ĀนังÿือประชุมบทคüามทางกฎĀมาย ประจำปีการýึกþา 2566 กĂงบรรณาธิการĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย
พิมพ์ที่ ÿำนักพิมพ์จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย 254 ถนนพญาไท แขüงüังใĀม่ เขตปทุมüัน กรุงเทพมĀานคร 10330 โทรýัพท์. 0 2218 3549 โทรÿาร. 0 2218 3551 Ăีเมล. [email protected], [email protected] ĂĂกแบบปก ýýิปัญญ์ ธนาโÿภณ
ÿาร ประธานýาลฎีกา พระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้ทรงปฏิรูป ระบบกฎĀมายและการýาลไทย โดยทรงปรับปรุงใĀ้ýาลมีĂิÿระในการพิจารณาพิพากþาคดี ทรงจัดüางระบบ ýาลยุติธรรมขĂงประเทýใĀ้ทันÿมัย ทรงแก้ไขระบบกฎĀมายใĀ้ทัดเทียมนานาĂารยประเทý และทรงจัดตั้ง โรงเรียนกฎĀมายขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทýไทย พระĂัจฉริยภาพด้านกฎĀมายและการýาล ทำใĀ้พระĂงค์ ได้รับการยกย่Ăงü่าเป็น “พระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย” Ăันเป็นที่เทิดทูนและเคารพรักขĂงผู้ที่ýึกþากฎĀมาย ทั้งĀลาย การจัดงานนิตินิทรรýน์และการรüบรüมบทคüามทางกฎĀมายขĂงผู้ทรงคุณüุฒิในüงการนิติýาÿตร์ ตลĂดจนผลงานÿร้างÿรรค์ทางกฎĀมายที่ดีที่ÿุดจากการประกüดตีพิมพ์เผยแพร่ในĀนังÿืĂ “รพีพัฒนýักดิ์” ประจำปีการýึกþา ๒๕๖๖ ขĂงคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย เพื่Ăเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ นับเป็นการเฉลิมพระเกียรติคุณ ขĂงพระĂงค์ท่าน ÿมดังที่ได้รับพระÿมัญญานามü่าพระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย และเป็นแรงบันดาลใจ แก่คนรุ่นĀลังในการทำประโยชน์ด้านกฎĀมายแก่ประเทýชาติĂย่างมาก ทั้งยังเป็นการÿืบÿานพระปณิธาน” ขĂงพระĂงค์ในการÿร้างนักกฎĀมายที่ดี มีคüามรู้ และÿ่งเÿริมพัฒนาระบบงานยุติธรรม ดิฉันขĂชื่นชมคณะผู้จัดงานนิตินิทรรýน์ ประจำปีการýึกþา ๒๕๖๖ และคณะผู้จัดทำĀนังÿืĂ “รพีพัฒนýักดิ์” ที่จัดงานที่ทรงคุณค่าและจัดทำĀนังÿืĂที่เป็นประโยชน์ต่Ăüงการนิติýาÿตร์ และขĂใĀ้การดำเนินงานดังกล่าüประÿบผลÿำเร็จ บรรลุüัตถุประÿงค์ทุกประการ (นางĂโนชา ชีüิตโÿภณ) ประธานýาลฎีกา
ÿาร ประธานýาลปกครĂงÿูงÿุด “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” พระÿมัญญานามที่บรรดานักกฎĀมายไทยพร้Ăมใจกันถüายแก่ พระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ด้üยเĀตุที่พระĂงค์ทรงเป็นผู้มี คุณูปการĂย่างใĀญ่Āลüงต่ĂüงการกฎĀมายไทย ทั้งในฐานะเÿนาบดีกระทรüงยุติธรรม ทรงมีÿ่üนÿำคัญĂย่าง ยิ่งในการปฏิรูปการýาล โดยการปรับปรุงแก้ไขกฎĀมายไทยใĀ้มีมาตรฐานทัดเทียมชาติตะüันตก รüมถึงการ จัดระเบียบýาลยุติธรรมใĀ้ทันÿมัย แยกĂำนาจตุลาการใĀ้เป็นĂิÿระจากฝ่ายบริĀาร และปรับปรุงเงินเดืĂน ผู้พิพากþาใĀ้เĀมาะÿมกับตำแĀน่งĀน้าที่เพื่Ăแก้ไขและป้ĂงกันปัญĀาการทุจริตในýาล ทำใĀ้ýาลไทยมี คüามน่าเชื่ĂถืĂมากขึ้นและเป็นที่ยĂมรับขĂงชาüต่างชาติ และในฐานะครูกฎĀมาย ทรงก่Ăตั้งโรงเรียน ÿĂนกฎĀมาย และทรงเป็นผู้บรรยายด้üยพระĂงค์เĂง ซึ่งเป็นรากฐานในการýึกþาüิชากฎĀมายขĂงไทยมา จนถึงปัจจุบัน ดังพระปณิธานที่ü่า “My life is service” เมื่Ăได้ýึกþาย้ĂนไปถึงพระประüัติขĂงพระĂงค์จะพบü่า พระĂัจฉริยภาพขĂงเÿด็จในกรม Āลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ปรากฏมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาü์ โดยที่ทรงเป็นพระราชโĂรÿพระĂงค์ที่ ๑๔ ในพระบาทÿมเด็จพระจุลจĂมเกล้าเจ้าĂยู่Āัü ซึ่งได้รับพระมĀากรุณาโปรดเกล้าฯ ใĀ้ไปýึกþาüิชากฎĀมาย ณ ประเทýĂังกฤþ ด้üยเĀตุที่พระĂงค์ทรงÿĂบไล่ผ่านทุกüิชาและได้รับปริญญาเกียรตินิยมทางกฎĀมาย จากüิทยาลัยไครÿต์เชิร์ช มĀาüิทยาลัยĂĂกซฟĂร์ด ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง ๒๐ พรรþา และทรงใช้เüลา ýึกþาเพียง ๓ ปี แต่บุคคลทั่üไปจะใช้เüลา ๔ ปี จนเป็นที่พĂพระราชĀฤทัยขĂงล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ยิ่ง จึงทรงโปรดเรียกเÿด็จในกรมฯ ü่า “เฉลียวฉลาดรพี” ในโĂกาÿที่คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย กำĀนดจัดงานนิตินิทรรýน์ ประจำปีการýึกþา ๒๕๖๖ เพื่Ăเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย พร้ĂมจัดทำĀนังÿืĂรüบรüมบทคüามทางกฎĀมาย “รพีพัฒนýักดิ์” ครั้งนี้ จึงเป็นการเผยแผ่พระเกียรติคุณ และเผยแพร่ผลงานทางüิชาการที่เป็นประโยชน์ต่Ăÿังคมและมีคุณูปการยิ่งต่ĂการพัฒนาĂงค์คüามรู้ ในการýึกþาüิชากฎĀมายในประเทýไทย ÿมดังพระปณิธานขĂงĂงค์พระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย (ýาÿตราจารย์พิเýþ ดร. üรพจน์ üิýรุพิชญ์) ประธานýาลปกครĂงÿูงÿุด
ÿาร ประธานýาลรัฐธรรมนูญ ในüันที่ ๗ ÿิงĀาคมขĂงทุก ๆ ปี นับเป็นüันÿำคัญขĂงüงการนักกฎĀมายไทย Ăันเนื่Ăงจากเป็น üันคล้ายüันÿิ้นพระชนม์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระĂงค์ทรงเป็นนักนิติýาÿตร์ผู้ยึดมั่นในคüามซื่Ăÿัตย์ÿุจริต ทรงทุ่มเทตลĂดพระชนม์ชีพในการบำเพ็ญ พระกรณียกิจĂันเป็นคุณประโยชน์แก่üงการกฎĀมายไทย ทรงเป็นผู้üางรากฐานระบบกฎĀมาย และงานยุติธรรมขĂงไทยใĀ้มีคüามเจริญก้าüĀน้าเป็นที่ยĂมรับในÿากลโลก ทรงเป็นแบบĂย่างที่ดีใĀ้แก่ นักกฎĀมายทั้งปüงจนได้รับขนานนามü่า “พระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย” ด้üยพระปรีชาÿามารถประกĂบกับ พระüิริยะĂุตÿาĀะขĂงพระĂงค์ นับเป็นÿิ่งที่นักกฎĀมายพึงระลึกถึงĂยู่เÿมĂ เพื่Ăเป็นเครื่ĂงเตืĂนใจในüิชาชีพ ต่Ăไป ผมขĂชื่นชมคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ที่ได้ยึดมั่นในพระปณิธานขĂงพระĂงค์ และร่üมกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติพร้Ăมทั้งจัดทำĀนังÿืĂ “รพีพัฒนýักดิ์” ประจำปีการýึกþา ๒๕๖๖ เพื่Ăรüบรüมคüามรู้ตลĂดจนผลงานÿร้างÿรรค์ทางกฎĀมายและเผยแพร่แก่บุคคลทั่üไป ในโĂกาÿนี้จึงขĂใĀ้ นักกฎĀมายทั้งĀลายร่üมกันรำลึกถึงพระมĀากรุณาธิคุณ และÿืบÿานตามแนüทางพระปณิธานที่จะนำคüามรู้ คüามÿามารถไปใช้ปฏิบัติĀน้าที่ด้üยคüามซื่Ăÿัตย์ÿุจริต บนพื้นฐานขĂงคüามยุติธรรม เพื่Ăประโยชน์ต่Ăÿังคม และพัฒนาประเทýชาติใĀ้มีคüามเจริญก้าüĀน้าÿืบไป (นายüรüิทย์ กังýýิเทียม) ประธานýาลรัฐธรรมนูญ
ÿาร Ăธิการบดีจุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ÿำĀรับĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ๒๕๖๖ üันที่ ๗ ÿิงĀาคม ซึ่งเป็นüันÿำคัญÿำĀรับนักกฎĀมายและüงüิชานิติýาÿตร์ไทย ด้üยเป็นüันคล้าย üันÿิ้นพระชนม์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงÿร้าง คุณูปการĂย่างใĀญ่Āลüงแก่üงการกฎĀมายไทย ได้เüียนมาถึงĂีกคำรบ เป็นโĂกาÿประจำปีที่นิÿิต คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัยจะได้ร่üมกันจัดทำĀนังÿืĂ “รพีพัฒนýักดิ์” ขึ้น ĂีกคราüĀนึ่ง’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’ ĀลักĂินทภาþ ĂันปรากฏĂยู่ในคัมภีร์พระธรรมýาÿตร์ มีใจคüามü่าผู้ที่จะพิพากþาตัดÿินคดีคüาม จะต้ĂงปราýจากĂคติ ๔ คืĂ ฉันทาคติ โทÿาคติ ภยาคติ และโมĀาคติ ในที่นี้จะกล่าüถึง โมĀาคติ คืĂ คüามลำเĂียงด้üยคüามไม่รู้ ü่าเป็นĂุปÿรรคประการÿำคัญประการĀนึ่งขĂงการบังคับใช้กฎĀมาย การที่นักกฎĀมายจะÿามารถธำรงรักþาคüามยุติธรรมใĀ้แก่ÿังคมและประเทýชาติได้นั้น การมีคüามรู้คüามชำนาญในüิชากฎĀมายและÿรรพüิชาที่จะเกื้Ăกูลต่Ăการใช้กฎĀมาย ย่Ăมเป็นÿิ่งÿำคัญ ฉะนั้น นักกฎĀมายที่ประÿงค์จะเป็นÿ่üนĀนึ่งในการขับเคลื่Ăนกระบüนการยุติธรรม และüงüิชานิติýาÿตร์ ต้ĂงถืĂเป็นĀน้าที่ประการĀนึ่งในการýึกþาĀาคüามรู้Ăยู่เÿมĂ เพราะüิชาการทางนิติýาÿตร์และÿรรพüิชา ทั้งĀลายย่Ăมก้าüĀน้าĂยู่ตลĂดเüลา การýึกþาĀาคüามรู้ย่Ăมเป็นการก้าüตามüิชาที่ก้าüĀน้าไปĂย่างทันท่üงที ซึ่งการก้าüตามคüามเจริญขĂงüิชาการĂยู่เÿมĂนี้เĂงย่Ăมจะเป็นการตัดĀนทางที่จะนำไปÿู่การมีโมĀาคติ คืĂ คüามลำเĂียงด้üยคüามไม่รู้ĂĂกไปได้ ในนามขĂงจุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ขĂชื่นชมการดำเนินการจัดพิมพ์ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ๒๕๖๖ Ăันเชื่Ăแน่ได้ü่าจะเป็นเครื่ĂงมืĂĀนึ่งในการตัดĀนทางแĀ่งโมĀาคติĂĂกไปจากใจขĂงนักกฎĀมายไทย และüงüิชานิติýาÿตร์ได้ จึงขĂขĂบคุณคณาจารย์ นิÿิต ตลĂดจนบุคคลต่าง ๆ ที่ได้มีÿ่üนเกี่ยüข้Ăงในการจัดทำ ĀนังÿืĂนี้โดยทั่üĀน้ากัน (ýาÿตราจารย์ ดร.บัณฑิต เĂื้ĂĂาภรณ์) Ăธิการบดีจุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย
ÿารจากคณบดีคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ÿำĀรับĀนังÿืĂรüบรüมบทคüามทางกฎĀมาย “รพีพัฒนýักดิ์” ปีการýึกþา ๒๕๖๖ คüามซื่Ăตรงต่ĂĀน้าที่ เป็นĂุดมคติÿำคัญÿำĀรับคüามเป็นนักกฎĀมายทุกคน นิÿิตนิติýาÿตร์ซึ่งเป็น ที่คาดĀมายü่าจะเติบใĀญ่ไปเป็นกำลังÿำคัญขĂงüงüิชาชีพและüงüิชาการนิติýาÿตร์ไทย จึงพึงตระĀนักถึง Ăุดมคตินี้ และยึดถืĂเป็นĀลักประพฤติไü้ใĀ้มั่น เมื่ĂĂยู่ในชั้นช่üงüัยเüลาแĀ่งการýึกþาเล่าเรียนและการทำ กิจกรรมในระดับĂุดมýึกþา ก็พึงพากเพียรขüนขüายในการýึกþาเล่าเรียนและทำกิจกรรมเÿริมทักþะ ขĂงคüามเป็นนักกฎĀมายที่ดี ตลĂดจนคüามเป็นพลเมืĂงและพลโลกที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ กิจกรรมเชิงüิชาการ มีการเรียบเรียงบทคüามทางüิชาการ การทำüิจัยขนาดย่Ăม เป็นต้น และกิจกรรมกึ่งüิชาการ เช่น การจัด ผลงานเรียบเรียง และผลงานÿร้างÿรรค์ต่าง ๆ เป็นต้น ตลĂดจนการฝึกĀัดจัดทำüารÿารทางüิชาการนิติýาÿตร์ นับเป็นประจักþ์พยานÿำคัญขĂงนิÿิตผู้ซื่Ăตรงต่ĂĀน้าที่ขĂงการýึกþาเล่าเรียนในรั้üมĀาüิทยาลัย คณะนิติýาÿตร์จึงพร้Ăมÿนับÿนุนโครงการลักþณะนี้เÿมĂมา การที่นิÿิตคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ผู้เป็นĂนาคตขĂงÿังคมไทย ได้ร่üมกันจัดทำ ĀนังÿืĂรüบรüมบทคüามทางกฎĀมาย “รพีพัฒนýักดิ์” เป็นเครื่ĂงบูชาพระเดชพระคุณขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงเป็นบูรพาจารย์ขĂงนักกฎĀมายไทย กับทั้งเพื่ĂเปิดโĂกาÿใĀ้นิÿิตได้แÿดง คüามÿามารถในการจัดทำกิจกรรมเชิงüิชาการ ย่Ăมเป็นที่น่าชื่นชมยกย่Ăงในกุýลเจตนา และจัดเป็นปฏิบัติ บูชาĂันประเÿริฐ ขĂเราท่านทั้งĀลายได้เพ่งพินิจพระปรีชาญาณĂันประเÿริฐขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรี ดิเรกฤทธิ์ แล้üน้Ăมนำมาเป็นทางพัฒนาตน เพื่ĂคüามüัฒนาÿถาพรขĂงÿังคมไทยÿืบไป (ผู้ช่üยýาÿตราจารย์ ดร.ปารีณา ýรีüนิชย์) คณบดีคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย
ÿาร ประธานคณะกรรมการจัดงานนิตินิทรรýน์ ประจำปี 2566 ระบบกฎĀมายเป็นรากฐานขĂงการปกครĂง ถูกÿร้างขึ้นเพื่Ăธำรงไü้ซึ่งคüามÿงบ เรียบร้Ăยและคüามยุติธรรมในÿังคม Ăย่างไรก็ตาม ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงĂย่างรüดเร็üทั้ง ด้านÿังคม ด้านเýรþฐกิจ และด้านüิถีชีüิต คำถามเกี่ยüกับกฎĀมายจึงเกิดขึ้นü่ากฎĀมาย ที่บังคับใช้ในปัจจุบันตĂบÿนĂงคüามต้ĂงการขĂงÿังคมแล้üจริงĀรืĂไม่ ÿ่งผลใĀ้เกิดคüามต้Ăงการ เรียกร้ĂงใĀ้มีการปรับตัüบทกฎĀมายเพื่ĂใĀ้ÿĂดคล้Ăงกับการเปลี่ยนแปลงขĂงÿังคม ĀากเราเทียบกฎĀมายกับดĂกไม้ที่กำลังเบ่งบาน คüามต้ĂงการขĂงÿังคมเปรียบเÿมืĂน เมล็ดพันธุ์ที่รĂการเจริญเติบโตและบานดĂก นักกฎĀมายต้ĂงรับผิดชĂบในการÿร้างและแก้ไข กฎĀมายใĀ้ÿĂดคล้Ăงกับคüามต้ĂงการขĂงÿังคมในขณะĀนึ่ง พüกเขาเปรียบเÿมืĂนผู้ดูแลรักþา และฟื้นฟูเมล็ดพันธุ์เĀล่านี้ใĀ้ÿามารถเบ่งบานเป็นดĂกไม้ที่ÿüยงามและเĀมาะÿมกับÿังคมใน เüลานั้น นักกฎĀมายจึงต้ĂงมีคüามตระĀนักรู้ที่จะปรับตัüและใĀ้คüามแน่ใจต่Ăÿังคมได้ü่าระบบ กฎĀมายนั้นเĀมาะÿมกับการเปลี่ยนแปลงขĂงÿังคม ĀากนักกฎĀมายยังคงยึดติดกับกฎĀมาย ที่มีĂยู่และละเลยคüามต้ĂงการขĂงÿังคมที่เปลี่ยนแปลงไป นักกฎĀมาย Ăาจเÿี่ยงต่Ăการ กลายเป็นเครื่ĂงมืĂที่ขัดขüางคüามก้าüĀน้าขĂงÿังคมแทนที่จะแรงผลักดันÿ่งเÿริมใĀ้ÿังคม เดินĀน้าไปได้ คณะกรรมการจัดงานนิตินิทรรýน์ ได้เล็งเĀ็นถึงคüามÿำคัญขĂงประเด็นดังกล่าü จึงมุ่งĀüังที่จะนำเÿนĂงานนิตินิทรรýน์ในครั้งนี้ เพื่ĂใĀ้ผู้เข้าร่üมกิจกรรมได้รับคüามรู้ และคüามเข้าใจในด้านต่าง ๆ ขĂงกฎĀมายที่มีĂยู่ในปัจจุบัน ĂันเปรียบเÿมืĂนดังดĂกไม้ที่งĂก งามจากดินแล้ü และชี้ใĀ้เĀ็นถึงประเด็นปัญĀาคüามต้ĂงการขĂงÿังคมที่กฎĀมายยังไม่ได้รĂงรับ Ăันเปรียบดังเมล็ดพันธุ์ในดินที่รĂüันเติบโตในüันĀน้า ĀนังÿืĂ “รพีพัฒนýักดิ์2566” เป็นÿ่üน ÿำคัญในการÿื่Ăÿารประเด็นดังกล่าüนี้ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานนิตินิทรรýน์
