151
5. ร๎อยละ 0.3 ของจํานวนเงินยอดรายไดห๎ รือยอดขายทต่ี ๎องนาํ มารวมหรือคาํ นวณกําไรสทุ ธิ กํอนหกั รายจาํ ย
ใดในรอบระยะเวลาบัญชี
เอกสารอา้ งองิ /เอกสารคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ
มนสั ชัย กีรติผจญ. การบญั ชีภาษอี ากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สํานกั พิมพเ์ อมพันธ์ จํากัด. 2563
152 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัส 30201-2007 ชอื่ วชิ า การบญั ชภี าษีอากร
ชอ่ื หน่วย ภาษเี งินไดน๎ ิติบคุ คล
เรอ่ื ง ภาษีเงินไดน๎ ิตบิ คุ คล จาํ นวนชัว่ โมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรียนรู้
จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม เครื่องมือ/วสั ดุ-อุปกรณ์
1. แสดงความรู๎เก่ยี วกับเงื่อนไขการคํานวณกําไร 1. อุปกรณ์เครอ่ื งเขียน
2. กระดาษ
สุทธติ ามมาตรา 65 ทวิได๎
2. แสดงความรู๎เกยี่ วกับเงอื่ นไขการคาํ นวณกําไร
สุทธิตามมาตรา 65 ตรีได
3. คาํ นวณกาํ ไรสทุ ธิทางภาษีตามมาตรา 65 ทวิได๎
4. คํานวณกําไรสุทธิทางภาษตี ามมาตรา 65 ตรีได๎
5. ปฏิบัตงิ านไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเร็จภายใน
เวลาทีก่ าํ หนดอยาํ งมเี หตุผล และประหยดั ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
6. กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยํางมเี หตผุ ลและรบั ฟัง
ความคดิ เห็นของผ๎ูอน่ื
7. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ดใ๎ นเรือ่ งความมมี นษุ ย
สมั พันธ์ ความมวี นิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความซอ่ื สตั ย์
สุจริต ความเชือ่ ม่นั ในตนเอง การประหยดั ความสนใจ
ใฝุรู๎ ความรกั สามคั คี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนัก
ถงึ การละเวน๎ จากส่ิงเสพติดและอบายมขุ ท้ังปวง
153
ลําดบั ข้นั การทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั
ขน้ั ท่ี 1 ใหผ๎ เ๎ู รยี นจดั กลํุมเป็น 7 กลํมุ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสให๎สมาชิกทุกคนไดแ๎ สดงความ
โดยความสมคั รใจ ผเ๎ู รยี นแตลํ ะกลมุํ เลือกหัวหนา๎ กลุมํ คิดเห็น
และเลขานุการกลํุม 2. รํวมกันพิจารณาและสรุปประเด็นให๎ถูกต๎อง
กจิ กรรมที่ครมู อบหมาย คือ คน๎ ควา๎ ตามหวั ข๎อที่
กําหนด ดงั น้ี มอบงาน
1. เงือ่ นไขการคํานวณกําไรสทุ ธิตามมาตรา 65 ทวิ 1. ใหน๎ กั เรยี นค๎นคว๎าเพิ่มเติมจาก Internet เรื่อง
2. เงื่อนไขการคํานวณกําไรสทุ ธิตามมาตรา 65 ตรี ภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคล
ขั้นที่ 2 ผเ๎ู รียนแตลํ ะกลํุมรวํ มกันคน๎ ควา๎ จากส่ือ 2. นาํ ข๎อมลู ทคี่ น๎ คว๎าได๎นาํ เสนอหน๎าชัน้ เรยี น ครู
ตํางๆ พร๎อมเตรียมมาอภิปรายหน๎าหนา๎ ชัน้ เรยี น โดย และนักเรยี นรวํ มกันเสนอแนะ
เลอื กวธิ กี ารนําเสนอตามความถนดั โดยใช๎เวลากลมุํ ละ
ไมเํ กนิ 10 นาที วัดผล/ประเมินผล
ขั้นท่ี 3 ผู๎เรียนแตลํ ะกลุํมประเมินตนเองและ แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข๎ารวํ มกิจกรรมกลํมุ
ประเมนิ ผลกลุํมอืน่ ๆ โดยใชแ๎ บบประเมนิ รายบุคคล
(แบบประเมนิ ผลงาน)
ผส๎ู อนประเมินผลผู๎เรียนทกุ กลํุม โดยใชแ๎ บบ
ประเมิน
ข้ันที่ 4 สงํ ครผู ูส๎ อนเพ่อื ประเมนิ ผล
154
พส.9
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 4
เวลารวม 4 ชั่วโมง
รหสั 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบัญชภี าษีอากร สัปดาห์ 10/18
ชอ่ื หน่วย ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบุคคล
เรื่อง ภาษเี งินได๎นิติบุคคล จาํ นวน 4 ช่ัวโมง
1. สาระสาํ คญั
ภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคล หมายถงึ ภาษีอากรท่ีบญั ญตั ิไว๎ในประมวลรษั ฎากรท่จี ัดเกบ็ จากเงนิ ไดข๎ องบริษัท
หรอื หา๎ งห๎ุนสวํ นนิตบิ ุคคล และกฎหมายไดก๎ าํ หนดผม๎ู หี น๎าท่ีเสยี ภาษีและวิธีการเสียภาษตี ลอดจนเงอ่ื นไขตําง ๆ
ในการคํานวณภาษีเงินไดน๎ ิตบิ ุคคล เม่อื ครบรอบระยะเวลาบัญชีหนงึ่ ธรุ กิจจะต๎องคํานวณผลการดาํ เนนิ งานวาํ
มกี าํ ไรหรือขาดทุนจํานวนเทําใด โดยจัดทาํ เป็นงบการเงินคืองบกําไรขาดทุนและงบดลุ หากกิจการมกี ําไรสทุ ธิ
จาํ นวนเทําใด จะต๎องนําไปคาํ นวณภาษีเงินไดน๎ ติ ิบุคคลตามเงอ่ื นไขตํอไป
2. สมรรถนะประจําหน่วย
2.1 คาํ นวณภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคลได๎
2.2 น๎อมนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชใ๎ นการปฏบิ ตั ิงานได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนิสยั ทดี่ ใี นการปฏบิ ตั งิ านด๎วยความซือ่ สตั ย์และรอบคอบได๎
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 แสดงความรู๎เก่ียวกับเง่ือนไขการคํานวณภาษีเงินได๎นิติบุคคลคํานวณยอดรายได๎กํอนหักรายจําย
ได๎
3.2 แสดงความรู๎เก่ียวกับเงื่อนไขการคํานวณภาษีเงินได๎นิติบุคคลสําหรับเงินได๎จํายจากหรือใน
ประเทศได๎
3.3 แสดงความรู๎เกีย่ วกบั สถานที่ยืน่ แบบแสดงรายการภาษีได๎
3.4 คาํ นวณภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คลยอดรายไดก๎ ํอนหักรายจํายได๎
3.5 คาํ นวณภาษีเงนิ ได๎นติ บิ ุคคลสําหรับเงินไดจ๎ าํ ยจากหรอื ในประเทศได๎
3.6 คํานวณภาษเี งินได๎นิติบุคคลสาํ หรบั การจําหนํายกาํ ไรไปนอกประเทศได๎
3.7 ปฏบิ ตั งิ านไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสําเรจ็ ภายในเวลาที่กําหนดอยาํ งมเี หตผุ ล และประหยัดตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3.8 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมีเหตผุ ลและรบั ฟังความคิดเห็นของผู๎อ่ืน
3.9 มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความซ่ือสัตยส์ ุจริต ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถึงการละเวน๎ จากสง่ิ เสพติดและอบายมุขทั้งปวง
155
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คลคาํ นวณยอดรายได๎กอํ นหกั รายจาํ ย
4.2 ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คลสําหรบั เงินไดจ๎ าํ ยจากหรอื ในประเทศ
4.3 ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลสาํ หรบั การจาํ หนํายกาํ ไรไปนอกประเทศ
4.4 สถานทยี่ ื่นแบบแสดงรายการภาษี
5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ( เชนํ เพือ่ นชํวยเพ่ือน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจัดการเรียนรู๎ โดยใช๎วิธีการ Active learning
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนําเข้าสูบ่ ทเรียน
6.1 ผู๎สอนทบทวนความรูเ๎ ดิมทไ่ี ด๎ศึกษามาแลว๎ ในการคํานวณภาษเี งินได๎นิติบุคคล เพื่อให๎สมั พันธ์กับ
เนอื้ หาสาระการเรยี นร๎ูใหมํ ในเร่อื งการคาํ นวณภาษเี งินได๎นิตบิ คุ คลหกั และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรู๎ท่ีคาดหวัง
ขน้ั สอน
6.3 ผู๎สอนอภปิ รายหวั ข๎อตามสาระการเรยี นร๎ู และยกตวั อยาํ งการคํานวณภาษเี งินได๎นิตบิ คุ คล โดย
วิธอี ื่น คือ
6.4 ผม๎ู อบหมายให๎ผ๎ูเรียนศึกษาค๎นควา๎ ตามหวั ขอ๎ สาระการเรยี นร๎ูทกุ คน
6.5 ให๎ผู๎เรียนฝึกปฏิบตั คิ ํานวณภาษีเงินไดน๎ ติ บิ ุคคล และนําเสนอผลงานหน๎าชนั้ เรยี น และใหเ๎ พื่อนๆ
คนอื่นแสดงความคิดเห็น
6.6 ผเ๎ู รียนทาํ แบบประเมินผลการเรยี นรูท๎ ๎ายหนวํ ยเรยี น
ข้นั สรุปและการประยกุ ต์
6.7 ผู๎สอนและผเู๎ รยี นสรปุ สาระสําคัญ โดยการซักถาม และแสดงความคดิ เห็นรวํ มกนั
6.8 ผเ๎ู รียนทําแบบประเมินผลการเรยี นร๎ูท๎ายหนวํ ยเรียน
การบรู ณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกับงาน ได๎อยาํ งถกู ต๎องและใชว๎ สั ดุ
อปุ กรณ์อยํางคม๎ุ คาํ ประหยดั ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผู๎เรียนจัดสรรเวลาในการปฏิบัติงานไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม
2. ความมีเหตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคดิ เห็นอยํางมีเหตผุ ล
2.2 ใชว๎ ัสดุถูกต๎องและเหมาะสมกบั งาน
3. การมภี มู ิค๎ุมกันในตัวท่ีดี
3.1 มีการเตรยี มความพร๎อมในการเรียนและการปฏิบตั ิงาน
3.2 มีทักษะในการปฏิบตั ิงาน เข๎าใจอยาํ งถกู ตอ๎ ง เพ่อื การปฏบิ ัตงิ านที่มปี ระสทิ ธิภาพ
3.3 ควบคุมกริ ิยาอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ได๎เปน็ อยํางดี
156
4. เงื่อนไขความรู๎
4.1 มีความรคู๎ วามเขา๎ ใจเกยี่ วกบั ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคล
4.2 มีความรู๎ ความเขา๎ ใจเก่ยี วกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5. เงอ่ื นไขคุณธรรม
5.1 ปฏบิ ตั ิงานทมี่ อบหมายเสรจ็ ภายในกาํ หนดเวลา
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตือรือร๎นในการเรียนและในขณะปฏิบตั ิงาน
7. บรรยากาศที่ส่งเสรมิ และพฒั นาผู้เรยี น
ผ๎เู รียนมคี วามสนใจในการเรียน เน่อื งจากการสอนแบบ Active learning ทาํ ให๎ผ๎เู รียนมีความ
กระตือรือลน๎ และได๎แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลย่ี นความรู๎ สํงผลให๎เกดิ ผลการเรยี นรทู๎ ดี่ ี
8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจําหนว่ ย ( เชนํ ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซ่อื สัตย์ ฯลฯ )
ความมีมนุษยสมั พันธ์ท่ีดี ความมวี ินัย ความรบั ผดิ ชอบ ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ความเชื่อมนั่ ในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝรุ ๎ู ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ สง่ิ เสพติด/การพนัน ความคดิ รเิ ร่มิ สร๎างสรรค์ การ
พึง่ ตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกล้ัน ความมีคณุ ธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้
9.1 หนงั สือเรยี น วิชาการบัญชภี าษอี ากร ของสํานักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เรื่อง ภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคล
9.3 ใบงาน เรื่อง ภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคล
9.4 สอ่ื การสอน Power point เรอื่ ง ภาษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ ุคคล
9.5 Internet
10. การวดั ผลและประเมินผล ( เชนํ แบบทดสอบท๎ายบทเรียน , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลงั เรียน )
10.1 แบบทดสอบท๎ายบทเรยี น เรอ่ื ง ภาษีเงินได๎นติ ิบุคคล
10.2 แบบทดสอบกํอนเรยี น เร่ือง ภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคล
10.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรือ่ ง ภาษีเงินไดน๎ ติ บิ ุคคล
11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง ภาษเี งินได๎นิตบิ ุคคล
11.2 ใบงาน เร่ือง ภาษเี งินได๎นติ บิ ุคคล
12. เอกสารอ้างอิง
มนัสชัย กรี ติผจญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรุงเทพฯ : บริษทั สํานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ จาํ กัด. 2563
157 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
158
พส.11
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
รหัสวิชา.....30201-2007.......ช่ือวชิ า.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชนั้ ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สัปดาห์ท.ี่ ....10.....วนั ที่สอน..........................................................
หนวํ ยท.่ี .....4......ชื่อหนํวย...........ภาษเี งนิ ได๎นติ บิ คุ คล...........................................................จาํ นวน........4........ชั่วโมง
จํานวนผเู๎ รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรียน.............คน ลาปวุ ย............คน ลากจิ ..............คน
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงชอื่ .......................................................ครูผส๎ู อน
(นางสาวนภาพร คงวจิ ิตร)
........../................/............
ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชื่อ...............................................หัวหน๎าแผนกวชิ า ลงชอื่ ............................................รองผอ๎ู าํ นวยการฝุายวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเห็นผอู๎ ํานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงช่ือ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)
ผอู๎ าํ นวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............
