The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2022-10-24 20:11:03

รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน

สำนักกรรมาธิการ ๓

รายงานการพิจารณาศกึ ษา
เรอ่ื ง

ข้อเสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ูปการศึกษา
และแนวทางการนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้

ตามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ัติทย่ี ่งั ยืน

ของ
คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒสิ ภา

ส�ำ นักกรรมาธิการ ๓
ส�ำ นักงานเลขาธิการวุฒิสภา

รายงานการพิจารณาศึกษา
เร่ือง

ข้อเสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ูปการศกึ ษา
และแนวทางการน�ำ หลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรู้

ตามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏบิ ัติทยี่ งั่ ยนื

ของ
คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วุฒิสภา

ส�ำ นักกรรมาธกิ าร ๓
ส�ำ นักงานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา



คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ สิ ภา



(สาเนา)

บันทึกข้อความ

สว่ นราชการ คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ ิสภา
ท่ี สว ๐๐๑๙.๑๙/(ร ๑๗) วนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔
เรอ่ื ง รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอื่ ง ขอ้ เสนอเชิงนโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการนาหลกั สตู ร
และกระบวนการเรียนรตู้ ามศาสตร์พระราชาสู่การปฏบิ ตั ิท่ยี งั่ ยนื

กรากบรเารบียเนรียปนระปธราะนธวาุฒนสิ วภฒุ าิสภา

ด้วยดใน้วคยรใานวคปราะวชปุมวรุฒะชิสุมภาวคุฒริสั้งทภี่ า๑ค๗ร้ัง(ทสมี่ ๑ัยส๗าม(สัญมปัยรสะจาำ�มปัญีคปรั้งรทะ่ีหจนา่ึงป)ีคเรม้ัง่ือทว่ีันหอนัง่ึงค)าเรมทื่อ่ี ๑วัน๐อกังันคยาารยน
พ.ศท.่ี๒๑๕๐๖๒กทันปี่ ยราะยชนมุ ไพดม้.ศมี .ต๒ติ งั้๕ค๖ณ๒ะกทรร่ีปมราะธชกิ าุมรไสดา้มีญัมตปิรตะั้งจค�ำ ณวฒุ ะสิกภรารตมาามธขิกอ้ าบรงั สคาบั มกัาญรประะชจมุ าววฒุ ุฒสิ ิสภภา าพต.ศา.ม๒ข๕้อ๖บ๒ังขคอ้ ับ๗๘
วรรกคาสรอปงร(ะ๑ช๙ุม) วซุฒึ่งคิสณภะากรพร.มศา.ธ๒ิกา๕ร๖กา๒รศขึก้อษา๗ว๘ุฒิสวภรราคเปส็นอคงณ(๑ะก๙ร)รมซา่ึงธคิกณาระสกามรรัญมปารธะิกจำ�าวรุฒกิสาภรศาคึกณษะาหวนุฒึ่ง ิมสีหภนา้าที่
แลเะปอ็นำ�คนณาจะพกิจรารรมณาาธริก่าางรพสราะมรัาญชปบรัญะญจัตาิวกุฒริสะทภำ�ากคิจณกะารหนพ่ึงิจามรีหณนา้าสทอบี่แหลาะขอ้อาเนทา็จจพริงิจหารรือณศึากรษ่าางเรพื่อรงะใดราๆชบทัญี่เกญี่ยัวตกิ ับ
กากรศรึกะษทาา กิาจรกพาัฒรนพากิ จาารรศณึกษาาสใอนบทุกหราะขด้ อับเแทล็ จะจทรุกิ งรหูปรแื อบศบึ กขษองาชเราื่ตอิแงตใด่ไมๆ่รวทม่ีถเกึงี่กยาวรกศั บึกกษาระศดึ กับษอาุดมกศาึกรพษาั ฒทนี่ไมา่อยู่
ในหกนาร้าศทึ่ีแกลษะาอใำ�นนทาุกจขระองดกับรแะลทะรวทงุกศรึกูปษาแธบิกบารขอกงาชรใาหต้บิแรติก่าไรมท่ราวงมกถารึงศกึกาษราศสึกำ�หษราับรปะรดะับชาอชุดนมศโดึกยษคำ�านทึงี่ไถมึง่อควยาู่ ม
เปน็ในมาหตนรฐ้าาทนี่แเปล็นะธอรารมนแาลจะขทอว่ั ถงึงกเรนะน้ ทควราวมงเปศน็ึกเษลิศาทธาิกงปารญั ญกาารวินใหยั ้บครุณิกธารรมทาจงรกยิ ธารรรศมึกจษิตาสสาธาาหรณรับะปครวะามชเาปช็นนไทย
บนโพดนื้ ยฐคาานนกึางรถปึงกคควราอมงใเนปร็นะมบาอตบรปฐราะชนาธเปิ ็ไนตธยรอรนั มมแพี ลระมทห่ัวาถกึงษเตันร้นยิ คท์ วรงาเมปเน็ ปป็นระเลมิขุศทพจิางารปณัญาญศกึ าษวาินตัดิยตคามุณเสธนรอรแมนะ
แลจะรเริย่งธรรัดรกมารจปิตฏสิราูปธปาระณเทะศควแาลมะเแปผ็นนไแทมย่บบทนภพาื้นยใฐตา้ยนุทกธาศราปสกตครร์ชอางตใินทร่ีอะยบู่ใอนบหปนร้าทะชี่แาลธะิปอไำ�ตนยาอจันแมลีพะรอะื่นมๆหาทกี่เษกัต่ียรวขิย้อ์ ง
ซงึ่ คทณรงะเกปร็รนมปารธิกะามรุขคณพะิจนาปี้ รรณะกาอศบึกดษว้ ยา ติดตามเสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บท
ภายใ ต้ยุทธศา๑ส.ต นร์ชายาตวิ งที่ออยนั ู่ใทนะหไชนย้า ที่และอานาจ และอ่ืน ๆ ปทรี่เกะธี่ยาวนขค้อณงะซก่ึรงรคมณาธะกิ การรมาธิการคณะนี้
ประก อบด้วย ๒. นายปรีชา บวั วิรตั น์เลิศ
๔๓๕...๑๓๒๔ พนน.... าาลนนนพยงเาาาลกออยงยเอกออกตปบนกอปวรกบงรชี ลุปกะการาสอลุ อจะาันบกาทสทภวัอราวะะาาทสิรโกภไขุทชตัราเสกยนกกณขุ ษ์เรลเตกอณศิ รษยุธ ตอยรยาธุ ยา รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี น่ึง

รรปรอออรรเรลอองงงะขปปปงงธาปปรรรานรระะะนุกะะธธธคาธธาาาณราานนนคนนะคคคณคคกณณณณณะรกะะะระะรกกกมกกรรรรารรมรรรรรธามมมมมกิ ธาาาาาาิกธธธธธราิกิกิกกิกิ ราาาาารรรรรคคคคคนนนนนทททททีสี่่ส่ีีส่สี่หาออามนงมง่งึ
เลโฆขษานกุกคาณระคกณรระมการธรกิ มาารธกิ าร

๖.๕ น. านยาเยฉอลาอนพวกงามจากลรัยะ โทก
๗.๖ น. านยาพยีรเะฉศลักาดิ์พพวองมจติาล ยั โฆปษระกธคาณนทะก่ีปรรกึ มษาธคิกณาะรกรรมาธิการ
๘.๗ พ. นั ตาำ�ยรพวีรจะตศรกัี ยดง์ิยทุพธอจสติ าระสมบัต ิ ปทระีป่ ธรากึ นษทาคีป่ ณรกึะกษรารคมณาธะกิ การรรมาธกิ าร
๙.๘ พ. ลพเนัอตกาอรดู้ วจเตบร้อื ี งยบงนยุท ธ สาระสมบัติ ทท่ีปีป่ รรกึ ึกษษาาคคณณะะกกรรรรมมาาธธิกิกาารร
๑๑๑๐๑๒๑๑๑...๙๑๒๐ นนน.... าาานนนพยยยาาาลวชกยยยเรีาูรอกชวะญดกรีาูรศสิ วะญดกัถอิทศสิด์วดู้ยักถิ์ิทจ์ ด์ฟนัยผเิ์ จบูตท์ลฟนัรือ้รผชะศ์ูตทงีวลกรบรนิรชูลีชะศ์ นีว วกรนิ าลูชี ลวาา ลา กกทททกกรร่ปี่ีปรรรรป่ี รรรรมมรกึึกมมาาึกษษาาธธษธธาากิิกากกิิคคาาคาาณณรรณรระะะกกกรรรรรรมมมาาาธธธิกกิิกาาารรร
๑๓๑.๓ น. านยาณยรณงรคง์ คอ์ อ่ อนอ่สนอาสดอ าด กกรรรรมมาาธธกิ กิ าารร
๑๔๑.๔ น. านยาพยิศพาศิ ลาลมามณาวณพวัฒพนฒั ์ น์ กกรรรมมาาธธกิ กิ าารร
๑๕๑.๕ พ. ลพเลอเกอกสสสินสนิ ทอทงภอักงภด ีกั ดี กกรรรมมาาธธกิ ิกาารร
๑๖๑.๖ น. านงาสงนุ สี ุนจี ึงจวิโงึ รวจิโนรจ์ น์ กกรรรรมมาาธธกิ ิกาารร

อน่งึอนเม่งึ อื่ เวมัน่ือวพันธุ พ...ธุ ...

-๒-

อน่ึง เมือ่ วนั พุธท่ี ๑๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกูรดิสถ์ จันทรศ์ รีชวาลา ไดข้ อลาออกจากการเป็น
กรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการศึกษา และในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งท่ี ๑๙ (สมัยสามัญประจำ�ปีคร้ังที่หนึ่ง)
วนั อังคารที่ ๑๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีประชมุ ได้มมี ตติ ง้ั นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน เป็นกรรมาธิการสามญั ในคณะ-
กรรมาธกิ ารการศกึ ษา แทนต�ำ แหนง่ ทวี่ า่ ง และมมี ตติ ง้ั กรรมาธกิ ารสามญั ในคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาเพม่ิ ๓ ต�ำ แหนง่
ได้แก่
๑. นายทรงเดช เสมอคำ�
๒. รองศาสตราจารย์ศกั ดไ์ิ ทย สรุ กิจบวร
๓. นายณรงค์ สหเมธาพฒั น์

เมื่อวันจันทร์ท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ
ในคณะกรรมาธิการการศกึ ษา และในคราวการประชุมวุฒิสภา ครงั้ ที่ ๑๐ (สมยั สามัญประจำ�ปคี ร้งั ทีห่ นงึ่ ) วันอังคารท่ี
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติต้ัง นายถาวร เทพวิมลเพชรกุล เป็นกรรมาธิการสามัญ ในคณะกรรมาธิการ-
การศึกษา แทนต�ำ แหน่งทว่ี ่าง

ต่อมา เมื่อวันพฤหัสบดีท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ นายณรงค์ อ่อนสะอาด ได้ขอลาออกจากการเป็น
กรรมาธกิ าร ในคณะกรรมาธิการการศกึ ษา จากนนั้ เมือ่ วนั พุธที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ พนั ต�ำ รวจตรี ยงยทุ ธ สารสมบตั ิ
ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมาธกิ าร ในคณะกรรมาธิการการศึกษา และเมื่อวันศุกร์ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๓ นายพิศาล
มาณวพัฒน์ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการศึกษา เช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้ปัจจุบัน
คณะกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย

๑. นายตวง อนั ทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการ

๒. นายปรชี า บวั วริ ตั น์เลิศ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี นง่ึ

๓. นางกอบกลุ อาภากร ณ อยธุ ยา รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง

๔. พลเอก ประสาท สขุ เกษตร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ าม

๕. นายออน กาจกระโทก เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร

๖. นายเฉลา พวงมาลยั โฆษกคณะกรรมาธกิ าร

๗. นายพรี ะศักดิ์ พอจิต ประธานทปี่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร

๘. พลเอก อู้ด เบอ้ื งบน ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร

๙. นายวรี ะศกั ดิ์ ฟูตระกูล ท่ีปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร

๑๐. พลเอก สสนิ ทองภักด ี กรรมาธิการ

๑๑. นางสนุ ี จงึ วโิ รจน์ กรรมาธกิ าร

๑๒. นายเฉลมิ ชยั เฟือ่ งคอน กรรมาธกิ าร

๑๓. นายทรงเดช เสมอคำ� กรรมาธกิ าร

๑๔. รองศาสตราจารย์ศักดไ์ิ ทย สุรกิจบวร กรรมาธกิ าร

๑๕. นายณรงค์ สหเมธาพัฒน ์ กรรมาธกิ าร

๑๖. นายถาวร เทพวมิ ลเพชรกุล กรรมาธกิ าร

บดั นี้ คณะกรรมาธกิ าร...

-๓-

บัดน้ี คณะกรรมาธิการได้ดำ�เนินการพิจารณาและจัดทำ�รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอ
เชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การ
ปฏบิ ตั ิที่ยัง่ ยนื เสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว จึงขอรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องดงั กล่าวตอ่ วฒุ ิสภาตามขอ้ บังคับการประชมุ
วฒุ สิ ภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๘

จึงกราบเรียนมาเพ่ือโปรดทราบและนำ�เสนอรายงานสรุปผลการดำ�เนินงานของคณะกรรมาธิการ
ต่อท่ีประชุมวฒุ สิ ภาต่อไป


(ลงชื่อ) ตวง อันทะไชย
(นายตวง อนั ทะไชย)
ประธานคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วุฒิสภา

ส�ำ เนาถูกตอ้ ง ส�ำ เนาถกู ตอ้ ง

(นางอำ�พรรณนี ปินตาวงศ)์ (นายนพรินทร์ ไทยถาวร)
ผู้ช่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร คนที่หนง่ึ ผู้ชว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธิการ คนที่สอง

ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา ธดิ า พิมพ์
ส�ำ นักกรรมาธิการ ๓ ส�ำ นักงานเลขาธกิ ารวฒุ ิสภา อำ�พรรณนี/เบญญา ทาน
โทรศพั ท์ ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๑๘
ไปรษณยี อ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ : [email protected]



รายงานการพจิ ารณาศึกษา
เรอ่ื ง
ขอ้ เสนอเชิงนโยบายในการปฏิรปู การศึกษา
และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์พระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ิทีย่ ง่ั ยืน
ของคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วุฒสิ ภา
-----------------------------------------
ด้วยในคราวประชุมวุฒิสภาคร้ังท่ี ๑๗ (สมัยสามัญประจำ�ปีครั้งที่หน่ึง) เม่ือวันอังคารที่ ๑๐ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีประชุมได้มีมติต้ังคณะกรรมาธิการสามัญประจำ�วุฒิสภาตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒
ข้อ ๗๘ วรรคสอง (๑๙) ซ่ึงคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เป็นคณะกรรมาธิการสามัญประจำ�วุฒิสภาคณะหนึ่ง
มหี นา้ ทแี่ ละอ�ำ นาจพจิ ารณารา่ งพระราชบญั ญตั ิ กระท�ำ กจิ การ พจิ ารณาสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ศกึ ษาเรอื่ งใด ๆ ทเ่ี กยี่ วกบั
การศึกษา การพัฒนาการศึกษาในทุกระดับและทุกรูปแบบของชาติแต่ไม่รวมถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาท่ีไม่อยู่
ในหน้าท่ีและอำ�นาจของกระทรวงศึกษาธิการ การให้บริการทางการศึกษาสำ�หรับประชาชน โดยคำ�นึงถึงความเป็น
มาตรฐาน เป็นธรรมและท่ัวถึงเน้นความเป็นเลิศทางปัญญา วินัย คุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะ ความเป็นไทย
บนพนื้ ฐานการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ พจิ ารณาศกึ ษา ตดิ ตามเสนอแนะ
และเรง่ รัดการปฏิรปู ประเทศ และแผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ ท่ีอยูใ่ นหน้าทีแ่ ละอำ�นาจ และอืน่ ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
บัดนี้ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษา เร่ือง “ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา
และแนวทางการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน” และได้จัดทำ�รายงาน
การพิจารณาศกึ ษาเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ จึงขอรายงานผลการพจิ ารณาศกึ ษาตอ่ วุฒิสภา ตามข้อบงั คับการประชุมวฒุ ิสภา
ซ่งึ ปรากฏผล ดงั นี้
๑. การด�ำ เนินงานของคณะกรรมาธกิ าร
คณะกรรมาธิการการศกึ ษา วฒุ ิสภา ได้ต้งั คณะท�ำ งานขน้ึ ๒ คณะ ดงั นี้
๑.๑ คณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน
ตามค�ำ ส่งั ที่ ๖/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ ประกอบดว้ ย
๑. พลเอก จรี ะศกั ด์ิ ชมประสพ ประธานท่ปี รึกษา
๒. พลเอก อดุ มชัย ธรรมสาโรรัชต ์ ท่ีปรึกษา
๓. พลอากาศเอก จริ วฒั น์ มลู ศาสตร์ ทป่ี รึกษา
๔. นายตวง อันทะไชย ประธานคณะท�ำ งาน
๕. นายออน กาจกระโทก รองประธานคณะทำ�งาน คนท่หี นึง่
๖. นายเฉลา พวงมาลยั รองประธานคณะทำ�งาน คนที่สอง
๗. รองศาสตราจารยศ์ ักดไ์ิ ทย สุรกจิ บวร รองประธานคณะทำ�งาน คนที่สาม
๘. นางกอบกลุ อาภากร ณ อยุธยา รองประธานคณะทำ�งาน คนทส่ี ี่
๙. นายทรงเดช เสมอคำ� คณะทำ�งาน
๑๐. พลอากาศเอก ชูชาติ บุญชยั คณะท�ำ งาน
๑๑. นายบูรพาทิศ พลอยสุวรรณ ์ คณะท�ำ งาน
๑๒. นายศักดิส์ นิ โรจน์สราญรมย ์ คณะท�ำ งาน
๑๓. นายกล่นิ สระทองเนยี ม คณะทำ�งาน
๑๔. นางกฤษฎาภรณ์...