ข้าพเจ้าจึงĀüังเป็นĂย่างÿูงü่าผู้ที่Ă่านĀนังÿืĂเล่มนี้จะได้รับคüามรู้เกี่ยüกับมุมมĂงใน ด้านต่าง ๆ ขĂงกฎĀมายในปัจจุบัน และตระĀนักได้ü่ากฎĀมายที่มีĂยู่ในปัจจุบันตĂบÿนĂงคüาม ต้ĂงการขĂงเราจริงĀรืĂไม่ (นายมณฑล ทิüทĂง) ประธานคณะกรรมการจัดงานนิตินิทรรýน์ ประจำปี 2566
เรียนผู้Ă่านทุกท่าน ข้าพเจ้าในฐานะบรรณาธิการĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ประจำปีการýึกþา 2566 มีคüามยินดีและรู้ÿึกขĂบคุณยิ่ง ต่Ăผู้ที่ได้เปิดĂ่านĀนังÿืĂเล่มนี้ขĂงชาüคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ คืĂ üารÿารüิชาการที่คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ได้จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยมีüัตถุประÿงค์เพื่ĂเปิดโĂกาÿใĀ้นิÿิต คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ผู้มีคüามÿนใจ ได้แÿดงýักยภาพขĂงตนทั้งในด้านการ จัดทำบทคüามüิชาการ และในการใช้คüามคิดüิเคราะĀ์และüิพากþ์ประเด็นต่าง ๆ ทางกฎĀมาย ในแต่ละปีการýึกþาที่ผ่านมา ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ที่ได้จัดทำขึ้นนั้นจะĂยู่ภายในกรĂบ แนüคิดĀลักแนüคิดĀนึ่ง ซึ่งแนüคิดĀลักนี้จะถูกÿะท้Ăนผ่านเนื้ĂĀาบทคüามทางüิชาการต่าง ๆ เช่นเดียüกัน ในปีนี้กĂงบรรณาธิการได้กำĀนดแนüคิดĀลักขĂงĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์เป็น ภาþาĂังกฤþü่า “Legal Blooming Literacy” เมื่ĂĂ่านมาถึง ณ จุดนี้ ท่านĂาจÿงÿัยü่า Legal Blooming Literacy มีคüามĀมาย Ăย่างไร ข้าพเจ้าใคร่ขĂไล่เรียงĂธิบายไปตามลำดับ ในลำดับแรก ทุกท่านĂาจเคยได้ยินĀรืĂได้ เĀ็นคำü่า “Digital Literacy” ซึ่งĀมายคüามü่า คüามÿามารถในการเข้าใจและปรับใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันได้Ăย่างมีประÿิทธิภาพ โดยได้มีการยĂมรับกันĂย่างแพร่Āลายü่า ผู้คนในÿังคมปัจจุบันคüรที่จะมี Digital Literacy เพื่Ăที่จะÿามารถก้าüตามคüามเปลี่ยนแปลง ขĂงÿังคมโลกได้ทัน เช่นเดียüกันนี้ กĂงบรรณาธิการประÿงค์จะยกประเด็นคüามÿัมพันธ์ระĀü่างกฎĀมาย กับÿังคม ดังÿุภาþิตที่ü่า “ที่ใดมีÿังคม ที่นั่นมีกฎĀมาย (ubi societas, ibi ius)” เพื่ĂแÿดงใĀ้ เĀ็นü่า ทั้งÿĂงÿิ่งนี้มีคüามÿัมพันธ์ที่เชื่ĂมโยงกันĂย่างใกล้ชิดและไม่ÿามารถแยกĂĂกจากกันได้ เมื่Ăใดที่มนุþย์มีปฏิÿัมพันธ์และĂยู่ร่üมกันเป็นÿังคม เมื่Ăนั้นย่ĂมมีการกำĀนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ เรียกü่า “กฎĀมาย” เพื่ĂใĀ้การĂยู่ร่üมกันนั้นÿงบÿุขและมีระเบียบแบบแผน และเพื่ĂใĀ้คนใน ÿังคมÿามารถใช้ÿิทธิและเÿรีภาพขĂงตนเĂงĂย่างÿูงÿุด โดยไม่เบียดเบียนÿิทธิและเÿรีภาพขĂง ผู้Ăื่น
เมื่Ăเüลาผ่านพ้นไป ÿังคมย่Ăมมีบริบทที่แตกต่างĂĂกไป üัฒนธรรม คüาม เชื่Ă และลักþณะการดำรงชีพขĂงมนุþย์ย่Ăมเปลี่ยนไปตามกาลเüลา Ăย่างไรก็ดี ĀากกฎĀมาย ขĂงÿังคมยังคงเดิม มิได้เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทขĂงÿังคม แล้üกฎĀมายนั้นจะมี คüามเĀมาะÿมต่Ăÿังคมนั้น ๆ ได้Ăย่างไร ถึงแม้ÿังคมนั้นจะมีกฎĀมาย แต่กฎĀมายที่ไม่ได้ ก้าüตามทันการเปลี่ยนแปลงขĂงÿังคม ย่Ăมเป็นกฎĀมายที่ล้าĀลังและไม่ÿามารถผดุง คüามยุติธรรมใĀ้แก่คนในÿังคมได้ Ăีกทั้งยังไม่ÿามารถÿร้างÿังคมที่ÿงบÿุขและเĂื้Ăต่Ăการใช้ÿิทธิ เÿรีภาพขĂงประชาชน จึงกล่าüได้ü่า กฎĀมายที่ไม่ÿามารถก้าüตามบริบทÿังคม นĂกจากจะ ไม่เĀมาะÿมในการปรับใช้แล้ü ยังไม่ÿามารถนำพาคüามยุติธรรมใĀ้แก่ประชาชนได้ การที่นักกฎĀมายและบุคลากรในüงการนิติýาÿตร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคüามÿำคัญ Ăย่างยิ่งยüดในการพัฒนาüงการนิติýาÿตร์ ได้ตระĀนักรู้ถึงคüามจำเป็นที่กฎĀมายจะต้Ăงมีการ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเüลาและบริบททางÿังคมย่ĂมถืĂเป็นการÿำคัญยิ่ง จึงนำมาÿู่แนüคิดĀลัก ขĂงĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ประจำปีการýึกþา 2566 นี้ ซึ่งมีชื่Ăü่า “Legal Blooming Literacy” กล่าüคืĂ คüามÿามารถในการตระĀนักรู้ü่ากฎĀมายคüรที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ĀรืĂ “เบ่งบาน” Ăย่างเĀมาะÿมในÿภาพบริบทขĂงÿังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคÿมัย Ăงค์ประกĂบขĂงüารÿารฉบับนี้ แบ่งĂĂกเป็น 3 ÿ่üน ในÿ่üนแรก เป็นÿ่üนบทคüาม üิชาการกฎĀมาย ที่เขียนโดยนิÿิตคณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย จำนüนทั้งÿิ้น 6 บทคüาม โดยผู้เขียนบทคüามüิชาการทุกคนได้เพียรจัดทำบทคüามüิชาการขĂงตน ในระยะเüลาที่กำĀนด และได้ใช้คüามรู้กฎĀมายที่ตนมีĂยู่ ประกĂบกับการค้นคü้าĀาข้Ăมูล เพิ่มเติมทั้งข้ĂมูลในเชิงกฎĀมายและข้Ăมูลในýาÿตร์Ăื่น ๆ ที่เกี่ยüข้Ăง โดยมีĂาจารย์ คณะนิติýาÿตร์ใĀ้คำแนะนำĂย่างใกล้ชิด ผู้เขียนบทคüามมุ่งประÿงค์ที่จะนำเÿนĂถึงคüาม เปลี่ยนแปลงและคüามจำเป็นที่กฎĀมายจะต้Ăงมีการเปลี่ยนแปลงเพื่ĂใĀ้เĀมาะÿมกับบริบทขĂง ÿังคม บทคüามทั้ง 6 บทคüามนี้ มีคüามĀลากĀลายในด้านเนื้ĂĀาüิชาการกฎĀมายและ มีคüามน่าÿนใจยิ่ง ยกตัüĂย่างเช่น บทคüามเกี่ยüกับÿิทธิมนุþยชนและเÿรีภาพในการแÿดงĂĂก ทางการเมืĂง บทคüามด้านกฎĀมายĂงค์กรธุรกิจในแง่มุมÿิทธิมนุþยชน และบทคüามเกี่ยüกับ กฎĀมายและมาตรการการจัดการคาร์บĂนขĂงประเทýไทย เป็นต้น Ăนึ่ง บทคüามเĀล่านี้มิได้ เป็นเพียงการเรียบเรียงĂงค์คüามรู้ทางüิชาการเท่านั้น Āากแต่เป็นการüิเคราะĀ์ üิพากþ์ และ
นำเÿนĂแนüคิด โดยใช้พื้นฐานทางüิชาการขĂงนิÿิตนิติýาÿตร์ผู้เป็นดั่งต้นกล้าที่ÿำคัญต่Ă การพัฒนาüงการนิติýาÿตร์ใĂนาคต ในÿ่üนที่ÿĂง เป็นบทÿัมภาþณ์เชิงüิชาการกฎĀมาย จัดทำขึ้นโดยกĂงบรรณาธิการ ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ประจำปีการýึกþา 2566 ซึ่งในปีการýึกþานี้ ทางกĂงบรรณาธิการได้ Āยิบยกประเด็นเกี่ยüข้Ăงกับคüามจำเป็นที่จะต้ĂงมีการพัฒนากฎĀมายไทยใĀ้เĀมาะÿมกับ บริบททางÿังคม 2 ประเด็นด้üยกัน ในประเด็นแรก กĂงบรรณาธิการได้รับเกียรติจาก ýาÿตราจารย์ กิตติคุณ üิทิต มันตาภรณ์ ผู้กรุณาใĀ้ÿัมภาþณ์ในประเด็นเกี่ยüกับกฎĀมายและ มาตรการขĂงรัฐไทยที่มีต่Ăผู้ลี้ภัย และในประเด็นที่ÿĂง ได้รับเกียรติจาก คุณýุภกานต์ นิมมานเทิดüงý์ ผู้เชี่ยüชาญด้านกฎĀมายเทคโนโลยีและกฎĀมายทรัพย์ÿินทางปัญญา ได้กรุณา ใĀ้ÿัมภาþณ์ในĀัüข้Ăเกี่ยüกับüิüัฒนาการขĂงปัญญาประดิþฐ์ (AI) และคüามท้าทายที่มีต่Ă กฎĀมายทรัพย์ÿินทางปัญญา โดยกĂงบรรณาธิการมีคüามเĀ็นü่า ทั้งÿĂงประเด็นÿัมภาþณ์นี้ เป็นประเด็นที่มีคüามÿำคัญและเกี่ยüข้Ăงต่ĂการพัฒนากฎĀมายขĂงไทยĂย่างยิ่ง กĂงบรรณาธิการมีคüามĀüังü่า บทÿัมภาþณ์ทั้งÿĂงนี้จะทำใĀ้ผู้Ă่านเข้าใจถึงบริบทขĂงÿังคม ที่เกี่ยüข้ĂงกับกฎĀมายต่าง ๆ ดังกล่าü และตระĀนักรู้ถึงคüามÿัมพันธ์และคüามÿำคัญ ที่กฎĀมายมีต่Ăÿังคม ในÿ่üนÿุดท้าย กĂงบรรณาธิการได้รüบรüมผลงานประกüดต่าง ๆ ที่ได้เปิดรับÿมัคร ประกüดจากนักเรียนในระดับชั้นมัธยมýึกþาýึกþาและบุคคลทั่üไป เพื่Ăเป็นÿ่üนĀนึ่งขĂงĀนังÿืĂ รพีพัฒนýักดิ์ประจำปีการýึกþานี้ โดยรายการประกüดประกĂบไปด้üย การประกüดเรื่Ăงÿั้น ÿะท้Ăนÿังคม การประกüดเรียงคüามเชิงÿร้างÿรรค์ และการประกüดภาพถ่ายÿะท้Ăนÿังคม โดยĀัüข้ĂขĂงแต่ละการประกüดต่างÿĂดคล้ĂงกับแนüคิดขĂงĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ปีนี้ทั้งÿิ้น โดยกĂงบรรณาธิการĀüังü่า ผู้ที่ได้จัดทำผลงานประกüดทุกท่านจะได้รับประโยชน์ผ่าน การüิเคราะĀ์และüิพากþ์Āัüข้Ăที่กำĀนด Ăีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่แนüคüามคิดขĂงตน ผ่านĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์เล่มนี้Ăีกด้üย ในนามขĂงกĂงบรรณาธิการ ข้าพเจ้ากราบขĂบพระคุณคณาจารย์ เพื่Ăน นิÿิต และผู้มีÿ่üนเกี่ยüข้Ăงทุกท่าน ที่ได้ใĀ้คüามĂนุเคราะĀ์และการÿนับÿนุนการจัดทำĀนังÿืĂ ประชุมบทคüามทางกฎĀมายรพีพัฒนýักดิ์ ประจำปีการýึกþา 2566 ซึ่งกĂงบรรณาธิการ ได้จัดทำขึ้นด้üยคüามคาดĀüังü่า ผลงานทางüิชาการนี้จะÿามารถเป็นÿ่üนĀนึ่งในการÿ่งเÿริม
ใĀ้üงการนิติýาÿตร์ไทยเจริญงĂกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทั้งนี้ ข้าพเจ้าในฐานะบรรณาธิการ ขĂน้Ăมรับคำติชม ทุกประการจากผู้Ă่านทุกท่านเพื่Ăนำไปปรับปรุงแก้ไขในภาย Āน้า และขĂĂภัยĀากมีคüามผิดพลาดประการใด (นายภูชิต üิชชุเดชา) บรรณาธิการĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ 2566
Legal Blooming Literacy
❖ บรรณนิทัýน์พระนิพนธ์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ❖ การเจรจาทางÿังคม : กลไกการยกระดับแรงงานÿัมพันธ์ 3 ผ่านคüามร่üมมืĂแบบพĀุภาคี • ชนิตนันร์ÿังข์ธูป • üนิดา แซ่โจü ❖ ผู้ไร้ที่พึ่งในที่ÿาธารณะและคüามท้าทายในการบังคับใช้ 27 พระราชบัญญัติการคุ้มครĂงคนไร้ที่พึ่ง พ.ý.2557 • แพรüา มุ่งĀมายกิจการ ❖ มาตรการการจัดการคาร์บĂนขĂงไทยในการปรับตัüเข้าÿู่ 60 Net zero emissions • ปารณีย์จันลĂงจับจิต • üิภาüีเชิดชูüงý์ÿันติ ❖ มาตรฐานระĀü่างประเทýขĂงการจัดเก็บภาþีเงินได้นิติบุคคล 86 ในยุคเýรþฐกิจดิจิทัล • ÿุพิชญา ÿุนทรธรรม • ýิüะโรจน์ช้Ăยชด • นรกมล Ăริยกานนท์ ❖ ÿิทธิมนุþยชนด้านแรงงานและการประกĂบธุรกิจ 120 • จิณณะ Āริ่มประพร • จุไรรัตน์โÿติพจน์กุล • นิýามณีมณีโชติ
❖ Left With No Rights: พ.ร.บ.Ăุ้มĀาย ดับไฟใต้ได้จริงĀรืĂ ? 149 • ชüัลüิทย์กาญจนĂุทัย • ณัชณิภัคญ์ธนĂริยาไพýาล • Āทัยรัตน์ประüิตรภิญโญ ❖ ปัญĀาผู้ลี้ภัย เรื่Ăงใกล้ ๆ ที่ดูเĀมืĂนไกล 186 • ýาÿตราจารย์กิตติคุณüิทิต มันตาภรณ์ ❖ เทคโนโลยี AI คüามล้ำÿมัยที่กฎĀมายยุคใĀม่ต้ĂงตามใĀ้ทัน 204 • ýุภกานต์ นิมมานเทĂดüงý์ ❖ เรื่Ăงÿั้นÿะท้Ăนÿังคม : “คüามเคยชินกับการละเมิดทรัพย์ÿินทางปัญญา” 218 • เกียรติกานต์ Ăินต๊ะแก้ü ❖ เรียงคüามเชิงÿร้างÿรรค์ : “ปัญญาประดิþฐ์: คüามท้าทายต่Ăüงการ 225 นิติýาÿตร์” • รพิพงý์üงค์ปิ่นแก้ü ❖ ภาพถ่ายÿะท้Ăนÿังคม : “เĀลื่Ăมล้ำเพราะล้าĀลัง: ร่ĂงรĂยแĀ่งกฎĀมาย” 228 • กรนันท์ ÿุขพรÿüรรค์
ด้üยน้ĂมรำลึกในพระมĀากรุณาธิคุณĂันĀาที่ÿุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า นิÿิตคณะนิติýาÿตร์จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย พระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
บรรณนิทัýน์พระนิพนธ์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ณ ýูนย์“เพชรรัตน” นิติทรัพยากร คณะนิติýาÿตร์จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย พระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทรงได้รับการถüายพระÿมัญญายกย่Ăง ü่าเป็น “พระบิดาแĀ่งกฎĀมายไทย” ทั้งนี้เนื่Ăงจากทรงเป็นผู้ที่มีบทบาทÿำคัญĂย่างมากต่Ă การปฏิรูประบบกฎĀมาย และกระบüนการยุติธรรมขĂงประเทýไทย โดยเฉพาะเมื่Ăทรงดำรง ตำแĀน่งเÿนาบดีกระทรüงยุติธรรม พระĂงค์ทรงรับÿนĂงพระราชประÿงค์ในรัชกาลที่ 5 ในการปฏิรูปกิจการýาลไทยใĀ้มีคüามทันÿมัยและคล่Ăงตัüมากขึ้น Ăาทิ ทรงขĂพระราชทาน พระบรมราชานุญาตใĀ้ýาลในกระทรüงยุติธรรมมีĂำนาจกำĀนดโทþได้เĂง ทรงยกเลิกและแก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติกระบüนüิธีพิจารณาคüามแพ่ง ร.ý. 115 เนื่ĂงจากทรงเĀ็นü่า พระราชบัญญัติเดิมมีข้Ăบกพร่ĂงĂยู่มาก และผลงานที่ÿำคัญคืĂทรงปฏิรูปการýาลโดยใĀ้Ăำนาจ ýาลเป็นĂิÿระจากฝ่ายบริĀาร ทั้งนี้เพื่ĂใĀ้ÿĂดคล้ĂงกับĀลักคüามเป็นĂิÿระขĂงĂำนาจýาล1 Ăนึ่ง นĂกจากบทบาทÿำคัญในการปฏิรูปการýาลขĂงไทยแล้ü เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ยังทรงมีพระคุณูปการĂย่างใĀญ่Āลüงต่ĂüงการüิชาการกฎĀมายไทย โดยพระĂงค์ทรงก่Ăตั้ง โรงเรียนกฎĀมายขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่Ă พ.ý. 2440 เพื่Ăเป็นแĀล่งในการรüบรüมและถ่ายทĂด คüามรู้นิติýาÿตร์และผลิตบุคลากรยุคใĀม่ทางกฎĀมายขĂงไทย ซึ่งในโรงเรียนกฎĀมายนี้ เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ทรงÿĂนนักเรียนด้üยพระĂงค์เĂงเป็นประจำ ร่üมกับพระยาประชากิจกรจักร์(แช่ม บุนนาค) ขุนĀลüงพระยาไกรÿีกรมĀลüงพิชิตปรีชากร และพระĂงค์เจ้าüัชรีüงþ์2 เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ทรงใĀ้คüามÿำคัญต่ĂกิจการงานÿĂนในโรงเรียนกฎĀมาย เป็นĂย่างมาก โดยนĂกจากการÿĂนแล้üพระĂงค์ยังทรงพระนิพนธ์ตำรากฎĀมายและรüบรüม กฎĀมายไü้จำนüนทั้งÿิ้น 20 เล่ม3 ซึ่งตำราขĂงพระĂงค์นั้นเป็นคุณูปการและทรงคุณค่าต่Ăüงการ 1 นิกร ทัÿÿโร, พระเจ้าบรมüงý์เธĂ พระĂงค์เจ้ารพีพัฒนýักดิ์ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแĀ่งกฎĀมาย ไทย(กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คÿ์พับลิเคชั่นÿ์, 2549), Āน้า 147-163. 2 เรื่Ăงเดียüกัน, Āน้า 109. 3 เรื่Ăงเดียüกัน, Āน้า 122.
