The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-22 20:11:13

หลวงปู่ตื้อ อจโล หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต

หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ผาง

บิณฑบาตอง่ึ อ่าง

หลังจากกลับจากธุดงค์ เม่ือครั้งที่ท�ำให้ท่านสลดสังเวชจนท�ำให้ท่านเลิกและ
งดเวน้ การฉนั เนอื้ สตั วแ์ ลว้ กก็ ลบั มาพกั ทว่ี ดั ดนู อกี ครงั้ ตอนนนั้ หลวงปไู่ ดใ้ หป้ ญั ญา
ธรรมกับชาวบ้านเพื่อไม่ให้สร้างกรรมท่ีจะน�ำไปสู่การใช้หน้ีกรรมด้วยชีวิตซึ่งกัน
และกนั

พอเข้าไปในบริเวณหมู่บ้านโสกใหญ่ ก็ได้ยินเสียงอึ่งอ่างร้องออกมาเกือบทุก
หลังคาเรือน คอื ตอนกลางคืนชาวบ้านออกไปไต้ (สอ่ งจับ) อ่ึงอ่าง และขงั ไวเ้ พอ่ื ทำ�
เป็นอาหาร ท่านจึงเกิดเมตตาในสัตว์ พอบิณฑบาตไปได้ระยะหน่ึง ผู้ใหญ่บ้านก็
ออกมาใส่บาตรพอดี องค์หลวงปู่ก็เลยขอบิณฑบาตอ่ึงอ่างทั้งหมดที่จับมาขังไว้ใน
หมู่บ้านจากผใู้ หญบ่ ้าน ให้บอกลกู บ้านทั้งหมดนำ� องึ่ อ่างไปปล่อยทว่ี ดั เสยี จนท�ำให้
ขดั ลาภปากของชาวบา้ นบางคน แตช่ าวบา้ นทกุ คนกป็ ลอ่ ยตามทอี่ งคห์ ลวงปขู่ อ เพราะ
เคารพศรทั ธาและเชอ่ื ฟงั ท่าน

142

ช้างปา่ มานมิ นต์

เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ทว่ี ดั อดุ มคงคาครี เี ขต วนั หนง่ึ ขณะทหี่ ลวงปนู่ ง่ั สมาธภิ าวนา
อยตู่ ามปกตนิ น้ั ทา่ นไดน้ มิ ติ วา่ มชี า้ งพงั เชอื กหนง่ึ เดนิ เขา้ มา ลกั ษณะของชา้ งเชอื กนน้ั
เมอ่ื เขา้ มาใกลก้ ห็ มอบคลานเขา้ มาหาดว้ ยความเคารพศรทั ธาทา่ นอยา่ งมาก ในนมิ ติ นนั้
ชา้ งไดน้ มิ นตใ์ หท้ า่ นไปโปรดพวกเขาบา้ งที่ “ถำ้� นำ้� หนาว” ในเขตจงั หวดั เพชรบรู ณ์ และ
ชา้ งพงั เชอื กนนั้ หลงั จากนมิ นตท์ า่ นแลว้ กไ็ ดเ้ ดนิ นำ� หนา้ ทา่ นไปเรอื่ ยๆ ตลอดทางทมี่ นั
เดนิ นำ� หนา้ ไป ปรากฏวา่ ตน้ ไมน้ อ้ ยใหญล่ ม้ เปน็ ทางระเนระนาดไปเลย กระทง่ั ถงึ หนา้ ถำ้�
ช้างนนั้ จงึ ถอยหลงั และหมอบลงกลับร่างกลายเปน็ หนิ อย่ตู รงหนา้ ถ�้ำนั้นเอง เมื่อท่าน
ไดน้ ิมิตเชน่ นั้นจงึ ได้เลา่ ใหล้ ูกศษิ ยล์ กู หาฟงั

ตอ่ มาเมอ่ื ท่านมีโอกาสจงึ ได้เดนิ ธดุ งค์ไปทางจงั หวดั ชยั ภมู ิ ถงึ อำ� เภอคอนสาร
ชว่ งนนั้ ทา่ นมาพกั ภาวนาอยทู่ ภี่ สู งู ถำ�้ ขามสามตน้ ระยะหนงึ่ ตอ่ มาทา่ นไดล้ งมาพกั ที่
กระทอ่ มกลางนาของชาวบา้ นนำ้� อนุ่ ได้ ๖ วนั พอคนื วนั ท่ี ๗ ขณะนง่ั ภาวนาอยู่ ไดน้ มิ ติ วา่
มหี ินแมช่ า้ ง (กอ้ นหนิ ลกั ษณะเหมือนช้างทป่ี รากฏในนิมติ หลวงปเู่ รียกหินแม่ช้าง)
มานิมนต์ให้ไปจำ� พรรษาทถ่ี �้ำน�้ำหนาวอีก ทา่ นวา่ ถ้ำ� แหง่ นยี้ ังไม่เคยเหน็ มากอ่ นเลย

เช้ามาพอบิณฑบาตฉันเสร็จแล้ว ท่านจึงได้เดินทางมุ่งหน้าบุกป่าฝ่าดงไปตาม
ทางเกวยี นทช่ี าวบา้ นเขาเขา้ ไปทำ� ไรท่ ำ� นาบา้ ง ตามทางนายพรานเดนิ เขา้ ปา่ หาลา่ สตั วบ์ า้ ง
คำ�่ ไหนปกั กลดนอนนน่ั จนเดนิ เขา้ เขตบา้ นตาดฟา้ (เดมิ ขน้ึ กบั อ.ชมุ แพ ปจั จบุ นั ขน้ึ กบั
อ.ภผู าม่าน) ทา่ นเลือกถ้�ำแหง่ หนึ่งห่างจากหมบู่ ้านประมาณ ๒ ก.ม. พกั ภาวนาอยทู่ ่ี
ถำ�้ นีไ้ ด้ ๗ วนั ก็ไดร้ จู้ กั กับชาวบา้ นคนหน่ึงชื่อพุง่ โยมพ่งุ คนนี้ในอดีตแกเรยี นวชิ า

143

คาถาอาคมวิชาไสยศาสตร์มามาก แต่ไม่สามารถรักษาเคล็ดลับหรือกฎข้อห้ามของ
คาถาอาคมนนั้ ได้ แกจงึ กลายเปน็ ปอบ คอื จะมผี ปี อบสงิ อยใู่ นตวั แกอกี ทหี นงึ่ ไปเทยี่ ว
รักษากับหมอผีที่ไหนก็ไม่หายสักที ต่อมาได้พบหลวงปู่ ท่านได้เมตตารักษาให้จน
หายขาดจากการเปน็ ปอบ แกจงึ มคี วามเคารพศรัทธาหลวงปู่มาก ไดท้ ราบว่าหลวงปู่
จะไปตามหาถ�้ำน�ำ้ หนาว ตวั แกเองจงึ ขอตดิ ตามไปดว้ ย

ทา่ นพาโยมพงุ่ เดนิ มงุ่ หนา้ ลดั เลาะตดั ปา่ ไปตามทเ่ี หน็ ในนมิ ติ มแี ตด่ งหนาปา่ ทบึ
ผา่ นบา้ นดงสะครา่ น (ขนึ้ อำ� เภอภผู ามา่ น) ในบรเิ วณนเ้ี ปน็ ดงเสอื ดงชา้ งทง้ั นนั้ ไดอ้ าศยั
โยมพุ่งซ่ึงเป็นคนท้องถิ่นนั้นน�ำทางเลยท�ำให้การเดินทางสะดวกย่ิงข้ึน จนเข้าเขต
บ้านนาพอสอง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอ�ำเภอน�้ำหนาว) เดินมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันตก
ถึงบ้านผาลานอ้ ย ผ่านภูฟ้าจนเข้าเขตภูน�ำ้ รนิ (เทือกเขาท่ถี ้�ำนำ้� หนาวต้ังอยู)่ และพัก
บ้านโนนชาติ

เม่ือถึงบ้านโนนชาติ จึงได้หาที่ปักกลดตามป่าซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้าน ชาวบ้าน
แถบนน้ั ไมค่ อ่ ยคนุ้ เคยกบั พระเทา่ ใดนกั เพราะนานๆ ปจี ะมพี ระธดุ งคผ์ า่ นมา จงึ พากนั
หลบหนา้ ไมใ่ หเ้ หน็ พอทา่ นพกั อยไู่ ดส้ ามคนื กพ็ อคนุ้ เคยพดู กนั รเู้ รอื่ งบา้ ง ทา่ นจงึ ถาม
ถงึ ถ�ำ้ น้�ำหนาววา่ “มใี ครรู้จกั ถ้ำ� น้�ำหนาวหรือเปลา่ ”

ทา่ นถามทแี รกกไ็ มม่ ใี ครตอบเลย พอทา่ นถามบอ่ ยเขา้ ชาวบา้ นเขากโ็ กหกทา่ นวา่
“ไมร่ จู้ กั ไมม่ ใี ครรจู้ กั เลย” เขาเลยถามทา่ นวา่ “ถำ้� ทหี่ ลวงพอ่ พดู ถงึ นลี้ กั ษณะเปน็ อยา่ งไร”
ทา่ นเลยบอกเขาวา่ “มธี ารนำ�้ ไหลออกมาจากถำ�้ อยตู่ ลอดเวลา ขา้ งบนเปน็ ถำ้� พอพกั หลบ
แดดหลบฝนได้ และมหี นิ กอ้ นหนง่ึ อยู่หนา้ ถ�้ำลกั ษณะเหมือนชา้ ง”

พอทา่ นพูดจบ ชาวบา้ นกไ็ ดเ้ ลา่ เรอ่ื งราวให้ทา่ นฟงั “ถ�้ำท่หี ลวงพ่อเล่ามานมี้ ีอยู่
แตพ่ วกกระผมไมก่ ลา้ เอย่ ชอ่ื เพราะเกรงกลวั กนั มาก เคยมคี นพดู ถงึ ชอื่ ถำ้� นก้ี ลายเปน็
คนปากบดิ ปากเบ้ียวท้ังเจบ็ ไข้ได้ป่วยไปเลยกม็ ี ชาวบ้านจงึ เกรงกลวั กันมาก”

“ถา้ จงั ซนั่ พาญาพอ่ ไปเบงิ่ ด”ู้ (ถา้ อยา่ งนน้ั พาหลวงพอ่ ไปดหู นอ่ ย) ทา่ นไดข้ อรอ้ ง
ใหช้ าวบา้ นพาไปดูถำ้� แตก่ ไ็ ม่มใี ครกลา้ พาทา่ นไปเพราะเกรงกลวั กนั มาก

144

ชาวบา้ นเลา่ ใหท้ า่ นฟงั ตอ่ ไปวา่ พอถงึ ครบรอบปี ผเู้ ฒา่ สมนุ (หวั หนา้ ผพู้ าชาวบา้ น
ประกอบพธิ เี ซน่ ไหวบ้ วงสรวง) รวมทง้ั ชาวบา้ นไดน้ ำ� อาหารหวานคาว ทงั้ สง่ิ ของตา่ งๆ
ไปเซ่นไหว้บวงสรวงผีหน้าถ้�ำนี้เป็นประจ�ำทุกปี ท่ีชาวบ้านไม่อยากให้หลวงพ่อไป
เพราะกลวั ทา่ นจะไปเอาสมบตั แิ ละสง่ิ ของภายในถำ�้ ออกมา แลว้ ผที เี่ ฝา้ ถำ�้ อยจู่ ะออกมา
อาละวาดชาวบา้ น เพราะเคยมเี หตเุ กดิ ขนึ้ มาแลว้ หลายครง้ั ชาวบา้ นกลวั กนั จงึ ไมอ่ ยาก
ให้ท่านเขา้ ไป

ทา่ นจงึ พดู รบั รองกบั ชาวบา้ นวา่ “ถา้ ผอี ยทู่ ถี่ ำ�้ นำ�้ หนาวมากนิ หรอื มาทำ� ใหช้ าวบา้ น
เดอื ดรอ้ นถงึ ตาย ถา้ ตายหนง่ึ คน ญาพอ่ จะใชแ้ ทนถงึ สองคนเลย” (ญาพอ่ คอื สรรพนาม
แทนตวั หลวงปู่ ทา่ นมกั พดู คำ� นก้ี บั ญาตโิ ยม) ชาวบา้ นไดย้ นิ ทา่ นพดู รบั รองอยา่ งจรงิ จงั
เชน่ นน้ั จงึ ปรกึ ษาหารอื กนั ตอ่ มาจงึ ไดพ้ าทา่ นไปดถู ำ้� ไดย้ นิ วา่ คนทเี่ ปน็ หวั หนา้ พาทา่ น
เขา้ ไปดถู ำ้� นำ�้ หนาวนน้ั ชอ่ื วา่ ใส เปน็ กำ� นนั ตำ� บลหลกั ดา่ น ทา่ นบอกใหช้ าวบา้ นเตรยี ม
มีดพร้าจอบเสยี มไปดว้ ย

จากหมบู่ า้ นโนนชาติ เดนิ ลดั เลาะไปหาถำ�้ นำ้� หนาวประมาณสามกโิ ลเมตร (ทางที่
ทา่ นเดนิ ผา่ นตรงนี้ ปจั จบุ นั เปน็ บา้ นหว้ ยลาด) พอไปถงึ ทา่ นกส็ งั เกตดบู รเิ วณหนา้ ถำ�้ นน้ั
ไดม้ องเหน็ นำ้� ไหลออกมาจากถำ�้ อยา่ งไมข่ าดสาย เปน็ นำ�้ ใสสะอาด นา่ อาบดม่ื ใชส้ อย
อากาศก็เย็นสบาย ทา่ นเดินขึน้ ไปส�ำรวจตรวจตราดขู า้ งบน พอแหงนหนา้ ขน้ึ มองดู
ก็เหน็ หินกอ้ นใหญ่ก้อนหนึง่ รปู ร่างลักษณะเหมอื นช้างใหญ่ ท่านจงึ รู้ว่าเคยนิมิตเหน็
หนิ แมช่ า้ งกอ้ นนไ้ี ปนมิ นตใ์ หท้ า่ นมาโปรดเมตตาทนี่ ่ี ตอนกลบั ไดก้ ลง้ิ มาแลว้ มาหมอบ
อยู่หนา้ ถำ�้ นี้ ตรงตามทเี่ หน็ ในนมิ ิตทกุ อยา่ ง

ท่านกเ็ ดินชมดูบรเิ วณปากถ้�ำ แล้วข้ึนไปบนหนิ แมช่ า้ งนน้ั ทา่ นบอกใหช้ าวบา้ น
ท�ำความสะอาด เพราะมีแตเ่ ศษขยะ ใบตองแห้ง ส่งิ ของต่างๆ ทบั ถมกันอยบู่ ริเวณ
ปากถ้�ำนั้นที่ชาวบ้านได้พากันน�ำมาบวงสรวงเซ่นไหว้ผี ท่านสั่งให้ร้ือทิ้งทั้งหมดแล้ว
ทำ� ความสะอาดใหเ้ รยี บรอ้ ย พอท�ำความสะอาดเสรจ็ แลว้ ท่านกบ็ อกวา่ “ทำ� ดอี ยา่ งน้ี
แลว้ คนกอ็ ยไู่ ด้ ผกี อ็ ยไู่ ด”้ ชาวบา้ นไดย้ นิ เชน่ นน้ั กพ็ ากนั ตกอกตกใจ ยงิ่ กลวั กนั ใหญ่

145

เม่ือท�ำความสะอาดเสรจ็ ท่านก็บอกใหพ้ วกเขากลบั บ้าน และพดู ว่า “ถ้าบเ่ ห็น
ญาพอ่ ไปบณิ ฑบาตมอ่ื อนื่ เชา้ ก็แสดงว่าผีกินญาพ่อตายแล้วเดอ้ ” (ถา้ ไม่เหน็ เราไป
บิณฑบาตพรุ่งนี้เชา้ ก็แสดงว่าผีกินเราตายแล้วนะ)

ชาวบา้ นไดพ้ ดู กนั วา่ “หลวงพอ่ องคน์ แ้ี ปลกมาก ทำ� ไมถงึ กลา้ พดู เชน่ นน้ั ” ตา่ งคน
ต่างกลัวว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับท่าน แล้วพากันกลับบ้านไป ส่วนท่านก็เข้าท่ีพัก
ภาวนา เดนิ จงกรมบ้าง นงั่ สมาธิบา้ ง ปฏบิ ัตภิ าวนาตลอดท้งั คนื สถานท่ีแห่งนเ้ี หมาะ
แกก่ ารปฏบิ ตั ภิ าวนามาก อากาศกเ็ ยน็ สบายเงยี บสงบเหมาะแกผ่ ทู้ ม่ี งุ่ มน่ั บำ� เพญ็ ธรรม
เพ่ือให้ถึงซึง่ ความหลุดพน้ ยง่ิ นกั

เชา้ มาทา่ นกอ็ อกบณิ ฑบาต พอไปถงึ หมบู่ า้ นกเ็ หน็ ชาวบา้ นนง่ั คอยกนั เปน็ แถวๆ
พอเดนิ ไปถงึ คนแกค่ นหนงึ่ (ผเู้ ฒา่ สมนุ ) กเ็ อย่ ขนึ้ วา่ “หลวงพอ่ เมอื่ คนื นผี้ มฝนั ไปวา่
ผีที่ถ้�ำน�้ำหนาวมาบอกให้ผมและชาวบ้านไปท�ำความสะอาด บูรณะถ�้ำ ปฏิบัติรับใช้
หลวงพอ่ ใหด้ ี” ท่านไมพ่ ดู อะไร ก็คดิ ในใจวา่ ผีคงยอมเราแลว้ เม่ือท่านบณิ ฑบาต
กลับไป ชาวบ้านต่างคนต่างถือจอบเสียมและมีดพร้าตามท่านไปท่ีถ้�ำ ได้บูรณะท�ำ
ความสะอาดถ�้ำดกี วา่ เดิม ชาวบา้ นได้เกิดศรทั ธาเลอ่ื มใสหลวงปู่เป็นอยา่ งมาก

