306
9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) นักเรียน
1) อธบิ ายพลังงานศกั ยไ์ ฟฟา้ และ ทำกิจกรรม ตอบคำถามได้ระดบั
ศกั ยไ์ ฟฟา้ ได้ 1) ตรวจสมุดของ
นกั เรียน 2) คำถาม 1 ข้อ ดี ผ่านเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณทีเ่ ก่ียวข้องได้ 1) ตรวจการส่งสมุด 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ของนักเรยี น
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) ทำกิจกรรม ทำแบบฝึกหดั ได้
1) เปน็ ผู้มคี วามรับผิดชอบและ
เป็นผ้มู คี วามมุง่ ม่ันในการทำงาน 2) แบบฝึกหดั จำนวน ระดับดี ผ่านเกณฑ์
1 ข้อ
1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนทำภาระ
ทำกจิ กรรม งานที่ได้รบั มอบหมาย
ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรียน
เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรอ่ื ง ศกั ย์ไฟฟา้ และความต่างศักย์เนื่องจากสนามไฟฟา้
สม่ำเสมอ
ประเด็นการ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ 2 ตอบคำถามได้ถูกตอ้ งครบถ้วน
(K) 1 ตอบคำถามไม่ถูกต้อง
ดา้ น 2 ทำแบบฝกึ หดั ไดถ้ ูกต้องครบถ้วน
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝกึ หัดไมถ่ กู ตอ้ ง
ดา้ น 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น
คณุ ลักษณะ 1 ทำภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางสว่ น
(A)
ระดับคะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
307
การประเมนิ การทำกจิ กรรม เรือ่ ง ศักยไ์ ฟฟ้าและความต่างศักย์เน่อื งจากสนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอ
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่อื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
308
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2-3 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
309
บนั ทึกหลงั การสอน
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 13 เรื่อง ไฟฟา้ สถติ ใ
แผนการสอนท่ี 23 เรื่อง ศักยไ์ ฟฟา้ และความต่างศักย์เนอ่ื งจากสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ
ใ เดอื น พ.ศ. ใ
วนั ที่
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่ือ............................................ครผู ้สู อน ลงช่อื .............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงชือ่ ............................................. รองฯ กล่มุ บริหารวชิ าการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชื่อ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
310
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 24
เรอ่ื ง ศกั ย์ไฟฟ้าเนือ่ งจากจุดประจุ
รายวิชา ฟสิ ิกส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 13 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลมุ่ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟ้ากระแสสลบั คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
7. อธิบายและคำนวณพลงั งานศักยไ์ ฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟ้า และ ความตา่ งศักยร์ ะหว่างสองตำแหน่งใด ๆ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งสองตำแหนง่ ใด ๆ ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณปรมิ าณท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ความตา่ งศักย์ระหวา่ งสองตำแหน่งใด ๆ ได้
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
1) เปน็ ผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเปน็ ผูม้ คี วามมุง่ มัน่ ในการทำงาน
4. สาระสำคญั
เมอื่ นำประจไุ ปอยู่ ณ ตำแหน่งหนึง่ ในบริเวณที่มีสนามไฟฟา้ จะทำให้เกิดพลังงานศักยไ์ ฟฟ้า ของประจุ
นัน้ เม่อื ประจุเคล่อื นท่ใี นบรเิ วณที่มีสนามไฟฟา้ จะมกี ารเปล่ียนแปลงพลงั งานศักย์ไฟฟา้ และ พลงั งานจลน์ของประจุ
เป็นไปตามกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล
เมื่อประจุ อยู่ในสนามไฟฟ้า ทำให้มีพลังงานศักย์ไฟฟ้า ของประจุ จะมีพลังงานศักย์ไฟฟ้าต่อหน่งึ
