The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by naphaphon.k, 2022-05-30 01:53:46

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาการบัญชีภาษีอากร

51

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้
รหสั วิชา.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชัน้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ .........................สัปดาห์ท่.ี ....3.....วันทีส่ อน..........................................................
หนํวยที่......2......ช่อื หนวํ ย...........ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา..................................................จาํ นวน........4........ช่วั โมง
จํานวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปุวย............คน ลากิจ..............คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงช่ือ.......................................................ครูผสู๎ อน
(นางสาวนภาพร คงวิจติ ร)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอื่ ...............................................หัวหนา๎ แผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผู๎อาํ นวยการฝุายวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเห็นผอ๎ู าํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)

ผู๎อํานวยการวทิ ยาลัยการอาชพี นครปฐม
............/................../............

52

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชภี าษีอากร

ช่ือหนว่ ย ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา

เรอ่ื ง ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา จาํ นวนชัว่ โมงสอน 1 ชั่วโมง
รายการเรียนรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. การหักคาํ ใช๎จาํ ยของเงนิ ได๎พึงประเมิน
2. การหกั คาํ ลดหยอํ นของผ๎มู เี งนิ ได๎
1. แสดงความรู๎เก่ยี วกับการคาํ นวณเงนิ ได๎พงึ 3. การคํานวณเงินได๎สทุ ธิ
ประเมนิ หลังคําใชจ๎ าํ ย และคําลดหยอํ นได๎

2. แสดงความร๎เู กี่ยวกบั การคํานวณเงินไดส๎ ทุ ธไิ ด๎
3. คํานวณเงนิ ได๎พึงประเมนิ หลงั คําใช๎จาํ ยและคาํ
ลดหยํอนได๎
4. คาํ นวณเงินไดส๎ ทุ ธิได๎
5. ปฏบิ ัตงิ านไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ ง และสาํ เร็จภายในเวลา
ทก่ี าํ หนดอยํางมเี หตุผล และประหยดั ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง
6. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตผุ ลและรบั ฟัง
ความคดิ เห็นของผ๎ูอ่นื
7. มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ไดใ๎ นเรือ่ งความมีมนษุ ย
สัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความซอื่ สตั ยส์ จุ ริต
ความเชื่อมนั่ ในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการ
ละเวน๎ จากสิง่ เสพตดิ และอบายมุขทง้ั ปวง

เน้ือหาสาระ

เงนิ ไดพ้ ึงประเมินแต่ละกรณีจะคาํ นวณหักคา่ ใชจ้ ่าย

คําใช๎จํายเป็นองค์ประกอบหนงึ่ ในการคํานวณภาษี ถือเป็นสิทธิประโยชนท์ างภาษอี ยํางหนง่ึ ท่ี
กฎหมายกําหนดไว๎ สําหรบั หักเป็นต๎นทุนในการทาํ งาน เพ่ือใหไ๎ ด๎เงินไดห๎ รือรายไดส๎ ุทธินั้นมาคดิ ภาษีตามบญั ชี
อัตราภาษี โดยมีอตั ราการหักคําใชจ๎ าํ ยมากหรือน๎อยตามแตํละประเภทของเงนิ ได๎ สรปุ ไดด๎ ังน้ี

53

ประเภทเงินได้ หักค่าใช้จา่ ย

1. เงนิ เดือน คาํ จ๎าง โบนสั เบี้ยเลย้ี ง 50% ไมํเกนิ 100,000 บาท
หากมีเงินไดป๎ ระเภทที่ 1 และ 2 ให๎
2. เงินไดจ๎ ากหน๎าที่หรือตาํ แหนงํ งานท่ที าํ หรือจากการรบั นาํ เงินได๎ท้ัง 2 ประเภท
ทาํ งานให๎ คาํ ธรรมเนียม คาํ นายหนา๎ ฯลฯ รวมกันแตํหักได๎ไมเํ กนิ 100,000
บาท
3. คาํ แหํงกูด๏ วิลล์ คําแหํงลิขสิทธ์ิหรือสิทธอิ ยํางอน่ื
50% ไมํเกนิ 100,000 บาท หรือตาม
4. ดอกเบ้ีย เงินปนั ผล สํวนแบํงกาํ ไร ฯลฯ จริง

5. รายไดจ๎ ากการใหเ๎ ชาํ ทรัพย์สิน การผดิ สญั ญาเชําซื้อ การ หักคาํ ใชจ๎ าํ ยไมไํ ด๎
ผดิ สัญญาซ้ือขายเงินผอํ น
ตามจรงิ หรืออัตราเหมา
- บา๎ น โรงเรอื น สิ่งปลกู สร๎าง แพ 30%
- ทด่ี นิ ที่ใช๎ในการเกษตร 20%
- ท่ีดนิ ท่มี ไิ ดใ๎ ชใ๎ นการเกษตร 15%
- ยานพาหนะ 30%
- ทรพั ย์สินอื่น 10%
6. วิชาชพี อสิ ระ
- ประกอบโรคศิลปะ ตามจรงิ หรอื อตั ราเหมา
- กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีต 60%
ศิลปกรรม 30%

7. รบั เหมากอํ สร๎าง ตามจริงหรอื อัตราเหมา 60%
8. รายได๎อื่น นอกเหนือจาก 1-7 *
ตามจริงหรอื อัตราเหมา 40% และ
60%

54

ผูม๎ เี งนิ ได๎มีสิทธิหกั ลดหยํอน
คําลดหยอํ นและยกเว๎นเปน็ อีกหนงึ่ องค์ประกอบในการคํานวณภาษีทกี่ ฎหมายกําหนดใหน๎ ําไปหกั

ออกจากเงินได๎ได๎อีกหลงั จากหกั คําใชจ๎ าํ ยแล๎ว โดยมกี ารหักลดหยํอนกรณตี ําง ๆ แตกตํางกนั ออกไป สรุปได๎
ดังน้ี
(1) กรณีบคุ คลธรรมดา หรือผ้ถู ึงแก่ความตายระหวา่ งปภี าษี

1. ผู๎มเี งินได๎ 60,000 บาท
2.คํูสมรส (ไมมํ ีเงินได๎) 60,000 บาท
3. ผูม๎ ีเงนิ ได๎หรือคูํสมรสตาํ งฝาุ ยตํางมเี งินได๎ ใหห๎ ักลดหยอํ นรวมกันได๎ ไมเํ กิน 120,000 บาท
4. บตุ รชอบดว๎ ยกฎหมายและบตุ รบุญธรรม หักคาํ ลดหยอํ นได๎คนละ 30,000 บาท ต๎องเข๎าเงือ่ นไข ดงั น้ี
- บุตรชอบด๎วยกฎหมาย หกั ลดหยํอนได๎ไมจํ ํากดั จาํ นวน
- บุตรบญุ ธรรม หักลดหยํอนได๎ไมเํ กิน 3 คน
- กรณีมบี ุตรชอบดว๎ ยกฎหมายท่ีมีชวี ิตอยูํจํานวนต้ังแตํ 3 คน จะนาํ บตุ รบุญธรรมมาหกั อีกไมํได๎
- กรณีมีบตุ รชอบดว๎ ยกฎหมายมจี ํานวนไมํถึง 3 คน ใหน๎ าํ บุตรบญุ ธรรมมาหกั ได๎รวมกบั บตุ รชอบดว๎ ย
กฎหมาย แตรํ วมกนั ต๎องไมํเกิน 3 คน
บตุ รทีน่ ํามาหักลดหยํอนต๎องไมมํ เี งินไดต๎ ัง้ แตํ 30,000 บาทขน้ึ ไป และเข๎าหลักเกณฑ์ ดงั ตํอไปน้ี
- เป็นผู๎เยาว์
- บตุ รมอี ายุไมํเกิน 25 ปี และกําลังศกึ ษาในระดบั มหาวิทยาลยั หรืออุดมศึกษา
- เป็นผท๎ู ศี่ าลส่งั ให๎เป็นคนไรค๎ วามสามารถหรือเสมือนไร๎ความสามารถอนั อยใํู นความอุปการะเลยี้ งดู
การนบั จํานวนบุตรให๎นบั เฉพาะบตุ รที่มชี ีวติ อยตํู ามลําดับอายุสูงสดุ ของบุตร โดยนับรวมบตั รทอี่ ยใํู น
เกณฑ์ไดร๎ บั การลดหยอํ นดว๎ ย
5. คาํ อุปการะเลยี้ งดูบิดามารดาท่มี ีอายุ 60 ปีข้ึนไป และอยูใํ นความอุปการะเลีย้ งดูของผม๎ู ีเงนิ ได๎ โดย
บิดามารดาต๎องมีเงินได๎พงึ ประเมนิ ในปีภาษที ่ีขอหกั ลดหยํอนไมเํ กนิ 30,000 บาท หักคําลดหยอํ น คนละ
30,000 บาท และสามารถหักลดหยํอนสาํ หรบั บิดามารดาของคํูสมรสได๎อีกคนละ 30,000 บาท
6. คาํ อุปการะเลยี้ งดคู นพิการหรือคนทุพพลภาพ หักคาํ ลดหยอํ น คนละ 60,000 บาท
7. คําเบี้ยประกันชีวติ (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขนึ้ ไป) ของผ๎ูมีเงินไดห๎ ักคําลดหยํอนและไดร๎ ับการยกเวน๎ ภาษี
เงินไดส๎ ําหรบั เงนิ ไดเ๎ ทาํ ที่จํายจริงแตํไมเํ กิน 100,000 บาท ทัง้ นี้ หากคูํสมรสมีการประกันชีวิต และความเปน็
สามภี ริยาได๎มีอยูํตลอดปภี าษี ผู๎มีเงนิ ไดม๎ สี ิทธหิ กั ลดหยํอน สาํ หรบั เบ้ยี ประกนั ชีวติ ของคูํสมรสท่ไี มมํ ีเงนิ ได๎ตาม
จาํ นวนทีจ่ าํ ยจรงิ แตไํ มํเกนิ 10,000 บาท แตหํ ากสามภี รยิ าตํางฝาุ ยตาํ งมีเงินได๎

(ก) ถา๎ ความเป็นสามีภรยิ ามไิ ด๎มีอยตํู ลอดปภี าษีที่ไดร๎ ับยกเว๎นภาษี ให๎สามีและภรยิ าซง่ึ เปน็ ผ๎มู ีเงนิ ได๎
ตาํ งฝุายตาํ งได๎รบั ยกเวน๎ ภาษีตามจํานวนท่ีจํายจริง เฉพาะสวํ นทีเ่ กนิ 10,000 บาท แตํไมเํ กนิ 90,000 บาท ซ่ึง
ไมเํ กินเงินได๎พึงประเมินของแตลํ ะคนหลังจากหักคาํ ใชจ๎ าํ ย ตามมาตรา 42 ทวิ ถงึ มาตรา 46 แหํงประมวล
รษั ฎากรแลว๎

(ข) ถา๎ ความเปน็ สามภี ริยาไดม๎ ีอยํูตลอดปภี าษที ี่ได๎รับยกเวน๎ ภาษแี ละภรยิ าไมํใชส๎ ิทธแิ ยกยน่ื รายการ
และเสยี ภาษตี าํ งหากจากสามีตามมาตรา 57 เบญจ แหงํ ประมวลรัษฎากร ให๎สามีและภริยาซึ่งเปน็ ผู๎มีเงินได๎

55

ตาํ งฝาุ ยตํางไดร๎ ับยกเว๎นภาษีตามจํานวนท่จี ํายจริง เฉพาะสํวนท่ีเกิน 10,000 บาท แตไํ มํเกิน 90,000 บาท ซงึ่
ไมเํ กินเงนิ ได๎พึงประเมนิ ของแตลํ ะคนหลังจากหักคาํ ใชจ๎ าํ ย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แหงํ ประมวล
รัษฎากรแล๎ว

(ค) ถา๎ ความเป็นสามภี รยิ าได๎มีอยํูตลอดปีภาษีท่ีได๎รับยกเวน๎ ภาษีและภริยาใช๎สทิ ธิแยกยนื่ รายการและ
เสียภาษีตาํ งหากจากสามี ตามมาตรา 57 เบญจ แหงํ ประมวลรัษฎากร ให๎สามีและภรยิ าซง่ึ เปน็ ผ๎มู ีเงนิ ไดต๎ ําง
ฝุายตํางไดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษตี ามจาํ นวนทีจ่ ํายจริง เฉพาะสํวนท่ีเกนิ 10,000 บาท แตํไมํเกนิ 90,000 บาท ซ่งึ ไมํ
เกินเงินได๎พงึ ประเมนิ ของแตํละคนหลงั จากหักคาํ ใช๎จําย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แหงํ ประมวล
รัษฎากรแลว๎

8. คาํ เบี้ยประกันสขุ ภาพบดิ ามารดาของผม๎ู ีเงินได๎และคสูํ มรส หักคําลดหยํอนเทาํ ท่ีจาํ ยจริง แตํไมํเกิน
15,000 บาท ท้ังน้ี บิดามารดาของผ๎มู ีเงนิ ได๎และคํสู มรสต๎องไมมํ เี งนิ ได๎พึงประเมนิ ในปภี าษีท่ใี ช๎สิทธิยกเวน๎
ภาษเี งินไดเ๎ กนิ 30,000 บาท

9. เงินสะสมทจ่ี าํ ยเข๎ากองทุนสาํ รองเลย้ี งชีพ หกั ลดหยํอนได๎ตามจาํ นวนที่ได๎จํายไปจรงิ ในปภี าษี แตไํ มํ
เกนิ 10,000 บาท สวํ นทเ่ี กนิ 10,000 บาทแตไํ มเํ กนิ 490,000 บาท ซงึ่ ไมํเกินรอ๎ ยละ 15 ของคําจ๎างใหห๎ ัก
จากเงินได๎

10. เงินคําซ้ือหนวํ ยลงทุนในกองทนุ รวมเพื่อการเลย้ี งชพี (RMF) ได๎รับยกเวน๎ เทําท่ีจํายเงนิ คาํ ซื้อหนวํ ย
ลงทนุ ในกองทนุ รวมเพอื่ การเลีย้ งชีพตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยหลกั ทรัพย์และตลาดหลักทรพั ย์ ในอตั ราไมเํ กินร๎อย
ละ 15 ของเงนิ ได๎พึงประเมนิ ทไี่ ด๎รับซง่ึ ตอ๎ งเสยี ภาษีเงินได๎ในปีภาษนี น้ั และเมื่อรวมกับเบ้ยี ประกันชวี ิตแบบ
บํานาญ เงนิ สะสมเขา๎ กองทุนสํารองเลย้ี งชพี เงนิ สะสมเข๎ากองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญข๎าราชการ เงินสะสมเข๎า
กองทุนสงเคราะหต์ ามกฎหมายวําดว๎ ยโรงเรียนเอกชน และเงนิ สะสมเขา๎ กองทุนการออมแหํงชาติแลว๎ ตอ๎ งไมํ
เกิน 500,000 บาท

