The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2024-01-16 18:51:57

รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ "กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง"

กมธ.1

ฉฉ สารบัญตาราง (ต่อ) หน้า ตารางที่ ๑๘ ปริมาณความสกปรกในรูปของบีโอดี (BOD) ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ๑๕๘ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อาร์ไอแอล ผาแดง เหมราชตะวันออกและเอเชีย ตารางที่ ๑๙ ปริมาณความสกปรกในรูปของบีโอดี (BOD) ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ๑๕๙ นอกนิคมอุตสาหกรรม ตารางที่ ๒๐ ปริมาณน้ าเสียและปริมาณความสกปรกในรูปบีโอดีที่เกิดขึ้นจากชุมชน ๑๕๙ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ตารางที่ ๒๑ เกณฑ์คุณภาพน้ าคลองสาธารณะในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๑๖๑ เปรียบเทียบ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕


ชช สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ ๑ ขั้นตอนการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ๒๑ ภาพที่ ๒ แผนที่แสดงที่ตั้งของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒๕ ภาพที่ ๓ ขอบเขตพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒๕ ภาพที่ ๔ แผนที่แสดงที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒๗ ภาพที่ ๕ แสดงการกระจายตัวของโรงงานนอกนิคมอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ ๓๐ จังหวัดระยอง ภาพที่ ๖ แผนที่แสดงขอบเขต ต าบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๓๑ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ภาพที่ ๗ ที่ตั้งและขอบเขตพื้นที่นิคมอตุสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรือ ๓๔ ภาพที่ ๘ ผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในนิคมอตุสาหกรรมมาบตาพุด ๓๔ ภาพที่ ๙ บริเวณที่เป็นท่าเทียบเรือในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ๓๙ ภาพที่ ๑๐ พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ ๒ ๔๐ ภาพที่ ๑๑ พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ ๓ ๔๑ ภาพที่ ๑๒ แหล่งก าเนิดของสาร VOCs ๔๒ ภาพที่ ๑๓ Fuel and Petrochemical Supply Chain ๔๓ ภาพที่ ๑๔ การแพร่กระจายของสาร VOCs สู่สิ่งแวดล้อม ๔๓ ภาพที่ ๑๕ ตัวอย่างของ Halogenated Hydrocarbons ที่พบในสิ่งแวดล้อม ๔๔ ภาพที่ ๑๖ ที่ตั้งของแหล่งก าเนิดมลพิษทางน้ าประเภทอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ๔๙ ภาพที่ ๑๗ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศ ๕๓ และรถตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ภาพที่ ๑๘ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศและจุดเก็บตัวอย่างสาร VOCs ๕๓ ในบรรยากาศโดยทั่วไปในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและบริเวณใกล้เคียง ภาพที่ ๑๙ จุดเก็บตัวอย่างสาร VOCs ในบรรยากาศในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ๕๔ ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภาพที่ ๒๐ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ เทศบาลเมืองมาบตาพุดจ านวน ๔ สถานี ๕๕ ภาพที่ ๒๑ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศของกรมควบคุมมลพิษ ๕๗ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองและบริเวณใกล้เคียง ภาพที่ ๒๒ ค่าเฉลี่ยรายปีสารเบนซีน สาร ๑,๓-บิวทาไดอีน และ ๑,๒-ไดคลอโรอีเทน ๕๘ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๖๕ ภาพที่ ๒๓ จุดตรวจวัดคุณภาพน้ าในคลองสาธารณะพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๖๐ ภาพที่ ๒๔ ดัชนีคุณภาพน้ าแหล่งน้ าผิวดิน (Water Quality Index : WQI) ๖๑ คุณภาพน้ าคลองสาธารณะในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕


ซซ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า ภาพที่ ๒๕ จุดเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมทางทะเลพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๖๒ ภาพที่ ๒๖ คุณภาพน้ าทะเลในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ๖๓ ภาพที่ ๒๗ จุดตรวจวัดคุณภาพน้ าบ่อตื้นพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๖๔ ภาพที่ ๒๘ ปริมาณขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๖๖ ที่รวบรวมและก าจัดได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ ภาพที่ ๒๙ อัตราการเจ็บป่วยโรคจากการประกอบอาชีพย้อนหลัง ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ ๖๘ ภาพที่ ๓๐ อัตราการเข้ารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลภาครัฐของประชาชน ๖๙ ในเขตควบคุมมลพิษย้อนหลัง ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ ภาพที่ ๓๑ สถิติการเกิดอุบัติภัยสารเคมี จังหวัดระยอง ย้อนหลัง ๕ ปี ๖๙ (ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ – เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕) ภาพที่ ๓๒ สถิติภาวะฉุกเฉินการเกิดอุบัติภัยจากสารเคมีในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๗๐ (ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ –เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕) ภาพที่ ๓๓ สถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จังหวัดระยอง ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ – ๒๕๖๓ ๗๐ ภาพที่ ๓๔ แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษและแผนการปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติ ๗๔ และสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ภาพที่ ๓๕ สรุปผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ๑๐๙ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ภาพที่ ๓๖ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน ในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ๑๔๗ ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษปี ๒๕๕๐ - ๒๕๖๒ ภาพที่ ๓๗ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สารเบนซีนในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ๑๔๗ ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษปี ๒๕๕๐ - ๒๕๖๒ ภาพที่ ๓๘ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สารเบนซีนในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยองกับค่าความเข้มข้น ๑๔๘ เป้าหมายสารเบนซีนของกรมควบคุมมลพิษ ภาพที่ ๓๙ ปริมาณสารเบนซีนในบรรยากาศบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ๑๕๑ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๕ ภาพที่ ๔๐ ปริมาณการระบายTVOC จากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด ๑๕๔ จ าแนกตามพื้นที่นิคมฯ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ภาพที่ ๔๑ ปากคลองซากหมากและอ่าวประดู่ เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ๑๖๓ (กรมควบคุมมลพิษ ๒๕๕๕) ภาพที่ ๔๒ แผนที่ชุมชนได้รับผลกระทบจากสาร VOCs ๔ ชนิดที่มีความเข้มข้น ๑๗๓ เกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จ านวน ๑๕๘ ชุมชน ภาพที่ ๔๓ จ านวนผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง (รายใหม่) ชนิดต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ๑๗๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๐


ฌฌ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า ภาพที่ ๔๔ เพลิงไหม้บริเวณถังเก็บผลิตภัณฑ์ (เม็ดพลาสติก) ของบริษัท เอ็ชเอ็มซีโปลีเมอส์ จ ากัด ๑๗๘ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง


บทที่ ๑ บทน ำ ๑.๑ ที่มำของกำรพิจำรณำศึกษำ สืบเนื่องจากแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ ได้ก าหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดคือการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขปัญหา คุณภาพสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่า ๓ พื้นที่ ในระยะเวลา ๕ ปีต่อมาคณะกรรมการปฏิรูปประเทศได้ท าการ ปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยคณะคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ด าเนินการเสนอ แผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) ต่อคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ และคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งแผนการปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) ในกิจกรรมปฏิรูปที่ ๔ คือการปฏิรูป ระบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ ซึ่งต่อไปนี้จะใช้ชื่อว่า “เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒) เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๒ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๖๕ ง หน้า ๙๙ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยมีเป้าหมาย คือ ๑) ควบคุม ลด และขจัดมลพิษที่เกินค่ามาตรฐาน ๒) การยกเลิกประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง และตัวชี้วัด คือ (๑) คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เป็นไปตามค่าเกณฑ์ มาตรฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๒)ออกประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง โดยก าหนดระยะเวลาด าเนินการ รวม ๒ ปี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ ด้วยเหตุนี้คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา อาศัยหน้าที่ และอ านาจตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงด าเนินการ จัดท ารายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขต ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง เพื่อเสนอต่อวุฒิสภาและรัฐบาลต่อไป ๑.๒ วัตถุประสงค์ของกำรพิจำรณำศึกษำ ๑) เพื่อทราบสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒) เพื่อทราบถึงปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการแก้ไขปัญหา คุณภาพสิ่งแวดล้อมรวมทั้งการป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๓) เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุม มลพิษ จังหวัดระยอง และความพร้อมในการที่จะยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๔) เพื่อทราบถึงปัญหาอุปสรรคของการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง


๒ ๕) เพื่อเสนอแนะแนวทางการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบ คุณภาพสิ่งแวดล้อม ส าหรับการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ และการด าเนินการตามแผนฯ ของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองฉบับต่อไป ๑.๓ ขอบเขตของกำรพิจำรณำศึกษำ การพิจารณาศึกษาการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ“กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” จะครอบคลุมพื้นที่เขตต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระ ต าบลทับมา อ าเภอเมือง จังหวัดระยอง ทั้งต าบล ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนาจังหวัดระยอง ทั้งต าบล และต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ทั้งต าบล รวมทั้งพื้นที่ทะเลในแนวเขต ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ๘ แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลเมืองบ้านฉาง เทศบาลต าบลเนินพระ เทศบาลต าบลทับมา เทศบาลต าบลมาบข่า เทศบาลต าบลมาบข่าพัฒนา และเทศบาลต าบลบ้านฉาง โดยแบ่งการด าเนินงานออกเป็น ดังนี้ ๑) การศึกษารวบรวมข้อมูล และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และกฎหมาย ต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง การประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง หลักเกณฑ์และขั้นตอนการประกาศและยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง และแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ๒) การศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ข้อมูลประชากร อาชีพ เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) การคมนาคม การสาธารณสุข การศึกษา การอุตสาหกรรม รวมทั้งแหล่งก าเนิดมลพิษ (น้ าเสีย มลพิษทางอากาศ เสียง ขยะมูลฝอยและกากอุตสาหกรรม) สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุขและสุขภาพในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๓) การประเมินความเหมาะสมในการประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๔) การวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคของการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ และการประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๕) พิจารณาและจัดท าข้อเสนอแนะการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ การประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองในอนาคตในประเด็นนโยบาย กฎหมาย และการบริหาร จัดการ ๖) การประชุมสัมมนา เรื่อง “การจัดการสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” ๗) การจัดท ารายงาน “การพิจารณาศึกษาการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” และการน าเสนอผลการพิจารณาศึกษาเรื่องการปฏิรูประบบ การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ต่อวุฒิสภา


๓ ๑.๔ นิยำมศัพท์เฉพำะ “เขตควบคุมมลพิษ” หมายถึง พื้นที่ที่ได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามมาตรา ๕๙ และมีการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้น ตามมาตรา ๖๐ ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ “เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” (หรือ“เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด”) หมายถึงเขตควบคุม มลพิษที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศฉบับที่ ๓๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ลงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ เรื่อง ก าหนดให้พื้นที่เขตต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระ ต าบลทับมา อ าเภอเมือง จังหวัดระยอง ทั้งต าบล ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ทั้งต าบล และต าบล บ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ทั้งต าบล รวมทั้งพื้นที่ทะเลในแนวเขต เป็นเขตควบคุมมลพิษ โดยครอบคลุมพื้นที่ ๔๑๗ ตารางกิโลเมตร ทั้งนี้ ตั้งแต่วัดถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๖๕ ง ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒) ๑.๕ เอกสำรและรำยงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๑) รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการประเมินผลเพื่อยกเลิกเขตควบคุมมลพิษตามแผน การปฏิรูปประเทศ เสนอต่อกรมควบคุมมลพิษ จัดท าโดย ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , กันยายน ๒๕๖๕ ๒) แผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ ๓) แผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ ๔) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ ๕) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๖) โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือEEC (Eastern Economic Corridor) ๗) รายงานสรุปผลการสัมมนา เรื่อง “การจัดการสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” โดยคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องเมจิก ๓ ชั้น ๒ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ๑.๖ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ ๑) ทราบสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒) ทราบถึงปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการแก้ไขปัญหาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมรวมทั้งการป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๓) ทราบผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุม มลพิษ จังหวัดระยอง และความพร้อมในการที่จะยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๔) ทราบถึงปัญหาอุปสรรคของการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๕) ข้อเสนอแนะการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ส าหรับการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ และการด าเนินการตามแผนฯ ของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองฉบับต่อไป


