The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-22 20:11:13

หลวงปู่ตื้อ อจโล หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต

หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ผาง

สรา้ งเจดยี ช์ ัยมงคล

ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงปไู่ ด้สรา้ งเจดยี ใ์ หญ่ ทวี่ ดั อุดมคงคาครี เี ขต ซงึ่ เป็นเจดีย์
ขนาดใหญ่ หลวงปตู่ งั้ ชอ่ื เจดยี อ์ งคน์ วี้ า่ “เจดยี ช์ ยั มงคล” ฐานวดั โดยรอบ ๑๐๐ เมตร
สูง ๒๘ เมตร คานพ้ืนล่างและโครงสร้างขององค์เจดีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
บางสว่ นกอ่ ดว้ ยอฐิ ฉาบปนู สว่ นลา่ งและสว่ นบนเปน็ ลกั ษณะบวั ควำ่� บวั หงาย ประดบั
ลวดลายไทย ลงรกั ปดิ ทอง ตดิ กระจก พนื้ ในปดู ว้ ยหนิ แกรนติ สดี ำ� จากประเทศอติ าลี
ส่วนช่วงยอดใช้โมเสคสีทองจากประเทศอิตาลีเป็นวัสดุก่อสร้าง ส่วนยอดบนสุด
เป็นยอดฉัตรทำ� ด้วยโลหะปิดทอง พื้นด้านนอกรอบองค์เจดีย์ปูด้วยกระเบ้ืองสีแดง
มีก�ำแพงลอ้ มรอบ และมีประตเู ขา้ ออกท้ัง ๔ ทิศ ปิดทอง ติดกระจกตามลวดลาย
ตา่ งๆ อยา่ งสวยงาม ส่วนดา้ นมมุ ท้ัง ๔ ทศิ มีรูปป้ันช้าง เสือ สิงโต และววั สนิ้ คา่
กอ่ สร้างประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สบิ ล้านบาทถ้วน)

ภายในเจดยี แ์ บง่ เปน็ ๒ ชน้ั ชนั้ บนสดุ เปน็ ทบ่ี รรจุ พระบรมสารรี กิ ธาตุ ชน้ั ลา่ ง
เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐาน พระพทุ ธชนิ ราช รปู เหมอื นหลวงปเู่ สาร์ กนตฺ สโี ล หลวงปมู่ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต
และ หลวงปผู่ าง จติ ตฺ คตุ โฺ ต ซงึ่ พระอาจารยท์ ง้ั สองเปน็ ครบู าอาจารยข์ องหลวงปู่ และ
เป็นที่เกบ็ บรขิ ารของหลวงปู่ภายหลังทา่ นมรณภาพแลว้

วนั ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช
(วาสน์ วาสโน) วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม ไดเ้ สดจ็ มาประกอบพธิ บี รรจพุ ระบรม-
สารรี ิกธาตุ ณ ชนั้ บนของเจดยี ์ และพระองคไ์ ด้มพี ระลขิ ิตวา่

192

“ได้มาร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่องค์เจดีย์ ซึ่งหลวงปู่ผางอ�ำนวยการ
สร้างด้วยความสวยงาม แสดงให้เห็นน้�ำใจศรัทธาของศิษยานุศิษย์ในหลวงปู่ท่ีร่วม
กำ� ลงั ทนุ ทรพั ย์ สนบั สนนุ ความปรารถนาดขี องทา่ นจนสำ� เรจ็ เรยี บรอ้ ย นบั เปน็ ศรสี งา่
เจรญิ ศรัทธาปสาทะของพทุ ธศาสนกิ ชนตลอดกาลนาน

ขออำ� นาจกศุ ลผลบญุ ทที่ กุ ทา่ นผมู้ สี ว่ นในการสรา้ งองคเ์ จดยี ์ จงสนองใหท้ กุ ทา่ น
มคี วามเจรญิ สขุ กาย สบายใจ เจรญิ ดว้ ยจตรุ พธิ พรชยั ทง้ั ๔ ประการ คอื อายุ วรรณะ
สุขะ พละ ตลอดกาลนานเทอญ”

193

วดั อา่ งซบั ประดู่

เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ พระอาจารยป์ ระพันธ์ ท่านเป็นคนบ้านโนนสงู อ.ประทาย
จ.นครราชสีมา พร้อมดว้ ยคณะ ประกอบดว้ ย พระอาจารย์ปาน บ้านดอนแก่นเฒา่
พระอาจารย์ฉลอม บ้านอยู่ จ.ยโสธร และหลวงปู่ศรี เป็นพระชาวเขมร ซ่ึงเป็น
คณะศิษยข์ องหลวงปผู่ าง ท่านเหล่านไี้ ด้เดนิ ทางมาพบเห็นป่าแหง่ นี้ ซงึ่ เปน็ สถานที่
สปั ปายะเหมาะทจี่ ะเปน็ ทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรม ชาวบา้ นบรเิ วณอา่ งซบั ประดู่ ตำ� บลลาดบวั ขาว
อำ� เภอสคี วิ้ นครราชสมี า จงึ นมิ นตใ์ หท้ า่ นอยู่ และมาทำ� บญุ กบั ทา่ นทป่ี า่ ซบั ประดแู่ หง่ นี้

ตอ่ มาเมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ทา่ นพระอาจารยป์ ระพนั ธไ์ ดไ้ ปนมิ นตท์ า่ นหลวงปผู่ าง
มาจากวัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น มายังป่าซับประดู่แห่งนี้
เมอ่ื หลวงปไู่ ดเ้ ดนิ ทางไปตามคำ� นมิ นตแ์ ลว้ ชาวบา้ นแถวนนั้ ไดเ้ หน็ การปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ิ
ชอบในธรรมะขององค์ท่าน กไ็ ดพ้ ากนั ไปทำ� บุญกับทา่ น เมือ่ เวลาไปท�ำบุญ ชาวบ้าน
มักจะชักชวนกนั วา่ “ไปทำ� บุญทวี่ ดั หลวงปผู่ างกันเถอะ” เพราะเม่อื กอ่ นชาวบา้ นไม่รู้
จะเรียกอยา่ งไร ปัจจบุ นั ป่าซับประดู่แห่งนีก้ ็คือวดั อ่างซับประดู่

194

สร้างกำ� แพงวัด

ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้สรา้ งกำ� แพงดา้ นนอกรอบๆ วัดด้านทิศตะวันออกและทศิ
ตะวนั ตก ฐานเสาเอนทบั หลงั กำ� แพงเปน็ คอนกรตี เสรมิ เหลก็ ฉาบปนู ความยาวทง้ั สนิ้
๑๑ เส้น จำ� นวน ๓๙๕ ชอ่ ง สนิ้ คา่ ก่อสรา้ งประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้าน
บาทถ้วน)

195

พระประธานองคใ์ หญ่หนา้ เจดีย์

ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ไดส้ รา้ งแทน่ พระประธานองคใ์ หญ่ ดา้ นทศิ ตะวนั ออกของเจดยี ์
ชัยมงคล หันหน้าไปด้านทศิ ตะวันออก ฐาน คานคอดนิ เสา และหลงั คาคอนกรตี
เสรมิ เหลก็ มงุ กระเบอื้ งเคลอื บ เปน็ ลกั ษณะทรงไทยพลบั พลาจตรุ มขุ ทรงฐานบวั ควำ่�
บวั หงาย ประดับลวดลายไทย สว่ นท่ีเปน็ ลายไทยลงรกั ปดิ ทอง ตดิ กระจก ส้ินค่า
ก่อสร้างประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน)

ในปเี ดียวกันนเ้ี อง บริษทั มหกจิ เดชาชยั จ�ำกัด กรงุ เทพฯ ได้สรา้ งพระพทุ ธ-
ทปี งั กร พระประธานองคใ์ หญม่ าก ปางพชิ ติ มาร หรอื ปางมารวชิ ยั ศลิ ปะสมยั สโุ ขทยั
หนกั ๒ ตนั สวยงามมาก ถวายวดั อดุ มคงคาครี เี ขต มลู คา่ ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสน
บาทถว้ น) และทางวดั ไดอ้ ญั เชญิ ประดษิ ฐานเหนอื แทน่ ดงั กลา่ วไวแ้ ลว้ เพอ่ื เปน็ ทเ่ี คารพ
สกั การะของพุทธศาสนิกชนสืบตอ่ ไป

196

พ.ศ. ๒๕๒๓ พระธาตขุ ามแก่นศโิ รดม

ตอ่ มาหลวงปไู่ ดเ้ มตตารบั เปน็ ประธานอำ� นวยการสรา้ ง “พระธาตขุ ามแกน่ ศโิ รดม”
หนา้ ศาลากลางจงั หวดั ขอนแกน่ รว่ มกบั พอ่ คา้ ประชาชน ภาคราชการ เอกชนทกุ หมเู่ หลา่
เพือ่ ร่วมเฉลมิ ฉลอง ๒๐๐ ปีกรงุ รัตนโกสนิ ทร์

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ หลวงปไู่ ดท้ ำ� พธิ บี รรจุพระบรมสารรี ิกธาตุในผอบ
๙ สงิ หาคม ๒๕๒๔ หลวงปไู่ ดป้ ระกอบพธิ เี ทฐานฤกษพ์ ระสถปู ครอบพระธาตุ
ขามแก่นศิโรดม
๓๑ มนี าคม ๒๕๒๕ สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกล-
มหาสงั ฆปรณิ ายก เสดจ็ ทำ� พธิ เี ปดิ พระธาตขุ ามแกน่ ศโิ รดม ใหป้ ระชาชนไดส้ กั การบชู า
ปจั จบุ นั พระธาตขุ ามแกน่ ศโิ รดม ถอื ไดว้ า่ เปน็ ปชู นยี สถานทส่ี ำ� คญั คบู่ า้ นคเู่ มอื ง
เลยทเี ดยี ว ไดส้ รา้ งเสรจ็ ทนั เฉลมิ ฉลองกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เมอื่ วนั ที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕
พอดี ทางจงั หวดั ไดก้ ำ� หนดใหม้ งี านนมสั การ พระธาตขุ ามแกน่ ศโิ รดม เปน็ งานประจำ� ปี
ของจังหวดั ระหวา่ งวนั ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถงึ ๑๐ ธันวาคม ของทุกปี

197

ทอดผ้าป่าผา้ ไหมสามคั คี

เม่อื วนั ที่ ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๔ หลวงปพู่ รอ้ มด้วยคณะสงฆ์ ทายกทายิกา
และคณะศษิ ยานศุ ษิ ยไ์ ดพ้ รอ้ มใจกนั จดั ผา้ ปา่ สามคั คี “ผา้ ไหมไตรจวี ร” ไปทอดถวาย
๓ วัดด้วยกนั คอื

ทอดถวาย สมเด็จพระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสน์ วาสโน)
วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม กรงุ เทพฯ

ทอดถวาย สมเดจ็ พระญาณสงั วร (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน ป.ธ.๙) วดั บวรนเิ วศวหิ าร
กรงุ เทพฯ ซง่ึ ตอ่ มาทา่ นไดร้ บั สถาปนาขนึ้ เปน็ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช
สกลมหาสงั ฆปริณายก

ทอดถวาย พระพรหมมุนี (สนน่ั จนฺทปชฺโชโต ป.ธ.๙) วัดนรนาถสุนทรกิ าราม
กรงุ เทพฯ ซ่งึ ต่อมาท่านได้รบั สถาปนาข้นึ เป็น สมเด็จพระมหามุนีวงศ์

การไปทอดผา้ ป่าสามัคคี “ผา้ ไหมไตรจีวร” ของหลวงปูใ่ นครง้ั น้ี เปน็ สง่ิ ที่ท่าน
ปรารภว่าจะท�ำมานานแล้ว ซ่ึงท่านบอกว่าเป็นการจัดผ้าป่าไปทอดถวายครั้งแรกใน
ชวี ติ ของทา่ น และกถ็ อื วา่ เปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ยดว้ ยเชน่ กนั ยง่ิ ชว่ งหลงั สขุ ภาพของทา่ นไมส่ ู้
อำ� นวยนกั เกรงวา่ จกั ไมไ่ ดท้ ำ� ในสง่ิ ทตี่ งั้ ใจไว้ ถงึ แมน้ สขุ ภาพจะไมด่ เี ทา่ ไร แตท่ า่ นกไ็ ด้
สฝู้ นื ทำ� จนสำ� เรจ็ ทา่ นไดบ้ อกบญุ ผมู้ จี ติ ศรทั ธา ไดผ้ า้ ไหมประมาณรอ้ ยกวา่ เมตร และ

198

ในการเดนิ ทางครงั้ น้ี มคี ณะศษิ ยต์ ดิ ตามไปทำ� บญุ ดว้ ยประมาณสองพนั คน และมรี ถ
ติดตามเดนิ ทางไปครง้ั นีส้ ีส่ บิ สามคัน