หน่วยประจุ ณ ตำแหนง่ น้นั เรียกว่า ศักยไ์ ฟฟ้า (electric field) ตามสมการ =
ความต่างศักย์ หมายถึง ศักย์ไฟฟ้าที่ตำแหน่งหนึ่งเทียบกับอกี ตำแหน่งหนึ่ง ความต่างศักย์ที่ตำแหน่ง
เทียบกับตำแหน่ง หาได้จาก − = ∆ = ∆ ซึ่งมีค่าเท่ากับงานเนื่องจากแรงไฟฟ้าในการ
เคล่อื นทหี่ นง่ึ หนว่ ยประจุบวก จาก ไป ตามสมการ − = − →
311
ความต่างศักย์เนื่องจากสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอระหว่างสองตำแหน่งที่ห่างกันเป็นระยะ ในแนวขนาน
สนามไฟฟา้ หาได้จาก ∆ = −
ศกั ย์ไฟฟา้ ของจุดประจุ ณ ตำแหนง่ ซ่งึ หา่ งจากประจุต้นกำเนิด เปน็ ระยะทาง หาได้จาก =
ศกั ยไ์ ฟฟ้าเน่ืองจากประจุบวกมคี ่าเปน็ บวกและศกั ยไ์ ฟฟา้ เนอื่ งจากประจลุ บมีคา่ เป็นลบ
ศักย์ไฟฟา้ ของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มคี ่าเทา่ กับผลรวมแบบสเกลาร์ของศกั ยไ์ ฟฟา้ เน่อื งจากจุดประจุ
แตล่ ะประจุ
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
ศักย์ไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุ สนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุมีค่าเท่ากับ = เนื่องจาก
2
ประจุ + นั่นคือ สนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุมีค่าไม่คงตัว แสดงว่าถ้านำประจุไฟฟ้า + ไปวางใน
สนามไฟฟ้าที่ตำแหน่ง A ดังรูป 13.30 ประจุไฟฟ้า + จะเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับสนามไฟฟ้าของ
ประจุ + จากตำแหน่ง A ไปยงั ตำแหนง่ B
จะมแี รงไฟฟา้ ⃑ กระทำกับประจุ + มขี นาดเปน็
= ( 2 )
= 2
งานทัง้ หมด = ผลบวกของงานยอ่ ย
วธิ หี างานจากผลรวมของงานยอ่ ยหาจากพื้นท่ีใต้กราฟระหวา่ งแรงกบั ตำแหนง่ ทำไดด้ ังตอ่ ไปน้ี
จากแรง = แสดงว่า มีค่าลดลงเป็นสัดส่วนกับกำลังสองของระยะห่างจากจุด
2
ประจุที่ให้สนามไฟฟ้า การหางานจากตำแหน่งเริ่มตันถึงตำแหน่งสุดท้าย หาได้จากพื้นที่ใต้กราฟดังรูป
13.31
312
สรปุ ว่าศักยไ์ ฟฟา้ เนอ่ื งจากจุดประจุ ที่ตำแหนง่ ห่างจากจุดประจดุ เปน็ ระยะ หาไดจ้ าก
=
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่ือสาร (อ่าน ฟัง พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นยิ ม
เป็นผมู้ ีความรับผิดชอบและเป็นผ้มู ีความมุ่งม่นั ในการทำงาน
6. บรู ณาการ
6.1 บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรือ่ ง การแก้สมการ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุมคี ่าเท่ากับ = เนอื่ งจากประจุ + นัน่ คือ
2
สนามไฟฟา้ เน่อื งจากจุดประจุมคี ่าไม่คงตัว แสดงว่าถ้านำประจไุ ฟฟ้า + ไปวางในสนามไฟฟ้าที่ตำแหน่ง
A ดังรูป 13.30 ประจไุ ฟฟ้า + จะเคลือ่ นทใ่ี นทิศทางเดยี วกับสนามไฟฟา้ ของประจุ + จากตำแหน่ง
A ไปยงั ตำแหน่ง B
ข้ันท่ี 2 ขั้นสำรวจและค้นหา
2.1 ครนู ำอภปิ รายเกี่ยวกับศกั ยไ์ ฟฟา้ เนอื่ งจากจุดประจุ ตามเนื้อหาในหนงั สือเรียน
2.2 ครูนำนักเรยี นศกึ ษาตัวอยา่ งโจทยป์ ญั หาในหนังสอื หนา้ 123-127 อย่างละเอยี ด
2.3 ครทู ดสอบนักเรียนโดยให้ทำแบบฝกึ หัดที่ 13.4 (ขอ้ 3.) เร่อื ง ศกั ย์ไฟฟ้าเนอ่ื งจากจุดประจุ
จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมุด
2.4 ครูให้นกั เรียนตอบคำถามตรวจความเข้าใจ 13.4 (ข้อ 2.) เรื่อง ศักย์ไฟฟา้ เนื่องจากจุดประจุ
จำนวน 1 ข้อ ลงในสมุด
ข้ันที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูต้งั คำถามให้นักเรียนตอบเพ่อื ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจ (โดยสุ่มเลขที่) คำถามดงั ตอ่ ไปนี้
1) สนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ ( ⃑ ) จุด A, B และ C อยู่ที่ตำแหน่ง ดังรูป จงพิจารณา
ขอ้ ความต่อไปนขี้ ้อใดถกู ต้อง
ก) ศักย์ไฟฟา้ ท่จี ุด A มคี า่ สงู กวา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ที่จุด B
ข) ศกั ย์ไฟฟ้าทจี่ ุด A มคี ่าสงู กว่าศกั ยไ์ ฟฟ้าท่จี ดุ C
313
(แนวการตอบ ก) ผดิ เนอื่ งจากศกั ยไ์ ฟฟ้าทจี่ ุด A เท่ากับศักยไ์ ฟฟา้ ที่จดุ B ข) ถูก เนื่องจาก
สนามไฟฟ้ามีทศิ ทางจากตำแหนง่ ศกั ย์ไฟฟ้าสูงไปยังตำแหนง่ ทม่ี ีศกั ยไ์ ฟฟา้ ตำ่ )
3.2 ครสู มุ่ นกั เรยี น 1 คน โดยสุม่ เลขท่ีออกมาแสดงวธิ ีการหาคำตอบแบบฝึกหดั ที่ 13.4 (ขอ้ 3.)