บทที่ ๒ หลักการเหตุผล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๕ มีเป้าหมายในการกระจายความเจริญ จากเมืองหลวงไปสู่ภูมิภาคอย่างเป็นระบบ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ Eastern Seaboard รัฐบาลได้เลือก จังหวัดระยอง เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสม ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร โดยรัฐบาล ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่ออ านวยความสะดวกแก่ภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด ได้แก่ ท่าเรือน้ าลึก ระบบถนน รถไฟ ระบบส่งน้ า ระบบโทรคมนาคม ฯลฯ ภายในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด ประกอบด้วย อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ เหล็ก โรงกลั่นน้ ามัน โรงไฟฟ้า พื้นที่ส าหรับ โรงงานอุตสาหกรรมเป็นการให้เช่าในระยะเวลา ๓๐ ปี และพิจารณาต่อให้อีกคราวละ ๒๐ ปี โดยจัดแบ่งพื้นที่ ตามลักษณะกลุ่มอุตสาหกรรมและได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ส าหรับหน่วยงานภาครัฐและหน่วยบริการ ต่าง ๆ เพื่ออ านวยความสะดวกให้แก่ชุมชนตลอดจนผู้ประกอบการอุตสาหกรรม การตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ท าให้สภาพวิถีชีวิตของชุมชนได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจาก อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน มีน้ าใจคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นแบบต่างคนต่างอยู่ มีความเจริญเติบโต ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมประเพณี ธรรมชาติที่สวยงาม สิ่งแวดล้อมที่บริสุทธิ์ถูกแทรกแซง ท าลายลง ซึ่งในปัจจุบันมีคนอพยพเข้ามาท างานเป็นจ านวนมาก และมีจ านวนมากขึ้นอย่างรวดเ ร็ว ท าให้เกิดผลกระทบในด้านต่าง ๆตามมา เช่น มลพิษทางอากาศ การจราจร การลักขโมย ปัญหาอาชญากรรม และปัญหายาเสพติด ปัจจุบันมีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี (EEC : Eastern Economic Corridor Development) เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๙ เป็นโครงการ พัฒนาพื้นที่โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) ซึ่งเป็นที่รู้จักกว่า ๓๐ ปี มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ ๓ จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา แผนการพัฒนาอีอีซี เล็งเห็นถึงความส าคัญของการ พัฒนาพื้นที่ ทั้งทางกายภาพและทางสังคม เพื่อเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองมีความเป็นมาที่แตกต่างจากเขตุควบคุมมลพิษพื้นที่อื่น ๆ อีก ๑๗ พื้นที่ ซึ่งปกติจะประกาศโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เกิดขึ้นจากการที่ภาคประชาชนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองตัดสินให้มีการประกาศเขต ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ด้วยเหตุผลคือผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เกิดในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ คณะตุลาการศาลปกครองระยอง อ่านค าพิพากษาคดี ที่นายเจริญ เดชคุ้ม พร้อมชาวบ้านเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง รวม ๒๗ คน ยื่นฟ้อง คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ฐานละเลยไม่ ประกาศให้พื้นที่ต าบลมาบตาพุด และเทศบาลเมืองมาบตาพุด ตลอดจนพื้นที่ข้างเคียงที่มีปัญหา สิ่งแวดล้อมรุนแรงเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อด าเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษตามพระราชบัญญัติ


๖ ส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งศาลพิเคราะห์ตามหลักฐานเอกสารการรายงาน ของกรมควบคุมมลพิษในการประชุมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๑/๒๕๔๘ และเอกสาร ทางวิชาการอีกหลายรายการ ล้วนระบุว่าปัญหามลพิษในท้องที่มาบตาพุดกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ของประชาชน ศาลจึงรับฟังว่าเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด เป็นพื้นที่มีปัญหามลพิษ มีแนวโน้มร้ายแรง ถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน หรือก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงสมควรที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อด าเนินการควบคุม ลด ขจัดมลพิษ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและครอบคลุมบางต าบลที่อยู่ในเขตอ าเภอเมืองระยอง คือ ต าบลเนินพระ ต าบลมาบข่า ต าบลทับมา ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ คณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีประกาศฉบับที่ ๓๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒) เรื่อง ก าหนดให้พื้นที่เขตต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระ ต าบลทับมา อ าเภอเมือง จังหวัดระยองทั้งต าบล ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยองทั้งต าบล และต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองทั้งต าบล รวมทั้งพื้นที่ทะเลในแนวเขตเป็นเขตควบคุมมลพิษโดยครอบคลุมพื้นที่ ๔๑๗ ตารางกิโลเมตร (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๖๕ ง ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๕๙ บัญญัติว่า ในกรณีที่ปรากฏว่าท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย ของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ(กก.วล.) มีอ านาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อด าเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษได้ การประกาศเขตควบคุมมลพิษจึงเป็นเครื่องมือควบคุม ลด และขจัดมลพิษในเชิงพื้นที่ส าหรับพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษร้ายแรงหรือมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีการก าหนดบทบาทหน้าที่ และขั้นตอนการด าเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ ในเขตควบคุม มลพิษเป็นการเฉพาะเพื่อให้การด าเนินงานประสบผลส าเร็จ เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองแล้ว เจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ต้องด าเนินการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลด และขจัดมลพิษตามมาตรา ๖๐ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ซึ่งหากท้องถิ่นยังไม่มีความพร้อมในการจัดท าแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดก ากับดูแล โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานส่วนกลางรวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ โดยขั้นตอนในการจัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษประกอบด้วย ขั้นตอนที่ ๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประมวลสภาพปัญหามลพิษในพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ขั้นตอนที่ ๒ วิเคราะห์สภาพปัญหาและสถานการณ์มลพิษ ขั้นตอนที่ ๓ ก าหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและสถานการณ์ ภาวะมลพิษ ขั้นตอนที่ ๔ ก าหนดแผนงานและโครงการที่เหมาะสม รวมถึงงบประมาณและหน่วยงานที่รับผิดชอบ


๗ ขั้นตอนที่ ๕ การด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษภายหลังจากจัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษแล้วเสร็จ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการตาม แผนปฏิบัติการฯ จะต้องหางบประมาณส าหรับใช้ด าเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการฯโดยอาจขอจัดสรร งบประมาณตามแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดหรือขอรับการสนับสนุน จากกองทุนสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ในการด าเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการประสานความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ ขั้นตอนที่ ๖ การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อประเมินผลการด าเนินการตาม แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษเมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษและได้ด าเนินการตาม แผนปฏิบัติการได้ระยะหนึ่งแล้วจะต้องมีการติดตามประเมินผลการด าเนินงานโดยการตรวจสอบ คุณภาพสิ่งแวดล้อมของพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์มลพิษหลังจากการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ว่าสามารถลดและขจัดมลพิษได้หรือไม่ หากพบว่าระดับความรุนแรงของปัญหามลพิษยังคงอยู่สูงจะต้อง ทบทวนและปรับปรุงแผนปฏิบัติการฯ ให้สอดคล้องกับปัญหามลพิษของพื้นที่ยิ่งขึ้น และให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องด าเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ที่ได้ปรับปรุงแล้วต่อไป เห็นได้ว่าการประกาศเขตควบคุม มลพิษตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีขั้นตอนการด าเนินงานส าหรับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทส าคัญในทุกขั้นตอนของการประกาศเขตควบคุมมลพิษ รวมถึงการด าเนินการหลังประกาศฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่ ๒ การพิจารณาเบื้องต้นว่าสมควรประกาศ เป็นเขตควบคุมมลพิษหรือไม่ควรมีการก าหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมใดที่จัดว่า มีปัญหาความรุนแรงมากหรือน้อยเพียงใดรวมถึงการพิจารณาระยะเวลาของข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้น ว่ามีความรุนแรงต่อเนื่องยาวนานเท่าใดประกอบด้วย ผ่านไป ๘ ปีหลังจากมีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง จังหวัดระยองได้จัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ จ านวน ๔ แผน และด าเนินการตามแผนดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถ แก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองได้เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบร่างแผนการปฏิรูปประเทศตามที่ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ แผนการปฏิรูปประเทศมี ๑๑ ด้าน ซึ่งด้านที่ ๖ คือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการปฏิรูปที่ ๓ ปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งมีตัวชี้วัดด้านที่ ๖ ก าหนดไว้ว่า“ยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่ส าเร็จ ไม่น้อยกว่า ๓ พื้นที่ ในระยะเวลา ๕ ปี” แผนการปฏิรูปฯ มีสาระส าคัญสรุปได้ดังนี้ ๑) เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์และผลสัมฤทธิ์ ดังนี้ (๑) ปรับปรุงแก้ไขวิกฤติการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมของเขตควบคุมมลพิษ (๒) เพื่อยกเลิกเขตควบคุมมลพิษซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่า ๓ พื้นที่ ในระยะเวลา ๕ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๖๕) (๓) เพื่อก าหนดมาตรการการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในพื้นที่ควบคุมมลพิษแทนการประกาศ เขตควบคุมมลพิษ ๒) ตัวชี้วัด ดังนี้ (๑) ก าหนดแผนงานและระยะเวลาของการประกาศเขตควบคุมมลพิษในแต่ละพื้นที่ให้มีความชัดเจน


๘ (๒) การยกเลิกเขตควบคุมมลพิษซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมส าเร็จ ไม่น้อยกว่า ๓ พื้นที่ ในระยะเวลา ๕ ปี (๓) มาตรการการบริหารจัดการที่ประกอบด้วย โครงสร้างองค์กรเฉพาะ องค์ความรู้ด้านวิชาการ เฉพาะของพื้นที่ มาตรการติดตามตรวจสอบโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการสร้าง มาตรการทดแทนการบังคับใช้เขตควบคุมมลพิษ (๔) มีการออกกฎระเบียบในการเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อการป้องกันและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากผู้ที่ก่อมลพิษ สิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ (๕) มีการออกกฎระเบียบในการเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อการป้องกันและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากผู้ที่ก่อมลพิษ สิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ และก าหนดวิธีการใช้งบประมาณเพื่อให้สามารถน างบประมาณกลับมา ด าเนินการเพื่อลดและขจัดมลพิษในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษนั้นๆ ต่อมาได้มีการด าเนินการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งสอดคล้อง กับข้อเสนอแนะของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นควรให้ความส าคัญกับการคัดเลือกเฉพาะ กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยส าคัญ (Big Rock) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความส าคัญเร่งด่วนและด าเนินการร่วมกันหลายหน่วยงาน สามารถด าเนินการและวัดผล ได้อย่างเป็นรูปธรรมในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ เพื่อบรรจุในแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) เนื่องจากกิจกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เป็นการปฏิรูปที่ชัดเจน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติคัดเลือกกิจกรรม ปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยส าคัญ (Big Rock) หนึ่งใน กิจกรรมปฏิรูปประเทศในกิจกรรมปฏิรูปที่ ๔ ปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขต ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (หรือ “เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด”) โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดของ กิจกรรมปฏิรูปดังต่อไปนี้ ๑) เป้าหมาย (๑) ควบคุม ลด และขจัดมลพิษที่เกินค่ามาตรฐาน (๒) การยกเลิกประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๒) ตัวชี้วัด (๑)คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เป็นไปตามค่าเกณฑ์มาตรฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๒) ออกประกาศยกเลิกเขตควบคุมพิษ จังหวัดระยอง (๓) หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ระยะเวลาด าเนินการรวม ๒ ปี ระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ ๓) ประมาณการวงเงินรวม และแหล่งที่มาของเงิน วงเงินรวมตามที่ก าหนดในแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษส าหรับเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด แหล่งเงิน เงินงบประมาณ และจากกองทุนสิ่งแวดล้อม ๔) ขั้นตอนและวิธีการการด าเนินการปฏิรูป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก ในการท างานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการด าเนินการ ดังนี้ ขั้นตอนที่ ๑ ทบทวนผลจากการปฏิบัติตามมาตรการของเขตควบคุมมลพิษ และจัดล าดับความส าคัญ ของผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษโดยให้มีการทบทวน ปัจจัยอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔)


๙ ขั้นตอนที่ ๒ เพิ่มกลไกในการด าเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัดในการเป็นผู้ก ากับดูแลการด าเนินการ ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา ๖๐ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ โดยการเพิ่มรูปแบบ และวิธีการของการสั่งการต่อเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินแผนงาน เพื่อให้สามารถ ด าเนินการได้อย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๔) ขั้นตอนที่ ๓ เสนอของบประมาณที่เพียงพอส าหรับการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ รวมทั้งการใช้งบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติส่งเสริมและ มาตรา ๖๑) รักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ(๒๕๓๕ .ศ. ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔) ขั้นตอนที่ ๔ ออกกฎระเบียบเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อการป้องกันและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากผู้ที่ก่อมลพิษ สิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ และก าหนดวิธีการใช้งบประมาณที่สามารถกลับมาด าเนินการเพื่อลด และขจัดมลพิษในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษนั้น ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔) ขั้นตอนที่ ๕ ประสานติดตาม และเร่งรัดการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการและมาตรการที่ได้รับ การปรับปรุงแล้วในเขตควบคุมมลพิษ ระยะเวลาด าเนินการ ๒ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕) ขั้นตอนที่ ๖ เสนอร่างประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕) ขั้นตอนที่ ๗ ประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เมื่อด าเนินการแก้ไขปัญหาได้ ส าเร็จตามเกณฑ์ชี้วัดที่ก าหนด ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๕) ขั้นตอนที่ ๘ ก าหนดมาตรการพิเศษทางกฎหมายด้านป้องกันและควบคุมมลพิษ คงไว้ในพื้นที่ แทนประกาศเขตควบคุมมลพิษ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๕) จากแผนการปฏิรูปดังกล่าว จังหวัดระยองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ด าเนินการแก้ไขปัญหา มลพิษที่เกิดขึ้นในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองตามแผนการปฏิรูปประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗๐ บัญญัติให้ วุฒิสภามีหน้าที่และอ านาจติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ด้วยหน้าที่และอ านาจของวุฒิสภาดังกล่าว คณะกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้ด าเนินการติดตาม เร่งรัด รวมทั้งการวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ของการปฏิรูปตั้งแต่เริ่มการปฏิรูป ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จนกระทั่งระยะเวลาของการปฏิรูป สิ้นสุดลง เมื่อ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา จึงได้จัดท ารายงานการพิจารณาศึกษาและจัดท าข้อเสนอแนะการปฏิรูปเรื่อง การปฏิรูประบบการบริหาร จัดการเขตควบคุมมลพิษ “กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” เพื่อเสนอต่อวุฒิสภาและรัฐบาลต่อไป