11. คําเบ้ียประกนั ชวี ติ แบบบาํ นาญ หกั คาํ ลดหยํอนในอตั รารอ๎ ยละ 15 ของเงนิ ไดท๎ ี่นาํ มาเสียภาษเี งนิ ได๎
ในแตลํ ะปี แตํไมเํ กิน 200,000 บาทตํอปี
ทงั้ น้ี ตอ๎ งเปน็ คําเบ้ยี ประกนั ชีวิตแบบบาํ นาญ ความคุ๎มครองตัง้ แตํ 10 ปขี นึ้ ไป และจํายผลประโยชนเ์ งนิ
บํานาญเมื่อผม๎ู เี งินไดอ๎ ายุตั้งแตํ 55 ปขี น้ึ ไปถงึ อายุ 85 ปีหรือกวาํ นั้น และเม่ือรวมกับเงินสะสมเข๎ากองทนุ
สํารองเลยี้ งชีพ เงนิ สะสมเขา๎ กองทนุ บําเหน็จบาํ นาญขา๎ ราชการ (กบข.) เงินสะสมเขา๎ กองทนุ สงเคราะห์ตาม
กฎหมายวาํ ดว๎ ยโรงเรียนเอกชน เงนิ ท่ซี ้อื หนวํ ยลงทุนในกองทนุ รวมเพื่อการเลย้ี งชพี (RMF) และเงินสะสมเข๎า
กองทนุ การออมแหํงชาติ ต๎องไมํเกนิ 500,000 บาท

12. เงนิ สะสมกองทนุ การออมแหงํ ชาติ ตามจาํ นวนทจ่ี าํ ยจริง แตํไมเํ กนิ 500,000 บาท และเมื่อรวมกบั
เบย้ี ประกันชวี ิตแบบบาํ นาญ เงนิ สะสมเข๎ากองทุนสาํ รองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข๎ากองทนุ บําเหนจ็ บาํ นาญ
ขา๎ ราชการ เงินสะสมเขา๎ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายวําดว๎ ยโรงเรยี นเอกชน และเงินท่ซี อ้ื หนวํ ยลงทนุ ใน
กองทุนรวมเพื่อการเลีย้ งชีพ (RMF) แล๎วตอ๎ งไมํเกนิ 500,000 บาท

13. คาํ ซื้อหนวํ ยลงทนุ ในกองทุนรวมหุ๎นระยะยาว (LTF) หกั คาํ ลดหยํอนเทาํ ทจ่ี ํายจรงิ แตไํ มํเกินรอ๎ ยละ
15 ของเงินได๎พึงประเมนิ ทไี่ ด๎รับซงึ่ ต๎องเสียภาษีเงนิ ได๎ในปีน้ัน แตไํ มํเกนิ 500,000 บาท และตอ๎ งถือหนวํ ย
ลงทนุ ในกองทนุ รวมระยะยาวตอํ เนอ่ื งกันไมนํ ๎อยกวาํ 7 ปีปฏิทิน แตไํ มรํ วมถึงกรณผี ๎ูมเี งนิ ได๎ไถถํ อนหนํวย

56

ลงทุนรวมหุ๎นระยะยาว เพราะทุพพลภาพหรือตาย
14. ดอกเบีย้ ก๎ยู ืมท่ีจํายให๎แกธํ นาคารหรือสถาบนั การเงินอื่น บริษัทประกนั ชวี ติ สหกรณ์ หรือนายจา๎ ง

สาํ หรบั การกยู๎ มื เงินเพื่อซ้ือ เชําซอ้ื หรอื สรา๎ งอาคารอยํูอาศัย โดยจํานองอาคารที่ซ้ือหรือสร๎างเป็นประกนั การ
กย๎ู ืม หกั คําลดหยํอนตามจํานวนเทําทีจ่ ํายจรงิ แตํไมํเกนิ 100,000 บาท

15. เงินสมทบประกันสงั คม หักคาํ ลดหยํอนเทําท่จี าํ ยจริง
16. คําเบี้ยประกนั สขุ ภาพ หักคําลดหยํอนเทาํ ทจี่ าํ ยจรงิ แตํไมํเกิน 15,000 บาท แตํเมอ่ื รวมกับเบย้ี
ประกนั ชีวิตสําหรับกรมธรรม์ประกนั ชีวิตทม่ี ีกาํ หนดตงั้ แตํ 10 ปขี ึน้ ไป และเงนิ ฝากท่ีจํายไวก๎ ับธนาคารที่มี
กฎหมายจดั ตง้ั ข้นึ โดยเฉพาะแล๎ว ต๎องไมํเกนิ 100,000 บาท
17. เงินบรจิ าค

- เงินบรจิ าคสนับสนุนการศึกษา หกั ลดหยํอนได๎ 2 เทาํ ของทีจ่ ํายจรงิ แตํไมํเกินร๎อยละ 10 ของเงนิ
ได๎หลงั หกั คําใชจ๎ าํ ยและคําลดหยํอนอื่น

- เงินบรจิ าคสาธารณประโยชน์ หักลดหยอํ นได๎ 2 เทาํ ของทจี่ าํ ยจริง แตไํ มํเกินรอ๎ ยละ 10 ของเงิน
ได๎หลังหักคําใชจ๎ าํ ยและคําลดหยอํ นอน่ื ได๎แกํ เงนิ บรจิ าคให๎แกกํ องทุนพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากร
ทางการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารจัดตั้งขนึ้ เงนิ บริจาคในการจดั หาหนงั สือหรือสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์เพ่ือ
สํงเสรมิ การอําน เงินบริจาคในการจัดให๎คนพกิ ารได๎รบั สทิ ธิเข๎าถงึ และใช๎ประโยชนไ์ ดจ๎ ากสิง่ อาํ นวยความ
สะดวก เงินบรจิ าคใหแ๎ กํองค์กรปกครองสวํ นท๎องถิ่นในการจดั ต้ังศนู ย์พัฒนาเด็กเล็ก เงนิ บรจิ าคเพ่ือสนบั สนุน
การกีฬา และเงินบรจิ าคเข๎าโครงการฝกึ อบรมอาชพี และการจัดกจิ กรรมที่เก่ยี วข๎องกับการบําบัดแก๎ไข ฟื้นฟู
และสงเคราะหเ์ ด็กและเยาวชนของสถานพนิ จิ และค๎ุมครองเดก็ และเยาวชนหรือศูนยฝ์ ึกและอบรมเดก็ และ
เยาวชน กระทรวงยตุ ธิ รรม เงินบริจาคให๎กองทุนพัฒนาสิ่งปลอดภัยและสร๎างสรรค์ กองทุนเสริมงาน
วฒั นธรรม กองทนุ เสริมศลิ ปะรํวมสมยั กองทุนสํงเสริมงานจดหมายเหตุหรือกองทุนโบราณคดี และเงิน
บริจาคให๎สถานศึกษาของรฐั โรงเรยี นเอกชน (แตํไมํรวมถึงโรงเรียนนอกระบบ)

- เงินบริจาคเพอื่ ชวํ ยเหลือผป๎ู ระสบอุทกภัยทีเ่ กดิ ขึน้ ในประเทศไทย หักลดหยํอนได๎ 1.5 เทําของที่
จาํ ยจรงิ แตํไมเํ กนิ ร๎อยละ 10 ของเงินได๎หลังหกั คําใชจ๎ าํ ยและคาํ ลดหยํอนอน่ื ต๎องบริจาค ระหวาํ งวันท่ี 1
มกราคม - 31 มีนาคม 2560 และระหวาํ งวนั ที่ 5 กรกฎาคม - 31 ตลุ าคม 2560 มติ ครม. เมอื่ วันท่ี 31
ตุลาคม 2560 ขยายระยะเวลาให๎ถงึ วันท่ี 31 ธนั วาคม 2560

- เงินบรจิ าคทัว่ ไป หกั ลดหยอํ นได๎เทาํ ที่จํายจริง แตํไมํเกินร๎อยละ 10 ของเงินไดห๎ ลังหกั คาํ ใชจ๎ ําย
และคําลดหยํอนอ่ืน

เพมิ่ เติม
ลดหย่อนตามมาตรการภาษกี ระตุน้ เศรษฐกิจของรัฐ
1. คาํ ซ้ืออสงั หาริมทรพั ย์ตามมาตรการกระต๎ุนเศรษฐกจิ (บ๎านหลังแรก) หักลดหยํอนสําหรับการซ้ือ
อสังหาริมทรัพย์ฯ ท่มี ีมลู คาํ ไมํเกิน 3,000,000 บาท แตํไมเํ กนิ รอ๎ ยละ 20 ของคาํ ซือ้ อสงั หารมิ ทรพั ยฯ์ ท่ีเป็น
อาคารพ๎อมท่ดี นิ หรือหอ๎ งชดุ ในอาคารชุด ซึง่ ได๎จาํ ยคําซื้ออสงั หารมิ ทรพั ย์และมีการจดทะเบยี นโอนกรรมสทิ ธ์ิ
ระหวาํ งวนั ท่ี 13 ตลุ าคม 2558 - 31 ธนั วาคม 2559 ทงั้ น้ี ใชส๎ ทิ ธยิ กเว๎นภาษเี ปน็ เวลา 5 ปีตํอเน่ืองกัน นบั แตํ
ปีภาษที ่มี ีการาจดทะเบียนโอนกรรมสทิ ธโิ์ ดยใหใ๎ ช๎สทิ ธิจํานวนเทํา ๆ กนั ในแตลํ ะปี

57

2. คาํ ซํอมแซมบา๎ นและรถทไ่ี ด๎รับผลกระทบจากอทุ กภยั ทรพั ยส์ ินที่ไดร๎ บั ความเสยี หาย
2.1 คาํ ซอํ มแซมบ๎าน
คําซํอมแซมหรือคาํ วัสดหุ รอื อปุ กรณ์ที่จาํ ย ระหวํางวันที่ 1 ธันวาคม 2559 - 31 พฤษภาคม 2560

และระหวาํ งวันท่ี 5 กรกฎาคม 2560 - 31 ธันวาคม 2560 หกั ลดหยอํ นไดต๎ ามจํานวนท่ีจํายจรงิ แตํไมํเกิน
100,000 บาท โดยทรพั ยส์ ินนัน้ ได๎รบั ความเสียหายจากอุทกภยั ในชํวงระยะเวลาดงั กลําวและอยํูในพนื้ ที่ที่ทาง
ราชการประกาศให๎เป็นพ้นื ท่เี กดิ อุทกภยั

2.2 คําซอํ มแซมรถ
คําซอํ มแซมหรือคาํ วัสดหุ รืออปุ กรณ์ในการซอํ มแซมรถท่จี าํ ย ระหวํางวนั ท่ี 1 ธันวาคม 2559 - 31
พฤษภาคม 2560 และระหวาํ งวนั ที่ 5 กรกฎาคม 2560 - 31 ธนั วาคม 2560 หกั ลดหยอํ นไดต๎ ามจํานวนที่
จาํ ยจริง แตํไมํเกิน 30,000 บาท โดยรถหรอื อุปกรณ์หรือสิ่งอาํ นวยความสะดวกในรถเสียหายจากการถกู นํา้
ทํวมเนอื่ งจากอุทกภยั ในชวํ งระยะเวลาดังกลําวและอยใูํ นพื้นทที่ ่ีทางราชการประกาศให๎เป็นพนื้ ทเี่ กิดอุทกภัย
และต๎องเปน็ เจา๎ ของกรรมสิทธ์หิ รือผ๎ูเชําซ้ือรถ
3. ชอปชํวยชาติ หกั ลดหยอํ นเทาํ ท่จี าํ ยจริง แตไํ มเํ กิน 15,000 บาท จากการซื้อสนิ คา๎ หรือบริการจาก
ผป๎ู ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพมิ่ และขอหลกั ฐานใบกํากับภาษเี ต็มรูป ระหวาํ งวันที่ 11 พฤศจิกายน -
3 ธันวาคม 2560
(2) กรณหี า้ งหุ้นส่วนสามัญทมี่ ิใชน่ ิตบิ คุ คล หรอื คณะบุคคลที่ไมใ่ ชน่ ิตบิ ุคคล หกั คา่ ลดหยอ่ นได้คนละ
60,000 บาท แต่รวมกนั ต้องไมเ่ กนิ 120,000 บาท
1. เงนิ บรจิ าคสนบั สนนุ การศกึ ษาและการกีฬา หกั ได๎ 2 เทาํ ของทจ่ี ํายจริง แตํไมเํ กินร๎อยละ 10 ของเงิน
ไดห๎ ลงั หกั คําใชจ๎ าํ ยและคาํ ลดหยํอน
2. เงนิ บริจาค หักได๎เทําที่จาํ ยจริง แตไํ มเํ กนิ รอ๎ ยละ 10 ของเงินไดห๎ ลงั หักคาํ ใชจ๎ าํ ยและคาํ ลดหยํอน
(3) กรณีกองมรดกท่ียงั ไมไ่ ด้แบง่ หักค่าลดหยอ่ นได้ 60,000 บาท
1. เงนิ บริจาคสนับสนนุ การศึกษาและการกีฬา หักได๎ 2 เทาํ ของทจ่ี ํายจรงิ แตไํ มํเกินร๎อยละ 10 ของ เงิน
ไดห๎ ลงั หักคําใช๎จํายและคําลดหยํอน
2. เงนิ บรจิ าค หกั ได๎เทาํ ท่ีจาํ ยจรงิ แตํไมํเกินรอ๎ ยละ 10 ของเงินไดห๎ ลงั หักคาํ ใชจ๎ าํ ยและคําลดหยํอน
ปรับปรงุ ลําสุด: 21-11-2020

วธิ กี ารคาํ นวณภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดาส้ินปี

โดยท่วั ไปผ๎มู เี งนิ ไดต๎ ๎องนําเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ทุกประเภทของตน ตลอดปีภาษี (ไมรํ วมเงนิ ได๎ที่
กฎหมายยกเวน๎ ภาษี หรือทีไ่ มํต๎องเสยี ภาษ)ี ไปคํานวณภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาสนิ้ ปี เพ่ือยื่นแบบแสดง
รายการและชําระภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีท่ีมเี งินได๎ การคาํ นวณภาษีใหท๎ ําเปน็ 3 ขน้ั คือ
ขนั้ ท่ีหน่ึง คาํ นวณหาจาํ นวนภาษตี าม วิธที ่ี 1 เสยี กํอน

58

การคาํ นวณภาษีตามวธิ ที ่ี 1 xxxx (1)
เงินได๎พงึ ประเมนิ ทุกประเภทรวมกนั ตลอดปีภาษี

หกั คาํ ใช๎จาํ ยตามทก่ี ฎหมายกําหนด xxxx (2)

(1)-(2) เหลือเงินไดห๎ ลงั จากหักคําใช๎จาํ ย xxxx (3)

หัก คําลดหยอํ นตําง ๆ (ไมรํ วมคําลดหยอํ นเงนิ บรจิ าค) ตามที่ xxxx (4)
กฎหมายกาํ หนด

(3)-(4) เหลอื เงินได๎หลงั จากหักคาํ ลดหยอํ นตาํ ง ๆ xxxx (5)