159
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชีภาษีอากร
ชอ่ื หนว่ ย ภาษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคล
เรื่อง ภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คล จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ชั่วโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. แสดงความร๎ูเกย่ี วกับเงื่อนไขการคาํ นวณภาษีเงิน 1. ภาษีเงินไดน๎ ิตบิ คุ คลคํานวณยอดรายได๎
ได๎นติ บิ ุคคลคํานวณยอดรายได๎กํอนหักรายจํายได๎ กํอนหักรายจาํ ย
2. แสดงความรู๎เกี่ยวกบั เงอ่ื นไขการคาํ นวณภาษเี งนิ 2. ภาษีเงินได๎นิติบคุ คลสาํ หรับเงินได๎จาํ ย
ไดน๎ ติ บิ คุ คลสําหรบั เงนิ ไดจ๎ าํ ยจากหรอื ในประเทศได๎ จากหรือในประเทศ
3. แสดงความรู๎เก่ียวกบั สถานทีย่ ่นื แบบแสดง 3. ภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลสําหรับการจําหนาํ ย
รายการภาษไี ด๎ กําไรไปนอกประเทศ
4. คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบุคคลยอดรายได๎กํอนหัก 4. สถานทีย่ ื่นแบบแสดงรายการภาษี
รายจํายได๎
5. คาํ นวณภาษเี งนิ ไดน๎ ิติบุคคลสาํ หรบั เงินได๎จําย
จากหรือในประเทศได๎
6. คํานวณภาษเี งินได๎นติ ิบุคคลสําหรับการจาํ หนําย
กําไรไปนอกประเทศได๎
7. ปฏบิ ตั ิงานไดอ๎ ยํางถูกต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลา
ท่กี ําหนดอยาํ งมเี หตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
8. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตผุ ลและรับฟัง
ความคดิ เห็นของผ๎ูอนื่
9. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และ
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ด๎ในเร่ืองความมมี นุษย
สัมพนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความซอ่ื สตั ยส์ ุจริต
ความเชอื่ ม่นั ในตนเอง การประหยดั ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนกั ถงึ การ
ละเวน๎ จากสงิ่ เสพตดิ และอบายมขุ ทงั้ ปวง
160
เนือ้ หาสาระ
1. ภาษีเงินได๎นติ ิบุคคลคํานวณจากยอดรายได๎กํอนหักรายจาํ ย
1.1 ผู้มหี น้าทีเ่ สยี ภาษี ได๎แกํ กจิ การขนสงํ ระหวํางประเทศของบรษิ ัทหรือหา๎ งห๎ุนสํวนนิติบคุ คล
ตํางประเทศ และมลู นธิ ิหรือสมาคมท่ีประกอบกจิ การแล๎วมรี ายได๎
1.2 ฐานภาษี
(1) กรณกี จิ การขนสง่
(ก) กรณรี ับขนคนโดยสาร รายไดเ๎ กิดจากคาํ โดยสาร คาํ ธรรมเนียมและประโยชนอ์ ่ืนใดท่เี รยี ก
เกบ็ ใน ประเทศไทยกํอนหกั รายจาํ ยใดๆ เน่ืองในการรบั ขนคนโดยสารนั้น ใหค๎ ํานวณภาษอี ตั ราภาษีร๎อยละ 3
ฐานภาษีสาํ หรบั การใหบ๎ รกิ ารรบั ขนคนโดยสารซงึ่ ตอ๎ งนําไปรวมคํานวณเสยี ภาษเี งินได๎นิตบิ ุคคล
ให๎คาํ นวณ จากมลู คาํ ของคําโดยสารทีไ่ ด๎รับหรือพงึ ไดร๎ ับสาํ หรับระยะทางจากต๎นทางถึงปลายทางตามทรี่ ะบุ
ในตั๋วโดยสาร รวมถึงคาํ ธรรมเนยี มและผลประโยชน์อนื่ ใดทเี่ รยี กเกบ็ จากคนโดยสารอันเนื่องมาจากการ
ใหบ๎ ริการรับขนคนโดยสาร ไมํวาํ บรษิ ทั หรือหา๎ งหน๎ุ สวํ นนิตบิ คุ คลนั้นจะให๎บริการรบั ขนเองทง้ั หมดหรอื ให๎
ผปู๎ ระกอบการอน่ื รับขนสํงชวํ งให๎
(ข) กรณรี ับขนของ รายได๎เกิดจากคําระวาง คาํ ธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเกบ็ ไมํ
วาํ ใน หรอื นอกประเทศกํอนหักรายจํายใดๆเนื่องในการรบั ขนของออกจากประเทศไทยนั้นให๎คํานวณภาษี
อัตรารอ๎ ยละ 3 ฐานภาษีสําหรบั การใหบ๎ ริการรับขนสินค๎าซ่ึงต๎องนําไปรวมคําวณเสียภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลให๎
คํานวณ จากมลู คาํ ของคาํ ระวางที่ได๎รบั หรือพึงได๎รับ สําหรับระยะทางจากตน๎ ทางถึงปลายทางตามทีร่ ะบุ ใน
แอรเ์ วย์บลิ ในกรณีรับขนสินคา๎ โดยอากาศยานหรือสาํ หรับระยะทางถงึ ปลายทางตามท่รี ะบใุ นบลิ ออฟเลดิงใน
กรณีรับขน สนิ คา๎ โดยเรือทะเล รวมถึงคาํ ธรรมเนยี มและประโยชน์อน่ื ใดท่ีเรยี กเก็บจากผ๎ูรบั บรกิ ารอันเน่ือง
มาจากการ ให๎บรกิ ารรับขนสนิ คา๎ ไมํวําสายการบนิ หรือสายการเดินเรือนนั้ จะใหบ๎ ริการรับขนเองท้งั หมด
หรอื ใหผ๎ปู ระกอบการอนื่ รบั ขนสํงชํวงให๎
(2) กรณมี ลู นธิ ิหรือสมาคม
มลู นิธิหรอื สมาคมใดมิได๎จดทะเบยี นการจัดต้งั ให๎ถูกต๎องตามกฎหมายก็จะมฐี านะเปน็ เพยี ง
คณะบุคคลซึ่ง อาจจะต๎องเสยี ภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา เชนํ บริษัทจัดตง้ั สโมสรสําหรบั พนกั งานเพื่อดาํ เนิน
กจิ กรรม สนั ทนาการสําหรับพนกั งาน หรือนักศกึ ษาจดั ตงั้ สโมสรหรือชมรมตาํ งๆ โดยไมํได๎ผูกพันกบั นิติบุคคล
ใดโดย เฉพาะ ยํอมมฐี านะเป็นห๎างหุน๎ สํวนหรือ คณะบุคคลทมี่ ใิ ชํนิตบิ คุ คลซ่ึงจะต๎องเสียภาษเี งินได๎อยาํ ง
บคุ คลธรรมดาแม๎วาํ จะไมมํ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือการค๎าหรอื เพื่อที่จะแบงํ ปันกาํ ไรกต็ าม
รายไดข๎ องมูลนิธิหรอื สมาคมท่ีต๎องเสียภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคลรายไดท๎ ่ีมลู นิธิหรอื สมาคมจะต๎อง
เสยี ภาษเี งนิ ได๎ จะรวมถึงรายไดท๎ ุกอยาํ งไมวํ ําจะได๎มาจากทางใดๆ เชนํ รายได๎จากการขายสินคา๎ และบริการ
ดอกเบ้ยี คาํ เชาํ เงนิ ปนั ผล ฯลฯ
รายไดข๎ องมูลนธิ ิหรอื สมาคมที่ไดร๎ ับการยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดต๎ ามมาตรา 65 ทวิ (13) ได๎แกํ
(1) คาํ ลงทะเบียนหรือคําบาํ รุงท่ไี ด๎รบั จากสมาชกิ
(2) เงนิ หรือทรัพย์สนิ ทไ่ี ด๎รับจากการรบั บรจิ าค
(3) เงินหรือทรัพย์สินทไ่ี ดร๎ บั จากการใหโ๎ ดยเสนํหา
161
นอกจากน้ี ยงั มีการยกเวน๎ ภาษเี งนิ ได๎ให๎แกํมลู นิธิหรอื สมาคม เฉพาะเงนิ ได๎จากกิจการ
โรงเรียน เอกชนซึง่ ได๎ ตั้งขึน้ ตามกฎหมายวําดว๎ ยโรงเรียนเอกชน แตํไมํรวมถึงเงินไดจ๎ ากการขายของการ
รับจ๎างทําของ หรอื การให๎บริการอืน่ ใดที่ โรงเรียนเอกชนซึ่งเปน็ โรงเรยี นประเภทอาชีวศกึ ษาไดร๎ ับจากผซ๎ู ่งึ มิใชํ
นักเรยี น (มาตรา 5 นว แหํงพระราชกฤษฎีกา(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500)
มูลนิธิและสมาคมต๎องเสียภาษเี งินไดน๎ ติ ิบุคคลในอัตรา ดังนี้
(1) เงินได๎ประเภทที่ 8 เงินได๎จากการธุรกิจ การพาณชิ ย์ การเกษตร การ
อุตสาหกรรม การขนสํง หรือ การอื่นๆ เสียร๎อยละ 2 ของรายได๎กํอนหักรายจําย
(2) เงนิ ได๎อื่น ๆ นอกจาก (ก) เสียร๎อยละ 10 ของรายได๎กํอนหักรายจํายการคาํ นวณ
ภาษีเงินได๎ของมลู นธิ ิ หรอื สมาคม จะต๎องคาํ นวณตามรอบระยะเวลาบญั ชดี ว๎ ย
1.3 การย่นื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษี
(1) กจิ การขนสํงระหวาํ งประเทศของบริษัทหรอื นิติบคุ คล ตาํ งประเทศจะต๎องย่ืนแบบแสดง
รายการและ ชาํ ระภาษีเงนิ ได๎นติ ิบคุ คลภายใน 150 วนั นับแตํวันสุดทา๎ ยของรอบระยะเวลาบญั ชี กิจการ
ขนสํงระหวํางประเทศนี้มิ ตอ๎ งยื่นเสียภาษคี รง่ึ รอบระยะเวลาบัญชีแตํอยาํ งใด แบบแสดงรายการทีใ่ ช๎ย่นื คือ
ภ.ง.ด.52 (ย่นื รอบระยะเวลาบญั ชี ละ 1 คร้ัง)
(2) มลู นิธแิ ละสมาคมท่ีประกอบกิจการมรี ายได๎ต๎องยื่นแบบ แสดงรายการและชาํ ระภาษีภายใน
150 วนั นับแตวํ นั สุดท๎ายของรอบระยะเวลาบัญชีแบบแสดงรายการที่ใชย๎ ่นื คอื ภ.ง.ด. 55 (ย่ืนรอบระยะเวลา
บัญชีละ 1 คร้งั ) ในการย่นื แบบแสดงรายการนัน้ มลู นธิ แิ ละสมาคมต๎องแสดงบัญชีรายได๎ กํอนหกั รายจํายใดๆ
ที่มผี สู๎ อบบญั ชี ตามมาตรา 3 ตรวจสอบและรบั รองในรอบระยะเวลาบัญชีดังกลาํ วด๎วย แตํไมํต๎องแนบงบดุล
แตํอยาํ งใด
2. ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลสาํ หรบั เงนิ ไดท๎ ี่จํายจากหรอื ในประเทศไทย
2.1 ผมู้ หี นา้ ท่ีเสียภาษี ไดแ๎ กํ บริษทั หรอื ห๎างหุน๎ สํวนนติ บิ ุคคลทตี่ งั้ ขนึ้ ตามกฎหมายของตํางประเทศที่
มิได๎ประกอบกจิ การในประเทศไทย และไดร๎ ับเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรอื (6) ทจี่ ํายจาก
หรือในประเทศไทย การเสยี ภาษกี รณีน้ีกฎหมายใหเ๎ สยี โดยวิธีหักภาษี คอื ผจู๎ ํายเงินได๎ดงั กลําวจะต๎องหกั ภาษี
จากเงินได๎พึงประเมินท่ีจาํ ยตามวธิ ีการและอตั ราดังหัวข๎อถัดไป ทง้ั น้ีไมวํ ําใครจะเป็นผูจ๎ าํ ยเงนิ ไดก๎ ็ตาม ภาษที ี่
หกั ไว๎ในกรณีนี้เปน็ ภาษีทเ่ี สยี เด็ดขาดจงึ เสรจ็ ส้นิ เปน็ รายครัง้ ไปถา๎ กรณีทเ่ี ปน็ การจาํ ยเงนิ ได๎ดังกลําวใหก๎ บั
บริษทั หรอื หา๎ งหุน๎ สํวนนติ ิบุคคลในตํางประเทศซ่งึ เปน็ สาขาของบริษัท หรอื ห๎างห๎นุ สวํ นนิติบคุ คลทีต่ ้งั ขน้ึ ตาม
กฎหมายไทย ผู๎จํายเงินได๎ไมํมีหน๎าทต่ี อ๎ งหักภาษตี ามฐานนีเ้ พราะผรู๎ บั เงนิ ได๎ไมํใชผํ ๎มู หี นา๎ ท่ีเสียภาษีฐานนแ้ี ตํ
อยาํ งใด
2.2 เงินได้ทต่ี ้องหักภาษี เงินไดข๎ องบริษัทหรือหา๎ งหุ๎นสวํ นนติ บิ คุ คลตาํ งประเทศ ซ่ึงผ๎จู ํายมีหน๎าที่ต๎อง
หกั ภาษี ไดแ๎ กํ เงินไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6)
(1) เงนิ ได๎พึงประเมนิ ตามมาตรา 40(2) ไดแ๎ กํ เงินไดเ๎ นื่องจากหน๎าทห่ี รือ ตําแหนงํ งานทีท่ ํา หรือ
จากการรบั ทาํ งานให๎ (คําธรรมเนยี มคํา้ ประกันเงนิ ก๎ูยมื ในทางปฏิบัตถิ ือเปน็ เงนิ ได๎พึงประเมิน ประเภทที่ 8)
(2) เงินไดพ๎ ึงประเมนิ ตามมาตรา 40(3) ได๎แกํ คําแหํงก๏ดู วลิ ล์ คาํ แหงํ ลขิ สิทธิ์ หรอื สทิ ธิอยาํ งอ่ืน
162
เงินปี หรอื เงินไดม๎ ีลักษณะเป็นเงนิ รายปอี นั ได๎มาจากพนิ ยั กรรม นติ กิ รรมอยํางอน่ื หรือคาํ พิพากษาของศาล
(3) เงนิ ไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา 40(4) ได๎แกเํ งินไดท๎ ี่เป็น
(ก) ดอกเบ้ียพนั ธบตั ร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบีย้ ห๎นุ กู๎ ดอกเบย้ี ตวั๋ เงนิ ดอกเบ้ยี เงินกยู๎ มื ไมํ
วาํ จะมีหลักประกันหรอื ไมํก็ตาม
กรณีได๎เงนิ ไดท๎ เี่ ปน็ ดอกเบยี้ จากรฐั บาล หรือสถาบนั การเงินท่มี ีกฎหมายโดยเฉพาะของ
ประเทศไทย จดั ตั้งข้ึนสําหรบั ใหก๎ ย๎ู ืมเพือ่ สํงเสรมิ เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรอื อุตสาหกรรม ไมตํ ๎องเสีย
ภาษฐี านนี้ (มาตรา 70 วรรค 2 )
(ข) เงินปนั ผล เงนิ สํวนแบํงของกําไรหรือประโยชนอ์ ่นื ใดที่ไดจ๎ ากบรษิ ัท หรือหา๎ งหนุ๎ สํวน
นติ บิ ุคคลหรอื กองทนุ รวม
(ค) เงินโบนัสท่ีจํายแกผํ ถู๎ ือหน๎ุ หรือผ๎เู ปน็ สวํ นในบรษิ ัท หรอื หา๎ งห๎ุนสวํ นนติ ิบคุ คล
(ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห๎างหนุ๎ สวํ นนติ ิบคุ คล เฉพาะสวํ นทจ่ี าํ ยไมํเกินกวาํ กาํ ไรและ
เงินทก่ี ันไวร๎ วมกนั
(จ) เงนิ เพิ่มทุนของบริษัทหรอื ห๎างหนุ๎ สํวนนิตบิ คุ คล ซ่งึ ตั้งกาํ ไรท่ไี ด๎มาหรอื เงนิ ท่ีกนั ไว๎
รวมกนั
(ฉ) ผลประโยชนท์ ่ไี ดจ๎ ากการทบ่ี ริษัทหรือห๎างหนุ๎ สวํ นนติ ิบุคคลควบเข๎ากนั หรือรบั ชวํ งกนั
หรือเลิกกนั ซ่ึงตรี าคาเป็นเงนิ ไดเ๎ กินกวําเงนิ ทนุ
(ช) ผลประโยชนท์ ไ่ี ดจ๎ ากการโอนการเป็นห๎นุ สํวน หรือโอนหน๎ุ หุ๎นก๎ู พันธบตั ร หรือ ตั๋วเงิน
หรือตราสารแสดงสิทธิในหน้ีท่บี รษิ ัทหรือห๎างหน๎ุ สํวนนิตบิ ุคคลหรอื บุคคลอนื่ เป็นผ๎อู อก ท้งั นเี้ ฉพาะ ซึ่งตรี าคา
เป็นเงนิ ได๎เกนิ กวาํ ท่ลี งทุน
(4) เงนิ ไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา 40(5) ไดแ๎ กํ เงนิ หรอื ประโยชนอ์ ยาํ งอ่ืนที่ได๎เนอ่ื งจากการให๎เชํา
ทรัพยส์ ิน
(5) เงินได๎พึงประเมนิ ตามมาตรา 40(6) ได๎แกํ เงนิ ได๎จากวชิ าชพี อสิ ระ คือวชิ ากฎหมาย การ
ประกอบ โรคศลิ ป วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม
2.3 วิธีการคาํ นวณหักภาษฐี านนี้ มีหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการแยกออก ตามประเภทของเงินได๎ ดงั นี้
(1) เงินไดพ๎ ึงประเมินมาตรา 40(2)(3)(4)(5) และ (6) นอกจากเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(
