สารานุกรมพืชในประเทศไทย แสลงพันกระดกู
สกลุ Dapsilanthus B. G. Briggs & L. A. S. Johnson มี 4 ชนิด พบในเอเชียและ แสลงพัน, สกลุ
ออสเตรเลีย ในไทยมีชนดิ เดียว ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “dapsilis” จำ�นวนมาก
หรือหนาแน่น และ “anthos” ดอก ตามลกั ษณะชอ่ ดอกเรียงเปน็ กระจกุ แน่น Phanera Lour.
เอกสารอ้างอิง วงศ์ Fabaceae
Briggs, B.G. and L.A.S. Johnson. (1998). New genera and species of Australian
ไมเ้ ถา มมี อื จบั หใู บขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น เรยี บหรอื แฉกลกึ ชอ่ ดอกแบบ
Restionaceae (Poales). Telopea 7(4): 369. ช่อกระจะ ช่อเชิงหล่ัน หรือช่อแยกแขนง ใบประดับและใบประดับย่อยร่วงเร็ว
Larsen, K. (2000). Restionaceae (Leptocarpus disjunctus). In Flora of Thailand กลีบเล้ียง 3-5 กลีบ แฉกลกึ กลีบดอก 5 กลบี มีก้านกลีบ เกสรเพศผูท้ ่สี มบูรณ์
สว่ นมากมี 3 อัน พบนอ้ ยที่มี 2 อัน รงั ไข่มี 1 ช่อง มกี า้ นส้นั ๆ ยอดเกสรเพศเมีย
Vol. 2(2): 172-174. เปน็ ต่มุ หรือรูปจาน ผลเปน็ ฝักแบน แหง้ แตกหรอื ไม่แตก
Wu, G. and K. Larsen.(2000). Restionaceae. In Flora of China Vol. 24: 2.
สกลุ Phanera เคยรวมอยภู่ ายใต้สกุล Bauhinia ซง่ึ ปจั จุบนั ได้ถูกจำ�แนกออกเป็น
แสม้ ้าฮ่อ: ไมล้ ม้ ลุก แตกกอหนาแน่น ช่อดอกย่อยแบบช่อเชิงลดเปน็ กระจกุ แนน่ เรียงบนช่อเแยกแขนง ใบประดบั หลายสกุล เชน่ Phanera, Lasiobema และ Lysiphyllum เปน็ ตน้ มีประมาณ
รูปไข่แคบ สนี ำ้� ตาลแดง (ภาพ: ภวู วั บงึ กาฬ - SSi) 84 ชนดิ ส่วนมากพบในเขตร้อน ในไทยมปี ระมาณ 20 ชนดิ และพบเป็นไม้ประดับ
1 ชนดิ คือ สาวปนี ัง P. kockiana (Korth.) Benth. พบเฉพาะในภมู ภิ าคมาเลเซยี
แสลงใจ ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี “phaneros” แปลว่าชดั เจน หมายถงึ ลักษณะดอกที่
คอ่ นข้างใหญเ่ ห็นชดั เจน
Strychnos nux-vomica L.
วงศ์ Loganiaceae แสลงพัน
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. กง่ิ บางครง้ั มหี นาม ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รอื รปู ไขก่ วา้ ง Phanera involucellata (Kurz) de Wit
ยาว 4-10.5 ซม. ปลายแหลมสั้น ๆ หรือมตี ่งิ แหลม เสน้ โคนใบข้างละ 1-2 เส้น
กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสนั้ ๆ ออกทปี่ ลายกงิ่ หรอื ช่ือพ้อง Bauhinia involucellata Kurz
ปลายกิ่งส้ัน ๆ ดา้ นขา้ ง มขี นสนั้ น่มุ ก้านชอ่ ยาวไดถ้ ึง 3 ซม. กา้ นดอกยาว 1-2 มม.
กลีบเลย้ี ง 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 0.5-1.5 มม. ดา้ นนอกมขี นสั้นนุ่ม ดอกรูปดอกเขม็ ไมเ้ ถา มขี นละเอยี ดสนั้ นมุ่ ตามกง่ิ ออ่ น ชอ่ ดอก และตาดอก ใบรปู ไข่ ยาว 6-15 ซม.
สเี ขียวอมเหลอื ง ยาว 0.8-1.3 ซม. หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 3 เท่าของ ปลายแฉกลกึ ประมาณกงึ่ หนง่ึ เสน้ ใบ 9-11 เสน้ กา้ นใบยาว 3-7 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
กลบี ดอก ดา้ นนอกมปี มุ่ ละเอยี ด โคนดา้ นในมขี นคลา้ ยขนแกะ เกสรเพศผู้ 5 อนั ช่อกระจะ ตาดอกรปู ขอบขนาน ใบประดบั รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม.
ติดบนปากหลอดระหวา่ งกลบี ดอก ไรก้ ้าน อบั เรณูยาวประมาณ 1.5 มม. รังไข่มี ใบประดบั ยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 1.5-2 ซม. ตดิ ใกลโ้ คนฐานดอก ตดิ ทน
2 ชอ่ ง ออวลุ จำ� นวนมาก พลาเซนตารอบแกนรว่ ม กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 1.2 ซม. กา้ นดอกยาว 0.6-1 ซม. ฐานดอกยาว 0.7-1 ซม. กลบี เลย้ี งแยกเป็น 4-5 สว่ น ยาว
ยอดเกสรจกั ตน้ื 2 พู ผลเปลือกแขง็ มหี ลายเมล็ด เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 2.5-4.5 ซม. 1-1.5 ซม. พับงอกลบั ดอกสเี หลอื งออ่ นอมเขียว กลีบรูปสีเ่ หล่ยี มข้าวหลามตัดหรือ
เมลด็ หนา เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 2 ซม. มีขนคล้ายไหม รปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 2 ซม. ขอบจกั เปน็ คลนื่ กา้ นกลบี ยาวกวา่ แผน่ กลบี
เลก็ นอ้ ย สแี ดง กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 3 ซม. สเี ขยี วเปลย่ี นเปน็ สแี ดง อบั เรณู
พบท่ีอินเดีย ศรีลังกา ภมู ิภาคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทาง ยาว 4-5 มม. เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 7 อัน สแี ดง ยาว 0.7-1.5 ซม. อบั เรณคู ลา้ ย
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ รปู หัวใจ รงั ไข่เกลีย้ ง ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 5 มม. ฝกั แบน รปู ใบหอก
ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั และปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร ยาวได้ถงึ 12 ซม. มปี ระมาณ 5 เมลด็ เมล็ดแบน เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2 ซม.
คล้ายกบั ตมู กาขาว S. nux-blanda A. W. Hill ที่มีกลีบเล้ียงเรยี วแคบและยาวกว่า
ดา้ นนอกมีขนประปราย และผลเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 5-8 ซม. พบท่ีพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือที่ล�ำปาง ภาคตะวันออกที่นครราชสีมา
และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบรุ ี ประจวบคีรขี ันธ์ ขึ้นตาม
สกุล Strychnos L. มีประมาณ 190 ชนดิ พบในเขตรอ้ นและกง่ึ เขตร้อน ในไทยมี ชายป่าดบิ แลง้ หรือเขาหนิ ปนู เตยี้ ๆ
15 ชนิด หลายชนดิ มีสรรพคุณดา้ นสมุนไพร และเปน็ พิษ ชอ่ื สกุลมาจากภาษา
กรีก “strychnon” กลน่ิ ฉุน ขม ตามลกั ษณะของผล แสลงพนั กระดกู
เอกสารอ้างอิง
Griffin, O. and J. Parnell. (1997). Loganiaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(3): Phanera similis (Craib) de Wit
208-220. ชือ่ พ้อง Bauhinia similis Craib
Li, B. and A.J.M. Leeuwenberg. (1996). Loganiaceae. In Flora of China Vol.
ไมเ้ ถา มขี นกำ� มะหยส่ี นี ำ�้ ตาลเทาตามกงิ่ ออ่ น ชอ่ ดอก และตาดอก ใบรปู ไขก่ วา้ ง
15: 324-325. ยาวไดถ้ งึ 9 ซม. ปลายแฉกลกึ มากกวา่ หรือประมาณกึ่งหนงึ่ เส้นใบ 11-13 เสน้
กา้ นใบยาว 1.5-3 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ตาดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ
แสลงใจ: ใบเรยี งตรงขา้ ม เส้นโคนใบข้างละ 1-2 เสน้ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนงสนั้ ๆ ออกทป่ี ลายกงิ่ 1 ซม. ปลายแหลมเป็นแฉกตนื้ ๆ ใบประดับรปู แถบ ยาว 0.7-1.6 ซม. ใบประดับย่อย
ดอกรปู ดอกเข็ม สเี ขียวอมเหลือง กลบี เล้ียงด้านนอกมีขนสนั้ นมุ่ หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 3 เท่าของกลบี ดอก ขนาดเล็ก ตดิ ประมาณกึ่งกลางหรือตำ่� กวา่ บนก้านดอก ก้านดอกยาว 3-8 ซม.
ผลเปลอื กแข็ง (ภาพ: อุบลราชธานี - PK) ฐานดอกยาว 3-5 มม. กลบี เล้ยี งแยกเปน็ 4-5 สว่ น พบั งอ ยาวประมาณ 1.5 ซม.
ดอกสขี าวอมเขียว กลีบรูปใบพาย โคนเรยี วจรดกา้ นกลีบ ยาว 2.5-3 ซม. มขี นสน้ั นมุ่
ก้านกลบี สีแดง ก้านชูอบั เรณยู าว 3-3.5 ซม. โคนก้านและอับเรณูสแี ดง ยาว 2-3 มม.
เกสรเพศผ้ทู ีเ่ ปน็ หมัน 7 อนั ยาวประมาณ 1.5 ซม. รังไข่มขี นสน้ั นุ่ม ก้านเกสรเพศเมยี
ยาวเท่า ๆ รงั ไข่ ยอดเกสรรปู โล่ ฝักแบน รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 10-15 ซม.
พบทพ่ี มา่ และลาว ในไทยพบทางภาคเหนอื ทแ่ี พร่ นา่ น ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ทข่ี อนแกน่ ภาคกลางทสี่ ระบรุ ี ภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ จ่ี นั ทบรุ ี ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู
ความสงู 200-300 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
Chadburn, H. (2012). Bauhinia kockiana. The IUCN Red List of Threatened
Species 2012: e.T19892741A20124252. http://dx.doi.org/10.2305/IUCN.
UK.2012.RLTS.T19892741A20124252.en
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae
(Bauhinia involucellata). In Flora of Thailand Vol. 4(1): 37-38.
Mackinder, B.A. and R. Clark. (2014). A synopsis of the Asian and Australasian
genus Phanera Lour. (Cercideae: Caesalpinioideae: Leguminosae) including
19 new combinations. Phytotaxa 166(1): 49-68.
431
แสลงพันเถา สารานุกรมพชื ในประเทศไทย
แสลงพนั : ใบประดบั ย่อยติดใกลโ้ คนฐานดอก กลีบรปู สเ่ี หลยี่ มข้าวหลามตดั หรือรปู สามเหล่ียม กา้ นกลีบยาวกวา่ แสลงพนั เถา: ปลายใบแฉกลึกกว่ากึง่ หน่งึ ปลายแฉกแหลม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ดอกเรียงแน่นคลา้ ยรูปพีระมดิ
แผน่ กลบี เลก็ น้อย สีแดง (ภาพ: ทองผาภูมิ กาญจนบุรี - SSi) จานฐานดอกย่นคลา้ ยลกู ฟูก สขี าว รงั ไข่มีขนก�ำมะหย่หี นาแนน่ ฝักแบน รูปแถบ (ภาพซา้ ย: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - PK;
ภาพขวา: สระบรุ ี - RP)
แสลงพันกระดกู : ใบประดบั ย่อยตดิ ประมาณกึ่งกลางหรอื ต่ำ� กวา่ บนก้านดอก กลบี ดอกรปู ใบพาย (ภาพ: สระบรุ ี - RP)
โสก, สกลุ
สาวปีนงั : ใบเรยี บ ไม่แยกเป็นแฉก ดอกสีเหลืองอมชมพูเปล่ียนเป็นสชี มพูอมแดง (ภาพ: cultivated - RP)
Saraca L.
แสลงพันเถา วงศ์ Fabaceae
Lasiobema pulla (Craib) A. Schmitz ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ หใู บขนาดเลก็ เชอื่ มตดิ กนั รว่ งเรว็ หรอื ไมม่ หี ใู บ ใบประกอบ
วงศ์ Fabaceae ชัน้ เดียว เรยี งเวียน ใบย่อยเรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงหลั่น ออกตามซอกใบ
ปลายกง่ิ หรอื ตามลำ� ตน้ ดอกสมบรู ณเ์ พศหรอื มเี พศเดยี ว ฐานดอกเปน็ หลอด ใบประดบั
ชือ่ พ้อง Bauhinia pulla Craib 1 อนั ใบประดบั ยอ่ ย 2 อนั กลบี เลย้ี งคลา้ ยกลบี ดอก มี 4 กลบี เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม
ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผู้ 3-10 อนั แยกกนั ตดิ บนจานฐานดอก อบั เรณตู ดิ ดา้ นหลงั
ไมเ้ ถา กงิ่ ออ่ นมขี นสน้ั นมุ่ สเี ทา หใู บรปู เคยี ว ยาวประมาณ 5 มม. ใบรปู ไขก่ วา้ ง แตกตามยาว รังไข่มีก้านแนบติดหลอดกลีบเลี้ยง ก้านเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย
ยาวได้ถึง 15 ม. ปลายใบแฉกลึกกว่ากึง่ หนึง่ ปลายแฉกแหลม เส้นใบ 9-11 เส้น ยอดเกสรเปน็ ต่มุ ผลเป็นฝกั แขง็ แบน เมลด็ แบน รูปรี เปลอื กบาง
ก้านใบยาว 2-4 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะคล้ายรปู พรี ะมดิ ยาวไดถ้ ึง 20 ซม.
ตาดอกรปู รี ยาว 0.8-1 ซม. มขี นสเี งนิ หนาแนน่ ใบประดบั รปู ลมิ่ แคบ ยาวประมาณ สกลุ Saraca อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Caesalpinioideae เผ่า Detarieae มีประมาณ
1 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบ ยาวประมาณ 5 มม. ติดประมาณกง่ึ กลางก้านดอก 10 ชนดิ พบในเอเชียเขตรอ้ น ในไทยมี 3 ชนดิ ชื่อสกุลอาจมาจากภาษาอินเดีย
กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1 ซม. กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย แยกเปน็ 5 สว่ น รปู สามเหลย่ี ม ดอก “asoka” และภาษาสนั สกฤต “sara” สีสนั หมายถงึ ตน้ ไม้มีสีสดใส
สเี ขยี วอ่อน รูปขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. รวมกา้ นกลีบ มีขนสั้นน่มุ
เกสรเพศผู้ 3 อนั ก้านชูอบั เรณูโคง้ งอ ยาวกวา่ กลีบดอก เกสรเพศผทู้ ่เี ป็นหมนั 7 อัน โสก
จานฐานดอกยน่ คลา้ ยลกู ฟกู รงั ไขม่ ขี นกำ� มะหยห่ี นาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
ประมาณ 5 มม. ฝกั แบน รปู แถบ ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. ปลายมจี ะงอย มี 10-20 เมล็ด Saraca indica L.
เมลด็ แบน เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. (ดูขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ท่ี เครอื เขาแกบ, สกุล) ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 25 ม. แกนกลางใบประกอบยาว 10-50 ซม. ใบยอ่ ยมี 1-7 คู่
พบทพี่ ม่า และกัมพชู า ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามชายป่าหรอื เขาหนิ ปนู เตย้ี ๆ รปู รี รปู ไข่ หรอื รปู ใบหอก ยาว 5-30 ซม. ปลายมนหรอื แหลม โคนรปู ลม่ิ กลม หรอื
ความสูงถงึ ประมาณ 500 เมตร เว้าต้นื เสน้ แขนงใบขา้ งละ 15-20 เส้น ก้านใบย่อยยาว 3-5 มม. ชอ่ ดอกยาว
3-15 ซม. กวา้ งประมาณ 10-20 ซม. ใบประดับและใบประดับยอ่ ยรปู ไข่ ยาว
เอกสารอา้ งอิง 2-8 มม. สเี ดยี วกบั กลบี เลยี้ ง ใบประดบั ยอ่ ยตดิ ประมาณกงึ่ กลางกา้ นดอก ตดิ ทน
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. หรือรว่ งเร็ว กา้ นดอกยาว 1-2.5 ซม. ฐานดอกยาว 0.7-1.6 ซม. กลีบเล้ียงรปู ไข่
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 33-34. แกมรูปรี ยาว 0.5-1.2 ซม. สสี ้มอมเหลอื ง เกสรเพศผู้มี 6-8 อนั รงั ไข่มขี นตามขอบ
ฝกั แบน รปู ไข่ หรอื รปู รแี กมขอบขนาน ยาว 6-25 ซม. ปลายมจี ะงอยสน้ั ๆ กา้ นฝกั ยาว
ประมาณ 0.5 ซม. สว่ นมากมี 4-6 เมล็ด
พบในภูมภิ าคอินโดจีน คาบสมทุ รมลายู สุมาตรา และชวา ในไทยพบทุกภาค
ขึ้นตามริมล�ำธารในป่าดิบแล้ง และป่าดิบช้ืน ความสูงถึงประมาณ 900 เมตร
คล้ายกบั S. asoca (Roxb.) W. J. de Wilde ของอนิ เดีย ทใ่ี บประดบั ยอ่ ยโอบ
รอบก้านดอก ตดิ ทน ท้งั สองชนิดมสี รรพคณุ ด้านสมุนไพรหลายอยา่ ง
โสกเขา
Saraca declinata (Jack) Miq.
ชื่อพ้อง Jonesia declinata Jack, Saraca cauliflora Baker
ไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 30 ม. แกนกลางใบประกอบยาว 10-50 ซม. ใบย่อยมี 3-7 คู่
รปู ไข่หรอื รปู ใบหอก ยาว 8-30 ซม. ปลายแหลมหรือกลม โคนรูปล่ิมหรือกลม
เส้นแขนงใบข้างละ 8-10 เสน้ ก้านใบยอ่ ยยาว 0.3-1 ซม. ชอ่ ดอกกวา้ ง 15-30 ซม.
ใบประดบั ขนาดเล็กกว่าใบประดับย่อย รูปไข่ ปลายแหลม ยาว 0.3-1.8 ซม.
ติดทน สีเดียวกบั กลีบเล้ียง กา้ นดอกยาว 2-3 ซม. ฐานดอกยาว 1-3 ซม. กลีบเลี้ยง
รูปไขห่ รอื ไขก่ ลบั ยาว 0.5-1.5 ซม. สีแดงหรอื ชมพู เกสรเพศผู้ 3-5 อัน รงั ไข่มีขน
ตามขอบ ฝกั แบน รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 10-30 ซม. ปลายโคง้ มจี ะงอย
ยาวประมาณ 1 ซม. มี 6-8 เมล็ด กา้ นยาว 1.5-2 ซม.
432
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย โสนนอ้ ย
พบทพ่ี มา่ ภมู ภิ าคอินโดจนี คาบสมุทรมลายู บอร์เนียว สมุ าตรา ชวา และ ชาวองั กฤษ ภรรยาของ Lord William Pitt Amherst ผู้ปกครองพม่าชว่ งปี ค.ศ.
หมู่เกาะซนุ ดานอ้ ย ในไทยพบทางภาคตะวันออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ 1823-1828
ขน้ึ ตามรมิ ลำ� ธารหรอื ทลี่ าดชนั ในปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 800 เมตร คลา้ ยกบั เอกสารอ้างองิ
โสก S. indica L. แตจ่ ำ� นวนเกสรเพศผมู้ นี ้อยกว่า Hou, D. (1996). Caesalpiniaceae (Leguminosae-Caesalpinioideae) (Amherstia). In
เอกสารอ้างอิง Flora Malesiana Vol. 12: 717-718.
Hou, D. (1996). Caesalpiniaceae (Leguminosae-Caesalpinioideae) (Saraca). In
Flora Malesiana Vol. 12: 660-673.
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 94-98.
โสก: ใบประกอบ กา้ นใบยอ่ ยสัน้ ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ หลัน่ ใบประดับย่อยติดประมาณกง่ึ กลางกา้ นดอก กลบี เลยี้ งสี โสกระย้า: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ หอ้ ยลง กลีบดอกคู่ข้างรูปใบพาย กลบี กลางคล้ายพัด เกสรเพศผู้ 10 อนั 9 อนั
ส้มอมเหลอื ง ไมม่ กี ลีบดอก เกสรเพศผู้ 6-8 อัน (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจนี บรุ ี - RP) เช่อื มติดกัน ชว่ งแยกยาวไม่เท่ากนั อนั ยาว 5 อัน (ภาพ: cultivated สวนพฤกษศาสตร์ปีนัง มาเลเซีย - RP)
โสกเขา: ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่น ใบประดบั สว่ นมากขนาดเล็กกวา่ ใบประดับย่อย ติดทน กลบี เลีย้ งสีชมพู เกสรเพศผู้ โสกเหลือง
3-5 อัน (ภาพ: บนั นงั สตา ยะลา - RP)
Saraca thaipingensis Cantley ex Prain
โสกระยา้ วงศ์ Fabaceae
Amherstia nobilis Wall. ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 25 ม. แกนใบประกอบยาว 20-75 ซม. ใบยอ่ ยมี 4-8 คู่ รูปไข่
วงศ์ Fabaceae หรอื รปู ขอบขนานแกมรปู ใบหอก ยาว 7-32 ซม. ปลายแหลม โคนรปู ลม่ิ หรอื กลม
กา้ นใบย่อยยาว 1-1.5 ซม. ช่อดอกมักออกตามก่ิง กวา้ ง 15-35 ซม. ใบประดับ
ไมต้ น้ สูงไดถ้ งึ 20 ม. หูใบบาง รูปใบหอก ยาว 2-3 ซม. รว่ งเรว็ ใบประกอบ ขนาดใหญก่ วา่ ใบประดบั ยอ่ ย รปู ไข่ ยาว 1-3.5 ซม. รว่ งเรว็ ใบประดบั ยอ่ ยรปู ใบหอก
เรียงเวยี น แกนใบประกอบยาว 20-40 ซม. กา้ นใบประกอบสัน้ ใบยอ่ ยมี 4-8 คู่ ยาว 0.6-1.7 ซม. ร่วงเรว็ ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม. ฐานดอกยาว 1-2.5 ซม.
รปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ไข่ ยาว 7-34 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลม กา้ นใบยอ่ ยหนา กลบี เล้ยี งรูปไข่ ยาว 0.5-1 ซม. สเี หลืองแล้วเปล่ียนเป็นสีเขม้ เกสรเพศผู้ 3-7 อนั
ยาว 4-6 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามปลายกิ่ง ห้อยลง ยาว 50-80 ซม. รังไข่มีขน ฝักรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ยาว 15-40 ซม. โค้งท้ังสองด้าน
ก้านดอกยาว 12-30 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยสีแดง รปู ใบหอก ยาว 4-9 ซม. ตดิ ทน ปลายมีจะงอย ยาวประมาณ 1.5 ซม. มี 6-8 เมลด็ เมลด็ รูปรี ยาวประมาณ 3.5 ซม.
ฐานดอกยาวเท่า ๆ กลบี เล้ียง กลีบเลีย้ ง 4 กลบี เรียงซอ้ นเหลือ่ ม รปู ใบหอก ยาว (ดขู อ้ มูลเพิม่ เตมิ ที่ โสก, สกลุ )
3-5.5 ซม. กลบี ดอก 5 กลบี 2 กลบี ล่างคลา้ ยขนแข็งขนาดเล็ก กลบี คขู่ า้ งรปู ใบพาย
ยาว 5.5-7 ซม. ปลายกลบี มสี ีเหลืองแตม้ กลีบกลางคล้ายพัด ยาวเท่า ๆ กลีบค่ขู า้ ง พบทพี่ มา่ ตอนใต้ คาบสมทุ รมลายู และชวา ในไทยพบทางภาคใตท้ ภี่ เู กต็ ตรงั
ขอบดา้ นบนเปน็ คลน่ื พน้ื สขี าวอมชมพู ปลายกลบี สเี ขม้ มจี ดุ สแี ดงและปน้ื สเี หลอื ง ยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส ขน้ึ ตามรมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร
เกสรเพศผู้ 10 อนั 9 อันเชอ่ื มติดกนั 2.5-3 ซม. ช่วงแยกยาวไม่เท่ากัน อันยาว 5 อนั เปลอื กมีสรรพคณุ ต้านอนุมูลอสิ ระ
ยาว 3.5-5 ซม. รังไข่มีก้าน กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 4 ซม. ยอดเกสรขนาดเล็ก
ฝกั แบน รูปขอบขนาน ยาว 15-20 ซม. มี 4-6 เมลด็ เมลด็ รปู ไข่ แบน ยาว 2-2.5 ซม. เอกสารอา้ งอิง
Hou, D., K. Larsen and S.S. Larsen. (1996). Caesalpiniaceae (Leguminosae-
มถี ิ่นก�ำเนดิ ในพมา่ เปน็ ไม้ประดบั ส่วนมากพบตามสวนพฤกษศาสตร์ ได้รับ Caesalpinioideae). In Flora Malesiana Vol. 12: 671-672.
การขนานนามว่าเปน็ ราชินีแห่งไมต้ น้ (Queen of Flowering Trees) Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 95.
สกุล Amherstia Wall. อยู่ภายใตว้ งศ์ย่อย Caesalpinioideae เผา่ Detarieae มี
ชนิดเดียว ชื่อสกลุ ต้ังตาม Lady Sarah Amherst (1762-1838) นกั พฤกษศาสตร์ โสกเหลอื ง: ช่อดอกออกตามกิ่งหรอื ลำ� ตน้ ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ หลั่น กลบี เลยี้ งคล้ายกลีบดอก มี 4 กลบี ไม่มีกลีบดอก
เกสรเพศผู้ 3-7 อนั ฝกั โคง้ ท้ังสองด้าน ปลายมีจะงอย (ภาพดอก: cultivated - PK; ภาพผล: cultivated - RP)
โสนน้อย
Chamaecrista mimosoides (L.) Greene
วงศ์ Fabaceae
ช่อื พ้อง Cassia mimosoides L.
ไมล้ ้มลุก สูงได้ถงึ 1 ม. ก่ิงมีขนสน้ั นุ่ม หูใบรปู ล่มิ แคบ ยาว 0.5-1 ซม. ตดิ ทน
ใบประกอบมีใบย่อยจ�ำนวนมาก กา้ นใบประกอบยาว 0.3-1 ซม. มตี อ่ มไรก้ า้ น
433
โสมชบา สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
ใตใ้ บยอ่ ยคลู่ า่ ง ใบยอ่ ยเรยี งตรงขา้ ม ออ่ นไหวตอ่ การสมั ผสั รปู ใบหอก เบยี้ ว ยาว โสมชบา: สว่ นต่าง ๆ มขี นสัน้ น่มุ หรอื ขนหยาบยาว แผน่ ใบรปู ลูกศร ดอกออกเดี่ยว ๆ รว้ิ ประดบั มี 6-12 อัน รปู เสน้ ดา้ ย
3-8 มม. ปลายมตี ่ิงแหลม โคนตัด เบ้ียว ขอบมขี นครยุ ประปราย ไรก้ า้ น ดอกส่วนมาก ผลแห้งแตก เมล็ดรูปคลา้ ยไต (ภาพดอกสีชมพอู มแดง: สงั ขละบุรี กาญจนบุรี - SSi; ภาพดอกสชี มพูและผลออ่ น: เชียงดาว
ออกเดีย่ ว ๆ หรือเปน็ ชอ่ กระจะส้นั ๆ มี 2-3 ดอก ตามซอกใบ ใบประดับและ เชียงใหม่ - PK; ภาพดอกสีเหลือง: อุ้มผาง ตาก - RP; ภาพผลแตก: ห้วยขาแขง้ อทุ ัยธานี - PK)
ใบประดับย่อยคลา้ ยหูใบ ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. มีขนสัน้ น่มุ กลบี เล้ยี ง 5 กลบี
รปู ใบหอก ยาว 4-8 มม. ดอกสีเหลือง มี 5 กลีบ รูปไข่กลบั ขนาดไม่เทา่ กนั ยาวกวา่ ใสกลีบ
กลบี เลย้ี งเลก็ น้อย มีก้านส้นั ๆ เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาว 5 อัน ส้ัน 5 อนั เรยี งสลบั กนั
ก้านชอู ับเรณูยาว 1-2 มม. อับเรณยู าว 2-4 มม. มรี ูเปิดท่ปี ลาย รังไขม่ ีขนส้ัน Lysimachia deltoidea Wight var. cinerascens Franch.
ก้านเกสรเพศเมยี เกล้ียง ยอดเกสรแบน มขี นครุย ฝกั รปู แถบ ยาว 3-6 ซม. มี วงศ์ Primulaceae
10-20 เมลด็ เมล็ดรูปรี แบน ยาวประมาณ 4 มม.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 25 ซม. รากเหนยี ว มขี นสน้ั นมุ่ ตามลำ� ตน้ แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น
พบทว่ั ไปในเขตรอ้ น ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ เปน็ วชั พชื รากแกบ้ ดิ แกป้ วดทอ้ ง กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก ใบทโ่ี คนคล้ายเกล็ด มี 1-2 คู่ ใบช่วงบนเรียง
ใบใชช้ งแทนชาในจนี และญ่ปี นุ่ ใบและตน้ มีพษิ ใช้เบื่อปลา คล้ายกบั ซ่าขามค่อม ตรงข้ามหรอื เรียงเวยี น รปู รกี ว้าง ยาว 1-2.5 ซม. ปลายมนหรือกลม โคนรปู ล่มิ มน
C. leschennaultiana (DC.) O. Deg. ทแ่ี กนใบประกอบเปน็ รอ่ ง และรังไข่มีขน หรอื กลม บางคร้งั ด้านบนมสี ีนำ้� ตาลแดง ก้านใบยาว 2-3 มม. ดอกออกเดีย่ ว ๆ
แบบขนแกะ ตามซอกใบใกลป้ ลายก่ิง ก้านดอกขยายและโค้งในผล ยาว 1-2.5 ซม. กลบี เลี้ยง
รปู ใบหอก ปลายแหลมยาว ยาว 4-5 มม. ดอกสีเหลือง หลอดกลีบยาวประมาณ
สกุล Chamaecrista Moench อยูว่ งศ์ยอ่ ย Caesalpinioideae เผา่ Cassieae มี 1 มม. กลบี รปู รีหรอื รูปไขก่ ลับ ปลายกลบี มน ยาว 5-6.5 มม. แผ่นกลีบมตี ่อมใส
ประมาณ 330 ชนดิ ส่วนใหญพ่ บในอเมรกิ าเขตรอ้ น ตา่ งจากสกุล Senna ที่ เกสรเพศผู้ 5 อนั เช่อื มติดกันทโี่ คนเปน็ วง ขนาดประมาณ 1 มม. กา้ นชูอับเรณู
ไมม่ หี ใู บย่อย และกลีบดอกขนาดเท่า ๆ กัน ในไทยมี 4 ชนิด ช่อื สกุลมาจาก ยาวประมาณ 2 มม. อบั เรณแู ตกดา้ นขา้ ง รงั ไขเ่ กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ
ภาษากรกี “chamae” เต้ยี แคระ และ “crista” สันหรือยอด ตามลักษณะวสิ ยั 3.5 มม. ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลแหง้ แตก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 3 มม. (ดขู อ้ มลู
และลกั ษณะของเกสรเพศผู้ เพ่ิมเติมที่ เหลืองสยาม, สกลุ )
เอกสารอา้ งอิง
Chen, D., D. Zhang and K. Larsen. (2010). Fabaceae (Cassieae). In Flora of พบทจี่ นี ตอนใต้ พมา่ ลาว เวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเ่ี ชยี งใหม่ ขนึ้ ตาม
ชายป่าดิบเขาหรือปา่ สน ความสูง 1000-1500 เมตร ส่วน var. deltoidea พบใน
China Vol. 10: 33. อนิ เดีย และศรีลังกา
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae
เอกสารอ้างองิ
(Cassia mimosoides). In Flora of Thailand Vol. 4(1): 122-123. Hu, C.M. (1999). Primulaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 160.
Hu, Q. and S. Kelso. (1996). Primulaceae. In Flora of China Vol. 15: 59.
โสนน้อย: ใบประกอบมใี บย่อยจำ� นวนมาก ดอกส่วนมากออกเด่ียว ๆ หรือเปน็ ชอ่ กระจะสั้น ๆ มี 2-3 ดอก ตามซอกใบ
กลบี ดอกรปู ไข่กลับ ขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้มี 10 อัน ยาว 5 อัน ส้นั 5 อัน (ภาพ: เขาพระวหิ าร ศรสี ะเกษ - RP) ใสกลบี : ใบเรยี งตรงขา้ ม แผ่นใบด้านบนสนี �้ำตาลแดง ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบใกล้ปลายกง่ิ เกสรเพศผู้ 5 อนั
เชอ่ื มตดิ กันที่โคนเป็นวง (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - RP)
โสมชบา
ไส้ปลาเข็ม
Abelmoschus sagittifolius (Kurz) Merr.
วงศ์ Malvaceae Exacum pteranthum Wall. ex G. Don
วงศ์ Gentianaceae
ชื่อพอ้ ง Hibiscus sagittifolius Kurz, Abelmoschus moschatus Medik. subsp.
tuberosus (Span.) Borss. Waalk. ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-25 ซม. แตกกง่ิ ชว่ งบน ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน
ยาว 1-6 ซม. ปลายแหลม โคนเรียวสอบ เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เส้น ก้านใบสนั้
ไม้ลม้ ลุก สงู ได้ถงึ 2 ม. มรี ากสะสมอาหารขนาดใหญ่ หนาได้ถึง 5 ซม. สว่ นต่าง ๆ หรอื ยาวได้ถงึ 1 ซม. ช่อดอกสนั้ ก้านดอกเกอื บไร้ก้าน ใบประดับคล้ายใบ รปู ใบหอก
มีขนสนั้ นุ่มหรอื ขนหยาบยาว หใู บรปู เส้นด้าย ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ใบทโี่ คนรูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจ�ำนวนอย่างละ 5 กลบี กลีบเล้ียง
ใบช่วงกลางและปลายลำ� ต้นรูปลกู ศรหรือรูปฝา่ มอื 3-5 พู พรู ปู ไข่ รูปขอบขนาน
รปู ใบหอก หรอื รูปแถบ ปลายแหลมหรอื มน ยาว 3-10 ซม. โคนแฉกลึก ขอบจัก
ฟันเลอ่ื ย ปลายจักส่วนมากมน กา้ นใบยาว 4-8 ซม. ดอกออกเดย่ี ว ๆ กา้ นดอกยาว
4-7 ซม. รว้ิ ประดบั มี 6-12 อนั รูปเสน้ ดา้ ยบานออก ยาวประมาณ 1.5 ซม. กลบี เลย้ี ง
ยาว 0.7-1.5 ซม. ดา้ นนอกมขี นละเอยี ด ดอกสเี หลอื งนวล ขาว ชมพู หรอื ชมพอู มแดง
ดอกบานเส้นผา่ นศูนย์กลาง 5-6 ซม. กลีบรูปไข่กลับ ยาว 2.5-3 ซม. เสา้ เกสรยาว
ประมาณ 2 ซม. เกลยี้ ง เกสรเพศผตู้ ิดตลอดความยาว รังไขม่ ขี น ผลรูปไข่ ยาวได้ถึง
3 ซม. มรี ว้ิ เปน็ สนั ตามยาว เมลด็ รปู คลา้ ยไต มตี อ่ มกระจายตามเสน้ รา่ งแห (ดขู อ้ มลู
เพิม่ เตมิ ที่ กระเจีย๊ บมอญ, สกุล)
พบทอี่ นิ เดยี จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี ตอนบน ในไทย
พบทกุ ภาค ขน้ึ ตามทโี่ ลง่ ชายปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ สนเขา ปา่ ดบิ ชน้ื หรอื
บนเขาหินปูน ความสูงถึงประมาณ 1000 เมตร และเปน็ ไมป้ ระดับ มีความผนั แปรสงู
ทง้ั รปู ร่างของใบและสีของดอก
เอกสารอา้ งอิง
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
12: 285.
434
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย หงส์เหนิ
แยกเกอื บจรดโคน รปู ไข่ ยาวประมาณ 6.5 มม. ปลายเรยี วแหลม มคี รบี เปน็ ปกี กวา้ ง หงส์เหิน
2-2.5 มม. ดอกสมี ว่ งอมชมพู หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 5 มม. กลบี รปู ขอบขนาน
ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก ปลายแหลม เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู ับเรณสู ้นั อับเรณู Gomphocarpus physocarpus E. Mey.
ยาวประมาณ 2 มม. มรี เู ปดิ ทปี่ ลาย กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 4 มม. ยอดเกสร วงศ์ Apocynaceae
จกั 2 พู ผลรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี หญา้ เหลย่ี ม, สกลุ )
ชื่อพอ้ ง Asclepias physocarpa (E. Mey.) Schltr., G. brasiliensis E. Fourn.
พบที่พม่า ในไทยพบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ขึ้นกระจายหา่ ง ๆ ตามทุ่งหญา้ ชายปา่ ความสูง 700-1300 เมตร ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามกง่ิ เสน้ กลางใบดา้ นลา่ ง ขอบใบ ชอ่ ดอก
กา้ นดอก และกลีบเลี้ยง ใบเรียงตรงข้าม รปู แถบ ยาว 4-12 ซม. ก้านใบยาวได้ถงึ
เอกสารอ้างองิ 1 ซม. ช่อดอกแบบช่อซร่ี ่ม ออกตามซอกใบ มี 5-12 ดอก กา้ นช่อยาว 1.5-3.5 ซม.
Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand. Vol. 5(1): 80. กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ รูปใบหอก ยาว 3-4 มม. ดอกสขี าว มี 5 กลบี
รูปไข่ ยาว 5-8 มม. พับงอกลับ ขอบมีขนครุยหนาแน่น กะบังติดเหนือโคน
ไส้ปลาเข็ม: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ สนั้ ๆ ใบเรียงตรงข้าม เสน้ โคนใบข้างละ 2 เสน้ กลบี เลีย้ งมคี รบี เป็นปีก เสา้ เกสรเพศผู้ มรี วิ้ สมี ว่ งแซม โคนเสา้ เกสรมพี เู กสรเพศผรู้ ปู คมุ่ 5 พู ผลแตกแนวเดยี ว
ปลายเรียวแหลม (ภาพซ้าย: ภสู วนทราย เลย, ภาพขวา: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม;่ ภาพ: - PK) กลม เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 4-7 ซม. มขี นยาวประมาณ 1 ซม. หนาแนน่ ก้านผล
บดิ เวยี น เมลด็ รปู ไข่ ยาวประมาณ 4.5 มม. ปลายมขี นกระจกุ ยาวประมาณ 3 ซม.
หงส์ฟู่
ถนิ่ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ าทางตอนใต้ มกั ขนึ้ บนทสี่ งู เปน็ วชั พชื ในหลายพน้ื ท่ี ในไทย
Loropetalum chinense (R. Br.) Oliv. var. rubrum Yieh พบเปน็ ไม้ประดบั สว่ นตา่ ง ๆ มพี ิษทำ� ให้ท้องปัน่ ป่วน
วงศ์ Hamamelidaceae
สกลุ Gomphocarpus R. Br. อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Asclepiadoideae มีประมาณ
ไมพ้ ่มุ สูงได้ถึง 3 ม. มขี นกระจกุ รูปดาวสน้ั นุ่มตามก่ิง หใู บ แผน่ ใบ ก้านใบ 20 ชนดิ พบในแอฟริกาและคาบสมทุ รอาระเบีย ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี
ช่อดอก ถว้ ยดอก (floral cup) กลบี เลีย้ ง รังไข่ และผล หูใบรปู ใบหอก ยาว “gomphos” กระบอง และ “karpos” ผล ตามลักษณะผลหลายชนิด
3-5 มม. รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น รูปไข่ ยาว 2-6.5 ซม. กา้ นใบยาว 2-5 มม. ปลายแหลม เอกสารอ้างอิง
โคนรูปลม่ิ ถงึ กลม เบ้ียว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกส้นั ๆ คล้ายเปน็ กระจกุ ที่ Goyder, D.J. and A. Nicholas. (2001). A revision of Gomphocarpus R.Br., Kew
ปลายกิง่ มี 3-16 ดอก ก้านช่อยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดบั รปู แถบ ยาว 2-4 มม.
รว่ งเรว็ ก้านดอกสัน้ ถว้ ยดอกยาวประมาณ 1.5 มม. ติดทน กลีบเล้ยี ง 4 กลบี รปู ไข่ Bulletin 56: 788-790.
ยาว 2-3 มม. ดอกสแี ดงอมชมพู มี 4-6 กลบี รปู แถบ ยาว 1-2 ซม. ปลายมน
เกสรเพศผู้ 4-5 อัน ก้านชูอับเรณสู นั้ อับเรณูมี 4 ชอ่ ง แกนอบั เรณเู ป็นต่งิ ส้ัน หงส์เหิน: ใบเรียงตรงข้าม รปู แถบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซรี่ ่ม กลีบดอกพบั งอกลบั ขอบมีขนครุยหนาแนน่ กะบงั ติดเหนอื
เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั คลา้ ยเกลด็ ตดิ ระหวา่ งเกสรเพศผทู้ สี่ มบรู ณ์ รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี โคนเสา้ เกสรเพศผู้ ผลมขี นยาวหนาแนน่ (ภาพ: cultivated - RP)
มี 2 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มม. ผลแหง้ แตก รูปไขก่ ลับกว้าง ยาว
7-8 มม. เชอื่ มตดิ ถว้ ยดอกเกนิ กงึ่ หนงึ่ แตล่ ะชอ่ งมเี มลด็ เดยี ว รปู รกี วา้ ง ยาว 4-7 มม. หงสเ์ หิน
มถี นิ่ ก�ำเนิดทีจ่ ีนตอนใต้ เป็นไมป้ ระดบั Hedychium khaomaenense Picheans. & Mokkamul
วงศ์ Zingiberaceae
สกลุ Loropetalum R. Br. มี 3 ชนิด พบท่อี ินเดีย จีน และญป่ี นุ่ ในไทยมีพชื
พืน้ เมอื งชนดิ เดียว คอื ไขน่ กเขา L. chinense (R. Br.) Oliv. var. chinense พบ ไมล้ ม้ ลกุ ขน้ึ บนดนิ หรอื องิ อาศยั สงู ไดถ้ งึ 60 ซม. ใบรปู รถี งึ รปู ขอบขนาน ยาว
ทีน่ ำ้�หนาว จังหวดั เพชรบรู ณ์ ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “loros” แส้หนงั และ 25-30 ซม. ไร้กา้ นหรือยาวได้ถึง 2 ซม. ล้ินกาบสีแดง ปลายแยก 2 แฉก ขอบกาบใบ
“petalon” กลบี ดอก ตามลักษณะของกลบี ดอก สีแดง ช่อดอกยาว 15-30 ซม. มี 2-8 ดอก ขอบใบประดบั สีแดง หลอดกลบี เล้ียง
เอกสารอ้างอิง ยาวประมาณ 10 ซม. ดอกสีขาวเปลี่ยนเปน็ สีเหลอื งออ่ น หลอดกลบี ดอกยาว
Phengklai, C. (2001). Hamamelidaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 406. ได้ถงึ 14 ซม. กลีบคูข่ า้ งสแี ดง รูปแถบ ม้วนงอ ยาว 6-7 ซม. กลบี ปากยาวเท่า ๆ
Zhang, Z.Y. H. Zhang and P.K. Endress. (2003). Hamamelidaceae. In Flora of กลีบค่ขู า้ ง รปู ไข่กลบั ชว่ งปลายกวา้ งประมาณ 4 ซม. สีขาว โคนมีปนื้ สเี หลอื ง
ปลายแฉกลกึ ประมาณกึ่งหนึ่ง ก้านกลีบยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
China Vol. 9: 32-34. ด้านขา้ งสขี าว รปู ไข่กลบั แกมรูปใบหอก ยาว 7-8 ซม. กา้ นชูอบั เรณูยาว 5.5-6 ซม.
อบั เรณยู าว 1.5-1.7 ซม. ผลรปู รี ยาว 3-3.5 ซม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี ตาเหนิ , สกลุ )
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ น่ี ครศรธี รรมราช กระบี่ ขน้ึ ตามทงุ่ หญา้
บนยอดเขา หรือคบไม้ ในป่าดิบเขา ความสงู 1000-1200 เมตร
เอกสารอ้างอิง
Picheansoonthon, C. and P. Mokkamul. (2005). Two new species of Hedychium
Koenig (Zingiberaceae) from Thailand. Folia Malaysiana 6: 17-26.
หงสฟ์ :ู่ โคนใบเบ้ยี ว ช่อดอกแบบชอ่ กระจะสนั้ ๆ คลา้ ยเป็นกระจุกทป่ี ลายก่งิ กลบี ดอกรปู แถบ (ภาพ: cultivated - RP) หงสเ์ หิน: ล้ินและกาบใบมีสแี ดง ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลด ออกทยี่ อด กลีบดอกรปู แถบ ม้วนงอ สีแดง กลีบปากและ
เกสรเพศผู้ท่เี ป็นหมนั ด้านขา้ งสขี าว เปล่ียนเปน็ สแี หลอื ง ปลายกลีบปากแฉกลึก (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - RP)
435
หงอนไก่ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
หงอนไก่ หงอนไก่ดง: ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ดอกสขี าวอมเหลอื ง กลบี ค่อนข้างหนา ผลจกั เป็นพูตน้ื ๆ เย่อื หมุ้ สสี ม้ แดง
หุ้มเมล็ดจนมิด (ภาพดอก: อมุ้ ผาง ตาก - PK; ภาพผล: เลย - NT)
Schoutenia kunstleri King
วงศ์ Malvaceae
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 12 ม. มขี นกระจกุ รปู ดาวสนั้ นมุ่ ตามกงิ่ กา้ นใบ กลบี เลยี้ ง รงั ไข่
และผล ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 10-20 ซม. ปลายแหลม
หรือแหลมยาว โคนมน เบยี้ ว เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ เสน้ แขนงใบข้างละ 3-5 เส้น
เส้นแขนงใบย่อยแบบขั้นบนั ได กา้ นใบยาว 0.8-1.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจกุ
ออกตามซอกใบ ยาว 4-7 ซม. ตาดอกรูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม. กลบี เล้ยี ง 5 กลบี
แฉกลกึ ประมาณกง่ึ หนง่ึ ขยายในผล ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก แยกกนั
อบั เรณตู ิดทฐี่ าน รปู ขอบขนาน รงั ไขม่ ี 2-5 ช่อง เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 4-5 มม. แต่ละช่อง
มอี อวลุ 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี แยกเปน็ 3-5 แฉก ผลแหง้ ไมแ่ ตก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
5-7 มม. กลบี เลย้ี งทขี่ ยายบานออกรปู ระฆงั กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาว 1-2 ซม. (ดขู อ้ มลู
เพม่ิ เติมท่ี แดงสะแง สกุล)
พบท่คี าบสมทุ รมลายู ชวา และภาคใตข้ องไทยทตี่ รงั นราธวิ าส ขนึ้ ตามปา่ ดบิ ชน้ื
ความสงู 50-200 เมตร
เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 73.
หงอนไก่: ใบเรยี งสลับระนาบเดียว เสน้ โคนใบข้างละ 1 เส้น ช่อดอกแบบช่อกระจุก เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก แยกกนั หอมไกลดง: ผลจักเป็นพู ดา้ นกว้างยาวกวา่ ด้านยาว เมลด็ มเี ยือ่ หุ้มทโี่ คน (ภาพ: นำ�้ ตกพาเจริญ ตาก - RP)
กลบี เล้ยี งท่ีขยายบานออกรูประฆงั (ภาพ: แว้ง นราธิวาส - MP)
หงอนไกท่ ะเล, สกลุ
หงอนไกด่ ง
Heritiera Aiton
Harpullia cupanioides Roxb. วงศ์ Malvaceae
วงศ์ Sapindaceae
ไมต้ น้ ส่วนมากมเี กลด็ ขยุ และขนกระจุกรูปดาวสัน้ นุม่ ตามกิ่งออ่ น แผน่ ใบ
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. หรอื อาจสูงถึง 40 ม. มีพูพอน แยกเพศต่างตน้ ก่ิงออ่ น ด้านลา่ ง ช่อดอก และกลบี เลยี้ งทั้งสองดา้ น หใู บรว่ งเรว็ ใบเรียงเวียนหนาแนน่
มีขนยาว ไมม่ หี ใู บ ใบประกอบปลายคู่ ปลายยอดมีตา ใบยอ่ ยส่วนมากมีขา้ งละ ชว่ งปลายกงิ่ เรยี บหรอื รปู ฝา่ มอื ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบ
3-6 ใบ เรียงสลบั กา้ นใบประกอบยาว 15-20 ซม. ใบรูปรี รูปไข่ หรือรปู ไขก่ ลบั ยาว ดอกมเี พศเดยี ว ลกั ษณะคลา้ ยกนั กลบี เลยี้ งรปู ระฆงั หรอื รปู คนโท มี 4-6 กลบี ไมม่ ี
5-36 ซม. ปลายแหลม แหลมยาว หรือมน โคนแหลมถึงกลม เบยี้ ว ก้านใบย่อยยาว กลีบดอก กา้ นชเู กสรร่วมส้ัน อบั เรณู 4-15 อนั เรยี ง 1-2 วง ท่ีปลายก้านชูเกสรร่วม
5-8 มม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามซอกใบหรอื ปลายกงิ่ ยาวไดถ้ ึง เป็นหมนั ในดอกเพศเมยี มี 3-5 คารเ์ พล เชอ่ื มติดกนั แต่ละคาร์เพลมอี อวุล
85 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ร่วงเรว็ ก้านดอกยาว 6-8 มม. กลีบเลีย้ ง 5 กลีบ 1-2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสรขนาดเลก็ ผลมี 2-5 ผลยอ่ ย แหง้ ไมแ่ ตก
เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม รูปรี ยาว 3-6 มม. ตดิ ทน ดอกสีขาวอมเหลือง มี 5 กลบี รูปไขก่ ลบั มีสนั ตามยาวหรอื ปีก แตล่ ะผลย่อยมเี มล็ดเดียว
ยาว 1-2.4 ซม. คอ่ นขา้ งหนา จานฐานดอกรูปวงแหวน มขี นยาว เกสรเพศผู้ 5 อัน
ส้นั กวา่ กลีบดอกเลก็ น้อย ก้านชอู ับเรณยู าว 2.5-3.5 มม. อับเรณูสีส้มออ่ น รังไข่มี สกลุ Heritiera เดมิ อยู่ภายใต้วงศ์ Sterculiaceae ปจั จบุ นั อย่วู งศ์ยอ่ ย Stercu-
2 ช่อง มีขนส้ันนุ่ม แตล่ ะชอ่ งมอี อวุล 1-2 เม็ด ยอดเกสรเพศเมยี บิดเวียน ผลแห้งแตก lioideae มปี ระมาณ 30 ชนดิ ในไทยมี 7 ชนดิ ชื่อสกลุ ตัง้ ตามนกั พฤกษศาสตร์
จักเปน็ พูตื้น ๆ รปู รี ยาว 2-3 ซม. เมล็ดสนี ้�ำตาลด�ำ รปู รี ยาว 1.3-1.5 ซม. เยื่อหมุ้ ชาวฝร่ังเศส Charles Louis L’Héritier de Brutelle (1746-1800)
สสี ม้ แดง หุม้ เมลด็ จนมดิ
หงอนไกท่ ะเล
พบทอี่ นิ เดยี บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี
ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าดิบชื้น Heritiera littoralis Aiton
โดยเฉพาะริมลำ� ธาร ความสงู ถึงประมาณ 1800 เมตร เปลือกมีพษิ ใช้เบอ่ื ปลา ไมต้ น้ อาจสงู ไดถ้ งึ 35 ม. และโคนตน้ มพี พู อน ใบรปู รี รปู ไข่ หรอื แกมรปู ขอบขนาน
สกลุ Harpullia Roxb. มปี ระมาณ 26 ชนดิ พบในเอเชยี ออสเตรเลีย และหมเู่ กาะ ยาว 10-22 ซม. ปลายแหลม โคนมน เบย้ี ว แผน่ ใบหนา กา้ นใบหนา ยาว 1-2 ซม.
แปซฟิ กิ ในไทยมี 2 ชนดิ อีกชนดิ คือ หอมไกลดง H. arborea (Blanco) Radlk. กา้ นใบแหง้ ยน่ ชอ่ ดอกยาวไดถ้ งึ 15 ซม. หลอดกลบี เลย้ี งสนี ำ�้ ตาลแดง ยาว 4-7 มม.
กลีบดอกมกี า้ นกลีบ ผลจกั เป็นพู ด้านกวา้ งยาวกว่าด้านยาว เมลด็ มีเยื่อหุ้มทโ่ี คน มี 5 กลบี แฉกลึกประมาณหนง่ึ สว่ นสาม รปู สามเหล่ียม ยาวประมาณ 2 มม. อบั เรณู
ชอ่ื สกุลเป็นภาษาเบงคลีของบังกลาเทศทใี่ ช้เรียกหงอนไกด่ ง ส่วนมากมี 8 อัน หรือ 10 อนั คารเ์ พลเกลี้ยง ผลย่อยรูปรี ยาว 5-10 ซม. มีสัน
ตามยาวดา้ นบน ผิวเกลี้ยงเปน็ เงา ผลแก่สนี �้ำตาล
เอกสารอา้ งอิง
Leenhouts, P.W. and M. Vente. (1994). Sapindaceae. Flora Malesiana Vol. 11: พบที่แอฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี ังกา พมา่ จีน กัมพชู า เวียดนาม ภมู ิภาคมาเลเซีย
606-608. ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 207-212. และภาคใต้ ขึ้นตามป่าโกงกาง น�้ำคั้นจากเปลือกแก้ริดสีดวงทวาร เมล็ดแก้บิด
Xia, N. and P.A. Gadek. (2007). Sapindaceae. In Flora of China Vol. 12: 8. ท้องเสยี ใบใช้ประคบแกป้ วด
หงอนไก่ใบเลก็
Heritiera fomes Buch.-Ham.
ไม้ตน้ สงู ไดถ้ ึง 15 ม. ใบรูปรี รปู ไข่ หรือรปู ไข่กลบั ยาว 8-17 ซม. ปลายและโคน
แหลมหรือมน แผ่นใบและก้านใบหนา ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. ช่อดอกยาวได้ถึง 7 ซม.
436
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย หญา้ ข้าวก�่ำ
หลอดกลีบเลย้ี งสเี ขยี วอมเหลืองหรอื อมชมพู ยาว 3-4 มม. มี 5 กลบี แฉกลึก หงอนไกฟ่ า้ : แผน่ ใบหนา ผลย่อยรปู รี เบ้ยี ว ยาว มเี กล็ดขุยสีนำ�้ ตาล ปลายมจี ะงอยคลา้ ยหางปลา (ภาพ: ดอยตงุ
ประมาณหนง่ึ ส่วนสาม อบั เรณู 8-10 อัน ผลย่อยรปู รหี รอื กลม ยาว 2-5 ซม. มสี นั เชียงราย - SSi)
ตามยาว เกลย้ี ง ผวิ ด้าน
หญ้ากินน,ี สกลุ
พบทอี่ นิ เดยี หมเู่ กาะอนั ดามนั บงั กลาเทศ พมา่ และคาบสมทุ รมลายู ในไทย
พบทางภาคใต้ ขึ้นตามป่าโกงกาง Panicum L.
วงศ์ Poaceae
หงอนไก่ปา่
หญ้าฤดูเดียวหรอื หลายฤดู ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ช่อยอ่ ยออกเด่ยี ว ๆ
Heritiera parvifolia Merr. แบนดา้ นบนและดา้ นลา่ ง ไมม่ ขี นแขง็ รองรบั กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบางคลา้ ยเยอ่ื กาบลา่ ง
ไม้ตน้ สงู ได้ถึง 30 ม. โคนต้นมีพพู อน ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 6-20 ซม. มเี สน้ กาบไดถ้ งึ 9 เสน้ หรอื ไมม่ ี กาบบนมเี สน้ กาบ 3-15 เสน้ ปลายตดั หรอื มรี ยางค์
ดอกยอ่ ย มี 2 ดอก ดอกล่างไม่สมบูรณ์หรอื เปน็ ดอกเพศผู้ ดอกบนสมบูรณเ์ พศ
ปลายแหลมยาว โคนแหลมหรือมน เบ้ยี ว แผน่ ใบหนา ก้านใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอก กาบลา่ งแขง็ หนา เกลด็ ประดับ 2 อัน เกสรเพศผู้ 3 อัน เมลด็ รูปรี
ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. หลอดกลีบเลี้ยงสขี าว ยาว 2-4 มม. มี 5-6 กลีบ แฉกลึกประมาณ
หน่ึงส่วนสาม รปู สามเหลี่ยมแคบ ยาว 1.5-2 มม. อบั เรณู 8-10 อนั ผลยอ่ ยรปู รี สกลุ Panicum มีประมาณ 500 ชนดิ พบในเขตรอ้ นและกง่ึ เขตรอ้ น ในไทยมี
เกล้ยี ง ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายมีปีกคล้ายหางปลา ยาว 2-3 ซม. 19 ชนิด ช่อื สกลุ เป็นภาษาละตินหมายถึงชอ่ แยกแขนง
พบทอี่ นิ เดยี พมา่ ไหห่ นาน ในไทยพบทางภาคกลางทเี่ ขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก หญา้ กนิ นี
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทสี่ กลนคร นครพนม ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ใกลล้ ำ� ธาร ความสงู
100-600 เมตร Panicum maximum Jacq.
หญ้าหลายฤดู สูงได้ถงึ 3 ม. ใบรูปแถบ ยาว 12-60 ซม. โคนมน ขอบมขี นสาก
หงอนไก่ฟา้
แผน่ ใบมีขนยาวหรอื ขนสั้นนมุ่ กาบใบยาว 15-40 ซม. คอใบมีขน ลิน้ ใบเปน็ เย่ือ
Heritiera macrophylla Wall. ex Voigt ดา้ นหลงั มขี นครยุ ชอ่ ดอกยาว 20-60 ซม. ชอ่ แขนงชว่ งโคนเรยี งเวยี น ชอ่ ดอกยอ่ ย
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. โคนตน้ มพี พู อน ใบรปู ขอบขนาน ยาว 10-20 ซม. ปลายแหลม รูปขอบขนาน ยาว 3-4.5 มม. กาบช่อดอกย่อยล่างรูปไขก่ ว้าง ยาวประมาณ 1.2 มม.