เรือ่ ง ศกั ยไ์ ฟฟา้ เนอื่ งจากจุดประจุ หนา้ ช้ันเรยี น
ขัน้ ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูยกตวั อย่างโจทย์ปญั หาที่ค่อนข้างยากให้นกั เรยี นได้ร่วมกนั วิเคราะห์และหาคำตอบพร้อมกัน
ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 นกั เรยี นตอบคำถามตรวจความเข้าใจ 13.4 (ขอ้ 2.) เร่ือง ศกั ยไ์ ฟฟ้าเนือ่ งจากจดุ ประจุ
จำนวน 1 ข้อ
5.2 นักเรยี นทำแบบฝึกหัดที่ 13.4 (ข้อ 3.) เร่ือง ศักย์ไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุ
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนนำความร้ทู ่ีเรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเวบ็ ไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ชัน้ เรยี น
8. ส่อื การเรยี นรู/้ แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 4 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต
314
9. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) นักเรียน
1) อธิบายความตา่ งศักย์ระหว่างสอง ทำกจิ กรรม ตอบคำถามได้ระดบั
ตำแหนง่ ใด ๆ ได้
2) คำถาม 1 ขอ้ ดี ผ่านเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณที่เกย่ี วขอ้ งกับความตา่ ง 1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นสามารถ
ศกั ยร์ ะหว่างสองตำแหนง่ ใด ๆ ได้ นกั เรยี น ทำกิจกรรม ทำแบบฝกึ หดั ได้
2) แบบฝกึ หดั 1 ขอ้ ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ดา้ นคุณลักษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมดุ 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นทำภาระ
1) เป็นผู้มีความรบั ผิดชอบและ ของนักเรียน
เปน็ ผ้มู ีความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน ทำกจิ กรรม งานท่ีได้รบั มอบหมาย
ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เร่อื ง ศักยไ์ ฟฟา้ เนือ่ งจากจดุ ประจุ
ประเด็นการ คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ด้านความรู้ 2 ตอบคำถามได้ถูกตอ้ งครบถว้ น
(K) 1 ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง
ด้าน 2 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝกึ หดั ไมถ่ กู ตอ้ ง
ด้าน 2 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถูกตอ้ งครบถว้ น
คุณลกั ษณะ 1 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยังผิดพลาดบางสว่ น
(A)
ระดบั คะแนน ระดบั ดี
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง
315
การประเมนิ การทำกจิ กรรม เรอ่ื ง ศักยไ์ ฟฟ้าเนอ่ื งจากจดุ ประจุ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
316
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2-3 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
317
บนั ทึกหลงั การสอน
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 13 เรอื่ ง ไฟฟ้าสถติ ใ
แผนการสอนท่ี 24 เรื่อง ศกั ยไ์ ฟฟา้ เนอื่ งจากจดุ ประจุ v
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วันที่
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่ือ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลมุ่ บริหารวิชาการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)
ลงชื่อ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุรยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
318
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 25
เร่ือง หลักการทำงานของตัวเก็บประจุ
รายวชิ า ฟิสิกส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 13 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2
บูรณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มาตรฐานสากล ขา้ มกลุ่มสาระ
1. สาระฟิสิกส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปล่ยี นพลังงานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟา้ กระแสสลบั คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าและการสือ่ สาร รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
8. อธิบายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ ความสัมพันธ์ระหว่างประจุไฟฟ้า ความต่างศักย์ และความจุของ
ตวั เกบ็ ประจุ และอธบิ ายพลงั งานสะสมในตวั เก็บประจุ และความจุสมมูล รวมทัง้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายโครงสร้าง หลักการทำงาน การประจุและการคายประจุของตวั เกบ็ ประจไุ ด้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณที่เก่ยี วขอ้ งกบั ตัวเก็บประจุได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) มกี ารแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ บั ผ้อู ืน่
4. สาระสำคญั
ตัวเก็บประจุ (capacitor) คือ อุปกรณ์ทางไฟฟา้ ซึ่งทำหน้าที่เก็บสะสมและคายประจุไฟฟ้า มีโครงสรา้ ง
พื้นฐานประกอบดว้ ย ตวั นำสองชนิ้ ทค่ี นั่ ดว้ ยฉนวน
เม่อื นำตวั เกบ็ ประจุไปต่อกบั แบตเตอร่ี ทำใหแ้ ผ่นตัวนำแต่ละแผ่นมีประจสุ ะสม − และ + ถอื ว่าตัว
เก็บประจมุ ปี ระจุสะสมเทา่ กบั ซ่งึ เรียกวา่ การประจุ (charging)
เมื่อนำตัวเก็บประจุที่ผ่านการประจุแล้วไปต่อเข้าเป็นวงจรกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้มีการถ่ายโอนประจุ
ไฟฟ้าจากตัวเก็บประจุผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเรียกว่า การคายประจุ (discharging) และหยุดถ่ายโอนเมื่อประจุ
ไฟฟา้ ท่สี ะสมเท่ากบั ศูนย์
319
ความจุ (capacitance) เป็นความสามารถในการเก็บประจุของตัวเก็บประจุ หาได้จากอัตราส่วนของ
ประจไุ ฟฟา้ ตอ่ ความตา่ งศักย์ ตามสมการ =
∆
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
ตวั เกบ็ ประจุ (capacitor) เปน็ อุปกรณ์ไฟฟา้ ซ่งึ ทำหน้าที่เก็บสะสมและคายประจุไฟฟ้า สามารถ
ไปประยุกต์ใช้หลากหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งสำรองพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้แสงแฟลช
สำหรับกลอ้ งถา่ ยรปู จอสัมผสั ของโทรศัพท์เคลอ่ื นท่ี ตัวอยา่ งของตวั เกบ็ ประจุชนดิ ตา่ งๆ ดงั รปู 13.35
รูป 13.35 ตัวเกบ็ ประจุชนดิ ต่างๆ
โครงสร้างพืน้ ฐานของตวั เก็บประจุประกอบด้วยตัวนำสองช้ินที่คัน่ ด้วยฉนวน เช่น ตัวเก็บประจุท่ี
ประกอบดว้ ยแผน่ ตัวนำสองแผ่นวางขนานกันและมฉี นวนคัน่ กลาง ดงั รูป 13.36 ก. ตวั เกบ็ ประจุลักษณะนี้
เรียกว่า ตัวเก็บประจุแผ่นคู่ขนาน (parallel-plate capacitor) ซึ่งเป็นชนิดของตัวเก็บประจุที่ใช้ใน
การศึกษาในช่วงเริ่มตน้ และเป็นชนิดท่ใี ชก้ ันอยา่ งแพรห่ ลายในปัจจุบัน
สญั ลกั ษณ์ท่ีใชแ้ ทนตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟา้ จะเขียนเปน็ ขดี ยาวสองขดี ขนานกัน ดังรูป 13.36 ข.