ข) ดังจะกลําวตํอไปใน (2) ให๎คํานวณหกั ภาษีในอตั ราร๎อยละ 15
(2) เงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ข) ใหค๎ ํานวณหกั ภาษใี นอตั รารอ๎ ยละ 10
การยื่นแบบแสดงรายการชําระภาษี การหกั ภาษีเงินไดน๎ ติ บิ ุคคล ณ ทจ่ี ํายสาํ หรบั บริษัทตํางประเทศ
ขา๎ งตน๎ ผจ๎ู ํายเงนิ ได๎จะต๎องหกั ภาษี ณ ท่ีจําย และยื่นแบบแสดงรายการและนําสงํ ภาษีภายใน 7 วนั นับแตํวนั
สิน้ เดือนของเดือนทจ่ี าํ ยเงินได๎พงึ ประเมนิ แบบแสดงรายการทย่ี นื่ ไดแ๎ กํ แบบ ภ.ง.ด.54 (ถ๎าไมํมี การสํงเงินได๎
ไปตํางประเทศก็ไมํต๎องย่นื )
163
3. ภาษีเงินไดน๎ ติ ิบคุ คลสาํ หรบั การจาํ หนาํ ยกําไรไปนอกประเทศ
3.1 ผู้มหี น้าท่ีเสยี ภาษีฐานน้ี ไดแ๎ กํ บรษิ ัทหรือห๎างหุ๎นสวํ นนติ ิบุคคลซ่ึงจาํ หนํายเงินกําไรหรือเงนิ
ประเภทอนื่ ใดทกี่ ันไว๎จากกําไรหรือทถี่ ือได๎วําเปน็ เงินกําไรออกไปจากประเทศไทยให๎เสียภาษเี งินไดโ๎ ดยหกั
ภาษีจากจํานวนเงินทีจ่ าํ หนําย
การจาํ หนาํ ยเงนิ กําไรนนั้ ใหห๎ มายความรวมถึง
(1) การจําหนํายเงนิ กาํ ไร หรือเงินประเภทอื่นใดท่กี ันไวจ๎ ากกาํ ไรหรือที่ถือได๎วาํ เปน็ เงนิ กาํ ไร จาก
บญั ชีกาํ ไรขาดทุนหรือบญั ชอี ่ืนใดไปชาํ ระหน้ี หรือหักกลบลบหน้หี รือไปตั้งเปน็ ยอดเจ๎าหน้ีในบัญชี ของบุคคล
ใด ๆ ในตํางประเทศ หรือ
(2) ในกรณีท่ีมิได๎ปรากฎข๎อเท็จจรงิ ดังกลาํ วใน (1) แตไํ ด๎มีการขออนุญาตซ้ือและโอนเงนิ ตรา
ตํางประเทศ ซ่ึงเปน็ กําไรหรือเงนิ ประเภทอ่ืนใดท่ีกนั ไว๎จากกาํ ไร หรอื ทถี่ ือไดว๎ าํ เปน็ เงินกําไรออกไป
ตํางประเทศ หรอื
(3) การปฏิบตั ิอยํางอนื่ อันกํอใหเ๎ กิดผลตาม (1) หรอื (2)
3.2 อัตราภาษแี ละการคํานวณภาษี วิธกี ารเสียภาษีการจําหนาํ ยเงนิ กําไรไปตาํ งประเทศนี้ ให๎เสียภาษี
โดยหกั จากจาํ นวนเงินที่จาํ หนํายในอตั ราร๎อยละ 10
3.3 การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี บริษัทหรอื หา๎ งห๎ุนสวํ นนิตบิ คุ คลที่จําหนํายเงินกําไรไป
ตํางประเทศ จะต๎องย่ืนแบบแสดงรายการและชําระภาษี ภายในเจด็ วันนบั แตํวันสิน้ เดอื นของเดือนท่ีจาํ หนําย
เงนิ กาํ ไร แบบแสดงรายการที่ใช๎ย่นื ได๎แกํ ภ.ง.ด. 54 (ยนื่ ทุกครงั้ ท่ีมีการจาํ หนาํ ยเงนิ กําไรออกไปจากประเทศ
ไทย ถ๎าเกบ็ กําไรไว๎ในประเทศไทยไมํต๎องเสียภาษีฐานนี้)
4. สถานท่ยี ่ืนแบบแสดงรายการภาษี
4.1 ในเขตกรงุ เทพมหานคร ให้ย่ืน ณ
(1) สํานกั งานสรรพากรพน้ื ทสี่ าขา (สรรพากรเขต/อําเภอ เดิม) ในท๎องที่ทสี่ ํานกั งานใหญํตั้งอยูํ
4.2 ในเขตจังหวัดอ่นื ให้ยนื่ ณ
(1) ทีว่ ําการอําเภอหรอื ก่งิ อําเภอท๎องที่ท่สี ํานักงานใหญตํ ั้งอยํู ในกรณีสํานักงานสรรพากรอาํ เภอ
มไิ ด๎ตงั้ อยูํ ณ ทว่ี าํ การอําเภอให๎ย่ืน ณ สํานกั งานสรรพากรอําเภอ
หมายเหตุ การย่ืนแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 , ภ.ง.ด.51 , ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54 สามารถ
ย่นื ผํานเวบ็ ไซตข์ องกรมสรรพากรก็ได๎
คํานวณภาษีเงินได้นติ ิบุคคลจากยอดรายได้กอ่ นหกั รายจ่าย
ตวั อยา่ ง สายการบินแอร์เอเชีย มีรายได๎จากการจาํ หนาํ ยตั๋วเครอ่ื งบนิ และคําธรรมเนยี ม โดยบินไปและกลับ
ระหวํางไทยกับญ่ปี ุน เปน็ เงิน 12,000,000 บาท ให๎คาํ นวณภาษีเงินได๎นติ บิ ุคคล
คาํ ตอบ อัตราภาษี เทํากับ รอ๎ ยละ 3 ของยอดรายรบั กํอนหักรายจาํ ยใด ๆ
คาํ นวณ รายได๎ 12,000,000 x 3% = 360,000 บาท
คํานวณภาษีเงินไดน้ ติ ิบคุ คลสาํ หรับเงนิ ไดจ้ า่ ยจากหรือในประเทศ
164
ตวั อยา่ ง บริษัท DC.Asset เปน็ บรษิ ทั รับจดั สรา๎ งบ๎านไดว๎ ําจ๎างบรษิ ัท ฟจู ิกาโย ของประเทศญป่ี ุนออกแบบ
บา๎ น เป็นเงนิ 500,000 บาท จะตอ๎ งหักภาษี ณ ทจ่ี ํายเปน็ เงินตามข๎อใด
คาํ นวณ 500,000 x 15% = 75,000 บาท
คํานวณภาษีเงนิ ไดน้ ติ ิบุคคลสาํ หรบั การจาํ หนา่ ยกาํ ไรไปนอกประเทศ
ตวั อย่าง บริษัท ปตท.นํา้ มันและการคา๎ ปลกี จาํ กดั (มหาชน) จํายเงนิ ปันผลให๎กับ บริษทั เทน็ เซน็ ต์ จาํ กัด
ของประเทศจนี 800,000 บาท จะตอ๎ งหกั ภาษี ณ ทีจ่ าํ ยเป็นเงินตามข๎อใด
คาํ นวณ 800,000 x 10% = 80,000 บาท
แบบฝกึ หดั /คําถาม/ปัญหา
1. บริษทั สรรพากร จาํ กัด ดาํ เนินธุรกจิ ซอ้ื มาขาย และปดิ บัญชที ุกวันที่ 31 ธนั วาคม ของทกุ ปี ได๎มกี าร
ประมาณการรายได๎และคําใช๎จาํ ยในรอบระยะเวลาบัญชีในปี 2560 ดงั นี้
รายไดจ๎ ากการขาย 10,000,000 บาท
รายจํายในการดําเนนิ งานของกิจการ 3,000,000 บาท
มีสะสมขาดทุนสุทธยิ กมาจากปี 2559 1,000,000 บาท
เฉลยคําตอบ 10,000,000.-
1. การคาํ นวณประมาณการกาํ ไรสุทธิ ปี 2550 3,000,000.-
ประมาณการรายได๎ 7,000,000.-
หกั ประมาณการรายจําย 1,000,000.-
กาํ ไรสทุ ธิโดยประมาณ 6,000,000.-
หัก ขาดทนุ สุทธยิ กมาในปี 2549
กาํ ไรสุทธิโดยประมาณ
การประมาณการกําไรสทุ ธิครึ่งรอบบัญชี ดังนี้
กําไรสทุ ธโิ ดยประมาณก่งึ หนึ่ง = 6,000,000/2 = 3,000,000.-
ดังนนั้ ภาษีเงินไดน๎ ติ ิบุคคล = 3,000,000 x 30% = 900,000.-
เอกสารอ้างอิง/เอกสารคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ
มนสั ชัย กีรติผจญ. การบัญชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บริษัท สํานักพิมพเ์ อมพันธ์ จาํ กัด. 2563
165
พส.12
แบบประเมินผลการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 4
รหสั 30201-2007 ช่อื วชิ า การบัญชภี าษอี ากร
ช่ือหน่วย ภาษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ ุคคล
เร่ือง ภาษเี งินได๎นิตบิ ุคคล จาํ นวนชวั่ โมงสอน 1 ชั่วโมง
จงเลือกคําตอบทถี่ ูกตอ๎ งทส่ี ุดเพียงข๎อเดียว
1. ขอ๎ ใดเปน็ นติ บิ คุ คลท่ีไดร๎ ับยกเว๎นไมตํ ๎องเสียภาษี
ก. สภาทนายความ
ข. บรษิ ัท การบินไทย จาํ กดั (มหาชน)
ค. การไฟฟูาฝาุ ยผลติ
ง. โรงพิมพ์กระทรวงมหาดไทย
2. วิธปี ระเมนิ ตนเอง จะเสียภาษจี ากกาํ ไรสุทธติ ามมาตราใด
ก. มาตรา 69 ทวิ
ข. มาตรา 65
ค. มาตรา 70
ง. มาตรา 69 ตรี
3. ขอ๎ ใดเป็นฐานภาษีของภาษเี งินได๎นิติบคุ คล
ก. อัตราภาษี
ข. กาํ ไรสุทธิ
ค. ประเภทของธรุ กจิ
ง. รายไดข๎ องธรุ กจิ
4. การนาํ รายไดแ๎ ละรายจาํ ยมาคาํ นวณภาษเี งนิ ได๎นิตบิ ุคคลจะใชเ๎ กณฑต์ ามข๎อใด
ก. เกณฑ์เงินสด
ข. เกณฑเ์ งนิ คงคา๎ ง
ค. เกณฑส์ ทิ ธ์ิ
ง. ถูกทุกข๎อ
5. ขอ๎ ใดเป็นอัตราภาษขี องบรษิ ัทหรอื ห๎างหุ๎นสวํ นนติ บิ ุคคลโดยทัว่ ไป
ก. ร๎อยละ 30
ข. ร๎อยละ 25
ค. ร๎อยละ 20
ง. ร๎อยละ 15
166
6. ขอ๎ ใดเป็นรายจาํ ยต๎องห๎ามตามมาตรา 65 ตรี
ก. คําเบย้ี ประกันภัย
ข. คาํ รับรอง
ค. หนีส้ ญู
ง. คําเผือ่ หนี้สงสยั จะสญู
7. การยนื่ แบบแสดงรายการและชําระภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลคร่งึ รอบต๎องย่ืนตามแบบข๎อใด
ก. ภ.ง.ด. 50
ข. ภ.ง.ด. 51
ค. ภ.ง.ด. 53
ง. ภ.ง.ด. 54
8. การเสยี ภาษีเงินไดเ๎ มอ่ื สิ้นรอบ ต๎องยื่นแบบ ภายในกวี่ ันนบั แตวํ ันสุดทา๎ ยของรอบระยะเวลาบัญชี
ก. 30 วนั
ข. 60 วัน
ค. 90 วัน
ง. 150 วนั
9. เงินได๎จากการธรุ กจิ การพาณิชย์ การเกษตร การขนสํง ต๎องเสียภาษอี ตั รารอ๎ ยละตามขอ๎ ใด
ก. ร๎อยละ 5
ข. รอ๎ ยละ 3
ค. รอ๎ ยละ 2
ง. ร๎อยละ 1
10. คํารบั รองและคาํ บริการในรอบระยะเวลาบญั ชหี นึง่ สามารถจะนํามาหักได๎สงู สุดไมเํ กินจาํ นวนเงินเทาํ ใด
ก. 1 ล๎านบาท
ข. 3 ล๎านบาท
ค. 5 ลา๎ นบาท
ง. 10 ลา๎ นบาท
167
พส.12
เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรหู้ น่วยท่ี 4
รหสั 30201-2007 ชือ่ วิชา การบัญชีภาษอี ากร
ชอื่ หน่วย ภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คล
เรื่อง ภาษเี งินได๎นติ ิบุคคล จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ชวั่ โมง
จงเลือกคําตอบทถ่ี ูกตอ๎ งทส่ี ุดเพยี งข๎อเดียว
1. ขอ๎ ใดเปน็ นิตบิ คุ คลท่ไี ด๎รบั ยกเวน๎ ไมํตอ๎ งเสยี ภาษี
ก. สภาทนายความ
2. วิธีประเมินตนเอง จะเสยี ภาษีจากกําไรสทุ ธิตามมาตราใด
ข. มาตรา 65
3. ขอ๎ ใดเปน็ ฐานภาษีของภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคล
ข. กาํ ไรสุทธิ
4. การนาํ รายได๎และรายจาํ ยมาคํานวณภาษีเงินได๎นติ ิบุคคลจะใช๎เกณฑ์ตามข๎อใด
ค. เกณฑส์ ทิ ธ์ิ
5. ขอ๎ ใดเปน็ อตั ราภาษีของบริษทั หรือหา๎ งหุ๎นสวํ นนติ บิ คุ คลโดยทวั่ ไป
ก. รอ๎ ยละ 30
6. ขอ๎ ใดเป็นรายจาํ ยต๎องหา๎ มตามมาตรา 65 ตรี
ข. คํารบั รอง
7. การยน่ื แบบแสดงรายการและชําระภาษีเงนิ ได๎นติ บิ คุ คลคร่งึ รอบต๎องยน่ื ตามแบบข๎อใด
ข. ภ.ง.ด.51
8. การเสียภาษเี งินได๎เมื่อส้นิ รอบ ตอ๎ งยืน่ แบบ ภายในกีว่ ันนบั แตํวันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชี
ง. 150 วัน
9. เงินไดจ๎ ากการธุรกิจ การพาณชิ ย์ การเกษตร การขนสํง ตอ๎ งเสียภาษอี ัตราร๎อยละตามขอ๎ ใด
ค. ร๎อยละ 2
10. คํารบั รองและคาํ บริการในรอบระยะเวลาบญั ชหี นงึ่ สามารถจะนํามาหกั ไดส๎ ูงสดุ ไมํเกินจํานวนเงนิ เทําใด
ง. 10 ล๎านบาท
168
พส.12
แบบทดสอบทักษะหนว่ ยที่ 4
รหสั 30201-2007 ช่ือวชิ า การบญั ชภี าษีอากร
ชือ่ หน่วย ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคล
เรื่อง ภาษีเงินไดน๎ ติ ิบุคคล จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ชั่วโมง
ข๎อ 1 บรษิ ทั สามชุก จํากัด จดทะเบยี นจัดต้ังโดยมเี งินทนุ 5,000,000 บาท ในปี 2550 มีรายได๎ท้ังสิน้ 10
ล๎านบาท เมอื่ ส้ินปี 2560 ได๎ทําการตรวจสอบบญั ชี ดงั น้ี
1. บรษิ ัทมคี ํารบั รอง 100,000 บาท ในจาํ นวนน้ีไมํมีหลักฐาน จาํ นวน 20,000 บาท และมีคําใชจ๎ าํ ยใน
การสนับสนุนพรรคการเมือง 30,000 บาท
2. บริษัทซ้ือรถยนตน์ ัง่ สวํ นบุคคล 1,600,000 บาท เมื่อ 1 มกราคม 2560 โดยคดิ คําเส่ือมราคาวิธี
เส๎นตรง
3. มรี ายจํายเกีย่ วกบั คําซํอมแซมบ๎านผ๎จู ัดการ 200,000 บาท คําตอํ เติมสํานักงาน 500,000 บาท และ
จาํ ยคําภาษรี ถยนต์ในปี 2560 จาํ นวน 30,000 บาท
4. บริษทั ไดร๎ ับสวํ นแบงํ กําไรจากบริษัท ทวกี จิ รํวมคา๎ จํากัด 200,000 บาท และไดร๎ ับเงินปันผลจากการ
ลงทนุ ระยะยาวในบริษัทอื่นๆ อีก 300,000 บาท
5. บรษิ ัทได๎จํายชาํ ระภาษสี าํ หรับ 6 เดอื นแรกไปแล๎ว จาํ นวน 40,000 บาท
6. ตน๎ ทุนขาย 6,400,000 บาท
ใหท๎ าํ 1) คํานวณกําไรสุทธิประจําปี 2560 ของบรษิ ัท
2) คํานวณภาษีเงินได๎นิติบุคคลของบรษิ ัทในปี 2560
169 พส.12
เฉลยแบบทดสอบทกั ษะหน่วยท่ี 4
รหัส 30201-2007 ชือ่ วชิ า การบญั ชีภาษอี ากร
ช่อื หน่วย ภาษีเงินได๎นิติบุคคล
เรื่อง ภาษีเงินได๎นติ ิบคุ คล จาํ นวนชว่ั โมงสอน 1 ชั่วโมง
ขอ้ 1 การคาํ นวณ
1. คาํ นวณ : คาํ รบั รอง 100,000 บาท
คํารับรองท่ไี มํมหี ลกั ฐาน 20,000.-
รายจาํ ยสนบั สนนุ พรรคการเมือง 30,000.-
รวมรายจํายคํารบั รองทไี่ มถํ ือเปน็ รายจาํ ย 50,000.-
คํารบั รองกฎหมายให๎หักได๎เทํากับทจ่ี ํายจริงแตํไมํเกิน 0.3% ของยอดขาย (10,000,000 x 0.3%) = 30,000.-
2. คาํ นวณ:คาํ เส่ือมราคารถยนต์ 1,600,000
คําเสอ่ื มราคาตามกฎหมายยอมให๎ (1,000,000 x 20%) = 200,000.-
3. การปรับปรุง - คาํ ซอํ มแซมบ๎านผ๎จู ัดการ 200,000 บาท เปน็ รายจํายสวํ นตวั
- คาํ ตอํ เตมิ สาํ นักงาน 500,000 บาท เป็นสินทรัพย์ นาํ ไปคิดคําเส่อื มราคา
= 500,000 x 5% = 25,000
4. กฎหมายให๎นําสวํ นแบํงกําไรทีไ่ ด๎รับจากบริษทั อ่ืนนาํ มาคํานวณเปน็ รายไดเ๎ พยี งกึง่ หน่งึ
5. นําภาษสี าํ หรับ 6 เดือนแรก จํานวน 100,000 บาท ไปหกั เป็นเครดิตภาษีในตอนสิ้นปี
บริษทั สามชกุ จํากัด
งบกําไรขาดทนุ
สําหรับปสี ิน้ สดุ วันท่ี 31 ธันวาคม 2550
รายได้
รายได๎จากการขาย 10,000,000.-
รายไดจ๎ ากเงินปนั ผล 300,000.-
รายไดจ๎ ากสํวนแบํงกาํ ไร 100,000.- 10,400,000.-
