The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutthasangarii, 2022-08-20 03:33:48

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

1





คำนำ

แผนจัดการเรียนรู้ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนเพราะเป็น
เอกสารหลักสูตร ที่ใช้ในการบริหารงานของครผู ู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา กำหนดไว้ใน
แผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการ
ถอื วา่ “แผนจดั การเรียนรู้” เป็นเอกสารทางวิชาการที่สำคญั ท่สี ดุ ของครู

การจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ ถือว่าเป็นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็นผลงานที่แสดงถึงความ
ชำนาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่น การออกแบบการสอน การจัดการ
และการประเมินผล ในการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้นั้นจะทำให้เกิดความมั่นใจในการสอน สอนได้ตรง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เพิ่มประสทิ ธภิ าพการเรียนการสอนในรายวิชาที่ รับผิดชอบสูงขึน้ ทั้งยังเป็นข้อมูลใน
การนิเทศติดตามตรวจสอบและปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างมีระบบและครบวงจร ยังผลให้คุณภาพ
การศึกษาโดยส่วนรวมพฒั นาพัฒนาไปอย่างมที ศิ ทางบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร

(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์)
ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู ำนาญการ

สารบญั ค

บันทึกข้อความขออนญุ าตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้แบบองิ มาตรฐานการเรยี นรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 ค
คำอธบิ ายรายวชิ าฟิสิกส์ 3 รหัสวชิ า ว30204 1
ตารางวิเคราะหห์ ลักสูตร /ตวั ช้ีวดั รายวิชาฟสิ กิ ส์4 ว30204 5
โครงสรา้ งรายวชิ าฟสิ กิ ส์ 4 7
แผนการจดั การเรยี นรู้ บทท่ี 12 เรื่องเสยี ง 22
47
แผนท่ี 1 การเคลือ่ นทข่ี องเสยี ง 48
แผนที่ 2 อัตราเรว็ เสียง 66
แผนที่ 3 การสะท้อนของเสยี งและการหกั เหของเสยี ง 77
แผนที่ 4 การเลีย้ วเบนของเสียง 88
แผนท่ี 5 การแทรกสอดของเสยี ง 100
แผนท่ี 6 ความเขม้ เสยี ง ระดบั เสยี ง ความถีเ่ สียงกับการได้ยนิ และคณุ ภาพเสียง 112
แผนที่ 7 มลพษิ ทางเสียงและการปอ้ งกัน 134
แผนที่ 8 คลืน่ นิ่งของเสยี ง 143
แผนที่ 9 การส่ันพอ้ งของอากาศในทอ่ 157
แผนที่ 10 การสนั่ พอ้ งของอากาศในท่อ (ตอ่ ) 176
แผนที่ 11 การบีตของเสียง 184
แผนท่ี 12 ปรากฏการดอปเพลอร์และคลนื่ กระแทก 196
แผนท่ี 13 การประยกุ ตใ์ ช้ความร้เู รือ่ งเสียง 209
แผนการจัดการเรียนรู้ บทที่ 13 เรื่องคลื่น 216
แผนท่ี 14 ประจุไฟฟา้ และกฎการอนรุ ักษป์ ระจไุ ฟฟ้า 217
แผนที่ 15 การเหน่ยี วนำไฟฟ้าสถิต 231
แผนท่ี 16 การทำให้อเิ ล็กโทรสโคปมปี ระจุไฟฟ้าโดยการเหนี่ยวนำ 240
แผนท่ี 17 กฎของคูลอมบ์ 254
แผนท่ี 18 สนามไฟฟา้ 263
แผนท่ี 19 สนามไฟฟา้ ของจุดประจุ 271
แผนที่ 20 สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ 279
แผนท่ี 21 เสน้ สนามไฟฟ้า 286
แผนท่ี 22 แรงกระทำต่ออนภุ าคทีม่ ีประจุในสนามไฟฟา้ 293

สารบญั (ต่อ) ง

แผนที่ 23 ศักย์ไฟฟ้าและความต่างศกั ย์เนอื่ งจากสนามไฟฟา้ สม่ำเสมอ หน้า
แผนที่ 24 ศักย์ไฟฟ้าเนอื่ งจากจดุ ประจุ 301
แผนท่ี 25 หลักการทำงานของตัวเกบ็ ประจุ 310
แผนท่ี 26 พลังงานสะสมในตัวเกบ็ ประจุ 318
แผนท่ี 27 การตอ่ ตัวเก็บประจุ 328
แผนท่ี 28 การนำความรเู้ ก่ยี วกับไฟฟา้ สถิตไปใช้ประโยชน์ 336
แผนการจดั การเรียนรู้ บทท่ี 14 เรือ่ งแสงเชงิ คลื่น 344
แผนที่ 29 กระแสไฟฟา้ 364
แผนที่ 30 กฎของโอห์ม 365
แผนท่ี 31 สภาพตา้ นทานไฟฟา้ และสภาพนำไฟฟ้า 380
แผนท่ี 32 ความตา้ นทาน 392
แผนที่ 33 การตอ่ ความต้านทาน 401
แผนท่ี 34 พลงั งานไฟฟ้าและความต่างศักย์ 409
แผนที่ 35 พลงั งานไฟฟา้ และกำลังไฟฟ้าของเครอื่ งใช้ไฟฟา้ กระแสตรง 417
แผนท่ี 36 การตอ่ แบตเตอร่ี 433
แผนที่ 37 การวเิ คราะหว์ งจรไฟฟ้ากระแสตรง 441
แผนที่ 38 พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีดา้ นพลังงาน 462
468

1

การออกแบบการจดั การเรียนรแู้ บบองิ มาตรฐานการเรียนรู้
ตามหลักสูตรแกนกลางข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)

รายวิชาฟสิ ิกส์4 รหสั วิชา ว30204 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5

1. ประมวลรายวิชา
2. วเิ คราะหห์ ลกั สูตร/ตัวชว้ี ัด
2. คำอธิบายรายวชิ า
3. โครงสรา้ งรายวิชา
4. หน่วยการเรยี นรู้
5. แผนการจดั การเรยี นรู้
6. ใบกจิ กรรม/ผลงาน/เอกสารประกอบการสอน
7. บนั ทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

2

ประมวลรายวชิ า

รหัสวิชา ว30204
จำนวนหน่วยการเรยี น 2.0 หน่วยกติ
ชอ่ื วชิ า ฟิสิกส4์
ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรยี นท่ี 2
ปีการศึกษา 2564
จำนวนคาบตอ่ สัปดาห์ 4 คาบ/สัปดาห์
เวลาเรยี น 80 ชั่วโมง/ภาคเรยี น
ช่ือครูผู้สอน นางสาวขจรศรี สุทธสังข์

1. หลักการและจดุ ม่งุ หมายของหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน 2551
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ม่งุ พัฒนาผ้เู รยี นทกุ คนซ่งึ เปน็ กำลงั ของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มี

ความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ มีความร้แู ละทกั ษะพื้นฐาน รวมทัง้ เจต
คติที่จำเปน็ ต่อการศกึ ษา การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมงุ่ เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญบนพ้ืนฐาน
ความเชือ่ วา่ ทุกคนสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ

2. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ม่งุ ให้ผ้เู รียนเกิดสมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี
1) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้

ภาษาถา่ ยทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรสู้ กึ และทศั นะของตนเองเพอื่ แลกเปลย่ี นขอ้ มูลขา่ วสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปญั หาความขัดแย้งตา่ ง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตผุ ลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการ
เลือกใช้วิธีการส่ือสาร ทม่ี ีประสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทีม่ ตี ่อตนเองและสังคม

2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ
สารสนเทศเพอื่ การตดั สนิ ใจเกี่ยวกับตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม

3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่
เผชิญได้อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ
แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อตนเอง สังคมและ
สงิ่ แวดลอ้ ม

3

4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน
การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงค์ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ื่น

5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ
และมที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสงั คม ในด้านการเรียนรู้ การสอ่ื สาร การทำงาน
การแก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม

3. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8

ประการ ดงั นี้
1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2) ซ่อื สัตยส์ ุจรติ
3) มวี ินัย
4) ใฝ่เรียนรู้
5) อยู่อย่างพอเพียง
6) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7) รกั ความเป็นไทย
8) มีจิตสาธารณะ

4. ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปสู่การค้นหา

ความรู้ จากการสำรวจตรวจสอบ หรอื จากการทดลอง ทักษะกระยวนการทางวิทยาศาสตร์มีท้งั หมด 13 ทกั ษะ
ดงั นี้

1) การสังเกต
2) การวดั
3) การจำแนก
4) การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งมติ กิ ับมติ ิ และมติ ิกบั เวลา
5) การคำนวณ
6) การจัดกระทำและส่อื ความหมายข้อมูล
7) การลงความเห็นจากข้อมลู
8) การพยากรณ์
9) การตง้ั สมมตฐิ าน
10) การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ

4

11) การกำหนดและควบคมุ ตวั แปร
12) การทดลอง
13) การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

5. ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
การเรยี นรู้ในปจั จุบนั เป็นการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ทีต่ ้องกา้ วใหท้ ันตอ่ การเปล่ยี นแปลงของโลก ซ่ึง

ตอ้ งอาศยั ทักษะต่างๆ เพอ่ื ชว่ ยให้การเรยี นรู้ ดงั นี้
1) ทกั ษะการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม
2) ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี
3) ทกั ษะชวี ติ และการทำงาน

6. การบรู ณาการ
1. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง 2 เงอื่ นไข 4 มิติ
2. งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น 5 องคป์ ระกอบและ 3 สาระ
3. โรงเรยี นมาตรฐานสากล
4. อาเซยี น
5. STEM
6. PLC

7. อตั ราสว่ นคะแนน = 80 : 20 คะแนน
คะแนนเกบ็ ระหว่างภาค : คะแนนปลายภาค = 30 คะแนน
คะแนนเกบ็ ก่อนสอบกลางภาค = 20 คะแนน
คะแนนสอบกลางภาค = 30 คะแนน
คะแนนเก็บกอ่ นสอบปลายภาค = 20 คะแนน
คะแนนสอบปลายภาค = 100
รวม

รายวิชาฟสิ ิกส์ 4 คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม 5
กติ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 รหัสวิชา ว30204
เรยี น 2.0 หนว่ ย
เวลาเรยี น 80 ชวั่ โมง/ภาค

ศึกษาการเกิดเสียง การเคลื่อนที่ของเสียง การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน
ของคลื่นเสยี ง การไดย้ นิ เสียง ความเขม้ เสียง คุณภาพเสียง มลพิษทางเสียง คลื่นน่ิงของเสียง การสั่นพ้องของ
เสียง การเกิดบีต ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทกของเสียง ธรรมชาติของไฟฟ้าสถิต การเหนี่ยวนำ
ไฟฟ้าสถิต กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความต่างศักย์ ความจุและพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
การต่อตวั เก็บประจุ กระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นำ กฎของโอหม์ สภาพตา้ นทาน การตอ่ ตวั ต้านทาน อเี อม็ เอฟของ
แหล่งกำเนิดไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟา้ กำลังไฟฟา้ การตอ่ แบตเตอร่ี การวเิ คราะห์วงจร ไฟฟ้ากระแสตรง
การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีด้านพลังงาน โดยใช้กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มูล การสงั เกต วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ อธบิ าย อภิปราย และ
สรุป เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
รวมทั้งทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา สามารถ
สื่อสารสง่ิ ที่เรยี นรู้และนำ ความร้ไู ปใช้ในชวี ติ ของตนเอง มีจิตวทิ ยา ศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม

ผลการเรยี นรูท้ ่ี
1. อธิบายการเกิดเสียง การเคลื่อนที่ของเสียง ความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นการกระจัดของ

อนุภาคกับคลื่นความดัน ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของเสียงในอากาศที่ขึ้นกับอุณหภูมิในหน่วย
องศาเซลเซียส การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน ของคลื่นเสียง รวมทั้งคำนวณ
ปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง

2. อธิบายความเข้มเสยี ง ระดบั เสียง องคป์ ระกอบของการไดย้ ิน คุณภาพเสยี ง และมลพิษทาง
เสยี ง รวมท้ังคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง

3. ทดลองและอธิบายการเกิดการสั่นพ้องของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน รวมทั้งสังเกต
และอธิบายการเกิดบตี คลน่ื นง่ิ ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลน่ื กระแทกของเสียง คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ
ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และนำความรูเ้ รอื่ งเสียงไปใช้ในชีวติ ประจำวนั

4. ทดลองและอธิบายการทำวัตถุที่เปน็ กลางทางไฟฟา้ ใหม้ ีประจุไฟฟ้าโดยการขดั สีกันและการ
เหนีย่ วนำไฟฟ้าสถิต

5. อธบิ ายและคำนวณแรงไฟฟา้ ตามกฎของคลู อมบ์
6. อธิบายและคำนวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่อยู่ใน
สนามไฟฟ้า รวมทัง้ หาสนามไฟฟา้ ลพั ธเ์ นือ่ งจากระบบจุดประจุโดยรวมกนั แบบเวกเตอร์

6

7. อธบิ ายและคำนวณพลังงานศักยไ์ ฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้า และ ความต่างศักย์ระหว่างสองตำแหน่ง
ใด ๆ

8. อธบิ ายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ ความสัมพันธ์ระหว่างประจไุ ฟฟา้ ความต่างศกั ย์ และ
ความจุของตัวเก็บประจุ และอธิบายพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ และความจุสมมูล รวมทั้งคำนวณ
ปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง

9. นำความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตไปอธิบายหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด และ
ปรากฏการณ์ในชวี ติ ประจำวัน

10. อธิบายการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ ความสัมพันธ์
ระหว่างกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ กับความเร็วลอยเลื่อนของอิเล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่นของ
อิเลก็ ตรอนในลวดตัวนำ และพ้ืนท่หี นา้ ตัดของลวดตัวนำ และคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

11. ทดลองและอธิบายกฎของโอห์ม อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งความต้านทานกับความยาว
พื้นที่หน้าตัด และสภาพต้านทานของตัวนำ โลหะที่อุณหภูมิคงตัว และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เก่ยี วขอ้ ง รวมทัง้ อธิบายและคำนวณความต้านทานสมมูลเม่ือนำ ตัวตา้ นทานมาต่อกนั แบบอนุกรมและ
แบบขนาน

