ชีวประวัติและพระธรรมเทศนา
พระอจลธมโฺ ม หลวงปตู่ ื้อ
วัดอรญั ญวิเวก อำ� เภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม
พระจิตตฺ คุตโฺ ต หลวงปู่ผาง
วัดอดุ มคงคาคีรีเขต อ�ำเภอมัญจาคีรี จังหวดั ขอนแก่น
อนุสรณ์พิพธิ ภณั ฑฉ์ นั ทกรานุสรณ์
วัดปา่ อัมพโรปญั ญาวนาราม ในพระสังฆราชูปถมั ภ์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก
ชวี ประวตั ิและพระธรรมเทศนา
พระอจลธมฺโม หลวงปู่ต้อื พระจิตตฺ คุตฺโต หลวงปผู่ าง
เลขมาตรฐานหนังสอื : ๙๗๘-๖๑๖-๔๔๕-๒๐๑-๕
พิมพค์ รง้ั ที่ ๑ : กนั ยายน ๒๕๖๐
จ�ำนวนพิมพ์ : ๕,๐๐๐ เลม่
จดั พิมพ์โดย : มูลนธิ พิ ุทธสมนุ ไพรคู่แผ่นดนิ ไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์
สงวนลขิ สทิ ธ์ิ : ห้ามคัดลอก ตัดตอน เปลีย่ นแปลง แกไ้ ข ปรับปรงุ
ข้อความใดๆ ทัง้ สนิ้ หรอื น�ำไปพิมพจ์ ำ� หน่าย
หากทา่ นใดประสงค์จะพิมพ์เพอื่ ให้เป็นธรรมทาน
โปรดติดต่อขออนุญาตจากทางมลู นิธพิ ทุ ธสมนุ ไพรคแู่ ผ่นดินไทย
ในพระบรมราชปู ถัมภ์
พมิ พท์ ่ี : บริษัท ศลิ ปส์ ยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จ�ำกดั
๖๑ ถนนเลียบคลองภาษีเจรญิ ฝั่งเหนอื ซ.เพชรเกษม๖๙
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรงุ เทพมหานคร
โทรศพั ท์ ๐-๒๔๔๔-๓๓๕๑-๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected] www.silpasiam.com
ค�ำปรารภ
เร่ืองการจัดท�ำหนังสือมรดกธรรมยอดโอวาทค�ำสอนของสมณะนักปราชญ์
วสิ ทุ ธเิ ทวา (พระปา่ ) จดั ทำ� ขน้ึ ๓๔ องค์ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ระหวา่ งปี พทุ ธศกั ราช
๒๔๖๐-๒๕๕๔ โอวาทธรรมยอดแห่งค�ำสอนของวิสุทธิบุคคล ท่านแสดงบริสุทธิ์
สมบรู ณไ์ มว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด นำ� ผสู้ นใจพยายามตง้ั ใจปฏบิ ตั ติ าม ยอ่ มกา้ วลว่ งทกุ ขไ์ ปได้
สมความปรารถนา คณะปสาทะศรทั ธาเห็นควรจัดทำ� ข้ึนสงวนรกั ษาไว้ เพ่อื กุลบตุ ร
สุดท้ายภายหลังที่ พิพิธภัณฑ์ฉันทกรานุสรณ์ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม บ้าน
หนองกลางดอน ต�ำบลคลองกว่ิ อ�ำเภอบา้ นบึง จังหวดั ชลบุรี ผสู้ นใจกรณุ าเขา้ ไป
ศกึ ษาได้ตามโอกาส เวลาพอดี
ผฉู้ ลาดยึดหลักนักปราชญ์เปน็ แบบฉบับพาดำ� เนนิ ปกครองรกั ษาตน
คณะปสาทะศรทั ธา
ห้ามพิมพเ์ พือ่ จ�ำหนา่ ย สงวนลขิ สทิ ธ์ิ
สารบัญ ๑
๓
พระอจลธมโฺ ม หลวงปูต่ ือ้ ๕๗
๕๙
ชวี ประวัตแิ ละพระธรรมเทศนา พระอจลธมฺโม หลวงปู่ตอ้ื ๗๒
ชีวประวตั ิ พระอจลธมโฺ ม หลวงปตู่ อ้ื
พระธรรมเทศนา พระอจลธมโฺ ม หลวงปตู่ ื้อ ๗๕
- หวั ใจของพระพุทธศาสนา ๗๗
- เทศนาเรอื่ งหัวใจมนษุ ย ์ ๒๑๓
๒๓๙
พระจติ ฺตคตุ ฺโต หลวงปู่ผาง ๒๔๘
๒๕๐
ชีวประวตั ิและพระธรรมเทศนา พระจติ ตฺ คุตโฺ ต หลวงปู่ผาง ๒๕๙
ชวี ประวตั ิ พระจติ ตฺ คุตฺโต หลวงปผู่ าง
พระธรรมเทศนา พระจิตฺตคุตโฺ ต หลวงป่ผู าง
ครบู าอาจารยห์ ลายๆ องค์ไดก้ ลา่ วถงึ หลวงปูผ่ างไวด้ งั น ้ี
ปกี ารจำ� พรรษาของหลวงปู่ผาง จติ ฺตคุตฺโต
บทเสริมประวัตพิ ระหลวงปผู่ าง จิตฺตคุตฺโต
องคธ์ รรมธาตุอ้มุ ชาตไิ ทย พระาณสมปฺ นโฺ น หลวงตามหาบัว
พระอจลธมฺโม หลวงปู่ตื้อ
วดั อรัญญวเิ วก อ�ำ เภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม
ชวี ประวัติและพระธรรมเทศนา
พระอจลธมฺโม หลวงปูต่ ้อื
1
ชวี ประวัติ
พระอจลธมโฺ ม หลวงปูต่ ือ้
ทา่ นพระอาจารยต์ ้ือ อจลธมฺโม นามเดิมชื่อ ต้อื นามสกุล ปาลิปัตต์ ทา่ นเป็น
ตระกลู ชาวนา ถอื กำ� เนดิ เมอ่ื วนั จนั ทรท์ ่ี ๓ กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๓๑ ตรงกบั วนั
ขึน้ ๓ คำ่� เดอื น ๓ ปชี วด สมั ฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๕๐ ณ บา้ นข่า ตำ� บลบ้านข่า
อ�ำเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม บิดาชอื่ นายปา มารดาชือ่ นางปัตต์ มพี ี่น้อง
ร่วมบดิ ามารดาเดียวกนั ๗ คน ชาย ๕ หญิง ๒
การออกบวช
ทา่ นพระอาจารยต์ ื้อเปน็ ผมู้ นี ิสยั รกั ความสงบ เข้าเปน็ ศษิ ยว์ ดั แตย่ ังเดก็ และ
ไดร้ ับการบรรพชาเป็นสามเณร เป็นผใู้ ฝใ่ จในการศึกษา มีนสิ ยั ตรงไปตรงมา และ
เป็นที่น่าสังเกตว่าในเครือญาติของท่านใฝ่ใจในการบรรพชาอุปสมบทท้ังน้ัน และ
ถา้ เปน็ ผหู้ ญงิ กเ็ ขา้ บวชชตี ลอดชวี ติ สำ� หรบั การบวชเปน็ พระภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนานนั้
เรม่ิ ดว้ ยเมอื่ ทา่ นไดม้ อี ายุ ๒๑ ปี บวชครง้ั แรกเปน็ ฝา่ ยมหานกิ าย บวชนานถงึ ๑๙ พรรษา
ครั้งที่ ๒ ได้ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย จนถึงวาระสุดท้ายได้ ๔๖ พรรษา
รวมอายไุ ด้ ๘๖ ปี ๖๖ พรรษา
3
ศุภนิมิตกอ่ นออกบวช
กอ่ นทที่ า่ นพระอาจารยต์ อ้ื จะออกบวชเปน็ พระภกิ ษนุ นั้ ทา่ นไดเ้ กดิ นมิ ติ อนั ดงี าม
แกต่ วั ทา่ นเอง คอื กอ่ นคนื ทที่ า่ นจะออกบวชนน้ั กลางคนื ทา่ นไดน้ มิ ติ ฝนั วา่ ไดม้ ชี ปี ะขาว
๒ คนเขา้ มาหาทา่ น คนหนงึ่ แบกครกหนิ อกี คนหนง่ึ ถอื สากหนิ มาหยดุ อยตู่ รงหนา้ ทา่ น
แลว้ วางครกและสากลง คนแรกได้พดู ว่า “ไอห้ นู แกยกสากน้ีออกจากครกไดไ้ หม”
ทา่ นตอบวา่ “ขนาดตน้ เสาใหญผ่ มยงั แบกคนเดยี วได้ ประสาอะไรกบั ของเพยี งแคน่ ”้ี
แล้วทา่ นก็เดินเขา้ ไปพยายามยกเทา่ ไรๆ กไ็ ม่ส�ำเร็จ จนถงึ วาระที่ ๓ จงึ สามารถยก
สากนั้นข้ึนได้ เม่อื ยกได้แล้วกไ็ ดเ้ อาสากน้นั ต�ำลงท่คี รก และตำ� เรอื่ ยไป มองดทู ค่ี รก
เห็นมีข้าวเปลือกเต็มไปหมด ท่านจึงได้พยายามต�ำข้าวเปลือกท้ังหลายเหล่าน้ันจน
กลายเปน็ ข้าวสารไปหมด แลว้ ชปี ะขาวกห็ ายไป
เมอื่ ชปี ะขาวหายไป จากนนั้ ปรากฏวา่ ไดม้ พี ระเถระ ๒ รปู มกี ริ ยิ าอาการนา่ เคารพ
เลอื่ มใสมาก ทงั้ มรี า่ งกายเปน็ รศั มี ทา่ นนกึ วา่ เปน็ พระอรยิ เจา้ ผวู้ เิ ศษ เดนิ ตรงมาหาทา่ น
แลว้ พดู เบาๆ วา่ “หนนู อ้ ยเจา้ มกี ำ� ลงั แขง็ แรงมาก” พดู เพยี งแคน่ น้ั กห็ ายไปอกี แลว้ ทา่ น
กต็ นื่ นอน
ร่งุ เชา้ ทา่ นมาพจิ ารณาถงึ เรือ่ งทที่ ่านฝนั เมื่อตอนกลางคนื เห็นเป็นเรือ่ งแปลก
และพสิ ดารมาก นกึ แตว่ า่ จะเกดิ อะไรขน้ึ หนอ แตท่ า่ นคดิ แตเ่ พยี งวา่ เปน็ เรอ่ื งทด่ี ที จี่ ะ
ตอ้ งเกดิ ขน้ึ กบั ทา่ นเอง แตเ่ มอ่ื นกึ ขน้ึ ไดก้ เ็ ปน็ เวลาทจี่ ะตอ้ งไปนาเพอ่ื ไลค่ วายใหม้ าอยู่
ใกลๆ้ เพราะเปน็ ฤดทู �ำนาแล้ว แตใ่ นใจยงั นึกถงึ เหตุการณท์ ี่ฝันไปเมื่อคืนนี้อยู่ว่าจะ
4
ตอ้ งมเี หตกุ ารณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เกดิ ขนึ้ แนน่ อน เปน็ เพราะทา่ นมนี สิ ยั รกั ความสงบ
อยแู่ ลว้ จงึ คดิ ขนึ้ มาวา่ “สมควรทเี่ ราจะตอ้ งบวชเพอ่ื ประพฤตธิ รรมดบู า้ ง คดิ วา่ วนั พรงุ่ นี้
เราจะต้องออกไปอยู่วัดอีกเพ่ือจะได้บวชเป็นพระภิกษุ แล้วจะได้มีโอกาสประพฤติ
ธรรมอยา่ งจริงจังบ้าง”
และกเ็ ปน็ เชน่ ทคี่ ดิ พอรบั ประทานอาหารเยน็ วนั นนั้ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ บดิ าทา่ น
กบ็ อกวา่ “กนิ ขา้ วอมิ่ แลว้ ใหร้ บี ไปหาคณุ ปสู่ มิ เสยี เพราะปทู่ า่ นมาหาลกู ถงึ บา้ นแตเ่ วลา
ยงั วนั ” ทา่ นอาจารยต์ อ้ื นกึ สงสยั วา่ จะมเี รอื่ งอะไรกไ็ มท่ ราบ ทา่ นจงึ รบี ไปหาปสู่ มิ ทนั ที
เมอื่ ไปถงึ บา้ นปสู่ มิ เรยี บรอ้ ยแลว้ ปสู่ มิ กเ็ ปดิ ประตขู า้ งในเรอื นและเรยี กใหท้ า่ นเขา้ ไปหา
พอทา่ นอาจารยต์ อ้ื เข้าไปในห้อง เหน็ มผี า้ ไตรจีวร บาตร และเคร่ืองบรขิ ารสำ� หรับ
บวชพระ แลว้ ทา่ นปกู่ ย็ นื่ ขนั ดอกไมท้ เี่ ตรยี มเอาไวใ้ หพ้ รอ้ มกบั พดู วา่ “เหน็ มแี ตห่ ลาน
คนเดียวเท่าน้ันท่ีสมควรจะบวชให้ปู่ เพราะปู่ได้เตรียมเครื่องบวชไว้เรียบร้อยแล้ว
แตห่ าคนบวชไม่ได้ จงึ ให้หลานไดบ้ วชใหป้ สู่ ัก ๑ พรรษา หรอื ได้สัก ๗ วนั ก็ยังดี
ขอให้บวชใหป้ ู่กเ็ ป็นพอ จะนานเท่าไรก็ได้ไม่เป็นไร”
ท่านได้รับปากกับปู่สิมซึ่งเป็นปู่ของท่านทันที แต่ขอไปบอกลาพ่อแม่เสียก่อน
เมอื่ ทา่ นอนญุ าตใหก้ จ็ ะไดบ้ วชตามทป่ี ตู่ อ้ งการ พอ่ แมข่ องทา่ นเมอื่ ไดย้ นิ ลกู ชายเลา่ ให้
ฟังเชน่ น้นั จงึ ได้กลา่ วคำ� อนโุ มทนาสาธุการ แสดงความยนิ ดกี บั ลกู ชายเป็นอย่างย่งิ
จากนนั้ ทา่ นกไ็ ดเ้ ขา้ ไปอยเู่ ปน็ ศษิ ยว์ ดั และอยตู่ อ่ มากไ็ ดอ้ ปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษุ
ในพระพุทธศาสนา แต่บันทึกตอนนี้ไม่แน่ชัดว่าท่านบวชที่ไหน และบวชกับใคร
ได้กราบเรียนถามท่านคร้ังหนึ่ง ท่านได้บอกว่าบวชฝ่ายมหานิกายที่อุปัชฌาย์คาน
อ.ท่าอเุ ทน จ.นครพนม และกก็ ลบั ไปอย่ทู ี่บา้ นเดิม เพ่อื ศกึ ษาเล่าเรยี นตามอปุ นิสัย
ทท่ี ่านถนัดอยแู่ ลว้ นิสัยของทา่ นชอบการศึกษาค้นควา้ พระธรรมวนิ ยั อันเปน็ ค�ำสอน
ของพระพทุ ธเจา้ เปน็ อยา่ งมาก เมอื่ จำ� พรรษาแรกน้ี ไดท้ อ่ งสวดมนตไ์ ดห้ มดตามทพี่ ระ
เณรเลา่ เรยี นกนั หลงั จากออกพรรษาแลว้ เดอื นเศษๆ ทา่ นไดเ้ ดนิ ทางไปศกึ ษาวชิ าธรรมะ
ในทางพระพทุ ธศาสนา ทเ่ี รยี กกนั วา่ “เรยี นสนธิ์ เรยี นนาม มลู กจั จายน”์ อนั เปน็ วชิ า
ทเี่ รยี นไดย้ ากในสมยั นนั้ ถา้ หากใครเรยี นไดจ้ บตามหลกั สตู รเรยี กกนั วา่ “นกั ปราชญ”์
5
เปน็ ผแู้ ตกฉานในพระธรรมวินัย ท่านพระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม ได้เดนิ ทางไปเรียน
ทวี่ ดั โพธช์ิ ยั อ.ทา่ อเุ ทน จ.นครพนม การเดนิ ทางไปดว้ ยความลำ� บากมาก ทางคมนาคม
ไมส่ ะดวกเลย ตอ้ งเดนิ ไปดว้ ยเทา้ (ระยะทางประมาณ ๕๑ ก.ม.) สำ� นกั เรยี นวดั โพธชิ์ ยั
มีชือ่ เสียงมากในขณะน้ัน เพราะมที ่านพระอาจารย์คานเปน็ เจา้ ส�ำนักเรยี น
ท่านพระอาจารย์ต้อื อจลธมโฺ ม ไดเ้ ข้าศกึ ษาเลา่ เรียนวชิ าบาลีสนธ์ิ นาม และ
มูลกัจจายน์ ในส�ำนกั วดั โพธิ์ชยั น้ี โดยความสนใจเปน็ เวลานานถึง ๔ ปีเตม็ จงึ จบ
ตามการสอนของส�ำนักเรียน จึงได้ถือโอกาสกราบเรียนลาท่านพระอาจารย์ผู้เป็น
เจ้าสำ� นกั เรียน กลบั ส�ำนกั เดิมคอื วดั บา้ นขา่
เมือ่ ท่านกลบั มาแลว้ อยูว่ ัดได้ ๓ วันเท่านน้ั ทัง้ น้ีคงเปน็ เพราะนิสยั ท่ีทา่ นใฝ่ใจ
ในธรรมชอบศกึ ษาคน้ ควา้ ในคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ ไดเ้ ดนิ ทางออกจากบา้ น
เพอ่ื จะไปเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมตอ่ ทก่ี รงุ เทพมหานคร อนั เปน็ แหลง่ ทมี่ กี ารศกึ ษาเจรญิ
ทีส่ ดุ ชักชวนไดพ้ ระภิกษุรูปหน่ึงในวดั ออกเดนิ ทางจากวดั เดิมธุดงค์มุ่งหนา้ ไปยงั
จังหวัดอุดรธานีก่อน ค่�ำไหนก็พักจ�ำวัดสมาธิภาวนาท่ีน่ัน เป็นเวลาหลายวันจึงถึง
อดุ รธานี
แต่พอเดินทางถึงจังหวัดอุดรธานี พระภิกษุที่เป็นเพื่อนเดินทางเปล่ียนใจ
คดิ ถงึ บา้ น อยากจะกลบั บา้ น ไมย่ อมไปเรยี นตอ่ ทก่ี รงุ เทพมหานครตามทตี่ ง้ั ใจเอาไว้
ถึงแม้จะพูดอย่างไรก็ตามก็ไม่ยอม มีแต่อารมณ์จะกลับบ้านอย่างเดียว ท่านต้อง
เปน็ เพอื่ นเดินทางส่งพระรปู นัน้ กลบั บา้ นขา่ ถงึ แค่อำ� เภอหนองหาร จงั หวดั อดุ รธานี
แลว้ ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ จงึ เดนิ ทางกลบั มายงั วดั โพธสิ มภรณ์ อดุ รธานอี กี แตส่ มยั นน้ั
วดั โพธิสมภรณ์ หรอื แมจ้ ังหวัดอุดรธานี กย็ ังเปน็ ปา่ ยังไมไ่ ด้พฒั นาใหเ้ จริญเหมอื น