หลังจากทอดผา้ ป่า “ผา้ ไหมสามคั คี” เสร็จแลว้ คณะศิษยานศุ ิษย์ทไ่ี ด้เดนิ ทาง
ร่วมคณะผ้าป่าได้กลับก่อน ส่วนองค์หลวงปู่ได้มีคณะศรัทธากราบนิมนต์อยู่เพ่ือ
ตรวจสขุ ภาพรา่ งกายเสยี กอ่ น เน่อื งจากว่าสขุ ภาพของทา่ นซึ่งเดมิ ไม่คอ่ ยสู้ดีนกั และ
ออ่ นเพลยี จากการเดนิ ทางไกล จงึ ทำ� ใหส้ ขุ ภาพทรดุ ลงไปอกี ตามลำ� ดบั คณะศรทั ธาจาก
กรงุ เทพฯ เหน็ วา่ ไมค่ อ่ ยจะดนี กั จงึ ไดก้ ราบนมิ นตห์ ลวงปอู่ ยพู่ กั รกั ษาตวั ทก่ี รงุ เทพฯ
ก่อน

ส่วนคณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์ ผูต้ ิดตามมาทอดผ้าป่าฯ ให้เดินทางกลบั
ขอนแกน่ กอ่ น คงเหลอื ไวด้ ูแลหลวงปเู่ ฉพาะพระผูใ้ กล้ชิดเท่าน้ัน

199

อาการปว่ ยกำ� เรบิ

ตอ่ มาวนั ที่ ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๔ คณะศษิ ยไ์ ดน้ มิ นตห์ ลวงปเู่ ขา้ ตรวจสขุ ภาพ
ทโี่ รงพยาบาลนายแพทยป์ ญั ญา ซงึ่ มนี ายแพทยป์ ญั ญา สง่ สมั พนั ธ์ เปน็ ผอู้ ำ� นวยการ
โรงพยาบาล ได้ท�ำการเอก็ ซเรย์ และตรวจสุขภาพทั่วไปของหลวงปู่

ผลปรากฏวา่ ความดนั โลหติ ๑๔๐/๘๐ ชพี จรเตน้ ๗๖/นาที ตาเรม่ิ เปน็ ตอ้ กระจก
ออ่ นๆ ทัง้ สองขา้ ง

ผลเอ็กซเรย์ปอด คลื่นหัวใจ ปกติ ผลตรวจเลือด พบว่าหน้าที่ของไต ตบั
ระดับไขมันเลือดปกติ และระดับน้�ำตาลในเลือดมีค่าต�่ำกว่าปกติเล็กน้อย ซ่ึงเป็น
เรอื่ งธรรมดาสำ� หรบั พระปฏิบัติ การตรวจปสั สาวะและตรวจเมด็ โลหติ ผลเป็นปกติ

หลงั จากนัน้ ท่านไดพ้ กั ที่กรุงเทพฯ เพือ่ พกั ผอ่ นร่างกาย

200

ศรทั ธาพานมิ นต์

ในชว่ งทที่ า่ นพกั รกั ษาตวั อยทู่ โี่ รงพยาบาลแพทยป์ ญั ญา ไดม้ คี ณะศรทั ธากลมุ่ หนงึ่
ไดม้ านมิ นตท์ า่ นเพอ่ื ฉนั ภตั ตาหารทบ่ี า้ นของตน แตท่ งั้ ๆ ทรี่ วู้ า่ หลวงปไู่ มส่ บาย ยงั ให้
น้�ำเกลือและพกั รักษาตัวอยู่ ก็ยงั ไมล่ ะความพยายาม ได้พยายามนิมนต์ท่านเพือ่ ฉัน
ภตั ตาหารทบี่ า้ นใหไ้ ด้ โดยอา้ งเหตผุ ลตา่ งๆ นานา จนเกอื บจะกลายเปน็ ชนวนทะเลาะกนั
ระหวา่ งผมู้ านมิ นตก์ บั คณะศษิ ยท์ ตี่ อ้ งการใหท้ า่ นพกั ผอ่ น เนอื่ งจากสขุ ภาพไมอ่ ำ� นวย

แตส่ ดุ ทา้ ยหลวงปทู่ า่ นไดร้ บั นมิ นต์ สง่ั ใหถ้ อดสายนำ้� เกลอื ทหี่ อ้ ยระโยงระยางออก
และได้เดนิ ทางไปฉลองศรัทธาฉันภตั ตาหารทบี่ ้านผ้มู านิมนต์ ท�ำให้คณะศษิ ยท์ ีเ่ ฝา้
ดูแลต่างเกิดความร้สู ึกไปในหลายลกั ษณะ

ลกั ษณะแรก กค็ ดิ ตำ� หนผิ ทู้ ม่ี านมิ นตท์ ไี่ มพ่ นิ จิ พจิ ารณาไตรต่ รองวา่ ทา่ นไมส่ บาย
กำ� ลงั รับการรักษาเยยี วยาจากแพทยแ์ ละพยาบาลอยู่ ควรไดพ้ ักผอ่ นมากๆ

ลักษณะที่สอง ก็อัศจรรย์ใจในความเมตตาของหลวงปู่ ขนาดท่านนอนป่วย
เขา้ นำ�้ เกลอื อยู่บนเตียงแท้ๆ ทา่ นยังสง่ั ถอดสายน�ำ้ เกลือออก และเดนิ ทางไปฉลอง
ศรัทธาและฉันภัตตาหารท่ีบ้านของผู้มานิมนต์ให้สมกับศรัทธาปสาทะของเขาใน
องค์ท่าน ทำ� ใหเ้ ห็นความเมตตานุเคราะห์ของหลวงป่เู หลือทจ่ี ะกล่าวได้

201

เขา้ โรงพยาบาลหลายครัง้

วนั ท่ี ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ คณะศิษย์ได้นิมนตห์ ลวงปู่มาตรวจรักษาท่ี
โรงพยาบาลนายแพทยป์ ญั ญาอกี ครง้ั เนอื่ งจากวา่ ทา่ นมอี าการแนน่ ทอ้ ง โรงพยาบาล
ไดท้ �ำการเอ็กซเรย์ระบบทางเดินอาหาร พบวา่ หลวงปเู่ ริม่ เป็นมะเรง็ ที่กระเพาะอาหาร
คณะแพทยไ์ ดถ้ วายคำ� แนะนำ� ใหร้ กั ษาโดยการผา่ ตดั แตห่ ลวงปไู่ มย่ นิ ยอม นายแพทย์
จงึ ไดจ้ ดั ยาฉันถวายพอทุเลา ทา่ นจึงเดนิ ทางกลับวัด

วันท่ี ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๕ หลวงปมู่ อี าการไมส่ ูด้ ีนัก คณะศษิ ย์ได้นมิ นตท์ า่ น
เข้ารับการรักษาตัวท่ีกรุงเทพฯ ท่ีโรงพยาบาลนายแพทย์ปัญญาเหมือนเดิม ครั้งนี้
นายแพทยต์ รวจพบวา่ หลวงปมู่ โี รคแทรกซอ้ นขนึ้ มาอกี ๒ โรค คอื โรคหวั ใจโต และ
โรคโลหติ จาง นายแพทยไ์ ดใ้ หน้ ำ�้ เกลอื ตดิ ตอ่ กนั ไดป้ ระมาณ ๕,๕๐๐ ซ.ี ซ.ี และใหเ้ ลอื ด
อกี ประมาณ ๔ ขวด ทา่ นไดม้ ารกั ษาตวั คราวนปี้ ระมาณ ๔ วนั เหน็ วา่ มกี จิ นมิ นตท์ ไ่ี ด้
เมตตารบั ไว้ จงึ เดนิ ทางกลับวดั อดุ มคงคาคีรีเขต จังหวัดขอนแก่น

วนั ที่ ๒๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๕ สขุ ภาพของหลวงปเู่ รม่ิ ทรดุ ลงอกี ครง้ั คณะศษิ ย์
ไดน้ มิ นตท์ า่ นเขา้ รบั การรกั ษาตวั อกี ครง้ั ทโ่ี รงพยาบาลนายแพทยป์ ญั ญา เปน็ ครงั้ ที่ ๔
ท่านมอี าการออ่ นเพลยี มาก เนือ่ งจากมอี าการเลอื ดออกในทางเดนิ อาหาร และยงั มี
อาการกลา้ มเนอ้ื หวั ใจตาย นายแพทยไ์ ดใ้ หน้ ำ้� เกลอื อกี รวมแลว้ ประมาณ ๗,๐๐๐ กวา่
ซีซี พร้อมเลอื ดอกี ๔ ขวด

202

หลวงปู่ไดเ้ ข้ารบั การรักษาตวั ท่ีโรงพยาบาลนายแพทยป์ ัญญา คุณนายเข็มทอง
โอสถาพนั ธ์ ไดต้ ดิ ตามอาการและปรกึ ษากบั คณะแพทยถ์ งึ การรกั ษาโดยตลอด จงึ ทราบ
จากแพทย์ว่า เนอื่ งจากหลวงปู่ไม่ฉันเนอ้ื สัตว์และฉันอาหารไดน้ ้อย ร่างกายของทา่ น
จงึ ขาดสารอาหารบางชนดิ คณะแพทยจ์ ึงได้ขอร้องให้คณุ นายจัดอาหารมาแอบเสรมิ
ให้ทา่ นฉนั

คณุ นายจงึ ได้สง่ั คณุ อ้อยทิพย์ แสนแก้ว นำ� ตับมาบด กรองเอาแต่นำ�้ มาต้มกบั
ขา้ วต้ม แลว้ ใสข่ ิง แลว้ เอาผกั ชโี รย คณุ ออ้ ยทพิ ยน์ ำ� อาหารนั้นมาใสก่ ระติกปดิ ฝา
พร้อมท้ังลกู ศิษยอ์ ่ืนๆ กไ็ ดน้ �ำอาหารมาถวายเช่นกนั แตเ่ ช้าวนั นัน้ หลวงปไู่ มย่ อมฉัน
ลกู ศษิ ยไ์ ดอ้ อ้ นวอนหลายครง้ั ให้ท่านฉนั หลวงปเู่ มตตาตอบแต่เพียงวา่ “วนั นีไ้ มฉ่ ัน
มนั สิบาป” ว่าแล้วกน็ ั่งหันหลังให้

ตอนเพล คณุ นายเขม็ ทอง พรอ้ มทง้ั ลกู ศษิ ย์ ไดน้ ำ� อาหารมาถวายทา่ นอกี เพราะ
เห็นว่าตอนเช้าหลวงปู่ไม่ได้ฉัน คุณนายอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่า หลวงปู่ก็ตอบ
อยา่ งเดมิ วา่ “วนั นไ้ี มฉ่ นั ” คณุ นายออ้ นวอนหลายครง้ั เขา้ จนนำ้� ตาไหลคลอ แลว้ กราบ
เรยี นหลวงปดู่ ว้ ยความสำ� นกึ ผดิ วา่ “วนั หลงั ลกู จะไมท่ ำ� อกี แลว้ เจา้ คะ่ ” หลวงปจู่ งึ เมตตา
ตอบวา่ “เออ ไดบ้ ุญอยู่ดอก”

203

ค�ำถาม...สดุ ท้าย

ก่อนมรณภาพไม่ก่ีวัน สังขารร่างกายของหลวงปู่ทรุดโทรมมาก บรรดา
ศิษยานุศษิ ยต์ ่างวิตกไปตามๆ กนั และปลงใจว่าหลวงปู่ไม่รอดแน่ ยงิ่ ได้เหน็ ความ
เหนด็ เหนอ่ื ยเมอื่ ยลา้ ความอดทนอดกลน้ั ตอ่ ทกุ ขเวทนา ทหี่ ลวงปไู่ ดร้ บั อยา่ งแสนสาหสั
ศิษย์ทุกคนต่างอดกลั้นน�้ำตาไว้ไม่ได้ หลวงปู่ทราบดีในเร่ืองน้ี จึงได้ต้ังปัญหาถาม
คณะศิษยท์ ีค่ อยเฝา้ ดูอาการอาพาธอยโู่ ดยรอบในขณะนั้นเพอื่ เปน็ การเตอื นสติวา่

“อยากเปน็ บ่แนวน”้ี (อยากเปน็ ไหมอยา่ งนี)้
ช่างเปน็ คำ� ถามท่ีประทบั ใจเสียจรงิ ๆ

204

โอวาทคร้งั สุดทา้ ย

หลวงปู่ได้มาพกั รกั ษาตวั ทก่ี รงุ เทพฯ ในครัง้ น้เี ป็นเวลา ๒๐ กวา่ วนั แต่อาการ
ยงั ไม่ดีขน้ึ จงึ ได้แจ้งให้คณะศษิ ยไ์ ด้ทราบว่า

