ยิ่งเยน็ย่า ตรงปลายถนนแถบคลองพุมเรียงใกลๆ้ กับแหลมโพธิ์ มีร้านอาหารฝี มือชาวบ้าน ขายอาหารทะเลสดๆ อยู่หลายร้าน เช่น ร้านพลับพลาซีฟู้ด หรือจะเลือก เป็นซุ้มดอกเห็ดก็ได้สั่งอาหารง่ายๆ ประเภทปูน่ึง ปลาทอด หมึกผัดพริก กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ รวมถึงหอยตลับที่ เรียกกนัว่าหอยขาวพุมเรียงจะผดัพริกเผา หรืออบจิ้มน้า จิ้มก็อร่อยรับรองตอ้งตกัขา้วสองสามรอบ ถา้ไมอ่ ิ่มจนอึดอดั ไปเสียก่อน (จากนายรอบรู้ ชวนเที่ยว นิตยสารสารคดี ปี ที่ ๑๗ ฉบับที่ ๑๙๗ กรกฎาคม ๒๕๔๔)


เอกสารประกอบการสอน เรื่องที่ ๒ สารคดีทั่วไปเกี่ยวกับการอธิบายวิธีท า น ้าพริกถ้วยเก่า มีเพลงของสุรพล สมบัติเจริญ เพลงหนึ่งชื่อเพลงเมียจ๋าหรือเพลงอะไรไม่แน่ใจ มีร้องท่อนแยกของเพลงว่า “ร้อยชู้หรือจะสู้เมียตน หญิงอื่นหมื่นคนหรือจะสู้เมียพี่น้า พริกถว้ยเก่าปลาร้าปลาเจ่าผกัดองของดีผัวไม่เคยเมินหนียัง รักเมียพี่ท่วมท้นดวงใจ” น้า พริกถว้ยเก่าเป็นศพัท์เรียกเมียที่บา้น สมยัหน่ึงเมื่อผูช้ายเขาพูดกนัว่ากลบัไปกินน้า พริก(หรือพะโล้) ที่บา้นน้นัมีนยัเชิงสา นวนว่ากลบัไปหลบันอน กับเมียที่บ้าน เมื่อหาคนหลับนอนด้วยนอกบ้านไม่ได้ เดี๋ยวน้ียงัใชก้นัอยบู่า้งหรือเปล่าไม่ค่อยแน่ใจแต่ในแวดวงที่ผม เที่ยวเตร่เฮฮาอยู่ไม่มีใครใช้ ผมเองก็ไม่เคยใช้ไม่ค่อยแน่ใจที่จะใช้ออกนอกบ้านแล้วผมกลับดึกนะครับ จะปลุกน้า พริก ข้ึนมากินก็ใช่ที่พะโลเ้ป็นสา นวนในความหมายเดียวกนัคือหมายถึงเมียที่บา้น หลังๆ นี่มีคนใช้กันมากในความหมาย ของผู้หญิงไม่ดูแลรักษารูปร่างตัวเองปล่อยให้ตัวเองอ้วน ผมไดย้ินเพื่อนใชพ้ะโลใ้นความหมายน้ีสองสามคร้ัง ซึ่งเป็ น ที่เข้าใจกันนะครับ แต่ผมสงสัยถามว่าท าไมจึงใช้ค าว่าพะโล้ในเมื่อพะโล้ไม่ได้มีนัยอะไรเกี่ยวกับความอ้วน เพื่อนก็ งงๆ อยู่หาค าอธิบายไม่ถูก…หรือมีใครหาคา อธิบายความของคา พะโลใ้นสา นวนน้ีไดก้็ว่ามานะครับ พะโลเ้ป็นของเก็บกินนานทา นองเดียวกบัน้า พริก ติดบ้านไว้ยังไงก็มีกับข้าวกินแน่ๆ เขาถึงเปรียบกับเมีย… ที่รอให้กินอยทู่ ี่บา้น ผมเป็นคนชอบกินน้า พริกมตีิดบา้นอยเู่สมอไมน่้า พริกอะไรก็ตอ้งน้า พริกอะไรสักอยา่งหน่ึง เพื่อน ผูคุ้น้เคยกนัที่ตา น้า พริกอร่อยก็มกัจะตา น้า พริกมาฝากเพื่อนคนหน่ึงตา น้า พริกไตปลาอร่อยมากผมถนัดแต่ก้มหน้ากิน ไม่เคยเงยหน้าถามว่าท ายังไง วนัหลงัจะขอสูตรเขามาบอกให้พรรคพวกอีกคน ตา น้า พริกปลากระป๋องอร่อยเกิดมาผม ก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าปลากระป๋องน้นัตา น้า พริกได้อนัน้ีถามสูตรเขามาแลว้ เดี๋ยวจะบอกให้ ก่อนหนา้ที่จะเขียนตน้ฉบบัน้ี ผมพยายามหาหนังสือที่ชื่อน ้าพริกของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช ซึ่งมีอยู่ แต่หาไม่เจอให้ใครไปหรือโดนใครจิ๊กก็ไม่แน่ใจ หม่อมราชวงศค์ึกฤทธ์ิน้นัท่านเป็นเลิศในหลายสาขาวิชาความรู้ เรียกว่าถา้เป็นเรื่องที่ท่านสนใจท่านก็เป็นเลิศในเรื่องน้นั เรื่องการท าอาหารก็เป็ นเรื่องหนึ่งผมตามอ่านเรื่องน้า พริกของ ท่านต้งัแต่สมยัที่พิมพใ์น สยามรัฐเมื่อรวมเล่มก็ซ้ือเก็บไว้เจอหนังสือต ารากับข้าวเกี่ยวกบัน้า พริกไม่ว่าเล่มใดใครเขียน ผมซ้ือหมด ชอบอ่านมาก ชอบอ่านกับชอบกิน แต่แทบจะไม่เคยตา น้า พริกกินเองเลยที่จะตา กินเองเป็นพ้ืนก็คือน้า พริก กะปิแต่น้า พริกปลากระป๋องที่ผมลองทา กินเองแลว้นะครับ ได้เลยใช้ได้ ผมรู้สูตรแล้วก็ไม่ได้คิดจะลองท าหรอกครับแต่อยู่มาวันหนึ่งมีผู้หวังดีส่งปลากระป๋ องมาให้ผมสองลังผมงงๆ ว่าจะทา อะไรกบัมนัดีก็เลยคิดว่าตา น้า พริกเล่นดีกว่า


เอกสารประกอบการสอน เริ่มตน้ก็ตอ้งมีปลากระป๋อง ใช้ปลากระป๋ องปลาทูน่านะครับ ปลากระป๋ องอื่นๆ อย่างปลาซาร์ดีนเกล็ดเขียว เกล็ดขาวอะไรน้นัผมไม่รู้ว่าทา ไดห้รือเปล่าใครอยากลองก็ตามสะดวก ปลากระป๋ องทูน่าที่เมืองไทยเราท าเองขายเอง ส่งออกแทบจะเป็ นปลากระป๋ องทูน่าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว ควรจะนิยมกิน ผมเคยอ่านข่าวว่ามันมีประโยชน์ถึงขนาด ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้นนั่แน่ะจะบอกแถมให้ว่ารักษาได้ด้วยก็เกรงใจแต่บอกก็ได้นะครับ ใครจะไปรู้มันรักษาได้ จริงหรือเปล่าอาจจะก็ได้ ปลากระป๋องทูน่ามาเป็นชิ้นไม่น่ากลวัเหมือนปลากระป๋องซาร์ดีนสมยัเรียนอยมู่หาวิทยาลยัผมกับพรรคพวก มีกิจกรรมเมากญัชากนัเป็นคร้ังคราวเพื่อนคนหน่ึงน้นัเมากญัชาแลว้กลวัปลากระป๋อง ปลาซาร์ดีนนะครับ สมยัน้นั ไม่มี ปลากระป๋ องทูน่า เวลาเพื่อนเมากญัชาใครยื่นปลากระป๋องให้เป็นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ถามว่าทา ไมตอ้งกลวัเพื่อนก็บอก ว่า กลัวซีมันเข้าไปตายรวมกันในกระป๋ องได้ยังไง เข้าไปทางไหน แถม ตายแบบต้งใจคือตายเรียงกันอีกต่างหาก ั มึงไม่ กลัวเหรอจะใชป้ลากระป๋องทูน่าในน้า มนัหรือปลากระป๋องทูน่าในน้า เกลอืก็ตามสะดวกของผมใชใ้นน้า เกลือเริ่มตน้ ก็ใชห้อมแดงกบัพริกข้ีหนูควั่ในกระทะต้งัไฟ ถา้ไม่เอากระทะต้งัไฟจะควั่ ไปหาแห้วอะไร หอมแดงก็ปอกเสียก่อน พริกก็เด็ดก้านเสียจะใช้จ านวนเท่าไหร่นี่ไม่ทราบกะๆ เอาเองให้มันเหมาะกับจ านวนปลากระป๋ องที่จะต้องใช้อาหารที่ บอกเครื่องปรุงประเภทหนึ่งถ้วยตวง สองช้อนโต๊ะครึ่ งช้อนชาอะไรพวกน้ีผมไม่ทา ข้ีเกียจจา ข้ีเกียจจด และข้ีเกียจหา ช้อนชา ช้อนโต๊ะและถ้วยตวงขอรู้แค่ว่าใช้อะไรใส่อะไรบ้างเท่าน้นัแหละแล้วผมไปผจญภัยของผมเอง พริกข้ีหนูกบั หอมน้นัควั่พอหอม แลว้ก็ใส่ครกตา ต าพอแหลกแล้วก็ใส่ปลากระป๋ องลงไปต าด้วยให้เข้ากันดีต าละเอียดต าหยาบก็ แล้วแต่ชอบ จากน้นัก็นา ไปรวนในกระทะใชไ้ฟอ่อน ถา้รู้สึกว่าขน้เกินไปก็เติมน้า ปรุงรสดว้ยน้า ปลา น้า มะนาว น้า ตาลทรายคนบอกสูตรเขาใชพ้ริกข้ีหนูนอ้ยเพราะกลวัเผด็มากก็ใส่พริกป่นดว้ย ซึ่งก็เก๋ไปอีกแบบ รสสรุปของ น้า พริกปลากระป๋องนี่ให้มีเปร้ียวนา เค็มตาม อมหวานบ้างนิดหน่อยและไม่ควรให้เผ็ดมาก บอกไว้ตามที่สูตรเขาบอก แต่เรื่องน้ีลิ้นใครลิ้นมนัรสใครรสมนัของผมน้นัเป็นพวกอ่อนหวาน คือไม่ชอบกินอาหารรสออกหวาน น้า ตาลทราย น้นัผมใส่ไปกระจ๋ึงหน่ึงแค่พอให้มีตามสูตรเขาบอก ปกติผมชอบกินน้า พริกกบั ปลาทอดหรือปลายา่งแต่น้า พริกน้ีมนัเป็นปลาอยแู่ลว้ก็ไม่ตอ้งกินกบั ปลา หรือจะ กินกับปลาก็ไม่แปลกผกัจิ้มน้นัตามแต่ชอบ แต่ผมชอบกินกับผักกวางตุ้งลวกลวกไว้ทีละแยะๆ กินเหลือเก็บใส่ตู้เย็น ไว้กินต่อเรื่องน้ีเป็นวิชาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็ นวิชาก็เป็ นวิชาที่ผมได้มาจากร้านบะหมี่กวางตุ้งปากซอยที่บ้าน เขาลวกผักเก็บไว้ทีละมากๆ ไม่ต้องมาลวกทีละชาม ผกักวางตุง้ลวกน้ีกินน้า พริกอะไรก็อร่อย ที่ส าคัญอย่าลวกให้เละ เอาแค่พอหายเหม็นเขียวกินมากๆ เถอะครับย่อยง่ายถ่ายสะดวก น้า พริกปลากระป๋องนี่ตอนผมทา น้นั กินเหลือผมก็ใส่ตู้เย็นไว้กินต่อกินหลายวันเข้าก็เบื่อเห็นมันยังเหลืออยู่วัน หน่ึงหิวข้ึนมาหาอะไรกินไม่ทนั ใจก็เอาน้า พริกปลากระป๋องนี่ไปผดัขา้วใส่ไข่อ๊ะ…ได้เรื่องอร่อยไปอีกแบบ วิธีผัดก็ตี กระเทียมในกระทะใส่น้า พริกนี่ลงไปผดั ใส่ไข่แหวกเน้ือพริกออก ต่อยไข่ใส่เข้าไปตรงกลาง ให้ไข่จบัตวัสุกบา้งก่อน จะไดเ้ป็นชิ้นๆ จากน้นัก็ใส่ขา้วผดัผกักวางตุง้ที่ลวกไวน้นั่แหละใส่สา ทบัเขา้ไป ปรุงรสดว้ยเกลือ หรือน้า ปลาซีอิ๊วก็ ตามถนัด ท ากินนะครับ เป็ นอาหารสุขภาพ คิดว่าเป็นอาหารป้องกนัมะเร็งอาจจะช่วยให้กินลงไดด้ีข้ึน