รปู 13.36 ก. โครงสรา้ งของตวั เกบ็ ประจุแผน่ คู่ขนาน
ข. สญั ลักษณ์ท่ีใช้แทนตวั เก็บประจุ
หลักการทำงานของตัวเก็บประจุ พจิ ารณาตัวเกบ็ ประจุแผ่นคูข่ นานทป่ี ระกอบดว้ ยแผน่ ตัวนำสองแผ่นวาง
ขนานกันและระหวา่ งกลางมีช่องว่าง มอี ากาศทำหน้าท่ีเป็นฉนวน เม่ือนำตัวเกบ็ ประจุไปต่อกับแบตเตอร่ีและสวิตซ์
เป็นวงจร โดยแผน่ ตัวนำแผ่นดา้ นขวามอื ต่อกบั สวิตซ์ท่ตี ่ออย่กู ับขับของแบตเตอร่ี(ศกั ยไ์ ฟฟ้าต่ำ) และแผ่นตัวนำด้าน
ซา้ ยมอื ต่อกบั ขั้วบวกของแบตเตอรี่(ศกั ยไ์ ฟฟ้าสูง) ดังรปู 13.37 ก. ซึ่งแสดงเป็นวงจรไฟฟา้ ได้ ดังรูป
320
รูป 13.37 ขั้นตอนการประจตุ วั เก็บประจคุ ู่ขนาน
เริ่มต้นตัวเก็บประจุมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า เมื่อเปิดสวิตซ์เพื่อทำให้วงจรปิด อิเล็กตรอนอิสระจะ
เคลอ่ื นทีอ่ อกจากขั้วลบของแบตเตอรี่ไปยังแผ่นตัวนำด้านขวามอื ขณะเดียวกนั อิเลก็ ตรอนอิสระบนแผน่ ตัวนำด้าน
ซา้ ยมอื จะถกู แรงผลกั จากอิเลก็ ตรอนบนแผ่นตัวนำด้านขวามอื ใหเ้ คลื่อนท่ไี ปยังขวั้ บวกของแบตเตอรี่ของแบตเตอรี่
ดังรปู 13.17 ค. กระบวนการนี้เรยี กว่า การประจุ (charging) ซ่งึ ทำใหแ้ ผ่นตวั นำด้านขวามือมีประจุสะสมเป็นลบ
และแผ่นตัวนำด้านซ้ายมือมีประจุสะสมบวกในขนาดที่เท่ากับประจุลบบนแผ่นตวั นำด้านขวามือ การที่มีประชนิด
ตรงข้ามกันสะสมเพิม่ ขึ้นบนแผ่นตัวนำทั้งสองทำให้ความต่างศักยร์ ะหวา่ งแผ่นตัวนำทัง้ สองเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเมอื่
ความต่างศักย์ระหางแผ่นตัวนำทั้งสองเท่ากับความตา่ งศักย์ระหว่างข้ัวของแบตเตอรี่อิเล็กตรอนอิสระจะหยุดการ
เคลื่อนที่ทำให้แผ่นตัวนำทั้งสองมีประจุสะสมจำนวนหน่ึง กำหนดให้มีค่าเท่ากับ− และ + ดังรูป 13.37
ซึ่งกล่าวไดว้ ่า ตวั เก็บประจมุ ีประจสุ ะสมท่ากับ
เมื่อนำตัวเก็บประจุที่มีประจุสะสมทำกับ ไปต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟ แล้วเปิดสวิตซ์
อิเล็กตรอนอิสระในตัวเก็บประจุจะเคลื่อนที่ผ่านหลอดไฟในทิศทางตรงข้ามกับขั้นตอนการประจุ ดังรูป 13.38 ก.
กระบวนการนี้เรียกวา่ การคายประจุ (discharging) ซึ่งทำให้พลงั งานไฟฟ้าที่สะสมในตัวเก็บประจุถูกถ่ายโอนไป
ยังหลอดไฟ หลอดไฟจึงสว่าง จนกระท่ังเมอ่ื ประจุปรมิ าณ เคลือ่ นทีผ่ ่านหลอดไฟจนหมดแล้ว การคายประจุของ
ตัวเก็บประจุจะหยุดลง หลอดไฟจึงดับ ดังรปู 13.38 ข.