เสน้ กาบ 3 เส้น กาบช่อดอกยอ่ ยบน ยาวประมาณ 3.5 มม. เส้นกาบ 5 เส้น กาบดอก
โคนแหลมหรอื เวา้ ตน้ื แผน่ ใบหนา กา้ นใบยาว 2-4 ซม. โคนและปลายกา้ นบวม ล่างยาวประมาณ 3.7 มม. กาบดอกบนยาวประมาณ 2 มม. มีรอยย่นตัดขวาง
ช่อดอกยาว 5-10 ซม. หลอดกลบี เลี้ยงสีนำ�้ ตาลอมเขียว ยาว 5-6 มม. มี 5 กลบี
แฉกลกึ ถงึ ประมาณกงึ่ หนงึ่ อบั เรณู 6-8 อนั ผลยอ่ ยรปู รี เบยี้ ว มเี กลด็ ขยุ สนี ำ้� ตาล พบในอเมริกาเหนือและอเมรกิ าใต้ ยุโรป แอฟรกิ า เอเชยี ออสเตรเลีย และ
ยาวได้ถึง 5 ซม. ปลายมจี ะงอยคลา้ ยหางปลา ยาวประมาณ 1.5 ซม. นวิ ซแี ลนด์ ในไทยปลกู เป็นพืชอาหารสัตว์
พบท่ีอินเดีย พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบทางภาคเหนือท่ีดอยตุง เอกสารอา้ งองิ
จังหวดั เชียงราย ขน้ึ ตามปา่ ดบิ เขา ความสงู ประมาณ 1300 เมตร Chen, S.L. and S.A. Renvoize. (2006). Poaceae (Panicum). In Flora of China
Vol. 22: 513-514.
เอกสารอ้างองิ
Phengklai, C. (2011). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 573-584.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
Vol. 12: 312-313.
Wilkie, P. and B. Ahmad. (2011). Sterculiaceae. In Tree Flora of Sabah and
Sarawak Vol. 7: 339-356.
หงอนไกท่ ะเล: ผลย่อยรปู รี มสี ันตามยาวด้านบน ผวิ เกลย้ี งเป็นเงา (ภาพ: ตรัง - AM); หงอนไกใ่ บเล็ก: แผน่ ใบ
ดา้ นลา่ งมเี กลด็ ขยุ ๆ ผลยอ่ ยรปู รหี รือกลม ผิวดา้ น (ภาพ: ระนอง - RP)
หงอนไก่ป่า: ผลย่อยรปู รี เกล้ียง ปลายมีปกี คล้ายหางปลา (ภาพ: ภลู งั กา นครพนม - NN) หญา้ กินน:ี ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ชอ่ แขนงชว่ งโคนเรียงเวยี น (ภาพ: หวั หนิ ประจวบคีรขี ันธ์ - RP)
หญ้าข้าวก่ำ�, สกุล
Burmannia L.
วงศ์ Burmanniaceae
ไมล้ ม้ ลกุ มใี บแตอ่ าศยั เชอ้ื ราหรอื อาศยั เพยี งบางสว่ น ใบทโี่ คนตน้ เปน็ กระจกุ
ใบบนลำ� ตน้ สว่ นมากมขี นาดเลก็ หรอื กลา้ ยเกลด็ ดอกออกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ ชอ่ ดอก
แบบชอ่ กระจกุ ทีย่ อด กลีบรวมเชอ่ื มตดิ กันเปน็ หลอด ดา้ นข้างสว่ นมากมี 3 ปีก
437
หญ้าข้าวก�่ำ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
กลบี รวม 6 กลีบ เรียง 2 วง กลีบวงนอกขนาดใหญก่ ว่ากลบี วงใน ติดทน หรอื เอกสารอ้างองิ
กลบี วงในลดรปู เกสรเพศผู้ 3 อนั สว่ นมากไรก้ า้ น ตดิ บนหลอดกลบี ปลายแกนอบั เรณู Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Cenchrus). In Flora of China
มกั มรี ยางค์ 2 อนั โคนมรี ยางคค์ ลา้ ยเดอื ยหรอื ไมม่ ี รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี รปู สามเหลยี่ ม Vol. 22: 552.
พลาเซนตารอบแกนร่วม มี 3 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมีย 3 แฉก คลา้ ยรปู ปากหรือ Duistermaat, H. (2005). Field guide to the grasses of Singapore (excluding the
รปู แตร ผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเล็ก จำ� นวนมาก Bamboos). Gardens’ Bulletin Singapore 57: 37-38.
สกลุ Burmannia มปี ระมาณ 57 ชนดิ พบในเขตร้อนและก่งึ เขตรอ้ น ในไทยมี หญา้ ขีค้ รอก: ชอ่ ดอกแยกแขนงรปู ทรงกระบอกแคบ ๆ มขี นแขง็ คล้ายหนาม กาบประดับเป็นขนแข็งเชือ่ มตดิ กนั ทโี่ คน
ประมาณ 12 ชนดิ ช่อื สกุลตัง้ ตามนักพฤกษศาสตรช์ าวดัตช์ Johannes Burman รูปถว้ ย (ภาพซา้ ย: หัวหนิ ประจวบคีรีขันธ์ - SSi); หญา้ สอนกระจับ: หนามหรอื ขนแขง็ สั้น (ภาพขวา: นครราชสีมา - SSi)
(1707-1779)
หญา้ ไขเ่ หา, สกุล
หญ้าข้าวก�ำ่
Cyrtococcum Stapf
Burmannia disticha L. วงศ์ Poaceae
ไมล้ ม้ ลกุ สรา้ งอาหารเองได้ ตน้ ทม่ี ดี อกสงู ไดถ้ งึ 70 ซม. ลำ� ตน้ สเี ขยี ว ใบรปู ใบหอก
หญา้ ฤดเู ดยี วหรอื หลายฤดู ลน้ิ กาบบาง ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงออกทป่ี ลายกง่ิ
หรอื รปู แถบ ยาว 2-15 ซม. ใบทีโ่ คนต้นเรยี งรอบโคนแบบช่อกระจุกซ้อน สั้นกวา่ ช่อดอกยอ่ ยโปง่ ด้านเดยี ว กาบชอ่ ดอกยอ่ ยส้ันกวา่ ชอ่ ดอกย่อย ขนาดไมเ่ ท่ากัน
ใบบนต้นแตก่ ว้างกวา่ ช่อดอกแบบช่อกระจุกด้านเดียว ชอ่ แยกเปน็ คู่ แตล่ ะช่อ บางคลา้ ยเย่อื เสน้ กาบ 3-5 เส้น กาบลา่ งขนาดเล็กกว่ากาบบน กาบบนรูปเรอื
ยาวไดเ้ กือบ 10 ซม. มไี ดถ้ ึง 20 ดอก ใบประดับรปู ใบหอก ยาว 0.5-2.5 ซม. ดอกลา่ งเปน็ หมนั กาบลา่ งสว่ นมากขนาดเทา่ กบั ชอ่ ดอกยอ่ ย ดอกบนสมบรู ณเ์ พศ
ดอกยาว 1-3 ซม. หลอดกลีบสีนำ้� เงนิ มี 3 ปกี กว้าง 1-3.5 มม. กลีบรวมสเี หลือง กาบบนขนาดเล็กหรือไม่มี กาบล่างโป่งด้านเดียว รูปเกือบกลม หนาหรือแข็ง
รูปสามเหลย่ี ม วงนอกยาว 1.5-4.5 มม. ขอบซ้อน ติดทน วงกลีบในรูปใบหอก เปราะ เรยี บหรือมีจดุ เล็ก ๆ เกลด็ ประดับ 3 อนั รูปกรวย เกสรเพศผู้ 3 อัน
ยาว 1-2 มม. โคนอบั เรณูมเี ดอื ย รังไข่รปู รี ยาว 0.6-1.2 ซม. ผลแหง้ แตก รูปไข่กลับ
ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. สกุล Cyrtococcum แยกออกมาจากสกลุ Panicum จากลักษณะกาบล่างของดอกบน
โปง่ ดา้ นเดยี ว มี 11 ชนิด พบในเขตร้อน ในไทยมี 3 ชนดิ ชื่อสกลุ มาจากภาษากรีก
พบท่อี ินเดีย เนปาล ศรลี ังกา จีนตอนใต้ ไห่หนาน พม่า ภมู ิภาคอนิ โดจนี และ “kyrtos” โคง้ และ “kokkos” ผลสด ตามลักษณะผลทม่ี กี าบโปง่ ด้านเดยี ว
มาเลเซยี ออสเตรเลยี ในไทยพบทุกภาค ขึน้ หนาแนน่ ตามทุ่งหญา้ ที่ชน้ื แฉะ หรอื
ท่โี ล่งในปา่ ดิบเขา ความสงู 300-1500 เมตร หญา้ ไขเ่ หา
เอกสารอ้างอิง Cyrtococcum patens (L.) A. Camus
Jonker, F.P. (1948). Burmanniaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 15-19.
Wu, D., D. Zhang and R.M.K. Saunders. (2010). Burmanniaceae. In Flora of ช่ือพ้อง Panicum patens L.
China Vol. 23: 121-122.
หญา้ ฤดเู ดยี ว สงู 10-60 ซม. ใบรปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 4.5-10 ซม. เกลยี้ ง
หญา้ ข้าวกำ่� : ใบทโ่ี คนตน้ สัน้ กวา่ ใบบนต้นแต่กว้างกว่า ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ด้านเดยี ว ช่อแยกเป็นคู่ หลอดกลบี หรือมีขน โคนสอบเรียว กาบใบส้ันกว่าปลอ้ ง ขอบมขี น คอใบมีขน ชอ่ ดอกยาว
สีนำ�้ เงิน มี 3 ปกี กลบี รวมสีเหลือง (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจีนบุรี - SSi) 10-40 ซม. แกนช่อเปน็ เหลยี่ ม มขี น ชอ่ ดอกยอ่ ยออกเป็นคู่ รูปไข่กลับ ยาว 1.3-2 มม.
ก้านชอ่ ยาวกว่าชอ่ ดอกย่อย ยาวประมาณ 3.8 มม. กาบรูปไขก่ ลับ กาบลา่ งปลายมน
หญ้าขคี้ รอก มขี นตามเสน้ กาบ กาบบนปลายแหลม สนั้ กวา่ ชอ่ ดอกยอ่ ยเลก็ นอ้ ย มขี นตอ่ ม เสน้
กาบ 3 เสน้ ดอกลา่ งกาบรูปรี ดอกบนกาบหนา แข็ง ปลายมน
Cenchrus brownii Roem. & Schult.
วงศ์ Poaceae พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา จนี พมา่ ลาว เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู และออสเตรเลยี
ในไทยพบทั่วทกุ ภาค ข้นึ ตามชายป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ปา่ ดิบชื้น และปา่ ดบิ เขา
หญา้ ฤดเู ดียว สูง 30-50 ซม. กาบใบยาว 3-6.5 ซม. ใบรูปแถบ ยาว 12-28 ซม. ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร แยกเปน็ var. latifolium (Honda) Ohwi หรอื
ลนิ้ กาบบาง ขอบมขี นครุย ช่อดอกแยกแขนงรูปทรงกระบอกแคบ ๆ ยาว 4-10.5 ซม. หญา้ ง๊าด ใบและช่อดอกมีขนาดใหญ่กวา่
แกนชอ่ เป็นเหล่ยี ม มขี นแข็งคล้ายหนาม กาบประดบั เป็นขนแข็งเชื่อมตดิ กันท่ี
โคนรปู ถ้วย ยาว 5-6 มม. ชอ่ ดอกย่อยมี 3-6 ช่อ รูปใบหอก ยาว 4-5 มม. กาบบน หญ้าไขเ่ หาดอกแนน่
รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 3 มม. มีเส้นกาบ 3 เสน้ ดอกยอ่ ยดอกลา่ งลดรูป
เหลอื เพยี งกาบลา่ งรปู ใบหอก ยาว 3.5-4 มม. เสน้ กาบ 3 เสน้ ดอกบนสมบรู ณเ์ พศ Cyrtococcum oxyphyllum (Hochst. ex Steud.) Stapf
กาบหนา กาบล่างรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 4 มม. เสน้ กาบ 5 เสน้ กาบบน
รูปใบหอก มีสัน 2 สนั ช่ือพ้อง Panicum oxyphyllum Hochst. ex Steud.
พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ าตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี นวิ กนิ ี หญา้ ฤดเู ดียว สงู 20-50 ซม. ใบรูปแถบ ยาว 5-18 ซม. โคนมน ขอบจักซฟี่ ัน
ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยพบทกุ ภาค ข้นึ ตามที่โล่งและชายปา่ กาบใบยาวกวา่ หรือยาวเท่า ๆ ปลอ้ ง ช่อดอกยาว 5-8.7 ซม. กา้ นช่อยาว 4.5-6 ซม.
แกนกลางชอ่ แบน เปน็ เหลยี่ ม ชอ่ ดอกย่อยสีนำ�้ ตาลแดง ออกเดี่ยว ๆ เรียงเวยี น
สกลุ Cenchrus L. มี 23 ชนดิ พบในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในไทยมี 3 ชนดิ กา้ นช่อสั้นกวา่ ช่อดอกยอ่ ย ช่อรปู ไข่กลับ ยาวประมาณ 2.3 มม. กา้ นยาว 0.5-1 มม.
อกี 2 ชนิด คือ หญา้ สอนกระจบั C. echinatus L. ขึ้นเปน็ วชั พชื มถี ิ่นก�ำ เนดิ กาบล่างรูปไข่ ยาวประมาณ 1.4 มม. สันกลางมขี น กาบบนรปู รี ยาวประมาณ
ในอเมรกิ าเขตรอ้ น และ หญ้าบฟั เฟล C. ciliaris L. มถี ิน่ ก�ำ เนิดในแอฟริกา 1.7 มม. ดอกล่างลดรูป กาบล่างรูปขอบขนาน ไม่มีกาบบน ดอกบนกาบหนา
อนิ เดีย และปากสี ถาน ไทยนำ�เขา้ มาปลกู เป็นพชื อาหารสัตว์ ชื่อสกุลมาจาก ไมม่ ีเส้นกาบ กาบล่างรปู รี กาบบนรูปใบหอก
ภาษากรีก “kenchros” ข้าวฟา่ ง
438
สารานุกรมพืชในประเทศไทย หญ้าจิม้ ฟันควาย
พบที่อนิ เดยี ภฏู าน ศรลี งั กา จีน เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ออสเตรเลีย และ หญ้าจม้ิ ฟนั ควาย
หมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ 2300 เมตร
Arundina graminifolia (D. Don) Hochr.
เอกสารอา้ งอิง วงศ์ Orchidaceae
Cheng, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Cyrtococcum). In Flora of
China Vol. 22: 513-514. ชือ่ พอ้ ง Bletia graminifolia D. Don
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya.
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore. กลว้ ยไมด้ ิน สูง 1.5-2.5 ม. ใบรูปแถบคล้ายหญ้า เรียงเวียน ยาว 10-30 ซม.
ปลายแหลม โคนเป็นกาบหุ้มล�ำต้น ช่อดอกแบบช่อกระจะหรือช่อแยกแขนง
หญ้าไขเ่ หา: ชอ่ ดอกแยกแขนงแคบ ๆ กา้ นชอ่ ดอกย่อยยาวกวา่ ช่อดอกย่อย (ภาพซา้ ย: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - SSi); ออกตามปลายกง่ิ แกนชอ่ ยาวไดก้ วา่ 50 ซม. ดอกจำ� นวนมาก บานทลี ะ 1-2 ดอก
หญา้ งา๊ ด: ใบและช่อดอกขนาดใหญ่กว่าหญา้ ไข่เหา (ภาพขวา: ทองผาภูมิ กาญจนบรุ ี - SSi) ใบประดบั รปู สามเหลยี่ ม ปลายมตี งิ่ แหลม ยาว 3-9 มม. ตดิ ทน ดอกสขี าว สชี มพู
หรือมว่ ง กลบี ปากสเี ข้มมปี ้ืนสเี หลอื งทโี่ คน กลบี เล้ยี งรูปใบหอก ยาวเทา่ ๆ กัน
ยาว 2.2-4.7 ซม. กลบี คู่ข้างเบย้ี วเลก็ น้อย กลีบดอกรูปรหี รอื รูปไข่ ยาว 2-5 ซม.
กลบี ปากยาว 2.5-5 ซม. ปลายกลบี แยก 3 แฉก แฉกข้างโคนม้วนห่อเส้าเกสร
ปลายกลบี กลม แฉกกลางขอบยน่ ปลายจกั ลกึ 2 แฉก เสา้ เกสรตรง ปลายกวา้ ง
ยาว 1.4-2 ซม. กล่มุ เรณู 8 กล่มุ แยกเป็น 2 กลมุ่ ยอ่ ย รงั ไข่รวมกา้ นดอกยาว
1-3.3 ซม. ผลแห้งแตกรูปกระสวย หอ้ ยลง ยาว 3-5 ซม.
พบท่ีอนิ เดีย ภฏู าน เนปาล จนี ไตห้ วัน พมา่ ภมู ภิ าคอินโดจนี และมาเลเซยี
ในไทยกระจายพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ ชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร
มคี วามผันแปรสงู โดยเฉพาะสีของดอก แยกเป็น subsp. caespitosa (Aver.) H. A.
Pedersen & Schuit. หรอื เออื้ งใบไผภ่ วู วั ล�ำตน้ และดอกขนาดเลก็ กวา่ ใบแคบกวา่
ผลตัง้ ขน้ึ พบตามริมล�ำธารขนาดเลก็ ทนี่ ้�ำทว่ มถงึ เขตการกระจายพันธุค์ ล้ายกบั
หญ้าจ้ิมฟนั ควาย ในไทยพบท่ีภูวัว จงั หวัดบึงกาฬ
สกุล Arundina Blume อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Epidendroideae เผ่า Arethuseae มี
เพียงชนดิ เดยี ว ช่ือสกุลมาจากภาษาละติน “arundo” อ้อหรอื กก ตามลักษณะวสิ ัย
เอกสารอ้างอิง
Pedersen, H.Æ. (2014). Orchidaceae (Arundina). In Flora of Thailand Vol. 12(2):
327-330.
Seidenfaden, G. (1986). Orchid genera in Thailand. Opera Botanica 89: 16.
Seidenfaden, G. and J.J. Wood. (1992). The Orchids of Peninsular Malaysia
and Singapore. Olsen & Olsen, Fredensborg, Denmark.
หญ้าไขเ่ หาดอกแน่น: ชอ่ ดอกยอ่ ยสนี ้�ำตาลแดง กา้ นช่อสัน้ กวา่ ช่อดอกยอ่ ย (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบุรี - SSi) หญา้ จมิ้ ฟนั ควาย: ช่อดอกแบบช่อกระจะหรือชอ่ แยกแขนง กลบี ปากสีเข้มมีปื้นสีเหลอื งทโ่ี คน ผลหอ้ ยลง (ภาพซา้ ย:
นราธวิ าส - RP; ภาพขวา: น้�ำหนาว เพชรบรู ณ์ - PK)
หญ้าไข่เหาหลวง
Panicum notatum Retz.
วงศ์ Poaceae
หญา้ หลายฤดู สูงได้ถึง 2 ม. ใบรูปขอบขนานหรือรูปแถบ ยาว 10-20 ซม.
โคนมนหรือเวา้ ตน้ื ขอบมีขนสาก กาบใบมีรว้ิ ลิ้นใบบาง ปลายมขี นครุย ชอ่ ดอกยาว
10-40 ซม. ชอ่ ดอกยอ่ ยรูปรแี กมรปู ไข่ ยาว 2-3 มม. มขี นละเอยี ด กาบชอ่ ดอกย่อยล่าง
แยกโดยปล้องขอ้ สน้ั กวา่ ชอ่ ดอกย่อย รปู ไข่ เส้นกาบ 3-5 เสน้ กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบน
ยาวเท่า ๆ ชอ่ ดอกยอ่ ย เส้นกาบ 3-5 เสน้ กาบดอกลา่ งคล้ายกาบช่อดอกย่อยบน
ไมม่ ีเกล็ดประดับ กาบดอกบนยาวเทา่ ๆ ชอ่ ดอกยอ่ ย หนา เรียบ อับเรณูสมี ่วง
(ดขู ้อมูลเพมิ่ เติมท่ี หญา้ กินน,ี สกุล)
พบทอ่ี นิ เดีย จีนตอนใต้ ภมู ภิ าคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู และฟลิ ิปปนิ ส์ ใน
ไทยพบทุกภาค ขึน้ ตามชายปา่ หรอื ในป่าดิบแลง้ และป่าดบิ ช้ืน
เอกสารอา้ งองิ
Chen, S.L. and S.A. Renvoize. (2006). Poaceae (Panicum). In Flora of China
Vol. 22: 513-514.
Norsaengsri, M. (2006). Systematics of Poaceae subtribe Setariinae in Thailand.
Ph.D. Thesis, Khon Kaen University.
หญา้ ไขเ่ หาหลวง: ล้นิ ใบบาง ปลายมขี นครยุ ขอบใบมีขนสาก ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง (ภาพ: ลำ� ปาง - SSi) เอือ้ งใบไผ่ภูวัว: ใบและดอกขนาดเล็กกว่า ขึน้ ตามรมิ ลำ� ธาร มีท้งั ดอกสอี อ่ นและสเี ข้ม (ภาพ: ภวู วั บงึ กาฬ;
ภาพซา้ ยและขวาบน - NT, ภาพขวาล่าง - PK)
439
หญ้าไซ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย
หญ้าไซ หญา้ ดอกคำ�
Leersia hexandra Sw. Hypoxis aurea Lour.
วงศ์ Poaceae วงศ์ Hypoxidaceae
หญ้าหลายฤดู เหงา้ ส้ัน ล�ำตน้ ทอดนอน ยาว 0.3-1 ม. ข้อมีขน ใบรปู แถบ ช่อื พอ้ ง Curculigo graminifolia Nimmo
ยาว 15-25 ซม. โคนเรียวสอบ ขอบใบและเส้นกลางใบมขี นสาก แผ่นใบเกลย้ี ง
หรอื มีขนสาก ลิ้นใบเปน็ เยอื่ บาง ยาว 2-2.4 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ยาว ไม้ล้มลุก เหง้ากลมหรือรปู รี ล�ำตน้ สงู 2.5-10 ซม. มขี นยาวสีขาวตามแผ่นใบ
9-15 ซม. ชอ่ ดอกยอ่ ยออกเดยี่ ว ๆ รปู ขอบขนาน ยาว 3.4-5 มม. กา้ นชอ่ ยาวประมาณ ใบประดับ ช่อดอก และกลบี รวมด้านนอก ใบมี 4-12 ใบ รูปแถบ ยาว 7-30 ซม.
5 มม. กาบชอ่ ลดรปู ตดิ กบั ปลายชอ่ เปน็ แคลลสั ดอกยอ่ ยมดี อกเดยี ว สมบรู ณเ์ พศ ปลายแหลมยาว โคนโอบรอบล�ำต้น ไร้ก้าน บาง ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ มี 1-4 ชอ่
กาบลา่ งแขง็ รปู เรอื ยาว 3.3-3.9 มม. ปลายแหลม เสน้ กาบ 5 เสน้ มขี นแข็งบน แต่ละชอ่ มี 1-2 ดอก ใบประดบั 2 ใบ รูปใบหอก กลบี รวม 6 กลีบ สเี หลือง แยกกัน
เส้นภายใน กาบบนหยาบ หนา รูปรี ยาว 3.2-3.7 มม. เส้นกาบ 3 เส้น มสี นั เป็นเส้น เรียงซอ้ นเหล่ือมที่โคน กลบี รปู รีถึงรปู ใบหอก ยาว 0.6-1 ซม. เกสรเพศผู้ 6 อัน
จกั ซ่ีหวี เกล็ดประดับรปู ลิ่ม เกสรเพศผู้ 6 อนั ตดิ ทโ่ี คนกลบี รวม กา้ นชอู บั เรณยู าวเทา่ ๆ อบั เรณู อบั เรณตู ดิ ทฐ่ี าน ยาวประมาณกง่ึ หนงึ่
ของกลบี รวม โคนเป็นเงย่ี งลูกศร รงั ไข่อยใู่ ต้วงกลีบ มี 3 ช่อง ยาว 3-6 มม. มขี นยาว
พบในแอฟรกิ า อเมรกิ าเหนอื และอเมรกิ าใต้ เอเชีย และออสเตรเลยี ในไทย ก้านเกสรเพศเมียสน้ั ยอดเกสรจกั 3 พู ผลแห้งแตก รปู กระบอง ยาว 0.6-1.2 ซม.
พบทุกภาคตามพน้ื ทชี่ ุม่ น�้ำ มี 3 ซีก เมลด็ จ�ำนวนมาก กลม ผวิ มีตุม่ กระจาย
สกลุ Leersia Sw. มปี ระมาณ 20 ชนดิ ในไทยพบ 2 ชนดิ อีกชนดิ คอื L. stipitata พบทอ่ี ินเดีย ปากสี ถาน ภูฏาน เนปาล จีนตอนใต้ ไต้หวัน ญ่ีป่นุ เกาหลี พม่า
Bor ชือ่ สกลุ ต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมนั Johann Georg Daniel Leers ภูมภิ าคอนิ โดจีนและมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และนวิ กินี ในไทยพบทกุ ภาค ขึน้ ทงั้ ใน
(1727-1774) ป่าผลัดใบและไมผ่ ลดั ใบ หรือทงุ่ หญ้าทเ่ี ปิดโล่ง ความสูงถงึ ประมาณ 2000 เมตร
สารสกัดจากรากบ�ำรุงก�ำลงั มสี รรพคณุ กระตนุ้ ความต้องการทางเพศ
เอกสารอา้ งองิ
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya. สกุล Hypoxis L. มี 50-100 ชนดิ พบทั้งในเขตร้อนและก่งึ เขตร้อน ยกเวน้ ใน
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore. ยุโรป ในไทยมี 2-3 ชนิด ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี “hypo” ใต้ และ “oxys”
Liu, L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Leersia). In Flora of China Vol. 22: แหลม ตามลักษณะของใบ
184-185.
เอกสารอ้างอิง
Ji, Z. and A.W. Meerow. (2000). Amaryllidaceae. In Flora of China Vol. 24: 273.
หญา้ ไซ: ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ชอ่ ดอกยอ่ ยออกเด่ยี ว ๆ (ภาพ: นำ�้ หนาว เพชรบูรณ์ - SSi) หญ้าดอกค�ำ: ใบเรยี วยาวเรยี งรอบต้น ชอ่ ดอกมี 1-2 ดอก กลบี รวมแยกกัน เรียงซ้อนเหล่ือมท่โี คน เกสรเพศผู้ตดิ ที่
โคนกลบี รวม โคนอับเรณูเปน็ เง่ยี งลกู ศร (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - RP)
หญ้าดอกขน
หญ้าดอกแดง
Ipomoea triloba L.
วงศ์ Convolvulaceae Melinis repens (Willd.) Zizka
วงศ์ Poaceae
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 5 ม. กา้ นชอ่ ดอกและกา้ นดอกเปน็ เหลยี่ ม มตี มุ่ กระจาย
หา่ ง ๆ ใบรูปไขก่ ว้างถึงกลม หรือจกั 3 พู ยาว 2.5-7 ซม. โคนรูปหัวใจ ก้านใบ ชอื่ พ้อง Saccharum repens Willd., Rhynchelytrum repens (Willd.) C. E. Hubb.
ยาว 2.5-6 ซม. ชอ่ ดอกมีหนง่ึ หรือหลายดอก ก้านชอ่ ยาว 2.5-5.5 ซม. ใบประดับ
รปู ใบหอกขนาดเลก็ กา้ นดอกยาว 5-7 มม. กลบี เลยี้ งเกลย้ี งหรอื มขี นยาวดา้ นนอก หญา้ ฤดูเดยี ว สูงไดถ้ งึ 1.5 ม. ขอ้ มีขน ใบรูปแถบ ยาว 5-30 ซม. โคนมน ลนิ้ กาบ
ขอบมีขนครยุ ปลายมีติ่งแหลม คูน่ อกรปู ขอบขนาน สัน้ กว่าค่ใู นเลก็ นอ้ ย คใู่ นรปู รี ขอบมขี นครยุ ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ยาว 5-20 ซม. ช่อดอกยอ่ ยออกเด่ยี ว ๆ
ยาว 7-8 มม. ดอกรปู แตร สชี มพหู รอื อมมว่ ง ยาว 1.5-2 ซม. รังไข่มีขนสั้นนุม่ สีชมพูอมแดงหรือมว่ ง รูปไข่ ยาว 0.2-1.2 ซม. โป่งดา้ นเดยี ว มขี นยาวหนาแนน่
ผลรปู กลม ๆ เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 5-6 มม. มขี นแข็งส้ัน เมล็ดเกล้ยี ง (ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ที่ ขนยาวได้ถึง 6 มม. กา้ นยาว 1-3.5 มม. กาบช่อดอกย่อยบาง ขอบมีขนครยุ กาบล่าง
ผกั บุง้ , สกุล) รปู ขอบขนานขนาดเลก็ เสน้ กาบ 1 เส้น กาบบนรูปไข่ โป่งด้านเดียว ยาวเท่า ๆ
ช่อดอกย่อย ปลายมีต่งิ หนามหรอื แยก 2 แฉก มรี ยางคส์ น้ั ๆ เส้นกาบ 5 เส้น ดอกย่อย
มีถิน่ ก�ำเนดิ ในแถบหมูเ่ กาะเวสตอ์ นิ ดีส ขนึ้ เปน็ วชั พชื ทว่ั ไปในเขตร้อน ดอกลา่ งเพศผู้ กาบลา่ งคลา้ ยกาบชอ่ ดอกยอ่ ย แคบกวา่ เลก็ นอ้ ย ดอกบนสมบรู ณเ์ พศ
กาบแข็ง ยาว 2-2.5 มม. เปน็ มันวาว
เอกสารอ้างองิ
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 425. มถี นิ่ กำ� เนิดในแอฟรกิ าเขตรอ้ น ขึน้ เป็นวชั พชื ทัว่ ไป ในไทยพบทัว่ ทกุ ภาค มี
ความผนั แปรสงู แยกเป็นหลายชนิดย่อย
หญ้าดอกขน: ใบรูปไขก่ วา้ งหรือจัก 3 พู กลบี เล้ยี งเกลี้ยงหรือมีขนยาวดา้ นนอก ขอบมีขนครุย ปลายมีติ่งแหลม
ดอกรูปแตร ผลรปู กลม ๆ มีขนแขง็ สั้น (ภาพ: แม่สอด ตาก - RP) สกุล Melinis P. Beauv. มี 22 ชนิด ส่วนมากพบในแอฟรกิ าเขตร้อน ในไทยมี
3 ชนดิ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “miline” หมายถงึ พวกข้าวฟา่ งชนดิ หนึ่ง
เอกสารอา้ งอิง
Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Melinis). In Flora of China Vol.
22: 539.
440
สารานุกรมพืชในประเทศไทย หญา้ เทยี น
พบทอี่ นิ เดีย ภูฏาน พม่า จีน และภมู ภิ าคอินโดจนี ในไทยพบทางภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวนั ออก ข้ึนตามท่โี ล่งบนเขาหินปนู ความสูง
200-1000 เมตร แยกเป็น var. pulchella (D. Don) Burkill ในดอกบานกลบี เลย้ี ง
ส้ันกว่ากลีบดอก พบที่อนิ เดีย ภูฏาน จีน และเนปาล
เอกสารอ้างองิ
Ho, T.N. and J. Pringle. (1995). Gentianaceae. In Flora of China Vol. 16: 116.
Uboncholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 90-92.
หญ้าดอกแดง: ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ชอ่ ดอกย่อยออกเด่ยี ว ๆ โปง่ ด้านเดยี ว มขี นยาวหนาแนน่ (ภาพ: หวั หิน หญา้ ดอกลาย: S. calcicola กลีบดอกรปู ไข่ มีลายเป็นรว้ิ สีม่วง โคนกลีบมตี ่อมน�้ำตอ้ ย 2 ต่อม ลอ้ มรอบดว้ ยขนส้นั
ประจวบคีรีขันธ์ - SSi) (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - SSi)
หญ้าดอกลาย, สกลุ หญ้าดอกลาย: S. striata กลบี ดอกรปู ขอบขนาน มรี ิ้วยาวสมี ่วง โคนกลบี มตี ่อมนำ�้ ต้อย 2 ต่อม ขอบมีขนยาว
(ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - SSi)
Swertia L.
วงศ์ Gentianaceae หญ้าดคี วาย: กลีบเลยี้ งยาวเท่า ๆ หรือยาวกว่ากลีบดอก กลบี ดอกมจี ุดสีม่วงเขม้ โคนกลีบมีตอ่ มนำ�้ ตอ้ ย 1 ตอ่ ม
มีเกล็ดเปน็ แผ่นกลมรอบ ขอบจกั ชายครยุ สน้ั ๆ (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK)
พชื ล้มลุก แตกก่ิงต�่ำจ�ำนวนมาก ก่ิงมกั เปน็ เหล่ยี ม ใบเรียงตรงขา้ ม ไรก้ ้าน
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ หรือช่อแยกแขนง กลบี เล้ียงและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ หญา้ เทียน
4-5 กลบี หลอดกลบี เลยี้ งสนั้ กลบี ดอกแยกเกอื บจรดโคน มตี อ่ มนำ�้ ตอ้ ยทโี่ คนกลบี
ดา้ นใน 1-2 ตอ่ ม ทโ่ี คนมหี รอื ไมม่ แี ผน่ เกลด็ เกสรเพศผู้ 4-5 อนั ตดิ ทโี่ คนกลบี ดอก Impatiens chinensis L.
ก้านชูอบั เรณูแบน โคนแผ่กว้าง อบั เรณูติดด้านหลงั ไหวได้ รังไข่มีชอ่ งเดยี ว วงศ์ Balsaminaceae
ยอดเกสรเพศเมยี จกั 2 พู ผลแหง้ แตก เมล็ดจำ� นวนมาก ขนาดเลก็
ไม้ลม้ ลกุ สงู 30-80 ซม. ใบเรียงตรงขา้ มสลับต้ังฉาก รูปแถบ ยาว 3-6 ซม.
สกลุ Swertia อยู่ภายใต้วงศย์ ่อย Gentianeae มีประมาณ 135 ชนิด สว่ นมาก ปลายแหลม โคนกวา้ ง ตดั หรอื เวา้ เปน็ ตง่ิ แผน่ ใบดา้ นบนมขี นประปราย ดา้ นลา่ งมนี วล
พบในแอฟริกา และเอเชยี ในไทยมี 4 ชนิด ชื่อสกลุ ต้งั ตามนักสมุนไพรชาวดตั ช์ เกือบไรก้ า้ น โคนกา้ นใบมตี ่อม 1 คู่ ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 2-4 ซม.
Emanuel Swert (1552-1612) มขี นเรยี งแถวเดยี วดา้ นขา้ งทงั้ สองดา้ น ดอกสมี ว่ งอมชมพู กลบี เลยี้ ง 2 กลบี รปู แถบ
ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมีต่ิงแหลม กลีบปากมีเดือยยาว โคง้ งอ ยาว 2-3 ซม.
หญา้ ดอกลาย กลบี ดอกกลบี กลางกลม ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมตี งิ่ กลบี ปกี แฉกลกึ ยาวประมาณ
1.5 ซม. คนู่ อกแผก่ วา้ ง คใู่ นรปู ไขก่ ลบั ขนาดเลก็ เปน็ ตง่ิ ใกลโ้ คน ผลเตง่ กลาง เกลย้ี ง
Swertia calcicola Kerr เมลด็ สดี ำ� เปน็ มนั เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 2 มม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี เทยี น, สกลุ )
ไม้ล้มลุก สงู ไดถ้ งึ 30 ซม. ใบรูปรหี รอื รปู ไข่ ยาว 1-3 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ
พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคเหนอื
กลบี เล้ยี งและกลบี ดอกจำ� นวนอย่างละ 4-5 กลีบ ก้านดอกยาว 1.5-3.5 ซม. และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขึน้ หนาแนน่ ตามท่ีช้ืนแฉะ ท่งุ หญ้าในป่าเตง็ รังและ
กลีบเล้ยี งรปู รี ยาว 4-5 มม. ปลายแหลม ดอกสีขาว มรี ้ิวยาวสมี ่วง กลบี รูปไข่ ยาว ป่าสนเขา หรือบนทีโ่ ลง่ เขาหินปนู ความสงู ถึงประมาณ 1300 เมตร
0.7-1.3 ซม. ปลายแหลม ขอบเวา้ เลก็ น้อย โคนมตี อ่ มนำ�้ ต้อย 2 ตอ่ ม ลอ้ มรอบดว้ ย
ขนยาวประมาณ 0.7 มม. ยกเว้นท่ีโคนต่อม เกสรเพศผู้เท่าจ�ำนวนกลีบดอก
ก้านชอู ับเรณูยาว 3-5 มม. อบั เรณูยาวประมาณ 1 มม. ผลรูปขอบขนาน ยาว 5-8.5 มม.
พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคเหนือที่ดอยอินทนนท์ และดอยเชียงดาว
จงั หวดั เชยี งใหม่ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ บนเขาหนิ ปนู หรอื ทงุ่ หญา้ ความสงู 2000-2100 เมตร
หญ้าดอกลาย
Swertia striata Collett & Hemsl.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-60 ซม. ใบรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 3-4 ซม. ปลายแหลม
โคนสอบ ไร้กา้ น กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำ� นวนอย่างละ 5 กลีบ กา้ นดอกยาว
5-10 มม. กลบี เลี้ยงรูปใบหอก ยาว 5-8 มม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว ดอกสขี าว
มรี ้ิวยาวสมี ว่ ง กลีบรูปรหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 0.8-1 ซม. ปลายแหลม ขอบเว้า
เล็กนอ้ ย โคนกลบี มตี ่อมนำ้� ต้อย 2 ตอ่ ม มเี กล็ดทโ่ี คน ขอบมขี นยาวประมาณ 2 มม.
ยกเวน้ ปลายตอ่ ม เกสรเพศผู้ 5 อัน กา้ นชูอับเรณยู าว 4-5 มม. อบั เรณูยาว 1-3 มม.
ผลรปู ขอบขนาน ยาว 0.7-1 ซม.
พบทพี่ มา่ และภาคเหนอื ของไทยทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่
บนเขาหนิ ปนู ความสงู 1700-1800 เมตร
หญา้ ดีควาย
Swertia angustifolia Buch.-Ham. ex D. Don
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-80 ซม. ใบรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 2-6 ซม. ปลายแหลม
โคนสอบ ไรก้ ้าน กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 4 กลบี ก้านดอกยาว
3-7 มม. กลบี เลีย้ งรปู ใบหอก ยาว 6-8 มม. ปลายแหลม มีเส้นกลีบ 1-3 เส้น
ดอกสีขาวอมมว่ ง มจี ดุ สมี ว่ งเข้มกระจาย กลีบรปู รี ยาว 4-6.5 มม. ปลายแหลม
ขอบเวา้ เลก็ นอ้ ย โคนกลีบมตี ่อมนำ�้ ต้อย 1 ต่อม มีเกล็ดเป็นแผ่นกลมรอบ ขอบจัก
ชายครุยสนั้ ๆ เกสรเพศผู้ 4 อนั กา้ นเกสรยาว 2.5-4 มม. อบั เรณรู ูปรี ยาว 1-2 มม.
ผลรูปไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 4-8 มม.
441
หญา้ เทียนหางสัน้ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย
หญ้าเทียนหางสน้ั หญ้านำ้�คา้ ง, สกุล
Impatiens oreophila Triboun & Suksathan Drosera L.
ไมล้ ม้ ลุก สงู 10-45 ซม. ใบเรยี งตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปแถบ ยาว 3-12 ซม. วงศ์ Droseraceae
ปลายแหลมเปน็ ตงิ่ โคนเวา้ รปู หวั ใจหรอื โอบลำ� ตน้ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมนี วล โคนกา้ นใบ พชื ลม้ ลกุ กนิ แมลง ใบออ่ นปลายมว้ น ใบและชอ่ ดอกมตี อ่ มเหนยี วหนาแนน่
มตี อ่ ม 1 คู่ ชล้ี ง ดอกออกเดย่ี ว ๆ หรือเปน็ กระจกุ 2 ดอก ตามซอกใบ ใบประดบั กบั ดกั แมลงขนาดเลก็ ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งเปน็ กระจกุ แบบกหุ ลาบซอ้ น ชอ่ ดอกแบบ
ขนาดเลก็ ตดิ ทโ่ี คน กา้ นดอกยาว 1.5-4 ซม. มขี นเรยี งเปน็ แถวทง้ั สองดา้ น ดอกสขี าว ชอ่ วงแถวเดย่ี วหรอื ชอ่ กระจะ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 4-5 กลบี
อมเขียว กลีบเล้ยี ง 2 กลบี รปู แถบ ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมีต่งิ แหลม โคนกลีบปาก กลบี เลี้ยงเช่อื มตดิ กนั ทโี่ คน เกสรเพศผู้ 5-15 อนั มี 3-5 คาร์เพล แตล่ ะคารเ์ พล
มีลายร่างแหสีแดง เดือยหนา โค้งงอ ยาว 1.5-2 ซม. ปลายทู่ กลีบดอกกลบี มอี อวลุ 3 เมด็ หรอื จำ� นวนมาก พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ เกสรเพศเมีย 3-5 อนั
กลางรูปกลมหรอื รูปหัวใจกลับ กว้างประมาณ 8 มม. ยาวประมาณ 7 มม. ปลายมี ผลแหง้ แตกตามยาว มี 3-5 ซกี เมล็ดจ�ำนวนมาก ขนาดเล็ก
ติ่งแหลม เปน็ สันตื้น ๆ จรดโคน กลบี ปีกแยกกนั กลบี คนู่ อกรูปไขก่ ลบั ยาว 1-1.2 ซม.
โคนดา้ นในมสี มี ว่ งแซม กลบี คใู่ นคลา้ ยรปู สามเหลย่ี มขนาดเลก็ ปลายมน ผลเตง่ กลาง สกลุ Drosera มีประมาณ 110 ชนดิ ส่วนใหญพ่ บในออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์
(ดขู ้อมูลเพ่ิมเตมิ ที่ เทียน, สกลุ ) ในไทยมี 3 ชนิด และมีหลายชนิดที่นำ�เขา้ มาเป็นไมป้ ระดบั ช่ือสกุลมาจากภาษา
กรกี “drosos” น้ำ�ค้าง หมายถงึ ลกั ษณะขนท่ีเปน็ ต่อมเหนยี วเพือ่ ใชใ้ นการจับแมลง
พืชถิ่นเดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ข้นึ ตามที่โลง่ รูปรา่ งคล้ายหยดน�ำ้ ค้าง
บนเขาหนิ ปนู ความสงู 1300-1400 เมตร คลา้ ยหญา้ เทยี น I. chinensis L. แตเ่ ดอื ย
สั้นกว่า และปลายทู่ และคลา้ ยเทยี นทงุ่ ค่าย I. reticulata Wall. ทดี่ อกสชี มพู หญา้ นำ้�ค้าง
พบท่ที ุ่งค่าย จงั หวดั ตรัง และทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นในความสงู ระดบั ตำ่� ๆ
คำ� ระบชุ นิดหมายถึง ถ่นิ ท่ีอย่ตู ามภูเขาสงู Drosera indica L.
ไม้ลม้ ลุก สงู ไดถ้ ึง 30 ซม. ไม่มหี ูใบ ใบรปู แถบ ยาวได้ถึง 10 ซม. กวา้ ง 1-2 มม.
เอกสารอ้างองิ
Shimizu, T. (1970). Contributions to the Flora of Southeast Asia II: Impatiens of ปลายใบมว้ นงอ ชอ่ ดอกออกตามซอกใบช่วงปลายก่ิง ยาวได้ถงึ 10 ซม. มไี ด้ถึง
Thailand and Malaya. Tonan Ajia Kenkyu (Southeast Asian Studies) 8(2): 20 ดอก กลีบเลีย้ งรปู ใบหอก ยาว 3-5 มม. กลีบดอกสชี มพหู รอื สีม่วง รปู ไข่กลับ
190-191. ยาวเกอื บ 1 ซม. กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 5 อนั ยาวประมาณ 4 มม.
Suksathan, P. and P. Triboun. (2009). Ten new species of Impatiens (Balsami- อับเรณูรปู ขอบขนาน เกสรเพศเมีย 3 อัน แตล่ ะอันแยก 2 แฉกเกอื บจรดโคน
naceae) from Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 61(1): 170-172. ผลมี 3 ซีก รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 3 มม.
พบในเอเชียเขตร้อน ญีป่ นุ่ และออสเตรเลีย ในไทยพบกระจายทกุ ภาค ขน้ึ
ตามท่ชี ้นื แฉะ ทีโ่ ล่งและสภาพดินไม่สมบูรณ์ ความสงู ถึงประมาณ 1200 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
Larsen, K. (1987). Droseraceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 67-69.
หญ้าเทยี น: ใบเรียงตรงข้ามสลบั ตง้ั ฉาก โคนเว้าเปน็ ติ่ง เกอื บไร้กา้ น กลีบปากมีเดือยโคง้ งอ กลีบดอกกลีบกลาง หญ้านำ้� ค้าง: ใบรูปแถบ ปลายใบม้วนงอ มตี อ่ มเหนยี วหนาแนน่ ช่อดอกแบบชอ่ วงแถวเดยี่ ว กลีบดอกรูปไขก่ ลบั
ปลายมีต่งิ แหลม กลีบปีกคู่ในขนาดเล็ก คนู่ อกแผก่ ว้าง (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก - RP) สชี มพหู รือสีม่วง เกสรเพศผู้ 5 อนั เกสรเพศเมีย 3 อนั แยก 2 แฉกเกอื บจรดโคน (ภาพ: วดั จนั ทร์ เชียงใหม่ - PK)
หญา้ เทียนหางสน้ั : ใบเรียงตรงขา้ มสลบั ต้ังฉาก โคนเว้ารูปหวั ใจหรือโอบลำ� ต้น ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื เป็นกระจกุ 2 ดอก หญา้ นวิ้ มือผี
ตามซอกใบ เดือยโค้งงอ ปลายทู่ โคนกลบี ปากมลี ายร่างแหสีแดง (ภาพ: เขาเรดาร์ กาญจนบุรี - PK)
Adenia pinnatisecta (Craib) Craib
เทยี นทุง่ ค่าย: ใบเรยี งตรงข้ามสลับตงั้ ฉาก เกือบไร้ก้าน ดอกออกเดย่ี ว ๆ สชี มพู (ภาพ: ท่งุ คา่ ย ตรงั - SSi) วงศ์ Passifloraceae
ชอื่ พ้อง Modecca pinnatisecta Craib, Adenia saxicola Craib
ไมเ้ ถา ยาวได้ถึง 6 ม. ใบสว่ นมากแฉกลกึ 2-7 พู กวา้ ง 2.5-27 ซม. ยาว
3-20 ซม. พรู ูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาวได้ถงึ 14 ซม. โคนตดั หรือเวา้ ต้ืน มตี ่อม
2 ต่อม ก้านช่อดอกยาว 3-15 ซม. ชอ่ ดอกเพศผู้ดอกจำ� นวนมาก ช่อดอกเพศเมีย
มี 2-5 ดอก มอื จบั 3 อัน ยาวได้ถงึ 15 ซม. ดอกเพศผู้ กา้ นดอกยาว 0.5-2 ซม.
ดอกรูประฆงั ยาว 1.2-2 ซม. รวมก้านตอ่ (stipe) ฐานดอกส้ัน กลีบเล้ียงรูปใบหอก
ยาวได้ถงึ 1.3 ซม. กลีบดอกรูปไข่ ปลายมน ยาว 0.6-1 ซม. เสน้ กลีบ 3 เสน้ มี
กา้ นกลีบ ขอบจกั ชายครุย เกสรเพศผยู้ าว 3-5.5 มม. อับเรณูยาว 2-4 มม.
ปลายมีต่ิง กะบังมีขนบาง ดอกเพศเมียคล้ายดอกเพศผู้ ดอกและก้านดอกสั้น
กว่าเลก็ น้อย รังไข่มี 3-6 เหล่ียม มกี ้านส้ัน ๆ ก้านเกสรเพศเมยี 3 อัน เชอื่ มติดกัน
ท่ีโคน ยอดเกสรกลม มปี มุ่ คลา้ ยขนแกะ ผลมี 1-3 ผลในแต่ละช่อ รปู รี ยาว 3-4 ซม.
ก้านชูยาว 0.5-1 ซม. เมลด็ รูปไข่ ยาว 5-8 มม. มรี อยบมุ๋ กระจาย (ดขู ้อมูลเพิ่มเติมที่
ปากกา, สกลุ )
พบทพี่ มา่ และลาว ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเี่ ชยี งใหม่ ลำ� ปาง ลำ� พนู สโุ ขทยั ตาก
และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา
442
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย หญ้าประดับดนิ
ความสงู 200-1000 เมตร แยกเป็น var. muricata W. J. de Wilde พชื ถน่ิ เดยี ว 1.2 ซม. มี 2-5 ดอก กา้ นดอกยาวประมาณ 7 มม. ใบประดับยาวประมาณ 5 มม.
ของไทย พบทางภาคเหนือทลี่ ำ� พนู ตาก ใบขนาดเลก็ หรือแฉกลึก 2-5 พู พลู ่างสัน้ ใบประดบั ยอ่ ยยาว 2-3 มม. กลีบเลี้ยงยาวประมาณ 2 มม. ดอกรูปดาว มี 5 กลบี
และขนาดเลก็ มือจบั มีอนั เดียว ปลายอับเรณไู ม่มตี ง่ิ เมลด็ มีขนคายละเอียด รปู ใบหอก ยาวประมาณ 7 มม. เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู บั เรณแู ยกกนั ยาวประมาณ
1.5 มม. อบั เรณตู ดิ กนั เปน็ รปู กรวย ยาวประมาณ 7.5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
เอกสารอา้ งองิ 6-7 มม. ยอดเกสรเพศเมียรูปแถบ (ดขู ้อมูลเพมิ่ เตมิ ท่ี ประดับหนิ , สกุล)
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2010). Passifloraceae. In Flora of
Thailand Vol. 10(2): 241-244. พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคใตท้ ีน่ ครศรธี รรมราช พัทลงุ ตรัง ข้นึ ตาม
ก้อนหินใกลล้ ำ� ธารในปา่ ดบิ ชนื้ ความสูง 200-1400 เมตร ส่วน subsp. laeve
พบทีค่ าบสมทุ รมลายูและสุมาตรา ใบและลำ� ตน้ เกล้ียง สูงมากกว่า 15 ซม.
เอกสารอ้างอิง
Geddes, E.T. (1927). Contributions to the flora of Siam (Argostemma setosum).
Kew Bulletin 1927: 169.
Sridith, K. (1999). Four new species, a new variety, and a status change in
Argostemma (Rubiaceae) from Thailand. Nordic Journal of Botany 19(2): 178.
หญ้านิ้วมือผ:ี ใบแฉกลกึ เป็นพู ดอกแยกเพศรว่ มชอ่ ช่อดอกแบบช่อกระจกุ ดอกรปู ระฆงั ขอบกลบี ดอก จกั ชายครยุ หญา้ ใบหอก: ใบเรยี งตรงข้ามตามล�ำตน้ แต่ละคูไ่ มเ่ ท่ากนั รูปใบหอก ดอกรปู ดาว กลีบรปู ใบหอก ก้านชูอับเรณู
ผลรูปรี (ภาพ: ดอยอนิ ทนนท์ เชียงใหม่ - RP) แยกกัน อับเรณูตดิ กนั เปน็ รปู กรวย (ภาพ: เขาบรรทัด ตรัง - RP)
หญา้ บวั แบ หญ้าประดับดนิ
Xyris kradungensis B. Hansen Hibiscus lobatus (Murray) Kuntze
วงศ์ Xyridaceae วงศ์ Malvaceae
ไม้ลม้ ลุก มไี หล แตกกอ สูงไดถ้ ึง 60 ซม. ใบรูปดาบ บดิ เวียน ยาว 10-40 ซม. ช่ือพอ้ ง Solandra lobata Murray
มลี นิ้ กาบยาว 0.5-1.5 มม. กา้ นช่อดอกยาวไดถ้ งึ 60 ซม. มีสันเป็นร้ิว 1-2 เสน้
ขอบเรยี บ บดิ เวยี น ชอ่ ดอกรปู รหี รอื รปู ทรงกระบอก ยาว 0.7-2.2 ซม. ใบประดบั ไมล้ ม้ ลุก สูงได้ถึง 70 ซม. มีขนละเอียด ขนยาว และขนรูปดาวประปรายตามกิ่ง
รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 3-7 มม. ใบประดับที่มีดอกมีแอ่งรูปสามเหลี่ยมขนาด หูใบ ก้านใบ แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น ชอ่ ดอก ก้านดอก และกลบี เลีย้ งดา้ นนอก หูใบ
ประมาณ 2 มม. กลบี เลยี้ งคู่ขา้ งรูปใบหอก ยาว 5-7 มม. สนั ทปี่ ลายจกั ส้นั ๆ รปู ใบหอก ยาว 3-8 มม. ใบรปู จกั 3 พู หรอื แฉกลึก 3 แฉก ยาวไดถ้ งึ 10 ซม.
หรอื ไมม่ ี กลบี ดอกรปู ไขก่ ลบั ยาว 6-9 มม. ขอบจกั ชายครยุ อบั เรณยู าวประมาณ ขอบจกั ซี่ฟนั หรอื จักมน กา้ นใบส้นั หรือยาวเท่า ๆ แผ่นใบ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ
2 มม. เกสรเพศผูท้ ่ีเปน็ หมนั ยาวประมาณ 4 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาว 5-6 มม. ออกตามซอกใบส้นั ๆ หรือเป็นชอ่ ยาวตามปลายกงิ่ ท่ใี บลดรูป ยาวได้ถงึ 40 ซม.
แยก 3 แฉก ยาวประมาณ 4 มม. ผลสนี ้�ำตาล รูปไข่กลบั ยาว 4-5 มม. เมล็ดมสี นั กา้ นดอกยาว 2-2.5 ซม. ปลายกา้ นมตี ง่ิ รวิ้ ประดบั คลา้ ยเกลด็ ขนาดเลก็ กลบี เลยี้ ง
ตามยาว 13-18 สนั แนวขวาง 1-2 สัน (ดูข้อมูลเพ่มิ เติมที่ กระถินทงุ่ , สกลุ ) แฉกลกึ รปู ใบหอก ยาว 4-5 มม. ตดิ ทน ดอกสขี าวหรอื อมมว่ ง กลบี รปู ขอบขนาน
ยาว 6-7 มม. เสา้ เกสรเพศผยู้ าวเทา่ ๆ กลบี เลย้ี ง อบั เรณตู ดิ ตลอดความยาวเสา้ เกสร
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทภี่ กู ระดงึ จงั หวดั เลย ผลรูปไขแ่ คบ ยาว 0.7-1 ซม. เปลือกบาง มีขนตามรอยประสาน ปลายมีจะงอย
ขึ้นหนาแน่นตามทุ่งหญ้าท่ีชื้นแฉะในป่าเต็งรัง หรือท่ีโล่งในป่าสนเขา ความสูง แหลมสั้น ๆ เมล็ดมีขนคล้ายเกลด็ (ดขู ้อมูลเพ่ิมเติมท่ี ชบา, สกุล)
300-1300 เมตร
พบทแี่ อฟรกิ า มาดากสั การ์ อนิ เดยี ปากสี ถาน ภฏู าน เนปาล ศรลี งั กา ไหห่ นาน
เอกสารอา้ งอิง และพมา่ ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ ตาม
Phonsena, P., P. Chantaranothai and A. Meesawat. (2013). Revision of Xyris L. ป่าเบญจพรรณ บนเขาหนิ ปนู ความสูง 100-900 เมตร
(Xyridaceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 41: 125.
เอกสารอา้ งองิ
หญ้าบัวแบ: ไมล้ ้มลุก แตกกอ ใบรปู ดาบ บิดเวยี น ชอ่ ดอกรปู รีหรือรปู ทรงกระบอก กลีบดอกรูปไขก่ ลับ ขอบจกั Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
ชายครยุ กา้ นเกสรเพศเมยี แยก 3 แฉก (ภาพ: ภูกระดงึ เลย - PPh) 12: 294.
หญา้ ใบหอก หญา้ ประดบั ดิน: ใบจัก 3 พู หรอื แฉกลกึ 3 แฉก กลบี เลยี้ งติดทน ปลายผลมีจะงอย (ภาพ: ภผู าม่าน เลย - PK)
Argostemma laeve Benn. subsp. setosum (E. T. Geddes) Sridith
วงศ์ Rubiaceae
ชอื่ พ้อง Argostemma setosum E. T. Geddes
ไม้ลม้ ลกุ สงู ได้ถึง 15 ซม. มีขนสั้นนมุ่ หูใบรปู สามเหล่ียม ยาวประมาณ 5 มม.
ใบเรยี งตรงขา้ มตามลำ� ตน้ แตล่ ะคไู่ มเ่ ทา่ กนั รปู ใบหอก ยาว 2.5-3 ซม. ใบสน้ั ยาว
ประมาณ 8 มม. ขอบมีขนครยุ แข็ง กา้ นใบยาวประมาณ 3 มม. กา้ นชอ่ ดอกยาวไดถ้ งึ
443
หญา้ ปล้อง สารานุกรมพืชในประเทศไทย
หญา้ ปลอ้ ง เอกสารอา้ งอิง
Hong, D. and R.A. DeFilipps. (2000). Commelinaceae. In Flora of China Vol.
Hymenachne amplexicaulis (Rudge) Nees 24: 30.
วงศ์ Poaceae Thitimetharoch, T., T. Subphala, S. Preeprame, S. Porasuphatana and R.B. Faden.
(2008). The identification of Yah Peking as Murdannia bracteata (Com-
ชอื่ พอ้ ง Panicum amplexicaule Rudge melinaceae) and the species with which it has been confused. Paper
presented in the 14th Flora of Thailand Meeting, 18-21 August 2008.
หญ้าหลายฤดู มไี หล ล�ำต้นเลื้อยทอดนอน ยาวไดถ้ ึง 3.5 ม. ชูยอดสงู ได้ถึง 1 ม. Copenhagen, Denmark.
มรี ากตามโคนต้น ข้อบวมพอง ปลอ้ งมีไสส้ ขี าว ใบรปู แถบ ยาว 15-30 ซม. โคนมน
โอบล�ำตน้ เลก็ นอ้ ย กาบใบยาว 7-10 ซม. ลนิ้ กาบบาง ยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกแบบ หญา้ ปักกงิ่ : ใบกระจกุ ทโี่ คนรปู แถบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแน่น ใบประดบั ตดิ ทน แหง้ แล้วร่วง กลบี ดอกรูปไขก่ ลับ
ชอ่ แยกแขนงแคบ ๆ คลา้ ยชอ่ เชงิ ลด ยาว 20-40 ซม. แกนชอ่ มคี รบี ชอ่ ดอกยอ่ ย เกสรเพศผู้ 2 อัน ก้านชูอับเรณมู ีขนเครา เกสรเพศผู้ท่ีเป็นหมัน 3 อัน (ภาพ: cultivated - RP)
ออกเดีย่ ว ๆ รปู ใบหอก ยาว 5-6.5 มม. กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบาง ปลายแหลมยาว
กาบชอ่ ล่างรูปไข่ ยาว 1.2-2 มม. เส้นกาบ 1-3 เสน้ กาบช่อบนรปู ใบหอก ยาว หญ้าปากควาย
3-5 มม. เสน้ กาบ 5 เสน้ ปลายมตี ง่ิ หนาม ดอกยอ่ ยดอกลา่ งเปน็ หมนั กาบลา่ งคลา้ ย
กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบน ไมม่ กี าบบน ดอกยอ่ ยดอกบนสมบรู ณเ์ พศ กาบรปู เรอื ปลายแหลม Dactyloctenium aegyptium (L.) Willd.
