The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อการพัฒนากฎหมาย (กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองกฎหมาย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dr.parinya.dsi, 2023-01-10 22:16:12

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพื่อการพัฒนากฎหมาย (กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองกฎหมาย)

Keywords: คดีพิเศษ, กันไว้เป็นพยาน, การสืบสวนสอบสวน

221

วิธีการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานจึงเป็นวิธีท่ีจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายได้ แต่ก็ต้อง
กาหนดรูปแบบวธิ กี ารท่ีดี วางหลกั เกณฑ์อยา่ งไร หรือควรจะต้องใช้ในการอนุมตั แิ บบใด

(4) ควรสนับสนุนให้มีกำรบัญญัติกฎหมำยเพื่อรองรับและตรวจสอบพนักงำน
สอบสวนคดพี เิ ศษในกำรใช้ดุลพินิจกำรกนั ผตู้ ้องหำเปน็ พยำนในคดพี เิ ศษหรือไม่

สนับสนุน หากสามารถแก้กฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษได้จะเป็นผลดียิ่ง
แต่จะยุ่งยากและใช้ข้ันตอนมาก ซ่ึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา แต่ถ้าสามารถกาหนดเป็นระเบียบ
ภายในเลยน่าจะเป็นทางออกท่ีดีท่ีสุด ในแต่ละคดีก็จะมีอธิบดีมอบให้บอร์ดเล็กคล้าย ๆ การกลั่นกรอง
บอร์ดเล็ก กาหนดให้มีการกล่ันกรองเข้ามาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ทาในรูปแบบง่าย ๆ ให้มีหลักเกณฑ์
ให้มีมาตรฐาน สามารถตอบได้ว่าคดีนี้มีเหตุผลอะไรจึงต้องใช้วิธีนี้ หรือทาไมจึงต้องกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วม
กระทาความผดิ รายน้ี ทาไมถึงไม่กันผตู้ ้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดรายอื่น ตอ้ งตอบให้ได้

โดยเห็นควรให้ออกระเบียบภายใน เพื่อเป็นมาตรฐานในการทางาน ซ่ึงคดีแต่ละ
กลุ่มคดีจะมีการดาเนินการไม่เหมือนกัน แต่ควรกาหนดแนวทางให้มีมาตรฐาน ให้มีหลักเกณฑ์
เพ่ือที่จะเป็นประโยชน์แห่งความยุติธรรม และที่สาคัญคือคุ้มครองเจ้าหน้าท่ี หากเจ้าหน้าท่ีทาตาม
ระเบียบ ทาตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร เงอ่ื นไข กจ็ ะทาใหเ้ จา้ หนา้ ท่ไี มม่ คี วามเสีย่ งในการปฏบิ ัตงิ าน

(5) มำตรกำรที่จะกำกับ/ตรวจสอบกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษควรมี
อะไรบ้ำง

การกันตัวผู้ตอ้ งหาเปน็ พยานควรจะต้องเป็นไปตามหลกั เกณฑ์ 2 ประการ คอื
ประการท่ี 1 ต้องเป็นคดีที่มีลักษณะที่ว่าไม่สามารถหาพยานหลักฐานอื่น ๆ ได้
เพียงพอท่จี ะฟ้องลงโทษผกู้ ระทาความผิดทีเ่ ปน็ ตัวการ ผ้ใู ช้ ผ้สู นับสนนุ
ประการที่ 2 บุคคลท่ีจะกันไว้เป็นพยานจะต้องไม่ใช่ตัวการสาคัญ ตัวการใหญ่
หรือผู้สนับสนุน ซ่ึงต้องมีการกาหนดกฎเกณฑ์มาใช้ในการพิจารณาว่าการกันเป็นพยานเป็นไปตาม
ลักษณะดังกล่าวหรือไม่ ซ่ึงอาจทาได้หลายแนวทาง เช่น 1) แต่งต้ังคณะทากรรมการในการกล่ันกรอง
และส่งให้อธิบดีอนุมัติภายใต้คาเสนอของบอร์ดกลั่นกรอง จะมีข้อดีในการพิจารณาในความรอบคอบ
แต่อาจไม่คล่องตัวในการทางาน 2) ให้อธิบดีรับพิจารณาโดยตรงจากพนักงานสอบสวนเสนอส่วนน้ี
จะคล่องตัวดีกว่า แต่อธิบดีเองอาจจะต้องหาคนช่วยในการกล่ันกรองการใช้ดุลยพินิจ เช่น ผอ.กอง
บริหารคดีพิเศษ ผอ.กองคดีเจ้าของเร่ือง นัดมาดูเน้ือหาด้วยกัน 3 คน ประชุมวันเดียวเสร็จก็สามารถ
อนมุ ัติไดเ้ ลย
ประการที่ 3 ควรมีการกาหนดมาตรการในคดีท่ีเห็นชอบท่ีจะนาไปสู่การกัน
ผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน ควรจะให้มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย ก็จะเป็นมาตรการท่ีจะป้องกัน
พนักงานสอบสวนได้ดีที่สุด พนักงานอัยการจะมาช่วยพิจารณาว่าควรกันใครหรือไม่กันใครเป็นพยาน
เพราะเมื่อพิจารณาในชั้นของพนักงานสอบสวนเสร็จแล้ว ต้องส่งไปพิจารณาช้ันพนักงานอัยการ
ซึ่งถา้ มพี นักงานอัยการร่วมสอบสวนได้มาชว่ ยดตู ั้งแตต่ น้ ในขน้ั ตอนสัง่ ฟ้องก็จะผ่านได้โดยง่ายกวา่
ประการท่ี 4 ถ้าเป็นพยานท่ีสาคัญจริง ๆ อาจจะใช้ระบบคุ้มครองพยานร่วมด้วย
แต่การคุ้มครองพยานต้องดูแล้วว่ามีความคุ้มค่า เพราะรัฐต้องจ่ายคา่ ตอบแทนให้เขา ดูแลเขาอยู่ให้อยู่
กบั เรา เช่น คดกี อ่ การร้าย คดีสาคัญของประเทศ
ประการท่ี 5 การมีกฎหมายกากับ ถ้าเป็นในฐานะพยานคุณให้การเท็จหรือเบิก
ความเท็จจะมีโทษในตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้ต้องหาจะพูดยังไงก็ได้เพราะสถานะเขาสวมหมวกผู้ต้องหา

222

เน่ืองจากกฎหมายผู้ต้องหาให้การอย่างไรก็ได้ไม่ผิด แต่ถ้าสอบเป็นพยานต้องให้การโดยความสัตย์
จริงเทา่ นนั้

การกันไว้เป็นพยานจะมอี ยู่ 2 วิธี
1. การกันแบบ Auto คือพนักงานสอบสวนจะกันบุคคลรายใดไว้ก่อน โดยสอบ
ปากคาในฐานะพยานเลย
2. ใช้วิธีการแจ้งข้อหาเป็นผู้ตอ้ งหาแต่สั่งเป็นไม่ฟ้อง และพนกั งานอัยการมีคาส่ัง
เดด็ ขาดไม่ฟ้อง พนกั งานอัยการก็ตอ้ งมีคาสั่งมาใหส้ อบเปน็ พยาน
ในคดีพิเศษควรจะมีการกันเป็นพยานแบบไหน ถ้ากันแบบท่ี 2 จะโปร่งใสกว่า
จะมีข้ันตอน ระยะเวลา จะมีข้อดีข้อเสีย แต่ถ้ากันเป็นแบบออโต้จะเป็นพยานได้เลยเขาใช้ดุลพินิจ
สมมุติผู้ต้องหาเป็นรายเล็ก แต่ยันความผิดของตัวการใหญ่ ก็สอบเป็นพยานแต่จะถูกครหาว่าไปให้
ความจูงใจเขาหรือไม่ ทาผิดด้วยกันทาไมไม่แจ้งข้อหา ส่วนน้ีก็เป็นข้อเสีย ข้อดีก็คือรวดเร็ว แต่ถ้าเกิด
ทาตามข้ันตอนแล้วขอ้ ครหาก็จะเบาลง หรอื อาจจะไม่มกี ็สามารถแจ้งข้อหาเป็นผ้ตู ้องหาได้เลย
(6) กำรกำหนดแนวทำง/ระเบียบในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพเิ ศษมีผลดี/
ผลเสยี อย่ำงไร
ข้อเสยี เรื่องความโปร่งใสในการใชด้ ุลพินิจของพนกั งานสอบสวน ถ้ามีเกณฑ์ต้อง
ไม่ใช่ตวั การสาคัญ ต้องมีการแสวงหาพยานหลักฐานอ่ืนแล้วหาไม่ได้ ถ้ามีหลกั เกณฑ์ที่ชดั เจนกจ็ ะทาให้
ดลุ พินิจมีความรอบคอบข้ึน และไดร้ ับการตรวจสอบคานึงถึงประสิทธิภาพจากตัวพยานดว้ ย ถึงวันหนึ่ง
อาจจะไม่ไปเบกิ ความให้ ก็กลายเป็นว่าการกันเป็นพยานกก็ ันฟรี เพราะเราจะเอาไปใหเ้ ขาไปเบกิ ความ
แต่เขาไม่ไปอันน้ีต้องเป็นข้อหน่ึงที่ต้องระวัง ถ้าหากผู้ที่ได้รับการกันเป็นพยานรายใดให้การหรือให้การ
ต่างจากท่ีเคยให้การไว้ หรือไม่มาเบิกความ สามารถแจ้งความกลับและดาเนินคดี เพราะทาให้
หน่วยงานเสียหาย ควรจะมีมาตรการเขยี นไวใ้ ห้ชดั เจนดว้ ย เพ่ือให้ผู้ที่ถูกกนั ไวเ้ ป็นพยานไดท้ ราบว่าเขา
ยังจะถกู ดาเนินคดีได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะออกเป็นกฎหมายหรือไม่ก็จะยุ่งยากข้ึน อาจจะเขียนในลักษณะ
ทว่ี ่าถือเป็นความผดิ ให้การเท็จ
(7) ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนเพื่อกำรอำนวย
ควำมยตุ ิธรรมในภำพรวม

ต้องคานึงถึงเรื่องการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่หากมีการกาหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไขท่ีชัดเจน จะลดความเสี่ยงเร่ืองการใช้ดุลพินิจไปได้ หากเป็นวิธีการท่ีโปร่งใส
เป็นธรรม ตรวจสอบได้จะทาให้การกันไว้เป็นพยานจะได้รับความสนใจนามาใช้ในคดีสาคัญๆ และ
สามารถนาผู้กระทาความผิดที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนมาลงโทษ สามารถตัดวงจรอาชญากรรมได้
อยา่ งสนิ้ ซาก อานวยความยตุ ิธรรมให้กับประชาชนไดอ้ ยา่ งเป็นรปู ธรรม

(8) ข้อเสนออ่ืน ๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำ
พยำนหลกั ฐำนในคดีพิเศษ

1. ควรทบทวนกฎหมายเพื่อท่ีจะดูว่าตรงไหนที่ควรจะแก้ไขให้ปกป้องพนักงาน
สอบสวน หรือการมีกองทุนในกรณีที่พนักงานสอบสวนถูกฟ้องเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือเบิก
คา่ ใช้จา่ ยได้ หรือมีพนักงานอัยการแก้ต่างให้

223

2. พัฒนาเทคโนโลยีเคร่ืองมืออุปกรณ์ให้ทันต่อบริบทสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป
เช่น การมี Big Data ท่ีเชื่อมโยงกับหน่วยอ่ืน ๆ เช่น ข้อมูลการเสียภาษี ข้อมูลท่ีจะระบุบุคคล ข้อมูล
ทะเบียนรถ หมดสมัยทีจ่ ะต้องไปทาหนงั สอื ถามไปยังหนว่ ยงานภายนอก

3. ทาความร่วมมือกับหน่วยต่าง ๆ ทาอย่างไรให้หน่วยงานท่ีมีความร่วมมือ
MOU อยู่ เช่น ก.ล.ต. ปปง. กรมสรรพากร ใช้ MOU ให้เต็มศักยภาพ MOU ที่มีอยู่บางคร้ังอาจไม่ได้
ใช้ ทางปฏิบัติต้องมีการพัฒนาสัมพันธ์ ต้องมีไปพบปะพูดคุย ความสัมพันธ์ของตัวเจ้าหน้าที่ด้วยกัน
ต้องสร้างขึ้นมาถึงจะมีผลในทางปฏบิ ัติ เราต้องทาพวกนีใ้ หเ้ ตม็ ประสิทธิภาพ เดิมคอ่ นขา้ งท่ีจะสามารถ
พดู คุยกันได้ในระดับปฏิบัติ มีอะไรกส็ ามารถท่ีจะพูดคุยกันได้ ตอนปัจจุบันหลาย ๆ หน่วยงาน ค่อนข้างที่
จะกาหนดให้เป็นระบบปิด เข้าไปหาขอ้ มลู ค่อนข้างยาก หากจดั ทา MOU แล้วแต่ไมเ่ วิรค์ ต้องทาอย่างไร

4. พัฒนารูปแบบการนาเสนอข้อเท็จจริงในสานวน หรือทักษะในการนาเสนอ
รูปแบบพยานหลักฐานให้เข้าใจง่าย การร้อยเรียงในการนาเสนอให้พนักงานอัยการเข้าใจ ให้ศาล
เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรสาคัญมาก บางคร้ังไปรวบรวมพยานหลักฐานมา 100 แต่ถ่ายทอด
ลงในเอกสารในรายงาน บางคร้ังหายไป 30 หรือ 40 ได้แก่ การทาเป็นแผนภูมิหรือแผนผัง
แสดง Timeline ที่มีการเชื่อมโยงเข้าใจง่าย สาหรับคดีท่ีมีผู้ต้องหาจานวนมาก แทนรายงานการ
สอบสวนใหญ่ ๆ หลายสิบแฟ้มอ่านยาก

5. มีการวางแผนการบริหารงานบุคคลให้เหมาะสม เพ่ือให้เกิดการถ่ายทอด
ความรู้ ประสบการณ์ให้กับรุ่นน้องอย่างต่อเน่ือง เช่น กองคดีการเงินฯ ต้องการความต่อเน่ืองของ
ผทู้ ี่ทาคดี พ.ร.บ.หลักทรพั ย์และตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีคนท่ีมีประสบการณ์ในดา้ นน้ี ถ้าเพิ่มประสิทธิภาพ
คือ การวางแผนงานบุคคลควบคู่ไปด้วยจะจัดคนให้เหมาะสมกับงาน ต้องปรับกระบวนความคิด
ต้องมีความทุ่มเทเสียสละ ต้องมุ่งมั่นพัฒนากรมและพัฒนาการดาเนินคดีพิเศษควบคู่กันไป การพัฒนา
บุคลากรต้องคานึงข้อสาคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ 1) การเพ่ิมประสิทธิภาพในการนาเสนอพยานหลักฐาน
2) แรงจูงใจ ความมงุ่ มนั่ ของพนักงานสอบสวน

4.4.15. ผูใ้ หส้ ัมภำษณค์ นท่ี 15124

(1) สภำพปญั หำในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดพี เิ ศษมีอะไรบ้ำง
จากท่ไี ด้รว่ มงานกบั กรมสอบสวนคดพี ิเศษพบวา่
1) การเร่ิมคดีของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต่างกับพนักงานสอบสวนตารวจ

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะมีโอกาสเข้าไปหลังจากท่ีคดีเกิดขึ้นทิ้งช่วงระยะเวลานาน โดยในคดี
บางครั้งพนักงานสอบสวนส่วนอื่นมีการสอบไปแล้วถึงโอนคดีมาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบ
หรือแม้บางคร้ังจะเริ่มจากเราเองก็จากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นไม่ทันทีทันใด ทาให้ไม่สามารถรู้สภาพ
พยานหลกั ฐานท่แี ท้จรงิ ได้ว่า ภายหลังจากเกิดเหตวุ ่ามอี ะไรบา้ ง เพราะพยานหลักฐานบางอย่างอาจจะ
ถูกทาลายหรือสูญหายไปหมดแล้ว พยานหลักฐานที่ยังคงหลงเหลืออยู่ส่วนใหญ่จะมีพยานบุคคล
พยานเอกสารที่เกี่ยวข้อง พยานบุคคลท่ีได้จริง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เสียหายหรืออย่างมาก จะเป็น
บุคคลท่ีใกล้ชิดผู้ต้องหา ส่วนพยานอื่น ๆ ซ่ึงเป็นคนนอก พอนานไปจะยากที่จะตามพยานอื่น ๆ ท่ี
หนว่ ยงานอ่ืนสอบสวนมาให้ บางคร้ังกไ็ ม่ไดอ้ ย่ใู นสานวน ซ่ึงโอกาสอาจจะตกหลน่ ไปกจ็ ะมมี าก

124 สมั ภาษณเ์ ม่ือวนั ท่ี 8 มิถนุ ายน 2564

224

2) บุคลากรที่เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้เกิดจากการสรา้ งมาต้ังแต่ต้น
ด้วยองค์กรเอง เป็นการรับโอนจากบุคลากรจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่หลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะใน
ยุคแรก พนักงานสอบสวนที่เป็นตารวจเข้ามาส่วนหนึ่ง บุคลากรจากหน่วยงานอื่น ๆ ก็ต้องยอมรับ
และเม่ือเข้ามาแล้วก็ต้องเข้ารับการฝึกอบรม อาศัยจากความรู้ความสามารถจากท่ีทางานอยู่ท่ีเดิม
เข้ามาทางานต่อ อีกส่วนหนึ่งที่ไม่เคยผ่านงานทางด้านการสอบสวนมาก่อน หรือว่าผ่านมาแต่ไม่มาก
กเ็ ปน็ ปญั หาอุปสรรคในการทางาน

3) ศักยภาพในการสอบสวนที่มีอยู่ในปัจจุบันมาจากพนักงานสอบสวนท่ีเป็น
ตารวจเป็นหลักสาคัญมาแต่เดิม เมื่อรุ่นนี้หมดไปก็จะมีปัญหา เพราะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้
มีประสบการณ์ในการสอบสวนคดีอาญาท่ัวไปทุกคดีเหมือนตารวจรับผิดชอบคดีเฉพาะท่ีหน่วยงานนั้น
รับผิดชอบซ่ึงจะมีความรู้เฉพาะในคดีประเภทนั้น ๆ เช่น คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะ
ทาเฉพาะเก่ียวกับคดีที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คดีประเภทอ่ืน ๆ ก็จะไม่รู้
พอมาอยกู่ องคดีใหม่ก็ต้องเรยี นรู้ก็ตอ้ งมาหดั ใหม่ หาความรู้เพิ่มเตมิ กจ็ ะทาให้เสียเวลา

4) ระบบงานก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากคดีจานวนไม่เยอะมาก จึงยังไม่ค่อยเป็น
ปัญหาเทา่ ไหร่ เกี่ยวกับงานธุรการสามารถไปได้ปกตไิ ม่มีปัญหา

(2) ควรจะมีวิธีกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษ
อยำ่ งไร

เม่ือได้ดูจากพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จะเห็นได้ว่า
มีเครื่องมือพิเศษหลาย ๆ อย่างที่จัดไว้ให้ กระบวนการข้ันตอนก็มีไม่มาก แต่ก็ไม่นิยมใช้ อาจเป็น
เพราะว่าพนักงานสอบสวนเองเห็นว่าเป็นเร่ืองยุ่งยาก ข้ันตอนมาก เมื่อไม่ใช้เครื่องมือพิเศษก็ไม่เกิด
ความชานาญหรือความเชี่ยวชาญในการใช้งาน การที่เราจะไปเร่ิมใช้เครื่องมืออาจลาบาก เช่น การดักฟัง
จะตามไม่ทันเกี่ยวกับเทคโนโลยีของผู้กระทาความผิดก็จะล้าหน้ามากกว่าเคร่ืองมือท่ีมี เนื่องจาก
เทคโนโลยีก็ก้าวหน้า มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ อุปกรณ์ของเราก็ต้องพัฒนาตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษ
จึงควรไปพัฒนาเครื่องมือ ใช้อานาจของพนักงานสอบสวนโดยวิธีการสอบสวนแบบพิเศษที่กฎหมายให้
อานาจไว้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษควรจะนามาใช้ประโยชน์ เช่น การแฝงตัวของผู้กระทาความผิด
แต่เม่ือความรู้ของพนักงานสอบสวนเอง อาจไม่เพียงพอจึงเห็นว่าเป็นเร่ืองยุ่งยาก จึงเป็นปัญหาท่ี
กรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องไปพัฒนาต่อไป หรือย้อนกลับไปดูว่ากรมได้เคยใช้เคร่ืองมือพิเศษ
อะไรบา้ ง ใช้ในกี่คดี

(3) กำรกำหนดแนวทำงกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนจะสำมำรถเพ่ิมประสิทธิภำพ
ในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษได้หรือไม่

เรื่องการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเกี่ยวข้องกับพยานบุคคล ซ่ึงในทุกวันนี้คดีของ
กรมสอบสวนคดีพิเศษส่วนใหญ่ที่ทากันก็มักจะรวบรวมแต่พยานบุคคล ซ่ึงพยานบุคคลน้าหนักในการ
รับฟังในศาลจะน้อย แม้จะเป็นประจักษ์พยานเองก็ตาม เพราะว่าไม่มีความแน่นอนชัดเจนสามารถ
ท่ีจะปรับเปล่ียนเป็นยังไงก็ได้ ในกรณีที่คิดว่าการมีพยานบุคคลแล้วจะสามารถเพิ่มเสริมประสิทธิภาพ
บางทีก็ไม่อาจจะเห็นประสิทธิภาพในบางคดี มีพยานแล้วก็คิดว่าคดีมั่นคงมีหลักฐานพอที่จะฟ้อง
ผู้ต้องหาได้แล้ว ถ้ามีประจักษ์พยาน แต่จริง ๆ แล้วประเด็นสาคัญในคดีที่มีประจักษ์พยาน บางคดีก็มี
หลายคดที ีพ่ นกั งานอยั การฟ้องและศาลยกฟ้อง

225

โดยหลักฐานพยานบุคคล คดีไหนมีประจักษ์พยาน ถ้ามีประจักษ์พยานไม่มี
ความจาเป็นท่ีต้องกันเป็นพยานแล้ว มีพยานชัดเจนว่ามีผู้กระทาความผิดชัดเจน ก็ไม่มีความจาเป็น
ท่ีจะต้องกันใครเป็นพยาน อย่าลืมว่าในคดีที่มีประจักษ์พยานไม่ใช่คดีท่ีมีหลักฐานท่ีมั่นคงและชัดเจน
ท่ีจะทาให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ทุกคดี ในการสอบสวนคดีประเภทนี้แม้ว่าจะมีประจักษ์พยาน แต่ก็
ต้องมีพยานแวดล้อมอื่นท่ีจะมาเชื่อมโยงสนับสนุนประจักษ์พยานให้มีน้าหนักมากขึ้น บางคดีมีปัญหา
ในบางคดีไม่มีประจักษ์พยานเลย มีแต่พยานเอกสารอ่ืน ๆ ก็ไม่สามารถที่จะเช่ือมโยงได้ เลยจาเป็น
ท่ีจะต้องมีการกันไว้เป็นพยาน ซึ่งโดยท่ัวไปในต่างประเทศก็มีการนาวิธีนี้ไปใช้ โดยการเอาตัวผู้ต้องหา
ท่ีเป็นผู้กระทาความผิดบางคนมาเป็นพยานในคดี แต่เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
บางประเทศก็ไม่ได้ออกกฎหมายว่าให้ผู้ต้องหามาเป็นพยาน อย่างเช่น ของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มี
การกนั พยาน มีกฎหมายต่อรองรบั คาสารภาพ มขี ้อต่อรองแล้วมีเงื่อนไข ต้องให้การแบบน้ี ส่วนคณุ จะ
ได้ประโยชน์หรือไม่ อาจจะต้องถูกดาเนินคดีหรือไม่ดาเนินคดีก็ได้ แต่ลักษณะนั้นไม่ได้เป็นการกัน
ผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน เป็นเพียงแค่การต่อรองเพ่ือจะฟ้อง แต่ก็จะถูกฟ้องอยู่ดี การกันผู้ต้องหาเป็น
พยานเหมือนกับวา่ ทุกวันน้ใี นประเทศไทยก็มีท่ีกฎหมายออกมารองรับ หลาย ๆ หนว่ ยงานมีการกาหนด
วิธีนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีแล้วคุณจะต้องใช้ แต่มีการกาหนดในกฎหมาย ในการใช้แต่ละครั้งก็มี
เงื่อนไข ข้อกาหนดก็จะมีข้อดีข้อเสีย คือเอาผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดมายืนยันเป็นพยาน
ซ่ึงโดยหลักแล้วคือ ในกระบวนการพิจารณาในประเทศไทยในคดีอาญาศาลก็จะห้ามโจทก์อ้างจาเลย
เปน็ พยาน ห้ามไม่ให้ผู้กระทาความผิดฟอ้ งในคดีเดียวกนั เป็นพยาน ถึงอ้างมาก็ไม่รับฟัง จริง ๆ เหมือน
ระบบกันผู้ต้องหาเป็นพยานเหมือนจะเลี่ยงไม่ถูกฟ้องเลยกันเป็นพยาน มาตรการท่ีมีการกันเป็นพยาน
ได้ผลบ้างหรือไม่ได้ผลบ้าง ในบางคดีก็จะไม่มีช่องทางอื่น ๆ หากไม่เอาผู้ต้องหาที่ร่วมกระทาความผิด
มาเป็นพยานกไ็ มม่ ที างทจี่ ะฟ้องได้ ดงั น้ัน ก็จะมีความจาเปน็

ในเม่ือมีความจาเป็น และการที่จะทาแบบใดให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ซ่ึงถ้าจะถือด้วยหลักการกันผู้ต้องหา คือ คดีนั้นต้องไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่จะมายืนยันการกระทา
ความผิด ในการดาเนินคดีได้มาพิจารณาแล้วว่าคนท่ีกันไว้เป็นพยานมีส่วนร่วมท่ีกระทาความผิด
น้อยที่สุด จะไม่ใช่การกันพยานท่ีเป็นตัวการสาคัญนอกจากนี้ ในคดีก็ต้องมาดูว่าคาให้การมีน้าหนัก
น่าเช่ือถืออย่างไร ต้องคานึงถึงประโยชน์สาธารณะมีผลอย่างไร และในส่วนน้ีเป็นเบื้องต้นในหลัก
การพจิ ารณา และตอ้ งมีเหตผุ ลให้เหน็ ได้ชัดเจนวา่ เหตุใดถงึ กนั ผูต้ ้องหาคนนี้เป็นพยาน

(4) ควรสนับสนุนให้มีกำรบัญญัติกฎหมำยเพื่อรองรับและตรวจสอบพนักงำน
สอบสวนคดีพิเศษในกำรใช้ดุลพินิจกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษหรือไม่

สนับสนุน แต่ก่อนอื่นอย่างแรก กรมสอบสวนคดีพิเศษควรกาหนดกฎเกณฑ์
มาใหช้ ดั เจนว่า จะกนั ผตู้ อ้ งหาไว้เป็นพยานจะมีวิธีการทาอย่างไร ตอ้ งกาหนดกฎเกณฑอ์ าจเป็นรปู แบบ
ระเบียบภายใน หรือเสนอแก้ในกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษเลยก็ได้ ควรที่จะมีการกาหนด
บคุ คลที่เกย่ี วข้องเพอื่ เป็นการตรวจสอบระหว่างการดาเนนิ คดี กล่าวคอื จะมกี ารควบคมุ ภายในอย่างไร
อย่างเช่น จะเริ่มจากพนักงานสอบสวน ความเห็นของพนักงานสอบสวนส่วนใหญ่ต้องไปถึงระดับไหน
ให้ความเห็นชอบก็กาหนดมา โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่จาเป็นตั้งเป็นคณะกรรมการ ควรจะทาเป็นการ
ควบคุมตรวจสอบภายในมากกว่า เป็นการควบคุมในระดับชั้นการบังคับบัญชาดีกว่า เหตุผลเพราะ
การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน พนักงานสอบสวนกันผู้ต้องหาเป็นพยาน คาส่ังเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีไม่ได้อยู่ที่

226

พนักงานสอบสวนอยู่ท่ีผลการพิจารณาของพนักงานอัยการ ซึ่งจะทาหน้าท่ีตรวจสอบอีกครั้ง ดังน้ัน
จงึ ไม่จาเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งตง้ั เงอื่ นไขในรูปในคณะกรรมการ จะทาใหก้ ระบวนการมีความยุ่งยากมากข้ึน

(5) มำตรกำรที่จะกำกับ/ตรวจสอบกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษควรมี
อะไรบ้ำง

วิธีการกันผู้ต้องหามีอยู่ 2 วิธี วิธีแรก คือ กันแบบ Auto กันแบบไม่แจ้ง
ข้อกล่าวหา หลังจากท่สี บื สวนสอบสวนแลว้ รูว้ ่าใครเป็นผ้กู ระทาความผิด และใครสามารถให้ข้อมูลเพ่ือ
เป็นประโยชน์ได้ พนักงานสอบสวนสามารถกันไว้ได้ต้ังแต่ต้น วิธีท่ีสอง คือ การกันเป็นพยานโดย
จะต้องเป็นผู้ต้องหามาก่อนแจ้งข้อหาก่อน และดูคาให้การของผู้ต้องหา ว่าการให้การเป็นประโยชน์
หรือไม่ ไม่ใช่รับฟังจากภายนอกมาแล้วไม่แจ้งเขาเป็นผู้ต้องหานามาเป็นพยานมันผิดหลักเป็นเรื่อง
เข้าใจที่ผิด แต่การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน การใช้วิธีการนี้ไม่ถูกต้องและอันตราย เป็นพยานในคดี
และให้คาม่ันสัญญาและแรงจูงใจผิดหลักของการรับฟังพยานหลักฐาน คดีอาญา 227 ควรระวังให้ดี
ความเข้าใจของแต่ละคนแตกต่างกัน ส่ิงที่ถูกต้องก็คือ การกันผู้ต้องหาเป็นพยานตามหลักการไม่ใช่
ไม่ดาเนินคดเี ปน็ พยานถอื วา่ กนั เปน็ พยานคือผดิ หลกั

(6) กำรกำหนดแนวทำง/ระเบียบในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพเิ ศษมีผลดี/
ผลเสยี อยำ่ งไร

ผลเสยี
1. บางครั้งผูก้ ระทาความผดิ ไม่ตอ้ งไดร้ บั โทษ มผี ลกระทบต่อสงั คม
2. มีปัญหาในการควบคุมพนักงานสอบสวน เปน็ เรอื่ งผลประโยชน์ชัดเจน เพราะ
คนที่ไดป้ ระโยชนค์ ือ ผูต้ ้องหาทีไ่ ม่ถกู ฟ้อง บางคร้ังให้ข้อมูลไม่คุ้มคา่ แตห่ ลุดพ้นจากการกระทาความผิด
ถา้ พนักงานสอบสวนกระทาการไมส่ ุจริตจะเกิดผลเสยี ระบบและการอานวยความยุติธรรมอย่างมาก
3. เปน็ ชอ่ งทางให้พนกั งานแสวงหาผลประโยชนจ์ ากผูก้ ระทาความผดิ ได้
4. มีผลกระทบต่อรูปคดีได้ เพราะพนักงานสอบสวนไม่สุจริตและจัดการเป็น
พยานต้องหาช่องทางสรา้ งพยานหลักฐานเท็จ
(7) ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนเพ่ือกำรอำนวยควำม
ยุตธิ รรมในภำพรวม
เปน็ เรื่องเดยี วกันกบั ขอ้ 6
(8) ข้อเสนออ่ืนๆ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำ
พยำนหลกั ฐำนในคดพี ิเศษ
เพ่ิมประสิทธิภาพการพัฒนาองค์กร โดยจะต้องเร่ิมต้นจากองค์กรมาพัฒนาคน
ขององค์กรของเราเอง ปลูกฝังพนักงานใหม่ โดยจะได้ไม่เอาวัฒนธรรมจากท่ีอื่นมาใช้ในองค์กร
เรามาพัฒนา สรา้ งค่านิยมใหม่ให้กับตัวพนกั งานใหมจ่ ะได้มีแนวคิดในทศิ ทางเดยี วกนั
4.4.16 ผใู้ ห้สัมภำษณค์ นที่ 16125
(1) สภำพปัญหำในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดพี ิเศษมอี ะไรบ้ำง
ในส่วนของ DSI ต้องบอกลักษณะข้อดี คือสามารถจะนาผู้ท่ีมีความรู้ความ
สามารถในด้านต่าง ๆ เข้ามาร่วมในการทางาน จะมีองค์ความรู้จากหลากหลายหน่วยงานเข้ามา