หกั คําลดหยอํ นเงินบริจาค ไมเํ กนิ จาํ นวนท่ีกฎหมายกําหนด xxxx (6)

(5-6) เหลือเงนิ ได๎สุทธิ xxxx (7)

นําเงินได๎สุทธติ าม (7) ไปคาํ นวณภาษตี ามอัตราภาษเี งนิ ได้
บุคคลธรรมดา

จํานวนภาษีตามการคาํ นวณภาษวี ิธที ่ี 1 xxx (8)

ขนั้ ท่สี อง ใหพ๎ ิจารณาวาํ จะต๎องคํานวณภาษตี าม วิธที ี่ 2หรอื ไมํ ถา๎ เขา๎ เง่อื นไขทจ่ี ะต๎องคํานวณภาษตี ามวิธที ี่ 2
จึงคาํ นวณภาษตี ามวิธที ่ี 2 อกี วธิ หี น่ึง กรณีที่ตอ๎ งคํานวณภาษตี ามวธิ ที ี่ 2 ไดแ๎ กํ กรณีทีเ่ งนิ ได๎พึงประเมนิ ทกุ
ประเภทในปภี าษี แตํไมํรวม เงินไดพ๎ ึงประเมินตามประเภทที่ 1 มีจาํ นวนรวมกันต้งั แตํ 120,000 บาทขึน้ ไป
การคํานวณภาษีตามวิธที ี่ 2 น้ี ใหค๎ ํานวณในอัตราร๎อยละ 0.5 ของยอดเงนิ ได๎พงึ ประเมิน (= เงินได๎พึงประเมิน
ทกุ ประเภทลบเงินได๎พงึ ประเมินประเภทท่ี 1 คณู ดว๎ ย 0.005) ดังกลาํ วนั้น
ขน้ั ที่สาม สรุป จํานวนภาษที ี่ตอ๎ งเสียภาษี กําหนดให๎ (10) คอื จาํ นวนภาษที ี่คาํ นวณได๎ตามวิธีที่ 2
การคํานวณภาษี

จาํ นวนภาษีเงินไดส๎ นิ้ ปที ีต่ ๎องเสยี เทยี บ (8) และ (10) จํานวนทส่ี ูงกวํา xxxx (11)

หัก ภาษที ่ีถูกหัก ณ ทจ่ี าํ ยแล๎ว xx

ภาษีเงนิ ได๎ครึ่งปที ช่ี ําระไวแ๎ ล๎ว xx

ภาษเี งนิ ไดช๎ ําระลํวงหนา๎ xx

เครดิตภาษีเงินปันผล xx xx (12)

(11-12) เหลอื ภาษเี งินได๎ท่ตี ๎องเสีย (หรอื ทเ่ี สยี ไว๎เกนิ ขอคืนได๎) xx

59

หมายเหตุ สาํ หรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ที่ได๎รบั ตัง้ แตํวนั ที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต๎นไป หากคํานวณตามวิธีที่ 2
แลว๎ มภี าษีเงินได๎ท่ตี อ๎ งเสียจํานวนทง้ั ส้ินไมํเกิน 5,000 บาท ผู๎มเี งินได๎ ไดร๎ ับการยกเวน๎ ภาษีเงนิ ไดต๎ ามวิธที ี่ 2 (
10 ) แตํยังคงมีหนา๎ ท่ีเสยี ภาษีตามจาํ นวนทคี่ าํ นวณไดต๎ ามวิธีที่ 1 ( 8 ) โดยนาํ มาสรุปจาํ นวนภาษที ่ีต๎องเสียขนั้
ท่สี าม
ปรบั ปรงุ ลาํ สุด: 21-11-2020

แบบฝึกหัด/คาํ ถาม/ปญั หา
1. การหักคาํ ใช๎จํายของเงนิ ได๎พึงประเมนิ ประเภทที่ 1 และ 2 มเี งือ่ นไขในการหักภาษีอยาํ งไร
2. การหักคําใชจ๎ าํ ยของเงนิ ได๎พึงประเมนิ ประเภทท่ี 3 มเี งือ่ นไขในการหกั ภาษีอยาํ งไรบ๎าง
3. การหักลดหยํอนเงนิ สะสม ที่จํายเขา๎ กองทุนสาํ รองเล้ียงชีพ มีหลกั ในการหักอยาํ งไรบ๎าง
4. การหักลดหยํอนบิดามารดา มีหลกั เกณฑ์การหกั อยาํ งไรบ๎าง
5. นายปิ่น มีภริยาและบุตรกําลังศึกษาอยํู 2 คนโดยภริยาไมํมีรายได๎ นายป่ินทํางานในบริษัทแหํงหน่ึง
ได๎รับเงินเดือนๆ ละ 40,000 บาท เน่ืองจากมีรายได๎น๎อยทางบริษัทจึงไมํได๎หักภาษี ณ ที่จําย แตํต๎องยื่น
แบบแสดงรายการภาษีเองตามกฎหมาย จํายคําเบ้ียประกันชีวิต 15,000 บาท จงคํานวณภาษี เงินได๎
บคุ คลธรรมดา

เฉลยคาํ ตอบ

1. เงินได๎พึงประเมนิ ประเภทที่ 1 และ 2 ให๎หกั คาํ ใชจ๎ าํ ยเป็นการเหมาตามเงื่อนไขดังนี้

(1) ผมู๎ ีเงนิ ไดห๎ กั คาํ ใชจ๎ ํายเปน็ การเหมาได๎ร๎อยละ 40 ของเงนิ ได๎แตํรวมกนั ไมเํ กนิ 60,000 บาท

(2) ในกรณีสามีภริยา ตํางฝุายตํางมีเงินได๎และความเป็นสามีภริยาได๎มีอยํูตลอดปีภาษี ให๎ตํางฝุาย

ตํางหักคําใช๎จํายไดร๎ ๎อยละ 40 แตไํ มํเกนิ ฝุายละ 60,000 บาท

2. เงนิ ไดพ๎ งึ ประเมินประเภทที่ 3 ให๎หักเป็นการเหมาร๎อยละ 40 ของคําแหํงลิขสิทธ์ิแตํไมํเกิน 60,000 บาท

สํวนคําแหํงกู๏ดวิลล์ หรือสิทธิอยํางอ่ืน เงินปี หรือเงินได๎ท่ีมีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได๎มาจาก พินัยกรรม นิติ

กรรมอยํางอน่ื หรอื คําพิพากษาของศาล ไมยํ อมให๎หกั คําใชจ๎ าํ ยใดๆ ทง้ั สนิ้

3. เงนิ สะสมที่จํายเขา๎ กองทนุ สาํ รองเลี้ยงชพี หกั ลดหยอํ นได๎ตามจํานวนท่ีจํายจริง แตํไมํเกิน 10,000 บาท

สวํ นที่เกนิ 10,000 บาท แตไํ มเํ กิน 290,000 บาท เป็นเงินที่ได๎รับยกเว๎นภาษี โดยนําจํานวนเงินสํวนท่ีเกินหัก

จากเงินได๎พึงประเมิน กํอนหักคาํ ใช๎จํายตามจํานวนทจ่ี ํายจรงิ แตํไมํเกนิ 290,000 บาท

4. การหกั ลดหยอํ นบดิ ามารดา กรณีผู๎มีเงินได๎และคํูสมรสท่ีมีเงินได๎รวมคํานวณภาษี หรือคูํสมรสไมํมีเงินได๎

อุปการะเล้ียงดูบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสิทธิหักลดหยํอนคําอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาได๎คนละ 30,000

บาท โดยจะต๎องออกหนงั สือรับรองวาํ บตุ รคนใดคนหนึง่ เป็นผู๎อปุ การะเล้ียงดเู พยี งคนเดยี ว

5. เงินเดอื น (40,000 x 12) 480,000.-

หัก คาํ ใชจ๎ าํ ย 40% แตํไมเํ กิน 60,000 บาท 60,000.-

เงนิ ได๎หลังหกั คําใชจ๎ ําย 420,000.-

หกั คําลดหยอํ น - นายปน่ิ 30,000.-

- ภริยา 30,000.-

- บตุ ร 2 คน 34,000.-

60

- คําเบ้ยี ประกนั ชวี ติ 15,000.- 109,000.-

เงินได๎สทุ ธิ 311,000.-

การคํานวณภาษเี งินได๎

เงนิ ได๎สุทธิ 100,000 บาท เสยี ภาษี = ยกเวน๎

เงนิ ไดส๎ ทุ ธิ 211,000 บาท เสยี ภาษี = 211,000 x 10% = 21,100.-

เงนิ ได๎สุทธิ 311,000 บาท เสียภาษี = 21,100.-

เอกสารอ้างอิง/เอกสารคน้ ควา้ เพ่ิมเติม

มนัสชยั กีรตผิ จญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรุงเทพฯ : บริษทั สํานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ จาํ กัด. 2563

61 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหสั 30201-2007 ชอื่ วิชา การบัญชภี าษอี ากร

ช่ือหน่วย ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา

เรอ่ื ง ภาษเี งนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา จาํ นวนชัว่ โมงสอน 1 ชัว่ โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เคร่อื งมือ/วัสดุ-อปุ กรณ์
1. แสดงความรเู๎ กย่ี วกับการคาํ นวณเงินได๎พงึ 1. อปุ กรณเ์ คร่ืองเขียน
2. กระดาษ
ประเมินหลงั คําใชจ๎ ําย และคําลดหยอํ นได๎
2. แสดงความรูเ๎ ก่ยี วกบั การคาํ นวณเงนิ ไดส๎ ุทธิได๎
3. คํานวณเงินได๎พึงประเมนิ หลังคาํ ใชจ๎ าํ ยและคาํ

ลดหยอํ นได๎
4. คาํ นวณเงนิ ไดส๎ ทุ ธิได๎
5. ปฏบิ ัตงิ านได๎อยํางถกู ต๎อง และสาํ เรจ็ ภายใน

เวลาทก่ี ําหนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยดั ตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

6. กล๎าแสดงความคิดเห็นอยาํ งมีเหตผุ ลและรับฟัง
ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอน่ื

7. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นิยม และ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมมี นษุ ย
สมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์
สจุ รติ ความเชือ่ ม่นั ในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝรุ ู๎ ความรกั สามัคคี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเว๎นจากสิ่งเสพติดและอบายมขุ ท้ังปวง

62

ลาํ ดบั ขนั้ การทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั

ข้ันที่ 1 ใหผ๎ ๎ูเรยี นจดั กลุํมเป็น 7 กลํมุ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนได๎แสดงความ

โดยความสมคั รใจ ผ๎เู รยี นแตลํ ะกลํุมเลือกหวั หนา๎ กลมํุ คิดเห็น

และเลขานุการกลํุม 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรปุ ประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง

กจิ กรรมที่ครูมอบหมาย คือ ค๎นคว๎าตามหวั ข๎อที่

กาํ หนด ดงั น้ี มอบงาน

1. การหักคาํ ใชจ๎ ํายของเงินไดพ๎ ึงประเมิน 1. ใหน๎ ักเรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เรอ่ื ง

2. การหกั คําลดหยอํ นของผู๎มีเงินได๎ ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

3. การคํานวณเงนิ ไดส๎ ุทธิ 2. นําข๎อมลู ที่ค๎นควา๎ ได๎นําเสนอหนา๎ ช้ันเรียน ครู

ข้นั ท่ี 2 ผูเ๎ รยี นแตํละกลํุมรํวมกันค๎นควา๎ จากสือ่ และนกั เรยี นรวํ มกันเสนอแนะ

ตํางๆ พร๎อมเตรยี มมาอภปิ รายหน๎าหนา๎ ช้ันเรียน โดย

เลือกวิธีการนําเสนอตามความถนัด โดยใช๎เวลากลํุมละ วัดผล/ประเมินผล

ไมํเกนิ 10 นาที แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลํุม

ข้ันท่ี 3 ผ๎เู รียนแตลํ ะกลํุมประเมินตนเองและ

ประเมินผลกลุมํ อนื่ ๆ โดยใชแ๎ บบประเมินรายบุคคล

(แบบประเมินผลงาน)

ผู๎สอนประเมนิ ผลผเ๎ู รียนทุกกลํุม โดยใชแ๎ บบ

ประเมนิ

ข้นั ท่ี 4 สงํ ครูผส๎ู อนเพ่ือประเมนิ ผล

63

พส.9

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2
เวลารวม 4 ชวั่ โมง
รหสั 30201-2007 ชือ่ วิชา การบญั ชภี าษีอากร สัปดาห์ 4/18
ช่อื หน่วย ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา
เรื่อง ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา จาํ นวน 4 ช่วั โมง

1. สาระสาํ คญั
ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา หมายถึง ภาษีเงนิ ได๎ทเ่ี รียกเก็บจากบุคคลซง่ึ มเี งนิ ได๎พึงประเมินตามเกณฑ์ท่ี

ประมวลรัษฎากรกําหนดไวต๎ ามมาตรา 40 โดยย่ืนแบบแสดงรายการและชาํ ระภาษสี ําหรับปภี าษี ซ่งึ ผูม๎ หี นา๎ ที่
เสยี ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาตอ๎ งประเมินถึงเงนิ ไดท๎ ีต่ ๎องเสียภาษี ร๎ูวิธีการหักคาํ ใชจ๎ ํายของเงินไดพ๎ ึงประเมิน
การหกั คาํ ลดหยํอนของผ๎มู ีเงินได๎ และคํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา และยน่ื แบบแสดงรายการภาษเี งินได๎
บคุ คล ธรรมดา ณ สถานท่ีย่ืนแบบแสดงรายการทก่ี ําหนดไว๎

2. สมรรถนะประจาํ หน่วย
2.1 คํานวณภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาได๎
2.2 น๎อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใช๎ในการปฏิบตั ิงานได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ยั ทดี่ ใี นการปฏิบตั งิ านด๎วยความซื่อสัตยแ์ ละรอบคอบได๎

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 คํานวณภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดาได๎
3.2 ยนื่ แบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาได๎
3.3 ปฏบิ ัตงิ านไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายในเวลาทก่ี ําหนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3.4 กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตผุ ลและรับฟังความคิดเหน็ ของผอ๎ู ืน่
3.5 มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สัมพนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ ความซ่อื สัตย์สุจรติ ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามัคคี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนกั ถึงการละเวน๎ จากสิง่ เสพตดิ และอบายมุขทัง้ ปวง

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การคาํ นวณภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา
4.2 การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา
4.3 สถานทย่ี ่ืนแบบแสดงรายการ

5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ( เชํน เพือ่ นชํวยเพ่ือน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใชว๎ ิธกี าร Active learning

64

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาํ เขา้ สบู่ ทเรียน
6.1 ผ๎สู อนทบทวนความรู๎เดมิ ท่ีได๎ศึกษามาแล๎ว ในเร่อื งการคาํ นวณเงินไดส๎ ุทธิ เพื่อให๎สัมพนั ธก์ ับเนื้อหา