ยาวประมาณ 3 มม. เส้นกาบ 3 เส้น กาบบนหนา ปลายมีขนคายสนั้ ๆ วงศ์ Poaceae
พบทอี่ เมรกิ าเขตรอ้ น อินเดีย จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ิภาคอนิ โดจีนและมาเลเซยี ชือ่ พอ้ ง Cynosurus aegyptius L.
ถงึ ออสเตรเลยี ตอนบน ในไทยพบทกุ ภาค ขึน้ ตามริมน�้ำหรือท่ีนำ้� ขัง ความสูงถึง
ประมาณ 400 เมตร หญ้าฤดเู ดียว ลำ� ตน้ ทอดนอน ยาว 30-60 ซม. ข้อบวมพอง ใบรปู แถบ ยาว
5-32 ซม. โคนตดั ขอบมขี นยาวหา่ ง กาบใบสน้ั หรอื ยาวกวา่ ปลอ้ ง ลนิ้ กาบบาง ยาว
สกลุ Hymenachne P. Beauv. มี 5-10 ชนดิ พบในอเมรกิ า แอฟริกา และเอเชยี 1-2 มม. ขอบมขี นครยุ ช่อดอกแยกแขนงคล้ายรูปนิ้วมอื ออกทป่ี ลายกงิ่ กวา้ ง
ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนดิ คือ หญ้าปล้องน้อย H. assamica (Hook. f.) Hitchc. 4-6 ซม. ช่อยอ่ ยแบบช่อกระจะ มี 3-9 ชอ่ ยาว 2-4 ซม. แกนช่อเปน็ เหลย่ี ม
ช่อดอกย่อยส้นั กวา่ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “hyme” เยอ่ื บาง และ “achne” ช่อดอกยอ่ ยตดิ ทแ่ี กนแขนงช่อดา้ นเดยี ว เรียงเวยี น ไร้กา้ น รปู ไข่ แบนด้านข้าง
กาบ ตามลักษณะกาบช่อดอก และกาบลา่ งดอกยอ่ ยล่าง ยาว 3.5-4.5 มม. กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบาง สน้ั กวา่ ชอ่ ดอกยอ่ ย กลางสนั มขี น เสน้ กาบ
เอกสารอ้างอิง 3 เสน้ กาบลา่ งรปู ใบหอก ปลายแหลม กาบบนรปู ไข่ ปลายเรยี วแหลมคลา้ ยรยางค์
Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Hymenachne). In Flora of China ดอกยอ่ ยมี 3-4 ดอก ดอกลา่ งไมม่ เี พศ กาบลา่ งรปู ไข่ ยาว 3 มม. ปลายเรยี วแหลม
เนอ้ื บาง มขี นบริเวณสนั กลางกาบ กาบบนรูปไข่กลบั ดอกบนสมบูรณ์เพศ กาบรูปไข่
Vol. 22: 510. ยาว 2-4 มม. มขี น ปลายยาวคล้ายหาง ดอกทีเ่ หลืออย่ดู า้ นบน ไมม่ ีเพศ กาบบาง
Norsaengsri, M. and P. Chantaranothai. (2005). The genus Hymenachne ส้นั กวา่ ในดอกบน ผิวเมล็ดเป็นคลืน่
(Poaceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 33: 94-100. พบทว่ั ไปในเขตรอ้ น เปน็ วชั พชื ในอเมรกิ าและยโุ รป ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตาม
ท่โี ลง่ โดยเฉพาะทเ่ี ปน็ ดนิ ทราย ความสูงถึงประมาณ 650 เมตร
หญา้ ปลอ้ ง: ถ่ินท่อี ยขู่ น้ึ ในนำ�้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงแคบ ๆ (ภาพ: นครราชสีมา - SSi)
สกลุ Dactyloctenium Willd. มี 13 ชนิด ส่วนมากพบในแอฟริกา และอินเดยี ในไทย
หญา้ ปกั ก่ิง มชี นดิ เดียว ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “daktylos” น้วิ มือ และ “ktenion” ซห่ี วี
ตามลกั ษณะช่อดอกและการเรียงตัวของช่อดอกยอ่ ย
Murdannia bracteata (C. B. Clarke) J. K. Morton ex D. Y. Hong เอกสารอ้างองิ
วงศ์ Commelinaceae Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Dactyloctenium). In Flora of
ช่ือพอ้ ง Aneilema nudiflorum (L.) R. Br. var. bracteatum C. B. Clarke China Vol. 22: 480.
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya.
ไมล้ ม้ ลกุ มเี หงา้ ไมม่ ลี ำ� ตน้ หรอื มแี ตส่ นั้ มาก รากหนา มขี นหนาแนน่ ใบเกลยี้ ง
หรือมีขนดา้ นลา่ ง ใบกระจกุ ทโ่ี คนรูปแถบ กวา้ ง 1.2-1.8 ซม. ยาว 20-30 ซม. Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore.
ใบตามล�ำตน้ เรยี งเวียน รปู ใบหอกหรือแกมรปู ไข่ ยาว 3-12 ซม. กาบใบมีขนสั้นนุม่
หรอื มขี นหยาบยาวตามขอบปาก ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแนน่ มี 1-5 ช่อ ก้านชอ่ ยาว หญา้ ปากควาย: ชอ่ ดอกแยกแขนงคล้ายรปู นว้ิ มอื ออกทีป่ ลายกงิ่ (ภาพ: หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ - SSi)
2-3 ซม. ใบประดับเส้นผา่ นศูนย์กลาง 5-7 มม. ติดทน แหง้ แล้วรว่ ง ก้านดอกส้นั
ขยายในผลยาว 2-3 มม. โคง้ งอ กลีบเลยี้ ง 3 กลีบ รูปไข่ ยาวประมาณ 4 มม.
ดอกสฟี ้าอมมว่ ง มี 3 กลบี รูปไข่กลบั เกือบกลม ยาว 7-8 มม. เกสรเพศผู้ 2 อัน
กา้ นชอู บั เรณมู ขี นเครา เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 3 อนั รงั ไข่ 3 ชอ่ ง ผลรปู สามเหลย่ี ม
ยาวประมาณ 4 มม. แตกเปน็ 3 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมี 2 เมล็ด ผิวเปน็ รา่ งแห (ดขู ้อมลู
เพิ่มเตมิ ที่ หญา้ หงอนเหงือก, สกุล)
พบทจี่ นี ลาว และเวียดนาม ข้นึ ตามดนิ ทรายรมิ ล�ำธาร ในไทยปลูกเปน็ พืช
สมนุ ไพรมสี รรพคณุ ยบั ยงั้ เซลลม์ ะเรง็ บางครง้ั เขา้ ใจผดิ วา่ เปน็ ชนดิ M. loriformis
(Hassk.) R. S. Rao & Kammathy ซง่ึ รากบางกว่า ใบตามลำ� ตน้ เรยี วแคบกว่า
ใบประดบั ยอ่ ยรว่ งงา่ ย และชอ่ ดอกแตกแขนงแผก่ วา้ ง มเี ขตการกระจายพนั ธก์ุ วา้ ง
444
สารานุกรมพืชในประเทศไทย หญ้าพันเกลยี ว
หญา้ ผกั เบี้ย, สกลุ หญ้าผักเบี้ย: L. thorelii มีขนยาวประปราย ดอกออกเดีย่ ว ๆ กา้ นดอกยาว ดอกรูปปากเปิด สีม่วงหรือสขี าวล้วน
กลีบบน 2 กลีบ แฉกลกึ จรดโคน สนั้ กว่ากลบี ลา่ ง กลีบลา่ ง 3 กลีบ (ภาพ: บุรีรัมย์ - RP)
Lobelia L.
วงศ์ Campanulaceae หญา้ ฝอย
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ไมม่ หี ใู บ ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ดอกออก Utricularia hirta Klein ex Link
เดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ ชอ่ แบบชอ่ กระจะ ใบประดบั รปู แถบขนาดเลก็ หรอื ไมม่ ี กลบี เลย้ี ง วงศ์ Lentibulariaceae
4-5 กลบี ติดทน ดอกสมมาตรดา้ นข้างหรอื รปู ปากเปิด หลอดกลีบดอกสัน้ มี
4-5 กลบี เกสรเพศผู้ 4-5 อนั เชอ่ื มตดิ กนั บางสว่ น หมุ้ เกสรเพศเมีย ปลายอบั เรณู ไมล้ ม้ ลกุ มขี นยาวหนาแนน่ ตามชอ่ ดอก กา้ นดอก ใบประดบั ใบประดบั ยอ่ ย และ
ส่วนมากมขี นเครา รงั ไข่ใตว้ งกลบี มี 2 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมียจัก 2 พู ผลแห้งแตก กลบี เลยี้ ง ขนมหี ลายเซลล์ ส่วนมากยาวได้ถงึ 1 มม. หรือ 2-4 มม. ใบรปู ไขก่ ลับหรือ
ทปี่ ลายเปน็ 2 ซกี หรือผลสด เมลด็ ขนาดเล็ก จำ� นวนมาก รูปใบพาย ยาว 1-2 ซม. ก้านใบสว่ นมากยาวกว่าแผ่นใบ ชว่ งออกดอกไม่มีใบ
กับดกั แมลงเป็นกระเปาะกลมขนาดเลก็ มาก สว่ นมากตดิ บนใบ ช่อดอกออกเดีย่ ว ๆ
สกลุ Lobelia มปี ระมาณ 400 ชนดิ สว่ นมากพบในเขตร้อนและกงึ่ เขตร้อน พบนอ้ ย แบบชอ่ กระจะตงั้ ตรง สงู ไดถ้ งึ 30 ซม. มี 1-6 ดอก ใบประดบั รปู ไข่ ยาวประมาณ
ในเขตอบอุ่น ในไทยมี 14 ชนดิ ชื่อสกลุ ตั้งตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเบลเยียม 1 มม. ใบประดับย่อยตดิ ท่ีโคนขนาดเล็ก ก้านดอกยาว 1-3 ซม. กลีบเลีย้ งรูปไข่
Mathias de Lobel หรอื Matthaeus Lobelius (1538-1616) ยาว 2-7 มม. ดอกสมี ่วงหรืออมนำ�้ เงนิ ยาว 0.3-1 ซม. กลีบบนขนาดเลก็ กวา่
กลบี ลา่ งมาก ปลายกลบี มักเวา้ ต้ืน กลบี ลา่ งรปู ไข่กว้าง ปลายเวา้ ตืน้ ๆ โคนกลีบ
หญ้าผกั เบี้ย ล่างสีขาวมีจดุ สเี หลอื ง เดือยรปู ล่มิ ยาวประมาณ 4 มม. มีขนยาว ผลรูปรกี วา้ ง
ยาวประมาณ 2 มม. ผวิ เมลด็ เปน็ รา่ งแห (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ สรอ้ ยสวุ รรณา, สกลุ )
Lobelia heyneana Schult.
ไมล้ ้มลุก สงู ได้ถงึ 40 ซม. ลำ� ต้นเป็นสามเหล่ียมคลา้ ยปีก ใบเรยี งเวยี น รูปไข่หรอื พบท่ีอนิ เดีย บังกลาเทศ ศรีลงั กา ภมู ิภาคอนิ โดจนี และบอรเ์ นียว ในไทยพบ
กระจายหา่ ง ๆ ทกุ ภาค ขน้ึ ตามที่ชื้นแฉะ ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร
รปู สี่เหลยี่ มข้าวหลามตัด ยาว 0.8-3 ซม. โคนสอบเรยี วจรดกา้ นใบ ใบช่วงปลายกิง่
ขนาดเล็กและเรยี วแคบ ขอบจกั ซฟ่ี ันตน้ื ๆ กา้ นใบยาว 1-4 มม. ใบประดับย่อย 2 อัน เอกสารอ้างอิง
ขนาดเลก็ ร่วงเรว็ ก้านดอกยาว 0.5-2 ซม. ฐานดอกรปู ถว้ ย ยาว 1-2 มม. กลบี เล้ยี ง Parnell, J. (2011). Lentibulariaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(1): 30-31.
5 กลบี รูปสามเหล่ยี มเรียวแคบ ยาว 2-3 มม. บานออก ดอกสมี ว่ งอ่อน ๆ หรือขาว
กลบี ล่างมปี นื้ สมี ่วง ดา้ นในมีขนละเอยี ด กลีบบน 2 กลีบ แฉกลึกจรดโคน รูปแถบ หญา้ ฝอย: มีขนยาวหนาแนน่ ดอกสีมว่ งหรอื อมนำ�้ เงิน กลีบบนขนาดเล็กกวา่ กลีบล่างมาก ปลายกลบี มกั เวา้ ตน้ื
ต้ังขึน้ ยาวประมาณ 1 มม. กลีบลา่ ง 3 กลบี รูปรกี วา้ ง ยาว 3-5 มม. ปลายอบั เรณู กลบี ลา่ งรปู ไข่กวา้ ง ปลายเวา้ ต้ืน ๆ โคนกลบี ล่างสีขาวมจี ุดสีเหลือง (ภาพ: ผาแตม้ อบุ ลราชธานี - PK)
2 อัน มขี นเครา ผลแหง้ แตก รูปขอบขนาน ยาว 4-5 มม. มีสนั ตื้น ๆ เมลด็ ผิวเรียบ
หญ้าพันเกลยี ว
พบท่แี อฟริกา อินเดีย ภูฏาน ศรีลงั กา จนี ตอนใต้ ไตห้ วัน พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจีน
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และหมเู่ กาะซนุ ดานอ้ ย ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื Ceropegia thailandica Meve
ทีเ่ ลย และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ่กี าญจนบุรี ขึ้นตามปา่ สนเขา ปา่ ดบิ เขา หรือบน วงศ์ Apocynaceae
เขาหนิ ปนู ความสงู 750-1700 เมตร
ไมล้ ้มลุกคลา้ ยหญ้า หวั ใต้ดินเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.5-2 ซม. รากยาวไดถ้ งึ 10 ซม.
หญ้าผกั เบย้ี ล�ำตน้ สงู 10-30 ซม. แตกก่ิง มขี นประปรายตามข้อ ใบรูปแถบ ยาว 3.5-7 ซม.
ปลายแหลม โคนสอบ ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ มดี อกเดยี ว กา้ นชอ่ ยาว 0.8-1 ซม.
Lobelia thorelii E. Wimm. ใบประดบั รปู ลม่ิ แคบ ยาวประมาณ 1 มม. กา้ นดอกยาว 4-8 มม. กลบี เลยี้ งรปู ใบหอก
ไม้ลม้ ลกุ สูง 5-20 ซม. มขี นยาวประปรายตามกง่ิ แผ่นใบ ฐานดอก และก้านดอก หรือรปู แถบ ยาว 7-8 มม. กลีบดอกคลา้ ยรปู ลิ่มแคบ หลอดกลบี รูปทรงกระบอก สีครมี
มปี น้ื สนี ำ้� ตาลกระจาย ยาว 1-1.2 ซม. ปลายคอด ดา้ นในมขี น กลบี บดิ เปน็ เกลยี ว
ใบเรยี งเวียน รปู รีกว้าง ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. โคนตัด สอบเรยี วแคบ ใบชว่ งปลายกง่ิ สเี ขียวครมี อมน้ำ� ตาล ยาว 4-5.5 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนกลบี เป็นตงิ่ พับงอ มีขน
ขนาดเล็กและแคบกวา่ ขอบจกั ซีฟ่ นั กา้ นใบยาวประมาณ 2 มม. ดอกออกเดย่ี ว ๆ กำ� มะหยส่ี มี ว่ งดำ� ขอบกลบี มขี นครยุ ปลายขนเปน็ ตอ่ มคลา้ ยรปู กระบอง มกี ะบงั
ตามซอกใบ ใบประดบั ย่อย 2 อัน รูปแถบ ยาวประมาณ 2 มม. ร่วงเร็ว กา้ นดอกยาว รอบเสา้ เกสร สแี ดงอมมว่ ง สูงประมาณ 4 มม. กลบี กะบงั ด้านนอกยาวประมาณ
1.5-6 ซม. ฐานดอกรปู ถว้ ยส้นั ๆ กลบี เล้ยี ง 5 กลบี รปู สามเหลี่ยมแคบ ยาวเทา่ ๆ หรอื 0.7 มม. ดา้ นในมขี น กลบี กะบงั ดา้ นในเกล้ยี ง โคง้ งอ ยาว 3-3.5 มม. อับเรณูอยู่เหนือ
ยาวกวา่ ฐานดอกเลก็ นอ้ ย ดอกสมี ว่ งหรอื สขี าวลว้ น กลบี ยาว 0.7-1 ซม. กลบี บน ยอดเกสรเพศเมยี เรณสู ีเหลอื ง รงั ไข่เกลี้ยง (ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ท่ี เทพธาโร, สกลุ )
2 กลบี แฉกลึกจรดโคน รปู รีแคบ ตั้งขึน้ ส้นั กว่ากลบี ลา่ ง กลบี ล่าง 3 กลบี รูปรกี วา้ ง
ปลายมตี ง่ิ แหลม รงั ไขม่ ขี นหนาแนน่ ผลแหง้ แตก รปู ขอบขนาน ยาวเทา่ ๆ กลบี เลย้ี ง
พบทล่ี าว ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออกของไทย ขนึ้ หนาแนน่
ตามที่โล่ง ความสูง 100-300 เมตร ทง้ั ต้นกนิ เป็นผักสด บางครัง้ เรียกว่า ผักลืมผัว
อน่งึ ใน Flora of China ระบวุ ่าเป็นชอื่ พอ้ งของ L. terminalis C. B. Clarke
ซง่ึ กลบี ล่างและกลีบบนขนาดเทา่ ๆ กัน และเป็นสเี ดียวกนั
เอกสารอา้ งองิ
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2014). Campanulaceae. In Flora of
Thailand Vol. 11(4): 517-537.
Hong, D. and T.G. Lammers. (2011). Campanulaceae (Lobelia). In Flora of
China Vol. 19: 554-556, 558.
หญ้าผกั เบย้ี : L. heyneana ดอกสีม่วงออ่ น ๆ กลีบลา่ งมีปน้ื สมี ่วง กลีบเลย้ี งตดิ ทน (ภาพ: ดอยสเุ ทพ เชยี งใหม่ - BD)
445
หญา้ แมม่ ด สารานุกรมพืชในประเทศไทย
พืชถ่นิ เดียวของไทย พบทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนบนท่ีภวู วั จังหวัด ใบประดบั ย่อยรูปลิ่มแคบ ยาวประมาณ 2 มม. กลบี เลี้ยงยาว 5-8 มม. มสี นั 10 สัน
บงึ กาฬ ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ ทร่ี าบบนยอดภเู ขาหนิ ทรายชายปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ประมาณ กลบี แฉกลึกประมาณกง่ึ หนึง่ รูปใบหอก ปลายแหลมยาว ดอกสว่ นมากสีเหลือง
300 เมตร คลา้ ยกบั วา่ นสามพน่ี อ้ งภพู าน C. suddeei Kidyoo พบทภี่ พู าน จงั หวดั หลอดกลบี ดอกยาว 1-1.3 ซม. ดา้ นนอกมขี นตอ่ ม กลบี บนรปู รกี วา้ ง ยาวประมาณ
สกลนคร หลอดกลบี เรยี วแคบกวา่ โคนกลบี เป็นต่ิง ไมม่ ีขนกำ� มะหยีส่ ีมว่ งดำ� 3 มม. กลบี ลา่ งรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. ขอบมขี น ผลรปู ไขห่ รอื เกอื บกลม
ยาว 2-3 มม. มกี ลบี เลย้ี งหมุ้
เอกสารอา้ งอิง
Kidyoo, M. (2014). Ceropegia suddeei sp. nov. (Apocynaceae, Asclepiadoideae) พบท่ีแอฟรกิ า และเอเชียเขตร้อน ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามทีโ่ ล่ง ทงุ่ หญา้
from northeastern Thailand. Nordic Journal of Botany 32(5): 569-574. doi: หรอื ลานหิน ความสงู ถงึ ประมาณ 800 เมตร ท้ังตน้ มสี รรพคุณฆ่าพยาธิ
10.1111/njb.00418
Meve, U. (2009). Ceropegia thailandica (Asclepiadoideae-Ceropegieae), a หญ้าแม่มดใหญ่
spectacular new Thai species. Bradleya 27: 161-164.
Striga masuria (Buch.-Ham. ex Benth.) Benth.
หญา้ พนั เกลยี ว: ไมล้ ้มลกุ คล้ายหญ้า กลบี ดอกบดิ เป็นเกลยี ว โคนเป็นต่งิ มขี นกำ� มะหยีส่ มี ่วงดำ� (ภาพ: ภูวัว บึงกาฬ - PK)
ช่อื พ้อง Buchnera masuria Buch.-Ham. ex Benth.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-80 ซม. มีขนหยาบทว่ั ไป บางครั้งแตกกิ่ง ใบรูปแถบ ยาว
1.5-4 ซม. ดอกออกเดย่ี ว ๆ ดคู ลา้ ยช่อเชงิ ลด ใบประดบั คล้ายใบ ยาว 0.3-1 ซม.
ใบประดบั ยอ่ ยรปู ลม่ิ แคบ ยาว 3-5 มม. กา้ นดอกสน้ั กลบี เลย้ี งยาว 0.8-1.2 ซม.
ขยายเล็กน้อยในผล มสี ัน 15 สนั กลบี แฉกลึกเกินกง่ึ หน่ึง รปู ใบหอก ปลายแหลมยาว
ดอกสว่ นมากสชี มพหู รอื ขาว หลอดกลบี ดอกยาว 2-2.5 ซม. ดา้ นนอกมขี นตอ่ ม
กระจาย กลบี บนรูปรกี วา้ ง กวา้ งประมาณ 6 มม. ยาวประมาณ 5 มม. กลีบลา่ งรปู
ขอบขนานหรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 1-1.2 ซม. ขอบมขี นยาว ผลรปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน
ยาว 6-7 มม. มีกลบี เล้ียงหุ้ม
พบทอี่ นิ เดยี เนปาล จีนตอนใต้ พม่า ภูมภิ าคอินโดจนี และฟิลิปปินส์ ในไทยพบ
กระจายทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกทชี่ ยั ภมู ิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ปี่ ราจนี บรุ ี
และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ทีก่ าญจนบรุ ี ขน้ึ ตามทงุ่ หญา้ ชายปา่ เบญจพรรณ หรอื
เขาหนิ ปนู ความสูงถึงประมาณ 1100 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
Hong, D., H. Yang, C.L. Jin, M.A. Fischer, N.H. Holmgren and R.R. Mill. (1998).
Scrophulariaceae. In Flora of China Vol. 18: 88.
Yamazaki, T. (1990). Scrophulariaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(2): 231-233.
วา่ นสามพ่นี ้องภูพาน: หลอดกลบี เรยี วยาว โคนเปน็ ตงิ่ ไมม่ ีขนกำ� มะหยส่ี มี ่วงดำ� (ภาพ: ภูพาน สกลนคร - PK) หญ้าแมม่ ด: ใบรปู แถบ หรือลดรปู คลา้ ยเกล็ด ดอกสีเหลอื ง (ภาพซา้ ย: ระนอง - RP); หญา้ แมม่ ดใหญ:่ ใบรปู แถบ
ดอกออกเด่ียว ๆ ดูคลา้ ยชอ่ เชงิ ลด กลบี เลีย้ งแฉกลึกเกนิ กึ่งหน่ึง ดอกสีชมพู (ภาพขวา: กาญจนบรุ ี - RP)
หญ้าแมม่ ด, สกุล
หญา้ รักนา, สกุล
Striga Lour.
วงศ์ Orobanchaceae Ludwigia L.
วงศ์ Onagraceae
ไมล้ ม้ ลกุ กงึ่ เบยี นรากพชื อน่ื ลำ� ตน้ เปน็ เหลยี่ ม ใบเรยี งตรงขา้ มชว่ งโคน เรยี งเวยี น
ชว่ งบน เรียวแคบ บางครั้งลดรปู คลา้ ยเกล็ด ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบหรอื ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ เตยี้ บางครง้ั ทอดนอนมรี ากตามขอ้ หรอื เปน็ ไมน้ ำ้� มรี ากหายใจ
คล้ายชอ่ เชิงลด ใบประดบั คล้ายใบ ใบประดบั ย่อย 2 ใบ ตดิ ท่โี คนกลบี เล้ยี ง คลา้ ยฟองน้�ำ หใู บขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ
กลีบเล้ยี งเช่ือมตดิ กันเป็นหลอด มีสันตามยาว ปลายแยกเปน็ 5 กลีบ กลบี ดอก หรอื ออกทปี่ ลายกง่ิ เปน็ ชอ่ แบบชอ่ กระจะหรอื ชอ่ เชงิ ลด กลบี เลยี้ งตดิ ทน สว่ นมาก
รูปปากเปิด หลอดกลบี โคง้ กลบี บน 2 กลบี สัน้ กว่ากลีบล่าง กลีบลา่ ง 3 กลบี มี 4-5 กลบี กลีบดอกส่วนมากจ�ำนวนเทา่ กลีบเล้ยี ง เกสรเพศผจู้ �ำนวนเท่าหรอื
เกสรเพศผู้ 2 คู่ ยาวไมเ่ ทา่ กนั อบั เรณมู ชี อ่ งเดยี ว ตดิ ดา้ นหลงั รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง เกลยี้ ง เปน็ สองเทา่ ของกลบี เลย้ี ง อบั เรณสู ว่ นมากตดิ ไหวได้ รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี จ�ำนวนชอ่ ง
ยอดเกสรเป็นตมุ่ ผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเลก็ จำ� นวนมาก มรี ้ิวตามยาว สว่ นมากเทา่ จำ� นวนกลบี เลย้ี ง กา้ นเกสรเพศเมยี มอี นั เดยี ว ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ เรยี บ
หรอื จกั เปน็ พู ผลแหง้ แตก เมลด็ ขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก เรยี งแถวเดยี วหรอื หลายแถว
สกลุ Striga เคยอยภู่ ายใต้วงศ์ Scrophulariaceae มีประมาณ 40 ชนดิ ส่วนมาก ไมม่ กี ระจกุ ขน
พบในแอฟรกิ า พบประปรายในเอเชีย ออสเตรเลีย และหม่เู กาะแปซิฟิก ในไทย
มี 2 ชนดิ ชอ่ื สกลุ เปน็ ภาษาละติน หมายถึงมรี ิว้ หรอื สันตามลกั ษณะกลีบเล้ียง สกุล Ludwigia มี 82 ชนดิ พบทว่ั ไปทง้ั ในเขตร้อนและเขตอบอุน่ ในไทยมี 6 ชนดิ
หลายชนดิ เปน็ วัชพืช และหลายชนดิ พบเปน็ ไม้น�ำ้ ประดับในตู้ปลา ช่อื สกุลต้งั
หญา้ แมม่ ด ตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน Christian Gottlieb Ludwig (1709-1773)
Striga asiatica (L.) Kuntze
ชอ่ื พอ้ ง Buchnera asiatica L.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-30 ซม. มขี นหยาบทว่ั ไป สว่ นมากไมแ่ ตกกง่ิ ใบรปู แถบ ยาว
0.5-2 ซม. หรือลดรปู ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรือคลา้ ยช่อเชิงลด มีใบประดับคลา้ ยใบ
446
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย หญ้าหงอนเหงอื ก
หญา้ รกั นา
Ludwigia octovalvis (Jacq.) P. H. Raven
ชอ่ื พอ้ ง Oenothera octovalvis Jacq.
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื คลา้ ยไมพ้ มุ่ เตยี้ มเี นอ้ื ไมท้ โี่ คน สงู ไดถ้ งึ 4 ม. แตกกงิ่ จำ� นวนมาก
มขี นสน้ั นมุ่ ตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบ กา้ นดอก กลบี เลย้ี ง และผล ใบรปู ไขก่ ลบั ถงึ รปู แถบ
ยาว 1-14 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ล่มิ กา้ นใบยาวได้ถงึ 1 ซม. ดอกสว่ นมาก
ออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ กลีบเล้ยี ง 4 กลบี รูปไข่หรอื รูปขอบขนาน ยาว 0.6-1.5 ซม.
ดอกสเี หลอื ง กลีบรปู ไข่กลบั กวา้ ง ยาว 0.6-1.7 ซม. เกสรเพศผู้ 8 อนั ก้านชอู บั เรณู
ยาว 1-4 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ กา้ นชอู ับเรณู ยอดเกสรจัก 4 พู ผลรูป
ทรงกระบอก ยาว 1.7-4.5 ซม. มีสนั ตามยาว 8 สัน เปลือกบาง กา้ นผลยาวไดถ้ งึ
1 ซม. เมลด็ เรียง 2 แถวหรือหลายแถว
พบในอเมรกิ า แอฟรกิ า ยโุ รป เอเชยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ขนึ้ ตาม
ที่โล่งท่ีชืน้ แฉะ รมิ แหล่งน้�ำ ความสูงถึงประมาณ 2200 เมตร มีความผันแปรสูง
บางคร้ังแยกเป็นหลายชนดิ ย่อย มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง
เอกสารอา้ งองิ
Boufford, D. and P.H. Raven. (2014). Onagraceae. In Flora of Thailand Vol.
11(4): 601-607.
หญา้ รักนา: ใบเรยี งเวยี น มีขนส้นั นมุ่ กระจาย ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ ผลรปู ทรงกระบอก มีสันตามยาว หญา้ ลอยลม: ไหลแยกแขนง ใบรปู แถบ เรยี งสลับระนาบเดยี วหนาแนน่ ชอ่ ดอกมีกาบประดบั ช่อดอกเพศผู้แบบ
กลบี เลยี้ งติดทน (ภาพ: ขุนพะวอ ตาก - RP) ชอ่ กระจะเชิงประกอบ ช่อดอกเพศเมียหรอื ช่อดอกสมบูรณ์เพศแบบชอ่ กระจะคล้ายชอ่ เชิงลด ออกเป็นกระจกุ แนน่
(ภาพบน ต้นและชอ่ ดอกเพศผ:ู้ บางสะพาน ประจวบคีรขี ันธ์, ภาพล่าง ชอ่ ดอกเพศเมีย: เทพา ปัตตานี; - RP)
หญ้าลอยลม
หญ้าหงอนเหงอื ก, สกลุ
Spinifex littoreus (Burm. f.) Merr.
วงศ์ Poaceae Murdannia Royle
วงศ์ Commelinaceae
ชื่อพอ้ ง Stipa littorea Burm. f., S. spinifex L., Spinifex squarrosus L.
ไม้ล้มลุก รากหนารูปกระสวย ใบเรียงเป็นกระจุกท่ีโคนต้น เรียงเวียนตาม
หญ้าหลายฤดู ไหลแยกแขนง ต้นทมี่ ีช่อดอกสงู 30-100 ซม. แยกเพศต่างตน้ ล�ำตน้ ช่อดอกแบบช่อวงแถวเดีย่ ว แยกแขนง กลีบเลีย้ งและกลบี ดอกจ�ำนวน
หรอื ดอกเพศผแู้ ยกตน้ โคนกาบใบมขี น ลนิ้ กาบบาง มขี นครยุ หนาแนน่ ใบรปู แถบ อยา่ งละ 3 กลีบ แยกจรดโคน กลบี เล้ียงรปู คล้ายเรือ เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์สว่ นมาก
เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ยาว 5-22 ซม. แขง็ ปลายแหลมคลา้ ยหนาม ขอบมขี นสาก มี 3 อนั หรือ 1-2 อนั ลดรูป อบั เรณแู ตกตามยาว เกสรเพศผู้ทเี่ ปน็ หมนั มี 3-4 อัน
ชอ่ ดอกเพศผแู้ บบช่อกระจะเชิงประกอบ ออกเป็นกระจุก 2-5 ช่อ กาบประดับ หรือไมม่ ี ติดตรงขา้ มกลีบดอก อับเรณูรปู ลกู ศร รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง ออวลุ มี 1-7 เม็ด
รปู ไข่หรือรูปขอบขนาน ยาวไดถ้ ึง 2.6 ซม. ช่อกระจะยาว 3-6 ซม. ชอ่ ดอกยอ่ ย ผลแหง้ แตกเปน็ 3 ซกี ส่วนมากมี 1-3 เมล็ดในแต่ละซกี เมล็ดเป็นเหล่ยี ม ผวิ เป็น
เรียงซอ้ นเหล่ือมห่าง ๆ 5-10 ช่อ รปู ใบหอก ยาว 0.8-1.2 ซม. กาบสนั้ กวา่ ชอ่ ร่างแห หรอื ตุม่ มีขั้วเมล็ด
เสน้ กาบ 7-10 เสน้ ดอกยอ่ ยดอกลา่ งกาบบาง ยาวประมาณ 8 มม. เสน้ กาบ 5-7 เส้น
กาบล่างมสี ัน อบั เรณยู าว 4.5-5 มม. ดอกบนไม่มีเสน้ กาบ ชอ่ ดอกเพศเมยี หรอื สกุล Murdannia มปี ระมาณ 50 ชนิด พบในเขตร้อนและกงึ่ เขตรอ้ น โดยเฉพาะ
ช่อดอกสมบูรณ์เพศคล้ายช่อเชิงลด ออกเป็นกระจุกแน่น เส้นผ่านศูนย์กลาง ในเอเชีย ในไทยมปี ระมาณ 10 ชนดิ ชือ่ สกุลตั้งตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวอนิ เดยี
20-35 ซม. กาบประดับรปู แถบ ยาว 20-34 ซม. และรปู คลา้ ยเขม็ ยาว 6-12 ซม. Munshi Murdan Ali
ช่อดอกยอ่ ยรูปใบหอก ยาว 1-2 ซม. กาบรปู ใบหอก ยาว 1-1.2 ซม. เสน้ กาบ
จ�ำนวนมาก ดอกย่อยดอกลา่ ง กาบยาวเทา่ ๆ กาบชอ่ เส้นกาบ 5-7 เส้น ดอกบน หญ้าหงอนเหงอื ก
มีเส้นกาบ 2 เส้น
Murdannia gigantea (Vahl) G. Brückn.
พบท่ีอินเดยี จีนตอนใต้ ไหห่ นาน พมา่ กัมพชู า เวียดนาม ภูมิภาคมาเลเซยี
และฟิลปิ ปินส์ ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และ ช่ือพอ้ ง Commelina gigantea Vahl
ภาคใต้ ขึ้นตามชายหาด
ไม้ลม้ ลกุ สูงไดถ้ ึง 1.5 ม. ใบรอบโคนตน้ รูปแถบ ยาวไดถ้ ึง 50 ซม. ใบตาม
สกุล Spinifex L. มี 4 ชนดิ พบตามชายฝ่ังทะเลในเอเชยี ออสเตรเลีย หมู่เกาะ ลำ� ตน้ สน้ั ยาว 5-7 ซม. โคนเปน็ กาบหมุ้ ลำ� ตน้ ชอ่ ดอกออกเดย่ี ว ๆ ทย่ี อด แยกแขนง
แปซิฟิก และนวิ ซีแลนด์ ในไทยมชี นิดเดียว ชอ่ื สกลุ มาจากภาษาละตนิ “spina” ใบประดับคลา้ ยใบ ชอ่ ย่อยมี 1-2 ช่อ ยาวได้ถึง 7 ซม. ก้านชอ่ ยาวประมาณ 3 ซม.
หนาม ตามลักษณะของใบหรอื ชอ่ ดอก ดอกจำ� นวนมาก มีเมือก ดอกรว่ งท้ิงรอยชดั เจน ใบประดับย่อยโปร่งใส รูปไข่
ยาวประมาณ 5 มม. กา้ นดอกยาว 5-8 มม. กลบี เลย้ี งรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
เอกสารอา้ งองิ ยาว 5-8 มม. ดอกสีมว่ งอ่อนหรือเข้ม รูปไขก่ ลับ ยาว 0.8-1.5 ซม. กลีบบนขนาด
Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Spinifex). In Flora of China Vol. เลก็ กวา่ กลบี ขา้ งเลก็ นอ้ ย เกสรเพศผสู้ ว่ นมากมี 2 อนั กา้ นชอู บั เรณยู าว 0.6-1.2 ซม.
22: 553. กางโค้งออก โคนมีขนเครา อบั เรณสู เี ทารปู รี ยาวประมาณ 2 มม. เกสรเพศผูท้ ี่
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya. เปน็ หมนั มี 4 อนั ยาวไม่เท่ากัน ยาว 4-8 มม. มขี นยาวช่วงบน ก้านเกสรเพศเมีย
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore. ยาว 3-4 มม. ผลรูปไข่ ยาว 0.5-1 ซม. เมลด็ ยาวประมาณ 3 มม.
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค
โดยเฉพาะตามทงุ่ หญา้ ทโ่ี ลง่ ในปา่ ผลดั ใบหรอื ปา่ สนเขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1400 เมตร
เอกสารอ้างองิ
Hong, D. and R.A. DeFilipps. (2000). Commelinaceae. In Flora of China Vol. 24: 25.
Thitimetharoch, T. (2004). Taxonomic studies of the family Commelinaceae in
Thailand. PhD Thesis, Khon Kaen University.
447
หญา้ หลงั เมน่ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
หญ้าหงอนเหงอื ก: ช่อดอกแบบชอ่ วงแถวเดี่ยว แยกแขนง ดอกสีมว่ งออ่ นหรอื เขม้ กลีบบนขนาดเลก็ กวา่ กลีบขา้ ง ปลายมีขนด้านข้าง เสน้ กาบ 2 เสน้ ดอกบน 2 ดอก เป็นหมัน กาบบาง ปลาย
โคนก้านชูอบั เรณูมีขนเครา (ภาพดอกสมี ่วงอ่อน: ทา่ สองยาง ตาก, ภาพดอกสีมว่ งเข้ม: แม่สะนาม เชยี งใหม่; - RP) กาบมีขนด้านข้าง ยาวประมาณ 3 มม. กาบลา่ งรูปใบหอก มีขนต่อมบนเสน้ กาบ เสน้
กาบ 7 เสน้ กาบบนรปู เรอื เส้นกาบ 2 เส้น
หญา้ หลังเม่น
พบในแอฟริกา อนิ เดีย ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน จนี พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจีนและ
Pseudechinolaena polystachya (Kunth) Stapf มาเลเซยี ออสเตรเลยี และหมู่เกาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค เป็นวัชพชื ความสงู
วงศ์ Poaceae ถึงประมาณ 2000 เมตร
ชื่อพอ้ ง Echinolaena polystachya Kunth สกลุ Centotheca Desv. มี 3 ชนิด พบในแอฟริกา เอเชียเขตร้อน ออสเตรเลยี
และหมูเ่ กาะแปซิฟิก ในไทยมชี นดิ เดียว ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “kenteo”
หญ้าลม้ ลกุ ฤดูเดยี ว มีไหล ล�ำตน้ ทอดนอน ยาว 20-40 ซม. ข้อบวมพอง มขี น หนาม และ “theke” กาบ ตามลกั ษณะกาบลา่ งช่อดอกย่อย
ใบรูปแถบ ยาว 2-8 ซม. โคนสอบเรียว แผ่นใบมีขน กาบใบสนั้ กว่าปล้อง ยาว เอกสารอ้างอิง
2-3 ซม. ขอบมขี น ลนิ้ กาบบาง ขอบมีขนครุย ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนงแคบ ๆ Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya.
ยาว 13-16 ซม. แกนช่อแบน ก้านช่อยาว 13-14 ซม. ชอ่ ดอกย่อยออกเด่ียว ๆ
เรียงเวยี น รปู ใบหอกแกมรูปไข่ แบนด้านขา้ ง ยาวประมาณ 4 มม. มกี า้ นช่อสัน้ ๆ Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore.
กาบลา่ งรูปใบหอก บาง มขี นสั้น เสน้ กาบ 3 เส้น กาบบนหนา มขี นต่อม เสน้ กาบ Liu, L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Centotheca). In Flora of China Vol.
5 เสน้ ดอกยอ่ ยดอกลา่ งเพศผู้ กาบยาวประมาณ 4 มม. กาบลา่ งบาง รปู ขอบขนาน
มีขนตอ่ ม เส้นกาบ 5 เสน้ กาบบนบาง รูปใบหอก ดอกบนสมบรู ณเ์ พศ กาบรปู ไข่ 22: 445.
แกมรปู ขอบขนาน หนา เปน็ มนั วาว เส้นกาบ 3 เสน้ กาบล่างยาวประมาณ 2.5 มม. Norsaengsri, M. and P. Chantaranothai. (2008). The tribe Centotheceae (Poaceae)
กาบบนยาวประมาณ 2.2 มม.
in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 36: 53-55.
พบในเขตรอ้ น ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามที่ช้ืนแฉะ ชายป่าหรอื ในป่าดิบแลง้
ปา่ ดิบชน้ื และป่าดิบเขา ความสงู ถึงประมาณ 1800 เมตร หญา้ เหนียวหมา: ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ชอ่ แขนงลดรูปคลา้ ยช่อกระจะ ช่อดอกย่อยออกเดี่ยว ๆ เรยี งเวยี น มี
กา้ นชอ่ ปลายกาบมีขนดา้ นข้าง (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบุรี - SSi)
สกลุ Pseudechinolaena Stapf มีประมาณ 6 ชนิด ในไทยพบชนดิ เดยี ว ช่อื สกลุ
หมายถงึ คลา้ ยหญา้ ในสกุล Echinolaena หญา้ เหลก็ นกคมุ่
เอกสารอา้ งอิง
Chen, S.L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Pseudechinolaena). In Flora of Scrotochloa urceolata (Roxb.) Judz.
วงศ์ Poaceae
China Vol. 22: 500-501.
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya. ช่ือพอ้ ง Pharus urceolatus Roxb., Leptaspis urceolata (Roxb.) R. Br.
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore. หญ้าหลายฤดู แยกเพศร่วมตน้ สงู 30-100 ซม. กาบใบยาวกวา่ ปลอ้ ง ใบรปู
ใบหอกแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 12-30 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ลมิ่ เสน้ แขนงใบยอ่ ย
หญ้าหลังเมน่ : ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนงแคบ ๆ แกนชอ่ แบน ช่อดอกยอ่ ยออกเด่ยี ว ๆ เรียงเวียน กาบบนมขี นต่อม เรยี งตามขวาง กา้ นใบเทยี มยาว 2-2.5 ซม. ลิ้นกาบบาง ขนาดเล็ก ช่อดอกแบบ
(ภาพ: ดอยเชียงดาว เชยี งใหม่ - SSi) ชอ่ แยกแขนงรอบแกน ชอ่ ยอ่ ยออกเดยี่ ว ๆ เรยี งเวยี น ชอ่ ดอกเพศเมยี อยชู่ ว่ งโคน
รปู คลา้ ยคนโท ยาว 6-7.5.มม. กา้ นช่อยาว 5-9 มม. กาบหนา กาบล่างรปู ไขแ่ คบ
หญ้าเหนยี วหมา ยาวประมาณ 5 มม. กาบบนรูปไข่ ยาวประมาณ 3.5 มม. มีดอกยอ่ ยดอกเดยี ว
กาบล่างหนา รูปโถ หุ้มกาบบน ยาว 6-9 มม. มชี อ่ งเปดิ มีขนรปู ตะขอ กาบบน
Centotheca lappacea (L.) Desv. รปู แถบ ยาวประมาณ 9 มม. เสน้ กาบ 2 เส้น ชอ่ ดอกยอ่ ยเพศผ้อู ยชู่ ่วงปลายชอ่
วงศ์ Poaceae รูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 4-6 มม. กาบบาง รูปใบหอก ปลายมน เสน้ กาบ
1 เส้น กาบล่างยาว 1.5-2 มม. กาบบนยาว 2-2.5 มม. มดี อกย่อยดอกเดยี ว กาบลา่ ง
ชอ่ื พอ้ ง Cenchrus lappaceus L. รปู ไข่ ยาว 4-5 มม. ปลายรปู ลม่ิ เสน้ กาบ 9 เส้น กาบบนรปู แถบ ยาว 4.5-5.8 มม.
ปลายแหลม เกสรเพศผู้ 6 อัน
หญา้ ลม้ ลุกหลายฤดู มีเหง้า ล�ำตน้ สูง 30-60 ซม. ขอ้ บวมพอง ใบรูปใบหอก
ยาว 10-16 ซม. โคนสอบ ขอบมีขนสาก เส้นใบมเี สน้ ขวางเป็นตาราง ล้ินกาบ พบทอ่ี นิ เดยี ศรลี งั กา เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ นวิ กนิ ี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะ
ขอบมีขนครยุ ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ช่อแขนงคลา้ ยชอ่ กระจะ ช่อดอกยอ่ ย โซโลมอน ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวันออกเฉยี งใต้
ออกเด่ยี ว ๆ เรียงเวยี น รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ แบนด้านข้าง ยาว 5-7 มม. ก้านชอ่ พบมากทางภาคใต้ ข้นึ ตามป่าดบิ ชืน้ ความสงู ถึงประมาณ 500 เมตร
ยาวไดถ้ งึ 3 มม. กาบชอ่ ดอกยอ่ ยบาง รปู ขอบขนานแกมรปู ไข่ ปลายแหลม เสน้ กาบ
3 เสน้ กาบลา่ งยาวประมาณ 2.5 มม. สันกลางกาบมีหนาม กาบบนยาว 3-3.5 มม. สกลุ Scrotochloa Judz. มี 2 ชนิด อกี ชนดิ คอื S. tararaensis (Jansen) Judz.
เกลีย้ ง มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกลา่ งสมบรู ณเ์ พศ กาบบาง เกลย้ี ง กาบลา่ งรูปใบหอก พบท่ปี าปวั เซียและออสเตรเลยี ชื่อสกุลนา่ จะมาจากภาษาละตนิ “scrotum”
ยาวประมาณ 4 มม. เสน้ กาบ 7 เสน้ กาบบนรปู คล้ายเรือ ยาวประมาณ 3 มม. ถุงอณั ฑะ และภาษากรกี “chloa” หญ้า ตามลกั ษณะกาบรูปโถในดอกเพศเมยี
เอกสารอ้างอิง
Duistermaat, H. (2005). Field guide to the Grasses of Singapore (excluding the
Bamboos). Gardens’ Bulletin Singapore 57: 121-122.
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya.
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore.
448
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย หนวดเสือ
หญา้ เหล็กนกคมุ่ : ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงเรียงรอบแกน (ภาพ: เขาหลวง นครศรีธรรมราช - SSi) หนวดปลาดุก
หญ้าเหล่ียม, สกุล Polyalthia stenopetala (Hook. f. & Thomson) Finet & Gagnep.
วงศ์ Annonaceae
Exacum L.
วงศ์ Gentianaceae ชอ่ื พอ้ ง Unona stenopetala Hook. f. & Thomson
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื กนิ ซาก ลำ� ตน้ มกั เปน็ เหลยี่ ม ใบเรยี งตรงขา้ ม เสน้ โคนใบ 3-5 เสน้ ไม้ต้น สูง 6-10 ซม. มขี นสนี ำ้� ตาลแดงหนาแน่นตามกิ่งอ่อน ก้านใบ เส้นแขนงใบ
ช่อดอกแบบช่อกระจุกหรือช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามปลายกิ่งหรือซอกใบ และเสน้ กลางใบดา้ นลา่ ง กา้ นดอก และผล ใบรปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั หรอื
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีจำ� นวนอยา่ งละ 4-5 กลบี กลีบเลยี้ งแยกเกือบจรดโคน รูปใบหอกกลบั ยาว 9-23 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรปู ลิ่ม มน หรือเวา้ ตื้น
มคี รบี เปน็ ปกี กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด กลบี ดอกยาวกวา่ หลอดกลบี ดอก กา้ นใบยาว 3-4 มม. ดอกออกเป็นกระจุกแน่นตามลำ� ต้นและกิ่ง ก้านดอกยาว
เกสรเพศผู้มี 4-5 อนั ติดภายในหลอดกลีบดอกระหว่างกลบี ดอก อับเรณมู รี เู ปิด 6-7 มม. ใบประดบั ขนาดเลก็ ตดิ ที่โคน กลบี เลยี้ งรปู ใบหอก ยาว 1-1.5 ซม. มีขน
ท่ีปลาย ไมม่ จี านฐานดอก รงั ไข่มี 2 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสร ท้ังสองด้าน กลางกลีบเปน็ สนั นนู ดอกสแี ดงหรือน�้ำตาลแดง กลบี รปู แถบ ยาวเทา่ ๆ
เปน็ ตมุ่ บางครงั้ จกั 2 พู ผลแบบผลแห้งแตก เมล็ดจำ� นวนมาก ขนาดเล็ก กนั ยาว 8-9.5 ซม. มีขนประปราย เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 2 มม. มรี ยางคส์ ัน้ ๆ
มี 4-7 คารเ์ พล มีขนยาว เกสรเพศเมยี ไรก้ ้าน ผลยอ่ ยมี 1-6 ผล รูปรกี วา้ งเกือบกลม
สกลุ Exacum มปี ระมาณ 40 ชนิด พบในแอฟรกิ าและเอเชียเขตร้อน ในไทยมี เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 2-3 ซม. ผลแกเ่ กลย้ี ง กา้ นผลหนา ยาว 2-6 มม. มี 1-5 เมล็ด
ประมาณ 5 ชนดิ รวมถงึ สกลุ Cotylanthera ทีป่ จั จบุ ันถูกยุบรวมกนั และมีท่ี เวา้ ท้งั สองดา้ น มีรวิ้ (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เติมที่ กระเจียน, สกุล)
น�ำ เข้ามาปลกู เปน็ ไม้ประดบั คอื ม่วงเทพรตั น์ E. affine Balf. f. ex Regel ชือ่ สกลุ
มาจากภาษาละตนิ “exago” ขับออก หมายถงึ เป็นพชื สมนุ ไพรมสี รรพคุณขับพิษ พบทคี่ าบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทตี่ รงั ปตั ตานี ยะลา
นราธวิ าส ข้นึ ตามป่าดิบช้นื ความสูงถึงประมาณ 500 เมตร
หญ้าเหลี่ยม
เอกสารอา้ งอิง
Exacum tetragonum Roxb. Sinclair, J. (1955). A revision of the Malayan Annonaceae. Gardens’ Bulletin
ไมล้ ม้ ลุก สงู ไดถ้ งึ 1 ม. แตกกง่ิ ตำ่� ใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 2.5-16 ซม. Singapore 14: 285.
Turner, I.M. (2014). Annonaceae (Polyalthia). In Tree Flora of Sabah and Sarawak
กา้ นใบสน้ั หรอื เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแยกแขนง กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ใบประดบั Vol. 8: 162.
คล้ายใบ รูปใบหอกหรอื รปู แถบ ยาวได้ถงึ 2.5 ซม. ใบประดับย่อยรูปแถบ ยาวไดถ้ ึง
1 ซม. กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกอยา่ งละ 4 กลีบ กลีบเลย้ี งรปู ใบหอก ยาว 5-6 มม. หนวดปลาดกุ : ดอกออกเปน็ กระจกุ แน่นตามลำ� ตน้ กลบี ดอกรูปแถบ ยาวเท่าๆ กัน ผลยอ่ ยรูปรีกว้างเกอื บกลม
ปลายแหลมยาว มีครบี เปน็ ปกี กวา้ งประมาณ 1 มม. ดอกสขี าวอมชมพหู รือมว่ ง มีขนสีนำ้� ตาลหนาแนน่ (ภาพ: เบตง ยะลา; ภาพดอก - VC, ภาพผล - RP)
โคนมสี เี หลอื งแตม้ หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 5 มม. กลบี รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน
ยาวไดถ้ งึ 1.3 ซม. ปลายแหลมยาว เกสรเพศผู้ 4 อนั ก้านชูอบั เรณูสั้น อับเรณโู คง้ หนวดเสือ
ยาว 6-7 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาวกวา่ รังไข่ประมาณ 2 เท่า ยาว 1-1.2 ซม.
ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลรปู รีกว้าง ยาวประมาณ 3.5 มม. Tacca plantaginea (Hance) Drenth
วงศ์ Dioscoreaceae
พบที่อินเดยี เนปาล จีนตอนใต้ พม่า ภมู ิภาคอินโดจนี ฟิลปิ ปนิ ส์ นวิ กินี และ
ออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ และปา่ สนเขา ความสงู ถงึ ประมาณ ช่อื พอ้ ง Schizocapsa plantaginea Hance, S. guangxiensis P. P. Ling & C. T. Ting
1000 เมตร มสี รรพคุณแก้ไข้ และทอ้ งไส้ปัน่ ป่วน
ไมล้ ม้ ลุก เหงา้ รูปทรงกระบอกสน้ั ๆ ใบรปู ใบหอก ยาว 10-35 ซม. ปลายแหลมยาว
เอกสารอ้างองิ โคนเบย้ี ว เรยี วสอบตามกา้ นใบคลา้ ยปกี จรดกาบ กา้ นใบยาว 5-30 ซม. ชอ่ ดอก
Ho, T.N. and J.S. Pringle. (1995). Gentianaceae. In Flora of China Vol. 16: 2-3. แบบชอ่ ซร่ี ม่ มี 1-6 ชอ่ ชอ่ สน้ั หรอื ยาวไดถ้ งึ 25 ซม. แตล่ ะชอ่ มี 6-20 ดอก กลบี ประดบั
Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 79-81. 2 คู่ เรียงตรงข้ามสลบั ฉาก รปู ไขแ่ กมรูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม สีเขียวอมขาว
มีสมี ่วงอ่อนแซม คนู่ อกยาว 1-3 ซม. คใู่ นยาว 0.5-2.5 ซม. กลีบประดบั รูปเส้นดา้ ย
หญ้าเหลยี่ ม: ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง กลบี เล้ยี งและกลบี ดอกจำ� นวนอย่างละ 4 กลีบ ดอกสีขาวอมชมพู มี 6-20 อัน สีอ่อนกว่ากลีบประดับ ยาวได้ถึง 8 ซม. ดอกสีเขียวขาวอมม่วง
หรือมว่ ง เกสรเพศผู้ 4 อัน กา้ นชอู บั เรณูสน้ั อบั เรณูโคง้ (ภาพซ้าย: อุม้ ผาง ตาก - RP; ภาพขวา: แมฮ่ ่องสอน - PK) หลอดกลบี สน้ั กลบี รวม 6 กลบี ปลายงมุ้ ตดิ ทน วงนอกรปู สามเหลยี่ มหรอื รปู ใบหอก
ยาว 0.5-1 ซม. กลบี วงในรปู ไข่ ยาวประมาณ 5 มม. ผลรปู รแี กมสามเหลยี่ ม ยาวประมาณ
0.6-1 ซม. แหง้ แตกเปน็ 3 สว่ น จรดโคน เมลด็ รปู ขอบขนานคลา้ ยครงึ่ วงกลม (ดขู อ้ มลู
เพม่ิ เตมิ ที่ ว่านค้างคาว, สกลุ )
พบทจี่ นี ตอนใต้ เวยี ดนาม และลาว ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ แทบทกุ ภาค
ยกเวน้ ภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ รมิ ลำ� ธารหรอื ทชี่ นื้ แฉะ ในปา่ ดบิ แลง้
และป่าเบญจพรรณ ความสูง 100-600 เมตร ท้ังตน้ มสี รรพคณุ ลดการอักเสบ
เอกสารอ้างองิ
Phengklai, C. (1993). Taccaceae (Schizocapsa plantaginea). In Flora of Thailand
Vol. 6(1): 5.
Ting, C.C. and K. Larsen. (2000). Taccaceae (Schizocapsa plantaginea). In
Flora of China Vol. 24: 274-275.
449
หนอนตายหยาก สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
หนวดเสือ: โคนใบเรยี วสอบตามกา้ นใบคล้ายปีกจรดกาบ ชอ่ ดอกแบบช่อซีร่ ่ม กลบี ประดบั รูปเส้นด้ายมี 6-20 อนั หนอนตายหยาก
กลีบรวมวงนอกรูปสามเหลยี่ ม วงในรปู ไขข่ นาดเลก็ ผลแห้งแตกเป็น 3 สว่ น จรดโคน (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP)
Stemona collinsiae Craib
หนอนตายหยาก วงศ์ Stemonaceae
Clitoria hanceana Hemsl. ไมเ้ ถาล้มลุก ยาวไดถ้ ึง 60 ซม. ใบเรยี งเวยี น รูปไข่ ยาว 11-15 ซม. โคนรูปหัวใจ
วงศ์ Fabaceae เสน้ แขนงใบ 11-17 เสน้ กา้ นใบยาว 5-15 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ชอ่ ชว่ งโคน
มกั ไรก้ า้ น ชว่ งปลายอาจยาวไดถ้ งึ 4.5 ซม. สว่ นมากมดี อกเดยี ว หรอื มไี ดถ้ งึ 8 ดอก
ไม้พุ่มขนาดเล็ก มขี นสน้ั นุ่มตามลำ� ต้น หใู บดา้ นนอก แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ ใบประดบั ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสเี ขยี วอมขาวหรอื อมชมพู กา้ นดอกยาว 0.5-3 ซม.
กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก หใู บรปู ใบหอก ยาว 0.6-1 ซม. หใู บยอ่ ยยาวประมาณ กลบี รวมรูปไขแ่ คบ กว้าง 0.5-1 มม. ยาว 1.3-2 ซม. กลบี คู่ในกว้างกว่าคูน่ อก
4 มม. ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย กา้ นใบประกอบยาว 0.5-2 ซม. ใบยอ่ ยรปู ขอบขนาน เลก็ นอ้ ย เกสรเพศผยู้ าว 1-1.7 ซม. รวมปลายแกนอบั เรณรู ปู ไขแ่ คบกวา่ อบั เรณู
หรือรูปใบหอก ยาว 6-11 ซม. ปลายแหลมหรือเปน็ ติง่ แหลม โคนมน กา้ นใบยอ่ ยยาว เลก็ นอ้ ย ไม่มรี ยางค์ กา้ นชอู ับเรณยู าวประมาณ 1 มม. ผลรปู รี ยาว 2-2.5 ซม.
2-4 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ มี 1-3 ดอก ใบประดบั รปู ไข่ ยาว มี 3-6 เมล็ด สีชมพูเข้ม เรยี ว ยาว 1-1.2 ซม. (ดขู อ้ มูลเพม่ิ เติมที่ เครอื ปงุ , สกลุ )
3.5-4 มม. ใบประดบั ยอ่ ยเรยี วแคบและยาวกวา่ ใบประดบั เลก็ นอ้ ย กลบี เลยี้ งเชอื่ ม
ตดิ กันประมาณ 1 ซม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก รปู สามเหล่ยี มแคบ ยาว 0.8-1.2 ซม. พบท่ีลาว ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เลย ภาคตะวันออกท่ี
ดอกสีครีม ยาว 3-3.5 ซม. กลบี กลางรปู ไขก่ ลับ โคนเรียวแคบ กลบี คขู่ า้ งและกลีบปกี นครราชสมี า ภาคกลางทสี่ ระบรุ ี และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ส่ี ระแกว้ ชลบรุ ี ขนึ้ ตาม
ขนาดเลก็ มกี า้ นสน้ั ๆ เกสรเพศผู้ 10 อัน เช่อื มติดกัน 9 อนั ยาวประมาณ 2 ซม. ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร นำ�้ สกดั
รงั ไขม่ ขี นหนาแนน่ เกสรเพศเมยี ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเพศเมยี ขนาดเลก็ จากรากใช้เป็นยาฆ่าแมลงศัตรูพชื
ฝกั รปู แถบ ยาว 5-7 ซม. ปลายมจี ะงอย มี 2-7 เมล็ด รูปรี ยาวประมาณ 4 มม.