บทที่ ๓ วิธีการพิจารณาศึกษา การพิจารณาศึกษาเรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ “กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง”ของคณะกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้เริ่มด าเนินการ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีการด าเนินการดังต่อไปนี้ ๓.๑ การศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสารและรายงาน ศึกษารวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากรายงานการศึกษา รายงานวิจัย เอกสารทางราชการ เอกสาร ประกอบการประชุมของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่าง ๆและเอกสารรายงานอื่น ๆ รวมทั้งข้อมูล ทางออนไลน์ (Online Database) และทางเว็บไซต์(Website) ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง และการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๓.๒ การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ให้ข้อมูล ข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ในการพิจารณาศึกษาครั้งนี้ได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อคิดเห็นและตอบ ข้อซักถาม ได้แก่ ๑) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ (๑) นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อ านวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง (๒) นายศักดา ตรีเดช ผู้อ านวยการส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง (๓) นายปิติภัทร ยะปะนัน นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ (๔) นางถวิล วิทูกิจ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ (๕) นายวุฒิไกร บริภารัตน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ ๒) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มปิโตรเคมี) (๑) นายเจริญชัย ประเทืองสุขศรี ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (๒) นางสาวเวฬุกา รัตนวราหะ คณะท างาน (๓) นายวิโรจน์ เลิศสลัก คณะท างาน (๔) นายสุรจิต สถาพรวลัยรัตน์ คณะท างาน (๕) นายภาณุพงศ์ นาคนคร คณะท างาน ๓.๓ การประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม การประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาศึกษาข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและ ปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ “กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” รวมทั้งการจัดท าสรุปปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหา จ านวน ๒๑ ครั้ง


๑๒ ๓.๔ การประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑) การประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๕ วันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ๒) การประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๖ วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ๓.๕ การศึกษาดูงาน คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานเพื่อติดตาม การปฏิรูประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิด การเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยส าคัญ (Big Rock) กิจกรรมที่ ๔ ปฏิรูประบบการบริหารจัดการ เขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ณ เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ ๒๙ – ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา หัวหน้าคณะการศึกษาดูงาน ณ เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ น าเสนอรายงาน ต่อที่ประชุม คณะกรรมาธิการศึกษาดูงาน และรับฟังการบรรยายสรุป “ปัญหามลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” ณ การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง


๑๓ คณะศึกษาดูงานฯ เยี่ยมชมสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ของเทศบาลเมืองมาบตาพุด คณะศึกษาดูงานฯ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์มลพิษ ที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด


๑๔ คณะศึกษาดูงานฯ เยี่ยมชมระบบบ าบัดน้ าเสียชุมชนของเทศบาลเมืองมาบตาพุด คณะศึกษาดูงานฯ เยี่ยมชมพื้นที่ชายทะเลในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ที่เคยได้รับผลกระทบ จากการระบายน้ าเสียจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรมในเขตมาบตาพุด


๑๕ คณะศึกษาดูงานฯ เยี่ยมชมประมงพื้นบ้านในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองที่เคยได้รับผลกระทบ จากการระบายน้้าเสียจากชุมชนและอุตสาหกรรม คณะศึกษาดูงานฯ รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ ณ บริษัท มาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินัล จ้ากัด ๓.๖ การประชุมสัมมนา คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การจัดการสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง”ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องแมจิก ๓ ชั้น ๒ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร


๑๖ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การจัดการสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญส่ง ไข่เกษ ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงาน นายสาธิต เหล่าสุวรรณ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ด าเนินรายการ


๑๗ คณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่ปรึกษาและคณะวิทยากรที่เข้าร่วมสัมมนา คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม คณะวิทยากร และผู้เข้าร่วมสัมมนา


บทที่ ๔ ผลการพิจารณาศึกษา ๔.๑ ความเป็นมาของเขตควบคุมมลพิษ ๔.๑.๑ วัตถุประสงค์ของการประกาศเขตควบคุมมลพิษ๑ การก าหนดให้พื้นที่ใดเป็นเขตควบคุมมลพิษมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท้องถิ่นหรือเขตการ ปกครองในพื้นที่นั้น ๆ มีการจัดการควบคุมและแก้ไขปัญหามลพิษอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการศึกษา และสรรหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุม ลด และขจัดมลพิษในพื้นที่นั้น ๆ และสามารถจะด าเนินการ แก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่ได้ทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการกระจายภาระหน้าที่ในการจัดการมลพิษไปสู่ท้องถิ่น โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถบังคับให้ผู้ที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษต้องปฏิบัติตามมาตรการ ที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ ก าหนดไว้เช่น ๑)ก าหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งก าเนิดมลพิษ ท าการก่อสร้าง ติดตั้งหรือจัดให้มี ระบบบ าบัดน้ าเสียหรือระบบก าจัดของเสีย ๒)ก าหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งก าเนิดมลพิษทุกประเภท ส่งน้ าเสียหรือของเสีย ที่เกิดจากแหล่งก าเนิดมลพิษของตนไปท าการบ าบัดหรือก าจัดโดยระบบบ าบัดน้ าเสียรวมหรือระบบก าจัด ของเสียรวมที่มีอยู่ภายในเขตควบคุมมลพิษหรือเขตท้องที่นั้น และมีหน้าที่ต้องเสียค่าบริการด้วย ๓) ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งก าเนิดมลพิษ น าน้ าเสียหรือของเสียจากแหล่งก าเนิด ของตนไปให้ผู้รับจ้างให้บริการท าการบ าบัดหรือก าจัด ๔)จัดให้มีวิธีการชั่วคราวส าหรับบ าบัดน้ าเสียหรือก าจัดของเสีย จนกว่าจะได้มีการก่อสร้าง ติดตั้ง และเปิดด าเนินงานระบบบ าบัดน้ าเสียรวมหรือระบบก าจัดของเสียรวมในเขตควบคุมมลพิษ หรือเขตท้องที่นั้น นอกจากนี้ยังสามารถท าให้การบริหารจัดการเพื่อควบคุม ลดและขจัดมลพิษเป็นไปได้ อย่างเป็นรูปธรรม มีระเบียบแบบแผน มีขั้นตอนการท างานและงบประมาณที่ชัดเจน เช่น ให้มีการจัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ โดยเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ได้ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ตลอดจนมีมาตรการเวนคืนที่ดินของเอกชนในเขตควบคุมมลพิษ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งระบบบ าบัดน้ าเสียรวม หรือระบบก าจัดของเสียรวม ในกรณีที่ไม่สามารถจัดหาที่ดินของรัฐได้ ๔.๑.๒ การประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ การก าหนดเขตควบคุมมลพิษเป็นอ านาจของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อปรากฏ เหตุตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ คือ ถ้าปรากฏว่าท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มว่าจะร้ายแรงถึงขนาด เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในการประกาศให้พื้นที่ใดเป็นเขตควบคุมมลพิษ จะมีการพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อเศรษฐกิจและสังคมประกอบด้วย จะไม่ประกาศในลักษณะที่เป็นการครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง โดยไม่จ าเป็น และต้องค านึงถึงศักยภาพของท้องที่ที่จะประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษด้วยว่าสามารถ ด าเนินการควบคุม ลด ขจัดมลพิษได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่า เมื่อมีการประกาศเขต ๑ เขตควบคุมมลพิษ - ส านักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ ๑๓ (ชลบุรี), www.mnre.go.th/reo13/th/news/detail/8386, สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔


๒๐ ควบคุมมลพิษแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม หากเห็นได้ชัดว่าท้องที่ไม่มีศักยภาพเพียงพอ ก็ควรใช้มาตรการอื่นเพื่อควบคุม ลดและขจัดมลพิษแทน นอกจากนี้ในพื้นที่ที่ประกาศเขตควบคุมมลพิษยังเป็นการช่วยให้มาตรการป้องกันผลกระทบ ทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมีความเข้มงวดและเอาจริงเอาจังมากขึ้น ทั้งการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลด และขจัดมลพิษ การก าหนดมาตรฐานมลพิษจากแหล่งก าเนิดและมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่เข้มงวดมากขึ้นได้รวมถึงการใช้มาตรการที่จ าเป็นอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ เช่น การก าหนดการใช้ ประโยชน์ในที่ดินเพื่อแก้ปัญหาการหายไปของพื้นที่กันชนและการรุกล้ าของโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไป ในเขตชุมชน มาตรการที่ใช้ด าเนินการในเขตควบคุมมลพิษนั้นแบ่งออกเป็น ๒ มาตรการ คือมาตรการ ด้านกฎหมายและมาตรการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ส าหรับมาตรการด้านกฎหมายนั้น จะต้องก าหนดประเภทของแหล่งก าเนิดมลพิษ ก าหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดในเขต ควบคุมมลพิษ ก าหนดให้มีการติดตั้งหรือจัดให้มีระบบบ าบัดมลพิษของแหล่งก าเนิดมลพิษ รวมทั้งสามารถ จัดส่งมลพิษจากแหล่งก าเนิดมลพิษไปบ าบัด หรือก าจัดในระบบรวมที่ท้องถิ่นจัดสร้างขึ้นและสุดท้าย จะต้องมีการด าเนินการติดตามตรวจสอบเพื่อให้มีการปล่อยทิ้งมลพิษจากแหล่งก าเนิดมลพิษเป็นไปตาม มาตรฐานที่ก าหนดไว้ มาตรการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษนั้นจะต้องจัดให้มีการท าแผน ควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดแผนการจัดหาและให้ได้มาซึ่งที่ดิน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ ที่จ าเป็นส าหรับการก่อสร้าง ติดตั้ง ปรับปรุง ดัดแปลง ซ่อมแซม บ ารุงรักษาและด าเนินการระบบบ าบัด น้ าเสียรวม หรือระบบก าจัดของเสียรวม แผนการจัดเก็บค่าบริการเพื่อการด าเนินการและบ ารุงรักษา ระบบบ าบัดมีแผนการตรวจสอบ ติดตามและควบคุมการปล่อยน้ าเสียและของเสียจากแหล่งก าเนิดมลพิษ และแผนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการ ควบคุมมลพิษ ๔.๑.๓ หลักเกณฑ์และขั้นตอนการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระบุว่าในกรณีที่ปรากฏว่าท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงจนถึงขนาด เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอ านาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขต ควบคุมมลพิษ เพื่อด าเนินการควบคุมลดและขจัดมลพิษได้ การประกาศพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดเป็นเขตควบคุมมลพิษมีหลักเกณฑ์และขั้นตอนด าเนินการ ๖ ขั้นตอน (ดังภาพที่ ๑) ดังนี้


๒๑ ภาพที่ ๑ ขั้นตอนการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ขั้นตอนที่ ๑ การรวบรวมข้อมูลพื้นฐานและสถานการณ์ปัญหามลพิษในพื้นที่ท้องถิ่นที่ประสงค์ จะขอรับการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษต้องมีการรวบรวมข้อมูลแหล่งก าเนิดมลพิษ และสภาพปัญหา มลพิษในท้องที่ เพื่อพิจารณาเบื้องต้นว่าสมควรประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษหรือไม่และเพื่อน าเสนอ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา ข้อมูลที่ควรรวบรวม ประกอบด้วย ๑) ข้อมูลทั่วไป ได้แก่ ข้อมูลสภาพทั่วไปของพื้นที่ ข้อมูลประชากรตามทะเบียนราษฎร ข้อมูลประชากรแฝง ข้อมูลนักท่องเที่ยว ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน ๒) ข้อมูลโรงงาน ที่มีลักษณะกิจกรรมอันอาจก่อให้เกิดปัญหามลพิษ ประกอบด้วย รายชื่อโรงงาน ประเภทกิจการ ที่อยู่โรงงาน ลักษณะปัญหามลพิษของแต่ละโรงงาน จ านวนและรายชื่อโรงงานที่มีปัญหา ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหามลพิษ แผนที่แสดงต าแหน่งที่ตั้งของโรงงาน ทั้งนี้ข้อมูลส่วนใหญ่ท้องถิ่นสามารถ รวบรวมได้เองโดยอาจขอได้ที่ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ๓) ข้อมูลสถานประกอบการ (ที่มิใช่โรงงานอุตสาหกรรม) บางประเภทและบางขนาดที่ต้องถูกควบคุม การระบายน้ าทิ้งจากอาคาร ๔) ข้อมูลยานพาหนะและการจราจร ท้องถิ่นควรรวบรวมข้อมูลยานพาหนะที่ใช้งานในท้องถิ่น เพื่อน ามาเป็นข้อมูลในการประเมินปริมาณมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนที่ปลดปล่อยออกจาก ยานพาหนะที่ใช้งานในท้องถิ่นนั้น ๕) ข้อมูลสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับภาวะมลพิษ ประกอบด้วย จ านวนผู้ป่วยและอัตราป่วย ด้วยโรคที่มีน้ าและอาหารเป็นสื่อ จ านวนผู้ป่วยและอัตราป่วยด้วยโรคที่คาดว่ามีสาเหตุจากมลพิษ ทางอากาศ และสถิติการร้องเรียนเรื่องเหตุร าคาญต่างๆ เช่น กลิ่นเหม็นรบกวน เขม่าควัน และเสียงรบกวน


