201
4.7 กาํ หนดเวลาจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพ่มิ
4.8 สถานท่จี ดทะเบยี นภาษีมลู คาํ เพิ่ม
5. การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ( เชํน เพอื่ นชํวยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจัดการเรียนรู๎ โดยใช๎วิธกี าร แบํงกลุมํ จดั ทํารายงานและนําเสนอผลงานหน๎าชัน้ เรยี น
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาํ เขา้ ส่บู ทเรยี น
6.1 ผสู๎ อนทบทวนความรเู๎ ดิมทไี่ ด๎ศึกษามาแลว๎ เพ่ือใหส๎ มั พันธ์กับเนื้อหาสาระการเรยี นร๎ูใหมํ และ
ประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรทู๎ คี่ าดหวงั
ขนั้ สอน
6.3 ผส๎ู อนอภิปรายหัวข๎อตามสาระการเรียนรู๎ และยกตัวอยาํ งประกอบ
6.4 มอบหมายให๎ผเ๎ู รยี นศกึ ษาคน๎ คว๎าตามหวั ข๎อสาระการเรยี นรท๎ู กุ คน
6.5 ใหผ๎ ๎ูเรยี นแบํงกลุํม และนําเสนอผลงานหน๎าชน้ั เรียน และให๎เพ่อื นๆ คนอ่ืนแสดงความคดิ เห็น
6.6 ผู๎เรียนทําแบบประเมินผลการเรียนรูท๎ ๎ายหนํวยเรียน
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
6.7 ผส๎ู อนและผเ๎ู รียนสรปุ สาระสาํ คัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรํวมกนั
6.8 ผู๎เรียนทาํ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรทู๎ า๎ ยหนวํ ยเรียน
การบรู ณาการกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวสั ดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกบั งาน ได๎อยํางถูกต๎องและใชว๎ ัสดุ
อปุ กรณ์อยํางคุ๎มคาํ ประหยดั ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1.2 ผู๎เรียนจัดสรรเวลาในการปฏบิ ัติงานไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม
2. ความมีเหตผุ ล
2.1 กล๎าแสดงความคิดเหน็ อยํางมเี หตุผล
2.2 ใช๎วสั ดถุ ูกตอ๎ งและเหมาะสมกับงาน
3. การมีภมู ิค๎มุ กันในตวั ท่ีดี
3.1 มีการเตรยี มความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ตั งิ าน
3.2 มที กั ษะในการปฏิบัติงาน เขา๎ ใจอยํางถกู ตอ๎ ง เพื่อการปฏบิ ัติงานทม่ี ีประสิทธภิ าพ
3.3 ควบคุมกิริยาอาการในสถานการณ์ตํางๆ ไดเ๎ ป็นอยํางดี
4. เงอ่ื นไขความรู๎
4.1 มคี วามรูค๎ วามเข๎าใจเก่ยี วกับการบัญชีภาษีมูลคําเพิ่ม
4.2 มคี วามรู๎ ความเขา๎ ใจเกย่ี วกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
5. เง่อื นไขคุณธรรม
5.1 ปฏบิ ตั งิ านทีม่ อบหมายเสรจ็ ภายในกําหนดเวลา
202
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตอื รือรน๎ ในการเรียนและในขณะปฏิบัติงาน
7. บรรยากาศท่สี ่งเสริมและพัฒนาผเู้ รยี น
ผ๎เู รียนมีความสนใจในการเรยี น เนื่องจากการสอนแบบแบํงกลุํมจดั ทาํ รายงานและนาํ เสนอผลงาน
หน๎าชน้ั เรียน ทําให๎ผเ๎ู รยี นมคี วามกระตือรือลน๎ และได๎แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความร๎ู สํงผลให๎เกดิ ผล
การเรยี นรู๎ที่ดี
8. คุณธรรม จรยิ ธรรมประจําหนว่ ย ( เชนํ ความรบั ผิดชอบ ตรงตอํ เวลา ความซอื่ สตั ย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี ความมวี ินยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซื่อสตั ย์สุจรติ ความเชื่อม่นั ในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู ความสามคั คี ความกตัญญู ละเว๎นสิ่งเสพตดิ /การพนัน ความคดิ รเิ ริ่มสรา๎ งสรรค์ การ
พึ่งตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกล้นั ความมีคุณธรรม/จรยิ ธรรม และการตรงตํอเวลา
9. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
9.1 หนังสือเรียน วิชาการบัญชภี าษีอากร ของสํานักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เรือ่ ง การบญั ชีภาษมี ูลคาํ เพิ่ม
9.3 ใบงาน เรื่อง การบญั ชีภาษมี ลู คาํ เพม่ิ
9.4 สอื่ การสอน Power point เรือ่ ง การบัญชีภาษมี ลู คําเพ่ิม
9.5 Internet
10. การวัดผลและประเมินผล ( เชนํ แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกํอนเรยี น-หลงั เรยี น )
10.1 แบบทดสอบท๎ายบทเรยี น เรอ่ื ง การบญั ชีภาษีมลู คําเพม่ิ
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรื่อง การบัญชีภาษีมลู คาํ เพิ่ม
10.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง การบัญชภี าษมี ลู คาํ เพ่ิม
11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝึกหัด เรอื่ ง การบัญชภี าษมี ูลคาํ เพ่ิม
11.2 ใบงาน เร่ือง การบัญชีภาษีมลู คําเพม่ิ
12. เอกสารอ้างอิง
มนสั ชยั กีรตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรุงเทพฯ : บริษทั สาํ นกั พิมพเ์ อมพันธ์ จาํ กัด. 2563
203 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
204
พส.11
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
รหัสวชิ า.....30201-2007.......ช่ือวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดบั ช้นั ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สปั ดาหท์ ่ี.....13.....วันทส่ี อน..........................................................
หนวํ ยท.ี่ .....6......ชือ่ หนํวย...........การบญั ชภี าษมี ลู คําเพิ่ม....................................................จาํ นวน........4........ชั่วโมง
จาํ นวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรียน...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปวุ ย............คน ลากิจ..............คน
1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงชื่อ.......................................................ครผู สู๎ อน
(นางสาวนภาพร คงวิจิตร)
........../................/............
ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชือ่ ...............................................หัวหนา๎ แผนกวชิ า ลงชอ่ื ............................................รองผูอ๎ ํานวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเห็นผอ๎ู ํานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงช่ือ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)
ผูอ๎ าํ นวยการวทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............
205
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัส 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชีภาษีอากร
ช่อื หนว่ ย การบัญชภี าษีมูลคาํ เพม่ิ
เร่อื ง การบัญชภี าษีมลู คําเพ่มิ จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ชวั่ โมง
รายการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ผมู๎ หี นา๎ ทต่ี ๎องจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพม่ิ
2. ผ๎ูมหี น๎าท่ีเสยี ภาษมี ูลคําเพ่ิม
1. แสดงความรูเ๎ กี่ยวกบั ผูม๎ ีหนา๎ ท่เี สยี ภาษีมลู คาํ เพิ่ม 3. กจิ การท่ีไดร๎ ับการยกเวน๎ ภาษีมูลคําเพิ่ม
ในเรือ่ งการจดทะเบียนภาษีมูลคาํ เพมิ่ ความรับผิดชอบ 4. ความรบั ผดิ ในการเสยี ภาษีมูลคําเพิม่
ในการเสียภาษมี ลู คําเพิ่มได๎ 5. วิธีการจดทะเบียนภาษีมลู คาํ เพิ่ม
6. กาํ หนดเวลาจดทะเบียนภาษีมลู คําเพ่ิม
2. คํานวณและบนั ทึกภาษีมูลคาํ เพ่มิ ตามหลกั การ 7. สถานท่ีจดทะเบียนภาษมี ลู คาํ เพม่ิ
บันทกึ บัญชีได๎
3. ปฏิบัติงานได๎อยํางถกู ตอ๎ ง และสาํ เรจ็ ภายในเวลา
ที่กาํ หนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง
4. กล๎าแสดงความคิดเห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอ่ืน
5. มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คาํ นยิ ม และ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรบั ผิดชอบ ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ
ความเชื่อมน่ั ในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการ
ละเว๎นจากสง่ิ เสพติดและอบายมขุ ทง้ั ปวง
เนอื้ หาสาระ
ผู้มีหน๎าที่จดทะเบยี นภาษีมูลคําเพ่ิม และกําหนดเวลาการจดทะเบยี น
1. ผู๎ประกอบกิจการท่ีมรี ายรบั จากการขายสินค๎าหรือใหบ๎ รกิ ารเป็นปกตธิ รุ ะ เกินกวํา 1.8 ลา๎ นบาทตอํ ปี
ใหย๎ น่ื คําขอจดทะเบยี น ภายใน 30 วนั นบั แตวํ นั ทม่ี ีรายรับเกิน
2. ผูป๎ ระกอบกิจการขายสินค๎าหรือให๎บริการ ซึง่ มีแผนงานทีส่ ามารถพิสจู น์ได๎วาํ ได๎มกี ารดาํ เนนิ การ และ
เตรียมการประกอบกจิ การอนั เปน็ เหตุใหต๎ ๎องมกี ารซือ้ สินค๎า หรือรบั บรกิ ารท่ีอยใูํ นบงั คบั ต๎องเสีย
ภาษมี ูลคําเพม่ิ เชํน การกํอสร๎างโรงงาน กํอสร๎างอาคารสาํ นักงาน หรอื การตดิ ต้ังเครื่องจักรให๎ยน่ื คําขอจด
ทะเบยี น ภายในกําหนด 6 เดือนกํอนวนั เร่มิ ประกอบกิจการ เว๎นแตํมีสัญญาหรือหลกั ฐานจะดาํ เนินการ
กํอสรา๎ ง ภายในเวลาทเ่ี หมาะสม ผ๎ปู ระกอบการอยํนู อกราชอาณาจกั ร และได๎ขายสินคา๎ หรอื ใหบ๎ รกิ ารใน
206
ราชอาณาจกั รเป็นปกตธิ รุ ะ โดยมีตวั แทนอยูํในราชอาณาจักร ให๎ตวั แทนเปน็ ผม๎ู ีหน๎าทร่ี บั ผิดชอบการจด
ทะเบียน
ผ๎ูประกอบกิจการทไี่ ดร๎ บั ยกเว๎นภาษีมูลคาํ เพิม่ ตามกฎหมาย แตมํ ีสทิ ธิแจ๎งขอจดทะเบยี นภาษีมูลคาํ เพ่ิม