12. ทดลอง อธิบาย และคำนวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งอธิบาย
และคำนวณพลังงานไฟฟ้า และกำลงั ไฟฟา้

13. ทดลองและคำนวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรมและแบบขนาน
รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งประกอบด้วยแบตเตอรี่และตัว
ต้านทาน

14. อธิบายการเปลีย่ นพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟา้ รวมทั้งสบื คน้ และอภิปรายเกี่ยวกับ
เทคโนโลยีที่นำมาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการทางด้านพลังงาน โดยเน้นด้านประสิทธิภาพ
และความคุ้มค่าด้านคา่ ใชจ้ ่าย

รวมท้งั หมด 14 ผลการเรียนรู้

ตารางวิเคราะห์ห
รายวชิ าฟสิ ิกส์ 4 ว3020
สาระฟสิ กิ ส์
2. เขา้ ใจการเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย ธรรมชาติของคลืน่ เสียงและการไดย้ ิน ปรา
ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรียนรู้ รอู้ ะไร (สาระการเรียนรู้) พุทธพิสยั (K
1. อธบิ ายการเกิดเส
1. อธิบายการเกดิ เสยี ง การเคล่อื นทข่ี อง 1. การเกิดเสยี ง
การเคลื่อนทีข่ อง
เสยี ง ความสัมพันธร์ ะหว่างคลืน่ การ 2. การเคลื่อนทีข่ องเสียง 2. อธบิ ายความสมั พ

กระจดั ของอนภุ าคกบั คลนื่ ความดัน ระหวา่ งคล่นื การ
ของอนุภาคกับค
ความสัมพนั ธร์ ะหว่างอัตราเรว็ ของเสียง ดันขณะคลนื่ เสยี
เคลอ่ื นท่ีผา่ น
ในอากาศท่ีข้ึนกับอุณหภูมใิ นหน่วยองศา 1. อธิบายความสัมพ
ระหว่างอัตราเรว็
เซลเซยี ส การสะทอ้ น การหักเห ในอากาศกบั อุณ
หน่วยองศาเซลเซ
การแทรกสอด การเลย้ี วเบน ของคล่ืน

เสียง รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่ 1. อัตราเรว็ ของเสยี งใน

เกย่ี วขอ้ ง อากาศ

7

หลักสูตร/ตัวช้ีวัด
04 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5

ากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกับเสยี ง แสงและการเหน็ ปรากฏการณท์ เี่ ก่ยี วข้องกับแสง รวมท้งั นำ

ทำอะไร สมรรถนะ

K) ทักษะพสิ ัย (P) จิตพสิ ัย (A)

สยี งและ 1. นักเรียนสามารถจัด 1. เป็นเปน็ ผมู้ ี 1. ความสามารถในการ

งเสยี ง กระทำและสอ่ื ความ สอื่ สาร (อ่าน ฟงั พดู

พันธ์ ความหมายของข้อมลู รับผดิ ชอบ เขยี น)

รกระจดั ทศ่ี ึกษาค้นคว้าได้ และเปน็ ผู้มี 2. ความสามารถในการคิด

คล่ืนความ ความมงุ่ มั่นใน (สงั เกต วิเคราะห์ จดั

ยง การทำงาน กล่มุ สรุป)

3. ความสามารถในการ

พนั ธ์ 1. คำนวณหาค่าอตั ราเร็ว 1. เปน็ เปน็ ผูม้ ี แกป้ ัญหา (แก้สมการ

วของเสยี ง ของเสยี งในอากาศกับ ความ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า)

ณหภมู ิใน อุณหภมู ใิ นหน่วยองศา รับผดิ ชอบ 4. ความสามารถในการใช้

ซียสได้ เซลเซียสได้ และเป็นผูม้ ี ทกั ษะชีวิต (ความ

ความมงุ่ ม่นั ใน รบั ผดิ ชอบ)

การทำงาน

1. อธบิ ายการเกิดเสยี ง การเคล่อื นทีข่ อง 1. การสะท้อนของเสียง 1. อธิบายการสะท้อ

เสียง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคลนื่ การ ของเสยี งได้

กระจดั ของอนภุ าคกับคลื่นความดนั 1. การเลย้ี วเบนของเสียง 1. อธิบายการเลี้ยวเ

ความสัมพนั ธ์ระหว่างอตั ราเร็วของเสยี ง 2. ความสัมพนั ธข์ องการ ของเสียงได้

ในอากาศท่ขี น้ึ กับอุณหภมู ิในหนว่ ยองศา เล้ียวเบนของเสยี งกับ

เซลเซียส การสะท้อน การหกั เห ตำแหน่ง

การแทรกสอด การเลี้ยวเบน ของคลื่น 1. แทรกสอดของเสยี ง 1. อธิบายการแทรก

เสยี ง รวมท้ังคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่ 2. ความสัมพนั ธข์ องการ ของเสยี งได้

เก่ียวข้อง แทรกสอดของเสยี งกบั

ตำแหน่ง

2. อธบิ ายความเข้มเสยี ง ระดบั เสยี ง 1. ความเขม้ เสียง 1. อธบิ ายความเข้ม

องคป์ ระกอบของการไดย้ นิ คณุ ภาพ 2. ระดบั เสยี งและความถี่ท่ี ได้

เสยี ง และมลพษิ ทางเสียง รวมท้ัง มีผลตอ่ การไดย้ นิ 2. อธิบายระดับเสยี

คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกยี่ วข้อง 3. ระดับสงู ต่ำของเสยี งและ ความสัมพนั ธร์ ะห

คณุ ภาพเสียง ระดบั เสียงและค

เขม้ เสยี งได้

8

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

(ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น

คอมพวิ เตอร์

อน 1. คำนวณหาปรมิ าณต่างๆ 1. เปน็ เปน็ ผู้มี 1. ความสามารถในการ

ที่โจทย์กำหนดได้ ความ ส่ือสาร (อ่าน ฟงั พูด

เบน 1. ทดลองหาความสมั พนั ธ์ รับผดิ ชอบ เขยี น)

ของการเลี้ยวเบนของเสยี ง และเปน็ ผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

กับตำแหน่งได้ ความมงุ่ ม่นั ใน (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั

การทำงาน กลมุ่ สรุป)

กสอด 1. ทดลองหาความสมั พนั ธ์ 3. ความสามารถในการ

ของการแทรกสอดของ แกป้ ัญหา (แกส้ มการ

เสยี งกับตำแหน่งได้ แก้ปญั หาเฉพาะหน้า)

4. ความสามารถในการใช้

มเสียง 1. คำนวณหาปริมาณต่างๆ ทักษะชวี ิต (ความ

ทโ่ี จทยก์ ำหนด รับผดิ ชอบ)