สาระการเรียนรู๎ใหมํ และประเมนิ ผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรู๎ท่ีคาดหวัง
ข้นั สอน
6.3 ผ๎สู อนอภิปรายหวั ขอ๎ ตามสาระการเรยี นร๎ู และยกตวั อยาํ งของการคํานวณภาษีท่ตี ๎องชําระ
6.4 มอบหมายใหผ๎ ูเ๎ รียนศึกษาค๎นคว๎าตามหัวข๎อสาระการเรยี นรู๎ทกุ คน
6.5 ให๎ผูเ๎ รียนฝกึ ทาํ กิจกรรมทมี่ อบหมาย และนาํ เสนอผลงานหนา๎ ช้นั เรยี น และใหเ๎ พื่อนๆ คนอ่ืน

แสดงความคดิ เห็น
6.6 ผ๎ูเรียนทําแบบประเมินผลการเรียนรทู๎ า๎ ยหนวํ ยเรยี น
ขน้ั สรปุ และการประยุกต์
6.7 ผู๎สอนและผเ๎ู รียนสรปุ สาระสําคญั โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรวํ มกัน
6.8 ผ๎เู รยี นทาํ แบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ทา๎ ยหนํวยเรยี น

การบรู ณาการกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวสั ดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกบั งาน ไดอ๎ ยาํ งถูกต๎องและใชว๎ สั ดุ

อุปกรณ์อยาํ งคมุ๎ คาํ ประหยัด ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเ๎ู รียนจดั สรรเวลาในการปฏิบัติงานได๎อยาํ งเหมาะสม

2. ความมีเหตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคดิ เหน็ อยํางมีเหตผุ ล
2.2 ใชว๎ ัสดุถูกตอ๎ งและเหมาะสมกับงาน

3. การมภี ูมิคุ๎มกันในตวั ทดี่ ี
3.1 มกี ารเตรยี มความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน
3.2 มีทกั ษะในการปฏบิ ตั งิ าน เขา๎ ใจอยํางถูกตอ๎ ง เพอ่ื การปฏิบัติงานทีม่ ีประสิทธิภาพ
3.3 ควบคมุ กริ ยิ าอาการในสถานการณ์ตํางๆ ได๎เปน็ อยํางดี

4. เง่ือนไขความรู๎
4.1 มีความรคู๎ วามเข๎าใจเกีย่ วกับภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา
4.2 มคี วามรู๎ ความเข๎าใจเก่ียวกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

5. เงอื่ นไขคุณธรรม
5.1 ปฏิบตั งิ านท่มี อบหมายเสร็จภายในกําหนดเวลา
5.2 มคี วามเพยี รพยายาม กระตอื รือรน๎ ในการเรยี นและในขณะปฏิบตั ิงาน

65

7. บรรยากาศท่สี ่งเสรมิ และพฒั นาผ้เู รยี น
ผูเ๎ รยี นมีความสนใจในการเรียน เนือ่ งจากการสอนแบบ Active learning ทาํ ให๎ผเู๎ รยี นมคี วาม

กระตือรอื ล๎น และได๎แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลี่ยนความรู๎ สงํ ผลให๎เกดิ ผลการเรียนรูท๎ ด่ี ี

8. คุณธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรับผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซ่อื สัตย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสัมพนั ธ์ที่ดี ความมีวินัย ความรบั ผดิ ชอบ ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง การ

ประหยดั ความสนใจใฝุรู๎ ความสามคั คี ความกตัญญู ละเว๎นสิ่งเสพตดิ /การพนัน ความคิดริเริม่ สร๎างสรรค์ การ
พงึ่ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกล้นั ความมีคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม และการตรงตํอเวลา

9. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรยี น วิชาการบญั ชีภาษีอากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพนั ธ์
9.2 ใบความร๎ู เรื่อง ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา
9.3 ใบงาน เร่ือง ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา
9.4 สื่อการสอน Power point เรอ่ื ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา
9.5 Internet

10. การวัดผลและประเมนิ ผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกํอนเรยี น-หลงั เรยี น )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรียน เร่ือง ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา
10.2 แบบทดสอบกํอนเรยี น เรือ่ ง ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดา
10.3 แบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เร่อื ง ภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดา
11.2 ใบงาน เรอื่ ง ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา

12. เอกสารอา้ งอิง
มนัสชัย กรี ติผจญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรุงเทพฯ : บริษทั สํานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จํากัด. 2563

66 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)

67

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชัน้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ .........................สัปดาห์ท่.ี ....4.....วันทีส่ อน..........................................................
หนํวยที่......2......ช่อื หนวํ ย...........ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา..................................................จาํ นวน........4........ชว่ั โมง
จํานวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปุวย............คน ลากจิ ..............คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงช่อื .......................................................ครผู ู๎สอน
(นางสาวนภาพร คงวิจติ ร)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอื่ ...............................................หัวหนา๎ แผนกวิชา ลงชือ่ ............................................รองผู๎อํานวยการฝุายวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเห็นผอ๎ู าํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)

ผู๎อํานวยการวทิ ยาลัยการอาชพี นครปฐม
............/................../............

68

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ชื่อวิชา การบัญชีภาษอี ากร

ชือ่ หนว่ ย ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา

เร่ือง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา จาํ นวนช่วั โมงสอน 1 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายการเรียนรู้

- จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. การคํานวณภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา

1. คาํ นวณภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดาได๎
2. ยืน่ แบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาได๎ 2. การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีเงินได๎
3. ปฏบิ ัติงานได๎อยาํ งถูกตอ๎ ง และสําเร็จภายในเวลา บคุ คลธรรมดา
3. สถานทย่ี ่นื แบบแสดงรายการ
ทกี่ าํ หนดอยาํ งมเี หตุผล และประหยัดตามหลักปรชั ญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง

4. กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟัง

ความคิดเห็นของผู๎อื่น

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คาํ นยิ ม และ

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ด๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สมั พันธ์ ความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ

ความเชอ่ื มั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎

ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนักถึงการ

ละเว๎นจากส่ิงเสพติดและอบายมขุ ทงั้ ปวง

เนื้อหาสาระ มกราคม - มนี าคม
การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา ของปีภาษีถัดไป

ภ.ง.ด. 90 มเี งนิ ได๎พึงประเมนิ ทุกประเภท มกราคม - มีนาคม
ของปภี าษีถดั ไป
ภ.ง.ด. 91 มีเฉพาะเงนิ ได๎พึงประเมนิ ประเภทที่ 1ม.40(1)
ประเภทเดยี ว กอํ นถึงกาํ หนดเวลา
การยื่นแบบตามปกติ
ภ.ง.ด. 93 มเี งนิ ได๎ขอชาํ ระภาษีลํวงหน๎า

69

ภ.ง.ด. 94 ยน่ื คร่ึงปสี าํ หรับผู๎มเี งินไดพ๎ ึงประเมนิ เฉพาะประเภท กรกฎาคม - กันยายน

ท่ี 5,6,7 และ 8 ของปีภาษนี ัน้

ภ.ง.ด. 95 คนตาํ งดา๎ วผมู๎ ีเงนิ ไดจ๎ ากการาจา๎ งแรงงานจาก มกราคม - มีนาคม
สํานักงานปฏิบัติการภูมภิ าค ของปีภาษีถดั ไป

การยนื่ แบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดามี 2 ระยะ คือ
1. "ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาครงึ่ ป"ี เปน็ การย่นื แบบแสดงรายการเงินไดเ๎ ฉพาะเงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ

ประเภทท่ี 5,6,7 หรือ 8 ท่ีได๎รับตง้ั แตํเดือนมกราคมถงึ เดือนมิถุนายนไมวํ ําจะมีเงนิ ไดป๎ ระเภทอ่นื รวมอยํูดว๎ ย
หรือไมํก็ตาม โดยยื่นภายในเดือนกนั ยายนของปีภาษีนน้ั และภาษีทีเ่ สยี นี้นําไปเปน็ เครดิตหกั ออกจากภาษสี น้ิ
ปีได

2. "ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดาสิน้ ปี" เปน็ การย่นื แบบแสดงรายการเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ทีไ่ ดร๎ บั แล๎ว ใน
ระหวาํ งปภี าษี โดยยนื่ ภายในเดือนมนี าคมของปีถัดไป
การยน่ื แบบ ภ.ง.ด. 90 91 ผ่านอินเทอรเ์ นต็
ขั้นตอนการยน่ื แบบฯ

1. เขา๎ web site ของกรมสรรพากรท่ี www.rd.go.th
2. เลอื กรายการบริการยื่นแบบผาํ นอินเทอรเ์ นต็
3. เลอื กรายการบริการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 หรอื ภ.ง.ด. 91 แลว๎ แตกํ รณี
4. ถ๎าเขา๎ สกูํ ารใช๎บริการครงั้ แรก ให๎เลือกรายการลงทะเบยี นกํอน เมื่อไดล๎ งทะเบียนเรียบร๎อยแลว๎ ระบบ
จะแสดง หมายเลขผ๎ูใช๎ และรหสั ผํานบนหนา๎ จอ
5. เขา๎ ระบบโดยบันทึก หมายเลขผ๎ูใช๎และรหัสผาํ น
6. ปอู นรายการข๎อมูล ได๎แกํ รายการเงินได๎ คําลดหยํอน เงินไดท๎ ี่ไดร๎ บั ยกเว๎นภาษีหัก ณ ที่จําย
ฯลฯ แลว๎ คลกิ "ตกลง" เพอ่ื ยืนยันการยน่ื แบบฯ
7. เมอื่ ไดต๎ รวจสอบรายการขอ๎ มลู ทบ่ี นั ทกึ และสงั่ ให๎ระบบ "คํานวณภาษีแล๎ว"
7.1 กรณไี มมํ ีภาษตี ๎องชําระ

(1) โปรแกรมจะแจ๎งผลการรบั แบบและหมายเลขอ๎างองิ เพือ่ ใชเ๎ ป็นหลักฐานในการย่นื แบบฯ
(2) กรมสรรพากรจะสํงใบเสรจ็ รับเงินให๎ตามที่อยูํทไี่ ดล๎ งทะเบยี นไว๎
7.2 กรณมี ีภาษีต๎องชําระ
(1) หากเลอื กวธิ ีชาํ ระภาษีผําน e-payment ระบธุ นาคารที่ทํานใชบ๎ รกิ ารอยํู และดาํ เนนิ การตาม
ขนั้ ตอนของ ธนาคารนนั้
(2) หากเลอื กวิธชี าํ ระภาษผี าํ นระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ของธนาคาร (1) ระบบจะแจ๎งเลขประจาํ ตัวผเู๎ สยี
ภาษีอากร รหสั ควบคุม และจํานวนภาษที ตี่ ๎องเสีย เพือ่ ใชเ๎ ปน็ ข๎อมลู นําไปชาํ ระภาษผี าํ นระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์
ของธนาคารตํอไป เพื่อความสะดวกและถกู ต๎อง โปรดส่ังพิมพห์ รือจดข๎อมูลดงั กลาํ วไวด๎ ๎วย
(3) หากเลอื กวธิ ชี าํ ระภาษี ณ เคานเ์ ตอร์ ไปรษณีย์อตั โนมัติ (Pay at Post ) ระบบจะแจ๎งรายการ
ขอ๎ มูลเชนํ เดยี วกับ (2) เพอื่ ใช๎เป็นข๎อมูลนําไปชาํ ระภาษี ณ ทท่ี าํ การไปรษณยี ท์ ุกแหํง (ยกเว๎น ปณ. โสกเชอื ก
จ. ร๎อยเอด็ และ ปณ. ชมุ แสงสงคราม จ.พษิ ณุโลก

70

ขน้ั ตอนการชาํ ระภาษี
เมอ่ื ได๎ทํารายการย่นื แบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 ผาํ นอนิ เทอรเ์ น็ตเรยี บรอ๎ ยแลว๎ และเป็นกรณีทม่ี ีภาษีต๎องชําระ
ผ๎ใู ช๎บริการจะต๎องชําระภาษีท้ังจาํ นวนในวันใดก็ได๎ภายในกําหนดเวลายื่นแบบ โดยมที างเลือกในการชําระ
ภาษีวิธีใดวธิ ีหนง่ึ ดังนี้

1. การชําระภาษีผา่ นบรกิ ารอเิ ล็กทรอนิกส์ของธนาคารพาณชิ ย์
1.1 การชําระภาษผี า่ น e-payment เป็นระบบการชําระเงินพรอ้ มกับการย่ืนรายการขอ้ มูลตาม

แบบ
(1) ผ๎ใู ช๎บรกิ ารตอ๎ งทําความตกลงกับธนาคารไว๎แลว๎
(2) เลอื กธนาคารทตี่ ๎องการสัง่ โอนเงนิ จากบญั ชีเงินฝากธนาคารเพ่อื ชําระภาษี
(3) ทาํ รายการโอนเงินตามข้ันตอนของธนาคาร
(4) เมือ่ ทํารายการโดยครบถ๎วนแลว๎ โปรแกรมจะแจง๎ หมายเลขอา๎ งอิง การยื่นแบบฯ และชาํ ระ

ภาษใี ห๎
(5) กรมสรรพากรจะสงํ ใบเสรจ็ รับเงนิ ทางไปรษณีย์ลงทะเบยี นตามท่ีอยูทํ ี่แสดงในแบบใหโ๎ ดยเรว็

1.2 การชาํ ระวธิ ีอน่ื
(1) เลือกบริการชําระภาษี
(2) ปอู นข๎อมลู หมายเลขประจําตวั ผ๎ูเสียภาษี รหสั ควบคุม และจาํ นวนภาษที ี่ตอ๎ งชําระท่ไี ด๎จาก

โปรแกรมการยื่นแบบฯ ผํานอินเทอร์เนต็
(3) หากข๎อมลู ตามข๎อ (2) ถูกตอ๎ งธนาคารจะโอนเงนิ จากบญั ชีเงินฝากของทํานเข๎าบัญชี

กรมสรรพากรเพ่ือชําระภาษี
(4) กรมสรรพากร จะสํงใบเสร็จรบั เงนิ ทางไปรษณีย์ลงทะเบยี นตามทอี่ ยูํทไี่ ด๎ลงทะเบยี นไว๎ในแบบ

ให๎โดยเรว็
หมายเหตุ กรณีชําระผํานเคร่ือง ATM ตอ๎ งเป็นเครอ่ื ง ATM ของธนาคารผู๎ออกบตั รเทําน้ัน

2. การชําระเงินทางไปรษณยี ์ Pay at Post ให๎นํารายการข๎อมูลท่ีได๎รับจากระบบไดแ๎ กํ เลขประจําตัวผ๎ู
เสียภาษีอากร รหัสควบคุม จํานวนเงนิ ภาษี ไปชําระเงนิ ภาษีอากรได๎ ณ ทที่ าํ การไปรษณีย์ท่ัวประเทศ (ยกเว๎น
ปณ. โสกเชอื ก จ.ร๎อยเอ็ด และ ปณ.ชมุ แสงสงคราม จ. พิษณุโลก) กรมสรรพากรจะสงํ ใบเสรจ็ รบั เงนิ ทาง
ไปรษณียล์ งทะเบียนตามท่ีอยูํที่ไดล๎ งทะเบียนไว๎ใหโ๎ ดยเรว็
เงอ่ื นไขการใชบ้ รกิ ารยน่ื แบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91