รูป 13.38 ขนั้ ตอนการคายประจุตัวเกบ็ ประจแุ ผ่นคูข่ นาน
ความจุของตัวเกบ็ ประจุ ความสามารถในการเก็บประจุของตัวเก็บประจุเรียกว่า ความจุ (capacitance)
แทนด้วย หาได้จากอัตราส่วนระหว่างประจุที่สะสมบนตัวเก็บประจุ กับความต่างศักย์ที่ตัวเก็บประจุ ∆
เขยี นแทนได้ดว้ ยสมการ =
∆
321
ความจุมีหน่วยคูลอมบ์ต่อโวลต์ (C/V) หรือฟารัด (farad, F) ซึ่งตัวเก็บประจุที่ใช้งานทั่วไปมีความจุ
ไมม่ ากนัก จึงระบหุ น่วยความจุเป็นไมโครฟารดั (µF) นาโนฟารัด (nF) หรอื พิโกฟารัด (pF) จากสมการ =
∆
เมอ่ื นำตัวเก็บประจไุ ปใช้งาน จะสามารถหาประจทุ ่ีสะสมบนตวั เก็บประจไุ ด้จากสมการ = ∆
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื คน้ ผ่านคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลักษณะและคา่ นยิ ม
เป็นผมู้ ีความรบั ผิดชอบและเปน็ ผู้มคี วามมงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บรู ณาการกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ เร่ือง การแกส้ มการ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ ท่ี 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูให้นักเรียนทำข้อสอบเก็บคะแนนก่อนเรียน เรื่อง ตัวเก็บประจุโดยให้นักเรียนทำเพื่อ
ตรวจสอบความรู้เกีย่ วกับตัวเก็บประจไุ ฟฟ้าท่มี ีอยู่เดิม
1.2 ครูนำภาพถ่ายรูปนแผงวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีตัวเก็บประจุเป็นส่วนประกอบให้
นักเรียนสังเกต แล้วตั้งคำถามว่า นักเรียนรู้จักชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใดบ้าง และแต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไร
(โดยครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระ ไมค่ าดหวงั คำตอบท่ีถูกต้อง)
http://myelectronic.lnwshop.com
1.3 ครูชี้ให้นักเรียนดูว่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นตัวเก็บประจุ จากนั้นให้นักเรียนสังเกต
ตัวอย่างหรือรูปของตัวเก็บประจุชนิดต่าง ๆ พร้อมนำอภิปรายสรุปเกี่ยวกับความหมายของตัวเก็บประจุ
โครงสร้างพื้นฐานของตัวเก็บประจุ ตัวเก็บประจุแผ่นคู่ขนาน และสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวเก็บประจุใน
วงจรไฟฟ้าตามรายละเอียดในหนงั สอื เรยี นหน้า 129
322
1.4 ครูตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ตัวเก็บประจุสามารถเก็บสะสมประจุไฟฟ้าได้
อยา่ งไร (โดยครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระ ไม่คาดหวังคำตอบท่ถี กู ต้อง)
ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครูแบ่งกลมุ่ นกั เรยี น จำนวน 5 กลมุ่ โดยทำการสุ่มจากโปรแกรม
(https://random.thaiware.com/) หรอื โปรแกรม Super Soomm And Goomm
2.2 ครูอธิบายเกีย่ วกบั การเข้าฐาน โดยแบง่ เปน็ 5 ฐาน ดงั นี้
ฐานท่ี 1 ตวั เก็บประจุ
ฐานที่ 2 หลักการทำงานของตวั เกบ็ ประจุ
ฐานท่ี 3 การประจุ
ฐานที่ 4 การคายประจุ
ฐานที่ 5 ความจขุ องตวั เกบ็ ประจุ
ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มจบั ฉลากเข้าฐาน เพ่อื ทำการศกึ ษาค้นคว้าจากเอกสารของฐานนน้ั
2.3 นักเรยี นแต่ละกลุ่มทศ่ี ึกษาและทำความเขา้ ใจเนอ้ื หา (ใช้เวลา 10 นาท)ี
ขั้นท่ี 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกนั สรุปความรู้ที่ไดโ้ ดยเขียนสรุปลงบนกระดานหนา้ ช้นั เรียน พร้อมส่ง
ตวั แทนออกมานำเสนอความร้ทู ่ไี ด้
3.2 นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายและสรปุ การศึกษาคน้ คว้าจนได้ขอ้ สรปุ ดังนี้
ตัวเก็บประจุ (capacitor) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าซึง่ ทำหนา้ ท่ีเก็บสะสมและคายประจุไฟฟ้า
สามารถไปประยุกต์ใช้หลากหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งสำรองพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้แสง
แฟลชสำหรับกลอ้ งถา่ ยรูป จอสมั ผสั ของโทรศพั ทเ์ คลือ่ นท่ี ตวั อยา่ งของตัวเกบ็ ประจชุ นดิ ตา่ งๆ
หลกั การทำงานของตัวเก็บประจุ พิจารณาตวั เก็บประจแุ ผ่นคู่ขนานท่ปี ระกอบด้วยแผ่น
ตัวนำสองแผ่นวางขนานกนั และระหว่างกลางมีช่องวา่ ง มอี ากาศทำหน้าทเ่ี ป็นฉนวน เมอ่ื นำตัวเก็บประจุไป
ต่อกบั แบตเตอร่ีและสวิตซเ์ ปน็ วงจร โดยแผ่นตวั นำแผน่ ดา้ นขวามือตอ่ กับสวิตซ์ทตี่ ่ออยู่กบั ขับของแบตเตอรี่
(ศักยไ์ ฟฟ้าต่ำ) และแผน่ ตวั นำดา้ นซ้ายมือต่อกบั ขั้วบวกของแบตเตอร(ี่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ สงู )
ความจุของตัวเก็บประจุ ความสามารถในการเก็บประจุของตัวเก็บประจุเรียกว่า ความจุ
(capacitance) แทนด้วย หาได้จากอัตราส่วนระหว่างประจุที่สะสมบนตัวเก็บประจุ กับความต่าง
ศกั ยท์ ่ีตวั เก็บประจุ ∆ เขยี นแทนได้ด้วยสมการ =
∆
ขนั้ ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายตัวอย่างโจทยป์ ญั หา ในหนังสือ หนา้ 132