“ทผี่ า่ นมา หลวงปเู่ ปดิ โอกาสใหท้ กุ คนไดท้ ำ� บญุ กบั หลวงปเู่ ตม็ ทแี่ ลว้ ทงั้ ๆ ทรี่ วู้ า่
โรคนไ้ี มม่ ที างรกั ษาหาย มนั จะหายกต็ อ่ เมอื่ เอาไฟมาเผาเทา่ นนั้ เพอื่ ไมใ่ หเ้ ปน็ การสรา้ ง
ความลำ� บากแกต่ นเองหรอื ผู้อ่ืนอีกตอ่ ไป ขอให้นำ� หลวงป่กู ลับวัดได้แล้ว”

วนั ที่ ๑๖ มนี าคม ๒๕๒๕ คณะศษิ ยไ์ ดน้ มิ นตท์ า่ นกลบั วดั อดุ มคงคาครี เี ขต จงั หวดั
ขอนแกน่ โดยทางโรงพยาบาลนายแพทยป์ ญั ญาไดจ้ ดั รถไปสง่ และจดั บรุ ษุ พยาบาล
ไปดูแลท่วี ัดอีกดว้ ย

วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๕ เวลาประมาณ ๐๙-๑๐.๐๐ น. คณะศษิ ย์ผู้เฝา้ ดแู ล
หลวงปู่ ตา่ งกแ็ ปลกใจและดใี จไปตามๆ กนั ทเี่ หน็ ทา่ นลกุ ขน้ึ มานง่ั และเดนิ ไดเ้ หมอื น
คนปกติ ประหนง่ึ ว่าอาการอาพาธทท่ี ่านเป็นอยู่คงหายแลว้

ทา่ นพระอาจารยส์ มชาย €ติ ธมโฺ ม ซงึ่ เปน็ พระทเี่ ฝา้ ดแู ลทา่ นในขณะทที่ า่ นอาพาธ
ได้กล่าวว่า วันน้ันลูกศิษย์ทั้งพระท้ังฆราวาสต่างก็ดีใจท่ีเห็นหลวงปู่ลุกข้ึนมาเดินได้
และท่านไดส้ งั่ คณะสงฆ์และชาวบ้านทีด่ แู ลอปุ ัฏฐากท่วี ดั อดุ มคงคาครี เี ขตไวว้ ่า

“หม่เู ฮาให้เบงิ่ ให้แงงกัน ซมุ่ พ่อออกแม่ออกกะให้มากินมาทานคือเกา่ เด้อ”
“พระสงฆ์ สามเณร ชี ใหด้ แู ลกนั เหมอื นเดมิ ใหส้ ามคั คกี นั ไว้ ผใู้ หญใ่ หด้ ผู นู้ อ้ ย
ผนู้ อ้ ยใหด้ ผู ใู้ หญ่ ญาตโิ ยมใหพ้ ากนั มาทำ� บญุ เหมอื นเดมิ หลวงปอู่ ยเู่ คยพาทำ� แบบไหน
ใหพ้ ากนั ทำ� แบบนนั้ หลวงปจู่ ากไปกอ็ ยา่ พากนั ทงิ้ วดั ทง้ิ วา” นคี่ อื โอวาทครง้ั สดุ ทา้ ยที่
ทา่ นพดู ไว้

205

มรณภาพดว้ ยอาการอนั สงบ

วนั ที่ ๒๔ มนี าคม ๒๕๒๕ หลวงปฉู่ นั อาหารและนำ้� แทบไมไ่ ดเ้ ลย ปสั สาวะนอ้ ย
และทา่ นไดล้ ะสงั ขารในตอนบา่ ยนน้ั เวลา ๑๖.๔๕ น. ดว้ ยอาการสงบ สริ ริ วมอายไุ ด้
๘๐ ปี (๓๔ พรรษา) นบั เปน็ การจากไปของพระสปุ ฏปิ นั โน ผมู้ คี ณุ ธรรมอนั เลศิ รปู หนงึ่
ทไ่ี มป่ รารถนาลาภ ยศ สรรเสรญิ หรอื ตดิ ในโลกธรรมแตป่ ระการใด ดงั คำ� ทที่ า่ นพดู
ไว้วา่

“มชี อื่ ไม่อยากใหป้ รากฏ มยี ศ ไม่อยากให้ลือซา มวี ชิ า ไม่ใหเ้ รียนยาก”
แตค่ ณุ ธรรมและปฏปิ ทาของทา่ น ยงั เปน็ ทเ่ี คารพศรทั ธาของพทุ ธศาสนกิ ชนมริ ลู้ มื
ทา่ นยงั เปน็ พระในดวงใจของคณะศษิ ยานศุ ษิ ยไ์ มเ่ สอ่ื มคลายตราบนานเทา่ นาน

206

ประวตั ิการอาพาธ

หลวงปู่ได้มาตรวจสุขภาพท่ัวไปท่ีโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาคร้ังแรกเม่ือ
๕ พฤษภาคม ๒๕๒๔ โดยมีคณุ นายเขม็ ทอง โอสถาพันธ์ เปน็ ผ้พู ามา ผลการตรวจ
ปรากฏวา่ หลวงป่มู ีอายุ ๘๐ ปี สุขภาพทัว่ ไปดี ความดันโลหิต ๑๔๐/๘๐ ชพี จรเตน้
๗๖ ครั้ง/นาที ตาเริ่มเป็นตอ้ กระจกออ่ นๆ ท้งั สองขา้ ง จากการตรวจรา่ งกายทัว่ ไป
ไม่พบส่งิ ผิดปกติ ผลเอ็กซเรยป์ อด คล่นื หัวใจปกติ ผลการตรวจเลือดพบวา่ หน้าที่
ของไต ตบั ระดบั ไขมันในเลอื ดปกติ ระดับน้ำ� ตาลในเลือดมีค่าต�่ำกว่าปกตเิ ล็กนอ้ ย
ซง่ึ เปน็ ของธรรมดาสำ� หรบั พระปฏบิ ตั ิ การตรวจปสั สาวะ และตรวจเมด็ โลหติ ผลปกติ

๒๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๔ หลวงปู่ได้มาตรวจรักษาอกี ครั้งหน่ึง เนอ่ื งจากมี
อาการแนน่ ทอ้ ง ไดท้ �ำการเอก็ ซเรยร์ ะบบทางเดินอาหารพบว่าหลวงปูเ่ ร่มิ เป็นมะเรง็ ท่ี
กระเพาะอาหาร คณะแพทยไ์ ดถ้ วายคำ� แนะนำ� ใหร้ กั ษาโดยการผา่ ตดั และหลวงปไู่ ม่
ยนิ ยอม

๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๕ หลวงปไู่ ด้มาตรวจทโี่ รงพยาบาลน้ดี ว้ ยอาการไข้หวดั
ครง้ั นส้ี ามารถคลำ� พบกอ้ นเนอื้ ไดท้ างหนา้ ทอ้ ง ไดน้ มิ นตใ์ หร้ บั การรกั ษาในโรงพยาบาล
แต่หลวงปูต่ ดิ นมิ นต์

๒๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๒๕ หลวงปูไ่ ดม้ ารับการรกั ษาที่โรงพยาบาลนดี้ ้วยอาการ
ออ่ นเพลยี เนอื่ งจากมอี าการเลอื ดออกในทางเดนิ อาหาร และยงั พบวา่ มอี าการของกลา้ ม

207

เน้ือหัวใจตาย หลวงปู่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนี้สลับกับไปพักที่บ้านคุณนาย
เข็มทอง ได้ให้การรักษาตามอาการ รวมท้ังมีการใช้ยาสมุนไพรไทยโดยคณะศิษย์
ร่วมด้วย

๑๖ มนี าคม ๒๕๒๕ คณะศษิ ยไ์ ดน้ มิ นตก์ ลบั วดั ทางโรงพยาบาลไดจ้ ดั รถไปสง่
และจดั พยาบาลชายไปดแู ลทว่ี ดั หลงั จากหลวงปกู่ ลบั ถงึ วดั ไดไ้ มก่ ว่ี นั กม็ อี าการอาเจยี น
ฉันอาหารและน้�ำไมไ่ ด้ ปสั สาวะนอ้ ย และไดล้ ะทิ้งขนั ธ์ไปเม่ือ วนั ท่ี ๒๔ มีนาคม
๒๕๒๕

ขา้ พเจา้ ขอขอบคณุ ทา่ นผอู้ ำ� นวยการ และเจา้ หนา้ ทโ่ี รงพยาบาลขอนแกน่ ทกุ ทา่ น
ทไ่ี ดใ้ หค้ วามรว่ มมอื ในการตรวจโลหติ ตรวจปสั สาวะ ไดใ้ หเ้ ลอื ดและยาทจี่ ำ� เปน็ กบั ให้
ยมื เครอื่ งมือทางการแพทยเ์ พอื่ มาใช้ในการรักษาหลวงปู่ท่วี ัด

ปัญญา ส่งสัมพันธ์
ผอู้ ำ� นวยการโรงพยาบาลแพทยป์ ัญญา

กรุงเทพมหานคร

208

พระราชทานเพลิงศพ

เมอื่ วนั อาทิตยท์ ี่ ๒๔ มนี าคม ๒๕๒๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. คณะศษิ ยานศุ ษิ ย์
พทุ ธศาสนกิ ชนทวั่ ไปจากทว่ั ทกุ สารทศิ ไดห้ ลง่ั ไหลกนั มาจากทกุ ภาคของประเทศไทย
เพ่ือรว่ มงานพระราชทานเพลงิ ศพ หลวงปูผ่ าง จิตตฺ คุตฺโต

วัดอุดมคงคาคีรีเขต มีบริเวณวัดที่กว้างขวางใหญ่โตกลับเล็กและคับแคบไป
ถนดั ตา ตน้ ไมใ้ นบรเิ วณงานภายในวดั อดุ มคงคาครี เี ขตแทบจะไมม่ ที วี่ า่ ง เพราะมผี มู้ า
ร่วมงานเข้าจบั จองใช้เป็นท่ีพักผอ่ นก่อนถึงเวลาประกอบพธิ อี ันส�ำคัญ

ส่วนสถานที่บริเวณรอบวัดและสถานท่ีใกล้เคียงได้ถูกปรับให้เป็นที่จอดรถ
หลายสบิ ไร่ ถงึ กระนน้ั กย็ งั นบั วา่ นอ้ ยไป เมอื่ คราวงานวนั สำ� คญั มาถงึ กระทงั่ รถยนต์
ท่ผี ู้คนมารว่ มงานต้องจอดตามไหลถ่ นนเรยี งรายกนั ยาวหลายกิโลเมตร

ทไี่ ดเ้ หน็ ปรากฏการณอ์ ยา่ งนกี้ เ็ พราะบารมธี รรมของหลวงปทู่ ไ่ี ดบ้ ำ� เพญ็ มาตง้ั แต่
อดีตจนถงึ ปจั จบุ นั และผลแห่งธรรมทท่ี ่านได้สัมผัสปรากฏแกศ่ ษิ ยานุศษิ ย์ รวมทั้ง
ประชาชนท่วั ไปที่ไดเ้ หน็ เป็นอศั จรรย์

209

ปรากฏบนเปลวไฟ

ในวนั พระราชทานเพลงิ ศพหลวงปู่ ไดม้ อี ุบาสิกาท่านหน่งึ เล่าว่า
“ในขณะทมี่ กี ารพระราชทานเพลงิ ศพหลวงปผู่ างอยู่ โยมไดม้ องไปทปี่ ระชมุ เพลงิ
ไดม้ องเหน็ หลวงปูก่ ำ� ลังนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางเปลวไฟบนเมรเุ ผาศพ แรกๆ เขา้ ใจวา่
ตวั เองตาฝาดตาลายหรอื คดิ ไปเอง กข็ ยต้ี าตวั เองและมองไปทอ่ี นื่ แลว้ หนั กลบั มามอง
ท่บี นเมรุ ก่ีครงั้ ตอ่ กค่ี รั้งกย็ งั เหน็ หลวงปูน่ ่งั สมาธิอยู่อยา่ งนั้น
ความศรทั ธา ความปตี อิ ยา่ งแรง ทำ� ใหน้ ำ�้ ตาหลงั่ ไหลออกมาโดยมริ สู้ กึ ตวั รำ� ลกึ
ถึงทา่ น สงสารทา่ น อยากใหท้ า่ นมชี วี ติ โปรดลูกหลานอยนู่ านๆ และภาพหลวงปนู่ ง่ั
บนเมรใุ นครง้ั นน้ั ยงั ปรากฏชดั อยใู่ นความทรงจำ� ของโยมเสมอมา คราใดมปี ญั หาหรอื
อปุ สรรคแหง่ ชวี ติ กไ็ ดน้ กึ ถงึ ภาพทา่ นเพอื่ เปน็ กำ� ลงั จติ กำ� ลงั ใจ สามารถฝา่ ฟนั ปญั หา
อุปสรรคไปได”้

