The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ “สารานุกรมพืช ในประเทศไทย ( ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา”

โดย สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช
สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2021-02-15 00:10:13

สารานุกรมพืช ในประเทศไทย ( ฉบับย่อ)

หนังสือ “สารานุกรมพืช ในประเทศไทย ( ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา”

โดย สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช
สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

Keywords: พืช,สารานุกรม

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ผักปังแป

ผกั ปลงั ผกั ปลาบเครอื : ใบรปู ไข่แกมรปู หัวใจ ปลายยาวคลา้ ยหาง ชอ่ ดอกยอ่ ยแบบช่อวงแถวเดยี่ ว วงใบประดับคลา้ ยใบสีขาว
ก้านชูอบั เรณูมีขนเคราสเี หลืองครีม (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - PK)
Basella alba L.
วงศ์ Basellaceae ผักปลาบนา

ชอื่ พอ้ ง Basella rubra L. Cyanotis axillaris (L.) D. Don ex Sweet
วงศ์ Commelinaceae
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 10 ม. สว่ นตา่ ง ๆ อวบนำ้� สเี ขยี วหรอื แดง ใบเรยี งเวยี น
รปู ไขก่ วา้ ง ยาว 3-12 ซม. ปลายแหลม โคนแหลมหรือรูปหวั ใจ ก้านใบยาว 1-3 ซม. ชือ่ พ้อง Commelina axillaris L.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ออกตามซอกใบ ยาวไดถ้ งึ 25 ซม. ดอกออกชว่ งปลายชอ่
ชอ่ ทปี่ ลายกงิ่ เหมอื นชอ่ แยกแขนง ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-40 ซม. แตกแขนงใกลโ้ คนแผก่ วา้ ง เกลยี้ งหรอื มขี นดา้ นเดยี ว
ดอกไร้กา้ น กลบี รวมยาว 3-4 มม. เช่อื มติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกตน้ื ๆ กาบหมุ้ ลำ� ตน้ 0.5-1.2 ซม. มขี นยาวกระจาย ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี วหรอื เรยี งเวยี น
5 แฉก ไมเ่ ปดิ ออก ตดิ ทน เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ตรงขา้ มกลีบรวม ก้านชูอบั เรณูสั้น รูปแถบ ส่วนมากยาว 2-8 ซม. โคนเรียวจรดกาบใบ ขอบใบมีขนสาก แผน่ ใบมี
รงั ไขม่ ี 1 ช่อง ออวลุ 1 เมด็ ติดที่โคน ก้านเกสรเพศเมียสนั้ ยอดเกสรเพศเมียแยก ขนครยุ ดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอกอยภู่ ายในกาบ ลดรปู เปน็ กระจกุ 3-8 ดอก บานทลี ะดอก
3 แฉก ผลสดเปน็ กระเปาะกลม ๆ มกี ลบี รวมสดหมุ้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5-6 มม. ใบประดับยอ่ ยบางใส ยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเลย้ี ง 3 กลีบ รูปใบพาย ยาว 6-9 มม.
สกุ สีแดงหรอื สมี ว่ งอมดำ� มีเมลด็ เดยี ว ด้านนอกมขี นหยาบ กลีบดอก 3 กลบี สีฟา้ อมม่วงหรอื ขาว กลางกลีบเช่อื มติดกนั
หลอดกลบี ดอกยาว 0.8-1 ซม. กลีบรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 4-6 มม. เกสรเพศผู้ 6 อนั
อาจมถี น่ิ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ า พบทว่ั ไปในเขตรอ้ น ปลกู เปน็ ผกั รมิ รว้ั หรอื ไมป้ ระดบั กา้ นชอู บั เรณยู าว 1-1.5 ซม. มขี นเครา อบั เรณสู เี หลอื ง กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย
มสี รรพคุณดา้ นสมุนไพรหลายอยา่ ง น�้ำฉำ่� สมี ่วงในผลใชเ้ ปน็ สผี สมอาหาร ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแหง้ แตกเป็น 3 ซีก รปู รี แบน ยาว 4-7 มม. ปลายมีเขา
6 อนั มี 1-2 เมลด็ รปู รี ยาวประมาณ 2 มม. สีด�ำ มรี อยบ๋มุ กระจาย
สกุล Basella L. มี 5 ชนิด พบทม่ี าดากสั การ์ และแอฟรกิ า ชื่อสกลุ มาจากภาษา
Malabar ในอนิ เดีย “basella-kira” ท่ใี ชเ้ รียกพืชชนดิ นี้ พบในแอฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี งั กา เนปาล จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี
เอกสารอ้างองิ ทางตอนบนของออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ เปน็ วชั พชื ความสงู ถงึ ประมาณ
Larsen, K. (1992). Basellaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(4): 410-412. 500 เมตร ทั้งต้นมสี รรพคุณกระต้นุ เลือดลม แก้ปวดข้อ
Lu, D. and M.G. Gilbert. (2003). Basellaceae. In Flora of China Vol. 5: 445.
สกุล Cyanotis D. Don มปี ระมาณ 50 ชนิด พบในแอฟริกา เอเชยี และ
ผกั ปลัง: สว่ นตา่ ง ๆ อวบน้�ำ สีเขยี วหรอื แดง ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลด กลบี รวมไมเ่ ปดิ ออก ผลสดเปน็ กระเปาะกลม ๆ ออสเตรเลยี ในไทยมีประมาณ 6 ชนดิ ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “kyanos”
มกี ลบี รวมสดหมุ้ (ภาพ: cultivated - RP) สนี ้�ำ เงนิ และ “otus” หู ตามลกั ษณะและสีของกลบี ดอก
เอกสารอ้างอิง
ผกั ปลาบเครือ Hong, D. and R.A. Filipps. (2000). Commelinaceae. In Flora of China Vol. 24: 23.

Streptolirion volubile Edgew. ผักปลาบนา: ใบเรียงสลับในระนาบเดยี วหรอื เวยี นสลบั รปู แถบ ชอ่ ดอกซอ่ นอยู่ภายในกาบใบ บานทลี ะดอก
วงศ์ Commelinaceae ขอบปากกาบใบมีขนครุย เกสรเพศผมู้ ีขนเครา อบั เรณูสีเหลือง (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)

ไมล้ ม้ ลุก ลำ� ตน้ ทอดเลื้อย ใบเรยี งเวียน กาบใบยาว 1-4 ซม. ใบรูปไข่แกมรูป ผักปงั แป
หัวใจ ยาว 5-15 ซม. ปลายยาวคล้ายหาง กา้ นใบยาว 5-17 ซม. แผ่นใบมีขน
กระจาย ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงออกที่ข้อตรงข้ามใบ ยาว 15 ซม. Canscora diffusa (Vahl) R. Br. ex Roem. & Schult.
กา้ นชอ่ ยาว 7-15 ซม. ช่อยอ่ ยแบบช่อวงแถวเดย่ี ว มี 2-10 ดอก วงใบประดับ วงศ์ Gentianaceae
คล้ายใบ สีขาว ยาว 1.5-6 ซม. ดอกสขี าว ดอกสมบรู ณ์เพศตดิ บนใบประดับ
ช่วงลา่ ง ดอกเพศผตู้ ิดชว่ งปลายก่ิง กา้ นดอกส้ัน กลบี เลย้ี ง 3 กลบี คลา้ ยรปู เรือ ช่อื พอ้ ง Gentiana diffusa Vahl
ยาว 3-8 มม. กลบี ดอก 3 กลีบ รูปแถบ ยาว 0.5-1 ซม. เกสรเพศผู้ 6 อัน กา้ นชอู ับเรณู
ยาว 5-9 มม. มขี นเคราสีเหลอื งครีม รงั ไขเ่ กลี้ยง ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 4-7 มม. ไม้ลม้ ลกุ สงู ได้ถึง 50 ซม. ใบรปู รถี ึงรปู ใบหอก ยาว 1-4 ซม. เส้นโคนใบขา้ งละ
ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลแหง้ แตกเป็น 3 ซกี รูปรี ยาว 0.5-1 ซม. จะงอยคล้ายเขายาว 1 เสน้ กา้ นใบยาวได้ถึง 1.5 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกห่าง ๆ มไี ดถ้ งึ 40 ดอก
2-4 มม. มี 2 เมล็ดในแต่ละซีก รูปคล้ายไต ยาว 4-5 มม. ผิวยน่ ข้ัวเมลด็ รูปแถบ ใบประดับยาว 1-4 มม. ก้านดอกยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. หลอดกลีบเล้ียงยาว 3-7 มม.
ปลายแยกเป็น 4 แฉก รปู สามเหลี่ยม ยาว 1-2 มม. ดอกสีชมพู หลอดกลบี ยาว
พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ เกาหลี ญปี่ นุ่ พมา่ ลาว เวยี ดนาม และภาคเหนอื ของไทย 4-7 มม. ปลายแยกเป็น 4 กลบี กลีบใหญ่ 2 กลบี รปู รกี ว้าง ยาว 2-6 มม. กลีบเล็ก
ขึ้นตามชายป่า ที่โลง่ ในปา่ ดบิ เขา หรือบนเขาหินปนู ความสงู 1300-2500 เมตร 2 กลีบ รปู รีแคบ ยาว 2-4 มม. เกสรเพศผู้ 4 อัน ก้านชอู บั เรณูยาวประมาณ 1 มม.
รงั ไขเ่ รยี ว ยาว 3-7 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 มม. ผลรูปขอบขนาน
สกลุ Streptolirion Edgew. มชี นิดเดียว แยกเป็น subsp. khasianum (C. B. ยาว 3-7 มม. (ดูข้อมลู เพม่ิ เติมที่ สามยอด, สกลุ )
Clarke) D. Y. Hong พบท่ีอินเดีย จีนตอนใต้ และเวียดนาม ล�ำ ตน้ และใบมขี น
หยาบหนาแน่น ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “streptos” บิดเวยี น และ “leirion”
ดอกลลิ ล่ี หมายถึงพชื มดี อกคลา้ ยดอกลลิ ลี่ ล�ำ ตน้ บดิ เวียน
เอกสารอ้างองิ
Hong, D. and R.A. Filipps. (2000). Commelinaceae. In Flora of China Vol. 24: 20.

281

ผกั ปีกไก่ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พบในแอฟริกา เอเชยี ออสเตรเลีย และนิวแคลโิ ดเนยี ขึ้นตามทโ่ี ล่ง ชายหาด พบทจี่ นี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตาม
โขดหนิ ริมแมน่ �้ำ หรือสนั เขา ความสงู ถึงประมาณ 2000 เมตร น้�ำสกัดจากสว่ นต่าง ๆ ชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร แยกเปน็ subsp. renigera (Wall. ex G. Don)
รสขม ใชแ้ ก้ไข้ แกป้ วดท้อง ลดการอกั เสบ W. J. de Wilde ใบประดบั ในชอ่ ดอกเพศผู้ขนาดใหญ่ ผลมขี นหยาบหนาแนน่ พบท่ี
จนี ตอนใต้ อินเดยี บงั กลาเทศ พม่า ภาคเหนือและภาคตะวนั ตกเฉียงใตข้ องไทย
เอกสารอ้างองิ
Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand. Vol. 5(1): 77-78. เอกสารอา้ งองิ
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
Thailand Vol. 9(4): 468-471.

ผักปังแป: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ หา่ ง ๆ ดอกสชี มพู กลบี ใหญ่ 2 กลบี กางออก กลีบเล็ก 2 กลบี เรยี งชิดกัน ผักแมะ: ดอกเพศผู้ กลีบดอกด้านในมีป้นื สดี ำ� ใบประดับรปู รี ผลมสี นั เป็นป่มุ ตามยาว สุกสสี ้ม (ภาพดอก: แมส่ อด
ยอดเกสรเพศเมยี จกั 2 พู (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP) ตาก - RP; ภาพผล: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - PK)

ผกั ปีกไก่ ผักลมื ผวั

Pyrrosia lanceolata (L.) Farw. Lobelia nummularia Lam.
วงศ์ Polypodiaceae วงศ์ Campanulaceae

ช่อื พ้อง Acrostichum lanceolatum L. ชื่อพ้อง Lobelia begoniifolia Wall., Pratia begoniifolia (Wall.) Lindl.

เฟินเกาะองิ อาศัย เหงา้ ทอดเลอื้ ยยาวขนาดเล็ก เกลด็ สีนำ�้ ตาลดำ� หนาแนน่ ไม้ลม้ ลุก ลำ� ตน้ ทอดเลอื้ ย ยาวไดถ้ งึ 50 ซม. มรี ากตามขอ้ ลำ� ต้นมกั มีขนยาว
รปู ใบหอก ปลายเรียวแหลม ยาว 1-8 มม. ขอบเกล็ดมีขน ใบเรียงห่างกัน 1-5 ซม. ใบเรียงเวยี น รูปไขห่ รือเกอื บกลม ยาว 0.7-2.5 ซม. ปลายแหลม มนหรอื กลม
ใบไม่สรา้ งสปอร์รูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 6-15 ซม. กวา้ ง 1-1.8 ซม. ปลายมน โคนรปู หัวใจ เบ้ียว แผน่ ใบเกล้ียงหรือมีขน ขอบจกั ซีฟ่ ันตื้น ๆ กา้ นใบยาวได้ถงึ
โคนรูปลิ่ม แผ่นใบหนา ด้านล่างมีขนกระจุกกระจาย เส้นแขนงใบแบบร่างแห 1.5 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ ก้านดอกยาว 0.7-3.5 ซม. ฐานดอกรปู ถว้ ย
กา้ นใบยาว 1-2 ซม. โคนมีเกล็ดและขนหนาแน่น ใบสร้างสปอรร์ ปู แถบ ยาว ยาว 2-4 มม. กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ รปู สามเหลยี่ มแคบ ยาว 2.5-6 มม. ขอบจักซฟ่ี นั
15-30 ซม. กว้าง 1-2 ซม. ปลายแหลม กา้ นใบยาว 4-7 ซม. กลมุ่ อับสปอร์ติด ห่าง ๆ 2-3 คู่ ดอกสมี ว่ งอมเขียวหรอื แดง ดา้ นในมีป้นื สีเหลืองอ่อน ยาว 0.6-1 ซม.
ดา้ นลา่ งชว่ งครงึ่ บนของแผน่ ใบ กลม ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 0.5 มม. สนี ำ�้ ตาล กลีบบน 2 กลบี แฉกลึกจรดโคน รปู สามเหลี่ยม ขอบกลีบเวา้ กลีบล่าง 3 กลีบ
เปลยี่ นเป็นสีเขม้ มีขนกระจกุ หนาแน่น (ดูข้อมูลเพ่ิมเติมที่ กบี ม้าลม, สกลุ ) รปู ขอบขนาน ยาวกวา่ กลีบบน โคนคอด ดา้ นในหลอดกลบี มขี นยาว เกสรเพศผู้
เชื่อมติดกันเหนือก่ึงกลางหลอด อับเรณูท่ีเช่ือมติดกันยาว 1-1.5 มม. ผลสดมี
พบท่ีอินเดยี ศรีลังกา จีนตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอินโดจนี และมาเลเซยี จนถึง หลายเมล็ด สีมว่ งอมแดง รูปกลมหรอื รี ยาว 0.7-1.5 ซม. เมลด็ ผวิ เปน็ รา่ งแห
หมเู่ กาะแปซิฟิก ขนึ้ ตามตน้ ไม้ในปา่ ดบิ ช้ืน ป่าดบิ แลง้ ป่าดิบเขา และชายป่าพรุ (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมที่ หญ้าผักเบ้ีย, สกลุ )
ทง้ั ตน้ เปน็ ยาสมาน แก้บดิ
พบทอ่ี ินเดยี บงั กลาเทศ ภฏู าน ภูมภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซีย นิวกินี และ
เอกสารอ้างอิง ฟลิ ปิ ปินส์ ในไทยพบกระจายแทบทุกภาค ยกเว้นภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ขนึ้ ตามรม่ เงาในปา่ ดิบแลง้ ป่าดิบชน้ื และปา่ ดบิ เขา ความสูง 600-1600 เมตร
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ นำ�้ สกัดจากตน้ แก้ทอ้ งเสยี แผลในกระเพาะอาหาร และแก้กษัย

ผกั ปีกไก่: ใบสรา้ งสปอรป์ ลายแหลม ใบไมส่ รา้ งสปอรป์ ลายมน กลมุ่ อบั สปอร์ตดิ ตลอดสว่ นบนของแผน่ ใบด้านล่าง เอกสารอ้างองิ
(ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธิวาส - PC) de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2014). Campanulaceae. In Flora of
Thailand Vol. 11(4): 528-530.
ผักแมะ Hong, D., G. Song, T.G. Lammers and L.L. Klein. (2011). Campanulaceae. In
Flora of China Vol. 19: 556.
Momordica subangulata Blume
วงศ์ Cucurbitaceae ผักลืมผัว: ล�ำต้นและใบมีขนยาว ขอบใบจักซี่ฟันตน้ื ๆ โคนใบรูปหัวใจ ดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง ผลรูปรีหรือกลม สมี ว่ ง
อมแดง กลีบเล้ียงติดทน (ภาพดอก: นำ้� หนาว เพชรบูรณ์ - SSi; ภาพผลรปู รี: แมก่ �ำปอง เชยี งใหม่ - RP; ภาพผลรปู กลม:
ไมเ้ ถา ยาว 1-3 ม. มีหวั ใตด้ นิ ใบจัก 3-5 แฉกต้ืน ๆ หรือเรยี บ รูปไข่ ยาว ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - SSi)
ได้ถึง 20 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรปู หวั ใจ ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย ปลายขอบจัก
มตี ง่ิ กา้ นใบยาว 2-6 ซม ชอ่ ดอกมดี อกเดยี ว ชอ่ ดอกเพศผกู้ า้ นชอ่ สน้ั ใบประดบั
รูปรี กวา้ ง 1-2 ซม. กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1.2 ซม. กลีบเล้ยี งรูปไข่ ยาว 0.4-1 ซม.
กลบี ดอกรูปไขก่ ลับ ยาว 2-3 ซม. 2 กลีบโคนมแี ผ่นเกล็ด กลีบทไี่ มม่ ีเปน็ ปื้นดำ�
โคนกา้ นชอู บั เรณมู ขี น อบั เรณชู ดิ กนั รปู กลม ปลายยน่ โคนพบั ไปมา ชอ่ ดอกเพศเมยี
ก้านช่อยาว 3-10 ซม. ใบประดับขนาดเล็กติดใต้ก่ึงกลางก้าน ก้านดอกยาว
1.5-9 ซม. กลบี เล้ยี งรูปแถบ ยาว 4-5 มม. กลบี ดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ
ยาว 2-2.5 ซม. รังไขม่ ขี นหยาบ ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 5 มม. ผลรูปรี
ยาว 3-5 ซม. มีสนั เป็นปุ่มตามยาว 8-10 สัน สกุ สสี ม้ ก้านผลยาว 4-15 ซม.
เมลด็ แบน ยาว 6-7 ซม. (ดูขอ้ มลู เพิม่ เติมท่ี ฟกั ขา้ ว, สกลุ )

282

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ผกั สที่ ศิ ขนคาย

ผกั แว่น ผกั แวน่ : ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย ปลายใบยอ่ ยเวา้ ลกึ กลีบดอกรปู ใบพาย ผลรูปทรงกระบอก (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)

Marsilea crenata C. Presl ผเี สือ้ : ใบย่อยรปู สามเหลยี่ ม (ภาพซา้ ย: cultivated - MP); โพแดงแคระ: ใบย่อยรูปไข่ (ภาพขวา: cultivated - RP)
วงศ์ Marsileaceae
ผกั ส่ีทิศ, สกุล
เฟนิ นำ้� ลม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ ประมาณ 20 ซม. เหงา้ ยาวทอดเลอื้ ย มเี กลด็ รปู เสน้ ดา้ ย
บาง ๆ รากออกตามโคนใบ ใบออ่ นม้วนงอ ใบประกอบมี 4 ใบยอ่ ย ขนาดเท่า ๆ กนั Rubia L.
ตดิ ทป่ี ลายกา้ นคลา้ ยกงั หนั รปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 0.5-2 ซม. กา้ นใบยาว 2-3 ซม. วงศ์ Rubiaceae
หรอื ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ในใบทอี่ ยใู่ ตน้ ำ�้ สปอโรคารป์ ออกทโี่ คนกา้ นใบมหี ลายอนั
ก้านยาวประมาณ 5 มม. สปอโรคารป์ รูปขอบขนาน ยาว 2-5 มม. สีเขียวเปลีย่ น ไม้เถาลม้ ลุก โคนมเี นื้อไม้ ลำ� ตน้ เปน็ ส่ีเหลย่ี ม หูใบและใบเรียงรอบข้อ 2 คู่
เปน็ สนี ำ้� ตาล ภายในมสี ปอร์จ�ำนวนมาก สว่ นมากมขี นาดไมเ่ ทา่ กนั หรอื มี 2 ใบเรยี งตรงขา้ ม มกี า้ นหรอื เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอก
แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ กลบี เลย้ี งมกั ฝอ่ ดอกรปู กงลอ้
พบในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ จนี ญป่ี นุ่ และออสเตรเลยี ขน้ึ ตามหนองน�้ำทโี่ ลง่ หรือรูประฆังต้ืน ๆ มี 5 กลบี กลีบรปู สามเหลย่ี ม เกสรเพศผู้ 5 อัน อบั เรณูยืน่ พน้
ความสูงตำ่� กวา่ 1000 เมตร ใบกินเป็นผกั สด มสี รรพคุณบรรเทาอาการอกั เสบ ปากหลอดกลบี เลก็ นอ้ ย กา้ นเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี
มี 2 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมอี อวุล 1 เมด็ ผลสด มี 2 พู สว่ นมากฝ่อ 1 พู
สกลุ Marsilea L. เปน็ สกุลทใี่ หญ่ทส่ี ุดในวงศ์ Marsileaceae อยภู่ ายใตอ้ ันดบั
Marsiliales รวมทั้งวงศ์ Azollaceae และ Salviniaceae มปี ระมาณ 52 ชนิด ส่วนใหญ่ สกุล Rubia อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Rubioideae คล้ายกับสกุล Galium ซ่ึงมีผลแห้ง
พบในแอฟริกา และออสเตรเลีย ในไทยมีรายงานชนดิ เดียว แต่อาจมชี นดิ อื่น มีประมาณ 60 ชนิด สว่ นใหญ่พบในเขตอบอุ่นท้งั เอเชยี และแอฟริกา ในไทยมี
ทม่ี ลี กั ษณะใกล้เคียงกนั เช่น M. minuta L. และ M. quadrifolia L. ซึง่ ใน Flora 4-5 ชนิด ช่ือสกุลมาจากภาษาละติน “ruber” สีแดง เนื่องจากรากใหส้ ียอ้ มสแี ดง
of China ให้ M. crenata C. Presl เป็นชอ่ื พอ้ งของ M. minuta L. ชื่อสกุลต้ัง
ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวอติ าลี Luigi Ferdinando Marsili (1658-1730) ผักส่ีทศิ
เอกสารอ้างอิง
Lin, Y. and D.M. Johnson. (2013). Marsileaceae. In Flora of China Vol. 2-3: 123. Rubia garrettii Craib
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ไม้เถาล้มลุก ยาวได้กวา่ 4 ม. เกล้ียง หใู บและใบเรียงรอบขอ้ 2 คู่ ขนาดไมเ่ ทา่ กัน

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ รปู ใบหอกหรอื แกมรปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 0.2-1.5 ซม. ยาว 0.6-2 ซม. เสน้ กลางใบชดั เจน
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Marsileaceae. In Flora of Thailand Vol. กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 5 มม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ดอกจำ� นวนมาก กลบี เลยี้ งไมช่ ดั เจน
ดอกรปู ระฆงั สเี ขยี วอมเหลอื ง หลอดกลบี สนั้ กลบี รปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ดอกบาน
3(4): 600-602. เส้นผ่านศนู ย์กลาง 3-4 มม. ผลสุกสดี ำ� เปน็ มันวาว มี 2 พู หรอื ฝอ่ หนึ่งพู แตล่ ะพู
เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 4-5 มม.
ผกั แวน่ : เฟนิ น้�ำล้มลุกทอดเลือ้ ย ใบประกอบมใี บย่อย 4 ใบ ตดิ ทีป่ ลายก้านคลา้ ยกงั หนั (ภาพ: ตาพระยา สระแกว้ - TP)
พบทางตอนบนของพม่าและภาคเหนือของไทยท่ีดอยอินทนนท์ จังหวัด
ผักแวน่ เชยี งใหม่ ขึน้ ตามชายปา่ ดบิ เขา ความสูง 2400-2550 เมตร

Oxalis corniculata L. ผกั สี่ทศิ ขนคาย
วงศ์ Oxalidaceae
Rubia crassipes Collett & Hemsl.
ไม้ล้มลุกเกาะเล้ือย มีรากตามข้อ หูใบขนาดเล็ก ใบประกอบมี 3 ใบย่อย ไมเ้ ถาล้มลกุ ยาวไดก้ ว่า 3 ม. มขี นคายทวั่ ไป หใู บคล้ายใบขนาดเล็กกว่า
เรยี งเวยี น ใบยอ่ ยรปู รแี กมรปู หวั ใจกลบั กวา้ ง 0.5-2 ซม. สเี ขยี วหรอื สมี ว่ งอมแดง
ปลายเวา้ ลึก แผน่ ใบดา้ นลา่ งมีขนสัน้ นมุ่ กา้ นใบสว่ นมากยาว 1-2 ซม. หรือยาว ใบเรยี งรอบข้อ 4 ใบ ขนาดเท่า ๆ กัน รปู รี รูปไข่ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว
ได้ถึง 10 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ ซ่รี ่ม ส่วนมากมี 1-5 ดอก ก้านช่อมักยาวกว่าก้านใบ 3-9 ซม. ใบตามลำ� ตน้ ขนาดเลก็ กวา่ ตามกงิ่ ทมี่ ชี อ่ ดอก ปลายแหลมหรอื มน โคนกลม
ใบประดับมี 1 คู่ รูปใบหอก ยาว 2-4 มม. ก้านดอกยาว 0.4-2 ซม. มีขนหนาแนน่ หรอื รูปหวั ใจ แผ่นใบหนา ก้านใบยาว 0.5-1.8 ซม. หรอื ไรก้ ้านในใบขนาดเลก็
กลบี เลีย้ ง 5 กลบี เรียงซ้อนเหลื่อม รปู ใบหอก ติดทน ยาว 3.5-5 มม. ขอบมขี นครุย เสน้ โคนใบรูปฝ่ามือ 3 หรอื 5 เสน้ ชอ่ ดอกคลา้ ยช่อกระจุกแยกแขนงสนั้ ๆ ยาว
กลบี ดอกสเี หลอื ง มี 5 กลบี รปู ใบพาย ยาว 0.3-1 ซม. ก้านกลบี ส้นั ๆ มี 5 คารเ์ พล 3-7 ซม. แกนชอ่ หนา ใบประดบั ยอ่ ยรปู ไขห่ รอื รปู ใบหอก ยาว 2.5-3.5 มม. ดอกสคี รมี
เชอื่ มตดิ กนั ออวุลเรียงเปน็ แถว 1-2 แถว กา้ นเกสรเพศเมีย 5 อัน ผลแห้งแตก อมเขยี ว รปู สามเหล่ยี ม ดอกบานเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 2.5-4 มม. ผลสุกสดี �ำ มี 2 พู
รูปทรงกระบอก ยาว 0.8-2.5 ซม. มีขน ส่วนผนังติดอยู่กับแกนกลางเมื่อแตก หรือฝอ่ หน่งึ พู แตล่ ะพูเสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 4 มม.
แต่ละชอ่ งมี 5-14 เมลด็ มีเย่อื หมุ้ ทด่ี ีดเมล็ดออกหลงั ร่วง (ejaculatory)

พบท่ัวไปในเขตรอ้ น ไม่ทราบถนิ่ ก�ำเนดิ ทแ่ี นน่ อน ขึน้ เปน็ วัชพืช ความสงู ถึง
ประมาณ 1500 เมตร น้�ำสกดั จากใบมีสรรพคุณด้านสมนุ ไพรหลายอย่าง

สกลุ Oxalis L. มปี ระมาณ 700 ชนดิ พบในเขตรอ้ นและเขตอบอุน่ โดยเฉพาะ
อเมริกาใตแ้ ละแอฟริกาใต้ มหี ลายชนิดเป็นไม้ประดบั เชน่ ผีเสื้อ O. triangularis
A. St.-Hil. ใบยอ่ ยรปู สามเหลี่ยม และโพแดงแคระ O. hedysaroides Kunth
ใบย่อยรูปไข่ เป็นตน้ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “oxys” กรด เปรีย้ ว หมายถงึ
พืชท่ตี น้ และใบมรี สเปรยี้ ว
เอกสารอ้างองิ
Liu, Q. and M. Watson. (2008). Oxalidaceae. In Flora of China Vol. 11: 2.
Veldkamp, J.F. (1970). Oxalidaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 16-17.

283

ผกั เส้ียน สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทด่ี อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ผักเสี้ยนขน
ข้นึ บนเขาหนิ ปูนทโี่ ล่ง ความสงู 1800-2100 เมตร
Cleome rutidosperma DC.
เอกสารอา้ งองิ ไม้ลม้ ลุก สงู ได้ถึง 1 ม. มีตอ่ มขนกระจายหรือเกลีย้ ง ก้านใบประกอบยาว
Chen, T. and F. Ehrendorfer. (2011). Rubiaceae (Rubia). In Flora of China Vol.
19: 305, 311. 0.5-3.5 ซม. มี 3 ใบย่อย รูปใบหอกกลับหรอื คล้ายสีเ่ หล่ียมข้าวหลามตดั ยาว
1-3.5 ซม. บางครัง้ มขี นครยุ ใบประดับคลา้ ยใบมี 3 ใบย่อย ยาว 1-3.5 ซม. ก้านส้นั
ผักส่ีทศิ : ล�ำต้นเกลีย้ ง เสน้ กลางใบชัดเจน ผลสด ฝ่อหน่งึ พู สกุ สดี ำ� (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - RP) ช่อดอกยาว 2-4 ซม. มไี ดป้ ระมาณ 6 ดอก กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. ก้านช่อดอกและ
กา้ นดอกขยายในผล กลบี เลย้ี งรปู ใบหอก ยาว 2.5-4 มม. ขอบมขี นครยุ ดอกสว่ นมาก
ผกั สที่ ิศขนคาย: มขี นคายท่วั ไป เส้นโคนใบ 3 เสน้ ผลสด มี 2 พู พูหนงึ่ สว่ นมากฝ่อ (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - PT) สีม่วงอ่อน กลบี คบู่ นมักมีสีขาวทโี่ คนกลบี รูปรหี รอื ขอบขนาน ยาว 0.7-1 ซม.
เกสรเพศผู้ 6 อนั กา้ นชอู บั เรณสู ขี าวอมมว่ ง ยาว 5-7 มม. อับเรณสู เี ทา รงั ไขม่ กี า้ น
ผกั เสย้ี น, สกลุ สนั้ ๆ ขยายในผลยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ผลมรี ้วิ ยาว 4.5-7 ซม. เมล็ดสีนำ้� ตาลแดงปนดำ�

Cleome L. มถี นิ่ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ า ขนึ้ เปน็ วชั พชื ทวั่ ไปในเอเชยี อเมรกิ า และออสเตรเลยี
วงศ์ Cleomaceae น้�ำสกัดจากใบและนำ�้ มนั จากเมลด็ ทาแก้โรคผิวหนังและปวดขอ้

ไมล้ ม้ ลกุ สว่ นตา่ ง ๆ มขี นปกคลมุ ใบประกอบรปู ฝา่ มอื เรยี งเวยี น มี 3-7 ใบยอ่ ย ผักเส้ียนปา่
ขอบสว่ นมากจกั ซฟ่ี นั ละเอยี ด กา้ นใบยาว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะหรอื ชอ่ เชงิ หลน่ั
สว่ นมากออกตามปลายกง่ิ บางครงั้ ออกเดยี่ วตามซอกใบ ดอกสมบรู ณเ์ พศ กลบี เลยี้ ง Cleome chelidonii L. f.
4 กลีบ กลบี ดอก 4 กลีบ มกี า้ นกลบี เกสรเพศผสู้ ่วนมากมี 6 อัน หรอื จำ� นวนมาก ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ล�ำตน้ เป็นเหลีย่ ม กา้ นใบประกอบยาว 2-5 ซม. มี
กา้ นชอู บั เรณยู าว มกี า้ นชเู กสรรว่ มหรอื ไมม่ ี รงั ไขม่ ชี อ่ งเดยี ว ออวลุ จำ� นวนมาก
พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ คู่ เกสรเพศเมยี มกี า้ นชู กา้ นเกสรสน้ั ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ 3 ใบยอ่ ย ใบช่วงโคนสว่ นมากมีใบย่อย 5 หรอื 7 ใบ รูปไข่กลับหรือรปู ใบหอกกลับ
ติดทน ผลแหง้ แตก รปู ทรงกระบอก แตกจากโคน เมล็ดจำ� นวนมาก ขนาดเลก็ ยาว 3-6 ซม. ช่อดอกออกที่ปลายกง่ิ หรอื ออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ ก้านดอกยาว
ผิวไมเ่ รยี บ 2.5-4 ซม. กลบี เลีย้ งรูปไข่ ยาว 3-4 มม. ดอกสีชมพู กลีบรปู ไขก่ ลบั ยาว 1.2-1.5 ซม.
เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ไมม่ กี า้ นชเู กสรเพศเมยี รงั ไขร่ ปู เสน้ ดา้ ย ยาว 0.5-1 ซม.
สกุล Cleome เดิมอย่ภู ายใต้วงศ์ Capparaceae มปี ระมาณ 20 ชนิด ส่วนใหญพ่ บใน ผลเกล้ยี ง กา้ นยาว 3-4 ซม.
อเมริกาเขตรอ้ นและเขตอบอุ่น ในไทยพบเปน็ วัชพืช และไมป้ ระดบั ประมาณ 5 ชนิด
มีสรรพคณุ ดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง อนึ่ง ใน Flora of China ไดจ้ ำ�แนกย่อย พบในอนิ เดีย พม่า และภมู ภิ าคมาเลเซยี ข้นึ เป็นวัชพชื ตามทอ้ งนา ท่ีรกรา้ ง
เป็น 5 สกุล คอื Arivela, Cleoserrata, Cleome, Gynandropsis และ Tarenaya แต่หายากกวา่ ชนดิ อ่ืน สารสกดั จากทงั้ ตน้ ใช้แก้โรคผิวหนงั จากรากใชฆ้ ่าพยาธิ
ตามลกั ษณะ มีหรือไมม่ ีกา้ นชเู กสรรว่ ม (androgynophore) และก้านชเู กสรเพศเมยี
(gynophore) ซ่งึ ในที่นยี้ งั คงใหอ้ ยู่ภายใตส้ กลุ Cleome พืชอีกสกุลทพี่ บในไทย ผักเส้ียนผี
คือ สกุลผกั กมุ่ เครอื Neothorelia ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “kleio” ปิด ตาม
ลกั ษณะกลีบดอกท่ีห้มุ เกสรเพศผู้ Cleome viscosa L.

ผักเสยี้ น ชอื่ พอ้ ง Arivela viscosa (L.) Raf.

Cleome gynandra L. ไมล้ ้มลกุ สูงได้ประมาณ 1 ม. ส่วนต่างๆ มตี อ่ มขนเหนียว ก้านใบประกอบ
ยาว 1-6 ซม. มี 3-5 ใบย่อย รูปรี รูปขอบขนาน หรือรปู ไขก่ ลบั ยาว 1.5-4.5 ซม.
ช่ือพ้อง Gynandropsis gynandra (L.) Briq. มขี นครยุ ใบประดบั คลา้ ยใบ มี 3 ใบย่อย ยาว 1-2.5 ซม. กา้ นสนั้ ร่วงเรว็ ช่อดอก
ยาว 5-10 ซม. ขยายในผล กา้ นดอกยาว 1-1.4 ซม. ในผลยาวไดถ้ ึง 3 ซม. กลบี เล้ยี ง
ไมล้ ้มลกุ สงู 30-150 ซม. ส่วนตา่ ง ๆ มตี อ่ มขน ก้านใบประกอบยาว 3-8 ซม. รูปใบหอก ยาว 0.5-1 ซม. ดอกสีเหลอื ง มกั มีสเี ข้มทโี่ คน กลีบรูปรี ยาว 0.7-1.2 ซม.
ใบย่อยมี 3-5 ใบ รูปไขก่ ลบั หรอื รูปใบหอกกลบั ยาว 2.5-5 ซม. ใบประดับคลา้ ยใบ เกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมากขนาดไม่เทา่ กัน กา้ นชูอับเรณูยาว 4-9 มม. อบั เรณสู ีเทา
มี 3 ใบยอ่ ย ยาว 0.5-2.5 ซม. ช่อดอกออกทีป่ ลายก่ิง ยาว 5-20 ซม. ขยายในผล อมเขยี ว รังไขไ่ ม่มีก้าน มขี นตอ่ มหนาแน่น ผลยาว 5-10 ซม. เปน็ ริ้วชัดเจน เมลด็
ก้านดอกยาว 1-2 ซม. กลีบเลี้ยงรปู ใบหอก ยาวประมาณ 6 มม. ตดิ ทน ดอกสีขาวหรือ สนี ้ำ� ตาลแดง
อมมว่ ง กลีบรปู รีหรอื รปู ไข่ ยาวประมาณ 7 มม. ก้านกลบี ยาวประมาณ 5 มม.
เกสรเพศผู้ 6 อนั ก้านชเู กสรร่วมยาว 0.8-2.3 ซม. กา้ นชอู บั เรณูสมี ่วง ยาว 1-2 ซม. พบท่ัวไปในแอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลยี ขึ้นเปน็ วชั พืช บางคร้งั พบบน
อับเรณสู ีเขยี วอมน้�ำตาล รปู ขอบขนาน ยาว 1-3 มม. รังไข่มีกา้ นส้ัน ๆ ขยายในผล เขาหนิ ปนู ทแ่ี ห้งแลง้ เมลด็ มนี ำ้� มันและกรดลโิ นเลอกิ (Linoleic acid) สูง
ยาว 1-1.4 ซม. ผลยาว 4-9.5 ซม. เมล็ดสนี ำ�้ ตาลแดงปนดำ� ยาวประมาณ 1.5 มม.
ผกั เสีย้ นฝรั่ง
พบในเอเชยี และแอฟรกิ า ในไทยพบขนึ้ เปน็ วชั พชื ตามทอ้ งนา และรมิ ลำ� ธาร
ตน้ สดมกี ลนิ่ คลา้ ยกลนิ่ กญั ชา มสี ารพษิ ไฮโดรไซยาไนด์ แตม่ สี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพร Cleome hassleriana Chodat
หลายอยา่ ง นิยมนำ� มาท�ำเปน็ ผกั ดอง
ชอื่ พ้อง Tarenaya hassleriana (Chodat) Iltis

ไมล้ ม้ ลกุ สงู 1-1.5 ม. มีขนต่อมเหนียวละเอยี ดทว่ั ไป ก้านใบประกอบยาว
5-15 ซม. โคนมหี นามคลา้ ยหใู บ ใบยอ่ ยมี 5-7 ใบ รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอกกลบั
ยาว 4-15 ซม. ก้านยาวประมาณ 5 มม. ชอ่ ดอกออกท่ยี อด ยาว 30-40 ซม. ก้านช่อ
ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. ใบประดบั คล้ายใบ รปู ไข่หรือรูปหวั ใจ ยาว 0.5-3 ซม. กา้ นสั้น
โคนมหี นามเลก็ ๆ กลบี เลยี้ งรปู แถบ ยาวประมาณ 7 มม. มขี นดา้ นนอก ดอกสชี มพู
ชมพเู ขม้ มว่ งอ่อน หรือขาวล้วน รูปรี ยาวประมาณ 3 ซม. ก้านกลีบยาวกวา่ 1 ซม.
กา้ นชเู กสรรว่ มสน้ั มาก เกสรเพศผู้ 6 อนั กา้ นชอู บั เรณยู าว 3-5 ซม. อบั เรณรู ปู แถบ
ยาวประมาณ 1 ซม. กา้ นชเู กสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 ซม. ในผลยาวไดถ้ งึ 6 ซม.
ผลรปู ทรงกระบอก ยาวได้ถึง 6 ซม.

มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใต้ เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ขน้ึ เปน็ วชั พชื คลา้ ย C. speciosa
Raf. ที่มกี ้านชเู กสรร่วมยาว

เอกสารอา้ งอิง
Chayamarit, K. (1991). Capparaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 262-266.
Zhang, M. and G.C. Tucker. (2008). Cleomaceae. In Flora of China Vol. 7:
429-432.

284

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ผกั หนอกใบเลก็

ผักเส้ียน: ช่อดอกแบบช่อกระจะ กา้ นชเู กสรรว่ มยาว ใบประดับมี 3 ใบย่อย ผลเรียวยาว (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP) ผักหนอก

ผกั เสี้ยนขน: ดอกสีม่วง กลีบคบู่ นมีสีขาวทโ่ี คน เกสรเพศผู้ 6 อัน (ภาพซา้ ย: กรงุ เทพฯ - RP); ผักเสี้ยนปา่ : ใบชว่ งโคน Hydrocotyle siamica Craib
มใี บย่อย 5 หรอื 7 ใบ ดอกสีชมพู (ภาพขวา: สระบรุ ี - SSu) ไม้ล้มลกุ ล�ำต้นทอดนอน เกลย้ี งหรือมีขนสนั้ นุ่มตามล�ำต้น แผน่ ใบ และก้านใบ

ผกั เสย้ี นผ:ี ช่อดอกออกทป่ี ลายกิ่ง ส่วนต่างๆ มีต่อมขนเหนียว ใบประกอบมี 3-5 ใบยอ่ ย (ภาพดอก: บางสะพาน ใบรปู สามเหลยี่ มกวา้ ง สว่ นมากดา้ นกวา้ งยาวกวา่ ดา้ นยาว กวา้ ง 5-11 ซม. ขอบ
ประจวบครี ขี นั ธ์; ภาพผล: ถ้ำ� มะกกั สระบุรี - RP) จักเป็นเหล่ียม 5-7 แฉก โคนรูปหวั ใจลึก ขอบจกั มนหรอื จกั ฟันเลื่อย เสน้ โคนใบ
7-9 เส้น ก้านใบยาว 5-20 ซม. ก้านช่อดอกยาว 5-17 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นดอก
ผักเส้ียนฝรั่ง: ชอ่ ดอกออกท่ยี อด ดอกสชี มพู หรอื ขาวล้วน ก้านกลีบดอกและกา้ นชอู บั เรณยู าว (ภาพ: cultivated; ยาว 5-8 มม. กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1 มม. ผลกลมแปน้ กวา้ งประมาณ
ภาพซ้าย - PK, ภาพขวา - PT) 2.5 มม. ยาวประมาณ 1.5 มม. มีสันนนู และขนสั้นแข็ง

ผักหนอก, สกลุ พบในพมา่ และทางภาคเหนอื ของไทยทเ่ี ชยี งใหม่ เชยี งราย ขนึ้ ตามปา่ ดบิ เขา
ใกลล้ ำ� ธาร ความสงู 1000-2000 เมตร คล้ายกับ H. hookerii (C. B. Clarke)
Hydrocotyle L. Craib ซ่ึงผลไมม่ ขี นแข็งสนั้
วงศ์ Apiaceae
ผักหนอกเขา
ไมล้ ม้ ลกุ มรี ากตามขอ้ หใู บบาง ใบเรยี งเวยี น ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซร่ี ม่ สว่ นมากเปน็
ชอ่ เดยี่ ว ๆ ออกตรงขา้ มใบ กลบี เลยี้ งเชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอดแนบตดิ รงั ไข่ ปลายแยก Hydrocotyle javanica J. P. Ponten ex Thunb.
เปน็ แฉกขนาดเลก็ หรือไมม่ ี กลบี ดอก 5 กลีบ สเี ขยี วออ่ นหรือสีครมี เกสรเพศผู้ 5 อัน
รงั ไข่ใตว้ งกลบี มี 2 คารเ์ พล แต่ละคารเ์ พลมีออวุล 1 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมยี 2 อนั ช่อื พ้อง Hydrocotyle nepalensis Hook., H. polycephala Wight & Arn.
ติดทน ผลแห้งแยกเป็น 2 ซีก แตล่ ะซีกมี 5 สนั เปลอื กแขง็
ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ ทอดนอน เกลย้ี งหรอื มขี นสนั้ นมุ่ ใบรปู ไขก่ วา้ ง สว่ นมากดา้ นกวา้ ง
สกุล Hydrocotyle มีกว่า 100 ชนิด พบในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในไทยเคยมี ยาวกว่าด้านยาว กวา้ ง 3-9 ซม. ขอบจกั มน 5-7 จกั หรือเป็นเหลย่ี มเล็กนอ้ ย
รายงาน 4 ชนิด และพบเพ่มิ อกี ชนิด คอื H. pseudoconferta Masam. ท่ีกระจาย โคนรปู หัวใจตนื้ ๆ สว่ นมากมขี นสั้นนมุ่ ตามเส้นแขนงใบทง้ั สองดา้ น เสน้ โคนใบ
มาจากจนี ตอนใต้ สว่ น H. chiangdaoensis Murata เป็นพชื ถิน่ เดยี วของไทย พบ 7-9 เสน้ กา้ นใบยาวได้ถึง 17 ซม. มขี นยาว ช่อดอกออกเป็นกระจุกหลายช่อ
ทีด่ อยเชียงดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ และยงั มีแว่นแกว้ H. umbellata L. ทพ่ี บเปน็ ไม้ สว่ นมากกา้ นชอ่ ยาวไมเ่ กนิ 2 ซม. มกั สนั้ กวา่ กา้ นใบ ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นดอกสนั้ มาก
ประดับหรือขึ้นเปน็ วชั พชื ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี “hydor” น้ำ� และ “kotyle” หรอื ยาวไดถ้ งึ 2 มม. กลบี ดอกรปู ขอบขนาน มกั มแี ตม้ สมี ว่ งแดง ยาวประมาณ 1 มม.
ถว้ ยขนาดเลก็ ตามลักษณะถ่นิ ที่อยูแ่ ละรูปร่างของใบแบบก้นปดิ ผลกลมแปน้ กวา้ ง 1.5-1.8 มม. ยาว 1-1.3 มม. เกลีย้ ง

พบในเอเชยี เขตรอ้ น จนี ญป่ี นุ่ และออสเตรเลยี ขนึ้ ตามทช่ี น้ื แฉะหรอื ชายปา่
ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร ทง้ั ตน้ มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง ใบหรอื
ท้ังต้นใช้เบอ่ื ปลาหรือเปน็ ยาฆา่ แมลง

ผกั หนอกใบเลก็

Hydrocotyle pseudoconferta Masam.
ไมล้ ม้ ลุก เกาะเล้อื ย ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. แตกก่งิ จ�ำนวนมาก แผ่นใบรูปกลม

จักต้ืน ๆ 5-7 แฉก ดา้ นกวา้ งยาวกว่าด้านยาว ยาว 1-2.5 ซม. พจู ักมน โคนแฉก
ลกึ รูปหวั ใจ แผ่นใบดา้ นล่างมีขนละเอยี ด กา้ นใบยาว 2-10 ซม. ชอ่ ดอกออกเด่ยี ว ๆ
ตามข้อ ไร้กา้ น ช่อทีป่ ลายกง่ิ สว่ นมากออกเป็นคหู่ รือชอ่ แยกแขนง ดอกไร้กา้ น
หรอื มกี า้ นสน้ั มาก กลบี ดอกมตี อ่ มใสสอี มเหลอื ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ
0.5 มม. ผลกลมแปน้ ยาว 1-1.2 มม. กว้าง 1.5-2 มม. ส่วนมากมลี ายสมี ่วงแตม้
หรอื มีขนสีขาว

พบทพี่ มา่ จนี ตอนใต้ และไตห้ วนั ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเี่ ชยี งใหม่ ขนึ้ ตาม
ทโ่ี ลง่ ชายป่าดิบเขา ความสูงประมาณ 1200 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Hedge, I.C. and J.M. Lamond. (1992). Umbelliferae. In Flora of Thailand Vol.
5(4): 443-447.
Menglan, S., M.F. Watson and J.F.M. Cannon. (2005). Apiaceae. In Flora of
China Vol. 14: 14-15.

ผักหนอก: ขอบจักเปน็ เหลี่ยม 5-7 แฉก โคนรูปหวั ใจลกึ ช่อดอกแบบช่อซ่ีรม่ กา้ นช่อยาว ผลมี 2 ซกี มีขนส้ันแข็ง
ปกคลุม (ภาพ: แม่ออน เชียงใหม่ - RP)

285

ผักหนาม สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ผกั หนอกเขา: ใบดา้ นกวา้ งยาวกว่าดา้ นยาว ผลเกลย้ี ง (ภาพซา้ ย: ขนุ พะวอ ตาก, ภาพขวา: เชียงใหม่; - RP) ผักหวานดง, สกุล

ผักหนอกใบเล็ก: ขอบใบจักเป็นพตู ืน้ ๆ ช่อดอกออกตามขอ้ ไรก้ า้ น (ภาพซ้าย: เชยี งใหม่ - RP; ภาพขวา: นครพนม - PK) Phyllanthus L.
วงศ์ Phyllanthaceae
แว่นแกว้ : ใบรูปก้นปดิ ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซ่ีรม่ แยกแขนง (ภาพ: cultivated - RP)
ไมล้ ม้ ลกุ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สว่ นมากแยกเพศรว่ มตน้ หใู บขนาดเลก็ ใบทยี่ อด
ผกั หนาม คลา้ ยเกลด็ ใบตามกงิ่ เรยี งคลา้ ยใบประกอบ เรยี งเวยี นหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
ชอ่ ดอกออกตามซอกใบหรอื ขอ้ ทไี่ มม่ ใี บ ดอกเพศผสู้ ว่ นมากอยดู่ า้ นลา่ งเปน็ กระจกุ
Lasia spinosa (L.) Thwaites ดอกเพศเมยี ออกเด่ยี วๆ อยชู่ ว่ งปลายชอ่ กลบี เล้ยี ง 2-6 กลีบ เรยี งซ้อนเหลอ่ื ม
วงศ์ Araceae ไมม่ กี ลีบดอก เกสรเพศผ้มู ี 2-6 อนั ในดอกเพศผู้จานฐานดอกเป็นต่อม 3-6 อัน
ดอกเพศเมยี จานฐานดอกแยกหรือเชอื่ มติดกัน รังไขส่ ว่ นมากมี 3 ช่อง แต่ละชอ่ ง
ช่ือพ้อง Dracontium spinosum L. มอี อวลุ 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมียส่วนมากมี 3 อนั จัก 2 พู หรือแยก 2 แฉก ไมม่ ี
เกสรเพศเมยี ทเี่ ปน็ หมนั ในดอกเพศผู้ ผลสว่ นมากแบบแหง้ แตกเปน็ 3 สว่ น สว่ นละ
ไมพ้ มุ่ แตกกอ มไี หล ล�ำตน้ สนั้ หนา มหี นามแหลมกระจายตามลำ� ตน้ ใบ และ 2 ซกี พบน้อยทเ่ี ป็นผลสด คอลวิ เมลัมติดทน มี 2 เมล็ดในแตล่ ะสว่ น
กา้ นช่อดอก ใบรปู เง่ยี งใบหอก ยาว 18-75 ซม. แฉกลกึ รปู ขนนก ก้านใบยาวไดถ้ ึง
1 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกเดี่ยว ๆ กา้ นช่อยาวได้ถงึ 45 ซม. กาบสี สกลุ Phyllanthus เดิมอย่ภู ายใต้วงศ์ Euphorbiaceae ปัจจุบนั แยกออกมาเปน็
น�้ำตาลอมม่วงหรอื เหลอื ง รูปแถบบดิ เวยี น ยาว 25-55 ซม. โคนหมุ้ ชอ่ ดอก วงศ์ Phyllanthaceae ร่วมกบั อกี หลายสกลุ เชน่ Actephila, Breynia, Bridelia,
ชอ่ ดอกส้ันรปู ทรงกระบอก ปลายมน ยาว 4-5 ซม. ขยายในผลไดถ้ ึง 7 ซม. ไร้กา้ น Cleistanthus และ Glochidion เปน็ ตน้ มีประมาณ 700 ชนดิ ส่วนมากพบใน
ดอกสมบรู ณเ์ พศขนาดเลก็ กลบี รวมสว่ นมากมี 4 กลบี เกสรเพศผเู้ ทา่ จำ� นวนกลบี เขตรอ้ นและก่งึ เขตร้อน ในไทยมี 36 ชนิด ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “phyllon”
แกนกลางอับเรณเู ป็นรยางค์ รงั ไข่มีช่องเดยี ว ออวุล 1 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมียส้ัน ใบ และ “anthos” ดอก ตามลักษณะดอกที่ออกตามกงิ่ ทีค่ ล้ายใบในบางชนดิ
ยอดเกสรรปู จานครง่ึ วงกลม ผลสดเปน็ เหลยี่ ม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1.5 ซม.
ปลายมตี มุ่ เป็นหนาม มีเมล็ดเดยี ว ผักหวานดง

พบในเอเชยี เขตรอ้ น ขนึ้ ตามทชี่ น้ื แฉะ รมิ ลำ� ธาร ความสงู ถงึ ประมาณ 1500 เมตร Phyllanthus elegans Wall. ex Müll. Arg.
ยอดออ่ นตม้ กนิ เปน็ ผกั เหงา้ มสี รรพคณุ รกั ษาวณั โรคตอ่ มนำ้� เหลอื ง ไขขอ้ ปวดทอ้ ง ไมพ้ มุ่ สูงไดป้ ระมาณ 3 ม. หูใบรปู ลิม่ แคบ ใบเรยี งสลับระนาบเดยี ว รูปไข่
และแมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย
หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 6-14 ซม. โคนมน เบ้ยี ว แผ่นใบด้านล่างมีนวล กา้ นใบ
สกุล Lasia Lour. อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Lasioideae มี 2 ชนดิ อีกชนิดคอื L. concinna ยาว 2-4 มม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาวประมาณ 3 มม. กลีบเลยี้ ง 4 กลีบ รูปไข่
Alderw. พบทอี่ นิ โดนีเซยี ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “lasios” ขรขุ ระ ตาม ยาว 2-2.5 มม. ขอบจกั ชายครยุ จานฐานดอกเปน็ ตอ่ ม 4 ตอ่ ม เกสรเพศผู้ 4 อัน
ลักษณะกา้ นใบ กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั ทโี่ คน ดอกเพศเมยี กา้ นดอกยาว 2-4.5 มม. กลบี เลยี้ ง 6 กลบี
เอกสารอ้างอิง รปู ไข่ ยาว 3-3.5 มม. ขอบจกั ชายครยุ เลก็ นอ้ ย จานฐานดอกรปู เบาะ รงั ไขเ่ กลย้ี ง
Boyce, P.C. (2012). Araceae (Lasia). In Flora of Thailand Vol. 11(2): 249-250. กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อนั สนั้ มาก ยอดเกสรยาวประมาณ 0.5 มม. ผลโปง่ พอง กลม
Gupta, A.K. (2013). Lasia spinosa. The IUCN Red List of Threatened Species เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-2 ซม. มี 6 รว้ิ กา้ นผลยาวประมาณ 3 ซม. เมลด็ รปู สามเหลย่ี ม
ยาว 6-7 มม.
2013: e.T168997A6560395. http://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2011-1.
RLTS.T168997A6560395.en พบทพี่ มา่ ภูมิภาคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทุกภาค ขน้ึ ตาม
ป่าเบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และป่าดิบชื้น ความสูงถงึ ประมาณ 600 เมตร
ผกั หนาม: ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลดมีกาบ กาบรปู แถบบิดเวยี น ปลายผลมตี ุ่มหนาม (ภาพ: cultivated - RP)
เอกสารอ้างอิง
Chantaranothai, P. (2007). Euphorbiaceae (Phyllanthus). In Flora of Thailand
Vol. 8(2): 473-507.