1. ผ๎ูประกอบกจิ การขายสนิ ค๎าพืชผลทางการเกษตร สตั ว์ไมํวาํ มีชวี ติ หรือไมํมีชีวิต ปุ๋ย ปลาปุนอาหาร
สัตว์ ยาหรือเคมีภณั ฑ์ทใี่ ชส๎ าํ หรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นติ ยสาร หรือตําราเรยี น
2. ผ๎ูประกอบกจิ การขายสนิ ค๎าหรอื ใหบ๎ ริการ ซง่ึ ไมํได๎รบั ยกเว๎นภาษีมลู คาํ เพิม่ ตามกฎหมายและมีรายรบั
ไมเํ กนิ 1.8 ลา๎ นบาทตอํ ปี
3. การใหบ๎ ริการขนสํงในราชอาณาจกั รโดยทาํ อากาศยาน
4. การสงํ ออกของผู๎ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมสํงออกตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการนิคมอุตสาหกรรม
แหงํ ประเทศไทย
5. การให๎บริการขนสํงนา้ํ มนั เช้ือเพลงิ ทางทํอในราชอาณาจักร
ใหผ๎ ูป๎ ระกอบการย่ืนคาํ ขอแจ๎งใชส๎ ทิ ธิเพ่อื ขอจดทะเบียนภาษีมูลคําเพม่ิ ภ.พ. 01.1 จํานวน 1 ชดุ 3 ฉบับ
พรอ๎ มกบั คําขอจดทะเบียนภาษีมลู คาํ เพม่ิ ภ.พ. 01
ผูป๎ ระกอบการท่ีไมตํ ๎องจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่มิ
1. ผ๎ูประกอบการท่ีมีรายรับจากการขายสนิ คา๎ หรือให๎บริการไมเํ กิน 1.8 ล๎านบาทตํอปี
2. ผ๎ูประกอบการที่ขายสินค๎าหรือใหบ๎ ริการทีไ่ ดร๎ ับยกเว๎นภาษีมูลคําเพ่ิมตามกฎหมาย
3. ผปู๎ ระกอบการที่ให๎บรกิ ารจากตํางประเทศ และไดม๎ ีการใช๎บรกิ ารนนั้ ในราชอาณาจักร
4. ผป๎ู ระกอบการท่ีอยนํู อกราชอาณาจกั รและเขา๎ มาประกอบกิจการขายสนิ คา๎ หรือใหบ๎ ริการใน
ราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว ทง้ั น้ี ต๎องเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี ารและเงื่อนไข ที่กาํ หนดไวใ๎ นประกาศอธบิ ดี
กรมสรรพากร เก่ียวกับภาษีมูลคาํ เพม่ิ ( ฉบบั ที่ 43) ฯ ลงวนั ที่ 29 มกราคม พ . ศ . 2536
5. ผู๎ประกอบการอืน่ ตามท่อี ธบิ ดีจะประกาศกําหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร
วธิ กี ารจดทะเบียนภาษีมลู คําเพ่ิม
วิธีการจดทะเบยี นภาษีมูลคาํ เพม่ิ การจดทะเบยี นภาษีมูลคําเพิ่ม สามารถกระทําได๎ 2 ชอํ งทาง ดังนี้
1. ยนื่ แบบคําขอผาํ นทางอนิ เทอร์เนต็ ท่ี www.rd.go.th
2. ย่ืนแบบคาํ ขอดว๎ ยกระดาษ ณ หนํวยจดทะเบียนท่ตี ้งั สถานประกอบการ
สถานทจ่ี ดทะเบียนภาษมี ูลคําเพ่ิม
เอกสารท่ีใช๎จดทะเบยี นภาษีมูลคาํ เพมิ่
ให๎ผูป๎ ระกอบการยืน่ คาํ ขอแจ๎งใช๎สิทธเิ พื่อขอจดทะเบียนภาษีมลู คําเพิ่ม ภ.พ. 01.1 จาํ นวน 1 ชุด 3 ฉบบั
พรอ๎ มกบั คําขอจดทะเบียนภาษีมลู คําเพ่ิม ภ.พ. 01
ใบทะเบียนภาษีมูลคาํ เพมิ่
เมือ่ เจา๎ พนกั งานได๎รับคําขอจดทะเบียนภาษีมลู คาํ เพมิ่ ตามแบบ ภ.พ.01 พรอ๎ มเอกสาร ท่ีเก่ยี วขอ๎ ง
ครบถว๎ นแลว๎ จะมกี ารออกใบทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่ิม (แบบ ภ.พ.20) ให๎ ซ่ึงจะมผี ลให๎ผ๎ปู ระกอบการเป็น
ผูป๎ ระกอบการจดทะเบยี นตามกฎหมาย ตั้งแตวํ นั ท่รี ะบุไวใ๎ นใบทะเบียนภาษีมูลคําเพม่ิ เป็นต๎นไป
กรณที ่ผี ปู๎ ระกอบการมสี ถานประกอบการหลายแหํง ใหย๎ ่ืนคาํ ขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคําเพม่ิ ณ ท๎องท่ีทีส่ ถาน
207
ประกอบการที่เป็นสาํ นักงานใหญํต้งั อยํเู พียงแหงํ เดียว แตํกรมสรรพากรจะออกใบทะเบียนภาษีมลู คาํ เพ่ิม
(ภ.พ. 20) ให๎แกสํ ถานประกอบการทุกแหงํ โดยผ๎ูประกอบการจดทะเบียนจะต๎องนําใบทะเบียนดงั กลําวไป
แสดงไวใ๎ นที่ที่เปดิ เผยและเห็นไดง๎ ําย ณ สถานประกอบการแหงํ น้นั ๆ กรณีที่ใบทะเบยี นภาษีมลู คําเพิม่ สูญ
หาย ถูกทาํ ลายหรือชํารุดในสาระสาํ คญั ผป๎ู ระกอบการจดทะเบยี นจะต๎องย่นื คําขอรับใบแทนใบทะเบยี น
ภาษีมูลคําเพม่ิ ณ สถานที่ทีไ่ ด๎จดทะเบียนภาษีมูลคาํ เพิม่ ไวภ๎ ายใน 15 วัน นบั แตวํ ันทที่ ราบถึงการสูญหาย ถูก
ทาํ ลายหรอื ชาํ รุด ซ่งึ ใบแทนดังกลําวถือเปน็ ใบทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่ิมใหผ๎ ปู๎ ระกอบการยื่นคาํ ขอแจง๎ ใชส๎ ิทธิ
เพือ่ ขอจดทะเบียนภาษีมูลคาํ เพิ่ม ภ.พ. 01.1 จาํ นวน 1 ชดุ 3 ฉบบั พร๎อมกับคาํ ขอจดทะเบียน
ภาษีมลู คาํ เพ่ิม ภ.พ. 01 ใหผ๎ ๎ปู ระกอบการยืน่ คาํ ขอแจง๎ ใช๎สิทธเิ พื่อขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคําเพิ่ม ภ.พ. 01.1
จํานวน 1 ชดุ 3 ฉบับ พร๎อมกับคําขอจดทะเบียนภาษมี ูลคาํ เพ่ิม ภ.พ. 01
การย่ืนแบบฯและชําระภาษีผํานอินเทอร์เนต็ (www.rd.go.th)
1. ประเภทแบบท่ียืน่
แบบ ภ.พ.30
แบบ ภ.พ.36
2. ขั้นตอนการดาํ เนินการ
2.1 การสมคั รสมาชิก
2.2 การย่ืนแบบผํานอินเทอรเ์ นต็
2.3 การชาํ ระภาษีสําหรับแบบทีย่ ืน่ ผาํ นอินเทอรเ์ น็ต
2.4 การตรวจสอบผลย่ืนแบบผาํ นอินเทอรเ์ น็ต
2.5 การพิมพ์และการขอคดั แบบแสดงรายการภาษที ่ียน่ื ผาํ นอนิ เทอร์เนต็
ทุกเดือนเรากจ็ ะมาสรุปว่าเดือนน้ีมภี าษขี ายเท่าไหร่ ภาษีซ้ือเทา่ ไหร่ จับเอามาเนตกัน ถ้าภาษี
ขาย > ภาษีซอื้ เราก็นาสง่ ส่วนตา่ งให้กบั กรมสรรพากร และ ถา้ ภาษีซอ้ื > ภาษขี าย เรากม็ ี
ทางเลือกว่าจะขอคนื เป็นเงนิ สด หรือยกไปใช้ในเดือนถัดไป
208
209
ใครหลายต่อคนคงสงสัยกันบ้างใชไ่ หมวา่ "ภาษีมลู คา่ เพ่มิ " หรือ VAT คืออะไร ซึง่ ภาษมี ลู คา่ เพิ่ม เปน็ ภาษี
ทางอ้อมทเ่ี รยี กเกบ็ จากบุคคลท่ซี ื้อสินค้าหรือรบั บรกิ าร หมายความว่าทุกคร้งั ทเ่ี ราจบั จา่ ยซ้อื สนิ คา้ และบริการ
ตามรา้ นที่จดทะเบยี นเสียภาษีมูลคา่ เพ่มิ เช่น หา้ งสรรพสินค้า ร้านอาหาร เปน็ ต้น กจ็ ะตอ้ งถูกบวกภาษี 7%
เพ่อื นาสง่ ให้กบั กรมสรรพากร สาหรับประเทศไทยนน้ั เรมิ่ มกี ารเกบ็ ภาษีมูลคา่ เพิม่ เปน็ ครั้งแรกในปี 2535
และจัดเกบ็ ภาษีมลู คา่ เพิม่ อยู่ท่ีอตั รา 7% เพื่อนาภาษีมลู ค่าเพม่ิ มาบรหิ ารโครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ของ
ประเทศ โดยกระทรวงการคลังได้นาภาษีมูลคา่ เพ่ิมมาใช้จัดเก็บ เนอื่ งจากเช่ือว่ามีประสิทธภิ าพในการจดั เก็บ
มากกว่าภาษีการค้านั่นเอง โดยคาํ นวณใหร๎ าคาสินคา๎ ท่รี วม VAT มคี าํ เทํากับ 107% หลงั จากนนั้ ให๎แยกราคา
สินค๎า และ VAT ออกจากกัน โดยใหร๎ าคาสนิ ค๎าเทํากับ 100% และ คาํ นวณใหภ๎ าษีมลู คําเพมิ่ มีคาํ เทํากบั 7%
แบบฝกึ หัด/คาํ ถาม/ปญั หา
ขอ๎ 1 บรษิ ทั รักค๎า จํากัด ซ้อื สินค๎าในเดือนมกราคม 25x1 จาํ นวน 100,000 บาท และขายสินค๎าจาํ นวน
150,000 บาท อตั ราภาษีมูลคําเพิ่ม 7%
ให๎ทํา 1) คํานวณภาษีซื้อและภาษีขาย
2) คํานวณจาํ นวนเงนิ ท่ีตอ๎ งชาํ ระเพิ่ม/รับคนื
210
เฉลยคําตอบ
ขอ๎ 1
1. คํานวณภาษซี ื้อ 100,000 x 7% = 7,000 บาท
2. คํานวณภาษขี าย 150,000 x 7% = 10,500 บาท
3. คํานวณจาํ นวนเงนิ ท่ีตอ๎ งชาํ ระเพิ่ม/ได๎รับคืน 7,000 - 10,500 = 3,500 บาท
จาํ นวนเงินทตี่ อ๎ งชาํ ระเพม่ิ = 3,500 บาท
เอกสารอ้างอิง/เอกสารคน้ คว้าเพม่ิ เตมิ
มนัสชยั กรี ติผจญ. การบัญชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จากัด. 2563
211 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั 30201-2007 ชอ่ื วชิ า การบัญชภี าษอี ากร
ชอ่ื หน่วย การบัญชีภาษีมูลคาํ เพิ่ม
เรือ่ ง การบัญชีภาษีมลู คําเพ่มิ จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ช่วั โมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เครอ่ื งมอื /วสั ดุ-อปุ กรณ์
1. แสดงความร๎เู กยี่ วกับผ๎ูมหี นา๎ ท่เี สีย 1. อปุ กรณเ์ ครอื่ งเขียน
2. กระดาษ
ภาษมี ลู คําเพิม่ ในเร่ืองการจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่ิม
ความรบั ผิดชอบ ในการเสยี ภาษมี ลู คําเพิม่ ได๎
2. คาํ นวณและบนั ทึกภาษมี ูลคําเพิ่มตามหลกั การ
บันทึกบญั ชีได๎
3. ปฏิบตั งิ านได๎อยํางถูกตอ๎ ง และสําเร็จภายใน
เวลาท่กี าํ หนดอยาํ งมเี หตผุ ล และประหยัดตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
4. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตผุ ลและรบั ฟัง
ความคิดเห็นของผ๎ูอืน่
5. มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ด๎ในเรือ่ งความมีมนุษย
สมั พนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซ่ือสตั ย์
สจุ ริต ความเชอื่ ม่ันในตนเอง การประหยดั ความสนใจ
ใฝรุ ู๎ ความรกั สามัคคี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนัก
ถึงการละเวน๎ จากสิง่ เสพติดและอบายมขุ ทั้งปวง
212
ลาํ ดบั ขนั้ การทํางาน ขอ้ ควรระวงั
ขั้นท่ี 1 ใหผ๎ ๎เู รียนจดั กลุํมเป็น 7 กลํมุ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปดิ โอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ
โดยความสมัครใจ ผ๎ูเรียนแตลํ ะกลมุํ เลือกหัวหน๎ากลมํุ คิดเหน็
และเลขานุการกลมํุ 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรุปประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง
กิจกรรมท่ีครูมอบหมาย คือ ค๎นคว๎าตามหวั ข๎อที่
กําหนด ดังนี้ มอบงาน
1. ผ๎ูมีหนา๎ ทต่ี ๎องจดทะเบียนภาษีมลู คําเพิ่ม 1. ให๎นกั เรียนค๎นคว๎าเพ่ิมเตมิ จาก Internet เร่อื ง
2. ผม๎ู หี นา๎ ท่เี สยี ภาษีมลู คําเพิ่ม การบัญชีภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลหัก ณ ทีจ่ ําย
3. กิจการทไ่ี ดร๎ บั การยกเว๎นภาษมี ูลคําเพ่ิม 2. นําข๎อมลู ที่คน๎ คว๎าไดน๎ ําเสนอหน๎าช้นั เรียน ครู