คา่ ใชจ้ า่ ย
คาํ รบั รอง 30,000.-
คาํ เส่ือมราคารถยนต์ 200,000.-
คําเสือ่ มราคาอาคารสํานักงาน 25,000.-
คําภาษีรถยนต์ 30,000.- 285,000.-
กําไรสุทธทิ างบญั ชี 10,115,000.-
ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคล (10,115,000 x 30%) 3,034,500.-
หัก ภาษเี งนิ ได๎ 6 เดือนแรก 100,000.-
บริษัทต๎องเสียภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคล 2,934,500.-
170 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบญั ชภี าษอี ากร
ชือ่ หน่วย ภาษเี งินไดน๎ ติ ิบคุ คล
เรอ่ื ง ภาษีเงินได๎นติ ิบุคคล จาํ นวนชวั่ โมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรียนรู้
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เคร่ืองมือ/วสั ดุ-อปุ กรณ์
1. แสดงความรู๎เกย่ี วกบั เงือ่ นไขการคํานวณภาษี 1. อุปกรณ์เครื่องเขียน
เงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลคํานวณยอดรายได๎กํอนหกั รายจาํ ยได๎ 2. กระดาษ
2. แสดงความร๎ูเกย่ี วกบั เง่ือนไขการคํานวณภาษี
เงินไดน๎ ิติบุคคลสําหรบั เงินได๎จํายจากหรือในประเทศได๎
3. แสดงความรู๎เก่ยี วกบั สถานที่ยืน่ แบบแสดง
รายการภาษไี ด๎
4. คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบุคคลยอดรายได๎กํอนหัก
รายจาํ ยได๎
5. คํานวณภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลสาํ หรับเงนิ ไดจ๎ ําย
จากหรือในประเทศได๎
6. คาํ นวณภาษเี งินไดน๎ ติ ิบคุ คลสําหรบั การจาํ หนาํ ย
กาํ ไรไปนอกประเทศได๎
7. ปฏบิ ัติงานได๎อยํางถกู ต๎อง และสําเรจ็ ภายใน
เวลาที่กําหนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยัดตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
171
ลาํ ดบั ขนั้ การทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั
ขั้นที่ 1 ใหผ๎ ๎ูเรียนจัดกลุํมเป็น 7 กลมํุ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ
โดยความสมคั รใจ ผ๎เู รียนแตํละกลมํุ เลือกหัวหน๎ากลุมํ คิดเหน็
และเลขานุการกลมํุ 2. รวํ มกนั พจิ ารณาและสรุปประเด็นให๎ถูกต๎อง
กจิ กรรมที่ครูมอบหมาย คือ คน๎ คว๎าตามหวั ข๎อที่
กําหนด ดังนี้ มอบงาน
1. ภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลคํานวณยอดรายได๎กํอนหกั 1. ใหน๎ กั เรยี นคน๎ คว๎าเพ่ิมเติมจาก Internet เร่อื ง
รายจําย ภาษีเงินไดน๎ ิติบุคคล
2. ภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคลสาํ หรบั เงินได๎จํายจากหรือ 2. นาํ ข๎อมลู ท่ีคน๎ คว๎าได๎นําเสนอหน๎าชน้ั เรยี น ครู
ในประเทศ และนกั เรยี นรํวมกนั เสนอแนะ
3. ภาษเี งนิ ได๎นติ ิบคุ คลสําหรับการจําหนาํ ยกาํ ไรไป
นอกประเทศ วดั ผล/ประเมนิ ผล
4. สถานท่ยี นื่ แบบแสดงรายการภาษี แบบประเมินพฤติกรรมการเข๎ารํวมกิจกรรมกลํมุ
ขนั้ ที่ 2 ผ๎ูเรยี นแตํละกลุมํ รวํ มกนั คน๎ ควา๎ จากส่ือ
ตาํ งๆ พร๎อมเตรยี มมาอภปิ รายหนา๎ หนา๎ ชน้ั เรียน โดย
เลอื กวิธกี ารนาํ เสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลุํมละ
ไมํเกิน 10 นาที
ขนั้ ท่ี 3 ผเ๎ู รยี นแตํละกลุํมประเมนิ ตนเองและ
ประเมนิ ผลกลุํมอืน่ ๆ โดยใชแ๎ บบประเมินรายบุคคล
(แบบประเมินผลงาน)
ผ๎สู อนประเมินผลผเ๎ู รยี นทุกกลํมุ โดยใชแ๎ บบ
ประเมนิ
ข้นั ที่ 4 สํงครผู สู๎ อนเพ่ือประเมินผล
172
พส.9
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 5
เวลารวม 4 ชัว่ โมง
รหัส 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชีภาษีอากร สปั ดาห์ 11/18
ช่อื หน่วย การบญั ชีภาษเี งินได๎นิตบิ คุ คลหัก ณ ท่ีจาํ ย
เรื่อง การบัญชภี าษเี งนิ ไดน๎ ิติบุคคลหัก ณ ท่จี าํ ย จํานวน 4 ชัว่ โมง
1. สาระสาํ คัญ
การหกั ภาษีเงนิ ได๎ ณ ที่จําย คือ การทีป่ ระมวลรัษฎากรบัญญตั ใิ ห๎ผู๎จาํ ยเงนิ ได๎พงึ ประเมินบางประเภท
หักภาษเี งนิ ได๎ไวท๎ ุกครงั้ ทจี่ ํายเงนิ ได๎พึงประเมิน ซ่งึ บุคคลมหี น๎าท่ีจาํ ยใหแ๎ กํผร๎ู บั เงินตามอตั รา หลักเกณฑ์ และ
วิธีการทีก่ ฎหมายกําหนด แล๎วนําเงนิ น้ันสํงให๎แกรํ ฐั บาล โดยเงินทไี่ ดห๎ ักและนําสํงดังกลําวถือเป็นเครดิต ในการ
เสียภาษีเงินไดข๎ องผู๎รบั เงนิ และนาํ สํงภาษีเมื่อถงึ กําหนดเวลายน่ื รายการเสยี ภาษตี อํ ไป
2. สมรรถนะประจําหน่วย
2.1 บนั ทกึ บญั ชภี าษีเงินได๎นิติบคุ คลหกั ณ ทจี่ ํายได๎
2.2 นอ๎ มนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใช๎ในการปฏิบตั งิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ทีด่ ีในการปฏบิ ตั ิงานด๎วยความซื่อสัตย์และรอบคอบได๎
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 แสดงความรูเ๎ กยี่ วกับผู๎มหี น๎าทีห่ กั ภาษีเงนิ ได๎นติ ิบุคคล ณ ที่จํายได๎
3.2 แสดงความร๎เู กย่ี วกบั ภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคลหัก ณ ท่จี าํ ย ตามมาตรา 69 ตรีได๎
3.3 แสดงความรูเ๎ กย่ี วกบั ภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คลหัก ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา 69 ทวิได๎
3.4 คํานวณภาษเี งินได๎นิติบุคคลหัก ณ ทีจ่ าํ ย ตามมาตรา 69 ตรีได๎
3.5 คาํ นวณภาษีเงนิ ได๎นติ ิบคุ คลหัก ณ ทีจ่ ําย ตามมาตรา 69 ทวิได๎
3.6 ปฏิบัติงานได๎อยํางถูกต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลาทีก่ าํ หนดอยาํ งมเี หตผุ ล และประหยดั ตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
3.7 กล๎าแสดงความคิดเห็นอยํางมเี หตุผลและรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู๎อื่น
3.8 มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สัมพันธ์ ความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่ือมั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรกั สามัคคี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนกั ถงึ การละเวน๎ จากส่ิงเสพติดและอบายมขุ ท้งั ปวง
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ผูม๎ ีหนา๎ ที่หกั ภาษเี งินได๎นิตบิ คุ คล ณ ทจี่ าํ ย
4.2 ภาษีเงนิ ได๎นติ บิ ุคคลหัก ณ ท่ีจําย ตามมาตรา 69 ตรี
4.3 ภาษีเงินได๎นิติบุคคลหัก ณ ท่ีจาํ ย ตามมาตรา 69 ทวิ
173
5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ( เชนํ เพือ่ นชํวยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจัดการเรียนรู๎ โดยใชว๎ ิธีการแบํงกลุํมจัดทาํ รายงานและนําเสนอผลงานหนา๎ ช้ันเรียน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนําเข้าสู่บทเรียน
6.1 ผสู๎ อนทบทวนความร๎ูเดิมทไี่ ด๎ศึกษามาแลว๎ ในการคํานวณภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคล หกั ณ ที่จาํ ย เพื่อให๎
สัมพนั ธ์กบั เน้ือหาสาระการเรียนร๎ูใหมํ ในเร่ืองการคาํ นวณภาษเี งนิ ไดน๎ ิติบคุ คล หัก ณ ทีจ่ ํายตามมาตรา 69 ตรี
และ มาตรา 69 ทวิ และประเมนิ ผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรท๎ู ่คี าดหวัง
ข้ันสอน
6.3 ผสู๎ อนอภปิ รายหวั ขอ๎ ตามสาระการเรยี นรู๎ และยกตวั อยํางการคาํ นวณภาษเี งินไดน๎ ิตบิ คุ คลหัก ณ
ทจ่ี ําย ตามมาตรา 69 ทวิ และ 69 ตรี
6.4 ผม๎ู อบหมายให๎ผเู๎ รียนศึกษาค๎นควา๎ ตามหัวขอ๎ สาระการเรียนรู๎
6.5 ใหผ๎ ู๎เรียนแบงํ กลุํมจัดทํารายงานและนาํ เสนอผลงานหนา๎ ชนั้ เรยี น และใหเ๎ พื่อน ๆ คนอืน่ แสดง
ความคิดเหน็
6.6 ผูเ๎ รียนทาํ แบบประเมินผลการเรียนรท๎ู ๎ายหนํวยเรียน
ขั้นสรปุ และการประยกุ ต์
6.7 ผู๎สอนและผเู๎ รียนสรุปสาระสําคัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรวํ มกนั
6.8 ผู๎เรยี นทาํ แบบประเมนิ ผลการเรียนรูท๎ า๎ ยหนวํ ยเรยี น
การบูรณาการกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพียง
1.1 เตรียมความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณ์สอดคล๎องกับงาน ไดอ๎ ยาํ งถูกต๎องและใชว๎ สั ดุ
อปุ กรณ์อยํางคม๎ุ คาํ ประหยัด ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผเู๎ รียนจัดสรรเวลาในการปฏบิ ตั ิงานได๎อยาํ งเหมาะสม
2. ความมเี หตผุ ล
2.1 กล๎าแสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมเี หตุผล
2.2 ใชว๎ สั ดุถกู ตอ๎ งและเหมาะสมกบั งาน
3. การมีภมู คิ ม๎ุ กันในตัวที่ดี
3.1 มกี ารเตรยี มความพร๎อมในการเรียนและการปฏบิ ัติงาน
3.2 มีทักษะในการปฏบิ ัตงิ าน เข๎าใจอยํางถูกต๎อง เพื่อการปฏิบตั ิงานท่ีมปี ระสิทธิภาพ
3.3 ควบคมุ กริ ิยาอาการในสถานการณ์ตาํ งๆ ไดเ๎ ปน็ อยํางดี
4. เงอ่ื นไขความรู๎
4.1 มีความรค๎ู วามเข๎าใจเก่ียวกับการบญั ชภี าษเี งินไดน๎ ิติบุคคลหกั ณ ทีจ่ ําย
4.2 มีความรู๎ ความเขา๎ ใจเกี่ยวกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
174
5. เงอื่ นไขคุณธรรม
5.1 ปฏบิ ัติงานทม่ี อบหมายเสร็จภายในกาํ หนดเวลา
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรยี นและในขณะปฏิบัติงาน
7. บรรยากาศทีส่ ่งเสรมิ และพฒั นาผเู้ รียน
ผ๎ูเรยี นมีความสนใจในการเรียน เน่อื งจากการสอนแบบแบงํ กลํุมจัดทาํ รายงานและนําเสนอผลงาน
หนา๎ ชัน้ เรียน ทาํ ให๎ผ๎ูเรียนมคี วามกระตือรือล๎น และได๎แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลย่ี นความร๎ู สํงผลใหเ๎ กดิ ผล
การเรยี นรท๎ู ่ีดี
8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจําหนว่ ย ( เชนํ ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตํอเวลา ความซ่ือสัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสมั พนั ธท์ ่ีดี ความมีวนิ ัย ความรับผิดชอบ ความซ่ือสัตย์สุจริต ความเชื่อมั่นในตนเอง การ
ประหยดั ความสนใจใฝุร๎ู ความสามคั คี ความกตัญญู ละเว๎นสง่ิ เสพตดิ /การพนนั ความคดิ ริเริม่ สร๎างสรรค์ การ
พง่ึ ตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกลั้น ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
9.1 หนังสอื เรยี น วิชาการบัญชภี าษีอากร ของสํานักพิมพ์เอมพันธ์
9.2 ใบความรู๎ เรื่อง การบัญชภี าษีเงินได๎นติ ิบุคคลหัก ณ ท่จี ําย
9.3 ใบงาน เร่อื ง การบัญชีภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลหกั ณ ที่จาํ ย
9.4 สือ่ การสอน Power point เรอื่ ง การบญั ชภี าษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ คุ คลหกั ณ ท่ีจําย
9.5 Internet
10. การวดั ผลและประเมินผล ( เชํน แบบทดสอบท๎ายบทเรยี น , แบบทดสอบกํอนเรยี น-หลงั เรยี น )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรยี น เรอื่ ง การบัญชีภาษีเงินได๎นิตบิ คุ คลหกั ณ ทจ่ี ําย
10.2 แบบทดสอบกํอนเรยี น เรอ่ื ง การบญั ชีภาษเี งินได๎นติ ิบคุ คลหกั ณ ที่จาํ ย
10.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่อื ง การบัญชีภาษีเงินได๎นติ ิบคุ คลหกั ณ ท่จี าํ ย
11. หลักฐานการเรียนรู้
11.1 แบบฝึกหดั เร่ือง การบัญชภี าษเี งนิ ไดน๎ ิติบุคคลหัก ณ ทจี่ ําย
11.2 ใบงาน เร่อื ง การบญั ชีภาษเี งนิ ได๎นิติบคุ คลหัก ณ ท่ีจําย
12. เอกสารอา้ งอิง
มนัสชัย กรี ตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท สํานกั พมิ พ์เอมพันธ์ จํากัด. 2563
175 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
176
พส.11
บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา.....30201-2007.......ช่ือวิชา.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับชั้น ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวภิ าค.ึ ......................สัปดาห์ที.่ ....11.....วันทส่ี อน..........................................................