ผกั หวานดง: ชอ่ ดอกเพศผูอ้ อกเปน็ กระจุกตามซอกใบ กลีบเลีย้ ง 4 กลบี ขอบจักชายครยุ ดอกเพศเมยี ออกเดีย่ ว ๆ
อยู่ชว่ งปลายชอ่ กลีบเล้ียง 6 กลบี ผลโป่งพอง กลม (ภาพ: บึงกาฬ - PK)

ผกั หวานนก

Breynia hirsuta (Beille) Welzen & Pruesapan
วงศ์ Phyllanthaceae

ชอ่ื พ้อง Sauropus hirsutus Beille

ไมพ้ ุม่ เตย้ี สงู ได้ถึง 2 ม. แตกกง่ิ ตำ�่ มขี นหยาบหนาแน่น หูใบยาว 2-4 มม.
ใบส่วนมากรปู รี บางคร้ังรูปไขห่ รอื รปู ไข่กลับ ยาว 1.5-7.5 ซม. ปลายแหลมสัน้

286

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย โผงเผง

มีติ่งแหลม โคนรปู ลิ่ม มน หรอื กลม แผน่ ใบมขี นกระจายด้านล่าง กลบี เล้ียงมีขน ผักหวานปา่
ด้านนอก สีเขยี วหรือน้�ำตาลแดง ดอกเพศผู้เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 3 มม.
ก้านดอกยาว 3-4 มม. ดอกเพศเมียเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 0.5-1 ซม. กา้ นดอกยาว Melientha suavis Pierre
ประมาณ 3 มม. ขยายในผลไดถ้ งึ 7 มม. กลบี เลี้ยง 3 กลีบยาวประมาณ 2.5 มม. วงศ์ Opiliaceae
ขยายในผลได้ถึง 6 มม. กลีบใหญ่ 3 กลีบ ยาว 3-4.5 มม. ขยายในผลไดเ้ กือบ
1 ซม. ยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1.5 มม. บานออกตามแนวระนาบ มว้ นงอ ไม้ตน้ สงู ไดถ้ งึ 12 ม. แยกเพศตา่ งต้น ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู รี รปู ไข่
ผลรปู ไข่ ยาว 6-8 มม. เมลด็ ยาวประมาณ 5 มม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ ครามนำ�้ , สกลุ ) หรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 6-16 ซม. กา้ นใบยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ แยกแขนง
ออกเป็นกลมุ่ ตามลำ� ต้น ก่งิ หรอื ซอกใบ แกนชอ่ ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ขยายในผล
พบเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขึน้ ตาม ใบประดบั รปู ไขข่ นาดเลก็ ดอกเพศผไู้ รก้ า้ น ออกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ กระจกุ 3-5 ดอก
ท่โี ลง่ ในปา่ เบญจพรรณ ป่าเต็งรงั และปา่ ดิบแลง้ ความสงู ถึงประมาณ 700 เมตร ช่วงปลายกิง่ กลบี รวมสเี ขยี ว 4-5 กลบี แยกกนั รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ
1.5 มม. เกสรเพศผู้ 4-5 อัน ตดิ ทีโ่ คนกลบี กา้ นชอู บั เรณสู นั้ มาก อบั เรณสู เี หลือง
ผักหวานบ้าน รปู ไข่ ยาว 1-1.5 มม. จานฐานดอกจกั เป็นพู ขนาดเทา่ ๆ รังไขท่ เ่ี ปน็ หมัน
ดอกเพศเมียออกเดี่ยว ๆ บนแกนชอ่ กลบี รวมยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผู้
Breynia androgyna (L.) Chakrab. & N. P. Balakr. ทเี่ ปน็ หมนั ขนาดเลก็ ตดิ ระหวา่ งพจู านฐานดอก เกสรเพศเมยี ไรก้ า้ น ผลผนงั ชน้ั ใน
แขง็ มเี มลด็ เดยี ว รูปรี ยาว 2.3-3 ซม. สุกสเี หลอื ง เนื้อด้านในสด กา้ นผลยาว 3-5 มม.
ชื่อพ้อง Clutia androgyna L., Sauropus androgynus (L.) Merr.
พบทภ่ี มู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค โดยเฉพาะ
ไมพ้ มุ่ สงู 1-4 ม. หูใบยาว 2-3 มม. ใบรปู ไข่ ยาว 2-9 ซม. ปลายแหลมหรอื มน ทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ หรอื
โคนกลมหรอื ตดั แผ่นใบดา้ นลา่ งสเี ขยี วออ่ น ก้านใบยาว 2-3 มม. ดอกสเี ขยี ว ปา่ ชายหาด ความสงู ถงึ ประมาณ 900 เมตร ใบออ่ นและดอกใชป้ รงุ อาหาร ใบออ่ น
อมเหลอื งหรอื แดง กลบี หนา ดอกเพศผเู้ สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.5-1.8 ซม. กา้ นดอก คลา้ ยผกั หวานเมา Urobotrya siamensis Hiepko ทม่ี พี ษิ อาจเปน็ อนั ตรายถงึ ชวี ติ
ยาว 0.5-1.3 ซม. ดอกเพศเมยี เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.5-1 ซม. กา้ นดอกยาวประมาณ
3 มม. ขยายในผลไดถ้ งึ 1.4 ซม. กลีบเลีย้ งกลบี เล็กยาว 2-4 มม. กลีบใหญย่ าว สกลุ Melientha Pierre มเี พยี งชนดิ เดียว แยกเปน็ subsp. macrocarpa Hiepko
2.5-5.5 ซม. เรยี วแคบกวา่ เลก็ นอ้ ย ยอดเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1.2 มม. บานออก พบเฉพาะทีบ่ อร์เนียว ช่ือสกุลมาจากภาษากรกี “meli” น�ำ้ ผึ้ง และ “anthos”
ตามแนวระนาบ มว้ นงอ ผลรปู รกี วา้ งเกอื บกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. เกลย้ี ง ดอก เนอ่ื งจากดอกมตี อ่ มน้ำ�ตอ้ ย
สขี าว เมล็ดยาว 7-8 มม. (ดขู ้อมูลเพ่มิ เติมท่ี ครามนำ�้ , สกุล)
เอกสารอ้างองิ
พบทอี่ ินเดยี ศรีลงั กา จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอินโดจีนและมาเลเซยี นิวกนิ ี Hiepko, P. (1987). Opiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 95-96.
ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามชายปา่ ทโี่ ลง่ ความสงู ถงึ ประมาณ 600 เมตร ใบและดอก
บำ� รงุ สขุ ภาพ แกไ้ อ รากแกป้ สั สาวะอกั เสบ ลดไข้ ชว่ ยปอ้ งกนั โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ
และความดนั โลหิตสูง

เอกสารอ้างอิง
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Sauropus). In Flora of Thailand Vol.
8(2): 527-529, 537-539.

ผกั หวานนก: มีขนหยาบหนาแนน่ ทวั่ ไป กลบี เลีย้ ง 6 กลบี ในดอกเพศเมียขนาดไม่เท่ากัน ขยายในผล ยอดเกสร 3 อัน ผักหวานป่า: ช่อผลออกตามล�ำตน้ สุกสเี หลือง กา้ นสั้น หนา (ภาพ: บางกะม่า ราชบุรี - PT)
แยก 2 แฉก บานออกตามแนวระนาบ (ภาพ: มุกดาหาร - PK)
โผงเผง
ผักหวานบ้าน: ใบเรยี งสลบั ระนาบเดียว ดอกสเี ขยี วอมเหลอื งหรอื แดง กลีบเล้ยี ง 6 กลบี หนา ตดิ ทน ก้านดอกใน
ดอกเพศเมยี ขยายยาวในผล ผลแกส่ ขี าว (ภาพ: cultivated - RP) Senna hirsuta (L.) H. S. Irwin & Barneby
วงศ์ Fabaceae

ช่ือพ้อง Cassia hirsuta L.

ไม้ล้มลกุ หรอื ไม้พุม่ สงู ได้ถงึ 2.5 ม. มขี นหยาบตามลำ� ต้น หใู บ กา้ นใบ แผน่ ใบ
ช่อดอก ก้านดอก กลีบเล้ยี ง และผล ส่วนตา่ ง ๆ มกี ล่ินเหมน็ หูใบรูปแถบ ยาว
0.5-1.5 ซม. ใบยอ่ ยมี 4-5 คู่ แกนกลางใบประกอบยาว 7-10 ซม. ก้านใบยาว
5-6 ซม. ใบย่อยรปู ขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 5-9 ซม. ปลายแหลม โคนกลม
ไรก้ ้าน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะออกสัน้ ๆ ตามซอกใบใกลป้ ลายก่ิง ใบประดับยาว
4-5 มม. กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. กลีบเลยี้ งรปู รีกว้าง คู่นอกยาว 5-6 มม. 3 กลบี ในยาว
7-9 มม. ดอกสีเหลอื ง กลีบรปู ไข่กลบั ปลายแหลม ขนาดไม่เทา่ กัน ยาว 1.5-2.8 ซม.
มกี า้ นกลีบสน้ั ๆ อบั เรณมู ชี อ่ งเปิดท่ปี ลาย เกสรเพศผ้อู ันยาว 2 อัน กา้ นชูอบั เรณู
ยาว 5-7 มม. อบั เรณูยาว 7-8 มม. อันส้นั 4 อัน ลดรูป 4 อนั รังไขม่ ีขนคลา้ ย
ขนแกะหนาแน่น ยอดเกสรเพศเมยี มีขนครยุ ฝักโคง้ เปน็ เหลีย่ ม ยาว 6-13 ซม.
มขี นหยาบ เมลด็ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 3 มม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี ขเี้ หลก็ , สกลุ )

มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใต้ ขน้ึ เปน็ วชั พชื ในเขตรอ้ นชน้ื ใบมสี รรพคณุ กดประสาท
ระงบั ปวด ใชร้ ักษาโรคผวิ หนงั

เอกสารอา้ งองิ
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae
(Cassia hirsuta). In Flora of Thailand Vol. 4(1): 113.

287

ฝนแสนห่า สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

โผงเผง: กลีบดอกขนาดไมเ่ ทา่ กนั มีก้านกลีบสน้ั ๆ เกสรเพศผู้ขนาดใหญ่ 2 อนั ฝกั โคง้ เลก็ นอ้ ย เปน็ เหลย่ี ม มขี นหยาบ สกลุ Maingaya Oliv. มเี พยี งชนิดเดยี ว เปน็ สกุลทพี่ บใหมข่ องไทย ทำ�ใหพ้ ชื วงศ์
(ภาพ: ทา่ ศาลา นครศรธี รรมราช - RP) Hamamelidaceae ของไทยมเี พม่ิ เป็น 6 สกลุ ช่อื สกลุ ตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์
ชาวอังกฤษ Alexander Carroll Maingay (1836-1869)
ฝนแสนหา่ เอกสารอา้ งองิ
Chamchumroon, V., M. Poopath and J. Sae Wai. (2015). Maingaya malayana,
Argyreia capitiformis (Poir.) Ooststr.
วงศ์ Convolvulaceae a new genus and species record for Thailand. Thai Forest Bulletin
(Botany) 43: 1-3.
ช่ือพอ้ ง Convolvulus capitiformis Poir.
ฝอยทองมาเลย์: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแนน่ มีไดป้ ระมาณ 15 ดอก เกือบไรก้ า้ น กลีบดอก 5 กลบี รูปแถบ
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ มขี นหยาบตามลำ� ตน้ แผน่ ใบ ใบประดบั ชอ่ ดอก กลบี เลยี้ งและ (ภาพ: เบตง ยะลา - VC)
กลบี ดอกดา้ นนอก ใบรปู ไข่ รปู ขอบขนาน หรอื เกอื บกลม ยาว 8-18 ซม. ปลายแหลม
หรือแหลมยาว โคนรูปหัวใจ ก้านช่อดอกยาว 6-30 ซม. ใบประดับรูปรีหรือ ฝาง
รปู ขอบขนาน ยาว 1.5-2.5 ซม. ตดิ ทน กา้ นดอกสน้ั มากหรอื ไร้กา้ น กลบี เลี้ยง
รูปขอบขนาน ปลายแหลมยาว 3 กลีบนอกยาว 1.5-1.7 ซม. กลบี คู่ในยาว 1-1.2 ซม. Caesalpinia sappan L.
ดอกสชี มพหู รอื มว่ งออ่ น รปู ปากแตร ยาว 4.5-5.5 ซม. เกสรเพศผไู้ มย่ นื่ พน้ ปากหลอด วงศ์ Fabaceae
กลบี ดอก ก้านชอู ับเรณูยาวประมาณ 1.5 ซม. โคนมีต่อมขนยาว รงั ไขเ่ กล้ียง
ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 3 ซม. ไม่ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอก ผลกลม ไมพ้ ุม่ กึ่งเลื้อยขนาดใหญ่ แตกกง่ิ ต่�ำ สูงไดถ้ งึ 10 ม. ลำ� ต้นมีหนามหนาโค้ง
เส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 8 มม. สุกสีสม้ แดง ส่วนมากมี 4 เมลด็ รปู ไขแ่ กม หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบประกอบย่อยมี 8-18 คู่ แกนกลางใบประกอบยาว
สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 7 มม. (ดขู อ้ มูลเพมิ่ เติมที่ เครอื พุงหมู, สกุล) 15-40 ซม. ใบย่อยมี 6-20 คู่ รปู ขอบขนาน ยาว 1-2 ซม. ปลายกลม เว้าตื้น
โคนเบย้ี ว เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ยาว 15-30 ซม. มหี นาม ใบประดบั
พบทอี่ นิ เดีย จนี พม่า ภมู ภิ าคอนิ โดจีนและมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ รปู ใบหอก ยาวประมาณ 6 มม. ดอกยาวประมาณ 1.8 ซม. กา้ นดอกยาว 1.5-2 ซม.
ตามชายปา่ ทีโ่ ล่ง ความสูงถงึ ประมาณ 1400 เมตร ใบใช้ประคบแผลฟกช้�ำ มขี นสน้ั นมุ่ กลบี เลย้ี งกลบี ลา่ งโคง้ ใหญก่ วา่ กลบี อน่ื ดอกสเี หลอื ง กลบี กลางมกี า้ นกลบี
ขนาดเลก็ เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.2 ซม. กา้ นชอู บั เรณมู ขี น รงั ไขม่ ขี น ฝกั แบน แขง็
เอกสารอ้างอิง รูปขอบขนาน กวา้ งเป็นเหลย่ี ม ชว่ งปลายมจี ะงอย ยาว 7-12 ซม. มี 2-4 เมลด็ รูปรี
Staples, G. and P. Traiperm. (2010). Convolvulaceae (Argyreia). In Flora of แบน ยาวประมาณ 1.8 ซม. (ดขู ้อมลู เพิ่มเตมิ ท่ี หนามข้แี รด, สกลุ )
Thailand Vol. 10(3): 341-343.
พบท่ีศรลี ังกา อินเดยี พม่า จนี ตอนใต้ ภมู ิภาคอนิ โดจีนและมาเลเซยี ในไทย
ฝนแสนหา่ : มีขนหยาบตามล�ำตน้ แผน่ ใบ ใบประดบั ชอ่ ดอก กลีบเลย้ี งและกลีบดอกดา้ นนอก เกสรเพศผู้และเพศเมยี พบทุกภาค ขนึ้ ตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ หรือบนเขาหินปนู เตย้ี ๆ ความสงู
ไมย่ ื่นพ้นปากหลอดกลบี ดอก (ภาพ: กาญจนบุรี - RP) ระดบั ตำ่� ๆ เนอื้ ไม้ หรอื sappan wood ใหส้ แี ดงใชย้ อ้ มผา้ หรอื ทำ� สที าตวั สำ� หรบั
งานเทศกาลในอินเดีย ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นสินค้าส่งออกท่ีส�ำคัญ และเป็น
ฝอยทองมาเลย์ เครือ่ งบรรณาการอยา่ งหนงึ่ แกน่ มีฤทธ์ิฝาด ใชร้ ักษาโรคท้องรว่ งและโรคผิวหนงั
คำ� ระบชุ นิด มาจากภาษามาเลย์ “sepang” ทใ่ี ช้เรียกพืชชนิดน้ี
Maingaya malayana Oliv.
วงศ์ Hamamelidaceae เอกสารอา้ งอิง
สงั ข์ พัธโนทยั . (2515). ปทานกุ รม พรรณไมใ้ นต�ำ นานเมือง อภนิ นั ทนาการใน
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. กงิ่ ชว่ งปลายมขี นกระจกุ สนั้ นมุ่ หใู บขนาดเลก็ มขี นสนั้ นมุ่ งานฌาปนกิจศพนางวรรณา ปาลกิ ะภฎั 10 พฤษภาคม 2515 ศนู ย์การพิมพ์
รว่ งเร็ว ใบเรยี งเวยี น รปู รีถึงรปู ใบหอก ยาว 7-25 ซม. ปลายแหลมยาว โคนมน พระนคร หนา้ 80-81.
หรือกลม กา้ นใบยาว 1.2-2.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น กา้ นช่อยาวไดถ้ ึง Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. In
1 ซม. มไี ดป้ ระมาณ 15 ดอก เกอื บไรก้ า้ น กลบี เลยี้ งขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กอ่ นดอกบาน Flora of Thailand Vol. 4(1): 65.
กลีบดอก 5 กลบี รูปแถบ ยาว 0.8-1.2 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดระหว่างกลีบดอก Wee, Y.C. and H. Keng. (1990). An illustrated dictionary of Chinese medicinal
กา้ นชอู ับเรณูสน้ั แกนอบั เรณปู ลายโค้งคลา้ ยเขา เกสรเพศผทู้ เี่ ป็นหมนั 5 อัน herbs. Times Edition Pte Ltd., Time Centre, Singapore.
ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผทู้ สี่ มบรู ณ์ จานฐานดอกจกั 10 พู แยกกนั รงั ไขก่ ง่ึ ใตว้ งกลบี
มขี นยาว มี 2 ชอ่ ง แต่ละช่องมอี อวุล 1 เมด็ ก้านเกสรเพศเมยี 2 อัน ส้ัน ๆ ฝาง: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ดอกสเี หลอื ง กลบี กลางมีก้านกลีบ ฝกั แบน รูปขอบขนาน กวา้ งเปน็ เหลยี่ ม ช่วงปลาย
ยอดเกสรแหลม ผลแหง้ แตกแยกกันประมาณกง่ึ หนง่ึ เป็น 4 ส่วน ติดทนบนต้น มีจะงอย (ภาพ: เขาหินซอ้ น ฉะเชิงเทรา - PT)
รปู รี ยาว 1-1.5 ซม. ก้านหนา ผนังแข็ง เมล็ดรูปรีแคบ สีขาว

พบทค่ี าบสมทุ รมลายตู อนบน และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทเี่ บตง จงั หวดั ยะลา
ข้ึนตามปา่ ดิบเขา ความสูงประมาณ 900 เมตร

288

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย พญาปล้องทอง

ฝาดขาว, สกุล ฝาดแดง: ชอ่ ดอกออกตามปลายกิ่ง ดอกสีแดง เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 2 เทา่ ของกลบี ดอก ผลรูปกระสวย
กลบี เล้ียงตดิ ทน (ภาพดอก: สตลู - NP; ภาพผล: ท่งุ ทะเล กระบ่ี - RP)
Lumnitzera Willd.
วงศ์ Combretaceae พญานาคราช

ไม้พุ่มหรอื ไม้ตน้ ไมผ่ ลัดใบ ใบเรยี งเวียนหนาแนน่ ช่วงปลายก่งิ แผน่ ใบหนา Davallia solida (G. Forst.) Sw.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดหรอื ชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบหรอื ปลายกงิ่ ดอกมกี ลน่ิ หอม วงศ์ Davalliaceae
ใบประดับ 2 ใบ ขอบมขี นต่อมยาว กลบี เลีย้ งเชื่อมกันเปน็ หลอด ปลายแยกป็น
5 แฉก ติดทน ขอบมขี นยาวเปน็ ต่อมเล็ก ๆ กลบี ดอก 5 กลบี เกสรเพศผู้ 5-10 อัน ชื่อพ้อง Trichomanes solidum G. Forst.
รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี มี 1 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ตดิ ทน ผลแบบผลเทยี ม (pseudocarp)
แหง้ เปลือกแขง็ รปู รีหรอื รูปกระสวย เฟินอิงอาศยั เหงา้ เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 0.6-1.2 ซม. มขี นหนาแน่น เกล็ดสี
นำ้� ตาลด�ำ ใบประกอบ 3 ชน้ั รูปสามเหลีย่ ม ยาว 15-90 ซม. กว้าง 20-40 ซม.
สกลุ Lumnitzera เปน็ ไมป้ า่ โกงกาง มี 2 ชนดิ พบในแอฟรกิ าตะวันออก เอเชยี กา้ นใบแขง็ ยาว 10-35 ซม. ดา้ นบนและแกนกลางเปน็ รอ่ ง ใบประกอบยอ่ ยเรยี ง
และออสเตรเลียตอนบน ในไทยมีท้ัง 2 ชนดิ พบตามหมู่เกาะ ชายฝงั่ ทะเลดา้ น เกือบตรงข้าม ใบประกอบย่อยท่ีสองเรียงสลับระนาบเดียว ปลายเรียวแหลม
อ่าวไทยและอันดามัน ใบคลา้ ยกันมาก แตฝ่ าดแดงดอกสีแดงขนาดใหญ่ ชอ่ ดอก โคนรปู ลมิ่ มกี า้ นสนั้ ๆ ใบยอ่ ยไรก้ า้ น รปู ขอบขนานแกมรปู สามเหลยี่ ม ยาว 2-3 ซม.
ออกทป่ี ลายกงิ่ ก้านดอกสั้น และเกสรเพศผ้ยู าวประมาณ 2 เท่าของกลีบดอก ปลายแหลม โคนรปู ลมิ่ ขอบจกั เวา้ เปน็ พตู น้ื ๆ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ แผน่ ใบคอ่ นขา้ งหนา
ส่วนฝาดขาวชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ดอกสขี าว ไรก้ า้ น และเกสรเพศผ้ยู าวเทา่ ๆ เสน้ แขนงใบแตกเปน็ งา่ ม กลมุ่ อบั สปอรร์ ปู กลม เกดิ บนเสน้ ใบทป่ี ลายสว่ นทจี่ กั
กลบี ดอก นอกจากนย้ี งั พบลกู ผสมมดี อกเปน็ สชี มพู ชอ่ื สกุลตัง้ ตามนักพฤกษศาสตร์ รมิ ขอบใบ มเี ยอ่ื คลมุ (ดขู อ้ มูลเพิม่ เตมิ ที่ นาคราช, สกลุ )
ชาวเยอรมนั Stephan Lumnitzer (1750-1806)
พบท่ีจีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย หมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยพบ
ฝาดขาว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นบนต้นไม้หรือ
โขดหนิ ในปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ พรุ ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร เหงา้ ใชแ้ กพ้ ษิ จาก
Lumnitzera racemosa Willd. แมลงสัตว์กัดต่อย
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 10 ม. เปลือกนอกสนี ำ้� ตาลหรอื เทาอมด�ำ ใบรูป
เอกสารอา้ งอิง
ใบพายหรอื แกมรปู ไขก่ ลับ ยาว 3.5-7 ซม. ปลายกลมหรอื เว้าตน้ื เส้นแขนงใบ Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
ข้างละ 3-4 เสน้ ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ยาว 2-6 ซม. ใบประดบั ยาวประมาณ Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
1 มม. หลอดกลีบเลยี้ งยาวประมาณ 9 มม. กลบี รูปสามเหลย่ี ม ยาว 1-2 มม.
ปลายมนหรอื มีต่งิ แหลมส้ัน ๆ ดอกสีขาว กลบี รูปรี ยาว 4.5-5 มม. ปลายมน พญานาคราช: เฟินอิงอาศัย ใบประกอบ 3 ชั้น เหงา้ มีเกล็ดกระจาย กลุ่มอับสปอร์เกดิ ท่ปี ลายสว่ นจักริมขอบใบ
เกสรเพศผู้ 5 หรือ 10 อัน ยาว 4-5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 4 มม. (ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธวิ าส - PC)
ผลรปู รหี รือรูปไข่ แบนเลก็ นอ้ ยด้านใดด้านหน่งึ ยาว 1-2 ซม. เปน็ สนั ตืน้ ๆ 2-3 สนั
กา้ นผลยาวประมาณ 1 มม. พญาปลอ้ งทอง

พบทแี่ อฟรกิ าตะวนั ออก มาดากสั การ์ จนี ตอนใต้ อนิ เดยี ศรลี งั กา บงั กลาเทศ Clinacanthus nutans (Burm. f.) Lindau
พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม ไตห้ วนั ญปี่ นุ่ เกาหลใี ต้ ภมู ภิ าคมาเลเซยี นวิ กนิ ี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ วงศ์ Acanthaceae
หมเู่ กาะแปซฟิ กิ และออสเตรเลยี ยางจากล�ำต้นแก้คนั แผลพพุ อง ใบลดความดัน
ชือ่ พอ้ ง Justicia nutans Burm. f., Clinacanthus siamensis Bremek.
ฝาดแดง
ไมพ้ มุ่ สงู ได้ถงึ 1 ม. ต้นเปน็ เหลีย่ ม มีขนตามใบประดับ กลีบเลยี้ งและกลีบดอก
Lumnitzera littorea (Jack) Voigt ดา้ นนอก และผล ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ใบหอกหรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-11 ซม. ปลายมี
ตง่ิ แหลม โคนเบย้ี ว กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ยาวประมาณ
ช่ือพอ้ ง Pyrrhanthus littoreus Jack, Bruguiera littorea (Jack) Steud.

ไม้ตน้ อาจสูงได้ถงึ 25 ม. เปลอื กนอกสีนำ้� ตาลดำ� แตกเปน็ ร่องลกึ ตามยาว
ใบรูปขอบขนานแกมรูปไขก่ ลบั หรือรปู ใบหอกกลบั ยาว 2-8 ซม. ปลายกลมหรอื
เวา้ ตน้ื เสน้ แขนงใบขา้ งละ 4-5 เสน้ ช่อดอกออกตามปลายกง่ิ ยาว 3-5 ซม.
ใบประดบั ยาวประมาณ 2 มม. หลอดกลบี เลยี้ งยาว 1.2-1.8 ซม. กลบี รปู สามเหลยี่ ม
ยาว 1-1.5 มม. ปลายมน ดอกสีแดง กลีบรปู ขอบขนาน ยาว 5-6 มม. ปลายมน
หรือแหลม เกสรเพศผ้สู ่วนมากมี 7 อัน ยาวประมาณ 1 ซม. ก้านเกสรเพศเมีย
ยาวประมาณ 1 ซม. ผลรูปกระสวย ยาว 1.5-2 ซม. มรี ิว้ ตามยาว กา้ นผลยาว
ประมาณ 5 มม.

พบทไี่ หห่ นาน อินเดยี ศรีลังกา พม่า กัมพชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี นิวกินี
ฟิลปิ ปนิ ส์ หมู่เกาะแปซฟิ ิก และออสเตรเลยี นิยมนำ� มาปลูกเปน็ ไม้กระถาง

เอกสารอา้ งองิ
Chen, J. and N.J. Turland. (2007). Combretaceae. In Flora of China Vol. 13:
309-310.

ฝาดขาว: ช่อดอกออกตามซอกใบ กลีบดอกสีขาว เกสรเพศผสู้ ั้น กลีบเลยี้ งติดทน (ภาพ: สมุทรสาคร - RP)

289

พญามะขามปอ้ ม สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

1.5 ซม. ใบประดบั รปู แถบ ยาวประมาณ 8 มม. ก้านดอกส้นั กลบี เลี้ยง 5 กลีบ พญามะขามป้อม: ใบรปู แถบ ช่วงปลายก่งิ เรียงในระนาบเดียว ใบบนกา้ นชอ่ รูปเขม็ โคนเพศเมยี ออกเดี่ยว ๆ ท่ปี ลายกิ่ง
รปู แถบ ยาว 0.8-1.3 ซม. ปลายแหลมยาว ดอกตงั้ ขนึ้ สีแดง ปลายมรี ้ิวสีเหลอื ง มกี าบประดบั อวบน้�ำรองรับ (ภาพใบ: cultivated - RP; ภาพโคนเพศเมยี : เพชรบูรณ์ - PK)
อมเขียวด้านใน กลบี รปู ปากเปดิ คลา้ ยพลิกกลับ ยาว 3-4 ซม. โคนด้านในมขี น
กลบี ล่างรูปรี ยาว 1-2 ซม. ปลายแยก 3 แฉก เรยี งซอ้ นเหล่อื ม ยาว 3-5 มม. พญามุตติ
กลบี บน 2 กลบี รปู สามเหลย่ี มแคบ ยาว 1-2 ซม. ปลายเว้า เกสรเพศผู้ 2 อัน
ตดิ ทีป่ ากหลอดกลบี ดอก ก้านชอู ับเรณยู าว 1-1.5 ซม. อบั เรณูมชี ่องเดียว ยาว Grangea maderaspatana (L.) Poir.
4-5 มม. รังไข่เกลีย้ ง กา้ นเกสรเพศเมียยาว 3-3.5 ซม. ยอดเกสรจัก 2 พู ผลแหง้ แตก วงศ์ Asteraceae
รปู กระบอง ยาวประมาณ 2 ซม. มีขนยาว มี 4 เมลด็ ผิวเปน็ รา่ งแห
ช่อื พ้อง Artemisia maderaspatana L.
พบท่ีจีน ภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู ชวา ในไทยส่วนมากพบทาง
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ มสี รรพคณุ แกไ้ ข้ แผลไฟไหมน้ ำ้� รอ้ นลวก แมลงสตั วก์ ดั ตอ่ ย ไม้ลม้ ลกุ สงู ได้ถงึ 50 ซม. ลำ� ต้นทอดนอน มกั มีขนยาวชว่ งล่าง ใบเรยี งเวยี น
รูปไขก่ ลบั รปู ใบพาย หรอื รปู พิณ แฉกตน้ื ๆ หรือจกั เปน็ พู 2-5 คู่ ยาว 3.5-10 ซม.
สกุล Clinacanthus Nees มี 2 ชนิด พบเฉพาะในเอเชยี เขตรอ้ น ชนิด C. spirei แผ่นใบมีขนยาวและต่อมกระจาย ขอบจักซี่ฟันห่าง ๆ ไร้ก้าน ช่อดอกแบบ
Benoist พบทลี่ าว ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรีก “kline” เอนหรือเตยี ง และ “akantha” ช่อกระจุกแน่นรูปจาน ออกเดย่ี วหรือคู่ทีป่ ลายก่งิ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 0.8-1 ซม.
พชื มีหนาม หมายถงึ พชื ที่มีหนามเอน ตามลักษณะปลายใบท่ีคล้ายหนาม ใบประดับเรียง 2-3 วง ยาว 4-8 มม. ปลายบาง ขอบจักชายครยุ ดา้ นนอกมีขน
เอกสารอา้ งอิง ฐานดอกรปู ครงึ่ วงกลม ดอกยอ่ ยมตี อ่ มกระจาย ดอกเพศเมยี อยวู่ งนอก สเี หลอื ง
Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae (Clinacanthus). In Flora of China เรียง 2-6 วง กลีบดอกรูปเส้นด้ายยาวประมาณ 1 มม. จักตื้น ๆ ดอกกลาง
สมบรู ณเ์ พศ รูประฆังแคบ ยาวประมาณ 1.5 มม. ปลายแฉกต้นื ๆ รูปไข่ 4-5 แฉก
Vol. 19: 442. เกสรเพศผู้ 4-5 อนั ปลายอบั เรณมู รี ยางค์ กา้ นเกสรเพศเมยี แยกแขนงหรอื ไมแ่ ยก
ผลแหง้ แบน มตี อ่ มกระจาย มี 2 สัน ปลายตดั มีวงหนาเป็นจกั ไมม่ ีแพปพัส
พญาปลอ้ งทอง: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ สั้น ๆ สีแดง ปลายมรี ว้ิ สีเหลอื งอมเขียวด้านใน กลีบรปู ปากเปิดคลา้ ยพลิกกลับ
กลีบล่างปลายแยก 3 แฉก กลีบบน 2 กลีบ รูปสามเหลย่ี มแคบ (ภาพ: cultivated - RP) พบในแอฟรกิ าและเอเชยี เขตรอ้ น ขนึ้ เปน็ วชั พชื ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร
ใบมีสรรพคุณเจรญิ อาหาร แกไ้ อ ใหป้ ระจ�ำเดอื นเปน็ ปกติ
พญามะขามปอ้ ม
สกลุ Grangea Adans. อย่ภู ายใตเ้ ผา่ Astereae มี 9 ชนิด พบในแอฟรกิ าและ
Dacrycarpus imbricatus (Blume) de Laub. เอเชยี เขตร้อน ในไทยมีชนิดเดยี ว ช่ือสกุลอาจมาจากชือ่ บคุ คล Grange
วงศ์ Podocarpaceae เอกสารอ้างอิง
Chen, Y. and L. Brouillet. (2011). Asteraceae. In Flora of China Vol. 20-21: 552.
ชื่อพอ้ ง Podocarpus imbricatus Blume, Dacrycarpus imbricatus (Blume) de
Laub. var. patulus de Laub. พญามุตต:ิ ใบรปู พณิ จกั เป็นพู 2-5 คู่ ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แน่นรปู จาน ใบประดบั ขอบจักชายครุย ดา้ นนอกมขี น
(ภาพ: ร้อยเอ็ด - PK)
ไม้ตน้ สูงได้ถึง 40 ม. แยกเพศต่างต้น ใบรปู แถบ ใบบนก่งิ เรียงหา่ ง ใบช่วง
ปลายกงิ่ เรยี งในระนาบเดยี ว กวา้ งตรงกลาง ยาว 0.8-1.5 ซม. ใบบนกา้ นชอ่ รปู เขม็ พญาไม้
เรยี งไมแ่ นบตดิ กบั กา้ น โคนเพศผอู้ อกตามซอกใบ ยาวประมาณ 1 ซม. กาบคลา้ ย
เกล็ด (microsporophylls) ยาว 2-4 มม. เรยี งซอ้ นกนั โคนเพศเมียออกเดีย่ ว ๆ Podocarpus neriifolius D. Don
ทป่ี ลายกิง่ มกี าบประดับ (megasporophylls) อวบนำ้� รองรับเมล็ดเปลือย ยาว วงศ์ Podocarpaceae
3-4 มม. เมล็ดรูปรี ยาว 5-6 มม. เย่ือหมุ้ สุกสแี ดง
ไมต้ ้น สงู 25-30 ม. เปลือกบางลอกออกเปน็ แผน่ ใบเรียงเวียน รปู ใบหอก
พบท่ีจนี ตอนใต้ ไห่หนาน พม่า ภมู ภิ าคอินโดจีน ภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ิปปนิ ส์ หรือรปู แถบ หนา โค้งเลก็ น้อย ยาว 7-20 ซม. ปลายแหลม โคนใบรปู ลม่ิ เรยี วจรด
นวิ กนิ ี และฟิจิ ในไทยพบทางภาคเหนอื ท่ีพิษณโุ ลก ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือที่ ก้านท่ีสน้ั เส้นกลางใบนูนทัง้ สองด้าน โคนเพศผู้ออกเปน็ กลุม่ 2-3 ชอ่ ตามซอกใบ
เลย เพชรบรู ณ์ ภาคตะวนั ออกทน่ี ครราชสมี า ภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ต่ี ราด และ ยาว 2.5-5 ซม. ไรก้ า้ น กลบี ประดบั จำ� นวนมากเรยี งเวยี น เมลด็ เปลอื ยอยบู่ นฐาน
ภาคใตท้ ีย่ ะลา ข้นึ ตามป่าดบิ เขา ความสูง 700-1500 เมตร อวบน้�ำทพ่ี ฒั นามาจากเกลด็ ของออวลุ ออกเดยี่ ว ๆ กา้ นยาว 1-2 ซม. ฐานรอง
อวบหนา ยาวเท่า ๆ กา้ น ท่ีโคนมใี บประดับ 2 ใบ รูปลิม่ แคบ เมล็ดมเี ยอื่ ห้มุ
สกลุ Dacrycarpus (Endl.) de Laub. พชื เมล็ดเปลอื ย มี 9 ชนิด พบในเอเชยี คล้ายผลผนังชนั้ ในแข็ง ยาว 1-1.5 ซม. สกุ สมี ่วงแดง
และฟิจิ ในไทยมีชนดิ เดียว แยกเป็น var. robustus de Laub. พบทีบ่ อรเ์ นียว
ฟลิ ิปปินส์ โมลุกกะ และนวิ กินี และ var. curvulus (Miq.) de Laub. พบท่ี พบทอี่ นิ เดยี เนปาล บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี
สมุ าตราตอนบนและชวาตอนกลาง ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “dakryon” นำ้�ตา นวิ กนิ ี ฟิลปิ ปินส์ และหมเู่ กาะแปซิฟกิ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทกุ ภาค ขน้ึ ตาม
และ “carpos” ผล หมายถงึ เมลด็ เปลอื ยรปู รคี ลา้ ยหยดน้ำ�ตา ปา่ ดิบชืน้ และป่าดบิ เขา ความสงู 600-1500 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
de Laubenfels, D.J. (1988). Coniferales. In Flora Malesiana Vol. 10: 360-371.
Fu, L., Y. Li and R.R. Mill. (1999). Podocarpaceae. In Flora of China Vol. 4: 79.
Phengklai, C. (1972). Podocarpaceae (Podocarpus). In Flora of Thailand Vol.

2(2): 201.

290

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย พนมสวรรคต์ น้

สกลุ Podocarpus L’Hér. ex Pers. เป็นพชื เมล็ดเปลอื ย มปี ระมาณ 100 ชนดิ พนมสวรรค์
พบในเขตร้อน เขตอบอนุ่ และแถบแอนตารก์ ตกิ ในไทยมี 3 ชนิด พญาไมใ้ บสั้น
P. pilgeri Foxw. ใบยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายกลมหรอื มน พบท่ีเขากรวบ ชายแดน Clerodendrum paniculatum L.
ไทย-กมั พชู า จังหวดั ตราด และสนใบพาย P. polystachyus R. Br. ex Endl. วงศ์ Lamiaceae
ใบสนั้ กว่าพญาไม้ โคนเพศผูอ้ อกเป็นกลมุ่ 3-5 ชอ่ พบทีภ่ ูหลวง จงั หวดั เลย ส่วนอีก
2 ชนิด ได้ยา้ ยไปอยสู่ กลุ Nageia คือ ขนุ ไม้ N. wallichiana (C. Presl) Kuntze ไมพ้ มุ่ สงู 1-2 ม. มขี นและตอ่ มกระจายตามแผน่ ใบ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก
และ ซางจนี N. motleyi (Parl.) de Laub. ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “pous” เทา้ ดา้ นนอก ใบรูปฝา่ มือ 3-7 พู รูปไขก่ วา้ งหรือเกอื บกลม สว่ นมากยาว 10-30 ซม.
และ “karpos” ผล ตามลักษณะเมล็ดตดิ บนเกล็ดทเ่ี จรญิ อวบน้�ำ เหมือนเท้า ปลายแฉกแหลม โคนรปู หวั ใจ ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ชอ่ ดอก
เอกสารอา้ งองิ รปู คลา้ ยพีระมดิ ยาวไดถ้ ึง 50 ซม. ก้านชอ่ เป็นเหลยี่ ม ใบประดบั คลา้ ยใบ รูป
de Laubenfels, D.J. (1988). Coniferales. In Flora Malesiana Vol. 10: 395-409. ไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 1-5 ซม. ใบประดับย่อยรูปแถบ ยาวได้ถึง 1 ซม.
Fu, L., Y. Li and R.R. Mill. (1999). Podocarpaceae. In Flora of China Vol. 4: 81. ดอกสสี ม้ แดง กลบี เลยี้ งรปู ใบหอก ยาวประมาณ 5 มม. หลอดกลบี ยาว 1.-1.5 ซม.
Phengklai, C. (1975). Podocarpaceae. In Flora of Thailand. Vol. 2(3): 197-203. กลบี รปู ขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว 0.7-1.4 ซม. เกสรเพศผยู้ าว 3-4 เทา่ ของกลบี ดอก
รังไขเ่ กลีย้ ง ก้านเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ เกสรเพศผูอ้ นั ยาว ผลกลม จัก 2-4 พู
พญาไม:้ ใบหนา เสน้ กลางใบนูนเดน่ ชัดท้ังสองด้าน เมลด็ เปลือยอยูบ่ นฐานท่อี วบน�้ำ (ภาพ: นครศรธี รรมราช - RP) เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 5-9 มม. สุกสีดำ� (ดูขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี นางแยม้ , สกุล)

พญารากดำ� พบทอี่ นิ เดยี บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทย
พบทกุ ภาค สว่ นมากขนึ้ ตามชายปา่ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 800 เมตร
Diospyros rubra Lecomte บางคร้ังพบเป็นไม้ประดับ และมีดอกสีเหลือง ลักษณะทั่วไปคล้ายกับปิ้งแดง
วงศ์ Ebenaceae C. intermedium Cham. ที่ใบไม่จักเป็นพู และปิ้งแดงดง C. japonicum
(Thunb.) Sweet ทกี่ ลีบเลี้ยงยาวกวา่ น้�ำค้ันจากใบแก้ปวดทอ้ ง แก้ไอ แก้เจ็บคอ
ไมต้ น้ สงู 5-7 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามแผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ และกลบี เลย้ี งดา้ นนอก
ใบรปู ไข่แกมรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 6-16 ซม. ปลายแหลม มน หรอื ยาว พนมสวรรคต์ น้
คลา้ ยหาง โคนแหลม มน หรอื กลม ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ดอกเพศผู้กา้ นส้นั มาก
หรอื ไรก้ ้าน กลีบเลี้ยงรูประฆัง มี 4 กลีบ แฉกลกึ เกือบจรดโคน ด้านในมขี น Clerodendrum smitinandii Moldenke
คลา้ ยใยไหม กลีบดอกรปู คนโท ยาว 3-4 มม. ปลายแฉกต้นื ๆ เกสรเพศผู้ 16-18 อัน ไม้ต้น สงู 8-15 ม. ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่กลบั ยาว 4-18 ซม.
รงั ไข่ท่ีไม่เจริญมขี นหยาบ ดอกเพศเมยี กลีบเลีย้ งและกลีบดอกอยา่ งละ 4-5 กลบี
กลีบดอกแฉกลกึ ประมาณกงึ่ หน่งึ รังไขม่ ี 4 ชอ่ ง มขี นคล้ายใยไหม ไมม่ เี กสรเพศผู้ ปลายเรยี วแหลมมตี งิ่ สนั้ ๆ ปลายตง่ิ มน เสน้ แขนงใบโคง้ จรดกนั เสน้ แขนงใบยอ่ ย
ท่ีเป็นหมัน ผลรูปรี ยาว 1-2.5 ซม. ปลายเปน็ ติ่งแหลม สุกสแี ดง ไร้กา้ น กลบี เล้ยี ง ก่ึงข้ันบนั ไดหา่ ง ๆ ก้านใบยาว 1.5-3 ซม. ช่อดอกตง้ั ขนึ้ ยาว 4-6 ซม. กา้ นดอก
พับงอ เอนโดสเปิรม์ เปน็ ชนั้ (ดูข้อมลู เพม่ิ เตมิ ที่ มะเกลอื , สกลุ ) ยาว 1-1.5 ซม. ใบประดบั รปู เสน้ ดา้ ย ยาว 0.4-1 ซม. กลบี เลยี้ งสชี มพอู มน�้ำตาล
หลอดกลีบยาว 4-8 มม. กลีบรปู สามเหลี่ยม ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายแหลม
พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบถงึ ภาคใตท้ สี่ รุ าษฎรธ์ านี ตดิ ทน ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกยาว 4-5 ซม. กลีบดอกยาวเท่า ๆ กัน รปู รี
ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชนื้ ชายฝง่ั ทะเล หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ ยาวประมาณ 1 ซม. มีขนละเอียด เกสรเพศผยู้ าว 2.5-3 ซม. เกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ
500 เมตร เกสรเพศผหู้ รือยาวกวา่ เล็กนอ้ ย ผลกลม มี 4 ไพรีน มีกลบี เลี้ยงหุ้ม (ดูข้อมลู เพม่ิ เตมิ
ที่ นางแย้ม, สกลุ )
เอกสารอ้างองิ
Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand. Vol. 2(4): 319-321. พบทก่ี มั พชู า เวยี ดนาม และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องไทยทฉ่ี ะเชงิ เทรา จนั ทบรุ ี
ขนึ้ ตามท่ลี าดชันในป่าดบิ ช้นื ความสูง 600-1500 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Chen, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae (Clerodendrum). In Flora of
China Vol. 17: 36.
Leeratiwong, C., P. Chantaranothai and A.J. Paton. (2011). A synopsis of the
genus Clerodendrum L. (Lamiaceae) in Thailand. Tropical Natural History
11(2): 177-211.

พนมสวรรค:์ ใบรปู ฝ่ามอื 3-7 พู ชอ่ ดอกรูปคล้ายพรี ะมดิ ดอกสสี ม้ แดง ใบประดับคล้ายใบ ผลจัก 2-4 พู กลบี เลยี้ ง
ตดิ ทน (ภาพ: โขงเจยี ม อบุ ลราชธาน;ี ภาพดอก - PK, ภาพผล - RP)

พญารากด�ำ: กลีบเลยี้ งพบั งอ แฉกลกึ เกือบจรดโคน ดา้ นในมีขนคล้ายใยไหม ผลไรก้ ้าน (ภาพ: เขาสอยดาว จนั ทบุรี - PK) พนมสวรรคต์ น้ : ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก ตง้ั ข้ึน ใบประดับรปู เส้นด้าย กลีบเลยี้ งสชี มพอู มนำ้� ตาล กลีบรปู สามเหล่ยี ม
ปลายแหลม ตดิ ทน (ภาพ: เขาสอยดาว จนั ทบรุ ี - SSi)

291

พยบั เมฆ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พยบั เมฆ สกุล Fittonia Coem. มี 2 ชนิด พบในอเมริกาใต้ อกี ชนดิ คือ F. gigantea
Linden มถี ่นิ กำ�เนดิ ในเอกวาดอร์ ใบและช่อดอกขนาดใหญก่ วา่ ชอื่ สกลุ ต้ังตาม
Orthosiphon aristatus (Blume) Miq. สองพีน่ ้อง Elizabeth Fitton และ Sarah Mary Fitton เพื่อนของ Robert Brown
วงศ์ Lamiaceae นักพฤกษศาสตรช์ าวองั กฤษ
เอกสารอา้ งอิง
ชอ่ื พ้อง Ocimum aristatum Blume Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum

ไมล้ ้มลุก สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. รากอวบหนา ลำ� ตน้ เปน็ สีเ่ หล่ยี ม ใบเรียงตรงข้าม Press, Honolulu, Hawai`i.
รูปไข่ แกมรปู ขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาวได้ถึง 12 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว
โคนรปู ลมิ่ ขอบจกั ฟนั เลื่อย ก้านใบยาวได้ถึง 3 ซม. มีขนสั้นนมุ่ ช่อดอกออกที่ พรมแดงและพรมออสเตรเลีย: ใบเรียงตรงขา้ ม เสน้ ลายรา่ งแหและเส้นกลางใบมีหลากสี ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลด
ปลายกงิ่ ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ กระจกุ ไรก้ า้ นเรยี งเปน็ วงรอบแกนชอ่ แตล่ ะใบประดบั มี 4 ดา้ น ใบประดบั เรียงซ้อนเหลอื่ ม (ภาพ: cultivated - RP)
มี 2-3 ดอก ใบประดบั รูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม. ติดทน ก้านดอกยาว 3-5 มม.
ขยายในผลเล็กนอ้ ย มีขนสนั้ นมุ่ กลีบเลย้ี งรูปปากเปดิ ยาว 3-8 มม. ขยายในผล พรวด
มขี นสั้นนุ่ม กลบี บนกลม สนั้ กวา่ กลบี ล่าง กลีบลา่ งแยก 4 แฉกตนื้ ๆ ปลายแหลมยาว
ดอกสีมว่ งออ่ น รูปปากเปิด ยาว 1.2-3.5 ซม. หลอดกลีบดอกยาว 1-2 ซม. Rhodomyrtus tomentosa (Aiton) Hassk.
กลีบรปู ขอบขนาน กลบี บน 3 กลบี กลบี กลางเว้าต้นื กลบี ลา่ ง 2 กลีบ เกสรเพศผู้ วงศ์ Myrtaceae
สนั้ 2 อนั ยาว 2 อนั ยืน่ พ้นหลอดกลีบดอก จานฐานดอกจัก 4 พู เกสรเพศเมยี
ยาวกวา่ เกสรเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย ผลยอ่ ยเปลอื กแขง็ รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2 มม. ชือ่ พ้อง Myrtus tomentosa Aiton
ผิวเปน็ ร่างแห
ไม้พมุ่ สูง 1-4 ม. เปลือกลอกเปน็ แผ่นบาง ๆ มขี นส้นั หนานมุ่ สีเทาตามกิง่
พบท่พี มา่ และภมู ิภาคอนิ โดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ แยก แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ ชอ่ ดอก กา้ นดอก กลบี เลีย้ งและกลีบดอกด้านนอก
เป็น var. velteri Suddee & A. J. Paton พบทีเ่ วยี ดนาม กา้ นใบส้ันมากหรือไร้กา้ น และผล ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปรีหรอื รูปไข่ ยาว 2-10 ซม. แผ่นใบหนา เสน้ แขนงใบ
ใบมสี รรพคณุ ขบั ปสั สาวะ แก้โรคไต ปวดตามขอ้ ขา้ งละ 1 เสน้ ออกจากโคน เรยี งโคง้ จรดกนั เปน็ เสน้ ขอบใน กา้ นใบยาวประมาณ
5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ซอ้ นออกตามซอกใบ สว่ นมากมดี อกเดยี ว กา้ นชอ่ ยาว
สกุล Orthosiphon Benth. อยภู่ ายใตเ้ ผา่ Ocimeae มปี ระมาณ 45 ชนดิ พบใน 1-2 ซม. ก้านดอกยาวไดถ้ ึง 1.5 ซม. ฐานดอกรปู ถว้ ย ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี เลย้ี ง
แอฟริกา เอเชยี และออสเตรเลีย ในไทยมีประมาณ 7 ชนิด ชอ่ื สกุลมาจากภาษา 4-5 กลบี ยาว 5-6 มม. ปลายมน ติดทน ดอกสีชมพอู มขาว มี 4-5 กลบี รปู ไข่กวา้ ง
กรีก “orthos” ตั้งตรง และ “sifon” หลอดกลบี ดอก ตามลกั ษณะหลอดกลีบดอก ยาว 1.5-2 ซม. เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ก้านชอู ับเรณูสแี ดง ยาว 0.7-1 ซม. ปลาย
เอกสารอ้างองิ อับเรณูมตี อ่ มขนาดเลก็ รงั ไข่ใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-1.5 ซม. ผลสด
Suddee, S., A.J, Paton and J. Parnell. (2005). Taxonomic revision of the tribe มหี ลายเมลด็ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. ขนสน้ั หนานมุ่ สีเทา สกุ สดี �ำอมม่วง
เมลด็ สนี ำ้� ตาล รปู คลา้ ยไต ยาวประมาณ 3 มม. มปี ุ่มกระจาย
Ocimeae Dumort. (Lamiaceae) in continental South East Asia III. Ociminae.
Kew Bulletin 60: 3-75. พบทอ่ี นิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ จนี ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ หมเู่ กาะ
โมลุกกะ และซูลาเวซี ในไทยพบทางภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงใต้
พยบั เมฆ: ชอ่ ดอกออกทปี่ ลายกง่ิ ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ กระจกุ ไร้ก้านเรยี งรอบแกนชอ่ ดอกรูปปากเปิด เกสรเพศผ้แู ละ ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามป่าชายหาด ชายป่าพรุ และปา่ ดิบเขา
เกสรเพศเมียยน่ื พ้นปากหลอดกลบี ดอก (ภาพ: cultivated - RP) ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร รากมีสรรพคณุ แกป้ วดท้อง ทอ้ งเสีย และภาวะ
ตกเลอื ดหลังคลอด
พรมแดง
สกุล Rhodomyrtus (DC.) Rchb. มปี ระมาณ 18 ชนดิ พบในเอเชียเขตรอ้ น
Fittonia albivenis (Lindl. ex Veitch) Brummitt และออสเตรเลยี ในไทยมชี นดิ เดียว แยกเปน็ var. parviflora (Alston) A. J.
วงศ์ Acanthaceae Scott พบท่ศี รีลงั กา และอนิ เดีย ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรีก “rhodo” แดง และ
“myrtos” พชื วงศ์ Myrtaceae ตามลักษณะดอกที่สว่ นมากมีสแี ดง
ชอื่ พ้อง Adelaster albivenis Lindl. ex Veitch, Fittonia verschaffeltii (Lem.) เอกสารอา้ งองิ
Van Houtte Chen, J. and L.A. Craven. (2007). Myrtaceae. In Flora of China Vol. 13: 330-331.
Parnell, J. and P. Chantaranothai. (2002). Myrtaceae. In Flora of Thailand Vol.
ไมล้ ้มลกุ ทอดเลื้อย มีรากตามขอ้ ใบเรยี งตรงข้าม รูปรหี รอื รูปไข่ ยาว 2-12 ซม.
ปลายแหลม มนหรอื กลม โคนรปู หวั ใจ เสน้ รา่ งแหและเสน้ กลางใบมลี ายขาวหรอื แดง 7(4): 809-811.
ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด ตง้ั ขนึ้ ดอกเรยี ง 4 ดา้ น ยาวไดถ้ ึง 10 ซม. ใบประดบั เรียง
ซอ้ นเหลื่อม รูปลิ่มกวา้ งหรือเกือบกลม 0.5-1.2 ซม. ขอบมีขนครยุ ดอกไร้ก้าน พรวด: ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ผลมขี นส้นั หนานมุ่ สเี ทา กลีบเล้ยี งติดทน (ภาพดอก:
กลีบเล้ียง 5 กลบี ขนาดเล็ก ขอบมีขนครุย ดอกสคี รมี อมเหลือง กลีบรปู ปากเปดิ สุราษฎร์ธานี, ภาพผล: ทุง่ ทะเล กระบ่;ี - RP)
หลอดกลบี ยาว 1-1.2 ซม. กลีบบน 2 กลีบ เรียวแคบ โค้งเข้า กลบี ลา่ ง 3 กลบี โคง้ ออก
เกสรเพศผู้ 2 อัน ไม่ยนื่ พน้ ปากหลอดกลีบดอก ผลแหง้ แตกรูปรี ยาวประมาณ
1 ซม. มี 2 เมลด็ รปู จาน

มถี น่ิ กำ� เนดิ ทอ่ี เมรกิ าใต้ เปน็ ไมป้ ระดบั ทวั่ ไป มหี ลากสายพนั ธ์ุ กลมุ่ ทมี่ ลี ายเสน้
รา่ งแหสขี าว เรียกวา่ พรมออสเตรเลยี

292

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พลวง

พระจันทรค์ ร่งึ ซีก พรกิ ฝรง่ั

Lobelia chinensis Lour. Rivina humilis L.
วงศ์ Campanulaceae วงศ์ Phytolaccaceae

ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ ทอดเลอื้ ย ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. มรี ากตามขอ้ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ไม้ล้มลุก สูง 30-100 ซม. มีขนส้ันนุ่มตามกิ่งอ่อน เส้นแขนงใบด้านล่าง
รปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 0.8-2.5 ซม. โคนกลมหรอื มน ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟ่ี นั ไมช่ ดั เจน ก้านใบ และช่อดอก ไมม่ ีหใู บ ใบเรยี งเวยี น รปู ไขแ่ กมรูปใบหอก ยาว 4-10 ซม.
ช่วงปลายใบ ไร้กา้ นหรอื มกี า้ นสัน้ มาก ดอกออกเดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว ปลายแหลมยาว โคนเรียวสอบ มน หรอื กลม ขอบเรียบหรือจกั ฟันเล่ือยเล็กนอ้ ย
1.2-3.5 ซม. หลอดกลีบเลยี้ งรปู กรวย ยาว 3-5 มม. กลีบรูปใบหอก ยาวเทา่ ๆ กา้ นใบยาว 1-3 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ยาว 4-10 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็
หลอดกลีบ ดอกสีขาวอมชมพู ขอบมสี ีเขม้ โคนสเี ขยี ว ยาว 1-1.5 ซม. แยกจรดโคน กา้ นดอกยาว 2-4 มม. ดอกสีขาวหรืออมชมพู กลบี รวม 4 กลีบ แฉกลึกเกือบ
ด้านหลัง ด้านในมีขนยาว ด้านนอกมีขนละเอียด ปลายกลีบแผ่ออกคล้ายพัด จรดโคน ตดิ ทน รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 2-3 มม. พบั งอ เปลี่ยนเปน็ สีเขยี ว
กลบี รปู ใบหอก ยาว 0.6-1 ซม. กลบี คขู่ า้ งยาวกวา่ เลก็ นอ้ ย เกสรเพศผยู้ นื่ พน้ ปาก และขยายในผลเลก็ นอ้ ย เกสรเพศผู้ 4 อนั ตดิ บนจานฐานดอก กา้ นชอู บั เรณสู น้ั
หลอดกลบี กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ชว่ งบน ชว่ งแยกกนั มขี นยาว รงั ไขม่ ขี นยาว กวา่ กลีบรวม รังไข่มีช่องเดยี ว ผลสดมีเมลด็ เดยี ว กลม ๆ ยาว 3-4 มม. สกุ สแี ดง
ผลรูปกรวย ยาว 6-7 มม. (ดขู อ้ มลู เพ่มิ เตมิ ที่ หญา้ ผักเบย้ี , สกลุ ) เมลด็ รปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางขนาดประมาณ 2 มม.

