The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อการพัฒนากฎหมาย (กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองกฎหมาย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dr.parinya.dsi, 2023-01-10 22:16:12

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อการพัฒนากฎหมาย (กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองกฎหมาย)

Keywords: คดีพิเศษ, กันไว้เป็นพยาน, การสืบสวนสอบสวน

271

ทั้งน้ันต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ท่ีเหมาะสมและท่ีถูกต้อง สาหรับเรื่องการกาหนดแนวทางการกันตัว
ผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษจะสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวน
สอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ในกองเองก็เคยมีการถกเถียงและความคิดเห็น
ที่หลากหลาย มันอาจจะไม่ได้เพ่ิมประสิทธิภาพแต่เพ่ิมภาระให้พนักงานสอบสวนมากกว่า บางท่าน
ก็คานึงถึงช่องทางทุจริต หรือการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบได้หรือไม่ บางท่านอาจจะมองว่ากระทบ
ถึงความเช่ือม่ันของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะเราทาคดียาก เราควรจะใส่ความพยายามให้เต็มท่ี
มากกว่าการท่ีจะเอาผู้ต้องหาในคดมี าเป็นพยาน อันน้ีเป็นความเห็นของกองนะครับ หากมีการกาหนด
แนวทางท่ีเหมาะสมก็สามารถที่จะเพ่ิมประสิทธิภาพได้ ขออนุญาตเทียบเคียงกับ ป.ป.ช. กฎหมาย
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตก็มีการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานอยู่ด้วยแล้ว ในชั้นนี้
จงึ มีความเห็นว่าควรให้การสนับสนุนหากมีการออกหลักเกณฑก์ ารวางเงอ่ื นไข ท่ีถกู ต้องและเหมาะสม

สาหรับมาตรการที่จะกากับ/ตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการกันผู้ต้องหาหรือ
ผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ ขออนุญาตเทียบเคียงกับกฎหมายของ ป.ป.ช. มีประกาศ
การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรอ่ื ง หลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขในการกันบุคคลไว้
เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดี ของ ป.ป.ช. บอกว่าให้คณะกรรมการเสนอความเห็นไปยัง ป.ป.ช. หากจะ
เทียบเคียงกบั กฎหมาย ป.ป.ช. การทจ่ี ะมคี ณะกรรมการคณะใดคณะหนง่ึ พจิ ารณาตรงน้ี มองวา่ ควรจะ
เป็น กคพ. หรือ อนุ กคพ. หากเป็นคณะกรรมการที่ตั้งโดยภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษเกรงว่าอาจจะ
ถกู โตแ้ ยง้ วา่ อาจจะถูกตรวจสอบ ถ่วงดุลอย่างไร กเ็ ปน็ ขอ้ เสนอว่าน่าจะเป็น กคพ. หรือ อนุ กคพ. เป็น
อย่างน้อย โดยวิธีการดังกล่าวจะมีผลดี คือ การเข้าถึงตัวการในคดีสาคัญที่มีความยุ่งยากซับซ้อน
ทีต่ ัวการสาคัญมีอิทธิพล เงิน เข้าถึงยาก มอี านาจในการส่ังการต่าง ๆ รวมถงึ การเขา้ ถึงข้อมูลหลักฐาน
ต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลภายในของบริษัท ในส่วนของผลเสียก็มีเหมือนกัน คือ 1. มีความสุ่มเสี่ยงท่ีจะกลับ
คาให้การ 2. สุ่มเส่ียงท่ีจะเป็นการจูงใจหรือไม่ อาจจะต้องเปิดผลึกภายใต้มาตรา 226/1 ประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่ จึงเป็นท่ีน่าสังเกต ประเด็นท่ีสาคัญอีกประการหนึ่งคือ ใน
ภาวะที่มีผ้ตู อ้ งหาหลายคน และแต่ละคนก็ตอ้ งเอาตัวรอด คนทใ่ี ห้ขอ้ มลู กบั พนักงานสอบสวนนัน้ รู้เร่ือง
จริงหรือไม่ คาให้การเขาจะเป็นประโยชน์ต่อการกันตัวหรือไม่ อีกประการหน่ึงเค้าให้การโดยเต็มใจ
หรือไม่ ประเดน็ เหล่านต้ี ้องพงึ ระวงั ในการใชว้ ิธีการกนั ไวเ้ ป็นพยาน

5.1.3.20 ผูร้ ว่ มประชุมคนท่ี 20
ในปี 2555 มีคดีที่มีการร้องเรียนฮ้ัวประมูลที่จังหวัดหน่ึง ผู้บังคับบัญชา

ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนแฝงตัวเข้าไปตามมาตรา 27 ดาเนินการตามข้ันตอนที่กาหนด
จัดทาเอกสารและอ่ืน ๆ ตามที่กฎหมายกาหนด ได้ข้อมูลมาและนาไปสู่การขอศาลออกหมายจับ
ดาเนินคดี ปจั จบุ ันผู้กระทาความผิดถูกลงโทษจาคุกท้ังหมด ในเหตกุ ารณ์น้ันมี 2 อย่าง เรือ่ งของการใช้
เอกสารแฝงตวั แบบถูกต้อง และอีกส่วนก็เป็นเรอ่ื งของการกนั พยานผรู้ ่วมกระทาความผิด ผ้รู ่วมกระทา
ความผิดคือคนที่ตกลงเรื่องเงินฮวั้ 5 ราย รวมผมด้วยก็ได้รับเงินคนละหมื่น มีคนยนื่ เอกสารเสนอราคา
10 ราย และที่ตกลงรับเงินโดยไม่เสนอราคา มี 5 ราย รวมผม เราก็กันไว้ 1 รายคน เพ่ือเป็นพยาน
และอีก 3 ราย ท่ียอมรบั เงนิ ก็ดาเนินคดีไป เพราะว่าเขาฮั้วกันมานาน และคนทีเ่ ป็นเจ้าของงานฮ้ัวเป็น
คนท่ีมาจากตระกูลใหญ่ในจังหวัดหน่ึง ในปัจจุบันที่มีปัญหาคือ การประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ
e-bidding ในการรวมรวบพยานหลักฐานก็ยากลาบาก มีความซับซ้อมมากกว่าในอดีตที่ทาแบบทุก
วันนี้ไม่มีแล้ว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์เป็นเร่ืองที่ยากมาก ส่ิงที่จะใช้ได้ถ้าเอาระบบเดิม

272

กลับมาทาอย่างไรเราจะเข้าร่วมกระบวนการได้ มีวิธีการเดียวคือการแฝงตัวเพื่อเข้าไปเก็บรวบ รวม
พยานหลักฐานและแฝงตัวเพื่อทราบว่ามีใครร่วมกระบวนการบ้าง ในแต่ละงาน แต่ละโครงการจะ
ได้ให้เขาเป็นพยานได้ ก็ได้มา 2 ราย เพ่ือประกอบหลักฐานอื่นก็ดาเนินการอยู่ จะมีปัญหาประมาณนี้
และมคี วามเห็นวา่ การสืบสวนสอบสวนเชิงลึกจะเพิ่มประสิทธภิ าพในการแสวงหาพยานหลักฐานได้มาก
การสืบสวนสอบสวนเชิงลึกก็จะนาไปซ่ึงการพบพยานหลักฐาน พยานบุคคลท่ีจะกันเป็นพยานได้
เราจาเปน็ ต้องใชก้ ็เป็นวิธีการอย่างหน่งึ แตก่ ็ต่อยอดการสืบสวนสอบสวนเชิงลกึ ได้

การแก้ไขกฎหมายบางอย่างของเราไม่เหมือนของสานักงานตารวจแห่งชาติ
พอมีการร้องทกุ ข์กม็ ีอานาจในการสืบสวนสอบสวน ยึด อายัด ดาเนินคดีต่าง ๆ แตข่ องเราต้องสืบสวน
ก่อนถึงจะย่ืนเป็นคดีพิเศษ ซ่ึงในช้ันสืบสวนจะเจอพยานหลักฐานต่าง ๆ แต่ไม่สามารถยึดอายัดเอามา
ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซ่ึงบางทีตรงน้ีทาให้เราไม่ทันข้อมูลท่ีจะดาเนินคดีผู้กระทาความผิด ซึ่งการ
แก้ไขเพิ่มเติมให้มีอานาจท่ชี ดั เจนมากย่ิงขน้ึ ในชนั้ สืบสวนก็จะเป็นประโยชน์ หากมกี ารกาหนดแนวทาง
การกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษจะสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการ
สืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษได้จะเป็นเร่ืองที่ดี และสามารถที่จะเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนได้ ทาให้ได้ผู้กระทาความผิดท่ีเป็นตัวการสาคัญมาลงโทษได้
แต่ต้องสืบสวนสอบเชิงลึกก่อน เพ่ือให้ได้ตัวผู้ร่วมกระทาความผิดมากันเป็นพยานได้ อีกทั้งควรให้มี
การสนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายเพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการใช้
ดุลพินิจทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ ให้มีการตรากฎหมายการกัน
ผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน เพราะสร้างความน่าเชื่อถือให้พยานท่ีถูกกัน มีการกาหนดวิธีการ ขั้นตอนคุ้มครอง
ความน่าเช่ือถือของคนที่ถูกกัน และรับรองคุ้มครองเจ้าหน้าท่ีผู้ดาเนินการกันเป็นพยานด้วย ท่ีสาคัญ
ควรจะมีการกาหนดให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล โดยให้มีการกล่ันกรองพิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการ
เพ่ือให้เกิดความน่าเชื่อถือ ถ่วงดุล กาหนดเง่ือนไขการเร่ิมต้นและการส้ินสุดของการกันเป็นพยาน

การกันผู้ต้องหาเป็นพยานมีผลดี คือ ได้พยานหลักฐานครบถ้วน ในการท่ีจะ
พสิ ูจน์ความผิดหรือความบรสิ ุทธ์ิของผู้ต้องหาอ่นื ๆ ท่ีเป็นตัวการสาคญั แต่กม็ ีผลเสีย คือ อาจจะมกี าร
ดาเนินการท่ีไม่โปร่งใส การเสียผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยวิธีการนี้ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่น
ได้รับโทษ โดยมีข้อควรระวัง/ข้อสังเกต คือ ต้องมีระบบงานท่ีน่าเช่ือถือ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญาเรื่องการคุ้มครองพยาน และมีหลายคดีที่กลับคาให้การในช้ันศาล ก็ต้องไปคิดว่า
จะทาอย่างไรให้มีการบังคับรับรองไมใ่ ห้กลับคาในชั้นศาล อย่างคดีหลายคดีในกรมเราท่ีมกี ารคุ้มครอง
พยานและก็เสียกันไปเยอะแยะกับการคุ้มครองพยานแล้วพยานกลับคาให้การ สาหรับข้อเสนออ่ืน ๆ
เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ในเรื่อง
มาตรการการกันตัวผู้ต้องหาเป็นพยาน เหมือนวธิ ีการแก้ปัญหามากกว่า ท่ีเราไม่มีพยาน หลักฐานอ่ืนท่ี
เพยี งพอ ผู้ต้องหาอื่นจะทาอยา่ งไรกันดี ต้องแก้ปัญหาโดยการกันเป็นพยาน เอาตวั เลก็ สดุ มาเป็นพยาน
ก็สามารถเพม่ิ ประสทิ ธิภาพได้ เปน็ การสืบสวนสอบสวนที่คอ่ นขา้ งไดผ้ ลพอสมควร

5.1.3.21 ผู้ร่วมประชุมคนท่ี 21
รับผิดชอบคดีพิเศษที่เกิดในพ้ืนท่ี โดยส่วนตัวเคยจะทาคดีและจะใช้การกัน

ผู้ต้องหาไว้เป็นพยานหนึ่งครั้ง โดยได้หารือกับพนักงานอัยการคดีพิเศษ พบแนวทางของพนักงาน
อัยการว่า การกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดไว้เป็นพยานจะต้องมีข้ันตอนอย่างไรบ้าง จึงไม่ได้ใช้
มาตรการนั้น เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาน้ันให้อานาจพนักงานสอบสวนตาม

273

ความเห็น 3 อย่าง 1. เห็นควรส่ังฟ้อง 2. เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง 3. งดการสอบสวน เท่านั้น การจะส่ังไม่ฟ้อง
ผู้กระทาความผิดเกรงว่าจะผิดมาตรา 157 จึงไม่ได้ใช้มาตรการน้ันไป จึงเกิดสภาพปัญหาในการ
แสวงหาพยาน หลักฐานในคดีพิเศษ ปัจจุบันคดีท่ีมาถึงมือกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นคดีแห้ง ไม่ใช่คดี
สด ด้วยความท่ีเป็นคดีแห้ง ความผิดเกิดขึ้นนาน และบางคดีส้ินสุดลงไปแล้ว พยานหลักฐานท่ีเกิดข้ึน
บางคร้ังสูญหาย ถูกทาลาย หรือเสื่อมคุณค่าในการพิสูจน์ไปหมดแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสภาพปัญหาที่
สาคัญมาก หากจะเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ มองว่าการดาเนินการ
ทาการสอบสวนให้เป็นคดีพิเศษ หรือรับเป็นคดีพิเศษ ควรจะมีขั้นตอนท่ีรวดเร็วกว่านี้ เพราะย่ิงมีความ
ล่าช้าในการรับเป็นคดีพิเศษ เช่น เราสืบสวน 3-6 เดือน ระหว่างสืบสอบเราได้แตะเนื้อผู้กระทา
ความผิด เน้ือพยานหลักฐานไปบ้างแล้ว ตัวผู้กระทาความผิด หรือองค์กรเองก็ร่วมรับรู้ว่ากาลังถูก
สอบสวนอยู่ เขาไม่รู้หรอกว่าเขาจะถูกสอบสวนหรือสืบสวน เรามีอานาจแค่ไหน การที่เขาจะทาลาย
พยานหลักฐาน หรือการไปเกลี้ยกล่อมพยานท่ีร่วมกระทาความผิดก็ง่าย การท่ีเราจะได้สิ่งท่ีเป็นคุณค่า
ในการพิสูจน์หลักฐานก็ยากข้ึน หากต้องการเพ่ิมประสิทธิภาพจริงแต่ว่าการสอบสวนที่ดี ต้องเร่ิมจาก
การวางโครงร่าง วางกรอบการสอบสวนที่ดี เราต้องรู้แผนพฤติกรรมของการกระทาความ ผิดน้ัน
ให้ชัดเจน การรู้แผนพฤติกรรมของผู้กระทาความผิด คือ การให้ผู้กระทาความผิดมาเล่าให้ฟังว่า
เรื่องราวน้ีเป็นอย่างไร ดังน้ันผู้กระทาความผิดร่วมด้วยถ้าเรากันไว้เป็นพยานเราจะได้แผนพฤติกรรม
ของการกระทาความผิดชัดเจนมาก

จากท่ีได้ดาเนินคดีมา อยากให้เกิดมาตรการการกันเป็นพยานนี้ข้ึนมาในกรม
สอบสวนคดีพิเศษ โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าพนักงานอัยการมีความเห็นระเบียบการกันตัวผู้ต้องหาไว้
เป็นพยาน ระเบียบของเขาที่ผมไปศึกษาและไปนั่งปรึกษา พบว่าสิ่งที่จะกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานได้
พนักงานสอบสวนต้องเห็นควรส่ังไม่ฟ้องไป พนักงานอัยการส่ังไม่ฟ้องตาม สุดท้ายส่งมาที่พนักงาน
สอบสวนไม่แย้ง กลับไปใหม่ถึงจะสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบบุคคลนี้เป็นพยาน นี้คือมาตรการชุบตัว
ผู้กระทาความผิดเป็นพยานได้ อัยการมีแนวทางมีรายละเอียดอยู่ แต่เราไม่มี เม่ือเป็นแบบน้ีแล้ว
จะต้องมีระยะเวลาการสอบสวนท่ีรวดเร็ว การที่จะกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน การท่ีมีระเบียบรองรับ
ผมมองว่าควรจะเป็นระเบียบ หรือกฎหมายที่เป็นระดับ พระราชบัญญัติหรือข้อบังคับ กคพ. ซ่ึ ง
ข้อบังคับ กคพ. ผูกพันหลายองค์กรเพราะ กคพ. มีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงพนักงานอัยการ
เป็นคณะกรรมการ ดังน้ัน ข้อบังคับ กคพ. หรือกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติย่อมผูกพันพนักงาน
อัยการ การกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานที่ส่งไปหาพนักงานอัยการจะเป็นเคร่ืองรับประกันว่าพยานคน
น้ันจะไม่ถูกหักหลัง หรือถูกแจ้งข้อหาในภายหลัง เกิดความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย เกิดคุณค่าในการ
สอบสวน การแสวงหาพยานหลกั ฐาน และคุ้มครองความปลอดภัยของพยาน

มขี ้อควรระวัง/ขอ้ สังเกตในการกันผูต้ ้องหาเป็นพยานคือ ตัวผ้กู ระทาความผิด
ท่ีควรกันไว้เป็นพยาน โดยลักษณะควรเป็นผู้ร่วมกระทาความผิดน้อยท่ีสุด เช่น ผู้สนับสนุนในการ
กระทาความผิด โดยอาจจะคานึงถงึ อตั ราโทษ สมมตุ ิว่าเราแจง้ ข้อหากับบุคคลน้ีโทษทีไ่ ด้รบั คือ 2 ใน 3
หรือ 1 ใน 3 เป็นต้น แต่ไม่ควรเป็นตัวการร่วม ถ้าบุคคลท่ีเป็นตัวการร่วม หลายคดีมีผู้เสียหายจะเกิด
ข้อครหา หรือสุดท้ายพนักงานสอบสวนอาจจะถูกดาเนินคดีเอง สิ่งที่เป็นข้อควรระวังอีกข้อหนึ่ง คือ
คดีอาญาท่ีทาส่วนใหญ่จะเป็นคดีท่ีมีผลในทางแพ่งเก่ียวเน่ืองคดีอาญา ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับ ส่ิงของ
ท่ีถูกเอาไป หรือชดใช้ราคาแทน ฉะนั้น ผู้ร่วมกระทาความผิดท่ีเราจะกันไว้เป็นพยานหากมีภาระหน้าท่ี
หรือเกยี่ วขอ้ ง ทีจ่ ะต้องชดใช้ราคาแทนผู้เสยี หาย ประเดน็ นี้ก็คงเป็นประเด็นสาคัญที่ในอนาคตพนกั งาน

274

สอบสวนที่กันเขาไว้เป็นพยาน แล้วไล่เบี้ยเอาในทางแพ่ง หรือชดใช้ราคาคืนไม่ได้ พนักงานสอบสวน
อาจจะมีปัญหาในทางแพ่งก็ได้ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ถูกดาเนินคดี แล้วเขาไปไล่เบี้ยเอา
ค่าเสียหายจากใครไม่ได้เลย เช่นผู้ต้องหาหลักศาลยกฟ้อง หรือศาลลงโทษแต่ไม่มีเงินคืนผู้เสียหาย
แต่ตัวผู้สนับสนุนมีเงิน ร่ารวย มาจากไหนไม่รู้ น่ีไงบุคคลนี้ถูกศาลพิพาษาว่าไม่กระทาความผิดทาให้
เข้าไล่เบ้ียไม่ได้ สุดท้ายเขาจะฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษฐานละเมิดในหน้าที่หรอื ไม่ ไม่รู้ว่าส่ิงที่เกิดใน
อนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรข้ึน แต่สิ่งท่ีควรจะกาหนดไว้ในระเบียบท่ีสร้างควรจะมีจุดเช่ือมโยงว่ากัน
ใครเป็นพยาน ควรจะเอาความเสียหายในทางแพ่งที่เขามีหน้าที่ท่ีจะต้องใช้ในอนาคตมาพิจารณาด้วย
นอกจากนี้ มีข้อเสนอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานใน
คดีพิเศษ โดยเร่ืองการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานเห็นว่าควรจะมีการต่อรองให้รับสารภาพ โดยที่
อาจจะมีแรงจูงใจให้ผู้กระทาความผิดท่ีเป็นผู้ต้องหาสารภาพ เขาควรได้รับสิทธิพิเศษอะไรที่มากกว่า
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลใช้ดุลพินิจกาหนดโทษเขา เช่น รอลงอาญา ลดโทษ
อาจจะมีเง่ือนไขท่ีทาให้เห็นว่าเมื่อเขารับสารภาพจะได้รับสิทธิพิเศษอะไรมากกว่าที่ประมวลกฎหมาย
วธิ ีพิจารณาความอาญาใหไ้ ว้

5.1.3.22 ผู้ร่วมประชุมคนที่ 22
คดีของกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ (กตท.)

มีลักษณะคล้ายทุกกองคดี ที่มีความยุ่งยากซับซ้อนในการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ของกองกิจการ
ต่างประเทศฯ จะมีประเด็นท่ีต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วม
ในอาชญากรรมข้ามชาติ ซ่ึงเป็นการกระทาความผิดท่ีมากว่า 1 รัฐ คือ เป็นการกระทาความผิด
นอกราชอาณาจักรด้วย มีผู้ร่วมกระทาความผิด หรือมีผู้ร่วมกระทาความผิดขาใดขาหน่ึงท่ีอยู่
นอกประเทศ จึงมีปัญหาในการรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างท่ีทุกท่านเรียนให้ทราบ มีทั้งคดีแห้ง
คดีสด คดีเชิงรุก คดีเชิงรับ ถ้าคดีในเชิงรุก คือ การสืบสวน สอบสวนในองค์กรอาชญากรรมท่ียังไม่มี
ผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือยังไม่มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการยากที่จะทา กองกิจการต่างประเทศฯ
เจอปัญหาน้ีเยอะมาก ตัวอย่าง คดีเกี่ยวกับการอุ้มบุญท่ีเป็นชาวต่างชาติคร่ึงหน่ึง คนไทยครึ่งหน่ึง
ซงึ่ ถ้าไมม่ ีการร้องเรียน หรือไมม่ ีใครให้ความร่วมมอื เพราะพวกเขาได้รบั ผลประโยชนจ์ ากตรงนที้ ้ังหมด
ซงึ่ จะทาอย่างไร แนวทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานจะเป็นประโยชน์สาหรับการ
ดาเนินคดีของ กตท. เพราะจะทาให้สาวถึงการกระทาความผิดภายนอกประเทศด้วย จะเพิ่มอย่างไร
นอกจากการกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดแล้ว เรื่องการต่อรองคารับสารภาพอาจจะเป็น
อีกกระบวนการหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริมการกันตัวผู้ต้องหา นอกเหนือจากการกันตัวผู้ต้องหา ต้องห้าม
ชักจูง ให้ประโยชน์ หรืออ่ืน ๆ ซึ่งกระบวนการกันเราใช้ดุลพินิจ แต่ถ้าเรามีการต่อรองคารับสารภาพ
เข้ามาเสริมด้วยน่าจะง่ายต่อการรวบรวมพยานหลักฐานถงึ ตัวการ ตัวใช้ ผู้สนบั สนุน หรือตัวการสาคัญ
ซึ่งในการกระทาดังกล่าว เราควรจะมีมาตรการหรือแนวทางที่ชัดเจน เริ่มต้ังแต่การแก้ไขกฎหมาย
ออกระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งใช้แนวทางขอระเบียบของสานักงานตารวจแห่งชาติ ซึ่งมีแล้ว และเห็นควร
สนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายเพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการใช้
ดุลพินิจทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษนั้น แต่ก็ด้วยความ
ละเอียดอ่อนของการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะว่าเบ้ืองต้นถ้าเราใช้ดุลพินิจว่าจะนาใครมากัน
เปน็ พยาน ต้องพิจารณาว่าเป็นประโยชนห์ รือไม่ใชต่ ัวการสาคญั หรือผู้ที่ร่วมอย่ใู นกระบวนการ วธิ ีการ
ดังกล่าวมีผลดี คือ พยานหลักฐานสาคัญท่ีไม่ได้หามาโดยการปกติ หรือได้มาโดยความพยายามในการ

275

สืบสวนสอบสวนอย่างเต็มความสามารถแล้ว แต่เม่ือใช้ดุลพินิจแล้วก็จะมีปัญหา ผู้ใช้ดุลพินิจหรือ
พนักงานสอบสวนท่ีได้นาเสนอ มีช่องว่างหรือข้อบกพร่องตามกฎหมายต้องศึกษา ระเบียบหรือ
ข้อบังคับท่ีจะกาหนดอีกครั้งหน่ึง ซ่ึงกฎเกณฑ์อีกอย่างหรือขั้นตอน กระบวนการจะพิจารณาจะต้อง
พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะกันตัวไว้เป็นพยานจะต้องมีการกาหนดคุณสมบัติไว้โดยละเอียด ถึงแม้ว่า
เราจะกาหนดระเบยี บหรอื กฎหมายให้ดอี ย่างไร แต่ช่องวา่ งของกฎหมายย่อมมี

ท้ังน้ี มีข้อควรระวัง โดยพยานอาจจะกลับคาให้การได้ ส่ิงท่ีจะกันตัวไว้
เป็นพยานได้ ถ้าจะเทียบเคียงกับต่างประเทศ คือ การคุ้มครองเป็นพยาน ซ่ึงเราอาจจะไม่สามารถ
เทียบเคียงมาตรฐานของต่างประเทศได้ เพราะการกันตัวพยานต่างประเทศมีอาณาเขตท่ีกว้างขวาง
มีระบบการแก้ไขข้อมูล พยานจะสาบสูญไปจากประเทศนั้น ความปลอดภัยของพยานของเขาสูง
แต่ของไทยมี 76 จังหวัด ระบบการเจาะเข้าฐานข้อมูล ความปลอดภัยของพยานเรายังมีปัญหาอยู่
การกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานบางรายเป็นพยานในคดีพิเศษ ถ้าไม่ได้รับความปลอดภัยอาจจะมีผล
ต่อการให้การในชั้นศาล จะนามาซึ่งการกลับคาให้การ ต้องระวัง พยานบุคคลเป็นเซ็นเตอร์เมื่อเรานา
เขามาเป็นพยานต้องให้ปลอดภัย การกินอยู่ เบ้ียเลี้ยง ความปลอดภัยของครอบครัว สภาพแวดล้อม
ควรจะมีการศึกษาในการรวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ หรือหน่วยงานอื่น ๆ แก้ไข
กฎหมายหรอื ออกระเบยี บท่มี ปี ระสิทธภิ าพครอบคลุม ตลอดจนมาตรการกันตวั ผู้ตอ้ งหาไวเ้ ป็นพยาน

5.1.3.23 ผรู้ ่วมประชุมคนที่ 23
สภาพปัญหาส่วนแรกจะเป็นเร่ืองสินค้าของกลาง เนื่องจากประกาศ กคพ.