ข้ันที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครูประเมินจากการนำเสนอของนักเรยี นแต่ละกลมุ่
5.2 นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั ที่ 13.5 (ข้อ 1.) ในหนงั สอื หนา้ 140
5.3 นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 13 (ขอ้ 7. - 8.) ในหนังสอื หน้า 153
323
5.4 ครูใหน้ กั เรยี นทำข้อสอบเกบ็ คะแนนหลงั เรยี น เรื่อง ตัวเกบ็ ประจุ
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนนำความรูท้ ่ีเรยี นไปคน้ คว้าเพิ่มเติมทีห่ ้องสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ชนั้ เรียน
8. ส่อื การเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส)์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เลม่ 4 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต
8.3 เอกสารเน้ือหาเก่ยี วกบั ตัวเกบ็ ประจุ
8.4 ข้อสอบเกบ็ คะแนนกอ่ นเรียน เรื่อง ตวั เก็บประจุ
8.5 ข้อสอบเก็บคะแนนหลงั เรยี น เรื่อง ตวั เกบ็ ประจุ
9. การวัดและประเมินผล วิธีการวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1) ตรวจข้อสอบเก็บคะแนน 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) หลังเรยี น เร่อื ง ตวั เก็บประจุ ทำกจิ กรรม ตอบคำถามเกีย่ วกบั
1) อธิบายโครงสร้าง หลกั การทำงาน ตวั เก็บประจุไดร้ ะดับ
การประจแุ ละการคายประจุของตวั 2) ตรวจขอ้ สอบเกบ็ ดี ผา่ นเกณฑ์
เก็บประจไุ ด้ คะแนนหลงั เรยี น
เรอ่ื ง ตัวเกบ็ ประจุ
ดา้ นกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณท่เี กย่ี วข้องกับ 1) สังเกตพฤติกรรมการ 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนสามารถ
ตัวเกบ็ ประจไุ ด้ นำเสนอ ทำกิจกรรม นำเสนอไดร้ ะดบั ดี
2) ตรวจแบบฝึกหัด จำนวน ผา่ นเกณฑ์
ด้านคณุ ลักษณะ (A) 3 ขอ้ 2) นักเรยี นสามารถ
1) มกี ารแลกเปล่ยี นเรียนรู้กบั ผอู้ ื่น ทำแบบฝึกหัดได้
ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
1) สังเกตพฤติกรรม 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นมีการ
ทำกิจกรรม แลกเปล่ยี นความร้กู บั
ผู้อ่ืนไดร้ ะดับดี ผา่ น
เกณฑ์
324
10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรอื่ ง หลกั การทำงานของตวั เกบ็ ประจุ
ประเดน็ การ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ทำแบบทดสอบได้ 9 - 10 ขอ้
ดา้ นความรู้ 3 ทำแบบทดสอบได้ 6 - 8 ข้อ
(K) 2 ทำแบบทดสอบได้ 0 - 5 ขอ้
1 ทำแบบฝึกหดั ได้ถูกต้องครบถ้วน 3 ข้อ
ด้าน 1.5 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 2 ข้อ
กระบวนการ 1 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น 1 ขอ้
0.5 สามารถนำเสนองานได้น่าสนใจ เนื้อหาถกู ต้องสมบูรณ์
(P) 1.5 สามารถนำเสนองานไดค้ ่อนขา้ งน่าสนใจ เนือ้ หาถูกต้องสมบรู ณ์
1 สามารถนำเสนองานไดค้ ่อนขา้ งนา่ สนใจ เนื้อหาค่อนขา้ งถูกต้อง
ดา้ น 0.5 มีการแลกเปลีย่ นความรู้กบั ผู้อน่ื อยา่ งสม่ำเสมอ
คณุ ลกั ษณะ 3 ค่อนขา้ งมกี ารแลกเปลี่ยนความรกู้ บั ผู้อืน่
2 ไมม่ กี ารแลกเปลย่ี นความรกู้ บั ผู้อ่ืน
(A) 1
ระดับคะแนน หมายถงึ ระดบั ดมี าก
3 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน 1
คะแนน
325
การประเมินการทำกิจกรรม เรือ่ ง หลกั การทำงานของตวั เกบ็ ประจุ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
326
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
327
บนั ทึกหลังการสอน
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 13 เรอ่ื ง ไฟฟ้าสถติ ใ
แผนการสอนท่ี 25 เรอ่ื ง หลักการทำงานของตัวเก็บประจุ v
ใ เดอื น พ.ศ. ใ
วันที่
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่ือ............................................ครผู ้สู อน ลงช่อื .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลมุ่ บริหารวิชาการ
(นายบพิตร เหลา่ กอ)
ลงชื่อ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
328
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 26
เรอ่ื ง พลงั งานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ
รายวิชา ฟิสกิ ส์ 4 รหสั วิชา ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 13 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกล่มุ สาระ
1. สาระฟิสิกส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจไุ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลงั ไฟฟ้า การเปลย่ี นพลังงานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟา้ กระแสสลับ คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ และการส่ือสาร รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
