The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by naphaphon.k, 2022-05-30 01:53:46

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

1

แผนการจัดการเรยี นรู้

สมรรถนะอาชพี บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ชั้นสูง พทุ ธศักราช 256๓

รหสั วิชา 30201 - 2007
วชิ า การบญั ชภี าษีอากร

จัดทาํ โดย

นางสาวนภาพร คงวิจิตร
ครู ชํานาญการ

แผนกวชิ าการบญั ชี

วิทยาลยั การอาชพี นครปฐม
สํานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

2

คํานาํ

ผู๎จัดทําได๎จัดทําแผนการจัดการเรียนร๎ูรายวิชา การบัญชีภาษีอากร รหัสวิชา 30201-2007
หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2563 ข้ึน ตรงตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา
และคาํ อธบิ ายรายวชิ า ของสํานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

เนอ้ื หาสาระในเลํมประกอบดว๎ ย 8 หนํวย เริ่มจาก กฎหมายที่เกี่ยวข๎องกับการจัดทําบัญชี ภาษีเงิน
ได๎บุคคลธรรมดา ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จาํ ย ภาษีเงินไดน๎ ิตบิ ุคคล การบัญชีภาษีเงินได๎นิติบุคคลหัก
ณ ท่ีจําย การบัญชีภาษีมูลคําเพิ่ม การบัญชีภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ การจัดการเรียนการสอนเป็น
การมุํงเนน๎ ผู๎เรียนเป็นสําคัญ พร๎อมสอดแทรกการบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการบูร
ณาการคุณธรรม จริยธรรม และคํานิยมอันดี เน๎นการสํงเสริมการเรียนรู๎ของนักศึกษาตามพระราชบัญญัติ
การศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. 2542 ผ๎ูจัดทําหวังเป็นอยํางย่ิงวําแผนการจัดการเรียนร๎ู รายวิชา กระบวนการจัดทํา
บัญชี เลมํ น้ี จะเป็นประโยชนต์ ํอผ๎ูเรยี นและครูผ๎ูสอนได๎ใช๎เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนได๎เป็นอยําง
ดี หากมีขอ๎ เสนอแนะประการใดผ๎จู ดั ทาํ ยินดีนอ๎ มรบั ไวด๎ ๎วยความยินดียิ่ง

นางสาวนภาพร คงวจิ ิตร
ผ๎จู ดั ทาํ

3 หนา้

สารบัญ 4
5
ลกั ษณะรายวิชา 7
การวิเคราะห์หนํวยการเรียนรแ๎ู ละสมรรถนะรายวิชา 8
ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวิชา 11
กําหนดการสอน 15
ตารางวเิ คราะห์ข๎อสอบ 16
กําหนดการประเมินทักษะพสิ ยั 18
แบบประเมนิ ด๎านคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ มและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (จติ พิสยั ) 33
แผนการจดั การเรยี นร๎ูท่ี 1 47
แผนการจัดการเรยี นร๎ูท่ี 2 63
แผนการจดั การเรยี นร๎ูท่ี 3 79
แผนการจดั การเรยี นร๎ูท่ี 4 90
แผนการจดั การเรียนร๎ูที่ 5 101
แผนการจดั การเรียนรู๎ที่ 6 119
แผนการจดั การเรียนร๎ูที่ 7 132
แผนการจัดการเรียนร๎ูท่ี 8 154
แผนการจดั การเรียนรู๎ท่ี 9 172
แผนการจดั การเรียนร๎ูที่ 10 186
แผนการจัดการเรยี นร๎ูที่ 11 200
แผนการจดั การเรียนรู๎ท่ี 12 213
แผนการจดั การเรยี นรู๎ที่ 13 226
แผนการจดั การเรยี นรู๎ท่ี 14 243
แผนการจัดการเรียนรู๎ที่ 15 274
แผนการจัดการเรียนรู๎ที่ 16 292
แผนการจดั การเรียนร๎ูที่ 17
บรรณานุกรม

4

พส.1

การจดั ทําแผนการจดั การเรียนรู้

รหสั วชิ า 30201-2007 วิชา การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
หลักสูตร ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชน้ั สูง ประเภทวิชา บริหารธรุ กจิ สาขาวชิ า การบัญชี

จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพ่ือให้

1. เข๎าใจเกี่ยวกับหลักการภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได๎นิติบุคคลภาษีเงินได๎หัก ณ ที่จําย
ภาษมี ูลคาํ เพ่ิม ภาษธี ุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากร

2. สามารถคํานวณ บันทึกบัญชี จัดทํารายงาน และย่ืนแบบแสดงรายการเก่ียวกับภาษีตามประมวล
รษั ฎากร

3. มเี จตคติและกิจนสิ ัยท่ีดใี นการปฏบิ ตั ิงานด๎วยความซื่อสัตย์ รอบคอบ

สมรรถนะรายวชิ า

1. แสดงความรเ๎ู ก่ียวกบั หลักการภาษีอากรตามประมวลรษั ฎากร
2. ปฏิบัติงานบัญชีเก่ียวกบั ภาษอี ากรตามประมวลรษั ฎากร

คําอธิบายรายวิชา

ศึกษาและปฏบิ ตั ิเก่ียวกับหลักเกณฑ์ และวิธีการในการเสียภาษี การคํานวณการบันทึกบัญชีการจัดทํา
รายงานการยื่นแบบแสดงรายการเพ่ือเสยี ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา ภาษีเงินไดน๎ ติ ิบุคคล ภาษีเงนิ ไดห๎ ัก ณ ท่ีจําย
ภาษีมลู คําเพิ่มภาษีธรุ กิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ตามประมวลรษั ฎากร

5

พส.2

การวิเคราะห์หน่วยการเรยี นรแู้ ละสมรรถนะรายวิชา

รหัสวิชา 30201 – 2007 วชิ า การบัญชภี าษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะประจําหน่วย
(ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ และดา้ นความสามารถใน
1 กฎหมายที่เกีย่ วขอ๎ งกบั การจัดทาํ บัญชี
การประยุกต์ใชแ้ ละความรบั ผิดชอบ)
2 ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา 1. แสดงความร๎ูเก่ียวกับกฎหมายที่เกี่ยวข๎องกับการ
3 ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย
4 ภาษีเงินได๎นติ บิ คุ คล จดั ทําบญั ชีได๎
5 การบัญชภี าษเี งินไดน๎ ิติบคุ คลหัก ณ ทจ่ี ําย 2. นอ๎ มนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการ

ปฏิบตั งิ านได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ยั ท่ีดีในการปฏิบตั งิ านด๎วย

ความซ่อื สตั ย์และรอบคอบได๎

1. คาํ นวณภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาได๎
2. นอ๎ มนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใชใ๎ นการ

ปฏบิ ัตงิ านได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นิสยั ที่ดใี นการปฏบิ ตั งิ านด๎วย

ความซือ่ สัตย์และรอบคอบได๎

1. คาํ นวณภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ าํ ยได๎
2. นอ๎ มนาํ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใชใ๎ นการ

ปฏิบตั ิงานได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นิสัยที่ดีในการปฏิบัติงานด๎วย

ความซื่อสัตย์และรอบคอบได๎

1. คาํ นวณภาษีเงินไดน๎ ิติบคุ คลได๎
2. น๎อมนาํ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใชใ๎ นการ

ปฏบิ ัตงิ านได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสัยท่ีดใี นการปฏิบตั ิงานดว๎ ย

ความซ่อื สัตย์และรอบคอบได๎

1. บนั ทึกบญั ชีภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คลหกั ณ ทจี่ ํายได๎
2. น๎อมนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใช๎ในการ

ปฏิบตั งิ านได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ที่ดีในการปฏบิ ัตงิ านด๎วย

ความซอ่ื สัตย์และรอบคอบได๎

6

พส.2

การวิเคราะห์หน่วยการเรยี นร้แู ละสมรรถนะรายวิชา

รหสั วิชา 30201 – 2007 วิชา การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะประจาํ หนว่ ย
(ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ และด้านความสามารถใน
6 การบญั ชภี าษีมลู คําเพม่ิ
การประยกุ ตใ์ ช้และความรับผดิ ชอบ)
7 การบญั ชีภาษธี ุรกจิ เฉพาะ 1. บันทึกบญั ชีภาษีมลู คาํ เพมิ่ ได๎
8 อากรแสตมป์ 2. น๎อมนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการ

ปฏบิ ตั ิงานได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ท่ีดีในการปฏิบัติงานดว๎ ย

ความซือ่ สตั ย์และรอบคอบได๎

1. บนั ทึกบญั ชภี าษธี รุ กิจเฉพาะได๎
2. น๎อมนาํ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใชใ๎ นการ

ปฏบิ ัติงานได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นิสยั ที่ดใี นการปฏบิ ัตงิ านด๎วย

ความซอื่ สตั ย์และรอบคอบได๎
1. คํานวณอากรแสตมป์ได๎
2. น๎อมนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใชใ๎ นการ

ปฏบิ ัติงานได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสัยท่ีดใี นการปฏิบตั งิ านดว๎ ย

ความซ่ือสัตย์และรอบคอบได๎

7 พส.3

ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวชิ า

รหัสวิชา 30201 – 2007 วิชา การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ย ระดบั พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์
ที่
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ พทุ ธพิ ิสยั ทักษะ จิตพิสยั เวลา
34 พิสัย (ชม.)
1 2 5 6

1 กฎหมายท่ีเก่ียวข๎องกับการ 1 11 6 24
จัดทาํ บญั ชี
1 22 6 3 12
2 ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา 2 11 7 2 12
3 ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ
1 21 6 3 12
ท่ีจาํ ย 2 11 7 28
4 ภาษเี งินได๎นติ ิบคุ คล
5 การบัญชีภาษีเงินได๎นิติบุคคล 1 12 6 3 12
1 11 6 34
หกั ณ ที่จําย 1 11 6 28
6 การบัญชภี าษีมูลคาํ เพิ่ม 10 10 10 50 20 72
7 การบญั ชีภาษีธรุ กิจเฉพาะ
8 อากรแสตมป์ 10 10 10 50 20

รวม
ความสาํ คญั /สัดส่วนคะแนน

(รอ้ ยละ)

หมายเหตุ ระดบั พุทธพิ สิ ัย 1 = ความจํา 2 = ความเขา๎ ใจ 3 = การนําไปใช๎
4 = วิเคราะห์ 5 = สงั เคราะห์ 6 = ประเมนิ คาํ

วิชาทฤษฎี พทุ ธิพสิ ยั ทกั ษะพสิ ยั จติ พิสัย รวม
วชิ าปฏบิ ตั ิ 20
วิชาทฤษฎี + ปฏบิ ัติ 80 - 100
20 100
- 80 100
20
80

8 พส.4

กําหนดการสอน

รหสั วิชา 30201 – 2007 วชิ า การบญั ชภี าษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยการเรยี นรู้/ สมรรถนะประจําหน่วย เกณฑก์ ารปฎิบตั งิ าน ัสปดาห์ที่
รายการสอน ่ัชวโมงที่

หนํวยที่ 1 กฎหมายท่ี 1. แสดงความรู๎เกยี่ วกบั เกณฑ์ผาํ น 90% ขน้ึ ไป 1 1-4
เก่ยี วขอ๎ งกับการจัดทํา กฎหมายที่เก่ยี วข๎องกบั การ 2-4 5-16
บญั ชี จดั ทําบัญชีได๎ 5-7 17-28

หนํวยท่ี 2 ภาษเี งนิ ได๎ 2. นอ๎ มนําหลกั ปรัชญาของ
บุคคลธรรมดา เศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการ
ปฏบิ ัติงานได๎
หนํวยท่ี 3 ภาษเี งินได๎
บคุ คลธรรมดาหัก ณ ที่ 3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นิสัยท่ีดี
จําย ในการปฏบิ ตั งิ านดว๎ ยความ
ซื่อสตั ย์และรอบคอบได๎

1. คํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคล เกณฑ์ผาํ น 90% ข้ึนไป
ธรรมดาได๎

2. นอ๎ มนําหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงใช๎ในการ
ปฏิบัตงิ านได๎

3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ัยท่ีดี
ในการปฏิบัติงานดว๎ ยความ
ซอ่ื สัตย์และรอบคอบได๎

1. คํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคล เกณฑ์ผาํ น 90% ขน้ึ ไป
ธรรมดาหกั ณ ทีจ่ าํ ยได๎

2. น๎อมนําหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการ
ปฏิบัตงิ านได๎

3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสยั ท่ีดี
ในการปฏิบตั ิงานดว๎ ยความ
ซอ่ื สัตยแ์ ละรอบคอบได๎

9 พส.4

กําหนดการสอน

รหสั วิชา 30201 – 2007 วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยการเรยี นร/ู้ สมรรถนะประจาํ หน่วย เกณฑก์ ารปฎบิ ัติงาน ัสปดาห์ที่
รายการสอน ่ัชวโมงที่

หนวํ ยท่ี 4 ภาษีเงินได๎นติ ิ 1. คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบุคคล เกณฑผ์ าํ น 90% ข้นึ ไป 8-10 29-40
บุคคล ได๎ 11-12 41-48
13-15 49-60
หนํวย 5 การบญั ชภี าษี 2. นอ๎ มนาํ หลักปรชั ญาของ
เงินไดน๎ ิตบิ ุคคลหกั ณ ท่ี เศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการ
จาํ ย ปฏิบัตงิ านได๎

หนํวยที่ 6 การบญั ชี 3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสัยที่ดี
ภาษมี ูลคําเพมิ่ ในการปฏิบัติงานด๎วยความ
ซอ่ื สัตยแ์ ละรอบคอบได๎

1. บันทึกบญั ชีภาษเี งนิ ได๎นิติ เกณฑผ์ ําน 90% ขนึ้ ไป
บคุ คลหกั ณ ท่ีจํายได๎

2. นอ๎ มนําหลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการ
ปฏิบตั ิงานได๎

3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสัยท่ีดี
ในการปฏิบตั งิ านดว๎ ยความ
ซอื่ สัตยแ์ ละรอบคอบได๎

1. บันทึกบัญชีภาษีมลู คําเพิ่ม เกณฑผ์ ําน 90% ข้ึนไป
ได๎

2. น๎อมนําหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการ
ปฏิบัติงานได๎

3. แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสยั ท่ีดี
ในการปฏบิ ตั ิงานดว๎ ยความ
ซ่ือสตั ย์และรอบคอบได๎

10 พส.4

กาํ หนดการสอน

รหสั วิชา 30201 – 2007 วิชา การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยการเรียนรู้/ สมรรถนะประจําหน่วย เกณฑก์ ารปฎบิ ตั ิงาน ัสปดาห์ที่
รายการสอน ่ัชวโมงที่

หนํวยท่ี 7 การบัญชีภาษี 1. บันทึกบัญชีภาษธี รุ กิจเฉพาะ เกณฑ์ผําน 90% ข้ึนไป 16 61-64
17 65-68
ธรุ กิจเฉพาะ ได๎ 18 69-72

2. นอ๎ มนําหลกั ปรัชญาของ

เศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการ

ปฏิบตั งิ านได๎

3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ัยที่ดี

ในการปฏิบัติงานดว๎ ยความ

ซื่อสัตยแ์ ละรอบคอบได๎

หนํวยที่ 8 อากรแสตมป์ 1. คาํ นวณอากรแสตมป์ได๎ เกณฑ์ผาํ น 90% ขึ้นไป
2. น๎อมนาํ หลักปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี งใช๎ในการ
ปฏบิ ัติงานได๎
3. แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ัยท่ีดี
ในการปฏิบตั ิงานด๎วยความ
ซ่อื สัตยแ์ ละรอบคอบได๎