210

เก็บอฐั ิธาตุ

วนั ที่ ๒๕ มนี าคม ๒๕๒๘ ซง่ึ เปน็ วนั ประกอบพธิ สี ามหาบเกบ็ อฐั ิ เชา้ วนั นน้ั ไดม้ ี
พวกนกมากมายหลายชนดิ มาจากทว่ั สารทศิ หลายรอ้ ยหลายพนั ตวั บนิ รอบบรเิ วณเมรุ
เผาศพหลวงปู่ วนเวยี นไปมาประหนงึ่ แสดงความเคารพ ดว้ ยการทำ� ประทกั ษณิ ๓ รอบ
และแสดงความอาลัยในหลวงปู่เปน็ อยา่ งยงิ่ บางฝูงบนิ ไป ฝูงใหม่กบ็ นิ มาสมทบกนั
อยเู่ รอ่ื ย กระทง่ั สายฝงู นกจงึ บนิ ลาลับไปในขอบฟ้า

กระทัง่ จระเข้ทีอ่ าศัยอยูใ่ นสระน้ำ� ภายในวดั อดุ มคงคาคีรีเขต ได้โผล่หวั ขน้ึ มา
สง่ เสยี งรอ้ งลนั่ เปน็ ระยะเวลานาน ซง่ึ ไมเ่ คยเปน็ มากอ่ นเลย ประหนงึ่ วา่ แสดงถงึ ความ
เศรา้ โศกเสยี ใจอยา่ งสดุ ซงึ้ ทผี่ มู้ พี ระคณุ ซงึ่ เปน็ เหมอื นรม่ โพธร์ิ ม่ ไทรไดล้ ว่ งลบั ไปแลว้

211



พระธรรมเทศนา

พระจติ ตฺ คุตฺโต หลวงปู่ผาง

213

“คนเฮาน้มี เี กดิ กะมดี ับ
ถา้ บ่มกี ารเกดิ กะบ่มีดบั
อันน้มี ันเป็นของคูก่ นั
ไผเฮ็ดไผทำ� กะได้แกผ่ ูน้ น้ั
ใหพ้ ากันเฮด็ เอาท�ำเอาเดอ้ ”
(คนเรานีม้ ีเกดิ ก็มดี บั ถา้ ไม่มีการเกดิ ก็ไมม่ ีดับ
อนั นม้ี นั เป็นของคูก่ ัน ใครสร้างใครปฏบิ ตั ิก็ได้แกค่ นนั้น
ให้พากนั ประพฤตปิ ฏบิ ัติเอานะ)
หลวงปผู่ าง จติ ฺตคุตโฺ ต

214

หลวงปผู่ าง จติ ตฺ คตุ โฺ ต เปน็ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมทเี่ ครง่ ครดั ในพระธรรมวนิ ยั เสมอตน้
เสมอปลาย ทัง้ ต่อหน้าและลบั หลัง ไดย้ นิ วา่ เมอ่ื ทา่ นเข้าส่หู มบู่ า้ นครง้ั ใด จะเหน็ ท่าน
หม่ ผา้ จวี รซอ้ นสงั ฆาฏเิ สมอ ไมเ่ คยปลอ่ ยปละละเลยแมจ้ ะอายมุ ากแลว้ เปน็ คนละเอยี ด
ลออมากในเรอื่ งบรขิ ารใช้สอย ประหยัดมัธยสั ถ์ ไมส่ รุ ยุ่ สรุ า่ ย

หลวงปผู่ าง จติ ตฺ คตุ โฺ ต ทา่ นใชป้ จั จยั ๔ ดว้ ยความเรยี บงา่ ย ไมม่ คี วามยนิ ดยี นิ รา้ ย
ในโลกธรรมแปด ซ่งึ ประกอบไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสอ่ื มลาภ เสือ่ มยศ
นนิ ทา ทกุ ข์ แตป่ ระการใด ทา่ นไมเ่ คยสะสมบรขิ าร หรอื ปจั จยั ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทองใดๆ
ทงั้ สน้ิ มเี พยี งอฐั บรขิ ารทสี่ ำ� คญั ของพระทพ่ี ระพทุ ธองคไ์ ดท้ รงอนญุ าตเทา่ นน้ั กบั ทงั้ ได้
พยายามใช้ด้วยความระมัดระวงั และจดั เก็บอยา่ งเปน็ ระเบียบ

ลาภสกั การะใดๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในวดั ทา่ นไมไ่ ดใ้ สใ่ จ ไดป้ ลอ่ ยใหเ้ ปน็ หนา้ ทข่ี อง
คณะสงฆ์ และกรรมการวดั เปน็ ผู้บริหารดแู ลจัดการ ทา่ นพดู อยู่เสมอวา่

“ชีวติ ของเรา มีเพียงบาตรใบเดียวกอ็ ยูไ่ ด้ และเพยี งพอแล้ว”

ท่านเป็นผู้มีศรัทธามุ่งม่ันและแน่วแน่ต่ออริยมรรค อริยผล อย่างแท้จริง
ไดอ้ ตุ สาหะวริ ิยะพากเพียรเพือ่ ตดั ภพตัดชาติในการกลบั มาเวยี นว่ายตายเกิด มุ่งมัน่
เพื่อหลักชัยคือพระนิพพาน เป็นผู้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติอย่างเด็ดเดี่ยว
อาจหาญ และมั่นคงในสัจวาจา พดู จรงิ ท�ำจรงิ

พวกเราผู้เป็นศิษยานุศิษย์ หรือพุทธศาสนิกชนผู้มุ่งมั่นเพื่อความเป็นคนดี
ปฏิบตั ิดปี ฏิบัตชิ อบตามท่าน จงึ ควรต้งั ความปรารถนาไวว้ า่

“เกิดชาตใิ ดภพใด ขอให้ได้มีโอกาสพบนกั ปราชญ์ บัณฑิต เปน็ กัลยาณมติ ร
ทปี่ ระกอบไปดว้ ยศลี ธรรมและคณุ ธรรมทสี่ งู สง่ เปน็ ผชู้ ท้ี างธรรมนำ� จติ ใหห้ ลดุ พน้ จาก
ความทกุ ข์ เพอ่ื ความสขุ ที่แท้จรงิ คอื พระนิพพานตลอดไป”

ทา่ นไมเ่ ปน็ นกั พดู นกั เทศนท์ ด่ี ี แตส่ อนคนอน่ื แลว้ ตนเองไมป่ ฏบิ ตั ิ อบุ ายธรรมะ
ทท่ี า่ นสอน ทา่ นไมเ่ คยอนญุ าตใหใ้ ครบนั ทกึ ไวเ้ ลย เคยมพี ระแอบบนั ทกึ เทป พอทา่ นรู้

215

เลยโดนดใุ หญ่ ท่านเคยพูดเสมอว่า “มชี อื่ ไมใ่ ห้ปรากฏ มียศไม่ให้ลือชา มวี ชิ าไมใ่ ห้
เรียนยาก”

ดว้ ยเหตุนี้ จึงไมส่ ามารถนำ� บทเทศนาส่ังสอนมาลงพิมพ์ให้เป็นเร่ืองเปน็ ราวได้
เหมอื นอยา่ งทเ่ี หน็ โดยทว่ั ไป แตก่ พ็ อสรปุ โอวาททหี่ ลวงปเู่ คยพรำ�่ สอนบรรดาสานศุ ษิ ย์
อยโู่ ดยมาก ได้ดงั นี้

 ให้พากันวางความตาย อย่าเสียดายความม่ังมี ตู้คัมภีร์ใหญ่อยู่ในกายเฮาน้ี
พระวนิ ยั ปฎิ ก พระสตุ ตนั ตปฎิ ก พระอภธิ รรมปฎิ ก อยใู่ นหวั อกไผมนั (ของใคร
ของมัน) ใหเ้ ปดิ เบิ่งเอา (ใหเ้ ปดิ ดูเอาเอง)

(หมายความว่า นักปฏิบัติอย่ากลัวตาย ตัวเองม่ังมีร่�ำรวยแล้ว อย่าเสียดาย
ตระหนถี่ เ่ี หนยี ว ใหส้ ละทำ� บญุ ใหท้ านบา้ ง รา่ งกายของเรานมี้ หี นงั บางๆ หอ่ หมุ้
มีเนื้อและเลือดฉาบทาไว้ ให้เล่าเรียนพิจารณาดูในกายน้ีท่ีเปรียบเหมือนห้อง
สมุดใหญ่ บรรจุไว้ซึ่งสารพัดศาสตร์ ท่ีไม่มีใครศึกษาค้นคว้าเล่าเรียนได้จบ
นอกจากพระอรหนั ต)์

 ใหพ้ ากนั พายเฮอื ขว่ มทะเลหลวงใหม้ ม่ ฝง่ั อยา่ สกิ ลบั ตา่ วปน้ิ นำ� พวั่ หมากแหนง่ ดง
(ใหพ้ ากนั พายเรือขา้ มทะเลหลวง “วฏั สงสาร” ให้พน้ ถึงฝัง่ คอื “พระนพิ พาน”

อย่ากลบั มาเวียนว่ายตายเกดิ ในโลกแหง่ กองทุกขน์ ี้อกี )

 ให้ภาวนาวา่ ตายๆ ผกี ะย่าน บก่ ล้ามาใกล้ดอก
(ใหภ้ าวนาวา่ ตายๆๆ ผกี ก็ ลัว ไมก่ ลา้ เขา้ มาใกลห้ รอก)

 หมอบๆ เข้า หวั เทา่ งา่ ยาง ยา่ งโย่งๆ หวั แทบขด้ี นิ
(หมอบๆ เขา้ หวั สงู เทา่ กงิ่ ตน้ ยาง เดนิ โยง่ ๆ หวั เทา่ แทบดนิ ความหมายวา่ ลกู ศษิ ย์

ท่เี ข้าหาครูบาอาจารย์ บางคนหมอบคลานเข้ามาหา ทำ� ท่าเหมอื นนอบนอ้ มหรือ
ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน แตว่ า่ มที ฐิ มิ านะสงู จรดฟา้ ไมย่ อมลงใจเชอื่ ฟงั ในครบู าอาจารย์
สว่ นบางคนแมจ้ ะเดนิ โยง่ ๆ เขา้ มาหา แตจ่ ติ ใจนอบนอ้ มมคี วามเคารพยำ� เกรง)

216

 มีดพร้าโต้ดวงแบกทว่ มหู คมมันบางทอ่ คคู นั ต้อน ซุยซำ� ฮะลากขด้ี ินจำ� กน้
(มดี พรา้ โตใ้ หญท่ เ่ี ขาแบกมา คมมนั บางเทา่ คนั คคู ลองทที่ ำ� ไวด้ กั ปลา ความหมาย

คอื สตปิ ญั ญามี แตไ่ มร่ ูจ้ ักใช้ คอื มมี ดี แตไ่ ม่มีคม)

 คนสามบา้ นกนิ น้�ำสา่ งเดยี ว เทียวทางเดียวบเ่ หยียบฮอยกัน
(คนสามบ้านกินน�้ำบอ่ เดยี วกัน เดินทางเดยี วกนั แต่ไมเ่ หยยี บรอยกัน)
คนสามบา้ นเปรยี บดงั ศลี สมาธิ ปญั ญา นำ้� บอ่ เดยี วเปรยี บดงั พระพทุ ธศาสนา

เดินทางเดียวไม่เหยียบรอยกัน ท่านเปรียบให้เห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันไป
ตามจริตของตน ในแนวทางท่พี ระพุทธองคต์ รัสไวอ้ ย่างกวา้ งขวาง

 อย่าได้มัวเมาหม่นน�ำดวงดอกไข่เนา่ เมาน�ำพัว่ หมากหวา้ มันสิซา้ ค�่ำทาง
(อย่าไดม้ ัวหมกมุ่นกับดอกไขเ่ นา่ อย่าไดม้ วั เมากบั พวงลกู หว้า ทางไปข้างหนา้

ยังอีกยาวไกล เด๋ียวจะมืดคำ�่ กอ่ น ไปไม่ถงึ จดุ หมาย ความหมาย อย่าหมกมุ่น
มวั เมาเพลดิ เพลนิ อยกู่ บั กามกเิ ลส เดย๋ี วจะหลงทาง อยา่ ประมาท ใหร้ บี เรง่ ปฏบิ ตั ิ
ภาวนาเพอื่ ให้หลุดพ้นไปจากวัฏสงสารถงึ พระนพิ พานแดนพน้ ทุกข์)