ชาวบา้ นแถวนไี้ มไ่ ดท้ ำ� นาเพราะสภาพพน้ื ทเี่ ปน็ ทภ่ี เู ขาสงู ไดถ้ างปา่ ทำ� ไรป่ ลกู ขา้ ว
ปลกู ผกั ไวก้ นิ กนั ตอ่ มาชาวบา้ นอยากใหห้ ลวงปไู่ ดฉ้ นั อาหารทดี่ ๆี จงึ ไดห้ าปลา กบ เขยี ด
ทเี่ คยหาอยหู่ ากนิ กนั มาตามประสาชาวบา้ นทอ่ี ยปู่ า่ อยเู่ ขา หลวงปจู่ งึ ไดเ้ ทศนส์ ง่ั สอนวา่
“พวกปลา กบ เขยี ด อย่าไปฆา่ มนั มนั เจบ็ มันปวด มนั ทรมาน สงสารมัน ดอู ย่าง
พวกเราซิ เวลามคี นมาตมี าตอ่ ยเรากเ็ จบ็ เพราะฉะนน้ั หลวงพอ่ ฉนั งา่ ยๆ มผี กั มแี จว่
อะไรกใ็ สบ่ าตรไป ไมต่ อ้ งตามไปสง่ ถงึ ทหี่ รอก มกี ารงานอะไรกท็ ำ� ไป สว่ นสตั วอ์ ยา่ ไป
ฆ่ามันนะ”

วันตอ่ มาท่านได้อธิบายใหช้ าวบา้ นฟงั ถงึ การท�ำบุญใส่บาตร ใหร้ กั ษาศีลธรรม
ตลอดถึงการภาวนา ทา่ นไดพ้ ักภาวนาอย่ถู �ำ้ น้�ำหนาวนีเ้ รอ่ื ยมา

146

ส�ำรวจถ�ำ้ นำ้� หนาว

มอี ย่คู ร้ังหนึง่ ทา่ นได้เข้าไปส�ำรวจดูในถ้ำ� โดยจดุ เทยี นส่องทาง เพราะในถ้�ำลกึ
มดื มาก ทา่ นเลา่ วา่ มองดใู นถำ้� ตามซอกหนิ มแี ตเ่ พชรนลิ จนิ ดา เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา วตั ถุ
โบราณตา่ งๆ พรอ้ มกนั นน้ั ยงั มพี ระพทุ ธรปู ทองคำ� อกี ดว้ ย แตท่ า่ นบอกวา่ คนธรรมดา
ไม่มภี มู ิจติ ภมู ิธรรมสูงจะมองไม่เหน็ จะมองเหน็ เปน็ ก้อนหินธรรมดา ถำ้� นี้ในอดตี
เคยมีพระอรหันตม์ านิพพานทนี่ ี่หลายองค์ และมผี ีภูมเิ จ้าทคี่ อยเฝา้ ถำ้� ไมใ่ หพ้ ระหรือ
คนเข้าไปพักท่นี ่ัน เพราะกลัวเขาจะขโมยเอาสมบัติมีค่าของเขาไป

หลวงปทู่ า่ นเลา่ วา่ ทา่ นเดนิ ตามลำ� หว้ ยเขา้ ไปๆ จนถงึ เวง้ิ ถำ้� แหง่ หนงึ่ จะมอี า่ งนำ้�
ขนาดใหญข่ วางหนา้ ผนงั ถ้�ำเรม่ิ ต�่ำลงๆ จนจรดกนั กบั นำ้� ทา่ นไดด้ ำ� นำ้� เขา้ ไปโผลอ่ ีก
ถ้ำ� หนึ่ง และเดนิ ทวนกระแสน�้ำขน้ึ ไปเรื่อยๆ

หลวงปู่ทา่ นเข้าไปลกึ เท่าไรไม่ทราบได้ ขณะท่ีท่านเดินเข้าไปนั้น ก็มีเหตกุ ารณ์
อะไรแปลกๆ อยู่ ทา่ นวา่ เหมอื นมมี อื มาผลกั ทา่ นใหอ้ อกมา แตม่ องไมเ่ หน็ เปน็ เหมอื น
ลมพดั ผลักท่านให้ออกมา ไฟเทยี นทส่ี ่องทางไปกด็ บั

พอทา่ นถอยกลับออกมาสกั ระยะหน่งึ ไฟเทยี นก็สว่างข้ึนเหมือนเดมิ ท่านเลย
คดิ วา่ พวกภมู ิพวกผีเจา้ ทใ่ี นถ้�ำนเี้ ขาหึงหวงสมบตั ขิ องเขามาก เขายังไมไ่ ว้วางใจท่าน
เท่าใดนัก จงึ ผลักทา่ นใหอ้ อกมาจากท่ีนนั่ ท่านเลยพูดออกไปวา่ “ไม่เอาอะไรหรอก
มาดเู ฉยๆ” หลวงปทู่ า่ นเคยเลา่ ใหล้ กู ศษิ ยฟ์ งั วา่ ทา่ นเดนิ ลว่ งลำ้� เขา้ ไปในเมอื งของเขา
เขาเลยไม่ใหเ้ ขา้ ท่านบอกว่าเปน็ เมอื งของพญานาค เขาไมใ่ ห้คนเขา้ ไป แตภ่ ายหลัง
พวกเขาได้สัมผัสกับหลวงปู่แล้วเกิดศรัทธาท่าน จึงกราบนิมนต์ให้หลวงปู่อยู่โปรด
พวกเขาในถำ�้ แหง่ นไี้ ม่ตอ้ งออกมา แตท่ า่ นก็ไม่รบั กิจนมิ นตน์ น้ั

147

เหล็กไหล

เหลก็ ไหลเปน็ ธาตกุ ายสทิ ธชิ์ นดิ หนง่ึ มอี านภุ าพมาก มพี ลงั เรน้ ลบั ซอ่ นอยใู่ นตวั
ยากท่ีจะพิสูจน์ได้ ถ้าใครมีไว้ครอบครอง พกติดตัว ย่อมท�ำให้ผู้นั้นปลอดภัย
แคลว้ คลาดจากอนั ตรายตา่ งๆ เรอ่ื งปนื ผาหนา้ ไม้ ยงิ ไมอ่ อก แทงไมเ่ ขา้ แตก่ อ็ กี นน่ั แหละ
ถา้ คนไหนบารมไี มพ่ อ แมจ้ ะไดม้ ากร็ กั ษาไวไ้ มไ่ ด้ เหลก็ ไหลยอ่ มอนั ตรธานหายไปเอง
แตค่ นสว่ นมากยงั ไมเ่ คยพบเหน็ เหลก็ ไหลจรงิ ๆ บางคนหมกมนุ่ อยใู่ นเรอื่ งเหลก็ ไหล
จนถูกต้มถูกตุ๋นมานักต่อนักก็มี หลายคนท่ีมากราบนมัสการหลวงปู่ก็มักจะถาม
ถงึ เรอ่ื งเหลก็ ไหลอยเู่ สมอ แตท่ า่ นมกั จะไมค่ อ่ ยอธบิ ายใหฟ้ งั เทา่ ใดนกั หลวงปทู่ า่ นได้
เล่าใหฟ้ ังถึงเร่ืองเหลก็ ไหลทถี่ �้ำนำ้� หนาวไวว้ า่

วนั หนงึ่ ทา่ นไดส้ รงนำ�้ ทบ่ี อ่ แอง่ หนิ ตรงปากถำ้� ลกั ษณะเปน็ แอง่ หนิ มนี ำ้� ไหลผา่ น
ออกมา พอทา่ นลงไปในนำ�้ รสู้ กึ วา่ หนาวเยน็ ยะเยอื กไปหมดทง้ั ตวั สมชอ่ื สมนามทเ่ี รยี ก
กนั วา่ “ถ้�ำนำ�้ หนาว” เพราะน้�ำเย็นมากจนรูส้ ึกหนาวไปหมด ยอ่ ตวั ลงน่ังได้ระดับน้ำ�
เพยี งคอพอดี เรอื่ งนม้ี ันกแ็ ปลกประหลาดอยู่ ท่านมองลงไปในนำ้� มองยังไงกม็ อง
ไมเ่ หน็ ตวั เอง อวยั วะแขนขาทอี่ ยใู่ ตน้ ำ้� มองยงั ไงกม็ องไมเ่ หน็ หรอื วา่ มอี ะไรมาบงั ตาไว้
แตค่ วามรสู้ กึ ตวั ตามอวยั วะขาแขนกย็ งั มอี ยู่ ทา่ นจงึ ขนึ้ จากนำ้� มานงั่ ยองๆ บนหนิ ขา้ งๆ
แอง่ น�้ำนน้ั พอตัวเริ่มแห้งจึงมองเหน็ ร่างกายตวั เองเหมือนเดิม

ขณะทท่ี า่ นนงั่ อยสู่ กั ครนู่ นั่ เอง ไดม้ องเหน็ วตั ถสุ งิ่ หนง่ึ ความรภู้ ายในจติ บอกวา่
“เหล็กไหล” มันมีลักษณะเป็นแท่งกลมๆ ขนาดเท่านิ้วมือ มีสีด�ำแกมเหลืองนิดๆ

148

เปน็ ประกายมนั เลอื่ มเจดิ จา้ สวยงามมาก ยน่ื ยดื ยาวออกมาจากซอกหนิ ในนำ�้ มนั เลอื่ น
เคลอ่ื นตรงมาหาทา่ นชา้ ๆ ไมห่ า่ งจากทา่ นนกั ทา่ นยนื่ มอื ไปจะจบั ขน้ึ มาดู แตเ่ หลก็ ไหล
ไมย่ อมใหจ้ บั แลว้ กเ็ ลอื่ นหดหายเขา้ กอ้ นหนิ ไป หลวงปทู่ า่ นเลยพดู ขน้ึ วา่ “จบั เบงิ่ ซอื่ ๆ
บเ่ อาดอก” (จบั ดเู ฉยๆ ไมเ่ อาหรอก) ทา่ นชที้ ต่ี วั ทา่ นพดู ตอ่ อกี วา่ “ในโตเฮานด่ี กี วา่ นน่ั
หลายเทา่ ” (ในตวั เรานด้ี กี วา่ นน้ั หลายเทา่ ) ทา่ นเปรยี บเทยี บเหลก็ ไหลกบั จติ ของทา่ น
วา่ สู้จิตของท่านไมไ่ ด้

พอถงึ วนั โกน ทา่ นกไ็ ดม้ าปลงผมทต่ี รงนอี้ กี โกนผมยงั ไงกไ็ มเ่ ขา้ หรอื วา่ มดี โกน
น้ไี ม่คม ลองเดินไปปลงผมท่ีอนื่ หา่ งจากแอง่ น้ำ� นั้น ก็ปลงผมได้อยา่ งสบาย พอเดนิ
กลับไปปลงที่เก่า โกนยงั ไงก็ไม่เข้าอีก ท่านคดิ ว่าคงเปน็ เพราะอยใู่ กล้เหล็กไหลแน่ๆ
ทา่ นเคยเลา่ ใหล้ กู ศษิ ยล์ กู หาฟงั วา่ “ไมอ่ ยากไดห้ รอกเหลก็ ไหล มนั ไมไ่ ดพ้ าไปสวรรค์
นพิ พาน รกั ษาศลี รกั ษาธรรม มใี จใหท้ าน ประกอบความเพยี รภาวนาดกี วา่ ถงึ เราไม่
อยากได้ แตก่ น็ ่าอัศจรรย์อยเู่ พราะเราไม่เคยเห็น”

เมอื่ ทา่ นพกั ภาวนาอยทู่ ถี่ ำ�้ นำ�้ หนาวพอสมควรแลว้ ทา่ นจงึ ธดุ งคไ์ ปทอ่ี นื่ พอใกล้
จะเข้าพรรษา จึงได้กลับไปจ�ำพรรษาทว่ี ดั อุดมคงคาครี ีเขตเหมือนเดิม

วนั หนงึ่ หลวงปนู่ ง่ั รบั แขกทห่ี นา้ เจดยี ก์ แู่ กว้ มพี ระสงฆแ์ ละญาตโิ ยมเตม็ ไปหมด
ด้วยเหตทุ ที่ ราบวา่ หลวงปูเ่ คยมเี หลก็ ไหลผูกไว้ท่ปี ระคตเอวเปน็ ประจำ� ประคตเอวนี้
ทา่ นไมย่ อมใหใ้ ครนำ� ไปซกั เลยแมแ้ ตค่ รงั้ เดยี ว ตอ่ มาทา่ นไดน้ ำ� ไปบรรจไุ ว้ ณ ทแ่ี หง่ หนง่ึ
เป็นที่เรียบร้อยแลว้ จึงมผี ้สู นใจถามถึงเร่อื งเหล็กไหลวา่

ผู้ถาม “หลวงปู่ครบั เหลก็ ไหลมีจรงิ ไหมครับ”
หลวงปู่ผาง “มี”
ผถู้ าม “เหล็กไหลมีสีดำ� สนิทใชไ่ หมครบั ”
หลวงปผู่ าง “บด่ ำ� คกั ปานไดน๋ ะ สดี ำ� แกมเหลอื ง มนั ๆ จกั หนอ่ ยดอกนา่ ” (ไมด่ ำ�
เทา่ ไหรน่ ะ สดี ำ� ผสมเหลอื ง มนั ๆ สกั หนอ่ ย)
ผถู้ าม “เขาวา่ เหลก็ ไหลอยถู่ ำ้� นำ�้ หนาว จงั หวดั เพชรบรู ณ์ ทห่ี ลวงปเู่ คยบำ� เพญ็ เพยี ร
มีมากใช่หรือเปลา่ ครบั ”

149

หลวงปผู่ าง “มหี ลายอหี ลนี นั่ แหลว่ มตี าจงั เหน็ บม่ ตี ากะบเ่ หน็ เหน็ แตห่ นิ โสโ้ ง่
เส้เง่น่ันแหล่ว หลายโพด” (มีมากจริงๆ มตี าจึงจะเหน็ ไม่มตี าก็ไมเ่ หน็ เหน็ แต่หนิ
ระเกะระกะนน้ั แหละมากจรงิ ๆ)

ผถู้ าม “หลวงปคู่ รบั พวกผมอยากเหน็ เหลก็ ไหล หลวงปพู่ อจะเมตตาอนเุ คราะห์
ใหช้ มเปน็ ขวญั ตาไดไ้ หมครบั ”

หลวงปผู่ าง “เย้า สมิ าร่ำ� รีร่�ำไรอีหยงั กะด้อแท้ เหล็กไหลพาไปนิพพานบไ่ ด้ตัว๊ ”
(เอ๊...จะมาเรอ่ื งมากท�ำไม เหลก็ ไหลพาไปนิพพานไม่ไดห้ รอก)

ผถู้ าม “ถา้ อย่างนัน้ กแ็ สดงวา่ เหล็กไหลไม่มีจริง เพราะหลวงปูไ่ มม่ ีใหด้ ”ู
หลวงปผู่ าง “ฮว่ ย อยากเบ่งิ หลายแท้บอ้ เหล็กไหล กะเบิง่ เจา้ ของน่ันเปน็ หยัง
มนั สไิ หลไปตำ� ผนู้ น่ั มนั สไิ หลไปตำ� ผนู้ ่ี ใหเ้ กดิ ทกุ ขเ์ กดิ โทษนน่ั เปน็ หยงั ” (อา้ ว อยากดู
มากนกั หรอื ไงเหลก็ ไหล กด็ ตู วั เองซิ ไหลไปชนคนนนั้ ไหลไปชนคนนี้ ทำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ข์
เกิดโทษนั้นเป็นไรล่ะ)
เสียงหัวเราะตงึ ใหญ่ แล้วเสยี งคนถามก็เงียบหายไป

150

ไก่ป่าบอกทางบิณฑบาต

หลงั จากทห่ี ลวงปไู่ ปภาวนาทถ่ี ำ�้ นำ้� หนาวครง้ั แรกแลว้ เมอื่ มโี อกาสทา่ นกจ็ ะแวะ
ไปภาวนามไิ ดข้ าด บางคร้งั เวน้ ปีหรอื สองปไี ปคร้ัง

มอี ยคู่ รง้ั หนง่ึ ทา่ นพระอาจารยท์ องหงวน อทุ โย (หมวย) เลา่ วา่ หลวงปไู่ ดเ้ ดนิ ทาง
ไปคนเดยี วจากอำ� เภอคอนสารมงุ่ หนา้ เดนิ ลดั ตดั ปา่ เขา้ ปา่ ลกึ ลกึ เขา้ ๆ ทางเกวยี นกไ็ มม่ ี
พอมบี า้ งกเ็ ปน็ ทางนายพรานเดนิ เขา้ ปา่ หาลา่ สตั ว์ เพราะมรี อยบากรอยฟนั ขา้ งๆ ตน้ ไม้
เปน็ ทีส่ งั เกตอยู่ เดินไปเดนิ มากห็ ลงป่า หาทางไปทางมาไมเ่ จอ ไมใ่ ชว่ า่ ไม่มที างเดนิ
ทางเยอะแยะไปหมด เปน็ ทางดา่ นชา้ งเทยี่ วหากนิ ไมร่ จู้ ะเลอื กเดนิ เสน้ ไหน ถงึ ทา่ นจะ
เคยใชเ้ สน้ ทางนเี้ ดนิ ไปถำ้� นำ�้ หนาวแลว้ กจ็ รงิ แตส่ ภาพปา่ แตล่ ะปมี นั กเ็ ปลยี่ นแปลงไป
ทางด่านช้างหรือสัตว์ป่าหากนิ ทเี่ คยเดิน มนั ก็เปลีย่ นเส้นทางหากินไปเรื่อยๆ ไม่ได้
อยกู่ ับท่ี

ดงั นนั้ จงึ ทำ� ใหห้ ลวงปหู่ ลงทางอยกู่ ลางปา่ หลายวนั คำ่� ไหนนอนนน่ั ขา้ วกไ็ มไ่ ดฉ้ นั
ตอ้ งเหนด็ เหน่ือยเมื่อยลา้ ก็อาศยั ฉนั แตน่ ้�ำในกาเทา่ นน้ั เดนิ อยหู่ ลายวนั กย็ งั ไมพ่ บ
หมบู่ า้ นคนเลย จนนำ�้ ในกาหมดลง เกอื บตะวนั จะตกดนิ แลว้ ไดย้ นิ เสยี งไกข่ นั อยไู่ มไ่ กล
จงึ คดิ วา่ คงจะมหี มบู่ า้ นคนอยใู่ กลๆ้ นี้ คดิ ดงั นนั้ จงึ ไดป้ กั กลดพกั ภาวนาอยบู่ รเิ วณนนั้
กะวา่ พรงุ่ นเ้ี ชา้ จะเขา้ ไปบณิ ฑบาตในหมบู่ า้ น พอตนื่ เชา้ มาเตรยี มบณิ ฑบาตกไ็ มร่ วู้ า่ จะ
ไปทางไหนดี จงึ คดิ วา่ ตอ้ งเดนิ ไปทางทไี่ ดย้ นิ เสยี งไกข่ นั เมอ่ื วานนี้ เมอื่ เดนิ ไปๆ กไ็ มเ่ หน็