ฉบบั ที่ 7 ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทาคดีความผิดเก่ียวกบั วัตถอุ ันตราย ซ่ึงมีอยู่ 4 ชนิด 1,600 กวา่ สาร
จึงมีกฎหมายให้ทาชนิดท่ี 3 และ 4 เพราะฉะน้ันก่อนจะไป (ก) – (จ) หรือมูลค่าผู้เสียหาย หากไม่
เข้าชนิดที่ 3 และ 4 ก็ไม่ใช่อานาจกรมสอบสวนคดีพิเศษ การจะเข้าเป็นคดีพิเศษก็จะมีความ
ยากลาบากในการรับของกลางมาเพ่ือตรวจพิสูจน์ เมื่อตรวจพิสูจน์จะเป็นข้ันตอนการจับเก็บของกลาง
แต่ประการสาคัญอย่างหน่ึงท่ีกองมองว่าเป็นปัญหา คือ การกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน เน่ืองจาก
กองคดีคุ้มครองผู้บริโภคมีคดีเกี่ยวกับการผลิต คือการลักลอบผลิต ถ้าเป็นบริษัทที่ถูกต้องและ
แอบทาอยู่บนดิน หรือขนเป็นตู้คอนเทนเนอร์ มีสารอยู่ข้างใน อย่างน้ีไม่ค่อยน่าห่วง แต่โดยส่วนมากท่ี
เจอจะใช้สื่อสังคมออนไลน์มาเป็นการขนส่ง มักจะเป็นการแอบทาอยู่ใต้ดิน จะอยู่ตามโกดัง บ้านเช่า
วิสาหกจิ ชุมชนที่บังหน้า หรือเปน็ บริษัทปุ๋ยนา้ ที่แอบผลิตวัตถุอันตราย ปัญหาท่ีเกิด สมมุติจะแอบผลิต
ยาฆ่าแมลง 100 ขวดสง่ ขาย คนงาน 4 คนสามารถทาได้ภายใน 1 วัน ไม่ตอ้ งใชเ้ ครื่องมือมาก ทีเ่ จอมา
4 - 5 คดี เนื่องจากนิยามบอกว่าแบ่งบรรจุตักตวง ปิดฉลาก ใส่ขวด ปิดฟอยล์ 1,000 ขวด ผลิตได้
สบายต่อวัน แต่ไม่ได้ผลิตกองไว้ โดยส่วนมากมาจากการส่ังซื้อผ่านโซเชียลก่อน ผู้ท่ีเกี่ยวข้องท่ีว่าต้อง
มาพิจารณา คือ 1. พมา่ มาช่วยผลิตไม่มีปัญหา พม่าไม่ร้ขู ้อเท็จจริง กระทาความผิดทางออ้ ม ถดั ข้ึนมา
อีกชั้นหนึ่ง คนงานคนไทยควบคุม ถัดมาเป็นพนักงานที่มีความรู้ เริ่มที่จะรู้ข้อเท็จจริงแล้วว่าสารที่คุณ
ซ้ือมาบางทีเจ้านายใหญ่ ตัวการใหญ่มอบภาระหน้าที่ไว้ เมื่อตัวการไม่มาให้คนนี้ทาแทน จริง ๆ เขา
เข้ามาเก่ียวข้องกับการผลิตแล้ว ร่วมการผลิต แต่ถ้าไม่มีคนน้ี เราไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวการใหญ่ที่แอบทา
เป็นใคร ทีนี้จะมีความยากลาบากเม่ือให้เป็นผู้ต้องหาหมดไม่มีใครที่จะยันตัวการ เรื่องน้ีเป็นเรื่องท่ีจะ
พจิ ารณาหลาย ๆ อยา่ งโดยจะใช้ความสัมพันธ์กบั ผู้ตอ้ งหา หรือการรับเงินเขาไม่มีผลตอบแทนมากกว่า
เลยกันให้เป็นพยาน ซง่ึ ก็ไมไ่ ด้มหี ลักจริง ๆ ในการพิจารณาตรงนี้กจ็ ะเป็นปัญหาท่ีกรมหรือผู้จดั ทาวิจัย
ได้นามาให้พูดคุยกันในวันน้ี หากจะหาวิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานใน

276

คดีพิเศษ ผมมองเร่ืองในการสืบพยานก่อนฟ้อง แบบน้ีเขาจะกลับบ้านแล้วเรายังไม่ฟ้องเลย ตรงน้ี
เอามาประกอบการบูรณาการกบั หน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้อง คือว่า การจดั เกบ็ การตรวจพสิ ูจน์ตรงนี้เปน็ ส่งิ ที่
ทางกองต้องทาอยู่ และสนับสนุนการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน แต่ต้องมีหลักในการพิจารณา ต้องเป็น
หลกั ทั่วไปคนท่ีจะกนั ไวเ้ ป็นพยาน คือ 1. ตอ้ งเป็นคดีท่ีสาคัญที่มีโทษระวางสงู พอควร หรือเป็นท่ีนา่ สนใจ
2. ผู้ต้องหาท่ีจะกันไว้เป็นพยานต้องไม่ใช่ตัวการสาคัญ 3. ไม่สามารถหาพยานหลักฐานอ่ืนในคดีน้ันได้
และผู้ต้องหาต้องเป็นพยานปากสาคัญท่ีสามารถยืนยันผู้กระทาความผิดจริง 4. ต้องสามารถขยายผล
เพ่ิมเติมจากคนน้ันได้ด้วย 5. ต้องให้การที่เป็นประโยชน์ต่อศาล ส่วนแนวทางการอนุมัติเห็นด้วย
กับการให้ผู้บังคับบัญชาตามลาดับชั้นเป็นผู้อนุมัติ ซึ่งวิธีการดังกล่าวมีผลดี คือ ได้ตัวการสาคัญ
คดีมีความรอบคอบ และคุ้มครองพนักงานสอบสวนด้วย ในส่วนของผลเสีย คือ การใช้ดุลพินิจ
ความเปน็ คนไทยก็จะมคี วามเอ็นดู สงสาร ความรสู้ ึกตัวเองอาจจะห้ามนามาประกอบ ซึ่งดุลพินิจตรงน้ี
เป็นเร่ืองท่ีอาจจะเป็นข้อเสยี อีกทั้งขอ้ ควรระวัง/ข้อสังเกตในการกนั ผู้ต้องหาเป็นพยาน คือ ถ้อยคาเขา
พูดเพ่ือให้พ้นโทษหรือไม่ และถ้อยคาของพนักงานสอบสวนเป็นการจูงใจหรือไม่ ต้องนามาพิจารณา
ประกอบ ท้ายท่ีสุดหากจะพูดถึงข้อเสนออ่ืน ๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและ
การแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ คงต้องเทียบเคียงการทางานของตารวจว่ามีอุปสรรคช้าเร็ว
ขนาดไหนประกอบระเบยี บของเรา

5.1.3.24 ผ้รู ่วมประชุมคนที่ 24
งานศนู ย์สอบสวนคดอี าญาพเิ ศษจะแตกต่างจากกองอื่นเพราะเราทาทกุ เร่ือง

ที่ไม่ได้เข้าท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ มีตั้งแต่เรื่องการฆ่ากันตาย กล้องวงจรปิด สืบสวน
แทบจะทุกเร่ือง ดีตรงที่ทาให้เราเห็นทุกแบบของพยานหลักฐานท่ีแตกต่างกันออกไป และคดีท่ีแตกต่าง
กันออกไป ถ้าไล่ตามหัวข้อจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กล่มุ พยานหลักฐานท่ัวไป การกันผู้ต้องหาในคดีพิเศษ

กลุ่มพยานหลักฐานท่ัวไป รูปแบบของพยานหลักฐานค่อนข้างจะแตกต่าง
จากพยานหลักฐานท่ีเราคุ้นเคย ตัวหลักฐานเปลี่ยนสภาพเป็นส่ิงที่จับต้องได้ยาก มองเห็นได้ยากจะ
ส่งผลตั้งแต่ตอนเรารวบรวม การสืบสวน การค้นหรือ ถึงแม้ว่าในกระบวนการสืบสวนเอง การพิสูจน์
ข้อเท็จจริงบางอย่างทาได้ยาก เช่น การถ่ายเหรียญคลิปโตต่าง ๆ มีคนมาปรึกษาเร่ืองการเขียน
เหรียญคริปโต คาถามคือ เหรียญคริปโตมีอยู่จริงหรือไม่ มีมูลค่าเท่าไหร่ มีองค์กรไหนเป็นผู้ตรวจสอบ
เป็นข้อเท็จจรงิ ท่พี ิสูจนไ์ ดค้ อ่ นข้างยาก ถึงแมจ้ ะเห็นวา่ โปรแกรมทางานอยกู่ จ็ รงิ กต็ าม

กลุ่มท่ี 2 เราเข้าไม่ถึงพยานหลักฐานบางกลุ่ม ยกตัวอย่าง เช่น e-bidding
ผู้จัดเก็บล็อกไม่ให้ความร่วมมือ พยานหลักฐานเกิดขึ้นมานานแล้วเส่ือมค่าในการพิสูจน์จริง บางครั้ง
ทางสอ่ื สังคมออนไลนจ์ ะมีความเกยี่ วขอ้ งกับตา่ งประเทศ ไม่สามารถหาขอ้ มูลในสว่ นนี้ได้ ความรวดเร็ว
ในการได้มาก็มีผล เช่น ผมขอข้อมูลจากแบงค์เม่ือเดือนมกราคม แต่ได้ข้อมูลมาเดือนพฤษภาคม
ซ่งึ ก็จะครบเวลาตามการสบื สวนแลว้ เพราะทางนัน้ เองกเ็ ขา้ ใจวา่ หลักฐานอาจจะไปเรอื่ งเงินคนกร็ ะดม
ขอไปท่ีธนาคาร ความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ พยานหลักฐาน ยกตัวอย่าง ถ้าเราได้ข้อมูล
บัญชีการเงิน เราใช้เวลาเท่าไหร่ในการย่อยเพ่ือดูว่าใครเป็นผู้เกี่ยวข้อง จะต้องไล่ 2 รอบ ก็จะเกือบ
เต็มเดอื นแลว้

รูปแบบของมาตรฐานการจัดเก็บ เช่น ข้อมูลด้านการเงินแต่ละธนาคารท่ีให้
มามีความแตกต่างกัน ผมเจอไป 52 บัญชี ต้องหา 8 ราย แต่ละคนเปิดหลายธนาคาร แล้วต้องนามา
รวมกันว่าบัญชีแต่ละวันมียอดเท่าไหร่ ตอนหลังเลยใช้วิธีการเขียนโปรแกรมแก้เอาตอนน้ีก็เห็นว่า

277

รูปแบบต่างกันก็มีผลท้ังการเงิน โทรศัพท์ เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนไป เช่น เทคโนโลยีตรวจจากเคร่ือง
กจ็ ะเจอยากแล้วก็จะอยู่ในระบบคลาวน์ หรอื ระบบที่ปกปอ้ งขอ้ มูลสว่ นบุคคล ถ้าสง่ ระบบคอมพิวเตอร์
ไปตรวจก็จะเร่มิ ตรวจไม่ไดแ้ ล้ว ท้ังหมดคือการได้มาซ่ึงพยานหลักฐาน นอกนั้นที่มีผเู้ สนอเก่ียวกับเรื่อง
ระเบียบก็เป็นปัญหาสาคัญ ทาให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเบิกจ่าย
การจดั ซอ้ื จัดหามนั ติด ถ้าไมเ่ ปล่ยี นการตรวจหาพยานหลักฐานก็จะมีปญั หาในการสบื สวนแสวงหา

วิธกี ารเพม่ิ ประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ทาอยา่ งไร
ให้เร็วขน้ึ ทาอยา่ งไรให้ลงลึกได้มากขึ้น ต้องมีผูเ้ ช่ียวชาญไหม ตอ้ งมีเคร่ืองมือไหม เราจะเร่ิมถูกท้าทาย
จากการท่ีผมถามผู้ที่อยู่สานักงานตารวจแห่งชาติ การท้าทายพยานหลักฐานของฝ่ังต่าง ๆ จะเร่ิมหนัก
ข้ึน ส่วนหน่ึงท่ีต้องมีการพัฒนาคือการบริหารด้านการข่าวล่วงหน้า หรือการสืบสวนเชิงรุกต้องเข้ามา
ทดแทน เรามักจะเป็นคดีแห้ง กว่าเราจะขยับพยานหลักฐานจะหายไปหมด ซ่ึงผมเห็นด้วยกับทุกท่านท่ี
ได้กลา่ วมา ผลจะกล่าวโดยรวม ๆ

1. กฎหมายบางอย่างมีโทษน้อยการกันไว้เป็นพยานท่ีจูงใจ เช่น การพนัน
มีน้อง ๆ หลายคนมาปรึกษาว่ากองปราบโทรมาหาขอสอบ เป็นผู้ต้องหาในฐานะผู้เล่นแล้วก็ติดตามไป
เพ่อื จะเอาฐานเจา้ มอื ถา้ โทษน้อยแบบนีก้ ารกนั ตัวผ้ตู ้องหาก็จะไม่เป็นทีจ่ ูงใจแล้ว

2. ข้อกฎหมายบางอย่างมีการขัดกนั เช่น ต้องให้พนักงานสอบสวนส่ังไม่ฟ้อง
เราจะสั่งฟ้องมีเงื่อนไขไม่ยาก เงื่อนไขพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง ไม่ได้บอกเง่ือนไขว่าเราประสงค์จะเอา
คนนี้เป็นพยานในมุมแบบนี้ผมยังไม่เห็นว่าจะออกไปได้อย่างไร ในขณะท่ีอัยการมีเงื่อนไขในการออก
ระเบียบต่าง ๆ เช่น เพื่อประโยชน์ในการเป็นธรรม หรือข้อหาเล็กน้อยท่านจะส่ังไม่ฟ้องได้ จะเป็นการ
ทางานทแ่ี ตกต่างระหว่างพนกั งานสอบสวนกบั อยั การ

3. กระบวนการท่ีเราทา ต้องเร่ิมด้วยความเห็นท่ีเราสั่งไม่ฟ้องส่งให้พนักงาน
อัยการ หากพนักงานอัยการไม่เห็นชอบ พนักงานอัยการจะตีกลับทันที และให้เรากลับมาแจ้งข้อ
กล่าวหา และท่ไี ปคยุ กบั ผู้ตอ้ งหาทเี่ ราจะกันเปน็ พยานไวก้ ่อนจะมีปัญหาย้อนกลับมาให้เราแบกรบั

การท่ีเรากาหนดแนวทางไม่ชัดเจน เนื่องจากการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน
เรายังไม่มีการกาหนดชัดเจน กระบวนการเป็นธรรมในการพิจารณาจะเกิด ยกตัวอย่างว่าเราจะกัน
เจ้าหน้าท่ีบัญชี เจ้าหน้าท่ีบัญชีมี 6 คนจะเลือกกันคนไหน ความเท่าเทียมที่จะทาให้พนักงานสอบสวน
ถูกตั้งประเด็นว่าทาไมถึงเลือกคนน้ี การที่เราจะพิจารณาว่าผู้ต้องหาท่ีไม่ใช่ตัวการหลัก อย่างเช่น
ตอนผมอยู่ท่ีกองคดีการเงินการธนาคาร เราพบได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่บัญชีเป็นตัวหลัก ซึ่งถ้าเรากับเขา
เข้ากันได้ก็จะดี ถ้าเราวางกรอบชัดเจนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามคาสั่งของเจ้านายในขณะนั้น
โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ ถ้ามีกรอบแบบน้ีแล้วค่อย ๆ ไล่ลงมา ตัวพนักงานสอบสวนใช้งานตามกรอบ
จะมปี ระสทิ ธิภาพมาก จะป้องกันตวั ของพนกั งานสอบสวนได้และใหเ้ รากล้าใช้วิธีการดงั กล่าว

ข้อกฎหมายบางอย่างมีผลต่อเน่ือง ตามที่กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคได้
กล่าวไว้ในกรณีท่ีมีการกระทาความผิดอาญาแล้วมีผลเกี่ยวเนื่องทางแพ่ง อาญาเก่ียวเน่ืองอาญาก็มี
เช่น ฉ้อโกงประชาชนต่อด้วยการฟอกเงินแล้วจึงยึดทรัพย์ กระบวนการยึดทรัพย์จะเกิดหรือไม่
ในสภาพปัญหาจะเกิดได้หรือไม่อันน้ีมองในมุมผม การแก้มีหลายแบบ แบบประนีประนอมก่อนที่เรา
จะแจ้งข้อหาหรือตัดสินใจว่าจะกันใครเป็นพยาน เราเอาเกณฑ์อะไรมาตั้งให้พยานหลักฐานตรงนี้
คาดหวงั ได้วา่ ถ้าได้กอ้ นน้ีข้ึนมาเราจะดาเนินคดไี ด้แน่ ๆ เรามีกระบวนการท่ีเปดิ ให้ผตู้ ้องหาเสนอตัวเอง

278

ได้หรือไม่ว่าเขาทาผิดนะ เขาหนีออกมานะแล้วได้เอกสารลับออกมา หรือเราได้หลักเกณฑ์อะไร
ถ้าหลักเกณฑ์ไมช่ ดั เจนกไ็ ม่สามารถพิจารณาได้

เง่ือนไขในการป้องกันพยาน การรักษาความปลอดภัย การรักษาความลับ
ของพยาน ตามทห่ี ลายท่านไดก้ ล่าวมาแลว้ อยา่ งทไ่ี ด้คุยกันแล้วกม็ ีการตรวจสอบถว่ งดุล และกฎหมาย
เก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ เช่น จะเกิดอะไรขึ้นที่กันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานแล้ว ฟ้องแล้วส่งแล้ว แล้วผล
ไมไ่ ดเ้ ป็นอยา่ งทีเ่ ราต้องการ จะมีผลย้อนกลับมาหรือเปล่า ตรงน้ีถ้ามีกฎหมายจะไดค้ ุ้มครองการปฏิบัติ
หน้าที่จนกว่าจะสิ้นการพิพากษาไม่สามารถมาฟ้องร้องเราได้ ก็น่าจะดี สาหรับข้อเสนออ่ืน ๆ เพื่อเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ การที่เราตั้ง
คณะกรรมการ เราจะเจอปัญหาความลับก็จะรั่ว ย่งิ ตง้ั คณะมากกจ็ ะร่ัว แบบที่ 2 ก็คือ กรณีดังกลา่ วถ้า
เป็นคดีที่เราต้องทาความเห็นแล้วส่งพนักงานอัยการแล้วโดนตีกลับ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ควรจะให้
พนักงานอัยการมาร่วมตั้งแต่ต้น เป็นดุลพินิจร่วมในคราวเดียวกันไปอีกข้ันหน่ึง ซึ่งต่อมาอาจจะไม่
เข้าข่ายการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน แต่ผมมีความรู้สึกว่าถ้ามีข้อโต้แย้งเร่ืองการไม่เป็นธรรมต่าง ๆ
เอาเข้าสู่กระบวนเลยไหม แบบเร็ว ๆ เป็นคดีท่ีเข้าศาลแบบ fast track ต้ังเกณฑ์เลยว่าต้องเป็นคดี
สาคัญ ตัวผู้ต้องหาถูกฟ้องคดีตามปกติเลย เพียงพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการร่วมกันเสนอ
เรื่องเกี่ยวกับการลงโทษ การต่อรองโทษ โทษให้เกิดขึ้นในกระบวนการนี้เลย เราไม่ได้เลือกปฏิบัติ
แตด่ าเนนิ การทกุ คน แต่เราเลอื กคน ๆ หนึ่งทจ่ี ะต่อรองโทษใหเ้ ขา โดยให้ทนายจาเลยเป็นผรู้ ่วมต่อรอง
กันมาก่อน ข้อดี คือตัวพยานกลับคาไม่ได้ พยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการมีอะไรเอาออกมาให้เห็น
ผู้ต้องหารบั สารภาพ ย่ืนเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการ การกลับคาไม่มีแล้ว และตัวพนักงานสอบสวน
รอดพ้นจากข้อครหาจากฝ่ังผู้เสียหาย และมีพนักงานอัยการที่ตรวจสอบถ่วงดุลในการพิจารณา
และขอให้ศาลพจิ ารณาด้วยความรวดเร็วต่อเน่ืองก็จะจบ

5.1.3.25 ผรู้ ่วมประชุมคนท่ี 25
ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินทางอาญาเป็นกรณีท่ีผู้ต้องหามีการเปล่ียนแปลง

สภาพทรัพยส์ ินที่ได้มาจากการกระทาความผิด มกี ารโอน เปลยี่ นสภาพ ซกุ ซ่อน หรอื นาไปใหก้ บั บคุ คล
ท่ี 3 เพราะฉะน้ัน การดาเนินคดีอาญาฟอกเงินส่วนใหญ่ต้องใช้พยานเอกสารเป็นหลัก ต้องประสาน
ขอเอกสารสถาบันการเงิน หลักทรัพย์ กรมท่ีดิน สหกรณ์ กรมขนส่งทางบก ทางเราจะขอเอกสาร
เยอะมาก สภาพปัญหาได้เอกสารกลับมาช้ามาก กรมท่ีดินจะช้ามากที่สุด เราต้องขอเขาเพราะว่าเรา
ไม่รู้ว่าผู้ต้องหาจะนาทรัพย์สินท่ีได้มาจากการกระทาความผิดไปซื้อท่ีไหนบ้าง หรือให้บุคคลที่ 3
ซุกซ่อนท่ีไหนบ้าง ซึ่งปัญหาที่เกิดกรมที่ดินจะตอบว่าเขามาสามารถตอบได้ในส่วนน้ี เขาไม่ได้มีการ
บรู ณาการข้อมูลระหว่างจังหวดั ต้องรอให้แต่ละจังหวัดตอบเข้ามาทาให้ใช้เวลาในการหาค่อนข้างมาก
ทเี ดียว ถ้าเราสามารถท่ีจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้คือ ทาอย่างไรท่ีเราจะได้ข้อมูลมาให้เร็วกว่าน้ี อาจจะต้อง
มีการบูรณาการข้อมูล ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินทางอาญาจะได้เป็นคดีแห้ง ซ่ึงคดีส่วนใหญ่จะเป็น
คดี ที่กองคดที าคดีอาญาหลกั ไปแล้วและยังไม่ไดท้ าฟอกเงนิ ก็โอนมาทเี่ รา บางคดีเป็นคดตี ้ังแต่ปี 2552
ก็ใกล้จะหมดอายุความแล้ว หรือการท่ีจะขอไปท่ีสถาบันการเงิน บางคร้ังเขาก็เก็บข้อมูลแค่ 10 ปี
30 ปี แต่ท่ีเราขอคือต้ังแต่ปี 2550 ก็มีปัญหาในการทางานค่อนข้างมาก อย่างท่ีบอกกองนี้เป็นกอง
ที่ต้องอาศัยพยานเอกสารเป็นหลักเพราะเราต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่าทรัพย์สินท่ีได้จากการกระทา
ความผิดของผู้ต้องหามีการโอน เปล่ียนแปลง ยักย้าย ซึ่งจะต้องเส้นทางการเงินท่ีเห็นได้ชัดเจน
ส่วนใหญ่เราไม่ได้มีการใช้พยานบุคคลมากนัก เพราะว่าเม่ือได้พยานเอกสารก็จะมีการสอบยันพยาน

279

เอกสารเป็นลาดับขั้น เพราะฉะนั้นการกันตัวผู้ต้องหาของเรา อาจจะยังไม่ได้มีการใช้มากในขณะน้ี
แตเ่ ห็นดว้ ยกบั ทางท่านอื่นเสนอมา ต้องมีความระมัดระวงั เพราะผู้ต้องหาก็ต้องไดร้ ับผลจากการกระทา
ความผิด ถ้าจะเป็นควรจะเป็นคดีที่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานอ่ืนได้จริง ๆ หรือต้องเป็นผู้กระทา
ความผดิ น้อยท่ีสดุ

5.2 กำรแสดงควำมคิดเหน็ ของบุคลำกร/หน่วยงำนในสังกัดกรมสอบสวนคดพี ิเศษ
กองกฎหมายมีหนังสือ ที่ ยธ 0802/ว 27 ลงวันท่ี 28 เมษายน 2564 แจ้งเร่ือง ขอทราบ

สภาพปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษเพ่ือการพัฒนา
กฎหมายและเพิ่มเประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย โดยได้สอบถามไปยังหน่วยงานในสังกัด
กรมสอบสวนคดพี ิเศษ ซ่งึ มบี ุคลากร/หน่วยงานไดใ้ หข้ ้อมลู ที่เปน็ ประโยชน์

5.2.1 รำยชอ่ื บุคลำกร/หนว่ ยงำนที่แสดงควำมคิดเห็น
5.2.1.1 สานกั งานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ (พ.ต.ท.สภุ ทั ธ์ ธรรมธนารกั ษ)์
5.2.1.2 กองปฏบิ ตั กิ ารคดีพเิ ศษภาค
(1) ร้อยเอก กลวิตร บนุ นาค
ผอู้ านวยการศูนย์ปฏบิ ัติการคดีพิเศษเขตพน้ื ท่ี 1
(2) นายไชยา จนั ทรส์ ุข
เจา้ หน้าทค่ี ดพี เิ ศษชานาญการ ศนู ย์ปฏิบตั กิ ารคดีพิเศษจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
5.2.1.3 กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(1) นายภราดร บุญวานิช
ผู้อานวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1
(2) นายภูรินทร์พัฒน์ สมบูรณ์
ผู้อานวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2
(3) นายสมัคร จันทร
ผู้อานวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม 3
5.2.1.4 กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน
(1) ส่วนคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 1
(2) ส่วนคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 2
(3) ส่วนคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 3
5.2.1.5 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
นายวรทัต สายไหม
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชานาญการ
5.2.1.6 กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ
(1) นางนันท์นภัส เกยุราพันธ์ุ
ผู้อานวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1
(2) นายกฤษฎิ์นิธิ อุดมศักดิ์
เจ้าหน้าท่ีคดีพิเศษชานาญการ

280

5.2.1.7 กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ต.ต.หญิง ศุภวรรณ โพธิ์นาค
รองผู้อานวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค

5.2.1.8 กองคดีความมั่นคง
(1) พ.ต.อรรคริน ลัทธศักดิ์ศิริ
ผู้อานวยการส่วนคดีความม่ันคง 3
(2) นางสาวณฐมน เกษมอมร
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชานาญการ
(3) นางสาวพิมลพรรณ ชูรัตน์
เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชานาญการพิเศษ

5.2.1.9 กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ
5.2.1.10 กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา
5.2.1.11 กองคดีภาษีอากร
5.2.1.12 ศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษ
5.2.2 ผลกำรแสดงควำมคิดเห็นของบคุ ลำกร/หน่วยงำน (ไมเ่ รียงลำดับตำมรำยช่ือ)
5.2.2.1 ผู้ใหข้ อ้ มลู คนที่ 1

สภาพปัญหา
ปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐมีรูปแบบการกระทา
ความผิดที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทาให้การแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานอาจยากมากขึ้น
ฉะน้ัน เพื่อให้การทาให้การพิสูจน์ข้อเท็จจริงในหลักฐาน เจรจาต่อรองให้การของผู้ถูกกล่าวหาเป็น
หลักการหน่ึงท่ีจะเป็นเคร่ืองมือเสริมให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ สามารถดาเนินคดีกับผู้กระทา
ความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถให้ศาลนาตัวผู้กระทาความผิดมาลงโทษได้ และ ป.ป.ช.
ได้ออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดี พ.ศ. 2561 และ
กรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่มีระเบียบใดมารองรับ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าว จึงเห็นด้วย
กับการกาหนดแนวทางการกนั ผตู้ ้องหาเป็นพยานหรือผกู้ ระทาความผดิ เป็นพยานในคดีพิเศษ
ขอ้ เสนอแนะ
1. ให้มีการร่างระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าด้วยการกันผู้ต้องหาหรือ
ผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ โดยให้เป็นไปตามประกาศ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงอื่ นไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไมด่ าเนนิ คดี
2. ในการร่างระเบียบฯ ให้ตามหลักฎหมายระบบ common law ของประเทศ
สหรัฐอเมริกา
5.2.2.2 ผูใ้ หข้ อ้ มูลคนท่ี 2
สภาพปญั หา
การสอบสวนคดีท่ีเป็นคดีท่ีมีเหตุพิเศษหรือมีความยุ่งยากซับซ้อนหรือร้ายแรง
และมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบ้ืองหลัง ทาให้คนจานวนมากพากันเกรงกลัว ไม่กล้าท่ีจะให้การเป็นพยานหรือ
คดีบางเรื่องเกิดในพื้นที่ล้ีลับ ไม่มีผู้ใดรู้เห็นได้นอกจากผู้กระทาผิดด้วยกัน หรือคดีท่ีมีการกระทาผิด
ในรปู ขบวนการ และพนกั งานสอบสวนได้แสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานทุกวิถที างแลว้ ก็ไม่ทาให้