 อย่าพากันเทียวทางเวงิ้ เหิงหลายมนั สคิ ำ่� เมานำ� พั่วหมากหวา้ มันสซิ ้าค่�ำทาง
(อยา่ มวั พากนั ทอ่ งเทยี่ วชมโนน่ ชมน่ี นานนกั มนั จะมดื คำ่� มวั เมากบั พวงลกู หวา้

มันจะชา้ คำ่� ทาง เดินทางไม่ถงึ จุดหมาย ความหมายเหมือนผญาบทก่อน)

 ลงิ กับลิงซิงกันข้ึนตน้ ไม้ บดั สิไดแ้ ม่นบกั โกกนาโถ
(ลงิ กบั ลงิ ชงิ กนั ขนึ้ ตน้ ไม้ ผขู้ นึ้ ตน้ ไมไ้ ดค้ อื ตวั อนื่ หรอื เหมอื นตาอนิ กบั ตานา มวั แต่

แก่งแย่งผลประโยชน์ชิงดีชิงเด่นกัน ไม่ยอมลงกัน ส่วนตาอยู่ผู้ไม่ได้ลงแรง
อะไรเลย กลบั ไดผ้ ลประโยชน์น้นั ไป)

 นักปราชญฮ์ หู้ ลง หงส์ทองถืกบ้วง ควายบักตู้ต่นื ไถ
(นกั ปราชญร์ หู้ ลง หงสท์ องตดิ บว่ ง ควายถกึ ตน่ื ไถ หมายความวา่ อยา่ หลงกำ� พดื

ของตนเอง)

217

 พทุ โธ พุทโธ หัวใจโตกะรกั ษาบไ่ ด้
(พทุ โธๆ หวั ใจตวั เองกร็ กั ษาไมไ่ ด้ ความหมายคอื ปฏบิ ตั ไิ มเ่ อาจรงิ เอาจงั เหยาะๆ

แหยะๆ ยอ่ มไม่เกิดผล)

 ศลี มมี ากมายหลายขอ้ บต่ อ้ งรกั ษาเหมดิ (หมด) ทกุ ขอ้ ดอก รกั ษาแคใ่ จเจา้ ของ
อย่างเดียวใหด้ ที ่อ (เท่า) นนั้ กาย วาจา ใจ กไ็ ด้นำ� (ดว้ ย) กันน่ันแหละ

 ถา้ อยากสิบไ่ ด้ ถา้ อยากไดใ้ ห้เซาอยาก
(ถ้าอยากจะไมไ่ ด้ ถ้าอยากได้ให้หยดุ อยาก)

 ภาวนาให้มันแจง้ น่งั ใหม้ ันแจ้ง อยา่ นอนจนแจง้ (สว่าง)

 ไผสชิ ม ไผสิติ อยา่ หลงนำ� คำ� เวา้ ของเขา
(ใครจะชม ใครจะติ อยา่ ไปหลงกบั ค�ำพูดของเขา)

 เป็นนกั ภาวนา อย่าไปหลงนมิ ิต อย่าติดความฝัน

 ดอกไมห้ อมทวนลมบ่ได้ ศีล สมาธิ มีอานภุ าพหอมทวนลมเดอ้

 เว้าหลาย นอนหลาย ฮกั ษาจิตยาก
(พดู มาก นอนมาก รกั ษาจิตยาก)

 ฆ่าบห่ นี ตบี ่ไป กะแมน่ ลูกศษิ ยเ์ ฮา
(ลกู ศษิ ย์ของเราจริง แม้ดา่ ก็ไมโ่ กรธ แม้ไลก่ ไ็ ม่หน)ี

 หลวงปูถ่ าม ผตู้ อบ
เชอื่ คุณพระพทุ ธเจ้า จริงบ่ จริง
เช่อื คุณพระธรรม จริงบ่ จรงิ
เชอื่ คณุ พระสงฆ์ จริงบ ่ จริง
อย่าสิเอาพระรัตนตรัยไปกนิ เหล้า เดอ้
ให้ส�ำบายๆ เดอ้ ใหอ้ ยูด่ มี ีแฮง เดอ้

218

คนเราเกดิ มาแลว้ หนคี วามตายไปไมไ่ ด้ มีเกดิ มีดบั เกิดมาแลว้ ใหท้ ำ� ความดี
ใหเ้ พยี งพอ การใหท้ าน รกั ษาศลี นไ้ี มใ่ ชข่ องใครคนใดคนหนงึ่ คอื ถา้ ใครทำ� คนนน้ั
กไ็ ดร้ บั ผลดว้ ยกนั อยา่ เลอื กเวลา การทำ� ความดที ำ� ไดท้ กุ เวลา สถานที่ เพศ วยั ไมว่ า่ จะ
เปน็ คนแก่ คนหนมุ่ คนสาว ทำ� ไดห้ มด ใหร้ บี ทำ� ความดเี สยี เดย๋ี วจะตายกอ่ น ไมไ่ ด้
ทำ� นะ

รู้แล้วหลง หงส์ทองติดบ่วงบาศ ควายบักเฒ่าตื่นไถ ความหมายก็คือว่า
อยา่ พากนั หลงกำ� พดื ของตวั เอง อยา่ พากนั นอนมาก ใหพ้ ากนั นงั่ ยนื เดนิ และ นอน
ใหพ้ อเหมาะพอควรในสอี่ ริ ยิ าบถ โดยมสี ตริ ะลกึ รอู้ ยทู่ กุ อริ ยิ าบถ แลว้ ใหพ้ จิ ารณาตวั เอง
วา่ เราสวยงามหรอื ไมส่ วยงาม นง่ั ดวู า่ รา่ งกายของเราเปน็ ของไมส่ วยไมง่ าม กำ� หนดรู้
สุข ทกุ ข์ ท่เี กดิ ขน้ึ

วนั อาทติ ยท์ ี่ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๑๓ ขน้ึ ๑๕ คำ่� ณ ศาลาหลงั ไมเ้ กา่ มพี ระภกิ ษุ
จำ� นวน ๓ รปู นาคบวั หอม ๑ นาค และญาติโยมประมาณ ๑๐๐ คน มาน่ังรวมกนั
ซึ่งหลวงป่ไู ด้เทศนาธรรมโดยใจความวา่

ใหท้ กุ คนชว่ ยกนั เตรยี มตดั จวี ร สงั ฆาฏิ สบง และผา้ อาบนำ�้ ฝน ใหน้ ำ� เอากอ้ นหนิ
สแี ดงจากภผู าแดงมาทำ� เปน็ สยี อ้ มผา้ โดยฝนใสน่ ำ�้ แลว้ นำ� มายอ้ มผา้ ไตรจวี ร พรอ้ มทงั้
ผา้ อาบนำ้� ฝน เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ใหน้ ำ� ผา้ ดงั กลา่ วมาพนิ ทุ (ทำ� ใหเ้ ปน็ จดุ กลมเทา่ แววตานกยงู
ตามพระพทุ ธานญุ าต) และใหอ้ ธษิ ฐานตามชอ่ื ของผา้ นน้ั ๆ แลว้ จงึ นำ� ไปครองและนงุ่ หม่
จงึ จะถกู ตอ้ งตามพระวนิ ยั ไมเ่ ปน็ บาป ไมเ่ ปน็ กรรม ไมม่ โี ทษ และเมอื่ ใชแ้ ลว้ ใหร้ จู้ กั
รกั ษาให้ดี

สำ� หรบั นำ�้ ดมื่ นำ้� ฉนั กเ็ หมอื นกนั พระภกิ ษฉุ นั จะตอ้ งกรองเสยี กอ่ นจงึ จะฉนั ได้
และเวลาฉนั ให้น่งั ลงฉนั การทำ� กิจวัตรอ่นื ๆ ก็อย่าใหข้ าด ใหท้ ำ� อย่างตอ่ เนื่องจึงจะ
เกดิ ผล เชน่ ทำ� วตั รเชา้ ทำ� วตั รเยน็ สำ� หรบั วนั พระ สว่ นวนั ธรรมดาใหไ้ ปทำ� ทก่ี ฏุ ใิ คร
กุฏิเรา รวมท้งั ให้ปฏบิ ตั ธิ รรมโดยการน่ังสมาธิ เดนิ จงกรม ภาวนา อยา่ ใหข้ าด

219

การภาวนาให้ท�ำกนั จริงๆ ทำ� ใหเ้ ห็นตวั เจา้ ของสขุ หรอื มันทกุ ข์ เอากนั ใหเ้ หน็
ที่ตัวเจ้าของ สมกับที่เรามาปฏิบัติจริงๆ เหมือนเราที่ปฏิบัติจริงๆ จึงเห็นผลจริง
โดยใหเ้ อาขาขวาทบั ขาซา้ ย มอื ขวาทบั มอื ซา้ ย ตง้ั กายใหต้ รง ระลกึ คำ� วา่ พทุ โธ อยใู่ นใจ
เข้า “พทุ ” ออก “โธ” หรือจะหายใจเขา้ ยาว หายใจออกยาว อยา่ ปลอ่ ยสติให้ไปไหน
ควบคมุ จติ ใหอ้ ยกู่ บั ตนเอง เอาสตเิ ปน็ เชอื กดงึ จติ ใจไว้ อยา่ ใหอ้ อกจากรา่ งกาย รกั ษา
จิตใจ ให้จิตอย่กู บั ใจ อย่าให้มันไปเทยี่ วท่อี น่ื

แลว้ ใหต้ รวจดศู ลี ของเราวา่ ขอ้ ไหนขาด ทบทวนดวู า่ ขอ้ ไหนละเมดิ บา้ ง ทบทวน
ขน้ึ ลงอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั โดยไมเ่ ขา้ ขา้ งตวั เอง เอาใหเ้ หน็ ตวั ทกุ ขต์ วั สขุ เหน็ เกดิ เหน็ แก่
เหน็ เจบ็ เห็นตาย เปน็ ของธรรมดา ไมใ่ ชต่ วั เรา ไมใ่ ชต่ ัวเขา เป็นของสมมติทง้ั สนิ้
ผวั กสู มมติ เมยี กสู มมติ ลกู กสู มมตทิ ง้ั สน้ิ ขา้ วของเงนิ ทองกกู ส็ มมติ ไมม่ ใี ครเอาไปได้
ตายไปแลว้ กน็ ำ� ไปไมไ่ ดส้ กั คนเดยี ว อยา่ คดิ วา่ เรายงั ไมแ่ ก่ ยงั ไมเ่ จบ็ ยงั ไมต่ าย หรอื วา่
ยงั เปน็ หนมุ่ อยู่ ยงั แขง็ แรงอยู่ ความตายไมเ่ ลอื กวา่ ยงั หนมุ่ ยงั แก่ ยงั เดก็ ยงั ไมม่ โี รค
ไม่มีภัยมาเบียดเบียน ความตายไม่บอกกาลเวลา วันน้ันวันน้ีไม่บอกเราล่วงหน้า
ถงึ เวลาตายมนั กต็ าย ถงึ เวลาเจบ็ มนั กเ็ จบ็ ถงึ เวลาปว่ ยมนั กป็ ว่ ย นแ้ี หละ สงั ขารไมเ่ ทยี่ ง
ไม่มั่นคง จะเอาอะไรแนน่ อนกับสังขาร

การรกั ษาจติ อยา่ เผอเรอไมม่ สี ติ ใหม้ สี ตดิ จู ติ เราอยเู่ สมอ ถา้ มนั ออกไป ใหด้ วู า่
ออกไปทำ� ไม ออกไปท�ำอะไร ให้มสี ตเิ ปน็ เชือกดงึ ไว้ จะคดิ จะพูด จะทำ� จะเดนิ
จะนงั่ จะนอน จะลุก ตอ้ งใหม้ ีสตอิ ยูก่ บั ตวั เสมอ และการไปเทีย่ ววิเวกตามป่าภูเขา
อย่าไปองค์เดยี ว ใหไ้ ปเป็นหมู่คณะ ๒-๓ รูปข้นึ ไป

คนเราทกุ คนคอื เรอื นหลงั หนงึ่ คอื เรอื นของจติ มหี มมู่ พี วกหลายคน ใหพ้ จิ ารณา
ในขนั ธ์ คอื ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ คือสภาพท่ีตอ่ กันกับจติ และเจตสิก ทำ� ให้เกิดมี
๒ ลักษณะ คือ

ขนั ธ์ ๕ ไดแ้ ก่ รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ๑ อายตนะภายใน ไดแ้ ก่
ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ และอายตนะภายนอก ไดแ้ ก่ รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ
ธรรมารมณ์ ๑