üิชาการนิติýาÿตร์ไทยĂย่างยิ่ง ĂาทิĀนังÿืĂกฎĀมายราชบุรีเล่ม 1 ĀนังÿืĂพระราชบัญญัติ ในปัตยุบัน และĀนังÿืĂคำĂธิบายกฎĀมายแพ่ง Ăาญา บุคคล และที่ดิน ในจุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย นĂกจากผลงานพระนิพนธ์ที่ÿามารถค้นคü้าได้ ณ ýูนย์“เพชรรัตน” นิติทรัพยากร ĀรืĂĀ้Ăงÿมุดคณะนิติýาÿตร์แล้ü ยังมีผลงานพระนิพนธ์ Ăื่น ๆ Ăีก ซึ่งโดยÿ่üนมากจะÿามารถค้นคü้าได้ ณ ÿำนักงานüิทยทรัพยากร ĀรืĂĀĂÿมุดกลาง จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย1 เนื่ĂงในโĂกาÿจัดพิมพ์ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ประจำปีการýึกþา 2566 กĂงบรรณาธิการ มีคüามตั้งใจที่จะจัดทำบรรณนิทัýน์ตำราพระนิพนธ์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรี ดิเรกฤทธิ์ณ ýูนย์“เพชรรัตน” นิติทรัพยากร Ā้Ăงÿมุดคณะนิติýาÿตร์จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ทั้งนี้เพื่Ăเป็นการรำลึกถึงพระคุณูปการในเชิงüิชาการกฎĀมายที่เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ทรงมีต่Ăüงการนิติýาÿตร์ไทย Ăีกทั้งเพื่Ăเป็นการประชาÿัมพันธ์ใĀ้ผู้ที่ÿนใจได้ทราบถึงตำรา พระนิพนธ์ขĂงพระเจ้าบรมüงý์เธĂ กรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ÿามารถค้นคü้าได้ใน คณะนิติýาÿตร์จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย ทั้งนี้ได้รüบรüมตำราพระนิพนธ์ไü้ทั้งĀมด 3 เล่ม ด้üยกัน2 ดังนี้ 01 รพีพัฒนýักดิ์. (2445). ลักþณกฎĀมายระĀü่างประเทýโดยย่Ă. พระนคร: โรงพิมพ์ กĂงลĀุโทþ. ĀนังÿืĂเล่มนี้มีĀัüข้Ă 3 ÿ่üนĀลัก ในÿ่üนที่Āนึ่ง ü่าด้üยไมตรีเป็นการĂธิบายถึง ĀลักกฎĀมายระĀü่างประเทýในยามÿงบ ซึ่งครĂบคลุมถึงเนื้ĂĀากฎĀมายระĀü่างประเทý แผนกคดีเมืĂง กฎĀมายระĀü่างประเทýแผนกคดีบุคคล การทำÿัญญาระĀü่างประเทý และกลไกการระงับข้ĂพิพาทระĀü่างประเทý ในÿ่üนที่ÿĂง ü่าด้üยทางÿงคราม เป็นการĂธิบาย เกี่ยüกับกฎĀมายในยามÿงคราม ü่าด้üยเรื่ĂงขĂงกฎเกณฑ์กติกาในการทำÿงคราม ในÿ่üนที่ÿาม ü่าด้üยเรื่ĂงนิüแตลĀรืĂคนกลาง เป็นการĂธิบายถึงĀลักปฏิบัติขĂงรัฐที่เป็นคนกลางในยาม ÿงคราม 1 ขĂขĂบพระคุณข้Ăมูลจากÿำนักงานüิทยทรัพยากร จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย 2 ขĂขĂบพระคุณข้Ăมูลจากýูนย์ “เพชรรัตน” นิติทรัพยากร คณะนิติýาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย
แม้เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ จะทรงกล่าüไü้ในคำนำĀนังÿืĂü่าได้ทรงพระนิพนธ์ĀนังÿืĂ เล่มนี้ขึ้นโดยใช้ระยะเüลาไม่มากนัก Ăีกทั้งพระĂงค์มิใช่ผู้ที่มีคüามเชี่ยüชาญด้านกฎĀมายระĀü่าง ประเทýโดยเฉพาะ แต่Āากพิจารณาจากเนื้ĂĀาขĂงĀนังÿืĂแล้üจะÿังเกตได้ü่ามีเนื้ĂĀา ที่ครĂบคลุมĀลักกฎĀมายระĀü่างประเทýในĀลากĀลายด้าน แม้จะมิได้ลงรายละเĂียดเรื่Ăง Āลักการ แนüคิด และตัüบทกฎĀมายต่าง ๆ ก็ตาม โดยแบ่งคร่าü ๆ เป็นกฎĀมายระĀü่าง ประเทýในยามทั่üไปĀรืĂยามไมตรีและกฎĀมายระĀü่างประเทýในยามÿงคราม ในÿ่üนต้นขĂงĀนังÿืĂเล่มนี้ได้มีการĂธิบายคüามแตกต่างขĂงกฎĀมายระĀü่าง ประเทýและกฎĀมายภายในรัฐ ÿำĀรับเนื้ĂĀาÿาระที่แบ่งĂĂกเป็น 3 ÿ่üนĀลักนั้น ในÿ่üนแรก ĂธิบายถึงĀลักการทางกฎĀมายระĀü่างประเทýแผนกคดีเมืĂง ซึ่งü่าด้üยคüามเป็นประเทý รüมถึงĂาณาเขตขĂงประเทýทั้งในภาคพื้นดินและภาคพื้นทะเล นĂกจากนี้ยังมีการĂธิบายถึง เงื่ĂนไขการรับรĂงคüามเป็นประเทýขĂงประเทýĂื่น ๆ ผู้ที่มีĂำนาจพูดแทนประเทýซึ่งทรงใช้คำ ü่า “เĂเยนต์” และมีการĂธิบายถึงยýทูตและคüามคุ้มกันทางการทูตขĂงผู้ดำรงตำแĀน่งทูต ในÿ่üนขĂงĀลักกฎĀมายระĀü่างประเทýแผนกคดีบุคคลได้Ăธิบายถึงเรื่ĂงขĂงÿัญชาติบุคคล Ăนึ่งในÿ่üนแรกนี้ยังได้ĂธิบายถึงĀลักการในการทำÿัญญาระĀü่างประเทýและกลไกเพื่Ăระงับ ข้ĂพิพาทระĀü่างประเทýĂีกด้üย ในÿ่üนที่ÿĂง Ăธิบายเกี่ยüกับĀลักกฎĀมายระĀü่างประเทý ในยามÿงคราม ซึ่งครĂบคลุมถึงเรื่Ăงüิธีการประกาýÿงคราม (War declaration) การเริ่มต้นทำ ÿงคราม กฎเกณฑ์ขĂงการทำÿงครามที่ชĂบธรรม Ăีกทั้งü่าด้üยเรื่Ăงการปฏิบัติต่Ăทรัพย์ÿมบัติ ข้าýึก กติกาü่าด้üยเครื่ĂงมืĂซึ่งจะนำมาÿู้รบกัน การราทัพĀรืĂถĂยทัพ ตลĂดไปจนถึงการĀยุดทัพ ĀรืĂยุติÿงครามด้üย และในÿ่üนที่ÿาม เป็นการĂธิบายü่าด้üยเรื่ĂงĀลักการปฏิบัติตนขĂงรัฐคนกลาง ĀรืĂ “นิüแตล” โดยมีĀลักการปฏิบัติคร่าü ๆ เช่น Ā้ามมิใĀ้นิüแตลยĂมใĀ้ทĀารฝ่ายใดฝ่ายĀนึ่ง เดินข้ามĂาณาเขต ĀรืĂนิüแตลไม่ÿามารถĂนุญาตใĀ้เรืĂขĂงราþฎรในรัฐตนĂĂกไปช่üยรบ
02 ราชบุรีดิเรกฤทธิ์, พระเจšาบรมüงýŤเธĂ กรมĀลüง, 2417-2463 (2468). เล็กเชอรŤของ พระเจšาพี่ยาเธอกรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์. โรงพิมพŤโÿภณพิพรรฒธนากร ĀนังÿืĂเลŠมนี้ไดšจัดพิมพŤขึ้นเมื่Ă พ.ý. 2468 รüบรüมพิมพŤโดยกรุงเทพบรรณาการ เปŨนการรüบรüมคำบรรยายเมื่Ăครั้งพระเจšาบรมüงýŤเธĂกรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ไดšทรงบรรยาย ÿĂนกฎĀมาย ณ โรงเรียนกฎĀมาย โดยมีการรüบรüมคำบรรยายไüš9 รายüิชา ไดšแกŠ üŠาดšüย กฎĀมาย กฎĀมายแพŠงและĂาญา กฎĀมายบุคคล กฎĀมายผัüเมีย กฎĀมายทรัพยŤกฎĀมาย ÿัญญา กฎĀมายที่ดิน กฎĀมายระĀüŠางประเทý และüิธีÿืบพยานและประเด็น ในเล็กเชอรŤüŠาดšüยกฎĀมาย ร.ý. 117 ทรงĂธิบายถึงคำนิยามขĂงกฎĀมาย และคüามจำเปŨนที่ÿังคมจะตšĂงมีกฎĀมาย ตลĂดจนคüามÿำคัญและประเภทขĂงกฎĀมาย เล็กเชอรŤüŠาดšüยแพŠงแลอาญา ร.ý. 118 ไดšĂธิบายในภาพรüมüŠา กฎĀมายนั้นแบŠงไดšเปŨน 2 ประเภท ไดšแกŠ แพŠงและĂาญา โดยใชšเรื่ĂงลักþณะโทþเปŨนเกณฑŤในการจำแนก เล็กเชอรŤ üŠาดšüยบุคคล ĂธิบายถึงลักþณะกฎĀมายบุคคลüŠาเปŨนÿŠüนĀนึ่งในกฎĀมายแพŠง ในเชิง รายละเĂียดไดšทรงĂธิบายถึงÿภาพบุคคลและประเภทขĂงบุคคล เล็กเชอรŤüŠาดšüยผัüเมีย ร.ý. 118 ĂธิบายถึงลักþณะกฎĀมายผัüเมียในเüลานั้น ซึ่งĂนุญาตใĀšÿามีมีภรรยาไดšĀลายคน โดยจะมีการแบŠงประเภทขĂงภรรยา เงื่ĂนไขขĂงการเปŨนÿามีภรรยา ĂำนาจĂิÿระขĂงÿามีที่มีตŠĂ ภรรยา ทรัพยŤระĀüŠางÿามีภรรยาĀรืĂÿินÿมรÿ การขาดจากการเปŨนÿามีภรรยาดšüยüิธีตŠาง ๆ Ăาทิ การĀยŠา เล็กเชอรŤüŠาดšüยทรัพยŤĂธิบายถึงประเภทขĂงทรัพยŤ และüิธีการไดšมาซึ่งทรัพยŤ เล็กเชอรŤüŠาดšüยÿัญญา ร.ý. 118 ĂธิบายถึงนิยามทางกฎĀมายขĂงÿัญญา การÿิ้นÿุดขĂงÿัญญา ประเภทขĂงÿัญญา นĂกจากนี้ยังกลŠาüถึงการประทุþรšายในÿŠüนแพŠง เชŠน การประทุþรšาย แกŠชื่ĂเÿียงและทรัพยŤ ซึ่งĂาจทำไดšโดยจงใจĀรืĂประมาทเลินเลŠĂ ĀรืĂการละเüšนĀนšาที่ขĂงตน เล็กเชอรŤüŠาดšüยที่ดิน ร.ý. 119 ĂธิบายถึงนิยามขĂงที่ดินและÿิทธิในที่ดิน Ăีกทั้งยังไดšĂธิบายถึง การทำĀนังÿืĂÿำคัญในการจับจĂงที่ดิน ที่ดินที่จับจĂงไดšและที่ไมŠÿามารถจับจĂงไดš เล็กเชอรŤ üŠาดšüยลักþณะกฎĀมายระĀüŠางประเทý ร.ý. 116 แบŠงการĂธิบายĂĂกเปŨน 3 ÿŠüน ไดšแกŠ ÿŠüนที่Āนึ่งüŠาดšüยไมตรี เปŨนเรื่Ăงที่เกี่ยüกับการเกิดขึ้นขĂงประเทý การที่ประเทýตกเปŨนเมืĂงขึ้น ĂาณาเขตขĂงประเทý ĂำนาจขĂงประเทýนั้น ๆ ตัüแทนขĂงประเทý เชŠน ทูตและÿิทธิขĂงทูต การทำÿัญญาระĀüŠางประเทýและการตกลงกันระĀüŠางประเทý และการĂินเทĂรŤเüนชัน
6 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ÿŠüนที่ÿĂง üŠาดšüยÿงคราม กลŠาüถึงกติกาการทำÿงคราม ขšĂตกลงขĂงการราทัพและการĀยุดทัพ เพื่ĂกลับมามีไมตรีตŠĂกัน และÿŠüนÿุดทšาย üŠาดšüยเรื่ĂงนิüแตลĀรืĂคนกลาง กลŠาüถึงการปฏิบัติตน ขĂงการเปŨนประเทýคนกลาง ในเล็กเชอรŤüŠาดšüยüิธีÿืบพยานแลลักþณะประเดน เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ทรงกลŠาüไüšüŠาเปŨนกฎĀมายที่เรียนรูšไดšยาก เนื่ĂงจากไมŠมีแบบแผน ชัดเจน ในเล็กเชĂรŤนี้ทรงแบŠงการบรรยายเปŨน 3 ภาค ในภาคตšน ทรงĂธิบายถึงเกณฑŤการนำÿืบ ประเด็นตŠาง ๆ โดยไดšทรงĂธิบายเพิ่มเติมüŠา ÿิ่งใดนำÿืบไดš ÿิ่งใดนำÿืบไมŠไดš ในภาคÿĂง เปŨนการĂธิบายüŠาดšüยเรื่ĂงขĂงพยานและÿรรพĀนังÿืĂ (การนำĀนังÿืĂĂšางเปŨนพยาน) และภาค ÿุดทšาย ĂธิบายถึงĀลักการนำÿืบพยาน 03 พระเจšาบรมüงýŤเธĂกรมĀลüงราชบุรีดิเรกฤทธิ์. (2502). เล็กเชอรŤกฎĀมายที่ดินและกฎĀมาย ผัüเมีย. ม.ป.ท. ĀนังÿืĂเลŠมนี้จัดพิมพŤขึ้นเมื่Ă พ.ý. 2502 ในงานพระราชทานเพลิงýพĀมŠĂมเจšาüิมüาทิตยŤ รพีพัฒนŤโดยเปŨนการรüบรüมเล็กเชĂรŤการบรรยายขĂงพระเจšาบรมüงýŤเธĂ กรมĀลüงราชบุรี ดิเรกฤทธิ์เมื่Ăครั้งไดšทรงบรรยายÿĂนเกี่ยüกับกฎĀมายที่ดินและกฎĀมายผัüเมีย ณ โรงเรียน กฎĀมาย ĀนังÿืĂเลŠมนี้แบŠงĂĂกเปŨน 2 ÿŠüน คืĂ เล็กเชอรŤกฎĀมายที่ดิน จากการบรรยายในปŘ ร.ý. 119 (พ.ý. 2443) และเล็กเชอรŤกฎĀมายผัüเมีย จากการบรรยายในเดืĂนพฤýจิกายน ร.ý. 118 (พ.ý. 2442) ในเล็กเชอรŤกฎĀมายที่ดิน มีการแบŠงเนื้ĂĀาĂĂกเปŨน 2 Āมüด ในĀมüดที่Āนึ่ง เปŨนการบันทึกคำบรรยายเกี่ยüกับüิธีการจับจĂงที่ดินขĂงราþฎร ซึ่งมีüิธีการจับจĂงที่ดินคืĂ จะตšĂงมีĀนังÿืĂจับจĂงที่ดิน ĂันมีĂยูŠ 4 ประเภท ไดšแกŠ ใบเĀยียบย่ำ ใบจĂงĀรืĂตราจĂง ตราแดง และโฉนด โดยĀนังÿืĂเĀลŠานี้เจšาพนักงานจะเปŨนผูšĂĂกใĀšนĂกจากนี้มีการĂธิบายถึงลักþณะที่ดิน ซึ่งÿามารถจับจĂงไดšกฎเกณฑŤในการจับจĂงที่ดิน ลักþณะการฉšĂแรง คนĂื่นใĀšจับจĂงที่ดิน การทĂดซัดĀรืĂการทĂดทิ้งไมŠใชšประโยชนŤจากที่ดิน และลักþณะกับคüามรับผิดในทางแพŠง จากการบุกรุกที่ดินคนĂื่น ในĀมüดที่ÿĂง เปŨนการบันทึกคำบรรยายüŠาดšüยüิธีการที่ราþฎรจะไดš ที่ดินนĂกจากการจับจĂง ซึ่งไดšแกŠ การไดšมาโดยมรดก การไดšมาโดยการใĀšโดยเÿนŠĀา การแลกเปลี่ยน การซื้Ăขาย และการโĂนĂำนาจในÿัญญาใĀšแกŠกัน นĂกจากนี้ยังกลŠาüถึงÿิทธิ