125 สมั ภาษณเ์ มือ่ วนั ท่ี 1 มถิ นุ ายน 2564

227

ในการดาเนินคดีพิเศษ โดยเฉพาะการให้มีพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบตามมาตรา 32 ตาม
พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซ่ึงจะได้ประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน
และต้องยอมรับว่าพนักงานสอบสวนเป็นแค่เพียงผู้ให้ความเห็นว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง การสั่งฟ้องหรือ
การสงั่ ไม่ฟ้องอยู่ทก่ี ารพิจารณาของพนกั งานอัยการ ในเมื่อกรมสอบสวนคดีพเิ ศษไดใ้ ห้พนกั งานอัยการ
ซ่ึงเป็นผู้ตรวจสานวนมาร่วมสอบสวน ก็จะทาให้การแสวงหาพยานหลักฐานตรงประเด็น ตรงจุดท่ีสุด
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาของการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ช่ือก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคดีพิเศษ
บางคร้ังพยานหลักฐานอาจจะมีปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้เกิดใน
ทุกคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษมักจะทาคดีที่มีลักษณะที่เกิดการกระทาความผิดไประยะหนึ่งแล้ว
ไม่ใช่เป็นคดีความผิดซ่ึงหน้า ฉะนั้น DSI ทาคดีที่เกิดข้ึนไปแล้วโอกาสท่ีจะรวบรวมพยานหลักฐาน
จึงง่าย แต่ที่จะมีปัญหาคือระบบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบบสายงานบางทีทาให้เกิดปัญหา
มองว่าปัญหาพยานหลักฐานไม่ใช่ไม่มีศักยภาพ การมีที่ปรึกษาเป็นพนักงานอัยการร่วมสอบสวน
มีโอกาสท่ีการดาเนินคดีจะรัดกุมจึงมากกว่า อีกท้ังการดาเนินคดีก็มีรูปแบบคณะทางาน ซ่ึงเม่ือเกิด
ปัญหาบางทไี ด้หวั หน้า หรือ ผอ.กอง ท่ีไมเ่ ขา้ ใจรูปแบบของการดาเนนิ คดีเท่าทคี่ วร และใชร้ ะบบบงั คับ
บัญชาส่ังแบบนี้แบบนั้น จึงน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ หรือการผ่านด่านในการทางานหลาย ๆ ช้ันเกินไป
เช่น เมื่อเป็นผู้อานวยการแล้ว ก็ต้องไปผ่านรองอธิบดี ซึ่งให้รองอธิบดีเป็นคนควบคุมกากับ
เพราะฉะน้ันปัญหาท่ีผมเห็นจึงเป็นปัญหาโครงสร้างของกรมสอบสวนคดพี ิเศษเอง ซึ่งบางครั้งมองเหมอื น
เป็นอิสระแต่ไม่เป็นอิสระ และที่สาคัญคือ การนาคดีเข้าไปเป็นคดีพิเศษท่ีไม่ใช่เป็นคดีพิเศษแบบ
อัตโนมัตินั้น บางคร้ังท่ีจะไปแสวงหาพยานหลักฐานเดิมท่ีไปสืบสวนมานาเสนอก็ไม่เป็นท่ีต้องการของ
ผู้มีอานาจ คือ ไม่อยากให้นาเข้ามา ปัญหาที่เห็นชัดในการแสวงหาพยานหลักฐานน่าจะเป็นเร่ืองของ
ระบบโครงสรา้ ง ซ่ึงบางครั้งผา่ นสายการบังคบั บัญชามากไปในคดีพิเศษ ซ่ึงก็จะตอ้ งผา่ นคณะกรรมการ
กล่ันกรองอีก 1 ชั้น ก่อนจะถึงคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีคณะกรรมการกล่ันกรองจะแบ่งออกเป็น
4 คณะ จะมีปัญหานี้ หากมองในมุมผม เรื่องพยานเองผมว่าปัญหาการหาพยานจะมีเฉพาะบางคดีที่
เกิดขึ้น ท่ีจะเป็นคดีที่หลักฐาน กับคดีใหม่ ๆ ในท่ีน้ีคือ คดีที่เกิดข้ึนมาแล้วเป็นคดีที่หน้างานเหมือนทุก
วันนี้ที่ได้ไปทาเป็นคดีท่ีจะต้องไปจับให้ได้ ให้เห็นขณะทาความผิดแบบนี้เป็นคดีที่ยาก แต่คดีท่ีผ่านมา
ทั้งหมดไม่ใช่ลักษณะคดีแบบน้ี ถ้าตารวจจะทาคดีซ่ึงหน้าท่ีเห็น แต่ทางเราจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นไปแล้ว
และยิ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับพยานและเอกสารหาง่าย สามารถใช้กฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ
ในการทาคดีประเภทไหนทจ่ี ะประสบปญั หาแสวงหาพยานหลักฐานไดม้ ากทสี่ ดุ น่าจะเป็นคดแี ชร์ลูกโซ่
ผู้เสียหายเยอะ จะทาอย่างไรให้ผู้เสียหายมาอยู่ในคราวเดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา
เชน่ สมมตุ ิว่าผู้เสยี หายมี 400 คน เราตรวจสอบไป 200-300 คน แข่งกับเวลาเราตอ้ งส่งพนักงานอัยการ
และที่เหลือบางครั้งก็ไม่ได้ หรือว่าการตามทรัพย์สินจะยาก แต่คดีทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
อาจจะไม่มีอะไรยาก เพราะสิ่งแวดล้อมก็ชัดเจนอยู่แล้วส่วนใหญ่จะเป็นบุกรุกท่ีดิน ที่ป่า เราก็ต้องไป
ตามจับว่าออกเอกสารโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ผมว่าไม่ยาก แต่ที่ยาก
ก่อนหน้าน้ีคือ คดีกะปงมีพยานจานวนมากที่จังหวัดพังงา พยาน 400 กว่าคน ในการติดตามจึงยากที่
จะหาพยานหลกั ฐานเชื่อมโยงในคดไี ด้

228

(2) ควรจะมีวิธีกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษ
อยำ่ งไร

การเพ่ิมประสิทธิภาพของการหาพยานหลักฐาน อย่างที่บอกควรจะต้องรับฟัง
กบั ผู้ที่เขา้ มาช่วยในคดี คือ ต้องรับฟงั แมก้ ระทั่งคนทีเ่ ราเชิญมาเป็นทีป่ รึกษาคดีพิเศษ ต้องรับฟังพนักงาน
อัยการที่ร่วมสอบสวน เม่ือตกผลึกในความคิดในมุมพยานหลักฐานว่า แบบน้ีเป็นพยานหลักฐานท่ีดี อันนี้
จะเป็นตัวหน่ึงท่ีสามารถทาให้ประสิทธภิ าพดขี ้ึน แต่บางคดีพนักงานอัยการเข้ามาแค่ร่วม ไม่ได้เขา้ มาเป็น
หัวหน้า บางครั้งแนะนาไปแล้วพนักงานสอบสวนอาจไม่ได้เห็นด้วย อาจจะไปคิดทาอีกมุมหน่ึง และท่ี
สาคัญท่ีเห็นอยู่บ่อยครั้งคือ การร่วมมือบางครั้งไม่ได้มาร่วมในการให้ข้อมูลก่อน ไม่ได้ประชุมก่อน และ
มาถึงก็นัดจะไปสอบพยาน แบบน้ีจะทาให้ประสิทธิภาพไม่ดี จะต้องมีระบบที่มีประสิทธิภาพมากเพิ่มข้ึน
จะต้องมีการวางแผนทางคดี โดยผู้ท่ีมีความเช่ียวชาญ ซ่ึงหมายความว่าพนักงานอัยการและท่ีปรึกษา
คดีพิเศษที่เชิญมา เขาต้องมีความเช่ียวชาญทางด้านนี้ควรท่ีจะเร่ิมต้นอย่างไร ตอบใคร ตอบอย่างไร
แล้วที่สาคัญคือต้องรู้จักนาเครื่องมือพิเศษท่ีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอยเู่ ขา้ มาใช้ บางคร้ังไมไ่ ดใ้ ชเ้ คร่ืองมือ
ท่ีมีอยู่ในตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ท่ีให้อานาจพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
มากกว่าที่เจ้าพนักงานอ่ืน คือ ตารวจ แต่กลับไม่นามาใช้โดยเฉพาะการดักฟังโทรศัพท์ การแฝงตัวก็ไม่
นิยมนามาใชเ้ ท่าไหร่

การท่ีไม่ได้ใช้เคร่ืองมือพิเศษท่ีมีอยู่ เกิดจากความกังวล ความไม่กล้าท่ีจะใช้
แต่เรามีเครื่องมือแล้วต้องนามาใช้ โดยใช้ตามที่กฎหมายเดิมที่วางไว้ ซึ่งเห็นดูจากกฎหมายเป็นระบบ
ถ่วงดุลอยู่แลว้ ไมใ่ ชว่ ่า พนกั งานสอบสวนคดีพิเศษจะใช้อานาจตามอาเภอใจ การขอใช้เครือ่ งมือพเิ ศษ
ต่าง ๆ ต้องไปขออธิบดีศาลอาญา หรือการแฝงตัวในองค์กร ซ่ึงมีคนเก่ง ๆ ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ
แต่ก็ไม่ได้ใช้งานเท่าท่ีควร และอีกประเภทหนึ่ง คือ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษในรุ่นก่อนมักจะไปทา
คดีทั่วไป Street Crime เท่านั้น วันน้ีมีการสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉะน้ันจึงต้องแตกต่างจาก
ตารวจคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องทาเร่ืองใหญ่ ๆ เร่ืองสาคัญ แต่บางครัง้ ไปรับเรือ่ งเล็ก ๆ มาทา
ซ่ึงแบบน้ีตอ้ งไมร่ ับ ต้องทาเฉพาะคดที ใ่ี หญ่จริง ๆ ท่ีเปน็ Special Crime

(3) กำรกำหนดแนวทำงกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนจะสำมำรถเพิ่มประสิทธิภำพ
ในกำรสบื สวนสอบสวนและกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดพี เิ ศษได้หรอื ไม่

จะต้องเทียบเคียงกับกฎหมายก่อน ประเด็นที่ 1 ต้องยอมรับว่าตวั ผู้ต้องหาท่ีเป็น
พยานถ้าในมุมของกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาภาค 5 ถือว่าเป็นพยานท่ีมี
นา้ หนกั น้อยมาก เทียบเท่ากับพยานบอกเล่า ไม่ต่างอะไรจากคารับสารภาพ จบั ผู้ตอ้ งหาในการกระทา
ความผิด ซึ่งถ้าได้มองมุมส่วนตัว การหาพยานหลักฐานเอาตัวผู้ต้องหามาเป็นพยานน่าจะใช้สาหรับ
กรณีที่ไม่มีพยานหลักฐานอื่น ถ้าเรามีพยานหลักฐานอ่ืน เช่น หลักการของการสอบสวนพนักงาน
สอบสวนท่ีดี หรือพนักงานสอบสวนท่ีเก่งจะต้องหาประจักษ์พยานให้ได้ แบบนี้คือพยานสาคัญมาก
ถ้าไม่ได้ก็เป็นพยานแวดล้อมบางกรณี ส่วนสุดท้ายเลยจริง ๆ พยานบอกเล่า เพราะน้าหนักน้อยมาก
ถ้าไม่ได้ประจักษ์พยานไม่ได้พยานแวดล้อมมีแต่พยานบอกเล่า หรือมีแต่ผู้ต้องหา โดยการท่ีกันไว้
เป็นพยาน เชื่อได้เลยว่าคดีนี้ศาลยกฟ้อง เพราะฉะนั้นไม่อยากให้พุ่งเป้าไปว่าทุกเรื่องต้องนาผู้ต้องหา
มาเป็นพยาน ต้องหาดูว่าจะสามารถหาพยานอันเก่าได้หรือไม่ พยานช้ันที่ 1 ถ้าหาไม่ได้ค่อยว่ากันอีก
ครั้ง ถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ คาตอบคือ มีประโยชน์ แต่ไม่สามารถนามาเป็นน้าหนักท่ีจะไปลงโทษ
ได้แบบน้ี ที่มองประเด็นที่หน่ึงในกฎหมายในการรับฟังพยาน ประเด็นท่ี 2 เก่ียวกับคดีพิเศษโดยตรง

229

ซ่ึงปกติการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานน้ีจะพูดในกรณีภาพรวม การกันผู้ต้องหาเป็นพยานท่ีเม่ือสักครู่น้ี
หากระเบียบการดาเนินคดีในส่วนของตารวจเขามีอยู่แล้ว มีการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเป็นเรื่องปกติ
แต่ทุกส่ิงทุกอย่างจะต้องเรียนให้ทราบว่าไม่ใช่เป็นอานาจของพนักงานสอบสวน ซ่ึงพนักงานสอบสวน
สามารถท่ีจัดการผู้ต้องหาเป็นพยานได้ แต่สุดท้ายจะอยู่ที่พนักงานอัยการว่าเขาจะเอาด้วยหรือไม่
เอาด้วย ยกตัวอย่างคือ คดีฆ่าแม่ ส.ส.ท่านหน่ึงที่เมืองจันทบุรี เร่ืองน้ันพนักงานสอบสวนตารวจกัน
ผู้ต้องหาเป็นพยาน แต่สุดท้ายพนักงานอัยการก็ไม่ร่วมด้วย ก็ต้องฟ้องไปเป็นจาเลย เพราะฉะนั้น
การจะกันไว้เป็นพยานหรือไม่นั้น บางครั้งต้องปรึกษาทางพนักงานอัยการว่าสามารถกันไว้เป็นพยาน
ได้หรือไม่ เพราะการกันไว้เป็นพยานนั้นจะต้องดูว่าเป็นพยานที่ร่วมกระทาความผิดที่ระดับใด หรือพูด
ง่าย ๆ ว่า ต้องอยู่ในระดับน้อยสุด ในการกันก็ไม่ใช่เอาหัวโจกมากันไว้เป็นพยาน ต้องหาผู้ร่วมจริง ๆ
อาจจะเป็นคนขับรถ ดังน้ัน การกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานจะต้องดูรายละเอียดในแต่ละคดีว่า ในแต่ละ
คดที ่กี ลา่ วไวว้ า่ พยานหลกั ฐานหาได้หรือไม่ ถ้าหาได้ก็ไมต่ ้องกนั เป็นพยาน แต่ถ้าหาไม่ได้บางครง้ั จาเป็น
ท่ีจะต้องทา น้าหนักกน็ อ้ ยอยู่แล้ว จะเอาน้าหนกั นีม้ าลงโทษไม่ได้ และก็ข้ึนอยกู่ บั ระเบียบของพนักงาน
อัยการเหมือนกัน จะบอกว่าควรกันเป็นพยานได้หรือไม่น้ัน จะต้องปรึกษาพนักงานอัยการด้วย แต่
กรมสอบสวนคดีพิเศษก็มีข้อดีอย่างท่ีเรียนต้ังแต่ต้นว่ามีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน สมมุติว่า
พนักงานอัยการท่ีร่วมสอบสวนคดีพิเศษษมีความเห็นตรงกันว่าพยานไม่พอ จึงตกลงเห็นชอบมีมติ
ร่วมกันให้กันไว้เป็นพยาน แต่พอส่งสานวนไปท่ีพนักงานอัยการคดีพิเศษ ซึ่งปรากฏว่าพนักงานอัยการ
คดีพิเศษไม่เห็นดว้ ย การกนั ไวเ้ ป็นพยานน้นั ก็ไมเ่ กิด

(4) ควรสนับสนุนให้มีกำรบัญญัติกฎหมำยเพื่อรองรับและตรวจสอบพนักงำน
สอบสวน คดีพิเศษในกำรใชด้ ลุ พินิจกำรกันผูต้ อ้ งหำเปน็ พยำนในคดพี เิ ศษหรอื ไม่

อาจจะไม่ต้องถึงกับแก้พระราชบัญญัติ ซ่ึอาจแก้ยาก ใช้ระยะเวลานาน อาจจะ
ออกเปน็ ระเบียบภายในของกรมสอบสวนคดพี ิเศษข้ึนมากไ็ ด้ ซ่งึ ระเบียบตรงนอี้ าจจะมผี ลใช้บังคับ เช่น
ถ้าพนักงานสอบสวนไม่ปฏิบัติตามระเบียบก็จะถูกดาเนินคดีหรือทางวินัย ควรมีไว้และระเบียบควร
เขยี นให้ชดั เจน

(5) มำตรกำรที่จะกำกับ/ตรวจสอบกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษมี
อะไรบำ้ ง

มาตรการควรเขียนให้ชัดวา่ การจะลงมติหรือการกันใครเปน็ พยานจะตอ้ งชัดเจน
เห็นว่าพยานหลักฐานอื่นที่สาคัญไม่มีเพียงพอ จึงมีวิธีการสุดท้ายจริง ๆ ที่จาเป็นจะต้องใช้มาตรการนี้
และการใช้มาตรการน้ีต้องมีการประชุมหารือ ไม่อย่างน้ันทุกอย่างจะเป็นการอคติข้ึนมา เลือกปฏิบัติ
ทาไมคนน้ีได้กันเป็นพยาน ทาไมคนน้ีไม่ได้กันเป็นพยาน โดยเฉพาะเรื่องน้ีมาจากประสบการณ์ตรง
คดีแชร์ลูกโซ่ คุณเลือกอย่างไรว่าคนน้ี คือเจ้าของบริษัท คนนี้เป็นแม่ข่าย คนนี้เป็นรองลงมา คนนี้เป็น
คนหาลูกค้า ทาไมบางคดีร่วงหมด บางคดีก็เป็นพยาน หรือเขาเป็นผู้เสียหายเหมือนกันและนามาเป็น
พยาน อย่างตารวจก็ทาซ่ึงไม่เห็นด้วยหลายคดี ต้องมีมาตรการแยกให้ชัดเจนว่า นี่คือตัวผู้ต้องหา คือ
ตัวคนที่ถูกหลอกเหมือนกันหรือเปล่าแบบนี้ ระเบียบต้องชัด สุดท้ายคือจะต้องช้ีขาดเลยว่าทาไม
จะต้องมีการกันคนน้ีเป็นพยาน เพราะเหมือนการประชุมหารือต้องการลงมติโหวตในรูปแบบของคณะ
พนักงานสอบสวน ต้องมีการโหวตเพราะอะไร ไม่เช่นน้ัน หัวหน้าหรือ ผอ.กอง ตัดสินว่าคนนี้ไม่ต้อง
เป็นผูต้ ้องหา คนน้นี ามาเป็นพยาน ไปช้ีนาแบบนัน้ ไม่ได้ ถ้าระเบียบตรงน้ีออกมาโหวตยกมือลงคะแนน
เพราะเร่ืองนีเ้ ป็นเรอ่ื งใหญ่ ถงึ แม้สุดท้ายจะไมไ่ ด้จบตรงทกี่ รมสอบสวนคดพี ิเศษก็ตาม แต่กรมสอบสวน

230

คดีพิเศษก็ยอมรับว่าขอให้ได้ทาไว้บ้าง อาจจะไม่ได้จบท่ีเรา แต่ก็เป็นมาตรฐานต่อสังคมว่าได้เสนอ
กันเปน็ พยานไวแ้ ล้ว

มองว่าต้องมีระเบียบ ต้องให้ชัดเจนไปเลย เงื่อนไขและมาตรการท่ีจะกากับ
ในการเลือกใช้วิธีน้ียังมีการใช้ท่ัวไป คือ ผู้ต้องหารายน้ันต้องเป็นมีส่วนร่วมในการกระทาความผิด
ในระดับท่ีน้อยท่ีสุดมาตรการในลักษณะนี้มีอะไรบ้าง ในภาพรวมถ้าเป็นรายคดีไม่ได้จะพูดในหลักการ
ว่าก ารก ระท าเช่น นั้ น จะต้ อ งห าพ ย าน ห ลั กฐาน ที่ เป็ น ป ระจัก ษ์ พ ยาน ก่ อน คือ พ ย าน ชั้น ห น่ึ งก่ อ น
เพราะฉะนั้นประเด็นการกันผู้ต้องหาเป็นพยานต้องใช้เป็นวิธีการสุดท้าย และจะต้องใช้ต่อเม่ือต้อง
มีการลงมติโดยคณะทางานสอบสวนท่ีรับผิดชอบ ต้องมีระเบียบและเป็นการสร้างรูปแบบเหมือน
โหวตต้องลงมติไม่อย่างน้ัน ตัวอย่างที่ ผอ.คนเดียวไปช้ีนาลูกน้องก็ต้องทาตามแต่ถ้าใช้โหวต สมมุติว่า
คณะมี 8 คน ก็ต้องโหวตเสียงข้างมากที่จัดการเป็นพยานด้วยเหตุผลที่จัดการเป็นพยานก็คือ เป็นคน
กระทาความผดิ น้อยท่ีสุดในเรื่องนัน้

การท่ีจะเสนอแต่งตัง้ คณะกรรมการข้ึนมาอีกคณะหน่ึงซงึ่ จะทาให้มาล่วงรู้สานวน
คดี ซ่ึงไม่ควรจะเป็นอย่างยิ่ง และจริง ๆ นึกอยากให้จบแค่น้ีไม่ต้องไปเสนออธิบดี เพราะจริง ๆ แล้ว
อธิบดีต้องยอมรบั วา่ จะมีงานหลายหน้าแล้วก็ซ้าซอ้ น ยกตัวอย่างให้ฟัง ทกุ เรื่องผา่ นอธบิ ดีหมด และถ้า
ท่านเซ็นหนังสือเห็นควรสั่งฟ้องส่งพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการคดีพิเศษส่ังไม่ฟ้อง ซ่ึงตาม
กฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะต้องกลับไปท่ีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีก็ต้องยืนกราน
ตามเดมิ เนอ่ื งด้วยเป็นผู้ลงลายมอื ชื่อ น่ีคือข้อเสยี ที่ต่างกันออกไป แต่ทาง DSI จะบอกไดว้ า่ เปน็ อานาจ
ของกรมที่อธิบดีต้องมีความคิดเห็นได้ ในส่วนนี้ทับซ้อนกนั อยู่ จึงมองว่าแค่น้ีพอ แค่ให้มีคณะพนักงาน
สอบสวนขอให้แค่ว่ามีมติเสียงข้างมากกันทุกคนเพราะต้องเคารพดุลพินิจของพนักงานสอบสวนคนอื่น
และไม่ควรมคี ณะกรรมการอนื่ เข้ามารบั ทราบหรอื กลั่นกรองอีก

ในคดีที่มีแนวคิดว่าต้องการจะกันผู้ต้องหาเป็นพยาน จาเป็นหรือไม่ต้องมี
พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าไม่จาเป็นทุกเร่ือง เพราะอยู่ที่ลักษณะคดี บางคดี
เป็นคดีที่เข้าหลักเกณฑ์ก็เป็นคดีพิเศษได้เลย เช่น คดีทรัพย์สินทางปัญญาไม่มีพนักงานอัยการร่วม
สอบสวน หรอื เป็นคดีท่ีคณะกรรมการมีมตใิ หเ้ ป็นคดีพเิ ศษ และเขาไม่ได้ใหใ้ ชใ้ นมาตรา 32 ที่พนักงาน
อัยการร่วมสอบสวน สามารถทาได้เอง แต่ถ้าคดีใดก็ตามท่ีมีมติให้อัยการร่วมสอบสวนเช่นนี้ ต้องถาม
ความเห็นพนักงานอัยการด้วย จริง ๆ แล้วข้อบังคับการร่วมสอบสวนผมเป็นคนร่างเองระหว่าง
กรมสอบสวนคดพี เิ ศษกับสานกั งานอัยการสูงสุด

(6) กำรกำหนดแนวทำง/ระเบียบในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษมีผลดี/
ผลเสียอย่ำงไร

มองว่ารูปแบบการสอบสวนท่ีมีอัยการร่วมสอบสวนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษน้ี
ความเห็นส่วนตัวเพราะทางานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษมาต้ังแต่ต้ังกรม เม่ือก่อนนี้สมัยท่ีสานักงาน
อัยการสูงสุด ยังไม่มีสานักงานการสอบสวน มีแต่สานักงานคดีพิเศษอย่างท่ีไปสัมภาษณ์ แต่ก่อน
รูปแบบสานักงานคดีพิเศษ จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสอบสวนตั้งแต่ต้นก็สั่งคดีฟ้องหรือ
สัง่ ไมฟ่ ้อง ตัวอย่าง คดปี ล้นปืน 4 มกราคม 2547 ที่เป็นคดีพิเศษ เม่ือเข้าไปสอบสวนกับกรมสอบสวน
คดีพิเศษต้ังแต่แรก สอบสวนจะรู้พยานหลักฐาน เห็นหน้าพยานหลักฐานซ่ึงสอบสวนด้วยตัวเองกับ
ผู้บริหารระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบสวนทั้งกลางวัน ท้ังกลางคืน ลงไปในพ้ืนท่ีเส่ียงภัย
เห็นภาพรวมหมดทุกอย่าง เห็นวิธีการของโรงเรียนที่เกิดปัญหาในการแบ่งแยกดินแดน และข้อดีคือ

231

ได้เห็นและสัมผัสพยานด้วยตนเอง จึงมาพิจารณาส่ังคดีเพราะสามารถเขียนได้เลย เพราะเราลงไป
สัมผัสเอง แล้วข้อที่ดีท่ีสุด ในการแปลความเราเอาพยานท่ีเราไปสอบในช้ันสอบสวนมาว่าความ คือ
เขาก็รเู้ รา เราก็รู้เขา คุยกันแล้วมันงา่ ยมากน่ีคือสิง่ ที่ดที ี่สุดในอดีต แต่วันนี้ในมุมผม ผมว่าการสอบสวน
การสั่งคดีแยกกันจึงเป็นเร่ืองท่ีไม่ดีมาก เพราะเห็นหลายเร่ืองที่พนักงานอัยการร่วมสอบสวนกับ
กรมสอบสวนคดีพิเศษว่าเพียงพอต่อการส่ังฟ้อง แต่พอไปถึงสานักงานคดีพิเศษ พนักงานอัยการจะส่ัง
สอบเพ่มิ ซึ่งเราบอกพยานหลกั ฐานเพยี งพอแล้วนะ แต่กย็ งั สง่ั สอบเพ่ิม และสดุ ทา้ ยก็ส่ังไมฟ่ อ้ ง ซ่ึงแบบ
นีใ้ นมุมผมตอ้ งแกไ้ ข

ส่วนในเรื่องกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานจะมีข้อเสีย คือ พยานจะไม่มีน้าหนักใน
การลงโทษของศาล จะทาให้น้าหนักคดีเบาลง และไม่สามารถกลับไปลงโทษผู้ต้องหาท่ีถูกกันไว้เป็น
พยานได้ การดาเนินการจึงต้องสามารถเชื่อมโยงไปสู่พยานหลักฐานอื่นประกอบ ผลเสียอีกเรื่องหน่ึง
คือ จะทาให้การสอบสวนที่มีผู้ต้องหาหลายคนเกิดความแตกต่าง แตกแยกกันข้ึนมาว่าทาไมคนน้ีต้อง
ได้เป็นพยาน ทาไมคนนี้ได้เป็นผู้ต้องหา จะเกิดปัญหาตรงนี้ ทาไมไม่ฟ้องทั้งหมดดาเนินคดีท้ังหมด
ทาไมเลือกเอาเฉพาะคนน้ี ซึ่งจะมีผลเสียตรงนี้จะตอบยากว่าทาไม คดีแชร์ลูกโซ่มีตัวเล็กตัวใหญ่
ตวั กลาง ทาไมคนน้ีไม่โดน ทาไมคนน้ันโดน แบบน้ีมผี ลกระทบต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในอนั ที่จะเกิด
ข้อครหาขน้ึ ได้

ในบางกรณีท่ีมีผู้กระทาความผิดหลายคน เช่น คดีที่เกี่ยวข้องกับองค์กร
อาชญากรรม คือ มีการแบ่งกันกระทาความผิดและในการกระทาความผิดในลักษณะไม่ได้ผูกพันกัน
กลุ่มนี้ก็จะไม่ทราบว่าคนน้ันเป็นใครในกลุ่ม ทาหน้าท่ีอะไร ไม่ทราบว่าคนนี้เป็นใคร แต่หากในกลุ่มท่ี
ผูกพันกันวิธีนี้เรียกว่า การท่ีเราจะหาตัวผู้บงการใหญ่ เราสามารถที่จะใช้ได้ผลหรืออาจจะได้ผล
แต่สุดท้ายก็จะกลับไปในรูปแบบเดิมคือ ในรูปแบบการซัดทอดการร่วมกระทาความผิดเอามาเป็น
พยานก็คือ เป็นการซดั ทอดผู้บงการ คาซดั ทอดก็มีน้าหนักน้อย ส่ิงที่พนักงานสอบสวนจะต้องตระหนัก
ก็คือ เรื่องการรับฟังพยานเป็นหัวใจที่สาคัญ สุดท้ายก็ต้องเป็นในรูปแบบหาพยานหลักฐานเป็นสิ่งท่ี
สาคัญมากกว่าจะมองเร่ืองการกันใหเ้ ป็นพยาน เนื่องจากศาลมีวธิ ีการพิจารณาโดยการช่ังน้าหนักในตัว
พยานหลักฐาน หากศาลมีข้อสงสัยก็จะยกฟ้อง เพราะว่าคาซัดทอดเอาไปลงโทษไม่ได้ จะมีข้อดี
อย่างเดียวท่ีเป็นประโยชน์ท่ีเห็นชัดสามารถที่จะไปสู่คนบงการ ซ่ึงจะเอาคาพูดน้ี มาเพื่อท่ีจะรูต้ ัวให้ชัด
ว่าใครเป็นผบู้ งการ และพอเรารู้แลว้ เราก็จะตอ้ พยายามหาพยานหลักฐานอ่นื ๆ มาประกอบ

(7) ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนเพ่ือกำรอำนวยควำม
ยุตธิ รรมในภำพรวม

ข้อควรระวัง กรมสอบสวนคดีพิเศษอาจจะมีข้อครหาในด้านนี้ ต้องสร้างระเบียบ
ภายในให้แข็งแกร่ง โดยเป็นการกลับไปสู่เรื่องเดิมที่เน้นย้า คือ ต้องเป็นการลงมติหรือใช้ความคิดเห็น
ข้างมาก อย่าปล่อยให้ผู้มีอานาจลงมาช้ีนา ทาให้เกิดปัญหาในการสอบสวนคดีพิเศษ ยกตัวอย่าง
บางคดีเป็นคดีที่จะต้องลงมติแล้วต้องมีคนที่มีความคิดเห็นแย้ง บางคนเห็นว่าต้องดาเนินคดี บางคน
ไม่เห็นด้วย โหวตลงในบันทึกการประชุม ในกรณีน้ีควรมีบันทึกในรายงานการประชุม บอกให้รู้เลยว่า
ในกรณีท่ีประชุมทุกคนสามารถที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้แบบนี้และเป็นอิสระ

232

(8) ข้อเสนออ่ืน ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำ
พยำนหลกั ฐำนในคดีพเิ ศษ

(1) ต้องการให้ DSI เป็นท่ีเพึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง เม่ือไม่สามารถ
เพิ่งใครได้