220

ขนั ธ์ ๕ นี้ เปน็ สภาพทที่ รงไวซ้ ง่ึ ความวา่ งเปลา่ และความสขุ ตามอรรถวเิ คราะหว์ า่
ยํ สขุ ํ ธาเรตตี ิ (ต)ํ ขนธฺ ํ ธรรมชาตใิ ดทรงไวซ้ งึ่ ความวา่ งเปลา่ ธรรมชาตนิ น้ั ชอ่ื วา่ ขนั ธ์
พระธรรมทงั้ ๓ ข้อนี้ เพยี งเขยี นเปน็ ภาพตา ภาพใจ เทา่ น้ัน และเขียนตัวหนงั สอื
ใหเ้ ปน็ ตัวบัญญตั ิ ถ้าต้องการรู้ธรรม ใหศ้ ึกษาธรรมในตวั เรา ใหเ้ หน็ ในตวั เราเวลาน้ี

221

ไหใหญล่ น้ ไหนอ้ ยบเ่ ตม็

สมยั แรกๆ ทส่ี รา้ งศาลาการเปรยี ญ วดั อดุ มคงคงครี เี ขต เสรจ็ ใหมๆ่ นนั้ ปกติ
หลวงปู่จะลงฉนั รวมกันทศ่ี าลาร่วมกับพระเณรเป็นประจ�ำเสมอมา ก็อยา่ งท่ีรูๆ้ กัน
ทวั่ ไปแลว้ วา่ องคห์ ลวงปทู่ า่ นจะไมค่ อ่ ยเทศนส์ งั่ สอน ทา่ นจะทำ� ใหด้ เู ปน็ ตวั อยา่ งเสยี
เปน็ สว่ นมาก เช่น อาหารคาวหวานทกุ อยา่ งทจี่ ะฉัน ทา่ นจะรวมลงในบาตรทง้ั หมด
ใชภ้ าชนะเดยี วคอื บาตรเทา่ นนั้ ทา่ นไมเ่ คยใสฝ่ าบาตร หรอื ใชถ้ ว้ ยชามใสอ่ าหารวางไว้
ต่อหน้าเลย ทา่ นจะท�ำให้ดเู ปน็ ตัวอยา่ งทงั้ หมด

อาหารหวานคาวทโี่ ยมนำ� มาถวาย กม็ ที ง้ั อาหารเจทงั้ ไมเ่ จ แจกเลอ่ื นไปตามลำ� ดบั
ตง้ั แตห่ ลวงปู่ พระเถระ ลงมาจนถงึ สามเณร แมช่ ี เนอื่ งจากอาหารมมี าก ใครไมร่ จู้ กั
ประมาณก็ตักจนล้นบาตร เม่ือล้นบาตรก็ล้นฝาบาตร เพราะพระเณรเถรชีมีมาก
อาหารถงึ จะมมี ากมายเหลอื เฟอื ถา้ หวั แถวไมร่ จู้ กั ประมาณ กย็ อ่ มแจกไมถ่ งึ องคท์ า้ ยๆ
หลวงปู่เห็นดังนี้จึงได้พูดเสมอๆ ว่า “น่ีล่ะ ไหใหญ่ล้น ไหน้อยบ่เต็ม” (นี่แหละ
ไหใหญ่ลน้ ไหน้อยไม่เต็ม)

เพราะเหตุน้ีเอง จึงเห็นหลวงปู่เดินตรวจตราดูบาตรของพระเณรเป็นบางคร้ัง
บางคราว ดงั มเี รอื่ งขำ� ๆ เกดิ ขน้ึ ในวนั หนง่ึ มพี ระองคห์ นงึ่ ทา่ นไมค่ อ่ ยรจู้ กั ประมาณเทา่ ไร
ดว้ ยความโลภในอาหาร ตกั ใสบ่ าตรตวั เองแลว้ ยงั ไมแ่ ลว้ ยงั ใสฝ่ าบาตรแอบซอ่ นไวอ้ กี
เพราะกลวั หลวงปู่จะเห็น เมอื่ ฉนั อาหารในบาตรแลว้ กะจะฉนั อาหารในฝาบาตรต่อ
หันมาหาฝาบาตร หันซา้ ยหนั ขวา หันหนา้ หนั หลงั ก็หาไม่เห็น

222

ขณะพระเณรแมช่ เี ตม็ ศาลากำ� ลงั ฉนั กนั อยเู่ งยี บๆ นนั่ เอง กม็ เี สยี งถามขนึ้ ดงั ๆ วา่
“ฝาบาตรผมไปไหนๆ ใครเอาฝาบาตรผมไปหอื เอามาคนื ผมนะ”

หลวงปจู่ งึ พดู วา่ “หอื ฝาบาตรเจา้ ของกะรกั ษาบก่ มุ้ ” (หอื ฝาบาตรตวั เองกร็ กั ษา
ไมไ่ ด)้ เพื่อนที่ซ่อนฝาบาตรของพระองคน์ ้นั ก็แค่หยอกเยา้ กนั เลน่ เฉยๆ เทา่ นั้นเอง
ไม่มีอะไรมากกวา่ นัน้ แต่ก็ไม่ควรท�ำ

223

จับผิดหลวงปู่

ทา่ นอาจารยส์ รุ ศกั ดิ์ พนธฺ มตุ โฺ ต (จอื่ ) ไดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ ตอนนน้ั ทา่ นอาจารยพ์ กั อยู่
กฏุ คิ ำ� นอ้ ย วนั หนง่ึ ไดเ้ ดนิ ไปทกี่ ฏุ หิ ลวงปู่ ขณะนน้ั หลวงปยู่ งั อยภู่ ายในหอ้ ง ทา่ นอาจารย์
ไดเ้ ดนิ สำ� รวจดทู างจงกรมของหลวงปู่ เดนิ ดไู ปๆ มาๆ พลางกค็ ดิ วา่ “ไดย้ นิ วา่ หลวงปู่
เปน็ พระอรหนั ต์ ท่านจะไม่เดินเหยยี บมดตายบ้างหรอื ”

ขณะกำ� ลงั คดิ อยนู่ นั้ หลวงปกู่ เ็ ดนิ ออกจากหอ้ งมาแลว้ ทกั ขนึ้ วา่ “เราแกแ่ ลว้ ตาไมด่ ี
มันก็อาจจะเหยียบมดตายบ้างเป็นธรรมดา จะมาจับผิดจับถูกพระผู้เฒ่ายังไงกันน่ี
ต่อไปอย่ามาจบั ผิดเราอกี นะ”

ทา่ นอาจารย์ได้ฟงั ดังน้ันก็ตกใจมาก ตอบรบั ปากหลวงปวู่ า่ “ครบั ผมๆ” ลงใจ
ในหลวงปทู่ นั ที ต้ังแต่น้ันมาทา่ นไมเ่ คยจ้องจับผิดหลวงปอู่ กี เลย

224

ถกู นายพรานยิง

หลวงปไู่ ปปกั กลด ณ ปา่ ชา้ แห่งหนง่ึ ตกกลางคืนได้จดุ ไฟโคมห้อยไว้ที่กง่ิ ไม้
ใกลก้ บั กลด นายพรานมาหาลา่ สตั ว์ เทย่ี วสอ่ งสตั วต์ อนกลางคนื มองเหน็ กลดแตไ่ กล
เลือนรางคล้ายสัตว์ป่า เพราะโคมไฟส่องจากหลังกลดสีออกแดงๆ เหมือนตาสัตว์
จงึ ใชป้ นื ยงิ ไป ๓-๔ นดั ปรากฏวา่ ยงิ ยงั ไงกย็ งิ ไมอ่ อก นกึ แปลกใจมาก คอ่ ยๆ แอบ
ย่องเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ต้องตกใจมาก เพราะภาพท่ีเห็นกลายเป็นกลดพระธุดงค์
ปักน่ิงอยู่ เกอื บท�ำกรรมหนกั ซะแลว้ ไมแ่ น่ใจวา่ จะมีพระอยู่หรือไม่

หลวงปซู่ งึ่ นั่งสงั เกตอยูใ่ นกลดอยู่แลว้ จึงเลิกมุ้งโผลศ่ ีรษะออกมาดู ถามไปว่า

หลวงป่ผู าง “หัวหยงั น่ัน” (หัวอะไร นนั่ )
นายพราน “หัวคนครับ”
หลวงปู่ผาง “คนเป็นหยังจังบ่มีตา” (คนท�ำไมจงึ ไมม่ ีตา)
นายพราน “.................”

นายพรานทราบวา่ เปน็ พระ จงึ ไดร้ บี กม้ กราบขอขมาขอโทษขอโพยเปน็ การใหญ่
ทไ่ี ด้ล่วงเกนิ ทา่ น แลว้ รีบลกุ เดนิ หนีเข้าปา่ ไปพร้อมกบั ความมืด

225

หลวงปู่กับจระเข้

ในวดั อดุ มคงคาครี เี ขต มสี ระนำ้� สระหนงึ่ เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของจระเข้ ทราบวา่ มอี ยู่
หลายตวั บางคราวนำ้� ปา่ หลากมามากทำ� ใหจ้ ระเขห้ นไี ปอยทู่ อ่ี นื่ หลวงปตู่ อ้ งตามไปบอก
ให้กลบั มาเฝ้าวดั ท่สี ระแห่งเดมิ และจระเขก้ ็กลบั จริงๆ ดว้ ย

เลา่ กนั วา่ วนั หลวงปมู่ รณภาพ จระเขล้ อยไปทางดา้ นเหนอื บงึ รอ้ งเสยี งดงั อยเู่ ปน็
เวลานาน คลา้ ยเปน็ ลางสังหรณใ์ หร้ วู้ า่ หลวงปจู่ ะจากพวกเราไปแลว้ และเปน็ การรอ้ ง
แสดงถึงความอาลยั อาวรณข์ องสัตว์

คราวหน่งึ มีการสรา้ งกุฏใิ นสระดงั กล่าว (สระจระเข)้ พวกช่างไมก่ ล้าลงปกั เสา
ในนำ้� เพราะกลวั จระเขง้ บั กลวั มนั จะฮบุ เอาไปเปน็ เหยอ่ื หลวงปตู่ อ้ งลงไปยนื แชใ่ นนำ�้
คอยป้องกนั ไม่ให้จระเขม้ ารบกวนพวกช่าง และไดม้ ผี ้กู ราบเรยี นถามทา่ นวา่

ผู้ถาม “หลวงปลู่ งไปแชใ่ นนำ้� อย่างนัน้ ไมก่ ลัวจระเขด้ อกหรอื ”
หลวงปู่ผาง “ย้านมันเฮ็ดหยัง เลี้ยงมันมาตั้งแต่น้อยพุ้นต๊ัว” (กลัวมันท�ำไม
เลี้ยงมนั มาตง้ั แต่เล็กโนน่ นะ)

226

ถูกลองดี

มหานอ้ ย เปน็ ชาวอำ� เภอบา้ นไผ่ เคยบวชจนไดเ้ ปรยี ญ ภายหลงั ลาสกิ ขาออกมา
เปน็ ฆราวาสประกอบสมั มาอาชพี มนี สิ ยั ถามปรศิ นาปญั หาธรรมและความรเู้ ลก็ ๆ นอ้ ยๆ
กบั พระสงฆอ์ ยเู่ ปน็ ประจำ� วนั หนงึ่ ไดเ้ ขา้ มากราบนมสั การหลวงปผู่ างทวี่ ดั อดุ มคงคา-
คีรเี ขต โดยใจความว่า

มหานอ้ ย “เขาวา่ พระกรรมฐานถอื ธดุ งควตั รอยา่ งหลวงปู่ ไมร่ บั เงนิ รบั ทอง
และใชจ้ า่ ยรปู ยิ ะ วตั ถุอนามาสดว้ ยมือตนเองใช่ไหมครับ”

หลวงปู่ผาง “ถามเฮ็ดหยงั ” (ถามท�ำไม)
มหานอ้ ย “ก็อยากรู้สิหลวงปถู่ ึงถาม”
หลวงปผู่ าง “แมน่ อหี ลนี ่นั แหลว่ ” (ใชจ่ ริงๆ นัน้ แหละ)
มหาน้อย “น่ันก็แสดงว่าหลวงปู่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หมดความ
อยากแลว้ ใช่ไหม”

หลวงปู่ผาง “เย้า สไิ ปเวา้ หยังปานนน้ั เฒา่ นี่ เป็นอรหนั ต์ทอ่ นน่ั ตจ้ี งั บจ่ ับเงนิ
บจ่ บั ทอง พระคนธรรมดาบจ่ บั บไ่ ดต้ ”้ี (เอา้ จะพดู อะไรถงึ ปานนนั้ โยมน่ี เปน็ พระอรหนั ต์
เท่าน้นั หรอื ถงึ ไม่จบั เงนิ จับทอง พระธรรมดาไม่จบั ไม่ไดห้ รอื )

มหานอ้ ย “ผมถามหลวงปู่เพื่อต้องการทราบว่าท่ีหลวงปู่ไม่รับเงินรับทอง
ของอนามาสน่นั นะ่ เพราะว่าหมดความอยากแล้วใชไ่ หม ผมถามอยา่ งน้”ี

หลวงปู่ผาง “เพราะบร่ บั ซอื่ ๆ นลี่ ะ่ มนั สเิ พราะหยงั ” (เพราะไมร่ บั เฉยๆ นแ่ี หละ
มันจะเพราะอะไร)

มหานอ้ ย “.......”