หนวํ ยท่ี......5......ช่ือหนํวย...........การบญั ชภี าษีเงินไดน๎ ิตบิ ุคคลหัก ณ ที่จําย......................จํานวน........4........ชัว่ โมง
จาํ นวนผเ๎ู รยี น........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรียน.............คน ลาปุวย............คน ลากิจ..............คน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงช่ือ.......................................................ครผู ูส๎ อน
(นางสาวนภาพร คงวจิ ติ ร)
........../................/............
ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชื่อ...............................................หัวหนา๎ แผนกวชิ า ลงช่ือ............................................รองผอ๎ู ํานวยการฝุายวชิ าการ
(นางทพิ วรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเหน็ ผอ๎ู าํ นวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงช่ือ...........................................
(นางสาวสมุ นี า แดงใจ)
ผู๎อํานวยการวทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............
177
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชีภาษีอากร
ช่ือหน่วย การบัญชภี าษีเงินได๎นติ บิ คุ คลหกั ณ ทจี่ ําย
เรื่อง การบัญชภี าษเี งินได๎นติ ิบุคคลหกั ณ ท่ีจําย จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ รายการเรียนรู้
- จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. แสดงความรเู๎ กีย่ วกับผูม๎ หี น๎าท่ีหักภาษีเงนิ ไดน๎ ิติ 1. ผ๎มู ีหนา๎ ทห่ี ักภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคล ณ ทจี่ ําย
บุคคล ณ ท่จี ํายได๎ 2. ภาษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคลหัก ณ ทีจ่ าํ ย ตาม
2. แสดงความรเู๎ กย่ี วกับภาษีเงินได๎นิตบิ คุ คลหัก ณ ท่ี มาตรา 69 ตรี
จาํ ย ตามมาตรา 69 ตรีได๎ 3. ภาษีเงินไดน๎ ติ บิ คุ คลหัก ณ ทจี่ ําย ตาม
3. แสดงความรเู๎ ก่ยี วกบั ภาษเี งินไดน๎ ิติบุคคลหัก ณ มาตรา 69 ทวิ
ท่ีจําย ตามมาตรา 69 ทวิได๎
4. คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบคุ คลหัก ณ ทีจ่ ําย ตาม
มาตรา 69 ตรีได๎
5. คํานวณภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคลหกั ณ ทจ่ี ําย ตาม
มาตรา 69 ทวิได๎
6. ปฏิบัติงานได๎อยาํ งถูกต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลา
ท่ีกาํ หนดอยํางมีเหตุผล และประหยัดตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
7. กล๎าแสดงความคิดเหน็ อยํางมีเหตุผลและรับฟัง
ความคดิ เห็นของผู๎อื่น
8. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นยิ ม และ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ได๎ในเรือ่ งความมมี นุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวินัย ความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สัตย์สุจริต
ความเชอ่ื มั่นในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝรุ ู๎
ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที และตระหนกั ถงึ การ
ละเวน๎ จากสง่ิ เสพติดและอบายมุขทัง้ ปวง
เนือ้ หาสาระ
ภาษีเงินได๎ หกั ณ ท่ีจาํ ย หรอื หัก ณ ที่จําย คือเงินท่คี น “จาํ ย” ท่ีจดทะเบยี นเป็นบริษัทหรอื นิติ
บคุ คลตอ๎ ง “หัก” ไว๎กํอนทจี่ ะจํายเงินใหก๎ บั คนรับท่เี ป็นนิติบคุ คล หรอื คนธรรมดาก็ได๎ แล๎วนําสงํ เปน็ ภาษีให๎
กรมสรรพากรไมํเกนิ วนั ท่ี 7 ของเดือนถัดไป ในการทําหกั ณ ท่ีจํายจะต๎องร๎ู 2 เร่อื งคือ คนรบั เงนิ คือใคร
(กระทบตอํ แบบท่ยี ืน่ ) จาํ ยคําอะไร (กระทบอตั ราภาษีทห่ี ัก) ทุกคร้งั ท่ีทาํ การหกั ไว๎ คนทีห่ ักตอ๎ งออกหนังสือ
178
รบั รองหกั ณ ท่ี จําย ให๎กับคํูคา๎ ของเราไว๎ด๎วยทุกครั้ง โดยออกอยํางน๎อย 4 ฉบบั คอื ต๎นฉบบั และสาํ เนา 2
ฉบบั แรกออกใหค๎ ํูค๎า เพื่อให๎คํูคา๎ เก็บไว๎ใช๎ขอคนื ภาษฉี บบั หนึง่ และเกบ็ ไว๎เป็นหลกั ฐานฉบบั หนึง่ สํวนฉบับที่ 3
และ 4 เราเกบ็ ไว๎เอง โดยฉบับท่ี 3 เอาไวส๎ ําหรับสํงภาษี (โดยปกติกจ็ ะสงํ ฉบับน้ีให๎กบั สาํ นักงานบัญชีเป็นผ๎ูทํา
ให๎) และฉบบั ที่ 4 เราเก็บไว๎เป็นหลักฐาน หนงั สือรับรองหัก ณ ทจ่ี าํ ย พร๎อมยน่ื ตํอกรมสรรพากร ผาํ น
โปรแกรม FlowAccount ผู๎ออกหนังสือรับรองหัก ณ ที่จาํ ยสามารถใช๎โปรแกรมบัญชชี ํวยในการออกเอกสาร
ได๎อยํางงาํ ยๆ แลว๎ ลองใชโ๎ ปรแกรมบัญชี FlowAccount ซึง่ สามารถออกหนังสือรับรอง หัก ณ ท่จี าํ ยนไี้ ด๎ทง้ั
ทางเว็บไซต์และแอปมือถือ คาํ ใช๎จํายทต่ี อ๎ งทาํ หัก ณ ทจี่ ําย มีอะไรบา๎ ง แตลํ ะประเภทคําใชจ๎ าํ ยน้นั จะถูกหัก
ณ ทจ่ี าํ ยในเปอร์เซน็ ต์ท่ีแตกตํางกัน ดังน้ี
หกั 1% สาํ หรับคา่ ขนสง่
ทกุ ๆ ครงั้ ที่มีการขายของและขนสงํ โดยทีบ่ ริษทั หรือนิติบุคคลท่ีใหบ๎ รกิ ารจะต๎องข้ึนทะเบียนเปน็ ผูใ๎ ห๎บริการ
ขนสํง เชํน บรกิ ารขนสงํ สนิ คา๎ จากบริษัท โลจสิ ติกส์ เป็นตน๎ จะต๎อง หัก ณ ที่จาํ ย 1% แตถํ า๎ คณุ ยังไมํไดข๎ ึ้น
ทะเบยี นเป็นนิติบุคคลก็ยังไมํต๎องหัก แต!ํ ถา๎ เปน็ ไปรษณยี ์ไมตํ ๎องหัก ณ ทจ่ี ําย เพราะเป็นหนวํ ยงานท่ไี ด๎รับ
การยกเวน๎
179
หัก 2% สําหรับคา่ โฆษณา
การโฆษณาสนิ ค๎าตามส่ือโฆษณาตํางๆ ผํานเอเจนซี บริษัทรับโฆษณา เพื่อชวํ ย “ประกาศ” ให๎แบรนดห์ รือ
สินคา๎ เปน็ ทร่ี จู๎ กั ผํานสื่อส่ิงพมิ พ์ หรือชอํ งทางโซเชยี ลมีเดยี ตํางๆ เชํน Facebook, Instagram ทีไ่ มใํ ชบํ รกิ าร
ด๎านการตลาด ทาํ หัก ณ ท่จี ําย 2% สวํ นบรกิ ารด๎านการตลาดคือ การจา๎ งบล็อกเกอร์รวี วิ โฆษณาสินค๎า จา๎ ง
มารเ์ กต็ ต้งิ Consult ดา๎ นการตลาดให๎ หรือบริการทาํ roll-up ปาู ยออกบูท (อันนี้ถอื เป็นการรบั จา๎ งทําของ)
จะต๎องหัก 3%
หกั 3% สาํ หรบั จ๎างรบั เหมาหรือบรกิ ารตํางๆ
คําบริการท่เี กดิ ขึ้นในกจิ การทุกอยาํ งจะต๎องมีการ หัก ณ ท่ีจาํ ย 3% เชํน บรกิ ารรับจ๎างทําของ จา๎ งทํา
นามบตั ร จา๎ งทํากราฟิก จ๎างชํางภาพมาถํายรปู จ๎างบล็อกเกอร์รวี วิ สินคา๎ จ๎างตกแตํงภายใน บริการสถานท่ี
ซอฟต์แวร์ โทรศพั ท์ อนิ เทอร์เนต็ กเ็ ข๎าขํายน้ี เพราะถือเป็นการให๎บริการ
180
หัก 5% สําหรับค่าเช่าอสงั หาริมทรพั ย์
คนท่ไี มํมสี ถานทเ่ี ป็นของตนเอง หากจะดูวาํ เปน็ คาํ เชาํ หรือคาํ บริการให๎ดจู ากสทิ ธใิ นการถือกุญแจ ถ๎าเชํา
สถานท่เี พื่อจัดสมั มนา หรือจัดอเี วนตช์ ว่ั คราวถือเปน็ คําบริการ ทําหัก ณ ที่จําย 3% แตํถา๎ เราถือกุญแจจะถือ
เปน็ คําเชาํ สถานที่ต๎องหัก ณ ท่จี าํ ยจากเจา๎ ของท่ีดิน 5% นอกจากนี้ยังมีคาํ ใช๎จาํ ยอ่นื ๆ อีกทีต่ ๎องหกั 5% เชํน
เชํารถยนต์ คาํ จ๎างนักแสดง ดารา นกั รอ๎ ง อาชีพเพอื่ การบนั เทิง และเงินรางวลั จากการแขํงขนั หรือการชงิ โชค
ตาํ งๆ ดว๎ ย
แต่! ถ๎าเชาํ รถยนต์พรอ๎ มคนขับด๎วย เราถอื กุญแจรถกจ็ รงิ แตํจะถือวําเป็นการบริการ เพราะมีคนขับรถให๎ตอ๎ ง
ทาํ หัก ณ ท่ีจําย 3% ไมํหกั สําหรบั ยอดท่ีไมํเกนิ 1,000 บาท สาํ หรับยอดเล็กๆ ท่ีไมํถึง 1,000 บาท เชนํ จ๎าง
ทาํ รูป หรือนามบตั รเพยี งครั้งเดยี ว ทางกรมสรรพากรมีข๎อกําหนดวาํ ไมํต๎องทาํ การหกั ภาษี ณ ที่จาํ ย แต!่ ยอด
ท่มี มี ลู คาํ ไมํถงึ 1,000 บาท ที่มสี ัญญาตอํ เนื่อง เชนํ คาํ บริการโทรศัพท์รายเดือน คําบริการอนิ เทอร์เนต็ เป็น
ต๎น ต๎องทําการหกั ภาษี ณ ทจ่ี ํายไว๎ เพราะยอดทง้ั ปีเกนิ 1,000 บาท ซง่ึ ในการเปดิ บิลผาํ นระบบบญั ชี
FlowAccount เจ๎าของธุรกิจสามารถเลือกไดว๎ ํามูลคาํ รวมน้ันจะรวมการเสยี ภาษี หัก ณ ทีจ่ ําย หรอื ไมํ และ
เสียเทาํ ไหรํ จากนนั้ จะคํานวณยอดชําระให๎โดยอัตโนมัติ
ตวั อย่าง มาตรา 69 ทวิ รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารสํวนท๎องถิ่นผู๎
จํายเงินได๎ คํานวณภาษีเงินได๎หัก ณ ที่จํายในอัตราร๎อยละ 1 ของยอดเงินได๎พึงประเมินที่จําย ทั้งน้ีเฉพาะ
สําหรับเงินได๎พงึ ประเมนิ ที่มีจาํ นวนตง้ั แตํ 500 บาทขน้ึ ไป โดยไมํรวมภาษีมลู คาเพิม่ เชนํ กระทรวงศึกษาธิการ
จํายคําซ้ือกระดาษ ให๎แกํบริษัทที่จําหนํายแหํงหนึ่ง เป็นเงิน 535,000 บาท ภาษีมูลคําเพิ่ม 7% ดังนั้นการ
คํานวณภาษีเงินได๎ หัก ณ ท่ีจํายในอัตราร๎อยละ 1 ของราคาสินค๎าเทําน้ัน การคํานวณภาษีหัก ณ ที่จําย
(500,000x1%) เทํากบั 35,000 บาท
181
ตัวอยา่ ง มาตรา 69 ตรี
ภาษีเงินได๎นิติบุคคลหัก ณ ท่ีจําย คําใช๎จํายในสํวนน้ีผ๎ูขายต๎องรับผิดชอบเองท้ังหมด ถือเป็นคําใช๎จําย
กอ๎ นใหญํก๎อนหน่ึง ในกรณีที่ผ๎ูขายอสังหาริมทรัพย์เป็นนิติบุคคล ซ่ึงก็คือ บริษัท หรือห๎างหุ๎นสํวนนิติบุคคล มี
หน๎าท่ีชําระภาษีเงินได๎นิติบุคคล อัตราภาษี 1% จากเงินได๎ โดยคํานวณจากราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรม
ท่ีดินหรือราคาขาย แล๎วแตํอยํางใดจะสูงกวํา หักเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองใน
อสังหาริมทรัพย์ โดยสํวนใหญใํ หห๎ กั ณ ท่จี าํ ยไมํตอ๎ งนาํ ไปรวมย่ืนเสียภาษีรวมกับรายได๎ประจําอ่ืนๆ เน่ืองจาก
จะทําให๎เสียภาษีมากขึ้น และในสํวนของผู๎ขายท่ีเป็นนิติบุคคล จะไมํนําจํานวนปีที่ถือครองมาใช๎พิจารณา
คํานวณภาษีเลย ซ่ึงตํางจากกรณีของบคุ คลธรรมดาท่ตี ๎องนําจํานวนปีที่ถอื ครองมาคํานวณภาษี
182
แบบฝกึ หัด/คาํ ถาม/ปญั หา
1. บรษิ ทั เชียงราย จํากดั จํายคาํ ติดตง้ั ระบบรักษาความปลอดภัยภายในอาคาร ให๎บริษทั ทีเค จาํ กดั ซง่ึ
เปน็ บริษทั ของประเทศองั กฤษที่เข๎ามาประกอบกจิ การในประเทศไทย และยงั ไมํมีทีท่ าํ การแนนํ อนในประเทศ
ไทย เปน็ เงินจาํ นวน 10,000,000 บาท และบริษัท เชยี งราย จาํ กดั ได๎ซ้ือเครอ่ื งคอมพิวเตอรอ์ ีก จาํ นวน 10
เครอื่ ง เป็นเงนิ 250,000 บาท
ให๎ทาํ คาํ นวณและบันทึกรายการเกย่ี วกบั ภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคลหัก ณ ที่จําย
เฉลยคาํ ตอบ 10,000,000.-
1. การคาํ นวณ 500,000.-
เงินได๎พึงประเมนิ (คาํ ตดิ ตั้งฯ)
หกั ภาษหี ัก ณ ที่จําย ร๎อยละ 5 (10,000,000 x 5%) 9,500,000.-
คงเหลอื เงินได๎สทุ ธิ
ดังนน้ั ต๎องหักภาษเี งินได๎ ณ ท่จี าํ ยเป็นเงนิ = 500,000 บาท
183
การบันทึกบญั ชีเปน็ ดงั นี้
สมุดรายวนั ทัว่ ไป หนา๎ 1
พ.ศ. 2550 รายการ เลขที่ เดบิต เครดติ
เดือน วนั ท่ี
บญั ชี บาท ส.ต. บาท ส.ต.