4. ความรับผิดในการเสียภาษมี ลู คําเพ่มิ และนกั เรยี นรํวมกนั เสนอแนะ
5. ฐานภาษมี ูลคําเพม่ิ
6. วิธกี ารจดทะเบียนภาษมี ูลคาํ เพ่ิม วดั ผล/ประเมนิ ผล
7. กําหนดเวลาจดทะเบียนภาษีมลู คําเพิม่ แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข๎ารํวมกจิ กรรมกลมํุ
8. สถานท่ีจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพม่ิ
ขั้นที่ 2 ผเ๎ู รียนแตํละกลํุมรํวมกันค๎นคว๎าจากสื่อ
ตํางๆ พร๎อมเตรยี มมาอภปิ รายหนา๎ หนา๎ ช้นั เรยี น โดย
เลือกวธิ ีการนาํ เสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลุํมละ
ไมํเกนิ 10 นาที
ขัน้ ท่ี 3 ผเ๎ู รยี นแตลํ ะกลุํมประเมนิ ตนเองและ
ประเมินผลกลํมุ อื่นๆ โดยใช๎แบบประเมนิ รายบุคคล
ผู๎สอนประเมนิ ผลผู๎เรียนทกุ กลุํม โดยใชแ๎ บบ
ประเมิน
ข้ันท่ี 4 สํงครูผ๎สู อนเพ่ือประเมินผล
213
พส.9
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 6
เวลารวม 4 ชั่วโมง
รหัส 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบัญชภี าษีอากร สปั ดาห์ 14/18
ชื่อหน่วย การบัญชภี าษีมูลคาํ เพ่ิม
เร่ือง การบญั ชภี าษมี ูลคําเพิ่ม จาํ นวน 4 ชวั่ โมง
1. สาระสาํ คญั
ภาษีมูลคําเพิ่ม คือ ภาษีที่จัดเก็บจากมูลคําของสินค๎าหรือบริการจากการขายสินค๎าหรือบริการ และ
มูลคําท่ีเพ่ิมข้ึนของการผลิต เม่ือมีการนําระบบภาษีมูลคําเพิ่มมาใช๎แทนระบบภาษีการค๎าเพื่อเป็น การขจัด
ภาษีซ้ําซ๎อน แตํมีปัญหาในการนํามาบันทึกบัญชีของผู๎ประกอบการ เพราะขาดความร๎ูในการเสียภาษี
มูลคําเพิ่ม ดังนั้น จึงต๎องทําความเข๎าใจการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพิ่ม กิจการท่ียกเว๎นภาษี ฐานภาษี การจด
ทะเบียน อัตราภาษมี ลู คาํ เพ่มิ การคาํ นวณและการบญั ชภี าษมี ูลคําเพมิ่ เพือ่ ประโยชน์ของกิจการตอํ ไป
2. สมรรถนะประจาํ หนว่ ย
2.1 บันทกึ บญั ชีภาษีมูลคาํ เพ่ิมได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ในการปฏบิ ตั งิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ทด่ี ีในการปฏบิ ตั ิงานดว๎ ยความซ่ือสตั ย์และรอบคอบได๎
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 แสดงความร๎เู กีย่ วกบั ผ๎ูมหี น๎าท่เี สยี ภาษีมูลคําเพิ่ม ในเร่อื งการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพม่ิ ความ
รบั ผิดชอบ ในการเสียภาษีมูลคําเพิ่มได๎
3.2 ปฏิบตั ิงานไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายในเวลาท่ีกาํ หนดอยํางมเี หตผุ ล และประหยดั ตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3.3 กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู๎ น่ื
3.4 มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คํานยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ไดใ๎ นเร่ืองความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมวี ินยั ความรับผดิ ชอบ ความซือ่ สัตย์สุจริต ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝรุ ู๎
ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนักถงึ การละเว๎นจากสง่ิ เสพติดและอบายมุขท้งั ปวง
4. สาระการเรียนรู้
4.1 อตั ราภาษีมูลคําเพมิ่
4.2 ใบกาํ กบั ภาษี
5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ( เชนํ เพ่ือนชวํ ยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใชว๎ ิธกี ารตัง้ คาํ ถามสลับกันถาม ตอบ
214
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนําเข้าสู่บทเรียน
6.1 ผูส๎ อนทบทวนความร๎ูเดิมทีไ่ ด๎ศึกษามาแลว๎ ในเร่ืองภาษมี ูลคําเพ่ิม เพื่อใหส๎ ัมพนั ธ์กบั เนื้อหาสาระ
การเรียนรใู๎ หมํ และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรียนรู๎ที่คาดหวัง
ขัน้ สอน
6.3 ผู๎สอนอภปิ รายหวั ข๎อตามสาระการเรยี นรู๎ และยกตัวอยํางประกอบ
6.4 มอบหมายให๎ผเ๎ู รียนศกึ ษาค๎นควา๎ ตามหัวข๎อสาระการเรยี นรทู๎ ุกคน
6.5 ใหผ๎ เ๎ู รยี นต้งั คาํ ถามและสลับกันถามตอบ
6.6 ผูเ๎ รยี นทาํ แบบประเมนิ ผลการเรียนร๎ทู า๎ ยหนํวยเรยี น
ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์
6.7 ผู๎สอนและผู๎เรยี นสรปุ สาระสาํ คัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรํวมกัน
6.8 ผ๎ูเรียนทาํ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูท๎ ๎ายหนวํ ยเรียน
การบูรณาการกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวัสดุ อปุ กรณส์ อดคล๎องกบั งาน ได๎อยาํ งถกู ต๎องและใช๎วสั ดุ
อปุ กรณ์อยาํ งค๎มุ คํา ประหยดั ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเู๎ รียนจดั สรรเวลาในการปฏิบัติงานไดอ๎ ยํางเหมาะสม
2. ความมเี หตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคิดเหน็ อยํางมเี หตผุ ล
2.2 ใชว๎ ัสดถุ กู ตอ๎ งและเหมาะสมกบั งาน
3. การมภี ูมคิ ุ๎มกนั ในตัวที่ดี
3.1 มกี ารเตรยี มความพร๎อมในการเรยี นและการปฏบิ ัตงิ าน
3.2 มที กั ษะในการปฏบิ ัตงิ าน เขา๎ ใจอยํางถกู ต๎อง เพ่ือการปฏิบตั งิ านทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ
3.3 ควบคุมกิริยาอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ได๎เปน็ อยํางดี
4. เง่ือนไขความรู๎
4.1 มคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจเกีย่ วกับการบัญชีภาษีมลู คําเพิ่ม
4.2 มีความร๎ู ความเข๎าใจเก่ยี วกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
5. เง่อื นไขคณุ ธรรม
5.1 ปฏิบัติงานที่มอบหมายเสรจ็ ภายในกาํ หนดเวลา
5.2 มีความเพยี รพยายาม กระตอื รือร๎นในการเรยี นและในขณะปฏบิ ัติงาน
7. บรรยากาศทสี่ ่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ผเ๎ู รียนมคี วามสนใจในการเรยี น เนือ่ งจากการสอนแบบการตง้ั คาํ ถามสลบั กนั ถาม ตอบ
ทาํ ใหผ๎ ูเ๎ รียนมคี วามกระตอื รือลน๎ และได๎แสดงความคิดเห็น แลกเปลย่ี นความร๎ู สํงผลให๎เกิดผลการเรียนร๎ทู ่ดี ี
215
8. คุณธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชํน ความรับผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซอื่ สัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสัมพันธ์ที่ดี ความมวี นิ ัย ความรับผิดชอบ ความซือ่ สัตยส์ ุจรติ ความเชื่อมน่ั ในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝรุ ู๎ ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ สิง่ เสพตดิ /การพนัน ความคดิ ริเรมิ่ สร๎างสรรค์ การ
พ่งึ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกลน้ั ความมีคณุ ธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้
9.1 หนังสือเรยี น วิชาการบัญชีภาษอี ากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เรอ่ื ง การบัญชีภาษีมลู คําเพิม่
9.3 ใบงาน เรื่อง การบัญชีภาษมี ูลคาํ เพ่มิ
9.4 ส่อื การสอน Power point เรื่อง การบญั ชภี าษีมลู คําเพ่ิม
9.5 Internet
10. การวัดผลและประเมินผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลงั เรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น เรอ่ื ง การบญั ชีภาษีมลู คําเพ่ิม
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรอ่ื ง การบัญชภี าษมี ลู คําเพ่ิม
10.3 แบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง การบญั ชภี าษมี ูลคาํ เพิ่ม
11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เร่อื ง การบัญชีภาษีมลู คาํ เพ่ิม
11.2 ใบงาน เรื่อง การบญั ชภี าษีมูลคาํ เพม่ิ
12. เอกสารอา้ งอิง
มนสั ชยั กรี ติผจญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั สํานกั พมิ พ์เอมพันธ์ จํากดั . 2563
216 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
217
พส.11
บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
รหัสวชิ า.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชน้ั ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สปั ดาห์ท.่ี ....14.....วันทส่ี อน..........................................................
หนํวยที.่ .....6......ชื่อหนวํ ย...........การบญั ชีภาษมี ูลคําเพิม่ ....................................................จาํ นวน........4........ชวั่ โมง
จํานวนผเ๎ู รยี น........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปวุ ย............คน ลากจิ ..............คน
1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงช่อื .......................................................ครูผสู๎ อน
(นางสาวนภาพร คงวจิ ิตร)
........../................/............
ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชือ่ ...............................................หัวหนา๎ แผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผูอ๎ ํานวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเหน็ ผอ๎ู าํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวสุมีนา แดงใจ)
ผอู๎ ํานวยการวทิ ยาลยั การอาชพี นครปฐม
............/................../............