อย่างทุกวนั น้ี
6
ออกเดนิ ธดุ งคป์ ฏิบัตกิ มั มฏั ฐาน
ท่านพระอาจารย์ต้ือ อจลธมฺโม เมื่อได้เดินทางกลับมาถึงจังหวัดอุดรธานี
คราวนท้ี า่ นไดเ้ ปลย่ี นใจจากการไปศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมทกี่ รงุ เทพมหานคร เปน็ การ
ออกปฏบิ ัติธรรมกมั มัฏฐานแทน ทา่ นว่า การออกเดินธดุ งคเ์ ป็นการเดินทางเส้นตรง
ตอ่ การบรรลุธรรมอย่างแทจ้ รงิ
เม่ือได้เปลี่ยนใจเช่นนี้แล้ว ก็ได้ต้ังจุดท่ีอุดรธานี เดินมุ่งหน้าไปยังจังหวัด
หนองคาย (ตอนนบี้ นั ทกึ เขยี นไวว้ า่ ) ทา่ นไดแ้ วะพกั โปรดญาตโิ ยมเปน็ ระยะๆ ไป และ
พกั ทำ� กมั มัฏฐานท่พี ระบาทบวั บก อ.บา้ นผือ บำ� เพ็ญภาวนาอยูน่ านหลายวนั จึงออก
เดนิ ทางไปยงั ฝง่ั ลาว พกั ทำ� กมั มฏั ฐานอยทู่ บ่ี รเิ วณนครเวยี งจนั ทนเ์ ปน็ เวลาหลายเดอื น
ท่านเล่าให้ฟังว่าได้ไปท�ำความเพียรท่ีเชิงภูเขาควาย ท�ำกัมมัฏฐานอยู่บริเวณนั้นเป็น
เวลา ๔ เดอื นเต็ม
คนื แรกทท่ี า่ นไปถงึ นน้ั ไดไ้ ปนงั่ ภาวนาอยทู่ ถ่ี ำ�้ เลก็ ๆ แหง่ หนงึ่ ในบรเิ วณนนั้ พอนง่ั
สมาธอิ ยไู่ มน่ านประมาณชวั่ โมงเศษๆ เหน็ จะได้ ไดย้ นิ เสยี งดงั มาแตไ่ กลคลา้ ยเสยี งลม
พดั อยา่ งแรง แตพ่ อลมื ตาขนึ้ ดไู มเ่ หน็ มอี ะไร นอกจากตวั ผง้ึ เปน็ หมน่ื ๆ ตวั บนิ วนเวยี น
อยเู่ หนอื ศรี ษะคลา้ ยเสยี งเครอ่ื งบนิ สกั พกั หนงึ่ ตวั ผงึ้ เหลา่ นน้ั กบ็ นิ ลงมาเกาะตามผา้ จวี ร
เตม็ ไปหมด ไตไ่ ปตามตวั จนไดเ้ ปลอ้ื งจวี รออก ผา้ องั สะกเ็ ปลอื้ งออก เทา่ นน้ั ยงั ไมพ่ อ
ยงั ไดน้ งุ่ ผา้ จวี รแบบโจงกระเบนรดั ผา้ กบั ตวั ใหแ้ นน่ ตามตวั มแี ตต่ วั ผงึ้ เตม็ ไปหมด แต่
7
ไตไ่ ปๆ มาๆ เฉยๆ ไมม่ แี มต้ วั เดยี วทจี่ ะตอ่ ย แตท่ า่ นบอกวา่ ในภาวะเชน่ นนั้ ตอ้ งใชค้ วาม
อดทนเปน็ อยา่ งยง่ิ ไมน่ านประมาณ ๒๐ นาที หมผู่ ง้ึ เหลา่ นนั้ ทงั้ หมดกห็ ายไป จากนนั้
ทา่ นกน็ งั่ ภาวนาตอ่ ไปนานประมาณ ๒ ชว่ั โมงเศษๆ ในขณะนน้ั เอง ปรากฏวา่ เหน็ มศี รี ษะ
ของคนใหญม่ ากโผลม่ าทางทท่ี า่ นนงั่ ภาวนาอยแู่ ตไ่ กลมาก คนๆ นนั้ โผลศ่ รี ษะขน้ึ ตาม
ลำ� ดบั พอเขา้ มาใกลจ้ งึ ทราบวา่ คนนนั้ ใหญโ่ ตมาก พอปรากฏทกุ สว่ นของรา่ งกายแลว้
ยนื อยนู่ านพอสมควรแลว้ หนั หลงั กลบั เดนิ ไป แตก่ ารเดนิ กลบั ไปนน้ั ดเู หมอื นวา่ เดนิ ลกึ
ลงไปสทู่ ตี่ ำ�่ เพราะหายลบั ลงไปอยา่ งรวดเรว็ มากจนมองตามไมท่ นั และทา่ นกน็ งั่ สมาธิ
อยทู่ เี่ ดมิ ไมน่ านนกั กไ็ ดป้ รากฏวา่ มเี ทพเจา้ สวมมงกฎุ สวยงามมากเขา้ มาหาทา่ น ๒ องค์
แลว้ พดู ขนึ้ วา่ “ทา่ นอาจารย์ หา่ งจากนไี้ มไ่ กลนกั มพี ระพทุ ธรปู ทองคำ� ๑๐ องค์ เงนิ ๑๕ องค์
ขอใหท้ ่านอาจารย์ไปเอาขึ้นมาเพ่อื ใหค้ นท้ังหลายได้กราบไหวส้ กั การบชู าบ้าง เพราะ
ไม่มใี ครรกั ษาแล้ว” พดู เท่านัน้ เทพเจ้าท้งั สองก็หายไป
ท่านเล่าเร่ืองต่อไปว่า คืนท่ีไปนั่งภาวนาอยู่ท่ีเส้นทางช้างศึกของเจ้าอนุวงษ์
นครเวยี งจนั ทน์ หลายคนื คนื หนงึ่ มวี ญิ ญาณหลงทางมาหามากมายจรงิ ๆ เหตทุ ว่ี า่ เปน็
วิญญาณหลงทางน้นั เพราะจะแผ่เมตตาให้อยา่ งไรกร็ ะลึกและคลายมานะทิฏฐิไม่ได้
ยงั มวั เมาอยนู่ นั่ เอง วญิ ญาณพวกนโี้ ดยมากเปน็ พวกทหารหนมุ่ ๆ ทง้ั นน้ั สงั เกตเหน็ วา่
พวกนีจ้ ะไมย่ อมกราบไหว้ ปรากฏข้นึ ใหเ้ หน็ แล้วพวกยืนก็ยนื แตว่ ญิ ญาณเหล่านย้ี ัง
สนกุ สนานอย่เู ป็นสว่ นมาก รุ่งเช้ามีโยมมาขอใหท้ า่ นพกั อยู่ตอ่ ไปนานๆ จะสรา้ งกฏุ ิ
ถวาย แตท่ า่ นหลวงตาตอ้ื ไมร่ บั นมิ นต์ ทา่ นบอกโยมวา่ จะตอ้ งเดนิ ธดุ งคไ์ ปเรอ่ื ยๆ จนถงึ
จังหวัดเชียงใหม่ เมืองเหนือของไทยใหญ่
ท่านบอกว่านับต้ังแต่ออกจากพระบาทบัวบก อุดรธานี มาพักจ�ำพรรษาอยู่ที่
บรเิ วณเวยี งจนั ทนน์ ้ี เปน็ เวลานานถงึ ๔ เดอื นเศษๆ จากนน้ั กเ็ ดนิ ทางแบบพระธดุ งค์
กมั มฏั ฐานตอ่ ไปยังเมอื งหลวงพระบาง หนทางเดนิ ลำ� บากทสี่ ดุ สภาพทัว่ ไปเป็นภูเขา
บางวนั เดนิ ขน้ึ ภเู ขาสงู ๆ แลว้ เดนิ ลงจากหลงั เขา ถา้ คดิ ระยะการเดนิ ทางธรรมดา จะตอ้ ง
เดนิ ไปไกลกวา่ นน้ั นเี่ ดนิ ตลอดวนั แตไ่ ดแ้ คเ่ พยี งครง่ึ ก.ม. เทา่ นน้ั เพราะเดนิ ตลอดวนั
กก็ ลบั ลงมาทเ่ี ดมิ เดนิ ตลอดวนั ตกเยน็ มดื ลงกก็ างกลดพกั ผอ่ นทำ� ความเพยี รภาวนา
8
ได้อรุณก็ตืน่ เดนิ ทางต่อไป บางวันไม่ได้บณิ ฑบาตเลยเพราะไมม่ ีบ้านคน ทา่ นเล่าวา่
เดนิ ไปดว้ ยกนั คราวนร้ี วมแลว้ ๖ รปู แตต่ า่ งคนตา่ งไป ไมพ่ บกนั ตง้ั หลายวนั กม็ ี บางที
กพ็ บพระซึง่ เป็นชาวพม่า ซง่ึ ทา่ นก็เดนิ ธดุ งคเ์ ช่นกัน นานๆ พบกันทหี นง่ึ พบกันแล้ว
ก็แยกทางกันเดนิ ต่อไป ท่านบอกว่าถนนหนทางยากทส่ี ดุ รถยนตไ์ มม่ โี อกาสจะไป
ไดเ้ ลย แม้แตค่ นจะเดนิ ไปกย็ งั ยาก และสมยั นน้ั รถยังไมเ่ คยมีในถิ่นน้นั เลย
วันหน่ึงในระหว่างการเดินทางจากหลวงพระบางจะถึงเมืองแมด เมืองกาสี
เดนิ ออกจากเขาลกู หนงึ่ บรเิ วณเชงิ เขามตี น้ ไมเ้ ตย้ี ๆ เปน็ ปา่ ละเมาะ ทา่ นเดนิ ไปเรอ่ื ยๆ
ไมน่ านก็มองเห็นเขาอกี ลูกหนง่ึ ข้างหนา้ และเมอื่ มองไปข้างหน้าอกี ทา่ นกม็ องเห็น
ชีปะขาวน่งั สมาธิอย่บู นก้อนหนิ ใหญก่ ้อนหนงึ่ แต่ยงั ไกลอยู่ ท่านจึงเดนิ ตรงเข้าไปหา
พอประมาณว่าจะมองเห็นได้ชดั แลว้ มองดอู ีกกลบั ไม่เหน็ มองไปขา้ งหน้าใหมก่ ็เห็น
นง่ั สมาธเิ ชน่ เดมิ อยไู่ กลเชน่ เดมิ ทา่ นกเ็ ดนิ ตรงเขา้ ไปหาใหม่ นกึ แปลกใจเหมอื นกนั วา่
ทำ� ไมยกกอ้ นหนิ เคลอื่ นทไี่ ปได้ จอ้ งมองพลาง เดนิ ตรงเขา้ ไปหาพลาง ใกลเ้ ขา้ ไปทกุ ที
แตพ่ อได้เขา้ ไปใกล้จรงิ ๆ ไมใ่ ช่ชีปะขาวอย่างที่เหน็ แตแ่ รก แตเ่ ปน็ ก้อนหนิ มรี ูปนั่งคู้
บลั ลงั กเ์ หมอื นคน มองไปอกี ทางหนง่ึ เหน็ แอง่ นำ�้ ธรรมชาตมิ นี ำ้� ใสสะอาดเยน็ และเวลา
กต็ กเยน็ แลว้ จงึ กางกลดพกั ผอ่ นเพอื่ บำ� เพญ็ กมั มฏั ฐาน เพราะเหนอื่ ยออ่ นมาหลายวนั
นงั่ สมาธกิ ำ� หนดจติ อยู่ เกดิ นมิ ติ เหน็ ชปี ะขาวเหมอื นทเ่ี หน็ เวลากลางวนั เขา้ มาหา
บอกทา่ นวา่ “ขอนมิ นตท์ า่ นอยทู่ นี่ สี่ กั นานๆ จะสอนวชิ าเดนิ ปา่ ทไ่ี มอ่ ดอยากให้ และจะ
พาไปดสู มบตั ติ า่ งๆ ภายในถำ้� อยากไดอ้ ะไรกจ็ ะมอบใหห้ มด” ทา่ นจงึ ถามวา่ “เมอ่ื เวลา
กลางวนั โยมนงั่ สมาธทิ กี่ อ้ นหนิ นหี้ รอื ” ตอบวา่ “ถกู แลว้ ทท่ี ำ� หายตวั หา่ งออกไปอกี นนั้
ก็เพราะต้องการอยากจะให้ท่านมาพักผ่อนตรงน้ี พวกข้าพเจ้าน้ีเป็นพวกกายทิพย์
มวี มิ านอยู่ที่นี่”
ทา่ นพระอาจารยต์ ้ือ อจลธมฺโม จึงพดู ตอบชีปะขาวไปว่า “อาตมาเป็นลกู ศิษย์
ของพระพทุ ธเจา้ เดยี๋ วนก้ี ำ� ลงั ปฏบิ ตั ติ ามพระบรมครอู ยู่ เราไมต่ อ้ งการสมบตั ทิ งั้ หลาย
ทท่ี า่ นจะใหห้ รอก แตว่ า่ ในขณะนเี้ ราตอ้ งการอยากจะทราบแตว่ า่ เดนิ ทางไปไหนถงึ จะ
ถงึ บ้านคนง่าย เพราะไมไ่ ดฉ้ ันขา้ วเปน็ เวลา ๕ วนั แลว้ ”
9
ชปี ะขาวคนนน้ั ตอบวา่ “สง่ิ ทที่ า่ นตอ้ งการยงั อยไู่ กลมาก แตท่ า่ นพยายามเดนิ ทาง
ให้เรว็ ก็จะถึงเรว็ ” กราบไหว้ท่านแลว้ ก็หายวบั ไป
ท่านพระอาจารย์ต้ือท่านว่านั่งภาวนาตั้งแต่ไปถึงนึกว่าไม่นาน แต่พอลืมตาข้ึน
กส็ วา่ งไดอ้ รณุ เสยี แลว้ จงึ เตรยี มตวั เดนิ ทางตอ่ ไปตามทช่ี ปี ะขาวบอก ไมไ่ กลเทา่ ไรกพ็ บ
บา้ นคนประมาณ ๑๐ หลงั เรือน จงึ หาท่พี อพักไดแ้ ลว้ เข้าไปบิณฑบาต คนพวกน้นั
พากันใส่บาตรประมาณ ๕-๖ คน ท่านนึกว่าคงเคยมีพระธุดงค์เดินผ่านมาโปรด
สงั่ สอนแลว้ ขนาดวา่ พดู กนั ไมร่ เู้ รอ่ื งเลยกย็ งั ใสบ่ าตรพระ (คนเหลา่ นเ้ี รยี กวา่ พวกขา้ )
และวนั นเี้ ปน็ วนั แรกทท่ี า่ นไดฉ้ นั ภตั ตาหารหลงั จากเดนิ ทางจากหลวงพระบางมา และ
พวกเขาไดแ้ สดงอาการทต่ี อ้ งการใหท้ า่ นอยดู่ ว้ ย แตท่ า่ นกแ็ สดงอาการใหร้ วู้ า่ ไมอ่ ยดู่ ว้ ย
เพราะว่าจะตอ้ งเดินธุดงค์ต่อไปเร่ือยๆ
เมื่อท่านได้ฉันภัตตาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางต่อไปตามภูเขาและ
ดงไมเ้ ขา้ ถงึ หวั เมอื งทง้ั หา้ ทง้ั หกเขา้ สเู่ ขตของพมา่ เขา้ บรเิ วณเมอื งเชยี งตงุ สมยั พระเจา้
เชยี งตงุ นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา ในสมยั นน้ั พระสงฆข์ องพมา่ กม็ มี าก และเจรญิ มากดว้ ย
นานๆ กพ็ บพระเถระผเู้ ฒา่ บา้ ง สามเณรบา้ ง กางกลดอยตู่ ามภเู ขา บางทกี พ็ กั นง่ั ภาวนา
รว่ มกนั ทา่ นเลา่ วา่ ชนชาวพมา่ กส็ นใจในธรรมกมั มฏั ฐานมากพอสมควร พระแลสามเณร
บางองคบ์ างทา่ นไดอ้ อกเดนิ ธดุ งคกมั มฏั ฐานไมก่ ลบั วดั เลย คอื หายสาบสญู ไปกม็ มี าก
และพระพมา่ นเ้ี กง่ ในทางคาถาอาคมมาก บางครง้ั เมอื่ พบพระชาวพมา่ แลว้ เขามกั สอน
คาถาต่างๆ ใหเ้ พอื่ ความปลอดภยั ในการเดินทางที่ทรุ กนั ดาร
การเดินทางในช่วงน้ีท่านบอกว่าล�ำบากท่ีสุด ไม่สะดวกหลายอย่างเกี่ยวกับ
พระวนิ ยั การเดนิ ทางทส่ี บายๆ ไมม่ เี ลย แตว่ นั ไหนไดเ้ ดนิ ตามเชงิ เขาแลว้ กร็ สู้ กึ สบายบา้ ง
แตก่ ารเดนิ เชน่ นน้ั จะมรี ะยะไมเ่ กนิ ๒-๓ กโิ ลเมตร การเดนิ ทางในวนั หนง่ึ ๆ เฉลยี่ แลว้
ไดว้ นั หนงึ่ ๗-๑๐ กโิ ลเมตรเทา่ นน้ั ถา้ หากสขุ ภาพและจติ ใจไมแ่ ขง็ แรง แลว้ กค็ งอาพาธ
ป่วยไข้ลำ� บากมากกว่านน้ั แต่การภาวนาตามป่าตามเขาน้ันจิตสงบดมี าก แต่สปั ปายะ
บางอยา่ งกล็ ำ� บากมาก สำ� หรบั สตั วร์ า้ ยผสี างเทวดานน้ั ไมเ่ ปน็ ปญั หาอนั ใดเลย กลบั ได้
อารมณ์กัมมัฏฐานดีเสียอีก และก็ให้ประโยชน์ดีเหมือนกัน แต่ไม่สะดวกเกี่ยวกับ
10
พระวินัยบางข้อ ท่านจึงเดินกัมมัฏฐานมุ่งมาทางเมืองไทย เข้ามาทางจังหวัดน่าน
เมืองแพร่ และเดนิ ธดุ งค์มาทางบรเิ วณจงั หวดั เลยตอนเหนอื ระยะทางเดนิ หลายสิบ
กโิ ลเมตร เดนิ ธดุ งคถ์ งึ ไหนกพ็ กั ภาวนาอยทู่ น่ี นั้ เดนิ จงกรมนง่ั สมาธไิ มไ่ ดข้ าดเลย และ
นับว่าดอี ย่างหนึ่ง ในระยะนน้ั สุขภาพก็แขง็ แรงดี ไมเ่ คยเจบ็ ไข้ใชย้ าสกั ที
ในขณะนนั้ ทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต เพชรเมด็ เอกนำ�้ หนงึ่
ของพระพทุ ธศาสนา และทา่ นเจา้ คณุ พระอบุ าลคี ณุ ปู มาจารย์ (สริ จิ นโฺ ท) มาพำ� นกั สอน
และอบรมกมั มัฏฐานอยทู่ ่จี ังหวดั เชยี งใหม่ เมอื่ ได้ทราบข่าวเชน่ นั้น ก็ได้เดนิ ธุดงค์
กมั มฏั ฐานจากจงั หวดั เลยขนึ้ สจู่ งั หวดั เชยี งใหม่ ไปทางหลม่ สกั หลายคนื จงึ ถงึ จงั หวดั
เชยี งใหม่ ถา้ จะขนึ้ รถยนตร์ ถไฟ กอ็ ตั คตั ปจั จยั และปจั จยั กห็ ายากมาก แมร้ ถยนตก์ ม็ ี
นอ้ ยมากจนนบั จำ� นวนได้ ในจงั หวดั เชยี งใหมเ่ วลานน้ั มรี ถยนตท์ ง้ั หมด ๒ คนั เทา่ นนั้
เปน็ รถของหลวงอนุสารสุนทร และอกี คนั หน่ึงเปน็ รถของใครก็จ�ำไมไ่ ด้
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ ไดเ้ ดนิ ทางถงึ จงั หวดั เชยี งใหมแ่ ลว้ ไดไ้ ปกราบทา่ นพระอาจารย์
มน่ั ภรู ทิ ตโฺ ต และไดพ้ กั อยกู่ บั ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต ทว่ี ดั เจดยี ห์ ลวง อำ� เภอเมอื ง
เชยี งใหม่ อยไู่ มน่ านเทา่ ไร กไ็ ดญ้ ตั ตเิ ปน็ ฝา่ ยธรรมยตุ โดยมี ทา่ นเจา้ คณุ พระอบุ าล-ี
คณุ ปู มาจารย์ (สริ จิ นโฺ ท) เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ ทา่ นพระครศู รพี ศิ าลสารคณุ เปน็ กรรม-
วาจาจารย์ และทา่ นพระครนู ทฯี * เปน็ อนสุ าวนาจารย์ (เมอ่ื อายไุ ด้ ๓๗ ปี เมอ่ื พทุ ธศกั ราช