151

มหี มบู่ า้ นคนเลย ทา่ นเดนิ อยพู่ กั ใหญ่ กเ็ หน็ ไกป่ า่ ตวั หนงึ่ บนิ นำ� หนา้ ทา่ นไป ทา่ นจงึ เดนิ
ตามทางท่ีไก่บินไปน้ัน มันบินน�ำหน้าท่านไปเร่ือยๆ ท่านก็เดินตามมันไปเร่ือยๆ
เหมอื นกนั มนั ก็บนิ ข้ึนบนิ ลงๆ อยอู่ ยา่ งน้นั จนใกล้ถึงหมบู่ า้ นมนั จงึ ได้บนิ เข้าป่าไป

ทา่ นจงึ ไดเ้ ขา้ ไปบณิ ฑบาต เดนิ เขา้ ไปบา้ นหลงั หนงึ่ เหน็ แมล่ กู กำ� ลงั นง่ั เผาขา้ วหลาม
กันอยู่ พอเขาเหลอื บเหน็ พระธุดงคม์ ายนื หน้าบ้านเท่านนั้ แหละ ตา่ งคนตา่ งว่ิงหนกี ัน
จา้ ละหวั่น วิ่งไปคนละทิศละทาง ทิ้งข้าวหลามไว้ในกองไฟ ทา่ นกย็ นื อย่นู นั่ แหละ
ไมไ่ ปไหน เขากแ็ อบดทู า่ นอยู่ ทา่ นขอบณิ ฑบาตนำ้� ใสก่ าไดแ้ ลว้ กช็ ไี้ ปทขี่ า้ วหลาม บอกให้
เขาเอาขา้ วหลามใสบ่ าตรใหท้ อ่ นหนงึ่ ทา่ นวา่ ตง้ั แตเ่ กดิ มายงั ไมเ่ คยเหน็ ขา้ วหลามทไี่ หน
มรี สชาตอิ รอ่ ยเหมอื นขา้ วหลามทอ่ นนน้ั เลย หรอื จะเปน็ เพราะอดอาหารมานานหลายวนั
ก็อาจเป็นได้

ทา่ นวา่ ท่ีชาวบา้ นเขาวง่ิ หนนี นั้ เพราะเขาอายพระ เพราะแต่ไหนแตไ่ รมาก็อยแู่ ต่
ในปา่ ในดง ไมเ่ คยเขา้ วดั เขา้ วาทำ� บญุ ใสบ่ าตร ไมเ่ คยรขู้ นบธรรมเนยี มประเพณี เหน็
พระเจา้ พระสงฆม์ า กไ็ มร่ วู้ า่ จะพดู อยา่ งไรกบั ทา่ น คำ� วา่ นมิ นตเ์ จา้ คะ่ เจา้ ขา ครบั ผม
กย็ งั ไม่เคยพดู จะไมใ่ ห้เขาอายได้อยา่ งไรเพราะไม่คุน้ ไม่เคย

บา้ นทท่ี า่ นเขา้ ไปบณิ ฑบาตนน้ั กค็ อื บา้ นผาลานอ้ ยนนั่ เอง พอทา่ นฉนั เสรจ็ กเ็ ดนิ ทาง
ต่อไป บา่ ยวนั นัน้ ก็เดนิ ทางถึงถำ�้ น�ำ้ หนาวพอดี

152

พ.ศ. ๒๕๐๕ สร้างวดั ป่าพัฒนาคีรี

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ หลวงปู่ไดไ้ ปสร้างวดั ขน้ึ อกี แหง่ หนงึ่ ทบ่ี ้านแจง้ ทบั ม้า ต�ำบล
นางาม อ�ำเภอมัญจาครี ี จงั หวดั ขอนแก่น ตั้งอยหู่ ่างจากวัดอุดมคงคาครี เี ขตไปทาง
ทศิ ตะวนั ออกประมาณ ๔ กโิ ลเมตร ไดส้ รา้ งศาลาไว้ ๑ หลงั กวา้ ง ๘ เมตร ยาว ๑๕
เมตร และสร้างฝายกั้นนำ้� คอนกรตี กว้าง ๑.๕๐ เมตร ยาว ๒๕ เมตร สงู ๓ เมตร
เพอื่ เกบ็ กกั นำ�้ ไวใ้ ชอ้ าบดมื่ สรา้ งกฏุ ขิ นึ้ อกี ๖ หลงั ทำ� ดว้ ยไม้ มงุ ดว้ ยสงั กะสี ปจั จบุ นั
ชาวบ้านเรยี กว่าวัดป่าพฒั นาครี ี หรอื วัดบ้านแจง้ มเี นอ้ื ที่ประมาณ ๔๐๐ ไร่

153

กิจวัตร วดั อดุ มคงคาคีรีเขต

การปกครองบรหิ ารวดั ของทา่ นเปน็ ไปอยา่ งพอ่ ปกครองลกู ทกุ รปู อยกู่ นั อยา่ งมี
ความสุขตามอัตภาพ สมัครสมานสามัคคีกัน การกระท�ำใดๆ หากเป็นส่งิ บกพรอ่ ง
เสยี หายกระทบกระเทอื นถงึ หลวงปู่ คณะศษิ ยก์ จ็ ะละเวน้ หากสง่ิ ใดๆ เปน็ ประโยชน์
และเปน็ การเทดิ เกยี รตคิ ณุ ของหลวงปแู่ ลว้ กไ็ ดพ้ ากเพยี รดำ� เนนิ อยา่ งสดุ ความสามารถ

หลวงปทู่ า่ นได้วางกฎระเบยี บวัดให้เป็นเครอื่ งปฏบิ ตั ิเสมอกัน ๑๖ ข้อ ดังน้ี

๑. ต่ืนแตเ่ ชา้ (ประมาณ ๐๓.๐๐ น.) ชำ� ระรา่ งกายแล้วท�ำวัตรเชา้ เสรจ็ แลว้ ให้
เขา้ ที่ภาวนา

๒. เวลา ๐๕.๐๐ น. ใหเ้ ตรยี มบรขิ ารลงศาลา และเขา้ นง่ั ประจำ� ทข่ี องตน หา้ มไมใ่ ห้
พูดคุยกนั และออกบิณฑบาตโดยพรอ้ มเพรียงกันเมื่อถงึ เวลาอนั ควร

๓.​เม่ือกลับจากบิณฑบาตแลว้ ให้เข้าน่ังประจำ� ที่ของตนเพ่ือรอรบั แจกอาหาร
ผู้ทเี่ ปน็ ภตั ตเุ ทศกใ์ ห้แจกอาหารให้เทา่ กัน ให้ทว่ั ถึงทุกรูป เสรจ็ แล้วจงึ ลงมอื ฉันโดย
พจิ ารณา

๔. เมอ่ื ฉนั เสรจ็ แลว้ ใหร้ บี ทำ� ความสะอาดบรขิ ารและสถานที่ แลว้ คอยนงั่ ฟงั ผอู้ าวโุ ส
ชแี้ นะ หรอื แจง้ ขา่ วตา่ งๆ กอ่ น จงึ จะลกุ ไปได้ และการเดนิ ไปมาควรสำ� รวมตลอดเวลา
รวมทง้ั การนงั่ ในทกุ สถานที่

154

๕. เมอ่ื กลบั ถงึ กฏุ ขิ องตนแลว้ ทกุ รปู จงอยปู่ รวิ าสกรรม หา้ มไปคยุ กนั นอกจาก
มีเหตจุ �ำเป็นหรอื ขัดข้อง

๖. เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ทุกรูปจะตอ้ งลงจากกุฏิเพ่อื ปดั กวาดอาวาสวิหาร
ให้สะอาดอยู่เสมอ

๗. ระหว่างปัดกวาดอยู่ห้ามคยุ กนั จงตง้ั จิตแผ่เมตตาใหแ้ ก่สัตวท์ ั้งหลายท่อี ยู่
ในบรเิ วณทกุ ชนั้ โดยทัว่ กนั

๘. จงช่วยกันดูแลรักษาอ่างน้ำ� มนต์ อา่ งล้างเท้า หอ้ งสุขา ใหม้ ีนำ้� และช่วยกัน
รักษาใหส้ ะอาดอยูเ่ สมอ

๙. จงพร้อมเพรียงกันท�ำบุพกิจ (ท�ำความสะอาดและจัดสถานที่ลงอุโบสถ
พระพุทธรูป ศาลาโรงธรรม กอ่ นเวลาลงอโุ บสถ) และช่วยกนั ดแู ลของสงฆ์ใหอ้ ย่ใู น
ทป่ี ลอดภัย และอย่ใู นสภาพดีเสมอ

๑๐. จงศกึ ษาสกิ ขาบท และปฏบิ ตั อิ าจารย์ เชอื่ ฟงั คำ� เทศนาสงั่ สอนของทา่ นอยา่ ง
สม่ำ� เสมอโดยเคารพ

๑๑. จงช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกันด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะงานส่วนรวม และ
ให้มคี วามรกั สามคั คกี ันด้วยดี

๑๒. จงปฏบิ ตั ิกจิ วัตร ๑๐ ขอ้ ดงั กลา่ ว ด้วยความเตม็ ใจด้วยดอี ย่างสม�่ำเสมอ

๑๓. จงแนะนำ� ตกั เตอื นพระภกิ ษสุ ามเณรทป่ี ระพฤตปิ ฏบิ ตั ไิ มเ่ หมาะสมกบั เพศ
สมณะของตน

๑๔. การตกั เตอื นใหเ้ ตอื นดว้ ยความหวงั ดี ซงึ่ หากปลอ่ ยไวอ้ าจนำ� ความเสอื่ มเสยี
มาสสู่ ว่ นรวมไดใ้ นกาลตอ่ ไป ผทู้ ถ่ี กู ตกั เตอื น แนะนำ� ควรเชอื่ ฟงั และปฏบิ ตั ติ ามดว้ ย
ความเตม็ ใจเสมอ

155

๑๕. พระภกิ ษุ สามเณร รปู ใด ขาดเขนิ บรขิ าร เครอื่ งนุ่งหม่ หรือสิ่งของอนั ใด
กใ็ ห้เบิกได้ตามประสงค์ แต่จะต้องใหค้ ณะสงฆอ์ นญุ าตเสยี ก่อนจงึ จะเอาไปได้

๑๖. ใหย้ ดึ ถอื ระเบยี บนอี้ ยา่ งเครง่ ครดั เพอื่ ผลของการบำ� เพญ็ สมณธรรมของตน
จะได้สมเจตนารมณ์ท่ตี นได้ตั้งใจไวท้ ุกประการ

ขอความสขุ ความเจรญิ และความส�ำเร็จในการปฏิบตั ธิ รรม เพื่อมรรค ผล
นิพพานท้ังปวง จงเกดิ มีแกผ่ ทู้ ่ปี ฏิบัตติ ามน้ถี ว้ นท่วั ทกุ รปู เทอญ

วัดอดุ มคงคาคีรีเขต (ดนู )
พระหลวงปู่ผาง จิตฺตคตุ ฺโต
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๐๖

156

รวมศรทั ธาสรา้ งถนน

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ถงึ พ.ศ. ๒๕๐๗ ระยะทางทสี่ ามแยกปากทางจากถนนระหวา่ ง
อำ� เภอมญั จาครี -ี อำ� เภอแกง้ ครอ้ ไปวดั อดุ มคงคาครี เี ขต ประมาณ ๑๒ กโิ ลเมตร เปน็
เสน้ ทางเลก็ ๆ แคบๆ คดเคย้ี ว การคมนาคมไมส่ ะดวก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในชว่ งฤดฝู น
ลำ� บากมาก

หลวงปจู่ งึ ไดป้ ระชมุ ชาวบา้ นทกุ หมบู่ า้ นทถี่ นนผา่ นเพอ่ื ชว่ ยกนั พฒั นาตดั ถนนใหม่
ใหม้ เี สน้ ทางไดม้ าตรฐาน ขนาดกวา้ งพอควร และทป่ี ระชมุ ยอมรบั มตทิ ห่ี ลวงปปู่ รารภ
และแนะนำ� หลงั จากมมี ติท�ำถนนใหมแ่ ลว้ ชาวบา้ นทุกหม่บู ้านก็ร่วมแรงรว่ มใจกนั
พฒั นาจนกระทง่ั แลว้ เสรจ็ โดยหลวงปไู่ ดอ้ ยเู่ ปน็ ประธานตลอด โดยไมไ่ ดใ้ ชง้ บประมาณ
ของรฐั แตป่ ระการใด ปจั จบุ นั เปน็ เสน้ ทางทส่ี ำ� คญั ของชาวบา้ นในการคมนาคมเพอ่ื การ
เกษตร ขนส่ง และอื่นๆ

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ทางวดั อดุ มคงคาครี เี ขต ไดร้ บั ความรว่ มมอื จาก กรป.กลาง
กรุงเทพฯ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนท่ีจังหวัดอุดรธานี ได้น�ำหน่วยงานดังกล่าว
พฒั นาเสน้ ทางไปวัดอุดมคงคาครี เี ขต เปน็ ถนนขนาดกว้างประมาณ ๑๐ เมตร ยาว
๑๒ กิโลเมตร ลงหนิ ลูกรงั ตลอดเสน้ ทาง ส้นิ ค่าก่อสร้างประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท
(ห้าแสนบาทถ้วน)

157

การสรา้ งถนนผา่ นหมบู่ า้ นตา่ งๆ ในครง้ั นน้ั สำ� นกั งานเรง่ รดั พฒั นาชนบท หรอื
รพช. บางครงั้ ตอ้ งขอความรว่ มมอื จากกองทพั บก ซงึ่ มเี ครอื่ งมอื ทพี่ รอ้ มกวา่ หนว่ ยงานอนื่
กองทพั บกไดส้ ง่ ทหารจากกรมการขนสง่ ทางบก ซง่ึ มรี อ้ ยเอกเกษม ฐติ าภรณ์ (ยศใน
ขณะน้ัน) เป็นหวั หน้าชดุ พร้อมเครื่องมือมารว่ มปฏบิ ัติงานสร้างถนนจากสามแยก
ปากทางหมู่บ้านแก้งคร้อนอ้ ย ถึงวดั อุดมคงคาคีรเี ขตดงั กล่าว

(ตอ่ มาวนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๓ หลวงปไู่ ดม้ หี นงั สอื ถงึ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี
เพ่ือของบประมาณท�ำถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนลาดยาง ซ่ึงทางราชการก็ได้อนุมัติ
และไดท้ ำ� เปน็ ถนนลาดยางในเวลาต่อมา ซึ่งก็ไดใ้ ชป้ ระโยชนต์ ่างๆ ดังเช่นทปี่ รากฏ
ในปัจจุบนั )

ร้อยเอกเกษมได้พบเห็นการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ท่ีมีความเป็นอยู่อย่าง
เรียบง่าย มักน้อยสันโดษ ชอบอยู่ในท่ีวิเวกสงบสงัด ปรารภความเพียรสม�่ำเสมอ
เปน็ พระปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบอยา่ งแทจ้ รงิ จงึ เกดิ ศรทั ธาเลอ่ื มใส แตก่ วา่ รอ้ ยเอกเกษม
จะลงใจ ก็เคยทดลององค์หลวงปู่อยู่หลายครั้ง ดังเช่นคร้ังหนึ่งขณะเป็นหัวหน้าชดุ
ปฏิบัติงานสร้างถนนเข้ามาวัดดูนอยู่นั้น ตอนกลางคืนก็มาพักอยู่ที่วัด ตอนดึกๆ
ปวดท้องเหมือนไส้จะขาดออกจากกัน ลูกน้องหายาแก้เจ็บท้องหลายชนิดท่ีมีอยู่มา
ใหก้ ินกไ็ ม่ทุเลา นอนก็นอนไม่ได้ สุดท้ายกต็ ้องพ่งึ น้�ำมนต์จากองคห์ ลวงปู่ท่ที �ำไวใ้ น
อา่ งนำ�้ มนต์ กนิ จงึ ทเุ ลาและถงึ ไดห้ ลบั หรอื ถงึ ขนาดนอนเฝา้ ดอู งคห์ ลวงปเู่ ดนิ จงกรม
ตลอดทง้ั คนื กเ็ คยทำ� มาแลว้ และไดร้ ายงานไปถงึ ทา่ นพนั เอกเฉลมิ คำ� รพวงศ์ (ยศใน
ขณะนนั้ ) รองเจา้ กรมขนสง่ ทางบกใหท้ ราบวา่ ไดพ้ บพระกรรมฐานรปู หนง่ึ ทปี่ ฏบิ ตั ดิ ี
ปฏิบตั ชิ อบท่ตี วั เองไดเ้ ฝา้ สังเกตดูเปน็ ระยะเวลานาน

ท่านพันเอกเฉลิมเป็นผู้เล่ือมใสในพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่แล้ว เมอ่ื
ทราบดงั นน้ั จงึ ไดเ้ ดนิ ทางมากราบนมสั การหลวงปทู่ ว่ี ดั ไดม้ โี อกาสสนทนาธรรม ไดร้ บั
โอวาท ไดพ้ บเหน็ การปฏบิ ตั ธิ รรมของหลวงปแู่ บบมน่ั คงและเดด็ เดยี่ ว เปน็ ผมู้ วี าจาสตั ย์
พูดคำ� ใดเปน็ ค�ำน้นั เปน็ พระผ้ปู ฏิบัตติ รงตามพระธรรมวินัยอยา่ งแท้จรงิ

158

เมอ่ื ทา่ นพนั เอกเฉลมิ ไดพ้ บเหน็ ดว้ ยตาตนเองแลว้ เกดิ ความศรทั ธาเลอ่ื มใส จงึ ได้
ชกั ชวนคณุ สทุ ธิ นาคสมภพ ซง่ึ เปน็ คเู่ ขยกนั เดนิ ทางมากราบนมสั การทา่ นทวี่ ดั อดุ ม-
คงคาครี ีเขต