เอกสารประกอบการสอน เอกสารประกอบการสอน เรื่องที่ ๓ สารคดีทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์ เรื่องของหมา หมาน้นัมีขนบธรรมเนียมประเพณีในการติดต่อกนัและการปฏิบตัิตนต่อกนัมากมายหลายอยา่ง มนุษยเ์รา มีกฎเกณฑใ์นการปฏิบตัิต่อกนั ในสังคมฉันใดหมาก็มีฉันน้นั แต่เป็ นธรรมดากฎเกณฑ์ของหมาจะต้องไม่ตรงกับ ของมนุษย์เพราะกฎเกณฑข์องหมาน้นัง่ายกว่าตรงไปตรงมากว่าของมนุษย์และขณะเดียวกันหมาก็มองโลก รู้จักโลกด้วยวิธีการอันแตกต่างกว่ามนุษย์ ถึงจะให้ผมใช้ถ้อยค าหรูๆ แบบนกั ประพนัธ์ในการข้ึนตน้เรื่องน้ีผมก็ต้องพูดว่าโลกทศัน์ของหมาน้นัอยทู่ ี่ จมูกและหมาเขียนประวัติของตนด้วยปัสสาวะ พูดดงัน้ีแลว้ฟังดูหรูหราลึกซ้ึงดีแต่ข้อความที่กล่าวมาน้ีนอกจาก ฟังดูหรูหราลึกซ้ึงแลว้ ยังเป็ นความจริงอีกด้วยในกระบวนวิญญาณต่างๆ อนัเกิดจากอายตนผสัสะน้นั ฆานวิญญาณ หรือความรู้ที่ได้รับจากจมูกเป็ นส าคัญที่สุดส าหรับหมา เพราะหมาน้นัส่วนมากสายตาไม่ดีเห็นอะไรไม่ชัด จะแลเห็นสี ต่างๆ หรือไม่ก็ไม่มีใครยืนยัน ฉะน้นัหมาจึงอาศยัจมูกดมกลิ่นต่างๆ เป็ นเกณฑ์ หมาจะไปไหนก็มิได้ใช้ตาสังเกตทางแต่ใชจ้มูกดมกลิ่นไป การทัศนาจรจึงไม่มีส าหรับหมาจะมีแต่เพียงฆานจร เท่าน้นั ในการติดต่อทางสังคมกบัหมาตวัอื่นน้นัหมาก็ใชจ้มูกอีกคนเราน้นั ใชต้าดูและหูฟังเสียง รู้ได้ว่าใครเป็ นใครใน สังคม หรือรู้ว่าใครเป็ นเด็กใครเป็ นผู้ใหญ่ ใครเป็ นผู้หญิงใครเป็ นผู้ชาย ตลอดจนใครโง่หรือใครฉลาด ใครข้ีขลาดหรือ ใครกล้าแต่หมาใชจ้มูกอยา่งเดียวในการแสวงหาความรู้เหล่าน้ีหมาจะไม่คิดถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาของหมาอีกตัวหนึ่ง เลยแต่จะคิดถึงกลิ่นของหมาตวัน้นัเพียงอยา่งเดียว กิเลสตณัหาและอารมณ์ของหมาก็เกิดจากกลิ่นเป็นส่วนมากกลนิ่หมาใหญ่ทา ให้ลูกหมากลวักลนิ่หมาตวั เมียที่ถึงคราวผสมพันธุ์ท าให้หมาตัวผู้มีราคะอันกล้า และกลิ่นที่ผิดไปจากความเคยชินน้นัทา ให้หมาระแวงระวัง เป็ นพิเศษ ตลอดจนกลิ่นที่ไม่ถูกใจน้นัทา ให้หมาโกรธไดม้าก การเลือกต้งัเมื่อวันที่๒๖ กุมภาพนัธ์น้นั ถ้าหากจะให้หมาหาคุณศัพท์มาประกอบ หมาจะไม่บอกว่าไม่เรียบร้อย เลยแต่หมาจะบอกว่า “เหม็นเน่ามาก” ก็เมื่อหมาอาศยัการดมกลนิ่เป็นสา คญัทา ให้เกิดความรู้ดงัน้ีสิ่งที่หมาจะ แสดงออกให้ปรากฏก็ดีหรือกา หนดจดจา สิ่งใดก็ดีจึงตอ้งเป็นสิ่งที่มีกลิ่นอยา่งแรง มิใช่สิ่งที่หนกัไปทางรูปรสหรือ เสียง ปัสสาวะของหมาก็เป็นสิ่งที่มีกลิ่นน้ีคนเราน้นัอาศยัตาเป็นส่วนมากในการแสวงหาความรู้ฉะน้นัเมื่อจะกา หนด จดจา สิ่งใดก็อาศยัรูป เป็นตน้ว่าในการเดินทางก็สังเกตทิศไดด้ว้ยการสังเกตพระอาทิตยข์้ึนพระอาทิตยต์ก ตลอดจน สังเกตภูเขา ต้นไม้แม่น้า หรือภูมิประเทศอื่นๆ เป็ นเกณฑ์จดจ า ในยามค ่าคืนก็สังเกตดวงดาว ส่วนเมื่อมีเรื่องอะไร จะต้องจดจ าก็ท าเครื่องหมายที่ตาเห็นได้ไว้เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์สินเป็ นต้นว่าลงนามไว้ในหนังสือ ปักร้ัว ก าหนดเขตบ้าน หรือปักหินสีมาก าหนดเขตโบสถ์แต่หมาใชป้ ัสสาวะอยา่งเดียวในกิจการเหล่าน้ี ต้องระมัดระวังปิดหน้าต่างปิดประตูให้มิดชิดระวังไม่ให้หมาติดตามขึ้นไปได้ แต่วันไหนเกิดความเผลอเรอ ปล่อยให้ หมาเล็ดลอดขึ้นไปแล้ว เป็นเกิดเหตุทุกทีหมาแปดตัวจะมายืนอยู่รอบมุ้ง กระดิกหางแสดงความยินดีว่า สาย ตะวันโด่ง แล้วยังไม่ตื่นอีกหรือ หากผมไม่รีบลุกขึ้นเอะอะให้ทันการ ก็จะมีหมาตัวหนึ่งมาดมที่มุ้งโดยรอบดมไปดมมาแล้ว


