๑๐๐ (๑๐) พิจารณาวินิจฉัยการคัดค้านค าสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัตินี้ (๑๑) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น ให้เป็นอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ (๑๒) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมอบหมาย คณะกรมการควบคุมมลพิษอาจตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและปฏิบัติการ อย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษจะมอบหมายได้มาตรา ๕๔ ให้น าความในมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ และมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และคณะกรรมการควบคุมลพิษที่แต่งตั้งโดยอนุโลม ส่วนที่ ๒ มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิด มาตรา ๕๕ ให้รัฐมนตรีโดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอ านาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก าหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิด ส าหรับควบคุมระบายน้ าทิ้ง การปล่อยทิ้งอากาศเสีย การปล่อยทิ้งของเสีย หรือมลพิษอื่นใดจากแหล่งก าเนิดออกสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้ได้มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕๖ ในกรณีที่มีการก าหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการระบายน้ าทิ้ง การปล่อยทิ้งอากาศเสีย หรือมลพิษอื่นใดจากแหล่งก าเนิดออกสู่สิ่งแวดล้อมโดยอาศัยอ านาจตาม กฎหมายอื่น และมาตรฐานดังกล่าวไม่ต่ ากว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดที่รัฐมนตรีประกาศ ตามมาตรา ๕๕ ให้มาตรฐานดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายนั้น แต่ถ้ามาตรฐาน ดังกล่าวต่ ากว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดที่รัฐมนตรีประกาศก าหนดตามมาตรา ๕๕ ให้ส่วนราชการที่มีอ านาจตามกฎหมายนั้นแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิด ในกรณีที่มีอุปสรรคไม่อาจด าเนินการเช่นว่านั้นได้ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นผู้ชี้ขาด เมื่อมีค าชี้ขาดเป็นประกาศใดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด าเนินการตามค าชี้ขาดนั้น มาตรา ๕๗ ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นบัญญัติให้อ านาจส่วนราชการใดก าหนด มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดในเรื่องใดไว้ แต่ส่วนราชการนั้นไม่ใช้อ านาจตามกฎหมาย ก าหนดมาตรฐานดังกล่าว ให้รัฐมนตรีโดยค าแนะน าของคณะกรรมการควบคุมมลพิษและโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอ านาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนดมาตรฐานควบคุม มลพิษจากแหล่งก าเนิดในเรื่องนั้นได้ และให้ถือว่าเป็นมาตรฐานตามกฎหมายในเรื่องนั้นด้วย มาตรา ๕๘ ในกรณีที่เห็นสมควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอ านาจประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาก าหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งก าเนิดสูงกว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจาก แหล่งก าเนิดที่ก าหนดตามมาตรา ๕๕ หรือมาตรฐานซึ่งก าหนดตามกฎหมายอื่นและมีผลใช้บังคับตาม มาตรา ๕๖ เป็นพิเศษส าหรับในเขตควบคุมมลพิษตามมาตรา ๕๙
๑๐๑ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายหลักของเขตควบคุมมลพิษ ส่วนที่ ๓ เขตควบคุมมลพิษ มาตรา ๕๙ ในกรณีที่ปรากฏว่าท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรง ถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอ านาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนดให้ท้องที่นั้น เป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อด าเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษได้ มาตรา ๖๐ เพื่อประโยชน์ในการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพ สิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดตามมาตรา ๓๗ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในท้องที่ที่ได้ประกาศก าหนดให้เป็น เขตควบคุมมลพิษตามมาตรา ๕๙ จัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้น เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อรวมไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับ จังหวัดการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษให้ด าเนินการดังต่อไปนี้ (๑) ท าการส ารวจ และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งก าเนิดมลพิษที่มีอยู่ในเขต ควบคุมมลพิษนั้น (๒) จัดท าบัญชีรายละเอียดแสดงจ านวน ประเภท และขนาดของแหล่งก าเนิด มลพิษที่ได้ท าการส ารวจและเก็บข้อมูลตาม (๑) (๓) ท าการศึกษา วิเคราะห์และประเมินสถานภาพมลพิษ รวมทั้งขอบเขต ความรุนแรงของสภาพปัญหาและผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อก าหนดมาตรการที่เหมาะสม และจ าเป็นส าหรับการลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้นในการจัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลด และขจัดมลพิษของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษแนะน า และช่วยเหลือตามความจ าเป็น มาตรา ๖๑ แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ ตามมาตรา ๖๐ จะต้องเสนอประมาณการและค าขอจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุน ส าหรับก่อสร้างหรือด าเนินการเพื่อให้มีระบบบ าบัดน้ าเสียรวมหรือระบบก าจัดของเสียรวมของทาง ราชการที่จ าเป็นส าหรับการลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้นด้วย มาตรา ๖๒ ในกรณีที่จ าเป็นจะต้องจัดหาที่ดินส าหรับใช้เป็นที่ตั้งระบบบ าบัด น้ าเสียรวม หรือระบบก าจัดของเสียรวมส าหรับเขตควบคุมมลพิษใดแต่ไม่สามารถจัดหาที่ดินของรัฐ ได้ให้ด าเนินการจัดหาที่ดินของเอกชนเพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็นที่ตั้งในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายให้เสนอ ประมาณการและค าขอจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุนในแผนปฏิบัติการระดับจังหวัด ในกรณีที่ไม่สามารถด าเนินการตามวรรคหนึ่งได้ให้ก าหนดที่ดินที่เหมาะสมเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรี ด าเนินการเวนคืนต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ มาตรา ๖๓ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ก ากับดูแลการด าเนินการของ เจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา ๖๐ ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่ด าเนินการภายในเวลาอันสมควร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอ านาจด าเนินการแทนเมื่อได้แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบแล้ว
๑๐๒ ๔.๘.๓ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ วัตถุประสงค์หลักของพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อท าให้การประกอบกิจการโรงงานได้รับ ความสะดวก และมีความคล่องตัวขึ้นโดยโรงงานขนาดเล็กจะประกอบกิจการได้ง่ายขึ้น โรงงานขนาดใหญ่ จะได้รับความสะดวกมากขึ้นและที่ส าคัญการปรับปรุงแก้ไขนี้ไม่ท าให้การก ากับดูแลผ่อนคลายลง แต่อย่างใด เพราะประชาชนก็ยังได้รับความคุ้มครองจากการก ากับดูแลที่จะท าให้โรงงานไม่ก่อให้เกิด ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือความไม่ปลอดภัยใด ๆ เช่นเดิม มีการเปลี่ยนขอบเขตความหมายการเป็นโรงงาน จากเดิมมีเครื่องจักร ๕ แรงม้าหรือคนงาน ๗ คน เป็นมีเครื่องจักร ๕๐ แรงม้าหรือคนงาน ๕๐ คน ผู้ประกอบธุรกิจโรงงานขนาดเอสเอ็มอีที่มีเครื่องจักรไม่ถึง ๕๐ แรงม้าหรือคนงาน ๕๐ คน ไม่ต้องขอ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ขณะที่ผู้ประกอบการทั่วไปก็ไม่ต้องต่ออายุใบ ร.ง.4 อีกต่อไป จากเดิมที่ผู้ประกอบการต้องต่อใบอนุญาต ร.ง. 4 ทุก ๆ ๕ ปี มีการก าหนดให้มีผู้ตรวจสอบเอกชนที่มา ตรวจสอบโรงงานหรือเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ โดยผู้ตรวจสอบเอกชนจะต้องได้รับ ใบอนุญาตตรวจสอบรับรองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อน และผู้ตรวจสอบเอกชนต้องมีใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรหรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีประสบการณ์ท างานไม่น้อยกว่าห้าปีในงานที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัย ด้านสารเคมีด้านไฟฟ้า ด้านพลังงาน ด้านเครื่องกล ด้านโยธา หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรม ด้านหนึ่งด้านใดก็ได้ก าหนดให้ผู้ประกอบการโรงงานจะต้องมีการรับรองหรือ Self-declared ว่าได้มี การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องตามระยะเวลาที่ก าหนด มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การขยายและโอน โรงงาน รวมทั้งให้ความคุ้มครองต่อประชาชน จากการก ากับดูแลที่จะท าให้โรงงานไม่ก่อให้เกิดปัญหา สิ่งแวดล้อมหรือความไม่ปลอดภัยใด ๆ เช่นเดิม๔๑ ๔.๘.๔ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายที่ออกมายกเลิกพระราชบัญญัติ วัตถุมีพิษ พ.ศ. ๒๕๑๐ และพระราชบัญญัติวัตถุมีพิษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ เนื่องจากปรากฏว่ามีการน า วัตถุอันตรายมาใช้ในกิจการประเภทต่าง ๆ เป็นจ านวนมาก และวัตถุอันตรายบางชนิดอาจก่อให้เกิด อันตรายอย่างร้ายแรงแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อมได้ แม้ว่าจะมีกฎหมายที่ใช้ควบคุมวัตถุ ที่ก่อให้เกิดอันตรายอยู่แล้ว แต่ก็มีอยู่หลายฉบับที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของหลาย กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษโดยให้ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมวัตถุอันตรายต่าง ๆ ทุกชนิด และก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุมวัตถุอันตรายให้เหมาะสมยิ่งขึ้นพร้อมกับ จัดระบบบริหารให้มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันกับการควบคุมดูแล วัตถุอันตรายดังกล่าว กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับกับบุคคลใดที่ผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ๔๑ 9 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับ พรบ. โรงงานใหม่, ww.proindsolutions.com/17378378/9-%E0%B8%E0%B9%88, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๕
๑๐๓ ซึ่งวัตถุอันตราย แต่มิได้มีบทบัญญัติก าหนดให้ผู้ผลิตต้องเรียกคืนเศษเหลือทิ้งวัตถุที่ใช้แล้วมาบ าบัด หรือรีไซเคิล พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายบุคลากร เฉพาะรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดเก็บวัตถุอันตราย การยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย การจัดเก็บวัตถุอันตราย การขนส่งวัตถุอันตรายบุคลากรเฉพาะรับผิดชอบ ดูแลความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดเก็บวัตถุอันตราย การอนุญาตน าเข้าพลาสติกเศษ เศษตัดและของ ที่ใช้ไม่ได้ บุคลากรภาครัฐ / การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ การน าเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้วเป็นวัตถุอันตราย ๔.๘.๕ พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตราขึ้นเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมโดยมีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อท าหน้าที่ดังกล่าว ได้มีการก าหนดหลักเกณฑ์ในการตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมส าหรับให้การนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้ที่ประสงค์จะตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมปฏิบัติตามในมาตรา ๑๐ (๔) ให้อ านาจแก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยควบคุมการด าเนินงานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการที่เป็นประโยชน์หรือเกี่ยวเนื่องกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และผู้ใช้ที่ดิน ในนิคมอุตสาหกรรมให้ไปตามระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมาย รวมทั้งการด าเนินงานที่เกี่ยวกับสาธารณสุข และที่กระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในทางปฏิบัตินั้นการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ใช้อ านาจดังกล่าวก าหนดหลักเกณฑ์ในการจัดท าระบบระบายน้ าทิ้งและการตรวจสอบค่ามาตรฐาน น้ าทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมแต่ละเขต ผู้ที่ท าหน้าที่รับผิดชอบเขตแต่ละเขต ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการระบายน้ าทิ้ง หรือของเสีย เช่น จะต้องปฏิบัติตาม มาตรฐานการควบคุมมลพิษจากแล่งก าเนิด ซึ่งออกโดยคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๔.๘.๖ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายที่คุ้มครองด้านสุขลักษณะ และการอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมทั้งกิจกรรม การกระท าทุกอย่าง และกิจการประเภทต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชนตั้งแต่ระดับ ชาวบ้าน ครัวเรือน ชุมชน ตลอดจนกิจการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อันได้แก่ หาบเร่ แผงลอย สถานที่ จ าหน่ายอาหาร ตลาดกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ รวม ๑๒๕ ประเภท รวมทั้ง การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์โดยให้อ านาจแก่ราชการส่วนท้องถิ่น ในการออกข้อก าหนดท้องถิ่น ใช้บังคับ ในเขตท้องถิ่นนั้น ๆ และให้อ านาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการควบคุมดูแล โดยการออกค าสั่งให้ปรับปรุง แก้ไขการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งการเปรียบเทียบคดี และยังก าหนดให้มี "เจ้าพนักงานสาธารณสุข" เป็นเจ้าพนักงานสายวิชาการที่มีอ านาจในการตรวจตรา ให้ค าแนะน า ปรับปรุงแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งเป็น ที่ปรึกษาให้ค าแนะน าแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่นในการวินิจฉัย สั่งการ หรือออกค าสั่ง รวมทั้งผู้ซึ่งได้รับ แต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามที่กฎหมายก าหนด พระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ มีบทบัญญัติหรือข้อก าหนดที่ใช้ในการควบคุมมลพิษทางอากาศ ได้แก่
๑๐๔ บทบัญญัติในหมวด ๑ เรื่อง บททั่วไป มาตรา ๖ - ๘ หมวด ๕ เรื่อง เหตุร าคาญ มาตรา ๒๕ - ๒๘ และหมวด ๗ เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มาตรา ๓๑ - ๓๓ หมวด ๘ เรื่อง ตลาด สถานที่ จ าหน่ายอาหาร และสถานที่สะสมอาหารของพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นส่วนที่ สามารถน ามาใช้ในการควบคุมมลพิษทางอากาศได้ ในที่นี้จะกล่าวอ้างถึงเฉพาะหมวด ๑, ๕ และ ๗ ๔.๘.๗ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ ภายใต้พระราชบัญญัติฉบับนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ด าเนินการด้านขยะมูลฝอย ความสะอาดของบ้านเมืองโดยทั่วไป สถานที่สาธารณะใดถูกปนเปื้อนก็จะท าให้เกิดมลพิษ เช่น ขยะ กลิ่น เหตุเดือดร้อนร าคาญ และทรรศนะอุจาด (มลพิษภาวะทางสายตา) พระราชบัญญัติรักษาความ สะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎหมายขยะฉบับใหม่ ก าหนดให้ทุกบ้านต้องจ่ายค่าเก็บขยะเฉลี่ย ๑๕๐ บาทต่อเดือน และค่าก าจัดอีกเดือนละ ๒๐๐ บาท พร้อมก าหนดบทลงโทษชัดเจน เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เนื้อหาของกฎหมายมีทั้งหมด ๑๒ มาตรา โดยเฉพาะการเพิ่มหมวด ๓/๑ การจัดการ สิ่งปฏิกูลและมูลฝอยโดยให้อ านาจท้องถิ่นในการจัดการเก็บ ขน และก าจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดแยก เก็บ ขน และก าจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ก าหนดอัตรา ค่าธรรมเนียมการให้บริการ รวมทั้งก าหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่น มีอ านาจน าสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ที่จัดเก็บได้ ไปใช้ประโยชน์หรือหาประโยชน์ได้ นอกจากนี้ยังก าหนดบทลงโทษ ผู้ใดด าเนินกิจการเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูล และมูลฝอยโดยมิได้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับและผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อก าหนดของท้องถิ่น ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ และผู้มีหน้าที่หรือได้รับมอบหมายให้เก็บ ขน และก าจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อก าหนดของท้องถิ่น ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ โดยกฎหมายนี้ได้บัญญัติไว้ท้ายพระราชบัญญัติว่าค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูล และมูลฝอย ดังนี้๔๒ การเก็บและขนมูลฝอย กรณีมีปริมาณมูลฝอย ไม่เกิน ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ลูกบาศก์เมตร เดือนละ ๑๕๐ บาท กรณีมีปริมาณมูลฝอยต่อเดือนเกิน ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหน่วย หน่วยละ ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ลูกบาศก์เมตร และให้เก็บหน่วยละ ๑๕๐ บาท ส่วนการก าจัดมูลฝอย กรณีมีปริมาณมูลฝอยไม่เกิน ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ลูกบาศก์เมตร เดือนละ ๒๐๐ บาท กรณีมีปริมาณมูลฝอยต่อเดือน ๔๒ ค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย, https://news.thaipbs.or.th/content/259679, สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