คุณสทุ ธิไดเ้ ดินดสู ภาพวัดรม่ รนื่ สะอาด สงบ และได้ไปดูกุฏิบ่งุ (บุง่ หมายถึง
สถานทลี่ มุ่ มแี หลง่ นำ้� มตี น้ ไมแ้ ละเถาวลั ยป์ กคลมุ ) ซง่ึ เปน็ กฏุ ขิ ององคห์ ลวงปู่ เปน็ กฏุ ิ
หลงั เล็กๆ มบี นั ได ๓ ข้นั หลงั คามงุ ด้วยหญ้าแฝก ฝาเอาไมไ้ ผส่ าขัดกระดาษถุงปูน
ซีเมนต์ เสาท้ัง ๔ ต้น มีน้�ำหล่อไว้ ดูแล้วเหมือนตู้กับข้าว ทางเดินจงกรมอยู่ติดกบั
กฏุ ิมงุ ด้วยหญา้ เหมอื นกัน พอเปดิ ประตูเข้าไป เหน็ ผา้ เช็ดเท้าอยหู่ น่งึ ผืน เหน็ บาตร
กลด กาน้�ำ ผ้าไตรจีวร มีแค่บริขาร ๘ เท่าน้ัน น้ีหรือความเป็นอยู่ของพระป่า
ในชีวิตก็เพิ่งมาสัมผัสวัดป่าเป็นคร้ังแรก เม่ือน�ำไปเปรียบเทียบกับสมัยที่บวชอยู่ใน
กรุงเทพฯ แลว้ แตกตา่ งจากกนั ราวฟา้ กบั ดิน ทง้ั ได้พบเหน็ ปฏิปทาทา่ น กเ็ กิดศรทั ธา
เลอื่ มใสในองคท์ า่ น ตอ่ มาภายหลงั จงึ ไดช้ กั ชวนศรทั ธาญาตโิ ยมทางกรงุ เทพฯ มากราบ
นมสั การองคห์ ลวงป่มู ิไดข้ าด

159

พ.ศ. ๒๕๑๑ จำ� พรรษาท่วี ัดปา่ ธรรมวิเวก

เมอ่ื ทา่ นพระครโู อภาสสมณกจิ เจา้ คณะอำ� เภอชนบท จงั หวดั ขอนแกน่ (ธรรมยตุ )
วดั ปา่ ธรรมวเิ วก ไดก้ อ่ สรา้ งอโุ บสถ พ.ศ. ๒๕๑๑ ทา่ นพระครฯู และคณะสงฆ์ พรอ้ มดว้ ย
ทายกทายกิ าชาวชนบท ไดก้ ราบอาราธนานมิ นตห์ ลวงปผู่ างมาจำ� พรรษาทว่ี ดั ปา่ ธรรม-
วิเวกแหง่ น้ี เพอื่ เปน็ ประธานในการด�ำเนินการกอ่ สร้าง ซ่ึงหลวงปูท่ ่านกไ็ ด้เมตตารับ
เปน็ ประธานดว้ ยดี และชว่ ยสนบั สนนุ อปุ ถมั ภม์ าตลอด เรม่ิ ตงั้ แตอ่ นญุ าตใหจ้ ดั สรา้ ง
เหรยี ญรนุ่ แรกของทา่ น เพอื่ นำ� รายไดส้ มทบทนุ สรา้ งอโุ บสถ กระทง่ั อโุ บสถวดั ปา่ ธรรม-
วิเวกเสร็จสน้ิ สมบูรณท์ กุ ประการ

160

ในหลวงเสด็จพระราชดำ� เนนิ

เมื่ออโุ บสถไดท้ �ำการกอ่ สร้างเสร็จส้ินทุกประการแลว้ คณะสงฆอ์ �ำเภอชนบท-
มัญจาคีรี (ธรรมยุต) พร้อมด้วยทายกทายิกา พ่อค้า ประชาชน และทางราชการ
ได้พร้อมใจกันกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชนิ นี าถฯ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า สมเดจ็
พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ จฬุ าภรณวลยั ลกั ษณ์ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ พรอ้ มกนั ทงั้ ๕ พระองค์
เพอ่ื ปดิ ทองฝงั ลกู นมิ ติ และเททองสรา้ งรปู เหมอื นหลวงปผู่ าง เมอ่ื วนั เสารท์ ี่ ๓๐ เดอื น
เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐ นับได้วา่ เปน็ เกยี รตปิ ระวัติครั้งส�ำคญั ย่งิ ของชาวอำ� เภอชนบท
คณะศษิ ยานศุ ษิ ยข์ องหลวงปู่ผาง และชาวจังหวัดขอนแก่นโดยแท้

161

พ.ศ. ๒๕๑๒ จ�ำพรรษาทีว่ ดั ป่าพฒั นาครี ี

ปนี ห้ี ลวงปไู่ ดม้ าจำ� พรรษาทว่ี ดั ปา่ พฒั นาครี ี บา้ นแจง้ ทบั มา้ ต.นางาม อ.มญั จาครี ี
จงั หวดั ขอนแกน่ ซงึ่ เปน็ วดั ทหี่ ลวงปไู่ ดม้ าสรา้ งไว้ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๐๕ ทา่ นจำ� พรรษา
อยู่ดว้ ยกนั ๒ รูป กบั พระอาจารยห์ อม ขนฺตยาคโม (ปจั จุบันอย่ทู ี่วดั ปา่ วิเวกภูเขาวง
บา้ นดงน้อย อ�ำเภอผาขาว จังหวดั เลย)

ในพรรษานี้เอง ทา่ นพระอาจารยห์ อม ปกตทิ ่านจะเป็นผูอ้ ุปัฏฐากดแู ลหลวงปู่
บริขารของหลวงปู่ทุกอย่าง ท่านจะเป็นผู้ดูแล ทุกเช้าท่านจะต้องมาท�ำความสะอาด
ศาลาฉนั จดั ทฉ่ี นั ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นออกบณิ ฑบาต นำ� บาตรหลวงปลู่ งมาศาลาฉนั สะพาย
บาตรหลวงปูน่ ำ� ไปถวายท่านกอ่ นเขา้ บิณฑบาตในบ้านทุกวนั

ทางไปบิณฑบาตต้องเดนิ ผ่านฝายก้นั น�ำ้ เทา่ นนั้ ท่านอาจารย์หอมสะพายบาตร
ยนื รอหลวงปอู่ ยทู่ ฝี่ ายกนั้ นำ�้ ตามปกติ รออยตู่ งั้ นานพลางนกึ ในใจวา่ “เอะ๊ วนั นที้ ำ� ไม
ไมเ่ หน็ หลวงปอู่ อกมา เรายนื รอทา่ นตงั้ นาน นก่ี ส็ ายแลว้ หรอื วา่ ทา่ นยงั อยทู่ ก่ี ฏุ ”ิ จงึ เดนิ
กลบั ไปหาหลวงปู่ทกี่ ฏุ ิก็ไมเ่ จอ หาทศ่ี าลากไ็ มเ่ จอ หรอื วา่ ท่านไปไหน ในห้องน้ำ� ก็
ไมม่ ี

สกั ครกู่ ไ็ ดย้ นิ เสยี งโยมอำ� คาวง่ิ มาจากหมบู่ า้ น รอ้ งตะโกนบอกวา่ “ทา่ นอาจารย์
ครับ หลวงปู่ยืนรอท่านอาจารยอ์ ยนู่ านแลว้ ทา่ นยนื คุยกบั โยมท่ศี าลากลางบา้ นโนน่
แน่ะ รอบาตรจากทา่ นอาจารยอ์ ยู่ รีบไปเถอะ”

162

พอไดย้ นิ ดงั นนั้ กแ็ ทบไมเ่ ชอื่ หตู วั เอง “อยา่ พดู เลน่ นะ อาตมาสะพายบาตรยนื รอ
ทา่ นอยตู่ ง้ั นาน ไม่เห็นทา่ นเดินจากศาลาผา่ นมาเลย”

โยมอำ� คากย็ งั ยนื ยนั คำ� เดมิ วา่ “หลวงปยู่ นื รอทา่ นอาจารยอ์ ยกู่ ลางบา้ นจรงิ ๆ ไมไ่ ด้
โกหก” ทา่ นอาจารย์หอมจงึ สะพายบาตรรีบเดินเข้าไปในบา้ นเพอื่ ให้ทันบณิ ฑบาตกับ
หลวงปู่

พอกลบั จากบณิ ฑบาต ทา่ นอาจารยห์ อมจงึ ไดก้ ราบเรยี นถามหลวงปวู่ า่ “เมอื่ เชา้ นี้
ผมสะพายบาตรยนื รอหลวงปทู่ ส่ี ะพานตง้ั นาน หลวงปเู่ ขา้ ไปในบา้ นตงั้ แตต่ อนไหนครบั
ทำ� ไมผมจึงไม่เหน็ ” หลวงปู่จงึ ตอบว่า “โอ๊ย คนเอ๊ยคน ย่างผา่ นไปซ�่ำนก่ี ะบ่เหน็ กัน
มแี ตต่ าแต่บม่ ีตานอ้ ” (โอย๊ คนเอ๋ยคน เดินผา่ นไปแค่นีก้ ็มองไม่เหน็ กัน ชา่ งมีแตต่ า
แต่ไม่มีตาหนอ)

163

หัวปลากระเดน็ ออกจากบาตร

พระอาจารย์หอมเลา่ ตอ่ ไปวา่ โดยปกตหิ ลวงปูฉ่ นั เจ ดังนัน้ อาหารทโี่ ยมนำ� ไป
ถวายกม็ แี ต่อาหารเจ ท่านอาจารย์แม้ยงั ฉันเนอ้ื อยู่ แตก่ ต็ อ้ งฉนั เจเหมือนหลวงปูไ่ ป
โดยปรยิ าย ชาวบา้ นคนหนงึ่ เหน็ ทา่ นฉนั เจกบั หลวงปโู่ ดยไมค่ อ่ ยสะดวกใจนกั จงึ ได้
เอาใบตองหอ่ ปลาแห้งใสบ่ าตรถวายทา่ นเพ่อื ฉันตอนเชา้

หลวงปกู่ ำ� ลงั ฉนั ไดส้ องสามคำ� ทา่ นอาจารยห์ อมกน็ กึ กระหยมิ่ อยใู่ นใจวา่ “นานๆ ที
จะได้ฉันเนื้อฉันปลาสักครั้งคงจะอร่อยดีนะ” ว่าจะแอบฉันโดยไม่ให้หลวงปู่เห็น
มอื กค็ อ่ ยๆ ลว้ งลงในบาตร หกั ปลาแหง้ ใหเ้ ปน็ ทอ่ นๆ เพอื่ จะไดฉ้ นั ไดส้ ะดวก หกั ไป
หักมาอีท่าไหนก็ไม่รู้ หัวปลาแห้งตัวดีดันกระเด็นออกจากบาตรไปตกลงตรงหน้า
หลวงปูท่ ่กี ำ� ลังฉนั อยู่พอดี หลวงปจู่ ึงหันมาถามทา่ นอาจารยห์ อมวา่ “อือ คือสิแซ่บ
หลายเนาะ” (อมื คงจะอร่อยมากนะ)

ท่านอาจารยเ์ ลา่ ว่า ร้สู ึกอายหลวงปู่มาก ลกุ ปบุ๊ ปบั๊ ไม่ฉนั อาหารเลย เก็บบาตร
ไปลา้ ง อดอาหารดดั สนั ดานมนั ซะกเิ ลสตวั นี้ หลงั จากอปุ ฏั ฐากหลวงปเู่ สรจ็ แลว้ กเ็ ขา้ ที่
จงกรม เดนิ จงกรมภาวนาเกือบตลอดทง้ั วนั เพ่ือลงโทษตวั เองทอี่ ยกู่ ับหลวงปู่ซึง่ เปน็
ผ้ปู ฏบิ ัติดีปฏบิ ัติชอบ ปฏบิ ัติให้ดูเปน็ แบบอย่างแทๆ้ เรายังไม่ดไู มป่ ฏบิ ัตติ าม ยงั ตก
อยใู่ นอ�ำนาจแหง่ ความอยาก และติดอย่ใู นรสอาหารได้

164

สรา้ งเหรียญรุน่ แรก

ตอ่ มาคณะพนั เอกเฉลมิ -คณุ สทุ ธิ ไดข้ ออนญุ าตทา่ นสรา้ งเหรยี ญรนุ่ แรกขน้ึ มา
เพอ่ื นำ� ไปสกั การบชู าใหเ้ ปน็ สริ มิ งคล ซงึ่ ในชว่ งแรกทา่ นยงั ไมอ่ นญุ าตทนั ที เหน็ วา่ การ
ปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมะทางพระพทุ ธศาสนาต่างหากจงึ จะท�ำให้เกดิ สิรมิ งคลแกต่ วั เอง
อยา่ งแทจ้ รงิ แตค่ ณะศษิ ยไ์ ดข้ ออนญุ าตดว้ ยเหตผุ ลนานาประการถงึ ๔ ครง้ั ทา่ นเหน็ วา่
เปน็ คนมศี รทั ธาเลอื่ มใสและมเี จตนาอยา่ งแนว่ แนม่ น่ั คง สงิ่ เหลา่ นอี้ าจเปน็ เหตใุ หเ้ ปน็
ทยี่ ึดเหน่ียวจติ ใจทีเ่ ปน็ รปู ธรรมได้ และเม่อื มคี วามเช่ือในวตั ถุมงคลแลว้ จักสัง่ สอน
ให้ม่งุ ม่ันและสนใจปฏิบัตติ นอยู่ในศลี ธรรมได้ ทา่ นจึงอนญุ าต

อกี ทงั้ คณะศษิ ยไ์ ดย้ กเหตผุ ลอนั เปน็ เครอ่ื งยดึ เหนย่ี วจติ ใจของทหาร ตำ� รวจ อส.
และ ตชด. ซง่ึ เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทรี่ กั ษาอธปิ ไตยของชาตใิ หม้ นั่ คงและปลอดภยั เพอ่ื เปน็
ขวญั และกำ� ลงั ใจในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ประกอบกบั ในชว่ งนน้ั ทา่ นพระครโู อภาสสมณกจิ
เจา้ อาวาสวดั ปา่ ธรรมวเิ วก เจา้ คณะอำ� เภอชนบท (ธรรมยตุ ) ไดท้ ำ� การกอ่ สรา้ งพระอโุ บสถ
แตย่ ังไม่แลว้ เสรจ็ เพราะยังขาดปจั จยั อยู่อีกมาก

หลวงปูท่ า่ นพิจารณาแลว้ เหน็ ว่าจกั เปน็ ประโยชน์ จงึ ได้อนุญาตให้สรา้ งเหรียญ
ทา่ นได้ โดยไดอ้ นญุ าตใหถ้ า่ ยภาพทา่ นเพอื่ ดำ� เนนิ การสรา้ งเหรยี ญในปี พ.ศ. ๒๕๑๒

เม่ือท่านพันเอกเฉลิมได้รับอนุญาตให้สร้างเหรียญท่านได้เป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว
จงึ ไดป้ รกึ ษากบั คณุ สทุ ธิ ซง่ึ เปน็ คเู่ ขยกนั วา่ การสรา้ งเหรยี ญรนุ่ แรกของหลวงปจู่ ะสรา้ ง

165

จำ� นวนเทา่ ใด เม่อื ปรกึ ษากันเรียบรอ้ ยแลว้ จึงมีมติว่า ทางโรงงานป๊มั เหรยี ญหลวงปู่
ไดเ้ ทา่ ไรกจ็ ะสรา้ งเทา่ นนั้ คณุ สทุ ธจิ งึ ไดไ้ ปวา่ จา้ งโรงงานชโลกลุ แขวงราชบพธิ กรงุ เทพฯ
เป็นผู้ด�ำเนินการสร้างเมื่อต้นปี ๒๕๑๒ ในราคาเหรียญละหน่ึงบาทห้าสิบสตางค์
โดยคณุ สทุ ธ-ิ นางสงบ เปน็ ผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยในการสรา้ งเบอ้ื งตน้ ๕,๐๐๐ บาท พนั เอก
เฉลมิ รวมกนั เปน็ เงนิ อกี ๕,๐๐๐ บาท รวมเปน็ เงนิ ทนุ ในการสรา้ งเหรยี ญทา่ นรนุ่ แรก
จ�ำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท เมือ่ ทกุ คนตกลงกนั ว่าโรงงานจะปัม๊ ไดเ้ ท่าไร หากค่าใช้จา่ ย
นอ้ ยกวา่ หนงึ่ หม่นื ส่วนที่เหลอื จะน�ำถวายวัด หากมากกว่าหน่ึงหมน่ื บาท จะร่วมกนั
รับผิดชอบค่าใชจ้ ่ายนนั้

เมอ่ื โรงงานไดร้ บั งานแลว้ กไ็ ดแ้ กะบลอ็ กเหรยี ญ เปน็ รปู หลวงปนู่ ง่ั สมาธอิ ยดู่ า้ น
หนา้ เหรยี ญ สว่ นดา้ นหลงั เหรยี ญ เปน็ ตวั ยนั ตข์ า้ งลา่ งและขา้ งบน สว่ นตรงกลางลงเปน็
วนั ที่ เนอื่ งดว้ ยผจู้ ดั สรา้ งกำ� หนดจะแจกเหรยี ญในงานทอดกฐนิ วดั ปา่ ธรรมวเิ วก อำ� เภอ
ชนบท จงั หวดั ขอนแก่น เพือ่ นำ� รายไดส้ มทบทนุ สรา้ งอโุ บสถ จงึ ลงวันตรงกบั งาน
ทอดกฐินวดั ปา่ ธรรมวิเวก คือวันท่ี ๒๓ พ.ย. ๑๒

เหรยี ญรุน่ แรก บล็อกแรก คือเหรยี ญที่คนทว่ั ไปเรียกว่า “บลอ็ ก คงเค” และ
“บลอ็ ก คงเคคอตงิ่ ” เพราะเมอื่ ปม๊ั เหรยี ญมากๆ ตรงคนดา้ นซา้ ยเกดิ แตกเปน็ เนอื้ เกนิ
ขน้ึ เปน็ ตำ� หนิ และเหรยี ญจำ� นวนนม้ี นี อ้ ยมาก สำ� หรบั การสรา้ งรนุ่ แรกนี้ คณุ สทุ ธ-ิ สงบ
ไดส้ รา้ งเหรยี ญทองคำ� ขน้ึ ดว้ ยเพอ่ื แจกคณะกรรมการ จำ� นวน ๑๑ เหรยี ญเทา่ นนั้ ซง่ึ ใน
ปัจจบุ ันจ�ำนวนเหรียญทองค�ำน้ียากแมจ้ ะหาดู