218
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชภี าษีอากร
ชื่อหนว่ ย การบัญชีภาษีมูลคาํ เพ่มิ
เรื่อง การบัญชีภาษมี ลู คําเพ่ิม จํานวนชั่วโมงสอน 1 ชว่ั โมง
รายการเรยี นรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. อตั ราภาษีมูลคาํ เพม่ิ
2. ใบกาํ กบั ภาษี
1. แสดงความรู๎เกีย่ วกบั ผมู๎ ีหน๎าที่เสียภาษมี ลู คําเพ่ิม
ในเรอ่ื งการจดทะเบยี นภาษมี ูลคําเพมิ่ ความรบั ผดิ ชอบ
ในการเสียภาษีมูลคําเพิ่มได๎
2. ปฏบิ ัติงานได๎อยํางถูกตอ๎ ง และสําเรจ็ ภายในเวลา
ที่กาํ หนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3. กล๎าแสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตุผลและรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผู๎อ่ืน
4. มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ไดใ๎ นเรือ่ งความมีมนุษย
สัมพันธ์ ความมวี นิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความซ่ือสตั ย์สุจริต
ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝรุ ู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการ
ละเวน๎ จากส่ิงเสพตดิ และอบายมขุ ทั้งปวง
219
เนื้อหาสาระ
วธิ ีการคํานวณ VAT 7%
อยํางที่เราร๎ูกนั วําอัตรา VAT คือ 7% การคาํ นวณVAT น้ันงําย ๆ คอื
VAT = ราคากํอน VAT x 7%
ราคารวม VAT = ราคากอํ น VAT x 107%
ในบางครง้ั เราอาจรแ๎ู คํ “ราคารวมVAT” ซึง่ ทําให๎เกดิ ความสบั สนวาํ จรงิ ๆแล๎ว “ราคากํอนVAT” และ “มูลคํา
เฉพาะVAT” เป็นเทําไหรํกนั แนํ
วิธถี อด VAT
หากเรารู๎ราคารวมVAT เราสามารถคํานวณหา “ราคากํอน VAT” และ “มูลคําVAT” ได๎โดยสูตรการถอด
VAT 7% ดงั น้ี
ถอดหาราคากอํ น VAT
ราคากํอน VAT = ราคารวม VAT x 100/107
ถอดหาเฉพาะมลู คํา VAT
220
มลู คาํ VAT = ราคารวม VAT x 7/107
เชํน สมมตใิ ห๎ราคารวม VAT = 535 บาท เม่อื แทนคําสตู รจะได๎
ราคากํอน VAT = 535 x 100/107 = 500 บาท
มลู คาํ VAT = 535 x 7/107 = 35 บาท
สตู ร excel ถอด VAT 7%
ตัวอยาํ งการถอด VAT โดยใชส๎ ตู ร excel คิดได๎งํายๆดังนี้
สตู ร excel หาราคากํอนVAT คือ = ชํองราคารวมVAT*100/107
สตู ร excel หาเฉพาะมูลคําVAT คือ = ชํองราคารวมVAT*7/107
221
ตัวอยา่ ง การบันทึกบญั ชี ภาษซี ้ือ ภาษขี าย XX
การบนั ทึกบัญชภี าษีซ้อื XX
เม่อื มีการซื้อ บนั ทกึ การซ้ือ และจดั ทาํ รายงานภาษีซ้ือ
XX
เดบติ ซอื้ สินคา๎
ภาษีซือ้ XX
เครดิต เงินสดหรอื เจ๎าหน้กี ารค๎า XX
XX
การบนั ทึกบัญชีภาษขี าย
เมอ่ื มีการขายสนิ คา๎ บนั ทกึ การขายและจัดทาํ รายงานภาษีขาย
เดบติ เงนิ สดหรือเจา๎ หน้ีการคา๎
เครดิต ขายสินคา๎
ภาษขี าย
แบบฝกึ หดั /คําถาม/ปัญหา
1. บริษัท ทรัพยส์ ิน จํากดั มีรายการระหวาํ งเดือน มีนาคม 25x1โดยจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่ิมในอัตรา 7%
ม.ี ค. 1 ซอ้ื สินคา๎ เปน็ เงนิ สด 10,000 บาท
3 ขายสินค๎าเปน็ เงินสด 25,000 บาท
10 ขายสินคา๎ ให๎บรษิ ัท ไทยการคา๎ จํากดั 18,000 บาท เง่ือนไข 2/10,N/30
15 รบั คนื สินค๎าจากบรษิ ัท ไทยการคา๎ จํากัด 5,000 บาท
17 ซอื้ สนิ ค๎าจากบรษิ ัท บ๎านเชียง จาํ กดั 30,000 บาท เงือ่ นไข 2/10,N/45
29 จํายชาํ ระหนใี้ ห๎บรษิ ัท บ๎านเชยี ง จํากัด 10,000 บาท
31 รับชําระหนี้จากบริษัท ไทยการค๎า จํากัด ท้งั หมด
ใหท๎ ํา 1) บันทึกรายการค๎าในสมดุ รายวนั ทว่ั ไปและผาํ นไปบัญชแี ยกประเภท
2) ปดิ บัญชภี าษซี ้อื และภาษขี าย
222
เฉลยคําตอบ
1. การบันทกึ รายการในสมดุ รายวันทัว่ ไป เป็นดงั นี้
สมุดรายวนั ทว่ั ไป
พ.ศ. 2550 รายการ เลขท่ี เดบิต เครดิต
เดือน วนั ที่ บัญชี บาท ส.ต บาท ส.ต
10,000 -
ม.ี ค. 1 ซอ้ื สินค๎า 10,700 -
700 -
ภาษซี อื้ (10,000 x 7%) 25,000 -
26,750 - 1,750 -
เงนิ สด
เดบิต เครดิต
ซ้ือสนิ ค๎าเป็นเงนิ สด บาท ส.ต บาท ส.ต
19,260 - 18,000 -
3 เงนิ สด 1,260 -
5,000 -
ขายสินคา๎ 350 - 5,350 -
ภาษขี าย 30,000 - 32,100 -
2,100 -
ขายสนิ ค๎าเป็นเงนิ สด 9,800 -
10,000 - 200 -
สมดุ รายวันทวั่ ไป
13,910 -
พ.ศ. 2550 รายการ เลขที่
เดอื น วนั ที่ บญั ชี
มี.ค. 10 ลกู หน้ี – บริษัทไทยการคา๎ จํากดั
ขายสินคา๎
ภาษีขาย
ขายสนิ ค๎าเป็นเงินเช่ือ
15 รับคนื สนิ ค๎า
ภาษีขาย
ลกู หนี้-บรษิ ทั ไทยการค๎าจาํ กัด
รับคืนสินคา๎
17 ซอ้ื สนิ ค๎า
ภาษซี อื้ (30,000 x 7%)
เจ๎าหนี้-บรษิ ัทบา๎ นเชียง จํากัด
ซ้อื สินค๎าเปน็ เงนิ เชอ่ื
28 เจา๎ หนี้-บรษิ ทั เชยี ง จาํ กัด
เงินสด
สํวนลดรับ
จํายชําระหนไ้ี ดส๎ ํวนลด 2%
31 เงินสด
223 13,910 -
ลู ก ห น้ี -บ ริ ษั ท ไ ท ย ก า ร ค๎ า 2,660 - 2,800 -
จาํ กดั 140 - 140 -
รับชําระหนี้ (19,260 - 5,350)
31 ภาษขี าย(1,750 + 1,260 - 350) 140 -
ลกู หนี้-กรมสรรพากร
ภาษีซ้ือ(700 + 2,100)
ปดิ บญั ชีภาษขี าย และภาษีซอ้ื
เม.ย. 15 เงินสด
ลูกหน้ี-กรมสรรพากร
ขอคนื ภาษมี ูลคําเพ่ิมเป็นเงนิ สด
เอกสารอา้ งอิง/เอกสารคน้ ควา้ เพมิ่ เติม
มนัสชยั กีรติผจญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สาํ นกั พิมพ์เอมพนั ธ์ จาํ กัด. 2563
224 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั 30201-2007 ชือ่ วิชา การบญั ชภี าษีอากร
ชอื่ หน่วย การบญั ชภี าษีมูลคําเพ่ิม
เรื่อง การบัญชีภาษีมูลคําเพม่ิ จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ชั่วโมง
จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เครอ่ื งมือ/วัสดุ-อปุ กรณ์
1. แสดงความรู๎เกย่ี วกบั ผม๎ู หี นา๎ ทเี่ สยี 1. อุปกรณ์เครอื่ งเขียน
2. กระดาษ
ภาษมี ูลคาํ เพม่ิ ในเรื่องการจดทะเบยี นภาษีมูลคําเพ่ิม
ความรับผดิ ชอบ ในการเสียภาษีมูลคาํ เพิม่ ได๎
2. ปฏบิ ัตงิ านได๎อยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายใน
เวลาท่กี าํ หนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยัดตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3. กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตผุ ลและรบั ฟัง
ความคดิ เห็นของผ๎ูอื่น
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคไ์ ดใ๎ นเรือ่ งความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมวี ินัย ความรบั ผิดชอบ ความซื่อสัตย์
สจุ ริต ความเชือ่ มนั่ ในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝรุ ู๎ ความรักสามัคคี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเวน๎ จากส่งิ เสพติดและอบายมุขท้งั ปวง
225
ลําดบั ข้นั การทาํ งาน ขอ้ ควรระวัง
ขัน้ ที่ 1 ให๎ผเู๎ รยี นจดั กลุํมเปน็ 7 กลุํมๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนได๎แสดงความ
โดยความสมัครใจ ผ๎เู รียนแตลํ ะกลมุํ เลือกหวั หน๎ากลมุํ คดิ เห็น
และเลขานุการกลํุม 2. รวํ มกนั พจิ ารณาและสรปุ ประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง
กิจกรรมทคี่ รูมอบหมาย คือ ค๎นควา๎ ตามหัวข๎อที่
กาํ หนด ดังน้ี มอบงาน
1. อตั ราภาษีมลู คาํ เพิม่ 1. ใหน๎ ักเรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เรอ่ื ง
2. ใบกาํ กับภาษี การบญั ชภี าษมี ลู คําเพ่ิม
ขน้ั ท่ี 2 ผ๎ูเรียนแตํละกลุํมรวํ มกนั คน๎ ควา๎ จากสื่อ 2. นาํ ข๎อมูลที่ค๎นควา๎ ได๎นําเสนอหนา๎ ช้ันเรียน ครู
ตาํ งๆ พร๎อมเตรยี มมาอภปิ รายหน๎าหนา๎ ช้ันเรียน โดย และนักเรยี นรวํ มกนั เสนอแนะ
เลือกวธิ กี ารนาํ เสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลมํุ ละ
ไมํเกนิ 10 นาที วัดผล/ประเมนิ ผล
ข้นั ที่ 3 ผูเ๎ รยี นแตํละกลุํมประเมินตนเองและ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลํุม
ประเมนิ ผลกลมํุ อ่นื ๆ โดยใชแ๎ บบประเมินรายบุคคล
(แบบประเมนิ ผลงาน)
ผูส๎ อนประเมนิ ผลผูเ๎ รยี นทกุ กลํุม โดยใชแ๎ บบ
ประเมิน
ขนั้ ที่ 4 สงํ ครผู ๎ูสอนเพือ่ ประเมินผล
226
พส.9
แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ 6
เวลารวม 4 ช่วั โมง
รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชีภาษอี ากร สปั ดาห์ 15/18
ช่ือหน่วย การบญั ชีภาษมี ูลคาํ เพิ่ม
เรอ่ื ง การบญั ชภี าษมี ลู คาํ เพิ่ม จาํ นวน 4 ชวั่ โมง
1. สาระสาํ คญั
ภาษีมูลคําเพ่ิม คือ ภาษีท่ีจัดเก็บจากมูลคําของสินค๎าหรือบริการจากการขายสินค๎าหรือบริการ และ
มูลคําที่เพ่ิมข้ึนของการผลิต เม่ือมีการนําระบบภาษีมูลคําเพ่ิมมาใช๎แทนระบบภาษีการค๎าเพื่อเป็น การขจัด
ภาษีซํ้าซ๎อน แตํมีปัญหาในการนํามาบันทึกบัญชีของผ๎ูประกอบการ เพราะขาดความร๎ูในการเสียภาษี
มูลคําเพิ่ม ดังนั้น จึงต๎องทําความเข๎าใจการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพ่ิม กิจการท่ียกเว๎นภาษี ฐานภาษี การจด
ทะเบยี น อตั ราภาษีมูลคําเพ่มิ การคํานวณและการบัญชภี าษมี ูลคําเพ่ิม เพ่ือประโยชน์ของกจิ การตํอไป
2. สมรรถนะประจําหน่วย
2.1 บนั ทกึ บัญชภี าษีมลู คาํ เพิ่มได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการปฏิบตั งิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ยั ทีด่ ีในการปฏิบัตงิ านดว๎ ยความซ่ือสตั ย์และรอบคอบได๎
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 คํานวณและบันทึกภาษมี ลู คําเพมิ่ ตามหลักการบนั ทึกบญั ชีได๎
3.2 ปฏิบตั งิ านไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายในเวลาท่กี ําหนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3.3 กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟังความคิดเหน็ ของผ๎อู ืน่
3.4 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สมั พันธ์ ความมวี นิ ยั ความรับผิดชอบ ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ ความเชื่อมั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามคั คี ความกตัญญูกตเวที และตระหนกั ถงึ การละเวน๎ จากสิง่ เสพติดและอบายมุขทัง้ ปวง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การคาํ นวณและการบันทึกบัญชภี าษมี ลู คาํ เพิ่ม
4.2 การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชําระภาษมี ลู คาํ เพ่ิม
5. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ( เชํน เพื่อนชํวยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใชว๎ ิธีการทาํ กรณีศึกษา และนําเสนอหนา๎ ช้ันเรียน
227
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นาํ เข้าสู่บทเรยี น
6.1 ผ๎ูสอนทบทวนความร๎ูเดิมที่ได๎ศึกษามาแล๎วในเร่ืองภาษีมูลคาํ เพิ่ม เพ่ือใหส๎ ัมพันธ์กับเนื้อหาสาระ
การเรียนร๎ูใหมํ และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรทู๎ คี่ าดหวงั
ขน้ั สอน
6.3 ผ๎สู อนอภิปรายหัวข๎อตามสาระการเรยี นรู๎ และยกตวั อยาํ งประกอบ
6.4 มอบหมายให๎ผูเ๎ รยี นศกึ ษาคน๎ คว๎าตามหัวข๎อสาระการเรยี นรท๎ู กุ คน
6.5 ให๎ผเ๎ู รยี นทํากรณศี ึกษา และนําเสนอผลงานหน๎าชนั้ เรียน และใหเ๎ พื่อนๆ คนอืน่ แสดงความ
คดิ เห็น
6.6 ผ๎ูเรยี นทาํ แบบประเมินผลการเรยี นรูท๎ า๎ ยหนํวยเรียน
ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
6.7 ผสู๎ อนและผูเ๎ รยี นสรปุ สาระสาํ คัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเหน็ รวํ มกัน
6.8 ผู๎เรียนทําแบบประเมินผลการเรยี นรูท๎ า๎ ยหนํวยเรียน
การบูรณาการกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวัสดุ อปุ กรณ์สอดคล๎องกับงาน ได๎อยํางถูกต๎องและใช๎วัสดุ
อปุ กรณ์อยาํ งค๎ุมคาํ ประหยดั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผู๎เรียนจดั สรรเวลาในการปฏบิ ัติงานไดอ๎ ยํางเหมาะสม
2. ความมเี หตุผล
2.1 กล๎าแสดงความคิดเห็นอยาํ งมีเหตุผล
2.2 ใชว๎ สั ดถุ ูกตอ๎ งและเหมาะสมกับงาน
3. การมภี มู คิ ุ๎มกนั ในตวั ท่ดี ี
3.1 มีการเตรียมความพร๎อมในการเรียนและการปฏิบตั งิ าน
3.2 มที กั ษะในการปฏิบัตงิ าน เขา๎ ใจอยาํ งถูกต๎อง เพอ่ื การปฏบิ ัติงานทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ
3.3 ควบคุมกริ ยิ าอาการในสถานการณ์ตํางๆ ได๎เป็นอยํางดี
4. เงื่อนไขความรู๎
4.1 มีความร๎ูความเข๎าใจเก่ียวกบั การบญั ชภี าษีมูลคําเพิ่ม
4.2 มีความร๎ู ความเข๎าใจเกยี่ วกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5. เงอ่ื นไขคุณธรรม
5.1 ปฏิบตั งิ านทีม่ อบหมายเสรจ็ ภายในกําหนดเวลา
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรียนและในขณะปฏบิ ตั ิงาน
7. บรรยากาศท่ีส่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรียน
ผเู๎ รยี นมคี วามสนใจในการเรียน เนื่องจากการสอนแบบการทํากรณีศกึ ษา และนาํ เสนอหนา๎ ชนั้ เรยี น
ทําให๎ผเู๎ รยี นมีความกระตือรือล๎น และได๎แสดงความคดิ เห็น แลกเปลยี่ นความรู๎ สํงผลใหเ๎ กิดผลการเรยี นรท๎ู ี่ดี
228
8. คุณธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชํน ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซอื่ สัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสัมพันธ์ที่ดี ความมวี นิ ัย ความรับผิดชอบ ความซือ่ สัตยส์ ุจรติ ความเชื่อมน่ั ในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝรุ ู๎ ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ สิง่ เสพตดิ /การพนัน ความคดิ รเิ รมิ่ สร๎างสรรค์ การ
พ่งึ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกลน้ั ความมีคณุ ธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้
9.1 หนังสือเรยี น วิชาการบัญชีภาษอี ากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เรอ่ื ง การบัญชีภาษีมลู คําเพิม่
9.3 ใบงาน เรื่อง การบัญชีภาษมี ูลคาํ เพ่มิ
9.4 ส่อื การสอน Power point เรื่อง การบัญชภี าษีมลู คําเพ่ิม
9.5 Internet
10. การวัดผลและประเมินผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลงั เรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น เรอ่ื ง การบญั ชีภาษีมลู คําเพ่ิม
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรอ่ื ง การบัญชภี าษมี ลู คําเพ่ิม
10.3 แบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง การบญั ชภี าษมี ูลคาํ เพิ่ม
11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เร่อื ง การบัญชีภาษีมลู คาํ เพ่ิม
11.2 ใบงาน เรื่อง การบญั ชภี าษีมูลคาํ เพม่ิ
12. เอกสารอา้ งอิง
มนสั ชยั กรี ติผจญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สํานกั พมิ พ์เอมพันธ์ จาํ กดั . 2563
229 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
230
พส.11
บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชัน้ ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สปั ดาห์ท่ี.....15.....วนั ที่สอน..........................................................