หนอนตายหยาก
พบทจี่ นี ตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื
ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉยี งใต้ ขึ้นตามที่โล่งในปา่ เบญจพรรณ และ Stemona tuberosa Lour.
ป่าดิบแล้ง ความสงู ระดับต�ำ่ ๆ ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาว 2-5 ม. ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื เรยี งรอบขอ้ บางครงั้ เรยี งเวยี น
สกุล Clitoria L. อยวู่ งศย์ ่อย Papilionoideae เผา่ Phaseoleae มปี ระมาณ 60 ชนิด ชว่ งโคนตน้ รปู ไข่กวา้ ง ยาว 10-21 ซม. โคนรูปหวั ใจต้ืน ๆ เสน้ แขนงใบ 13-15 เส้น
พบในอเมรกิ า แอฟริกา มาดากัสการ์ เอเชีย และออสเตรเลีย ในไทยมี 4 ชนดิ กา้ นใบยาว 6-10 ซม. ช่อดอกออกตามซอกใบ ก้านชอ่ ยาว 0.8-3.5 ซม. มีหน่งึ หรือ
และเป็นไม้ประดับหรอื เปน็ วัชพืช 1 ชนิด คอื อญั ชนั C. ternatea L. อาจมถี ิน่ กำ�เนิด หลายดอก ใบประดบั ยาว 0.5-2.5 ซม. ดอกสเี ขยี วอมเหลอื ง โคนมปี น้ื สนี ำ้� ตาลแดง
ในแอฟริกา ใบประกอบมี 5-7 ใบยอ่ ย มีท้ังดอกสขี าวและสีน้ำ�เงนิ อมมว่ ง ชื่อสกลุ มา ก้านดอกยาว 0.5-1.8 ซม. กลบี รวมรปู ใบหอกปลายแหลม กว้าง 5-6 มม. ยาว
จากภาษากรีก “kleitoris” หรอื “kletoridos” คลิตอรสิ ตามลกั ษณะกลีบดอก 2.5-3.5 ซม. เกสรเพศผ้ยู าวได้ถึง 3 ซม. รวมปลายแกนอับเรณรู ูปลม่ิ ทย่ี าวกวา่ 2 ซม.
มรี ยางค์คล้ายเดือย ยาว 5-6 มม. กา้ นชอู ับเรณูยาว 1-2 มม. ผลรปู ไขแ่ คบ ยาว
เอกสารอา้ งอิง 2-4.5 ซม. มี 10-20 เมลด็ สีน้�ำตาล ยาว 1-1.2 ซม. (ดูข้อมูลเพม่ิ เติมท่ี เครือปงุ , สกลุ )
Sa, R. and M.G. Gilbert. (2010). Fabaceae (Clitoria) in Flora of China Vol. 10:
200-201. พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์
Thuân, N.V. (1979). Leguminosae-Phaseoleae. Flore du Cambodge du Laos et ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ หลากหลายสภาพปา่ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู 200-1200 เมตร
du Vietnam 17: 49-50. รากมสี รรพคณุ ตา้ นเชอื้ แบคทเี รยี บรรเทาอาการไอ ฆา่ พยาธิ และฆา่ แมลงศตั รพู ชื
เอกสารอ้างองิ
Duyfjes, B.E.E. and P. Inthachub. (2011). Stemonaceae. In Flora of Thailand
Vol. 11(1): 80, 91-94.
หนอนตายหยาก: S. collinsiae ใบเรยี งเวยี น โคนรปู หวั ใจ ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ สว่ นมากมดี อกเดียว กลีบรวม
4 กลบี ปลายแกนอับเรณูรูปไข่แคบ ผลรปู รี (ภาพ: เลย - PK)
หนอนตายหยาก: ใบประกอบมี 3 ใบย่อย กลบี เล้ยี งเชอ่ื มตดิ กันประมาณ 1 ซม. กลีบกลางรูปไข่กลบั กลบี คู่ข้างและ หนอนตายหยาก: S. tuberosa ใบเรียงตรงขา้ มหรือเรยี งรอบข้อ บางครงั้ เรยี งเวยี นช่วงโคนตน้ โคนรปู หวั ใจตื้น ๆ
กลบี ปีกขนาดเลก็ (ภาพบน: มุกดาหาร - PK); อัญชัน: ใบประกอบมี 5-7 ใบยอ่ ย มีท้งั ดอกสีขาวและสนี ำ�้ เงินอมมว่ ง กลีบรวมรูปใบหอกปลายแหลม ปลายแกนอับเรณรู ปู ล่ิม (ภาพ: cultivated - PI)
(ภาพล่าง: cultivated - RP)
450
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย หนามไข่กุ้ง
หนามกา้ นชา้ ง, สกลุ หนามขแี้ รด
Gymnosporia (Wight & Arn.) Benth. & Hook. f. Caesalpinia cucullata Roxb.
วงศ์ Celastraceae ไมเ้ ถาเน้ือแขง็ ล�ำต้นมหี นามแขง็ และหนามโค้งท่วั ไป แกนกลางใบประกอบ
ไม้พุ่มหรือไมต้ น้ ขนาดเลก็ แยกเพศรว่ มตน้ แยกเพศตา่ งต้น หรือแกมดอก ยาว 15-30 ซม. ใบประกอบย่อยมี 2-5 ใบ ใบยอ่ ยมี 4-5 คู่ รปู ไข่ ยาว 5-10 ซม.
สมบูรณเ์ พศ มีหนามหรอื ไมม่ ี หูใบขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี นหรอื ออกชิดกนั ปลายแหลมยาว โคนเบ้ยี ว กา้ นใบยาว 3-5 มม. ช่อดอกออกตามซอกใบ ชอ่ แขนง
คล้ายเป็นกระจกุ ตามกิ่งส้ัน ๆ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก ออกตามซอกใบ หนาแนน่ แบบชอ่ กระจะ ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. ใบประดับร่วงง่าย ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นดอกยาว
ใกลย้ อด กา้ นดอกมขี อ้ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกอยา่ งละ 5 กลบี จานฐานดอกฉำ่� นำ้� 0.5-1.5 ซม. กลบี เลย้ี งสเี ขยี วอมเหลอื งคลา้ ยกลบี ดอก กลบี ลา่ งรปู คมุ่ ดอกสเี หลอื ง
เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ บนขอบจานฐานดอก เปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี รงั ไขส่ ว่ นมาก ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี กลางสีน�้ำตาลแดงคลา้ ยรูปผีเส้อื ขนาดเลก็ กวา่ กลบี อ่ืน ๆ
มี 3 ช่อง หรือ 2 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งส่วนมากมีออวลุ 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียสนั้ ก้านชอู บั เรณโู ค้งงอ ยาว 2-2.5 ซม. มีขนใกล้โคน รังไข่เกล้ียง มีออวุล 1-2 เม็ด
ยอดเกสร 3 หรอื 2 อัน เป็นหมันในดอกเพศผู้ ผลแหง้ แตก เมล็ดมีเยอ่ื หุม้ กา้ นเกสรเพศเมียเรียวยาว ฝักแบน รปู ขอบขนาน ยาว 8-12 ซม. มปี ีกกว้าง 5-7 มม.
เมล็ดตดิ ประมาณกลางฝัก
สกุล Gymnosporia เดิมอยภู่ ายใตส้ กุล Celastrus sect. Gymnosporia มีประมาณ
70 ชนิด บางคร้งั ถูกยบุ ใหอ้ ยภู่ ายใตส้ กลุ Maytenus ในไทยมปี ระมาณ 5 ชนิด พบทอ่ี นิ เดยี เนปาล พมา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี และฟลิ ปิ ปนิ ส์
ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี “gymnos” เปลอื ย และ “sporos” เมลด็ ตามลกั ษณะ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทุกภาค ขึ้นตามชายปา่ ริมล�ำธาร ในปา่ ดิบแลง้ ปา่ ดบิ เขา
ผลแห้งแตกเห็นเมลด็ ชัดเจน และปา่ ดบิ ช้ืน ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร
หนามกา้ นช้าง เอกสารอ้างอิง
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
Gymnosporia mekongensis Pierre In Flora of Thailand Vol. 4(1): 61-82.
ไม้พุม่ สูงไดถ้ งึ 3 ม. มหี นามตามปลายกิง่ สั้น ๆ ใบออกเปน็ กระจุกตามกิง่ สั้น
หนามขี้แรด: ล�ำตน้ มีหนามแข็งและหนามโค้งทว่ั ไป ช่อแขนงแบบชอ่ กระจะ กลบี เลย้ี งสเี ขียวอมเหลอื งคลา้ ยกลีบดอก
รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 2-6 ซม. ปลายมน กลม หรอื เวา้ ตนื้ โคนสอบ กลบี ล่างรปู ค่มุ ดอกสเี หลือง กลีบขนาดไม่เท่ากนั (ภาพ: ทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบรุ ี - PK)
ขอบจกั มนต้นื ๆ ก้านใบสนั้ ก้านช่อดอกยาวได้ถงึ 1 ซม. ก้านดอกยาวไดถ้ งึ 5 มม.
กลบี เลยี้ งยาวประมาณ 2 มม. ขอบจกั ไมเ่ ป็นระเบียบ ดอกสีเขียวอมขาว กลบี รูปรี หนามไขก่ งุ้ , สกุล
หรอื รูปขอบขนาน ยาว 2-2.5 มม. ปลายมน จานฐานดอกคลา้ ยจาน กา้ นชูอบั เรณู
ยาว 1-2 มม. รังไขจ่ มบนจานฐานดอกประมาณก่งึ หนึง่ สว่ นมากมี 2 ชอ่ ง ผล Rubus L.
รูปไข่กลบั ยาว 6-8 มม. เมลด็ รูปรี ยาว 3-5 มม. มเี ย่ือหุ้มทีโ่ คน วงศ์ Rosaceae
พบทีล่ าว เวียดนาม คาบสมทุ รมลายู และชวา ในไทยพบทางภาคตะวันออก ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอ้ื ย กงิ่ สว่ นมากมหี นามตรงหรอื โคง้ งอ หใู บสว่ นมากแนบตดิ
ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ เป็นพืชทนน้�ำท่วม กา้ นใบ ใบเดย่ี วหรอื ใบประกอบ เรยี งเวยี น ดอกออกเดย่ี ว ๆ ออกเปน็ กระจกุ หรอื
ข้นึ ตามปา่ โปร่ง ท่โี ลง่ รมิ แม่น�ำ้ ความสงู ระดับต�ำ่ ๆ ออกเปน็ ชอ่ แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง หรอื ชอ่ เชงิ หลน่ั กลบี เลย้ี งสว่ นมากมี 5 กลบี
ติดทน กลีบดอกส่วนมากมี 5 กลบี มีกา้ นกลีบสน้ั ๆ เกสรเพศผ้จู ำ� นวนมาก ตดิ บน
เอกสารอา้ งอิง ปากฐานดอก ส่วนมากเรยี ง 2 กลุ่มหรือ 2 วง ยาวไม่เทา่ กนั คาร์เพลจำ� นวนมาก
Hou, D., I.A. Savinov and P.C. van Welzen. (2010). Celastraceae. In Flora of ตดิ บนฐานดอกนนู (torus) ผลยอ่ ยคลา้ ยผลผนงั ชน้ั ในแขง็ เมลด็ ลอ่ น มชี อ่ งเดยี ว
Thailand Vol. 10(2): 166-170. แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ 2 เมด็ มเี มลด็ เดยี วทพี่ ฒั นา หอ้ ยลง กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย
ยอดเกสรเป็นตมุ่
หนามก้านช้าง: ใบออกเปน็ กระจุกตามกิ่งส้นั รปู ไขก่ ลับหรือรปู ใบหอกกลบั ดอกสีเขยี วอมขาว เกสรเพศผู้ 5 อนั
ติดบนขอบจานฐานดอก ผลรปู ไขก่ ลบั (ภาพ: ผาแต้ม อบุ ลราชธานี - MT) สกุล Rubus อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Rosoideae มปี ระมาณ 700 ชนิด ส่วนมากพบ
ทางซกี โลกเหนอื ในไทยมี 23 ชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษาละติน “ruber” หรือ
หนามขแ้ี รด, สกุล “rubra” สีแดง ตามลักษณะผลย่อยสีแดงหลายชนิด ผลสว่ นมากกนิ ได้
Caesalpinia L. หนามไข่กุ้ง
วงศ์ Fabaceae
Rubus ellipticus Sm. var. obcordatus (Franch.) Focke
ไมเ้ ถา ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สว่ นมากมหี นาม ใบประกอบ 2 ชนั้ เรยี งเวยี น แกนกลาง
ใบประกอบมักมีหนาม ใบประกอบย่อยเรียงตรงข้าม ใบย่อยเรียงตรงข้ามหรือ ชื่อพอ้ ง Rubus ellipticus Sm. forma obcordatus Franch.
เรยี งสลบั ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนงหรอื ช่อกระจะ ฐานดอกสัน้ กลีบเล้ียง 5 กลบี
ขนาดไมเ่ ทา่ กนั เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม กลบี ลา่ งคลา้ ยหมวก กลบี ดอก 5 กลบี ขนาด ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอื้ ย มขี นสน้ั นมุ่ ขนแขง็ สนี ำ�้ ตาลแดง และหนามโคง้ หนาแนน่
ไมเ่ ทา่ กนั เกสรเพศผู้ 10 อนั แยกกัน โคนมักมีขน รังไข่ไรก้ า้ นหรือมกี ้านสั้น ๆ ตามกิ่ง แกนและก้านใบประกอบ และแกนชอ่ ดอก มีขนสัน้ นุม่ ตามหใู บ แผน่ ใบ
มีช่องเดียว ออวุลมี 1-10 เมด็ ก้านเกสรเพศเมียเรยี วยาว ยอดเกสรรปู กรวยหรือ ดา้ นลา่ ง ใบประดบั กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกดา้ นนอก และรงั ไข่ หใู บรปู เสน้ ดา้ ย
จัก 2 พู ผลเป็นฝกั แห้งแตกหรอื ไมแ่ ตก เมลด็ กลม ๆ แบน ยาว 0.7-1 ซม. ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย กา้ นใบประกอบยาว 2-6 ซม. ก้านใบย่อย
คูล่ า่ งสั้นมาก ใบปลายยาว 2-3 ซม. ใบรูปไข่กลับกวา้ ง ยาว 3-6 ซม. ใบปลายยาวกวา่
สกลุ Caesalpinia อย่ภู ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Caesalpinioideae มีประมาณ 100 ชนิด ใบคลู่ า่ ง ปลายตดั หรอื เวา้ ตนื้ ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะเปน็ กลมุ่ แนน่
พบทวั่ ไปในเขตรอ้ น ในไทยมี 18 ชนดิ มเี พยี งหางนกยูงไทย C. pulcherrima ที่ปลายก่ิง ยาว 1.5-4 ซม. ใบประดับรปู แถบ ยาว 5-9 มม. ใบประดับย่อยขนาดเลก็
(L.) Sw. ทเ่ี ปน็ ไมป้ ระดบั ชอื่ สกุลตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี Andreas กา้ นดอกยาว 0.5-1 ซม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.2 ซม. กา้ นดอกและกลบี เลยี้ ง
Caesalpinus (1519-1603) มีขนประปราย กลบี เลี้ยงรูปไข่ ยาว 4-6 มม. ดอกสีขาวหรอื อมชมพู กลีบรปู ใบพาย
ขอบแหวง่ เกสรเพศผเู้ รยี งกลมุ่ เดยี ว สน้ั กวา่ กลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวกวา่
เกสรเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย ผลกลมุ่ สีเหลอื ง เส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 1 ซม. เมล็ดมีรอยย่น
451
หนามไขป่ ู สารานุกรมพืชในประเทศไทย
พบทอี่ นิ เดีย ปากีสถาน ภูฏาน ศรลี งั กา เนปาล จีนตอนใต้ พม่า ลาว เวียดนาม และ พบท่เี วียดนาม ในไทยพบทางภาคตะวันออกทปี่ ากชอ่ ง จังหวัดนครราชสมี า
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขน้ึ ตามชายปา่ ดบิ เขา และภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีประจวบคีรีขันธ์ ข้ึนตามป่าโปร่ง ที่โล่ง ความสูงถึง
ความสูง 1000-2000 เมตร ส่วน var. ellipticus ใบรูปรหี รอื กลม ปลายแหลมส้นั ๆ ประมาณ 300 เมตร
กา้ นดอกและกลบี เลย้ี งดา้ นนอกมขี นแขง็ หนาแนน่ มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง
เอกสารอา้ งองิ
หนามไขป่ ู Hou, D., I.A. Savinov and P.C. van Welzen. (2010). Celastraceae. In Flora of
Thailand Vol. 10(2): 169-170.
Rubus niveus Thunb.
ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอื้ ย มขี นสนั้ นมุ่ และหนามขนาดเลก็ ตามกง่ิ ออ่ น แกนและกา้ น หนามแดง: มีหนามตามปลายกง่ิ สั้น ๆ ใบออกเป็นกระจกุ ตามก่ิงสัน้ รูปไข่กลับ ช่วงโคนคร่งึ ล่างหรือหน่งึ ในสาม
เรียวแคบ ปลายเวา้ ต้ืน ผลแห้งแตก เมลด็ มเี ย่อื หุ้มที่โคน (ภาพ: ประจวบคีรีขนั ธ์ - RP)
ใบประกอบ กง่ิ แกม่ นี วล มขี นสนั้ นมุ่ ตามหใู บ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ใบประดบั ชอ่ ดอก
กลบี เล้ียง รังไข่ และผล หูใบรูปแถบ ยาว 5-8 มม. ใบประกอบมใี บย่อย 5-11 ใบ หนามพรหม
กา้ นใบประกอบยาว 1.5-4 ซม. ใบรูปรี รปู ไข่ หรือรูปสีเ่ หลยี่ มข้าวหลามตดั ยาว
2.5-8 ซม. ปลายแหลม โคนรปู ลม่ิ หรอื มน ขอบจกั ซฟี่ นั ลกึ กา้ นใบยอ่ ยใบขา้ งสนั้ มาก Carissa spinarum L.
ใบปลายยาว 0.5-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ หลนั่ ออกตามปลายกง่ิ ยาว 4-6 ซม. วงศ์ Apocynaceae
ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยรปู ใบหอกขนาดเลก็ กา้ นดอกยาว 0.5-1 ซม. กลบี เลย้ี ง
รูปสามเหลี่ยม ปลายเรียวแหลม ยาว 5-8 มม. ดอกสีขาวอมแดง กลีบส้ันกว่า ไม้พุ่มหรือรอเล้ือย สูงได้ถึง 5 ม. กิ่งเกล้ียงหรือมีขนละเอียด มีหนามยาว
กลบี เลยี้ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-5 มม. เกสรเพศผสู้ น้ั กวา่ หรอื ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก 1-3 ซม. บางคร้ังแยก 2 ง่าม ปลายงา่ มมักแยก 2 แฉก ใบเรียงตรงขา้ ม รปู ไข่
โคนกา้ นชอู บั เรณแู บน คารเ์ พลจ�ำนวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี สชี มพอู มแดง โคนมขี น รปู ไขก่ ลบั หรือเกือบกลม ยาว 1.5-5.5 ซม. ปลายแหลมมน มีตง่ิ แหลม โคนรปู ล่ิม
หนาแนน่ ผลสุกสดี ำ� เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 0.8-2 ซม. มีขนสั้นนุ่มสเี ทา เมลด็ ย่น ถึงกลม แผ่นใบหนา เกลี้ยงหรือมีขนประปราย เส้นแขนงใบข้างละ 2-5 เส้น
กา้ นใบยาว 1.5-4.5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบหรอื ปลายกงิ่ ยาว
พบทอ่ี ฟั กานสิ ถาน ภฏู าน อนิ เดยี ศรลี งั กา เนปาล จนี พมา่ ลาว เวยี ดนาม ไตห้ วนั 1.5-4 ซม. กลบี เล้ยี ง 5 กลบี รูปไข่ ยาว 1.5-3 มม. ปลายแหลม กลบี ดอก 5 กลีบ
ภูมภิ าคมาเลเซีย และฟลิ ิปปินส์ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทด่ี อยเชียงดาว จงั หวัด เรยี งซอ้ นทบั กนั ดา้ นขวาในตาดอก ดอกบานรปู ดอกเขม็ หลอดกลบี ยาว 0.5-2 ซม.
เชยี งใหม่ ขึ้นตามทโ่ี ล่งบนเขาหินปนู ความสูง 1800-2200 เมตร บางประเทศ ดา้ นในเกลีย้ งหรอื มีขนส้ันนุ่ม กลีบรูปไขห่ รือรูปขอบขนาน ยาว 0.2-1.5 ซม. ขอบมี
ปลกู เพือ่ เปน็ อาหารของนก ข้ึนเป็นวัชพชื ในแอฟรกิ า อเมรกิ า ออสเตรเลยี และ ขนครยุ เกสรเพศผู้ 5 อนั ไมย่ น่ื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณสู น้ั มาก อบั เรณู
เกาะกาลาปากอส นำ�้ สกดั จากรากมีฤทธ์ิหลอนประสาท ยาว 1-2.5 มม. ไมม่ จี านฐานดอก รงั ไข่ 2 ชอ่ ง เชอื่ มตดิ กนั เกลยี้ งหรอื มปี มุ่ ประปราย
แต่ละช่องมอี อวลุ 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.3-1.1 ซม. รวมยอดเกสร ผลสด
เอกสารอา้ งอิง รปู ไขห่ รอื เกอื บกลม สว่ นมากยาว 1-2 ซม. สแี ดงอมชมพู สกุ สดี ำ� มปี ระมาณ 4 เมลด็
Lu, L. and D.E. Boufford. (2003). Rosaceae. In Flora of China Vol. 9: 195,
205, 212. พบที่แอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และหม่เู กาะแปซิฟิก ในไทยพบทกุ ภาค ขึน้
Vidal, J.E. (1970). Rosaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 46-61. ตามชายปา่ หรอื บนเขาหินปูน ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร มีความผนั แปรสูง
โดยเฉพาะขนาดของใบ ดอก และผล มสี รรพคณุ แกไ้ วรสั ตบั อกั เสบ และไขขอ้ อกั เสบ
หนามไข่กุ้ง: ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย ปลายตัดหรือเวา้ ตนื้ กา้ นดอกและกลีบเลย้ี งดา้ นนอกมีขนแข็งประปราย กลบี ดอก
รูปใบพาย ขอบแหวง่ (ภาพ: ภหู ลวง เลย - SSi) สกุล Carissa L. มีประมาณ 7 ชนิด พบในแอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลยี และ
หมู่เกาะแปซฟิ ิก ในไทยมีพชื พืน้ เมอื งชนดิ เดยี ว เปน็ ไมป้ ระดับ 2 ชนดิ คอื
หนามไขป่ :ู ใบประกอบย่อยมากกว่า 3 ใบ ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ หลนั่ ออกตามปลายกิง่ กลบี เล้ยี งรูปสามเหลย่ี ม มะนาวไมร่ ูโ้ ห่ C. carandas L. กลีบดอกส้ันกวา่ หลอดกลีบ เสน้ แขนงใบข้างละ
ปลายเรียวแหลม ดอกสีขาวอมแดง กลบี ส้ันกวา่ กลีบเลี้ยง (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - SSi) 4-12 เส้น มีถิน่ กำ�เนิดในอินเดีย และหบี ไม้งาม C. macrocarpa (Eckl.) A. DC.
กลบี ดอกยาวกว่าหลอดกลบี มถี น่ิ กำ�เนดิ ในแอฟริกาใต้ ชือ่ สกลุ มาจากภาษา
หนามแดง สันสกฤต “kryshina” หรือภาษามาลายาลมั ในอินเดยี หมายถงึ สดี ำ�ของผลสกุ
เอกสารอา้ งอิง
Gymnosporia marcanii Craib Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 10-13.
วงศ์ Celastraceae
หนามพรหม: ปลายใบแหลมมน มีติง่ แหลม ผลสุกสดี �ำ (ภาพซา้ ย: ดอยหวั หมด ตาก, ภาพขวา: สระบุร;ี - RP)
ไมพ้ ุ่มทอดนอน อาจสูงไดถ้ ึง 5 ม. มีหนามตามปลายกิง่ สัน้ ๆ ใบออกเป็น
กระจุกตามกงิ่ ส้ัน รูปไข่กลับ ช่วงโคนคร่งึ ลา่ งหรอื หน่ึงในสามเรียวแคบ ยาว
3.5-10 ซม. ปลายเว้าต้ืน โคนสอบเรยี ว กา้ นใบยาว 0.3-1 ซม. ชอ่ ดอกออก
เปน็ กระจุกตามซอกใบหรือบนก่ิงสั้น ๆ ยาวได้ถงึ 1.8 ซม. ก้านช่อส้นั กา้ นดอก
ยาว 3-8 มม. กลบี เลย้ี งยาวประมาณ 1 มม. ขอบมขี นครยุ กลบี ดอกรปู ขอบขนาน
ยาวประมาณ 4 มม. ปลายจักไมเ่ ป็นระเบียบ จานฐานดอกแบน มีรอยบาก 5 จกั
ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3.5 มม. รังไข่มี 3 ช่อง ยอดเกสรจกั 3 พไู มช่ ัดเจน
ผลรูปไข่กลับกว้าง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.8-1 ซม. เมลด็ รูปรี ยาว 5-8 มม. มเี ย่ือหมุ้
ทีโ่ คน (ดูขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ที่ หนามก้านช้าง, สกุล)
452
สารานุกรมพืชในประเทศไทย หมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ
มะนาวไมร่ โู้ ห:่ กลบี ดอกสัน้ กวา่ หลอดกลีบ เสน้ แขนงใบ 4-12 เส้น (ภาพ: cultivated - RP); หบี ไม้งาม: กลีบดอก พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นวิ กนิ ี และภาคใตข้ องไทยท่ี พทั ลงุ สงขลา
ยาวกวา่ หลอดกลีบดอก (ภาพ: cultivated - RP) สตลู ปัตตานี ยะลา นราธวิ าส ขนึ้ ตามทโ่ี ลง่ ทช่ี ุม่ นำ้� หรือใต้ร่มในป่าดิบชนื้ ความสงู
ระดับตำ�่ ๆ
หนามพงุ ดอ
หมอ้ แกงลิงเขา
Azima sarmentosa (Blume) Benth. & Hook. f.
วงศ์ Salvadoraceae Nepenthes sanguinea Lindl.
ไมเ้ ถาล้มลกุ ยาวได้ถึง 6 ม. ล�ำตน้ เป็นเหลยี่ ม มตี ่อมสแี ดงกระจาย ใบรูปใบหอก
ช่อื พอ้ ง Actegeton sarmentosa Blume
ยาวได้ถึง 20 ซม. ใบตามลำ� ต้นชว่ งปลายมขี นาดเล็ก โคนสอบโอบรอบต้น เสน้ ใบ
ไมพ้ ่มุ กงิ่ มักหอ้ ยลง ยาว 2-4 ม. แยกเพศตา่ งต้น มหี นามแหลม 1-2 อนั ข้างละ 2 เสน้ หมอ้ ลา่ งรปู ทรงกระบอกแกมรูปคนโท ยาว 13-25 ซม. ดา้ นนอกสมี ว่ ง
ตามซอกใบ หนามยาว 1-1.5 ซม. หใู บ 2 อนั ขนาดเล็ก รูปล่ิมแคบ ใบเรียงตรงข้าม อมแดง มขี นสน้ั กระจาย ดา้ นในสเี ขยี วนวล มจี ดุ สแี ดงอมมว่ ง สนั ปกี กวา้ ง 2-5 มม.
รปู รี รูปไขก่ วา้ ง หรอื กลม ยาว 2-6 ซม. ปลายแหลมหรอื เปน็ ติง่ คลา้ ยหนาม ยาว ขอบจกั ชายครยุ ยาว 4-6 มม. ปากหมอ้ รปู ไข่ ยาว 1.3-7 ซม. ขอบกว้างได้ถึง 1.2 ซม.
1-2 มม. แผน่ ใบดา้ นบนเปน็ มนั เงา เสน้ กลางใบนนู ชดั ทงั้ สองดา้ น กา้ นใบยาว 2-8 มม. ฝาหม้อรปู รีหรอื รูปไข่ ยาว 1.5-6.5 ซม. มีต่อมประปราย หมอ้ บนคลา้ ยหม้อลา่ ง
ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ยาวไดถ้ ึง 25 ซม. ดอกสเี หลืองอมเขยี ว ดอกเพศผู้ ยาว 13-27 ซม. คอดเลก็ น้อย ด้านนอกสีเขียว สันปีกจกั ชายครยุ ช่อดอกยาว
เกือบไรก้ า้ น ออกหนาแนน่ กลบี เลยี้ งรูประฆัง มี 4 กลีบ แฉกลกึ ประมาณ 2 มม. 35-65 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 10-33 ซม. มขี นสน้ั นมุ่ ใบประดบั รปู ใบหอก ยาวประมาณ
กลบี ดอก 4 กลบี แยกจรดโคน ยาวกวา่ กลบี เลย้ี งเลก็ นอ้ ย เกสรเพศผู้ 4 อนั เรยี งสลบั 5 มม. ก้านดอกยาว 0.3-1.2 ซม. กลบี รวมรูปรี ยาว 2-3 มม. เส้าเกสรเพศผูย้ าว
กับกลีบดอก ยนื่ พ้นกลีบดอก ไม่มีรังไขท่ ี่เปน็ หมัน ดอกเพศเมียขนาดเลก็ กวา่ 2-3.5 มม.
ดอกเพศผูเ้ ลก็ นอ้ ย แตก่ า้ นดอกยาวไดถ้ ึง 8 มม. เกสรเพศผทู้ ่เี ป็นหมันส้นั กวา่
กลีบดอก รงั ไข่มี 2 ช่อง กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสรจกั 2 พู ผลสด กลม สขี าว พบทค่ี าบสมทุ รมลายู และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยที่ยะลา ขนึ้ ตามปา่ ดบิ เขา
เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 5-6 มม. เมล็ดมี 1-3 เมลด็ ความสงู 1200-1500 เมตร บางครง้ั พบองิ อาศัยบนคาคบไม้
พบทไี่ หห่ นาน และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ รวมถงึ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และนวิ กนิ ี ในไทย หมอ้ แกงลิงเลก็
พบแทบทกุ ภาค ขน้ึ ตามท่ีโลง่ ชายป่าชายเลน ปา่ ชายหาด หรือป่าเตง็ รังผสมสน
ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร เม่ือขยี้ใบจะมีกลิ่นน้�ำมัน เนื่องจากใบมีน�้ำมัน Nepenthes gracilis Korth.
มัสตารด์ ซงึ่ เป็นสาร glucosinolates ไมเ้ ถาล้มลกุ ยาวไดถ้ งึ 10 ม. เถาเป็นรูปสามเหลีย่ ม มีครีบเชือ่ มโคนใบ ใบรปู แถบ
สกุล Azima Lam. มี 4 ชนดิ พบในแอฟริกาและเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ในไทย ยาว 10-18 ซม. โคนสอบโอบลำ� ต้น เสน้ ใบขา้ งละ 4-6 เสน้ หมอ้ ล่างรูปคนโท
มีชนดิ เดยี ว ช่ือสกลุ อาจมาจากภาษาพ้นื เมืองของ มาลากาซี หรอื มาดากัสการ์ สงู 5-7 ซม. ดา้ นนอกสนี �้ำตาลแดงอมมว่ ง มขี นประปราย ดา้ นในสเี ขยี วนวล สนั ครบี
“azimeana” ท่ีใชเ้ รียกพชื สกุลนี้ กว้าง 1-5 มม. ปากหมอ้ รูปไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 1.5 ซม. ขอบบาง หนา 2-5 มม.
เอกสารอา้ งอิง สเี ขยี วมแี ตม้ สนี ้�ำตาลอมมว่ ง ฝาหม้อรปู ไขก่ ว้าง ยาว 1-3 ซม. มีต่อม 3-30 ต่อม
Backer, C.A. (1951). Salvadoraceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 224. สายหมอ้ ยาว 5-10 ซม. หมอ้ บนคลา้ ยหมอ้ ลา่ ง สงู 7-13 ซม. ดา้ นนอกสเี ขยี วอมเหลอื ง
Larsen, K. (2000). Salvadoraceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 341-343. สายหมอ้ ยาวกว่าหม้อเลก็ นอ้ ย ช่อดอกยาว 13-30 ซม. กา้ นชอ่ ดอกยาว 3-5 ซม.
มีขนสนั้ นุม่ สีนำ้� ตาลแดง กา้ นดอกยาวประมาณ 0.6-1.7 ซม. กลีบรวมรปู รี ยาว
หนามพุงดอ: ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง เกสรเพศผยู้ ืน่ พ้นกลบี ดอกในดอกเพศผู้ ผลสด กลม สีขาว 2.5-3 มม. สีแดงคล�้ำ เสา้ เกสรเพศผู้ยาว 1-1.2 มม.
(ภาพ: สามรอ้ ยยอด ประจวบครี ีขันธ;์ ภาพดอก - MT, ภาพผล - RP)
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นยี ว และภาคใตข้ องไทยทพี่ ทั ลงุ สงขลา สตลู
หม้อแกงค่าง นราธวิ าส ขน้ึ ตามชายปา่ พรุ พน้ื ทชี่ มุ่ นำ�้ หรอื สนั เขามคี วามชนื้ สงู ความสงู ถงึ ประมาณ
1200 เมตร
Nepenthes ampullaria Jack
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 10 ม. ลำ� ตน้ แตกแขนงจำ� นวนมาก ใบรปู ใบหอก ใบทโ่ี คน หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ , สกลุ
ยาว 2-5 ซม. ใบบนลำ� ตน้ ยาวไดถ้ ึง 33 ซม. โคนสอบ โอบรอบต้นเป็นครบี เส้นใบ Nepenthes L.
ขา้ งละ 3-5 เสน้ หมอ้ ลา่ งรปู ถงั เบย้ี ว สเี ขยี วออ่ นหรอื ครมี มสี แี ดงเขม้ หรอื สชี มพแู ซม วงศ์ Nepenthaceae
สูง 2-10 ซม. สันปกี กวา้ งประมาณ 1.5 ซม. ขอบจกั ชายครุย ยาว 0.5-1 ซม. ปากหมอ้
รปู ไข่ ขอบปากกว้าง 0.5-1.5 ซม. ฝาหม้อรปู ใบหอกกลบั ยาว 2-4 ซม. ใต้ฝามตี อ่ ม ไมเ้ ถาลม้ ลกุ กนิ แมลง แยกเพศตา่ งตน้ เถากลม เปน็ เหลย่ี ม หรอื มคี รบี กงิ่ ออ่ น
5-12 ตอ่ ม โคนมเี ดอื ยยาวไดถ้ งึ 1 ซม. สายหมอ้ ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. หมอ้ บนสว่ นมาก และใบออ่ นมีขนส้ันนมุ่ และขนสั้นรูปดาวหนาแนน่ มีตอ่ มขนาดเล็กกระจาย ไมม่ หี ใู บ
ไม่พฒั นาหรือลดรปู คลา้ ยรปู แตร ยาวประมาณ 2 ซม. ชอ่ ดอกยาวได้ถึง 40 ซม. ใบเรยี งเวยี น เสน้ ใบเรยี งขนานกนั มเี สน้ ใบตามขวางจำ� นวนมาก ปลายเสน้ กลางใบ
ชอ่ ท่โี คนก้านชอ่ ส้นั ช่อช่วงปลายก้านช่อยาว 8-50 ซม. ใบประดบั รูปใบพาย ยาว เปน็ มอื จบั เปลย่ี นเปน็ สายของหมอ้ ดกั แมลง (pitcher) แยกเปน็ หมอ้ ลา่ ง เกดิ ทใ่ี บ
0.5-1.2 ซม. กา้ นดอกยาว 5-8 มม. ดอกสเี ขียวหรืออมเหลอื ง มีขนสีแดง กลบี รปู รี บนลำ� ตน้ ทงี่ อกใหม่ อยชู่ ดิ พนื้ ดนิ รปู ปอ้ ม หนั เขา้ ดา้ นใน ดา้ นขา้ งมสี นั เปน็ ครบี 2 ครบี
ยาว 4-5 มม. เส้าเกสรเพศผู้ยาว 3-5 มม. จกั เปน็ รว้ิ และหมอ้ บน เกดิ ทใี่ บบนล�ำตน้ รปู เรยี วแคบหรอื รปู กรวย หนั ออกดา้ นนอก
มคี รบี ดา้ นขา้ งหรอื เปน็ สนั ตน้ื ๆ มอื จบั มว้ นงอ รมิ ขอบบน (peristome) พบั จบี เปน็
ครบี ถ่ี ขอบมว้ นเปน็ มนั วาว ดา้ นบนมฝี า ใตฝ้ ามตี อ่ มนำ้� ตอ้ ยกระจาย ขวั้ ดา้ นหลงั
มีเดอื ย ดา้ นในมีตอ่ มนำ้� ย่อยหนาแน่น ช่อดอกแบบชอ่ กระจะหรือช่อแยกแขนง ออกท่ี
ปลายกง่ิ ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื ออกเปน็ คู่ เปน็ ชอ่ สน้ั ๆ พบนอ้ ยทมี่ มี ากกวา่ 2 ดอก
กลบี รวม 4 กลบี เรยี งซ้อนเหลื่อม มีตอ่ มหนาแน่น ในดอกเพศผ้มู ีขนาดใหญก่ ว่า
เลก็ น้อย กา้ นชอู บั เรณเู ช่ือมตดิ กนั เป็นเสา้ เกสร อับเรณูสว่ นมากมี 4-12 อัน มี 4 ช่อง
รูปกลม รังไข่มี 4 ชอ่ ง ออวลุ จ�ำนวนมาก พลาเซนตารอบแกนรว่ ม เกสรเพศเมีย
ไรก้ ้านหรือมกี ้านสนั้ มาก ยอดเกสรรูปจาน จกั 4 พู ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน
รปู กระสวยสน้ั ๆ เมลด็ จำ� นวนมาก เรยี วแคบ โคนและปลายมรี ยางคร์ ปู เสน้ ดา้ ย
สกุล Nepenthes มปี ระมาณ 90 ชนิด พบในมาดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลยี และ
หม่เู กาะแปซิฟกิ พบมากในภูมภิ าคมาเลเซีย มักขนึ้ ตามสภาพดนิ ท่มี ีธาตุอาหารต่ำ�
หรอื เป็นกรด ในไทยจ�ำ นวนชนดิ ยังไม่แนน่ อน มหี ลายชนดิ ทน่ี �ำ เขา้ มาเปน็ ไมป้ ระดบั
มีท้งั พนั ธุแ์ ทแ้ ละพนั ธผ์ุ สม ทุกชนดิ อยู่ในพชื อนุรักษบ์ ญั ชีที่ 2 ของ CITES ชอ่ื สกลุ
มาจากภาษากรกี “ne” ไมม่ ี และ “penthos” เศร้าหรอื ทกุ ข์ หมายถงึ มคี ณุ สมบัติ
ช่วยใหห้ ายเศร้า ในภาษาละตินหมายถึงพชื ท่ผี สมในไวนแ์ ลว้ ท�ำ ให้ร่าเริง
453
หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
หมอ้ ข้าวหม้อแกงลงิ หมักมอ่ , สกุล
Nepenthes mirabilis (Lour.) Druce Rothmannia Thunb.
วงศ์ Rubiaceae
ช่ือพ้อง Phyllamphora mirabilis Lour.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื เรยี งรอบขอ้ 3 ใบ หใู บรว่ มรปู สามเหลยี่ ม
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 6 ม. ลำ� ตน้ กลม ใบรปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอกกลบั ยาว ตดิ ทน ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกท่ปี ลายกง่ิ หรอื ซอกใบใกล้ปลายกง่ิ บางครง้ั มี
12-25 ซม. เส้นใบข้างละ 4-5 เสน้ แผน่ ใบด้านลา่ งมขี นประปราย ก้านใบยาว ดอกเดียว ใบประดบั ขนาดเลก็ กลบี เล้ยี งรูปถว้ ย ขอบเรยี บหรือจกั ตืน้ ๆ 5 กลบี
5-10 ซม. โคนมีครีบโอบลำ� ตน้ หม้อลา่ งรปู คนโท สูง 8-13 ซม. ดา้ นนอกสแี ดงคล้�ำ ตดิ ทน ดอกรปู ดอกเขม็ หรอื รปู ระฆงั ดา้ นในมกั มจี ดุ สมี ว่ งอมนำ�้ ตาลกระจาย มี
อมชมพู หรอื สเี ขยี วอมเหลอื ง มขี นสนี ำ้� ตาลแดงกระจาย สนั ครบี กวา้ ง 0.3-1 ซม. 5 กลบี เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ภายในหลอดกลบี เหนอื สว่ นคอด กา้ นชอู บั เรณสู น้ั มาก
ปากหมอ้ รปู ไขก่ วา้ ง ขอบสเี ขยี วออ่ น สชี มพู หรอื สแี ดงเขม้ หนา 2.5-8 มม. ฝาหมอ้ หรอื ไรก้ า้ น ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก รปู กระบอง ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก
รูปรีกวา้ ง ยาว 1.8-3.6 ซม. ใตฝ้ ามตี อ่ มจ�ำนวนมาก สายหมอ้ ยาว 10-30 ซม. รังไข่ 2 ช่อง พลาเซนตารอบแกนรว่ ม ผลคลา้ ยผลสดมหี ลายเมลด็
หม้อบนรูปคนโทแคบ สงู 8-20 ซม. ด้านนอกสีเขยี วอมเหลือง หรือสีแดงเร่อื ๆ
มกั มขี นประปราย ช่อดอกยาว 20-50 ซม. กา้ นช่อยาว 15-50 ซม. มีขนหนาแน่น สกลุ Rothmannia มี 30-40 ชนดิ พบในแอฟรกิ า มาดากัสการ์ และเอเชียเขตรอ้ น
ใบประดับรปู เส้นด้าย ยาว 1-6 มม. ก้านดอกยาว 0.7-1.5 ซม. กลบี รวมรูปไข่ ในไทยมีประมาณ 8 ชนดิ ชอื่ สกลุ ตงั้ ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวเี ดน George
ยาว 3.2-6.5 มม. สเี ขยี วออ่ นเปลย่ี นเปน็ สแี ดงอมนำ�้ ตาล เสา้ เกสรเพศผยู้ าว 2-3.5 มม. Rothman (1739-1778)
พบทจี่ นี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบมากทางภาคใต้ และ หมักมอ่
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ พบประปรายทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ขนึ้ ตามพ้ืนท่ีชุม่ น้�ำ แหล่งนำ้� ซบั ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร มคี วามผนั แปรสูง Rothmannia wittii (Craib) Bremek.
และมลี กู ผสมตามธรรมชาติ แยกเปน็ var. echinostoma (Hook. f.) J. H. Adam
& Wilcock พบท่บี อร์เนียว ขอบหนาและบานออก ช่อื พ้อง Randia wittii Craib
เอกสารอ้างองิ ไมต้ ้น สงู ไดถ้ ึง 15 ม. มขี นสีนำ�้ ตาลแดงหนาแน่นตามก่ิงและใบออ่ น หูใบ
Catalano, M. (2010). Nepenthes della Thailandia: Diario di viaggio. Prague. รูปสามเหล่ียมขนาดเล็ก ยาวประมาณ 3 มม. ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี รปู ขอบขนาน
Cheek, M. and M. Jebb. (2001). Nepenthaceae. In Flora Malesiana Vol. 15: 1-157. หรือรูปใบหอกกลบั ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรยี ว กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม.
ชอ่ ดอกออกส้นั ๆ ยาว 1-2 ซม. มไี ด้ถึง 10 ดอก ในแต่ละช่อ กา้ นดอกยาว 7-8 มม.
หมอ้ แกงค่าง: ลำ� ต้นแตกแขนงจำ� นวนมาก โคนใบสอบ โอบรอบต้นเปน็ ครบี หม้อลา่ งรูปถงั ขอบสนั ปีกจักชายครุย หลอดกลบี เลยี้ งยาวประมาณ 5 มม. ปลายแยกเปน็ แฉกรปู สามเหลยี่ ม ยาว 1-2 มม.
ขอบปากกว้าง ฝาหมอ้ รูปใบหอกกลบั (ภาพ: cultivated - RP) ดอกสขี าว รปู ระฆงั ควำ่� ลง ดา้ นในมจี ดุ สมี ว่ งอมนำ้� ตาลหนาแนน่ หลอดกลบี ดอก
ช่วงกว้างยาว 2-3 ซม. โคนคอด เรียวแคบ ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลบี
รูปรี ยาว 1-2 ซม. พบั งอกลบั มีกล่ินหอมอ่อน ๆ เกสรเพศผู้ 5 อนั ไร้ก้าน อบั เรณู
รปู แถบ ยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2.5 ซม. ผลสดมหี ลายเมลด็
รูปรีกว้างหรอื กลม ผลแกเ่ สน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 3.5-4 ซม. มีสนั ตืน้ ๆ สุกสดี ำ�
พบทภ่ี มู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ความสงู 150-350 เมตร คำ� ระบชุ นดิ
ต้ังตาม D.O. Witt ผ้ชู ่วย W.F.L. Tottenham เจา้ กรมป่าไมข้ องไทยชว่ งปี พ.ศ.
2444-2447
เอกสารอ้างอิง
Chen, T. and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Rothmannia). In Flora of China
Vol. 19: 304.
Craib, W.G. (1911). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous
Information Kew 1911: 392.
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
The Forest Herbarium, Bangkok.
หม้อแกงลิงเขา: หมอ้ ลา่ งรูปทรงกระบอกแกมรูปคนโท ฝาหม้อรปู รีหรือรปู ไข่ (ภาพซ้าย: เขา 1490 ยะลา - RP); หมกั มอ่ : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ส้ัน ๆ ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิง่ ดอกสีขาว รูประฆงั คว�่ำลง ดา้ นในมจี ดุ สมี ว่ ง
หม้อแกงลงิ เล็ก: โคนสอบเรียวโอบลำ� ต้น หมอ้ ล่างรูปคนโท ฝาหม้อรปู ไขก่ ว้าง (ภาพขวา: จะนะ สงขลา - MP) อมนำ้� ตาลหนาแนน่ ผลมสี ันต้นื ๆ (ภาพดอก: อบุ ลราชธานี - RP; ภาพผล: มกุ ดาหาร - PK)
หมอ้ ข้าวหม้อแกงลงิ : หม้อลา่ งรูปคนโท หมอ้ บนรปู คนโทแคบ ฝาหม้อรปู รกี ว้าง ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ (ภาพหม้อล่าง หมันทะเล
และหมอ้ บน: พังงา - MP; ภาพช่อดอก: ชมุ พร - RP)
Cordia subcordata Lam.
454 วงศ์ Boraginaceae
ไม้พุ่มถึงไมต้ น้ สูงได้ถึง 15 ม. เนอ้ื ไม้สสี ม้ ใบรปู ไขห่ รือรปู รี ยาว 8-20 ซม.
ปลายมน กลม หรอื แหลมสัน้ ๆ โคนใบมนถงึ กลม เส้นแขนงใบข้างละ 4-6 เส้น
ก้านใบยาว 2-8 ซม. ชอ่ ดอกออกส้นั ๆ ตามปลายก่งิ ก้านชอ่ ยาวประมาณ 2 ซม.
มีไดถ้ งึ 20 ดอก กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1 ซม. หลอดกลีบเลย้ี งยาว 1-2 ซม. ปลายแยก
เปน็ แฉกส้ัน ๆ ไมเ่ ทา่ กัน ดอกรปู แตร สสี ม้ ยาว 3-5 ซม. ย่น ปลายแยกเป็น 5-8 กลีบ
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย หมากสะคร่งั
รปู กลม ๆ เกสรเพศผเู้ ทา่ จ�ำนวนกลบี ดอก ตดิ ทโี่ คนกลบี ดอกใกลป้ ากหลอดกลบี หมากว้อ
เกสรเพศเมยี ยาว 2-3 ซม. ผลมกี ลบี เลยี้ งทเ่ี จรญิ หมุ้ จนมดิ รปู ไขก่ ลบั ยาว 2-3 ซม.
ผนงั ผลแขง็ เปน็ คอร์ก มี 1-4 เมล็ด (ดูข้อมลู เพิม่ เตมิ ท่ี คอรเ์ ดีย, สกลุ ) Lepisanthes senegalensis (Poir.) Leenh.
วงศ์ Sapindaceae
พบในแอฟรกิ า อนิ เดยี ไหห่ นาน กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี ออสเตรเลยี
และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคใต้ ขนึ้ ตามชายหาดทเี่ ปน็ ทรายหรอื โขดหนิ ชอ่ื พอ้ ง Sapindus senegalensis Poir.
มีสรรพคณุ บรรเทาอาการปวดและแกอ้ ักเสบ
ไมพ้ ุ่มหรอื ไมต้ น้ อาจสงู ได้ถงึ 20 ม. ใบประกอบส่วนมากมใี บยอ่ ยใบเดียว
เอกสารอา้ งองิ หรอื มคี เู่ ดยี ว บางครง้ั มี 2-6 คู่ กา้ นใบประกอบสนั้ ใบยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน
Johnston, I. (1951). Studies in the Boraginaceae, xx: Representatives of three ยาว 7-35 ซม. หรอื ยาวไดถ้ งึ 60 ซม. ในใบประกอบทมี่ ใี บยอ่ ยใบเดยี ว แผน่ ใบเกลยี้ ง
subfamilies in Eastern Asia. Journal of the Arnold Arboretum 27: 2-12. ท้งั สองดา้ น ช่อดอกยาวได้ถึง 60 ซม. ชอ่ กระจกุ ส่วนมากมี 3 ดอก กลีบเลยี้ ง
Riedl, H. (1997). Boraginaceae. In Flora Malesiana Vol. 13: 68-79. 5 กลีบ สเี ขียวหรือแดง รปู ไข่ ยาว 1-4 มม. ดอกสคี รีมอมเขียว มี 5 กลบี รูปรหี รือ
Zhu, G., H. Riedl and R.V. Kamelin. (1995). Boraginaceae. In Flora of China รูปไขก่ ลับ ยาว 2.5-4.5 มม. เกลด็ ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ 5-9 อนั ก้านชอู บั เรณู
Vol. 16: 331-332. ยาว 1-3.5 มม. มีขน รงั ไข่มี 2 ช่อง ผลมี 2 พู พรู ปู รกี ว้างเกอื บกลม ยาว 0.8-1.5 ซม.
สีเขยี ว เปลี่ยนเป็นสีชมพอู มม่วงและสมี ว่ งเข้ม เกล้ยี ง เมลด็ รูปรี สนี ้�ำตาลดำ� ยาว
หมนั ทะเล: ชอ่ ดอกออกสัน้ ๆ ตามปลายก่ิง หลอดกลบี เล้ียงยาว ปลายแยกเปน็ แฉกสน้ั ๆ ไมเ่ ทา่ กัน ดอกรปู แตร ยน่ 7-8 มม. มีขว้ั เลก็ ๆ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ มะหวด, สกลุ )
เกสรเพศผูต้ ิดท่ีโคนกลีบดอกใกล้ปากหลอดกลีบ ผลมกี ลีบเลี้ยงท่เี จริญหุ้มจนมดิ (ภาพ: ขนอม นครศรีธรรมราช - RP)
พบในแอฟรกิ า มาดากสั การ์ ศรลี งั กา อินเดีย จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจีน
หมากขอ้ี น้ และมาเลเซยี นิวกนิ ี ในไทยพบทกุ ภาค ขึ้นตามท่ีโล่งริมล�ำธาร ในปา่ เบญจพรรณ
ปา่ ดิบแล้ง ป่าดบิ ชน้ื หรือป่าเสอื่ มโทรม ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร เปลอื ก
Byttneria crenulata Wall. ex Mast. มสี รรพคณุ แก้พิษ ดอก ผล และเมล็ดมีพิษ ใบใช้สระผม
วงศ์ Malvaceae
เอกสารอา้ งองิ
ช่ือพอ้ ง Byttneria echinata Wall. ex Kurz van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 217-218.
ไมเ้ ถาหรอื ไมพ้ มุ่ รอเลอื้ ย มขี นรปู ดาวประปรายตามกงิ่ และชอ่ ดอก ใบรปู ไขห่ รอื หมากวอ้ : ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสน้ั ๆ กลีบเลยี้ งสีเขียวหรือแดง ผลมี 2 พู สเี ขียว เปล่ียนเปน็ สชี มพูอมม่วง
แกมรปู ขอบขนาน ยาว 12-18 ซม. ปลายแหลมยาว โคนมนหรอื ตดั แผน่ ใบเกลยี้ ง และสีม่วงเขม้ (ภาพกลีบเลี้ยงสเี ขียวและผล: เสนา พระนครศรีอยธุ ยา - RP; ภาพกลบี เลย้ี งสีแดง: ศรีสะเกษ - SSi)
เส้นโคนใบขา้ งละ 1-2 เสน้ กา้ นใบยาวไดถ้ ึง 10 ซม. ช่อดอกออกสัน้ ๆ ตามซอกใบ
ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. ชอ่ แขนงคลา้ ยชอ่ ซร่ี ม่ กลบี เลย้ี งรปู ใบหอกขนาดเลก็ มขี นสนั้ นมุ่ หมากสะคร่ัง
ดอกสขี าว กลบี รปู คมุ่ ยาว 2-3 มม. ตดิ ทโี่ คนเสา้ เกสรเพศผู้ มขี นบนเสน้ กลางกลบี
ปลายกลีบเรียวแคบ จัก 2 พู ตนื้ ๆ ก้านชูอับเรณูสั้น แผก่ ว้าง โคนเชอื่ มตดิ เกสรเพศผู้ Vitex cochinchinensis Dop
ทเ่ี ปน็ หมนั 5 อนั เปน็ แผน่ บาง ๆ รงั ไขม่ ตี อ่ มกระจาย กา้ นเกสรเพศเมยี รปู ลม่ิ แคบ วงศ์ Lamiaceae
ยาวประมาณ 0.5 มม. ผลเกลยี้ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 2.5 ซม. รวมหนาม
โคนหนามเปน็ ปมุ่ กา้ นผลยาว 1-3 ซม เมลด็ สดี ำ� รปู รี ผวิ เปน็ สนั ตน้ื ๆ 3 สนั (ดขู อ้ มลู ช่ือพ้อง Vitex pierrei Craib
เพม่ิ เติมที่ กำ� ยานเครือ, สกุล)
ไมพ้ มุ่ สูง 1-3 ม. มขี นส้ันน่มุ หนาแนน่ ตามแผ่นใบดา้ นลา่ ง ก้านใบยอ่ ย ช่อดอก
พบทพ่ี มา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกดา้ นนอก ใบประกอบมี 1-5 ใบยอ่ ย กา้ นใบยาว 0.5-5 ซม.
ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง ข้นึ ตามชายปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ใบย่อยรูปไข่ รูปขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก ยาวไดถ้ ึง 12 ซม. ขอบเรยี บหรือจัก
50-200 เมตร ฟันเลอื่ ยหา่ ง ๆ กา้ นใบยอ่ ยยาว 1-3 มม. ใบปลายกา้ นยาวได้ถงึ 1.5 ซม. ช่อดอกแบบ
ชอ่ กระจกุ เวยี นรอบแกนช่อ ไม่แยกแขนง ออกท่ปี ลายกิ่ง ยาว 4-12 ซม. กา้ นชอ่
เอกสารอา้ งองิ ยาว 1.5-5 ซม. ใบประดบั ยอ่ ย 2 ใบ รปู ใบหอก ยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกไรก้ า้ น
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae (Byttneria echinata). In Flora of Thailand หลอดกลีบเลยี้ งยาว 3-7 มม. กลบี รปู สามเหลีย่ ม ยาว 1-2 มม. ดอกสชี มพหู รือ
Vol. 7(3): 548. น�ำ้ ตาลอมเหลือง หลอดกลบี ดอกยาว 6-6.5 มม. กลีบบน 4 กลีบ รปู ไข่ ยาว
1-1.5 มม. กลีบลา่ งกลม ขอบจกั ยาว 2-2.5 มม. เกสรเพศผูส้ ้ัน 2 อนั ยาว 2 อัน
หมากขอี้ ้น: ใบรูปไขห่ รือแกมรูปขอบขนาน เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เสน้ ผลผวิ เกลี้ยง มหี นาม โคนหนามเป็นปุ่ม ยาว 4.5-5.5 มม. โคนมีขนสีขาว ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.6-1.4 ซม. ปลายแยกเปน็
(ภาพ: นครพนม - PK) 2 แฉกตน้ื ๆ ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-7 มม. สกุ สดี ำ� (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี ตนี นก, สกลุ )
พบทเี่ วยี ดนาม และลาว ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทบี่ งึ กาฬ และ
ภาคตะวนั ออกท่ศี รีสะเกษ ข้ึนตามริมล�ำธารในป่าเตง็ รงั ความสูง 150-350 เมตร
เอกสารอ้างอิง
Chantaranothai, P. (2011). A Revision of the genus Vitex (Lamiaceae) in
Thailand. Tropical Natural History 11(2): 94.
Craib, W.G. (1918). Contributions to the Flora of Siam (Vitex pierrei), Bulletin of
Miscellaneous Information Kew 1918: 367.
455
หมากหมก สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
หมากสะครง่ั : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ เวยี นรอบแกนชอ่ ออกที่ปลายก่งิ ผลสุกสีดำ� (ภาพ: ภวู ัว บงึ กาฬ - SSa) มใี บย่อยใบเดียว เรยี งเวียน รูปรีถงึ รปู ใบหอก ยาว 6-15 ซม. ปลายแหลมหรอื
แหลมยาว โคนมนหรอื กลม แผน่ ใบคอ่ นขา้ งหนา ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะหรอื ชอ่ กระจกุ
หมากหมก แยกแขนงสน้ั ๆ ตามซอกใบ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี กลบี เลยี้ ง
รปู ไข่ ยาวประมาณ 3 มม. ตดิ ทน ดอกสขี าวหรอื ครมี กลบี รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน
Lepionurus sylvestris Blume ยาวประมาณสองเท่าของกลีบเลี้ยง เกสรเพศผโู้ คนเช่ือมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ
วงศ์ Opiliaceae ดา้ นในมขี นยาว อนั ทสี่ มบรู ณ์ 5 อนั ตดิ เหนอื กลบี เลย้ี ง เปน็ หมนั 5 อนั ตดิ เหนอื
กลบี ดอก รงั ไข่มชี ่องเดยี ว มขี นยาว ผลแหง้ แตก รปู รี ยาว 2-3 ซม. ก้านผลยาว
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 4 ม. ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู ไข่ รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ขอบขนาน 0.5-2 ซม. มีเมล็ดเดียว โคนมีเยอื่ หุ้มสีสม้ หรือแดง
ถงึ รปู แถบ ยาว 5.5-25 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนสอบหรอื รปู ลมิ่ กา้ นใบยาว
1-8 มม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ ยาว 2-4.5 ซม. ใบประดบั รูปไขก่ ว้าง ยาว 4-6.5 มม. พบทพี่ ม่า ภูมภิ าคอนิ โดจีน คาบสมทุ รมลายู และสุมาตรา ในไทยพบทกุ ภาค
ดอกออกเปน็ กระจกุ กระจกุ ละ 3 ดอกในแต่ละใบประดบั ไม่มใี บประดบั ย่อย ขนึ้ ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดบิ แลง้ และป่าดบิ ชืน้ ความสงู ถึงประมาณ 800 เมตร
กา้ นดอกยาว 1-3 มม. ดอกสเี หลอื งหรอื อมสม้ เชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน กลบี รวมมี 4 กลบี เคยแยกเป็น var. gibbosus (King) Leeh.