(2) ใหก้ รมสอบสวนคดพี ิเศษเปน็ มอื อาชีพ เพราะมสี หวิชาชพี มารวมตวั กันได้
(3) อยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทาคดีที่เป็นคดีสาคัญจริง ๆ ไม่อยากให้ไป
รบั คดที ว่ั ไปที่พนักงานสอบสวนหรอื ตารวจกท็ าได้
(4) อยากให้ทาคดีสาคัญเพ่ือที่จะได้ทุ่มเทให้ผลงานออกมาได้ดี หาตัวคนทาผิด
ใหไ้ ด้ ทาคดใี ห้กระจา่ ง ว่ามีการกระทาความผิดจริงหรอื ไม่ ใครคือผ้กู ระทาความผิด
(5) อย่าให้รปู แบบการบริหารงานของกรมสอบสวนคดีพเิ ศษไปคลา้ ยกบั หน่วยงาน
อ่ืนท่ีเป็นระบบผู้บังคับบัญชามากเกินไป คือ ไม่ควรท่ีจะนามาใช้กับการสอบสวนคดีพิเศษ อย่างน้อย
จะต้องมีความเป็นอิสระในตัวของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ควรให้ผู้บังคับบัญชาช้ีนาคดี อยากให้
ปราศจากตรงน้ี เพราะไม่อย่างน้ันก็จะเหมือนกับสานักงานตารวจแห่งชาติ ผู้กากับลงมาส่ัง ผู้การ
ลงมาส่งั ต้องการใหเ้ ปน็ อสิ ระตรงนี้จริง ๆ
(6) เร่ืองการฝึกอบรม คือ ข้อเสียที่เห็นด้วยตนเอง คือ บางคร้ังในการสอบสวน
พนักงานสอบสวนไม่เป็น เพราะว่าอาจจะจับประเด็นไม่ได้ หรือไม่ได้จบกฎหมาย จบสาขาวิชาชีพอื่น
แล้วก็เข้ามาเป็นโดยไม่ได้ผ่านงานสอบสวน แบบน้ีการกาหนดประเด็นการหาพยานหลักฐาน
ยังไม่เข้าใจเพียงพอ ดังนั้น ในมุมผมต้องมีการฝึกอบรมต้องเอาความรู้ด้านการสอบสวนเติมเข้าไป
ความรู้ด้านกฎหมายเติมเข้าไป มีการฝึกอบรมเป็นช่วง ๆ อย่างต่อเน่ือง ข้อดีเอาหลักสหวิชาชีพมา
รวมตัวกัน วิธีการสร้างคนต้องให้ทดลองปฏิบัติ ต้องมีการสร้างคนแบบนี้ต้องการฝึกอบรม ในการ
อบรมหลักสูตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเร่ือง การแสวงหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ผ่านดิจิทัล
และมีหลักสูตรบริหารคดีพิเศษหมุนเวียนเปล่ียนไป แต่อย่าให้เกิดประเด็นปัญหาที่ว่าคนอบรมไม่ได้
ทางาน คนทางานไม่ไดอ้ บรม
(7) ต้องให้มีพี่เล้ียงหรือเก่งด้านงานสอบสวนเข้ามาอยู่ในชุดคณะพนักงานสอบสวน
คนที่เป็น ผอ.กอง จะต้องเลือกคนให้เหมาะสมกับงานในการตั้งคณะทางาน แต่ต้องให้บุคคลที่มีความรู้
ดา้ นสอบสวนอยู่ในทกุ ชุด ส่ิงที่ผมเหน็ และสะทอ้ นออกไปไดว้ า่ บางชดุ ไม่มีความร้กู ารสอบสวน มีจรงิ ๆ
4.4.17 ผใู้ หส้ ัมภำษณ์คนที่ 17126
(1) สภำพปญั หำในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษมีอะไรบ้ำง
สภาพปญั หามีหลากหลาย บางคดีจะเป็นคดฟี อกเงิน บางคดีการกระทาความผิด
เก่ียวกับยาเสพติด ซึ่งพวกน้ีจะทาเป็นขบวนการท่ีมีผู้กระทาผิดหลายคนมีความเกี่ยวโยงกันในด้าน
ต่าง ๆ เช่น เส้นทางการเงินท่ีจะต้องใช้ในพยานหลักฐาน มีปัญหาในบางประเด็นในเร่ืองเจตนา
ย่ิงมีเส้นทางการเงินแบบยาวผู้กระทาความผิดในช่วงหลัง ๆ จะต้องพิสูจน์ในเร่ืองเจตนา โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งพวกท่ีทางการเงินที่มีไม่มากพอมีจานวนคนน้อย โดยเฉพาะบางคนเขามักจะสคู้ ดีว่าเงินที่ได้มา
เขาได้มาจากการค้าขายที่สุจริตซึ่งอาจจะเป็นความจริงบ้าง และอาจจะไม่เป็นความจริงบ้าง ปนกันไป
จริง ๆ อาจจะมาไดแ้ บบสจุ ริตก็มี บางคร้ังเราแยกไม่ออก เป็นเร่ืองการกระทา ที่เราจะต้องพิสจู น์หลกั ฐาน

126 สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 มถิ นุ ายน 2564

233

ที่คล้าย ๆ กับวิธีสมคบคิด ถ้ามันเป็นการรับโอนจากผู้กระทาความผิดในช่วงต้น ๆ ก็จะพิสูจน์ได้ง่าย
อย่างเช่น นาย ก มีอยู่ในบัญชีเดียวแล้วก็รับโอนหลายคร้ังจากคนคนเดียว พยานหลักฐานที่เราได้มา
บางครั้งพยานหลักฐานที่เรามีก็ไม่ได้ชัดเจนก็จะเกิดปัญหาในการทาสานวน หรือว่าส่งสานวนมาที่
พนกั งานอยั การ บางทีการแสวงหาพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนเขากท็ าเตม็ ที่

(2) ควรจะมีวิธีกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดีพิเศษ
อย่ำงไร

ส่วนประสิทธิภาพในการแสวงหาหลักฐานเคยไปประชุมขออนุญาตยกตัวอย่าง
บางคดี เช่น พวกวัตถุอันตรายสารที่เป็นพิษสาหรับฆ่าหญ้าห้ามไม่ให้นามาใช้ ตัวน้ีท่ีมีการจับกุมมี
พนักงานสอบสวนหลายคนหลายคดีแต่ละคนก็รับผิดชอบไป บางทีแนวทางของการสอบสวนแต่ละคน
ก็จะมีจุดเด่นของตัวเอง เช่น เทคนิคของตัวเอง ซึ่งถ้าเอามาประมวลแล้วแต่ละคนที่มีจุดเด่นอาจจะ
แตกต่างกันออกไป เช่น บางคดี เวลาเขาไปจับกุม บางคดีเขาไม่มีการยึดของกลางตัววัตถุ ส่วนอีกคน
หน่ึงยึดของกลางเน้นเกี่ยวกับการล่อจับการซักทอด แต่บางคดีเน้นของกลางแต่ไม่เน้นการล่อซื้อ
ซ่ึงสมมติว่า ถ้าทาแบบบูรณาการแต่ละคนก็ต้องมาระดมสมองกัน เพราะแต่ละคนมีเทคนิคและวิธีการ
ที่แตกต่างกันออกไป อันนี้แหละที่เป็นประสิทธิภาพ พนักงานอัยการ ศาล แต่ละคนก็จะมีเทคนิคเป็น
ของตัวเอง ถ้าเป็นคดีในลักษณะนี้ถ้าบูรณาการก็สามารถเข้าทางานด้วยกนั ได้ ซ่ึงผมเคยบรรยายพเิ ศษ
ในลักษณะแบบนี้ในรูปคดีท่ีคล้ายกันต้องมีการสอบสวน แลกเปล่ียน ทาให้รูปคดีที่คล้ายกัน พยานท่ี
สลับซับซ้อน พยานหลักฐานท่ีสลับซับซ้อนและมีผู้กระทาความผิด เป็นจานวนหลายคนเปน็ ขบวนการ
ซ่ึงอาจจะเป็นคดีที่จะต้องชมพนักงานสอบสวนที่มีความสามารถหาผู้ท่ีเก่ียวข้องมาได้ท้ังหมด แต่ว่า
วิธกี ารของแตล่ ะคนแตกตา่ งกนั ออกไป

เครื่องมือพิเศษ เคร่อื งดัก การแฝงตัว เครื่องดักฟังก็ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนโดรนยังไม่
เห็นในทางคดีเท่าไหร่ แต่ตอนไปดูงานก็พอจะมีเริ่มจะใช้มากขึ้น โดรนจะใช้ในคดีเก่ียวกับสิ่งแวดล้อม
และธรรมชาติ แต่ตอนหลังเริ่มจะต้องมีการขอความร่วมมือระหว่างกองคดีอื่น ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดดี
จุดเด่นจุดหนง่ึ จากการทไ่ี ปดูงานทีก่ รมสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีที่มีข้อมูลในโทรศัพท์แล้วก็เอามาเข้า
คอมพิวเตอร์ ก็ส่งผลถึงการบล็อกไลน์ไม่สามารถที่จะล้างได้ แต่ในทางคดีไม่ค่อยเห็น คือ พยายามให้
ใช้ให้แพร่หลายในหลายคดี เคร่ืองมือพิเศษหรืออะไร ท่ีเป็นเคร่ืองมือพิเศษแล้วเราก็ควรท่ีจะเอามาใช้
ให้เกิดประโยชน์ต่องานคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการพัฒนาเครื่องไม้เคร่ืองมืออยู่เรื่อย ๆ
เพียงแต่ว่าบางคร้ังอย่างท่ีบอกว่าการนาไปใช้ยังไม่แพร่หลายหรือยังไม่เป็นรูปธรรม ส่วนคดีใดที่
อยากจะใชก้ ใ็ ช้ แต่บางคดีกอ็ าจจะไม่ได้ใช้ก็ไม่คิดจะใช้

(3) กำรกำหนดแนวทำงกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนจะสำมำรถเพ่ิมประสิทธิภำพ
ในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำพยำนหลักฐำนในคดพี ิเศษได้หรือไม่

มีส่วนช่วย เพราะว่า คดีคล้าย ๆ กับคดีใช้ให้ผู้กระทาความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืน ซึ่งมี
การโยงไปถึงผู้ใช้ เราก็ต้องการผู้ต้องหาบางคนไปเป็นพยาน ถ้าในกรณีที่มันไม่มีพยานอยู่แล้ว
เราจาเป็นท่ีจะต้องใช้ อย่างเช่น คดีท่ีกล่าวไปในช่วงต้น ๆ เกี่ยวกับเส้นทางการเงินพิสูจน์เจตนายาก
ถ้าพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน ผมว่าดีอย่างหนึ่ง เพราะพนักงานอัยการจะพิจารณาการกัน
ผู้ต้องหาท่ีแตกต่างจากพนักงานสอบสวน แต่ค่อนข้างที่มีขอบเขตท่ีจากัดว่าคดีนั้นจะต้องไม่มีพยาน
อะไรเลย เราจึงมีความจาเป็นท่ีจะต้องกันพยาน บางทีการไม่มีพยานอะไรเลยมุมมองมันต่างกัน บางคน
ก็บอกว่าแค่นี้ก็มีแล้วบางคนก็บอกว่าไม่มี ในกรณีแบบนี้ ถ้าพนักงานสอบสวนกันไว้พยานส่งมาเลย

234

พนักงานอัยการก็จะไม่ต้องมาโต้แย้งกันในเร่ืองว่า กันพยานไม่ได้ ในเมื่อกันไว้เป็นพยานมาแล้วก็ต้อง
เอามาเป็นพยาน แต่พนักงานอัยการก็ต้องมองพนักงานสอบสวนให้ดี ดูจากเหตุผลและความจาเป็น
ดูความเรื่องรูปคดี ดูประกอบหลาย ๆ อย่าง โดยหลักพนักงานอัยการก็จะมีระเบียบอยู่แล้วท่ีจะ
พจิ ารณา แต่ถ้าในกรณีท่ีพนักงานสอบสวนไม่ได้กันไว้เป็นพยานตงั้ แต่แรก ส่งมาถึงช้ันพนักงานอยั การ
ก็จะมีขอบเขตที่จากัด ทาให้การกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานทาได้ยากขึ้น การเป็นพยานโดยเป็นการกัน
ต้งั แต่ชน้ั พนกั งานสอบสวนตง้ั แตแ่ รก ก็จะมีความจาเป็นในการกันไว้พยาน จะมีลกั ษณะมีการกนั พยาน
ตงั้ แต่ทีแรก กับประเด็นที่ 2 คือ แจ้งข้อกล่าวหาก่อนเป็นผู้ต้องหา และก็ทาสานวนส่งพนักงานอัยการ
ส่ังไม่ฟ้องและถึงค่อยสอบในฐานะพยาน ในคดีพิเศษควรใช้แนวทางไหนท่ีถูกต้องตามหลักกฎหมาย
ในความคิดเห็นผมนะผมว่ามันดีคนละอย่าง ถ้ามีการแจ้งข้อกล่าวหาและส่ังไม่ฟ้องมันจะทาให้ถูกมอง
ว่าเราช่วยผู้ต้องหาได้ ในระหว่างพนักงานอัยการด้วยกันและในระหว่างพนักงานสอบสวนด้วยกัน
มันก็จะทาให้เกิดปัญหานี้ แต่ถ้าสมมุติว่าอีกประการหนึ่งเวลาคดีข้ึนสู่ศาล ศาลเห็นชัดว่าเป็นคาซัดทอด
ระหว่างผู้กระทาความผิดด้วยกัน เพราะเคยถูกกล่าวหาเป็นผู้ต้องหามาแล้ว แต่ถ้าเรากันไว้เป็นพยาน
ต้ังแต่ทีแรกมันก็มีข้อดีอยู่จุดหน่ึงถ้ากันไว้ต้ังแต่ทีแรก เวลาข้ึนไปใช้เป็นพยานในชั้นศาล ศาลอาจจะ
ไม่มองถึงขนาดเป็นคาซัดทอดโดยแท้ เพราะในทางปฏิบัติทนายอาจจะคัดค้าน ถูกกล่าวหาแล้วก็
สั่งไม่ฟ้องเขาก็ต้องซักในจุดนี้ไปด้วย แต่ละแบบก็จะมีข้อดีท่ีแตกต่างกันออกไป แต่ถ้ากรมสอบสวน
คดีพิเศษจะเอาข้อน้ีมาดาเนินการหรือทั้ง 2 แบบ หรือควรเลือกแบบใด ถ้ามีพยานอยู่แล้วเราก็จะ
ไม่กันไว้เป็นพยานอีก แต่ถ้าพยานมีไม่พอ เราจาเป็นท่ีจะต้องใช้แต่บางคนก็อาจจะคิดอีกมุมหน่ึง
เพื่อป้องกันตัวเอง การป้องกันตัวเองแต่ส่ังไม่ฟ้อง ถ้าจะมองว่าช่วยก็ถือว่าช่วยอยู่ดี ในคดีท่ีมันมีเหตุ
แห่งความจาเป็น พยานคดีลักษณะพวกน้ีควรทจี่ ะมีพนักงานอยั การร่วมสอบสวนตั้งแต่แรก ควรทีจ่ ะมี
การกาหนดเป็นเงื่อนไขเลย ในการที่จะต้องพิจารณาว่าจะใช้วิธีนี้ ควรมีมติตรงกัน เป็นการตกลง
ร่วมกัน เข้าใจกันว่าพนักงานอัยการไม่ได้ดูแค่เอกสารเท่าน้ัน อาจจะเกิดปัญหาในความคิดเห็น
ที่แตกต่างกัน อาจจะเป็นข้อดีในการที่ไม่เกิดความล่าช้าของสานวน เรารู้เร่ืองต้ังแต่ทีแรกจากเหตุผล
ท่จี าเปน็ ตั้งแตช่ ัน้ พนกั งานสอบสวน

(4) ควรสนับสนุนให้มีกำรบัญญัติกฎหมำยเพื่อรองรับและตรวจสอบพนักงำน
สอบสวน คดพี เิ ศษในกำรใช้ดลุ พนิ ิจกำรกนั ผตู้ ้องหำเปน็ พยำนในคดีพิเศษหรอื ไม่

สนับสนนุ
(5) มำตรกำรท่ีจะกำกบั /ตรวจสอบกำรกันผตู้ ้องหำเปน็ พยำนในคดพี เิ ศษมอี ะไรบำ้ ง

ไม่จาเป็นที่จะต้องมีคณะกรรมการรับรองอีก 1 ชั้น แต่ถ้ามีคณะกรรมการ
ตั้งขึ้นมาก็จะเป็นในกรณี คือ สุดท้ายแล้ว อาจจะต้องมีองค์ประกอบอื่นเพิ่มเติมจะได้ไม่ต้องทาให้คดีนี้
เกิดความล่าช้า อาจต้องเสนอผ่านรองอธิบดี ซึ่งรองอธิบดีจะเหมือนประธานคณะกรรมการ แต่ก็มีข้อดี
ในการตดั สนิ ใจ ซึ่งจริง ๆ ท่านอาจจะตอ้ งเปล่ียนแปลงก็ได้ แต่หมายถึงวา่ จะช่วยในแง่ของการพจิ ารณา
คดีอีกช้ันหนึ่ง แต่ถ้าส่งขึ้นไปโดยท่ีไม่มีคณะนี้ ถ้าเป็นผมพอดีแล้วมีคนอ่ืนช่วยกันกรองในกรณี
คดพี ิเศษทกุ คดีตัวคดกี ต็ ้องว่ิงส่อู ธิบดีแทบจะทกุ คดี ถ้าในกรณีของตารวจถ้าเป็นในกรณีของต่างจังหวัด
เขาจะไม่มาที่ผู้บัญชาการเขาก็จะส้ินสุดท่ีผู้กากับหรือภาค ผู้บังคับการ จะไม่ได้วิ่งไปหาที่ผู้บัญชาการ
ตารวจแหง่ ชาติทุกสานวน ตรงนีเ้ ป็นข้อแตกต่าง แต่คดีของเราสุดทา้ ยก็ต้องว่ิงมาที่อธบิ ดีจะเป็นจดุ เสีย
ตรงที่ว่าอธิบดีจะต้องมามีความเห็นสั่งฟ้องเสนออัยการ อนาคตอาจจะทาให้ถูกต้อง แบ่งอานาจได้
ไม่ใชว่ ่าตาแหน่งที่น้อยกว่าอธบิ ดจี ะไม่มีความสามารถทาสานวนใหเ้ สรจ็ สิน้ ได้ ตารวจยังทาได้

235

(6) กำรกำหนดแนวทำง/ระเบียบในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนในคดีพิเศษมีผลดี/
ผลเสียอย่ำงไร

มีท้ังข้อดแี ละข้อเสยี ขน้ึ อยู่กับลกั ษณะคดี ต้องพิจารณาเป็นรายคดี
(7) ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในกำรกันผู้ต้องหำเป็นพยำนเพื่อกำรอำนวยควำม
ยตุ ิธรรมในภำพรวม

ขอ้ ควรระวัง มีบางกรณที ี่ผู้ต้องหามนี ้อยคน อยา่ งเช่น 2 คน แลว้ คนที่ 2 มลี ักษณะ
การกระทาความผิดรุนแรงเท่ากับคนแรก เราก็ต้องคิดว่าเราจะกันคนไหนเป็นพยาน หรือจะกันหรือไม่
ยกตัวอย่าง คนยิงกับคนใช้ให้ไปยิง เราเอาคนยิงไปเป็นพยานแล้วเอาผิดกับคนใช้ทั้งท่ีรูปลักษณะคดีการ
กระทารนุ แรงพอกนั ต้องชั่งใจ ในขณะเดยี วกันอาจจะต้องระวังการฟ้องร้องในภายหลังได้

(8) ข้อเสนออ่ืน ๆ เพื่อเพ่ิมประสิทธิภำพในกำรสืบสวนสอบสวนและกำรแสวงหำ
พยำนหลักฐำนในคดพี เิ ศษ

ปัญหาเร่ืองเกี่ยวกับการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน ประเด็นในการคานึงถึง ผู้ต้องหา
แต่ละคนว่ากระทาความผิดรุนแรงขนาดไหน การบูรณาการในการทางาน ให้มีการประชมุ แลว้ ก็พูดคุย
ในเรอ่ื งลักษณะรูปคดี ท่คี ลา้ ย ๆ กัน มันมีมากกวา่ 1 สานวน ทย่ี งั ค้างอยู่เพ่ือให้มนั เป็นทศิ ทางเดียวกัน
ในการสอบ ไม่ให้มีข้อแตกต่างกัน พยานหลักฐานจะต้องเป็นในรูปแบบเดียวกัน การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน
ก็เหมือนกัน ต้องใหค้ านึงถงึ คดีอื่นทเ่ี กิดขึ้น คือ ให้มีการดาเนินการใหเ้ ป็นมาตรฐานในรูปแบบลักษณะ
คดีที่คล้าย ๆ กัน ในส่วนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษลาดับเอกสารในสานวนมีเอกสารบางอย่าง
บางชิ้นเป็นเอกสารประกอบคาให้การของผู้ต้องหาและพยาน หลาย ๆ คนเป็นเอกสารตัวเดียวกัน
การอ้างองิ ของเอกสารซ้า เอกสารก็จะหาง่ายเวลาส่งศาลพยานเรากจ็ ะน่าเช่ือถอื กวา่

4.5 สรุปผลที่ไดจ้ ำกกำรสมั ภำษณ์เชงิ ลึก

จากการสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกผู้ใหข้ ้อมูลจานวน 17 คน ซงึ่ เปน็ ตวั แทนจาก 4 กลมุ่ ทเี่ กยี่ วข้อง คือ

1) อดีตผบู้ รหิ ารกระทรวงยตุ ิธรรมและอดตี ผบู้ รหิ ารกรมสอบสวนคดีพิเศษ จานวน 5 ราย

2) พนกั งานอยั การ สานักงานอัยการสงู สุด จานวน 4 ราย

3) ผบู้ ริหารระดับหัวหน้าหน่วยงานในสงั กัดกรมสอบสวนคดีพเิ ศษ จานวน 4 ราย

4) ผเู้ ชย่ี วชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ จานวน 4 ราย

สามารถสรุปไดด้ ังนี้

ตารางท่ี 9 ประเด็นท่ี 1 สภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดีพิเศษ

หัวขอ้ รายละเอียด

ปญั หาเก่ียวกบั การแสวงหา คดีพิเศษส่วนใหญ่เป็นคดีที่มีความซับซ้อน มีลักษณะเป็นองค์กร

พยานหลกั ฐาน อาชญากรรม องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การกระทาผิดโดยผู้ท่ีมี

ความรู้ และไม่ได้ทาเพียงคนเดียว กระทาความผิดหลายคนมีเงินและ

อิทธิพล มีท่ีปรึกษาท่ีเป็นนักกฎหมาย จึงมีวิธีปกปิดพยานหลักฐานที่

ดีกว่าผู้กระทาความผิดทางอาญาอื่นท่ัวไป การหาหลักฐานจึงทาได้ยาก

คดีพิเศษไมใ่ ช่ความผิดซึ่งหน้า พยานหลักฐานมโี อกาสท่ีจะถกู ทาลายสูญ

หายไป เม่อื เป็นคดพี เิ ศษแล้วการแสวงหาพยานหลักฐานจงึ ทาไดย้ าก

236

หวั ขอ้ รายละเอียด

ปัญหาเกย่ี วกับพยานบคุ คล พยานบุคคลถือได้ว่าเป็นพยานพ้ืนฐานท่ีสาคัญในสานวนคดี พยาน

บุคคลทาหน้าที่ในการนาข้อเท็จจริงเช่ือมโยงเข้าหากัน คดีสาคัญเช่น

คดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ คดีทรัพยากรธรรมชาติ หรือในคดี

ยาเสพติด ซ่ึงมีผู้ทรงอิทธิพลหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐร่วมขบวนการ กลุ่ม

เครือข่ายของอาชญากรรมจะหาพยานบุคคลได้ยาก หากมีใครประสงค์

จะเป็นพยานก็อาจจะถูกข่มขู่หรือโดนทาร้ายจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

จงึ มักไมม่ ีใครกล้าทจี่ ะมาเปน็ พยาน

ปญั หาเกีย่ วกบั ระยะเวลา คดีพิเศษเป็นคดีที่มีปริมาณมูลค่าความเสียหายมาก หรือเป็นคดีท่ีมี

ในการสบื สวนสอบสวน ผู้เสียหายมีจานวนมาก มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจสังคมในวงกว้าง

ดาเนินคดกี ับผู้กระทา การกระทาความผิดอาจครอบคลุมอาณาเขตพนื้ ทใ่ี นหลายจงั หวดั หลาย

ความผดิ พ้ืนท่ีจึงจะต้องใช้ระยะเวลานานในการรวบรวมพยานหลักฐานในแต่ละ

พ้ืนท่ี ในแต่ละกลุ่มผู้เสียหาย แต่ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวน

ดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดเป็นไปตามประมวลวิธีพิจารณาความ

อาญา ซ่ึงไม่ได้แยกระหว่างคดีพิเศษกับคดีอาญาทั่วไป ระยะเวลาการ

ผดั ฟอ้ ง ฝากขัง หรือปล่อยชัว่ คราว ใช้ระยะเวลาเดียวกนั จงึ มีระยะเวลา

ท่จี ากัดเมอ่ื เทียบกับความยากของคดี

ปัญหาการเปล่ยี นแปลง กลมุ่ คดีทม่ี ีลักษณะของอาชญากรรมเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปน็ ทางด้านภาษี

ทางเทคโนโลยี หรือด้านการเงินการธนาคาร เช่น คดีการกู้ยืมท่ีเป็นการฉ้อโกง

ประชาชนหรือที่เรียกว่าคดีแชร์ลูกโซ่ คดีในตลาดหลักทรัพย์ คดีองค์กร

อาชญากรรมขา้ มชาติ ส่วนมากใช้เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือในการกระทา

ความผิด ความเจริญก้าวหน้า ที่พัฒนาไปตามเทคโนโลยีท่ีเปล่ียนแปลง

ส่งผลให้มีการเก็บข้อมูลไว้ใน Cloud หรือ Server ในต่างประเทศ หรือ

กระทาความผิดผ่านโลกออนไลน์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อาทิ

Facebook Line WhatsApp Twitter การรวบรวมพยานหลักฐาน

ยากกว่าเดิมมาก อาจมีโปรแกรม ทาลายตัวเอง การกู้ระบบต้องใช้

ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นอุปสรรคสาคัญในการ

รวบรวมพยานหลกั ฐาน นอกจากน้ีเครอ่ื งมอื ที่มีอยู่อาจไม่มีประสิทธภิ าพ

เพียงพอต่อการรวบรวมพยานหลกั ฐาน เช่น ข้อมูลดิจิทัล ถ้ารวบรวมไม่

ทันเวลา หรือทาผิดวิธี พยานหลักฐานก็เสียหายหรือสูญหาย หรือรับฟัง

ไม่ได้ พนักงานสอบสวนต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน สามารถใช้เป็น

เครื่องมือได้ในการแสวงหาพยานหลักฐาน หรือต้องสามารถเช่ือมโยง

ขอ้ มลู กบั เครือข่ายหรือหน่ายงานอ่ืน

ปญั หาความร่วมมือ กรมสอบสวนคดพี ิเศษมีอานาจหน้าท่ดี าเนินการอยู่ในเขตราชอาณาจักร

ระหวา่ งประเทศ บางคดีที่พยานหลักฐานบางอย่างอาจเกิดหรืออยู่นอกราชอาณาจักร

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่มีอานาจไปแสวงหาพยานหลักฐานเอง

237

หวั ขอ้ รายละเอยี ด

ปัญหาบุคลากรของกรม ต้องใช้กลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา ตามกฎหมาย
สอบสวนคดีพเิ ศษ มอบหมายให้อัยการสูงสุดเป็นผปู้ ระสานงานกลาง ใช้เวลานานในการส่ง
มอบพยานหลักฐาน ทาให้ปัญหาการส่งหลักฐาน ในคดีอาญาระหว่าง
ประเทศที่ถึงแม้จะมีขั้นตอนท่ีชัดเจน แต่ติดขัดปัญหาระหว่างรัฐต่อรัฐ
ทาใหห้ ลักฐานสง่ มาไม่ทันกับระยะเวลาฟอ้ งคดี

บุคลากรกรมสอบสวนคดีพิเศษท่ีดารงตาแหน่ง “พนักงานสอบสวน
คดีพิเศษ” จานวนหนึ่งไม่ได้เกิดจากการสร้างมาต้ังแต่ต้นด้วยองค์กร
กรมสอบสวนคดีพิเศษเอง แต่มาจากการรับโอนจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ
ซึ่งมีความหลากหลายอาชีพ แม้ว่าจะมีข้อดีและตอบโจทย์ในแง่ของการ
เป็น “สหวิชาชีพ” แต่ก็จะเห็นได้ว่ามีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษส่วน
หนึ่งที่ไม่เคยผ่านงานทางด้านการสืบสวนสอบสวนมาก่อน หรือผ่านมา
แต่มีประสบการณ์ไม่มาก ไม่หลากหลาย จึงกลายเปน็ ปัญหาอุปสรรคใน
การทางาน ศักยภาพในการสอบสวนที่มีอยู่ในปัจจุบันมาจากพนักงาน
สอบสวนท่ีรับโอนมาจากสานักงานตารวจแห่งชาติ ซ่ึงเป็นกลุ่มหลัก
สาคัญมาแต่เดิม เม่อื รุ่นนี้หมดไป ก็จะมีปัญหา เพราะพนักงานสอบสวน
คดีพิเศษไม่ได้สอบสวนคดีอาญาท่ัวไปทุกคดีเหมือนตารวจ จะมีหน้าที่
ความรับผิดชอบคดีเฉพาะท่ีหน่วยงานนั้นรับผิดชอบ ซึ่งจะมีความรู้
เฉพาะในประเภทคดีน้ัน ๆ เช่น คดีทรัพยากรธรรมชาติก็จะทาเก่ียวกับ
คดีท่ีเก่ียวข้องกับทรัพยากร คดีประเภทอื่นก็จะไม่รู้ ไม่เช่ียวชาญ หาก
ย้ายมาอยู่กองคดีใหม่ก็ต้องเรียนรู้ ต้องมาฝึกหัดใหม่ หาความรู้เพิ่มเติม
ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงต้องมีระบบบริหารงานบุคคลที่มี
ประสิทธิภาพ มีงบประมาณ และสามารถจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้สามารถสบื สวนสอบสวนได้ในทุกประเภท
คดี เพื่อผลิตบุคลากรทีม่ าทดแทนให้ไดใ้ นระยะเวลาทีเ่ หมาะสม

ตารางท่ี 10 ประเดน็ ที่ 2 วธิ ีการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดพี เิ ศษ

หัวข้อ รายละเอียด

การใชเ้ ครื่องมือพิเศษที่มีให้ เคร่ืองมือพิเศษท่ีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอยู่ ได้แก่ เข้าถึงข้อมูล
เป็นและใช้ใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ การแฝงตัว การมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน การมีที่ปรึกษาคดี

พิเศษ ค่าใช้จ่ายในคดีพิเศษ การบูรณาการความร่วมมือเจ้าหน้าที่
หน่วยงานของรัฐอื่นมาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน และอื่น ๆ จึงควร
จะต้องถูกนามาใช้และใช้ ให้เต็มประสิทธิภาพ แต่ในปัจจุบันไม่ได้
เป็นท่ีนิยมใช้ หรือบางกรณีใช้ไม่เป็น โดยอ้างว่ามีข้ันตอนมาก
ต้องทาคาร้องขออนุมัติอธิบดีศาลอาญา ถ้าไม่เป็นคดีใหญ่หรือคดี
สาคัญ จึงไม่ได้เป็นที่นิยมใช้ โดยอาจมีข้อกังวลว่า หากทาแล้วผิด

238

หัวขอ้ รายละเอียด
การกันผ้ตู ้องหาเป็นพยาน
ขั้นตอน ไม่ตรงตามกฎหมาย/ระเบียบจะกลายเป็นจุดอ่อนหรือ
ประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี เป็นแผลให้ฝ่ายตรงข้ามมาเล่นงานได้ จึงกลายเป็นว่าเครื่องมือพิเศษ
วิทยาศาสตร์ และนวตั กรรม ทีม่ ีอยูจ่ ึงไม่ไดใ้ ช้ หรือใชไ้ ด้ไม่เตม็ ศกั ยภาพ

การประสานรว่ มมือ สร้าง การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน เป็นวิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการ
ภาคีเครือข่ายกับหนว่ ยงาน แสวงหาพยานหลักฐานได้ดีมากวิธีหน่ึง เพราะในคดีท่ีมีเฉพาะ
ต่าง ๆ และบรู ณาการทาง ผู้กระทาผิดด้วยกันที่รู้เห็นเหตุการณ์ เขาจะเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
รู้เห็นเหตุการณ์ด้วย และเป็นผู้มีส่วนร่วมเก่ียวข้องในการกระทาผิด
ดังกล่าว โดยอาจจะมีการแบ่งหน้าที่กันทาในการทาผิดทั้งก่อนและ
ขณะเกิดเหตุ เขาก็จะรู้เห็นเหตุการณ์ ท้ังในเรื่องสถานที่เกิดเหตุ
เรื่องอุปกรณ์ท่ีใช้กระทาความผิด การกระทาผิดรูปแบบต่าง ๆ หรือ
รู้ถึงตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนว่าเป็นใคร หากไม่มีวิธีการกันเป็นพยาน
แล้ว เจ้าหน้าที่อาจจะตอ้ งใช้วิธีการแฝงตัวเข้าไปในองค์กรอาชญากร
ซ่ึงเป็นเร่ืองยาก และไม่ปลอดภัย วิธีนี้จึงจาเป็นและสามารถเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานได้ แต่จะต้องดาเนินการ
แก้ไขกฎหมายและระเบียบให้มีความชัดเจน ทาให้เพิ่มประสิทธิภาพ
ในการทางานให้กับเจ้าหน้าที่ และมีลักษณะปกป้องเจ้าหน้าที่ผู้
ปฏบิ ตั มิ ากกวา่ เดิม