8. อธบิ ายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ ความสัมพันธร์ ะหว่างประจไุ ฟฟา้ ความต่างศกั ย์ และความจุของ
ตวั เกบ็ ประจุ และอธิบายพลงั งานสะสมในตวั เก็บประจุ และความจุสมมลู รวมท้งั คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประจไุ ฟฟา้ ความตา่ งศกั ยแ์ ละความจุของตัวเกบ็ ประจุได้
2) อธิบายพลงั งานสะสมในตัวเกบ็ ประจแุ ละความจสุ มมลู ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณหาปริมาณพลงั งานสะสมในตวั เกบ็ ประจุและความจุสมมลู ทโ่ี จทยก์ ำหนดได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
1) เปน็ ผู้มีความรบั ผิดชอบและเปน็ ผมู้ ีความม่งุ มั่นในการทำงาน
4. สาระสำคัญ
พลังงานที่สะสมในตวั เก็บประจุพิจารณาได้จากงานที่กระทำตอ่ ประจุใหเ้ คลื่อนที่ไปสะสมบนตัวเก็บประจุ
ซ่ึงเทา่ กบั พื้นท่ใี ตก้ ราฟระหว่างความต่างศักย์กับประจทุ ี่สะสมบนตวั เกบ็ ประจุ ตามสมการ = 1 ∆
2
329
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ ความสามารถในการเกบ็ สะสมพลงั งานไฟฟ้าทำให้ตัวเกบ็ ประจมุ ี
ประโยชนแ์ ละมีการใช้งานอยา่ งแพรห่ ลาย เมือ่ ประจสุ ะสมบนตวั เก็บประจมุ ีปริมาณมากขนึ้ ความต่างศักย์
ระหวา่ งปลายของตวั เกบ็ ประจุจะมีค่าเพ่ิมข้ึนเชน่ กนั ถา้ เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์กับ
ประจทุ ่ีสะสมบนตวั เก็บประจุ จะไดก้ ราฟดังรปู 13.40
รูป 13.40 กราฟระหว่างความต่างศกั ย์กับประจุบนตัวเกบ็ ประจุ
จากกราฟ เมอ่ื ประจุสะสมบนตัวเกบ็ ประจุมีคา่ เท่ากับ และความต่างศักยร์ ะหว่างปลายของตวั
เกบ็ ประจุเท่ากับ ∆ เราสามารถหางาน ทีก่ ระทำต่อประจใุ หเ้ คลอ่ื นท่สี ะสมบนตัวเกบ็ ประจไุ ด้จาก
พนื้ ท่ีใตก้ ราฟ ซ่ึงเป็นรูปสามเหล่ยี มและเทา่ กับ = 1 ∆
2
ซ่ึงงานนเ้ี ทา่ กบั พลังงานศักย์ทส่ี ะสมในตัวเกบ็ ประจุ แทนดว้ ย ดังนนั้ จะได้
1
= 2 ∆
เมอื่ แทน = ∆ ในสมการ = 1 ∆ จะได้วา่ = 1 (∆ )2
22
และเมอ่ื แทน ∆ = ในสมการ = 1 ∆ จะได้วา่ = 1 2
2 2
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จดั กลุม่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผา่ นคอมพวิ เตอร)์
5.3 คุณลักษณะและคา่ นิยม
เป็นผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเป็นผู้มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกับกล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรื่อง การแกส้ มการ
330
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความรเู้ ดิม เรอื่ ง ตัวเก็บประจุ และหลกั การทำงานของตัวเก็บประจุ
1.2 ครูต้งั ถามใหน้ กั เรียนตอบ ดงั นี้
ตัวเก็บประจุเมื่อเก็บสะสมประจุแล้ว ทำให้เกิดพลังงานสะสมได้อย่างไร และพลังงานนี้
เกี่ยวข้องกบั ปรมิ าณใดบ้าง (โดยเปิดโอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวงั
คำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง)
ขั้นที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเน้ือหาและทำความเขา้ ใจ เรอื่ ง พลังงานที่สะสมในตัวเก็บประจุ
ในหนงั สือเรียน หน้า 135
2.2 ครนู ำนกั เรยี นอภปิ รายโดยเปรยี บเทียบการเก็บสะสมพลังงานศกั ย์ของสปรงิ กับการเกบ็ สะสม
พลงั งานไฟฟ้าของตวั เกบ็ ประจุ โดยการทำให้สปริงมพี ลังงานศักย์สะสม จะตอ้ งทำงานเพือ่ ให้สปริงยืด
เปรียบได้กบั การท่ีทำใหต้ ัวเกบ็ ประจมุ พี ลังงานไฟฟา้ สะสม จะตอ้ งทำงานเพือ่ ใหป้ ระจเุ คลอ่ื นที่ไปสะสมบน
ตัวเก็บประจุ จนสรปุ ไดว้ า่ พลงั งานสะสมในตวั เก็บประจเุ กิดจากงานทีท่ ำให้ประจุเคลือ่ นทีไ่ ปสะสมบนตวั
เก็บประจซุ ง่ึ พลงั งานนห้ี าได้ตามสมการ
1
= 2 ∆
2.3 ครูนำนักเรยี นศกึ ษาตวั อย่างโจทย์ปัญหา 13.14 ในหนงั สอื หน้า 135 อย่างละเอียด
2.4 ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดท่ี 13.5 (ขอ้ 2.-3.) ในหนังสอื หน้า 140 จำนวน 2 ข้อ ลงในสมุด
2.5 ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 13 (ข้อ 8.) ในหนังสอื หนา้ 153 จำนวน 1 ข้อ ลงใน
สมดุ
2.6 ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 13.5 จำนวน 2 ขอ้ ลงในสมุด
ขน้ั ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูตงั้ คำถามให้นักเรยี นตอบเพอ่ื ตรวจสอบความรูค้ วามเขา้ ใจ (โดยสมุ่ เลขที่) คำถามดังตอ่ ไปน้ี
1) ถ้าต้องการเพิ่มปริมาณประจุที่สะสมบนตัวเก็บประจุ ควรเพิ่มหรือลดความต่างศักย์
ระหว่างปลายของตัวเกบ็ ประจุ (แนวการตอบ ควรเพ่มิ ความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งปลายของตวั เก็บประจุ เพราะ
ความจขุ องตวั เก็บประจเุ ป็นค่าคงตวั แต่ปรมิ าณประจุทส่ี ะสมบนตัวเกบ็ ประจุแปรผันตรงกบั ความต่างศักย์
ระหว่างปลายของตัวเก็บประจ)ุ