๒๔๓๘ (นา่ จะเปน็ พ.ศ. ๒๔๖๘) ตรงกบั วนั ขนึ้ ๘ คำ่� เดอื น ๖ ตามทท่ี า่ นไดเ้ คยบอก
และจดบันทึกเอาไว้)
เมอ่ื ทา่ นไดบ้ วชเปน็ ธรรมยตุ และไดเ้ ปน็ ศษิ ยข์ องทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต
แลว้ กไ็ ดพ้ กั อยทู่ ว่ี ดั เจดยี ห์ ลวง จงั หวดั เชยี งใหม่ เพอื่ คอยออกเดนิ กมั มฏั ฐานตดิ ตาม
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ตอ่ ไป ในระหวา่ งนที้ า่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม ไดต้ ง้ั หนา้ ตงั้ ตา
อบรมกมั มฏั ฐานอยทู่ ว่ี ดั เจดยี ห์ ลวงเปน็ เวลาหลายเดอื น และในทส่ี ดุ ทา่ นพระอาจารย์
มนั่ ภรู ทิ ตโฺ ต และสานศุ ษิ ยก์ อ็ อกเดนิ กมั มฏั ฐานไปตามถำ้� ตา่ งๆ ในจงั หวดั เชยี งใหม่
* นา่ จะเป็นพระครนู พีสีฯ
11
และทา่ นพระอาจารย์ตอื้ อจลธมโฺ ม กไ็ ดอ้ อกตดิ ตามทา่ นพระอาจารย์มน่ั ภูรทิ ตฺโต
ไปในกองทัพธรรมคร้งั นนั้ ดว้ ย
ทา่ นไดต้ ดิ ตามไปกบั ทา่ นพระอาจารยใ์ หญ่ (ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ) ไปตามถำ้� ตา่ งๆ
หลายแหง่ เปน็ ลกู ศษิ ยท์ ใี่ กลช้ ดิ และเปน็ ผทู้ ที่ า่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต ไวใ้ จในการ
ออกเดนิ ธดุ งคป์ ฏบิ ตั ธิ รรมกมั มฏั ฐานมาก และทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต ถามและ
พดู ดว้ ยเสมอ ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม จงึ เปน็ ลกู ศษิ ย์ “เอก” ของทา่ นพระอาจารย์
มนั่ ภรู ทิ ตฺโต ซง่ึ เป็นท่ีรกู้ นั ท่ัวไปในเวลานั้น
12
ถ�ำ้ พระปจั เจกพทุ ธเจา้
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม ไดเ้ ดนิ ธดุ งคกมั มฏั ฐานไปกบั ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั
ภรู ทิ ตโฺ ต ทีถ่ �้ำเชยี งดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่วมกับพระภิกษสุ ามเณรหลายรปู
เดนิ ธดุ งคไ์ ปตามทต่ี า่ งๆ ในบรเิ วณถำ้� นงั่ ภาวนาอยรู่ ว่ มกบั ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต
นานพอสมควร ท่านพระอาจารย์มนั่ ภูรทิ ตโฺ ต ไดน้ ิมติ เห็น “ถ�้ำพระปจั เจกพทุ ธเจา้ ”
อยู่บนดอยเชียงดาว เป็นถ้�ำท่ีมีบริเวณกว้างขวางมากและสวยงามน่าอยู่มากทีเดียว
แตอ่ ยบู่ นดอยสวยงามและสงู มาก ยากทใี่ ครจะขน้ึ ไปไดห้ ากไมม่ คี วามพยายามจรงิ ๆ
นอกจากอยู่บนที่สูงแล้ว ทางข้ึนไปเป็นหน้าผาชันมาก มีก้อนหินขรุขระเป็นหลุม
เป็นบอ่ ยากแกก่ ารทจ่ี ะขึ้นไปเพราะไม่มีทางขนึ้ ไปโดยตรง
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต พจิ ารณาเหน็ วา่ ผทู้ ส่ี มควรจะขนึ้ ไปดถู ำ�้ นน้ั นอกจาก
ทา่ นต้ือแลว้ คงไม่มใี ครสามารถจะขึน้ ไปดไู ด้ จึงไดม้ ีเถรวาจาสง่ั ให้ทา่ นพระอาจารย์
ตือ้ อจลธมฺโม ข้ึนไปดถู ้�ำดังกล่าวบนดอยสูงยอดเขาเชยี งดาว
เชา้ วนั นน้ั หลงั จากฉนั ภตั ตาหารเสรจ็ แลว้ ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม พรอ้ ม
ดว้ ยพระ ๓ รปู จึงพากนั เตรียมตวั ขน้ึ ไปดถู ้ำ� ตามที่ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต
สงั่ ไว้ การเดนิ ทางตอ้ งเดนิ ตรงขน้ึ เขาเลย เพราะไมม่ ที างอน่ื ทจ่ี ะเดนิ ลดั หรอื เลาะเลย้ี วไป
ตามเชงิ เขา เดนิ ขนึ้ เขายง่ิ สายกย็ งิ่ เหนอ่ื ย ยงิ่ เดนิ กย็ งิ่ เหนอื่ ย บางแหง่ ทางแคบนดิ เดยี ว
ต้องเดินเข้าไปทีละคนเพราะมีช่องพอเข้าไปได้ทีละคนเท่านั้น บางแห่งต้องปีนป่าย
13
และห้อยโหน เพราะไม่มีทางอ่ืนดีกว่า นับว่าการเดินทางต้องเส่ียงอันตรายมาก
เดนิ ตง้ั แตเ่ ชา้ ถงึ ยอดเขาเวลากต็ กเยน็ ประมาณ ๕ โมง แตก่ ไ็ มม่ วี แี่ วววา่ จะพบถำ้� และ
ยงั ไมท่ ราบวา่ ถำ้� อยทู่ ไี่ หน และบรเิ วณตรงนนั้ ไมบ่ ง่ วา่ เปน็ ลกั ษณะของถำ�้ เลย ตอ้ งเดนิ
อยู่บนยอดเขาอกี ประมาณ ๔ ชัว่ โมงเศษๆ บนยอดเขาน้ีส่ิงธรรมชาติผดิ ปกตกิ ็คือ
ลมพดั แรงมาก ตกกลางคนื ยง่ิ พดั แรง จะปลวิ ไปตามลมเหมอื นใบไมเ้ สยี ใหไ้ ด้ จงึ ได้
หาท่หี ลบลม หาถ้ำ� เล็กๆ ก็ไม่มี คนื นัน้ ต้องนอนตากลมตลอดคนื ลมแรงถงึ ขนาด
เวลานั่งสมาธิต้องเอาเชือกตากผ้าผูกตัวแล้วมัดไว้กับต้นไม้ เพราะลมแรงเหลือเกิน
ย่ิงดึกกย็ ่งิ แรง คนื นัน้ ทั้งคนื ไม่ได้นอนเลย ต้องนงั่ ภาวนาตลอดคืน
พอรงุ่ เชา้ ไดอ้ รณุ แลว้ มญี าตโิ ยมทท่ี ำ� ไรอ่ ยบู่ นดอยจดั ภตั ตาหารมาถวาย ทราบวา่
ชนพวกนน้ั อยบู่ นนน้ั ตลอดไปเลย เปน็ พวกชาวเขาแท้ เมอ่ื ฉนั เสรจ็ แลว้ กพ็ ากนั เดนิ ทาง
ตอ่ ไป การเดนิ ทางตอ่ ไปนเ้ี ดนิ บนหลงั เขาทางลำ� บากมากทสี่ ดุ เหมอื นกนั กบั ทางทข่ี นึ้ มา
ครงั้ แรก ถงึ บรเิ วณแหง่ หนงึ่ เปน็ เวลาตะวนั เทย่ี งพอดี นกึ วา่ คงเปน็ บรเิ วณถำ�้ พระปจั เจก-
พทุ ธเจา้ ทตี่ รงหนา้ ถำ�้ เปน็ สระนำ�้ ธรรมชาตขิ นาดใหญ่ ตอ้ งอาศยั แพขา้ มไปจงึ จะไปได้
และก็จะถงึ ถ้ำ� พระทไ่ี ปด้วยกนั ไมม่ ใี ครกลา้ จะไป มที ่านพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม
คนเดยี วอาสาจะไปดู แตก่ อ่ นจะขา้ มไปนน้ั ทา่ นไดน้ ง่ั สมาธดิ กู อ่ น พอเขา้ สมาธจิ ติ สงบ
ลงแล้ว ไดย้ ินเสยี งพูดเบาๆ พอเสยี งเงยี บหายไป ก็ปรากฏว่ามอี ีกเสียงหนึ่งพดู แรง
มากวา่ “งใู หญ”่ ๒-๓ ครง้ั ทา่ นเงยี่ หฟู งั วา่ จะมอี ะไรอกี ตอ่ ไป พอเสยี งนน้ั เงยี บหายไป
กป็ รากฏวา่ มชี ายเปน็ คนสงู ใหญ่ รปู รา่ งดำ� ทมนึ มายนื พดู วา่ “ทา่ นจะเขา้ ไปในถำ้� ไมไ่ ด้
หรอกนะ เพราะมงี ูตวั ใหญ่มากเฝา้ รกั ษาอยู่”
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม จงึ ไดพ้ ดู ขนึ้ วา่ “ทพ่ี วกขา้ พเจา้ ขน้ึ มาทน่ี ี่ ไมไ่ ดม้ า
เบยี ดเบยี นใคร ไมไ่ ดม้ งุ่ มาจะเอาอะไร แตค่ วามประสงคท์ ขี่ นึ้ มาน้ี มาดถู ำ้� เทา่ นนั้ เพราะ
ท่านอาจารย์ใช้ใหม้ าด”ู
พอทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม พดู จบลง ชายคนนนั้ กห็ ายไป ทา่ นพจิ ารณา
เหน็ วา่ ไมม่ อี ะไรอกี แลว้ กอ็ อกจากสมาธิ แลว้ ทา่ นกจ็ ดั แจงแพ เอาเทยี นจดุ ไวท้ หี่ วั แพ
เอาแพทาบตดิ อก ลอยน้�ำขา้ มไปทางฝั่งโน้น นำ�้ ลกึ มากหย่ังไมถ่ งึ เลย ลอยไปกับแพ
14
ท่ีมีเทียนติดบนหัวแพ นานพอสมควรจึงถึงฝั่ง ท่านเล่าว่าถ้�ำพระปัจเจกพุทธเจ้าน้ี
เปน็ บรเิ วณธรรมชาตทิ สี่ วยงามมาก สะอาดสะอา้ นนา่ อยู่ ลกั ษณะของถำ้� กวา้ งและยาว
ลกึ เขา้ ไปขา้ งในเขา หลงั ถำ้� มแี อง่ นำ้� ธรรมชาติ นำ�้ ใสสะอาดนา่ ดม่ื กนิ ถำ้� สะอาดเหมอื นมี
คนเฝ้ารกั ษาอยูป่ ระจำ� แต่ไมม่ คี นเฝ้ารกั ษาอยูเ่ ลย
ท่านเดนิ เขา้ ไปในถ�ำ้ ภายในสวา่ ง คอื มแี สงสว่างในตวั ลึกเข้าไปเทา่ ไรก็ไม่มืด
มแี สงสวา่ งไปในตวั และเปน็ ลกั ษณะพเิ ศษของถำ้� หลงั ถำ�้ ออกไปจรงิ ๆ มปี า่ ไมป้ ระเภท
มผี ล สดชน่ื มีใบเขียวชะอ่มุ เหมอื นมกี ารรดนำ้� อยทู่ ุกวัน และบนหลงั ถำ�้ ท่ีสูงอนั เป็น
หลงั ถำ้� จรงิ ๆ นน้ั มองขน้ึ ไปแลว้ ชนั มาก คงไมม่ ใี ครจะขน้ึ ไปได้ นอกจากวา่ ขน้ึ ไปกไ็ ม่
ตอ้ งลงมาอีก ท่านออกมาจากถ้ำ� กเ็ ลยตัดสนิ ใจว่าจะนง่ั ภาวนาและจะพกั อยู่ถ้ำ� น้ีให้
นานๆ
ขณะทอี่ ยถู่ ำ้� พระปจั เจกพทุ ธเจา้ น้ี ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม เลา่ วา่ ทา่ นได้
นง่ั ภาวนาอยตู่ ลอด มพี วกกายทพิ ยเ์ ขา้ มาหาเสมอ และไดพ้ บวา่ มวี ญิ ญาณชปี ะขาวนอ้ ย
องคห์ นงึ่ ไดร้ บั ทราบวา่ เปน็ ผเู้ ฝา้ รกั ษาปฏบิ ตั ถิ ำ้� น้ี ทา่ นไดส้ อบถามชปี ะขาวนอ้ ยองคน์ น้ั
ว่า “ท่านพระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ที่นี้ เดี๋ยวนี้ท่านไปอยู่ที่ไหน” ชีปะขาวน้อยตอบว่า
“ท่านไปอย่ทู ี่อนื่ แลว้ ” แลว้ ชปี ะขาวนอ้ ยก็หายไปทางหลังถ�้ำ
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม พกั อยทู่ ถี่ ำ้� พระปจั เจกพทุ ธเจา้ ครบ ๕ วนั แลว้
พร้อมทั้งหมู่คณะท่ีข้ึนไปท�ำความเพียรน้ันก็เดินทางกลับลงมาทางเดิม พอลงมาถึง
ท่านพระอาจารย์มั่น ภรู ิทตฺโต ถามวา่ “เป็นอย่างไร น่าอยู่ไหม”
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ กราบเรยี นวา่ “ถำ�้ สวยงามนา่ อยจู่ รงิ ๆ แตไ่ มม่ บี า้ นคนเลย พวก
กระผมฉนั ใบไมต้ ลอด ๕ วนั บา้ นคนไมม่ ไี มร่ วู้ า่ จะไปบณิ ฑบาตทไี่ หน อกี ประการหนงึ่
ท่ีส�ำคัญมากกค็ ือลมพัดแรงมาก พัดหพู ดั ตา อยูล่ ำ� บาก ถ้าหากอยใู่ นถ�ำ้ ก็สบายดี
ขอรับ”
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต จงึ พดู ขนึ้ วา่ “ทำ� ไมพวกคณุ จงึ ไมเ่ ลยพากนั ขน้ึ ไปดู
“บ่อน�ำ้ ทิพย”์ ทีอ่ ยขู่ า้ งบนหลังถ�ำ้ นนั้ ด้วยละ บอ่ น�้ำทพิ ย์ศกั ด์สิ ทิ ธ์นิ ้ัน ถา้ หากใครได้
15
อาบและด่ืมเปน็ การชบุ ตวั แลว้ จะมอี ายุยนื ถึงหา้ พนั ปี สามารถเหาะเหินเดินอากาศ
ได้ด้วย”
ทา่ นพระอาจารยต์ ือ้ อจลธมฺโม กราบเรียนว่า “กระผมขึ้นไปเหมือนกนั ขอรบั
แตพ่ อขน้ึ ไปบนหลงั ถำ้� นน้ั ปรากฏวา่ มที างขน้ึ เปน็ หนา้ ผาสงู และชนั มาก สงู ราวๆ สบิ วา
สบิ หา้ วา ขน้ึ ไปไมไ่ ดข้ อรบั เพราะหนา้ ผาชนั จรงิ ๆ ทางอน่ื ทจ่ี ะขนึ้ ไปกไ็ มม่ ี กระผมเดนิ
ดรู อบๆ ตัง้ สองสามรอบ ถ้าหากข้ึนไปไดก้ ค็ งลงมาไม่ได้”
ท่านพระอาจารยม์ นั่ ภูรทิ ตฺโต จึงกล่าวตอบว่า “พวกเราคงไมม่ ีบญุ วาสนาท่ีจะ
เหาะไดล้ ะ่ มงั้ จงึ ไดพ้ ากนั เดนิ ลงมาจนเทา้ แตกหมด ถา้ หากวา่ ขนึ้ ไปไดก้ ค็ งลงมาไมไ่ ด้
แต่ขึ้นไปไดแ้ ละลงมาได้อย่างน้กี ็สามารถมากแลว้ ล่ะ”
16
เหตุการณท์ บ่ี ้านพร้าว
ตอ่ จากนนั้ เมอ่ื เดนิ ทางออกจากถำ้� เชยี งดาวแลว้ ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต
ก็เดินธุดงค์ขึ้นไปทางบ้านพร้าว ผู้ร่วมเดินทางมีท่านพระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม
ทา่ นพระอาจารยแ์ หวน สจุ ณิ โฺ ณ แหง่ วดั ดอยแมป่ ง๋ั เชยี งใหม่ (และมพี ระภกิ ษสุ ามเณร
ตดิ ตามดว้ ย ตามบนั ทกึ ) ในระหวา่ งเดนิ ทางกถ็ งึ ทแ่ี หง่ หนงึ่ เปน็ ชอ่ งแคบทจี่ ะไตข่ นึ้ เขา
พอดมี ชี า้ งเชอื กหนง่ึ ยนื ขวางหนา้ กำ� ลงั เพลดิ เพลนิ อยกู่ บั การกนิ ใบไผต่ รงกลางชอ่ งแคบ
พอดี คณะกองทพั ธรรมไมร่ วู้ า่ จะทำ� อยา่ งไรดี ไมม่ ที างอน่ื ทจี่ ะเดนิ ลดั หลกี ได้ ชา้ งกบั คน
หา่ งกันประมาณ ๑๐ วา เหน็ จะได้ หรืออาจจะไกลกว่านั้นเพยี งเลก็ นอ้ ย
ในขณะนั้นมีเสียงหนึ่งลงความเหน็ วา่ พวกเราควรจะกลับเสียกอ่ นแล้วจึงค่อย
มาใหม่ ทนั ใดนนั้ ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต จงึ กลา่ วขนึ้ วา่ “ทา่ นตอ้ื ลองพดู กบั
ชา้ งดบู า้ งซิ”
ทา่ นพระอาจารย์ตอ้ื อจลธมโฺ ม จงึ พดู ขน้ึ ว่า “พ่ชี ายขอพดู ด้วย” เทา่ นนั้ เอง
ชา้ งเชอื กนน้ั กห็ ยดุ ชะงกั หยดุ กนิ ใบไผท่ นั ที “พช่ี ายขอพดู ดว้ ย” เปน็ คำ� รบสอง ชา้ งหนั
มาทางพระกองทัพธรรมทันที มที า่ ทางหกู างออก ยนื นง่ิ ไมก่ ระดุกกระดิกเลย
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม จงึ พดู ตอ่ ไปวา่ “พวกเราขอทางเดนิ หนอ่ ย พชี่ าย
มายนื กนิ ใบไผอ่ ยทู่ น่ี ี้ พวกเราจงึ ไมม่ ที างเดนิ เพราะพชี่ ายยนื ปดิ ทาง พวกเรากลวั พช่ี ายมาก
ขอให้หลกี ทางให้พวกเราดว้ ย”
17