281

ได้พยานหลักฐานเพ่ิมเติมในคดนี ั้นอีก จึงเห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผ้ตู ้องหาหรอื ผู้กระทา
ความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ

ข้อเสนอแนะ
การกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานเป็นวิธีการหนึ่งในการท่ีจะนาตัวผู้กระทาความผิด
มาลงโทษ แต่ผู้ต้องหาที่ถูกกันไว้เป็นพยานน้ันก็เป็นผู้กระทาความผิดเหมือนกัน จึงเกิดปัญหาและ
อุปสรรคในทางกฎหมายลักษณะพยานว่า การรับฟังถ้อยคาของบุคคลที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะรับฟัง
ได้มากน้อยเพียงใด เพราะบุคคลเหล่าน้ันได้ชื่อว่าเป็นพยานซัดทอด ซึ่งโดยหลักแล้วพยานซัดทอดนี้
จะมีน้าหนักน้อย จะต้องรับฟังประกอบกับพยานหลักฐานอ่ืน จึงจะลงโทษจาเลยได้ หรือในกรณีที่พยาน
มาเบิกความในชนั้ ศาลแต่พยานกลับคา พนักงานสอบสวนจึงต้องใชค้ วามระมัดระวงั อยา่ งย่งิ โดยจะตอ้ ง
มีพยานอ่ืน ๆ หรืออาศัยถ้อยคาพยานชนิดนี้สืบสวนให้ได้พยานหลักฐานอื่น ๆ เพ่ิมเติม นอกจากน้ัน
สงิ่ ท่ีพนักงานสอบสวนจะต้องยึดถือและปฏิบัติ คือ ห้ามมิให้ดาเนินการใด ๆ โดยใช้ถ้อยคาอันเป็นการ
จูงใจ มีคามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือกระทาการโดยมิชอบด้วยประการใด ๆ ซ่ึงอาจทาให้เสียหาย
ตอ่ รปู คดี
อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเป็นเสมือนดาบสองคม
เพราะเป็นวิธีการที่ใช้บุคคลผู้กระทาความผิดเป็นพยานในการนาไปสู่การลงโทษผู้กระทาความผิดอื่นท่ี
เป็นตัวการสาคัญได้ แต่ในขณะเดียวกันบุคคลท่ีถูกกันไว้เป็นพยานเหล่านี้ ก็เป็นผู้ร่วมกระทาความผิด
เช่นเดียวกันกับผู้กระทาความผิดรายอื่น เมื่อกันไว้เป็นพยานแล้วก็เท่ากับปล่อยให้ผู้กระทาความผิดไม่
ต้องรับโทษ ดังนั้น การใช้วิธีการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานจึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและ
บริสุทธิ์ยตุ ธิ รรมอยา่ งยงิ่
5.2.2.3 ผูใ้ ห้ข้อมลู คนที่ 3
สภาพปัญหา
คดีการก่อการร้ายในประเทศไทยพบว่า ในพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้มี
การก่อเหตุรุนแรงในลักษณะเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงทาลายทรัพย์สินทั้งท่ี
เป็นของราชการและของเอกชน นับเป็นภัยร้ายแรงเกี่ยวกับความมั่นคง และเป็นปัญหาที่เกิดข้ึนมา
ต่อเนื่องยาวนาน และไม่มีทีท่าว่าจะยุติเม่ือใด ปัญหาประการหนึ่งท่ีเกิดข้ึนจากข้อมูลของผู้ก่อเหตุ
ท่ถี กู จับกุม ให้การซัดทอด พบว่าตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน หรือผ้บู งการน้ันมกั จะเป็นชาวต่างชาติท่ีอาศัยอยู่
ในประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก โดยจะคอยบงการหรือส่ังการให้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นท่ีใด เวลาใด หรือ
ทาลายทรัพย์สินใดจากต่างประเทศ หรือแอบเข้ามาในพื้นที่เพ่ือซ่องสุมกาลัง หรือประชุมลับเพ่ือ
กอ่ เหตุในพ้ืนที่แล้วหลบหนีกลับประเทศของตนไป ส่วนผู้ก่อเหตกุ ็ถูกจับกุมดาเนนิ คดีไปคนแล้วคนเล่า
แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวได้ เน่ืองจากตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน ยังไม่ถูกจับกุมมา
ดาเนินคดี ทาให้ข้อมูลสาหรับการสืบสวนสอบสวนเพ่ือโยงไปถึงตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน มีน้อยมาก
ส่งผลให้ไม่สามารถสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานแวดล้อมท่ีเก่ียวกับพฤติการณ์การกระทา
ความผิดและพยานอ่ืนมายืนยันการกระทาความผิดและดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวานที่เป็น
ชาวต่างชาตไิ ด้ และเปน็ ชอ่ งวา่ งทางกฎหมาย ในการต่อสู้คดี
ข้อเสนอแนะ
จงึ ควรมีการเพ่ิมหวั ขอ้ เกี่ยวกับการรับฟังพยานและการสอบสวนพยานซัดทอด
และกรณีพยานซัดทอดหลายรายต่างกรรมต่างวาระกัน และที่สาคัญควรมีหัวข้อการกันผู้กระทาความผิด

282

หรือมีส่วนในการกระทาความผิดท่ีน้อยที่สุดหรือแค่ผู้รู้เห็นหรือเก่ียวข้องกับขบวนการท่ีน้อยที่สุด
มาเป็นพยาน เพื่อให้การรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้ผู้ร่วมกระทาความผิดต่างกรรมต่างวาระเป็น
พยานซดั ทอดตวั การ ผใู้ ช้ ผู้จา้ งวาน สามารถทาได้โดยไม่ต้องแยกสานวนการสอบสวน เพือ่ มคี วามเห็น
ส่ังไม่ฟ้องพยานซัดทอด และให้สามารถใช้การสอบสวนปกติสาหรับสอบสวนพยานซัดทอดในฐานะพยาน
บุคคลในคดีพิเศษ เพ่ือให้มีพยานหลักฐานท่ีม่ันคงแน่นหนาในการดาเนินคดีกับผู้การ ผู้ใช้ ผู้จ้างวานได้
อีกทั้ง เพื่อเป็นการปิดช่องว่างทางกฎหมายในการใช้เป็นข้อต่อสู้ของผู้ต้องหาที่ถูกซัดทอดและเป็นการลด
ภาระพนักงานสอบสวนท่ีจะต้องแยกสานวนสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่จะกันไว้เป็นพยาน โดยเฉพาะกรณีที่ไม่
อาจหาวิธกี ารอื่นใดหรือไม่สามารถหาพยานหลักฐานอ่นื ได้

5.2.2.4 ผู้ให้ข้อมลู คนที่ 4
สภาพปญั หา
สืบเนื่องจากในการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษนั้น

พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม และประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา ไม่มีบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่มีระเบียบและ
คาส่ังท่ีกาหนดแนวทางปฏิบัติท่ีชัดเจน เช่น บุคคลท่ีอาจถูกกันเป็นพยานควรมีลักษณะใด และการ
ดาเนินคดีกับบุคคลที่อาจถูกกันเป็นพยานน้ันมีข้ันตอนดาเนินการอย่างไร ซึ่งอาจทาให้เจ้าหน้าท่ีใช้
ดุลพินิจเห็นสมควรกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ ไม่เป็นไปในแนวทาง
เดียวกัน และอาจก่อให้เกิดปัญหาในการรวบรวมพยานหลักฐานท่ีน่าเช่ือถือเพื่อพิสูจน์ให้ศาลรับฟัง
เพอื่ ลงโทษผู้กระทาความผิดได้

ข้อเสนอแนะ
เห็นควรเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และ
ท่ีแก้ไขเพิ่มเติม หรือออกระเบียบหรือคาสั่งในส่วนการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยาน
ในคดีพิเศษ เพ่ือให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ ดังเช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 135 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดย
ไม่ดาเนินคดี พ.ศ. 2561 ที่ระบุบุคคลที่อาจถูกกันเป็นพยานควรมีลักษณะใด และการดาเนินคดีกับ
บคุ คลท่ีอาจถูกกันเป็นพยานน้ันมีขนั้ ตอนดาเนินการอยา่ งไร จึงเห็นด้วยกบั การกาหนดแนวทางการกัน
ผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ในการ
ดาเนินการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและ
ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรวบรวมพยานหลักฐานที่น่าเช่ือถือ และศาลรับฟังเพื่อลงโทษผู้กระทา
ความผิดได้
5.2.2.5 ผู้ใหข้ อ้ มลู คนท่ี 5
สภาพปัญหา
ในการสอบสวนคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ได้มีการกาหนดเครื่องมือที่ใช้ในการแสวงหาหรือ
รวบรวมพยานหลักฐานไว้เป็นพิเศษ เช่น การให้อานาจในการประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
การเรียกพยานเอกสาร พยานบุคคล ตลอดจนการค้น การสนธิกาลัง การดักฟังข้อมูล และการแฝงตัว
เข้าไปในองค์กรหรือกลุ่มคนเพื่อประโยชนใ์ นการสืบสวนสอบสวนได้ก็ตาม แต่การกระทาความผิดบาง

283

ประเภทคดีที่มีเหตุพิเศษ ยุ่งยาก สลับซับซ้อน หรือมีความร้ายแรง ซ่ึงสอดคล้องกับลักษณะของคดี
ท่ีเป็นคดีพิเศษนั้น ในบางคดีเกิดขึ้นในลักษณะท่ีบุคคลอื่นไม่สามารถรู้เห็นได้นอกจากผู้กระทาผิด
ด้วยกัน แม้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้พยายามแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานทุกวิถีทาง
แล้วไม่ทาใหพ้ ยานหลกั ฐานในคดีนัน้ เพิ่มเติมเพ่ือนามาใช้ดาเนินคดีกับผู้ตอ้ งหาหรอื ผ้กู ระทาความผิดได้
ดงั นั้น การอาศัยเครื่องมือพิเศษแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทาให้ทราบรายละเอียดของการกระทา
ความผดิ

ข้อเสนอแนะ
จากสภาพปัญหาและอุปสรรคในการสอบสวน แสวงหาและรวบรวมพยาน
หลักฐานดังกล่าว จึงเกิดแนวทางในการท่ีจะพิจารณากันผู้ต้องหาซ่ึงได้ร่วมกระทาความผิดด้วยกันคนใด
คนหนงึ่ เป็นพยาน แต่เน่ืองจาก ในการสอบสวนคดีพเิ ศษ กฎหมายยงั กาหนดให้ตอ้ งปฏิบตั ติ ามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซ่ึงในส่วนของกฎหมายลักษณะพยาน ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติถึงการให้หรือการห้ามกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็น
พยานไว้โดยชัดแจ้ง มีเพียงมาตรา 232 กาหนดห้ามไม่ให้โจทก์อ้างจาเลยเป็นพยาน และบทบัญญัติใน
มาตรา 227/1 การให้ศาลใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยชั่งน้าหนักพยานหลักฐานในส่วนของพยานซัดทอด
ให้ศาลต้องกระทาด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานน้ันโดยลาพังเพ่ือลงโทษจาเลย
เว้นแต่จะมีเหตุผลหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอ่ืนสนับสนุน จาก
หลักการทางกฎหมายดังกล่าว ทาให้ในการท่ีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณากาหนดแนวทาง การกัน
ผู้ต้องหาหรือผู้กระทาผิดเป็นพยานในคดีพิเศษจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องท้ังหมดโดย
รอบคอบ รอบดา้ น และจะตอ้ งกาหนดแนวทางหรือข้ันตอนการปฏบิ ตั ทิ ่ีชัดเจน สอดคล้องกับหลักกฎหมาย
โดยเห็นควรศึกษาจากแนวทางของหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรม
ทางอาญาท่ีได้มีการกาหนดแนวทางรองรับการดาเนินการกรณีดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อนามาปรับใช้ให้
สอดคล้องกบั บรบิ ทของการสอบสวนคดีพเิ ศษ เช่น
1. สานักงานตารวจแห่งชาติ ท่ีมีประมวลระเบียบการตารวจเกี่ยวกับคดี
ลักษณะท่ี 8 บทท่ี 7 การกนั ผ้ตู ้องหาเป็นพยานในบางคดี
2. สานักงานอัยการสูงสุด ท่ีใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 143 ดุลพินิจส่ังไม่ฟ้องประกอบระเบียบกรมอัยการว่าด้วยการดาเนินคดีอาญาของพนักงาน
อัยการ พ.ศ. 2528 ข้อ 52
3. สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา
135 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
พ.ศ. 2561 ประกอบ ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์
วิธกี าร และเงอ่ื นไข ในการกนั บุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนนิ คดี พ.ศ. 2561
ทั้งน้ี ควรมีการศึกษาข้อกฎหมาย คาพิพากษาศาลฎีกา แนวทางความเป็นไปได้
และผลของกฎหมาย แยกเป็นแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน เช่น การขอกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิด
เป็นพยานก่อน ตกเป็นผู้ต้องหา การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในชั้นสอบสวน และ
การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในช้ันพนักงานอัยการ เพ่ือให้มีผลบังคับใช้โดยชอบด้วย
กฎหมายต่อไป จึงเห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานใน
คดีพิเศษ

284

5.2.2.6 ผ้ใู หข้ ้อมลู คนท่ี 6
สภาพปัญหา
1. พยานอาจมีความเกี่ยวข้องกับการกระทาความผิด แต่เป็นลักษณะที่ไม่ใช่

เปน็ ความผดิ ท่ีรนุ แรง
2. พยานมีความสาคัญในการพิสูจน์การกระทาความผิดของผู้ต้องหาในคดี

หากไมไ่ ดค้ าใหก้ ารของพยาน อาจไม่สามารถพสิ จู นก์ ารกระทาความผดิ นนั้ ได้
3. พยานอย่ใู นพน้ื ท่เี ดียวกบั ผู้กระทาความผิด ซึ่งเปน็ ผ้มู ีอิทธิพล
4. พยานอาจเป็นผู้สนับสนุนหรือเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดของเจ้าหน้าที่

โดยไมท่ ราบข้อเทจ็ จรงิ หรือไมม่ เี จตนา
ข้อเสนอแนะ
1. ควรให้ความคุ้มครองพยานท่ีมีความสาคัญในคดี เพื่อสร้างความเชื่อม่ัน

และมิให้พยานเกิดความเกรงกลัวในการให้ปากคา เพื่อพิสูจน์การกระทาความผิดของผู้ต้องหาในคดี
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ผ้กู ระทาความผดิ ซ่งึ เป็นผู้มีอทิ ธพิ ลในพ้ืนท่ี

2. ในกรณีที่พยานเข้าไปเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดของเจ้าหน้าที่
โดยไมไ่ ด้มีเจตนาทจี่ ะกระทาความผดิ ควรให้ความเป็นธรรมหรอื กนั ไว้เป็นพยาน

จึงเห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิด
เป็นพยานในคดีพิเศษ ในกรณีที่พยานเข้าไปเก่ียวข้องกับการกระทาความผิด อาจไม่ได้มีเจตนาท่ีจะ
กระทาความผดิ หรอื เขา้ ไปเกย่ี วข้องโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง ควรใหค้ วามเปน็ ธรรม หรอื กันไวเ้ ปน็ พยาน

5.2.2.7 ผ้ใู หข้ ้อมลู คนที่ 7
สภาพปัญหา
คดีพิเศษบางคดีมีพฤติการณ์แห่งคดีท่ีไม่สามารถหาพยานหลักฐานต่าง ๆ

เพื่อมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้กระทาความผิดได้ เน่ืองจากการรวบรวม
และแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดีไม่สามารถเข้าถึงตวั การสาคญั หรือผู้อยู่เบือ้ งหลงั การกระทาความผดิ

ข้อเสนอแนะ
เห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยาน
ในคดีพิเศษ เน่ืองจากคดีพิเศษบางคดีมีพฤติการณ์แห่งคดีท่ีไม่สามารถหาพยานหลักฐานต่าง ๆ เพ่ือ
มาใช้เป็นพยาน หลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้กระทาความผิดได้ เน่ืองจากการรวบรวมและ
แสวงหาพยานหลักฐานในคดีไม่สามารถเข้าถึงตัวการสาคัญหรือผู้อยู่เบ้ืองหลังการกระทาความผิด
จึงจาเป็นจะต้องกันผู้ต้องหาบางคนท่ีรู้เห็นการกระทาความผิด แต่มีส่วนร่วมในการกระทาความผิด
น้อยที่สุด โดยกันไว้เป็นพยานเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์ความผิดดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันกรมสอบสวน
คดีพิเศษยังไม่มีระเบียบเก่ียวกับการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานเหมือนอย่างเช่นหน่วยงานบังคับใช้
กฎหมายอ่ืน ๆ ท่ีมีอานาจในการสืบสวนสอบสวน เช่น สานักงานตารวจแห่งชาติ จึงเห็นควรออก
ระเบียบเกี่ยวกับการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการทางานด้านการสืบสวน
สอบสวนคดีพิเศษ และกาหนดกระบวนการควบคุมตรวจสอบการดาเนินการตามระเบียบดังกลา่ วด้วย
เพ่ือประโยชน์ในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพ
มากยิ่งข้ึน และป้องกันการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ แต่อย่างไรก็ตาม การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน
ควรกระทาเป็นมาตรการสุดท้ายของการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี เน่ืองจากอาจมีลักษณะเป็น

285

การจูงใจหรือให้สัญญาแก่ผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิด เพื่อให้การรับสารภาพและซัดทอดผู้กระทา
ความผิดรายอื่น อนั ถอื ว่าคาซัดทอดของผู้ต้องหา หรือเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขนึ้ หรือได้มาโดยมิชอบ
อันต้องหา้ มให้รับฟงั เป็นพยานหลกั ฐานตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา

5.2.2.8 ผ้ใู หข้ อ้ มูลคนที่ 8
สภาพปญั หา
การดาเนินคดีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

พ.ศ. 2535 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดในการ
สร้างราคาหลักทรัพย์ หรือ “ป่ันหุ้น” หลายคดี โดยพบความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนมูลค่า
หลายพนั ลา้ นบาท และสง่ ผลกระทบตอ่ ระบบเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง

ปัญหาอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อความสาเร็จและประสทิ ธภิ าพในการแสวงหา
และพิสูจน์พยานหลักฐานในคดีปั่นหุ้น คือ การใช้มาตรฐานการพิสูจน์ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญาเช่นเดียวกับคดีอาญาทว่ั ไป ท้ังท่ีคดีปัน่ หุ้นมีความสลับซับซ้อน มีการวางแผนเป็น
ขั้นตอนใช้เทคนิคและการปิดบังอาพรางเพื่อหลบเล่ยี งการตรวจสอบ อีกท้ังผู้กระทาความผิดส่วนใหญ่
มีฐานะทางการเงิน มีอิทธิพลและมีพรรคพวกจานวนมาก จึงใช้เครือข่ายกระทาความผิดและตัดตอน
มิให้เชื่อมโยงไปถึงผู้วางแผนหรือเจ้าของหุ้น หรือนักป่ันหุ้นซ่ึงเป็นผู้กระทาความผิดที่แท้จริง เป็นผล
ให้หลาย ๆ คดี ไม่สามารถดาเนินคดีกับนักป่ันหุ้นตัวการสาคัญได้ และกลุ่มปั่นหุ้นเดิม ๆ ยังคงกระทา
ความผิดซา้ ตอ่ เนอื่ งในวงการตลาดทุน

รู ป แ บ บ ก าร ก ร ะ ท าค ว าม ผิ ด ป่ั น หุ้ น ห ลี ก ห นี ไม่ พ้ น ก าร ใช้ บั ญ ชี ซ้ื อ ข าย หุ้ น
จานวนมาก เพื่อกาหนดเป้าหมายราคาหรือสร้างราคาหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามต้องการ ซ่ึงอาศัยกลุ่ม
นอมินีซ่ึงเป็นตัวแทนในการเปิดบัญชีหลักทรัพย์เพื่อทาทีผลัดกันซื้อและขาย ซึ่งจากการดาเนินคดี
ป่ันหุ้นที่ผ่านมา พบว่าการบริหารจัดการบัญชีนอมินีดังกล่าว ท้ังในส่วนของการเปิดบัญชีซื้อขาย
กับบริษัทหลักทรัพย์ การส่ังซื้อขาย การชาระราคา และการรับผลประโยชน์ จะวางแผนสั่งการโดย
นักป่ันหุ้นเอง ซ่ึงเมื่อนักปั่นหุ้นจัดหาบัญชีนอมินีได้มากพอตามจานวนที่ต้องการแล้ว จะส่ังการให้มี
การเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ สั่งซ้ือขายผ่านเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์หรือผ่านระบบ
อินเตอร์เน็ตของบริษัทหลักทรัพย์ จดั ใหม้ กี ารโอนหุ้นระหว่างกัน หรือจดั การใหบ้ ัญชีนอมินีชาระค่าหุ้น
แทนกัน เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมถึงส่ังการให้มีการฝากโอนผลกาไรท่ีได้จากการซื้อขาย
หลักทรัพย์เข้าบัญชีบุคคลตามที่นักปั่นหุ้นต้องการ ซึ่งเมื่อดาเนินคดีป่ันหุ้น จึงกลับพบนอมินีเจ้าของ
บัญชีหลักทรัพย์ท่ีส่ังซ้ือขายหลักทรัพย์เข้าข่ายความผิดสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือเจ้าหน้าที่บริษัท
หลักทรัพย์ท่ีร่วมกระทาความผิดหรือช่วยเหลือในการสั่งซ้ือขายที่เป็นการสร้างราคา เป็นบุคคลท่ี
เก่ียวข้องกับการกระทาความผิด ไม่ว่าจะในฐานะตัวการ หรือสนับสนุนการกระทาความผิด แทนที่จะ
เป็นนกั ปัน่ หุน้ ซึ่งเปน็ ผูก้ ระทาการวางแผน หรือเปน็ ผู้กระทาความผิดหลักท่แี ทจ้ ริง

การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้พิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์ของ
ผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดป่ันหุ้นท่ีเน้นการปิดบังอาพรางผู้ประทาความผิดท่ีแท้จริง ประกอบกับ
ผู้กระทาความผิดมีฐานะทางการเงิน และมีอิทธิพล อีกทั้งพยานหลักฐานส่วนใหญ่อยู่กับผู้กระทา
ความผดิ ท้ังนอมินีเจ้าของบัญชหี ลกั ทรพั ย์ เจ้าหน้าที่บรษิ ัทหลักทรพั ย์ หรอื แม้กระทงั่ นกั ปนั่ หุ้น ดังน้ัน
การเปิดโปงโยงใยไปถึงนักปั่นหุ้นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง จึงจาเป็นต้องอาศัยพยานหลักฐานจากผู้มีส่วน

286

เก่ียวข้องในการกระทาความผิดในการติดตามร่องรอย เพ่ือที่จะสามารถดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิด
หลักท่แี ท้จริงและตัดวงจรการกระทาความผิดได้

ขอ้ เสนอแนะ
1. เห็นควรกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดในส่วนของ “นอมินีเจ้าของบัญชี
หลักทรัพย์” เป็นพยาน เพื่อให้สามารถเช่ือมโยงสืบสาวไปถึงนักป่ันหุ้น หรือผู้กระทาความผิดหลัก
ท่ีแท้จริง โดยการพิจารณากันนอมินีเข้าของบัญชีหลักทรัพย์รายใดเป็นพยานนั้น อาจพิจารณาจาก
พยาน หลักฐานท่ีพิสูจน์ถึงการมีส่วนรู้เห็นหรอื เก่ียวข้องกับการกระทาความผิดน้อยที่สุด ประกอบกับ
พจิ ารณาผลประโยชน์ท่ีนอมินีเจ้าของบัญชีได้รบั เช่น ไม่ปรากฏพยานหลักฐานท่ีช้ีให้เห็นผลตอบแทน
หรอื ประโยชน์อื่นใด เป็นตน้
2. เห็นควรกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดในส่วนของ “เจ้าหน้าที่บริษัท
หลักทรพั ย์” เป็นพยาน เพ่ือให้เขา้ ถึงพยานหลักฐานที่เก่ียวขอ้ งกับการซื้อขายหลักทรัพย์ให้ไดม้ ากท่ีสุด
และพิสูจนท์ ราบนกั ปนั่ หุ้นผู้บงการท่ีอยู่เบอื้ หลังทีแ่ ท้จริง เน่อื งจากเจ้าหนา้ ท่ีบรษิ ทั หลักทรัพย์จะทราบ
ข้อมูลผู้ติดต่อส่ังการในการเปิดบัญชีหลักทรัพย์ การส่งคาซ้ือขาย การโอนหุ้น การชาระราคา และผู้รับ
ประโยชน์ทแ่ี ทจ้ ริง
จึงเห็นด้วยท่ีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะกาหนดแนวทางในการกันผู้ต้องหาหรือ
ผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน
เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาในคดีความผิดการสร้างราคาหลักทรัพย์หรือ
ป่ันหุ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินคดีความผิดป่ันหุ้น ทาให้ผู้กระทาความผิดเกรงกลัว และช่วย
ยับย้งั การกระทาความผดิ อันจะมีสว่ นช่วยในการปอ้ งปรามการกระทาความผดิ ในตลาดทุนได้อีกด้วย
5.2.2.9 ผ้ใู หข้ ้อมูลคนที่ 9
สภาพปัญหา
1. พยานที่เป็นผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดน้ัน อาจมีปัญหาในการรับฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา 226/1
2. ความชัดเจน แน่นอน และเป็นธรรมของหลักเกณฑ์ท่ีใช้พิจารณา หรือเหตุท่ี
ความเชือ่ วา่ ผู้ตอ้ งหารายหนง่ึ รายใดควรถกู กันไว้เปน็ พยาน
3. ผ้ตู ้องหาที่ถูกกนั เป็นพยานอาจกลับคาให้การในช้นั พจิ ารณา
4. อาจเป็นการเพ่ิมเคร่ืองมือหรือมาตรการพิเศษในกฎหมายวา่ ด้วยการสอบสวน
คดีพิเศษโดยไม่จาเป็น เน่ืองจากมาตรการท่ีมีอยู่น่าจะเพียงพอแล้ว หากมีมาตรการเพ่ิมเติมอาจ
กระทบถึงความเชอื่ มัน่ ในภาพรวม
ข้อเสนอแนะ
เห็นควรเปรียบเทียบสถติ ิในการดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้จ้างวาน กรณี
การกันผู้ต้องหาเป็นพยานของพนักงานสอบสวน สานักงานตารวจแห่งชาติ มีกี่คดี ผลคดี มีหรือไม่
จึงไมเ่ ห็นด้วยกบั การกาหนดแนวทางการกันผู้ตอ้ งเปน็ พยานในคดีพิเศษ เพราะ
1. เป็นพยานท่ีต้องห้ามมิให้รับฟังในคดีอาญา เน่ืองจากพยานประเภทนี้เคยมี
สถานะเปน็ ผู้ตอ้ งหา และมีส่วนร่วมหรือเกีย่ วข้องในการกระทาความผดิ มาก่อน เม่อื พนักงานสอบสวน
ใช้แนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน มีผลให้ผู้ต้องหาดังกล่าวไม่ต้องรับโทษอาญา จึงเข้าข่ายเป็น
พยานบุคคลท่ีเกิดจากการที่พนักงานสอบสวนจูงใจ ให้คามั่นสัญญาตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณา

287

ความอาญา มาตรา 226 จึงต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้นตามตามประมวลกฎหมาย
วิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา 226/1

2. ผู้ต้องหาที่เข้าข่ายมีส่วนร่วมหรือเก่ียวข้องในการกระทาความผิด กรณีหาก
ทหี ลายคน พนักงานสอบสวนจะมหี ลกั เกณฑ์ในการกนั ผ้ตู ้องหาคนใดคนหนึ่งเป็นพยานอย่างไร ซง่ึ เชื่อ
ว่าผู้ต้องหาทุกคนประสงค์ให้กันตัวเองเป็นพยาน เพ่ือจะได้ไม่ต้องรับโทษ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิด
ความไม่ยุติธรรมกับผู้ต้องหาท่ีไม่ได้ถูกกันเป็นพยาน และเป็นช่องทางให้พนักงานสอบสวนแสวงหา
ประโยชน์ท่ีมีควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีขนั้ ตอนจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ
ใดก็ตาม

3. ผู้ต้องหาที่กันเป็นพยานกลับคาให้การในชั้นพิจารณา กรณีผู้ต้องหาท่ีทาง
พนักงานสอบสวนได้ดาเนินตามวิธีการกันเป็นพยานแล้ว ภายหลังไปเบิกความต่อศาลในสถานะเป็น
พยาน หากกลับคาให้การก็จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ซึ่งจะมีโทษจาคุกน้อยกว่าความผิดที่มีส่วน
ร่วมหรือเก่ียวข้องในการกระทาความผิดฐานเดิม และจะเป็นการยุ่งยาก หากจะต้องแก้ไขเพ่ิมเติม
กฎหมาย ดังเช่นการกันบุคคลซ่ึงมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทาความผิดกับเจ้าพนักงานรัฐ ในมาตรา
135 แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561

4. เจตนารมณ์ในการตราพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ก็เพ่ือให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีวิธีการและอานาจสืบสวนและสอบสวนที่มีประสิทธภิ าพ ในเร่อื ง
การแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การกระทาความผิดมากกว่าพนักงานสอบสวนในคดีอาญาปกติ
อยู่แล้ว เช่น การได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 25 การแฝงตัว ตามมาตรา 27 การแต่งตั้งที่ปรึกษา
คดีพิเศษ ตามมาตรา 30 แต่งตั้งพนักงานอัยการมาสอบสวนร่วมหรือปฏิบัติหน้าที่ร่วม ตามมาตรา 32
และแต่งต้ังเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานอื่นมาปฏิบัติหน้าท่ี ตามมาตรา 33 จึงน่าจะเป็นวิธีการที่เพียงพอ
ในการแสวงหาพยานหลักฐาน หากจะมีการกันผู้ต้องหาเป็นพยานอีก จะทาให้สังคมขาดความเชื่อม่ัน
และศรทั ธาในตวั พนกั งานสอบสวน และกรมสอบสวนคดีพเิ ศษที่มกี ฎหมายให้อานาจไว้อยแู่ ล้วได้

5. ผู้ต้องหารับสารภาพมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องในการกระทาความผิด และให้
ข้อเท็จจริงพฤติการณ์ตลอดจนพยานหลักฐานต่าง ๆ กฎหมายก็ได้บัญญัติให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องหา
โดยอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษท่ีศาลจะลดโทษไม่เกินก่ึงหนึ่งของโทษท่ีจะลงแก่ผู้กระทาความผิดน้ัน
ตามมาตรา 78 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เมื่อศาลมีคาพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว การท่ีพนักงาน
สอบสวนจักต้องบันทึกถ้อยคาบุคคลดังกล่าวในสถานะเป็นพยาน ก็มิได้ยุ่งยากและเป็นภาระ เพราะได้มี
การรวบรวมพยานหลักฐานเดิมในคดีอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม ลาพังพยานหลักฐานที่ได้จากผู้กระทา
ความผิดในสถานะดังกล่าว การรับฟังในการลงโทษผู้กระทาผิดกับตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้จ้างวาน อาจจะมี
น้าหนกั นอ้ ย พนักงานสอบสวนจาตอ้ งรวบรวมพยานหลกั ฐานอืน่ ประกอบอยูด่ ี

5.2.2.10 ผใู้ หข้ อ้ มูลคนที่ 10
สภาพปัญหา
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติใดห้ามมิให้

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกันผกู้ ระทาความผิดหรือผู้ต้องหาเป็นพยาน แต่การใช้ดลุ พินจิ ของพนักงาน
ส อ บ ส ว น ใน ค ดี ค ว รมี ค ว าม ร ะ มั ด ระ วั งใน ก า รใช้ ดุ ล พิ นิ จ ใน ก า รกั น ผู้ ก ระ ท าค ว าม ผิ ด เป็ น พ ย า น
โดยคานึงถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการกันบุคคลดังกล่าวไว้เป็นพยาน หรือการนาบุคคลผู้ร่วมกระทา
ความผิดนั้นมาดาเนินคดี โดยช่ังน้าหนักได้เสียจากการกันบุคคลเป็นพยานประกอบพยานหลักฐานอ่ืน

288

ในสานวนการสอบสวน มีน้าหนักเพียงพอที่ศาลจะรับฟังพยานบุคคลดังกล่าว เพื่อลงโทษผู้ต้องหา
หลักในคดีหรือไม่ และพยานที่สามารถกันเป็นพยานน้ันมีส่วน ในการกระทาความผิดเพียงใด การใช้
ดุลพินิจดังกล่าวไม่ควรเป็นการร่วมในการกระทาความผิดท่ีสาคัญ จึงควรอยู่ในขอบเขตเฉพาะผู้สนับสนุน
หรือช่วยเหลือก่อนและหลังกระทาความผิดเท่าน้ัน ซึ่งบางครั้งการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ในคดีอาจเป็นไปได้ยาก เพราะการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษน้ัน
เป็นการกระทาความผิดที่มีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ความผิดที่มีผู้ทรงอิทธิพลเป็นตัวการ
สาคัญ หรือความผิดที่มีลักษณะซับซ้อน การจะหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนตัวการในการกระทา
ความผิดอาจเป็นไปได้ยาก การใช้ดุลพินิจในการกันผู้มีส่วนร่วมการกระทาความผิดในฐานะที่เป็น
ผู้สนับนุนน้ันอาจมีส่วนสาคัญในการแสวงหาพยานหลักฐานมาดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดท่ีเป็น
ตัวการหลักได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะความผิดท่ีไม่สามารถหาพยานหลักฐานในการกระทาความผิดได้
โดยง่าย เช่น ความผิดฐานฮั้วประมูล หรอื ความผิดฐานแชร์ลูกโซ่ การใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ในคดใี นการกันผู้รว่ มกระทาความผดิ ในฐานะแมท่ มี รายย่อย เพื่อเป็นพยานซัดทอดการกระทาความผิด
ของตวั การหลกั อาจเปน็ เรื่องสาคญั ทท่ี าใหศ้ าลสามารถพิสูจน์การกระทาความผดิ ของตัวการไดด้ ีย่ิงข้ึน

ไม่เห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิด
เป็นพยานในคดีพิเศษ เน่ืองจากในการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการกันผู้กระทาความผิด
ดว้ ยกันเป็นพยานน้ัน มีการกลั่นกรองความเหน็ ในการดาเนินคดคี วรสงั่ ฟ้องหรือไม่ฟ้องผูต้ ้องหารายใด
ในรูปแบบของการประชุมคณะพนักงานสอบสวน และการกล่ันกรองความเห็นโดยผู้บังคับบัญชา
ตามลาดับชั้น ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบดุลพินิจของพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว การกาหนด
แนวทางในรูปแบบของกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับ ข้ึนมาควบคุมเป็นการทาให้ดุลพินิจของพนักงาน
สอบสวนเจ้าของคดีไม่สามารถใช้ดุลพินิจได้อย่างอิสระ เพราะการใช้ดุลพินิจในการกันบุคคลใดเป็นพยาน
ข้ึนอยู่กับพยานหลักฐานตา่ ง ๆ ในสานวน และประโยชน์ที่ได้รับ หากมกี ารกันบุคคลดังกล่าวไว้เป็นพยาน
สาคัญในคดีซ่ึงไม่สามารถกาหนดให้ชัดเจนเป็นหลักเกณฑ์ตายตัว ให้เหมือนกันในทุกคดีได้ และการ
กาหนดกรอบแนวทางดังกล่าวในชั้นพนักงานอัยการได้มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาซึ่งเป็นดุลพินิจของ
พนักงานอัยการในการกล่ันกรองความเห้นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหารายใดอยู่แล้ว จึงไม่มีความ
จาเป็นในการกาหนดกรอบแนวคิดดังกล่าวในชั้นของพนักงานสอบสวนอกี แต่อยา่ งใด

5.2.2.11 ผใู้ ห้ข้อมูลคนท่ี 11
สภาพปัญหา
พยานมีจานวนมากและกระจายอยู่ท่ัวประเทศ พยานสาคัญบางรายยาก

ต่อการติดตามมาให้การ และไม่ให้ความช่วยเหลือหรือปกปิดข้อเท็จริง บางรายไม่มีค่าใช้จ่ายในการ
เดนิ ทางมา บางรายติดต่อไมไ่ ด้เนอ่ื งจากยา้ ยไม่ทราบที่อยู่

ขอ้ เสนอแนะ
การติดตามพยานสาคัญมาให้การ และการวิเคราะห์ชั่งน้าหนักพยาน
หลักฐานเป็นสิ่งสาคัญที่พนักงานสอบสวนจะต้องดาเนินการในระดับแรก เพื่อให้พยานหลักฐานไม่สูญหาย
ถูกทาลายไปเสียก่อน ซึ่งอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตามพยาน จึงเห็นด้วยที่จะกาหนดแนวทางการ
กันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เน่ืองจากคดีสาคัญหลายคดีอาศัยพยาน
หลักฐานจากตัวผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิด หากมีผู้ร่วมกระทาความผิดบางรายท่ียินยอม
เปดิ เผยขอ้ มูลทเี่ ปน็ ประโยชน์ในการดาเนนิ คดกี ับผ้ตู อ้ งหารายสาคญั ได้

289

5.2.2.12 ผู้ใหข้ ้อมูลคนท่ี 12
สภาพปญั หา
ในการดาเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่า ไม่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ

การท่ีพนักงานสอบสวนจะดาเนินการขอกันตัวผู้กระทาความผิดในคดีเป็นพยาน หรือบุคคลดังกล่าว
ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วแต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้อาศัยเพียงแนวทางปฏิบัติของพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษ ในเร่ืองของการเขียนรายงานการสอบสวน และมีความเห็นทางคดีที่อธิบายไว้ในคู่มือ
การปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

ขอ้ เสนอแนะ
ขอเสนอให้ใช้ระเบียบสานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดาเนินคดีของพนักงาน
อัยการ พ.ศ. 2547 ข้อ 79 เป็นแนวทางในการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยหลักปฏิบัติ
ในการดาเนินการกันผู้กระทาความผิดหรือผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีน้ัน ให้นาพระราชบัญญัติการสอบสวน
คดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 32 และข้อบังคับ กคพ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนร่วมกัน
หรือปฏิบัติหน้าท่ีร่วมกันในคดีพิเศษระหว่างพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกับอัยการ หรืออัยการทหาร
พ.ศ. 2547 มาใชป้ ระโยชน์
5.2.2.13 ผใู้ หข้ อ้ มูลคนท่ี 13
สภาพปญั หา
กรณีคดีลักลอบนาเข้ายาเสพติดจากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น พบว่า
มีคนไทย เป็นผู้ลักลอบนาเข้ายาเสพติดไปยังประเทศญี่ปุ่นในลักษณะตัวการร่วมถูกควบคุมตัว
ดาเนินคดีในประเทศญี่ปุ่นหลายราย ต่างกรรมต่างวาระกัน โดยมีตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน คนเดียวกัน
หรือกลุ่มขบวนการเดียวกันที่เป็นชาวต่างชาติหลบหนีเข้ามาอาศัยในประเทศไทย ทาให้ข้อมูลสาหรับ
การสืบสวนสอบสวนชาวต่างชาติมีน้อยมาก ส่งผลให้ไม่สามารถสืบสวนสอบสวนหาพยานแวดล้อมที่
เกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทาความผิดและพยานอ่ืนมายืนยันการกระทาความผิดและดาเนินคดีกับ
ตัวการ ผู้ใช้ ผู้จา้ งวาน ท่ีเปน็ ชาวตา่ งชาติได้และเปน็ ชอ่ งวางทางกฎหมายในการต่อสู้คดี
ข้อเสนอแนะ
ควรมีการเพิ่มหัวข้อเก่ยี วกับการรับฟังพยานและการสอบสวนพยานซัดทอด
และกรณีพยานซัดทอดหลายรายต่างกรรมต่างวาระกัน เพ่อื ให้การรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้ผู้รว่ ม
กระทาความผิดต่างกรรมต่างวาระเป็นพยานซัดทอดตัวการ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน สามารถทาได้โดยไม่ต้องแยก
สานวนการสอบสวนเพื่อมีความเห็นส่ังไม่ฟ้องพยานซัดทอด และให้สามารถใช้การสอบสวนปกติ
สาหรับสอบสวนพยานซัดทอดในฐานะพยานบุคคลในคดีพิเศษ เพ่ือให้มพี ยานหลักฐานม่ันคงแน่นหนา
ในการดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ ผู้ว่าจ้าง ได้ จึงเห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาและ
ผู้กระทาความผิดในคดีพิเศษ โดยมีเหตุผลเพ่ือเป็นการปิดช่องว่างทางกฎหมายในการใช้เป็นข้อต่อสู้
ของผู้ต้องหาที่ถูกซัดทอด และเป็นการลดภาระพนักงานสอบสวนที่จะต้องแยกทาสานวนสั่งไม่ฟ้อง
ผู้ตอ้ งหาทจ่ี ะกันไว้เป็นพยาน โดยเฉพาะกรณีที่ไมอ่ าจหาวิธีอ่ืนใดหรือไม่สามารถหาพยานหลักฐานอน่ื ได้
5.2.2.14 ผู้ให้ขอ้ มูลคนที่ 14
เห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาและผู้กระทาความผิดใน
คดพี เิ ศษ เป็นแนวทางท่นี า่ สนใจ เน่อื งจากบางคดีผู้เสียหายมีส่วนในการกระทาความผิด เกิดจากความ
ไม่รู้ข้อกฎหมาย จึงไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย แต่ในความเป็นจริงได้รับความเสียหายจากการกระทา

290

ความผิดจริง จงึ มีส่วนช่วยให้การดาเนินคดีสามารถขยายผลไปถงึ องค์กรอาชญากรรมทางเศรษฐกิจได้
เช่น คดีแชรล์ ูกโซ่ หรอื คดีกยู้ มื เงินหน้นี อกระบบรายใหญ่ หากมีการพฒั นาแก้ไขกฎหมายเพ่ือเป็นกลไก
ในการดาเนินคดีหรือพิสูจนค์ วามผดิ จะทาให้คดีพิเศษมีประสิทธิภาพมากย่ิงขนึ้ แต่ขั้นตอนการกาหนด
แนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม และกระทาเท่าที่
จาเป็น เพ่ือหลีกเล่ียงประเด็นปัญหาการใชด้ ุลพินิจของพนักงานสอบสวน ทาใหพ้ ยานหลักฐานในคดีมี
นา้ หนักนา่ เชือ่ ถือและเปน็ ไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

5.2.2.15 ผใู้ ห้ข้อมลู คนท่ี 15
สภาพปญั หา
จากการสอบสวนคดีพิเศษท่ีเกี่ยวข้องกับคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วย

การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พบปัญหาเกี่ยวกับตัวผู้ร่วมกระทาความผิดท่ีเป็นคนไทยซ่ึงถูก
คนต่างด้าวนาช่ือไปใช้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจากัดแทนคนต่างด้าว โดยส่วนใหญ่พบว่าคนไทยดังกล่าว
จะเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของคนต่างด้าว เมื่อถูกนายจ้างซ่ึงเป็นคนต่างด้าวขอนาช่ือไปใช้เป็นผถู้ ือหุ้น
แทนมักจะไม่กล้าท่ีจะปฏิเสธ เนื่องจากเกรงกลวั ว่าหากปฏิเสธไปแลว้ อาจถูกใหอ้ อกจากงาน พนักงาน
หรือลูกจ้างคนไทยดังกล่าวจึงตกอยู่ในสถานะของผู้ร่วมกระทาความผิดด้วย เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนเอง
ไม่ได้ลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทจริงแต่อย่างใด และการท่ีปรากฏช่ือของตนเองในทะเบียนผู้ถือหุ้นนั้นเป็นการ
ถือหุน้ แทนคนต่างดา้ วซึง่ เปน็ เจา้ ของหนุ้ ที่แทจ้ รงิ

แต่เนื่องจากการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น หรือการนาเงิน
ไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษทั น้นั เป็นเรือ่ งท่ไี มอ่ าจหาพยานหลักฐานมาพสิ ูจน์ได้โดยง่าย เพราะเป็นเร่ืองท่ีมี
แต่เพียงตัวคนไทยท่ีถือหุ้นแทนและคนต่างด้าวที่นาช่ือไปใช้เท่าน้ันที่รู้ การแสวงหาพยานหลักฐาน
จึงจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไทยท่ีถูกนาช่ือไปใช้ในการถือหุ้นแทนให้ความร่วมมือ ซ่ึงอาจ
ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานท่ีนาไปสู่การดาเนินคดีกับคนต่างด้าวได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนไทย
นน้ั ตกอย่ใู นสถานะเปน็ ผรู้ ่วมกระทาความผิดนน้ั ดังนน้ั หากมีการดาเนินคดีกับคนไทยด้วยแล้ว การจะ
ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของคนต่างด้าวน้ัน
จึงแทบจะเปน็ ไปไม่ได้เลย ทาให้คดีมีน้าหนกั นอ้ ยและอาจไมเ่ พยี งพอต่อการเอาผดิ คนตา่ งด้าว

ขอ้ เสนอแนะ
หากพิจารณาถึงความใกล้ชิดต่อเหตุและมูลเหตุในการจูงใจให้กระทา
ความผิดแล้ว จะเห็นได้ว่าคนไทยที่ถูกนาช่ือไปใช้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวนั้น เป็นพยานบุคคลท่ีรู้
ข้อเท็จจริงและใกล้ชิดกับเหตุมากที่สุด และหากมองที่แรงจูงใจในการกระทาความผิดแล้วจะเห็นว่า
บุคคลดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ท่ีอยากกระทาความผิดมาตั้งแต่ต้น แต่เพราะตกอยู่ในสภาพกล้ากลืน
ฝืนทน จึงยินยอมให้นาชื่อไปใช้ในการกระทาความผิด หากเปรียบเทียบกับตัวคนต่างด้าวแล้ว คนไทย
ย่อมอยู่ในฐานะท่ีเป็นผู้กระทาความผิดท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทาน้อยกว่า ท้ังหากพิจารณาในด้าน
ของพยานหลักฐานแล้ว การได้ตัวคนไทยดังกล่าวมาให้ปากคาและไปเบิกความต่อศาลในฐานะพยาน
โจทก์ย่อมเป็นผลดีต่อรูปคดีมากกว่า ดังน้ัน หากสามารถกันตัวคนไทยท่ีมีส่วนร่วมในการกระทาผิด
ดังกล่าวไว้เป็นพยานในคดีพิเศษได้แล้ว ย่อมส่งผลดีและจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน
คดพี ิเศษเป็นอยา่ งย่งิ
เห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาและผู้กระทาความผิดใน
คดีพิเศษ ในการกันตัวบุคคลผู้ร่วมกระทาความผิดซ่ึงมีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทาน้อยท่ีสุด และเป็น

291

บคุ คลที่รู้เห็นข้อเท็จจริงท่ีเก่ียวกับการกระทาความผิดไวเ้ ป็นพยานน้ัน ถือเป็นแนวทางท่ีสามารถยอมรับได้
โดยเฉพาะในคดีความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซ่ึงเป็นตัวการสาคัญของเร่ืองเป็น
หลัก ซึ่งหากแนวทางในการกันคนไทยซ่ึงเป็นผู้ต้องหาที่ร่วมกระทาความผิดไว้เป็นพยานในคดีพิเศษ
เชือ่ วา่ จะเปน็ ผลดมี ากกว่าผลเสียอยา่ งแน่นอน

5.2.2.16 ผู้ให้ข้อมลู คนที่ 16
สภาพปัญหา
1. การสอบสวนปากคาผู้ต้องหาที่ขอกันเป็นพยาน ให้ทาการสอบปากคาใน

ฐานะผู้ต้องหาให้ปรากฏข้อเท็จจริงตามรูปคดีโดยละเอียดท่ีสุดเท่าที่สามารถจะทาได้ พนักงานสอบสวน
พึงระวังในการสอบสวน เพราะผูต้ ้องหาอาจใหก้ ารบิดเบือน หรือซัดทอดและซา้ เติมพวกเดยี วกนั เอง

2. ยังไม่มรี ะเบยี บหรอื กฎหมายใดกาหนดหรอื วางแนวปฏิบัตไิ ว้
3. คาเบิกความของผูร้ ่วมกระทาความผิดดังกล่าวที่กันไวเ้ ป็นพยานจะรับฟัง
ได้เพียงใด หรือพยานมาเบิกความในช้ันศาล แต่พยานกลับคา หรือเบิกความไปในทางท่ีไม่เป็น
ประโยชนก์ บั ฝ่ายโจทก์
4. พยานประเภทน้ีมีน้าหนักให้รับฟังได้น้อยมาก และเป็นที่ระแวงแก่ผู้ฟัง
จึงจาเป็นอย่างย่ิงยวดที่จะต้องมีพยานอ่ืน ๆ หรืออาจอาศัยถ้อยคาพยานชนิดนี้สืบสวนให้ได้หลักฐาน
อืน่ ๆ มาเปน็ หลกั แก่คดอี ีกใหไ้ ด้
5. ผู้ต้องหารายอ่ืนในคดีอาจใช้เป็นข้อโต้แย้งพนักงานสอบสวนได้ ไม่มี
แนวปฏิบตั ิ ข้ันตอน และระเบยี บกาหนดเป็นแนวทางเอาไว้
ข้อเสนอแนะ
1. คดีพิเศษดา้ นคดีภาษีอากรพยานหลักฐานสาคญั ส่วนใหญเ่ ปน็ พยานเอกสาร
พยานบคุ คลเป็นพยานบอกเลา่ สนับสนุนดา้ นขอ้ กฎหมาย ขน้ั ตอน วิธีการ หรอื การตรวจพสิ ูจน์ เปน็ ตน้
2. ควรมแี นวทางการปฏิบตั ิ ข้ันตอน และระเบยี บกาหนดเปน็ แนวทางท่ีแนช่ ดั
จึงเห็ น ด้ ว ย กั บ ก าร ที่ ก รม ส อ บ ส ว น ค ดี พิ เศ ษ จ ะ ก าห น ด แ น ว ท างก ารกั น
ผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการแสวงหาพยาน
หลกั ฐานในคดพี เิ ศษจากพยานบุคคล
5.2.2.17 ผู้ให้ข้อมลู คนท่ี 17
สภาพปญั หา
ตามประกาศ กคพ. (ฉบับ 7) พ.ศ. 2562 เร่ือง กาหนดรายละเอียดของลักษณะ
ของการกระทาความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหน่ึง (1) แห่งพระราชบัญญัติการ
สอบสวนคดีพิเศษ ข้อ 4 ประกอบบัญชีท้ายประกาศ ข้อ 4 กองคดีทรัพย์สินทางปัญญารับผิดชอบ
คดีความผิดท่ีมีบทกาหนดโทษตามมาตรา 108 มาตรา 109 มาตรา 109/1 มาตรา 110 และมาตรา 114
แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีหรือมีมูลน่าเช่ือว่ามีการ
กระทาความผิดในลักษณะเป็นแหล่งผลิต แหล่งจาหน่าย สถานท่ีรับซ้ือ สถานที่เก็บสินค้า หรือได้
นาเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีสิ่งของหรือสินค้าไว้ในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทา
ความผิด หรือซง่ึ ได้มาโดยการกระทาความผิด หรือซ่ึงมีไว้เปน็ ความผิด อันมมี ูลค่าตามราคาท้องตลาด
ต้ังแต่สิบล้านบาทข้ึนไป หรือคดีท่ีน่าเช่ือว่ามีมูลค่าความเสียหายอันเกิดจากการกระทาความผิด
ต้ังแต่สบิ ลา้ นบาทขึ้นไป

292

ปัจจุบันการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์มีส่วนแบ่งการตลาดสูงข้ึนอย่าง
ต่อเน่ือง โดยเฉพาะระบบตัวแทนจาหน่ายแบบดรอปชิป (Dropship) ซ่ึงเปน็ ระบบตัวแทนจาหน่ายท่ีมี
รูปแบบแตกต่างจากตัวแทนจาหน่ายแบบปกติ โดยตัวแทนไม่จาเป็นต้องสต็อกสินค้าหรือส่งของเอง
แต่เป็นการนาข้อมูลสินค้าจากผู้ขายมาใช้และบวกกาไรเพ่ิมในการขาย เมื่อขายได้ก็จะแจ้งให้ผู้ขาย
จดั สง่ สินคา้ ให้กับผซู้ อื้ แลว้ จงึ จา่ ยเงนิ ค่าสินค้า โดยหักเงนิ กาไรไว้

กรณีการใช้ระบบตัวแทนจาหน่ายแบบดรอปชิป (Dropship) ทาการจาหน่าย
สินค้าที่มีลักษณะปลอมเครื่องหมายการค้าผู้อื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร กลุ่มตัวแทน
จาหน่ายจะปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพ่ือป้องกันการจับกุมของผู้บังคับใช้กฎหมาย เช่น ใช้ข้อมูลปลอมในการ
ลงทะเบียน facebook รวมทั้ง การใช้บัญชีเงินฝากของบุคคล เงินในการรับโอนเงินค่าสินค้าในส่วน
ของเจ้าของสินค้าจะจัดส่งพัสดุผ่านผู้ให้บริการที่ไม่มีศักยภาพในการตรวจสอบข้อมูลบุคคล เช่น
ไปรษณยี ์เอกชนท่ีจะรวบรวมพัสดุไปสง่ ที่ที่ทาการไปรษณีย์ โดยจะแสดงตนเป็นผสู้ ่งพัสดุเอง ทาให้เป็น
อุปสรรคในการสืบสวน หากพนักงานสอบสวนทาการล่อซ้ือสินค้าปลอมเครือ่ งหมายการค้า เพ่ือตรวจสอบ
เส้นทางการเงิน จะพบข้อมูลบัญชีตัวแทนจาหน่ายเพียงรายเดียว และไม่พบความเชื่อมโยงระหว่าง
ตัวแทนจาหน่ายกับเจ้าของสินค้า แต่เมื่อพิจารณาปริมาณการขายแต่ละวันจากจานวนการส่งพัสดุ
พบวา่ ในแต่ละเดอื นมีจานวนมากจนน่าเชอ่ื ว่ามมี ูลค่าการจาหน่ายมากกว่าสิบลา้ นบาท