รปู ไขก่ วา้ ง เส้นผ่านศนู ย์กลาง 2-4.5 มม. ติดบนจานฐานดอกรูปถว้ ยที่จักมน
เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดใต้ขอบจานฐานดอกตรงข้ามกลีบรวม ก้านชูอับเรณูแบน สกุล Ellipanthus Hook. f. มปี ระมาณ 9 ชนิด ในไทยมีชนิดเดียว ชอ่ื สกุลมาจาก
ยาวประมาณ 0.5 มม. อบั เรณยู าวเทา่ ๆ กา้ นชอู บั เรณู รงั ไขร่ ปู กรวย ยาวประมาณ ภาษากรกี “ellipes” ไม่สมบรู ณ์ และ “anthos” ดอก อาจหมายถึงเกสรเพศผู้
1 มม. รวมกา้ นเกสรเพศเมีย ยอดเกสรจัก 4 พู ตน้ื ๆ ผลผนังช้นั ในแขง็ สกุ สแี ดง ที่เปน็ หมนั ติดเหนอื กลบี ดอก
รปู รี ยาว 0.9-1.6 ซม. กา้ นผลหนา ยาว 1-3 มม. เอกสารอา้ งอิง
Vidal, J.E. (1972). Connaraceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 125-126.
พบทอี่ นิ เดยี เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ เวยี ดนามตอนใต้ คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา
ชวา และบอรเ์ นยี ว ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา หมาตายทากลาก: มขี นส้ันน่มุ กระจาย ช่อดอกออกตามซอกใบ ผลแห้งแตก มีเมลด็ เดยี ว โคนมีเย่อื หมุ้ สสี ้มหรือแดง
และปา่ ดิบชน้ื ทีเ่ ป็นเขาหนิ ปนู ความสงู ถึงประมาณ 1250 เมตร น้�ำค้นั จากใบใช้ (ภาพดอก: ศรสี ะเกษ - SSi; ภาพผล: อุบลราชธานี - PK)
บรรเทาอาการผิวหนงั อกั เสบ
หมามุ่ย, สกุล
สกุล Lepionurus Blume มีชนดิ เดียว ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “lepion” เกล็ด
หรอื ผิวช้ันนอกขอบบาง และ “oura” หาง ตามลกั ษณะของช่อดอกเรียวคลา้ ย Mucuna Adans.
หาง มใี บประดบั คล้ายเกลด็ วงศ์ Fabaceae
เอกสารอา้ งองิ
Hiepko, P. (1987). Opiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 98-100. ไมเ้ ถาลม้ ลกุ หรอื ไมเ้ ถาเนอ้ื แขง็ หใู บและหใู บยอ่ ยรว่ งเรว็ ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย
เรยี งเวยี น กา้ นใบประกอบยาว ใบยอ่ ยโดยเฉพาะใบคขู่ า้ งมกั เบยี้ ว ชอ่ ดอกสว่ นมาก
หมากหมก: ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ใบประดบั รปู ไขก่ ว้าง แตล่ ะใบประดบั มี 3 ดอก ผลสกุ สแี ดง กา้ นผลหนา แบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบหรอื กงิ่ มใี บประดบั และใบประดบั ยอ่ ย กลบี เลยี้ ง
(ภาพ: น�้ำตกกะเปาะ ชุมพร - RP) 4-5 กลบี กลบี คบู่ นเชอ่ื มตดิ กนั หรอื แฉกตนื้ ๆ กลบี ลา่ งรปู สามเหลย่ี มไมเ่ ทา่ กนั
ดอกรปู ดอกถว่ั กลบี กลางขนาดเลก็ โคนมตี ง่ิ มกี า้ นกลบี สน้ั ๆ กลบี คลู่ า่ งและกลบี ปกี
หมาตายทากลาก เรียวแคบ โคนมีติ่งและก้านกลีบส้ัน ๆ กลีบคู่ล่างเช่ือมติดกันบางส่วนด้านล่าง
ปลายงุ้ม เกสรเพศผู้ 10 อนั 9 อันเช่อื มติดกัน หนง่ึ อนั แยกจรดโคน อันยาว 5 อนั
Ellipanthus tomentosus Kurz เรียงสลบั กับอันสน้ั อนั ยาวอบั เรณูติดทีฐ่ าน อันสั้นตดิ ไหวได้หรือติดดา้ นหลงั รังไขม่ ี
วงศ์ Connaraceae ช่องเดียว ก้านเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรขนาดเล็ก ผลผนังหนา ส่วนมากมีริ้ว
เปน็ สนั นนู มกั มขี นแขง็ ทำ� ใหร้ ะคายเคอื ง ขอบผลมกั เปน็ สนั คลา้ ยปกี เมลด็ มขี วั้
ไมพ้ ุม่ หรอื ไมต้ น้ สูงได้ถึง 30 ม. มีขนสัน้ นุม่ หนาแน่นตามกิ่ง ก้านใบ แผ่นใบ
ดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก กลบี เลย้ี งดา้ นนอก แผน่ กลบี ดอกทง้ั สองดา้ น และผล ใบประกอบ สกุล Mucuna มปี ระมาณ 100 ชนิด ในไทยเป็นพชื พืน้ เมือง 13 ชนิด และเปน็
ไมป้ ระดับ 1 ชนดิ คอื พวงโกเมน M. warburgii K. Schum. & Lauterb. ชอ่ื สกุล
เป็นภาษาบราซิเลยี นท่ีใช้เรยี กพชื ในสกุลนี้ หลายชนิดมสี รรพคุณดา้ นสมุนไพร
เมลด็ มสี าร dopamine (L-Dopa) สูง โดยเฉพาะหมามุ่ย M. pruriens (L.) DC.
หมามุ่ย
Mucuna pruriens (L.) DC.
ชื่อพ้อง Dolichos pruriens L.
ไมเ้ ถา มขี นยาวสนี ำ้� ตาลแดงตามกง่ิ กา้ นใบ กา้ นดอก และกลบี เลยี้ งดา้ นนอก
ใบรูปรหี รอื รปู ไข่ ยาว 3-16 ซม. หูใบย่อยรปู เส้นด้าย ยาว 4-5 มม. ชอ่ ดอกยาว
ได้ถงึ 40 ซม. กา้ นดอกยาว 2-6 มม. ใบประดบั และใบประดบั ย่อยรูปใบหอก
หรอื รูปแถบ ยาว 6-9 มม. รว่ งเร็ว ช่วงโคนช่อไม่มใี บประดบั หลอดกลบี เล้ยี ง
456
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย หมี่
ยาว 0.5-1 ซม. กลีบค่บู นยาวกว่าคู่ขา้ ง ดอกส่วนมากสีมว่ ง กลีบกลางยาว 1.6-2.5 ซม. เอกสารอา้ งองิ
กลบี ปีกยาว 2-4 ซม. กลีบคู่ลา่ งยาวกว่ากลบี ปกี เลก็ น้อย ฝกั รปู ขอบขนาน ยาว Sa, R. and C.M. Wilmot-Dear. (2010). Fabaceae (Mucuna). In Flora of China
5-9 ซม. ปลายโคง้ งอ ผวิ มขี นคลา้ ยไหมและขนคนั หรอื ขนยาวหนาแนน่ มี 3-8 เมลด็ Vol. 10: 207, 213, 217.
รูปรี ยาว 1-2 ซม. Wilmot-Dear, C.M. (1992). A revision of Mucuna (Leguminosae: Phaseoleae) in
Thailand, Indochina and the Malay Peninsula. Kew Bulletin 47(2): 203-245.
พบท่ีอเมริกาเขตร้อน แอฟริกา มาดากัสการ์ และเอเชีย ในไทยพบทุกภาค ________. (2008). Mucuna Adans. (Leguminosae) in Thailand. Thai Forest Bulletin
ขน้ึ ตามชายปา่ ทโ่ี ลง่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร แยกเปน็ var. hirsuta (Wight (Botany) 36: 114-139.
& Arn.) Wilmot-Dear สว่ นตา่ ง ๆ มขี นยาวหนาแนน่ ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ย
กว้างกว่า และ var. utilis (Wall. ex Wight) Baker ex Burck มขี นยาวนุ่มแตไ่ มม่ ี หมาม่ยุ : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ช่วงโคนชอ่ ไม่มีใบประดบั ฝักรปู ขอบขนานแคบ ๆ ปลายโค้งงอ ผวิ มขี นคลา้ ยไหม
ขนคนั ฝกั รปู ร่างบิดงอ มสี นั คม ปลูกเป็นพชื อาหาร เปน็ ปยุ๋ และพชื คลมุ ดนิ และขนคนั หนาแน่น (ภาพ: ไพศาลี นครสวรรค์ - MP)
หมามุ่ยช้าง หมามยุ่ ช้าง: ดอกเรยี งหนาแน่นคล้ายช่อซรี่ ม่ ชว่ งปลายช่อ ฝักแบนหนา รปู ขอบขนาน หนาประมาณ 5 มม. ขอบเปน็ สัน
คล้ายปกี ทั้งสองดา้ น มีขนสีน้�ำตาลหนาแน่นและขนคันแขง็ กระจาย (ภาพ: ขนอม นครศรีธรรมราช - RP)
Mucuna gigantea (Willd.) DC.
หมามยุ่ ลาย: ฝกั แบน หนา ขอบเว้าเป็นสนั คลา้ ยปีกทั้งสองดา้ น มีรว้ิ เปน็ สนั ไม่เป็นระเบียบตามขวาง 12-15 รว้ิ
ช่อื พ้อง Dolichos giganteus Willd. เรยี งจรดกนั ประมาณกงึ่ กลางฝัก (ภาพซ้ายบน: ยะลา - RP); หมามยุ่ ใหญ:่ ดอกสมี ่วง ออกเปน็ กระจกุ สน้ั ๆ ขอบฝกั เวา้
เปน็ สัน มีริ้วเปน็ สนั เรียงไมเ่ ป็นระเบยี บตามขวาง 5-6 ร้ิว (ภาพซ้ายลา่ งและภาพขวา: ประจวบครี ขี นั ธ์ - RP)
ไมเ้ ถา เกลยี้ งหรอื มขี นกระจายตามกง่ิ กา้ นใบ แผน่ ใบ ชอ่ ดอก ใบยอ่ ยรปู รหี รอื
รปู ไข่ ยาว 7-16 ซม. หใู บย่อยรูปแถบ ยาว 3-5 มม. ช่อดอกยาว 8-25 ซม. ดอกเรยี ง หม,ี่ สกลุ
หนาแนน่ คล้ายช่อซรี่ ม่ ชว่ งปลายชอ่ แยกแขนงส้ัน ๆ กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 2 ซม.
ใบประดบั รปู รหี รอื รปู ไขแ่ คบ ๆ ยาว 3-5 มม. รว่ งเรว็ ใบประดบั ยอ่ ยรปู ขอบขนาน Daphniphyllum Blume
แกมรปู ไข่ ยาว 0.6-1.8 ซม. ติดทน กลบี เลี้ยงมขี นละเอียดและขนคนั กระจาย วงศ์ Daphniphyllaceae
หลอดกลบี ยาว 0.8-1 ซม. กวา้ ง 1-1.5 ซม. แฉกรปู สามเหลยี่ ม ยาว 1-3 มม. ดอกสขี าว
มีสเี ขยี วอมเหลืองหรอื ชมพแู ซม กลีบกลางสว่ นมากยาว 2.5-3 ซม. กลบี ปีกยาว ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ แยกเพศตา่ งตน้ ไมม่ หี ใู บ ใบเรยี งเวยี น สว่ นมากเรยี งหนาแนน่
2.8-4 ซม. กลบี ค่ลู ่างยาวเทา่ ๆ กลบี ปีก ฝักแบน รปู ขอบขนาน เบ้ียว ยาว 7-18 ซม. ทป่ี ลายกงิ่ แผน่ ใบคอ่ นขา้ งหนา ดา้ นลา่ งมกั มนี วล ขอบใบเรยี บ กา้ นใบสว่ นมาก
หนาประมาณ 5 มม. ขอบเปน็ สนั คล้ายปีกทั้งสองด้าน กว้าง 0.5-1 ซม. ผวิ มีขนและ มสี แี ดงเรอ่ื ๆ ช่อดอกแบบชอ่ กระจะออกตามซอกใบ มใี บประดบั จำ� นวนมากท่ี
ขนคันแข็งกระจาย ฝกั แก่เกลย้ี ง ผวิ มีลายเส้นละเอียด มี 1-4 เมล็ด รปู รี ยาว 2-3 ซม. โคนช่อ ใบประดบั ย่อย 1 ใบ ตดิ ทโี่ คนกา้ นดอก ไมม่ ีกลีบเลย้ี งหรอื มี 3-6 กลบี
ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผมู้ ี 5-14 อนั อบั เรณแู ตกตามยาว ไมม่ เี กสรเพศเมยี ทเ่ี ปน็ หมนั
พบทอี่ นิ เดยี ไหห่ นาน ไตห้ วนั พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี ในดอกเพศผู้ รังไข่มี 2 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมด็ ก้านเกสรเพศเมยี สั้น แยก 2 แฉก
และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยสว่ นมากพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ ตดิ ทน บางครงั้ มเี กสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี ผลผนงั ชน้ั ในแขง็ สว่ นมาก
ตามชายฝ่ังทะเล ทลี่ ุ่มมีน�ำ้ ขัง และรมิ แม่น้ำ� ความสูงระดับต�่ำ ๆ แยกเป็นชนิดยอ่ ย มีเมลด็ เดยี ว
subsp. plurisemina Verdc. ผลเรยี วแคบกวา่ มี 5-6 เมลด็ พบเฉพาะทฟี่ ลิ ปิ ปนิ ส์
และนวิ กินี
หมามยุ่ ลาย
Mucuna stenoplax Wilmot-Dear
ไม้เถา มีขนกระจายตามกิง่ กิง่ แกม่ ชี อ่ งอากาศ ใบยอ่ ยรปู รี ยาว 9-11 ซม.
ชอ่ ดอกยาว 2-7 ซม. กา้ นดอกยาว 1.5-2 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู ไข่ ยาวประมาณ
1.2 ซม. ติดทน กลบี เล้ยี งกวา้ งประมาณ 1.4 ซม. ยาวประมาณ 8 มม. มขี นคนั
หนาแนน่ กลบี ลา่ งรปู ใบหอก ยาว 7-8 มม. กลบี คขู่ า้ งรปู ขอบขนาน ยาว 4-5 มม.
ดอกสีม่วง กลบี กลางยาวประมาณ 3 ซม. กลีบปกี ยาวประมาณ 4.5 ซม. กลีบคลู่ า่ ง
ยาวเท่า ๆ กลีบปีก ฝกั แบน รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 5-9 ซม. หนาประมาณ
1 ซม. มี 2 เมลด็ ขอบเวา้ เป็นสันคลา้ ยปีกทงั้ สองดา้ น กวา้ ง 3-4 มม. มรี ้วิ เปน็ สนั
ไมเ่ ปน็ ระเบยี บตามขวาง 12-15 รว้ิ เรยี งจรดกนั ประมาณกง่ึ กลางฝกั มขี นคนั แขง็
เมล็ดสีดำ� รปู รี ยาว 2-2.4 ซม.
พบทคี่ าบสมุทรมลายู และภาคใตข้ องไทยทต่ี รัง ยะลา สตลู ข้ึนตามชายปา่ ดิบช้นื
ความสงู ประมาณ 150 เมตร
หมามยุ่ ใหญ่
Mucuna monosperma DC. ex Wight
ไมเ้ ถา มขี นคนั กระจายตามกงิ่ กา้ นใบ ชอ่ ดอก ใบยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 7-15 ซม.
ชอ่ ดอกยาว 3-6 ซม. ดอกออกเปน็ กระจกุ ตามกา้ นชอ่ 2-5 กระจกุ กา้ นดอกยาว
0.6-1 ซม. ใบประดบั รปู แถบ ยาว 1.5-3 ซม. กลบี เลย้ี งมขี นคนั หนาแน่น หลอดกลบี
กว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 7 มม. ปลายแยกเป็นแฉกกว้าง กลีบล่างยาว
ประมาณ 4.5 ซม. กลบี คขู่ ้างยาวประมาณ 2 มม. ใบประดับย่อยรูปแถบ ยาว
1.5-3 ซม. ร่วงเร็ว ดอกสมี ว่ ง มขี นทีโ่ คนกลบี กลบี กลางยาวประมาณ 2.5 ซม.
กลีบปีกยาว 4-4.5 ซม. กลีบคลู่ า่ งยาวเท่า ๆ กลีบปกี ฝกั แบน รูปรี ยาว 3.5-7.5 ซม.
หนาได้ถงึ 2 ซม. ขอบเว้าเป็นสนั คล้ายปีกทงั้ สองด้าน กวา้ งประมาณ 5 มม. มรี วิ้ เปน็ สัน
เรียงไม่เป็นระเบียบตามขวาง 5-6 รวิ้ สงู 3-5 มม. มขี นคันแขง็ ยาว ส่วนมากมี
เมลด็ เดยี ว สนี ้�ำตาลแดง รปู รี ยาวประมาณ 3 ซม.
พบทศ่ี รลี งั กา อนิ เดยี และพมา่ ในไทยพบเฉพาะทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทต่ี าก
กำ� แพงเพชร ภาคตะวันตกเฉยี งใต้ท่อี ทุ ัยธานี เพชรบรุ ี ประจวบคีรขี ันธ์ และภาคใต้
ท่กี ระบ่ี ขนึ้ ตามชายปา่ ดิบแล้ง และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร
457
หมี่ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
สกุล Daphniphyllum เป็นสกลุ เดยี วของวงศ์ มปี ระมาณ 25 ชนิด พบในอินเดีย หยั่งสมุทร
ศรลี งั กา จนี ไต้หวัน ญ่ปี นุ่ เกาหลี ภูมภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย นิวกนิ ี ออสเตรเลีย
พบมากในเอเชยี ตะวนั ออก ในไทยมี 4 ชนิด มีหลายชนิดนิยมปลูกเปน็ ไม้ประดบั Amalocalyx microlobus Pierre ex Spire
ในจนี และญ่ีปุ่น ช่อื สกุลหมายถงึ คลา้ ยกบั สกุล Daphne ในวงศ์ Thymelaeaceae วงศ์ Apocynaceae
หม่ี ไมเ้ ถา นำ้� ยางสขี าว กงิ่ มขี นสน้ั นมุ่ และขนสาก กงิ่ แกเ่ กลยี้ ง เปน็ คอรก์ ใบเรยี ง
ตรงขา้ ม รูปไขก่ ลบั ยาว 3.5-24 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง แผ่นใบมี
Daphniphyllum pierrei Hance ขนละเอยี ดท้ังสองดา้ น ก้านใบยาว 0.8-4 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก ยาว 9-25 ซม.
ดอกหนาแนน่ ชว่ งปลายชอ่ กลบี เลย้ี งรปู รหี รอื รปู แถบ ยาว 0.5-1 ซม. มตี อ่ มทโี่ คน
ช่ือพ้อง Daphniphyllum majus Müll. Arg. var. pierrei (Hance) T. C. Huang ดา้ นใน ด้านนอกมีขนสั้นน่มุ ดอกรูปแตร สีขาวอมม่วงหรอื ชมพู ด้านในมสี ีเขม้
เรยี งซอ้ นทบั ดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ดอกยาว 2-3 ซม. มี 5 กลบี รปู รกี วา้ ง
ไมพ้ ุม่ สงู ได้ถงึ 3 ม. ใบรปู รี รูปขอบขนาน แกมรปู ไขห่ รือรูปไข่กลับ ยาว 9-25 ซม. ยาว 3-6 มม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ใตก้ งึ่ กลางหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณสู นั้ มาก
ปลายแหลมหรือมน มตี งิ่ แหลมสน้ั ๆ โคนรปู ลิม่ มักเบีย้ ว กา้ นใบยาว 1-6 ซม. อบั เรณูยาว 5-6 มม. จานฐานดอกเปน็ วง สูงกวา่ รังไข่ มี 2 คารเ์ พล ปลายเชื่อมตดิ กนั
ชอ่ ดอกยาว 3-5 ซม. ดอกเพศผ้คู ลา้ ยดอกเพศเมยี ดอกเพศผูก้ ้านดอกยาว 1-2.5 ซม. เปน็ กา้ นเกสรเพศเมียยาว 1.5-2.2 ซม. รวมยอดเกสร ผลแตกแนวเดยี วออกเปน็ คู่
ในดอกเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. กลบี เลย้ี ง 3-5 กลบี รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาวประมาณ โคนและปลายเชอ่ื มตดิ กนั ยาว 6-9 ซม. แตล่ ะฝกั กวา้ ง 1.6-1.8 ซม. ผนงั ผลเปน็ คอรก์
2 มม. ติดทน เกสรเพศผ้มู ีประมาณ 12 อนั ปลายเช่อื มตดิ กัน กา้ นเกสรเพศเมยี สั้น เป็นสนั มีขนสั้นนมุ่ เมลด็ ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมกี ระจุกขนยาวประมาณ 4 ซม.
ผลรปู รี ยาว 1-1.2 ซม. สุกสดี ำ� ผลแหง้ มปี มุ่ ขรุขระ
พบที่จีนตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอินโดจีน ในไทยพบกระจายทัว่ ไป ยกเว้น
พบทภ่ี มู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคตะวนั ออกทอี่ บุ ลราชธานี ภาคใต้ ขึ้นตามชายปา่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั ปา่ ดบิ แล้ง หรือบนเขาหนิ ปนู ความสูง
และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทนี่ ครพนม ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ความสงู 100-200 เมตร 100-1300 เมตร
หมีล่ กู แดง สกลุ Amalocalyx Pierre มชี นดิ เดยี ว ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “amalos” นมุ่
และ “kalyx” กลบี เลี้ยง ตามลักษณะของกลีบเลยี้ งท่มี ขี นสนั้ นุม่
Daphniphyllum beddomei Craib เอกสารอ้างอิง
Li, B., A.J.M. Leeuwenberg and D.J. Middleton. (1995). Apocynaceae. In Flora
ชื่อพอ้ ง Daphniphyllum glaucescens Blume subsp. beddomei (Craib) T. C.
Huang of China Vol. 16: 172
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 126-127.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 10 ม. ใบรปู รีหรือรูปขอบขนาน ยาว 8-20 ซม. บางครง้ั
เรียวโค้ง ปลายแหลมหรือยาวคลา้ ยหาง โคนรูปลม่ิ ก้านใบยาวไดถ้ งึ 4 ซม. ชอ่ ดอก หย่งั สมทุ ร: ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ดอกหนาแน่นชว่ งปลายช่อ ดอกรปู แตร มสี เี ข้มด้านใน ผลเป็นฝกั แตกแนวเดยี ว
ยาวได้ถึง 6 ซม. ดอกเพศผู้คล้ายดอกเพศเมยี ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม. ขยายในผล ออกเป็นคู่ โคนและปลายเชือ่ มตดิ กนั (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK)
ยาวไดถ้ งึ 1.6 ซม. กลีบเลย้ี ง 4-5 กลบี ยาวประมาณ 1 มม. รว่ งเร็ว เกสรเพศผู้
8-10 อัน แยกกัน ปลายอบั เรณเู ป็นตงิ่ แหลม ในดอกเพศเมีย ก้านเกสรเพศเมยี หยาดนภา
ปลายมว้ น มเี กสรเพศผทู้ ่ีเป็นหมัน รว่ งง่าย ผลรูปรี ยาวประมาณ 1.5 ซม. สกุ สีแดง
ผลแห้งมปี ่มุ ขรขุ ระ Onosma burmanica Collett & Hemsl.
วงศ์ Boraginaceae
พบทพี่ มา่ กัมพชู า และเวียดนาม ในไทยพบทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ออก
และภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ ข้นึ ตามปา่ ดิบเขา ความสงู 800-1000 เมตร ไมล้ ม้ ลุก อาจสงู ได้มากกวา่ 1 ม. มีขนยาวหนาแนน่ ตามก่งิ อ่อน ช่อดอก และ
กลบี เล้ยี ง ใบทโ่ี คนตน้ จ�ำนวนมาก แห้งตดิ ทน ใบรูปใบหอก ยาว 6-11 ซม. แผ่นใบ
เอกสารอ้างอิง ดา้ นบนมขี นสาก ดา้ นลา่ งมขี นแบบใยไหม ใบบนลำ� ตน้ ยาว 3-7 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
Harwood, B. (2011). Daphniphyllaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(1): 4-7. ช่อกระจุกแยกแขนง ออกหนาแนน่ ช่วงปลายก่ิง ยาว 10-30 ซม. ช่อกระจกุ ยอ่ ย
Min, T. and K. Kubitzki. (2008). Daphniphyllaceae. In Flora of China Vol. 11: 315. แบบชอ่ ปลายม้วน ยาว 3-5 ซม. กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกจ�ำนวนอย่างละ 5 กลบี
กลบี เลย้ี งแยกจรดโคน รูปแถบ ยาว 0.8-1 ซม. ดอกรปู กรวยคว่ำ� สีขาวเปลยี่ นเป็น
หม่:ี ใบเรยี งหนาแน่นท่ีปลายก่ิง ปลายแหลมหรือมน มีต่ิงแหลมสน้ั ๆ กา้ นใบสแี ดงเรอื่ ๆ (ภาพ: นครพนม - PK) สีนำ้� ตาลอ่อน กวา้ ง 5-7 มม. ยาว 1-1.3 ซม. ด้านในมีขนอยุ เรียงเป็นรูปแถบ
สนั้ ๆ ใกล้โคนกลีบ ตอ่ มนำ�้ ต้อยจักเปน็ พูขนาดเลก็ มีขนอุย เกสรเพศผู้ 5 อนั
หมีล่ ูกแดง: ใบเรียงหนาแน่นท่ีปลายก่ิง เรยี วโค้ง ปลายแหลมหรือยาวคล้ายหาง ผลสกุ สแี ดง (ภาพ: เขาคิชฌกฏู ยนื่ เลยหลอดกลบี มีขน อบั เรณเู รยี งติดกันเป็นหลอด ก้านเกสรเพศเมียเกล้ยี ง
จนั ทบรุ ี - PPh) ยอดเกสรเป็นตุม่ ผลยอ่ ยแเบบเปลอื กแข็งเมลด็ ลอ่ นมี 4 ผล รูปสามเหลีย่ มแกมรูปไข่
ยาวประมาณ 3-3.5 ซม. สนี �้ำตาล มีตุม่ กระจาย
458
พบทพ่ี มา่ และภาคเหนอื ตอนลา่ งของไทยทดี่ อยหวั หมด จงั หวดั ตาก ขน้ึ ตาม
ท่โี ลง่ บนเขาหินปนู ความสูง 900-1000 เมตร
สกุล Onosma L. มปี ระมาณ 145 ชนดิ พบในแถบประเทศตะวันออกกลาง
อินเดีย ทิเบต จนี และพมา่ ในไทยมีชนิดเดยี ว ชอ่ื สกุลเปน็ ภาษากรีกที่ใช้เรียก
ชนิด O. echioides L. หรอื stone bugloss
เอกสารอ้างอิง
Zhu, G., H. Riedl and R.V. Kamelin. (1995). Boraginaceae. In Flora of China
Vol. 16: 348.
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย หยาดสะอาง
หยาดนภา: ถิ่นทอี่ ย่ตู ามท่ีโลง่ บนเขาหนิ ปนู ใบที่โคนตน้ แห้งตดิ ทน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ชอ่ กระจกุ ย่อย หยาดมว่ ง
แบบชอ่ ปลายม้วน ดอกรปู กรวยคว�่ำ อับเรณเู รียงติดกันเปน็ หลอด (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK)
Microchirita rupestris (Ridl.) A. Weber & D. J. Middleton
หยาดเนตร, สกลุ
ชือ่ พ้อง Chirita rupestris Ridl.
Microchirita (C. B. Clarke) Yin Z. Wang
วงศ์ Gesneriaceae ไมล้ ้มลุก สงู ได้ถึง 35 ซม. ส่วนมากมีขนยาวตามลำ� ตน้ ก้านใบ แผ่นใบทั้งสองด้าน
ใบประดบั ช่อดอก กา้ นดอก กลีบเลี้ยงและกลบี ดอกด้านนอก ใบช่วงโคนต้นมัก
ไม้ลม้ ลกุ ใบเรียงเวียนรอบข้อหรอื เรยี งตรงข้าม ช่อดอกแบบช่อกระจกุ หรอื ออกเดี่ยว ๆ ใบช่วงปลายก่งิ เรยี งตรงขา้ ม รูปไข่ ยาว 2-12 ซม. ปลายแหลมยาว
คลา้ ยชอ่ ซรี่ ม่ ออกตามซอกใบ สว่ นมากเชอื่ มตดิ กา้ นใบ กลบี เลย้ี งแยกจรดโคน โคนแหลม กลม หรอื เวา้ ตน้ื ขอบเรยี บหรอื จกั ฟนั เลอื่ ย เสน้ แขนงใบขา้ งละ 7-12 เสน้
มี 5 กลบี ติดทน ดอกสมมาตรดา้ นข้าง รูปแตรหรือรปู ระฆงั หลอดกลีบโค้งงอ กา้ นใบยาว 1-8 ซม. ช่อดอกออกตามซอกใบ มี 1-3 ชอ่ ก้านช่อยาว 0.4-4 ซม.
กลีบบน 2 กลบี กลีบล่าง 3 กลบี เกสรเพศผู้ทีส่ มบูรณ์ 2 อนั ติดช่วงโคนภายใน ใบประดบั มี 2 ใบ เรยี งตรงขา้ ม เชื่อมติดกนั รปู ถว้ ย ยาวได้ถงึ 2.5 ซม. แตล่ ะช่อ
หลอดกลบี ดอก ปลายแกนอบั เรณมู รี ยางค์ เชอื่ มตดิ กนั เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 2 อนั มีได้ถึง 7 ดอก ก้านดอกยาว 0.2-1.5 ซม. กลีบเลย้ี งรปู ใบหอก ยาวได้ถึง 8 มม.
จานฐานดอกเปน็ วง รงั ไขส่ ว่ นมากมชี อ่ งเดยี ว พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ 2 แนว ดอกรูปแตร สมี ว่ ง ยาว 1.5-2 ซม. ปากหลอดกลบี กวา้ งประมาณ 7 มม. ดา้ นในสีขาว
ยอดเกสรสว่ นมากจกั 2 พู ผลแหง้ แตกตามยาวจรดโคน เมลด็ ขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก รงั ไข่มีขนประปราย ผลยาวไดถ้ งึ 8 ซม.
สกุล Microchirita เดิมเคยอยู่ภายใต้สกุล Chirita sect. Microchirita มีประมาณ พบท่ีคาบสมุทรมลายู ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทางภาคเหนือท่ีเชียงใหม่
25 ชนดิ พบที่จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยมี 16 ชนิด ชื่อสกุล ลำ� ปาง ตาก ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี และภาคใตท้ ตี่ รงั ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู
หมายถงึ คลา้ ยพชื ในสกุล Chirita ท่มี ีขนาดเลก็ ความสงู 100-500 เมตร
หยาดเนตร หยาดสะอาง
Microchirita bimaculata (D. Wood) A. Weber & D. J. Middleton Microchirita tubulosa (Craib) A. Weber & D. J. Middleton
ชอื่ พ้อง Chirita bimaculata D. Wood ชอ่ื พอ้ ง Chirita tubulosa Craib
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. ลำ� ตน้ เกลย้ี งหรอื มขี น มขี นยาวตามแผน่ ใบทงั้ สองดา้ น ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 40 ซม. มขี นยาวหนาแนน่ ตามล�ำตน้ แผน่ ใบทง้ั สองดา้ น ชอ่ ดอก
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกด้านนอก ใบรูปไข่ ปลายแหลมยาว โคนตัดหรือเว้าต้ืน กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก ใบชว่ งโคนตน้ ออกเดยี่ ว ๆ ชว่ งปลายออกตรงขา้ ม
ใบชว่ งโคนตน้ ออกเดยี่ ว ๆ ขนาดใหญ่ ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ใบชว่ งปลายกง่ิ เรยี งตรงขา้ ม รูปรี ยาว 5.5-19 ซม. ปลายแหลมยาว โคนสอบเรยี ว ห่อชอ่ ดอก เสน้ แขนงใบข้างละ
ยาว 3-15 ซม. เสน้ แขนงใบจ�ำนวนมาก กา้ นใบยาว 0.5-3 ซม. ช่อดอกเชอื่ มติด 10-19 เสน้ กา้ นใบยาว 0.6-3 ซม. ช่อดอกเชอื่ มติดกา้ นดอก 1-1.5 ซม. มี 1-10 ดอก
ก้านใบ 0.5-1.5 ซม. มไี ดถ้ ึง 15 ดอก ออกเด่ยี ว ๆ หรอื เปน็ คู่ เรียงเปน็ แผงดา้ นเดยี ว ออกเด่ียว ๆ หรือเป็นคู่ เรยี งเปน็ แผงดา้ นเดยี ว ก้านดอกยาว 0.5-3 ซม. กลบี เล้ยี ง
ก้านดอกยาว 0.3-1 ซม. กลีบเล้ียงรปู ใบหอก ยาวประมาณ 5 มม. ดอกรปู แตร รปู ใบหอก ยาวได้ถึง 1 ซม. ดอกรูปแตร สีขาว ยาว 2.5-3 ซม. ปากหลอดกลีบกวา้ ง
สเี หลือง ยาว 1.6-2 ซม. ปากหลอดกลบี ดอกกวา้ งประมาณ 8 มม. ปากกลีบล่าง ประมาณ 1 ซม. ปากกลบี ลา่ งดา้ นในมปี น้ื สเี หลอื งเปน็ แนวยาวจรดโคนหลอดกลบี
ดา้ นในมีปืน้ กลมสนี ้�ำตาลอมแดง รังไข่เกล้ียง ผลโคง้ ยาว 2.5-3.5 ซม. บางครง้ั มขี ีดสีม่วงอมแดงขนาบข้าง รงั ไข่มขี นทปี่ ลาย ผลยาวประมาณ 4 ซม.
พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคเหนือที่ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ และ พชื ถนิ่ เดียวของไทย พบทางภาคเหนอื ตอนล่างทนี่ ครสวรรค์ และภาคกลาง
ดอยเชียงดาว จังหวดั เชยี งใหม่ และทงุ่ แสลงหลวง จังหวดั พิษณุโลก ขึ้นเกาะตาม ที่ลพบรุ ีและสระบุรี ข้ึนตามเขาหินปนู เต้ยี ๆ ความสูง 50-300 เมตร
โขดหนิ ในปา่ ดบิ แล้ง ความสงู 500-1100 เมตร
เอกสารอ้างองิ
หยาดเนตร Burtt, B.L. (2001). Flora of Thailand: annotated checklist of Gesneriaceae
(Chirita). Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 86-89.
Microchirita oculata (Craib) A. Weber & D. J. Middleton Weber, A., D.J. Middleton, A. Forrest, R. Kiew, C.L. Lim, A.R. Rafidah, S. Sontag,
P. Triboun, Y.G. Wei, T.L. Yao and M. Möller. (2011). Molecular systematics
ชอ่ื พ้อง Chirita oculata Craib and remodelling of Chirita and associated genera (Gesneriaceae). Taxon
60(3): 767-790.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 35 ซม. มขี นยาวตามล�ำตน้ แผน่ ใบทง้ั สองดา้ น กา้ นใบ ชอ่ ดอก Wood, D. (1974). A revision of Chirita (Gesneriaceae). Notes from the Royal
กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก ใบชว่ งโคนตน้ ออกเดยี่ ว ๆ ชว่ งปลายออกตรงขา้ ม Botanic Garden Edinburgh 33(1): 123-205.
รูปไข่ ปลายแหลมยาว โคนตดั หรอื เว้าตื้น ยาว 3-16 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ล่มิ
มน หรอื เว้าตืน้ เสน้ แขนงใบข้างละ 8-12 เสน้ ก้านใบยาว 0.5-1.5 ซม. ชอ่ ดอก หยาดเนตร: M. bimaculata ใบชว่ งโคนต้นออกเดี่ยว ๆ ขนาดใหญ่ ใบช่วงปลายกงิ่ เรยี งตรงข้าม เส้นแขนงใบ
เชือ่ มตดิ ก้านดอก 0.5-1 ซม. มีไดถ้ งึ 10 ดอก กา้ นดอกยาว 0.1-1 ซม. กลบี เลย้ี ง จ�ำนวนมาก ดอกสีเหลือง ปากกลบี ล่างด้านในมปี ืน้ กลมสีนำ�้ ตาลอมแดง (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - PK)
รูปใบหอก ยาว 1-1.3 ซม. ดอกรูปแตร สีเหลือง ยาว 1.5-2 ซม. หลอดกลีบดอก
สขี าว ปากหลอดกลบี กวา้ งประมาณ 4 มม. รอบปากหลอดกลบี ดา้ นในมปี น้ื กลม หยาดเนตร: M. oculata มขี นยาวกระจาย ดอกสีเหลอื ง หลอดกลบี สีขาว รอบปากหลอดกลบี ดา้ นในมีปื้นกลม
สีน�้ำตาลอมแดง รังไข่มีขนที่ปลาย ผลยาวประมาณ 1.2 ซม. มีขนหนาแนน่ สีนำ้� ตาลอมแดง (ภาพ: สระแกว้ - DM)
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ส่ี ระแกว้ ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู 459
เตย้ี ๆ ความสูงประมาณ 100 เมตร
หลุมพอทะเล สารานุกรมพชื ในประเทศไทย
หยาดม่วง: มขี นยาวกระจาย กา้ นใบยาว ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ มี 1-3 ช่อ ใบประดบั เชื่อมตดิ กันรปู ถ้วย ดอกสีม่วง หลมุ พอทะเล: ใบประกอบปลายคู่ กลบี เลีย้ ง 4 กลีบ 2 คู่ขนาดไม่เทา่ กัน ดอกสีขาว เปลี่ยนเปน็ สีชมพูหรอื สแี ดง มี
(ภาพ: แมอ่ อน เชยี งใหม่ - RP) กลบี เดยี ว ฝกั แหง้ แตกเปน็ 2 ซีก (ภาพซา้ ยบนและภาพขวา: จันทบรุ ี - PK; ภาพซ้ายล่าง: ระนอง - RP)
หยาดสะอาง: มีขนยาวหนาแนน่ ท่ัวไป โคนใบสอบเรียวหอ่ ชอ่ ดอก ดอกสีขาว ปากกลีบลา่ งดา้ นในมีปืน้ สเี หลอื ง ห้วยชนิ สีแดง
เป็นแนวยาวจรดโคนหลอดกลีบ (ภาพ: สระบรุ ี - RP)
Rotala rotundifolia (Buch.-Ham. ex Roxb.) Koehne
หลุมพอทะเล วงศ์ Lythraceae
Intsia bijuga (Colebr.) Kuntze ชอ่ื พอ้ ง Ammannia rotundifolia Buch.-Ham. ex Roxb.
วงศ์ Fabaceae
ไมล้ ม้ ลกุ ทอดเลอื้ ยหรอื ขน้ึ ในนำ�้ สงู ไดถ้ งึ 40 ซม. แตกกอหนาแนน่ ลำ� ตน้ อวบนำ�้
ชอ่ื พ้อง Macrolobium bijugum Colebr. สเี ขยี วหรอื แดง ชว่ งปลายลำ� ตน้ มกั เปน็ เหลย่ี ม ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก สว่ นมาก
รูปกลมหรอื รูปไขก่ ลับ กวา้ งได้ถึง 2.5 ซม. ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. แผน่ ใบด้านลา่ งสีแดง
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 40 ม. พพู อนสงู ไดป้ ระมาณ 2 ม. หใู บเชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน ใบประกอบ หรอื อมม่วง ก้านใบส้ันมากหรือไร้ก้าน ใบประดบั รปู ไข่ ยาว 1-4 มม. ใบประดบั ย่อย
ปลายคู่ ใบยอ่ ยมี 2-3 คู่ แกนกลางยาว 2-5 ซม. กา้ นใบประกอบยาว 1.5-4 ซม. รูปแถบขนาดเล็ก ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกท่ียอด ดอกจ�ำนวนมาก ไร้ก้าน
ใบยอ่ ยรูปไข่หรอื รปู ไข่กลบั เบยี้ ว ยาว 5-18 ซม. ปลายมน กลม หรือเว้าตนื้ ๆ แตล่ ะใบประดบั มดี อกเดยี ว กลบี เลยี้ งรปู ระฆงั หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 1 มม.
โคนกลม แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นประปรายใกลโ้ คนใบ กา้ นใบยอ่ ยยาว 2-8 มม. ชอ่ ดอก มรี ้วิ คล้ายเส้นกลบี มี 4 กลบี รูปสามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสชี มพู มี 4 กลีบ
แบบช่อกระจะ บางครั้งแยกแขนง ชอ่ ยาว 5-8 ซม. กา้ นช่อยาวประมาณ 1 ซม. รปู ไข่กลบั กว้าง ยาว 2-3 มม. มกี า้ นส้นั ๆ เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ใกลโ้ คนหลอดกลีบเลยี้ ง
ฐานดอกยาวเท่า ๆ กลีบเล้ยี ง กลีบเล้ยี ง 4 กลบี สเี ขยี ว รปู รีกว้าง 2 คู่ขนาดไม่เท่ากัน ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี เล้ียง รังไข่มี 4 ช่อง ก้านเกสรเพศเมยี ส้นั ยอดเกสรรปู ก้นปิด
ยาว 0.8-1 ซม. ดอกสขี าว เปลย่ี นเปน็ สชี มพหู รอื สแี ดง มกี ลบี เดยี ว รปู กลมกวา้ ง ผลแหง้ แตกเปน็ 4 ซีก เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 1.5 มม. มหี ลายเมลด็
กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 0.7-1 ซม. กา้ นกลบี ยาวประมาณ 5 มม. เกสรเพศผทู้ ่ี
สมบรู ณ์มี 3 อัน ยาวประมาณ 3 ซม. อบั เรณูตดิ ด้านหลัง เกสรเพศผูท้ ีเ่ ป็นหมนั พบที่อนิ เดยี บังกลาเทศ เนปาล จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ญปี่ ่นุ พมา่ และภมู ิภาค
มี 4-7 อนั ยาวประมาณ 1 ซม. กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน มขี นสนั้ นมุ่ รงั ไข่ อินโดจีน ในไทยพบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกที่ชัยภูมิ ข้ึนตามทุ่งหญ้า
มีก้านสัน้ ๆ มขี นส้นั นมุ่ ก้านเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เกสรเพศผู้ ฝักรปู ขอบขนาน แหล่งน้�ำซับในป่าเต็งรังหรือป่าสนเขา ความสูง 500-1300 เมตร ต้นและใบมี
หรอื รปู ใบหอก ยาว 8.8-25 ซม. แห้งแตกเป็น 2 ซกี มไี ด้ถึง 8 เมลด็ กลม แบน ๆ สรรพคณุ แกไ้ ข้ แก้ไอ
เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3.5 ซม.
สกุล Rotala L. มปี ระมาณ 45 ชนดิ พบทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในไทย
พบท่ีมาดากัสการ์ อินเดยี พม่า กัมพูชา เวียดนามตอนใต้ ภมู ิภาคมาเลเซีย มี 6 ชนดิ บางครง้ั พบเป็นไม้ประดบั ในตปู้ ลา ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรีก “rotalis”
และออสเตรเลยี ตอนบน ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตาม ล้อ ตามลกั ษณะใบที่เรยี งเวยี นดูคล้ายกงลอ้ ในบางชนดิ
ป่าดิบชื้นใกล้ชายฝง่ั ทะเล ป่าพรุ หรือป่าโกงกาง ความสูงถึงประมาณ 600 เมตร เอกสารอา้ งอิง
เปลอื กเปน็ ยาสมานแกท้ ้องเสยี ผลเป็นยาระบาย เมล็ดมีพิษ de Wilde, W.J.J.O., B.E.E. Duyfjes and P. Phonsena. (2014). Lythraceae. In
สกลุ Intsia Thouars อยภู่ ายใต้วงศย์ อ่ ย Caesalpinioideae เผา่ Detarieae มี Flora of Thailand Vol. 11(4): 586-593.
6-7 ชนิด พบท่ีมาดากสั การ์ อินเดยี ภมู ภิ าคมาเลเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะ
แปซิฟกิ ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนดิ คอื หลุมพอ I. palembanica Miq. มีพพู อน หว้ ยชินสแี ดง: ลำ� ตน้ อวบนำ้� ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตง้ั ฉาก ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกท่ยี อด ดอกสชี มพู มี 4 กลีบ
ขนาดใหญ่ ใบย่อยมี 4 คู่ ฐานดอกสนั้ กวา่ กลบี เลี้ยง และกลีบดอกขนาดเลก็ กว่า รปู ไขก่ ลับกว้าง (ภาพ: ขนุ วาง เชยี งใหม่; ภาพซา้ ย - PK, ภาพขวา - RP)
หลุมพอทะเล ฝกั ยาว 15-40 ซม. ถิ่นทีอ่ ยู่ในปา่ ดิบชน้ื ชอื่ สกลุ เปน็ ภาษามาเลย์
ทใี่ ชเ้ รียก Acacia intsia (L.) Willd. หว้า, สกลุ
เอกสารอ้างอิง
Hou, D. (1994). Studies in Malesian Caesalpinioideae (Leguminosae) I. the Syzygium Gaertn.
วงศ์ Myrtaceae
genera Acrocarpus, Afzelia, Copaifera and Intsia. Blumea 38: 313-330.
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ลม้ ลุก ใบสว่ นมากเรยี งตรงขา้ ม มีเส้นขอบในข้างละ 1-3 เสน้
หรอื ไมม่ ี ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงหรอื แบบชอ่ กระจะ ใบประดบั ขนาดเลก็
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 124-126. รว่ งเรว็ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกอยา่ งละ 4-5 กลบี ฐานดอกรปู ถว้ ย รปู กรวย หรอื
460
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย หอ่ ข้าวสดี า
รปู ทรงกระบอก สว่ นมากมกี า้ นดอกเทยี ม กลบี เลยี้ งตดิ ทน กลบี ดอกแยกจรดโคน หวายลิง
ร่วงเร็ว เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก แยกกัน ตดิ ตามขอบฐานดอก รังไข่ใต้วงกลีบ มี
2-5 ช่อง กา้ นเกสรเพศเมียเรยี วยาว ส่วนมากยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ผลสด มหี น่ึง Flagellaria indica L.
หรอื หลายเมลด็ วงศ์ Flagellariaceae
สกุล Syzygium อย่ภู ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Myrtoideae มีประมาณ 1000 ชนิด พบใน ไม้เถาล้มลุก เหง้าเจรญิ ดา้ นข้าง ลำ� ตน้ เกลี้ยง แขง็ ยาวได้ถงึ 20 ม. ใบเรียง
แอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลยี ลกั ษณะสำ�คญั ในการจ�ำ แนกชนดิ คือ ฐานดอก สลบั ระนาบเดยี ว รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาวไดถ้ งึ 50 ซม. ปลายมว้ นเปน็ มอื เกาะ
กา้ นดอกเทยี ม และเส้นขอบในของแผน่ ใบ ในไทยมปี ระมาณ 85 ชนดิ ชื่อสกลุ มว้ นงอ โคนกลมหรอื เวา้ ตน้ื มกี า้ นใบเทยี ม ยาว 3-8 มม. โคนเปน็ กาบรปู หลอด
มาจากภาษากรีก “syzygos” เป็นคู่ หรือเชอื่ มตดิ กัน ตามลักษณะท่ีใบเรียงตรงขา้ ม ยาว 1-7 ซม. มรี ้วิ ตามยาว ชอ่ ดอกแยกแขนง ออกท่ปี ลายกิ่ง ยาวได้ถงึ 30 ซม.
ใบประดับรูปรีกวา้ ง สน้ั ดอกไร้กา้ น กลีบรวมสีขาว มี 6 กลบี เรียง 2 วง กลบี รปู ไข่
หวา้ บาง กลบี วงในใหญก่ วา่ วงนอกเล็กน้อย ยาว 2-3 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน เรยี ง 2 วง
ยาวกวา่ กลบี ดอก อบั เรณตู ดิ ทฐี่ าน แตกตามยาว โคนรปู เงย่ี งลกู ศร รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง
Syzygium cumini (L.) Skeels เรยี วแคบ แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว พลาเซนตารอบแกนรว่ ม กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั
ยอดเกสรแยก 3 แฉก รูปกระบองแคบ ๆ ผลผนังชน้ั ในแขง็ เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง
ชอ่ื พ้อง Myrtus cumini L. 4-6 มม. ผนงั ชัน้ นอกบาง ผลแก่สีแดงอมชมพู สว่ นมากมเี มลด็ เดยี ว
ไม้ต้น สงู ไดถ้ งึ 35 ม. ใบรูปรหี รอื รปู ไข่ ยาว 8-13.5 ซม. ปลายแหลม มน หรือ พบในแอฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ ไหห่ นาน ญปี่ นุ่ พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม
กลม โคนรูปลมิ่ กวา้ ง แผ่นใบหนา มีเสน้ ขอบใน 1 เสน้ เส้นแขนงใบจ�ำนวนมาก ภมู ภิ าคมาเลเซยี นวิ กนิ ี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยสว่ นมาก
กา้ นใบยาว 0.5-2.8 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนง ยาวไดถ้ ึง 10 ซม. กา้ นชอ่ ส้นั พบทางภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามทลี่ มุ่ ทชี่ มุ่ ชนื้ หรอื ชายปา่ โกงกาง
ดอกจ�ำนวนมาก ไร้ก้าน ก้านดอกเทียมยาว 1-2 มม. ฐานดอกรปู ถ้วย ยาว 2.5-5 มม. มสี รรพคณุ เป็นยาขบั ปัสสาวะ และเปน็ ยาคมุ ก�ำเนิดในเพศหญงิ
กลีบเลยี้ ง 4 กลีบ รูปกลม ๆ ขนาดเลก็ กลีบดอก 4 กลีบ บาง รปู รีกวา้ งเกอื บกลม
ยาว 1.4-2.8 มม. มตี อ่ ม 5-19 ต่อม เกสรเพศผยู้ าว 3.8-6 มม. รังไขม่ ี 2 ช่อง สกลุ Flagellaria L. เป็นสกุลเดียวของวงศ์ มีประมาณ 4 ชนิด พบในแอฟรกิ า
ผลรูปรี ยาว 1-2 ซม. สกุ สีดำ� เอเชยี ออสเตรเลีย และหมเู่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยมชี นดิ เดียว ชือ่ สกลุ มาจาก
ภาษาละติน “flagellum” แส้ ตามลกั ษณะลำ�ต้น
พบที่อินเดีย ศรีลังกา เนปาล จีนตอนใต้ ไห่หนาน ภูมิภาคอินโดจีนและ เอกสารอา้ งอิง
มาเลเซยี ออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ เตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ Backer, C.A. (1951). Flagellariaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 245-250.
และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถึงประมาณ 1100 เมตร ใบ ผล และเมล็ดมสี รรพคุณเป็น Wu, G. and K. Larsen. (2000). Flagellariaceae. In Flora of China Vol. 24: 1.
ยาสมาน มีสรรพคณุ ด้านสมุนไพรหลายอยา่ ง
หวายลิง: ใบเรยี งสลบั ระนาบเดียว ปลายม้วนเปน็ มือเกาะ โคนกลมหรือเว้าตนื้ มกี า้ นใบเทยี ม ช่อดอกแยกแขนง
หว้านา ออกท่ีปลายก่งิ ดอกสีขาว ผลแก่สีแดงอมชมพู (ภาพดอก: ระนอง, ภาพผล: กระบ;ี่ - RP)
Syzygium cinereum (Kurz) Chantar. & J. Parn. หอ่ ขา้ วสดี า, สกุล
ชือ่ พอ้ ง Eugenia cinerea Kurz Platycerium Desv.
วงศ์ Polypodiaceae
ไม้ตน้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. ใบรูปไข่หรอื รูปไขก่ ลบั ยาว 7-15 ซม. ปลายมน กลม หรอื
แหลม โคนรูปลิ่ม แผ่นใบหนา เส้นแขนงใบ 6-12 เส้น เรยี งจรดกนั เป็นเส้นขอบใน เฟนิ องิ อาศยั เหงา้ หนา มรี ากและใบหมุ้ หนาแนน่ เกลด็ ขนาดใหญ่ ใบมสี องแบบ
ไมช่ ัดเจน กา้ นใบยาว 4-8 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงออกทปี่ ลายกิง่ ใบประกบต้นแนบติดที่เกาะอาศัย ตดิ ทน บางครงั้ แยกแขนง ใบแท้ออกเป็นคู่
ยาวไดถ้ งึ 8 ซม. ดอกไรก้ า้ น ไมม่ กี า้ นดอกเทยี ม ฐานดอกรปู กรวย ยาว 2-3.5 มม. แยกหรือไมแ่ ยกสองแฉก ต้งั ข้ึนหรอื ห้อยลง กลมุ่ อับสปอรเ์ รียงกระจายท่วั กาบ
กลบี เลยี้ งขนาดเลก็ มาก กลบี ดอก 4 กลบี รปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 2 มม. มตี อ่ ม มีขนกระจุกรูปดาวแทรกจ�ำนวนมาก แตล่ ะกลุม่ อับสปอร์มี 64 หรอื 8 สปอร์
หนาแน่น เกสรเพศผูย้ าว 1.5-2.5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม.
ผลกลม เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 0.6-1 ซม. ผลแกส่ ีแดง สกุล Platycerium มี 15 ชนดิ พบในแอฟรกิ า มาดากสั การ์ เอเชยี เขตรอ้ น และ
มี 1 ชนิดในอเมริกาใต้ ในไทยมี 4 ชนิด นิยมปลกู เป็นไม้ประดบั ช่อื สกลุ มาจาก
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ภาษากรกี “platys” กางออกกวา้ ง และ “keras” เขา ตามลักษณะของใบสรา้ งสปอร์
ขึ้นตามชายป่า ที่โล่งรมิ ลำ� ธาร ความสูงถึงประมาณ 1100 เมตร
ห่อขา้ วสีดา
เอกสารอ้างองิ
Chen, J. and L.A. Craven. (2007). Myrtaceae. In Flora of China Vol. 13: 321, 355. Platycerium coronarium (J. Koenig ex O. F. Müll.) Desv.
Parnell, J. and P. Chantaranothai. (2002). Myrtaceae. In Flora of Thailand Vol.
7(4): 811-911. ชอื่ พอ้ ง Osmunda coronaria J. Koenig ex O. F. Müll.
หวา้ : ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ไรก้ ้าน ฐานดอกรูปถว้ ย เกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมาก (ภาพ: พิจิตร - MP) เฟินอิงอาศยั เหงา้ สน้ั ปลายเหงา้ มเี กล็ดสีน�้ำตาลรูปรีหรอื รูปขอบขนาน ยาว
1.5-3.5 ซม. ใบไมส่ รา้ งสปอร์ตัง้ ขึน้ รปู รี ยาว 40-100 ซม. ขอบจกั เปน็ พู แยก
หวา้ นา: ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนงออกทีป่ ลายกง่ิ ดอกขนาดเล็ก ไรก้ ้าน ไม่มกี า้ นดอกเทยี ม ผลแกส่ แี ดง 2 แฉก ลกึ ประมาณ 20 ซม. แฉกยอ่ ยกว้าง ยาวประมาณ 5 ซม. ปลายแฉกกลม
(ภาพ: ศรสี งคราม นครพนม - MP) โคนใบมนกว้าง อวบน้�ำ เส้นแขนงใบแตกแขนง เส้นแขนงใบย่อยแบบร่างแห
ใบสร้างสปอรห์ อ้ ยลง ยาว 50-200 ซม. แยก 2 แฉก หลายครั้งคล้ายกงิ่ โคนแฉก
ขนาดไม่เทา่ กัน เส้นแขนงใบแยก 2 แฉก แผน่ กล่มุ อับสปอร์ออกเดีย่ ว ๆ คล้ายรปู
หอยแครง กลมหรอื เว้าคล้ายรูปหัวใจ กวา้ ง 4-16 ซม. ยาว 2-11 ซม. มีกา้ น
กลมุ่ อับสปอร์ติดทว่ั ทงั้ แผน่ มีขนกระจกุ
461
ห้อมชา้ ง สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
พบทพี่ มา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยสว่ นมากพบทางภาคใต้ และ หอมหมนื่ ล้ี
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ พบประปรายทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขน้ึ ตามคบไม้
ในปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดิบชน้ื และปา่ พรุ ใบมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวด ลดไข้ Osmanthus fragrans Lour.
วงศ์ Oleaceae
เอกสารอ้างอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ไม้ตน้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. กิ่งมชี ่องอากาศ ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปขอบขนานหรือ
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ รปู ใบหอก ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ลมิ่ แคบ แผน่ ใบหนา ขอบเรยี บ
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Polypodiaceae. In Flora of Thailand 3(4): หรอื จกั ฟนั เลือ่ ย เสน้ แขนงใบข้างละ 9-10 เส้น กา้ นใบยาว 0.5-2.5 ซม. ช่อดอก
487-490. ออกเป็นกระจุก ใบประดบั เกลีย้ ง รปู ไข่ ยาว 2-4 มม. กา้ นดอกยาว 0.4-1.5 ซม.
Xianchun, Z. and M.G. Gilbert. (2013). Polypodiaceae (Platycerium). In Flora of กลีบเลี้ยงรปู ระฆงั หลอดกลีบยาวประมาณ 0.5 มม. มี 4 กลบี รปู สามเหลยี่ มยาว
China Vol. 2-3: 796. เทา่ ๆ หลอดกลีบ ดอกสขี าว รูประฆงั หลอดกลบี ดอกยาว 1-1.5 มม. มี 4 กลีบ
เรียงซ้อนเหลอ่ื มในตาดอก กลบี รปู รหี รือรูปขอบขนาน ปลายกลม ยาว 2-3 มม.