1. เปน็ บริการย่นื แบบ ภ.ง.ด.91 สําหรับผมู๎ เี งนิ ได๎จากการจา๎ งแรงงานประเภทเดยี วเปน็ บรกิ ารยน่ื แบบ
ภ.ง.ด.90 สาํ หรับผ๎ูมีเงินได๎กรณีท่วั ไป

2. เปน็ ผมู๎ ีเลขประจําตัวผู๎เสียภาษอี ากรและมเี ลขประจําตวั ประชาชน (กรณมี ีสญั ชาติไทย)
3. เป็นแบบฯ ที่ไมํไดข๎ อคืนภาษี
4. เปน็ การยนื่ แบบฯ และชาํ ระภาษตี ลอด 24 ชม.ของทุกวันเว๎นแตวํ นั ที่ 31 มนี าคม 2546 จะปดิ การ
ใหบ๎ ริการเวลา 22.00 น.
5. เป็นการยน่ื แบบฯ ภายในกําหนดเวลาและชําระภาษที ้งั จํานวนในคราวเดยี วเทําน้ัน

71

6. กรณีชาํ ระผําน ATM ตอ๎ งเป็นเครื่อง ATM ของธนาคารผอ๎ู อกบตั รกัน
7. กรณชี ําระภาษีผําน e-payment จะต๎องทําความตกลงกับธนาคารกํอน
หมายเหตุ หากมิไดช๎ าํ ระภาษีภายในกําหนดเวลาจะถือวาํ ทํานยงั มไิ ดย๎ นื่ แบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 สําหรบั ปี

ภาษี 2545 ทํานยังคงมหี น๎าที่ไปยนื่ แบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 และชาํ ระภาษี ณ สาํ นักงานสรรพากรเขต หรือ
สาํ นักงานสรรพากรอาํ เภอ

ตวั อย่าง นายปรีดา สมรสกบั นางดาว ซ่ึงไมํมีเงนิ ไดแ๎ ละมีบุตร 1 คน กํา ลังศึกษาอยูํ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 มี

เงนิ เดือนเดือนละ 40,000 บาท ปลายปีไดร๎ ับโบนสั อีก 2 เทํา ของเงินเดือน และยังได๎รบั คํานายหน๎าอีก

40,000 บาท จงคาํ นวณภาษเี งินได๎

การคาํ นวณ

1 เงินเดือนท้ังปีของนายปรีดา (40,000 x 12) 480,000

2 บวก โบนัส (40,000 x 2) 80,000

3 บวก คาํ นายหนา๎ 40,000

4 รวมเงินไดพ๎ ึงประเมนิ 600,000

5 หกั คําใช๎จาํ ย 50% ไมเํ กนิ 100,000 100,000

6 เงินไดห๎ ลงั หักคาํ ใช๎จาํ ย 500,000

7 หัก คําลดหยอํ น นายปรีดา 60,000

นางดาว 60,000

บุตร 1 คน 30,000 150,000

8 เงินไดส๎ ุทธิ 350,000

9 ภาษีทต่ี ๎องชาํ ระ 12,500

72

แบบฝกึ หดั /คําถาม/ปญั หา
1. ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาคร่ึงปี เปน็ การยน่ื แบบแสดงรายการเงินไดเ๎ ฉพาะเงินได๎พึงประเมนิ ประเภทใด
2. ภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาสิ้นปี เปน็ การยนื่ แบบแสดงรายการเงินได้พงึ ประเมินท่ีไดร้ ับแลว้ ใน

ระหวา่ งปีภาษี โดยยนื่ ภายในเดือนใด
3. web site ของกรมสรรพากรคือ
4. ข้ันตอนการยนื่ แบบภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดามีอะไรบา๎ ง
5. เงอื่ นไขการใช๎บรกิ ารย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 มีอะไรบ๎าง

เฉลยคําตอบ

1. เงนิ ได๎พงึ ประเมินประเภทท่ี 5,6,7 หรอื 8 ท่ไี ดร๎ บั ต้ังแตเํ ดอื นมกราคมถงึ เดือนมถิ นุ ายน
2. มนี าคมของปีถัดไป
3. www.rd.go.th
4. 1) เขา๎ web site ของกรมสรรพากรท่ี www.rd.go.th

2) เลือกรายการบริการย่นื แบบผาํ นอนิ เทอรเ์ น็ต
3) เลอื กรายการบริการยนื่ แบบ ภ.ง.ด. 90 หรอื ภ.ง.ด. 91 แลว๎ แตํกรณี
4) ถา๎ เข๎าสํูการใช๎บริการครงั้ แรก ใหเ๎ ลือกรายการลงทะเบียนกํอน เมือ่ ไดล๎ งทะเบียนเรียบร๎อยแลว๎
ระบบจะแสดง หมายเลขผใ๎ู ช๎ และรหัสผํานบนหน๎าจอ
5) เข๎าระบบโดยบนั ทึก หมายเลขผ๎ใู ชแ๎ ละรหัสผําน
6) ปูอนรายการข๎อมลู ไดแ๎ กํ รายการเงนิ ได๎ คําลดหยํอน เงนิ ได๎ที่ไดร๎ บั ยกเว๎นภาษีหกั ณ ท่จี ําย
ฯลฯ แล๎ว คลกิ "ตกลง" เพื่อยืนยนั การย่ืนแบบฯ
7) เมือ่ ไดต๎ รวจสอบรายการข๎อมูลท่บี ันทึกและส่ังให๎ระบบ "คํานวณภาษแี ล๎ว"
5. 1) เปน็ บรกิ ารยน่ื แบบ ภ.ง.ด.91 สาํ หรบั ผมู๎ เี งนิ ได๎จากการจา๎ งแรงงานประเภทเดียวเปน็ บริการย่ืน
แบบ ภ.ง.ด.90 สําหรับผูม๎ เี งินได๎กรณีท่ัวไป
2) เปน็ ผ๎ูมีเลขประจําตวั ผเู๎ สยี ภาษีอากรและมีเลขประจําตวั ประชาชน (กรณีมีสญั ชาตไิ ทย)
3) เป็นแบบฯ ท่ีไมํได๎ขอคืนภาษี
4) เปน็ การย่นื แบบฯ และชําระภาษีตลอด 24 ชม.ของทกุ วนั เวน๎ แตวํ ันที่ 31 มีนาคม 2546 จะปดิ
การใหบ๎ ริการเวลา 22.00 น.
5) เป็นการยื่นแบบฯ ภายในกาํ หนดเวลาและชาํ ระภาษีทัง้ จํานวนในคราวเดยี วเทํานั้น
6) กรณีชําระผําน ATM ต๎องเปน็ เครื่อง ATM ของธนาคารผอ๎ู อกบตั รกัน
7) กรณีชาํ ระภาษีผาํ น e-payment จะต๎องทาํ ความตกลงกับธนาคารกํอน

เอกสารอา้ งอิง/เอกสารค้นควา้ เพมิ่ เติม
มนสั ชัย กรี ตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สาํ นกั พมิ พ์เอมพันธ์ จํากดั . 2563

73

พส.12

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ 2

รหัส 30201-2007 ช่อื วิชา การบญั ชีภาษีอากร

ชอ่ื หน่วย ภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดา

เรอ่ื ง ภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดา จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ชั่วโมง

จงเลือกคําตอบทีถ่ ูกต๎องทส่ี ดุ เพยี งข๎อเดียว
1. ขอ๎ ใดเปน็ เงินได๎พึงประเมินทตี่ อ๎ งเสียภาษปี ระเภทที่ 2

ก. เงนิ เดือน
ข. คําเชาํ บา๎ นทไ่ี ด๎รบั จากนายจา๎ ง
ค. คาํ ธรรมเนยี ม
ง. คําเบ้ยี เล้ียง
2. เงนิ ได๎พงึ ประเมินทตี่ ๎องเสียภาษปี ระเภทใดท่เี กิดจากการจ๎างแรงงาน
ก. เงนิ ได๎ประเภทที่ 1
ข. เงินไดป๎ ระเภทที่ 2
ค. เงินได๎ประเภทท่ี 3
ง. เงินได๎ประเภทที่ 4
3. ขอ๎ ใดเปน็ เงนิ ไดท๎ ่ีเกดิ จากหนา๎ ท่ีหรือตําแหนํงงานทท่ี ําหรือจากการรับทํางาน
ก. เงนิ เดือน
ข. เบ้ยี เลีย้ ง
ค. ดอกเบย้ี
ง. คํานายหนา๎
4. ข๎อใดเป็นเงนิ ไดพ๎ งึ ประเมนิ ทไ่ี ดร๎ ับการยกเว๎นภาษี
ก. ดอกเบี้ยเงินฝาก
ข. ดอกเบี้ยเงินก๎ู
ค. คําสอนในสถานศึกษาราชการ
ง. ถูกทุกข๎อ
5. ข๎อใดเป็นการหักคําใชจ๎ ํายของคําแหงํ ลิขสิทธิ์
ก. เหมาได๎รอ๎ ยละ 50 แตํไมเํ กนิ 100,000 บาท
ข. ไมํยอมให๎หกั คําใช๎จาํ ย
ค. ตามความจําเป็นและสมควร
ง. รอ๎ ยละ 30

74

6. ขอ๎ ใดเปน็ การหกั คําใชจ๎ ํายของเงนิ ได๎พึงประเมนิ ประเภทท่ี 4
ก. เหมาได๎ไมเํ กินร๎อยละ 40 แตไํ มํเกิน 60,000 บาท
ข. ไมยํ อมให๎หกั คาํ ใชจ๎ ําย
ค. ตามความจําเป็นและสมควร
ง. รอ๎ ยละ 30

7. ทด่ี นิ ทใี่ ช๎ในการเกษตรกรรม ในกรณีเจ๎าของเป็นผ๎ใู หเ๎ ชาํ ให๎หักคาํ ใช๎จํายตามข๎อใด
ก. รอ๎ ยละ 40
ข. ร๎อยละ 30
ค. รอ๎ ยละ 20
ง. ร๎อยละ 15

8. คาํ ลดหยอํ นของบตุ รที่กาํ ลงั ศกึ ษาอยูํในตาํ งประเทศหักได๎คนละเทาํ ใด
ก. 15,000 บาท
ข. 17,000 บาท
ค. 20,000 บาท
ง. 30,000 บาท

9. นาย ก. มเี งินเดอื นๆ ละ 20,000 บาท ในการคํานวณภาษีเงนิ ได๎ สามารถหกั คาํ ใชจ๎ าํ ยไดต๎ ามขอ๎ ใด
ก. 60,000 บาท
ข. 80,000 บาท
ค. 100,000 บาท
ง. 120,000 บาท

10. จากข๎อ 9. สามารถหักคาํ ลดหยํอนได๎จาํ นวนเทาํ ใด
ก. 60,000 บาท
ข. 40,000 บาท
ค. 48,000 บาท
ง. 30,000 บาท

75

พส.12

เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยท่ี 2

รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบญั ชภี าษีอากร

ชือ่ ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดา

เรื่อง ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดา จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ชั่วโมง

จงเลอื กคําตอบทถี่ ูกต๎องทส่ี ุดเพียงข๎อเดียว
1. ข๎อใดเป็นเงนิ ได๎พงึ ประเมินทต่ี อ๎ งเสียภาษีประเภทท่ี 2

ค. คาํ ธรรมเนยี ม
2. เงินไดพ๎ งึ ประเมินที่ตอ๎ งเสยี ภาษีประเภทใดท่เี กดิ จากการจ๎างแรงงาน

ก. เงินไดป๎ ระเภทท่ี 1
3. ขอ๎ ใดเปน็ เงินไดท๎ ี่เกดิ จากหนา๎ ทห่ี รอื ตําแหนํงงานท่ที ําหรือจากการรบั ทํางาน

ง. คาํ นายหนา๎
4. ขอ๎ ใดเปน็ เงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ ท่ีไดร๎ ับการยกเว๎นภาษี

ค. คาํ สอนในสถานศึกษาราชการ
5. ขอ๎ ใดเปน็ การหักคาํ ใช๎จาํ ยของคาํ แหงํ ลขิ สทิ ธ์ิ

ก. เหมาได๎ร๎อยละ 40 แตไํ มเํ กนิ 60,000 บาท
6. ขอ๎ ใดเปน็ การหกั คําใชจ๎ าํ ยของเงินได๎พงึ ประเมินประเภทที่ 4

ข. ไมยํ อมใหห๎ กั คําใชจ๎ ําย
7. ท่ีดินทใ่ี ช๎ในการเกษตรกรรม ในกรณีเจา๎ ของเปน็ ผใู๎ ห๎เชาํ ใหห๎ กั คาํ ใชจ๎ าํ ยตามข๎อใด

ค. รอ๎ ยละ 20
8. คาํ ลดหยํอนของบตุ รที่กาํ ลงั ศกึ ษาอยํูในตํางประเทศหักได๎คนละเทําใด

ก. 15,000 บาท
9. นาย ก. มีเงินเดอื นๆ ละ 20,000 บาท ในการคาํ นวณภาษเี งนิ ได๎ สามารถหักคําใชจ๎ ํายไดต๎ ามขอ๎ ใด

ก. 60,000 บาท
10. จากขอ๎ 9. สามารถหักคาํ ลดหยํอนไดจ๎ ํานวนเทาํ ใด

ง. 30,000 บาท

76

พส.12

แบบทดสอบทกั ษะหนว่ ยท่ี 2

รหัส 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบัญชีภาษีอากร

ชอื่ หน่วย ภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดา

เรื่อง ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ชั่วโมง

ขอ๎ 1 จงคาํ นวณภาษี เงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาของนายป่ิน ซึ่งมีภริยาและบุตรกําลังศึกษาอยํู 2 คนโดยภริยา
ไมํมีรายได๎ นายปิ่นทํางานในบริษัทแหํงหนึ่งได๎รับเงินเดือนๆ ละ 40,000 บาท เน่ืองจากมีรายได๎น๎อยทาง
บริษัทจึงไมํได๎หักภาษี ณ ที่จําย แตํต๎องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเองตามกฎหมาย จํายคําเบ้ียประกัน
ชีวิต 15,000 บาท

เฉลยแบบทดสอบทกั ษะหน่วยที่ 2

รหสั 30201-2007 ชอ่ื วชิ า การบัญชีภาษอี ากร

ชอื่ หน่วย ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดา

เรอ่ื ง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา จํานวนชวั่ โมงสอน 1 ชั่วโมง

วธิ ีทาํ

เงินเดอื น (40,000 x 12) 480,000.-

หัก คําใชจ๎ าํ ย 40% แตไํ มเํ กนิ 60,000 บาท 60,000.-

เงินไดห๎ ลงั หักคําใชจ๎ ําย 420,000.-

หัก คาํ ลดหยอํ น - นายปน่ิ 30,000.-

- ภรยิ า 30,000.-

- บตุ ร 2 คน 34,000.-

- คําเบี้ยประกนั ชีวิต 15,000.- 109,000.-

เงินได๎สทุ ธิ 311,000.-

การคํานวณภาษเี งนิ ได้

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 100,000 บาท เสียภาษี = ยกเวน๎