ข้อเสนอแนะ
ตัวแทนจาหน่ายในระบบตัวแทนจาหน่ายแบบดรอปชิป (Dropship) ทาการ
จาหน่ายสนิ ค้าที่มีลักษณะปลอมเคร่ืองหมายการค้าผู้อ่ืนที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร มีลักษณะ
เป็นผู้ค้าปลีกมีรายได้จากส่วนต่างในการจาหน่าย ไม่ใช่เป็นขบวนการที่มกี ารแบ่งหน้าท่ีกันทา หากจะ
ดาเนินคดีกับเจ้าของสินค้าอาจต้องมีการกันตัวผู้แทนจาหน่ายเป็นพยานในคดีพิเศษ เพ่ือยืนยันตัว
บุคคลทเ่ี ปน็ เจ้าของสินคา้
จึงเห็นด้วยกับการกาหนดแนวทางในการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิด
เป็นพยานในคดีพิเศษ เนื่องจาก ปัจจุบันการติดต่อส่ือสารหลายช่องทางท่ีไม่สามารถขอได้จากผู้ให้บริการ
เชน่ facebook และ line การกันตัวผทู้ ่ีเป็นตัวแทนจาหน่ายเป็นพยานในคดีพิเศษ เพ่ือยนื ยันตวั บุคคล
ที่เปน็ เจ้าของสินคา้ โดยใช้ข้อมูลการตดิ ต่อระหว่างตัวแทนจาหนา่ ยกบั เจา้ ของสนิ ค้า ต้องพิจารณาด้วย
ความรอบคอบว่า บุคคลดังกล่าวไม่ใช่ตัวการสาคัญ และพนักงานสอบสวนได้พยายามแสวงหาพยาน
หลักฐานทุกวิถีทางแล้ว หากไม่กันผู้ที่เป็นตัวแทนจาหน่ายไว้เป็นพยานแล้ว พยานหลักฐานท่ีมีอยู่
ไม่เพยี งพอในการดาเนนิ คดี และไม่อาจแสวงหาพยานหลกั ฐานอ่ืนใดได้อีก
5.2.2.18 ผูใ้ ห้ขอ้ มูลคนที่ 18
สภาพปัญหา
ในการผลิตสินค้าท่ีมีวัตถุอันตรายเป็นส่วนผสม การสืบสวนพบว่าลูกจ้าง
เป็นคนผลิตสินค้าให้ ผู้ต้องหาตัวการรายใหญ่ ซึ่งหากลูกจ้างไม่ทราบว่าส่ิงท่ีตนผสม แบ่ง บรรจุนั้น
เป็นวัตถุอันตรายก็ถอื ว่าผู้ต้องหารายใหญ่กระทาผิดทางอ้อมโดยใช้ลกู จ้างเป็นเครื่องมือ แต่ทางลูกจ้าง
ทราบดีอยู่แล้วว่าสิ่งท่ีตนกาลังผลิตเป็นวัตถุอันตรายท่ีฝ่าฝืนกฎหมาย ถือได้ว่าลูกจ้างอาจร่วมกัน
ผลิตด้วย แต่ในบางกรณีอาจไม่มีหลักฐานอ่ืนยืนยันตัวการใหญ่ หากไม่กันลูกจ้างไว้เป็นพยานก็อาจ
ขยายผลไปไม่ถึงตวั การใหญ่ จึงมีความจาเป็นอย่างมาก สมควรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะตอ้ งกาหนด

293

แนวทางในการปฏิบัตทิ ่ีเป็นมาตรฐานและเหมาะสม โดยไม่ขัดหรอื แย้งกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายอ่ืน
ท่บี ัญญตั ไิ วก้ ่อนหน้าน้ี

ขอ้ เสนอแนะ
เห็นควรทาการศึกษาเพ่ือหาแนวทางและหลักการท่ีเหมาะสมในการกันผู้ตัว
กระทาความผิดหรือผูต้ ้องหาเป็นพยานในสว่ นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยอาศัยแนวคิดแนวปฏิบัติ
ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอ่ืน ๆ เกี่ยวกับการกันผู้กระทาความผิดหรือผู้ต้องหาเป็นพยาน
ในคดีอาญาของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย อาทิ สานักงานตารวจแห่งชาติ สานักงาน
อัยการสูงสุด สานักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตในภาครัฐ โดยมีหลักเกณฑ์ เช่น 1) เป็นคดีสาคัญมีระวางโทษสูง 2) ผู้ต้องหาท่ีจะกนั ไวเ้ ป็นพยาน
ต้องไม่ใช่ตัวการสาคัญ 3) ไม่สามารถหาพยานหลักฐานอื่นในคดีนั้นได้ และผู้ต้องหาเป็นพยานปากสาคัญ
ทส่ี ามารถยนื ยันตัวผู้กระทาความผิดได้ 4) ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ในการสอบสวนและจะไปเบิกความ
ในชัน้ ศาล 5) ยงั ไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะยืนยันชัดปราศจากข้อสงสัยวา่ ผูต้ ้องหากระทาความผิด
จงึ เหน็ ด้วยกับการกาหนดแนวทางการกนั ผ้ตู ้องหาหรอื ผกู้ ระทาความผดิ เป็น
พยานในคดีพิเศษ เพื่อหาแนวทางและหลักการท่ีควรจะเป็นในการกาหนดแนวทางที่เหมาะสมในการ
ปฏิบัติ ท่ีจะเป็นมาตรฐานเกย่ี วกับการผ้รู ่วมกระทาความผิดหรอื ผู้ต้องหาเป็นพยานในคดพี ิเศษ เพื่อให้
การสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษมีประสิทธิภาพ และดาเนินการโดยมีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้อง ทาให้
สามารถปราบปรามอาชญากรรมที่มีความสลับซับซ้อนเป็นขบวนการและนามาซึ่งการอานวยความ
ยตุ ธิ รรมแก่สงั คม
5.2.2.19 ผู้ใหข้ อ้ มลู คนท่ี 19
สภาพปญั หา
ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอานาจหน้าที่ในการสืบสวนคดีความผิดที่เป็น
คดีพิเศษ ซึ่งโดยส่วนมากคดีพิเศษมักจะมกี ารกระทาความผิดทีม่ ีความย่งุ ยากสลับซับซ้อน ยากต่อการ
แสวงหาพยานหลักฐาน และมีการร่วมกันกระทาความผิดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม หรือ
องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีผู้ร่วมกระทาความผิดหลายคน แบ่งหน้าที่กันทา ซ่ึงการสืบสวน
สอบสวนหากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พยายามทุกทางแล้ว ก็ไม่ทาให้ได้หลักฐานในคดีเพียง
พอท่ีจะรับฟังได้ว่าผู้ต้องหานั้นได้กระทาผิด และถ้าเป็นกรณีเหตุที่เกิดมีผู้ต้องหาหลายคน โดย
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอาจพิจารณากันพวกผู้ต้องหาคนใดคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตัวการสาคัญในคดีน้ัน
หากแต่เป็นเพียงผู้รู้เห็นในคดีน้ัน เพียงพอที่จะให้การเป็นพยานเบิกความในชั้นศาล ทั้งน้ี พนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษจะต้องมีเหตุผลซ่ึงแสดงความจาเป็นจริง ๆ ดังกล่าวข้างต้น เพื่อขออนุญาตท่ีจะกัน
ผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน ดังน้ัน การกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานน้ันเป็นวิธีการหนึ่งท่ีจะได้มาซึ่งพยาน
หลักฐานสาคัญในการนาตัวการสาคัญผู้กระทาความผิดมาลงโทษ แต่ผู้ต้องหาที่ถูกกันไว้เป็นพยานนั้น
กเ็ ป็นผู้ร่วมกระทาความผดิ เหมอื นกัน จึงเกิดปัญหาและอปุ สรรคในทางกฎหมายลักษณะพยานว่า การ
รับฟังถ้อยคาของบุคคลท่ีถูกกันไว้เป็นพยาน จะรับฟังได้มากน้อยเพียงใด เพราะบุคคลเหล่านั้นได้ชื่อ
ว่าเป็นพยานซัดทอด ซ่ึงโดยหลักแล้ว พยานซัดทอดนี้จะมีน้าหนักน้อย จะต้องรับฟังประกอบ
พยานหลักฐานอ่ืน จึงจะลงโทษจาเลยได้ หรือในกรณีที่พยานมาเบิกความในชั้นศาลแต่พยานกลับคา
หรือเบิกความไปในทางที่ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายโจทก์ ศาลก็จะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง

294

โดยศาลอาจจะนาคาให้การของพยานที่ได้เคยให้ไว้ในช้ันสอบสวนมาใช้ในชั้นศาล รวมท้ังรับฟัง
ประกอบกบั พยานแวดล้อมอน่ื ๆ ด้วย เพอื่ ทจี่ ะลงโทษจาเลยได้

ปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้มีการกาหนดแนวทางหรือระเบียบ
เก่ียวกับการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดไว้เป็นพยาน หากมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือ
ระเบียบในประเด็นดังกล่าว ก็จะทาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการสามารถนา
วิธีการน้ีมาใช้ให้ได้ผลอย่างเต็มท่ี ซ่ึงย่อมจะทาให้การทางานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและ
พนกั งานอยั การมปี ระสทิ ธิภาพมากยง่ิ ข้ึน

ขอ้ เสนอแนะ
เห็นควรท่ีกรมสอบสวนดคพิเศษจะมีการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหา
หรอื ผรู้ ่วมกระทาความผดิ เปน็ พยานในคดพี เิ ศษ โดยศกึ ษาเทยี บเคียงจาก
1. ประมวลระเบียบการตารวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 8 บทท่ี 7 ซึ่งได้
กาหนดแนวทางปฏิบัติไว้ตามหนังสือ ท่ี มท 0606.6/614 ลงวันที่ 19 มกราคม 2551 และหนังสือ
ท่ี 0001(ป)/124 ลงวนั ที่ 28 มกราคม 2542
2. พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม
ขา้ มชาติ พ.ศ. 2556 หมวด 3 วา่ ดว้ ยความร่วมมือทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การดาเนินคดี มาตรา 23
3. ควรมีระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าด้วยการกันตัวผู้ต้องหาหรือ
ผ้กู ระทาความผิดเป็นพยานในคดีพเิ ศษ โดยนาแนวทางของสานกั งานตารวจแหง่ ชาตเิ ป็นตัวเทียบเคียง
แล้วเพ่ิมเติมรายละเอียดเงอ่ื นไขและวิธีการเพ่ือกันตัวผู้ต้องหาหรอื ผู้กระทาความผิดเป็นพยาน โดยให้
มีหลักเกณฑ์เท่าท่ีจาเป็น และอยู่ภายใต้กรอบของบทบัญญัติสูงสุดที่เก่ียวข้องในรัฐธรรมนูญ และ
ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความทเี่ ก่ยี วข้อง
4. ควรมีการตั้งคณะทางานเพ่ือร่วมร่างระเบียบฯ ดังกล่าว จากทุกหน่วยงาน
ในสังกัดกรมสอบสวนดคพิเศษ หลังจากได้ข้อสรุปสภาพปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการ
แสวงหาพยานหลกั ฐานในคดีพิเศษ
5. ควรนาการต่อรองคารับสารภาพ (Plea bargaining) เป็นกระบวนการหน่ึง
ในการดาเนิคดีอาญาท่ีมีในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ เพ่ือเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาญา ในคดีท่ีขาดความ
เช่ือมโยงในคดีที่ขาดพยานหลักฐานบางส่วน หรือพยานหลักฐานไม่ครบถ้วน กระบวนการต่อรอง
คารับสารภาพควรนามาใช้ในคดีพิเศษท่ีมีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน เครือข่ายองค์กรอาชญากรรม
มีลักษณะข้ามชาติ หรือเป็นองค์กรอาชญากรรมนายหน้า มีตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ท่ีเป็นลักษณะ
เครือข่าย ทั้งน้ี เพ่ือการอานวยความยุติธรรมทางอาญาในคดีพิเศษที่บังเกิดผลสัมฤทธิ์มากขึ้นต่อไป
5.2.2.20 ผใู้ หข้ ้อมูลคนที่ 20
สภาพปัญหา
เดิมทีพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ตารวจ) ไม่ได้มีการกาหนดแนวทางปฏิบัติหรือกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการกันผู้กระทาความผิดไว้เป็น
พยานในคดีอาญา มีแต่เพียงการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานในคดีอาญาเท่าน้ัน ซึ่งความเห็นของ
สานักงานตารวจแห่งชาติกบั สานักงานอยั การสูงสดุ สอดคลอ้ งตอ้ งกนั คอื จะมกี ารกันผกู้ ระทาความผิด
ไดต้ ่อเมื่อต้องตกเปน็ ผูต้ ้องหาในคดีอาญาเสียก่อน โดยพนักงานสอบสวน (ตารวจ) ต้องมีความเห็นควร

295

สั่งไมฟ่ ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 140-142 และขออนมุ ัติในหลักการต่อ
ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป ต่อมาพนักงานอัยการหรืออัยการสูงสุดเห็นพ้องด้วย ก็จะออกคาสั่งไม่ฟ้อง
ผตู้ ้องหารายนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 หรือ 145 แล้วแตก่ รณี เพ่ือนา
ผู้ต้องหารายน้ันมาเบิกความเป็นพยานในฐานะเป็นผู้ร่วมกระทาความผิด ซ่ึงวิธีการนี้เป็นวิธการเดิม
มีมาในอดีต ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษในฐานะพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา ตอนยกร่างกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว
แต่ไม่สามารถยกร่างเป็นกฎหมายออกมาได้ แต่ในทางปฏิบัติ วธิ ีการปฏิบัตพิ นักงานสอบสวนคดีพเิ ศษ
ก็จะทาอยู่สองรูปแบบ คือ 1. การกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานในคดีพิเศษคล้ายคลึงกับของพนักงาน
สอบสวน สานกั งานตารวจแห่งชาติ และ 2. การกนั ผู้กระทาความผิดไว้เป็นพยานในคดีพิเศษ กลา่ วคือ
โดยหลักการเข้าเป็นผู้ร่วมกระทาความผิดตามกฎหมายลกั ษณะพยาน เป็นการกันตัว (Auto) โดยหลัก
สุจริต การสอบปากคาเป็นพยานโดยไม่ต้องถูกดาเนินคดี ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหาใน
คดีพิเศษ แต่สถานะยังคงเป็นผู้กระทาความผิดอยู่ สภาพปัญหาท่ีเกิดขึ้น คือ ความเห็นของพนักงาน
สอบสวนกับพนักงานอัยการมีความเห็นไม่ตรงกัน เช่น บางคร้ังพนักงานอัยการก็จะเห็นว่าถ้ามี
พยานหลักฐานเพียงพอว่าเป็นผู้กระทาความผิด ก็จะแนะนาให้ดาเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทา
ความผิดท่ีพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน ก็จะประสบปัญหาว่าพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน
แล้ว ทาไมต้องถูกดาเนนิ คดีในฐานะผ้ตู อ้ งหาอีก เหตุผลเพราะไม่มีกฎหมายบัญญตั ิไวใ้ ห้ทาได้

ต่อมามีร่างพระราชบัญญัติของสานักงาน ป.ป.ท. ออกเป็นกฎหมาย ลาดับ
แรกคือการกันตัวผู้กระทาความผิดหรือผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน ปรากฏตามมาตรา 4 วรรคสอง และ
มาตรา 58 แห่งพระราชบญั ญัตมิ าตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.
2551 ภายหลงั สานักงาน ป.ป.ช. ก็ไดม้ ีการนามาบัญญัติไวใ้ นร่างพระราชบัญญัตขิ องสานกั งาน ป.ป.ช.
ปรากฏตามมาตรา 135 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจรติ พ.ศ. 2561 ตอ่ มากม็ ีพระราชบัญญัติองคก์ รอัยการก็ได้มีการล้อตามกันมา

สภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือ เรากันผู้ต้องหาได้
เฉพาะในความเห็นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แต่เน่ืองจาก 1. ไม่มีระเบียบ 2. ไม่มีข้อกฎหมาย และ
3. ไม่มี แนวปฏบิ ัติ ซ่ึงในเรื่องดังกล่าวมีความเหน็ ท่ีแตกต่างกนั วา่ ในเร่ืองของอานาจการกันตัวผู้กระทา
ความผิดไว้เป็นพยานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอานาจกระทาได้หรือไม่ วิธีปฏิบัติของกรม
สอบสวนคดีพิเศษก็จะใช้วิธีการมีมติร่วมกันของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกับพนักงานอัยการ ถ้าจะ
สอบสวนผู้กระทาความผิดหรอื ผู้ต้องหาไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ าเนินคดีกบั ผูน้ ้นั

ขอ้ เสนอแนะ
1. เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา
... “บุคคลหรือผู้กระทาความผิดรายใดซ่ึงมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทาความผิดท่ีเป็นคดีพิเศษร่วมกับ
ผู้กระทาผิดรายอื่น หากได้ให้ถ้อยคา หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลอันเป็นสาระสาคัญที่จะใช้เป็น
พยานหลักฐานในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดรายอ่ืนน้ัน หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
เห็นสมควรจะดันผู้นั้นไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดีก็ได้ ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขตามท่ีขอ้ บังคับ กคพ. กาหนด” หรอื
2. ออกเป็นกฎหมายให้อานาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในการออก
ระเบยี บกรมสอบสวนคดีพเิ ศษในเรื่องดังกลา่ ว

296

5.3 สรุปผลกำรประชุมระดมควำมคิดเห็นโดยกำรประชุมกลุ่มย่อย และกำรแสดงควำมคิดเห็น
ของบุคลำกร/หน่วยงำนในสังกดั กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ

การประชุมระดมความคิดเห็นโดยการสนทนากลุ่มแบบเจาะจงและการรับฟังความคิดเห็น
ของบุคลากร/หน่วยงานในสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษในภาพรวมเห็นว่า การดาเนินคดีพิเศษซึ่งเป็น
คดีความผิดทางอาญาท่ีมีหลายประเภทความผิด มสี ภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานแตกต่าง
กันออกไปตามแต่ละประเภทคดี แต่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐาน การท่ีจะ
เชื่อมโยงไปสู่ผู้กระทาความผิดท่ีอยู่เบื้องหลังท่ีแท้จริง ซึ่งเป็นตัวการสาคัญ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนในการ
กระทาความผิด โดยเครื่องมือพิเศษท่ีมีอยู่ในบางคดีอาจไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสมกับการนาไปใช้
หากกรมสอบสวนคดีพิเศษจะมีการนาวิธีการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานในคดี
พิเศษส่วนใหญ่เห็นด้วยและให้การสนับสนุน แต่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้มี
ความชัดเจน โดยอาจแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ และต้องจัดทาอนุบัญญัติโดยการ
ออกข้อบังคับ กคพ. ซ่ึงจะมีรายละเอียด ขั้นตอน และเงือ่ นไขที่รัดกุม รอบคอบ ชัดเจน เพ่ือประโยชน์
ในการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน ป้องกันการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และ
คมุ้ ครองเจ้าหน้าท่ีผ้ปู ฏบิ ตั ิไดด้ ว้ ย

ในภาพรวมสนับสนุนให้มีการกาหนดกลไกหรือมาตรการการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน โดยให้เป็น
คดีที่มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน และพนักงานอัยการให้ความเห็นชอบด้วย และคณะพนักงานสอบสวน
ลงมติโดยเสียงข้างมาก ให้มีการต้ังคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบและกลั่นกรองในการเสนอการ
กันเป็นพยานหรือให้เสนอผู้บังคับบัญชาตามลาดับชั้น สาหรับเงื่อนไขอ่ืนเพ่ิมเตมิน้ัน ควรจะใช้ใน
เฉพาะคดีสาคัญที่มีตัวการใหญ่อยู่เบ้ืองหลัง และต้องเป็นคดีท่ีไม่อาจแสวงหาพยานหลักฐานอื่นได้
อีกท้ั งผู้ ต้ องห าที่ ถูกกัน ไว้ เป็ น พ ยาน จะต้ องส ามารถ ให้ ข้อมูล ท่ี เป็ น ป ระโย ช น์ แ ละส าม ารถน าไป สู่
พยานหลักฐานอื่นประกอบด้วย เพื่อให้มีน้าหนักต่อการรับฟังพยานของศาล และการให้ข้อมูลของ
ผู้ที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะต้องไม่เกิดจากการให้คาม่ันสัญญา จูงใจ หรือกระทาโดยประการอ่ืนที่มิชอบ
ด้วยกฎหมาย

[yGo2rua9rb7

reader’s

attentio

บทที่ 6 n with a

สรุปผลกำรวิจัยและขอ้ เสนอแนะ great
quote

6.1 สรปุ ผลกำรวจิ ัย from
the

ในการศึกษาวิจัยเร่ือง “แนวทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดdีพoิเcศuษme
เพ่ือการพัฒนากฎหมาย” เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาจากเอกสาร (Documennttoarry
กReระseบaวrนcกhา) รไยดุต้ศิธึกรษรมาคก้นรคะบว้วานแกลาะรรยวุตบิธรรวรมมทขา้องมอูาลญทาี่เกก่ียาวรสขืบ้อสงวกนับสกอฎบหสมวนายก/ารระแเสบวียงหบาทพี่เยกาี่ยนวหขลseu้อักpmsงฐeaกpาctับehนhaitssoi
การดาเนินคดีพิเศษ ตลอดจน งานวิจัยท้ังในประเทศและต่างประเทศท่ีเก่ียวข้อง นอกจากนzี้ยeังaไดke้ y

รวบรวมข้อมูลความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากการสมั ภาษณ์เชิงลกึ และการสนทนากลุ่ม เพือ่ ใหไ้ ดp้ขoอ้ inมtูล.

จากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ซ่ึงประกอบด้วย อดีตผู้บTรoิหpาlรace
กระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ สานักงานอัยการtสhูงisสtุดext
กผู้ลบุ่มริหผ้อูารารนะวดยับกาหรัวสห่วนน้าใหนนห่นวยว่ งยางนานในดส้าังนกคัดดกีพรเิ มศสษอซบึ่งสผวลนกคาดรศีพกึ ิเศษษาวผจิ ู้เยั ชสี่ยาวมชาารญถสเฉรพปุ าไดะด้ดัง้านน้ีคดีพิเศษebanooแyxnลwะthheer

6.1.1 ผลกำรศึกษำแนวคิด ทฤษฎี กฎหมำย และงำนวิจัยท่ีเก่ียวกับกำรแสวงหำพpaยgำeน,

หลักฐำนโดยกำรกันผู้ตอ้ งหำหรือผู้กระทำควำมผดิ เปน็ พยำน พบว่า just drag

ระบบกฎหมายของประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศซีวิลลอว์ (Civil Law) คือ iรt.ะ]บบ

กฎหมายลายลักษณ์อักษร ซ่ึงให้ความสาคัญกับกฎหมายที่มีการบัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

การศึกษากฎหมายต้องเร่ิมจากตัวบทกฎหมายเป็นสาคัญ คาพิพากษาของศาลไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็น

บรรทัดฐานแบบอย่างในการตีความกฎหมาย สาหรับกระบวนการดาเนินคดีอาญาของประเทศไทย

สว่ นใหญ่เป็นระบบกล่าวหา (Accusatorial System) เป็นระบบท่ีการเรม่ิ ต้นคดีจะต้องมีการกล่าวหา

เสียก่อน ศาลไม่สามารถจะเริ่มตน้ คดีด้วยตนเองได้ โดยเป็นการดาเนินคดีแบบมีคกู่ รณี คู่กรณีมีหน้าที่

ในการค้นหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานและนาพยานหลักฐานเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาล

ระบบกล่าวหาจะแยกอานาจ “การสอบสวนฟ้องร้อง” ออกจาก “การพิจารณาพิพากษา” โดยมี

องค์กรที่ทาหน้าที่ฟ้องร้องคือ “อัยการ” และศาลทาหน้าท่ี “ผู้พิพากษา” พนักงานสอบสวนจึงต้อง

มีการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพื่อท่ีจะแสดงให้เห็นว่า “มีการกระทาความผิด

เกิดขึ้นจริง” และ “ยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทาความผิด” ศาลมีลักษณะเป็นกลางและกาหนดให้

การสืบพยานต้องกระทาโดยเปิดเผยและต่อหน้าจาเลยโดยปราศจากข้อสงสัย พนักงานสอบสวนจึงมี

ความสาคัญอย่างย่ิงในการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพ่ือท่ีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล

และพยานหลกั ฐานต้องมีความถกู ต้อง ชัดเจน ครบถว้ น ศาลจึงจะสามารถพิจารณาพิพากษาคดไี ด้โดย

ปราศจากขอ้ สงสยั ใด ๆ

อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาคดีบางประเภทได้นาระบบไต่สวนมาใช้ในการพิจารณา