พอพูดจบลง ชา้ งเชือกนั้นกร็ ีบหนั หนา้ เข้ากอไผข่ ้างทาง ประหนง่ึ แสดงให้รู้วา่
ได้หลกี ทางใหแ้ ลว้ พวกทา่ นทัง้ หลายจงไปเถดิ เราไมท่ ำ� อะไรแลว้ โดยอาการท่กี ม้
ศีรษะลง
เมอื่ ชา้ งหลกี ทางใหแ้ ลว้ ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม เดนิ ออกหนา้ ทา่ นพระ
อาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต เปน็ อนั ดบั ๒ และทา่ นพระอาจารยแ์ หวน สจุ ณิ โฺ ณ เดนิ ตามหลงั
พากนั คอ่ ยๆ เดนิ ผา่ นกน้ ชา้ งเชอื กนนั้ ไป เมอ่ื ผา่ นชา้ งไปแลว้ กพ็ ากนั เดนิ ตอ่ ไป เดนิ ตอ่
ไปเรอ่ื ยๆ แตท่ า่ นพระอาจารยแ์ หวน สจุ ณิ โฺ ณ พอผา่ นชา้ งไปประมาณวาเศษๆ เทา่ นนั้
ขอเหล็กส�ำหรับแขวนกลดธุดงค์ของท่านไปเกี่ยวกับกิ่งไผ่เข้าพอดี จะปลดอย่างไร
กไ็ มห่ ลดุ พยายามอยตู่ งั้ นานกไ็ ม่หลุดได้ ถ้าจะทำ� แรงกก็ ลวั ช้างจะตกใจต่ืน แตช่ า้ ง
แสนรู้ตวั นน้ั ก็ไม่แสดงอาการอย่างไร คงยงั ยนื นิ่งในทา่ เดิมอยู่ จะเป็นเพราะเหตไุ ร
กไ็ มท่ ราบได้ ทา่ นพระอาจารยแ์ หวนกป็ ลดขอทเี่ กยี่ วกบั กง่ิ ไผไ่ มห่ ลดุ ทา่ นพระอาจารย์
มนั่ ภรู ทิ ตโฺ ต หนั กลบั ไมเ่ หน็ จงึ เรยี กใหท้ า่ นพระอาจารยต์ อื้ หยดุ และใหก้ ลบั ไปหาทา่ น
พระอาจารยแ์ หวน ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม กลบั ไปเหน็ ทา่ นพระอาจารยแ์ หวน
ยังติดอยู่จงึ เขา้ ไปชว่ ย เม่อื หลดุ ออกมาแล้ว ก็พากันเดินไปหาทา่ นพระอาจารยใ์ หญ่
แล้วก็หยุดพักผ่อนสนทนากันถึงเรื่องช้างเชือกน้ันว่าเป็นสัตว์ที่แสนรู้น่ารักน่าเอ็นดู
ท้ังน่าสงสาร
ในขณะนน้ั เองจงึ มเี ถรวาจาวา่ “ทา่ นตอื้ กเ็ กง่ มาก สามารถพดู ใหช้ า้ งตวั ใหญเ่ กบ็
อาวุธรา้ ยแล้วรบี หลีกทางให้ แล้วพวกเราไม่กำ� หนดดูใจของมนั บา้ ง ชา้ งตวั น้นั เวลา
ทา่ นตอื้ พดู ขอทางจากมนั จบลง ทแี รกมนั กต็ กใจ รบี หนั หนา้ มาทางเราโดยเรว็ มนั คง
คดิ วา่ เปน็ ศตั รขู องมนั แตพ่ อมนั เหน็ ถนดั เปน็ “ผา้ กาสาวพสั ตร”์ ครองอยู่ กร็ ทู้ นั ทวี า่
เปน็ “เพศที่สงบเย็น ไมเ่ บียดเบยี นใคร และเชอื่ ใจได”้ กห็ ลกี ทางใหแ้ ตโ่ ดยดี”
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม ไดเ้ ปน็ ลกู ศษิ ย์ “เอก” ของทา่ นพระอาจารยม์ นั่
ภรู ทิ ตฺโต ไดต้ ดิ ตามทา่ นพระอาจารย์ไปทุกหนทกุ แห่ง ในขณะทที่ ่านพระอาจารยม์ ่นั
อยู่บ�ำเพ็ญกัมมัฏฐานและเผยแผ่อบรมศีลธรรมค�ำสอนในภาคเหนือและภาคอีสาน
จนกระทั่งท่านพระอาจารย์มนั่ ภูรทิ ตฺโต เดินธดุ งคกมั มัฏฐานกลบั มาทางภาคอสี าน
18
เพราะทา่ นเจา้ คุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนธฺ ุโล) เจ้าอาวาสวดั โพธสิ มภรณ์ จงั หวดั
อุดรธานี เป็นผู้นิมนต์กลับเพื่อเผยแผ่อบรมกัมมัฏฐานแก่ชาวภาคอีสาน แต่ท่าน
พระอาจารยต์ อ้ื ยงั ไมก่ ลบั และทา่ นชอบอากาศทางภาคเหนอื ทา่ นวา่ เยน็ สบายดี เหมาะท่ี
จะแสวงหาความสงบทางใจต่อไป
หลงั จากท่านพระอาจารยม์ ่นั ภูริทตฺโต กลบั มาแลว้ ท่านพระอาจารย์ต้อื ก็ได้
บำ� เพญ็ กมั มฏั ฐานสรา้ งบารมตี อ่ ไปทภ่ี าคเหนอื ทา่ นไดส้ รา้ งวดั ปา่ กมั มฏั ฐานขนึ้ หลาย
แหง่ เชน่ วดั ปา่ ดาราภริ มย์ อ.แมร่ มิ เชยี งใหม่ วดั ปา่ สามคั คธี รรม อ.แมแ่ ตง เปน็ ตน้
วัดป่าสามัคคีธรรมนี้ ท่านพระอาจารย์ตื้อได้อยู่จ�ำพรรษามากกว่าทุกแห่งหลังจากที่
ทา่ นไดห้ ยดุ เดนิ ธดุ งคแ์ ลว้ เพราะวดั นเี้ ปน็ สถานทว่ี เิ วกและสงบดี และวดั นไ้ี ดเ้ ปลย่ี น
ชอื่ เปน็ “วดั ปา่ หลวงตาตอ้ื อจลธมโฺ ม” แลว้ ทง้ั นเ้ี พอ่ื เปน็ อนสุ รณแ์ กท่ า่ นทอ่ี ยภู่ าคเหนอื
มานานจนเปน็ ทเี่ คารพนบั ถอื ของคนทงั้ ภาค และทว่ั ๆ ไปทไี่ หนกท็ ราบกนั ดวี า่ “ทา่ นพระ
อาจารย์ตอื้ อจลธมโฺ ม” เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั พิ ระกัมมัฏฐานเคร่งครัดมาก เปน็ ผูไ้ มก่ ลวั ต่อ
เหตกุ ารณเ์ ฉพาะหนา้ จะเปน็ การตอบปญั หาหรอื อนั ตรายในระหวา่ งปฏบิ ตั ธิ รรมกต็ าม
ท่านกท็ �ำไดจ้ นเป็นท่ีพอใจ และสนใจในธรรมตามสมควร
ตอ่ ไปนเ้ี ปน็ การบนั ทกึ ทท่ี า่ นเลา่ ใหฟ้ งั โดยกราบเรยี นและมกี ารบอกเลา่ บา้ ง ซง่ึ ไม่
สามารถจะล�ำดบั เรอื่ งได้ จึงต้องลงไวเ้ ป็นบทๆ
19
ธุดงค์ภายในถ้�ำเชยี งดาว
ครง้ั หนง่ึ ท่านพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม เข้าไปธุดงค์ในถำ�้ เชียงดาว อำ� เภอ
เชยี งดาว เชยี งใหม่ เพอ่ื จะไดส้ ำ� รวจดขู า้ งในถำ�้ เพอ่ื เปน็ ทบ่ี ำ� เพญ็ กมั มฏั ฐาน มลู เหตทุ ่ี
จะเขา้ ไปภายในถำ�้ เชยี งดาว กเ็ พราะวา่ ทา่ นพระอาจารยอ์ นิ ทวงั ชวนทา่ น ทง้ั นเี้ พราะวา่
ถำ�้ เชยี งดาวนเ้ี ปน็ ถำ�้ ทมี่ คี วามยาวมาก และไมม่ ใี ครจะสามารถเขา้ ไปตรวจดภู ายในถำ�้
โดยตลอดได้ เพราะถ�้ำมีความยาวมากท่สี ดุ ในบรรดาถ�้ำทัง้ หลาย มคี นเข้าไปไดก้ ็แค่
๒-๓ กิโลเมตรเท่านน้ั เมื่อตกลงกันว่าจะเขา้ ไปแลว้ กไ็ ด้จดั เสบยี งเดนิ ทาง มขี า้ วตู
ขา้ วแหง้ และหาใบฉำ� ฉาเพอ่ื โปรยเวลาเขา้ ถำ้� ปอ้ งกนั การหลงทาง และทา่ นพระอาจารย์
อนิ ทวงั เปน็ หมองู สามารถจบั งแู ละปอ้ งกนั งกู ดั ไดด้ ว้ ย และเปา่ แกพ้ ษิ งไู ดด้ ว้ ย แตถ่ า้ หาก
เรื่องผีสางนางไม้แล้ว ท่านพระอาจารย์ต้ือเป็นผู้รับรองป้องกัน เป็นท่ีเลื่องลือกัน
ทัว่ ไปวา่ ทา่ นพระอาจารยต์ ือ้ อจลธมฺโม ผีสางนางไมก้ ลวั เปน็ ท่ีสดุ
เมอ่ื ทา่ นทง้ั สองไดเ้ สบยี งครบแลว้ กเ็ รม่ิ ออกเดนิ ทางตามจดุ ประสงคต์ อ่ ไป พอเขา้
ถำ้� กโ็ รยใบฉำ� ฉาไปเรอ่ื ยๆ ครง้ั ละใบสองใบ ภายในถำ้� มดื เปน็ สว่ นมาก ตอ้ งระมดั ระวงั
เรอ่ื งงเู ปน็ พเิ ศษ เพราะในถำ�้ เปน็ ทอี่ ยขู่ องงชู นดิ ตา่ งๆ เปน็ จำ� นวนมาก ทง้ั เลก็ และใหญ่
ท่านหลวงตา (ทา่ นพระอาจารย์ตื้อ) เลา่ วา่ เข้าไปก็พบงทู ันที แสดงว่างมู ากทีเดยี ว
ที่มอี ย่ใู นถ�้ำ ตวั ใหญ่ๆ ขนาดตน้ เสาก็มี แตพ่ อพบงทู ีไร ทา่ นพระอาจารย์อินทวัง
ก็บอกว่า “ไม่ต้องกลวั เดินขา้ มไปเลยและอยา่ ไปถูกตอ้ งมัน”
20
การเดนิ ทางสำ� รวจถำ้� คราวน้ี จดุ ประสงคข์ องทา่ นพระอาจารยอ์ นิ ทวงั กอ็ ยากจะ
ไปดู “แท่นหลวงค�ำแดง” ซ่งึ เปน็ ทเ่ี ลอื่ งลือของคนในถนิ่ น้นั ว่าเป็นสถานที่ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ
และเป็นท่ีอย่ขู องชาวลบั แล
ในระหวา่ งเดนิ ทางวนั หนง่ึ ไดพ้ บแมน่ ำ้� ไหลผา่ นและลดั เลาะไปตามถำ�้ และทางท่ี
จะเดนิ ตอ่ ไปนน้ั กต็ อ้ งลยุ นำ�้ ไป เมอ่ื ดตู ามลายแทงแลว้ บอกวา่ เปน็ แมน่ ำ้� ไมล่ กึ ลยุ นำ�้
ขา้ มไปได้ จงึ ไดพ้ ากนั ลยุ นำ�้ ขา้ มไป มสี ง่ิ หนงึ่ ทค่ี วรสนใจในระหวา่ งนน้ั กค็ อื มชี ว่ งเดนิ
ระยะหนงึ่ ถา้ หากไมส่ งั เกตแลว้ กจ็ ะหลงทาง เพราะวา่ เดนิ ไปนานๆ แลว้ กลบั มาทางเดมิ
ทา่ นเลา่ วา่ ในระหวา่ งการเดนิ ทางนน้ั มกี ารขา้ มแมน่ ำ�้ ถงึ ๗ แหง่ และเดนิ ตอ่ ไปจนถงึ
ตน้ โพธิ์ ในระหวา่ งนใี้ บฉำ� ฉากห็ มด เสบยี งทไ่ี ปกห็ มด แตย่ งั ไมพ่ ากนั กลบั คงเดนิ ตอ่
ไปอีก แต่ก็ยงั ไมพ่ บ “แทน่ หลวงค�ำแดง” ตกลงพากันกลบั ออกมาทางเดมิ
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ เลา่ ตอ่ ไปวา่ ภายในถำ้� เชยี งดาวนน้ั มดื ไมเ่ หมาะทจี่ ะบำ� เพญ็
กัมมฏั ฐาน การเดินทางท้งั ไปและกลบั รวม ๗ วนั ๗ คืนพอดี บางคร้งั เดินตลอด
เพราะไมท่ ราบวา่ เปน็ กลางวนั หรอื กลางคนื เพราะความมดื สนทิ ภายในถำ้� ไมเ่ หมอื นถำ�้
พระปจั เจกพุทธเจ้า
21
ผบู้ ำ� เพญ็ บารมี
ที่อ�ำเภอจอมทอง จังหวดั เชียงใหม่ ท่านพระอาจารยต์ ือ้ อจลธมโฺ ม ได้บำ� เพญ็
กัมมัฏฐาน ณ สถานที่วิเวกแห่งหนึ่งเป็นเวลาหลายคืน มีอยู่คืนหนึ่งขณะท่ีท่าน
พระอาจารยต์ อื้ เดนิ จงกรมกมั มฏั ฐานตามปฏปิ ทาของ “พระธดุ งค”์ มชี ปี ะขาวองคห์ นง่ึ
มาหาทา่ นในทา่ ทางของเทพยดา เพราะวา่ ลอยมาทางอากาศ พอเหน็ ทา่ นเดนิ จงกรมอยู่
กส็ ำ� แดงตนลอยสงู ขน้ึ ไปยนื หยดุ อยบู่ นยอดไมใ้ หญต่ น้ หนงึ่ ขา้ งทางเดนิ จงกรมของทา่ น
ยนื อย่บู นนนั้ นานพอสมควร จะท�ำอะไรก็ไมท่ �ำ อยู่เฉยๆ ท่านกเ็ ดนิ จงกรมตามปกติ
เทพยดาองค์น้ันก็ไมห่ นีไปไหน
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม จงึ พดู ถามขน้ึ วา่ “เทพยดาผมู้ ศี ลี ธรรมอนั ดงี าม
ทำ� ไมทา่ นจงึ ยนื อยบู่ นทส่ี งู คอื อยทู่ สี่ งู กวา่ ๆ อาตมาผเู้ ปน็ ลกู ศษิ ยข์ องพระสมณโคดม
ผู้ปฏิบัตธิ รรมอยเู่ ลา่ ท�ำไมไมล่ งมากราบไหวถ้ วายความเคารพเล่า”
เทพยดาองคน์ นั้ กน็ ง่ิ เฉย ทา่ นพระอาจารยจ์ งึ ถามตอ่ ไปอกี วา่ “เทพเจา้ ผมู้ ศี ลี า-
จารวตั รอันดงี าม ทา่ นเปน็ ฤาษีหรือ หรือว่าเป็นอรหนั ต์”
เทพยดาองคน์ น้ั กแ็ สดงอาการกางแขนออก แลว้ กท็ ำ� อาการบยุ้ ใบม้ าทางทา่ นแลว้
แบมือออก ท่านพระอาจารย์ต้อื จึงถามอีกวา่ “เทพยดาผู้เจรญิ ท่านเป็นพระปจั เจก-
พทุ ธเจา้ หรือ” เทพเจา้ องคน์ ัน้ ก็แบมือออก ปรากฏว่าทีฝ่ า่ มอื ท้ังสองขา้ งมีรูปดอกบวั
อยู่ทัง้ สองขา้ ง
22
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื จงึ แนใ่ จวา่ เทพยดาองคน์ เ้ี ปน็ พระปจั เจกพระพทุ ธเจา้ แนแ่ ลว้
แตเ่ ทพยดาองค์น้นั ก็แสดงอาการเอียงอาย แล้วกเ็ หาะหนีจากไป
เรอื่ งเทพยดาองคน์ ี้ ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม เมอ่ื มโี อกาสกไ็ ดก้ ราบเรยี น
ถามท่านพระอาจารย์ใหญ่ คือท่านพระอาจารย์ม่นั ภรู ทิ ตฺโต ท่านพระอาจารยใ์ หญ่
แก้ปัญหาของลูกศิษย์ว่า “เป็นวิญญาณของผู้ก�ำลังสร้างสมบุญบารมีเพ่ือความเป็น
พระปจั เจกพทุ ธเจา้ อย”ู่ และเรอ่ื งอนื่ ๆ อกี วา่ เชน่ เรอื่ งผสี างเทวดานางไมต้ า่ งๆ ทที่ า่ น
พระอาจารยต์ อื้ ไดพ้ บเหน็ ในทตี่ า่ งๆ ทท่ี า่ นไดพ้ บเหน็ มา เรอ่ื งเชน่ นที้ า่ นพระอาจารยใ์ หญ่
ก็รับรองว่าเป็นเรื่องจริงและมีจริง ส�ำหรับเทพยดาองค์ที่มีรูปดอกบัวบนฝ่ามือนั้น
เปน็ ผกู้ ำ� ลงั สรา้ งบารมเี พอ่ื ความเปน็ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ อยู่ และกอ็ กี ไมน่ านหรอกกจ็ ะ
ได้ส�ำเร็จ คงไม่มมี ากหรอกเรอ่ื งเชน่ นี้ นานๆ จึงจะได้พบทีหนง่ึ ซง่ึ เปน็ เร่ืองที่ควรจะ
สนใจใหม้ ากวา่ เทพยดานนั้ บางองคก์ ม็ ศี ลี ธรรมอนั ดงี าม เพราะเคยไดป้ ระพฤตธิ รรม
มากอ่ นหลายชาตแิ ลว้ ละจากรา่ งกายอนั เนา่ เหมน็ ของมนษุ ยแ์ ลว้ กย็ งั ประพฤตธิ รรมอยู่
เพราะสันดานเป็นศีลเป็นธรรมแล้ว เทพยดาองค์น้ีไม่ก่ีชาติหรอกก็จะได้ส�ำเร็จเป็น
พระปัจเจกพุทธเจ้า
23
เดนิ ธุดงค์ไปแมฮ่ ่องสอน
จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน เปน็ จงั หวดั ทอ่ี ยไู่ กลความเจรญิ มากในสมยั นนั้ หนทางเดนิ
แมแ้ ตข่ องคนกย็ งั เดนิ ลำ� บาก คมนาคมไมส่ ะดวกเลย การเดนิ ทางไปลำ� บากมากทส่ี ดุ
ท่านพระอาจารย์ตื้อท่านได้เล่าว่า หลวงตาเดินธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา
หลายวันจึงถึง เม่ือไปถึงก็เลือกหาสถานที่พักบ�ำเพ็ญเพียรภาวนาได้ที่เหมาะสม
ตามสมควรแล้ว ก็ได้พักภาวนาอยู่ที่นั้นเป็นเวลาหลายคืน อากาศก็ดี สถานท่ีก็ดี
คอื เงียบสงบดี การภาวนาเป็นไปด้วยความสะดวกเรยี บรอ้ ย
แต่มีคืนหน่ึงขณะที่ท่านบ�ำเพ็ญกัมมัฏฐานอยู่น้ัน มีวิญญาณพวกเทพยดา
มารบกวนลองดกี ันกม็ ีมาก โดยเฉพาะท่ีถำ้� ผาบ่อง คนื แรกเทา่ นัน้ กต็ ้องขับเค่ียวกัน