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 211,000 บาท เสยี ภาษี = 211,000 x 10% = 21,100.-

เงินได๎สทุ ธิ 311,000 บาท เสยี ภาษี = 21,100.-

77 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบัญชภี าษอี ากร

ชอื่ หน่วย ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา

เร่อื ง ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา จาํ นวนชัว่ โมงสอน 1 ชัว่ โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เคร่อื งมือ/วัสดุ-อปุ กรณ์
1. คํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาได๎ 1. อปุ กรณเ์ คร่ืองเขียน
2. ย่นื แบบแสดงรายการภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา 2. กระดาษ

ได๎
3. ปฏิบตั ิงานไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายใน

เวลาทีก่ ําหนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

4. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยํางมีเหตุผลและรับฟัง
ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอน่ื

5. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คุณลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ดใ๎ นเรือ่ งความมมี นุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวินัย ความรับผดิ ชอบ ความซื่อสัตย์
สจุ ริต ความเชอ่ื ม่ันในตนเอง การประหยดั ความสนใจ
ใฝรุ ู๎ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเวน๎ จากสิง่ เสพติดและอบายมุขท้ังปวง

78

ลําดบั ข้ันการทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั

ขัน้ ที่ 1 ให๎ผ๎เู รียนจดั กลํมุ เป็น 7 กลมุํ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ

โดยความสมคั รใจ ผเู๎ รยี นแตลํ ะกลมํุ เลือกหวั หนา๎ กลุมํ คิดเหน็

และเลขานุการกลุมํ 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรปุ ประเด็นให๎ถูกต๎อง

กจิ กรรมทคี่ รมู อบหมาย คอื คน๎ ควา๎ ตามหวั ข๎อที่

กําหนด ดงั นี้ มอบงาน

1. การคํานวณภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา 1. ใหน๎ ักเรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เรอ่ื ง

2. การย่ืนแบบแสดงรายการภาษเี งินไดบ๎ ุคคล ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา

ธรรมดา 2. นําข๎อมลู ที่ค๎นควา๎ ได๎นําเสนอหน๎าช้นั เรียน ครู

3. สถานท่ีย่นื แบบแสดงรายการ และนักเรยี นรวํ มกันเสนอแนะ

ขนั้ ที่ 2 ผ๎เู รียนแตํละกลุมํ รํวมกนั ค๎นควา๎ จากสื่อ

ตาํ งๆ พร๎อมเตรียมมาอภิปรายหนา๎ หน๎าช้ันเรียน โดย วัดผล/ประเมินผล

เลือกวิธกี ารนาํ เสนอตามความถนดั โดยใชเ๎ วลากลํมุ ละ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลํุม

ไมเํ กิน 10 นาที

ข้นั ที่ 3 ผู๎เรียนแตลํ ะกลุํมประเมนิ ตนเองและ

ประเมินผลกลมํุ อน่ื ๆ โดยใช๎แบบประเมินรายบุคคล

(แบบประเมินผลงาน)

ผส๎ู อนประเมินผลผ๎เู รียนทกุ กลํมุ โดยใชแ๎ บบ

ประเมนิ

ข้นั ที่ 4 สํงครูผ๎สู อนเพอื่ ประเมนิ ผล

79

พส.9

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 3
เวลารวม 4 ชวั่ โมง
รหสั 30201-2007 ช่อื วิชา การบญั ชีภาษอี ากร สัปดาห์ 5/18
ช่ือหน่วย ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ าํ ย
เร่ือง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ท่ีจําย จาํ นวน 4 ช่วั โมง

1. สาระสาํ คัญ
เงินได๎ท่ีกําหมายกําหนดให๎มีการหักภาษี ณ ที่จําย ซ่ึงเป็นเงินสดท่ีได๎รับจากธุรกิจการให๎บริการเป็น

เงนิ ได๎ที่ควบคมุ ยาก ถา๎ ผ๎รู บั และผจ๎ู ํายเงินสมยอมกันหลีกเล่ียงภาษี และเป็นการยากที่จะหาหลักฐานมาพิสูจน์
รายรบั นนั้ ภาษหี ัก ณ ทจ่ี าํ ยจึงเปน็ เครือ่ งมอื ทางการภาษี ที่จะควบคุมผู๎มีเงินได๎ทง้ั บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
โดยกาํ หนดใหผ๎ ูจ๎ ํายมีหนา๎ ท่หี ักภาษี ณ ท่ีจาํ ย แลว๎ นําสงํ กรมสรรพากร ภายใน 7 วนั

2. สมรรถนะประจาํ หน่วย
2.1 คํานวณภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดาหัก ณ ท่จี ํายได๎
2.2 นอ๎ มนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการปฏบิ ัตงิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกจิ นิสยั ทด่ี ีในการปฏบิ ตั ิงานด๎วยความซ่อื สตั ยแ์ ละรอบคอบได๎

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 แสดงความรูเ๎ ก่ียวกับการคํานวณภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ท่ีจาํ ย ตามมาตรา 50 ได๎
3.2 คาํ นวณภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จําย ตามมาตรา 50 ได๎
3.3 ปฏบิ ตั งิ านได๎อยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายในเวลาทก่ี าํ หนดอยํางมีเหตุผล และประหยัดตามหลัก

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3.4 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยํางมเี หตผุ ลและรบั ฟังความคิดเหน็ ของผูอ๎ นื่
3.5 มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย

สัมพันธ์ ความมีวนิ ยั ความรบั ผิดชอบ ความซื่อสัตย์สจุ ริต ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามคั คี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถงึ การละเว๎นจากส่ิงเสพตดิ และอบายมขุ ทั้งปวง

4. สาระการเรียนรู้
4.1 ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี าํ ย
4.2 การหกั ภาษี ณ ที่จําย ตามมาตรา 50

5. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ( เชํน เพือ่ นชํวยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจัดการเรยี นรู๎ โดยใชว๎ ิธีการ Active learning

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นําเข้าสบู่ ทเรยี น

80

6.1 ผูส๎ อนทบทวนความรเู๎ ดิมท่ีได๎ศึกษามาแล๎ว เก่ียวกับภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดา เพื่อให๎สมั พนั ธ์กับ
เน้ือหาสาระการเรียนร๎ูใหมํ และประเมนิ ผลโดยการถาม-ตอบ

6.2 แจ๎งผลการเรยี นร๎ทู คี่ าดหวัง
ขน้ั สอน
6.3 ผู๎สอนอภปิ รายหวั ข๎อตามสาระการเรยี นรู๎ และยกตวั อยาํ งของการหักภาษี ณ ทจี่ ําย และภาษี
เงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ท่ีจาํ ยตามมาตรา 50
6.4 มอบหมายใหผ๎ ู๎เรยี นศึกษาค๎นควา๎ ตามหัวข๎อสาระการเรียนร๎ูทุกคน
6.5 ให๎ผ๎เู รียนฝกึ ปฏบิ ตั ิการคํานวณภาษเี งนิ ไดห๎ ัก ณ ท่ีจําย และเสนอผลงานหนา๎ ช้ันเรียน และให๎
เพือ่ นๆ คนอ่นื แสดงความคิดเห็น
6.6 ผเ๎ู รยี นทําแบบประเมินผลการเรียนรท๎ู ๎ายหนํวยเรียน
ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์
6.7 ผสู๎ อนและผู๎เรียนสรปุ สาระสําคญั โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรวํ มกนั
6.8 ผู๎เรยี นทําแบบประเมินผลการเรียนรูท๎ ๎ายหนํวยเรยี น

การบูรณาการกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณ์สอดคล๎องกบั งาน ไดอ๎ ยํางถูกต๎องและใชว๎ สั ดุ

อุปกรณ์อยํางคุ๎มคาํ ประหยัด ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเู๎ รยี นจัดสรรเวลาในการปฏิบัตงิ านได๎อยํางเหมาะสม

2. ความมีเหตุผล
2.1 กล๎าแสดงความคิดเหน็ อยาํ งมีเหตุผล
2.2 ใชว๎ สั ดุถูกตอ๎ งและเหมาะสมกบั งาน

3. การมีภมู คิ ๎ุมกนั ในตัวท่ีดี
3.1 มีการเตรยี มความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ัตงิ าน
3.2 มีทกั ษะในการปฏบิ ัตงิ าน เข๎าใจอยาํ งถูกตอ๎ ง เพอื่ การปฏิบตั งิ านทีม่ ีประสิทธภิ าพ
3.3 ควบคุมกริ ยิ าอาการในสถานการณ์ตํางๆ ไดเ๎ ป็นอยํางดี

4. เงือ่ นไขความร๎ู
4.1 มคี วามร๎ูความเข๎าใจเกยี่ วกับภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ท่จี าํ ย
4.2 มคี วามร๎ู ความเข๎าใจเก่ยี วกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

5. เงื่อนไขคณุ ธรรม
5.1 ปฏิบัติงานท่มี อบหมายเสรจ็ ภายในกําหนดเวลา
5.2 มีความเพยี รพยายาม กระตอื รือร๎นในการเรียนและในขณะปฏบิ ัติงาน

7. บรรยากาศทส่ี ่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รียน
ผเู๎ รยี นมีความสนใจในการเรียน เน่อื งจากการสอนแบบ Active learning ทาํ ใหผ๎ ูเ๎ รียนมีความ

กระตือรอื ลน๎ และได๎แสดงความคดิ เหน็ แลกเปล่ยี นความร๎ู สงํ ผลใหเ๎ กดิ ผลการเรยี นรู๎ที่ดี

81

8. คุณธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซ่อื สตั ย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสัมพนั ธ์ที่ดี ความมวี นิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความซื่อสตั ย์สุจรติ ความเช่ือม่ันในตนเอง การ

ประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู ความสามคั คี ความกตัญญู ละเว๎นสงิ่ เสพตดิ /การพนนั ความคดิ ริเรมิ่ สร๎างสรรค์ การ
พึ่งตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกล้ัน ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา

9. สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนังสอื เรียน วิชาการบัญชภี าษอี ากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพนั ธ์
9.2 ใบความรู๎ เร่อื ง ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ที่จาํ ย
9.3 ใบงาน เร่อื ง ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ ําย
9.4 สื่อการสอน Power point เรือ่ ง ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี าํ ย
9.5 Internet

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล ( เชํน แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลังเรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น เร่ือง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จาํ ย
10.2 แบบทดสอบกํอนเรยี น เรอ่ื ง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ ําย
10.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่อื ง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ทจ่ี าํ ย

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เร่ือง ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ าํ ย
11.2 ใบงาน เรอ่ื ง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ าํ ย

12. เอกสารอา้ งอิง
มนัสชัย กีรติผจญ. การบัญชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สํานักพิมพ์เอมพันธ์ จํากดั . 2563

82 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)

83

พส.11

บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
รหัสวชิ า.....30201-2007.......ชื่อวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดบั ชนั้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวภิ าค.ึ .........................สปั ดาห์ท่ี.....5.....วนั ที่สอน..........................................................
หนวํ ยท.ี่ .....3......ช่ือหนํวย...........ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ท่ีจาํ ย...........................จํานวน........4........ชัว่ โมง
จาํ นวนผ๎เู รยี น........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรียน.............คน ลาปวุ ย............คน ลากจิ ..............คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงชอ่ื .......................................................ครูผส๎ู อน
(นางสาวนภาพร คงวิจติ ร)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอ่ื ...............................................หวั หน๎าแผนกวชิ า ลงช่อื ............................................รองผ๎ูอํานวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทพิ วรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเห็นผู๎อาํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชือ่ ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)

ผอู๎ าํ นวยการวทิ ยาลยั การอาชพี นครปฐม
............/................../............

84 พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชีภาษอี ากร

ช่อื หน่วย ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ที่จําย

เรือ่ ง ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ท่ีจาํ ย จาํ นวนชัว่ โมงสอน 1 ชั่วโมง
รายการเรียนรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. ภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ที่จาํ ย
2. การหักภาษี ณ ท่ีจําย ตามมาตรา 50
1. แสดงความรูเ๎ กยี่ วกับการคาํ นวณภาษเี งนิ ได๎
บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย ตามมาตรา 50 ได๎

2. คํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ท่ีจาํ ย
ตามมาตรา 50 ได๎

3. ปฏิบัตงิ านได๎อยํางถกู ต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลา
ท่กี าํ หนดอยาํ งมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง

4. กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอ่ืน

5. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คาํ นยิ ม และ
คุณลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ด๎ในเรอ่ื งความมมี นษุ ย
สัมพนั ธ์ ความมวี ินัย ความรบั ผิดชอบ ความซือ่ สตั ย์สจุ ริต
ความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝรุ ๎ู
ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนกั ถึงการ
ละเวน๎ จากสง่ิ เสพตดิ และอบายมุขทั้งปวง

85

เนื้อหาสาระ

ตัวอยา่ ง บรษิ ัท ไทยทาํ จาํ กัด ได๎รับนายประทีปซ่ึงเป็นคนโสด เข๎ามาเป็นพนกั งานใหมํ ในวันท่ี 1 มกราคม

25×1 โดยได๎รับเงนิ เดอื นเดือนละ 36,000 บาท และทาํ งานได๎ 5 เดอื นก็ลาออก คํานวณภาษหี ัก ณ ท่ีจาํ ย

ดงั น้ี

การคาํ นวณ

1 เงนิ เดือน (36,000 x 12) 432,000

2 หกั คาํ ใช๎จําย 50% ไมํเกนิ 100,000 100,000

3 เงนิ ไดห๎ ลงั หักคาํ ใชจ๎ ําย 332,000

4 หัก คําลดหยํอน 60,000

5 เงนิ ไดส๎ ทุ ธิ 272,000

6 ภาษีที่ตอ๎ งชําระ 6,100

7 คาํ นวณภาษีหัก ณ ท่ีจําย เทาํ กบั 6,100/12 508.33

บริษัทต๎องหกั ภาษี ณ ท่จี ําย เดอื นละ 508.33 บาท

8 คํานวณภาษี ดังน้ี

150,000 0% -

122,000 5% 6,100

6,100

สรุป บรษิ ทั ตอ๎ งหักภาษี ณ ท่ีจําย มกราคม-พฤศจกิ ายน เดือนละ 508 บาท

รวม 11 เดอื น เปน็ เงนิ (508 x 11) เทํากับ 5,588 บาท ไมคํ ิดทศนิยม

ภาษหี ัก ณ ทจี่ าํ ยทง้ั ปี เทํากับ 6,100 บาท

ภาษีหัก ณ ทีจ่ าํ ยของเดือนธันวาคม เทาํ กับ 512.00 บาท

86

แบบฝึกหดั /คาํ ถาม/ปญั หา
ขอ๎ 1 บริษัท เอ.ไอ.เอ จํากัด ได๎จาํ ยคาํ คอมมชิ ช่ันให๎นางสาวสุดา ซึ่งเปน็ ตัวแทนขายประกนั ชีวติ ดังนี้