227

วนั ฟู วันจม

เรอ่ื งการถอื ฤกษน์ บั วา่ เปน็ เรอื่ งสำ� คญั ในปจั จบุ นั นี้ จะเดนิ ทางไปประกอบธรุ กจิ
ขึ้นบ้านใหม่ และประกอบการงานมงคลอะไรหลายๆ อยา่ ง ตอ้ งมฤี กษ์ หากวนั ไหน
ตรงกับวันอบุ าทว์ โลกาวนิ าศ วันลอย วนั จม แล้วต้องงด ควรเป็นวนั ธงชยั อธบิ ดี
และวนั ฟู จงึ จะเปน็ มงคล

คุณนายท่านหน่ึงมากราบนมัสการหลวงปู่ ปรารภถึงวันเปิดร้านเพื่อประกอบ
ธรุ กิจการค้า ไดเ้ รียนถามถึงฤกษง์ ามยามดวี า่

คุณนาย “หลวงปเู่ จ้าคะ่ ดิฉันจะเปิดรา้ นเพอื่ ทำ� ธรุ กิจการค้า วันไหนจะดี
จะเป็นมงคลเจา้ ค่ะ”

หลวงปู่ผาง “ดีสู่ม่ือละ ม่ืออื่นแฮงดีหลาย” (ดีทุกวันแหละ วันพรุ่งนี้ย่ิง
ดมี าก)

คุณนาย “แตเ่ ห็นเขาบอกว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันโลกาวนิ าศ ไม่ดแี นเ่ จา้ คะ่ ”
หลวงปู่ผาง “โอย๊ เกดิ มากะหวั สไิ ดย้ นิ นลี่ ะ่ เคยไดย้ นิ แตว่ นั อาทติ ย์ วนั จนั ทร์
นแี่ มน่ วนั อหี ยงั บนุ๊ ”่ี (โอ้ เกดิ มากเ็ พง่ิ จะไดย้ นิ นแี่ หละ เคยไดย้ นิ แตว่ นั อาทติ ย์ วนั จนั ทร์
นี่วันอะไรกไ็ มร่ ู้)

228

คุณนาย “เขามมี านานแล้วค่ะหลวงปู่ วนั ธงชัย วนั อธบิ ดี วันฟู นถ่ี งึ เปน็
มงคลเจา้ ค่ะ”

หลวงปผู่ าง “แล้วมอื่ นีเ่ ปน็ วนั อีหยงั ละ่ ” (แล้ววนั นี้เปน็ วันอะไรละ่ )
คณุ นาย “วันนี้เป็นวันฟเู จ้าค่ะ แตด่ ิฉนั เปดิ ไมท่ ัน ร้านยงั ไมเ่ รยี บร้อย”
หลวงปูผ่ าง “นนั่ เอากอ้ นหนิ ถิ่มลงใสห่ ม่องลา้ งตีนเบ่งิ ด”ู (น่ัน เอาก้อนหิน
ท้งิ ลงในท่ลี ้างเท้าดูซิ)
คณุ นาย “ทำ� ไมล่ะหลวงป”ู่
หลวงปผู่ าง “ฮว่ ย บอกใหถ้ มิ่ กะถมิ่ เปน็ หยงั ละ่ ” (อา้ ว บอกใหท้ งิ้ กท็ ง้ิ เปน็ ไรละ่ )
คณุ นาย “ท้ิงก้อนหินลงไปในท่ีล้างเท้าตามค�ำสั่งของหลวงปู่ ปรากฏว่า
หินจมน�้ำลงถึงพ้นื โดยไว”
หลวงปู่ผาง “มนั ฟบู ล่ ่ะก้อนหิน” (มนั ฟไู หมล่ะกอ้ นหนิ )
คุณนาย “จมไปเลยเจ้าค่ะ”
หลวงปู่ผาง “คือว่าวันฟู มันเป็นหยังบ่ฟู นี่ล่ะมันฟูบ่จริง” (ท�ำไมว่ามันฟู
ทำ� ไมไมฟ่ ูละ่ นี่แหละมันฟูไมจ่ รงิ )
คุณนาย “.......”

229

เผาศาลเจ้า (ตบู ตาปู่)

สมัยก่อนช่วงที่หลวงปู่มาอยู่ภูผาแดงใหม่ๆ ชาวบ้านแถบนี้นับถือภูตผีมาก
ไดส้ รา้ งศาลเจ้า (ตบู ตาป)ู่ ไว้ใกลๆ้ กับนำ้� ดูนเพอ่ื กราบไหว้ เซ่นสรวงบชู า บนบาน
บอกกล่าว ขอความคมุ้ ครอง

หลวงปเู่ มอ่ื เขา้ มาอยแู่ ละสรา้ งวดั ดนู แลว้ ตอ้ งการใหช้ าวบา้ นเลกิ นบั ถอื ผี หนั มา
เลอื่ มใสและนบั ถือพระรัตนตรัยเปน็ ท่ีพึง่ ที่ระลกึ แทน จึงบอกว่า

หลวงปู่ผาง “เผาถม่ิ ซะตบู ตาปูน่ ่ัน บม่ ีประโยชนห์ ยงั ดอก” (เผาท้ิงซะเปน็ ไร
ศาลเจ้านั่น ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไรหรอก)

ชาวบา้ น “โอย๊ พวกขา้ นอ้ ยยา้ น บก่ ลา้ เผาหอเผาโฮงเพน่ิ ดอก” (โอย๊ พวกกระผม
กลวั ไมก่ ล้าเผาบา้ นเผาเรือนทา่ นหรอก)

หลวงปู่ผาง “หอโฮงผู้ได”๋ (บา้ นเรอื นของใคร)
ชาวบ้าน “เจา้ ปู่ ผู้เพ่นิ ฮกั ษานั่นแหล่ว” (เจ้าปู่ ผูร้ กั ษานัน่ แหละ)
หลวงปูผ่ าง “เผาโลด ถา้ เจ้าปู่ เจา้ ผี เจ้าของมจี รงิ กะให้เขามอดเขาดบั เอาเอง
เผาโลด” (เผาเลย ถา้ วญิ ญาณเจา้ ปู่ เจา้ ผี เจา้ ของมจี รงิ กใ็ หเ้ ขาดบั ไฟเอาเอง เผาเลย)
ชาวบ้านไม่มีใครกล้าคัดค้าน จึงท�ำการเผาศาลเจ้าปู่ (ตูบตาปู่) จนเกล้ียง
ไม่เหลอื หลอ แต่ไมป่ รากฏว่ามภี ตู ผตี นใดแสดงความกล้าหาญรบั อาสาเป็นพนักงาน
ดับเพลงิ ดับไฟซึ่งกำ� ลงั ลุกไหม้อยนู่ น่ั เลย

230

อดอาหารแผ่เมตตา อทุ ศิ ส่วนกศุ ล

ตามภูผาป่าเขาท่ีรกชฏั มักมีไฟปา่ เกดิ ลกุ ไหม้ทำ� ให้เสยี หายอย่เู สมอ บางคร้ังก็
เกดิ เองโดยธรรมชาติ แตบ่ างครงั้ เกดิ เพราะความประมาทมกั งา่ ยเหน็ แกต่ วั ของคนเรา
นี้เอง

วดั อดุ มคงคาครี เี ขตกป็ ระสบปญั หาดงั กลา่ วนเ้ี กอื บทกุ ปี มอี ยคู่ ราวหนงึ่ ไฟลกุ ไหม้
เขา้ ใกลเ้ ขตวดั ลมชว่ ยกระพอื พดั ไหมล้ กุ ลามไปอยา่ งรวดเรว็ บรรดาสตั วป์ า่ นานาชนดิ
เข้ามาอาศัยอยู่ในเขตวัด ส่วนพวกที่หนีไฟไม่ทันเพราะหมดก�ำลังและยังอ่อนก็ถูก
ไฟไหม้ตายเป็นกองอย่างน่าเวทนายิง่ นกั

หลวงปเู่ หน็ เหตกุ ารณโ์ ดยตลอด ดว้ ยพลงั แหง่ เมตตาธรรมทม่ี อี ยใู่ นใจเปน็ เหตุ
ให้หลวงปตู่ อ้ งอดอาหาร ไม่ยอมฉันอะไรเลยเปน็ เวลาหลายวนั เขา้ น่ังสมาธนิ ิ่งแนว่
ไม่ไหวติง จนลกู ศิษยห์ ลายคนเกิดความสงสยั จงึ กราบเรยี นถามวา่

ลูกศษิ ย ์ “หลวงปคู่ รบั หลวงปไู่ มฉ่ นั อาหารมาแลว้ หลายวนั ไมห่ วิ ไมเ่ ปน็ ทกุ ขบ์ า้ ง
หรือครับ”

หลวงปผู่ าง “บห่ วิ บท่ ุกข”์ (ไมห่ วิ ไม่ทุกข์)
ลูกศิษย์ “หลวงปทู่ �ำอยา่ งนเ้ี พอื่ อะไรครบั ”
หลวงปผู่ าง “เพ่ืออทุ ศิ สว่ นบุญส่วนกศุ ล และแผ่เมตตาให้แกน่ กหนูปปู กี และ
สตั ว์ทง้ั หลายทถี่ ูกไฟไหมเ้ ขาตาย”

231

ผมี จี ริงไหม?

คนสว่ นใหญช่ อบถามถึงวา่ ผมี จี รงิ ไหม มรี ปู ร่างหนา้ ตาเปน็ อยา่ งไร ตายแลว้
เกดิ หรอื ไม่ อะไรไปเกดิ และมีหลายๆ ค�ำถามเกีย่ วกบั เรอ่ื งนี้ แตท่ แี่ นๆ่ ก็คอื ไมเ่ คย
มใี ครเห็นผี แตก่ ลัวผีกนั เกือบทุกคน ได้มผี ู้สงสัยมากราบเรียนถามหลวงปู่ว่า

ผสู้ งสัย “หลวงปเู่ ช่อื วา่ ผมี จี รงิ ไหม”
หลวงป่ผู าง “เช่อื แตโ่ ดนแล้ว” (เชื่อมาต้ังนานแล้ว)
ผูส้ งสยั “หลวงปเู่ คยเหน็ ผบี า้ งไหม”
หลวงปผู่ าง “เคยเห็นอยูส่ ่มู ่ือ” (เคยเหน็ อยู่ทุกวัน)
ผู้สงสยั “หลวงปคู่ ิดกลวั ผบี ้างหรอื เปลา่ ”
หลวงปผู่ าง “ยา้ นอยู่ มันเว้ายาก ปากยาก สอนยาก ลนื่ ผีพวกนไ้ี ปบ่มี”
(กลวั อยู่ มันพูดยาก บอกยาก สอนยาก เกนิ ผีพวกนไ้ี ปไม่ม)ี
ผสู้ งสยั “ผมี รี ปู ร่างหนา้ ตาเปน็ อยา่ งไร ผพี ูดเป็นดว้ ยหรือหลวงป่”ู
หลวงปูผ่ าง “มนั ซางโงก่ ะด้อแท้ ผีนง่ั โคโ่ ม่เคเ่ มน่ เี่ ด้ โตมนั ผูถ้ ามกะหาก
แม่นผีคือกันน้นั ต๊ัว” (ท�ำไมช่างโง่แท้ กผ็ นี ั่งระเกะระกะอยูน่ ไี่ ง คนถามนน้ั กเ็ ปน็ ผี
เหมือนกนั แหละ)
ผสู้ งสัยมองหน้ากนั ทำ� ตาปรบิ ๆ กม้ กราบหลวงปู่แลว้ รีบลกุ เดินหนีไป

232

เตือนสติลกู ศษิ ยเ์ ร่ืองการค้าขาย

ในขณะที่หลวงปู่พักอยู่ในกรุงเทพฯ มีโยมสตรีซ่ึงเป็นลูกศิษย์ช่ือคุณไพจิตร
ตัณชวนิชย์ เมอื่ ถวายสักการะหลวงป่แู ล้ว ไดก้ ราบเรยี นถามหลวงปูว่ ่า

คณุ ไพจติ ร “จะค้าขายอะไรดี เพราะเคยมีญาติและเพอ่ื นๆ บางคนแนะนำ� วา่
น่าจะเป็นตัวแทนจ�ำหน่าย เหลา้ เบยี ร์ ดบู า้ ง แตด่ ิฉันยังลงั เลใจ จึงอยากกราบเรยี น
ถามหลวงปู่ว่า ถ้าจะทำ� ตามทเี่ ขาแนะนำ� หลวงปู่คิดว่าจะดีไหม”