ต้องพัฒนาระบบปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนโดยการประยุกต์ใช้ใน
การเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพใน
การแสวงหาพยานหลักฐาน เช่น AI เทคโนโลยีท่ีโลกกาลังใช้อยู่ใน
การติดตามใบหน้าพิสูจน์ตัวบุคคลขณะติดตามผู้ต้องหา เทคโนโลยี
บล็อกเชน ในการเพ่ิมความปลอดภัยของข้อมูล เพ่ือนาไปสู่การเก็บ
พยานหลักฐานในรูปแบบของ DSI Map ระบบกล้องโทรทัศน์วงจร
ปิดต้องบันทึกได้ทั้งภาพและเสียงที่มีคุณภาพดี สามารถเช่ือมโยงกับ
internet of things จาเป็นต้องมี Big Data ท่ีทาให้ระบบสามารถ
สแกนใบหน้าบุคคลในภาพได้ทันที และสามารถนาไปใช้ไปใช้ในการ
พิสูจน์ในช้ันศาลได้เลย จาเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในอาชญากรรม
รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ทางเทคโนโลยีในแต่ละแขนงน้ัน ๆ เช่น
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ออนไลน์ต่าง ๆ พนักงานสอบสวนคดี
พิเศษต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะปัจจุบันนี้มี
เทคโนโลยีที่จะต้องใช้ 5G มากข้ึน จึงเป็นส่ิงท่ีต้องเสริมความรู้และ
พฒั นาขดี ความสามารถกบั ตวั พนกั งานสอบสวนคดีพเิ ศษ

กรมสอบสวนคดีพเิ ศษควรจัดทาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเน่ือง เช่น กระทรวง
มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง

239

หวั ข้อ รายละเอียด

กฎหมายร่วมกับหน่วยงาน กลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานท่ีมีการ
อื่น ๆ จัดทา MOU ไว้แล้วต้องเข้ามาร่วมกันทางานและร่วมกันบังคับใช้
กฎหมาย เป็นแกนกลางที่ดึงหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้เข้ามาแล้ว
บงั คับใช้กฎหมายกันเอง น่ีคือการขับเคล่ือน MOU ท่ีมีประสิทธิภาพ
จะทาให้เป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวนได้โดยท่ีพนักงานสอบสวน
คดีพิเศษไม่ต้องลงไปดาเนินการเองในทุกเร่ือง อีกท้ังยังเป็นการลด
ค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาการทางาน ควรกาหนดแนวทางใหห้ น่วยงาน
ท่ีมีการจัดทา MOU พิจารณาว่ายังจะใช้งาน MOU ฉบับใดได้บ้าง
หรือควรมีการทบทวน MOU อย่างไร หรือควรมีการจัดทา MOU
เพม่ิ เติมอย่างไร ส่งเสริมให้ให้ผู้ปฏิบัติงานเหน็ ความสาคัญของ MOU
ทาให้ MOU ขับเคลื่อนต่อไปได้ เมื่อเปลี่ยนหัวหน้าหน่วยงานก็จะ
ไม่มีปัญหา รวมทงั้ การทา MOU ระหว่างประเทศ ให้มีการขบั เคล่ือน
อย่างเปน็ รปู ธรรม

ตารางที่ 11 ประเด็นที่ 3 แนวทางการกันผตู้ ้องหาหรือผ้กู ระทาความผิดเปน็ พยานในคดีพเิ ศษ

ท่ีจะสามารถเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการสบื สวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ

หวั ข้อ รายละเอยี ด

การเพิ่มประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่มองว่า วิธีการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาผิดเป็นพยานในคดี

พิเศษเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการ

แสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษได้ โดยเฉพาะคดีท่ีเป็นองค์กร

อาชญากรรม คดียาเสพติด คดีท่ีมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง หรือคดีท่ี

ไม่มีพยานหลักฐาน อื่น ๆ มีความจาเป็นต้องเอาผู้ท่ีร่วมกระทาผิด

ด้วยกันมาเป็นพยาน เพื่อที่จะยืนยันการกระทาความผิดของตัวการ

ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน แต่จะต้องกาหนด รูปแบบ วิธีการ เง่ือนไขให้รัดกุม

ให้มมี าตรฐาน มีประสทิ ธิภาพ เช่น คดีการเงินการธนาคาร ความผิด

ในเรอ่ื งการป่ันหุ้น การสร้างราคา การนาข้อมูลภายในองค์กรออกมา

ย่อมจะรู้เห็นเฉพาะแต่คนภายในหรือกลุ่มเดียวกัน พยานหลักฐาน

อื่น ๆ พยานบคุ คลท่ีอยู่ภายนอกไม่มที างไปรเู้ ห็นการกระทาความผิด

ถ้าไม่ใช้วิธีการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานเพ่ือ

มายืนยันการกระทาความผิด ก็ยากท่ีจะเอาผิดได้ แต่การนามาใช้

จะตอ้ งประกอบกับพยานหลกั ฐานอื่น ๆ ดว้ ย

การปรบั แก้กฎหมาย/ ส่วนใหญ่เห็นว่าการแก้ประมวลวิธีพิจารณาความอาญาอาจไม่สาเร็จ

การจดั ทาระเบียบภายใน เพราะเป็นเร่ืองใหญ่ท่ีส่งผลกระทบต่อโครงสร้างใหญ่ของกฎหมาย

ดังน้ัน กรมสอบสวนคดีพิเศษอาจปรับแก้กฎหมายว่าด้วยการ

สอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเร่ืองท่ีไม่ยากและมีขั้นตอนและไม่ต้อง

240

หวั ขอ้ รายละเอียด

รปู แบบ หลักเกณฑ์ วธิ ีการ ใชร้ ะยะเวลานาน อาจกาหนดเปน็ ระเบยี บภายใน น่าจะเป็นทางออก
และเงื่อนไขการกันเปน็ พยาน ท่ีดีท่ีสุด เพราะสามารถพิจารณากันเองเป็นการภายใน โดยไม่ให้ไป
ขดั กับกฎหมายหลกั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

ผู้ให้สัมภาษณ์ได้นาเสนอรูปแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ในการกันเปน็ พยานท่เี หมอื น และแตกต่างกันได้แก่

(1) กาหนดเป็นระเบียบภายใน โดยในแต่ละกองคดี จะมีรอง
อธิบดีหรือมอบหมายให้มีคณะกรรมการชุดเล็ก ทาหน้าท่ีกล่ันกรอง
โดยกาหนดหลักเกณฑ์ให้มีมาตรฐานในการพิจารณาว่าคดีใดสมควร
ใช้วิธีการกันเป็นพยาน คดีใดไม่ควรใช้เพราะเหตุใด เหตุใดถึงกัน
ผตู้ อ้ งหาคนนเี้ ป็นพยาน

(2) คดีใดท่ีต้องการกันผู้ต้องหาเป็นพยานต้องมีพนักงานอัยการ
รว่ มสอบสวนต้ังแต่แรก และได้ปรึกษาหารือโดยได้รับความเห็นชอบ
รว่ มกนั กบั คณะพนักงานสอบสวน

(3) มาตรการและแนวทางใช้ในการพิจารณาในการใช้วิธีการกัน
เป็นพยาน ซ่ึงจะต้องเป็นคดีท่ีไม่มีพยานหลักฐานเลยนอกจากกลุ่ม
ผูต้ ้องหาด้วยกัน จึงจะสามารถใชว้ ิธีการกันเป็นพยานได้ หรอื เป็นคดี
ท่ีมีผู้ต้องหาหลายคนและคนใดคนหนึ่งที่รู้เห็นเหตุการณ์ท่ีไม่ใช่
ตัวการสาคัญท่ีจะสามารถเบิกความในชั้นศาลได้ จึงนามากันเป็น
พยานได้ และการกันเป็นพยานจะต้องนาไปสู่การแสวงหาพยาน
หลักฐานอ่ืน เพื่อพยานหลักฐานท่ีได้มามีน้าหนัก และศาลสามารถ
รบั ฟงั ได้

(4) การกนั ผู้ต้องหาเปน็ พยานมีอยู่ 2 แนวทาง
แนวทางที่ 1 ดาเนินคดีไปก่อนแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเสนอ

สั่งไม่ฟ้อง เพ่ือให้สอดคล้องกับที่กฎหมายกาหนดห้ามโจทก์อ้าง
จาเลยเป็นพยาน จึงควรเสนอให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง
เพอื่ จะได้นามาสอบสวนในฐานะพยาน

แนวที่ 2 คือ กรณีที่พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนแล้ว
คณะพนักงานสอบสวนมีมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก ในการกัน
ผู้ร่วมกระทาความผิดไว้เป็นพยานโดยไม่แจ้งข้อหา กันไว้เป็นพยาน
ก่อนเลยตงั้ แตต่ ้น

(5) เห็นควรใช้แนวทางเดียวกับกับกฎหมายของ ป.ป.ช. และ
ป.ป.ท.

(6) ควรมีกฎหมายที่ชัดเจนไม่ต้องตีความ และสามารถปกป้อง
คุ้มครองเจ้าหน้าที่ในการใช้ดุลพินิจ ที่อาจจะมีปัญหาเร่ืองการเลือก
ปฏบิ ตั อิ ยา่ งไมเ่ ป็นธรรมในภายหลัง

241

หวั ข้อ รายละเอียด
(7) ในกรณีที่มีการกันสายข่าวมาเป็นพยาน โดยผู้ท่ีเป็นสายข่าว

ให้ข้อมูลกับเราจนหมดความสาคัญไปแล้ว ทาให้สามารถเก็บ
พยานหลักฐานได้ครบ กรณีน้ีต้องอธิบายให้พนักงานอัยการเข้าใจว่า
ถา้ ไม่มีสายข่าวดังกล่าวก็ไม่มีพยานหลักฐานต่าง ๆ ไมใ่ ช่หลักคิดที่ว่า
ถา้ ไมม่ พี ยานศาลจะลงโทษไม่ได้

(8) ควรเสนอแก้กฎหมายในเร่ืองท่ีเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่
เกดิ ข้ึนโดยไมช่ อบในคดีพิเศษ หากมีเหตผุ ลและความจาเป็นเพ่ือการ
อานวยประโยชน์แห่งความยุติธรรมและทาความจริงให้ปรากฏและ
เป็นประโยชน์แก่การอานวยความยุติธรรมมากกว่าผลกระทบต่ อ
มาตรฐานของระบบงานยุตธิ รรมทางอาญา ขอยกเว้นให้ศาลรับฟังได้
โดยอาจใชว้ ธิ เี พิม่ เติมบทบัญญัติทีใ่ ช้สาหรบั คดีพเิ ศษเป็นการเฉพาะ

ตารางท่ี 12 ประเด็นที่ 4 การสนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายเพื่อรองรับการกันผู้ต้องหา
หรอื ผ้กู ระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ

หวั ขอ้ /รายละเอยี ด
ผ้ใู ห้สัมภาษณส์ ่วนใหญ่เห็นควรสนบั สนุน โดยสรุปได้ดงั นี้

(1) สนับสนุน เพราะต้องยึดหลักนิติธรรม คือ ไม่มีกฎหมายก็ทาไม่ได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็น
องค์กรมืออาชีพ ต้องให้ความสาคัญของกระบวนการข้ันตอนท่ีมีกฎหมายให้อานาจและทาตามที่
กฎหมายให้อานาจ

(2) สนับสนุนและเห็นว่าวิธีการกันเป็นพยานสามารถเกิดขึน้ ได้ในหลาย ๆ ชว่ งเหตุการณ์ คือ มีทั้ง
กอ่ นทีจ่ ะแจ้งขอ้ กล่าวหาท่ีเรียกว่าการกนั Auto คือ “การกนั ผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยาน” หรือจะ
เป็นลักษณะว่าแจง้ ขอ้ กลา่ วหาแล้วค่อยนามาใช้ โดยเรยี กว่า “การกันผ้ตู อ้ งหาเป็นพยาน”

(3) ก่อนท่ีจะมีการกาหนดเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ต้องทาลักษณะเดียวกับ ป.ป.ช. ที่ทาเป็น
อนบุ ัญญัติ ไม่ใชแ่ ก้ใน พ.ร.บ. แตไ่ ปแก้ในกฎหมายเฉพาะ เช่น กฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับคดีการค้ามนุษย์
คดยี าเสพตดิ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การฉอ้ โกงประชาชน โดยเพิม่ ความผิดฐานสมคบดว้ ย

(4) ควรจะสนับสนุน เพราะการไม่ดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดต้องมีกฎหมายรองรับ ถ้าไม่มี
กฎหมายรองรบั พนกั งานสอบสวนจะโดนละเวน้ เสียเอง ซ่ึงถา้ โดนข้อละเวน้ ก็มีกฎหมายรองรบั

(5) เห็นควรสนับสนุน เพราะความยากของคดีพิเศษ การเข้าถึงพยานหลักฐานค่อนข้างยาก
โดยเฉพาะพยานหลักฐานท่ีเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสาร ปัญหาเร่ืองสภาพแวดล้อมและ
การเปลีย่ นแปลงดา้ นเทคโนโลยี มผี ลตอ่ การแสวงหาหลักฐานเทคโนโลยียากขน้ึ

(6) สนับสนุนที่จะนาวิธีน้ีมาใช้ในการสืบสวนสอบสวน มีประโยชน์ในการที่จะคุ้มครองประโยชน์
ของสาธารณะชนสว่ นใหญ่ ในการท่จี ะดาเนนิ คดกี ับพวกอาชญากรรมรา้ ยแรงตา่ ง ๆ

(7) เห็นควรสนับสนุน โดยควรแก้กฎหมายหลักและเพ่ิมเติมว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถกัน
ผู้กระทาความผิดหรือผู้ต้องหาเป็นพยานได้ โดยอาจใช้แนวทางเดียวกันกับกฎหมายของ ป.ป.ช. และ
ป.ป.ท.

242

(8) สนับสนุน แต่ในระยะสั้นเพื่อต้องการเห็นประสิทธิภาพในการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี
กใ็ หอ้ อกระเบียบภายในเพ่ือทาตามกรอบกฎหมายในปัจจุบันไปพลางก่อน ในระยะยาวถ้าเม่ือสามารถ
ตกผลกึ เห็นร่วมกนั แล้วก็ยืน่ เสนอเรื่องเพือ่ ปรบั ปรงุ แกก้ ฎหมายว่าดว้ ยการสอบสวนคดพี ิเศษต่อไป

ตารางที่ 13 ประเด็นท่ี 5 มาตรการท่ีจะกากับ/ตรวจสอบการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความ
ผิดเป็นพยานในคดพี เิ ศษ

หวั ข้อ/รายละเอยี ด
มาตรการกากบั ตรวจสอบการเลือกใชว้ ิธีการกันผูต้ ้องหาหรือผู้กระทาความผิดเปน็ พยานในคดีพิเศษ

(1) เห็นควรใช้แนวทางเดียวกับกฎหมาย ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ในมาตรา 135 กฎหมายประกอบ
รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2561 ส่วน ป.ป.ท. ตามกฎหมาย ปี พ.ศ. 2551 ในมาตรา 58 ท่ีเขียนไว้ว่าตาม
หลักเกณฑว์ ธิ ีการและเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการกาหนด

(2) ไม่ควรให้มกี ารแต่งตั้งคณะกรรมการคนนอกหน่วยงานมาพิจารณาการกันไว้เป็นพยาน หรอื ถึง
การคุ้มครองพยาน เพราะสานวนการสอบสวนเป็นความลับที่คนนอกไม่ควรจะรู้ ควรท่ีจะเป็นดุลพินิจ
ของหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนว่าควรจะกันใครหรือไม่กันใครเป็นพยาน แต่ถ่วงดุลด้วยการขอ
อนมุ ัติผูบ้ ังคบั บัญชา อธิบดีหรือรองอธิบดที ไี่ ด้รบั มอบหมาย

(3) ผู้ที่จะเข้าไปสู่การดาเนินการกันเป็นพยาน ต้องถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 134 ก่อน ถ้าเขากลับ
คาให้การภายหลัง ต้องสามารถเอามาตรา 134 กลบั มาดาเนินคดีใหมไ่ ด้

(4) ผู้ต้องหาท่ีถูกกันเป็นพยานจะต้องไม่ใช่เป็นตัวการหลัก ต้องมีความเต็มใจ ต้องยินยอมไปเบิก
ความเป็นพยานในศาล ต้องไมเ่ กิดจากการให้คามั่นสญั ญาจูงใจ

(5) ตัวผู้ร่วมกระทาผิดท่ีจะให้การเป็นพยาน มีโอกาสท่ีจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและ
ทรพั ย์สนิ มีการกาหนดมาตรการในการคุม้ ครองทันที รวมทงั้ มีมาตรการป้องกันไมใ่ ห้กลับคาใหก้ าร

(6) กรณีท่ีต้องมีการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน หรือจะไม่แจ้งข้อหาผู้ร่วมกระทาความผิดจะต้องให้
พนักงานอัยการทรี่ ่วมสอบสวนน้นั เห็นชอบดว้ ย

(7) มาตรการท่ีจะกากับตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน มีความจาเป็นเพ่ือ
สร้างมาตรฐานการดาเนินคดีพิเศษ และรวมทั้งเรื่องการให้ความคุ้มครองและตรวจสอบการใชด้ ุลพินิจ
เจา้ หนา้ ที่

(8) ในการกันผู้ตอ้ งหาเปน็ พยาน ทกุ หนว่ ยงานมีมาตรการตรวจสอบโดยผู้บังคบั บัญชาตามลาดับชั้น
ควรมีการกาหนดมาตรการภายในว่าเรื่องใดควรเป็นอธิบดี เร่ืองใดให้รองอธิบดีท่ีรับผิดชอบโดยตรง
เป็นคนพิจารณา

(9) ไม่จาเปน็ ทก่ี รมจะต้องตั้งคณะกรรมการเพ่ือกลั่นกรองเร่อื งนีก้ อ่ นท่ีจะเสนออธิบดี เพราะอธบิ ดี
อาจมอบหมายให้ใครทาหน้าที่กล่ันกรองเร่ืองให้อยู่แล้ว การสอบสวนคดีพิเศษจะต้องเป็นเรื่องลับ
ตอ้ งคานงึ ถึงความไม่ปลอดภยั ของผตู้ ้องหาที่ถกู กันเป็นพยาน

(10) การสอบสวนทาในรูปแบบคณะกรรมการสอบสวน มีมติรว่ มกัน และต้องผา่ นผู้บงั คบั บัญชา 1 ชั้น
โดยอาจจะเป็นรองอธิบดี กาหนดว่าคดีใดที่ประสงค์จะใช้แนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานควรจะมี
พนักงานอยั การร่วมสอบสวน

243

หวั ข้อ/รายละเอยี ด
(11) ควรให้พนักงานอัยการที่มีช่ือร่วมสอบสวนร่วมเป็นองค์คณะในการพิจารณาของสานักงาน
อัยการสูงสุด เพ่ือให้พนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวนสามารถคัดค้านท้วงติงกันได้ หรือมีการให้ข้อมูลท่ี
เป็นประโยชนต์ ่อการดาเนนิ คดี

ตารางท่ี 14 ประเด็นท่ี 6 ผลดี/ผลเสียในการกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหา
เปน็ พยานในคดพี เิ ศษ

หัวข้อ รายละเอยี ด
ผลดี (1) ทาใหก้ ารทาคดีสามารถนาไปสกู่ ารแสวงหาพยานหลักฐานอื่น

ได้และสามารถทาให้ผู้กระทาความผิดตัวจริงถูกดาเนินคดี ผู้ท่ีเป็น
พยานเองม่ันใจได้ว่าจะไม่ถูกดาเนินคดี ตัวพนักงานสอบสวนผู้ปฏิบัติ
กจ็ ะมหี ลกั และข้ันตอนปฏิบัตทิ ช่ี ดั เจน ไดร้ ับความคมุ้ ครอง

(2) เป็นการสร้างมาตรฐานการคุ้มครองรองรับของผู้ปฏิบัติงาน
เจ้าหนา้ ท่แี ละการมเี อกภาพหรือมีวธิ ีการในการตรวจสอบ

(3) ป้องกันการใช้ดุลพินิจไม่ถูกต้องของพนักงานสอบสวนเองที่
ต้องการช่วยเหลือผู้ต้องหา จูงใจ บังคับขู่เข็ญ ให้คามั่นสัญญากับ
ผู้กระทาความผิด

(4) ประสิทธิภาพของคดีพิเศษมากขึ้น สามารถดาเนินคดกี ับคนท่ี
กระทาความผิดที่เป็นตัวการสาคัญ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือผู้ที่อยู่
เบื้องหลังได้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะได้มากข้ึน สามารถตัด
วงจรอาชญากรรมไดอ้ ยา่ งส้ินซาก

(5) มีผลดีในการใช้เคร่ืองมือพิเศษท่ีกาหนดในกฎหมายว่าด้วย
การสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยสร้างความม่นั ใจในการทางานไดม้ ากขึ้น
ผลเสยี (1) ผูก้ ระทาความผดิ ไมต่ อ้ งได้รบั โทษ มผี ลกระทบต่อสังคม

(2) มีปัญหาในเร่ืองความโปร่งใสในการใช้ดุลยพินิจของพนักงาน
สอบสวนมีการเลอื กปฏิบัติ หรอื เลอื กปฏิบัตทิ ีไ่ ม่เปน็ ธรรม

(3) อาจเกิดกรณีผู้ต้องหาที่กันเป็นพยานให้การไมต่ รงกบั ท่ีเคยให้
การไว้ หรือกลับคาในชั้นศาล จะทาให้เสียรปู คดี

(4) อาจมีปัญหาเร่ืองของตัวเจ้าหน้าที่ หากมาตรการตรวจสอบ
ไม่ดพี อจะนาไปสู่การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

(5) ต้องระวังหากแนวทางหรือระเบียบหรือกฎหมายเคร่งครัด
มากเกินไป ไม่ยืดหยุ่นเจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติได้ลาบากและอาจ
เพกิ เฉยไม่เลือกดาเนินการ เหมือนเครอื่ งมอื พเิ ศษอ่นื ๆ ท่มี ีอยู่

244

ตารางที่ 15 ประเด็นท่ี 7 ขอ้ ควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษเพ่ือ
การอานวยความยุติธรรมในภาพรวม

หัวขอ้ /รายละเอียด
ขอ้ สังเกตและข้อควรระวงั สามารถสรปุ ได้ดงั นี้

(1) กรณีที่ไม่มีกฎหมายหรือแนวทางที่ชัดเจน คดีเดียวกันพนักงานสอบสวนแต่ละกองปฏิบัติ
ไม่เหมือนกัน

(2) ต้องระมัดระวังในการเลือกกันใครเป็นพยาน บางคนอาจถือโอกาสแก้แค้นหรือซัดทอด
หรือทรยศต่อพวกเดียวกนั คนท่เี ลือกมาควรเป็นคนดที ีส่ านึกผดิ ที่อยากจะพูดความจริง

(3) การกันผู้ต้องหาเป็นพยานจรงิ ๆ แล้ว ศาลไมเ่ ห็นดว้ ย เพราะไม่มีการสง่ มาให้ศาลตัดสิน
(4) ส่ิงที่ต้องระมัดระวังก็คืออคติต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับคดีเรื่องดุลพินิจของความเป็นกลางต้องมี
จรยิ ธรรม และเชือ่ มน่ั ศรทั ธาในกระบวนการยตุ ธิ รรม
(5) การจะสั่งไม่ฟ้องผู้ใด ต้องวัดจากประโยชน์ที่จะได้รับว่าจะช่วยให้เล่นงานตัวการใหญ่ ได้จริง
หรือไม่
(6) เรื่องกลับคาให้การ เม่ือคดีข้ึนสู่ศาล พยานกลับคาให้การไปเข้าข้างฝ่ายผู้กระทาความผิด
เพราะอาจจะเกิดจากความสนิทสนมจากฝ่ายเขามากกว่าเรา หรือไม่บางครั้งพยานอาจจะโดนข่มขู่
ทัง้ ครอบครวั
(7) กระบวนการแก้ไขตวั พระราชบัญญัติปัจจุบันมีหลักเกณฑ์ในการแก้ไขกฎหมายก็ต้องมีการรับ
ฟังความคิดเห็นซ่ึงต้องมีหลาย ๆ ข้ันตอน อาจจะเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนานเป็นเรื่องของการ
กระทบสิทธิ์
(8) ถ้าทีมงานไม่รอบคอบเพียงพอจะทาให้เราไปตัดสินใจที่ผิดพลาดกลายเป็นการกันตัวผู้ต้องหา
สาคญั
(9) การสบื พยานไวก้ อ่ นเพ่อื ป้องกันระยะเวลาทีย่ าวนานกจ็ ะเป็นการแก้ปัญหาความเสย่ี งที่เกดิ ขึน้

ตารางท่ี 16 ประเด็นท่ี 8 ข้อเสนออ่ืน ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและ
การแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดพี ิเศษ

หัวข้อ/รายละเอียด
(1) ในการเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ ควรเพ่ิมมาตราใน มาตรา 23/2
เพราะมาตรา 23 เป็นมาตราท่ัวไปที่ว่าด้วยการของการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา และในมาตรา 24 เปน็ เรอื่ งเครื่องมือพิเศษเฉพาะเร่ือง
(2) ควรให้พนักงานสอบสวนมีอานาจในการกันไวเ้ ป็นพยานต้ังแต่ช้ันสืบสวน และการกันเป็นพยาน
จะตอ้ งมีมาตรการคุ้มครองพยานควบคู่กันไป เช่นเดียวกบั ที่ สานกั งาน ป.ป.ช. และสานักงาน ป.ป.ท.
ดาเนนิ การ
(3) เห็นควรต้องแก้กฎหมายเพ่ิมเติมบทบัญญัติเรื่องน้ีไว้ที่กฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ
ขึ้นมาเช่นเดียวกับสานักงาน ป.ป.ช. ที่มีมาตรา 135 หรือ สานักงาน ป.ป.ท. ที่มีมาตรา 58 หรือ
กฎหมายอืน่ ๆ ท่ปี รากฏบทบญั ญัติเรื่องการกนั เป็นพยานไว้ชัดเจนเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร

245

หวั ข้อ/รายละเอียด
(4) กรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องยกระดับมาตรฐานระบบงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาของไทย
ที่ต้องสามารถเชือ่ มโยงกบั มาตรฐานโลกหรือมาตรฐานสากลใหไ้ ด้ เปน็ กลไกเสรมิ กาลงั ใหป้ ระเทศชาติ
(5) เห็นด้วยในการกาหนดระเบียบ แต่ก็ไม่ควรกาหนดละเอียดจนทาไม่ได้ หรือทาได้แต่ยาก
จนกลบั กลายเปน็ การเพ่ิมภาระงานให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
(6) ต้องเอากรมสอบสวนคดีพิเศษออกจากกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ โดยทาให้เป็น
กฎหมายกลางเพื่อพฒั นาระบบการสอบสวนของประเทศไทยใหม้ มี าตรฐานในระดับสากล
(7) ควรมีกระบวนการสัมมนาแลกเปล่ียนระหว่างหน่วยงานภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อลด
ชอ่ งว่างในการทางาน จะทาให้การประสานมีความราบร่ืนข้ึนในทกุ ระดับ ท้งั ระดบั ผู้บริหารและระดับ
ผ้ปู ฏิบัติ
(8) อาจมีการต้ังคณะกรรมการท่ีจะเข้ามากลั่นกรอง หรืออาจมอบหมายรองอธิบดีควบคุมกากับ
และจะตอ้ งรักษามาตรฐานในการพิจารณาให้มมี าตรฐานเดียวกันท่ัวทั้งองค์กร
(9) เสริมสร้างพัฒนาวิธีการทางานแบบเป็นทีม
(10) ต้องเอากฎหมายคดีพิเศษท้ังหมดรื้อดูว่าติดขัดตรงไหน แก้ปัญหาอย่างไร ทาอย่างไรให้การ
สืบสวนสอบสวนมีประสิทธภิ าพมากกวา่ ที่เป็นอยู่
(11) ให้นาเครื่องมือท่ีมีอยู่มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดทาคู่มือและแนวทางปฏิบัติ เพ่ือจะมี
การควบคุมตรวจสอบ เพื่อให้พนักงานสอบสวนกล้านามาใช้เพราะจะเกิดความมั่นใจทาว่าตาม
แนวทางดังกล่าวแล้วจะได้รับการคุ้มครอง หรือถ้าถูกฟ้องร้องก็จะเป็น Backup ในการสู้คดี เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพของกฎหมาย
(12) ต้องแก้มาตรา 27 เร่อื งการแฝงตวั ให้มีวิธีการสามารถดาเนินการได้คล่องตวั หรือสามารถให้
หน่วยงานอ่ืนนาวิธีการดังกล่าวไปใช้ได้ หรือให้เขาทาเอกสารต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่เราโดยไม่ผิด
กฎหมาย
(13) ควรเริ่มจากการออกอนุบัญญัติ อาจจะเป็นระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติภายใน
แล้วรวบรวมตวั กฎหมาย ระเบยี บตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง โดยมีการทบทวน ปรับปรงุ แก้ไขกฎหมาย
(14) วิธีการทางานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องปรับปรุง ให้มีการแสวงหาความร่วมมือ
มที กั ษะในการประสานงาน ซึ่งเปน็ ทกั ษะเบ้ืองต้นท่ีบุคลิกผู้ที่ปฏบิ ัติงานดา้ นสบื สวนสอบสวนต้องมี
(15) หัวใจสาคัญในการกระทาความผิด คือ เงิน จึงควรมีการจัดต้ังกองสืบสวนทางด้านการเงิน
โดยเฉพาะ มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงิน วิเคราะห์เชื่อมโยงหรือ
ประสานข้อมูลกับสถาบันการเงินให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอข้อมูลจากนักวิเคราะห์ของธนาคาร หรือ
จากหน่วยงานอื่น สามารถทาได้เอง โดยมีระบบท่ีดีและต้องสามารถเช่ือมโยงกับข้อมูลของธนาคาร
หรอื แบงกช์ าตใิ นลกั ษณะท่ีสามารถจะหาข้อมลู ทางการเงนิ ไดเ้ รว็ ทส่ี ดุ
(16) ควรจัดสัมมนาโดยเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เช่น สานักงานตารวจแห่งชาติ
สานักงานอัยการสูงสุด สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สภาทนายความ องค์กรศาลและผู้พิพากษา
มาร่วมกันให้ข้อเสนอแนะ แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการอานวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
เปน็ ประจาอยา่ งตอ่ เน่ืองทุกปี และต้องมีการจดั สรรงบประมาณเพื่อดาเนินการดังกลา่ ว

246

หัวข้อ/รายละเอียด
(17) ต้องพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษให้ทันต่อบริบทสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป เช่น มี
Big Data ที่เชื่อมโยงกับหนว่ ยงานอน่ื ไดท้ ันที เช่น ข้อมูลการเสยี ภาษี ขอ้ มูลที่จะระบุตวั บุคคล ข้อมูล
ทะเบียนรถ ระบบตรวจสอบและจดจาใบหนา้ เป็นต้น
(18) ควรทาความร่วมมือ MOU กับหน่วยต่าง ๆ อย่างหลากหลาย และจะต้องทาอย่างไรให้
หนว่ ยงานท่ีมคี วามร่วมมืออยู่แลว้ ให้สามารถสร้างประโยชนแ์ ละความร่วมมอื ไดอ้ ย่างเป็นรปู ธรรม
(19) พัฒนารูปแบบการนาเสนอข้อเท็จจริงในสานวน หรือทักษะในการนาเสนอรูปแบบ
พยานหลกั ฐานให้เข้าใจง่าย การนาเสนอใหพ้ นักงานอัยการเข้าใจ และใหศ้ าลเหน็ ประเดน็ ทช่ี ัดเจน
(20) ควรฝึกให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีวิธีคิดและมุมมองในลักษณะเดียวกับพนักงานอัยการ
และศาล เพื่อจะได้จัดทาสานวนและรวบรวมพยานหลักฐานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ มใิ ชจ่ ัดทาสานวน
แคพ่ อฟ้องเทา่ นั้น
(21) ต้องมีการวางแผนการบริหารงานบุคคลให้เหมาะสม เพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์
ให้กับรนุ่ น้อง
(22) ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเป็นมืออาชีพ เพราะได้รวมเอาสหวิชาชีพมารวมตัวอยู่
ด้วยกัน และควรจะต้องทาเฉพาะคดีที่เป็นคดีสาคัญจริง ๆ เท่านั้น ตามเจตนารมย์ในการจัดต้ัง
กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ

[G2ra4b7
your

reader’

บทที่ 5 s
กำรประชมุ กล่มุ ย่อย (Focus Group) attenti
on with

และกำรแสดงคิดควำมเห็นของบคุ ลำกร/หนว่ ยงำนในสังกดั กรมสอบสวนคดีพเิ ศaษgreat
quote

ผู้กระทาผควู้วิจาัยมไผดิด้ดเาปเ็นนพินกยาารนเใพนื่อคใดหีพ้ไดิเศ้มษาซเ่ึงพข่ือ้อกมาูลรทพ่ีเกัฒ่ียนวาขก้อฎงกหับมวาิจยัยโเรดื่อยงไดแ้ดนาวเทนาินงกกาารรจกัดันปผรู้ตะ้อชงุมหftdรrhาooะหecmดรuมือm
ความคิดเห็นโดยการประชุมกลุ่มย่อยแบบเจาะจง (Focus Group) จานวน 4 ครง้ั ดงั น้ี ent or

ครง้ั ท่ี 1 เมอ่ื วนั จันทร์ที่ 28 มถิ นุ ายน 2564 use

ครงั้ ท่ี 2 เมอื่ วันพธุ ท่ี 30 มิถุนายน 2564 this

ครัง้ ท่ี 3 เมอ่ื วนั ศกุ ร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 space

ครง้ั ที่ 4 เม่อื วนั พุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 to
empha
ณ ห้องประชุม 1 ช้ัน 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีกทั้งได้ดาเนินการสอบถามความคsิดizเeหa็น
ของบุคลากร/หน่วยงาน ซึ่งเป็นกองคดีในสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพ่ือรับทราบข้อมูลสภาพปkeัญyหา

ในคดีพิเศษ ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะในคดีพิเศษ เพ่ือนาข้อมูลไปกาหนดแนวทางการกันผู้ตp้อoงinหtา.
หรอื ผูก้ ระทาความผดิ เป็นพยานในคดีพเิ ศษเพ่ือการพฒั นากฎหมาย โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี To

place

5.1 กำรประชุมระดมควำมคดิ เหน็ โดยกำรสนทนำกลุ่มแบบเจำะจง this

การประชุมระดมความคดิ เห็นโดยการสนทนากลุ่มแบบเจาะจง มีผู้เข้าร่วมประชุมมาจาteกxกtาร
เหสรนืออผชู้อื่อาขนอวยงผกู้อาราสน่ววนยกซา่ึงรในกกอางรคจดัดี ปโดรยะผชูุ้มทสี่ไดน้รทับนกาากรลเุ่มสดนังอกชล่ือ่าเวปม็นีผผู้เขู้ท้า่ีดรา่วรมงปตราะแชหุมนจ่งารนอวงผนู้อ2า5นรวายยกาeabซรnro่ึงeกyเxปwอo็นงnh
ตวั แทนจากหน่วยงานในสงั กดั กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ จานวน 14 หน่วยงาน ประกอบดว้ ย the

(1) กองคดกี ารค้ามนุษย์ page,

(2) กองคดีการเงนิ การธนาคารและการฟอกเงิน just
(3) กองคดีความผดิ เกี่ยวกับการเสนอราคาตอ่ หน่วยงานของรฐั drag
(4) กองคดคี วามม่ันคง it.]