มถี ่ินกำ� เนิดในจีน แพรก่ ระจายท่วั ไปในธรรมชาติท่อี นิ เดีย ศรีลังกา พม่า จีน มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื กลายเปน็ วชั พชื ใบมสี รรพคณุ
ภูมภิ าคอนิ โดจีน คาบสมทุ รมลายู ไตห้ วนั เกาหลี ญ่ปี นุ่ และไทย มสี รรพคุณแก้ ยับย้งั เชอ้ื แบคทีเรยี แกไ้ อ แก้หวัด แก้ทอ้ งเสยี หนองใน ดีซ่าน รากและผลมีพษิ ผล
อกั เสบ โรคท้องมาน งกู ัด ทอ้ งเสยี ล�ำไสอ้ ักเสบ และแผลตดิ เชื้อ มีเม็ดสี rivianin ใชย้ ้อมผา้

เอกสารอ้างองิ สกลุ Rivina L. มี 2 ชนิด พบในอเมริกาเขตร้อน อีกชนดิ คือ R. brasiliensis
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2014). Campanulaceae. In Flora of Nocca ชอื่ สกลุ ตง้ั ตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวเยอรมนั Augustus Quirinus Rivinus
Thailand Vol. 11(4): 520. (1652-1723)
Hong, D. and T.G. Lammers. (2011). Campanulaceae. In Flora of China Vol.
9: 556. เอกสารอ้างอิง
Larsen, K. (1992). Phytolaccaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(4): 433.
Lu, D. and K. Larsen. (2003). Phytolaccaceae. In Flora of China Vol. 5: 435-436.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

พระจันทร์คร่ึงซีก: ขอบใบจักซ่ีฟันไมช่ ัดเจนช่วงปลายใบ ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ กลบี ดอกแยกจรดโคนด้านหลัง พรกิ ฝรั่ง: ใบรูปไขแ่ กมรูปใบหอก ปลายใบแหลมยาว ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ กลบี รวม 4 กลบี เกสรเพศผู้ 4 อนั
ดา้ นในมขี นยาว ปลายกลบี แผ่ออกคลา้ ยพดั (ภาพ: cultivated - RP) ผลสุกสีแดง กลบี รวม เปลย่ี นเปน็ สเี ขียว ตดิ ทน พับงอ (ภาพ: cultivated - RP)

พริกนายพราน พลวง

Tabernaemontana bufalina Lour. Dipterocarpus tuberculatus Roxb.
วงศ์ Apocynaceae วงศ์ Dipterocarpaceae

ไมพ้ ุม่ สงู ไดถ้ ึง 4 ม. กง่ิ มีช่องอากาศ ใบรปู รหี รือรปู ขอบขนาน ยาว 2.5-17 ซม. ไมต้ น้ ผลัดใบ สูงไดถ้ ึง 40 ม. หูใบขนาดใหญ่ ยาวได้ถงึ 13 ซม. เกลย้ี งหรือ
ปลายเแหลมยาวหรือยาวคล้ายหาง กา้ นใบยาว 1-8 มม. ช่อดอกยาว 2-8 ซม. มีขนสั้นนุม่ ใบรูปรกี วา้ งหรือรูปไข่ ยาว 12-70 ซม. ปลายมน โคนรปู หวั ใจ แผ่นใบ
กลบี เล้ยี งรูปไขป่ ลายแหลมยาว ยาว 1.5-3 มม. บางคร้งั ขอบมีขนอุย ดอกสขี าว เกล้ยี งหรือมีขนหนาแนน่ ดา้ นลา่ ง เสน้ แขนงใบขา้ งละ 12-15 เสน้ ก้านใบยาว
หลอดกลบี ยาว 0.8-1.7 ซม. บางครั้งบิดเวยี น มขี นรอบ ๆ เกสรเพศผู้ กลีบยาว 3.5-12 ซม. ชอ่ ดอกแยกแขนงเดียว ยาว 5-15 ซม. ช่อแขนงยาว 5-8 ซม. มี 5-7 ดอก
0.8-1.2 ซม. เกสรเพศผตู้ ดิ ประมาณกง่ึ กลางหรอื เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก เรยี งดา้ นเดียว ใบประดับยาวประมาณ 2 ซม. กา้ นดอกหนา ส้นั กลีบเล้ียงยาว
อับเรณูยาวประมาณ 2.5 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาว 3.5-8 มม. รวมยอดเกสร 1.5-3 มม. กลีบดอกรปู ใบหอก ยาว 2.5-3 ซม. ด้านนอกมีขนรูปดาวกระจาย
ผลรปู ขอบขนาน เบย้ี วและคอดเล็กนอ้ ย ยาว 2.5-13.5 ซม. มีสนั ตืน้ ๆ ตามยาว เกสรเพศผมู้ ปี ระมาณ 30 อนั ก้านชอู บั เรณสู นั้ อบั เรณยู าว 5-7 มม. หลอดกลบี เลยี้ ง
เมล็ดรูปรี ยาว 0.5-1 ซม. (ดูขอ้ มูลเพ่ิมเติมที่ พุดฝรั่ง, สกลุ ) หุ้มผลมีสนั คลา้ ยปกี ครงึ่ บน ปีกยาว 2 ปีก ยาว 9-15 ซม. กว้าง 2.5-4 ซม. ปีกส้ัน
3 ปีก ยาว 1.5-2 ซม. พับงอกลับ ก้านผลยาวประมาณ 5 มม. (ดูข้อมูลเพิ่มเตมิ ท่ี
พบทจี่ นี ตอนใต้ กมั พชู า และเวยี ดนาม ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ยาง, สกลุ )
ขึ้นตามปา่ ดิบแลง้ ความสูงถึงประมาณ 400 เมตร
พบที่บังกลาเทศ พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาคยกเว้น
เอกสารอ้างอิง ภาคใต้ ขนึ้ หนาแน่นในปา่ เตง็ รัง และป่าสนเขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1300 เมตร
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 30. เคยแยกเปน็ var. grandifolius Craib และ var. tomentosus Kerr ตามขนาด
ของใบทีม่ ีขนาดใหญ่ และแผน่ ใบมีขนหนาแนน่
พรกิ นายพราน: ใบเรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก กลีบดอกบิดเวยี น ผลรูปขอบขนาน คอ่ นขา้ งตรง เบ้ียว
และคอดเลก็ น้อย มสี นั ต้นื ๆ ตามยาว (ภาพ: ศรีสะเกษ - SSi) เอกสารอา้ งอิง
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 137-138.
Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 34-36.

293

พลองขคี้ วาย สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พลวง: แผน่ ใบเกลี้ยง ชอ่ ดอกแยกแขนงเดยี ว ตดิ ดา้ นเดยี ว กลีบดอกบดิ เวยี น หลอดกลีบเลีย้ งมีสนั คลา้ ยปกี คร่งึ บน 4 อันอยูว่ งใน อบั เรณรู ูปตัวเอส ยาว 5-7.5 มม. มีช่องเปดิ ชอ่ งเดียว โคนอับเรณู
กลบี เลย้ี งขยายเป็นปีกยาว 2 ปีก (ภาพ: แมส่ ะเรียง แม่ฮ่องสอน - RP) จกั 2-3 พู เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 4 อนั อยวู่ งนอก ยาว 1.5-4.5 มม. ปลายมรี ยางค์
รปู เสน้ ดา้ ย รงั ไขแ่ นบตดิ ถงุ เกสรเพศผู้ ผลสดมหี ลายเมลด็ รปู รี ยาวประมาณ 8 มม.
พลองข้ีควาย สกุ สมี ว่ งดำ� เมล็ดจำ� นวนมากขนาดเล็ก

Memecylon caeruleum Jack พบที่พมา่ ลาว เวียดนาม คาบสมทุ รมลายู สุมาตรา และชวา ในไทยพบแทบ
วงศ์ Melastomataceae ทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคเหนอื ตอนบน ข้ึนตามชายปา่ ดิบแล้งและป่าดิบช้นื ริมล�ำธาร
ความสูงถึงประมาณ 1000 เมตร
ไมพ้ ุ่มหรือไมต้ ้น สงู 3-12 ม. ใบเรยี งตรงข้าม รปู รีหรอื รปู ขอบขนาน ยาว
8-16 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนรปู ล่ิม มน หรอื กลม แผ่นใบคอ่ นข้างหนา สกลุ Dissochaeta Blume มปี ระมาณ 40 ชนิด พบทีอ่ ินเดีย พมา่ ภูมิภาคอินโดจีน
กา้ นใบยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ชอ่ ดอกออกเป็นกระจกุ ส้ัน ๆ ตามซอกใบ ก้านช่อยาว และมาเลเซีย นวิ กนิ ี และฟิลิปปนิ ส์ ในไทยมี 12 ชนดิ ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรีก
0.5-1.2 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กา้ นดอกยาว 2-5 มม. ฐานดอกรปู ถว้ ย “distiss” 2 แบบ และ “chaite” ขนแขง็ หมายถึงมขี นแขง็ 2 แบบ หรืออาจหมายถึง
ยาว 1.5-3 มม. กลีบเลี้ยงจกั ตน้ื ๆ 4 กลบี ดอกสมี ่วง มี 4 กลีบ รปู ไขก่ วา้ ง ลกั ษณะอับเรณูทมี่ ี 2 แบบ
ปลายแหลม ยาวประมาณ 2 มม. เกสรเพศผู้ 8 อนั สมี ว่ ง ยาวประมาณ 2.5 มม. เอกสารอ้างองิ
อับเรณปู ลายมีรยางค์ มีต่อมทีโ่ คน รังไข่ใตว้ งกลีบ มรี อ่ งตามยาว 8 รอ่ ง ออวุลมี Renner, S.S., G. Clausing, N. Celliness and K. Meyer. (2001). Melastomataceae.
หลายเมด็ พลาเซนตารอบแกน ยอดเกสรเพศเมยี เปน็ ตมุ่ ผลคลา้ ยผลสด มเี มลด็
เดยี วทเ่ี จรญิ รปู ไข่กว้าง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 ซม. ผิวเรยี บ ปลายผลมจี าน In Flora of Thailand Vol. 7(3): 423-425.
ฐานดอกตดิ ทนรปู วงแหวน สกุ สีมว่ งด�ำ เมลด็ กลม เปลือกแขง็
พลองอินทร์: ใบเรียงตรงขา้ ม ขอบกา้ นใบมักมีขนแข็ง ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ฐานดอกปลายเปน็ ขอบตดั
พบทจี่ นี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทกุ ภาค กลบี ดอก 4 กลบี ผลสกุ สมี ่วงดำ� (ภาพดอก: แก่งกระจาน เพชรบุรี - PK; ภาพผล: น้�ำตกโยง นครศรธี รรมราช - SSi)
พบมากทางภาคใต้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร มสี รรพคณุ เยน็ เปน็ ยาสมาน
พลับพลา, สกลุ
สกลุ Memecylon L. เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Memecylaceae ปจั จุบันอยวู่ งศ์ย่อย
Olisbeoideae มปี ระมาณ 400 ชนิด พบในแอฟริกา มาดากัสการ์ เอเชยี และ Microcos L.
ออสเตรเลยี ในไทยมีประมาณ 35 ชนิด (Wijedasa, pers. com.) ชอ่ื สกลุ มาจาก วงศ์ Malvaceae
ภาษากรีกโบราณ “memekylon” หมายถึงพชื พวกสตรอว์เบอรร์ ตี น้ ที่ผลกินได้
เอกสารอ้างอิง ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ หใู บขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
Chen, J. and S.S. Renner. (2007). Melastomataceae. In Flora of China Vol. เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงตามซอกใบหรอื ปลายกิ่ง
ดอกสมบูรณ์เพศ ใบประดับเช่ือมตดิ กนั สว่ นมากร่วงเร็ว กลีบเลย้ี ง 5 กลบี แยก
13: 397. จรดโคน เรยี งจรดกนั ในตาดอก กลบี ดอก 5 กลบี ขนาดเลก็ กวา่ กลบี เลยี้ งหรอื ไมม่ ี
มีตอ่ มที่โคน เกสรเพศผูจ้ �ำนวนมาก แยกกนั ติดบนสว่ นปลายก้านชเู กสรร่วม
พลองข้คี วาย: ชอ่ ดอกออกเป็นกระจกุ สน้ั ๆ ตามซอกใบ กลบี เลี้ยงจักตืน้ ๆ 4 กลีบ เกสรเพศผู้ 8 อนั สมี ว่ ง ผลผวิ เรยี บ รงั ไขเ่ หนอื วงกลบี ไรก้ ้าน สว่ นมากมี 3 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมยี เรยี วยาวรปู ลม่ิ แคบ
สกุ สีมว่ งด�ำ ปลายผลมจี านฐานดอกติดทนรูปวงแหวน (ภาพ: เขาหลกั พงั งา; ภาพดอก - NP, ภาพผล - RP) ผลผนงั ชน้ั ในแขง็ ส่วนมากมี 1-3 ไพรนี ท่ีเจริญ

พลองอนิ ทร์ สกลุ Microcos เคยอยูภ่ ายใตว้ งศ์ Tiliaceae ปัจจบุ นั อย่วู งศ์ย่อย Grewioideae
มปี ระมาณ 80 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในแอฟรกิ า ในไทยมีประมาณ 5 ชนิด ชอ่ื สกลุ
Dissochaeta divaricata (Willd.) G. Don มาจากภาษากรีก “mikros” ขนาดเล็ก และ “kos” ที่คมุ ขัง หมายถงึ ใบทีใ่ ชห้ ่อ
วงศ์ Melastomataceae อาหารทมี่ ขี นาดเล็ก

ช่อื พอ้ ง Melastoma divaricatum Willd. พลบั พลา

ไม้พุ่มกงึ่ เล้อื ย มีขนกระจุกแข็งคลา้ ยหนามตามข้อ ข้อเปน็ สนั นูน ใบเรยี ง Microcos tomentosa Sm.
ตรงขา้ ม รูปไข่ รปู ขอบขนาน หรือรูปใบหอก ยาว 6.5-17 ซม. ปลายแหลมหรอื ไม้ตน้ สงู ได้ถงึ 15 ม. มขี นกระจกุ รูปดาวส้ันนมุ่ ตามกิ่งอ่อน ก้านใบ แผน่ ใบ
แหลมยาว โคนมนกลม แผ่นใบหนา ด้านล่างมีขนละเอียดและขนกระจุกแซม
เส้นโคนใบขา้ งละ 1-2 เส้น เรียวจรดปลายใบ ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ขอบมักมี ช่อดอก ใบประดบั กลบี เล้ยี ง และผล ใบรูปไข่กลับหรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว
ขนแขง็ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ชอ่ ทปี่ ลายกงิ่ ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. กา้ นดอก 8-22 ซม. ปลายแหลม โคนมนหรอื กลม ขอบจักฟนั เล่อื ย เส้นแขนงใบข้างละ
หนา ยาว 5-6 มม. ใบประดับคลา้ ยใบ รูปขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 0.4-1.4 ซม. 4-6 เส้น เสน้ แขนงใบย่อยที่สามแบบขั้นบนั ได กา้ นใบยาว 0.5-2.5 ซม. ช่อดอก
รว่ งเรว็ ฐานดอกรปู ถว้ ย ยาว 4-6 มม. ปลายเปน็ ขอบตดั หนา สงู ประมาณ 1 มม. ยาว 3-15 ซม. ใบประดบั รปู ใบหอก ยาวประมาณ 5 มม. กลีบเลย้ี งรูปใบพาย
กลีบดอก 4 กลีบ รูปขอบขนานหรอื แกมรปู ไข่กลบั ยาว 0.7-1 ซม. เกสรเพศผู้ ยาว 5-8 มม. กลีบดอกรปู ไข่ ยาว 2-3 มม. รว่ งเร็ว ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 5 มม.
รงั ไข่มขี น ผลรูปรกี ว้าง ยาว 1-1.5 ซม. เปลอื กหนา

พบท่ีอนิ เดีย พม่า ภูมิภาคอินโดจนี คาบสมทุ รมลายู บอร์เนียว สมุ าตรา ชวา
และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค คล้ายกบั ลาย M. paniculata L. ทีใ่ บเกลี้ยง
หรอื มีขนตามเสน้ แขนงใบดา้ นล่าง ขอบใบส่วนมากเรียบ และรงั ไขเ่ กลย้ี ง

294

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พวงแกว้ กุด่นั

พลบั พลาส้ม พลบั พลึงธาร: ถิน่ ทีอ่ ย่ใู นล�ำธาร ใบรปู แถบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซร่ี ่ม กลบี รวมแยก 6 แฉก รูปแถบ เกสรเพศผู้ 6 อัน
(ภาพ: คลองนาคา ระนอง; ภาพซา้ ยบนและภาพขวา - NP, ภาพซ้ายล่าง - OK)
Microcos laurifolia (Hook. f. ex Mast.) Burret
พวงแก้วกดุ นั่ , สกุล
ชื่อพอ้ ง Grewia laurifolia Hook. f. ex Mast.
Clematis L.
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 20 ม. ใบรปู ขอบขนาน ยาว 15-20 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว วงศ์ Ranunculaceae
โคนมน ขอบเรยี บหรอื ชว่ งปลายจกั ฟนั เลอื่ ยเลก็ นอ้ ย เสน้ โคนเรยี งจรดปลายใบ
เส้นแขนงใบย่อยไม่ชัดเจนหรือมีเฉพาะช่วงปลายใบ เส้นแขนงใบย่อยช้ันท่ีสาม ไมเ้ ถา พบนอ้ ยทีเ่ ป็นไม้พมุ่ หรอื ไมล้ ม้ ลุก ใบเดยี่ วหรือใบประกอบ สว่ นมาก
แบบขั้นบันได กา้ นใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 6-10 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ เรียงตรงข้าม ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ดอกสมบูรณเ์ พศหรือมีเพศเดยี ว
ก้านดอกสั้น กลบี เลี้ยงรปู ใบพาย ยาว 4-5 มม. กลบี ดอกรูปไข่แกมสามเหลีย่ ม กลีบเล้ยี ง 4-6 หรือ 8 กลีบ เรียงจรดกันในตาดอก ไมม่ ีกลบี ดอก เกสรเพศผู้
ยาวประมาณ 2 มม. รว่ งเร็ว ก้านชูอับเรณูยาว 2-2.5 มม. รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลรูปรีหรอื จ�ำนวนมาก อบั เรณูหนั เข้า คารเ์ พลจำ� นวนมาก ส่วนมากมีขน แตล่ ะคาร์เพลมี
รูปลกู แพร์ ยาวประมาณ 1.5 ซม. เปลอื กหนา สุกสีเหลือง กา้ นเทยี มยาว 5-8 มม. ออวุลเม็ดเดยี ว หอ้ ยลง เกสรเพศเมียขยายยาวในผลคลา้ ยหาง มขี นยาวน่มุ
ผลแห้งเมล็ดล่อน แบนดา้ นขา้ ง
พบที่คาบสมุทรมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นียว และภาคใตข้ องไทย ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชนื้
ความสูงถึงประมาณ 300 เมตร สกุล Clematis มปี ระมาณ 300 ชนดิ พบแทบทกุ ทวีป โดยเฉพาะเอเชยี ตะวันออก
ในไทยมี 10 ชนดิ และอาจพบไม้ประดับอีก 1-2 ชนดิ ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี
เอกสารอา้ งองิ “klematis” ท่ใี ชเ้ รยี กพชื เถาหลายชนิดท่มี ดี อกสีม่วง
Chung, R.C.K. and E. Soepadmo. (2011). Taxonomic revision of the genus
Microcos (Malvaceae-Grewioideae) in peninsular Malaysia and Singapore. พวงแกว้ กุดัน่
Blumea 56: 295-297.
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 34. Clematis smilacifolia Wall.
ไม้เถา ใบรปู ไข่ หรือแกมรูปขอบขนานถงึ รูปใบหอก ยาว 6-21 ซม. โคนเวา้ ต้ืน
พลับพลา: มขี นกระจายตามแผ่นใบ ช่อดอก ผล ขอบใบจกั ฟนั เลอ่ื ย (ภาพซา้ ย: สุราษฎร์ธานี - RP); พลับพลาส้ม:
ขอบใบเรยี บหรือจกั ฟันเลือ่ ยเล็กนอ้ ยชว่ งปลายใบ ผลรูปลกู แพร์ สกุ สเี หลือง (ภาพขวา: เขาหลวง นครศรธี รรมราช - AS) หรือคล้ายรูปก้นปดิ เส้นโคนใบขา้ งละ 2-3 เส้น ก้านใบยาว 3.5-12 ซม. ก้านชอ่ ดอก
ยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบประดับรปู แถบ ยาว 0.7-1 ซม. มี 10-27 ดอก ก้านดอกยาว
พลบั พลงึ ธาร 4-10 ซม. ใบประดับยอ่ ย 2 อนั รูปแถบ ยาวประมาณ 3 มม. กลีบเล้ียงมี 4-6 กลีบ
ดา้ นนอกสนี ำ้� ตาล มขี นละเอยี ด ดา้ นในสมี ว่ งอมนำ้� เงนิ รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
Crinum thaianum J. Schulze ยาว 1.5-2 ซม. พับงอกลับ เกสรเพศผู้ยาว 0.8-1.6 ซม. ดา้ นนอกมกั เป็นหมนั
วงศ์ Amaryllidaceae รปู แถบ อบั เรณยู าว 2-5 มม. ปลายมรี ยางคส์ นั้ ๆ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ
6 มม. ขยายในผลคล้ายหาง ยาว 4-8 ซม. มีขนยาวน่มุ หนาแน่น ผลรูปรี เบ้ยี ว
ไมล้ ม้ ลกุ นำ้� รากลกึ มหี วั ใตด้ นิ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 7 ซม. ยาวประมาณ ยาว 0.6-1.2 ซม.
15 ซม. ใบออกเปน็ วงรอบแทงขน้ึ เหนือนำ้� รปู แถบ ยาว 2-3 ม. เน้อื ใบเหนยี วน่มุ
มเี ส้นใบตามยาวจ�ำนวนมาก ขอบใบจกั ซีฟ่ นั เลก็ ๆ ช่อดอกแบบชอ่ ซร่ี ม่ กาบ พบทบี่ งั กลาเทศ เนปาล ภฏู าน อนิ เดยี พมา่ จนี กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี
หมุ้ ช่อสีแดง กา้ นชอ่ ดอกอวบหนา ยาว 80-100 ซม. สีเขยี วแกมม่วง มี 5-8 ดอก ฟลิ ิปปินส์ และนวิ กินี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ และ
ดอกสีขาว กลีบรวมเชื่อมตดิ กันเปน็ หลอดยาว 12-14 ซม. ปลายแยกเป็น 6 แฉก ภาคใต้ ข้นึ ตามชายปา่ ทแ่ี ห้งแล้ง ความสูง 300-1800 เมตร
รปู แถบหรือรปู ใบหอก ยาว 8-10 ซม. เกสรเพศผู้ 6 อนั ก้านชูอบั เรณเู รียวยาวและ
แผ่กวา้ ง สขี าวหรอื แดง ยาว 6-8 ซม. อบั เรณตู ดิ ที่ฐาน สเี หลอื งอ่อน ยาว 1.2-1.5 ซม. เอกสารอ้างอิง
รังไขม่ ี 3 ชอ่ ง ก้านเกสรเพสเมียสน้ั กวา่ ก้านชูอับเรณู ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลสดมี Tamura, M. (2011). Ranunculaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(1): 49-60.
หลายเมล็ด เมล็ดบดิ เบ้ียวเป็นเหลีย่ ม ยาวประมาณ 2.5 ซม. Wang, W. and B. Bartholomew. (2001). Ranunculaceae. In Flora of China Vol.
6: 333, 368.
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ คี่ ลองนาคา และอำ� เภอกะเปอร์ จงั หวดั
ระนอง และอ�ำเภอครุ ะบรุ ี จังหวัดพงั งา ข้ึนในลำ� ธารทมี่ นี ้�ำไหลตลอดปี ความลกึ พวงแก้วกดุ น่ั : โคนเว้าตื้นหรือคลา้ ยรูปกน้ ปิด เสน้ โคนใบข้างละ 2-3 เสน้ กลีบเล้ียงด้านนอกสีน้ำ� ตาล มีขนละเอียด
ไมเ่ กิน 2 เมตร ชอื่ เรียกเปน็ ภาษาท้องถิ่นว่า หัวหญา้ ชอ้ ง เป็น 1 ใน 4 ชนดิ ของสกลุ ด้านในสมี ว่ งอมน�้ำเงนิ พบั งอกลบั ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผ้ดู ้านนอกเปน็ หมัน (ภาพ: สระบุรี - RP)
ท่เี ป็นพชื น�้ำ อกี 3 ชนดิ คือ C. aquaticum Burch. ex Spreng., C. natans
Baker พบในแอฟริกา และ C. purpurascens Herb. พบในอเมรกิ าใต้

สกุล Crinum L. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Amaryllidoideae มปี ระมาณ 65 ชนิด พบใน
เขตรอ้ นและกง่ึ เขตรอ้ น โดยเฉพาะในแอฟริกา ในไทยมี 5-6 ชนดิ และพบเปน็
ไม้ประดับอีกหลายชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรีก “krinon” หมายถงึ พชื พวกลิลลี่
เอกสารอา้ งองิ
Schulze, J. (1972). Crinum thaianum J. Schulze, a new aquatic species from

southeast Asia. Plant Life 27: 33-42.

295

พวงแก้วเชยี งดาว สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

พวงแก้วเชยี งดาว พวงแก้วหอม

Delphinium siamense (Craib) Munz. Clematis menglaensis M. C. Chang
วงศ์ Ranunculaceae
ชื่อพอ้ ง Clematis eichleri (Tamura) Tamura, Naravelia eichleri Tamura
ชอื่ พ้อง Delphinium stapeliosmum Brühl var. siamense Craib, D. altissimum
Wall. var. siamense (Craib) T. Shimizu ไมเ้ ถา ก่งิ มรี ้วิ ใบประกอบ 2 ช้นั ใบประกอบย่อยมี 2-3 คู่ ก้านใบยาว 9-10 ซม.
ใบยอ่ ยส่วนมากมี 3 ใบ รูปรีหรอื รปู ไข่ ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-150 ซม. มเี หง้า ลำ� ตน้ มขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ใบรปู หา้ เหลย่ี มกวา้ ง โคนตัดหรือรูปล่มิ เสน้ โคนใบข้างละ 2-3 เสน้ ก้านใบยาวไดถ้ ึง 5 ซม. ชอ่ ดอกยาว
ยาวไดถ้ งึ 25 ซม. มี 3-7 แฉก แต่ละแฉกจกั 3 พู ตื้น ๆ โคนรปู หัวใจ ขอบจกั ซฟี่ ัน ไดถ้ ึง 25 ซม. ใบประดับยาวประมาณ 3 มม. กา้ นดอกยาว 3.5-4.5 ซม. กลีบเลย้ี ง
ห่าง ๆ แผ่นใบมขี นสั้นนุ่มกระจายดา้ นบน มีขนยาวดา้ นลา่ ง ใบช่วงล่างกา้ นใบ รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 0.8-1.1 ซม. พบั งอกลบั ขอบมขี นสนั้ นมุ่ แกนอบั เรณู
ยาว 10-45 ซม. ชว่ งบนไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ มี 2-7 ดอก มีขนตอ่ ม ปลายเปน็ ตงิ่ เกสรเพศผทู้ อี่ ยวู่ งใน กา้ นชอู บั เรณยู าว 2-4 ม. อบั เรณยู าว 3-4 มม.
ยาวมว้ นงอ ใบประดับขนาดเลก็ กา้ นดอกยาว 1.8-5 ซม. ดอกสีนำ้� เงินอมม่วง เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั อยวู่ งนอก รปู แถบ ก้านชอู บั เรณยู าวไดถ้ งึ 1.5 ซม. อบั เรณยู าว
หรือชมพู สมมาตรดา้ นขา้ ง กลีบเล้ยี ง 5 กลีบ คล้ายกลบี ดอก รปู รี ยาว 1-1.5 ซม. 1.5-3 มม. ผลแบนรปู กระสวย มีสนั ในแต่ละข้าง ยาว 0.8-1 ซม. ก้านเกสรเพศเมีย
กลบี บนมเี ดอื ยยาว 1.4-1.7 ซม. ดา้ นนอกมีขนหนาแน่น กลีบดอก 4 กลีบ ขนาดเล็ก ทีข่ ยายยาว 5-7.5 ซม. มขี นยาวนุ่ม ยาวไดถ้ ึง 6 มม.
ปลายแยก 2 แฉก กลบี คบู่ นมตี อ่ มนำ�้ ตอ้ ย กลบี คลู่ า่ งมขี นแผงดา้ นใน ด้านนอก
มขี นหยาบ เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก โคนกา้ นชอู บั เรณแู ผก่ วา้ ง ผลกลมุ่ แตกแนวเดยี ว พบท่ีจีนตอนใต้ และภาคเหนือของไทยท่ีเชียงใหม่ ข้ึนตามชายป่าดิบแล้ง
มี 3 ผลยอ่ ย ยาว 1.4-1.6 มม. จะงอยยาวประมาณ 3 มม. มขี นยาวกระจาย เมลด็ ความสงู 600-800 เมตร
ขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก มคี รบี เปน็ ชัน้ ๆ
เอกสารอ้างองิ
พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคเหนือที่ดอยเชียงดาว และดอยอินทนนท์ Tamura, M. (2011). Ranunculaceae. In Flora of Thailand. Vol. 11(1): 52, 57-59.
จงั หวดั เชียงใหม่ ดอยหัวหมด จงั หวัดตาก และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ท่ีทองผาภมู ิ Wang, W. and B. Bartholomew. (2001). Ranunculaceae (Clematis). In Flora of
จังหวัดกาญจนบรุ ี ขึ้นตามทีโ่ ล่งบนเขาหินปนู ความสงู 500-2100 เมตร China Vol. 6: 369, 374-375.

สกุล Delphinium L. มีประมาณ 350 ชนดิ ส่วนใหญ่พบในเขตอบอนุ่ ทางซีกโลกเหนือ
ในไทยมชี นิดเดียว ชื่อสกลุ มาจากภาษากรีก “dolphis” โลมา ตามลักษณะของดอก

เอกสารอา้ งอิง
Tamura, M. (2011). Ranunculaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(1): 48-49.

พวงแก้วสกิ ขมิ : ใบประกอบแบบแยกสามสว่ น ขอบใบจักซีฟ่ ัน ปลายมตี ่งิ แหลม ดอกรูประฆงั กลีบพับงอกลับ
(ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - CP)

พวงแกว้ เชียงดาว: ใบรปู ห้าเหลยี่ ม มี 3-7 แฉก ดอกสมมาตรดา้ นข้าง ดอกสีน้ำ� เงนิ อมม่วงหรือชมพู กลีบเลีย้ ง พวงแกว้ หอม: ใบประกอบสองช้นั ใบประกอบย่อยมี 2-3 คู่ ชอ่ กระจุกแยกแขนง เกสรเพศผู้ทเี่ ปน็ หมนั รปู แถบ
คลา้ ยกลบี ดอก กลีบบนมีเดอื ยยาว กลบี ดอกขนาดเลก็ (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก; ภาพดอก - PK, ภาพใบ - RP) กา้ นชูอบั เรณูยาว (ภาพ: เชยี งใหม่ - RP)

พวงแกว้ สกิ ขมิ พวงไขม่ ุก

Clematis sikkimensis (Hook. f. & Thomson) J. R. Drumm. ex Burkill Gaultheria discolor Nutt. ex Hook.
วงศ์ Ranunculaceae วงศ์ Ericaceae

ช่ือพอ้ ง Clematis acuminata DC. var. sikkimensis Hook. f. & Thomson ชอ่ื พอ้ ง Gaultheria longibracteolata R. C. Fang

ไมเ้ ถา กง่ิ มรี วิ้ ใบประกอบแบบแยกสามสว่ น ยาว 13-28 ซม. รวมกา้ น ใบยอ่ ย ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. กง่ิ เปน็ เหลย่ี ม มขี นหยาบ ใบเรยี งเวยี น รปู รี รปู ขอบขนาน
รปู ไข่ ยาว 7-16 ซม. ปลายแหลมยาว โคนตดั หรอื เวา้ ตนื้ ขอบจกั ซฟ่ี นั ปลายมตี ง่ิ แหลม หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 2-6 ซม. ปลายมนหรอื แหลม แผน่ ใบหนา ดา้ นลา่ งมนี วล
เส้นโคนใบข้างละ 2 เส้น กา้ นใบยอ่ ยยาว 1-1.5 ซม. กา้ นช่อดอกยาว 1-8 ซม. มไี ดถ้ งึ มขี นสนั้ แขง็ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย เสน้ แขนงใบขา้ งละ 2-3 เสน้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
20 ดอก ใบประดับขนาดเล็กรูปแถบ ก้านดอกยาว 1.5-4 ซม. ใบประดับย่อยตดิ ใต้ ยาว 2-4 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก มีขนสัน้ นมุ่ ใบประดบั รูปไข่ ยาว 4-5 มม. ขอบมขี นครุย
กง่ึ กลางหรอื โคนกา้ นดอก ดอกรปู ระฆงั สเี หลอื งอมเขยี ว มี 4 กลบี ขอบดา้ นนอก ก้านดอกยาว 3-4 มม. ใบประดับยอ่ ย 2 ใบ ยาวประมาณ 5 มม. ปลายมีติง่ แหลม
และปลายกลีบดา้ นในมขี นส้ันนุ่ม กลบี รปู ใบหอก ยาว 1.3-2 ซม. พับงอกลบั
กา้ นชูอับเรณูยาว 0.5-2 ซม. ชว่ งบนมีขน เกสรเพศผทู้ เี่ ป็นหมนั รูปแถบ อบั เรณูยาว
2-4 มม. ผลรปู รี ยาว 3-6 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ทข่ี ยายยาว 3.5-4 ซม. มขี น
ยาวหนาแนน่ ขนยาวประมาณ 3.5 มม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี พวงแกว้ กดุ นั่ , สกลุ )

พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน เนปาล พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทดี่ อยอนิ ทนนท์ และ
ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ข้นึ ตามป่าดิบเขา ความสูง 700-2500 เมตร ใน Flora
of China ใหเ้ ป็นชอื่ พ้องของ C. siamensis J. R. Drumm. & Craib และแยกเปน็
var. clarkei (Kuntze) W. T. Wang และ var. monantha (W. T. Wang & L. Q. Li)
W. T. Wang & L. Q. Li

296

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย พวงทองตน้

กลบี เลีย้ งสชี มพู มี 5 กลีบ เชือ่ มติดกนั ที่โคน กลบี รูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 3 มม. พวงไข่มุก: ใบประกอบสองช้ันปลายค่ี เรยี งตรงขา้ ม ใบชว่ งโคนส่วนมากมี 3 ใบย่อย ขอบจักฟันเล่อื ย ชอ่ ดอกแบบ
ขอบมีขนครยุ ปลายเปน็ ติ่งแหลม ดอกสขี าว รูปคนโท ยาว 5-6 มม. ปลายจัก ช่อเชงิ หลน่ั แยกแขนง ออกท่ปี ลายกงิ่ (ภาพ: cultivated - RP)
รปู สามเหลีย่ มขนาดเลก็ เกสรเพศผู้ 10 อนั ไม่ยืน่ พ้นปากหลอดกลบี กา้ นชอู ับเรณูสน้ั
แบน มีขนครยุ อับเรณูมีรูเปดิ ทีป่ ลาย มรี ยางค์แหลม 2 อัน รังไข่และกา้ นเกสรเพศเมีย พวงชมพู
มีขน ผลแห้งแตก มกี ลบี เลี้ยงอวบหนาหมุ้ สกุ สมี ว่ งมนี วล เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง
6-7 มม. เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก Antigonon leptopus Hook. & Arn.
วงศ์ Polygonaceae
พบท่ีจีนตอนใต้และภาคเหนือของไทยท่ีจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นหนาแน่นตาม
ชายป่าดบิ เขาหรือที่โลง่ โดยเฉพาะทีด่ อยอนิ ทนนท์ ความสูง 1000-2500 เมตร ไม้เถา มีหัวใตด้ ิน ไม่มหี ูใบ ใบเรยี งเวียน รูปหัวใจแกมรปู ไข่ ยาว 2.5-10 ซม.
เคยเข้าใจวา่ เป็นชนิด G. notabilis J. Anthony ทพี่ บเฉพาะจนี ตอนใต้ ช่อดอก ใบชว่ งโคนขนาดใหญก่ วา่ ชว่ งปลายกง่ิ กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
มดี อกนอ้ ยกวา่ และกา้ นดอกยาวกวา่ แยกแขนง ปลายช่อเปน็ มือจับ ชอ่ แขนงยาว 1-5 ซม. ดอกออกเปน็ กระจุกตาม
แขนงชอ่ สชี มพหู รอื ขาว กา้ นดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลบี รวม 5 กลบี ยาวประมาณ
สกลุ Gaultheria Kalm ex L. มปี ระมาณ 135 ชนดิ พบในอเมรกิ า เอเชีย และ 1.2 ซม. ขยายในผลไดถ้ ึง 2 ซม. กลบี นอก 2-3 กลบี รูปไข่ กลบี ในรปู ขอบขนาน
ออสเตรเลีย ในไทยมี 2 ชนดิ ชนิด G. leucocarpa Blume var. yunnannensis เกสรเพศผู้ 8 อัน รงั ไขม่ ี 3 ช่อง ผลแห้งเมล็ดล่อน รูปสามเหล่ียม ยาว 0.6-1 ซม.
(Franch.) T. Z. Hsu & R. C. Fang พบทพ่ี ม่า จีนตอนใต้ และภาคเหนอื ของไทย มีกลบี รวมทข่ี ยายหุ้ม เมล็ดจำ� นวนมาก ขนาดเล็ก
ท่ีเชียงใหม่ ดอกรปู ระฆัง กง่ิ และใบเกล้ยี ง ช่อื สกุลตงั้ ตามนกั พฤกษศาสตร์
ชาวฝร่ังเศส Jean François Gaultier (1708-1756) มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลาง เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ขนึ้ เปน็ วชั พชื ทว่ั ไปในเขตรอ้ น

เอกสารอา้ งอิง สกลุ Antigonon Endl. มเี พยี ง 3 ชนดิ ในไทยพบเป็นไม้ประดับชนิดเดียว ชอ่ื
Fang, R. and P.F. Stevens. (2005). Ericaceae (Gaultheria). In Flora of China สกลุ มาจากภาษากรีก “anti” ตรงขา้ ม และ “gonia” มมุ ตามลกั ษณะของดอก
Vol. 14: 464, 470. หรอื ผลทีท่ ำ�มมุ กับกง่ิ
Watthana, S. (2015). Ericaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 120-122.
เอกสารอ้างอิง
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

พวงไขม่ กุ : แผ่นใบด้านล่างมนี วล ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย เส้นแขนงใบ 2-3 เส้น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะส้ัน ๆ ดอกรูปคนโท พวงชมพ:ู ใบเรียงเวยี น รูปหวั ใจแกมรูปไข่ ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ปลายชอ่ เป็นมือจับ ดอกสชี มพูหรอื ขาว
ผลมกี ลบี เลยี้ งอวบหนาหุม้ สุกสีม่วงมนี วล (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่; ภาพดอก - RP, ภาพผล - SSi) ผลมกี ลีบรวมทีข่ ยายห้มุ (ภาพ: cultivated - RP)

พวงไข่มุก พวงทองตน้

Sambucus simpsonii Rehder Galphimia gracilis Bartl.
วงศ์ Adoxaceae วงศ์ Malpighiaceae

ไมพ้ ่มุ สูง 2-6 ม. ใบประกอบ 2 ช้ัน ปลายค่ี เรยี งตรงขา้ ม ยาวไดถ้ งึ 25 ซม. ชื่อพอ้ ง Thryallis gracilis (Bartl.) Kuntze
ใบประกอบยอ่ ยมไี ดถ้ งึ 8 คู่ ใบชว่ งโคนสว่ นมากมี 3 ใบยอ่ ย ชว่ งปลายมกั มใี บเดยี ว
ใบยอ่ ยรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 4-9 ซม. ใบกลางขนาดใหญ่ ไมพ้ มุ่ สงู 1-4 ม. ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 2.5-7 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม
กว่าใบข้างในใบประกอบยอ่ ยท่ีมี 3 ใบ ขอบจกั ฟนั เล่ือย แผ่นใบดา้ นลา่ งมขี น มตี ่อมคู่ใกล้โคน กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกทีป่ ลายกงิ่
สนั้ นมุ่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ หลน่ั แยกแขนง ออกทปี่ ลายกงิ่ แผก่ ว้างไดก้ ว่า 30 ซม. ยาวไดถ้ ึง 15 ซม. ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยรูปแถบขนาดเลก็ ก้านดอกยาว
กา้ นชอ่ ยาวไดก้ วา่ 10 ซม. กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 5 มม. กลบี เลย้ี ง 4-5 กลบี ยาวประมาณ 0.5-1 ซม. กลีบเลย้ี ง 5 กลบี รูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 3 มม. โคนไมม่ ีตอ่ ม
1 มม. เช่ือมติดกันท่โี คน ดอกสีขาว มี 4-5 กลีบ เช่อื มตดิ กนั ที่โคน กลีบรปู ไขแ่ กม ดอกสเี หลือง มี 5 กลบี รูปรกี วา้ ง มีก้านกลบี กลีบใหญห่ น่ึงกลบี ยาว 7-8 มม.
รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. ปลายมน เกสรเพศผูส้ ่วนมากมี 5 อนั อบั เรณู กา้ นกลีบยาว 4-5 มม. กลบี เล็กยาว 6-7 มม. ก้านกลบี ยาว 2-2.5 มม. เกสรเพศผู้
หันออก รงั ไข่กง่ึ ใตว้ งกลีบ สว่ นมากมี 5 ช่อง ไรก้ ้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรจัก 5 พู 10 อนั ยาวไม่เท่ากนั ยาว 2-5 มม. ติดทน เปล่ียนเปน็ สแี ดง อับเรณยู าว 2-3 มม.
ผลคลา้ ยผลสดมี 4-6 เมล็ด รังไขม่ ี 3 ชอ่ ง เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมยี 3 อัน ยาวประมาณ 7 มม. ติดทน ผลแห้ง
แยกเป็น 3 ส่วน ผนงั บาง แต่ละส่วนยาวประมาณ 5 มม. มเี มล็ดเดียว
มถี นิ่ กำ� เนดิ ทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องสหรฐั อเมรกิ า เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไป
ในเขตร้อน มกั เขา้ ใจคลาดเคลื่อนว่าชอ่ื วทิ ยาศาสตร์คอื S. canadensis L. มถี ่ินกำ� เนดิ ในเม็กซิโก เปน็ ไม้ประดบั ท่วั ไปในเขตร้อน

สกุล Sambucus L. มีประมาณ 30 ชนดิ ส่วนมากพบในแอฟรกิ า ในไทยมีพืช
พ้นื เมืองชนิดเดียว คอื สะพ้านก๊น S. javanica Reinw. ex Blume เปน็ ไมพ้ ุ่มเต้ยี
รงั ไขม่ ี 3 ช่อง คลา้ ยมี 3 เมล็ด ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรีก “sambuce” เคร่อื ง
ดนตรโี บราณทที่ ำ�จากไมช้ นิดน้ี โดยเอาไส้ออกทำ�เป็นเครือ่ งดนตรีคล้ายขลุย่

เอกสารอ้างอิง
Fukuoka, N. (2015). Adoxaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 61-64.

297

พวงทองเถา สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

สกุล Galphimia Cav. มี 26 ชนิด ส่วนมากพบในอเมรกิ าใตแ้ ละเม็กซโิ ก ใบคขู่ า้ งเบ้ียวเลก็ นอ้ ย เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เส้น ปลายมีติง่ แหลม โคนกลม กา้ นใบ
พวงทองตน้ เป็นชนิดเดยี วทีเ่ ป็นไมป้ ระดบั ชื่อสกุลเปน็ ชื่อทีผ่ สมข้ึนโดยเอา ยอ่ ยยาว 2-5 มม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ยาว 3-7 ซม. แยกแขนงสนั้ ๆ แตล่ ะ
อกั ษรในค�ำ มาสลบั กันใหมจ่ ากชอ่ื สกลุ Malpighia ชอ่ ยอ่ ยมี 2-5 ดอก ใบประดบั รปู รี เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม ไมม่ ใี บประดบั ยอ่ ย กา้ นดอกยาว
เอกสารอ้างองิ 2-4 มม. กลบี เล้ยี งเป็นหลอด ยาว 6-8 มม. ปลายแยก 5 แฉก รปู สามเหล่ียม
Anderson, C. (2007). Revision of Galphimia (Malpighiaceae). Contributions from ขนาดไมเ่ ทา่ กนั ปลายแหลมยาว ดอกสมี ว่ ง ยาว 1.5-2 ซม. มกี า้ นกลบี กลบี กลาง
รูปไขก่ ลบั กลีบปกี รูปรี โคนเปน็ ติ่ง กลีบคลู่ ่างคลา้ ยกลบี ปกี รังไข่มีกา้ น มีแผ่น
the University of Michigan Herbarium 25: 12-15. คลา้ ยจานฐานดอกทีโ่ คน เกสรเพศเมียเกล้ยี ง ยอดเกสรเป็นตุ่ม ฝักมี 2 แบบ
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum ฝกั บนตน้ รปู รี แบนเล็กน้อย ยาว 2-3 ซม. ปลายมีจะงอย มี 1-3 เมลด็ รปู คลา้ ยไต
ยาวประมาณ 5 มม. ฝกั ใต้ดนิ รูปกลม ๆ มีเมล็ดเดียว
Press, Honolulu, Hawai`i.
พบท่อี ินเดีย จีนตอนใต้ พมา่ และภาคเหนือของไทยท่ดี อยอนิ ทนนท์ จังหวัด
พวงทองตน้ : ใบเรียงตรงขา้ ม ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกท่ีปลายกง่ิ กลบี ดอกไมเ่ ทา่ กนั เกสรเพศผู้ 10 อนั กา้ น เชยี งใหม่ ข้ึนตามชายปา่ ดบิ เขา ความสงู 1800-2200 เมตร เข้าใจวา่ เป็น var.
เกสรเพศเมีย 3 อนั ตดิ ทน (ภาพ: cultivated - RP) bracteosa (Prain) H. Ohashi & Tateishi

พวงทองเถา สกุล Amphicarpaea Elliott ex Nutt. อยู่ภายใต้วงศย์ อ่ ย Faboideae เผา่ Phaseoleae
มปี ระมาณ 5 ชนดิ พบในอเมรกิ าเหนอื แอฟรกิ า และเอเชยี ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี
Callaeum septentrionale (A. Juss.) D. M. Johnson “amphi” ทั้งสองด้าน และ “karpos” ผล หมายถึงลักษณะของผลท่ีมี 2 แบบ
วงศ์ Malpighiaceae
เอกสารอ้างอิง
ชื่อพอ้ ง Hiraea septentrionalis A. Juss. Sa, R. and M.G. Gilbert. (2010). Fabaceae. In Flora of China Vol. 10: 249.

ไมพ้ ุ่มรอเล้อื ย มักมีขนคลา้ ยไหมตามก่งิ อ่อน แผ่นใบดา้ นล่าง กลบี เลีย้ งและ พวงระยา้ : ใบประกอบมี 3 ใบย่อย เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ กลีบเลี้ยงเป็นหลอด ดอกสมี ่วง
กลบี ดอกดา้ นนอก ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ไข่ รปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก ยาว 2-9 ซม. ใบประดับเรยี งซ้อนเหล่อื ม (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ - RP)
โคนมกั มตี อ่ มข้างละ 1-3 ต่อม กา้ นใบยาว 0.2-1 ซม. หูใบร่วมขนาดเล็ก ชอ่ ดอก
แบบช่อกระจะหรอื แยกแขนงแบบชอ่ ซีร่ ม่ ใบประดบั ขนาดเล็ก กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ งึ พวงแสด
1 ซม. กา้ นดอกยาว 0.6-2.4 ซม. กลีบเล้ียง 5 กลบี รูปสามเหลยี่ มขนาดเล็ก 4 กลีบ
ทีโ่ คนมีต่อมคู่ ขนาดประมาณ 1.2 มม. ดอกสเี หลอื ง มี 5 กลบี รูปไข่กลับ มหี น่งึ กลบี Pyrostegia venusta (Ker Gawl.) Miers
ขนาดเล็กกวา่ กลีบอื่นเล็กนอ้ ย ยาว 0.9-1.5 ซม. ขอบจกั ชายครุย มีก้านกลีบ วงศ์ Bignoniaceae
เกสรเพศผู้ 10 อัน โคนเชื่อมตดิ กนั อับเรณูขนาดไม่เท่ากนั ปลายมรี ยางค์ รงั ไข่
มขี นคลา้ ยไหม กา้ นเกสรเพศเมีย 3 อนั ยาวประมาณ 2 มม. ผลแยกเป็น 3 ซีก ชอ่ื พ้อง Bignonia venusta Ker Gawl.
ยาว 5-6 มม. ปีกคู่ข้างยาว 2-5.5 ซม. กวา้ ง 1.5-2 ซม. ปีกหลงั ยาว 1-1.5 ซม.
กว้างประมาณ 6 มม. ดา้ นนอกมขี นคล้ายไหม แตล่ ะซกี มเี มลด็ เดยี ว ไมเ้ ถายาวไดถ้ งึ 15 ม. กง่ิ เปน็ เหลยี่ มเลก็ นอ้ ย ใบประกอบเรยี งตรงขา้ ม มี 2-3
ใบยอ่ ย สว่ นมากใบปลายเปล่ียนรูปเป็นมือจบั ปลายแยก 3 สว่ น ใบย่อยรูปไข่
มถี ิ่นก�ำเนิดในเมก็ ซโิ ก เป็นไม้ประดับ ยาว 5-8 ซม. ปลายแหลมยาว กา้ นใบยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง
ดอกจำ� นวนมาก กลีบเลี้ยงเช่อื มตดิ กนั เปน็ หลอด ปลายตดั หรือจักตื้น ๆ 5 แฉก
สกลุ Callaeum Small มี 10 ชนดิ พบเฉพาะในอเมรกิ าเขตรอ้ น ชอ่ื สกลุ มาจาก ไมช่ ดั เจน ขอบมขี นครยุ ดอกรปู หลอด สสี ม้ ขอบกลบี สขี าว หลอดกลบี ดอกยาว
ภาษากรกี “kallos” สวยงาม หรือ “kallaion” หงอนไก่ ตามลักษณะของผล 4-6 ซม. กลบี รูปขอบขนาน กลบี บน 2 กลีบ ยาวได้ถงึ 1 ซม. กลีบลา่ ง 3 กลีบ
เอกสารอา้ งอิง พบั งอกลบั ยาวกว่ากลบี บนเลก็ น้อย เกสรเพศผู้ 4 อัน ยนื่ พ้นปากหลอดกลบี
Johnson, D.M. (1986). Revision of the neotropical genus Callaeum (Malpighiaceae). เล็กน้อย รงั ไขม่ ี 4 สัน มี 2 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียจัก 2 พู ผลแห้งแตก รปู แถบ แบน
เมล็ดบาง มีปีกทัง้ สองขา้ ง
Systematic Botany 11: 343-344.
มถี ิน่ กำ� เนิดในอเมรกิ าใต้ เปน็ ไม้ประดบั เป็นซุ้มหรอื ร้ัวทั่วไปในเขตร้อน ใบมี
พวงทองเถา: ใบเรยี งตรงข้าม กลบี ดอก 5 กลีบ มีหน่งึ กลบี ขนาดเลก็ กว่ากลบี อ่ืนเล็กน้อย ผลแยกเปน็ 3 ซกี มี 3 ปกี สรรพคุณแกโ้ รคผวิ หนงั และแผลสด
ปกี คู่ขา้ งขนาดใหญก่ ว่าปีกหลัง (ภาพ: cultivated - RP)
สกลุ Pyrostegia C. Presl มี 2 ชนดิ พบเฉพาะในอเมริกาใต้ ช่ือสกุลมาจาก
พวงระย้า ภาษากรีก “pyr” ไฟ และ “stege” หรือ “stegos” หลังคาหรือซุ้ม หมายถึง
ลักษณะไมเ้ ลือ้ ยดอกสีส้มคลา้ ยไฟเป็นซุ้มหนาแนน่
Amphicarpaea ferruginea Benth. เอกสารอา้ งองิ
วงศ์ Fabaceae Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum

ไมล้ ม้ ลกุ เถา มขี นยาวสนี ำ�้ ตาลแดงตามกง่ิ แผน่ ใบ กา้ นใบ ชอ่ ดอก ใบประดบั Press, Honolulu, Hawai`i.
กลบี เลยี้ ง และผล หใู บรูปไข่ ยาว 6-8 มม. ใบประกอบมี 3 ใบย่อย กา้ นใบยาว
ไดถ้ ึง 10 ซม. หูใบยอ่ ยรปู แถบ ยาว 2-5 มม. ใบยอ่ ยรูปรีหรอื รูปไข่ ยาว 2-8 ซม. พวงแสด: ไม้ประดบั เปน็ ซุม้ หนาแน่น กลบี ดอกกลบี บน 2 กลบี กลบี ลา่ ง 3 กลีบ (ภาพ: cultivated - RM)

298

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย พะยงู

พวงหดู มีประมาณ 195 ชนดิ พบที่ศรลี งั กา อินเดีย พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ิภาคอนิ โดจีนและ
มาเลเซีย ในไทยมี 24 ชนดิ ชื่อสกุลตงั้ เป็นเกยี รตแิ กข่ นุ นางชาวองั กฤษ
Pterisanthes cissioides Blume Sir John Shore Teignmouth (1751-1834) อดีตนายทหารท่ีทำ�งานใหก้ บั บรษิ ทั
วงศ์ Vitaceae อีสตอ์ นิ เดยี ทเี่ บงกอล

ไมเ้ ถาล้มลกุ มมี ือจบั ใบประกอบมี 3-5 ใบย่อย กา้ นใบยาว 3-10 ซม. ใบยอ่ ย พะยอม
รปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 10-20 ซม. ปลายแหลมยาว ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย
หา่ ง ๆ ใบยอ่ ยดา้ นขา้ งโคนเบี้ยว กา้ นใบย่อยใบปลายยาวได้ถงึ 3.5 ซม. ใบยอ่ ย Shorea roxburghii G. Don
ดา้ นขา้ งยาว 1-1.5 ซม. ช่อดอกแผ่เป็นแผ่นบางคลา้ ยรบิ บิน้ มี 4 ด้าน ยาว 10-13 ซม. ไมต้ ้น สงู 15-25 ม. โคนมีพพู อนตืน้ ๆ เปลือกแตกเปน็ รอ่ ง มขี นสั้นนมุ่ และ
กว้าง 3-7 ซม. กา้ นช่อยาว 20-25 ซม. มขี น ดอกบนแผน่ ช่อดอกไร้กา้ น ดอกทมี่ กี ้าน
ดอกย่ืนออกมาจากแผ่นชอ่ ดอก ซงึ่ อาจมรี งั ไขแ่ ต่ไม่พบเกสรเพศผู้ กา้ นดอกยาว เกลด็ สนี ำ้� ตาลตามกง่ิ ออ่ น หใู บ กา้ นใบ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง และกลบี เลย้ี งดา้ นนอก
1.5-2.5 ซม. กลีบเล้ียงไมช่ ัดเจน กลบี ดอกขนาดเล็กมาก มี 4-5 กลีบ รูปไขแ่ กม หูใบรูปแถบขนาดเล็ก ใบรปู ขอบขนาน ยาว 5-15 ซม. เส้นแขนงใบขา้ งละ 14-20 เส้น
สามเหลย่ี ม เกสรเพศผเู้ ทา่ จำ� นวนกลบี ดอก ตดิ ดา้ นในกลบี ดอก รงั ไขย่ นื่ เลยหลอด ก้านใบยาว 2-4 ซม. ช่อดอกยาว 3-8 ซม. ช่อแยกแขนงมี 2-4 ดอก ตาดอกเรยี วยาว
กลบี ดอกเลก็ นอ้ ย กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสรไมช่ ดั เจน ผลสด เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 5 มม. ดอกสคี รมี
ประมาณ 8 มม. สกุ สแี ดงอมชมพู มี 1-2 เมล็ด โค้งงอ ผวิ ยน่ โคนมปี น้ื สีชมพู รปู ขอบขนานแกมรูปไข่ ยาวได้ถึง 1.2 ซม. เกสรเพศผู้ 15 อัน
กา้ นชอู บั เรณสู น้ั อบั เรณเู รยี วยาวประมาณ 1 มม. รยางคย์ าวประมาณ 1.5 เทา่ ของ
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู บอร์เนยี ว สมุ าตรา ชวา และภาคใตข้ องไทยท่พี งั งา อับเรณู รงั ไข่เกลย้ี ง ก้านเกสรเพศเมียยาว 3-4 มม. ยอดเกสรจัก 3 พู หลอดกลีบเลี้ยง
นราธิวาส ข้นึ ริมล�ำธารในป่าดิบช้นื ความสูง 50-100 เมตร ห้มุ ผล เกลยี้ ง ปีกยาว 3 ปกี ยาว 5-10 ซม. ปกี ส้นั 2 ปกี ยาว 3-6 ซม. ผลรูปไข่ ยาว
1.5-2 ซม. ตงิ่ แหลมยาว 3-5 มม.
สกลุ Pterisanthes Blume อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Viticoideae มีประมาณ 20 ชนดิ
พบท่พี ม่าตอนลา่ ง และภูมภิ าคมาเลเซีย ในไทยมรี ายงาน 3 ชนดิ P. eriopoda พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายตู อนบน ในไทยพบทกุ ภาค
(Miq.) Planch. แผ่นใบด้านลา่ งมขี นคล้ายไหมหนาแน่น ไมม่ ีดอกทมี่ ีกา้ นดอก ขึน้ ตามป่าเตง็ รงั ป่าเบญจพรรณ ป่าดบิ แล้ง และป่าดบิ ชื้นใกลช้ ายฝง่ั ทะเล ความสงู ถึง
พบทีร่ ะนอง สงขลา และนราธิวาส ส่วน P. polita (Miq.) M. A. Lawson ใบประกอบ ประมาณ 1500 เมตร
มใี บเดยี ว แผน่ ชอ่ ดอกแคบ เคยมรี ายงานว่าพบทางภาคใตต้ อนล่าง
เอกสารอา้ งองิ
เอกสารอ้างอิง Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 493.
Latiff, A. (1982). Studies in Malesian Vitaceae, I-IV. Federation Museums Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
Journal 27: 46-93. Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 156-177.
Trias-Blasi, A., K. Chayamarit and A. Teerawatananon. (2014). A taxonomic Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
revision of Pterisanthes (Vitaceae) in Thailand and a new Thai record for Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 84-104.
Pterisanthes cissioides. Phytotaxa 159(2): 95-104.