สอบปลายภาค

11

พส.5

ตารางวเิ คราะห์ข้อสอบ

รหสั วิชา 30201 – 2007 วิชา การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

พุทธพิ สิ ยั

หนว่ ยการเรยี น รายการสอน ความ ํจา รวม
(ประเดน็ การประเมิน) ความเ ้ขาใจ (ขอ้ )
นําไปใ ้ช
ิวเคราะ ์ห
ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า
ปรนัย( ้ขอ)
ัอตนัย( ้ขอ)

หนวํ ยที่ 1 กฎหมายท่ี 1. สภาวิชาชีพบญั ชี 31 10 - 10

เกย่ี วขอ๎ งกับการจดั ทาํ 2. สมาชกิ สภาวิชาชีพบัญชี 1

บญั ชี 3. คณะกรรมการกาํ หนด 1

มาตรฐานการบัญชี

4. การควบคมุ การประกอบ 1

วชิ าชีพดา๎ นการสอบบญั ชี

5. จรรยาบรรณของผ๎ูประกอบ 1

วชิ าชีพบญั ชี

6. บทกาํ หนดโทษและบท 1 1

เฉพาะกาล

หนวํ ยท่ี 2 ภาษเี งินได๎ 1. เงินไดพ๎ งึ ประเมนิ ทต่ี ๎องเสีย 2 1 10 1 11

บุคคลธรรมดา ภาษี

2. เงินได๎พงึ ประเมินทไ่ี ดร๎ ับ 1

ยกเว๎นภาษี

3. การหักคาํ ใช๎จํายของเงนิ ได๎ 1 1

พงึ ประเมนิ 2
4. การหักคําลดหยํอนของผ๎มู ี

เงนิ ได๎ 2

5. การคํานวณภาษีเงินได๎
บุคคลธรรมดา

12

พส.5

ตารางวเิ คราะห์ขอ้ สอบ

รหสั วิชา 30201 – 2007 วชิ า การบัญชภี าษีอากร ท-ป-น 2-2-3

พทุ ธิพิสัย

หนว่ ยการเรียน รายการสอน ความ ํจา รวม
(ประเดน็ การประเมิน) ความเ ้ขาใจ (ขอ้ )
นําไปใ ้ช
ิวเคราะ ์ห
ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า
ปรนัย( ้ขอ)
ัอตนัย( ้ขอ)

หนํวยท่ี 3 ภาษีเงินได๎ 1. ผู๎มีหนา๎ ที่หักภาษีเงนิ ได๎ 1 1 10 1 11
10 1 11
บคุ คลธรรมดาหัก ณ บคุ คลธรรมดาหกั ณ ที่จาํ ย

ทจ่ี ําย 2. ภาษเี งนิ ได๎บคุ คลธรรมดาหัก 1 3

ณ ท่จี าํ ย ตามมาตรา 50

3. การคาํ นวณและการบนั ทึก 2

บัญชภี าษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

หกั ณ ทจ่ี ําย ตามมาตรา

3 เตรส

4. แบบยื่นรายการภาษหี กั ณ 2

ที่จาํ ย

หนวํ ยท่ี 4 ภาษีเงินได๎ 1. ผมู๎ หี นา๎ ท่เี สยี ภาษเี งินได๎นิติ 1 1

นติ ิบคุ คล บคุ คล

2. นิติบคุ คลทไี่ ด๎รับการยกเว๎น 1 1 1

ไมํต๎องเสียภาษี

3. วธิ เี สียภาษีเงินไดน๎ ิติบุคคล 1

4. ฐานภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบุคคล 1 1

5. ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลคาํ นวณ 1

จากฐานกาํ ไรสุทธิ

6. สถานท่ยี นื่ แบบแสดง 1

รายการภาษี

13

พส.5

ตารางวเิ คราะห์ข้อสอบ

รหัสวิชา 30201 – 2007 วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หน่วยการเรียน รายการสอน พุทธพิ ิสัย ปรนัย( ้ขอ) รวม
หนํวยที่ 5 การบัญชี (ประเด็นการประเมิน) ัอตนัย( ้ขอ) (ขอ้ )
ภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคล 10 1 11
หกั ณ ท่จี ําย 1. ผ๎ูมหี น๎าทหี่ ักภาษีเงนิ ไดน๎ ิติ 1 2 1
10 1 11
หนํวยท่ี 6 การบัญชี บุคคล ณ ทีจ่ าํ ย
ภาษีมูลคาํ เพิ่ม
2. ภาษีเงินไดน๎ ิตบิ คุ คลหัก ณ 1 1

ทจี่ าํ ย ตามมาตรา 3 เตรส

3. การคาํ นวณและการบัญชี 1 3

ภาษีเงินไดน๎ ติ ิบุคคลหกั ณ ที่

จําย

1. ผู๎มหี นา๎ ทต่ี ๎องจดทะเบียน 1

ภาษมี ูลคําเพม่ิ

2. ผู๎มหี น๎าที่เสยี ภาษมี ูลคาํ เพิ่ม

3. กิจการทไี่ ด๎รับการยกเว๎น 1 1

ภาษมี ลู คาํ เพิม่

4. ความรับผดิ ในการเสยี

ภาษมี ลู คาํ เพ่ิม

5. ฐานภาษีมูลคําเพ่ิม 1

6. วธิ ีการจดทะเบียน 1

ภาษีมูลคาํ เพิ่ม

7. กาํ หนดเวลาจดทะเบียน 1

ภาษีมูลคาํ เพ่มิ

8. สถานทจ่ี ดทะเบียน 11

ภาษมี ลู คาํ เพม่ิ

9. อตั ราภาษมี ลู คําเพ่ิม 11

14

พส.5

ตารางวเิ คราะหข์ ้อสอบ

รหัสวิชา 30201 – 2007 วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ยการเรยี น รายการสอน พทุ ธิพิสัย ปรนัย( ้ขอ) รวม
(ประเด็นการประเมนิ ) ัอตนัย( ้ขอ) (ข้อ)
หนํวยที่ 7 การบัญชี
ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ 1. ผม๎ู หี นา๎ ทเี่ สียภาษธี รุ กจิ 1 10 1 11

เฉพาะ

2. การประกอบกจิ การทตี่ ๎อง 1

เสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ

3. กิจการทไ่ี มตํ ๎องเสียภาษี 2

ธุรกจิ เฉพาะ

4. ฐานภาษแี ละอัตราภาษี 11

5. หน๎าที่ของผป๎ู ระกอบกจิ การ 1

ทต่ี อ๎ งเสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ

6. การยื่นแบบแสดงรายการ 1

ภาษีธุรกจิ เฉพาะ

7. การขอคืนภาษีธุรกจิ เฉพาะ

8. กําหนดเวลาในการยืน่ แบบ 1

แสดงรายการภาษี

9. การคํานวณและการบันทึก 1

บญั ชีภาษธี รุ กจิ เฉพาะ

หนวํ ยที่ 8 อากร 1. ผ๎ูมหี นา๎ ทเี่ สยี อากรแสตมป์ 1 10 - 10
แสตมป์ 80 6 86
2. วธิ กี ารเสยี ภาษีอากรแสตมป์ 2 1 1

3. การขอเสียอากรเป็นตัวเงนิ 2 1

4. การยกเวน๎ อากร 1

5. ความรับผิดกรณีไมํปดิ 1

แสตมปบ์ ริบรู ณ์และการไมํออก

ใบรับ

รวม 41 25 14

15

พส.6

กาํ หนดการประเมินทกั ษะพิสยั

รหัสวิชา 30201 – 2007 วิชา การบญั ชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

หน่วยการเรียน/ สมรรถนะรายหน่วย รปู แบบการประเมนิ คะแนน
รายการสอน Ratting scale รวม

หนวํ ยที่ 2 ภาษีเงินไดบ๎ ุคคล คาํ นวณภาษีเงินได๎บุคคล 10 10

ธรรมดา ธรรมดา

หนํวยที่ 3 ภาษเี งินไดบ๎ คุ คล คาํ นวณภาษเี งนิ ได๎บุคคล Ratting scale 10 10

ธรรมดาหัก ณ ทจ่ี ําย ธรรมดาหกั ณ ท่ีจาํ ย

หนํวยท่ี 4 ภาษีเงินไดน๎ ติ ิ คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบคุ คล Ratting scale 10 10
บคุ คล Ratting scale 10 10
Ratting scale 10 10
หนํวยที่ 5 การบญั ชภี าษเี งนิ บนั ทึกบัญชภี าษเี งนิ ได๎นิติ Ratting scale 10 10
ได๎นติ ิบคุ คลหกั ณ ที่จาํ ย บุคคลหกั ณ ทจ่ี ําย

หนํวยที่ 6 การบัญชี บนั ทกึ บญั ชภี าษมี ลู คําเพิ่ม
ภาษมี ลู คาํ เพ่ิม

หนวํ ยท่ี 7 การบญั ชภี าษี บันทึกบญั ชภี าษีธุรกิจเฉพาะ
ธรุ กิจเฉพาะ

แบบประเมินตามสภาพจรงิ สามารถเลือกใช๎ตามความเหมาะสม

16

พส.7

แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (จิตพิสยั )

รายการประเมนิ หนว่ ยท่ี หมายเหตุ
1. ความมมี นษุ ยสัมพันธ์ท่ีดี 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
2. ความมีวนิ ัย 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
3. ความรบั ผดิ ชอบ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
4. ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
5. ความเช่ือมั่นในตนเอง 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
6. การประหยดั 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
7. ความสนใจใฝุร๎ู 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
8. ความสามคั คี 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
9. ความกตญั ญู 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
10. ละเว๎นสิ่งเสพตดิ /การพนัน 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
11. ความคดิ ริเรม่ิ สรา๎ งสรรค์ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
12. การพ่ึงตนเอง 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
13. ความปลอดภัย 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
14. ความอดทนอดกล้นั 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
15. ความมคี ุณธรรม/จรยิ ธรรม 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
16. การตรงตอํ เวลา 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

หมายเหตุ ชํองหนวํ ยท่ี ให๎ระบหุ มายเลขหนํวยตามความเหมาะสมแตํละรายการประเมนิ

17

พส.8

กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการเปน็ เร่อื ง/ชิ้นงาน/โครงการ
และบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (หน่วยที่ 1)

สมรรถนะดา้ นความมเี หตุผล สมรรถนะด้านความพอประมาณ สมรรถนะดา้ นความมีภมู ิคุม้ กัน
สามารถวิเคราะห์เลอื กได๎วาํ ใชง๎ บประมาณในการจดั ทาํ 1. มีการวางแผนงานที่ดี
ควรจดั ทาํ อยํางไรให๎ผลงาน อยํางประหยัด คม๎ุ คาํ 2. สามารถปฏบิ ตั งิ านตาม

มคี ุณภาพ การจัดทํา Power Point แผนงานไดว๎ างไว๎
เพ่ือนําเสนอผลงาน
เงือ่ นไขด้านความรูแ้ ละทักษะ เร่ือง} เงอ่ื นไขด้านคุณธรรม จริยธรรม
บรู ณาการความร๎ดู า๎ นพมิ พด์ ีด คา่ นิยม คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
การใชค๎ อมพิวเตอร์ และความรู๎ “กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกบั 1. มคี วามรับผดิ ชอบ ขยนั
ในทกุ ๆ ดา๎ นทเี่ คยเรียนมา การจัดทาํ บญั ชี”
ประยุกต์จดั ทาํ Power Point ซอื่ สตั ย์และอดทน
2. มีความสามคั คีในการ

ปฏิบตั งิ านกลํมุ
3. รักษาส่ิงแวดล๎อมในการ

ปฏบิ ตั ิงาน

ผลกระทบเพ่ือความสมดุล พร้อมรบั การเปล่ียนแปลง

ด้านสังคม ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นวฒั นธรรม ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม
ผลงานที่จดั ทาํ สามารถ ดูแลรักษาสิ่งแวดล๎อม
มอบหมายใหค๎ รผู ๎สู อนใน สามารถปฏบิ ตั งิ านท่ี ผลงานท่ีจัดทําเปน็ สือ่ การ ในขณะปฏิบัตงิ านอยําง
รายวิชากระบวนการจัดทาํ ตอํ เนื่องไมํใหเ๎ กดิ มลพิษหรอื
บญั ชีนาํ ไปใช๎เป็นสอ่ื การสอน มอบหมายไดโ๎ ดยใช๎ สอนที่ดตี ามหลักการบัญชีท่ี มลภาวะใดๆ
ให๎เกดิ ประโยชน์ตํอสังคม
ทรพั ยากรอยํางค๎มุ คาํ รับรองท่วั ไป

หมายเหตุ หากเปน็ การบูรณาการในหนํวยการเรยี นร๎หู นวํ ยใดหนวํ ยหนึ่ง ให๎นาํ แผนภูมนิ ี้ไปนําเสนอในหนวํ ย
การเรยี นร๎ูน้ัน

18

พส.9

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 1
เวลารวม 4 ชว่ั โมง
รหัส 30201-2007 ชือ่ วิชา การบญั ชีภาษอี ากร สปั ดาห์ 1/18
ช่อื หน่วย กฎหมายทเ่ี ก่ียวข๎องกับการจดั ทําบัญชี
เร่ือง กฎหมายท่ีเกี่ยวข๎องกับการจัดทาํ บัญชี จํานวน 4 ชว่ั โมง

1. สาระสําคัญ
การนําเสนอภาษีที่ต๎องทํา และคําส่ังรัฐบาลให๎ถูกต๎องตามแบบท่ีกําหนด เป็นเหตุผลในการประกาศใช๎

พระราชบัญญัติฉบับนี้ กลําวคือ เน่ืองจากในปัจจุบันนี้การประกอบวิชาชีพบัญชีได๎ขยายครอบคลุมออกไป
หลายด๎าน ไมํวําการทําบัญชี การสอบบัญชี การบัญชีบริหาร การวางระบบบัญชี การบัญชีภาษีอากร
การศกึ ษาและเทคโนโลยกี ารบญั ชี หรอื บริการด๎านอื่น ซ่ึงมีความเกี่ยวข๎องสัมพันธ์กับกิจกรรมทางธุรกิจตําง ๆ
อยาํ งกวา๎ งขวาง สมควรสํงเสริมให๎ผ๎ูประกอบวิชาชีพบัญชีอยํูภายใต๎การดูแลของสภาวิชาชีพเดียวกัน เพื่อเป็น
ศูนย์รวมและสํงเสริมความเป็นปึกแผํน รวมท้ังให๎ความรู๎และพัฒนาสํงเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ
เพอ่ื ให๎ ผู๎ประกอบวิชาชพี มีคณุ ภาพและมาตรฐาน และมคี วามกา๎ วหนา๎ ในวิชาชีพ ตลอดจนเพื่อให๎มีการควบคุม
จรรยาบรรณ การประกอบวชิ าชีพ จึงจาํ เปน็ ต๎องตราพระราชบญั ญัตินี้

2. สมรรถนะประจําหนว่ ย
2.1 แสดงความรเ๎ู ก่ยี วกบั กฎหมายทเี่ ก่ียวข๎องกับการจดั ทําบัญชีได๎
2.2 น๎อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการปฏิบัตงิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสัยท่ีดใี นการปฏบิ ตั งิ านด๎วยความซือ่ สัตย์และรอบคอบได๎

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 แสดงความร๎เู ก่ียวกบั กฎหมายทีเ่ ก่ียวข๎องกับการจัดทําบญั ชีได๎
3.2 อธิบายรูปแบบของธุรกจิ ได๎
3.3 จดั ทาํ งบการเงินตามมาตรฐานการบญั ชไี ด๎
3.4 ปฏิบัติงานไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายในเวลาที่กาํ หนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลกั

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3.5 กล๎าแสดงความคิดเหน็ อยํางมเี หตผุ ลและรบั ฟังความคิดเหน็ ของผ๎ูอน่ื
3.6 มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สัมพันธ์ ความมีวนิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซ่ือสัตยส์ จุ รติ ความเชื่อมั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามคั คี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนกั ถงึ การละเว๎นจากสงิ่ เสพติดและอบายมุขทั้งปวง

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 พระราชบญั ญตั ิวิชาชพี บัญชี พ.ศ. 2547
4.2 การกําหนดมาตรฐานการบญั ชี
4.3 การประกอบวชิ าชพี ด๎านการทาํ บญั ชี

19

5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ( เชํน เพอ่ื นชวํ ยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใช๎วธิ ีการแบงํ กลํุม นําเสนอผลงาน

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นาํ เขา้ สู่บทเรียน
6.1 ผู๎สอนเกี่ยวกบั หลักสูตร จุดประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวิชา คําอธิบายรายวิชา หนังสือเรียนใน
รายวชิ าการบัญชภี าษีอากร และวธิ กี ารวัดและประเมินผล
6.2 ผสู๎ อนอธิบายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพสําหรับผทู๎ ่ีจบการศึกษาทางด๎านการบัญชี การทํางาน
ทางด๎านภาษีอากร และความรู๎เก่ยี วกับกาจดั ทาํ บญั ชี
ข้ันสอน
6.3 ผ๎สู อนอภปิ รายหัวขอ๎ ตามสาระการเรยี นร๎ู และกลําวถึง

- พระราชบญั ญัตวิ ชิ าชพี บัญชี พ.ศ. 2547 มาตราที่ 1 ถึง มาตราที่ 5
- สภาวิชาชีพบญั ชี ในมาตราที่ 6 ถึง มาตราท่ี 11
- สมาชิกสภาวิชาชีพบญั ชี มาตราที่ 12 ถงึ มาตราท่ี 21
- คณะกรรมการสภาวิชาชีพบญั ชี มาตราที่ 22 ถงึ มาตราท่ี 32
- คณะกรรมการกําหนดมาตรฐานการบัญชี มาตราท่ี 33 ถึง มาตราท่ี 36
- การควบคุมการประกอบวชิ าชพี ด๎านการสอบบัญชี มาตราท่ี 37 ถึง มาตราท่ี 43
- การควบคมุ การประกอบวชิ าชีพดา๎ นการททาํ บญั ชี มาตราท่ี 44 ถงึ มาตราที่ 45
- จรรยาบรรณของผป๎ู ระกอบวิชาชพี บญั ชี มาตราที่ 46 ถงึ มาตราท่ี 58
- การกกํากับดูแลการประกอบวิชาชีพบญั ชี มาตราที่ 59 ถงึ มาตราที่ 64
- บทกําหนดโทษและบทเฉพาะกาล มาตราท่ี 65 ถึง มาตราที่ 78
6.4 มอบหมายให๎ผู๎เรียนศกึ ษาคน๎ ควา๎ ตามหวั ข๎อสาระการเรยี นร๎ู
6.5 ให๎ผเู๎ รียนแบํงกลุํม และนาํ เสนอผลงานหน๎าช้ันเรยี น และใหเ๎ พอื่ นๆ คนอน่ื แสดงความคิดเหน็
6.6 ผเ๎ู รียนทําแบบประเมนิ ผลการเรยี นรท๎ู า๎ ยหนํวยเรยี น
ขน้ั สรปุ และการประยกุ ต์
6.7 ผสู๎ อนและผเ๎ู รียนสรปุ สาระสําคญั โดยการซักถาม และแสดงความคดิ เห็นรวํ มกนั
6.8 ผเู๎ รียนทาํ แบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ูทา๎ ยหนวํ ยเรียน

การบรู ณาการกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกับงาน ได๎อยาํ งถกู ต๎องและใช๎วัสดุ

อปุ กรณ์อยํางคุม๎ คํา ประหยัด ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1.2 ผ๎เู รียนจัดสรรเวลาในการปฏบิ ตั ิงานได๎อยาํ งเหมาะสม

2. ความมเี หตผุ ล
2.1 กลา๎ แสดงความคดิ เหน็ อยํางมีเหตุผล
2.2 ใชว๎ สั ดุถูกตอ๎ งและเหมาะสมกบั งาน

20

3. การมีภมู ิค๎ุมกนั ในตวั ทด่ี ี
3.1 มีการเตรยี มความพร๎อมในการเรยี นและการปฏิบัติงาน
3.2 มที กั ษะในการปฏบิ ตั ิงาน เข๎าใจอยํางถูกต๎อง เพือ่ การปฏิบตั งิ านที่มปี ระสิทธิภาพ
3.3 ควบคมุ กิรยิ าอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ไดเ๎ ปน็ อยํางดี

4. เงื่อนไขความร๎ู
4.1 มีความรูค๎ วามเข๎าใจเกยี่ วกบั กฎหมายที่เก่ียวขอ๎ งกบั การจดั ทาํ บัญชี
4.2 มีความรู๎ ความเขา๎ ใจเก่ียวกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

5. เง่อื นไขคุณธรรม
5.1 ปฏิบัตงิ านท่มี อบหมายเสร็จภายในกาํ หนดเวลา
5.2 มีความเพียรพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรียนและในขณะปฏบิ ตั ิงาน

7. บรรยากาศทส่ี ่งเสรมิ และพฒั นาผเู้ รยี น
ผูเ๎ รียนมีความสนใจในการเรยี น เน่อื งจากการสอนแบบแบํงกลุํม นําเสนอผลงานทาํ ให๎ผเู๎ รยี นมีความ

กระตือรอื ลน๎ และได๎แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลี่ยนความร๎ู สํงผลใหเ๎ กิดผลการเรยี นรทู๎ ี่ดี

8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรบั ผิดชอบ ตรงตํอเวลา ความซื่อสัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสัมพนั ธ์ที่ดี ความมวี ินัย ความรับผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ ความเช่ือมั่นในตนเอง การ

ประหยดั ความสนใจใฝรุ ู๎ ความสามัคคี ความกตัญญู ละเว๎นสิ่งเสพติด/การพนนั ความคดิ รเิ รมิ่ สรา๎ งสรรค์ การ
พึง่ ตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกลัน้ ความมีคุณธรรม/จรยิ ธรรม และการตรงตํอเวลา

9. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
9.1 หนงั สอื เรียน วิชาการบญั ชีภาษอี ากร ของสํานักพิมพ์เอมพนั ธ์
9.2 ใบความรู๎ เร่ือง กฎหมายที่เกย่ี วข๎องกับการจัดทําบญั ชี
9.3 ใบงาน เรือ่ ง กฎหมายที่เกย่ี วข๎องกบั การจดั ทําบญั ชี
9.4 สือ่ การสอน Power point เรอื่ ง กฎหมายที่เกีย่ วข๎องกบั การจดั ทาํ บัญชี
9.5 Internet

10. การวดั ผลและประเมินผล ( เชนํ แบบทดสอบท๎ายบทเรียน , แบบทดสอบกอํ นเรียน-หลังเรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรียน เรอ่ื ง กฎหมายท่เี กี่ยวข๎องกับการจัดทําบญั ชี
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เร่ือง กฎหมายทเ่ี กยี่ วข๎องกบั การจัดทาํ บญั ชี
10.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง กฎหมายทีเ่ ก่ยี วข๎องกับการจัดทาํ บญั ชี

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หัด เรื่อง กฎหมายทเี่ กย่ี วข๎องกับการจัดทําบัญชี
11.2 ใบงาน เร่อื ง กฎหมายท่ีเกยี่ วขอ๎ งกบั การจดั ทําบัญชี

12. เอกสารอ้างอิง
มนสั ชัย กีรตผิ จญ. การบญั ชีภาษอี ากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สํานกั พิมพ์เอมพันธ์ จํากดั . 2563

21 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)

22

พส.11

บนั ทกึ หลังการจดั การเรียนรู้
รหัสวชิ า.....30201-2007.......ช่ือวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดบั ชนั้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ .........................สปั ดาหท์ ่ี.....1.....วันท่สี อน.......20 พฤษภาคม 2565..............
หนํวยที่....1........ช่ือหนํวย..........กฎหมายทีเ่ กี่ยวข๎องกบั การจัดทําบญั ชี..................................จํานวน........4........ชัว่ โมง
จาํ นวนผ๎เู รียน.....28......คน มาเรยี น......28.......คน ขาดเรยี น.....-.....คน ลาปุวย......-.....คน ลากจิ ....-........คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอุปสรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงชือ่ .......................................................ครผู ๎ูสอน
(นางสาวนภาพร คงวจิ ิตร)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงช่ือ...............................................หวั หน๎าแผนกวิชา ลงชอื่ ............................................รองผ๎ูอํานวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเหน็ ผ๎ูอาํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสุมีนา แดงใจ)

ผูอ๎ ํานวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............

23

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ชื่อวิชา การบัญชีภาษอี ากร

ช่อื หน่วย กฎหมายที่เกี่ยวขอ๎ งกับการจัดทาํ บัญชี

เร่อื ง กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ๎ งกบั การจัดทําบญั ชี จํานวนชั่วโมงสอน 1 ชวั่ โมง
รายการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม พระราชบญั ญัติวิชาชพี บญั ชี พ.ศ. 2547

1. แสดงความร๎ูเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข๎องกับการ
จัดทําบัญชีได๎

2. อธิบายรูปแบบของธรุ กิจได๎
3. จดั ทํางบการเงินตามมาตรฐานการบัญชไี ด๎
4. ปฏิบตั งิ านได๎อยาํ งถูกตอ๎ ง และสําเร็จภายในเวลา
ท่กี าํ หนดอยาํ งมเี หตผุ ล และประหยัดตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง
5. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยํางมเี หตผุ ลและรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ของผู๎อ่ืน
6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย
สมั พันธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต
ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการ
ละเว๎นจากส่งิ เสพตดิ และอบายมขุ ทง้ั ปวง

เนื้อหาสาระ
พระราชบญั ญตั ิวชิ าชีพบัญชี พ.ศ. 2547
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล๎า ฯ ใหป๎ ระกาศวํา

โดยทเ่ี ปน็ การสมควรให๎มีกฎหมายวาํ ดว๎ ยวชิ าชีพบัญชี
พระราชบญั ญตั ินม้ี ีบทบัญญตั ิบางประการเกี่ยวกบั การจาํ กัดสทิ ธิและเสรภี าพของบุคคล ซึง่ มาตรา 29

ประกอบกบั มาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแหงํ ราชอาณาจักรไทย บญั ญัติให๎กระทาํ ได๎ โดยอาศัยอาํ นาจตาม
บทบญั ญตั แิ หํงกฎหมายวาํ

จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าฯ ให๎ตราพระราชบญั ญัตขิ ึ้นไวโ๎ ดยคําแนะนาํ และยินยอมของรฐั สภา
ดังตํอไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญตั นิ เ้ี รียกวาํ พระราชบัญญัติวิชาชพี บญั ชี พ.ศ. 2547

24

มาตรา 2 พระราชบัญญตั ิน้ีให๎ใชบ๎ ังคบั ต้งั แตวํ ันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน๎ ไป
มาตรา 3 ให๎ยกเลิกพระราชบัญญัตผิ ส๎ู อบบัญชี พ.ศ. 2505
มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตินี้
วชิ าชีพบญั ชี หมายความวาํ วิชาชพี ในดา๎ นการทาํ บัญชี ด๎านการสอบบญั ชี ดา๎ นการบญั ชีบริหาร ดา๎ น
การวางระบบบัญชี ด๎านการบัญชภี าษอี ากร ด๎านการศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชี และบริการเกยี่ วกบั การ
บัญชีดา๎ นอ่ืนตามท่กี าํ หนดโดยกฎกระทรวง
ผ๎ูทําบัญชี หมายความวํา ผ๎ทู ําบัญชตี ามกฎหมายวําด๎วยการบญั ชี
การระชุมใหญํ หมายความวาํ การประชมุ ใหญสํ ามัญหรอื การประชุมใหญํวิสามัญ
สมาชิก หมายความวํา สมาชิกสภาวชิ าชีพบัญชี
รัฐมนตรี หมายความวํา รัฐมนตรผี ๎รู ักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
มาตรา 5 ให๎รัฐมนตรวี ําการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และใหม๎ ีอาํ นาจออก
กฎกระทรวง เพือ่ ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ินี้
กฎกระทรวงนัน้ เม่อื ไดป๎ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว๎ ใหใ๎ ชบ๎ ังคับได๎

หมวด 1
สภาวิชาชพี บัญชี
มาตรา 6 ใหม๎ สี ภาวชิ าชพี บญั ชี มฐี านะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสงํ เสรมิ และพฒั นา
วชิ าชพี บัญชี
มาตรา 7 สภาวชิ าชพี บัญชมี ีอํานาจหนา๎ ท่ี ดงั ตํอไปนี้
(1) สํงเสรมิ การศกึ ษา การอบรม และการวิจัยเก่ยี วกบั วิชาชีพบัญชี
(2) สํงเสรมิ ความสามัคคีและผดุงเกยี รติของสมาชิก จดั สวัสดกิ ารและการสงเคราะหร์ ะหวํางสมาชกิ
(3) กําหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี และมาตรฐานอนื่ ทเ่ี กี่ยวกับวชิ าชพี บัญชี
(4) กําหนดจรรยาบรรณผ๎ปู ระกอบวชิ าชีพบัญชี
(5) รบั ขึ้นทะเบียนการประกอบวชิ าชีพบัญชี ออกใบอนุญาต พักใช๎ หรือเพิกถอนใบอนญุ าตผ๎ู
ประกอบวชิ าชีพบญั ชี
(6) รับรองปริญญาหรอื ประกาศนียบตั รในวิชาการบัญชีของสถาบันการศกึ ษาตาํ ง ๆ เพ่ือประโยชนใ์ น
การรับสมคั รเป็นสมาชิก
(7) รับรองความรูค๎ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพบัญชี
(8) รับรองหลกั สูตรการฝึกอบรมเปน็ ผชู๎ าํ นาญการ และการศกึ ษาตอํ เนื่องในด๎านตาํ ง ๆ ของผ๎ู
ประกอบวิชาชพี บญั ชี
(9) ควบคมุ ความประพฤตแิ ละการดําเนนิ งานของสมาชกิ และผ๎ขู ้นึ ทะเบียนอันเก่ียวกับการประกอบ
วิชาชีพบัญชใี หถ๎ กู ต๎องตามจรรยาบรรณแหงํ วิชาชพี บญั ชี
(10) ชํวยเหลอื แนะนํา เผยแพรํ และใหบ๎ ริการวชิ าการแกํประชาชนเกีย่ วกบั วชิ าชพี บัญชี
(11) ออกข๎อบังคบั สภาวิชาชพี บญั ชี
[ดูขอ๎ บังคับสภาวชิ าชพี บัญชี (ฉบบั ที่ 1) เรือ่ ง วิธกี ารเสนอและการพิจารณาราํ งข๎อบงั คับ พ.ศ.
2547]