ม.ค. 1 คาํ ตดิ ตง้ั ฯ 10,000,000 -
เงนิ สด 9,500,000 -
ภาษีเงินได๎หัก ณ ท่ีจาํ ย 500,000 -
จํายคาํ ตดิ ตง้ั ระบบความปลอดภยั
ก.พ. 7 ภาษเี งินไดห๎ ัก ณ ทจ่ี ําย 500,000 -
เงนิ สด 500,000 -
นาํ ภาษหี ัก ณ ท่จี ํายนําสํงกรมสรรพากร
เอกสารอ้างอิง/เอกสารค้นควา้ เพิม่ เตมิ
มนสั ชัย กีรติผจญ. การบญั ชีภาษอี ากร. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั สํานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จาํ กดั . 2563
184 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัส 30201-2007 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษอี ากร
ช่ือหน่วย การบญั ชีภาษีเงินได๎นติ บิ ุคคลหกั ณ ท่ีจําย
เรื่อง การบัญชีภาษีเงินไดน๎ ติ บิ คุ คลหกั ณ ท่จี าํ ย จาํ นวนชว่ั โมงสอน 1 ชั่วโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรียนรู้
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เครือ่ งมือ/วัสดุ-อปุ กรณ์
1. แสดงความรเ๎ู ก่ยี วกับผู๎มหี น๎าทีห่ กั ภาษเี งนิ ได๎นิติ 1. อปุ กรณ์เครอ่ื งเขียน
บคุ คล ณ ทจ่ี าํ ยได๎ 2. กระดาษ
2. แสดงความร๎ูเกย่ี วกบั ภาษเี งินไดน๎ ิติบคุ คลหัก ณ
ที่จาํ ย ตามมาตรา 69 ตรีได๎
3. แสดงความรู๎เก่ียวกับภาษเี งนิ ได๎นติ บิ ุคคลหัก ณ
ท่จี ําย ตามมาตรา 69 ทวิได๎
4. คาํ นวณภาษีเงินได๎นิติบุคคลหกั ณ ทจ่ี ําย ตาม
มาตรา 69 ตรีได๎
5. คาํ นวณภาษเี งินได๎นิติบคุ คลหัก ณ ท่ีจาํ ย ตาม
มาตรา 69 ทวิได๎
6. ปฏิบตั งิ านไดอ๎ ยํางถกู ตอ๎ ง และสาํ เร็จภายในเวลา
ท่ีกําหนดอยาํ งมเี หตุผล และประหยดั ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
7. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตุผลและรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผู๎อนื่
8. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คาํ นิยม และ
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ดใ๎ นเรอื่ งความมมี นุษย
สัมพันธ์ ความมีวนิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความซอ่ื สัตย์
สุจรติ ความเช่ือมัน่ ในตนเอง การประหยดั ความสนใจ
ใฝรุ ู๎ ความรักสามัคคี ความกตัญญู
185
ลาํ ดบั ขน้ั การทํางาน ข้อควรระวงั
ขั้นที่ 1 ให๎ผเ๎ู รยี นจัดกลุํมเปน็ 7 กลํมุ ๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปิดโอกาสใหส๎ มาชิกทุกคนได๎แสดงความ
โดยความสมัครใจ ผู๎เรียนแตลํ ะกลํุมเลือกหัวหน๎ากลุํม คิดเห็น
และเลขานุการกลํมุ 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรุปประเดน็ ให๎ถูกต๎อง
กิจกรรมทค่ี รูมอบหมาย คอื ค๎นคว๎าตามหัวข๎อที่
กาํ หนด ดังน้ี มอบงาน
1. ผ๎ูมีหนา๎ ท่ีหักภาษเี งินได๎นติ บิ คุ คล ณ ทีจ่ ําย 1. ให๎นักเรยี นค๎นคว๎าเพิ่มเตมิ จาก Internet เรอื่ ง
2. ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคลหัก ณ ทจ่ี ําย ตามมาตรา 69 การบญั ชีภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คลหัก ณ ทจี่ าํ ย
ตรี 2. นําข๎อมูลท่ีคน๎ ควา๎ ไดน๎ ําเสนอหนา๎ ชั้นเรียน ครู
3. ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คลหัก ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 69 และนักเรยี นรํวมกันเสนอแนะ
ทวิ
ข้ันที่ 2 ผ๎เู รียนแตํละกลุํมรวํ มกนั คน๎ ควา๎ จากสือ่ วัดผล/ประเมินผล
ตาํ งๆ พร๎อมเตรียมมาอภปิ รายหน๎าหนา๎ ช้นั เรียน โดย แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา๎ รํวมกจิ กรรมกลมํุ
เลือกวธิ ีการนําเสนอตามความถนัด โดยใชเ๎ วลากลํุมละ
ไมเํ กิน 10 นาที
ขั้นที่ 3 ผู๎เรียนแตํละกลํุมประเมินตนเองและ
ประเมินผลกลํุมอ่ืนๆ โดยใช๎แบบประเมินรายบุคคล
(แบบประเมนิ ผลงาน)
ผ๎ูสอนประเมินผลผู๎เรียนทกุ กลุมํ โดยใช๎แบบ
ประเมนิ
ขั้นท่ี 4 สงํ ครผู สู๎ อนเพ่ือประเมนิ ผล
186
พส.9
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5
เวลารวม 4 ชวั่ โมง
รหัส 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบญั ชภี าษอี ากร สปั ดาห์ 12/18
ชื่อหน่วย การบญั ชีภาษเี งนิ ไดน๎ ิติบุคคลหัก ณ ท่จี าํ ย
เร่อื ง การบญั ชภี าษีเงินไดน๎ ิตบิ ุคคลหัก ณ ทจ่ี ําย จาํ นวน 4 ช่วั โมง
1. สาระสําคญั
การหกั ภาษเี งินได๎ ณ ท่จี ําย คือ การทีป่ ระมวลรษั ฎากรบัญญัติใหผ๎ จ๎ู ํายเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ บางประเภท
หกั ภาษเี งนิ ได๎ไว๎ทุกครัง้ ทจี่ ํายเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ซงึ่ บุคคลมีหน๎าทีจ่ าํ ยใหแ๎ กํผู๎รับเงินตามอัตรา หลักเกณฑ์ และ
วิธีการทก่ี ฎหมายกาํ หนด แล๎วนําเงินน้ันสงํ ใหแ๎ กรํ ฐั บาล โดยเงินทไ่ี ดห๎ ักและนําสงํ ดังกลาํ วถือเป็นเครดิต ในการ
เสยี ภาษเี งนิ ไดข๎ องผร๎ู ับเงิน และนําสงํ ภาษเี มื่อถึงกําหนดเวลาย่ืนรายการเสยี ภาษีตอํ ไป
2. สมรรถนะประจาํ หนว่ ย
2.1 บันทกึ บัญชภี าษเี งินได๎นิติบคุ คลหกั ณ ท่ีจาํ ยได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใช๎ในการปฏิบัติงานได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ที่ดีในการปฏิบัตงิ านด๎วยความซ่อื สัตย์และรอบคอบได๎
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 แสดงความรู๎เก่ียวกบั ภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลหัก ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา 3 เตรสได๎
3.2 แสดงความร๎ูเกย่ี วกบั ภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคลหัก ณ ทจ่ี ําย ตามมาตรา 70 ได๎
3.3 คาํ นวณภาษเี งินไดน๎ ติ ิบคุ คลหัก ณ ทจ่ี าํ ย ตามมาตรา 3 เตรสได๎
3.4 คาํ นวณภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคลหัก ณ ทจ่ี าํ ย ตามมาตรา 70 ได๎
3.5 ปฏิบัตงิ านไดอ๎ ยํางถกู ต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลาทก่ี ําหนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3.6 กลา๎ แสดงความคดิ เหน็ อยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟังความคดิ เห็นของผู๎อ่นื
3.7 มีการพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเร่ืองความมีมนุษย
สัมพันธ์ ความมวี ินัย ความรับผดิ ชอบ ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุร๎ู
ความรักสามคั คี ความกตัญญูกตเวที และตระหนักถงึ การละเว๎นจากสงิ่ เสพตดิ และอบายมุขทั้งปวง
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคลหกั ณ ที่จําย ตามมาตรา 69 ตรี
4.2 ภาษเี งนิ ไดห๎ กั ณ ทีจ่ าํ ย ตามมาตรา 70
4.3 ภาษีเงินไดห๎ กั ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา 70 ทวิ
4.4 การคาํ นวณและการบญั ชภี าษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบุคคลหัก ณ ทีจ่ าํ ย
187
5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ( เชนํ เพอ่ื นชวํ ยเพื่อน Active learning ฯลฯ )
การออกแบบการจดั การเรียนร๎ู โดยใช๎วิธีการเพ่อื นชํวยเพื่อน ในการคํานวณภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคล
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาํ เขา้ ส่บู ทเรยี น
6.1 ผ๎ูสอนทบทวนความรเ๎ู ดิมที่ได๎ศึกษามาแลว๎ ในการคํานวณภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคล หัก ณ ท่ีจําย เพื่อให๎
สัมพันธ์กบั เนื้อหาสาระการเรยี นรูใ๎ หมํ ในเรือ่ งการคํานวณภาษีเงนิ ไดน๎ ติ ิบุคคล หกั ณ ที่จาํ ยตามมาตราอ่ืน ๆ
และประเมินผลโดยการถาม-ตอบ
6.2 แจ๎งผลการเรยี นรู๎ทคี่ าดหวัง
ขัน้ สอน
6.3 ผส๎ู อนอภิปรายหัวข๎อตามสาระการเรยี นร๎ู และยกตัวอยาํ งภาษีเงนิ ไดน๎ ิตบิ ุคคลหกั ณ ทจี่ ํายตาม
มาตรา 3 เตรส มาตรา 70 และหนา๎ ทขี่ องผ๎จู ํายเงนิ ได๎ หนังสือรับรองการหกั ภาษี ณ ที่จําย และความรับผิด
เก่ยี วกับภาษีหัก ณ ที่จาํ ย
6.4 ผม๎ู อบหมายใหผ๎ ูเ๎ รยี นศึกษาคน๎ คว๎าตามหวั ข๎อสาระการเรยี นรท๎ู ุกคน
6.5 สมํุ ผ๎ูเรียนบางคน เสนอผลงานหน๎าชน้ั เรียน และให๎เพ่ือนๆ คนอืน่ แสดงความคดิ เห็น
6.6 ผ๎เู รียนทําแบบประเมนิ ผลการเรียนร๎ูทา๎ ยหนํวยเรยี น
ข้นั สรุปและการประยุกต์
6.7 ผ๎สู อนและผูเ๎ รยี นสรปุ สาระสาํ คัญ โดยการซักถาม และแสดงความคิดเห็นรวํ มกนั
6.8 ผเ๎ู รยี นทําแบบประเมินผลการเรยี นรทู๎ า๎ ยหนวํ ยเรยี น
การบรู ณาการกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอเพยี ง
1.1 เตรยี มความพร๎อมด๎านวัสดุ อุปกรณส์ อดคล๎องกับงาน ไดอ๎ ยาํ งถกู ต๎องและใชว๎ ัสดุ
อุปกรณ์อยํางคมุ๎ คาํ ประหยดั ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.2 ผ๎เู รยี นจดั สรรเวลาในการปฏิบตั งิ านไดอ๎ ยํางเหมาะสม
2. ความมเี หตุผล
2.1 กลา๎ แสดงความคิดเหน็ อยํางมเี หตุผล
2.2 ใช๎วัสดถุ กู ต๎องและเหมาะสมกับงาน
3. การมภี มู คิ มุ๎ กันในตวั ท่ีดี
3.1 มกี ารเตรียมความพร๎อมในการเรยี นและการปฏิบัติงาน
3.2 มที กั ษะในการปฏบิ ตั งิ าน เข๎าใจอยํางถกู ตอ๎ ง เพื่อการปฏบิ ัติงานทม่ี ีประสทิ ธิภาพ
3.3 ควบคมุ กิรยิ าอาการในสถานการณ์ตํางๆ ได๎เป็นอยํางดี
4. เงื่อนไขความร๎ู
4.1 มคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจเกยี่ วกับการบญั ชีภาษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคลหกั ณ ที่จําย
4.2 มีความรู๎ ความเขา๎ ใจเกีย่ วกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
188
5. เง่อื นไขคณุ ธรรม
5.1 ปฏิบัตงิ านทมี่ อบหมายเสร็จภายในกําหนดเวลา
5.2 มคี วามเพียรพยายาม กระตือรือรน๎ ในการเรยี นและในขณะปฏิบตั ิงาน
7. บรรยากาศทส่ี ่งเสรมิ และพัฒนาผูเ้ รยี น
ผู๎เรียนมีความสนใจในการเรยี น เนอ่ื งจากการสอนแบบเพ่ือนชํวยเพอื่ น ทาํ ใหผ๎ ู๎เรยี นได๎แสดงความ
คิดเหน็ และได๎แลกเปล่ยี นความร๎ู สํงผลใหเ๎ กิดผลการเรยี นรู๎ทดี่ ี
8. คุณธรรม จรยิ ธรรมประจําหน่วย ( เชํน ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอํ เวลา ความซื่อสัตย์ ฯลฯ )
ความมมี นุษยสมั พันธท์ ่ีดี ความมวี ินยั ความรบั ผิดชอบ ความซอื่ สตั ย์สุจริต ความเชื่อมั่นในตนเอง การ
ประหยัด ความสนใจใฝุรู๎ ความสามัคคี ความกตัญญู ละเวน๎ ส่งิ เสพติด/การพนนั ความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์ การ
พึง่ ตนเอง ความปลอดภยั ความอดทนอดกล้ัน ความมีคุณธรรม/จริยธรรม และการตรงตํอเวลา
9. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรียน วชิ าการบัญชภี าษอี ากร ของสํานักพิมพ์เอมพันธ์
6.2 ใบความร๎ู เรื่อง การบญั ชภี าษีเงนิ ได๎นติ ิบุคคลหกั ณ ทจ่ี าํ ย
6.3 ใบงาน เรอื่ ง การบญั ชีภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคลหกั ณ ที่จําย
6.4 สื่อการสอน Power point เรือ่ ง การบญั ชภี าษีเงินได๎นติ บิ ุคคลหัก ณ ท่จี ําย
6.5 Internet
10. การวัดผลและประเมินผล ( เชนํ แบบทดสอบทา๎ ยบทเรียน , แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลังเรียน )
10.1 แบบทดสอบทา๎ ยบทเรียน เร่ือง การบัญชีภาษเี งนิ ได๎นติ ิบคุ คลหกั ณ ทีจ่ าํ ย
10.2 แบบทดสอบกํอนเรียน เร่ือง การบัญชีภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลหัก ณ ท่ีจําย
10.3 แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง การบัญชีภาษีเงนิ ไดน๎ ติ ิบคุ คลหัก ณ ทจ่ี ําย
11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การบัญชีภาษีเงินไดน๎ ิติบุคคลหกั ณ ทจี่ ําย
11.2 ใบงาน เร่ือง การบญั ชีภาษีเงินได๎นิตบิ คุ คลหัก ณ ท่จี ําย
12. เอกสารอ้างอิง
มนสั ชยั กรี ตผิ จญ. การบญั ชีภาษีอากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท สาํ นักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จาํ กดั . 2563
189 พส.10
เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการประเมิน
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชีภาษีอากร ท-ป-น 2-2-3
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1. มีการวางแผนงานทดี่ ี
2. สามารถปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีได๎วางไว๎
3. สามารถวเิ คราะห์เลอื กได้วา่ ควรจัดทาอยา่ งไรให้ผลงานมีคณุ ภาพ
4. ใชง้ บประมาณในการจดั ทาอย่างประหยัด คุม้ คา่
5. รักษาสิ่งแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั งิ าน
6. การปฏิบตั ิตนเปน็ ไปตามจุดประสงค์การเรยี นร๎ู
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (90%)
190
พส.11
บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
รหัสวิชา.....30201-2007.......ช่ือวชิ า.........การบญั ชภี าษอี ากร..................................ระดับช้นั ปวช. ปวส.
สาขางาน..............สบ.1 ปกต,ิ ทวิภาค.ึ ......................สัปดาห์ที.่ ....12.....วันท่ีสอน..........................................................
หนํวยท่ี......5......ชอ่ื หนวํ ย...........การบญั ชภี าษีเงินได๎นิติบุคคลหัก ณ ที่จาํ ย......................จํานวน........4........ชั่วโมง
จาํ นวนผ๎เู รียน........…....คน มาเรยี น...............คน ขาดเรียน.............คน ลาปวุ ย............คน ลากจิ ..............คน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ลงช่ือ.......................................................ครูผ๎สู อน
(นางสาวนภาพร คงวิจิตร)
........../................/............
ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
ลงชื่อ...............................................หัวหนา๎ แผนกวิชา ลงช่ือ............................................รองผ๎อู ํานวยการฝาุ ยวชิ าการ
(นางทิพวรรณ เหราบตั ย์) (นางสาวนิศากร เจริญดี)
............/................../............ ............/................../............
ความเห็นผอ๎ู ํานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................