(ข)

๑๔. นางกฤษฎาภรณ์ รจุ ิธำ�รงกุล คณะท�ำ งาน
๑๕. นายถนดั บญุ ชยั คณะท�ำ งาน
๑๖. ผู้ชว่ ยศาสตราจารยน์ ครนิ ทร์ พรบิ ไหว คณะท�ำ งาน
๑๗. นางนนั ทนา ชวศริ กิ ลุ ฑล คณะท�ำ งาน
๑๘. นายส�ำ รวย ผ่องใส คณะทำ�งาน
๑๙. นางสาวศริ ิ รุง่ ภทั รเศวต คณะทำ�งาน
๒๐. นายสพุ ล ชมจมุ จัง คณะท�ำ งาน
๒๑. นางสาวกนกพร พันธ์ดงยาง คณะท�ำ งาน
๒๒. นางสาวธดิ า กลนิ่ กลบ คณะท�ำ งานและเลขานกุ าร
๒๓. นางสาวเบญญา สุขวัฒนธ์ นกิ กุล คณะทำ�งานและผู้ช่วยเลขานุการ

โดยให้คณะทำ�งานนี้มหี น้าทีแ่ ละอำ�นาจ ดงั นี้
๑. พิจารณาศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้และศาสตร์ต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรม-
ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร-
มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร
พระวชิรเกลา้ เจ้าอยหู่ วั
๒. พิจารณาศึกษาแนวทางการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้เพื่อน้อมนำ�องค์ความรู้
และศาสตร์ต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานไว้
ไปส่กู ารปฏบิ ตั ิเพือ่ การพฒั นาท่ียัง่ ยนื
๓. หนา้ ท่ีอน่ื ๆ ตามท่ีคณะกรรมาธกิ ารมอบหมาย
๑.๒ คณะทำ�งานการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์
พระราชาสู่การปฏิบตั ิท่ยี ่งั ยืน ตามคำ�ส่งั ที่ ๒๔/๒๕๖๒ ลงวนั ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบดว้ ย
๑. นายตวง อนั ทะไชย ประธานท่ปี รกึ ษา
๒. นางกอบกุล อาภากร ณ อยธุ ยา ที่ปรกึ ษา
๓. นายออน กาจกระโทก ทีป่ รึกษา
๔. นายเฉลา พวงมาลัย ท่ปี รึกษา
๕. รองศาสตราจารยศ์ กั ด์ไิ ทย สุรกิจบวร ทปี่ รึกษา
๖. นายทรงเดช เสมอคำ� ทีป่ รกึ ษา
๗. นายศกั ดิ์สนิ โรจนส์ ราญรมย ์ ประธานคณะท�ำ งาน
๘. นายบูรพาทศิ พลอยสุวรรณ์ รองประธานคณะทำ�งาน
๙. พลอากาศเอก ชูชาติ บญุ ชยั คณะทำ�งาน
๑๐. นายกลิน่ สระทองเนยี ม คณะทำ�งาน
๑๑. นางนนั ทนา ชวศริ กิ ลุ ฑล คณะทำ�งาน
๑๒. นายสมควร วรสันต์ คณะทำ�งาน
๑๓. นายศกั ด์สิ ิน ช่องดารากลุ คณะทำ�งาน
๑๔. นายทองสุข รวยสูงเนนิ คณะท�ำ งาน
๑๕. นางนารี คูหาเรืองรอง คณะท�ำ งาน
๑๖. นางสาวธิดา กลิ่นกลบ คณะทำ�งานและเลขานกุ าร
โดยใหค้ ณะท�ำ งาน...

(ค)
โดยใหค้ ณะท�ำ งานน้มี หี นา้ ทแ่ี ละอำ�นาจ ดังนี้
๑. ศ ึกษาและรวบรวมองค์ความรู้และศาสตรต์ ่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
มหศิ รภูมพิ ลราชวรางกูร กิตสิ ริ ิสมบรู ณอดุลยเดช สยามนิ ทราธเิ บศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว
๒. ศึกษาและวิเคราะหแ์ นวทางการจดั หลกั สูตรและกระบวนการเรียนรเู้ พ่อื นอ้ มนำ�องคค์ วามรู้
และศาสตร์ต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ-
อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานไว้ไปสู่การปฏิบัติ
เพ่อื การพฒั นาที่ย่งั ยืน
๓. สนับสนุนและยกระดับรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบาย
การจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน ของคณะกรรมาธิการการศึกษา
และการกฬี า สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ (ฉบบั เดมิ ) อนั น�ำ ไปสกู่ ารก�ำ หนดแนวทางการปฏริ ปู การศกึ ษา และการน�ำ หลกั สตู ร
และกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์พระราชาส่กู ารปฏิบัติทย่ี ่ังยืน เพือ่ เสนอต่อคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วฒุ สิ ภา
๔. หนา้ ทอ่ี ื่น ๆ ตามทค่ี ณะกรรมาธิการมอบหมาย
๒. วิธกี ารพจิ ารณาศึกษา
๒.๑ การประชมุ
คณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน
ไดด้ ำ�เนนิ การประชุม จำ�นวน ๓ คร้ัง และคณะท�ำ งานการปฏริ ูปการศึกษา และการนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้
ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน ได้ดำ�เนินการประชุม จำ�นวน ๒ ครั้ง รวมท้ังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ
ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างดา้ นการศกึ ษา ในรปู แบบการประชมุ ออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Cisco Webex Meeting จำ�นวน ๓ คร้ัง
เพื่อระดมข้อมูล ความคิดเห็น และค้นหาแนวทางการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้
เพ่ือน้อมนำ�องค์ความรู้และศาสตร์ต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร
กติ ิสริ ิสมบรู ณอดุลยเดช สยามินทราธเิ บศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานไว้ไปสู่
การปฏิบัติเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดและยกระดับรายงานการพิจารณาศึกษา เร่ือง ข้อเสนอ
เชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน ของคณะกรรมาธิการ
การศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) ให้นำ�ไปขยายผลในทางปฏิบัติจริงกับสถานศึกษาได้
อย่างมีประสทิ ธิภาพ
๒.๒ การเดินทางไปเขา้ พบองคมนตรี
การเดนิ ทางไปเขา้ พบ พลเอก สุรยทุ ธ์ จลุ านนท์ ประธานองคมนตรี เพ่ือหารอื และแลกเปลย่ี น
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา
สู่การปฏิบตั ทิ ย่ี ง่ั ยืน ณ ท�ำ เนียบองคมนตรี เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร เมือ่ วนั ศกุ รท์ ่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

๒.๓ การเดินทาง...

(ง)
๒.๓ การเดินทางไปศึกษาดงู าน
๑) การเดินทางไปศึกษาดูงานเก่ียวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ ง่ั ยนื ณ โรงเรยี นบา้ นคลองยาง (มลู บนอปุ ถมั ภ)์ อ�ำ เภอครบรุ ี
จังหวดั นครราชสีมา เม่ือวันศกุ รท์ ี่ ๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒
๒) การเดินทางไปศึกษาดูงานเก่ียวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน ณ โรงเรียนประชาพัฒนาวิทย์ อำ�เภอบ้านคา
และโรงเรยี นวดั ปา่ ไก่ (สว่ นประชานกุ ลู ) ในพระบรมราชานเุ คราะห์ อ�ำ เภอปากทอ่ จงั หวดั ราชบรุ ี เมอ่ื วนั พฤหสั บดที ี่ ๓๐
มกราคม ๒๕๖๓
๓) การเดินทางไปศึกษาดูงานเก่ียวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน ณ โรงเรียนศรีสวัสด์ิพิทยาคม อำ�เภอศรีสวัสด์ิ
และโรงเรยี นต�ำ รวจตระเวนชายแดนบา้ นตน้ มะมว่ ง อ�ำ เภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบรุ ี เมอ่ื วนั พฤหสั บดที ่ี ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์
๒๕๖๓
๔) การเดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน ณ โรงเรียนวัดสมหวัง อำ�เภอเมือง และโรงเรียน
เตรยี มอดุ มศกึ ษาพฒั นาการ สรุ าษฎรธ์ านี อ�ำ เภอกาญจนดษิ ฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี เมอ่ื วนั ศกุ รท์ ี่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
๕) การเดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการจัดการปฏิรูปการศึกษา และการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน ณ โครงการพัฒนาพื้นท่ีสูงแบบโครงการหลวงวังไผ่
อำ�เภอสองแคว ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนธรรมชาติบ้านห้วยพ่าน อำ�เภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน และโรงเรียนบ้านกาศ
ประชานุเคราะห์ อำ�เภอสงู เมน่ จงั หวดั แพร่ ระหว่างวันท่ี ๑๐-๑๑ กันยายน ๒๕๖๓
๒.๔ การพจิ ารณาเอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง
พระราชบัญญตั ิ/กฎหมาย
๑) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
๒) พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่แก้ไขเพ่ิมเติม
(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอ้ บงั คบั /ยุทธศาสตร/์ นโยบาย/แผน
๑) ข้อบังคับวุฒสิ ภา พ.ศ. ๒๕๖๒
๒) ยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐
๓) แผนปฏริ ปู ประเทศด้านการศึกษา ของคณะกรรมการอสิ ระเพอ่ื ปฏริ ูปการศึกษา
ส�ำ นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
๔) ค�ำ แถลงนโยบายของคณะรฐั มนตรี พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา
นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรฐั สภา วนั พฤหัสบดีท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ณ หอประชุมใหญ่ บรษิ ทั ทโี อที จ�ำ กัด (มหาชน)
๕) นโยบายและจุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ประจำ�ปีงบประมาณ ๒๕๖๓
(โดยนายณฏั ฐพล ทปี สุวรรณ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ)

หนังสือ/เอกสาร...

(จ)

หนงั สอื /เอกสารทางวิชาการ
๑) หนังสือ “ศาสตร์พระราชา : ผู้นำ�โลกในการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมกฎหมายสนับสนุน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร”
ของสภานติ บิ ญั ญัติแห่งชาติ
๒) รายงาน เรื่อง “การขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชา เพื่อการปฏิรูปประเทศ”
ของคณะกรรมการขับเคล่อื นสบื สานศาสตร์พระราชา สภาขบั เคลอ่ื นการปฏิรปู ประเทศ
๓) รายงานการพจิ ารณาศึกษา เรอื่ ง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจดั หลกั สูตรและกระบวนการ
เรียนรูต้ ามศาสตร์พระราชาส่กู ารปฏบิ ัตทิ ีย่ ั่งยนื ของคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาและการกฬี า สภานิติบญั ญตั แิ ห่งชาติ
๓. ผลการพจิ ารณาศกึ ษา
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษา เรื่อง “ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทาง
การนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน” โดยคณะกรรมาธิการได้พิจารณา
มอบหมายใหค้ ณะท�ำ งานจดั หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ งั่ ยนื และคณะท�ำ งาน
การปฏริ ปู การศกึ ษา และการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ งั่ ยนื พจิ ารณาศกึ ษา
โดยแบ่งออกเป็น ๓ บท ดงั นี้
บทท่ี ๑ บทนำ�
บทท่ี ๒ การปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชา
สกู่ ารปฏิบัติที่ย่ังยืน
บทท่ี ๓ ความเห็นและข้อเสนอแนะในการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา
ไปใช้
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
คณะกรรมาธกิ ารไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบรายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอื่ ง “ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู
การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ งั่ ยนื ” ซง่ึ คณะท�ำ งาน
จัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน และคณะทำ�งานการปฏิรูปการศึกษา
และการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ ง่ั ยนื ไดด้ �ำ เนนิ การจดั ท�ำ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้
ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงขอนำ�เสนอรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
ของคณะกรรมาธิการตามรายงานท้ายนี้ เพ่ือให้วุฒิสภาได้โปรดพิจารณา หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบด้วยกับ
ผลการพิจารณาศึกษา รวมท้ังข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการแล้ว ขอได้โปรดแจ้งไปยังรัฐบาล
คณะรฐั มนตรี และหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอื่ พจิ ารณาและด�ำ เนนิ การตามทเ่ี หน็ สมควร ทงั้ น้ี เพอื่ ประโยชนข์ องประเทศชาติ
และประชาชนสบื ไป

(นายออน กาจกระโทก)
เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วฒุ ิสภา



บทสรุปผ้บู รหิ าร

การพิจารณาศึกษาเก่ียวกับ “ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน” คร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์สำ�คัญ เพ่ือสืบสาน
ศาสตร์พระราชาให้คงอยู่กับประชาชน เพื่อดำ�เนินการตามพระราชปณิธานและการพัฒนาคนในชาติให้มีคุณภาพ
ตามเป้าหมายการพัฒนาคนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และยุทธศาสตร์ชาติ และเพื่อพัฒนาหลักสูตร
และกระบวนการเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน รวมถงึ วธิ สี ง่ เสรมิ การด�ำ เนนิ งานตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ตลอดจนเพ่ือส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพที่ชอบตรงตามศักยภาพท่ีมีอยู่ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพื่อความสุขทีย่ ง่ั ยืน
การพิจารณาศึกษาคร้ังนี้ ดำ�เนินการโดยศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์และประมวลสรุปข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง
ท้งั ในดา้ นพระราชด�ำ ริ หลักวชิ าการ นโยบาย การระดมความคดิ เห็นจากผูท้ รงคณุ วฒุ ิ ผู้เช่ยี วชาญและผูม้ สี ่วนเกี่ยวขอ้ ง
รวมท้งั การศกึ ษาดงู านและรบั ฟงั ความคดิ เห็นจากผู้เก่ยี วขอ้ งในสถานศกึ ษา ๔ ภูมภิ าคเพ่มิ เตมิ เพ่อื เร่งต่อยอดรายงาน
ผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา
สู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) ให้เกิดผล
เปน็ รปู ธรรมจรงิ กบั สถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ ระบบ โดยสรปุ สาระส�ำ คญั ของ “ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา
และแนวทางการน�ำ หลักสตู รและกระบวนการเรียนรูต้ ามศาสตรพ์ ระราชาสูก่ ารปฏิบตั ทิ ี่ยงั่ ยนื ” ได้ ดงั นี้
๑. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรปู การศึกษา
๑.๑ ควรมกี ารก�ำ หนดเป็นนโยบายในการปฏริ ูปการศกึ ษาและแนวทางการนำ�หลกั สูตรและกระบวนการ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน ท่ีเน้นการบ่มเพาะ ฝึกฝนให้ผู้เรียนมีหลักธรรม หลักคิด หลักปฏิบัติ
และพัฒนาทักษะสำ�คัญที่เกิดการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ให้ตรงกับความสนใจใฝ่รู้ของผู้เรียน
มากกว่าเน้นการสอนเน้ือหา ด้วยกระบวนการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามวิธีทรงงาน และน้อมนำ�องค์ความรู้
ศาสตร์พระราชาด้านต่าง ๆ เช่ือมโยงกับชุมชนและบริบทของแต่ละโรงเรียน โดยแต่ละพ้ืนท่ีสามารถปรับเปล่ียน
ยดื หยุ่นไดต้ ามบรบิ ทและสภาวการณ์
๑.๒ ควรมีการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับห้องเรียนเป็นนโยบายสำ�คัญเร่งด่วน ท่ีต้องทำ�ให้เกิดข้ึนจริง
ด้วยการปรับสาระหลักสูตรสถานศึกษา หน่วยการเรียนแต่ละระดับให้สัมพันธ์กับศาสตร์พระราชา เน้นให้ผู้บริหาร
การศึกษาเห็นความสำ�คัญ น้อมนำ�แนวคิดหลักการตามวิธีทรงงาน องค์ความรู้ศาสตร์พระราชา และหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ท่ีมีคุณภาพระหว่างครูกับผู้เรียน มากกว่า
การเนน้ ทป่ี ริมาณจำ�นวนช่วั โมงเรียนในหอ้ งเรียนหรอื เรยี นผ่านสื่อแตล่ ะปกี ารศกึ ษา
๑.๓ ควรมีการยกระดับคุณภาพบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เน้นคุณภาพควบคู่กับคุณธรรม
ให้ท่ัวถึงและเท่าเทียม สู่เป้าหมายสำ�คัญ คือ มุ่งให้ผู้เรียนทุกระดับมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสูง
ตามความแตกต่างของแต่ละบุคคลตามแนวคิดพหุปัญญา (Multiple Intelligences) สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ รวมท้ังตอบสนองความต้องการของประชาชนโดยการนำ�การเรียนรู้
ตามศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ ให้เข้ากันได้กับบริบทของสังคมท้องถิ่น เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีความหมาย
ต่อเยาวชนที่ผ่านระบบการศึกษาให้มีส่วนช่วยพัฒนาผลผลิต และพัฒนาความสามารถในการสร้างนวัตกรรม

(๒)

ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไดส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ของตน เพอ่ื บรรลกุ ารจดั การศกึ ษาเชงิ พน้ื ที่
ใหม้ ีส่วนร่วม เป็นการรวมพลังทุกภาคสว่ นร่วมพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่องและยงั่ ยนื
๑.๔ ควรเชื่อมโยงระหว่างการปฏิรูปการศึกษากับปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ด้วยการนำ�หลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งตามศาสตรพ์ ระราชามาใชป้ ฏบิ ตั จิ รงิ ในการบม่ เพาะลกั ษณะนสิ ยั พอเพยี ง สรา้ งทกั ษะทางอาชพี
ท่ีหลากหลายให้เกิดข้ึนกับประชาชน ประยุกต์ใช้วิธีการทรงงานมาร่วมกันค้นหา “ความผิดปกติปัจจุบัน” (current
abnormal) พร้อมท่ีจะเผชิญต่อความปกติใหม่ (New Normal) ด้วยวิธีการร่วมออกแบบความปกติใหม่ (Desirable
new normal) สอดคลอ้ งกับเป้าหมายทกี่ ารศกึ ษาไทยตอ้ งการ
๒. แนวทางการนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรียนรตู้ ามศาสตร์พระราชาสกู่ ารปฏบิ ัตทิ ยี่ งั่ ยืน
๒.๑ การจัดหลักสูตรสืบสานศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน เป็นการนำ�เนื้อหาความรู้ในศาสตร์
พระราชาและเป้าหมายการทรงงานมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการ
ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ไปจนถึงการศึกษานอกระบบรวมเป็นการศึกษาต่อเนื่องและการศึกษา
ตลอดชีวิต ว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร จัดลงไปในหลักสูตรได้อย่างไรบ้าง ท้ังรายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพิ่มเติม
หรอื รายวิชาเฉพาะในแตล่ ะระดับ หรือสาขาการศึกษา
หากสว่ นใดมคี วามสมั พันธ์กนั ชัดเจน ทัง้ เน้อื หา วตั ถุประสงค์ เป้าหมาย และกระบวนการเรยี นรู้วธิ ีทรงงาน
ของพระราชาให้จดั ลงในหลักสูตร กลุ่มสาระการเรยี นรู้ หรอื รายวิชาของแต่ละสถานศึกษา แตล่ ะระดบั ก�ำ หนด
หากสาระองค์ความรู้ในศาสตร์พระราชาสัมพันธ์กับหลักสูตรบ้างเล็กน้อย อาจจัดเป็นการเรียนรู้แบบ
บรู ณาการในหนว่ ยการเรยี นรใู้ นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น หรอื วธิ อี น่ื ๆ และหากองคค์ วามรใู้ นศาสตรพ์ ระราชาไมส่ อดคลอ้ ง
กบั เน้ือหาในหลักสูตร สามารถจัดท�ำ เปน็ รายวชิ าเพม่ิ เติมหรือจัดสาขาการเรียนรตู้ ามความเหมาะสม
๒.๒ การจัดกระบวนการเรียนรู้สืบสานศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน เป็นหัวใจสำ�คัญท่ีสุด
ของการจดั การเรยี นการสอน และเปน็ แก่นแทส้ ำ�คญั ของการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน เพราะมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคอ์ ยทู่ กี่ ระบวนการ สมรรถนะจะเกดิ จากการถกั ทอเพอ่ื สรา้ งความรแู้ ตล่ ะมติ ผิ า่ นกระบวนการ
ความรู้ทุกมิติอยู่ท่ีกระบวนการ การวัดประเมินผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ก็เกิดจากกระบวนการและกระบวนการ
ก็สะท้อนถึงร่องรอยหลักฐานการสร้างผลผลิตหรือความรู้ระดับต่าง ๆ ทุกสถานศึกษาสามารถยกระดับคุณภาพ
ของผู้เรียน และมาตรฐานของการศึกษาให้สูงข้ึน ซึ่งทำ�ได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน เพียงปรับวิธีเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการเรยี นรแู้ บบ Passive Learning มาเปน็ แบบ Active Learning ใชก้ ระบวนการคดิ ขน้ั สงู เชงิ ระบบ GPAS 5 Steps
เป็นกลไกในการสร้างหรือผลิตความรู้ของผู้เรียนตามแนวทางศาสตร์พระราชา ผู้เรียนทุกคนจึงจะสามารถสร้างความรู้
ในระดับนวัตกรรมได้
๓. ค่มู ือการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรูต้ ามศาสตรพ์ ระราชาไปสู่การปฏบิ ตั ิทีย่ งั่ ยนื
๓.๑ คู่มือการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาไปสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน
เปน็ แนวทางการจดั หลกั สตู รสบื สานศาสตรพ์ ระราชาในสถานศกึ ษา ไดจ้ ดั ท�ำ เปน็ เอกสารตวั อยา่ ง คมู่ อื การด�ำ เนนิ การ
การจดั การศกึ ษาเพอื่ สืบสานศาสตรพ์ ระราชา ด้านการจัดหลกั สตู รและการจดั การเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา นำ�เสนอไว้
ในภาคผนวก ช. ซึ่งสามารถสรปุ สาระสำ�คัญ แยกเป็นดา้ นเน้ือหาหลักสูตร และด้านการจดั การเรียนรู้ได้ ดงั นี้