กบั พวกวญิ ญาณพวกโอปปาตกิ ะ หมายถงึ พวกผที ง้ั หลาย คนื นนั้ ทา่ นวา่ นงั่ ภาวนาจติ
คอ่ ยสงบแลว้ พวกผมี บี าปกรรมกม็ ากระทำ� การแสดงฤทธท์ิ ำ� เหมอื นสายรงุ้ เปน็ สตี า่ งๆ
จนแสงจา้ ไปหมดครอบมงุ้ กลดกมั มฏั ฐาน ระยะนนั้ รสู้ กึ วา่ กำ� ลงั ของมนั แผป่ กคลมุ บบี
เขา้ ไปถงึ จติ ใจ มที งั้ หายใจฝดื และหายใจไมอ่ อก ลมมนั ตนั ไปหมด รา่ งกายธาตขุ นั ธ์
อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ท่านไม่ได้ลดละการภาวนา ต้ังใจภาวนาอย่างไม่ลดละ
คงตง้ั ใจภาวนาใหจ้ ติ มัน่ คงอยู่กบั พุทฺโธ ธมโฺ ม สงฺโฆ ไม่นานเท่าไร แสงประกาย
เหมือนสายรงุ้ นนั้ ก็คอ่ ยคลายลงและมลายหายไป
ครนู่ นั้ เอง ปรากฏวา่ เมอื่ แสงนน้ั หายไปแลว้ กม็ นี ว้ิ มอื ขนาดใหญม่ ากเทา่ ลำ� ตาล
เหน็ จะได้ ครอบลงทก่ี ลดมงุ้ ธดุ งคอ์ กี ตอนนที้ า่ นวา่ ถงึ กบั มหี วั ใจสน่ั หววิ ๆ เกดิ อาการ
24
กลวั ขน้ึ มาและอยากจะหยดุ ทำ� ความเพยี ร แตแ่ ลว้ ทา่ นกต็ ง้ั ใจมนั่ เอาเปน็ เอาตาย มน่ั อยู่
กบั พทุ โธ พทุ โธๆ จะตายกข็ อใหต้ ายดว้ ยศลี ดว้ ยธรรม จติ กค็ อ่ ยสบายขน้ึ มา ไมน่ าน
น้ิวมือนั้นกห็ ายไปอกี
และตอ่ มาอกี ไมน่ าน กป็ รากฏเหน็ รปู คนตวั ดำ� ๆ สงู ประมาณ ๑๐ ศอก แตง่ ตวั
เหมอื นพระราชา เดนิ เขา้ มาใกลพ้ อสมควรแลว้ กห็ ยดุ อยทู่ เี่ งามดื ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื
จึงถามว่า “ใครอยู่ที่นั่น” ไม่มีเสียงตอบ ยืนอยู่เฉยๆ และก็ไม่แสดงอาการอะไร
คร่เู ดยี วกห็ ายไปและแลว้ กก็ ลบั มาอีก แตค่ ราวนเี้ ปล่ยี นเคร่อื งแต่งตัวใหม่กลายเป็น
หม่ ขาว คะเนอายปุ ระมาณ ๒๗ หรอื ๒๘ ปี เพราะดทู า่ ทางยงั หนมุ่ อยมู่ าก มาคราวนี้
มาดว้ ยอาการสงบเสงยี่ มเรยี บรอ้ ย มาใกลแ้ ลว้ คกุ เขา่ ลงกราบดว้ ยความเคารพ และดู
ทา่ ทางเลอ่ื มใสในทา่ นพระอาจารย์ เมอ่ื กราบไหวแ้ ลว้ กน็ ง่ั ลงเรยี บรอ้ ย ทา่ นพระอาจารย์
ตอื้ อจลธมโฺ ม จงึ ถามวา่ “ทา่ นเปน็ ใคร ทา่ นมาจากไหน” “มาหาทา่ นพระอาจารยน์ เ้ี อง”
ท่านพระอาจารย์ต้ือจงึ ถามตอ่ ไปว่า “ใครเป็นผ้ทู ำ� สายร้งุ ครอบมุ้งกลดของเรา
ใครเปน็ ผ้ทู �ำน้ิวมอื ใหญค่ รอบมงุ้ กลดของเรา และใครแสดงตนเปน็ พระราชา”
เขาตอบทา่ นวา่ “ท้ังหมดนนี้ นั้ เราเปน็ ผ้ทู ำ� ทั้งหมด”
“ทำ� เพื่อประโยชนอ์ นั ใด” ท่านพระอาจารย์ต้ือถามอกี
“ท�ำเพอ่ื ทดลองจติ ใจของทา่ นเล่นเฉยๆ” เขาตอบเป็นเสยี งชาวเหนือ
ท่านพระอาจารยต์ อื้ จงึ วา่ “การท่ีจะทดลองลูกศิษย์ของพระมหาสมณโคดมให้
กลวั นนั้ ไมม่ ผี ลเสยี แลว้ เพราะสมณะอยา่ งเราไมก่ ลวั อะไรเสยี แลว้ จะตายกไ็ มเ่ สยี ดาย
อะไร เพราะวา่ ได้นับถือพระพทุ ธเจา้ รจู้ กั การเสยี สละ การท�ำบญุ สร้างปญั ญาบารมี
จะตายก็ไม่หลงตาย จะอยู่จะตายก็เป็นประโยชน์ท้ังน้ัน จะไม่เป็นผู้หลงตายเลย
เทพยดา มนษุ ย์ สตั วน์ รก รกั เคารพตอ่ พระพทุ ธเจา้ ทงั้ นนั้ รกั นบั ถอื ตอ่ บคุ คลผปู้ ฏบิ ตั ิ
ธรรมทัง้ นั้น นอกจากวญิ ญาณที่หลงตายเท่านัน้ ทมี่ าหลอกกนั ใหย้ ดื ยาว เสียเวลาใน
การสร้างบญุ บารมี”
25
ในทสี่ ดุ วญิ ญาณดวงนนั้ กข็ อรบั ศลี รบั พรจากทา่ นพระอาจารยด์ ว้ ยอาการเคารพ
นอบนอ้ ม ทา่ นกแ็ ผเ่ มตตาใหต้ ามประสงค์ วญิ ญาณกราบเรยี นทา่ นวา่ “แตก่ อ่ นขา้ พเจา้
เป็นพระราชาอยู่เมืองตองฮู้ ระยะแรกเมินเฉยต่อพระธรรมคำ� สอนเพราะโลภมาก
ในสมบตั ิ แตร่ ะยะหลงั ๆ บนั้ ปลายของชวี ติ ไดเ้ ลอ่ื มใสในพระพทุ ธเจา้ พระองคเ์ สดจ็
มาโปรด ขา้ พเจา้ กไ็ ดร้ บั ศลี รบั พรจากทา่ น และขอใหพ้ ระพทุ ธเจา้ ไดป้ ระทบั รอยพระบาท
ไว้เพื่อเป็นท่ีสักการบูชา พระองค์ก็ทรงประทับรอยพระบาทไว้อยู่ห่างจากนี้ไม่ไกล
อย่กู ลางแมน่ ้ำ� ทฝี่ าผนังหินกลางแมน่ ้ำ� ๆ น้ลี กึ ท่วมหลังชา้ งเทา่ นน้ั ไม่ลกึ มากเท่าไร
แมน่ ำ้� นอี้ ยใู่ กลเ้ มอื งประดขู่ าว” (ปจั จบุ นั แมน่ ำ�้ นเ้ี รยี กชอื่ วา่ แมน่ ำ�้ ปอน และเมอื งประดขู่ าว
เปลยี่ นเปน็ เมอื งรว่ั ) วญิ ญาณนนั้ บอกยำ�้ อกี วา่ “รอยพระพทุ ธบาทนน้ั อยกู่ ลางแมน่ ำ้� นนั้
นมิ นต์ไปดูและนมัสการด้วย ถา้ ท่านนบั ถอื พระพุทธเจ้าจรงิ ๆ แลว้ กจ็ ะบอกหนทาง
เดนิ ให้ แตอ่ ยา่ ลมื วา่ ตรงปากทางเขา้ ไปจะถงึ แมน่ ำ�้ นน้ั จะมถี ำ�้ อยแู่ หง่ หนงึ่ เมอื่ เขา้ ไปใน
ถำ้� นน้ั จะเหน็ หนิ ยาวรมี ลี กั ษณะคลา้ ยงู แตเ่ ปน็ กอ้ นหนิ ธรรมดา มนษุ ยท์ ว่ั ไปเขา้ ใจวา่
เปน็ งเู พราะมแี ตค่ วามกลวั เปน็ ใหญ่ ใหเ้ ดนิ ขา้ มไปหรอื เหยยี บไปเลยกไ็ ด้ และภายใต้
หนิ กอ้ นนนั้ มไี หเงนิ และทองคำ� อยู่ ๔ ไห ถา้ หากทา่ นพระอาจารยจ์ ะเอาไปเพอื่ เปน็ การ
เมตตาตอ่ ข้าพเจ้าแล้ว ก็ขอน้อมถวายเลย” เมื่อพูดเพยี งน้แี ลว้ ก็หายไป
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม ไดพ้ กั ภาวนาอยเู่ ปน็ เวลาพอสมควรแลว้ กเ็ ดนิ ทาง
ไปเพอื่ ดรู อยพระพทุ ธบาท ใชเ้ วลาเดนิ ตามทางทว่ี ญิ ญาณบอก ๑ วนั กถ็ งึ ปากถำ้� ทางเขา้
ไปเพื่อดูรอยพระพุทธบาท ท่านได้สังเกตเห็นก้อนหินยาวเหมือนรูปงูจริงๆ แต่มัน
กเ็ ปน็ กอ้ นหนิ ธรรมดานน้ั เอง เดนิ ตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ รมิ แมน่ ำ�้ กม็ องเหน็ กอ้ นหนิ ใหญ่
เหมือนภูเขาต้ังอยู่กลางน�้ำเลย และก็ได้พบรอยพระพุทธบาทตามค�ำบอกเล่าจริงๆ
รอยพระพุทธบาทนีย้ าวประมาณ ๘ ศอก กวา้ ง ๖ ศอก สูง ๔ ศอก โดยประมาณ
เหน็ จะได้ เปน็ รอยพระพุทธบาททพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงประทับไวบ้ นก้อนหนิ ใหญ่
ทกุ คนื ทท่ี า่ นหลวงตาพกั ภาวนาอยทู่ บ่ี รเิ วณปา่ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนน้ี เกอื บทกุ คนื
จะตอ้ งมเี หตุแปลกๆ มารบกวนการบ�ำเพญ็ ภาวนาของทา่ นอยเู่ สมอ ทา่ นก็ใช้ความ
อดทนอดกล้นั ต่อส้ชู นะไปทกุ ราย เมอื่ เป็นผชู้ นะแล้ว สง่ิ ท่มี ารบกวนเหลา่ นัน้ กบ็ อก
26
ใหท้ า่ นไปเอาสมบตั ติ า่ งๆ ทพี่ วกตนเฝา้ รกั ษาอยู่ แตท่ า่ นกไ็ มเ่ คยสนใจตามคำ� บอกเลา่
เหลา่ นน้ั มงุ่ แตท่ ำ� ความเพยี รภาวนาอยา่ งเดยี ว เพราะตงั้ แตท่ า่ นบวชมาในพระพทุ ธ-
ศาสนา ทา่ นกไ็ ดด้ ำ� เนนิ ตามปฏปิ ทาในทางปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งเครง่ ครดั ไมเ่ คยทอ้ ถอย
ทา่ นบอกวา่ จงสละไปเถดิ วตั ถธุ รรมเพอื่ ความดี คอื “พระธรรม” อนั เปน็ ความดที สี่ ดุ
ของชีวิต
สังเกตได้ว่า นับตั้งแต่ท่านได้ออกเดินธุดงค์ครั้งแรกก็พบเจ้าท่ีเจ้าทางทดลอง
เพ่ือเอาชนะเสมอท้ังเหตุภายในและภายนอก แต่วิสัยลูกศิษย์ของพระตถาคตแล้ว
ท่านไม่เคยลดละความพยายามเลย ต้องต่อสู้เพื่อจุดประสงค์ของสิ่งทดลองว่าเพ่ือ
อะไรเสมอ นับว่าการเดินธุดงค์ของท่านเป็นการผจญภัยใกล้ต่ออันตรายชีวิตเสมอ
บางครง้ั ไมไ่ ดฉ้ นั ขา้ วฉนั นำ้� เปน็ เวลา ๗ วนั ๑๕ วนั เพราะมแี ตก่ ารเดนิ ทาง ไมเ่ คยพบบา้ น
คนเลย เพราะเดนิ ไปตามปา่ ตามภเู ขา แตก่ ม็ ใิ ชว่ า่ ทา่ นหรอื พระอาจารยธ์ ดุ งคกมั มฏั ฐาน
ทงั้ หลายไมม่ คี วามพอใจในการกระทำ� เชน่ นนั้ ทา่ นทำ� ไปเพอ่ื ความเหน็ แจง้ ตามแนวทาง
ของพระธรรม เลอื่ มใสในพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เปน็ ทต่ี งั้ เวลาทา่ นเดนิ ธดุ งคกมั มฏั ฐาน
ไมเ่ จอบา้ นคนนน้ั ทา่ นนกึ เอา พทุ โธ เปน็ อารมณ์ ทำ� ใหท้ า่ นเปน็ ผมู้ กี ำ� ลงั ใจขนึ้ หายจาก
ความหวิ กระวนกระวายลงได้ ไมม่ อี ะไรทจ่ี ะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การปฏบิ ตั ธิ รรมกมั มฏั ฐาน
ของทา่ นเลย เพราะความมุ่งหวงั อนั เดด็ เด่ยี วของทา่ นน้นั มจี ดุ ประสงค์ทีด่ กี ว่าน้ัน
นสิ ยั ของทา่ นหลวงตาอกี อยา่ งหนง่ึ กค็ อื ทา่ นชอบรสู้ งิ่ ตา่ งๆ ทเ่ี รน้ ลบั เชน่ พวก
กายทพิ ย์ ผสี าง เทวดา เปรต เปน็ ตน้ ทา่ นเคยเลา่ ใหฟ้ งั เสมอเกย่ี วกบั พวกกายทพิ ยน์ ี้
เมื่อฟังท่านเล่าแล้วก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะเป็นเร่ืองท่ีมนุษย์สามัญไม่สามารถจะ
รไู้ ด้ แตเ่ ปรยี บเทยี บกับหลักในทางพระพุทธศาสนาแลว้ ทา่ นหลวงตาพดู เลา่ ไปตาม
ความเปน็ จรงิ เชน่ เรอ่ื งเสอื ทมี่ ารบกวนการภาวนาในเวลากลางคนื นนั้ ทา่ นวา่ เสอื เปน็
อาจารย์ในการปฏบิ ัติกัมมัฏฐาน เป็นสิง่ แวดล้อมทท่ี ำ� ให้พระธดุ งคเ์ ปน็ ผู้ไม่ประมาท
ในหน้าทข่ี องตน ทา่ นว่าเสอื คือเทพเจา้ ทีค่ อยรกั ษาเราใหป้ ลอดภัยจากการเดินธุดงค์
นน้ั เอง เพราะเสอื แสดงตวั เหมอื นกบั รภู้ าษาคน เวลาทเ่ี สอื มาหาเราในปา่ เรากเ็ รง่ ภาวนา
จติ ยึดใน “พุทโธ” เป็นอารมณ์ ไม่ฟงุ้ ซา่ น จิตสงบเปน็ สมาธิ เสอื ที่คอยจอ้ งมองเรา
27
กถ็ อยหา่ งออกไป ไมแ่ สดงอาการจะกนิ เลอื ดกนิ เนอื้ แตถ่ า้ หากเราหา่ งจากการยดึ เอา
“พทุ โธ” เปน็ อารมณค์ ราวใด เสอื ตวั นน้ั กจ็ อ้ งมองจะตะครบุ เราเอาไปกนิ ใหไ้ ด้ หลวงตา
ทา่ นจงึ ไมก่ ลวั เสอื ทา่ นถอื วา่ เสอื เปน็ อาจารยส์ อนใหเ้ ราภาวนา การภาวนาถา้ หากใคร
กลวั เสอื กใ็ หไ้ ปอยปู่ า่ ทมี่ เี สอื มากๆ เพราะเสอื จะไดส้ อนใหเ้ ราไดร้ จู้ กั คณุ ของ “พทุ โธ”
ร้จู กั คุณของจติ ใจสงบ และถ้าหากใครกลวั ผี ก็ใหไ้ ปอยูป่ า่ ช้าจะไดม้ ีเวลาภาวนามาก
มเี วลานอนนอ้ ย เพราะอยใู่ นทเี่ ชน่ นน้ั ถา้ หากนอนมาก ผกี จ็ ะบบี คอตายจงึ ตอ้ งนง่ั ภาวนา
ตลอดคนื เม่ือความกลัวไม่มี จติ ก็จะไดเ้ ป็นสมาธิ จติ ไม่กระวนกระวาย ตรงนี้เอง
เรยี กวา่ เราน่งั ภาวนาเป็นเพอ่ื น (เสี่ยว) กับผสี าง เปรต ได้
28
จำ� พรรษาท่ีพระบาทบวั บก
บันทกึ เรือ่ งในตอนนี้ ท่านหลวงตาทา่ นไดเ้ มตตาเลา่ ใหฟ้ งั วา่ เมอื่ อยจู่ ำ� พรรษา
ที่พระบาทบัวบก มีพระภิกษุสามเณรร่วมเดินทางด้วยหลายรูป บางรูปขณะน้ีก็ยัง
มชี วี ติ อยู่ พระบาทบัวบกสภาพทว่ั ไปในขณะนัน้ เปน็ ป่าดงดบิ หนาทึบเป็นสว่ นมาก
สภาพทวั่ ไปเหมาะเปน็ ทอ่ี ยขู่ องสตั วป์ า่ ทด่ี รุ า้ ย มี ชา้ ง เสอื เปน็ ตน้ คำ�่ ลงจะมแี ตเ่ สยี ง
เสอื รา้ ยตวั ใหญๆ่ มารอ้ งใหฟ้ งั เปน็ ประจำ� เกอื บทกุ คนื แตร่ อ้ งอยขู่ องมนั ตา่ งหาก และ
ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์ธุดงคกัมมัฏฐานแต่อย่างใด
เหตุการณ์เช่นน้ันท่านเล่าว่ายิ่งเป็นการดี จิตจะได้ไม่แสดงอาการฟุ้งซ่านร�ำคาญ
การปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี เช้าข้ึนก็ออกเที่ยวบิณฑบาตตาม
สมณวสิ ยั ฉนั อาหารบณิ ฑบาตแลว้ กน็ ง่ั สมาธภิ าวนาพจิ ารณาอาการ ๓๒ ของรา่ งกาย
ท่ีเราหลงใหลว่าเป็นของสะอาดงดงาม เม่ือรู้สึกง่วงก็เดินจงกรมภาวนาเพ่ือป้องกัน
นวิ รณม์ าครอบงำ� สำ� หรบั เวลากลางคนื นน้ั บำ� เพญ็ ความเพยี รโดยตลอด เวลาพกั ผอ่ น
จำ� วดั มนี อ้ ยมาก ทำ� กจิ วตั รอยา่ งนไี้ มเ่ คยขาด ทำ� อยเู่ สมอ และทำ� ดว้ ยความพอใจทสี่ ดุ
ไม่ไดห้ ว่ งหน้าหว่ งหลงั ยดึ พทุ โธเป็นสรณะตลอด ไมเ่ คยประมาท ทำ� อยู่อยา่ งนี้เปน็
เวลาหลายวนั กไ็ มม่ อี ะไรเกดิ ขน้ึ แตช่ วี ติ ของพระธดุ งคกมั มฏั ฐานเชน่ ทา่ นแลว้ กต็ อ้ งมี
เหตุการณ์เกิดขน้ึ แปลกๆ เสมอ เชน่ เร่ืองที่จะเล่าให้ท่านผอู้ า่ นไดฟ้ งั ดังนี้
ในคืนวันหนึ่งขณะท่ีท่านก�ำลังเดินจงกรมอยู่ มีงูใหญ่ตัวหน่ึงลอยเล้ือยมาที่