ห่อขา้ วสีดา: เฟินอิงอาศัย ใบไมส่ ร้างสปอร์ตัง้ ข้นึ จักเปน็ พู แยก 2 แฉก โคนใบมนกว้าง อวบนำ้� ใบสร้างสปอร์ เกสรเพศผู้ 2 อัน ตดิ เหนือหลอดกลบี กา้ นชูอับเรณยู าวประมาณ 0.5 มม. อับเรณู
ห้อยลง แยก 2 แฉก หลายคร้งั แผ่นอับสปอร์มกี ้าน (ภาพ: พรุโตะ๊ แดง นราธิวาส - PC) ตดิ ด้านหลัง ยาวประมาณ 1 มม. ปลายมรี ยางคเ์ ลก็ ๆ รงั ไขส่ งู ประมาณ 1.5 มม.
มี 2 ชอ่ ง แตล่ ะช่องมอี อวุล 1 เมด็ ก้านเกสรเพศเมียสงู ประมาณ 0.5 มม. ยอดเกสร
หอ้ มช้าง แยก 2 แฉก ผลผนังชัน้ ในแข็ง รูปรี เบย้ี ว ยาว 1-2 ซม. ปลายแหลม
Phlogacanthus curviflorus (Wall.) Nees พบทอี่ ินเดยี เนปาล พม่า จีนตอนใต้ ไต้หวนั เวียดนาม และกมั พูชา ในไทย
วงศ์ Acanthaceae พบทีด่ อยอินทนนท์ จงั หวัดเชียงใหม่ ข้ึนตามป่าดบิ เขาสงู ใกลแ้ อง่ น้�ำซบั ความสงู
2400-2550 เมตร นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ มหี ลายพนั ธุ์ หลากสี กลน่ิ หอมแรง
ชอ่ื พอ้ ง Justicia curviflora Wall.
สกุล Osmanthus Lour. มปี ระมาณ 30 ชนิด พบในสหรัฐอเมรกิ า เมก็ ซิโก
ไม้พุ่ม สงู ไดถ้ ึง 5 ม. ใบเรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 12-35 ซม. เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ พบมากในจีน ในไทยมี 3 ชนิด ช่ือสกลุ มาจากภาษา
ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนสอบ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นตามเสน้ แขนงใบ กา้ นใบยาว กรกี “osme” กลิ่นหอม และ “anthos” ดอก
1.5-5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสนั้ ๆ ออกตามปลายกง่ิ ยาว 14-18 ซม. เอกสารอา้ งอิง
แต่ละชอ่ กระจุกมี 1-5 ดอก ก้านดอกยาว 0.5-1.2 ซม. มีขนสน้ั น่มุ ใบประดบั Chang, M.C., L.C. Chiu, Z. Wei and P.S. Green. (1996). Oleaceae. In Flora of
รูปใบหอก ยาว 3-7 มม. ใบประดับย่อยขนาดเล็ก กลบี เลย้ี ง 5 กลบี แฉกลึก รปู ใบหอก
ยาว 0.6-1 ซม. ดา้ นในมขี นหนาแนน่ ดอกสีมว่ งอมแดงหรอื อมชมพู รูปปาก China Vol. 15: 286, 292.
เปดิ หลอดกลีบดอกโปง่ ขา้ งเดยี ว ปลายโคง้ เล็กนอ้ ย ยาว 4-6 ซม. ดา้ นนอกมี Green, P.S. (2000). Oleaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 279.
ขนละเอยี ด กลบี ล่าง 3 กลีบ รปู รปี ลายแหลม ยาว 2-3 มม. กลบี บน 2 กลบี สั้นกวา่
กลบี ลา่ งเลก็ นอ้ ย เกสรเพศผู้ 2 อนั ตดิ ภายในหลอดกลบี ดอก ยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี หอมหม่นื ล้:ี ก่ิงมีชอ่ งอากาศ ใบเรียงตรงขา้ ม ขอบเรยี บหรือจกั ฟันเลื่อย ชอ่ ดอกออกเปน็ กระจกุ กลบี ดอก 4 กลีบ
เลก็ น้อย ก้านชูอบั เรณเู กลี้ยง อบั เรณูยาวประมาณ 5 มม. เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั ผลรูปรี เบย้ี ว (ภาพซา้ ย: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม,่ ภาพดอก - RP, ภาพผล - SSi; ภาพขวา: cultivated - PK)
2 อัน ขนาดเลก็ รงั ไข่เกลยี้ ง ผลแหง้ แตก รูปแถบ มสี นั เป็นสีเ่ หลีย่ ม ยาว 3.5-5 ซม.
มีหลายเมลด็ แบน เว้าตืน้ ๆ ยาว 5.5-6.5 มม. มีขนส้ันนุ่ม หัวร้อยรู
พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื Hydnophytum formicarum Jack
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเ่ี ลย และภาคกลางทน่ี ครนายก ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และ วงศ์ Rubiaceae
ปา่ ดบิ เขา ความสงู 300-1500 เมตร ใบตม้ ด่ืมแกไ้ อ
ไม้พมุ่ องิ อาศัย คอรากพองเป็นหวั เปน็ ทอี่ าศยั ของมด ยาว 25-30 ซม. มรี ู
สกลุ Phlogacanthus Nees อยูภ่ ายใต้เผ่า Ruellieae มีประมาณ 15 ชนดิ พบใน ทางเขา้ มดกระจาย ผวิ ไมม่ ีหนาม แตกกิ่ง ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. หใู บรูปสามเหลยี่ ม
เอเชยี ในไทยมีประมาณ 12 ชนดิ ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “phlogos” เปลวไฟ ขนาดเล็ก รว่ งเรว็ ใบเรียงตรงข้าม รปู รี รปู ขอบขนาน หรือรปู ไข่กลบั ยาว 5-9 ซม.
และ “akantha” หนาม ตามลักษณะและสขี องดอกบางชนดิ ปลายมน โคนรูปลมิ่ กา้ นใบยาว 2-5 มม. ดอกออกตามซอกใบ มี 1-5 ดอก ไรก้ ้าน
เอกสารอา้ งอิง หลอดกลีบเลย้ี งยาวประมาณ 1 มม. ขอบเรียบ ติดทน ดอกรปู ดอกเข็ม สขี าว
Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae (Phlogacanthus). In Flora of หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 3 มม. ปากหลอดมขี นสนั้ นมุ่ มี 4 กลบี รปู ขอบขนาน
ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ใต้ปากหลอด กา้ นชอู ับเรณสู ั้นมาก
China Vol. 19: 475. รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี มี 2 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสร
จกั 2 พู ไมย่ น่ื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก ผลผนงั ชนั้ ในแขง็ รปู ไขเ่ รยี วแคบ ยาวประมาณ
หอ้ มช้าง: ใบเรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสนั้ ๆ ออกตามปลายกิง่ ดอกรูปปากเปิด หลอดกลบี ดอก 5 มม. สุกสีสม้ อมแดง มี 2 ไพรนี สดี �ำ
โป่งข้างเดียว ปลายโคง้ เลก็ นอ้ ย เกสรเพศผูย้ นื่ พ้นปากหลอดกลีบดอกเลก็ นอ้ ย (ภาพ: อ้มุ ผาง ตาก - PK)
พบที่พมา่ เวียดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซีย และนวิ กินี ในไทยส่วนมากพบทางภาคใต้
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามคบไมใ้ นปา่ ดบิ ชน้ื ปา่ ชายหาด และปา่ พรนุ ำ้� จดื
นำ้� ตม้ จากหวั มสี รรพคณุ แก้ตับและลำ� ไสอ้ กั เสบ
462
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย หัวละแอนสม้
สกลุ Hydnophytum Jack เป็นหนึง่ ในสกุลพืชท่เี ปน็ ทอี่ าศัยของมด (myrmecophyte)
ในจำ�นวน 5 สกุลของวงศ์ Rubiaceae อย่ภู ายใตว้ งศย์ ่อย Rubioideae เผ่า
Psychotrieae มีประมาณ 50 ชนดิ พบท่ีหมูเ่ กาะอันดามันของอินเดีย พมา่
ภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย และหมเู่ กาะแปซิฟิก พบมากในนวิ กินี ในไทยมี
ชนดิ เดียว ขน้ึ ตามต้นไม้หลายชนดิ สว่ นใหญ่มักพบกับพชื มมี ดอ่นื ๆ เช่นเฟนิ
สกุล Lecanopteris (Polypodiaceae) หรอื พืชสกลุ Dischidia (Apocynaceae)
ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “hydnon” หัว และ “phyton” พชื หมายถึงพชื มีหวั
เอกสารอา้ งอิง
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
The Forest Herbarium, Bangkok.
หวั ร้อยร:ู พืชมีหวั ใบเรยี งตรงข้าม ผวิ ไมม่ หี นาม ผลสกุ สีสม้ อมแดง กลีบเล้ยี งขอบเรยี บ ติดทน (ภาพ: cultivated - RP) หัวร้อยรหู นาม: พืชองิ อาศยั ผวิ เป็นสนั มหี นาม กิง่ ออกเดย่ี ว ๆ อวบหนา หใู บรปู สามเหลี่ยมกวา้ ง รว่ งพรอ้ มใบ
ดอกรปู ดอกเขม็ ออกตามสันนูนท่เี ป็นหนาม ไรก้ ้าน ผลรูปไข่ สุกสสี ้ม (ภาพซา้ ยและภาพขวาลา่ ง: cultivated - RP;
หัวร้อยรูหนาม ภาพขวาบน: นราธวิ าส - VC)
Myrmecodia tuberosa Jack หวั ละแอนส้ม
วงศ์ Rubiaceae
Boesenbergia collinsii Mood & L. M. Prince
ไม้พุ่มอิงอาศัย คอรากพองเป็นหัวเป็นท่ีอาศัยของมด รูปร่างไม่แน่นอน วงศ์ Zingiberaceae
อาจยาวได้ถงึ 45 ซม. ผิวเปน็ สัน มหี นาม มีรูทางเขา้ มดกระจายตามหัวทเ่ี ป็น
สว่ นโคง้ มหี นาม กงิ่ ออกเดย่ี ว ๆ อวบหนา ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. หใู บรปู สามเหลยี่ มกวา้ ง ไมล้ ้มลุก สูงได้ถึง 80 ซม. เหง้าทอดนอน ดา้ นในมสี เี หลือง ใบมี 5-6 ใบ กาบยาว
ยาวประมาณ 1 ซม. รว่ งพรอ้ มใบ ใบเรียงตรงข้าม รปู รหี รือรูปขนาน ยาว 10-18 ซม. ได้ถงึ 30 ซม. สเี ขียวหรอื แดง เกลย้ี ง ล้นิ กาบยาวประมาณ 3 มม. ก้านใบยาว
ปลายแหลมยาว โคนรูปล่มิ กา้ นใบยาว 2.5-5 ซม. ดอกออกเป็นกระจกุ ตามสนั นนู 9-19 ซม. ใบรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 28-44 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมหรอื รปู หวั ใจ
ท่ีเปน็ หนาม ไร้ก้าน หลอดกลีบเล้ยี งยาวประมาณ 1 มม. ขอบเรียบ ติดทน ดอกรูป แผน่ ใบดา้ นล่างมีขนส้ันนุ่ม ช่อดอกแบบช่อเชิงลดออกจากเหงา้ 3-6 ช่อ แตล่ ะช่อมี
ดอกเขม็ สขี าว หลอดกลบี ดอกยาว 5-8 มม. โคนมีขนเป็นวง มี 4 กลบี รูปขอบขนาน ไดถ้ งึ 5 ดอก ช่อยาว 5-8.5 ซม. ใบประดบั 4-5 ใบ เรียงสลับระนาบเดยี ว รปู ขอบขนาน
ยาว 3-4 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั ติดช่วงบนหลอดกลบี ดอก กา้ นชูอบั เรณูสั้นมาก ยาวประมาณ 5 ซม. สีขาว ชมพู หรือแดงเข้ม ดอกสเี หลืองหรือครมี หลอดกลีบดอก
รังไข่ใต้วงกลบี มี 4-6 ช่อง แต่ละช่องมอี อวุลเม็ดเดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี มีแบบสั้น ยาว 14 ซม. สขี าว กลบี รูปใบหอก ยาว 3-4 ซม. กลบี ปากเปน็ ถุง รปู รกี วา้ ง ยาว
และแบบยาว ยอดเกสรจกั 4-6 พู ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก ผลผนงั ชน้ั ในแขง็ ประมาณ 4 ซม. คอหลอดสแี ดงอมสม้ มจี ดุ และปน้ื ตามขวาง และแถบสแี ดงหรอื
รปู ไข่ ยาวประมาณ 7 มม. สุกสสี ม้ มี 4-6 ไพรีน สชี มพูกระจาย ขอบเรยี บ มว้ นงอ ปลายตัด ด้านนอกมขี นต่อมประปราย มีเกสรเพศผู้
ดา้ นขา้ งทเ่ี ปน็ หมนั รปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 1.5 ซม. ถว้ ยรองเกสรเพศผู้ยาวประมาณ
พบทเ่ี วียดนาม ภูมภิ าคมาเลเซีย ออสเตรเลีย และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย 1 ซม. มขี นต่อม อบั เรณูไม่มีสนั (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เติมที่ กระชาย, สกุล)
พบทางภาคใตต้ อนลา่ งทป่ี า่ ฮาลา-บาลา จงั หวดั นราธวิ าส ขน้ึ ตามคบไมใ้ นปา่ ดบิ ชนื้
ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร มีความผันแปรสงู มชี ื่อเรียกตอ่ ทา้ ยจากช่อื ชนดิ พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ขึ้นตาม
จำ� นวนมาก (variant) ทพ่ี บในไทยเปน็ M. tuberosa ‘Armata’ เขาหินปนู ความสูง 100-700 เมตร คลา้ ยกับ B. kingii Mood & L. M. Prince
ท่ีใบเรยี วแคบกวา่
สกุล Myrmecodia Jack เป็นสกุลพชื ทเ่ี ปน็ ทอ่ี าศัยของมด อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย
Rubioideae เผา่ Psychotrieae หัวเกดิ จากตน้ อ่อนใตใ้ บเล้ียงเจริญ (hypocotyls เอกสารอ้างอิง
tuber) สว่ นมากมหี นามเกิดจากรากทเี่ ปล่ยี นรปู มปี ระมาณ 26 ชนิด พบมากใน Mood, J.D., L.M. Prince, J.F. Veldkamp and S. Dey. (2013). The history and
ภมู ิภาคมาเลเซีย ในไทยมีชนดิ เดยี ว ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “myrmekos” มด identity of Boesenbergia longiflora (Zingiberaceae) and description of five
หมายถงึ พืชมีมด related new taxa. Gardens’ Bulletin Singapore 65(1): 68-71.
เอกสารอา้ งอิง หัวละแอนสม้ : ใบรปู รีหรือรปู ไข่ ชอ่ ดอกออกจากเหง้า ดอกสเี หลืองหรือครมี หลอดกลีบดอกยาว กลีบปากเปน็ ถงุ
Huxley, C.R. and M.H.P. Jebb. (1993). The tuberous epiphytes of the Rubiaceae คอหลอดสีแดงอมส้ม มจี ุดและป้นื ตามขวาง มีแถบสแี ดงหรอื สชี มพูกระจาย (ภาพซา้ ย: สระบุร,ี ภาพขวา: ตาก; - JM)
5: a revision of Myrmecodia. Blumea 37: 271-334.
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
The Forest Herbarium, Bangkok.
463
หวั อ้ายเปด็ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย
หวั อา้ ยเปด็ หางกะลงิ : ใบประกอบชั้นเดียว หรอื เปน็ ใบเดยี่ ว เสน้ ใบแบบรา่ งแห เรยี งจรดกนั 2-4 แถว ก้านใบย่อยสัน้ มาก
กลุม่ อับสปอร์เกดิ เปน็ แถวบรเิ วณขอบใบ (ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธวิ าส - PC)
Cyathea contaminans (Wall. ex Hook.) Copel.
วงศ์ Cyatheaceae หางแมงเงา
ชอื่ พ้อง Alsophila contaminans Wall. ex Hook. Appendicula cornuta Blume
วงศ์ Orchidaceae
เฟนิ ตน้ สูงได้ถงึ 10 ม. ปลายยอดมเี กล็ดสีนำ�้ ตาล รูปแถบ ยาว 1.7-4 ซม.
ล�ำตน้ มีรากเป็นเส้นแขง็ หนาแนน่ ใบประกอบ 2 ชนั้ กา้ นใบสีนำ้� ตาลเขม้ ยาว กลว้ ยไมอ้ งิ อาศยั มเี หงา้ สนั้ ๆ แตกกอ สงู 15-50 ซม. ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
0.5-1 ม. โคนมีหนามสน้ั ๆ และเกล็ดสนี ำ้� ตาลรูปแถบ ยาว 3-4 ซม. ขอบมีขนแข็ง ติดตลอดลำ� ตน้ รูปรี รูปไข่ หรือแกมรปู ขอบขนาน กวา้ ง 0.5-1.2 ซม. ยาว 1.3-3.5 ซม.
แผน่ ใบกวา้ ง 1.5-1.7 ม. ยาว 2-3.5 ม. ใบยอ่ ยชน้ั ทห่ี นง่ึ รปู ขอบขนานแกมรปู ใบหอก ปลายแหลมหรอื เวา้ ตนื้ มตี ง่ิ ยาว 1-1.5 มม. กาบยาวประมาณ 1 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
มีขา้ งละ 8-13 ใบ เรยี งสลับ ใบยอ่ ยช้ันทสี่ องรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก กว้าง ช่อกระจะ ออกท่ปี ลายยอดหรอื ใกล้ปลายยอด ชอ่ ยาว 1-1.5 ซม. มี 2-6 ดอก
1.4-3 ซม. ยาว 10-15 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนกง่ึ ตัด ขอบแฉกลึกจรดแกนใบยอ่ ย ใบประดบั รูปใบหอก ยาว 4-5 มม. พับงอกลับ ดอกสขี าวแกมเขียว กลีบเลย้ี งบน
แฉกรปู ขอบขนานถงึ รปู เคยี ว ปลายมน ขอบจกั มน ไมม่ กี า้ นใบยอ่ ย แผน่ ใบบาง ดา้ นลา่ ง รปู ไขห่ รือรปู รี เว้า ยาว 3.5-4.5 มม. กลบี คขู่ ้างรปู สามเหลยี่ ม เบย้ี ว ยาว 4-7 มม.
มนี วล เสน้ กลางใบเกลย้ี งถงึ มขี นประปราย เสน้ แขนงใบแบบขนนก กลมุ่ อบั สปอรก์ ลม โคนเช่ือมตดิ เสา้ เกสร คาง ยาว 1-4 มม. กลีบดอกรูปไขก่ ลบั ยาว 2.5-3.5 มม.
ไมม่ เี ยอ่ื คลมุ เรยี งเปน็ แถวสองขา้ งของเสน้ กลางพู (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ กดู ตน้ , สกลุ ) ปลายมน กลีบปากรูปรี ยาว 3.5-6 มม. ดา้ นบนมเี น้อื เยอื่ นนู รูปขอบขนาน โคนรปู
คลา้ ยเรอื เส้าเกสรยาวประมาณ 2 มม. โคนย่นื เปน็ คางยาว 2-2.5 มม. กล่มุ เรณู
พบที่อินเดีย พมา่ ลาว ภูมิภาคมาเลเซีย และฟิลปิ ปินส์ ในไทยพบหนาแนน่ มีแปน้ เหนยี วสีสม้ กา้ นดอกรวมรังไข่ ยาว 3-5 มม. ฝักรปู รี ยาว 5-6 มม.
ทางภาคตะวันตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ ตามสันเขา ไหล่เขา หรอื ใกล้ลำ� ธารใน
ปา่ ดบิ แลง้ ป่าดบิ เขา และป่าดิบชืน้ ความสูง 800-1700 เมตร พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี และฟลิ ปิ ปนิ ส์
ในไทยพบทุกภาค เกาะตามตน้ ไม้ในปา่ ดบิ เขา ความสูง 1100-1300 เมตร
เอกสารอ้างองิ
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and สกลุ Appendicula Blume อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Epidendroideae เผา่ Podochileae
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ มีประมาณ 60 ชนดิ พบในเอเชยี เขตรอ้ นและหม่เู กาะแปซิฟิก สว่ นมากพบใน
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1979). Cyatheaceae. In Flora of Thailand Vol. ภูมิภาคมาเลเซยี ในไทยมีประมาณ 7 ชนดิ ชอื่ สกุลเปน็ ภาษาละติน หมายถึง
3(1): 106-107. รยางค์ขนาดเลก็ ตามลักษณะของกลบี ปากดา้ นบนมีเยอ่ื นนู โคนรูปคล้ายเรอื
เอกสารอ้างองิ
หัวอา้ ยเป็ด: แผน่ ใบด้านลา่ งมนี วล กลุ่มอับสปอร์เรยี งเปน็ แถวสองขา้ งของเสน้ กลางพู (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - TP) Chen, X. and J.J. Wood. (2009). Orchidaceae (Appendicula). In Flora of China
หางกะลงิ Vol. 25: 363-364.
Lindsaea ensifolia Sw. หางแมงเงา: ใบเรยี งสลับระนาบเดยี ว ตดิ ตลอดลำ� ตน้ ปลายแหลมหรือเวา้ ตนื้ มีติ่ง ใบประดบั รูปใบหอก พบั งอกลับ
วงศ์ Lindsaeaceae ดอกสขี าวแกมเขยี ว (ภาพ: นครศรธี รรมราช - NT)
เฟนิ ขนึ้ บนพนื้ ดนิ เหงา้ ทอดนอน ยาว 3-5 ม. ปลายยอดมเี กลด็ สนี ำ�้ ตาลหนาแนน่ หานแตน
รูปแถบ ยาวประมาณ 2.5 มม. ใบประกอบชั้นเดยี ว หรอื เปน็ ใบเดย่ี ว รูปไข่หรือ
รูปขอบขนาน ก้านใบยาว 10-50 ซม. เปราะ ใบเด่ียวสว่ นมากรูปไข่ ปลายแหลมยาว Megistostigma burmanicum (Kurz) Airy Shaw
ใบประกอบใบยอ่ ยมี 2-7 คู่ รปู ใบหอกหรือรูปแถบ ยาวได้ถึง 20 ซม. กว้าง 0.5-2 ซม. วงศ์ Euphorbiaceae
ปลายแหลมยาวคลา้ ยหาง โคนรปู ลมิ่ มน หรอื กลม ขอบเรยี บ เสน้ ใบแบบรา่ งแห
เรยี งจรดกัน 2-4 แถว ก้านใบยอ่ ยสน้ั มาก กลุ่มอับสปอรเ์ กดิ เปน็ แถวบริเวณขอบใบ ชอ่ื พอ้ ง Tragia burmanica Kurz
มีเยอื่ คลมุ กลมุ่ อับสปอร์
ไม้เถาลม้ ลุก แยกเพศร่วมตน้ มีขนสนั้ ประปรายตามล�ำต้น แผ่นใบ ชอ่ ดอก
พบที่แอฟริกา อินเดยี เนปาล ศรลี งั กา บังกลาเทศ จีนตอนใต้ ญป่ี ุ่น พม่า กลีบเลยี้ งดา้ นนอก รงั ไข่ และกา้ นเกสรเพศเมีย หูใบรปู สามเหล่ยี มแคบ ยาวไดถ้ งึ
ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย 8 มม. ตดิ ทน ใบเรยี งเวียน รปู ไข่กว้าง ยาว 7-19 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื ยาว
พบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1400 เมตร คลา้ ยหาง โคนรูปหวั ใจ แผ่นใบบาง เส้นโคนใบข้างละ 1 เสน้ เสน้ แขนงใบขา้ งละ
สกุล Lindsaea Dryand. ex Sm. มีประมาณ 200 ชนิด พบในเขตรอ้ นและก่งึ เขตร้อน
ในไทยมี 19 ชนิด ชือ่ สกลุ ต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวจาเมกา John Lindsay
(1785-1803)
เอกสารอ้างองิ
Dong, S., S. Lin, M.J.M. Christenhusz and J. Barcelona. (2013). Lindsaeaceae.
In Flora of China Vol. 2-3: 143.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Lindsaeaceae. In Flora of Thailand 3(2): 131.
464
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย หเู สอื น้ำ� ตก
3-5 เส้น กา้ นใบยาว 3-11 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ยาวได้ถึง 4 ซม. ขยายในผล หุน: ชอ่ ดอกคลา้ ยช่อกระจุกแนน่ ก้านชอ่ หนา ใบประดับหนา ย่น มขี นสั้นหนานุ่ม ดอกรูประฆัง แฉกลกึ พบั งอกลบั
ดอกสเี ขยี วอมเหลือง กา้ นดอกส้ัน ใบประดับ 1 ใบ ใบประดบั ยอ่ ย 2 ใบ รูปรี ยาว เกสรเพศผู้และเพศเมยี ยน่ื พ้นปากหลอดกลีบดอก (ภาพ: ภูพาน สกลนคร - PT)
1-4 มม. ตดิ ทน ไมม่ กี ลบี ดอกและจานฐานดอก ดอกเพศผอู้ ยปู่ ลายชอ่ กลบี เลยี้ ง
3 กลีบ เชอื่ มติดกันประมาณ 2 มม. กลีบรปู ไข่ ปลายมน ยาว 3-4 มม. เกสรเพศผู้ หูเสอื , สกุล
3 อัน ยาวประมาณ 1.3 มม. กา้ นชอู บั เรณูส้นั อับเรณูรปู สามเหลยี่ มกว้าง แกนหนา
ปลายโคง้ ลง ดอกเพศเมยี มี 1-2 ดอก กลบี เลยี้ ง 6 กลบี รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน Plectranthus L’Hér.
ยาว 3.5-9 มม. ขยายในผล ยาว 1.2-1.8 ซม. มขี นคนั หนาแน่น รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง วงศ์ Lamiaceae
กา้ นเกสรเพศเมยี เชอื่ มตดิ กนั รปู กรวยควำ�่ ปลายจกั 3 พู กวา้ งและยาวประมาณ
4 มม. ผลแหง้ แตก จกั 3 พู รปู รี ยาวประมาณ 1.5 ซม. มีขนแสบคนั แต่ละพูมี ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ เตย้ี ลำ� ตน้ มกั เปน็ สเ่ี หลยี่ ม ใบเรยี งตรงขา้ ม ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย
เมลด็ เดียว เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 5-6 มม. มีปน้ื สคี รีมหรอื นำ�้ ตาล หรอื จกั มน ชอ่ ดอกออกเปน็ กระจกุ เปน็ วงรอบแกนคลา้ ยชอ่ เชงิ ลด ใบประดบั รว่ งเรว็
หรือตดิ ทน กลีบเลย้ี งและกลบี ดอกรปู ปากเปิด กลบี บน 1 กลบี กลบี ล่าง 4 กลีบ
พบทพ่ี มา่ และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ หลอดกลบี ดอกมักโคง้ งอ เกสรเพศผู้อนั สน้ั 2 อนั ยาว 2 อนั ตดิ ใกลห้ รือใต้โคน
และภาคใต้ ข้ึนตามชายป่าดิบแล้ง และป่าดิบช้ืน หรือบนเขาหินปูน ความสูง กลบี ปากลา่ ง จานฐานดอกสด รงั ไขเ่ กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้ ลง ยอดเกสรจกั
100-1400 เมตร 2 พู เปน็ ตุ่ม ผลยอ่ ยเปลอื กแข็งเมลด็ ล่อน
สกลุ Megistostigma Hook. f. อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Acalyphoideae เผา่ Plukenetieae สกลุ Plectranthus อย่ภู ายใตเ้ ผ่า Ocimeae มปี ระมาณ 350 ชนิด ในไทยเปน็
มี 5 ชนิด พบในภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย ในไทยมชี นิดเดยี ว ช่อื สกลุ มาจาก พืชพ้ืนเมอื ง 8 ชนดิ เป็นไม้ประดับและผกั สวนครวั 3 ชนดิ ได้แก่ เนยี มหูเสือ
ภาษากรกี “megistos” ใหญ่ และ “stigma” ตามลกั ษณะยอดเกสรเพศเมีย P. amboinicus (Lour.) Spreng. มนั หนู P. rotundifolius (Poir.) Spreng. และ
เอกสารอ้างองิ ฤๅษผี สมแล้ว P. scutellarioides (L.) R. Br. หลายชนดิ มีสรรพคุณด้านสมนุ ไพร
Phuphathanaphong, L. (2007). Euphorbiaceae (Megistostigma). In Flora of ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี “plektron” เดือยไก่ และ “anthos” ดอก ตามลกั ษณะ
หลอดกลีบดอก
Thailand Vol. 8(2): 442-444.
หูเสือกาบใหญ่
หานแตน: ไม้เถาล้มลุก ใบเรยี งเวยี น รูปไข่กวา้ ง ใบประดบั ติดทน ดอกเพศผู้อยู่ปลายชอ่ กา้ นเกสรเพศเมยี เชอ่ื มตดิ กนั
รูปกรวยคว่�ำ ผลแหง้ แตก จัก 3 พู กลบี เลี้ยงติดทน มขี นแสบคนั (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - SSi) Plectranthus bracteatus (Dunn) Suddee
หุน ชื่อพอ้ ง Coleus bracteatus Dunn
Argyreia osyrensis (Roth) Choisy ไม้ล้มลกุ สงู ได้ถงึ 1.5 ม. ใบรปู ไข่ ยาว 3-12 ซม. แผน่ ใบมขี นประปราย มีหรอื
วงศ์ Convolvulaceae ไมม่ ตี อ่ มด้านล่าง โคนตัดหรอื เวา้ ต้นื ก้านใบยาว 1-5 ซม. ชอ่ ดอกยาวไดถ้ งึ 25 ซม.
ชอ่ กระจกุ เรียงรอบขอ้ ห่างกัน 1-5 ซม. ชอ่ ยาว 1-3 ซม. แต่ละชอ่ มีหลายดอก
ช่ือพ้อง Ipomoea osyrensis Roth ใบประดับรปู ไขก่ ว้าง ยาวประมาณ 1 ซม. ร่วงเรว็ ขอบมีขน กา้ นดอกยาว 1-2 มม.
ขยายในผลยาว 3-4 มม. ดอกมขี นและตอ่ มกระจาย หลอดกลบี เลย้ี งยาว 2-3 มม.
ไมเ้ ถาหรอื ไมพ้ มุ่ รอเลอื้ ย มขี นสน้ั หนานมุ่ ตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ใบประดบั กลบี บนรปู ไข่ กลบี ลา่ งรปู ขอบขนาน ยาวเทา่ ๆ กลบี บน ขยายในผลยาว 7-8 มม.
และกลบี เลย้ี งดา้ นนอก ใบรปู ไข่ หรอื รปู ไขก่ วา้ งเกอื บกลม ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม ดอกสีม่วง ยาวประมาณ 1 ซม. หลอดกลบี ดอกยาว 0.8-1.5 ซม. บดิ งอ กลบี รปู ไข่
โคนรูปหวั ใจ ก้านใบยาว 2-5 ซม. ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ กระจกุ แน่น ก้านชอ่ ดอกหนา แกมรูปขอบขนาน ยาว 5-6 มม. เกสรเพศผสู้ นั้ ตดิ ใตโ้ คนกลบี ลา่ ง ผลรูปไข่ สีน�้ำตาลด�ำ
ยาว 2.5-6 ซม. ใบประดับรปู ไขก่ ลับ หนา ยน่ ปลายมน ยาว 0.8-1.2 ซม. ติดทน ยาวประมาณ 1 มม.
ดอกไรก้ า้ น กลบี เลยี้ งคนู่ อกรปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 1 ซม. 3 กลบี ในรปู ขอบขนาน
ยาว 5.5-9 มม. ดอกรปู ระฆงั สชี มพู หลอดกลีบดอกยาว ประมาณ 1.5 ซม. แฉกลกึ พบท่ีจีนตอนใต้ เวยี ดนาม และภาคเหนอื ของไทย ขึน้ ตามเขาหินปูน ความสงู
5 กลีบ รูปไข่แคบ ยาว 4-8 มม. พับงอกลับ ปลายกลบี เว้าตืน้ เส้นกลางกลบี มขี น 700-2000 เมตร
เกสรเพศผแู้ ละเพศเมยี ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก อบั เรณรู ปู ขอบขนาน ยาว 2-4 มม.
รงั ไขเ่ กลยี้ ง มี 2 ชอ่ ง ยอดเกสรเปน็ กระจกุ แนน่ มี 2 พู ผลแบบผลสด เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง หเู สือน้ำ�ตก
6-8 มม. กลบี เล้ียงตดิ ทน ดา้ นในสแี ดง มี 1-2 เมล็ด เกล้ยี ง เส้นผ่านศูนย์กลาง
4-5 มม. (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เติมท่ี เครือพุงหมู, สกลุ ) Plectranthus helferi Hook. f.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ใบรปู ใบหอกหรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 3-10 ซม. โคน
พบทอ่ี นิ เดยี บงั กลาเทศ ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ ไหห่ นาน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และ
มาเลเซีย ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทุกภาค ข้นึ ตามชายป่า ปา่ เต็งรัง และปา่ ดบิ เขา รูปลิ่มหรือสอบ แผน่ ใบมขี นประปราย มตี อ่ มดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม.
ความสงู ถึงประมาณ 1500 เมตร ช่อดอกยาวไดถ้ ึง 20 ซม. แยกแขนง แกนชอ่ มีขนและตอ่ ม ช่อกระจุกเรียงรอบขอ้
ห่างกนั 0.5-1 ซม. ไร้กา้ น แต่ละช่อมี 2-3 ดอก ใบประดับรปู ไข่ ยาว 4-6 มม.
เอกสารอา้ งอิง ร่วงเร็ว มีขน กา้ นดอกยาว 0.5-1 มม. ขยายในผลยาว 2-3 มม. ดอกมีขนและ
Fang, R. and G. Staples. (1995). Covolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 320. ต่อมกระจาย หลอดกลีบเลี้ยงยาว 2-3 มม. กลีบบนและกลีบล่างคู่ข้างขอบจัก
Staples, G. and P. Traiperm. (2010). Convolvulaceae (Argyreia). In Flora of กลบี บนกลม กลบี ลา่ งรปู ใบหอก สน้ั กวา่ กลบี บน ขยายในผลยาว 7-8 มม. ดอกสมี ว่ ง
Thailand Vol. 10(3): 359-361. ยาวประมาณ 1 ซม. หลอดกลบี ยาว 6-7 มม. กลบี บนขนาดเลก็ กลบี ลา่ งรปู ไขก่ ลบั
ยาว 3-4 มม. เกสรเพศผ้ยู าวเท่า ๆ กลีบดอก ผลรปู รี สดี �ำ ยาวประมาณ 1 มม.
พบในพม่า และภาคเหนอื ตอนลา่ งของไทยท่ตี าก ขึ้นรมิ ล�ำธารทเ่ี ป็นหนิ ปนู
ความสงู 200-600 เมตร
465
หูเสือหนิ ปนู สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
หูเสือหนิ ปนู ฤๅษีผสมแล้ว: ชอ่ ดอกไม่แยกแขนง มที ้ังแบบใบสเี ขียวและหลากสีในต้นทีป่ ลกู เปน็ ไมป้ ระดับ (ภาพ: cultivated - RP)
Plectranthus albicalyx Suddee หูหมี
ไมล้ ้มลกุ สงู ได้ถงึ 50 ซม. มขี นและขนตอ่ มประปรายตามกงิ่ แผน่ ใบ ชอ่ ดอก และ
Epithema saxatile Blume
กลีบเลยี้ ง ใบรปู ไข่ ยาว 2.5-6 ซม. โคนตัดหรือรูปลมิ่ กวา้ ง แผ่นใบมีต่อมขนาดเลก็ วงศ์ Gesneriaceae
ดา้ นลา่ ง ก้านใบยาว 0.5-2.5 ซม. ชอ่ ดอกออกเดี่ยว ๆ หรือแยกแขนง ยาวไดถ้ งึ
15 ซม. ชอ่ แยกแขนงยาวไดถ้ งึ 7 ซม. ชอ่ กระจกุ เรยี งรอบขอ้ หา่ งกนั 0.5-1.2 ซม. ไม้ลม้ ลกุ สูงได้ถงึ 40 ซม. มีขนสั้นนุม่ ตามกิ่ง แผ่นใบดา้ นบน ก้านช่อดอก
ไร้กา้ น แต่ละชอ่ มปี ระมาณ 3 ดอก ใบประดบั รูปไข่ ยาว 4-7 มม. ก้านดอกยาว ใบประดับ และกลีบเลี้ยงด้านนอก ใบเรียงตรงข้าม รูปรีกว้างเกือบกลม ยาว
1-2 มม. ขยายในผลยาว 2-3 มม. หลอดกลีบเล้ยี งยาวประมาณ 2 มม. กลีบบนรูปไข่ 4.5-20 ซม. ใบทโ่ี คนขนาดใหญ่ ปลายแหลมหรอื มน ขอบจกั ซฟี่ นั หรอื จกั ฟนั เลอ่ื ย
กลบี ลา่ งขอบจกั กลบี กลางรปู ใบหอก ยาวเทา่ ๆ กบั กลบี บน กลบี ขา้ งรปู ไขก่ ลบั โคนตดั หรือเวา้ ต้ืน มกั เบีย้ ว แผ่นใบด้านลา่ งมักมีสีมว่ ง ก้านใบยาวได้ถงึ 12 ซม.
สัน้ กวา่ กลบี กลาง ขยายในผลยาว 8-9 มม. ดอกสมี ว่ งอมนำ�้ เงิน ยาว 0.7-1 ซม. ใบชว่ งปลายเรยี งตรงขา้ ม ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเดยี่ ว เรยี งแนน่ คลา้ ย
หลอดกลบี ยาว 4-6 มม. กลีบล่างยาวกว่ากลีบบน ผลรูปไข่หรอื รูปรี สนี ำ�้ ตาล ชอ่ ซ่ีรม่ กา้ นชอ่ ยาว 2-17 ซม. ใบประดบั หมุ้ รองชอ่ ดอก รปู รี ยาว 1.3-3.5 ซม.
หรือดำ� ยาวประมาณ 1.5 มม. ขอบจกั ซี่ฟนั กา้ นดอกยาว 1-4 มม. กลบี เลีย้ งรูประฆงั ยาว 3.3-5 มม. แยก 5 แฉก
รปู สามเหลย่ี ม ติดทน ดอกรูประฆัง สขี าว ชมพู หรือม่วง มักมจี ดุ สีมว่ งเข้ม
พชื ถิ่นเดยี วของไทย พบทางภาคกลางท่สี ระบุรี ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือที่ ดา้ นในกลีบปากบน ยาว 6.5-9.5 มม. กลีบบน 2 กลีบ กลีบล่าง 3 กลบี ขนาด
ขอนแก่น ภาคตะวันออกท่ีนครราชสีมา และภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ ขน้ึ บนหินปูน ประมาณ 2 มม. ด้านในมีป้นื ขน เกสรเพศผตู้ ิดบนกา้ นชูทีเ่ ชือ่ มตดิ กนั เป็นแผ่น
ในปา่ ดิบแลง้ ความสงู 50-500 เมตร บาง ๆ อนั ท่สี มบรู ณ์ 2 อัน ยาว 1-2 มม. อับเรณูตดิ ทีฐ่ าน ปลายอบั เรณูติดกัน
อนั ทีเ่ ป็นหมัน 2 อัน รังไข่มีชอ่ งเดียว มีขนสนั้ นมุ่ เปน็ ตะขอ พลาเซนตาตามแนว
เอกสารอ้างองิ ตะเข็บ กา้ นเกสรเพศเมียยาว 3-5 มม. ยอดเกสรจัก 2 พู ผลแห้งแตกตามขวาง
Suddee, S., A. Paton and J. Parnell. (2005). A taxonomic revision of tribe Ocimeae รูปไข่กลบั ยาว 2-2.5 มม. เมล็ดจ�ำนวนมาก ขนาดเลก็
Dumort. (Lamiaceae) in continental South East Asia II. Plectranthinae. Kew
Bulletin 59(3): 387-413. พบทีพ่ มา่ คาบสมทุ รมลายู ชวา สุมาตรา และบอร์เนียว ในไทยพบทางภาคใต้
ต้ังแต่สุราษฎร์ธานีลงไป ขึ้นตามซอกหินปูนริมล�ำธารในป่าดิบช้ืน ความสูงถึง
หูเสอื กาบใหญ:่ โคนใบตดั หรือเว้าตืน้ ใบประดับรปู ไข่กว้าง ช่อย่อยมหี ลายดอก (ภาพ: ดอยตงุ เชยี งราย - PK) ประมาณ 900 เมตร
หเู สอื นำ้� ตก: ใบรูปใบหอกหรอื รปู ใบหอกกลบั โคนรูปล่มิ หรือสอบ ช่อดอกแยกแขนง แต่ละช่อกระจกุ มี 2-3 ดอก สกุล Epithema Blume มปี ระมาณ 20 ชนิด พบที่แอฟรกิ า อินเดีย ศรลี ังกา เนปาล
ใบประดบั ร่วงเร็ว (ภาพ: น้ำ� ตกพาเจริญ ตาก - RP) จีนตอนใต้ ภูมิภาคอนิ โดจนี และมาเลเซยี นิวกนิ ี และหมู่เกาะโซโลมอน ในไทย
มปี ระมาณ 4 ชนิด อกี 3 ชนดิ E. carnosum Benth., E. ceylanicum Wight
และ E. membranaceum (King) Kiew ใบประดับขนาดเลก็ หรอื ขนาดใหญ่หุม้
ช่อดอกเพียงเลก็ น้อย ช่อื สกุลเป็นภาษากรีก “epithema” หมายถงึ หุม้ ดา้ นนอก
ตามลักษณะช่อดอกที่ตดิ บนใบประดับ
เอกสารอา้ งองิ
Bransgrove, K. and D.J. Middleton. (2015). A revision of Epithema (Gesneriaceae).
Gardens’ Bulletin Singapore 67(1): 159-229.
หเู สอื หินปนู : ช่อดอกแยกแขนง แต่ละชอ่ กระจกุ มีประมาณ 3 ดอก กลบี เลีย้ งลา่ งกลบี กลางยาวเทา่ ๆ กลบี บน หหู มี: E. saxatile ใบเรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเด่ียวเรียงแนน่ คลา้ ยช่อซี่รม่ ใบประดบั หุ้มรองชอ่ ดอก
กลบี ดอกกลบี ลา่ งยาวกว่ากลีบบน (ภาพ: ป่าละอู ประจวบคีรขี ันธ์ - RP) ดอกรปู ระฆงั มกั มีจุดสมี ่วงเข้มด้านในกลบี ปากบน กลีบบน 2 กลบี กลีบลา่ ง 3 กลีบ (ภาพ: ห้วยยอด ตรัง - DM)
466
สารานุกรมพืชในประเทศไทย หหู มเี ขา
เอกสารอา้ งองิ
Hou, D. (1984). Aristolochiaceae. In Flora Malesiana Vol. 10: 65-83.
Phuphathanaphong, L. (1987). Aristolochiaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 22-31.
Yao, T.L. (2013). Nine new species of Thottea (Aristolochiaceae) in Peninsular
Malaysia and Singapore, with two taxa in Peninsular Malaysia redefined
and a taxon lectotypified. Blumea 58(3): 245-262.
หหู มี: E. ceylanicum (ภาพซ้าย: บางสะพาน ประจวบครี ีขันธ์ - DM); หหู ม:ี E. carnosum (ภาพขวาบน: หหู ม:ี ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ ออกตามลำ� ต้นหรอื ซอกใบ ดอกสีชมพู เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก เรยี งหลายวง ผลเรียวยาว
น�ำ้ ตกพาเจริญ ตาก - RP); หหู มี: E. membranaceum (ภาพขวาลา่ ง: ธารโต ยะลา - RP) (ภาพ: เขาหลวง นครศรีธรรมราช - SSi)
หหู มี, สกลุ หหู มขี น: โคนใบรูปหวั ใจ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกใกลโ้ คนต้น ดอกสีนำ้� ตาลแดงหรอื อมเหลือง รูปถ้วย
เกสรเพศผู้ 6 อนั ผลเรยี วยาวมีสันเป็นสเี่ หลย่ี ม (ภาพบน: ระนอง, ภาพลา่ ง: ตรงั ; - RP)
Thottea Rottb.
วงศ์ Aristolochiaceae หูหมเี ขา
ไมพ้ มุ่ เตยี้ ใบเรยี งเวยี น เสน้ ใบรปู ฝา่ มอื 3-5 เสน้ หรอื แบบขนนก ชอ่ ดอกแบบ Weinmannia fraxinea (D. Don) Miq.
ชอ่ กระจะ ชอ่ กระจุก หรือชอ่ เชงิ หลั่น ใบประดบั ตดิ ตรงขา้ มดอก ดอกรูประฆงั วงศ์ Cunoniaceae
หรือรปู คนโท กลบี รวมมี 3-4 กลีบ เรยี งจรดกนั ปากหลอดกลีบหนาเปน็ สัน
เกสรเพศผู้มีหลายอัน เรียงหน่ึงหรือหลายวง ก้านชูอับเรณูสั้นมากหรือไร้ก้าน ชื่อพ้อง Pterophylla fraxinea D. Don, Weinmannia blumei Planch.
เชื่อมตดิ ก้านเกสรเพศผ้เู ป็นเส้าเกสร อับเรณูหนั ออก รงั ไข่ใตว้ งกลบี มี 4 ชอ่ ง
เชอื่ มตดิ กนั ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสรจกั เปน็ พู ผลแหง้ แตก ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สว่ นมากสงู ไมเ่ กนิ 10 ม. หรอื อาจสงู ไดถ้ งึ 40 ม. หใู บตดิ ระหวา่ ง
คล้ายผลผักกาดจรดโคน เมลด็ ขนาดเล็ก มี 3 สัน มีรอยย่นตามขวางหรอื มีต่มุ ก้านใบ รูปกลม เส้นผ่านศนู ย์กลาง 0.8-1.8 ซม. ร่วงเร็ว ใบประกอบปลายค่ี
เรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก ใบยอ่ ยมี 3-6 คู่ รปู ใบหอก ยาว 2.5-12 ซม. ปลายแหลม
สกลุ Thottea มีประมาณ 35 ชนดิ พบทีอ่ นิ เดยี ไห่หนาน พม่า เวียดนาม หรอื แหลมยาว โคนเบยี้ ว ขอบจกั มนหรอื จกั ซฟ่ี นั เกอื บไรก้ า้ น ใบปลายรปู ไขแ่ คบ
ภมู ภิ าคมาเลเซยี และฟิลิปปนิ ส์ ในไทยมี 4-5 ชนดิ สน้ั กว่าใบข้าง ก้านยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกทป่ี ลายกง่ิ หรอื ซอกใบ
ออกเป็นกลุ่ม 1-3 คู่ แตล่ ะกลุ่มมี 2 หรือ 3 ชอ่ ต้ังตรง ยาว 7.5-15 ซม. กา้ นช่อยาว
หูหมี 0.3-1.8 ซม. แกนช่อมีขนส้ันนุ่ม ดอกมีเพศเดียวหรือสมบูรณ์เพศ ก้านดอกยาว
1.5-3 มม. กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 4-5 กลบี กลบี เลยี้ งรปู สามเหลยี่ ม
Thottea parviflora Ridl. เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม ยาวประมาณ 1 มม. โคนมขี น กลบี ดอกรปู ขอบขนานหรอื รปู ไขก่ ลบั
ไมพ้ ุม่ สูงไดถ้ ึง 1 ม. มีขนสั้นนมุ่ ตามกงิ่ อ่อน กา้ นใบ แผน่ ใบด้านล่าง ชอ่ ดอก ยาว 1-2 มม. เกสรเพศผู้ 8-10 อนั เรียง 2 วง กา้ นชอู บั เรณยู าวกวา่ กลีบดอก
เปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี จานฐานดอกจกั เปน็ พู รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง พลาเซนตารอบแกนรว่ ม
กา้ นดอก ใบประดบั และกลบี รวมดา้ นนอก ใบรปู ไข่ รปู ไขก่ ลบั หรอื แกมรปู ขอบขนาน เปน็ หมันในดอกเพศผู้ กา้ นเกสรเพศเมีย 2 อนั ยาวเท่า ๆ กลีบดอก ผลแห้งแตกตาม
ยาว 15-22 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรปู ลม่ิ ถงึ กลม ก้านใบยาว 5-8 มม. รอยประสาน ยาว 2-6 มม. เปลือกสแี ดง มีหลายเมลด็ รูปรี ยาวประมาณ 0.8 มม.
ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามลำ� ต้นหรอื ซอกใบ ช่อยาว 2-3 ซม. ใบประดบั ปลายมกี ระจกุ ขนทง้ั สองดา้ น ขนยาวประมาณ 2 มม.
รูปไข่หรือรปู ใบหอก ยาว 1.5-2 มม. ติดทน กา้ นดอกยาว 0.2-1 ซม. ดอกสชี มพู
รูปถว้ ย เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 6-7 มม. แยกเปน็ 3 กลบี แฉกลึกประมาณกึ่งหนง่ึ พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทป่ี า่ ฮาลา-บาลา จงั หวดั
ไมม่ จี านฐานดอก เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก เรยี งหลายวง อับเรณยู าวไมถ่ งึ 1 มม. ยะลา และนราธวิ าส ขนึ้ ตามทโี่ ล่งบนยอดเขา ความสงู 250-1500 เมตร
ปลายมรี ยางค์ มขี นคลา้ ยตะขอ เสา้ เกสรยาวประมาณ 2.5 มม. ยอดเกสรเพศเมยี
จกั 4-8 พู รปู ทรงกระบอก ผลเรยี ว ยาว 4-7 ซม. โคนเรยี วแคบ มสี นั เปน็ 4 เหลยี่ ม สกลุ Weinmannia L. มปี ระมาณ 150 ชนิด พบในอเมริกาเขตรอ้ น มาดากัสการ์
ภมู ภิ าคมาเลเซีย และหมเู่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยมชี นดิ เดยี ว ชื่อสกุลต้งั ตาม
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู และภาคใตข้ องไทยตงั้ แตร่ ะนองลงไป ขนึ้ ตามปา่ ดบิ ชนื้ นักพฤกษศาสตรช์ าวเยอรมัน Johann Wilhelm Weinmann (1683-1741)
ความสูงถงึ ประมาณ 300 เมตร เอกสารอ้างองิ
Hopkins, H.C.F. (2008). Cunoniaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(2): 107-110.
หหู มีขน Whitmore, T.C. (1972). Cunoniaceae. Tree Flora of Malaya Vol. 1: 179-180.
Thottea tomentosa (Blume) Ding Hou
ช่ือพอ้ ง Ceramium tomentosum Blume
ไม้พุ่ม สงู ได้ถึง 50 ซม. ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ ยาว 10-15 ซม.
ปลายแหลม แหลมยาว หรือมน แผน่ ใบด้านล่างมีขนสน้ั น่มุ หนาแนน่ โคนรูปลิม่
กลม หรือรูปหัวใจ เบ้ียวเล็กนอ้ ย กา้ นใบยาว 4-7 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ
ออกใกลโ้ คนตน้ ชอ่ ยาว 5-9 ซม. ใบประดบั รูปใบหอก ยาว 4-5 มม. ติดทน กา้ นดอก
ยาว 6-8 มม. ดอกสีน้�ำตาลแดงหรืออมเหลอื ง รูปถว้ ย เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 5-8 มม.
แยกเปน็ 3 กลีบ แฉกลกึ ประมาณก่ึงหนงึ่ บานออก จานฐานดอกรปู ถว้ ยแนบติด
หลอดกลีบ เกสรเพศผู้ 6 อนั เรยี งวงเดียว อบั เรณยู าวประมาณ 2 มม. เส้าเกสร
ยาวประมาณ 2.5 มม. ยอดเกสรจัก 3 พู เรยี วยาว ปลายมขี นรปู ตะขอ ผลเรียว
ยาว 3.5-5 ซม. มีสันเปน็ ส่ีเหล่ยี ม สนี ำ�้ ตาลดำ� หรอื มว่ ง
พบทอ่ี นิ เดยี หมเู่ กาะอนั ดามนั บงั กลาเทศ พมา่ เวยี ดนาม และภมู ภิ าคมาเลเซยี
ในไทยพบทางภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนทภี่ วู วั จงั หวดั บงึ กาฬ
ขึน้ ตามปา่ ดบิ ช้ืน ความสูงถงึ ประมาณ 200 เมตร
467
เหงา้ น้�ำทิพย์ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
หหู มเี ขา: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ใบประกอบปลายค่ี ขอบใบจกั มนหรอื จักซี่ฟัน โคนเบีย้ ว เกอื บไรก้ ้าน ผลแหง้ แตก จักเป็นต่งิ หนาม ช่อดอกแบบช่อเชงิ ลด ออกทีย่ อดหรือซอกใบ ใบประดับรูปไข่
ตามรอยประสาน ยาว 2-6 มม. เปลอื กสีแดง (ภาพ: ฮาลา-บาลา ยะลา - RP) ยาว 7-8 มม. ใบประดบั ยอ่ ยยาวประมาณ 5 มม. กลีบเล้ียง 4 กลบี รูปไข่ โคนหนา
กลีบคู่นอกยาว 1-1.3 ซม. กลีบคู่ในส้ันกว่าเล็กน้อย ดอกสีม่วงอ่อนหรือขาว
เหง้านำ�้ ทพิ ย์ รปู ปากเปดิ ยาว 3-4 ซม. หลอดกลบี หนา สน้ั กลบี ปากลา่ งยาวประมาณ 3 ซม.
ปลายจกั 3 พู ต้นื ๆ มีขนสัน้ นมุ่ ดา้ นนอก ด้านในมแี ถบขนเป็นคู่ กลบี ปากบนฝ่อ
Agapetes saxicola Craib เกสรเพศผู้ 4 อนั ตดิ บนปากหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณหู นา ยาวประมาณ 1.5 ซม.
วงศ์ Ericaceae อบั เรณมู ีชอ่ งเดยี ว รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 8 มม. มีขนเครา รงั ไข่มี 2 ชอ่ ง
แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวเลยเกสรเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย ยอดเกสรแยก
ไมพ้ มุ่ องิ อาศยั สงู ไดถ้ งึ 1 ม. มรี ากสะสมอาหารขนาดใหญ่ มขี นตอ่ มหนาแนน่ 2 แฉก ผลแหง้ แตก รูปรี เป็นมันวาว ยาว 2.5-3 ซม. มี 4 เมล็ด ติดบนตอ่ ม
ตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ ชอ่ ดอก กา้ นดอก และกลบี เลย้ี ง ใบเรยี งเวยี น (retinaculum) รูปคล้ายไต แบน
หรือเรียงเกือบตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 1-4 ซม. ปลายและโคนมน
หรือแหลม ขอบม้วน เสน้ ใบข้างละ 4-5 เส้น กา้ นใบส้นั ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ หลัน่ พบที่อนิ เดยี พม่า กัมพชู า เวยี ดนาม และภูมิภาคมาเลเซยี ในไทยพบทาง
ออกตามปลายกง่ิ หรอื ซอกใบ ยาว 2-4 ซม. มี 3-7 ดอก ในแตล่ ะชอ่ ใบประดบั ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ โกงกาง ใบแกโ้ รคไขขอ้ อกั เสบ ทง้ั ตน้
รูปใบหอก ยาว 4-8 มม. ก้านดอกยาวไดถ้ ึง 1.5 ซม. ใบประดับย่อย 2 ใบ ติดทีโ่ คนกา้ น ใช้รกั ษาโรคนว่ิ ในไต ใช้ในตำ� รบั ยาสมนุ ไพรไทยหลายขนาน และมคี วามเชอื่ ว่าถา้
ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ฐานดอกรปู ถว้ ย ยาวประมาณ 2 มม. แยก 5 แฉก รปู สามเหลย่ี ม เค้ียวใบแล้วจะป้องกนั งกู ดั ได้ในป่าโกงกาง
ขนาดเลก็ ดอกสขี าวอมชมพู รปู ระฆัง ยาว 0.7-1.5 ซม. ปลายบานออกแยกเปน็
5 แฉก เรยี วแคบ ยาว 6-7 มม. ปลายมว้ นออก เกสรเพศผู้ 10 อัน อับเรณตู ดิ กัน สกุล Acanthus L. มีประมาณ 30 ชนิด พบในแอฟรกิ า เอเชีย และประเทศใน
ลอ้ มรอบเกสรเพศเมยี กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 4 มม. อบั เรณยู าวไดถ้ งึ 7 มม. แถบเมดิเตอร์เรเนยี น ในไทยมพี ืชพนื้ เมอื ง 3-4 ชนดิ ซ่ึง A. ebracteatus Vahl
ดา้ นหลังมีเดอื ย 2 อัน กา้ นเกสรเพศเมียยาว 1.2-1.4 ซม. ผลสดมีหลายเมล็ด คล้ายกบั A. ilicifolius L. แต่ไม่มใี บประดบั ย่อย ซึง่ อาจมีขนาดเล็กและร่วงเร็ว
เส้นผ่านศนู ย์กลาง 4-5 มม. สุกสดี ำ� (ดูขอ้ มูลเพ่ิมเติมที่ ประทัดดอย, สกลุ ) ส่วน A. leucostachyus Wall. ex Nees ใบประดับขอบแหลมคลา้ ยหนาม และ
A. volubilis Wall. เปน็ ไม้เถา นอกจากน้ี ยงั พบท่ีนำ�เขา้ มาปลกู เปน็ ไมป้ ระดับ
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขน้ึ ตาม คือ เหงอื กปลาหมอเทศ A. montanus (Nees) T. Anderson มีถิน่ กำ�เนิดใน
คบไม้หรอื ก้อนหิน ในปา่ ดบิ เขา ความสงู 1200-1500 เมตร แอฟรกิ าตะวันตก ใบประดับขอบจกั เป็นหนามแหลม ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี
“akanthos” พชื มหี นาม
เอกสารอ้างอิง
Craib, W.G. (1935). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous เอกสารอ้างอิง
Information Kew 1935: 334-335. Barker, R.M. (1986). A taxonomic revision of Australian Acanthaceae. Journal
Watthana, S. (2015). Ericaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 110-111. of the Adelaide Botanic Gardens 9: 64-75.
Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae (Acanthus). In Flora of China
Vol. 19: 379.
Ng, P.K.L. and N. Sivasothi (eds.). (2001). Guide to the Mangroves of Singapore
1: The ecosystem and plant diversity. Singapore: Singapore Science Centre.
เหงือกปลาหมอ: A. ilicifolius ขอบใบเรยี บหรือจกั เปน็ ตง่ิ หนาม ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลด มใี บประดบั ย่อย
ดอกรปู ปากเปิด กลีบปากล่างปลายจกั 3 พู ตน้ื ๆ ผลเปน็ มันวาว (ภาพซ้าย: ระนอง - RP; ภาพขวา: จันทบรุ ี - PK)
เหง้านำ�้ ทพิ ย์: ไม้พมุ่ องิ อาศยั มรี ากสะสมอาหารขนาดใหญ่ มีขนต่อมหนาแนน่ ดอกสีขาวอมชมพู รปู ระฆงั เหงอื กปลาหมอ: A. ebracteatus ดอกสขี าว ไม่มใี บประดับยอ่ ย (ภาพซ้าย: cultivated - RP); เหงือกปลาหมอเทศ:
ปลายกลีบม้วนออก ผลสกุ สดี ำ� (ภาพ: ภหู ลวง เลย - SSi) ใบประดับขอบจกั เป็นหนามแหลม (ภาพขวา: cultivated - RP)
เหงอื กปลาหมอ
Acanthus ilicifolius L.