๒๒ ขั้นตอนที่ ๒ การพิจารณาเบื้องต้นว่าสมควรประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษหรือไม่เมื่อพิจารณา จากข้อมูลพื้นฐานในพื้นที่แล้วพบว่าปัญหามลพิษของพื้นที่มีความรุนแรงให้ศึกษาข้อมูลของพื้นที่ ให้ละเอียดขึ้น โดยให้ท าการศึกษาตัวแปรที่บ่งชี้ภาวะมลพิษแต่ละตัวแปรอย่างละเอียดซึ่งท้องถิ่นอาจขอรับ การสนับสนุนด้านวิชาการจากกรมควบคุมมลพิษได้ ขั้นตอนที่ ๓ การเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาสภาพปัญหาแนวโน้ม ความรุนแรง และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นควรให้ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ให้น าเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) พิจารณาประกาศเป็นเขตควบคุม มลพิษตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ หากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่สมควรประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องด าเนินการแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นโดยใช้ มาตรการทางกฎหมายและอื่น ๆ ที่มีอยู่ต่อไป ขั้นตอนที่ ๔ จัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาประกาศให้ท้องที่ใดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในท้องที่นั้นด าเนินการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษตามมาตรา ๖๐ ต่อไป ซึ่งหากท้องถิ่นยังไม่มีความพร้อมในการจัดท าแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ก ากับดูแลโดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานส่วนกลางรวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ตามมาตรา ๖๓ ได้ โดยขั้นตอนในการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษประกอบด้วย ๑) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประมวลสภาพปัญหามลพิษในพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ๒) วิเคราะห์สภาพปัญหาและสถานการณ์มลพิษ ๓) ก าหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและสถานการณ์ ภาวะมลพิษ ๔) ก าหนดแผนงานและโครงการที่เหมาะสม รวมถึงงบประมาณและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ขั้นตอนที่ ๕ การด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษภายหลังจากจัดท า แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษแล้วเสร็จ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการตามแผนปฏิบัติการฯ จะต้องหางบประมาณ ส าหรับใช้ด าเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการฯ โดยอาจขอจัดสรรงบประมาณตามแผนปฏิบัติการ เพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดหรือขอรับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ในการ ด าเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการประสานความร่วมมือ ระหว่างกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ ขั้นตอนที่ ๖ การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อประเมินผลการด าเนินการตาม แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ เมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษและได้ด าเนินการตามแผนปฏิบัติการได้ระยะหนึ่งแล้ว จะต้องมีการติดตามประเมินผลการด าเนินงานโดยการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์มลพิษหลังจากการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการฯว่าสามารถลดและขจัดมลพิษ ได้หรือไม่ หากพบว่าระดับความรุนแรงของปัญหามลพิษยังคงอยู่สูงจะต้องทบทวนและปรับปรุง แผนปฏิบัติการฯ ให้สอดคล้องกับปัญหามลพิษของพื้นที่ยิ่งขึ้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการ


๒๓ ตามแผนปฏิบัติการฯ ที่ได้ปรับปรุงแล้วต่อไป เห็นได้ว่า การประกาศเขตควบคุมมลพิษตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีขั้นตอนการด าเนินงาน ส าหรับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติโดยองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นมีบทบาทส าคัญในทุกขั้นตอนของการประกาศเขตควบคุมมลพิษรวมถึงการด าเนินการ หลังประกาศฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่ ๒ การพิจารณาเบื้องต้นว่าสมควรประกาศเป็นเขตควบคุม มลพิษหรือไม่ควรมีการก าหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมใดที่จัดว่ามีปัญหาความ รุนแรงมากหรือน้อยเพียงใด รวมถึงการพิจารณาระยะเวลาของข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้นว่ามีความ รุนแรงต่อเนื่องยาวนานเท่าใดประกอบด้วย ๔.๑.๔ พื้นที่ที่มีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ๒ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมา คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ประกาศเขต ควบคุมมลพิษแล้วจ านวน ๑๐ ฉบับ คลอบคลุม ๑๘ พื้นที่ ๑๓ จังหวัด ได้แก่ ๑) เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ๒) จังหวัดภูเก็ต ๓) อ าเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ๔)อ าเภอเมือง จังหวัดสงขลา ๕) หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ๖) จังหวัดสมุทรปราการ ๗) อ าเภอท่ายาง อ าเภอชะอ า อ าเภอบ้านแหลม อ าเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี อ าเภอหัวหิน และอ าเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๘) จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครปฐม ๙) ต าบลหน้าพระลาน อ าเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๑๐) ต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระ ต าบลทับมา อ าเภอเมืองต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา และต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ๔.๒ เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๔.๒.๑ การประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ ตุลาการศาลปกครองระยองได้อ่านค าพิพากษาคดีหมายเลขด า ที่ ๑๙๒/๒๕๕๐๓ ระหว่างนายเจริญ เดชคุ้มกับพวกรวม ๒๗ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(ผู้ถูกฟ้องคดี) ซึ่งในค าฟ้อง ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าการด าเนินการของนิคมอุตสาหกรรม ๒ เขตควบคุมมลพิษ, https://reo13.mnre.go.th/th/news/detail/8386, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ ๓ ข่าวศาลปกครอง Administrative Court News ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๒,https://admincourt.go.th/ admincourt/upload/webcms/Oldnews/attach/news_attach/2009/03/press04032552.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔


ในเขตเทศบาลมาบตาพุดได้ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและต่อสุขอนามัยของประชาชนในพื้นที่ มาบตาพุดอย่างรุนแรงจนท าให้ประชาชนในท้องถิ่นเจ็บป่วยเป็นจ านวนมากแต่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติละเลยมิได้ประกาศก าหนดให้พื้นที่ต าบลมาบตาพุดและเทศบาลเมืองมาบตาพุดตลอดจนพื้นที่ ข้างเคียงที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมร้ายแรง เป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อด าเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติไว้ “ศาลจึงมี ค าพิพากษาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติผู้ถูกฟ้องคดีประกาศให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ทั้งหมด รวมทั้งต าบลเนินพระ ต าบลมาบข่า และต าบลทับมา อ าเภอเมืองระยองทั้งต าบล ตลอดจน ท้องที่ต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉางทั้งต าบล เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อด าเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ให้ด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่ วันที่ศาลมีค าพิพากษา” โดยที่การประกาศเขตควบคุมมลพิษเป็นมาตรการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ไขและลด ผลกระทบจากมลพิษในเขตพื้นที่ ด้วยการใช้มาตรการพิเศษเพื่อควบคุม ลด และขจัดมลพิษจาก แหล่งก าเนิดรวมถึงมลพิษที่ตกค้างสะสมในสภาพแวดล้อมให้อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพ ชีวิตของประชาชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นการประกาศเขตควบคุมมลพิษเพื่อป้องกัน ล่วงหน้าเพื่อมิให้เกิดผลกระทบในภายหลัง ๔.๒.๒ ที่ตั้ง ขอบเขต เขตการปกครองของ “เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ขอบเขต พื้นที่ของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย เขตท้องที่ต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระและต าบลทับมา อ าเภอเมือง จังหวัดระยองทั้งต าบล ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ทั้งต าบลและต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองทั้งต าบล รวมทั้งทะเล ภายในแนวเขต คิดเป็นพื้นที่รวม ๔๑๗.๐๕๗ ตารางกิโลเมตร (ดังภาพที่ ๒ และ ๓) ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๒ (พ.ศ.๒๕๕๒) เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๒ และประกาศลงใน ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๖๕ ง หน้า ๙๙ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เพื่อให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในท้องถิ่นที่ได้ประกาศก าหนดเป็นเขตควบคุมมลพิษจัดท าแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง อยู่ในเขตพื้นที่เทศบาล ๘ แห่ง มีชุมชนในพื้นที่ กว่า ๖๕ ชุมชน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีประชากรตามทะเบียนราษฎร์รวมทั้งสิ้นขณะนั้น ๑๑๖,๔๕๓ คน ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ประชากรตามทะเบียนราษฎร์รวมทั้งสิ้น ๑๗๘,๘๖๙ คน นอกจากมีประชากรแฝง ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อท างานในภาคแรงงานอุตสาหกรรมปีประมาณ ๑๔,๐๐๐ คน และแนวโน้ม ของประชากรจะเพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม เพราะเกิดจากการอพยพเข้ามา ในแรงงานภาคอุตสาหกรรมและการบริการ๔ ๔ ร า ยง า น ฉ บั บ ส ม บู ร ณ์ – ส า นั กง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ข อง ร า ช ก า ร, www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER3/DRAWER083/GENERAL/DATA0001/00001779.PDF, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๔


๒๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ จังหวัดระยองมีประชากรประมาณ ๗๒๓,๓๑๖ คน และมีประชากร แฝงประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ คนเป็นร้อยละ ๘๓ ของประชากร โดยสรุป ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ประชากรตาม ทะเบียนราษฎร์ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองมีประชากรรวมทั้งสิ้น ๑๗๘,๘๖๙ คน และมีประชากรแฝงประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน๕ ภาพที่ ๒ แผนที่แสดงที่ตั้งของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ที่มา : กรมควบคุมมลพิษ, ๒๕๕๒ ภาพที่ ๓ ขอบเขตพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ที่มา : ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, ๒๕๕๒ ๕ สรุปรายงานผลการด าเนินงาน โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๔


๒๖ ๔.๒.๓ ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัดระยอง๖ ๔.๒.๓.๑ เขตการปกครอง จังหวัดระยอง แบ่งการปกครองเป็น ๘ อ าเภอ ได้แก่ อ าเภอเมืองระยอง อ าเภอแกลง อ าเภอบ้านค่าย อ าเภอปลวกแดง อ าเภอบ้านฉาง อ าเภอวังจันทร์ อ าเภอเขาชะเมา อ าเภอนิคมพัฒนา ประกอบด้วย ๕๔ ต าบล ๔๓๙ หมู่บ้าน ๑๘๑ ชุมชน การปกครองท้องถิ่น ประกอบด้วยองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ๑ แห่ง เทศบาลนคร ๑ แห่ง เทศบาลเมือง ๒ แห่ง เทศบาลต าบล ๒๗ แห่ง และองค์การ บริหารส่วนต าบล ๓๗ แห่ง - อ าเภอเมืองระยอง ตั้งอยู่ทางตอนกลาง ค่อนไปทางทิศตะวันตกของจังหวัด แบ่งพื้นที่ การปกครองออกเป็น ๑๕ ต าบล ๘๔ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๕ แห่ง - อ าเภอบ้านฉาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น ๓ ต าบล ๒๐ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๕ แห่ง - อ าเภอแกลง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น ๑๕ ต าบล ๑๔๗ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๗ แห่ง -อ าเภอบ้านค่าย ตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของจังหวัดแบ่งพื้นที่การปกครอง ออกเป็น ๗ ต าบล ๖๖ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๘ แห่ง - อ าเภอปลวกแดง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด แบ่งพื้นที่การปกครอง ออกเป็น ๖ ต าบล ๓๔ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๘ แห่ง - อ าเภอวังจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น ๔ ต าบล ๒๙ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๕ แห่ง - อ าเภอนิคมพัฒนา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด แบ่งเขตการปกครองย่อย ออกเป็น ๔ ต าบล ๓๐ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๕ แห่ง - อ าเภอเขาชะเมา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด แบ่งเขตการปกครอง ย่อยออกเป็น ๔ ต าบล ๒๙ หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๔ แห่ง ๔.๒.๓.๒ ประชากร จากข้อมูลส านักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๖๕ จังหวัดระยองมีประชากรทั้งหมด ๗๕๙,๓๘๖ คน แบ่งเป็น ประชากรชาย จ านวน ๓๗๒,๘๖๓ คน และประชากรหญิง จ านวน ๓๘๖,๕๒๓ คน ๔.๒.๓.๓ สภาพทางเศรษฐกิจ จังหวัดระยอง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีรายได้ ประชากรต่อหัวสูงที่สุดของประเทศ และผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดอยู่ในอันดับ ๒ ของประเทศเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายและเป็นเมืองที่มีความส าคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเกษตรกรรมภาพรวมจากข้อมูลของส านักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ณ ราคาประจ าปีพบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม ของจังหวัดปี ๒๕๖๓ มีมูลค่า ๘๕๗,๑๙๑ ล้านบาท โดยมาจากภาคเกษตรกรรม ๒๘,๑๖๔ ล้านบาท ๖ ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัดระยอง ข้อมูลด้านการเกษตรของจังหวัด, www.opsmoac.go.th/rayong-dwlfiles-421091791044, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๒๗ คิดเป็นร้อยละ ๓.๓ ภาคอุตสาหกรรม มีมูลค่า ๖๖๗,๙๒๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๙ ภาคบริการ มีมูลค่า ๑๖๑,๑๐๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๘ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์เฉลี่ยต่อหัวประชากรเท่ากับ ๘๓๑,๗๓๔ บาท/คน/ปี ๔.๒.๓.๔ การอุตสาหกรรม ปัจจุบันพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมหลักของ ประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลังงาน และยานยนต์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมคิดเป็นสัดส่วน ๑ ใน ๕ ของประเทศ ประกอบกับมีความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางถนน รถไฟ ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือของอาเซียน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังท่าเรือ น้ าลึกทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ท่าเรือสีหนุวิลล์ของราชอาณาจักรกัมพูชา และท่าเรือ วังเตาของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งเป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วโลก ปีพ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐบาล จึงได้เริ่มโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นน าของอาเซียน เพื่อส่งเสริม ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ซึ่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ปัจจุบันประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรม ๕ แห่ง (ดังภาพที่ ๔) ได้แก่ ภาพที่ ๔ แผนที่แสดงที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (๑) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรืออุตสาหกรรม ตั้งอยู่เลขที่ ๑ ถนนไอหนึ่ง ต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง มีพื้นที่ประมาณ ๑๓,๑๓๐ ไร่ เพื่อรองรับความต้องการ ด้านที่พักอาศัยของแรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่บางส่วนในเขตพื้นที่ชุมชน เมืองใหม่ เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจเพื่อจัดตั้งไว้อ านวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ และผู้อยู่อาศัยในนิคมอุตสาหกรรม เช่น ส านักงานเทศบาลเมืองมาบตาพุด สถานีต ารวจ ส านักงาน ตรวจคนเข้าเมือง การสื่อสาร เป็นต้น