เวลาหมาออกจากบ้านและเดินทางห่างที่อยู่ออกไป หมาก็จะปัสสาวะไว้แทบทุกโคนต้นไม้หรือเสาไฟฟ้า เพื่อจะ ไดด้มกลิ่นปัสสาวะของตนแลว้กลบับา้นไดถ้กู เมื่อหมาอยู่ในที่ใดอันเป็ นบริเวณของตน หมาก็จะปัสสาวะก าหนดเขต แสดงกรรมสิทธ์ิไดด้ว้ยกลิ่นโดยรอบที่บา้นผมน้นัเกิดเหตุบ่อย ๆ ด้วยหมาหลายตัวชอบมาแสดงกรรมสิทธิ์ ในตัวผม เวลาผมข้ึนนอนบนเรือนตอ้งระมดัระวงัปิดหนา้ต่างปิดประตูให้มิดชิดระวงัไม่ให้หมาติดตามข้ึนไปได ้แต่วันไหนเกิด ความเผอเรอ ปล่อยให้หมาเล็ดลอดข้ึนไปแลว้ เป็นเกิดเหตุทุกทีหมาแปดตัวจะมายืนอยู่รอบมุ้งกระดิกหางแสดงความ ยินดีว่า สายตะวันโด่งแล้วยังไม่ตื่นอีกหรือ หากผมไม่รีบลุกข้ึนเอะอะให้ทนัการก็จะมีหมาตัวหนึ่งมาดมที่มุ้งโดยรอบ ดมไปดมมาแล้วออกอุทานแสดงกรรมสิทธิ์ ว่า “อ๊ะ นายกู”แล้วปัสสาวะรดมุ้งไว้หนึ่งที่เป็ นหลักฐาน จากน้นัก็จะมีอกี ตัวหนึ่งเข้ามาดม ดมไปดมมากไ็ดก้ลิ่นที่ตวักอ่นแสดงกรรมสิทธ์ิไวแ้ลว้ ก็เกิดความคิดว่ามีอะไรที่ไม่เป็นธรรมเกิดข้ึน แล้ว พลางออกอุทานว่า “นายกูเหมือนกันนี่หว่า”แลว้ปัสสาวะรดไวอ้ีกหน่ึงเพื่อพิสูจน์ความจริงขอ้น้ีตอนน้ีจะเป็น โอกาสของหมาอีกตัวหนึ่งที่จะเข้ามาดมที่มุ้งแล้วออกอุทานว่า “นายกูต่างหาก” แล้วก็ปัสสาวะรดอีกทีหนึ่ง ต่อไปก็ถึง เวรอีกตัวหนึ่งเข้ามาส ารวจแล้วร้องว่า “นายกูเหมือนกันโว้ย” แล้วก็อีกทีหนึ่ง เวียนกันไปจนครบแปดตัวแปดทีผลที่ เกิดข้ึนก็คือการซกัมุง้ ซึ่งมิใช่ของง่ายและยิ่งหน้าฝน ฝนตกชุกอยา่งน้ีทุลกัทุเลเป็นอยา่งยิ่งความจริงหมาบ้านอื่นเขาจะ พูดคุณผมกันหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่หมาบ้านผมมันแสดงท่าทีว่าพูดมึงกูกัน ผมก็เลยบนัทึกไวอ้ยา่งน้ี ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไปผมตอ้งขอพูดไวเ้สียก่อนว่า หมาน้นัมีจุดประสงคส์องประการในการปัสสาวะ ประการแรกคือถ่ายเพื่อเปล้ืองทุกขต์ามธรรมชาติ หรือท าให้เกิดสรีรสุขหรืออย่างน้อยก็ท าให้เกิดท้องเบาๆ ไปและ อีกประการหน่ึงน้นัถา่ยเพื่อสังคม คือ เพื่อก าหนดจดจ า เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์เพื่อแสดงให้ปรากฏ เพื่อแสดงความเป็ น มิตร หรือเพื่อท้าทายกันก็ได้การที่จะถ่ายอยา่งไรน้นัสังเกตที่ปริมาณเป็นรู้ หากถ่ายโดยธรรมชาติบังคับก็จะมีปริมาณ มากแต่ถ้าถ่ายเพื่อสังคมก็จะมีปริมาณน้อยเพียงหยดสองหยดก็พอ นอกจากน้นัยงัสังเกตไดจ้ากท่าทางแต่ท่าทางน้นั สังเกตจากหมาตัวผู้ได้ยาก ต้องอาศัยความช านาญจริงๆ สังเกตที่ท่าทางของหมาตัวเมียได้ง่ายกว่า เพราะหมาตวัเมียน้นั ถา้ถ่ายโดยธรรมชาติจะนงั่ลงถ่ายเรียบร้อย เทา้ท้งัสี่วางอยบู่นพ้ืนดิน แต่ถา้ถ่ายเพื่อสังคมก็จะนงั่แต่เพียงสามขาอีกขา หนึ่งเหยียดตรงไปข้างหน้า หมาตวัเมียที่แก่นๆ บางตัวที่ตามศัพท์สังคมปัจจุบันเรียกว่า “ทอมบอย” น้นัยกขาตะแคง ข้างถ่ายอย่างตัวผู้ก็มีแต่จะทา อยา่งน้ีเมื่ออยใู่นวยัเรียกว่า “ทีนเอจ” เท่าน้นั การดมปัสสาวะของหมาตวัอื่นน้นัหมาไดค้วามรู้ว่าหมาตวัที่ถ่ายปัสสาวะน้นัเป็นหมาใหญ่หรือลูกหมา เป็ นตัวผู้หรือตัวเมีย หากเป็ นตัวเมียก็รู้ด้วยว่าอยู่ในระยะที่พร้อมจะผสมพนัธุ์หรือเปล่าและอาจรู้ดว้ยว่าหมาตวัน้นั อยู่ในสภาพที่แข็งแรงหรือไม่ ตลอดจนอาจรู้อะไรที่คนไม่รู้หรือเดาไม่ออกอีกหลายอย่าง เป็ นต้นว่าหมาตัวที่ถ่าย ปัสสาวะน้นัเป็นหมาดุหรือหมาใจดีหรือหมาข้ีขลาด “ไอ้แม็ค” ไปเที่ยวในป่าสูง ไอ้แม็คนั้นถึงจะตัวเล็กก็เป็นหมาล่าสัตว์โดยสมบูรณ์ เวลาไปอยู่ในป่าด้วยกันไอ้ แม็ค ก็จะออกส ารวจป่าที่พัก บางทีกลับมาก็มีกลิ่นอีเห็นติดตัวมาด้วย หรือมีขนเม่นติดจมูกมาเส้นหนึ่งเป็น เครื่องหมาย


ส่วนการถ่ายปัสสาวะเพื่อสังคมของหมาน้นั นอกจากจะเป็ นการก าหนดเขตหรือกรรมสิทธิ์ ในสถานที่หรือ สิ่งของแลว้ก็อาจเป็นการแสดงความรู้สึก แสดงความในใจอีกหลายอย่างที่เห็นได้ชัดก็เป็ นการท้าทาย เมื่อหมาตัวผู้ ขนาดเดียวกนัสองตวัมาพบกนัเขา้และเกิดสายตาไม่ตอ้งกนัข้ึนมาต่างฝ่ายก็จะพองขนหูหางต้งั เดินตัวแข็งๆ เข้าใส่กัน ขณะน้ีก็ส่งเสียงขู่กนับา้งตามธรรมเนียมเมื่อถึงตวักนัเขา้แลว้ก็จะหันขา้งให้แก่กนัต่างฝ่ายต่างก็จะเริ่มดมกลิ่นกนัเพื่อ จะรู้นิสัยใจคอกนัที่ที่จะดมกลิ่นกนัน้นั ไม่ใช่ที่หัวหรือตามเน้ือตามตวั แต่เป็นที่ที่น่าจะมีกลิ่นมากที่สุดคือกน้ หากต่าง ฝ่ ายต่างยังคงถือว่าตนดีไม่เกรงกลัวอีกฝ่ ายหนึ่งก็ยังคงยกหางเปิ ดก้นให้อีกฝ่ ายหนึ่งดม พูดอย่างภาษาคนก็ต้องเรียก ตอนน้ีว่าพูดกนัอยา่ง “เปิ ดอก” เมื่อดมกนั ในตอนน้ีแลว้หากฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงบงัเกิดความกลวั ข้ึนมา เห็นท่าว่าจะสู้อีกตัวหนึ่งไม่ได้ก็จะลดหางลงมาปิ ดก้น ปลายหางน้นัซุกเขา้ไประหว่างขาหลงั เป็ นสัญญาณให้รู้ ว่ากลัวแล้วและจะเดินหนีหรือวิ่งหนีไป คนไทยแต่ก่อนเป็นคนช่างสังเกต คงได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับหมาเป็ นอันมากจนบัญญัติศัพท์ถึงความ ขลาด หรือความกลัวเกรง หรือความพ่ายแพอ้ยา่งสิ้นเชิงว่า “หางจุกตูด” เมื่อพ่ายแพ้กันไปเสียตัวหนึ่งแล้วอีกตัวหนึ่งก็ จะหาที่อันสมควรที่จะประกาศกรรมสิทธิ์ บอกอาณาเขตของตนหรือจารึกชัยชนะของตนไว้ที่น้นัจะตอ้งเป็นอะไร สูงๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟหรือเสาร้ัว หากของเหล่าน้ีไม่มี ก็อาจเป็ นก้อนอิฐ ก้อนหินหรือกอหญ้า เมื่อเลือกที่ได้ถูกใจ แล้วตัวที่ชนะก็จะถ่ายปัสสาวะไว้ เหตุที่เกิดข้ึนหากฝ่ายหน่ึงไม่ยอมแพน้ ้นั ก็คือการดมก้นกันต่อไปอีกพักหนึ่ง เมื่อได้ ดมกนัจนสิ้นสงสัย รู้ฝี มือกันว่าพอสู้กันได้แล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงยงัคิดจะสู้ก็จะตามไปดมปัสสาวะน้นั และปัสสาวะทับ ลงไปเป็ นท านองรับค าท้า ต่างฝ่ายต่างปัสสาวะรดกนัอยอู่ยา่งน้ีหลายคร้ัง เหมือนกับคนด่าว่าท้า-ทายกัน และเมื่อท้าทาย กันมากจนอดใจไม่อยู่ก็จะกัดกันในที่สุด การกดัน้นัยอ่มมีแพม้ีชนะ ตัวที่แพ้อาจ“วิ่งหางจุกตูด” หนีไป หรือมิฉะน้นั อาจนอนหงายไม่สู้ปัสสาวะราด เมื่อฝ่ ายแพ้นอนหงายเสียไม่สู้ ฝ่ ายชนะก็จะไม่ท าร้ายต่อแต่จะยืนคร่อม ดูทีจนเห็นว่า แพ้แน่แล้วก็จะขยับขยายไปดมปัสสาวะแห่งความพ่ายแพ้ของตัวที่แพ้เมื่อเห็นว่าแพอ้ยา่งแน่นอน ดว้ยหลกัฐานน้ีแลว้ ตัวที่ชนะก็จะเดินออกไปห่างเพื่อหาที่ปัสสาวะประกาศชัยชนะของตนต่อไป เป็นโอกาสให้ตวัที่แพลุ้กข้ึนหลีกเลี่ยงไป ได้โดยตวัที่ชนะน้นั ไม่ติดตาม ธรรมะที่พึงสังเกตเป็นอยา่งยิ่งในที่น้ีคือ หมาน้นัจะไม่ทา อนัตรายตวัที่ยอมแพห้รือตวัที่ ต่อสู้กันจนแพ้แล้วเป็ นอันขาด การปัสสาวะเพื่อสังคมในที่น้ีจะเห็นไดว้่ามีจุดประสงคห์ลายอยา่งต้งัแต่การทา้ทายการ ยอมแพ้ การประกาศชัยชนะ ตลอดจนการจารึกชยัชนะน้นั ไวเ้ป็นอนุสาวรียต์ ่อไป ด้วยเหตุเหล่านี้ ผมจึงได้กล่าวไว้แต่ต้นว่า หมานั้นมองโลกด้วยจมูกและจารึกประวัติศาสตร์ของตนด้วยน ้า ปัสสาวะการถ่ายปัสสาวะน้นัอาจทา เพื่อแสดงความรู้สึกอยา่งอื่นอีกทีก็ได ้คร้ังหน่ึงผมพาหมาดคัซฮุนดตัวหนึ่งชื่อ ์ “ไอ้แม็ค”ไปเที่ยวในป่ าสูงไอแ้ม็คน้นัถึงจะตัวเล็กก็เป็ นหมาล่าสัตว์โดยสมบูรณ์เวลาไปอยู่ในป่ าด้วยกันไอ้แม็ค ก็จะออกส ารวจป่ าที่พัก บางทีกลบัมากม็ีกลนิ่อีเห็นติดตวัมาดว้ย หรือมีขนเม่นติดจมูกมาเส้นหนึ่งเป็ นเครื่องหมาย แห่งความนิยมไพร แต่ป่าที่ไปเที่ยวกันวันนั้นเป็นป่าที่สูงมากและไกลที่พัก