หนํวยที่......6......ชื่อหนํวย...........การบัญชีภาษมี ลู คาํ เพ่ิม....................................................จํานวน........4........ชวั่ โมง
จํานวนผูเ๎ รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปวุ ย............คน ลากิจ..............คน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงช่ือ.......................................................ครผู ๎สู อน
(นางสาวนภาพร คงวิจิตร)
........../................/............
ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชื่อ...............................................หัวหนา๎ แผนกวชิ า ลงชื่อ............................................รองผูอ๎ ํานวยการฝุายวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเห็นผู๎อํานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)
ผู๎อํานวยการวทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............
231
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชภี าษีอากร
ช่ือหน่วย การบัญชีภาษีมูลคําเพ่มิ
เรอ่ื ง การบญั ชภี าษีมลู คําเพมิ่ จํานวนชว่ั โมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
- จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. คํานวณและบันทึกภาษีมลู คาํ เพมิ่ ตามหลกั การ 1. การคาํ นวณและการบันทกึ บญั ชี
บันทกึ บญั ชีได๎ ภาษีมลู คาํ เพมิ่
2. ปฏบิ ตั ิงานได๎อยาํ งถกู ตอ๎ ง และสําเร็จภายในเวลา 2. การยืน่ แบบแสดงรายการภาษแี ละการ
ทกี่ าํ หนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา ชําระภาษมี ูลคาํ เพ่มิ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3. กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผู๎อนื่
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย
สมั พันธ์ ความมีวินยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซ่ือสัตย์สุจริต
ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการ
ละเวน๎ จากส่งิ เสพติดและอบายมขุ ท้งั ปวง
เนอื้ หาสาระ
วธิ กี ารคํานวณ VAT 7%
อยํางที่เราร๎ูกันวําอัตรา VAT คือ 7% การคํานวณVAT น้นั งาํ ย ๆ คือ
VAT = ราคากํอน VAT x 7%
ราคารวม VAT = ราคากํอน VAT x 107%
ในบางครงั้ เราอาจร๎ูแคํ “ราคารวมVAT” ซ่ึงทําใหเ๎ กดิ ความสบั สนวาํ จรงิ ๆแลว๎ “ราคากํอนVAT” และ “มูลคํา
เฉพาะVAT” เป็นเทําไหรกํ นั แนํ
วธิ ีถอด VAT
หากเราร๎ูราคารวมVAT เราสามารถคํานวณหา “ราคากํอน VAT” และ “มูลคําVAT” ได๎โดยสูตรการถอด
VAT 7% ดังน้ี
ถอดหาราคากํอน VAT
232
ราคาก่อน VAT = ราคารวม VAT x 100/107
ถอดหาเฉพาะมลู คาํ VAT
มลู คา่ VAT = ราคารวม VAT x 7/107
เชนํ สมมติใหร๎ าคารวม VAT = 535 บาท เมอื่ แทนคาํ สตู รจะได๎
ราคากอ่ น VAT = 535 x 100/107 = 500 บาท
มลู ค่า VAT = 535 x 7/107 = 35 บาท
สูตร excel ถอด VAT 7%
ตวั อยํางการถอด VAT โดยใชส๎ ตู ร excel คดิ ได๎งํายๆดังน้ี
สตู ร excel หาราคาก่อนVAT คอื = ชอ่ งราคารวมVAT*100/107
สตู ร excel หาเฉพาะมูลค่าVAT คอื = ช่องราคารวมVAT*7/107
233
ตัวอยา่ ง การบันทึกบญั ชี ภาษซี ้ือ ภาษขี าย XX
การบนั ทึกบัญชีภาษีซอ้ื XX
เมื่อมีการซื้อ บันทกึ การซ้ือ และจัดทํารายงานภาษซี อ้ื
XX
เดบติ ซือ้ สนิ ค๎า
ภาษีซอ้ื XX
เครดติ เงินสดหรอื เจ๎าหน้กี ารค๎า XX
XX
การบนั ทกึ บัญชีภาษขี าย
เม่อื มีการขายสนิ คา๎ บนั ทกึ การขายและจดั ทํารายงานภาษีขาย
เดบิต เงนิ สดหรือเจ๎าหน้ีการค๎า
เครดติ ขายสินค๎า
ภาษขี าย
แบบฝึกหดั /คาํ ถาม/ปญั หา
1. บริษัท วังทอง จํากัด มีรายการคา๎ เดือน เมษายน 2551 จาํ หนํายสนิ ค๎าและจดทะเบียนภาษีมูลคําเพม่ิ ใน
อตั ราร๎อยละ 7%
เม.ย. 10 ซื้อสนิ คา๎ เป็นเงินสด 37,500 บาท
ขายสนิ ค๎าให๎บรษิ ัท แลนด์ จํากดั 27,500 บาท เงื่อนไข 2/10,N/30
19 ซือ้ สนิ ค๎าจากบริษทั กรงุ ทอง จํากัด 27,000 บาท เง่อื นไข 2/10,N/45
27 รบั ชาํ ระหนี้จากบริษทั แลนด์ จํากัด ท้ังหมด
29 จํายชําระหน้ใี หบ๎ ริษทั กรุงทอง จาํ กดั ทงั้ หมด
30 ขายสนิ ค๎าเปน็ เงนิ สด 50,500 บาท
ใหท๎ ํา บนั ทึกรายการค๎าในสมุดรายวันทั่วไป และบญั ชแี ยกประเภทท่ีเกี่ยวขอ๎ ง
234
เฉลยคําตอบ รายการ สมดุ รายวันท่วั ไป บาท ส.ต หนา๎ 1
1. เลขท่ี บาท ส.ต
ซื้อสินค๎า บญั ชี
เดอื น วนั ที่ ภาษซี ้ือ 40,125 -
เม.ย. 10 37,500 -
เงินสด 2,625 - 27,500
17 ซื้อสินค๎าเปน็ เงินสด 1,925
ลกู หน-ี้ บรษิ ทั แลนด์ จาํ กดั 29,425
19 28,890
ขายสนิ ค๎า 27,000
27 ภาษีขาย 1,890 29,425
ขายสินคา๎ เป็นเงินเช่อื
29 ซ้อื สินค๎า 28,875 28,350
ภาษซี ื้อ 550 540
30 เจ๎าหน้ี-บ.กรุงทอง
ซอื้ สนิ ค๎าเปน็ เงนิ เช่อื 28,890 50,500
30 เงนิ สด 3,535
สวํ นลดจาํ ย 54,035
ลูกหนี้-บ.แลนด์ จาํ กัด 4,515 -
รบั ชําระหน้ี 5,460 - 945 -
เจา๎ หนี้-บ.กรุงทอง
เงินสด
สวํ นลดรบั
จํายชําระหนี้
เงนิ สด
ขายสนิ คา๎
ภาษขี าย
ขายสนิ คา๎ เป็นเงินสด
ภาษีขาย (1,925+3,535)
ภาษีซ้ือ (2,625+1,890)
เจ๎าหน้ี-กรมสรรพากร
ปดิ บัญชีภาษซี ือ้ และภาษขี าย
เอกสารอ้างอิง/เอกสารค้นคว้าเพมิ่ เติม
มนัสชัย กรี ตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท สาํ นกั พมิ พ์เอมพันธ์ จาํ กดั . 2563
235
พส.12
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้หนว่ ยท่ี 6
รหสั 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชีภาษีอากร
ชื่อหน่วย การบญั ชภี าษีมูลคําเพ่ิม
เร่อื ง การบัญชีภาษีมูลคําเพมิ่ จาํ นวนช่วั โมงสอน 1 ชว่ั โมง
จงเลอื กคําตอบท่ถี ูกตอ๎ งทส่ี ุดเพยี งข๎อเดยี ว
1. ผมู๎ ีหนา๎ ที่ตอ๎ งจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพ่มิ ตอ๎ งมีรายรับจากการขายสนิ ค๎าหรอื ให๎บริการเกนิ กวํากบี่ าทตํอปี
ก. 1 ลา๎ นบาท
ข. 1.2 ลา๎ นบาท
ค. 1.5 ล๎านบาท
ง. 1.8 ลา๎ นบาท
2. ขอ๎ ใดเป็นกิจการที่ได๎รับการยกเวน๎ ภาษมี ูลคาํ เพม่ิ
ก. โรงเรียนเอกขน
ข. รา๎ นขายปุย๋ เคมี
ค. ร๎านขายของชํา
ง. รา๎ นขายตน๎ ไม๎
3. ข๎อใดไมใํ ชํฐานภาษีมลู คาํ เพ่ิม
ก. ฐานเงินได๎
ข. ฐานทรัพย์สิน
ค. ฐานการบรโิ ภค
ง. ฐานเศรษฐกจิ
4. มลู คาํ ของเครื่องแบบ ที่ผ๎ูประกอบการจดทะเบียนมอบให๎แกํลกู จ๎างคนละไมํเกินก่ีชดุ ตํอหน่ึงปี
ก. 1 ชุด
ข. 2 ชดุ
ค. 3 ชุด
ง. 5 ชุด
5. อัตราที่ใช๎สําหรับกิจการการขายสินค๎าหรือบริการ และการนําเข๎าที่มีมูลคําของฐานภาษีเกินกวํา 1,800,000
บาท ตํอปีคือขอ๎ ใด
ก. รอ๎ ยละ 0
ข. รอ๎ ยละ 1.5
ค. รอ๎ ยละ 5
ง. ร๎อยละ 7
236
6. สนิ คา๎ ฟุมเฟือยประเภทสุรา บุหรี่ ต๎องเสียภาษีในลักษณะใด
ก. ภาษกี ารคา๎
ข. ภาษีมลู คาํ เพิ่ม
ค. ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ
ง. ภาษสี รรพสามติ
7. การยน่ื แบบชําระภาษีมลู คาํ เพิ่มตํอกรมสรรพากรต๎องกระทาํ ภายในวันใดของเดือนถดั ไป
ก. 7
ข. 10
ค. 15
ง. 30
8. ใบกํากับภาษีที่สามารถนํามารวมเป็นภาษีซ้ือหรือคํานวณรวมกับภาษีมูลคําเพิ่มในเดือนภาษีมีจํานวน
เพม่ิ ข้ึน ซึ่งผู๎ประกอบการจดทะเบยี นจะออกให๎ผ๎ซู ้ือ คือขอ๎ ใด
ก. ใบเพิ่มหน้ี
ข. ใบลดหนี้
ค. ใบเสร็จรับเงิน
ง. รายงานภาษีซอ้ื และภาษีขาย
9. ใบกํากับภาษีที่สามารถนํามารวมเป็นภาษีซ้ือหรือคํานวณรวมกับภาษีมูลคําเพิ่มในเดือนภาษีมีจํานวน
ลดลง ซ่งึ ผปู๎ ระกอบการจดทะเบียนจะออกให๎ผูซ๎ อื้ คือข๎อใด
ก. ใบเพมิ่ หน้ี
ข. ใบลดหนี้
ค. ใบเสร็จรับเงิน
ง. รายงานภาษีซอื้ และภาษีขาย
10. โดยปกติต๎องเก็บรักษารายงาน ใบกํากับภาษี สําเนาใบกํากับภาษี และเอกสารประกอบการลงรายงานอื่น
ไว๎ ไมํนอ๎ ยกวํากป่ี ี นบั แตวํ ันทไี่ ด๎ยืน่ แบบแสดงรายการภาษี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 5 ปี
237
พส.12
เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรูห้ นว่ ยท่ี 6
รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษอี ากร
ชอ่ื หน่วย การบญั ชภี าษมี ลู คาํ เพิ่ม
เร่ือง การบัญชภี าษีมูลคําเพ่ิม จาํ นวนชว่ั โมงสอน 1 ชั่วโมง
จงเลอื กคําตอบที่ถูกต๎องทส่ี ุดเพียงข๎อเดียว
1. ผมู๎ ีหน๎าทต่ี ๎องจดทะเบยี นภาษมี ูลคาํ เพ่ิมต๎องมีรายรบั จากการขายสินคา๎ หรือให๎บริการเกนิ กวาํ กี่บาทตํอปี
ง. 1.8 ล๎านบาท
2. ขอ๎ ใดเปน็ กิจการท่ไี ดร๎ ับการยกเว๎นภาษมี ลู คาํ เพม่ิ