จงกรมของท่าน พอทา่ นเดนิ มาใกล้ ก็ชูคอจ้องดทู ่าน ท่านก็เดินจงกรมไปๆ มาๆ
29
ตามปกติ ดเู หมอื นวา่ ไมส่ นใจอะไรเลย เจา้ งใู หญต่ วั นน้ั คงจอ้ งมองดทู า่ นอยา่ งไมล่ ดละ
มันคงจะคิดว่าท่านก�ำลังท�ำอะไรอยู่ เดินกลับไปกลับมาเฉยๆ ช่างไม่มองดูเราเลย
เรากอ็ ตุ สา่ หม์ าเยย่ี มถงึ ท่ี ทา่ นนา่ จะตอ้ นรบั พดู จาปราศรยั บา้ ง เมอื่ มนั จอ้ งมองดทู า่ น
แล้วเห็นท่านไม่ท�ำอะไร เจ้างูใหญ่ตัวน้ันจึงเล้ือยมาท่ีจงกรมใกล้กว่าเดิม พอเลื้อย
มาแล้ว กข็ ดตวั เป็นขนดซ้อนกันขนึ้ แลว้ ชคู อมาจ้องมองทา่ น
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ เมอ่ื เจอเหตกุ ารณเ์ ชน่ นนั้ ทา่ นกไ็ มก่ ลวั อะไร คงเดนิ จงกรม
ตามปกติ ทำ� เหมอื นไมส่ นใจ แตก่ ส็ งั เกตดใู นใจวา่ เจา้ งตู วั นจ้ี ะทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป เมอ่ื เหน็
เราไม่สนใจและไมก่ ลัวมนั ไม่นานนักงตู ัวน้นั ก็คลายขนดเล้อื ยหายเขา้ ปา่ ไปขา้ งทาง
เดนิ จงกรม และประเดย๋ี วเดยี วเทา่ นน้ั เองกป็ รากฏวา่ ไดม้ คี นสงู ใหญส่ ว่ นสงู ประมาณ
๑๐ วา ยืนกางขาครอบที่เดินจงกรมอยู่ ขาใหญ่มาก แต่ก็หา่ งจากท่จี งกรม กว้างพอ
เดินไปมาได้อย่างสบาย ยืนเป็นผู้ยิ่งใหญ่แสดงตนว่าเป็นเจ้าพ่อที่พระบาทบัวบกน้ี
แตท่ า่ นกเ็ ดนิ จงกรมตามปกติ
ท่านบอกว่ารูส้ ึกขนพองสยองเกลา้ นดิ ๆ หนอ่ ยๆ แต่ทท่ี นไม่ไดก้ เ็ พราะมีกล่ิน
เหมน็ สาบมาก และเหมน็ มากขน้ึ ทกุ ที ทนตอ่ ทกุ ขเวทนาตอ่ ตวั นไ้ี มไ่ ดเ้ พราะมกี ลน่ิ เหมน็
ทา่ นจงึ พดู ใหผ้ ตี วั นน้ั หนไี ป แตจ่ ะไลอ่ ยา่ งไรมนั กไ็ มห่ นสี กั ที แตท่ า่ นกใ็ ชค้ วามอดทน
และอดกลน้ั อยา่ งแรงทนเดนิ จงกรมตอ่ ไป แตท่ นสกู้ ลนิ่ เหมน็ ของเปรตไมไ่ ด้ ทา่ นจงึ
พดู และขบั ไลผ่ ตี นนนั้ ตอ่ ไปดว้ ยการกำ� หนดจติ ตอ่ สอู้ ยนู่ านพอสมควร แตก่ ไ็ มไ่ ดผ้ ล
ทา่ นจึงหยุดเดนิ จงกรมแลว้ พูดข้นึ ว่า “ใหม้ ึงรออยตู่ รงน้กี ่อน เดีย๋ วจะได้ลองดีกนั ”
ทา่ นจงึ ขน้ึ ไปบนกฏุ กิ ระทอ่ ม แลว้ เอาเทยี นตดิ ปลายไมเ้ ทา้ แลว้ จดุ ไฟ แลว้ กพ็ ดู ตะโกน
ไปวา่ “ให้มึงหนไี ปเด้อ ถา้ ไมห่ นจี ะเอาไฟจดุ ดากมึงเด๋ยี วนล้ี ะ” ผีตนนน้ั กย็ งั ยนื อยู่
ทเ่ี ดมิ และปรากฏวา่ มเี สยี งหวั เราะเยาะทา่ นดงั ขน้ึ มาจากผตี นนนั้ ทา่ นจงึ เดนิ ลงจากกฏุ ิ
เดนิ ตรงไปทจี่ งกรม แลว้ เอาไฟเทยี นพงุ่ เขา้ ใสผ่ ตี นนน้ั โดยเรว็ ผตี นนนั้ หลบไปจากทน่ี นั้
และกไ็ ปปรากฏขนึ้ ทตี่ น้ ไมใ้ หญอ่ กี ตน้ หนง่ึ แตก่ ไ็ มไ่ กลนกั จากทเ่ี ดนิ จงกรม ยงิ่ มกี ลนิ่
เหมน็ ข้ึนกว่าเดมิ จะเดนิ จงกรมก็ไม่ได้ จึงไล่ด้วยไฟเทยี นต่อไปอกี จงึ ไดห้ นไี ปไกล
กว่านั้น ท่านจึงกลับมาเดินจงกรมตามปกติ ดูท่าทีว่าผีเปรตตนน้ันจะแสดงอะไร
30
อกี ตอ่ ไป กไ็ มม่ อี ะไรเกดิ ขนึ้ ทา่ นเดนิ จงกรมตอ่ อกี จนไดเ้ วลาอนั สมควร ทา่ นจงึ ไดข้ นึ้
พักเดนิ จงกรมแล้วนัง่ ภาวนาสมาธิต่อไป
ขณะทที่ า่ นนง่ั สมาธอิ ยนู่ น้ั ไมน่ านประมาณครงึ่ ชวั่ โมงเหน็ จะได้ ทา่ นเลา่ วา่ มใี คร
มาเปา่ ทหี่ ขู วาและเวลารสู้ กึ ตวั แลว้ กก็ ลบั มาเปา่ หซู า้ ย ทา่ นพยายามเฉยๆ มนั กร็ บกวน
อยนู่ นั้ เอง พอเหน็ เราคอยระวงั อยอู่ ยา่ งนนั้ มนั กห็ วั เราะชอบใจ ทา่ นจงึ ขบั ไลต่ อ่ ไปอกี
และมนั กห็ นไี ป และไมน่ านกก็ ลบั มาอกี มาทำ� ลอ้ เลน่ อยา่ งเดมิ จะทำ� อยา่ งไรกไ็ มห่ ยดุ
และก็ไม่หนีไปที่อื่น ถ้าหากว่าหนีไปก็ไม่นานแล้วก็กลับมาอีก จะน่ังภาวนาก็ไม่ได้
เพราะพอเรมิ่ จะภาวนาเทา่ นนั้ เจา้ ผตี วั นนั้ กม็ ารบกวนเสมอ ทา่ นจะแผเ่ มตตาใหเ้ ทา่ ไร
กไ็ มไ่ ดผ้ ล มแี ตร่ บกวนอยเู่ รอ่ื ยไปและกไ็ มย่ อมหนี หนไี ปกก็ ลบั มาอกี จงึ นกึ หาอบุ าย
อยวู่ า่ จะทำ� อยา่ งไรตอ่ ไปดจี งึ จะขบั ผตี นนใี้ หห้ นไี ปได้ ทา่ นจงึ คดิ จะเอานำ้� มาสาดใสม่ นั
เพอื่ ใหห้ นไี ป พอคดิ แลว้ กล็ กุ ไปจากทเี่ พอ่ื หาขนั นำ�้ ตกั เอานำ�้ มาสาดผบี า้ ง แตพ่ อไปหา
ท่ีเก็บเอาไว้ ไม่มีขันน้�ำเลย แต่จ�ำได้แน่นอนมากว่าอยู่ท่ีน่ีจริงๆ เพราะในท่ีนั้น
ไม่มีใครอื่นนอกจากท่านเท่าน้ัน คนอื่นไม่มีอีก คิดว่าผีเอาไปซ่อนไว้ที่อื่นเสียแล้ว
ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อหาขันน้�ำไม่พบก็เลยคิดจะเอาไม้ขีดเผาหัวผี
แตค่ วา้ หาไม้ขดี กไ็ มเ่ จออีก ก็มนั เลน่ ตลกจริงๆ เจา้ ผตี วั นี้ จะเอาอะไรก็เอาไปซ่อน
เราหมด เจา้ นม่ี นั เกง่ จรงิ ๆ ไดย้ นิ เสยี งหวั เราะผดี งั เบาๆ อกี กไ็ มร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป
นึกไมอ่ อก เพราะจะทำ� อะไรๆ เจ้าผตี นน้ันมนั รู้หมดเลย
ทา่ นจึงเอามุ้งกลดลงนง่ั ภาวนาต่อไป และไม่นอนเลยตลอดคืน เพราะถา้ นอน
เจา้ ผีตนนั้นอาจจะท�ำให้เรารู้ไม่ทนั กไ็ ด้ จึงนั่งภาวนาต่อไปจนได้อรณุ แลว้ ผีตนนัน้
จงึ ได้หนีขนึ้ ไปทางยอดเขาแลว้ ร้องบอกว่า “เรายอมแพท้ า่ นแล้ว”
(บนั ทึกตอนนม้ี ี ท่านพระอาจารยม์ ัน่ ภูรทิ ตโฺ ต เป็นประธานในที่นนั้ ด้วย)
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม พอไดเ้ วลาออกบณิ ฑบาต ทา่ นกเ็ ขา้ ไปหาหมคู่ ณะ
มที า่ นพระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต เปน็ ประธานในทน่ี นั้ ดว้ ย พอทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื มาถงึ
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต จงึ ถามวา่ “ทา่ นตอื้ คนื นค้ี ณุ ทำ� อะไรอย”ู่
31
ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื จึงกราบเรียนว่า “กระผมรบกบั ผขี อรับฯ” และกราบเรยี น
ตอ่ ไปวา่ “กระผมทำ� อยา่ งไรเจา้ ผตี นนน้ั กไ็ มห่ นี จนไดอ้ รณุ รงุ่ สวา่ ง เจา้ ผตี นนนั้ จงึ หนี
ขน้ึ เขาไป” ทา่ นพระอาจารยม์ ่นั ภูริทตโฺ ต จงึ พูดว่า “ดีแล้วทา่ นตื้อ ผีมนั ปลุกเราให้
ภาวนา”
จากนนั้ กแ็ ยกยา้ ยออกเทย่ี วบณิ ฑบาตตามสมณกจิ ฉนั บณิ ฑบาตแลว้ กน็ ง่ั ภาวนา
ตามกิจวัตรของนกั บวชผมู้ ุง่ ปฏิบตั ธิ รรมอย่างแท้จรงิ
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ เลา่ ตอ่ ไปวา่ “ผตี นนเี้ ปน็ ผเี จา้ ทท่ี ย่ี ง่ิ ใหญจ่ รงิ ๆ เราชนะมนั ได้
จงึ ไดร้ อด แตถ่ า้ หากเราชนะมนั ไมไ่ ดก้ ค็ งลำ� บาก และจากนนั้ เจา้ ผตี นนนั้ กไ็ มม่ าอกี เลย
ถ้าหากเรายอมแพ้มันแล้ว มนั กจ็ ะมารบกวนทกุ คืน แต่ในเหตกุ ารณ์เช่นนั้นจงึ ตอ้ ง
อาศยั ความอดทนอดกลนั้ เปน็ ทส่ี ดุ จะทอ้ ถอยไมไ่ ดเ้ ลย อารมณเ์ ขา้ ออกกต็ อ้ งมี พทุ โธ
เปน็ ประจำ� ขาดไม่ได้ ค�ำวา่ พทุ โธ นเี้ อง ผีกลวั มากทสี่ ุด”
จากน้นั ทา่ นไดเ้ ลา่ เหตกุ ารณ์ทีท่ ่านไปภาวนาทบี่ า้ นภูดนิ ให้ฟงั อีก
32
เหตเุ กิดทบ่ี ้านภูดนิ
ทา่ นเลา่ วา่ ในระหวา่ งทพี่ กั ภาวนาอยทู่ บี่ า้ นภดู นิ นนั้ คนื แรกเลยทเี ดยี วเสอื ใหญ่
ลายพาดกลอนมารอ้ งใหฟ้ งั และทราบวา่ เสอื ตวั นนั้ กนิ คนมาไมน่ าน เปน็ เสอื ทดี่ รุ า้ ยมาก
คนื นนั้ ไดย้ นิ เสยี งววั ควายแตกตนื่ กนั ตลอดทง้ั คนื และคนกไ็ ดย้ นิ เสยี งรอ้ งแลว้ กพ็ ากนั
แตกตนื่ ตลอดคนื เชน่ กนั ชาวบา้ นมาบอกใหร้ ะมดั ระวงั บา้ ง เพราะกลวั เสอื มนั จะรบกวน
และรังแก ทา่ นตอบโยมไปวา่ “อาจารยเ์ สอื มาชว่ ยสอนกมั มัฏฐานหรอื ” ทา่ นกไ็ ม่ได้
ประมาทเลย ระมดั ระวงั เชน่ กนั แตจ่ ะไปกลวั มากกวา่ ชาวบา้ นไมไ่ ด้ ในเหตกุ ารณเ์ ชน่ นน้ั
ท่านตอ้ งเปน็ ทพี่ ่ึงทางใจของเขาได้
พอดกึ สงดั เสยี งเสอื รอ้ งกเ็ งยี บหายไป นงั่ สมาธไิ ปจนถงึ เวลาไกข่ นั ตน้ ในขณะนน้ั
ไดม้ วี ญิ ญาณของพระอาจารยค์ รคู ำ� ปอ้ มาหาทา่ นบอกวา่ ทา่ นหลวงทหารและหลวงชา
เอาของมาฝากไวใ้ ตต้ น้ คอ้ เมอื่ ครงั้ สมยั เมอื งเวยี งจนั ทนแ์ ตก ทา่ นพระอาจารยจ์ ะเอาไป
กไ็ ด้ แตก่ อ่ นจะเอาไป ใหส้ วดมงคลสตู รเสยี กอ่ น และไมต่ อ้ งมเี ครอื่ งบชู าอะไรหรอก
แลว้ บอกสถานที่ให้ เมอ่ื ทา่ นเดนิ ไปจากท่นี ้ีถึงต้นค้อแลว้ ให้ยกเอาหนิ ทวี่ างซอ้ นกัน
๓ กอ้ นออก แลว้ ขดุ ลกึ ลงไปประมาณ ๓ ศอกเทา่ นนั้ ในนน้ั มพี ระเงนิ และพระทองคำ�
หลายองค์ เพราะในขณะน้ันท่านหลวงทหารและหลวงชาเม่ือน�ำมาฝากแล้วไม่รู้ว่า
ไปไหน และเจา้ ปเู่ องกจ็ ะไปทอ่ี น่ื เสยี แลว้ ตอ่ ไปจะไมม่ คี นเฝา้ รกั ษาแลว้ ทา่ นกน็ ง่ั อยู่
เฉยๆ ไม่โตต้ อบวา่ อยา่ งไร สักครหู่ น่ึงกห็ ายไป
และต่อมาอีกไม่นาน ก็มีคนสูงใหญ่รูปตัวด�ำมาก ท่านว่าด�ำเหมือนถ่านไฟ
เสยี อกี มาปรากฏอยขู่ า้ งหนา้ ทา่ น แลว้ กพ็ ดู วา่ อยา่ งไรกฟ็ งั ไมช่ ดั ทา่ นจงึ ถามวา่ “เปน็
ชาตอิ ะไร” ตอบวา่ “เปน็ เผา่ กยุ กอ่ มองกะเร” ทา่ นไมเ่ ขา้ ใจ ถามอกี วา่ “เปน็ เทวดาหรอื ”
33
กต็ อบยำ้� ความเดมิ ไมร่ วู้ า่ เปน็ ชาตอิ ะไร จงึ บอกใหน้ งั่ ลงและกราบไหวพ้ ระซะ ผตี นนนั้
มแี ตย่ มิ้ ไมย่ อมไหว้ ทา่ นพระอาจารยจ์ งึ พดู วา่ “ถา้ อยา่ งนนั้ กจ็ งหนไี ปเถดิ ” เขาทำ� ทา่
จะนง่ั ลงแต่ไมใ่ ช่ หากเปน็ การยอ่ ตัวลงแลว้ ก็หนีไป
ทา่ นท�ำความเพียรอยทู่ ่ภี ูดินตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ ในคืนหนง่ึ มเี ทพเจ้าองค์หน่ึงนามวา่
ทฆี าวโุ ส และประกาศตนวา่ ชาตกิ อ่ นเปน็ เจา้ นครเวยี งจนั ทน์ เขา้ มาหาทา่ นแลว้ ถามวา่
“เจ้าหัวลูกมาจากไหน แต่ทราบว่าท่านได้เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมมาก สมัย
เวยี งจนั ทนค์ รง้ั กอ่ นนนั้ ชาวเมอื งไดต้ งั้ ใจบำ� เพญ็ กศุ ลกนั ดมี าก แมเ้ จา้ เมอื งกใ็ สบ่ าตร
ทกุ วนั และถวายอาหารบณิ ฑบาตทกุ วนั ดว้ ย เจา้ ปเู่ หน็ ทา่ นไปบณิ ฑบาตแลว้ ไมค่ อ่ ยจะ
มคี นใสบ่ าตรเลย จงึ นา่ ยกยอ่ งสรรเสรญิ ทา่ นมากทไ่ี มท่ อ้ ถอยในการบำ� เพญ็ กมั มฏั ฐาน
ไมเ่ หน็ แกไ่ ด้ บางวนั เจา้ หวั ลกู ไมไ่ ดฉ้ นั บณิ ฑบาตเลย” เสรจ็ แลว้ เจา้ ปจู่ งึ กลา่ ววา่ “วนั นี้
เปน็ วันท่ีเจา้ ปู่จะต้องไปจากทนี่ ่แี ลว้ ” ว่าเทา่ น้ัน เจ้าป่เู ทพเจา้ องคน์ ั้นกห็ ายวับไปอย่าง
รวดเร็วมาก
คนื ต่อมา ท่านหลวงปตู่ ้อื กลับไปนัง่ ภาวนาทพี่ ระบาทบัวบกอกี ขณะทที่ ่านนั่ง
ภาวนาอยู่ มีกอ้ นหนิ ตกลงมาจากท่ีสงู หลายสิบก้อน แตต่ กหา่ งจากท่ที า่ นเดินจงกรม
ทา่ นกเ็ ดนิ จงกรมตอ่ ไป ไมน่ านกป็ ากอ้ นหนิ มาอกี คราวนตี้ กใกลก้ วา่ ทเี่ ดมิ ทา่ นนกึ วา่
ใครจะมารบกวนอกี แลว้ กม็ กี อ้ นหนิ ปามาอกี ทา่ นจงึ พดู แรงๆ วา่ “ใครเกง่ กใ็ หอ้ อกมา
ตอ่ สกู้ นั เลย” คราวนไี้ ดย้ นิ เสยี งกอ้ นหนิ ตกรอบตวั หลายสบิ กอ้ นเชน่ ครง้ั แรก จงึ หยดุ
เดนิ จงกรมเขา้ มงุ้ กลดนงั่ สมาธติ อ่ ไป และขณะทนี่ ง่ั ภาวนาอยนู่ น้ั กไ็ ดย้ นิ เสยี งกอ้ นหนิ
ตกเรอื่ ยๆ ไมร่ วู้ า่ ใครขวา้ งมา ในคนื วนั นน้ั มญี าตโิ ยมจากบา้ นมารกั ษาอโุ บสถศลี ดว้ ยกนั
๕ คน ท่านพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม จึงให้พระเถระอีกรูปหน่ึงท่ีร่วมเดินธุดงค์ไป
ดว้ ยกนั ใหม้ าอยใู่ กลๆ้ เมอ่ื ทา่ นหลวงตาไดเ้ พอ่ื นอยใู่ กลแ้ ลว้ ไมน่ านเลยกม็ กี อ้ นหนิ ตก
เหมือนกบั ฝนตก ตกรอบๆ บริเวณนนั้ ตกแล้วตกอกี ได้ยนิ เสียงกอ้ นหินตกเปน็
ระยะๆ ไป จึงมองไปรอบบรเิ วณกเ็ ปน็ หินจริงๆ ถา้ ตกถกู หัวกแ็ ตกจริงๆ นน้ั แหละ
นอกจากหัวเหล็กหัวขาง ไม่นานก็มีเสียงดังคล้ายมีคนผลักก้อนหินกล้ิงลงมาจาก