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 7 ในการใชšที่ดินโดยมิไดšเปŨนผูšมีÿิทธิจับจĂง ไดšแกŠ การมีÿิทธิĂาýัย การเชŠาที่ดิน การยึดที่ดินไüš ตŠางĀนี้การจำนำ และขายฝากที่ดิน ในเล็กเชĂรŤนี้เÿด็จในกรมĀลüงราชบุรีฯ ทรงแÿดงคüามเĀ็น üŠาดšüยเรื่ĂงขĂงการĂĂก “ทšĂงตรา” ซึ่งเปŨนüิธีการตั้งกฎĀมายĀรืĂเปลี่ยนกฎĀมายในÿมัยนั้นüŠา เปŨนการยากที่ประชาชนจะรูšกฎĀมาย เนื่ĂงจากไมŠมีการเปŗดเผยทšĂงตราใĀšประชาชนทั่üไป ในเล็กเชอรŤกฎĀมายผัüเมีย ไดšมีการĂธิบายโดยครŠาüถึงกฎĀมายผัüเมียüŠาดšüยüิธีการ ที่ชายจะไดšĀญิงเปŨนภรรยา ชนิดขĂงภรรยา Āญิงที่ไมŠÿามารถเปŨนภรรยาไดšรüมไปถึงการจัดการ ทรัพยŤระĀüŠางÿามีภรรยาและการĀยŠา โดยกฎĀมายผัüเมียในเล็กเชĂรŤนี้เปŨนกฎĀมายในลักþณะ ÿังคมไทยที่ชายÿามารถมีภรรยาไดšĀลายคน นĂกจากนี้กฎĀมายยังใĀšชายมีĂำนาจเĀนืĂภรรยา ขĂงตน เรียกüŠา “ĂำนาจĂิÿระ” ซึ่งจากĀนังÿืĂไดšมีการĂธิบายüŠาเปŨนĂำนาจที่ชายจะüŠากลŠาü และคุšมครĂงภรรยาขĂงตนไดšĂยŠางไรก็ดีการจะมีĂำนาจĂิÿระไดšชายจะตšĂงไดšĀญิงมาเปŨน ภรรยาดšüยüิธีที่ถูกตšĂงเĀมาะÿม
01 บทความที่
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 3 การเจรจาทางÿังคม: กลไกการยกระดับแรงงานÿัมพันธŤผŠานคüามรŠüมมือแบบ พĀุภาคี ชนิตนันรŤ ÿังขŤธูป üนิดา แซŠโจü1 1. คüามนำ มนุþยŤ คืĂÿิ่งมีชีüิตที่ดำรงชีพดšüยปŦจจัยÿี่เปŨนพื้นฐาน ซึ่งประกĂบไปดšüยยา ĂาĀาร ที่ĂยูŠ และเครื่ĂงนุŠงĀŠม แตŠเพื่Ăจะไดšมาซึ่งปŦจจัยเĀลŠานั้น “เงิน” จึงถืĂเปŨนĂีกปŦจจัยĀนึ่งที่ขาดไมŠไดš มนุþยŤจึงตšĂงนำคüามÿามารถที่ตนมีไปแลกเปลี่ยนเปŨนเงินเพื่Ăเลี้ยงชีพตนและครĂบครัüดšüย จึงทำใĀšมนุþยŤเขšาÿูŠÿถานะ “แรงงาน” ราชบัณฑิตยÿภาไดšใĀšคüามĀมายขĂงคำüŠาแรงงานไüšüŠาเปŨน “ผูšที่มีคüามÿามารถในการ ทำงานĀรืĂกิจกรรมตŠาง ๆ ในกิจกรรมฐานเýรþฐกิจ และการผลิตÿินคšาและบริการตŠาง ๆ”2 โดยแรงงานจะเปŨนคนงานทั่üไป ĀรืĂจะเปŨนผูšเชี่ยüชาญในÿาขาเฉพาะก็ไดš กลŠาüĂีกนัยĀนึ่งคืĂ การทำงานขĂงแรงงานเปŨนการĂĂกแรงทั้งกายและÿมĂง เพื่Ăกิจการที่มีผลตŠĂÿังคม และเýรþฐกิจ ซึ่งรüมไปถึงการพัฒนาÿังคมและประเทýĂีกดšüย ดังนั้นแรงงานจึงเปŨนผูšมีบทบาท ÿำคัญในการÿรšางคüามมั่นคงและขับเคลื่ĂนเýรþฐกิจขĂงประเทý ĂยŠางไรก็ดีแมšแรงงานคืĂกำลังÿำคัญในการขับเคลื่ĂนเýรþฐกิจขĂงประเทý แตŠแรงงาน ÿŠüนใĀญŠก็ยังพบปŦญĀาการถูกกดขี่จากนายจšางĀรืĂผูšที่มีĂำนาจ Ăาทิ แรงงานไมŠไดšรับคüามเปŨนธรรม ในÿถานที่ทำงาน ซึ่งÿืบเนื่Ăงจากการที่แรงงานÿŠüนใĀญŠĂยูŠบนฐานขĂงÿัญญาจšางแรงงาน 3 ที่แมšÿถานะขĂงÿĂงฝśายจะเทŠากัน แตŠนายจšางมีĂำนาจในการตŠĂรĂงมากกüŠาลูกจšาง เพราะมีĂำนาจ 1 นิÿิตชั้นปŘที่ 3 คณะนิติýาÿตรŤ จุāาลงกรณŤมĀาüิทยาลัย *ผูšเขียนขĂขĂบพระคุณ รĂงýาÿตราจารยŤ ดร.ýุภýิþฏŤ ทüีแจŠมทรัพยŤ ที่ทŠานใĀšคüามกรุณาเปŨนĂาจารยŤที่ปรึกþาบทคüาม และใĀš คำปรึกþาĂันเปŨนประโยชนŤตŠĂการจัดทำบทคüามฉบับนี้ 2 ÿำนักงานราชบัณฑิตÿภา. แรงงาน. [ĂĂนไลนŤ]. จาก http://legacy.orst.go.th/?knowledges=แรงงาน#:~:text= พจนานุกรมขĂงราชบัณฑิตยÿถานนิยามคำ,เýรþฐทรัพยŤ%20ผูšใชšแรงงาน.” [ÿืบคšนเมื่Ă 13 กันยายน 2566] 3 มาตรา 575 แĀŠงประมüลกฎĀมายแพŠงและพาณิชยŤบัญญัติüŠา “ĂันüŠาจšางแรงงานนั้น คืĂÿัญญาซึ่งบุคคลĀนึ่ง เรียกüŠา ลูกจšาง ตกลงจะทำงานใĀšแกŠบุคคลĂีกคนĀนึ่ง เรียกüŠา นายจšาง และนายจšางตกลงจะใĀšÿินจšางตลĂดเüลาที่ทำงานใĀš”
4 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ คüบคุมบังคับบัญชา (Command and Control/Subordination)4 และเปŨนผูšกำĀนดเงื่Ăนไข ในการจšางงาน ลูกจšางจึงมักจะถูกเĂารัดเĂาเปรียบจากนายจšางĂยูŠบŠĂยครั้ง ทั้งลูกจšางเพียงตัüคนเดียü ยŠĂมไมŠมีคüามÿามารถมากพĂที่จะตŠĂรĂงกับนายจšางไดšĂยูŠแลšü จึงเกิดแนüคิด แรงงานÿัมพันธŤ (Labour Relations/Industrial Relations) ซึ่งเปŨนเรื่ĂงคüามÿัมพันธŤระĀüŠางฝśายนายจšาง ฝśายลูกจšาง และฝśายรัฐบาล เพื่ĂกŠĂใĀšเกิดคüามÿัมพันธŤĂันดีระĀüŠางทุกฝśายที่เกี่ยüขšĂง ĂันจะนำไปÿูŠการĂยูŠรŠüมกันĂยŠางไรšคüามขัดแยšง ĀรืĂĀากมีคüามขัดแยšงเกิดขึ้นก็ÿามารถจัดการ ไดš โดยทุกฝśายตŠางไดšรับประโยชนŤĂยŠางเปŨนธรรม5 จึงกŠĂใĀšเกิดการพัฒนาเปŨนĂงคŤการลูกจšาง เรียกüŠา “ÿĀภาพแรงงาน (Trade Union/Labour Union)” มีüัตถุประÿงคŤเพื่Ăเพิ่มĂำนาจ การตŠĂรĂงขĂงลูกจšางในการรüมตัüกันรักþาÿิทธิและผลประโยชนŤขĂงลูกจšางในการจšางงาน และมีการนัดĀยุดงาน (Strike) เปŨนเครื่ĂงมืĂÿำคัญในการตŠĂรĂงÿภาพการจšางกับนายจšาง ตŠĂมาไดšมีการพัฒนากฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤ (Labour Relations Law) ซึ่งบัญญัติถึง üิธีเกี่ยüกับการระงับขšĂพิพาทแรงงานไüšĂยŠางเปŨนระบบ เพื่ĂรับรĂงÿิทธิในการรüมกลุŠมขĂง ลูกจšาง รักþาเÿถียรภาพทางเýรþฐกิจ และยĂมรับýักดิ์ýรีคüามเปŨนมนุþยŤ Āลายประเทýจึงไดšมี การนำแนüคิดกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤมาปรับใชšในเüลาตŠĂมา ในÿŠüนขĂงประเทýไทยมีคüามพยายามในการจัดตั้ง “ÿมาคมลูกจšาง”6 ครั้งแรก ใน พ.ý. 2440 คืĂÿมาคมกรรมกรรถราง มีจุดประÿงคŤเพื่ĂรักþาผลประโยชนŤขĂงผูšประกĂบ Ăาชีพขับรถราง แตŠก็ยังเปŨนเพียงการรüมตัüเปŨนÿมาคมเทŠานั้น เพราะยังไมŠมีกฎĀมายรับรĂงใĀš จดทะเบียนเปŨนÿมาคมĀรืĂÿĀภาพแรงงานเกิดขึ้น นĂกจากนี้ยังมีĂงคŤการขĂงฝśายลูกจšางเกิดขึ้น Ăีกมาก เชŠน ÿĀภาพกรรมกรกลางĀรืĂÿมาคมĂาชีüกรรมกรแĀŠงประเทýไทย (พ.ý. 2490) ÿĀภาพกรรมกรชาติไทยĀรืĂÿมาคมกรรมกรไทย (พ.ý. 2491) และÿมาคมคนงานเÿรี แĀŠงประเทýไทย (พ.ý. 2497) ซึ่งทั้งĀมดนี้จัดตั้งขึ้นเพื่ĂตŠĂรĂงเกี่ยüกับÿภาพการจšางและรักþา ผลประโยชนŤขĂงลูกจšาง บšางก็Ăาจจัดตั้งเพื่ĂüัตถุประÿงคŤทางการเมืĂง แตŠถึงĂยŠางไรก็ยังไมŠมี 4 อำนาจคüบคุมบังคับบัญชา (Command and Control/Subordination) Āมายถึง การที่ลูกจšางตšĂงทำตามคำÿั่งขĂง นายจšาง เปŨนลักþณะพิเýþที่พบเฉพาะในÿัญญาจšางแรงงานเทŠานั้น ĂšางĂิงจาก นันทพล พุทธพงþŤ. (2566). คüามรูšเกี่ยüกับกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤ (พิมพŤครั้งที่ 2). นิติธรรม. Āนšา 4. 5 มนูญ ปุญญกริยากร. (ม.ป.ป.). กฎĀมายแรงงาน ÿิทธิแรงงาน คüามเÿมอภาคทางเพý และแรงงานÿัมพันธŤ. จาก http://nlrc.mol.go.th/docDetails/GKGOYT0. (ÿืบคšนเมื่Ă 12 กันยายน 2566). 6 นันทพล พุทธพงþŤ. (2566). คüามรูšเกี่ยüกับกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤ (พิมพŤครั้งที่ 2). นิติธรรม, Āนšา 8.
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 5 ÿถานะเปŨนÿĀภาพแรงงาน เนื่ĂงจากยังไมŠมีกฎĀมายรับรĂงÿถานะการรüมตัüกันเปŨนÿมาคมนั้น ใĀšเปŨนการจัดตั้งÿĀภาพแรงงานขึ้น จนกระทั่ง พ.ý. 2499 ประเทýไทยไดšมีการประกาýใชš กฎĀมายแรงงานไทยฉบับแรก เรียกüŠา “พระราชบัญญัติแรงงาน พ.ý. 2499” ซึ่งไดšนำกฎĀมาย คุšมครĂงเกี่ยüกับแรงงานและกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤไüšที่เดียüกัน ตŠĂมาใน พ.ý. 2516 มีการเรียกรšĂงรัฐธรรมนูญที่เปŨนประชาธิปไตยจากรัฐบาลในขณะนั้น เมื่Ăประÿบคüามÿำเร็จ ในการเริ่มตšนยุคประชาธิปไตยแลšü ก็เริ่มมีกลุŠมตŠาง ๆ จัดตั้งขึ้นมากมาย และมีการดำเนิน กิจกรรมขĂงกลุŠม7 ตŠĂมาไดšมียกเลิกการใชšพระราชบัญญัตินี้ และมีคüามพยายามในการบังคับใชš กฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤผŠานการĂĂกเปŨนประกาýคณะปฏิüัติĂยูŠเรื่Ăยมา กระทั่งในปŘ พ.ý. 2518 จนถึงปŦจจุบัน มีการประกาýใชš “พระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518” ซึ่งใĀšจัดตั้ง ĂงคŤการแรงงานทั้งฝśายลูกจšางและนายจšางไดšÿามระดับ ไดšแกŠ ÿĀภาพ ÿĀพันธŤ และÿภาĂงคŤการ ขĂงฝśายนั้น ๆ ĂยŠางไรก็ดีนĂกเĀนืĂไปจากกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤ ยังมีพระราชบัญญัติ รัฐüิÿาĀกิจÿัมพันธŤ พ.ý. 2543 ที่แยกÿĀภาพแรงงานรัฐüิÿาĀกิจĂĂกมาจากภาคเĂกชน แมšเจตนาÿำคัญขĂงการบัญญัติกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤไทยคืĂการรักþาคüามเปŨนธรรม ในการจšางงานไมŠใĀšเกิดการเĂารัดเĂาเปรียบกัน ถึงกระนั้นกฎĀมายแรงงานก็ไมŠไดšแผŠขยายไปถึง แรงงานนĂกระบบ8 ซึ่งถืĂเปŨนĀนึ่งในรูปแบบแรงงานที่ÿำคัญขĂงÿังคมปŦจจุบัน เชŠน การจšางงาน จบเปŨนรายครั้งผŠานแพลตฟĂรŤมดิจิทัล เชŠน การจšางทำกราฟŗก การบริการÿŠงĂาĀาร (Food Delivery) ĀรืĂĂาจมีรูปแบบการทำงานที่Ăิÿระ ไมŠขึ้นตŠĂĂงคŤการใด เชŠน เกþตรกร แมŠบšาน แรงงานรับจšางทำขĂง ลูกจšางในรšานขายขĂงชำ ซึ่งไมŠถูกจัดใĀšĂยูŠในกรĂบคüามคุšมครĂงตาม กฎĀมายคุšมครĂงแรงงานเทียบเทŠาแรงงานในระบบ ĂันรüมถึงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ดังนั้นĀากแรงงานกลุŠมนี้ไมŠไดšรับคüามยุติธรรมในการจšางงาน ก็ไมŠĂาจไปเรียกรšĂง ที่ใดไดšเลย เพราะไมŠมีĂำนาจĀรืĂคüามÿามารถในการตŠĂรĂงที่มากพĂ ดšüยเĀตุนี้การนำ 7 มĀาüิทยาลัยรามคำแĀง, (ม.ป.ป.). ลักþณะกลุŠมผลประโยชนŤไทย. จาก http://old-book.ru.ac.th/ebook/p/PS215(51)/PS215-17.pdf (ÿืบคšนเมื่Ă 13 กันยายน 2566) 8 แรงงานนอกระบบ (Informal sector/workers) Āมายถึง ผูšใชšแรงงานที่ทำงานโดยไมŠมีÿัญญาจšางแรงงาน ĀรืĂเปŨนผูš ประกĂบĂาชีพĂิÿระ (Freelancers) รüมถึงผูšรับงานไปทำที่บšาน (Work from home) Ăรüรรณ เกþร, (ม.ป.ป.). แรงงานนอกระบบกับÿิทธิประโยชนŤตามกฎĀมายประกันÿังคม. จาก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt_dl_link.php?nid=2612 (ÿืบคšนเมื่Ă 14 กันยายน 2566).