(5) กองคดคี มุ้ ครองผ้บู ริโภค

(6) กองคดที รัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม

(7) กองคดที รพั ย์สินทางปญั ญา

(8) กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ

(9) กองคดธี ุรกิจการเงนิ นอกระบบ

(10) กองคดีภาษีอากร

(11) กองปฏบิ ตั กิ ารคดพี เิ ศษภาค

(12) กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ

(13) ศูนยป์ ้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา

(14) ศนู ยส์ อบสวนคดีอาญาพิเศษ

248

5.1.1 ผเู้ ข้ำร่วมกำรประชมุ กล่มุ ยอ่ ย

ตารางที่ 17 รายชือ่ ผเู้ ข้ารว่ มการประชุมกล่มุ ยอ่ ย

หน่วยงาน รายชอื่ /ตาแหน่ง

กองคดีการคา้ มนุษย์ ร.ต.อ.หญิง อศั นยี ์ รอดน้อย

ผู้อานวยการส่วนคดีการค้ามนุษย์ 1

พ.ต.ท.ปรญิ ญา กฤษณา

ผู้อานวยการสว่ นคดีการคา้ มนุษย์ 2

กองคดีการเงินการธนาคารและ นายธรี ศกั ด์ิ มาตาเดมิ

การฟอกเงิน ผู้อานวยการศูนยส์ ืบสวน ควบคุม

การเเลกเปล่ยี นเงนิ เเละการประกอบธรุ กิจ

สินทรพั ย์ดจิ ทิ ัล

นายภาคภูมิ อุทยั รัตน์

ผอู้ านวยการสว่ นอานวยการคดี

กองคดคี วามผิดเกย่ี วกบั การเสนอราคา นายวิโรจน์ ทูคามี

ตอ่ หน่วยงานของรฐั สว่ นคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อ

หน่วยงานของรัฐ 2

นายศุภภางกูร พชิ ติ กุล

ส่วนคดคี วามผดิ เกย่ี วกับการเสนอราคาต่อ

หน่วยงานของรฐั 3

กองคดคี วามมนั่ คง พ.ต.อรรครนิ ลัทธศักด์ิศิริ

ผ้อู านวยการสว่ นคดคี วามมัน่ คง 3

ร.ต.ท.ภธู ร พง่ึ สจุ รติ

ผู้อานวยการสว่ นสบื สวนสอบสวนอาชญากรรม

พเิ ศษ

กองคดีคุ้มครองผบู้ รโิ ภค พ.ต.ต.หญงิ ศภุ วรรณ โพธิ์นาค

รองผ้อู านวยการกองคดีคมุ้ ครองผบู้ ริโภค

นายวรรณชยั พรหมรักษ์

รองผู้อานวยการกองคดีคมุ้ ครองผูบ้ ริโภค

กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและ นายภูรนิ ทรพ์ ัฒน์ สมบูรณ์

ส่งิ แวดล้อม ผอู้ านวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติ

และสง่ิ แวดล้อม 2

กองคดีธรุ กิจการเงินนอกระบบ นางนนั ท์นภัส เกยรุ าพันธ์ุ

ผู้อานวยการสว่ นคดีธุรกจิ การเงนิ นอกระบบ 1

พ.ท.กิตติ ภักดรี ักษ์พงศ์

ผ้อู านวยการส่วนคดธี ุรกิจการเงนิ นอกระบบ 2

249

กองคดเี ทคโนโลยแี ละสารสนเทศ นางสาวปทั มาภรณ์ กฤษณายุทธ ศิรวิ ัชรไพบูลย์
ผู้อานวยการส่วนคดีเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ 1
กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา
กองคดภี าษีอากร นายเอกชัย พ่วงพรพิทักษ์
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชานาญการพิเศษ
กองปฏบิ ัติการคดีพเิ ศษภาค ส่วนคดเี ทคโนโลยีและสารสนเทศ 2

กองกิจการตา่ งประเทศและ พ.ต.ท.นริ ตุ ิ พัฒนรฐั
คดีอาชญากรรมระหวา่ งประเทศ รองผู้อานวยการกองคดีทรัพย์สนิ ทางปญั ญา

ศนู ย์ป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงิน นางรงั สรรค์ โมขสขุ
ทางอาญา ผู้อานวยการสว่ นคดีภาษีอากร 1
ศนู ย์สอบสวนคดีอาญาพเิ ศษ
นางสาวหฤทัย สทิ ธิวรเดช
ผอู้ านวยการส่วนคดภี าษีอากร 3
นายพงษธร อินอานวย
ผู้อานวยการศูนยป์ ฏบิ ัติการคดีพิเศษเขตพ้ืนท่ี 6

นายโยธิน ธรรมสุรีย์
ผู้อานวยการส่วนกลนั่ กรองคดีและการขา่ ว
คดีพิเศษภาค

นายเมธีวฒั น์ คาเสือ
ผู้อานวยการส่วนคดอี าชญากรรมระหว่าง
ประเทศ 1

นายเอกจติ ไชยวงศ์
ผอู้ านวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหวา่ ง
ประเทศ 1
นางวรภัทรา ภมรศริ ิ
ผู้อานวยการส่วนคดีการฟอกเงินทางอาญา 1

พ.ต.ท.ปนยั เปสลาพนั ธ์
ผ้อู านวยการส่วนคดีการฟอกเงนิ ทางอาญา 2
นายชยั ณรงค์ เนตพิ งศเ์ มธี
ผอู้ านวยการสว่ นอานวยการคดี

5.1.2 ประเด็นกำรประชุมกลมุ่ ย่อย
การป ระชุ ม กลุ่ ม ย่อย ใน โครงการวิจัย น้ี คานึ งถึงการได้ม าซึ่ งข้อมู ล ที่ ครอบ คลุ ม ใน

ประเด็นสาคัญอันจะนาไปสู่การวิเคราะห์และจัดทาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทา
ความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เพ่ือการพัฒนากฎหมาย ประกอบด้วยข้อคาถามเก่ียวกับความคิดเห็น
ในประเด็นดังตอ่ ไปนี้

5.1.2.1 สภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดพี เิ ศษมอี ะไรบา้ ง
5.1.2.2 ควรจะมีวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ
อย่างไร

250

5.1.2.3 การกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพ
ในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดพี เิ ศษได้หรอื ไม่

5.1.2.4 ควรสนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายเพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวน
คดีพิเศษ ในการใช้ดลุ พินจิ ทางการกันผู้ตอ้ งหาหรอื ผ้กู ระทาความผดิ เป็นพยานในคดีพิเศษหรือไม่

5.1.2.5 มาตรการทจ่ี ะกากบั /ตรวจสอบการกันผ้ตู อ้ งหาเป็นพยานในคดีพิเศษมีอะไรบา้ ง
5.1.2.6 การกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษมีผลดี/
ผลเสียอยา่ งไร
5.1.2.7 ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเพ่ือการอานวยความยุติธรรม
ในภาพรวม
5.1.2.8 ข้อเสนออื่น ๆ เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหา
พยานหลกั ฐานในคดีพเิ ศษ
อนึ่ง สาหรับข้อมูลที่ได้รับจากการประชุมกลุ่มย่อย ผู้วิจัยนาเสนอข้อมูลจากการแสดงความ
คดิ เห็นโดยไมไ่ ด้เรยี งตามรายชอ่ื แต่อยา่ งใด ดงั มรี ายละเอยี ดและสรุปผลการประชุมกล่มุ ยอ่ ย ดงั น้ี
5.1.3 ผลกำรแสดงควำมคดิ เห็นของผ้รู ่วมประชุมกลุ่มย่อย (ไมเ่ รยี งลำดับตำมรำยช่ือ)
5.1.3.1 ผรู้ ่วมประชมุ คนที่ 1

คดีการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทาความผิดเก่ียวกับตัวบุคคล เช่น
ตัวบุคคลที่ถูกกระทาในการค้าประเวณี หรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่าง ๆ ดังนั้น พยานหลักฐาน
ที่สาคัญ แต่อยู่ท่ีตัวบุคคลก็คือ ผู้เสียหาย พยาน รวมทั้งผู้มีส่วนร่วมในการกระทาความผิด ในสภาพ
ปญั หาที่เจอในปัจจบุ ันส่วนใหญ่การกระทาความผิดจะมีผู้ร่วมกระทาความผิดหลายชั้น รวมทั้งทม่ี ีนายจ้าง
และลูกจ้างด้วย ส่วนลูกจ้าง บางรายจะร่วมกระทาความผิดกับนายจ้าง ทาให้บุคคลเหล่าน้ีสามารถ
มองได้ว่าเป็นพยานหรือเป็นผู้ร่วมกระทาความผิด หรือแม้ตัวผู้ที่เสียหายเองในการยอมรับว่าเข้าร่วม
การค้าประเวณีหรือร่วมสมัครใจในการที่จะทางาน แต่ตามกฎหมายถ้ามีอายุต่ากว่า 18 ปี ก็ถือว่า
มีความผิด ปัญหาท่ีพบ คือ พนักงานสอบสวนไม่สามารถท่ีจะจูงใจให้พยานหรือผู้เสียหายหรือผู้ที่
ร่วมกระทาความผิดมาให้การ เพื่อที่จะดาเนินคดีกับผู้ต้องหารายใหญ่ได้ อีกส่วนหนึ่งผู้ท่ีร่วมกระทา
ความผิดนั้นเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าท่ี
เพราะกลัวจะถูกดาเนินคดีหรือส่งตัวกลับ รวมทั้งตัวผู้ร่วมกระทาผิด มีการปลอมแปลงเอกสารเพ่ือการ
เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงการมีนายหน้าท่ีรับดาเนินการพาตัวเข้ามาหางานให้ทา ส่งไป
ทางานในที่ต่าง ๆ มีการกระทาความผิดเป็นทอด ๆ ตัดตอน โดยสรุปคือ ผู้กระทาผิดรายย่อยจะมี
ส่วนร่วมกับผู้กระทาผิดรายใหญ่ ถ้าพนักงานสอบสวนไม่สามารถได้ข้อมูลจากผู้กระทาความผิดด้วยกัน
ก็ไม่สามารถที่จะดาเนินคดีกับผู้กระทาผิดรายใหญ่หรือที่เป็นนายจ้างได้ เนื่องจากนายจ้างส่วนใหญ่
ไมไ่ ดเ้ ปดิ เผยตวั ตนท่แี ท้จรงิ

วิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษจะอยู่ท่ี
การเข้าไปซักถามพยานผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาให้ได้ข้อมูลมากที่สุดท้ังก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และ
หลังเกิดเหตุ ดังนั้น หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพจะต้องได้รับการพัฒนาในเรื่องการซักถามพยาน
รวมท้ังท่ีการท่ีจะต้องใช้จิตวิทยาในการสอบสวนเป็นผู้เสียหายหรือจะมีก ารพัฒนาในการขยายผล
สอบสวนผู้ใกล้ชิด หรือแหล่งดูข้อมูลของกระบวนการหรือแหล่งข้อมูลกระบวนการลักลอบนาเข้าคน
เพ่ือมาค้ามนุษย์ หรือนามาค้าแรงงานต่าง ๆ รวมทั้งวิธีการในการสืบสวนต่ าง ๆ ในการรวบรวม

251

พยานหลักฐาน ซึ่งปัจจุบนั มีการหลอกลวงทางเวบ็ ไซต์เครือข่ายทางอินเตอร์เน็ตจานวนมากอาจจะต้อง
มีการพัฒนาในสว่ นนด้ี ว้ ย

ถ้ามีการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานท่ีชัดเจน เราจะสามารถ
ดาเนินคดีท่ีเป็นนายจ้างท่ีแท้จริง เห็นว่าจะเป็นผลดีมาก ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวน
คดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ มีความจาเป็นอย่างมากในการที่จะได้มาซ่ึงข้อมูลการกระทาความผิด
จากผู้ร่วมกระทาความผิด มีความจาเป็นอย่างมากที่จะต้องกันคนเหล่าน้ันมาเป็นพยาน ให้ข้อมูล
ให้เบาะแสเพ่ิมเติม เพราะส่วนใหญ่ พยานหลักฐานในคดีการค้ามนุษย์จะมาจากพยานท่ีเป็นประจักษ์
พยานเท่าน้ัน ส่วนการท่ีจะได้ซึ่งพยานหลักฐานอ่ืน ๆ ก็จะเป็นพยานแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่ เป็นคดีที่
กระทาโดยตัวบคุ คลผ่านตัวบุคคลไปเรอื่ ย ๆ เป็นสว่ นใหญ่ จึงเห็นควรสนับสนุนใหม้ ีการบญั ญัตกิ ฎหมาย
เพ่ือรองรับการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ อย่างไรก็ตามในคดีค้ามนุษย์
จะมีปัญหาอยู่ทวี่ ่าการพิจารณาว่าจะกันผู้ร่วมกระทาความผดิ รายใดไว้เป็นพยาน และคนไหนทีส่ มควร
จะเป็นผู้ต้องหา เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณากันค่อนข้างท่ีจะต้องระมัดระวังพอสมควร เห็นว่าถ้ามีพยาน
หลักฐานอ่ืนเพียงพอท่ีจะดาเนินคดีความผิดได้อยู่แล้วการกันผู้ต้องหาเป็นพยานก็ไม่มีความจาเป็น
แต่ถ้าเกิดว่าในคดีน้ันมีพยานหลักฐานเป็นประจักษ์พยานเป็นพยานบุคคลคนน้ีคนเดียวเท่าน้ันที่จะให้
การและก็จะเอาผิดท้ังหมดได้ก็สมควรท่ีจะใช้วิธีการกันเป็นพยาน ดังน้ัน มาตรการที่ดีจะต้องมี
หลักเกณฑ์ที่ระมัดระวังในการที่จะกาหนดตัวบุคคลที่จะมาเป็นพยานในชั้นนี้ และต้องไม่ใช่บุคคล
ทส่ี าคัญและควรท่ีจะพิจารณาความน่าเชื่อถือของตัวพยานว่าพยานรายน้ีต้องการเป็นพยานจริง หรือเป็น
เพียงผู้กระทาความผิดท่ีต้องการพ้นผิดหรือจะเอาตัวรอดจากคดี และต้องให้ข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์
ข้อมลู ที่สาคัญจริง ๆ เทา่ นั้น

การกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหา มีข้อดี หากการกาหนดแนวทาง
ระเบียบท่ีชัดเจน เน่ืองจากในการดาเนินคดีเราต้องการที่จะจับกุมผู้ต้องหารายใหญ่หรือนายจ้างท่ีแท้จริง
เพื่อไม่ให้เกดิ การกระทาความผิดซ้า ส่วนข้อควรระวังคือ การท่ีผู้ร่วมกระทาความผิดบางรายต้องการพ้นผิด
จึงมีการซัดทอดผู้ร่วมกระทาผิดรายอ่ืน ซึ่งคาซัดทอดผู้ต้องหามีประเด็นทางข้อกฎหมายซึ่งต้องระมัดระวัง
อีกข้อหน่ึงพนักงานสอบสวนจะต้องไม่ให้คาม่ันสัญญาเพราะส่วนใหญ่พอสอบปากคาจะบอกว่าถ้าให้การ
แบบน้ีจะไม่ผิด ซึ่งการกระทาน้ันจะเป็นการจูงใจให้ผู้ต้องหาพยายามให้การที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
เพื่อให้ตัวเองถูกกันไว้เป็นพยาน และได้รับความคุ้มครองพยาน ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องระมัดระวัง
เรื่องการจูงใจดังกล่าว อาจเป็นปัญหาในการสอบสวนได้ การใช้มาตรการที่ว่าน้ีจึงต้องใช้ด้วยความ
ระมัดระวัง ในทางปฏิบัติมีการอ้างอิงระเบียบสานักงานอัยการสูงสุด ในการสอบสวนคดีอาญาของพนักงาน
อัยการ ด้านตารวจก็จะมีการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเช่นเดียวกัน ในส่วนปัญหาท่ีเคยพบนั้น ได้เคยปรึกษา
เรื่องน้ีกับพนักงานอัยการในคดี สรุปว่ายังไม่มีมาตรฐานท่ีชัดเจนในการที่จะกาหนดแนวทางระเบียบ
ในการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน จึงเสนอให้ผู้วิจัยดาเนินการเพื่อนาไปสู่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วย
การสอบสวนคดีพเิ ศษให้มีบทบัญญัตเิ รือ่ งนใ้ี ห้ชัดเจน เคยปรกึ ษาเรื่องน้ีกับทางสานกั งาน ป.ป.ช. ได้รับ
ข้อมูลว่าเปน็ อานาจของพนกั งานสอบสวนในการพจิ ารณาว่าจะกนั ผตู้ ้องหารายใดเป็นพยาน

5.1.3.2 ผู้รว่ มประชมุ คนที่ 2
กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงินมีสภาพปัญหาที่ผ่านมาคณะ

พนักงาน สอบสวนไม่สามารถเข้าถึงตัวการสาคัญที่อยู่เบ้ืองหลังการกระทาความผิดได้ ไม่สามารถ
ดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดที่เป็นตัวการสาคัญได้ เช่น กรณีการปั่นหุ้น จะมีการให้ตัวแทน

252

(nominee) เปิดบัญชี มีการซ้ือขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ มีการสั่งให้ซื้อหุ้น ซื้อขายแทนกัน โอนเงิน
แทนกัน หรือให้โอนเงินไปยังบัญชีบุคคลท่ีนักป่ันหุ้นต้องการ คดีลักษณะน้ีพนักงานสอบสวนได้
ดาเนินคดีกับตัวแทน (nominee) และเจ้าหน้าท่ีตลาดหลักทรัพย์ แต่พนักงานสอบสวนไปไม่ถึงตัวการ
สาคัญผู้อยู่เบื้องหลัง นี่คือสภาพปัญหาท่ีพบเจอบ่อยคร้ัง ส่วนวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหา
พยานหลักฐานเห็นว่าการกันผ้ตู ้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานจะสามารถเพิ่มประสทิ ธิภาพ
ในการแสวงหาพยานหลักฐานได้ โดยในกรณีน้ีหากเราสามารถกันตัวแทน (nominee) หรือเจ้าหน้าที่
ตลาดหลักทรัพย์เป็นพยาน เราก็จะสามารถนาไปสู่ตัวการท่ีอยู่เบ้ืองหลังท่ีแท้จริงได้ อีกวิธีหน่ึงคือ
การเปรียบเทียบสถิติในการดาเนินคดีกับตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนกับหน่วยงานข้างเคียงคือ สานักงาน
ตารวจแห่งชาติ ซึ่งน่าจะมีคดีมากกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หากทราบข้อมูลจะได้วิเคราะห์ได้ว่า
สภาพปัญหาในการดาเนินคดีเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องการกาหนดแนวทางในการกันผู้ต้องหาเป็น
พยานจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีพิเศษได้ แต่ควรจะกระทาเป็นมาตรการสุดท้าย
ของการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากการกระทาดังกล่าวอาจมีลักษณะการจูงใจให้สัญญาแก่
ผู้ตอ้ งหาทก่ี ระทาความผดิ มาใหข้ ้อมลู กบั ทางเจา้ หน้าที่ ซึง่ จะมีผลตอ่ การรบั ฟงั พยานหลกั ฐานของศาล

การกั น ผู้ ต้ องห าเป็ น พยาน ควรมี การบั ญ ญั ติ เป็ นกฎ หมายเพ่ื อรอ งรั บการ
ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี ก่อให้เกิดประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐานและการบังคับใช้กฎหมายที่มี
ประสิทธิภาพ ป้องกันการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบของพนักงานสอบสวน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคานึงว่า
ผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทาความผิด กรณีท่ีมีผู้ต้องหาหลายคนจะทาอย่างไร
มีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร ผู้ต้องหาทุกคนต้องการให้ตนเองพ้นผิดและต้องการท่ีจะถูกกันเป็น
พยาน ไมต่ ้องรับโทษ อาจเป็นการเลือกปฏบิ ัติอย่างไม่เป็นธรรมจึงเป็นข้อควรระวงั การพิจารณาจงึ ตอ้ งมี
ความชัดเจน มาตรการท่ีสาคัญคือต้องไม่ให้เข้าข่ายว่ามีการสัญญาจูงใจด้วยประการใด ๆ เป็นสาคัญ
เพราะจะมีผลต่อการรับฟังพยานหลกั ฐานของศาล อีกท้ังในการให้การจองพยานในช้ันศาล พยานอาจ
กลับคาให้การ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงต้องพิจารณาด้วยว่าพยานรายดังกล่าวได้นาพาไปสู่พยาน
หลักฐานอ่ืน ๆ ที่เป็นประโยชน์หรือไม่ และสามารถนามาใช้ประกอบในการดาเนินคดีต่อไปได้อย่างมี
นยั สาคัญ ดังนัน้ ผลดีจึงเป็นเร่ืองของการที่จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่จะนาไปสู่ตัวการสาคัญ
ท่ีวางแผน ที่อยู่เบื้องหลังได้ ส่วนผลเสีย หากในกรณีมีแต่คาให้การของพยานผู้นั้น ปราศจากพยาน
หลักฐานอ่ืนประกอบหรือสนับสนุน อาจเกิดการกลับคาให้การในชั้นศาลได้ ข้อควรระวังและข้อสังเกต
หากมีการกาหนดแนวทาง การกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะต้องระวังในเรื่องต้องไม่มีลักษณะของการจูงใจ
หรือการให้คามั่นสัญญาเพื่อท่ีจะให้ผู้ต้องหาให้การ เพราะจะมีปัญหาในข้ันตอนการรับฟังของศาล
อีกทง้ั การจะกันผ้ตู อ้ งหารายใดควรจะพิจารณาเลือกผู้ต้องหาทมี่ ีการกระทาความผิดนอ้ ยทีส่ ุดเทา่ น้นั

5.1.3.3 ผ้รู ว่ มประชุมคนท่ี 3
คดีที่รับผิดชอบในส่วนสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมพิเศษ ส่วนใหญ่คดีท่ี

ดาเนินการเป็นคดีก่อการร้าย และคดีชุมนุมทางการเมือง ซ่ึงเป็นคดีพิเศษที่มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน
และร้ายแรง ลักษณะของการกอ่ เหตเุ ป็นการตกลงวางแผนกันเฉพาะกลมุ่ และตกลงในสถานที่ท่ีจะกระทา
ในขณะน้ัน บุคคลอ่ืนจะไม่สามารถเข้าไปล่วงรู้รายละเอียดของการกระทาความผิดของผู้ต้องหาได้
นอกจาก ผตู้ ้องหาหรอื ผู้กระทาความผดิ ด้วยกนั เอง นอกจากนี้ การกระทาความผิดประเภทนม้ี ีลักษณะเป็น
ขบวนการ มีการแบ่งหน้าท่ีกันทา บุคคลอื่นไม่สามารถรู้เห็นพฤติการณ์ของผู้ต้องหาได้นอกจากผู้ต้องหา

253

กันเอง แม้พนักงานสอบสวนจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานแล้วแต่ก็ได้เพียงแค่พยานแวดล้อม ซึ่งไม่
ปรากฏหลักฐานทจี่ ะพิสจู น์เปน็ ประจักษ์ชัดในเรื่องของข้ันตอนการปฏบิ ตั ใิ นการกระทาความผดิ

วิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ คือ การ
ออกระเบียบเพื่อกาหนดหลักเกณฑ์การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน เพ่ือให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษใช้
ประโยชน์จากพยานหลักฐานท่ีถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้พิสูจน์ความผิดดาเนินคดีกับ
ผู้กระทาความผิดทั้งหมดได้ การกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะมีประสิทธิภาพได้หรือ
ไม่น้ัน จากประสบการณ์การทางานคิดว่ามีประสิทธิภาพต่อการดาเนินคดีแน่นอน เพราะในหลายคดี
ที่เก่ียวข้องการก่อการร้ายหรือการชุมนุมทางการเมือง การแสวงหาพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน
ค่อนข้างยุ่งยากมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นกระทาความผิด เช่น การยิง หรือการปาระเบิด ซึ่งจะเกิดขึ้น
ในพ้ืนท่ีการชุมนุม โดยพื้นท่ีดังกล่าวน้ันอยู่ในการควบคุมของฝ่ายผู้ต้องหาเอง ดังน้ัน ผู้ท่ีอยู่พื้นที่ข้าง
นอกจะไม่มีทางรู้เห็นเหตุการณ์ หรือไมส่ ามารถท่ีจะให้การที่เปน็ ประโยชน์ได้ เพราะฉะน้ัน หลกั ฐานใน
การดาเนินคดขี องผู้ต้องหาจึงจะต้องหาจากผู้ท่ีมีสว่ นรว่ มในการกระทาความผดิ น้ัน ซึง่ จะต้องใชว้ ธิ ีการ
กันผู้ต้องหาหรือกันผู้รว่ มกระทาความผิดด้วยกันมาเป็นพยาน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวน
และการแสวงหาพยานหลกั ฐานในคดีพิเศษประเภทนไ้ี ด้แน่นอน อนั จะทาให้พนักงานสอบสวนสามารถ
ที่จะนาผู้ตอ้ งหาทใ่ี หก้ ารเป็นพยานขึน้ เบกิ ความต่อศาล ในช้ันการพิจารณาของศาลได้

จากการดาเนินคดีประเภทนี้มีความเห็นควรให้การสนับสนุนให้มีการบัญญัติ
กฎหมาย เพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการใช้ดุลยพินิจทางการกันผู้ต้องหา
หรือผู้กระทาความผิดเป็นพยาน เพราะพนักงานสอบสวนพิเศษจะได้มีหลักเกณฑ์รองรับการ
ดาเนินงาน และดาเนินการได้อย่างถูกต้อง เป็นขั้นตอนเป็นแนวทางปฏิบัติ และสามารถตรวจสอบได้
เห็นวา่ ควรมีมาตรการท่ีสามารถตรวจสอบโดยให้ปรากฏอยู่ในสายการบงั คับบญั ชาและในการขออนมุ ัติ
การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน ให้คณะพนักงานสอบสวนในคดีเสนอผู้บังคับบัญชาพร้อมเหตุผลและความ
จาเป็น รวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับโดยให้รองอธิบดีท่ีกากับดูแลพิจารณา รวมถึงการตรวจสอบใน
การดาเนนิ การ ปัญหาอปุ สรรคทอี่ าจเกิดขึน้ จากการกันผูต้ อ้ งหาเป็นพยาน

การกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษ มีผลดี
ทาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีพยานหลักฐานท่ีเพียงพอที่จะดาเนินคดีผู้กระทาความผิดรวมถึง
ตัวการสาคัญได้ ส่วนผลเสียหากไม่มีหลักเกณฑ์ท่ีถูกต้อง หรือไม่มีความชัดเจนในการกันตัวผู้ต้องหา
เป็นพยาน ก็อาจจะมีการฟ้องร้องเก่ียวกับความไม่เป็นธรรม เกิดความไม่โปร่งใสในการดาเนินคดี
สมมติว่ามีผู้กระทาความผิดร่วมกันห้าราย พนักงานสอบสวนดาเนินคดีส่ีราย อีกรายหน่ึงกันเป็นพยาน
แบบน้ีเป็นการสุ่มเส่ียงมาก โดยท่ีว่าหากมีการฟ้องร้องข้ึนมาในเรื่องความไม่เป็นธรรม ซึ่งพนักงาน
สอบสวนจะต้องมีเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงกันรายน้ัน ไม่กันรายอ่ืน ข้อควรระวังหรือข้อสังเกต คือ
หากจะต้องมีการตรวจสอบการดาเนินการในการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน ไม่ควรท่ีจะมีคณะกรรมการท่ี
เกย่ี วข้องหลายราย เนอื่ งจากข้อมลู สาคญั รัว่ ไหล และบางเรื่องมีช้นั ความลับ จึงไม่ควรให้บุคคลอืน่ หรือ
นอกจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและผู้บงั คับบัญชาตามสายงานรับผิดชอบลว่ งรู้ เพราะอาจจะ
เกิดความเสียหายต่อรูปคดี ที่ผ่านมาส่วนสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมพิเศษ กองคดีความมั่นคงเคย
กันผตู้ ้องหาเปน็ พยานมาแล้ว เราเคยกนั ผู้ตอ้ งหาทแ่ี จง้ ข้อหาแล้วสั่งไม่ฟ้อง เพือ่ กนั ไว้เป็นพยาน ในการ
กันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานและไม่แจ้งข้อกล่าวหาซึ่งเราทาตามคาแนะนาของพนักงานอัยการท่ีร่วมสอบสวน

254

ซ่งึ ได้ข้อมลู ท่ีเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก จึงเห็นด้วยวา่ กรมสอบสวนคดพี ิเศษควรที่จะมีกฎหมาย
ท่รี องรับการกันผตู้ อ้ งหาเปน็ พยาน เพื่อการทางานทีถ่ ูกตอ้ ง รอบคอบ โปรง่ ใส และมบี รรทัดฐานต่อไป

5.1.3.4 ผู้รว่ มประชมุ คนที่ 4
คดีภาษีอากรส่วนใหญ่จะเป็นคดีแพ่ง พยานหลักฐานส่วนใหญ่จะเป็นพยาน