25

[ดูข๎อบังคับสภาวิชาชพี บญั ชี (ฉบบั ท่ี 2) เรอื่ ง สมาชิกและการรบั สมัครสมาชกิ พ.ศ. 2547]
[ดขู ๎อบังคับสภาวิชาชพี บัญชี (ฉบบั ที่ 3) เรอื่ ง คาํ บํารงุ สมาชิก พ.ศ. 2547]
[ดขู อ๎ บังคบั สภาวิชาชีพบัญชี (ฉบบั ที่ 4) เรอ่ื ง คณุ สมบตั ิและลกั ษณะต๎องห๎ามของนายกสภาวิชาชีพ
บัญชี กรรมการผ๎ูทรงคุณวุฒิ และกรรมการสภาวิชาชพี บัญชี และหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารเลอื กตงั้ พ.ศ. 2547]
[ดูขอ๎ บังคับสภาวชิ าชพี บญั ชี (ฉบับที่ 5) เรื่อง คุณสมบัติและลกั ษณะต๎องห๎าม การเลอื กต้งั หรือการ
แตํงตง้ั การดํารงตําแหนงํ การพ๎นจากตําแหนํงของประธานคณะกรรมการหรอื กรรมการวิชาชีพบญั ชีแตํละ
ด๎าน อาํ นาจหนา๎ ที่ และการดําเนินการอน่ื ของคณะกรรมการวชิ าชพี บัญชีแตลํ ะด๎าน พ.ศ. 2547]
[ดูขอ๎ บังคบั สภาวิชาชพี บญั ชี (ฉบับที่ 6) เรื่อง ผ๎ูทําบัญชี พ.ศ. 2547]
[ดขู อ๎ บังคับสภาวชิ าชพี บญั ชี (ฉบับที่ 7) เรอ่ื ง การออกใบอนุญาต และคําธรรมเนียมใบอนญุ าตเป็น
ผสู๎ อบบญั ชีรบั อนญุ าต พ.ศ. 2547]
[ดขู อ๎ บังคบั สภาวิชาชพี บัญชี (ฉบับที่ 8) เรอ่ื ง การประชมุ ใหญํและการเสนอเรอ่ื งให๎ทปี่ ระชมุ ใหญํ
พจิ ารณา พ.ศ. 2547]
[ดขู ๎อบังคบั สภาวิชาชีพบัญชี (ฉบับที่ 10) เรื่อง ระยะเวลาการประกอบวชิ าชพี บญั ชีของผ๎ูดาํ รง
ตําแหนํงกรรมการจรรยาบรรณ พ.ศ. 2548]
[ดขู ๎อบังคบั สภาวิชาชพี บญั ชี (ฉบับท่ี 11) เรื่อง คณุ สมบตั ิ ลักษณะต๎องห๎าม การคดั เลอื ก และการพ๎น
จากตําแหนงํ ของกรรมการผู๎ทรงคุณวุฒใิ นคณะกรรมการกําหนดมาตรฐานการบัญชี พ.ศ. 2548]
[ดูขอ๎ บังคับสภาวชิ าชีพบญั ชี (ฉบบั ที่ 12) เรอื่ ง การพิจารณาเก่ยี วกับจรรยาบรรณ พ.ศ. 2549]
[ดูข๎อบังคับสภาวิชาชีพบญั ชี (ฉบบั ท่ี 13) เรอื่ ง หลักเกณฑ์และวิธีการฝกึ หัดงาน การทดสอบเก่ียวกบั
วิชาชีพบัญชขี องผ๎ูขอรบั ใบอนุญาตเป็นผส๎ู อบบญั ชีรับอนุญาต พ.ศ. 2549]
[ดขู ๎อบังคับสภาวิชาชพี บญั ชี (ฉบับท่ี 14) เรอื่ ง การปฏบิ ตั ิหน๎าที่ อํานาจหน๎าที่ และการพน๎ จาก
ตําแหนงํ ของผด๎ู าํ รงตาํ แหนงํ อุปนายก เลขาธกิ าร เหรัญญิก นายทะเบียน และตาํ แหนํงอื่น ๆ ตามที่
คณะกรรมการสภาวชิ าชีพกําหนด พ.ศ. 2549]
[ดขู อ๎ บังคบั สภาวชิ าชพี บัญชี (ฉบับท่ี 15) เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ และวิธีการเก่ียวกับการเขา๎ รบั การ
ฝึกอบรมหรือเข๎ารวํ มประชุมสัมมนา เพื่อพฒั นาความรูต๎ ํอเน่ืองทางวิชาชีพของผ๎ูสอบบัญชีรับอนญุ าต พ.ศ.
2550]
[ดูข๎อบังคบั สภาวชิ าชีพบัญชี (ฉบับท่ี 16) เรอ่ื ง คณุ สมบัตแิ ละลักษณะตอ๎ งหา๎ ม การเลือกตง้ั หรือการ
แตงํ ต้ัง การดํารงตาํ แหนงํ การพ๎นจากตําแหนงํ ของประธาน คณะกรรมการ หรือกรรมการวิชาชพี บญั ชีแตํละ
ดา๎ น อํานาจหน๎าที่และการดําเนนิ การอ่ืนของคณะกรรมการวชิ าชพี บญั ชแี ตลํ ะดา๎ น (แก๎ไขเพ่ิมเตมิ ครง้ั ท่ี 2)
พ.ศ. 2550]
[ดูบงั คับสภาวชิ าชีพบญั ชี (ฉบับที่ 17) เร่ือง การออกใบอนญุ าต และคําธรรมเนยี มใบอนญุ าตเปน็
ผู๎สอบบญั ชรี บั อนุญาต (แก๎ไขเพ่มิ เติมคร้ังท่ี 1) พ.ศ. 2551]
(12) เป็นตวั แทนของผ๎ูประกอบวิชาชพี บญั ชี
(13) ใหค๎ ําปรึกษาและเสนอแนะตํอรฐั บาลเก่ยี วกบั นโยบายและปญั หาของวชิ าชพี บัญชี
(14) ดําเนินการอนื่ เพอ่ื ให๎เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอํานาจหน๎าทีข่ องสภาวชิ าชีพบัญชตี าม
พระราชบัญญตั ิน้ี

26

มาตรา 8 สภาวิชาชพี บัญชีอาจมีรายได๎ ดงั ตํอไปนี้
(1) คําบํารุงสมาชิกและคําธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตนิ ้ี
(2) เงนิ อดุ หนนุ จากงบประมาณแผํนดิน
(3) ผลประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินและการดาํ เนนิ กจิ การของสภาวชิ าชีพบญั ชี
(4) เงินและทรัพยส์ ินซึ่งมผี ๎ูใหแ๎ กสํ ภาวิชาชีพบัญชี
(5) ดอกผลของเงินและทรพั ยส์ นิ ตาม (1) (2) (3) และ(4)
มาตรา 9 ภายใตบ๎ ังคับบทบัญญตั ิหมวด 5 การควบคุมการประกอบวชิ าชพี ด๎านการสอบบญั ชี และ
หมวด 6 การควบคมุ การประกอบวชิ าชพี ดา๎ นการทําบญั ชี ในกรณีท่ีการประกอบวิชาชพี บัญชดี ๎านใด มี
ผลกระทบตํอประโยชนไ์ ด๎เสยี ของประชาชน หรอื เพ่ือประโยชน์ท่ีจะใหม๎ ีการคุม๎ ครองประชาชนและพฒั นา
หรอื จัดระเบยี บการประกอบวชิ าชพี บญั ชดี ๎านใด จะตราพระราชกฤษฎีกากาํ หนดให๎การประกอบวิชาชีพบัญชี
ด๎านนน้ั ต๎องไดร๎ ับใบอนญุ าตหรอื ต๎องข้นึ ทะเบียนไว๎กบั สภาวชิ าชีพบัญชกี ็ได๎
มาตรา 10 เม่ือมีพระราชกฤษฎกี าตามมาตรา 9 ใชบ๎ ังคับสาํ หรบั วชิ าชพี บัญชดี า๎ นใด หา๎ มมิใหผ๎ ๎ใู ด
ประกอบวชิ าชพี บญั ชดี ๎านนัน้ เว๎นแตไํ ดร๎ บั ใบอนญุ าตหรือข้ึนทะเบยี นกับสภาวชิ าชพี บัญชี
การขอรับใบอนญุ าต การอนญุ าต การออกใบอนญุ าต และการข้ึนทะเบยี นผ๎ูประกอบวิชาชีพบญั ชี
ตามวรรคหน่งึ ใหเ๎ ปน็ ไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขท่ีกําหนดในข๎อบงั คับสภาวชิ าชีพบัญชี
ในการขน้ึ ทะเบยี นประกอบวิชาชพี บญั ชี สภาวิชาชพี บัญชีจะกาํ หนดใหผ๎ ๎ูข้ึนทะเบียนซ่ึงมิได๎เปน็
สมาชิกต๎องเสียคาํ ธรรมเนยี มเปน็ รายปกี ไ็ ด๎ แตํจะกาํ หนดคําธรรมเนยี มดังกลําวใหส๎ ูงกวาํ คําบาํ รุงสมาชิกและ
คาํ ธรรมเนียมใบอนุญาตทีเ่ รียกเกบ็ จากสมาชิกสภาวชิ าชพี บัญชีเปน็ รายปไี มํได๎
มาตรา 11 นติ ิบุคคลซง่ึ ประกอบกิจการให๎บริการด๎านการสอบบญั ชีหรือด๎านการทําบญั ชี หรือ
ใหบ๎ รกิ ารวชิ าชพี บัญชดี ๎านอ่นื ตามทก่ี ําหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 ตอ๎ งจดทะเบยี นตอํ สภาวิชาชีพ
บัญชีตามเง่ือนไข ดังตํอไปน้ี
(1) นิตบิ ุคคลนัน้ ต๎องจดั ใหม๎ หี ลักประกันเพ่อื ประกันความรบั ผิดตํอบุคคลทีส่ าม ทัง้ นี้ ตามประเภท
จาํ นวน หลกั เกณฑ์ และวธิ ีการทก่ี ําหนดโดยกฎกระทรวง
(2) ในกรณปี ระกอบกจิ การใหบ๎ ริการการสอบบญั ชี บุคคลซึง่ มีอํานาจลงนามผกู พันนติ บิ คุ คลในการ
ให๎บรกิ ารการสอบบัญชตี อ๎ งเปน็ ผไู๎ ด๎รับใบอนุญาตใหเ๎ ปน็ ผู๎สอบบัญชีรบั อนญุ าต
การกําหนดหลักประกันตามวรรคหนึ่ง (1) ใหค๎ าํ นงึ ถึงขนาดและรายไดข๎ องนิติบุคคลนั้น และใหน๎ าํ
ความเห็นของหนํวยงานทเ่ี กยี่ วข๎องและสภาวชิ าชีพบัญชีมาพิจารณาประกอบดว๎ ย
ในกรณีท่ผี ๎ูสอบบญั ชีตอ๎ งรับผิดชอบตํอบคุ คลท่สี าม ให๎นติ ิบคุ คลซึ่งผ๎สู อบบญั ชีนั้นสงั กดั อยูํรํวมรับผดิ
ดว๎ ยอยาํ งลูกหนี้รวํ ม และ ในกรณีที่ยังไมสํ ามารถชําระคาํ เสียหายได๎ครบจํานวน ใหห๎ ุน๎ สํวนหรือกรรมการผู๎มี
อํานาจลงนามผูกพันนติ บิ ุคคล หรอื ผแู๎ ทนนิตบิ ุคคลใด ซงึ่ ต๎องรบั ผิดชอบในการดําเนนิ การของนิติบุคคลน้นั
ตอ๎ งรํวมรับผิดจนครบจาํ นวน เว๎นแตํพสิ ูจนไ์ ดว๎ าํ ตนมิได๎มสี วํ นร๎เู หน็ หรือ ยนิ ยอมในการกระทาํ ผดิ ทต่ี ๎องรับผดิ

27

แบบฝึกหัด/คาํ ถาม/ปัญหา
1. วชิ าชพี บญั ชี หมายความวําอยาํ งไร
2. วัตถุประสงคข์ องสภาวชิ าชพี บญั ชมี สี าระสําคญั อยาํ งไรบ๎าง
3. สมาชิกสภาวชิ าชีพบัญชีมกี ปี่ ระเภทอะไรบา๎ ง
4. คณุ ลกั ษณะของจรรยาบรรณผปู๎ ระกอบวิชาชพี บัญชีประกอบดว๎ ยข๎อกําหนดในเร่ืองใดบ๎าง
5. นิติบุคคลใดให๎บริการการสอบบัญชีอยูํแล๎วกํอนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช๎บังคับ ให๎ยื่นขอจดทะเบียนตํอ
สภาวชิ าชพี บัญชีภายในก่ปี นี ับแตํวันทีพ่ ระราชบัญญตั นิ ้ีใช๎บงั คับ

เฉลยคาํ ตอบ

1. “วิชาชีพบัญชี” หมายความวํา วิชาชีพในด๎านการทําบัญชี ด๎านการสอบบัญชี ด๎านการบัญชีบริหาร

ด๎านการวางระบบบัญชี ด๎านการบัญชีภาษีอากร ด๎านการศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชี และบริการเกี่ยวกับ

การบัญชีดา๎ นอ่นื ตามทก่ี ําหนดโดยกฎกระทรวง

2. สภาวชิ าชพี บญั ชี มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อสํงเสรมิ และพัฒนาวชิ าชีพบญั ชี

3. สมาชกิ สภาวิชาชพี บัญชมี ี 4 ประเภท ดงั นี้

(1) สมาชิกสามัญ (3) สมาชิกสมทบ

(2) สมาชกิ วิสามัญ (4) สมาชกิ กิตติมศักดิ์

4. จรรยาบรรณของผปู๎ ระกอบวชิ าชีพบญั ชปี ระกอบด๎วยข๎อกําหนดในเร่ืองดังตอํ ไปนี้

(1) ความโปรงํ ใส ความเปน็ อิสระ ความเท่ียงธรรม และความซ่ือสัตย์สจุ ริต

(2) ความรค๎ู วามสามารถและมาตรฐานในการปฏบิ ัติงาน

(3) ความรบั ผิดชอบตํอผ๎รู บั บรกิ ารและการรักษาความลับ

(4) ความรับผิดชอบตํอผถ๎ู ือหุ๎น ผู๎เป็นหนุ๎ สวํ น หรอื บคุ คลหรอื นิติบคุ คลท่ผี ๎ปู ระกอบวิชาชพี บัญชี ปฏบิ ตั ิ

หน๎าทใ่ี ห๎

5. 1 ปี
เอกสารอา้ งอิง/เอกสารค้นคว้าเพม่ิ เติม

มนัสชยั กีรติผจญ. การบัญชีภาษีอากร. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท สาํ นักพิมพเ์ อมพันธ์ จํากัด. 2563

28

พส.12

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 1

รหสั 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษอี ากร

ชื่อหน่วย กฎหมายท่เี ก่ียวข๎องกับการจัดทาํ บัญชี

เรื่อง กฎหมายทีเ่ กีย่ วข๎องกับการจดั ทาํ บัญชี จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ชวั่ โมง

จงเลอื กคําตอบทถี่ ูกตอ๎ งท่ีสุดเพียงข๎อเดยี ว
1. สภาวิชาชีพบัญชี มีฐานะองค์กรตามข๎อใด