6 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ กลไกการเจรจาทางÿังคม (Social Dialogue) เขšามามีบทบาทตŠĂแรงงานÿัมพันธŤไทย ยŠĂมชŠüยแกšปŦญĀาดังกลŠาüไดšมากขึ้น ผŠานการÿนับÿนุนใĀšแรงงานนĂกระบบมีĂำนาจตŠĂรĂงกับ ฝśายนายจšางไดšมากขึ้น กลไกการเจรจาทางÿังคมเปŨนĀลักการที่ÿำคัญขĂงĂงคŤการแรงงานระĀüŠางประเทý (International Labour Organization: ILO) Ăันเกี่ยüขšĂงกับกระบüนการเจรจา การปรึกþา และการแลกเปลี่ยนขšĂมูล ระĀüŠางผูšมีผลประโยชนŤในขšĂเรียกรšĂงที่เจรจา9 โดยจำนüนฝśาย ขĂงผูšเขšาเจรจาขึ้นĂยูŠกับรูปแบบขĂงการเจรจา ไดšแกŠ ระบบทüิภาคี (Bipartite) ซึ่งประกĂบไป ดšüยฝśายแรงงานและฝśายนายจšาง และระบบไตรภาคี(Tripartite) ซึ่งประกĂบไปดšüยฝśายแรงงาน ฝśายนายจšาง และฝśายรัฐบาลที่จะเขšามาเปŨนตัüกลางในการเจรจา โดยการเจรจาทั้งÿĂงรูปแบบนี้ ไดšมีการนำไปปรับใชšในĀลากĀลายประเทýมาแลšü และยังมีการýึกþาตŠĂĂยูŠเÿมĂ ĂยŠางไรก็ดี โลกปŦจจุบันและÿภาพÿังคมไมŠเคยĀยุดนิ่ง แนüคิดĀรืĂกฎĀมายที่เคยปฏิบัติตŠĂกันมาก็Ăาจ ไมŠเĀมาะÿมกับÿภาพÿังคมในĂนาคตตŠĂไปไดš บทคüามนี้จึงพยายามจะชี้ใĀšผูšĂŠานเĀ็นคüามÿำคัญขĂงการเจรจาทางÿังคมระบบพĀุภาคี (Multi-stakeholders) ที่เปŨนกลไกการเจรจาแบบใĀมŠโดยการเพิ่มĂงคŤการĂื่นĀรืĂฝśายรัฐบาล เขšามารŠüมเจรจา และมีคüามÿามารถในการแกšจุดĂŠĂนĀรืĂĂุดรĂยรั่üขĂงพระราชบัญญัติแรงงาน ÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ที่ครĂบคลุมเพียงแรงงานตามÿัญญาจšางแรงงานไดš ÿŠงผลใĀšเกิดประโยชนŤ ÿูงÿุดในการระงับขšĂขัดแยšงที่Ăาจเกิดขึ้น Ăีกทั้งยังüิเคราะĀŤเปรียบเทียบใĀšเĀ็นตัüĂยŠางการนำ กลไกการเจรจาทางÿังคมขĂง ILO ในแตŠละรูปแบบมาปรับใชš เพื่ĂประกĂบการýึกþาถึง คüามเขšาใจและคüามÿำคัญขĂงกลไกดังกลŠาü ซึ่งในทšายที่ÿุดจะไดšนำเÿนĂถึงการÿŠงเÿริม การเจรจาทางÿังคมระบบพĀุภาคีใĀšเกิดขึ้นไดšจริงในประเทýไทย 9 International Labour Organization. (n.d.). Social Dialogue. https://www.ilo.org/actemp/areas-ofwork/WCMS_731146/lang--en/index.htm
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 7 2. กลไกที่ÿำคัญในการเจรจาทางÿังคม — “Social dialogue” 2.1 “Social dialogue (การเจรจาทางÿังคม)”10 เปŨนกลไกÿำคัญประการĀนึ่ง ในการนำไปÿูŠทางĂĂกขĂงปŦญĀาผŠานการปรึกþาĀารืĂĀรืĂตŠĂรĂงกันโดยผูšมีผลประโยชนŤ ในปŦญĀานั้น โดยĂงคŤการ ILO ไดšนิยามüŠาเปŨนกระบüนการที่รüมถึงการเจรจาทุกประเภท การปรึกþา ĀรืĂการแลกเปลี่ยนขšĂมูลกันระĀüŠางฝśายนายจšางและฝśายลูกจšาง และ/ĀรืĂฝśายรัฐบาลกับ ĀนŠüยงานĂื่น ๆ ตามรูปแบบขĂงการเจรจาทางÿังคม ซึ่งจะไดšกลŠาüถึงในÿŠüนถัด ๆ ไป โดยเปŨน การเจรจาเกี่ยüกับประเด็นที่ผูšรŠüมเจรจามีผลประโยชนŤรŠüมกันในทางเýรþฐกิจและÿังคม กระบüนการเจรจาทางÿังคมĂาจĂยูŠในรูปแบบทางการ (กลŠาüคืĂมีการจัดตั้งเปŨนĂงคŤการ) ĀรืĂแบบไมŠเปŨนทางการ บŠĂยครั้งมักจะพบการผÿมผÿานทั้งÿĂงรูปแบบดังกลŠาü และฝśายรัฐบาล ĂาจเขšารŠüมเจรจาดšüย ĀากรัฐบาลเขšารŠüมแลšüจะมีบทบาทในการเจรจาโดยตรงĀรืĂโดยĂšĂมก็ไดš โดยที่การเจรจาทางÿังคมĂาจเกิดขึ้นไดšทั้งในระดับประเทý ระดับภูมิภาค ĀรืĂระดับĂงคŤการ และÿามารถĂยูŠในกลุŠมแรงงานÿายĂาชีพเดียüกัน เปŨนภาคÿายงานĀนึ่ง ๆ ĀรืĂผÿมผÿาน ระĀüŠางกันในลักþณะที่กลŠาüมานี้ไดš11 การเจรจาทางÿังคมจึงไมŠมีรูปแบบเฉพาะที่ตายตัü ในการนำมาปรับใชš เนื่ĂงจากเปŨนกลไกĀนึ่งในกระบüนการเจรจาตŠĂรĂงเพื่Ăจัดการแกšไข คüามขัดแยšงเทŠานั้น Ăีกทั้งแตŠละประเทýก็ยŠĂมมีการจัดรูปแบบโครงÿรšางÿถาบัน กรĂบทางกฎĀมาย และธรรมเนียมปฏิบัติที่ตŠางกัน จึงÿามารถปรับเปลี่ยนไดšตามประเพณีและบริบทขĂงแตŠละ ประเทýที่นำกลไกดังกลŠาüไปปรับใชš นĂกจากจะเปŨนตัüชŠüยที่ÿŠงเÿริมดšานแรงงานÿัมพันธŤ ในเรื่ĂงขĂงเýรþฐกิจและคüามÿัมพันธŤĂันดีแลšü กลไกการเจรจาทางÿังคมยังชŠüยÿŠงเÿริม ระบĂบการปกครĂงแบบประชาธิปไตย เนื่ĂงจากระบĂบดังกลŠาüเปŨนไปในทิýทางเดียüกันกับ ขĂบเขตขĂงการเจรจาทางÿังคม ที่ĀารืĂเพื่ĂมุŠงĀาขšĂยุติโดยผŠานคüามเĀ็นชĂบจากแตŠละฝśาย รูปแบบของการเจรจาทางÿังคม จากที่กลŠาüไปขšางตšนเกี่ยüกับขĂบเขตĀรืĂนิยามขĂงการเจรจาทางÿังคมและเงื่Ăนไข ที่จะกŠĂใĀšเกิดการเจรจาที่มีประÿิทธิภาพมาบšางแลšü ฝśายผูšเขšารŠüมการเจรจาÿามารถเปŨน 10 Ăšางแลšü 9. 11 International Labour Organization. (n.d.). Social Dialogue. https://www.ilo.org/ifpdial/areas-of-work/socialdialogue/lang--en/index.htm)%20%20a
8 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ตัüบŠงบĂกถึงรูปแบบขĂงการเจรจานั้นไดš ในที่นี้จะกลŠาüถึงการเจรจาทางÿังคมที่ÿามารถแบŠง รูปแบบกระบüนการเจรจาไดšÿĂงรูปแบบĀลัก ๆ ไดšแกŠ ระบบทüิภาคี (Bipartite) และระบบ ไตรภาคี (Tripartite) 2.1.1. ระบบทüิภาคี (Bipartite) คืĂการเจรจาทางÿังคมระĀüŠางÿĂงฝśายĀลัก ไดšแกŠ ผูšแทนจากฝśายแรงงานและฝśายนายจšางโดยไมŠรüมถึงรัฐ ĀรืĂĂาจมีกรณีที่รัฐเขšามาĂำนüย คüามÿะดüก แตŠจะไมŠมีÿŠüนรŠüมในการเจรจาโดยตรง จึงกลŠาüไดšüŠา ระบบทüิภาคีเปŨนการเจรจา ขĂงนายจšาง-ลูกจšางที่ตกลงเจรจารŠüมกันในระดับบริþัท ซึ่งนายจšาง-ลูกจšางมีลักþณะขĂง การĂยูŠรŠüมกันในรูปแบบทüิภาคีĂยูŠแลšü ĂยŠางไรก็ดีโดยพื้นฐานแลšüลูกจšางจะไมŠมีĂำนาจตŠĂรĂง เทŠานายจšาง เนื่Ăงดšüยÿถานะที่ตšĂงทำตามĂำนาจบังคับบัญชาขĂงนายจšางĂยŠางไมŠมีทางเลืĂก ทั้งดšüยเĀตุที่ลูกจšางÿŠüนมากมักจะมีกำลังทรัพยŤนšĂยกüŠา จึงตšĂงทำงานเพื่ĂใĀšไดšมาซึ่งคŠาจšาง ĂันจะนำไปใชšจŠายในการดำรงชีพไดš ดังนั้นระบบการเจรจาเชŠนนี้จึงตรüจÿĂบผลÿำเร็จที่เปŨนธรรม ตŠĂทุกฝśายไดšยาก เพราะฝśายนายจšางซึ่งมีแนüคิดตšĂงการลดตšนทุนดšานแรงงานĂันÿŠงผลตŠĂ ราคาÿินคšาและบริการมักไมŠตšĂงการเÿียผลประโยชนŤขĂงตนเĂงในฐานะผูšประกĂบการที่ตšĂงการ ขายÿินคšาและบริการใĀšไดšจำนüนมาก ๆ ดังนั้นĀากทั้งÿĂงฝśายมีเปŜาĀมายขĂงÿภาพการจšาง ที่ตŠางกันและไมŠÿามารถตกลงกันไดš คüามขัดแยšงดšานแรงงานก็ĂาจขยายใĀญŠจนรšายแรงขึ้นไดš12 ประÿิทธิผลขĂงการเจรจาแบบระบบทüิภาคีจึงเกิดขึ้นไดšคŠĂนขšางนšĂย Ăนุÿัญญาที่เปŨนที่รูšจักกันดีĂันเปŨนที่มาขĂงระบบทüิภาคี เชŠน ĂนุÿัญญาĂงคŤการแรงงาน ระĀüŠางประเทý ฉบับที่ 87 üŠาดšüยÿิทธิในการจัดตั้งĂงคŤการและเÿรีภาพในการÿมาคม รüมถึง การคุšมครĂงÿิทธิในการจัดตั้งĂงคŤการแรงงานทั้งขĂงฝśายลูกจšางและฝśายนายจšาง ค.ý. 1948 โดยรัฐบาลจะไมŠเขšามาเกี่ยüขšĂง และĂาจใĀšแตŠละฝśายĂĂกขšĂบังคับที่ไมŠขัดกับกฎĀมายไดšดšüย และĂนุÿัญญาแรงงานระĀüŠางประเทý ฉบับที่ 98 üŠาดšüยÿิทธิในการรŠüมเจรจาตŠĂรĂง ค.ý. 1949 ซึ่งคุšมครĂงÿิทธิลูกจšางไมŠใĀšถูกเลืĂกปฏิบัติเมื่Ăเขšาเกี่ยüขšĂงกับÿĀภาพแรงงาน ĂนุÿัญญาÿĂงฉบับดังกลŠาüจึงมีÿŠüนÿำคัญในการÿรšางกรĂบคüามคิดและüิธีในการเขšาแกšไข คüามขัดแยšงดšานแรงงานใĀšเปŨนตšนแบบกฎĀมายแรงงานÿัมพันธŤขĂงแตŠละประเทýในการกำĀนด 12 Ăšางแลšü 6. Āนšา 70-71.
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 9 เงื่ĂนไขการใชšÿิทธิรüมตัüกันและการเจรจาตŠĂรĂง13 จึงเปŨนที่มาขĂงแนüคิดการเจรจาทางÿังคม แบบทüิภาคี ÿถานการณŤการเจรจาทางÿังคมแบบทüิภาคีที่ĂาจพบเจĂไดš เชŠน การรüมตัüกัน ขĂงลูกจšางในÿถานประกĂบกิจการเดียüกันĀรืĂประเภทเดียüกันในการจัดตั้งÿĀภาพแรงงาน ขึ้นมา เพื่ĂเรียกรšĂงÿิทธิในการไดšรับคŠาจšางĀรืĂมีชั่üโมงการทำงานที่เĀมาะÿมจากนายจšาง 2.1.2. ระบบไตรภาคี (Tripartite)14 เปŨนแนüคิดที่ไดšรับการผลักดันมาจาก ILO บนฐานคüามคิดขĂงการเจรจาทางÿังคมแบบÿามฝśายโดยเฉพาะ ทั้งยังเปŨนระบบที่ไดšรับการตั้งไüš เปŨนรากฐานขĂง ILO ตั้งแตŠการเกิดขึ้นใน ค.ý. 1919 โดยการเจรจาทางÿังคมแบบไตรภาคี มีĂงคŤประกĂบ 3 ฝśาย ประกĂบไปดšüยผูšแทนจากฝśายลูกจšาง ฝśายนายจšาง และฝśายรัฐบาล เปŨนการกระจายĂำนาจขĂงทั้งÿามฝśายซึ่งตšĂงเจรจาดšüยคüามบริÿุทธิ์ใจ เพื่ĂรŠüมกันĀาขšĂยุติ โดยยึดถืĂผลประโยชนŤขĂงชาติเปŨนÿำคัญ เมื่ĂรัฐเขšามามีบทบาทเปŨนผูšแทนคนกลางในการเขšา แทรกแซงการเจรจาทางÿังคม ยŠĂมทำใĀšการเĂารัดเĂาเปรียบลูกจšางขĂงฝśายนายจšางเปŨนไปไดš ยากขึ้น ระบบไตรภาคีนี้จึงชŠüยเรียกรšĂงคüามเปลี่ยนแปลงที่ยุติธรรมทางÿังคม และตĂบโจทยŤตŠĂ การเจรจาทางÿังคม เพื่ĂÿรšางดุลยภาพในผลประโยชนŤขĂงแตŠละฝśาย รüมถึงประชาชน เมื่ĂแตŠละฝśาย ยĂมรับในนโยบายไดš ก็จะนำไปÿูŠการระงับขšĂขัดแยšงไดšดังนั้นจึงÿามารถพบการเจรจาทางÿังคม ในรูปแบบนี้ไดšทั่üไปมากกüŠาแบบระบบทüิภาคีนั่นเĂง Ăนุÿัญญาที่ÿŠงเÿริมใĀšเกิดการดำเนินการเจรจาทางÿังคมแบบไตรภาคีใĀšเปŨนไปตาม มาตรฐานแรงงานระĀüŠางประเทýคืĂĂนุÿัญญาฉบับที่ 144 ขĂง ILO (Convention No.144: Tripartite Consultation International Labour Standards) 15 ซึ่งกำĀนดใĀšประเทýÿมาชิก ที่ใĀšÿัตยาบันĂนุÿัญญาแลšü ทำการปรึกþาĀารืĂเกี่ยüกับมาตรฐานแรงงานระĀüŠางประเทý รŠüมกันทั้งÿามฝśาย รüมถึงการทบทüนและจัดทำรายงานเกี่ยüกับĂนุÿัญญาที่ยังไมŠไดšใĀšÿัตยาบัน 13 ปรีชา üุฒิการณŤ. (ม.ป.ป.). การเจรจาตŠอรองดšานแรงงานในฐานะกลไกการแรงงานÿัมพันธŤที่ดีในประเทýไทย (Collective Bargaining As A Mechanism Toward Good Labor Relations In Thailand. üารÿารÿุทธิปริทัýนŤ, 120. 14 International Labour Organization. (n.d.). Social dialogue and tripartism . https://www.ilo.org/global/topics/workers-and-employers-organizations-tripartism-and-social-dialogue/lang-- en/index.htm 15 International Labour Organization. (n.d.). C144 -Tripartite Consultation (International Labour Standards) Convention, 1976 (No.144). https://www.ilo.org/dyn/normlex/en/f?p=NORMLEXPUB:12100:0::NO::P12100_ILO_CODE:C144
10 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ และขšĂแนะตามที่ ILO รšĂงขĂ และนำเÿนĂĂนุÿัญญาฉบับใĀมŠตŠĂĀนŠüยงานผูšทรงĂำนาจ ภายในประเทýÿมาชิกที่ใĀšÿัตยาบัน เพื่ĂนำมาเปŨนแนüทางในการปฏิบัติภายในประเทý โดยĂนุÿัญญานี้มีประโยชนŤĂยŠางมากตŠĂการÿนับÿนุนการเจรจาตŠĂรĂงระĀüŠางผูšแทนจากทั้งÿามฝśาย ในการแกšปŦญĀาและขšĂขัดแยšง เพื่ĂนำไปÿูŠการÿรšางนโยบายที่ทุกฝśายเĀ็นพšĂงและยĂมรับไดš เปŨนการÿรšางมาตรฐานแรงงานระĀüŠางประเทýที่มีผลประโยชนŤตŠĂทุกฝśาย ĂยŠางไรก็ดีไทยยังไมŠไดš ใĀšÿัตยาบันในĂนุÿัญญาฉบับดังกลŠาü ยกตัüĂยŠางเĀตุการณŤการเจรจาทางÿังคมแบบไตรภาคีซึ่งพบในประเทýจีน ที่นำการเจรจา แบบไตรภาคีเขšามาปรับใชšในประเทýในรูปแบบขĂงจีนเĂงตั้งแตŠ พ.ý. 2544 เพื่Ăพัฒนา ดšานแรงงานÿัมพันธŤ โดยประกĂบไปดšüยÿามฝśาย ไดšแกŠ ตัüแทนฝśายรัฐบาลจากกระทรüง ทรัพยากรมนุþยŤและประกันÿังคม (The Ministry of Human Resources and Social Security: MOHRSS) ตัüแทนฝśายแรงงานจากÿĀภาพแรงงานทั่üประเทýจีน (All-China Federation of Trade Unions: ACFTU) และตัüแทนฝśายนายจšางจากÿมาคมธุรกิจจีน (China Enterprise Confederation: CEC)16 ซึ่งแตŠละฝśายจะมีบทบาทในการเจรจาทางÿังคมเพื่ĂแกšไขขšĂพิพาท ทางแรงงานในประเทýจีน ĂยŠางไรก็ตามมีผูšคนแยšงüŠา การเจรจาทางÿังคมในประเทýนี้ยังไมŠเปŨนไป ตามมาตรฐานขĂงการเจรจาระบบไตรภาคีขĂง ILO ĂยŠางแทšจริง เนื่ĂงจากมีขšĂจำกัดĀลัก คืĂ การขาดคüามเปŨนĂิÿระขĂงผูšแทนในการเจรจาระĀüŠางทั้งÿามฝśาย รüมถึงคüามÿามารถ ในการบังคับใชšขšĂตกลงที่เจรจากันไดšแลšü จึงÿŠงผลใĀšการเจรจาทางÿังคมĂยŠางแทšจริงเกี่ยüกับ แรงงานในจีนยังเกิดĂุปÿรรคĂยูŠบšาง แตŠถึงกระนั้นนี่ก็เปŨนกšาüแรกÿูŠกลไกการเจรจาแบบระบบ ไตรภาคีที่แทšจริงตามมาตรฐานขĂง ILO และเปŨนพัฒนาการดšานแรงงานÿัมพันธŤที่ÿำคัญเพื่Ăÿิทธิ แรงงานขĂงจีนตŠĂไป นĂกเĀนืĂจากระบบทüิภาคีและไตรภาคีที่กลŠาüมานี้ ยังมีĂีกรูปแบบĀนึ่งที่มีภาคีเขšารŠüม ในการเจรจามากขึ้น เรียกüŠา การเจรจาทางÿังคมระบบพĀุภาคี (Multi-stakeholders) เชŠน ĂงคŤการพัฒนาเĂกชน (NGOs) โดยคüามÿัมพันธŤแตŠละรูปแบบจะประกĂบไปดšüยคüามรŠüมมืĂ ในüงแคบตั้งแตŠÿถานที่ทำงานĀรืĂบริþัท ไปจนถึงคüามรŠüมมืĂเปŨนüงกüšางเชŠนในระดับĂุตÿาĀกรรม 16International Labour Organization. (n.d.). Constituents in China. https://www.ilo.org/beijing/countriescovered/WCMS_624967/lang--en/index.htm