สังเกตดูไอ้แม็คก็รู้สึกถึงความกว้างใหญ่ของป่ าและความไม่แน่นอนของป่ าอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ออกวิ่ง หายไปเหมือนป่ าใกล้ที่พักแต่เดินอยู่ข้างๆ ตัวผมตลอด เดินไปเดินมาผมก็ถูกธรรมชาติเรียกร้องต้องแอบไปปลดปล่อย ทุกข์ขนาดเบาไว้ข้างต้นไม้ ไอ้แม็คก็ยืนดูอยู่ พอเสร็จแล้วไอ้แม็คก็ท าอะไรที่ผมคาดไม่ถึงคือเข้าไปดมทุกข์ขนาดเบาที่ผม ถ่ายเอาไว้แล้วปัสสาวะลงที่ตรงน้นัเสร็จแลว้ก็หันมามองหนา้ผมแลว้ก็กระดิกหาง ในใจจริงน้นั ไอ้แม็คจะคิดอย่างไรผม ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ทา้ทายผมแน่และผมเขา้ใจว่าไอแ้ม็ค ต้งัใจจะบอกผมว่า“บัดนี้เราเดินทางมาไกลที่อยู่ ป่ านี้ก็กว้าง ใหญ่ไพศาลและเป็ นป่ าสูง อาจมีอันตรายรอบด้าน เมื่อเรามากันสองคนเท่านี้เราก็ต้องไม่ทิ้งกัน แต่เราจะบุกป่ าฝ่ ารกไป ด้วยกัน มาเถิดภัยอันตรายทั้งหลายเราสองคนจะสู้” ปัสสาวะของไอแ้ม็คที่ลงไปปนอยกู่บัของผมน้นัเป็นน้า สาบาน ของผู้ที่ตกอยู่ในที่อันน่าสงสัยปราศจากความแน่นอน การปัสสาวะของไอแ้มค็ในกรณีน้ีจึงเป็นการให้สัตย์เพื่อท า ความมนั่ใจให้เกิดแก่ท้งัสองฝ่ายว่าจะไม่ทิ้งกนัผมคิดไดด้งัน้นัก็ต้ืนตนั ใจจะตอบสนองน้า ใจโดยวิธีอยา่งไร ให้รัดกุม เท่าไอ้แม็คมันท าก็ไม่มีปัญญาได้แต่เอ่ยวาจาอย่างง่ายๆ ต้ืนๆ ไร้ความหมายเท่าที่มนุษยจ์ะทา ไดว้่า“ ขอบใจแม็ค” เรื่องตวัอยา่งเท่าที่ผมเล่าน้ีเป็นเรื่องจริง แสดงจริยาของหมาเท่าที่ผมได้ประสบพบเห็นในระยะเวลาหลาย สิบปี ที่ผมอยู่กับหมามาตลอดไม่เคยขาด ถ้าหากให้สรุปกฎเกณฑ์ความประพฤติและจิตใจของหมาผมก็ต้องขอสรุปไว้ ว่าหมาตวัผูน้ ้นัมีความสุภาพอ่อนโยนจริงใจต่อเพศตรงขา้ม คือ หมาตัวเมียไม่มีวันที่จะท าร้ายและหมาตัวผู้ตัวใดที่ถูก หมาตัวเมียกัดท าร้ายเอาจริงๆ จะไม่ต่อสู้เลย แต่จะหลีกไปดว้ยความอปัยศอดสูเป็นอยา่งยิ่ง เสียเชิงชายชาตรีไปทีเดียว หมาใหญ่ทุกตัวจะมีเมตตาต่อลูกหมาหรือหมาที่มีอายุเยาว์กว่าจะไม่ท าร้ายและพยายามอดทนต่อความประพฤติของลูก หมาร าคาญหนักเข้าก็จะเดินหนีไปเสีย หรือออกเสียงขู่ให้ลูกหมาเกรงกลัวแมต้อ้งสั่งสอนกนัมากกว่าน้นัก็เพียงแต่ ท าท่าว่าจะกัด แต่ไม่กัดจริงๆ ถึงบาดเจ็บเลย นอกจากน้นัหมายงัรู้แพรู้้ชนะรู้อภัย เมื่อชนะแลว้จะไม่ทา ร้ายผูแ้พแ้ละหมาจะไม่ทิ้งมิตรเพื่อเอาตวัรอด ในยามคับขัน ท้งัหมดน้ีไมได้แปลว่าหมาดีกว่าคน ่แต่แปลว่าหมาทา ชวั่อยา่งคนไม่ได ้ เพราะไม่มีปัญญาเท่าคน (จากเรื่องคนรักหมาของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช)


ใบงานที่ ๔.๑ เรื่อง หลักการอ่านจับใจความ ตอนที่ ๑ ค าชี้แจงให้นกัเรียนตอบคา ถามตอ่ ไปน้ี ๑. การอ่านจับใจความโดยรวมหมายความว่าอย่างไร มีวิธีการอย่างไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ๒. การอ่านจับใจความส าคัญ มีแนวทางในการอ่านอย่างไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................


ตอนที่ ๒ ค าชี้แจงให้นักเรียนจับใจความส าคัญข้อความที่ก าหนดให้ ข้อความที่ ๑ “ในสังคมไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยความเชื่อมากกว่าความคิด พฤติกรรมของผู้คนในสังคม แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ชีวิตอยดู่ว้ยความเชื่อมากกว่าอยดู่ว้ยความคิด ดงัน้นัถอ้ยคา ที่กระจกหลงั ของรถที่ปรากฏตามทอ้งถนน จึงมีแต่คา ว่ารถคนัน้ีสี...ตรงขา้มกบัรถที่เป็นสีจริง เช่น รถสีแดงก็ เขียนว่ารถคนัน้ีสีเขียว หรือในจอโทรทศัน์ก็มีแต่ความเชื่อมากกว่าความคิด แมห้ลายรายการจะข้ึน ตัวอักษรว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการชมด้วยก็ตามจะมีสักกี่คนจะอ่านหรือหรือฟังถ้อยค า เหล่าน้นัหรือแมแ้ต่ในชีวิตทวั่ ไปในทนัทีที่เกิดเรื่องประหลาดข้ึน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ผิดเพ้ียน หรืออยา่งใดก็ตาม สิ่งแรกที่คนในสังคมจะทา คือ บูชากราบไหวแ้ละ ขอหวย สิ่งที่เกิดข้ึนเหล่าน้ีเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแลว้และเป็นที่เฮฮาสา หรับบางกลุ่ม คนในสาย การเมืองและสายบนัเทิงที่เป็นสายคุมความคิดและความรู้สึกของคนท้งัประเทศก็ใชค้วามเชื่อนา เช่นกนัจนดิฉันคิดว่า เราอาจเปลี่ยนแปลงสังคมแห่งความเชื่อน้ีกลบัมาเป็นสังคมแห่งการคิดไดย้าก ยิ่งแลว้จึงอยากให้เราช่วยกนัทา สังคมแห่งความเชื่อน้ีเป็นสังคมแห่งความเชื่อที่เป็นบวก แต่พอดี และพอควร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ข้อความที่ ๒ “ผมผ่านการใชช้ีวิตมามากแลว้ท้งัชีวิตเพื่อการงาน ชีวิตเพื่อสังคม ชีวิตเพื่อครอบครัว ญาติมิตรและ ชีวิต เพื่อตนเอง รู้สึกว่าได้ผ่านการใช้ชีวิตมามากพอแล้ว ที่ยังมีชีวิตและท ากิจกรรมต่างๆ ได้อยู่บ้าง ถือ เป็ นโชคดีและเป็ นของแถม จึงใช้ชีวิตและท ากิจกรรมเท่าที่ท าได้ไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ แม้จะมีภาวะ เจ็บป่ วยอยู่แต่ก็ไม่รุนแรงมากยังคงช่วยตัวเองได้ ไปไหนมาไหนได้ แม้ในอัตราที่ค่อนข้างช้าและ เจ็บปวดเพราะมีแรงน้อย” .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................