ยง 5. ความสามารถในการใช้

หวา่ ง เทคโนโลยีสารสนเทศ

ความ (ใช้การสืบคน้ ผา่ น

คอมพิวเตอร)์

3. ทดลอง และอธบิ ายการเกดิ การสั่นพอ้ ง 1. มลพษิ ทางเสยี งท่ีมีตอ่ 3. อธิบายระดบั เสยี
ของอากาศในท่อปลายเปิดหนึง่ ด้าน สุขภาพและการป้องกัน ความถี่ที่มีผลต่อ
รวมทั้งสงั เกตและอธบิ ายการเกดิ บีต ยนิ
คลน่ื นงิ่ ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลืน่ 1. การเกิดคล่นื นง่ิ ของเสยี ง
กระแทกของเสยี ง คำนวณปริมาณ 4. อธิบายระดับสงู ต
ต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และนำความรู้เรือ่ ง 1. การเกดิ การสั่นพอ้ งของ เสยี งและคณุ ภาพ
เสยี งไปใช้ในชีวติ ประจำวัน อากาศในท่อปลายปิด
หนงึ่ ด้าน 1. อธบิ ายมลพษิ ทา
ที่มีต่อสุขภาพแล
ป้องกนั

1. อธิบายการเกดิ ค
ของเสียง

1. อธบิ ายการเกดิ ก
พอ้ งของอากาศใ
ปลายปิดหนง่ึ ด้า

1. การเกิดบีต 1. อธิบายการเกิดบ

9

ยงและ
อการได้

ต่ำของ

พเสียง

างเสียง 1. นักเรยี นสามารถจดั กระทำ

ละการ และสอ่ื ความหมายของ

ขอ้ มลู ท่ีศึกษาค้นควา้ ได้

คลื่นน่งิ 1. ทดลองการเกิดคล่ืนนง่ิ 1. เปน็ เปน็ ผมู้ ี 1. ความสามารถในการ

ของเสยี งได้ ความ ส่อื สาร (อ่าน ฟงั พูด

การสนั่ 1. ทดลองการสัน่ พอ้ งของ รบั ผดิ ชอบ เขียน)

ในทอ่ อากาศในท่อปลายปิดหนึ่ง และเป็นผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

าน ด้านและการวัดความยาว ความมงุ่ ม่นั ใน (สังเกต วิเคราะห์ จัด

คลนื่ ของเสียงในอากาศ การทำงาน กลุ่ม สรปุ )

2. คำนวณปรมิ าณที่ 3. ความสามารถในการ

เกย่ี วข้องกบั การเกดิ การ แก้ปญั หา (แก้สมการ

ส่นั พอ้ งของอากาศในท่อ แกป้ ญั หาเฉพาะหน้า)

ปลายปิดหนึ่งดา้ น 4. ความสามารถในการใช้

บีตได้ 1. ทดลองอธบิ ายการเกิดบตี ทักษะชีวิต (ความ

ได้ รับผดิ ชอบ)

1. ปรากฏการณ์ดอป 1. อธบิ ายปรากฏกา

เพลอรแ์ ละคล่ืนกระแทก อปเพลอร์และคล

ของเสยี ง กระแทกของเสยี

1. การประยุกต์ใช้ความรู้ 1. อธิบายความรู้เกย่ี

เรอ่ื งเสียง เสยี งนำไปอธิบาย

ประยุกตใ์ ชใ้ นดา้

ตา่ งๆ ได้

สาระฟิสกิ ส์

3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟา้ แล

การเปลีย่ นพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟา้ สนามแมเ่ หลก็ แรงแมเ่ หล็ก ท่ีกระทำกับป

ไฟฟ้ากระแสสลับ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าและการสือ่ สาร รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้ รอู้ ะไร (สาระการเรียนร้)ู พุทธพสิ ัย (K)
1. อธิบายการทำวตั
4. ทดลอง และอธิบายการทำวัตถุที่เป็น 1. ประจไุ ฟฟา้
กลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการ 2. กฏการอนรุ ักษ์ประจุ เป็นกลางทางไฟ
ขดั สกี ันและการเหนีย่ วนำ ไฟฟา้ สถติ ไฟฟา้ มปี ระจไุ ฟฟา้ โดย
ขัดสกี ันได้
2. อธบิ ายกฎการอน
ประจุไฟฟา้ ได้

ารณ์ด 1. คำนวณหาปรมิ าณต่างๆ 10
ล่นื ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับคลืน่
ยงได้ กระแทกเม่อื กำหนด 5. ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้
สถานการณ์มาให้ได้ การสบื ค้นผา่ นคอมพิวเตอร)์

ยวกับ 1. นกั เรยี นสามารถจดั
ยและ กระทำและส่ือความหมาย
าน ของข้อมูลทศี่ ึกษาคน้ ควา้

ได้

ละกฎของโอหม์ วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า
ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า การเหนีย่ วนำแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์

) ทำอะไร จติ พิสยั (A) สมรรถนะ
ทกั ษะพิสยั (P)

ตถุที่ 1. สงั เกตการเกดิ แรงระหวา่ ง 1. เป็นเป็นผ้มู ี 1. ความสามารถในการ

ฟฟ้าให้ ประจไุ ฟฟ้าข้นึ กบั ชนิด ความ สื่อสาร (อ่าน ฟัง พดู

ยการ ของประจไุ ฟฟ้าได้ รบั ผิดชอบ เขยี น)

และเป็นผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

นรุ ักษ์ ความม่งุ มั่นใน (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั

การทำงาน กลุ่ม สรปุ )

1. การเหนีย่ วนำไฟฟา้ สถิต 3. อธบิ ายการเกดิ แ
ระหวา่ งประจุไฟ
ขน้ึ กับชนดิ ของป
ไฟฟา้ ได้

1. อธิบายการทำวตั
เปน็ กลางทางไฟ
มีประจไุ ฟฟ้าโดย
เหนี่ยวนำได้

1. การเหนี่ยวนำไฟฟ้าสถติ 1. อธบิ ายการเหนยี่
ให้อเิ ลก็ โทรสโคป
แผ่นโลหะท่ีเป็นก
ให้มปี ระจุไฟฟา้

5. อธิบายและคำนวณแรงไฟฟา้ ตามกฎ 1. ประจุไฟฟ้า 1. อธบิ ายแรงทก่ี ระ
ของคูลอมบ์ 2. กฏการอนรุ ักษ์ประจุ กันระหวา่ งจดุ ปร
ไฟฟา้ ตามกฎของคลู อม

2. อธบิ ายแรงไฟฟา้
กระทำต่อจุดประ

11

แรง 3. ความสามารถในการ

ฟฟ้า แก้ปญั หา (แก้สมการ

ประจุ แก้ปญั หาเฉพาะหน้า

และศึกษาหรอื รบั รู้

ตถทุ ี่ 1. นกั เรียนสามารถจัด ข้อมลู มองเหน็ และเขา้ ใจ

ฟฟา้ ให้ กระทำและส่อื ความหมาย ปัญหาสำคญั ที่เกิดขน้ึ

ยการ ของขอ้ มลู ทศ่ี กึ ษาคน้ คว้า ได้)

ได้ 4. ความสามารถในการใช้

ทกั ษะชีวติ (ความ

ยวนำ 1. สามารถทำอเิ ล็กโทร รบั ผดิ ชอบ)