(๓)

การจัดหลักสตู รและสาระการเรียนรศู้ าสตร์พระราชา จ�ำ แนกเป็น ๗ สว่ น ดงั น้ี
๑) ระดับปฐมวัย จัดสาระศาสตร์พระราชาท่ีใกล้ตัว ปฏิบัติในชีวิตประจำ�วัน สิ่งแวดล้อม พืช
สัตว์ ดิน น้าํ อาหาร อากาศ ของเลน่ ของใช้ เน้นเศรษฐกจิ พอเพียง อนรุ กั ษธ์ รรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม
๒) ระดบั ประถมศกึ ษา จดั เนอ้ื หาศาสตรพ์ ระราชาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพิ่มเตมิ
ในหน่วยการเรยี นร้ทู ีส่ ัมพนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ่าง ๆ หรอื หน่วยการเรียนร/ู้ รายวิชาเพม่ิ เติมตามบรบิ ททอ้ งถ่ิน
๓) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จัดเนื้อหาสาระการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มเติมในรายวิชาหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับท้องถิ่น ให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้
ตามความถนดั ความสนใจ
๔) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จัดเนื้อหาสาระการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง เจาะลึกเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้เลือกตามความถนัด ความสนใจ เรียนรู้ต่อยอดสาระ
ตามบริบทของทอ้ งถน่ิ
๕) ระดับอาชีวศึกษา จัดเน้ือหาสาระการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง เจาะลึกเป็นรายวชิ าต่อเนือ่ งที่สัมพันธก์ บั สาขาท่ีเรียน ต่อยอดองคค์ วามรู้เพ่ือการประกอบอาชพี
๖) ระดับอุดมศึกษา จัดเน้ือหาศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิชา
พ้ืนฐานบังคบั และเพ่ิมเปน็ วิชาเลือกในศาสตรท์ ี่นำ�ไปสู่การสรา้ งองคค์ วามรู้ ต่อยอดตามความถนดั ตามสาขาท่เี รยี น
๗) การเรียนรู้ตลอดชีวิต เลือกสาระการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงตามความสนใจ ตอ่ ยอดในการประกอบอาชพี และแกป้ ญั หาการดำ�เนนิ ชวี ติ ในบรบิ ทของชุมชนและทอ้ งถิ่น
การจดั การเรยี นรู้ศาสตรพ์ ระราชาในแตล่ ะระดับการศึกษา จำ�แนกเปน็ ๗ ส่วน ดังน้ี
๑) ระดับปฐมวัย เรียนปนเล่น เรียนรู้จากบริบทและกิจกรรมตามตัวแบบท้ังภายในและภายนอก
ห้องเรยี น ผา่ นการคดิ วเิ คราะห์ ลงมอื ปฏิบัติแบบ Enactive สัมผสั เคล่อื นย้าย
๒) ระดับประถมศึกษา เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากบริบทในสถานศึกษาและชุมชน
ผ่านการคิดวเิ คราะห์ สรุปความเขา้ ใจแบบ Active Learning ฝึกปฏิบัติโครงงานดว้ ยกระบวนการกลมุ่
๓) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชา
พฒั นาคน พฒั นางานดว้ ยโครงงาน แกไ้ ขปญั หา หรอื ท่ตี ้องการสร้างสรรคข์ ้นึ ใหม่ตามความถนดั ความสนใจ
๔) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ศาสตร์พระราชา
พฒั นาคน พฒั นางาน พฒั นาท้องถิน่ ดว้ ยโครงงาน สรา้ งสรรค์ ต่อยอดความรูใ้ หม่ตามความถนดั
๕) ระดับอาชีวศึกษา เรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ สรุปหลักการ ประยุกต์ใช้ศาสตร์
พระราชา พฒั นางานอาชีพ พัฒนาท้องถิ่นดว้ ยโครงงาน สรา้ งสรรค์รว่ มกับชุมชน องคก์ รภายนอก ต่อยอดองคค์ วามรู้
สรา้ งนวตั กรรมใหม่ตามสาขาวชิ า
๖) ระดับอดุ มศึกษา ศกึ ษาเรียนรูด้ ้วยการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ สรปุ หลกั การ ทฤษฎีในศาสตร์
พระราชาและประยุกต์ใช้แก้ปัญหา พัฒนางาน อาชีพ พัฒนาชุมชน สังคม สร้างสรรค์ ต่อยอดองค์ความรู้ นวัตกรรม
ดว้ ยโครงงาน และการศกึ ษาวิจยั ทดลอง ปฏบิ ัติตน เห็นผลสำ�เร็จร่วมกบั ชุมชน องคก์ รภายนอกตามสาขาวิชา

(๔)

๗) การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เรยี นรแู้ บบสรา้ งความรจู้ ากการปฏบิ ตั จิ รงิ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั และงานอาชพี
ในครอบครวั หรอื ทอ้ งถนิ่ รว่ มจดั กระบวนการเรยี นรใู้ นการบม่ เพาะและหลอ่ หลอมเดก็ เยาวชน และคนไทยใหเ้ ปน็ คนดี
มคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรมอยา่ งเข้มแข็ง สอดแทรกการพฒั นาตนตามศาสตรพ์ ระราชา
๓.๒ คู่มือการจัดโครงการอาหารกลางวันในสถานศึกษาด้วยศาสตร์พระราชา ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง มกี รอบแนวคดิ และแนวทางการดำ�เนินงาน ดังตอ่ ไปนี้
กรอบแนวคิด
แนวคิดสำ�คัญในการน้อมนำ�ศาสตร์พระราชามาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรในชุมชน
และโรงเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการให้นักเรียนมีอาหารกลางวันรับประทานครบทุกวันตลอดปีการศึกษา
โดยค�ำ นงึ ถงึ การศกึ ษาขอ้ มลู อยา่ งเปน็ ระบบ ตามบรบิ ทของภมู สิ งั คม สรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม ใหร้ รู้ กั สามคั คี ในการพง่ึ ตนเอง
อย่างพออยู่พอกิน ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด จึงนำ�การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning มาใช้
ในทุกกิจกรรม เพ่ือเติมเต็มผสมผสานงานบูรณาการโครงการท่ีมีงบประมาณที่ได้รับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
บนหลักการของการทำ�เกษตรกรรมตามหลักสูตรสถานศึกษา ในช่ือว่า เกษตรสัมพันธ์ รวมตัวกันทำ�เกษตรกรรม
ในโครงการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ตามความสนใจ ในช่ือว่า เกษตรสนใจ และการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง/
ชุมชน ทำ�เกษตรกรรมท่ีบ้านหรือภายในชุมชน ในชื่อว่า เกษตรร่วมใจ ผ่านโครงการเกษตรเพ่ืออาหารกลางวันด้วย
ศาสตรพ์ ระราชาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
แนวทางการด�ำ เนนิ การ
๑) ดา้ นการจัดหลกั สตู รและการเรียนการสอน
๑.๑) วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา กำ�หนดเวลาเรียนตามหลักสูตรในกลุ่มสาระการเรียนรู้
การงานอาชีพ (งานเกษตร งานบ้าน) ในวิชาพ้ืนฐาน และวิชาเลือกเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับบริบทสถานศึกษาว่า
ควรมีรายวชิ าเนอื้ หาใดบ้าง ในชั้นใด กชี่ วั่ โมง
๑.๒) วางแผนร่วมกันระหว่างครูผู้สอนงานเกษตร/งานบ้านและนักเรียนท่ีเป็นกลุ่มสนใจ
ว่าจะผลิตพืชผกั อะไร เทา่ ไร ในชว่ งใดท้ังแผนงานเกษตร และการจัดอาหารกลางวันจะไดส้ ัมพันธ์กนั อย่างเหมาะสม
๑.๓) ครูผู้สอนงานเกษตรในรายวิชา และครูเจ้าหน้าที่อาหารกลางวัน จัดงบประมาณ
เพ่ือสนับสนุนงานเกษตรในโรงเรยี นตามหลกั สตู รหรือตามกลมุ่ สนใจ
๒) ดา้ นการจัดทำ�โครงงานเกษตรเพือ่ อาหารกลางวนั ในโรงเรียนและชมุ ชน
๒.๑) โครงงานเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
ทงั้ รายวชิ าพนื้ ฐาน และหรอื รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ตอ้ งมคี รเู ปน็ ทปี่ รกึ ษาใหค้ �ำ แนะน�ำ ในการท�ำ โครงงาน (เกษตรสมั พนั ธ)์
ดังนี้
- สาระการเรยี นรู้ตอ้ งมเี รอ่ื งการท�ำ โครงงานปฏิบัตทิ างการเกษตรในรายวิชา
- งบประมาณโครงงานผลิตพืชผักเพ่ืออาหารกลางวันจำ�เป็นต้องใช้งบประมาณ
ในการดำ�เนนิ งาน ซึง่ อาจมาจากแหลง่ งบประมาณหลากหลายตามสภาพของแต่ละสถานศึกษา

(๕)

๒.๒) โครงงานเกษตรตามความสนใจ (เกษตรสนใจ) อาจเกิดจากนโยบายของโรงเรียน
ทต่ี อ้ งการใหน้ กั เรยี นท�ำ เกษตร ปลูกพืชผกั เพ่อื อาหารกลางวันในโรงเรยี นโดยผา่ นกลมุ่ สนใจ จ�ำ เป็นต้องมคี รทู ีป่ รึกษา
๒.๓) เกษตรรว่ มใจ เปน็ กจิ กรรมเกษตรเพอื่ อาหารกลางวนั ทเี่ ปน็ ความรว่ มมอื ระหวา่ งโรงเรยี น
กบั ชมุ ชน เพื่อน�ำ ผลผลติ มาจัดทำ�อาหารกลางวันสำ�หรับเด็กในโรงเรยี น โดยอาจมกี ิจกรรมในหลากหลายลักษณะ
๓) การดำ�เนินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน คือ เด็กทุกคนต้องได้รับประทานอาหาร
ท่ีมีคุณค่า สะอาดถูกหลักอนามัย เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้กระบวนการจัดทำ�อาหารกลางวัน
ของโรงเรยี นมหี ลากหลายรูปแบบ จงึ ต้องวางแผนร่วมกับครเู กษตรในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้
๓.๑) การสนับสนุนเร่ืองเงินทุนเพื่อให้นักเรียนทำ�โครงงานเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ เงินทุนนี้
อาจเป็นทุนจากงบประมาณอาหารกลางวันให้กู้ยืมไปก่อนและนำ�ผลผลิตมาชดใช้เงินยืมนี้ หากผลผลิตมีมากเกิน
เงินทุนโรงเรียนอาจตกลงมอบให้นักเรียนนำ�ไปเก็บสะสมรายบุคคล/ช้ันเรียน หรือครูให้นักเรียนท่ีนำ�ผลผลิตมาให้
ทำ�อาหารกลางวนั
๓.๒) การวางแผนรายการอาหารท่ีสอดคล้องกับโครงการเกษตรที่มีอยู่ท้ังพืช/ผัก/ปลา/ไก่
และอาหารโปรตีนอ่ืน ๆ ที่โรงเรียนมีปฏิทินการทำ�อาหารบางครั้งอาจจะต้องใช้ผลผลิตจากตลาดมาเสริมในบางโอกาส
ท่ีผลผลิตโครงการเกษตรไม่เพียงพอหรือยังไม่มีผลผลิตที่จะนำ�ส่งโรงอาหาร ทั้งน้ี โรงเรียนมีความจำ�เป็นต้องวางแผน
จดั เตรยี มวตั ถดุ บิ ลว่ งหนา้ เพอื่ ใหค้ วามมนั่ ใจวา่ จะเปน็ การประหยดั งบประมาณทไ่ี มต่ อ้ งอาศยั ตลาดมากนกั กรณที โ่ี รงเรยี น
อยู่ไกลตลาดอาจต้องมีวตั ถุดบิ เก็บตุน หรอื ถนอมอาหารไว้ใหเ้ พยี งพอกบั ปรมิ าณความต้องการอาหารทตี่ ้องจดั ทำ�
๓.๓) การจัดหาเครื่องปรุงในการประกอบอาหาร ซึ่งจำ�เป็นต้องอาศัยตลาด/ร้านค้าชุมชน
การวางแผนงบประมาณจึงต้องยืดหยุ่นพอจึงจะไม่ทำ�ให้โครงการอาหารเกิดการชะงัก/หยุดลงในบางวัน และควร
มีการวางแผนกกั ตนุ เผื่อไวเ้ มื่อยามขาดแคลน
๓.๔) การจัดนักเรียนเข้าปฏิบัติกิจกรรมการทำ�อาหารกลางวัน ครูผู้สอนงานบ้าน อาหาร
และโภชนาการส่วนใหญ่มักจะเป็นครูอาหารกลางวันของโรงเรียน สามารถจัดนักเรียนที่เรียนงานบ้านมาเป็นลูกมือ
ในการท�ำ อาหารได้ นกั เรยี นจะไดฝ้ กึ ปฏบิ ตั กิ ารเตรยี มวตั ถดุ บิ /เครอื่ งปรงุ และฝกึ ท�ำ อาหารทไี่ มย่ ากเกนิ ไป เปน็ การเรยี นรู้
อาหารและโภชนาการท่ีเน้นการลงมือทำ� ท่ีถนัดในงานอาหารแต่ละประเภท หรือความคล่องตัวในการปฏิบัติให้ได้
ผลจรงิ ใหท้ นั เวลาตามสถานการณ์ เมอื่ ด�ำ เนนิ การเรยี นรไู้ ประยะหนง่ึ แลว้ ผเู้ รยี นจะสามารถเปน็ ผอู้ อกแบบรายการอาหาร
จัดหาวัตถุดิบ/เครื่องปรุง และทำ�อาหารได้เอง ครูผู้สอนสามารถถอยออกมาเป็นผู้อำ�นวยความสะดวก (Facilitator)
ตามแนวทางของการจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning

(๖)

คำ�น�ำ

“ศาสตร์พระราชา” คลังปัญญาเพ่ือการศึกษาของไทย สามารถเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน สืบเนื่องจาก

การพฒั นาประชาชนดา้ นการศกึ ษาตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั โดยเฉพาะพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ล-
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ได้ทรงพัฒนาการศึกษาเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์
มี “ความรู้คู่คุณธรรม” พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทรงอุทิศเวลา ตรากตรำ�พระวรกาย และเสียสละ
ความสุขส่วนพระองค์ เพ่ือความสุขของประชาชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน ตลอดระยะเวลาท่ีพระองค์ทรงครองราชย์
กว่า ๗๐ ปี ทรงศึกษาค้นหาวิธีท่ีทำ�ให้พสกนิกรของพระองค์มีความสุข แม้ต้องเผชิญปัญหาวิกฤตภัยพิบัติท้ังด้าน
ธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม สังคมและวฒั นธรรม เศรษฐกิจ การเมอื ง พลังงานและเทคโนโลยี โดยทรงค้นพบด้วยพลงั ปญั ญา
ของพระองคเ์ องกบั การเสยี สละ จงึ ไดม้ าซง่ึ แกน่ ของความรแู้ หง่ คณุ คา่ ชวี ติ อยา่ งสมดลุ คอื “ความสขุ ” กบั “ความมงั่ ม”ี
หรือ “เศรษฐกิจ” กับ “พอเพยี ง” และเผยแพร่ส่ชู าวโลกเปน็ “Happiness lead to economy to be sustainable
development goals” จนกระท่ังองค์การสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำ�เร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์
แดพ่ ระองค์ เนอ่ื งจากหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ แนวคดิ ทจ่ี ะพฒั นาประเทศใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื
ดังน้ัน “ศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร” จึงเป็นสมบัติ
อันลํ้าค่าของพระมหากษตั รยิ ผ์ ทู้ รงปัญญา และเปน็ สมบัติอนั ล้�ำ ค่าของแผน่ ดนิ ไทยท่ีทรงมอบใหพ้ สกนิกรของประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ-
อดลุ ยเดช สยามนิ ทราธเิ บศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใหค้ วามส�ำ คญั ดา้ น “การพฒั นาคน
ด้วยการศึกษา” ทรงมีพระปณิธานตามเบ้ืองพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล-
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงน้อมนำ� “ศาสตร์พระราชา” เพ่ือพัฒนาคน โดยการทำ�ให้ประชาชน
ของพระองค์เป็นพลเมืองท่ีดี สามารถดำ�เนินชีวิตอย่างมีความสุข พัฒนา พ่ึงตนเอง และมีทัศนคติท่ีดีต่อบ้านเมือง
โดยอาศัยการศึกษา “แก่นสาระแห่งความรู้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร” อันเป็นการสืบสานองค์ความรู้ของพระราชบิดา คือ “ศาสตร์พระราชา” ถือเป็น “ตำ�ราแห่งชีวิต”
และเป็นปรัชญาสำ�คัญบนฐานแนวคิดในการดำ�เนินชีวิต บนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้สามารถนำ�ไปใช้เป็น
แนวทางปฏิบตั ไิ ด้จริง ก่อเกดิ เป็นการทดลอง เปรียบเทยี บ วิจยั และพัฒนา อันนำ�ไปสู่การพัฒนาท่ียั่งยนื ได้อยา่ งแท้จริง
“ศาสตร์พระราชา” เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานหลักการทรงงาน ๒๗ ข้อ ท่ีพระองค์ทรงเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
และทรงพราํ่ สอน แนะน�ำ แนวทางการด�ำ รงชวี ติ และอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ตสิ ขุ เปน็ องคค์ วามรทู้ ว่ี า่ ดว้ ยเรอื่ ง “การพฒั นา
อย่างย่ังยืน” ครอบคลุมในทุกมิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม พระราชประสงค์ของพระองค์
คือ การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และด้านจิตใจของประชาชนคนไทยเป็นสำ�คัญ อันเป็นที่มา
ของหลักที่ใช้เป็นแก่นในการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย และเพื่อให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบของการนำ�ศาสตร์
พระราชาไปสู่การปฏิบัติ อันนำ�ไปสู่การพัฒนาที่ย่ังยืนได้อย่างแท้จริง จึงได้ดำ�เนินการยกระดับและพัฒนารายงาน
การพจิ ารณาศกึ ษา เรอ่ื ง “ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการจดั หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
ทย่ี ง่ั ยนื ” ของคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาและการกฬี า สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ (ฉบบั เดมิ ) ใหน้ �ำ ไปขยายผลในทางปฏบิ ตั จิ รงิ

(๘)
กับสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยร่วมกันรวบรวม ปรับปรุง และยกระดับการจัดทำ�ข้อมูลเป็น “รายงาน
การพิจารณาศึกษา เร่ือง ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตรและ
กระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน” ขึ้น เพ่ือเร่งพัฒนาคนและประเทศให้มีประสิทธิภาพ
และเกิดผลเปน็ รูปธรรมทย่ี ่ังยนื สืบไป

คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ สิ ภา
กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔

สารบญั

หนา้

บทสรุปผบู้ ริหาร (๑)-(๕)

ค�ำ น�ำ (๗)-(๘)

สารบัญ (๙)-(๑๐)

บทท่ี ๑ บทนำ� ๑

ความเป็นมา ๑

หลักการ ๓

วัตถุประสงค ์ ๔
แนวทางการจัดท�ำ ข้อเสนอเชิงนโยบายและกรณีศกึ ษาดูงานศาสตร์พระราชา ๔