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 11 ĀากกลŠาüโดยเพิ่มเติมแลšüระบบพĀุภาคีเปŨนรูปแบบที่นŠาÿนใจและนŠาจับตามĂงเปŨนĂยŠางยิ่ง เนื่ĂงจากคüามÿัมพันธŤในรูปแบบนี้ยังเกิดขึ้นนšĂยเมื่ĂเทียบกับÿĂงรูปแบบแรก 2.2 ประÿิทธิภาพของการเจรจาทางÿังคม17 เพื่ĂใĀšการเจรจาทางÿังคมดำเนินไปĂยŠางมีประÿิทธิภาพ การเจรจาทางÿังคมจึงตšĂง ประกĂบขึ้นดšüยเงื่ĂนไขĀลายประการ ดังนี้ 1) คüามเขšมแข็งขĂงĂงคŤการแรงงาน: เนื่ĂงจากมีบทบาทÿำคัญในการเปŨนตัüแทนผูšมี ÿŠüนไดšเÿียขĂงแตŠละฝśาย 2) การเขšาถึงขšĂมูลที่ĀลากĀลาย: เพื่ĂĂำนüยคüามÿะดüกในการตัดÿินใจ และทำใĀš การเจรจาเปŨนไปĂยŠางราบรื่น 3) การÿนับÿนุนจากภาครัฐ: เพื่ĂใĀšกระบüนการเจรจาถูกตšĂงตามกฎĀมาย และมีÿŠüน ในการรับประกันüŠา ขšĂตกลงขĂงการเจรจานั้นจะไดšรับการนำมาใชšจริงĂยŠางมี ประÿิทธิภาพ 4) การเคารพในÿิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน: เพื่ĂใĀšÿĂดคลšĂงกับแนüคิดขĂง ILO ซึ่งกำĀนดมาตรฐานเพื่ĂปกปŜĂงÿิทธิขั้นพื้นฐานขĂงแรงงาน และมีÿŠüนชŠüยพัฒนา เýรþฐกิจĂยŠางยั่งยืน ไดšแกŠ การĀšามใชšแรงงานที่ถูกบังคับ การĀšามการจšางงาน แรงงานเด็กในงานที่Ăันตราย และการกำจัดการเลืĂกปฏิบัติในÿถานที่ทำงาน 17 International Labour Organization. (n.d.). 21. Social Dialogue and Tripartism. https://www.ilo.org/global/topics/dw4sd/themes/s-dialogue-tripartism/lang--en/index.htm#62 CNV Internationaal. (n.d.). Social Dialogue. https://www.cnvinternationaal.nl/en/topics/field-of-work/socialdialogue Trade Union Congress. (2561, June 22). Core labour standards explained. https://www.tuc.org.uk/sites/default/files/gettingtothecore_0.pdf
12 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ 5) เÿรีภาพในการÿมาคม: ÿนับÿนุนใĀšทั้งฝśายลูกจšางและฝśายนายจšางรüมตัüกันเปŨน ÿมาคม เพื่ĂใĀšทุกฝśายÿามารถแÿดงคüามเĀ็นและเจรจาตŠĂรĂงรŠüมกันไดš โดยปราýจากการแทรกแซงจากภาครัฐ 6) เÿรีภาพในการเจรจาตŠĂรĂงเรื่Ăงÿภาพการจšางที่ดี: ถืĂเปŨนลักþณะพื้นฐาน ขĂงการเจรจาทางÿังคม รüมถึงการพิจารณาเรื่ĂงคŠาจšาง ชั่üโมงการทำงาน คüามปลĂดภัย และÿุขภาพในการทำงาน นĂกเĀนืĂจากเงื่ĂนไขเĀลŠานี้ กระบüนการเจรจาทางÿังคมที่ครĂบคลุมผูšมีÿŠüนไดšเÿีย ทุกฝśาย มีคüามโปรŠงใÿ และเจตนามุŠงมั่นจะปฏิบัติตามขšĂตกลงขĂงการเจรจาĂยŠางÿุจริตก็มีผล ดšüยเชŠนเดียüกัน ดังนั้นĀากการเจรจาทางÿังคมประกĂบไปดšüยเงื่ĂนไขเĀลŠานี้ ผลขĂงการเจรจา นั้นก็ยŠĂมมีโĂกาÿÿำเร็จไดšĂยŠางแนŠแทš 3. ระบบพĀุภาคี (Multi-stakeholders) – การเจรจาทางÿังคมรูปแบบใĀมŠเพื่อยกระดับ แรงงานÿัมพันธŤไทย ระบบพĀุภาคี18 เปŨนคüามรŠüมมืĂในการเจรจาทางÿังคมĀลายฝśาย ซึ่งไมŠจำกัดĂยูŠเพียง แคŠฝśายรัฐบาล ฝśายนายจšาง และฝśายลูกจšางเทŠานั้น แตŠยังรüมไปถึงĂงคŤการĀรืĂĀนŠüยงานใĀมŠ ๆ ĂยŠาง NGOs ĀรืĂมูลนิธิเพื่Ăÿิทธิแรงงาน (MWRM) เนื่ĂงจากÿภาพÿังคมไมŠเคยĀยุดนิ่ง ตราบใดที่มนุþยŤในÿังคมยังคงมีคüามเคลื่ĂนไĀüĂยูŠเÿมĂ ดังนั้นกฎเกณฑŤĀรืĂĀลักการคüามคิด แบบเดิม ๆ ที่เคยคüบคุมพฤติกรรมคนในÿังคมใĀšĂยูŠรŠüมกันĂยŠางÿันติÿุขไดšก็Ăาจจะมาถึงทางตัน และไมŠตĂบโจทยŤเต็มที่ในการแกšปŦญĀาÿังคมĂีกตŠĂไป มนุþยŤจึงตšĂงมีการปรับตัüไปตาม ÿภาพÿังคม ÿĂงÿิ่งนี้จึงมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนĂยŠางรüดเร็üคüบคูŠกันไปĂยูŠเÿมĂ การเจรจาทางÿังคมแบบระบบพĀุภาคียังไมŠเปŨนที่แพรŠĀลายนัก แตŠเปŨนกลไกที่เริ่มคŠĂย ๆ มี การนำมาปรับใชšในประเทýที่กำลังýึกþาĂยูŠ เชŠน ประเทýÿเปน เดนมารŤก เยĂรมนี เปŨนตšน และประเทýระดับÿĀภาพยุโรป (European Union level) จุดประÿงคŤและคüามÿำคัญขĂง 18 Soren Kaj Andersen & Mikkel Mailand. (2002). Multipartite Social Partnerships - A New Role for Employers and Trade Unions. https://faos.ku.dk/pdf/boger-og-rapporter/2002/Multipartite_Social_Partnerships.pdf
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 13 การเกิดระบบพĀุภาคีนี้ขึ้นก็เพื่Ăเพิ่มคüามเทŠาเทียมในการเจรจามากขึ้นจากการที่มีÿมาชิกใĀมŠ ในการเจรจาทางÿังคมที่เกี่ยüขšĂงกับนโยบายทางÿังคม เýรþฐกิจ และแรงงานเขšามา จึงตšĂงเจรจาเพื่ĂĀาทางแกšไขปŦญĀาที่ทุกฝśายจะพึงพĂใจ กลŠาüคืĂเปŨนกระบüนการการเจรจา ที่แÿüงĀาฉันทมติ19จากคüามรŠüมมืĂขĂงĀลายฝśาย จึงมีคüามทšาทายในการเจรจาตŠĂรĂงรŠüมกัน มากขึ้น ซึ่งĀนŠüยงานที่เขšามาใĀมŠในการเจรจานี้ĂาจมีĂิทธิพลมากĀรืĂนšĂยขึ้นĂยูŠกับประเทý ที่นำกลไกการเจรจาระบบพĀุภาคีไปปรับใชš “Social Dialogue helps Asian garment industry navigate the COVID-19 crisis”20 คืĂตัüĂยŠางการแกšปŦญĀาĂุตÿาĀกรรมเครื่ĂงนุŠงĀŠมในเĂเชียใĀšÿามารถกšาüผŠานüิกฤตโคüิด-19 ดšüยการเจรจาทางÿังคมแบบระบบพĀุภาคี เมื่ĂเดืĂนÿิงĀาคม พ.ý. 2566 ที่ผŠานมา กลŠาüโดยÿรุปüŠา เĀตุการณŤดังกลŠาüเกิดจากการที่โคüิด-19 ระบาดไปทั่üโลก จนÿŠงผลใĀšทั้งโรงงานผลิต แรงงาน และผูšประกĂบการตšĂงเผชิญกับüิกฤตเýรþฐกิจและÿาธารณÿุขไปพรšĂม ๆ กัน ในชŠüงเüลานี้ก็ไดš การเจรจาทางÿังคมเขšามามีบทบาทในการชŠüยใĀšบริþัทĂุตÿาĀกรรมเÿื้Ăผšาÿำเร็จรูปในกัมพูชา Ăินโดนีเซีย และบังกลาเทýÿามารถฟŚŪนตัüจากผลกระทบขĂงüิกฤตดังกลŠาüไดšดšüยการแลกเปลี่ยน ขšĂมูล ใĀšคำปรึกþา และเจรจาตŠĂรĂง โดยไมŠทิ้งลูกจšางไüšขšางĀลัง เชŠน ผลิตชุดปŜĂงกันโรค แกŠคนงานเพื่ĂคüามปลĂดภัยในÿุขภาพขĂงแรงงาน นĂกจากนั้นยังจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกþา ดšานการปรับปรุงประÿิทธิภาพ (Performance Improvement Consultative Committee: PICC)21 ĂĂกมาตรการใĀมŠเกี่ยüกับการคüบคุมโรคดšüยการเจรจาทางÿังคมกับฝśายลูกจšาง และตั้งคณะกรรมการตĂบÿนĂงตŠĂÿถานการณŤโคüิด-19 (COVID-19 response committee) 19 ฉันทมติ (Consensus) มีที่มาจากคำüŠา ฉันท+มติ Āมายถึง คüามเĀ็นพšĂงขĂงคนÿŠüนใĀญŠซึ่งมักเชื่Ăมโยงกับการตัดÿินใจ ใน ที่นี้จึงĀมายถึงคüามเĀ็นพšĂงในกระบüนการตัดÿินใจซึ่งเปŨนทางĂĂกแĀŠงปŦญĀารŠüมกัน 20 Juliette Tafreschi. (2023, August 23). Let’s talk! Social Dialogue helps Asian garment industry navigate the COVID-19 crisis https://asiagarmenthub.net/staging/agh-themes/covid-19/decent-work-social-and-labourstandards 21 คณะกรรมการที่ปรึกþาดšานการปรับปรุงประÿิทธิภาพ (Performance Improvement Consultative Committee: PICC) Āมายถึง ระบบที่ปรับปรุงÿภาพการทำงาน คŠาจšาง ÿüัÿดิการ คüามปลĂดภัย ÿุขĂนามัยในการทำงาน และชั่üโมงทำงาน ผŠานคüามเĀ็นพšĂงจากฝśายนายจšางและฝśายลูกจšาง ĂšางĂิงจาก International Labour Organization. (2011, January 2). Better talk leads to better work https://www.ilo.org/global/about-the-ilo/mission-and-objectives/features/WCMS_233415/lang--en/index.htm
14 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ขึ้นมาโดยมีผูšมีÿŠüนไดšÿŠüนเÿียเปŨนตัüแทนที่จะรับผิดชĂบดูแลภายในโรงงาน ทำใĀšลูกจšาง มีคüามเชื่Ăใจในตัüนายจšาง ไมŠมีลูกจšางคนใดกังüลเรื่Ăงการตกงาน เนื่Ăงจากมีการÿื่Ăÿารกัน ĂยŠางมีประÿิทธิภาพ ทุกฝśายÿามารถเขšาถึงขšĂมูลไดšผŠานการĂธิบายและตĂบคำถามขĂงตัüแทน ฝśายนายจšางแตŠละÿายงาน ดังนั้นทางĂĂกขĂงเĀตุการณŤนี้ก็คืĂการที่ทุกฝśายรับฟŦงเพื่Ăแลกเปลี่ยน ขšĂมูล ปรึกþาĀารืĂ และรŠüมเจรจาตŠĂรĂงกัน ĂันเปŨนลักþณะขĂงการนำเĂาการเจรจาทางÿังคม รูปแบบระบบพĀุภาคีมาปรับใชšใĀšเกิดประโยชนŤขึ้นจริงในĂุตÿาĀกรรมเÿื้Ăผšาÿำเร็จรูปนี้นั่นเĂง 4. การนำกลไกการเจรจาทางÿังคมมาปรับใชšในการแรงงานÿัมพันธŤประเทýไทย ประเทýไทยเปŨนĀนึ่งในประเทýผูšรŠüมกŠĂตั้งĂงคŤการแรงงานระĀüŠางประเทý (International Labour Organization: ILO) เมื่Ă ค.ý. 1919 และไดšรับเĂาĀลักการขĂง ILO มาปรับใชšภายในประเทýĂยŠางตŠĂเนื่Ăง โดยเฉพาะĂยŠางยิ่งการนำกลไกการเจรจาทางÿังคม ĂันประกĂบไปดšüยระบบทüิภาคี ระบบไตรภาคี และระบบพĀุภาคี เขšามาปรับใชšในระบบ แรงงานÿัมพันธŤขĂงประเทýไทย เพื่ĂกŠĂใĀšเกิดการแลกเปลี่ยนคüามรูš การเจรจาตŠĂรĂง การปรึกþาĀารืĂ และการระงับขšĂพิพาท ĂันนำไปÿูŠการปรับปรุงและแกšไขปŦญĀาดšานแรงงาน ÿัมพันธŤที่มีขึ้นในประเทýไทย แตŠถึงกระนั้นปŦญĀาแรงงานÿัมพันธŤในประเทýไทยกลับมิไดšลดนšĂย ถĂยลงเลย ดšüยเĀตุนี้ผูšเขียนจึงĂยากนำเÿนĂใĀšมีการนำแนüคิดระบบพĀุภาคี ซึ่งเปŨนĀนึ่งใน ระบบการเจรจาทางÿังคมรูปแบบĀนึ่ง มาปรับใชšภายในประเทýไทยใĀšมากยิ่งขึ้น เพื่Ăปรับปรุง ระบบแรงงานÿัมพันธŤไทยใĀšมีคüามมั่นคงและเปลี่ยนแปลงไปตามÿังคมในปŦจจุบันที่มีการคำนึงถึง Āลักÿิทธิมนุþยชนและการเคลื่Ăนยšายแรงงานแบบเÿรี ทั้งนี้ผูšเขียนมิไดšมีเจตนาตšĂงการใĀšยกเลิก ระบบทüิภาคีĀรืĂระบบไตรภาคีแตŠĂยŠางใด เนื่ĂงจากระบบตŠาง ๆ นั้นมีขšĂดีและขšĂเÿียแตกตŠางกัน ตามรูปแบบ ปŦจจัยÿภาพแüดลšĂมในÿังคมและÿถานประกĂบการ และนิติÿัมพันธŤระĀüŠางคูŠกรณี ĂันจะกลŠาüถึงเปŨนประการตŠĂไป ซึ่งการนำระบบพĀุภาคีมาปรับใชšในประเทýไทยที่มากขึ้น ยŠĂมทำใĀšเกิดตัüเลืĂกที่ĀลากĀลายและÿามารถปรับใชšไดšเĀมาะÿมตŠĂÿถานการณŤที่เกี่ยüขšĂง มากขึ้น เพื่ĂใĀšกลไกเจรจาทางÿังคมบรรลุผลĂยŠางยั่งยืน 4.1 การนำระบบทüิภาคีมาปรับใชšในการแรงงานÿัมพันธŤประเทýไทย
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 15 ระบบทüิภาคีในประเทýไทยไดšนำĀลักการมาจากĂนุÿัญญา ILO ฉบับที่ 87 และĂนุÿัญญา ILO ฉบับที่ 98 โดยมุŠงเนšนไปที่คüามÿัมพันธŤระĀüŠางฝśายนายจšางกับฝśายลูกจšาง เพื่ĂใĀšเกิดคüามÿัมพันธŤที่ดีในÿถานประกĂบการผŠานการใĀšฝśายลูกจšางไดšเขšาไปมีÿŠüนรŠüม ในการจัดการĂงคŤการในดšานตŠาง ๆ เชŠน ÿภาพการจšางงาน ÿภาพทางการเงินขĂงĂงคŤการ และนโยบายขĂงĂงคŤการ22 จากนั้นนำคüามรŠüมมืĂระĀüŠางÿĂงฝśายมาพัฒนาĀาทางĂĂกรŠüมกัน โดยภาครัฐจะเขšาไปเกี่ยüขšĂงและแทรกแซงใĀšนšĂยที่ÿุด เพื่ĂใĀšเปŨนไปตามĀลักเÿรีภาพในการทำ ÿัญญาขĂงเĂกชน ระบบทüิภาคีในประเทýไทยมีการนำมาปรับใชšĀลายรูปแบบ Ăาทิ การแลกเปลี่ยน คüามรูšระĀüŠางลูกจšางดšüยกันเĂง และการเรียกรšĂงขĂงฝśายลูกจšางตŠĂฝśายนายจšาง เชŠน การเรียกรšĂงในการเพิ่มคŠาจšาง เรียกรšĂงÿüัÿดิการ และเรียกรšĂงการปรับปรุงÿถานประกĂบการ ตŠĂจากนี้การปรึกþาĀารืĂรŠüมกัน และการรŠüมเจรจาตŠĂรĂงระĀüŠางฝśายนายจšางและฝśายลูกจšาง คืĂการแÿüงĀาขšĂตกลงรŠüมกันระĀüŠางÿĂงฝśาย และการระงับขšĂพิพาท ซึ่งใชšในกรณีที่เกิด ขšĂขัดแยšงระĀüŠางฝśายลูกจšางและฝśายนายจšาง โดยลูกจšางÿามารถแจšงขšĂรšĂงทุกขŤตŠĂÿĀภาพ แรงงานเพื่Ăพูดคุยและเจรจากับนายจšางเพื่ĂระงับขšĂพิพาท ĀากการเจรจาไมŠเปŨนผลทั้งÿĂงฝśาย ก็จะนิยมใชšüิธีการตั้งĂนุญาโตตุลาการเพื่Ăชี้ขาดและĀาขšĂยุติ23 ระบบทüิภาคีระĀüŠางฝśายนายจšางและฝśายลูกจšางในประเทýไทยนี้จะÿัมฤทธิ์ผลไดš ตŠĂเมื่Ă ทั้งÿองฝśายตŠางมีอำนาจในการตŠอรอง คืĂมีพลังĀรืĂĂำนาจในการกดดันใĀšĂีกฝśายĀนึ่ง เกรงและยĂมเจรจา ปฏิบัติตามขšĂเÿนĂĀรืĂขšĂเรียกรšĂงที่มีการเจรจา24 ซึ่งตามธรรมดาแลšü นายจšางยŠĂมมีĂำนาจในการตŠĂรĂงมากกüŠาลูกจšาง เนื่ĂงมาจากĂำนาจในการจšางงาน การจŠาย คŠาจšาง และการเลิกจšาง จึงยากที่นายจšางจะยĂมเขšารŠüมเจรจากับลูกจšางคนใดคนĀนึ่ง ดังนั้น การที่ลูกจšางจะมีĂำนาจเทŠาเทียมกับนายจšางไดšนั้นตšĂงมาจากการรüมกลุŠมเปŨนÿĀภาพแรงงาน เพื่ĂใĀšเกิดĂำนาจในการตŠĂรĂง จึงพิจารณาไดšüŠา คüามเขšมแข็งขĂงÿĀภาพแรงงานเปŨนตัüแปร ที่ÿำคัญยิ่งในการทำใĀšการรŠüมเจรจาตŠĂรĂงÿัมฤทธิ์ผลและดำเนินไปตามที่ฝśายลูกจšางมีขšĂเÿนĂ 22 ชนาธิป ชินะนาüิน, การระงับขšĂพิพาทแรงงานโดยÿมัครใจ, üิทยานิพนธŤ มĀาüิทยาลัยรามคำแĀง Āนšา 71-72 เขšาถึงไดšที่ http://nlrc.mol.go.th/research/KJUL564.pdf 23 เกþมÿันตŤ üิลาüรรณ, แรงงานÿัมพันธŤ, พิมพŤครั้งที่ 15, (กรุงเทพฯ: üิญťูชน,2560) Āนšา 130 24 ĂšางĂิงแลšüใน 23. Āนšา 175