ป สโคปแผน่ โลหะทเ่ี ปน็ 5. ความสามารถในการใช้

กลาง กลางทางไฟฟา้ มปี ระจุ เทคโนโลยีสารสนเทศ

ไฟฟา้ โดยการเหน่ยี วนำได้ (ใชก้ ารสืบค้นผ่าน

คอมพิวเตอร์)

ะทำตอ่ 1. คำนวณแรงที่กระทำต่อ 1. เปน็ เปน็ ผู้มี 1. ความสามารถในการ

ระจุ กันระหว่างจดุ ประจตุ าม ความ สือ่ สาร (อ่าน ฟัง พดู

มบไ์ ด้ กฎของ รบั ผิดชอบ เขียน)

าลพั ธท์ ่ี คลู อมบไ์ ด้ และเป็นผ้มู ี 2. ความสามารถในการคิด

ะจุได้ 2. คำนวณแรงไฟฟ้าลัพธท์ ่ี ความมงุ่ ม่นั ใน (สังเกต วิเคราะห์ จดั

กระทำตอ่ จุดประจุได้ การทำงาน กลุม่ สรปุ )

6. อธิบายและคำนวณสนามไฟฟ้าและแรง 1. สนามไฟฟ้า 1. อธิบายความหมา
ไฟฟา้ ที่กระทำกบั อนุภาคทม่ี ีประจุไฟฟ้า สนามไฟฟา้ ได้
ที่อยู่ใน สน ามไ ฟ ฟ ้า ร ว มทั้ง หา 1. สนามไฟฟ้าของจดุ ประจุ
สนามไฟฟ้าลัพธ์เน่อื งจากระบบจดุ ประจุ 1. อธบิ ายความหมา
โดยรวมกนั แบบเวกเตอร์ สนามไฟฟ้าของจ
ประจุได้
1. สนามไฟฟ้าของระบบ
ประจุ 1. อธบิ ายความหมา
สนามไฟฟา้ ลัพธข์
ระบบจดุ ประจุได

1. เสน้ สนามไฟฟ้า 1. อธิบายความหมา
เสน้ สนามไฟฟา้ ไ

1. แรงกระทำตอ่ อนภุ าคท่ี 1. อธบิ ายแรงไฟฟ้า
มปี ระจุในสนามไฟฟ้า กระทำต่ออนุภาค
ประจุท่อี ยู่ใน
สนามไฟฟ้าได้

7. อธิบายและคำนวณพลังงานศักย์ไฟฟ้า 1. พลังงานศักย์ไฟฟา้ 1. อธิบายพลังงาน
ศักย์ไฟฟ้า และ ความต่างศักย์ระหว่าง 2. ศักยไ์ ฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า และ
สองตำแหนง่ ใด ๆ ศักย์ไฟฟา้ ได้

าย 1. คำนวณหาปริมาณต่างๆ 12
ทีโ่ จทยก์ ำหนดได้
3. ความสามารถในการ
าย 1. คำนวณปรมิ าณที่ แกป้ ัญหา (แกส้ มการ
จุด เกีย่ วข้องกบั สนามไฟฟา้ แกป้ ัญหาเฉพาะหนา้
และศึกษาหรอื รบั รู้
ของจดุ ประจไุ ด้ ข้อมลู มองเหน็ และเขา้ ใจ
าย 1. คำนวณปรมิ าณท่ี ปัญหาสำคญั ที่เกดิ ขนึ้
ของ เก่ยี วข้องกับสนามไฟฟา้ ได้)
ด้ ลพั ธข์ องระบบจุดประจุได้
4. ความสามารถในการใช้
ายของ 1. นักเรยี นสามารถจดั ทกั ษะชีวติ (ความ
ได้ กระทำและส่ือความหมาย รับผดิ ชอบ)

ของข้อมลู ทศ่ี ึกษาค้นควา้ 5. ความสามารถในการใช้
ได้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
าที่ 1. คำนวณปริมาณท่ี (ใชก้ ารสืบค้นผ่าน
คทม่ี ี เก่ยี วข้องได้ คอมพวิ เตอร)์

1. คำนวณปริมาณท่ี 1. เปน็ เป็นผู้มี 1. ความสามารถในการ
เก่ียวขอ้ งได้ ความ สือ่ สาร (อ่าน ฟงั พูด
รบั ผดิ ชอบ เขียน)

1. ศักย์ไฟฟา้ เน่ืองจากจดุ 1. อธบิ ายความตา่ ง
ประจุ ระหวา่ งสองตำแ
ใด ๆ ได้

8. อธิบายสว่ นประกอบของตวั เกบ็ ประจุ 1. หลกั การทำงานของตวั 1. อธิบายส่วนประก
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งประจุไฟฟา้ ความ เก็บประจุ ของตัวเก็บประจ
ต่างศกั ย์ และความจุของตัวเกบ็ ประจุ

13

งศักย์ 1. คำนวณปรมิ าณที่ และเป็นผู้มี 2. ความสามารถในการคิด
แหน่ง เก่ยี วขอ้ งกบั ความตา่ ง
ความม่งุ ม่ันใน (สังเกต วเิ คราะห์ จดั
ศักยร์ ะหว่างสองตำแหน่ง
ใด ๆ ได้ การทำงาน กลุ่ม สรุป)

3. ความสามารถในการ

แกป้ ญั หา (แก้สมการ

แกป้ ญั หาเฉพาะหนา้

และศกึ ษาหรอื รับรู้

ขอ้ มูลมองเหน็ และเข้าใจ

ปัญหาสำคญั ที่เกดิ ขนึ้

ได้)

4. ความสามารถในการใช้

ทักษะชวี ติ (ความ

รับผิดชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

(ใช้การสืบค้นผ่าน

คอมพิวเตอร)์

กอบ 1. คำนวณปริมาณท่ี 1. เปน็ เปน็ ผ้มู ี 1. ความสามารถในการ

จุได้ เกี่ยวข้องกับตวั เก็บประจุ ความ ส่ือสาร (อ่าน ฟงั พดู

ได้ รับผิดชอบ เขียน)

และอธบิ ายพลังงานสะสมในตัวเกบ็ 1. พลงั งานสะสมในตัวเกบ็ 1. อธบิ ายความสัมพ
ประจุ และความจุสมมูล รวมท้งั คำนวณ ประจุ ระหว่างประจุไฟ
ปริมาณต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง ความตา่ งศักย์แล
ความจุของตวั เก
1. การตอ่ ตวั เก็บประจุ ประจุได้

9. นำความรู้เรอื่ งไฟฟ้าสถติ ไปอธบิ าย 1. การนำความร้เู กี่ยวกับ 2. อธิบายพลงั งานสะ
หลกั การทำงานของเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าบาง ไฟฟ้าสถติ ไปใช้ ในตัวเก็บประจแุ
ชนิด และปรากฏการณ์ในชวี ิตประจำวนั ประโยชน์ ความจสุ มมูลได้

1. อธบิ ายความสมั พ
ระหว่างของควา
สมมูลกบั ความจ
เก็บประจุแต่ละต
นำมาต่อแบบอน
และแบบขนาน

1. ยกตัวอย่างการน
ความร้เู รอื่ งไฟฟา้
ไปอธิบายหลักกา
ทำงานของ
เครื่องใชไ้ ฟฟา้ บา
ชนิดได้