วงศ์ Acanthaceae
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ลำ� ตน้ หนา หใู บเปน็ หนามแขง็ ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน
หรือรปู ใบหอก ยาว 6-14 ซม. ปลายแหลมเป็นต่งิ หนาม แผน่ ใบหนา ขอบเรยี บหรือ
468
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย เหยอ่ื เลยี งผา
เหมือดขน, สกลุ ประมาณ 1 ซม. ปลายมตี ง่ิ แหลม คใู่ นขนาดเลก็ รปู แถบ กลบี ปากเปน็ ถุง กว้างและ
ลกึ ประมาณ 2 ซม. เดือยยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายม้วนงอ มีสเี ขม้ กลบี ดอก
Aporosa Blume กลบี กลางรูปรีกว้าง ยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายกลบี เวา้ ต้ืน กลบี ปกี ยาวได้ถงึ 3 ซม.
วงศ์ Phyllanthaceae กลบี คนู่ อกรปู ขอบขนาน กลีบคู่ในรูปกลม ผลรูปกระบอง ยาวประมาณ 2 ซม.
(ดขู ้อมูลเพิม่ เติมที่ เทยี น, สกลุ )
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ แยกเพศตา่ งตน้ หใู บรว่ งเรว็ หรอื ตดิ ทน ใบเรยี งเวยี น มกั มตี อ่ ม
ตามขอบใบและมตี อ่ ม 2 ตอ่ มทโ่ี คนใบ ปลายและโคนกา้ นใบพอง ชอ่ ดอกแบบ พบทคี่ าบสมทุ รมลายตู อนบน และภาคใตข้ องไทยทนี่ ครศรธี รรมราช สรุ าษฎรธ์ านี
ชอ่ กระจุกแยกแขนงส้ัน ๆ คลา้ ยชอ่ เชิงลด ออกตามซอกใบหรือตามก่งิ ดอกเพศผู้ กระบี่ ตรงั สตลู ขึน้ กระจายหา่ ง ๆ บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 100 เมตร
ออกเปน็ กระจกุ ดอกเพศเมยี เรยี งเวยี น ใบประดบั มใี บเดยี ว ดอกขนาดเลก็ กลบี เลยี้ ง
3-6 กลบี ไมม่ กี ลบี ดอกและจานฐานดอก เกสรเพศผู้ 2-4 อนั รงั ไขม่ ี 2 หรือ 3 ช่อง เหยือ่ กรุ ัมน้อย
แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ 2 เมด็ ไรก้ า้ นเกสรเพศเมยี ยอดเกสรจกั เปน็ พหู รอื แยกจรดโคน
ผลแยกแลว้ แตก เมลด็ มีเยือ่ หุ้ม Impatiens adenioides Suksathan & Keerat.
ไมล้ ม้ ลุก ลำ� ต้นอวบนำ�้ สูงไดถ้ งึ 1 ม. ใบเรียงเวยี นหนาแน่นทปี่ ลายยอด รูปรี
สกลุ Aporosa เดิมอย่ภู ายใตว้ งศ์ Euphorbiaceae ปัจจบุ นั อยเู่ ผ่า Antidesmeae
มี 82 ชนิด พบทอ่ี นิ เดีย ศรลี ังกา จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ถงึ รปู ใบหอก หรือแกมรปู ไข่ ยาว 6-12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรียว แผ่นใบหนา
ถงึ หมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยมี 20 ชนดิ หลายชนดิ มีลกั ษณะคลา้ ยกันมาก เชน่ ขอบจกั ฟนั เล่ือย ก้านใบยาว 1-5 ซม. ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้ปลายกงิ่ ยาวไดถ้ งึ
นวลเสี้ยน A. octandra (Buch.-Ham. ex D. Don) Vickery เหมอื ดโลด A. villosa 15 ซม. บางครงั้ แตกชอ่ ยอ่ ย กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. ใบประดบั รปู ไขก่ วา้ ง ยาว
(Lindl.) Baill., A. wallichii Hook. f. และ A. yunnanensis (Pax & K. Hoffm.) 4-5 มม. ร่วงชา้ ดอกสีเหลอื ง กลบี เลย้ี ง 4 กลบี คูน่ อกรปู ไขก่ ว้าง ยาว 6-8 มม.
F. P. Metcalf ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “aporia” ยาก หมายถงึ สกุลทย่ี ากใน ปลายมตี งิ่ แหลม คใู่ นรปู แถบ ยาว 2-4 มม. กลบี ปากเปน็ ถงุ กวา้ งและยาวประมาณ
การจดั จ�ำ แนก 1 ซม. เดอื ยยาว 1-1.5 ซม. ปลายมว้ นงอ กลบี ดอกกลบี กลางรปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ
1 ซม. มีสนั เรียวจรดโคน กลีบปีกยาว 1.2-2 ซม. ติดกนั กลีบคู่นอกยาวกว่ากลบี คู่ใน
เหมอื ดขน ปลายแฉกลกึ ผลรปู กระบอง เกลยี้ ง ยาวประมาณ 2 ซม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี เทยี น, สกลุ )
Aporosa ficifolia Baill. พบท่คี าบสมทุ รมลายู และภาคใต้ของไทยท่ชี ุมพร พทั ลงุ ข้นึ บนเขาหินปนู
ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 10 ม. มขี นหยาบยาวตามกง่ิ อ่อน หใู บด้านนอก เสน้ แขนงใบ ความสงู ระดับตำ่� ๆ ลกั ษณะทั่วไปคล้ายกบั เหยื่อกุรัม I. mirabilis Hook. f. แต่
ดอกมีขนาดเลก็ กวา่ ใบเรียวแคบกว่า
ทง้ั สองด้าน กา้ นใบ และชอ่ ดอก หใู บรปู ไข่ ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. รว่ งเร็ว ใบรปู รหี รือ
รปู ไข่กลับ ยาว 8-25 ซม. ขอบเรยี บ ก้านใบยาว 0.5-2.5 ซม. ปลายแหลมหรอื เหยื่อเลยี งผา
แหลมยาว โคนแหลมถงึ กลม มตี อ่ มประปราย หยกิ ยน่ ตามเสน้ ใบ ชอ่ ดอกออกตาม
ซอกใบ ชอ่ ดอกออกเปน็ กระจกุ 1-2 ชอ่ ไร้ก้านชอ่ ใบประดับรูปสามเหล่ียม ขนาดเลก็ Impatiens kerriae Craib
ชอ่ ดอกเพศผยู้ าว 1.5-2.5 ซม. ดอกออกเปน็ กระจุก 6-7 ดอก กา้ นดอกยาว 0.3-1 มม. ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ อวบนำ้� แตกกง่ิ หนาแนน่ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่
กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ รูปไข่กลับ สน้ั กวา่ ใบประดับ เกสรเพศผู้ 2-3 อัน ยาว 1-1.5 มม.
ชอ่ ดอกเพศเมยี ยาว 4-7 มม. มีไดถ้ ึง 5 ดอก ดอกไรก้ า้ น กลบี เลี้ยง 4-5 กลบี รปู ไข่ ท่ีปลายยอด รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ยาว 6-11 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ล่ิมหรอื
ยาว 1.5-2.2 มม. รังไขม่ ี 2 ชอ่ ง มขี นสัน้ น่มุ ยอดเกสรเพศเมยี ยาว 1-1.5 มม. รูปล่มิ กว้าง แผ่นใบหนา ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย ปลายมตี ่อม โคนใบมีตอ่ ม 1 คู่ กา้ นใบ
แยก 2 แฉก ลกึ ประมาณกง่ึ หนึ่ง ผลเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1-1.3 ซม. มขี นหนาแนน่ ยาว 1-3 ซม. ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื เปน็ คตู่ ามซอกใบ ใบประดบั รปู แถบ ยาวประมาณ
เมล็ดรปู รี ยาวประมาณ 7.5 มม. เย่ือห้มุ สสี ม้ 5 มม. ก้านดอกยาว 4-10 ซม. ดอกสีเหลืองออ่ น สคี รมี หรอื อมชมพู โคนดา้ นใน
กลบี ล่างมีป้นื เป็นริว้ สเี หลอื งหรอื แดง กลบี เลยี้ งคู่นอกรูปไข่กว้าง ยาว 1.5-2 ซม.
พบทกี่ มั พชู า และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกทสี่ รุ นิ ทร์ ศรสี ะเกษ ปลายมตี ่ิงแหลม คใู่ นฝ่อ กลบี ปากเปน็ ถงุ กว้าง กว้าง 2-2.5 ซม. เดอื ยรูปตะขอ
อบุ ลราชธานี ขึ้นตามป่าดิบแล้ง ความสงู 200-350 เมตร ยาวประมาณ 5 มม. แยก 2 พู กลบี กลางรปู รีแกมรูปไข่กลับ ยาว 1.5-2 ซม.
ปลายเวา้ ตนื้ กลบี ปกี คนู่ อกและคใู่ นยาวเทา่ ๆ กนั ยาวไดถ้ งึ 3.5 ซม. ผลรปู กระสวย
เอกสารอ้างองิ เต่งกลาง ยาวไดถ้ งึ 3 ซม. เมล็ดมขี นละเอยี ด (ดขู ้อมลู เพมิ่ เติมที่ เทยี น, สกลุ )
Schot, A.M. and P.C. van Welzen. (2005). Euphorbiaceae (Aporosa). In Flora
of Thailand Vol. 8(1): 81-105. พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคเหนือที่ดอยเชียงดาว และดอยอ่างขาง
จังหวดั เชียงใหม่ และทีด่ อยตงุ จงั หวัดเชยี งราย ข้นึ ตามท่โี ล่งเขาหินปูน ความสงู
1300-2200 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
Shimizu, T. (1970). Contribution to the Flora of Southeast Asia. II. Impatiens of
Thailand and Malaya. The Southeast Asian Studies Vol. 8: 203, 216-217.
Suksathan, P. and P. Triboun. (2009). Ten new species of Impatiens (Balsami-
naceae) from Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 61(1): 160.
เหมอื ดขน: มขี นหยาบยาวกระจาย หใู บรปู ไข่ ขอบใบเรียบ หยกิ ยน่ ตามเส้นใบ ผลกลม มขี นหนาแน่น เมล็ดรูปรี เหยื่อกุรมั : ล�ำต้นอวบน�้ำขนาดใหญ่ ดอกสเี หลือง หรือชมพู มีจุดสีนำ้� ตาลแดงหรือชมพตู ามกลีบปากจรดเดอื ยและ
เยื่อหมุ้ สีสม้ (ภาพ: อบุ ลราชธานี; ภาพหูใบ - RP, ภาพผล - PK) กลีบดอกด้านใน เดือยม้วนงอ (ภาพซา้ ยและภาพขวาบน: เขาปู่เขาย่า พัทลงุ - SSi; ภาพขวาล่าง: cultivated - RP)
เหยอื่ กุรมั
Impatiens mirabilis Hook. f.
วงศ์ Balsaminaceae
ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ อวบนำ้� สงู ไดถ้ งึ 3 ม. ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่ ทยี่ อด รปู ไขห่ รอื
รูปไขก่ ลับ ยาว 6-25 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ลิ่ม ขอบจกั มน แผน่ ใบหนา
ก้านใบยาวได้ถงึ 15 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ยาวไดถ้ ึง 40 ซม. แตกแขนง
คล้ายช่อซ่ีรม่ กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. ใบประดับรปู รีกวา้ ง ยาวประมาณ 5 มม.
ปลายมตี ง่ิ แหลม รว่ งชา้ ดอกสเี หลอื ง หรอื ชมพู มจี ดุ สนี ำ�้ ตาลแดงหรอื ชมพตู าม
กลบี ปากจรดเดอื ยและกลบี ดอกดา้ นใน กลบี เลย้ี ง 4 กลบี คนู่ อกรปู ไขก่ วา้ ง ยาว
469
เหลอื งชัชวาล สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
เหยอ่ื กุรัมนอ้ ย: ใบเรียวแคบ กลีบเลยี้ งคใู่ นรูปแถบ เดือยม้วนงอ กลีบปกี คู่นอกยาวกวา่ กลบี คู่ใน (ภาพ: cultivated - RP) เหลืองดอย
เหย่อื เลียงผา: ลำ� ตน้ อวบนำ้� แตกก่งิ หนาแนน่ ขอบจักฟนั เลอื่ ย ปลายมตี อ่ ม โคนกลีบดอกดา้ นในมีปนื้ เปน็ รวิ้ สเี หลือง Hypericum wightianum Wall ex Wight & Arn.
หรอื แดง (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - SSi) วงศ์ Hypericaceae
เหลอื งชชั วาล ไม้ล้มลุก สูงไดถ้ งึ 50 ซม. แตกกิง่ สั้น ๆ ใบรปู รี รปู ไข่ หรือรปู ไขก่ ลบั ยาว 1-3 ซม.
ปลายสว่ นมากกลม โคนกลมหรอื เวา้ ตน้ื เสน้ แขนงใบขา้ งละ 2-3 เสน้ กา้ นใบสน้ั
Dolichandra unguis-cati (L.) L. G. Lohmann หรอื ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกมหี ลายดอก ใบประดบั รปู ไข่ แกมรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
วงศ์ Bignoniaceae ขนาดเลก็ ขอบจักมีขนครุย กา้ นดอกสัน้ ดอกบานเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 0.5-1 ซม.
ตาดอกรปู รี กลบี เล้ยี งรูปรีหรอื รูปขอบขนาน ยาว 3-6 มม. ขอบจกั ชายครุย มีตงิ่
ชื่อพอ้ ง Bignonia unguis-cati L., Macfadyena unguis-cati (L.) A. H. Gentry เป็นขนตอ่ ม เส้นกลบี 3-5 เส้น มีต่อมกระจาย กลีบดอกรูปรหี รือรูปขอบขนาน
ยาว 3-5 มม. เกสรเพศผู้ 7-11 อนั แยกเป็น 3 มดั ยาว 2.5-4 มม. รงั ไขร่ ปู ไขก่ วา้ ง
ไมเ้ ถา ยาวได้ถงึ 15 ม. มรี ากตามก่ิง ใบประกอบมใี บยอ่ ย 3 ใบ ใบปลาย ก้านเกสรเพศเมยี แยก 3 แฉก ผลรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 3-6 มม. (ดขู ้อมูลเพมิ่ เติมท่ี
เปล่ยี นรูปเปน็ มือเกาะแยก 3 แฉก รปู ตะขอ ยาว 0.5-1 ซม. ก้านใบประกอบยาว บัวทอง, สกุล)
1-4 ซม. ใบยอ่ ยรูปรี มี 2 ขนาด ใบเลก็ ยาว 1.5-3 ซม. ใบใหญ่ยาว 4-8 ซม.
ปลายแหลม โคนรูปลม่ิ กวา้ ง หรอื เว้าตนื้ ๆ แผน่ ใบบาง ขอบเรียบ เส้นโคนใบขา้ งละ พบที่อินเดยี ศรลี งั กา ภฏู าน จนี ตอนใต้ พม่า ลาว และภาคเหนอื ของไทยที่
1 เส้น กา้ นใบยาวได้ถึง 2 ซม. ในใบใหญ่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกสัน้ ๆ ตามซอกใบ เชียงใหม่ ขึ้นตามทโี่ ลง่ หรอื ชายป่าดบิ เขา ความสงู ประมาณ 2500 เมตร คลา้ ยกับ
มีหนงึ่ หรอื หลายดอก ชอ่ ยาว 1-3 ซม. กลบี เล้ียงรูปถ้วย ยาว 5-6 มม. คล้ายกาบ ละอองทอง H. japonicum Thunb. ทีก่ า้ นเกสรเพศเมยี แยก 3 แฉก จำ� นวน
ปลายจักมน 2 แฉก ตื้น ๆ หรอื เรียบ ดอกรูปแตร สีเหลือง มีเสน้ กลางกลบี และ เกสรเพศผู้ไม่มาก แตข่ อบกลบี เลี้ยงเรียบและไม่มีต่อม
ด้านขา้ งสีสม้ เปน็ แนวจรดโคนหลอดดา้ นใน หลอดกลบี ดอกยาว 4-5 ซม. กลบี รูปรี
กลบี บน 2 กลบี ยาว 1.5-2 ซม. กลีบล่าง 3 กลบี ยาวกวา่ กลบี บน เกสรเพศผอู้ นั สน้ั เอกสารอา้ งอิง
2 อนั ยาว 2 อัน ติดท่ีโคนหลอดกลีบดอกเหนอื จุดคอด ยาว 1.5-2 ซม. ใตจ้ ดุ ตดิ มีขน Li, X.W. and N. Robson. (2007). Clusiaceae (Hypericum). In Flora of China Vol.
เกสรเพศผู้ที่เป็นหมนั ขนาดเลก็ ตดิ ระหวา่ งอนั สัน้ ก้านเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เกสรเพศผู้ 13: 25, 34.
อนั ยาวเลก็ นอ้ ย ไมย่ น่ื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลแหง้ แตก แบน รปู แถบ
สว่ นมากยาว 25-100 ซม. หรือยาวกว่าน้ี เมล็ดบาง ขอบมีปีกบาง ๆ เหลอื งดอย: กา้ นใบส้ันมากหรือไร้ก้าน ขอบกลีบเลี้ยงจกั ชายครยุ มีตงิ่ เปน็ ขนต่อม (ภาพซา้ ย: ดอยอนิ ทนนท์
เชียงใหม่ - RP); ละอองทอง: ขอบกลีบเลีย้ งเรียบและไมม่ ตี ่อม (ภาพขวา: วัดจนั ทร์ เชยี งใหม่ - RP)
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในเม็กซิโก เวสต์อินดสี และอารเ์ จนตินา เปน็ ไมป้ ระดับทว่ั ไป
เหลอื งปรดี ยี าธร
สกุล Dolichandra Cham. มี 8 ชนิด พบเฉพาะในอเมริกากลางและอเมรกิ าใต้
ในไทยพบเป็นไม้ประดับชนดิ เดียว ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “dolichos” ยาว Tabebuia aurea (Silva Manso) Benth. & Hook. f. ex S. Moore
และ “andros” เพศผู้ ตามลักษณะเกสรเพศผ ู้ วงศ์ Bignoniaceae
เอกสารอา้ งองิ
Fonseca, L.H., S.M. Cabral, M. de Fátima Agra and L.G. Lohmann. (2015). ชอ่ื พอ้ ง Bignonia aurea Silva Manso, Tabebuia argentea (Bureau & K.
Schum.) Britton
Taxonomic updates in Dolichandra Cham. (Bignonieae, Bignoniaceae)
PhytoKeys 46: 35-43. doi: 10.3897/phytokeys.46.8421 ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. เปลอื กหนาเปน็ คอรก์ ใบรปู ฝา่ มอื เรยี งตรงขา้ ม มใี บยอ่ ย
Santisuk, T. (1987). Bignoniaceae (Macfadyena unguis-cati). In Flora of Thailand 5-9 ใบ กา้ นใบประกอบยาว 4-9 ซม. ใบย่อยรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว
Vol. 5(1): 63. 1-14 ซม. ปลายแหลมหรอื มน โคนรปู ลม่ิ กวา้ ง มน หรอื เวา้ ตน้ื แผน่ ใบหนา มเี กลด็
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum สีเงนิ รูปโล่ทง้ั สองดา้ น กา้ นใบย่อยยาว 1-5 ซม. ดา้ นบนเปน็ สันคมท้ังสองข้าง
Press, Honolulu, Hawai`i. ใบคลู่ า่ งขนาดเลก็ โคนสอบเรยี ว กา้ นสน้ั ใบออ่ นสนี �้ำตาลเขม้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
แยกแขนง ออกที่ปลายกิง่ กลีบเลีย้ งรปู ระฆงั หนา ยาว 0.8-1.7 ซม. แยก 2 แฉก
เหลืองชัชวาล: ใบประกอบมีใบยอ่ ย 3 ใบ ใบปลายเปลย่ี นรปู เป็นมอื เกาะแยก 3 แฉก ปลายรปู ตะขอ ชอ่ ดอกแบบ ตื้น ๆ ด้านนอกมเี กลด็ ดอกสเี หลืองรปู แตร ยาวไดถ้ ึง 8 ซม. ปลายแยก 5 กลีบ
ช่อกระจกุ สั้น ๆ กลบี เลยี้ งคล้ายกาบ ดอกรูปแตร กลบี บน 2 กลีบ กลบี ลา่ ง 3 กลีบ (ภาพ: cultivated - RP) รปู กลม เกสรเพศผู้ 2 คู่ ยาวไมเ่ ทา่ กัน ไม่ย่ืนพน้ ปากหลอด เกสรเพศผเู้ ป็นหมนั
1 อนั รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ไม่ยน่ื พน้ ปากหลอด ยอดเกสรแยก 2 แฉก
ผลแห้งแตกเปน็ 2 ซกี รปู ขอบขนาน ยาว 8-15 ซม. ไมม่ สี ัน มเี กลด็ ปกคลุม
หนาแนน่ เมล็ดบาง มปี กี บางทง้ั สองด้าน
มีถ่นิ กำ� เนิดในบราซลิ นิยมปลูกเปน็ ไม้ประดบั รมิ ถนนในเขตร้อน
สกุล Tabebuia Gomes ex DC. มปี ระมาณ 100 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตร้อน
บางครง้ั แยกเปน็ สกุล Handroanthus และ Roseodendron ในไทยพบเป็นไมป้ ระดบั
หลายชนดิ เชน่ แตรชมพู T. pallida (Lindl.) Miers ชมพูพันธุท์ ิพย์ T. rosea
(Bertol.) Bertero ex A. DC. กลุ่มพวกเหลืองอินเดยี T. chrysantha (Jacq.) G.
Nicholson หรือ T. ochracea (Cham.) Standl. subsp. neochrysantha (A. H.
Gentry) A. H. Gentry และ T. chrysotricha (Mart. ex DC.) Standl. เป็นตน้ ชือ่ สกุล
มาจากชือ่ พืน้ เมืองในบราซลิ “tabebuia” หรือ “tabebuya” หมายถงึ ต้นไมท้ ่มี ีมด
เอกสารอา้ งอิง
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.
470
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย เหยี ง
เหลืองปรีดียาธร: ใบรปู ฝ่ามอื เรยี งตรงข้าม มใี บยอ่ ย 5-9 ใบ ใบอ่อนสีนำ�้ ตาลเขม้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง เหลอื งสยาม, สกุล
ออกทป่ี ลายกิ่ง ผลแหง้ แตกเปน็ 2 ซกี รปู ขอบขนาน ไม่มีสัน เมล็ดบาง มปี กี (ภาพ: cultivated - RP)
Lysimachia L.
เหลืองพิศมร วงศ์ Primulaceae
Spathoglottis affinis de Vriese ไม้ล้มลุกหรือไม้พ่มุ ก่ิงมักมตี อ่ มใสหรอื มีสี ใบเรียงเวียน เรียงตรงขา้ ม หรอื
วงศ์ Orchidaceae เรยี งรอบขอ้ ดอกออกเดี่ยว ๆ ออกเป็นช่อแบบชอ่ แยกแขนง ช่อกระจะ ชอ่ ซ่ีร่ม
หรอื คลา้ ยชอ่ กระจกุ แนน่ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี กลบี เลยี้ ง
กลว้ ยไมด้ ิน ล�ำลูกกลว้ ยรูปไข่ แบน เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. ใบพบั จีบ แฉกลึก ตดิ ทน ดอกรปู กงล้อหรือรปู ระฆงั หลอดกลีบดอกสน้ั กลบี บดิ เวียนใน
มี 2-4 ใบ รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 10-42 ซม. โคนสอบเรยี ว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ตาดอก เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ตรงขา้ มกลบี ดอก แยกกนั หรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คนแนบ
ออกทโี่ คนลำ� ลกู กลว้ ย ชอ่ ตง้ั ขน้ึ มขี นสนั้ นมุ่ กา้ นชอ่ ยาว 15-60 ซม. แกนชอ่ ยาว ติดหลอดกลีบดอก อับเรณูมีรูเปิดท่ีปลายหรือแตกตามยาว รังไข่มีช่องเดียว
5-20 ซม. มไี ดถ้ งึ 15 ดอก ใบประดบั 4-8 ใบ รปู ใบหอก ยาว 0.5-3 ซม. ใบประดบั พลาเซนตารอบแกน ยอดเกสรเพศเมยี ขนาดเลก็ ผลแหง้ แตก กลม ๆ มหี ลายเมลด็
ที่มีดอกรูปไข่แกมรูปใบหอก ยาว 0.3-1 ซม. ดอกสีเหลือง กลบี เลี้ยงค่ลู ่างและปมุ่ นูน
โคนกลีบปาก (cali) มกั มีปืน้ สแี ดง กลีบเลย้ี งรูปรี ยาว 1.5-2 ซม. ปลายแหลม สกุล Lysimachia มีประมาณ 180 ชนิด ส่วนใหญพ่ บในเขตอบอนุ่ ในไทยมี 14
กลบี ดอกคลา้ ยกลีบเลย้ี ง ขนาดเทา่ ๆ กัน ปลายมน กลีบปากมี 3 พู พูกลางยาว ชนดิ ชื่อสกุลตง้ั ตามกษตั ริย์ Lysimachion หรอื Lysimachus ของอาณาจักร
1-1.8 ซม. โคนเรียวเปน็ กา้ นยาวเทา่ ๆ แผน่ กลีบรปู พดั พขู า้ งรปู รี ยาว 0.5-1 ซม. Thrace กรกี โบราณ ผสู้ ามารถยตุ คิ วามขัดแยง้ ที่รุนแรงได้ หรอื อาจหมายถึงพืช
โคนกลบี ปากมปี มุ่ นนู รปู กระบอง 2 ปมุ่ โคนเชอื่ มตดิ กนั มขี นยาว เสา้ เกสรเรยี ว บางชนดิ ใชร้ ักษากระดกู แตก
ยาว 1-1.4 ซม. กลุ่มเรณู 8 กลมุ่ แยกเปน็ 2 กลมุ่ ยอ่ ย กา้ นและรังไข่ยาว 1.4-3.3 ซม.
ฝักแห้งแตก รปู รี ยาว 1.8-3 ซม. เหลอื งสยาม
พบท่ีพม่า ภมู ิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู ชวา และบอรเ์ นียว ในไทยพบ Lysimachia congestiflora Hemsl.
ทุกภาค ขนึ้ ตามที่โลง่ ชายปา่ ความสงู 1000-1200 เมตร ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ ทอดเลอื้ ย อาจสงู ไดถ้ งึ 50 ซม. มขี นยาว มรี ากตามขอ้ ใบเรยี ง
สกลุ Spathoglottis Blume อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Epidendroideae เผ่า Collabieae ตรงขา้ ม รูปไข่กว้าง ยาว 1-4.5 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนรปู ลม่ิ ถึงกลม แผน่ ใบ
มี ประมาณ 40 ชนดิ พบในเอเชยี ออสเตรเลีย และหม่เู กาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 7 มขี นและตอ่ มกระจาย เสน้ แขนงใบขา้ งละ 2-4 เสน้ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 2 ซม. ชอ่ ดอก
ชนิด ส่วนมากมสี ีเหลอื งหรอื สีครีม มีดอกสชี มพู 2 ชนิด คือ ชมพพู ศิ มร S. แบบชอ่ กระจะส้ัน ๆ คล้ายชอ่ กระจกุ เรยี งหนาแนน่ ชว่ งปลายกงิ่ แตล่ ะช่อมี
hardingiana C. S. P. Parish & Rchb. f. และว่านจุก S. plicata Blume และ 2-4 ดอก กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเลย้ี งรปู ใบหอก ปลายแหลม ยาว
เปน็ ไม้ประดับหลากสายพนั ธุ์ ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “spath” กาบ และ 5-8.5 มม. ดา้ นนอกมีขนประปราย กลบี ดอกสเี หลอื ง โคนดา้ นในมีสสี ้มอมแดง
“glotta” ลิน้ ตามลกั ษณะของกลีบปาก กลบี รปู ไข่ ยาว 7-9 มม. มตี อ่ มกระจาย ดา้ นนอกมขี นประปราย เกสรเพศผเู้ ชอ่ื ม
ตดิ กนั ท่ีโคนประมาณ 2.5 มม. ก้านชูอบั เรณทู ี่แยกยาว 2.5-4.5 มม. อบั เรณู
เอกสารอา้ งอิง แตกดา้ นขา้ งตามยาว รงั ไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 5-7 มม. ยอดเกสรเปน็ ตมุ่
Chen, X. and A. Bell. (2009). Orchidaceae (Spathoglottis). In Flora of China ผลแหง้ แตก เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 3-4 มม. เมลด็ ขนาดเลก็
Vol. 25: 287.
Kurzweil, H. (2014). Orchidaceae (Spathoglottis). In Flora of Thailand Vol. พบทอี่ นิ เดยี เนปาล ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ เวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื
12(2): 621-631. ทเ่ี ชยี งใหม่ ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ ชายปา่ ดบิ เขา ความสงู ประมาณ 1200 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั
อาจใชช้ ่อื Lysimachia ‘procumbens’ มหี ลายสายพันธ์ุ ในจนี ใชร้ กั ษาแผล ช�้ำบวม
กระดกู แตก และเคลด็ ขดั ยอก
เอกสารอา้ งอิง
Chi-Ming, H. (1999). Primulaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 160-161.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.
เหลอื งพศิ มร: ใบพบั จีบ ช่อดอกแบบช่อกระจะ มี 1-3 ช่อ ดอกสีเหลือง กลบี เล้ยี งค่ลู ่างและปุม่ นนู โคนกลีบปาก เหลืองสยาม: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะสนั้ ๆ คลา้ ยชอ่ กระจุก เรยี งหนาแนน่ ช่วงปลายก่ิง เกสรเพศผู้ 5 อัน เช่ือมติดกัน
มักมปี ้นื สแี ดง (ภาพซ้าย: ภูจองนายอย อุบลราชธานี - PK); วา่ นจกุ : ดอกสีชมพู (ภาพขวา: ชมุ พร - RP) ท่ีโคน อับเรณแู ตกดา้ นขา้ งตามยาว (ภาพ: cultivated - RP)
เหียง
Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq.
วงศ์ Dipterocarpaceae
ไมต้ น้ ผลัดใบ สูงไดถ้ ึง 30 ม. เปลือกแตกเป็นรอ่ งลกึ ตามยาว มขี นยาวและ
ขนรปู ดาวตามกงิ่ หใู บดา้ นนอก แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ กา้ นดอก และกลบี เลยี้ ง
ดา้ นนอก หรอื เกลย้ี ง หูใบรูปใบหอก ยาวไดถ้ ึง 7 ซม. ใบรปู รี รูปขอบขนาน หรือ
แกมรปู ไข่ ยาว 10-30 ซม. ปลายมน โคนรปู ลิม่ กวา้ งหรือเวา้ ต้ืน เสน้ แขนงใบข้างละ
471
แหนแดง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
10-20 เสน้ กา้ นใบยาว 2.5-6.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 3-10 ซม. ช่อออ่ นมใี บประดับห้มุ แหนแดง: เฟินลอยในนำ�้ รากใตน้ ำ�้ จ�ำนวนมาก ลำ� ตน้ เป็นไหลเล็ก ๆ แตกแขนงหนาแนน่ คลา้ ยรูปสามเหล่ยี ม
มี 4-7 ดอก เรยี งซิกแซ็กด้านเดยี ว กา้ นดอกหนา ยาว 1-2 มม. หลอดกลีบเลีย้ ง ยาว 1-3 ซม. ใบเด่ยี วเรยี งสลบั 2 แถว ซ้อนกันหนาแนน่ (ภาพ: พรโุ ตะ๊ แดง นราธิวาส - PC)
ยาวประมาณ 5 มม. กลบี ยาว 2 กลีบ รูปใบหอก ยาว 1-2 ซม. กลีบส้ัน 3 กลีบ
รปู สามเหลย่ี ม ยาว 4-6 มม. ดอกสขี าวอมชมพู มสี เี ขม้ ดา้ นใน กลบี รปู ใบหอก ยาว แห้วประดู่
4-6 ซม. ดา้ นนอกมขี นสัน้ เกสรเพศผ้มู ีประมาณ 30 อนั กา้ นชอู ับเรณสู ั้น โคน
แผก่ ว้าง อบั เรณยู าวประมาณ 5 มม. รยางคร์ ูปเส้นด้าย ยาวประมาณกึ่งหน่ึง Eriosema chinense Vogel
ของอับเรณู รังไข่มีขนส้ันนุ่ม หลอดกลีบเล้ียงหุ้มผลเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลาง วงศ์ Fabaceae
1.5-3.5 ซม. ปกี ยาว 2 ปีก ยาว 8-15 ซม. ปกี ส้นั 3 ปีก รูปรีกว้าง ยาว 1.5-2 ซม.
ขอบพบั กลับ (ดขู อ้ มูลเพม่ิ เตมิ ที่ ยาง, สกุล) ไมล้ ม้ ลุก สงู ได้ถึง 50 ซม. หัวใต้ดินอวบ มขี นยาวคลา้ ยไหมตามกง่ิ หใู บ แผน่ ใบ
กลบี เลีย้ ง และกลีบกลางด้านนอก หใู บรปู แถบ ยาว 4-8 มม. ติดทน ใบประกอบมี
พบทพ่ี มา่ ภูมิภาคอนิ โดจนี และคาบสมุทรมลายตู อนบน ในไทยพบทุกภาค ใบเดียว เรียงเวยี น รปู ใบหอกหรือรปู แถบ ยาว 1.5-7 ซม. ปลายแหลมหรือมน
ขนึ้ กระจายหรอื เปน็ กลมุ่ หนาแนน่ ตามปา่ เตง็ รงั ปา่ สน หรอื ปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ถงึ โคนกลมหรือเว้าตน้ื เกือบไรก้ า้ น ช่อดอกแบบช่อกระจะสั้น ๆ ออกตามซอกใบ มี
ประมาณ 1300 เมตร ทางภาคใต้มกั พบกระจายใกล้รมิ ฝัง่ ทะเล ซ่งึ ส่วนตา่ ง ๆ 1-2 ดอก ใบประดบั ขนาดเลก็ กลบี เลยี้ งรปู ถว้ ย ยาว 3-5 มม. มี 5 กลบี รปู สามเหลย่ี ม
มักเกลี้ยง ส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบท้ังมีขนและเกล้ียง ต้นที่เกล้ียง แคบ ๆ ดอกสเี หลือง ยาว 0.8-1 ซม. ดา้ นนอกสอี อ่ นกว่า มเี สน้ กลบี สนี ำ�้ ตาล
เคยแยกเป็น var. subnudus Ryan & Kerr กลบี กลางรปู ไขก่ ลบั โคนมตี ง่ิ กลบี ปกี และกลบี คลู่ า่ งรปู ขอบขนาน สนั้ กวา่ กลบี กลาง
โคนมตี งิ่ ดา้ นเดยี ว เกสรเพศผเู้ ชอื่ มตดิ 2 กลมุ่ อนั หนงึ่ แยกจรดโคน รงั ไขม่ ขี นหยาบ
เอกสารอา้ งอิง หนาแน่น ออวุล 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมียโคง้ เข้า ฝักรปู รีหรือรูปขอบขนาน เบีย้ ว
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand. ยาวได้ถึง 1 ซม. มขี นหยาบหนาแน่น มี 2 เมล็ด สีด�ำ มกี ้านสนั้ ๆ ข้วั เมลด็ รูปเส้นดา้ ย
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 137-138.
Smitinand, T, J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี
Cambodge du Laos et du Vietnam 25: 26-30. ขน้ึ ตามท่ีโลง่ ชายปา่ และเขาหินปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร รากกนิ สด
บำ� รงุ ก�ำลงั แกท้ อ้ งเสยี เมล็ดตม้ เอาน้�ำมสี รรพคุณสมานแผล และขบั ปัสสาวะ
เหียง: ช่อดอกเกลย้ี งหรือมขี นยาว กลบี ดอกบดิ เวียน หลอดกลีบเลยี้ งห้มุ ผลเรียบ ปกี ส้ัน ขอบพับกลับ (ภาพช่อดอกเกล้ยี ง:
ผาชนะได อบุ ลราชธานี - PK; ภาพช่อดอกมขี นยาว: แม่สะนาม เชียงใหม่ - RP; ภาพผล: ผาแต้ม อุบลราชธานี - MT) สกลุ Eriosema (DC.) Desv. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Papilionoideae เผ่า Phaseoleae
มีประมาณ 130 ชนิด พบในเขตรอ้ น โดยเฉพาะแอฟริกา ในไทยมชี นดิ เดียว
แหนแดง ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรีก “erion” ขนแบบขนแกะ และ “sema” กลบี กลาง ตาม
ลักษณะกลีบกลางด้านนอกมีขนคล้ายขนแกะ
Azolla pinnata R. Br. เอกสารอา้ งอิง
วงศ์ Salviniaceae Sa, R. and M.G. Gilbert. (2010). Fabaceae (Eriosema). In Flora of China Vol.
เฟนิ ลอยในนำ�้ รากใตน้ ำ�้ จำ� นวนมาก ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. มขี นนมุ่ หนาแนน่ มไี หล 10: 227.
แตกแขนงหนาแนน่ รปู ขนนกคลา้ ยรปู สามเหลย่ี ม ยาว 1-3 ซม. ใบเรยี งสลบั 2 แถว
ซ้อนกันหนาแน่น รปู รหี รือรปู ไข่ ยาว 1-2 มม. ไรก้ ้าน แยกเป็น 2 พู พบู นอยู่ แหว้ ประด:ู่ ถิ่นทีอ่ ยู่ขึน้ ตามที่โลง่ บนเขาหินปูน มขี นยาวคลา้ ยไหมตามลำ� ตน้ หูใบ แผ่นใบ กลีบเลี้ยง และกลบี กลาง
เหนือน้�ำ พลู ่างอยูใ่ ตน้ ำ�้ แผ่นใบสมี ่วงอมชมพูหรืออมแดง ด้านบนมีปุ่มเล็ก ๆ ด้านนอก ใบประกอบมีใบเดยี ว ช่อดอกมี 1-2 ดอก (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก - PK)
หนาแน่น มีเย่อื เหนยี วก่งึ ใสตามขอบใบ สปอโรคาร์ปออกเป็นคู่ เกิดใกลโ้ คน
ของพทู ่ีอยู่ใตน้ ำ้� แตล่ ะอันมอี ับเมกะสปอร์ขนาดเล็กอนั เดียวอยูด่ ้านลา่ ง และ แหะ
อบั ไมโครสปอรข์ นาดใหญก่ ว่าอยู่ด้านบนจำ� นวนมาก มีเย่ือคลมุ
Cynometra craibii Gagnep.
พบทวั่ ไปในเขตรอ้ น มคี วามผนั แปรสงู บางครงั้ แยกเปน็ หลายชนดิ ยอ่ ย ในไทย วงศ์ Fabaceae
พบทกุ ภาค ข้นึ ในหนองนำ้� นาข้าว ท่ีโลง่ แจง้ ความสูงระดับต�่ำ ๆ ใชเ้ ป็นพืชดดู สารพษิ
และปุ๋ยพชื สด มสี รรพคณุ ขบั เหง่ือ และขบั ปัสสาวะ ไม้พมุ่ หรือไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 25 ม. ใบประกอบมใี บย่อย 1 คู่ ก้านใบยาว 5-7 มม.
ใบยอ่ ยรปู ไข่หรือรูปขอบขนาน เบยี้ ว โค้งงอ ยาว 4.5-6.5 ซม. ปลายแหลม
สกลุ Azolla Lam. เดิมอยู่ภายใตว้ งศ์ Azollaceae มีประมาณ 7 ชนิด พบในเขตร้อน แหลมยาว หรือยาวคล้ายหาง โคนเบย้ี ว ก้านใบยอ่ ยสัน้ มาก ชอ่ ดอกออกส้นั ๆ
และเขตอบอุ่น ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนดิ คือ A. caroliniana Willd. มีขนาดเลก็ กว่า ตามซอกใบ แกนกลางชอ่ ยาวไมเ่ กนิ 5 มม. ใบประดบั รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ
ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี “azos” หรือ “azo” แห้งหรอื เผา และ “ollumi” หรือ 2 มม. ขอบมขี นครยุ ใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ เกลย้ี ง กา้ นดอกยาวประมาณ 3 มม.
“olluo” ท�ำ ลาย หมายถงึ เป็นพืชทีแ่ หง้ ตายจากความร้อนท่แี ผดเผา กลีบเลยี้ งยาว 2-3 มม. กลบี ดอกยาวเท่า ๆ กลีบเล้ียง เกสรเพศผู้มีประมาณ 10 อัน
เอกสารอา้ งอิง ยาว 2-3 มม. รังไขเ่ กล้ยี ง มกี ้านส้นั ๆ ก้านเกสรเพศเมียสน้ั ฝักแบนคล้ายรปู
Lin, Y., S. Lei, M. Funston and M.G. Gilbert. (2013). Salviniaceae. In Flora of สเ่ี หลยี่ มคางหมู ยาวประมาณ 5 ซม. ปลายเปน็ จะงอยดา้ นขา้ ง ผวิ เรยี บ เปลอื กบาง
(ดูขอ้ มลู เพ่ิมเติมที่ มะคะ, สกุล)
China Vol. 2-3: 125-126.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Azollaceae. In Flora of Thailand Vol. 3(4):
605-606.
472
สารานุกรมพชื ในประเทศไทย โหราผักกดู
พบทลี่ าว และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของไทยทนี่ ครพนม ขน้ึ ตามรมิ แมน่ ำ้� เอกสารอา้ งอิง
ความสงู 100-200 เมตร Thiv, M. (2003). A taxonomic revison of Canscora, Cracosna, Duplipetala, Hoppea,
Microphium, Phyllocyclus and Schinziella (Gentianaceae-Canscorinae).
เอกสารอ้างอิง Blumea 46: 25-27.
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae (Canscora). In Flora of Thailand. Vol.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 46. 5(1): 73-78.
แหะ: ใบประกอบแบบมใี บย่อยคูเ่ ดยี ว เบ้ยี ว ปลายยาวคลา้ ยหาง ชอ่ ดอกออกส้ัน ๆ ตามซอกใบ ฝักแบน ผวิ เรียบ โหมหดั : หลอดกลีบเลย้ี งมีสัน 6 สัน (ภาพบนซา้ ย: พบพระ ตาก - RP; ภาพบนขวา: ทองผาภมู ิ กาญจนบุรี - PK);
ปลายเป็นจะงอยด้านขา้ ง (ภาพ: แมน่ �้ำสงคราม นครพนม - PK) โหมหัดเขา: ใบประดับรูปไข่ ตดิ รอบขอ้ หลอดกลบี เล้ยี งมสี นั ตน้ื ๆ 3 สนั (ภาพล่าง: เขาประ-บางคราม กระบ่ี - RP)
โหมหัด, สกุล โหราผักกูด
Duplipetala Thiv Microlepia speluncae (L.) T. Moore
วงศ์ Gentianaceae วงศ์ Dennstaedtiaceae
ไมล้ ม้ ลกุ ใบเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกงิ่ ชอ่ื พอ้ ง Polypodium speluncae L.
กลบี เล้ียงมี 3 หรือ 6 กลบี โป่งพอง มีสนั ต้นื ๆ ผวิ เป็นลายรา่ งแห ดอกรูปแตร
มี 5-6 กลบี กลบี ดอกสั้นกว่าหลอดกลบี ดอก เกสรเพศผเู้ ทา่ จำ� นวนกลีบดอก เฟินขึ้นบนพน้ื ดิน เหงา้ สีน�้ำตาลเข้ม ทอดขนาน เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 4-7 มม.
ตดิ ภายในหลอดกลบี บางครงั้ ยาวไมเ่ ทา่ กนั มี 2 คารเ์ พล พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ มขี นสนั้ นมุ่ ตามเหงา้ กา้ นใบ แกนกลางใบประกอบ และแผน่ ใบดา้ นลา่ ง ใบประกอบ
เกสรเพศเมยี รูปเสน้ ดา้ ย ยอดเกสรแยกเป็น 2 พู ผลแหง้ แตกตามแนวประสาน 3-4 ชัน้ ก้านใบยาว 30-80 ซม. ดา้ นบนมรี อ่ งตามยาว แผน่ ใบกวา้ ง 0.5-1 ม.
เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ยาว 0.7-1 ม. ใบประกอบยอ่ ยมขี า้ งละ 10-20 ใบ เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู ขอบขนาน
แกมรูปใบหอก กวา้ ง 7-20 ซม. ยาว 20-65 ซม. ก้านยาว 1-1.5 ซม. ใบประกอบย่อย
สกุล Duplipetala แยกมาจากสกลุ สามยอด Canscora เชน่ เดียวกบั สกุลประกายฉตั ร ชั้นท่สี องมี 20-30 คู่ รปู ขอบขนานแกมรูปใบหอก กว้าง 1.7-3 ซม. ยาว 5-15 ซม.
Phyllocyclus กลีบดอกมี 5-6 กลบี ส่วนสกุล Phyllocyclus ใบติดรอบขอ้ (perfoliate) ใบยอ่ ยรูปขอบขนานยาว 1.5-2 ซม. ปลายมน โคนรูปลมิ่ แผ่เปน็ ครีบ ดา้ นบนมีตง่ิ
มเี พียง 2 ชนดิ พบที่คาบสมุทรมลายู และไทย ชอื่ สกลุ หมายถงึ กลีบดอกเปน็ 2 เทา่ ขอบแฉกลกึ รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบพาย ปลายมนหรือตัด จักซ่ฟี นั เสน้ แขนงใบ
ของกลีบเล้ยี งในชนิด D. pentanthera (C. B. Clarke) Thiv แยกสาขาเปน็ คู่ กลมุ่ อบั สปอรเ์ กดิ ตอ่ เนอื่ งทปี่ ลายเสน้ แขนงใบใกลข้ อบใบ เยอื่ คลมุ
กล่มุ อับสปอรร์ ปู ถว้ ยขนาดเล็ก มีขนปกคลมุ
โหมหัด
พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า เอเชยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย
Duplipetala hexagona (Kerr) Thiv พบทุกภาค ขึ้นตามที่โล่ง ชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร
ชอ่ื พอ้ ง Canscora hexagona Kerr สกลุ Microlepia C. Presl มี 50-60 ชนดิ พบในเขตร้อนและก่ึงเขตรอ้ น ในไทย
มี 12 ชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “mikros” ขนาดเล็ก และ “lepis” เกลด็
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. ล�ำตน้ มสี นั เปน็ เหลยี่ มตน้ื ๆ ใบรปู ไขห่ รอื แกมรปู ใบหอก ตามลักษณะเยือ่ คลมุ กลุ่มอบั สปอรร์ ูปถ้วยขนาดเลก็
ยาว 1-7 มม. ปลายแหลม แผ่นใบบาง ก้านใบสัน้ มาก ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว เอกสารอา้ งองิ
1-5 มม. ชอ่ ดอกสัน้ มี 3-8 ดอก กา้ นดอกยาวประมาณ 3 มม. หลอดกลีบเลีย้ งยาว Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
6-8 มม. มสี นั 6 สัน คลา้ ยปกี กวา้ งประมาณ 1 มม. มีต่อมประปราย ปลายแยก
เปน็ แฉกสั้น ๆ 6 แฉก ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสขี าว หลอดกลบี ยาว 7-8 มม. Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
ปลายแยกเปน็ 6 แฉก หรือ 5 แฉก แฉกยาว 2-3 มม. เกสรเพศผยู้ าว 2-4 มม. Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Dennstaedtiaceae. In Flora of Thailand Vol.
ก้านเกสรเพศเมียยาวได้ถึง 4 มม. ผลรูปขอบขนานยาว 3-4 ซม.
3(1): 111-124.
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบกระจายทางภาคเหนอื ทเ่ี ชยี งใหม่ ตาก ภาคตะวนั ออก Yuehong, Y., Q. Xinping and S. Serizawa. (2013). Dennstaedtiaceae (Microlepia).
ท่นี ครราชสีมา และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ี่กาญจนบรุ ี ขน้ึ ตามทโี่ ลง่ ชายปา่ หรือ
บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1300 เมตร In Flora of China Vol. 2-3: 166.
โหมหดั เขา โหราผักกดู : ใบประกอบ 3-4 ช้นั กลุ่มอับสปอร์เกดิ ตอ่ เน่ืองทป่ี ลายเส้นแขนงใบใกลข้ อบใบ (ภาพ: บางกะมา่ ราชบุรี - PK)
Duplipetala pentanthera (C. B. Clarke) Thiv
ช่ือพ้อง Canscora pentanthera C. B. Clarke
ไม้ลม้ ลกุ สงู ได้ถงึ 60 ซม. ใบรูปไข่หรอื แกมรูปใบหอก ยาว 3-10 ซม. กา้ นใบ
ยาว 1-4 ซม. ใบประดับรปู ไข่ ตดิ รอบขอ้ ยาว 0.5-1.3 ซม. ช่อดอกมีไดถ้ งึ 20 ดอก
กา้ นดอกยาว 2-3 มม. หลอดกลีบเลย้ี งยาว 1-1.2 ซม. มีสนั ตืน้ ๆ 3 สนั คล้ายปกี
กว้างประมาณ 1.5 มม. ปลายแยกเป็นแฉก 3 แฉก ยาวประมาณ 2 มม. ดอกสีขาว
หลอดกลีบยาว 1-1.5 ซม. ปลายแยกเปน็ 5-6 แฉก ยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้
ยาว 2-5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวได้ถงึ 7 มม. ผลรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม.
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ บน
เขาหินปูนในปา่ ดบิ ช้ืน ริมล�ำธาร หรอื ตามสันเขา ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร
473
ไหมจุรี สารานุกรมพืชในประเทศไทย
ไหมจุรี พชื ถนิ่ เดยี วของรฐั ควนี สแ์ ลนดใ์ นออสเตรเลยี ขนึ้ ตามทแ่ี หง้ แลง้ และปา่ ชายหาด
ความสูงถึงประมาณ 500 เมตร ปลูกเป็นไม้ประดับหรือท�ำเป็นไม้แคระ แต่ยัง
Ceiba speciosa (A. St.-Hil.) Ravenna ไม่แพร่หลายนักในประเทศไทย
วงศ์ Malvaceae
อรพิม, สกลุ
ชอ่ื พ้อง Chorisia speciosa A. St.-Hil.
Lysiphyllum (Benth.) de Wit
ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. ลำ� ตน้ และกง่ิ มหี นามหนา ใบประกอบรปู ฝา่ มอื วงศ์ Fabaceae
เรียงเวียน มใี บย่อย 5-7 ใบ รปู ใบหอก ยาว 10-12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ
ขอบจักฟนั เล่อื ย ใบประดับรว่ งเร็ว ดอกออกเป็นกระจกุ ตามซอกใบก่อนผลใิ บ ไมเ้ ถา ไมพ้ มุ่ รอเลอ้ื ย หรอื ไมต้ น้ สว่ นมากมมี อื จบั ใบประกอบสว่ นมากมใี บเดยี ว
กา้ นดอกหนา ยาว 1-1.5 ซม. กลีบเล้ยี งรปู ระฆัง หนา แยก 3-5 แฉก ตดิ ทน ดา้ นใน ส่วนใหญแ่ ฉกลึกหรอื แยกจรดโคนดคู ล้ายมี 2 ใบย่อย ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ
มีขนหนาแนน่ ดอกสชี มพู โคนสีครมี อมเหลอื ง มี 5 กลีบ โคนเช่อื มตดิ กนั แนบ ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ตาดอกรปู กระสวย กลบี เลยี้ งแยก
ตดิ เสา้ เกสรเพศผู้ กลบี รปู ใบพาย กว้าง 2.5-3.5 ซม. ยาว 7-10 ซม. ด้านนอกมขี น 5 แฉกต้ืน ๆ หรอื แฉกลกึ กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผทู้ ี่สมบรู ณ์ 10 อนั รงั ไข่มกี ้าน
คลา้ ยไหม กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั เปน็ เสา้ เกสร เกลย้ี ง หมุ้ เกสรเพศเมยี บางครง้ั ผลเป็นฝัก แบน เมล็ดมขี ้วั
ปลายเสา้ เกสรแยกเปน็ กา้ นชูอับเรณูสนั้ ๆ อับเรณู 5-15 อนั บดิ งอ รงั ไข่มี 5 ชอ่ ง
เชอื่ มตดิ กนั พลาเซนตารอบแกนรว่ ม ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว สกลุ Lysiphyllum อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Caesalpinioideae เผ่า Cercideae เคยอยู่
ยอดเกสรจักเปน็ พู สขี าวหรอื ชมพู ผลแหง้ แตก รูปไข่กว้าง ยาว 12-18 ซม. ภายใตส้ กลุ Bauhinia sect. Lysiphyllum มี 8 ชนดิ พบในแอฟรกิ า เอเชีย และ
ผนงั ดา้ นในมีขนคลา้ ยไหม เมล็ดจำ� นวนมาก มใี ยนนุ่ หนาแนน่ ออสเตรเลยี ในไทยมีพชื พนื้ เมือง 2-3 ชนดิ คือ อรพิม และขยนั L. strychnifolium
(Craib) A. Schmitz ส่วน L. binatum (Blanco) de Wit บางขอ้ มลู ถูกจดั ใหอ้ ยใู่ น
มถี น่ิ กำ� เนดิ ในบราซลิ อารเ์ จนตนิ า ปารากวยั เปรู และโบลเิ วยี เปน็ ไมป้ ระดบั สกลุ Bauhinia และพบเป็นไมป้ ระดบั 1 ชนดิ คือ อรพนั L. hookeri (F. Muell.)
ทวั่ ไปในเขตรอ้ น Pedley อนง่ึ ขยัน มเี กสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 3 อนั เปน็ หมัน 7 อนั และใบไมแ่ ยกเป็น
แฉก แตถ่ ูกยา้ ยมาในสกุลนตี้ ามลกั ษณะของเรณู ซึง่ การจัดจำ�แนกจงึ ยังไม่ได้ข้อยตุ ิ
สกลุ Ceiba Mill. มปี ระมาณ 17 ชนดิ สว่ นมากพบในอเมริกาเขตร้อน พบใน
แอฟริกาชนดิ เดยี ว ในไทยยงั มี นนุ่ C. pentandra (L.) Gaertn. ทน่ี ิยมปลูกเพื่อ อรพมิ
นำ�เส้นใย (ปยุ น่นุ ) มาใช้ประโยชน์ มีถน่ิ กำ�เนิดในอเมริกาเขตร้อน และแอฟรกิ า
ชอื่ สกลุ มาจากชอื่ พ้นื เมอื งในอเมรกิ าใต้ท่ีเรียกพชื สกลุ น้ี Lysiphyllum winitii (Craib) de Wit
เอกสารอ้างอิง
Gibbs, P. and J. Semir. (2003). A taxonomic revision of the genus Ceiba Mill. ชื่อพ้อง Bauhinia winitii Craib
(Bombacaceae). Anales del Jardín Botánico de Madrid 60(2): 271-273. ไมเ้ ถาเนอ้ื แข็ง มีมอื จับ ก่ิงอ่อนมขี นสัน้ นมุ่ สนี ำ้� ตาล ใบยอ่ ยแฉกลกึ จรดโคน
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum มหี ใู บขนาดเลก็ 1 อนั ก้านใบประกอบยาวประมาณ 1 ซม. ใบยอ่ ยรปู ไข่ เบย้ี ว
ปลายกลม ยาว 3-4.5 ซม. ด้านลา่ งมนี วล เสน้ แขนงใบออกจากโคน 3-4 เส้น ไรก้ ้าน
Press, Honolulu, Hawai`i. ช่อดอกยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ก้านดอกหนา ยาว 4-8 มม. ตาดอกยาวประมาณ 3 ซม.
ฐานดอกยาว 4-6 ซม. มีขนสั้นนมุ่ สนี ำ�้ ตาล มรี ว้ิ กลีบเลย้ี งยาวประมาณก่ึงหน่งึ
ไหมจรุ :ี ใบประกอบรูปฝ่ามอื มใี บย่อย 5-7 ใบ ดอกสีชมพู โคนสีครมี อมเหลือง แนบตดิ เส้าเกสรเพศผู้ ปลายเส้าเกสร ของฐานดอก แฉกลกึ จรดโคน กลบี ดอกรปู รหี รอืิ รปู ขอบขนาน ยาวไดถ้ งึ 9 ซม.
บางครง้ั แยกเปน็ ก้านชูอับเรณูสัน้ ๆ (ภาพ: cultivated - RP) รวมกา้ นกลบี กลบี หนา้ มสี เี หลอื งออ่ นแซม กวา้ งกวา่ เลก็ นอ้ ย กา้ นชอู บั เรณสู ขี าว
ยาวได้ถงึ 7 ซม. อบั เรณสู นี ำ้� ตาล รังไขร่ วมก้านยาวประมาณ 4 ซม. ก้านเกสรเพศเมยี
อรพนั ยาวเทา่ ๆ กบั รงั ไข่ ยอดเกสรรปู โลส่ นี �้ำตาลเขม้ ฝกั บาง รปู ใบหอก บดิ งอเลก็ นอ้ ย
ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. มี 6-10 เมล็ด แบน เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 1-1.5 ซม.
Lysiphyllum hookeri (F. Muell.) Pedley
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทนี่ ครสวรรค์ ภาคกลางทลี่ พบรุ ี
ชอื่ พ้อง Bauhinia hookeri F. Muell. สระบุรี และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบุรี ข้นึ ตามทโ่ี ลง่ บนเขาหนิ ปูนเตย้ี ๆ
ความสงู ถงึ ประมาณ 100 เมตร
ไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 10 ม. แตกก่ิงต่ำ� เปลือกแตกเป็นร่องตามยาว ใบประกอบมี
2 ใบย่อย แยกกัน กางออกเล็กน้อยดูคล้ายรูปผีเส้ือ เรียงสลับระนาบเดียว เอกสารอา้ งอิง
ระหว่างใบมหี ใู บขนาดเลก็ 1 อัน ก้านใบประกอบยาว 1-1.5 ซม. ใบรูปรี เบย้ี ว Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
ยาว 2-3 ซม. ปลายมน แผน่ ใบดา้ นลา่ งมนี วล เสน้ แขนงใบออกจากโคน 3-5 เสน้ In Flora of Thailand Vol. 4(1): 21-22.
ไร้กา้ น ช่อดอกออกสั้น ๆ ตามปลายก่ิง ตาดอกยาว 1-1.5 ซม. กา้ นดอกสน้ั กวา่ Lewis, G.P. and F. Forest. (2005). Tribe Cercideae. In Legumes of the World.
ฐานดอก ฐานดอกยาวกวา่ กลีบเล้ียงเลก็ น้อย กลีบเล้ยี งหนา แฉกลึก รปู รี ยาว Royal Botanic Gardens, Kew.
1-1.5 ซม. ปลายมตี ิง่ ดา้ นนอกมีขนสั้นนุ่ม ดอกสีขาว กลบี รูปรี ยาวได้ถึง 4 ซม. Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
รวมก้านกลบี ก้านชอู บั เรณยู าว 4-5.5 ซม. สชี มพอู มแดง โคนสีขาว อบั เรณสู แี ดง Press, Honolulu, Hawai`i.