เดือน มกราคม จาํ นวน 200,000 บาท
เดอื น มีนาคม จํานวน 250,000 บาท
เดือน เมษายน จํานวน 300,000 บาท
ใหท๎ ํา การคาํ นวณและบันทกึ บัญชกี ารหักภาษี ณ ท่ีจาํ ย ของนางสาวสุดา ในแตลํ ะเดอื น

เฉลยคําตอบ

เดอื นมกราคม

คํานายหน๎า-มกราคม 200,000.-

หัก คําใชจ๎ ําย 40% แตํไมํเกนิ 60,000 บาท 60,000.-

เงินได๎หลังหกั คาํ ใชจ๎ ําย 140,000.-

หกั คาํ ลดหยํอน - นางสาวสดุ า 30,000.-

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 110,000.-

การคํานวณภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ ําย ดงั นี้

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 100,000 บาท เสียภาษี = ยกเว๎น

เงินได๎สุทธิ 10,000 บาท เสยี ภาษี = 10,000 x 10% = 1,000.-

เงนิ ได๎สุทธิ 110,000 บาท เสียภาษี = 1,000.-

ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ทีจ่ ําย - เดือนมกราคม 1,000 บาท

เดือนมีนาคม

คาํ นายหน๎า-มกราคม 200,000.-

บวก คาํ นายหนา๎ -มีนาคม 250,000.-

รวมคํานายหน๎า 450,000.-

หัก คาํ ใชจ๎ ําย 40% แตไํ มเํ กิน 60,000 บาท 60,000.-

เงินได๎หลงั หักคําใชจ๎ าํ ย 390,000.-

หกั คําลดหยํอน - นางสาวสุดา 30,000.-

เงินได๎สุทธิ 360,000.-

การคํานวณภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ท่ีจําย ดงั น้ี

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 100,000 บาท เสยี ภาษี = ยกเว๎น

เงนิ ไดส๎ ทุ ธิ 260,000 บาท เสียภาษี = 260,000 x 10%= 26,000.-

เงินได๎สทุ ธิ 360,000 บาท เสียภาษี = 26,000.-

ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ทจี่ าํ ยท้งั ส้ิน 26,000.-

หัก ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี าํ ย-มกราคม 1,000.-

ดังนัน้ ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย-มีนาคม 25,000.-

87

เดอื นเมษายน

คํานายหน๎า-มกราคม 200,000.-

บวก คาํ นายหน๎า-มนี าคม 250,000.-

คํานายหนา๎ -เมษายน 300,000.-

รวมคาํ นายหนา๎ 750,000.-

หัก คําใช๎จาํ ย 40% แตไํ มํเกนิ 60,000 บาท 60,000.-

เงนิ ได๎หลังหกั คาํ ใชจ๎ าํ ย 690,000.-

หกั คําลดหยํอน - นางสาวสดุ า 30,000.-

เงนิ ไดส๎ ทุ ธิ 660,000.-

การคาํ นวณภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จําย ดังนี้

เงนิ ไดส๎ ุทธิ 100,000 บาท เสยี ภาษี = ยกเว๎น

เงินได๎สุทธิ 400,000 บาท เสียภาษี = 400,000 x 10%= 40,000.-

เงินได๎สุทธิ 160,000 บาท เสียภาษี = 160,000 x 20%= 32,000.-

เงินได๎สุทธิ 660,000 บาท เสยี ภาษี = 72,000.-

ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ท่ีจํายทัง้ สิน้ 72,000.-

หกั ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ที่จาํ ย - มกราคม 1,000.- 26,000.-
- มนี าคม 25,000.- 46,000.-

ดังน้ัน ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ทีจ่ าํ ย-เมษายน
สรปุ บริษทั ต๎องหักภาษเี งนิ ได๎ ณ ที่จําย ดงั นี้

มกราคม = 1,000 บาท
มนี าคม = 25,000 บาท
เมษายน = 46,000 บาท

เอกสารอา้ งอิง/เอกสารค้นคว้าเพ่มิ เติม
มนสั ชัย กีรติผจญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั สํานักพมิ พ์เอมพันธ์ จํากดั . 2563

88 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหสั 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษีอากร

ชื่อหน่วย ภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จําย

เรื่อง ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ท่ีจําย จํานวนชว่ั โมงสอน 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เครือ่ งมอื /วัสดุ-อุปกรณ์
1. แสดงความรู๎เกย่ี วกับการคาํ นวณภาษีเงนิ ได๎ 1. อุปกรณ์เครือ่ งเขียน
2. กระดาษ
บคุ คลธรรมดาหกั ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 50 ได๎
2. คํานวณภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ ําย

ตามมาตรา 50 ได๎
3. ปฏบิ ตั งิ านได๎อยาํ งถกู ตอ๎ ง และสําเรจ็ ภายใน

เวลาทกี่ ําหนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยดั ตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

4. กล๎าแสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตผุ ลและรับฟัง
ความคิดเห็นของผ๎ูอ่ืน

5. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คํานยิ ม และ
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ไดใ๎ นเรื่องความมมี นุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวินัย ความรบั ผดิ ชอบ ความซอื่ สัตย์
สจุ ริต ความเชอ่ื มั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝรุ ๎ู ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนัก
ถึงการละเว๎นจากสงิ่ เสพติดและอบายมขุ ท้งั ปวง

89

ลําดับข้นั การทาํ งาน ข้อควรระวัง

ขน้ั ท่ี 1 ให๎ผู๎เรียนจัดกลมํุ เป็น 7 กลุํมๆ ละ 4-5 1. ควรเปดิ โอกาสให๎สมาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ

คน โดยความสมัครใจ ผเ๎ู รียนแตลํ ะกลมํุ เลือกหัวหนา๎ คิดเหน็

กลุํมและเลขานกุ ารกลํมุ 2. รวํ มกันพิจารณาและสรุปประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง

กจิ กรรมทค่ี รมู อบหมาย คือ คน๎ ควา๎ ตามหัวข๎อที่

กําหนด ดังน้ี มอบงาน

1. ภาษเี งนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ที่จาํ ย 1. ให๎นกั เรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเตมิ จาก Internet เร่ือง

2. การหักภาษี ณ ทจี่ าํ ย ตามมาตรา 50 ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จําย

ขนั้ ที่ 2 ผ๎ูเรยี นแตํละกลํุมรํวมกันค๎นคว๎าจากส่อื 2. นาํ ข๎อมลู ที่ค๎นคว๎าได๎นําเสนอหน๎าชั้นเรียน ครู

ตาํ งๆ พร๎อมเตรียมมาอภิปรายหนา๎ หน๎าชนั้ เรยี น โดย และนกั เรยี นรํวมกนั เสนอแนะ

เลือกวธิ ีการนาํ เสนอตามความถนัด โดยใช๎เวลากลมํุ ละ

ไมเํ กิน 10 นาที วัดผล/ประเมนิ ผล

ขน้ั ท่ี 3 ผเู๎ รยี นแตลํ ะกลํุมประเมินตนเองและ แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลมํุ

ประเมินผลกลมุํ อืน่ ๆ โดยใช๎แบบประเมินรายบุคคล

(แบบประเมนิ ผลงาน)

ผู๎สอนประเมนิ ผลผเ๎ู รยี นทกุ กลมํุ โดยใช๎แบบ

ประเมนิ

ขนั้ ที่ 4 สงํ ครูผ๎สู อนเพือ่ ประเมินผล

90

พส.9

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 3
เวลารวม 4 ชวั่ โมง
รหัส 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบัญชีภาษีอากร สปั ดาห์ 6/18
ชอื่ หน่วย ภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จําย
เรอ่ื ง ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ท่ีจําย จํานวน 4 ช่วั โมง

1. สาระสําคญั
เงินได๎ท่ีกําหมายกําหนดให๎มีการหักภาษี ณ ที่จําย ซึ่งเป็นเงินสดที่ได๎รับจากธุรกิจการให๎บริการเป็น

เงนิ ได๎ที่ควบคุมยาก ถา๎ ผูร๎ ับและผจู๎ ํายเงินสมยอมกันหลีกเลี่ยงภาษี และเป็นการยากท่ีจะหาหลักฐานมาพิสูจน์
รายรบั น้ัน ภาษหี กั ณ ทีจ่ าํ ยจึงเป็นเคร่อื งมอื ทางการภาษี ท่ีจะควบคุมผูม๎ ีเงินได๎ท้งั บคุ คลธรรมดาและนิติบุคคล
โดยกาํ หนดใหผ๎ ๎ูจํายมหี น๎าทีห่ ักภาษี ณ ทีจ่ าํ ย แล๎วนาํ สํงกรมสรรพากร ภายใน 7 วนั

2. สมรรถนะประจําหน่วย
2.1 คํานวณภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ าํ ยได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใชใ๎ นการปฏิบตั งิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ยั ทดี่ ใี นการปฏบิ ตั งิ านดว๎ ยความซ่ือสัตยแ์ ละรอบคอบได๎

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 แสดงความรู๎เกย่ี วกบั การคํานวณภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย ตามมาตรา 50 ได๎
3.2 คํานวณภาษีเงินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 50 ได๎
3.3 ปฏบิ ตั งิ านไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายในเวลาท่กี ําหนดอยํางมเี หตุผล และประหยดั ตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3.4 กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟังความคดิ เห็นของผอ๎ู นื่
3.5 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย

สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรบั ผิดชอบ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ความเช่ือม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนักถึงการละเว๎นจากสิ่งเสพตดิ และอบายมุขทั้งปวง

4. สาระการเรียนรู้
4.1 การหกั ภาษี ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 50
4.2 การกาํ หนดมาตรฐานการบญั ชี
4.3 การประกอบวชิ าชีพดา๎ นการทําบญั ชี

5. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ( เชํน เพื่อนชวํ ยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใช๎วธิ กี าร Active learning

91

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ข้นั นาํ เขา้ สู่บทเรียน
6.1 ผสู๎ อนทบทวนความร๎ูเดิมที่ได๎ศึกษามาแลว๎ เก่ียวกับภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดา เพ่ือใหส๎ ัมพันธก์ ับ
เน้ือหาสาระการเรียนรู๎ใหมํ และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจง๎ ผลการเรียนรทู๎ ีค่ าดหวงั
ข้นั สอน
6.3 ผ๎สู อนอภปิ รายหัวขอ๎ ตามสาระการเรียนรู๎ และยกตัวอยํางของการหกั ภาษี ณ ทจี่ ําย
6.4 มอบหมายให๎ผ๎ูเรียนศกึ ษาคน๎ ควา๎ ตามหัวข๎อสาระการเรียนรทู๎ กุ คน
6.5 ให๎ผ๎ูเรยี นฝึกปฏิบตั ิคํานวณภาษเี งินไดห๎ ัก ณ ท่ีจําย ตามมาตรา 50 และนาํ เสนอผลงานหน๎าช้ัน
เรยี น และให๎เพื่อนๆ คนอืน่ แสดงความคดิ เห็น
6.6 ผเู๎ รยี นทาํ แบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ูท๎ายหนํวยเรียน
ข้นั สรุปและการประยุกต์
6.7 ผส๎ู อนและผู๎เรียนสรปุ สาระสาํ คัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรํวมกนั
6.8 ผู๎เรียนทาํ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ท๎ายหนํวยเรยี น

การบรู ณาการกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวสั ดุ อปุ กรณส์ อดคล๎องกบั งาน ได๎อยํางถูกต๎องและใชว๎ ัสดุ

อุปกรณ์อยาํ งคม๎ุ คาํ ประหยัด ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเ๎ู รียนจดั สรรเวลาในการปฏบิ ตั งิ านไดอ๎ ยํางเหมาะสม

2. ความมเี หตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยาํ งมีเหตผุ ล
2.2 ใชว๎ สั ดุถูกตอ๎ งและเหมาะสมกับงาน

3. การมีภูมิคุม๎ กนั ในตัวทดี่ ี
3.1 มกี ารเตรยี มความพร๎อมในการเรยี นและการปฏิบตั ิงาน
3.2 มที ักษะในการปฏิบัตงิ าน เข๎าใจอยํางถกู ต๎อง เพ่อื การปฏบิ ตั งิ านท่มี ีประสทิ ธภิ าพ
3.3 ควบคมุ กริ ิยาอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ไดเ๎ ป็นอยํางดี

4. เงื่อนไขความรู๎
4.1 มีความรูค๎ วามเข๎าใจเก่ียวกบั ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ท่จี าํ ย
4.2 มีความร๎ู ความเขา๎ ใจเก่ยี วกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

5. เง่ือนไขคณุ ธรรม
5.1 ปฏิบตั งิ านท่มี อบหมายเสรจ็ ภายในกาํ หนดเวลา
5.2 มคี วามเพยี รพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรยี นและในขณะปฏิบตั ิงาน

92

7. บรรยากาศที่ส่งเสริมและพฒั นาผเู้ รียน
ผเู๎ รียนมคี วามสนใจในการเรยี น เนื่องจากการสอนแบบ Active learning ทําใหผ๎ เู๎ รียนมีความ

กระตือรอื ลน๎ และได๎แสดงความคิดเหน็ แลกเปลี่ยนความรู๎ สํงผลให๎เกดิ ผลการเรียนรูท๎ ่ีดี

8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจําหน่วย ( เชนํ ความรับผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซื่อสตั ย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสมั พันธ์ท่ีดี ความมวี นิ ัย ความรับผิดชอบ ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ความเช่ือมัน่ ในตนเอง การ

ประหยัด ความสนใจใฝรุ ๎ู ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ สงิ่ เสพตดิ /การพนัน ความคิดรเิ ริม่ สร๎างสรรค์ การ
พ่งึ ตนเอง ความปลอดภัย ความอดทนอดกล้ัน ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา

9. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนังสือเรยี น วิชาการบญั ชภี าษีอากร ของสาํ นักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความร๎ู เร่ือง ภาษเี งินไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ที่จําย
9.3 ใบงาน เรอื่ ง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ทีจ่ าํ ย
9.4 สอื่ การสอน Power point เรอ่ื ง ภาษเี งนิ ได๎บคุ คลธรรมดาหัก ณ ทจ่ี ําย
9.5 Internet

10. การวัดผลและประเมินผล ( เชนํ แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลังเรยี น )
10.1 แบบทดสอบท๎ายบทเรียน เร่ือง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เรือ่ ง ภาษเี งนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาหกั ณ ทจ่ี ําย
10.3 แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จาํ ย

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เรอื่ ง ภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทจี่ าํ ย
11.2 ใบงาน เร่ือง ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จําย

12. เอกสารอา้ งอิง
มนสั ชยั กรี ตผิ จญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรงุ เทพฯ : บริษทั สํานกั พิมพ์เอมพนั ธ์ จํากัด. 2563

93 พส.10

เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน

1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวิเคราะหเ์ ลือกได้ว่าควรจดั ทาอย่างไรใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจัดทาอยา่ งประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิง่ แวดลอ้ มในการปฏบิ ัตงิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นรู๎

รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)

94

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา.....30201-2007.......ช่ือวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดบั ชัน้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ .........................สปั ดาห์ท.ี่ ...6.....วนั ท่สี อน..........................................................
หนํวยที่......3......ชือ่ หนํวย...........ภาษีเงนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดาหัก ณ ทีจ่ าํ ย...........................จํานวน........4........ชวั่ โมง
จํานวนผู๎เรยี น........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรยี น.............คน ลาปุวย............คน ลากิจ..............คน

1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………

ลงช่อื .......................................................ครผู ส๎ู อน
(นางสาวนภาพร คงวิจติ ร)
........../................/............

ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชือ่ ...............................................หวั หน๎าแผนกวิชา ลงช่อื ............................................รองผอ๎ู ํานวยการฝุายวชิ าการ
(นางทพิ วรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนศิ ากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเหน็ ผ๎ูอํานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)

ผอ๎ู าํ นวยการวทิ ยาลยั การอาชพี นครปฐม
............/................../............

95

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัส 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชภี าษีอากร

ชื่อหน่วย ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ทจี่ าํ ย

เรอ่ื ง ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทจี่ าํ ย จาํ นวนช่วั โมงสอน 1 ช่ัวโมง
รายการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม การหกั ภาษี ณ ท่จี าํ ย ตามมาตรา 50

1. แสดงความรเู๎ ก่ยี วกับการคาํ นวณภาษเี งนิ ได๎
บุคคลธรรมดาหัก ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 50 ได๎

2. คํานวณภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ าํ ย
ตามมาตรา 50 ได๎

3. ปฏิบตั งิ านได๎อยํางถกู ตอ๎ ง และสําเรจ็ ภายในเวลา
ท่ีกําหนดอยํางมเี หตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

4. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมเี หตผุ ลและรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผู๎อ่ืน

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงคไ์ ด๎ในเรือ่ งความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวินัย ความรับผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
ความเชอื่ มัน่ ในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถงึ การ
ละเว๎นจากส่ิงเสพติดและอบายมุขท้งั ปวง

เนื้อหาสาระ
มาตรา 50 การคํานวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

มาตรา 50 ให๎บุคคล ห๎างหุ๎นสํวน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผ๎ูจํายเงินได๎พึงประเมินตาม
มาตรา 40 หักภาษีเงินได๎ไว๎ทุกคราวที่จํายเงินได๎พึงประเมินตามวิธีดังตํอไปนี้

คํานวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(1) และ (2)
(1) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให๎คูณเงินได๎พึงประเมินที่จํายด๎วย
จาํ นวนคราวท่ีจะต๎องจําย เพื่อให๎ได๎จาํ นวนเงินเสมือนหนึ่งวําได๎จํายท้ังปีแล๎วคาํ นวณภาษีตามเกณฑ์
ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีท้ังสิ้นเทําใดให๎หารด๎วยจาํ นวนคราวท่ีจะต๎องจําย ได๎ผลลัพธ์เป็นเงิน
เทําใดให๎หักเป็นเงินภาษีไว๎เทํานั้น
ถ๎าการหารด๎วยจํานวนคราวที่จะต๎องจํายตามความในวรรคกํอนไมํลงตัวเหลือเศษเทําใด ให๎

96

เพิ่มเงินเทําจํานวนที่เหลือเศษนั้นรวมเข๎ากับเงินภาษีที่จะต๎องหักไว๎คร้ังสุดท๎ายในปีน้ัน เพ่ือให๎
ยอดเงินภาษีท่ีหักรวมทั้งปีเทํากับจํานวนภาษีท่ีจะต๎องเสียทั้งปี

ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินท่ีนายจ๎างจํายให๎คร้ังเดียว
เพราะเหตุออกจากงานซึ่งได๎คาํ นวณจํายจากระยะเวลาที่ทาํ งานและได๎จํายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเง่ือนไขที่อธิบดีกาํ หนด ให๎คํานวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (5) เป็นเงินภาษีท้ังสิ้นเทําใดให๎
หักเป็นเงินภาษีไว๎เทํานั้น

ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) นอกจากที่ระบุไว๎ในวรรคสามที่จํายให๎แกํผู๎รับซึ่ง
มิได๎เป็นผ๎ูอยูํในประเทศไทย ให๎คํานวณหักในอัตราร๎อยละ 15.0 ของเงินได๎

คาํ นวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(3) และ (4)
(2) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) ให๎คํานวณหักตามอัตราภาษีเงินได๎
เว๎นแตํ

(ก) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) นอกจากที่ระบุไว๎ใน (ข) (ค)
(ง) และ (จ) ที่จํายให๎แกํผ๎ูรับซ่ึงมิได๎เป็นผ๎ูอยูํในประเทศไทยให๎คาํ นวณหักในอัตราร๎อยละ 15.0 ของ
เงินได๎

(ข) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินท่ีระบุในมาตรา 48 (3) (ก) และ (ค) ให๎คํานวณหักใน
อัตราร๎อยละ 15.0 ของเงินได๎

(ค) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินที่ระบุในมาตรา 48 (3) (ข) ให๎ถือวําผ๎ูออกต๋ัวเงิน ผู๎ออก
ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ หรือนิติบุคคลผ๎ูโอนตั๋วเงินหรือตราสารดังกลําว ให๎แกํผ๎ูมีหน๎าท่ีเสียภาษีเงิน
ได๎ตามสํวนน้ีเป็นผู๎จํายเงินได๎พึงประเมิน และให๎เรียกเก็บภาษีเงินได๎จากผู๎มีเงินได๎ในอัตราร๎อยละ
15.0 ของเงินได๎และให๎ถือวําภาษีท่ีเรียกเก็บนั้นเป็นภาษีที่หักไว๎

(ง) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ก) ที่มิได๎ระบุใน (ข) และ (ค) แหํง
มาตราน้ี ถ๎าผู๎จํายเงินได๎มิใชํเป็นนิติบุคคลและจํายให๎แกํผ๎ูรับซึ่งเป็นผู๎อยูํในประเทศไทยไมํต๎ องหัก
ภาษีตามมาตรานี้

(จ) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ข) ให๎คาํ นวณหักในอัตราร๎อยละ
10.0 ของเงินได๎

(ฉ) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ซ) และ (ฌ) ให๎คํานวณหักในอัตรา
ร๎อยละ 15.0 ของเงินได๎

คํานวณภาษีหัก ณ ท่ีจ่ายเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(5) และ (6)
(3) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) และ (6) ที่จํายให๎แกํผู๎รับซ่ึงมิได๎เป็นผู๎อยูํใน
ประเทศไทยให๎คาํ นวณหักในอัตราร๎อยละ 15.0 ของเงินได๎
คาํ นวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินท่ีจ่ายโดยรัฐบาล
(4) นอกจากกรณีตาม (5) ในกรณีผู๎จํายเงินตามมาตราน้ีเป็นรัฐบาล องค์การของรัฐบาล
เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการสํวนท๎องถ่ินอ่ืน ซึ่งจํายเงินได๎พึงประเมินตาม
มาตรา 40 (5) (6) (7) หรือ (8) แตํไมํรวมถึงการจํายคําซื้อพืชผลทางการเกษตรให๎กับผู๎รับรายหน่ึง
ๆ มีจาํ นวนรวมท้ังสิ้นตั้งแตํ 10,000 บาทข้ึนไป แม๎การจํายน้ันจะได๎แบํงจํายครั้งหน่ึง ๆ ไมํถึง

97

10,000 บาทก็ดี ให๎คํานวณหักในอัตราร๎อยละ 1 ของยอดเงินได๎พึงประเมินแตํเฉพาะเงินได๎ในการ
ประกวดหรือแขํงขันให๎คาํ นวณหักตามอัตราภาษีเงินได๎

คาํ นวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์
(5) ในกรณีเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) เฉพาะท่ีจํายให๎แกํผ๎ูรับซ่ึงขาย
อสังหาริมทรัพย์ ให๎คาํ นวณหักดังตํอไปน้ี

(ก) สาํ หรับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได๎รับจากการให๎โดย
เสนํหา ให๎คํานวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (4) (ก) เป็นเงินภาษีทั้งส้ินเทําใด ให๎หักเป็นเงินภาษี
ไว๎เทํานั้น

(ข) สาํ หรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได๎มาโดยทางอ่ืนนอกจาก (ก) ให๎หักคําใช๎จํายเป็นการ
เหมาตามท่ีกําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แล๎วคํานวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (4) (ข) เป็นเงิน
ภาษีท้ังสิ้นเทําใด ให๎หักเป็นเงินภาษีไว๎เทําน้ัน

คาํ นวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินจากการโอนอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน
(6) ในกรณีการโอนกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไมํมีคําตอบแทนให๎
ถือวําผ๎ูโอนเป็นผ๎ูจํายเงินได๎ โดยให๎ผ๎ูโอนหักภาษีตามเกณฑ์ใน (5) เว๎นแตํกรณีการโอนให๎แกํบุตร
ชอบด๎วยกฎหมายซ่ึงไมํรวมถึงบุตรบุญธรรม ให๎ผ๎ูโอนหักภาษีไว๎ร๎อยละ 5 ของเงินได๎เฉพาะในสํวนท่ี
เกินย่ีสิบล๎านบาท
ตัวอย่าง บริษทั ไทยทำ จำกดั สำมำรถบนั ทึกบญั ชีได้ ดงั น้ี

แบบฝกึ หดั /คาํ ถาม/ปัญหา
1. บริษัท สามร๎อยยอด จํากัด ได๎ดาํ เนนิ กิจการมาครบระยะเวลาส้นิ สุดบัญชี จงึ ไดว๎ ําจา๎ งนายยอดชาย
มาตรวจสอบบญั ชีเพื่อใหง๎ บการเงนิ ถูกต๎องสมบูรณ์ ตามหลักการบัญชีภาษีอากร และจํายเงนิ คาํ สอบ
บัญชีไปทัง้ สิ้น จํานวน 100,000 บาท

98

เฉลยคาํ ตอบ 100,000.-
1. การคาํ นวณ 3,000.-
คําสอบบญั ชี-นายยอดชาย (มาตรา 40(6)) 97,000.-
หัก ภาษเี งนิ ไดห๎ ัก ณ ทีจ่ าํ ย (100,000 x 3%)
คงเหลอื เงนิ คาํ สอบบัญชี
ดงั นนั้ บริษัทต๎องหักภาษีเงนิ ได๎ ณ ท่จี าํ ย 3,000 บาท

การบนั ทึกบัญชีเปน็ ดังน้ี

สมุดรายวันทว่ั ไป หน๎า 1
เครดติ
พ.ศ. 25… รายการ เลขที่ เดบิต บาท ส.ต.
เดอื น วนั ท่ี บญั ชี บาท ส.ต.
00,000 - 97,000 -
ม.ค. 31 คําสอบบญั ชี-นายยอดชาย 3,000 -

เงนิ สด

ภาษเี งนิ ไดห๎ ัก ณ ท่ีจําย

จาํ ยคาํ สอบบญั ชีใหน๎ ายยอดชาย

ก.พ. 7 ภาษเี งนิ ได๎หัก ณ ท่จี าํ ย 3,000 -

เงินสด 3,000 -

นําภาษีหัก ณ ท่ีจาํ ย สํงกรมสรรพากร

เอกสารอา้ งอิง/เอกสารค้นควา้ เพิม่ เตมิ
มนสั ชยั กีรติผจญ. การบัญชีภาษีอากร. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั สํานกั พมิ พเ์ อมพันธ์ จาํ กดั . 2563

99 พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษีอากร

ชื่อหน่วย ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จําย

เรื่อง ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จาํ ย จํานวนชว่ั โมงสอน 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เครือ่ งมอื /วัสดุ-อุปกรณ์
1. แสดงความรเู๎ กยี่ วกบั การคาํ นวณภาษเี งินได๎ 1. อุปกรณ์เครือ่ งเขียน
2. กระดาษ
บคุ คลธรรมดาหกั ณ ทีจ่ าํ ย ตามมาตรา 50 ได๎
2. คาํ นวณภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาหกั ณ ท่จี าํ ย

ตามมาตรา 50 ได๎
3. ปฏิบัตงิ านได๎อยาํ งถกู ตอ๎ ง และสาํ เร็จภายใน

เวลาท่ีกาํ หนดอยํางมเี หตุผล และประหยัดตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

4. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยํางมีเหตุผลและรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผู๎อืน่

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคไ์ ด๎ในเร่ืองความมมี นุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์
สุจริต ความเชือ่ มัน่ ในตนเอง การประหยดั ความสนใจ
ใฝุรู๎ ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเว๎นจากสง่ิ เสพติดและอบายมขุ ทง้ั ปวง

100

ลาํ ดบั ขนั้ การทํางาน ขอ้ ควรระวัง

ขน้ั ท่ี 1 ใหผ๎ เ๎ู รียนจัดกลุํมเปน็ 7 กลุมํ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปดิ โอกาสให๎สมาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ

โดยความสมคั รใจ ผเ๎ู รียนแตลํ ะกลุมํ เลือกหัวหน๎ากลํุม คดิ เหน็

และเลขานุการกลุํม 2. รวํ มกันพิจารณาและสรุปประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง

กิจกรรมที่ครูมอบหมาย คือ ค๎นคว๎าตามหัวข๎อที่

กําหนด ดังน้ี มอบงาน

1. การหกั ภาษี ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา 50 1. ให๎นกั เรยี นค๎นคว๎าเพ่ิมเตมิ จาก Internet เร่ือง

2. การกําหนดมาตรฐานการบัญชี ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาหกั ณ ที่จําย

3. การประกอบวิชาชพี ด๎านการทําบญั ชี 2. นาํ ข๎อมลู ที่ค๎นคว๎าได๎นําเสนอหน๎าชั้นเรียน ครู

และนกั เรยี นรํวมกนั เสนอแนะ

ข้ันท่ี 2 ผู๎เรียนแตลํ ะกลุมํ รวํ มกันค๎นคว๎าจากสือ่

ตาํ งๆ พร๎อมเตรียมมาอภิปรายหนา๎ หนา๎ ช้นั เรียน โดย วดั ผล/ประเมนิ ผล

เลอื กวธิ ีการนาํ เสนอตามความถนดั โดยใช๎เวลากลํุมละ แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา๎ รวํ มกิจกรรมกลมํุ

ไมํเกิน 10 นาที

ขัน้ ท่ี 3 ผเ๎ู รยี นแตํละกลํุมประเมินตนเองและ

ประเมนิ ผลกลํุมอน่ื ๆ โดยใช๎แบบประเมนิ รายบุคคล

(แบบประเมนิ ผลงาน)

ผูส๎ อนประเมนิ ผลผ๎ูเรียนทกุ กลุมํ โดยใช๎แบบ

ประเมิน

ขั้นท่ี 4 สงํ ครูผสู๎ อนเพ่ือประเมินผล


Click to View FlipBook Version