ง. รา๎ นขายต๎นไม๎
3. ขอ๎ ใดไมํใชํฐานภาษมี ลู คําเพม่ิ
ง. ฐานเศรษฐกจิ
4. มูลคาํ ของเครือ่ งแบบ ที่ผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนมอบให๎แกํลูกจ๎างคนละไมเํ กนิ กชี่ ดุ ตํอหน่ึงปี
ข. 2 ชดุ
5. อัตราท่ีใช๎สําหรับกิจการการขายสินค๎าหรือบริการ และการนําเข๎าที่มีมูลคําของฐานภาษีเกินกวํา 1,800,000
บาท ตํอปคี ือขอ๎ ใด
ง. รอ๎ ยละ 7
6. สนิ ค๎าฟุมเฟือยประเภทสรุ า บหุ ร่ี ตอ๎ งเสยี ภาษใี นลกั ษณะใด
ง. ภาษีสรรพสามิต
7. การย่นื แบบชําระภาษีมูลคําเพม่ิ ตอํ กรมสรรพากรต๎องกระทาํ ภายในวนั ใดของเดือนถัดไป
ค. 15
8. ใบกํากับภาษีท่ีสามารถนํามารวมเป็นภาษีซื้อหรือคํานวณรวมกับภาษีมูลคําเพ่ิมในเดือนภาษีมีจํานวน
เพมิ่ ข้นึ ซึ่งผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนจะออกให๎ผซู๎ ้ือ คือข๎อใด
ก. ใบเพิม่ หนี้
9. ใบกํากับภาษีที่สามารถนํามารวมเป็นภาษีซ้ือหรือคํานวณรวมกับภาษีมูลคําเพิ่มในเดือนภาษีมีจํานวน
ลดลง ซง่ึ ผ๎ูประกอบการจดทะเบียนจะออกให๎ผซ๎ู ้อื คือข๎อใด
ข. ใบลดหนี้
10. โดยปกติต๎องเก็บรักษารายงาน ใบกํากับภาษี สําเนาใบกํากับภาษี และเอกสารประกอบการลงรายงานอื่น
ไว๎ ไมนํ ๎อยกวาํ ก่ปี ี นบั แตํวันทไ่ี ด๎ยนื่ แบบแสดงรายการภาษี
ง. 5 ปี
238
พส.12
แบบทดสอบทกั ษะหนว่ ยท่ี 6
รหสั 30201-2007 ชือ่ วชิ า การบญั ชีภาษีอากร
ชอ่ื หน่วย การบัญชภี าษมี ูลคําเพิ่ม
เรอ่ื ง การบัญชภี าษีมูลคําเพ่มิ จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ชัว่ โมง
ขอ๎ 1 บรษิ ัท ทรัพยส์ ิน จาํ กดั มีรายการระหวํางเดือนมนี าคม 25x1 โดยจดทะเบียนภาษีมูลคําเพิ่มในอตั รา
7%
ม.ี ค. 1 ซือ้ สนิ คา๎ เปน็ เงินสด 10,000 บาท
3 ขายสินค๎าเปน็ เงินสด 25,000 บาท
10 ขายสินคา๎ ใหบ๎ ริษัท ไทยการคา๎ จํากดั 18,000 บาท เงื่อนไข 2/10,n/30
15 รบั คืนสินค๎าจากบริษัท ไทยการค๎า จาํ กดั จํานวน 5,000 บาท
17 ซอื้ สนิ ค๎าจากบริษทั บ๎านเชียง จาํ กดั 30,000 บาท เงือ่ นไข 2/10,n/45
29 จํายชําระหน้ใี ห๎บริษัท บ๎านเชียง จํากัด 10,000 บาท
31 รับชาํ ระหน้ีจากบรษิ ทั ไทยการค๎า จาํ กดั ทง้ั หมด
ใหท๎ าํ 1) บนั ทกึ รายการในสมดุ รายวันทั่วไปและผาํ นไปบญั ชีแยกประเภท
2) ปดิ บญั ชภี าษซี อ้ื และภาษีขาย
239
พส.12
เฉลยแบบทดสอบทักษะหนว่ ยที่ 6
รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบัญชีภาษีอากร
ชอื่ หน่วย การบญั ชีภาษมี ลู คําเพิ่ม
เรอื่ ง การบญั ชีภาษีมูลคําเพ่มิ จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ช่วั โมง
ขอ้ 1 การบันทกึ รายการในสมุดรายวนั ท่วั ไป เปน็ ดงั นี้
พ.ศ. 2550 รายการ สมดุ รายวนั ท่วั ไป เดบิต เครดิต
เดอื น วันท่ี บาท ส.ต บาท ส.ต
เลขที่ 10,000 -
บญั ชี 10,700 -
700 -
ม.ี ค. 1 ซอื้ สินค๎า 25,000 -
26,750 - 1,750 -
ภาษซี อ้ื (10,000 x 7%)
เงินสด
ซอื้ สนิ ค๎าเปน็ เงินสด
3 เงินสด
ขายสินคา๎
ภาษีขาย
ขายสินค๎าเปน็ เงินสด
สมดุ รายวนั ทวั่ ไป
พ.ศ. 2550 รายการ เลขท่ี เดบิต เครดติ
เดอื น วนั ที่ บญั ชี บาท ส.ต บาท ส.ต
19,260 - 18,000 -
มี.ค. 10 ลูกหนี้ – บริษัทไทยการค๎า จาํ กัด 1,260 -
5,000 -
ขายสินค๎า 350 - 5,350 -
ภาษขี าย 30,000 - 32,100 -
2,100 -
ขายสนิ ค๎าเปน็ เงนิ เชื่อ
15 รับคืนสนิ ค๎า
ภาษขี าย
ลูกหน้ี-บรษิ ัทไทยการคา๎ จาํ กดั
รับคืนสนิ ค๎า
17 ซ้ือสนิ คา๎
ภาษซี ื้อ (30,000 x 7%)
เจา๎ หน้ี-บริษัทบา๎ นเชียง จาํ กดั
240 10,000 - 9,800 -
13,910 - 200 -
ซ้อื สินค๎าเปน็ เงนิ เชอ่ื
28 เจ๎าหนี้-บรษิ ัทเชยี ง จาํ กดั 13,910 -
เงินสด 2,660 - 2,800 -
สํวนลดรับ 140 - 140 -
จํายชาํ ระหนไ้ี ด๎สํวนลด 2%
31 เงนิ สด 140 -
ลู ก ห นี้ -บ ริ ษั ท ไ ท ย ก า ร ค๎ า
จาํ กดั
รับชาํ ระหน้ี (19,260 - 5,350)
31 ภาษีขาย(1,750 + 1,260 - 350)
ลูกหน้ี-กรมสรรพากร
ภาษีซอื้ (700 + 2,100)
ปิดบัญชีภาษีขาย และภาษีซ้อื
เม.ย. 15 เงนิ สด
ลกู หน้ี-กรมสรรพากร
ขอคนื ภาษีมลู คําเพ่ิมเปน็ เงนิ สด
บญั ชีแยกประเภทภาษซี ือ้ ภาษีขาย และบญั ชีสรรพากร (เจา้ หน้ี/ลกู หนี้)
2550 ม.ี ค. 1 เงนิ สด บญั ชภี าษซี ้ือ 31 ภาษขี าย 2,800.-
17 เจา๎ หน้ี-บ.บ๎านนา 700.- 2550 ม.ค. 2,800.-
2,100.-
2,800.-
บญั ชภี าษีขาย
2550 ม.ค.15ลูกหน้ี-ไทยการค๎า 350.- 2550 ม.ค. 3 เงนิ สด 1,750.-
ภาษีซอ้ื 1,260.-
2,660.- 11 ลกู หน้ี-บ.ไทยการคา๎ 3,010.-
3,010.-
บัญชีกรมสรรพากร
2550 ม.ค.31ภาษีซ้ือ 2,800.- 2550 มี.ค. 31 ภาษีขาย 2,660.-
2550 ก.พ.1 ยอดยกมา 140.-
2,800.- ยอดยกไป
2,800.-
140.- 2550 เม.ย.15 เงนิ สด
241 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั 30201-2007 ชือ่ วชิ า การบญั ชีภาษีอากร
ชือ่ หน่วย การบัญชีภาษีมูลคาํ เพ่ิม
เรอ่ื ง การบญั ชภี าษีมลู คําเพิม่ จาํ นวนชว่ั โมงสอน 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายการเรียนรู้
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เครื่องมือ/วัสดุ-อุปกรณ์
1. คาํ นวณและบันทึกภาษมี ลู คาํ เพมิ่ ตามหลกั การ 1. อปุ กรณเ์ คร่อื งเขยี น
บันทกึ บัญชีได๎ 2. กระดาษ
2. ปฏิบัติงานได๎อยาํ งถกู ตอ๎ ง และสําเรจ็ ภายใน
เวลาทก่ี าํ หนดอยํางมีเหตุผล และประหยัดตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3. กลา๎ แสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมเี หตุผลและรับฟัง
ความคดิ เห็นของผ๎ูอืน่
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซ่ือสัตย์
สุจริต ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝุร๎ู ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเว๎นจากสิง่ เสพตดิ และอบายมุขทัง้ ปวง
242
ลําดับข้นั การทาํ งาน ขอ้ ควรระวัง
ขนั้ ที่ 1 ให๎ผ๎ูเรียนจัดกลุมํ เป็น 7 กลํุมๆ ละ 4- 1. ควรเปิดโอกาสให๎สมาชิกทกุ คนได๎แสดงความ
5 คน โดยความสมคั รใจ ผเู๎ รยี นแตํละกลุํมเลือกหวั หนา๎ คดิ เห็น
กลํมุ และเลขานกุ ารกลํมุ 2. รํวมกนั พจิ ารณาและสรปุ ประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง
กิจกรรมทีค่ รูมอบหมาย คอื คน๎ คว๎าตามหัวข๎อที่
กําหนด ดังนี้ มอบงาน
1. การคํานวณและการบันทกึ บญั ชีภาษมี ูลคําเพิ่ม 1. ใหน๎ กั เรยี นคน๎ คว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เรอ่ื ง
2. การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีและการชําระ การบัญชีภาษมี ลู คําเพม่ิ
ภาษีมลู คาํ เพ่มิ 2. นาํ ข๎อมูลท่ีค๎นควา๎ ได๎นําเสนอหนา๎ ชนั้ เรยี น ครู
ข้นั ที่ 2 ผ๎ูเรยี นแตํละกลมํุ รํวมกนั ค๎นคว๎าจากสือ่ และนักเรยี นรวํ มกนั เสนอแนะ
ตาํ งๆ พร๎อมเตรยี มมาอภิปรายหนา๎ หน๎าช้นั เรียน โดย
เลอื กวิธกี ารนําเสนอตามความถนัด โดยใช๎เวลากลมํุ ละ วัดผล/ประเมนิ ผล
ไมเํ กนิ 10 นาที แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข๎ารวํ มกจิ กรรมกลํุม
ขนั้ ท่ี 3 ผ๎เู รียนแตลํ ะกลุํมประเมนิ ตนเองและ
ประเมนิ ผลกลุํมอ่ืนๆ โดยใชแ๎ บบประเมินรายบุคคล
(แบบประเมินผลงาน)
ผสู๎ อนประเมนิ ผลผู๎เรียนทุกกลุํม โดยใช๎แบบ
ประเมิน
ข้นั ที่ 4 สงํ ครูผ๎สู อนเพือ่ ประเมินผล
243
พส.9
แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 7
เวลารวม 4 ชว่ั โมง
รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบัญชีภาษีอากร สปั ดาห์ 16/18
ชอื่ หน่วย การบัญชภี าษีธุรกจิ เฉพาะ
เรอ่ื ง การบัญชีภาษีธุรกจิ เฉพาะ จํานวน 4 ช่วั โมง
1. สาระสําคญั
ภาษธี ุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีตามประมวลรษั ฎากร ท่จี ัดเกบ็ การประกอบกิจการเฉพาะอยาํ งแทนภาษี
การคา๎ ท่ีถกู ยกเลกิ เร่ิมใช๎ในปี พ.ศ. 2535 ได๎แกํ ธนาคาร ธรุ กิจเงินทุน ธรุ กิจหลกั ทรัพย์ ธรุ กิจ
เครดิตฟองซิเอร์ กิจการประกันชวี ติ โรงรบั จาํ นํา การคา๎ อสังหารมิ ทรัพย์ และการขายหลักทรัพย์ ซึ่งผูม๎ หี น๎าท่ี
เสียภาษี ตอ๎ งมีความร๎เู กีย่ วกับการประกอบกจิ การท่ตี อ๎ งเสียและไมตํ อ๎ งเสียภาษีธรุ กจิ เฉพาะ ฐานภาษี และ
อตั ราภาษี หน๎าที่ของผป๎ู ระกอบกจิ การท่ีต๎องเสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ การย่ืนแบบแสดงรายการ การขอคนื ภาษี
ธรุ กิจเฉพาะ กําหนดเวลาในการย่นื แบบแสดงรายการ การคาํ นวณ และบนั ทกึ บัญชีภาษีธุรกจิ เฉพาะ และ