พวงหดู : ใบประกอบมี 3-5 ใบยอ่ ย ใบยอ่ ยดา้ นขา้ งโคนเบย้ี ว ชอ่ ดอกแผเ่ ปน็ แผ่นบางคลา้ ยรบิ บนิ้ ดอกบนแผ่นไร้ก้าน พะยอม: ใบรปู ขอบขนาน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง กลีบดอกบดิ เวยี น ผลมีปกี ยาว 3 ปกี ปกี สนั้ 2 ปีก
ดอกท่มี ีก้านดอกยนื่ ออกมาจากแผ่นช่อดอก ผลสด สกุ สีแดงอมชมพู (ภาพ: สระนางมโนราห์ พงั งา - RP) (ภาพดอก: กาญจนบุรี - PT; ภาพผล: เชียงดาว เชียงใหม่ - RP)

พะยอม, สกลุ พะยงู , สกุล

Shorea Roxb. ex C. F. Gaertn. Dalbergia L. f.
วงศ์ Dipterocarpaceae วงศ์ Fabaceae

ไมต้ น้ มหี ใู บ ใบเรยี งเวยี น บางครง้ั มตี มุ่ ใบ เสน้ ใบยอ่ ยแบบขนั้ บนั ได ชอ่ ดอก ไมต้ ้น ไม้พุ่ม หรอื ไม้เถาเนอ้ื แขง็ หูใบขนาดเลก็ ร่วงเร็ว ใบประกอบปลายค่ี
แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ดอกเรยี งเวยี นขา้ งเดยี วกนั ใบประดบั รว่ งเรว็ กลบี เลยี้ ง เรียงเวียน ใบย่อยเรียงสลับระนาบเดียว ช่อดอกแบบช่อกระจะหรือแยกแขนง
5 กลีบ เรยี งซ้อนเหล่ือม 3 กลีบในเรยี วแคบและยาวกวา่ คนู่ อกเลก็ นอ้ ย กลบี ดอก ใบประดบั ขนาดเล็ก ร่วงเร็ว กลีบเล้ยี งรูปถ้วย มี 5 กลีบ กลีบดอกรูปดอกถ่วั กลบี ปกี
5 กลบี บดิ เวียน แยกกนั หรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโี่ คน เกสรเพศผมู้ ี 10 หรอื 15 อนั หรอื แยกกนั เกสรเพศผเู้ ชอ่ื มตดิ กลมุ่ เดยี วหรอื สองกลมุ่ อบั เรณตู ดิ ทฐี่ าน เปดิ ทปี่ ลาย
จำ� นวนมาก เรยี ง 2-3 วง โคนก้านชูอับเรณูแผ่กว้าง อบั เรณูสว่ นมากมี 4 ช่อง รังไขม่ กี า้ น ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรขนาดเล็ก ผลเปน็ ฝักแห้งไมแ่ ตก มี
รปู กลม ๆ คใู่ นขนาดเลก็ กวา่ ปลายแกนอบั เรณเู ปน็ รยางค์ รงั ไขม่ กั คอดเวา้ ไรฐ้ าน หน่ึงหรอื หลายเมล็ด เมล็ดรูปคลา้ ยไต
ยอดเกสรเพศเมีย (stylopodium) ยอดเกสรเพศเมยี ขนาดเลก็ เรยี บหรอื จกั 3 พู
ผลเปลือกแข็งเมล็ดเดยี ว ปลายมีตง่ิ แหลม กลบี เลี้ยงส่วนมากขยายเปน็ ปกี ยาว สกลุ Dalbergia อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย Faboideae เผา่ Dalbergieae มมี ากกวา่
3 ปกี ปกี สั้น 2 ปกี โคนหนา เรียงซอ้ นเหลอื่ ม 100 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า และเอเชีย ในไทยมีประมาณ 26 ชนดิ
และมีทนี่ ำ�เขา้ มาปลูกเป็นไม้ประดับหรอื ไม้เศรษฐกิจ 1 ชนดิ คือ ประดแู่ ขก
สกุล Shorea อยภู่ ายใต้เผา่ Shoreae ที่โคนกลบี เลย้ี งในผลเรียงซอ้ นเหล่อื ม หรอื ประดู่ลาย D. sisso Roxb. DC. มถี น่ิ กำ�เนิดในอนิ เดยี ชอ่ื สกลุ ตัง้ ตาม
แยกเป็นกล่มุ ย่อยหลายกลมุ่ ตามลกั ษณะเปลือก เนอื้ ไม้ สงิ่ ปกคลุม ปลายแกน นักพฤกษศาสตร์ชาวสวเี ดน Carl Gustav Dahlberg (1753-1775) และพ่ีชาย
อับเรณู จ�ำ นวนเกสรเพศผู้ รปู ร่างและจำ�นวนอบั เรณู และฐานก้านเกสรเพศเมยี Nils E. Dahlberg (1730-1820)

299

พะยงู สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

พะยงู พังค:ี มีขนกระจุกส้ันน่มุ หนาแนน่ ตามกง่ิ ออ่ น แผน่ ใบ และช่อดอก ดอกเพศเมียไม่มีกลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี แยก
2 แฉก 2 ครั้ง (ภาพ: อำ� นาจเจรญิ - PK)
Dalbergia cochinchinensis Pierre
ไมต้ ้น สูง 15-30 ม. กิ่งอ่อนและช่อดอกมีขนละเอียด ใบประกอบยาวไดถ้ ึง พัดโบก

25 ซม. มใี บยอ่ ย 7-9 ใบ รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 3-10 ซม. ปลายแหลม Rotheca incisa (Klotzsch) Steane & Mabb.
โคนมนหรอื กลม กา้ นยาว 2-5 มม. ชอ่ ดอกแยกแขนงออกตามปลายกง่ิ หรอื ซอกใบ วงศ์ Lamiaceae
ทป่ี ลายก่งิ ยาว 10-20 ซม. ก้านดอกสน้ั กลบี เล้ยี งยาวประมาณ 5 มม. ดอกสีขาว
กลบี กลางรูปกลม ยาวประมาณ 3.5 มม. ก้านกลบี ยาวประมาณ 1.5 มม. กลีบปกี ชือ่ พ้อง Clerodendrum incisum Klotzsch
และกลบี คลู่ ่างรปู ขอบขนาน ยาวเทา่ ๆ กลีบกลาง เกสรเพศผู้ 10 อัน เช่อื มตดิ กนั
กลุม่ เดียว รังไข่เกล้ยี ง กา้ นมีขน ฝกั รูปขอบขนานถึงรปู แถบ ยาว 4.5-8 ซม. มี ไม้พมุ่ สูงได้ถึง 2.5 ม. ก่ิงออ่ นมขี นสนั้ น่มุ ใบเรียงตรงข้ามหรอื เรยี งรอบขอ้ 3 ใบ
1-4 เมล็ด สนี ้ำ� ตาลแดง รปู คล้ายไต กวา้ งประมาณ 6 มม. รปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 2-15 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเรยี วสอบเปน็ กา้ นใบ บางครงั้
แฉกเป็นพตู นื้ ๆ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกออกตามปลายกิง่ ก้านช่อยาวประมาณ
พบในภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบมากทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออก 2 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก ก้านดอกยาว 2.5-8 มม. ใบประดับและใบประดับยอ่ ย
เฉยี งใต้ ข้นึ ตามปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดบิ แล้ง ความสงู ระดับตำ�่ ๆ เป็นไมท้ ีม่ ี รูปแถบ ยาว 2-3 มม. กลีบเล้ียงยาวประมาณ 5 มม. กลบี รูปสามเหลี่ยม ยาว
ราคาสงู และเช่อื วา่ เป็นไมม้ งคล เปน็ พชื อนุรกั ษ์ในบัญชีท่ี 2 ของ CITES เน้ือไม้ 1.5-2 มม. ดอกสขี าว กลบี รปู ปากเปิด หลอดกลบี เรยี วแคบ ยาว 5-11 ซม. มีขนตอ่ ม
คล้ายกบั ชิงชัน D. oliveri Gamble ex Prain แต่ชงิ ชนั มใี บยอ่ ยมากกวา่ ดอกสมี ่วง กระจาย แผน่ กลบี รปู ขอบขนาน ยาว 0.8-1.5 ซม. กลบี ปากยาวประมาณ 2.5 ซม.
ขนาดใหญก่ วา่ และส่วนท่ีหมุ้ เมล็ดหนาชัดเจน เกสรเพศผู้ 5 อัน ยืน่ พน้ ปากหลอดกลีบดอก 3-5 ซม. ก้านชูอับเรณูสแี ดงอม
นำ�้ ตาล กา้ นเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ผลรูปรีกว้าง เสน้ ผ่านศูนย์กลาง
เอกสารอ้างอิง ประมาณ 9 มม. จกั 3-4 พู
Niyomdham, C. (2002). An account of Dalbergia (Leguminosae-Papilionoideae)
in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 30: 124-166. ถน่ิ ก�ำเนดิ ในแอฟริกา เปน็ ไม้ประดับในเขตรอ้ น ดอกบานชว่ งกลางคนื
Niyomdham, C., P.H. Hô., P. dy Phon and J.E. Vidal. (1997). Leguminoseae-
Papilionoideae, Dalbergieae. Flore du Cambodge, du Laos et du Vietnam. สกลุ Rotheca Raf. แยกออกมาจากสกลุ Clerodendrum ทีต่ าดอกไมส่ มมาตร
29: 3-54. และกลีบดอกไม่พลิกกลับ มี 50-60 ชนิด ในไทยมีชนดิ เดยี ว คอื อคั คที วาร R.
serrata (L.) Steane & Mabb. ขอบกลบี เลีย้ งเรยี บหรือจกั ตืน้ ๆ และพบเปน็ ไม้
พะยูง: ปลายใบแหลม โคนมนหรอื กลม ช่อดอกแยกแขนง ฝกั รปู ขอบขนานถึงรปู แถบ (ภาพซ้าย: cultivated - PT); ประดบั อีก 2 ชนดิ อีกชนิดคอื ผีเส้อื แสนสวย R. myricoides (Hochst.) Steane &
ชิงชนั : ฝกั รูปขอบขนาน ส่วนท่หี ้มุ เมลด็ หนาชดั เจน (ภาพขวา: ลานสาง ตาก - SR) Mabb. ขอบกลบี เลยี้ งจกั ชัดเจน มีถิน่ กำ�เนดิ ในแอฟริกาเชน่ เดยี วกนั
เอกสารอา้ งองิ
พงั คี Fernandes, R. (2005). Lamiaceae. (Clerodendrum incisum). In Flora Zambesiaca

Croton crassifolius Geiseler Vol. 8(7): 122-123.
วงศ์ Euphorbiaceae Leeratiwong, C. and P. Chantaranothai. 2010. A revision of the genus Rotheca

ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. มขี นกระจกุ สน้ั นมุ่ หนาแนน่ ตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบ ชอ่ ดอก Raf. (Lamiaceae) in Thailand. Tropical Natural History 10(1): 81-92.
และผล หูใบรปู เสน้ ด้าย ร่วงช้า ยาว 1-1.5 ซม. ขอบแหว่ง มีตอ่ มและขนส้ันนุม่
ใบเรียงเวียนใกลป้ ลายกง่ิ รูปรหี รือรปู ไข่ ยาว 3.5-10 ซม. โคนมนหรอื กลม ขอบจัก พัดโบก: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกออกสน้ั ๆ ตามปลายก่งิ หลอดกลบี ดอกเรยี วแคบ (ภาพ: cultivated - RP)
ฟันเลอื่ ย โคนมีตอ่ ม 1-2 คู่ใกล้เสน้ กลางใบ เสน้ โคนใบข้างละ 1 เส้น กา้ นใบยาว
1-2.2 ซม. ช่อดอกยาว 5-7 ซม. ดอกเพศเมยี มี 2-5 ดอก ใบประดบั คล้ายหใู บ ยาว อัคคที วาร: ขอบกลีบเล้ยี งเรยี บหรือจกั ต้นื ๆ (ภาพซา้ ย: ภูวัว บงึ กาฬ - PK); ผเี สื้อแสนสวย: ขอบกลบี เล้ยี งจัก
2-4 มม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ ชัดเจน (ภาพขวา: cultivated - RP)
2.5 มม. กลบี ดอกยาวเทา่ ๆ กลบี เลย้ี ง เกสรเพศผมู้ ี 12-15 อนั ดอกเพศเมยี เกอื บ
ไร้กา้ น ขยายในผลยาวไดถ้ ึง 2 มม. กลีบเลี้ยงรูปขอบขนาน ยาว 4-5 มม. ไมม่ ีกลีบดอก
ก้านเกสรเพศเมียยาว 3-4 มม. แยก 2 แฉก 2 ครงั้ ผลยาว 8-9 มม. โค้ง เมลด็ มี
จุกขว้ั (ดูขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ท่ี เปลา้ , สกุล)

พบทพ่ี มา่ จนี ตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออก ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ เตง็ รงั ทโ่ี ลง่
ความสูง 100-850 เมตร รากมสี รรพคณุ แก้ทอ้ งเสยี บดิ และคออกั เสบ

เอกสารอา้ งอิง
Esser, H.-J. and P.C. van Welzen. (2002). Euphorbiaceae (Croton). In Flora of
Thailand Vol. 8(1): 193-195.
Li, B. and H.-J. Esser. (2008). Euphorbiaceae (Croton). In Flora of China Vol.
11: 261.

300

สารานุกรมพืชในประเทศไทย พันจ�ำ

พันงู พันงูเขียว: ใบเรยี งตรงขา้ มสลับตั้งฉาก ขอบจกั ฟันเลื่อย ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ดอกสีมว่ งอมน�ำ้ เงนิ รูปดอกเข็ม
ปากหลอดมีขนยาว (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)
Achyranthes aspera L.
วงศ์ Amaranthaceae พนั จำ�, สกุล

ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. กงิ่ เปน็ เหลยี่ มมน มขี นสนั้ นมุ่ ตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบ และ Vatica L.
ชอ่ ดอก ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปรี รปู ขอบขนาน หรือรูปไข่กลบั ยาว 2-10 ซม. ปลายกลม วงศ์ Dipterocarpaceae
แหลม หรือแหลมยาว โคนเรียวสอบ แผ่นใบบางคร้ังเกือบเกลี้ยง ก้านใบยาว
0.5-1.5 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกที่ปลายกิ่ง ยาวได้ถงึ 50 ซม. แกนช่อ ไม้ต้น เปลอื กเรยี บแตกเป็นสะเกด็ มีชนั สีขาวหรอื อมเหลอื ง หใู บขนาดเล็ก
เปน็ เหลยี่ ม ดอกออกเดย่ี ว ๆ บนแกนชอ่ ใบประดบั แหง้ บาง ตดิ ทน รปู ไข่ ปลาย ร่วงเรว็ ใบเรยี งเวยี น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ใบประดบั ขนาดเลก็ กลีบเลีย้ ง
เรยี วแหลม ยาว 2-3 มม. ใบประดับยอ่ ย 2 อนั แนบติดกลีบรวมคล้ายหนาม 5 กลบี เรียงจรดกนั กลีบคใู่ นเรยี วแคบกว่าเลก็ น้อย กลบี ดอกบิดเวยี น มี 5 กลบี
ยาว 3-4 มม. โคนมเี ยอ่ื บาง ๆ กลบี รวม 4-5 กลบี รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ยาวประมาณ เกสรเพศผมู้ ี 15 อนั เรยี ง 3 วง วงในยาวกวา่ วงนอก กา้ นชอู บั เรณสู นั้ โคนแผก่ วา้ ง
5 มม. เกสรเพศผมู้ ี 2-5 อนั แผน่ เกสรเพศผู้ที่เปน็ หมนั 5 อัน มเี กลด็ ขอบจกั ชายครุย อับเรณมู ี 4 ชอ่ ง คใู่ นส้ันกว่าคูน่ อก แกนอับเรณยู ื่นเลยอบั เรณเู ลก็ น้อย ไม่มี
รังไข่เกลี้ยง มอี อวลุ 1 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมียยาว 2-3.5 มม. ผลแบบกระเปาะ ฐานยอดเกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมียจัก 3 พู ผลเปลือกแข็งเมล็ดเดยี ว ปลายผล
ปลายตดั เปลอื กบาง ยาว 2.5-3 มม. เมล็ดรปู ทรงกระบอก มตี ่งิ แหลม กลบี เลย้ี งขยายเป็นปีกยาว 2 ปีก ปีกสนั้ 3 ปกี หรอื ขยายเลก็ นอ้ ย
ไมย่ าวเป็นปกี ทัง้ 5 กลบี
ข้นึ เปน็ วัชพชื ทั่วไปในเขตรอ้ น ความสงู ถึงประมาณ 700 เมตร มคี วามผันแปรสงู
แยกเปน็ หลาย varieties มสี รรพคณุ ดา้ นสมุนไพรหลายอยา่ ง สกุล Vatica อยภู่ ายใต้เผา่ Dipterocarpeae ท่ีโคนกลบี เล้ียงในผลเรยี งจรดกัน
แยกเปน็ กลมุ่ ที่กลบี เลีย้ งไมข่ ยายเป็นปีก (sect. Vatica) และกลมุ่ ทก่ี ลบี เลยี้ งขยาย
สกลุ Achyranthes L. มีประมาณ 10 ชนดิ สว่ นใหญพ่ บในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เป็นปีกยาว 2 ปกี ปกี สน้ั 3 ปกี (sect. Sunaptea) มปี ระมาณ 70 ชนดิ ในไทยมี
ในไทยมี 3 ชนิด เป็นพชื ถ่ินเดยี วหนง่ึ ชนดิ คือ A. ancistrophora C. C. Towns. ประมาณ 15 ชนิด ช่อื สกุลมาจากภาษาละตนิ “vates” ผู้ทำ�นายหรือศาสดา
ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “achyron” เกลด็ บาง และ “anthos” ดอก หมายถงึ
ลักษณะดอกทโี่ คนใบประดับมเี ยอื่ บางคล้ายเกลด็ พนั จำ�
เอกสารอ้างอิง
Larsen, K. (1992). Amaranthaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(4): 395. Vatica odorata (Griff.) Symington

พนั งู: ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกท่ีปลายกง่ิ ใบประดับแห้งบาง ติดทน ใบประดับย่อย 2 อัน แนบตดิ กลีบรวม ชอ่ื พ้อง Sunaptea odorata Griff.
คล้ายหนาม ผลรูปกระเปาะ ใบประดบั ตดิ ทน (ภาพดอก: ประจวบคีรขี นั ธ,์ ภาพผล: เพชรบรุ ;ี - RP)
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. เปลอื กสนี ำ้� ตาลเทา กงิ่ มขี นรปู ดาวสน้ั นมุ่ สนี ำ�้ ตาลแดงหรอื
พนั งูเขียว เกือบเกล้ียง หใู บรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 4 มม. ใบรปู รี รูปขอบขนาน หรือแกม
รปู ไข่หรอื รปู ไขก่ ลับ ยาว 5.5-12 ซม. มเี ส้นแขนงใบแซม กา้ นใบยาว 0.7-2 ซม.
Stachytarpheta jamaicensis (L.) Vahl ชอ่ ดอกยาว 2-8 มม. ช่อแขนงยอ่ ยมี 2-5 ดอก ตาดอกรูปใบหอก ยาว 0.7-1 ซม.
วงศ์ Verbenaceae กลีบเลีย้ งรปู ไข่ ยาวประมาณ 4 มม. ด้านนอกมีขนส้ันนุ่ม ดอกสขี าวมปี น้ื ชมพู
กลบี รปู ใบหอกกลบั ปลายมน ยาว 0.9-1.2 ซม. เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.5 มม.
ชอ่ื พ้อง Verbena jamaicensis L. แกนอับเรณเู ป็นตงิ่ ยาวเทา่ ๆ อับเรณู รังไขม่ ีขนสั้นนุ่ม กา้ นเกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ
รงั ไข่ ผลเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. ปลายเปน็ ติ่งแหลม ก้านยาว 2-3 มม.
ไมล้ ม้ ลุก อาจสูงไดถ้ งึ 2 ม. ใบเรยี งตรงข้ามสลับต้ังฉาก รูปไข่ ยาว 3-10 ซม. ปกี ยาว 2 ปกี ส่วนมากยาว 4-6 ซม. ปีกสัน้ 3 ปีก ยาว 0.7-2 ซม.
โคนเรยี วสอบเปน็ กา้ นใบ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ออกทปี่ ลายกง่ิ
ยาวไดถ้ ึง 50 ซม. ใบประดบั บาง รูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม. ปลายเรยี วแหลม พบทพี่ มา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู และบอรเ์ นยี ว ในไทยพบทกุ ภาค
กลบี เลย้ี งบาง ยาวประมาณ 6 มม. ปลายแยกเปน็ 4 กลบี ขนาดเลก็ ดอกรปู ดอกเขม็ ขึ้นตามปา่ ดบิ แลง้ และป่าดิบชื้น ความสงู ถึงประมาณ 600 เมตร มคี วามผันแปรสูง
สีม่วงอมน�ำ้ เงนิ หลอดกลบี ยาวประมาณ 8 มม. ปากหลอดมขี นยาว มี 5 กลีบ และยงั มคี วามสบั สนระหวา่ ง V. odorata (Griff.) Symington, V. harmandiana
รปู กลม ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี เกสรเพศผู้ 2 อนั ลดรปู 2 อนั ติดใกลจ้ ดุ ก่งึ กลาง Pierre และ V. cinerea King ทขี่ อ้ มลู สว่ นใหญใ่ หเ้ ปน็ ชอื่ พอ้ งของ V. harmandiana
หลอดกลบี กา้ นชอู บั เรณสู ั้น ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 6 มม. ผลแห้งแยก Pierre และควรศกึ ษาเพอื่ จดั จำ� แนกใหม่ ซงึ่ การศกึ ษาในเบอ้ื งตน้ อาจยบุ รวมเปน็
เปน็ 2 ซีก มีกลบี เล้ียงหุ้ม แต่ละซีกมเี มด็ เดยี ว V. odorata ทงั้ หมด (sensu lato) แลว้ แยกเปน็ ชนดิ ยอ่ ย (subspecies) ตาม
เขตการกระจายพันธุ์ ได้แก่ ชนิดย่อยทางภาคใต้ของไทยและคาบสมุทรมลายู
มถี ิน่ ก�ำเนดิ ในอเมรกิ าเขตร้อน ขน้ึ เปน็ วัชพชื ท่วั ไปในเขตรอ้ น มสี รรพคุณแก้ ชนิดย่อยทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไทยรวมกัมพูชา เวียดนาม และชนิดย่อย
การอักเสบ ความดนั หอบหดื แผลเรอื้ รงั ทางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยรวมลาว ซ่ึงมี
ข้อมลู ดา้ นกายวิภาคของใบสนับสนนุ ชดั เจน
สกลุ Stachytarpheta Vahl มีประมาณ 95 ชนิด ส่วนใหญพ่ บในอเมรกิ าเขตรอ้ น
ในไทยมชี นดิ เดียว ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “stachys” ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด เอกสารอ้างองิ
และ “tarphys” แน่น ตามลกั ษณะของช่อดอกแบบชอ่ เชิงลดมดี อกหนาแนน่ Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 345-370.
เอกสารอ้างอิง Pooma, R. (2002). Further notes on Thai Dipterocarpaceae. Thai Forest Bulletin
Atkins, S. (2010). Verbenaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 262-263. (Botany) 30: 14.
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 178-185.
Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 45-62.
Srinual, A. (2009). Comparative anatomy of the family Dipterocarpaceae in
Thailand. Thesis PhD., Khonkaen University. Thailand.

301

พนั ซี สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

พนั จำ� : V. odorata sensu lato ก่งิ มีขนกระจุกรปู ดาวสัน้ น่มุ สีน้�ำตาลแดงหรือเกอื บเกลีย้ ง ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ดอกรปู ระฆงั สเี หลอื ง เปลย่ี นเปน็ สชี มพอู มแดงกอ่ นรว่ ง โคนดา้ นในมสี นี ำ้� ตาลแดง
(ภาพซ้ายบน: อุบลราชธานี, ภาพขวาบน: บึงกาฬ, ภาพซา้ ยลา่ ง: cultivated, ภาพขวาล่าง: ตรัง; - RP) กลีบรูปไข่กลับ ยาว 6-10 ซม. เส้าเกสรส้นั กว่ากลีบดอก ยาว 2-3.5 ซม. อับเรณู
ตดิ ตลอดความยาวเสา้ เกสร กา้ นเกสรเพศเมยี แยกเปน็ 5 แฉก ผลรปู รกี วา้ งเกอื บกลม
พันซี ยาว 2-3 ซม. แตกเปน็ 5 ซีก คลา้ ยมี 10 ชอ่ ง กลบี เลี้ยงยาวกวา่ ผล มี 4-5 เมลด็
ในแตล่ ะซีก เมล็ดรูปคลา้ ยไต ยาวประมาณ 5 มม. มขี นยาวหนาแนน่
Sonerila erecta Jack
วงศ์ Melastomataceae พบทจ่ี นี ตอนใต้ พม่า ลาว เวยี ดนาม และชวา ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทาง
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือทห่ี นองคาย บงึ กาฬ นครพนม ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดป้ ระมาณ 50 ซม. มขี นตอ่ มตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง และฐานดอก ทตี่ ราด และภาคใตท้ รี่ ะนอง สรุ าษฎรธ์ านี ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื สว่ นมาก
แตกกง่ิ จำ� นวนมาก ใบรปู รี รปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก ยาว 0.5-3 ซม. ปลายแหลม พบในระดบั ความสงู ตำ่� ๆ หรอื อาจถงึ ความสงู ประมาณ 1000 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั
หรอื กลม โคนแหลมหรอื สอบ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ยถ่ี มขี นครยุ ห่าง ๆ เสน้ โคนใบขา้ งละ อนึ่ง ใน Flora of China ระบุว่ามีเสน้ โคนใบ 3-5 เส้น ซ่ึงตัวอยา่ งของไทยไม่พบ
1-2 เส้น ก้านใบยาว 2-4 มม. ชอ่ ดอกยาวไดถ้ ึง 12 ซม. มีขนกระจาย ดอกเรียง ลักษณะดงั กล่าวแต่อยา่ งใด
สองแถว แถวละ 3-10 ดอก ก้านดอกยาว 1-4 มม. ฐานดอกรปู ทรงกระบอกแคบ
ยาว 4-8 มม. ดอกสชี มพอู มม่วง กลีบรูปรีหรือรปู ไข่ ยาว 4-8 มม. กา้ นกลีบยาว เอกสารอ้างองิ
ประมาณ 2 มม. ปลายเป็นตงิ่ สั้น ๆ เกสรเพศผู้ 3 อัน อบั เรณสู เี หลอื ง ยาว 2-4 มม. Phuphathanaphong, L., P. Siriruksa and G. Nuvongsri. (1989). The genus
ผลรูปทรงกระบอก ยาว 0.6-1.2 ซม. มีร้วิ เกล้ยี งหรือมีขนยาวกระจาย (ดูขอ้ มลู Hibiscus in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 18: 56-61.
เพม่ิ เตมิ ท่ี สาวสนม, สกุล) Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
12: 288.
พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบกระจายทกุ ภาค
ขึ้นตามร่มเงาหรือที่โล่งท่ีช้ืนแฉะ ในป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบชื้น พันตะวนั : ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรือแกมรปู ไข่ 7-9 อัน ร้ิวประดับมี 7-9 อนั ดอกรปู ระฆงั สเี หลือง โคนดา้ นใน
ความสูง 100-1300 เมตร มสี นี �้ำตาลแดง กลบี เล้ียงรปู ถว้ ย ติดทน ยาวกวา่ ผล (ภาพ: ภูลังกา นครพนม - RP)

เอกสารอ้างอิง พนั รู
Renner, S.S., G. Clausing, N. Cellinese and K. Meyer. (2001). Melastomataceae.
In Flora of Thailand Vol. 7(3): 485-486. Pertusadina malaccensis Ridsdale
วงศ์ Rubiaceae
พนั ซ:ี ไมล้ ้มลุก แตกกิง่ จ�ำนวนมาก ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเดี่ยว ดอกเรยี งสองแถว กลบี ดอก 3 กลบี มกี า้ นกลีบ ปลายกลบี
แหลมเปน็ ตงิ่ ส้นั ๆ เกสรเพศผู้ 3 อนั โคนแฉกลกึ 2 พู ผลรูปทรงกระบอก มรี ว้ิ (ภาพ: เขาพระวิหาร ศรสี ะเกษ - RP) ไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 30 ม. ลำ� ตน้ กลวงหรอื แยกออกจากกนั หลายส่วน หูใบรปู
สามเหลีย่ มแคบ ยาว 0.5-1 ซม. ใบเรียงตรงขา้ ม รปู รีหรอื รปู ไขก่ ลับ ยาว 7-15 ซม.
พันตะวัน ปลายแหลมยาว มตี มุ่ ใบเปน็ ขน ก้านใบยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่
ออกตามซอกใบ ออกเดย่ี ว ๆ หรอื มี 3 ชอ่ เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1.2-1.5 ซม. กา้ นชอ่
Hibiscus grewiifolius Hassk. ยาว 3-8 มม. ดอกขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ใบประดบั ยอ่ ยรปู เสน้ ดา้ ย ฐานดอกยาว
วงศ์ Malvaceae ประมาณ 0.5 มม. มขี นหนาแนน่ กลีบเลย้ี งยาวเท่า ๆ ฐานดอก โคนเชอ่ื มตดิ กัน
ด้านในมีขนหนาแน่น มี 4 กลีบ รูปสามเหล่ียมขนาดเล็ก ติดทน ดอกรูปดอกเข็ม
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. มขี นรปู ดาวประปรายตามกงิ่ ออ่ น กา้ นใบ กา้ นดอก รวิ้ ประดบั ดา้ นนอกมีขนคล้ายแปง้ หลอดกลีบยาวประมาณ 0.4 มม. มี 4 กลบี ขนาดเล็ก
และกลบี เลย้ี งดา้ นนอก หใู บรปู เสน้ ดา้ ยขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก เกสรเพศผู้ 4 อนั ตดิ ดา้ นบนของหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณสู นั้ อบั เรณตู ดิ ทฐี่ าน
หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 6-20 ซม. ปลายแหลมยาว หรอื มน โคนมน ขอบเรียบ แผ่น หนั เข้า รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยน่ื พน้ ปากกลบี ดอก ผลยอ่ ยยาว 2-4 มม.
ใบคอ่ นขา้ งหนา เกล้ยี งหรือมขี นรูปดาวประปราย กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกออก เปลอื กแข็งแตกตามยาว เมล็ดมีปีกขนาดเลก็
เด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. หนา ริว้ ประดับมี 7-9 อนั รูปลิ่มแคบ
หรือรูปใบหอก ยาว 0.7-1.2 ซม. กลีบเลี้ยงรูปถว้ ย หลอดกลบี ยาว 1-1.5 ซม. มี 5 กลีบ พบที่คาบสมุทรมลายู และภาคใตข้ องไทย ตั้งแต่สุราษฎร์ธานลี งไป ขน้ึ ตาม
รปู สามเหล่ยี มแกมรปู ขอบขนาน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายเรียวแหลม ด้านในมขี น ปา่ ดิบช้นื ความสูงระดบั ตำ่� ๆ

สกุล Pertusadina Ridsdale อยู่ภายใต้เผา่ Naucleae แยกมาจากสกลุ Adina มี
4 ชนิด พบทไี่ ห่หนาน ภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟิลปิ ปนิ ส์ นิวกนิ ี และหม่เู กาะโมลุกกะ
ในไทยมชี นดิ เดยี ว ชือ่ สกลุ มาจากภาษาละติน “pertusus” ทำ�ใหเ้ ป็นโพรงหรอื รู
และช่อื สกลุ Adina หมายถึงพชื คลา้ ยสกุล Adina ท่ลี �ำ ตน้ เปน็ โพรง
เอกสารอ้างอิง
Ridsdale, C.E. (1978). A revision of the tribe Naucleae s.s., Blumea 24(2):

353-356.

302

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พิศชมพู

พนั รู: ล�ำตน้ กลวงหรอื แยกออกจากกนั หลายสว่ น ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกเดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ ก้านเกสร ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ผลแห้งแตกตามรอยประสานจากด้านบน รูปไขก่ ลับ ยาว
เพศเมียยืน่ พน้ ปากกลีบดอก (ภาพ: นราธวิ าส - MP) 1-1.5 ซม. เมลด็ จำ� นวนมาก ยาวประมาณ 2 มม. รวมปีกแบนทป่ี ลายท้งั สองข้าง

พิกุลปา่ พบทเี่ นปาล อนิ เดยี จีนตอนใต้ เวยี ดนามตอนบน และภาคเหนือของไทยที่
ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และดอยภูคา จังหวัดน่าน ขึ้นตามที่โล่งบนเขา
Adinandra integerrima T. Anderson ex Dyer หนิ ปูน ความสูง 1700-2200 เมตร
วงศ์ Pentaphylacaceae
สกลุ Luculia Sweet อยูภ่ ายใต้วงศย์ อ่ ย Cinchonoideae มี 5 ชนิด พบทีภ่ ูฏาน
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สูง 5-15 ม. มีขนยาวคลา้ ยไหมตามกิ่งอ่อน ตา แผน่ ใบด้านล่าง อินเดีย เนปาล จนี พมา่ เวยี ดนาม และภาคเหนอื ของไทย ในไทยมีชนดิ เดยี ว
ก้านดอก ใบประดับ กลบี เล้ยี งด้านนอก อบั เรณู ผล รังไข่ และกา้ นเกสรเพศเมีย ชอ่ื สกุลมาจากภาษาเนปาล “Luculi swa” ทีใ่ ชเ้ รียกพืชชนิดนี้
ใบเรยี งสลับระนาบเดียว รูปรหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 5-15 ซม. บางคร้งั เกล้ยี ง เอกสารอ้างอิง
ขอบเรยี บหรอื จกั ฟนั เล่ือย กา้ นใบยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ดอกออกเด่ยี ว ๆ หรอื เป็นคู่ Chen, T. and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Luculia). In Flora of China Vol.
ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 2-5 ซม. ใบประดบั คล้ายใบ 2 อนั ตดิ ใต้กลบี เลย้ี ง
รปู ไข่ ยาวประมาณกง่ึ หนง่ึ ของกลบี เลยี้ ง กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกอยา่ งละ 5 กลบี 19: 214.
เรยี งซอ้ นเหล่อื ม กลีบเลย้ี งรูปไข่ ยาว 0.7-1 ซม. ตดิ ทน ดอกสขี าวอมชมพู เชอื่ ม
ติดกันทโ่ี คน กลีบรปู ใบหอก ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ตดิ ทีโ่ คนกลบี ดอก พมิ พ์ใจ: ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกเรยี งแบบช่อเชงิ หลนั่ ดอกสชี มพหู รือขาว ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก รูปคล้ายกระบอง
ก้านชูอบั เรณยู าวประมาณ 2 มม. อบั เรณูติดทีฐ่ าน ยาว 3-4 มม. มีรยางค์เปน็ ผลแห้งแตกตามรอยประสาน (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชยี งใหม่; ภาพดอกสชี มพู - RP, ภาพดอกสีขาวและผล - SSi)
ต่ิงแหลม ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 3-5 มม. ตดิ ทน ผลสดมีหลายเมล็ด รปู รกี ว้าง
ยาวได้ถึง 2 ซม. สุกสดี �ำ เมลด็ แบน รูปคลา้ ยไต พศิ ชมพู

พบท่ี พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ขน้ึ ตามปา่ โปรง่ Aeschynanthus gracilis Parish ex C. B. Clarke
ปา่ ดิบช้นื และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถึงประมาณ 1500 เมตร วงศ์ Gesneriaceae

สกลุ Adinandra Jack เดมิ อยภู่ ายใต้วงศ์ Theaceae ปัจจุบันอยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย ไมพ้ ่มุ อิงอาศยั ห้อยลง ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. สว่ นตา่ ง ๆ มขี นยาวหนาแนน่ ใบเรียง
Freziereae มปี ระมาณ 80 ชนิด พบในแอฟรกิ าและเอเชยี เขตรอ้ น ในไทยมี 4 ชนดิ ตรงขา้ มหรือเรียงรอบขอ้ 3 ใบ รูปรี รปู ไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาวได้ถงึ 3.5 ซม.
ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “adinos” หนาแน่น และ “andros” เกสรเพศผู้ หมายถึง ปลายแหลมหรอื เปน็ ตงิ่ แหลม โคนรปู ลม่ิ มน หรอื กลม กา้ นใบสนั้ ชอ่ ดอกมดี อกเดยี ว
พชื ท่มี เี กสรเพศผูห้ นาแนน่ กา้ นดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลบี เล้ียงแยกจรดโคน รูปใบหอก ยาว 3-5.5 มม.
เอกสารอ้างอิง ดอกสชี มพู หลอดกลบี ดอกยาว 2-3 ซม. กลบี บนยาว 3-5 มม. กลีบล่างพับงอกลับ
Keng, H. (1972). Theaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 151. กลบี ข้างรูปสามเหล่ียมกวา้ ง ยาว 2-4 มม. กลีบกลางรปู ขอบขนาน ยาว 0.5-1 ซม.
Min, T. and B. Bartholomew. (2007). Theaceae. In Flora of China Vol. 12: 438. เกสรเพศผูต้ ิดเหนอื โคนกลบี คู่หลังยาวประมาณ 2 ซม. คหู่ น้ายาวประมาณ 1.5 ซม.
ผลยาว 9-15 ซม. เมล็ดยาวประมาณ 1 มม. ขนยาวประมาณ 2 ซม. (ดขู อ้ มลู
พิกลุ ป่า: สว่ นตา่ ง ๆ มขี นยาวคลา้ ยไหม ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ ก้านดอกยาว ใบประดบั ตดิ ใต้กลบี เลี้ยง เพิ่มเตมิ ท่ี ไกแ่ ดง, สกลุ )
กลบี เลยี้ งและเกสรเพศเมยี ตดิ ทน (ภาพดอก: กาญจนบรุ ี - SSi; ภาพผล: ภูกระดึง เลย - PK)
พบท่อี ินเดีย เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ จีนตอนใต้ พม่า และเวียดนามตอนบน
พิมพ์ใจ ในไทยพบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ และ
ปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ถึงประมาณ 200 เมตร
Luculia gratissima (Wall.) Sweet
วงศ์ Rubiaceae เอกสารอ้างองิ
Middleton, D.J. (2007). A revision of Aschynanthus (Gesneriaceae) in Thailand.
ช่อื พ้อง Cinchona gratissima Wall. Edinburgh Journal of Botany 64: 388-389.
Wang, W., K.Y. Pan, Z.Y. Li, A.L. Weitzman and L.E. Skog. (1998). Gesneriaceae.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. กง่ิ มชี อ่ งอากาศ หใู บรว่ มปลายเปน็ ตงิ่ แหลม In Flora of China Vol. 18: 382.
รว่ งเร็ว ใบเรียงตรงข้าม รูปรถี งึ รูปใบหอก ยาว 4-12.5 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี น
ตามเสน้ ใบ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ เรยี งแบบชอ่ เชงิ หลนั่ พศิ ชมพ:ู ไมอ้ งิ อาศัย ห้อยลง ส่วนต่าง ๆ มขี นยาวหนาแน่น ช่อดอกมีดอกเดยี ว กลบี เลีย้ งแยกจรดโคน ดอกสชี มพู
ออกตามปลายกง่ิ ดอกมีกล่ินหอม กลบี เลยี้ ง 5 กลีบ รปู ใบหอก ยาว 0.8-1.5 ซม. กลบี ล่างพับงอกลบั เกสรเพศผยู้ ่นื เลยพน้ ปากหลอดกลบี (ภาพ: ทงุ่ ใหญ่นเรศวร กาญจนบรุ ี - PK)
ดอกรูปดอกเขม็ สีชมพูหรอื ขาว หลอดกลบี สีแดงอมม่วง ยาว 2.5-4 ซม. ปลายแยก
5 กลีบ รปู รกี ว้างเกอื บกลม ยาว 0.8-1.3 ซม. เรียงซอ้ นเหล่ือม เกสรเพศผตู้ ิด
เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี อบั เรณยู าวประมาณ 3 มม. ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก
ในต้นท่ีมีกา้ นเกสรเพศเมียส้นั ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก รูปคลา้ ยกระบอง

303

พศิ วง สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พศิ วง พบทศี่ รลี งั กา และภาคใตข้ องไทยทร่ี ะนอง และพงั งา ขนึ้ ใตร้ ม่ เงาในปา่ ดบิ ชน้ื
ความสงู ระดับต�ำ่ ๆ
Paradombeya burmanica Stapf
วงศ์ Malvaceae พศิ วงขาว

ไมพ้ ่มุ อาจสูงได้ถงึ 5 ม. หูใบรูปเสน้ ดา้ ย ยาวไดถ้ งึ 7 มม. ร่วงเร็ว ใบเรยี งสลับ Thismia alba Holttum ex Jonker
ระนาบเดยี ว รูปใบหอก ยาว 6-14 ซม. ปลายแหลมยาว โคนมน กลม เบีย้ ว ขอบจกั พชื ล้มลกุ กนิ ซาก ล�ำตน้ ส้นั บางครั้งแตกแขนง ใบรูปใบหอก ยาว 3-4 มม บางใส
ซฟี่ นั เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ กา้ นใบพอง ยาว 4-5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
ออกสั้น ๆ ตามซอกใบ มี 3-7 ดอก ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. รว้ิ ประดบั มี มี 1-3 ดอก ใบประดบั 3 อนั หลอดกลีบรปู ระฆังสีขาว ยาวประมาณ 1 ซม. มรี ิ้ว
2-3 อนั ตดิ ทข่ี อ้ เหนอื จดุ กงึ่ กลางกา้ นดอก ยาวประมาณ 2 มม. กลบี เลย้ี ง 5 กลบี 6 ร้วิ ระหว่างร้ิวเปน็ เส้นแถบเหลอื ง กลีบรวมสเี หลือง รปู สามเหลยี่ ม ยาว 3-4 มม.
รปู รี ยาวประมาณ 5 มม. ดอกสขี าว มี 5 กลบี ตดิ ระหวา่ งกลบี เลย้ี ง รปู สามเหลยี่ ม ท้งั 6 กลบี มรี ยางคส์ ีขาวรูปเส้นด้าย ยาวได้ถึง 1.5 ซม. วงสนั นนู หนาสีเหลือง
ยาว 0.5-1 ซม. โคนเรียวแคบ ปลายตดั ไมเ่ ป็นระเบียบ เกสรเพศผู้ 15 อัน กลุ่มละ ก้านชอู บั เรณูหนา ปลายมีรยางค์ แกนอับเรณแู ผก่ ว้างคลา้ ยปกี รูปส่เี หลยี่ ม ทีโ่ คน
3 อัน สน้ั กวา่ เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมัน กา้ นชอู ับเรณเู ชื่อมตดิ กันทโ่ี คน เกสรเพศผู้ที่ มตี อ่ มน้�ำตอ้ ย 2 ตอ่ ม ผลสดรปู ถว้ ยสีน้�ำตาล ยาวประมาณ 6 มม.
เปน็ หมนั รปู ลน้ิ ตดิ ระหวา่ งกลมุ่ เกสรเพศผู้ สนั้ กว่าหรอื ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก รงั ไขม่ ขี น
ก้านเกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผทู้ เี่ ป็นหมนั ยอดเกสรจกั 5 พู ผลแหง้ แตก พบทคี่ าบสมทุ รมลายู และภาคใต้ของไทยทสี่ งขลา พงั งา ขน้ึ กระจายห่าง ๆ
รูปไข่ มี 5 ซกี แต่ละซกี มีเมล็ดเดยี ว ในป่าดิบชื้น ความสูงถงึ ประมาณ 300 เมตร

พบทพี่ มา่ และภาคเหนอื ของไทยทดี่ อยเชยี งดาว ดอยอนิ ทนนท์ จงั หวดั เชยี งใหม่ พิศวงรยางค์
ข้ึนตามชายป่าดบิ เขา ท่ีโล่งบนเขาหนิ ปูน ความสูง 1000-2300 เมตร
Thismia javanica J. J. Sm.
สกลุ Paradombeya Stapf เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Bombacaceae ปจั จบุ นั อย่วู งศ์ยอ่ ย พชื ลม้ ลกุ กนิ ซาก สงู ไดถ้ งึ 12 ซม. ใบรปู รถี งึ รปู ใบหอก มี 1-3 ดอก ใบประดบั
Dombeyoideae มี 2 ชนดิ อีกชนิด คือ P. sinensis Dunn พชื ถ่ินเดียวของจีน
ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก “para” คลา้ ย และช่อื สกุล Dombeya คล้ายใบมี 3 อัน หลอดกลบี รูปคนโท สีขาว มีรวิ้ สีส้ม ด้านในเป็นแถบยาวเชือ่ มกับ
เอกสารอ้างองิ แนวขวางหลายแนว กลบี วงนอกขนาดเลก็ ปลายมน กลบี วงในมรี ยางคร์ ปู เสน้ ดา้ ย
Phengklai, C. (2005). Bombacaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(1): 31-32. สีขาวอมนำ้� ตาล ยาว 2-3 ซม. ปลายเกสรเพศผจู้ กั 3 พู ปลายมขี น แกนอบั เรณู
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China. แบนกวา้ งรูปสเี่ หล่ยี ม ผลสดรูปถว้ ยสสี ้มอมน�ำ้ ตาล ยาวประมาณ 6 มม.

Vol. 12: 330. พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคใต้ ขึ้นใตร้ ม่ เงาใน
ปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร อนง่ึ ขอ้ มลู และภาพประกอบในหนงั สอื
พศิ วง: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก ออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ กลีบดอกโคนเรยี วแคบ ปลายตัดไม่เป็นระเบียบ เกสรเพศผู้ พรรณพฤกษชาตขิ องประเทศไทยนา่ จะเป็น พิศวง T. gardneriana Hook. f.
ทเ่ี ป็นหมันรูปล้นิ (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - PK) ex Thwaites

พศิ วง, สกลุ เอกสารอา้ งอิง
Chantanaorrapint, S. and K. Sridith. (2007) Thismia alba (Thismiaceae), a new
Thismia Griff. record for Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 35: 34-37.
วงศ์ Thismiaceae Cramer, L.H. (1983). Burmanniaceae. In A revised handbook to the Flora of
Ceylon Vol. 4: 158-159.
พชื ลม้ ลกุ กนิ ซากอาศยั เชอ้ื รา (myco-heterotrophic plants) ใบคลา้ ยเกลด็ Jonker, F.P. (1984). Burmanniaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 21-25.
ใบประดบั คลา้ ยใบ ตดิ ใตด้ อก ดอกออกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ ชอ่ กระจะ กลบี รวม 6 กลบี Larsen, K. (1987). Thismiaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 124-126.
เรยี ง 2 วง ขนาดเทา่ ๆ กนั หรอื 3 กลบี วงในใหญก่ วา่ เลก็ นอ้ ย เชอื่ มตดิ กนั คลา้ ยหมวก
มีรเู ปิด 3 ด้าน ปลายกลีบมักมรี ยางค์ เกสรเพศผู้ 6 อนั เรียงติดกนั เปน็ หลอด พศิ วง: หลอดกลบี รูปถ้วย สเี ข้ม กลบี สเี หลอื งอมส้ม กลบี วงนอกรปู รเี กือบกลม กลีบวงในเรยี วแคบเปน็ รยางคร์ ูป
ตดิ หอ้ ยลงจากวงสนั นนู (annulus) กา้ นชอู บั เรณสู นั้ คลา้ ยรบิ บน้ิ อบั เรณมู ี 2 ชอ่ ง เสน้ ดา้ ย (ภาพซ้าย: ระนอง - RP; ภาพขวา: พังงา - NT)
แยกกันด้วยแกนอบั เรณู ปลายและโคนมกั มรี ยางค์ รังไข่ใตว้ งกลบี มชี อ่ งเดยี ว
ออวลุ จำ� นวนมาก เกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ หลอดกลีบรวม กา้ นสนั้ ยอดเกสรแยก พศิ วงขาว: ใบคลา้ ยเกลด็ หลอดกลีบดอกรปู ระฆัง สขี าว มีริ้ว กลบี สเี หลือง ท้งั 6 กลีบมรี ยางค์สขี าวรปู เส้นด้าย ผลสด
3 แฉก ตดิ ทน ผลสดรปู ถ้วย แตกตามขวางที่ปลาย เมลด็ ขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก รปู ถว้ ย (ภาพซ้ายบนและภาพขวา: นครศรีธรรมราช - TP); พศิ วงรยางค:์ หลอดกลีบรปู คนโท สีขาว กลบี วงนอก
ขนาดเลก็ กลบี วงในมรี ยางค์รูปเสน้ ด้าย (ภาพ: เขาหางนาค กระบ่ี - NT)
สกลุ Thismia เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Burmanniaceae ภายใต้วงศ์ย่อย Thismioideae
มมี ากกวา่ 50 ชนิด พบในอเมรกิ าและแอฟรกิ าเขตรอ้ น เอเชยี และออสเตรเลีย
ในไทยมีประมาณ 7 ชนิด ชอ่ื สกุลตง้ั ตามนักจุลชีววิทยาชาวองั กฤษ Thomas
Smith ในชว่ งตน้ ๆ ของครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 18 โดยการเรียงพยัญชนะใหม่

พศิ วง

Thismia gardneriana Hook. f. ex Thwaites
พืชลม้ ลุกกนิ ซาก สงู ได้ถงึ 8 ซม. ใบรปู ใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 1.5-3 มม. มี

1-5 ดอก ใบประดบั คลา้ ยใบรปู ลมิ่ แคบ ยาวประมาณ 5 มม. หลอดกลบี สเี หลอื ง
อมสม้ รปู ถว้ ย ยาว 0.7-1.2 ซม. กลีบรวมสีเหลอื ง กลีบวงนอกรูปรเี กอื บกลม
ยาว 1.5-2 มม. กลบี วงในเรยี วแคบเปน็ รยางคร์ ปู เสน้ ด้าย ยาว 1.4-2.2 ซม.
วงสนั นนู หนา กา้ นเกสรเพศผแู้ ผก่ วา้ ง แกนอบั เรณแู บนกวา้ งรปู สเ่ี หลย่ี ม มรี ยางค์
คล้ายปกี ขอบทโ่ี คนจัก 2 พู

304

สารานุกรมพืชในประเทศไทย พดุ จีบ

พษิ ลักษณ์ พีพวนน้อย: มขี นรปู ดาวสนั้ น่มุ กระจาย โคนใบเวา้ ตน้ื ชอ่ ดอกมี 1-2 ดอก ใบประดบั รูปไข่ กลีบดอก 6 กลีบ ยาว
เท่า ๆ กัน เกสรเพศผ้รู ปู ขอบขนาน (ภาพ: อบุ ลราชธานี - PK)
Phytolacca americana L.
วงศ์ Phytolaccaceae พดุ โกเมน

ไม้ล้มลุก สูง 1-2 ม. รากอวบหนา ล�ำตน้ มักมีสแี ดงอมมว่ ง ใบเรยี งเวียน รูปรี Rothmannia longiflora Salisb.
รปู ไข่ หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 6-35 ซม. ก้านใบยาว 1-6 ซม. ชอ่ ดอกแบบ วงศ์ Rubiaceae
ชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบหรือปลายกง่ิ โคง้ ลง ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ งึ
15 ซม. กา้ นดอกยาว 6-8 มม. ดอกสขี าวอมเขยี วหรอื แดง ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ใบรูปรี ยาว 6-18 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรูปลิม่
ประมาณ 6 มม. กลบี รวม 5 กลบี รปู ไขก่ ว้าง ยาว 2.5-3 มม. ติดทน เกสรเพศผู้ ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น มีตุ่มใบ ดอกออกเดี่ยว ๆ
มีประมาณ 10 อนั มี 6-12 คารเ์ พล เชือ่ มติดกันเกินก่งึ หนง่ึ แต่ละคาร์เพลมีออวุล ทป่ี ลายกงิ่ สน้ั ดา้ นขา้ ง กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยคลา้ ยเกลด็ 5-9 อนั
เมด็ เดยี ว เกสรเพศเมยี 1 อนั ตดิ ทน ผลสดมหี ลายเมลด็ กลมแปน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง หลอดกลบี เลีย้ งยาว 1-2 ซม. ปลายจกั ต้ืน ๆ ติดทน ดอกรูปแตร สีมว่ งอมแดง มีปน้ื
0.6-1 ซม. สุกสมี ว่ งดำ� เมล็ดรปู เลนส์ ยาวประมาณ 3 มม. สเี ขยี วดา้ นนอก ดา้ นในสขี าวมจี ดุ สมี ว่ งกระจาย หลอดกลบี ดอกยาวไดถ้ งึ 20 ซม.
กลีบรูปไขแ่ กมรูปขอบขนาน ยาว 1-4 ซม. เกสรเพศผู้ติดบนปากหลอดกลีบดอก
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเหนอื เปน็ ไมป้ ระดบั ทวั่ ไปในเอเชยี และยโุ รป แยกเปน็ ก้านเกสรเพศเมียยาว 12-20 ซม. ยอดเกสรจกั 2 พู รปู กระบอง ยาวได้ถึง 3 ซม.
var. rigida (Small) Caulkins & R. E. Wyatt ชอ่ ผลส้ัน มักตง้ั ตรง ก้านผลยอ่ ย ยืน่ พ้นปากหลอดกลบี ดอกเลก็ น้อย ผลรูปรกี ว้าง ยาว 3.5-7 ซม. มีสันต้นื ๆ 10 สนั
สนั้ กวา่ ผล มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง โดยเฉพาะเปน็ ยาระบายและรกั ษา เมล็ดแบน เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 6-8 มม. (ดขู อ้ มูลเพิ่มเติมท่ี หมักม่อ, สกุล)
โรคริดสดี วงทวาร ส่วนตา่ ง ๆ มีพษิ ใบออ่ นปรุงสุกกนิ ได้ ยอดออ่ นกินได้คล้าย
หนอ่ ไม้ฝรงั่ ผลให้สเี ข้มในไวน์ มีถ่ินกำ� เนดิ ท่ีแอฟรกิ า เปน็ ไมป้ ระดบั ผลและเมลด็ ใหส้ ีน้�ำเงนิ อมมว่ ง ใชแ้ ต้ม
ตามรา่ งกายหรอื เป็นสีผสมอาหาร ผลรบั ประทานได้
สกุล Phytolacca L. มปี ระมาณ 25 ชนิด พบในอเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลยี
และหมเู่ กาะแปซิฟกิ ในไทยพบเปน็ ไมป้ ระดบั ชนดิ เดยี ว ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี เอกสารอ้างองิ
“phyton” พืช และ “lacca” สนี ้ำ�ตาลแดง ตามลักษณะสียอ้ มทไ่ี ดจ้ ากผลสกุ Jansen, P.C.M. (2005). Rothmannia longiflora Salisb. In PROTA 3: Dyes and
tannins/Colorants et tanins. PROTA, Wageningen, Netherlands.
เอกสารอ้างอิง
Lu, D. and K. Larsen. (2003) Phytolaccaceae. In Flora of China Vol. 5: 435-436.
Nienaber, M.A. and J.W. Thieret. (2003). Phytolaccaceae. In Flora of North
America Vol. 4: 3-11. http://www.efloras.org/

พษิ ลักษณ์: ลำ� ต้นมกั มีสีแดงอมมว่ ง ช่อดอกแบบช่อกระจะ กา้ นดอกยาว คารเ์ พลเชอ่ื มตดิ กนั เกสรเพศเมยี ตดิ ทน พดุ โกเมน: ดอกออกเดยี่ ว ๆ ทป่ี ลายกง่ิ สั้นด้านขา้ ง ดอกรูปแตร หลอดกลบี เรยี วยาว ยอดเกสรเพศเมยี ยน่ื พน้ ปาก
ผลกลมแป้น สุกสมี ่วงดำ� (ภาพ: cultivated - TJ) หลอดกลบี ดอกเลก็ น้อย (ภาพ: cultivated - RP)

พีพวนนอ้ ย พดุ จบี

Uvaria rufa Blume Tabernaemontana divaricata (L.) R. Br. ex Roem. & Schult.
วงศ์ Annonaceae วงศ์ Apocynaceae

ไม้พุ่มหรือรอเล้ือย มีขนรูปดาวสั้นนุ่มตามก่ิง แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ช่อื พ้อง Nerium divaricatum L.
และดอก ใบรปู รหี รอื รูปขอบขนาน ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว
โคนเว้าตนื้ กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกออกตรงขา้ มใบหรือซอกใบใกลป้ ลายกงิ่ ไมพ้ ่มุ สูงไดถ้ งึ 3 ม. กิง่ เกลย้ี ง ใบรูปรี ยาว 4-15 ซม. ปลายเแหลมยาว ก้านใบ
สว่ นมากมี 1-2 ดอก ใบประดบั รูปไข่ ยาวเท่า ๆ กลีบเล้ียง รว่ งเรว็ ดอกบาน ยาวได้ถึง 1 ซม. ช่อดอกยาว 6-10 ซม. กลบี เลี้ยงรูปไข่ ส่วนมากปลายมน บางครงั้
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2.5 ซม. กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. กลบี เลย้ี ง 3 กลบี ยาวประมาณ แหลมหรอื แหลมยาว ยาว 2-7 มม. บางครงั้ ขอบมขี นอยุ เลก็ นอ้ ย หลอดกลบี ดอก
5 มม. ดอกสมี ่วงอมแดง กลบี ยาวเทา่ ๆ กนั รูปไข่ วงนอก 3 กลีบ วงใน 3 กลบี ยาว 1.4-2.4 ซม. บางครง้ั บดิ เวยี นเลก็ นอ้ ย มขี นดา้ นในรอบเกสรเพศผู้ กลบี ยาว
ยาว 0.8-1.2 ซม. เกสรเพศผรู้ ปู ขอบขนาน ปลายอับเรณมู ีรยางค์ คารเ์ พลแยกกนั 0.8-2.6 ซม. เกสรเพศผตู้ ิดชว่ งลา่ งใตจ้ ุดกึ่งกลางหลอดกลีบดอก อบั เรณยู าว
รปู ขอบขนาน ผลยอ่ ยรูปรีหรอื รูปไข่ ยาว 2-4 ซม. สุกสแี ดงอมส้ม (ดูขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ ที่ ประมาณ 3 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.4-1.4 ซม. รวมยอดเกสร ผลรูปรี เบีย้ ว
กล้วยพังพอน, สกลุ ) มสี ันตามยาว ยาว 2.2-4.5 ซม. มี 2-10 เมลด็ รูปรี เบี้ยว ยาว 0.7-1 ซม. มสี นั
ตามยาว (ดขู ้อมลู เพิม่ เติมที่ พุดฝร่ัง, สกุล)
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทย
พบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ พบที่อินเดยี ศรีลังกา เนปาล ภฏู าน บังกลาเทศ พม่า จนี ตอนใต้ และลาว
1100 เมตร ในไทยสว่ นมากพบทางภาคเหนอื ความสงู ถงึ ประมาณ 1300 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั
มีทงั้ ตน้ แคระ ใบดา่ ง และดอกซ้อน
เอกสารอา้ งอิง
Li, B. and M.G. Gilbert. (2011). Annonaceae (Uvaria). In Flora of China Vol. เอกสารอ้างอิง
19: 676. Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 31-32.