ขอบขา่ ยและองคป์ ระกอบของขอ้ เสนอเชิงนโยบาย ๑๐

กระบวนการการดำ�เนินงานและข้ันตอนการสงั เคราะห์ขอ้ มลู จากการศึกษาดูงานศาสตรพ์ ระราชา ๑๔

ผลท่คี าดวา่ จะได้รับ ๑๙

บทท่ี ๒ การปฏริ ูปการศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้

ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏบิ ัตทิ ่ีย่ังยืน ๒๑

ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏริ ูปการศึกษา

และแนวทางการน�ำ หลักสตู รและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏบิ ัตทิ ย่ี ่ังยนื ๒๑

คูม่ อื การนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์พระราชาไปส่กู ารปฏบิ ตั ิทย่ี ่งั ยนื ๒๖

บทที่ ๓ ความเห็นและข้อเสนอแนะในการน�ำ หลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตรพ์ ระราชาไปใช้ ๓๓

ความเหน็ และข้อเสนอแนะในการน�ำ หลักสตู รและกระบวนการเรียนร้ตู ามศาสตร์พระราชาไปใช้ ๓๓

ปจั จัยและเงอ่ื นไขความส�ำ เรจ็ ๔๐

บรรณานุกรม ๔๙

ภาคผนวก ๕๐

ภาคผนวก ก. ค�ำ สง่ั คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ ิสภา ๕๑

ภาคผนวก ข. สรุปผลการเดนิ ทางไปศกึ ษาดูงาน “การปฏิรปู การศึกษา

และการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตรพ์ ระราชาสูก่ ารปฏิบตั ิที่ยั่งยืน” ๕๖

ภาคผนวก ค. โครงการเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู าน “การปฏริ ูปการศกึ ษา

และการจัดหลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์พระราชาสูก่ ารปฏิบัติทยี่ ั่งยนื ” ๒๐๙

ภาคผนวก ง. สรุปสาระสำ�คญั การเสวนา “การปฏิรปู การศกึ ษา

และการจดั หลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสกู่ ารปฏบิ ัตทิ ่ยี ั่งยืน” ๒๑๓

(๑๐) หนา้
๒๒๘
สารบัญ
๒๓๔
ภาคผนวก จ. โครงการเสวนา “การปฏิรปู การศกึ ษา ๒๓๘
และการจัดหลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตร์พระราชาสู่การปฏบิ ตั ิท่ยี งั่ ยนื ”
ภาคผนวก ฉ. ประมวลภาพการเสวนา “การปฏริ ูปการศึกษา
และการจดั หลักสูตรและกระบวนการเรียนรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏบิ ตั ทิ ี่ยัง่ ยนื ”
ภาคผนวก ช. คู่มือการดำ�เนินการการจัดการศึกษาเพอ่ื สืบสานศาสตร์พระราชา
ดา้ นการจดั หลกั สูตรและการจดั การเรยี นร้ใู นสถานศึกษา

๑บทท่ี
บทนำ�

๑. ความเปน็ มา

“ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เป็นองค์ความรู้ที่ว่าด้วยเร่ือง “การพัฒนาท่ีย่ังยืน” ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อม โดยพระราชประสงค์ของพระองค์ คือ การพัฒนาและการยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อปรับปรุงชีวิต
ความเป็นอยู่ของราษฎรให้มีความสุข โดยให้คำ�นึงถึงเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ด้วยการไม่ทำ�ลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมดลุ ของธรรมชาติ อนั ไดแ้ ก่ ปา่ ไม้ นา้ํ ดนิ และสง่ิ มชี วี ติ ทต่ี อ้ งพงึ่ พงิ เกอ้ื กลู กนั รวมถงึ ความเชอื่ ทางศาสนา
เชื้อชาติ สังคม ภูมิหลังทางเศรษฐกิจในการพัฒนา แม้ว่าจะมีวิธีการท่ีหลากหลาย แต่หากมีจิตใจท่ีมีความรัก
ความห่วงใย ความรับผิดชอบ และความเคารพในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วการพัฒนาจะเปล่ียนแปลงไปในทางที่ดี
มีความสขุ ทยี่ ่งั ยนื
“ศาสตร์พระราชา” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาท่ีสุดมิได้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชย์ยาวนานกว่า ๗๐ ปี พระองค์ทรงคิด ทรงปฏิบัติ
พระราชกรณียกิจเชิงประจักษ์เป็นตัวอย่างจนเกิดเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาและโครงการตามพระราชดำ�ริมากกว่า
๔,๐๐๐ โครงการ จากพระราชกรณยี กจิ ทที่ รงพระราชด�ำ รสั นไ้ี ดก้ ลายมาเปน็ “ศาสตรพ์ ระราชา” เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพ
ชีวิตให้มีความสุขท่ีย่ังยืน และเพื่อการพัฒนาประเทศให้เกิดความม่ันคง ซึ่ง “ศาสตร์พระราชา” สามารถแบ่งได้เป็น
๓ ด้าน คอื
๑) ศาสตร์แหง่ การพัฒนา
๒) ศาสตร์แห่งความประพฤติ
๓) ศาสตร์แห่งการอยรู่ ว่ มกันอย่างสนั ติ
และศาสตราจารย์กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสรุปอย่างกระชับให้เข้าใจง่ายว่าเป็น
“สงิ่ ทีพ่ อ่ คิด กจิ ท่ีพ่อท�ำ คำ�ทีพ่ อ่ สอน พรทีพ่ อ่ ให”้
“ศาสตร์พระราชา” จึงมคี ณุ ค่ามหาศาลทไ่ี ม่ได้เกิดข้นึ เฉพาะประชาชนชาวไทยเทา่ นน้ั แต่ยงั รวมถงึ ประชาชน
ทั่วโลก เน่ืองจากหากได้นำ�ไปปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเน่ือง จนกลายเป็นวิถีชีวิตได้แล้ว จะทำ�ให้เกิดความม่ันคง
อดุ มสมบูรณด์ ว้ ยธรรมชาติ เกิดความมัง่ คั่งทางด้านอาหารและจิตใจ ซง่ึ จะนำ�มาสู่ความสันตแิ ละความสขุ อยา่ งยั่งยนื
อย่างไรก็ตามแม้ “ศาสตร์พระราชา” จะมีคุณค่าต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการพัฒนาประเทศชาติ
แต่สำ�หรับประชาชนชาวไทยจำ�นวนไม่น้อย เมื่อพิจารณาจากวิถีการดำ�เนินชีวิตในปัจจุบันแล้ว ถือว่ายังไม่สามารถ
“เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” ไดถ้ งึ แกน่ แทใ้ นศาสตรพ์ ระราชา ท�ำ ใหก้ ารด�ำ เนนิ ชวี ติ หาความสขุ ทแี่ ทจ้ รงิ ไมไ่ ด้ แตใ่ นทางกลบั กนั
ได้เกิดปัญหากับตนเองและส่วนรวม ท้ังน้ี เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีเจตคติ วิธีคิดต่อการดำ�เนินชีวิตที่อาจจะยัง
ไมส่ อดคล้องกับศาสตร์พระราชา เช่น

1

๑) ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ทสี่ งิ่ มชี วี ติ จะตอ้ งอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ ดนิ นาํ้ ปา่ ไม้ รวมถงึ ทรพั ยากรอน่ื ๆ ไดอ้ ยา่ งสมดลุ
และเกอ้ื กลู ซง่ึ กนั และกนั แตป่ จั จบุ นั มนษุ ยย์ งั ท�ำ ลายธรรมชาติ จนท�ำ ใหร้ ะบบนเิ วศวทิ ยาเปลยี่ นแปลงไป จงึ เกดิ ผลกระทบ
ตามมาท้ังเร่ืองคุณภาพของดิน ปัญหาการขาดแคลนนํ้า หรือปัญหาน้ําท่วมอย่างรุนแรงเมื่อถึงฤดูฝน อากาศเป็นพิษ
โลกรอ้ นและอนื่ ๆ อกี มากมาย เม่ือธรรมชาติถูกท�ำ ลาย วถิ กี ารดำ�เนินชวี ิตอย่างมีความสุขของมนษุ ย์ก็ถูกทำ�ลายไปด้วย
๒) ด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านเศรษฐกิจของคนไทย ไม่ใช่อยู่แค่ความยากจนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาอ่ืน
ท่ีตามมาอีกมากมาย อันเนื่องมาจากการละท้ิงถ่ินฐาน ครอบครัวแตกแยกและขาดความอบอุ่น ท้ังที่ประเทศไทย
มีจุดเด่นท้ังด้านภูมิศาสตร์และทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เป็นอู่ข้าว อู่นํ้าของโลก แต่ด้วยวิธีคิดและการสร้างเจตคติ
ที่ไม่สอดคล้องกับความอุดมสมบูรณ์ที่ประเทศมีอยู่ ทำ�ให้วิถีการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการดำ�เนินชีวิตท่ีมุ่งสร้าง
ฐานะทางสังคม ทำ�ให้เกิดการแข่งขันจนนำ�ไปสู่การประกอบอาชีพที่ไม่สอดคล้องกับทรัพยากรของประเทศที่มีอยู่
เนอ่ื งจากมกี ารใชท้ รพั ยากรอยา่ งฟมุ่ เฟอื ย ไมเ่ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ทงั้ ดนิ นา้ํ ปา่ ไม้ กอ่ ใหเ้ กดิ เปน็ การท�ำ ลายอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
โดยไม่คำ�นึงถึงผลกระทบในอนาคต และเมื่อประชาชนของประเทศเรียนรู้ไม่ตรงกับศักยภาพ ประกอบอาชีพ
ท่ไี ม่ตรงกบั ความถนัด และไมใ่ ชอ่ าชพี ท่ีชอบ ความสขุ ในการทำ�งานและรายได้จงึ ไมเ่ กิดข้นึ
๓) ดา้ นสงั คม ประชาชนสว่ นใหญย่ งั ไมเ่ ขา้ ใจถงึ แกน่ แทใ้ นศาสตรพ์ ระราชา สง่ ผลใหม้ กี ารด�ำ เนนิ ชวี ติ ทป่ี ระมาท
ไม่มีเป้าหมาย โดยเฉพาะการดำ�เนินชีวิตได้อย่างมีความสุขที่แท้จริงและย่ังยืน วิถีการดำ�เนินชีวิตจึงเกิดเจตคติท่ีผิด
โดยคิดว่าจะมีความสุขได้ต้องมีฐานะร่ํารวยด้วยเงินทอง วัตถุมากกว่าด้านจิตใจ จนเกิดการเลียนแบบด้วยการเชิดชู
คนรวย คนมีช่ือเสียงว่าเป็นผู้มีเกียรติ มีศักด์ิศรี มากกว่าคนดี คนท่ีดำ�เนินชีวิตอย่างมีความสุข การดำ�เนินชีวิต
จึงมีการแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ เกิดความเห็นแก่ตัว ดังนั้น จึงควรปรับกระบวนการคิดให้รู้จักการเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่
แบ่งปัน ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน จึงจะทำ�ให้สังคมไทยมีความสุข แต่ด้วยสังคมไทยส่วนใหญ่ปัจจุบันมีความสุขลดน้อยลง
อนั เนอื่ งมาจากประสบปญั หามากมาย จงึ สง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพชวี ติ และการพฒั นาประเทศในอนาคตทกุ ดา้ นอกี ดว้ ย
๔) ดา้ นเทคโนโลยี ดว้ ยยคุ ปจั จบุ นั มคี วามเจริญก้าวหนา้ ด้านเทคโนโลยี ท่เี ปน็ ปัจจัยสำ�คัญต่อการด�ำ เนนิ ชวี ิต
เทคโนโลยีจึงสามารถเป็นองค์ความรู้ท่ีย่อทุกมุมโลกมาให้ศึกษาเรียนรู้ได้สะดวกรวดเร็วข้ึน หากประชาชนชาวไทย
ได้นำ�ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาประยุกต์ใช้ให้ถึงแก่นแท้จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
และพัฒนาประเทศชาติได้อย่างดียิ่ง อันจะส่งผลให้มีความสะดวกและรวดเร็วในการดำ�เนินชีวิตมากข้ึน แต่ท่ีผ่านมา
ประชาชนกลับมิได้นำ�หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร มาปรบั ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ เทคโนโลยจี งึ เปน็ ดาบสองคมทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ วถิ ชี วี ติ สงั คมและประเทศชาติ
ในทางลบเป็นวงกวา้ ง
จากวิถีการดำ�เนินชีวิตส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ท่ีกล่าวมาข้างต้นนั้น เกิดจากการไม่นำ�
ศาสตร์พระราชาไปปรับใช้สู่วิถีชีวิตอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จึงเป็นจุดเร่ิมต้นของปัญหาทั้งหมดตั้งแต่ระบบการจัด
การศึกษา ด้วยการศึกษาเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากรของประเทศ แต่ด้วยวิธีคิดและเจตคติ
ของทกุ ฝา่ ย ทงั้ ผ้เู รยี น ผปู้ กครอง ผู้ให้ความรู้ และฝ่ายบริหารจัดการนโยบายผิดพลาดแทนที่จะเน้นเปา้ หมายทค่ี ุณภาพ
ชีวิตท่ีมีความสุขอย่างยั่งยืน กลับส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการแข่งขันตั้งแต่เด็กเล็กไปจนโต ทั้งการสอบเพ่ือศึกษาต่อ
ในโรงเรยี นมชี อ่ื เสยี ง สง่ เสรมิ ใหเ้ รยี นจบปรญิ ญา โดยไมค่ �ำ นงึ ถงึ ศกั ยภาพของเดก็ เปน็ รายบคุ คลวา่ มคี วามชอบ ความถนดั
หรือมีทักษะโดดเด่นในด้านใด วิธีการจัดการเรียนรู้จึงมีเพียงรูปแบบเดียวทั้งประเทศ ด้วยการเน้นแต่เนื้อหา เรียนรู้
จากแบบเรยี นและต�ำ รา ทอ่ งจ�ำ เนอื้ หาเพอ่ื การสอบ การจบการศกึ ษา และเพอ่ื แขง่ ขนั กนั เขา้ ท�ำ งานเปน็ มนษุ ยเ์ งนิ เดอื น
ซ่ึงเป็นการพัฒนาโดยไม่คำ�นึงถึงศักยภาพ ความชอบ ความถนัด เพื่อประกอบอาชีพที่ชอบ ทักษะที่ใช่ ในบริบทพื้นท่ี

2

ของภูมิลำ�เนาตนเอง การศึกษาที่เป็นเครื่องมือพัฒนาบุคลากรของชาติที่ผ่านมา จึงยังไม่ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิด
การเรียนรู้ และปฏบิ ัตจิ ริงอย่าง “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ในศาสตรพ์ ระราชา รวมถงึ วิธกี ารสง่ เสรมิ ให้กับประชาชนทั่วไป
จากหนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบทกุ ภาคสว่ นกย็ งั เปน็ ไปในลกั ษณะตา่ งฝา่ ยตา่ งคดิ ตา่ งฝา่ ยตา่ งท�ำ ตามกรอบระเบยี บแบบแผน
ทางราชการ ขาดการบูรณาการไปสู่เป้าหมายเดียวกัน การท่ีจะพัฒนาคนไทยให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืน จึงยังไม่เกิด
ผลเท่าท่ีควร ท่ีสำ�คัญสูงสุด คือ พระมหากรุณาธิคุณท่ีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช-
มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงงานจนกลายเป็นศาสตร์ที่ประชาชนท่ัวโลกยอมรับ ในฐานะประชาชนไทยจึงมีหน้าท่ี
สำ�คัญย่ิงท่ีต้องดำ�รงรักษาไว้ให้คงอยู่ในจิตสำ�นึกของประชาชน ด้วยวิธีการนำ�ไปปฏิบัติจนกลายเป็นวิถีชีวิตอย่างยั่งยืน
ตามพระราชปณิธานที่ทรงทุ่มเทพระวรกายเพ่ือประชาชนตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์มายาวนานกว่า ๗๐ ปี
เพื่อให้ศาสตร์พระราชาถูกนำ�ไปสู่การปฏิบัติจริงได้อย่างยั่งยืน จนกลายเป็นวิถีชีวิตปกติของประชาชนทุกช่วงวัย
คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จึงได้ดำ�เนินการจัดทำ�ข้อมูลเพื่อนำ�เสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เร่ือง
“ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์
พระราชาสู่การปฏิบัติท่ีย่ังยืน” ข้ึน เพื่อเสนอต่อท่ีประชุมวุฒิสภาพิจารณาส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำ�ไปปรับ
ประยุกตใ์ ชใ้ นสถานศกึ ษาตอ่ ไป

๒. หลกั การ

ด้วยคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้ตระหนักและสำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ-
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานองค์ความรู้และศาสตร์ต่าง ๆ
ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติไว้เป็นจำ�นวนมาก จะยังคงอยู่ในวิถีชีวิตและจิตใจของคนไทยสืบไป สมดัง
พระราชปณธิ านของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ มหศิ รภมู พิ ลราชวรางกรู กติ สิ ริ -ิ
สมบรู ณอดลุ ยเดช สยามนิ ทราธเิ บศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกล้าเจา้ อยหู่ วั ในการสบื สานศาสตรพ์ ระราชา
และการพัฒนาคนในประเทศ “เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา และมีงานทำ�” โดยสมควรท่ีจะน้อมนำ�
ศาสตรต์ า่ ง ๆ ทไ่ี ดพ้ ระราชทานไวม้ าศกึ ษารวบรวม เพอ่ื จดั ท�ำ แนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตร์
พระราชาสูก่ ารปฏิบัตทิ ยี่ ่งั ยนื ซงึ่ เป็นองค์ความรูท้ ส่ี �ำ คัญ อันจะน�ำ ไปเป็นเครอื่ งมือในการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา
สบื ไป ประกอบกบั ทผี่ า่ นมาคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วุฒสิ ภา ได้นำ�เสนอรายงานการพจิ ารณาศึกษา เร่ือง ข้อเสนอ
เชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน ของคณะกรรมาธิการ
การศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) ไปยังคณะองคมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องไว้ก่อนหน้าเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำ�ไปขยายผลในทางปฏิบัติจริงกับ
สถานศกึ ษาได้
ดังนั้น คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จึงมีมติเห็นควรให้แต่งต้ังคณะทำ�งานในคณะกรรมาธิการ
การศกึ ษา วุฒิสภา จ�ำ นวน ๒ คณะ ประกอบด้วยคณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์พระราชา
สู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน และคณะทำ�งานการปฏิรูปการศึกษาและการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์
พระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ ง่ั ยนื เดนิ ทางไปศกึ ษาดงู าน “การปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน” ใน ๔ ภูมิภาคเพิ่มเติม เพื่อร่วมกันเร่งนำ�ข้อมูลที่ได้รับมาผลักดัน
และสนบั สนนุ ใหน้ �ำ วธิ กี ารแหง่ ศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารพฒั นาทยี่ งั่ ยนื ใหเ้ หมาะสมกบั เยาวชนทกุ ชว่ งวยั ซงึ่ เปน็ การตอ่ ยอด
และยกระดบั รายงานการพจิ ารณาศึกษา เรอื่ ง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตร์
พระราชาสูก่ ารปฏบิ ัติทีย่ ั่งยืนของคณะกรรมาธิการการศกึ ษาและการกีฬา สภานิติบัญญัตแิ ห่งชาติ (ฉบบั เดิม) ให้นำ�ไป