๑๐๕ เกิน ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ให้คิดเป็นหน่วย หน่วยละ ๑๒๐ กิโลกรัม หรือ ๖๐๐ ลิตร หรือ ๐.๖ ลูกบาศก์เมตร และให้เก็บหน่วยละ ๒๐๐ บาท ๔.๘.๘ พระราชบัญญัติก าหนดแผนและขั นตอนการกระจายอ านาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ สืบเนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้ให้ความส าคัญ กับการกระจายอ านาจการปกครองไปสู่ท้องถิ่น โดยได้ก าหนดไว้ให้หมวด ๕ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ มาตรา ๗๘ “ก าหนดให้รัฐต้องกระจายอ านาจให้ท้องถิ่นพึ่งตนเอง และตัดสินใจในกิจการของท้องถิ่นได้เอง พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น…..” ซึ่งหมายรวมถึงการบริหารจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และเพื่อกระจายอ านาจให้ท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติก าหนด แผนและขั้นตอนการกระจายอ านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ จากพระราชบัญญัติ ก าหนดแผนฯ นี้ได้มีการจัดท าแผนการกระจายอ านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอบเขต การถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมควบคุมมลพิษที่ส าคัญ ได้แก่ งานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษด้านต่าง ๆ งานการติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมและมลพิษ ส าหรับพระราชบัญญัติก าหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอ านาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ นี้ สามารถอ่านได้จากห้องสมุดกฎหมายของส านักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา ๔.๘.๙ ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง ก าหนดเขตควบคุมมลพิษ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ ตามมาตรา ๕๙ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ประกาศเขตควบคุมมลพิษไปแล้ว จ านวน ๑๐ ฉบับ ครอบคลุม ๑๘ พื้นที่ ๑๓ จังหวัด หนึ่งพื้นที่นั้น คือ ต าบลมาบตาพุด ต าบลห้วยโป่ง ต าบลเนินพระ ต าบลทับมา อ าเภอเมือง ต าบลมาบข่า อ าเภอนิคมพัฒนา และต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ประกาศ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๒ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖ ตอนพิเศษ ๖๕ ง ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ - ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุม การปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม - ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐) เรื่อง ก าหนดมาตรฐาน ค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา ๑ ป ี - ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมเคมี บางประเภทเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งสารเบนซีนและสาร ๑, ๓ – บิวทาไดอีน ออกสู่บรรยากาศ - ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุม การปล่อยทิ้งสารเบนซีน และสาร ๑, ๓ - บิวทาไดอีน จากโรงงานอุตสาหกรรม
๑๐๖ - ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุม การปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงงานกลั่นน้ ามันปิโตรเลียม - ระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อม - ประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง บัญชีรายชื่อผู้ทดสอบกลิ่นของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔.๙ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ๔.๙.๑ หน่วยงานหลักระดับกระทรวงและกรม (๑) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - กรมควบคุมมลพิษ ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ให้ค าแนะน าช่วยเหลือในการ จัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง และประสาน ผลักดัน การด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดท าข้อเสนอการด าเนินงานและติดตาม ประเมินผลการด าเนินงานในเขตควบคุมมลพิษ จัดท า (ร่าง) หลักเกณฑ์การประกาศและยกเลิกพื้นที่ เขตควบคุมมลพิษ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ กรมควบคุมมลพิษ ได้ด าเนินการประเมินพื้นที่ เขตควบคุมมลพิษต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ พร้อมทั้งก าหนด มาตรการการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพื่อน ามาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการปัญหามลพิษ แทนการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ รวมทั้ง จัดท าข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพการด าเนินงาน เขตควบคุมมลพิษเพื่อให้มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน จนน าไปสู่การประกาศยกเลิก เขตควบคุมมลพิษในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ชาติแผนการปฏิรูปประเทศ ๕ ปีในประเด็นที่ (๓)การปฏิรูป การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษและแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ก าหนดกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชน อย่างมีนัยส าคัญ (Big Rock) ๔ กิจกรรม และหนึ่งใน ๔ กิจกรรม คือ การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ เขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด - ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง - ส านักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ ๑๓ (๒) กระทรวงอุตสาหกรรม - กรมโรงงานอุตสาหกรรม - การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง - ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (๓) กระทรวงสาธารณสุข - กรมควบคุมโรค - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง
๑๐๗ ๔.๙.๒ หน่วยงานระดับส่วนภูมิภาคหรือจังหวัด (๑) จังหวัดระยอง - ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง (๒) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น - องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง - เทศบาลนครระยอง - เทศบาลเมืองมาบตาพุด - เทศบาลเมืองบ้านฉาง - เทศบาลต าบลบ้านฉาง - เทศบาลต าบลเนินพระ - เทศบาลต าบลทับมา - เทศบาลต าบลมาบข่า - เทศบาลต าบลมาบข่าพัฒนา ๔.๙.๓ หน่วยงานอื่น ๆ (๑) ส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๒) ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (๓) คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านจังหวัดระยอง ๔.๙.๔ คณะอนุกรรมการฯ เพื่อประโยชน์ในการจัดการมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีค าสั่งแต่งตั้ง ๑)“คณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดการในเขตควบคุมมลพิษ” (ตามค าสั่ง คณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีอ านาจหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ (๑) พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของพื้นที่ที่สมควรก าหนดเป็นเขตควบคุม มลพิษ หรือยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (๒) เสนอแนะนโยบาย มาตรการ แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษ (๓) พิจารณาให้ข้อคิดเห็นต่อแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ (๔) ประสานการแก้ไขปัญหามลพิษระดับนโยบายและการถ่ายทอดสู่ราชการ ส่วนภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่น (๕) รายงานผลการด าเนินงาน ลด และขจัดมลพิษภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อลด และขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษและมาตรการลดและขจัดมลพิษที่เกี่ยวข้อง ต่อคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง (๖) แต่งตั้งคณะท างานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการตามความ เหมาะสม
๑๐๘ (๗) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมอบหมาย ๒) “คณะอนุกรรมการก ากับดูแลและติดตามผลการด าเนินงานพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง”(ตามค าสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นประธานอนุกรรมการ และหัวหน้าส านักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยองเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ โดยมีอ านาจหน้าที่ดังนี้ (๑) ก าหนดมาตรการลดและขจัดมลพิษ หรือแผนงาน/โครงการเพื่อแก้ไขปัญหา มลพิษในเขตควบคุมมลพิษ (๒) พิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษ และเสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดการมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ (๓) ก ากับการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุม มลพิษและมาตรการลดและขจัดมลพิษที่เกี่ยวข้อง (๔) บูรณาการแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษกับแผนงาน อื่นที่เกี่ยวข้อง (๕) ติดตามประเมินผลการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษและรายงานคณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดการมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ เป็นประจ าทุกปี (๖) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมอบหมาย ๔.๑๐ ผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๙ ผลการด าเนินงาน การแก้ไขปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองที่ผ่านมา มีการจัดท าแผนปฏิบัติการ เพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ ที่ผ่านมา รวม ๓ ฉบับ ประกอบด้วย ๑) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๖ ๒) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ ๓) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ และแผนปฏิบัติการและมาตรการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๖ (ฉบับปรับปรุง) เพื่อให้สอดคล้องกับการด าเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) กิจกรรมปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุม มลพิษมาบตาพุด ผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง สามารถสรุปได้ดังภาพที่ ๓๕
๑๐๙ ภาพที่ ๓๕ สรุปผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง จากภาพที่ ๓๕ เห็นได้ว่า ในภาพรวมมีการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๖ (ฉบับปรับปรุง) ร้อยละ ๘๗.๓๒ ๘๒.๓ และ ๘๔.๖๑ ตามล าดับ ประกอบด้วย ๔ ด้าน ได้แก่ มลพิษอากาศ น้ าเสีย ขยะ และกากของเสีย และอื่น ๆ ทั้งนี้ แผนงาน/โครงการด้านน้ าเสีย มีการด าเนินงานน้อยกว่าด้านอื่น ๆ เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ รายละเอียดผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการและมาตรการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขต ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๖ (ฉบับปรับปรุง) สรุปดังนี้ ๑) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๖ มีจ านวนโครงการรวม ๗๑ โครงการ มีผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ๖๒ โครงการ(ร้อยละ ๘๗.๓๒) ประกอบด้วย ๑.๑)ด้านมลพิษอากาศ ๑๑ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๐ โครงการ (ร้อยละ ๙๐.๙) ได้แก่ (๑) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการก ากับดูแลการระบายมลพิษทางอากาศจาก ภาคอุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) (๒) การปรับลดมลพิษจากปัญหาการจราจร (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ส านักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) (๓) การส ารวจและปรับปรุงเตาเผาศพ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) (๔) การปลูกต้นไม้เพื่อลดมลพิษ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) (๕) การติดตามตรวจสอบสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ และพัฒนาศักยภาพกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการตรวจสอบแหล่งก าเนิด (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) (๖) โครงการเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติ (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ร้อยละ
๑๑๐ (๗) โครงการศึกษาความเหมาะสมของการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศ เพิ่มเติมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง) (๘) โครงการตรวจวัดมลพิษจากยานพาหนะ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) (๙) โครงการประเมินศักยภาพการรองรับมลพิษทางอากาศ (NOX SO2) ในพื้นที่มาบตาพุด (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) (๑๐) โครงการศึกษาแหล่งก าเนิดและมาตรการควบคุมสาร VOCs ในเขตเทศบาลเมือง มาบตาพุด (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ คือ โครงการลดปริมาณฝุ่นละอองจากถนนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) ๑.๒) ด้านน้ าเสีย ๒๑ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๖ โครงการ (ร้อยละ ๗๖.๑๙) ได้แก่ - โครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและบ าบัดน้ าเสีย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - โครงการจ้างเหมาเอกชนควบคุมดูแล บ ารุงรักษาระบบรวบรวมและระบบบ าบัดน้ าเสียรวม ของเทศบาลเมืองมาบตาพุด (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - โครงการฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ าผิวดิน (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) - โครงการควบคุมการระบายมลพิษทางน้ าในโรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมฯ (กรมโรงงาน อุตสาหกรรม) การหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อนมลพิษและการจัดการการปนเปื้อนมลพิษทางน้ า ส าหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) - โครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการก ากับดูแลการระบายมลพิษทางน้ าจาก โรงงานอุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) - โครงการเป่าล้างท าความสะอาดบ่อน้ าตื้นในพื้นที่ ทม. มาบตาพุด และ ทต.ทับมา (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) - โครงการปรับปรุงสภาพบ่อน้ าบาดาล (อุดกลบบ่อน้ าบาดาลและเป่าล้าง) (กรมทรัพยากร น้ าบาดาล ส านักงานทรัพยากรน้ าบาดาล ภาค ๘) - การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสาร VOCs ในน้ าใต้ดิน (กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) - โครงการติดตามตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ าเพื่อจัดท าสถานการณ์คุณภาพแหล่งน้ า ในภาพรวม (กรมควบคุมมลพิษ ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง ส านักงาน สิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๓) - โครงการเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ าและแหล่งก าเนิดมลพิษในพื้นที่โดยเจ้าของพื้นที่ (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) - โครงการจ้างเหมาเอกชนด าเนินการห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ า (เทศบาล เมืองมาบตาพุด) - โครงการเฝ้าระวังคุณภาพน้ าทิ้งบริเวณพื้นที่นิคมฯ มาบตาพุดและตรวจสอบคุณภาพ น้ าทิ้งระบบบ าบัดส่วนกลาง (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
๑๑๑ - โครงการเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าในพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วยสถานีตรวจวัด คุณภาพน้ าอัตโนมัติ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง) - โครงการตรวจสอบการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยในดินและน้ าใต้ดินบริเวณนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จังหวัดระยอง (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) - โครงการศึกษาวิจัยการปนเปื้อนของมลพิษในน้ าใต้ดินและดิน และวิธีการฟื้นฟู (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ - โครงการก่อสร้างระบบรวมรวมและบ าบัดน้ าเสียในเขตควบคุมมลพิษ (องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) - โครงการจัดซื้อรถดูดสิ่งโสโครกและฉีดล้างท่อระบายน้ า (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - โครงการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการสะสมตัวของตะกอนดินบริเวณอ่าวประดู่ (การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย) - โครงการน าน้ าในคลองชากหมากกลับมาใช้ใหม่ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - โครงการศึกษาการน าตะกอนดินจากคลองภายในเขตเทศบาลไปใช้ท าปุ๋ย (เทศบาล เมืองมาบตาพุด) ๑.๓) ด้านขยะมูลฝอย ๕ โครงการ มีการด าเนินงาน ๔ โครงการ (ร้อยละ ๘๐) ได้แก่ - การเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บขนมูลฝอยในเขตควบคุมมลพิษ (ทต.ทับมา ทต.เนินพระ) การจัดซื้อภาชนะรองรับขยะมูลฝอยในเขตเทศบาล ทต.ทับมา และ ทต.บ้านฉาง (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง) - การปิดสถานที่ก าจัดมูลฝอยแบบการเทกอง (เทศบาลต าบลมาบข่า) - การเพิ่มประสิทธิภาพการก าจัดขยะแต่ละประเภทในเขต ทน. ระยอง (เทศบาลนครระยอง) - การส่งเสริมการจัดการมูลฝอยแบบฐานศูนย์ (Zero Waste Project) (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ คือ โครงการก่อสร้างศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอยในเขตเทศบาล ต าบลบ้านฉาง เพื่อเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (เทศบาลเมืองบ้านฉาง เทศบาลต าบลบ้านฉาง) ๑.๔) ด้านกากของเสียและสารอันตราย ๔ โครงการ ด าเนินงานทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - โครงการศึกษาส ารวจและก าหนดมาตรการแก้ไขฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนกากสารเคมีอันตราย (ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง) - โครงการวัตถุอันตรายห่างไกลชุมชน (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ผู้ประกอบการในพื้นที่) - โครงการจัดระบบจัดการของเสียอันตรายจากชุมชน (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - โครงการศูนย์ข้อมูลกากของเสียและวัตถุอันตราย (เทศบาลเมืองมาบตาพุด)
๑๑๒ ๑.๕) ด้านการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในภาพรวม ๑ โครงการ ด าเนินการ ร้อยละ ๑๐๐ ได้แก่ โครงการสร้างความพร้อมการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง กรมควบคุมมลพิษ) ๑.๖) ด้านการเชื่อมโยงเครือข่ายผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔ โครงการ มีการด าเนินงาน ๒ โครงการ (ร้อยละ ๕๐) ได้แก่ - โครงการพัฒนาปรับปรุงระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQMS ในเขตนิคมอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - โครงการศูนย์ข้อมูลกากของเสียและวัตถุอันตราย (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) โครงการส าคัญที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ - โครงการเชื่อมโยงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในจังหวัดระยอง (ส านักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) - การพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลมลพิษจากแหล่งก าเนิดและคุณภาพ สิ่งแวดล้อมด้านน้ าและอากาศในพื้นที่วิกฤต (กรมควบคุมมลพิษ) ๑.๗) ด้านการสร้างจิตส านึกและความตระหนัก ๒ โครงการ ด าเนินงานทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - การสร้างจิตส านึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม (เยาวชนคนรักษ์ระยอง) (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง เทศบาลในเขตควบคุมมลพิษ ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง) - โครงการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) ๑.๘) ด้านการศึกษาวิจัยในภาพรวม ๔ โครงการ มีการด าเนินงาน ๓ โครงการ (ร้อยละ ๗๕) ได้แก่ - การศึกษาศักยภาพการรองรับมลพิษและการแพร่กระจายมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ) - การศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ (Eco Industrial Town) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - โครงการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนจากมลพิษอุตสาหกรรม ที่ส าคัญในพื้นที่จังหวัดระยอง (สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) - โครงการที่ยังไม่ได้ด าเนินการ คือ โครงการศึกษาแนวทางในการแบ่งเขตการใช้ประโยชน์ ของที่ดินในเขตควบคุมมลพิษ (เทศบาลเมืองมาบตาพุด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ) ๑.๙) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ๗ โครงการ ด าเนินงานทั้ง ๗ โครงการ (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - โครงการจัดท าและปรับปรุงเทศบัญญัติเพื่อควบคุมการระบายมลพิษจากภาคอุตสาหกรรม และชุมชน (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) - การก าหนดค่าการควบคุมการระบาย SO2 NOX ฝุ่นละอองในระยะยาว (ส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) - โครงการพัฒนากฎหมาย มาตรฐาน มาตรการ แนวทาง เพื่อควบคุมสารมลพิษทางอากาศ (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม)