305

พุดชมพู สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พบทพี่ มา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และออสเตรเลยี
ตอนบน ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขนึ้ ตามสันเขาใน
ปา่ ดบิ เขา และปา่ ดบิ ชนื้ ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร ตน้ ทีเ่ ปน็ ไมป้ ระดบั
ช่อดอกหนาแน่น และดอกมขี นาดใหญ่ ใบและผลแกเ้ จบ็ คอ ต่อมทอนซลิ อักเสบ

เอกสารอา้ งอิง
Li, B., A.J.M. Leeuwenberg and D.J. Middleton. (1995). Apocynaceae. In Flora
of China Vol. 16: 162-163.
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 60-64.
________. (2004). A revision of Kopsia (Apocynaceae: Rauvolfioideae). Harvard
Papers in Botany 9(1): 89-142.

พุดจบี : กง่ิ เกลยี้ ง ปลายใบแหลมยาว มที ้งั ตน้ แคระ ใบดา่ ง และดอกซอ้ น (ภาพ: cultivated - RP) พุดชมพู: K. fruticosa ช่อดอกแบบช่อกระจกุ ซ้อน มขี นละเอยี ด ปลายกลีบเลี้ยงมน ดอกสขี าวอมชมพู ปากหลอด
มสี เี ข้ม (ภาพ: cultivated - RP)
พดุ ชมพ,ู สกลุ
พุดชมพ:ู K. rosea ก่ิงและชอ่ ดอกเกลีย้ ง (ภาพ: cultivated - RP)
Kopsia Blume
วงศ์ Apocynaceae พุดดง: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก กลบี เล้ยี งปลายแหลม ปากหลอดกลบี ดอกสชี มพู ผลมกั เจริญเพยี งผลเดียวหรอื ตดิ
เป็นคู่ ต้นทีเ่ ปน็ ไมป้ ระดับดอกหนาแน่นและขนาดใหญ่ (ภาพบน: ดอยตุง เชียงราย, ภาพล่าง: cultivated; - RP)
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ นำ้� ยางขาว ใบเรยี งตรงข้าม มตี อ่ มตามซอกใบ ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ กระจกุ ซอ้ นหรอื คลา้ ยชอ่ กระจะ สว่ นมากออกตามปลายกงิ่ ใบประดบั ขนาดเลก็ พดุ ตาน
มกั ตดิ ทน กลบี ดอกและกลบี เลย้ี งจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี กลบี เลย้ี งไมม่ ตี อ่ มทโ่ี คน
ดอกรปู ดอกเขม็ เรยี งซอ้ นทบั ดา้ นขวาในตาดอก เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ใตห้ รอื สงู กว่า Hibiscus mutabilis L.
กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก ไมแ่ นบตดิ กบั สว่ นบนของเกสรเพศเมยี กา้ นชอู บั เรณสู นั้ วงศ์ Malvaceae
โคนอบั เรณูเวา้ รปู หวั ใจ จานฐานดอกจกั 2 พู ตดิ ระหวา่ งคารเ์ พล มี 2 คาร์เพล
แยกกนั ปลายตดิ กนั เรยี วยาวเปน็ กา้ นเกสรเพศเมยี แตล่ ะคารเ์ พลมอี อวลุ 2 เมด็ ไมพ้ มุ่ สงู 2-5 ม. มขี นรปู ดาวสน้ั ๆ และขนคลา้ ยขนแกะหนาแนน่ ตามกง่ิ ออ่ น
ก้านเกสรเพศเมยี รูปเส้นดา้ ย ปลายแผ่เป็นวง ผลผนังช้นั ในแขง็ ออกเป็นคหู่ รอื กา้ นใบ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นดอก รวิ้ ประดบั และกลบี เลยี้ ง หใู บรปู ใบหอก ยาว
ออกเด่ยี ว ๆ 5-8 มม. ร่วงเร็ว ใบรูปไข่กว้างเกือบกลมหรือคลา้ ยรปู หวั ใจ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
10-15 ซม. จกั 5-7 พู ขอบจักมน เสน้ ใบรปู ฝ่ามือ 5-11 เสน้ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ
สกุล Kopsia มี 23 ชนดิ พบทพี่ ม่า จีนตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจีนและมาเลเซยี 20 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ หนาแนน่ ช่วงใกลป้ ลายกิ่งคล้ายเปน็ ชอ่
ออสเตรเลยี ในไทยมี 4 ชนดิ สว่ น K. macrophylla Hook. f. ที่เคยมรี ายงานว่า ก้านดอกยาว 5-8 ซม. มขี อ้ ใกล้ปลายก้าน ร้ิวประดบั รูปเสน้ ดา้ ย ส่วนมากมี 8 อัน
พบในไทย พบเฉพาะทค่ี าบสมุทรมลายูตอนล่าง ชื่อสกุลตง้ั ตามนักพฤกษศาสตร์ ยาว 1-1.6 ซม. โคนเชอื่ มตดิ กัน กลบี เล้ียงรูปไข่ ยาว 2.5-3 ซม. ดอกสีขาว ชมพู
และนกั ปฐพวี ทิ ยาชาวดัตช์ Jan Kops (1765-1849)

พุดชมพู

Kopsia fruticosa (Roxb.) A. DC.

ชอื่ พอ้ ง Cerbera fruticosa Roxb.

ไมพ้ ่มุ หรือไมต้ ้น แตกก่ิงหนาแนน่ สงู ได้ถงึ 6 ม. มขี นละเอยี ดตามกิ่งอ่อน
และชอ่ ดอก ใบรูปรหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 5-22 ซม. ปลายเแหลมยาว โคนมน
หรือรปู ลม่ิ ก้านใบยาว 0.5-1.2 ซม. ช่อดอกยาว 5-10 ซม. กา้ นดอกยาว 2-5 มม.
กลบี เลย้ี งรปู ไขป่ ลายมน ยาว 1.5-2.5 มม. ขอบมขี นอยุ ดอกสขี าวอมชมพู ปาก
หลอดกลบี มสี เี ขม้ หลอดกลบี ยาว 2.5-3.5 ซม. ดา้ นในมขี น กลบี ดอกรปู รี ปลายกลบี
กลม ยาว 1-3.3 ซม. เกสรเพศผู้ติดเหนือกึ่งกลางหลอดกลีบดอก อับเรณูยาว
2-2.5 มม. รงั ไข่มขี นหนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 2-3.2 ซม. รวมยอดเกสร
ผลรูปเคยี วแกมรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1.7 ซม. มเี ดอื ยหนาคล้ายตะขอ

มถี น่ิ กำ� เนดิ ทางตอนใตข้ องพมา่ ในไทยพบเฉพาะเปน็ ไมป้ ระดบั ในชอ่ื อนุ ากรรณ
มกั สบั สนกบั พดุ ชมพอู กี ชนดิ K. rosea D. J. Middleton ทก่ี ง่ิ ชอ่ ดอก และรงั ไขเ่ กลยี้ ง

พดุ ดง

Kopsia arborea Blume
ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 15 ม. ใบรปู รี รปู ขอบขนาน หรือรปู ใบหอก ยาวได้ถงึ

30 ซม. ปลายเแหลมยาวหรอื ยาวคล้ายหาง โคนรปู ลิ่มหรือแหลม เส้นแขนงใบ
เรยี งจรดกนั กา้ นใบยาว 0.3-1 ซม. ชอ่ ดอกยาว 4-15 ซม. เกลยี้ งหรอื มขี นละเอยี ด
กา้ นดอกยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลยี้ งรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ปลายแหลม
ยาว 2-6 มม. ดอกสขี าว ปากหลอดกลีบสีชมพู หลอดกลบี ยาว 2-3.5 ซม. ด้านในมี
ขนประปรายรอบ ๆ เกสรเพศผู้ กลีบดอกรปู รี รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก ยาว
0.7-2 ซม. เกสรเพศผูต้ ิดเหนอื ก่งึ กลางหลอดกลบี ดอก อับเรณยู าว 1.2-1.7 มม.
คารเ์ พลมีขนด้านบน กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 2-2.5 ซม. รวมยอดเกสร ผลออกเปน็ คู่
แตม่ กั เจริญเพียงผลเดียว รูปรี เบ้ียว ยาว 1.5-4 ซม. สกุ สดี ำ� อมน้ำ� เงิน

306

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พุดทุง่

เปลยี่ นเปน็ สแี ดงกอ่ นรว่ ง มี 5 กลบี หรอื กลบี ซอ้ น กลบี กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง พดุ ใต้
4-5 ซม. ดา้ นนอกมขี น โคนมีขนแผง เสา้ เกสรยาว 2.5-3 ซม. กา้ นเกสรเพศเมีย
มีขนยาว ผลแบน เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม. มขี นหยาบ แตกเปน็ 5 ซีก Tabernaemontana macrocarpa Jack
เมลด็ รปู คลา้ ยไต มขี นยาว (ดขู ้อมูลเพม่ิ เตมิ ท่ี ชบา, สกลุ ) วงศ์ Apocynaceae

มถี นิ่ กำ� เนิดในจนี และไตห้ วัน เป็นไมป้ ระดับโดยเฉพาะต้นทีม่ ีกลบี ซ้อน หรือ ไม้ต้น สงู ได้ถึง 15 ม. ใบรูปรหี รอื รูปไข่ ยาว 7-40 ซม. ปลายกลมหรือแหลมสน้ั ๆ
forma plenus S. Y. Hu และอกี หลายสายพนั ธใ์ุ นสกลุ Hibiscus ทเี่ ปน็ ไมป้ ระดบั แผ่นใบค่อนข้างหนา ด้านล่างมนี วล กา้ นใบยาว 1-4 ซม. ชอ่ ดอกยาว 7-20 ซม.
เชน่ พุดตานออสเตรเลีย H. moscheutos ‘Luna Blush’ และ H. moscheutos ดอกบานตอนกลางคืน กลบี เล้ยี งรปู ไข่ ปลายกลม ยาว 3-6 มม. ขอบมีขนอยุ
‘Luna Red’ เป็นต้น หลอดกลบี ดอกยาว 1-2 ซม. ไมบ่ ิดเปน็ เกลยี ว ดา้ นในมีขนประปรายโดยเฉพาะรอบ ๆ
เกสรเพศผู้ กลบี ดอกยาว 1.5-3 ซม. เกสรเพศผ้ตู ิดใตก้ ึ่งกลางหลอดกลีบดอก
เอกสารอ้างอิง อบั เรณยู าวประมาณ 2.5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี รปู เส้นด้าย ยาว 2-4.5 มม. รวม
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol. ยอดเกสร ผลรปู กลมหรอื รี เบย้ี ว ยาว 8-16 ซม. กา้ นมขี อ้ เมลด็ จำ� นวนมาก
12: 291. รปู รี เบย้ี ว ยาว 1.2-1.6 ซม. มีสนั ตามยาว (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เติมท่ี พุดฝร่งั , สกลุ )

พุดตาน: ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ ออกหนาแนน่ ท่ีปลายก่งิ ตน้ ทเ่ี ป็นไม้ประดบั สว่ นมากมีดอกซอ้ น ดอกสขี าว พบทค่ี าบสมทุ รมลายู ชวา สมุ าตรา บอรเ์ นยี ว ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และภาคใตข้ องไทย
เปล่ียนเป็นสีชมพู (ภาพ: cultivated - RP) ทร่ี ะนอง สรุ าษฎรธ์ านี ยะลา ขน้ึ ใตร้ ม่ เงาตามสนั เขาในปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ
600 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 32.

พุดตานออสเตรเลยี : H. moscheutos “Luna Red” (ภาพซ้าย: cultivated - RP) และ H. moscheutos พุดใต:้ แผ่นใบคอ่ นข้างหนา มีนวลด้านลา่ ง ผลออกเปน็ คู่ เบ้ยี ว มสี นั ตามยาว ก้านผลมขี อ้ (ภาพ: เบตง ยะลา - RP)
“Luna Blush” (ภาพขวา: cultivated - RP)
พดุ ทงุ่ , สกุล
พดุ ตานญีป่ นุ่
Holarrhena R. Br.
Dombeya burgessiae Gerrard ex Harv. วงศ์ Apocynaceae
วงศ์ Malvaceae
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สว่ นต่าง ๆ มนี ำ้� ยางสขี าว ใบเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
ไมพ้ มุ่ สูงไดถ้ งึ 4 ม. มีขนยาว ขนกระจกุ และขนต่อมท่ัวไป หูใบรูปใบหอก ออกตามปลายกง่ิ หรอื ซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ขนาดไมเ่ ทา่ กนั กลบี ดอก
ยาว 1-1.5 ซม. รว่ งเรว็ ใบรปู ไขก่ วา้ ง รูปหัวใจ หรอื จกั 3-5 พู ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. 5 กลีบ เรียงซ้อนทับด้านขวาในตาดอก ดอกบานรูปดอกเข็ม เกสรเพศผู้ 5 อนั
ปลายแหลมยาว เส้นใบรปู ฝ่ามอื 5-9 เส้น กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ช่อดอกแบบ ตดิ ใกลโ้ คนหลอดกลบี ดอก ไมแ่ นบตดิ เกสรเพศเมยี กา้ นชอู บั เรณสู น้ั ไมม่ จี านฐานดอก
ชอ่ กระจกุ แยกแขนงคล้ายช่อเชงิ หล่นั ก้านช่อยาวเท่า ๆ กา้ นใบ กา้ นดอกยาวได้ รังไขม่ ี 2 คารเ์ พล แยกกนั เกล้ยี งหรอื มขี นประปราย ปลายเชอื่ มติดกนั เปน็
ถงึ 3 ซม. ใบประดบั ยาวประมาณ 1 ซม. ร่วงเร็ว กลบี เล้ยี ง 5 กลบี รปู ใบหอก ก้านเกสรเพศเมยี ออวุลจำ� นวนมาก ผลแตกแนวเดียวออกเป็นคู่ มชี อ่ งอากาศ
ยาว 1-2 ซม. กลีบดอกสีขาวหรือชมพู มี 5 กลบี รูปไขก่ ลบั เบ้ยี ว ยาว 1.5-2.5 ซม. กระจาย เมล็ดรูปแถบ ปลายมขี นกระจกุ
เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมากเชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั รปู แถบ รงั ไขม่ ขี นยาว
กา้ นเกสรเพศเมียเรยี วยาว ยอดเกสรแยกเปน็ 5 แฉก ผลแหง้ แตก รปู ไข่ แบน ๆ สกลุ Holarrhena มี 4 ชนดิ พบในแอฟริกาและเอเชยี ในไทยมี 2 ชนิด อกี
เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1-1.5 ซม. มขี นยาว เมลด็ ผิวเป็นรา่ งแห ชนดิ คือ โมกใหญ่ H. pubescens Wall. ex G. Don ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก
“holos” ทัง้ หมด และ “arrhen” เพศชาย หมายถึงเกสรเพศผูอ้ ยู่ภายในหลอด
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ า เปน็ ชนดิ ทม่ี คี วามผนั แปรสงู และมลี กู ผสมหลากหลาย กลีบดอกทง้ั หมด
สายพนั ธ์ทุ ีเ่ ป็นไมป้ ระดบั
พดุ ทงุ่
สกุล Dombeya Cav. เคยอยู่ภายใตว้ งศ์ Sterculiaceae ปัจจุบนั อยภู่ ายใต้วงศย์ อ่ ย
Dombeyoideae มี 225 ชนิด ส่วนใหญพ่ บในแอฟรกิ าและมาดากัสการ์ ชือ่ สกลุ Holarrhena curtisii King & Gamble
ตง้ั ตามนักพฤกษศาสตรช์ าวฝรั่งเศส Joseph Dombey (1742-1794) ไม้พุ่ม สูงได้ถงึ 2.5 ม. มีขนสนั้ นมุ่ ตามกิง่ อ่อน แผ่นใบ และกลีบเลย้ี ง ใบรูปรี
เอกสารอา้ งอิง
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum หรอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 4.2-11.5 ซม. ปลายมน กลม มตี งิ่ แหลมหรอื เวา้ โคนมนหรอื
เรยี วสอบ ใบคแู่ รกมกั จะมขี นาดเลก็ ปลายเวา้ ตนื้ กา้ นใบยาว 1-4 มม. ชอ่ ดอกออก
Press, Honolulu, Hawai`i. ท่ปี ลายกงิ่ ยาว 2.5-5.5 ซม. ก้านชอ่ ยาว 0.5-1 ซม. ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม.
กลบี เลย้ี งรปู แถบ โคนกลบี มตี อ่ มหรอื ไมม่ ี ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกยาว 0.8-2 ซม.
พดุ ตานญ่ปี ุ่น: มีขนยาวและขนตอ่ มทัว่ ไป ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงคลา้ ยชอ่ เชิงหล่นั มหี ลายสายพันธ์ุ กลีบรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไขก่ ลบั ยาว 1-2.3 ซม. กา้ นชอู ับเรณูส้นั กวา่
ดอกมีหลากสี (ภาพ: cultivated - RP) อับเรณู โคนมขี นส้นั นุ่ม อับเรณยู าว 1.2-2 มม. ผลตง้ั ขึน้ ยาวได้ถึงประมาณ 25 ซม.
ก้านผลยาว 2.5-4 ซม. เมล็ดมขี นสนั้ น่มุ

307

พุดป่า สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พบท่เี วยี ดนาม ลาว กมั พชู า และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ขึ้นตาม
ชายป่าดิบชนื้ ป่าดบิ แล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ปา่ โกงกาง หรอื ท่โี ล่งใกล้แหล่งนำ�้
ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร หรอื พบเปน็ ไมป้ ระดบั เปลอื กและรากมสี รรพคณุ
รักษาโรคบิดและทอ้ งรว่ ง

เอกสารอา้ งอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand 7(1): 72-75.

พุดป่า: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ มักแยกแขนง ปากหลอดกลีบดอกมสี ีเหลือง กลางผลเปน็ สันหนามีจะงอย
(ภาพ: กระบ่ี; ภาพซา้ ยบน - RP, ภาพซา้ ยลา่ งและภาพขวา - PK)

พุดทุง่ : ถนิ่ ทอ่ี ยู่ตามทโี่ ลง่ ใกลแ้ หล่งน้ำ� ใบเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกออกท่ีปลายกง่ิ ผลแตกแนวเดยี วออกเป็นคู่ ต้งั ขึน้ พุดปากเปด็ : ใบรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ปลายแหลมยาว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ดอกเรียงแนน่ ผลออกเป็นคู่
(ภาพถ่ินทีอ่ ยู่: บุรรี ัมย์ - RP; ภาพดอกและผล: มุกดาหาร - PK) โค้ง ปลายมีจะงอย (ภาพ: ภูวัว บงึ กาฬ; ภาพตน้ - MP, ภาพดอกและผล - RP)

พุดป่า พดุ ฝรัง่ , สกุล

Kopsia pauciflora Hook. f. Tabernaemontana L.
วงศ์ Apocynaceae วงศ์ Apocynaceae

ไมพ้ ุ่มสูงหรือไมต้ ้น สูงได้ถึง 10 ม. ใบรปู รี รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว ไมพ้ ่มุ หรือไมต้ น้ ใบเรยี งตรงขา้ ม บางครัง้ ขนาดไม่เท่ากนั มแี ผน่ คล้ายหใู บ
5-25 ซม. ปลายแหลมหรอื ยาวคล้ายหาง โคนกลมหรอื รปู ล่ิม แผ่นใบบางคร้งั มี ตามซอกใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ บางครงั้ มดี อกเดยี ว กลีบเลย้ี ง 5 กลีบ โคนด้านใน
ขนละเอยี ดดา้ นล่าง กา้ นใบยาวได้ถึง 1 ซม. ชอ่ ดอกยาว 3.5-14 ซม. สว่ นมาก มแี ผน่ เกลด็ กลบี ดอก 5 กลบี เรยี งซอ้ นทบั ดา้ นซา้ ยในตาดอก ดอกบานรปู ดอกเขม็
แยกแขนง เกลย้ี งหรอื มขี นละเอยี ด กา้ นดอกยาว 1-3 มม. กลบี เลย้ี งรปู ไข่ ปลายกลม เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ภายในหลอดกลีบ ก้านชูอบั เรณูสนั้ โคนอบั เรณูเว้ารปู หวั ใจ
ยาวประมาณ 3 มม. ขอบมขี นอุย ดอกสีขาวหรืออมชมพู มสี เี หลืองครมี ท่ปี าก ไม่แนบตดิ เกสรเพศเมีย ไมม่ ีจานฐานดอก คารเ์ พล 2 อนั แยกกัน ปลายเชอ่ื มติดกัน
หลอดกลบี ดอก หลอดกลบี ยาว 2.5-4.5 ซม. มขี นบรเิ วณรอบเกสรเพศผู้ กลบี รปู รี เปน็ กา้ นเกสรเพศเมยี ผลแตกแนวเดยี วออกเปน็ คู่ เมลด็ มเี ย่ือหุ้ม
ถงึ รปู ใบหอก ยาว 1.1-3.3 ซม. เกสรเพศผู้ตดิ เหนอื กง่ึ กลางดอก อบั เรณูยาว 2-3 มม.
จานฐานดอกยาว 1-2 มม. รังไขม่ ขี นหรอื เกล้ียง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 3-4 มม. สกลุ Tabernaemontana มปี ระมาณ 100 ชนิด พบในเขตรอ้ น ในไทยมี 9 ชนดิ
รวมยอดเกสรเพศเมยี ผลรปู ขอบขนาน ยาว 1.4-1.7 ซม. กลางผลเป็นสันหนา หลายชนิดนยิ มปลูกเป็นไมป้ ระดับ และมีหลายชนิดที่น�ำ เขา้ มาปลกู เป็นประดับ
มีจะงอย ยาว 3-5 มม. (ดูข้อมลู เพม่ิ เตมิ ท่ี พุดชมพู, สกุล) มีหลากพนั ธุ์ เช่น พุดเศรษฐี T. pachysiphon Stapf มถี ิน่ กำ�เนิดในแอฟริกา
พุดดาราราย T. cerifera Pancher & Sebert มถี ิ่นกำ�เนดิ ในหมูเ่ กาะนวิ แคลิโดเนีย
พบทีค่ าบสมุทรมลายู บอรเ์ นียว สมุ าตรา ชวา และภาคใต้ของไทย ข้ึนตาม ทางตอนใตข้ องแปซิฟกิ และพดุ นวลจนั ทร์ Tabernaemontana ‘White Moon’
ปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ เปน็ ไมป้ ระดบั แยกเปน็ var. mitrephora (Sleesen) ช่อื สกุลตัง้ ตามนักพฤกษศาสตรแ์ ละสมุนไพรชาวเยอรมัน Jacobus Theodorus
D. J. Middleton หลอดกลีบดอกส้ันกวา่ พบเฉพาะท่ีบอรเ์ นียว (1525-1590) ซ่งึ ถกู เรียกขานวา่ Tabernaemontanus เนือ่ งจากเกดิ บนภเู ขา

พดุ ปากเป็ด พุดฝรัง่

Kopsia angustipetala Kerr Tabernaemontana pandacaqui Lam.
ไม้พุม่ สูง 2-5 ม. ใบรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 3-15 ซม. ปลายแหลมยาว ไม้พุม่ หรอื ไม้ต้น อาจสูงไดถ้ งึ 10 ม. กง่ิ มชี ่องอากาศและขนสน้ั นมุ่ ประปราย

หรอื เป็นต่ิงแหลม เส้นแขนงใบจ�ำนวนมาก กา้ นใบยาว 1-7 มม. ช่อดอกยาว ใบรูปรีหรือรูปไข่ ยาว 3-14 ซม. ปลายเแหลมยาวหรือยาวคลา้ ยหาง ก้านใบยาว
2.5-12 ซม. ดอกเรียงแนน่ กา้ นดอกยาว 1-2 มม. กลีบเลีย้ งรูปขอบขนานหรือ 0.3-2 ซม. ชอ่ ดอกยาว 4-10 ซม. ดอกมีกลิ่นหอมออ่ น ๆ หรอื ไมม่ กี ลนิ่ หอม ตาดอก
รปู ใบหอก ปลายแหลม ยาว 3-5 มม. ดา้ นนอกมขี นสนั้ นมุ่ ดอกสขี าว ปากหลอด ปลายมนหรอื กลม กลบี เล้ียงรูปไข่ ปลายมนหรือแหลม ยาว 1.5-3 มม. ขอบมี
กลบี ดอกมีขน หลอดกลบี ยาว 1.3-2.5 ซม. กลบี รปู ใบหอก ยาว 0.7-1.5 ซม. ขนอยุ หรือไมม่ ี หลอดกลีบดอกยาว 1-2.3 ซม. มกั บิดเวียน ดา้ นในเกล้ยี ง กลีบยาว
เกสรเพศผู้ตดิ ประมาณกึง่ กลางหลอด อับเรณูรูปไข่ ยาว 1-2 มม. จานฐานดอก 1-1.7 ซม. เกสรเพศผู้ตดิ เหนือก่งึ กลางหลอดกลีบดอก อบั เรณูยาวได้ถงึ 3 มม.
ยาวประมาณ 1 มม. รงั ไขม่ ขี นชว่ งปลาย กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1-1.3 ซม. รวมยอดเกสร กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1-1.6 มม. รวมยอดเกสร ผลรปู รี เบยี้ ว มสี นั ตามยาว ยาว
ผลออกเปน็ คู่ มขี นละเอยี ด โคง้ คลา้ ยรปู เคยี ว ยาว 1.2-2 ซม. ปลายมจี ะงอย (ดขู อ้ มลู 2-7 ซม. เมล็ดจ�ำนวนมาก รูปรี ยาว 0.5-1 ซม.
เพมิ่ เตมิ ที่ พดุ ชมพ,ู สกลุ )

พบทล่ี าว และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนของไทยทภี่ วู วั จงั หวดั บงึ กาฬ
และน้�ำตกตาดขาม จังหวัดนครพนม ข้ึนกระจายห่างๆ ริมล�ำธารในป่าดิบแล้ง
ความสูง 100-300 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 60-64.
________. (2004). A revision of Kopsia (Apocynaceae: Rauvolfioideae). Harvard
Papers in Botany 9(1): 89-142.

308

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พุดแวนด้าเหลือง

พบท่จี นี ตอนใต้ ไตห้ วนั ภูมิภาคมาเลเซยี ฟลิ ิปปินส์ นวิ กนิ ี ออสเตรเลีย และ พุดพิมพใ์ จ
หมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยพบแทบทุกภาค โดยเฉพาะตามเขาหินปูนทางภาคใต้
ความสงู ถงึ ประมาณ 850 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไป Gardeniopsis longifolia Miq.
วงศ์ Rubiaceae
เอกสารอา้ งอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 27-36. ไม้พ่มุ บางครง้ั แตกกอ สูงไดถ้ งึ 3 ม. หูใบรปู ใบหอก ยาว 0.5-3 ซม. ปลาย
แหลมยาว มีรอยรอบข้อชัดเจน ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ไข่กลบั หรือรูปใบหอกกลบั
พดุ ฝรงั่ : ช่อดอกแบบชอ่ กระจุก ตาดอกปลายมนหรอื กลม ผลรูปรี เบ้ยี ว มสี ันตามยาว (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - PK) ยาว 15-30 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื
เป็นคู่ตามซอกใบหรือตามข้อใตใ้ บ ไรก้ ้าน กลบี เลยี้ ง 5 กลีบ ยาวประมาณ 2 มม.
ขยายในผล ดอกรปู ดอกเขม็ สชี มพู บดิ เวยี นดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ดอก
ยาว 0.5-1 ซม. มี 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 1-2 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดทีโ่ คนหลอด
กลบี ดอก สน้ั กวา่ หลอดกลบี ดอก อบั เรณรู ปู แถบเรยี งคลา้ ยรปู กรวย รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง
กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ กวา่ หลอดกลบี ดอก ยอดเกสรรปู กระสวย ผลสด แหง้ ไมแ่ ตก
รปู กรวยหรือรี ยาว 1-1.5 ซม. มี 10 สัน มี 2 เมลด็

พบที่คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นยี ว และภาคใตข้ องไทยที่สรุ าษฎรธ์ านี
พังงา ปตั ตานี ยะลา ข้ึนตามปา่ ดบิ ชื้น ความสูง 200-500 เมตร

สกลุ Gardeniopsis Miq. อยภู่ ายใต้วงศย์ อ่ ย Cinchonoideae มชี นิดเดยี ว ชือ่ สกุล
หมายถงึ พชื ท่ีคล้ายกบั สกุล Gardenia แตม่ ลี กั ษณะคล้ายกันนอ้ ยมาก

เอกสารอ้างอิง
Craib, W.G. (1932). Rubiaceae. Florae Siamensis Enumeratio Vol. 2(1): 174.
Wong, T. (1898). Rubiaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 350.

พดุ เศรษฐี: T. pachysiphon (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); พุดดาราราย: T. cerifera (ภาพขวา: cultivated - RP) พุดพมิ พ์ใจ: หใู บรปู ใบหอก ปลายแหลมยาว เหน็ รอยหูใบรอบขอ้ ชัดเจน ดอกไร้กา้ น ผลรูปกรวย (ภาพ: ยะลา - RP)

พุดพชิ ญา พุดแวนดา้ เหลอื ง

Wrightia antidysenterica (L.) R. Br. Brunfelsia americana L.
วงศ์ Apocynaceae วงศ์ Solanaceae

ชอื่ พอ้ ง Nerium antidysentericum L., Walidda antidysenterica (L.) Pichon) ไมพ้ มุ่ สงู ได้ถึง 3 ม. ใบเรียงเวยี น รปู รี รปู ไข่ หรอื รูปไขก่ ลบั ยาว 4-10 ซม.
ปลายแหลมหรือมน โคนเรียวสอบ ก้านใบยาว 5-6 มม. ดอกสคี รีมอมเหลอื ง มี
ไมพ้ ่มุ สูงไดถ้ ึง 5 ม. ใบรปู รี ยาว 2-5 ซม. ก้านใบยาวประมาณ 2 มม. ช่อดอก กล่ินหอม ออกเดี่ยว ๆ ที่ปลายกง่ิ ก้านดอกยาวไดถ้ ึง 1 ซม. กลีบเลย้ี งรปู ระฆัง
ยาว 1.5-2 ซม. มี 3-6 ดอก กลบี เลยี้ งรปู สามเหลยี่ ม ปลายมน ยาวประมาณ 2 มม. ยาวประมาณ 6 มม. ปลายแยกเป็นแฉกรปู สามเหล่ยี มแคบ ติดทน ดอกรูปดอกเขม็
ดอกรปู ดอกเขม็ หลอดกลบี ยาวประมาณ 2 ซม. กลบี รปู รี ยาว 1.5-1.8 ซม. ปลายแหลม หลอดกลบี ดอกยาวกวา่ 5 ซม. กลบี รปู รีกวา้ ง เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 2.5-5 ซม.
มีขนละเอียด กะบงั เรยี ง 3 ชั้น มขี นละเอยี ด กะบังหนา้ กลบี ดอกยาว 6-8 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั ขนาดไม่เท่ากัน ไม่ยืน่ พ้นปากหลอดกลีบ รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง ผลแห้งแตก
โคนเชอ่ื มตดิ กลบี ดอก ปลายแยก 2-3 แฉก กะบงั ระหว่างกลบี ดอกโคนเชอ่ื มตดิ กนั รปู กลม ๆ เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.2-2 ซม. สุกสีส้ม เมลด็ จำ� นวนมาก เปน็ เหล่ยี ม
ปลายแยกเปน็ แฉก ๆ กะบงั หนา้ กะบงั ระหวา่ งกลบี ดอกออกเดย่ี ว ๆ ยาวประมาณ
2 มม. อับเรณยู าว 6-8 มม. มขี นยาวด้านใน คารเ์ พลเกลี้ยง กา้ นเกสรเพศเมีย มถี ่นิ ก�ำเนิดในเวสต์อินดีส เป็นไม้ประดบั ส่วนต่าง ๆ มีพษิ
ยาวประมาณ 2.3 ซม. รวมยอดเกสร (ดขู อ้ มูลเพ่ิมเตมิ ที่ โมก, สกุล)
สกุล Brunfelsia L. มีประมาณ 40 ชนดิ พบในอเมรกิ าเขตร้อน ในไทยมีหลายชนิด
มถี ่นิ กำ� เนดิ ในศรลี งั กา เป็นไมป้ ระดับท่ัวไปในเขตร้อน ดอกออกตลอดปี นำ� เช่น พุดแวนด้ามว่ ง B. grandiflora D. Don พดุ สามสี B. pauciflora (Cham. &
เขา้ มาในไทยครงั้ แรกโดยคุณปรานี คงพิชญานนท์ ปจั จบุ นั มีสายพันธแ์ุ คระ Schltdl.) Benth. และดอกสองสี B. brasiliensis (Spreng.) L. B. Sm. & Downs
เป็นต้น ชอ่ื สกุลต้ังตามนักพฤกษศาสตรช์ าวเยอรมนั Otto Brunfels (1488-1534)
เอกสารอ้างอิง
Huber, H. (1983). Apocynaceae (Walidda antidysenterica). In A revision handbook เอกสารอา้ งองิ
to the Flora of Ceylon Vol. 4: 61-62. Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

พุดพชิ ญา: กะบังเรยี ง 3 ชน้ั กะบังหนา้ กลีบดอกและกะบงั ระหว่างกลีบดอกปลายแยกเป็นแฉก ๆ (ภาพซา้ ย) พดุ แวนดา้ เหลอื ง: ดอกสคี รีมอมเหลือง หลอดกลบี ดอกยาว (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); พุดสามส:ี B. pauciflora
ตน้ ทเี่ ปน็ ไม้แคระ ใบและดอกขนาดเล็ก (ภาพขวา) (ภาพ: cultivated - RP) (ภาพขวา: cultivated - RP)

309

พดุ หอม สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พุดหอม พทุ ธรกั ษา: ชอ่ ดอกออกทย่ี อด ชอ่ ย่อยแบบช่อวงแถวเดยี่ ว มี 1-2 ดอก ดอกสมมาตรดา้ นข้าง ดอกมีหลากสีใน
พนั ธผุ์ สม ผลแห้งแตก มปี ุม่ หนาแน่น (ภาพ: cultivated - RP)
Rothmannia thailandica Tirveng.
วงศ์ Rubiaceae พจู่ อมพล

ไมพ้ ุ่ม หใู บรูปสามเหล่ียมขนาดเลก็ ใบรูปใบหอกกลบั ยาว 9-12 ซม. ปลาย Calliandra haematocephala Hassk.
แหลมยาว โคนรูปลิ่ม ก้านใบสั้นมากหรือยาวได้ถึง 1 ซม. ด้านบนเป็นร่อง วงศ์ Fabaceae
ดอกออกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ กระจกุ 2-3 ดอก ตามซอกใบ เกอื บไรก้ า้ นดอก ใบประดบั
รูปสามเหล่ยี มกว้าง ฐานดอกยาวได้ถงึ 5.5 มม. หลอดกลบี เลี้ยงยาวประมาณ ไม้พมุ่ สงู ไดถ้ งึ 5 ม. หใู บรปู ใบหอก ยาว 0.5-1 ซม. ใบประกอบ 2 ชั้น เรยี งเวียน
2.5 มม. ปลายแยกเป็นแฉกรปู สามเหลี่ยมแคบ มขี นคล้ายไหม ดอกรูปดอกเขม็ มีใบประกอบย่อยคเู่ ดียวหรือ 2 คู่ ยาวประมาณ 10 ซม. ใบยอ่ ยมี 5-10 คู่ รปู รี
หลอดกลบี ดอกยาว 1.7-2 ซม. กลบี รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายแหลม หรือขอบขนาน ยาว 1.5-3 ซม. กา้ นใบส้ันมากหรือไร้กา้ น คู่ปลายมีขนาดใหญ่
ปากหลอดกลบี ดา้ นในมจี ดุ สมี ว่ งกระจาย เกสรเพศผยู้ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี อบั เรณู กว่าใบอ่ืน ๆ ช่วงปลายโคง้ เลก็ นอ้ ยด้านเดียว แผน่ ใบมขี นส้ันนมุ่ ตามเส้นแขนงใบ
รปู แถบ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2.5 ซม. รวมยอดเกสร ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แน่น ออกตามซอกใบ เส้นผา่ นศูนยก์ ลางยาวได้ถงึ
ผลรูปรี ยาวไดถ้ งึ 4 ซม. (ดขู ้อมลู เพิม่ เตมิ ท่ี หมักมอ่ , สกลุ ) 7 ซม. สีขาว แดง หรือชมพู ดอกขนาดเลก็ กลีบเลยี้ งรปู ถว้ ย ปลายจกั ตืน้ ๆ 5 แฉก
กลีบดอกเชอื่ มตดิ กันเป็นหลอด แฉกลกึ ประมาณกง่ึ หนงึ่ เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก
พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชอื่ มตดิ กนั ทโ่ี คนแบบกลมุ่ เดยี ว สขี าว รงั ไขม่ กี า้ นสนั้ ๆ กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย
ขนึ้ รมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้ ความสูงถึงประมาณ 400 เมตร ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเป็นตมุ่ ผลเปน็ ฝกั รปู แถบ แบน หนา โค้งเลก็ นอ้ ย
ยาวไดถ้ ึง 10 ซม. เมล็ดมีได้ถงึ 8 เมลด็ กลม ๆ แบน
เอกสารอา้ งอิง
Tirvengadum, D.D. (1983). New taxa and name changes in tropical Asiatic มีถน่ิ กำ� เนดิ ในโบลิเวีย เปน็ ไมป้ ระดบั ท่ัวไปในเขตร้อน
Rubiaceae. Nordic Journal of Botany 3: 466-469.
สกุล Calliandra Benth. อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Mimosoideae เผ่า Ingeae มี
พุดหอม: ใบเรียงตรงข้าม ดอกออกเป็นกระจุก กลีบดอกยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบดอก ปากหลอดกลบี ดา้ นในมีจดุ สมี ่วง ประมาณ 135 ชนดิ สว่ นมากมถี ่ินกำ�เนิดในอเมรกิ าเขตร้อน ในไทยพบเป็น
กระจาย อบั เรณูรูปแถบ (ภาพดอก: ภลู งั กา นครพนม - PT; ภาพผล: เขาใหญ่ ปราจนี บุรี - CP) ไมป้ ระดบั ประมาณ 4 ชนิด ลักษณะแตกต่างกันตามจำ�นวนใบย่อยและช่อดอก
ชนดิ C. houstoniana (Mill.) Standl. var. calothyrsus (Meissner) Barneby
พุทธรกั ษา หรอื พ่จู อมพลใบฝอย มีใบย่อยจ�ำ นวนมาก นำ�เขา้ มาปลูกเป็นไม้ในสวนป่าแบบ
วนเกษตรเพือ่ เปน็ ไม้ใชส้ อยและปรบั ปรุงดิน ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก “calli”
Canna indica L. สวย และ “andros” ผู้ชายหรือเกสรเพศผู้
วงศ์ Cannaceae เอกสารอา้ งอิง
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ไม้ล้มลุก สงู ได้ถึง 2.5 ม. เหง้าใตด้ ินแตกแขนง ใบเรยี งเวียน รปู ไขแ่ กมรปู
ขอบขนานหรือรูปใบหอก สีเขียวหรอื อมม่วง ยาว 30-60 ซม. กา้ นใบสั้น กาบใบ Press, Honolulu, Hawai`i.
สีเขียวหรือม่วง ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะออกทย่ี อด ช่อยอ่ ยแบบช่อวงแถวเดี่ยว
มี 1-2 ดอก ใบประดบั รปู ไขย่ าว 6-9 มม. ดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง กลบี นอก 3 กลบี พู่จอมพล: ใบประกอบ 2 ช้นั มีใบประกอบย่อยคู่เดยี ว ใบย่อยคู่ปลายขนาดใหญ่ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ สีแดง
รูปใบหอก ยาวประมาณ 1.5 ซม. ติดทน กลบี ใน 3 กลีบ เชื่อมตดิ กันเป็นหลอด หรอื ขาว เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก โคนเชอ่ื มติดกนั ผลเป็นฝกั แบน หนา (ภาพ: cultivated - PT)
สเี หลอื งอมสม้ แนบตดิ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั หลอดกลบี ยาวประมาณ
1.5 ซม. กลบี รปู ใบหอก ยาวประมาณ 4 ซม. สีแดงหรือเหลืองอมส้ม แผ่นเกสรเพศผู้ พู่จอมพลใบฝอย: ใบประกอบย่อยมหี ลายคู่ ใบย่อยจ�ำนวนมาก ช่อดอกแยกแขนง (ภาพ: cultivated - RP)
ทเ่ี ปน็ หมันมี 2-3 แผน่ สีแดง โคนสีเหลืองอมส้ม รปู ใบหอกกลับ ยาว 4-5.5 ซม.
มหี นงึ่ แผน่ ปลายเวา้ กลบี ปากสแี ดงหรอื มจี ดุ เหลอื ง รปู ใบหอก ยาวประมาณ 4.5 ซม.
ขอบมว้ นงอ ปลายเว้าตน้ื เกสรเพศผ้ทู ส่ี มบูรณ์ 1 อนั ก้านชอู ับเรณูรูปใบหอก
ยาวประมาณ 4 ซม. อับเรณมู ีช่องเดยี ว ยาวประมาณ 9 มม. รังไขใ่ ตว้ งกลีบ มี 3 ช่อง
มีปุม่ กระจาย พลาเซนตารอบแกนรว่ ม ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 6 ซม. โคนเชือ่ ม
ตดิ เกสรเพศผูท้ เ่ี ปน็ หมัน ผลแห้งแตกเปน็ 3 สว่ น รปู ไขก่ วา้ ง ยาว 1.2-2 ซม. มี
ปุม่ หนาแนน่ เมล็ดกลม มีหลายเมล็ด

มีถน่ิ ก�ำเนิดในอเมริกาเขตรอ้ น เปน็ ไม้ประดับทวั่ ไปในเขตรอ้ น เปน็ สัญลักษณ์
ของวันพ่อแห่งชาติของไทย เหง้ากินได้ บางคร้ังจึงเรียกว่าพุทธรักษากินหัว มี
สรรพคณุ ด้านสมุนไพรหลายอยา่ ง เมล็ดใช้ทำ� เครื่องประดบั

สกุล Canna L. เป็นพืชสกลุ เดยี วของวงศ์ มีประมาณ 10 ชนิด ส่วนมากพบ
ในอเมรกิ าเขตรอ้ น ในไทยมีชนดิ เดียว ทพ่ี บส่วนมากเป็นลกู ผสม Canna ×
generalis L. H. Bailey มีหลากสี หลายสายพันธ์ุ รวมทง้ั พนั ธแุ์ คระ ชอ่ื สกุลมา
จากภาษากรกี ”kanna” หมายถงึ พืชพวกท่มี ีล�ำ ต้นเปน็ ปล้อง
เอกสารอา้ งองิ
Larsen, K. (2008). Cannaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(2): 91-94.
Wu, D. and W.J. Kress. (2000). Cannaceae. In Flora of China Vol. 24: 378.

310

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย พสู ลักแดง

พู่มว่ งสยาม พูสลัก, สกุล

Argyreia siamensis (Craib) Staples Epiprinus Griff.
วงศ์ Convolvulaceae วงศ์ Euphorbiaceae

ชือ่ พ้อง Ipomoea siamensis Craib ไม้พ่มุ หรือไม้ต้น หูใบขนาดเลก็ โคนมตี ่อม ใบเรียงเวียน มตี อ่ มคทู่ โ่ี คนใบติด
กา้ นใบดา้ นลา่ ง ดอกมเี พศเดียว ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดแยกแขนง ดอกเพศผู้
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ มขี นหยาบตามลำ� ตน้ กา้ นใบ ใบประดบั กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก ไรก้ า้ น ออกเป็นกระจกุ อยู่ช่วงบน ดอกเพศเมียขนาดใหญก่ วา่ มกี า้ น ออกเดย่ี ว ๆ
ดา้ นนอก ใบรปู ไขก่ วา้ งเกอื บกลม หรอื รปู หวั ใจ ยาว 2.7-9.5 ซม. ปลายแหลมยาว อยูช่ ่วงลา่ ง ไมม่ ีกลีบดอกและจานฐานดอก กลบี เลย้ี งมี 2-6 กลบี ในดอกเพศผู้
โคนเวา้ ลกึ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมกั มสี มี ว่ ง กา้ นใบยาว 2-6.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ดอกเพศเมียมี 5-6 กลีบ ระหว่างกลบี เล้ียงมรี ้วิ ประดับขนาดเลก็ ปลายอบั เรณู
ออกตามซอกใบ สว่ นมากมี 1-3 ดอก กา้ นชอ่ ยาว 0.8-2 ซม. ใบประดบั รูปใบหอก มีรยางค์ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั มี 3 พู รงั ไขม่ ี 3 ช่อง แตล่ ะช่องมอี อวลุ เมด็ เดียว
ยาว 4-7 มม. กา้ นดอกยาว 1.4-2 ซม. กลีบเล้ยี ง 3 กลบี นอกยาวกว่าคู่ใน รปู ใบหอก กา้ นเกสรเพศเมยี เชอื่ มตดิ กนั ยอดเกสรมี 3 แฉก ปลายแยก 2 แฉก มปี มุ่ กระจาย
ยาว 1-1.4 ซม. ปลายยาวคล้ายหาง ตดิ ทน พับงอกลบั ดอกรปู แตร ยาว 5-6 ซม. ผลแห้งแตกเปน็ 3 ซกี จกั 2-3 พู มีขนกระจุกสน้ั น่มุ เมลด็ ไม่มเี ยอื่ หมุ้ มีลาย
หลอดกลบี ดอกสขี าว มขี นยาว กลบี สมี ว่ ง รปู กลม ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ
1.5 ซม. เกสรเพศผูไ้ มย่ นื่ พ้นปากหลอดกลีบดอก ยาว 1.7-1.9 ซม. ก้านเกสรเพศเมีย สกลุ Epiprinus อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Acalyphoideae มปี ระมาณ 6 ชนดิ พบใน
ยาวประมาณ 2 ซม. ผลรปู ไข่ ยาว 0.8-1 ซม. จักตนื้ ๆ 4 พู สกุ สีแดง (ดขู ้อมลู เอเชียเขตรอ้ น ในไทยมี 2 ชนิด ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรีก “epi” ดา้ นบน และ
เพม่ิ เตมิ ท่ี เครอื พุงหมู, สกลุ ) “prinos” สนี ้�ำ ตาลแดง ตามลกั ษณะของกลบี เลี้ยง

พืชถน่ิ เดยี วของไทย พบกระจายห่าง ๆ ทางภาคเหนือ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ พสู ลกั
ขึ้นตามปา่ เบญจพรรณ และป่าดิบแลง้ ความสูง 500-1100 เมตร
Epiprinus siletianus (Baill.) Croizat
เอกสารอา้ งอิง
Staples, G. and P. Traiperm. (2010). Convolvulaceae (Argyreia). In Flora of ชอื่ พ้อง Symphyllia siletiana Baill.
Thailand Vol. 10(3): 365.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 7 ม. มขี นรปู ดาวสน้ั นมุ่ ตามกงิ่ ชอ่ ดอก และกลบี เลย้ี ง
พู่ม่วงสยาม: ใบรปู หัวใจ ชอ่ ดอกมักมดี อกเดยี ว ดอกรูปแตร หลอดกลบี ดอกสขี าว มขี นยาว เกสรเพศผู้ไม่ย่ืนพน้ ด้านนอก ใบเรียงเวียนคล้ายเรียงรอบข้อที่ปลายก่ิง รูปรี รูปขอบขนาน หรือ
ปากหลอดกลบี ดอก (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบุรี - PK) แกมรปู ไข่กลับ ยาว 6-24 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเว้าตนื้ แคบ ๆ เสน้ แขนงใบ
ขา้ งละ 12-15 เส้น กา้ นใบยาว 3-5 มม. ช่อดอกออกทีป่ ลายก่ิง ยาว 5-10 ซม.
พรู่ ะหง ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว 1-3 มม. ดอกเพศผกู้ ลบี เลยี้ ง 4 กลบี รปู ไข่ ยาวประมาณ
1 มม. เกสรเพศผู้ 3-6 อนั ดอกเพศเมียก้านส้นั กลีบเล้ียงยาว 2-3 มม. รงั ไขม่ ขี น
Hibiscus schizopetalus (Dyer ex Mast.) Hook. f. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 3 มม. ผลรูปกลม ๆ เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 1-1.8 ซม.
วงศ์ Malvaceae
พบทอ่ี ินเดยี พม่า จีนตอนใต้ และภูมภิ าคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค
ชือ่ พอ้ ง Hibiscus rosa-sinensis L. var. schizopetalus Dyer ex Mast. ภาคใตถ้ งึ ชมุ พร ขน้ึ ตามรมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ
1000 เมตร
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 4 ม. หใู บรปู ลม่ิ แคบขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน
ยาว 2-7 ซม. ขอบจักซีฟ่ นั ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. มขี นรูปดาว ดอกออกเดย่ี ว ๆ พสู ลักแดง
ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ห้อยลง ก้านดอกยาว 8-15 ซม. มีข้อประมาณจุด
กง่ึ กลางก้าน ร้ิวประดับ 5-8 อนั รูปใบหอก ยาว 1-2 มม. ขอบมขี น หลอดกลบี เล้ยี ง Epiprinus malayanus Griff.
ยาว 1-1.5 ซม. มขี นประปราย แฉกลึกดา้ นเดยี ว กลบี ดอกยาว 4-6 ซม. แฉกลกึ ไมต้ ้น สงู ได้ถึง 10 ม. ใบรปู รีหรอื รูปขอบขนาน ยาว 20-34 ซม. ปลายแหลมยาว
คลา้ ยขนนก พบั งอกลบั เสา้ เกสรยาว 8-10 ซม. อบั เรณอู ยชู่ ว่ งปลาย ผลรปู ขอบขนาน
ยาว 3-4 ซม. เกล้ียง (ดขู อ้ มูลเพ่มิ เติมที่ ชบา, สกลุ ) โคนมนหรอื รปู หวั ใจ เสน้ แขนงใบขา้ งละ 5-7 เสน้ กา้ นใบยาว 8-16 ซม. ชอ่ ดอก
ออกทป่ี ลายกงิ่ หรอื ซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ ยาวไดถ้ งึ 23 ซม. ดอกเพศผกู้ ลบี เลยี้ งรปู รกี วา้ ง
มีถ่ินก�ำเนิดในแอฟริกาแถบประเทศเคนยาและแทนซาเนีย เป็นไม้ประดับ ยาว 2-3 มม. ด้านนอกมขี นกระจุกรูปดาวกระจาย เกสรเพศผู้ 5-15 อนั ดอกเพศเมยี
ท่ัวไปในเขตร้อน มีชนิดดอกซ้อน H. schizopetalus ‘Pagoda’ ซ่ึงอาจเป็น กลีบเลี้ยง 6 กลีบ สมี ว่ งแดง ขยายหมุ้ ผลยาวได้ถงึ 4 ซม. โคนมีตอ่ ม 2 ต่อม
ลูกผสมกบั H. rosa-sinensis L. ผลจกั 3 พู เสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. สแี ดง

เอกสารอ้างอิง พบที่พมา่ สมุ าตรา และหมเู่ กาะโมลกุ กะของอนิ โดนเี ซีย ในไทยสว่ นมากพบ
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol. ทางภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงใต้พบท่ีจันทบุรี ภาคตะวันตกเฉียงใต้พบที่
12: 289. กาญจนบุรี ขน้ึ รมิ ล�ำธารในปา่ ดิบช้ืน ความสูง 100-300 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Chayamarit, K. (2005). Euphorbiaceae (Epiprinus). In Flora of Thailand Vol.
8(1): 257-259.
Qiu, H. and M.G. Gilbert. (2008). Euphorbiaceae (Epiprinus). In Flora of China
Vol. 11: 249.