ก. องคก์ รอิสระ
ข. นิติบคุ คล
ค. บุคคลธรรมดา
ง. หา๎ งหน๎ุ สวํ นหรอื บรษิ ัทจาํ กัด
2. สภาวิชาชพี บัญชีมีรายได๎จากขอ๎ ใด
ก. เงนิ อุดหนนุ งบประมาณแผํนดนิ
ข. คําอบรม/สมั มนา
ค. เงินบริจาค
ง. ถกู ทุกข๎อ
3. สมาชกิ สภาวิชาชีพบญั ชีมกี ่ปี ระเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. ประเภทเดยี ว
4. จากข๎อ 3. ไดแ๎ กํอะไรบา๎ ง
ก. สามญั วสิ ามัญ สมทบ และกติ ติมศักด์ิ
ข. สามญั และวิสามญั
ค. ธรรมดา สามัญ และตลอดชพี
ง. สมทบ
5. นายกสภาวิชาชพี บัญชี และกรรมการมวี าระการดํารงตําแหนํงคราวละกีป่ ี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี

29

6. ผสู๎ อบบัญชีรับอนญุ าต ซ่ึงถกู สง่ั เพิกถอนใบอนญุ าต อาจขอรบั ใบอนญุ าตอีกได๎ เม่ือพน๎ กําหนดก่ีปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี

7. ขอ๎ ใดเป็นโทษการประพฤติผดิ จรรยาบรรณ
ก. ตกั เตอื นเปน็ หนังสอื
ข. ภาคทณั ฑ์
ค. เพิกถอนใบอนุญาต
ง. ถกู ทุกข๎อ

8. ใครมีหน๎าทีเ่ ป็นประธานกรรมการกาํ กบั ดแู ลการประกอบวิชาชพี บัญชี
ก. ปลดั กระทรวงพาณิชย์
ข. อธบิ ดีกรมสรรพากร
ค. ผวู๎ ําการตรวจเงินแผํนดนิ
ง. รฐั มนตรีกระทรวงพาณชิ ย์

9. ผ๎ูใดฝาุ ฝนื มาตรา 10 ต๎องระวางโทษจาํ คุกไมํเกินกีป่ ี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี

10. ห๎ามมิให๎ผ๎ใู ดประกอบวชิ าชพี เป็นผ๎ทู าํ บญั ชี เวน๎ แตํเปน็ สมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีหรือขึน้ ทะเบียนไว๎กบั สภา
วิชาชพี บญั ชี หากฝุาฝนื ตอ๎ งระวางโทษตามข๎อใด
ก. จําคกุ ไมเํ กิน 2 ปี
ข. ปรับไมเํ กิน 40,000 บาท
ค. ทั้งจําทงั้ ปรบั
ง. ถกู ทุกข๎อ

30

พส.12

เฉลยแบบประเมินผลการเรยี นรูห้ น่วยที่ 1

รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบัญชภี าษอี ากร

ชอ่ื หน่วย กฎหมายท่เี กี่ยวข๎องกับการจัดทาํ บัญชี

เรอื่ ง กฎหมายทเ่ี กี่ยวข๎องกับการจดั ทาํ บัญชี จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ชว่ั โมง

จงเลือกคําตอบทีถ่ ูกตอ๎ งทีส่ ุดเพียงข๎อเดียว
1. สภาวชิ าชพี บญั ชี มีฐานะองค์กรตามข๎อใด

ข. นติ ิบุคคล
2. สภาวชิ าชพี บญั ชมี รี ายไดจ๎ ากขอ๎ ใด

ง. ถูกทุกข๎อ
3. สมาชกิ สภาวิชาชีพบญั ชมี กี ป่ี ระเภท

ค. 4 ประเภท
4. จากข๎อ 3. ได๎แกํอะไรบา๎ ง

ก. สามัญ วสิ ามญั สมทบ และกิตติมศักดิ์
5. นายกสภาวิชาชพี บัญชี และกรรมการมีวาระการดํารงตําแหนํงคราวละกป่ี ี

ข. 3 ปี
6. ผส๎ู อบบญั ชรี ับอนุญาต ซึ่งถกู สั่งเพกิ ถอนใบอนญุ าต อาจขอรับใบอนุญาตอีกได๎ เมื่อพ๎นกําหนดกปี่ ี

ง. 5 ปี
7. ข๎อใดเป็นโทษการประพฤติผดิ จรรยาบรรณ

ง. ถกู ทุกข๎อ
8. ใครมหี นา๎ ทีเ่ ป็นประธานกรรมการกาํ กับดแู ลการประกอบวิชาชีพบัญชี

ก. ปลัดกระทรวงพาณิชย์
9. ผูใ๎ ดฝาุ ฝืนมาตรา 10 ต๎องระวางโทษจําคุกไมํเกินก่ปี ี

ข. 3 ปี
10. หา๎ มมใิ หผ๎ ๎ใู ดประกอบวิชาชีพเป็นผ๎ทู าํ บัญชี เว๎นแตํเป็นสมาชกิ สภาวิชาชพี บญั ชีหรอื ขึ้นทะเบยี นไว๎กบั สภา

วิชาชพี บญั ชี หากฝุาฝนื ต๎องระวางโทษตามข๎อใด
ง. ถูกทุกข๎อ

31 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหัส 30201-2007 ช่ือวิชา การบญั ชภี าษีอากร

ชอ่ื หน่วย กฎหมายทเ่ี ก่ยี วข๎องกับการจดั ทาํ บัญชี

เรื่อง กฎหมายท่ีเกยี่ วข๎องกบั การจดั ทําบญั ชี จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรียนรู้

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เครอื่ งมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์

1. แสดงความรเู๎ กย่ี วกับกฎหมายท่ีเก่ียวข๎องกับการ 1. อปุ กรณ์เครื่องเขียน

จดั ทําบัญชีได๎ 2. กระดาษ

2. อธบิ ายรปู แบบของธุรกจิ ได๎

3. จัดทํางบการเงินตามมาตรฐานการบัญชไี ด๎

4. ปฏบิ ัติงานได๎อยาํ งถูกต๎อง และสาํ เร็จภายใน

เวลาทก่ี าํ หนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

5. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรับฟัง

ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอน่ื

6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์

สุจริต ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจ

ใฝรุ ๎ู ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนัก

ถงึ การละเวน๎ จากส่ิงเสพตดิ และอบายมขุ ท้ังปวง

32

ลาํ ดบั ขัน้ การทํางาน ขอ้ ควรระวงั

ขั้นท่ี 1 ใหผ๎ เู๎ รียนจัดกลํุมเปน็ 8 กลมํุ ๆ ละ 5-6 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทุกคนได๎แสดงความ

โดยความสมัครใจ ผ๎ูเรียนแตํละกลํุมเลือกหวั หนา๎ กลํมุ คิดเห็น

และเลขานุการกลุํม 2. รวํ มกนั พิจารณาและสรปุ ประเดน็ ให๎ถูกต๎อง

กิจกรรมที่ครูมอบหมาย คอื คน๎ ควา๎ ตามหวั ข๎อที่

กําหนด ดงั น้ี มอบงาน

1. พระราชบญั ญัติวชิ าชีพบัญชี พ.ศ. 2547 1. ให๎นักเรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเตมิ จาก Internet เร่อื ง

2. การกําหนดมาตรฐานการบัญชี กฎหมายที่เก่ยี วข๎องกับการจัดทําบญั ชี

3. การประกอบวิชาชีพด๎านการทําบัญชี 2. นาํ ข๎อมลู ท่ีค๎นคว๎าไดน๎ ําเสนอหนา๎ ชั้นเรียน ครู

ขั้นท่ี 2 ผเ๎ู รียนแตํละกลํมุ รวํ มกนั คน๎ ควา๎ จากสอื่ และนกั เรียนรวํ มกนั เสนอแนะ

ตํางๆ พร๎อมเตรียมมาอภปิ รายหน๎าหนา๎ ชัน้ เรยี น โดย

เลือกวธิ กี ารนําเสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลํุมละ วัดผล/ประเมนิ ผล

ไมเํ กิน 10 นาที แบบประเมินพฤติกรรมการเข๎ารวํ มกจิ กรรมกลมุํ

ขนั้ ที่ 3 ผ๎ูเรียนแตลํ ะกลุํมประเมินตนเองและ

ประเมินผลกลมุํ อื่นๆ โดยใชแ๎ บบประเมินรายบุคคล

(แบบประเมินผลงาน)

ผ๎สู อนประเมนิ ผลผเู๎ รยี นทกุ กลุํม โดยใชแ๎ บบ

ประเมิน

ขั้นท่ี 4 สํงครผู ส๎ู อนเพ่อื ประเมนิ ผล

33

พส.9

แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 2
เวลารวม 4 ชั่วโมง
รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษอี ากร สปั ดาห์ 2/18
ชื่อหน่วย ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา
เร่อื ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา จํานวน 4 ช่ัวโมง

1. สาระสาํ คัญ
ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดา หมายถึง ภาษีเงนิ ได๎ท่เี รียกเกบ็ จากบคุ คลซึง่ มีเงินได๎พึงประเมินตามเกณฑ์ที่

ประมวลรัษฎากรกําหนดไวต๎ ามมาตรา 40 โดยย่นื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษีสําหรับปภี าษี ซึง่ ผูม๎ หี น๎าท่ี
เสยี ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาตอ๎ งประเมินถึงเงินไดท๎ ่ตี ๎องเสียภาษี รว๎ู ธิ ีการหกั คาํ ใชจ๎ าํ ยของเงนิ ไดพ๎ ึงประเมิน
การหกั คําลดหยํอนของผู๎มเี งินได๎ และคาํ นวณภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได๎
บคุ คล ธรรมดา ณ สถานทยี่ ่นื แบบแสดงรายการทกี่ าํ หนดไว๎

2. สมรรถนะประจาํ หนว่ ย
2.1 คํานวณภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาได๎
2.2 นอ๎ มนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการปฏิบัตงิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ัยท่ดี ีในการปฏบิ ัติงานดว๎ ยความซ่ือสัตย์และรอบคอบได๎

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 อธบิ ายเกี่ยวกบั ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาได๎
3.2 คาํ นวณหาเงนิ ได๎พึงประเมินหลังหักคําใชจ๎ าํ ยได๎
3.3 ปฏบิ ตั ิงานได๎อยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายในเวลาท่ีกาํ หนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3.4 กล๎าแสดงความคิดเห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรับฟังความคิดเหน็ ของผ๎ูอนื่
3.5 มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย

สัมพนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความซ่ือสตั ย์สุจริต ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนกั ถึงการละเว๎นจากสง่ิ เสพตดิ และอบายมุขทง้ั ปวง

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความร๎ทู ่วั ไปเกย่ี วกับภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
4.2 เงินได๎พึงประเมนิ
4.3 เงินไดพ๎ งึ ประเมินหลงั หักคาํ ใชจ๎ ําย

5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ( เชํน เพื่อนชวํ ยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรยี นร๎ู โดยใช๎วธิ ีการเพอ่ื นชํวยเพอ่ื นในการจบั คํเู พ่ือทํองจาํ เงนิ ไดพ๎ งึ ประเมิน

แตํละประเภท

34

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นาํ เข้าสูบ่ ทเรยี น
6.1 ผส๎ู อนได๎นาํ เขา๎ สูํบทเรยี นวาํ ด๎วยเรื่องของการคาํ นวณภาษี เงินได๎พึงประเมิน คําใชจ๎ ําย สตู รที่ใช๎ใน
การคาํ นวณภาษี และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจง๎ ผลการเรียนรูท๎ คี่ าดหวัง
ขัน้ สอน
6.3 ผู๎สอนอภิปรายหวั ข๎อตามสาระการเรียนรู๎ เก่ยี วกับผ๎ูมหี นา๎ ท่ีเสียภาษี ผ๎ูทไ่ี ดร๎ ับการยกเว๎น และ
ยกตวั อยํางของเงินได๎พงึ ประเมนิ และการหักคําใช๎จํายของเงินได๎พึงประเมินนนั้ จนได๎ผลลพั ท์คือเงินได๎พึง
ประเมนิ หลงั หักคาํ ใช๎จาํ ย
6.4 มอบหมายให๎ผ๎ูเรยี นศึกษาคน๎ ควา๎ ตามหัวข๎อสาระการเรยี นร๎ทู ุกคน
6.5 ให๎จับคูํผเ๎ู รยี น โดยใช๎วธิ กี ารเพื่อนชวํ ยเพ่อื นในการทํองเงนิ ได๎พงึ ประเมินแตลํ ะประเภท
6.6 ผูเ๎ รียนทําแบบประเมินผลการเรยี นรท๎ู ๎ายหนํวยเรยี น
ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์
6.7 ผู๎สอนและผู๎เรียนสรปุ สาระสําคญั โดยการซักถาม และแสดงความคิดเหน็ รํวมกนั
6.8 ผูเ๎ รียนทําแบบประเมินผลการเรยี นร๎ูทา๎ ยหนวํ ยเรียน

การบูรณาการกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกับงาน ได๎อยาํ งถกู ต๎องและใช๎วสั ดุ

อปุ กรณ์อยาํ งคุ๎มคาํ ประหยดั ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1.2 ผูเ๎ รียนจดั สรรเวลาในการปฏบิ ัตงิ านได๎อยาํ งเหมาะสม

2. ความมีเหตผุ ล
2.1 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมีเหตุผล
2.2 ใช๎วัสดุถกู ตอ๎ งและเหมาะสมกบั งาน

3. การมีภูมิค๎มุ กนั ในตัวทีด่ ี
3.1 มีการเตรยี มความพร๎อมในการเรยี นและการปฏบิ ตั งิ าน
3.2 มที กั ษะในการปฏิบตั งิ าน เขา๎ ใจอยํางถูกตอ๎ ง เพือ่ การปฏิบัตงิ านที่มปี ระสิทธิภาพ
3.3 ควบคมุ กิรยิ าอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ได๎เป็นอยํางดี

4. เงอ่ื นไขความรู๎
4.1 มคี วามร๎คู วามเข๎าใจเกี่ยวกบั ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
4.2 มีความร๎ู ความเขา๎ ใจเกี่ยวกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม
5.1 ปฏิบัติงานที่มอบหมายเสรจ็ ภายในกําหนดเวลา
5.2 มีความเพียรพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรียนและในขณะปฏิบตั ิงาน

35

7. บรรยากาศท่สี ่งเสริมและพัฒนาผูเ้ รยี น
ผูเ๎ รียนมีความสนใจในการเรียน เน่ืองจากการสอนแบบเพื่อนชํวยเพอื่ น ทําใหผ๎ ๎ูเรยี นได๎แสดงความ

คดิ เหน็ และได๎แลกเปลยี่ นความรู๎ สงํ ผลใหเ๎ กิดผลการเรียนรู๎ท่ีดี

8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรับผิดชอบ ตรงตํอเวลา ความซอื่ สตั ย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสัมพันธท์ ี่ดี ความมวี ินัย ความรบั ผิดชอบ ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความเช่ือมั่นในตนเอง การ

ประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู ความสามัคคี ความกตัญญู ละเว๎นสิง่ เสพติด/การพนนั ความคิดริเรมิ่ สร๎างสรรค์ การ
พึง่ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกลัน้ ความมีคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม และการตรงตํอเวลา

9. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนังสอื เรียน วิชาการบัญชภี าษีอากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพนั ธ์
9.2 ใบความร๎ู เรอ่ื ง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา
9.3 ใบงาน เรื่อง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา
9.4 ส่อื การสอน Power point เรอื่ ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
9.5 Internet

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกํอนเรียน-หลังเรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น เรือ่ ง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดา
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรื่อง ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา
10.3 แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝึกหดั เร่อื ง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดา
11.2 ใบงาน เรื่อง ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

12. เอกสารอา้ งอิง
มนสั ชยั กีรติผจญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สํานักพมิ พ์เอมพนั ธ์ จํากดั . 2563

36 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)

37

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้
รหสั วิชา.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชัน้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ .........................สัปดาห์ท่.ี ....2.....วันทีส่ อน..........................................................
หนํวยที่......2......ช่อื หนวํ ย...........ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา..................................................จาํ นวน........4........ช่วั โมง
จํานวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปุวย............คน ลากิจ..............คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงช่ือ.......................................................ครูผสู๎ อน
(นางสาวนภาพร คงวิจติ ร)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอื่ ...............................................หัวหนา๎ แผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผู๎อาํ นวยการฝุายวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเห็นผอ๎ู าํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)

ผู๎อํานวยการวทิ ยาลัยการอาชพี นครปฐม
............/................../............