14

พันธ์ 1. คำนวณหาปรมิ าณ และเป็นผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด
ฟฟา้ พลังงานสะสมในตวั เก็บ
ละ ประจุและความจุสมมูลที่ ความมุง่ ม่นั ใน (สงั เกต วิเคราะห์ จัด
กบ็ โจทย์กำหนดได้
การทำงาน กลุม่ สรปุ )
ะสม
และ 3. ความสามารถในการ

พนั ธ์ 1. สามารถคำนวณหาคา่ แก้ปัญหา (แกส้ มการ
ามจุ ประจุทโ่ี จทย์กำหนดใหไ้ ด้
จขุ องตวั แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า
ตวั เมื่อ
นุกรม และศึกษาหรอื รบั รู้

นำ 1. นกั เรียนสามารถจดั ข้อมูลมองเห็นและเขา้ ใจ
าสถติ กระทำและส่ือความหมาย
าร ของขอ้ มูลทศ่ี กึ ษาค้นคว้า ปญั หาสำคัญที่เกิดขึน้

ได้ ได้)
าง
4. ความสามารถในการใช้

ทกั ษะชีวิต (ความ

รับผดิ ชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

(ใช้การสืบคน้ ผ่าน

คอมพิวเตอร์)

2. อธิบายปรากฏกา
ในชวี ติ ประจำวนั
ใช้ความรู้เรอ่ื งไฟ
สถิต

15

ารณ์
นโดย
ฟฟา้

10. อธบิ ายการเคลือ่ นที่ของ 1. กระแสไฟฟา้ 1. อธิบายกระแสไฟ
ตวั นำได้
อิเล็กตรอนอสิ ระและกระแสไฟฟ้าในลวด
2. อธิบายการเคลือ่
ตวั นำ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ ของอิเล็กตรอนอ
และกระแสไฟฟ้า
ในลวดตวั นำ กับความเร็วลอยเลือ่ นของ ลวดตวั นำได้

อเิ ล็กตรอนอสิ ระ ความหนาแนน่ ของ 3. อธบิ ายความสัมพ
ระหวา่ งกระแสไฟ
อิเล็กตรอนในลวดตวั นำ และพน้ื ที่ ในลวดตัวนำ กับ
ความเรว็ ลอยเล่ือ
หนา้ ตัดของลวดตวั นำ และคำนวณ ของอเิ ลก็ ตรอนอ
ความหนาแนน่ ข
ปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง อิเล็กตรอนในลว
ตวั นำ และ
พนื้ ทีห่ นา้ ตัดของ
ตัวนำได้

16

ฟฟ้าใน 1. คำนวณปรมิ าณ 1. เป็นเป็นผู้มี 1. ความสามารถในการ
ต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งได้
ความ ส่ือสาร (อ่าน ฟงั พูด
อนท่ี
อิสระ รบั ผิดชอบ เขยี น)
าใน
และเป็นผูม้ ี 2. ความสามารถในการคิด
พันธ์
ฟฟา้ ความมงุ่ ม่ันใน (สังเกต วเิ คราะห์ จัด

อน การทำงาน กลุม่ สรุป)
อิสระ
ของ 3. ความสามารถในการ
วด
แกป้ ญั หา (แกส้ มการ
งลวด
แก้ปัญหาเฉพาะหนา้

และศกึ ษาหรือรบั รู้

ข้อมลู มองเห็นและเข้าใจ

ปัญหาสำคัญที่เกดิ ข้นึ

ได้)

4. ความสามารถในการใช้

ทักษะชวี ติ (ความ

รับผิดชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

(ใชก้ ารสืบค้นผ่าน

คอมพิวเตอร์)

11. ทดลองและอธบิ ายกฎของโอหม์ 1. กฎของโอหม์ 1. อธบิ ายความสัมพ
อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความ ระหวา่ งกระแสไฟ
ตา้ นทานกับความยาวพน้ื ท่ีหนา้ ตัด และ ผา่ นลวดตวั นำกบั
สภาพต้านทานของตัวนำ โลหะที่ ความตา่ งศกั ยร์ ะ
อุณหภูมคิ งตวั และคำนวณปรมิ าณตา่ ง ปลายของลวดตวั
ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง รวมทัง้ อธบิ ายและ
คำนวณความต้านทานสมมูลเม่ือนำ ตัว 1. สภาพต้านทานไฟฟ้า 1. อธิบายความหมา
ต้านทานมาตอ่ กนั แบบอนกุ รมและแบบ และสภาพนำไฟฟา้ สภาพตา้ นทาน
ขนาน ได้

1. ความต้านทาน 1. อธบิ ายความหมา
ความตา้ นทานได

1. การตอ่ ความต้านทาน 1. อธบิ ายความหมา
การต่อตวั ตา้ นทา
แบบอนุกรม แบ
และแบบผสมได้

17

พนั ธ์ 1. ทดลองเพ่ืออภิปรายและ 1. เป็นเป็นผู้มี 1. ความสามารถในการ

ฟฟ้าท่ี สรปุ กฎของโอห์มได้ ความ ส่ือสาร (อ่าน ฟัง พูด

บ 2. นำความเข้าใจเกีย่ วกบั กฎ รบั ผิดชอบ เขยี น)

ะหว่าง ของโอห์มไปคำนวณ และเปน็ ผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

วนำได้ ปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง ความมงุ่ มั่นใน (สังเกต วิเคราะห์ จดั

ได้ การทำงาน กลุ่ม สรปุ )

ายของ 1. สามารถคำนวณหา 3. ความสามารถในการ

ปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง แกป้ ญั หา (แก้สมการ

ได้ แก้ปัญหาเฉพาะหนา้

และศกึ ษาหรอื รบั รู้

ายของ 1. สามารถอา่ นคา่ ของความ ขอ้ มลู มองเหน็ และเขา้ ใจ

ด้ ต้านทานจากแถบสีบนตวั ปญั หาสำคัญที่เกิดขนึ้

ตา้ นทานได้ ได้)

ายของ 1. คำนวณความต้านทาน 4. ความสามารถในการใช้

าน ท้งั สมมลู เมื่อนำตัวต้านทาน ทักษะชีวิต (ความ

บบขนาน มาต่อกันแบบอนกุ รมและ รับผิดชอบ)

แบบขนานได้ 5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

(ใช้การสืบคน้ ผ่าน

คอมพวิ เตอร์)

ผลการเรียนรู้ รูอ้ ะไร (สาระการเรยี นร)ู้ พทุ ธพสิ ยั (K)
1. อธิบายความสัมพ
12. ทดลอง อธบิ าย และคำนวณอีเอม็ เอฟ 1. พลงั งานไฟฟา้ และความ
ของแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสตรง ตา่ งศกั ย์ ระหว่างอีเอ็มเอฟ
รวมท้ังอธิบายและคำนวณพลงั งาน แบตเตอร่ีกับควา
ไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟา้ ศักยร์ ะหว่างขว้ั ข
แบตเตอร่ีได้

1. พลังงานไฟฟ้าและ 1. อธิบายความสัมพ
กำลงั ไฟฟา้ ของ ระหวา่ งพลังงาน
เครือ่ งใช้ไฟฟ้า กำลังไฟฟ้า ความ
กระแสตรง ศกั ย์ และกระแส
ของเคร่อื งใช้ไฟฟ