สถานทยี่ นื่ แบบแสดงรายการภาษี เนอ่ื งจากข๎อมลู เหลําน้ีเป็นสิง่ จาํ เปน็ และมปี ระโยชนส์ าํ หรบั ผู๎มีหนา๎ ทเี่ สยี
ภาษี
2. สมรรถนะประจําหนว่ ย
2.1 บันทึกบญั ชีภาษีธุรกจิ เฉพาะได๎
2.2 น๎อมนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการปฏบิ ตั งิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสยั ที่ดใี นการปฏบิ ัตงิ านด๎วยความซื่อสตั ย์และรอบคอบได๎
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 แสดงความรู๎เก่ยี วกบั การเสยี ภาษีธุรกจิ เฉพาะในเร่ืองของกจิ การทตี่ ๎องเสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะได๎
3.2 แสดงความรเู๎ กยี่ วกับฐานภาษีและอัตราภาษีในการย่ืนแบบแสดงรายการเสียภาษธี ุรกิจเฉพาะได๎
3.3 คาํ นวณภาษธี ุรกจิ เฉพาะได๎
3.4 ปฏบิ ัติงานได๎อยํางถกู ต๎อง และสาํ เรจ็ ภายในเวลาท่กี ําหนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยัดตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3.5 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมีเหตผุ ลและรบั ฟังความคิดเห็นของผูอ๎ ื่น
3.6 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สมั พันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตยส์ ุจรติ ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรักสามคั คี ความกตัญญูกตเวที และตระหนกั ถึงการละเวน๎ จากสิง่ เสพตดิ และอบายมขุ ท้งั ปวง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ผู๎มหี น๎าท่เี สยี ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ
4.2 การประกอบกิจการทต่ี ๎องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
4.3 กจิ การท่ีไมํต๎องเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ
244
4.4 ฐานภาษแี ละอัตราภาษี
4.5 หนา๎ ทข่ี องผู๎ประกอบกจิ การทต่ี ๎องเสียภาษีธรุ กจิ เฉพาะ
4.6 การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ
4.7 การขอคืนภาษีธุรกจิ เฉพาะ
4.8 กาํ หนดเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี
4.9 การคํานวณและการบันทกึ บัญชภี าษธี ุรกจิ เฉพาะ
4.10 สถานท่ยี ่ืนแบบแสดงรายการภาษ
5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ( เชนํ เพ่ือนชวํ ยเพ่ือน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใชว๎ ิธกี ารแบงํ กลํมุ จัดทาํ รายงาน และนําเสนอหน๎าช้นั เรียน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาํ เข้าสบู่ ทเรียน
6.1 ผ๎ูสอนทบทวนความรเู๎ ดิมที่ได๎ศึกษามาแล๎วเก่ียวกบั การภาษีอากร เพื่อให๎สัมพนั ธ์กับเน้ือหาสาระ
การเรยี นรู๎ใหมํ ในเรื่องภาษีธุรกิจเฉพาะ และประเมนิ ผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจง๎ ผลการเรียนรู๎ที่คาดหวงั
ข้นั สอน
6.3 ผ๎ูสอนอภิปรายหัวข๎อตามสาระการเรยี นรู๎ และยกตัวอยํางของธรุ กจิ รวํ มคา๎ ประกอบ
6.4 มอบหมายใหผ๎ ูเ๎ รยี นศกึ ษาคน๎ คว๎าตามหัวข๎อสาระการเรียนร๎ูทกุ คน
6.5 ให๎ผู๎เรยี นแบงํ กลํมุ จัดทาํ รายงาน และนําเสนอหน๎าชัน้ เรยี น และใหเ๎ พื่อนๆ คนอื่นแสดงความ
คดิ เห็น
6.6 ผู๎เรียนทาํ แบบประเมินผลการเรยี นรูท๎ า๎ ยหนํวยเรยี น
ขั้นสรปุ และการประยุกต์
6.7 ผสู๎ อนและผ๎ูเรียนสรปุ สาระสําคญั โดยการซักถาม และแสดงความคดิ เหน็ รวํ มกนั
6.8 ผูเ๎ รยี นทาํ แบบประเมนิ ผลการเรียนรูท๎ ๎ายหนํวยเรียน
การบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวสั ดุ อุปกรณ์สอดคล๎องกบั งาน ได๎อยาํ งถกู ต๎องและใช๎วัสดุ
อปุ กรณ์อยาํ งคุม๎ คํา ประหยัด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเ๎ู รียนจัดสรรเวลาในการปฏบิ ตั งิ านไดอ๎ ยํางเหมาะสม
2. ความมีเหตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคิดเหน็ อยาํ งมเี หตผุ ล
2.2 ใชว๎ สั ดุถูกต๎องและเหมาะสมกบั งาน
3. การมีภูมิคุม๎ กันในตัวที่ดี
3.1 มกี ารเตรียมความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน
3.2 มที กั ษะในการปฏิบตั ิงาน เข๎าใจอยาํ งถกู ตอ๎ ง เพ่ือการปฏิบัติงานที่มีประสทิ ธภิ าพ
3.3 ควบคมุ กิริยาอาการในสถานการณ์ตํางๆ ไดเ๎ ป็นอยํางดี
245
4. เง่อื นไขความรู๎
4.1 มคี วามร๎คู วามเข๎าใจเกี่ยวกับการบญั ชภี าษธี ุรกิจเฉพาะ
4.2 มีความร๎ู ความเข๎าใจเกีย่ วกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
5. เง่ือนไขคุณธรรม
5.1 ปฏิบัตงิ านท่ีมอบหมายเสร็จภายในกําหนดเวลา
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตอื รือร๎นในการเรียนและในขณะปฏบิ ตั ิงาน
7. บรรยากาศที่ส่งเสรมิ และพฒั นาผูเ้ รียน
ผ๎เู รียนมีความสนใจในการเรียน เน่อื งจากการสอนแบบแบงํ กลํุมจัดทํารายงานและนําเสนอผลงาน
หน๎าชัน้ เรียน ทาํ ให๎ผเ๎ู รยี นมีความกระตือรอื ลน๎ และได๎แสดงความคิดเห็น แลกเปลย่ี นความรู๎ สงํ ผลใหเ๎ กดิ ผล
การเรยี นร๎ูท่ีดี
8. คุณธรรม จรยิ ธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรับผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซอ่ื สัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสัมพันธท์ ่ีดี ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซื่อสัตยส์ ุจรติ ความเชื่อมั่นในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ สง่ิ เสพติด/การพนนั ความคิดริเร่ิมสร๎างสรรค์ การ
พึ่งตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกลัน้ ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
9.1 หนังสอื เรยี น วิชาการบัญชภี าษีอากร ของสํานักพิมพ์เอมพนั ธ์
9.2 ใบความร๎ู เรือ่ ง การบัญชีภาษีธรุ กจิ เฉพาะ
9.3 ใบงาน เรอื่ ง การบญั ชีภาษีธรุ กิจเฉพาะ
9.4 สอื่ การสอน Power point เรอ่ื ง การบัญชภี าษธี รุ กิจเฉพาะ
9.5 Internet
10. การวดั ผลและประเมนิ ผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกํอนเรยี น-หลงั เรยี น )
10.1 แบบทดสอบท๎ายบทเรียน เรอ่ื ง การบัญชภี าษธี ุรกจิ เฉพาะ
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรือ่ ง การบญั ชภี าษีธุรกิจเฉพาะ
10.3 แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การบญั ชภี าษธี รุ กิจเฉพาะ
11. หลักฐานการเรียนรู้
11.1 แบบฝึกหัด เรื่อง การบัญชภี าษีธุรกิจเฉพาะ
11.2 ใบงาน เร่ือง การบัญชีภาษธี ุรกจิ เฉพาะ
12. เอกสารอา้ งอิง
มนสั ชัย กีรติผจญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรุงเทพฯ : บริษัท สาํ นกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จาํ กัด. 2563
246 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
247
พส.11
บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้
รหสั วชิ า.....30201-2007.......ช่ือวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับช้ัน ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สปั ดาหท์ ่ี....16.....วันทส่ี อน..........................................................
หนวํ ยที.่ .....7......ช่ือหนวํ ย...........การบญั ชภี าษธี รุ กจิ เฉพาะ.................................................จาํ นวน........4........ชัว่ โมง
จาํ นวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรียน.............คน ลาปวุ ย............คน ลากิจ..............คน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงชื่อ.......................................................ครูผ๎ูสอน
(นางสาวนภาพร คงวิจิตร)
........../................/............
ความเหน็ ................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชื่อ...............................................หวั หน๎าแผนกวิชา ลงช่อื ............................................รองผ๎ูอาํ นวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทพิ วรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเหน็ ผู๎อาํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงช่อื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)
ผู๎อาํ นวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............