๑๑๓ - โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการบุกรุกแม่น้ าล าคลอง (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - โครงการก ากับดูแลแหล่งก าเนิดมลพิษทางเสียงในเขตควบคุมมลพิษ (เทศบาลนครระยอง เทศบาลต าบลมาบข่า) - โครงการก าหนดมาตรการตามข้อบัญญัติของท้องถิ่น (เทศบาลต าบลทับมา) - โครงการก ากับดูแลการระบายมลพิษตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรม ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม) ๑.๑๐) ด้านการรองรับเหตุฉุกเฉินและเตือนภัยสารพิษ ๘ โครงการ มีการด าเนินงาน ๘ โครงการ (ร้อยละ ๑๐๐) คือ - การรองรับอุบัติภัยฉุกเฉินจากสารเคมี การพัฒนาระบบความปลอดภัยของกลุ่ม นิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด (กรมป้องกันและบรรเทาธารณภัย เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาล นครระยอง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ผู้ประกอบการ) - การจัดหาอุปกรณ์เพื่อระงับเหตุฉุกเฉิน (ส านักงานจังหวัดระยอง) - การซ้อมแผนฉุกเฉินและส่งต่อผู้ประสบภัยทางสารเคมี (เทศบาลนครระยอง) - การจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วระดับจังหวัด (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วระดับพื้นที่ (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - การจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังและรับแจ้งเหตุร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อม (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง) - การพัฒนาระบบเตือนภัย/แจ้งเหตุในชุมชน (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - การพัฒนาระบบรองรับการตอบโต้เหตุฉุกเฉินและการเตือนภัยล่วงหน้า (กรมควบคุมมลพิษ) ๑.๑๑) ด้านการติดตามประเมินผล ๔ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ โครงการ ติดตามประเมินผลการลดมลพิษจากแหล่งก าเนิดอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษ (มลพิษทางอากาศ น้ า และกากของเสียอุตสาหกรรม) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรม) โครงการติดตามและประเมินผลการแพร่กระจายมลพิษประเภทสารอินทรีย์ระเหยง่ายภายหลังการควบคุม มลพิษจากคลังน้ ามัน/และหรือสถานีบริการน้ ามัน รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพน้ ามัน EURO 4 (กรมควบคุมมลพิษ) โครงการติดตามประเมินผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม) การจัดตั้งคณะอนุกรรมการก ากับและติดตามการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลด และขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ) ๒) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ มีจ านวนโครงการรวม ๖๘ โครงการ โดยมีผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ๕๖ โครงการ (ร้อยละ ๘๒.๓) ดังนี้ ๒.๑)ด้านมลพิษอากาศ ๑๐ โครงการ มีการด าเนินงาน ๙ โครงการ (ร้อยละ ๙๐) ได้แก่ -การปรับลดมลพิษจากปัญหาการจราจร(องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองส านักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร) - การส ารวจและปรับปรุงเตาเผาศพ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - การลดควันพิษจากการจราจรติดขัด (เทศบาลนครระยอง)
๑๑๔ - การติดตามตรวจสอบสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ และพัฒนาศักยภาพกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการตรวจสอบแหล่งก าเนิด (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) - การเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วยสถานี ตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติ (กรมควบคุมมลพิษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - การเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศของ ทน.ระยอง (เทศบาลนครระยอง) - การตรวจวัดมลพิษจากยานพาหนะ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) -การส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมายและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับกับรถที่ระบายมลพิษ เกินมาตรฐาน (ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) - โครงการศึกษาแหล่งก าเนิดและมาตรการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) โครงการส าคัญที่ไม่ได้ด าเนินการ คือ โครงการลดปริมาณฝุ่นละอองจากถนนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) ๒.๒) ด้านน้ าเสีย ๑๘ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๑ โครงการ (ร้อยละ ๖๑.๑) ได้แก่ - การก่อสร้างและเชื่อมท่อจากบ้านเรือนเข้าระบบรวบรวมน้ าเสีย (ส่วนที่ ๑) และระบบ บ าบัดน้ าเสียของ ทม. มาบตาพุด (ระยะเร่งด่วน) (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) -การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและบ าบัดน้ าเสีย (ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) -การหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อนมลพิษและการจัดการการปนเปื้อนมลพิษทางน้ า ส าหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) -การร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการก ากับดูแลการระบายมลพิษทางน้ าจากโรงงาน อุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) -การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสาร VOCs ในน้ าใต้ดิน (กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) -การเพิ ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ าในเขตเทศบาลต าบลเนินพระ (เทศบาล ต าบลเนินพระ) - การเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ าและแหล่งก าเนิดมลพิษในพื้นที่โดยเจ้าของพื้นที่ (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) -การเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง (เทศบาลเมือง มาบตาพุด ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ส านักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๓ กรมควบคุมมลพิษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) -การศึกษาเพื่อก าหนดการระบายมลพิษทางน้ าจากพื้นที่อุตสาหกรรม (กรมควบคุมมลพิษ) - โครงการศึกษาวิจัยการปนเปื้อนของมลพิษในน้ าใต้ดินและดิน และวิธีการฟื้นฟู (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) - การศึกษาศักยภาพการรองรับมลพิษและการแพร่กระจายมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ)
๑๑๕ โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ (๑) การก่อสร้างระบบรวบรวมและบ าบัดน้ าเสียในเขตควบคุมมลพิษ (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง) (๒) การปรับปรุงระบบบ าบัดน้ าเสียรวม (เทศบาลนครระยอง) (๓) การขุดลอกคลองภายในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดเพื ่อปรับปรุงคุณภาพน้ า และลดมลภาวะที่เกิดจากน้ าเสีย (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) (๔) การซื้อรถดูดสิ่งโสโครกและฉีดล้างท่อระบายน้ า (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เทศบาลต าบลทับมา เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลต าบลเนินพระ) (๕) การฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ าผิวดิน (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) (๖) การฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการสะสมตัวของตะกอนดินบริเวณอ่าวประดู่ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) (๗) การน าน้ าในคลองซากหมากกลับมาใช้ใหม่ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ๒.๓) ด้านขยะมูลฝอย ๔ โครงการ มีการด าเนินงาน ๓ โครงการ (ร้อยละ ๗๕) ได้แก่ - การก่อสร้างศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร จังหวัดระยอง (ระยะที่ ๒) (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) -การเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการจัดการขยะ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เทศบาลนครระยอง) -การปิดสถานที่ก าจัดมูลฝอยแบบเทกอง (เทศบาลต าบลมาบข่าพัฒนา) โครงการส าคัญที่ไม่ได้ด าเนินการ คือ การก่อสร้างศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอยในเขตเทศบาล ต าบลบ้านฉาง เพื่อเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (เทศบาลเมืองบ้านฉาง เทศบาลต าบลบ้านฉาง) ๒.๔) ด้านกากของเสียอันตราย ๔ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - การศึกษาส ารวจและก าหนดมาตรการแก้ไขฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนกากสารเคมีอันตราย (ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) -การเฝ้าระวัง/ป้องกันทิ้งสารเคมีและกากของเสียอันตราย (กรมควบคุมมลพิษ) - โครงการ Map Ta Phut Green Logistic (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - การปรับปรุงระบบขนส่งกากอุตสาหกรรม (กรมโรงงานอุตสาหกรรม ส านักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร) ๒.๕) ด้านการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในภาพรวม ๕ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - โครงการหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วเพื่อตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ส านักงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) - การจ้างที่ปรึกษาติดตามตรวจสอบและประเมินคุณภาพสิ่งแวดล้อมของนิคมฯ และท่าเรือ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
๑๑๖ -การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรเพื่อเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) -การลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง (เทศบาลต าบลบ้านฉาง เทศบาลนครระยอง) - โครงการน าร่องในการเผยแพร่ข้อมูลการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษในพื้นที่ เขตควบคุมมลพิษสู่สาธารณชน (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย JICA) ๒.๖)ด้านการเชื่อมโยงเครือข่ายผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๗ โครงการ มีการด าเนินงาน ๕ โครงการ (ร้อยละ ๗๑.๔) ได้แก่ -การตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ทน. ระยอง (เทศบาลนครระยอง) -การจ้างเหมาบริหารจัดการศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMCC) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) -การเฝ้าระวังคุณภาพน้ าทิ้งบริเวณพื้นที่นิคมมาบตาพุด (OPMS) (การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย) -การติดตั้งระบบและเชื่อมต่อข้อมูลระบบตรวจวัดคุณภาพน้ าเพื่อการเตือนภัยแบบอัตโนมัติ ในเขต ทม. มาบตาพุด (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) - การติดตั้งจอป้ายคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อการเตือนภัยเทศบาลเมืองมาบตาพุด (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ ๑) การเชื่อมโยงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในจังหวัดระยอง (ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) ๒) การพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลมลพิษจากแหล่งก าเนิดและ คุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านน้ าและอากาศในพื้นที่วิกฤต (กรมควบคุมมลพิษ) ๒.๗) ด้านการสร้างจิตส านึก ๒ โครงการ มีการด าเนินงาน ๒ โครงการ (ร้อยละ ๑๐๐) คือ - การสร้างจิตส านึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ) - การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ระยอง ส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) ๒.๘)ด้านการศึกษาวิจัยในภาพรวม ๕ โครงการ มีการด าเนินงาน ๔ โครงการ (ร้อยละ ๘๐) ได้แก่ - การศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - การศึกษาและกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนจากมลพิษอุตสาหกรรม ที่ส าคัญในพื้นที่จังหวัดระยอง (สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) - การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการและพิษวิทยาเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพจากสารเคมี (กรมควบคุมโรค) -การพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพและดัชนีชี้วัดสุขภาพด้านอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมโรค)
๑๑๗ โครงการส าคัญที่ไม่ได้ด าเนินการ คือ การศึกษาเพื่อจัดหาและบริหารจัดการพื้นที่ แนวกันชน (Buffer Zone) ตามผังเมืองรวมฯ (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) ๒.๙) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ๖ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - การจัดท าและปรับปรุงเทศบัญญัติเพื่อควบคุมการระบายมลพิษจากภาคอุตสาหกรรม และชุมชน (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่) -การก าหนดค่าการควบคุมการระบาย SO2 NOX ฝุ่นละออง ในระยะยาว (ส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) -การพัฒนากฎหมาย มาตรฐาน มาตรการ แนวทาง เพื่อควบคุมสารมลพิษทางอากาศ (กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม) -การเฝ้าระวังและป้องกันการบุกรุกแม่น้ าล าคลอง (เทศบาลเมืองมาบตาพุด) -การก ากับดูแลแหล่งก าเนิดมลพิษทางเสียงในเขตควบคุมมลพิษ (เทศบาลนครระยอง เทศบาลต าบลมาบข่าพัฒนา) -การติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในรายงานวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรม ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๒.๑๐) ด้านการรองรับเหตุฉุกเฉิน ๒ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - การรองรับเหตุฉุกเฉินจากอุบัติภัยฉุกเฉินสารเคมี การจัดหาอุปกรณ์เพื่อระงับ เหตุฉุกเฉินและการตั้งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วระดับพื้นที่ (ส านักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลนครระยอง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ผู้ประกอบการ) - การตั้งศูนย์เฝ้าระวังและรับแจ้งเหตุร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อม (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุด กรมควบคุมมลพิษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ๒.๑๑) ด้านการติดตามประเมินผล ๕ โครงการ ด าเนินการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐) ได้แก่ - ประเมินคุณภาพอากาศหลังการใช้น้ ามันยูโร ๔ ในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ) - การติดตามประเมินผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ) - การประชุมคณะอนุกรรมการก ากับและติดตามผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการ เพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (กรมควบคุมมลพิษ ส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) -การประชุมคณะอนุกรรมการพหุพาคีเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษและพัฒนาคุณภาพชีวิต ในพื้นที่จังหวัดระยอง (ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง) -การจัดท าแนวระยะป้องกัน (Protection Strip) (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรม)
๑๑๘ ๓)ผลการด าเนินการตาม แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๖ (ฉบับปรับปรุง) ๓.๑)แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๖ (ฉบับปรับปรุง) เป็นโครงการที่ด าเนินการในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๕ รวม ๖๕ โครงการ โดยมีผล การด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ รวม ๕๕ โครงการ (ร้อยละ ๘๔.๖๑) ดังนี้ ๓.๑.๑) ด้านมลพิษอากาศ ๒๐ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๖ โครงการ (ร้อยละ ๘๐) โครงการที่ได้ด าเนินการ อาทิ - การก ากับดูแลการระบายสาร VOCs ทางอากาศในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อาทิ ท่าเรือ โรงงาน คลังน้ ามัน (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - การก ากับดูแลการระบายสาร VOCs ทางอากาศของโรงงานนอกพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรม (ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง) - การติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศ (กรมควบคุมมลพิษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเทศบาลเมืองมาบตาพุด) - ก่อสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศพร้อมจอแสดงผลจังหวัดระยอง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - การจัดท ากฎหมายควบคุมการระบายไอสาร VOCs จากการประกอบกิจการ ถังเก็บ และจากหอเผาทิ้งของโรงงานอุตสาหกรรม (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) โครงการที่อยู่ระหว่างด าเนินการ ได้แก่ - การก าหนดค่าขีดความสามารถในการรองรับสารเบนซีนของพื้นที่ส าหรับ โรงงานอุตสาหกรรมเคมีประเภท ๔๒ และ ๔๔ (กรมควบคุมมลพิษ) - การพัฒนามาตรฐานควบคุมการระบายสาร ๑,๓-บิวทาไดอีนในอากาศ (กรมควบคุมมลพิษ) - การพัฒนามาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งสารเบนซีนในอากาศจากโรงกลั่น น้ ามันปิโตรเลียม (กรมควบคุมมลพิษ) โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ อาทิ - การก าหนดมาตรฐาน/มาตรการควบคุมการระบายอากาศเสียจากเรือ ที่มีการขนถ่ายหรือขนส่งน้ ามันเชื้อเพลิงและสารเคมี (กรมเจ้าท่า) - การก าหนดมาตรการและก ากับดูแลการระบายสาร VOCs จากสถานี บริการน้ ามัน (ส านักงานพลังงานจังหวัดระยอง) ๓.๑.๒)ด้านน้ าเสีย ๑๕ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๑ โครงการ (ร้อยละ ๗๓.๓๓) อาทิ - การก ากับดูแลการจัดการน้ าเสียจากโรงงานในและนอกนิคมอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง) - การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ให้ด าเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดิน (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง)