จำ� นวนเหรยี ญรนุ่ แรกทส่ี รา้ ง ไมไ่ ดก้ ำ� หนดวา่ มากเทา่ ใด ทราบจากทา่ นพระคร-ู
ไพศาลปัญญาคุณ ซง่ึ เป็นลูกศิษยร์ ว่ มปฏบิ ตั ธิ รรมกับหลวงปรู่ ูปหนึ่งไดก้ ลา่ วว่า

“เหรยี ญรุน่ แรก บลอ็ กแรก ไม่มใี ครไดน้ บั จำ� นวนไว้วา่ มีเท่าไร และเทา่ ท่ที ราบ
ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ นนั้ วนั กอ่ นเขา้ พรรษา เหน็ รถทหารวง่ิ เขา้ มาในวดั พรอ้ มดว้ ยลงั กระดาษ
หลายลงั แตล่ ะลงั จะหนกั มาก ทหารไดช้ ว่ ยกนั ยกมาเกบ็ ไวใ้ นศาลาวดั บา้ นแจง้ ทบั มา้
(วัดป่าพัฒนาคีรี) ซ่ึงทราบต่อมาว่าเป็นเหรียญของหลวงปู่ผาง ทหารได้น�ำมาถวาย

166

หลวงปู่เพ่อื แผเ่ มตตาจติ อธิษฐานตลอดพรรษา ปี ๒๕๑๒ เทา่ ทด่ี นู า่ จะมปี ระมาณ
๑๐,๐๐๐ เหรยี ญ”

เม่ือเหรียญรุ่นแรก บล็อกแรกหมดไป ไม่พอแจกจ่ายให้ประชาชนบูชา คณะ
กรรมการผสู้ รา้ งไดใ้ หโ้ รงงานแกะบลอ็ กขนึ้ มาใหม่ โดยใชบ้ ลอ็ กดา้ นหลงั เปน็ บลอ็ กเดมิ
จงึ เกิดบลอ็ กอนื่ ๆ ขนึ้ หลายบลอ็ ก หลายพิมพ์ เชน่

บล็อก สระอาหน้าใหญ่
บลอ็ ก สระอาหนา้ เล็ก
บล็อก สระอาหน้าเอยี ง
บลอ็ ก แท็งก์น�้ำเนอื้ เงนิ -ทองแดง
บลอ็ ก แทง็ กน์ ำ้� ไดจ้ ัดสร้างเปน็ สองเน้อื ดว้ ยกนั คือเนือ้ เงินและเนือ้ ทองแดง

มลู เหตแุ หง่ การจดั สรา้ งมอี ยวู่ า่ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทา่ นเจา้ คณุ พระเทพบณั ฑติ
(อนิ ทร์ ถริ เสว)ี เจา้ อาวาสวดั ศรจี นั ทร์ และเจา้ คณะจงั หวดั ขอนแกน่ (ธรรมยตุ ) อำ� เภอ
เมือง จงั หวัดขอนแกน่ ได้ดำ� ริจะหาแท็งก์นำ�้ เพอ่ื มอบใหโ้ รงเรียนในถน่ิ ทรุ กันดารใน
จงั หวดั ขอนแกน่ เพราะโรงเรยี นบางแหง่ ไดร้ บั ความลำ� บากเรอ่ื งนำ้� ดมื่ มาก เพอ่ื กกั เกบ็ นำ้�
ให้นักเรียนได้ด่ืมกินในหน้าแล้ง ท่านแจ้งให้คณะกรรมการด�ำเนินการจัดสร้างและ
ได้ขออนญุ าตหลวงปู่ผาง โดยได้จัดสรา้ งเปน็ สองเน้อื ขึน้ เพื่อวัตถปุ ระสงค์ดังกลา่ ว

วตั ถมุ งคลทเ่ี ปน็ เหรยี ญ รปู เหมอื น หรอื อะไรกต็ าม ทเี่ ปน็ รปู ของหลวงปู่ ทา่ นจะ
เมตตาอธษิ ฐานจติ ใหท้ งั้ หมด ขอแตเ่ พยี งผมู้ เี หรยี ญทา่ นไวค้ รอบครองนอ้ มจติ รำ� ลกึ
ถงึ ท่าน และปฏิบตั ติ ามคำ� แนะนำ� ของทา่ น ทา่ นสั่งกำ� ชับไว้เสมอๆ วา่

“แขนรปู ญาพ่อแลว้ อย่าสิไปกินเหล้าเดอ้ ” (แขวนรปู หลวงพอ่ แลว้ อยา่ ไปกนิ
เหลา้ นะ)

167

สร้างอุโบสถ

ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงปพู่ รอ้ มด้วยกรรมการวัดอดุ มคงคาคีรเี ขต และชาวบ้าน
ทง้ั ๓ หมบู่ า้ น คอื บา้ นดอนแกน่ เฒา่ บา้ นโสกใหญ่ บา้ นโสกนำ้� ขนุ่ ไดร้ ว่ มแรงรว่ มใจกนั
สรา้ งอุโบสถ ๑ หลัง เปน็ พื้นซีเมนต์ ผนงั กอ่ อฐิ ฉาบปูน ฝาโปร่ง โครงไม้ หลงั คามงุ
สงั กะสี กว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๒๑.๔๒ เมตร สิ้นค่ากอ่ สรา้ งประมาณ ๓๐,๐๐๐
บาทเศษ ภายในอุโบสถได้ประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง
๗ ศอก สูง ๙ ศอก องคพ์ ระประธานสร้างด้วยปนู ซีเมนต์ ให้เปน็ ที่ลงอุโบสถของ
พระภิกษุในวันธรรมสวนะและอปุ สมบท

ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้รอ้ื อโุ บสถหลงั น้ี แลว้ สร้างอโุ บสถหลังใหม่เป็น
๒ ชั้น ส่วนชั้นบนเป็นท่ีประกอบสังฆกรรมในกิจของสงฆ์ โครงสร้างใช้คอนกรีต
เสรมิ เหลก็ หลงั คามงุ กระเบอ้ื ง พน้ื ปดู ว้ ยซเี มนตข์ ดั หนิ ขดั ทาสขี าวภายในและรอบนอก
ส้นิ ค่าก่อสรา้ งประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งลา้ นบาทถ้วน)

168

เจดีย์ถ�้ำกงเกวียน

ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทา่ นไดส้ รา้ งเจดยี ถ์ ำ�้ กงเกวยี น โดยสรา้ งไวบ้ นไหลเ่ ขา
ครอบแทน่ หินบนลานหินขนาดใหญ่ ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง ยาว ๔.๕๐ เมตร สูง
๕ เมตร สร้างโดยกอ่ อิฐถอื ปูน ลักษณะเหมือนระฆังคว่�ำ ซงึ่ เปน็ สถานท่ีพักบ�ำเพญ็
เพียรของท่าน ทนั ทที ่ีสร้างเจดยี ถ์ �้ำกงเกวยี นเสร็จ ทา่ นได้สร้างศาลาพกั อีก ๑ หลงั
ขนาดความกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๒ เมตร สร้างด้วยเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก
พนื้ ซเี มนต์ มงุ ดว้ ยสงั กะสี สนิ้ คา่ กอ่ สรา้ งประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท (หกหมน่ื บาทถว้ น)

169

พ.ศ. ๒๕๑๓ จำ� พรรษาท่ีถ้ำ� นำ้� หนาว

สมัยนน้ั ทางคณะสงฆ์ โดยพระเดชพระคณุ พระเทพบณั ฑติ (อินทร์ ถริ เสว)ี
รองเจา้ คณะภาค ๙ (ธ) วดั ศรจี นั ทร์ จงั หวดั ขอนแกน่ ไดน้ มิ นตใ์ หห้ ลวงปผู่ างชว่ ยงาน
พระธรรมทตู ในเขตอำ� เภอมญั จาครี แี ละอำ� เภอใกลเ้ คยี ง ชว่ ยพฒั นาหมบู่ า้ น ถนนหนทาง
โรงเรยี น แหลง่ นำ�้ การอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ รกั ษาสาธารณสมบตั ิ และอบรมศลี ธรรมแก่
ประชาชน ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๑๓

เมอ่ื ไดร้ ว่ มกบั คณะสงฆป์ ฏบิ ตั งิ านสำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดแี ลว้ จงึ ไดข้ ออนญุ าต
ลาทา่ นเจ้าคุณพระเทพบัณฑติ เพอ่ื ไปจ�ำพรรษาทีถ่ ำ้� น�ำ้ หนาว ท่านได้เดนิ ธดุ งค์จาก
วดั อดุ มคงคาครี เี ขต ผา่ นไปทางอำ� เภอแกง้ ครอ้ อำ� เภอคอนสาร จงั หวดั ชยั ภมู ิ พกั ภาวนา
อยู่แถวๆ อำ� เภอคอนสารระยะหนึง่ ทา่ นก็เดนิ ทางมุ่งสนู่ ำ้� หนาว ผ่านบา้ นนาพอสอง
พักอยู่หน่ึงคืน จากน้ันก็เดินมุ่งหน้าสู่บ้านโนนชาติ ท่านใช้เวลาเดินทางจากอ�ำเภอ
คอนสารถงึ บา้ นโนนชาติ ๘ วนั เต็มๆ

ในครงั้ นที้ า่ นเดนิ ทางมาคนเดยี ว เมอ่ื ไปถงึ หมบู่ า้ น ชาวบา้ นเมอ่ื ไดท้ ราบวา่ หลวงปมู่ า
ต่างออกมาต้อนรับถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เมื่อทราบว่าท่านจะมาพักจ�ำพรรษาที่ถ�้ำ
น�ำ้ หนาว ต่างก็ดีอกดใี จเป็นการใหญ่

วนั แรกทา่ นพักอยใู่ นปา่ ข้างๆ หมูบ่ า้ นนัน่ เอง วนั ต่อมาหลวงปู่จงึ ได้พาชาวบ้าน
เข้าไปท�ำความสะอาดถ้�ำ ได้ให้ชาวบ้านเล่ือยไม้กระดานมาปูท�ำเป็นพ้ืนพอได้น่ังฉัน

170

และทำ� กระตอ๊ บหลงั เลก็ ๆ อยบู่ นหลงั หนิ แมช่ า้ ง และทา่ นกไ็ ดพ้ กั จำ� พรรษาทกี่ ระตอ๊ บ
หลงั นนี้ เี่ อง แมป้ จั จบุ นั นก้ี ระดานทปี่ ไู ว้ และกระตอ๊ บหลงั นกี้ ย็ งั อยู่ สว่ นทางเดนิ จงกรม
ท่านก็ให้ชาวบ้านเข้าไปปรับปรุงทางเดินเก่าที่ท่านเคยเดินอยู่ประจ�ำในเวลาที่ท่านมา
ภาวนาทถี่ ำ�้ นำ�้ หนาว คอื ถำ�้ ดา้ นลา่ งทน่ี ำ้� ไหลออกมา โดยปกตแิ ลว้ พอฉนั เชา้ เสรจ็ ทา่ นจะ
มดุ ถำ้� ดา้ นลา่ งเขา้ ไปเดนิ จงกรม จนเยน็ ทา่ นถงึ จะออกมาทำ� กจิ วตั รอนื่ ๆ ภายหลงั จาก
หลวงปู่กลับไปอยวู่ ดั ดนู แล้ว กม็ ลี กู ศษิ ยล์ ูกหามาพักภาวนาทุกๆ ปมี ไิ ด้ขาด

หลวงปไู่ ดป้ รารภความเพยี รเอาเปน็ เอาตายเขา้ วา่ สนกุ บำ� เพญ็ เพยี รปฏบิ ตั ภิ าวนา
เพราะไมม่ ใี ครรบกวน อยคู่ นเดยี วในถำ้� สว่ นอาหารกไ็ ดอ้ าศยั บณิ ฑบาตจากชาวบา้ น
เล้ยี งชีพไปวนั หนึง่ ๆ อยากฉนั ก็ฉนั ไม่อยากฉันกอ็ ด บณิ ฑบาตสว่ นมากกไ็ ด้แต่ข้าว
เปล่าๆ กบั ขา้ วคาวหวานไม่ค่อยมีเพราะหลวงปทู่ ่านฉนั เจ ไม่ฉันเนื้อฉันปลา

ได้ยินว่าใกล้ทางเข้าปากถ้�ำมีต้นไม้ใหญ่ล้มอยู่ขอนหนึ่ง ตั้งแต่หลวงปู่มาพัก
จ�ำพรรษาที่ถ้�ำน�้ำหนาวนี้ ไม้ขอนน้ีมีเห็ดเกิดตลอดท้ังปี ชาวบ้านได้เก็บเห็ดนั้นมา
หอ่ หมกใส่ใบตองท�ำอาหารถวายหลวงปู่เป็นประจ�ำทกุ วันไม่ไดข้ าด

171

หลวงพอ่ นอ้ ยสัตยซ์ อ่ื

ทา่ นภาวนาไดเ้ กดิ นมิ ติ หลายอยา่ ง นมิ ติ วา่ พระพทุ ธเจา้ แปลงกายเปน็ พระอนิ ทร์
ลงมาหาทา่ น มแี สงสตี า่ งๆ สวยงามอศั จรรยย์ ง่ิ นกั พระอนิ ทรไ์ ดแ้ สดงธรรมใหท้ า่ นฟงั
แลว้ กบ็ อกใหท้ า่ นรวู้ า่ เมอื่ อดตี ชาตปิ างกอ่ นหลวงปเู่ คยอยทู่ ถ่ี ำ้� น้ี เปน็ หลวงพอ่ มชี อื่ วา่
“หลวงพอ่ นอ้ ยสตั ยซ์ อื่ ” เพราะทำ� อะไรกซ็ อ่ื สตั ยส์ จุ รติ ทกุ อยา่ ง เขาจงึ เรยี กวา่ หลวงพอ่
นอ้ ยสตั ยซ์ อื่ ไดอ้ าศยั อยกู่ บั อาจารยช์ อ่ื “สที น” ทถี่ ำ�้ แหง่ นี้ และถำ้� แหง่ นเี้ มอ่ื กอ่ นเรยี ก
ว่า “ถ้�ำสโี ห” ครน้ั ต่อมาภายหลงั หลวงปูจ่ งึ เรียกถำ�้ นำ้� หนาวว่า “ถ้�ำสีโห” ตลอดมา

ในคนื ที่พระอินทร์ลงมาเทศนาใหท้ ่านฟังน้ัน ชาวบ้านก็ไดม้ องเห็นแสงสวา่ งลง
มาจากฟ้าตรงไปยงั ถำ�้ น้ำ� หนาว มแี สงสีต่างๆ เชน่ สีขาว สีแดง เปน็ ตน้ สวยงามและ
นา่ อัศจรรย์มาก

พอวนั หลงั ตอ่ มาชาวบา้ นไดก้ ราบเรยี นถามหลวงปวู่ า่ “เกดิ อะไรขนึ้ ทถี่ ำ้� นำ้� หนาว
หรอื ครบั ถงึ มแี สงสตี า่ งๆ นานา” ทา่ นจงึ เลา่ เรอื่ งราวใหช้ าวบา้ นฟงั ตลอด สดุ ทา้ ยทา่ น
ไดเ้ ลา่ วา่ “พระพทุ ธเจา้ ทจ่ี ำ� แลงแปลงกายเปน็ พระอนิ ทรล์ งมานนั้ ไดส้ ง่ั กำ� ชบั เราไวว้ า่
อยา่ บอกใคร แต่เรามนั มีปากพดู กไ็ ด้ กนิ ก็เป็น เลยเล่าให้ฟงั กัน”

172

ถ้�ำนำ้� หนาว แดนลึกลับ

ภายหลังทา่ นเล่าใหฟ้ ังวา่ ภายในถ�้ำน้นั เป็นท่ีอยูข่ องชาวลบั แลท่ีเปน็ ภพภูมอิ ีก
มติ หิ นง่ึ (ในคมั ภรี อ์ ภธิ รรมปฎิ ก เรยี กภพภมู เิ หลา่ นวี้ า่ ภมุ เทวดา คอื เทวดาทม่ี วี มิ าน
อยูบ่ นพ้นื ดนิ ) มีการเป็นอยูแ่ ละด�ำเนินชีวิตคล้ายมนษุ ยท์ ั่วไป แตม่ ลี ักษณะท่ีสำ� คญั
ประการหนง่ึ คอื เปน็ ผทู้ ยี่ ดึ มนั่ ในศลี ธรรมเปน็ อยา่ งดยี งิ่ รกั ษาศลี ๕ และประพฤตอิ ยู่
ในธรรม ๕ ประการ ไม่ได้ขาด แม้ชาวพุทธบางคนก็อาจยงั ไมร่ จู้ ักศีล ๕ หรือ ธรรม
๕ ประการ ด้วยซ�ำ้ ไป

ศลี ๕ ไดแ้ ก่ เวน้ จากการฆา่ สตั ว์ ๑ เวน้ จากลกั ทรพั ยผ์ อู้ นื่ ๑ เวน้ จากผดิ ลกู เมยี
ของผอู้ นื่ ๑ เว้นจากพดู ปด ๑ เว้นจากดมื่ น้�ำเมา ๑ เพื่อใหร้ กั ษาศลี ๕ ได้ครบ
ต้องยดึ ถอื ปฏบิ ตั ใิ น “ธรรม ๕ ประการ”

ธรรม ๕ ประการ ก็คอื เมตตา กรุณา ความรกั ใคร่ สงสาร คิดจะชว่ ยให้
พน้ จากทกุ ข์ ปรารถนาจะใหเ้ ป็นสุขตลอดไป ๑ สัมมาอาชพี เลี้ยงชีพในทางท่ชี อบ
ไม่ลักขโมยของผู้อ่ืน ๑ สทารสันตุฏฐี หรือ กามสังวร ยินดใี นสามีภรรยาของตน
ไม่ล่วงเกินในชายหญิงอน่ื ทไ่ี ม่ใช่สามีภรรยาตน ๑ สัจจวาจา พดู แต่คำ� สัตยค์ ำ� จริง
ไม่โกหกหลอกลวง ๑ อปั ปมาท มสี ติ ไม่ประมาท ๑