ลงช่ือ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)
ผ๎ูอาํ นวยการวทิ ยาลัยการอาชีพนครปฐม
............/................../............
191
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัส 30201-2007 ช่ือวชิ า การบัญชภี าษีอากร
ชอื่ หนว่ ย การบัญชีภาษีเงินได๎นติ บิ คุ คลหัก ณ ที่จําย
เรื่อง การบัญชีภาษเี งินได๎นิตบิ ุคคลหกั ณ ที่จําย จาํ นวนชว่ั โมงสอน 1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรียนรู้
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. แสดงความร๎ูเก่ยี วกบั ภาษเี งินได๎นิติบุคคลหัก ณ 1. ภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คลหัก ณ ท่จี ําย ตาม
ที่จาํ ย ตามมาตรา 3 เตรสได๎ มาตรา 69 ตรี
2. แสดงความร๎ูเกีย่ วกับภาษีเงนิ ได๎นติ บิ ุคคลหัก ณ 2. ภาษีเงินไดห๎ กั ณ ที่จําย ตามมาตรา 70
ท่ีจาํ ย ตามมาตรา 70 ได๎ 3. ภาษีเงินได๎หัก ณ ท่จี ําย ตามมาตรา 70
3. คาํ นวณภาษเี งินไดน๎ ิติบคุ คลหัก ณ ที่จําย ตาม ทวิ
มาตรา 3 เตรสได๎ 4. การคํานวณและการบัญชีภาษีเงนิ ได๎นติ ิ
4. คํานวณภาษเี งินไดน๎ ิติบุคคลหกั ณ ทีจ่ าํ ย ตาม บุคคลหกั ณ ท่ีจําย
มาตรา 70 ได๎
5. ปฏิบตั งิ านได๎อยํางถกู ตอ๎ ง และสาํ เร็จภายในเวลา
ที่กําหนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
6. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยาํ งมีเหตุผลและรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ของผู๎อนื่
7. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คาํ นยิ ม และ
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ดใ๎ นเร่ืองความมมี นษุ ย
สัมพนั ธ์ ความมีวนิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความซอ่ื สัตย์สุจริต
ความเชื่อมนั่ ในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝรุ ๎ู
ความรกั สามัคคี ความกตัญญูกตเวที และตระหนกั ถงึ การ
ละเวน๎ จากสิ่งเสพตดิ และอบายมุขท้ังปวง
เนือ้ หาสาระ
มาตรา 69 ตรี ให๎บุคคล ห๎างห๎ุนสํวน บริษัท สมาคม หรอื คณะบุคคลผ๎จู ํายเงินไดพ๎ งึ ประเมนิ ตาม
มาตรา 40 (8) เฉพาะท่จี ํายใหก๎ บั บริษัทหรือห๎างหนุ๎ สวํ นนิติบุคคล ซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ คาํ นวณหักภาษีเงิน
ไดไ๎ ว๎ ณ ที่จํายในอตั ราร๎อยละ 1 แลว๎ นําสงํ พนกั งานเจ๎าหนา๎ ทผี่ ๎ูรับจดทะเบียนสทิ ธิ และนิติกรรมในขณะทีม่ ี
การจดทะเบยี น และให๎นําความในมาตรา 52 วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ๎ งั คบั โดยอนุโลม ภาษีทห่ี ักไว๎
และนาํ สงํ ตามวรรคหนึ่ง ให๎ถือเปน็ เครดติ ในการคาํ นวณภาษเี งนิ ได๎ของบรษิ ัทหรือห๎างห๎ุนสวํ นนติ ิบุคคล ทีถ่ ูก
192
หักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีทห่ี ักไวน๎ นั้
มาตรา 70 บรษิ ทั หรือหา๎ งห๎ุนสํวนนติ ิบคุ คล ที่ต้ังข้นึ ตามกฎหมายของตาํ งประเทศ มไิ ดป๎ ระกอบ
กจิ การในประเทศไทย แตํได๎รับเงนิ ได๎พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ทีจ่ าํ ยจากหรอื ใน
ประเทศไทย ให๎บริษทั หรือห๎างหนุ๎ สํวนนติ ิบคุ คลน้ันเสยี ภาษี โดยใหผ๎ ๎ูจํายหกั ภาษจี ากเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ทีจ่ าํ ย
ตามอัตราภาษีเงินได๎ สาํ หรับบริษัทหรอื ห๎างห๎ุนสํวนนิตบิ ุคคลแล๎วนาํ สงํ อาํ เภอทอ๎ งทพ่ี ร๎อมกบั ย่ืนรายการตาม
แบบท่อี ธิบดีกําหนดภายในเจ็ดวนั นบั แตวํ ันสน้ิ เดือนของเดือนทีจ่ าํ ยเงนิ ได๎พงึ ประเมินนัน้ ท้ังนี้ ใหน๎ าํ มาตรา
54 มาใช๎บงั คับโดยอนโุ ลม
มาตรา 70 ทวิ บริษทั หรือห๎างห๎นุ สวํ นนิติบุคคลใดจาํ หนาํ ยเงนิ กําไร หรือเงินประเภทอืน่ ใดท่ีกนั ไว๎
จากกาํ ไรหรอื ที่ถอื ไดว๎ าํ เป็นเงินกาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ให๎เสียภาษีเงนิ ไดโ๎ ดยหักภาษีจากจํานวนเงนิ ท่ี
จําหนาํ ยน้ัน ตามอัตราภาษเี งินไดส๎ าํ หรบั บรษิ ทั หรือห๎างหุ๎นสํวนนติ บิ ุคคล แลว๎ นาํ สํงอําเภอท๎องที่ พร๎อมกับ
ย่ืน
การจาํ หนํายเงนิ กําไรตามวรรคหนง่ึ ให๎หมายความรวมถึง
(1) การจาํ หนํายเงนิ กาํ ไร หรือเงินประเภทอน่ื ใดที่กนั ไวจ๎ ากกําไร หรือทีถ่ ือได๎วําเปน็ เงินกําไร จากบัญชี
กําไรขาดทุนหรือบัญชอี ื่นใดไปชาํ ระหน้หี รอื หกั กลบลบหนี้ หรอื ไปตั้งเปน็ ยอดเจา๎ หนี้ในบัญชีของบุคคลใดๆ ใน
ตํางประเทศหรือ
(2) ในกรณีท่มี ิไดป๎ รากฏข๎อเทจ็ จริงดงั กลําวใน (1) แตํไดม๎ กี ารขออนุญาตซื้อและโอนเงินตราตาํ งประเทศ
ซ่งึ เป็นเงินกาํ ไรหรือเงินประเภทอน่ื ใดท่ีกนั ไวจ๎ ากกําไรหรือทีถ่ อื ไดว๎ าํ เป็นเงนิ กาํ ไรออกไปตาํ งประเทศ หรือ
(3) การปฏิบัตอิ ยํางอน่ื ซึง่ กอํ ให๎เกิดผลตาม (1) หรอื (2)
การคํานวณภาษเี งินไดน้ ติ บิ คุ คลจากกาํ ไรสทุ ธิ บรษิ ทั หรอื หา๎ งหน๎ุ สวํ นนติ บิ ุคคลท่ีมีหน๎าที่เสยี ภาษี
เงนิ ไดน๎ ิติบุคคลจากกําไรสุทธแิ ละตอ๎ งคํานวณภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คล และยน่ื แบบแสดงรายการและชําระภาษีปี
ละ 2 ครงั้ ดังนี้
ก. การคํานวณเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คลคร่ึงรอบระยะเวลาบญั ชนี นั้ ไดม๎ ีบัญญัติไวใ๎ นมาตรา 67 ทวิ แหงํ ประมวล
รัษฎากรดงั น้ี
(1) ในกรณบี ริษัทหรือหา๎ งหุ๎นสวํ นนิติบคุ คล นอกจากท่ีกลาํ วใน (2) ใหจ๎ ัดทําประมาณการกําไร สทุ ธิ หรือ
ขาดทุนสุทธิ ซ่งึ ได๎จากกิจการหรอื เน่ืองจากกจิ การที่ไดก๎ ระทาํ หรือจะได๎กระทาํ ในรอบระยะเวลาบัญชีน้นั แลว๎
ให๎คาํ นวณและชาํ ระภาษเี งินไดน๎ ิตบิ คุ คลจากจํานวนก่ึงหนงึ่ ของประมาณการกําไรสุทธิในรอบระยะเวลาบญั ชี
น้ัน
(2) ในกรณบี รษิ ัทจดทะเบียนธนาคารพาณิชยต์ ามกฎหมายวําดว๎ ยการธนาคารพาณิชยห์ รอื บรษิ ทั เงินทนุ
บริษทั หลักทรัพย์ หรือ บริษัทเครดติ ฟองซิเอร์ หรอื บรษิ ัทหรอื ห๎างหุ๎นสํวนนติ บิ ุคคล ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขท่ีอธบิ ดีกําหนดให๎คํานวณและชําระภาษจี ากกาํ ไรสุทธิ ของรอบระยะเวลาหกเดือนนบั แตํวัน แรก
ของรอบระยะเวลาบัญชตี ามเงื่อนไขทีร่ ะบุไว๎ในมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี
ภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคลคร่ึงรอบระยะเวลาบัญชนี ้ใี ห๎ถือเป็นเครดิตในการเสียภาษเี งนิ ได๎นติ บิ ุคคลเม่ือสิ้น รอบ
ระยะเวลาบัญชคี ือ เอาไปหกั ออกจากภาษีท่ีต๎องเสียจากกาํ ไรสทุ ธขิ องท้ังรอบระยะเวลาบญั ชีและในกรณที ่ี
ภาษที ่ีเสยี ไวค๎ รง่ึ รอบระยะเวลาบญั ชสี งู กวําภาษีทจี่ ะต๎องเสียทั้งรอบระยะเวลาบัญชี บริษทั หรอื ห๎างหน๎ุ สวํ น
193
นิติบคุ คลก็มีสทิ ธขิ อคนื ภาษีที่ชําระไว๎เกนิ ได๎
กรณีทบี่ ริษทั หรือหา๎ งหุ๎นสํวนนิตบิ คุ คลมีรอบระยะเวลาบัญชแี รกหรือรอบระยะเวลาบัญชสี ุดทา๎ ย น๎อย
กวาํ 12 เดอื น ไมตํ ๎องยนื่ แบบแสดงรายการและเสียภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คลครงึ่ รอบระยะเวลาบญั ชี
ข. การคํานวณเงินได๎นิตบิ ุคคลจากกําไรสุทธิ เม่ือสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี การคํานวณกาํ ไรสทุ ธิของบริษทั
หรอื หา๎ งหุ๎นสํวนนิติบุคคลให๎คํานวณกาํ ไรสุทธิตามเง่ือนไขท่ีบญั ญัติไว๎ใน ประมวลรัษฎากร โดยนาํ กําไรสทุ ธิ
ดงั กลําวคณู ด๎วยอัตราภาษี เงินได๎นติ ิบคุ คล จะไดภ๎ าษีเงินไดน๎ ติ บิ คุ คล ที่ต๎องชําระ ถ๎าคํานวณกําไรสุทธิออก
มาแลว๎ ปรากฏวํา ไมํมีกาํ ไรสุทธิ หรือขาดทนุ สุทธิ บรษิ ัทไมตํ อ๎ งเสียภาษีเงนิ ได๎นติ ิบุคคล
แบบฝกึ หดั /คาํ ถาม/ปัญหา
1. ให๎บุคคล หา๎ งหุ๎นสํวน บริษทั สมาคม หรอื คณะบุคคลผูจ๎ าํ ยเงินไดพ๎ งึ ประเมินตามมาตรา 40 (8)
เฉพาะที่จาํ ยให๎กบั บริษัทหรือห๎างหุ๎นสํวนนติ บิ คุ คล ซง่ึ ขายอสังหาริมทรัพย์ คาํ นวณหักภาษีเงินได๎ไว๎ ณ ทจ่ี าํ ย
ในอตั ราร๎อยละเทําใด
2. บริษัทหรือหา๎ งห๎ุนสํวนนติ บิ ุคคล ที่ตง้ั ขึน้ ตามกฎหมายของตํางประเทศ มิได๎ประกอบกิจการในประเทศ
ไทย แตํได๎รบั เงินไดพ๎ ึงประเมินตามมาตราใดบา๎ ง ทจ่ี าํ ยจากหรอื ในประเทศไทย ใหบ๎ รษิ ัทหรือห๎างห๎นุ สํวนนิติ
บุคคลนน้ั เสยี ภาษี โดยใหผ๎ ู๎จาํ ยหักภาษีจากเงนิ ได๎พงึ ประเมินทีจ่ าํ ยตามอัตราภาษีเงินได๎
3. การจาํ หนํายเงินกาํ ไรตามวรรคหน่ึงให๎หมายความรวมถึงอะไรบ๎าง
4. การคาํ นวณภาษเี งนิ ได้นิตบิ คุ คลจากกาํ ไรสทุ ธิ บรษิ ัทหรือหา๎ งห๎นุ สวํ นนติ ิบุคคลทม่ี ีหนา๎ ท่ีเสีย ภาษี
เงนิ ได๎นิตบิ ุคคลจากกาํ ไรสุทธแิ ละต๎องคํานวณภาษีเงนิ ไดน๎ ิตบิ คุ คล และยน่ื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษีปี
ละกคี่ ร้งั
5. กรณที ีบ่ รษิ ัทหรือห๎างหุ๎นสวํ นนติ บิ คุ คลมีรอบระยะเวลาบญั ชีแรกหรอื รอบระยะเวลาบัญชสี ุดท๎าย น๎อย
กวํา 12 เดือน ต๎องดาํ เนนิ การอยํางไร
เฉลยคําตอบ
1. รอ๎ ยละ 1
2. เงนิ ได๎พึงประเมนิ ตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรอื (6)
3. (1) การจาํ หนาํ ยเงินกาํ ไร หรอื เงินประเภทอ่ืนใดท่ีกันไวจ๎ ากกําไร หรอื ท่ีถอื ได๎วาํ เป็นเงินกําไร จากบญั ชี
กาํ ไรขาดทนุ หรือบัญชีอน่ื ใดไปชําระหน้หี รอื หักกลบลบหนี้ หรือไปตงั้ เปน็ ยอดเจา๎ หนี้ในบัญชขี องบุคคลใดๆ ใน
ตํางประเทศหรอื
(2) ในกรณที ีม่ ิได๎ปรากฏข๎อเท็จจรงิ ดังกลําวใน (1) แตไํ ด๎มีการขออนญุ าตซื้อและโอนเงินตราตํางประเทศ
ซึง่ เปน็ เงนิ กาํ ไรหรือเงนิ ประเภทอืน่ ใดที่กันไวจ๎ ากกาํ ไรหรอื ท่ถี อื ได๎วาํ เปน็ เงนิ กําไรออกไปตาํ งประเทศ หรอื
(3) การปฏบิ ตั ิอยํางอน่ื ซ่ึงกํอใหเ๎ กดิ ผลตาม (1) หรือ (2)
4. 2 ครั้ง
5. ไมํตอ๎ งยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษเี งินไดน๎ ิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบญั ชี
เอกสารอา้ งองิ /เอกสารคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ
มนสั ชัย กีรตผิ จญ. การบัญชีภาษอี ากร. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สาํ นกั พมิ พเ์ อมพันธ์ จาํ กัด. 2563
194
พส.12
แบบประเมินผลการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ 5
รหสั 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชภี าษีอากร
ชือ่ หน่วย การบัญชภี าษเี งินไดน๎ ติ ิบุคคลหัก ณ ทจ่ี าํ ย
เรื่อง การบญั ชภี าษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคลหกั ณ ทีจ่ ําย จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ชัว่ โมง
จงเลอื กคําตอบท่ถี ูกตอ๎ งทีส่ ดุ เพียงข๎อเดยี ว
1. กรณีผูป๎ ระกอบกจิ การนิติบุคคลในประเทศไทยและมีการเปิดสาขาในประเทศไทยต๎องเสียภาษีตามข๎อใด
ก. มาตรา 65
ข. มาตรา 66
ค. มาตรา 67
ง. มาตรา 69
2. กรณผี ๎ูประกอบการไมํไดป๎ ระกอบกิจการในประเทศไทย ตอ๎ งเสยี ภาษตี ามขอ๎ ใด