38

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชภี าษีอากร

ช่อื หน่วย ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

เร่ือง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา จํานวนช่วั โมงสอน 1 ชว่ั โมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้

- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. ความรู๎ท่ัวไปเก่ียวกบั ภาษีเงนิ ได๎บุคคล
1. อธบิ ายเก่ยี วกับภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดาได๎ ธรรมดา
2. คํานวณหาเงินได๎พึงประเมนิ หลังหกั คําใชจ๎ าํ ยได๎
3. ปฏิบตั ิงานได๎อยาํ งถูกต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลา 2. เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ
3. เงินได๎พงึ ประเมนิ หลงั หกั คาํ ใชจ๎ าํ ย
ท่กี ําหนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

4. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรับฟัง
ความคิดเห็นของผ๎ูอ่ืน

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คํานิยม และ
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ได๎ในเร่อื งความมีมนษุ ย
สมั พนั ธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซ่อื สัตย์สจุ รติ
ความเชอ่ื มั่นในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนกั ถึงการ
ละเวน๎ จากสงิ่ เสพติดและอบายมขุ ทั้งปวง

เนอ้ื หาสาระ
ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา คอื ภาษที ่ีจัดเก็บจากบุคคลท่วั ไป หรอื จากหนํวยภาษีที่มีลกั ษณะพิเศษ

ตามที่กฎหมายกําหนด โดยปกตจิ ัดเกบ็ เปน็ ปี รายได๎ทเ่ี กดิ ขึ้นในปใี ดๆ ผ๎มู ีรายไดม๎ ีหนา๎ ท่ีตอ๎ งนําไปแสดง
รายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กาํ หนดภายในเดือนมกราคมถงึ มนี าคมของปีถัดไป สาํ หรบั ผ๎มู ีเงิน
ได๎บางกรณกี ฎหมายยังกาํ หนดใหย๎ ่นื แบบฯเสยี ภาษีตอนคร่ึงปสี ําหรับรายไดท๎ ีเ่ กิดข้ึนจรงิ ในชํวงคร่ึงปแี รก เพื่อ
เป็นการบรรเทาภาระภาษีท่ีต๎องชาํ ระและเงินได๎บางกรณีกฎหมายกําหนดใหผ๎ ๎จู ํายทาํ หน๎าท่ีหักภาษี ณ ทจี่ ําย
จากเงนิ ได๎ท่ีจํายบางสวํ นเพื่อให๎มีการทยอยชาํ ระภาษีขณะทม่ี เี งนิ ได๎เกิดขน้ึ อีกดว๎ ย
ผ๎ูมหี นา๎ ท่เี สยี ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา

1. บคุ คลธรรมดา คือ ผทู๎ ีม่ เี งินได๎ประเภทตํางๆ ตามประมวลกฎหมายรัษฎากรกาํ หนดไวต๎ ๎องเสีย
ภาษเี งินได๎ ไมวํ ําจะเปน็ ทารกผเู๎ ยาว์ หรอื ผู๎ท่ศี าลสง่ั ให๎เปน็ บุคคลไรความสามารถ โดยผ๎ูมเี งนิ ไดจ๎ ะต๎องมแี หลํง
ทอ่ี ยูํในประเทศไทย หรืออยํูในประเทศไทยในปีภาษีไมนํ อ๎ ยกวํา 180 วนั

2. หา๎ งหน๎ุ สวํ นสามญั หรือคณะบุคคลทม่ี ิใชนํ ติ ิบุคคล

39

2.1 หา๎ งหุ๎นสํวนสามญั หมายถึง ห๎างห๎ุนสํวนสามัญทม่ี ิได๎จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มบี คุ คลต้งั แตํ
2 คนขึ้นไป ตกลงเขา๎ หุน๎ กันเพอื่ รวํ มกนั ทําธุรกจิ ตามวัตถุประสงค์จะแบงํ ปนั กําไรอนั พึงจะได๎

2.2 คณะบุคคลท่ีไมํใชนํ ติ บิ คุ คล หมายถึง บุคคลต้ังแตํ 2 คนข้นึ ไปตกลงทาํ กิจการรวํ มกนั โดยไมํ
มวี ัตถุประสงค์ที่แบงํ ผลกาํ ไรอันพงึ จะได๎

3. ผ๎ูถึงแกคํ วามตายระหวํางปีภาษ หมายถึง บุคคลธรรมดาทม่ี เี งนิ ไดถ๎ ึงเกณฑ์ต๎องเสยี ภาษี แตํไดถ๎ ึง
ความตายระหวํางปีภาษกี ํอนทีจ่ ะย่นื แบบแสดงรายการเสียภาษีแม๎วําจะสน้ิ สภาพบุคคลไปแล๎ว แตกํ ฎหมาย
กาํ หนดใหเ๎ ปน็ หน๎าท่ีของผ๎จู ดั การมรดกทายาท หรือผ๎คู รองทรัพย์มรดก มหี นา๎ ที่ไปยน่ื แบบแสดงรายการเสยี
ภาษแี ทน

4. กองมรดกที่ยังไมํไดแ๎ บงํ หมายถงึ กองมรดกของผต๎ู ายที่ยังไมํได๎แบงํ ให๎กับทายาทในปีภาษถี ัดจาก
ปีท่เี จ๎ามรดกถงึ แกํความตาย หากกองมรดกดังกลําวมีเงินไดถ๎ งึ เกณฑต์ ๎องเสยี ภาษีผูจ๎ ดั การมรดก ทายาท หรือ
ผ๎คู รอบครองมรดก มหี น๎าที่ในการยน่ื แบบแสดงรายการเพ่ือเสยี ภาษี

5. วิสาหกจิ ชุมชน ตามกฎหมายวําด๎วยการสงํ เสริมวสิ าหกจิ ชมุ ชนเฉพาะท่ีเปน็ หา๎ งหนุ๎ สวํ นสามญั
หรือคณะบคุ คลท่ีมิใชํนิตบิ ุคคลเมอื่ มเี งินไดเ๎ กดิ ขน้ึ แลว๎ ผม๎ู ีหน๎าท่เี สียภาษจี ะต๎องทําคือ

5.1 ขอมเี ลข และบตั รประจําตวั ผเู๎ สียภาษี ภายใน 60 วนั นบั แตํวนั ทีม่ เี งินไดเ๎ กิดข้ึน ยื่นคําขอได๎
ทสี่ ํานักงานสรรพากรพน้ื ที่

5.2 ย่ืนแบบแสดงรายการ ปกติปีละ 1 ครัง้ เงินไดข๎ องปีใด ก็ยน่ื แบบแสดงรายการภายในวนั ท่ี
31 มีนาคม ของปถี ัดไป เวน๎ แตํ เงนิ ได๎ บางลักษณะ เชนํ การใหเ๎ ชํา ทรพั ยส์ นิ เงินได๎จาก วิชาชีพอสิ ระเงินได๎
จาก การรับเหมา เงินได๎ จากธุรกจิ การพาณชิ ย์ เปน็ ตน๎ จะต๎องยื่นแบบแสดงรายการตอนกลางปี สาํ หรับเงนิ
ได๎ ท่เี กดิ ข้นึ ใน 6 เดือนแรก ภายในเดอื นกันยายน ของทุกปีการย่ืนแบบแสดงรายการภาษบี ุคคลธรรมคาคร่ึง
ปี บางกรณีก็กําหนดผ๎ูจาํ ยเงินไดท๎ ําการหกั ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมคา ณ ที่งําย นําสงํ ตํอกรมสรรพากร และ
บางกรณี ก็กําหนดใหเ๎ จ๎าพนักงานประเมนิ มอี ํานาจประเมินเรยี กเกบ็ ภาษีกอํ นถึงกําหนดเวลาได๎ ภาษเี งินได๎
บุคคลธรรมคาครึ่งปี ภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ท่จี าํ ย ตลอดจนภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมคาทีป่ ระเมินให๎
ชาํ ระลวํ งหน๎านี้ ถอื เป็นเครดิตในการคาํ นวณภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาส้นิ ปดี ังน้ัน ในการยืน่ แบบแสดงรายการ
ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาแตํละปี จงึ อาจมีกรณีเสยี ภาษีเพิ่มเตมิ หรอื บางกรณีอาจไดร๎ ับภาษีคืนก็ได๎ เชํน ถกู
หักภาษี ณ ท่ีจาํ ยเกินกวาํ ที่จะต๎องเสยี เป็นต๎น ผูฝ๎ ุาฝืนไมํเสียภาษีอาจถูกประเมนิ ให๎เสียภาษีพร๎อมดว๎ ยเบย้ี
ปรบั และหรอื เงินเพ่ิม ซงึ่ อาจถกู คําเนนิ การอาขัดหรือยดึ ทรัพย์สินขายทอดตลาดนําเงินไปชาํ ระภาษี ตลอดจน
อาจถูกคําเนินคดีอาญาได๎

กรมสรรพากร คือ หนํวยงานภาครัฐหนวํ ยงานหนึ่ง สังกดั กระทรวงการคลงั มีภารกจิ เก่ยี วกบั การ
จดั เก็บภาษี การเสนอแนะ การใชน๎ โยบายทางภาษีอากรเพื่อใหไ๎ ดภ๎ าษีตามเปูาหมายอยาํ งทั่วถึงและเปน็ ธรรม
เป็นกลไกลในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม ให๎เกดิ ความสมัครใจในการเสยี ภาษี ภายใด๎วสิ ยั ทัศนใ์ นปจั จุบัน
คือ จัดเกบ็ ภาษีทันสมยั ใสํใจบริการ ยึดมัน่ ธรรมาภิบาล เพือ่ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมไทย กรอบการ
บริหารงานภายใตย๎ ทุ ธศาสตร์กรมสรรพากร 5 ป(ี พ.ศ. 2559 - 2563) และ แผนปฏบิ ัตริ าชการประจําปี
งบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2560 ขับเคล่ือนด๎วย3 ยทุ ธศาสตร์ ดังน้ี ยุทธศาสตร์ท่ี

1. รักษาเสถยี รภาพทางรายไดภ๎ าษีอยํางยัง่ ยนื มีเปูาประสงค์ คือการเสริมสรา๎ ง การปฏบิ ัตทิ างภาษี
ใหถ๎ ูกต๎อง ท้งั ในด๎านการบริหารจดั เกบ็ ภาษี การเสริมสรา๎ งความสมคั รใจ และการปฏิบัติ ทางภาษขี อง

40

ผ๎ปู ระกอบการให๎ถูกต๎อง ยุทธศาสตร์ท่ี
2. พฒั นาระบบการบรหิ ารและการบริการเพ่ือเสริมสรา๎ งการแขํงขันทางเศรษฐกิจ และสงั คม มี

เปูาประสงค์ คือ การเสรมิ สร๎างศักยภาพการแขงํ ขนั ของประเทศ การลดต๎นทุนในการปฏิบัติ ทางภาษีและ
ตน๎ ทนุ ในการจัดเกบ็ ภาษี และการเสรมิ สรา๎ งความมนั่ คงปลอดภัยและเสถยี รภาพของระบบ ICT ยทุ ธศาสตร์

3. เสริมสรา๎ งธรรมาภิบาลและสภาพแวดล๎อมการทํางานในองค์กร มีเปาู ประสงค์ คอื การเสริมสร๎าง
สภาพแวดล๎อมการทาํ งาน การมีธรรมาภบิ าลในองค์กร มคี ํานยิ ม และวัฒนธรรมองคก์ ร ที่เข๎มแขง็
สภาพแวดลอ๎ มในการทํางานที่ดี มคี วามรู๎ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญในงานท่รี บั ผิดชอบ และมีความสขุ
(ประสงค์,2559) อกี ทงั้ มีการทบทวนงานวิจยั ดงั ตอํ ไปน้ี ศริ ิวัฒน์ เปลีย่ นบางยาง (2558 งานวิจัยน้ี ศึกษา
ประสิทธผิ ลการให๎บริการสาธารณะอิเล็กทรอนกิ ส์ของการยื่นแบบและชําระภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา
ประสิทธผิ ลการใหบ๎ รกิ ารสาธารณะอเิ ล็กทรอนกิ ส์ของการยื่นแบบและชาํ ระภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา ด๎าน
ความพึงพอใจของผู๎ใช๎บรกิ าร ท้ัง ง ค๎าน ประกอบด๎วย การได๎รับบริการอยาํ งเสมอภาค การให๎บรกิ ารทีต่ รง
เวลาการใหบ๎ รกิ ารอยํางเพียงพอ การให๎บรกิ ารอยํางตํอเนื่อง และการใหบ๎ ริการอยํางกา๎ วหน๎า พบวํา มีความ
พึงพอใจ อยใํู นระดบั มาก และปจั จยั คุณภาพบริการอิเลก็ ทรอนิกส์ และปัจจยั การยอมรับบรกิ าร
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ มีความสัมพนั ธ์ กบั ประสิทธผิ ลการใหบ๎ รกิ ารสาธารณะอิเล็กทรอนิกส์

แบบและชาํ ระภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา นฤมล ชนิ โคตรพงศ์ (2560) ศึกษาเก่ยี วกับ กระบวนการ
ตดั สินใจลงทนุ เพ่ือลดหยํอนภาษีของนักลงทุนรายยอํ ยในเขตกรุงเทพมหานครนกั ลงทุนรายยอํ ยในเขต
กรงุ เทพมหานครนักลงทนุ รายยอํ ยในเขตกรุงเทพมหานครท่มี เี พศ อายุ รายได๎ วัตถุประสงคใ์ นการลงทนุ และ
บุคคลทีม่ ีอทิ ธิพลตํอการลงทุนตํางกัน ทาํ ให๎กระบวนการตัดสนิ ใจเพ่ือการลดหยํอนภาษีตํางกัน และปจั จัย
สํวนประสมทางการตลาดดา๎ นผลติ ภัณฑ์ ดา๎ นราคา ดา๎ นชํองทางการจดั จาํ หนําย ด๎านการสํงเสริมการขาย
ดา๎ นบคุ คล ด๎านการสรา๎ งและนําเสนอลักษณะทางกายภาพ และด๎านกระบวนการ มผี ลตํอกระบวนการ
ตัดสินใจลงทนุ เพ่ือการลดหยอํ นภาษี ของนักลงทุนรายยํอยในเขตกรงุ เทพมหานคร วราพร เปรมพาณชิ ยน์ ุกลู
(2561) ศกึ ษาผลกระทบของความรอบรใ๎ู นการวางแผนภาษีทม่ี ีตํอประสิทธิภาพ การวางแผนภาษี และเพื่อ
ทดสอบผลกระทบของการสนับสนุนจากฝุายบรหิ ารทมี่ ตี ํอความสมั พนั ธ์ระหวํางความรอบร๎ใู นการวางแผน
ภาษีกับประสทิ ธภิ าพการวางแผนภาษีของผบู๎ รหิ ารฝุายบัญชธี รุ กิจ SMEs ในประเทศไทย มขี ๎ออเสนอแนะวาํ
ดังน้ัน ธุรกจิ SMEs ในประเทศไทย ควรสนบั สนนุ ใหบ๎ ุคลากรทกุ ฝาุ ย โดยเฉพาะอยํางย่ิง ฝาุ ยบัญชีให๎มคี วามรู๎
และมคี วามเชีย่ วชาญด๎านกฎหมาย ระเบยี บ ข๎อบงั กับเกีย่ วกับภาษีอากร เพ่ือให๎การวางแผนภาษขี องธุรกจิ
เป็นไปอยํางถูกตอ๎ ง ครบถว๎ นและสามารถใชส๎ ิทธิประโยชนท์ างภาษไี ด๎สงู สดุ อยํางมปี ระสิทธิภาชิดตะวนั ชนะ
กุล (2561) งานวิจัยน้ศี กึ ษาถึงภาระภาษีและการเติบโตของเศรษฐกจิ ไทยโดยการศกึ ษาใชข๎ ๎อมลู รายไตรมาส
ของประเทศไทยระหวํางปี พ.ศ.2536-2559 พบวาํ การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ของประเทศไทยมี
ความสมั พันธใ์ นทิศทางตรงกันขา๎ มกับ ภาระภาษีท่ีเกบ็ จากแรงงาน ในขณะที่ภาระภาษที ่ีเกบ็ จากการบรโิ ภค
และภาระภาษีที่ เกบ็ จากทุน ไมํมีความสมั พันธ์อยํางมนี ัยสําคญั กบั การเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ
เงนิ ได้อนั เป็นเหตใุ ห้ตอ้ งนาํ ไปรวมคํานวณภาษี