ยอดเขา แตเ่ สยี งนน้ั อยไู่ กลพอสมควร ทา่ นไดส้ มาธดิ ู ปรากฏวา่ ไดม้ ชี ายรา่ งใหญผ่ ลกั
กอ้ นหนิ ลงมาจากยอดเขาจรงิ ๆ จดุ ประสงคอ์ ะไรกไ็ มท่ ราบได้ คอื กำ� หนดรไู้ มไ่ ด้ และ
34
ในขณะนั้นเองก็มีแสงไฟเทียนสว่างขึ้นในมุ้งของพระอาจารย์องคท์ มี่ าเปน็ เพอ่ื นเพอ่ื
สงั เกตการณด์ ว้ ยกนั และไมด่ บั ตลอดคนื ทา่ นพระอาจารยอ์ งคน์ น้ั กไ็ ม่ได้เอนหลังเลย
คงนงั่ ภาวนาตลอดคนื เชน่ เดยี วกนั คนื นนั้ ไมไ่ ดน้ อนเพอื่ พกั ผอ่ นรา่ งกายเลย ผปี ลกุ ให้
ภาวนาตลอดคนื ทา่ นเลา่ วา่ พอนกึ ถงึ คำ� พดู ทท่ี า่ นพระอาจารยใ์ หญ่ (พระอาจารยม์ น่ั ) วา่
“ผีปลุกเราให้ภาวนาแล้ว มีก�ำลังแข็งแรงท้ังกายและจิตทุกคร้ังไป” พอสว่างแล้วก็
เตรียมตวั เพ่อื ออกเท่ยี วบิณฑบาต วันนน้ั ได้ไปเทีย่ วบณิ ฑบาตทบ่ี ้านตว้ิ อ.บา้ นผอื
พอฉนั เสรจ็ แลว้ ทา่ นพระอาจารยอ์ งคท์ ไี่ ปเปน็ เพอ่ื นดว้ ยในคนื นน้ั เตรยี มตวั จะหนไี ป
อยทู่ อี่ น่ื ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื จงึ ถามวา่ “ทา่ นจะไปทไี่ หน” ทา่ นองคน์ น้ั ตอบวา่ “ผมอยู่
ไมไ่ ดห้ รอก เพราะตลอดคนื มแี ตก่ อ้ นหนิ ตกลงมา จะภาวนากไ็ มส่ ะดวก”
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ จงึ แกว้ า่ “เมอ่ื สมยั พระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมเรอ่ื งเวสสนั ดรชาดก
เมอ่ื ทา่ นกลา่ วคาถาขนึ้ เทา่ นน้ั กม็ ฝี นเงนิ ฝนทองตกลงมาเปน็ พทุ ธบชู า และเมอื่ มกี าร
แสดงธรรมเวสสนั ดรทกุ วนั น้ี พระทา่ นกลา่ วคาถาพนั เทา่ นนั้ พทุ ธศาสนกิ ชนทงั้ หลาย
ก็โปรยข้าวตอกดอกไม้เป็นเคร่ืองบูชาเช่นกัน ก็เม่ือคืนน้ีลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า
ภาวนา “พทุ โธ” เทวดาเขาก็อนโุ มทนาโปรยดอกไมท้ ิพย์เป็นเครือ่ งสักการบูชา”
ท่านพระอาจารย์องค์น้ันกล่าวว่า “ดอกไม้ทิพย์อะไร เห็นแต่ก้อนหินเท่านั้น
กเ็ รอื่ งขา้ วตอกดอกไมน้ นั้ เปน็ เรอ่ื งทเ่ี หน็ ดว้ ยตาและรสู้ าเหตทุ มี่ าดว้ ย แตน่ ไี้ มเ่ หน็ อะไร
พากันข�ำหัวเราะแล้วก็ไปสู่ท่ีพักของตน” และท่านพระอาจารย์รูปนั้นก็หนีจากท่าน
พระอาจารยต์ อ้ื ไปหาทพ่ี กั ทอ่ี นื่ ทา่ นยงั อยทู่ เี่ ดมิ บอกวา่ จะอยทู่ น่ี ไี่ ปกอ่ นเพราะเพง่ิ มาถงึ
คนื แรกเทา่ นน้ั จะทอ้ ถอยกลวั มนั แลว้ เจา้ ผจี ะหวั เราะเอาวา่ เรากลวั มนั และเมอื่ คนื นี้
เรากไ็ ม่ได้เจบ็ กายอะไรเพราะการกระท�ำของมันเลย เพยี งแต่มันรบกวนให้เราได้รบั
ความรำ� คาญเทา่ นนั้ เอง และถา้ หากวา่ เราไปสทู่ อี่ น่ื แลว้ เจอเจา้ ทท่ี อี่ นื่ อกี กต็ อ้ งลองดกี นั
เรอ่ื ยไป เราตอ้ งทำ� ความเขา้ ใจเปน็ ทๆี่ ไป แลว้ ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ อจลธมโฺ ม ทา่ นกพ็ กั
บ�ำเพญ็ กัมมฏั ฐานอยู่ ณ ท่นี น้ั ต่อไป
และในคนื วันนน้ั กใ็ นราว ๓-๔ ทมุ่ เท่านัน้ เอง ท่านน่ังภาวนาอย่กู ็ไดย้ นิ เสยี ง
คลา้ ยเสยี งมา้ เดนิ ไปเดนิ มาอยรู่ อบกลดมงุ้ ทพ่ี กั ของทา่ น เสยี งเดนิ นนั้ ดงั อยทู่ ก่ี อ้ นหนิ
35
เปน็ จงั หวะเหมอื นเสยี งมา้ เดนิ หนกั เขา้ กเ็ ขา้ มาใกลท้ า่ น ใกลจ้ นชดิ มงุ้ ทา่ นพระอาจารย์
จงึ เปดิ มงุ้ ออกดู กเ็ หน็ เปน็ มา้ สขี าวใหญเ่ ดนิ หนไี ปทางอนื่ และทา่ นจงึ เอามงุ้ ลงนงั่ ภาวนา
ตอ่ ไป มนั กม็ าทำ� รบกวนแบบเกา่ อกี ทา่ นจงึ ออกจากมงุ้ กลดเดนิ จงกรมในบรเิ วณนนั้
ก็ไดย้ ินเสยี งนนั้ เดนิ หา่ งออกไป และกเ็ ดินรอบๆ อยหู่ า่ งๆ ไม่กลา้ เข้ามาใกลท้ า่ นเลย
ทา่ นกเ็ ดนิ จงกรมตอ่ ไปตามปกติ เสยี งนนั้ กห็ ายไป และในขณะนน้ั เอง ตามทางทจี่ งกรม
ของท่านเต็มไปด้วยงูหลายสิบตัวจนท่านเดินจงกรมไม่ได้ งูเหล่าน้ันสีด�ำสนิทเลย
ถา้ หากเดนิ จงกรมกต็ อ้ งเหยยี บงตู าย ทา่ นจงึ หยดุ เดนิ จงกรมและยนื อยเู่ ฉยๆ ในทเ่ี ดนิ
จงกรมน้ัน หลบั ตาเพง่ ดูงูเหลา่ นนั้ วา่ จะมอี ะไรเปล่ียนแปลงบ้าง ท่านยนื อยนู่ านมาก
ก็เห็นงูเหล่าน้ันยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม แต่งูเหล่าน้ันท้ังหมดไม่ได้เล้ือยมาใกล้ท่านเลย
อยหู่ า่ งจากทา่ นประมาณ ๑ วาเศษๆ ทา่ นจงึ ตงั้ ใจวา่ จะตอ้ งยนื อยนู่ นั่ จนกวา่ งเู หลา่ นน้ั
จะหนไี ปหมด เสรจ็ แลว้ กไ็ มไ่ ดส้ นใจเรอื่ งงเู หลา่ นน้ั วา่ จะมมี ากนอ้ ยเทา่ ไร ยนื กำ� หนด
จิตภาวนาอยู่น้ัน จึงได้มีบุรุษคนหน่ึงมาบอกท่านว่า “ท่านจงเดินจงกรมต่อไปเถิด
กระผมจะจบั งทู งั้ หมดเหลา่ นไี้ ปหมด จะเอาไปใหพ้ ระยาครฑุ เปน็ อาหาร” วา่ แลว้ บรุ ษุ
คนน้ันก็เก็บเอางูทั้งหมดน้ันใส่ลงในถุงที่ถือมาได้เต็มถุงใหญ่ แล้วก็เดินหายไป
ทา่ นมองดทู จ่ี งกรมกไ็ มม่ งี แู มแ้ ตต่ วั เดยี ว ทา่ นจงึ เดนิ จงกรมตอ่ ไป และไดต้ ง้ั ใจวา่ ใน
คืนน้นั จะไม่น่งั และไมน่ อน จะเดินจงกรมและยืนอยูท่ ่จี งกรมน้ีจนสว่าง
แลว้ ทา่ นพระอาจารยก์ เ็ ดนิ จงกรมตอ่ ไปนาน ดกึ สงดั มาก ยง่ิ ดกึ กย็ ง่ิ สงบมากขน้ึ
ดึกมากจนได้ยินเสียงไก่ขันก็ยังเดินจงกรมอยู่ท่ีเดิม และต่อมาไม่นานท่านก็ได้ยิน
เสยี งคนพดู กนั เสยี งคยุ กนั ประมาณวา่ มคี น ๔-๕ คน แตไ่ มไ่ ดส้ นใจฟงั วา่ เขาพดู อะไรกนั
และครนู่ น้ั เองกเ็ หน็ คนถอื ไฟเดนิ ลงมาจากกอ้ นหนิ ใหญข่ า้ งหนา้ แลว้ กเ็ ลยี้ วขนึ้ ไปทาง
หลงั เขา ปรากฏวา่ มคี นเดนิ ตามหลงั ดว้ ยกม็ ี ทา่ นนกึ วา่ คงเปน็ เสยี งทคี่ ยุ กนั เมอื่ ตะกนี้ เี้ อง
และกห็ ายไปพรอ้ มๆ กนั ทา่ นกจ็ งกรมภาวนาอยทู่ เ่ี ดมิ ตอ่ ไปเรอื่ ยๆ จนไดอ้ รณุ แลว้ ก็
เตรยี มตวั เขา้ ไปเทย่ี วบณิ ฑบาต กลบั จากหมบู่ า้ นทเ่ี ทย่ี วบณิ ฑบาตถงึ ทโ่ี รงฉนั ชาวบา้ น
เลา่ ใหท้ า่ นพระอาจารยอ์ งคห์ นงึ่ ทเ่ี ปน็ ประธานในทน่ี น้ั ฟงั วา่ “คนื นว้ี ญิ ญาณเจา้ ปเู่ ขา้ สงิ
ชาวบา้ น พดู ชดั ถอ้ ยคำ� วา่ เจา้ หวั ธรรมมารบกวนทอ่ี ยู่ ลกู หลานทง้ั หลายเดอื ดรอ้ นมาก
ไมไ่ ดห้ ลบั นอนตลอดคนื และใหเ้ จา้ หวั ธรรมหนไี ปเสยี จากทนี่ ้ี ถา้ ไมห่ นี จะทำ� ใหฝ้ นตก
36
และมฟี า้ ผา่ ลงมาใหไ้ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นกวา่ เดมิ เจา้ หวั ธรรมชดุ นเี้ ราจะขบั ไลอ่ ยา่ งไร
ก็ไมห่ นี ถา้ เขาไมห่ นี กจ็ ะตอ้ งท�ำฝนใหต้ กเพอ่ื ใหอ้ ยไู่ มไ่ ด”้
ทา่ นพระอาจารยผ์ เู้ ปน็ หวั หนา้ (ขณะนยี้ งั มชี วี ติ อย)ู่ พดู วา่ “ถา้ ฝนตกและมฟี า้ ผา่
อาตมาจะกนิ ขวานเจ้าป่เู ลย” ทา่ นพระอาจารยพ์ ูดต่อไปวา่ “ผีมนั โกหกเฉยๆ พูดไม่
จริงหรอก ไม่มีอะไรจะจริงเหมือนพระพุทธเจ้าเลยในโลกน้ี” เมื่อท่านพูดเช่นนี้
ชาวบา้ นกน็ ิมนตใ์ ห้อยทู่ ่ีนนั้ ตอ่ ไปอกี เพอื่ พสิ ูจน์ความเป็นจริง และทา่ นเหล่าน้ันกพ็ กั
อาศัยป่าอันวิเวกวังเวงอยู่เพ่ือปฏิบัติธรรมกรรมฐานต่อไปอีกหลายราตรี และก็ไม่มี
อะไรเกดิ ขึ้นตามคำ� บอกของวิญญาณเลย ชาวบา้ นเหลา่ นนั้ จงึ ไดน้ ับถือพระรตั นตรัย
เปน็ ทพี่ ง่ึ ตอ่ ไป เลกิ ถอื ผี พากนั สรา้ งวดั เพอื่ ใหเ้ ปน็ ทพี่ กั ของพระสงฆผ์ มู้ าจากทศิ ทง้ั ๔
ตามความเป็นจริงแล้ว วิญญาณเหล่านั้นหากมารู้ตามความเป็นจริงแล้วก็จะไม่หลง
วนเวยี นอย่างน้ัน กิเลส ทฏิ ฐิ มานะ น้ีรา้ ยกาจมาก มันสามารถดงึ เอาคนตกเปน็ ทาส
ของมนั วนเวยี นอยใู่ นวฏั สงสารไดอ้ ยา่ งงา่ ยดายมาก ในโลกนคี้ นทต่ี กเปน็ ทาสของมนั
มมี ากเพราะขาดจากการนบั ถอื พระรตั นตรยั การนบั ถอื ผสี างอนั เปน็ จำ� พวกวญิ ญาณ
ท่ีหลงทางเดินเมื่อตายแล้วนน้ั เป็นการเช่ือแบบขอความอ้อนวอน จึงเปน็ การเชื่อถอื
ที่ไม่แน่นอน พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงแนะน�ำไม่ให้พุทธศาสนิกของท่านเช่ือในเรื่อง
เช่นน้ีเสีย ให้เชื่อกรรมคือการกระท�ำของตนเองดีกว่า ท่านพระอาจารย์ท่านก็สอน
ลกู ศิษยข์ องท่านด้วยท�ำนองน้ีมาโดยตลอด
ตอนหนงึ่ ทา่ นหลวงตาทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั วา่ เรอ่ื งของวญิ ญาณตา่ งๆ ในโลกนมี้ หี ลาย
จำ� พวกเหลอื เกนิ บางพวกเปน็ วญิ ญาณทมี่ คี วามเปน็ อยดู่ มี ากมศี ลี มธี รรม แตพ่ วกเรา
ชอบเรียกรวมไปหมดว่าผี ความจรงิ ผหี รือวิญญาณตา่ งๆ ทีม่ อี ยใู่ นโลกนี้ไม่ได้เป็น
อุปสรรคในการปฏบิ ัติธรรมเลย เพราะในโลกนี้มที ง้ั น่ารกั น่าชัง ท้งั หัวเราะรอ้ งไห้
ครบอยแู่ ลว้ เหตกุ ารณท์ ง้ั ๔ อยา่ งนม้ี คี รบอยใู่ นโลกและมพี รอ้ มๆ กนั เลย มนั กน็ า่ แปลก
คนเราเวลาตายเกดิ อารมณ์ร้องไหท้ �ำใหเ้ ศร้าใจ แต่เวลาเกิดกลบั หัวเราะชอบใจทำ� ให้
ดีใจ คนท่หี ัวเราะกห็ ลง คนทีร่ อ้ งไห้ก็หลง หลงในฐานะทไ่ี ม่รู้อะไรเป็นเหตุเปน็ ผล
ความจรงิ “ตายเกดิ ” กอ็ นั เดยี วกนั นน้ั เอง เปน็ แตว่ า่ เขาเปลย่ี นกนั ทำ� หนา้ ทเี่ ทา่ นน้ั เอง
37
บันทกึ การเดนิ ธดุ งค์ทห่ี ลวงพระบาง
ทา่ นพระอาจารยต์ อื้ ไดเ้ ลา่ เรอ่ื งทท่ี า่ นไดไ้ ปจำ� พรรษาพกั ภาวนาอยทู่ ป่ี ระเทศลาว
ณ วัดวิชนธุ าตุแตงโม เร่ืองน้ที ่านไดเ้ ลา่ ให้ข้าพเจ้าฟังเมือ่ คราวไปกราบคารวะทา่ นที่
วัดป่าสามัคคีธรรม จงั หวดั เชียงใหม่ว่า ทีว่ ดั วิชนุธาตแุ ตงโม เมอื งหลวงพระบางน้ัน
นอกก�ำแพงวัดออกไป มีต้นตาลอยู่ไม่ห่างไกลจากวัดเท่าไร ประมาณว่า ๑๐ วา
เห็นจะได้ ตรงนั้นมีเร่ืองแปลกๆ เสมอ พวกชาวบ้านชอบเรียนถามท่านเสมอว่า
“ทา่ นสาธมุ าภาวนาอยวู่ ดั นเี้ ปน็ อยา่ งไร” ทา่ นกไ็ มค่ อ่ ยจะสนใจบอกเทา่ ไร ทา่ นเมอ่ื ถกู
ถามบอ่ ยๆ จงึ ยอ้ นถามโยมว่า “ทีต่ รงนัน้ มอี ะไรหรือ” ชาวบ้านบอกว่า “มผี เี จ้าทอ่ี ยู่
ตรงนน้ั แตเ่ ดยี๋ วนจี้ ะยงั อยหู่ รอื อยา่ งไรกไ็ มท่ ราบได”้ ในเวลานน้ั ทา่ นพระครสู าธสุ งิ ห์
(ชาวอุบลราชธาน)ี ซง่ึ อย่เู ปน็ สมภารวัดนั้นนาน จงึ เรยี นถาม ท่านวา่ “ข้านอ้ ยมาเป็น
สมภารอยวู่ ดั นนี้ บั ได้ ๓๐ ปแี ลว้ ทราบวา่ ผพี วกนเี้ ปน็ วญิ ญาณเฝา้ รกั ษาเมอื ง โดยมาก
เป็นทหารเฝา้ รักษาประตวู งั ธาตแุ ตงโม วิญญาณพวกนไ้ี ม่ยอมไหวไ้ ม่ยอมกราบเลย
เร่อื งนีม้ ีปรากฏท่วั ๆ ไปคือทราบกันดีแลว้ ของชาวเมืองหลวงพระบาง”
ชาวบา้ นเลา่ ใหฟ้ งั วา่ ตรงทปี่ า่ โนน้ ไมม่ บี า้ นคนเลย มธี ารนำ้� ไหลจากภเู ขาไมข่ าดสาย
ทงั้ ฤดแู ลง้ และฤดฝู น พอคำ่� ลงกจ็ ะไดย้ นิ เสยี งคนพดู กนั มที งั้ ชายและหญงิ เปน็ หลายๆ
สิบเสยี ง ไดย้ ินเสยี งตักนำ�้ ไดย้ นิ เสียงน้�ำกระทบกระบอกไมไ้ ผ่ส�ำหรบั ใส่น�ำ้ ภาษา
ชาวบา้ นเขาเรยี กวา่ “บง้ั ทงิ ” ชาวบา้ นพยายามพากนั แอบดหู ลายๆ ครง้ั กไ็ มป่ รากฏวา่
มองเหน็ อะไร แต่ได้ยินเสยี ง ตอนกลางวนั เงยี บสงัดไมม่ ีเสียงอะไรเลย หา่ งจากนนั้
จะมีเขาลูกหน่ึง ชาวบ้านเล่าว่ามีคนรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในถ้�ำแห่งภูเขานั้น ๗ วันจะ
38
ปรากฏตัวให้เห็นทีหน่ึง มีสมภารวัดหลายองค์พยายามเข้าไปในถ�้ำน้ันแต่ไปไม่ได้
โดยตลอด เพราะมดื และอากาศเยน็ มาก เมอ่ื เดนิ ลกึ เขา้ ไปจะรสู้ กึ แสบหมู าก พยายาม
เข้าไปอย่างไรก็ไม่ส�ำเร็จ
หลงั จากนนั้ มาได้ ๗-๘ ปี เหน็ จะได้ ไดม้ พี ระภกิ ษหุ นมุ่ รปู หนง่ึ เดนิ ทางมาจาก
เมืองไทย เคร่งครัดต่อระเบียบวินัยของพระกัมมัฏฐานมาก และดีที่สุดก็คือเป็นท่ี
เคารพนบั ถอื และเลอื่ มใสของชาวเมอื งหลวงพระบางมาก ไดพ้ ยายามเขา้ ไปและเขา้ ไป