พู่ระหง: ดอกหอ้ ยลง กลีบดอกแฉกลึกคล้ายขนนก และชนดิ ดอกซ้อน (ภาพ: cultivated - RP) พสู ลัก: ช่อดอกออกท่ปี ลายก่งิ ใบเรยี งเปน็ วง ดอกเพศเมยี อยดู่ า้ นล่าง หใู บขนาดเล็ก มตี อ่ มที่โคน ผลรูปกลม ๆ
จักเปน็ พู กลีบเลย้ี งไมข่ ยายใหญ่ (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจีนบุรี - RP)

311

พ่อู มร สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พสู ลกั แดง: ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลดแยกแขนง ดอกเพศผูอ้ ย่ดู า้ นบน ดอกเพศเมยี ออกเดี่ยว ๆ อยูด่ ้านลา่ ง กา้ นใบยาว สกุล Vietnamosasa T. Q. Nguyen อย่ภู ายใต้วงศ์ยอ่ ย Bambusoideae แยกมา
กลบี เล้ียงสีมว่ งแดง ขยายในผล ผลมี 3 พู (ภาพ: เบตง ยะลา - RP) จากสกุล Arundinaria มี 3 ชนิด พบเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยมี 2 ชนิด อกี
ชนดิ คอื โจด V. ciliata (A. Camus) T. Q. Nguyen ขนาดใหญก่ วา่ เพก็ ยอดออ่ น
พอู่ มร มีสีมว่ ง ชอื่ สกลุ มาจากลักษณะทคี่ ลา้ ยไผ่สกลุ Sasa และประเทศเวยี ดนาม
เอกสารอ้างอิง
Combretum constrictum (Benth.) M. A. Lawson Clayton, W.D., M.S. Vorontsova, K.T. Harman and H. Williamson. (2006 on-
วงศ์ Combretaceae
wards). GrassBase-The Online World Grass Flora. http://www.kew.org/
ช่ือพ้อง Poivrea constricta Benth. data/grasses-db.html
Dransfield, S. (2000). Notes on “Pek” and “Chote”, members of the genus
ไม้พมุ่ รอเลือ้ ย ใบรปู รี รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่กลบั ยาว 5-13 ซม. โคนกลม Vietnamosasa (Poaceae-Bambusoideae) in Thailand. Thai Forest Bulletin
แผน่ ใบค่อนข้างหนา ขอบม้วนงอ กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ช่อดอกคล้ายชอ่ เชงิ ลด (Botany) 28: 163-176.
ยาว 3-8 ซม. ดอกสแี ดง ฐานดอกยาวประมาณ 5 มม. หลอดกลบี เลี้ยงยาวได้ถงึ
1.5 ซม. คอดชว่ งปลาย ปลายแยกเปน็ 5 กลบี รปู สามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 4 มม. เพ็ก: ไผข่ นาดเลก็ แตกก่ิงจำ� นวนมาก (ภาพ: ผาแตม้ อบุ ลราชธานี - PT)
กลีบดอก 5 กลบี รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 7 มม. มกี ้านกลบี มขี นยาว เกสรเพศผู้
10 อัน เรยี ง 2 วง ก้านชูอบั เรณยู าวได้ถงึ 2.5 ซม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวเท่า ๆ โจด: แตกกอหนาแนน่ ช่อดอกออกตามตน้ ท่ีไมม่ ใี บ (ภาพซา้ ย: ชยั ภูมิ, ภาพขวา: ผาแตม้ อบุ ลราชธาน;ี - MP)
ก้านชอู บั เรณู ผลแห้งไมแ่ ตกรปู รี มหี ้าเหล่ียม ยาวประมาณ 2.5 ซม. ไรก้ ้าน (ดู
ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี สะแกนา, สกลุ ) เพกา

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในแอฟรกิ า เปน็ ไมป้ ระดบั ในธรรมชาตพิ บตามทน่ี ำ�้ ทะเลทว่ มถงึ Oroxylum indicum (L.) Kurz
วงศ์ Bignoniaceae
เอกสารอ้างองิ
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum ชือ่ พอ้ ง Bignonia indica L.
Press, Honolulu, Hawai`i.
ไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 15 ม. ใบประกอบ 2-4 ช้ัน เรียงตรงข้าม ออกหนาแนน่ ที่ปลายกง่ิ
พูอ่ มร: ชอ่ ดอกคลา้ ยช่อเชงิ ลด หลอดกลบี เลย้ี งคอดปลาย เกสรเพศผู้ 10 อัน เรียง 2 วง ผลแห้งไม่แตกรูปรี ยาว 60-170 ซม. รวมกา้ น ใบยอ่ ยรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 5-13 ซม.
มีห้าเหลีย่ ม ไรก้ ้าน (ภาพ: cultivated - RP) ปลายแหลมยาว โคนเบ้ยี ว กา้ นใบยาวประมาณ 1 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ
ยาวไดถ้ งึ 1.5 ม. ดอกเรยี งแนน่ ทปี่ ลายชอ่ กา้ นดอกยาว 2-7 ซม. กลบี เลยี้ งรปู ระฆงั
เพ็ก ยาว 2-4 ซม. ขอบเกอื บเรียบ ติดทน ดอกรูปแตร หนา สีม่วงอมนำ้� ตาลแดง ด้านใน
สคี รมี โคนมปี น้ื สนี ำ�้ ตาลแดง หลอดกลบี ดอกชว่ งโคนยาวประมาณ 1.5 ซม. ชว่ งกวา้ ง
Vietnamosasa pusilla (A. Chev. & A. Camus) T. Q. Nguyen ยาว 6-9 ซม. กลบี บน 2 กลีบ กลบี ลา่ ง 3 กลีบ พับงอกลบั เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ
วงศ์ Poaceae ประมาณกง่ึ กลางหลอดกลบี ดอก จดุ ตดิ มขี น อบั เรณยู าวประมาณ 1 ซม. โคนกางออก
จานฐานดอกจกั 5 พู ก้านเกสรเพศเมยี ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ยอดเกสรจัก 2 พตู น้ื ๆ
ชือ่ พ้อง Arundinaria pusilla A. Chev. & A. Camus ยาวประมาณ 7 มม. ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน รปู แถบ แบน ยาว 40-120 ซม.
เปลือกหนา เมล็ดกลม มีปกี บาง ๆ ยาว 6-7 ซม.
ไผ่ขนาดเลก็ เหง้าแยกแขนง ล�ำตน้ สูง 50-150 ซม. เส้นผา่ นศูนยก์ ลางไม่เกิน
1 ซม. แตกกงิ่ จ�ำนวนมาก ไม่มีหนาม กาบรปู สามเหลยี่ ม ยาว 3-5 ซม. ขอบกาบใบ พบที่อนิ เดีย เนปาล ศรลี ังกา จนี ตอนใต้ พม่า ภมู ิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย
และล้ินกาบมขี น ใบรูปใบหอกหรอื รูปแถบ ยาว 8-14 ซม. แผ่นใบเหนยี ว ปลาย ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค ข้ึนตามชายป่า ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร
เรียวแหลม โคนคลา้ ยกา้ นใบเรยี วจรดกาบ เส้นแขนงใบ 6-8 เสน้ เรยี งขนานกนั หรอื พบปลกู ตามบา้ นเรอื น ดอกบานกลางคนื กลน่ิ แรง ยอดออ่ น ดอก และฝกั ออ่ น
มเี สน้ ตามขวางชดั เจน แผน่ ใบมขี นสน้ั นมุ่ ทง้ั สองดา้ น ขอบมขี นสาก ชอ่ ดอกแบบ กนิ ได้ มีสรรพคณุ ด้านสมนุ ไพรหลายอยา่ งโดยเฉพาะรากและเปลอื ก
ช่อแยกแขนง ออกเป็นกระจุกตามตน้ ทไี่ มม่ ีใบ รูปใบหอก โคนมกี าบ แกนชอ่ มี
ขนสน้ั นุ่ม ช่อดอกย่อยไม่หนาแน่น ออกเดยี่ ว ๆ รปู แถบ แบน ๆ ยาว 3-4 ซม. สกุล Oroxylum Vent. เป็นสกลุ ทมี่ เี พียงชนิดเดียว ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี
กาบชอ่ รปู ไข่ ยาว 0.7-1 ซม. ไมม่ ีสนั กาบ ตดิ ทน สั้นกว่าช่อดอก กาบชอ่ ล่างแตล่ ะชอ่ “oros” ภเู ขา และ “xylon” ไม้ หมายถงึ ตน้ ไมท้ ใ่ี บหนาแนน่ ทย่ี อดคล้ายภูเขา
มี 7-9 ดอกยอ่ ย กาบดอกรปู ไข่ ยาว 0.8-1.4 ซม. มเี สน้ กาบจำ� นวนมาก กลบี ดอก เอกสารอ้างอิง
3 กลีบ ขอบมีขนครุย เกสรเพศผู้ 6 อนั อับเรณูสมี ่วง ยาว 6-7 มม. กาบดอก Harminder, V.S. and A.K. Chaudhary. (2011). A review on the Taxonomy,
กาบลา่ ง มเี สน้ กาบ 7 เสน้ ผลแบบผลแห้ง ไมม่ รี ยางค์
Ethnobotany, Chemistry and Pharmacology of Oroxylum indicum Vent.
พบในภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยสว่ นมากพบทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออก Indian Journal of Pharmaceutical Science 73(5): 483–490. doi:
เฉียงเหนือ ข้ึนหนาแนน่ ตามทโ่ี ลง่ โดยเฉพาะในป่าเต็งรงั ทีเ่ ป็นดนิ ทราย ความสงู 10.4103/0250-474X.98981
ระดบั ต�่ำ ๆ Santisuk, T. (1987). Bignoniaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 36-37.
Zhang, Z.Y. and T. Santisuk. (1998). Bignoniaceae. In Flora of China Vol. 18: 215.

312

สารานุกรมพืชในประเทศไทย แพงพวยฝร่งั

เอกสารอา้ งองิ
Boufford, D. and P.H. Raven. (2014). Onagraceae. In Flora of Thailand Vol.
11(4): 602-603.

เพกา: ใบประกอบ 2-4 ชัน้ เรียงตรงขา้ มหนาแนน่ ทปี่ ลายกิ่ง ดอกรูปแตร ผลแห้งแตกตามรอยประสาน รูปแถบ แบน แพงพวย: ไมล้ ม้ ลุกทอดเล้อื ย แตกกงิ่ จำ� นวนมาก ล�ำต้นอวบน้ำ� มีรากตามข้อ ดอกออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ
(ภาพ: cultivated - PT) โคนดา้ นในสเี หลอื ง (ภาพ: พระนครศรอี ยธุ ยา - RP)

เพชรหึง แพงพวยฝรงั่

Spirolobium cambodianum Baill. Catharanthus roseus (L.) G. Don
วงศ์ Apocynaceae วงศ์ Apocynaceae

ไม้พ่มุ สูงได้ถึง 2 ม. มีขนละเอยี ดประปรายตามเส้นกลางใบ ก้านใบ และ ชอื่ พอ้ ง Vinca rosea L.
กลบี เลยี้ งดา้ นนอก ใบเรียงตรงขา้ ม รปู รถี งึ รปู แถบ ยาว 2.5-8 ซม. ก้านใบยาว
ประมาณ 5 มม. ช่อดอกสั้นมีดอกเดยี วหรอื เป็นกระจุก 2-3 ดอก ออกท่ปี ลายกงิ่ ไมล้ ม้ ลกุ มขี นละเอยี ดตามกง่ิ กลบี เลยี้ งและหลอดกลบี ดอกดา้ นนอก รงั ไข่
กลบี เลย้ี ง 5 กลีบ รปู ใบหอก โคนกวา้ ง ยาวไดถ้ ึง 7 มม. ขอบมขี นครยุ มตี อ่ มด้านใน และผล ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่กลับ ยาว 1.5-6 ซม.
ดอกรปู ลำ� โพงสขี าว เรยี งซอ้ นทบั ดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-3.5 ซม. ปลายมน กลม มตี ิง่ แหลม ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ มี 1-2 ดอก ออกตามปลายกิ่ง
ปอ่ งกลาง มี 5 กลีบ บานออก ยาว 0.8-1.5 ซม. เกลีย้ งหรือมีขน เกสรเพศผู้ 5 อัน หรอื ซอกใบ กลบี เล้ียง 5 กลีบ รูปใบหอก ยาว 1.5-5 มม. ไม่มีเกลด็ ทโี่ คน กลีบดอก
ตดิ ใกลโ้ คนหลอดกลบี ก้านชอู บั เรณสู น้ั อบั เรณยู าวประมาณ 4 มม. จานฐานดอก 5 กลบี สขี าวหรอื ชมพู บางครง้ั ปากหลอดมสี เี ขม้ หรอื ออ่ นกวา่ กลบี ดอก เรยี งซอ้ น
มี 2 พู ตดิ ระหวา่ งคารเ์ พล กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย มขี นประปราย ยาวประมาณ ทับด้านซ้ายในตาดอก ดอกบานรูปดอกเข็ม หลอดกลีบดอกยาวได้ถึง 2 ซม.
6 มม. ผลแตกแนวเดียวตดิ กันเปน็ คู่ รปู แถบ ยาว 8.5-19 ซม. เมล็ดจ�ำนวนมาก ปากหลอดกลบี มีขนละเอียด เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดภายในหลอดกลบี ดอกช่วงบน
แบน ยาว 0.5-1 ซม. กระจกุ ขนยาว 1-4 ซม. ก้านชูอบั เรณสู ้ัน อบั เรณยู าวประมาณ 2.5 มม. จานฐานดอกจัก 2 พู รปู ใบหอก
ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2 ซม. รวมยอดเกสร ผลแตกแนวเดยี วติดเปน็ คู่
พบในภมู ิภาคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู และบอรเ์ นียว ในไทยพบทางภาค รูปแถบ ยาว 1.5-2.5 ซม. เมลด็ จ�ำนวนมาก ไมม่ ีกระจกุ ขน
ตะวันออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ หนาแน่นตามปา่ ชายหาด ป่าเสมด็ ท่ีชน้ื แฉะ
หรือตามชายป่าโกงกาง มถี นิ่ ก�ำเนิดในมาดากสั การ์ เปน็ ไมป้ ระดบั มหี ลากสายพันธ์แุ ละหลากสี ส่วนต่าง ๆ
มสี ารแอลคาลอยดห์ ลายชนดิ โดยเฉพาะ vincristine และ vinblastine มสี รรพคณุ
สกลุ Spirolobium Baill. มีเพียงชนิดเดยี ว ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “speira” รักษามะเร็งต่อมนำ�้ เหลือง สารแอลคาลอยดบ์ างชนิดอาจมพี ิษ
เรยี งเวยี น และ “lobion” กลีบขนาดเล็ก หมายถึงกลีบดอกเรยี งเวยี นในตาดอก
เอกสารอ้างองิ สกุล Catharanthus G. Don มี 8 ชนดิ พบที่มาดากสั การ์ อนิ เดีย และศรีลังกา
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 76-77. ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “katharor” สีเดียวหรอื บรสิ ทุ ธิ์ และ “anthos” ดอก
หมายถึงดอกมีสเี ดยี วในต้นทพี่ บในธรรมชาติ
เพชรหึง: ไม้พ่มุ ใบเรียงตรงขา้ ม รูปแถบ ชอ่ ดอกมักมีดอกเดียว ดอกรปู ลำ� โพง หลอดกลบี ดอกปอ่ งกลาง เอกสารอา้ งองิ
(ภาพ: หาดในยาง ตรงั - RP) Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 48-50.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
แพงพวย
Press, Honolulu, Hawai`i.
Ludwigia adscendens (L.) H. Hara
วงศ์ Onagraceae แพงพวยฝรั่ง: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก มี 1-2 ดอก ออกตามปลายกิง่ หรือซอกใบ มหี ลากสี บางครง้ั ปากหลอดมีสี
เข้มหรืออ่อนกวา่ กลบี ดอก (ภาพ: cultivated - RP)
ชือ่ พอ้ ง Jussiaea adscendens L.

ไมล้ ม้ ลกุ ทอดเลอ้ื ยบนพนื้ ดนิ หรอื ลอยนำ�้ ยาวไดก้ วา่ 4 ม. ลำ� ตน้ อวบนำ�้ มรี าก
ตามข้อ ต้นทลี่ อยน�้ำมีรากหายใจรปู กระสวย แตกก่ิงจ�ำนวนมาก มขี นยาว ใบรูปรี
รปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบพาย ยาวไดถ้ งึ 7 ซม. ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ดอกออกเด่ยี ว ๆ
ตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รปู สามเหลีย่ ม ยาว 0.5-1 ซม. ด้านนอกมขี นสัน้ นุ่ม
ดอกสขี าว โคนด้านในสีเหลอื ง กลบี รปู ไข่กลบั ยาว 1-1.8 ซม. เกสรเพศผู้ 10 อนั
กา้ นชอู บั เรณยู าว 2.5-4 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2 เทา่ ผลรปู ทรงกระบอก
ยาว 1.2-2.7 ซม. มสี นั ตามยาว เกลย้ี งหรอื มขี น กา้ นผลยาวไดถ้ งึ 5.5 ซม. เมลด็ เรยี ง
แถวเดยี ว (ดขู ้อมลู เพิม่ เติมที่ หญา้ รักนา, สกุล)

พบในแอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลีย เปน็ วชั พืชตามทีโ่ ลง่ แหล่งน้ำ� ความสูง
ถึงประมาณ 1500 เมตร ส่วนตา่ ง ๆ มสี รรพคณุ แก้อาการบวม

313

โพกรงิ่ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

โพกร่งิ เอกสารอา้ งอิง
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae. In
Hernandia nymphaeifolia (C. Presl) Kubitzki Flora of Thailand Vol. 10(4): 638.
วงศ์ Hernandiaceae
โพข้นี ก: โคนใบรูปล่ิมกว้างหรือตัด เส้นแขนงเรียงจรดกัน ปลายใบยาวคลา้ ยหาง fig ออกเดี่ยว ๆ หรอื เปน็ คู่ ไร้ก้าน
ชื่อพอ้ ง Biasolettia nymphaeifolia C. Presl (ภาพ: ทองผาภมู ิ กาญจนบรุ ี - RP)

ไมต้ ้น สูงได้ถงึ 20 ม. เปลือกเรียบ ใบรปู ไข่กวา้ งหรือรปู หวั ใจ ยาว 70-40 ซม. โพทะเล, สกุล
เสน้ โคนใบ 5-9 เสน้ ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนใบแบบก้นปดิ ก้านใบยาว
0.5-3 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบ กา้ นชอ่ ยาว 6-20 ซม. ชอ่ แขนง Thespesia Sol. ex Corrêa
แบบชอ่ วงแถวเดย่ี ว ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ เชงิ หลน่ั วงใบประดบั มี 4 ใบ รปู รหี รอื รปู ไขก่ ลบั วงศ์ Malvaceae
ยาว 2-6 มม. แตล่ ะวงมี 3 ดอก ดอกคู่ข้างเปน็ ดอกเพศผู้ ก้านดอกยาว 4-4.5 มม.
กลบี รวม 6 กลีบ เรยี ง 2 วง ยาวประมาณ 5 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน กา้ นชอู ับเรณู ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงิ่ ปกคลมุ เปน็ เกลด็ หรอื ขนรปู ดาว หใู บรว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น
ยาวประมาณ 3 มม. โคนมีตอ่ ม 2 ตอ่ ม อบั เรณสู ีเหลอื ง ดอกกลางเพศเมยี ไรก้ า้ น แผน่ ใบสว่ นมากมตี อ่ มดา้ นลา่ ง ดอกขนาดใหญ่ สว่ นมากออกเดย่ี วๆ ตามซอกใบ
กลีบรวม 8 กลบี เรยี ง 2 วง ยาวประมาณ 5 มม. รงั ไข่มีกาบรปู ถ้วย ขยายในผล รว้ิ ประดบั 3-5 อนั กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย ขอบเกอื บเรยี บหรอื หยกั เปน็ ตงิ่ แหลม 5 ตง่ิ
กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 3 มม. มีปุ่มกระจาย โคนมีตอ่ มประมาณ 4 ตอ่ ม ดอกรปู ระฆงั มี 5 กลบี สว่ นมากมแี ตม้ สเี ขม้ ทโ่ี คน เกสรเพศผตู้ ดิ ตลอดความยาว
ยอดเกสรบานออกรปู ถว้ ย สชี มพู ผลผนังช้ันในแขง็ รูปรี ยาว 2.5-3 ซม. มรี ว้ิ 8 ริว้ หลอดเกสร ไมย่ ืน่ พน้ ปากหลอดกลีบดอก รงั ไข่มี 5 ช่อง แตล่ ะชอ่ งมอี อวุลจ�ำนวนมาก
ตามยาว กาบรปู ถว้ ยหมุ้ หลวม ๆ ปลายผลมตี ง่ิ แผก่ วา้ งประมาณ 1 ซม. มเี มลด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี เปน็ แท่ง มี 5 รว้ิ ยอดเกสรคลา้ ยกระบอง มี 3-5 ร่อง ผลแห้งแตก
หรือไม่แตก ผนังหนา เมลด็ รูปไข่กลับ เกลีย้ งหรอื มีขน
พบท่แี อฟริกา ศรลี งั กา ไห่หนาน ไต้หวัน ญ่ปี ่นุ กมั พูชา เวยี ดนาม ภมู ิภาคมาเลเชยี
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคใตต้ ามหมเู่ กาะฝง่ั ทะเลอนั ดามนั สกุล Thespesia อยู่ภายใต้วงศย์ ่อย Malvoideae มี 15-17 ชนดิ พบท่วั ไปในเขตรอ้ น
แถบจงั หวดั กระบี่ และพงั งา ขนึ้ ตามชายหาดและรมิ ฝง่ั ทะเล รากมสี รรพคณุ แกพ้ ษิ ในไทยมี 2 ชนิด อกี ชนดิ คือ ปอลมปม T. lampas (Cav.) Dalzell & A. Gibson
จากสตั วท์ ะเล ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “thespesios” เกย่ี วกับสวรรคห์ รือพระเจ้า หมายถึง
ตน้ โพทะเลมักพบปลูกตามวัด
สกลุ Hernandia L. มปี ระมาณ 25 ชนิด พบในอเมรกิ ากลาง แอฟรกิ า เอเชีย
และหม่เู กาะแปซฟิ ิก ในไทยมชี นดิ เดยี ว ชื่อสกุลตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวสเปน โพทะเล
Francisco Hernández (1517-1587)
เอกสารอา้ งองิ Thespesia populnea (L.) Sol. ex Corrêa
Duyfjes, B.E.E. (2010). Hernandiaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 201-202.
Li, X.W., J. Li and B.E.E. Duyfjes. (2008). Hernandiaceae. In Flora of China ชอื่ พอ้ ง Hibiscus populneus L.

Vol. 7: 255. ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สงู 2-15 ม. มีเกลด็ รปู โล่ตามกง่ิ แผน่ ใบด้านลา่ ง ก้านดอก
ร้วิ ประดับ และกลบี เล้ียง หใู บรูปใบหอก ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ใบรปู ไข่หรอื รูปหวั ใจ
โพกริ่ง: โคนใบรปู กน้ ปิด ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ช่อยอ่ ยแบบชอ่ เชงิ หลั่น วงใบประดบั มี 4 ใบ แตล่ ะวงมี 3 ดอก ยาว 7-23 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง โคนตดั หรอื รปู หวั ใจ เสน้ โคนใบขา้ งละ 2-3 เสน้
ดอกคู่ขา้ งเปน็ ดอกเพศผู้ มกี ้านดอก ดอกกลางเพศเมีย ไร้กา้ น กลีบรวม 8 กลบี เรยี ง 2 วง โคนกา้ นเกสรเพศเมยี มตี ่อม เสน้ แขนงใบขา้ งละ 3-5 เส้น กา้ นใบยาว 3-11 ซม. ใบประดบั คลา้ ยเกล็ด 2 อนั
4 ต่อม ยอดเกสรบานออกรปู ถ้วย ผลมีกาบรูปถว้ ยห้มุ หลวม ๆ ปลายผลมีตงิ่ แผ่กวา้ ง (ภาพ: เกาะสุรินทร์ พังงา - SSi) ตดิ ทโ่ี คนกา้ นดอก กา้ นดอกยาว 1-8 ซม. รว้ิ ประดบั รปู เสน้ ดา้ ย ยาว 0.8-1.5 ซม.
หลอดกลบี เลยี้ งกวา้ ง 1.2-2.5 ซม. ตดิ ทน ดอกสเี หลอื ง โคนดา้ นในมปี น้ื สมี ว่ งอมแดง
โพขีน้ ก เปลยี่ นเปน็ สแี ดงชมพกู อ่ นรว่ ง กลบี ดอกรปู ไขก่ ลบั เบยี้ ว ยาว 5-7 ซม. ดา้ นนอก
มขี นละเอยี ดสนี ำ้� ตาลแดง หลอดเกสรเพศผยู้ าว 2-2.5 ซม. กา้ นชอู บั เรณยู าว 2-5 มม.
Ficus rumphii Blume อับเรณูรูปคล้ายไต ยอดเกสรเพศเมียยาว 0.5-1 ซม. ผลแห้งไม่แตก กลม
วงศ์ Moraceae เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 2.5-4 ซม. มี 5 สนั มีน้�ำยางสีเหลอื ง ก้านผลยาว 2-8 ซม.
แตล่ ะช่องมี 4 เมล็ด รปู สามเหล่ยี ม ยาว 0.8-1.5 ซม. โคนมขี นสนี �้ำตาลคล้ายไหม
ไทรขน้ึ บนดนิ หรอื เกาะพนั ตน้ ไมอ้ น่ื ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. หใู บยาว 1-3.5 ซม.
รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวียน รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 3-16 ซม. ปลายยาวคล้ายหาง โคนรปู พบในแอฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี งั กา จนี ไตห้ วนั ญป่ี นุ่ พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าค
ล่มิ กว้าง ตดั หรอื เวา้ ตืน้ เสน้ แขนงใบข้างละ 6-8 เสน้ เรียงจรดกัน มตี อ่ มไขที่ มาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ขน้ึ ตามชายฝง่ั ทะเล และเปน็ ไมป้ ระดบั
โคนเสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 2.5-9 ซม. ดอกเพศผมู้ นี อ้ ยกวา่ ดอกเพศเมยี กลบี รวม ดอก ผล และใบออ่ นกนิ ได้ เนอื้ ไมแ้ ขง็ ทนปลวก สแี ดงเขม้ ใชท้ ำ� เปน็ ภาชนะใสอ่ าหาร
สีแดงอยู่ภายในฐานดอกท่ีขยายใหญ่และอวบน�้ำ ออกเป็นคู่หรือเด่ียว ๆ ตาม เนือ่ งจากไม่มกี ล่ิน
ซอกใบหรอื ตามกิง่ ใบประดับขนาดเล็กทโ่ี คน 2-3 ใบ ยาว 1-2 มม. รูปกลม ๆ
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2 ซม. สชี มพหู รอื อมมว่ ง สกุ สดี ำ� รเู ปดิ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง เอกสารอ้างอิง
2-2.5 มม. ด้านในไมม่ ีขน ไรก้ ้าน (ดขู ้อมูลเพิม่ เติมท่ี ไทร, สกุล) International Center for Research Agroforestry (ICRAF). Thespesia populnea.
AgroForestryTree Database. http://www.worldagroforestry.org/resources/
พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และ databases/agroforestree
มาเลเซีย ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าดิบช้ืน Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
ความสูงระดบั ต�ำ่ ๆ 12: 295-296.

314

สารานุกรมพืชในประเทศไทย โพศรมี หาโพธิ

โพทะเล: ดอกขนาดใหญร่ ปู ระฆงั หลอดเกสรอยูภ่ ายในกลบี ดอก กลบี เลีย้ งรูปถว้ ย ติดทน (ภาพดอกและผลอ่อน: โพฝรั่ง
ระโนด สงขลา, ภาพผลแก:่ ประจวบคีรีขนั ธ;์ - RP)
Hura crepitans L.
โพบาย วงศ์ Euphorbiaceae

Balakata baccata (Roxb.) Esser ไม้ต้น อาจสูงได้ถึง 45 ม. ในถ่นิ กำ� เนิด ลำ� ต้นและก่งิ มหี นามกระจาย หูใบ
วงศ์ Euphorbiaceae รปู ใบหอก ยาว 0.7-1.5 ซม. ร่วงเร็ว ใบเรียงเวยี น รปู ใบโพ ยาว 7-21 ซม. ขอบจกั
ฟนั เล่อื ยหา่ ง ๆ แผ่นใบมขี นตามเส้นกลางใบด้านลา่ ง กา้ นใบยาว 6-22 ซม. มี
ชื่อพอ้ ง Sapium baccatum Roxb. ตอ่ มหนง่ึ คู่ ชอ่ ดอกเพศผแู้ บบชอ่ หางกระรอก ดอกเพศเมยี ออกเดย่ี ว ๆ ทโ่ี คนชอ่
สีเขียวเปลยี่ นเปน็ สแี ดง ช่อดอกเพศผ้ยู าว 1.5-4.5 ซม. ก้านชอ่ หนา ยาว 1.2-8 ซม.
ไมต้ ้น สงู ได้ถึง 25 ม. แยกเพศรว่ มต้น หูใบยาวประมาณ 1.5 มม. ร่วงเรว็ ใบประดับเป็นแผ่นคล้ายกาบหุ้ม ก้านดอกยาวประมาณ 2 มม. เกสรเพศผู้มี
ใบเรยี งเวียน รูปรี รปู ไข่ หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 8-22 ซม. ปลายแหลมยาว แผ่นใบ 10-20 อนั เรียง 2-3 วง ก้านชูอับเรณเู ช่ือมติดกนั ดอกเพศเมยี ก้านดอกยาว
ด้านล่างมีปุ่มกระจาย มีต่อมสีด�ำขนาด 1.5-2 มม. ติดเหนือโคนใบหรือชิด ประมาณ 1.2 ซม. กลีบเลยี้ งรูปถว้ ย ยาว 5-8 มม. มี 5-20 คาร์เพล แต่ละคาร์เพล
เสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 2.5-9.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ไมม่ กี ลบี ดอก มีออวลุ 1 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียยาว 2-3.5 ซม. ยอดเกสรแยกเป็นแฉกแผอ่ อก
ดอกเพศผอู้ อกเปน็ กระจกุ 5-9 ดอก ดอกเพศเมยี ออกเด่ียว ๆ ใต้ดอกเพศผู้ มี เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.4-2.6 ซม. ผลแหง้ แตกเปน็ ซกี ๆ กลมแปน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
3-13 ดอก ในแตล่ ะชอ่ กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม. กลบี เลยี้ งแยก 2 แฉก ยาวประมาณ ประมาณ 8 ซม. สงู 3-5 ซม. ผนังแข็ง เมลด็ แบน ขนาดประมาณ 2 ซม.
1 มม. เกสรเพศผู้ 2 อนั ก้านชูอับเรณูสัน้ กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม. รังไข่มี 2 ช่อง
ในแตล่ ะชอ่ งมอี อวุลเม็ดเดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี ส้ัน ยอดเกสรแยก 2 แฉก ยาว มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลาง และอเมรกิ าใต้ เปน็ ไมป้ ระดบั ตามสวนสาธารณะ
1-2 มม. ผลสด เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 0.8-1 ซม. มี 2-3 เมลด็ ขนาดประมาณ 5 มม. และวดั เนอ้ื ไม้มีคุณภาพดแี ตไ่ มแ่ ขง็ แรง มสี รรพคุณดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง ยาง
มีพิษอาจท�ำใหต้ าบอดได้ เมล็ดมพี ษิ ร้ายแรงเชน่ เดียวกนั
พบทอี่ นิ เดยี บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู
สุมาตรา และบอร์เนียว ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง สกลุ Hura L. อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Euphorbioideae เผ่า Hureae ซง่ึ มเี พียงสกุลเดยี ว
ป่าดิบเขา หรอื ชายปา่ ริมล�ำธาร และท่ีลาดชนั ความสูงถงึ ประมาณ 1800 เมตร มี 2-3 ชนิด พบเฉพาะในอเมรกิ าเขตร้อน
เอกสารอ้างอิง
สกุล Balakata Esser อยูภ่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Euphorbioideae เผา่ Hippomaneae Esser, H.-J. (2007). Euphorbiaceae (Hura). In Flora of Thailand Vol. 8(2):
เคยอยู่ภายใต้สกลุ Sapium sect. Pleurostachya Pax & K. Hoffmann. มี 2 ชนดิ
พบที่อนิ เดีย จนี ภมู ิภาคอินโดจนี และภูมภิ าคมาเลเซีย นวิ กนิ ี ในไทยมชี นดิ เดียว 338-341.
ชอ่ื สกุลมาจากภาษาฟลิ ปิ ปินส์ “balakat gahat” ทใ่ี ช้เรียกชนดิ B. luzonica
(S. Vidal) Esser โพฝรง่ั : ชอ่ ดอกเพศผู้แบบช่อหางกระรอก ดอกเพศเมยี ออกเดย่ี ว ๆ ทีโ่ คนช่อ ยอดเกสรเพศเมยี แยกเปน็ แฉกแผอ่ อก
เอกสารอา้ งองิ ผลแหง้ แตกเป็นซีก ๆ กลมแปน้ (ภาพ: cultivated - PK)
Esser, H.-J. (1999). A partial revision of the Hippomaneae (Euphorbiaceae) in
โพศรมี หาโพธิ
Malesia. Blumea 44: 152-159.
Esser, H.-J. and P.C. van Welzen. (2005). Euphorbiaceae (Balakata). In Flora Ficus religiosa L.
วงศ์ Moraceae
of Thailand Vol. 8(1): 119-120.
Li, B. and H.-J. Esser. (2011). Euphorbiaceae (Balakata). In Flora of China Vol. ไทรก่ึงองิ อาศัย สงู ไดถ้ ึง 35 เมตร หใู บยาว 0.5-1 ซม. รว่ งเร็ว ใบรูปไข่กว้าง
หรอื รูปหัวใจ ยาว 5-25 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง โคนตดั หรอื รูปหวั ใจ กา้ นใบ
19: 146. ยาว 2.5-12 ซม. ดอกอยู่ภายในฐานดอกที่ขยายออกเป็นเดี่ยว ๆ หรอื เป็นคู่
ตามซอกใบ ไรก้ า้ น ใบประดบั ขนาดเล็ก ฐานดอกกลม เส้นผ่านศนู ย์กลาง 1-1.5 ซม.
โพบาย: ใบเรยี งเวียน ปลายแหลมยาว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ไมม่ ีกลีบดอก ผลสดรูปกลม ๆ (ภาพดอก: สกุ เปลย่ี นเป็นสชี มพู ม่วงหรอื ดำ� มีชอ่ งเปิดเล็กๆ ดา้ นปลาย เกสรเพศผู้เรียงใกล้
กระบี่ - RP; ภาพผล: แก่งกระจาน เพชรบรุ ,ี ภาพซ้ายลา่ ง - SSi, ภาพขวา - PK) ชอ่ งเปิด กลีบรวมสแี ดง รงั ไขส่ นี ้�ำตาลแดง (ดขู ้อมลู เพิม่ เติมท่ี ไทร, สกลุ )

พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทย
พบในธรรมชาตนิ อ้ ย อาจกระจายมาจากตน้ ทน่ี ำ� มาปลกู มกั พบขนึ้ ตามซากอาคาร
และนยิ มปลูกตามวดั อยู่ในสกลุ ยอ่ ย Urostigma อนงึ่ คำ� ว่า โพธิ มาจากภาษา
บาลแี ละสนั สกฤต “bodhi” เปน็ ตน้ ไมส้ ำ� คญั ในศาสนาฮนิ ดแู ละพทุ ธ เปน็ ตน้ ไมท้ เี่ ปน็
สหชาตกบั พระพทุ ธเจา้ คอื อบุ ตั ขิ นึ้ ในโลกในวนั เดยี วกบั ทท่ี รงประสตู ิ อย่างไรกต็ าม
ตน้ ไมท้ พี่ ระพทุ ธเจ้าประทบั นง่ั ในเวลาทตี่ รสั รู้ ทกุ พระองคใ์ นตำ� นาน 25 พระองค์
ตา่ งชนิดกนั เรียกรวมวา่ โพธิ์พฤกษ์ ซึ่งในท่นี ี้คือ อสั สัตถพฤกษท์ ่ีพระโคตมพทุ ธเจา้
องค์ที่ 25 ตรัสรู้ ซ่ึงอัสสัตถแปลว่าต้นโพ หรอื ต้นโพธ์ิ จากจดหมายเหตุลาลแู บร์
กลา่ ววา่ ชาวยโุ รปในสมยั นน้ั เรยี กตน้ โพ ว่า Arbre des Pagodes หรอื ตน้ ไมอ้ โุ บสถ

315

โพสามหาง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

เอกสารอา้ งองิ โพอาศัย
ลาลูแบร์, ซิมอน เดอ. (2548). จดหมายเหตุ ลาลแู บร์ ราชอาณาจกั รสยาม แปลโดย
สนั ต์ ท. โกมลบุตร. ส�ำ นกั พมิ พศ์ รปี ัญญา. นนทบรุ ี. Neohymenopogon parasiticus (Wall.) Bennet
ส. พลายนอ้ ย. (2531). พฤกษนยิ าย. ส�ำ นกั พิมพ์บ�ำ รุงสาสน์ . กรงุ เทพฯ. วงศ์ Rubiaceae
สังข์ พธั โนทัย. (2515). ปทานุกรม พรรณไมใ้ นต�ำ นานเมอื ง ศนู ยก์ ารพิมพ์ พระนคร.
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae. In ชอื่ พอ้ ง Hymenopogon parasiticus Wall.
Flora of Thailand Vol. 10(4): 637.
ไม้พ่มุ ส่วนมากองิ อาศยั สูงไดถ้ งึ 2 ม. ทิ้งใบช่วงตดิ ผล หใู บรปู สามเหลยี่ ม
โพศรีมหาโพธ:ิ ไทรกึ่งองิ อาศยั ปลายใบยาวคลา้ ยหาง โคนตดั หรอื รปู หัวใจ (ภาพซา้ ย: สวนลุมพินีวัน เนปาล, ยาว 0.5-1 ซม. ร่วงพรอ้ มใบ ใบเรยี งตรงข้าม รปู ไขห่ รือไขก่ ลบั แกมรปู ขอบขนาน
ภาพขวา: กรุงเทพฯ; - RP) ยาว 8-21 ซม. โคนเรยี วแคบจรดกา้ นใบ แผ่นใบมีขนละเอียด เสน้ แขนงใบข้างละ
15-28 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงคลา้ ยชอ่ เชงิ หลน่ั
โพสามหาง ออกตามปลายกงิ่ ชอ่ กระจกุ มี 2-5 ดอก ใบประดบั ขนาดใหญร่ ปู ไขแ่ กมรปู ใบหอก
สขี าวครีม ยาว 6-7.5 ซม. ขยายยาวได้ถึง 9 ซม. ในผล ก้านยาว 1.5-4.5 ซม.
Exbucklandia populnea (R. Br. ex Griff.) R. W. Br. ใบประดบั ยอ่ ยเลก็ กวา่ กา้ นดอกยาว 0.8-2 ซม. ดอกรปู ดอกเขม็ มขี นยาว กลบี เลยี้ ง
วงศ์ Hamamelidaceae 5 กลบี รปู แถบ ยาว 0.8-1.5 ซม. ติดทน หลอดกลีบดอกยาว 3-5.5 ซม. ปลาย
แยกเปน็ 5 กลีบ รปู ไข่กว้าง ยาว 0.5-1 ซม. รงั ไขม่ ีขน พลาเซนตารปู จานแบบ
ช่อื พ้อง Bucklandia populnea R. Br. ex Griff., Symingtonia populnea (R. Br. ก้นปิด ยอดเกสรเพศเมียแยก 2 แฉก ผลแหง้ แตก รูปโคนหัวกลบั ยาว 1.5-2 ซม.
ex Griff.) Steenis ดา้ นบนมีฝาเปิด 2 ฝา เมลด็ จำ� นวนมาก รูปแถบ ยาว 5-7 มม. รวมปกี

ไมต้ น้ สงู 15-30 ม. หใู บรปู ไข่กลับ ยาว 1.5-2.5 ซม. ร่วงเร็ว ใบเรยี งเวยี น รปู ไข่ พบทอ่ี ินเดีย ภฏู าน เนปาล พมา่ จีนตอนใต้ และเวียดนามตอนบน ในไทย
หรอื รูปฝ่ามือ 3-5 แฉก ยาว 5-16 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมหรือเว้าตืน้ พบทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขึ้นตามคบไม้ท่ีมีมอสหนาแน่น
แผ่นใบหนา เป็นมันวาว เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เส้น กา้ นใบยาว 2-6 ซม. ช่อดอก หรือทโ่ี ล่งตามซอกหินปูนหรือหินทราย ความสูง 1200-2500 เมตร
แบบช่อกระจุกแนน่ เสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 1.5 ซม. ไมม่ ีกลบี เล้ยี ง กลบี ดอกมี
2-7 กลบี รปู แถบ ยาว 2-3 มม. เกสรเพศผู้ 10-14 อนั รังไขก่ ึ่งใต้วงกลีบ มขี น สกลุ Neohymenopogon Bennet อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Rubioideae เผา่
กา้ นเกสรเพศเมยี 2 อนั ผลแหง้ แตกตดิ กนั เปน็ ชอ่ กระจกุ แนน่ แขง็ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง Argostemmateae มี 3 ชนิด พบแถบหิมาลัยตะวนั ออก จนี ตอนใต้ พม่า และ
2-2.5 ซม. มี 7-11 ผล ก้านชอ่ ยาว 1.5-2.5 ซม. เมล็ดรปู รี มีปกี เมลด็ ทีฝ่ อ่ ไม่มปี ีก เวียดนามตอนบน ในไทยมเี พียงชนิดเดียว ชอ่ื สกุลเดิมชือ่ Hymenopogon แต่
พบวา่ ซ�้ำ กับช่ือสกุลของมอส
พบทีอ่ นิ เดยี เนปาล ภฏู าน จีนตอนใต้ พมา่ เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู และ เอกสารอา้ งองิ
บอร์เนยี ว ในไทยพบทางภาคเหนอื ทด่ี อยอินทนนท์ จงั หวัดเชยี งใหม่ และภาคใต้ Chen, T. and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Neohymenopogon). In Flora of
ทบี่ ันนงั สตา จังหวดั ยะลา เป็นไมเ้ บกิ นำ� ขนึ้ ตามสันเขาทโ่ี ลง่ หรอื ชายปา่ ดบิ เขา
ความสงู 1400-2200 เมตร China Vol. 19: 253-254

สกลุ Exbucklandia R. W. Br. มี 3-4 ชนิด ในไทยมชี นดิ เดยี ว เดิมช่อื สกุล โพอาศยั : ไม้พมุ่ องิ อาศยั ช่อแยกแขนงคลา้ ยชอ่ เชิงหล่นั ใบประดับขยายในผล ดอกรปู ดอกเขม็ มีขนยาว (ภาพบนและ
Bucklandia แตพ่ บวา่ ซำ้�กบั ช่ือฟอสซลิ ของปรง ส่วนชอ่ื สกลุ Symingtonia ทมี่ ี ภาพลา่ งซ้าย: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่, ภาพบน - RP, ภาพล่างซ้าย - SSi; ภาพลา่ งขวา: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - PR)
การต้ังชื่อในปี ค.ศ. 1952 ซึ่งเป็นชอ่ื ที่ตงั้ หลงั ชือ่ Exbucklandia ที่ต้งั ในปี ค.ศ.
1946 จงึ กลายเปน็ ช่ือพ้อง ชอ่ื สกลุ ต้งั ตามนกั ธรณีวิทยาและนักบรรพชีวินวิทยา ฟองสมทุ ร
ชาวองั กฤษ William Buckland (1784-1856)
เอกสารอา้ งอิง Duranta erecta L.
Phengklai, C. (2001). Hamamelidaceae (Symingtonia populnea). In Flora of วงศ์ Verbenaceae

Thailand Vol. 7(3): 408-410. ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ ึง 5 ม. กิง่ มชี อ่ งอากาศ มักมหี นามตามซอกใบ ใบเรียงตรงขา้ ม
Zhang, Z.Y., H. Zhang and P.K. Endress. (2003). Hamamelidaceae. In Flora of สลับตงั้ ฉาก รปู ไขห่ รอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 2-7 ซม. ปลายแหลม โคนเรยี วสอบ
ขอบจกั ฟนั เล่ือยช่วงปลายใบ กา้ นใบส้นั ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลด ออกตามซอกใบ
China Vol. 9: 23-24. หรอื ปลายกง่ิ หอ้ ยลง ยาวได้ถึง 15 ซม. ใบประดับขนาดเลก็ กลบี เล้ยี งเชื่อมตดิ กัน
เปน็ หลอด คลา้ ยรปู ปากเปิด ยาว 4-5 มม. กลีบบน 3 กลีบ ยาวกว่ากลีบคลู่ ่าง
โพสามหาง: ใบรปู ฝา่ มอื ปลายแหลมยาว โคนกลมหรอื เว้าตืน้ หใู บรปู ไข่กลับ ผลแห้งแตกตดิ กนั เป็นช่อกระจกุ แนน่ เลก็ นอ้ ย ตดิ ทน ดอกรปู ดอกเขม็ สมี ว่ งหรอื ขาว หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 6 มม.
(ภาพ: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่ - RP) แยกเปน็ 5 กลบี รูปรีกว้าง ยาวประมาณ 6 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั ติดเหนอื
กงึ่ กลางหลอดกลีบ ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอด มี 4 คาร์เพล แต่ละคารเ์ พลมี 2 ชอ่ ง
แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลผนงั ชน้ั ในแขง็
เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 0.5-1.5 ซม. มกี ลีบเลีย้ งหุ้ม สดหนา สกุ สเี หลอื ง

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในเม็กซิโกถึงอารเ์ จนตนิ า เปน็ ไม้ประดับทัว่ ไป สว่ นต่าง ๆ มพี ิษ
ต่อสตั ว์เล้ียงและมนษุ ย์ ผลใชท้ ำ� ยาฆา่ แมลง แต่มสี รรพคณุ รกั ษาโรคผวิ หนัง

316

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ฟ้าขาว

สกลุ Duranta L. มปี ระมาณ 20 ชนิด พบเฉพาะในอเมริกาเขตร้อน ช่อื สกุล สกลุ Momordica มปี ระมาณ 40 ชนดิ สว่ นใหญ่พบในแอฟรกิ า ในไทยมี 3 ชนิด
ต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวอติ าลี Castore Durante (1529-1590) ชื่อสกลุ มาจากภาษาละติน “momordi” หรอื “mordeo” ขม หมายถึงพชื ทม่ี รี สขม
เอกสารอ้างองิ
Atkins, S. (2010). Verbenaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 258-259. ฟักขา้ ว
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Momordica cochinchinensis (Lour.) Spreng.
Press, Honolulu, Hawai`i.
ช่อื พ้อง Muricia cochinchinensis Lour.
ฟองสมุทร: ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด กลบี ดอกสมี ่วง ผลมกี ลบี เลีย้ งห้มุ สดหนา สกุ สเี หลือง (ภาพ: cultivated - PT)
ไมเ้ ถา ยาวได้ถงึ 20 ม. มหี วั ใตด้ นิ ใบเรียบ จัก 3-5 พู โคนเวา้ ตน้ื กวา้ ง 7-16 ซม.
ฟองหินเหลือง หรือมี 3 ใบย่อย ขอบเรยี บหรอื จกั ฟันเลอ่ื ยหา่ ง ๆ กา้ นใบยาว 3-12 ซม. ช่อดอกเพศผู้
ยาว 5-15 ซม. ใบประดบั รปู คมุ่ ยาว 2-4 ซม. ด้านในมีขน ก้านดอกยาว 0.3-1.5 ซม.
Sedum susannae Raym.-Hamet ฐานดอกรูปถว้ ยตนื้ ๆ สีด�ำ กว้าง 1-1.5 ซม. กลีบเล้ียงยาว 1-1.5 ซม. ดอกสีครมี
วงศ์ Crassulaceae กลีบรูปรี ยาว 2.5-7 ซม. กลีบดอกทีไ่ ม่มแี ผน่ เกลด็ มีป้ืนสีดำ� ทโ่ี คนกลบี ด้านใน
กา้ นชอู ับเรณยู าว 5-7 มม. อบั เรณูยาวไม่เท่ากนั ปลายพอง โคนเป็นพูหนา
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 4-12 ซม. มเี หงา้ แตกกง่ิ หนาแนน่ เกลย้ี ง ใบอวบนำ้� เรยี งเวยี น ดอกเพศเมยี ก้านดอกยาว 3-10 ซม. ใบประดบั รปู รี ยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลี้ยง
รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 0.4-1 ซม. โคนมเี ดอื ยจกั เปน็ พู ปลายมตี งิ่ แหลม ชอ่ ดอก รปู ใบหอก ยาว 0.4-1 ซม. รังไขม่ ีขนยาว ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.6-1 ซม. ผลรูปรี
แบบชอ่ กระจกุ ตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ ดอกหนาแนน่ สเี หลอื ง ใบประดบั ขนาดเลก็ เกอื บกลม ยาว 6-20 ซม. มีตุ่มเปน็ หนามอาจยาวได้ถงึ 1 ซม. สกุ สแี ดงอมสม้
กลีบเลย้ี ง 5 กลบี รูปแถบ ยาวประมาณ 5 มม. ปลายมตี ิ่งแหลม กลีบดอกรูปใบหอก กา้ นผลยาว 3-12 ซม. เมลด็ แบน ยาว 1.5-3 ซม. มปี ่มุ กระจาย
ยาว 5-7 มม. โคนเชือ่ มตดิ กัน เกสรเพศผู้ 10 อนั สเี หลือง 5 อนั ติดตรงขา้ ม
กลบี เลย้ี ง ยาวประมาณ 5 มม. อกี 5 อนั ตดิ ตรงขา้ มเหนอื โคนกลบี ดอก สนั้ กวา่ พบทอี่ นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี ขน้ึ ตาม
เล็กนอ้ ย มีต่อมนำ�้ ตอ้ ยเปน็ เกลด็ มี 5 คาร์เพล รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม. ชายปา่ หรอื เขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร ผลออ่ น ใบออ่ น และดอก
โคนเชอ่ื มตดิ กนั ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ผลแหง้ แตก กนิ ได้ เย่ือหุ้มเมล็ดมีสารไลโคปีน มฤี ทธิต์ า้ นอนมุ ลู อสิ ระ เมลด็ ให้นำ�้ มนั
เมลด็ รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1 มม.
เอกสารอา้ งองิ
พบท่ีพม่าและจีนตอนใต้ ในไทยพบเฉพาะที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
ข้ึนตามหนิ ปูนที่โลง่ ความสูง 1500-2200 เมตร แยกเปน็ var. macrosepalum Thailand Vol. 9(4): 466-468.
K. T. Fu กลบี เลย้ี งยาวไมเ่ ทา่ กัน พบเฉพาะท่ีจีน
ฟกั ข้าว: ใบจกั เป็นพูหรือมี 3 ใบย่อย ดอกเพศผ้อู อกเดย่ี ว ๆ ใบประดับรูปคุ่ม ติดทน ผลมีตุ่มเปน็ หนามหนาแนน่
สกลุ Sedum L. มปี ระมาณ 470 ชนดิ ส่วนใหญพ่ บในเขตอบอุ่น ในไทยพบ (ภาพซา้ ย: สุรินทร์ - PK; ภาพขวา: เขาปู่เขาย่า ตรงั - RP)
ชนดิ เดยี ว ชือ่ สกุลเปน็ ภาษาละติน หมายถึงพชื พวกอวบน�้ำ
เอกสารอา้ งองิ ฟา้ ขาว, สกุล
Fu, K., H. Ohba and M.G. Gilbert. (2001). Crassulaceae. In Flora of China Vol.
Leptodermis Wall.
8: 288. วงศ์ Rubiaceae

ฟองหนิ เหลอื ง: ไมล้ ม้ ลกุ แตกกงิ่ หนาแน่น เกล้ยี ง ใบอวบน้ำ� เกสรเพศผู้ 10 อนั (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - SSi) ไมพ้ ุ่ม หูใบร่วมขนาดเลก็ ปลายแยกเป็นแฉก ใบเรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกออก
สน้ั ๆ ตามซอกใบบนกง่ิ สั้น ใบประดับรปู ถว้ ย กลีบดอกและกลีบเลยี้ งจำ� นวน
ฟักขา้ ว, สกุล อย่างละ 5 กลีบ กลีบเลีย้ งติดทน ดอกรูปดอกเขม็ ปากหลอดกลีบดอกมขี น เกสรเพศผู้
5 อนั ติดภายในหลอดกลบี ดอก รังไข่ใต้วงกลีบ มี 3-5 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมีออวุล 1 เมด็
Momordica L. กา้ นเกสรเพศเมียมี 2 แบบ แบบยาวและแบบสั้น ยอดเกสรแยก 3-5 แฉก
วงศ์ Cucurbitaceae ผลแหง้ แตกมฝี าปิดด้านบน มี 5 ซกี เยือ่ หมุ้ คลา้ ยตาข่าย เมลด็ ขนาดเลก็ เปลอื กบาง

ไม้เถาล้มลกุ แยกเพศร่วมต้นหรอื ต่างต้น ไมม่ เี กล็ดประดบั (probract) มือจบั สกุล Leptodermis อยู่วงศย์ ่อย Rubioideae และเผา่ Paederieae มีประมาณ
ไมแ่ ตกแขนง ใบเรยี งเวยี น แฉกเปน็ พหู รอื เรยี บ ดอกเพศผอู้ อกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ 40 ชนิด พบทีอ่ นิ เดยี เนปาล จีน พม่า และญ่ปี ่นุ พบมากในจนี ตอนใต้ ในไทย
ชอ่ กระจะ ใบประดบั คลา้ ยหมวก ตดิ ทน ดอกเพศเมยี ออกเดยี่ ว ๆ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี มี 2 ชนดิ ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “leptodermia” หรอื “leptodermos” หมายถงึ
กลีบดอก 5 กลีบ แยกกัน มี 1-3 กลบี ทมี่ ีแผน่ เกล็ดที่โคนดา้ นใน เกสรเพศผู้ 3 อัน ผนงั บาง ตามลกั ษณะกลีบเลีย้ ง หรอื ผนงั ผล
กา้ นชอู บั เรณแู ยกกนั ดอกเพศเมยี คลา้ ยดอกเพศผู้ รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง ออวลุ จำ� นวนมาก
ยอดเกสรเพศเมยี จกั 3 พู ปลายจกั แยก 2 แฉก ผลสดมหี ลายเมลด็ ผวิ มกั มหี นาม ฟ้าขาว
หรอื ขรุขระ เมลด็ จ�ำนวนมาก
Leptodermis trifida Craib
ไมพ้ มุ่ สงู 1-1.5 ม. ใบรูปใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 1.5-4 ซม. ปลายมีติง่ หนาม

กา้ นใบยาว 2-3 มม. ใบประดบั ติดทน กลบี เลี้ยงรูปสามเหลีย่ มแคบ ยาวประมาณ 1 มม.
ดอกสขี าวหรอื อมชมพู ดา้ นนอกมขี นประปราย ดา้ นในขนหนาแนน่ หลอดกลบี ดอก

317

ฟ้าขาวใบสัน้ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ยาว 0.8-1.2 ซม. กลบี ยาว 2-4 มม. เกสรเพศผู้ยื่นพน้ ปากหลอดกลบี ในดอกที่ ปลายแยกเปน็ แฉกตนื้ ๆ 5 แฉก สีน้�ำตาลแดง ดอกรปู ดอกเข็ม สีน�้ำเงนิ อมม่วง
ก้านเกสรเพศเมียส้ัน ยอดเกสรเพศเมียแยก 3 แฉก ย่ืนพ้นปากหลอดกลีบใน หลอดกลีบดอกยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก กลบี ดอกรปู ไข่กลับ ยาว 1-1.5 ซม. ปลายแฉกลึก
ดอกทก่ี า้ นเกสรเพศเมยี ยาว ผลยาว 5-7 มม. มี 3 เมล็ด ยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอกเลก็ น้อย รงั ไขม่ ชี อ่ งเดยี ว มี 5 สัน
ปลายกา้ นเกสรเพศเมียแยก 5 แฉก เรยี วยาว ยอดเกสรอย่ดู า้ นในแฉก มตี อ่ ม
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ขนึ้ บน ผลแห้งแตกมกี ลบี เลี้ยงหุม้ มีเมล็ดเดียว
เขาหนิ ปนู ทเ่ี ปดิ โลง่ ความสูง 1500-2100 เมตร
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ขน้ึ ตาม
ฟ้าขาวใบสน้ั หนิ ปนู ทโ่ี ลง่ ความสงู 1500-2200 เมตร

Leptodermis crassifolia Collett & Hemsl. สกลุ Ceratostigma Bunge มี 8 ชนดิ พบในแอฟริกาและเอเชยี ในไทยมีชนิดเดยี ว
ไมพ้ มุ่ สงู ประมาณ 1 ม. หใู บร่วมขนาดเล็ก ใบรปู ใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 0.8-1 ซม. ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “keras” หรือ “kerato” เขา หมายถึงยอดเกสรเพศเมีย
ขยายออกคลา้ ยเขา
ใบบนก่งิ ส้นั ขนาดเล็กค่อนข้างกลม ก้านใบสน้ั มาก ยาวประมาณ 1 มม. กลบี เล้ยี ง
รปู สามเหล่ยี ม ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสขี าว ด้านนอกมีขน หลอดกลบี ดอกยาว เอกสารอา้ งอิง
5-7 มม. กลบี ยาวประมาณ 2 มม. ปลายกลบี มขี นกระจุกยาว ยอดเกสรเพศเมียแยก Hosseus, C.C. (1911). Die botanichen ergebnisse meiner expedition nach
5 แฉก ยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี ในดอกทก่ี ้านเกสรเพศเมยี ยาว ผลยาวประมาณ 4 มม. Siam. Beihefte zum Botanischen Centralblatt xxviii. II. 423.
มี 5 เมลด็ ยาวประมาณ 3 มม. Pen, T.H. and R.V. Kamelin. (1996). Plumbaginaceae. In Flora of China Vol.
15: 192.
พบทพี่ มา่ ตอนบน และภาคเหนอื ตอนลา่ งของไทยทดี่ อยหวั หมด จงั หวดั ตาก
ข้นึ บนเขาหินปูนทีเ่ ปดิ โล่ง ความสูง 900-1000 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Chen, T. (2011). Rubiaceae (Leptodermis). In Flora of China Vol. 19: 198.
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
Forest Herbarium. Bangkok.

ฟ้าขาว: ดอกออกเปน็ กระจุกตามซอกใบบนกงิ่ ส้ัน ใบเกอื บไร้กา้ น ปลายมตี ิง่ หนาม (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชยี งใหม่ - TP) ฟ้าคราม: ใบประดับและกลบี เลีย้ งสนี ้ำ� ตาลแดง กลีบดอกรูปไขก่ ลับ ปลายแฉกลึก ปลายก้านเกสรเพศเมยี แยก 5 แฉก
เรยี วยาว (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - SSi)
ฟ้าขาวใบส้ัน: ใบขนาดเลก็ ดอกออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามขอ้ ดา้ นนอกมขี น ปลายกลีบมีขนกระจุกยาว
(ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK) เฟินก้านดำ�, สกุล

ฟ้าคราม Adiantum L.
วงศ์ Pteridaceae
Ceratostigma stapfianum Hosseus
วงศ์ Plumbaginaceae เฟนิ ขนึ้ บนดนิ หรอื หนิ เหงา้ สนั้ ตง้ั ขนึ้ หรอื ทอดเลอื้ ย ใบมแี บบเดยี ว สว่ นมาก
เป็นใบประกอบ 1-3 ชั้น เสน้ แขนงใบบางครั้งแยกแขนงสองงา่ ม เหน็ ชดั เจนทง้ั
ไมพ้ ุ่ม สูงได้เกอื บ 1 ม. ใบรูปไขก่ วา้ ง รปู หวั ใจ หรอื คลา้ ยไต ยาว 2-6 ซม. สองดา้ น กลมุ่ อับสปอร์เรยี งบนเสน้ แขนงใบทข่ี อบใบ อับสปอร์รปู กลม มกี ้าน
โคนเรียวสอบเปน็ ก้านใบ ยาวได้ถงึ 2 ซม. ชอ่ ดอกออกตามปลายก่ิงหรอื ซอกใบ และกลมุ่ เซลลผ์ นังหนาจ�ำนวนมาก สปอร์มีรอยเช่อื ม 3 แฉก
ใกลป้ ลายกง่ิ คลา้ ยชอ่ กระจกุ แนน่ แยกแขนงแบบชอ่ เชงิ ลด ชอ่ ยอ่ ยมดี อกเดยี ว
ใบประดบั ด้านบนสนี ้�ำตาลแดง ด้านลา่ งสอี อ่ น ยาว 5-6 มม. บาง ขอบมขี น สกุล Adiantum อยภู่ ายใต้วงศย์ อ่ ย Vittarioideae มีมากกวา่ 200 ชนดิ สว่ นมาก
ใบประดบั ย่อย 2 อัน กลีบเล้ยี งเชือ่ มตดิ กันเปน็ หลอด ยาว 0.7-1.2 ซม. มี 5 สนั พบในอเมรกิ าใต้ ในไทยมี 18 ชนิด หลายชนิดมีศกั ยภาพเปน็ ไม้ประดบั ชื่อสกุล
มาจากภาษากรีก “adiantos” ไมม่ ี หมายถึงพชื ทีไ่ มเ่ ปยี กน�ำ้ ตามลักษณะของใบ
ทไี่ ม่ซับน้ำ�

เฟนิ ก้านดำ�

Adiantum flabellulatum L.
เฟนิ มเี หงา้ ส้นั ๆ บางครัง้ เกาะเลอ้ื ย เกล็ดสีน้�ำตาล รปู แถบ ยาว 4-8 มม. ใบ

จ�ำนวนมาก รปู คล้ายตีนเปด็ หรอื แบบขนนกสามชัน้ ยาวไดถ้ ึง 20 ซม. ก้านใบ
สีน้�ำตาลเข้ม สว่ นมากยาว 10-40 ซม. แกนด้านบนเป็นร่อง มีขน ใบประกอบย่อย
เรียงสลับระนาบเดียว ยาวไดถ้ งึ 10 ซม. ใบยอ่ ยเรียงสลับระนาบเดยี ว มมี ากกว่า
ขา้ งละ 10 ใบ ใบย่อยรูปพัด มกี า้ นชัดเจน แผน่ ใบกวา้ งไดถ้ ึง 1.5 ซม. ชว่ งปลายขอบ
จักฟันเลื่อย กลุ่มอับสปอร์เรยี งตามขอบใบ หา่ ง ๆ กนั รปู รหี รือกลม ยาวไดถ้ งึ 5 มม.