แหลงํ ท่มี าของเงินได๎ ซ่ึงแบํงเป็นเงินไดจ๎ ากแหลงํ ในประเทศและนอกประเทศ เงนิ ได๎จากแหลํงตํางๆน้ี
จะต๎องนําไปรวมคํานวณภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหรอื ไมํ ใหพ๎ ิจารณา ดงั น้ี

1. เงินได๎เกิดจากแหลงํ ในประเทศ หมายถึง เงนิ ได๎ท่เี กิดข้นึ หรือเป็นผลสบื เนือ่ งจากมี

41

1.1 หนา๎ ทีง่ านทีท่ ําในประเทศไทย หรือ
1.2 กจิ การท่ีทําในประเทศไทย หรือ
1.3 กจิ การของนายจ๎างในประเทศไทย หรอื
1.4 ทรัพย์สนิ ท่ีอยูใํ นประเทศไทย (ดอกเบย้ี เงนิ ปันผล คําเชาํ ฯลฯ)
2. เงนิ ไดเ๎ กิดจากแหลํงนอกประเทศไทย หมายถึง เงินไดท๎ เ่ี กิดข้ึนหรือเป็นผลสบื เนื่องจากมี
2.1 หน๎าทงี่ านท่ที ําในตาํ งประเทศ หรือ
2.2 กิจการท่ีทาํ ในตํางประเทศ หรอื
2.3 ทรพั ยส์ นิ ท่ีอยํูในตํางประเทศ
สรุป
จากผู๎มีเงนิ ไดป๎ ระกอบอาชพี แตกตาํ งกนั มคี วามยากงาํ ยหรอื ตน๎ ทุนท่แี ตกตาํ งกนั เพ่ือความ เป็น
ธรรม ในกฎหมายจงึ ได๎แบํงลักษณะเงินได๎(พงึ ประเมนิ ) ออกเป็นกลมุํ ๆ ตามความเหมาะสมเพอื่ กาํ หนด
วิธคี าํ นวณภาษีให๎เกดิ ความเป็นธรรมมากท่ีสุด คือ
1. เงนิ ได๎ประเภทท่ี 1 ไดแ๎ กํ เงินได๎เนือ่ งจากการจา๎ งแรงงาน ไมวํ ําจะเป็น
- เงินเดอื น คําจา๎ ง เบี้ยเลยี้ ง โบนัส เบย้ี หวัด บําเหน็จ บาํ นาญ
- เงนิ คําเชาํ บ๎านท่ไี ดร๎ ับจากนายจา๎ ง
- เงนิ ทีค่ ํานวณไดจ๎ ากมลู คาํ ของการได๎อยบํู า๎ น ซึ่งนายจา๎ งให๎อยโํู ดยไมํเสียคาํ เชาํ
- เงินท่ีนายจา๎ งจํายชําระหน้ีใด ๆ ซ่งึ ลูกจ๎างมหี นา๎ ทตี่ ๎องชาํ ระ
- เงนิ ทรพั ย์สิน หรอื ประโยชน์ใด ๆ บรรดาทีไ่ ดเ๎ น่ืองจากการจา๎ งแรงงาน เชนํ มูลคาํ ของการได๎รับ
ประทานอาหาร เป็นต๎น
2. เงินได๎ประเภทที่ 2 ได๎แกํ เงนิ ได๎เนอื่ งจากหน๎าทหี่ รือตําแหนํงงานที่ทํา หรอื จากการรบั ทํางานให๎ ไมํวาํ
จะเปน็
- คาํ ธรรมเนยี ม คํานายหน๎า คาํ สวํ นลด
- เงนิ อุดหนนุ ในงานทท่ี ํา เบย้ี ประชุม บาํ เหนจ็ โบนัส
- เงินคําเชาํ บ๎านทไ่ี ดร๎ บั เนื่องจากหน๎าทหี่ รือตําแหนํงงานท่ที าํ หรือจากการรบั ทาํ งานให๎
- เงินที่คาํ นวณได๎จากมูลคาํ ของการได๎อยํบู ๎าน ทีผ่ ๎ูจํายเงินได๎ให๎อยํโู ดยไมํเสยี คาํ เชํา
- เงนิ ท่ผี ๎จู าํ ยเงินไดจ๎ ํายชําระหนใ้ี ด ๆ ซ่ึงผ๎มู ีเงนิ ได๎มีหนา๎ ทต่ี อ๎ งชาํ ระ
- เงนิ ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนใ์ ด ๆ บรรดาทไี่ ด๎เนื่องจากหน๎าทหี่ รือตําแหนํงงานที่ทาํ หรอื จากการรับ
ทํางานใหน๎ ้นั ไมํวาํ หน๎าทหี่ รือตําแหนงํ งาน หรอื งานทร่ี บั ทําให๎นั้นจะเปน็ การประจาํ หรือชว่ั คราว
3. เงินได๎ประเภทท่ี 3 ได๎แกํ คําแหํงก๏ดู วิลล์ คาํ แหงํ ลิขสิทธห์ิ รือสิทธอิ ยาํ งอื่น เงินปี หรือเงินได๎ทีม่ ีลกั ษณะ
เปน็ เงนิ รายปอี นั ไดม๎ าจากพินัยกรรม นิติกรรมอยาํ งอ่นื หรือคาํ พิพากษาของศาล
4. เงินได๎ประเภทที่ 4 ได๎แกํ ดอกเบ้ยี เงนิ ปันผล เงนิ สํวนแบงํ กําไร เงนิ ลดทนุ เงินเพิ่มทนุ ผลประโยชน์ท่ี
ไดจ๎ ากการโอนหน๎ุ ฯลฯ เป็นต๎น
(ก) ดอกเบ้ยี พนั ธบตั ร ดอกเบย้ี เงินฝาก ดอกเบยี้ หุ๎นกู๎ ดอกเบ้ียตว๋ั เงิน ดอกเบย้ี เงินกย๎ู มื ไมวํ าํ จะมี
หลกั ประกันหรือไมํ ดอกเบยี้ เงนิ ก๎ยู ืมที่อยํใู นบังคบั ต๎องถูกหักภาษไี ว๎ ณ ทีจ่ าํ ยตามกฎหมายวําด๎วยภาษเี งนิ ได๎
ปโิ ตรเลียมเฉพาะสํวนท่เี หลอื จากถกู หักภาษีไว๎ ณ ทจ่ี ํายตามกฎหมายดงั กลาํ ว หรอื ผลตํางระหวํางราคาไถํ

42

ถอน กบั ราคาจําหนํายตว๋ั เงนิ หรือตราสารแสดงสิทธิในหน้ีที่บรษิ ทั หรอื หา๎ งหนุ๎ สวํ นนิตบิ คุ คล หรอื นิติบคุ คล
อื่น เปน็ ผูอ๎ อกและจําหนาํ ยครั้งแรกในราคาต่ํากวาํ ราคาไถถํ อน รวมท้งั เงินไดท๎ ่ีมีลกั ษณะทาํ นองเดียวกันกบั
ดอกเบี้ย ผลประโยชนห์ รอื คาํ ตอบแทนอนื่ ๆ ที่ได๎จากการให๎ก๎ยู ืมหรอื จากสทิ ธเิ รียกร๎องในหน้ีทกุ ชนดิ ไมวํ าํ จะ
มีหลักประกันหรอื ไมํก็ตาม

(ข) เงินปนั ผล เงินสํวนแบงํ ของกาํ ไร หรือประโยชน์อน่ื ใดท่ีได๎จากบรษิ ทั หรือห๎างห๎นุ สวํ นนติ ิบคุ คล
กองทุนรวม หรอื สถาบันการเงินทมี่ กี ฎหมายไทยให๎จดั ต้ังข้ึนโดยเฉพาะสาํ หรบั ใหก๎ ย๎ู มื เงิน ฯลฯ

(ค) เงนิ โบนสั ท่จี ํายแกํผถู๎ ือหุ๎น หรือผเ๎ู ป็นห๎ุนสํวนในบรษิ ัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนติ บิ ุคคล
(ง) เงินลดทนุ ของบริษัทหรอื ห๎างหุ๎นสํวนนติ ิบุคคลเฉพาะสวํ นท่ีจํายไมํเกินกวาํ กําไรและเงนิ ท่กี ันไว๎
รวมกนั
(จ) เงนิ เพิ่มทุนของบริษทั หรอื ห๎างหุ๎นสํวนนติ ิบคุ คลซง่ึ ตง้ั จากกาํ ไรท่ีได๎มาหรอื รับชํวงกันไว๎รวมกัน
(ฉ) ผลประโยชนท์ ไี่ ด๎จากการท่บี ริษทั หรือห๎างหุน๎ สํวนนิติบุคคลควบเขา๎ กนั หรือรับชวํ งกนั หรอื เลกิ กัน
ซ่ึงตรี าคาเป็นเงินไดเ๎ กนิ กวําเงินทนุ
(ช) ผลประโยชน์ที่ได๎จากการโอนการเป็นห๎ุนสวํ นหรอื โอนห๎นุ หุ๎นกู๎ พนั ธบัตร หรือต๋วั เงิน หรอื ตรา
สารแสดงสทิ ธิในหนี้ ที่บรษิ ทั หรือห๎างห๎นุ สํวนนิตบิ ุคคล หรือนิติบคุ คลอื่นเป็นผ๎ูออก ทง้ั นี้เฉพาะซงึ่ ตรี าคา เปน็
เงนิ ได๎เกนิ กวาํ ทลี่ งทนุ
เงนิ ไดป๎ ระเภทที่ 4 ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายให๎สิทธิท่ีจะเลือกเสยี ภาษีโดยวิธหี ักภาษี ณ ที่จาํ ย แทน
การนาํ ไปรวมคาํ นวณกบั เงินได๎อน่ื ตามหลักทัว่ ไป ซึง่ จะทาํ ให๎ผมู๎ ีเงนิ ได๎ที่ต๎องเสยี ภาษีตามบัญชอี ัตราภาษี ใน
อัตราท่ีสงู กวําอตั ราภาษี หัก ณ ท่จี าํ ย สามารถประหยดั ภาษไี ด๎
5. เงินได๎ประเภทท่ี 5 เงินได๎จากการใหเ๎ ชาํ ทรัพย์สิน เงินหรอื ประโยชนอ์ ยาํ งอ่นื ที่ไดเ๎ นือ่ งจาก
- การให๎เชาํ ทรพั ย์สนิ
- การผดิ สญั ญาเชาํ ซื้อทรัพยส์ ิน
- การผดิ สัญญาซ้อื ขายเงินผํอนซึ่งผูข๎ ายได๎รบั คนื ทรัพยส์ นิ ทซี่ ื้อขายน้ันโดยไมํตอ๎ งคนื เงินหรอื ประโยชน์
ทไี่ ด๎รบั ไวแ๎ ล๎ว
6. เงนิ ได๎ประเภทที่ 6 ได๎แกํ เงนิ ได๎จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม
สถาปตั ยกรรม การบญั ชี ประณตี ศิลปกรรม หรือวิชาชีพอน่ื ซงึ่ จะไดม๎ ีพระราชกฤษฎีกากาํ หนดชนิดไว๎
7. เงินได๎ประเภทท่ี 7 ได๎แกํ เงนิ ได๎จากการรบั เหมาที่ผ๎ูรับเหมาต๎องลงทนุ ด๎วยการจัดหาสัมภาระ ในสวํ น
สาํ คัญนอกจากเครอ่ื งมอื
8. เงินไดป๎ ระเภทท่ี 8 ไดแ๎ กํ เงินได๎จากการธุรกจิ การพาณชิ ย์ การเกษตร การอตุ สาหกรรม การขนสํง
การขายอสังหาริมทรัพย์ หรอื การอนื่ นอกจากที่ระบุไวใ๎ นประเภทที่ 1 ถงึ ประเภทท่ี 7 แลว๎

เงนิ ได้พึงประเมนิ แต่ละกรณีจะคาํ นวณหักค่าใช้จา่ ย

คาํ ใชจ๎ าํ ยเป็นองคป์ ระกอบหนึ่งในการคํานวณภาษี ถือเปน็ สิทธิประโยชน์ทางภาษอี ยํางหนึง่ ทก่ี ฎหมายกําหนด
ไว๎ สําหรับหกั เป็นต๎นทนุ ในการทาํ งาน เพ่ือให๎ได๎เงนิ ไดห๎ รือรายได๎สทุ ธนิ ั้นมาคดิ ภาษตี ามบัญชีอัตราภาษี โดยมี
อัตราการหักคําใชจ๎ าํ ยมากหรือนอ๎ ยตามแตํละประเภทของเงนิ ได๎ สรปุ ได๎ดังนี้

43

ประเภทเงินได้ หักคา่ ใช้จา่ ย

1. เงนิ เดือน คาํ จ๎าง โบนสั เบี้ยเลย้ี ง 50% ไมํเกนิ 100,000 บาท
หากมเี งินไดป๎ ระเภทท่ี 1 และ 2 ให๎
2. เงินไดจ๎ ากหน๎าที่หรือตาํ แหนงํ งานท่ที าํ หรือจากการรบั นาํ เงนิ ได๎ท้ัง 2 ประเภท
ทาํ งานให๎ คาํ ธรรมเนียม คาํ นายหนา๎ ฯลฯ รวมกนั แตํหักได๎ไมเํ กิน 100,000
บาท
3. คาํ แหํงกูด๏ วิลล์ คําแหํงลิขสิทธ์ิหรือสิทธอิ ยํางอน่ื
50% ไมํเกนิ 100,000 บาท หรอื ตาม
4. ดอกเบ้ีย เงินปนั ผล สํวนแบํงกาํ ไร ฯลฯ จริง

5. รายไดจ๎ ากการใหเ๎ ชาํ ทรัพย์สิน การผดิ สญั ญาเชําซื้อ การ หักคําใชจ๎ าํ ยไมํได๎
ผดิ สัญญาซ้ือขายเงินผอํ น
ตามจรงิ หรอื อัตราเหมา
- บา๎ น โรงเรอื น สิ่งปลกู สร๎าง แพ 30%
- ทด่ี นิ ที่ใช๎ในการเกษตร 20%
- ท่ีดนิ ท่มี ไิ ดใ๎ ชใ๎ นการเกษตร 15%
- ยานพาหนะ 30%
- ทรพั ย์สินอื่น 10%
6. วิชาชพี อสิ ระ
- ประกอบโรคศิลปะ ตามจริงหรอื อัตราเหมา
- กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีต 60%
ศิลปกรรม 30%