๒๘ ประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัจจุบันมีจ านวนโรงงานที่อยู่ภายในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด ๑๒๖ แห่ง ประกอบด้วย - กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี - กลุ่มอุตสาหกรรมปุ๋ยและผลิตภัณฑ์เคมี - กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก - กลุ่มอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า ก๊าซ - กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ ามัน ท่าเรืออุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ มีท่าเทียบเรือจ านวน ๑๓ แห่ง ประกอบด้วย - ท่าเรือสาธารณะ (Public Berths) มีจ านวน ๓ แห่ง ประกอบด้วย - ท่าเทียบเรือทั่วไป ได้แก่ บริษัท ไทยพรอสเพอริตีเทอมินอล จ ากัด (TPT) - ท่าเทียบเรือสินค้าเหลว ได้แก่ บริษัท ไทยแท้งค์เทอมินัล จ ากัด (TTT) - ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป ได้แก่ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (MIT) ท่าเรือเฉพาะกิจ (Dedicated Berths) มีจ านวน ๑๐ แห่ง ได้แก่ - บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จ ากัด National Fertilizer Co., Ltd (NFC) ประเภทกิจการขายปุ๋ยเคมี ขายแอมโมเนีย/กรดซัลฟูริค/ยิปซั่ม ให้บริการคลังเก็บสินค้า - บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จ ากัด (มหาชน) (SPRC) ประเภทกิจการกลั่นน้ ามันปิโตรเลียม - บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) (PTTGC) ประเภทกิจการท่าเทียบเรือรับส่งน้ ามันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม - บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จ ากัด (MTT) ประเภทกิจการท่าเทียบเรือและคลังสินค้า สารปิโตรเคมี - บริษัท โกลว์ เอสพีพี ๓ จ ากัด (GLOW SPP3) ประเภทกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าไอน้ าเพื่อการอุตสาหกรรม - บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จ ากัด (BLCP) ประเภทกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหิน - บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จ ากัด (PTT LNG) ประเภทกิจการท่าเทียบเรือและสถานีรับ - จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) - บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จ ากัด (PTT TANK) ประเภทกิจการท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์เหลว - บริษัท ระยองเทอร์มินัล จ ากัด (RTC) ประเภทกิจการท่าเทียบเรือและคลังสินค้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี - ท่าเทียบเรือประมงจังหวัดระยอง ๕ ประเภทกิจการท่าเทียบเรือเพื่อการประมง (๒) นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) มีพื้นที่โดยประมาณ ๓,๗๔๑ ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นประเภทอุตสาหกรรมต่อเนื่องทางด้านปิโตรเคมีเป็นหลัก ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจ านวน ๘๓ แห่ง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่


๒๙ - อุตสาหกรรมปิโตรเคมี - อุตสาหกรรมผลิตเหล็กในขั้นกลางและขั้นปลาย -อุตสาหกรรมผลิต ประกอบด้วย ดัดแปลง ซ่อมแซมแผงวงจรและชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ - อุตสาหกรรมที่ท าหน้าที่ส่งเสริมการผลิต (๓) นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย มีพื้นที่โดยประมาณ ๓,๒๒๐ ไร่ ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเขตเทศบาล เมืองมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บริเวณใกล้เคียงประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม ๓ แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมผาแดงและนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ตะวันออก (มาบตาพุด) ในพื้นที่โครงการมีคลองส าคัญ ๆ ไหลผ่าน ได้แก่ คลองบางกระพรุนซึ่งไหลเลียบแนวเขต พื้นที่โครงการด้านตะวันออกของพื้นที่โครงการคลองสองอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของโครงการไหลลงสู่ ทะเลบริเวณบ้านน้ าตก และคลองสามจะไหลไปรวมคลองบางกระพรุนบริเวณบ้านส านักมะม่วงและไหล ลงสู่ทะเลบริเวณบ้านหนองแฟบซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชียลงไปประมาณ ๓.๕ กิโลเมตร โรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ปัจจุบันมีอยู่ ๒๒ แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงาน ประเภทผลิตพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (๔) นิคมอุตสาหกรรมผาแดง มีพื้นที่โครงการทั้งหมด ๕๔๐ ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในเขตต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีโครงการตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมผาแดง จ านวน ๖ แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงาน ประเภทผลิตพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (๕) นิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือถนนสุขุมวิท หรือฝั่งทิศตะวันออกของถนนสาย ๓๑๙๑ มีพื้นที่ โดยประมาณ ๑,๗๓๖ ไร่ มีการวางแนวทางขนส่งผลิตภัณฑ์ระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดกับนิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล มีโรงงานกลุ่มปิโตรเคมี ๓๐ โรงงาน นอกจากโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีโรงงานนอกนิคมอุตสาหกรรม ในเขตต าบลมาบตาพุดและห้วยโป่ง อีกจ านวนมาก กระจายอยู่รอบ ๆ พื้นที่ รวม ๔๔๐ แห่ง (ส านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง, ๒๕๖๓) (ดังภาพที่ ๕)


๓๐ ภาพที่ ๕ แสดงการกระจายตัวของโรงงานนอกนิคมอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ๔.๒.๔ ข้อมูลพื้นฐานของเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง อยู่ในพื้นที่เขตการปกครองทั้งหมด ๖ ต าบล (ภาพที่ ๖) ในเขต ๓ อ าเภอ ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)จ านวน ๘ แห่ง มีประชากร ตามทะเบียนราษฎร์รวมทั้งสิ้น ๑๗๘,๘๖๙ คน (อปท. ในเขตควบคุมมลพิษ, ๒๕๖๕) ดังแสดงในตารางที่ ๑ (๑) ต าบลมาบตาพุด : เทศบาลเมือง (ทม.) มาบตาพุด (๒) ต าบลห้วยโป่ง : ทม.มาบตาพุด (๓) ต าบลเนินพระ : ทม.มาบตาพุด เทศบาลต าบล (ทต.) เนินพระ ทต.ทับมา และ ทน.ระยอง (๔) ต าบลทับมา : ทม.มาบตาพุด ทต.ทับมา (๕) ต าบลมาบข่า : ทม.มาบตาพุด ทต.มาบข่า ทต.มาบข่าพัฒนา (๖) ต าบลบ้านฉาง : ทม.บ้านฉาง ทต.บ้านฉาง


๓๑ ภาพที่ ๖ แผนที่แสดงขอบเขตต าบล และ อปท. ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง หมายเหตุ : อักษรสีแดงแทนชื่อต าบล อักษรสีด าแทนชื่อ อปท. ตารางที่ ๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองและจ านวนประชากร ๔.๒.๕ โรงงานอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง มีนิคมอุตสาหกรรมรวม ๕ นิคมอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ในพื้นที่ ของต าบลต่าง ๆ ของเขตควบคุมมลพิษระยอง โดยมีโรงงานอุตสาหกรรม จ านวน ๖๐๗ โรงงาน ตั้งอยู่ใน นิคมอุตสาหกรรมจ านวน ๑๖๙ โรงงาน และตั้งอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรม จ านวน ๔๔๘ โรงงาน (ตารางที่ ๒) โดยนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งมีพื้นที่ขนาดต่าง ๆ (ตารางที่ ๓)


๓๒ ตารางที่ ๒ จ านวนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ และนอกนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ตารางที่ ๓ ขนาดพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง๗ โดยที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองได้รับการรับรอง ระบบบริหารงานระดับสากลและระดับประเทศ ดังตารางที่ ๔ ๗ รายงานฉบับสมบูรณ์, ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, การประเมินความเสี่ยงในการรับสัมผัสสารอินทรีย์อันตรายอุบัติใหม่ของประชาชนจากแหล่งน้ าส าหรับอุปโภค บริโภค บริเวณพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (กรุงเทพฯ : ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, ๒๕๖๒)


๓๓ ตารางที่ ๔ จ านวนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานระดับสากลและระดับประเทศ ๔.๒.๖ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด๘ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดและมีจ านวนโรงงานมากที่สุด สถานที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ - หนึ่ง ต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นนิคมที่พัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ภายใต้การบริหารและก ากับดูแล ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นที่ดินจัดสรรไว้ส าหรับโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปอยู่ รวมกันอย่างเป็นสัดส่วน ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภค โดยตั้งอยู่เลขที่ ๑ ถนนไอ-หนึ่ง ต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมือง จังหวัดระยอง สามารถเข้าสู่พื้นที่โครงการ โดยใช้ทางหลวง หมายเลข ๓ จากกรุงเทพและใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๖, ๓๑๙๑ และ ๓๓๙๒ ตามล าดับ มีระยะทาง ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๑๙๐ กิโลเมตร ๔.๒.๖.๑ รายละเอียดโครงการ - ลักษณะโครงการ ที่ตั้ง และขอบเขตขอบเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (๑) การใช้ประโยชน์ที่ดิน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีการจัดสรรการใช้พื้นที่รวมทั้งหมด ๙,๘๔๕ ไร่ สามารถแบ่งประเภทการใช้ประโยชน์พื้นที่ (ดังภาพที่ ๗ และภาพที่ ๘) ดังนี้ - เขตอุตสาหกรรมทั่วไป จ านวนรวม ๗,๖๗๐ ไร่ - เขตธุรกิจอุตสาหกรรม จ านวนรวม ๒,๐๒๘ ไร่ - พื้นที่อื่น ๆ จ านวนรวม ๑๔๗ ไร่ ๘บทที่ ๓ - EIA นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด,http://eia.onep.go.th/images/monitor/1580388414.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๓๔ ภาพที่ ๗ ที่ตั้งและขอบเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรือ ภาพที่ ๘ ผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด๙ ๙ ผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๒๐ เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๘๒ ง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๔), ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๖.


๓๕ ปัจจุบันการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้พัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ซึ่งเป็นการด าเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยน าพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมาด าเนินการพัฒนา โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงกันพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดตามประกาศข้างต้น ออกจ านวนเนื้อที่ประมาณ ๑,๓๘๓ ไร่ ๓ งาน ๐๔ ตารางวา เพื่อน าไปประกาศจัดตั้งเป็นเขต นิคมอุตสาหกรรม Smart Park การใช้พื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ ดังตารางที่ ๕ ตารางที่ ๕ สัดส่วนการใช้พื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (๒) ระบบสาธารณูปโภคของโครงการ - ระบบประปา : ระบบประปาในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรับน้ าดิบ จากอ่างเก็บน้ าดอกกราย ความจุ ๗๒ ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ าหนองปลาไหล ความจุ ๑๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร มีความสามารถในการผลิตน้ าประปา ๑๕,๓๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน ใช้ระบบ กรองเร็ว แรงดันน้ า ๓ – ๔ บาร์ ปัจจุบันนิคมฯ รับน้ าดิบปริมาณ ๖ ล้านลูกบาศก์เมตร/เดือน และมีปริมาณการใช้น้ าประปาปริมาณ ๕,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน (ข้อมูลระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๒) - ระบบไฟฟ้า : ระบบไฟฟ้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้รับจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาบตาพุด และโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ านวน ๖ แห่ง ซึ่งปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ ๑,๒๐๐ เมกะวัตต์ แรงดันไฟฟ้า ๑๑๕ และ ๒๒๐ กิโลวัตต์ - การจัดการขยะมูลฝอยและกากอุตสาหกรรม : ทุกโรงงานภายใน นิคมอุตสาหกรรมต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนน ากากอุตสาหกรรมออกนอกโรงงาน - ขยะมูลฝอย : ขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากโรงงานในพื้นที่นิคมฯ เทศบาลเมือง มาบตาพุดจะเข้ามาด าเนินการเก็บขนเพื่อน าไปก าจัดตามเทศบัญญัติ - ขยะอุตสาหกรรมหรือกากอุตสาหกรรม และกากอุตสาหกรรมที่เป็น อันตราย : กากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นโรงงานในพื้นที่นิคมฯ จะน าไปก าจัดตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่องการก าจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยโรงงานต้องเก็บรวบรวมใบก ากับ (Manifest form) และรายงานประจ าปีให้แก่ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมภายในวันที่ ๑ มีนาคมของปีถัดไป