คดี โดยมกี ฎหมายไดบ้ ัญญัติให้คดีความผิดดงั ตอ่ ไปนี้ใชร้ ะบบไตส่ วน ได้แก่

1. คดปี กครอง

2. คดีในศาลรัฐธรรมนญู

3. คดีในศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง

298

4. คดฝี า่ ฝนื มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างรายแรงของผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมือง
5. คดเี กี่ยวกับการเลอื กตั้ง
6. คดีค้ามนุษย์
7. คดีทุจริตและประพฤติมชิ อบ
8. คดคี ุม้ ครองผบู้ ริโภค
ซ่ึงไม่ว่าจะเป็นคดีที่ใช้ระบบการพิจารณาในระบบกล่าวหาหรือในระบบไต่สวน ผู้ท่ี
เก่ียวข้องในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (Criminal Procedure due Process of Law) ยังคง
เหมือนกัน โดยประกอบด้วยบุคคล/องค์กรที่เก่ียวข้อง คือ ผู้กระทาความผิด ผู้เสียหาย พนักงาน
สอบสวนหรือตารวจ ทนายความ พนักงานอัยการ ศาลยุติธรรม กรมราชทัณฑ์
การสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ มีลักษณะท่ียุ่งยาก
ซับซ้อน และยากต่อการแสวงหาพยานหลักฐาน โดยคดีพิเศษส่วนใหญ่เป็นคดีที่มีการกระทาความผิด
ทางอาญาท่ีสาเร็จแล้ว หรือสาเร็จนานแล้ว ไม่ใช่คดีความผิดซึ่งหน้า หรือคดีความผิดที่เพ่ิงจะกระทา
ความผิดสาเร็จ ดังนั้น พยานหลักฐานต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในการกระทาความผิดมักจะเสียหาย สูญหาย
หรือจงใจทาให้สูญหายไป การที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานจึงมี
ความยากเป็นอย่างมาก อีกท้ังในคดีอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษนั้น ผู้กระทาความผิดมักจะรู้
กันเองในกระบวนการ มีลักษณะของการกระทาท่ีตัดตอน (cut out) ไม่สามารถสาวถึงตัวการ ผู้ใช้
ผู้สนับสนุนสาคัญที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้ ดังนั้น การจับผู้กระทาความผิดที่ไม่ใช่ตัวการ ผู้ใช้
ผู้สนับสนุนท่ีสาคัญ จึงไมส่ ามารถยับยัง้ อาชญากรรมคดพี เิ ศษได้อยา่ งสิน้ ซาก
กรมสอบสวนคดีพิเศษซ่ึงรับผิดชอบในการป้องกันและปราบปราม สืบสวนสอบสวน
เก่ียวกับคดีพิเศษมีมาตรการพิเศษหรือเคร่ืองมือพิเศษที่ปรากฏในพระราชบัญญัติการสอบสวน คดี
พิเศษที่เอื้ออานวยให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสามารถใช้ในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ
และแสวงหาขอ้ เท็จจริงในทางคดไี ดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ อาทิ
1. การเข้าไปในเคหสถานหรือสถานท่ีใด ๆ เพ่ือตรวจค้นเม่ือมีเหตุสงสัยตามสมควร
โดยไม่มีหมายคน้
2. การคน้ บุคคล หรอื ยานพาหนะท่ีมีเหตุสงสยั ตามสมควร
3. การมีหนังสือสอบถามหรือเรียกให้สถาบันการเงิน ส่วนราชการ องค์กร หรือ
หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจส่งเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคาหรือส่งคาช้ีแจงเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชี
เอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ เพ่ือตรวจสอบหรอื เพ่อื ประกอบการพจิ ารณา
4. การมีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใด ๆ มาเพื่อให้ถ้อยคา ส่งคาช้ีแจงเป็น
หนังสือหรอื สง่ บัญชีเอกสาร หรือหลกั ฐานใด ๆ เพ่อื ตรวจสอบหรอื เพ่ือประกอบการพจิ ารณา
5. การยดึ หรืออายัดทรพั ยส์ นิ ที่ค้นพบ
6. การได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารอ่ืนใดซึ่งส่งทางช่องทางต่าง ๆ ท่ีถูกใช้หรืออาจถูกใช้ในการ
กระทาความผิดที่เป็นคดีพิเศษ
7.การจดั ทาเอกสารหรือหลักฐานใด หรอื การแฝงตวั ในองค์กรหรอื กลุ่มคนใด
อย่างไรก็ตาม มาตรการพิเศษหรือเคร่ืองมือพิเศษที่เคยมีอยู่เดิมอาจไม่สามารถ
นามาใช้กับอาชญารรมท่มี ีการพัฒนารูปแบบได้อย่างมีประสทิ ธิภาพเหมือนเดิม กรมสอบสวนคดพี ิเศษ
จึงมีความจาเป็นท่ีจะต้องกาหนดมาตรการพิเศษหรือเคร่ืองมือพิเศษใหม่ ๆ เพ่ิมเติม ที่จะสามารถ

299

นามาใช้ในการแสวงหาพยานหลักฐานได้อย่างทันต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจ
อาทิ การกันไว้เป็นพยาน ซ่ึงในปัจจุบันน้ี วิธีการกันเป็นพยานได้มีการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง
มากขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการนามาบัญญัติไว้ในกฎหมายของหน่วยงานด้วยแล้ว อาทิ สานักงาน
ป.ป.ช. ได้บัญญัติเร่ืองน้ีไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ประกอบกับประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ เรอ่ื ง หลักเกณฑ์ วธิ ีการและเง่ือนไขในการกนั บุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดี พ.ศ. 2561
เป็นต้น และเพ่ือให้การกันเป็นพยานในถูกนามาใช้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ผู้วิจัยจึงเห็นควรแก้ไข
เพ่ิมเติมบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยนาเรื่อง การกันผู้ต้องหา
หรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ มาบัญญัติเพิ่มเติมในกฎหมายดังกล่าว และใช้เป็น
เครอื่ งมือในการแสวงหาพยานหลกั ฐานเพิ่มเติม เพื่อเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการบงั คบั ใช้กฎหมายต่อไป

6.1.2 ผลกำรศึกษำแนวทำง/วิธีกำร/หลักเกณฑ์กำรกันผู้ต้องหำหรือผู้กระทำควำมผิด
เป็นพยำนของหนว่ ยงำนในประเทศและต่ำงประเทศ พบวา่

การกันผู้ต้องหาเป็นพยานหมายความถึงกระบวนการท่ีพนักงานสอบสวนขอกัน
ผู้ต้องหาซ่ึงร่วมกระทาความผิดคนใดคนหน่ึงหรือหลายคนซ่ึงมิใช่ตัวการสาคัญในการกระทาความผิด
และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีไว้เป็นพยานโดยมีวัตถุประส งค์เพื่อนาคาให้การของพยานซึ่งเป็น
ขอ้ เท็จจรงิ ท่ีเกิดข้ึนไปเป็นพยานหลักฐานในการดาเนินคดตี ่อผู้กระทารายอนื่ ๆ ในคดีเดยี วกนั การกัน
ผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานเป็นวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่มีความจาเป็นทั้งในระบบ
คอมมอนลอว์ (Common Laws) และซีวลิ ลอว์ (Civil Laws)

กฎหมายของประเทศอังกฤษท่ีใช้ระบบลูกขุน (Jury) ได้วางรายละเอียดเกี่ยวกับการ
รบั ฟังพยานหลักฐานไว้อย่างชัดเจนเพราะไม่ต้องการให้ลูกขุนได้รับฟังพยานหลักฐานท่ีไม่ชอบอันอาจ
ทาใหค้ ณะลูกขุนเกิดอคตหิ รือความเอนเอียงจงึ มีหลักการห้ามรบั ฟงั พยานบอกเล่า เวน้ แต่เขา้ ข้อยกเว้น
โดยปจั จุบนั มีแนวโนม้ ที่จะยอมรบั ฟังพยานบอกเล่าได้มากขนึ้ ในบางกรณี เชน่ ใหร้ บั ฟังไดใ้ นฐานะเป็น
พยานประกอบ และได้ออกกฎหมายท่ีบัญญัติเก่ียวกับการคุ้มครองพยานขึ้น โดยให้อานาจศาลในการ
ดาเนินมาตรการเพ่ือปกปิดรปู พรรณสณั ฐานของพยานในกระบวนพจิ ารณาความอาญา

การกันตัวผู้ร่วมกระทาความผิดไว้เป็นพยานในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปตาม
หลักทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utilitalian Theory) ซ่ึงมีหลักว่ากฎหมายที่ดีที่สุดคือกฎหมายที่ทาให้
สังคมมีความสุขมากท่ีสุดและเห็นว่าความชอบธรรมในการลงโทษอยู่ที่ผลดีท่ีการลงโทษนั้นก่อให้
เกิดขึ้น การกันตัวผู้กระทาผิดไว้เป็นพยานแม้จะมีผลทาให้ผู้กระทาความผิดหลุดพ้นจากความรับผิด
ทางอาญา แต่หากคาให้การของเขาสามารถทาให้ผู้กระทาความผิดอื่นที่เป็นตัวการสาคัญได้รับโทษ
ซ่ึงเม่ือพิจารณาโดยสัดส่วนแล้วส่วนของการกระทาความผิดโดยตัวการสาคัญมีผลกระทบมาก กว่าผู้ที่
ถกู กันไวเ้ ป็นพยาน การกันตัวผู้กระทาความผิดไว้เป็นพยานในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นกระทาโดยการ
ให้ความคุ้มกัน (Immunity) แก่ผู้ร่วมกระทาความผิดในการดาเนินคดีอาญาในสหรัฐอเมริกามี
กฎหมายให้ความคุ้มกันอยู่ 2 ประเภท คือ กฎหมายที่ให้ความคุ้มกันโดยอัตโนมัติ (Automatic
Immunity) ท่ีมีบทบัญญัติบังคับให้พยานให้การภายใต้เงื่อนไขท่ีกาหนดไว้ ในขณะเดียวกันพยานจะ
ได้รับความคุ้มครองจากการถูกฟ้องร้องอันเนื่องมาจากคาให้การนั้น กับกฎหมายท่ีให้ความคุ้มครอง
โดยต้องมีการเรียกร้อง (Claim immunity Statutes) ซ่ึงจะให้ความคุ้มกันต่อเมื่อมีการร้องขอความ

300

คุ้มกันเสียก่อน หากไม่ได้รับความคุ้มกันผู้ท่ีให้การน้ันจะอ้างสิทธิท่ีจะไม่ให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง
ในทางอาญาโดยการปฏเิ สธท่ีจะให้การได้

ประเทศเยอรมนีใช้หลกั การดาเนินคดีตามกฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าท่ีอานวยความ
ยุติธรรมแก่บุคคลโดยเสมอกันพนักงานอัยการต้องฟ้องทุกคดีท่ีมีพยานหลักฐานเพียงพอ แต่มาตรา 4
ของ Principal Witness Act ได้ให้อานาจอัยการสูงสุดโดยความเห็นชอบของศาลยกเว้นการ
ดาเนินคดีได้ ในกรณีผู้กระทาความผิดหรือผู้มีส่วนร่วมในความผิดอาญาฐานก่อการร้าย โดยท่ีอัยการ
สูงสุดแห่งสหพันธ์โดยความเห็นชอบของศาลยุติธรรมทางอาญาของสหพันธ์อาจยกเว้นการดาเนินคดี
หากผู้กระทาความผิดหรือเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดเปิดเผยเปน็ รายละเอียดที่สามารถเชื่อมโยง
กบั การปอ้ งกันอาชญากรรมในอนาคต และอาชญากรรมดงั กล่าวมีความสัมพันธก์ บั การกระทาความผิด
ของผู้กระทาความผิดที่เปิดเผยข้อเท็จจริงน้ัน นอกจากคดีการก่อการร้ายแล้ว มาตรา 5 ของกฎหมาย
ดังกล่าวยังได้ขยายการบังคับใช้ มาตรา 4 ให้รวมถึงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 129
ซง่ึ เป็นความผดิ เก่ยี วกับการจัดต้งั องคก์ รความผิดที่สามารถลงโทษจาคุกขั้นต่าหนึ่งปีได้ และครอบคลุม
ถึงการเปิดเผยขอ้ เท็จจริงขององค์กรท่มี วี ัตถุประสงคเ์ พื่อกระทาความผิดท่อี าจถกู รบิ ทรัพย์สิน

ในการกันบุคคลเป็นพยานของประเทศอินโดนีเซียไม่มีหลักการกันบุคคลเป็นพยาน
โดยไม่ดาเนินคดี (Immunity from prosecution) มีแต่มาตรการลดโทษแก่ผู้ร่วมกระทาความผิดท่ี
ให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีซึ่งเปรียบได้กับวิธีท่ีใช้ในสานักงานข้าราชการพลเรือนของประเทศไทย
ที่ผู้ร่วมกระทาผิดยังคงถูกฟ้องคดีอยู่เพียงแต่ได้รับการลดโทษเท่านั้น เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียมี
แนวความคิดท่ีสาคัญว่าผู้ท่ีกระทาความผิดต้องได้รับโทษ ดังน้ันจึงไม่ยอมรับการกันตัวบุคคลไว้เป็น
พยานโดยผู้ท่ีกระทาผิดไม่ถูกฟ้องคดีเลย โดยประเทศอินโดนีเซียได้นาแนวทางการผ่อนผันโทษ
(Leniency Program) ที่หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลใี ต้ มาใช้ในการ
ปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับการผูกขาดทางการคา้ (Cartel) โดยนาผทู้ ี่ร่วมกระทาความผิด
ซ่ึงไม่ใช่ตัวการสาคัญมาเป็นพยานให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนาผู้กระทาผิดรายใหญ่มาลงโทษ ซ่ึงมุ่ง
คุ้มครองผู้ให้ข้อมูลและเบาะแสพฤติกรรมการฮ้ัวที่เกิดข้ึน โดยผู้ให้เบาะแสรายแรกจะไม่ต้องรับโทษ
หรือได้รบั การลดหย่อนโทษเพื่อจูงใจให้ผูท้ ี่รู้ตัววา่ ตนเองกาลงั กระทาความผิดหรอื กาลังอยู่ในขบวนการ
ยอมเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการกระทาความผิดในฐานะพยาน แลกกับการได้รับการยกเว้นโทษหรือ
บรรเทาการรับโทษ นอกจากนี้ประเทศอินโดนีเซียยังมีมาตรการคุ้มครองพยานโดยหน่วยงานที่
รับผิดชอบมีชื่อว่า “Protection of Witness and Victim Agency” (LPSK) เป็นหน่วยงานที่มีมาตรการ
การกันผู้ให้ความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรม และพยานผู้ให้ข้อมูลและความช่วยเหลือในการ
ปราบปรามการทุจริต (Justice Collaboration and Cooperate Witness) ซึ่งเป็นมาตรการสาคัญ
ช่วยในการเปดิ เผยการกระทาทุจริตของตวั การสาคญั

สาหรับประเทศไทยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทยไม่เคยมี
บทบัญญัติ เร่ือง การกันผู้ถูกกล่าวหาเป็นพยานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ในทางปฏิบัติทั้งระเบียบของ
สานกั งานตารวจแห่งชาติ สานักงานอัยการสูงสุด สานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติ สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สานักงาน
คณะกรรมการการเลือกตั้ง และอีกหลายหน่วยงานต่างได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายของหน่วยงาน
กาหนดเรื่องดังกล่าวไว้ และมีการวางหลักเกณฑ์วิธีการ เง่ือนไขไว้ด้วย ซ่ีงมีแนวทาง วิธีการ หลักเกณฑ์

301

และเง่ือนไขในการปฏิบัติเกี่ยวกับการกันตัวผู้ต้องหาเป็นพยานไว้เป็นการเฉพาะของแต่ละองค์การ
ซึง่ มีความเหมอื นและความแตกตา่ งกนั ไปตามบริบทของแตล่ ะองค์กร

6.1.3 จำกกำรสมั ภำษณเ์ ชิงลกึ และกำรสนทนำกลมุ่ สำมำรถสรปุ ผลได้ดังนี
ประเด็นที่ 1 สภำพปญั หำในกำรแสวงหำพยำนหลกั ฐำนในคดีพิเศษมีอะไรบำ้ ง
1. การแสวงหาพยานหลักฐานที่มีความยาก เนื่องจากคดีพิเศษส่วนใหญ่เป็นคดีท่ีมี

ความซับซ้อน มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมหรืออาชญากรรมข้ามชาติ การกระทาผิดโดยผู้ท่ีมี
ความรู้ความสามารถ ความเช่ียวชาญ มีเงิน มีอิทธิพล รวมถึงมีท่ีปรึกษาท่ีเป็นนักกฎหมาย ไม่ได้
กระทาการเพยี งผู้เดียว มีการกระทาความผิดรว่ มกันหลายคน จงึ มวี ิธีการปกปดิ พยานหลักฐานท่ีดีกว่า
คดีอาชญากรรมทั่วไป ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 กาหนดว่า
ในคดีท่ีมีโทษจาคุก 5 ปี ข้ึนไป ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจาเลยได้กระทาผิดจริงถึงจะ
ลงโทษ โดยหากพยานหลักฐาน ไม่ชัดเจนยังเป็นท่ีสงสัย จะเป็นเหตุทาให้ศาลยกฟ้อง หรือเป็นเหตุ
ให้พนักงานอยั การสั่งไม่ฟ้องได้

2. ปัญหาเกี่ยวกับพยานบุคคล เน่ืองจากพยานบุคคลทาหน้าท่ีในการนาข้อเท็จจริง
รวมท้ังวัตถุเอกสารเช่ือมโยงเข้าหากัน คดีสาคัญ เช่น คดีอาชญากรรมข้ามชาติ คดีเก่ียวกับผู้ทรง
อิทธิพลหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ คดีองค์กรอาชญากรรม จึงหาพยานบุคคลได้ยาก เพราะผู้ที่จะมาเป็น
พยานจะเกรงกลัวว่าตัวเองจะถูกดาเนินคดีไปด้วย หรือถูกข่มขู่จากผู้กระทาความผิดที่เป็นตัวการ
สาคญั ซ่งึ เป็นผมู้ ีอทิ ธพิ ลและมีเงิน

3. ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิด
เนื่องจากคดีพิเศษ คือ คดีที่มีมูลค่าความเสียหายมาก ผู้เสียหายมีจานวนมาก ครอบคลุมอาณาเขต
พ้ืนที่ท่ัวประเทศไทย แต่ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนดาเนินคดี การกาหนดระยะเวลาผัดฟ้อง
ฝากขัง หรือปล่อยตัวช่ัวคราวผู้กระทาความผิดเป็นไปตามท่ีกาหนดในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาใช้ระยะเวลาเดยี วกันโดยไม่ได้แยกระหวา่ งคดีพเิ ศษกับคดีอาญาทัว่ ไป

4. ปัญหาการเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี กลุ่มคดีที่มีลักษณะของอาชญากรรม
เศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นคดีภาษีอากร คดีคอมพิวเตอร์ คดีการเงินการธนาคาร คดีธุรกิจการเงินนอกระบบ
ได้พฒั นาไปตามเทคโนโลยีที่เปล่ียนแปลงไป มีการเกบ็ ข้อมลู ไว้ใน Cloud หรือ Server ในตา่ งประเทศ
ทาให้การรวบรวมพยานหลกั ฐานยากกว่าเดิมมาก บางครัง้ มีโปรแกรมทาลายตัวเอง การกรู้ ะบบต้องใช้
ผู้ท่ีมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี และเคร่ืองมือที่ทันสมัย ซึ่งเครื่องมือที่มีอยู่อาจมี
ประสิทธิภาพไม่เพียงพอต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน หรือขาดการเช่ือมโยงข้อมูลกับเครือข่ายหรือ
หนว่ ยงานอ่ืน

5. ปัญหาความร่วมมือระหว่างประเทศ เนื่องจากการดาเนินคดีอาญาทั่วไปและคดี
พิเศษมีข้อจากัดเรื่องอานาจอธิปไตย ให้มีขอบเขตในการดาเนินการในเขตราชอาณาจักรเท่าน้ัน
แต่พยานหลักฐานบางอย่างอาจเกิดนอกราชอาณาจักร ซ่ึงพนักงานสอบสวนไม่มีอานาจไปแสวงหา
พยานหลักฐานเองได้ ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา โดยอัยการสูงสุดเป็นผู้ประสาน
งานกลาง การประสานงานระหว่างประเทศจึงใชร้ ะยะเวลานานในการรวบรวมพยานหลกั ฐาน ถงึ แม้ว่า
ในปัจจุบันจะสามารถติดต่อสื่อสารได้ง่ายและเร็วข้ึน แต่อาจติดขัดปัญหาเร่ืองของรัฐต่อรัฐ ทาให้
หลกั ฐานมาไม่ทันกบั ระยะเวลาในการฟอ้ งคดี

302

6. ปญั หาบุคลากรของกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ บุคลากรที่เป็นพนักงานสอบสวนคดพี ิเศษ
ไมไ่ ด้เกิดจากการสรา้ งมาด้วยองค์กรเองต้งั แต่ต้น แต่เปน็ การรับโอนบคุ ลากรจากหน่วยงานต่าง ๆ จึงมี
ท่ีมาจากหลากหลายอาชีพ โดยส่วนหนึ่งไม่เคยมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการสืบสวนสอบสวน
มากอ่ นหรอื มีประสบการณ์แตไ่ ม่มาก กลายเป็นปญั หาอปุ สรรคในการทางาน ศักยภาพในการสอบสวน
ในปัจจุบันมาจากพนักงานสอบสวนที่เป็นกลุ่มตารวจเดิมเป็นหลัก เมื่อรุ่นน้ีหมดไปก็อาจจะมีปัญหา
เพราะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้สอบสวนคดีทั่วไปทุกคดีเหมือนตารวจ รับผิดชอบคดีเฉพาะท่ี
หน่วยงานน้ันรับผิดชอบ ซ่ึงจะมีความรู้ในแบบเฉพาะนั้น เช่น คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ก็จะทาเฉพาะที่เกี่ยวกับคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คดีประเภทอ่ืน ๆ ก็จะไม่มีความ
เช่ียวชาญ หากย้ายมาอยู่กองคดีใหม่ อาจจะต้องเรียนรู้ ต้องมาฝึกเทคนิคกันใหม่ หรือหาความรู้
เพมิ่ เติมดังนน้ั จงึ ตอ้ งมรี ะบบบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลเพ่อื ผลิตบุคลากรให้มาทดแทนให้ทันเวลา

ประเด็นที่ 2 ควรจะมีวิธีกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนใน
คดีพเิ ศษอย่ำงไรบ้ำง

1. ควรนาเครื่องมือทมี่ ีอยู่ในพระราชบัญญัตกิ ารสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาใช้ให้
เต็มศักยภาพ ได้แก่ มาตรา 25 มาตรา 27 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 และ มาตรา 33 ซึ่งใน
ปัจจุบันพนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่เป็นที่นิยมใช้ เพราะอาจมีขั้นตอนจานวนมาก ถ้าไม่เป็นคดีใหญ่
หรือคดีสาคัญก็ไม่ได้มีการนามาใช้ และที่สาคัญหากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษใช้เครื่องมือดังกล่าว
แต่ดาเนินการผิดขั้นตอนไม่ตรงกับที่กฎหมาย/ระเบียบกาหนด ก็จะเป็นจุดอ่อนหรือเป็นแผลให้
ฝา่ ยตรงขา้ มใชเ้ ป็นเครื่องมือทาลายความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน

2. การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน เป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหาพยาน
หลักฐานได้ดีมากวิธีหน่ึง เพราะผู้กระทาผิดด้วยกันจะเป็นผู้ท่ีอยู่ในเหตุการณ์รู้เห็นเหตุการณ์ มีส่วนร่วม
เก่ียวข้องในการกระทาทั้งก่อนและขณะเกิดเหตุ เขาก็จะรู้เห็นหมด ทั้งเรื่องสถานท่ีเกิดเหตุ อุปกรณ์
ท่ีใช้กระทาความผิด การกระทาผิดรปู แบบต่าง ๆ ผทู้ ีเ่ กย่ี วขอ้ งทั้งหมด

3. อาจต้องใช้วิธีการแฝงตัวเข้าไปในองค์กรอาชญากรรมร่วมด้วย โดยกรมสอบสวน
คดีพิเศษจะต้องพัฒนากฎหมายและระเบียบให้มีความยืดหยุ่นในการทางานให้กับเจ้าหน้าที่ และมี
กฎหมาย/ระเบยี บท่ีมีลักษณะปกป้องเจา้ หนา้ ทใ่ี ห้มากกว่าเดิม

4. ควรพัฒนาระบบปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนโดยการประยุกต์ใช้ในการเทคโนโลยี
และนวัตกรรมมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐาน เช่น AI เทคโนโลยีที่โลกกาลังใช้
อยู่ในการติดตามใบหน้าเพ่ือพิสูจน์ตัวบุคคลขณะติดตามผู้ต้องหา เทคโนโลยีบล็อกเชนในการเพ่ิม
ความปลอดภัยของข้อมูล ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดต้องบันทึกได้ทั้งภาพและเสียงท่ีมีคุณภาพดี
สามารถเช่ือมโยงกับ internet of things มี Big Data ที่ทาให้ระบบสามารถสแกนคนในภาพได้ทันที
และสามารถนาไปใช้ไปใช้ในการพิสูจน์ในศาลได้เลย จาเป็นต้องมีผู้เช่ียวชาญในอาชญากรรมประเภท
น้ัน ๆ ผู้เช่ียวชาญทางเทคโนโลยี และตัวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเองจะต้องพัฒนาองค์ความรู้
ด้านเทคโนโลยีอยา่ งต่อเนื่อง

5. ควรมีการประสานร่วมมือให้เป็นภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานต่าง ๆ มีการบูรณาการ
ทางกฎหมายจากหน่วยงานพิเศษอ่ืน ๆ โดยการจัดทา MOU กับหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องทั้งใน
ประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานเห็นความสาคัญของการจัดทา MOU และ
การขบั เคลอ่ื น MOU ท่มี ีอยู่ใหด้ าเนินตอ่ ไปได้ ไม่มีปญั หาถงึ แม้เปล่ียนผบู้ ริหารหัวหน้าหนว่ ยงาน

303

ประเด็นที่ 3 กำรกำหนดแนวทำงกำรกันผู้ต้องหำหรือผู้กระทำควำมผิดเป็นพยำน
ในคดีพิเศษจะสำมำรถเพิ่มประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำพยำนหลักฐำน
ในคดพี เิ ศษได้หรือไม่

จากความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่าการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาผดิ เป็นพยานในคดีพิเศษ
เป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาหลักฐานในคดีพิเศษ โดยเฉพาะคดี
ท่ีเปน็ องค์กรอาชญากรรม หรอื คดีท่ีไม่มีพยานหลักฐานอื่น แตต่ ้องกาหนดรปู แบบวิธีการให้ชัดเจน รดั กุม
มมี าตรฐาน และทาให้การสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานมีประสทิ ธิภาพอย่างแนน่ อน

ประเด็นที่ 4 ควรสนับสนุนให้มีกำรบัญญตั ิกฎหมำยเพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงำน
สอบ สวน ค ดีพิ เศ ษ ใน กำรใช้ดุ ลยพิ นิ จท ำงกำรกัน ผู้ต้อ งหำ หรือผู้กระท ำ ควำมผิดเป็ นพยำนใน
คดพี ิเศษหรือไม่