การแต่งกายก็นุ่งขาวห่มขาวเสียเป็นส่วนใหญ่ อยู่กันเป็นครอบครัวเหมือน
มนุษยธ์ รรมดาทวั่ ๆ ไป มอี ัธยาศัยนอ้ มไปในธรรมอย่เู นืองนิตย์ พอถงึ วันพระขน้ึ
หรอื แรม ๘ ค�ำ่ หรอื ๑๕ ค�่ำ จะตีกลองบอกกล่าวชกั ชวนกนั มาทำ� วตั รสวดมนต์

173

และฟงั ธรรมอยเู่ สมอมา บางครั้งชาวบา้ นแถบนนั้ กไ็ ดย้ นิ เสียงฆอ้ งเสียงกลอง และ
เสยี งสวดมนตแ์ วว่ ดงั กงั วานออกมาจากถำ้� นำ้� หนาวกเ็ คยมเี หมอื นกนั ทถ่ี ำ้� นเี้ คยเปน็ วดั
มากอ่ น มีตน้ มะมว่ ง ต้นขนนุ ตน้ โพธ์ิ

ภายในพรรษานเ้ี อง ทา่ นเลา่ วา่ เรอ่ื งชาตภิ พ และการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ของทา่ นได้
ยตุ ลิ งแลว้ ชาตนิ ถี้ อื วา่ เปน็ ชาตสิ ดุ ทา้ ยของทา่ น ทา่ นจะไมก่ ลบั มาเกดิ อกี การเวยี นวา่ ย
ตายเกดิ จบสนิ้ กนั เสยี ที เรอื่ งการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย เรอ่ื งกเิ ลสตณั หาอาสวะทกุ ประเภท
ไดห้ มดสนิ้ ไปจากใจของทา่ นแลว้ เหลอื แตจ่ ติ ทบ่ี รสิ ทุ ธิ์ จงึ นบั ไดว้ า่ ทา่ นคอื พระอรหนั ต์
องคห์ นงึ่ ก็วา่ ได้ ทา่ นเคยพูดวา่ “คนเฮานมี้ เี กดิ กะมีดบั ถ้าบม่ กี ารเกดิ กะบ่มีดบั
อนั นมี้ นั เปน็ ของคกู่ นั ไผเฮด็ ไผทำ� กะไดแ้ กผ่ นู้ น้ั ใหพ้ ากนั เฮด็ เอาทำ� เอาเดอ้ ” (คนเรานี้
มเี กดิ กม็ ดี บั ถา้ ไมม่ กี ารเกดิ กไ็ มม่ ดี บั อนั นม้ี นั เปน็ ของคกู่ นั ใครสรา้ งใครปฏบิ ตั กิ ไ็ ด้
แกค่ นนัน้ ให้พากันประพฤตปิ ฏบิ ัติเอานะ)

จติ ของทา่ นนน้ั สวา่ งไสวอยทู่ กุ เมอื่ สวยงาม สวา่ งจา้ ครอบโลกธาตอุ ยทู่ ง้ั กลางวนั
และกลางคนื คอื จติ เปน็ ธรรมธาตุ บรสิ ทุ ธหิ์ ลดุ พน้ จากอาสวะ ไมม่ คี วามเสอ่ื มสญู โดย
ประการทงั้ ปวง มีแตบ่ รมสขุ อยู่ตลอดกาล เพราะไดผ้ า่ นการฝกึ ดว้ ยอรรถดว้ ยธรรม
ตามรอยของพระพทุ ธเจา้ ผเู้ ลศิ โลกมาแลว้ จงึ หาวตั ถสุ งิ่ ของทอ่ี ยภู่ ายนอกกายมาเทยี บ
ไมไ่ ด้ ดงั คำ� ท่ีพระพุทธเจา้ ตรัสว่า จิตตฺ ํ ทนฺตํ สขุ าวหํ คือ จติ ท่ฝี ึกดีแล้ว น�ำความสุข
มาให้ หลวงปู่ผางก็เหมอื นกัน ทา่ นจะอยูท่ ่ีไหน อิริยาบถใดกต็ าม ยนื เดิน นงั่ หรือ
นอน ทา่ นก็รักษาจติ ของทา่ นไมใ่ หส้ า่ ยแสไ่ ปตามอวชิ ชาท้ังหลายท่ีเปน็ เช้อื กอ่ ให้เกิด
ภพชาตอิ กี ตอ่ ไป ทา่ นจงึ ไดด้ วงธรรมอนั เลศิ มาครองทใี่ จ ทา่ นเคยพดู วา่ “เรยี นมนั หลง
ใหเ้ อาแตจ่ ิตกบั ใจเปน็ พอ” ท่านจึงไดถ้ ึงธรรมธาตแุ หง่ จิตน้ี จงึ สมนามฉายาของท่าน
จิตฺตคตุ ฺโต คอื ผู้มจี ิตคุ้มครองแลว้ ดงั คำ� พระพุทธเจา้ ตรสั ว่า

จิตฺตํ คตุ ตฺ ํ สุขาวหํ คือ จติ ทคี่ ้มุ ครองแล้ว นำ� ความสขุ มาให้
ถ้ำ� น้นี อกจากหลวงปูแ่ ลว้ ยากจะมใี ครจะสามารถอยู่ไดน้ านๆ เพราะผเี จ้าทไ่ี ม่
อยากให้อยู่ ถ้�ำนำ้� หนาวน้ี หลวงปู่ได้มาพกั ภาวนาหลายครัง้ หลายคราว จงึ มีเร่ืองที่
ลกู ศษิ ยล์ กู หาไดเ้ ลา่ ถงึ ปฏปิ ทาและความอศั จรรยใ์ จในเหตกุ ารณต์ า่ งๆ หลายๆ เรอื่ ง

174

ล่วงหน้า...ที่ลว่ งรู้

เรอื่ งน้ี คณุ ตาปนุ่ ขวญั นาง ปจั จบุ นั (๒๕๔๕) อายุ ๘๓ ปี เปน็ ชาวบา้ นหว้ ยลาด
ตำ� บลหลักดา่ น อ�ำเภอน�้ำหนาว จงั หวัดเพชรบูรณ์ ซง่ึ เคยเปน็ ทายกอุปัฏฐากหลวงปู่
ทถ่ี ำ�้ นำ้� หนาวในชว่ งทท่ี า่ นมาพกั อยู่ ไดเ้ ลา่ ถงึ ความอศั จรรยใ์ จในปฏปิ ทาของหลวงปวู่ า่

วนั หนง่ึ หลวงปไู่ ดส้ งั่ ใหค้ ณุ ตาปนุ่ ซงึ่ เปน็ ทายกและชาวบา้ นไดเ้ ตรยี มตวั ตอ้ นรบั
คณะศรทั ธาทจี่ ะเดนิ ทางมาหาทา่ นทถี่ ำ�้ นำ้� หนาว คณุ ตาและชาวบา้ นรสู้ กึ แปลกใจทที่ า่ น
สงั่ เชน่ นนั้ แปลกใจมากกค็ อื ไมร่ วู้ า่ คณะศรทั ธากลมุ่ ไหนจะมา มาจากไหน จะมาเมอ่ื ไหร่
และแจง้ ใหห้ ลวงปทู่ ราบตอนไหน และมาเวลาใด เพราะกแ็ ทบจะนงั่ เฝา้ หนา้ ถำ้� ทที่ า่ น
บำ� เพญ็ เพียรอยู่ ถ้ามากต็ ้องเห็นกัน

แต่คุณตาและชาวบ้านก็เช่ือท่าน และได้เตรียมอาหารการกิน ส่วนมากก็เป็น
ของป่า เช่น เหด็ หนอ่ ไม้ ผกั กูด ผกั หนาม ซึ่งมีอยทู่ ั่วไปไวค้ อยตอ้ นรับคณะศรัทธา
พอเวลาผา่ นไป ๓ วนั กม็ ีคณะศรัทธามาจากอ�ำเภอบา้ นไผ่ ในครงั้ นัน้ ไดเ้ ดนิ ทางมา
ที่ถำ�้ นำ้� หนาวโดยใช้เวลา ๙ วัน จากบ้านโนนหนั อำ� เภอชมุ แพ และนั่งเกวียนเปน็
พาหนะ

คณะศรทั ธาดงั กลา่ วประกอบดว้ ย พระภกิ ษุ ๑ รปู คอื พระครชู ม (พระอาจารยช์ ม
ปภสฺสโร วดั ระหอกโพธิ์ อำ� เภอบ้านไผ่ จงั หวดั ขอนแกน่ ) สามเณรอีก ๑ รปู และ
ญาตโิ ยมตดิ ตามอกี กวา่ สบิ คน ทา่ นไดใ้ หพ้ ระครชู ม และสามเณรพกั ทถี่ ำ�้ สว่ นญาตโิ ยม
ท่ตี ิดตามมา ทา่ นให้พกั ในหมูบ่ ้านกอ่ นถึงถำ�้ นำ้� หนาวนน้ั เอง

175

หลงั จากพกั เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ พระครชู มไดก้ ราบเรยี นวา่ “ไดย้ นิ ขา่ วลอื กนั วา่
หลวงปผู่ างไดม้ ามรณภาพทถ่ี ำ้� นำ�้ หนาว จงึ ไดม้ าพสิ จู นว์ า่ เปน็ ความจรงิ หรอื เปลา่ เมอ่ื ได้
มาเห็นและทราบว่าไม่เป็นความจริงก็สบายใจ” และได้ขออนุญาตหลวงปู่เพ่ือเดินดู
ภายในถ�ำ้ กับสามเณรผูต้ ิดตาม

ทา่ นพระครชู ม และสามเณร ได้เดนิ ดูภายในถ้ำ� จากห้องโน้นไปห้องน้ี ได้เห็น
ความสวยงาม และวจิ ติ รพิสดารของถ้�ำ มีหินงอกหนิ ย้อยลงมาจากเพดาน เปลง่ แสง
ระยิบระยับประดุจเครื่องประดับท่ีล้�ำค่า บางช่วงก็เป็นห้องใหญ่โต จุคนได้เป็น
หลายรอ้ ย บางแหง่ กค็ ลา้ ยหอ้ งตอ่ ๆ กนั ไปโดยมปี ระตเู ชอื่ มกนั คลา้ ยเปน็ บา้ นเรอื นคน
บางทกี่ ็เป็นซอกเล็กซอกน้อย ก้อนหนิ ทีร่ ะเกะระกะตามถ้ำ� กส็ ดใสสวยงาม บางกอ้ น
ใสเหมือนกระจก บางแห่งเป็นหาดทรายขาวสะอาดดุจเกล็ดเพชร อากาศโปรง่ เยน็
สบาย มีลมพัดเข้ามาเป็นระยะ และภายในถ�้ำยังมีน�้ำตกท่ีสวยงามอีกหลายแห่ง
ความลกึ และยาวของถ้�ำไม่มใี ครพิสจู นไ์ ด้วา่ เทา่ ใด ผทู้ เี่ คยเขา้ ไปบอกวา่ อาจมากกวา่
๑๐ กโิ ลเมตร เพราะเดนิ เขา้ ไปเรอื่ ยๆ กไ็ มพ่ บทส่ี ดุ ถำ้� สกั ที นกั สำ� รวจบางคณะเขา้ ไป
๕-๖ คนื จนเสบยี งอาหารและแสงสวา่ งทเ่ี ตรยี มไปจะหมดลง จงึ ไดถ้ อยกลบั ออกมา

เม่ือท่านพระครูชมและสามเณรเดินดูจนเป็นท่ีพอใจแล้ว จึงได้กลับออกมา
เมอ่ื ทา่ นพระครชู มและสามเณรมาถงึ หลวงปไู่ ดถ้ ามพระครชู มวา่ “เขา้ ไปในถำ�้ ไปเอา
อะไรของเขามาล่ะ”

ทา่ นพระครชู มรสู้ กึ งง คดิ วา่ ไมไ่ ดเ้ อาอะไรออกมา จงึ กราบเรยี นทา่ นวา่ “กระผม
ไมไ่ ดเ้ อาของมีค่าอะไรออกมาเลยนี่ครับ”

หลวงปไู่ ด้กลา่ วยำ้� ว่า “ไมไ่ ดเ้ อาอะไรออกมาหรือ แล้วท�ำไมพวกวิญญาณในถ�้ำ
เขาถงึ มานง่ั ฟอ้ งเราเปน็ แถว ดซู ิ เขานงั่ เปน็ แถวฟอ้ งเราอยนู่ ว้ี า่ ไปเอาของมคี า่ อะไรของ
เขาออกมาด้วย”

ทา่ นพระครแู ละสามเณรตา่ งกข็ นลกุ ไปตามๆ กนั มองดรู อบๆ ตวั แตก่ ไ็ มเ่ หน็ ใคร
ทงั้ งงและแปลกใจ

176

หลวงปจู่ งึ พดู ขน้ึ วา่ “วญิ ญาณในถำ�้ เขามาฟอ้ งเราวา่ ทา่ นพระครฯู และสามเณร
ไปเอาเครอื่ งประดบั ถำ�้ เขามา ใหร้ บี เอาไปคนื เขาเสยี ถา้ ไมเ่ ชน่ นน้ั จะกลบั บา้ นไมไ่ ดน้ ะ”

พระครูชมได้นง่ิ ครุ่นคดิ อยคู่ รหู่ น่งึ แล้วไดก้ ราบเรียนท่านว่า
“ผมเพงิ่ นกึ ได้ ขณะทผี่ มเดนิ ดภู ายในถำ�้ เหน็ กอ้ นหนิ สองกอ้ นเปน็ คลา้ ยแกว้ ใส
ดูสวยงาม จึงอยากจะเอาไปเป็นของที่ระลึก ไม่นึกว่าวิญญาณในถ�้ำจะหวงแหน
ถ้าอย่างน้นั ผมกจ็ ะเอาไปคืนทเ่ี ดมิ ละ่ ครับ”
หลงั จากน้ัน ท่านทั้งสองก็ไดเ้ อากอ้ นหินท่เี อามาจากถ�้ำไปคนื ไวท้ เี่ ดมิ

177

อัศจรรยใ์ จ..ในวันหนึง่

คุณตาป่นุ ขวัญนาง เปน็ โยมอปุ ัฏฐากหลวงปู่ ไดเ้ ล่าถงึ ความอศั จรรย์ใจไวว้ า่
โดยปกติแล้ว ทุกวันโยมปุ่นจะเป็นคนจัดอาหารถวายหลวงปู่เป็นประจ�ำ วันหน่ึง
ไม่ได้ไปวัดจัดอาหารการฉันถวายหลวงปู่เพราะติดภาระท�ำไร่ท�ำสวน วันน้ันรู้สึก
เป็นกงั วลมาก เปน็ หว่ งหลวงปทู่ า่ นจะไดฉ้ นั อะไรบ้าง จะมคี นถวายพรกิ เกลือ และ
หมกเห็ดหรอื เปล่า

พอวนั รุ่งขน้ึ แกจงึ รีบไปจัดอาหารเชา้ ถวายหลวงปู่ตามปกติ พอไปถึง ขณะนั่ง
ลงกราบ ท่านก็พูดขน้ึ ว่า

“พรกิ เกลอื และหมกเหด็ กพ็ อมฉี นั อยู่ ถา้ ตดิ ภาระไรส่ วนกร็ บี ๆ ทำ� ใหม้ นั เสรจ็
ใจจะไดไ้ ม่เป็นกงั วล”

รสู้ กึ อศั จรรยใ์ จมาก เกดิ มาไมเ่ คยพบไมเ่ คยเหน็ ยง่ิ ทำ� ใหค้ ณุ ตาศรทั ธาเลอื่ มใส
หลวงปมู่ ากข้นึ เรอ่ื งไหนๆ ทหี่ ลวงปู่ทา่ นพดู ไว้ ต่อมาเรื่องนน้ั ๆ กเ็ กิดขนึ้ จริงตามท่ี
ทา่ นกล่าวทกุ ประการ จึงเชื่อและศรัทธาในหลวงปเู่ สมอมา

ในเรอื่ ง ปรจติ ตวชิ ชา คอื การกำ� หนดรใู้ จผอู้ นื่ ไดก้ เ็ หมอื นกนั คณะศษิ ยานศุ ษิ ย์
ผใู้ กลช้ ดิ ทราบเปน็ อยา่ งดี ใครคดิ เรอื่ งอะไร หรอื กงั วลเรอื่ งใดๆ หลวงปมู่ กั จะทกั ทว้ ง
หรือเทศนาอบรมในเรือ่ งนนั้ ๆ ทัง้ โดยตรงและโดยอ้อมเสมอ เพราะฉะน้นั ในเร่ืองนี้
ลูกศษิ ย์คนใดทีอ่ ยูอ่ ปุ ัฏฐากใกลช้ ิดทา่ น ก็จะตอ้ งส�ำรวมจิตมิใหพ้ ล้ังเผลอ ใหอ้ ย่ใู น
กรอบแหง่ พระธรรมวนิ ยั ถา้ ออกนอกกรอบเมอื่ ไรกจ็ ะถกู ทา่ นเตอื นสตสิ ะกดิ ใจ ทำ� ให้
สะดงุ้ ไปเจ็ดวนั สิบวนั ทีเดียว

178

อาพาธหนกั ...ท่ถี ำ�้ น�้ำหนาว

ในชว่ งทท่ี า่ นพกั บำ� เพญ็ สมณธรรมทถ่ี ำ้� นำ�้ หนาว ระหวา่ งพรรษาหลวงปอู่ าพาธหนกั
อาจจะเนอ่ื งมาจากทา่ นเรง่ ความเพยี รอยา่ งหนกั มาก อดอาหารเปน็ ระยะๆ ตดิ ตอ่ กนั
หลายวนั เจด็ แปดวนั ถงึ บณิ ฑบาตมาฉนั ครงั้ หนงึ่ เดนิ จงกรมหรอื นงั่ สมาธทิ งั้ วนั ทง้ั คนื
จึงท�ำให้สุขภาพของท่านทรุดลง ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ร่างกายผ่ายผอมมาก
ชาวบา้ นเหน็ เชน่ นน้ั จงึ ไดไ้ ปหาเอายาสมนุ ไพรดๆี ทร่ี จู้ กั อยตู่ ามปา่ เขามาตม้ ใหท้ า่ นฉนั
แตอ่ าการปว่ ยของทา่ นไมท่ เุ ลาลงเลย ชาวบา้ นไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไรดถี งึ จะทำ� ใหท้ า่ นทรง
ธาตุขันธ์หายจากอาการป่วยได้ โยมปุ่นจึงคิดหาวิธีท่ีจะช่วยหลวงปู่ตามท่ีเคยรู้จาก
ครบู าอาจารยม์ า จงึ ไดช้ กั ชวนชาวบา้ นพรอ้ มใจกนั จดั เตรยี มดอกไมธ้ ปู เทยี น ไดพ้ รอ้ ม
กันขอนมิ นตข์ อใหห้ ลวงปูท่ รงธาตุทรงขนั ธ์ไว้เพ่ือไดแ้ นะน�ำสั่งสอนชาวบ้านตอ่ ไป