16 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ĀรืĂขšĂเรียกรšĂง แตŠเมื่ĂพิจารณาจากÿถานการณŤÿĀภาพแรงงานในประเทýไทย ดังเชŠนในปŘ พ.ý. 2565 ÿĀภาพแรงงานไทย มีจำนüนทั้งÿิ้น 1,469 ÿĀภาพ รüมจำนüนÿมาชิกกüŠา 653,534 คน คิดเปŨนเพียงรšĂยละ 1.7 ขĂงจำนüนแรงงานทั้งĀมดในประเทýไทย ซึ่งมีจำนüน 38,070,100 คน ถืĂไดšüŠาเปŨนÿัดÿŠüนที่นšĂยมาก ทั้งยังพบüŠา นายจšางกระทำการกีดกันÿĀภาพแรงงาน ĂยูŠบŠĂยครั้ง เชŠน กลั่นแกลšงใĀšÿมาชิกÿĀภาพแรงงานยšายไปทำงานแผนกĂื่น กดดันไมŠใĀšทำงาน ลŠüงเüลา จนทำใĀšลูกจšางที่เปŨนÿมาชิกÿĀภาพแรงงานทนไมŠไĀüและลาĂĂกเปŨนÿŠüนใĀญŠ25 ĀรืĂการที่นายจšางปŗดงาน26 โดยมีเจตนากลั่นแกลšงใĀšลูกจšางใĀšไดšรับคüามเÿียĀายและไมŠÿามารถ ทนทำงานตŠĂไปไดš Ăันเนื่ĂงมาจากÿĀภาพแรงงานไดšมีการยื่นขšĂเรียกรšĂงตŠĂนายจšาง27 ĀากÿĀภาพแรงงานซึ่งเปŨนตัüแปรÿำคัญขĂงระบบทüิภาคีไมŠไดšมีคüามเขšมแข็งและมีĂำนาจ ในการตŠĂรĂงกับฝśายนายจšางเชŠนนี้แลšü จะÿŠงผลใĀšทšายที่ÿุดฝśายลูกจšางจะไมŠÿามารถมีĂำนาจ ตŠĂรĂงกับฝśายนายจšางไดšĂยŠางเทŠาเทียมเลย ถึงแมšประเทýไทยจะนำระบบทüิภาคีตามแนüทางขĂง ILO มาใชšในแรงงานÿัมพันธŤไทย แตŠดšüยเĀตุที่ประเทýไทยมิไดšใĀšÿัตยาบันในĂนุÿัญญา ILO ที่เกี่ยüขšĂงกับระบบทüิภาคี จึงไมŠไดš นำĀลักการทั้งĀมดขĂง ILO มาปรับใชš ดังเชŠนในกรณีขĂงĂนุÿัญญา ILO ฉบับที่ 87 ซึ่งกำĀนดใĀš ฝśายนายจšางและฝśายลูกจšางมีÿิทธิในการกŠĂตั้งĀรืĂเขšารŠüมĂงคŤการใด ๆ ĂยŠางĂิÿระโดยปราýจาก การแทรกแซงขĂงรัฐ28 แตŠพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 กำĀนดใĀšการจัดตั้ง ÿĀภาพแรงงานตšĂงจดทะเบียนตŠĂนายทะเบียนเทŠานั้น29 และนายทะเบียนมีดุลพินิจในการไมŠรับ 25 ประชาไท, บริþัทผลิตĂะไĀลŠรถยนตŤ 'Y-Tec' กดดันกลั่นแกลšงÿมาชิกÿĀภาพแรงงานตŠĂเนื่Ăง ลŠาÿุดลาĂĂกเĀลืĂไมŠกี่คน https://prachatai.com/journal/2023/05/104363 26 มาตรา 5 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ในพระราชบัญญัตินี้ “การปŗดงาน” ĀมายคüามüŠา การที่นายจšาง ปฏิเÿธไมŠยĂมใĀšลูกจšางทำงานชั่üคราü เนื่ĂงจากขšĂพิพาทแรงงาน 27 คำพิพากþาýาลฎีกาที่ 7362/2559 28 Article 2 Ăนุÿัญญา ILO ฉบับที่ 87 üŠาดšüยเÿรีภาพในการÿมาคมและการคุšมครĂงÿิทธิในการรüมตัü ค.ý. 1948 Workers and employers, without distinction whatsoever, shall have the right to establish and, subject only to the rules of the organisation concerned, to join organisations of their own choosing without previous authorisation. 29 มาตรา 87 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ÿĀภาพแรงงานตšĂงมีขšĂบังคับและตšĂงจดทะเบียนตŠĂนายทะเบียน เมื่Ăไดšจดทะเบียนแลšü ใĀšÿĀภาพแรงงานเปŨนนิติบุคคล
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 17 จดทะเบียน ĀากüัตถุประÿงคŤขĂงÿĀภาพแรงงานนั้นขัดตŠĂคüามÿงบเรียบรšĂยขĂงประชาชน30 ซึ่งพิจารณาไดšüŠาตšĂงĂาýัยการตีคüามขĂงนายทะเบียนüŠา การใดเปŨนüัตถุประÿงคŤที่ขัดตŠĂ คüามÿงบเรียบรšĂย ĂันเปŨนการแÿดงใĀšเĀ็นüŠา รัฐยังคงมีการเขšาแทรกแซงตŠĂÿิทธิในการจัดตั้ง ÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂกรณีการตราพระราชบัญญัติรัฐüิÿาĀกิจÿัมพันธŤ พ.ý. 2543 ขึ้นบังคับใชšกับ บุคลากรในภาครัฐüิÿาĀกิจโดยตรง แตŠเมื่ĂพิจารณาแลšüพบüŠาเปŨนบทบัญญัติที่กŠĂใĀšเกิด คüามยุŠงยากในการจัดตั้งÿĀภาพแรงงานรัฐüิÿาĀกิจมากกüŠาขĂงเĂกชน เชŠน ÿĀภาพแรงงาน รัฐüิÿาĀกิจจะจัดตั้งขึ้นไดšตšĂงมีÿมาชิกไมŠนšĂยกüŠารšĂยละ 25 ขĂงลูกจšางทั้งĀมด31 ซึ่งเปŨนการขัดตŠĂ ĀลักการเÿรีภาพในการเขšารüมกลุŠมตามĂนุÿัญญา ILO และÿŠงผลใĀšการจัดตั้งเปŨนไปไดšยาก ทำใĀšใน พ.ý. 2565 มีÿĀภาพแรงงานรัฐüิÿาĀกิจเพียงจำนüน 45 ÿĀภาพ32 Ăีกทั้งการบัญญัติ กฎĀมายเฉพาะแยกĂĂกมานี้ÿŠงผลใĀšแรงงานรัฐüิÿาĀกิจไมŠÿามารถรüมกลุŠมกับเĂกชน เพื่Ăเพิ่มĂำนาจในการตŠĂรĂงไดš ทั้งไมŠÿามารถรŠüมเปŨนÿมาชิกกับĂงคŤการแรงงานĂื่นทั้งในและนĂก ประเทý33 4.2 การนำระบบไตรภาคีมาปรับใชšในการแรงงานÿัมพันธŤประเทýไทย ประเทýไทยมีการนำระบบไตรภาคีมาปรับใชšภายในประเทýตามแนüคิดขĂง ILO เพื่ĂเปŨนการขยายแนüคิดขĂงระบบทüิภาคีจากการรŠüมมืĂเพียงÿĂงฝśายเปŨนการรŠüมมืĂ แบบÿามฝśายระĀüŠางฝśายลูกจšาง ฝśายนายจšาง และฝśายภาครัฐ เพื่ĂใĀšภาครัฐÿามารถเขšามา ÿŠงเÿริมคüามเปŨนธรรมในระดับÿถานประกĂบการ และกำĀนดแนüทางปฏิบัติในระดับ ĂุตÿาĀกรรมผŠานรูปแบบการปรึกþาĀารืĂ การรŠüมเจรจาตŠĂรĂง การเÿนĂแนะแนüทาง และการระงับขšĂพิพาท ดังนั้นระบบไตรภาคีจึงเปŨนระบบที่ภาครัฐมีคüามÿำคัญĂยŠางยิ่ง ในการเขšาเจรจาและพูดคุยกับฝśายนายจšางและฝśายลูกจšาง ระบบไตรภาคีนี้จะมีประÿิทธิภาพ 30 มาตรา 91 üรรคÿาม แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ถšานายทะเบียนเĀ็นüŠา ไมŠĂาจรับจดทะเบียนไดšเนื่Ăงจาก üัตถุที่ประÿงคŤขัดตŠĂคüามÿงบเรียบรšĂยขĂงประชาชน ใĀšนายทะเบียนมีคำÿั่งไมŠรับจดทะเบียน และแจšงคำÿั่งไมŠรับจดทะเบียน พรšĂมดšüยเĀตุผลที่ไมŠรับจดทะเบียนไปยังผูšขĂจดทะเบียนโดยมิชักชšา 31 มาตรา 42 แĀŠงพระราชบัญญัติรัฐüิÿาĀกิจÿัมพันธŤ พ.ý. 2543 ÿĀภาพแรงงานจะตั้งขึ้นไดšตšĂงมีÿมาชิกไมŠนšĂยกüŠารšĂยละยี่ÿิบ ĀšาขĂงลูกจšางทั้งĀมด แตŠไมŠรüมถึงลูกจšางซึ่งทำงานĂันมีลักþณะเปŨนครั้งคราü เปŨนการจร เปŨนไปตามฤดูกาล ĀรืĂเปŨนงานตาม โครงการ ตšĂงมีขšĂบังคับและตšĂงจดทะเบียนตŠĂนายทะเบียน และเมื่Ăไดšจดทะเบียนแลšü ใĀšÿĀภาะแรงงานเปŨนนิติบุคคล 32 กระทรüงแรงงาน, ĀนังÿืĂÿถิติแรงงานประจำปŘ 2565 33 üุฒิชัน ธนาüุฒิ, ผลกระทบขĂงการแยกĂงคŤกรแรงงานรัฐüิÿาĀกิจĂĂกจากพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ, üิทยานิพนธŤ นิติýาÿตรŤมĀาบัณฑิต, นิติýาÿตรŤ, มĀาüิทยาลัยรามคำแĀง เขšาถึงไดšที่ http://nlrc.mol.go.th/research/GBUPZa1.pdf
18 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ÿูงÿุดไดšนั้น ภาครัฐจะตšĂงมีคุณÿมบัติในการเปŨนกลางที่แทšจริง ยึดĀลักแนüคิดประชาธิปไตย และĀลักÿิทธิมนุþยชน และมีเÿถียรภาพทางการเมืĂง แตŠเมื่ĂพิจารณาถึงÿภาพการเมืĂงไทย ในปŦจจุบันพบüŠา ภาครัฐยังขาดการเคารพÿิทธิแรงงานĂยูŠพĂคüร ดังเชŠนในกรณีที่ÿĀภาพ แรงงานซันโคโกเซ ประเทýไทย มาชุมนุมที่Āนšากระทรüงแรงงาน และกระทรüงแรงงานĂšางüŠา ไมŠÿามารถชุมนุมไดš เพราะผิดพระราชบัญญัติการชุมนุมÿาธารณะ พ.ý. 2558 ทั้งที่ÿĀภาพแรงงาน ĂาýัยĂำนาจการชุมนุมตามกฎĀมาย34 จากกรณีตัüĂยŠางนี้แÿดงใĀšเĀ็นüŠา ภาครัฐซึ่งคüรทำĀนšาที่ เปŨนกลไกในการรับฟŦงและĀารืĂรŠüมกับนายจšางและลูกจšาง กลับกระทำการกีดกันลูกจšางĂĂกไป จากระบบไตรภาคีเÿียเĂง ÿŠงผลใĀšระบบแรงงานÿัมพันธŤขาดประÿิทธิภาพดังที่คüรจะเปŨน การที่ภาครัฐจะดำเนินการตามระบบไตรภาคีไดšนั้นตšĂงดำเนินการผŠานĂงคŤการไตรภาคี ซึ่งเปŨนĀนŠüยงานขĂงรัฐที่ทำĀนšาที่เปŨนผูšแทนรัฐในการรŠüมเจรจาและพูดคุยกับฝśายนายจšาง และฝśายลูกจšาง ซึ่งĂงคŤการไตรภาคีในประเทýไทยมีĀลายĂงคŤการ แตŠละĂงคŤการทำĀนšาที่ แตกตŠางกันไปตามลักþณะการดำเนินงานและคüามเชี่ยüชาญ เชŠน คณะกรรมการแรงงาน ÿัมพันธŤ(ครÿ.) เปŨนĂงคŤการไตรภาคีซึ่งจัดตั้งขึ้นตามĂำนาจขĂงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 เปŨนĂงคŤการที่มีบทบาทÿำคัญยิ่งตŠĂระบบไตรภาคี เนื่ĂงจากมีĂำนาจĀนšาที่ใน การüินิจฉัยระงับขšĂพิพาทระĀüŠางฝśายนายจšางและลูกจšางในกิจการตามมาตรา 2335 มีĂำนาจ 34 บุญยรัตนŤ กาญจนดิþฐŤ, แรงงานĂšาง กฎĀมายชุมนุมÿาธารณะกระทบÿิทธิแรงงานÿัมพันธŤ, Voice Labour. เขšาถึงไดšที่ https://voicelabour.org/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0% B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87- %E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0 %B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1/ 35 มาตรา 23 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 เมื่ĂมีขšĂพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไมŠไดšในกิจการ ดังตŠĂไปนี้ (1) การรถไฟ (2) การทŠาเรืĂ (3) การโทรýัพทŤĀรืĂการโทรคมนาคม การผลิตĀรืĂการจำĀนŠายพลังงาน ĀรืĂกระแÿไฟฟŜาแกŠประชาชน (4) การประปา (5) การผลิตĀรืĂการกลั่นน้ำมันเชื้Ăเพลิง (6) กิจการโรงพยาบาลĀรืĂกิจการÿถานพยาบาล (7) กิจการĂื่นตามที่กำĀนดในกฎกระทรüง
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 19 ในการüินิจฉัยชี้ขาดคำรšĂงเกี่ยüกับการกระทำĂันไมŠเปŨนธรรม36 เชŠน การเลิกจšางโดยไมŠเปŨนธรรม การขัดขüางและเขšาแทรกแซงÿĀภาพแรงงานขĂงนายจšาง37 การบังคับใĀšลูกจšางเปŨนÿมาชิก ÿĀภาพแรงงานĀรืĂĂĂกจากการเปŨนÿมาชิก38 และการที่นายจšางเลิกจšางในระĀüŠางที่ขšĂตกลง เกี่ยüกับÿภาพการจšางĀรืĂคำชี้ขาดมีผลบังคับใชš39 ทั้งมีĂำนาจÿั่งใĀšนายจšางรับลูกจšางกลับเขšา ทำงาน ĀรืĂใĀšจŠายคŠาเÿียĀายในกรณีที่พบการกระทำĂันไมŠเปŨนธรรม นĂกจากนี้ยังมีĂำนาจ 36 มาตรา 124 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 เมื่ĂมีการฝśาฝŚนมาตรา 121 มาตรา 122 ĀรืĂมาตรา 123 ผูšเÿียĀายเนื่ĂงจากการฝśาฝŚนĂาจยื่นคำรšĂงกลŠาüĀาผูšฝśาฝŚนตŠĂคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤไดšภายในĀกÿิบüันนับแตŠüันที่มีการ ฝśาฝŚน 37 มาตรา 121 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ĀšามมิใĀšนายจšาง (1) เลิกจšาง ĀรืĂกระทำการใด ๆ ĂันĂาจเปŨนผลใĀšลูกจšาง ผูšแทนลูกจšาง กรรมการÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂกรรมการÿĀพันธŤ แรงงาน ไมŠÿามารถทนทำงานĂยูŠตŠĂไปไดšเพราะเĀตุที่ลูกจšาง ĀรืĂÿĀภาพแรงงานไดšนัดชุมนุม ทำคำรšĂง ยื่นขšĂ เรียกรšĂง เจรจา ĀรืĂดำเนินการฟŜĂงรšĂง ĀรืĂเปŨนพยานĀรืĂใĀšĀลักฐานตŠĂพนักงานเจšาĀนšาที่ตามกฎĀมายüŠาดšüยการ คุšมครĂงแรงงานĀรืĂนายทะเบียน พนักงานประนĂมขšĂพิพาทแรงงาน ผูšชี้ขาดขšĂพิพาทแรงงาน ĀรืĂกรรมการแรงงาน ÿัมพันธŤ ตามพระราชบัญญัตินี้ ĀรืĂตŠĂýาลแรงงาน ĀรืĂเพราะเĀตุที่ลูกจšาง ĀรืĂÿĀภาพแรงงานกำลังจะกระทำการ ดังกลŠาü (2) เลิกจšางĀรืĂกระทำการใด ๆ ĂันĂาจเปŨนผลใĀšลูกจšางไมŠÿามารถทนทำงานĂยูŠตŠĂไปไดšเพราะเĀตุที่ลูกจšางนั้นเปŨน ÿมาชิกขĂงÿĀภาพแรงงาน (3) ขัดขüางในการที่ลูกจšางเปŨนÿมาชิกĀรืĂใĀšลูกจšางĂĂกจากการเปŨนÿมาชิกขĂงÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂใĀš ĀรืĂตกลงจะใĀš เงิน ĀรืĂทรัพยŤÿินแกŠลูกจšางĀรืĂเจšาĀนšาที่ขĂงÿĀภาพแรงงานเพื่ĂมิใĀšÿมัครĀรืĂรับÿมัครลูกจšางเปŨนÿมาชิก ĀรืĂ เพื่ĂใĀšĂĂกจากการเปŨนÿมาชิกขĂงÿĀภาพแรงงาน (4) ขัดขüางการดำเนินการขĂงÿĀภาพแรงงานĀรืĂÿĀพันธŤแรงงาน ĀรืĂขัดขüางการใชšÿิทธิขĂงลูกจšางในการเปŨนÿมาชิก ÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂ (5) เขšาแทรกแซงในการดำเนินการขĂงÿĀภาพแรงงานĀรืĂÿĀพันธŤแรงงานโดยไมŠมีĂำนาจโดยชĂบดšüยกฎĀมาย 38 มาตรา 122 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ĀšามมิใĀšผูšใด (1) บังคับ ĀรืĂขูŠเข็ญโดยทางตรง ĀรืĂทางĂšĂม ใĀšลูกจšางตšĂงเปŨนÿมาชิกÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂตšĂงĂĂกจากการเปŨน ÿมาชิกÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂ (2) กระทำการใด ๆ ĂันĂาจเปŨนผลใĀšนายจšางฝśาฝŚนมาตรา ๑๒๑ 39 มาตรา 123 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ในระĀüŠางที่ขšĂตกลงเกี่ยüกับÿภาพการจšางĀรืĂคำชี้ขาดมีผลใชš บังคับ ĀšามมิใĀšนายจšางเลิกจšางลูกจšาง ผูšแทนลูกจšาง กรรมการ Ăนุกรรมการ ĀรืĂÿมาชิกÿĀภาพแรงงาน ĀรืĂกรรมการ ĀรืĂ ĂนุกรรมการÿĀพันธŤแรงงาน ซึ่งเกี่ยüขšĂงกับขšĂเรียกรšĂง