248
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัส 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชีภาษอี ากร
ชอ่ื หนว่ ย การบัญชภี าษีธรุ กิจเฉพาะ
เรอ่ื ง การบญั ชีภาษีธรุ กิจเฉพาะ จํานวนชั่วโมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้
- จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. แสดงความรู๎เกี่ยวกับการเสยี ภาษธี รุ กิจเฉพาะใน 1. ผ๎ูมหี น๎าท่ีเสียภาษธี รุ กิจเฉพาะ
เรอื่ งของกิจการท่ตี ๎องเสยี ภาษธี ุรกิจเฉพาะได๎ 2. การประกอบกิจการที่ตอ๎ งเสยี ภาษีธุรกิจ
2. แสดงความรเู๎ กย่ี วกับฐานภาษีและอตั ราภาษีใน เฉพาะ
การยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษธี ุรกิจเฉพาะได๎ 3. กิจการท่ีไมตํ ๎องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
3. คํานวณภาษธี ุรกิจเฉพาะได๎ 4. ฐานภาษแี ละอัตราภาษี
4. ปฏิบัตงิ านได๎อยํางถูกตอ๎ ง และสาํ เร็จภายในเวลา 5. หน๎าท่ีของผป๎ู ระกอบกจิ การทต่ี ๎องเสีย
ทีก่ าํ หนดอยํางมเี หตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา ภาษีธรุ กิจเฉพาะ
ของเศรษฐกจิ พอเพียง 6. การย่ืนแบบแสดงรายการภาษีธรุ กจิ
5. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตผุ ลและรับฟัง เฉพาะ
ความคิดเห็นของผู๎อ่นื 7. การขอคืนภาษีธรุ กจิ เฉพาะ
6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คํานิยม และ 8. กําหนดเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงคไ์ ดใ๎ นเรือ่ งความมีมนษุ ย ภาษี
สมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรับผิดชอบ ความซ่ือสตั ย์สุจริต 9. การคํานวณและการบันทกึ บญั ชีภาษี
ความเช่ือมนั่ ในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู ธุรกจิ เฉพาะ
ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนักถงึ การ 10. สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี
ละเวน๎ จากสิ่งเสพตดิ และอบายมุขท้ังปวง
เนือ้ หาสาระ
1. ผู๎มีหน๎าทเี่ สยี ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ
ผูม๎ ีหนา๎ ท่เี สียภาษีธรุ กิจเฉพาะ ได๎แกํ ผู๎ประกอบกจิ การท่ตี อ๎ งเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ ไมํวาํ ผ๎ปู ระกอบกิจการ
ดงั กลาํ วจะประกอบกิจการในรูปของ
บคุ คลธรรมดา
คณะบุคคลท่ีมใิ ชํนติ ิบคุ คล
กองมรดก
ห๎างหน๎ุ สํวนสามัญ
249
กองทุน
หนํวยงานหรอื กจิ การของเอกชนทกี่ ระทําโดยบุคคลธรรมดาตัง้ แตสํ องคนข้ึนไปอนั มิใชํนิตบิ คุ คล
องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองคก์ รอนื่ ที่กฎหมายกาํ หนดใหเ๎ ปน็ นติ ิบุคคล
ในกรณผี ป๎ู ระกอบกิจการอยํนู อกราชอาณาจักร ใหผ๎ ูม๎ ีหนา๎ ท่รี บั ผดิ ชอบในการประกอบกิจการรวมตลอดถึง
ลกู จ๎าง ตวั แทน หรอื ผทู๎ าํ การแทนซง่ึ มีอาํ นาจในการจดั การแทนโดยตรง หรือโดยปรยิ ายทอ่ี ยูใํ นราชอาณาจักร
เป็นผู๎มหี น๎าทเ่ี สียภาษีรวํ มกบั ผปู๎ ระกอบกจิ การดงั กลาํ วข๎างต๎น
2. การประกอบกิจการท่ีตอ๎ งเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
กจิ การที่จะต๎องเสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะได๎แกํ การประกอบกิจการดังตํอไปนใี้ นราชอาณาจักร โดยกิจการนัน้
ไมไํ ด๎รบั ยกเวน๎ ภาษีธรุ กิจเฉพาะ
1. การธนาคาร ตามกฎหมายว่าดว้ ยการธนาคารพาณชิ ย์ หรือกฎหมายเฉพาะ
2. การประกอบธรุ กิจเงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรัพย์ ธุรกจิ เครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายวา่ ด้วย การ
ประกอบ ธุรกจิ เงนิ ทุน ธุรกจิ หลกั ทรพั ย์ และธุรกจิ เครดติ ฟองซเิ อร์
3. การรบั ประกนั ชวี ิต ตามกฎหมายว่าดว้ ยการประกนั ชวี ติ
4. การรับจาํ นํา ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงรับจํานาํ
5. การประกอบกจิ การโดยปกตเิ ย่ียงธนาคารพาณิชย์ เช่น การให้กู้ยมื เงินค้ําประกัน แลกเปลีย่ น
เงินตรา ออก ซ้อื หรอื ขายตั๋วเงนิ หรือรับส่งเงินไปต่างประเทศดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ
ในกรณีท่มี ปี ัญหาวํา กจิ การใดเป็นการประกอบกจิ การโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณชิ ยห์ รอื ไม
อธิบดีกรมสรรพากรจะเสนอใหค๎ ณะกรรมการวินิจฉยั ภาษอี ากรพิจารณากําหนดขอบเขตและเง่ือนไขของการ
ประกอบกจิ การดังกลําวนนั้ กไ็ ดแ๎ ละเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัย ภาษีอากรไดว๎ ินจิ ฉยั แล๎ว ให๎ประกาศคาํ วนิ จิ ฉยั
นั้นในราชกิจจานุเบกษา
6. การขายอสังหาริมทรพั ย์เป็นทางค้าหรอื หากาํ ไร ไมํวําอสังหารมิ ทรัพย์นัน้ จะได๎มาโดยวธิ ีใดกต็ าม
ทั้งนี้ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขตามพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ที่ 342) พ.ศ.2541 (ใช๎บงั คับต้ังแตํ 1
มกราคม 2542 เป็นต๎นไป) ดังตํอไปน้ี
การขายอสังหาริมทรัพย์ท่ีถือวําเปน็ ทางการคา๎ หรือหากาํ ไรตามพระราชกฤษฎีกาฯ ได๎แกํการขา
ยอสังหาริม ทรัพย์ทีต่ ๎องจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรม ดังตํอไปน้ี
(1) การขายอสังหาริมทรพั ย์ของผ๎ูซง่ึ ไดร๎ ับอนุญาตใหท๎ าํ การจดั สรรทีด่ นิ ตามกฎหมายวําดว๎ ยการ
ควบคุมการจัดสรรทีด่ ิน
(2) การขายห๎องชุดของผ๎ปู ระกอบการซ่ึงเปน็ ผูข๎ อจดทะเบยี นอาคารชุดตามกฎหมายวาํ ดว๎ ย
อาคารชุด
(3) การขายอสงั หาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารทีส่ ร๎างข้นึ เพื่อขาย รวมถึงการขายที่ดนิ อันเปน็ ท่ตี ั้งของ
อาคารดังกลาํ ว
(4) การขายอสงั หริมทรพั ยท์ ี่ไมํเข๎าลกั ษณะตาม (1) (2) หรอื (3) เฉพาะกรณีท่ีมกี ารแบงํ ขาย หรือ
แบงํ แยกไว๎เพื่อขาย โดยได๎จัดทําถนนหรือสงิ่ สาธารณูปโภคอนื่ หรอื ใหค๎ ําสัน่ วาํ จะจัดให๎มีส่ิงดังกลาํ ว
(5) การขายอสังหารมิ ทรพั ย์ท่ีผขู๎ ายมีไวใ๎ นการประกอบกิจการเฉพาะของบรษิ ัทหรื ห๎างหุ๎นสวํ น ท่ี
250
มหี นา๎ ที่เสียภาษเี งินได๎นติ ิบุคคล องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอ่ืนท่ีกฎหมายกําหนดให๎เป็นนติ ิ
บคุ คล
(6) การขายอสังหาริมทรพั ย์ทไี่ มํเขา๎ ลกั ษณะตาม (1) (2) (3) (4) (5) ที่ได๎กระทําภายในหา๎ ปี นบั
แตวํ ันทีไ่ ดม๎ าซึง่ อสังหารมิ ทรัพย์นนั้ เวน๎ แตํ
(ก) การขายหรอื การถูกเวนคืนตามกฎหมาย วาํ ดว๎ ยการเวนคืนอสังหารมิ ทรพั ย์
(ข) การขายอสงั หาริมทรัพยท์ ่ีได๎มาโดยทางมรดก
(ค) การขายอสงั หาริมทรัพยท์ ่ีใช๎เปน็ สถานที่อยูํอาศัยอันเปน็ แหลงํ สําคัญที่ผูข๎ ายมีช่อื อยํูใน
ทะเบียนบ๎านตามกฎหมายวําด๎วยการทะเบยี นราษฎรเป็นเวลาไมนํ อ๎ ยกวาํ หน่ึงปีทน่ี บั แตํวันทไี่ ดม๎ าซึ่ง
อสงั หารมิ ทรัพยน์ ้ันในกรณีท่ีทีด่ นิ และอาคารหรือสง่ิ ปลกู สร๎างตาม (ค) ได๎มาไมํพร๎อมกนั กาํ หนดเวลาหา๎ ปี
ตามความใน (16) ให๎ถอื ตามระยะเวลาการได๎มาซ่ึงที่ดินหรืออาคารหรอื สิง่ ปลูกสรา๎ งท่ีได๎มาภายหลัง
(ง) การโอนกรรมสิทธิห์ รอื สิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไมํมีคําตอบแทน ให๎แกํ
บุตรชอบดว๎ ยกฎหมายของตน แตํไมรํ วมถึงบุตรบุญธรรม
(จ) การโอนกรรมสิทธหิ์ รอื สทิ ธคิ รอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ทางมรดกให๎แกํทายาท โดย
ธรรมหรือผู๎รับพินัยกรรมซ่ึงเป็นทายาทโดยธรรม
(ฉ) การโอนกรรมสทิ ธ์ิหรอื สทิ ธิครอบครองในอสงั หารมิ ทรัพยใ์ ห๎แกํสํวนราชการหรอื
องค์การของรัฐบาลโดยไมํมคี ําตอบแทน
(ช) การแลกเปลย่ี นกรรมสทิ ธิห์ รอื สิทธคิ รอบครองในอสงั หาริมทรัพย์กับสวํ นราชการ หรอื
องค์การของรัฐบาลเฉพาะในกรณที ส่ี วํ นราชการหรือองค์การของรัฐบาลน้ันมิไดม๎ ีการจาํ ยคําตอบแทนเป็น
อยําง อ่ืน นอกจากอสังหาริมทรพั ย์ทแี่ ลกเปลี่ยนนน้ั
หมายเหตุ ผ๎มู เี งนิ ไดท๎ ่ีได๎รบั เงินไดพ๎ ึงประเมินจากการขายอสงั หาริมทรัพย์ตาม (6) ซึง่ ได๎ถกู หักภาษีเงินได๎ ณ ที่
จําย และได๎เสยี ภาษีธรุ กิจเฉพาะไวแ๎ ลว๎ เมื่อถงึ กําหนดย่นื รายการเสยี ภาษเี งินได๎ให๎ได๎รบั ยกเวน๎ ไมตํ ๎องนาํ เงนิ ได๎
ดงั กลาํ ว มาคาํ นวณเป็นเงินได๎พงึ ประเมนิ ทั้งนเ้ี พอื่ เป็นการบรรเทาภาระภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดา(พระราช
กฤษฎกี าฯ (ฉบบั ที่ 376 พ.ศ.2544)
(7) การขายหลักทรพั ย์ตามกฎหมายวําดว๎ ยตลาดหลกั ทรพั ย์แหํงประเทศไทยในตลาดหลักทรัพย์
(8) การประกอบกจิ การอน่ื ตามกําหนดโดยพระราชกฤษฎกี า
กําหนดใหก๎ ิจการซ้ือและขายคนื หลักทรัพย์ที่ไดร๎ ับอนุญาตจากคณะกรรมการกํากบั หลักทรัพยแ์ ละ
ตลาดหลักทรพั ยต์ ามกฎหมายวําดว๎ ยหลักทรพั ย์ และตลาดหลักทรัพยเ์ ป็นกิจการทีอ่ ยูํในบงั คบั ต๎อง เสยี ภาษี
ธรุ กิจเฉพาะ เนอ่ื งจากการประกอบกิจการซอ้ื หรือขายคืนหลกั ทรัพยโ์ ดยมีสญั ญาหรอื ซื้อคืนดงั กลําวมี
ลักษณะอน่ื ทอ่ี ยํูในบัง คับต๎องเสยี ภาษธี รุ กิจเฉพาะ (พระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 350) พ.ศ. 2524
กาํ หนดให๎การประกอบธรุ กิจแฟ็กเตอรงิ เป็นกิจการทีอ่ ยูํในบังคบั ต๎องเสยี ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ
เนือ่ งจากการประกอบธรุ กจิ ดังกลาํ วมีลกั ษณะคล๎ายคลงึ กบั การให๎กยู๎ ืมเงินทเี่ ปน็ การประกอบกิจการโดยปกติ
เย่ยี งธนาคารพาณิชย์ (พระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ที่ 358) พ.ศ.2542 )
คาํ วํา "ธรุ กิจแฟ็กเตอริง" หมายความวาํ ธรุ กิจทผ่ี ู๎ขายสนิ ค๎าหรอื ผ๎ูให๎บริการตกลงจะ โอนทรพั ย์สนิ ที่
จะได๎รบั จากการชําระหนเ้ี นื่องจากการขายสนิ ค๎าหรือการให๎บริการระหวาํ งตนกับลูกหนี้ของตน ให๎แกผํ ู๎