ทแี รกทา่ นไมย่ อมรบั คำ� อาราธนานมิ นตจ์ ากชาวบา้ น แตช่ าวบา้ นกข็ อกราบวงิ วอน
อาราธนาทา่ นดว้ ยเหตุผลต่างๆ ท่านจงึ เมตตารับนมิ นตใ์ ห้ พอถึงตอนเชา้ อาการป่วย
ของทา่ นกห็ ายเปน็ ปกติ สามารถออกบณิ ฑบาตได้ พอชาวบา้ นมองเหน็ กแ็ ปลกใจ เพราะ
ไดช้ กั ชวนกนั จดั เตรยี มอาหารไปถวายและเยยี่ มอาการปว่ ยของทา่ นดว้ ย พอบณิ ฑบาต
กลับถึงที่พัก ชาวบ้านกไ็ ดจ้ ดั อาหารถวาย สงั เกตเหน็ ทา่ นสขุ ภาพแขง็ แรง ผิวพรรณ
ผ่องใส ใบหนา้ อ่มิ เอบิ กระปรกี้ ระเปร่า เหมอื นกบั วา่ ไม่ไดเ้ จบ็ ไขไ้ ด้ป่วยมากอ่ นเลย

หลวงปยู่ งั ไดพ้ ดู ตลกหยอกเยา้ ญาตโิ ยมวา่ “มอ่ื นพี่ อ่ ออกแมอ่ อกมขี า้ วนำ�้ พอเลยี้ ง
พระหนมุ่ บ่ละ่ พระหนุ่มเพ่นิ ฉนั หลายเด๊ะ บ่คอื พระผู้เฒา่ ม่ือวานนีเ่ ด๊ะ” (วันน้โี ยมมี
ขา้ วนำ้� พอเลย้ี งพระหนมุ่ ไหมละ่ พระหนมุ่ ทา่ นฉนั มากนะ ไมเ่ หมอื นพระผเู้ ฒา่ เมอื่ วาน
นน้ี ะ)

179

ตำ� นาน...ถ้ำ� นำ�้ หนาว

ถ�้ำน�้ำหนาวมีต�ำนานเล่าขานมาว่า คร้ังหน่ึงได้มีพญานาคอาศัยอยู่ภายในถ้�ำ
ในวนั สำ� คญั ทางศาสนา เชน่ วนั ขน้ึ หรอื แรม ๘ คำ�่ ๑๕ คำ่� กจ็ ะแปลงกายเปน็ มนษุ ย์
ไปร่วมทำ� บุญตักบาตร ถวายภัตตาหารพระภิกษุสามเณรทวี่ ัดอยูเ่ สมอๆ

คราวหนึ่งก็ได้แปลงกายเป็นมนุษย์เช่นปกติ และได้เตรียมส�ำรับอาหารเพ่ือ
ถวายพระ โดยใชข้ นั ทองคำ� เปน็ ภาชนะใสอ่ าหารไปทำ� บญุ และในเชา้ วนั นน้ั เอง สามเณร
รูปหน่ึงเห็นภาชนะใส่อาหารเป็นขันทองค�ำ มีลวดลายสวยงามอย่างวิจิตรพิสดาร
โดดเด่นอลงั การ คิดอยากจะได้มาเป็นของตน ขณะคนก�ำลงั ชลุ มุนวุ่นวายขวนขวาย
ทำ� บญุ อยู่ พอลับตาคนมองไมเ่ หน็ จงึ น�ำขันทองค�ำของพญานาคไปแอบซ่อนไว้

หลงั จากเสรจ็ จากทำ� บญุ แลว้ พญานาคจะกลบั ทอี่ ยขู่ องตน กห็ าขนั ทองคำ� ของตน
หาเท่าไรก็ไม่เจอ สอบถามใครทไี่ ปร่วมท�ำบญุ ด้วย ต่างก็ปฏเิ สธไม่ได้เอาไป เมื่อเป็น
ดงั นน้ั ทำ� ใหพ้ ญานาคโกรธเคอื งมาก จงึ แสดงอทิ ธฤิ ทธป์ิ าฏหิ ารยิ ถ์ ลม่ บรเิ วณวดั จมลง
เปน็ หนองนำ้� พระภกิ ษสุ ามเณรกแ็ ตกตนื่ วง่ิ หนอี อกจากวดั ไปอาศยั อยใู่ นถำ้� นำ้� หนาว

ฝ่ายสามเณรผู้แอบขโมยขันทองค�ำก็หนีขึ้นไปอยู่บริเวณหน้าถ�้ำ พญานาค
เห็นด้วยฤทธ์ิว่า สามเณรรูปน้ีแหละ เป็นผู้ขโมยขันทองค�ำของตนไป เป็นสมณะ
ไมร่ กั ษาศลี ไม่ละความโลภ เม่ือลกั ขโมยของผ้อู ืน่ แล้ว ถอื ว่าขาดจากความเป็นพระ
เป็นสามเณร กลับกลายเป็นคฤหสั ถ์ไปแล้วโดยปริยาย พญานาคจงึ ไดแ้ สดงฤทธ์ใิ ห้
ธรณีสูบเอาสามเณรรูปนัน้ ให้ตกเข้าไปในปฐพสี ิน้ ใจตายบรเิ วณหน้าถำ้� นน้ั เอง

180

เพราะฉะนนั้ บรเิ วณหนา้ ถำ้� นำ�้ หนาวทเี่ ปน็ หลมุ ลกึ เรยี กกนั สบื ตอ่ มาวา่ “หลบุ เณร”
สว่ นบรเิ วณวดั ทพี่ ญานาคไปทำ� บญุ และใชอ้ ทิ ธฤิ ทธปิ์ าฏหิ ารยิ ถ์ ลม่ นนั้ พน้ื ดนิ บรเิ วณนนั้
ไดย้ บุ ตวั ตำ่� ลงจนกลายเปน็ หนองนำ้� พระภกิ ษสุ ามเณรทเี่ คยอยอู่ าศยั ในวดั ดว้ ยความ
กลวั ฤทธเ์ิ ดชพญานาคกแ็ ตกแยกหนกี นั ไป หนองนำ้� นนั้ จงึ เรยี กขานกนั วา่ “หนองพระ
แตก” สืบมากระท่งั ปัจจุบัน

บรเิ วณถำ้� นำ�้ หนาวเปน็ ธรรมชาติ มนี ำ�้ ทา่ อดุ มสมบรู ณ์ เปน็ สถานทส่ี งบวเิ วก พน้ื ท่ี
กวา้ งขวางครอบคลมุ ไปถงึ ดา้ นหลงั หว้ ยบา้ นธาตุ เหตทุ เ่ี รยี กวา่ “หว้ ยบา้ นธาต”ุ เพราะ
ตดิ กบั ลำ� หว้ ยบา้ นธาตุ ซงึ่ ไหลผา่ น พระธาตบุ รรจพุ ระนขา (เลบ็ ) ของพระพทุ ธเจา้ และ
ธาตุพระยาวอก ซงึ่ อย่ใู นบริเวณวัดถำ�้ ใหญน่ ำ้� หนาว

181

ถ�ำ้ น้�ำหนาว...คือวัดเกา่

ตามคำ� บอกกลา่ วทเี่ ลา่ ขานกนั มาของผสู้ งู อายใุ นเขตอำ� เภอหลม่ เกา่ เลา่ สบื ตอ่ กนั
มาว่า วดั ถ้�ำน้ำ� หนาว เป็นวัดทมี่ คี วามเกา่ แก่ ตัง้ มานานพร้อมกบั การตงั้ เมอื งหลม่ เกา่
เพราะอำ� เภอนำ�้ หนาวเดิมขึน้ กบั อ�ำเภอหลม่ เก่า และตงั้ อยใู่ นเสน้ ทางผ่านไปยังเมือง
เวยี งจนั ทน์ มณฑลอดุ ร และเมอื งในภาคอสี าน ซง่ึ กอ่ น พ.ศ. ๒๓๖๙ อำ� เภอหลม่ เกา่
ขน้ึ กบั เมอื งเวยี งจนั ทน์ โดยเมอื งเวยี งจนั ทนก์ เ็ ปน็ ประเทศราชของกรงุ สยาม (ประเทศ
ไทย)

นอกจากนถ้ี ำ้� นำ�้ หนาวยงั เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐาน รอยพระพทุ ธบาท โดย พระประเสรฐิ -
สรุ ยิ ศกั ด์ิ กรมการเมอื งหลม่ สกั ไดแ้ วะเขา้ มาเทยี่ วชมถำ�้ นำ�้ หนาว ไดพ้ บรอยพระพทุ ธบาท
จงึ ไดน้ ำ� ไปไวท้ เ่ี มอื งหลม่ สกั และเชอ่ื กนั มาวา่ ภายในถำ้� เปน็ ทส่ี ถติ ของเทวดา พญานาค
และสง่ิ ศกั ด์ิสิทธติ์ ่างๆ กับท้งั ถำ้� กม็ ีลกั ษณะท่วี ิจิตร พิสดาร มีหนิ งอกหนิ ย้อยลงมา
จากเพดานถ้�ำจนจรดพืน้ ถ�ำ้ กลายเปน็ เสาหนิ หนิ ปูนทเ่ี กาะกันก่อตวั เป็นแท่งเหล่านี้
ตอ้ งใชเ้ วลานานนบั หลายรอ้ ยหลายพนั ปจี งึ เปน็ เสาหนิ ได้ และเปน็ แหลง่ ตน้ นำ�้ ของหว้ ย
ขอนแกน่ ซง่ึ มนี ำ�้ ไหลออกมาจากถำ�้ อยตู่ ลอดปี และไหลผา่ นอทุ ยานแหง่ ชาตนิ ำ้� หนาว
ลงสเู่ ขอ่ื นปากหว้ ยขอนแกน่ ทอ่ี ำ� เภอหลม่ สกั จงั หวดั เพชรบรู ณ์ เปน็ ประโยชนแ์ กช่ าวบา้ น
และเกษตรกรในเขตอ�ำเภอหล่มสัก และอ�ำเภอหลม่ เก่าในปัจจุบัน

สถานทีส่ �ำคญั บรเิ วณหนา้ ถำ�้ น�ำ้ หนาวมีอยู่ ๓ แห่งด้วยกนั คือ

182

๑. หลุบเณร อยู่ตรงหนา้ ถ้ำ� นำ�้ หนาว
๒. หนองพระแตก อยบู่ รเิ วณดา้ นทศิ ตะวนั ตกของหนา้ ถำ�้ นำ�้ หนาว หา่ งจากหนา้ ถำ�้
ประมาณ ๒๐๐ เมตร
๓. ถ�้ำน�้ำหนาว ซ่งึ เป็นสถานทวี่ ิเวกปฏบิ ตั ิธรรมของครูบาอาจารย์หลายรูป เชน่
หลวงปู่มนั่ ภูรทิ ตฺโต หลวงปู่แหวน สุจิณโฺ ณ หลวงปู่ต้อื อจลธมโฺ ม หลวงปู่หลยุ
จนฺทสาโร หลวงปชู่ อบ €านสโม หลวงป่คู ำ� ดี ปภาโส และหลวงปผู่ าง จติ ตฺ คุตฺโต
เป็นต้น
ส่งิ กอ่ สรา้ งและส่งิ ของท่ีเป็นเครื่องยืนยันวา่ ถ�ำ้ นำ�้ หนาวเปน็ วัดเก่าแก่ ก็คอื
๑. เจดยี พ์ ระนขา ซงึ่ เป็นเจดยี ์บรรจุพระนขา (เล็บ) ของพระพุทธเจา้
๒. เจดยี พ์ ระยาวอก ซงึ่ เปน็ เจดยี บ์ รรจอุ ฐั ขิ องพระยาวอก ซง่ึ สบื เชอ้ื สายกษตั รยิ ์
มาจากราชวงศล์ ้านชา้ ง ซงึ่ อพยพไพร่พลหลบภยั สงครามมาจากเมอื งหนองบวั ลำ� ภู
๓. พระพุทธรปู นาคปรก ปางมารวิชยั ทำ� ดว้ ยหินทราย ๑ องค์
๔. ฉาบ ทำ� ดว้ ยสำ� รดิ หนา ๐.๕ ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๑๘ ซม. (ภาษาทอ้ งถนิ่
เรยี กว่า “แฉ่ง”)
เมอื่ ออกพรรษาแลว้ พระครศู รี เจา้ อาวาสวดั ดงเคง็ อ.ประทาย จ.นครราชสมี า
และคณะศษิ ยท์ เ่ี คารพศรทั ธาเลอื่ มใส ไดน้ ำ� เฮลคิ อปเตอรโ์ ดยไดร้ บั ความรว่ มมอื จาก
ทหารคา่ ยทหารพอ่ ขนุ ผาเมอื ง จงั หวดั เพชรบรู ณ์ มารบั หลวงปกู่ ลบั วดั อดุ มคงคาครี เี ขต
เพราะถนนหนทางสมัยนั้นเข้าไปถึงถ้ำ� นำ�้ หนาวยากมาก

183

เจดยี ก์ แู่ ก้ว

ตอ่ มาในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ทา่ นไดส้ รา้ งเจดยี ก์ แู่ กว้ ๑ หลงั ซงึ่ หา่ งจากศาลา
การเปรยี ญ ไปทางดา้ นทศิ ตะวนั ตก ๗๐ เมตร มขี นาดความกวา้ ง ๔ เมตร ยาว ๑๐ เมตร
เป็นท่ีพกั บำ� เพ็ญสมณธรรมของหลวงปู่ เนือ่ งจากท่านชราภาพมากข้นึ จึงควรพักใน
ที่ใกล้ศาลาเพื่อสะดวกในการท�ำภัตกิจและอื่นๆ รวมทั้งเพื่อสะดวกในการต้อนรับ
ปฏิสันถารผู้มากราบนมัสการ เป็นลักษณะคล้ายระฆังคว�่ำ ต่อด้วยทางยาวเป็นท่ี
เดินจงกรม มีกำ� แพงล้อมรอบ โครงสรา้ งเป็นคอนกรตี เสรมิ เหลก็ หลังคามงุ ดว้ ย
กระเบอ้ื งเคลอื บ ผนงั กอ่ ดว้ ยอฐิ ฉาบปนู พนื้ ซเี มนตป์ กู ระเบอ้ื ง สนิ้ คา่ กอ่ สรา้ งประมาณ
๔๐๐,๐๐๐ บาท (สแี่ สนบาทถว้ น) และในปเี ดยี วกนั นเ้ี อง ไดส้ รา้ งกฏุ เิ พม่ิ อกี ๕ หลงั
สร้างดว้ ยไม้ หลงั คามงุ สงั กะสี

184

ประสบการณท์ ่ลี ูกศษิ ย์ไดร้ ับจากหลวงปู่

โยมสพุ ร ศิษยผ์ เู้ คารพนบั ถือหลวงปู่คนหนึง่ ไดเ้ ลา่ เรอ่ื งเกยี่ วกับหลวงป่ไู ว้ว่า

ดฉิ นั โชคดี เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ไดม้ โี อกาสมากราบนมสั การหลวงปู่ โดยการนำ� พา
ของคณุ นา้ สงบ จำ� ไดต้ ดิ ตา ไปกราบหลวงปทู่ ว่ี ดั พระศรมี หาธาตุ บางเขน องคห์ ลวงปู่
ทา่ นพดู ภาษาอสี าน ดฉิ นั ฟงั ไมเ่ ขา้ ใจ แตม่ คี ำ� หนงึ่ ทา่ นพดู วา่ “หมน่ั ทำ� ความเพยี รเนอ้ ”
พรอ้ มกบั ทำ� มอื ใหด้ ดู ว้ ย ทา่ นบอกใหภ้ าวนาตาย ตอ่ มาไมน่ าน ดฉิ นั ไดม้ โี อกาสไปกราบ
นมสั การทา่ นทว่ี ดั อดุ มคงคาครี เี ขต จงั หวดั ขอนแกน่ เหน็ ชาวบา้ นนงั่ ฟงั ธรรมะหลวงปู่
เต็มลานวัด

พอเขา้ ไปกราบทา่ นพดู วา่ “ชาวสาวตั ถมี าแลว้ ” นง่ั พกั หนงึ่ ทา่ นชใี้ หด้ แู ละถามวา่
“บางกอกมไี หม” ทา่ นชใี้ หด้ กู ฏุ เิ ลก็ ๆ หลงั คามงุ ดว้ ยหญา้ แฝก ฝาเอาไมร้ ะแนงขดั กบั
กระดาษถงุ ปนู ซเี มนต์ เสาทงั้ ๔ เสา มนี ำ้� หลอ่ ไว้ ดแู ลว้ เหมอื นตกู้ บั ขา้ ว นคี่ อื กฏุ หิ ลวงปู่
และศาลาไมห้ ลังหนงึ่

วนั รงุ่ ขนึ้ เปน็ วนั วางศลิ าฤกษส์ รา้ งกแู่ กว้ โดยหลวงปเู่ มตตาเลา่ เรอ่ื งกแู่ กว้ ใหฟ้ งั วา่
เดิมทีมอี ยแู่ ลว้ ตง้ั แต่สมยั ใดไม่ปรากฏ จมอย่ใู ต้ดิน ท่านปรารภให้สรา้ งทับของเดมิ
มคี ุณสทุ ธิเป็นผดู้ ูแลการก่อสรา้ ง หลวงปู่ยังบอกอีกว่า กู่แก้วเปน็ สถานท่ศี กั ดิส์ ิทธิ์
มเี ทพรกั ษา เมอ่ื กแู่ กว้ สรา้ งเสรจ็ ไดอ้ ญั เชญิ รปู เหมอื นขององคห์ ลวงปมู่ าประดษิ ฐาน
ไวใ้ นกแู่ ก้วจนถึงทกุ วันน้ี