๑๑๙ - การติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง (กรมควบคุมมลพิษ ส านักงานสิ่งแวดล้อมภาคและควบคุมมลพิษ 13 (ชลบุรี) กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) - โครงการที่อยู่ระหว่างด าเนินการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างระบบบ าบัดน้ าเสีย เทศบาลต าบลบ้านฉาง (องค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลต าบลบ้านฉาง) โครงการที่ยังไม่ได้ด าเนินการ อาทิ - โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมน้ าเสียเทศบาล เมืองมาบตาพุด (องค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลเมืองมาบตาพุด) ได้ปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวม น้ าเสียบางส่วน แต่ยังไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพระบบ เนื่องจากไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ - โครงการก่อสร้างระบบบ าบัดน้ าเสียแบบกลุ่มอาคาร เทศบาลเมืองบ้านฉาง (องค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลเมืองบ้านฉาง) เนื่องจากไม่มีพื้นที่ก่อสร้างระบบบ าบัดน้ าเสีย - โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและระบบบ าบัดน้ าเสียในพื้นที่เขต ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (พื้นที่จัดการน้ าเสียเทศบาลนครระยอง) (เทศบาลนครระยอง) - โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ าในคลองสายหลักในเขตควบคุมมลพิษ โดยการติดตั้งเครื่องเติมอากาศโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ตามจุดต่าง ๆ ในคลองสายหลักในเขตควบคุม มลพิษ (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตควบคุมมลพิษ ๗ แห่ง) เนื่องจากไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ๓.๑.๓)ด้านกากของเสียและสารอันตราย ๑๖ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๖ โครงการ (ร้อยละ ๑๐๐) อาทิ - โครงการก่อสร้างระบบหมักก๊าซชีวภาพในพื้นที่ศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอย จังหวัดระยอง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - โครงการเพิ่มศักยภาพในการจัดการขยะมูลฝอยโดยการก่อสร้าง บ่อฝังกลบขยะมูลฝอยเพิ่มเติม ๑ บ่อ ในพื้นที่ศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร และก่อสร้าง เตาเผาขยะมูลฝอยผลิตกระแสไฟฟ้า (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยีจ ากัด) - โครงการก่อสร้างระบบก าจัดสิ่งปฏิกูลที่ถูกหลักสุขาภิบาล (เทศบาล นครระยอง) - โครงการก่อสร้างศูนย์ก าจัดมูลฝอยติดเชื้อเขตบริการสุขภาพที่ ๖ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) - โครงการก่อสร้างระบบก าจัดกากอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทยและบริษัท SCG จ ากัด (มหาชน)) - การก ากับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ให้ส่งกากอุตสาหกรรมทั้งประเภทที่เป็นอันตรายและที่ไม่เป็นอันตรายเข้าสู่โรงงานก าจัดกากอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด)
๑๒๐ ๓.๑.๔)ด้านอื่น ๆ ๑๔ โครงการ มีการด าเนินงาน ๑๒ โครงการ (ร้อยละ ๘๕.๗๑)อาทิ - โครงการเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างภาคเอกชนและประชาชน ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของโรงงานในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด (กรมโรงงาน อุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) - โครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคของประชาชนในเขตควบคุม มลพิษและเขตอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง (ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง) - โครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติฯ) - โครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่าย ทสม.ระยอง (ส านักงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) - โครงการพัฒนาระบบการจัดท าท าเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้าย มลพิษ (PRTR) (กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ) โครงการที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ - โครงการเสริมสร้างศักยภาพจังหวัดระยองด้านการป้องกันและขจัด มลพิษทางน้ าเนื่องจากน้ ามัน (กรมเจ้าท่า) - โครงการวิจัยพัฒนากลไกเพื่อยกระดับขีดความสามารถของทุกภาคส่วน ด้านการป้องกันและจัดการพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตรายจากอุตสาหกรรมโดยกระบวนการมีส่วนร่วม กรณีศึกษาเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) ๓.๒) มาตรการ แนวทางในการด าเนินงานแก้ไขปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง รวม ๓๑ มาตรการ โดยมีผลการด าเนินงานตามมาตรการฯ รวม ๒๘ มาตรการ (ร้อยละ ๙๐.๓๒) ดังนี้ ๓.๒.๑) สารอินทรีย์ระเหยง่ายมี ๑๓ มาตรการ ได้ด าเนินการ ๑๒ มาตรการ (ร้อยละ ๙๒.๓๑) สรุปผลการด าเนินงาน อาทิ - คพ. เก็บตัวอย่างสาร VOCs ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จ านวน ๗ จุด ได้แก ่ (๑) รพ.สต.มาบตาพุด (๒) วัดมาบชะลูด (๓) โรงเรียนวัดหนองแฟบ (๔) สถานีเมืองใหม่ มาบตาพุด (๕) ชุมชนบ้านพลง (๖) ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน (๗) หมู่บ้านนพเกตุ (ชุมชน เนินพะยอม) วิเคราะห์ผลและรายงานสถานการณ์สาร VOCs รายเดือนในพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ - กรณีที่พบสาร VOCs เกินค่าเฝ้าระวังฯ ๒๔ ชั่วโมง กรมควบคุมมลพิษ จะแจ้งจังหวัดระยองและหน่วยงานก ากับดูแลทราบ และเก็บตัวอย่างสาร VOCs เพิ่มเติม เพื่อเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบ และวิเคราะห์สถานการณ์สาร VOCs ในพื้นที่ชุมชน -กรณีที่ตรวจพบค่าสาร VOCsจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ เกินค่าเฝ้าระวังให้น าผลมาใช้ในการบ่งชี้แหล่งก าเนิดสาร VOCs ที่เป็นที่มาของการเกินค่าเฝ้าระวัง เพื่อใช้ในการพิจารณาการยกระดับมาตรการควบคุมสาร VOCs ให้เข้มข้นและทันกับสถานการณ์ เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมสาร VOCs จากแหล่งก าเนิดให้เข้มข้นมากขึ้นและทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบด้วย กนอ. ใช้รถตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เฝ้าระวัง ทม.มาบตาพุด มีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอจ.ระยองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
๑๒๑ - คพ. อยู่ระหว่างการออกมาตรฐานในการควบคุมการระบายสาร VOCs จากแหล่งก าเนิดอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ๑) การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย จากโรงกลั่นน้ ามันปิโตรเลียม ๒) การก าหนดค่าขีดความสามารถในการรองรับสารเบนซีนของพื้นที่ ส าหรับโรงงานอุตสาหกรรมเคมีประเภทที่ ๔๒ และ ๔๔ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรวมท่าเรือ ๓) การจัดท ามาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งสาร ๑,๓-บิวทาไดอีน ในรูปอัตราการระบาย (Loading) จากโรงงานอุตสาหกรรมเคมี - กรอ. ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมควบคุมสาร VOCs ได้แก่ (๑) การควบคุมการใช้หอเผาทิ้ง พ.ศ. ๒๕๖๕ (๒) การควบคุมการระบายไอสารอินทรีย์ระเหยจากการ ซ่อมบ ารุง พ.ศ. ๒๕๖๕ (๓) การควบคุมการระบายไอสารอินทรีย์ระเหยจากถังกักเก็บ พ.ศ. ๒๕๖๕ พร้อมกับจัดท าระบบฐานข้อมูลทะเบียนและการรายงาน - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ด าเนินงานควบคุมการระบาย ไอสาร ๑,๓-บิวทาไดอีนและสารเบนซีน ภายใต้คณะกรรมการบริหารโครงการร่วมมือด าเนินโครงการ น าร่องเพื่อจัดการการระบายไอสาร ๑,๓-บิวทาไดอีน โดยใช้มาตรการตามแนวทางปฏิบัติที่ดี (CoP) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส าหรับมาตรการที่ไม่ได้ด าเนินการ ได้แก่ มาตรการควบคุมสาร VOCs จากยานพาหนะ (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เนื่องจากไม่มีงบประมาณ) ๓.๒.๒) มลพิษทางน้ า มี ๑๑ มาตรการ ได้ด าเนินการ ๑๐ มาตรการ (ร้อยละ ๙๐.๙๑) สรุปผลการด าเนินงาน อาทิ -การควบคุมการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษ โดย กนอ. ก ากับและติดตาม ตรวจสอบการระบายน้ าทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม โดยใช้ระบบการตรวจสอบมลพิษ อัตโนมัติ (Online Pollution Monitoring System : OPMs) (BOD/COD Online) ในพื้นที่ทั้ง ๕ นิคม ในเขตควบคุมมลพิษและพื้นที่ท่าเรือฯและส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยองได้ตรวจสอบการระบายน้ าทิ้ง จากโรงงานนอกนิคมอุตสาหกรรมตามแผนที่ก าหนด และ ทม.มาบตาพุดออกข้อบัญญัติท้องถิ่นภายใต้ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อก ากับดูแลการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ให้เข้มงวดด้านการระบายน้ าทิ้ง - ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาด/เทคโนโลยีการบ าบัดน้ าเสียที่มี ประสิทธิภาพ/การน าน้ าเสียกลับมาใช้ประโยชน์ โดย กนอ. จัดท าคู่มือการตรวจประเมินโรงงานตามแผน ปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและท่าเรือมาบตาพุด เพื่อรายงานการจัดการด้านน้ า ผลักดันให้มีการปรับปรุงระบบบ าบัดน้ าเสียและส่งเสริมให้มีการน า เทคโนโลยีการน าน้ าเสียที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพแล้วกลับไปใช้ใหม่ในโรงงาน รวมทั้งมีการศึกษา การน าน้ าเสีย/น้ าทิ้งจากระบบบ าบัดน้ าเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ๕ แห่ง กลับมาใช้ประโยชน์ - การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าผิวดิน โดย คพ. ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวัง คุณภาพน้ าในคลองสาธารณะ ๑๗ สาย รวม ๔๐ จุด จ านวน ๒ ครั้งต่อปี - การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลและตะกอนดิน โดย คพ. ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลชายฝั่งรวม ๑๓ จุด ตะกอนดินรวม ๕ จุด และเนื้อเยื่อสัตว์น้ ารวม ๕ ตัวอย่าง จ านวน ๒ ครั้งต่อปี ทช.ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลรวม ๔ จุด จ านวน ๔ ครั้งต่อปี
๑๒๒ - การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ๕ นิคม ให้ด าเนินการ แก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดิน โดย กนอ. ควบคุมและก ากับดูแลให้โรงงาน อุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๕ นิคม ด าเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs และโลหะ หนักในดินและน้ าใต้ดินตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs และโลหะหนักในดินและน้ าใต้ดิน รวมทั้งให้ความรู้ ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการปนเปื้อนในดินและน้ าใต้ดิน - การติดตามตรวจสอบการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษประเภทต่าง ๆ โดย สคพ. ๑๓ ร่วมกับ ทสจ.ระยอง พื้นที่อ าเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง จ านวน ๑๑ แห่ง ได้แก่ อาคารชุด ๓ แห่ง โรงเรียน ๓ แห่ง ระบบบ าบัดน้ าเสียชุมชน ๓ แห่ง โรงพยาบาล ๑ แห่ง และห้างสรรพสินค้า ๑ แห่ง พบว่าคุณภาพน้ าทิ้งผ่านเกณฑ์มาตรฐานฯ รวม ๗ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๖๔) ไม่ผ่าน ๒ แห่ง ไม่มีน้ าให้เก็บและไม่ระบายออก รวม ๒ แห่ง ทั้งนี้ ในส่วนของการบ าบัดน้ าเสียจากชุมชนได้มีการหารือแนวทางบริหารจัดการ น้ าเสียในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยจะน าร่องในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยส านักงาน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) คพ. อจน. สผ. อบจ.ระยอง ทน.ระยอง ทม.มาบตาพุด ทต.บ้านปลวกแดง เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ โดยมีมติให้ อจน. ด าเนินการ ปรับปรุง ซ่อมแซมระบบเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบบรวบรวมน้ าเสีย และก่อสร้างระบบบ าบัดน้ าเสีย เพิ่มเติม โดยให้ ทม.มาบตาพุดน าข้อมูลเข้าสู่ระบบ Thai Water Plan ของ สทนช. เพื่อให้เป็นข้อมูล ส าหรับการของบประมาณ พร้อมทั้งจัดท าแผนที่ที่ครอบคลุมชุมชน ออกแบบแนวท่อให้เหมาะสม และขอให้ อจน. เสนอค าของบประมาณระบบบ าบัดน ้าเสียพื้นที่ ทม.มาบตาพุด ผ่านแผนงานบูรณาการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ า สทนช. และแผนงานบูรณาการ อีอีซี สกพอ. คู่ขนานกับการเสนอขอ งบประมาณ ผ่านกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นช่องทางปกติเพื่อให้หน่วยงานเจ้าภาพแผนบูรณาการ ช่วยผลักดันโครงการฯ โดย สกพอ. จะแต่งตั้งคณะท างานเพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ าเสียในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกน าร่องในพื้นที่จังหวัดระยอง ๓.๒.๓) กากของเสีย สารอันตราย และอุบัติเหตุฉุกเฉินสารเคมี มี ๕ มาตรการ กนอ. ด าเนินการ ๕ มาตรการ (ร้อยละ ๑๐๐) สรุปผลการด าเนินงาน ดังนี้ ๑) การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล : ก ากับดูแลให้โรงงานในนิคมขออนุญาต น ามูลฝอยและสิ่งปฏิกูลไปก าจัดนอกพื้นที่โรงงาน จัดเตรียมภาชนะรองรับมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้มีความ เหมาะสมกับประเภทและเก็บรวบรวมไว้ในพื้นที่ที่มีหลังคาคลุมและมีฝาปิดมิดชิด รณรงค์ให้โรงงาน ต่าง ๆ มีการคัดแยกมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลตั้งแต่แหล่งก าเนิดเพื่อน ากลับไปใช้ประโยชน์ใหม่และง่าย ต่อการเก็บรวบรวมและก าจัด และจัดท าคู่มือการตรวจประเมินโรงงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัด มลพิษของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและท่าเรือมาบตาพุดเพื่อรายงานการจัดการ ขยะมูลฝอย ๒) การจัดการกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย : ก ากับดูแลให้โรงงานในนิคม ขออนุญาตน ากากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายออกนอกพื้นที่โรงงาน จัดเตรียมภาชนะรองรับ กากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายให้มีความเหมาะสมกับประเภทของกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย ก าหนดให้ผู้ให้บริการเก็บรวบรวมกากอุตสาหกรรม มูลฝอยและสิ่งปฏิกูล หลีกเลี่ยงการขนส่งในช่วงเวลา เร่งด่วนและต้องระมัดระวังมิให้หล่น หรือฟุ้งกระจาย รวมทั้งก าหนดให้ต้องบันทึกชนิด ปริมาณ
๑๒๓ และคุณลักษณะของกากอุตสาหกรรม รวมถึงการส่งกากอุตสาหกรรมไปให้หน่วยงานที่รับก าจัดและรายงานให้ กนอ. ทราบ เพื่อรวบรวมข้อมูลส่ง สผ. และจัดท าคู่มือการตรวจประเมินโรงงานตามแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและท่าเรือมาบตาพุด เพื่อรายงาน การจัดการกากของเสียที่ไม่อันตราย ๓) การจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย : ก ากับดูแลให้โรงงานในนิคม จะต้องขออนุญาตน ากากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายออกนอกพื้นที่โรงงานซึ่งการขนส่งกากอุตสาหกรรม ที่เป็นอันตรายเพื่อน าไปก าจัด ต้องด าเนินการตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบเอกสาร ก ากับการขนส่งของเสียอันตราย พ.ศ. ๒๕๔๗ จัดให้มีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลให้โรงงานที่มีกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายปฏิบัติตามแผนการจัดการกากอุตสาหกรรม แจ้งความจ านง ไปยังหน่วยงานที่ได้รับก าจัดให้มาเก็บขนกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายไปก าจัดและจะต้องแจ้งปริมาณ และลักษณะสมบัติของกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายให้นิคมอุตสาหกรรมด้วย รวบรวมข้อมูล การจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายในรูปแบบใบแจ้งรายละเอียด (Manifest) และส าเนาแจ้งให้ กนอ. ทราบทุกครั้ง ขณะที่ท าการขนถ่ายไปยังพาหนะต้องท าให้มิดชิดไม่ให้มีการรั่วไหลตกหล่นหรือ ฟุ้งกระจาย ควบคุมดูแลให้โรงงานจะต้องจัดเตรียมที่เก็บรวบรวมกากอุตสาหกรรมในภาชนะที่เหมาะสม เพื่อรอการขนส่งไปก าจัด และจัดท าคู่มือการตรวจประเมินโรงงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ ของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและท่าเรือมาบตาพุดเพื่อรายงานการจัดการ กากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย ๔) การป้องกันอุบัติภัยฉุกเฉินสารเคมี :จัดท าแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระดับชุมชนร่วมกับส านักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่ (ชุมชนซอยคีรี ชุมชนชากลูกหญ้า) จัดท ารายงานข้อมูลการสนับสนุนการระงับเหตุของโรงงานในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลส์ ประเทศไทย จ ากัด และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จ ากัด (มหาชน)) จัดท ารายงานผลการซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับ ๒ ของนิคมอุตสาหกรรม ส านักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) สาขา ๘ กรณีเกิดสารไฮโดรคาร์บอนรั่วไหลก าหนดให้โรงงานภายในนิคมฯ จัดส่งข้อมูล การใช้สารเคมีและเอกสารแสดงคุณสมบัติของสารเคมีของโรงงานนั้น ๆ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ในการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันภัยจากอุบัติภัยฉุกเฉิน สารเคมีให้กับประชาชน ๕) การป้องกันและลดมลพิษ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และความรับผิดชอบต่อสังคม : พัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้ด าเนินธุรกิจภายใต้ ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) รวมทั้งการควบคุมและลดมลพิษ สนับสนุนการน าหลักการ Green Chemistry และ Green Industry มาใช้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดท าข้อมูลและเปิดเผยข้อมูล การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษสู่สาธารณชน และก าหนดมาตรการติดตามตรวจสอบ ผู้ประกอบการให้ด าเนินการตามข้อก าหนดในการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล กากอุตสาหกรรม ที่ไม่อันตราย กากอุตสาหกรรมอันตราย อุบัติภัยฉุกเฉินสารเคมีในนิคมอุตสาหกรรม