3

ขยายผลในทางปฏบิ ตั จิ ริงกบั สถานศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยรว่ มกนั รวบรวม ปรบั ปรงุ และยกระดบั การจัดท�ำ
ขอ้ มลู เปน็ รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอื่ ง ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู ร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน เพ่ือเร่งพัฒนาคนและประเทศให้มีประสิทธิภาพ
และเกิดผลเป็นรูปธรรมทย่ี ัง่ ยืนสบื ไป

๓. วตั ถุประสงค์

๑) เพื่อสืบสานศาสตร์พระราชาจากพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล-
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ใหค้ งอยู่กบั ประเทศและโลกสืบไป
๒) เพอ่ื ด�ำ เนนิ การตามพระราชปณธิ านของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ
มหิศรภมู ิพลราชวรางกูร กติ สิ ิริสมบรู ณอดลุ ยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หัว
ในการสบื สานศาสตรพ์ ระราชาและการพฒั นาคนในประเทศ “เปน็ คนดี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มจี ติ อาสา และมงี านท�ำ ”
๓) เพอ่ื พฒั นาบคุ ลากรของชาตใิ หม้ คี ณุ ภาพ บรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นาคน ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย
พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ และยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ดา้ นการพัฒนาบุคลากรของชาติ
๔) เพ่ือพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ในสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน รวมถึงวิธีส่งเสริมการดำ�เนินงาน
ตามศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ย่ังยืน ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและปัจจัย
เงื่อนไขความสำ�เร็จในการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาแก่เยาวชนให้มีประสิทธิภาพ
โดยมงุ่ จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาการด�ำ รงชวี ติ ของตนเองและสงั คม หรอื การสรา้ งบคุ คลใหม้ ศี ลี ธรรม ความรู้ ความสามารถ
รจู้ ักหนา้ ท่ี มีความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม จึงจะสามารถพฒั นาประเทศชาติใหเ้ จริญกา้ วหนา้ สบื ไป
๕) เพ่ือส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนประกอบอาชีพที่ชอบตรงตามศักยภาพท่ีมีอยู่ตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงเพอื่ ความสขุ ท่ยี ง่ั ยนื

๔. แนวทางการจดั ท�ำ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายและกรณศี กึ ษาดงู านศาสตรพ์ ระราชา

๔.๑ แนวทางการจดั ทำ�ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ตามทค่ี ณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ สิ ภา ไดต้ ระหนกั และใหค้ วามส�ำ คญั กบั การนอ้ มน�ำ ศาสตรพ์ ระราชา
ท้ัง ๗ ด้าน ที่ได้พระราชทานไว้ มากำ�หนดในหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระต่าง ๆ โดยร่วมกันพิจารณา
ศึกษา รวบรวมเพื่อผลักดันและสนับสนุนให้นำ�วิธีการแห่งศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ย่ังยืนให้เหมาะสมกับเยาวชน
ทุกช่วงวัย ซ่ึงเป็นการต่อยอดและยกระดับรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) ให้นำ�ไปขยายผลในทางปฏิบัติจริงกับสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุป
แนวทางการจดั ท�ำ ขอ้ เสนอเชิงนโยบายไว้ ดังน้ี

4

(๑) การพจิ ารณาศกึ ษา วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ รวบรวมความเหน็ และเอกสารงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งทง้ั ภายใน
ประเทศและตา่ งประเทศ เพอื่ ก�ำ หนดแนวทางการน�ำ หลกั สตู ร และกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
ทีย่ ่ังยืน
(๒) การพจิ ารณาตอ่ ยอดและยกระดบั รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอื่ ง ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจดั หลกั สตู ร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานติ บิ ญั ญัติแหง่ ชาติ (ฉบบั เดิม) ใหม้ ปี ระสิทธิภาพและเกดิ ผลเป็นรูปธรรม
(๓) การจัดเดินทางไปศึกษาดูงานในสถานศึกษาที่น้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ใหค้ รอบคลุมทุกพ้นื ที่ และตรงตามวตั ถุประสงคก์ ับการถอดบทเรียน โดยแบ่งออกเป็น ๒ สว่ น คือ
- สถานศกึ ษาขนาดเลก็ ทนี่ อ้ มน�ำ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งควบคโู่ ครงการอาหารกลางวนั
- สถานศึกษาขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ท่ีมีการจัดหลักสูตรศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนา
คุณภาพชวี ติ ผูเ้ รยี น
(๔) การจัดทำ�คู่มือเชิงปฏิบัติ คือ คู่มือการดำ�เนินการการจัดการศึกษา เพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา
ด้านการจัดหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา (ในภาคผนวก ช.) ที่เหมาะสมกับเยาวชนทุกช่วงวัยตั้งแต่
ระดบั ปฐมวัย ระดับประถมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาบรรจไุ วใ้ นภาคผนวก
ของรายงานการพิจารณาดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องสามารถนำ�ไปปรับประยุกต์ใช้จริงได้ทันที จึงจะ
สามารถสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา เพ่ือนำ�ไปขยายผลและพัฒนาแนวทางการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ซ่ึงครอบคลุมขอบข่ายการดำ�เนินงานตามศาสตร์
พระราชาท้งั ๗ ดา้ น ดงั นี้
- ด้านที่ ๑ ศาสตรพ์ ระราชาว่าดว้ ยการจัดการนา้ํ
- ดา้ นที่ ๒ ศาสตร์พระราชาว่าด้วยสหกรณ์
- ดา้ นท่ี ๓ ศาสตร์พระราชาวา่ ดว้ ยการจดั การดิน
- ดา้ นท่ี ๔ ศาสตรพ์ ระราชาวา่ ด้วยการจัดการป่าไมแ้ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
- ดา้ นท่ี ๕ ศาสตรพ์ ระราชาวา่ ดว้ ยพลังงานและนวัตกรรม
- ด้านท่ี ๖ ศาสตร์พระราชาว่าดว้ ยเกษตรทฤษฎีใหม่
- ด้านท่ี ๗ ศาสตรพ์ ระราชาว่าด้วยหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
(๕) การจดั ท�ำ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้
ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน (ในภาคผนวก ช.) โดยมีเนื้อหาสาระที่สอดรับกับการจัดทำ�คู่มือเชิงปฏิบัติ
“คู่มือการดำ�เนินการการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา ด้านการจัดหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
ในสถานศกึ ษา” เพอื่ เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพทีย่ ่งั ยนื สบื ไป
๔.๒ กรณศี กึ ษาดูงานศาสตร์พระราชาเดมิ -ปัจจบุ นั
สืบเน่ืองจากคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้ตระหนักถึงความสำ�คัญและคุณประโยชน์
ของ “ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจดั หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ ง่ั ยนื ” (ฉบบั เดมิ )
ของคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาและการกฬี า สภานติ บิ ญั ญัติแห่งชาติ เน่ืองจากทีผ่ า่ นมาการจดั ท�ำ ข้อเสนอเชิงนโยบาย

5

พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน” (ฉบับเดิม) ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เน่ืองจากที่ผ่านมาการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวมีการรวบรวม
ผลการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลที่หลากหลายอย่างรอบด้าน ทั้งจากเอกสาร งานวิจัย และข้อมูล
ดังกล่าวมจีกาากรหรวนบ่วรยวงมาผนลทกี่เการ่ียศวึกขษ้อางคโด้นยคตวร้างข้อรมวูลมทถี่หึงกลาารกศหึกลษายาอดยูงา่านงรแอลบะดแ้าลนกเทปั้งลจ่ียานกคเอวกาสมาคริดงเหาน็นวเกิจัี่ยยวแกลับะข้อมูล
จากหน่วยกงราะนบทวี่เนกี่ยกวาขร้อเรงียโดนยรตู้ตรางมศรวามสถตึงรก์พารระศรึกาษชาาดแูงลานะโแคลระงแกลากรเอปันล่ีเยนนื่อคงวมาามจคาิดกเหพ็นรเะกร่ียาวชกดับากรริ ะตบลวอนดกจานรเรียนรู้
ใตนาภมูมศิภาาสคตแภตรลูม่า์พะงิปรรๆัะญารยจญาลำ�ชะานาเทวแอน้อลียมงะดาถโดกค่ินงั รดตงงัแ่อกแไลาผประนนอปภี้ันราเพานชสื่อรญงุปม์ชแาาลจวะารบกา้พายนรละใะรนเอาภยีชูมดดดิำ�ภังราติ คตอ่ ตลไป่อานงดี้ จๆนภจูมาิปนัญวนญมาทา้อกงถดิ่นังแแผลนะภปาราพชสญร์ชุปาวบ้าน

ภำคเหนือ
(๑) ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไคร้อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เชยี งใหม่
ภาคเหนอื (๒) ศนู ยก์ ารเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง กองพลทหารราบท่ี ๗

(๑) ศนู ย์ศึกษา(ก๓า)รพศนูฒั ยน์กาาหร้วเยรฮยี ่อนงรไู้เคศรร้อษนั ฐเนกอ่ืจิ งพมอาเจพายี กงพรกะอรงาบชินด�ำ ๔ริ๑จงั กหอวงัดทเชพั ยี องาใหกมาศ่

(๒) ศูนยก์ ารเรยี นรตู้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กองพลทหารราบที่ ๗

(๓) ศูนย์การเรยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพียง กองบนิ ๔๑ กองทัพอากาศ

(๔) ศูนยเ์ ครอื ข่ายปรัชญาชาวบา้ นแปลงเกษตรทฤษฎใี หม่สวนครปู ระทมุ

6

(๕) ปราชญช์ าวบา้ นและภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ประกอบด้วย
(๕.๑) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชูสิทธ์ิ ชูชาติ ผู้อำ�นวยการศูนย์ศึกษาศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่
(๕.๒) ผู้ช่วยศาสตราจารยเ์ ย่ยี มลกั ษณ์ อุดาการ ผู้อำ�นวยการโรงเรยี นสาธิต มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่
(๕.๓) พระครูสถิตธรรมาภริ ักษ์ ประธานโครงการธรรมตามแนวพระราชดำ�ริ (ปา่ แลกน้าํ )
(๕.๔) นายพงษพ์ นั ธ์ นันทขว้าง ประธานศนู ย์เรยี นรู้การทำ�การเกษตรแบบธรรมชาติ
(๕.๕) นางทองดี โพธยิ อง ประธานศนู ยเ์ รยี นรู้สานสมั พันธเ์ พอ่ื การพัฒนาเศรษฐกจิ พอเพียง
ภาคใต้
(๑) ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ุลทองอนั เน่อื งมาจากพระราชด�ำ ริ จังหวัดนราธวิ าส
(๒) ศูนยก์ ารเรยี นรเู้ พื่อการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพยี งตน้ แบบบ้านบางเสาธง จงั หวดั สงขลา
(๓) ศูนยเ์ รยี นรูน้ วตั กรรมใหม่บ้านเขาจันทร์ จังหวดั สงขลา
(๔) ปราชญช์ าวบา้ นและภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ประกอบดว้ ย
(๔.๑) นายสมโชค ส�ำ ราญ เกษตรกรศูนย์เรยี นรตู้ ามแนวพระราชด�ำ ริดา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
(๔.๒) นายจนั ทร์ ชาญแท้ เกษตรกรศนู ย์เรยี นรู้ตามแนวพระราชด�ำ ริดา้ นเกษตรผสมผสาน
(๔.๓) นายอนริ ุธ ศรสี รุ นิ ทร์ เกษตรกรตวั อย่างด้านการปลูกปาล์มนํ้ามันในพน้ื ทีด่ นิ เปรย้ี วจัด
(๔.๔) นางนสุ ร รงุ่ พรหม ตวั อยา่ งครวั เรอื นทม่ี กี ารจดั ท�ำ บญั ชคี รวั เรอื นอยา่ งเปน็ ระบบและไดร้ บั การสง่ เสรมิ
เมลด็ พันธผ์ุ กั สวนครัว
(๔.๕) นายไพบลู ย์ หนรู าช ประธานกลมุ่ โรงสขี า้ วชมุ ชนบา้ นหนองโอน
(๔.๖) นายแนว ศิริมสุ ิกะ ผอู้ �ำ นวยการโรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
(๑) ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาภูพานอนั เนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ จังหวดั สกลนคร
(๒) เครือขา่ ยอินแปงการแปรรปู นํ้าผลไม้ สหกรณ์การเกษตรโดนหัวชา้ ง จังหวัดสกลนคร
(๓) สวนสลดั จันทรด์ าว จังหวดั ขอนแก่น
(๔) ศนู ยเ์ รยี นรู้ชุมชนบา้ นค�ำ ปลาหลาย จังหวดั ขอนแกน่
(๕) ปราชญ์ชาวบา้ นและภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ประกอบดว้ ย
(๕.๑) นายปญั ญา ประชาชติ หวั หนา้ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งตามแนวพระราชด�ำ รอิ า่ งเกบ็ นา้ํ หว้ ยเคลม้ิ
(๕.๒) นางหทยั ทิพย์ จารุสาร หัวหนา้ ศูนย์เรียนรูเ้ กษตรกรต้นแบบตามแนวพระราชด�ำ ริ อ�ำ เภอกุสมุ าลย์
(๕.๓) นายวงศส์ ถติ โมราราษฎร์ หวั หนา้ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ กษตรกรตน้ แบบตามแนวพระราชด�ำ ริ อ�ำ เภออากาศอ�ำ นวย
(๕.๔) นางสาวกานตร์ วี บวั บญุ เจ้าของบ้านสวนภรู ะวี (แหล่งเรียนร้ตู ามโครงการยวุ เกษตรยคุ ใหม)่

7

ภาคตะวันออก
(๑) ศนู ย์ศึกษาการพฒั นาเขาหินซอ้ นอนั เน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ จงั หวดั ฉะเชิงเทรา
(๒) ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบนอนั เนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ จังหวดั จันทบรุ ี
(๓) ศนู ยก์ ารเรียนรูโ้ ครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชด�ำ ริ บา้ นอา่ งตะแบก จังหวัดฉะเชิงเทรา
(๔) ปราชญช์ าวบา้ นและภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ประกอบด้วย
(๔.๑) นายปัญญา สุขศริ ิ เกษตรกรศนู ย์เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งดา้ นผสมผสาน
(๔.๒) นายอภริ มย์ ผาวันดี เกษตรกรศนู ยเ์ รียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งดา้ นเกษตรผสมผสาน
(๔.๓) นางสาวปราณี สงั ออ่ นดี เกษตรกรศนู ยเ์ รยี นรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งดา้ นเกษตรผสมผสาน
(๔.๔) นายวรี ะ ศรีคงรกั ษ์ เกษตรกรศนู ยเ์ รยี นรูต้ ามแนวพระราชดำ�รดิ ้านผลติ เหด็ เศรษฐกิจครบวงจร
(๔.๕) นายดำ�รง เสนาะสรรพ์ เกษตรกรศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำ�ริด้านการเล้ียงกุ้งด้วยระบบ
ชลประทานน้ําเค็ม
(๔.๖) นายฉลวย จนั ทแสง เกษตรกรศนู ยเ์ รียนรู้ตามแนวพระราชดำ�ริด้านการผลติ ผกั และผลไมป้ ลอดภยั
ดังน้ัน คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จึงมีความมุ่งม่ันที่จะยกระดับการจัดทำ�ข้อมูลดังกล่าวเป็น
พ“ขระ้อรเสาชนาอสเช่กู ิงานรปโยฏบิบาตั ยิทใ่ียนง่ั กยานื ร”ปฏเพิรอ่ืูปเรก่งาผรลศกั ึกดษนั ากาแรลสะรแ้างนอว๑ง๑ทคา์คงวกามารรูค้นวำ�าหมลเขักา้สใูตจเรกแ่ยี ลวะกกบั รศะาบสวตนร์พการะรเรราียชนาแรลู้ตะากมาศรานส�ำ ตไปร์
ขวคถิยวกีาายามรผคดลิด�ำ เรรหงวช็นมวี เถกติ ึง่ีขยกอวาหดแงรกลาลเพับรดะักงัฒแ็กสกชลูตแีวนรกริตละาแเขปะหบลอลเะลวงย่ียกเักนดานรส็กวะกคแบชูตวาลวานรระนมแใเเกคยรนลาิาดียแะรวเเนหชกตรน็นียรรล่ ในเู้ะตะนกรบรแาี่ยู้ตะตวมวา่กลดนมศะับับศการกาใาะสสรหดรตะตับเ้เบรรปรใ์พวียห์พน็ นรน้เะรรปกรรปูะา็นาู้ตรรธรชเาูปราารมไียรธชปศนรมาสรราเู่สมู้ตสโพถดาตโา่ือมดยนรศพยกศ์พากัึฒกาสราษรตะรนอารอรข์พาอาอ้ันผรกชกพะู้เเเารรื้ดนดไาีิยนฐปนิ ชาทนสทานาเู่สาพงตจงถไ่ือลปไาาพอปศกนดัฒึกศสจศนษึกนถึกาาวษผาษดิถู้เานูรงีากดาียขาศนนงูร้ันึกาพนษ้ืนแาลฐทาะ่ีจนแัดลหตกลลเปัอกลดส่ียจูตนนร
และกระบวนการเรจียากนสรถู้ตาานมศึศกษาาสทตี่จรัด์พหรละักรสาูตชรแาละศกูนรยะบ์เรวียนนการรู้ชเรุมียชนนรู้ตแามลศะาโสคตรง์พกระาราพชัฒา นศูนายพ์เื้รนียทนี่สรู้ชงุมเพชิ่นมเติมใน ๔ ภูมิภาค
(กภาารคจัดตทะวำ�ัขน้ออเอสกนเอฉเีแภเยชชลางงิงิ ะคนเนหโใโโคยตยนรบ้ บืองแากยาลาดยะภรงัภดาพกางัคลัฒคก่าตนเลวหะานา่ นพวใี้วหือัื้นนน้ม)ทต้ีใีปเ่ีหสกพรูงม้ะ่ือเสพภปี นทิ ่ิมราาธเะคขิภต้สอใิามตมทิพใูน้ลมธแทาภิ ๔ก่ีลไาขดะภพึน้้รูภมัมบดิภาามงัาคกาแคสเขผหนน(ึ้นภนัภบาดาืสอคพงัน)ตสแุนะรเผวแพปุ นันลแื่ออภะลนอยะากำร�กพาเขรฉสยะ้อียลรดมะงุปับเเูลหอแกยีทนลาดือรี่ะไดจดรภังัด้ารตาทยับอ่คาลไมตขปะะา้อนเวสเอ้ี ันสนียนตัดบกอดสังนตุนอ่ แไปลนะย้ี กระดับ

ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ 8

- โรงเรยี นบ้านคลองยาง (มลู บนอปุ ถมั ภ์) อาเภอครบรุ ี จังหวดั นครราชสมี า

ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
- โรงเรยี นบ้านคลองยาง (มูลบนอปุ ถมั ภ)์ อ�ำ เภอครบรุ ี จังหวัดนครราชสีมา
ภาคตะวันตก
(๑) โรงเรียนประชาพฒั นาวิทย์ อำ�เภอบ้านคา จังหวัดราชบรุ ี
(๒) โรงเรยี นวัดปา่ ไก่ (สว่ นประชานุกูล) ในพระบรมราชานเุ คราะห์ อำ�เภอปากทอ่ จงั หวดั ราชบรุ ี
(๓) โรงเรยี นศรสี วสั ดพิ์ ทิ ยาคม อำ�เภอศรสี วัสดิ์ จงั หวัดกาญจนบรุ ี
(๔) โรงเรียนตำ�รวจตระเวนชายแดนบ้านตน้ มะมว่ ง อำ�เภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
ภาคใต้
(๑) โรงเรยี นวดั สมหวงั อ�ำ เภอเมือง จังหวดั สุราษฎร์ธานี
(๒) โรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ สรุ าษฎร์ธานี อำ�เภอกาญจนดษิ ฐ์ จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี
ภาคเหนอื
(๑) โครงการพฒั นาพน้ื ทส่ี งู แบบโครงการหลวงวังไผ่ อ�ำ เภอสองแคว จังหวดั น่าน
(๒) ศนู ยก์ ารเรยี นร้ชู ุมชนธรรมชาตบิ ้านหว้ ยพา่ น อำ�เภอเชยี งกลาง จงั หวัดนา่ น
(๓) โรงเรยี นบ้านกาศประชานเุ คราะห์ อ�ำ เภอสูงเมน่ จงั หวดั แพร่