20 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ในการชี้ขาดขšĂพิพาทแรงงานในกิจการĂื่นตามที่รัฐมนตรีรšĂงขĂ40 41 โดยคำüินิจฉัยและคำชี้ขาด ขĂง ครÿ.นี้ใĀšถืĂเปŨนที่ÿิ้นÿุดที่ทุกฝśายตšĂงปฏิบัติตาม ĀากฝśายใดฝśาฝŚน ไมŠปฏิบัติตาม ตšĂงระüาง โทþจำคุกไมŠเกินÿĂงปŘ ĀรืĂปรับไมŠเกินÿี่Āมื่นบาท ĀรืĂทั้งจำทั้งปรับ42 กรมÿüัÿดิการ และคุšมครองแรงงาน (กรÿ.) มีĂำนาจĀนšาที่ในการดำเนินการปŜĂงกันและแกšไขคüามขัดแยšง ขšĂพิพาทแรงงาน และคüามไมŠÿงบดšานแรงงาน โดยคุšมครĂงและดูแลแรงงานทั้งในและนĂก ระบบ โดยคำüินิจฉัยขĂง กรÿ.มีÿภาพบังคับ และทุกฝśายตšĂงปฏิบัติตาม ĀากฝśายใดฝśาฝŚน ĀรืĂไมŠปฏิบัติตาม ตšĂงระüางโทþ43 ÿภาที่ปรึกþาเพื่อพัฒนาแรงงานแĀŠงชาติเปŨนĂงคŤการ ไตรภาคีที่มีĂำนาจĀนšาที่ในการนำขšĂเÿนĂขĂงĀนŠüยงานตŠาง ๆ เพื่ĂใĀšเกิดการคุšมครĂงแรงงาน และมีการจัดÿüัÿดิการใĀšแกŠผูšใชšแรงงานĂยŠางเĀมาะÿม พิจารณาคüามตšĂงการขĂงผูšใชšแรงงาน เพื่ĂขจัดปŦญĀาคüามเĀลื่Ăมล้ำระĀüŠางกลุŠมผูšใชšแรงงาน Ăีกทั้งยังมีการประÿานการใĀš คüามชŠüยเĀลืĂแกŠมูลนิธิĀรืĂÿถาบันĂื่น ๆ ทั้งภายในและนĂกประเทý44 เนื่ĂงดšüยĂงคŤการไตรภาคีเปŨนฝśายปกครĂง จึงทำใĀšแนüปฏิบัติขĂงĂงคŤการไตรภาคี เปŨนไปตามนโยบายขĂงรัฐบาล มิไดšเปŨนไปเพื่ĂตšĂงการĀาแนüทางคüามรŠüมมืĂระĀüŠางนายจšาง และลูกจšางที่แทšจริง เชŠน การĀารืĂเรื่Ăงการเพิ่มคŠาแรงขั้นต่ำระĀüŠางคณะกรรมการไตรภาคี กับฝśายนายจšางและฝśายลูกจšางตšĂงเปŨนไปตามนโยบายขĂงฝśายบริĀาร มิไดšเกิดจากขšĂเรียกรšĂง 40 มาตรา 24 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 เมื่ĂมีขšĂพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไมŠไดšในกิจการใดนĂกจากกิจการ ตามมาตรา ๒๓ ถšารัฐมนตรีเĀ็นüŠาขšĂพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไมŠไดšนั้น ĂาจมีผลกระทบกระเทืĂนตŠĂเýรþฐกิจขĂงประเทýĀรืĂ คüามÿงบเรียบรšĂยขĂงประชาชน รัฐมนตรีมีĂำนาจÿั่งใĀšคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤชี้ขาดขšĂพิพาทแรงงานนั้นไดš และใĀš คณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤชี้ขาดภายในÿามÿิบüันนับแตŠüันที่รับคำÿั่ง รัฐมนตรีมีĂำนาจขยายระยะเüลาใĀšคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤชี้ขาดไดšตามที่เĀ็นÿมคüร คำชี้ขาดขĂงคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤใĀšเปŨนที่ÿุด ฝśายแจšงขšĂเรียกรšĂงและฝśายรับขšĂเรียกรšĂงตšĂงปฏิบัติตาม 41 มาตรา 35 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 ในกรณีที่รัฐมนตรีเĀ็นüŠาการปŗดงานĀรืĂการนัดĀยุดงานนั้น Ăาจ ทำใĀšเกิดคüามเÿียĀายแกŠเýรþฐกิจขĂงประเทý ĀรืĂĂาจกŠĂใĀšเกิดคüามเดืĂดรšĂนแกŠประชาชน ĀรืĂĂาจเปŨนภัยตŠĂคüามมั่นคง ขĂงประเทý ĀรืĂĂาจขัดตŠĂคüามÿงบเรียบรšĂยขĂงประชาชน ใĀšรัฐมนตรีมีĂำนาจ ดังตŠĂไปนี้ (4) ÿั่งใĀšคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤดำเนินการชี้ขาดขšĂพิพาทแรงงาน 42 มาตรา 132 แĀŠงพระราชบัญญัติแรงงานÿัมพันธŤ พ.ý. 2518 นายจšาง ลูกจšาง ÿมาคมนายจšาง ÿĀภาพแรงงาน ÿĀพันธŤ นายจšาง ĀรืĂÿĀพันธŤแรงงานใด ฝśาฝŚนĀรืĂไมŠปฏิบัติตามคำüินิจฉัยขĂงคณะกรรมการแรงงานÿัมพันธŤĀรืĂคำüินิจฉัยĂุทธรณŤ ขĂงรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๓ ตšĂงระüางโทþจำคุกไมŠเกินÿĂงปŘ ĀรืĂปรับไมŠเกินÿี่Āมื่นบาท ĀรืĂทั้งจำทั้งปรับ 43 กฎกระทรüงแบŠงÿŠüนราชการกรมÿüัÿดิการและคุšมครĂงแรงงาน กระทรüงแรงงาน พ.ý. 2559 44 คำÿั่งขĂงคณะปฏิรูปการปกครĂงแผŠนดิน ฉบับที่ 47
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 21 ขĂงทั้งÿĂงฝśายจริง ๆ จึงทำใĀšเกิดปŦญĀาüŠา ĂงคŤการไตรภาคีมิไดšดำเนินการเพื่ĂประโยชนŤ ขĂงแรงงานÿัมพันธŤĂยŠางแทšจริง Ăีกทั้งĂงคŤการไตรภาคีÿŠüนใĀญŠมุŠงเนšนไปที่การระงับ คüามขัดแยšงมากกüŠาการÿŠงเÿริมการปรึกþาĀารืĂและการรŠüมเจรจาตŠĂรĂง45 เพราะตšĂงการใĀš ĂิÿระแกŠฝśายนายจšางและฝśายลูกจšางในการพูดคุยมากที่ÿุด จนทำใĀšĂงคŤการไตรภาคีไมŠÿามารถ ดำเนินการเพื่ĂบรรลุเปŜาประÿงคŤขĂงระบบไตรภาคีไดšĂยŠางแทšจริง 4.3 การนำระบบพĀุภาคีมาปรับใชšในการแรงงานÿัมพันธŤประเทýไทย เนื่Ăงดšüยÿภาพÿังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะĂยŠางยิ่งภายĀลังกระแÿโลกาภิüัตนŤ ซึ่งทำใĀšการติดตŠĂÿื่Ăÿารและแลกเปลี่ยนคüามรูšเปŨนไปไดšงŠายยิ่งขึ้น จึงทำใĀšเกิดการเคลื่Ăนยšาย แรงงานเÿรี เกิดคüามรŠüมมืĂระĀüŠางรัฐมากขึ้น เกิดĀลักการÿากลตŠาง ๆ และเกิดĂงคŤการ ภาคเĂกชนขึ้นมากมาย จึงทำใĀšกลไกการเจรจาทางÿังคมแบบทüิภาคีและไตรภาคีไมŠĂาจ ตĂบÿนĂงตŠĂคüามเปลี่ยนแปลงไปขĂงÿังคมที่ขยายตัüใĀญŠขึ้นไดšĂีก ดšüยเĀตุนี้ประเทýไทยจึงไดš เริ่มนำระบบพĀุภาคีมาใชšในระบบแรงงานÿัมพันธŤ เชŠน การจัดทำบันทึกคüามเขšาใจüŠาดšüย การจšางแรงงานระĀüŠางรัฐ (Memorandum of Understanding: MOU) เรื่Ăงการจšางแรงงาน ตŠางดšาüโดยüิธีนำเขšาแรงงานĂยูŠĂยŠางถูกกฎĀมายระĀüŠาง 4 ประเทý ไดšแกŠ เมียนมารŤ ลาü เüียดนาม และกัมพูชา เพื่ĂใĀšเกิดการดึงดูดแรงงานตŠางดšาüเขšามาทำงานในประเทýไทย และลดปŦญĀาการลักลĂบเขšาเมืĂงโดยผิดกฎĀมาย46 ĂงคŤการพĀุภาคีที่ÿำคัญÿามารถแบŠงĂĂกไดšเปŨน 3 ประเภท ไดšแกŠ องคŤการภาคประชาÿังคม (Civil Society Organization: CSO) Ăาทิ มูลนิธิĂารมณŤ พงýŤพงัน ซึ่งทำĀนšาที่ตŠĂÿูšเพื่Ăÿิทธิ แรงงาน ใĀšคüามชŠüยเĀลืĂดšานกฎĀมายและÿüัÿดิการแกŠผูšใชšแรงงาน47 และมูลนิธิเพื่Ăÿิทธิ แรงงาน (MWRM) ซึ่งทำĀนšาที่ชŠüยเĀลืĂแรงงานขšามชาติใĀšÿามารถเขšาถึงÿิทธิแรงงาน เขšาถึง กระบüนการยุติธรรม เผยแพรŠคüามรูšดšานกฎĀมายแรงงาน ÿŠงเÿริมใĀšแรงงานÿามารถรüมกัน 45 โชคชัย ÿุทธาเüý, การปฏิรูปการแรงงานÿัมพันธŤไทย: การจัดการระบบทüิภาคี ไตรภาคี และพĀุภาคี ณ ระดับชาติ ระดับกลาง และระดับÿถานประกĂบการ, คณะÿังคมýาÿตรŤและมนุþยýาÿตรŤ มĀาüิทยาลัยมĀิดล เขšาถึงไดšที่ https://tdri.or.th/wpcontent/uploads/2013/07/YE2005_4_03.pdf 46 ÿิริโฉม พรĀมโฉม, การจšางแรงงานตŠางดšาüโดยüิธีนำเขšาแรงงานĂยŠางถูกตšĂงตามกฎĀมายภายใตšบันทึกคüามเขšาใจüŠาดšüยการ จšางแรงงานระĀüŠางรัฐ, จุลนิติ พ.ค.-มิ.ย. 59 เขšาถึงไดšที่ https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/272/files/SŠub_Jun/12know/k128.pdf 47 üัตถุประÿงคŤมูลนิธิฯ, มูลนิธิĂารมณŤ พงýŤพงัน เขšาถึงไดšที่ https://aromfoundation.org/about/objective/
22 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ เพื่ĂใĀšเกิดการเจรจาตŠĂรĂง และชŠüยเĀลืĂการÿรšางแกนนำในกลุŠมลูกจšาง48 องคŤการระĀüŠาง ประเทý (International Organization) เชŠน ĂงคŤการแรงงานระĀüŠางประเทý (ILO) ÿมาคม Ăาเซียน (ASEAN) ÿำนักงานขšาĀลüงใĀญŠผูšลี้ภัยแĀŠงÿĀประชาชาติ (UNHCR) ÿมาพันธŤÿĀภาพ แรงงานÿากล (ITUC) ÿĀพันธŤแรงงานขนÿŠงระĀüŠางประเทý (ITF) และĂินดัÿทรีĂĂลลŤ โกลบĂล ยูเนียน (IndustriALL Global Union) และตŠางประเทý เชŠน คüามรŠüมมืĂระĀüŠางประเทý 5. ขšอเÿนอแนะในการÿŠงเÿริมระบบพĀุภาคีในประเทýไทย ถึงจะมีการนำระบบพĀุภาคีเขšามาใชšในประเทýไทย แตŠในปŦจจุบันยังคงĂยูŠในขั้นตĂน เริ่มตšน และยังไมŠแพรŠĀลายเปŨนการทั่üไป ผูšเขียนจึงมีคüามประÿงคŤในการเÿนĂแนü ทาง การÿŠงเÿริมระบบพĀุภาคีดังนี้ 1) การนำระบบพĀุภาคีมายกระดับคüามแข็งแรงของฝśายลูกจšาง ถึงแมšĀลักการขĂงระบบไตรภาคีจะมีการนำภาครัฐเขšามาเพื่Ăเพิ่มĂำนาจใĀšแกŠลูกจšาง ในการเจรจาตŠĂรĂงและปรึกþาĀารืĂกับนายจšาง แตŠในบางครั้งกลับกลายเปŨนภาครัฐเÿียเĂง ที่เขšาไปเพิ่มĂำนาจใĀšนายจšางใĀšมากขึ้นทüีคูณเขšาไปĂีก เชŠน ภาครัฐมักขัดขüางÿĀภาพแรงงาน มิใĀšมีการชุมนุมเพื่ĂเรียกรšĂงขšĂเÿนĂตŠาง ๆ ตŠĂนายจšาง โดยมีการใชšพระราชบัญญัติชุมนุม ÿาธารณะ พ.ý. 2558 มาเปŨนขšĂĂšางในการÿลายการชุมนุม ทำใĀšเปŨนการยากตŠĂÿĀภาพแรงงาน ในการเรียกรšĂงขšĂเÿนĂตŠĂนายจšาง49 ĂันนำไปÿูŠคüามไมŠเปŨนธรรมระĀüŠางนายจšางและลูกจšาง เนื่ĂงจากüัตถุประÿงคŤĀลักขĂงĂงคŤการพĀุภาคีคืĂการÿŠงเÿริมÿิทธิมนุþยชนและÿŠงเÿริม ÿิทธิแรงงาน ประกĂบกับĂงคŤการพĀุภาคียŠĂมมีคüามรูšดšานกฎĀมายและคüามÿามารถ ในการตŠĂรĂงและเจรจามากกüŠาลูกจšาง ดังนั้นĂงคŤการพĀุภาคีจึงคüรมีบทบาทที่ÿำคัญ ในการเจรจาทางÿังคม กลŠาüคืĂเปŨนผูšชŠüยÿŠงเÿริมลูกจšางผŠานการใĀšคำปรึกþา และชŠüยเĀลืĂ ใĀšลูกจšางมีĂำนาจในการตŠĂรĂงและปรึกþาĀารืĂกับนายจšางมากยิ่งขึ้นเÿมืĂนเปŨนĀนึ่งใน ฝśายลูกจšาง นĂกจากนี้ĂงคŤการ ยังคüรมีĀนšาที่ย้ำเตืĂนและเปŨนที่ปรึกþาใĀšนายจšางไมŠกระทำการ ĂันละเมิดÿิทธิขĂงลูกจšาง และไมŠกระทำการĂันไมŠเปŨนธรรมĂื่น ๆ ĂงคŤการพĀุภาคีจึงเปŨนĂงคŤการ 48 ทุกพื้นที่มีเรื่ĂงเลŠา มูลนิธิเพื่Ăÿิทธิแรงงาน (MWRM), มูลนิธิĂาÿาÿมัครเพื่ĂÿังคมและเครืĂขŠาย เขšาถึงไดšที่ https://thaivolunteer.org/mwrm/ 49 Ăšางแลšüใน 34
ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์| 23 ที่ÿำคัญในการÿนับÿนุนและผลักดันใĀšเกิดคüามเขšาใจซึ่งกันและกันระĀüŠางนายจšางและลูกจšาง ĂันจะนำไปÿูŠüิÿัยทัýนŤรŠüมกันขĂงทั้งÿĂงฝśาย50 ในกรณีที่ลูกจšางในÿถานประกĂบการไมŠไดšมีการรüมกลุŠมกันเปŨนÿĀภาพ และลูกจšาง ประกĂบĂาชีพĂิÿระ ĀรืĂเปŨนแรงงานนĂกระบบซึ่งไมŠÿามารถจัดตั้งÿĀภาพแรงงานไดš ตามกฎĀมาย เปŨนเĀตุใĀšลูกจšางเĀลŠานี้เÿียเปรียบตŠĂนายจšางเปŨนĂันมาก มักถูกเĂารัดเĂาเปรียบ ĂยูŠบŠĂย ๆ เนื่Ăงจากการที่ไมŠÿามารถรüมกลุŠมกันไดšนี้ยŠĂมทำใĀšขาดĂำนาจการตŠĂรĂงกับนายจšาง Ăีกทั้งการที่ลูกจšางไมŠไดšมีการรüมกลุŠมเปŨนÿĀภาพแรงงานตามกฎĀมายจึงยŠĂมขาดคüามคุšมครĂง ทางกฎĀมาย ดังนั้นการมีĂงคŤการพĀุภาคีเขšามาเปŨนกลไกÿำคัญจึงเปรียบเÿมืĂนเปŨนตัüชŠüย ลูกจšางในการดำเนินการแทน กŠĂใĀšเกิดการรüมกลุŠมลูกจšางไดšงŠายยิ่งขึ้น และยังตšĂงมีทำĀนšาที่ ใĀšคำปรึกþาแกŠลูกจšางในดšานกฎĀมายและการดำเนินกระบüนการตŠาง ๆ เปรียบเÿมืĂนเปŨน ที่ปรึกþาทางกฎĀมายขĂงลูกจšางโดยปริยาย ใĀšลูกจšางÿามารถดำเนินการตŠĂรĂงกับนายจšางไดš โดยที่ไมŠขัดตŠĂกฎĀมาย และไมŠถูกนายจšางเĂากฎĀมายมาปŗดปาก 2) การนำระบบพĀุภาคีเขšามาÿรšางคüามมั่นคงในระบบแรงงานÿัมพันธŤ บŠĂยครั้งที่ประเทýไทยขาดเÿถียรภาพทางการเมืĂงĂันเนื่ĂงมาจากคüามไมŠÿงบ ทางการเมืĂงและการรัฐประĀาร จนภาครัฐไมŠÿามารถดำเนินนโยบายดšานแรงงานÿัมพันธŤ ตามระบบไตรภาคีไดšĂยŠางตŠĂเนื่Ăง และไมŠÿามารถคุšมครĂงÿิทธิแรงงานเทŠาที่คüร ดšüยเĀตุนี้ การนำĂงคŤการพĀุภาคีมาเปŨนเครื่ĂงมืĂในระบบพĀุภาคียŠĂมชŠüยÿŠงเÿริมคüามตŠĂเนื่ĂงขĂงระบบ แรงงานÿัมพันธŤในชŠüงที่รัฐขาดเÿถียรภาพ เนื่ĂงจากĂงคŤการเĀลŠานี้เปŨนĂงคŤการเĂกชนที่มีĂิÿระ ในการทำงาน ไมŠไดšขึ้นĂยูŠกับÿภาพการณŤทางการเมืĂงที่เปลี่ยนแปลง จึงÿามารถเขšามา ĂุดชŠĂงüŠางในกรณีที่เกิดÿุญญากาýทางการเมืĂงไดš Ăีกทั้งĂงคŤการพĀุภาคีในประเทýไทย มีคüามเชี่ยüชาญที่ĀลากĀลาย ÿามารถเขšามาเปŨนเครื่ĂงมืĂÿำคัญในกลไกการเจรจาทางÿังคม เพื่ĂใĀšเกิดการรŠüมเจรจาตŠĂรĂง ปรึกþาĀารืĂ และระงับขšĂพิพาทไดš ĂันจะÿŠงผลใĀšระบบ แรงงานÿัมพันธŤไทยÿามารถดำเนินการไดšĂยŠางมีประÿิทธิภาพ 3) ระบบพĀุภาคีÿามารถขยายคüามรŠüมมือไปในระดับนานาชาติและประชาคมโลก ไดš 50 Multi-stakeholder partnerships (MSPs), International Labour Organization เขšาถึงไดšที่ https://www.ilo.org/pardev/partnerships/other-global/lang--en/index.htm
24 | ĀนังÿืĂรพีพัฒนýักดิ์ ĂงคŤการพĀุภาคีไมŠจำเปŨนüŠาจะตšĂงจำกัดเพียงĂงคŤการภายในประเทýเทŠานั้น แตŠยังขยายรüมไปถึงĂงคŤการในระดับนานาชาติ ĀรืĂคüามรŠüมมืĂระĀüŠางประเทý เพื่Ăเจรจา ĀารืĂและปรึกþาในประเด็นที่เกี่ยüขšĂงกับประชาคมโลกในประเด็นตŠาง ๆ และชŠüยเÿริมÿรšาง คüามเขšมแข็งขĂงระบบแรงงานÿัมพันธŤทั้งภายในและนĂกประเทý ถึงแมšระบบแรงงานÿัมพันธŤ ภายในประเทýจะไมŠไดšÿŠงผลตŠĂประชาคมโลกโดยตรง แตŠเนื่ĂงดšüยปŦจจัยการเคลื่Ăนยšายแรงงาน เÿรีในปŦจจุบัน ทำใĀšแรงงานในประเทýĀนึ่งเคลื่ĂนยšายไปประกĂบĂาชีพĂีกประเทýĀนึ่งไดšงŠาย ขึ้น รัฐจึงตšĂงคุšมครĂงประชาชนขĂงตน แมšüŠาผูšนั้นจะไปประกĂบĂาชีพĂยูŠรัฐĂื่น และรัฐก็ตšĂงใĀš คüามคุšมครĂงแกŠแรงงานตŠางชาติที่เขšามาประกĂบĂาชีพในประเทýไทย เพื่ĂใĀšเปŨนไปตาม ĀลักÿิทธิมนุþยชนและĂนุÿัญญา ILO ฉบับที่ 97 üŠาดšüยการĂพยพเพื่ĂĀางานทำ ค.ý. 1949 แนüทางในการÿŠงเÿริมระบบพĀุภาคี เพื่ĂใĀšÿามารถดำเนินการที่กลŠาüถึงมาขšางตšนนี้ ดังนี้ ประการแรก การบัญญัติĀลักเกณฑŤทางกฎĀมายที่เปŗดโĂกาÿใĀšนำĂงคŤการพĀุภาคี มาเปŨนĂีกĀนึ่งฝśายในการรŠüมปรึกþาĀารืĂ เจรจาตŠĂรĂง และระงับขšĂพิพาทรŠüมกับฝśายรัฐบาล เพื่ĂใĀšเกิดการคุšมครĂงĂงคŤการพĀุภาคีที่เขšารŠüม เนื่ĂงจากการไมŠมีบทบัญญัติคุšมครĂงĂงคŤการ พĀุภาคี จึงยŠĂมÿŠงผลใĀšถูกคูŠกรณีĂีกฝśายนำกฎĀมายตŠาง ๆ เชŠน กฎĀมายĂาญา กฎĀมายละเมิด มาปŗดปากไมŠใĀšĂงคŤการเĀลŠานี้แÿดงคüามคิดเĀ็น ดังเชŠนกรณีบริþัทฟารŤมไกŠฟŜĂงĀมิ่นประมาท ดšüยการโฆþณานักüิชาการและนักÿิทธิมนุþยชนที่แÿดงคüามเĀ็นเกี่ยüกับการละเมิดÿิทธิ แรงงานขšามชาติ แมšทšายที่ÿุดýาลไดšมีคำÿั่งยกฟŜĂงเพื่ĂคุšมครĂงÿิทธิเÿรีภาพในการแÿดง คüามคิดเĀ็น แตŠกüŠาคดีนี้จะÿิ้นÿุดก็กินเüลาถึง 4 ปŘ51 การกระทำขĂงฝśายนายจšางเชŠนนี้ĂาจทำใĀš ĂงคŤการพĀุภาคีเกิดคüามกลัüในการจะเขšาไปชŠüยเĀลืĂลูกจšาง ดšüยเĀตุนี้จึงคüรมีการบัญญัติ กฎĀมายที่จะคุšมครĂงและเพิ่มคüามชĂบธรรมแกŠĂงคŤการพĀุภาคี เพื่ĂÿŠงเÿริมระบบแรงงาน ÿัมพันธŤ 51 ประชาไท, "ยกฟŜĂง" คดีฟารŤมไกŠธรรมเกþตร ฟŜĂง 3 นักÿิทธิฯ ขšĂĀาĀมิ่นประมาท โพÿตŤกรณีÿิทธิแรงงานตŠางชาติ เขšาถึงไดšที่ https://prachatai.com/journal/2023/08/105675