๑๒๔ ๓.๒.๔) การจัดการสิ่งแวดล้อมเมือง มี ๒ มาตรการ ได้ด าเนินการ ๒ มาตรการ (ร้อยละ ๑๐๐) ประกอบด้วย (๑) การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม โดย กนอ. ร่วมกับผู้ประกอบการและชุมชนเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปี ๒๕๖๕ มี ๒ แห่ง ได้แก่ เขาห้วยมะหาด และบึงส าเหร่ สผ. ขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน” อาทิ การปลูกพืชสมุนไพรช่วยลดภาวะ โลกร้อนของเทศบาลต าบลมาบข่า และการก าหนดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชน (Buffer Zone) ตามเกณฑ์และข้อก าหนดของหน่วยงาน โดยเน้นการปลูกไม้ยืนต้นในแนวป้องกัน (Protection Strip) หรือแนวกันชน (Buffer Zone) ของ กรอ. และ กนอ. (๒) ทต.บ้านฉาง เสนอเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) กับส านักงานส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมในการบริหารจัดการเมืองในมิติต่าง ๆ ตามแนวทางของการเป็นเมืองอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริม การจัดการสิ่งแวดล้อมของเมือง การวิเคราะห์ผลลัพธ์ (Outcome) จากผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง จนถึงปัจจุบัน โดยวัดผลจากคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ในปี ๒๕๖๕ เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐาน สรุปดังนี้ ๑) ด้านอากาศ คุณภาพอากาศในพื้นที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ที่ก าหนด เป้าหมายคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ก าหนด ทั้งนี้ สารมลพิษทางอากาศพื้นฐาน (SO2 NO2 CO) อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สารมลพิษที่เป็นปัญหาส าคัญ คือสาร VOCs 3 ชนิด ได้แก่ เบนซีน ๑,๒ - ไดคลอโรอีเทน และ ๑,๓ - บิวทาไดอีน โดยผลการตรวจวัดในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ค่าเฉลี่ยทุกสถานี ยังเกินค่ามาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา ๑ ปี ดังตารางที่ ๑๖ ตารางที่ ๑๖ ค่าเฉลี่ยทุกสถานียังเกินค่ามาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา ๑ ปี สาร VOCs ค่าเฉลี่ยรายปีพื นที่ (มคก./ลบ.ม.) มาตรฐาน ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ๒๕๖๔ ๒๕๖๕ (มคก./ลบ.ม.) เบนซีน ๓.๓๔ ๑.๘๑ ๒.๙๗ ๓.๗๗ ๒.๐๐ ๑.๗ สาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน ๑.๑๖ ๗.๒๗ ๗.๓๙ ๐.๑๖ ๗.๖๑ ๗.๓๓ สาร ๑,๒ - ไดคลอโรอีเทน ๐.๕๖ ๐.๓๗ ๐.๔๑ ๐.๔๒ ๐.๕๓ ๐.๔ ๑.๑) สารเบนซีน มีแนวโน้มลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ยังคงเกินค่ามาตรฐานฯ ในเวลา ๑ ปีจ านวน ๕ สถานีจากทั้งหมด ๗ สถานี ได้แก่ เมืองใหม่ รพ.สต. มาบตาพุด บ้านพลง เนินพยอม และตากวน
๑๒๕ ๑.๒) สาร ๑,๓ – บิวทาไดอีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และเกินค่า มาตรฐานฯ ในเวลา ๑ ปี จ านวน ๕ สถานีจากทั้งหมด ๗ สถานี ได้แก่ เมืองใหม่ รพ.สต. มาบตาพุด บ้านพลง วัดหนองแฟบ และตากวน ๑.๓) สาร ๑, ๒ – ไดคลอโรอีเทน ส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ยังคงเกินค่ามาตรฐานฯ ในเวลา ๑ ปี จ านวน ๖ สถานีจากทั้งหมด ๗ สถานี ได้แก่ เมืองใหม่ รพ.สต.มาบตาพุด บ้านพลง เนินพยอม หนองแฟบ และตากวน นอกจากนี้ ยังมีสารไวนิลคลอไรด์ (VCM) เกินค่าเฝ้าระวังส าหรับสารอินทรีย์ระเหยง่าย ในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา ๒๔ ชั่วโมง (๒๐ มคก./ลบ.ม.) บริเวณชุมชนบ้านพลง ในเดือนมกราคม มีนาคม และมีค่าสูงในเดือนกรกฎาคม (๒๐.๙๙ ๒๐.๖ และ ๑๙ มคก./ลบ.ม. ตามล าดับ) ทั้งนี้ ยังไม่เคย เกินค่ามาตรฐานฯ ในเวลา ๑ ปีอย่างไรก็ตาม ต้องมีการเฝ้าระวัง ติดตามตรวจสอบ ปัญหาการระบาย สารไวนิลคลอไรด์จากโรงงาน บริษัท เอเพ็ค ปิโตรเคมิคอล จ ากัด (เดิม) อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะไม่พบ การเกินค่าเฝ้าระวังฯ บริเวณชุมชนบ้านพลง ๒) ด้านน้ าเสีย คุณภาพน้ ายังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ที่ก าหนดเป้าหมายคุณภาพ น้ าผิวดิน คุณภาพน้ าทะเล ตะกอนดินและเนื้อเยื่อสัตว์น้ า และคุณภาพน้ าใต้ดิน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่ก าหนด ดังนี้ (๑) คุณภาพน้ าคลองสาธารณะ ๑๗ คลอง ผลการตรวจวัดในเดือนมกราคม และมิถุนายน – กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ทั้งนี้ ผลการตรวจวัดโลหะหนัก ในตะกอนดินในคลองสาธารณะพบว่าคลองพยูน คลองชากหมาก คลองน้ าด า คลองตากวน คลองห้วยใหญ่ พบสารหนู (As) เกินค่ามาตรฐาน (๒) คุณภาพน้ าทะเล ผลการตรวจวัดในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่วนใหญ่เป็นไปตาม มาตรฐาน ยกเว้น ค่าไนเตรท-ไนโตรเจน แอมโมเนียรวม ฟอสเฟต-ฟอสฟอรัส แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม ทั้งหมด แบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์ม เหล็ก และปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน จากการประเมิน สถานการณ์คุณภาพน้ าทะเลชายฝั่งโดยใช้ดัชนีคุณภาพน้ าทะเล (MWQI) พบว่ามีคุณภาพน้ าทะเลอยู่ใน เกณฑ์ดี-พอใช้ ตะกอนดินพบการปนเปื้อนของโลหะหนัก ได้แก่ ทองแดง และสังกะสี เกินเกณฑ์ ที่ก าหนด โดยพบการปนเปื้อนสูงสุดบริเวณปากคลองชากหมาก และหาดทรายทอง (กระชังเลี้ยงหอย) ส่วนผลการวิเคราะห์ตัวอย่างเนื้อเยื่อสัตว์น้ าไม่พบการปนเปื้อนเกินเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๔๑๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีสารปนเปื้อน (๓) คุณภาพน้ าบ่อตื้น โดยตรวจวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๓ พบปริมาณสารหนู (As) เกินเกณฑ์อนุโลมสูงสุด ตามมาตรฐานน้ าบาดาลที่จะใช้บริโภคได้จ านวน ๒ บ่อ ในพื้นที่วัดห้วยโป่ง และต าบลมาบตาพุด ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ ๓) ด้านกากของเสียและสารอันตราย (๑) การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน มีการรวบรวมและขนส่งขยะมูลฝอยไปก าจัดอย่างถูกหลักวิชาการที่ศูนย์ก าจัด ขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองทั้งหมด
๑๒๖ (๒) การจัดการของเสียอันตรายจากชุมชน มีจุดรวบรวมของเสียอันตรายชุมชน และรวบรวมไปก าจัดที่ศูนย์ก าจัดขยะมูลฝอย รวมแบบครบวงจรจังหวัดระยอง (๓) การจัดการมูลฝอยติดเชื้อ มีการรวบรวมมูลฝอยติดเชื้อไปก าจัดด้วยเตาเผามูลฝอยติดเชื้อขององค์การ บริหารส่วนจังหวัดระยอง (๔) การจัดการกากอุตสาหกรรม มีการน าไปรีไซเคิล ฝังกลบ และก าจัดอย่างถูกหลักวิชาการทั้งในและนอกพื้นที่ เขตควบคุมมลพิษ ในปัจจุบันไม่พบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ปัญหาอุปสรรคในการด าเนินงาน ๑) หน่วยงานไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามแผนงานที่ก าหนด เช่น การก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพ ระบบรวบรวมและระบบบ าบัดน้ าเสียพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด ๒) หน่วยงานก ากับดูแลแหล่งก าเนิดมลพิษมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการจัดการมลพิษของแหล่งก าเนิดมลพิษให้ทั่วถึงและต่อเนื่อง ๓) การด าเนินงานในบางขั้นตอนต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการวิเคราะห์ และประมวลผลเพื่อให้เกิดความแม่นย า เช่น การก ากับดูแลการระบายสาร VOCs ทางอากาศและการแก้ไข ปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดินของโรงงานอุตสาหกรรม ท าให้เจ้าหน้าที่ที่มีในปัจจุบัน ไม่สามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้แม่นย า ๔.๑๑ ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหามลพิษ ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง คณะท างานและผู้ช่วยเลขานุการ ได้น าเสนอต่อที่ประชุม ดังนี้ ๑)สืบเนื่องจากการประชุมคณะท างานฯครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๕ วาระที่ ๔.๑ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ วาระที่ ๓.๑ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ ต ่อ (ร ่าง) มาตรการแนวทางในการด าเนินงานแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที ่นิคมอุตสาหกรรมในเขต ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (ฉบับปรับปรุง) โดยในการประชุมคณะท างานฯ ครั้งที ่ ๓/๒๕๖๕ หน ่วยงานรับผิดชอบหลักในการด าเนินงานตามมาตรการฯ (ฉบับปรับปรุง) ได้รายงานความก้าวหน้า การด าเนินงานตามมาตรการฯ (ฉบับปรับปรุง) ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการด าเนินงาน และหน่วยงานสนับสนุนเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒) ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ขอความร่วมมือคณะท างานฯ รายงานความก้าวหน้าการด าเนินงานตาม มาตรการฯ (ฉบับปรับปรุง) ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ ส่งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ภายใน วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ เพื่อจะได้น าเสนอข้อมูลในที่ประชุมคณะท างานฯ ๓) ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานข้อมูลความก้าวหน้าการด าเนินงานตามมาตรการ แนวทางในการ ด าเนินงานแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (ฉบับปรับปรุง) และขอให้หน่วยงานรับผิดชอบหลักที่ยังไม่จัดส่งข้อมูลได้น าเสนอรายงานความก้าวหน้าการด าเนินงาน ตามมาตรการฯ (ฉบับปรับปรุง) สรุปดังนี้
๑๒๗ สาร VOCs ๑. มาตรการที่ ๑ : การติดตามตรวจวัดสาร VOCs วิเคราะห์ผลและรายงานสถานการณ์สาร VOCs รายเดือนในพื้นที่จังหวัดระยองให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) มีการติดตามตรวจวัดสาร VOCs ในบรรยากาศ โดยทั่วไป ในเวลา ๒๔ ชั่วโมง ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษรวม ๗ สถานี ๒. มาตรการที่ ๒ : การติดตามตรวจวัดสาร VOCs จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ ในพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังสถานการณ์สาร VOC ที่เป็นปัจจุบัน ๒.๑ หน่วยงานหลัก ๑) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) (๑) ตรวจวัดสาร VOCs ในพื้นที่อุตสาหกรรมและชุมชน กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรม พื้นที่มาบตาพุด วิเคราะห์ผลและรายงานสถานการณ์รายเดือนให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทราบ (๒) ใช้รถตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เฝ้าระวังในกรณีมีเรื่องร้องเรียน กิจกรรมที่ไม่ปกติของโรงงาน และมีการแจ้งเตือนหากพบค่าสาร VOCs เกินค่าเฝ้าระวังฯ เฉลี่ย ๒๔ ชั่วโมง ๒) เทศบาลเมืองมาบตาพุด (ทม. มาบตาพุด) มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศด้วยรถตรวจวัด คุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่และมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ ๔ สถานี ๒.๒ หน่วยงานสนับสนุน กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ตรวจวัดคุณภาพอากาศด้วยสถานีตรวจวัดคุณภาพ อากาศแบบเคลื่อนที่ ๑ สถานี ๓. มาตรการที่ ๓ : ในกรณีที่ตรวจพบค่า VOCs จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ เกินค่าเฝ้าระวังให้น าผลมาใช้ในการบ่งชี้แหล่งก าเนิดสาร VOCs ที่เป็นที่มาของการเกินค่าเฝ้าระวัง เพื่อใช้ในการพิจารณาการยกระดับมาตรการควบคุมสาร VOCs ให้เข้มข้นและทันกับสถานการณ์ เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมสาร VOCs จากแหล่งก าเนิดให้เข้มข้นมากขึ้นและทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๓.๑ หน่วยงานหลัก ๑) กนอ. มีการใช้รถตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เฝ้าระวังในกรณีมีเรื่องร้องเรียน กิจกรรมที่ไม่ปกติของโรงงาน และมีการแจ้งเตือนหากพบค่าสาร VOCs เกินค่าเฝ้าระวังฯเฉลี่ย ๒๔ ชั่วโมง ๒) ทม. มาบตาพุด ท าหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓) คพ. ประสานศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มา ๔) กรอ. ประสาน สอจ. ระยอง บ่งชี้แหล่งที่มาของมลพิษและก ากับดูแลอย่างเข้มงวด ๕) ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง (สอจ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการ ตรวจสอบแหล่งที่มาของมลพิษและก ากับดูแลการแก้ไขปัญหา ๓.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ร่วมกับสมาชิก ด าเนินโครงการน าร่องเพื่อจัดการการระบายไอสาร ๑,๓ - บิวทาไดอีนและเบนซีนโดยใช้มาตรการตาม แนวทางปฏิบัติที่ดี (Code of Practice ; CoP)ของ กรอ. ค้นหาสาเหตุและบ่งชี้แหล่งก าเนิด และรายงาน ให้หน่วยงานหลักรับทราบ
๑๒๘ ๔. มาตรการที่ ๔ : เร่งออกมาตรฐานตามอ านาจกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการระบาย สาร VOCs จากแหล่งก าเนิดอุตสาหกรรม ๔.๑ หน่วยงานหลัก ๑) คพ. ด าเนินการออกมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งสาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน ในรูปอัตรา การระบาย (Loading) จากโรงงานอุตสาหกรรมเคมี และค่าขีดความสามารถในการรองรับสารเบนซีน ของพื้นที่ส าหรับโรงงานอุตสาหกรรมเคมีประเภทที่ ๔๒ และ ๔๔ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรวม ท่าเรือเหมราชตะวันออก ผาแดง เอเชีย และอาร์ไอแอล ขณะนี้ กนอ. สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมหารือแนวทางการจัดท าเกณฑ์กลางการประเมินการระบายสาร ๑,๓ – บิวทาไดอีนกับสารเบนซีน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และ กนอ. จะมอบหมายให้ผู้ประกอบการทดลองน าเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้และประเมินผล ส่งให้ กนอ. และ คพ. ต่อไป ๒) กรอ. และ กนอ. เป็นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการเพื่อจัดท าร่างมาตรฐานฯ ๔.๒ หน่วยงานสนับสนุน ๑) ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นอนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการเพื่อจัดท าร่างมาตรฐานฯ และสนับสนุนข้อมูลบัญชีการระบายสารเบนซีน และสาร ๑,๓- บิวทาไดอีนในรายงาน EIA ๒) สอท. เป็นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการเพื่อจัดท าร่างมาตรฐานฯ และร่วมกับหน่วยงานหลัก และหน่วยงานสนับสนุนในการด าเนินงานตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ๕. มาตรการที่ ๕ : เร่งออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อควบคุม VOCs จากแหล่งก าเนิดมลพิษ ๓ ฉบับ ๕.๑ หน่วยงานหลัก ได้แก่กรอ. ปัจจุบันประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมทั้ง ๓ ฉบับ ได้แก่ มาตรการ ควบคุมการระบายสาร VOCs จากการประกอบกิจการ มาตรการควบคุมการระบายสาร VOCs จากถังเก็บ (Storage Tank)และมาตรการควบคุมการระบายสาร VOCs จากหอเผาทิ้ง (Flare) ได้เสนอให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาลงนาม และเมื่อลงนามแล้วจะลงประกาศในราชกิจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ ต่อไป ๕.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ สอท. เข้าร่วมการประชุมถ่ายทอดและเผยแพร่ผลการด าเนินงาน "โครงการจัดท าระบบการรายงานสารอินทรีย์ระเหยในกิจกรรมหอเผาทิ้ง (Flare) ถังกักเก็บ (Storage Tank) และการซ่อมบ ารุง (Shutdown/Turnaround)" และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ (สมาชิก สอท.) เข้าร่วมฝึกอบรมการใช้งานระบบฐานข้อมูลและระบบการรายงานสารอินทรีย์ระเหยในกิจกรรมหอเผาทิ้ง (Flare) ถังกักเก็บ (Storage Tank) และการซ่อมบ ารุง (Shutdown/Turnaround) ๖. มาตรการที่ ๖ : ควบคุมการระบายไอสาร ๑,๓ บิวทาไดอีนและสารเบนซีน ภายใต้คณะกรรมการ บริหารโครงการร่วมมือด าเนินโครงการน าร่องเพื่อจัดการการระบายไอสาร ๑,๓ บิวทาไดอีนโดยใช้มาตรการ ตามประมวลหลักการปฏิบัติ(CoP) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยน าผลจากการติดตามตรวจวัด สาร VOCs จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ มาเป็นเครื่องมือก ากับการปฏิบัติตามระดับ มาตรการควบคุมสาร VOCs จากแหล่งก าเนิดให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน
๑๒๙ ๖.๑ หน่วยงานหลัก ๑) สอท. ติดตามการด าเนินงานของผู้ประกอบการโรงงานปิโตรเคมีในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเชิงนิเวศไออาร์พีซี ในการควบคุมการระบายไอสาร ๑,๓-บิวทาไดอีน และสารเบนซีน และจัดประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการร่วมมือด าเนินโครงการน าร่องเพื่อจัดการ การระบายไอสาร ๑,๓-บิวทาไดอีนและเบนซีนโดยใช้หลักการปฏิบัติ(CoP) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ ๒) กนอ.ร่วมกับ สอท. ด าเนินการตามมาตรการควบคุมการระบาย VOCs จากการประกอบกิจการ ถังเก็บและหอเผาทิ้ง ๖.๒ หน่วยงานสนับสนุน ๑) กรอ. ร่วมกับ สอท. และสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พัฒนาคู่มือการควบคุม ไอสาร VOCs และแนวทางการประเมินการระบายสาร VOCs ที่สอดคล้องกับประกาศกระทรวง อุตสาหกรรมทั้ง ๓ ฉบับ และปี พ.ศ. ๒๕๖๕ พัฒนาระบบการรายงานสารอินทรีย์ระเหยในกิจกรรม หอเผาทิ้ง ถังกักเก็บ และการซ่อมบ ารุง เพื่อรองรับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมทั้ง ๓ ฉบับ ๒) สผ. มอบหมายผู้แทนเป็นที่ปรึกษาโครงการฯ และพิจารณามาตรการควบคุมการระบาย สาร VOCs ที่ก าหนดในรายงาน EIA ๗. มาตรการที่ ๗ : มาตรการควบคุมสาร VOCs จากคลังน้ ามันเชื้อเพลิง ๗.๑ หน่วยงานหลัก ได้แก่ กนอ. ด าเนินการร่วมกับ สอท. อยู่ระหว่างด าเนินการตามมาตรการควบคุม การระบายสาร VOCs จากการประกอบกิจการ ถังเก็บ และหอเผาทิ้ง ๗.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ สผ. พิจารณามาตรการควบคุมการระบายสาร VOCs ที่ก าหนด ในรายงาน EIA ๘. มาตรการที่ ๘ : มาตรการควบคุมสาร VOCs จากยานพาหนะ หน่วยงานหลัก ได้แก่ กนอ. สนับสนุนรถบรรทุก/รถขนสินค้าที่เข้าออกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ ามัน ส่งเสริมโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจัดรถยนต์ไฟฟ้ารับส่ง พนักงานและสร้างความพร้อมของปัจจัยสนับสนุนอย่างเป็นระบบ และผลักดันและสนับสนุนการเพิ่มรูปแบบ การขนส่งสินค้าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทั้งรูปแบบการขนส่งทางรางและการขนส่งสินค้าทางน้ า โดยมอบนโยบาย/ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ด าเนินการตามมาตรการดังกล่าวและปัจจุบันมีการ ด าเนินการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมาตรการสนับสนุนให้ผู้บริหารโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ร้อยละ ๒๐ ภายใน พ.ศ. ๒๕๖๘ ไม่ได้ด าเนินการเนื่องจากไม่มีงบประมาณ ๙. มาตรการที่ ๙ : มาตรการควบคุมสาร VOCs จากท่าเรือขนถ่าย ๙.๑ หน่วยงานหลัก ๑) ส านักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ก ากับดูแลการระบายสาร VOCs จากท่าเทียบเรือ โดยผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ได้แก่ บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จ ากัด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จ ากัด และบริษัท ระยองเทอร์มินัล จ ากัด ได้ตรวจวัด สาร VOCs บริเวณท่าเทียบเรือพบว่าปริมาณสาร VOCs อยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีการรายงานผลใน EIA Monitoring Report ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และมีคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตาม มาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเรือในพื้นที่รับฟังและให้ข้อเสนอแนะทุก ๓ เดือน