รงั ไขร่ วมกา้ นและกา้ นเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เกสรเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย ยอดเกสรเพศเมยี
รูปโล่ สเี ขยี ว ฝกั รูปขอบขนานถงึ รูปใบหอก ยาว 7-20 ซม. ขอบมสี ันหนา ปลายมี อรพัน: ใบประกอบมี 2 ใบย่อย แยกกนั เรยี งสลับระนาบเดียว ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกสั้น ๆ ตามปลายกงิ่
จะงอยยาว 1-3 ซม. กา้ นผลยาว 5-7 ซม. รวมฐานดอกที่ขยาย มีไดถ้ ึง 10 เมลด็ ดอกขนาดใหญ่ มีกา้ นกลบี ส้ัน ๆ เกสรเพศผู้ 10 อัน อบั เรณูสแี ดง ปลายฝักมีจะงอย (ภาพ: cultivated - RP)
รูปรี แบน ยาวประมาณ 1 ซม.
474
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย อว้ั
อรพิม: ใบประกอบมี 2 ใบยอ่ ย เรยี งเวียน ฐานดอกมีขนสน้ั นมุ่ สีนำ้� ตาล มรี ว้ิ กลีบเลยี้ งแฉกลกึ จรดโคน กลบี ดอก องั กาบหนู
กลบี หนา้ มีสีเหลอื งออ่ นแซม อับเรณสู นี �้ำตาล ฝกั บาง บิดงอเล็กน้อย (ภาพ: พระพุทธบาท สระบุรี - RP)
Barleria prionitis L.
องั กาบ, สกลุ ไมพ้ มุ่ สงู 1-1.5 ม. เกลยี้ ง มหี นามรอบขอ้ ยาว 1-2 ซม. ใบรูปรี รปู ไข่ หรือ
Barleria L. รูปขอบขนาน ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม มีต่งิ แหลม โคนสอบเรยี ว ขอบมีขนแขง็
วงศ์ Acanthaceae แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั นมุ่ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 2.5 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบใกล้
ปลายก่งิ คลา้ ยช่อเชงิ ลดสน้ั ๆ ใบประดับรปู แถบ ยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดับยอ่ ย
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ มหี นามหรอื ไมม่ ี ใบเรยี งตรงขา้ ม ขอบเรยี บ แผน่ ใบมผี ลกึ เปน็ หนาม ตดิ ทน ยาว 1-1.5 ซม. กลีบเลี้ยงคนู่ อกยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายมี
ซิสโทลิทกระจาย ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกตามซอกใบ หรือคล้ายช่อเชิงลด ติ่งหนาม กลีบค่ใู นรปู ไข่ ปลายแหลมยาว ดอกสเี หลืองอมสม้ หลอดกลบี ดอกยาว
ออกทป่ี ลายกง่ิ ใบประดบั คลา้ ยใบ กลบี เลย้ี ง 4 กลบี เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม ดอกรปู แตร 2-2.5 ซม. กลบี บนยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี ดอก กลีบลา่ งขนาดเล็กกวา่ เล็กนอ้ ย
หรอื รูปดอกเข็ม สมมาตรด้านข้าง กลีบบน 4 กลีบ เรยี งซ้อนเหล่อื ม กลบี ลา่ ง เกสรเพศผู้ 2 อัน ยื่นเลยปากหลอดกลีบเลก็ น้อย เปน็ หมนั 2 อัน กา้ นเกสรเพศเมยี
1 กลีบ สว่ นมากแผก่ ว้างกว่ากลบี บนเลก็ น้อย เกสรเพศผู้ 2 อนั หรือมี 2 คู่ไมเ่ ทา่ กัน ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ผลรปู ไขแ่ กมรูปขอบขนาน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายมีจะงอย
หรือ 2 อันเป็นหมัน โคนก้านชูอับเรณมู ีขน บางครั้งมเี กสรเพศผเู้ ป็นหมนั 1 อนั เมล็ดแบน รูปไข่ ยาว 5-7 มม. มขี นคลา้ ยไหม
รงั ไข่มี 2 ช่อง แตล่ ะช่องมอี อวลุ 2 เมด็ ก้านเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรแยก
2 พหู รือเรียบ เมล็ดสว่ นมากมขี นทีไ่ วต่อความชื้น (hygroscopic hairs) พบทวั่ ไปในแอฟรกิ า เปน็ วชั พชื ในเอเชยี เขตรอ้ น ขนึ้ หนาแนน่ ตามเขาหนิ ปนู
ท่แี หง้ แล้ง พบมากทางภาคตะวันตกเฉียงใตแ้ ละภาคใต้ ทกุ ส่วนมีสรรพคณุ ด้าน
สกุล Barleria มปี ระมาณ 230 ชนดิ ส่วนใหญ่พบในแอฟรกิ าและเอเชีย ในไทย สมนุ ไพรหลายอยา่ ง โดยเฉพาะแกป้ วดฟนั มคี วามผนั แปรสงู แยกเปน็ หลายชนดิ ยอ่ ย
มีพชื พน้ื เมืองมากกวา่ 5 ชนิด เปน็ วัชพชื และไมป้ ระดบั 3-4 ชนดิ ชอื่ สกุลต้งั ตาม ตามลกั ษณะชอ่ ดอก สงิ่ ปกคลมุ บนดอกและผล และความยาวของหนาม
นกั พฤกษศาสตรช์ าวฝรง่ั เศส Jacques Barrelier (1606-1673)
เอกสารอา้ งอิง
อังกาบ Bremekamp, C.E.B. (1961). Scrophulariaceae, Nelsonieae, Thunbergiaceae,
Acanthaceae. Dansk Botanisk Arkiv 20(1): 65.
Barleria cristata L. Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae (Barleria). In Flora of China Vol.
ไม้พุ่ม สูง 1-1.5 ม. มขี นสั้นนมุ่ ตามลำ� ตน้ โดยเฉพาะตามข้อและเส้นแขนงใบ 19: 468-469.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ใบรูปรถี ึงรูปใบหอก ยาว 3-12 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนสอบเรยี ว ก้านใบ Press, Honolulu, Hawai`i.
ยาวไดถ้ งึ 2 ซม. ใบตามกงิ่ สนั้ ขนาดเลก็ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบหรอื Wood, J.R.I., D. Hillcoat and R.K. Brummitt. (1983). Notes on the types of some
คลา้ ยชอ่ เชงิ ลดทป่ี ลายกง่ิ ใบประดบั รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 0.8-1.5 ซม. names of Arabian Acanthaceae in Forsskal herbarium. Kew Bulletin 38:
กลบี เลย้ี งขอบจกั เปน็ ตง่ิ หนาม ปลายแหลมยาว คนู่ อกรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 436-442.
1.5-2 ซม. คูใ่ นรปู ใบหอก ยาว 6-7 มม. ดอกสมี ว่ ง ชมพู หรือขาว หลอดกลีบดอก
ยาว 3-4 ซม. กลบี บนรปู ไข่กลับ ยาวประมาณ 2 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คู่ไม่เท่ากนั อังกาบ: กลบี เล้ยี งขอบจักเปน็ ติ่งหนาม ช่อดอกแบบช่อกระจกุ ออกตามซอกใบ (ภาพซา้ ยบน: cultivated - RP);
อนั ยาวย่นื เลยปากหลอดกลบี ก้านเกสรเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 4 ซม. ผลรูปรี ยาว 1.5-2 ซม. อังกาบแดง: ใบขนาดเล็ก ดอกสีปูนแห้งอมแดง (ภาพขวา: cultivated - RP); องั กาบหน:ู ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้
เรยี วแหลมท้งั สองด้าน เมล็ดแบน เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 4 มม. มีขน ปลายก่ิงคล้ายชอ่ เชงิ ลด ใบประดับย่อยเปน็ หนาม ดอกสีเหลอื งอมสม้ กลบี บนยาวเท่า ๆ หลอดกลบี ดอก (ภาพซา้ ยลา่ ง:
เพชรบุรี - RP)
พบที่อนิ เดีย ปากีสถาน ศรลี ังกา เนปาล บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พม่า ภมู ภิ าค
อนิ โดจนี และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค ภาคใตถ้ งึ ชมุ พร ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ อ้ัว
ปา่ เตง็ รงั และปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั มสี รรพคณุ
ลดการอกั เสบ บรรเทาอาการหมดสติจากภาวะนำ�้ ตาลลด และอาการเกรง็ Calanthe triplicata (Willemet) Ames
วงศ์ Orchidaceae
อังกาบแดง
ชื่อพอ้ ง Orchis triplicata Willemet
Barleria repens Nees
ไมพ้ มุ่ ทอดนอน สูงไดถ้ งึ 1.5 ม. ใบขนาดเลก็ รูปรี ยาว 2-5 ซม. ปลายแหลมหรือ กลว้ ยไม้ดิน มี 2-8 ใบ รปู รีหรือรูปขอบขนาน ยาว 15-70 ซม. ปลายแหลมยาว
โคนสอบเรยี วเปน็ กา้ นใบ ยาว 5-26 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั นมุ่ กา้ นชอ่ ดอกยาว
กลม โคนสอบเรยี ว ชอ่ ดอกมี 1-2 ดอก ใบประดบั รปู ไข่ ขยายและหมุ้ ผล กลบี เลยี้ ง 45-130 ซม. แกนชอ่ ยาว 4-20 ซม. มขี นละเอยี ดหนาแนน่ หรอื เกลย้ี ง ใบประดบั
รูปไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ 2 ซม. มีขนกระจาย คู่นอกมขี นาดใหญก่ ว่าค่ใู น รปู ใบหอก ยาว 1-3.3 ซม. ติดทน ก้านดอกรวมรงั ไข่ยาว 3-6 ซม. มีขนละเอยี ด
เลก็ นอ้ ย ดอกสีปูนแห้งอมแดง หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 4-5 ซม. กลบี บน ดอกสขี าว กลบี ปากมสี เี หลอื งหรอื แดงแตม้ ทโี่ คน ดา้ นนอกมขี นประปราย กลบี เลย้ี ง
รูปไข่ ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 2 ค่ไู มเ่ ทา่ กนั อันยาวยืน่ เลยปากหลอดกลีบ ผลยาว รปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 1-1.8 ซม. ปลายแหลม กลบี ดอกคลา้ ยกลบี เลย้ี ง
1.5-2 ซม. มี 2 หรอื 4 เมล็ด แบน เส้นผ่านศนู ย์กลาง 6-7 มม. ปลายมนหรอื ตดั กลบี ปากปลายจกั ลกึ 3 พู ยาว 1.5-2.2 ซม. พขู า้ งรปู ขอบขนาน
ยาว 0.5-1 ซม. พกู ลางแยก 2 แฉก แฉกยาว 5-8 มม. เดอื ยเรยี ว ยาว 1.5-4.5 ซม.
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ าตอนใต้ เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น บางครงั้ กลาย เสา้ เกสรยาวประมาณ 8 มม. (ดขู ้อมลู เพ่มิ เตมิ ที่ เออ้ื งน�้ำตน้ , สกุล)
เป็นวัชพชื
พบทม่ี าดากสั การ์ อนิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ญป่ี นุ่ ออสเตรเลยี
และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา และปา่ ดบิ ชน้ื
ความสงู 200-1400 เมตร
475
อสั ดง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
เอกสารอ้างองิ อ้ายเบย้ี ว
Kurzweil, H. (2014). Orchidaceae (Calanthe). In Flora of Thailand Vol. 12(2):
373-375. Pentaphragma begoniifolium (Roxb. ex Jack) Wall. ex G. Don
Seidenfaden, G. (1975). Orchid genera in Thailand I: Calanthe R.Br. Dansk วงศ์ Pentaphragmataceae
Botanisk Arkiv 29(2): 15-17.
ชอ่ื พอ้ ง Phyteuma begoniifolium Roxb. ex Jack
อว้ั : กลว้ ยไมด้ นิ โคนสอบเรียวเปน็ ก้านใบ ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ กลบี ปากจกั ลึก 3 พู พูกลางแยก 2 แฉก กลีบปาก
มีสเี หลืองหรอื แดงแต้มทโ่ี คน (ภาพ: เขานัน นครศรธี รรมราช - NT) ไมล้ ม้ ลกุ อวบหนา สงู ไดถ้ งึ 30 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน เบย้ี ว
ยาว 5-25 ซม. ปลายแหลม โคนเป็นต่งิ กลมดา้ นเดียว ขอบจกั ฟนั เล่ือย แผน่ ใบ
อัสดง มขี นประปรายดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาว 1-4 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเดย่ี ว ออกทยี่ อด
1-2 ชอ่ ยาว 3-5 ซม. หรือออกตามซอกใบสัน้ ๆ ก้านชอ่ ส้นั กว่าแกนชอ่ ดอกเรียง
Astilbe rivularis Buch.-Ham. ex D. Don สองแถว ไรก้ า้ น ใบประดับรปู ไขก่ ลับกวา้ ง บาง ยาว 5-9 มม. หลอดกลีบเลีย้ งยาว
วงศ์ Saxifragaceae 4-6 มม. เชอื่ มตดิ รงั ไขม่ ผี นงั กน้ั 5 ชอ่ ง ระหวา่ งชอ่ งมตี อ่ มนำ้� ตอ้ ย กลบี เลยี้ ง 5 กลบี
ขนาดไมเ่ ทา่ กนั เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม รปู ไข่ ยาว 2-2.5 มม. ตดิ ทน มขี นยาวประปราย
ไม้ลม้ ลกุ สูงไดถ้ งึ 2.5 ม. มเี หงา้ มขี นยาวและขนตอ่ มสีนำ�้ ตาลหนาแนน่ กลบี ดอกรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ระหว่างกลีบดอก
ตามล�ำตน้ เส้นแขนงใบดา้ นลา่ ง แกนใบ และชอ่ ดอก หูใบบาง ติดทโ่ี คนกา้ นใบ ก้านชอู บั เรณยู าวประมาณ 1 มม. อับเรณูติดทีฐ่ าน ปลายแหลม รังไข่ใต้วงกลบี
ยาวได้ถึง 2 ซม. ปลายแยก 2 แฉก รูปสามเหล่ยี ม ยาว 4-6 มม. ใบประกอบมี มี 2 ชอ่ ง พลาเซนตารอบแกนรว่ ม ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั หนา
3 ใบยอ่ ย 2-3 ชัน้ เรยี งเวยี น กา้ นใบประกอบยาว 15-40 ซม. ใบย่อยรูปไข่ รูปไขก่ ลับ ยอดเกสรรปู ทรงกระบอก ยาวประมาณ 1 มม. มรี วิ้ เป็นสนั 5 สัน ผลคลา้ ยผลสด
หรอื รปู สเ่ี หล่ียมขา้ วหลามตัด ยาว 4-14.5 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมหรือเวา้ ตืน้ มีหลายเมลด็ แหง้ ไมแ่ ตก รปู รี ยาว 8-9 มม.
ขอบจกั แผน่ ใบดา้ นบนมขี นแขง็ ประปราย กา้ นใบยอ่ ยไรก้ า้ นหรอื ยาวไดถ้ งึ 2 ซม.
ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกท่ยี อด ยาวได้ถงึ 40 ซม. ใบประดบั 3 อนั ยาว พบที่พม่า คาบสมุทรมลายู และภาคใต้ของไทยต้ังแต่ระนองลงไป ข้ึนตาม
ประมาณ 2 มม. ขอบจกั ดอกสีขาวหรอื สแี ดง ก้านดอกยาว 1-2 มม. ใบประดบั ย่อย ป่าดบิ ชนื้ ความสงู ถึงประมาณ 500 เมตร รากบดพอกแก้อาการบวมช�้ำ
ขนาดเลก็ กลีบเลีย้ ง 4-5 กลีบ รูปไข่ ยาว 1-2 มม. ส่วนใหญไ่ ม่มีกลบี ดอก หรือมี
1-2 กลบี ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ 5-12 อัน ก้านชูอับเรณยู าว 2-3 มม. อบั เรณกู ลม สกุล Pentaphragma Wall. ex G. Don เป็นสกลุ เดียวของวงศ์ มปี ระมาณ 25 ชนิด
มี 2 คาร์เพล เชือ่ มตดิ กันทโ่ี คน พลาเซนตารอบแกนรว่ ม กา้ นเกสรเพศเมยี สั้น พบในจีน ภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซยี ฟลิ ิปปินส์ และนวิ กินี ในไทยมี 3 ชนดิ
กางออก ผลแหง้ แตก กางออก ยาว 4-5 มม. เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก อกี 2 ชนดิ คือ P. horsfieldii (Miq.) Airy Shaw พบทางภาคใตต้ อนล่างทนี่ ราธิวาส
และ P. winitii Craib พืชถนิ่ เดียวของไทย พบทางภาคเหนอื ทนี่ า่ น ช่ือสกุลมาจาก
พบทอ่ี นิ เดีย ภฏู าน เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว และเวยี ดนาม ในไทยพบทาง ภาษากรกี “pente” ห้า และ “phragma” แนวรัว้ ตามลักษณะวงเกสรเพศเมีย
ภาคเหนอื ทด่ี อยอนิ ทนนท์ จงั หวดั เชยี งใหม่ ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ ชายปา่ ดบิ เขาสงู ความสงู แยกจากฐานดอกตามรอยเวา้ ตอ่ มน�้ำ ต้อย 5 ตอ่ ม เหมอื นแนวรว้ั
2400-2500 เมตร รากมสี รรพคณุ แกท้ อ้ งเสยี บดิ และโรคไขขอ้ ใบสดเคยี้ วแกป้ วดฟนั เอกสารอา้ งองิ
Airy Shaw, H.K. (1954). Pentaphragmataceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 525.
สกลุ Astilbe มีประมาณ 18 ชนดิ พบในอเมรกิ าเหนอื และเอเชีย ในไทยมีชนดิ เดียว Hong, D. and N.J. Turland. (2011). Pentaphragmataceae. In Flora of China
ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “a” ไมม่ ี และ “stilbe” เปน็ มันวาว ตามลกั ษณะดอกและใบ
เอกสารอา้ งอิง Vol. 19: 564.
Larsen, K. (2002). Saxifragaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(4): 915-920.
Pan, J.T. and H. Ohba. (2001). Saxifragaceae (Astilbe). In Flora of China Vol. อา้ ยเบ้ยี ว: ใบเรียงเวยี น เบีย้ ว โคนเป็นตง่ิ กลมด้านเดียว ช่อดอกแบบช่อวงแถวเดยี่ ว ดอกเรยี งสองแถว ไรก้ า้ น
(ภาพ: กรุงชงิ นครศรีธรรมราช - RP)
8: 247, 276.
อนิ ถวานอ้ ย
อัสดง: มีขนยาวและขนตอ่ มหนาแน่น ใบประกอบ 2-3 ชน้ั มี 3 ใบย่อย ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ออกทีย่ อด
กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ ไม่มกี ลบี ดอก ผลแห้งแตก กางออก (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชียงใหม;่ ภาพวสิ ยั และช่อดอก - RP, Kailarsenia lineata (Craib) Tirveng.
ภาพดอกขยาย - PK, ภาพใบประกอบและช่อผล - SSi) วงศ์ Rubiaceae
ชือ่ พ้อง Gardenia lineata Craib
ไม้พุ่ม แตกกงิ่ หนาแน่น สูงได้ถึง 2 ม. มีขนสั้นนุ่มตามกงิ่ ออ่ น เส้นแขนงใบ
ดา้ นลา่ ง กา้ นใบ หลอดกลบี ดอกดา้ นนอก หใู บเชอื่ มตดิ กนั ปลายจกั เปน็ 2 แฉก
ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 3-4 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรยี ว
เส้นแขนงใบมขี ้างละประมาณ 10 เส้น ก้านใบยาวประมาณ 2 มม. ดอกออกเดี่ยว ๆ
ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกส้ันมาก กลบี ดอกและกลีบเล้ียงจำ� นวน
อยา่ งละ 5 กลบี ฐานดอกมี 5 สัน หลอดกลีบเล้ยี งยาวประมาณ 2 มม. ปลายแฉก
รปู สามเหลย่ี มขนาดเลก็ ตดิ ทน ดอกรปู ระฆงั หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 2 ซม.
กลบี รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1.3 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ใต้ปากหลอดกลบี ดอก
กา้ นชอู บั เรณสู นั้ มาก อบั เรณรู ปู แถบ ยนื่ พน้ ปากหลอดเลก็ นอ้ ย กา้ นเกสรเพศเมยี
รูปกระบอง ยื่นเลยปากหลอดเล็กนอ้ ย ผลสด รปู รี ยาวประมาณ 2 ซม. มีสนั ตามยาว
5 สนั เมลด็ จำ� นวนมาก
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทนี่ ครพนม ขน้ึ ตามปา่ โปรง่
ท่ีมนี ้�ำทว่ มในฤดนู �้ำหลาก ความสงู ประมาณ 200 เมตร คล้ายกับ K. hygrophila
(Kurz) Tirveng. และ K. godefroyana (Kuntze) Tirveng. ซง่ึ ทัง้ สองชนดิ มี
476
สารานกุ รมพืชในประเทศไทย อนิ ทรชิต
ฐานดอกเรียบ พบทางภาคกลางและภาคตะวนั ออก ส่วนอีก 2 ชนิด พบทางภาคใต้ อินทนิลบก
คอื K. campanula (Ridl.) Tirveng. และ K. tentaculata (Hook. f.) Tirveng.
อนึ่งรปู ในหนงั สอื Rubiaceae of Thailand ที่ระบวุ ่าเปน็ K. lineata (Craib) Lagerstroemia macrocarpa Wall. ex Kurz
Tirveng. แผน่ ใบ ฐานดอก ดอก และผลขนาดใหญ่ นา่ จะเป็น พุดเวียดนาม ทมี่ ักพบ ไม้ต้น สูงได้ถงึ 15 ม. ใบรูปขอบขนาน แกมรปู ไข่หรือรปู ไข่กลบั ยาว 10-45 ซม.
ใชช้ ื่อวิทยาศาสตรว์ ่า Gardenia (Kailarsenia) vietnamensis หรอื G. angusta
‘Vietnam’ ซงึ่ ไมพ่ บในแหลง่ ขอ้ มลู รายชอื่ พชื ตา่ ง ๆ ทใี่ ชป้ ระกอบในการตรวจสอบ แผน่ ใบเกลยี้ งทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ช่อดอกตงั้ ตรง ยาวได้ถงึ 30 ซม. มีขน
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ ในไทยพบเปน็ ไมป้ ระดบั และอาจเปน็ ชนดิ ทพี่ บทภ่ี วู วั จงั หวดั บงึ กาฬ สัน้ น่มุ ก้านดอกเทียมยาว 0.5-2 ซม. ขยายในผลเล็กน้อย ตาดอกรูปกลมหรือรปู ไข่
ยาว 1-1.6 ซม. ปลายส่วนมากไม่มจี กุ หลอดกลบี เล้ียงยาว 5-8 มม. มีสนั ตามยาว
สกุล Kailarsenia Tirveng. แยกมาจากสกุล Gardenia ท่มี หี ใู บแยก 2 แฉก ตดิ ทน ประมาณ 12 สัน ดา้ นนอกมขี นละเอยี ด กลีบหนา รปู สามเหล่ยี ม ยาวประมาณ 1 ซม.
และผลมีขนาดเลก็ กวา่ มปี ระมาณ 6 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมปี ระมาณ บานออกในผล ดอกสชี มพอู มม่วง กลีบรูปกลม ๆ ยาว 3-4 ซม. ขอบยน่ ก้านกลีบ
5 ชนดิ ช่อื สกลุ ตัง้ ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวเดนมาร์ก Prof. Kai Larsen (1921-2012) ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผยู้ าวเทา่ ๆ กัน รงั ไขเ่ กลยี้ ง ผลรูปรกี วา้ งหรือเกอื บกลม
อดตี บรรณาธกิ ารร่วมหนงั สือพรรณพฤกษชาติของประเทศไทย ยาว 3-4 ซม. เกลยี้ ง ปลายมตี งิ่ แหลม แตกเปน็ 6 ซกี (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี ตะแบก, สกลุ )
เอกสารอา้ งอิง
Craib, W.G. (1932). Rubiaceae. Florae Siamensis Enumeratio. Vol. 2: 119-120. พบทีพ่ ม่า ลาว กมั พชู า ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขึ้นตามป่าเต็งรัง
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand. ป่าดบิ แล้ง และป่าดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร เป็นไม้ประดบั ทว่ั ไป
The Forest Herbarium, Bangkok. อินทรชติ
Tirvengadum, D.D. (1983). New taxa and name changes in tropical Asiatic
Lagerstroemia loudonii Teijsm. & Binn.
Rubiaceae. Nordic Journal of Botany 3: 464. ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. เปลอื กคลา้ ยเสลา เปลอื กในสมี ว่ ง ใบรปู รี หรอื รปู ขอบขนาน
อินถวาน้อย: ไมพ้ มุ่ แตกกงิ่ หนาแนน่ หูใบเชอ่ื มตดิ กนั ปลายจักเปน็ 2 แฉก ดอกรปู ระฆัง ผลสด รปู รี มสี นั ตามยาว ยาว 4-21 ซม. แผน่ ใบมีขนสั้นนุ่มทง้ั 2 ด้าน ก้านใบยาว 2-5 มม. ชอ่ ดอกยาว
5 สัน (ภาพ: ทา่ อุเทน นครพนม - MP) 10-30 ซม. ตาดอกรูปไข่ ยาว 5-9 มม. กา้ นดอกเทยี มยาว 2-7 มม. หลอดกลบี เลย้ี ง
ยาว 3-4 มม. มสี นั ประมาณ 12 สนั ตามยาวไมช่ ดั เจน มี 6-8 กลบี รปู สามเหลย่ี ม
ยาว 3-6 มม. ด้านนอกมขี นสัน้ นมุ่ ดา้ นในมีขนช่วงปลายกลีบ ปลายกลีบพับงอกลบั
ในผล ดอกสชี มพเู ขม้ หรอื ม่วง เปลี่ยนเป็นสอี ่อน มี 6-8 กลีบ รปู ไขก่ ลับ ยาว
1.5-2 ซม. ก้านกลีบยาวประมาณ 7 มม. ขอบกลบี เป็นคลืน่ จักชายครยุ แผน่ กลบี ย่น
เกสรเพศผวู้ งนอก 6-7 อนั ยาวกวา่ วงใน รงั ไขม่ ขี นสนั้ นมุ่ ผลรปู รี ยาว 1-2 ซม.
แตกเป็น 5-6 ซีก (ดขู ้อมูลเพ่ิมเตมิ ที่ ตะแบก, สกลุ )
พบทพี่ มา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
ภาคกลาง และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ชายหาด
ความสูงถึงประมาณ 400 เมตร เป็นไมป้ ระดับทว่ั ไป
เอกสารอ้างอิง
de Wilde, W.J.J.O., B.E.E. Duyfjes and P. Phonsena. (2014). Lythraceae. In
Flora of Thailand Vol. 11(4): 569-575.
Furtado, C.X. (1969). A revision of Lagerstroemia L. (Lythraceae). Gardens’
Bulletin Singapore 24: 267-272.
พุดเวยี ดนาม: ใบ ดอก และผลขนาดใหญก่ ว่า (ภาพดอก: cultivated, ภาพผล: บงึ กาฬ; - RP) อนิ ทนลิ น้ำ� : ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ตาดอกปลายมีจุกสน้ั ๆ ผลรปู รีกวา้ งหรือเกอื บกลม เกลย้ี ง ปลายมี
ต่ิงแหลม (ภาพ: cultivated - RP)
อนิ ทนิลน�ำ้
อินทนลิ บก: ตาดอกรูปกลม ปลายสว่ นมากไมม่ ีจกุ หลอดกลีบเลย้ี งมีสันประมาณ 12 สัน กลบี ดอกมีกา้ น ขอบกลบี ย่น
Lagerstroemia speciosa (L.) Pers. เกสรเพศผู้ยาวเท่า ๆ กนั (ภาพ: ทุ่งใหญน่ เรศวร ตาก - RP)
วงศ์ Lythraceae
อินทรชิต: ดอกสชี มพูเขม้ หรือม่วง เปลยี่ นเป็นสอี อ่ น ขอบกลบี เปน็ คลนื่ จักชายครยุ แผน่ กลีบย่น เกสรเพศผ้วู งนอก
ชือ่ พอ้ ง Munchausia speciosa L. 6-7 อันยาวกวา่ วงใน (ภาพซา้ ย: สามร้อยยอด - MT; ภาพขวา: cultivated - RP)
ไม้ตน้ สูงไดถ้ งึ 30 ม. ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 5-20 ซม. แผ่นใบเกลี้ยง
ทั้งสองดา้ น ก้านใบยาว 0.4-1 ซม. ชอ่ ดอกตง้ั ตรง ยาว 15-40 ซม. มขี นสนั้ นุม่
หนาแน่น กา้ นดอกเทยี มยาว 3-8 มม. ขยายในผลยาว 0.5-1.2 ซม. ตาดอกกลม
หรือรปู พีระมิด ยาว 0.7-1.2 ซม. ปลายมีจุกส้นั ๆ หลอดกลบี เลีย้ งยาว 3-8 มม.
มสี นั ตามยาว 12-14 สนั ดา้ นนอกมขี นสน้ั นมุ่ กลบี หนา รปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ
8 มม. บานออกหรอื พบั งอในผล ดอกสมี ว่ งอมชมพู กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาว 1.5-3 ซม.
ขอบยน่ กา้ นกลบี ยาวประมาณ 5 มม. เกสรเพศผูย้ าวเทา่ ๆ กนั รงั ไข่เกล้ยี ง ผลรปู
รกี วา้ งหรือเกอื บกลม ยาว 1.5-2.5 ซม. เกล้ยี ง ปลายมีต่งิ แหลม แตกเปน็ 6 ซีก
(ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ ตะแบก, สกุล)
พบที่อินเดีย พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู สุมาตรา
บอร์เนยี ว ฟลิ ปิ ปินส์ และออสเตรเลีย ในไทยพบทุกภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ
ป่าดบิ แลง้ และป่าดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 750 เมตร เปน็ ไม้ประดบั ทวั่ ไป
เปลอื กแกไ้ ข้ แกท้ อ้ งเสยี ใบหรอื แกน่ ตม้ หรอื ชงนำ้� รอ้ นดมื่ แกโ้ รคเบาหวาน ขบั ปสั สาวะ
และลดความดนั
477
อุตพดิ หนิ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย
อุตพดิ หนิ อู่ชด: ใบเรยี งเวียนเปน็ กระจกุ ท่ีปลายกิ่ง รูปไข่กลับหรือรูปรี ผลรูปรีหรือรปู ไข่ เปลือกเรียบ แบนด้านขา้ งเลก็ นอ้ ย
(ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - SR)
Cryptocoryne albida R. Parker
วงศ์ Araceae เอน็ ลื่น
ไมล้ ม้ ลกุ ขนึ้ ในนำ้� มเี หงา้ และไหล มเี กลด็ หมุ้ ยอดในตน้ ทมี่ ดี อก ใบสเี ขยี วหรอื Merremia peltata (L.) Merr.
มปี ้ืนนำ�้ ตาล รูปใบหอกหรอื รูปแถบ ยาว 10-30 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรียว วงศ์ Convolvulaceae
จรดกา้ นใบ กา้ นใบสน้ั ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดมกี าบ กาบหมุ้ ชอ่ สคี รมี อมน�้ำตาล ยาว
10-20 ซม. โคนหลอดกาบเชือ่ มติดกนั (kettle) ยาว 0.8-1.5 ซม. มีก้านสนั้ ๆ ชื่อพอ้ ง Convolvulus peltatus L.
หลอดกาบชว่ งบนยาว 5-15 ซม. ปลายบานออก ยาว 1-4 ซม. บดิ เวยี น พบั งอกลับ
ไมม่ ชี ว่ งคอกาบ (collar) ชอ่ ดอกเชิงลดขนาดเลก็ ตดิ ภายในโคนหลอดกาบ ไมล้ ม้ ลกุ เถา ยาวไดถ้ งึ 30 ม. ลำ� ตน้ เกลย้ี ง ใบแบบกน้ ปดิ รปู ไขก่ วา้ งเกอื บกลม
ดอกเพศผจู้ ำ� นวนมากอยู่ชว่ งบน ปลายชอ่ มรี ยางค์ขนาดเล็ก อับเรณูมี 2 พู มีเขา ยาว 7-30 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื มีต่งิ แหลม โคนมนหรอื กลม กา้ นใบยาวได้ถึง
สน้ั ๆ ดอกเพศเมียอยูช่ ่วงลา่ ง มี 4-7 ดอก เชือ่ มติดกันเป็นวงเดียว ยอดเกสรตั้งข้ึน 20 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ หลั่น ยาวไดถ้ งึ 40 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 5-15 ซม. ก้านดอก
รปู ไข่ ยอดเกสรโคง้ ออก ชว่ งเปลอื ยเรยี วยาว ผลรปู รกี วา้ ง ดคู ลา้ ยผลรวม มี 1 หรอื ยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายกา้ นหนา กลีบเลย้ี งปลายมนมตี งิ่ แหลม กลบี นอก 3 กลีบ
หลายผล ยาว 1-1.5 ซม. รวมก้านหนา แตล่ ะผลแตกเป็นซีก เมลด็ สนี ำ้� ตาลจ�ำนวนมาก รปู ไข่ ยาว 1.8-2.5 ซม. กลบี คู่ในรปู ขอบขนานแกมรูปไข่ ยาวเทา่ ๆ กลบี นอกแต่
ผิวย่น ยาว 5-8 มม. บางกวา่ ดอกรปู ปากแตร สเี หลอื งเขม้ ยาว 4-6 ซม. กา้ นชอู บั เรณมู ขี นชว่ งโคน
อบั เรณูบิดเวียน ปลายมีกระจุกขน รังไข่เกลยี้ ง ผลรปู ไขก่ ว้าง ยาว 2.5-3 ซม.
พบทพ่ี มา่ ตอนใต้ ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามพนื้ เมลด็ รปู คลา้ ยสามเหลยี่ ม ยาว 6-8 มม. มีขนยาวสีนำ้� ตาลหนาแน่น (ดขู ้อมลู
ทรายหรอื ก้อนหนิ ริมลำ� ธารหรอื ในล�ำธาร ในป่าดบิ ช้นื ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ เพ่ิมเติมที่ จิงจอ้ เหลือง, สกลุ )
สกุล Cryptocoryne Fisch. ex Wydl. อยูภ่ ายใตว้ งศย์ ่อย Aroideae เผา่ พบทแี่ อฟรกิ าตะวนั ออก มาดากสั การ์ ภมู ภิ าคมาเลเซยี และออสเตรเลยี ในไทย
Cryptocoryneae มปี ระมาณ 60 ชนดิ พบในเอเชยี เขตรอ้ น ทุกชนิดเป็นพืชนำ้� พบทางภาคใตท้ ี่นครศรีธรรมราช สรุ าษฎรธ์ านี ภเู กต็ พงั งา นราธวิ าส ข้นึ ตาม
หรือสะเทินน้ำ�สะเทนิ บก (amphibious) ในไทยมี 8 ชนิด ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี ชายปา่ ดิบช้นื ความสงู ถงึ ประมาณ 150 เมตร ในบางพนื้ ทข่ี นึ้ เปน็ วัชพชื ดอกมีทง้ั
“kryptos” ซ่อน และ “koryne” กระบอง ตามรปู ร่างของชอ่ ดอกและชอ่ ผลรูป สขี าวและสเี หลอื ง ในไทยพบเฉพาะสเี หลอื ง นำ�้ ยางขาวใชท้ าแผลสด แผลนำ้� รอ้ นลวก
กระบองมกี าบหมุ้ และเป็นยาระบาย
เอกสารอ้างองิ เอกสารอา้ งอิง
Jacobsen, N., T. Idei and D. Sookchaloem. (2012). Araceae (Cryptocoryne). In Hoogland, R.D. (1953). Convolvulaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 452-453.
Flora of Thailand Vol. 11(2): 218-232. Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 439-440.
อตุ พิดหิน: ใบรูปใบหอกหรอื รูปแถบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลดมกี าบ ปลายกาบหุม้ ชอ่ ดอกบิดเวียน (ภาพ: คลองพนม เอน็ ล่ืน: ใบแบบก้นปดิ ช่อดอกแบบชอ่ เชิงหล่นั กลีบดอกสเี หลอื งเขม้ รปู ปากแตร อับเรณบู ดิ เวยี น ปลายมีกระจุกขน
สรุ าษฎร์ธานี - RP) (ภาพ: ทา่ ศาลา นครศรีธรรมราช - RP)
อชู่ ด เอนอา้ , สกุล
Terminalia foetidissima Griff. Osbeckia L.
วงศ์ Combretaceae วงศ์ Melastomataceae
ชอ่ื พ้อง Myrobalanus foetidissima (Griff.) Kuntze ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ลำ� ตน้ และกง่ิ มกั เปน็ เหลย่ี ม สว่ นมากมขี นสนั้ นมุ่ ใบสว่ นมาก
เรยี งตรงขา้ ม ขอบเรยี บ เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-3 เสน้ เสน้ ใบยอ่ ยเรยี งขนานกนั คลา้ ย
ไม้ตน้ สูง 30-40 ม. เปลอื กแตกเป็นรอ่ งตามยาว เปลือกในสคี รีม มีขนสนั้ นมุ่ ขน้ั บนั ได ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงหรอื ชอ่ กระจกุ แนน่ ออกตามปลายกง่ิ
ตามกง่ิ อ่อน ช่อดอก ใบประดับ กลีบเล้ยี งด้านนอก จานฐานดอก และรงั ไข่ กลบี ดอกและกลบี เลยี้ งจำ� นวนอยา่ งละ 4-5 กลบี ขอบสว่ นมากมขี นครยุ หรอื ขนแขง็
ใบเรยี งเวยี นเปน็ กระจกุ ทปี่ ลายกง่ิ รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู รี ยาว 5-18 ซม. ปลายแหลม กลบี เลยี้ งขนาดเลก็ ตดิ บนฐานดอกรปู ถว้ ยหรอื รปู คนโท ดอกสชี มพอู มมว่ ง กลบี ดอก
มตี ิง่ สั้น ๆ หรือมน โคนรูปลิ่ม แผน่ ใบด้านลา่ งมนี วล ก้านใบยาว 1.5-2.2 ซม. ส่วนมากรูปไข่กลบั เกสรเพศผ้มู ี 8 หรอื 10 อนั เรยี ง 2 วง อับเรณูรปู ขอบขนาน
มีตอ่ ม 2 ตอ่ มบนก้านใกลโ้ คนใบ และต่อมตามซอกเส้นแขนงใบ ชอ่ ดอกแบบ ขนาดเทา่ ๆ กัน ปลายเป็นจะงอย มีรูเปดิ ทีป่ ลาย โคนแกนอับเรณูมกั มีรยางคส์ น้ั ๆ
ชอ่ เชงิ ลด ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ ยาว 6-12 ซม. ดอกสเี หลอื งเขม้ มกี ลน่ิ เหมน็ รังไข่ก่งึ ใตว้ งกลีบ มีผนงั ก้นั 8 หรอื 10 อัน แนบตดิ ฐานดอกเกนิ กง่ึ หนงึ่ มี 4-5 ชอ่ ง
ใบประดบั รปู เสน้ ดา้ ย ไมม่ กี ลบี ดอก หลอดกลบี เลย้ี งยาวประมาณ 1 มม. ปลายแยก ปลายรังไข่มักมีขนแข็ง พลาเซนตารอบแกนร่วม ก้านเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย
5 กลีบ รปู สามเหลี่ยมขนาดเล็ก ปลายกลบี โค้งลง ดา้ นในมขี นยาว เกสรเพศผ้ยู าว โค้งงอ ยาวกวา่ เกสรเพศผู้ ผลแห้งแตกทีป่ ลายเป็น 4-5 ชอ่ ง เมลด็ จ�ำนวนมาก
3-4 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมียส้นั กวา่ เกสรเพศผู้ ผลผนงั ชั้นในแข็ง รปู รีหรอื รูปไข่ ขนาดเลก็ รปู ก้นหอย
ยาว 3-4 ซม. เปลือกเรยี บ เกลยี้ ง แบนทางด้านข้างเล็กนอ้ ย ผลแก่เป็นสนั ยน่
สว่ นมากมเี มลด็ เดยี ว รปู รี ยาว 1.5-2 ซม. ผวิ เมลด็ ยน่ (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตม่ิ ท่ี สมอ, สกลุ )
พบท่ีพมา่ เวยี ดนาม มาเลเซีย สมุ าตรา และ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทางภาคใต้
ข้ึนตามป่าดิบชื้น ความสูงระดับตำ�่ ๆ
เอกสารอ้างองิ
Exell, A.W. (1954). Combretaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 577.
Nanakorn, W. (1985). The genus Terminalia (Combretaceae) in Thailand. Thai
Forest Bulletin (Botany) 15: 67-69.
478
สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย เอนอา้ หนิ
สกลุ Osbeckia มีประมาณ 50 ชนิด พบในแอฟริกา มาดากสั การ์ เอเชีย และ เอนอา้ นำ้�
ออสเตรเลีย ในไทยมี 7 ชนดิ ชอื่ สกุลต้งั ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวเี ดน Pehr
Osbeck (1723-1805) Osbeckia nepalensis Hook. f.
ไม้พุม่ สูงไดถ้ งึ 2 ม. ใบรูปไขห่ รอื รูปใบหอก ยาว 8-15 ซม. ปลายแหลม โคนกลม
เอนอ้าขน
เส้นโคนใบข้างละ 2-3 เสน้ แผน่ ใบมขี นแข็งเอนดา้ นบน ด้านล่างมขี นสัน้ น่มุ ก้านใบ
Osbeckia stellata Buch.-Ham. ex Ker Gawl. สัน้ มาก ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงสน้ั ๆ มีไดถ้ งึ 10 ดอก กลบี ดอกและ
ไม้พมุ่ สูง 1-3 ม. ใบรปู รี รูปไข่ หรอื แกมรูปใบหอก ยาว 9-11 ซม. ปลายแหลม กลบี เล้ยี งจ�ำนวนอย่างละ 5 กลีบ ฐานดอกยาว 0.6-1 ซม. มีติง่ ขนเป็นแผ่น
ยาวได้ถึง 5 มม. กลบี เลย้ี งรปู สามเหล่ียม ยาว 6-8 ซม. รว่ งเร็ว กลบี ดอกยาว
โคนกลม เสน้ โคนใบขา้ งละ 2-3 เสน้ แผน่ ใบมขี นแขง็ ทงั้ สองดา้ น กา้ นใบยาว 3-5 มม. 1-2 ซม. เกสรเพศผ้มู ี 10 อัน อับเรณยู าว 6-9 มม. ปลายมีจะงอยสนั้ ๆ รังไข่
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง กลบี ดอกและกลบี เลยี้ งจำ� นวนอยา่ งละ 4 กลบี ยาวกว่าฐานดอก ปลายมขี นแขง็ ผลรูปคนโท ยาวไดถ้ งึ 1 ซม.
ฐานดอกยาว 1.4-1.8 ซม. มตี ่ิงขนหนาแนน่ หรือประปราย ยาว 2-4 มม. กลีบเลยี้ ง
รูปสามเหลย่ี ม ยาว 3-5 มม. กลบี ดอกยาว 1.6-2.8 ซม. เกสรเพศผู้ 8 อนั อบั เรณู พบทอ่ี นิ เดยี เนปาล ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว เวยี ดนาม และคาบสมทุ รมลายู
ยาว 1-1.5 ซม. ปลายเปน็ จะงอยรปู ตวั เอส รงั ไขส่ นั้ กวา่ ฐานดอก ผลรปู คนโท ยาว ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และ
1.4-2 ซม. ภาคใต้ ขึ้นตามทโี่ ล่งบนลานหิน หรือที่ชนื้ แฉะ ความสูง 300-1400 เมตร น�้ำคั้นจากใบ
ใช้ทาแผลสด แยกเปน็ var. albiflora Lindl. ดอกสขี าว พบท่จี นี และเนปาล
พบทอ่ี นิ เดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ ไตห้ วัน และภูมภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบ
ทกุ ภาค ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ ทงุ่ หญา้ หรอื สนั เขา ทคี่ อ่ นขา้ งชนื้ แฉะ ความสงู ถงึ ประมาณ เอนอา้ หนิ
2000 เมตร ใบใช้พอกแก้พษิ งู
Osbeckia thorelii Guillaumin
เอนอ้าขนแขง็ ไม้พ่มุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ใบรูปขอบขนาน ยาว 2-4 ซม. เกอื บไรก้ า้ น ปลายแหลม
Osbeckia setoso-annulata Geddes หรอื มน โคนแหลมหรอื กลม เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ แผน่ ใบมขี นสนั้ นมุ่ ชอ่ ดอก
ไมล้ ม้ ลุก สงู 20-70 ซม. ล�ำต้นบางครั้งเกลีย้ ง ใบรูปรีหรอื รปู ไข่ ยาว 1-6 ซม. แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง กลบี ดอกและกลบี เลย้ี งจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี ฐานดอก
ยาว 5-6 มม. มขี นยาวหนาแนน่ กลบี เลย้ี งรปู ไขแ่ กมรปู สามเหลยี่ ม ยาว 5-7 มม.
ปลายและโคนแหลม เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เสน้ แผน่ ใบเกลยี้ งหรอื มขี นประปราย กลีบดอกยาว 2-2.5 ซม. เกสรเพศผู้ 10 อนั ก้านชอู บั เรณูยาวไมเ่ ทา่ กนั อบั เรณู
กา้ นใบยาว 2-3 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ มไี ดถ้ งึ 10 ดอก กลบี ดอกและกลบี เลย้ี ง ยาวเท่า ๆ กนั ยาวประมาณ 8 มม. ปลายมีจะงอย รงั ไข่ส้นั กว่าฐานดอก มขี น
จ�ำนวนอยา่ งละ 4 กลีบ ฐานดอกยาวประมาณ 5 มม. มตี งิ่ ขนเรยี ง 3-4 วง กลีบเลีย้ ง หนาแนน่ ผลรปู คนโท ยาวประมาณ 9 มม.
รูปไข่ ยาว 4-6 มม. กลบี ดอกยาว 0.7-1 ซม. เกสรเพศผู้ 8 อัน อับเรณูยาว 3-4 มม.
ปลายเปน็ จะงอยสน้ั ๆ รังไข่สั้นกวา่ ฐานดอก ปลายมขี นแขง็ ตามแนวประสาน ผลรูป พบในภมู ภิ าคอนิ โดจนี ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออกของไทย
คนโท ยาว 7-8 มม. ขึ้นตามทโ่ี ล่งบนลานหินทราย ในปา่ ดิบแล้ง ความสงู ถึงประมาณ 400 เมตร
พบทพี่ มา่ และลาว ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทตี่ าก และ เอกสารอา้ งองิ
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ บนเขาหนิ ปนู ความสงู 200-300 เมตร Chen, J. and S.S. Renner. (2007). Melastomataceae. In Flora of China Vol. 13:
361-363.
เอนอ้าขายาว Hansen, C. (1977). Contributions to the flora of Asia and the Pacific region: the
Asiatic species of Osbeckia (Melastomataceae). Ginkgoana 4: 1-150.
Osbeckia aspericaulis Hook. f. ex Triana Renner, S.S., G. Clausing, N. Cellinese and K. Meyer. (2001). Melastomataceae.
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ใบรูปไข่ ยาว 18-20 ซม. ปลายแหลมยาว โคนแหลมหรอื In Flora of Thailand Vol. 7(3): 450-455.
เวา้ ตน้ื เสน้ โคนใบขา้ งละ 3 เสน้ แผ่นใบมขี นแขง็ ทง้ั สองดา้ น กา้ นใบยาว 2-4 ซม. เอนอา้ ขน: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนง กลบี ดอก 4 กลบี ฐานดอกมตี ่งิ ขนหนาแน่นหรือประปราย เกสรเพศผู้
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง กลบี ดอกและกลบี เลยี้ งจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี 8 อนั ปลายอับเรณเู ป็นจะงอยรูปตวั เอส ผลรปู คนโท (ภาพซา้ ยและภาพขวาบน: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่ - RP; ภาพซ้ายลา่ ง:
ฐานดอกยาว 8-9 มม. มขี นประปราย มตี งิ่ นนู เลก็ ๆ หรอื เกลย้ี ง ระหวา่ งกลบี เลย้ี ง ภหู ินร่องกลา้ พิษณโุ ลก - PK)
มขี นเป็นกระจกุ กลบี เลย้ี งยาว 8-9 มม. ปลายแหลม รว่ งเรว็ กลบี ดอกยาว 2-2.2 ซม.
เกสรเพศผู้ 10 อนั อับเรณยู าวประมาณ 1 ซม. ปลายมจี ะงอยสนั้ ๆ ดา้ นบนมี เอนอ้าขนแข็ง: ช่อดอกแบบช่อกระจุก กลีบดอก 4 กลีบ ฐานดอกมตี ง่ิ ขนเรียง 3-4 วง เกสรเพศผู้ 8 อัน ผลรปู คนโท
เดือย 2 อันส้นั ๆ รังไขย่ าวเทา่ ๆ ฐานดอก ปลายมขี นแข็งหนาแนน่ ผลรูประฆัง (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP)
ยาวประมาณ 1 ซม.
พบท่ีบังกลาเทศ และพมา่ ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบน
ท่ีหนองคาย และบึงกาฬ ขึ้นตามทโ่ี ลง่ ทงุ่ หญา้ ความสูงประมาณ 200 เมตร
เอนอา้ นอ้ ย
Osbeckia chinensis L.
ไมล้ ม้ ลกุ อาจสงู ได้ถงึ 1.5 ม. ลำ� ตน้ สว่ นมากเกลยี้ ง ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก
หรือรูปแถบ ยาว 3-7 ซม. ก้านใบสน้ั ปลายแหลม โคนกลม เส้นโคนใบขา้ งละ
1-3 เสน้ แผน่ ใบมขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ทง้ั สองดา้ น ดอกออกเปน็ กระจกุ มี 1-3 ดอก
หรืออาจมไี ด้ถึง 10 ดอก กลบี ดอกและกลบี เลีย้ งจ�ำนวนอยา่ งละ 4 กลีบ ฐานดอก
ยาว 3-7 มม. เกลย้ี งหรอื มขี นประปราย หรอื มขี นแขง็ ระหวา่ งกลบี เลยี้ ง กลบี เลย้ี ง
รปู สามเหลยี่ ม ปลายแหลมยาว ยาว 6-7 มม. กลบี ดอกยาว 1.2-1.7 ซม. เกสรเพศผู้
8 อัน อบั เรณยู าว 4-7 มม. ปลายมีจะงอยสั้น ๆ รงั ไขย่ าวเท่า ๆ หรอื ส้นั กว่าฐานดอก
ปลายมขี นแขง็ ผลรปู ระฆังหรอื รปู คนโท ยาว 3-8 มม.
พบทีจ่ นี ตอนใต้ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ นิวกินี และออสเตรเลยี ในไทยพบ
ทกุ ภาค ขน้ึ ตามทโี่ ลง่ ทงุ่ หญา้ ทรี่ าบหรอื สนั เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1600 เมตร
มคี วามผันแปรสูง ใน Flora of China แยกเปน็ var. angustifolia (D. Don) C. Y.
Wu & C. Chen ฐานดอกมขี นแข็งหนาแน่นกว่า รากเคยี้ วแก้ปวดฟนั ท้องเสยี
และรกั ษาแผลในสัตว์เลยี้ ง
479
เอ้อื งกระดุมลาย สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย
เอนอา้ ขายาว: เสน้ โคนใบข้างละ 3 เสน้ กา้ นใบยาว ช่อดอกแบบกระจุกแยกแขนง ฐานดอกมีขนประปราย พบทอ่ี นิ เดยี ภฏู าน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทาง
มีตงิ่ นูนเล็ก ๆ หรือเกล้ียง ปลายรงั ไข่มีขนแขง็ หนาแน่น ผลรูประฆัง (ภาพ: ภวู วั บงึ กาฬ - SSa) ภาคตะวันออกท่ีเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ที่
ระนอง กระบี่ ขน้ึ ตามคบไมใ้ นปา่ ดบิ ชน้ื และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1400 เมตร
สกลุ Porpax Lindl. อย่ภู ายใต้วงศย์ อ่ ย Epidendroideae มปี ระมาณ 12 ชนิด
พบในเอเชีย ในไทยมี 8 ชนิด ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “porpakos” หมายถงึ
ท่จี ับโล่ ตามลกั ษณะดอกท่อี อกจากลำ�ลูกกลว้ ยรูปกลมแปน้ คล้ายโล่
เอกสารอ้างอิง
Seidenfaden, G. (1977). Contributions to the orchid flora of Thailand 8. Botanisk
Tidsskrift 72(1): 1-14.
เอนอา้ น้อย: ลำ� ตน้ เกลีย้ ง ใบรูปแถบ ดอกออกเป็นกระจกุ มี 1-3 ดอก กลบี ดอก 4 กลีบ ฐานดอกเกลีย้ ง กลบี เล้ียง
รปู สามเหล่ียม ปลายแหลมยาว เกสรเพศผู้ 8 อนั (ภาพ: หนองคาย - RP)
เอนอ้านำ้� : ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงสัน้ ๆ กลีบดอก 5 กลบี ฐานดอกมตี ่ิงขนเปน็ แผ่น เกสรเพศผูม้ ี 10 อนั เออื้ งกระดมุ ลาย: ล�ำลกู กล้วยออกหนาแน่น กาบหุ้มมเี ส้นใยนูนตามยาว ชอ่ ดอก ออกจากปลายลำ� ลูกกลว้ ย มีดอกเดียว
(ภาพ: วดั จนั ทร์ เชียงใหม่ - RP) กลีบเลยี้ งเชื่อมตดิ เกอื บตลอดความยาว ปลายแยกเปน็ แฉกตน้ื ๆ (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจนี บุรี - SSi)
เอนอา้ หนิ : ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง กลีบดอก 5 กลีบ ฐานดอกมขี นยาวหนาแนน่ เกสรเพศผู้มี 10 อัน เออ้ื งกลบี เกลียว
ก้านชูอบั เรณูยาวไม่เทา่ กัน (ภาพ: ภูพาน สกลนคร - PI)
Cephalantheropsis longipes (Hook. f.) Ormerod
เอือ้ งกระดุมลาย วงศ์ Orchidaceae
Porpax elwesii (Rchb. f.) Rolfe ชื่อพ้อง Calanthe longipes Hook. f.
วงศ์ Orchidaceae
กล้วยไมด้ ิน ลำ� ตน้ กลมมีข้อจำ� นวนมาก สูง 30-50 ซม. ใบพับจีบ เรยี งหา่ ง ๆ
ช่อื พอ้ ง Eria elwesii Rchb. f. รูปใบหอก ยาว 7.5-20 ซม. ก้านใบเป็นกาบยาว 4-6 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
มี 2-3 ชอ่ ออกท่ีปลายยอด ยาว 10-20 ซม. มี 10-15 ดอก เรียงห่าง ๆ ใบประดบั
กลว้ ยไม้ขนาดเล็ก องิ อาศยั หรือข้นึ บนพน้ื ดิน ลำ� ลูกกล้วยออกหนาแน่น รปู รปู ใบหอก ยาว 1.5-1.7 ซม. ปลายแหลมยาว รว่ งเรว็ ดอกสีเหลอื งหรอื อมสม้
กลมแปน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาว 0.5-1 ซม. กาบหมุ้ ลำ� ลกู กลว้ ยมเี สน้ ใยนนู ตามยาว ดา้ นนอกมีขนประปราย กลบี เล้ียง 3 กลีบ รูปใบหอกแกมรูปไข่ ยาวเท่า ๆ กนั ยาว
ใบรปู รีแคบ ยาวไดถ้ ึง 2.5 ซม. ก้านใบสนั้ ผลใิ บหลงั ออกดอก มี 2 ใบ ช่อดอก 0.6-1 ซม. กลบี ดอกคล้ายกลบี เลยี้ ง มี 3 กลบี ยาว 5-9 มม. กา้ นกลีบแผก่ วา้ ง
มดี อกเดยี ว ออกจากปลายลำ� ลกู กลว้ ย ใบประดบั รปู รี ปลายแหลม ตดิ ทโ่ี คนดอก กลบี ปากกวา้ งประมาณ 7.5 มม. ยาวประมาณ 8.5 มม. จกั 3 พู พูกลางมสี ันนูน
หมุ้ รงั ไข่ ยาวประมาณกง่ึ หนง่ึ ของหลอดกลบี เลยี้ ง ดอกสีนำ้� ตาลแดง กลีบเลย้ี ง 2 สนั พขู า้ งแผแ่ บน ปลายตดั ขอบจกั ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ เสา้ เกสรสน้ั รปู กลม โคนบวม
เชอื่ มติดเกือบตลอดความยาว ยาวประมาณ 1.2 ซม. ปลายแฉกยาวประมาณ ดา้ นหลังมีขนสัน้ น่มุ กา้ นดอกและรงั ไขย่ าว 1.8-2.3 ซม. มขี นส้นั นุ่มหนาแนน่
1 มม. มีต่ิงแหลม กลีบดอกขนาดเลก็ อยู่ภายในหลอดกลีบเลยี้ ง กลบี รูปใบพาย
ยาว 4.5-5.5 มม. ขอบเรยี บหรอื จกั ไมเ่ ป็นระเบยี บ เกล้ยี ง กลบี ปากสนั้ ปลายจกั พบทอ่ี นิ เดยี จีนตอนใต้ ไต้หวัน พม่า เวยี ดนาม คาบสมุทรมลายู สมุ าตรา
ตืน้ ๆ 3 พู ไม่ชัดเจน เส้าเกสรส้ัน คางยาวกวา่ เส้าเกสรประมาณ 2 เท่า โคนมี และฟิลปิ ปินส์ ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทางภาคเหนือทพ่ี ษิ ณโุ ลก และภาคใต้ที่
สนั นูน กลมุ่ เรณู 8 กลมุ่ แยกเป็น 2 กลุม่ ย่อย มีแป้นเหนียวเชอ่ื ม กา้ นดอกและ นครศรีธรรมราช ขึ้นตามป่าดบิ เขา ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร
รงั ไข่ส้ันกวา่ ใบประดบั มขี นสน้ั น่มุ
สกุล Cephalantheropsis Guillaumin อยูภ่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Epidendroideae เผา่
Collabieae มี 5 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมี 2 ชนดิ อีกชนิดคอื C. obcordata
(Lindl.) Ormerod. กลีบเลี้ยงแคบกว่า พูข้างกลบี ปากรูปเคยี ว ช่ือสกุลหมายถึง
คลา้ ยกับสกุล Cephalanthera ซึง่ เปน็ กล้วยไม้กินซากอาศยั เช้ือรา
เอกสารอา้ งองิ
Kurzweil, H. (2014). Orchidaceae (Cephalantheropsis). In Flora of Thailand Vol.
12(2): 378-382.
เออ้ื งกลบี เกลยี ว: ลำ� ต้นกลม ใบพบั จบี ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ กลบี ดอกคล้ายกลีบเลย้ี ง (ภาพ: เขานนั นครศรธี รรมราช - NT)
480