๓๖ ตามประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๗๙/๒๕๕๔ เรื่อง วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการ กากอุตสาหกรรม มูลฝอยและสิ่งปฏิกูลที่เกิดขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม - ระบบบ าบัดน้ าเสีย : นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประกอบด้วยโรงงาน อุตสาหกรรมหลายประเภท ซึ่งทางนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้จัดสร้างระบบบ าบัดน้ าเสียส่วนกลาง ๑ แห่ง เป็นระบบ Activated Sludge ขนาดพื้นที่๑๓ – ๓ – ๒๖.๑๖ ไร่ สามารถรองรับน้ าเสียได้ ๔,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน รับผิดชอบดูแลโดยบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จ ากัด (GUSCO) ปัจจุบันมีน้ าเสียเข้าระบบบ าบัดน้ าเสียส่วนกลาง เฉลี่ยประมาณ ๒,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน โดยมีโรงงานที่ส่งน้ าเสียเข้าระบบบ าบัดส่วนกลางของนิคมฯ จ านวน ๘ โรงงาน ได้แก่ Siam Tinplate Co., Ltd., Thai Scandic Steel Co., Ltd., SRF Technical Textiles (Thailand) Ltd., Nova Steel Industries Co., Ltd., Thai Wire Products Co., Ltd., GENCO Co., Ltd., HMC Polymer Co., Ltd. และ Doosan Heavy Industries & Construction Co., Ltd. มีสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ าอัตโนมัติ ที่ต้นคลองและปลายคลองระบายน้ าก่อนออกสู่ทะเล และส่งข้อมูลที่ตรวจวัดได้มายังศูนย์เฝ้าระวัง และควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยระบบออนไลน์ตลอดเวลา (๓) ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ท าหน้าที่ติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมสั่งการเพื่อจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ในภาพรวม สร้างความเชื่อมั่นต่อชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันศูนย์เฝ้าระวังและควบคุม คุณภาพสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ๓๐ ระบบ โดยแบ่งออกเป็น ๕ ด้าน ดังนี้ - ด้านอากาศ ๑) ระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศจากปล่องแบบต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring System : CEMs) จ านวน ๑ ระบบ ๒) ระบบตรวจวัดข้อมูลอุตุนิยมวิทยาระดับสูง (Sonic Detection and Ranging and Radio Acoustic Sounding System : SODAR/RASS) จ านวน ๑ ระบบ ๓) สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศ (Air Quality Monitoring System : AQMs) จ านวน ๔ สถานี ๔) ระบบตรวจวัดข้อมูลสาร VOCs (VOCs install Fixed Station) จ านวน ๔ สถานี ๕) ระบบตรวจวัดข้อมูลคุณภาพอากาศแนวขอบพื้นที่ (Fence Line Monitoring) จ านวน ๓ สถานี ๖) ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ (Mobile Unit) จ านวน ๑ ระบบ ๗) เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบพกพา จ านวน ๑ ระบบ ๘) ระบบเครือข่ายจมูกอิเล็กทรอนิกส์ (e-Nose) จ านวน ๓๔ เครื่อง - ด้านน้ า ๑) สถานีตรวจวัดคุณภาพน้ าต้นคลองและปลายคลอง (Water Quality Monitoring System : WQMS) จ านวน ๒ สถานี ๒) ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพน้ าทิ้งอุตสาหกรรม ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) (Online Pollution Management System : OPMS) จ านวน ๑ ระบบ


๓๗ - ด้านฐานข้อมูล/การเชื่อมโยง ๑) ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) จ านวน ๑ ระบบ ๒) ระบบฐานข้อมูลการตรวจวัดข้อมูลสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs Database) จ านวน ๑ ระบบ ๓) ระบบฐานข้อมูลอัตราการระบายมลสารทางอากาศ (Air Model) จ านวน ๑ ระบบ ๔) ระบบประมวลผลในการบริหารจัดการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม (PI System) จ านวน ๑ ระบบ ๕) ระบบฐานข้อมูลและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง (Database’s Entrepreneur in Maptaphut Complex) จ านวน ๑ ระบบ - ด้านสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ ๑) ระบบแสดงผลคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Display Station) จ านวน ๑ ระบบ ๒) ศูนย์กระจายข่าวด่วน จ านวน ๓๐ สถานี ๓) รถพร้อมอุปกรณ์แสดงภาพ จ านวน ๑ คัน ๔) ระบบป้ายธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม (Display Board) จ านวน ๒ สถานี ๕) รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่เร็ว จ านวน ๓ คัน ๖) Smart Application จ านวน ๑ ระบบ - ด้านความปลอดภัย ๑) การบริหารจัดการความปลอดภัย ความมั่นคงกรณีภาวะฉุกเฉินและภาวะวิกฤต (Safety Security Emergency and Crisis Management) ๒) ระบบเครือข่ายความปลอดภัยด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV ๓๑๔ จุด) จ านวน ๑ ระบบ ๓) ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดระยะไกล (CCTV ๑ จุด) จ านวน ๑ ระบบ ๔) ระบบเชื่อมต่อระบบติดตามเฝ้าระวังของโรงงานเพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน แบบทันที (Online Emergency Response System) จ านวน ๑ ระบบ ๕) โครงการจุดตรวจความปลอดภัยและความมั่นคง (Check Post) จ านวน ๑ ระบบ ๖) รถสนับสนุนภารกิจบรรเทาสาธารณภัย (Eco Ranger l) จ านวน ๑ คัน ๗) ระบบวิทยุสื่อสาร (Truck Radio System) จ านวน ๑ ระบบ ๘) ชุดผจญเพลิงพร้อมเครื่องช่วยหายใจ (SCBA) จ านวน ๑ งาน - ระบบประมวลผลอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ และระบบสนับสนุน มีรายละเอียด ดังนี้ คอมพิวเตอร์ (แม่ข่าย ลูกข่าย) เครื่องส ารองไฟฟ้า จอแสดงภาพ เครื่องพิมพ์ ระบบโทรศัพท์ และอื่น ๆ ภายในศูนย์ EMCC ๑) ดูแล บ ารุงรักษา อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของระบบประมวลผลและระบบ สนับสนุนให้ท างานได้อย่างต่อเนื่องที่ก าหนดในรายการที่ ๑ ๒) แก้ไขปัญหาเบื้องต้น หากเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ไม่สามารถด าเนินการได้ พร้อมรายงานต่อกรรมการตรวจรับพัสดุภายใน ๓ วัน นับจากวันที่อุปกรณ์ ช ารุดเสียหาย


๓๘ ๓) ดูแลระบบเชื่อมโยงเครือข่าย ระบบรับ - ส่งข้อมูล ให้สามารถใช้งานได้ อย่างต่อเนื่อง ๔) ด าเนินการซ่อมแซมบ ารุงรักษา เครื่องมือและอุปกรณ์ โดยผู้รับจ้าง เป็นผู้รับภาระค่าแรงงาน - การติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดเฝ้าระวังคุณภาพด้านอากาศ : นิคมฯ มีการจัดซื้อ ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจวัดสาร VOCs ในบรรยากาศ แบบติดตั้ง (Fixed Station) อุปกรณ์ตรวจวัดสาร VOCs และสารเคมีในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ พร้อมอุปกรณ์รถเคลื่อนที่ส าหรับตรวจวัดสาร VOCs และสารเคมีในบรรยากาศ (Mobile Car) ระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศตามแนวขอบพื้นที่ (Fence Line Monitoring) รวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องการเฝ้าระวัง - นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในบรรยากาศ แบบอัตโนมัติ ๔ สถานี รอบนิคมอุตสาหกรรม ครอบคลุมทุกทิศทาง มีสถานีตรวจวัด คุณภาพน้ า อัตโนมัติบริเวณปลาย คลองระบายน้ ารวมก่อนปล่อยออกสู่ทะเล และมีระบบตรวจอากาศจากปล่อง ระบายอากาศของโรงงาน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งมายัง “ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม” ณ ส านักงานนิคมฯ เพื่อเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง - นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลสิ่งแวดล้อมทุกโรงงานและสภาพแวดล้อม (Environment Database Management System) -ระบบ Hot - line หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๘-๖๘๓ ๙๓๓, โทรสาร ๐๓๓-๐๔๗ ๐๔๑, ๐๓๓-๐๔๗ ๐๔๒, ๐๓๘-๖๘๓ ๙๔๑ ส าหรับแจ้งเตือนเหตุเดือดร้อน อุบัติเหตุ อุบัติภัย ณ ศูนย์รับแจ้งเหตุ และประสานงาน ๒๔ ชั่วโมง การเตรียมความพร้อมในภาวะฉุกเฉิน -ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) ได้ให้ความส าคัญ ในเรื่องการเตรียม ความพร้อมในภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดการเตรียมพร้อมในกรณีที่อาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุดตะวันออก ผาแดง และโรงงานใกล้เคียง จึงได้ด าเนินการจัดท าแผนการเตรียมความพร้อม ในภาวะฉุกเฉิน ๔.๒.๖.๒ ประเภทอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีหน้าที่ หลักในการจัดสรรที่ดินพร้อมระบบสาธารณูปโภค เช่น ถนน ทางระบายน้ า ระบบบ าบัดน้ าเสีย ระบบไฟฟ้าและระบบประปาให้โรงงานอุตสาหกรรมภายในพื้นที่นิคมฯ นอกจากนั้นยังมีหน้าที่สนับสนุน ให้สิทธิประโยชน์จัดสิ่งอ านวยความสะดวก และบริการต่าง ๆ แก่นักลงทุนอุตสาหกรรม โดยปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีจ านวนสถานประกอบการในพื้นที่ทั้งสิ้น ๖๔ โรงงาน สามารถจัดกลุ่ม ประเภทอุตสาหกรรมได้ ๕ ประเภท๑๐ ได้แก่ ๑) กลุ่มโรงกลั่นน้ ามันและผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม จ านวน ๗ โรงงาน ๒) กลุ่มโรงงานผลิตโลหะมูลฐานและผลิตภัณฑ์โลหะ จ านวน ๘ โรงงาน ๓) กลุ่มโรงงานเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เคมีและพลาสติก จ านวน ๔๒ โรงงาน ๑๐ รายงานการศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) การจัดตั้ง, https://www.eeco.or.th/webupload/file center/html/establishment/Feasibility/013.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๓๙ ๔) อุตสาหกรรมการให้บริการและสาธารณูปโภค จ านวน ๕ โรงงาน ๕) ประกอบกิจการอื่น ๆ จ านวน ๒ โรงงาน องค์ประกอบการใช้พื้นที่เกี่ยวข้อง องค์ประกอบการใช้พื้นบริเวณเขต ควบคุมมลพิษที่มี ๒ ส่วน คือ ๑) โครงสร้างพื้นฐาน : งานขุดลอกและถมทะเลพื้นที่ ๑,๐๐๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างท่าเรือสินค้าเหลวและก๊าซธรรมชาติและพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมด้านพลังงาน แบ่งเป็น พื้นที่ถมทะเลหลังท่าเรือ เพื่อใช้งาน ๕๕๐ ไร่ และพื้นที่บ่อเก็บตะกอนดินเลนระหว่างก่อสร้าง ๔๕๐ ไร่ รวมถึงงานขุดลอกร่องน้ า และแอ่งกลับเรือ งานสาธารณูปโภค และการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ๒) ท่าเรือบนพื้นที่ถมทะเล : เป็นการก่อสร้างท่าเทียบเรือ (Jetty) เพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้า ๓ ส่วนคือ ท่าเทียบเรือสินค้าเหลว ๒ ท่า (พื้นที่ ๒๐๐ ไร่) ท่าเทียบเรือก๊าซ (พื้นที่ ๒๐๐ ไร่) และคลังสินค้าและธุรกิจที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ (พื้นที่ ๑๕๐ ไร่) รวมถึงการติดตั้ง อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และการบริหารจัดการท่าเรือ (ภาพที่ ๙ ) ภาพที่ ๙ บริเวณที่เป็นท่าเทียบเรือในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ ๒ (ภาพที่ ๑๐) เป็นหนึ่งในโครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เพื่อรองรับการลงทุนของรัฐ มีเป้าหมายในการพัฒนาท่าเทียบเรือส าหรับรองรับการขนถ่าย ก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม ในการลงทุนและน าความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการด าเนินงานเพื่อให้เกิด ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ รายละเอียดโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ที่ตั้งต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด บนเนื้อที่ประมาณ ๑,๐๐๐ ไร่ มีวัตถุประสงค์ได้แก่ - เพื่อเพิ่มความจุในการขนถ่ายสินค้าก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวของท่าเรือมาบตาพุด - เพื่อให้มีท่าเรือสาธารณะให้บริการเพิ่มขึ้น - เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการของโครงสร้างพื้นฐานภายในพื้นที่เขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)