๑๓๐ ๒) ส านักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง พิจารณารายงานการด าเนินการตามมาตรการ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของท่าเรือในพื้นที่มาบตาพุด พบว่าปริมาณ VOCs อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ๙.๒ หน่วยงานสนับสนุน ๑) ทม. มาบตาพุด เป็นกรรมการในคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเรือในพื้นที่ ๒) สผ. พิจารณามาตรการควบคุมการระบายสาร VOCs ที่ก าหนดในรายงาน EIA ๑๐. มาตรการที่ ๑๐ : การรื้อถอนโรงงานปิโตรเคมีเก่า (บริษัท เอเพ็กซ์ปิโตรเคมิคอล จ ากัด ที่ปิดกิจการ) เพื่อแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ (VCM) ให้แล้วเสร็จภายใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ หน่วยงานหลัก ได้แก่ สอจ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะท างานติดตามและแก้ไขปัญหา การรั่วไหลของสารเคมีอันตราย Vinyl Chloride Monomer (VCM) ของบริษัท เอเพ็ค ปิโตรเคมิคอล จ ากัด ได้ด าเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีหนังสือแจ้ง บริษัท เอเพ็คฯ ให้ด าเนินการจัดการสารเคมีตกค้าง ภายในโรงงาน แต่บริษัท เอเพ็คฯ ไม่ได้ด าเนินการโดยแจ้งว่าไม่มีงบประมาณจึงสั่งเพิกถอนใบอนุญาตท าให้ สิ้นสภาพการเป็นโรงงานแล้ว สอจ. จึงใช้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ในการแก้ไขปัญหา โดยออกหนังสือสั่งการไปยังเจ้าของโรงงานให้ขนย้ายสารเคมีที่ตกค้างออกจากพื้นที่ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ แต่บริษัท เอเพ็คฯ ยังไม่ได้ด าเนินการตามหนังสือสั่งการ สอจ. จึงได้แจ้งกรมบังคับคดี ให้น าเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของบริษัท เอเพ็คฯ ที่ถูกอายัดไว้มาใช้จัดการสารเคมีตกค้าง ดังกล่าว นอกจากนั้น สอจ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนไว้ที่สถานีต ารวจภูธรเจ้าของพื้นที่แล้ว เพื่อเอาผิดทางอาญาด้วย ๑๑. มาตรการที่ ๑๑ : เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สารอินทรีย์ระเหยง่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ๑๑.๑ หน่วยงานหลัก ๑) กนอ. ร่วมกับสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มีโครงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสารอินทรีย์ระเหยง่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้มาก ยิ่งขึ้น ๒) สอจ. ได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ของ สอจ. ๓) ทม. มาบตาพุด มีการแจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบ Real Time ผ่านเว็บไซต์ http://182.52.103.224/ และจอแสดงผลการตรวจวัดที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของเทศบาล ๑๑.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ สอท. กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สอท. มีแผนที่จะประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสารอินทรีย์ระเหยให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ๑๒. มาตรการที่ ๑๒ : การด าเนินกิจกรรมภายใต้โครงการพัฒนาและยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) ๑๒.๑ หน่วยงานหลัก ๑) สอจ. เป็นโครงการหลักที่ได้ด าเนินการประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ผลการประเมินการ ยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอยู่ในระดับ ๔ ๒) กนอ. สนับสนุนข้อมูลตามเกณฑ์ตัวชี้วัดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
๑๓๑ ๑๒.๒ หน่วยงานสนับสนุน ๑) ทม. มาบตาพุด สนับสนุนข้อมูลตามเกณฑ์ตัวชี้วัดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ๒) สอท. ส่งเสริมให้โรงงานขอการรับรอง Eco Factory เพื่อยกระดับเมืองอุตสาหกรรม เชิงนิเวศ และร่วมกับ กรอ. กนอ. และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization ; UNIDO) จัดอบรม “แนวทางการจัดการกากอุตสาหกรรม อย่างยั่งยืนด้วยมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory)” ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัด ระยอง ๑๓. มาตรการที่ ๑๓ : น าผลการศึกษาแหล่งก าเนิดสาร VOCs ในพื้นที่จังหวัดระยองของโครงการ PRTR มาใช้ประกอบการควบคุมสาร VOCs จากแหล่งอื่น ๆ นอกจากภาคอุตสาหกรรม ๑๓.๑ หน่วยงานหลัก ๑) คพ. อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลและเพิ่มพื้นที่ที่ต้องติดตั้งระบบ VRU ในสถานีบริการน้ ามัน ๒) ทม. มาบตาพุด ยังไม่มีการด าเนินการมลพิษทางน้ า ๑. มาตรการที่ ๒.๑ คุณภาพน้ าในคลองสาธารณะและทะเลเสื่อมโทรม ๑.๑ มาตรการที่ ๑ : ลดการระบายน้ าเสียจากนิคมอุตสาหกรรม - หน่วยงานหลัก ได้แก่ กนอ. (๑) มีระบบตรวจสอบมลพิษอัตโนมัติ (Online Pollution Monitoring System ; BOD/COD Online) ประจ าโรงงานที่เข้าข่ายต้องรายงาน (๒) ตรวจประเมินโรงงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ ของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด (ธงขาว-ดาวเขียว) ความถี่อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เกณฑ์การตรวจประเมินได้ให้ความส าคัญกับการจัดการคุณภาพน้ า น้ าทิ้งต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ทุกพารามิเตอร์ มีการใช้เทคโนโลยีในการ Reduce Reuse Recycle ๑.๒ มาตรการที่ ๒ :ลดการระบายน้ าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมอุตสาหกรรม ๑.๒.๑ หน่วยงานหลัก ๑) สอจ. ด าเนินการผ่านโครงการยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) และลงพื้นที่ตรวจสอบ ๒) ทม. มาบตาพุด ด าเนินการสุ่มตรวจโรงงานเป็นครั้งคราวและให้โรงงาน ที่ขออนุญาตเชื่อมท่อกับท่อระบายน้ าของเทศบาล รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ าทุกเดือน ๑.๒.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรอ. โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้ด าเนิน โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดระดับรายสาขา เพื่อลดปริมาณการใช้น้ าในโรงงานอุตสาหกรรม และส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวทั่วประเทศรวมถึงจังหวัดระยอง และให้การสนับสนุนการตรวจวัดคุณภาพน้ าทิ้ง ที่ระบายออกจากโรงงาน เพื่อก ากับโรงงานให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายก าหนดตามที่ สอจ. ระยอง ขอความอนุเคราะห์ ๑.๓ มาตรการที่ ๓ :ติดตามตรวจสอบการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษ - หน่วยงานหลัก ๑) ทม. มาบตาพุด เก็บตัวอย่างน้ าทิ้งจากตลาดเดือนละ ๑ ครั้ง กรณีที่ดินจัดสรร มีการก าหนดมาตรการไว้ในเงื่อนไขการอนุญาตเชื่อมท่อให้รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ าทิ้งทุกเดือน
๑๓๒ โดยเทศบาลมีการสุ่มตรวจคุณภาพน้ าทิ้งจากที่ดินจัดสรรเป็นครั้งคราว และจัดท าบัญชีแหล่งก าเนิดมลพิษ ในพื้นที่แต่ข้อมูลยังไม่เป็นปัจจุบัน ๒) ส านักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ ๑๓ (ชลบุรี) ร่วมกับส านักงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง ติดตามตรวจสอบระบบบ าบัดน้ าเสียตามมาตรา ๘๐ และมาตรา ๘๒ ของอาคารชุด ๓ แห่ง โรงพยาบาล ๑ แห่ง โรงเรียน ๓ แห่ง ห้างสรรพสินค้า ๑ แห่ง (อยู่ระหว่างแจ้งผลวิเคราะห์คุณภาพน้ า) และระบบบ าบัดน้ าเสียรวม ๓ แห่ง ๑.๔ มาตรการที่ ๔ : บ าบัดน้ าเสียจากชุมชน หน่วยงานหลัก ได้แก่ ทม.มาบตาพุด ด าเนินการซ่อมแซมบ่อพักและตู้ควบคุม สถานีสูบส่งน้ าเสีย และแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ าและสิ่งแวดล้อมในคลองโดยการติดตั้งตาข่ายดักขยะ ปลายท่อระบายน้ า จ านวน ๕ จุด และเก็บตัวอย่างน้ าจากระบบบ าบัดน้ าเสียวิเคราะห์เดือนละ ๑ ครั้ง และมีการประชุมหารือหน้าที่ความรับผิดชอบในการด าเนินงานระบบบ าบัดน้ าเสียร่วมกับ อจน. ได้ข้อสรุปว่า ทม. มาบตาพุด รับผิดชอบการปรับปรุงซ่อมแซมและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและบ าบัดน้ าเสียเดิม ส่วน อจน. รับผิดชอบการเดินระบบและบุคลากรประจ าระบบบ าบัดน้ าเสีย ๑.๕ มาตรการที่ ๕ : ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าผิวดินในคลองสาธารณะ ๑๔ สาย จ านวน ๒ ครั้ง/ปี อย่างต่อเนื่อง ๑.๕.๑ หน่วยงานหลัก ได้แก่ คพ. ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าคลองสาธารณะ ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษและบริเวณใกล้เคียง ๑๗ คลอง รวม ๔๐ จุด ความถี่ ๒ ครั้ง/ปี ๑.๕.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ ทม. มาบตาพุด เฝ้าระวังคุณภาพน้ าในพื้นที่ เทศบาล จ านวน ๑๘ คลอง รวม ๕๙ จุด ความถี่เดือนละ ๑ ครั้ง และตรวจสอบเก็บตัวอย่างกรณีมีเรื่องร้องเรียน ๑.๖ มาตรการที่ ๖ :ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลและตะกอนดิน จ านวน ๒ ครั้ง/ปี อย่างต่อเนื่อง ๑.๖.๑ หน่วยงานหลัก ๑) คพ. ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลชายฝั่ง บริเวณนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียง จ านวน ๑๖ จุด ตัวอย่างตะกอนดิน จ านวน ๕ จุด และสุ่มเก็บตัวอย่างสัตว์น้ า ความถี่ ๒ ครั้ง/ปี ๒) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ด าเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ าทะเล ในเดือนมกราคมและมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ บริเวณปากคลองน้ าหู ที่ระยะ ๕๐๐ เมตร และ ๓ กิโลเมตร พบว่าคุณภาพน้ าทะเลอยู่ในเกณฑ์พอใช้ และดีมาก ตามล าดับ พารามิเตอร์ที่มีปัญหาพบว่ามีค่าสูงเกินเกณฑ์ มาตรฐานคุณภาพน้ าทะเล คือ แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมดที่สถานีปากคลองน้ าหูระยะ ๕๐๐ เมตร ๑.๖.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ ทม.มาบตาพุด เฝ้าระวังคุณภาพน้ า ในพื้นที่เทศบาล จ านวน ๔ จุด (ปากคลอง) เดือนละ ๑ ครั้ง และตรวจสอบเก็บตัวอย่างกรณีมีข้อร้องเรียน ๒. มาตรการที่ ๒.๒ การปนเปื้อนสาร VOCs และโลหะหนักในดินและน้ าใต้ดิน ๒.๑ มาตรการที่ ๑ : การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ให้ด าเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดิน หน่วยงานหลัก ได้แก่ กนอ. เฝ้าระวังคุณภาพน้ าใต้ดิน โดยมีการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพน้ าใต้ดินตามมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ก าหนดไว้ในรายงาน
๑๓๓ EIA โดยมีจุดตรวจวัดด้านเหนือของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ๓ แห่ง ได้แก่ ชุมชนมาบชลูด วัดมาบชลูด และหอพักบริษัท คมนาสาน โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ จ ากัด ๒.๒ มาตรการที่ ๒ : การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ให้ด าเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดิน หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรอ. ได้ให้ค าแนะน า สอจ. ในการก ากับดูแลโรงงาน ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการปนเปื้อนดินและน้ าใต้ดิน รวมถึงสนับสนุนเอกสารเผยแพร่และคู่มือที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ มาตรการที่ ๓ : การเฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร VOCs ในดินและน้ าใต้ดิน บริเวณนอกโรงงานอุตสาหกรรม/นิคมอุตสาหกรรม หน่วยงานหลัก ได้แก่ คพ. ก าหนดแผนเก็บตัวอย่างน้ าใต้ดิน (น้ าบาดาล) ครั้งที่ ๑ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒.๔ มาตรการที่ ๔ :การบ าบัดและฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนสารVOCs และโลหะหนัก ในน้ าใต้ดิน ๒.๔.๑ หน่วยงานหลัก ๑) กนอ. แจ้งว่ายังไม่พบปัญหาการปนเปื้อนสาร VOCs และโลหะหนัก ในน้ าใต้ดินของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม จึงยังไม่ได้ด าเนินการตามมาตรการ ๒) คพ. ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยองมีการศึกษาการบ าบัดและฟื้นฟู พื้นที่ปนเปื้อนสาร VOCs และโลหะหนักในน้ าใต้ดินในชุมชนโขดหินเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องสามารถน าผลการศึกษาไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้ ๒.๔.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรอ. สนับสนุน สอจ.ระยอง ในการศึกษา วิธีการบ าบัดฟื้นฟูดินและน้ าใต้ดิน ๒.๕ มาตรการที่ ๕ : ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าใต้ดิน ๒ ครั้ง/ปี ๒.๕.๑ หน่วยงานหลัก (๑) กนอ. เฝ้าระวังคุณภาพน้ าใต้ดิน โดยมีการติดตามตรวจสอบ คุณภาพน้ าใต้ดิน ตามมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ก าหนดไว้ในรายงาน EIA โดยมี จุดตรวจวัดด้านเหนือของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ๒ แห่ง ได้แก่ ชุมชนมาบชลูด วัดมาบชลูด และหอพักบริษัท คมนาสาน โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ จ ากัด (๒) กากของเสีย สารอันตราย และอุบัติภัยฉุกเฉินสารเคมี - มาตรการที่ ๑ : การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล - มาตรการที่ ๒ : การจัดการกากอุตสาหกรรมที่ไม่อันตราย - มาตรการที่ ๓ : การจัดการกากอุตสาหกรรมที่อันตราย (๓) หน่วยงานหลัก ได้แก่ กนอ. มีการตรวจประเมินโรงงาน ตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด (ธงขาว-ดาวเขียว) ความถี่อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เกณฑ์การตรวจประเมินให้ความส าคัญกับการจัดการด้านขยะ กากของเสียอันตราย การใช้ระบบติดตามกากของเสียอันตรายที่ก าหนดให้มีการติดตั้งระบบ GPS การตรวจติดตามสถานที่ รับก าจัดและการสุ่มตรวจติดตามรถขนส่งกากของเสียอันตราย ๒.๕.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรอ. ก ากับดูแลโรงงานให้ปฏิบัติตาม กฎหมายว่าด้วยการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วอย่างเข้มงวดทั่วประเทศ โดยเฉพาะการขอ
๑๓๔ อนุญาตกักเก็บไว้ภายในโรงงาน (สก.1) การขออนุญาตน าออกนอกโรงงาน (สก.2) และการรายงาน ประจ าปี (สก.3) พิจารณาอนุญาตน ากากอุตสาหกรรมไม่อันตรายที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน ออกนอกพื้นที่โรงงานไปจัดการโดยถูกวิธีการและผู้รับด าเนินการที่ได้รับอนุญาต และออกกฎหมาย/จัดท า มาตรการก าหนดวิธีด าเนินการเกี่ยวกับของเสียอันตราย ๓. มาตรการที่ ๔ : การป้องกันอุบัติภัยฉุกเฉินสารเคมี ๓.๑ หน่วยงานหลัก ได้แก่ ทม. มาบตาพุด มีแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นที่รับผิดชอบ ๓.๒ หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรอ. ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการ ความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้โรงงานต้องรายงานข้อมูล สารเคมีอันตรายที่มีการเก็บหรือการใช้ในการประกอบกิจการโรงงาน โดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ กรอ. ทราบ ๔. มาตรการที่ ๕ : การป้องกันและลดมลพิษ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และความรับผิดชอบต่อสังคม ๔.๑ หน่วยงานหลัก การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรอ.) ๑) ผลักดันให้จังหวัดระยองพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปัจจุบันจังหวัดระยอง ได้ด าเนินการประกาศนโยบายการพัฒนาจังหวัดระยองสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยได้ก าหนดพื้นที่ เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในจังหวัดระยองจ านวน ๒ พื้นที่ คือ พื้นที่เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุดและพื้นที่ บริเวณเขตประกอบการอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี ซึ่งผลการด าเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ทั้งสองพื้นที่สามารถ ผ่านการตรวจประเมินเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในระดับที่ ๔ การพึ่งพาอาศัย (Symbiosis) ๒) ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมกิจกรรม CSR-DIW รวมทั้งขอการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ๓) อยู่ระหว่างด าเนินการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยการปลดปล่อย และเคลื่อนย้ายมลพิษ โดยให้ผู้ประกอบการรายงานข้อมูลการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน ๔) ก าหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องด าเนินการจัดท ารายงาน สก.๑ สก.๒ และ สก.๓ ให้ กรอ. พิจารณาอนุญาตในการจัดการกากของเสีย รวมทั้งพัฒนาระบบ E-Fully Manifest (ระบบก ากับดูแลสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทางอย่างครบวงจร) เพื่อใช้ติดตามรถขนกากอุตสาหกรรมออกนอกโรงงานแบบทันทีและตลอดเวลา ท าให้สามารถก ากับดูแล ตรวจสอบ สั่งการ และด าเนินคดีกับโรงงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว ๔.๒ หน่วยงานสนับสนุน สอท. และผู้ประกอบการ ได้ร่วมกับหน่วยงานหลัก ด าเนินการ ดังนี้ (๑) ร่วมพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (๒) ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการด าเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) รวมทั้งการควบคุมและลดมลพิษ เพื่อสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ (๓) ผู้ประกอบการสนับสนุนการลดและขจัดมลพิษจากแหล่งก าเนิดอุตสาหกรรม ในพื้นที่ โดยน าหลักการ Green Chemistry และ Green Industry มาใช้