พบทีอ่ ินเดีย พมา่ จีนตอนใต้ ไตห้ วัน ญ่ปี นุ่ ภมู ภิ าคอินโดจนี และมาเลเซีย ในไทย
พบทกุ ภาค ภาคใต้ถึงชมุ พร ขึ้นตามทีโ่ ลง่ ในปา่ ดิบแลง้ ป่าดิบเขา และป่าดิบชืน้
ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร

เฟินกา้ นดำ�

Adiantum latifolium Lam.
เฟนิ ขนึ้ บนดนิ เหงา้ ทอดนอน เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-3 มม. เกลด็ สนี ำ�้ ตาลรปู แถบ

ยาว 2-3 มม. ใบประกอบ 2 ชั้น รปู สามเหลีย่ มแกมรปู ไข่ ยาว 20-40 ซม. กา้ นใบ
ยาว 25-50 ซม. โคนมีเกลด็ ดา้ นบนและแกนกลางเป็นร่อง ใบประกอบยอ่ ยมี
1-4 คู่ ใบชว่ งปลายเปน็ ใบประกอบชน้ั เดยี ว รปู สามเหลยี่ มแกมรปู ขอบขนาน ยาว

318

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย เฟินเงิน

7.5-15 ซม. ใบย่อยรปู ขอบขนาน เบ้ียว โคง้ เล็กน้อย ยาว 1.5-6 ซม. ปลายมน โคน เฟนิ เขากวาง
รปู ลม่ิ กวา้ งหรอื มน แผน่ ใบเกลยี้ งทงั้ สองดา้ น ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ยในใบไมส่ รา้ งสปอร์
จักต้ืน ๆ ในใบสร้างสปอร์ เส้นใบแยกแขนงสองง่าม กลุ่มอับสปอร์เรียงตลอด Platycerium ridleyi Christ
ขอบใบบน ประมาณกง่ึ หนงึ่ ของขอบใบลา่ ง รูปขอบขนาน ยาว 2-5 มม. วงศ์ Polypodiaceae

มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น ขน้ึ เปน็ วชั พชื หรอื แพรพ่ นั ธใ์ุ นธรรมชาตทิ ว่ั ไป เฟนิ องิ อาศัย เกล็ดทเ่ี หง้ารปู ไขแ่ กมรปู ใบหอกกลับ สีน้�ำตาล ยาว 0.8-1.5 ซม.
ในเขตร้อน ข้ึนตามท่ีโล่งในป่าดบิ ชน้ื และชายปา่ พรุ ความสงู ระดบั ต�ำ่ ๆ ใบประกบตน้ กว้าง 20-50 ซม. ยาว 20-60 ซม. โคนกลมผนึกกบั พืชใหอ้ าศยั จัก
เป็นพูขนาดเล็ก สเี ขยี วเปล่ียนเป็นสนี ำ้� ตาล มกี า้ น ใบแท้ต้ังข้ึน ยาว 25-60 ซม.
เฟนิ ก้านดำ� แยกเปน็ 2 สว่ น ทส่ี รา้ งสปอรแ์ ละไมส่ รา้ งสปอร์ แตล่ ะสว่ นแยกสองแฉก 4-7 แขนง
ไมเ่ ท่ากนั กาบสปอร์มีกา้ น ยาว 2-10 ซม. รปู รีหรือรปู ไขก่ ลับ ง้มุ ยาว 5-17 ซม.
Adiantum stenochlamys Baker กลุ่มอับสปอร์อยู่ด้านใน มีกลุ่มเซลล์หนาประมาณ 10 แนว มีขนต่อมแยกเป็น
เฟนิ มีเหงา้ ส้ัน ๆ ต้งั ขน้ึ เกลด็ สีนำ้� ตาลทอง รูปแถบ ยาว 7-8 มม. ใบประกอบออก แฉกมีกา้ น กลุม่ อบั สปอร์ มี 8 สปอร์ (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เติมที่ ห่อข้าวสดี า, สกุล)

เป็นกระจุก เกลี้ยง ก้านใบไม่มีร่องด้านบน ยาวได้ถึง 30 ซม. โคนก้านมีเกล็ด พบทีค่ าบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคใต้ท่ชี ุมพร
แผน่ ใบยาว 5.5-21 ซม. ใบชว่ งลา่ งใบประกอบ 3 ชนั้ มใี บประกอบยอ่ ยประมาณ สรุ าษฎร์ธานี ตรัง นราธิวาส ขนึ้ ตามคบไมใ้ นปา่ ดิบช้นื ความสงู ระดับตำ่� ๆ เปน็
3 คู่ แกนกลางสีดำ� คู่ลา่ งยาว 2.5-15 ซม. ใบยอ่ ยรูปพดั ยาว 0.6-1.5 ซม. โคนมน ไม้ประดบั ราคาแพง เป็นทอ่ี ยู่อาศัยของมดแบบได้ประโยชนร์ ว่ มกนั
หรอื แหลม ปลายมนหรอื จกั เปน็ พู แผน่ ใบดา้ นลา่ งบางครง้ั มนี วล มกี า้ นชดั เจน
กลมุ่ อบั สปอรเ์ รยี งตามขอบใบชว่ งปลาย ตอ่ เนอื่ งรปู สเ่ี หลย่ี มมน ๆ หรอื เรยี วยาว เอกสารอา้ งอิง
หรือเรียงแยกกัน มี 1-8 อบั สปอร์ Hennipman, E. and M.C. Roos. (1988). Polypodiaceae. In Flora Malesiana,
Ser.II, Vol. 3: 133-143.
พบทก่ี มั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชนื้ Joe, B. (1964). A review of the species of Platycerium. Baileya 12: 96-98.
ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ มคี วามผนั แปรสงู อาจเปน็ คนละชนดิ กบั A. fragiliforme C. Chr. Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
ท่ใี น Flora of Thailand ระบวุ า่ เป็นชอ่ื พ้อง Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/

เอกสารอ้างองิ
Lin, Y., J. Prado and M.G. Gilbert. (2013). Pteridaceae (Adiantum). In Flora of
China Vol. 2-3: 238.
Lindsay, S. and D.J. Middleton (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Pteridaceae. In Flora of Thailand Vol. 3(2):
206-216.

เฟินกา้ นด�ำ: A. flabellulatum ใบประกอบรูปคลา้ ยตนี เปด็ หรอื แบบขนนกสามช้นั กลุ่มอบั สปอร์เรียงตามขอบใบ เฟินเขากวาง: ใบประกบตน้ ผนกึ กับพืชใหอ้ าศยั ใบแทต้ ง้ั ขน้ึ แยกเปน็ 2 สว่ น แยกแขนงไม่เทา่ กนั (ภาพ: เขาสก
ห่าง ๆ กัน (ภาพ: เกาะช้าง ตราด - TP) สุราษฎร์ธานี - RP)

เฟินก้านด�ำ: A. latifolium ใบประกอบ 2 ช้ัน กลุ่มอับสปอร์เรยี งตลอดขอบบน ประมาณก่ึงหน่ึงของขอบใบล่าง เฟินเงนิ
(ภาพ: พรุโตะ๊ แดง นราธิวาส - PC)
Pityrogramma calomelanos (L.) Link
เฟินก้านด�ำ: A. stenochlamys ใบช่วงล่างใบประกอบ 3 ชั้น ใบยอ่ ยรปู พัด กลมุ่ อับสปอรเ์ รยี งตามขอบใบช่วงปลาย วงศ์ Pteridaceae
ต่อเน่ืองรูปส่เี หลยี่ มมน ๆ หรอื เรยี วยาว หรอื เรียงแยกกัน (ภาพ: เกาะช้าง ตราด - TP)
ชอ่ื พอ้ ง Acrostichum calomelanos L.

เฟนิ ขน้ึ บนดนิ เหงา้ ตงั้ ตรง เกลด็ เรยี วแคบสนี ำ้� ตาล ยาว 3-6 มม. ใบเรยี งเวยี น
ชดิ กนั ใบประกอบแบบขนนก 2-3 ชนั้ รปู ขอบขนาน ปลายเรยี วแหลม สว่ นมากยาว
15-30 ซม. กว้าง 8-15 ซม. ก้านใบสีม่วงดำ� เป็นมัน ยาว 20-30 ซม. กา้ นอ่อนมีไข
สขี าว ดา้ นบนและแกนกลางเปน็ รอ่ ง โคนมเี กลด็ ใบประกอบยอ่ ยรปู สามเหลยี่ มแคบ
ยาวได้ถงึ 10 ซม. กวา้ งประมาณ 2.5 ซม. ปลายเรยี วแหลม ใบยอ่ ยรูปขอบขนาน
หรอื รูปใบหอก ยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนรูปลิม่ ขอบจกั เวา้ ลกึ
ปลายจกั ซฟ่ี นั แผน่ ใบดา้ นลา่ งมไี ขสขี าว เสน้ แขนงใบแยกกนั หรอื แยกแขนงสองง่าม
กลุ่มอบั สปอรเ์ รยี งตามเส้นแขนงใบกระจายท้งั แผ่นใบ

พบท่ัวไปในเขตร้อน ในไทยพบทุกภาคโดยเฉพาะทางภาคใต้ ขึ้นตามท่ีโล่ง
และชายปา่ ความสูงถึงประมาณ 600 เมตร

สกลุ Pityrogramma Link อยู่ภายใตว้ งศ์ยอ่ ย Pteridoideae มีประมาณ 20 ชนิด
ส่วนมากพบในอเมริกาเขตร้อน ในไทยมีชนดิ เดยี ว ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก
“pityron” เกลด็ รงั แค และ “gramma” แถบ ตามลกั ษณะการเรียงของกลมุ่ อบั สปอร์

เอกสารอ้างองิ
Gangmin, Z. and T.A. Ranker. (2013). Pteridaceae (Pityrogramma). In Flora of
China Vol. 2-3: 212.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Pteridaceae. In Flora of Thailand Vol. 3(2):
193-194.

319

เฟนิ ซิกแซก็ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

เฟินเงนิ : ใบออกหนาแน่นตามเหงา้ ใบประกอบแบบขนนก 2-3 ช้ัน แผน่ ใบดา้ นล่างมีไขขาวทวั่ ไป กลุม่ อับสปอร์ กวา้ ง 10-30 ซม. ยาว 50-100 ซม. ก้านใบสีน้�ำตาล ยาว 25-50 ซม. กา้ นใบและ
เรยี งตามเส้นแขนงใบกระจายทง้ั แผ่นใบ (ภาพ: นราธิวาส - PC) แกนกลางใบประกอบมเี กลด็ ใบยอ่ ยมมี ากกวา่ 60 คู่ รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว
8-15 ซม. โคนเวา้ ต้ืน ด้านบนเปน็ ติง่ ขอบเปน็ คลื่น แผน่ ใบด้านบนสีเขยี วเขม้
เฟินซิกแซ็ก เปน็ มนั วาว ดา้ นลา่ งสเี ขยี วออ่ น มเี กลด็ ปกคลมุ เสน้ แขนงใบแยกแขนงเปน็ คู่ กลมุ่
อบั สปอร์กลม เรยี งเปน็ แถวใกลข้ อบใบ เยือ่ คลมุ กลุม่ อบั สปอร์รูปคลา้ ยไต
Dryopteris diffracta (Baker) C. Chr.
วงศ์ Dryopteridaceae พบทวั่ ไปในเอเชยี เขตรอ้ นจนถงึ แปซฟิ กิ ขนึ้ ตามทโ่ี ลง่ คอ่ นขา้ งแหง้ แลง้ ความสงู
100-850 เมตร
ชอ่ื พ้อง Nephrodium diffractum Baker
สกุล Nephrolepis Schott มีประมาณ 30 ชนิด ในไทยมี 8 ชนดิ หลายชนิดมี
เฟนิ ขน้ึ บนดนิ เหงา้ ตงั้ ขน้ึ สงู ไดถ้ งึ 10 ซม. เกลด็ สนี ำ�้ ตาลหนาแนน่ รปู ขอบขนาน ศักยภาพเปน็ ไม้ประดับ ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “nephros” ไต และ “lepis”
แกมรปู ไข่ ปลายเรียวแหลม ขอบเรียบบางสีอ่อน ใบประกอบแยกแขนง 3-4 ชั้น เกล็ด หมายถึงเยื่อคลมุ กลุ่มอบั สปอร์รปู คล้ายไต
รปู สามเหลีย่ มกว้างหรอื รปู ไข่ ยาวได้ถงึ 53 ซม. เกลยี้ ง แกนกลางเรยี งซกิ แซก็ ต้ืน ๆ เอกสารอ้างองิ
ปลายใบประกอบและใบประกอบยอ่ ยโคง้ พบั ลง กา้ นยาวไดถ้ งึ 50 ซม. สนี ำ้� ตาล เกลยี้ ง Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
ใบประกอบย่อยชัน้ ที่ 1-3 มชี ั้นละ 6-12 คู่ ใบย่อยคลา้ ยรูปใบพัด 3-4 คู่ ขอบจัก
เปน็ พู เสน้ แขนงใบแยกแขนงเปน็ งา่ ม กลมุ่ อบั สปอรเ์ รยี งตดิ บนเสน้ กลางใบชว่ งปลาย Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
เย่ือคลมุ กลุม่ อบั สปอร์รปู กลม ๆ Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Oleandraceae. In Flora of Thailand Vol.

พบท่ีอนิ เดยี จีนตอนใต้ ไตห้ วนั พมา่ เวียดนาม ในไทยมรี ายงานเฉพาะทาง 3(2): 170-178.
ภาคเหนือทพี่ ษิ ณโุ ลก ข้นึ ตามปา่ ดบิ เขา ความสงู 1500-1600 เมตร
เฟินใบมะขามเล็ก: ใบประกอบชั้นเดยี ว โคนใบเวา้ ต้ืน ด้านบนเป็นตงิ่ ขอบเปน็ คลนื่ กลุม่ อับสปอรก์ ลม เรียงเป็นแถว
สกุล Dryopteris Adans. มีประมาณ 400 ชนิด พบทวั่ ไปในเขตรอ้ นและก่ึงเขตรอ้ น ใกลข้ อบใบ (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - PK)
โดยเฉพาะเอเชียตะวนั ออกแถบหิมาลัย จีน ญปี่ ุ่น และเกาหลี ในไทยมี 16 ชนดิ
ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “drys” ไม้กอ่ และ “pteris” ทใี่ ชเ้ รยี ก black oak-fern เฟนิ ราชินี
เอกสารอา้ งองิ
Hai, H., L.B. Zhang and D.S. Barrington. (2013). Dryopteridaceae (Dryopteris Calciphilopteris ludens (Wall. ex Hook.) Yesilyurt & H. Schneid.
วงศ์ Pteridaceae
sect. Acrorumohra). In Flora of China Vol. 2-3: 613-614.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ชอ่ื พ้อง Pteris ludens Wall. ex Hook., Doryopteris ludens (Wall. ex Hook.) J. Sm.

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ เฟินข้ึนบนดินหรือหิน เหง้าทอดเลื้อย เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม.
เกลด็ รปู แถบหรอื รปู ลมิ่ แคบ ยาว 3-4 มม. กลางเกลด็ สนี ำ้� ตาลเขม้ ขอบสนี ำ้� ตาลออ่ น
เฟนิ ซิกแซ็ก: เหง้าตง้ั ข้ึนมีเกลด็ สนี �้ำตาลหนาแนน่ ใบประกอบแยกแขนง 3-4 ช้นั ใบย่อยคลา้ ยรูปใบพัด ขอบจกั ใบมสี องแบบ ใบไมส่ รา้ งสปอรจ์ กั ตนื้ ๆ ประมาณ 5 พู รปู รกี วา้ งเกอื บกลม ยาว
เป็นพู กลุม่ อับสปอร์เรียงตดิ บนเสน้ กลางใบชว่ งปลาย (ภาพ: ภหู นิ รอ่ งกลา้ พิษณุโลก - PK) 15-20 ซม. พูปลายใหญ่กว่าพูล่าง ใบที่มีขนาดใหญ่จักน้อยกว่าและพูล่างใหญ่
กวา่ พปู ลาย พรู ปู สามเหลย่ี มกวา้ งปลายแหลม กา้ นใบมเี สน้ ใยฝอยหนาแนน่ เสน้ แขนง
เฟินใบมะขามเล็ก ใบยอ่ ยแบบรา่ งแห ใบสรา้ งสปอรร์ ปู สามเหลย่ี ม จกั ลกึ 3-5 พู ยาวไดถ้ งึ 20 ซม.
แต่ละพรู ปู แถบ ยาวได้ถงึ 10 ซม. ปลายเรยี วแหลมหรือยาวคล้ายหาง เสน้ แขนงใบ
Nephrolepis hirsutula (G. Forst.) C. Presl สีด�ำ ก้านใบสว่ นมากยาวกว่าแผน่ ใบ ยาว 20-50 ซม. สดี �ำเปน็ เงา มขี นประปราย
วงศ์ Lomariopsidaceae โคนมเี กลด็ กลมุ่ อบั สปอรจ์ ำ� นวนมากเรยี งตามขอบใบทมี่ ว้ นงอ สปอรส์ นี ำ�้ ตาลเขม้

ชือ่ พอ้ ง Polypodium hirsutulum G. Forst. พบทีอ่ ินเดยี จีนตอนใต้ พม่า ภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย ฟิลปิ ปินส์ และ
ออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค สว่ นมากขนึ้ ตามหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร
เฟนิ ข้ึนบนพื้นดินหรอื หิน เหงา้ สนั้ ต้ังตรง เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 3-7 มม. เกล็ด มีศกั ยภาพเปน็ ไม้ประดับ
สนี �้ำตาลรปู สามเหลย่ี ม ยาว 3-4 มม. ขอบมีขน ใบประกอบช้นั เดยี ว รปู ใบหอก
สกุล Calciphilopteris Yesilyurt & H. Schneid. อย่ภู ายใต้วงศย์ ่อย Cheilan-
thoideae แยกออกมาจากสกุล Doryopteris มี 4 ชนิด พบในเอเชียเขตรอ้ นและ
ออสเตรเลีย ในไทยพบ 2 ชนดิ อกี ชนิด คือ C. alleniae (R. M. Tryon) Yesilyurt
& H. Schneid. พบทางภาคใต้ตอนลา่ ง ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “calx” หินปนู
“philus” ชอบ และ “pteris” เฟิน หมายถึงเฟนิ ที่ชอบขึ้นตามเขาหินปูน
เอกสารอ้างอิง
Gangmin, Z. and G. Yatskievych. (2013). Pteridaceae (Calciphilopteris). In Flora

of China Vol. 2-3: 216-217.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Parkeriaceae (Doryopteris ludens). In

Flora of Thailand Vol. 3(2): 196-197.

320

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ไฟเดอื นหา้

ยอดเกสร 2 อนั ยาวไดถ้ งึ 8.5 มม. ติดทน มปี ุม่ ยาวกระจายสีน้�ำตาลแดง ผลจัก
2 พู รูปหวั ใจแบน ยาวประมาณ 1.5 ซม. สว่ นมากมเี มลด็ เดียว

พบท่ีพม่า ภูมภิ าคอินโดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตาม
ชายป่าใกล้แหล่งน�้ำ ความสงู ถงึ ประมาณ 250 เมตร ผลมีรสเปรีย้ วใชป้ รุงอาหาร

สกลุ Hymenocardia Wall. ex Lindl. เคยอย่ภู ายใต้วงศ์ Euphorbiaceae มี 9 ชนิด
สว่ นมากพบในแอฟรกิ า ในไทยมชี นิดเดียว ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “hymen”
บาง และ “kardia” หัวใจ ตามลกั ษณะของผล

เอกสารอา้ งอิง
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Hymenocardia). In Flora of Thailand
Vol. 8(2): 341-343.

เฟินราชินี: ใบที่ไมส่ รา้ งสปอรจ์ กั เป็นพูตืน้ ๆ ใบสรา้ งสปอร์จกั ลกึ กา้ นใบมเี ส้นใยฝอยหนาแนน่ กลมุ่ อบั สปอรเ์ รยี ง แฟบน้ำ� : ช่อดอกเพศผแู้ บบช่อหางกระรอก ช่อดอกเพศเมียแบบชอ่ กระจะสั้น ๆ ยอดเกสร 2 อนั มีป่มุ สนี ้�ำตาลแดง
ตามขอบใบท่ีมว้ นงอ (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก - PK) ติดทน ผลจัก 2 พู รูปหวั ใจแบน (ภาพดอก: ศรสี ะเกษ - SSi; ภาพผล: หนองทงุ่ ทอง สุราษฎรธ์ านี - RP)

เฟินหิรญั ไฟเดือนห้า

Pteris blumeana J. Agardh Asclepias curassavica L.
วงศ์ Pteridaceae วงศ์ Apocynaceae

เฟนิ ข้นึ บนพน้ื ดิน เหงา้ ส้นั ตัง้ ขึน้ ปลายมีเกล็ดสนี ำ้� ตาลหนาแน่น รปู แถบ ไมล้ ้มลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ใบเรยี งตรงข้าม รูปขอบขนานแกมรปู ใบหอก ยาว
ยาวประมาณ 8 มม. ใบประกอบ 2 ช้ัน รปู รีหรอื รปู ขอบขนาน ยาว 40-70 ซม. ประมาณ 6-15 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ คลา้ ยชอ่ ซีร่ ่ม ออกท่ีปลายกิ่ง กา้ นชอ่
กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 85 ซม. โคนกา้ นใบสนี ำ้� ตาลอมแดงหรอื สมี ว่ ง ใบประกอบยอ่ ย ยาว 3.5-6 ซม. มขี นสัน้ นมุ่ ดอกสีแดงหรืออมเหลือง ยาวเกือบ 1 ซม. กลีบเลย้ี ง
มไี ดถ้ งึ 12 คู่ รปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 28 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง กา้ นใบและแกนกลาง 5 กลีบ ขนาดเล็ก มตี ่อม กลบี ดอกเวยี นคลา้ ยกงลอ้ มี 5 กลบี แฉกลึก กลบี พบั งอกลับ
เปน็ รอ่ งดา้ นบน บางครงั้ มขี นหยาบ ใบยอ่ ยรปู ขอบขนานแคบ ๆ ปลายมนหรอื กลม มกี ะบงั รอบสเี หลอื งหรอื สม้ ปลายเปน็ ตะขอ กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด
ยาวได้ถงึ 3.5 ซม. ขอบเรยี บ เช่อื มติดกันคลา้ ยปกี ดา้ นบนมขี นยาวคล้ายหนาม อับเรณูมีรยางค์โค้ง ยอดเกสรเพศเมียรูปกรวย ผลแห้งแตกรูปกระสวย ยาว
บนเสน้ กลางใบ มขี นสน้ั นมุ่ ประปราย ชว่ งโคนมกั มปี น้ื สขี าว เสน้ แขนงใบแยก 2 งา่ ม 5-10 ซม. เมลด็ รปู ไข่ แบน ยาวประมาณ 6-7 มม. กระจุกขนยาว 2-4 ซม.
กล่มุ อับสปอรเ์ รียงทขี่ อบใบยอ่ ยช่วงปลายและสว่ นเว้า เยอ่ื คลมุ สซี ดี บางใส
มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ วชั พชื ทว่ั ไป รากและดอกมสี รรพคณุ สมนุ ไพร
พบทอ่ี นิ เดยี ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ขนึ้ ใตร้ ม่ เงาในปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชน้ื สว่ นต่าง ๆ มสี าร asclepiadin เป็นพษิ โดยเฉพาะกบั สัตวเ์ ลี้ยงอาจถงึ ชวี ิต
และปา่ ดิบเขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร เปน็ ไม้ประดบั
สกุล Asclepias L. อย่ภู ายใตว้ งศย์ ่อย Asclepiadoideae มปี ระมาณ 100 ชนิด
สกุล Pteris L. อยู่ภายใตว้ งศย์ ่อย Pteridoideae มีประมาณ 250 ชนดิ พบใน ส่วนใหญพ่ บในอเมรกิ าเขตรอ้ น ในไทยขึ้นเปน็ วัชพชื ชนิดเดยี ว และอีกชนิด
เขตร้อนและก่งึ เขตร้อน ในไทยมี 27 ชนดิ ชอ่ื สกุลเปน็ ภาษากรีกหมายถงึ เฟิน เปน็ ไมป้ ระดับ ดอกสีเหลือง อาจเปน็ พันธ์ุผสม A. tuberosa ‘Hello Yellow’ ชอื่
เอกสารอา้ งองิ สกลุ มาจากช่อื เทพเจา้ กรีกโบราณ Asclepius ซงึ่ เป็นเทพเจ้าแหง่ การรกั ษาโรค
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and เนือ่ งจากพชื หลายชนดิ ในสกุลนี้มีสรรพคุณด้านสมนุ ไพร
เอกสารอา้ งอิง
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ Li, B., M.G. Gilbert and W.D. Stevens. (1995). Asclepiadaceae. In Flora of
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Pteridaceae. In Flora of Thailand Vol. 3(2): 244.
China Vol. 15: 203-204.
เฟนิ หริ ญั : ใบประกอบ 2 ชน้ั แผน่ ใบดา้ นบนมีขนยาวคล้ายหนามบนเส้นกลางใบ ช่วงโคนมกั มีป้ืนสีขาว ๆ เส้น
แขนงใบแยก 2 ง่าม (ภาพ: เขาแหลม กาญจนบุรี - PK) ไฟเดือนห้า: ชอ่ ดอกคล้ายช่อซร่ี ่ม (ภาพซา้ ย: เขาใหญ่ นครราชสมี า - SSi); ไฟเดือนห้า: พนั ธผุ์ สม (ภาพขวา:
cultivated - RP)
แฟบน�ำ้

Hymenocardia punctata Wall. ex Lindl.
วงศ์ Phyllanthaceae

ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 7 ม. แยกเพศตา่ งตน้ สว่ นตา่ ง ๆ มขี นและเกลด็ หใู บรปู สามเหลยี่ ม
ยาว 1-3 มม. รว่ งเรว็ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู รี ยาว 2.5-8.5 ซม. ปลายแหลม
หรอื แหลมยาว โคนมนหรือเว้าตน้ื แผน่ ใบด้านลา่ งมเี กลด็ หนาแน่น ตุ่มใบเปน็
ขนกระจุก กา้ นใบยาว 0.5-1.2 ซม. ไมม่ ีกลีบดอกและจานฐานดอก กลีบเล้ยี ง
5 กลีบ ช่อดอกเพศผูแ้ บบชอ่ หางกระรอก ยาวไดถ้ ึง 2.5 ซม. กลบี เลีย้ งสแี ดง
หรอื อมมว่ ง เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1.5 มม. เกสรเพศผู้ 4-5 อนั เชอ่ื มตดิ
เกสรเพศเมยี ทเ่ี ปน็ หมนั ชอ่ ดอกเพศเมยี แบบชอ่ กระจะ ยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. กลบี เลยี้ ง
สีนำ�้ ตาล เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 1 มม. รังไข่มี 2 ชอ่ ง เกสรเพศเมียไร้ก้าน

321

ภมู พิ ลินทร์ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ภูมพิ ลนิ ทร์ พบทจ่ี ีนตอนใต้ พมา่ และภาคเหนือของไทยท่ีดอยอา่ งขาง จงั หวดั เชียงใหม่
ขน้ึ ในหุบเขาในปา่ ดิบเขา ความสูง 1400-1500 เมตร
Paraboea bhumiboliana Triboun & Chuchan
วงศ์ Gesneriaceae มณฑริ า

ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 60 ซม. แตกกงิ่ หนาแนน่ มขี นสน้ั นมุ่ ใบเรยี งตรงขา้ มหนาแนน่ Magnolia insignis Wall.
ช่วงปลายกิง่ รปู รี รูปไข่ หรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 2.5-6 ซม. ปลายมน ขอบจักมน
แผน่ ใบดา้ นบนมขี นตอ่ ม ดา้ นลา่ งมขี นแบบขนแกะ กา้ นใบยาว 3-7 มม. โคนมคี รบี ช่ือพอ้ ง Manglietia insignis (Wall.) Blume, M. yunnanensis Hu
เชอื่ มตดิ ใบตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แตล่ ะชอ่ มี 1-5 ดอก มขี นคลา้ ยใยแมงมมุ
หนาแนน่ ใบประดับรปู ใบหอกขนาดเล็ก กา้ นดอกสั้น กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ ตดิ ทน ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 30 ม. กง่ิ อ่อนมีขนสีนำ้� ตาลแดงอมเหลอื ง ใบรปู ไข่ รปู รี หรอื
ดอกสมี ว่ งหรอื ชมพอู อ่ น หลอดกลบี ดอกยาว 1.4-1.8 ซม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง รปู ขอบขนาน ยาว 10-26 ซม. เส้นแขนงใบขา้ งละ 10-22 เสน้ แผ่นใบด้านล่าง
ประมาณ 2 ซม. โคนมจี ดุ สีเหลอื ง กา้ นชอู ับเรณยู าว 5.5-7 มม. อับเรณยู าว 4-5 มม. มีขนส้ันนุ่มสีน�้ำตาลแดงตามเส้นกลางใบ มีรอยใบประดับท่ีใต้วงกลีบรวมห่าง
เกสรเพศผ้เู ป็นหมนั 3 อนั รงั ไขม่ ขี นสน้ั น่มุ กา้ นเกสรเพศเมียยาว 6-7 มม. ยอดเกสร ประมาณ 1 ซม. กลบี รวม 9 กลบี หนา 3 กลบี นอกสีน�ำ้ ตาลอมมว่ งออ่ น รปู ไข่กลบั
รูปล้ิน ยาว 4-5 มม. ปลายแยก 2 แฉก ผลรปู ใบหอกบดิ เวียน ยาว 1-1.5 ซม มีขน แกมรปู ขอบขนาน ยาว 7-9 ซม. กลบี ดา้ นในสอี อ่ น แคบและสน้ั กวา่ เลก็ นอ้ ย โคน
คล้ายใยแมงมุมหนาแน่น (ดขู ้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ ชาฤาษี, สกลุ ) เรียวแคบคล้ายกา้ นกลบี เกสรเพศผู้ยาว 1-1.8 ซม. รยางค์รูปสามเหล่ียม ปลายมตี งิ่
คาร์เพลเรยี งเวียนรอบแกน ผลรวมรปู ไขห่ รอื รปู รี ยาว 7-12 ซม. ผลย่อยแข็ง มีปมุ่
พืชถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทีต่ าก ลำ� พนู ข้ึนบนก้อนหนิ ความสงู แตกตามรอยแยก เมลด็ สแี ดง ยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี จำ� ป,ี สกลุ )
ถึงประมาณ 200 เมตร ค�ำระบุชนิดต้ังเพ่ือเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และทรง พบที่อินเดยี เนปาล จนี และพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือท่ีภูหนิ รอ่ งกล้า
โปรดเกล้าฯ พระราชทานชอื่ ไทย จงั หวดั พษิ ณโุ ลก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทภ่ี สู วนทราย จงั หวดั เลย ขนึ้ ตาม
ป่าดิบเขา ความสูง 900-1600 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
Triboun, P. and D.J. Middleton. (2012). Twenty new species of Paraboea เอกสารอ้างองิ
(Gesneriaceae) from Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 64(2): 337-339. Keng, H. (1975). Magnoliaceae (Manglietia garrettii). In Flora of Thailand Vol.
2(3): 252-253.
Liu, Y., N. Xia, L. Yuhu and H.P. Nooteboom. (2008). Magnoliaceae. In Flora
of China Vol. 7: 55-56.
Nooteboom, H.P. and P. Chalermglin. (2009). The Magnoliaceae of Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 37: 111-138.

ภูมพิ ลินทร:์ กลีบดอกรูปปากเปดิ ผลรปู ใบหอกบดิ เวียน มีขนคลา้ ยใยแมงมมุ หนาแน่น (ภาพ: ตาก - DM) มณฑาป่า: ดอกสมี ว่ งอมเขียวและแดง ผลกลมุ่ รปู ทรงกระบอก (ภาพดอก: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่ - SSi; ภาพผล:
แม่สอด ตาก - RP)
มณฑาป่า
มณฑาอา่ งขาง: ดอกสคี รีม กลีบวงในหนาและเรียวแคบกวา่ เลก็ นอ้ ย (ภาพ: อา่ งขาง เชียงใหม่ - SSi)
Magnolia garrettii (Craib) V. S. Kumar มณฑิรา: กลีบรวมกลบี นอกสนี �้ำตาลอมม่วงออ่ น กลีบด้านในสีออ่ น แคบและส้นั กว่าเล็กนอ้ ย โคนเรยี วแคบคลา้ ย
วงศ์ Magnoliaceae ก้านกลีบ (ภาพ: ภูหินรอ่ งกลา้ พิษณุโลก - NN)

ชอื่ พอ้ ง Manglietia garrettii Craib

ไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 20 ม. ใบรูปรี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรูปไขก่ ลับ ยาว 18-30 ซม.
เสน้ แขนงใบขา้ งละ 15-25 เสน้ ก้านใบยาว 3-5 ซม. โคนปอ่ ง มขี นละเอียด ดอกออก
ทปี่ ลายกงิ่ กา้ นดอกยาว 2.5-4 ซม. ดอกสมี ว่ งอมเขยี วและแดง กลบี รวมมี 9-12 กลบี
เรยี งวงละ 3 กลบี อวบหนา รปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั กลบี วงนอกยาว 6-9 ซม.
ขอบกลีบห่อ ปลายโค้งเข้า กลีบวงในแคบและเล็กกว่าเล็กน้อย สีเข้มกว่า
เกสรเพศผยู้ าว 1-1.5 ซม. รยางคย์ าวประมาณ 3 มม. คารเ์ พลเรยี งเวยี นรอบแกน
ผลกลมุ่ รปู ไขห่ รอื ทรงกระบอก ยาว 4-12 ซม. ผลยอ่ ยแตกดา้ นลา่ ง ยาว 0.5-1.5 ซม.
ห้อยลง มจี ะงอยส้ัน ๆ เมลด็ สแี ดงรูปรี แบน ยาวประมาณ 1 ซม. (ดูขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ท่ี
จำ� ปี, สกุล)

พบทจ่ี นี ตอนใต้ เวยี ดนาม และภาคเหนอื ของไทยทแ่ี มฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย
น่าน พษิ ณโุ ลก ตาก ข้ึนตามป่าดบิ เขา ความสูง 1000-1850 เมตร

มณฑาอา่ งขาง

Magnolia hookeri (Cubitt & W. W. Sm.) D. C. S. Raju & M. P. Nayar

ชือ่ พอ้ ง Manglietia hookeri Cubitt & W. W. Sm.

ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. กงิ่ ออ่ นมขี นยาว ใบรปู ไขก่ ลบั หรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว
8-35 ซม. เสน้ แขนงใบข้างละ 16-25 เสน้ เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบร่างแห ก้านใบยาว
1-5 ซม. ดอกออกท่ปี ลายกง่ิ กา้ นดอกยาว 2-3 ซม. ดอกสีครีม กลีบรวมมี 9-12 กลบี
เรียงวงละ 3 กลีบ 3 กลีบนอกรูปขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว 6-8 ซม. กลบี กลางและ
กลบี ในเรยี วแคบกวา่ โคนคลา้ ยเปน็ กา้ นกลบี อบั เรณรู ปู แถบ ยาว 1-1.5 ซม. รยางค์
มตี งิ่ แหลม คารเ์ พลเรยี งเวยี นรอบแกน ผลรวมรปู ไข่ ยาว 7-10 ซม. ผลยอ่ ยแตกตาม
รอยเชอ่ื ม รปู สเี่ หลย่ี มคางหมู ปลายเปน็ จะงอยสน้ั ๆ (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี จำ� ป,ี สกลุ )

322

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย มณจี ันทร์

มณเฑยี รแดง มณเฑยี รแดง: มีขนสั้นนมุ่ ตามก่ิง กลีบเลยี้ ง และผล ดอกออกเดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ หรือเปน็ กระจุกคล้ายช่อซร่ี ่ม ทีป่ ลายก่งิ
กลีบดอกมปี นื้ สีมว่ งอมแดง กลบี ปากกลบี บนเวา้ ต้นื โคนก้านชอู บั เรณูคลู่ า่ งมเี ดือยยาว (ภาพ: เขาพระวิหาร ศรสี ะเกษ - RP)
Torenia pierreana Bonati
วงศ์ Linderniaceae มณเฑยี รทอง: ถิน่ ทอี่ ยู่ ข้นึ ตามทโี่ ล่งบนหนิ ทราย ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ ดอกสีเหลือง ล�ำต้นและใบมขี นยาว
หนาแนน่ (ภาพ: ภกู ระดงึ เลย - SSi)
ไมล้ ม้ ลกุ สูง 10-60 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ ตามล�ำต้น แผ่นใบทงั้ สองด้าน กา้ นใบ
ก้านดอก และกลบี เลย้ี ง ใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 2-4 ซม. โคนมนหรือกลม มณเฑียรระนอง: ล�ำต้นทอดนอน ใบเรยี งตรงขา้ มไรก้ า้ น ดอกออกเดีย่ ว ๆ ที่ปลายกงิ่ กลบี บนปลายกลบี เวา้ ตน้ื
กา้ นใบยาว 0.2-1 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ หรอื เปน็ กระจุกคลา้ ยช่อซรี่ ่ม โคนเกสรเพศผู้คู่ลา่ งมเี ดือยยาว (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)
ทป่ี ลายกง่ิ มี 2-4 ดอก ก้านดอกยาว 1-2.5 ซม. กลบี เล้ยี งยาว 1-1.2 ซม. ยาว
1.4-1.7 ซม. ในผล หลอดกลีบมี 5 สัน ดอกสมี ่วงอ่อน มีป้นื สมี ว่ งอมแดง ยาว มณเฑียรสยาม: ดอกออกเป็นกระจกุ ท่ีปลายกง่ิ หลอดกลบี เล้ียงมี 5 สัน มขี นสากประปราย (ภาพ: ทุง่ แสลงหลวง
2.5-3 ซม. กลบี บนกวา้ ง 0.8-1 ซม. ยาว 7-8 มม. ปลายกลบี เวา้ ตน้ื กลบี ลา่ งกลม ขนาด พิษณโุ ลก - MT)
6-7 มม. โคนกา้ นชอู บั เรณูคูล่ ่างมีเดอื ย ยาว 1-1.8 มม. ผลยาว 1-1.2 ซม. มขี น
หนาแน่น (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ แววมยรุ า, สกลุ ) มณีจันทร์

พบทกี่ มั พชู า ในไทยพบแทบทกุ ภาค กระจายหา่ ง ๆ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ หรอื ทงุ่ หญา้ Lysionotus serratus D. Don
ทีช่ น้ื แฉะ ความสงู 600-1400 เมตร วงศ์ Gesneriaceae

มณเฑยี รทอง ไมพ้ มุ่ องิ อาศยั สงู ไดถ้ งึ 1 ม. ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื รอบขอ้ รปู รี รปู ขอบขนาน
หรือแกมรูปไขก่ ลบั ยาว 4-20 ซม. ปลายมนหรือแหลมยาว โคนรูปล่มิ หรือกลม
Torenia hirsutissima Bonati ขอบมกั จกั ฟนั เลอ่ื ยหรอื จกั ซฟ่ี นั กา้ นใบยาวไดก้ วา่ 20 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
ไม้ลม้ ลกุ สงู 10-60 ซม. มีขนยาวตามล�ำตน้ แผ่นใบทั้งสองด้าน กา้ นใบ ออกตามซอกใบ ก้านช่อยาว 3-17 ซม. ใบประดบั เรียงตรงขา้ ม รูปไข่ ยาว 0.3-1 ซม.
กา้ นดอกยาว 0.3-1 ซม. กลีบเลย้ี ง 5 กลีบ แยกจรดโคน รูปขอบขนาน ยาว 4-8 มม.
ก้านดอก และกลีบเล้ยี ง ใบรูปรถี งึ รูปใบหอก หรือแกมรูปไข่ ยาว 1.5-3 ซม. โคนตัด ดอกสมี ว่ งออ่ น หลอดกลบี ดอกยาว 2.5-4.5 ซม. ปอ่ งชว่ งปลาย ดา้ นนอกมขี นละเอยี ด
กา้ นใบยาว 4-8 มม. ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 2-5 ซม. กลบี เลย้ี ง โคนดา้ นในมขี นตอ่ มประปราย กลบี รปู รกี วา้ ง กลบี คบู่ นยาวประมาณ 4 มม. กลบี ลา่ ง
ยาว 1.2-1.8 ซม. หลอดกลีบมสี นั เปน็ ครบี 5 อนั ดอกสีเหลอื ง ยาว 2.5-3.5 ซม. 3 กลีบ ยาว 0.8-1 ซม. เกสรเพศผู้ 2 อนั ติดประมาณกึง่ กลางหลอดกลีบดอก
กลบี บนกลมกวา้ ง กว้างไดถ้ ึง 1.5 ซม. ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายกลบี เว้าตนื้ กา้ นชอู บั เรณยู าว 0.7-1 ซม. อบั เรณตู ดิ ทโ่ี คน ปลายมรี ยางคค์ ลา้ ยเขา ยาวประมาณ
กลบี ลา่ งขนาดเลก็ กวา่ กลบี บนเลก็ นอ้ ย โคนกา้ นชอู บั เรณคู ลู่ า่ งมเี ดอื ยยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั 3 อนั จานฐานดอกรปู วงแหวน รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลแหง้ แตก
2 มม. ผลยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู อ้ มูลเพม่ิ เติมท่ี แววมยุรา, สกลุ ) รปู แถบ ยาว 3-11 ซม. เมล็ดยาวประมาณ 1 มม. มขี นทปี่ ลายทงั้ สองดา้ น 1 เส้น

พบท่ีลาว และกัมพูชา ในไทยพบทางภาคเหนือท่ีภูเม่ียง จังหวัดพิษณุโลก
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเ่ี ลย ชยั ภมู ิ และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ต่ี ราด ขน้ึ หนาแนน่
ตามทโ่ี ลง่ หรือทุ่งหญา้ ท่ีชนื้ แฉะ ความสูง 500-1300 เมตร

มณเฑียรระนอง

Torenia ranongensis T. Yamaz.
ไมล้ ม้ ลกุ ทอดนอน ยาวไดถ้ งึ 70 ซม. เกลยี้ ง ใบรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว

2-5 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมหรือเวา้ ตนื้ แผน่ ใบเกล้ียงหรอื มขี นประปราย
ไร้ก้านหรือเกือบไรก้ ้าน ใบบางครั้งมสี นี ำ�้ ตาลอมแดง ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ
หรอื ปลายกง่ิ ก้านดอกยาว 1-2.5 ซม. กลีบเล้ียงยาว 1.6-1.8 ซม. หลอดกลีบมสี ัน
เปน็ ครีบ 5 อัน เกลี้ยงหรอื มีขนประปราย ดอกสมี ว่ ง ยาวประมาณ 3.5 ซม. กลีบบน
กลมกว้าง กว้างประมาณ 1.3 ซม. ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายกลบี เว้าต้ืน กลบี ล่าง
ขนาดเลก็ กวา่ กลบี บนเลก็ นอ้ ย โคนกา้ นชอู บั เรณคู ลู่ า่ งมเี ดอื ยยาวประมาณ 4 มม.
ผลยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมท่ี แววมยุรา, สกลุ )

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ ่ีระนอง กระบี่ สงขลา ขึ้นตามทีโ่ ลง่ หรือ
ทงุ่ หญา้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1300 เมตร คล้ายกบั T. thailandica T. Yamaz.
ทก่ี า้ นใบยาวไดถ้ ึง 1 ซม.

มณเฑียรสยาม

Torenia siamensis T. Yamaz.
ไมล้ ม้ ลกุ สูงไดถ้ ึง 60 ซม. เกลี้ยง ใบรปู ขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 2.5-6.5 ซม.

โคนมนหรอื กลม แผน่ ใบสากดา้ นบน มักมีขนประปรายตามเสน้ แขนงใบ ไรก้ ้าน
หรอื มกี ้านสน้ั ๆ ดอกออกเป็นกระจกุ 2-6 ดอก ทป่ี ลายกง่ิ ใบประดับรปู เส้นด้าย
ยาว 1-3 มม. กา้ นดอกยาว 0.7-1.5 ซม. กลบี เลยี้ งยาว 1.8-2.5 ซม. หลอดกลีบ
มี 5 สนั มีขนสากประปราย ดอกสีมว่ ง ยาว 3-3.5 ซม. กลบี บนกลมกว้าง กวา้ ง
1.2-1.6 ซม. ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายกลบี เรยี บหรือเว้าตื้น กลีบลา่ งขนาดเล็ก
กวา่ กลบี บนเลก็ นอ้ ย โคนกา้ นชอู บั เรณคู ลู่ า่ งมเี ดอื ยยาวประมาณ 2 มม. ผลยาว
ประมาณ 1.2 ซม. (ดูขอ้ มลู เพมิ่ เติมที่ แววมยุรา, สกลุ )

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทท่ี งุ่ แสลงหลวง จงั หวดั พษิ ณโุ ลก และ
น�้ำหนาว จงั หวัดเพชรบรู ณ์ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ท่ีชยั ภมู ิ ขนึ้ ตามทีโ่ ล่ง
หรอื ทุง่ หญ้าในปา่ สนเขา ความสูงถงึ ประมาณ 1100 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Yamazaki, T. (1990). Scrophulariaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(2): 206-214.

323

มลายเขา สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

พบทอ่ี นิ เดยี เนปาล ภฏู าน พม่า จนี ตอนใต้ เวยี ดนามตอนบน ในไทยพบทาง มลายเขา: ดอกออกตามซอกใบ กลบี ดอกบาง กา้ นดอกหนา กลบี เลีย้ งพบั งอกลบั รังไข่เป็นสนั นนู มีขนสนั้ นมุ่
ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามคบไม้ ผลแหง้ แลว้ แยกเปน็ 5 ซีก มปี กี (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - RP)
หรือบนหินปูนในป่าดิบเขา ความสูงถึงประมาณ 2000 เมตร แยกเป็น var.
pterocaulis C. Y. Wu ex W. T. Wang ลำ� ตน้ มเี หลยี่ มเปน็ ปกี พบทจ่ี นี และเวยี ดนาม ม่วงก�ำ มะหย่ี

สกุล Lysionotus D. Don มีประมาณ 25 ชนดิ สว่ นมากพบในจนี ในไทยมชี นดิ เดียว Petrocosmea pubescens D. J. Middleton & Triboun
ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี “lysis” ปลอ่ ย และ “notos” สีด�ำ หมายถงึ การแตกของผล วงศ์ Gesneriaceae
เอกสารอา้ งองิ
Wang, W., K.Y. Pan, Z.Y. Li, A.L. Weitzman and L.E. Skog. (1998). Gesneriaceae. ไมล้ ม้ ลกุ มขี นสน้ั นมุ่ หนาแนน่ ตามเหงา้ แผน่ ใบ กา้ นใบ ชอ่ ดอก กลบี เลย้ี ง
และกลีบดอกด้านนอก ใบรูปกลมหรอื รปู ไขก่ ว้าง ยาว 4-9 ซม. ปลายกลม โคนใบ
In Flora of China Vol. 18: 392. แบบก้นปดิ เส้นแขนงใบข้างละ 3-5 เสน้ ก้านใบยาว 8-20 ซม. ใบอ่อนสีเงิน ช่อดอก
คลา้ ยชอ่ ซีร่ ่มออกจากเหง้า 1-2 ดอก ก้านช่อยาว 4.5-7.5 ซม. ก้านดอกยาว
มณีจันทร:์ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก โคนหลอดกลีบดอกเรยี วแคบครึง่ ล่าง ช่วงปลายป่อง กลีบเลยี้ งแยกจรดโคน ติดทน 0.7-1.7 ซม. กลีบเลยี้ งรปู ปากเปดิ ยาวประมาณ 5 มม. กลบี รูปแถบ กลีบบน 2 กลบี
ผลรปู แถบ (ภาพ: ดอยตุง เชยี งราย; ภาพดอก - RP, ภาพผล - MB) แยกกัน 3 กลบี ลา่ งเชอ่ื มตดิ กนั ประมาณ 2 มม. ดอกสมี ว่ งเขม้ หลอดกลีบดอก
ยาวประมาณ 4.5 มม. ดา้ นในมตี ่อมเล็ก ๆ กลีบปากบนยาว 6-8.5 มม. แฉกลึก
มลายเขา กลีบลา่ งยาว 10-12.5 มม. กลบี รปู รีกว้าง กลบี กลางยาวประมาณ 8 มม. กลีบค่ขู ้าง
ยาวกวา่ เลก็ นอ้ ย อบั เรณยู าวประมาณ 4 มม. มตี อ่ มกระจาย เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั
Burretiodendron esquirolii (H. Lév.) Rehder 3 อนั รังไขม่ ขี นและต่อมหนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 8.5 มม. (ดูข้อมูล
วงศ์ Malvaceae เพิม่ เตมิ ท่ี ขาวกำ� มะหยี่, สกลุ )

ช่อื พอ้ ง Pentace esquirolii H. Lév. พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทดี่ อยตงุ จงั หวดั เชยี งราย ขนึ้ บนหนิ ปนู
ในปา่ ดบิ เขา ความสงู 1300-1400 เมตร
ไมต้ น้ ผลดั ใบ สูง 10-15 ม. แยกเพศตา่ งตน้ กงิ่ อ่อนมีขนรูปดาวหนาแน่น
หูใบขนาดเลก็ ร่วงเรว็ ใบเรียงเวยี น รปู รี ยาว 6-15 ซม. ช่วงปลายบางคร้ังจักตืน้ ๆ เอกสารอ้างอิง
3 แฉก ปลายแหลมยาว โคนกลมหรือเว้าต้ืน เส้นโคนข้างละ 2-3 เสน้ เสน้ แขนงใบ Middleton, D.J. and P. Triboun. (2010). Two new species of Petrocosmea
ข้างละ 2-4 เส้น ก้านใบยาว 2-5 ซม. ดอกเพศผอู้ อกเป็นกระจกุ 1-3 ดอก ดอกเพศเมยี (Gesneriaceae) from Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 38: 44-47.
ออกเดยี่ ว ๆ ก้านดอกหนา ใบประดับรูปไข่ 2 ใบ ติดใตก้ ลบี เลี้ยง กลีบเลย้ี ง 5 กลบี
รปู ใบหอก พบั งอกลับ ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกสีครมี มี 5 กลีบ รูปรี ยาว 1-1.2 ซม. มว่ งก�ำมะหย:ี่ ส่วนตา่ ง ๆ มขี นสน้ั นุ่ม โคนใบแบบกน้ ปดิ กา้ นใบยาว ชอ่ ดอกออกจากเหง้า มี 1-2 ดอก กลีบดอก
เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก แยกเปน็ 5 กลมุ่ อบั เรณตู ดิ ทฐี่ าน ไมม่ เี กสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั รปู ปากเปดิ (ภาพ: ดอยตงุ เชียงราย - PK)
ในดอกเพศเมีย รงั ไข่ 5 ช่อง เป็นสันนนู มีขนส้นั นมุ่ เปน็ หมันในดอกเพศผู้ เกสรเพศเมยี
5 อัน แยกกัน ผลแหง้ แล้วแยกเปน็ 5 ซกี มีปีก รูปรหี รือรูปขอบขนาน ยาว 4-6 ซม. มว่ งไตรบุญ, สกุล
แตล่ ะซกี มเี มลด็ เดียว รปู ไข่กลบั ยาวประมาณ 1 ซม.
Tribounia D. J. Middleton
พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ ตอนลา่ ง และทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตข้ องไทยทกี่ าญจนบรุ ี วงศ์ Gesneriaceae
เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรขี ันธ์ ข้ึนตามปา่ ดบิ แล้ง ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ
ไมล้ ม้ ลกุ ใบเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ซอ้ น ออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ
สกลุ Burretiodendron Rehder เดมิ อยู่ภายใตว้ งศ์ Tiliaceae ปจั จุบนั อยู่วงศย์ อ่ ย กลบี เล้ียง 5 กลบี แยกเกือบจรดโคน ตดิ ทน ดอกรปู แตรสีมว่ ง สมมาตรด้านขา้ ง
Dombeyoideae มปี ระมาณ 7 ชนิด พบท่ีจนี ตอนใต้ พม่า เวียดนามตอนบน ในไทย มี 5 กลบี กลบี คลู่ า่ งเวา้ เปน็ แอง่ รบั เกสรเพศผทู้ สี่ มบรู ณ์ 2 อนั เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
อาจมชี นิดเดียว B. siamense Kosterm. อาจเปน็ ชื่อพ้องของมลายเขา ส่วน 2 อัน กา้ นชอู บั เรณูแผก่ ว้าง มีเกสรเพศผู้ท่ีลดรูปขนาดเล็ก 1 อัน ระหวา่ งคู่ที่
B. umbellatum Kosterm. เปน็ ชอ่ื พ้องของ Mansonia gagei J. R. Drumm. ช่อื สกุล เปน็ หมนั หรือไม่มี จานฐานดอกเปน็ วง รังไขร่ ปู ทรงกระบอก มกี ้าน มี 2 คารเ์ พล
ต้งั ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมนั Karl Ewald Maximilian Burret (1883-1964) พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ 2 แนว ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ยอดเกสร
เอกสารอา้ งอิง เป็นต่มุ ผลแหง้ แตกกลางพู รปู กระสวย ห้อยลง เมลด็ จำ� นวนมาก รปู รีขนาดเลก็
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 56-59. เปน็ สันตามยาว มีปุม่ กระจาย
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Tiliaceae. In Flora of China Vol.
สกุล Tribounia แยกมาจากสกลุ Didymocarpus ตามลกั ษณะกลบี ดอกคู่ล่าง
12: 262. เวา้ เป็นแอง่ รบั เกสรเพศผทู้ ่ีสมบรู ณ์ 2 อนั ยอดเกสรเพศเมียเปน็ ตมุ่ ผลมีก้าน
Zhuge, R. (1990). On the genus Burretiodendron sensu lato (Tiliaceae). Journal ยาวหอ้ ยลง ไม่บิดเป็นเกลียว เปน็ สกุลทพี่ บเฉพาะในไทย มี 2 ชนิด ชอื่ สกุลต้งั
ตามชือ่ ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ ผรู้ ่วมวิจยั พชื วงศ์ Gesneriaceae ของไทย
of the Arnold Arboretum 71: 371-380.