ก. มาตรา 69 ตรี
ข. มาตรา 69 ทวิ
ค. มาตรา 70
ง. มาตรา 70 ทวิ
3. จากขอ๎ 2. เงินได๎พงึ ประเมนิ ที่จะนาํ มาคํานวณภาษหี กั ณ ท่จี ําย คือข๎อใด
ก. 40 (1)
ข. 40 (2)
ค. 40 (7)
ง. 40 (8)
4. ภาษีเงนิ ได๎หัก ณ ทจี่ ําย จะนําสงํ ภายในกี่วนั นบั แตํวนั ส้ินเดือนท่ีจําย
ก. 5 วนั
ข. 7 วัน
ค. 15 วนั
ง. 30 วัน
5. ขอ๎ ใดเป็นนติ บิ ุคคลทีไ่ ดร๎ ับยกเวน๎ ไมํต๎องเสียภาษี
ก. บรษิ ัท ทีโอที จํากัด
ข. องค์การเภสชั กรรม
ค. บรษิ ทั การบินไทย จํากัด (มหาชน)
ง. โรงพยาบาลวิชยั ยุทธ์
6. การหักภาษเี งนิ ได๎ ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา 3 เตรส ตอ๎ งมจี าํ นวนเงนิ เทาํ ใด จึงหกั ภาษีได๎
ก. 500 บาทข้นึ ไป
ข. 1,000 บาทขึ้นไป
ค. 2,000 บาทขึ้นไป
ง. 5,000 บาทขึน้ ไป
195
7. มหาวิทยาลัยรงั สิต ไดจ๎ ํายคําโฆษณาใหห๎ นงั สือพิมพ์ไทยรฐั 40,000 บาท ตอ๎ งหกั ภาษี ณ ทีจ่ าํ ยตามขอ๎ ใด
ก. หกั ตามอัตรา 1%
ข. หกั ตามอตั รา 2%
ค. หักตามอตั รา 3%
ง. หักตามอตั รา 5%
8. จากขอ๎ 7. ต๎องหักภาษี ณ ทจี่ ําย เป็นจํานวนเทําใด
ก. 400 บาท
ข. 800 บาท
ค. 1,200 บาท
ง. 2,000 บาท
9. บรษิ ัทยิ่งรวย จาํ กัด จํายดอกเบ้ียเงินกู๎ยืม 100,000 บาท ให๎นางบังอรซึ่งเป็นผ๎ูจัดการบริษัท ต๎องหักภาษี
ณ ท่จี าํ ย ตามอตั รารอ๎ ยละเทําใด
ก. 1%
ข. 10%
ค. 15%
ง. 20%
10. จากขอ๎ 9. จํานวนเงนิ ทีต่ ๎องหักภาษีเงนิ ได๎ ณ ทจ่ี าํ ย คอื ขอ๎ ใด
ก. 1,000 บาท
ข. 10,000 บาท
ค. 15,000 บาท
ง. 20,000 บาท
196
พส.12
เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรูห้ น่วยท่ี 5
รหัส 30201-2007 ชือ่ วชิ า การบัญชภี าษอี ากร
ช่อื หน่วย การบัญชีภาษเี งินไดน๎ ิติบคุ คลหกั ณ ทจี่ ําย
เร่อื ง การบญั ชีภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลหกั ณ ทจ่ี าํ ย จาํ นวนชั่วโมงสอน 1 ช่วั โมง
จงเลือกคําตอบท่ถี ูกต๎องทสี่ ุดเพยี งข๎อเดียว
1. กรณผี ูป๎ ระกอบกิจการนิตบิ คุ คลในประเทศไทยและมกี ารเปดิ สาขาในประเทศไทยต๎องเสียภาษตี ามข๎อใด
ข. มาตรา 66
2. กรณีผ๎ปู ระกอบการไมํไดป๎ ระกอบกจิ การในประเทศไทย ต๎องเสียภาษตี ามข๎อใด
ค. มาตรา 70
3. จากข๎อ 2. เงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ ท่จี ะนํามาคาํ นวณภาษหี กั ณ ทีจ่ ําย คอื ข๎อใด
ข. 40(2)
4. ภาษเี งินได๎หกั ณ ท่จี ําย จะนําสงํ ภายในกีว่ ันนับแตํวันส้นิ เดือนท่ีจาํ ย
ข. 7 วนั
5. ข๎อใดเปน็ นติ ิบุคคลท่ีไดร๎ ับยกเว๎นไมตํ อ๎ งเสียภาษี
ข. องค์การเภสชั กรรม
6. การหักภาษเี งนิ ได๎ ณ ที่จาํ ย ตามมาตรา 3 เตรส ต๎องมีจาํ นวนเงนิ เทําใด จึงหกั ภาษไี ด๎
ข. 1,000 บาทขึน้ ไป
7. มหาวทิ ยาลยั รังสิต ได๎จาํ ยคําโฆษณาให๎หนังสอื พิมพไ์ ทยรัฐ 40,000 บาท ตอ๎ งหกั ภาษี ณ ทจี่ ํายตามข๎อใด
ข. หักตามอตั รา 2%
8. จากขอ๎ 7. ต๎องหกั ภาษี ณ ท่ีจาํ ย เปน็ จาํ นวนเทาํ ใด
ข. 800 บาท
9. บริษัทย่ิงรวย จํากดั จํายดอกเบ้ียเงินกู๎ยืม 100,000 บาท ให๎นางบังอรซ่ึงเป็นผ๎ูจัดการบริษัท ต๎องหักภาษี
ณ ที่จาํ ย ตามอัตรารอ๎ ยละเทาํ ใด
ค. 15%
10. จากข๎อ 9. จาํ นวนเงินทีต่ ๎องหกั ภาษเี งินได๎ ณ ท่จี าํ ย คอื ขอ๎ ใด
ค. 15,000.-
197
พส.12
แบบทดสอบทักษะหนว่ ยท่ี 5
รหสั 30201-2007 ชื่อวชิ า การบัญชีภาษีอากร
ชอ่ื หน่วย การบัญชีภาษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ ุคคลหกั ณ ที่จาํ ย
เรือ่ ง การบญั ชีภาษเี งินไดน๎ ติ ิบคุ คลหัก ณ ท่จี าํ ย จํานวนช่ัวโมงสอน 1 ช่ัวโมง
ขอ๎ 1 บริษัท สามสหาย จํากดั จําหนาํ ยเครือ่ งปรับอากาศ และมีบรกิ ารติดตั้ง ในวนั ที่ 1 มกราคม 25x1
บริษัท โอที จาํ กัด มาซ้ือเคร่ืองปรบั อากาศ 10 เครื่อง 180,000 บาท และจํายคาํ ติดต้ังอีก 20,000 บาท
บรษิ ัท โอที จาํ กัด ไดจ๎ าํ ยเงนิ พรอ๎ มใบกาํ กับภาษี โดยแยกออกเปน็ 2 ใบ ใหค๎ าํ นวณและบนั ทกึ บญั ชกี ารหัก
ภาษเี งนิ ได๎ ณ ที่จําย ของบรษิ ัท สามสหาย จาํ กัด
เฉลยแบบทดสอบทกั ษะหนว่ ยที่ 5
รหสั 30201-2007 ชื่อวชิ า การบญั ชีภาษอี ากร
ช่อื หน่วย การบัญชภี าษเี งินไดน๎ ติ ิบุคคลหัก ณ ทจี่ ําย
เรื่อง การบัญชภี าษีเงนิ ได๎นิติบุคคลหกั ณ ท่จี าํ ย จาํ นวนช่ัวโมงสอน 1 ชว่ั โมง
ข้อ 1 การคํานวณ 20,000.-
600.-
เงินได๎พงึ ประเมนิ (คิดเฉพาะคําติดตง้ั )
19,400.-
หัก ภาษีหัก ณ ทีจ่ ําย ร๎อยละ3 (20,000 x 3%)
คงเหลือเงนิ ไดส๎ ทุ ธิ
ดงั น้ัน ตอ๎ งหกั ภาษีเงินได๎ ณ ที่จํายเป็นเงิน = 600 บาท
การบนั ทกึ บัญชเี ป็นดงั นี้
สมุดรายวนั ท่ัวไป หน๎า 1
พ.ศ. 2550 รายการ เลขที่ เดบิต เครดิต
เดือน วนั ท่ี บัญชี บาท ส.ต. บาท ส.ต.
20,000 -
ม.ค. 1 คําตดิ ตงั้ 600 -
19,400 -
เงนิ สด
ภาษีเงินไดห๎ ัก ณ ทีจ่ าํ ย
จาํ ยคําติดตั้งเครอ่ื งปรบั อากาศ
ก.พ. 7 ภาษเี งินได๎หัก ณ ทจ่ี าํ ย 600 -
เงินสด 600
นําภาษหี กั ณ ท่ีจํายนําสํงกรมสรรพากร
198 พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั 30201-2007 ช่ือวิชา การบัญชีภาษีอากร
ชื่อหน่วย การบญั ชภี าษเี งินไดน๎ ติ ิบุคคลหกั ณ ที่จําย
เรือ่ ง การบัญชภี าษเี งินได๎นิตบิ คุ คลหกั ณ ที่จําย จํานวนชว่ั โมงสอน 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เคร่ืองมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์
1. แสดงความรู๎เก่ียวกบั ภาษเี งนิ ได๎นติ ิบุคคลหัก ณ 1. อปุ กรณ์เคร่อื งเขยี น
ทจี่ ําย ตามมาตรา 3 เตรสได๎ 2. กระดาษ
2. แสดงความรู๎เก่ยี วกบั ภาษเี งนิ ได๎นติ บิ ุคคลหัก ณ
ที่จาํ ย ตามมาตรา 70 ได๎
3. คํานวณภาษเี งนิ ได๎นิติบุคคลหกั ณ ทจ่ี ําย ตาม
มาตรา 3 เตรสได๎
4. คาํ นวณภาษีเงนิ ไดน๎ ติ ิบุคคลหัก ณ ที่จําย ตาม
มาตรา 70 ได๎
5. ปฏิบตั ิงานได๎อยํางถกู ตอ๎ ง และสําเรจ็ ภายในเวลา
ทก่ี าํ หนดอยํางมีเหตผุ ล และประหยดั ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
6. กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมเี หตุผลและรบั ฟัง
ความคิดเห็นของผ๎ูอืน่
7. มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คํานิยม และ
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ได๎ในเรอ่ื งความมีมนุษย
สัมพนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ ความซือ่ สตั ย์
สุจริต ความเชือ่ ม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจ
ใฝุร๎ู ความรักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที และตระหนัก
ถึงการละเวน๎ จากส่ิงเสพติดและอบายมุขท้ังปวง
199
ลาํ ดับขั้นการทาํ งาน ขอ้ ควรระวงั
ข้ันที่ 1 ให๎ผ๎เู รยี นจดั กลุํมเปน็ 7 กลุํมๆ ละ 4-5 คน 1. ควรเปดิ โอกาสใหส๎ มาชิกทกุ คนไดแ๎ สดงความ
โดยความสมัครใจ ผเู๎ รยี นแตลํ ะกลมํุ เลือกหัวหน๎ากลํมุ คิดเหน็
และเลขานุการกลํมุ 2. รํวมกันพจิ ารณาและสรุปประเดน็ ใหถ๎ ูกต๎อง
กจิ กรรมทค่ี รมู อบหมาย คอื คน๎ ควา๎ ตามหัวข๎อที่
กําหนด ดงั นี้ มอบงาน
1. ภาษเี งนิ ไดน๎ ิติบคุ คลหกั ณ ทีจ่ ําย ตามมาตรา 1. ให๎นกั เรียนค๎นคว๎าเพ่ิมเตมิ จาก Internet เร่อื ง
69 ตรี การบัญชีภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลหัก ณ ทีจ่ ําย
2. ภาษเี งนิ ไดห๎ กั ณ ที่จําย ตามมาตรา 70 2. นําข๎อมลู ที่คน๎ คว๎าไดน๎ ําเสนอหน๎าช้นั เรียน ครู
3. ภาษเี งนิ ไดห๎ ัก ณ ท่ีจําย ตามมาตรา 70 ทวิ และนกั เรยี นรํวมกนั เสนอแนะ
4. การคํานวณและการบัญชภี าษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคล
หกั ณ ที่จาํ ย วดั ผล/ประเมนิ ผล
ขนั้ ที่ 2 ผเ๎ู รียนแตํละกลมํุ รวํ มกนั คน๎ ควา๎ จากสอื่ แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข๎ารํวมกจิ กรรมกลมํุ
ตาํ งๆ พร๎อมเตรยี มมาอภิปรายหนา๎ หน๎าช้นั เรียน โดย
เลอื กวิธีการนําเสนอตามความถนดั โดยใชเ๎ วลากลํุมละ
ไมํเกิน 10 นาที
ข้ันท่ี 3 ผู๎เรียนแตลํ ะกลํุมประเมนิ ตนเองและ
ประเมินผลกลุํมอน่ื ๆ โดยใชแ๎ บบประเมนิ รายบุคคล
(แบบประเมินผลงาน)
ผู๎สอนประเมนิ ผลผเ๎ู รยี นทกุ กลุมํ โดยใชแ๎ บบ
ประเมิน
ข้นั ที่ 4 สํงครูผ๎สู อนเพอ่ื ประเมนิ ผล
200
พส.9
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6
เวลารวม 4 ช่วั โมง
รหัส 30201-2007 ชอ่ื วิชา การบัญชีภาษอี ากร สปั ดาห์ 13/18
ชอื่ หน่วย การบัญชีภาษีมลู คาํ เพิ่ม
เรือ่ ง การบญั ชภี าษมี ูลคําเพิ่ม จํานวน 4 ชว่ั โมง
1. สาระสาํ คัญ
ภาษีมูลคําเพ่ิม คือ ภาษีที่จัดเก็บจากมูลคําของสินค๎าหรือบริการจากการขายสินค๎าหรือบริการ และ
มูลคําท่ีเพิ่มข้ึนของการผลิต เม่ือมีการนําระบบภาษีมูลคําเพ่ิมมาใช๎แทนระบบภาษีการค๎าเพื่อเป็น การขจัด
ภาษีซํ้าซ๎อน แตํมีปัญหาในการนํามาบันทึกบัญชีของผู๎ประกอบการ เพราะขาดความรู๎ในการเสียภาษี
มูลคําเพิ่ม ดังน้ัน จึงต๎องทําความเข๎าใจการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพิ่ม กิจการท่ียกเว๎นภาษี ฐานภาษี การจด
ทะเบียน อตั ราภาษีมลู คาํ เพ่มิ การคํานวณและการบัญชภี าษมี ลู คําเพ่ิม เพือ่ ประโยชน์ของกจิ การตอํ ไป
2. สมรรถนะประจําหนว่ ย
2.1 บนั ทึกบญั ชีภาษีมูลคําเพิ่มได๎
2.2 นอ๎ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใชใ๎ นการปฏิบัตงิ านได๎
2.3 แสดงเจตคตแิ ละกจิ นสิ ัยทีด่ ีในการปฏบิ ัตงิ านด๎วยความซอ่ื สตั ยแ์ ละรอบคอบได๎
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 แสดงความรู๎เกย่ี วกบั ผ๎ูมหี น๎าทเ่ี สยี ภาษมี ูลคําเพิ่ม ในเรอื่ งการจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพม่ิ ความ
รบั ผดิ ชอบ ในการเสยี ภาษมี ูลคาํ เพิ่มได๎
3.2 คาํ นวณและบนั ทึกภาษีมูลคาํ เพ่มิ ตามหลกั การบันทึกบัญชีได๎
3.3 ปฏบิ ตั ิงานไดอ๎ ยํางถกู ต๎อง และสาํ เร็จภายในเวลาท่กี าํ หนดอยาํ งมีเหตุผล และประหยดั ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3.4 กลา๎ แสดงความคิดเห็นอยํางมเี หตุผลและรับฟังความคดิ เห็นของผ๎ูอนื่
3.5 มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได๎ในเรื่องความมีมนุษย
สัมพันธ์ ความมีวนิ ัย ความรับผิดชอบ ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต ความเชื่อม่ันในตนเอง การประหยัด ความสนใจใฝุรู๎
ความรกั สามัคคี ความกตัญญกู ตเวที และตระหนักถึงการละเว๎นจากส่งิ เสพตดิ และอบายมุขทั้งปวง
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ผู๎มหี น๎าทต่ี อ๎ งจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพมิ่
4.2 ผม๎ู หี นา๎ ท่ีเสยี ภาษีมูลคาํ เพิ่ม
4.3 กจิ การที่ได๎รับการยกเว๎นภาษมี ูลคาํ เพิม่
4.4 ความรับผดิ ในการเสียภาษีมูลคําเพิม่
4.5 ฐานภาษมี ูลคาํ เพ่ิม
4.6 วิธีการจดทะเบียนภาษมี ูลคําเพ่ิม