๑๓๕ (๔) ผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือในการจัดท าข้อมูลและเปิดเผยข้อมูล การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษสู่สาธารณชน (๕) ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามข้อก าหนดในการจัดการขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล กากอุตสาหกรรมอันตราย และกากอุตสาหกรรมที่ไม่อันตราย (๖) สนับสนุนการด าเนินงานตามแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานหลัก การจัดการสิ่งแวดล้อมเมือง ๑. มาตรการที่ ๑ : การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม ๑.๑ หน่วยงานหลัก ๑) กนอ. ร่วมกับผู้ประกอบการและชุมชนเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยในปีนี้ มี ๒ แห่ง ได้แก่ เขาห้วยมะหาดกับบึงส าเหร่ ๒) สอจ. จะด าเนินการขอความร่วมมือจากสถานประกอบการโรงงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียวในโรงงานประกอบการ ๑.๒ หน่วยงานสนับสนุน - ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) (๑) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีการติดตามการขับเคลื่อนการด าเนินงาน ด้านพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการด าเนินงานตาม “แนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียว อย่างยั่งยืน ระยะแรก (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕)” และ “แนวทางการขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียว อย่างยั่งยืน” อาทิ การปลูกพืชสมุนไพรช่วยลดภาวะโลกร้อนของเทศบาลต าบลมาบข่า และการก าหนด ให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชน (Buffer Zone) ตามเกณฑ์และข้อก าหนดของหน่วยงาน โดยเน้นการปลูก ไม้ยืนต้นในแนวป้องกัน (Protection Strip) หรือแนวกันชน (Buffer Zone) ของ กรอ. และ กนอ. (๒) (ร่าง) แนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียว อย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้เห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ขณะนี้อยู่ระหว่างการน าเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ และน าไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติต่อไป ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชนด้วย (๓) ติดตามข้อมูลการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ทั้ง ๗ อปท. (๔) ได้รับงบประมาณจากส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (สกพอ.) จัดท าแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระยะที่ ๒ ขณะนี้ด าเนินการแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขแผนฯ ตามข้อเสนอแนะของที่ปรึกษา สกพอ. ทั้งนี้ แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประกอบด้วย แผนฯ ในภาพรวม และแผนฯ เฉพาะในแต่ละจังหวัด ๓ จังหวัด ที่ประกอบด้วย เรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคอื่น ๆ หากแล้วเสร็จแผนนี้จะขับเคลื่อนโดยกระบวนการของ สกพอ. โดยจะน าเสนอที่ประชุม ในโอกาสต่อไป ๒. มาตรการที่ ๒ : การส่งเสริมให้เมืองเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) - หน่วยงานสนับสนุน สผ. แจ้งว่า ปัจจุบัน ทต.บ้านฉาง เสนอเป็น Smart City กับส านักงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และหากมีชุมชนอื่นที่สนใจเป็น Smart City สามารถติดต่อ DEPA ได้
๑๓๖ ที่ประชุมได้มีความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้ ๑) สาร VOCs มาตรการที่ ๑๐ : การรื้อถอนโรงงานปิโตรเคมีเก่า (บริษัท เอเพ็กซ์ ปิโตรเคมิคอลที่ปิดกิจการ) เพื่อแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ (VCM) ให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ประธานคณะท างาน มีข้อสังเกตว่า การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ กิจการโรงงานท าให้โรงงานปิโตรเคมีเก่าของบริษัท เอเพ็กซ์ฯ พ้นสภาพการเป็นโรงงานท าให้ไม่สามารถ ใช้กฎหมายว่าด้วยโรงงานในการแก้ปัญหา การใช้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายเพียงอย่างเดียว ในการแก้ไขปัญหาอาจมีข้อจ ากัดและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ๒) มลพิษทางน้ า มาตรการที่ ๓ :ติดตามตรวจสอบการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษ คณะท างานและผู้ช่วยเลขานุการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ในมาตรการนี้มีอาคารบางประเภทที่ยังไม่มีการติดตามตรวจสอบการระบายน้ าทิ้ง ได้แก่ โรงแรม หอพัก สถานบริการ อาคารที่ท าการของราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน ภัตตาคารหรือร้านอาหาร และกิจการ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทอื่น ซึ่งในมาตรการนี้ก าหนดให้ อปท. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยผู้แทน ทม. มาบตาพุด ได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน ทม. มาบตาพุด ยังไม่มีการติดตามตรวจสอบ การระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษทั้ง ๖ ประเภท มีเพียงการก าหนดให้อาคารที่ขอรับใบอนุญาต ต้องมีการติดตั้งถังดักไขมันเท่านั้น และในการอนุญาตประกอบกิจการ ไม่ได้มีการก าหนดเงื่อนไขแนบท้าย ใบอนุญาตเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ าทิ้งหรือการจัดการน้ าเสียจากการประกอบกิจการ ก าหนดไว้เพียงให้สถานประกอบการต้องมีระบบบ าบัดน้ าเสียขั้นต้นเท่านั้น ประธานคณะท างาน จึงเสนอว่าปัจจุบันเทศบาลมีข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้มีการจัดการน้ าเสีย จากการประกอบกิจการและมีการตรวจสอบคุณภาพน้ าทิ้งประกอบการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการ เพื่อให้คุณภาพน้ าทิ้งเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งเทศบาลเมืองมาบตาพุด รับข้อเสนอไปพิจารณาแก้ไข/เพิ่มเติม เงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้มีมาตรการจัดการน้ าเสีย และแสดงผลการตรวจสอบคุณภาพน้ าทิ้งประกอบการยื่นต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการต่อไป ๔.๑๒ ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง จากเป้าหมายและตัวชี้วัดของกิจกรรมปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขต ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ตามแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) ในกิจกรรมปฏิรูปที่ ๔ คือการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขต ควบคุมมลพิษมาบตาพุด (ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕) ๑) เป้าหมาย ๑.๑) ควบคุม ลด และขจัดมลพิษที่เกินค่ามาตรฐาน ๑.๒) การยกเลิกประกาศเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด ๒) ตัวชี้วัด
๑๓๗ ๒.๑) คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุดเป็นไปตามค่าเกณฑ์มาตรฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒.๒) ออกประกาศยกเลิกเขตควบคุมพิษมาบตาพุด ๓) หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔) ระยะเวลาด าเนินการรวม ๒ ปี (ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕) ๕) ประมาณการวงเงินรวม และแหล่งที่มาของเงิน วงเงินรวมตามที่ก าหนดในแผนปฏิบัติการ ลดและขจัดมลพิษส าหรับเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด แหล่งเงิน : เงินงบประมาณ และงบจากกองทุน สิ่งแวดล้อม ๖) ขั้นตอนและวิธีการการด าเนินการปฏิรูป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก ในการท างานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการด าเนินการ ดังนี้ - ขั้นตอนที่ ๑ ทบทวนผลจากการปฏิบัติตามมาตรการของเขตควบคุมมลพิษ และจัดล าดับ ความส าคัญของผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษโดยให้มีการทบทวนปัจจัยอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔) - ขั้นตอนที่ ๒ เพิ่มกลไกในการด าเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัดในการเป็นผู้ก ากับดูแล การด าเนินการของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา ๖๐ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ โดยการเพิ่มรูปแบบและวิธีการของการสั่งการต่อเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินแผนงาน เพื่อให้สามารถด าเนินการได้อย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๔) - ขั้นตอนที่ ๓ เสนอของบประมาณที่เพียงพอส าหรับการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษ รวมทั้ง การใช้งบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม (มาตรา ๖๑ พระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕) ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔) - ขั้นตอนที่ ๔ ออกกฎระเบียบในการลงโทษ/เก็บค่าใช้จ่ายเพื่อการป้องกันและฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมจากผู้ที่ก่อมลพิษสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมลพิษ และก าหนดวิธีการใช้งบประมาณที่สามารถ กลับมาด าเนินการเพื่อลดและขจัดมลพิษในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษนั้น ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔) - ขั้นตอนที่ ๕ ประสานติดตาม และเร่งรัดการด าเนินการตามแผนปฏิบัติการและมาตรการ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วในเขตควบคุมมลพิษ ระยะเวลาด าเนินการ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕) - ขั้นตอนที่ ๖ เสนอร่างประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕) - ขั้นตอนที่ ๗ ประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด เมื่อด าเนินการแก้ไขปัญหา ได้ส าเร็จตามเกณฑ์ชี้วัดที่ก าหนดระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕) - ขั้นตอนที่ ๘ ก าหนดมาตรการพิเศษทางกฎหมายด้านป้องกันและควบคุมมลพิษคงไว้ใน พื้นที่แทนประกาศเขตควบคุมมลพิษ ระยะเวลาด าเนินการ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕) จากการติดตามผลของการด าเนินการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ ตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับปรับปรุง) ปรากฏผลการ ด าเนินการตามแผนการปฏิรูป (ดังตารางที่ ๑๗) ได้แก่
๑๓๘ ๑) โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและระบบบ าบัดน้ าเสียในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัด ระยอง (พื้นที่จัดการน้ าเสียเทศบาลนครระยอง) โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ไม่ส าเร็จเนื่องจากขาด งบประมาณ ต้องขอรับจัดสรรงบกลางเพิ่มเติม ๒) โครงการก่อสร้างระบบบ าบัดน้ าเสียเทศบาลต าบลบ้านฉางโดยองค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลต าบลบ้านฉาง ไม่ส าเร็จเนื่องจากขาดงบประมาณ ต้องขอรับจัดสรรงบกลางเพิ่มเติม ๓) โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมน้ าเสียเทศบาลเมืองมาบตาพุด โดยองค์การจัดการน้ าเสียและเทศบาลเมืองมาบตาพุด ยังไม่ส าเร็จเนื่องจากขาดงบประมาณ ก าลังด าเนินการขอรับจัดสรรงบกลาง เพิ่มเติม ๔) การก ากับดูแลการจัดการน้ าเสียจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมโดยการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย รอผลการด าเนินการ ๕) การก ากับดูแลการจัดการน้ าเสียจากโรงงานนอกนิคมอุตสาหกรรมโดยส านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง รอผลการด าเนินการ ๖)การพัฒนากฎหมาย มาตรฐานมาตรการแก้ไขปัญหาสาร VOCs ในอากาศโดยกรมควบคุมมลพิษ ไม่ส าเร็จ ๗) การจัดท ากฎหมายควบคุมการระบายไอสาร VOCs จากการประกอบกิจการถังเก็บและจาก หอเผาทิ้งของโรงงานอุตสาหกรรม และได้มีการเสนอโครงการจัดท าระบบการรายงานสารอินทรีย์ระเหย ในกิจกรรมหอเผาทิ้งถังกักเก็บ และการซ่อมบ ารุง เพื่อเป็นระบบรองรับในการรายงานผลจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลข้อมูลโดยเป็นจัดท าระบบควบคู่กันไปด าเนินการจัดท ากฎหมาย โดยกรมโรงงาน อุตสาหกรรม ไม่ส าเร็จ ๘) การก ากับดูแลการระบายสาร VOCs ทางอากาศในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อาทิ ท่าเรือ โรงงาน คลังน้ ามัน โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไม่มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน ๙) การก ากับดูแลการระบายสาร VOCs ทางอากาศของโรงงานนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ไม่มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน ๑๐) การก ากับติดตามการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง โดยส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง ไม่มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน ๑๑) โครงการประเมินผลเพื่อยกเลิกเขตควบคุมมลพิษตามแผนการปฏิรูปประเทศโดยกรมควบคุม มลพิษ ส าเร็จ ๑๒) โครงการศึกษาความเหมาะสมในการพิจารณาประกาศยกเลิกเขตควบคุมมลพิษทุกพื้นที่ (น าร่องเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด) (ทส.) โดยส านักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอรับจัดสรรงบกลางเพิ่มเติม หมายเหตุ : เป็นโครงการที่ไม่ได้ด าเนินการแต่ ทส. พิจารณาเห็นว่าควรจะ ด าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกิจกรรม
๑๓๙ ตารางที่ ๑๗ ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ โครงการรหัส โครงการโครงการ / การด าเนินงาน***เป้าหมาย/ผลผลิต/ ผลลัพธ์ของโครงการระยะเวลา เริ่มต้นและ สิ นสุดโครงการวงเงิน งบประมาณ (บาท)ที่มาของ งบประมาณส่งผลต่อ เป้าหมายย่อย (ได้มากกว่า 1 MSxx)กรณีการด าเนินการ ตามแผนการปฏิรูป ประเทศ (ฉบับเดิม) โปรดระบุด้านที่ เกี่ยวข้อง)ผลสัมฤทธิ์ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดระยอง BR0604X01โค รงก า รก่อส ร้าง ระบบรวบรวมและ ระบบบ าบัดน้ าเสีย ในพื้นที่เขตควบคุม มลพิษจังหวัดระยอง (พื้นที่จัดการน้ าเสีย เทศบาลนครระยอง)มี ร ะบบ ร วบ ร วมแล ะ ระบบบ าบัดน้ าเสียที่มี ประสิทธิภาพ๒๕๖๔ –๒๕๖๖๘๐๔,๐๐๐,๐๐๐ขอรับจัดสรร งบกลางเพิ่มเติม MS 1.4แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ แ ล ะ สิ่ง แ ว ด ล้ อ ม ประเด็นการปฏิรูป ร ะบ บ ก า รบ ริห า ร จัดการเขตควบคุม มลพิษ ไม่บรรลุ องค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลต าบล บ้านฉาง BR0604X02โ ค รง ก า ร ก่ อ ส ร้ าง ระบบบ าบัดน้ าเสีย เทศบาลต าบลบ้านฉางมี ร ะบบบ าบัดน้ าเสีย ที่มีประสิทธิภาพ๒๕๖๔ –๒๕๖๕๗๓,๐๐๐,๐๐๐ขอรับจัดสรร งบกลางเพิ่มเติม MS 1.4 - ไม่บรรลุ องค์การจัดการน้ าเสีย และเทศบาลเมือง มาบตาพุด BR0604X03โค รง ก า รป รับป รุง และเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบรวบรวมน้ าเสีย เทศบาลเมืองมาบตาพุดมีระบบรวบรวมน้ าเสีย ที่มีประสิทธิภาพ๒๕๖๔ –๒๕๖๕๕๐๒,๐๐๐,๐๐๐ขอรับจัดสรร งบกลางเพิ่มเติม MS 1.4ก าลัง ด าเนินการ การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย BR0604X04ก า ร ก า กั บ ดู แ ล การจัดการน้ าเสีย จากโรงงานในนิคม อุตสาหกรรมโรงงานในนิค มอุตสาหกรรม ระบายน้ าเสียเป็นไปตาม มาตรฐานที่ก าหนด๒๕๖๔ ๑,๐๐๐,๐๐๐โ ค รง ก า ร ที่ ได้รับจัดสรร ตาม พรบ.๖๔ เงิ น น อกงบ ประมาณ MS 1.4โครงการที่ได้รับจัดสรร ตามพรบ.64เงินนอก งบประมาณ/แหล่ง เงินได้รายได้อื่นรอผลการ ด าเนินการ ๑๓๙
หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ โครงการรหัส โครงการโครงการ / การด าเนินงาน***เป้าหมาย/ผลผลิต/ ผลลัพธ์ของโครงการระยะเวลา เริ่มต้นและ สิ นสุดโครงการวงเงิน งบประมาณ (บาท)ที่มาของ งบประมาณส่งผลต่อ เป้าหมายย่อย (ได้มากกว่า 1 MSxx)กรณีการด าเนินการ ตามแผนการปฏิรูป ประเทศ (ฉบับเดิม) โปรดระบุด้านที่ เกี่ยวข้อง)ผลสัมฤทธิ์ ๒๕๖๕ ๑,๐๐๐,๐๐๐แหล่งเงินได้ รายได้อื่น ส านักงาน อุตสาหกรรม จังหวัดระยอง BR0604X05การก ากับดูแล การจัดการน้ าเสีย จากโรงงานนอกนิคม อุตสาหกรรม โรงงานนอกนิคม อุตสาหกรรมระบาย น้ าเสียเป็นไปตาม มาตรฐานที่ก าหนด ๒๕๖๔ ๑,๐๐๐,๐๐๐โ ค รง ก า ร ที่ ได้รับจัดสรร ตาม พรบ.๖๔ เ ส น อ ขอตั้ง งบประมาณ ในปี ๖๕ MS 1.4โครงการที่ได้รับจัดสรร ตามพรบ.๖๔เสนอขอ ตั้งงบประมา ณในปี ๒๕๖๕ รอผลการ ด าเนินการ กรมควบคุมมลพิษ BR0604X12การพัฒนากฎหมาย มาตรฐานมาตรการ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ส า ร VOCs ในอากาศกฎหมาย มาตรฐาน มาตรการแก้ไขปัญหา สาร VOCs ในอากาศ๒๕๖๕ ๑,๐๐๐,๐๐๐เ ส น อ ข อตั้ง งบประมาณ ในปี ๖๕ MS 1.4 ไม่บรรลุ กรมโรงงานอุตสาหกรรม BR0604X13การจัดท ากฎหมาย ควบคุมการระบาย ไอสาร VOCs จากการ ป ร ะ ก อ บ กิ จ ก า ร ถั ง เ ก็ บและจาก หอเผาทิ้งของโรงงาน อุตสาหกรรม และได้ มีการเสนอโครงการ จั ด ท า ร ะ บ บ ก า ร รายงานสารอินทรีย์กฎหมายควบคุมการระบาย ไอสาร VOCSจากการ ประกอบกิจการถังเก็บ และจากหอเผาทิ้งของโรงงานอุตสาหกรรม โดยมี ระบบรายงาน เพื่อช่วยในการจัดเก็บ ข้อมูลประมวลผลข้อมูลและมีการจัดการทางด้า น สิ่งแวดล้อมต่อไป ๒๕๖๕ ๒,๕๐๐,๐๐๐เ ส น อ ข อตั้ง งบประมาณ ในปี ๖๕ MS 1.4 ไม่บรรลุ ๑๔๐๑๔๐
หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ โครงการรหัส โครงการโครงการ / การด าเนินงาน***เป้าหมาย/ผลผลิต/ผลลัพธ์ของโครงการระยะเวลา เริ่มต้นและ สิ นสุดโครงการวงเงิน งบประมาณ (บาท)ที่มาของ งบประมาณส่งผลต่อ เป้าหมายย่อย (ได้มากกว่า 1 MSxx)กรณีการด าเนินการ ตามแผนการปฏิรูป ประเทศ (ฉบับเดิม) โปรดระบุด้านที่ เกี่ยวข้อง)ผลสัมฤทธิ์ ระเหยในกิจกรรม หอเผาทิ้งถังกักเก็บ และการซ่อมบ ารุง เพื่อเป็นระบบรองรับ ในการรายงานผล จั ด เ ก็บ ข้อมูลและ ประมวลผลข้ อมูล โดยเป็นจัดท าระบบ ควบคู่กันไปด าเนินการ จัดท ากฎหมาย การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย BR0604X14การก ากับดูแลการ ระบายสาร VOCs ทางอากาศในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรม อาทิ ท่าเรือ โรงงาน คลังน้ ามันแหล่งก าเนิดสาร VOCS ทางอากาศในพื้นที่นิคม อุ ต ส า ห ก ร ร ม ไ ม่ ก่ อ ปัญหาสาร VOCS๒๕๖๔ –๒๕๖๕ ๑,๐๐๐,๐๐๐โ ค รง ก า ร ที่ ได้รับจัดสรร ตาม พรบ.๖๔ เงินนอกงบ ประมาณ แหล่งเงินได้ รายได้อื่น MS 1.4 ไม่บรรลุ ส านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง BR0604X15การก ากับดูแลการ ระบายสาร VOCs ทางอากาศของ โรงงานน อ กพื้ น ที่ นิคมอุตสาหกรรมโรงงานนอกพื้นที่นิคม อุ ต ส า ห ก ร ร ม ไ ม่ ก่ อ ปัญหาสาร VOCS๒๕๖๔ –๒๕๖๕ ๑,๐๐๐,๐๐๐โครงการที่ได้รับ จั ดส ร รต าม พรบ.๖๔เสนอ ขอตั้งงบประมาณ ในปี ๖๕ MS 1.4 ไม่บรรลุ ๑๔๑ ๑๔๑
หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ โครงการรหัส โครงการโครงการ / การด าเนินงาน***เป้าหมาย/ผลผลิต/ ผลลัพธ์ของโครงการระยะเวลา เริ่มต้นและ สิ นสุดโครงการวงเงิน งบประมาณ (บาท)ที่มาของ งบประมาณส่งผลต่อ เป้าหมายย่อย (ได้มากกว่า 1 MSxx)กรณีการด าเนินการ ตามแผนการปฏิรูป ประเทศ (ฉบับเดิม) โปรดระบุด้านที่ เกี่ยวข้อง)ผลสัมฤทธิ์ ส านักงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง BR0604X19ก า รก ากับติดต าม การแก้ไขปัญหามลพิษ ในพื้นที่มาบตาพุด และบริเวณใกล้เคียง จ.ระยองการแก้ไขปัญหามลพิษ ใ น พื้ น ที่ ม า บ ต า พุ ด แล ะบ ริเ วณใกล้เคียง จ.ระยองเป็นไปตามแผนมาตรการและ เป้าหมายที่ก าหนด๒๕๖๔–๒๕๖๕๑,๐๐๐,๐๐๐โ ค รง ก า ร ที่ ได้รับจัดสรร ตาม พรบ.๖๔ เ ส น อ ข อตั้ง งบประมาณ ในปี ๖๕ MS2 ไม่บรรลุ กรมควบคุมมลพิษ BR0604X20โครงการประเมินผล เพื่อยกเลิกเขตควบคุม มลพิษตามแผนการ ปฏิรูปประเทศ -ข้อเสนอพื้นที่ที่สมควร ยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ -ข้อเสนอการปรับปรุง หลักเกณฑ์การประกาศ หรือยกเลิกเขตควบคุม มลพิษ -ข้อเสนอมาตรการการจัดการ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในพื้นที่ ควบคุมมลพิษแทนการ ประกาศเขตควบคุมมลพิษ -ข้อเสนอการปรับปรุง ประสิทธิภาพการด าเนินงาน เขตควบคุมมลพิษ๒๕๖๕๗,๕๕๘,๐๐๐เ ส น อ ข อตั้ง งบประมาณ ในปี ๖๕ MS2 บรรลุ ๑๔๒ ๑๔๒
หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ โครงการรหัส โครงการโครงการ / การด าเนินงาน***เป้าหมาย/ผลผลิต/ผลลัพธ์ของโครงการระยะเวลา เริ่มต้นและ สิ นสุดโครงการวงเงิน งบประมาณ (บาท)ที่มาของ งบประมาณส่งผลต่อ เป้าหมายย่อย (ได้มากกว่า 1 MSxx)กรณีการด าเนินการ ตามแผนการปฏิรูป ประเทศ (ฉบับเดิม) โปรดระบุด้านที่ เกี่ยวข้อง)ผลสัมฤทธิ์ ส านักงาน ปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม BR0604X21โครงการศึกษา ความเหมาะสม ในการพิจารณา ประกาศยกเลิกเขต ควบคุมมลพิษทุกพื้นที่ (น าร่องเขตควบคุม มลพิษมาบตาพุด) (ทส.)หมายเหตุ : เป็นโครงการที่ไม่ได้ ด าเนินการ แต่ ทส. พิจารณาเห็นว่าควร จะด าเนินการเพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของ กิจกรรม จ านวน ๑๘พื้นที่เขตควบคุม มลพิษ ๒๕๖๕๕,๐๐๐,๐๐๐ขอรับจัดสรร งบกลางเพิ่มเติม MS2 ไม่บรรลุ หมายเหตุ: บรรลุตามเป้าหมาย ไม่บรรลุตามเป้าหมาย ๑๔๓๑๔๓
๔.๑๓ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาศึกษาการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ในการพิจารณาศึกษาเรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขต ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยองครั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ ได้ด าเนินการศึกษาพิจารณาจากข้อมูลทุติยภูมิ และข้อมูลปฐมภูมิ จากการศึกษาดูงานในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง และการประชุมและการสัมมนา คณะกรรมาธิการฯ จึงได้ท าการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหามลพิษและผลกระทบของมลพิษ ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมและวิธีการแก้ไขปัญหามลพิษ รวมถึงในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง โดยเฉพาะข้อมูลด้านสถานการณ์ ผลกระทบและการจัดการปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง รวมทั้งปัญหาอุปสรรคของการแก้ไขปัญหามลพิษหรือการปฏิรูประบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ในประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ๔.๑๓.๑ ภาวะมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ศาลปกครองจังหวัดระยองมีค าสั่งให้คณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เนื่องจากมีเอกสารรายงานทางวิชาการ แสดงให้เห็นว่ามีมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ า มลพิษจากขยะมูลฝอย และของเสียอันตราย ในพื้นที่ มาบตาพุด ค าพิพากษาได้อ้างถึงประเด็นที่ส าคัญ เพื่อด าเนินการลดมลพิษควบคุม ลด และขจัดมลพิษ๔๓ ๑) ภาวะมลพิษทางอากาศ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดขณะนั้น ด้วยเรื่องมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะจากสารอันตราย ๒ กลุ่ม กลุ่มแรกคือสารอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic compound : VOCs)และกลุ่มที่สองคือก๊าซที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงและโรงไฟฟ้า คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2) และไนโตรเจนไดออกไซด์(SO2) ๔๔ ปัญหาสาร VOCs ในบรรยากาศของเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองก่อนที่จะมีการ ประกาศเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ระหว่างเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมควบคุมมลพิษได้ตรวจวิเคราะห์พบสารVOCs มากกว่า ๔๐ ชนิด ในบรรยากาศ โดยเป็นสารก่อมะเร็ง ๒๐ ชนิด ปริมาณสารก่อมะเร็งจ านวน ๑๙ ชนิดที่พบในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดสูงเกินค่ามาตรฐาน สิ่งแวดล้อมระดับเฝ้าระวังคุณภาพอากาศของสหรัฐอเมริกา๔๕ ๔๓ ข่าวศาลปกครอง Administrative Court News ครั้งที่๑๐/๒๕๕๒, https://admincourt.go.th/admincourt/upload/webcms/Oldnews/attach/news_attach/2009/03 /press04032552.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔ ๔๔ มาบตาพุด…ทุกข์ท้น มลพิษท่วม – รายงานสุขภาพคนไทย,www.thaihealthreport.com/th/ situation_ten.php?id=137&y=2551&bm=17, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ ๔๕ เพิ่งอ้าง ๑๔๔
๑๔๕ หลังจากการด าเนินการตามแผนลดและขจัดมลพิษตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา พบว่าปริมาณสาร VOCsส่วนใหญ่ลดลงอย่างมีนัยส าคัญอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้นเบนซีน (benzene), ๑,๓ - บิวทาไดอีน, (1,3 - butadiene), ๑,๒ - ไดคลอโรอีเธน (1-2 dichloroethane)๔๖ จากรายงาน การตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา ซึ่งได้ท าการตรวจวัดปริมาณฝุ่นขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM10) เฉลี่ย ๒๔ ชั่วโมง ปริมาณก๊าซ NO2 เฉลี่ย ๑ ชั่วโมง และก๊าซ SO2 เฉลี่ย ๑ ชั่วโมง พบว่าปริมาณมลพิษดังกล่าวส่วนใหญ่ ต่ ากว่าเกณฑ์มาตรฐานของประเทศไทย แต่พบว่าปริมาณฝุ่นขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอนสูงกว่าเกณฑ์ เป็นครั้งคราว (เกณฑ์ประเทศไทย ๑๒๐ ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ มาตรฐานที่แนะน าโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งก าหนดไว้ที่ ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบว่าปริมาณฝุ่นขนาดเล็กดังกล่าวในบางวันของแต่ละเดือนมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน ที่แนะน าโดย องค์การอนามัยโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน โดยเฉพาะต่ออาการทางระบบทางเดินหายใจ โรคหืด และโรคแพ้อากาศ ประเทศไทยได้ก าหนดและประกาศใช้มาตรฐานค่าสาร VOCs ในบรรยากาศโดยทั่วไป มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยตลอดระยะเวลามากกว่า ๑๐ ปี ได้มีการตรวจวัดค่าความเข้มข้นของสาร VOCs ในบรรยากาศของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดระยอง รวมถึง พื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่มีค่าความเข้มข้นของสาร VOCs ในบรรยากาศสูงเกิน มาตรฐาน ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ กรมควบคุมมลพิษจึงได้เตรียมออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อก าหนดเพดานค่าอัตราการระบายสาร VOCs สูงสุด (Emission Loading) จากโรงงานอุตสาหกรรม โดยเสนอให้ใช้ค่าเดียวกันเป็นมาตรฐานส าหรับโรงงานทุกขนาดและทุกประเภท เพื่อควบคุมระดับการปล่อยสาร VOCs ในบรรยากาศ ในขณะที่ปัญหาตามมา เนื่องจากแต่ละโรงงาน มีขนาดและประเภทของโรงงานที่แตกต่างกัน และไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผล ให้ค่าความเข้มข้นของสาร VOCs ในบรรยากาศเกินมาตรฐานได้ เช่นปริมาณไอเสียจากรถยนต์ หรือจากแหล่งก าเนิดสาร VOCs อื่น ๆ ๔๗ ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมในจังหวัดระยอง โดยเฉพาะในเขตควบคุมมลพิษ ยังคงก่อ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เนื่องจากพบว่าสาร VOCs บางตัวในบรรยากาศมีค่าสูงเกิน ค่ามาตรฐาน คือ benzene, 1,3 - butadiene และ 1,2 dichloroethane แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า มาจากแหล่งใดบ้าง ซึ่งแหล่งก าเนิดมลพิษมีทั้งภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง และการใช้ ชีวิตประจ าวันของประชาชน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อสุขภาพ๔๘ ๔๖ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังสุขภาพจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jmhs/article/view/59733/49056,สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ ๔๗ VOCs Code of Practice (CoP) Pilot Project – FTIPC ttp:// www.ftipc.or.th/upload_file /activities/activites_TH_24082020-10174908_0.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕ ๔๘ ปัญหาสุขภาพซึ่งได้รับผลกระทบจากมลพิษจากอุตสาหกรรม file:///C:/Users/ASUS/ Downloads/pruksa,+% E0%B8%9A% E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕
๑๔๖ แหล่งก าเนิดส าคัญของสาร VOCs ที่มีผลต่อคุณภาพอากาศในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มี ๓ แหล่ง คือ กิจกรรมในครัวเรือน ได้แก่ สารเตตระคลอโรเอทธิลีน และคลอโรฟอร์ม การปล่อย ของเสียจากยานพาหนะ ได้แก่ เบนซีน และกระบวนการทางอุตสาหกรรม ได้แก่ ไวนิลคลอไรด์ สาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน ไดคลอโรมีเทน และไตรคลอโรเอทธิลีน สภาพการจราจรในเขตมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น และมี ปริมาณการใช้น้ ามันเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ตัวท าละลายในกระบวนการผลิต ได้มีการปล่อยของเสีย เช่น สาร VOCs ออกสู่สภาพแวดล้อม ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศขึ้น อย่างไรก็ตามสาร VOCs ไม่ได้มีแหล่งก าเนิดจากภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สาร VOCs บางชนิด เช่น เบนซีนมีแหล่งก าเนิดจากจราจร เป็นส่วนประกอบของก๊าซจากท่อไอเสียรถยนต์๔๙ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่าความเข้มข้นของ สาร VOCs ในระดับพื้นดินมีความเป็นไปได้สูงที่ต้นเหตุของปัญหาอื่น อาจมาจากกระบวนการผลิต ในภาวะ “ผิดปกติ” เช่น การปิดโรงงานในกรณีฉุกเฉิน มากกว่าการปฏิบัติการของโรงงานในภาวะ “ปกติ” เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ บริษัทผู้ประกอบการปิโตรเคมีในพื้นที่มาบตาพุดและพื้นที่ เชิงเนิน จังหวัดระยอง ที่มีการผลิต ใช้ และ/หรือ กักเก็บสาร VOCs ๒ ชนิดได้แก่ สาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน (จ านวน ๑๕ บริษัท) และสารเบนซีน (จ านวน ๑๓ บริษัท) กลุ่ม ปตท. เร่งศึกษาการตรวจวัดสาร VOCs ด้วยเทคโนโลยี IR Camera ซึ่งเป็น เทคโนโลยีที่อาศัยการท างานของรังสีอินฟาเรดในการตรวจจับการรั่วซึมของสาร VOCs ซึ่งถือได้ว่าเป็น เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบันโดยมีแผนที่จะใช้กล้อง IR Camera ตรวจหาการรั่วซึมของสาร VOCs ในโรงงานกลุ่ม ปตท. ก่อนน ามาประเมินและจัดท าแผนปรับปรุงจุดต่าง ๆ เพื่อแก้ไขการรั่วซึม พร้อมก าหนดแผนระยะยาว เพื่อติดตามตรวจสอบและแก้ไขการรั่วซึมอย่างต่อเนื่อง๕๐ การปฏิบัติการในพื้นที่และการตรวจติดตามผลการด าเนินงานตลอดระยะเวลา ๑ ปี ของการด าเนินโครงการระหว่างเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีโรงงานน าคู่มือหลักการปฏิบัติที่ดี(CoP) ไปใช้ปฏิบัติช่วงระหว่างหยุดการผลิตเพื่อการซ่อมบ ารุงตาม ก าหนดรอบของโรงงานที่เข้าร่วมโครงการน าร่องฯ รวม ๑๐ โรงงาน โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ค าชี้แนะ แนวปฏิบัติและข้อสังเกต รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติระหว่างโรงงานที่เข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนา ให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ท าให้ผลค่าการตรวจวัดสาร ๑,๓-บิวทาไดอีน และสารเบนซีนในบรรยากาศในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยพบว่าค่าเฉลี่ย ๑ ปี สาร ๑,๓-บิวทาไดอีน และสารเบนซีนในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ ลดลงร้อยละ ๗๒.๖ และ ๔๕.๖ ตามล าดับ (ดังภาพที่ ๓๖,๓๗ และ ๓๘) โดยค่าความเข้มข้นเฉลี่ย สารเบนซีนที่ทุกสถานีตรวจวัดในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ อยู่ที่ ๑.๘๑ ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งดีกว่า ๔๙ การประเมินความเสี่ยงจากการได้รับสารอินทรีย์ระเหยกลุ่ม เบนซีน โทลู..., file:///C:/Users/ASUS/Downloads/KRSRC000S0000096c1%20(3).pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕ ๕๐ กลุ่ม ปตท. เดินหน้าร่วมแก้ปัญหามลพิษที่มาบตาพุต จังหวัดระยอง https://pttngr.pttplc.com/dat/Gasline/%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E 0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_67.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๕
๑๔๗ ค่าความเข้มข้นเป้าหมายสารเบนซีนของกรมควบคุมมลพิษที่ก าหนดไว้ที่ ๓.๓๐ ไมโครกรัม /ลูกบาศก์เมตร๕๑ ส าหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (หมายเหตุ : กรมควบคุมมลพิษ ไม่ได้ก าหนดค่าความเข้มข้นเป้าหมายส าหรับ สาร ๑,๓ - บิวทาไดอีน)๕๒ ภาพที่ ๓๖ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สาร ๑,๓-บิวทาไดอีน ในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ ปี ๒๕๕๐ - ๒๕๖๒ ภาพที่ ๓๗ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สารสารเบนซีน ในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ ปี ๒๕๕๐ - ๒๕๖๒ ๕๑ คู่มือหลักการปฏิบัติที่ดี(CoP) , https://www.ftipc.or.th/upload_file/annual/annual_TH_ 01032021-14422603.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ๕๒ VOCs Code of Practice (CoP) Pilot Project - FTIPC http://www.ftipc.or.th/upload_ file/activities/activites_TH_24082020-10174908_0.pdf , สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕
๑๔๘ ภาพที่ ๓๘ ค่าเฉลี่ย ๑ ปี สารเบนซีนในชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง กับค่าความเข้มข้นเป้าหมายสารเบนซีนของกรมควบคุมมลพิษ ตลอดระยะเวลา ๑ ปีของการด าเนินโครงการใช้หลักการปฏิบัติมาตรการ (CoP) ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้มีโรงงานน าหลักการปฏิบัติCoP ไปปฏิบัติในช่วงระหว่างการหยุดการผลิต ตามก าหนดรอบของโรงงานที่เข้าร่วมโครงการ รวมจ านวน ๑๐ โรงงาน ท าให้ได้ข้อสังเกตและแนวปฏิบัติ รวมถึงแนวทางการปรับปรุงในอนาคต และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติระหว่างโรงงานที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด และจากความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ และการด าเนินงานของผู้ประกอบการส่งผลให้ค่าตรวจวัด สารเบนซีนและสาร ๑,๓ บิวทาไดอีนในบรรยากาศ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยค่า ๑,๓ บิวทาไดอีน เฉลี่ยรายปีในชุมชนลดลงร้อยละ ๗๒.๖ และค่าเบนซีน ลดลงร้อยละ ๔๕.๖ โดยมีค่าความเข้มข้นเฉลี่ยทุกสถานีในปีพ.ศ. ๒๕๖๒ เท่ากับ ๑.๘๑ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งดีกว่าค่าเป้าหมายของกรมควบคุมมลพิษที่ ๓.๓ ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร๕๓ เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง เป็นพื้นที่ที่นับว่ามีการพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่าง ก้าวกระโดด เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรม ผลิตพลาสติก อุตสาหกรรมผลิตสารเคมี เป็นต้น เป็นพื้นที่ที่จ านวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจังหวัดระยองยังอยู่ในแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออกของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริม เศรษฐกิจพิเศษ ด้านอุปกรณ์อากาศยาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และ Bio-Economy ซึ่งการพัฒนา ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมมักส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อุตสาหกรรมและชุมชน รวมทั้ง ๕๓ https://www.ftipc.or.th/upload_file/annual/annual_TH_01032021-14422603.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
๑๔๙ การน าเข้าและการผลิตสารเคมี ประกอบการพัฒนาทางเทคโนโลยีท าให้มีการสังเคราะห์สารใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายส่งผลต่อมลพิษที่มีการปลดปล่อยสารใหม่ๆ ในสิ่งแวดล้อม๕๔ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศที่ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษ และการนิคมอุตสาหกรรมแห้งประเทศไทย (กนอ.) ยังคงมีค่าความเข้มข้นของสาร VOCs ทั้ง ๓ ชนิด เฉลี่ยรายปีเกินมาตรฐานในบางพื้นที่ ปัญหามลพิษที่ส าคัญและเป็นอันตรายต่อสุขภาพคนและสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง คือ ปัญหาจาก สาร VOCs คือสารประกอบของสารอินทรีย์ที่อยู่ในรูปของแข็ง มีองค์ประกอบของคาร์บอนอินทรีย์ เมื่อระเหยสู่บรรยากาศสามารถคงตัวอยู่ในอากาศได้นาน โดยมากเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิต ทางอุตสาหกรรมของกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีการระบาย หรือรั่วไหล สู่สิ่งแวดล้อมได้จากหลายแหล่ง เช่น ๑) การรั่วซึมจากอุปกรณ์การผลิต ๒) ปล่องหรือท่อระบายอากาศเสียของโรงงาน เช่น การระเหยของสารเคมีจากท่อของโรงงาน ในกลุ่มปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ ามัน และเคมีภัณฑ์ ๓) การเผาไหม้ก๊าซที่ Flare (ปล่องระบายอากาศของโรงงานที่มีเปลวไฟตรงปลายปล่อง) ๔) ลานเก็บถังบรรจุ ๕) สถานีขนถ่ายสารเคมี ๖) ระบบบ าบัดน้ าเสีย มีการตรวจพบปริมาณสาร VOCs จ านวนมาก และพบว่าสารแต่ละชนิด ที่ตรวจเจอมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง เช่น สารอะโค-ลีน สารเบนซีน สารไตรคลอโรเอทีลีน สารเอทีลีนไดคลอไรด์ สารคลอโรฟอร์ม สารไวนิลคลอไรด์ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีแผนน าแนวปฏิบัติ ตามคู่มือหลักการการปฏิบัติที่ดี(CoP) ขยายผลไปยังทุกบริษัทที่ลงนามความร่วมมือทั้งในพื้นที่ มาบตาพุดและพื้นที่เชิงเนิน เพื่อใช้ในการด าเนินงานในช่วงซ่อมบ ารุง การจัดการถังกักเก็บสารเคมี และการใช้หอเผาทิ้ง และติดตามเฝ้าระวังค่าสาร ๑,๓-บิวทาไดอีนและสารเบนซีนในบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนด าเนินงานต่อเนื่องในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังนี้๕๕ ๑) ขยายการปฏิบัติมาตรการตามคู่มือการปฏิบัติที่ดีไปยังโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสาร VOCs อย่างต่อเนื่อง ๒) แบ่งปันข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างโรงงานที่เข้าร่วมโครงการและโรงงานอื่น ๆ ที่มีแผน หยุดการผลิตเพื่อการซ่อมบ ารุง ๓) ติดตามผลการด าเนินงานและรายงานผลให้คณะกรรมการและที่ปรึกษาฯ ทราบทุก ๒ เดือน ๕๔ รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินความเสี่ยงในการรับสัมผัสสารอินทรีย์อันตรายอุบัติใหม่ของ ประชาชนจากแหล่งน้ าส าหรับอุปโภค บริโภค บริเวณ พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง - ส านักงาน ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ข อง ร า ช ก า รhttp://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER3 /DRAWER083/GENERAL/DATA0001/00001779.PDF, สืบค้นเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕ ๕๕ คู่มือหลักการการปฏิบัติที่ดี (CoP), https://www.ftipc.or.th/upload_file/annual/annual_ TH_01032021-14422603.pdf, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