324

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ม่วงนำ�้ เงิน

มว่ งไตรบญุ มว่ งเทพรตั น์

Tribounia venosa (Barnett) D. J. Middleton Exacum affine Balf. f. ex Regel
วงศ์ Gentianaceae
ชอ่ื พอ้ ง Didymocarpus venosus Barnett
ไม้ลม้ ลกุ สูงได้ถึง 30 ซม. ใบรูปรีหรือรูปไข่ ยาว 1.5-3 ซม. ปลายแหลมหรอื มน
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-40 ซม. มขี นปลายมว้ นงอคลา้ ยตะขอและขนตอ่ มตามล�ำตน้ โคนตดั หรอื เวา้ ตืน้ บางครั้งเบีย้ ว เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เส้น เรียวจรดปลายใบ
แผน่ ใบทง้ั สองดา้ น ชอ่ ดอก กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกดา้ นนอก และผล ใบรปู ไข่ ยาว กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกออกเดย่ี ว ๆ เรยี งชดิ กนั คลา้ ยเปน็ ชอ่ ทป่ี ลายกง่ิ กา้ นดอก
3-9.2 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเวา้ รปู หัวใจ ขอบจักซฟี่ ันหรือจกั มน เสน้ แขนงใบ ยาว 1.5-3 ซม. กลีบเลยี้ งแยกจรดโคน มี 5-6 กลีบ มีครบี คลา้ ยปีกคลา้ ยรูปคล้ายไต
ข้างละ 5-9 เส้น ก้านใบยาว 3-10 ซม. ชอ่ ดอกยาว 9-17 ซม. ก้านช่อยาว 4-9.5 ซม. หรอื รูปหัวใจ กว้าง 3-4 มม. ปลายมีจะงอยยาวประมาณ 2 มม. ดอกสีมว่ งหรอื ขาว
กา้ นดอกยาว 1-1.4 ซม. กลีบเล้ียงรปู ขอบขนาน ยาว 3.5-4.5 มม. ปลายแหลมยาว มี 5-6 กลบี เรียงซอ้ นเหลื่อม เชอื่ มติดกันท่โี คนเปน็ หลอดส้ัน ๆ กลบี รปู รกี ว้าง
ดอกยาว 2-2.5 ซม. หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลบี รปู รกี วา้ งเกอื บกลม ยาว 7-8 มม. เกสรเพศผู้มี 5-6 อัน ติดระหว่างกลบี ดอก ก้านชูอับเรณูสั้นกว่า
คบู่ นกวา้ งประมาณ 9 มม. ยาวประมาณ 7 มม. กลบี ลา่ งเลก็ กวา่ กลบี ปากบนเลก็ นอ้ ย อบั เรณู งอไปดา้ นเดยี ว อบั เรณสู เี หลอื ง ยาว 3-4 มม. มรี เู ปดิ ทป่ี ลาย รงั ไขเ่ กลยี้ ง
ขอบกลบี มีต่อม ก้านชอู บั เรณูยาวประมาณ 2.5 มม. เกสรเพศผู้ที่เป็นหมนั ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศเมียมี 1 หรอื 3 อนั ยาวกวา่ เกสรเพศผู้ โค้งงอตรงขา้ มเกสรเพศผู้ ยอดเกสร
อนั ทส่ี มบรู ณ์ ไมม่ อี นั ทล่ี ดรปู รงั ไขย่ าวประมาณ 6 มม. กา้ นสนั้ ผลยาว 2-3 ซม. เปน็ ต่มุ (ดขู ้อมลู เพ่มิ เตมิ ท่ี หญ้าเหลยี่ ม, สกุล)

พืชถนิ่ เดียวของไทย พบทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ มีถ่ินก�ำเนิดที่เกาะ Socotra และ Samha ในมหาสมุทรอินเดียของเยเมน
ขนึ้ ตามเขาหินปนู เตยี้ ๆ ความสูงไม่เกนิ 200 เมตร เป็นไม้ประดบั ในเรอื นกระจกในยโุ รปต้งั แตช่ ่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในไทย
สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชด�ำรใิ ห้
มว่ งไตรบุญดอกใหญ่ เกบ็ รักษาและขยายพันธุ์ และพระราชทานช่อื ไทย

Tribounia grandiflora D. J. Middleton เอกสารอา้ งองิ
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 50-60 ซม. มขี นตอ่ มเหนยี วและขนปลายมว้ นคลา้ ยตะขอตาม Knees, S.G., A. Patzelt and A. Miller. (2013). Exacum affine. The IUCN Red List of
Threatened Species 2013: e.T44952A21169238. http://dx.doi.org/10.2305/
ลำ� ต้น แผ่นใบทั้งสองด้าน ชอ่ ดอก กลีบเลยี้ งและกลบี ดอกด้านนอก และผล IUCN.UK.2013-1.RLTS.T44952A21169238.en
ใบรปู ไข่ ยาว 5.5-17 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเวา้ รปู หัวใจ เบีย้ ว ขอบจักซ่ีฟัน Thulin, M. (2001). Exacum (Gentianaceae) on the Arabian peninsula and
เสน้ แขนงใบข้างละ 8-15 เสน้ ก้านใบยาว 2.5-11 ซม. ชอ่ ดอกยาว 6-16 ซม. ก้านช่อ Socotra. Nordic Journal of Botany 21(3): 243-247.
ยาว 3-7 ซม. กา้ นดอกยาว 0.8-1.2 ซม. กลีบเลี้ยงรูปขอบขนาน ยาว 0.6-1.2 ซม.
ดอกยาว 3.3-3.8 ซม. หลอดกลบี ดอกยาว 2.5-3.4 ซม. กลบี รปู กลม คบู่ นกวา้ ง
และยาว 6-7 มม. กลบี ลา่ งใหญก่ วา่ กลบี บนเลก็ นอ้ ย มตี อ่ มตามขอบกลบี และแอง่
บนแผน่ กลบี ดา้ นในประปราย กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 9 มม. เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
ยาวประมาณ 5 มม. มเี กสรเพศผู้ลดรูป รังไขย่ าว 7.5-11 มม. กา้ นยาว 7-9.5 มม.
ผลยาว 4.5-5.5 ซม.

พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ข้ึนตามเขา
หินปนู เตย้ี ๆ ความสงู ไมเ่ กนิ 100 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Middleton, D.J. and M. Möller. (2012). Tribounia, a new genus of Gesneriaceae
from Thailand. Taxon 61(6): 1286-1295.

ม่วงไตรบุญ: มขี นปลายมว้ นงอคลา้ ยตะขอและขนตอ่ มตามลำ� ต้น แผ่นใบทัง้ สองด้าน ชอ่ ดอก กลีบเลยี้ งและกลีบ ม่วงเทพรตั น:์ ใบเรียงตรงขา้ ม โคนตัด เส้นโคนใบข้างละ 1 เสน้ กลบี เล้ียงมีปีก ปลายเป็นจะงอย กลีบดอก 5-6 กลีบ
ดอกดา้ นนอก และผล กลีบเลี้ยง หลอดกลีบดอก และผลสัน้ (ภาพ: พระพุทธบาท สระบุรี - RP) กา้ นชูอับเรณูงอไปดา้ นเดียว อบั เรณูมีรเู ปดิ ที่ปลาย กา้ นเกสรเพศเมียโค้งงอตรงขา้ มเกสรเพศผู้ (ภาพ: cultivated - RP)

มว่ งไตรบุญดอกใหญ:่ มีขนตอ่ มเหนยี วและขนปลายม้วนคลา้ ยตะขอตามล�ำตน้ แผ่นใบทงั้ สองดา้ น ชอ่ ดอก กลีบเลย้ี ง ม่วงน�ำ้ เงนิ
และกลีบดอกด้านนอก กลบี เล้ยี งและหลอดกลีบดอกยาว (ภาพ: กาญจนบุรี - RP)
Chayamaritia smitinandii (B. L. Burtt) D. J. Middleton
วงศ์ Gesneriaceae

ชือ่ พอ้ ง Chirita smitinandii B. L. Burtt, Henckelia smitinandii (B. L. Burtt) D. J.
Middleton & Mich. Möller

ไมล้ ้มลุก ลำ� ต้นสน้ั มขี นสัน้ นมุ่ ตามลำ� ต้น ใบ กา้ นใบ ชอ่ ดอก กลีบเล้ียงและ
กลบี ดอกด้านนอก ใบเรยี งเวยี นชิดโคนตน้ รปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว
6-11 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู ลิ่ม ขอบจักฟันเล่ือย กา้ นใบยาว 2.5-4 ซม.
ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ ออกตามซอก แต่ละชอ่ มี 1-2 ดอก ก้านช่อยาว 8-12 ซม.
ใบประดบั มี 1 คู่ รปู ไข่ ยาว 5 มม. โคนเชอ่ื มติดกันคลา้ ยรูปถว้ ย กลบี เลี้ยง 5 กลบี
แยกจรดโคน เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม รูปใบหอก ปลายแหลม ยาว 5-7 มม. ขอบจกั ซี่ฟัน
ดอกรูปแตร สีมว่ งอมฟา้ โคนสอี ่อน หลอดกลีบดอกยาว 3-5 ซม. โคนดา้ นใน
กลบี ปากล่างมีป้นื สีเหลือง 2 แนว กลบี รูปกลม เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 6-9 มม. กลบี บน
2 กลบี กลบี ล่าง 3 กลีบ เกสรเพศผู้ 2 อัน ยาวประมาณ 2 ซม. อบั เรณเู ชือ่ มติดกัน
รงั ไขแ่ ละเกสรเพศเมยี มขี นสนั้ นมุ่ ยอดเกสรมรี วิ้ ผลแหง้ แลว้ แตก รปู ทรงกระบอก
ยาว 3-4 ซม. เมลด็ จ�ำนวนมาก ขนาดเล็ก

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทเี่ ขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ตอนบนทบ่ี งึ กาฬ นครพนม ขน้ึ ตามกอ้ นหนิ รมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา
ความสงู 150-1200 เมตร

325

ม่วงบาลา สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

สกุล Chayamaritia D. J. Middleton & Mich. Möller แยกจากสกุล Henckelia ม่วงเบญจา
มเี พียง 2 ชนิด อีกชนิดคอื C. banksiae D. J. Middleton พบเฉพาะทล่ี าว ใบรปู รี
กลีบเลยี้ งกว้างกว่า และขอบกลบี ดอกจกั ซฟี่ นั ชือ่ สกลุ ตั้งตามชอื่ ดร.กอ่ งกานดา Damrongia integra (Barnett) D. J. Middleton & Weber
ชยามฤต นกั พฤกษศาสตร์หอพรรณไม้ กรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั วป์ ่า และพนั ธ์ุพชื วงศ์ Gesneriaceae
ค�ำ ระบุชนดิ ตงั้ ตามชื่อ ศ. ดร.เต็ม สมิตินันทน์
เอกสารอ้างองิ ชือ่ พอ้ ง Chirita integra Barnett
Burtt, B.L. (2001). Flora of Thailand: annotated checklist of Gesneriaceae. Thai
ไมล้ ้มลกุ สูงไดถ้ งึ 30 ซม. มขี นหยาบตามเส้นแขนงใบด้านล่าง กา้ นใบ ชอ่ ดอก
Forest Bulletin (Botany) 29: 81-109. ก้านดอก กลบี เลยี้ ง และผล ใบรปู ไข่ ยาว 7.5-18.5 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว
Middleton, D.J., K. Nishii, C. Puglisi, L.L. Forrest and M. Möller. (2015). โคนกลม ขอบเกอื บเรยี บมขี นครยุ แผน่ ใบมขี นสั้นสขี าวทงั้ สองดา้ น ก้านใบยาว
ไดถ้ ึง 10.5 ซม. ก้านช่อดอกยาว 3.5-7 ซม. ดอกออกเป็นกระจกุ ท่ปี ลายช่อ มี 1-7 ดอก
Chayamaritia (Gesneriaceae: Didymocarpoideae), a new genus from ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. ใบประดับรูปแถบยาวประมาณ 3 มม. กลีบเลีย้ งยาว
southeast Asia. Plant Systematics and Evolution 301: 1947-1966. doi: ประมาณ 1.5 ซม. แฉกลกึ ประมาณกง่ึ หนึ่ง ปลายกลบี มน ดอกรปู แตร ยาวไดถ้ งึ
10.1007/s00606-015-1213-2 4.5 ซม. หลอดกลบี ชว่ งโคนสีม่วง ดา้ นในกลีบล่างมีปืน้ สเี หลอื ง 2 แนว กลบี สขี าว
รูปกลม เบ้ยี วเลก็ น้อย ขนาดเท่า ๆ กัน หรือ 3 กลีบล่างยาวกว่าเลก็ น้อย ยาวได้ถงึ
9 มม. เกสรเพศผตู้ ดิ เหนอื โคนหลอดกลบี ดอกประมาณ 1 ซม. รงั ไขม่ ขี น รปู แถบ ยาว
6 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1.5 ซม. โคนมขี นยาว ยอดเกสรพลู า่ งแบน
รูปช้อน ยาวประมาณ 2 มม. ปลายจกั ต้ืน ๆ 2 พู มีปมุ่ เล็ก ๆ ผลยาวเลยกลบี เลย้ี ง
เลก็ น้อย (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เติมท่ี เศวตฉตั ร, สกลุ )

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ เี่ ขาพนมเบญจา จงั หวดั กระบี่ ขนึ้ ตามโขดหนิ
ในป่าดบิ ชนื้ ความสูง 700-1000 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Barnett, E.C. (1961). Contributions to the Flora of Thailand, LV. Kew Bulletin
15: 249-259.

มว่ งน้ำ� เงิน: มีขนส้นั นุ่มตามล�ำตน้ ใบ ก้านใบ ชอ่ ดอก กลีบเลย้ี งและกลบี ดอกด้านนอก ใบเรียงเวยี นชดิ โคนตน้ ช่อดอก มว่ งเบญจา: ใบรูปไข่ ก้านยาว ขอบมขี นครยุ ดอกออกเปน็ กระจุกทีป่ ลายชอ่ ดอกรูปแตร หลอดกลีบช่วงโคนสีมว่ ง
มี 1-2 ดอก กลีบเลีย้ งเรียงซ้อนเหลอ่ื ม ขอบจักซ่ฟี ัน (ภาพ: เขาใหญ่ นครนายก - TP) กลีบสีขาว ด้านในกลีบล่างมีปนื้ สีเหลอื ง 2 แนว (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)

มว่ งบาลา ม่วงผกั กาด, สกุล

Codonoboea crinita (Jack) C. L. Lim Henckelia Spreng.
วงศ์ Gesneriaceae วงศ์ Gesneriaceae

ชื่อพ้อง Henckelia crinita (Jack) Spreng. ไมล้ ม้ ลกุ บางครงั้ มเี นอื้ ไมท้ โี่ คนตน้ ลำ� ตน้ สนั้ หรอื ไมม่ ี ใบเรยี งตรงขา้ ม เรยี งเวยี น
หรอื เรยี งรอบขอ้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบ ใบประดบั ตดิ เปน็ คหู่ รอื เปน็
ไมล้ ม้ ลุก สูง 20-50 ซม. มีขนสน้ั หนานมุ่ ตามล�ำต้น แผ่นใบ ช่อดอก และผล วงรอบ กลบี เลย้ี ง 5 กลีบ แยกจรดโคนหรอื เชอ่ื มติดเปน็ หลอด ดอกรปู แตร กลบี รปู
ส่วนมากมีสมี ว่ งอมแดงตามแผน่ ใบดา้ นล่าง กา้ นชอ่ ดอก กลบี เลีย้ ง และผล ปากเปิด กลบี บน 2 กลีบ ขนาดเลก็ กว่ากลบี ลา่ ง 3 กลบี เกสรเพศผู้ 2 อนั ตดิ ใตจ้ ดุ
ใบรูปใบหอกกลบั ยาว 10-21 ซม. ขอบจักฟันเล่ือย 2 ช้ัน ชว่ งโคนจกั ลกึ แผน่ ใบ ก่งึ กลาง อับเรณเู ช่อื มตดิ กัน จานฐานดอกเป็นวงหรอื จัก 5 พู รงั ไขเ่ รียวจรดกา้ น
ดา้ นบนยน่ เสน้ แขนงใบขา้ งละ 18-23 เสน้ กา้ นใบสนั้ หรอื เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอก เกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมยี คลา้ ยจกั 2 พู พบู นลดรปู (chiritoid stigma) พลู า่ ง
ออกตามซอกใบ กา้ นชอ่ ยาว 2.5-5 ซม. สว่ นมากมดี อกเดยี ว กา้ นดอกยาวประมาณ บางคร้ังแยก 2 แฉก ผลแหง้ แตกเป็น 2 ซีกตามยาว เมลด็ จำ� นวนมาก ขนาดเลก็
1 ซม. กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาว 2-5 มม. ดา้ นนอกมขี นประปราย ดอกสขี าว ยาว
4.5-5 ซม. หลอดกลบี ดอกเรียวแคบ มขี นประปรายดา้ นนอก ปากดา้ นในมตี มุ่ สกุล Henckelia รวมเอาสกุล Chirita หลายชนดิ โดยเฉพาะ section Chirita
และขนสัน้ มีปื้นสเี หลอื ง 2 แนว รงั ไข่มขี น ผลยาว 5-10 ซม. สีมว่ งอมน้�ำตาล และบางชนิดถกู จำ�แนกใหม่ไปอยู่ภายใตส้ กุล Codonoboea ปัจจบุ นั มีประมาณ
(ดูขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี แกว้ น้�ำคา้ ง, สกุล) 55 ชนดิ พบท่ศี รลี งั กา อนิ เดีย เนปาล ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว เวยี ดนาม ในไทย
มีประมาณ 5 ชนดิ สว่ นมากไมพ่ บตามเขาหินปนู ชอ่ื สกุลต้งั ตามนกั พฤกษศาสตร์
พบที่คาบสมุทรมลายู สุมาตรา บอร์เนียว และภาคใต้ตอนล่างของไทยท่ี ชาวเยอรมัน Leo Victor Felix Henckel von Donnersmarck (1785-1861)
ยะลา นราธิวาส ข้ึนตามป่าดิบชืน้ ความสงู 50-300 เมตร
มว่ งผกั กาด
เอกสารอา้ งอิง
Ridley, H.N. (1923). Gesneriaceae. In Flora of the Malay Peninsula Vol. 2: 519-520. Henckelia anachoreta (Hance) D. J. Middleton & Mich. Möller

มว่ งบาลา: ใบเรยี งเวยี น ขอบจักฟนั เลื่อย 2 ชั้น แผ่นใบด้านบนย่น ดา้ นลา่ งสีมว่ งอมแดง ช่อดอกสว่ นมากมีดอกเดียว ช่ือพ้อง Chirita anachoreta Hance
ดอกรูปแตร หลอดกลีบเรียวแคบ มปี ื้นสีเหลืองดา้ นใน (ภาพ: นราธวิ าส - MP)
ไม้ลม้ ลกุ สูงไดถ้ ึง 35 ซม. ใบเรียงตรงข้ามหา่ ง ๆ รูปรี รูปขอบขนาน หรอื แกม
รปู ไข่ ยาวได้ถงึ 20 ซม. โคนกลมหรือเวา้ ตนื้ เบยี้ ว ขอบจักฟนั เล่ือย แผน่ ใบมขี น
ประปรายทัง้ สองดา้ น ก้านใบยาวได้ถงึ 7 ซม. ชอ่ ดอกมี 1-7 ดอก ก้านชอ่ สัน้ หรือ
ยาวได้ถึง 8 ซม. ใบประดับรูปไข่หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 0.5-1.5 ซม. มีขนครุย
กา้ นดอกยาว 0.5-1.8 ซม. หลอดกลบี เลย้ี งยาวไดถ้ งึ 1.4 ซม. กลบี รปู สามเหลยี่ ม
ยาว 3-7.5 มม. มขี นประปรายดา้ นนอก หลอดกลีบดอกสขี าว ยาว 2.5-4 ซม.

326

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย มว่ งลัดดา

กลีบสขี าวอมมว่ ง ด้านในมีปนื้ สเี หลือง กลีบล่างยาว 1.2-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ มว่ งพศิ วง
ยาวประมาณ 1.2 ซม. เกสรเพศผ้ทู ่เี ปน็ หมนั 2-3 อนั ยาว 3-5 มม. รังไข่ยาว 2-3 ซม.
ยอดเกสรเพศเมียพลู า่ งจกั 2 พู ยาว 3.5-4.5 มม. ผลยาว 7.5-17 ซม. Exacum paucisquamum (C. B. Clarke) Klack.
วงศ์ Gentianaceae
พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว เวยี ดนามตอนบน ในไทยพบทางภาคเหนอื
ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามโขดหนิ ในปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ชื่อพ้อง Cotylanthera paucisquama C. B. Clarke, C. yunnanensis W. W. Sm.
ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร
ไมล้ ้มลุกกินซาก สูง 5-15 ซม. ล�ำตน้ ตั้งตรง ใบเป็นเกลด็ ขนาดเลก็ 3-6 คู่
มว่ งผักกาดดอย แผน่ ใบบาง ยาว 2-4 มม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออก
ทย่ี อด มีดอกเดยี ว กา้ นดอกยาว 0.6-1.5 ซม. กลีบเล้ยี ง 4 กลบี แยกเกอื บจรดโคน
Henckelia pumila (D. Don) A. Dietr. รูปสามเหลยี่ ม บาง ยาว 4-6 มม. ปลายแหลม ดอกสีขาวอมมว่ ง รูปกงล้อ มี 4 กลบี
กลีบแฉกลึก รูปใบหอก ยาว 1-1.4 ซม. ปลายมน ขอบเรียบ บานออก เกสรเพศผู้
ช่ือพ้อง Chirita pumila D. Don 4 อนั ตดิ บนปากหลอดระหวา่ งกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณรู ปู เสน้ ดา้ ย ยาว 3-4 มม.
อบั เรณเู รยี วแคบ รูปลกู ศร ยาว 4-6 มม. กา้ นเกสรเพศเมีย ยาว 5-8 มม. ผลขนาดเลก็
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 45 ซม. ลำ� ตน้ มกั ทอดนอน มขี นสนั้ นมุ่ หรอื ขนยาวตามลำ� ตน้ (ดูขอ้ มลู เพ่มิ เติมที่ หญ้าเหลยี่ ม, สกุล)
และแผน่ ใบทง้ั สองดา้ น ใบตรงขา้ มขนาดมกั ไมเ่ ทา่ กนั รปู รถี งึ รปู ใบหอก หรอื แกม
รปู ไข่ ยาว 2-20 ซม. ขอบจักซ่ฟี นั โคนเบีย้ ว มีจดุ กลม ๆ สมี ่วงตามเส้นใบ ก้านใบยาว พบทอี่ นิ เดยี จนี ตอนใต้ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทด่ี อยภคู า จงั หวดั นา่ น ขน้ึ ตาม
ไดถ้ ึง 3.5 ซม. ชอ่ ดอกมี 1-7 ดอก ก้านช่อยาวได้ถึง 7 ซม. ใบประดับรปู ขอบขนาน ยาว พื้นท่ีมซี ากใบไม้ทบั ถมหนาแนน่ ในปา่ ดิบเขา ความสูง 1500-1600 เมตร เดิมอยู่
0.5-1.6 ซม. มขี นครยุ กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 2 ซม. หลอดกลบี เลยี้ งยาว 0.4-1.2 ซม. ภายใตส้ กลุ Cotylanthera ซึง่ ทั้งหมดเปน็ พืชกนิ ซาก มี 4 ชนิด ซ่งึ ในไทยเคยมี
กลีบรปู สามเหล่ียมขนาดไมเ่ ทา่ กนั ยาว 0.4-1.2 ซม. ปลายเรยี วแหลมคล้ายเขา รายงานชนิดเดียว คือ C. caerulea Lace พบทางภาคตะวันตกท่ีกาญจนบุรี
มขี นยาวดา้ นนอก หลอดกลบี ดอกสขี าวหรอื อมมว่ ง ยาว 2.5-4.5 ซม. กลบี สมี ว่ ง ปัจจุบันเป็นชือ่ พอ้ งของ E. nanum Klack.
ด้านในมีปื้นสีเหลือง กลีบรูปกลม กลีบล่างยาว 0.6-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ยาว
ประมาณ 1 ซม. เกสรเพศผ้ทู เี่ ป็นหมนั 2 อนั ยาว 2-4 มม. รงั ไขย่ าว 2.5-3 ซม. เอกสารอ้างอิง
ยอดเกสรเพศเมียพลู า่ งจกั 2 พู ยาวประมาณ 3 มม. ผลยาวได้ถึง 12 ซม. Ho, T.N. and J.S. Pringle. (1995). Gentianaceae (Cotylanthera paucisquama).
In Flora of China Vol. 16: 3.
พบท่อี นิ เดยี เนปาล ภูฏาน จนี ตอนใต้ พมา่ และเวียดนามตอนบน ในไทย Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 78-79.
พบทางภาคเหนือทเี่ ชียงใหม่ น่าน ขึ้นตามป่าดบิ เขา ความสงู 1200-2000 เมตร
มว่ งพศิ วง: ไม้ลม้ ลุกกนิ ซาก ใบเปน็ เกลด็ ขนาดเลก็ กลบี เล้ียง 4 กลีบ แยกเกอื บจรดโคน กลีบดอกแฉกลกึ อบั เรณู
เอกสารอ้างองิ เรยี วแคบ รูปลูกศร (ภาพ: ดอยภคู า นา่ น - RP)
Weber, A., D.J. Middleton, A. Forrest, R. Kiew, C.L. Lim, A.R. Rafidah, S. Sontag,
P. Triboun, Y.G. Wei, T.L. Yao and M. Möller. (2011). Molecular systematics ม่วงลัดดา
and remodelling of Chirita and associated genera (Gesneriaceae). Taxon
60(3): 777-778. Codonoboea rugosa (Ridl.) C. L. Lim
Wood, D. (1974). A revision of Chirita (Gesneriaceae). Note from the Royal วงศ์ Gesneriaceae
Botany Garden Edinburgh 33(1): 161-166.
ช่ือพ้อง Henckelia rugosa (Ridl.) A. Weber
ม่วงผักกาด: ใบเรยี งตรงข้าม มีขนประปรายทง้ั สองด้าน ขอบจกั ฟันเลือ่ ย กลบี ดอกสขี าวอมมว่ ง มีป้นื สเี หลอื งด้านใน
ยอดเกสรเพศเมยี จัก 2 พู (ภาพซ้ายและขวาบน: เขาคชิ ฌกฏู จนั ทบรุ ี, ภาพขวาล่าง: ดอยสเุ ทพ เชียงใหม;่ - PK ) ไมล้ ม้ ลกุ สงู 30-60 ซม. ใบเรยี งเวียนท่ยี อด รูปใบหอกกลับ ยาวไดถ้ ึง 30 ซม.
ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนเรยี วสอบจรดลำ� ตน้ ขอบจกั ซฟ่ี นั 2 ชนั้ ชว่ งโคน
จกั ลกึ แผน่ ใบดา้ นบนยน่ ตามเสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขนั้ บนั ไดคลา้ ยรปู สเ่ี หลย่ี ม
มขี นแขง็ ประปราย ดา้ นลา่ งมขี นตามเสน้ แขนงใบ เสน้ แขนงใบจำ� นวนมาก ชอ่ ดอก
สว่ นมากมดี อกเดยี ว กา้ นดอกยาว 5-10 ซม. กลบี เลยี้ งรปู ไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ
3 มม. มีขนส้ัน ดอกสีม่วงออ่ น ๆ ยาวประมาณ 4.5 ซม. มีขนทัง้ ด้านในและด้านนอก
ปากหลอดกลบี ดอกมขี นและตมุ่ หนาแนน่ รงั ไขม่ ขี น ผลรปู ทรงกระบอก ยาว 4-7 ซม.
มขี นสน้ั นมุ่ (ดูข้อมูลเพิม่ เตมิ ที่ แกว้ นำ้� คา้ ง, สกลุ )

พบท่ีคาบสมุทรมลายู และภาคใต้ของไทยที่นครศรีธรรมราช ตรัง ยะลา
นราธวิ าส ขนึ้ บนโขดหนิ ท่ีโลง่ หรือพ้นื ดนิ ในปา่ ดิบช้ืน ความสงู 100-1400 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Ridley, H.N. (1923). Gesneriaceae. In Flora of the Malay Peninsula Vol. 2: 495-547.

ม่วงผักกาดดอย: แผ่นใบและกลบี เลี้ยงมขี นยาว ใบตรงขา้ มขนาดมกั ไมเ่ ท่ากัน ขอบจกั ซฟ่ี นั โคนเบ้ยี ว กลบี ดอก มว่ งลัดดา: ใบเรยี งเวยี น ขอบจักซ่ฟี นั 2 ชั้น ใบดา้ นบนย่นตามแนวเส้นแขนงใบ ไรก้ า้ น ผลรปู ทรงกระบอก
ด้านในมีปื้นสีเหลือง ยอดเกสรเพศเมยี พูล่างจกั 2 พู (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ - PK) มขี นสนั้ น่มุ (ภาพดอก: เขาบรรทัด ตรัง, ภาพผล: น้�ำตกกรุงชิง นครศรธี รรมราช; - RP)

327

ม่วงสอดสี สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

มว่ งสอดสี มหากา่ น: ใบประดบั รูปรีหรอื รูปไข่ บาง สีครีมออ่ น ๆ ติดประมาณกง่ึ กลางของกา้ นชอ่ ช่อดอกแบบช่อซร่ี ่ม กลีบเลย้ี ง
รูปแถบ พบั งอกลบั กลบี ดอกรปู กระบอง เกสรเพศผู้ 10 อนั ยาวไมเ่ ท่ากนั (ภาพ: นาแห้ว เลย - RP)
Petrocosmea bicolor D. J. Middleton & Triboun
วงศ์ Gesneriaceae มหาก่านเหลอื ง

ไม้ล้มลกุ มขี นสนั้ นมุ่ ตามแผน่ ใบ กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกด้านนอก มขี นตอ่ ม Wikstroemia dolichantha Diels
ตามก้านชอ่ ดอก หลอดกลบี ด้านใน ก้านชอู ับเรณู และรงั ไข่ ใบมี 2 แบบ ใบไรก้ ้าน วงศ์ Thymelaeaceae
รูปรี ยาวไดถ้ ึง 3 ซม. ใบมกี ้านรูปไข่ เบ้ยี ว ยาว 13-36 ซม. โคนรปู หวั ใจ ขอบจักซี่ฟนั
โคนและปลายเสน้ กลางใบมักมีปม กา้ นใบยาว 8-20 ซม. ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ ซร่ี ่ม ชอ่ื พอ้ ง Wikstroemia dolichantha Diels var. effusa (Rehder) B. Peterson
ออกตามซอกใบท่ีไร้กา้ น มี 8-14 ดอก กา้ นช่อยาว 3.5-10 ซม. กา้ นดอกยาว
0.4-1.3 ซม. กลบี เลย้ี งรปู ใบหอก ยาว 5.5-9.5 มม. 3 กลีบลา่ งเช่อื มติดกนั 1.5-2 มม. ไมพ้ มุ่ สูง 1-2 ม. แตกกงิ่ หนาแน่น มีขนประปรายตามกงิ่ อ่อน ก้านใบ แผ่นใบ
กลบี ดอกคบู่ นสมี ว่ งออ่ นและขาว 3 กลบี ลา่ งสมี ว่ งเขม้ หลอดกลบี ดอกยาว 3.5-5 มม. ช่อดอก และกลบี เล้ียง ใบรปู รหี รือรูปขอบขนาน ยาว 1.5-2.5 ซม. โคนและ
กลบี บนรปู ไข่ ยาว 4.5-5.5 มม. กลบี ปากล่างยาว 6-7 มม. กลบี รปู รี ยาว 3.3-3.7 มม. ปลายแหลม กา้ นใบส้นั ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกที่ปลายกิง่ ยาวไดถ้ ึง 5 ซม.
อับเรณูยาวประมาณ 4 มม. เกสรเพศผทู้ ี่เป็นหมนั 3 อัน กา้ นเกสรเพศเมียยาว ดอกไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นสน้ั มาก หลอดกลบี เลย้ี งสเี หลอื ง ยาว 0.7-1 ซม. ปลายแยก
7-8.5 มม. โคนมขี น (ดูข้อมูลเพิม่ เตมิ ที่ ขาวกำ� มะหย,ี่ สกุล) เปน็ 4-5 แฉก ยาว 1-2 มม. มขี นคลา้ ยไหมกระจาย ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผเู้ รยี ง
2 วง วงลา่ งตดิ เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี เลย้ี ง วงบนยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี เลก็ นอ้ ย
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยอา่ งขาง จงั หวดั เชยี งใหม่ ขนึ้ บน อบั เรณยู าวประมาณ 1 มม. จานฐานดอกคลา้ ยเกลด็ รปู แถบ 1-2 อนั ยาวประมาณ
หนิ ปนู ในป่าดบิ เขา ความสูงประมาณ 1450 เมตร 1 มม. ปลายจกั ชายครยุ รังไขร่ ูปทรงกระบอก ยาว 3-4 มม. มีขนยาวช่วงปลาย
ผลรปู กระสวย ยาวประมาณ 5 มม. มีกลบี เล้ียงห้มุ เมลด็ รปู รี ยาวประมาณ 3 มม.
เอกสารอา้ งองิ (ดูข้อมูลเพมิ่ เติมท่ี ปออนิ , สกุล)
Middleton, D.J. and P. Triboun. (2010). Two new species of Petrocosmea
(Gesneriaceae) from Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 38: 42-47. พบทจ่ี นี ตอนใต้ และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื ทด่ี อยหวั หมด จงั หวดั ตาก
ขนึ้ ตามทโ่ี ลง่ บนเขาหินปนู ความสงู 900-1000 เมตร
มว่ งสอดสี: ถน่ิ ท่อี ยู่ขึ้นบนหนิ ปนู ใบมี 2 แบบ ใบไร้กา้ นมีขนาดเล็ก ใบมีก้านมขี นาดใหญ่ ช่อดอกแบบช่อซร่ี ่ม
กลีบดอกมี 2 สี (ภาพ: ดอยอ่างขาง เชียงใหม่ - PK) เอกสารอ้างอิง
Peterson, B. (1997). Thymelaeaceae (Wikstroemia dolichantha var. effusa). In
มหากา่ น Flora of Thailand Vol. 6(3): 242-243.
Wang, Y. and M.G. Gilbert. (2007). Thymelaeaceae. In Flora of China Vol. 13: 226.
Linostoma decandrum (Roxb.) Wall. ex Meisn.
วงศ์ Thymelaeaceae มหากา่ นเหลอื ง: ไม้พุ่มแตกกงิ่ หนาแนน่ ใบเรียงตรงขา้ มหรือเกอื บตรงขา้ ม ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ออกท่ปี ลายก่งิ
กลบี เลยี้ งเช่อื มติดกันเป็นหลอด ปลายแยก 4-5 แฉก ไมม่ ีกลบี ดอก (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก; ภาพซ้าย - PK, ภาพขวา -RP)
ไมพ้ มุ่ รอเลือ้ ยหรอื ไมเ้ ถา ยาวไดถ้ ึง 10 ม. ใบเรียงตรงข้ามหรอื เกอื บตรงขา้ ม
รปู รี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่ ยาว 3.5-10 ซม. ปลายแหลมหรือยาวคล้ายหาง มหาพรหม, สกลุ
กา้ นใบยาว 3-6 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซร่ี ม่ ออกตามปลายกง่ิ กา้ นชอ่ ยาว 1.5-4 ซม.
แต่ละชอ่ มี 3-12 ดอก ใบประดับ 2-4 ใบ สีครีมอ่อน ๆ บาง รูปรหี รอื รปู ไข่ ยาว Mitrephora Hook. f. & Thomson
2-4.5 ซม. ตดิ ประมาณกง่ึ กลางหรอื ใตจ้ ดุ กง่ึ กลางกา้ นชอ่ กา้ นดอกยาวประมาณ วงศ์ Annonaceae
1 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบยาวไดถ้ งึ 1 ซม. รว่ งเรว็ กลบี เลยี้ งเชอื่ มตดิ เปน็ หลอด
ยาว 0.5-1.3 ซม. แยกเป็น 5 กลบี รูปแถบ พับงอกลบั ยาว 6-9 มม. ดอกสีขาว ไม้ต้น ใบเรยี งเวียน ดอกออกเด่ยี ว ๆ หรือเป็นช่อกระจกุ สนั้ ๆ สว่ นมาก
มี 10 กลีบ รปู กระบอง ยาวได้ถึง 6 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน ตดิ บนจานฐานดอก ออกตามซอกใบหรอื ตรงขา้ มใบ ดอกหอ้ ยลง ใบประดบั ตดิ ทโ่ี คน กลบี เลย้ี ง 3 กลบี
ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยาว 4-9 มม. จานฐานดอกจกั เปน็ พไู มเ่ ทา่ กนั รงั ไขม่ ขี นยาวคลา้ ยไหม เรียงจรดกัน กลบี ดอก 6 กลีบ เรยี ง 2 วง แตล่ ะวงเรียงจรดกนั วงนอกยาวกวา่
ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 ซม. ยอดเกสรคล้ายจาน ผลผนงั ชนั้ ในแข็ง รปู รี วงใน ไมม่ กี า้ นกลบี วงในมกี า้ นกลบี ปลายจรดกนั รปู โดม เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก
ยาว 0.8-1.2 ซม. มีขนยาว มหี ลอดกลบี เลย้ี งหมุ้ อับเรณรู ปู ล่ิมหันออก ปลายแกนอับเรณูมีรยางค์ ปลายตัด คารเ์ พลแยกกัน มกั
เปลย่ี นสแี ละแกก่ อ่ นเกสรเพศผู้ (protogynous) ออวลุ เรยี งสองแถว ผลกลมุ่ ผลยอ่ ย
พบทอ่ี นิ เดยี บงั กลาเทศ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตาม แยกกัน ไรก้ ้านหรือมกี ้านส้ัน ๆ สว่ นมากผิวเรยี บ เมลด็ แบน
ป่าดิบชนื้ ป่าดิบแลง้ และป่าดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร สารสกดั
จากรากใชเ้ ป็นยาฆ่าแมลง เปลือกใช้เบือ่ ปลา สกุล Mitrephora มีประมาณ 50 ชนิด พบที่อินเดีย จนี ตอนใต้ ไห่หนาน พม่า
ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซีย และออสเตรเลีย พบมากในบอร์เนียวและ
สกุล Linostoma Wall. ex Endl. มี 4 ชนิด พบทอี่ นิ เดีย บังกลาเทศ พม่า ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยมี 8 ชนิด ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “mitra” หมวก และ
ภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซยี ในไทยมี 3 ชนดิ ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “linon” “phoreo” ถือหรือพยงุ หมายถึงลกั ษณะของคารเ์ พลที่คล้ายหมวก
ตาข่าย และ “stoma” ปาก หมายถงึ ลกั ษณะของปากใบรูปตาขา่ ย
เอกสารอา้ งอิง
Peterson, B. (1997). Thymelaeaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(3): 234-238.

328

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย มะกล่ำ� เผอื ก

มหาพรหม สกุล Abrus อยู่ใต้วงศย์ ่อย Faboideae เผา่ Abreae ซง่ึ เปน็ สกลุ เดียวของเผ่า
มีประมาณ 17 ชนดิ ในไทยมี 3 ชนดิ ชนดิ A. fruticulosus Wight & Arn. พบที่
Mitrephora winitii Craib ชัยภมู ิ และมกุ ดาหาร ใบเรียวแคบ ช่อดอกไมห่ นาแนน่ ชื่อสกลุ นา่ จะมาจาก
ไม้ตน้ สงู 8-10 ม. เปลอื กเรียบ ก่ิงแตกเป็นรอ่ งร่างแห มีช่องอากาศ มีขนส้นั นมุ่ ภาษากรีก “habros” นุม่ นวล ตามลักษณะของใบ

สีน�้ำตาลแดงตามปลายกิง่ ก้านใบ เส้นกลางใบ ช่อดอก ใบประดบั กลีบเลีย้ ง มะกล�่ำ ตาหนู
ดา้ นนอก และผล ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 6-20 ซม.
ปลายแหลมยาว โคนเวา้ ต้ืน เบ้ยี วเล็กน้อย แผน่ ใบดา้ นล่างมขี นประปราย เส้นแขนงใบ Abrus precatorius L.
ขา้ งละ 12-20 เส้น ก้านใบยาว 3-5 มม. ช่อดอกส่วนมากมีดอกเดียว กา้ นช่อยาว ไมเ้ ถา มขี นประปรายกระจายทว่ั ไป ขนหนาแนน่ ตามชอ่ ดอก กลบี เลยี้ งดา้ นนอก
1-1.5 ซม. ดอกเกอื บไรก้ า้ น ใบประดับรปู ไข่ ยาว 5-8 มม. กลีบเล้ยี งรปู ไข่ ยาว
ไดถ้ งึ 1 ซม. กลบี ดอกวงนอกสีขาว รปู รีกว้าง ยาวได้ถงึ 4 ซม. วงในสีชมพอู มม่วง และผล หูใบยาว 3-5 มม. ใบประกอบมใี บยอ่ ย 8-16 คู่ ก้านใบยาว 0.5-2 ซม.
รูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. โคนรปู เงย่ี งลูกศร ผลยอ่ ยมี 10-16 ผล รูปรกี ว้าง ใบยอ่ ยรูปขอบขนาน ยาว 0.5-2 ซม. ปลายตดั มีติ่งหรือมน โคนกลม ก้านใบยาว
ยาว 2-2.5 ซม. ผวิ ย่น ประมาณ 1 มม. ช่อดอกยาว 2-8 ซม. ใบประดบั และใบประดบั ย่อยยาว 0.5-1 มม.
ดอกสีม่วง กลีบกลางรปู รี ยาวประมาณ 1 ซม. มีกา้ น ปลายเวา้ กลีบปีกและคู่ลา่ ง
พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี เพชรบุรี เรยี วแคบกวา่ รงั ไขแ่ ละกา้ นเพศเมยี มขี นหนาแนน่ ฝกั รปู ขอบขนาน ยาว 2-4 ซม.
ประจวบคีรีขนั ธ์ ข้ึนตามปา่ ดบิ แล้งหรอื บนเขาหนิ ปนู ความสูง 100-150 เมตร มี 2-6 เมลด็ เส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 5 มม. โคนสดี �ำ ชว่ งปลายสแี ดง

มหาพรหมราชินี พบท่วั ไปในเขตร้อน ขน้ึ ตามชายปา่ และเขาหินปูน ความสงู ถงึ ประมาณ 700
เมตร เมล็ดแข็งเปน็ มันวาว มพี ษิ ร้ายแรงถึงชวี ติ ใชท้ ำ� เครอื่ งประดบั ส่วนอ่นื ๆ มี
Mitrephora sirikitiae Weeras., Chalermglin & R. M. K. Saunders สรรพคณุ ด้านสมุนไพรหลายอยา่ ง
ไมต้ น้ สูง 6 ม. ก่ิงออ่ นมขี นสนั้ นุ่มหนาแน่น ใบรปู ใบหอก ยาว 6-22 ซม.
มะกล�่ำ เผอื ก
ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนแหลมหรอื มน แผน่ ใบดา้ นลา่ งเปน็ มนั วาว มขี นกระจาย
เส้นแขนงใบขา้ งละ 8-11 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกมขี นกำ� มะหยี่ มี Abrus pulchellus Wall. ex Thwaites
1-3 ดอก กา้ นดอกยาว 1.8-2.7 ซม. ใบประดบั รปู ไข่ ยาว 5-7 มม. กลบี รปู ไขก่ วา้ ง ไม้เถา หใู บรปู ใบหอก ยาว 5-7 มม. ใบประกอบมีใบย่อย 4-7 คู่ ก้านใบยาว
ยาว 1.3-1.5 ซม. มขี นสนี ำ้� ตาลแดงหนาแนน่ กลบี ดอกวงนอกสขี าว รปู ไข่กว้าง
ยาว 4-5.5 ซม. วงในสชี มพูอมมว่ ง รปู ไข่ สัน้ กว่าวงนอกเลก็ น้อย โคนรปู เง่ยี งลกู ศร 2-3 ซม. ใบยอ่ ยรปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 3.2-4.5 ซม. ปลายมนหรอื
ผลยอ่ ยมี 10-15 ผล รปู ขอบขนาน ยาว 5-6 ซม. มีขนละเอียด กา้ นยาว 1.5-2.5 ซม. เปน็ ตง่ิ แหลม โคนเบยี้ วหรอื รปู หวั ใจ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสขี าวประปราย กา้ นใบ
ยาว 1-1.5 มม. มีขนหนาแนน่ ชอ่ ดอกยาว 4-9 ซม. ดอกรปู เคียว สชี มพอู มมว่ ง
พชื ถนิ่ เดียวของไทย พบทางภาคเหนอื ท่ีแม่ฮ่องสอน ขึน้ ตามปา่ ดบิ เขาท่ีเป็น กลีบกลางสขี าว รปู รี ยาว 1.2-1.3 ซม. ปลายเว้าตื้น กลีบปีกและกลีบคูล่ ่างส้ัน
หินปูน ความสูง 1000-1100 เมตร คลา้ ยกับมหาพรหม แตด่ อกมีขนาดใหญ่กว่า กว่ากลีบปาก มรี ยางคเ์ ป็นตงิ่ โคนเรียวสอบ คอดคล้ายก้านกลีบ รงั ไขแ่ ละก้าน
เกสรเพศเมยี มีขนหนาแน่น ฝกั รูปขอบขนาน ยาว 4-8 ซม. มี 4-12 เมล็ด รปู รี
เอกสารอ้างองิ แบนเล็กนอ้ ย สนี ำ้� ตาลดำ�
Craib, W.G. (1922). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous
Information Kew 1922: 227. พบท่ีอนิ เดยี เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ พม่า ภมู ภิ าคอินโดจนี
Weerasooriya, A.D., P. Chalermglin & R.M.K. Saunders. (2004). Mitrephora และมาเลเซยี ฟิลิปปนิ ส์ นิวกนิ ี ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามป่าดบิ ช้ืน และปา่ ดิบแล้ง
sirikitiae (Annonaceae): a remarkable new species endemic to northern ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ แยกเปน็ subsp. cantoniensis (Hance) Verdc. และ subsp.
Thailand. Nordic Journal of Botany 24(2): 201-206. mollis (Hance) Verdc. ตามสิง่ ปกคลุม ขนาดใบ โคนใบ และความยาวของฝกั

มหาพรหม: กลีบดอก 6 กลีบ เรยี ง 2 วง วงในมีกา้ นกลีบ ปลายจรดกันรูปโดม ผลย่อยไรก้ า้ น (ภาพดอก: นำ้� ตกห้วยยาง เอกสารอ้างอิง
ประจวบครี ีขันธ์ - RP; ภาพผล: ประจวบคีรขี นั ธ์ - PK) Bao, B. and M. Gilbert. (2010). Fabaceae (Abrus). In Flora of China Vol. 10: 194.
Verdcourt, B. (1979). A manual of New Guinea legumes. Botany Bulletin 11:
515-529.

มหาพรหมราชินี: ใบรปู ใบหอก ปลายแหลมยาว ดอกคลา้ ยมหาพรหมแตข่ นาดใหญ่กวา่ (ภาพ: แม่ฮ่องสอน - KJ) มะกลำ�่ ตาหน:ู ใบประกอบมีใบย่อย 8-16 คู่ ช่อดอกแบบช่อกระจะ ช่อย่อยแบบชอ่ กระจุก ดอกหนาแนน่ ดอกสีม่วง
เมลด็ โคนสดี �ำ ชว่ งปลายสีแดง (ภาพดอก: ลพบุรี, ภาพผล: นครสวรรค์; - RP)
มะกล�่ำ ตาหน,ู สกุล
มะกลำ�่ เผือก: ใบประกอบมใี บย่อย 4-7 คู่ กลบี ดอกสชี มพอู มมว่ ง กลีบกลางสีขาว ปลายเว้า อับเรณูสีเหลอื ง ฝกั แบน
Abrus Adans. ปลายมีจะงอย (ภาพ: ภูจองนายอย อุบลราชธานี - RM)
วงศ์ Fabaceae

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมเ้ ถา ใบประกอบปลายคู่ เรยี งเวยี น ปลายแกนใบมกั มขี นแขง็ 1 อนั
ใบยอ่ ยเรยี งตรงขา้ ม ไมม่ หี ูใบยอ่ ย ช่อดอกแบบชอ่ กระจะออกตามปลายกงิ่ หรือ
ซอกใบใกล้ปลายกงิ่ ดอกออกเป็นกระจกุ แนน่ เปน็ ช่อส้ัน ๆ ใบประดบั ขนาดเลก็
กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย จกั ซฟ่ี นั ตนื้ ๆ ดอกรปู ดอกถว่ั กลบี กลางกา้ นกลบี แนบตดิ แผน่
เกสรเพศผู้ เกสรเพศผู้ 9 อนั เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ แผน่ แยกกนั ชว่ งปลาย ไมม่ อี นั ตรงขา้ ม
กลบี กลาง (vexillary stamen) อบั เรณตู ดิ ดา้ นหลงั รงั ไขม่ อี อวลุ จำ� นวนมาก ฝกั แบน
มี 2 ซีก ปลายมจี ะงอย มผี นังก้ัน เมล็ดเป็นมันวาว

329

มะกลำ�่ สร้อย สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

มะกลำ�่ สร้อย และภาคใตข้ องไทย ช่ือสกลุ ตง้ั ตาม Brian Houghton Hodgson (1800-1894)
ชาวอังกฤษผศู้ ึกษาศลิ ปะตะวนั ออก และเกบ็ ตวั อย่างพรรณไม้ท่อี นิ เดีย
Sophora prazeri Prain เอกสารอ้างอิง
วงศ์ Fabaceae de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of

ไม้พ่มุ สูงไดถ้ ึง 3 ม. กิง่ มขี นส้นั นุ่มสนี ้ำ� ตาลแดง ใบประกอบปลายคี่ ยาว Thailand Vol. 9(4): 454-458.
7-11 ซม. หใู บรูปล่มิ แคบ มีขน ใบยอ่ ยมี 3-7 คู่ รูปรี รปู ไข่ หรือรูปขอบขนาน
ยาว 3-5 ซม. ใบปลายยาวกวา่ น้ี ปลายแหลม โคนรปู ลมิ่ กว้าง แผน่ ใบคอ่ นขา้ งบาง มะกลิ้ง: เกลด็ ประดบั สดี ำ� มีตอ่ มนำ้� ต้อยสีเขียว ดอกเพศผอู้ อกเป็นช่อ ใบรปู ฝา่ มือ 5 แฉก ผลกลมขนาดใหญ่ (ภาพ
ด้านล่างมีขนส้ันนุ่ม ช่อดอกแบบช่อกระจะออกด้านข้างเรียงสลับกับใบ ยาว ช่อดอกและภาพเกล็ดประดบั : ดอยภคู า นา่ น, ภาพผล: cultivated, เมล็ดน�ำมาจากพมา่ ; - RP)
5-20 ซม. กา้ นดอกยาว 3-6 มม. ใบประดับคลา้ ยขนแข็ง รว่ งเร็ว กลีบเลยี้ งรปู ถว้ ย
เบ้ยี ว ยาว 8-9 มม. จักตนื้ 5 จกั ดา้ นนอกมีขนสนั้ นุ่ม ดอกรูปดอกถว่ั สขี าวหรือครมี มะกอกเกลือ้ น, สกุล
กลีบกลางรปู ไข่กลบั ยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายมน โคนเรยี วแคบเปน็ กา้ นกลบี
กลีบปีกยาวเท่า ๆ กลีบกลาง เวา้ เป็นติง่ กา้ นกลบี ยาว กลีบค่ลู า่ งคลา้ ยกลีบปีก Canarium L.
แตส่ ัน้ กวา่ เกสรเพศผู้ 10 อนั เชื่อมติดกันทโ่ี คน รังไข่มขี นสนี �้ำตาลแดง ผลเปน็ ฝัก วงศ์ Burseraceae
คลา้ ยลกู ปัด ยาว 4-10 ซม. ปลายเปน็ จะงอย มี 2-4 เมลด็ รปู ไขป่ ลายแหลม
ยาวประมาณ 8 มม. เมลด็ แกส่ ีแดง ไมต้ น้ แยกเพศตา่ งตน้ มยี างชนั ใบประกอบปลายคี่ เรยี งเวยี น ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ แยกแขนง กลีบเล้ยี งรปู ถ้วย มี 3 แฉก เรียงจรดกัน ขยายในผล กลบี ดอก
พบท่ีจีนตอนใต้ พม่า และภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทยที่ทุ่งใหญ่นเรศวร สว่ นมากมี 3 กลีบ เรยี งซ้อนเหลอื่ มท่ีโคน เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดรอบ ๆ ขอบ
จงั หวดั กาญจนบุรี ภาษากะเหรยี่ งเรียกวา่ เซซาโว จานฐานดอกหรอื ทโ่ี คน เปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี จานฐานดอกเชอ่ื มตดิ รงั ไข่ รงั ไข่
มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวลุ 2 เมด็ ยอดเกสรเพศเมยี เป็นตุ่มหรอื จกั ตน้ื ๆ 3 พู
สกุล Sophora L. อย่ภู ายใต้วงศ์ยอ่ ย Faboideae เผ่า Sophoreae มีประมาณ ผลผนงั ชนั้ ในแขง็ ไพรนี แขง็ หนา้ ตดั รปู สามเหลยี่ ม มี 3 ชอ่ ง สว่ นมากมชี อ่ งเดยี ว
70 ชนดิ พบทั้งในเขตรอ้ นและเขตอบอุ่น ในไทยมีประมาณ 5 ชนดิ ชอ่ื สกุลมา ที่พฒั นา ใบเล้ยี งรปู ฝ่ามือ
จากภาษาอาหรบั “sufayra” ท่ี Linnaeus นำ�มาใชต้ ัง้ ช่อื ชนดิ S. alopecuroides L.
เอกสารอ้างอิง สกุล Canarium มีประมาณ 100 ชนิด สว่ นมากพบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยมี
Bao, B. and M.A. Vincent. (2010). Fabaceae (Sophora). In Flora of China Vol. ประมาณ 12 ชนดิ ชอื่ สกลุ มาจากภาษาพ้นื เมอื งหมเู่ กาะโมลกุ กะของอนิ โดนีเซีย
“kanari” หรือ “kenari” ทเ่ี รียกพชื ในสกุล Canarium
10: 85, 92.
มะกอกเกลอื้ น
มะกลำ่� สร้อย: ใบประกอบปลายคี่ ชอ่ ดอกออกดา้ นข้างเรียงสลับกับใบ ดอกสีขาว ผลเป็นฝักคลา้ ยลกู ปัด
(ภาพ: ทุ่งใหญน่ เรศวร กาญจนบรุ ี - RP) Canarium subulatum Guillaumin
ไมต้ น้ อาจสงู ไดถ้ งึ 30 ม. เปลอื กแตกเปน็ สะเกด็ กง่ิ มชี อ่ งอากาศ หใู บรปู ลม่ิ แคบ
มะกล้ิง
ยาว 0.5-1.5 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ ใบประกอบมใี บยอ่ ย 2-5 คู่ ใบยอ่ ยรปู รี รปู ขอบขนาน
Hodgsonia heteroclita (Roxb.) Hook. f. & Thomson subsp. หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 4-18 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนเบยี้ ว ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย
indochinensis W. J. de Wilde & Duyfjes แผ่นใบเกลี้ยงหรอื มีขน กา้ นใบยาว 1-2 ซม. ใบปลายยาว 3-4 ซม. ชอ่ ดอกออก
ทปี่ ลายกง่ิ หรอื ซอกใบใกลป้ ลายกงิ่ ชอ่ ดอกเพศผยู้ าวกวา่ ชอ่ ดอกเพศเมยี กา้ นดอก
วงศ์ Cucurbitaceae ยาว 1-2 มม. กลีบเลยี้ งยาว 3-5 มม. ดอกสีครีม กลบี รปู คลา้ ยเรือ ยาว 0.7-1.2 ซม.
ไมเ้ ถา ยาวไดถ้ ึง 30 ม. แยกเพศตา่ งตน้ มือจับแยก 2-3 แฉก ใบรปู ฝ่ามอื เกสรเพศผู้ติดท่ีโคนจานฐานดอก โคนเช่ือมติดกัน จานฐานดอกสีแดงอมส้ม
จกั เปน็ พหู รือเรยี บ รังไข่และกา้ นเกสรเพศเมยี มขี นยาว ผลรปู รี ยาว 3-4.5 ซม.
3-5 แฉก ขอบเรยี บหรอื จักฟันเลอ่ื ยหา่ ง ๆ แผ่นใบมตี อ่ มประปราย ก้านใบยาว หนา้ ตดั รปู สามเหลยี่ มมน ผนงั หนา ไพรีนรปู รี ยาว 2-2.5 ซม.
4-8 ซม. โคนมเี กลด็ ประดบั สดี ำ� ยาวประมาณ 5 มม. มตี อ่ มนำ�้ ตอ้ ยสเี ขยี ว ดอกบาน
ตอนกลางคืน ช่อดอกเพศผยู้ าว 15-35 ซม. มี 10-20 ดอก กา้ นดอกยาว 2-6 มม. พบท่ีจนี ตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจีน ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคใต้
ใบประดบั รปู รี ยาว 0.5-1 ซม. ฐานดอกยาว 7-12 ซม. ปลายรูปถว้ ย ยาว 1-2 ซม. ข้นึ ตามปา่ เตง็ รัง ปา่ เบญจพรรณ และปา่ สนเขา ความสงู ถึงประมาณ 1400 เมตร
กลบี เล้ียง 5 กลบี ยาว 2-4 มม. ดอกสีเหลอื ง มี 5 กลีบ ยาว 3-5 ซม. ขอบจกั ชายครุย มีความผันแปรสงู ทั้งรปู รา่ งและขนาดของสว่ นตา่ ง ๆ และส่งิ ปกคลุม
บดิ วนหอ้ ยลง ยาวไดถ้ ึง 15 ซม. มขี น เกสรเพศผู้ 3 อนั ติดใกลค้ อหลอด อับเรณู
ชิดกนั จานฐานดอกแยกเปน็ 3 สว่ น รูปแถบยาว 3-5 ซม. ดอกเพศเมียออกเดีย่ ว ๆ มะกอกขน
กา้ นดอกสน้ั กวา่ ในดอกเพศผู้ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 5 ซม ยอดเกสรแยก 2 แฉก
มี 3 คารเ์ พล 6 ช่อง แตล่ ะช่องมีออวุล 1-3 เมด็ รงั ไข่มตี มุ่ สีดำ� ผลเปลอื กแข็ง Canarium littorale Blume
เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 15-20 ซม. มี 6 ไพรนี ยาว 3-7 ซม. ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. มขี นสนั้ นมุ่ สนี ำ�้ ตาลแดงตามกงิ่ ออ่ น หใู บ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง

พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคเหนอื ชอ่ ดอก กลีบเล้ยี งและกลีบดอกดา้ นนอก หใู บรูปกลม ขนาดประมาณ 1.5 ซม.
ทน่ี า่ น ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี และภาคใตท้ สี่ รุ าษฎรธ์ านี ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ รว่ งเร็ว ใบประกอบมีใบยอ่ ย 2-5 คู่ รปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 6-12 ซม.
และป่าดบิ เขา ความสงู 800-1200 เมตร เมลด็ ให้น้�ำมนั และน�ำไปเผากนิ ได้ ส่วน ปลายแหลม มตี งิ่ โคนรปู ลม่ิ กวา้ งหรอื กลม เบย้ี ว ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย กา้ นใบยาว 3-6 มม.
subsp. heteroclita พบเฉพาะในอินเดยี ผลมีร่อง 6-12 รอ่ งชัดเจน

สกุล Hodgsonia Hook. f. & Thomson มี 2 ชนดิ พบในเอเชียเขตรอ้ น อีกชนดิ
คือ น�้ำ เต้าผี H. macrocarpa (Blume) Cogn. ใบมี 3 แฉก ฐานดอกเพศผสู้ น้ั แต่
กา้ นดอกเพศเมยี ยาวกว่ามะกล้งิ พบทีค่ าบสมุทรมลายู บอรเ์ นยี ว สมุ าตรา ชวา

330


Click to View FlipBook Version