๔๐ - เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ลักษณะการด าเนินโครงการมีการ ด าเนินงานโดยให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (Public Private Partnership : PPP) องค์ประกอบโครงการ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ งานโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การขุดลอกและถมทะเล การขุดลอกร่องน้ า และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน การติดตั้งอุปกรณ์ ควบคุมการเดินเรือ มูลค่าโครงการประมาณ ๕๕,๔๐๐ ล้านบาท (เฉพาะช่วงที่ ๑ มูลค่า ๔๕,๔๘๐ ล้านบาท) ระยะเวลาโครงการประมาณ ๓๐ ปี (รวมการก่อสร้างและให้บริการ) ส าหรับแผนการพัฒนาโครงการมาบตาพุด ระยะที่ ๓ (ช่วงที่ ๑) ได้รับความสนใจจากหน่วยงานเอกชน เข้าร่วมลงทุนในโครงการ จ านวน ๑๘ ราย และอีก ๑ กลุ่มกิจการร่วมค้า โดยมีผู้ยื่นซองประมูล เพียงรายเดียว คือ กิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ ซึ่งเกิดจากการร่วมกันของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ บจก. พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ. ปตท. (PTT) มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ ๗๐ ต่อ ๓๐ ตามล าดับ โดยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ กนอ. ได้ข้อสรุป ในค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนโครงการแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการน าเสนอ เรื่องต่อ กพอ. และ ครม. เห็นชอบ โดยจะด าเนินการส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสัญญาของโครงการฯ ต่อไป ซึ่งคาดว่า จะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนเข้าพัฒนางานช่วงที่ ๑ ในส่วนโครงสร้างพื้นฐานได้ ประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ ส่วนการพัฒนาโครงการฯ ระยะที่ ๓ (ช่วงที่ ๒) (ภาพที่ ๑๑) ซึ่งเป็น การลงทุนในส่วนของการก่อสร้างท่าเรือเพื่อขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และสินค้าเหลว ส าหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี ๒๕๖๖ จากความมุ่งหมายของโครงการพัฒนา ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว ส าหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอีก ๑๙ ล้านตัน/ปี ในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า ซึ่งหลังจากด าเนินการ พัฒนาแล้วเสร็จคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี ๒๕๖๘ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่ เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งก่อให้เกิดการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย๑๑ ภาพที่ ๑๐ พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ ๒ ๑๑๑๘ เอกชนชิงท่าเรือมาบตาพุดเฟส ๓ รู้ผล ก.พ. ปีหน้า –Matichon, https://www.matichon.co.th/newsmonitor/news_1242665,สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๑ ภาพที่ ๑๑ พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ ๓ ๔.๓ สารมลพิษและแหล่งก าเนิดสารมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง มลพิษและแหล่งก าเนิดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ๔.๓.๑ สารมลพิษทางอากาศ สารมลพิษและแหล่งก าเนิดสารมลพิษทางอากาศในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ที่ส าคัญ ประกอบด้วย ๔.๓.๑.๑ สารอินทรีย์ไอระเหยหรือสารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือเรียกว่า “วีโอซี” (Volatile organic compounds, VOCs) “สาร VOCs” หมายถึง สารประกอบที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีไฮโดรเจน ออกซิเจน ฟลูออไรด์ คลอไรด์ โบรไมด์ ซัลเฟอร์ หรือไนโตรเจน ประกอบกัน เป็นพวกอะลิฟาติก (Aliphatic) หรืออะโรเมติก (Aromatic) รวมถึงกลุ่มคาร์บอนิล (อัลดีไฮด์ คีโตน) และกลุ่มแอลกอฮอล์ ที่สามารถระเหยกลายเป็นไอหรือก๊าซได้ง่ายที่อุณหภูมิห้องมีความดันไอมากกว่า ๐.๑๔ มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิ ๒๕ องศาเซลเซียส เป็นตัวท าละลายที่ดี โดยทั่วไปจะเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนที่มีจ านวนคาร์บอน ๒ ถึง ๑๒ อะตอม สาร VOCs มีแหล่งก าเนิดในธรรมชาติคือ น้ ามันดิบ ซึ่งถูกขุดเจาะและน าเข้าสู่ กระบวนการทางภาคอุตสาหกรรม (Supply Chain) ซึ่งสาร VOCs จะแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมได้ (ภาพที่ ๑๒, ๑๓ และ ๑๔) ในชีวิตประจ าวันเราได้รับสาร VOCs จากผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น สีทาบ้าน, ควันบุหรี่, น้ ายาฟอกสี, สารตัวท าละลายในพิมพ์, จากอู่พ่นสีรถยนต์, โรงงานอุตสาหกรรม, น้ ายาซักแห้ง, น้ ายาส าหรับย้อมผมและน้ ายาดัดผม, สารฆ่าแมลง, สารที่เกิดจากเผาไหม้ และปะปนในอากาศ น้ าดื่ม เครื่องดื่ม อาหาร สารอินทรีย์ ไอระเหยที่สะสมไว้มากนาน ๆ จะมีผลกระทบทางชีวภาพและเป็น อันตรายต่อสุขภาพ๑๒ (๑) แหล่งก าเนิดของสาร VOCs ประกอบด้วย ๑) แหล่งก าเนิดอยู่กับที่ ซึ่งได้แก่ สาร VOCs ที่มีการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ปั๊มน้ ามัน การเกษตรกรรม ส านักงาน และชุมชน ๑๒ คู่มือวิชาการ เรื่องสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (Volatile Organic Compounds : VOCs), https://env.anamai.moph.go.th/web-, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๒ ๒)แหล่งก าเนิดเคลื่อนที่ เช่น การระบายสารมลพิษจากยานพาหนะ การจราจร การคมนาคมการขนส่ง เป็นต้น ๓) แหล่งก าเนิดเชิงพื้นที่ ได้แก่ สารฆ่าแมลงในการท าการเกษตรและสารเคมี ที่มาจากบ้านเรือน โดยสาร VOCs ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง มีแหล่งก าเนิดคือ - โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและการกลั่น - โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี - แหล่งจ่ายและให้บริการ (ปั๊มน้ ามัน) - การจราจรและคมนาคม - อู่ซ่อมรถตัวท าละลาย สารเติมแต่ง - การเผาในที่โล่งแจ้ง - กิจกรรมในครัวเรือน ภาพที่ ๑๒ แหล่งก าเนิดของสาร VOCs ๑๓ ๑๓ แหล่งก าเนิดของสาร VOCs, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔, นโยบายด้านสารประกอบอินทรีย์ ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds: VOCs) ของประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ, กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐


๔๓ ภาพที่ ๑๓ Fuel and Petrochemical Supply Chain๑๔ ภาพที่ ๑๔ การแพร่กระจายของสาร VOCs สู่สิ่งแวดล้อม๑๕ ๑๔ Fuel and Petrochemical Supply Chain,https://www.afpm.org/newsroom/infographic/ Americas-fueland-petrochemical-supply-chain, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๑๕ การแพร่กระจายของสารVOCsสู่สิ่งแวดล้อม,http://www.industry.in.th/ dip/knowledge_ detail.php?id= 1165&uid=35317, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๔ สาร VOCs ที่อยู่รอบตัวเรานั้นเป็นสารเคมีที่มีอะตอมของธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจน เป็นองค์ประกอบหลักและอาจมีอะตอมของธาตุอื่น ๆ เช่น คลอไรด์ ออกซิเจน ฟลูออไรด์ โบรไมด์ซัลเฟอร์ หรือไนโตรเจนประกอบด้วย สาร VOCs จะมีคุณสมบัติการระเหยกลายเป็นไอได้ง่าย จึงส่งผลท าให้ สาร VOCs ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมเกิดเป็นมลพิษและส่งผลต่อสุขภาพ (๒) ชนิดของสาร VOCs สามารถแบ่งได้เป็น ๒ ชนิดตามองค์ประกอบ๑๖ได้แก่ ๑) กลุ่ม Non-halogenated hydrocarbon หรือ Non - Chlorinated VOCs เป็นกลุ่ม ที่ไม่มีอะตอมของธาตุคลอรีนเป็นองค์ประกอบ โดยมากมาจากสิ่งแวดล้อม การเผาไหม้กองขยะ พลาสติก วัสดุ ตัวท าละลาย สีทาวัสดุต่าง ๆ เป็นต้น ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น นักดับเพลิง คนงานเผาขยะ คนเผาถ่าน จึงมักป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเนื่องจากได้รับสาร VOCs เป็นประจ า ตัวอย่างสารกลุ่มนี้ได้แก่ น้ ามันเชื้อเพลิง ก๊าซโซลีน เฮกเซน แอลกอฮอล์ แอลดีไฮด์ คีโตน โทลูอีน เบนซีน เอทิลเบนซีน ไซลีน ฟีนอล เป็นต้น ๒) กลุ่ม Halogenated hydrocarbon หรือ Chlorinated VOCs เป็นกลุ่มที่มีอะตอมของ ธาตุคลอรีนเป็นองค์ประกอบ โดยมากเป็นสารสังเคราะห์มีความเป็นพิษและมีความเสถียรในสิ่งแวดล้อม มากกว่าสารกลุ่มแรก จึงยากต่อการสลายตัวท าให้เกิดการสะสมในสิ่งแวดล้อมในปริมาณมาก ตัวอย่างของ Halogenated Hydrocarbons ที่พบได้ในสิ่งแวดล้อม๑๗ ได้แก่ ล าดับ ชื่อสาร VOCs ล าดับ ชื่อสาร VOCs 1) 1,1,1,2-Tetrachloroethane 25) Cis-1,2-Dichloroethylene 2) 1,1,1-Trichloroethane 26) Cis-1,3-Dichloropropene 3) 1,1,2,2-Tetrachloroethane 27) Dibromochloropropane 4) 1,1,2-Tetrachloroethane 28) Dibromomethane 5) 1,1-Dichloroethane 29) Dichlorobromomethane 6) 1,1-Dichloroethylene 30) Dichloromethane (DCM) 7) 1,2,2-Trifluoroethane (Freon 113) 31) Ethylene Dibromide 8) 1,2-Dichloroethane 32) Fluorotrichloromethane (Freon11) 9) 1,2-Dichloropropane 33) Glycerol Trichlorohydrin 10) 1,2-Trans-Dichloroethylene 34) Hexachlorobutadiene 11) 1,3-Cis-Dichloro-1-Propene 35) Hexachlorocyclopentadiene 12) 1,3-Trans – Dichloropropene 36) Hexachloroethane 13) 1-Chloro-2-Propene 37) Methylene Chloride 14) 2-Butylene Dichloride 38) Neoprene 15) Acetylene Tetrachloride 39) Pentachloroethane 16) Bromodichloromethane 40) Perchloroethylene 17) Bromoform 41) Propylene Dichloride ๑๖ สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) คืออะไร - SCISPEC, https://www.scispec.co.th/learning/ index.php/blog/chromatography/vocs-4, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๑๗ ตัวอย่างของ Halogenated Hydrocarbons ที่พบได้ในสิ่งแวดล้อม,http://www.industry.in.th/dip/ knowledge_detail.php?id=1165&uid=35317, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๕ 18) Bromomethane 42) Trichlorotrifluoroethane 19) Carbon Tetrachloride 43) Monochlorobenzene 20) Chlorodibromomethane 44) Tetrachloroethylene (Perchloroethylene) (PCE) 21) Chloroethane 45) Trichloroethylene (TCE) 22) Chloroform 46) Vinyl Chloride 23) Chloromethane 47) Vinyl Trichloride 24) Chloropropane 48) Vinylidene Chloride ภาพที่ ๑๕ ตัวอย่างของ Halogenated Hydrocarbons ที่พบได้ในสิ่งแวดล้อม (๓) ผลกระทบของสาร VOCs ต่อสุขภาพ๑๘ สาร VOCs สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ ๓ ทาง คือ ทางการหายใจ การรับประทานและ การสัมผัสทางผิวหนัง เมื่อสาร VOCs เข้าสู่ร่างกายแล้วจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพแตกต่างกันตาม ชนิดของ VOCs ดังตัวอย่าง เช่น - เบนซีน (Benzene) หากรับประทานหรือสูดดมโดยตรงจะก่อให้เกิดพิษต่อระบบประสาท ส่วนกลางและอาจเสียชีวิตได้ แต่ถ้าหากสูดดมติดต่อกันเป็นเวลานานจะเกิดพิษต่อระบบเลือด ระบบภูมิคุ้มกันและเนื้องอก ซึ่งสัมพันธ์กับโอกาสเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น - ไวนิลคลอไรด์ (Vinyl Chloride) เกิดพิษเฉียบพลันต่อตับ ปอด ไต หัวใจ และส่งผลให้ เลือดไม่แข็งตัวหากได้รับในปริมาณมากจะท าให้หมดสติและเสียชีวิตได้ หากสูดดมปริมาณน้อยติดต่อกัน เป็นเวลานานจะท าลายเส้นประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน - ๑,๒-ไดคลอโรอีเทน (1,2-Dichloroethane) เกิดพิษเฉียบพลันต่อระบบประสาท ตับ ไต ระคายเคืองต่อผิวหนังมาก ระคายเคืองต่อดวงตาอย่างรุนแรง เป็นพิษเมื่อหายใจเข้าไป อาจระคายเคือง ต่อทางการหายใจ อาจก่อให้เกิดมะเร็ง๑๙ ก่อให้เกิดการเสียชีวิตได้ - ไตรคลอโรเอทิลีน (Trichloroethylene) หากสูดดมปริมาณมากจะท าให้หมดสติ หรือเสียชีวิตได้เป็นพิษต่อตับและไต รวมถึงท าให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หากได้รับสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งและมีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ - ไดคลอโรมีเทน (Dichloromethane) หากสูดดมจะก่อให้เกิดพิษเฉียบพลันส่งผลให้หมดสติ - ๑,๒-ไดคลอโรโพรเพน (1,2-Dichloropropane)ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ท าลาย ตับ ไต และส่งผลให้เสียชีวิตได้หากสูดดมเป็นระยะเวลานานจะท าลายตับ ไต และระบบหายใจ - เตตระคลอโรเอทิลีน (Tetrachloroethylene) เกิดพิษเฉียบพลันส่งผลท าให้เวียนศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ พูดหรือเดินล าบาก หมดสติและเสียชีวิตได้หากสูดดมเป็นระยะเวลานาน ๆ จะท าลาย ตับ ไต และก่อให้เกิดมะเร็งได้และอาจก่อให้เกิดการแท้งบุตรอีกด้วย ๑๘ สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) คืออะไร –SCISPEC, https://www.scispec.co.th/learning/ index.php/blog/ chromatography/vocs. สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๑๙ เอกสารข้อมูลความปลอดภัย -SAFETY DATA SHEET, https://www.rcilabscan.com/wp-content/uploads/2019/11/12-Dichloroethane-T-DCC-010421.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๖ - คลอโรฟอร์ม (Chloroform) เป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง ตับ และไต หากได้รับ ในปริมาณสูงท าให้อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ และหากได้รับปริมาณต่ าติดต่อกันเป็นเวลานานจะท าลาย การท างานของตับและไต - ๑,๓-บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene) หากสัมผัสโดยตรงก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือหาก สัมผัสในปริมาณที่สูงมากก่อให้เกิดอาการมึนเมาและเสียชีวิตได้ ในกรณีสัมผัสหรือสูดดมต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน ก่อให้เกิดพิษต่อระบบเลือด ปอด และก่อให้เกิดมะเร็งได้ -คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (Carbon Tetrachloride)การสูดดมก่อให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ และส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางและอาจท าให้หมดสติได้ สารนี้มีพิษต่อตับ ไต ผิวหนัง ปอด ดวงตา ระบบประสาทส่วนกลางและอาจก่อให้เกิดมะเร็ง อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อระบบ สืบพันธ์อีกด้วย -อะซิทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ส่วนกลาง ท าให้เวียนศีรษะ เมื่อยล้า เซื่องซึมและอาจท าให้หมดสติ - อะครอลีน (Acrolein) ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ หายใจติดขัด หากรับปริมาณมากจะท าให้ปอดถูกท าลายและถึงแก่ชีวิตได้ หากกลืนเข้าไปจะเกิดพิษเฉียบพลัน ต่อระบบทางเดินอาหารและถึงแก่ชีวิต - เบนซิลคลอไรด์(Benzyl Chloride) เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ ท าลายเยื่อเมือกอย่างรุนแรง เกิดการอักเสบและบวมน้ าของกล่องเสียงและหลอดลมใหญ่ หากกลืนเข้าไปจะก่อให้เกิดแผลไหม้ ทางเดินอาหารและส่งผลให้เกิดอัมพาตได้ จากตัวอย่างสาร VOCs พบว่าสาร VOCs มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร ปริมาณที่ได้รับ ระยะเวลาที่ได้รับ สภาพของร่างกาย และปัจจัยอื่น ๆ โดยสาร VOCs บางชนิดหากได้รับในปริมาณมากท าให้เกิดการท าลายระบบประสาทส่วนกลางคือไปกดประสาทส่วนกลาง โดยอาจจะเกิดอาการทันที ท าให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ เรียกว่าการ เกิดพิษเฉียบพลัน และในกรณีที่ได้รับ สาร VOCs ปริมาณน้อยแต่ได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานานก็จะท าให้เกิดเกิดมะเร็งหรือเกิดการเสื่อมของ เนื้อเยื่ออวัยวะภายในได้ เรียกว่าการเกิดพิษเรื้อรัง สาร VOCs ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงได้ทั้งพิษเฉียบพลันและเรื้อรังโดยเป็นการเกิดพิษ โดยตรงจากสาร VOCs นอกจากนี้ สาร VOCs ที่ปนเปื้อนในอากาศยังสามารถเกิดปฏิกิริยากับก๊าซ ไนโตรเจนออกไซด์(Nitrogen oxide, NO2) และออกซิเจน (Oxygen, O2) โดยมีแสงแดดเป็นตัวเร่ง ปฏิกิริยาจะได้สารประกอบของ Peroxyacetyl nitrate (CH3CO-OO-O2) ซึ่งเป็นสารพิษมีฤทธิ์ระคายเคือง เรียกปฏิกิริยานี้ว่า Peroxyacetyl nitrate (PAN) ซึ่งเป็นการเกิดพิษโดยอ้อมของสารVOCsด้วยเหตุนี้เอง สาร VOCs ที่ปนเปื้อนในอากาศ จึงมีกฎหมายเพื่อการควบคุมและเฝ้าระวัง โดยในประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษได้มีการก าหนดค่ามาตรฐานส าหรับสาร VOCs ในอากาศโดยทั่วไปในเวลา ๑ ปี และค่าเฝ้าระวังส าหรับสาร VOCs โดยทั่วไปในเวลา ๒๔ ชั่วโมง เพื่อควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหา มลพิษที่เกิดจากสาร VOCs โดยสามารถติดตามการรายงานการตรวจติดตามได้ที่เว็ปไซต์ของกรม ควบคุมมลพิษ (https://www.pcd.go.th/) ในการแก้ไขปัญหาสารVOCsอาจท าได้โดยการท าลายสาร VOCs เช่น ทางเคมีโดยการใช้ก๊าซโอโซน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และสารออกซิไดซ์อื่น ๆ หรือในทางชีวภาพให้ใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ


๔๗ ในการย่อยสลายได้ส าหรับการรักษาผู้ป่วยนั้นมีความล าบากยุ่งยากมาก ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกัน และควบคุม ๒๐ ๔.๓.๑.๒ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) - NOx หมายถึงไนโตรเจนออกไซด์(๑) ไนตริกออกไซด์(NO)และไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นชุดของก๊าซที่มีปฏิกิริยาทางเคมีซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลไนโตรเจนและออกซิเจนในปริมาณ ที่แตกต่างกัน NOxการก่อตัวของก๊าซ(ส่วนใหญ่เป็น NO และ NO2) เกิดจากปฏิกิริยาดูดความร้อนในระหว่าง กระบวนการเผาไหม้ระหว่าง Oxygen, O2 (คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๙ ของอากาศ)และไนโตรเจน, N2 (คิดเป็น ร้อยละ ๗๘ ของอากาศ) การเกิด Thermal NOx เกิดจากไนโตรเจนในอากาศเมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิสูงอย่างห้อง เผาไหม้ของเครื่องยนต์บางส่วนของไนโตรเจนอะตอมคู่ (N2) จะแตกตัวเป็นไนโตรเจนอะตอมเดี่ยว (N) ซึ่งสามารถท าปฏิกิริยากับสารอื่นได้ง่ายกว่า ดังนั้นเมื่อเกิดอุณหภูมิสูงจะส่งผลให้มีการเกิดไนโตรเจน ออกไซด์ที่สูงขึ้น ก๊าซ NOx เมื่อสัมผัสกับน้ าจะมีคุณสมบัติกลายเป็นกรด ซึ่งมีฤทธิ์ที่กัดกร่อน ถ้าเป็นคน เมื่อสูดก๊าซ NOx เข้าไป จะเกิดกรดที่จะไปกัดกร่อนปอด ท าให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้ แต่ถ้า NOx ได้ไปสัมผัสกับสิ่งของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นโลหะ จะกัดกร่อนโลหะนั้น ๆ จนเกิดความ เสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก๊าซ NOx ล่องลอยไปเจอฝน จะท าให้ฝนกลายเป็น “ฝนกรด” ๒๑ ไนโตรเจนออกไซด์มีความเป็นพิษและเป็นกรดสูงและถือว่าเป็นสารมลพิษทางอากาศ โดย US EPA และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ลักษณะที่มีปฏิกิริยาสูงของ NO และ NO2 เพิ่มโอกาส และความถี่ในการผลิตสารประกอบในอากาศที่เป็นอันตราย เมื่อก๊าซ NOx ท าปฏิกิริยากับออกซิเจน ในบรรยากาศโอโซนระดับพื้นดิน (O3) กรดไนตริกที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและไนเตรตอินทรีย์ที่เป็นพิษ จะเกิดขึ้น - SO2 , ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide ) เป็นก๊าซ เป็นออกไซด์ของก ามะถัน ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่ไวไฟ เมื่อท าปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศจะเกิดเป็น ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และจะรวมตัวกับน้ าเป็นกรดซัลฟุริก (H2SO4) หรือกรดก ามะถัน๒๒ เป็นก๊าซทีไม่มีสี และกลิ่นรุนแรง เป็นของเหลวเมื่ออยู่ภายใต้ความดันปกติ สามารถละลายน้ าได้ง่ายและไม่ติดไฟ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ทีพบในอากาศมักมาจากการเผาไหม้น้ ามัน ส่วนในธรรมชาติพบได้จากการระเบิดของ ภูเขาไฟ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(Sulfur dioxide : SO2) เป็นก๊าซที่พบมากในบรรยากาศ ที่เกิดจากการ ๒๐ ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ส า ร VOCs, https://www.si.mahidol.ac.th/th/research-academics/ research/ division_3/biosafety/doc/ knowledge/4%20%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9% 88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%B2%E0% B8%A2% 20Volatile%20Organic%20Compounds.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๑ ก๊าซ NOx ภัยร้ายเครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ นักวิชาการม.มหิดล แนะ ...,https://siamrath.co.th/n/29319, สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๒ Sulfur dioxide / ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ - Food Wiki, https://www.foodnetworksolution.com/ wiki/word/1929/sulfur-dioxide,สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔


๔๘ เผาไหม้ของเชื้อเพลิงในภาคการขนส่ง อุตสาหกรรม ครัวเรือน และจากธรรมชาติ จัดเป็นก๊าซพิษ แต่ก็มี ประโยชน์ส าหรับภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม เช่น ใช้ฆ่าเชื้อ ใช้ฟอกสี เป็นต้น๒๓ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เป็นก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่มี ก ามะถัน (S) เป็นองค์ประกอบ มีแหล่งก าเนิดที่ส าคัญ ได้แก่ ถ่านหิน น้ ามันดีเซลล์ น้ ามันเบนซิน เตาเผาขยะ เตาเผาศพ เป็นต้น ปริมาณที่ถูกปลดปล่อยจากการเผาไหม้จะสัมพันธ์กับปริมาณ ของซัลเฟอร์ที่พบในเชื้อเพลิง๒๔ ประโยชน์ของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์๒๕ ๑) ใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตกรดซัลฟิวริก (H2SO4) ๒) ใช้ส าหรับการรมควันผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย แมลง ส าหรับยืดอายุการเก็บรักษา และปรับปรุงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เช่น ยับยั้งการเปลี่ยนสีน้ าตาลของ เปลือกในล าไย ท าให้เปลือกล าไยดูสด และคงสภาพนาน แต่มีข้อเสีย คือ พบการตกค้างของ SO2 ในผลิตภัณฑ์ผู้ใช้มีความเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินหายใจ ๓) ใช้เป็นสารในอุตสาหกรรมฟอกสีหนัง ฟอกสีผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ฟอกสีแป้งถั่วเขียว ในการผลิตวุ้นเส้น ๔) ใช้ในระบบท าความเย็น มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ อัตราการระบายมลพิษจากแหล่งก าเนิดประเภทโครงการ ด้านอุตสาหกรรมและด้านพลังงานของทั้งพื้นที่มาบตาพุดลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ (ปีที่มีการเริ่มน า หลักเกณฑ์การปรับลดอัตราการระบายมลพิษ ๘๐:๒๐ มาใช้ในพื้นที่) โดยที่อัตราการระบายก๊าซออกไซด์ ของไนโตรเจน (NOx) ลดลงประมาณร้อยละ ๑๘ จากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ อัตราการระบาย ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ประมาณ ๒,๔๘๐ และ ๒,๐๓๓ กรัม/วินาที ตามล าดับ และอัตรา การระบายก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ลดลงประมาณ ร้อยละ ๒๗ จากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่มีอัตราการระบายประมาณ ๒,๓๙๘ และ ๑,๗๓๗ กรัม/วินาที ตามล าดับ๒๖ ๒๓ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2), https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%81%E0%, สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๔ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulfur dioxide : SO2), https://www.siamchemi.com/%E0%B8% 8B%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8 C%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%8B %E0%B8%94%E0%B9%8C/%, สืบค้นเมื่อ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๕ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulfur dioxide : SO2), https://www.siamchemi.com, สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๖ ความเป็นมาและวัตถุประสงค์โครงการ, http://eec-mtp.onep.go.th/Background.php, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔


๔๙ ๔.๓.๒ น้ าเสีย น้ าเสียจากแหล่งก าเนิดต่าง ๆ ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ซึ่งก่อให้เกิด ปัญหามลพิษทางน้ า ประกอบด้วย๒๗ ๑) น้ าเสียอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง มีโรงงานทั้งสิ้น ๖๐๗ โรง เป็นโรงงาน จ าพวกที่ ๒ และ ๓ มีจ านวนทั้งสิ้น ๔๗๖ โรง (ข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕) หรือ ๔๘๐ โรง ๒๘ เนื่องจากพื้นที่ มาบตาพุดเป็นพื้นที่มีการประกอบกิจการอุตสาหกรรมอย่างหนาแน่น และส่วนใหญ่เป็นโรงงาน ที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมีซึ่งมีมลพิษสูง โรงงานอุตสาหกรรมจึงเป็น แหล่งก าเนิดมลพิษทางน้ าที่ส าคัญของพื้นที่ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (ภาพที่ ๑๖) ภาพที่ ๑๖ ที่ตั้งของแหล่งก าเนิดมลพิษทางน้ าประเภทอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง จ านวนโรงงานทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมแยกเป็นรายต าบลในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ปรากฏว่าพื้นที่ต าบลมาบตาพุดเป็นพื้นที่ที่มีจ านวนโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุด รองลงมาคือพื้นที่ต าบลห้วยโป่ง มีรายละเอียดดังตารางที่ ๖ ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมจะพบว่ามีปริมาณน้ าทิ้งรวมกว่า ๙๒,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน โดยน้ าทิ้งจาก นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจะมีปริมาณสูงที่สุดที่กว่า ๔๖,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน (ไม่รวมน้ าระบาย ๒๗ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ าและการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ า ในเขตความคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ปี๒๕๕๖, สืบค้นเมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๒๘ รายงานฉบับสมบูรณ์ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี ๒๕๖๒ การประเมินความเสี่ยงในการรับสัมผัสสารอินทรีย์อันตรายอุบัติใหม่ของประชาชนจากแหล่งน้ าส าหรับอุปโภค บริโภค บริเวณพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง, http://www.oic.go.th/FILEWEB/ CABINFOCENTER3/DRAWER083/ GENERAL/DATA0001/00001779.PDF, สืบค้นเมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version