สว่ นใหญ่เห็นควรสนบั สนนุ โดยสรปุ ได้ดงั น้ี
1. สนับสนุน เพราะต้องยึดหลักนิติธรรม ต้องให้ความสาคัญของกระบวนการข้ันตอน
ทมี่ กี ฎหมายใหอ้ านาจและทาตามท่ีกฎหมายให้อานาจ
2. สนับสนุนและเห็นว่าการกันเป็นพยานสามารถเกิดข้ึนได้ในหลาย ๆ ช่วงเหตุการณ์
คอื มีทงั้ ก่อนทีจ่ ะแจ้งขอ้ กล่าวหา ทเี่ รยี กวา่ การกนั Auto และเกิดหลังจากการแจ้งข้อกล่าวหาแลว้
3. การปรับปรุงเพ่ิมเติมกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษควรจะต้องทาลักษณะ
เดียวกับกฎหมาย ป.ป.ช. โดยให้มีการออกอนุบัญญัติร่วมด้วย ไม่ใช่แก้ไขเพ่ิมเติมเฉพาะในพระราชบัญญัติ
การสอบสวนคดพี ิเศษแต่เพยี งอยา่ งเดียว
4. ไม่เห็นดว้ ยกับการที่จะต้ังคณะกรรมการกล่ันกรองเรื่องการกันไว้เป็นพยาน โดยให้มี
คนนอกหน่วยงานมาร่วมพิจารณา เพราะสานวนการสอบสวนเป็นความลับท่ีคนนอกไม่ควรจะล่วงรู้
ควรที่จะเปน็ ดลุ พินิจของหัวหนา้ คณะพนกั งานสอบสวนวา่ ควรจะกนั ผู้ใดเป็นพยาน แต่อาจกาหนดให้มี
การถว่ งดุลดว้ ยการขออนุมัตอิ ธิบดหี รอื รองอธบิ ดีทีไ่ ด้รับมอบหมาย
5. สนับสนุน เพราะการไม่ดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดต้องมีกฎหมายรองรบั ถ้าไม่มี
กฎหมายรองรับพนักงานสอบสวนจะโดนแจ้งข้อหาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา
157 ดังนนั้ การดาเนนิ การในลกั ษณะน้จี าเป็นอย่างยง่ิ ทีจ่ ะต้องมีกฎหมายรองรับ
6. สนับสนุน เพราะความยากของคดีพิเศษ การเข้าถึงตัวพยานหลักฐานค่อนข้างยาก
โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่เป็นพยานบุคคลและพยานเอกสาร ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมและการ
เปล่ียนแปลง ด้านเทคโนโลยี มผี ลต่อการแสวงหาหลักฐานเทคโนโลยียากข้นึ
7. สนบั สนนุ ทีจ่ ะนาวิธีนม้ี าใช้ในการสืบสวนสอบสวน เพราะเป็นการคุ้มครองประโยชน์
ของสาธารณะชนสว่ นใหญ่ ในการทจ่ี ะดาเนินคดีกับพวกอาชญากรรมร้ายแรงตา่ ง ๆ
8. มีความเห็นว่าการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอาจไม่สาเร็จเพราะ
เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างกฎหมายใหญ่ กรมสอบสวนคดีพิเศษอาจกาหนดเป็น
ระเบยี บภายในนา่ จะเปน็ ทางออกที่ดีทีส่ ุด
ประเด็นท่ี 5 ควำมเห็นเกี่ยวกับมำตรกำรท่ีจะกำกับ/ตรวจสอบกำรเลือกใช้วิธีกำรกัน
ผ้ตู อ้ งหำหรือผู้กระทำควำมผิดเป็นพยำนในคดพี ิเศษ มีควำมเหน็ ประกำรใดบำ้ ง
ผู้ให้สัมภาษณ์ได้นาเสนอมาตรการที่จะกากับ/ตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการกันผู้ต้องหา
หรือผกู้ ระทาความผดิ เป็นพยานในคดพี ิเศษ นามาสรุปได้ดังน้ี

304

1. ผู้ที่จะถูกกันเป็นพยานจะต้องถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 134 ก่อน ถ้ามีการกลับคา
ใหก้ ารในภายหลงั พนักงานสอบสวนจะสามารถกลบั มาดาเนินคดีใหมไ่ ด้

2. ผู้ต้องหาที่ถูกกนั เป็นพยานจะต้องไมใ่ ชเ่ ป็นตัวการ ผู้ใช้ ผูส้ นบั สนุนที่สาคญั เป็นเพียง
ผู้กระทาความผิดเพียงเล็กน้อยเท่าน้ัน และจะต้องมีความเต็มใจ ยินยอมที่ไปเบิกความเป็นพยาน
ในศาล โดยจะต้องไมเ่ กิดจากการให้คาม่ันสัญญา จูงใจ หลอกลวง ขูเ่ ขญ็

3. ผู้กระทาความผิดท่ีถูกกันเป็นพยานมีโอกาสท่ีจะได้รับความไม่ปลอดภัยในชีวิตและ
ทรัพย์สนิ ตอ้ งไดร้ ับการคุ้มครองตามมาตรการคุ้มครองพยานในทนั ที

4. จะต้องกาหนดมาตรการการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ถูกกันไว้เป็นพยานกลับคาให้การ
เพราะการดาเนินคดใี นช้นั ศาลใช้ระยะเวลานาน

5. การกันเป็นพยานในกรณีท่ีไม่แจ้งข้อหา ควรให้พนักงานอัยการท่ีร่วมสอบสวนให้
ความเห็นชอบดว้ ย

6. การสอบสวนซ่ึงทาในรูปแบบคณะพนักงานสอบสวนต้องมีมติร่วมกันโดยเอกฉันท์
เสนอตอ่ ผ้บู งั คบั บัญชา เพ่อื ให้มคี วามเห็นตามลาดับ และเสนออธิบดใี ห้ความเห็นชอบทา้ ยท่ีสุด

7. ควรมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน โดยร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีท่ี
ประสงคจ์ ะใชเ้ ง่อื นไขการกันเปน็ พยาน

ประเด็นที่ 6 หำกมีกำรกำหนดแนวทำง/ระเบียบในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนใน
คดีพิเศษมีผลดี/ผลเสียอยำ่ งไร

ผลดี
1. ทาให้การทาคดีสามารถนาไปสู่การแสวงหาพยานหลักฐานอ่ืนได้ และสามารถทาให้
ผู้กระทาผิดตัวจริงถูกดาเนินคดี ผู้ท่ีเป็นพยานเองก็มั่นใจได้ว่าไม่ถูกดาเนินคดี พนักงานสอบสวน
ผู้ปฏิบัตงิ านจะมีหลักและขนั้ ตอนปฏบิ ัตทิ ี่ชดั เจน
2. เป็นการสร้างมาตรฐานการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน และมีวิธีการ
ในการตรวจสอบ
3. ป้องกนั การใช้ดลุ ยพินจิ ไม่ถูกต้องของพนักงานสอบสวน หรือใช้การจูงใจ บังคับ ขู่เข็ญ
หรอื ให้คามั่นสัญญากบั ผู้กระทาความผิด
4. เพ่ิมประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายในคดีพิเศษได้มากขึ้น สามารถดาเนินคดี
กบั ผกู้ ระทาความผิดท่ีเปน็ ตัวการ ผใู้ ช้ ผสู้ นบั สนนุ ทสี่ าคัญได้ ถอื วา่ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
5. สามารถปราบปรามอาชญากรรมได้อยา่ งส้ินซาก ถอนรากถอนโคน
ผลเสยี
1. ผกู้ ระทาความผดิ แล้วไม่ตอ้ งได้รบั โทษ จะมผี ลกระทบต่อสังคมในภาพรวม
2. เร่ืองความโปร่งใสในการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน อาจเกิดลักษณะของการ
เลือกปฏบิ ัตทิ ่ไี ม่เป็นธรรม
3. ผู้ท่ีถูกกันเป็นพยานกลับคาให้การหรือให้การไม่ตรงหรือกลับคาในช้ันศาลจะทาให้
เสียรูปคดี
4. ปัญหาท่ีเจ้าหน้าที่ หากมีมาตรการตรวจสอบไม่ดีพอก็จะนาไปสู่ประโยชน์การแสวงหา
ประโยชน์โดยมชิ อบ

305

5. ต้องระวังว่ากฎหมายหรือระเบียบท่ีกาหนดขึ้นมานั้น หากเคร่งครัดเกินไป ไม่ยืดหยุ่น
เจ้าหนา้ ทจ่ี ะปฏิบัตไิ ด้ลาบาก และอาจเพิกเฉยไมเ่ ลอื กใชว้ ธิ ีการดังกลา่ ว

ประเด็นที่ 7 ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนเพื่อกำรอำนวยควำม
ยุตธิ รรม ในภำพรวม

1. กรณีท่ไี ม่มีกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติทชี่ ดั เจน คดเี ดียวกันพนักงานสอบสวนแต่ละ
กองแตล่ ะสานกั อาจปฏิบัติไม่เหมือนกัน

2. ต้องระมัดระวังในการเลือกกันผู้กระทาความผิดรายใดเป็นพยาน บางคนอาจถือ
โอกาสแกแ้ ค้น หรอื ซดั ทอด หรือทรยศตอ่ พวกเดียวกนั เอง

3. การกันผู้ตอ้ งหาเปน็ พยาน ศาลอาจไม่เหน็ ดว้ ยเพราะไม่มกี ารส่งมาให้ศาลตดั สนิ
4. ต้องระมัดระวังอคติต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับคดี เรื่องดุลยพินิจของความเป็นกลาง
การมคี ณุ ธรรมจริยธรรม และความเชือ่ ม่ันศรัทธาในกระบวนการยตุ ิธรรม
5. กระบวนการแก้ไขกฎหมายลาดับพระราชบัญญัติมีหลักเกณฑ์ขั้นตอนจานวนมาก
ซงึ่ หลักเกณฑ์ทสี่ าคัญจะต้องมกี ารรบั ฟงั ความคิดเห็น จึงอาจตอ้ งใชร้ ะยะเวลาที่ยาวนาน
6. หากคณะพนักงานสอบสวนไม่รอบคอบเพียงพอจะทาให้ตัดสินใจที่ผิดพลาดกลายเป็น
การกนั ตวั ผู้กระทาความผิดเปน็ ตวั การสาคญั สง่ ผลเสียหายอย่างมาก
7. การสืบพยานไว้ก่อนเพ่ือป้องกันระยะเวลาท่ียาวนานก็จะสามารถแก้ปัญหาความ
เสี่ยงที่เกิดข้ึนจากการกลับคาใหก้ าร
ประเด็นท่ี 8 ข้อเสนออื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำร
แสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษ
1. กรมสอบสวนคดีพิเศษควรยกระดับมาตรฐานระบบงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา
ของไทย โดยจะต้องเชือ่ มกบั มาตรฐานโลกให้ได้ เปน็ กลไกเสรมิ กาลังใหป้ ระเทศชาติ
2. ต้องเอากรมสอบสวนคดีพิเศษออกจากกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษและ
ทาให้เป็นกฎหมายกลางเพอ่ื พัฒนาระบบสอบสวนของประเทศไทย
3. ควรมีกระบวนการสัมมนาแลกเปล่ียนระหว่างหน่วยงาน เพ่ือลดช่องว่างการทางาน
ทาให้การประสานมคี วามราบรน่ื ข้ึน
4. เสรมิ สร้างพฒั นาวิธกี ารทางานแบบเป็นทีม
5. ปรับวิธีการทางานของพนักงานสอบสวน โดยต้องให้การแสวงหาความร่วมมือจาก
หน่วยงานภายนอก และให้มีทักษะในการประสานงาน ซ่ึงเป็นทักษะเบื้องต้นที่บุคลิกของผู้ที่เป็น
พนักงานสอบสวน
6. ควรจัดตั้งกองสืบสวนทางด้านการเงินโดยเฉพาะ ให้มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล
วิเคราะห์เช่ือมโยง โดยไม่ต้องรอข้อมูลจากนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน หรือสานักงาน ปปง.
โดยสรา้ งระบบการเช่ือมโยงกบั ธนาคารหรือแบงก์ชาตทิ สี่ ามารถจะหาขอ้ มูลทางการเงินไดเ้ ร็วที่สุด
7. ควรจัดสัมมนาโดยเชิญหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เช่น สานักงานตารวจแห่งชาติ
สานักงานอัยการสูงสุด สภาทนายความ ศาล มาร่วมกันมีข้อเสนอแนะแนวทางในการเพ่ิมประสิทธิภาพ
สาหรับการอานวยความยตุ ธิ รรมใหก้ ับประชาชน

306

8. ต้องพัฒนาเทคโนโลยี เคร่ืองมือ อุปกรณ์พิเศษที่สนับสนุนการสืบสวนสอบสวน
ให้ทันต่อบริบทสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป เช่น การมี Big Data การมีระบบการตรวจสอบจดจาใบหน้า
เปน็ ตน้

10. จัดทาความร่วมมือ และบูรณาการการทางานกับหน่วยต่าง ๆ และทาอย่างไร
ให้หนว่ ยงานทม่ี ีความร่วมมอื อยแู่ ล้ว ใหด้ าเนินการอยา่ งเต็มศักยภาพมากยง่ิ ข้ึน

11. พัฒนารูปแบบการนาเสนอข้อเท็จจริงในสานวน หรือทักษะในการนาเสนอ
รปู แบบพยานหลักฐานให้เขา้ ใจง่าย การรอ้ ยเรยี งในการนาเสนอให้พนกั งานอัยการเข้าใจให้ศาลเห็น

12. การวางแผนการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เหมาะสม เพ่ือให้เกิดการถ่ายทอด
ความรู้ ประสบการณใ์ ห้กบั รนุ่ หลังอย่างตอ่ เนือ่ ง

13. ต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเป็นมืออาชีพ (Professional) ให้ใช้
ความเป็นสหวิชาชีพ (Multidisciplinary) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานสูงสุด และท่ีสาคัญ
กรมสอบสวนคดีพิเศษควรทาเฉพาะคดีทเ่ี ปน็ คดีสาคญั จริง ๆ เท่านั้น

6.2 ขอ้ เสนอแนะ
6.2.1 การกันเป็นไว้พยานจะต้องสามารถนาพาไปสู่พยานหลกั ฐานอื่นที่มีความสาคัญ มีความ

น่าเชื่อถือ และมีจานวนพยานหลักฐานในปริมาณที่มากเพียงพอที่จะนาไปสู่การช่ังน้าหนัก
พยานหลกั ฐานตอ่ การพิจารณาของพนักงานอัยการและศาล

6.2.2 กาหนดใหม้ มี าตรการการรักษาความลับเร่ืองการกนั ผู้ร่วมกระทาผิดหรือผู้ตอ้ งหาไว้เป็น
พยานในคดพี เิ ศษแยกต่างหากจากเรื่องการรกั ษาความลบั ในสานวน

6.2.3 ให้นาผลการวิจัยนี้เสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรี การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อ
พิจารณาร่างกฎหมายและการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบในการ
ปรับปรงุ พระราชบญั ญัติการสอบสวนคดพี ิเศษ พ.ศ. 2547

6.2.4 ให้มีการออกข้อบังคับ กคพ. (คณะกรรมการคดีพิเศษ) โดยกาหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ
และเงือ่ นไขตา่ ง ๆ ในรายละเอียดเพือ่ เกิดความชดั เจนในการปฏบิ ัติ และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

6.2.5 ควรให้มีการชี้แจงแนวทาง วิธกี าร เงือ่ นไขการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดไว้เป็น
พยานในคดีพิเศษให้กับกลุ่มพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าท่ีคดีพิเศษทราบโดยทั่วกัน โดยให้
มอบหมายกองกฎหมายเปน็ ผู้ชี้แจง

6.2.6 ควรจัดทาคู่มือการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาผิดไว้เป็นพยานในคดีพิเศษเพ่ือประกอบ
การดาเนินการของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและถกู ต้องตามกฎหมาย

ท้ังน้ี ผู้วิจัยได้ขอเสนอแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษใน
มาตราต่าง ๆ พร้อมทั้งได้จัดทาอนุบัญญัติภายใน โดยได้จัดทา ร่าง ข้อบังคับ กคพ. เสนอประกอบการ
พิจารณา ในงานวจิ ยั ฉบบั น้ดี ้วยแลว้

307

6.3 ข้อเสนอกำรปรับปรงุ เพิ่มเตมิ กฎหมำยวำ่ ด้วยกำรสอบสวนคดพี ิเศษ
“มำตรำ .. บุคคลซึ่งมีส่วนร่วมกับการกระทาความผิดในคดีพิเศษ หากได้ให้ถ้อยคาหรือ

แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลที่สาคัญในระหว่างการสอบสวนและเป็นประโยชน์ท่ีจะสามารถใช้เป็น
พยานหลักฐานในการดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนท่ีสาคัญ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
อาจเสนอให้กันบคุ คลนนั้ ไวเ้ ป็นพยาน โดยไมด่ าเนินคดกี ็ได้

ในกรณีที่บุคคลซึ่งมีส่วนร่วมกับการกระทาความผิดในคดีพิเศษประสงค์จะเสนอตนเอง
เพื่อจะแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลท่ีสาคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
บันทึกข้อมูลดังกล่าวไว้ในสานวนการสอบสวน และอาจเสนอกันบุคคลน้ันไว้เป็นพยานโดยไม่
ดาเนินคดีก็ได้

หลักเกณฑ์ วิธกี าร เงื่อนไขการกันไวเ้ ป็นพยานตามมาตราน้ใี หเ้ ปน็ ไปตามที่ กคพ. กาหนด”
“มำตรำ .. ในกรณีที่มีการฟ้องคดีแล้ว หากการให้ข้อมูลตามมาตรา .. ได้กระทาในระหว่าง
การพิจารณาคดีของศาล ให้อัยการสูงสุดมีอานาจออกคาส่ังถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์ ถอนฎีกา หรือไม่
อุทธรณ์ ไม่ฎีกาในความผิดของบุคคลท่ีท้ังหมดหรือบางส่วน แล้วแต่กรณีท้ังน้ี ภายใต้บังคับของ
ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา”
“มำตรำ .. เมื่ออธิบดีหรืออัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็นชอบให้กันบุคคลใดไว้เป็น
พยานแล้ว มิให้ดาเนินคดีอาญาหรือดาเนินการทางวินัยกับบุคคลน้ัน และบุคคลน้ันอาจได้รับ
ความช่วยเหลือและคุ้มครองตามที่กฎหมายกาหนดจนคดีถึงท่ีสุด เว้นแต่บุคคลนั้นฝ่าฝืนหลักเกณฑ์
วิธกี าร เง่อื นไขการกันไวเ้ ปน็ พยานตามข้อบงั คบั ที่ กคพ. กาหนด”
“มำตรำ .. หากบุคคลตามมาตรา .. ให้ถ้อยคาอันเป็นเท็จ หรือไม่ไปเบิกความ หรือไป
เบิกความแต่ไม่เป็นไปตามท่ีให้การหรือให้ถ้อยคาไว้ หรือไปเบิกความแต่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการ
พิจารณาคดี หรือเป็นปฏิปักษ์ ให้การกันไว้เป็นพยานของบุคคลนั้นส้ินสุดลง และให้ดาเนินคดีกับ
บุคคลนัน้ ตามความผดิ ท่ไี ดร้ ว่ มกระทาต่อไป”
“มำตรำ .. ถ้าศาลเห็นว่าผู้ร่วมกระทาผิดรายใดได้ให้ถ้อยคาหรือข้อมูลท่ีสาคัญและเป็น
ประโยชน์อย่างย่ิงในการนาไปสู่การดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนท่ีสาคัญในคดีพิเศษ
ศาลจะลงโทษผู้นัน้ นอ้ ยกวา่ อตั ราโทษขน้ั ต่าท่กี าหนดไว้สาหรับความผิดนน้ั ก็ได้”

308

6.4 ข้อเสนอรำ่ งข้อบังคับ กคพ.

ร่ำง ข้อบังคบั กคพ.
วำ่ ดว้ ยหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงอ่ื นไขในกำรกันบุคคลเปน็ พยำนในคดพี เิ ศษโดยไมด่ ำเนนิ คดี

พ.ศ. ...

อาศัยอานาจตามความในมาตรา 10 วรรคหน่ึง (4) และมาตรา 23/2 แห่งพระราชบัญญัติ
การสอบสวน คดพี ิเศษ พ.ศ. 2547 กคพ. จงึ ออกขอ้ บังคบั ไว้ ดังต่อไปน้ี

ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับ กคพ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกัน
บุคคลเป็นพยานในคดพี เิ ศษโดยไมด่ าเนินคดี พ.ศ....”

ขอ้ 2 ข้อบงั คับนี้ให้ใช้บังคบั ต้ังแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป
ข้อ 3 ในข้อบังคบั นี้
บุคคล หมายความว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมกระทาความผิดในคดีพิเศษซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ยังไม่ได้แจ้งข้อหา และให้หมายความรวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมกระทาความผิดในคดีพิเศษซึ่งพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาแล้ว และโดยผู้นั้นได้ให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลสาคัญและ
เป็นประโยชน์อย่างยง่ิ ในการสบื สวนสอบสวนคดีพิเศษ
คณะพนักงานสอบสวน หมายถงึ คณะพนกั งานสอบสวนท่ีรบั ผิดชอบสานวนคดีพเิ ศษ
อธบิ ดี หมายความว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
รองอธบิ ดี หมายความว่า รองอธบิ ดกี รมสอบสวนคดีพเิ ศษ
ข้อ 4 บุคคลใดซ่ึงมีส่วนร่วมกระทาความผิดในคดีพิเศษ หากได้ให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือ
ขอ้ มลู สาคัญอนั เป็นประโยชน์อยา่ งยงิ่ ในการท่ีจะนาไปใช้เป็นพยานหลกั ฐานในการแจ้งขอ้ หากบั ตัวการ
ผ้ใู ช้ หรือผู้สนับสนุนท่สี าคญั ในการกระทาความผิดที่เป็นคดพี ิเศษ หรอื ผ้กู ระทาความผดิ รายอ่นื อธิบดี
จะกันผนู้ ั้นไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดีกไ็ ด้
ข้อ 5 ในการสอบสวนคดีพิเศษหากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหากับบุคคลซึ่งมี
ส่วนร่วมกระทาความผิดในคดีพิเศษ โดยบุคคลดังกล่าวได้ให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลสาคัญ
อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการท่ีจะนาไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการแจ้งข้อกล่าวหากับตัวการ ผู้ใช้
หรือผู้สนับสนุนท่ีสาคัญในการกระทาความผิดท่ีเป็นคดีพิเศษ ให้พนักงานสอบสวนบันทึกถ้อยคา
ดงั กล่าวในสานวนการสอบสวนโดยสรุปสานวนคดีเสนออัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็นชอบการกัน
บุคคลนัน้ ไว้เป็นพยานตอ่ ไป
ข้อ 6 บุคคลทอ่ี าจถกู กนั ไวเ้ ป็นพยานตอ้ งมลี ักษณะ ดังตอ่ ไปน้ี

(1) เป็นบคุ คลทรี่ ูเ้ ห็นเหตกุ ารณ์หรือมีส่วนรว่ มในการกระทาความผดิ ในคดีพเิ ศษ
(2) เป็นผู้บุคคลที่มีส่วนร่วมในการกระทาความผิดเพียงเลก็ น้อยเท่านั้น และต้องไม่เป็น
ตัวการ ผ้ใู ช้ หรือผ้สู นับสนุนทส่ี าคัญในการกระทาความผดิ ในคดพี เิ ศษ
(3) เป็นบุคคลท่ีได้ให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลอันเป็นสาระสาคัญและเป็น
ประโยชน์ในการสอบสวนจนสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการแจ้งข้อหากับผู้กระทาความผิด
ที่เป็นตัวการ ผ้ใู ช้ หรือผู้สนบั สนนุ ท่สี าคญั ในการกระทาความผิดในคดพี ิเศษได้อย่างชัดแจง้

309

(4) เป็นบุคคลที่สมัครใจท่ีจะให้ถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลอันเป็นสาระสาคัญ
และเปน็ ประโยชน์ตอ่ การสืบสวนและสอบสวนคดพี เิ ศษ

ข้อ 7 การพิจารณากันบุคคลไว้เป็นพยานและการสอบปากคาผู้ที่จะถูกกันไว้เป็ นพยาน
ต้องห้ามกระทาการขู่เข็ญ หลอกลวง ล่อลวง สัญญา ชักจูง จูงใจ หรือกระทาการโดยมิชอบด้วย
ประการอื่นใด เพื่อให้บุคคลดังกล่าวให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลในเรอ่ื งที่จะกล่าวหานั้น โดยให้
พนักงานสอบสวนแจ้งบุคคลนั้นทราบถึงบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิ เศษในเร่ือง
การกันไวเ้ ป็นพยานได้

ข้อ 8 การกันบุคคลไว้เป็นพยานให้กระทาได้ในชั้นการสอบสวน เพ่ือประโยชน์ในการแสวงหา
พยานหลักฐานในคดพี ิเศษ และให้มีพนักงานอัยการหรอื อัยการทหารมาสอบสวนร่วมเพื่อให้คาแนะนา
และตรวจสอบพยานหลกั ฐาน

ข้อ 9 ในกรณีท่ีบุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดในคดีพิเศษประสงค์จะเสนอ
ตนเอง เพื่อจะแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลท่ีสาคัญและเป็นประโยชน์อย่างย่ิงให้กับคณะพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษ ให้บุคคลน้ันมีคาขอเป็นหนังสือลงลายมือชื่อต่อคณะพนักงานสอบสวน โดยคณะ
พนกั งานสอบสวนอาจเสนอใหก้ นั บุคคลนัน้ ไว้เปน็ พยานโดยไม่ดาเนนิ คดีกไ็ ด้

ข้อ 10 การเสนอกันบุคคลไว้เป็นพยานให้คณะพนักงานสอบสวนจัดทาเหตุผล ความจาเป็น
ความเห็น พร้อมรายงานมติที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนที่เป็นเอกฉันท์ เสนอต่อรองอธิบดี
ท่ีควบคุมกากับเพื่อพิจารณาให้ความเหน็ และเสนออธิบดตี ามลาดับ

ข้อ 11 ในการพิจารณาเสนอความเห็นของคณะพนักงานสอบสวน รองอธิบดีที่ควบคุมกากับ
และการพิจารณาของอธบิ ดตี ามข้อ 10 ต้องคานึงถึงเหตุ ดงั ต่อไปนี้

(1) หากไม่กันบุคคลนั้นเป็นพยานแล้ว พยานหลักฐานที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอแก่
การดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดรายอื่นที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนท่ีสาคัญในการกระทา
ความผดิ ในคดพี เิ ศษ

(2) พนักงานสอบสวนไม่อาจรวบรวมพยานหลักฐานอ่ืน หรือพยานหลักฐานที่มีอยู่
ไม่เพียงพอแก่การดาเนินคดีกับผ้กู ระทาความผิดท่เี ปน็ ตัวการ ผู้ใช้ หรอื ผู้สนับสนนุ ทีส่ าคญั ในคดพี เิ ศษ

(3) บุคคลผู้ถูกกันเป็นพยานยืนยันว่าจะไปเบิกความเป็นพยานในช้ันศาลตามที่ได้
ใหถ้ อ้ ยคา แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลไว้แก่พนกั งานสอบสวนคดพี ิเศษ

ข้อ 12 ในกรณีที่อธิบดีเห็นว่ามีเหตุสมควรท่ีจะกันบุคคลใดไว้เป็นพยาน ให้คณะพนักงาน
สอบสวนบนั ทึกเหตผุ ลความจาเป็นแหง่ การพจิ ารณาไวใ้ นสานวนคดีด้วย

ในกรณีท่ีอธิบดีเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรท่ีจะกันบุคคลน้ันไว้เป็นพยานให้คณะพนักงาน
สอบสวนดาเนินการสอบสวนและแจ้งขอ้ กล่าวหาบุคคลน้ันต่อไป

ให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนแจ้งผลการพิจารณาของอธิบดีให้บุคคลดังกล่าว
ทราบต่อไปโดยไมช่ ักช้า

ข้อ 13 เมื่ออธิบดีเห็นชอบให้กันบุคคลรายใดไว้เป็นพยานในคดีแล้ว ย่อมถือว่าบุคคลนั้นอยู่
ในฐานะพยานในคดีพิเศษ และให้สอบปากคาไว้ในฐานะพยาน ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะถูกแจ้งข้อ
กล่าวหาแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยห้ามมิให้ดาเนินคดีอาญาและดาเนินการทางวินัยกับบุคคลซึ่งถูกกันไว้
เป็นพยานในความผิดนน้ั

310

ข้อ 14 บุคคลผู้ได้รับความเห็นชอบให้กันไว้เป็นพยานจะได้รับการคุ้มครองหรือจัดให้มี
มาตรการคุ้มครองช่วยเหลือ รวมถึงสิทธปิ ระโยชน์ตามที่กฎหมายกาหนด

ขอ้ 15 ในกรณีท่ีมีการฟ้องคดแี ล้ว หากการให้ถ้อยคา แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมลู อันเป็นสาระ
สาคัญและเป็นประโยชน์ ได้กระทาในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ให้อัยการสูงสุดมีอานาจ
พิจารณาออกคาสั่งถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์ ถอนฎีกา หรือไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกาในความผิดของบุคคล
ทที่ ั้งหมดหรอื บางส่วน แล้วแต่กรณี ท้ังนี้ ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา”
โดยใหพ้ นักงานอัยการแจ้งคาส่ังดังกล่าวใหพ้ นักงานสอบสวนคดีพิเศษทราบดว้ ย

ข้อ 16 หากปรากฏในภายหลังว่าบุคคลที่ถูกกันไว้เป็นพยานได้ให้ถ้อยคาอันเป็นเท็จ หรือไม่
ไปเบิกความ หรือไปเบิกความแต่เบิกความไม่เป็นไปตามท่ีให้การหรือให้ถ้อยคาไว้ หรือไปเบิกความ
แต่ไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีของพนักงานอัยการ ศาล หรือเป็นปฏิปักษ์ ให้การกันบุคคล
เป็นพยานสิ้นสุดลงทันที โดยให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนรายงานให้อธิบดีทราบ และให้
คณะพนักงานสอบสวนดาเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวในการกระทาความผิดตามกฎหมายต่อไป

ข้อ 17 ให้อธิบดีมีอานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาท่ีเกิดขึ้นจากการบังคับใช้ข้อบังคับ
กคพ. น้ี และให้ถือว่าข้อวินิจฉัยส่ังการของอธิบดีเป็นท่ีส้ินสุด

ข้อ 18 ให้อธิบดีรักษาการตามข้อบังคับนี้

ประกาศ ณ วันที่

นายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการคดพี เิ ศษ

r[Gearadbery’3so1u1r

attention with

บรรณานกุ รม a great quote
from the
document or

use this space

กรองทอง แย้มสอาด. “การกันผตู้ อ้ งหาไว้เปน็ พยาน: ข้อพิจารณาตามกฎหมายพยานหลักฐtาoนe.”mphasize

วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑติ , สาขานติ ศิ าสตร์ คณะนติ ิศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาaวทิkeยyาลpัยoi,nt.
To place this
2547. text box

เกยี รตขิ จร วัจนะสวสั ดิ์. “สทิ ธิของผ้ตู อ้ งหาทีจ่ ะไมใ่ หก้ ารเป็นปฏปิ กั ษ์ตอ่ ตนเอง,” anywhere on

วารสารนิติศาสตร์, ฉบับท่ี 34 (มถิ นุ ายน 2547) : 326. the page, just
drag it.]
เกียรติยศ ศกั ดแิ์ สง. กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดอี าญาตาม

เจตนารมณแ์ ห่งรัฐธรรมนญู : กรณศี กึ ษาในชัน้ ศาล (บทความวิจัย). กรุงเทพฯ:

มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2558.