ใบงานที่ ๔.๑ เรื่อง หลักการอ่านจับใจความ ตอนที่ ๑ ค าชี้แจงให้นกัเรียนตอบคา ถามตอ่ ไปน้ี ๑. การอ่านจับใจความโดยรวมหมายความว่าอย่างไร มีวิธีการอย่างไร การจับใจความโดยรวม หมายถึง การสังเกตส่วนประกอบต่าง ๆ ของหนังสือหรือบทความอย่างรวดเร็ว เพื่อสามารถก าหนด และทา ความเขา้ใจโครงเรื่องหรือเน้ือหาท้งัหมดของหนงัสือได้มีวิธีการ ดงัน้ี ๑) สังเกตส่วนประกอบของเรื่อง เช่น ชื่อเรื่อง ค าน า สารบัญ วัตถุประสงค์ของผู้เขียน เพื่อให้เห็น แนวทางและจุดประสงค์ของผู้เขียน ๒) สังเกตหัวข้อใหญ่และหัวข้อรอง ที่เป็ นใจความส าคัญที่ผู้เขียนต้องการสื่อมายังผู้อ่าน สังเกต ข้อความที่เป็ นตัวหนาตวัเอน ขอ้ความที่ขีดเส้นใตห้รือที่อยใู่นเครื่องหมายอญั ประกาศรวมท้งัตาราง และแผนภูมิจากน้นัจึงเรียงลา ดบัความคิดรวมถึงพิจารณาเรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการน าเสนอ ๒. การอ่านจับใจความส าคัญ มีแนวทางในการอ่านอย่างไร แนวทางในการอ่านจบั ใจความสา คญัมีดงัน้ี ๑) พิจารณาจากชื่อเรื่องแลว้อ่านต้งัแต่ยอ่หนา้แรกถึงยอ่หนา้สุดทา้ยจะช่วยให้ทราบว่าเรื่องที่อ่านน้นั น าเสนอเรื่องอะไรอย่างกว้างๆ ๒) พิจารณาหาใจความส าคัญไปทีละย่อหน้า ส่วนใหญ่ใจความส าคัญจะปรากฏอยู่ในต าแหน่งต้น ต าแหน่งกลาง หรือ ต าแหน่งท้ายของย่อหน้า ๓) พิจารณาตดัรายละเอียดปลีกยอ่ยเช่น คา อธิบาย ตวัอยา่งการให้เหตุผลเพราะสิ่งเหล่าน้ีเป็นเครื่อง สนับสนุนแนวคิดหลักของเรื่อง ๔) เมื่ออ่านจบควรตอบค าถามให้ได้ว่าเป็ นเรื่องของใคร ท าอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ด้วยวิธีใด จากน้นัจึงบนัทึกความส าคัญเอาไว้ เฉลย


ตอนที่ ๒ ค าชี้แจงให้นักเรียนจับใจความส าคัญข้อความที่ก าหนดให้ ข้อความที่ ๑ “ ในสังคมไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยความเชื่อมากกว่าความคิด พฤติกรรมของผู้คนในสังคมแสดงให้ เห็นชดัเจนว่า ชีวิตอยดู่ว้ยความเชื่อมากกว่าอยดู่ว้ยความคิด ดงัน้นัถอ้ยคา ที่กระจกหลงัของรถที่ปรากฏ ตามทอ้งถนน จึงมีแต่คา ว่ารถคนัน้ีสี...ตรงขา้มกบัรถที่เป็นสีจริง เช่น รถสีแดงก็เขียนว่ารถคนัน้ีสีเขียว หรือในจอโทรทศัน์ก็มีแต่ความเชื่อมากกว่าความคิด แมห้ลายรายการจะข้ึนตวัอกัษรว่าโปรดใช้ วิจารณญาณในการชมดว้ยก็ตามจะมีสัก กี่คนจะอ่านหรือหรือฟังถอ้ยคา เหล่าน้นัหรือแมแ้ต่ในชีวิต ทวั่ ไปในทนัทีที่เกิดเรื่องประหลาดข้ึน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ผิดเพ้ียนหรืออยา่งใดก็ตาม สิ่งแรกที่คน ในสังคมจะทา คือ บูชากราบไหวแ้ละขอหวย สิ่งที่เกิดข้ึนเหล่าน้ีเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแลว้และเป็นที่ เฮฮาสา หรับบางกลุ่ม คนในสายการเมืองและสายบนัเทิงที่เป็นสายคุมความคิดและความรู้สึกของคนท้งั ประเทศก็ใช้ความเชื่อน าเช่นกันจนดิฉันคิดว่า เราอาจเปลี่ยนแปลงสังคม แห่งความเชื่อน้ีกลบัมาเป็นสังคมแห่งการคิดไดย้ากยิ่งแลว้จึงอยากให้เราช่วยกนัทา สังคมแห่งความเชื่อ น้ีเป็นสังคมแห่งความเชื่อที่เป็นบวกแต่พอดีและพอควร ใจความส าคัญของข้อความ มีดังนี้ ในสังคมไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยความเชื่อมากกว่าความคิด ข้อความที่ ๒ “ผมผ่านการใช้ชีวิตมามากแล้ว ท้งัชีวิตเพื่อการงาน ชีวิตเพื่อสังคม ชีวิตเพื่อครอบครัว ญาติมิตรและ ชีวิตเพื่อตนเอง รู้สึกว่าได้ผ่านการใช้ชีวิตมามากพอแล้ว ที่ยังมีชีวิตและท ากิจกรรมต่างๆ ได้อยู่บ้าง ถือ เป็ นโชคดีและเป็ นของแถม จึงใช้ชีวิตและท ากิจกรรมเท่าที่ท าได้ไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ แม้จะมีภาวะ เจ็บป่ วยอยู่แต่ก็ไม่รุนแรงมากยังคงช่วยตัวเองได้ ไปไหนมาไหนได้ แม้ในอัตราที่ค่อนข้างช้าและ เจ็บปวดเพราะมีแรงน้อย” ใจความส าคัญของข้อความ มีดังนี้ รู้ สึกว่าได้ผ่านการใช้ชีวิตมามากพอแล้ว ที่ยังมีชีวิตและท ากิจกรรมต่างๆ ได้อยู่บ้าง ถือเป็ นโชคดีและ เป็ นของแถม


ใบงานที่ ๔.๒ เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี ค าชี้แจงให้นักเรียนเลือกอ่านสารคดี จากเอกสารประกอบการสอน ๑ เรื่อง แล้วสรุปจับใจความส าคัญ สารคดีเรื่อง


ใบงานที่ ๔.๒ เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี ค าชี้แจงให้นักเรียนเลือกอ่านสารคดี จากเอกสารประกอบการสอน ๑ เรื่อง แล้วสรุปจับใจความส าคัญ เฉลย สารคดีเรื่อง


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม ่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง ล าดับที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความตั้งใจใน การท างาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลส าเร็จของ งาน รวม ๒๐ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน


การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการเขียนกรอบความคิดจากการอ่านหนังสือนอกเวลา รายการประเมิน ค าอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. การระบุใจความ ส าคัญและ รายละเอียดของ ข้อมูลที่สนับสนุน จากเรื่องที่อ่าน ระบุใจความส าคัญและ รายละเอียดของข้อมูล ที่ สนับสนุนจากเรื่อง ที่ อ่านได้ถูกต้อง ระบุใจความส าคัญและ รายละเอียดของข้อมูล ที่ สนับสนุนจากเรื่อง ที่ อ่านได้ถูกต้อง เป็ นส่วนใหญ่ ระบุใจความส าคัญและ รายละเอียดของข้อมูล ที่สนับสนุนจากเรื่อง ที่อ่านได้ถูกต้อง เป็ นบางส่วน ระบุใจความส าคัญและ รายละเอียดของข้อมูล ที่สนับสนุนจากเรื่อง ที่อ่านได้ถูกต้อง เพียงเล็กน้อย ๒. การตีความและ ประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จาก งานเขียน ตีความและประเมิน คุณค่า แนวคิดที่ได้ จากงานเขียนได้ถูกต้อง มีตัวอย่างชัดเจน ตีความและประเมิน คุณค่า แนวคิดที่ได้ จากงานเขียนได้ถูกต้อง มี ตัวอย่างชัดเจนเป็ นส่วน ใหญ่ ตีความและประเมิน คุณค่า แนวคิดที่ได้ จากงานเขียนได้ถูกต้อง มี ตัวอย่างชัดเจนเป็ น บางส่วน ตีความและประเมิน คุณค่า แนวคิดที่ได้ จากงานเขียนได้ถูกต้อง แต่ไม่มีตัวอย่างประกอบ ๓. การเสนอแนะ แนวทางในการ น าแนวคิดจาก เรื่องไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต เสนอแนะแนวทางในการ น าแนวคิดจากเรื่องไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต ได้อย่างมีคุณภาพ เสนอแนะแนวทางในการ น าแนวคิดจากเรื่องไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต ได้อย่างมีคุณภาพ เป็ นส่วนใหญ่ เสนอแนะแนวทางในการ น าแนวคิดจากเรื่องไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต ได้อย่างมีคุณภาพ เป็ นบางส่วน เสนอแนะแนวทางในการ น าแนวคิดจากเรื่องไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต ได้แต่ไม่มีคุณภาพ ๔. ความถูกต้อง ของการเขียน กรอบแนวคิด วิเคราะห์เน้ือหา เรียบเรียงจัดหมวดหมู่ เน้ือหาวางประเด็นหลกั ไว้กลางหน้ากระดาษ เขียนประเด็นรองไว้ ตามหัวข้อ มีข้อบกพร่องในการ เขียนกรอบแนวคิด ๑ รายการ มีข้อบกพร่องในการ เขียนกรอบแนวคิด ๒ รายการ มีข้อบกพร่องในการ เขียนกรอบแนวคิด ๓ รายการ ๕. การใช้ภาษา ใช้ภาษาถูกต้อง สละสลวย ไม่สับสน วกวน อ่านเข้าใจง่าย ใช้ภาษาถูกต้อง สละสลวย ไม่สับสน วกวน อ่านเข้าใจง่ายเป็ น ส่วนใหญ่ ใช้ภาษาถูกต้อง สละสลวย ไม่สับสน วกวน อ่านเข้าใจง่ายเป็ น บางส่วน ใช้ภาษาถูกต้อง แต่ไม่สละสลวย สับสนวกวน อ่านเข้าใจยาก เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ ปรับปรุง ต ่ากว่า ๑๐ พอใช้


แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. การที่จะเข้าใจเรื่องราวในหนังสือผู้อ่านต้องใช้วิธีอ่านอย่างไร ก. อ่านจับใจความส าคัญ ข. อ่านตีความตลอดท้งัเรื่อง ค. อ่านแล้วหาความหมายของค าในเรื่อง ง. อ่านแล้วสรุปใจความส าคัญของเรื่อง ๒. ข้อใดไม่ใช่วิธีอ่านจับใจความส าคัญ ก. พิจารณาวัตถุประสงค์ของผู้เขียน ข. พิจารณาข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนน าเสนอ ค. พิจารณาทรรศนะ ข้อคิดเห็น อารมณ์ของผู้เขียน ง. พิจารณาน้า เสียงที่ใชใ้นการอ่านตีความเรื่องน้นัๆ ๓. การอ่านจับใจความข้อความส่วนใดที่ไม่ควรตัดออกไป ก. ค าอธิบาย ข. ตัวอย่าง ค. ชื่อเรื่อง ง. การให้เหตุผล ๔. “ปัญหาที่เกิดข้ึนกบัผูค้นทวั่โลกเมื่อสูงวยัข้ึน อย่างหนึ่ง คือ ความเสื่อมของกระดูก แต่ปัญหากระดูกพรุนน้ีมกัเกิด กับผู้หญิงสูงวัย ผู้หญิงที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจ าเดือนหรือ ย่างเข้าสู่วัยทองเป็ นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็ นโรค กระดูกพรุน” ใจความส าคญัของขอ้ความน้ีตรงกบัขอ้ใด ก. ปัญหาที่เกิดข้ึนกบัผูค้นทวั่โลกเมื่อสูงวยัข้ึนอย่างหน่ึง คือความเสื่อมของกระดูก ข. ปัญหากระดูกพรุนน้ีมกัเกิดกบัผูห้ญิงสูงวยั ค. ผู้หญิงที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจ าเดือนหรือย่างเข้าสู่ วัยทอง ง. ผู้หญิงสูงวัยเป็ นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็ นโรค กระดูกพรุน ๕. “งานวรรณกรรมไม่ว่า นวนิยายเรื่องส้ัน บทกวีนบัเป็น ช่องทางหนึ่งที่ท าให้สามารถมีส่วนร่วมในการสื่อสะท้อน ปัญหาความขดัแยง้ในสังคม รวมท้งัเสนอแนวคิด อุดมการณ์ และแนวทางสันติวิธีเพื่อสร้างสันติภาพได้ ซึ่งงานวรรณกรรม มีบทบาทมาต้งัแต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ปัญหาความขดัแยง้ใน สังคมหลายประการจึงถูกตระหนักและน าไปสู่การปรับปรุง แก้ไขเปลี่ยนแปลงในที่สุดจนเป็ นที่มาของค ากล่าวที่ว่างาน วรรณกรรมเปลี่ยนแปลงโลกได้ กล่าวคือวรรณกรรมเป็ น ศิลปะที่มีพลังในการสะท้อนปัญหาของการอยู่ร่วมกันของ คนในสังคมด้วยวิธีการที่ไร้ความรุนแรง เป็ นการอธิบาย ความปรารถนามาจากส่วนลึกของความเป็ นมนุษย์ที่มุ่งสู่ ความงามแห่งสันติ” ใจความส าคญัของขอ้ความน้ีอยู่ในตอนใดของขอ้ความ ก. อยู่ต้นข้อความ ข. อยู่กลางข้อความ ค. อยู่ท้ายข้อความ ง. อยู่ต้นและกลางข้อความ ๖. “ผลจากการวิจัยปี ๒๕๔๘ จะพบว่า ประเทศไทยมีผู้ที่ไม่อ่าน หนังสือถึง ๒๒.๔ ล้านคนหรือเกือบ ๔๐% ของประชากร ท้งัประเทศ ดว้ยเหตุผลว่าชอบดูโทรทศัน์หรือฟังวิทยุ มากกว่าขณะที่เด็กที่มีอายุ ๑๐-๑๔ ปี กว่า ๖๐% ให้เหตุผล ในการไม่อ่านหนังสือว่า เพราะไม่ชอบและไม่สนใจ ส่งผล ให้สถิติการอ่านหนังสือของคนไทยเฉลี่ยเพียงปี ละ ๒ เล่ม ซึ่งนับว่าต ่ามากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสิงคโปร์ ที่มีสถิติการอ่านหนังสือปี ละ ๔๐-๕๐ เล่ม ส่วนเวียดนาม มีสถิติการอ่านหนังสือปี ละ ๖๐ เล่ม จากเหตุ ดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นว่าการอ่านหนังสือของคนไทยก าลัง ก้าวเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างแท้จริง” ใจความส าคญัของขอ้ความน้ีตรงกบัขอ้ใด ก. คนเวียดนามอ่านหนังสือมากที่สุด ข. คนไทยไม่มีนิสัยรักการอ่าน ค. คนสิงคโปร์รักการอ่านรองจากเวียดนาม ง. คนไทยอ่านหนังสือปี ละ ๒ เล่ม


๗. ขอ้ความน้ีมีประโยชน์ส าหรับใครมากที่สุดในการที่จะช่วย ให้เด็กไทยอ่านมากข้ึน ก. เด็กอายุ ๑๐-๑๔ ปี ข. พ่อแม่ ผู้ปกครอง ค. ครูและผู้บริหารสถานศึกษา ง. รัฐบาล ผู้บริหารประเทศ ๘. การอ่านตีความตอ้งพิจารณาสิ่งใดก่อน ก. ชื่อของงานเขียน ข. ประเภทของงานเขียน ค. เน้ือหาของงานเขียน ง. น้า เสียงของผูเ้ขียน ๙. การอ่านตีความผู้อ่านไม่จ าเป็ นต้องมีความรู้เรื่องใด ก. ประเภทของงานเขียน ข. จุดประสงค์ของผู้เขียน ค. น้า เสียงของผูเ้ขียน ง. ประวัติ ภูมิหลังของผู้เขียน ๑๐. การพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น หรือพิจารณาอารมณ์ ความรู้สึกของผูเ้ขียนอยู่ในข้นัตอนใดของการอ่านตีความ ก. การอ่านคร่าวๆ ข. การอ่านอย่างละเอียด ค. การวิเคราะห์ถ้อยค า ง. การพิจารณาน้า เสียง ๑๑.“ความวาดหวังของผมเผชิญกับอุปสรรคทางธรรมชาติ ต้งัแต่ย่า ค่า ฝนที่ไม่ได้นดัหมายและรับเชิญโปรยปรายลงมา ผมยืนท าใจอยู่ใต้กันสาดโรงแรมว่ามนุษย์ไม่ได้ทุกอย่าง ตามใจที่ตนต้องการหรอก ไม่ว่ามนุษย์สามัญไร้ ยศถาบรรดาศกัด์ิอย่างผม หรือทายาทมหาเศรษฐีมงั่มี ระดับไหนก็ตาม” น้า เสียงของขอ้ความน้ีมีลกัษณะอย่างไร ก. น้า เสียงเชิงสั่งสอน ข. น้า เสียงบอกถึงความเสียใจ ค. น้า เสียงประชดประชัน ง. น้า เสียงบอกถึงการทา ใจให้ยอมรับ ๑๒. ข้อใดคือความหมายของค าว่า “ต านาน” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก. ประวตัิศาสตร์ทอ้งถิ่น ข. ลักษณะการเล่าเรื่องเพื่อตอบค าถามที่คนไม่สามารถ เข้าใจได้ ค. เรื่องแสดงกิจการอันมีมาแล้วแต่ปางหลัง เรื่องราว นมนานที่เล่ากันสืบๆ มา ง. นิยายหรือเรื่องเล่าที่เล่าสืบทอดกันมาเป็ นเวลานาน จนหาตน้ตอไม่ได้และมีเน้ือหา เพื่ออธิบายที่มาของ สิ่งต่างๆ หรือสถานที่ต่าง ๆ ๑๓. ข้อใดไม่ใช่วิธีการน าเสนอในรูปกรอบความคิด ก. วางประเด็นหลักไว้ตรงหน้ากระดาษ ข. เขียนประเด็นรองไว้รอบประเด็นหลัก ค. เขียนประเด็นย่อยของประเด็นรองแต่ละประเด็นไว้ ตามหัวข้อ ง. ตกแต่งด้วยรูปภาพและสีสันที่สวยงามและเหมาะสม กับเรื่อง ๑๔. เมื่อไดเ้รื่องที่จะตอ้งทา กรอบความคิดในข้นัตน้จะตอ้ง ด าเนินการอย่างไร ก. อ่านเน้ือหาของเรื่อง ข. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ค. พิจารณาแตกประเด็นความคิดจากเรื่อง ง. เรียบเรียงจัดหมวดหมู่ความคิดเป็ นประเด็น ๑๕.การอ่านเพื่อเขียนกรอบความคิด จะต้องใช้วิธีการอ่าน แบบใด ก. การอ่านตีความ ข. การอ่านจับใจความ ค. การอ่านสรุปความ ง. การอ่านขยายความ ๑. ก ๒. ง ๓. ค ๔. ก ๕. ก ๖. ข ๗. ง ๘. ข ๙. ง ๑๐. ข ๑๑. ง ๑๒. ค ๑๓. ง ๑๔. ก ๑๕. ข


บันทึกหลังสอนแผนการจัดการเรียนรู้ที่๔ ๑.ผลการสอนระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก........................................................................... ๒. ผลที่เกิดกับผู้เรียน ๒.๑) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………………..................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๒) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…........................................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ทกี่า หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ......................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๓) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดยใช้………………………........................ พบว่านกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ.................. ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๓. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ .......................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน................................................................................ ............................................................................................................................................................. ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย) วันที่.........../.................../.................


ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ๑. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนา ไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) ความคิดเห็นของหัวหน้าวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ (นางสาวณัฐิญา คาโส)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมากรู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง การอ่านตีความ ประเมินคุณค่าหนังสือ และการเขียนกรอบความคิด จ านวน ๔ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๔ อ่านเรื่องต่างๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและรายงาน ม.๓/๙ ตีความและประเมินคุณค่า แนวคิดที่ไห้จากงานเขียนอย่างหลากหลาย เพื่อน าไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต ๒. สาระส าคัญ การอ่านเป็นทกัษะทางภาษาทมี่ีความหมายสา คญัอยา่งยิ่งในวิถีชีวิตปัจจุบนั ไม่ว่าสิ่งที่อ่านน้นัจะเป็น หนงัสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผูอ้่านตอ้งสามารถตีความ พยายามทา ความเขา้ใจความหมายจากสิ่งที่อ่าน เพื่อจะไดท้ราบความหมายจุดประสงคแ์ละน้า เสียงที่ผูเ้ขียนสื่อมายังผู้อ่าน ตลอดจนสามารถเรียบเรียงข้อมูล ความคิด องค์ความรู้ต่างๆ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็ นกรอบความได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -อ่านจับใจความจากสื่อต่างๆแล้วสามารถเขียนกรอบความคิด - ตีความและประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือนอกเวลา เพื่อน าไปใช้แก้ปัญหา ในชีวิต ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ -การอ่านตีความ - เขียนกรอบความคิด ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน -รักความเป็ นไทย ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑.ความสามารถในการสื่อสาร