ไดโ้ ดยตลอด เดนิ เขา้ ไปนานถงึ ๗ วนั จงึ ออกมา มบี นั ทกึ ไวว้ า่ ทา่ นเดนิ เขา้ ไปเรอื่ ยๆ
ก็ไม่ปรากฏว่าเห็นมีอะไร เดินเข้าไปจนถึงท่ีสุด พอมองขึ้นไปข้างบนเห็นเป็นทาง
ขึ้นไป มรี อยข้นึ ลงใหม่ๆ บนกอ้ นหนิ ท่านข้ึนไปตามกไ็ มม่ ีอะไร เสียงฆอ้ งใหญท่ ่ี
ชาวเมอื งได้ยนิ ทุก ๗ วันนนั้ กไ็ มเ่ ห็นมี จึงเดินกลบั ออกมาตามทางเดิม และทา่ นก็
รสู้ กึ แปลกใจมากทพี่ อกลบั ออกมากพ็ บวา่ ทางทเี่ ดนิ เขา้ ไปเมอ่ื กอ่ นน้ี แตบ่ ดั นมี้ บี า้ นคน
เต็มไปหมด และมีชายคนหนึ่งนิมนต์ท่านให้นั่งลงบนอาสนะที่เขาปูเอาไว้ นึกว่า
หลงทางก็ไม่ใช่ เมอื่ ก�ำหนดดูอยา่ งละเอียดแล้ว ท่านจึงถามโยมว่า “ท่านอยทู่ ่ีนน้ี าน
แล้วหรอื ” เขาคนนนั้ ตอบทา่ นด้วยพยักหน้า จึงถามต่อไปว่า “เม่อื อาตมาเข้าไปเดิน
ผา่ นมาทางนี้ ทำ� ไมจงึ ไม่เหน็ ” แตเ่ ขาตอบตรงกันข้ามวา่ “ท่านมาที่น่ีตอ้ งการอะไร”
ตอบวา่ “ไมต่ อ้ งการอะไร แตอ่ ยากจะเหน็ ฆอ้ งทโี่ ยมตอี ยทู่ กุ ๗ วนั เพราะฆอ้ งใบนน้ั
มเี สยี งดงั ไกลเหลอื เกนิ ” โยมคนนน้ั จงึ ไปหยบิ มาใหด้ ู ใบไมใ่ หญเ่ ทา่ ไร และไดม้ อบถวาย
ใหท้ า่ นพระอาจารยอ์ งค์น้ันเพ่ือเป็นอนุสรณ์ จากน้ันโยมคนน้ันก็พาเที่ยวไปตามถ้�ำ
มอี ะไรแปลกตาหลายอยา่ งมาก โยมคนนนั้ อธบิ ายวา่ “สมบตั เิ หลา่ นเ้ี ปน็ ของกลาง และ
จะมีอย่อู ย่างนี้ตลอดไปชัว่ กาลนาน”
พระอาจารยอ์ งคน์ น้ั กอ็ ำ� ลาโยมคนนน้ั กลบั และไดน้ ำ� ฆอ้ งใบนน้ั กลบั ออกมาดว้ ย
และไดเ้ กบ็ ไวเ้ ปน็ อนสุ รณท์ คี่ นในถำ้� มอบให้ และเปน็ พยานหลกั ฐานทวี่ า่ มผี เู้ ขา้ ไปในถำ้�
ไดฆ้ อ้ งใบนน้ั เดยี๋ วนย้ี งั เกบ็ ไวท้ วี่ ดั วชิ นธุ าตแุ ตงโม ในเมอื งหลวงพระบาง จนทกุ วนั น้ี
ฆอ้ งใบนนั้ กไ็ มใ่ หญเ่ ทา่ ไร แตม่ เี สยี งดงั กวา่ ฆอ้ งธรรมดาทเี่ ทา่ กนั และใบใหญก่ วา่ และ
น�้ำหนักก็หนกั กว่าฆ้องธรรมดาทเ่ี ท่ากนั
39
ทา่ นหลวงตาเลา่ วา่ วญิ ญาณพวกนเี้ ปน็ พวกเทพทม่ี ที อี่ ยเู่ ปน็ ทพิ ยต์ า่ งๆ ไมร่ บกวน
พวกมนุษย์เลย มศี ีลธรรมดีมาก บางครัง้ ก็พบกันกับพวกเรา แตเ่ ราไม่รู้วา่ เปน็ ใคร
เทา่ นน้ั เอง ตกเยน็ ทา่ นหลวงตากไ็ ดน้ ง่ั สมาธกิ ำ� หนดดเู รอื่ งนี้ ปรากฏวา่ เจา้ หวั หนา้ เทพ
เหล่านั้นมากราบอาราธนาท่านให้อยู่เพ่ือจ�ำพรรษาด้วย และได้กราบเรียนท่านว่า
“ที่พวกผมอยูน่ ้นั มีวดั พระพุทธศาสนาดว้ ย” (ในเรื่องน้ีชาวเมอื งเขาเล่าว่า พระภกิ ษุ
หนมุ่ รปู นน้ั หมายถงึ พระภกิ ษทุ ไ่ี ปเอาฆอ้ งมา เมอ่ื เอาฆอ้ งมาแลว้ กห็ ายไป ไมม่ ใี ครรวู้ า่
ท่านหายไปไหน มีหลายมติลงความเห็นว่าหายเข้าไปอยู่จ�ำพรรษาในเมืองลับแล
แหง่ นน้ั ) ทา่ นหลวงตาทา่ นไมร่ บั คำ� นมิ นต์ โดยบอกใหเ้ ขาทราบวา่ มธี รุ ะทจี่ ะตอ้ งประกาศ
พระพทุ ธศาสนาตอ่ ไปยงั เมอื งเชยี งใหม่ รบั นมิ นตไ์ มไ่ ดห้ รอก เพราะขณะนยี้ งั ไมม่ ที อ่ี ยู่
เปน็ ทเี่ ปน็ ทาง และตอ้ งการทจี่ ะตอ้ งแสวงหา “พระธรรม” ตอ่ ไปอยู่ ทา่ นหลวงตากแ็ สดง
ธรรมใหฟ้ งั
เคยถามทา่ นว่า “ท่านหลวงตาแสดงธรรมอะไรโปรดพวกเทพเหล่านัน้ ” ท่านจงึ
ตอบว่า “เทพพวกนี้โดยมากนึกว่าตนเป็นผู้มีกายทิพย์ ไม่ค่อยมองเห็นความทุกข์
ทางกาย ไม่เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงตาก็พูดให้เขาฟังในแง่นี้ ให้มี
ความคดิ วา่ สภาพทเ่ี ปน็ อยเู่ ดยี๋ วนไี้ มแ่ นน่ อน ถงึ จะมอี ายยุ นื เทา่ ไรกต็ กอยใู่ นสภาพน”ี้
การเดนิ ธดุ งคกมั มฏั ฐานของท่านพระอาจารย์ตอ้ื อจลธมฺโม จะน�ำมาเลา่ โดย
ละเอียดทุกแง่ทุกมุมนนั้ เปน็ การทเ่ี ปน็ ไปไดย้ ากทสี่ ดุ เพราะท่านเดินธุดงค์นบั ต้ังแต่
บวชได้เพียงหนึ่งพรรษาเท่าน้ัน และก็ท่านได้หยุดการเดินธุดงค์เมื่อก่อนท่านจะ
มรณภาพมาเพยี ง ๓-๔ ปี เทา่ นน้ั เอง จงึ เปน็ การยากทจี่ ะรไู้ ดว้ า่ ทา่ นไดเ้ ดนิ ไปทไ่ี หนบา้ ง
ทน่ี ำ� มาเลา่ นี้จึงเรยี งอนั ดับกนั ไมไ่ ด้เลย ตอ่ ไปนี้จะเปน็ การเล่าถงึ เรอ่ื งทา่ นไดบ้ �ำเพญ็
ประโยชนอ์ ย่างอนื่ เช่น การสร้างวดั และแสดงธรรม
40
งานการสร้างวัดและเผยแผ่
เมอ่ื ท่านพระอาจารย์ต้ือ อจลธมโฺ ม ไดอ้ อกเดนิ ธดุ งคกัมมัฏฐานไปในทตี่ า่ งๆ
รว่ มกันกับทา่ นพระอาจารยม์ ่นั ภรู ทิ ตโฺ ต และหลงั จากท่านพระอาจารย์มัน่ กลบั จาก
ภาคเหนอื แลว้ ทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื กเ็ ดนิ ธดุ งคไ์ ปตามสถานทตี่ า่ งๆ หลายแหง่ เปน็ เวลา
นานประมาณ ๕๐ ปเี ศษ การทจี่ ะบนั ทกึ ใหห้ มดทกุ แงท่ กุ มมุ นน้ั กเ็ ปน็ การยากอยา่ งยง่ิ
ดังท่ีกล่าวมาแล้ว เพราะไม่มีโอกาสจะกราบเรียนถามท่าน แม้ว่าเวลาท่ีท่านยังมี
ชวี ติ อยกู่ ็ตาม กม็ ุ่งความเคารพเปน็ ท่ีตง้ั เมือ่ ทา่ นไดห้ ยดุ การเดนิ ธดุ งคแ์ ลว้ ท่านได้
สรา้ งวดั ขน้ึ ทจี่ งั หวดั เชยี งใหมห่ ลายแหง่ ดว้ ยกนั สำ� หรบั วดั ทที่ า่ นอยจู่ ำ� พรรษามากทส่ี ดุ
คอื วดั ป่าสามัคคีธรรม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซ่ึงทา่ นปรารภว่าเพ่ือจะไดอ้ ยเู่ ปน็ ที่
เปน็ ทางเพราะชราภาพมากแลว้ และทา่ นไดป้ ระกาศศาสนาดว้ ยการแสดงธรรมสง่ั สอน
ผทู้ สี่ นใจในธรรม สว่ นผทู้ สี่ นใจในเรอื่ งการธดุ งคกมั มฏั ฐานนนั้ ทา่ นกอ็ บรมใหค้ ำ� แนะนำ�
และกป็ รากฏว่านอกจากการเดินธุดงคกมั มัฏฐานแล้ว ทา่ นพระอาจารยต์ ้ือยงั แนะนำ�
ส่ังสอนดี
สว่ นการแสดงธรรมนนั้ ทา่ นชอบพดู ตรงไปตรงมา พดู ความจรงิ ทมี่ อี ยู่ ยกอทุ าหรณ์
ในปจั จบุ นั ใหเ้ หน็ ไดง้ า่ ยๆ ผทู้ ฟี่ งั ธรรมจากทา่ นโดยตรงแลว้ เมอื่ ฟงั และพจิ ารณาแลว้
จะเหน็ ไดว้ า่ สจั จะคอื ความจรงิ ทงั้ นนั้ ทา่ นผอู้ า่ นบางทา่ นคงจะไดร้ บั ฟงั ธรรมจากทา่ น
มาแลว้ วธิ กี ารแสดงธรรมของทา่ นนน้ั มงุ่ จดุ ประสงคค์ อื “รจู้ รงิ ” ใหค้ วามรจู้ รงิ เขา้ ไป
กระทบจติ ของทา่ นผฟู้ งั การรจู้ รงิ จะนอ้ ยนดิ เดยี วกต็ าม ทา่ นบอกวา่ มปี ระโยชนท์ ง้ั นน้ั
41
การรไู้ มจ่ รงิ นนั้ รมู้ ากๆ กไ็ มส่ ำ� เรจ็ ประโยชนอ์ ะไรได้ ทา่ นชอบพดู วา่ “ธมั มะธมั โมนน้ั
มีอยู่ดาษด่ืน คนส่วนมากมองข้ามไปหมด” ท่านหลวงตาท่านแปลบาลีก็ไม่เหมือน
พระเถระองค์อ่ืนๆ หากผู้ใดได้รับรสพระธรรมเทศนาจากท่านแล้ว และการฟังนั้น
กใ็ หฟ้ งั อยา่ งละเอยี ดและใหป้ ฏบิ ตั ติ ามใหเ้ ขา้ ถงึ ธรรมอยา่ งจรงิ จงั แลว้ จะไดช้ อื่ วา่ เปน็
นกั ธรรม นกั กัมมฏั ฐาน ท่ีแทจ้ รงิ ไมเ่ หลวไหล ไมเ่ ลอะเทอะ
ทา่ นชอบถามพระเณรทไี่ ปหาทา่ นเสมอวา่ “ทพ่ี วกคณุ ภาวนาน้ี พวกคณุ ได้ “พทุ โธ”
หรือยงั ” ถ้าหากผูน้ นั้ ไม่แนใ่ จ หรือโดยมากกช็ อบกราบเรยี นทา่ นวา่ “ยังขอรับ” และ
บางคนกช็ อบกราบเรยี นวา่ “ไดแ้ ลว้ ” ทา่ นชอบยอ้ นถามวา่ “ไดแ้ นจ่ รงิ หรอื ถา้ หากวา่
ไดแ้ ลว้ กใ็ หฟ้ งั และพจิ ารณาอยา่ งนกี้ อ่ น ถา้ หากวา่ เขาดา่ เราวา่ ไอห้ วั หงอก เราลองนงั่
ชงั่ ดใู จของเราวา่ เราโกรธเขาไหม ถา้ เรายงั โกรธอยู่ กห็ มายความวา่ เรายงั รบั รกู้ ารดา่ ของ
เขาอยู่ นน้ั หมายถงึ เราเอาจติ ออกมารบั การดา่ เรากอ็ ดทนไมไ่ ด้ เรากโ็ กรธ หมายถงึ วา่
เรายังไมถ่ งึ คอื ยังไม่ได้ พุทโธ อยา่ งแทจ้ ริงน้ันเอง
ลกั ษณะการสอบกมั มฏั ฐานของทา่ น มบี างคนทไ่ี ปฝกึ กมั มฏั ฐานกบั ทา่ น ทา่ นจะ
ใหท้ อ่ ง พทุ โธ เทา่ นนั้ จนขนึ้ ใจ เพราะบางทคี ำ� วา่ พทุ โธ ยงั ไมซ่ ง้ึ ในใจของผนู้ นั้ ทา่ นวา่
เราจะตอ้ งให้ พทุ โธ มน่ั ในใจของเราและมคี วามเชอ่ื มน่ั จรงิ ๆ เมอ่ื เราพจิ ารณาตามธรรมะ
ท่ีท่านสอนแล้ว จะเห็นได้ว่าธรรมะที่ท่านสอนทุกครั้งเป็นเรื่องจริงและสมควรท่ีจะ
น�ำมาปฏิบัติปรับปรุงแก้ไขจิตของเราให้มองสภาพธรรมที่มีพร้อมๆ กับการต้ังโลก
โดยแท้ แตท่ ว่าบางคนไปฟงั ธรรมคำ� สอนของทา่ นแล้ว มกั ซุบซิบกันว่าทา่ นเอาอะไร
มาสอน ไมเ่ หน็ เปน็ ธรรมเปน็ หนทางเลยสกั หนอ่ ย นกี้ แ็ สดงใหร้ วู้ า่ จติ ของผพู้ ดู เชน่ นนั้
ยังไมเ่ ข้าถงึ ธรรมคือความจรงิ นน้ั เอง ท่านเทศน์ไม่เคยยกย่องยอใคร เทศนแ์ ต่เร่ือง
ทเ่ี ปน็ จริงและเปน็ ปัจจบุ นั ท่เี ปน็ ของจริง
นอกจากจงั หวดั เชยี งใหมแ่ ลว้ หลงั จากออกพรรษาแลว้ ทา่ นไดร้ บั นมิ นตใ์ หไ้ ป
แสดงธรรมเสมอ จงั หวดั ทท่ี า่ นไดร้ บั นมิ นตบ์ อ่ ยทส่ี ดุ คอื สมทุ รปราการ ทวี่ ดั อโศการาม
สมัยน้ันท่านพระอาจารย์ลี เป็นเจ้าอาวาส ได้นิมนต์ท่านหลวงตาต้ือไปแสดงธรรม
อยเู่ สมอ ทา่ นชอบพักอยู่วดั น้นี านๆ ดว้ ย เพราะมญี าตโิ ยมนมิ นต์ไวเ้ พื่อโปรดนานๆ
42
เพราะทา่ นพระอาจารยต์ อ้ื ทา่ นเปน็ ลกู ศษิ ยข์ องทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต รนุ่ อาวโุ ส
เปน็ ผถู้ า่ ยทอดการปฏบิ ตั ธิ รรมจากทา่ นพระอาจารยม์ น่ั โดยตรง และเปน็ ผใู้ กลช้ ดิ มาก
สำ� หรบั การแสดงธรรมเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของทา่ นพระอาจารยต์ อื้ นน้ั สำ� หรบั
ความเหน็ แล้วเหน็ ว่าทา่ นแสดงธรรมโดยตรงตรงท่เี ราสงสยั แสดงความจรงิ ไมม่ ีการ
ออ้ มคอ้ ม ตรงไปตรงมา แตล่ กั ษณะทา่ ทางนน้ั อาจจะไมไ่ พเราะ ทงั้ นก้ี เ็ พราะวา่ พวกเรา
ยงั ไมช่ นิ กบั เหตกุ ารณเ์ ชน่ นนั้ เพราะวา่ ทา่ นเดนิ ธดุ งคกมั มฏั ฐานผา่ นไปในทหี่ ลายแหง่
มปี ระสบการณแ์ ละอารมณแ์ ปลกๆ บางครงั้ เจอและสนทนากบั ผสี างนางไมบ้ า้ ง บางครงั้
ก็ไดพ้ บกับพวกเทพ มีเทวดาอารักษบ์ ้าง บางครง้ั ก็พบกับวญิ ญาณเจ้าทีเ่ จ้าทางบ้าง
ทา่ นตอ้ งประสบกบั เหตกุ ารณเ์ หลา่ น้ี ในระหวา่ งนน้ั อารมณ์ ทา่ ทาง คำ� พดู จะออกมา
ในรปู ไหนนน้ั กย็ ากทจ่ี ะกำ� หนดได้ แตส่ ำ� หรบั ผทู้ เี่ คารพนบั ถอื ในทา่ นแลว้ ยง่ิ มคี วาม
เคารพและเลื่อมใสในธรรมของท่านมากขน้ึ
เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทา่ นพระอาจารย์ตื้อได้รบั นมิ นตใ์ หล้ งไปกรุงเทพมหานคร
และทา่ นไดเ้ ลยลงไปพกั ทวี่ ดั อโศการาม สมทุ รปราการ มคี ณุ โยมทางกรงุ เทพมหานคร
ถวายพระพุทธรูปท่านหลายองค์ และท่านก็ปรารภว่าจะน�ำพระพุทธรูปที่มีผู้ถวาย
ทงั้ หมดไปประดษิ ฐานไวต้ ามวดั ตา่ งๆ เพอ่ื เปน็ ทสี่ กั การบชู าของชาวนครพนมอนั เปน็
บา้ นเกดิ เมอื งนอนของทา่ น จงึ ไดม้ ผี บู้ รจิ าคถวายทา่ นรวมทง้ั หมด ๖๘ องค์ นบั วา่ เปน็
บญุ บารมขี องชาวจงั หวดั นครพนมอยา่ งมาก และกน็ บั เปน็ การสรา้ งบารมขี องทา่ นอยา่ ง
ใหญห่ ลวง และกเ็ ปน็ ประโยชนแ์ กพ่ ทุ ธศาสนกิ ชนเปน็ อยา่ งยง่ิ ในดา้ น “พฒั นาจติ ใจ”
เพราะจะเปน็ หลกั ทางใจไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เมอ่ื ทา่ นไดร้ วบรวมพระพทุ ธรปู จำ� นวน ๖๘ องค์
แล้ว ท่านก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปทัง้ หมดจากกรุงเทพมหานครไปยงั นครพนม แลว้
กไ็ ดน้ ำ� ไปถวายประจำ� ไวต้ ามวดั ตา่ งๆ ในจงั หวดั นครพนม สว่ นทา่ นกไ็ ดพ้ กั อยู่ ณ วดั
อรญั ญวเิ วก บา้ นขา่ อ.ศรสี งคราม จ.นครพนม อนั เปน็ แดนมาตภุ มู ขิ องทา่ น ลกู หลาน
ญาติโยมทั้งหลายท้ังบ้านใกล้และบ้านไกลได้กราบอาราธนานิมนต์ให้ท่านได้อยู่
จำ� พรรษาเพื่อสงเคราะห์ลกู หลานทางนี้ด้วย เพราะนบั เปน็ เวลานานรว่ ม ๕๐ ปีเศษๆ
แลว้ ที่ทา่ นไปอยู่จำ� พรรษาที่อ่นื และเพง่ิ กลับมาท่ีบา้ นเกิด ทา่ นจึงได้อยู่จ�ำพรรษาที่
43