โดยจำ�แนกสถานศึกษา ออกเปน็ ๒ ส่วน ดงั น้ี

(๑) สถานศึกษาขนาดเลก็ ทีน่ อ้ มน�ำ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงควบคูโ่ ครงการอาหารกลางวัน ไดแ้ ก่
- โรงเรียนบ้านคลองยาง (มูลบนอุปถัมภ)์ อำ�เภอครบุรี จังหวดั นครราชสีมา
- โรงเรยี นประชาพัฒนาวิทย์ อ�ำ เภอบา้ นคา จงั หวดั ราชบรุ ี
- โรงเรยี นวัดปา่ ไก่ (สว่ นประชานุกูล) ในพระบรมราชานเุ คราะห์ อำ�เภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
- โรงเรียนตำ�รวจตระเวนชายแดนบา้ นตน้ มะมว่ ง อ�ำ เภอไทรโยค จงั หวัดกาญจนบุรี
- โครงการพัฒนาพน้ื ที่สงู แบบโครงการหลวงวงั ไผ่ อำ�เภอสองแคว จงั หวัดน่าน
- ศนู ยก์ ารเรียนรูช้ มุ ชนธรรมชาตบิ ้านหว้ ยพ่าน อำ�เภอเชียงกลาง จงั หวดั นา่ น
- โรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สรุ าษฎร์ธานี อำ�เภอกาญจนดษิ ฐ์ จงั หวัดสุราษฎร์ธานี
(๒) สถานศกึ ษาขนาดกลาง หรอื ขนาดใหญ่ ทมี่ กี ารจดั หลกั สตู รศาสตรพ์ ระราชา เพอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ผู้เรยี น ได้แก่
- โรงเรยี นศรสี วสั ดิพ์ ทิ ยาคม อ�ำ เภอศรสี วสั ดิ์ จงั หวดั กาญจนบุรี
- โรงเรียนวดั สมหวัง อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี
- โรงเรียนบา้ นกาศประชานเุ คราะห์ อำ�เภอสงู เม่น จงั หวดั แพร่

9

๕. ขอบขา่ ยและองค์ประกอบของขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย

การจัดท�ำ ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศกึ ษา และแนวทางการนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้
ตามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ย่ี งั่ ยนื โดยมเี นอ้ื หาสาระทส่ี อดรบั กบั การจดั ท�ำ คมู่ อื เชงิ ปฏบิ ตั ิ “คมู่ อื การด�ำ เนนิ การ
การจดั การศกึ ษาเพอ่ื สบื สานศาสตรพ์ ระราชา ดา้ นการจดั หลกั สตู รและการจดั การเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษา” (ในภาคผนวก ช.)
ที่เหมาะสมกับเยาวชนทุกช่วงวัยตั้งแต่ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย เปน็ ตน้ เพอื่ ใหห้ นว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งสามารถน�ำ ไปปรบั ประยกุ ตใ์ ชจ้ รงิ ไดท้ นั ที จงึ จะสามารถสรา้ งองคค์ วามรู้
ความเข้าใจเก่ียวกับศาสตร์พระราชา เพ่ือนำ�ไปขยายผลและพัฒนาแนวทางการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้
ตามศาสตรพ์ ระราชาไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยก�ำ หนดขอบขา่ ยและองคป์ ระกอบของขอ้ เสนอเชงิ นโยบายทคี่ รอบคลมุ
การดำ�เนนิ งานตามศาสตรพ์ ระราชาทง้ั ๗ ด้าน ดงั น้ี
ดา้ นท่ี ๑ ศาสตร์ว่าด้วยการจดั การน้ํา
๑.๑ การอนุรกั ษน์ ํ้า สรา้ งฝายต้นนาํ้ ลำ�ธารชนดิ ตา่ ง ๆ
๑.๒ การพัฒนาแหล่งนํ้า การแก้ปัญหาขาดแคลนน้ํา นํ้าแล้ง นํ้าท่วม สร้างอ่างเก็บนํ้า
เขื่อนแบบตา่ ง ๆ ในแต่ละพน้ื ที่ เชน่ อ่างพวง แก้มลงิ เปน็ ต้น
๑.๓ การจดั การนาํ้ ลกั ษณะพเิ ศษ เชน่ โครงการฝนหลวง ชลประทานจดั การนา้ํ แกป้ ญั หาดนิ ประตู
ระบายนา้ํ การแก้ปัญหานํ้าเนา่ เสีย นาํ้ ดีไลน่ ํา้ เสีย กงั หันน้�ำ ชยั พฒั นา เปน็ ตน้
ดา้ นที่ ๒ ศาสตร์ว่าดว้ ยสหกรณ์
สหกรณ์อเนกประสงค์
- ด้านเงินลงทนุ และสนิ เช่อื
- ด้านรวมกนั ซ้ือ
- ด้านรวมกนั แปรรปู ผลผลติ
- ดา้ นการตลาดและรวมกันขาย
ด้านท่ี ๓ ศาสตรว์ า่ ด้วยการจัดการดิน
๑.๑ การพฒั นาทรพั ยากรดนิ ตามศาสตร์พระราชา
• พระราชดำ�ริเกีย่ วกบั เกษตรทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง การแกลง้ ดนิ การหม่ ดิน
• การปลกู หญา้ แฝกเพอ่ื อนรุ กั ษด์ นิ และนา้ํ การปลกู พชื ตระกลู ถวั่ บ�ำ รงุ ดนิ และการจดั พฒั นา
ท่ีดนิ ตามพระราชประสงค์
๑.๒ การพัฒนาทรัพยากรดินในภาคตา่ ง ๆ
• การพัฒนาทรัพยากรดินในภาคเหนือ เช่น ดินบนพื้นที่สูง พ้ืนที่ลาดชัน เกิดการชะล้าง
พงั ทลายงา่ ย สญู เสียหนา้ ดิน สญู เสียธาตอุ าหาร และพืช
• การพฒั นาทรัพยากรดนิ ภาคกลาง เชน่ การพฒั นาดินทราย ดินดาน และการฟ้ืนฟทู ด่ี นิ
เส่ือมโทรม
• การพฒั นาทรัพยากรดนิ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชน่ ดนิ เค็ม ดินทรายอมุ้ นํา้ ไดน้ ้อย
ดนิ ลูกรัง และดนิ ขาดธาตุอาหารพชื

10

• การพัฒนาทรัพยากรดินในภาคตะวันออก เช่น ดินทราย ดินต้ืนอุ้มนํ้าได้น้อย
ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ และดนิ เสื่อมโทรม
• การพฒั นาทรัพยากรดนิ ในภาคใต้ เช่น ดนิ เปร้ยี ว และดนิ อินทรีย์
ดา้ นท่ี ๔ ศาสตรว์ า่ ด้วยการจัดการปา่ ไม้และส่ิงแวดลอ้ ม
๑.๑ ศาสตร์พระราชาวา่ ดว้ ยการจัดการปา่ และส่ิงแวดลอ้ ม
๑.๒ การสรา้ งความ “เขา้ ใจ” ในสรรพส่งิ “ปลกู ปา่ ในใจคน”
๑.๓ การ “เขา้ ถงึ ” การจัดการอยา่ งแทจ้ ริง
๑.๔ การปลกู ปา่ โดยไมต่ อ้ งปลกู
๑.๕ การปลูกปา่ ทดแทน
๑.๖ การปลกู ป่าโครงการ
๑.๗ การจัดการป่าไม้
๑.๘ การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของราษฎร หมู่บา้ น ป่าไม้
๑.๙ การพฒั นาอยา่ งยั่งยืน
๑.๑๐ การจดั การมลพษิ ในส่งิ แวดล้อม
๑.๑๑ การจัดการนาํ้ เสีย และการจัดการขยะ
ดา้ นท่ี ๕ ศาสตรว์ า่ ดว้ ยพลังงานและนวัตกรรม
ศาสตรพ์ ระราชาวา่ ด้วยพลังงานและนวัตกรรม สรุปได้ ดังนี้
๑.๑ การดดั แปรสภาพอากาศเพื่อให้เกดิ ฝน (ฝนหลวง)
๑.๒ การปลกู หญา้ แฝก
๑.๓ การปรบั ปรุงสภาพดนิ เปรย้ี วเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลกู (โครงการแกลง้ ดนิ )
๑.๔ การใช้นํ้ามันกล่นั บริสุทธ์ิเปน็ นํา้ มนั เชื้อเพลิงส�ำ หรับเครือ่ งยนตด์ ีเซล
๑.๕ การใชน้ า้ํ มนั กลนั่ บริสทุ ธ์ิเป็นนํา้ มันหลอ่ ลืน่ สำ�หรับเครอื่ งยนต์สองจงั หวะ
๑.๖ ระบบโครงสร้างเครือ่ งกำ�เนดิ ไฟฟา้ พลงั งานจลนแ์ ละชุดสำ�เร็จเคร่อื งกำ�เนิดไฟฟา้
๑.๗ พลังงานจลน์หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “อุทกพลวัต”
๑.๘ เครือ่ งกลเตมิ อากาศท่ีผวิ นา้ํ หมุนชา้ แบบทนุ่ ลอย หรือทร่ี ู้จักวา่ “กงั หันนา้ํ ชัยพัฒนา”
๑.๙ เคร่ืองกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ํา

๑.๑๐ อปุ กรณ์ควบคมุ การผลักดนั ของเหลว

๑.๑๑ ระบบปรบั ปรุงคุณภาพนา้ํ ด้วยรางพชื รว่ มกบั เครอ่ื งกลเตมิ อากาศ

๑.๑๒ ภาชนะรองรับของเสียทขี่ บั ออกจากร่างกาย
ดา้ นที่ ๖ ศาสตร์วา่ ด้วยเกษตรทฤษฎีใหม่
๑.๑ ทม่ี าแห่งพระราชดำ�ริ “ทฤษฎใี หม”่
๑.๒ เกษตรทฤษฎใี หม่

11

ขัน้ ที่ ๑ ทฤษฎใี หมข่ ั้นต้น
ข้ันท่ี ๒ ทฤษฎใี หม่ขน้ั กลาง
ข้นั ท่ี ๓ ทฤษฎีใหมข่ ้นั ก้าวหนา้
๑.๓ การท�ำ เกษตรทฤษฎใี หมใ่ หส้ มบรู ณแ์ ละเกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ
ด้านที่ ๗ ศาสตร์วา่ ดว้ ยหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๑.๑ ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี งทถี่ กู น�ำ มาใชอ้ ยา่ งเปน็ ทางการ โดยส�ำ นกั งานคณะกรรมการ
พฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๑.๒ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
๑.๓ เศรษฐกิจพอเพียงในฐานะแนวทางการพัฒนาครอบครวั ชุมชน องค์กร และสงั คม
๑.๔ เศรษฐกิจพอเพียงทเี่ ปน็ การลงทนุ ขนาดใหญใ่ นโครงการทที่ ันสมัย
๑.๕ ลกั ษณะของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในเชงิ ระบบ
๑.๖ การเชอ่ื มโยงปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงกบั เปา้ หมายการพัฒนาที่ยัง่ ยืน
๑.๗ การศึกษาเพอ่ื พัฒนาองค์ความรูเ้ รื่องปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในภาคธุรกิจ
นอกจากขอบขา่ ยการด�ำ เนนิ งานทก่ี ลา่ วถงึ ทง้ั ๗ ดา้ นแลว้ หลกั และวธิ ที รงงานของพระราชาเปน็ ศาสตร์
อกี ดา้ นหนง่ึ ทส่ี อดแทรกอยใู่ นทกุ ขอบขา่ ยงานตามศาสตรพ์ ระราชาทงั้ ๗ ดา้ น ซง่ึ องคค์ วามรดู้ า้ นเทคนคิ กระบวนการ
พัฒนาตามวิธีทรงงาน เป็นมิติที่ต้องนำ�วิธีทรงงานของพระราชามาเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ หรือกระบวนการ
เรยี นรขู้ องผเู้ รยี นใน ๒๓ วธิ ที รงงานในพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เพ่ือสร้างเป็นบุคลิกภาพหรือลักษณะนิสัยการทำ�งานท่ีดีให้ติดตัวผู้เรียน ซ่ึงเป็นกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ
กระบวนการปฏิบัติ และกระบวนการสรา้ งเจตคตคิ ่านยิ ม และสอดคลอ้ งกับหลักคิด เขา้ ใจ เขา้ ถงึ และพฒั นา (King’s
Model) ประกอบดว้ ย
๑. ศกึ ษาข้อมลู อย่างเป็นระบบ
๒. ระเบดิ จากขา้ งใน
๓. แกป้ ัญหาท่จี ดุ เลก็
๔. ท�ำ ตามลำ�ดบั ข้นั
๕. ภมู สิ งั คม
๖. องค์รวม
๗. ไม่ตดิ ต�ำ รา
๘. ประหยดั เรียบง่าย ไดป้ ระโยชน์สงู สุด
๙. ท�ำ ไดง้ า่ ย
๑๐. การมสี ่วนร่วม
๑๑. ประโยชน์ส่วนรวม
๑๒. บรกิ ารรวมท่ีจุดเดียว
๑๓. ทรงใชธ้ รรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติ

12

๑๔. ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม
๑๕. ปลูกปา่ ในใจคน
๑๖. ขาดทนุ คอื กำ�ไร
๑๗. การพึง่ ตนเอง
๑๘. พออยูพ่ อกิน
๑๙. เศรษฐกจิ พอเพียง
๒๐. ความซอ่ื สัตย์ สจุ รติ จริงใจตอ่ กัน
๒๑. ทำ�งานอย่างมคี วามสุข
๒๒. ความเพยี ร
๒๓. รู้ รัก สามัคคี
ต่อมา นายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา และอดีตเลขาธิการสำ�นักงาน
คณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชด�ำ ริ คนที่ ๑ ซง่ึ เปน็ ผรู้ เิ รมิ่ จดั ท�ำ หลกั การทรงงานขนึ้
มคี วามเหน็ วา่ ควรมกี ารปรบั ปรงุ หลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น สำ�นักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่อง
มาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน กปร.) ได้จัดต้ังคณะทำ�งานขึ้นคณะหน่ึง เพ่ือปรึกษาหารือกับนายสุเมธ ตันติเวชกุล
เกี่ยวกับการปรับปรุงเน้ือหาหลักการทรงงาน โดยเป็นข้อมูลจากประสบการณ์การทำ�งานสนองพระราชดำ�ริที่มีมา
ต่อเน่ืองยาวนาน ทำ�ให้ได้เน้ือหาหลักการทรงงานที่มีความสมบูรณ์จนสามารถนำ�ข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุง
หลักการทรงงานจากเดิม ๒๓ ข้อ เพิม่ เปน็ ๒๗ ขอ้ ประกอบด้วย
๑. ความซอื่ สัตย์ สุจริต จรงิ ใจตอ่ กัน
๒. อ่อนน้อม ถอ่ มตน
๓. ความเพียร
๔. รู้ รัก สามคั คี
๕. ทำ�เร่ือย ๆ ท�ำ แบบสงั ฆทาน
๖. มคี วามสุขในการท�ำ ประโยชนใ์ ห้กบั ผอู้ ่ืน
๗. ศกึ ษาขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ ทำ�งานอย่างผู้ร้จู ริง
๘. ระเบิดจากข้างใน
๙. ท�ำ ตามลำ�ดบั ข้นั
๑๐. ภูมสิ งั คม
๑๑. องค์รวม
๑๒. ประหยดั เรยี บง่าย ไดป้ ระโยชน์สูงสดุ
๑๓. ขาดทนุ คือกำ�ไร
๑๔. ปลกู ปา่ ในใจคน
๑๕. ใชธ้ รรมชาตชิ ่วยธรรมชาติ

13

๑๖. อธรรมปราบอธรรม
๑๗. ประโยชนส์ ว่ นรวม
๑๘. การพง่ึ ตนเอง
๑๙. เศรษฐกิจพอเพียง
๒๐. เข้าใจ เข้าถงึ พัฒนา
๒๑. แก้ปัญหาที่จดุ เลก็ คิด Macro เริม่ Micro
๒๒. ไม่ตดิ ตำ�รา ท�ำ ใหง้ า่ ย
๒๓. การมสี ่วนรว่ ม
๒๔. พออยูพ่ อกนิ
๒๕. บริการรวมท่ีจุดเดยี ว
๒๖. ร่าเริง ร่นื เรงิ คึกคกั ครึกครืน้ กระฉบั กระเฉง มีพลงั เป็นปัจจัยของการทำ�งานทม่ี ีประสิทธิภาพ
๒๗. ชยั ชนะของการพัฒนา

๖. กระบวนการการด�ำ เนนิ งานและข้ันตอนการสงั เคราะห์ข้อมลู
จากการศกึ ษาดูงานศาสตรพ์ ระราชา

๖.๑ กระบวนการการด�ำ เนินงาน
สืบเน่ืองจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
(รัชกาลที่ ๙) ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการแก่ประชาชนชาวไทยว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพ่ือประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม...” เม่ือวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ น้ัน แสดงให้เห็นว่า ทรงใส่พระทัย
ในการดูแลพสกนิกรและทรงใช้หลักธรรมาภิบาลในการสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชน ดังนั้น คณะกรรมาธิการ-
การศกึ ษา วฒุ ิสภา จึงได้ผลกั ดันการนำ�เสนอผลรายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรือ่ ง ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจดั หลกั สูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ (ฉบบั เดมิ ) ทเี่ คยด�ำ เนนิ การไวเ้ มอ่ื ปี ๒๕๖๑ ซง่ึ เปน็ การนอ้ มน�ำ การเรยี นรตู้ ามรอยพระยคุ ลบาท
สืบสานศาสตร์พระราชา เพ่ือขยายผลการพัฒนาพระราชมรดกท่ีพระราชทานไว้ให้แก่สังคมและประเทศได้ประจักษ์
ถงึ ความส�ำ คญั ของพระราชด�ำ ริ พระบรมราโชวาท ตลอดจนพระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลท่ี ๙) ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปีแห่งการครองราชย์ ประกอบกับ
ผลรายงานการพจิ ารณาดงั กลา่ วไดผ้ า่ นการน�ำ เสนอไปยงั คณะองคมนตรี ประกอบดว้ ย พลเอก สรุ ยทุ ธ์ จลุ านนท์ ประธาน
องคมนตรี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี
และพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ)
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น คณะองคมนตรีจึงได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เร่งผลักดัน
การสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและการนำ�ไปขยายผล เพื่อพัฒนาแนวทางการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาไปสู่สถานศึกษา และวิถีการดำ�รงชีวิตของเด็กและเยาวชนในแต่ละระดับ
ให้เปน็ รปู ธรรมและมีประสิทธิภาพอย่างยงั่ ยืน