เอกสารเป็นคดที ่ีเก่ียวข้องกบั บุคคลที่เป็นนายจา้ งหรือคนที่อยู่เบอื้ งหลังในการกระทาความผิด มพี ยาน
บุคคลท่ีเป็นพนักงานบริษัทก็ยืนยันว่ามีบุคคลที่เป็นผู้กระทาความผิดท่ีอยู่เบื้องหลังในการบริหาร
จัดการ แต่ว่าไม่มีชื่อบุคคลผู้น้ันในการดาเนินคดี พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้อง เพราะว่ามี
เงินเข้าในบัญชีเขาเป็นจานวนมาก แต่พนักงานอัยการมีคาสั่งไม่ฟ้อง ในกรณีที่ไม่มีพยานหลักฐานอ่ืน
และเราต้องการดาเนนิ คดกี ับผู้กระทาความผิดท่ีเป็นตัวการใหญ่ หากมีผู้ร่วมกระทาความผิดท่ีเห็นวา่ มี
ความผิดเพียงเล็กน้อย หรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทาความผิดเพียงเล็กน้อย และหากกันคนน้ี
เปน็ พยานได้ และในกรณไี ม่สามารถท่ีจะมพี ยาน หลักฐานอ่ืนทจ่ี ะดาเนินคดีได้ เราก็เห็นวา่ กันผตู้ ้องหา
คน นี้ ไว้เป็ น พ ย าน ซึ่ งเป็ น ผู้ ร่ว ม กระท าค วามผิ ด ท่ี เป็ น ตั วเล็ กไว้ เป็ น พ ย าน ก็จ ะส ามาร ถท่ี จ ะเพ่ิ ม
ประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีพิเศษ เพอ่ื ท่จี ะเอาผู้กระทาความผดิ ท่ีแทจ้ ริงมาลงโทษได้

การกาหนดแนวทางในการกันเป็นพยาน มีความเห็นว่าในบางครั้งในกรณีท่ี
พยานหลักฐาน ในสานวนไม่เพียงพอท่ีจะยืนยันผู้กระทาความผิดได้ แต่ยังไม่มีกฎหมายให้อานาจ
ถ้าเราจะทาก็จะต้องทาด้วยความระมัดระวัง เพราะมีท้ังผลดีและผลเสีย เห็นควรสนั บสนุนให้มี
บทบัญญัติตามกฎหมายรองรับ เพราะว่าการท่ีจะกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดรายใดเป็นพยาน
เป็นการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน หากกันบุคคลใดเป็นพยานแล้วบุคคลนั้นจะไม่ถูกดาเนิน
คดีอาญาท้ัง ๆ ท่ีเขาก็เป็นผู้กระทาความผิดเช่นเดียวกัน การที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีจะรองรับ
การใช้ดุลยพินิจตรงนี้ ประเด็นแรกก็คือ อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันการช่วยเหลือผู้กระทาความผิด และ
เปน็ การรองรบั การใชด้ ลุ พินิจของพนกั งานสอบสวนทจี่ ะไม่ให้ถูกรอ้ งเรยี นหรือถูกดาเนนิ คดใี นภายหลงั

มาตรการท่ีจะกากับ/ตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทา
ความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ กรณีที่ 1 ต้องพิจารณาเปรียบเทียบผลประโยชน์ของรัฐที่จะได้
ประโยชน์จากการกันผู้ต้องหาเป็นพยานว่าสามารถที่จะทาลายล้างต้นตอหรือการกระทาความผิดท่ี
แท้จริงได้หรือไม่ เพียงใด นามาเปรียบเทียบกับการที่เราจะดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดเพียง
เลก็ น้อย กรณที ี่ 2 คนท่ีจะถูกกนั เป็นพยานควรจะเปน็ ผูท้ ่ีรว่ มกระทาความผิดเล็กน้อยและตรงแนน่ อน
วา่ ถ้อยคาของเขาจะต้องให้การด้วยความสัตย์จริง ในสานวนต้องมีพยานหลักฐานอ่ืน ๆ ประกอบด้วย
พนักงานสอบสวนต้องมั่นใจว่าพยานดังกล่าวจะต้องไปให้การในชั้นศาล และต้องให้การตรงกับ
ช้ันพนักงานสอบสวนที่เคยให้การไว้ หากไม่เป็นไปตามที่เคยให้การไว้ จะมีมาตรการดาเนินการกับ
บุคคลดงั กลา่ ว ตรงน้ีต้องมคี วามชัดเจน

ขั้นตอนในกระบวนการกันบุคคลใดเป็นพยาน ควรท่ีจะมีขั้นตอน วิธีการที่จะ
ถูกตรวจสอบ ถ่วงดุล ไม่ควรทาโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตรงนี้เห็นด้วยท่ีจะต้องมีพนักงานอัยการร่วม
สอบสวน และเห็นชอบในการใช้ดุลยพินิจในการกันผู้ต้องหารายใดเป็นพยาน นอกจากน้ีจะต้องมี
พยานหลักฐานอื่น ๆ ท่ีอยู่ในสานวนประกอบด้วย พนักงานสอบสวนจะต้องมั่นใจว่า ถ้าหากกัน
ผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดรายน้ีเป็นพยานแล้วศาลจะสามารถดาเนินคดีและลงโทษกับตวั การ
ใหญ่ได้อย่างแท้จริง ในเร่ืองการกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหาฯ ในคดีพิเศษมีผลดี
1) สามารถทาลายล้างผู้กระทาความผิดท่ีสร้างความเสียหายให้กับประเทศอยา่ งมหาศาลได้ 2) ใช้เป็น

255

ฐานข้อมูลในหาร่องรอยจากการดาเนินคดีและผู้กระทาความผิดที่เป็นตัวการใหญ่ที่มีความยากในการ
แสวงหาพยานหลกั ฐาน สาหรับผลเสยี 1) ในการกนั ผู้ต้องหาเปน็ พยาน อาจเกดิ การชว่ ยเหลอื ผกู้ ระทา
ความผิด 2) ควรพิจารณาเร่ืองน้าหนักของพยาน เพราะว่าคาให้การของผู้กระทาความผิดด้วยกัน
น้าหนกั นอ้ ยตอ้ งมีพยานหลักฐานอน่ื ๆ ประกอบ

ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเพื่อการอานวยความ
ยตุ ิธรรมในภาพรวม

1. ต้องดูความจาเป็นในการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยาน
เบื้องต้นควรต้องพิจารณาว่าสามารถที่จะหาพยานหลักฐานจากแหล่งอ่ืน ๆ ให้เพียงพอต่อการดาเนิน
คดีกับผู้ต้องหาได้หรอื ไม่

2. ดุลยพินิจในการกันผู้กันผู้ต้องหารายใดเป็นพยานต้องพิจารณาหลักเกณฑ์
ในการพิจารณาว่าบุคคลใดท่ีสมควรได้รับการกันเป็นพยาน เพ่ือป้องกันการฟ้องร้องจากผู้กระทา
ความผิดด้วยกนั

3. ความน่าเช่ือถือของพยาน ถ้อยคาน่าเชื่อถือเพียงใด กรณีนี้ใช้เคร่ืองจับเท็จ
ชว่ ยในการตรวจสอบ

4. กระบวนการข้นั ตอนการตรวจสอบถว่ งดลุ
5. พฤติกรรมภายหลัง หลังจากการผู้ต้องหาเป็นพยานควรจะมีมาตรการที่
เดด็ ขาดเพ่อื ป้องกัน
6. ผู้ที่ถกู กันเป็นพยานอาจจะถูกคุกคามจากบุคคลหรือผ้ตู ้องหารายอ่ืน เราจะ
มมี าตรการอยา่ งไรในการคุ้มครองบุคคลนจ้ี ะสามารถใชห้ มายในการคมุ้ ครองพยานไดห้ รือไม่
5.1.3.5 ผรู้ ่วมประชมุ คนท่ี 5
กองคดีทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มรับผิดชอบคดีในลกั ษณะการบุกรุก
ที่ดินของรฐั พ้ืนทป่ี ่า ท่ีสาธารณะ ปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานจะมี 3 ส่วน ประกอบด้วย
1. การพิสจู นล์ กั ษณะและสถานภาพของทด่ี นิ
2. การรวบรวมเอกสารหลักฐานของหน่วยงานรัฐทเ่ี กยี่ วข้อง
3. พยานบคุ คล
ในการพิสูจน์ความผิดจะเป็นเรื่องหลักฐานและเอกสารของส่วนราชการท่ี
เกี่ยวข้อง ส่วนลักษณะของพยานบุคคลที่อยู่ในคดีก็จะมีเฉพาะกรณีที่มีคนงานหรือลูกจ้าง ถามว่ากรณี
นี้เป็นคดีเก่ียวกบั ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม พวกบุกรุกป่า บุกรุกท่ีสาธารณะ โดยมากตัวการ
จะไมไ่ ด้เป็นคนท่ีอยูใ่ นพื้นท่ีก็จะมีคนงานท่ีมาเชา่ ที่ กับคนงานที่มารบั จา้ ง วธิ ีการเพิ่มประสิทธิภาพในการ
แสวงหาหลักฐานที่เก่ียวข้องกับคดีทรัพยากรธรรมาชาติและสิ่งแวดล้อมจะเป็นการแสวงหาหลักฐาน
ท่ีเป็นเอกสารมากกว่าพยานบุคคล พยานบุคคลสามารถหาได้จากบุคคลในพื้นท่ีซ่ึงไม่ได้เก่ียวข้องกับ
การกระทาความผิดจะอยู่ในลักษณะของผู้ปกครองท้องท่ี หรือคนในพ้ืนท่ี เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กานั น
ซง่ึ ตอ้ งการพยานบุคคลมายนื ยันแตส่ ว่ นใหญ่จะเสยี ชีวติ ไปกอ่ นแลว้
กาหนดแนวทางในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะมีประสิทธิภาพได้ในกรณีที่มี
ตัวการสาคัญ เช่น คดีลักลอบขุดแร่ ซ่ึงมีคนงาน คนขับรถ คนรับจ้าง สามารถกันผู้ต้องหาเป็นพยาน
ได้ทั้งหมด เพราะทาในฐานะผู้รับจ้าง ไม่ใช่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์โดยตรงจากการกระทาความผิด หากมี
การกาหนดแนวทางท่ีชัดเจน จะทาให้พนักงานสอบสวนได้พยานที่พิสูจน์การกระทาความผิดของ

256

ตัวการสาคัญได้ ในที่น้ีเห็นด้วยกับการบัญญัติกฎหมายเพื่อรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวน
กฎหมายเป็นสิ่งที่สาคัญท่ีสุดในการที่จะใช้ในการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน มาตรการท่ีจะใช้ในการกากับ
โดยการสอบสวนคดีพิเศษดาเนินการในรูปคณะพนักงานสอบสวน จะใช้ดุลพินิจว่าใครบ้างท่ีสามารถ
กันมาเป็นพยานได้ ในกรณีการกันผู้ต้องหาเป็นพยานควรจะมีระเบียบที่ชัดเจนว่าต้องเป็นมติที่ประชุม
คณะพนักงาน สอบสวนเป็นอย่างน้อย และถ้าจะให้มีการถ่วงดุลในพนักงานสอบสวนเอง ควรจะมี
กรรมการอื่นหนึ่งชุดท่ีจะมาพิจารณาเร่ืองนี้โดยเฉพาะ ผลดีของวิธีนี้ก็จะได้ตัวการสาคัญนามา
ดาเนินคดี ผลเสียและข้อควรระวังคือ ต้องระวังเรื่องการเลือกกันผู้กระทาผิดรายใดเป็นพยาน เป็นเร่ือง
ละเอียดอ่อนอย่างมาก กรณีมีผู้ที่รับจ้างเข้าไปถางป่า ซึ่งไม่ได้ไปรายเดียวไปที่ละ 5-10 ราย จะกัน
เป็นพยานอย่างไร ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องระวัง มีอะไรท่ีเป็นกฎระเบียบรองรับเพ่ือไม่ให้เป็นการใช้
ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนอย่างเดียว มาตรการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษเป็นมาตรการที่ดี
แตต่ อ้ งมกี ฎหมายรองรบั และควรจะต้องมีระเบียบภายในท่ีละเอียดชัดเจน

5.1.3.6 ผรู้ ่วมประชุมคนที่ 6
กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

เพราะฉะน้ันการรวบรวมพยานหลักฐานจะต้องรวดเร็ว ถ้าไม่รวดเร็วข้อมูลเหล่านี้ก็จะสูญหาย อีกอย่าง
หนึ่งก็จะเป็นคดีที่มีลักษณะของอาชญากรรมข้ามชาติมากข้ึน การที่จะได้มาพยานหลักฐานค่อนข้าง
จะยาก ตัวอย่างท่ีสามารถท่ีจะใช้การกันผู้ต้องหาเป็นพยานได้ เช่น คดีพนันออนไลน์ การพนันซ่ึงท้ัง
ผู้เล่นและผู้จัดให้เล่น อย่างแรก พนักงานสอบสวนต้องรู้จักบัญชีที่ใช้ในการเข้ามาเล่น มีใครโอนเข้า
มาบ้าง พนักงานสอบสวนจะเรียกพยานเหล่านั้นมาสอบปากคา เพ่ือพิสูจน์ว่ามีส่วนร่วมในการ
กระทาความผิดอย่างไร แล้วจึงนาไปสู่การเช่ือมโยงผู้กระทาความผิดด้วยกันเอง หรือตัวการสาคัญ
ท่ีอยู่เบื้องหลัง จึงมีความจาเป็นที่จะต้องกันผู้เล่นเหล่าน้ีเป็นพยานในคดี แต่มีปัญหาว่าจะกัน
ผู้ร่วมกระทาผิดรายใดเป็นพยาน มีการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาจเกิดความเหลื่อมล้าในการ
ดาเนินคดี เกิดความเห็นท่ีขัดแย้งกันระหว่างคณะพนักงานสอบสวนกับผู้บริหารที่เห็นว่าไม่ควรกัน
เป็นพยาน เพราะเป็นผูก้ ระทาความผิดทั้งหมด นค่ี ือสภาพปัญหา

สาหรับวิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ
ด้านกฎหมาย ระเบียบการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานต้องมีชัดเจน การกาหนดแนวทางเป็นส่ิงที่ดีถ้า
เป็นไปได้ ต้องเป็นคดีท่ีไม่มีพยานหลักฐานอ่ืนจริง ๆ จาเป็นท่ีจะต้องเลือกในรูปแบบนี้ควรจะใช้
แนวทางของสานักงานอัยการสูงสดุ ซงึ่ มีระเบยี บไว้อยู่แล้ว แนวทางในการกนั ผู้ตอ้ งหาไวเ้ ป็นพยานเป็น
การใช้ดุลพินิจอีกอย่างหนึ่ง ตามที่หลายท่านได้ให้ข้อมูลก็จะมีมติของคณะพนักงานสอบสวนหรือ
หน่วยงานอื่นหรือคณะกรรมการอื่นเข้ามารว่ มพิจารณาด้วยก็ได้ แต่ว่าในส่วนตัวแล้วเหน็ วา่ เพียงแค่มติ
คณะพนกั งานสอบสวนกน็ ่าจะเพียงพอ เพราะในคดีพเิ ศษมี การดาเนินคดีในรปู แบบของคณะพนักงาน
สอบสวนไม่เหมือนของตารวจท่ีถือสานวนคนเดียว ถ้ามองว่าให้คณะกรรมการอื่นหรือคณะกรรมการ
ท่ีมาจากภายนอกเขา้ มาพิจารณาด้วย คิดว่าจะมีความยากขึน้ หมายความว่าพนักงานสอบสวนเปน็ ผู้ท่ี
คลุกคลีและเห็นข้อมูลท้ังหมดในภาพรวมของคดีนั้น ๆ หากมีการตั้งคณะกรรมการอื่นขึ้นมาจะ
กลายเป็นการเพ่ิมข้ันตอน ต้องมาอธิบาย และอาจจะถูกท้วงติงในเร่ืองของทฤษฎีมากกว่าในแง่การ
ปฏิบัติ มาตรการท่ีจะนามาพิจารณาควรจะเลือกผู้ต้องหาที่มีส่วนในการกระทาผิดท่ีน้อยท่ีสุดและต้อง
ม่ันใจว่าคนน้ันจะต้องไม่กลับคาในชั้นศาล ไม่ใช้การจูงใจ แต่พนักงานสอบสวนจะต้องดูหลายอย่าง

257

มาประกอบว่า พยานรายน้จี ะใหก้ ารตามจริงในช้ันศาล ไม่ใช่พอถึงเวลากลับคาให้การในชน้ั ศาลเพราะ
คิดว่าจะเอาตัวรอดในชนั้ สอบสวนตรงต้องระวงั

มีการกาหนดแนวทาง/ระเบียบในการกันผู้ต้องหาฯ ในคดีพิเศษมีผลดี คือ ทา
ให้พยานหลักฐานในสานวนสามารถที่จะดาเนินการกับผู้กระทาความผิดได้ แต่ก็มีผลเสีย คือ ผู้กระทา
ความผิดบางรายไม่ถูกลงโทษและเกิดความเหล่ือมล้า ส่วนข้อควรระวังการเลือกผู้ต้องหาต้องเลือก
ผู้ต้องหาที่มีการกระทาความผิดต้องเป็นตัวเช่ือมหรือใกล้ชิดกับเหตุการณ์ ข้อเสนออ่ืน ๆ เพ่ือเพิ่ม
ประสทิ ธภิ าพในการสบื สวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานในคดพี ิเศษอยากจะให้มีระเบยี บ
กฎเกณฑ์ท่ีเพิ่มขึ้น เช่น การสืบสวนในชั้นสืบสวนตามมาตรา 23/1 ตามพระราชบัญญัติการสอบสวน
คดีพิเศษ พ.ศ. 2547 สามารถใช้เครื่องมือพิเศษอะไรได้บ้าง ค้นได้หรือไม่ จับได้หรือไม่ อายัดเงินหรือ
ทรัพย์สินอ่ืนได้หรือไม่ เพราะคดีเก่ียวกับการพนันออนไลน์ไม่ใช่จะเป็นคดีพิเศษได้ทันที จะต้องเข้า
คณะกรรมการคดีพเิ ศษพจิ ารณากอ่ น เพราะเม่ือพนักงานสอบสวนไปสืบสวนพบวา่ กระทาความผิดจริง
แต่ไม่สามารถทาอะไรได้ พอได้รับอนุมัติให้เป็นคดีพิเศษก็พบว่าเงินได้ถูกโยกย้ายเปลี่ยนไปจากบัญชี
หลักแลว้ อยากจะมีมาตรการอะไรบางอย่างที่ให้การสนับสนนุ การทางานของพนกั งานสอบสวนในการ
หาตวั ผกู้ ระทาความผิด

5.1.3.7 ผรู้ ่วมประชมุ คนท่ี 7
กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบส่วนใหญ่จะเป็นคดีแชร์ ปัญหาในการแสวงหา

พยานหลักฐาน หากใช้การกันเป็นพยานก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนนิ คดีได้ โดยการเอา
ตัวผู้ร่วมกระทาความผิดที่มีความใกล้ชิด มีความเช่ือมโยงกับผู้กระทาความผิดรายอ่ืนมาให้ข้อมูล
หากมีการกาหนดแนวทางที่ชัดเจนก็จะเพิ่มประสิทธิภาพได้ ทาให้พนักงานสอบสวนมีความชัดเจน
ในการดาเนินการ จึงขอสนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายระเบียบรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี
มาตรการท่ีจะตรวจสอบควรจะมีความชัดเจนซึ่งจะต้องกาหนดอยู่ในกฎหมายระเบียบไว้ในคราวเดียว
ตัวผู้ต้องหาหรือผู้รว่ มกระทาผิดท่ีถูกกันไว้เป็นพยานเป็นผู้ท่ีสาคัญท่ีจะนาพาไปสู่พยานหลักฐานอื่น ๆ
ประกอบการดาเนนิ คดี สาหรบั ขอ้ เสนออ่นื ๆ ยงั ไม่มีเพมิ่ เติม

5.1.3.8 ผู้ร่วมประชุมคนท่ี 8
จากท่ีดาเนินคดีพเิ ศษทผี่ ่านมาพบว่า 1) กลุ่มผู้ตอ้ งหาเป็นกลุ่มท่ีเป็นผ้มู ีอานาจ

ทางการเงินสูงมาก มีทนายท่ีเก่ง พบว่าในคดีตัวการใหญ่พนักงานสอบสวนเห็นตัว แต่เค้ามีอิทธิฤทธิ์ที่
จะมอบอานาจให้มาฟ้องเจ้าหน้าที่ฟ้องกรม แต่ว่าพยานหลักฐานไม่ถึง ตรงน้ีเป็นปัญหาแรกที่ถ้าเรา
ไม่สามารถดาเนินคดีกับตัวการใหญ่ได้ ก็จะทาให้มีตัวคดีพิเศษไม่พิเศษจริง ๆ 2) ในคดีที่ใช้เทคนิค
ไปรวบรวมกลุ่มผู้ต้องหามาเพื่อขอใช้สิทธิ วิธีการขอใช้สิทธิ คือ อยากได้ของเข้ามาในประเทศ จึงทา
เอกสารทุกอย่างท่เี ป็นเท็จโดยการไปว่าจา้ งผู้ที่มีสิทธิ จนไดใ้ บอนุญาตมาจนสดุ ท้ายถกู จบั ได้ 3) ตัวผู้ต้องหา
มาให้การเป็นพยาน สุดท้ายพยานเป็นเจ้าหน้าท่ีผู้ร่วมกระทาความผิดต้องส่งคดีไป ป.ป.ช. ต่อมา
ป.ป.ช. ส่งกลับมา คาให้การที่เคยได้ให้การไว้ก่อนตกเป็นผู้ต้องหาก็ใช้ไม่ไดอ้ ีก 4) ตัวผู้ต้องหาอยากจะ
ซัดทอดตัวจริง แต่เมื่อกรมไม่มีการกาหนดเรื่องการกันผู้ต้องหาเป็นพยานไว้เท่ากับกรมสอบสวน
คดีพิเศษต้องผลักผู้ต้องหารายคนน้ีออกไปให้ไปรวมกลุ่มกับพวกตัวการ ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือใน
การว่าจ้างทนายมาสู้คดี เท่ากับว่าเรามีศัตรูเพิ่มข้ึนอีกหน่ึงคน ให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคได้
พยายามแสวงหาพยานหลักฐานโดยการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครื่องมือพิเศษในการสืบหาทางส่ือ
สังคมออนไลน์ การชาระภาษี รวมถึงการอายัดทรัพยส์ ิน มีการแจ้งข้อหาความผิดอั้งยี่เพ่ือเชือ่ มให้เห็น

258

ถึงพฤติการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่พนักงานอัยการสานักงานคดีพิเศษยังไม่เห็นชอบด้วย โดยพนักงาน
อัยการมองว่าการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเป็นวิธีหน่ึงท่ียังไม่มี ถ้ามีก็น่าจะเป็น
ประโยชน์มาก ได้มีการหารือกันภายในและพนักงานอัยการที่ทางานร่วมกันเหน็ ว่า ถ้าเรามีแค่ระเบียบ
จะไปได้ยากมาก เพราะไม่ทราบว่าพนักงานอัยการท่านอื่น ๆ จะมีความเห็นอย่างไร จะเห็นชอบด้วย
หรือไม่ จึงเห็นด้วยว่าจะต้องทาเป็นเช็คลิสต์ออกมาว่าผู้ต้องหารายไหนเข้าเงื่อนไขอย่างไรบ้าง และ
ต้องเข้าเงื่อนไขก่ีข้อ ถึงจะให้ได้รับการกันเป็นพยาน สาหรับขอ้ ควรระวังเรอื่ งการเรยี กรับผลประโยชน์
เพราะจะขาดความน่าเชอ่ื ถือทันที หากเกดิ ว่ามกี ารพูดถงึ เรื่องผลประโยชน์ในชน้ั ศาลข้ึนมา

5.1.3.9 ผูร้ ่วมประชมุ คนที่ 9
ศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษเป็นหน่วยงานสนับสนุน จัดต้ังเป็นศูนย์เม่ือเดือน

ตุลาคม 2563 ปรากฏว่าจากที่เราได้จัดต้ังข้ึนเป็นศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษก็มีคดีที่เข้ามาแต่ละ
เรื่องไม่มีซ้า มีตั้งแต่คดีฆาตกรรม คดีฉ้อโกง คดีท่ีอยู่ในรูปขบวนการ คดีการกระทาความผิดนอก
ราชอาณาจักร และในส่วนของกลุ่มท่ีเป็นคดีเกี่ยวกับเรื่องลูกหนี้นอกระบบท่ีเข้ามาก็จะเป็นลักษณะ
ของกระบวนการใหญ่ รวมถึงเร่ืองท่ปี ระชาชนไม่ได้รับความเปน็ ธรรมกม็ หี ลายคดีที่เรากาลงั ดาเนินการ
สอบสวนสืบสวนอยู่พบว่ามีการเช่ือมโยงในลักษณะของขบวนการใหญ่หลายพ้ืนท่ีหลายจังหวัด และ
เช่ือมโยงเป็นระดับภูมิภาค จึงทาให้คดีท่ีเกิดขึ้นค่อนข้างที่จะมีความสลับซับซ้อนเกี่ยวข้องกับผู้มี
อิทธพิ ลและบางลักษณะก็เปน็ คดีแพง่ การที่กองกฎหมายทาวิจยั เร่ืองน้ีขึ้นมาตรงกบั ความต้องการของ
ทางศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษ เน่ืองจากคดีท่ีกาลังดาเนินการอยู่แม้จะเป็นแค่การสอบสวนอยู่
แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่าในอนาคตเมื่อเป็นคดีพิเศษแล้วในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเป็นสิ่งที่จาเป็น
แล้วก็น่าจะนามาใช้เป็นอย่างยิ่ง มีชาวบ้านที่แจ้งว่าได้ไปขอความช่วยเหลือหน่วยงานระดับจังหวัดทั้ง
ศูนย์ต่าง ๆ มาแล้ว ในระดับภูมิภาคมาแล้วก็ไม่เป็นผลถึงข้ันเหมารถตู้มาท่ีศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษ
ทาให้ศูนย์ของเราต้องจัดห้องไว้เพื่อเป็นศูนย์รับเรื่อง แต่ละวันทางศูนย์ฯ มีการรับเร่ืองในลักษณะนี้เป็น
จานวนมาก คดีท่ีประชาชนมาแจง้ ประชาชนคิดวา่ กรมสอบสวนคดีพเิ ศษเปน็ ท่ีพงึ่ สุดทา้ ย

ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพเห็นว่าในคดีพิเศษมีความจาเป็นอย่างย่ิงที่
ต้องใช้วิธีการกันตัวผู้ต้องหาบางรายไว้เป็นพยาน เน่ืองจากว่าพนักงานสอบสวนทราบเหตุการณ์ได้
ไม่ตลอดเหมือนคนที่มีส่วนเก่ียวข้องในการกระทาความผิดในส่วนคดีนั้น คดีที่เราได้ทาการสืบสวน
มาแล้วอย่างเช่น คดีเงินกู้นอกระบบท่ีแจ้งมา พบว่ามีความเชื่อมโยงตั้งแต่ภาคเหนือยันภาคอีสาน บุคคลที่
เรียกว่า ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายบอกว่านายทุนใหญ่รายนี้มีความรู้ในด้านกฎหมายจะจานองที่ดินเป็น
การจานองและขายฝากไม่ต้องทาสัญญาพอถึงเวลาที่ดินก็หลุดไป แล้วพบว่าลูกหลานของนายทุนเป็น
ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้เสียหายจึงหวังพึ่งระดับจังหวัดและภูมิภาคไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่าเรานาผู้ท่ีเก่ียวข้อง
เข้ามาเป็นพยานได้ก็จะทาให้เราไดข้ ้อมูลสาคัญ สามารถกระชากหน้ากากคนร้ายระดับประเทศในกลุ่มนี้
มาลงโทษได้ นอกจากน้ี ทางคณะทางานของศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษเห็นว่าจะเป็นการเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาพิเศษเป็นอย่างมาก เน่ืองจาก ว่าคดีเกิดข้ึนมานานและ
มีความซับซ้อนอย่างที่กล่าวข้างต้น คดีฆาตกรรมท่ีเรายังมีการสืบสวนอยู่ ซ่ึงเป็นคดีแห้ง ถ้าหากว่า
บคุ คลที่กาลังสืบสวนอยูส่ ามารถกันบุคคลที่มีส่วนรู้เหน็ มาเป็นพยานได้น่าจะทาให้คดีคลี่คลายได้นา่ จะ
เป็นผลในรูปธรรมได้ ท่ีแม้ผ่านมาทางศูนย์ยังไม่เคยมีการใช้วิธีการกันผู้ต้องหาเป็นพยาน หากมีการ
กาหนดแนวทางที่ชัดเจนก็น่าจะได้นาไปใช้แน่นอน เชื่อว่าในรูปของการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน
เหมือนเช่นที่หน่วยงานอ่ืนได้มีการกาหนดเป็นข้อบัญญัติกฎหมายรองรับจากที่ได้ทาการสืบค้นหา

259

ข้อมูลและได้ทาการศึกษาทราบว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ทั้งพนักงานอัยการ
สานักงาน ป.ป.ช. สานักงาน ป.ป.ท. สานักงานตารวจแห่งชาติเองก็ได้มีตัวบทกฎหมายระเบียบท่ี
เก่ียวกับการกนั ตัวผู้ต้องหาไวเ้ ป็นพยานเปน็ ตัวบทกฎหมายชัดเจนเรียบรอ้ ยแลว้ สว่ นของกรมสอบสวน
คดีพิเศษจะต้องสร้างข้ึนมา จะต้องมีตัวบทกฎหมายที่จะรองรับอย่างเป็นรูปธรรม เพ่ือท่ีว่าพนักงาน
สอบสวนท่ีทาเร่ืองนั้นเราจะได้ใช้ดุลพินิจในการจับกุมในการเล่นการพนันเป็นพยานแต่พอชั้นถัดไป
ก็จะไม่เห็นพ้องด้วย สิ่งเหล่านี้ถ้ามองสิ่งท่ีตามมาอาจจะเป็นการขัดคาส่ังหรือไม่ หรือต้ังวินัยหรือไม่
ส่วนผู้ท่ีไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าทาไมไม่กันไว้ทั้งหมด มีส่วนเก่ียวข้องหรือคุณมีส่วนได้เสียกับผู้ประทา
ความผิดหรือไม่ คดีอาญาจะพ่วงมาหรือไม่ หากพนักงานสอบสวนไม่มีตัวบทกฎหมายที่ชัดเจน
สิ่งเหล่านี้คือข้อกาหนด ไม่เช่นนั้นพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าท่ีจะไม่มีอะไรมาเป็นเกราะคุ้มกันภัย
แต่จิตใจของมนุษย์นานาจิตตังคิดไปได้หลายอย่าง ดังน้ัน กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงจะต้องมีบทบัญญัติ
เรอ่ื งการกนั ผ้ตู ้องหาเป็นพยานในกฎหมายวา่ ด้วยการสอบสวนคดพี เิ ศษที่ชัดเจน

5.1.3.10 ผู้รว่ มประชุมคนท่ี 10
คดีที่รับผิดชอบในกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ

แม้อาจจะไม่มีคดีความผิดในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยตรงเหมือน
กองคดีอ่ืน ๆ ส่วนใหญ่คดีที่เราทาอยู่จะเป็นคดีความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทานอกราชอาณาจักร
ส่วนใหญ่ลักษณะคดีที่เราทาจะทาควบคู่ไปกับคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมี
ส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ท่ีผ่านมากองกิจการต่างประเทศฯ ดั้งเดิมเป็น
คดีระหว่างประเทศส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับฉ้อโกงข้ามชาติ หลอกให้โอนเงิน หลอกให้ร่วมลงทุน
ซ่ึงเก่ียวข้องกับกฎหมายฉ้อโกงประชาชน และมีลักษณะจะเป็นเครือข่าย มี Server มีเคร่ืองมือต่าง ๆ ด้าน
คอมพิวเตอร์ ซ่ึงสรุปได้ว่าสภาพปัญหาของผู้กระทาความผิดมีอยู่ท้ังในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งหาก
อยู่ในประเทศก็จับได้ก็ดาเนินคดี บางส่วนอยู่นอกประเทศ หลักท่ีเราใช้อยู่คือ สรุปสานวนส่งพนักงาน
อัยการเพ่ือติดหมายจับไป ส่วนตัวการในแง่ของบคุ คลก็มีคาร้องประสานงานไปยังท่านอัยการสูงสุดซ่ึงเป็น
ผู้ประสานงานกลาง ในการติดตามส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาเมืองไทย ส่วนพยานหลักฐานในคดี เราจะใช้
ความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญาขอพยานหลักฐานเข้ามาในสานวน ซ่ึงส่วนใหญ่มีความล่าช้า
ท่ีเกิดข้ึน เข้าใจว่าในกองคดีต้องใช้พยานหลักฐานจากต่างประเทศก็จะเกิดความล่าช้า ซ่ึงตรงน้ีเป็นปัญหา
ไม่ใช่ของกองกิจการต่างประเทศฯ อย่างเดียวในส่วนของกองอ่ืน ๆ ด้วย ที่จะต้องหาพยานหลักฐาน
ในต่างประเทศมาเป็นหน่ึง ในคดีก็จะมีความล่าช้าไปในต่างประเทศ กรณีประเทศไหนที่เราขอซ่ึง
ประเทศนั้นอาจจะเป็นประเทศในกลุ่มท่ีใช้กฎหมายจารีตประเพณี อาทิ ประเทศในเครือจักรภาพ หรือ
ประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าเราไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศ จะมีความยากมากในการที่จะให้
พยานหลักฐานมา หรืออาจใช้หลักต่างตอบแทนก็ได้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย หรือ
ประเทศในกลุ่ม common Law นั้น ประเทศไทยมีสนธิสัญญาร่วมกันอยู่แล้ว สามารถขอความร่วมมือ
ไปได้ แต่ก็จะมีความปัญหาด้านความล่าช้า ส่วนกลุ่มประเทศที่ใช้กฎหมายลายลักษณ์อักษร หรือ
Civil Law ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ก็อาจใช้หลักต่างตอบแทนได้ แต่ใน
บางประเทศเขากไ็ มไ่ ด้ใหค้ วามร่วมมือในการส่งผรู้ ้ายขา้ มแดนก็มี