เขม็ ชัย ชุตวิ งศ์. คาอธิบายกฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์นติ บิ รรณการ,

2551.

คณิต ณ นคร. กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา. กรงุ เทพฯ: เจริญวทิ ย์การพมิ พ์, 2528.

คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยตุ ธิ รรมและสทิ ธมิ นษุ ยชน สภาผ้แู ทนราษฎร.

“รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอ่ื ง การปฏริ ปู กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาในชัน้ สอบสวน,”

สบื คน้ เม่อื 25 สิงหาคม 2564, https://www.parliament.go.th/

จรญั ภักดธี นากลุ . กฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน. พมิ พค์ ร้ังที่ 4, กรงุ เทพฯ : สานักอบรมศกึ ษา

กฎหมายแห่งเนติบณั ฑติ ยสภา, 2553.

จรญั ภักดีธนากุล. กฎหมายลกั ษณะพยาน. พิมพค์ ร้งั ท่ี 15, กรุงเทพฯ: สานักอบรมศึกษากฎหมาย

แห่งเนตบิ ณั ฑิตยสภา, 2563.

เฉลิมวุฒิ สาระกจิ . “ขน้ั ตอนการดาเนินคดีตามพระราชบัญญตั คิ ุ้มครองผู้ถูกกระทาดว้ ยความรุนแรง

ในครอบครัว,” สืบคน้ เมอื่ 18 สงิ หาคม 2564, https://www.blockdit.com/ posts/

5e44cf0f44f8680c980e789f/

เฉลมิ วฒุ ิ สาระกิจ. “สทิ ธจิ ะไมใ่ หถ้ ้อยคาอันเป็นปฏิปกั ษต์ อ่ ตนเองในคดีอาญา.” สืบคน้ เมื่อ

12 สิงหาคม 2564. https://www.blockdit.com/ posts/5e44cf0f44f8680c980e789f/

จอมเดช ตรเี มฆ. “การเปลย่ี นแปลงทางสังคมและอาชญากรรมกับการเปลีย่ นแปลงในรูปแบบ

การรกั ษาความปลอดภยั : การเขา้ มามบี ทบาทของกลอ้ งโทรทศั น์วงจรปดิ ในการรักษา

ความปลอดภยั และการควบคุมอาชญากรรม,” วารสารกระบวนการยุตธิ รรม ปที ่ี 6 เลม่ ท่ี 2

(พฤษภาคม-สงิ หาคม, 2556) : 87.

312

ชิตพล กาญจนกิจ. “ความรว่ มมือระหว่างประเทศวา่ ดว้ ยกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญาอาเซยี น:
ขอ้ เสนอเชิงยทุ ธศาสตรเ์ พอ่ื เตรยี มความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน.” วารสารพัฒน
บรหิ ารศาสตร์ ปที ี 56 ฉบบั ที่ 3, 2559.

ชยาธร เฉยี บแหลม. “หลกั in dubio pro reo ในคดีอาญาระบบไตส่ วน.” วารสารนติ ิศาสตร์
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ปีที่ 49 ฉบบั ที่ 3 (กนั ยายน 2563) : 492.

ฐานสิ รา พาหะมาก. “พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปราม
การทจุ ริต พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 ศกึ ษากรณกี ารนามาตรการ
กันตัวบุคคลเป็นพยานมาบังคับใช้,” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชา
นติ ศิ าสตร์ คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2555.

ณรงค์ ใจหาญและคณะ. “พัฒนาระบบสอบสวนในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบและคดีค้ามนษุ ย์
ให้เป็นไปในทศิ ทางเดยี วกบั ระบบไตส่ วนตามพระราชบญั ญตั วิ ิธีพิจารณาคดีทจุ รติ และ
ประพฤตมิ ิชอบ พ.ศ. 2559 และพระราชบัญญตั วิ ธิ ีพจิ ารณาคดคี า้ มนษุ ย์ พ.ศ. 2559,”
(บทความวจิ ยั ), (กรงุ เทพฯ: สถาบนั วิจยั และให้คาปรึกษาแหง่ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์,
2560), สืบคน้ เมอื่ 15 เมษายน 2564, https://repository.turac.tu. ac.th/handle/
6626133120/553/

ณชิ นนั ทน์ อิศรางกรู ณ อยธยา และปิยะนุช โปตะวณชิ , “อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการลงโทษ
ทางอาญาท่ีเหมาะสม : ศกึ ษากรณกี ารฉอ้ โกงประชาชน,” (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธุรกจิ บณั ฑิตย์, 2562) : 11.

โตมร ศุขปรีชา, “พสิ จู น์จนสน้ิ สงสัย,” สบื คน้ เมื่อ 12 สงิ หาคม 2564, https://thematter.co/
thinkers/beyond-a-reasonable-doubt/16254.

ธีสทุ ธ์ิ พนั ธฤ์ ทธ.์ิ การรับฟงั พยานหลกั ฐานคดีอาญา บทวิเคราะห์และวิจารณ์ พ.ร.บ. แกไ้ ข
เพม่ิ เติมประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับท่ี 28), กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์
วญิ ญชู น, 2551, หน้า 58.

ธรี ์รัฐ ไชยอคั ราวัชร์, “แนวคดิ ทฤษฎี วัตถุประสงค์ และเจตนารมณแ์ ห่งกฎหมาย.” สบื คน้ เมอ่ื 5
กรกฎาคม 2564, https://www.facebook.com/people/แนวคดิ -ทฤษฎี-วัตถุประสงค์
และเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย/

ธีร์รัฐ ไชยอคั รวชั ร.์ “การให้น้าหนักพยานหลักฐานเพ่ือออกหมายค้น หมายจบั กับการตัดสนิ วา่
“เขามีความผิด.” กรงุ เทพฯ: สานกั งานกิจการยตุ ิธรรม, 2564, สืบคน้ เมอ่ื 15 มถิ ุนายน
2565, https://justicechannel.org/popular/evidence/

313

ธานี วรภัทร,์ “หลักนิติธรรมกับการใชม้ าตรการบังคับทางอาญา,” (รายงานการฝกึ อบรม), หลักสูตร
หลกั นติ ิธรรมเพอื่ ประชาธปิ ไตย รุนที่ 1 วทิ ยาลยั รัฐธรรมนญู สานกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ,
2556, 17.

นิชฌาน หสั รังค.์ “กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของไทยกับฝรั่งเศส เปรยี บเทยี บในภาพรวม
Office of International Affairs,” 2556, สบื ค้นจาก https://oia.coj.go.th/th/content/
category/detail/id/8/cid/112/iid/120210/

น้าแท้ มีบุญสลา้ ง, “รายงานการศกึ ษาการปฏริ ูประบบสอบสวนคดอี าญาตามมาตรฐานสากล,”
สืบคน้ เมอ่ื 25 สิงหาคม 2564, https://www.parliament.go.th/

ประพิน นชุ เปี่ยม, การพัฒนามนษุ ยใ์ นบริบทโลก, หน่วยท่ี14 การเขา้ ถงึ ความยุติธรรมและ
ธรรมาภิบาล, นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2561), สืบค้นเมอ่ื 15
สงิ หาคม 2564, https:// www. stou.ac.th/Schoolnew/polsci/UploadedFile/
82427-14.pdf/

ประธาน จฬุ าโรจนม์ นตร.ี (2554), “ทนั โลกกฎหมายอาญา การสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาซ่ึงไมเ่ ป็น
ประโยชน์แก่สาธารณชนตามหลกั นติ ธิ รรม (Rule of law)” วารสารอัยการ. ปีที่ 24
ฉบับที่ 259 2554 : 106.

ปกปอ้ ง ศรสี นทิ , “สทิ ธขิ องปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนญู : หลกั สันนิษฐานไว้ก่อนวา่ บริสทุ ธ์ิ,”
สืบคน้ เมื่อ 3 มนี าคม 2563, https://www.the101.world/presumption-of-innocence/

ประโมทย์ จารนุ ิล, การสบื สวนและสอบสวน, พิมพ์ครง้ั ที่ 7, (กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย
รามคาแหง, 2553), สบื ค้นเม่ือ 10 ธนั วาคม 2564, http://old-book.ru.ac.th/e-
book/l/LW443(49)/ LW443 (49)-1.pdf/

ปัณณวชิ ประจวบลาภ, “ดลุ ยพินิจของศาลในการลดโทษ : ศกึ ษากรณจี าเลยใหข้ ้อมูล
สาคัญในคดยี าเสพติด,” วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ , คณะนิติศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ธุรกิจบัณฑติ ย์, 2556.

ปาริชาติ เกษมอมร, “มาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษกับการปราบปรามองค์กร
อาชญากรรมและผูม้ ีอิทธิพล,” วิทยานพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธุรกจิ บัณฑิตย์,
2553.

พจมานพจี ทวสี ว่างผล, “การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรีภาพของผูถ้ กู จับกมุ หรือผู้ต้องหาในคดีอาญา”
วารสารวิชาการอาชญาวทิ ยาและนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นนายรอ้ ยตารวจ ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 2
(กรกฎาคม – ธันวาคม, 2563.

314

พจนานุกรมราชบณั ฑิตยสถาน. (2554) สืบค้น 15 ธันวาคม 2564, http://dictionary.orst.go.th/
พรเพชร วิชติ ชลชยั . คาอธิบายกฎหมายลกั ษณะพยานหลักฐาน. พมิ พค์ ร้ังท่ี 3. (กรุงเทพฯ: .เกนโกรว),

2553.
พรอ้ มพนั ธ์ ครบตระกลู ชยั . “การกนั บคุ คลหรือผูถ้ ูกกล่าวหาไวเ้ ป็นพยาน : ศึกษากรณี

พ.ร.บ.มาตรการของฝา่ ยบริหารในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2551,”
วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ , สาขาวชิ านติ ศิ าสตร์ คณะนิตศิ าสตร์
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552.
พนั เลศิ ตงั้ ศรีไพโรจน์, “แนวทางการสอบสวนกรณีพนกั งานสอบสวนกนั ผ้กู ระทาความผิดหรือ
ผตู้ อ้ งหาเปน็ พยาน และกฎหมายมิได้ห้ามรบั ฟังคาซัดทอดของผ้รู ว่ มกระทาความผดิ หรือ
ผู้ตอ้ งหา,” 2557, สืบคน้ เมอื่ 10 พฤษภาคม 2564,. https://www.dsi.go.th/th/Detail/
แนวทางการสอบสวนกรณีพนักงานสอบสวนกนั ผู้กระทาความผิดหรอื ผ้ตู ้องหาเปน็ พยานและ
กฎหมายT0000256.
ไพฑรู ย์ เพิ่มศริ ิวศิ าล. การสบื สวนคดอี าญา. (นครปฐม: สว่ นวชิ าการสืบสวนสอบสวน
โรงเรียนนายรอ้ ยตารวจ), 2543.
ภคั พล ยุตธิ รรมดารง, “มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการตอ่ รองคารบั สารภาพในการสืบสวน
สอบสวนคดพี ิเศษ,” วิทยานพิ นธ์นติ ิศาสตรม์ หาบัณฑติ , บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั
ศรีปทมุ วทิ ยาเขตชลบุรี, 2555.
ภูรชิ ญา วัฒนรุ่ง. หลกั กฎหมายมหาชน. (กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคาแหง, 2542), 451-452.
ชยาธร เฉียบแหลม, “หลกั in dubio pro reo ในคดีอาญาระบบไต่สวน,” วารสารนติ ศิ าสตร์
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ปีท่ี 49 ฉบบั ที่ 3 (กนั ยายน, 2563) : 499.
มงคล คาเวยี ง. (2561). การบรหิ ารจดั การคดี: ศกึ ษากระบวนการคุ้มครองสิทธิและเสรภี าพ
ในคดีอาญาในศนู ย์ค้มุ ครองสิทธิและเสรภี าพในคดีอาญาของศาลยุติธรรม. วิทยานพิ นธ์
ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารกระบวนการยุตธิ รรม คณะนติ ศิ าสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มนิมนา สทุ ธพิ งศเ์ กยี รต์ิ. “การคุม้ ครองพยานบุคคลในคดีอาญา: ศึกษากรณบี ทบาทศาลยตุ ธิ รรม,”
วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, 2552.
ยุทธพงศ์ เพชรโชติ, “ปัญหาเกี่ยวกบั การสอบปากคาพยานและการสบื พยานในคดีอาญา,”
วิทยานพิ นธ์มหาบัณฑิต, สาขานติ ิศาสตร์ บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั รามคาแหง, 2562.
รชฏ เจรญิ ฉา่ . พยานในคดอี าญา. (กรงุ เทพฯ: พมิ พอ์ ักษร, 2564).

315

รายงานประจาปีกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ, (กรงุ เทพฯ: กรมสอบสวนคดีพิเศษ, 2562)
เรวัต ฉ่าเฉลมิ , “การสอบสวนโดยมิชอบ,” วารสารสานักการสอบสวนและนติ ิการ

กรมการปกครอง ฉบับพเิ ศษ (มกราคม, 2563), สบื ค้นเมอื่ 12 มกราคม 2565,
http://ilab.dopa.go.th/
เรวตั ร ฉ่าเฉลิม, “หลกั การกนั ผูต้ ้องหาไว้เป็นพยาน,” โครงการกฤษฎกี าสัญจร 2563,
สืบค้นเมือ่ 30 มถิ ุนายน 2564, https://m.facebook.com/
เลิศรัตน์ รัตนวานิช, “หลักนติ ิธรรมในรา่ งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยฉบับปฏริ ปู ,”
วารสารศาลรัฐธรรมนญู ปที ่ี 19 เล่มที่ 55 (มกราคม-เมษายน, 2560) : 143-144.
วริ ัช วิรชั นภิ าวรรณ. กฎหมายเกย่ี วกับการบรหิ ารราชการไทย : ปัญหา แนวทางแก้ไขและ
แนวโนม้ ของกฎหมายในอนาคตฬกรงุ เทพมหานคร. (กรงุ เทพฯ: นติ ธิ รรม, 2547), 10.
วรนารี สงิ ห์สวุ งษ์, “การคมุ้ ครองพยานทีเ่ ปน็ ผู้รว่ มกระทาความผดิ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยาน
ในคดีอาญา พ.ศ. 2546, 2563.” สืบค้นวันท่ี 18 กมุ ภาพันธ์ 2565, http://krisdika.go.th/
วรรธนพงศ์ คาด,ี “ศาลพจิ ารณากับการสืบพยานลับหลังจาเลย,” วิทยานิพนธม์ หาบณั ฑติ ,
สาขานิตศิ าสตร์, บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ธุรกจิ บณั ฑติ ย์, 2555.
วริ ชั วริ ัชนภิ าวรรณ. กฎหมายเกีย่ วกับการบรหิ ารราชการไทย. (กรุงเทพฯ: นติ ธิ รรม, 2547): 10.
วชิ ัย โกสุวรรณจนิ ดา. ครบเครื่องเรือ่ งการเจรจาตอ่ รอง. (กรุงเทพฯ: กรมสอบสวนคดพี ิเศษ, 2556).
วุฒิ วทิ ิตานนท์, การสืบสวนคดีอาญา, ( กรงุ เทพฯ: เดือนตุลา, 2553), สบื ค้นเม่ือ 10
ธันวาคม 2564, www.wutthi.com/
ศักดช์ิ ัย เลศิ พานชิ พนั ธ์ุ, “บทวิจารณห์ นงั สอื อาชญากรรมคอปกขาว : สาระสาคญั ,” วารสารสังคม
สงเคราะหศ์ าสตร์ ปที ี่ 25 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม–มิถนุ ายน, 2560) : 204.
สถาบนั พระปกเกลา้ , “ฐานข้อมลู สารานุกรมสรุปหัวข้อการเมอื งการปกครองของไทย,” 23 มิถุนายน
2558, สืบค้นเมือ่ 18 สิงหาคม 2564, http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%/
สถาพร ภกั ดวี งศ,์ “ปัญหาและแนวทางแก้ไขกระบวนการชั้นเจา้ พนักงานในการดาเนินคดี
ต่อเจ้าพนกั งานของรัฐทีถ่ กู กล่าวหาวา่ กระทาความผิดอาญาเน่ืองมาจากการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี
เพอ่ื ความเปน็ ธรรม,” วารสารผู้ตรวจการแผน่ ดนิ ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม,
2563). : 121.
สมเกียรติ แกว้ มาลี, “การตอ่ รองคารับสารภาพในคดีกอ่ การรา้ ย,” 2553, สืบค้นจาก https://oia.
coj.go.th/th/content/category/detail/id/8/cid/131/iid/120316.
สมมาตร โตโพธไ์ิ ทย, “บทบาทพนักงานอัยการในการสอบสวนคดอี าญา,” วิทยานพิ นธ์มหาบณั ฑิต,
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2549).

316

สญั ลักข์ ปญั วฒั นลขิ ิต, “บทบาทของศาลในการประกันคุณภาพกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา,”
วารสารมหาวิทยาลยั พายัพ ปท่ี 24 ฉบับที่ 2. (กรกฎาคม – ธนั วาคม, 2557) : 17.

สุชนิ ต่างงาน, “การกันผู้รว่ มกระทาความผิดเปน็ พยาน,” วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2529.

สทุ ธิพล ทวีชยั การ. การคุม้ ครองพยานและการใหค้ วามชว่ ยเหลอื และคุ้มครองผู้เสยี หายในการพฒั นา
กฎหมายป้องกันและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติระยะท่ี 2. (กรุงเทพฯ: สถาบัน
กฎหมายอาญาสานักงานอยั การสงู สุด, 2548).

สนุ ยั หาเรอื นพืชน์, “กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงนิ มาตรการเสรมิ หากการใช้
กฎหมายอ่นื ไม่เปน็ ผล,” วารสารจุลนติ ิ (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2552) : 143.

สพุ ศิ ปราณตี พลกรัง, การคน้ หาความจริงในกฎหมายลกั ษณะพยานและการคุ้มครองพยาน
ในคดีอาญา. (กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช), สืบค้นเมอื่ 25 สิงหาคม 2564,
https://www. stou.ac.th›upload›41717-unit-10.

สุเมธ จติ ต์พานิชย์, “หลักการคน้ หาความจรงิ ในการสอบสวน,” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ,
คณะนิตศิ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.

สานกั งานกฎหมายและทนายความ, “หลักกฎหมายปกครองวันละเรอ่ื ง,” สบื คน้ เม่ือ 15 กรกฎาคม
2564, https://www.facebook.com/DroitAdministrative/posts/577200528962528/

โสภณ รัตนากร, คาอธบิ ายกฎหมายลักษณะพยาน, (กรุงเทพฯ: นติ บิ รรณาการ, 2545), 22.
สานกั งานคณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ, “แนวคดิ ของการจดั ต้ังกรมสอบสวนคดีพิเศษ,”

สบื คน้ เมอ่ื 20 ธันวาคม 2564, http://www.oic.go.th›ginfo›doclist/
เสาวลักษณ์ แก้วกมล, “การสั่งฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ.” วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,

สาขานิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบณั ฑิตย์, 2554.
อภิรัฐ บญุ ทอง. คูม่ ือสอบพยานหลกั ฐาน. (กรงุ เทพฯ: วญิ ญูชน, 2559): 19.
อุดมชยั โลหณุต, “มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิ ในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา

ตอ่ ผู้กระทาความผดิ ท่ีให้ข้อมูลทส่ี าคญั และเปน็ ประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ
พ.ศ. 2522,” วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบณั ฑิต, สาขาวิชานติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั
ธรุ กจิ บณั ฑิต, 2552.
อทุ ยั อาทิเวช, “การใช้ดลุ ยพินจิ ของพนกั งานอยั การกับการลดปรมิ าณคดีที่ข้ึนสศู่ าล
ในประเทศฝร่ังเศส,” วารสารยตุ ิธรรมฉบับที่ 4 (ตลุ าคม – พฤศจิกายน, 2546): 123.
อุทัย อาทิเวช. รวมบทความกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฝร่ังเศส. พมิ พ์ครัง้ ที่ 1 (กรงุ เทพฯ :
วี.เจ. พริ้นติ้ง, 2556).
อทุ ยั อาทิเวช. การสอบสวน. พมิ พค์ รง้ั ที่ 1 (กรงุ เทพฯ : ว.ี เจ. พริ้นตงิ้ , 2562).

317

อุเทน สวุ ดกี ุล, “การแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพเิ ศษ : ศกึ ษากรณีการกนั ผู้ร่วมกระทาผิดหรอื
ผู้ตอ้ งหาไวเ้ ป็นพยาน,” วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชานิตศิ าสตร์ คณะนิตศิ าสตร์
ปรดี ีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกจิ บัณฑิต, 2556 : 21-33. 64-76

อดุ ม รัฐอมฤต. คาอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน. พิมพค์ ร้ังท่ี 3, (กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั
ธรรมศาสตร์, 2557), 182.

อนุชาติ คงมาลยั , “พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง,” 2556, สบื ค้นเมือ่ 22 สิงหาคม 2564.
http://www.ago.go.th/articles_56/article_040356.pdf/

อรรถพล ใหญ่สว่าง, “หลกั นติ ิธรรม บทบาทและอานาจหน้าที่ขององคก์ รอยั การ
ภายใตร้ ่าง รธน. 2559,” สืบค้นเมือ่ 10 มกราคม 2565, https://www.matichon.co.th/
columnists/news_43113/

อุดมชยั โลหณตุ , “มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสทิ ธิ ในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา
ตอ่ ผูก้ ระทาความผิดที่ให้ข้อมลู ท่ีสาคัญและเป็นประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522,” วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต, สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั
ธุรกจิ บณั ฑิตย์, 2552 : 139.

Bron McKillop, “Anatomy of a French Murder Case 45 American,” Journal of
Comparative Law 527 (1997).

Casebriefs, Kastigar V. United States. (2011, November 19].Available from: http//www.
casebrief.com/blog/law/criminal procedure/kastigar-v-united-states/.

Foreign Affairs Division, Royal Thai Police. Country Report of Thailand for the 32nd ASEAN
Chiefs of Police Conference (ASEANAPOL), Naypyidaw, Mynmar, 21 May 2012.

Lewicki, Roy J.; Saunders, David M. and Barry, Bruce. Negotiation. 5th ed. Boston:
McGraw-Hill Irwin, 2006.

Legal Information Institute, “Bill of Right,” Accessed November 17, 2011, http//www.
law.cornell.edu/ancon/html/amd5toc_user_html.

McDonald, W.F. The Longer arm of the law: The growth and limits of international
law enforcement and criminal justice cooperation in International crime and
justice. NY: Cambridge University Press, 2011.

Queen’s Evidence-Immunities Undertakings and Agreement under SOCPA 2005,
Accessed January 7, 2013, http://www.cps.gov.uk/legal/

318

Robert, R., Strang, “More Adversarial, but not Completely Adversarial:
Reformasi of The Indonesian Criminal Procedure Code,” Fordham International
Law Journal 32 (2008).

Robert M. Hohm and Keith N. Haley. Introduction to Criminal Justice. 2th edition. Ohio:
Mcgraw-Hill, 1999.

Singh,J. (1997). “Strategic impact of Transnational crime,” Paper presented at the 2nd
meeting of the CSCAP Study Group on Transnational Crime in Bangkok,
Thailand. October 10-11, 1997.

The Crown Prosecution Service, “Hearsay: Legal Guidance,” Accessed December 12,
2012, http://www.cps.gov.uk/legal/hearsay/.

Vold, G,B., T.J. and Snipes. J.B. Theoretical criminology. 5th ed. New York: Oxford
University Press, 2002.

Yale Kamisar, Wayne R. Lafave and Jerold H. Israel. Basic Criminal Procedure: Cases.
American Casebook Series, 1980

[rGearadbery’so31u9r

attention
with a great
quote from
the
document
or use this
space to
emphasize a
key point.
To place this
text box
anywhere
on the page,
just drag it.]

ภำคผนวก

320

ภำคผนวก ก. ภำพกำรสัมภำษณเ์ ชิงลึก

ศำสตรำจำรย์พเิ ศษ จรัญ ภักดธี นำกลุ

พันตำรวจโท พเยำว์ ทองเสน พนั ตำรวจโท ยทุ ธนำ แพรดำ
รองอธบิ ดีกรมสอบสวนคดพี ิเศษ รองอธบิ ดีกรมสอบสวนคดพี ิเศษ


Click to View FlipBook Version