14

ผนวกกับก่อนวาระการดำ�เนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะสิ้นสุดลง ได้มีหนังสือตอบรับมาจาก
รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร และรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยแจง้ วา่ ไดร้ บั ทราบผลรายงานการพิจารณา
ศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืน
ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) แล้วมีความสนใจเป็นอย่างมาก
ถอื เปน็ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายทด่ี ี แตห่ นว่ ยงานทง้ั ๒ ยงั ขาดความรคู้ วามเขา้ ใจทจ่ี ะน�ำ ไปปรบั ประยกุ ตใ์ ชจ้ รงิ ในทางปฏบิ ตั ิ
จึงไมส่ ามารถนำ�ไปขยายผลใหเ้ กิดประสิทธิภาพกบั สถานศึกษาไดอ้ ยา่ งเปน็ รูปธรรม
ในการนี้ คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จึงมีความประสงค์จะผลักดันการสนับสนุนวิธีการแห่ง
ศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารพฒั นาอยา่ งจรงิ จงั ใหม้ คี วามเหมาะสมกบั เยาวชนทกุ ชว่ งวยั เพอ่ื เรง่ ตอ่ ยอดรายงานการพจิ ารณา
ศึกษา เร่ือง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน
ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ฉบับเดิม) ให้เกิดผลสัมฤทธ์ิอย่างจริงจัง
และเป็นระบบ
ดังนั้น คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้มีมติแต่งตั้งคณะทำ�งานขึ้น ๒ คณะ ประกอบด้วย
๑) คณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน และ ๒) คณะทำ�งาน
การปฏิรูปการศึกษาและการนำ�หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน เพื่อร่วมกัน
สนับสนุนและยกระดับการจัดทำ�กระบวนการดำ�เนินงานในเชิงปฏิบัติสู่สถานศึกษาของประเทศไว้ในภาพรวม
โดยสรปุ เป็น ๕ ข้ันตอน ตามแผนภาพและรายละเอยี ด ดงั ตอ่ ไปนี้

๑) เม่ือเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ได้ดำ�เนินการแต่งต้ังคณะทำ�งานจัดทำ�ข้อมูลเพื่อนำ�เสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “ข้อเสนอเชิงนโยบาย
การจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน” (ฉบับเดิม) เพื่อศึกษาและรวบรวม
ขอ้ มลู จากผู้ทรงคุณวฒุ ิทกุ ภาคส่วนใน ๔ ภูมิภาค

15

๒) ระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๖๐-ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้
ตามศาสตร์พระราชาสกู่ ารปฏบิ ัติทย่ี ่งั ยนื ในคณะกรรมาธิการการศกึ ษาและการกีฬา สภานิตบิ ญั ญัตแิ หง่ ชาติ ได้ดำ�เนนิ
การศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์พระราชาท้ังในประเทศและต่างประเทศ
และเอกสารที่เก่ียวข้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือนำ�ข้อมูลที่ได้รับมาปรับใช้ในการออกแบบ
การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ รวมถึงวิธีส่งเสริมการดำ�เนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ท่ีย่ังยืน ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและปัจจัยเง่ือนไขความสำ�เร็จในการจัดหลักสูตรและกระบวนการ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาไว้ในรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว เพ่ือใช้ประกอบการรับฟังความคิดเห็นจาก
ทกุ ภาคสว่ นท่เี กีย่ วขอ้ งในโครงการเสวนาเมื่อเดือนพฤศจกิ ายน ๒๕๖๑
๓) ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เดินทางไปศึกษาดูงาน
จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามพระราชดำ�ริ และภูมิปัญญาท้องถ่ิน ปราชญ์ชาวบ้านที่มีวิถีชีวิตตามศาสตร์พระราชา
จนประสบผลส�ำ เรจ็ ในทกุ ภมู ภิ าคของประเทศ แลว้ วเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มลู และการปฏบิ ตั จิ รงิ จากการเดนิ ทางไปศกึ ษา
ดูงาน เพ่ือให้ได้เน้ือหา และองค์ความรู้ใหม่ท่ียังไม่ได้กำ�หนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน และหลักการ
ในการทำ�เกษตรทฤษฎีใหม่ให้ประสบผลสำ�เร็จตามบริบทต่าง ๆ รวมถึงต้นแบบวิธีการที่ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์
ชาวบ้านในภูมิภาคต่าง ๆ ดำ�เนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบผลสำ�เร็จ สามารถเป็นต้นแบบให้นำ�มา
ประยุกต์ใช้ตามบริบทของตนเองได้ เพ่ือนำ�มาพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและกระบวนการเรียนรู้
ท่จี ะท�ำ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การปฏิบตั จิ รงิ ควบคไู่ ปกับการเรียนร้ขู องผู้เรยี นไว้ด้วยแลว้ น้นั
ต่อมาระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงพิจารณาให้คณะทำ�งานปรับปรุงรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว โดยเพ่ิมข้อมูลจาก
การเดินทางไปศึกษาดูงานและการจัดเสวนารับฟังความคิดเห็นเป็นรายงานการพิจารณาศึกษา เร่ือง “ข้อเสนอ
เชิงนโยบายการจดั หลกั สูตรและกระบวนการเรียนรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏบิ ัตทิ ี่ยงั่ ยืน” (ฉบับเดิมท่ีสมบูรณ์)
๔) เม่ือเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มี
มติเห็นชอบและนำ�เสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เร่ือง “ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการ
เรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ งั่ ยนื ” (ฉบบั เดมิ ทสี่ มบรู ณ)์ ตอ่ ทปี่ ระชมุ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ เพอื่ พจิ ารณา
สง่ ไปยังคณะรฐั มนตรแี ละหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งด�ำ เนินการตามท่ีเหน็ สมควร
๕) ปัจจุบันคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้มีความประสงค์จะผลักดันการสนับสนุนวิธีการ
แห่งศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างจริงจัง ให้มีความเหมาะสมกับเยาวชนทุกช่วงวัย เพ่ือเร่งต่อยอดรายงาน
การพจิ ารณาศกึ ษา เร่อื ง ข้อเสนอเชงิ นโยบายการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏิบตั ิ
ที่ยัง่ ยืน ของคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาและการกีฬา สภานติ ิบญั ญตั ิแหง่ ชาติ (ฉบับเดมิ ) ใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธ์ิอย่างจรงิ จัง
และเป็นระบบ ดังน้ัน คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จึงพิจารณาแต่งตั้งคณะทำ�งานขึ้น ๒ คณะ ประกอบด้วย
๑) คณะทำ�งานจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน และ ๒) คณะทำ�งาน
การปฏริ ปู การศึกษา และการน�ำ หลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบตั ทิ ่ยี ง่ั ยนื เพอื่ รว่ มกัน
รวบรวม ปรับปรุง และยกระดับการจัดทำ�ข้อมูลเป็น รายงานการพิจารณาศึกษา เร่ือง “ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ย่ี ง่ั ยนื ”
เพื่อเร่งผลักดันการสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและการนำ�ไปขยายผล เพ่ือพัฒนาแนวทาง
การน�ำ หลักสตู รและกระบวนการเรียนรตู้ ามศาสตร์พระราชาไปสู่สถานศกึ ษา และวิถกี ารดำ�รงชวี ิตของเด็กและเยาวชน
ในแตล่ ะระดบั ให้เป็นรูปธรรม อันน�ำ ไปสกู่ ารพัฒนาคนและประเทศชาติให้มีประสิทธิภาพสบื ไป

16

ดงั นน้ั คณะท�ำ งานทง้ั ๒ คณะไดก้ �ำ หนดกรอบการด�ำ เนนิ งานเพอื่ พฒั นาวธิ จี ดั หลกั สตู รกระบวนการ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาโดยบูรณาการองค์ความรู้ด้านเทคนิคกระบวนการพัฒนาตามวิธีทรงงานกับกระบวนการ
เรียนรู้พัฒนาการคิดขั้นสูงเชิงระบบ และแบบแผนทำ�งานท่ีมีคุณภาพด้วยวิธีการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น (Active
Learning) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ และเยาวชนแตล่ ะชว่ งวยั ไดเ้ รยี นรู้
และปฏิบัตจิ รงิ ตามศาสตร์พระราชาอย่างตอ่ เนื่องและเหมาะสมกับวยั โดยสรุปการนำ�เสนอผลการพฒั นาขอ้ มลู ไว้ ดังนี้
- คณะทำ�งานร่วมกันพิจารณาศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ รวบรวมความเห็นและเอกสาร
งานวจิ ยั เพอ่ื ก�ำ หนดแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ย่ี งั่ ยนื อนั น�ำ ไปสู่
การต่อยอดและยกระดบั รายงานการพิจารณาศึกษา เร่อื ง ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจัดหลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้
ตามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ย่ี ง่ั ยนื ของคณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษาและการกฬี า สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ (ฉบบั เดมิ )
ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพและเกิดผลเปน็ รปู ธรรม
- คณะท�ำ งานรว่ มเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู านกบั คณะกรรมาธกิ าร (๔ ภมู ภิ าค) เพอื่ น�ำ ขอ้ มลู ทไี่ ดร้ บั
มาสนับสนนุ และผนวกเพ่มิ ไวใ้ นรายงานการพจิ ารณาศกึ ษาดงั กล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขน้ึ
- คณะท�ำ งานจดั เดนิ ทางไปศกึ ษาดงู าน ๔ ภมู ภิ าค (เพมิ่ ) จากสถานศกึ ษาทนี่ อ้ มน�ำ หลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ท่คี รอบคลุมทกุ พื้นที่ และตรงวัตถุประสงค์กับการถอดบทเรยี น โดยแบง่ ออกเปน็ ๒ ส่วน คือ
• สถานศกึ ษาขนาดเลก็ ทน่ี ้อมนำ�หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงควบคโู่ ครงการอาหาร
กลางวนั
• สถานศึกษาขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ท่ีมีการจัดหลักสูตรศาสตร์พระราชาเพื่อการ
พัฒนาคณุ ภาพชีวติ ผู้เรียน
โดยนำ�ข้อมูลท่ีได้รับมาสนับสนุนและผนวกเพิ่มไว้ในรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว
ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพ่ือเร่งสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา และการนำ�ไปขยายผล
เพอื่ พฒั นาแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาไปสวู่ ถิ กี ารด�ำ รงชวี ติ ของเดก็ และเยาวชน
ในแต่ละระดับไดอ้ ย่างเหมาะสม
- จดั ท�ำ คมู่ อื เชงิ ปฏบิ ตั ิ คอื คมู่ อื การด�ำ เนนิ การการจดั การศกึ ษาเพอ่ื สบื สานศาสตรพ์ ระราชา
ด้านการจดั หลกั สูตรและการจัดการเรยี นรใู้ นสถานศึกษา ท่ีเหมาะสมกบั เยาวชนทุกชว่ งวยั ตงั้ แตร่ ะดับปฐมวยั ระดับ
ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาบรรจุไว้ในภาคผนวก ช. ของรายงาน
การพิจารณาดังกล่าว เพ่ือให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องสามารถนำ�ไปปรับประยุกต์ใช้จริงได้ทันที จึงจะสามารถสร้าง
องคค์ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ศาสตรพ์ ระราชา เพอ่ื น�ำ ไปขยายผลและพฒั นาแนวทางการน�ำ หลกั สตู ร และกระบวนการ
เรียนร้ตู ามศาสตรพ์ ระราชาไดต้ รงตามวัตถุประสงค์
- จดั ท�ำ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติท่ียั่งยืน โดยมีเน้ือหาสาระที่สอดรับกับการจัดทำ�คู่มือเชิงปฏิบัติ “คู่มือการ
ดำ�เนินการการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา ด้านการจัดหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา”
(ในภาคผนวก ช.)
- จัดโครงการเสวนา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำ�คู่มือเชิงปฏิบัติ “คู่มือ
การด�ำ เนนิ การการจดั การศกึ ษาเพอื่ สบื สานศาสตรพ์ ระราชา ดา้ นการจดั หลกั สตู รและการจดั การเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษา”

17

ที่เหมาะสมกับเยาวชนทุกช่วงวัย และข้อเสนอเชิงนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ย่ังยืนจากทุกภาคส่วน โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิท่ีน้อมนำ�
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำ�รงชีวิตท้ังหมดจากการเดินทางไปศึกษาดูงาน ๔ ภูมิภาค
ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้ังแต่ในระดับปฐมวัย
ระดบั ประถมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษา ระดบั อาชวี ศกึ ษา ระดบั อดุ มศกึ ษา และการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ตลอดจนสถานศกึ ษา
ทด่ี ำ�เนินงานตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง โดยคณะกรรมาธกิ ารการศึกษา วุฒิสภา ไดเ้ ดนิ ทางไปศกึ ษาดงู าน ๔ ภมู ิภาค
(เพิ่มเติม) เพ่ือให้คู่มือเชิงปฏิบัติและข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวมีความเหมาะสมกับบริบทของพ้ืนที่สถานศึกษา
ท่แี ตกตา่ งกนั มากข้ึน
- จดั ท�ำ รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอื่ ง ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทาง
การน�ำ หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ยี่ งั่ ยนื ตามหนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจของฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ
โดยผนวกคู่มือเชิงปฏิบัติ “คู่มือการดำ�เนินการการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา ด้านการจัดหลักสูตร
และการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา” ไว้ในเล่มรายงานการพิจารณาดังกล่าว (ในภาคผนวก ช.) เพื่อให้หน่วยงาน
ท่เี กย่ี วขอ้ งสามารถน�ำ ไปปรับประยกุ ต์ใชไ้ ด้ทนั ที
- คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา วฒุ สิ ภา น�ำ รายงานการพจิ ารณาศกึ ษาดงั กลา่ วเสนอตอ่ ทปี่ ระชมุ
วฒุ ิสภา และหนว่ ยงานที่เก่ยี วขอ้ งพจิ ารณาด�ำ เนินการในส่วนที่เกยี่ วข้องต่อไป
๖.๒ ข้ันตอนการสังเคราะหข์ อ้ มูลจากการเดินทางไปศกึ ษาดงู าน
ขั้นตอนการสังเคราะห์ข้อมูลจากการเดินทางไปศึกษาดูงานศาสตร์พระราชาของคณะกรรมาธิการ-
การศกึ ษา วุฒิสภา โดยสรุป ดงั น ี้

โครงสรา้ ง การปฏบิ ัติจริง
ข้นั ตอนท่ีกำ�หนดไว้เดมิ ๑) จัดลำ�ดับข้อมูลตามภูมิภาคท่ีศึกษาดูงาน โดยแบ่งข้อมูลของสถานศึกษาตาม
ส่ิงท่ีไดร้ ับจากการศกึ ษาขอ้ มลู หัวข้อ ได้แก่ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย กระบวนการดำ�เนินงาน ผลการ
ดำ�เนินงาน การจัดหลักสูตรและวิธีการเรียนการสอน การจัดการเรียนรู้
การติดตามประเมินผล ผลกระทบ และการตอบคำ�ถามของผู้บริหาร
สถานศึกษา คณะครู และนักเรียน

การวเิ คราะห์ (Analyze) ๒) นำ�ข้อมูลการเดินทางไปศึกษาดูงานทั้งหมดมาศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์
แล้วแยกประเภทข้อมลู ตามลกั ษณะการดำ�เนนิ งานออกเป็น ๒ กล่มุ ใหญ่ คอื
ข้อมูลเดิม (ท้ัง ๔ ภูมิภาคของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานิตบิ ญั ญัติแห่งชาติ)
- กลุ่มศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาอนั เนื่องมาจากพระราชดำ�ริ
- กลมุ่ ศูนย์การเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง
- กลมุ่ ศนู ย์เรียนรู้ชุมชน หรอื แหล่งสบื สานศาสตรพ์ ระราชา

18

โครงสรา้ ง การปฏิบตั จิ รงิ
ข้ันตอนท่ีกำ�หนดไวเ้ ดิม
ข้อมลู ปจั จบุ นั (ทัง้ ๔ ภมู ภิ าคของคณะกรรมาธิการการศึกษา วฒุ สิ ภา)
การสงั เคราะห์ (Synthetic) - กลมุ่ หน่วยงานทางการศกึ ษา หรือสถานศกึ ษา
สาเหตแุ ละผลกระทบ (๑) สถานศึกษาขนาดเล็ก ท่ีน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
(Causal and effect) ควบคู่โครงการอาหารกลางวนั
การออกแบบ (Design) (๒) สถานศึกษาขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ท่ีมีการจัดหลักสูตรศาสตร์
พระราชาเพ่อื การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตผเู้ รียน
๓) สังเคราะห์การจัดหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
ตามหลักสูตรจากการศึกษาดูงานเป็นรายกลุ่ม รายหัวข้อ และสรุปเป็น
ภาพรวมของทุกกลมุ่ ภูมภิ าค
๔) เช่ือมโยงข้อมูลภาพรวมจากการสังเคราะห์เชิงระบบแบบบูรณาการไปสู่การ
ออกแบบหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ของสถานศึกษาในแต่ละระดับ
กรอบความคิดท้ังระบบ และการตอบคำ�ถาม
๕) ออกแบบแผนการปฏิรูปการศึกษา และแนวทางการนำ�หลักสูตรและ
กระบวนการเรยี นรูต้ ามศาสตรพ์ ระราชาออกเปน็ ระดบั และเหมาะสมกบั วยั

๗. ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั

๑) สามารถยกระดับการจัดทำ�ข้อมูลสารสนเทศเป็นรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ในการปฏริ ปู การศึกษา และแนวทางการนำ�หลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ตามศาสตรพ์ ระราชาสูก่ ารปฏิบตั ทิ ี่ย่งั ยืน
๒) สามารถจัดทำ�คู่มือเชิงปฏิบัติ “คู่มือการดำ�เนินการการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา
ดา้ นการจัดหลกั สูตรและการจดั การเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษา” (ในภาคผนวก ช.) ที่เหมาะสมกบั เยาวชนทกุ ช่วงวยั
๓) สามารถพัฒนาบุคลากรของชาติให้มีคุณภาพ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคนตามรัฐธรรมนูญ
แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ และยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ด้านการพัฒนาบุคลากรของชาติ
๔) สามารถพัฒนาหลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน รวมถึงวธิ ีสง่ เสรมิ การดำ�เนินงาน
ศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ยั่งยืน ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและปัจจัย
เงื่อนไขความสำ�เร็จในการจัดหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาแก่เยาวชนให้มีประสิทธิภาพ
โดยมงุ่ จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาการด�ำ รงชวี ติ ของตนเองและสงั คม หรอื การสรา้ งบคุ คลใหม้ ศี ลี ธรรม ความรู้ ความสามารถ
รู้จักหนา้ ท่ี มีความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสงั คม จงึ จะสามารถพัฒนาประเทศชาติให้เจรญิ กา้ วหนา้ สืบไป
๕) สามารถส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนประกอบอาชีพที่ชอบ ตรงตามศักยภาพท่ีมีอยู่ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง เพอื่ ความสขุ ท่ยี ่ังยนื

19

20

๒บทท่ี

การปฏิรปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลักสูตร
และกระบวนการเรียนรูต้ ามศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบตั ิทย่ี ง่ั ยนื

๑. ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการปฏริ ปู การศกึ ษา และแนวทางการน�ำ หลกั สตู ร
และกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏิบตั ทิ ่ยี ่งั ยืน