18

) ทำอะไร จิตพสิ ัย (A) สมรรถนะ
ทักษะพสิ ัย (P)

พนั ธ์ 1. ทดลองหาความสัมพันธ์ 1. เปน็ เป็นผ้มู ี 1. ความสามารถในการ

ฟของ ระหวา่ งอเี อม็ เอฟของ ความ สือ่ สาร (อ่าน ฟงั พดู

ามต่าง แบตเตอรก่ี ับความต่าง รบั ผิดชอบ เขยี น)

ของ ศกั ยร์ ะหวา่ งข้ัวของ และเป็นผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

แบตเตอร่ไี ด้ ความมงุ่ ม่ันใน (สังเกต วิเคราะห์ จดั

2. คำนวณปริมาณต่างๆ ท่ี การทำงาน กล่มุ สรปุ )

เก่ียวข้องกบั อีเอ็มเอฟของ 3. ความสามารถในการ

แหลง่ กำเนิดไฟฟ้า แก้ปัญหา (แก้สมการ

กระแสตรงได้ แกป้ ัญหาเฉพาะหนา้

พนั ธ์ 1. สามารถคำนวณปรมิ าณ และศึกษาหรือรับรู้

นไฟฟ้า ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องจาก ข้อมูลมองเหน็ และเข้าใจ

มตา่ ง สถานการณท์ กี่ ำหนดใหไ้ ด้ ปญั หาสำคญั ท่ีเกดิ ข้นึ

สไฟฟ้า ได้)

ฟ้าได้ 4. ความสามารถในการใช้

ทกั ษะชีวติ (ความ

รบั ผดิ ชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

13. ทดลองและคำนวณอีเอ็มเอฟสมมูลจาก 1. การตอ่ แบตเตอร่ี 1. อธิบายความหมา
การต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรมและแบบ อีเอ็มเอฟสมมูลแ
ขนาน รวมทงั้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่ ความต้านทานภา
เก่ยี วข้องในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงซ่งึ สมมลู เมอื่ ต่อ
ประกอบด้วยแบตเตอร่แี ละตัวต้านทาน แบตเตอรแ่ี บบอน
และแบบขนานได

1. การวิเคราะหว์ งจรไฟฟ้า -
กระแสตรง

19

(ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น

คอมพิวเตอร)์

ายของ 1. ทดลองเพ่อื อธบิ ายอเี อ็ม 1. เปน็ เปน็ ผมู้ ี 1. ความสามารถในการ
และ เอฟสมมลู และความ
ายใน ต้านทานภายในสมมูล ความ สอื่ สาร (อ่าน ฟัง พูด

เมื่อตอ่ แบตเตอรี่แบบ รบั ผดิ ชอบ เขยี น)
นกุ รม อนกุ รมและแบบขนานได้
ด้ 2. คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี และเป็นผมู้ ี 2. ความสามารถในการคิด

เก่ียวขอ้ งได้ ความมุง่ ม่นั ใน (สงั เกต วิเคราะห์ จดั
1. คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ี
การทำงาน กลมุ่ สรปุ )
เกีย่ วข้องในวงจร
ไฟฟา้ กระแสตรงซ่ึง 3. ความสามารถในการ
ประกอบด้วยแบตเตอรี่
และตวั ต้านทาน แกป้ ัญหา (แกส้ มการ

แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า

และศกึ ษาหรอื รับรู้

ข้อมลู มองเห็นและเข้าใจ

ปญั หาสำคัญที่เกิดข้ึน

ได้)

4. ความสามารถในการใช้

ทกั ษะชีวติ (ความ

รับผดิ ชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ

14. อธบิ ายการเปลย่ี นพลังงานทดแทนเป็น 1. พลังงานทดแทนและ 1. อธิบายการเปลยี่
พลังงานทดแทน
พลังงานไฟฟ้า รวมท้ังสบื คน้ และ เทคโนโลยดี ้านพลังงาน พลังงานไฟฟ้าได

อภปิ รายเกีย่ วกับเทคโนโลยีท่นี ำมา 2. อธิบายประสทิ ธภิ
ของพลงั งานทดแ
แก้ปัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการ ได้

ทางดา้ นพลังงาน โดยเนน้ ด้าน

ประสทิ ธภิ าพและความคุม้ คา่ ด้าน

คา่ ใช้จา่ ย

20

(ใช้การสืบคน้ ผ่าน

คอมพวิ เตอร์)

ยน 1. ประเมนิ ความคุ้มค่าดา้ น 1. เป็นเปน็ ผู้มี 1. ความสามารถในการ

นเปน็ ค่าใช้จา่ ยของพลังงาน ความ ส่ือสาร (อ่าน ฟัง พูด

ด้ ทดแทนได้ รบั ผิดชอบ เขียน)

ภาพ 2. สืบคน้ และยกตัวอย่าง และเป็นผ้มู ี 2. ความสามารถในการคิด

แทน เทคโนโลยีทีน่ ำมาแก้ปญั หา ความมุง่ มัน่ ใน (สงั เกต วเิ คราะห์ จัด

หรือตอบสนองความ การทำงาน กลุม่ สรุป)

ตอ้ งการด้านพลงั งานได้ 3. ความสามารถในการ

แกป้ ญั หา (แก้สมการ

แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า

และศกึ ษาหรอื รบั รู้

ข้อมลู มองเหน็ และเขา้ ใจ

ปญั หาสำคัญที่เกิดข้ึน

ได้)

4. ความสามารถในการใช้

ทักษะชวี ติ (ความ

รบั ผดิ ชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ



21

(ใชก้ ารสืบค้นผา่ น
คอมพิวเตอร์)

ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5 โครงสร้างราย

เวลา 80 ช

ลำดับ ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ผลการเรียน
ท่ี

1 หน่วยที่ 12 เสยี ง

แผนที่ 1 1. อธบิ ายการเกิดเสียง ก
ของเสยี ง ความสัมพัน
เรื่อง การเคลอ่ื นท่ีของ การกระจดั ของอนุภาค
เสียง ดัน ความสมั พันธ์ระห

22

ยวิชาฟสิ กิ ส์ 4

ชั่วโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ

นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก
(ชั่วโมง) คะแนน

26 20

การเคลอื่ นที่ คลืน่ เสียง (sound wave) เป็นคล่ืนกลชนิด 2 2

นธ์ระหว่างคลืน่ หน่งึ ซง่ึ ตอ้ งอาศยั ตวั กลางในการเคล่อื นท่ี

คกบั คลื่นความ คลน่ื เสียงเกดิ จากการสั่นของวัตถุ และเคล่ือนที่

หว่างอตั ราเรว็ ผ่านตัวกลางจากท่หี นง่ึ ไปยังอกี ที่หนงึ่ เมอื่ คล่นื

แผนที่ 2 ของเสียงในอากาศทข่ี
เร่อื ง อัตราเรว็ เสยี ง ในหน่วยองศาเซลเซยี
การหักเห การแทรกส
การเลี้ยวเบน ของคลน่ื
คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ

แผนที่ 3 1. อธิบายการเกดิ เสยี ง ก

เรือ่ ง การสะทอ้ นของเสียง ของเสียง ความสมั พนั
และการหกั เหของเสียง การกระจัดของอนภุ าค