คดีอาชญากรรมเกิดข้ึนในส่วนใหญ่ เน่ืองจากมีความเจริญก้าวหน้าในด้าน
การสื่อสารโทรคมนาคม และส่ือสารผ่านโลกไร้พรมแดนเทคโนโลยีเป็นเรื่องสาคัญเป็นการเพิ่ม
ประสิทธิภาพ ในการรวบรวมพยานหลักฐานคดีพิเศษควรจะต้องเพ่ิมประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ในเรื่อง

260

ของเทคโนโลยีให้มากท่ีสุด เพราะว่าทุกอย่างข้อมูลในระบบทั้งหมดถูกผู้กระทาความผิดไม่ใช่อยู่ใน
ประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ดังน้ัน การรวบรวมพยาน
หลักฐานแบบดิจิทัลเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลอันน้ีเป็นช่องทางที่สาคัญ พนักงานสอบสวนควรให้
ความตระหนักในเรื่องบุคลากรของเราในระดับหน่ึง ก่อนหน้าน้ีบางท่านใช้งานเก่ียวกับเทคโนโลยีได้ดี
บางท่านอาจจะสอนน้องหรืออาจจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ในเรื่องจัดเก็บพยานหลักฐานใน
เรื่องดิจิทัล การเงิน ข้อมูลโทรศัพท์ การใช้โทรศัพท์ หรือเป็นข้อมูลอ่ืน ๆ เป็นส่ิงที่เราจะต้องเพิ่ม
ประสิทธิภาพให้กับบุคลากรมันเป็นส่ิงท่ีจาเป็นจริง ๆ เราก็ต้องยอมรับว่าสานักงานตารวจแห่งชาติใน
ด้านน้ีค่อนข้างที่จะให้ความสาคัญมากและจะเร็วกว่า ต่อไปจะเป็นรากฐานสาคัญในการทาคดี
การรวบรวมพยานหลักฐานให้ใช้ผ่านระบบออนไลน์ สุดท้ายถ้าออนไลน์เรามีประสิทธิภาพ และระบบ
ออฟไลน์ที่แข็งอยู่แล้ว จึงควรที่จะเพ่ิมประสิทธิภาพในสิ่งที่แข็งแกร่ง การรวบรวมพยานหลักฐานในเชิง
ท่ีเป็ น ตั วบ ทกฎ ห มายแล ะคน ที่มีความรู้ต รงนี้ เป็ น เร่ืองส าคัญ คิด ว่าเรื่ องนี้ น่ าจ ะเป็ น เรื่องการเพ่ิ ม
ประสทิ ธภิ าพในการแสวงหาพยาน หลกั ฐานในคดีพเิ ศษได้

เห็นด้วยเป็นอย่างย่ิงในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเป็นหัวใจสาคัญ กลุ่มคดี
ของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการดาเนินคดีมิใช่ผู้กระทาความผิดคนเดียว หรือผู้เสียหายคนสองคน
ไม่ใช่คดีพิเศษมีลักษณะองค์กรอาชญากรรม คดีต่าง ๆ ท่ีเข้ามาก็จะมีความเสียหายมาก ผู้ต้องหา
จานวนมาก ผู้เสียหายก็มากไปดว้ ย มันกเ็ ป็นผลกระทบทางสังคม ฉะน้ัน ถ้าไม่นับเนือ้ หาสาระในตัวบท
กฎหมายในส่วนขององค์ประกอบความผิดหลัก ๆ การเป็นตัวการในการทาความผิดมีผู้สนับสนุนหลัก
พนักงานสอบสวนคิดอะไรไม่ออกก็ถือว่าเป็นตัวการร่วมหมด ในคดีบางคดีที่มีลักษณะสลับซับซ้อน
ถ้าพยานให้ข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์กับเรา เราจะไม่ดาเนินคดีกับเขาในการที่เป็นผู้ร่วมกระทาความผิด
ซ่ึงโดยสถานะจริง ๆ เราอาจจะกันไว้เป็นพยาน พนักงานสอบสวนจะต้องใช้ดุลพินิจตรงน้ีได้จาก
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ในส่วนคดีที่ทามาก็มีการใช้ลักษณะนี้เหมือนกันคือ เราคุยกับพยานที่มีความรู้
เกี่ยวกับเร่ืองที่มีส่วนร่วมในการกระทาความผิด แล้วพบว่าข้อมูลเขาเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในการทา
คดี ในคดีหนึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พอพนักงานสอบสวนเสนอไปท่ีพนกั งานอัยการ ซึ่งเป็น
พนักงานอัยการร่วมสอบสวน ท่านก็ไม่เห็นด้วยเพราะท่านเห็นว่าเป็นผู้ร่วมกระทาความผิด ท้ายที่สุด
ทราบว่าได้ดาเนินคดีกับเขาแล้วเขาก็ตั้งครรภ์แล้วก็กลายเป็นต้องไปคลอดในคุก ซึ่งไม่น่าจะเกิดเร่ือง
แบบนี้ ท้ัง ๆ ทพ่ี นักงานสอบสวนสามารถจะทาลายกระบวนการผูก้ ระทาความผดิ ได้

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพ่ือให้การทางานให้มีประสิทธิภาพ ส่วนวิธีการ
ขอเสนอจะแก้กฎหมายไปในเชิงลักษณะไหนควรจะแก้เพ่ิมเติมในกฎหมายว่าด้วยการสอบสวน
คดีพิเศษอย่างไร มีลักษณะเป็นผู้ดูแลกฎหมายน้ีอยู่อาจจะเพิ่มไปข้อหนึ่งในส่วนรายละเอียด ผมขอ
อนุญาตเสนอแบบน้ีนะครับว่าควรมีกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนอัตราโทษอะไรบ้าง เท่าไหร่ ใครมีดุลพินิจที่จะ
ให้ความรับผิดชอบในการกันผ้ตู ้องหาเป็นพยาน นอกจากพนักงานสอบสวนท่ีเป็นผู้พิจารณาในการกัน
ผู้ต้องหาเป็นพยาน ซ่ึงพนักงานสอบสวนจะต้องเรียบเรียงในการหาพยานหลักฐานการกระทาความผิด
แบบน้ีเป็นอย่างไร พยานคนน้ีให้การเป็นประโยชน์หรือไม่ แล้วคนให้การคนน้ีมันสาคัญต่อคดีอย่างไร
สามารถนาไปสู่การเอาผิดกับตัวการสาคัญได้หรือไม่ ตัวอย่าง การที่มีคนต่างด้าวมาเปิดบริษัทในประเทศ
ไทย ถามว่าจริง ๆ พนักงานบัญชีรู้ไหม นักกฎหมายรู้ไหม เมื่อเป็นพนักงานแต่ถือว่าเขาเป็นผู้กระทา
ความผิดแล้ว หากพนักงานสอบสวนสามารถกันผู้นั้นไว้เป็นพยานได้แล้ว เราจะรู้วงจรท้ังหมดเลยว่า
ผู้กระทาความผิดที่เป็นตัวการใหญ่ทาอะไร อย่างไรบ้าง แต่เกณฑ์ท่ีกาหนดต้องมีเน้ือหาท่ีชัดเจน

261

รอบคอบ และมีคณะบุคคลหรือคณะกรรมการ นอกจากพนักงานสอบสวนที่เป็นตัวกลางเสนอพนักงาน
อัยการในรูปแบบนี้ก็จะเกิดความถูกต้องและโปร่งใสและสามารถตรวจสอบในการใช้ดุลยพินิจได้เป็น
การเอือ้ ตอ่ กับดาเนนิ คดีท่มี ีผลต่อการปฏิบัติท่ีดี

โดยสรุปมีผลดี คือ 1) เป็นผลดีในการดาเนินคดีในลักษณะคดีพิเศษ เพราะ
คดีพิเศษเปน็ คดีที่มีความยุ่งยากซบั ซ้อน เป็นการกระทาผิดในลกั ษณะองค์กรหรือองค์กรอาชญากรรม หรือ
อาชญากรรมข้ามชาติ การท่ีเรากันผู้ที่มีส่วนรู้เห็นในการกระทาความผิดแต่ความผิดเค้าอาจจะไม่มาก
หรือมาก แต่ก็ต้องดาเนินคดีกับคนที่มากกว่านั้น จนถึงข้ันจับได้และสามารถดาเนินคดีได้ ผมว่าคุ้มค่า
ในความเห็นของส่วนตัวจะส่งผลถึงประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายทางอาญา สมมุติว่ามีแล้ว
ผู้กระทาความผิด 100 ราย และมีการกันไว้เป็นพยานสัก 5 ราย ถูกบังคับใช้ตามกฎหมายผมว่าคุ้มค่า
ในแง่ของประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งนี้ จะกันใครเป็นพยานจะต้องมีกรอบการพิจารณาที่ชัดเจน
และคาให้การของเขาจะต้องสาคัญกับคดี ถ้าไม่มีพยานปากนี้ก็จะไม่สามารถดาเนินคดีกับตัวการสาคัญ
ได้ 2) เป็นการตัดวงจรการกระทาความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมท่ีมีความซับซ้อนได้ เข้าถึง
ข้อเท็จจริง และเขา้ ถงึ พยานหลักฐานในคดีจริง ๆ

ผลเสียก็มีเช่นเดียวกันคือ 1) หากเรากันเขาเป็นพยาน เขาก็เร่ิมรู้สึกม่ันใจ
ว่าเขาไม่ได้รับโทษจากความผิดของเขา อยู่ที่เราแต่แจ้งข้อหาเขาในทางกฎหมาย เขาต้องมีส่ิงท่ี
จูงใจ และเค้าจะไม่ได้รับโทษในสิ่งท่ีเขาทาเขาก็จะมีการปรักปราผู้ร่วมกระทาความผิดรายอ่ืน ซึ่งเป็น
หน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องพูดคุยกับพยานหรือต้องสอบใหม่ 2) ในการใช้ดุลยพินิจเพ่ือ
กนั ผู้ต้องหาเป็นพยานคดีพิเศษ โดยมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนก็จะมคี วามคิดเห็นท่ีมีความขัดแย้ง
กัน 3) ลักษณะที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ทราบว่าใครที่พนักงานสอบสวนจะกันเป็นพยานก็จะเกิดการฆ่า
ตัดตอน น่าจะเกิดผลเสีย ดังนั้น เราจึงใช้มาตรการคุ้มครองพยานร่วมด้วย 4) หากมองในแง่ทฤษฎี
ผู้กระทาความผิดควรจะได้รับการลงโทษทั้งหมด แต่ในทางคดีนั้นไม่สามารถนาผู้กระทาความผิดมา
ลงโทษได้ทุกราย แต่สุดท้ายก็ยืนยันความคิดเห็นเดิมหากเรากันพยานสัก 5 ราย แล้วจับผู้กระทา
ความผดิ ได้ 95 ราย ผมถอื ว่ามปี ระสทิ ธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย

5.1.3.11 ผ้รู ว่ มประชุมคนท่ี 11
จากที่เคยทาสานวนการสอบสวนท่ีมีผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีฐานะในพื้นที่เป็น

ผู้กระทาความผิดโดยมีการกระทาความผิดเป็นขบวนการหรือมีผู้ร่วมกระทาความผิดหลายคน
ส่วนมากผู้มีอิทธิพลมักจะอยู่เบ้ืองหลัง ยากต่อการหาพยานหลักฐานมายืนยันในการกระทาความผิด
พยานบุคคลอื่น ๆ ก็ไม่สามารถชี้ยืนยันการกระทาความผิดได้นอกจากผู้ร่วมกระทาผิดด้วยกัน พนักงาน
สอบสวนอาจต้องพิจารณากันผู้ต้องหาซึ่งได้ร่วมกระทาผิดด้วยกันคนใดคนหน่ึงเป็นพยาน เช่น กรณี
โครงการรับจานามันสาปะหลังท่ีรัฐให้โควตาเกษตรกรผู้ปลูกมันสาปะหลังจานามันสาปะหลังในราคาสูง
กว่าราคาตลาด หากแต่เจ้าของลานมันสาปะหลังจะนามันสาปะหลังของตนเองมาสวมโควตาของ
เกษตรกร โดยมีเกษตรกรผู้จานามันสาปะหลังร่วมมือในการสวมโควตา ดังนั้น หากไม่กันเกษตรกร
ผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานก็จะไม่สามารถมีพยานหลักฐานที่จะดาเนินคดีกับเจ้าขอ งลานมัน
ผู้สวมโควตาได้

โดยสภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ จะมีกรณีท่ีไม่
สามารถแสวงหาพยานหลักฐานที่จะใช้ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดได้มากพอ แต่รายละเอียด
พยานหลักฐานส่วนมากได้มาจากผู้ร่วมกระทาความผิดหรือพนักงานลูกจ้างของตัวการใหญ่ ก็อาจมี

262

ความจาเป็นในการท่ีจะนาพยานหลักฐานท่ีได้จากผู้ร่วมกระทาความผิดมาใช้ยืนยันการกระทาความผิด
ของตัวการใหญ่ พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กาหนดวิธีการที่จะเพ่ิมประสิทธิภาพใน
การแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษไว้หลายช่องทาง เช่น การปฏิบัติหน้าท่ีร่วมกับหน่วยงานรัฐอ่ืน
การเรยี ก เอกสารหรือบุคคลมาให้การ การใช้เครื่องมือพิเศษ การดักฟัง การแฝงตัว หรือแม้กระท่ังการใช้
เงิน แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่มีการออกหลักเกณฑ์ในเร่ืองของการกันผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทา
ความผิดเป็นพยาน ทาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังไม่มีแนวทางในการดาเนินการในเรื่องดังกล่าว
ซึ่งการออกแนวทางหรือแนวปฏิบัติอย่างชัดเจน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในการแสวงหาพยานหลกั ฐาน
ในการทาคดีพิเศษได้ โดยผู้ปฏิบัตมิ ีแนวทางที่ชัดเจนและปลอดภัยจากการถูกฟ้องร้องหรือดาเนินคดีกลับ
หากมีการกาหนดแนวทางท่ีชัดเจนจะสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหา
พยานหลักฐานในคดีพิเศษได้มาก จึงเห็นควรสนับสนุนเพราะในบางคดีไม่สามารถหาพยานหลักฐานอื่น
มายืนยันการกระทาความผิดของผู้ต้องหาได้ จาเป็นต้องแสวงหาพยานหลักฐานจากผู้รว่ มกระทาความผิด
ทม่ี สี ่วนรว่ มกับตวั การหลัก หากแต่ควรมีแนวทางปฏบิ ัตทิ ชี่ ัดเจนเป็นที่รบั รู้กันโดยท่วั ไป

การออกแนวทางปฏิบัติท่ีชัดเจน โดยอาจเทียบเคียงกับหน่วยงานบังคับใช้
กฎหมายอื่น ๆ ท่ีได้กาหนดแนวทางปฏิบัติไว้แล้ว เช่น สานักงานตารวจแห่งชาติ สานักงาน ป.ป.ท.
สานักงาน ป.ป.ช. สานักงานอัยการสูงสุด โดยควรจะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันและอยู่ภายใต้ประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และที่สาคัญผู้ที่จะถูกกันเป็นพยานจะต้องมีส่วนร่วมในการกระทา
ความผิดน้อย และรู้เห็นการกระทาของตัวการใหญ่ในส่ิงท่ีผู้อื่นไม่รู้ข้อมูลนี้ ในกรณีท่ีพนักงานสอบสวน
คดีพิเศษไม่สามารถแสวงหาพยานหลักฐานอ่ืนมายืนยันการกระทาความผิดของผู้ต้องหาได้แล้ว การกัน
ผู้ต้องหาหรือผู้ร่วมกระทาความผิดเป็นพยานจะมีผลดีคือสามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันการกระทา
ความผิดของตัวการใหญ่ได้ แต่ผลเสียอาจจะมีในกรณีท่ีมีการทุจริตของเจ้าหน้าท่ี หรือกรณีมีผู้ต้องหา
หลายคนทร่ี ว่ มกระทาความผิด และใช้วธิ ีการกนั ตัวผูต้ อ้ งหาบางคนเป็นพยานทาให้ผู้ต้องหาไม่ได้รบั โทษ

ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดี
พิเศษ จะต้องเป็นผู้ท่ีรู้เห็นในคดีและไม่ใช่ตัวการสาคัญในคดีน้ัน ๆ ควรเป็นคดีที่มีการกระทาในรูป
ขบวนการ ซ่ึงพนักงานสอบสวนได้พยายามแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่ได้
พยานหลักฐานท่ีจะยืนยันการกระทาความผิดของตัวการสาคัญในคดีนั้น พนักงานสอบสวนอาจพิจารณา
กันผู้ต้องหาซึ่งได้ร่วมกระทาผิดด้วยกันคนใดคนหน่ึงเป็นพยาน โดยต้องให้ถ้อยคาอันเป็นประโยชน์ต่อ
รูปคดีและสามารถนาไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการดาเนินคดีกับตัวการสาคัญในคดีได้ และต้องให้การ
ด้วยความเต็มใจ ข้อเสนออื่น ๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวน/การแสวงหาพยานหลักฐาน
ในคดีพิเศษ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษควรมีแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ในการ
แสวงหาพยานหลักฐานในคดีพเิ ศษท่ชี ดั เจน เปน็ มาตรฐานเดียวกนั กับหนว่ ยงานบงั คับใช้กฎหมายอืน่ ๆ

5.1.3.12 ผรู้ ว่ มประชุมคนที่ 12
สภาพปัญหาในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ

ส่วนมากจะพบว่าขาดพยานหลักฐานที่สาคัญ เพราะผู้กระทาความผิดจะร่วมกันปกปิด จนไม่อาจท่ีจะ
หาพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลท่ีรู้เห็นได้ หรือผู้ที่รู้เห็นก็ล้วนเป็นผู้ร่วมกระทาความผิดท้ังสิ้น เช่น
การกระทาความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงจะมีผู้ที่รู้เห็นการกระทาความผิดเฉพาะ
บริษัทเอกชนผู้เข้าร่วมเสนอราคา หรืออาจมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมขบวนการ ซ่ึงกลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยกัน
ปกปิดข้อมูลจนยากท่ีพนักงานสอบสวนจะเข้าไปค้นหาได้ หากจะเพิ่มประสิทธิภาพในการแสวงหา

263

พยานหลักฐานในคดีพิเศษ หนึ่งในวิธีท่ีสาคัญ คือ การแยกผู้กระทาผิดที่มีส่วนร่วมน้อยที่สุดออกมาเป็น
พยาน เพ่ือให้ข้อมูลท่ีสาคัญต่อพนักงานสอบสวน เน่ืองจากเป็นผู้ที่รู้เห็นกับการกระทาผิดโดยตรง
และใกล้ชิดกับเหตุการณ์มากท่ีสุด อย่างไรก็ตาม เรื่องการกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะต้องมีการบัญญัติ
กฎหมายให้ชัดเจน เพราะการไม่ดาเนินคดีกับผู้กระทาผิดต้องมีกฎหมายรองรับ และตรวจสอบการใช้
ดุลยพินิจของเจ้าหน้าท่ี เรื่องน้ีสาคัญและจาเป็นอย่างมาก นอกจากมีการบัญญัติกฎหมายท่ีชัดเจนแล้ว
ควรจะมีมาตรการท่ีจะกากับตรวจสอบ ซ่ึงอาจจัดทาเป็นระเบียบภายในให้มีความชัดเจนว่ามีหลักเกณฑ์
วธิ ีการอย่างไร เพอ่ื สรา้ งมาตรฐาน และคุ้มครองเจ้าหน้าที่

การดาเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีในเรื่องมาตรฐานการสืบสวนสอบสวน
การคุ้มครองเจ้าหน้าท่ี การมีเอกภาพในการตรวจสอบ แต่อาจมีผลเสียตามมา อาทิ หากระเบียบเคร่งครัด
ไม่ยืดหยุ่น เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ยากจนอาจเพิกเฉยและไม่ดาเนินการหรือไม่นาวิธีการกันผู้ต้องหาเป็น
พยานไปใช้ก็จะเสียเปล่า เหมือนเคร่ืองมือพิเศษอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันท่ีไม่ค่อยได้นามาใช้ ในเร่ืองข้อ
ควรระวังนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องมีสัดส่วนระหว่างประโยชน์ที่จะได้รับกับความหนักเบาของ
การกระทาความผิด อกี ทั้งจะต้องมีมาตรการเสรมิ ควบคู่ดว้ ย อาทิ แรงจูงใจ ผลตอบแทน การคุ้มครอง
พยาน การส่งเสรมิ ใหผ้ ูก้ ระทาความผดิ กลับใจ ยนื ยนั การใหเ้ บาะแส

5.1.3.13 ผรู้ ่วมประชุมคนที่ 13
กองทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นคดีที่มีความแตกต่างจากกองคดีอ่ืน ๆ ใน

ตรงท่ีเป็นคดีสด ซึ่งต่างจากคดีอ่ืนที่เกิดข้ึน พนกั งานสอบสวนจะตอ้ งแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อหาตัว
ผู้กระทาความผิด สภาพปัญหาของกองจึงต้องหาให้ได้ว่ามีการกระทาความผิดเกิดข้ึนจริงหรือไม่
ทรัพยส์ ินทางปัญญา ได้แก่ สินค้าอันมีลิขสิทธิ์ต่าง ๆ มีของหรือสินค้าดังกล่าวปรากฏอยู่หรือไม่ การที่
พนักงานสอบสวนจะเข้าไปในองค์กรที่กระทาความผิด ค่อนข้างที่จะยุ่งยาก หลัก ๆ จะต้องเข้าถึงข้อมูล
ในการสืบสวนสอบสวน มีข้ันตอนยุ่งยากมาก ส่งผลให้ขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวนไม่ค่อยดีเท่าไหร่
พนักงานสอบสวนจะต้องพยายามหาผู้ที่กระทาความผิดที่แท้จริง คือตัวการใหญ่ ซ่ึงเป็นเจ้าของ
ท่ีแท้จริง ไม่ใช่ลูกจ้างท่ีอยู่หน้าร้าน หรือผู้จัดการบริษัท วิธีการทาการสืบสวนสอบสวนจะทาได้ยาก
มากกว่า ส่วนใหญ่ จะเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งงานกันทา และส่วนใหญ่ตัวการสาคัญ
พยายามจะกันตัวเองออกไปจากกระบวนการ เพ่ือให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปสืบไม่ถึง อย่างเช่น คดีล่าสุด
เกี่ยวกับเคร่ืองสาอางโบท็อก จากการสืบสวนสอบสวนค่อนข้างที่จะยากในการที่จะเข้าถึง มีการใช้
บัญชีม้า ไม่ถอนเงินสด การตรวจสอบ เส้นทางการเงินยากมาก ต้องรู้ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องหลายอย่างจึงจะ
เขา้ ถงึ ขอ้ มูลการกระทาความผดิ ได้

การเพิ่มประสิทธิภาพอาจทาได้โดยการทาข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง
หน่วยงาน (MOU) ที่เกี่ยวข้อง จะทาให้การสืบสวนสอบสวนเข้าถึงข้อมูลเป็นไปง่ายขึ้น ต้องมีการ
พัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเขา้ ถึงได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษอาจจะต้องออกระเบียบเพื่อให้เอ้ือต่อการ
ปฏิบัติงานเร่ืองการจัดซื้อจัดจ้าง อาทิ การจะไปจับการละเมิดสินค้าลิขสิทธ์ิ เรามีความจาเป็นจะต้อง
เช่ารถไปล่วงหน้า ซ่ึงไม่แน่ว่าเม่ือไปจับแล้วจะเจอสินค้ามากน้อยแต่ไหน ต้องมีการออกค่าใช้จ่าย
ไปล่วงหน้า หากกรมสอบสวนคดีพิเศษมีระเบียบที่เอ้ือต่อการปฏิบัติงานจะช่วยลดปัญหาตรงจุดน้ี
ไปได้ และทาให้การทางานเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นด้วย ในส่วนของการกาหนดแนวทางการกันผู้ต้องหา
เป็นพยานเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพเห็นว่า มาตรการดังกล่าวอาจได้ถูกใช้ในคดีสาคัญหรือคดีใหญ่ ๆ โดย
ส่วนตัวให้การสนับสนุน ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดาเนินการในเร่ืองนี้ จะทาให้สามารถดาเนินคดีกับ

264

ผกู้ ระทาความผิดท่ีแท้จริงในกรณีที่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะไม่เห็นด้วยกับการที่จะ
เพิ่มข้ันตอนการตรวจสอบให้มากข้ึนกว่าขั้นตอนปกติ เพราะว่าอาจจะทาให้ความลับร่ัวไหลได้ สิ่งที่
วางแผนมาท้ังหมดจะเสียเปล่า ในการดาเนินคดีถ้าเกิดเหตุพลาดพล้ังไป ข้อมูลร่ัวไหล จะส่งผล
ถึงพยานอาจทาให้เสียชีวิตได้เลย จึงต้องมีการคุ้มครองพยานดาเนินการควบคู่ไปด้วย ที่กล่าวมา
ทั้งหมดยังคิดว่าการตรวจสอบยังเป็นเรื่องสาคัญ จาเป็นท่ีจะต้องมี เพราะว่าการทาให้ผู้ต้องหาบางคน
หลุดคดีไปเลย หรือผู้ต้องหาคนหนึ่งอาจจะไม่ถูกดาเนินคดี อาจจะทาให้รัฐเสียประโยชน์ จึงจาเป็นต้อง
มกี ารตรวจสอบ แต่ไมค่ วรให้มีข้ันตอนท่ยี าวเกนิ ไป

ในส่วนของข้อดี ทาให้พนักงานสอบสวนสามารถดาเนินคดีผู้กระทาความผิดได้
ข้อเสียในการกันผู้ต้องหาตอ้ งเกี่ยวข้องกับการสอบปากคา ในการสอบปากคาก็ต้องไม่เกิดจากการจูงใจ
หรือมีผลประโยชน์ท่ีแอบแฝง หรือมีการกระทาท่ีทาลงไปโดยไม่ชอบ อันน้ีอาจจะมีปัญหาได้ สาหรับ
ผู้ต้องหาที่ได้รับการกันเป็นพยานอาจจะกลับคาในชั้นศาล ได้รวมถึงการกันผู้ต้องหาเป็นการใช้ดุลยพินิจ
อาจจะเกิดการทุจริตได้ ข้อควรระวัง คือ การกันผู้ต้องหาเป็นพยานต้องใช้เป็นกรณีสุดท้าย ใช้ในกรณี
ท่ีไม่มีพยานหลักฐานหรือแสวงหาพยานหลักฐานอ่ืนไม่ได้แล้ว และต้องกันผู้กระทาความผิดที่น้อยที่สุด
เป็นพยาน เพราะว่าเราต้องการข้อมูลท่ียืนยันท่ีสุด จะมีผลต่อการชั่งน้าหนักพยานหลักฐานของศาล
รวมถึงการกันเป็นพยานไปแล้วอาจเกิดการกลับคาให้การในชั้นศาลได้อีกชั้นหน่ึง รวมถึงการกันตัว
ผตู้ อ้ งหาเป็นพยานตอ้ งมีการใชด้ ลุ ยพินิจ อาจจะส่อไปในทางมิชอบหรอื การกระทาโดยทุจริตได้

สาหรับข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาในคดีอาญา เพื่อการ
อานวยความยุติธรรมในภาพรวม การกันตัวผู้ต้องหาไวเ้ ปน็ พยานต้องใช้เป็นวิธีการสุดท้ายที่ไม่สามารถ
หาพยานหลักฐานอยา่ งอื่นไดแ้ ล้ว ผู้ต้องหาที่เป็นพยานต้องเป็นผู้ท่ีกระทาความผิดน้อยที่สุด เพราะว่า
เราตอ้ งการตัวการสาคัญที่ใหญ่ท่ีสุด และตอ้ งระวังการกลบั คาให้การของผู้ต้องหาที่อาจจะเกิดข้ึนได้จะ
ทาให้เกิดปัญหาในการชั่งน้าหนักของพยานหลักฐานของศาล นอกจากนี้ หากต้องการเพ่ิมประสิทธิภาพ
ในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ อยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ
สนับสนุนในการสืบสวนสอบสวน ลดจานวนระเบียบหรือขั้นตอนที่จะทาให้เกิดความยุ่งยากลง ให้การ
เข้าถึงข้อมูล หรือการสืบสวนสอบสวนดาเนินการได้รวดเร็วยิ่งข้ึน สาหรับเครื่องมือพิเศษอื่น อาทิ
มาตรการแฝงตัวตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ เท่าที่ทราบยังไม่ได้มีการใช้ แต่มีการ
แฝงตัวแบบธรรมดาปกติ แต่ว่าเราไม่ได้ทาเอกสาร แค่ส่งผู้ปฏิบัติงานเข้าไปเป็นคนงาน เหรัญญิก
เท่าท่ีผ่านมายังไม่ได้ทาเป็นเอกสารที่เป็นเรื่องแฝงตัว แต่ว่ามีการเข้าไปในองค์กรสัก 4-5 คดี ซ่ึงมี 2-3
คดี ที่ประสบความสาเร็จเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่เม่ือเข้าไปแล้วผู้กระทาความผิดจะไม่ให้เข้าข้างในจะทา
ได้แค่อยภู่ ายนอก อาทิ ให้เป็นคนขบั รถซ่งึ อาจจะพอไดร้ ูพ้ ฤติกรรมไดบ้ ้าง แตว่ ่าจะไม่ได้ลึกมาก

5.1.3.14 ผรู้ ่วมประชุมคนที่ 14
สาหรับกองคดีความมั่นคงรับผิดชอบในคดีความผิดเกี่ยวกบั พระราชบัญญัติ

การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซ่ึงมีสภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐาน
ในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากว่าพยานหลักฐานท่ีสาคัญในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์
หรือความผิดของผู้ต้องหา เกี่ยวข้องกับการทาธุรกรรมทางการเงินในเร่อื งของการโอนเงินลงทุนเข้ามา
จดทะเบียนจัดต้ังบริษัท พอเกี่ยวกับเรื่องธุรกรรมทางการเงิน สง่ิ ทพี่ นักงานสอบสวนจะต้องดาเนินการ
คือ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซ่ึงในปัญหาของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะมีปัญหาหลัก ๆ 2
ประการ คือ

265

1) ความล่าช้าในการจัดส่งเอกสารของธนาคารที่เก่ียวข้อง ในคร้ังแรกที่ทา
หนังสือไปถึงธนาคารอาจจะใช้เวลา 2-3 เดือน และเม่ือเราได้เอกสารของธนาคารมา พนักงาน
สอบสวนจะต้องตรวจสอบธุรกรรมที่ต้องสงสัย และทาหนังสือสอบถามกลับไปอีก บางคร้ังมีการ
โอนเงินเป็นทอด ๆ หลายธนาคาร จึงใชร้ ะยะเวลามากพอสมควร

2) ระยะเวลาทธ่ี นาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะเก็บเอกสารไว้ ประมาณ 5 - 10 ปี
หลาย ๆ คดีที่ต้องตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังไปเป็น 10 ปี ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะไม่ได้พยานหลักฐาน
ท่ีเกี่ยวข้องเพราะจะไม่ได้มีการเก็บเอกสารไว้ อีกปัญหาท่ีสาคัญเกิดขึ้น คือ พนักงานสอบสวน
จาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากพยานบุคคลท่ีเป็นผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องในการให้ความร่วมมือ ปัญหา
ท่ีเกิดข้ึน คือ เนื่องจากระยะเวลานานแล้วบางรายอ้างว่าจาข้อมูลไม่ได้ บางรายอาจจะมีส่วนร่วม
ในการกระทาความผิดก็กลัวว่าจะถูกดาเนินคดีตามกฎหมาย เพราะฉะน้ันเขาจะไม่ให้ความร่วมมือ
ที่กลา่ วมาก็จะเปน็ สภาพปัญหาที่พนกั งานสอบสวนประสบอยู่