๔.๒.ความสามารถในการคิด ๔.๓.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. การอ่านตีความ ๕.๒. การเขียนกรอบความคิด ๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑. ครูนา ตวัอยา่งกรอบความคิดซ่ึงเป็นผลงานเก่าของนกัเรียนซ่ึงมีความแตกต่างกนัอยา่งหลากหลาย มาให้นักเรียนดู และให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๖.๒. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการเขียนกรอบความคิด และประโยชน์ของการเรียนกรอบ ความคิด ๖.๓. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ ๓ – ๔ คน คละกันตามความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนกรอบความคิด จากหนังสือเรียน จากน้นั ให้แต่ละกลุ่มช่วยกนัทา ใบงานที่๕.๑ เรื่อง สรุปความรู้เรื่องการเขียนกรอบความคิด เสร็จแล้วน าส่งครูตรวจ ๖.๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกอ่านสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมา ๑ เรื่องแล้ว บนัทึกความรู้ที่ไดล้งในแบบบนัทึกการอ่าน จากน้นั ให้นกัเรียนทา ใบงานที่๕.๒ เรื่องการเขียนกรอบความคิด พร้อมนา เสนอหนา้ช้นัเรียน ๖.๕. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องการอ่านหนังสือนอกเวลาเรียน และประโยชน์ของการอ่านหนังสือ นอกเวลา นักเรียนรวมกลุ่มเดิม ศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านตีความ จากหนังสือเรียน ๖.๖. นกัเรียนในแต่ละกลุ่มเลือกอ่านหนงัสือนอกเวลากลุ่มละ ๑ เรื่องไม่ให้ซ้า เรื่องที่เคยอ่านมาแลว้ใน ช้นัมธัยมศึกษาปีที่๑ – ๒ แล้วท าใบงานที่ ๕.๓ เรื่อง การอ่านตีความและประเมินค่าหนังสือนอกเวลา น าเสนอ หนา้ช้นัเรียน ๖.๗. นักเรียนแต่ละคนเขียนกรอบความคิดจากใบงานที่ ๕.๓ เรื่อง การอ่านตีความและประเมินค่า หนังสือนอกเวลา น าส่งครูตรวจผลงาน ๖.๘. นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ


๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถอ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและรายงาน หลักมีเหตุผล นักเรียนสามารถท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนสามารถเสนอแนะแนวทางในการน าแนวคิดจากเรื่องไปใช้แก้ปัญหา ในชีวิต เงื่อนไขความรู้ นักเรียนสามารถอ่านตีความและเขียนกรอบแนวคิด เงื่อนไขคุณธรรม นกัเรียนใฝ่เรียนรู้มุ่งมนั่ในการทา งาน และรักความเป็นไทย เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม ๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๘.๑. หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๘.๒. ตัวอย่างกรอบความคิด ๘.๓. ใบงานที่ ๕.๑ เรื่อง สรุปความรู้เรื่องการเขียนกรอบความคิด ๘.๔. ใบงานที่ ๕.๒ เรื่อง การเขียนกรอบความคิด ๘.๕. ใบงานที่ ๕.๓ เรื่อง การอ่านตีความ และประเมินค่าหนังสือนอกเวลา ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) -


๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) –อ่านจับใจความจากสื่อ ต่างๆแล้วสามารถเขียน กรอบความคิด เพื่อน าไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต - ตีความและประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จากการอ่าน หนังสือนอกเวลา - ตรวจใบงานที่ ๕.๑ - ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียน เรื่อง การอ่านอย่างมี วิจารณญาณ ตรวจใบงานที่ ๕.๓ - ใบงานที่ ๕.๑ -แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การอ่านอย่างมี วิจารณญาณ ใบงานที่ ๕.๓ -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ (P) -การอ่านตีความ - เขียนกรอบความคิด - กระบวนการท างาน รายบุคคล - กระบวนการการท างาน กลุ่ม - ตรวจใบงานที่ ๕.๒ - ตรวจแบบบันทึกการอ่าน - สังเกตพฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม - ใบงานที่ ๕.๒ -แบบบันทึกการอ่าน -แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (A) - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน -รักความเป็ นไทย สังเกตความ ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมนั่ในการทา งาน และ รักความเป็ นไทย ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการเขียนกรอบความคิดจากการอ่านหนังสือนอกเวลา ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ การระบุใจความส าคัญและรายละเอียดของ ข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ๒ การตีความและประเมินคุณค่า แนวคิด ที่ได้จากงานเขียน ๓ การเสนอแนะแนวทางในการน าแนวคิด จากเรื่องไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต ๔ ความถูกต้องของการเขียนกรอบแนวคิด ๕ การใช้ภาษา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = ๔ ดี = ๓ พอใช้ = ๒ ปรับปรุง = ๑ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


ใบงานที่ ๕.๑เรื่อง สรุปความรู้เรื่องการเขียนกรอบความคิด ค าชี้แจงให้นกัเรียนตอบคา ถามตอ่ ไปน้ี ๑. กรอบแนวคิด มีลักษณะอย่างไร ๒. ถ้าครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านวรรณกรรมที่นักเรียนสนใจ แล้วน าความรู้มาเขียนกรอบแนวคิด นักเรียนมีแนวทางในการเขียนอย่างไร ๓. การน าเสนอรูปกรอบความคิด ท าได้อย่างไร


ใบงานที่ ๕.๑เรื่อง สรุปความรู้เรื่องการเขียนกรอบความคิด ค าชี้แจงให้นกัเรียนตอบคา ถามตอ่ ไปน้ี ๑. กรอบแนวคิด มีลักษณะอย่างไร กรอบแนวคิด คือ การเรียบเรียงข้อมูล ความคิด องค์ความรู้ ต่าง ๆ แล้วถ่ายทอดความคิดด้วยภาพสัญลักษณ์ เส้นโยงความคิด ความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นหลัก ประเด็นรอง และประเด็นย่อยอื่นๆ ด้วยการวางประเด็น หลักไว้กลางหน้ากระดาษแล้วลากเส้นเชื่อมประเด็นหลักไปสู่ประเด็นรองและประเด็นย่อยอีกทีหนึ่ง ๒. ถ้าครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านวรรณกรรมที่นักเรียนสนใจ แล้วน าความรู้มาเขียนกรอบแนวคิด นักเรียนมีแนวทางในการเขียนอย่างไร แนวทางในการเขียนกรอบความคิด ๑) ศึกษาเรื่องที่ต้องการน าเสนอ ๒) ศึกษาเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ๓) ศึกษาวิเคราะห์เนื้อหา ๔) เรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ความคิด ๕) น าเสนอในรูปกรอบความคิด ๓. การน าเสนอรูปกรอบความคิด ท าได้อย่างไร การน าเสนอในรูปกรอบความคิด ท าได้ดังนี้ ๑) วางประเด็นหลักหรือประเด็นส าคัญไว้กลางหน้ากระดาษ ๒) เขียนประเด็นรองไว้รอบประเด็นหลัก แล้วลากเส้นโยงความคิด ๓) เขียนประเด็นย่อยของประเด็นรองแต่ละประเด็นไว้ตามหัวข้อ ๔) พิจารณาน าเสนอประเด็นต่าง ๆ ด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่น าเสนอ เฉลย


ใบงานที่ ๕.๒ เรื่อง การเขียนกรอบความคิด ค าชี้แจงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกอ่านสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมา ๑ เรื่อง ศึกษา วิเคราะห์เน้ือหาแลว้นา มาเขียนกรอบความคิด


ใบงานที่ ๕.๒ เรื่อง การเขียนกรอบความคิด ค าชี้แจงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกอ่านสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมา ๑ เรื่อง ศึกษา วิเคราะห์เน้ือหาแลว้นา มาเขียนกรอบความคิด (พิจารณาตามค าตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) เฉลย


ใบงานที่ ๕.๓ เรื่อง การอ่านตีความและประเมินค่าหนังสือนอกเวลา ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือนอกเวลา กลุ่มละ ๑ เรื่อง เพื่อพิจารณาเรื่องที่อ่านตามหลักการตีความ และประเมินค่า แล้วบันทึกข้อมูลตามประเด็นที่ก าหนดให้ ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง เรื่องย่อ ลักษณะการใช้ถ้อยค า ส านวนภาษาในเรื่อง น้า เสียงของผูเ้ขียน สาระของเรื่อง จุดเด่น จุดด้อยของเรื่อง คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และสังคม ข้อคิดจากเรื่องที่น าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้


ใบงานที่ ๕.๓ เรื่อง การอ่านตีความและประเมินค่าหนังสือนอกเวลา ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือนอกเวลา กลุ่มละ ๑ เรื่อง เพื่อพิจารณาเรื่องที่อ่านตามหลักการตีความ และประเมินค่า แล้วบันทึกข้อมูลตามประเด็นที่ก าหนดให้ ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง เรื่องย่อ ลักษณะการใช้ถ้อยค า ส านวนภาษาในเรื่อง น้า เสียงของผูเ้ขียน สาระของเรื่อง จุดเด่น จุดด้อยของเรื่อง คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และสังคม ข้อคิดจากเรื่องที่น าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (พิจารณาตามค าตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) เฉลย


แบบบันทึกการอ่าน ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง นามปากกา ส านักพิมพ์ สถานที่พิมพ์ ปี ที่พิมพ์ จ านวนหน้า ราคา บาท อ่านวันที่ เดือน พ.ศ. เวลา ๑. สาระส าคัญของเรื่อง ๒.วิเคราะห์ข้อคิด/ประโยชน์ที่ได้จากเรื่องที่อ่าน ๓. สิ่งที่สามารถนา ไปประยกุตใ์ชใ้นชีวิตประจา วนั \ ๔. ข้อเสนอแนะของครู ลงชื่อ นักเรียน ลงชื่อ ผู้ปกครอง ( ) ( ) ลงชื่อ ครูผู้สอน ( ) เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานมีความสมบูรณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ให้ ๓ คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเป็ นส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องมาก ให้ ๑ คะแนน


แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ เน้ือหาละเอียดชดัเจน ๒ ความถูกตอ้งของเน้ือหา ๓ ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย ๔ ประโยชน์ที่ได้จากการน าเสนอ ๕ วิธีการน าเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็ นส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม ช้นั ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ การแบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม ๒ ความร่วมมือกันท างาน ๓ การแสดงความคิดเห็น ๔ การรับฟังความคิดเห็น ๕ ความมีน้า ใจช่วยเหลือกนั รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม ่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๑ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


บันทึกหลังสอนแผนการจัดการเรียนรู้ที่๕ ๑.ผลการสอนระดบัช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก........................................................................... ๒. ผลที่เกิดกับผู้เรียน ๒.๑) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………………..................................พบว่า นักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๒) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…........................................................พบว่า นกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ทกี่า หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ......................... ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๒.๓) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดยใช้………………………........................ พบว่านกัเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........ไม่ผ่านเกณฑข์ ้นัต่า ที่กา หนดไวค้ิดเป็นร้อยละ.................. ไดแ้ก่................................................................................................................................................................ ๓. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ .......................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน................................................................................ ............................................................................................................................................................. ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย) วันที่.........../.................../.................


ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ๑. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้น าเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็ นแผนการจัดการเรียนรู้ น าไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนา ไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง) ความคิดเห็นของหัวหน้าวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ (นางสาวณัฐิญา คาโส)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง อ่านมากรู้มาก จ านวน ๑๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง การแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง จ านวน ๒ ชวั่โมง ************************************************************************************* ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ม.๓/๗ วิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไปได้ของเรื่อง ม.๓/๘ วิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระส าคัญ การอ่านจับใจความจากข่าวและเหตุการณ์ส าคัญ ผู้เรียนต้องวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความและ ความเป็ นไปได้ของเรื่อง วิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑. ด้านความรู้ -วิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไปได้ของเรื่องได้ -วิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้ ๓.๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ -อ่านจับใจความจากข่าว และเหตุการณ์ส าคัญ - เขียนแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ๓.๓. ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก - มีวินัย - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑.ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒.ความสามารถในการคิด ๔.๓.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑. การแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง


๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๖.๑. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ ๓ – ๔ คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้นักเรียนแต่ละ กลุ่มศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนโต้แย้งจากหนังสือเรียน ๖.๒. นักเรียนแต่ละคนอ่านเรื่องพยากรณ์ประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ แล้วให้นักเรียนสังเกต รับรู้และพิจารณาคา ขอ้ความ จากเรื่องจากน้นัร่วมกนัสรุปใจความสา คญั ๖.๓. นักเรียนรวมกลุ่มเดิมเพื่ออธิบาย หรือตอบค าถาม แสดงความคิดเห็น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ เรื่องที่อ่าน เน้นการให้เหตุผล ด้วยหลักการ กฎเกณฑ์ อ้างหลักฐานข้อมูลให้น่าเชื่อถือ ๖.๔. นักเรียนแต่ละคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากความเห็นของตน ได้ฟัง และตอบค าถามตามความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เน้นการปรับเปลี่ยนความคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์หรือถือ ความคิดของตนเป็ นใหญ่ ๖.๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเปรียบเทียบความแตกต่างและความคลา้ยคลึงของสิ่งต่างๆ ในเรื่อง พยากรณ์ประเทศไทยเดือน กุมภาพนัธ์๒๕๕๕ จดักลุ่มสิ่งที่เป็นพวกเดียวกนัหาเหตุผลหรือกฎเกณฑม์า เชื่อมโยงในลักษณะอุปมาอุปมัย ๖.๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เรื่อง พยากรณ์ประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดย จ าแนกหาข้อดี ข้อด้อย ส่วนดี ส่วนเสีย ส่วนส าคัญหรือส่วนที่ไม่ส าคัญจากเรื่องด้วยการยกเหตุผล และหลักฐาน ประกอบ เช่น บอกว่าการเขียนเรื่องน้นัเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะอะไร ๖.๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาข้อมูลต่างๆที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แล้วสรุปผลอย่าง ตรงไปตรงมาตามหลกัฐานขอ้มูลเช่น เรื่องพยากรณ์ประเทศไทยเดือนกุมภาพนัธ์๒๕๕๕ น้นันกัเรียนเห็นว่า เป็นสิ่งที่ถูกตอ้งหรือไม่ถา้เห็นดว้ยหรือไม่เห็นดว้ย นกัเรียนควรประพฤติปฏิบตัิอยา่งไร มีเหตุผลสนบัสนุน อยา่งไรขอ้ความที่กล่าวมาน้นัเชื่อถือไดห้รือไม่อยา่งไร ๖.๘. นักเรียนร่วมกนัเขียนสรุปความคิดเห็นแลว้ส่งตวัแทนกลุ่มออกมานา เสนอที่หนา้ช้นัเรียน ครูมอบหมายให้นักเรียนเลือกข่าวที่นักเรียนสนใจมาเขียนแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง ๑ ข่าว โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่ก าหนด ดังนี้ ๑. การระบุใจความส าคัญและรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ๒. การวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ ๓. การประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนุนในเรื่องที่อ่าน ๔. การวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไปได้ของเรื่อง การวิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ๖.๙. นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การอ่านวินิจสาร


๗. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข) หลักความพอประมาณ นักเรียนสามารถวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไป ได้ของเรื่อง วิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน หลักมีเหตุผล นักเรียนสามารถท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี นักเรียนสามารถวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไป ได้ของเรื่องได้ถูกต้องชัดเจน มีเหตุผลประกอบ เงื่อนไขความรู้ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เงื่อนไขคุณธรรม นกัเรียนมีวินยั ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมนั่ในการทา งาน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ม วัฒนธรรม ๘. สื่อการเรียนรู้ (หนังสือ / เอกสารประกอบการสอน / ใบงาน / ใบความรู้ เป็ นต้น) ๘.๑. หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๓ ๘.๒. พยากรณ์ประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๙. แหล่งเรียนรู้ (สถานที่จริง / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / สถานประกอบการ / อินเตอร์เน็ต เป็ นต้น) -


๑๐. การวัดและการประเมินผล การวัดและการประเมินผล วิธีการวัดและการ ประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ (K) -วิจารณ์ความ สมเหตุสมผล การล าดับ ความ และความเป็ นไปได้ ของเรื่องได้ -วิเคราะห์เพื่อแสดงความ คิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่ อ่านได้ - ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียน เรื่อง การอ่านวินิจ สาร - ตรวจการเขียนแสดง ความคิดเห็นโต้แย้ง เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน -แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การอ่านวินิจสาร -การเขียนแสดงความ คิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับ เรื่องที่อ่าน -ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (P) -อ่านจับใจความจากข่าว และเหตุการณ์ส าคัญ - เขียนแสดงความคิดเห็น โต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน - ตรวจการเขียนแสดง ความคิดเห็นโต้แย้ง เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการ ท างานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม -การเขียนแสดงความ คิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับ เรื่องที่อ่าน -แบบประเมินการ น าเสนอผลงาน -แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ -ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ (A) – มีวินัย - ใฝ่ เรียนรู้ - มุ่งมนั่ในการทา งาน สังเกตความมีวินัยใฝ่ เรียนรู้มุ่งมนั่ในการ ท างาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวจันจิรา เขียวคล้าย ) .........../.............../..................


การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการเขียนแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ การระบุใจความส าคัญและรายละเอียดของ ข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ๒ การวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่าน โดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ ๓ การประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ สนับสนุนในเรื่องที่อ่าน ๔ การวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การล าดับความ และความเป็ นไปได้ของเรื่อง ๕ การวิเคราะห์เพื่อแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = ๔ ดี = ๓ พอใช้ = ๒ ปรับปรุง = ๑ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


เอกสารประกอบการสอน พยากรณ์ประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ น้า ป่าไหลหลากจากภาคเหนือลงมาทา ลายทุกอยา่งที่ขวางหนา้ เกิดแผ่นดินไหวคร้ังใหญ่ในกรุงเทพฯ บา้นเมืองโกลาหล เกิดแผ่นดินไหวคร้ังร้ายแรงในประวัติศาสตร์ชาติไทย วัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง ๙ ริ กเตอร์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศไปทางเหนือราว ๑๐ กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ ดินราว ๑๕ กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้อาคารบา้นเรือนประชาชนไดร้ับความเสียหายจา นวน มากระดบัความเสียหายคร้ังน้ีเลวร้ายกว่ามหันตภัยสึนามิเมื่อปี๒๕๔๗ มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหว จ านวนมากมายนับไม่ถ้วนและประชาชนกว่าล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่จะย้อนมาใหม่ และรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เรือสา ราญทะเลอนัดามนัล่ม ชนหินใตน้ ้า เกาะพีพีคนโดยสาร ๕๐๐ คนเสียชีวิต พระอลัชชีลวงโลกที่มีชื่อเสียงถูกจับสึก ศีลธรรมเสื่อมโทรม ที่มา : นิตยสารสกุลไทย รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๒๙๘๓


แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ เน้ือหาละเอียดชดัเจน ๒ ความถูกตอ้งของเน้ือหา ๓ ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย ๔ ประโยชน์ที่ได้จากการน าเสนอ ๕ วิธีการน าเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็ นส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม ่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง ล าดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความตั้งใจใน การท างาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อ เวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลส าเร็จของ งาน รวม ๒๐ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความร่วมมือกัน ท ากิจกรรม การแสดงความ คิดเห็น การรับฟังความ คิดเห็น การตั้งใจท างาน การแก้ไข ปัญหา/หรือ ปรับปรุงผลงาน กลุ่ม รวม ๒๐ คะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม ่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตัิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต ่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง


แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค าชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๑.๑ ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของเพลง ชาติ ๑.๒ ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองดี ๑.๓ ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการท ากิจกรรมกับสมาชิกในโรงเรียนและชุมชน ๑.๔ เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็ นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสังคม ชื่นชมความเป็ นชาติ ไทย ๑.๕ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาอย่าง สม ่าเสมอ เป็ นแบบอย่างที่ดีของศาสนิกชน ๑.๖ เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน พระมหากษตัริยต์ามที่โรงเรียนและชุมชนจดัข้ึน ชื่นชมในพระราชกรณียกิจพระ ปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ๒. ซื่อสัตย์ สุจริต ๒.๑ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็ นจริง ๒.๒ ปฏิบตัิในสิ่งที่ถูกตอ้งละอายและเกรงกลัวที่จะกระท าความผิด ท าตาม สัญญาที่ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็ นแบบอย่างที่ดีด้าน ความซื่อสัตย์ ๒.๓ ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ไม่หาประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้องและ เป็ นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนด้านความซื่อสัตย์ ๓. มีวินัย รับผิดชอบ ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม ต่างๆ ในชีวิตประจ าวัน และรับผิดชอบในการท างาน ๔. ใฝ่ เรียนรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ๔.๒ มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็ นระบบ ๔.๓ สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๕.๑ ใชท้รัพยส์ ินของตนเอง เช่น สิ่งของเครื่องใช้ฯลฯ อย่างประหยัดคุ้มค่า และ เก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม ๕.๒ ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี ๕.๓ ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล ๕.๔ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ท าให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่นกระท า ผิดพลาด


Click to View FlipBook Version