ขนึ้ กบั อุณหภูมิ เสยี งเคลือ่ นทไี่ ปก็จะเกดิ การถ่ายโอนพลังงาน 2 23
ยส การสะท้อน จากทหี่ น่ึงไปยงั อีกท่หี น่ึง 1
สอด
นเสยี ง รวมท้ัง เสียงเกดิ จากการสัน่ ของแหล่งกำเนดิ เสยี ง 1
ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง และถ่ายโอนพลังงานการสนั่ ไปยงั อนุภาคของ
ตวั กลางที่อยตู่ ดิ กับแหลง่ กำเนดิ เสยี ง ทำให้
อนุภาคของตวั กลางสน่ั และถา่ ยโอนพลงั งาน
ต่อไปยังอนุภาคทอ่ี ยู่ถดั กนั ไปเร่อื ยๆ จนถงึ หู
ผู้ฟัง ทำใหเ้ กิดการเคลอื่ นทขี่ องเสยี ง (Sound
propagation)

คล่ืนเสยี งในอากาศ เมื่อตัวก่อเกดิ เสียง
มีการส่นั โมเลกุลของอากาศจะทำหน้าท่ีเป็น
ตวั กลางในการถา่ ยโอนพลังงานของการสัน่
ให้กับโมเลกุลของอากาศท่ีอยรู่ อบๆ โดยการชน

กรณกี ารเคลื่อนที่ของเสียงในอากาศ พบวา่
ทิศการเคลอ่ื นท่ีของคลน่ื เสยี งกับทิศการส่ันของ
อนภุ าคของอากาศอยูใ่ นแนวเดยี วกนั ดังนน้ั
เสียงจงึ เปน็ คลืน่ เสยี งตามยาว

การเคล่ือนท่ี คลน่ื เสียงแสดงพฤตกิ รรม 4 อย่าง ไดแ้ ก่ 2

นธ์ระหว่างคล่นื การสะทอ้ น การหักเห การเลี้ยวเบนและการ

คกบั คล่ืนความ แทรกสอดเชน่ เดียวกับคลื่นอ่นื ๆ เมื่อคลืน่ เสยี ง
เคลอ่ื นทไ่ี ปพบสงิ่ กีดขวางแล้วจะเคลอ่ื นที่

แผนที่ 4 ดนั ความสมั พนั ธร์ ะห
ของเสียงในอากาศที่ข
เรอ่ื ง การเลี้ยวเบนของ ในหนว่ ยองศาเซลเซีย
เสียง การหักเห การแทรกส
การเล้ียวเบน ของคลนื่
แผนท่ี 5 คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ

เรอ่ื ง การแทรกสอดของ
เสยี ง

หว่างอตั ราเร็ว กลับมาในตวั กลางเดิม จะเกดิ การสะท้อน ถา้ ได้ 2 24
ขึ้นกบั อุณหภมู ิ ยนิ เสยี งสะท้อนหลงั จากได้ยินเสียงครง้ั แรกมี 2 1
ยส การสะทอ้ น เวลาตา่ งกันมากกวา่ 0.1 วนิ าที หูจะแยกเสียง
สอด ทงั้ สองครั้งไดเ้ สยี งสะท้อนนเี้ รยี กวา่ เสียง 2
นเสยี ง รวมทงั้ สะท้อนกลบั (echo) แตห่ ากมีเวลาต่างกนั
ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง น้อยกว่า 0.1 วินาที หจู ะไมส่ ามารถแยกเสียง
ท้ังสองคร้งั ได้เสียงที่ได้ยิน เรยี กวา่ การกงั วาน
(reverberation) เมือ่ คลนื่ เสียงเคลอ่ื นที่จาก
ตัวกลางหนึง่ เข้าไปในอกี ตัวกลางหน่งึ จะเกดิ
การหกั เห เมือ่ คลน่ื เสียงเคล่อื นที่ไปพบขอบสงิ่
กีดขวางหรอื ผา่ นช่องแคบจะเกดิ การเล้ยี วเบน
และเมอื่ คลื่นเสียงสองคล่ืนมาพบกนั จะเกดิ การ
แทรกสอด

แผนท่ี 6 2. อธิบายความเขม้ เสียง

เรื่อง ความเข้มเสียง ระดับ องค์ประกอบของการไ
เสียง ความถี่เสียงกับการ เสียง และมลพิษทางเส
ได้ยิน และคณุ ภาพเสียง คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ

แผนท่ี 7

เร่อื ง มลพษิ ทางเสยี งและ
การป้องกนั

ระดับเสยี ง พลังงานเสยี งทส่ี ง่ ออกจากแหลง่ กำเนิด 2 25
ได้ยนิ คุณภาพ 2 4
สยี ง รวมท้งั เสยี งในหนึง่ หน่วยเวลา เรียกว่า กำลังเสยี ง
ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 1
(power of a sound) กำลงั เสยี งท่ี

แหล่งกำเนดิ เสียงสง่ ออกไปต่อหนว่ ยพ้ืนทท่ี ี่ต้ัง

ฉากกบั ทศิ ทางการเคล่อื นที่ของคลน่ื เสยี ง

เรียกวา่ ความเข้มเสยี ง (sound intensity)

ซึ่งหาไดจ้ าก = ในกรณแี หล่งกำเนิดเสียง


เปน็ จุด =
4 2

ในการบอกความดงั ของเสยี งพจิ ารณาจาก

สเกลลอการทิ มึ เรียกว่า ระดบั เสียง (sound

level) ตามสมการ = 10
0

เสยี งจากแหล่งกำเนิดเสยี งต่าง ๆ มรี ะดับสูง
ต่ำของเสียงและคุณภาพเสียงที่ต่างกัน
ระดับสูงตำ่ ของเสยี ง (pitch) สัมพันธ์กับ
ความถ่ีของเสยี ง เสียงที่มคี วามถี่สงู เรยี กว่า
เสียงสูงหรอื เสียงแหลม เสียงทีม่ ีความถต่ี ำ่
เรียกวา่ เสียงตำ่ หรอื เสยี งทมุ้ สว่ นคณุ ภาพ
เสยี ง(quality of sound)เป็นลักษณะเฉพาะ
ของเสยี งที่ทำใหผ้ ู้ฟังจำแนกเสยี งนนั้ ๆ เสียงทมี่ ี
คุณภาพเสียงตา่ งกนั มีรปู แบบของเสียงแตกตา่ ง
กนั ทงั้ นี้เพราะเสียงแต่ละรปู แบบเกิดจาก

แผนท่ี 8 3. ทดลอง และอธิบายกา
เรอ่ื ง คลื่นนิง่ ของเสยี ง พ้องของอากาศในท่อป
ด้าน รวมทงั้ สงั เกตแล
แผนที่ 9 เกิดบตี คลื่นน่ิง ปราก
เรอื่ ง การสั่นพอ้ งของ เพลอร์ คลืน่ กระแทกข
อากาศในท่อ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ
และนำความรเู้ ร่ืองเสีย
แผนที่ 10 ชวี ติ ประจำวนั
เรื่อง การสั่นพ้องของ
อากาศในท่อ (ต่อ)


Click to View FlipBook Version