เมอื่ หลวงปไู่ ด้ยนิ คำ� ถามดงั นน้ั จงึ มองหน้าคุณไพจิตรและตอบไปวา่
หลวงปู ่ “อาชพี ที่ไมท่ �ำใหค้ นอนื่ ฉบิ หายไมม่ ีอกี แลว้ หรอื ”
คำ� พดู ของหลวงปทู่ ำ� ใหโ้ ยมไพจติ รไดส้ ตคิ ดิ ทบทวนและนำ� ไปปรกึ ษาคณุ พรเทพ
ซ่ึงเป็นสามี และได้เลิกล้มความคิดที่จะขายเหล้าเบียร์ หันไปด�ำเนินธุรกิจค้าขาย
อยา่ งอน่ื แทน โดยเปิดโรงงานผลติ นำ�้ แขง็ ตง้ั แต่บดั น้ันจนถึงปัจจบุ นั

233

มงคลคาถาหลวงปู่

คณุ บญุ นอ้ ม ศรเี รอื งกจิ ไดน้ ำ� คณะจากกรงุ เทพฯ มาทอดกฐนิ ถวายทวี่ ดั อดุ ม-
คงคาคีรีเขต เม่ือทอดถวายเสร็จแล้ว คุณบุญน้อมได้กราบนมัสการลาหลวงปู่และ
ไดก้ ราบเรยี นถามท่านวา่

โยมบญุ นอ้ ม “หลวงปเู่ จา้ คะ กอ่ นทพี่ วกดฉิ นั จะกราบลาหลวงปู่ พวกดฉิ นั อยากได้
คาถาท�ำมาคา้ ขาย ขอใหห้ ลวงปู่ช่วยเมตตาแนะนำ� ดว้ ยเจา้ คะ่ ”

หลวงปู่ “อยไู่ กลปานไดก๋ ะไดม้ าเหน็ กนั ไดม้ ากนิ มาทานนำ� กนั มาเฮด็ บญุ เฮด็ ทาน
แลว้ กะขอให้ ทรัพย์ยังมา หลายๆ เดอ้ จง่ั ซิได้มากินมาทานนำ� กนั อีก”

หลายคนในคณะของคณุ บญุ นอ้ มไดน้ ำ� คำ� วา่ “ทรพั ยย์ งั มา” ไปตง้ั ชอื่ บรษิ ทั จนมี
ความเจรญิ รุ่งเรอื ง และไดก้ ลบั มาท�ำบญุ กบั หลวงป่อู ีกตราบเทา่ ปัจจบุ ัน

234

พระธรรมวินัยเป็นสิง่ ส�ำคญั

หลวงปทู่ า่ นจดั เวลาตา่ งๆ ไดพ้ อเหมาะพอควรเสมอ คอื ทา่ นจะแบง่ เวลาออกเปน็
ชว่ งๆ ตามความเหมาะสม เช่น เวลาตอ้ นรับปฏสิ นั ถารฆราวาสญาตโิ ยม ทา่ นก็จัด
ไวเ้ วลาหนงึ่ เวลาแสดงธรรมตอบปญั หาพระภกิ ษสุ ามเณร ทา่ นกจ็ ดั ไวเ้ วลาหนงึ่ เวลา
สว่ นตัวของทา่ นก็จะอยู่กบั การเดนิ จงกรม น่ังสมาธิ พิจารณาธรรม เปน็ ส่วนใหญ่
ดังทที่ ่านพดู ไวว้ า่

“ให้พดู น้อย แตป่ ฏบิ ัตใิ หม้ าก”
หลวงปทู่ ่านใหค้ วามเคารพพระธรรมวนิ ัยมาก ไมว่ า่ จะเป็นสกิ ขาบทน้อยใหญ่
ท่านจะไม่ยอมก้าวล่วงหรือล่วงละเมิด ท่านพูดเตือนสติลูกศิษย์ท่ีเป็นพระสงฆ์
สามเณรเสมอวา่
“เป็นพระภิกษุสามเณร หากไม่เคารพพระธรรมวินัยก็เท่ากับหมดความเป็น
พระภิกษุสามเณรไปโดยปริยาย พระธรรมวินัยเท่าน้ันคือเครื่องรองรับความเป็น
พระภิกษุสามเณรอยา่ งแทจ้ รงิ ”
บางคราวมีพระภิกษุสามเณรมากราบและขอพักอยู่กับท่านโดยไม่ได้น�ำบาตร
มาด้วย ทา่ นบอกวา่

235

“เหมอื นลมื ครบู าอาจารยห์ มด เราเปน็ พระตอ้ งรวู้ า่ เราควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ทา่ นบอก
วา่ ถา้ ทำ� อยา่ งนไ้ี มใ่ ชล่ กู ศษิ ยเ์ รา เพราะเราถอื ขอ้ ปฏบิ ตั บิ ณิ ฑบาตเปน็ วตั ร ฉนั ขา้ วเฉพาะ
ท่ไี ดร้ บั บณิ ฑบาตเปน็ วตั ร”

การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจึงเป็นส่ิงส�ำคัญที่หลวงปู่ท่านเน้นมาตลอด
ท่านบอกว่าสมยั บวชครั้งก่อนๆ ทา่ นได้ศึกษาในคัมภีร์มลู กัจจายนแ์ ละพระไตรปฎิ ก
ไดเ้ ขา้ ใจในหลกั ธรรมมามาก และในการบวชครงั้ ญตั ตเิ ปน็ ธรรมยตุ นี้ ทา่ นจงึ มงุ่ เนน้
ที่การปฏิบตั ิอย่างเดียว ท่านบอกว่า

“เรยี นมนั หลง” ท่านจึงเอาแตจ่ ติ กบั ใจอยา่ งเดยี ว ส่วนการท่องจำ� บทสวดมนต์
ตา่ งๆ เชน่ ปาฏโิ มกข์ ท่านทอ่ งจ�ำได้ต้งั แตเ่ ปน็ ฆราวาส

ความเมตตาของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร จะเป็นธรรมยุตหรือ
มหานกิ าย หรอื ฆราวาส กเ็ ปน็ ไปเสมอตน้ เสมอปลายดง่ั เดยี วกนั ทา่ นไมใ่ ครใ่ หล้ กู ศษิ ย์
รปู ใดรปู หนง่ึ หรอื คนใดคนหนง่ึ สนทิ สนมกบั ทา่ นเปน็ การเฉพาะ และหากใครมปี ญั หา
ในเรอื่ งธรรมะ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื การปฏบิ ตั ธิ รรม ประสบการณใ์ นธรรม ทา่ นจะ
เปดิ โอกาสใหไ้ ดพ้ บเปน็ การสว่ นตวั ไดต้ ลอด ถงึ แมน้ วา่ ทา่ นจะมภี าระใดๆ กต็ าม ซงึ่ เปน็
เครอ่ื งช้ีไดว้ ่าทา่ นคำ� นึงถึงธรรมการปฏิบตั ิธรรมเป็นหลักสำ� คญั

236

“...คนเราเกิดมาแล้วหนีความตายไปไม่ได้ มีเกิด มีดับ
เกดิ มาแลว้ ใหท้ ำ� ความดใี หเ้ พยี งพอ การใหท้ าน รกั ษาศลี นไ้ี มใ่ ช่
ของใครคนใดคนหน่ึง คือถ้าใครท�ำ คนนั้นก็ได้รับผลด้วยกัน
อยา่ เลอื กเวลา การทำ� ความดที ำ� ไดท้ กุ เวลา สถานที่ เพศ วยั ไมว่ า่
จะเป็นคนแก่ คนหนุ่ม คนสาว ทำ� ไดห้ มด ใหร้ ีบทำ� ความดเี สีย
เด๋ยี วจะตายก่อน ไม่ได้ทำ� นะ...”

หลวงปูผ่ าง จิตตฺ คตุ โฺ ต

237



ครบู าอาจารยห์ ลายๆ องค์
ได้กล่าวถึงหลวงปผู่ างไว้ดังน้ี

239

หลวงปคู่ �ำดี ปภาโส

หลวงปู่ค�ำดี ปภาโส วัดถ้�ำผาปู่ อ�ำเภอเมือง จังหวัดเลย ซ่ึงเป็นพระสงฆ์
ผ้ปู ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ัติชอบองค์หนึง่ ได้กล่าวยกย่องปฏปิ ทาหลวงปูผ่ างไว้ว่า

“หลวงพ่อผางท่านเป็นพระท่ีปฏิบัติจริงจังมาก ปฏิบัติแบบสละชีวิตได้เลย
ในคราวท่ีท่านไปบ�ำเพ็ญเพยี รที่ถำ้� นำ้� หนาวจนไดพ้ บวโิ มกขธรรม ภายในพรรษาท่าน
เดนิ จงกรม นงั่ สมาธิ อยา่ งเดด็ เดยี่ วและองอาจ ปฏบิ ตั ธิ รรมชนดิ เอาเปน็ เอาตาย ไมท่ า่ น
กก็ เิ ลสตอ้ งใหต้ ายไปขา้ งหนง่ึ ทา่ นตงั้ สจั จะคอื ความจรงิ ใจอยา่ งมน่ั คงในการตอ่ สกู้ บั
พญามาร ๓ คอื พญามารคอื ความโลภ พญามารคอื ความโกรธ และพญามารคือ
ความหลง ทา่ นเอาชนะอยา่ งราบคาบทงั้ มารนอ้ ยและมารใหญ่ เพราะทา่ นมสี จั จะ คอื
ความตง้ั ใจอยา่ งแนว่ แนเ่ ปน็ อาวธุ ทา่ นทำ� จรงิ ของทา่ น ใจของทา่ นจงึ สวา่ งทง้ั กลางวนั
และกลางคนื พระภกิ ษสุ ามเณรรูปใดอยากมใี จสวา่ งมีใจใสไม่มดื บอดมดื มวั ให้ดู
หลวงพอ่ ผางเปน็ แบบอยา่ งนะ”

240

หลวงตาพระมหาบัว าณสมปฺ นฺโน

หลวงตามหาบวั าณสมปฺ นโฺ น แหง่ วดั ปา่ บา้ นตาด อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั อดุ รธานี
ได้เล่าถึงหลวงปผู่ างไวว้ า่

“เวลาผเู้ ฒา่ ไปกราบเยย่ี มหลวงป่มู ัน่ ไปฟังโอวาทอยทู่ ีบ่ า้ นนามน ต.ตองโขบ
อ.โคกศรสี พุ รรณ จ.สกลนคร เรากอ็ ยทู่ น่ี น่ั แหละ นนั่ แหละ ผเู้ ฒา่ ไดส้ ตสิ ตงั มาจากโนน้
พอทา่ นเทศนใ์ หฟ้ งั ถงึ ใจแลว้ กม็ าทำ� แตด่ เู หมอื นออ่ นพรรษากวา่ เรานะ ออ่ นพรรษากวา่
เราประมาณ ๓-๔ ปี เพราะผเู้ ฒา่ มคี รอบครวั แลว้ ถงึ มาบวชทหี ลงั นกี่ เ็ กง่ ทางดา้ นพวก
พญานาค พวกผี

หลวงพอ่ ผางนเ่ี ดนิ จงกรมอยู่ ไมใ่ ชก่ ลางคนื เปน็ กลางวนั นะ อยๆู่ หลวงตาองคห์ นง่ึ
กร็ อ้ งวา้ กๆ ขนึ้ หลวงพอ่ ผางไดย้ นิ เสยี งกเ็ ลยมา มาแลว้ ก็ “อะไร รอ้ งอะไร” “โอย๊ งใู หญ”่
วา่ งน้ั นะ ไมไ่ ดว้ า่ พญานาคนะ วา่ งูใหญ่ “ไหนล่ะ” “น่ันๆ อยทู่ างจงกรมน่ัน” วา่ ง้นั
“อยไู่ หนงูใหญ”่ คือตวั มนั เทา่ ตน้ เสาน้ี มนั ยกคอและอา้ ปาก (ทำ� ทา่ ทางจะกนิ พระ)
อยู่หัวทางจงกรม

อยา่ งนนั้ แหละ เวลาจะแสดงเหน็ ไหมละ่ มองไปมนั กเ็ หน็ จรงิ ๆ ตวั เทา่ ตน้ เสาน้ี
“ไหนละ่ ” พอวา่ งน้ั หลวงพอ่ ผางกเ็ ดนิ เขา้ ไปเลย “เอา้ จะกนิ กก็ นิ ซ”ิ เดนิ เขา้ ไปหาเลยนะ
เดินเขา้ ไปพอจวนจะถึงตวั แล้ว มันดบั วูบหายเงยี บเลย น่ันเหน็ ไหมล่ะ ไม่ทราบวา่
หายไปไหน หายเงียบไมเ่ หน็ ตัวเลย

241


Click to View FlipBook Version