185

มีอยู่วันหนง่ึ พวกเรานดั กันไปกราบหลวงปู่ ลกู สาวคนเล็กของดฉิ ันเกดิ เปน็ ไข้
ตวั รอ้ น ดฉิ นั ไดน้ ำ� เหรยี ญหลวงปใู่ สแ่ กว้ นำ้� และขอบารมหี ลวงปใู่ หล้ กู สาวดม่ื นำ้� แกว้ นี้
แล้วหายจากเป็นไข้ตัวร้อน ดว้ ยเปน็ ที่อศั จรรย์ ลกู สาวหายจากเป็นไขต้ วั รอ้ นจริงๆ
ทำ� ใหด้ ฉิ นั มโี อกาสเดนิ ทางไปกราบหลวงปู่ พอดฉิ นั เขา้ ไปกราบหลวงปู่ ทา่ นมองหนา้
แลว้ พดู วา่ “เอาเหรียญทำ� น�้ำมนต์ได้เนอ้ ”

พ.ศ. อะไรจำ� ไมไ่ ด้ คณุ บญุ นอ้ มไดจ้ ดั กฐนิ ไปทอด มคี ณุ ไพจติ ร คณุ หงส์ และ
อีกหลายคน มีอยู่คนหนึง่ ดิฉนั เรยี กเขาว่า “อาม่า” เขาเปน็ คนจีนฮอ่ งกง แต่พดู
ภาษาไทยได้ เขาไมเ่ คยกราบหลวงปู่ ไดข้ อตามไปดว้ ย ปกตหิ ลวงปไู่ มเ่ คยเรยี กชอื่ ใคร
ท่านจะเรียกพ่อออกแม่ออก ไม่เคยถามว่าใครมาหรือไม่มา แต่ท่านถามอาม่าว่า
“ประเสรฐิ ไมม่ าหรอื ” อามา่ ตอบวา่ “ไมไ่ ดม้ า” ดฉิ นั ถามวา่ “ใคร” อามา่ ตอบวา่ “อาปอ”
ซงึ่ ดฉิ นั รจู้ กั อาปอสามเี ขา แตไ่ มร่ วู้ า่ ชอ่ื ประเสรฐิ อามา่ เขากแ็ ปลกใจวา่ หลวงปรู่ จู้ กั ชอ่ื
สามเี ขาได้อยา่ งไร เพราะสามเี ขาไม่เคยมากราบหลวงปเู่ ลย

มอี ยคู่ รงั้ หนงึ่ เปน็ วนั วางศลิ าฤกษเ์ จดยี ์ หลวงปถู่ ามหาเทยี นทจี่ ะเอามาจดุ ไมม่ ี
ใครเตรียมไวใ้ ห้ สักครอู่ งค์หลวงปทู่ ่านตบเส่อื ที่ทา่ นนง่ั อยเู่ บาๆ แลว้ ในมือทา่ นก็ได้
เทยี นมาเลม่ หนงึ่ ยาวเทา่ ศอก สขี าวนวล เปน็ ทแี่ ปลกใจแกพ่ วกเรามากวา่ เทยี นเลม่ นี้
มาได้อย่างไร

บั้นปลายชีวิตของหลวงปู่ได้มารักษาตัวท่ีโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ดิฉันได้มี
โอกาสถวายจังหันองค์หลวงปู่ทุกวัน ดิฉันนั่งรถเมล์ไปลงท่ีปากทางเข้าโรงพยาบาล
ซง่ึ ตอ้ งเดนิ เขา้ ไปไกลพอสมควร องคห์ ลวงปทู่ า่ นเมตตาพดู ยม้ิ ๆ วา่ “บม่ รี ถเนอ้ ” มอี ยู่
วันหนึง่ ขา้ วสารที่บ้านหมด องคท์ ่านกพ็ ดู ย้ิมๆ อกี ว่า “บ่มขี ้าวสารเน้อ”

กอ่ นที่องคห์ ลวงปูจ่ ะกลบั ไปอยวู่ ดั ท่านเมตตามองหนา้ ดิฉนั แล้วพูดว่า “อยาก
ไดอ้ ะไรกข็ อซะ” ดฉิ นั กราบเรยี นทา่ นวา่ “ใหห้ ลวงปหู่ ายเจบ็ หายไข้ อยเู่ ปน็ รม่ โพธริ์ ม่ ไทร
ลกู หลานนานๆ เจา้ คะ่ ” ในทสี่ ดุ องคห์ ลวงปกู่ ไ็ ดจ้ ากลกู หลานไป เหลอื ไวแ้ ตค่ ณุ ความดี
ใหล้ ูกๆ หลานๆ ไดก้ ราบไหว้บชู าระลกึ ถึง

สมพร ศรอี ุดมกิจ (สุพร)

186

จากความร้สู กึ ของศษิ ย์ผู้หนง่ึ ที่มตี ่อหลวงปู่ ไดเ้ ขยี นถงึ ท่านหลวงป่ไู ว้วา่

วนั หนง่ึ พป่ี รางคไ์ ดเ้ ลา่ ใหข้ า้ พเจา้ ฟงั วา่ คณุ บญุ นอ้ ม ศรเี รอื งกจิ ไดไ้ ปกราบพระ
รูปหนึ่งอยู่ทางจังหวัดขอนแก่น วัดของท่านเข้าไปในป่าลึกมาก กุฏิของท่านมีส่ีเสา
เหมือนตูก้ บั ขา้ ว เวลากลางคืนท่านมกั จะน่งั ภาวนาและเดนิ จงกรมเกือบตลอดท้งั คนื
ฟงั แลว้ ทำ� ใหข้ า้ พเจา้ สนใจมากเพราะไมเ่ คยไดย้ นิ มากอ่ น จนตอ่ มาคณุ บญุ นอ้ มไดจ้ ดั
กฐนิ ไปทอดถวายทา่ น ข้าพเจา้ จงึ มโี อกาสได้เดนิ ทางไปกราบทา่ นดว้ ย เมอื่ ได้พบได้
เห็นท่านร้สู ึกศรทั ธาทา่ นมาก ปกตินสิ ัยข้าพเจา้ เปน็ คนมีทิฐมิ าก ไมเ่ บยี ดเบยี นใคร
แตถ่ ้าไมผ่ ดิ กไ็ มย่ อมใครทั้งนน้ั ท่านไดเ้ มตตาเทศนว์ า่ “ไม้แก่นั้นน่ะมนั อย่โู คนๆ
ไมอ้ อ่ นเทา่ นน้ั ตอ้ งลมมนั ตอ้ งไหวๆ จงึ จะขน้ึ ถงึ ยอด” ทมี่ นั่ ใจวา่ ทา่ นเทศนข์ า้ พเจา้ นน้ั
เพราะวา่ ขณะนนั้ กำ� ลงั ถอื ขนั รบั เงนิ ทอดกฐนิ อยู่ พอไดย้ นิ ทา่ นเทศน์ นกึ เอะใจหนั ไป
มองทา่ น ปรากฏวา่ ทา่ นมองมาทเี่ ราโดยตรง และโปรดเทศนซ์ ำ้� และมองมาทเี่ ราโดยตรง
พรอ้ มทำ� มอื ประกอบดว้ ย ขา้ พเจา้ ถงึ กบั นำ�้ ตาไหล เพราะขณะนน้ั จติ กำ� ลงั มปี ญั หา คดิ วา่
ทำ� ไมทา่ นจงึ รจู้ ติ ใจของเราไดจ้ รงิ ๆ จงึ เคารพศรทั ธาบชู า ทา่ นคอื พอ่ แมค่ รบู าอาจารย์
องค์แรกทโ่ี ปรดใหน้ สิ ัยและท�ำใหช้ วี ิตของข้าพเจา้ เปลยี่ นไป

วนั หนง่ึ หลวงปทู่ า่ นไปพกั ผอ่ นทบี่ างพระ อำ� เภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบรุ ี ขา้ พเจา้ และ
คณะลกู ศษิ ยไ์ ดม้ โี อกาสตดิ ตามทา่ นหลวงปไู่ ปดว้ ย ทา่ นโปรดเลา่ ใหฟ้ งั วา่ ทา่ นบวชเมอ่ื
อายมุ ากแลว้ กเ็ ลยตง้ั จติ อธษิ ฐานวา่ เมอื่ บวชออกเรอื นแลว้ จะไมห่ วนกลบั มาเรอื นอกี
ตอ่ มาโยมแมข่ องท่านหลวงปู่ได้เจบ็ ป่วย ท่านทราบขา่ วจงึ เดินทางกลับไปเยี่ยม คร้นั
ตกคำ่� ลง บา้ นทา่ นอยตู่ ดิ แมน่ ำ้� ชี ทา่ นจงึ นงั่ เรอื ไปปกั กลดฝง่ั ตรงขา้ มกบั บา้ นของทา่ น
ไมจ่ ำ� วดั ทบ่ี า้ นโยมแม่ เมอ่ื ถงึ เวลาเชา้ ทา่ นจงึ มาเยย่ี มโยมแมท่ บี่ า้ น พอทา่ นเรยี กโยมแม่
โยมแมก่ ไ็ มต่ อบ คงจะโกรธทที่ า่ นไมพ่ กั บา้ น พอโยมแมท่ า่ นเสยี ชวี ติ ทา่ นจงึ นงั่ สมาธิ
ส่งจิตดูว่าโยมแม่ท่านอยู่ท่ีไหน ปรากฏว่าพบวิญญาณโยมแม่ท่านอยู่ในอบายภูมิ
มีไฟเผาไหม้อยู่ ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ด้วยอานิสงส์ท่านได้บวช ได้ประพฤติดี
ประพฤตชิ อบ ขออานสิ งสท์ ง้ั หลายทง้ั ปวงไดโ้ ปรดชว่ ยโยมแมข่ องทา่ นดว้ ย เมอ่ื อธษิ ฐาน
แลว้ ปรากฏวา่ มเี สาตน้ หนงึ่ ปกั ลงไปถงึ กน้ หลมุ วญิ ญาณของโยมแมท่ า่ นไดอ้ าศยั เสา
ตน้ น้นั ปนี ขึ้นมาจากอบายภูมิ

187

ทา่ นเมตตาบอกวา่ เกดิ จากโยมแมท่ า่ นเขา้ ใจผดิ ยงั ยดึ ถอื วา่ ทา่ นเปน็ ลกู จงึ โกรธที่
กลบั มาถงึ เรอื นแลว้ ไมพ่ กั ทเี่ รอื น โดยไมค่ ดิ วา่ ทา่ นไดบ้ วชเปน็ ลกู ของพระพทุ ธเจา้ แลว้
ยง่ิ ทา่ นบำ� เพญ็ เพียรมาก โยมแม่ย่งิ ผิดมาก

ทา่ นหลวงปจู่ งึ เมตตาสอนวา่ “มลี กู มที รพั ย์ กใ็ ชว่ า่ ทรพั ยจ์ ะชว่ ยไดท้ กุ อยา่ ง แต่
มลี กู มีศีล สามารถชว่ ยในสง่ิ ทีท่ รัพยช์ ่วยไม่ได้”

เรอื่ งทเี่ ขยี นนค้ี งเปน็ คตธิ รรมเรอ่ื งหนงึ่ ของทา่ นหลวงปผู่ าง จติ ตฺ คตุ โฺ ต ผเู้ ปรยี บดงั
พอ่ แมค่ รบู าอาจารย์องคแ์ รกในชวี ติ ขา้ พเจา้

ไพจิตร ตณั ชวนิชย์

โยมเพยี ร วชั ระพรี ะพล (รา้ นเพยี รโภชนา) อ.พล จ.ขอนแกน่ ไดก้ ราบเรยี นถาม
หลวงปวู่ า่ “ธรรมะคืออะไร ถ้าจะปฏบิ ัติภาวนาตอ้ งทำ� อยา่ งไร”

หลวงปเู่ มอื่ ไดฟ้ งั โยมเพยี รถาม กไ็ ดช้ ไ้ี ปทก่ี อ้ นหนิ และตอบโยมเพยี รวา่ “นน่ั แหละ
คอื ธรรมะ และใหย้ ดึ ถอื เอาความตายเปน็ ภาวนา อยา่ มวั แตท่ อ่ งบน่ และสวดมนต์ มนั จะ
เหมือนอ่ึงอ่าง ตายไปกเ็ หมอื นอ่งึ อ่างทมี่ วั เอาแต่ร้อง”

โยมเพยี รจงึ คดิ วา่ ทหี่ ลวงปชู่ ที้ กี่ อ้ นหนิ นนั้ เปรยี บเหมอื นทา่ นจะบอกวา่ ถา้ จะทำ�
อะไรแล้ว ก็ขอให้มีจิตใจท่ีมั่นคงหนักแน่นดังก้อนหิน อย่ามัวแต่ภาวนาสวดมนต์
ออ้ นวอนขอใหส้ งิ่ ใดชว่ ยตวั เราเลย ตวั เราตอ้ งชว่ ยตวั เราเองเสยี กอ่ น ทา่ นหลวงปมู่ กั จะ
สอนปรศิ นาธรรมเชน่ นแ้ี กล่ กู ศษิ ยเ์ สมอ หลวงปู่เป็นผูเ้ ขม้ งวดในพระธรรมวนิ ัยมาก

188

เขา้ กรงุ เทพฯ (๒๕๑๔)

เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๔ ทา่ นเดนิ ทางเขา้ กรงุ เทพฯ ตามคำ� นมิ นตข์ องคณุ สงบ คณุ สทุ ธิ
นาคสมภพ พรอ้ มคณะศรทั ธาญาตโิ ยมอกี จำ� นวนมาก ถวายความสะดวกในดา้ นตา่ งๆ
ทงั้ การเดนิ ทางและทพี่ กั รวมทง้ั ภตั ตาหารการขบฉนั แดห่ ลวงปแู่ ละคณะ หลวงปทู่ า่ น
ได้พักท่บี า้ นคณุ สทุ ธิ ที่ซอยแมน้ เขยี น รามคำ� แหง กรงุ เทพฯ ในชว่ งทท่ี า่ นพักอยู่ที่
กรงุ เทพฯ ทา่ นกไ็ ดท้ ำ� กจิ ของพระสงฆต์ ามปกติ ดว้ ยการออกบณิ ฑบาตทกุ วนั และมี
ฆราวาสญาติโยมมากราบนมสั การเนืองๆ

ครง้ั หนงึ่ คณุ สทุ ธไิ ดก้ ราบนมสั การถามหลวงปทู่ มี่ าพกั ทก่ี รงุ เทพฯ วา่ “หลวงปู่
เหน็ คนกรุงเทพฯ มากมายแล้วรสู้ ึกอย่างไรบ้าง”

หลวงปตู่ อบวา่ “นแี่ หละ คอื คอกขงั สตั วโ์ ลก เขาเอาพวกเจา้ มาขงั ไวใ้ นกองกเิ ลส
เด้อ”

189

อดตี กรรม...ท่ีผูกพนั

เพอื่ ใหห้ ลวงปพู่ กั ผอ่ นอยา่ งสปั ปายะ และงดกจิ นมิ นตช์ วั่ คราว คณุ สทุ ธิ นาคสมภพ
และคณะ จงึ กราบนมิ นตห์ ลวงปไู่ ปพกั ทบ่ี างพระ และเกาะสชี งั ตามลำ� ดบั ทงั้ นเี้ พอื่ เปน็
การพกั กิจนมิ นต์ และพักผอ่ นสขุ ภาพไปในตวั ด้วย

ขณะเดนิ ทางไปทเ่ี กาะสชี งั หลวงปมู่ องเหน็ ปลาโลมาฝงู หนง่ึ ลอยตดิ ตามเรอื อยู่
ไมห่ ่าง ทา่ นบอกว่าปลาโลมาฝูงน้ี เขาเคยเกดิ เปน็ มนษุ ย์ เป็นนักศกึ ษาชายหญิงที่มา
ทศั นศกึ ษาแลว้ เกดิ เรอื ลม่ เสยี ชวี ติ ในทะเล ตามทจี่ ติ วญิ ญาณเหลา่ นน้ั ผกู พนั กบั ทะเล
ด้วยแรงของวิบากกรรมท่ีเคยสร้างไว้ จึงส่งผลให้เขาเกิดมาเป็นปลาโลมาในทะเล
นัน้ เอง หลวงปู่จงึ ไดแ้ ผ่เมตตาใหจ้ ติ วิญญาณพวกเขา

เม่ือท่านพักผ่อนท่ีเกาะสีชังได้ระยะหน่ึง คณะคุณสุทธิได้นิมนต์ท่านไปท่ีวัด
เขาสกุ มิ จงั หวดั จนั ทบรุ ี ซง่ึ มที า่ นพระอาจารยส์ มชาย €ติ วริ โิ ย เปน็ ประธานสงฆ์ และ
วนั นน้ั ทา่ นมีกจิ นมิ นต์นอกวัด คณะสงฆภ์ ายในวัดได้จัดเสนาสนะถวายหลวงปู่ท่กี ฏุ ิ
บนเขา ซง่ึ เป็นสถานทีเ่ งียบสงบปราศจากสง่ิ รบกวน ลมเยน็ สบาย

หลงั จากทา่ นพระอาจารยส์ มชายกลบั มาจากกจิ นมิ นตแ์ ลว้ และทราบวา่ หลวงปู่
มาพกั ทวี่ ดั ทา่ นไดส้ ง่ั ใหค้ ณะสงฆภ์ ายในวดั และญาตโิ ยม รวมทง้ั ศษิ ยานศุ ษิ ยข์ องทา่ น
ไดพ้ รอ้ มใจกนั มาคารวะทำ� วตั รหลวงป่บู นกุฏิบนเขา

เม่ือท่านพักอยู่ที่วัดเขาสุกิมพอสมควรแล้ว จึงได้เดินทางกลับวัดอุดมคงคา-
ครี เี ขต

190

ศาลาการเปรียญหลงั ใหม่

เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ไดร้ อื้ ศาลาหลงั เดมิ ออกเพราะชำ� รดุ ทรดุ โทรมมาก สรา้ งศาลา
การเปรียญใหม่เปน็ แบบ ๒ ช้ัน เทคานคอดนิ เสา และโครงหลงั คาเปน็ คอนกรีต
เสริมเหลก็ ผนังปนู พน้ื ชน้ั ลา่ งเทซเี มนตข์ ัดหนิ ขัด พื้นชนั้ บนปดู ว้ ยไมป้ าเก้ หลงั คา
มงุ กระเบ้ือง ขนาดความกว้าง ๒๐ เมตร ความยาว ๒๕ เมตร สร้างเสร็จในปี พ.ศ.
๒๕๑๗ ส้นิ คา่ กอ่ สร้างประมาณ ๗๖๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดแสนหกหมน่ื บาทถ้วน)

191


Click to View FlipBook Version