๑.๑ ข้อเสนอเชงิ นโยบายในการปฏิรปู การศึกษา
๑.๑.๑ ควรมีการกำ�หนดเป็นนโยบายในการปฏิรูปการศึกษาและแนวทางการนำ�หลักสูตร
และกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ย่ี ง่ั ยนื ทเี่ นน้ การบม่ เพาะ ฝกึ ฝนใหผ้ เู้ รยี นมหี ลกั ธรรม หลกั คดิ
หลักปฏิบัติ และพัฒนาทักษะสำ�คัญที่เกิดการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ให้ตรงกับความสนใจ
ใฝ่รู้ของผู้เรียนมากกว่าเน้นการสอนเนื้อหา ด้วยกระบวนการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาตามวิธีทรงงาน และน้อมนำ�
องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาด้านต่าง ๆ เช่ือมโยงกับชุมชนและบริบทของแต่ละโรงเรียน โดยแต่ละพื้นที่สามารถ
ปรับเปลี่ยนยดื หยุน่ ได้ตามบริบทและสภาวการณ์
๑.๑.๒ ควรมีการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับห้องเรียนเป็นนโยบายสำ�คัญเร่งด่วนที่ต้องทำ�ให้เกิดข้ึนจริง
ด้วยการปรับสาระหลักสูตรสถานศึกษา หน่วยการเรียนแต่ละระดับให้สัมพันธ์กับศาสตร์พระราชา เน้นให้ผู้บริหาร
การศึกษาเห็นความสำ�คัญ น้อมนำ�แนวคิดหลักการตามวิธีทรงงาน องค์ความรู้ศาสตร์พระราชา และหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีคุณภาพระหว่างครูกับผู้เรียน มากกว่า
การเนน้ ทปี่ รมิ าณจำ�นวนช่วั โมงเรยี นในห้องเรยี นหรือเรียนผา่ นสือ่ แต่ละปกี ารศึกษา
๑.๑.๓ ควรมีการยกระดับคุณภาพบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เน้นคุณภาพควบคู่กับ
คุณธรรมให้ทั่วถึง และเท่าเทียม สู่เป้าหมายสำ�คัญ คือ มุ่งให้ผู้เรียนทุกระดับมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสูง
ตามความแตกต่างของแต่ละบุคคลตามแนวคิดพหุปัญญา (Multiple Intelligences) สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยการนำ�การเรียนรู้
ตามศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากันได้กับบริบทของสังคมท้องถิ่นเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความหมาย
ต่อเยาวชนท่ีผ่านระบบการศึกษา ให้มีส่วนช่วยพัฒนาผลผลิต และพัฒนาความสามารถในการสร้างนวัตกรรม
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ได้สอดคล้องกับบริบทในแต่ละท้องถิ่นของตน เพ่ือบรรลุการจัดการศึกษา
เชิงพน้ื ท่ีให้มสี ่วนรว่ ม เป็นการรวมพลงั ทกุ ภาคสว่ น ร่วมพฒั นาใหเ้ กิดความตอ่ เนื่องและยง่ั ยนื

21

๑.๑.๔ ควรเชื่อมโยงระหว่างการปฏิรูปการศึกษากับปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ด้วยการนำ�หลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งตามศาสตรพ์ ระราชามาใชป้ ฏบิ ตั จิ รงิ ในการบม่ เพาะลกั ษณะนสิ ยั พอเพยี ง สรา้ งทกั ษะทางอาชพี
ทห่ี ลากหลายใหเ้ กดิ ขนึ้ กบั ประชาชน โดยประยกุ ตใ์ ชว้ ธิ กี ารทรงงานมารว่ มกนั คน้ หา “ความผดิ ปกตปิ จั จบุ นั ” (Current
abnormal) พร้อมท่ีจะเผชิญต่อความปกติใหม่ (New Normal) ด้วยวิธีการร่วมออกแบบความปกติใหม่ (Desirable
new normal) สอดคล้องกบั เปา้ หมายทีก่ ารศึกษาไทยตอ้ งการ
๑.๒ แนวทางการน�ำ หลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรตู้ ามศาสตรพ์ ระราชาส่กู ารปฏบิ ัติทย่ี ่งั ยืน
๑.๒.๑ การจัดหลกั สตู รสืบสานศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารปฏบิ ัตทิ ี่ยงั่ ยืน
การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา เป็นการนำ�เน้ือหาความรู้
ในศาสตร์พระราชาและเป้าหมายการทรงงานมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอนของกระทรวง
ศึกษาธิการ ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ไปจนถึงการศึกษานอกระบบ รวมเป็นการศึกษาต่อเนื่อง
และการศกึ ษาตลอดชวี ติ วา่ มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร จดั ลงไปในหลกั สตู รไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ทง้ั รายวชิ าพนื้ ฐาน รายวชิ าเพม่ิ เตมิ
หรือรายวิชาเฉพาะในแต่ละระดับ หรือสาขาการศึกษา อาจจะจัดให้มีทั้งการเรียนการสอนในรายวิชาปกติ กิจกรรม
พัฒนาผู้เรียน การเรียนรู้ด้วยโครงงานหรือการศึกษาอิสระ (Independent Study) หรือโครงงานวิทยานิพนธ์
จบการศกึ ษาหลกั สตู รเหลา่ นี้ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารตอ้ งมคี วามยดื หยนุ่ ใหส้ ถานศกึ ษาสามารถด�ำ เนนิ การไดเ้ องตามบรบิ ท
เป้าหมาย และปรัชญาของสถานศึกษา และความเหมาะสมกับผู้เรียน รวมท้ังการประเมินผลการเรียนรู้ในแต่ละด้าน
พฒั นาไดเ้ องอย่างตอ่ เนื่อง เกิดการเรยี นรอู้ ย่างย่งั ยนื ตลอดชวี ติ
การจดั หลกั สตู รสถานศกึ ษาใหส้ ถานศกึ ษามอี สิ ระในการน�ำ หลกั สตู รไปใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ท
ของแต่ละแห่ง ตอบสนองวิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ของสถานศึกษาและการพัฒนาประเทศ เมื่อสถานศึกษาวิเคราะห์
ความสัมพันธ์สอดคลอ้ งระหวา่ งองค์ความรู้ในศาสตร์พระราชาแล้ว สามารถดำ�เนินการได้ดงั น้ี
หากส่วนใดมคี วามสมั พันธก์ นั ชัดเจน ทง้ั เนอื้ หา วตั ถุประสงค์ เปา้ หมาย และกระบวนการ
เรียนรู้วิธีทรงงานของพระราชาให้จัดลงในหลักสูตร กลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือรายวิชาของแต่ละสถานศึกษา
แตล่ ะระดับก�ำ หนด
หากสาระองค์ความรู้ในศาสตร์พระราชาสัมพันธ์กับหลักสูตรบ้างเล็กน้อย อาจจัดเป็น
การเรียนรู้แบบบูรณาการในหน่วยการเรียนรู้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนหรือวิธีอ่ืน ๆ และหากองค์ความรู้
ในศาสตร์พระราชาไม่สอดคล้องกับเน้ือหาในหลักสูตร สามารถจัดทำ�เป็นรายวิชาเพิ่มเติมหรือจัดสาขาการเรียนรู้
ตามความเหมาะสม ดงั แผนภาพ

22

การสืบสานขยายผลศาสตร์พระราชา

สู่การปฏิบัติที่ยั่งยืนในการจัดหลักสูตรสถานศึกษา

องค์ความรู้ด้านเนื้อหาความรู้ วิเคราะห์ หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
จากโครงการพระราชดำ�ริ ฯลฯ
ความสัมพันธ์ ๑. ปฐมวัย บูรณาการในหน่วยการเรียนรู้
ศาสตร์ว่าด้วย : ของศาสตร์- ตามตารางกิจกรรมประจำ�วัน
๑. การจัดการนํ้า พระราชา ๒๔๓ ... มมปตัธอัธรยะยนถมมตมศศ้นศึกึกึกษษษาาา
๒. สหกรณ์ กับเนื้อหา ตอนปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้/
๓. การจัดการดิน ในหลักสูตร ๕. อาชีวศึกษา รายวิชาพื้นฐาน
๔. การจัดการป่าไม้ แต่ละระดับ ๖. อุดมศึกษา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
และสิ่งแวดล้อม รายวิชาเพิ่มเติม
๕. นวัตกรรมและพลังงาน ปริญญาตรี
๖. เกษตรทฤษฎีใหม่ ๗. การศึกษา รายวิชาเฉพาะจำ�แนกตาม
๗. หลักปรัชญาของ คณะ/แผนก/สาขา/วิชา
เศรษฐกิจพอเพียง ตลอดชีวิต
๘. ด้านอื่น ๆ Project work ตามบริบท
และความต้องการ

กระทรวงศึกษาธิการยืดหยุ่นให้ปรับหลักสูตรตามบริบท เป้าหมาย และปรัชญาของสถานศึกษา

หลักสูตรรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ในศาสตร์พระราชา เป้าหมายคุณภาพของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้
ที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์พระราชา และตัวชี้วัดในหลักสูตร

รายวชิ าพืน้ ฐาน รายวิชาเพิม่ เติม เรยี นร้ใู นหนว่ ย เรยี นรู้แบบหน่วย กิจกรรมพฒั นา K ศาสตร์แหง่ การพัฒนา
ตามหลักสูตร ตามจดุ เน้นของ การเรียนรู้เฉพาะเรอ่ื ง บรู ณาการ ผ้เู รียน/ A ศาสตร์แห่งการอยู่รว่ มกัน
แกนกลาง สถานศกึ ษา หรือในรายวิชา ในรายวิชาท่ี โครงงาน P ศาสตรแ์ ห่งการประพฤตกิ ารครองตน
ในแตล่ ะระดบั แต่ละระดบั ในกล่มุ สาระการเรียนรู้ สมั พันธก์ บั ศาสตร์ ตามความสนใจ
หรือ Program การเรยี น สมรรถนะผูเ้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เนื่องจากโครงการพระราชดำ�ริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช-
มหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลท่ี ๙) ตามศาสตร์พระราชาในแต่ละด้านได้บูรณาการผสมผสานการใช้ความรู้
ในสาขาวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนางานในโครงการหน่ึง อาทิ โครงการประตูระบายนำ้�คลองลัดโพธิ์
โครงการพฒั นาดอยตงุ โครงการชง่ั หวั มนั ฯลฯ และศนู ยศ์ กึ ษาพฒั นาในแตล่ ะภาค เชน่ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ น
ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบน ศนู ยพ์ ฒั นาโครงการหลวงวดั จนั ทร์ ฯลฯ ไดด้ �ำ เนนิ การโครงการตามแนวทางบรู ณาการ
ความรู้ในศาสตร์หลายสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้อง สมควรที่การจัดหลักสูตรในทุกระดับการศึกษาจะยึดแนวทางดังกล่าว
มาเปน็ แบบอยา่ งในการจดั หลกั สตู รสถานศกึ ษา คอื เนน้ การจดั หลกั สตู รสถานศกึ ษาแบบบรู ณาการความรใู้ นหลายวชิ า
เป็นลักษณะสหวิทยาการ (Multidisciplinary) หรือบูรณาการแบบข้ามวิชา (Transdisciplinary) หรือแบบอื่น
ซ่ึงเหมาะสมจะให้ผู้เรียนจัดทำ�เป็นโครงงานที่ปฏิบัตินอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นในชุมชน กลุ่มสนใจ ชมรม ชุมนุม
และสถานศึกษา

23

๑.๒.๒ การจัดกระบวนการเรยี นรสู้ ืบสานศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบตั ทิ ีย่ ่ังยืน
กระบวนการเรียนรู้เป็นหัวใจสำ�คัญท่ีสุดของการจัดการเรียนการสอน และเป็นแก่นแท้สำ�คัญ
ของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพราะมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ก็อยู่ท่ีกระบวนการ
สมรรถนะก็เกดิ จากการถักทอเพอ่ื สร้างความรแู้ ต่ละมติ ผิ ่านกระบวนการ ความร้ทู ุกมิติกอ็ ยูท่ ่กี ระบวนการ การวดั และ
ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรกู้ เ็ กดิ จากกระบวนการ และกระบวนการกส็ ะทอ้ นถงึ รอ่ งรอยหลกั ฐานการสรา้ งผลผลติ
หรอื ความรรู้ ะดบั ตา่ ง ๆ ทกุ สถานศกึ ษาสามารถยกระดบั คณุ ภาพของผเู้ รยี น และมาตรฐานของการศกึ ษาใหส้ งู ขน้ึ ซง่ึ ท�ำ ได้
ไมย่ าก ใชเ้ วลาไมน่ าน เพยี งปรบั วธิ เี รยี นรขู้ องผเู้ รยี นจากการเรยี นรแู้ บบ Passive Learning มาเปน็ แบบ Active Learning
ใช้กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เป็นกลไกในการสร้างหรือผลิตความรู้ของผู้เรียนตามแนวทาง
ศาสตรพ์ ระราชา ผูเ้ รียนทกุ คนกจ็ ะสามารถสร้างความรู้ในระดบั นวตั กรรมได้
อน่ึง เนื่องจากได้มีการปรับปรุงความรู้ความเข้าใจในหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จ-
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จาก ๒๓ วิธี เป็น ๒๗ วิธี และมีการจัดกลุ่มวิธี
ทรงงานท่ีกลา่ วถงึ “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” เป็น “หลักธรรม หลกั คิด และหลักปฏิบตั ”ิ จงึ เหน็ สมควรปรับปรงุ ขอ้ เสนอ
แนวทางจัดกระบวนการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา จากเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ยึดหลักธรรม
หลักคิด และหลักปฏิบัติด้วย โดยนำ�เร่ืองการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนาไปรวมอยู่ในวิธีทรงงาน ๒๗ วิธี และจากการศึกษา
วิเคราะห์สาระสำ�คญั ของวธิ ีทรงงานพบว่า เปน็ แนวคดิ ในการจดั กระบวนการเรียนรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รียนปฏบิ ัติจริง เปน็ วงรอบ
วนซ้ําหลายรอบแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดข้ันสูงเชิงระบบท่ีเน้นการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
การตรวจสอบและประเมินตนเองทั้งด้านเจตคติค่านิยมเพ่ือสังคม ส่ิงแวดล้อม (GPAS 5 Steps) ผู้เรียนสร้างความรู้
จากการปฏิบัติได้เอง ปรับปรุงเองจนเป็นการปฏิบัติท่ีดี (Best Practice) เป็นผู้มีสมรรถนะสูง ซ่ึงตามข้อเสนอเร่ือง
เขม็ ทศิ การศกึ ษาในอนาคตปี ๒๐๓๐ ของ OECD (Organization for Economic Co-operation and Development)
ได้เสนอวงจรของกระบวนการเรียนรู้ด้วยการมีเป้าหมาย ลงมือทำ� และให้ข้อมูลสะท้อนคิดย้อนกลับ (Anticipation-
Action-Reflection: AAR cycle) สอดคล้องกับกระบวนการทรงงานตามศาสตร์พระราชาเป็นแนวเดียวกัน และท่ี
ชดั เจนเปน็ อยา่ งยงิ่ คอื ผลของการปฏบิ ตั ติ ามศาสตรพ์ ระราชาในโครงการพระราชด�ำ รเิ ปน็ การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื (17 SDGs)
ท่ีองค์การสหประชาชาติมุ่งหวัง สมควรท่ีจะนำ�กระบวนการเรียนรู้นี้มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ในทุกระดับ
ดังแผนภาพ

24

กกรรออบบแแนนววคคิดดิ กกาารรนนาาศศาาสสตตรร์พ์พรระะรราาชชาาไไปปใใชชใ้ ใ้นนกกาารรจจดั ดั กกาารรศศกึ ึกษษาา

ศาสตรท์ ี่ว่าด้วยการจดั การน้ํา องคค์ วามรู้ด้านเน้อื หา
ศาสตรท์ ี่วา่ ดว้ ยสหกรณ์ ความรู้ จากโครงการ
ศาสตรท์ ่วี ่าดว้ ยการจัดการดนิ
ศาสตร์ทว่ี ่าดว้ ยการจัดการปา่ ไมแ้ ละส่งิ แวดล้อม พระราชด�ำ ริ ฯลฯ
ศาสตร์ทว่ี า่ ดว้ ยนวัตกรรมและพลังงาน
ศาสตร์ทีว่ ่าดว้ ยเกษตรทฤษฎใี หม่ สาระการเรียนรตู้ าม
ศาสตร์ทว่ี า่ ดว้ ยหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานการเรียนรู้ และ
ศาสตร์พระราชาด้านอื่น ๆ ตัวช้วี ัดในแตล่ ะระดบั ชั้น
กรอบแนวคดิ การนำ�ศาสตรพ์ ระราชาไปใชใ้ นการจดั การศกึ ษา
๑. ซือ่ สตั ย์ สุจรติ จรงิ ใจต่อกนั หลกั ธรรม ตั้งแต่ระดับ กระบวนการเรยี นรูแ้ บบองค์รวม
๒. ออ่ นนอ้ ม ถ่อมตน25 ปฐมวัยถงึ ระดับอดุ มศกึ ษา ทง้ั ด้านความรู้ เจตคติ คา่ นิยม และทักษะถักทอเชอ่ื มโยง
หลกั คิด
๓. ความเพียร องคค์ วามรูด้ ้าน กับความสามารถดา้ นอ่นื ๆ แบบ Active Learning
๔. รู้ รัก สามคั คี หลักปฏิบัติ เทคนิคกระบวนการ ให้เกดิ เป็นสมรรถนะจนถึงระดบั หลักการให้เปน็
๕. ท�ำ เร่ือย ๆ ทำ�แบบสงั ฆทาน พฒั นาตามวิธที รงงาน Transformative Compretencles สู่ Well Being
๖. มีความสขุ ในการทำ�ประโยชน์ให้แก่ผอู้ ่ืน ศาสตร์แห่งการอยรู่ ว่ มกนั เทคนิคการเรียนรู้
ศาสตร์แห่งการประพฤติ การครองตน กระบวนการเรยี นรู้ใน การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21
๗. ศกึ ษาข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ ท�ำ งานอย่างร้จู รงิ ศาสตรแ์ ห่งการพัฒนา หลกั สตู รแต่ละระดบั ด้วย
๘. ระเบดิ จากข้างใน Active Learning เรยี นรูแ้ บบ Active Learning ผู้เรยี นเป็นผูผ้ ลิต
๙. ทำ�ตามล�ำ ดับขน้ั ความรู้ นวัตกรรม ปัญญาประดษิ ฐ์ ตามยทุ ธศาสตรช์ าติ
องค์ความรูด้ า้ นเป้าหมาย
๑๐. ภมู ิสังคม ของการเรียนรู้ Thailand 4.0
๑๑. องคร์ วม และการทำ�งาน
๑๒. ประหยดั เรียบงา่ ย ได้ประโยชนส์ ูงสดุ The four Pillars of Education
๑๓. ขาดทุนคือกำ�ไร ตามศาสตร์พระราชา 1. Learning how to know
สมรรถนะด้านการสร้าง 2. Learning how to do
๑๔. ปลกู ปา่ ในใจคน ความรดู้ ้วยการปฏิบัติจรงิ 3. Learning how to live together
๑๕. ใชธ้ รรมชาติช่วยธรรมชาติ สมรรถนะดา้ นการอยู่รว่ มกัน 4. Learning how to be เรยี นรู้แบบ Active Learning
๑๖. อธรรมปราบอธรรม สมรรถนะดา้ นการประพฤติ
เรยี นรูแ้ บบ Active Learning เกดิ ความรู้
๑๗. ประโยชนส์ ่วนรวม การครองตน ระดับหลกั การ นำ�ไปเรยี นรไู้ ดเ้ อง
๑๘. การพ่ึงตนเอง พัฒนาไดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ งคงทน
๑๙. เศรษฐกิจพอเพยี ง น�ำ ประโยชน์สู่สงั คม ประเทศ
๒๐. เขา้ ใจ เขา้ ถงึ การพัฒนา
๒๑. แก้ปญั หาท่ีจดุ เลก็ คิด Macro เรมิ่ Micro
๒๒. ไมต่ ิดตำ�รา ท�ำ ให้ง่าย
๒๓. การมสี ว่ นรว่ ม
๒๔. พออย่พู อกิน
๒๕. บริการรวมทจ่ี ดุ เดียว
๒๖. ร่าเรงิ รนื่ เริง คกึ คัก คกึ ครื้น กระฉับกระเฉง มีพลัง
๒๗. ชยั ชนะของการพฒั นา


Click to View FlipBook Version