7. รบั เหมากอํ สร๎าง ตามจริงหรืออัตราเหมา 60%
8. รายได๎อื่น นอกเหนือจาก 1-7 *
ตามจริงหรอื อัตราเหมา 40% และ
60%

44

แบบฝึกหดั /คําถาม/ปญั หา

1. ผู๎มีหนา๎ ทเ่ี สียภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาไดแ๎ กบํ คุ คลใดบา๎ ง
2. จงบอกหนา๎ ทข่ี องผูม๎ หี น๎าท่เี สยี ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดา
3. เงินไดพ๎ งึ ประเมนิ ประเภทที่ 1 ได๎แกเํ งินไดป๎ ระเภทใดบ๎าง
4. จงยกตวั อยาํ งเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ทีไ่ ดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษมี า 2 รายการ
5. ดอกเบยี้ ทไ่ี ดร๎ ับยกเวน๎ ภาษี ได๎แกํ ดอกเบย้ี ประเภทใดบ๎าง

เฉลยคาํ ตอบ

1. ผม๎ู ีหน๎าท่ีเสียภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดาไดแ๎ กํ บคุ คลธรรมดา ห๎างห๎ุนสวํ นสามัญหรือคณะบคุ คลทีม่ ิใชํ
นิตบิ คุ คล ผ๎ูถึงแกํความตายระหวาํ งปีภาษี และกองมรดกที่ยงั ไมํได๎แบํง

2. หนา๎ ท่ขี องผู๎มีหนา๎ ท่ีเสยี ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา มีดงั นี้
1. ขอมเี ลขและบตั รประจําตวั ผเ๎ู สยี ภาษีภายใน 60 วัน นับแตวํ นั ทมี่ ีเงนิ ได๎เกดิ ข้นึ
2. ยนื่ แบบแสดงรายการปกตปิ ีละ 1 คร้ัง ภายในวันที่ 31 มนี าคม ของปีถดั ไป

3. เงนิ ไดป๎ ระเภทท่ี 1 ไดแ๎ กํ เงินได๎เน่อื งจากการจ๎างแรงงาน เชํน เงินเดือน คําจ๎าง เบ้ียเล้ียง โบนัส เบ้ียหวัด
บาํ เหนจ็ บํานาญ เงินคาํ เชําบ๎านท่ไี ดร๎ ับจากนายจา๎ ง เปน็ ต๎น

4. เงินได๎ทไ่ี ด๎รบั ยกเว๎นภาษี ไดแ๎ กํ
1. คาํ เบยี้ เลี้ยงทล่ี ูกจ๎างหรือผ๎ูรับหน๎าท่หี รอื ตําแหนํงงาน หรือผ๎ูรบั ทาํ งานได๎จํายไปโดยสจุ รติ
2. เงนิ คาํ เดนิ ทางซงึ่ นายจา๎ งจํายใหแ๎ กลํ ูกจ๎าง เฉพาะสวํ นท่ลี กู จ๎างได๎จาํ ยทง้ั หมดโดยจําเปน็

5. ดอกเบย้ี ท่ีไดร๎ ับยกเวน๎ ภาษี ได๎แกํ
(1) ดอกเบ้ียสลากออมสิน หรอื ดอกเบี้ยเงนิ ฝากออมสนิ ของรฐั บาลประเภทฝากเผ่ือเรยี ก
(2) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรพั ยท์ ี่ไดร๎ ับจากสหกรณ์
(3) ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่จํายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์เฉพาะกรณี

ที่ผ๎ูมเี งนิ ไดไ๎ ด๎รบั ดอกเบี้ยรวมกนั ทง้ั สน้ิ ไมํเกิน 20,000 บาท ตลอดปภี าษีนั้น
(4) ดอกเบย้ี เงินฝากทีเ่ กดิ จากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศไทยและจากสหกรณ์ออมทรัพยต์ าม
กฎหมายวําดว๎ ยสหกรณใ์ นประเทศ เปน็ รายเดือนติดตํอกนั มีเวลาไมํน๎อยกวํา 24 เดอื น นบั แตวํ นั ท่ฝี าก
โดยมียอดเงนิ ฝากแตลํ ะคราวเทํากนั แตํไมํเกิน 25,000 บาทตํอเดือน และรวมทั้งหมดแลว๎ ต๎องไมเํ กิน
600,000 บาท

เอกสารอ้างอิง/เอกสารค้นคว้าเพม่ิ เตมิ
มนสั ชัย กรี ติผจญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท สํานักพิมพ์เอมพันธ์ จาํ กัด. 2563

45 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหสั 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชภี าษอี ากร

ชอ่ื หน่วย ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา

เรอ่ื ง ภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดา จํานวนชั่วโมงสอน 1 ชัว่ โมง
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เครอ่ื งมือ/วัสดุ-อุปกรณ์
1. อธิบายเกย่ี วกับภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาได๎ 1. อปุ กรณ์เครื่องเขยี น
2. คํานวณหาเงินได๎พึงประเมนิ หลงั หักคาํ ใชจ๎ ํายได๎ 2. กระดาษ
3. ปฏบิ ัตงิ านไดอ๎ ยาํ งถกู ต๎อง และสาํ เรจ็ ภายใน

เวลาท่กี ําหนดอยํางมเี หตผุ ล และประหยัดตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

4. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรับฟัง
ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอน่ื

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สมั พนั ธ์ ความมวี ินยั ความรับผดิ ชอบ ความซอ่ื สัตย์
สจุ รติ ความเชือ่ มน่ั ในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝุร๎ู ความรกั สามคั คี ความกตัญญูกตเวที และตระหนัก
ถึงการละเวน๎ จากสง่ิ เสพติดและอบายมขุ ท้งั ปวง

46

ลาํ ดับขั้นการทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั

ขนั้ ท่ี 1 ให๎ผ๎เู รยี นจดั กลุํมเป็น 7 กลุํมๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนได๎แสดงความ

โดยความสมคั รใจ ผเ๎ู รยี นแตลํ ะกลมุํ เลือกหัวหน๎ากลํุม คิดเห็น

และเลขานุการกลํุม 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรปุ ประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง

กิจกรรมทค่ี รูมอบหมาย คือ คน๎ ควา๎ ตามหัวข๎อที่

กาํ หนด ดังนี้ มอบงาน

1. ความรู๎ทว่ั ไปเกย่ี วกับภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา 1. ใหน๎ ักเรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เรอ่ื ง

2. เงนิ ได๎พึงประเมิน ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

3. เงินไดพ๎ งึ ประเมินหลงั หกั คําใชจ๎ าํ ย 2. นําข๎อมลู ที่ค๎นควา๎ ได๎นําเสนอหนา๎ ช้ันเรียน ครู

ขัน้ ที่ 2 ผู๎เรียนแตํละกลมุํ รํวมกันค๎นควา๎ จากสอ่ื และนกั เรยี นรวํ มกันเสนอแนะ

ตํางๆ พร๎อมเตรียมมาอภิปรายหนา๎ หนา๎ ช้ันเรยี น โดย

เลอื กวิธกี ารนําเสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลมํุ ละ วัดผล/ประเมินผล

ไมํเกนิ 10 นาที แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลํุม

ข้นั ที่ 3 ผ๎ูเรยี นแตลํ ะกลํุมประเมนิ ตนเองและ

ประเมนิ ผลกลุมํ อน่ื ๆ โดยใช๎แบบประเมนิ รายบุคคล

(แบบประเมินผลงาน)

ผู๎สอนประเมินผลผเ๎ู รยี นทกุ กลุํม โดยใช๎แบบ

ประเมิน

ข้ันท่ี 4 สํงครูผูส๎ อนเพอื่ ประเมินผล

47

พส.9

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2
เวลารวม 4 ช่ัวโมง
รหสั 30201-2007 ชื่อวิชา การบญั ชภี าษอี ากร สปั ดาห์ 3/18
ชื่อหน่วย ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา
เรือ่ ง ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา จํานวน 4 ชว่ั โมง

1. สาระสําคัญ
ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา หมายถึง ภาษีเงนิ ได๎ทเ่ี รียกเกบ็ จากบุคคลซ่งึ มีเงนิ ได๎พึงประเมินตามเกณฑ์ที่

ประมวลรษั ฎากรกําหนดไว๎ตามมาตรา 40 โดยยนื่ แบบแสดงรายการและชําระภาษีสําหรับปภี าษี ซ่ึงผู๎มีหนา๎ ที่
เสยี ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดาต๎องประเมนิ ถึงเงนิ ไดท๎ ี่ต๎องเสียภาษี รูว๎ ิธีการหกั คาํ ใช๎จํายของเงินไดพ๎ ึงประเมิน
การหกั คาํ ลดหยํอนของผมู๎ ีเงินได๎ และคาํ นวณภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา และยนื่ แบบแสดงรายการภาษีเงินได๎
บคุ คล ธรรมดา ณ สถานท่ียื่นแบบแสดงรายการทีก่ ําหนดไว๎

2. สมรรถนะประจําหน่วย
2.1 คํานวณภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใช๎ในการปฏิบตั ิงานได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสยั ที่ดใี นการปฏิบตั ิงานด๎วยความซอ่ื สตั ย์และรอบคอบได๎

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 แสดงความรูเ๎ กยี่ วกบั การคาํ นวณเงนิ ได๎พึงประเมนิ หลังคําใช๎จําย และคําลดหยํอนได๎
3.2 แสดงความรู๎เก่ียวกับการคาํ นวณเงนิ ได๎สทุ ธิได๎
3.3 คาํ นวณเงนิ ได๎พงึ ประเมินหลงั คาํ ใช๎จาํ ยและคาํ ลดหยํอนได๎
3.4 คาํ นวณเงนิ ไดส๎ ุทธิได๎
3.5 ปฏบิ ัติงานไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายในเวลาที่กาํ หนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3.6 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยํางมีเหตผุ ลและรบั ฟังความคดิ เห็นของผู๎อ่ืน
3.7 มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผิดชอบ ความซอ่ื สตั ยส์ ุจริต ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนกั ถึงการละเวน๎ จากสง่ิ เสพตดิ และอบายมุขทง้ั ปวง

4. สาระการเรียนรู้
4.1 การหกั คาํ ใช๎จํายของเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ
4.2 การหักคาํ ลดหยอํ นของผ๎ูมีเงินได๎
4.3 การคาํ นวณเงินได๎สุทธิ

5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ( เชนํ เพ่ือนชวํ ยเพ่ือน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรยี นร๎ู โดยใชว๎ ธิ ีการศกึ ษากรณศี กึ ษา

48

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาํ เขา้ สู่บทเรียน
6.1 ผ๎สู อนทบทวนความรูเ๎ ดิมท่ไี ด๎ศึกษามาแลว๎ คือเงนิ ได๎พึงประเมิน คาํ ใชจ๎ ํายของเงนิ ได๎พึงประเมินแตํ

ละประเภท เพ่ือใหส๎ ัมพันธ์กับเนือ้ หาสาระการเรียนร๎ูใหมํ และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรียนรูท๎ ี่คาดหวงั
ข้นั สอน
6.3 ผส๎ู อนอภปิ รายหัวขอ๎ ตามสาระการเรียนร๎ู และยกตัวอยํางของ เงนิ ได๎พึงประเมนิ คาํ ใช๎จาํ ย และ

คําลดหยํอน เพื่อคํานวณหา เงนิ ได๎สุทธิ
6.4 มอบหมายให๎ผเู๎ รียนศกึ ษาค๎นควา๎ ตามหวั ข๎อสาระการเรียนรู๎ทกุ คน
6.5 ให๎ผู๎เรียนทาํ กรณีศึกษาตามทีก่ ําหนดให๎ และเสนอผลงานหน๎าชั้นเรียน และใหเ๎ พ่ือนๆ คนอน่ื

แสดงความคิดเหน็
6.6 ผ๎ูเรยี นทาํ แบบประเมินผลการเรยี นร๎ทู ๎ายหนํวยเรียน
ขั้นสรุปและการประยกุ ต์
6.7 ผ๎ูสอนและผู๎เรียนสรุปสาระสาํ คญั โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรํวมกนั
6.8 ผเ๎ู รยี นทาํ แบบประเมินผลการเรยี นรทู๎ ๎ายหนวํ ยเรยี น

การบูรณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณ์สอดคล๎องกับงาน ไดอ๎ ยํางถกู ต๎องและใช๎วสั ดุ

อุปกรณ์อยาํ งคม๎ุ คํา ประหยัด ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเู๎ รยี นจัดสรรเวลาในการปฏิบตั ิงานได๎อยาํ งเหมาะสม

2. ความมีเหตผุ ล
2.1 กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตุผล
2.2 ใชว๎ ัสดุถกู ต๎องและเหมาะสมกบั งาน

3. การมีภมู ิค๎ุมกันในตวั ที่ดี
3.1 มีการเตรียมความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน
3.2 มีทกั ษะในการปฏบิ ัติงาน เขา๎ ใจอยํางถูกตอ๎ ง เพ่อื การปฏิบัติงานท่มี ีประสิทธภิ าพ
3.3 ควบคมุ กิรยิ าอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ได๎เปน็ อยํางดี

4. เงอื่ นไขความร๎ู
4.1 มีความรคู๎ วามเขา๎ ใจเกย่ี วกับภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา
4.2 มคี วามร๎ู ความเขา๎ ใจเก่ียวกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

5. เงือ่ นไขคุณธรรม
5.1 ปฏิบตั งิ านทม่ี อบหมายเสร็จภายในกําหนดเวลา
5.2 มคี วามเพยี รพยายาม กระตอื รือร๎นในการเรยี นและในขณะปฏิบตั ิงาน

49

7. บรรยากาศทสี่ ่งเสริมและพฒั นาผู้เรียน
ผเ๎ู รียนมีความสนใจในการเรียน เน่อื งจากการสอนแบบการศึกษากรณีศึกษา ทําใหผ๎ ๎เู รียนได๎แสดง

ความคิดเห็นและได๎แลกเปลยี่ นความรู๎ สํงผลให๎เกดิ ผลการเรียนรทู๎ ด่ี ี

8. คุณธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซือ่ สตั ย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสมั พันธ์ที่ดี ความมีวนิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ความเช่ือมั่นในตนเอง การ

ประหยดั ความสนใจใฝรุ ๎ู ความสามคั คี ความกตัญญู ละเว๎นส่ิงเสพตดิ /การพนัน ความคิดรเิ รม่ิ สร๎างสรรค์ การ
พ่งึ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกลน้ั ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา

9. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
9.1 หนังสอื เรยี น วิชาการบญั ชภี าษีอากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เร่อื ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
9.3 ใบงาน เรื่อง ภาษเี งนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา
9.4 สือ่ การสอน Power point เรอ่ื ง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา
9.5 Internet

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล ( เชํน แบบทดสอบท๎ายบทเรยี น , แบบทดสอบกอํ นเรียน-หลงั เรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรียน เรอ่ื ง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดา
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เร่ือง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
10.3 แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝึกหดั เรื่อง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา
11.2 ใบงาน เรอ่ื ง ภาษเี งนิ ได๎บคุ คลธรรมดา

12. เอกสารอา้ งอิง
มนัสชัย กรี ตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สาํ นกั พิมพ์เอมพันธ์ จํากัด. 2563

50 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)


Click to View FlipBook Version