ในการเพ่ิมประสิทธิภาพนั้นก็จะมีวิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหา
พยานหลักฐานในคดีพิเศษได้ คือ ส่ิงที่พนักงานสอบสวนทาได้ในตอนนี้ เนื่องจากว่าเคยมีความ
พยายามที่จะขอเข้าไปดูข้อมูลของธนาคารโดยตรง แต่ก็ไม่ประสบความสาเร็จ เพราะมีกฎหมาย
ที่เก่ียวข้องหลายฉบับ จึงต้องกลับมาใช้ช่องทางปกติ คือ การทาหนังสือขอไป เพราะฉะนั้นสิ่งท่ีทาได้
ดีที่สุด คือ การเตรียมวางแผนการทางานสืบสวนสอบสวนให้ดี ถ้าเรามีการสืบสวนท่ีดีในช้ันสืบสวนแล้ว
จะนามาซึ่งประสิทธิภาพ ในการสอบสวนในชั้นคดีพิเศษ ทาให้พนักงานสอบสวนทางานได้รวดเร็วและ
ตรงประเด็นมากย่ิงข้ึน ในส่วนของผมในการเตรียมวางแผนการสอบสวนที่ดีจะนามาซึ่งประสิทธิภาพ
ในการสอบสวน

สาหรับการกาหนดแนวทางการกนั ตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเปน็ พยาน
ในคดีพิเศษจะสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานใน
คดีพิเศษได้ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนได้อย่างแน่นอน
หากสามารถกันผู้กระทาความผิดบางรายได้ ย่อมทาให้บุคคลดังกล่าวมีความสบายใจ เกิดความ
ไว้วางใจท่ีจะยอมให้ขอ้ มูลที่สาคัญ ที่เราสามารถดาเนินคดีกับตัวการสาคัญในคดีได้ หลักของกฎหมาย
ว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตัวการหลัก คือ คนต่างชาติท่ีเข้ามาใช้คนไทยเป็นนอมินี
ตัวแทน จึงเห็นควรสนับสนุน ให้มีการบัญญัติกฎหมายเพ่ือรองรับและตรวจสอบพนักงานสอบสวน
คดพี ิเศษในการใชด้ ุลพินจิ ทางการกันผู้ต้องหาหรอื ผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดพี ิเศษ เพราะการที่
มีกฎหมายบัญญัติรองรับการทางานให้กับพนักงานสอบสวนก็เหมือนเป็นการปกป้องคุ้มกันพนักงาน
สอบสวนท่ีทางานและต้ังม่ันอยู่บนพ้ืนฐานความสุจริต ให้สามารถทางานได้อย่างสบายใจและเป็นไป
ในแนวทางเดียวกัน

มาตรการท่ีจะกากับ/ตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการจาเป็นกันผู้ต้องหาหรือ
ผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ เห็นว่าควรมีการวางหลักเกณฑ์ไว้เบ้ืองต้น การกันตัวผู้ต้องหา
ไว้เป็นพยาน คือ

1) ต้องเปน็ บคุ คลที่เก่ียวขอ้ งกับการกระทาความผิดน้อยท่สี ดุ
2) ผู้กระทาความผิดต้องไม่ใช่ตัวการหลักหรือบุคคลที่กฎหมายประสงค์ท่ีจะ
ลงโทษโดยตรง

266

3) ไม่สามารถแสวงหาพยานหลักฐานอื่นท่ีจะพิสูจน์ผู้กระทาความผิดที่เป็น
ตวั การสาคัญได้นอกจากต้องอาศัยความร่วมมือและขอ้ เท็จจรงิ จากผ้รู ่วมกระทาความผดิ รายดังกลา่ ว

4) ผู้ร่วมกระทาความผิดรายดังกล่าวต้องสมัครใจท่ีจะให้ข้อมูลกับพนักงาน
สอบสวนโดยไม่เกิดจากการบังคับขูเ่ ขญ็

5) อยากให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเป็นผู้ออกคาสั่งการกันตัวผู้ร่วม
กระทาความผิดไว้เป็นพยานโดยขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เป็นผู้แต่งต้ังก่อน ซ่ึงในส่วนน้ีเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนอีก
ชั้นหนึ่งที่จะทาให้เกิดความโปร่งใสและความสบายใจในการทาคดี และหากมีการกาหนดแนวทาง/
ระเบียบในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานในคดีพิเศษจะมีผลดี คือ พนักงานสอบสวนมีกฎหมายคุ้มครองใน
การปฏิบัติหน้าที่ ส่วนผลเสีย คือ หากไม่สามารถกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการปฏิบัติ มาตรฐานในการ
ตรวจสอบท่ีดี อาจจะใช้ดลุ ยพนิ จิ ทกี่ วา้ งขวางจนทาให้เกิดความเสียหายได้

ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเพื่อการอานวยความ
ยุติธรรมในภาพรวมนั้น การพิจารณาว่าผู้ร่วมกระทาความผิดท่ีพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน
เป็นผมู้ สี ่วนร่วมในการกระทาความผิดนอ้ ยท่ีสุดหรือไม่ เป็นเรอ่ื งท่ีต้องอาศัยข้อเทจ็ จริงและในคดแี ตล่ ะ
เรื่องแต่ละกรณีไป การใช้ดลุ ยพินจิ พจิ ารณาน้าหนกั ว่าประโยชน์ทีร่ ัฐหรอื สงั คมได้รับจากการเลือกที่จะ
ไม่ดาเนินคดีผู้ร่วมกระทาความผิดรายดังกล่าว กับเลือกดาเนินคดีรายดังกล่าว แบบไหนจะทาให้เกิด
ประโยชน์ต่อรัฐหรือสังคมมากกว่ากัน เป็นเร่ืองท่ีค่อนข้างยาก และการกาหนดหลักเกณฑ์ท่ีเป็น
ลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ครอบคลุมทุกกรณี ไม่สามารถทาได้ เพราะฉะน้ัน จึงจาเป็นต้องอาศัย
ประสบการณ์ทางานของพนักงานสอบสวนประกอบด้วย ควรจะมีการกลั่นกรองอีกช้ันหน่ึงก่อน
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติของกองคดีเชื่อว่าพนักงานสอบสวนทุกคนน่าจะเห็นด้วยกับการท่ีมี
กฎหมายรองรับในการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงานสอบสวน ซึ่งจะเป็นการป้องกันตัวพนักงานสอบสวน
ไดด้ ีท่ีสดุ ตรงนี้เช่ือว่าหากมีการออกกฎหมาย ก็อยากมองว่ากฎหมายไมค่ วรจะกาหนดแนวทาง วิธีการ
ท่ีมีรายละเอียดมากเกินไป ควรจะเปิดให้กฎหมายเป็นการให้อานาจเบ้ืองต้นว่าพนักงานสอบสวน
คดีพิเศษมีอานาจในการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการเป็นเรื่องภายในที่
กรมสอบสวนคดีพิเศษจะมากาหนดเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจสอบ ถ่วงดุล ที่ออกโดยหน่วยงาน
เราเองกจ็ ะทาใหก้ ารปฏบิ ัติงานมคี วามคล่องตัวมากขนึ้

5.1.3.15 ผู้ร่วมประชุมคนท่ี 15
คดีการค้ามนุษย์ คือ คดีที่มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็น

การเงิน ทรัพย์สินหรือส่ิงของ การกระทาความผิดจากการค้าประเวณี ซึ่งมี 8 ประการ คือ การค้า
ประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอ่ืน การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุ หรือสื่อลามก
อนาจาร การเอาคนไปเป็นทาสหรือท่ีมีสถานะคล้ายทาส การนาคนมาขอทาน การตัดอวัยวะเพื่อ
การค้า การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการคล้ายคลึงกันท่ีลักษณะป็นการขูดรีดคน ไม่ว่าบุคคล
นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ขอยกตัวอย่างการแสวงหาโดยมิชอบจากการค้าประเวณี สมมุติ ตึกหน่ึงมี
10 ชั้น ช้ันที่ 10 เป็นเจ้าของตึก มีเงินเป็นผู้ลงทุน ชั้น 5 เป็นผู้รับคาสั่ง เรียกว่าเป็นผู้ดูแล หรือเป็น
หัวหน้าการเงิน ต่อมาช้ัน 4 เป็นระดับปฏิบัติการคนเชียร์แขก รปภ. เด็กรับรถ ช้ันสุดท้ายเป็นพวก
แม่บ้าน บ๋อย พนักงานทาความสะอาด จะยกตัวอย่างทเ่ี ราไปจับกุมมาจริง ตกึ น้ีค้าประเวณีเจ้าของตึก
ไม่ได้อยู่ท่ีตึกบริการนี้ แต่อยู่อีกที่หนึ่ง แต่คนที่อยู่คือคนดูแลถูกจับกุม บ๋อยถูกจับกุม แม่บ้านถูก

267

สอบสวน รวมท้ังหมดเกือบ 100 ราย จะดาเนินคดีทั้งหมดไหม ถ้าดาเนินคดีท้ังหมด แล้วเราจะเอา
ผู้เป็นเจ้าของได้ ถ้าเราไม่กันตัวไว้เป็นพยาน ท่ีเราทา คือ เราเรียกแม่บ้านมาสอบว่าใครเป็นเจ้าของ
เป็นคนรับเงินจากใคร กิจการท่ีเปิดมีใครบ้าง สุดท้ายดาเนินคดีไปเกือบ 50 ราย บางปากส่วนกลาง
ที่จะสื่อว่าใครเป็นเจ้าของ น้อยมากที่จะรับว่าตัวเองเป็นเจ้าของ เพราะฉะน้ัน เราไม่เช่ือเนื่องจาก
การเงินที่หมุนในระบบไม่ต่ากว่า 1,000 ล้านบาท ใช้การเพื่อรูดบัตร ตรงน้ีเราต้องไปสอบสวนพยาน
ว่าเครื่องรูดบัตรนั้น เส้นทางการเงินไปที่ใคร และดูกล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ ก็ดูคนท่ีรู้ว่าเจ้าของ
เดิมที่ขายให้ และที่ขายคือใคร สุดท้ายก็ดาเนินคดีกับเจ้าของ และมีการสั่งฟ้องแต่มีเจ้าของบางราย
หลุดจากช้ันสอบสวน เลยเป็นช่อง ว่าทาไมถงึ หลุดได้ ตอนนั้นสามารถเช่ือมโยงไปถึง แตพ่ ยานทส่ี าคัญ
ที่สุดคือพยานบุคคล เม่ือไปถึงที่เกิดเหตุอัยการบอกว่า เรามีหมายค้นจับพนักงานได้ 100 กว่าราย
ซ่ึงเป็นต่างด้าวหมดเลย เพราะฉะนั้นจะเป็น Organized Crime เพราะเช่ือมกับต่างประเทศ
นอกจากน้ัน เจอบัญชีส่วยเจ้าหน้าท่ีของรัฐ พอมารวมกับสัมมนาอันน้ีก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องท่ีดีคิดว่า
เราควรจะกันใครบ้างเป็นพยาน ถ้าเราไม่กันตัวเป็นพยาน ไม่มีการดาเนินคดีก็อาจจะละเว้น หรือถ้ามี
การกันตัวป็นพยาน มีหลักเกณฑ์ที่ดี มีอะไรที่รองรับ มีคณะกรรมการตรวจสอบท่ีให้เรามีอานาจ
กระทาได้เป็นสิ่งที่ดี เพราะคิดว่าผลประโยชน์ท่ีเราจะดาเนินคดีกับแม่บ้านจะน้อยมากกว่าที่เราจะ
ดาเนินคดีกับเจ้าของซ่ึงได้เงินทรัพย์สินตรงน้ีไปแล้วก็ไปฟอกเงินอีก ก็นาไปลงทุนในหุ้น มองว่าตรงน้ี
เป็นสิง่ ทด่ี ี และจะช่วยเพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางานแต่ไมไ่ ด้จะใช้ได้กบั ทุกกรณี

เห็นควรสนับสนุนวิธีการกันไว้เป็นพยานน้ี หากจะกาหนดมาตรการเพิ่มเติม
อาทิ ควรจะมีคณะกรรมการเพ่ือตรวจสอบ อาจมีบุคคลภายนอกท่ีไม่ได้มีเฉพาะพนักงานสอบสวน
ได้เข้ามามีความเห็น หรือให้อธิบดีส่ังการ คนทางานจะได้มีความสบายใจ พยานหลักฐานตรงน้ีจะมี
ความแน่นหนามากขึ้น แต่กเ็ ป็นส่ิงที่ดีที่เราจะดาเนนิ คดีกับบุคคลซงึ่ เป็นตัวกลางทไี่ ม่ไดอ้ ยใู่ นท่ีเกิดเหตุ
ส่วนมากจะใช้การติดต่อส่ือสารกับระดับสั่งการข้างล่าง แต่เราก็ต้องมีความรอบคอบว่าเราควรจะมี
หลักเกณฑ์ว่าจะกันใครคนไหนเป็นพยาน ส่ิงท่ีควรระวัง คือ พยานอาจจะปัดเพื่อไม่ต้องถูกดาเนินคดี
หรือถ้าให้การกับเราแล้วกันตัวไว้เป็นพยาน แต่ในช้ันพนักงานอัยการเห็นไม่สอดคล้องกับพนักงาน
สอบสวน พนักงานอัยการก็อาจจะฟ้องคดีกับผู้ต้องหารายน้ีได้ ส่วนที่พนักงานสอบสวนไปรับปาก
เพื่อเป็นการชักจูงหรือจูงใจหรือเปล่า ต้องระมัดระวังความไม่แน่นอนของพยาน เพราะบางทีวันที่
เกิดเหตุให้การหมด แต่พอเจอทนายท่ีแนะนาอีกอย่างหนึ่ง กว่าจะขึ้นศาลหรือสืบพยานล่วงหน้าไว้
ในวันเดียวกันเขาก็อาจจะเปล่ียนคาให้การ หรือมีผู้สั่งการเสนอเพ่ือเปล่ียนคาให้การก็เป็นไปได้
สว่ นผู้ต้องหารายไหนท่ีเป็นพยานแล้วถ้าให้การเป็นประโยชน์ก็ต้องคานึงถึงความปลอดภัยด้วยหรือไม่
เพราะตัวการมีอิทธิพล มีเงิน เราจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยได้ตลอดชีวิตไหม ก็ให้ควรคานึง
ในสว่ นนไ้ี ว้ดว้ ย

5.1.3.16 ผูร้ ่วมประชุมคนท่ี 16
รบั ผิดชอบกฎหมายเกี่ยวกับกฎหมายของกรมศุลกากรตามประมวลรัษฎากร

กฎหมายสรรพสามิต กฎหมายภาษีอากร จะสังเกตได้ว่าเป็นหน่วยงานจัดเก็บภาษี การมุ่งเน้น
หน่วยงานจัดเก็บภาษีก็อยากได้เม็ดเงินมาบริหารประเทศมากกว่าการดาเนินคดี โดยเฉพาะของ
กรมศุลกากร หลักเกณฑ์จะต่าง ๆ จะเกี่ยวกับแพ่ง การจัดเก็บภาษี การย่ืนตรงไม่ตรง การย่ืนครบ
หรอื ไม่ครบ กจ็ ะมีการปรับ มีเงินเพ่ิม

268

สภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษท่ีมีอยู่คือ เม่ือเน้น
การจัดเกบ็ ภาษี พยานหลักฐานมกั จะไม่ค่อยครบถว้ นในเรอ่ื งของอาญา และจะใชเ้ วลาในการเรียกเก็บ
ภาษีนานมากกว่าจะดาเนินคดีอาญา ทาให้พยานหลักฐานไม่ครบถ้วน พยานบุคคลบางรายเกษียณ
หรือย้ายไปหลายท่ี จาได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องอาศัยข้อมูลที่จัดเก็บไว้มาประกอบการดาเนินคดีอาญา
กรณีที่มีแนวทางการกันผู้ต้องหา ผู้ต้องหาท่ีพบพวกที่เคยได้รับจ้างอาจจะได้รับค่าตอบแทน หรือบางคน
ก็ทดแทนบุญคุณ อาจจะเป็นการพูดลอย ๆ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็จะทาให้หายาก การท่ี
จะต้องเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ อาจจะต้องดาเนินประชุมร่วมกับ
หน่วยงานจัดเก็บภาษีของการร้องทุกข์กล่าวโทษ พยานเอกสารไม่นานมาก เมื่อเหตุเกิดนานเกินไป
ก็อาจจะทาให้พยานหลกั ฐานหาย เร่อื งระยะเวลาในการร้องทุกข์ พยานหลักฐานที่สาคญั ที่จะใช้พสิ ูจน์
ตอ้ งประชมุ หารือร่วมกนั และการเช่อื มโยงขอ้ มูลต่าง ๆ เช่น ขอ้ มลู การสง่ เก็บภาษี การส่งเข้า สง่ ออก

ในเร่ืองการกาหนดแนวทางการกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็น
พยานในคดพี ิเศษจะสามารถเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐาน
ในคดีพิเศษได้แน่นอนแต่ต้องเป็นกรณีที่ไม่สามารถหาพยานอย่างอื่นหรือหาได้ยาก นอกจากคาให้การ
ของผู้ต้องหาท่ีให้การซักทอดตัวการ จึงให้การสนับสนุนให้มีการบัญญัติกฎหมายจะได้ให้มีการใช้
ดุลพินิจอย่างสุจริต และมีเกณฑ์รองรับ และควรกาหนดวิธีการ เงื่อนไข ให้ชัดเจนว่าทาอย่างไรได้
ทาอยา่ งไรไม่ได้ ต้องเป็นการท่ไี ม่สามารถแสวงหาพยานอ่ืนใดมาพิสูจน์ได้นอกจากผูร้ ่วมกระทาความผิด
ผู้ที่ได้รับการกันตัวต้องไม่ใช่ผู้รับผลประโยชน์โดยแท้จริง ไม่ใช่ตัวการหลัก ซึ่งจะมีผลดี ทาให้เราได้
ผู้ต้องหาที่แท้จริงมาลงโทษ แต่ก็มีผลเสีย เป็นข้อโต้งแย้งของผู้ต้องหาคนอ่ืนในคดีน้ี หรือคดีอ่ืน
หรือเปน็ ขอ้ กังขาของสงั คม

ข้อควรระวัง/ข้อสังเกตในการกันผู้ต้องหาเป็นพยานเพื่อการอานวยความ
ยุติธรรมในภาพรวมจะต้องให้คนท่ีได้รับการกันเป็นพยาน เราต้องรู้ว่าเขามีพยานหลักฐานสาวถึง
ตัวการจริงหรือไม่ และควรศึกษาผลดี ผลเสีย ให้ละเอียดรอบด้าน กาหนดแนวทางให้ชัดเจน สาหรับ
ข้อเสนออื่น ๆ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานใน
คดีพิเศษ ควรให้ศึกษาตัวอย่างหน่วยงานที่เคยดาเนินการแล้วของต่างประเทศเพ่ือมาปรับปรุงของเรา
อบรมเพื่อให้พวกเรามีหลักในการใช้ นาประสบการณม์ าสอนเรา

5.1.3.17 ผรู้ ว่ มประชมุ คนที่ 17
สภาพปัญหาในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ พระราชกาหนดที่

เก่ียวกับการกู้ยืมเงินท่ีเป็นการฉ้อโกงประชาชน คดีแชร์ลูกโซ่ มีสภาพปัญหาคือ มีประชาชนเป็น
ผู้เสียหายเป็นจานวนมาก ส่วนใหญ่จะ 1,000 รายขึ้นไป ผู้เสียหายจะกล่าวถึงผู้ชักชวนแตกต่างกัน
ออกไป คนที่เป็นผู้ต้องหานอกจากพยานบอกเล่าแล้ว พยานหลักฐานทางการเงินที่ไล่ตามเส้นทางจนเจอ
ตัวผู้ต้องหา และจะมีการหลอกลวงผ่านเว็บไซต์ ผู้ต้องหาอาจจะเป็นชาวต่างขาติ ต้องหาเส้นทางหลัก
ในประเทศ ซึ่งจะมีความยากลาบาก วิธกี ารเพิ่มประสทิ ธิภาพในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพเิ ศษ
หลัก ๆ ท่ีกองจะใช้การตรวจสอบเส้นทางการเงินการวิเคราะห์ และสายทางการเงินเป็นหลัก หากมี
การกาหนดแนวทางการกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษจะส ามารถเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยาน หลักฐานในคดีพิเศษได้ บางคดี
พยานหลักฐาน คือ ผู้ต้องหาบางรายจะเป็นผู้รู้ข้อมูลหรือเก็บรักษาพยาน หลักฐานสาคัญเอาไว้ แต่เรา
ต้องดูว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ต้องหาที่เราต้องการจริง ๆ การกันตัวพยานจะทาให้เราได้ข้อมูลบางอย่างท่ี

269

บางคนเก็บไว้ จึงเห็นควรให้มีการสนับสนุนให้มีการบัญญัตกิ ฎหมายเพ่ือรองรบั และตรวจสอบพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษในการใช้ดุลพินิจทางการกันผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ
และเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาพยาน หลักฐานที่สาคัญที่พนักงานสอบสวนไม่สามารถหา
ดว้ ยตัวเองได้

สาหรับมาตรการทีจ่ ะกากับ/ตรวจสอบการเลือกใช้วิธีการจาเป็นกันผู้ตอ้ งหา
หรือผู้กระทาความผิดเป็นพยานในคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรจะออกเป็นระเบียบภายใน
มแี นวทางทีช่ ัดเจนในการกันตัวผ้ตู ้องหาไว้เป็นพยาน จะได้มีแนวทางแยกไดว้ ่าผู้ตอ้ งหาท่ีไมเ่ ป็นตัวการ
สาคัญขนาดไหนถึงจะกันได้ ซ่ึงการกันผู้ต้องหาเป็นพยานจะมีผลดี จะได้รับพยานหลักฐานที่ไม่
สามารถแสวงหาด้วยตัวเองได้ และรับพยานเพียงพอท่ีจะดาเนินคดีกับตัวการสาคัญ ส่วนผลเสีย อาจ
เกิดการกลับคาในช้ันศาล จึงเป็นข้อควรระวังในการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน สาหรับข้อเสนออ่ืน ๆ เพื่อ
เพิ่มประสิทธิภาพ ในการสืบสวนสอบสวน และการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ในการรวบรวม
พยานหลกั ฐาน ควรจะตรวจคน้ จบั กมุ หรอื เขา้ ถงึ พยานหลกั ฐานให้เรว็ ทสี่ ดุ

5.1.3.18 ผรู้ ่วมประชุมคนท่ี 18
รับผิดชอบเก่ียวกับความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิด

เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซ่ึงเป็นความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ขอเลา่ เป็นประสบการณ์รวบรวมพยานหลักฐานที่ผ่านมา พยานหลักฐานมีคนพูดวา่ ไมใ่ ช้คาว่า “จับได้
คาหนังคาเขา” เหมอื นคดลี กั ทรพั ย์ ทาใหเ้ สยี ทรพั ย์ แลว้ จับได้ ปัญหาทเ่ี ราพบคือ เรอ่ื งแรก ๆ ของการ
เช่ือที่อยู่ของการรับฟังพยานหลักฐาน ในการรวบรวมพยานหลักฐานท่ีเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม
คอมพวิ เตอร์มีขนั้ ตอนต่างๆ มากมาย เราต้องใช้ต้ังแต่ขนั้ ตอนการส่งเก็บ การสง่ ต่อ กระบวนการน้ีต้อง
ทาให้น่าเชื่อถือขั้นตอน แม้กระท่ังตอนที่เราไปให้การในชั้นศาล ศาลจะซักกถามว่าได้พยานหลักฐาน
มาได้อย่างไร แต่ละขั้นตอนมีส่ิงที่น่าพิรุธหรือไม่อย่างไร ปัญหาก่ียวกับพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์
จะเป็นพยานหลักฐานท่ีสูญหาย ทาลายโดยง่าย ถ้าเราเข้าไปเก็บช้าก็หาย ปัญหาเกี่ยวกับพยาน
ผู้เชี่ยวชาญ การอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญท่ีขึ้นศาลด้วย ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน
ปญั หาเทคโนโลยีที่ต้องใช้ในการตรวจสอบเทคโนโลยี มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ แม้กระทั่งการตรวจสอบ
โทรศัพท์ ปัญหาท่ีเราตรวจสอบมีฮาร์ดดิสก์จานวนมาก และตรวจสอบไม่ทันในการรวบรวมพยาน
หลกั ฐาน ปญั หาทเี่ ก่ียวข้อง กับการดาเนนิ คดีผู้ต้องหาคดีพิเศษ เกี่ยวกับพยานหลกั ฐานส่วนมากจะไมใ่ ช่
แค่จากพยานหลักฐานอย่างเดยี ว ประจักษ์พยานแล้วสามารถจบั ได้เลย ในการรวบรวมพยานหลักฐาน
ในการท่ีจะดาเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงท่ีสุดพวกเราต้องใช้พยานประกอบอย่างที่เรียนมาแล้ว เราไม่
สามารถใช้พยานหลักฐานอย่างเดียวได้ เช่น ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้กระทาความผิด การ
เสาะหาร่องรอยเส้นทางการเงิน พยานหลักฐานเก่ียวกับอินเตอร์เน็ตเบื้องต้นท่ีต้องประสานงานกับ
หนว่ ยงานภายนอก การตรวจสอบพยานเชิงลึกต่าง ๆ พวกน้ีทตี่ ้องใช้ประกอบ ประเดน็ ปญั หาของเรอ่ื ง
ระยะเวลาในการเข้าถึงพยาน หลักฐาน เช่น มีกฎหมายว่าด้วยการกระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์
กาหนดให้ ISP รักษาร่องรอย IP Address ภายใน 90 วัน ถ้าผู้ร้องเรียนหรือเรารับเป็นคดีพิเศษล่าช้า
เราได้สืบสวนก่อนหน้าน้ัน เราก็พบปัญหาตรงนี้ด้วย วิธีการเพ่ิมประสิทธิภาพในการแสวงห า
พยานหลักฐานในคดีพิเศษ ในกองเราพยายามจะทาหลายเร่ือง เช่น คู่มือในการเก็บพยานหลักฐาน
เคยจะเสนอเป็นระเบียบตรงน้ีเราแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ เราควรต้องเพิ่มศักยภาพ ความรู้ผู้บังคับใช้
กฎหมายในหน่วยของเราเอง ควรต้องเพิ่มเครื่องมือ อุปกรณ์ ความสามารถในการสืบสวนเชิงลึก

270

เพ่ิมระเบียบตา่ ง ๆ และเราต้องใช้มาตรการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนฯ ที่มีอยู่แล้วให้มากท่ีสุด
ยกตัวอย่างในคดีที่ทามานานแล้ว เป็นการทาเว็บไซต์แบ่งแยกดินแดนทางใต้ออกไปเป็นอีกส่วนหนึ่ง
ของประเทศ หรือเรื่องของมนุษย์.com การดาเนินการเร่ืองนี้ ในสมัยท่ีผมเข้ามาแรก ๆ ที่กรม
สอบสวนคดีพิเศษเป็นการใช้มาตรา 25 เปน็ เรอื่ งของการดักรบั ข้อมูลผ่านทางสายโทรศพั ท์ โดยการย่ืน
ขอใช้ มาตรา 25 ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในส่วนของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และเราใช้ตรงนี้
เป็นพยานตรงนีป้ ระกอบจัดทาตามมาตรา 25 รายงานเอกสารจัดเก็บภายในสว่ นของขอ้ มลู ข่าวสารคดี
และพยานหลักฐานเหล่าน้ีสามารถใช้ลงโทษผู้กระทาความผิดได้

สาหรับการกาหนดแนวทางการกนั ตัวผู้ต้องหาหรือผ้กู ระทาความผิดเปน็ พยาน
ในคดีพิเศษจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐาน
ในคดีพิเศษได้หรือไม่นั้น การกันเป็นพยานอยู่ในส่วนของ มาตรา 232 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา หลักเกณฑ์ไม่สามารถรับฟังพยานผู้ต้องหาในคดีเดียวกันได้ การเขียนระเบียบออกมา
ไม่สามารถระบุโดยชัดได้ต้องเป็นลักษณะของกรณี ๆ ไป อยา่ งไรก็ตาม เหน็ ควรให้มกี ารสนับสนุนให้มี
การบญั ญัตกิ ฎหมายเพอ่ื รองรบั และตรวจสอบพนกั งานสอบสวนคดพี ิเศษในการใชด้ ลุ ยพินิจทางการกัน
ผตู้ ้องหาหรือผู้กระทาความผดิ เปน็ พยานในคดีพิเศษ ซ่ึงมีความจาเป็น เพราะพยานที่รวบรวมบางอยา่ ง
ไม่สามารถที่จะเข้าถึงตัวผู้กระทาความผิดหลักได้ โดยมีผลดี ทาให้เข้าถึงพยานบุคคล พยานหลักฐาน
ต่าง ๆ เข้าถึงตัวการใหญ่ได้ การเช่ือมต่อพยานหลักฐานในคดีพิเศษสามารถเช่ือมไปถึงตัวการหลักได้
ผลเสีย ระเบียบน้ีจะเป็นการเปิดดุลพินิจจะต้องระวังการทุจริต การกันเป็นพยานนั้นพนักงานอัยการ
อาจจะไม่เห็นด้วยกับพนักงานสอบสวน ถ้ามีระเบียบน้ีจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบช้ันพนักงาน
สอบสวน ซ่ึงพนักงานอัยการจะได้ทราบว่าพนักงานสอบสวนใช้หลักเกณฑ์อะไรในการกันเป็นพยาน
ซ่ึงในการกันเป็นพยานท่ีผ่านมาพนักงานสอบสวนควรต้องมีเหตุผล เง่ือนไข มีการกล่ันกรอง เห็นด้วย
ในการจดั ทาระเบียบภายในให้มีความชดั เจน

5.1.3.19 ผู้ร่วมประชุมคนที่ 19
ปัจจุบันรับผิดชอบสืบสวนสอบสวนกฎหมาย 3 ฉบับ กฎหมายหลักทรัพย์

และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจากัด กฎหมายเก่ียวกับการแลกเปล่ียนเงิน
ส่วนกฎหมายฟอกเงิน ปัจจุบันจะเป็นศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญาเป็น
ผู้รับผิดชอบ ขอยกตัวอย่างท่ีประสบปัญหาเก่ียวกับการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน คดีเร่ืองป่ันหุ้น
ผู้กระทาความผิดหรือเจ้าของหุ้นพยายามสร้างราคาซื้อขายตามเป้าหมายท่ีตัวเองกาหนด การสร้าง
ราคาซื้อขายไม่สามารถทาคนเดียวได้ต้องมีตัวแทน (Nominee) เป็นคนทา มีเจ้าหน้าที่ของตลาด
หลักทรัพย์ เป็นผู้ร่วมกระทาความผิดด้วย อาจจะมีผู้ต้องหาจานวนมาก การท่ีจะเข้าหาตัวการสาคัญ
คอ่ นข้างยากลาบาก จากสถิติเกยี่ วกับการป่ันหุ้นอาจจะเปน็ กลุ่มซา้ ๆ เดิม ๆ ก็ไม่สามารถท่ีจะตัดวงจร
ตรงนี้ได้ อีกกรณีหน่ึงที่พบบ่อย คือ กรณีผู้บริหารบริษัทมหาชนจากัดทุจริต ในองค์กรเอกชน บริษัท
มหาชนก็มีการทุจรติ เยอะ การจัดซ้อื ของแพง การจัดซอ้ื ทีด่ นิ ท่ีราคาสูง การสรา้ งหน้ีเทียม การเบิกจา่ ย
ซึ่งเงินท่ีอยู่ในบริษัทมหาชนทั้งหลาย ก็คือเงินท่ีประชาชนนาไปลงทุน จะทาอย่างไรให้เข้าถึงเอกสาร
เหล่านี้ได้ ตัวผู้กระทาความผิดที่เป็นระดับเล็ก ๆ อาจจะเป็นเจา้ หน้าท่ีบัญชี หรือธุรการยอ่ ย ๆ ท่ีสร้าง
หน้ีเทียม การจัดซื้อจัดจ้างราคาแพงขึ้นมา อาจจะถูกบังคับให้ทาหรือให้การสนับสนุนโดยไม่ได้เต็มใจ
แตใ่ น ทางทฤษฎีอาญากถ็ ือวา่ เปน็ ผู้กระทาความผดิ คดีอาญาด้วย จะทาอย่างไรถงึ จะเขา้ ถงึ ตัวการใหญ่
ได้ อันนี้คือสภาพปัญหา ซึ่งวิธีการกันตัวผู้ต้องหาไว้เป็นพยานอาจจะเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่ท้ังนี้


Click to View FlipBook Version