2) พลังงานท่สี ะสมในตวั เก็บประจุตวั ใดตวั หน่ึง แปรผนั ตรงกบั ปริมาณใด หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวการตอบ พลังงานที่สะสมในตวั เก็บประจุตวั ใดตัวหน่งึ แปรผนั ตรงกบั ปรมิ าณประจุท่ีสะสมบนตัวเก็บ
ประจุและความต่างศกั ย์ระหว่างปลายของตวั เก็บประจุ)
3.2 ครูสมุ่ นักเรยี น 1 คน โดยสุม่ เลขท่ีออกมาแสดงวธิ กี ารหาคำตอบหนา้ ช้นั เรยี น
331
ข้ันที่ 4 ข้นั ขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายให้ความรู้เพิ่มเตมิ เร่ือง เครือ่ งกระตกุ หัวใจด้วยไฟฟ้า ในหนงั สือเรยี น หน้า 136
ขั้นท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1 นักเรียนตอบคำถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 13.5 จำนวน 2 ข้อ ลงในสมดุ
5.2 นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดที่ 13.5 (ข้อ 2.-3.) ในหนังสอื หนา้ 140 จำนวน 2 ข้อ
5.2 นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 13 (ข้อ 8.) ในหนังสือ หน้า 153 จำนวน 1 ข้อ
ประยุกต์และตอบแทนสงั คม
ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนนำความรทู้ ่ีเรยี นไปค้นคว้าเพิ่มเตมิ ทหี่ อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ชัน้ เรียน
8. สือ่ การเรยี นร้/ู แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 เลม่ 4 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ น็ต
9. การวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างประจไุ ฟฟ้า 1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นสามารถ
ความตา่ งศกั ยแ์ ละความจุของตวั เก็บประจไุ ด้ นกั เรยี น ทำกิจกรรม ตอบคำถามไดร้ ะดบั
2) อธิบายพลงั งานสะสมในตัวเกบ็ ประจแุ ละ 2) คำถาม 2 ขอ้ ดี ผ่านเกณฑ์
ความจุสมมูลได้
ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณหาปริมาณพลงั งานสะสมในตัว 1) ตรวจสมดุ ของ 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนสามารถ
เกบ็ ประจแุ ละความจุสมมูลท่ีโจทยก์ ำหนด นกั เรยี น ทำกิจกรรม ทำแบบฝึกหดั ได้
ได้ 2) แบบฝึกหดั จำนวน ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
3 ข้อ
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมดุ 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนทำภาระ
1) เป็นผ้มู ีความรับผดิ ชอบและ ของนักเรยี น
เปน็ ผู้มคี วามม่งุ ม่นั ในการทำงาน ทำกิจกรรม งานท่ีได้รับมอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
332
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรือ่ ง พลงั งานสะสมในตัวเกบ็ ประจุ
ประเดน็ การ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถ้วนทุกขอ้
ด้านความรู้ 3 ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถ้วนเพยี ง 1 ขอ้
(K) 2 ตอบคำถามไม่ถูกต้อง
1 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น 3 ขอ้
ดา้ น 3 ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ กู ต้องครบถว้ น 2 ข้อ
กระบวนการ 2 ทำแบบฝกึ หดั ไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน 1 ข้อ
1 ทำภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด และเรียบร้อยถูกตอ้ งครบถ้วน
(P) 3 ทำภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางส่วน
ดา้ น 2 ทำภาระงานที่ได้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางสว่ น
คุณลกั ษณะ 1
(A)
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน
333
การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง พลงั งานสะสมในตัวเกบ็ ประจุ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
334
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
335
บนั ทึกหลังการสอน
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 13 เรื่อง ไฟฟ้าสถติ ใ
แผนการสอนท่ี 26 เร่ือง พลังงานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ .
ใ เดอื น พ.ศ. ใ
วันที่
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่ือ............................................ครผู ูส้ อน ลงชอื่ .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงชอ่ื ............................................. รองฯ กลมุ่ บริหารวิชาการ
(นายบพิตร เหลา่ กอ)
ลงช่อื ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
336
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 27
เรอ่ื ง การตอ่ ตวั เก็บประจุ
รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 13 ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ สถิต รวม 30 ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น มาตรฐานสากล ขา้ มกลุ่มสาระ
1. สาระฟิสกิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟา้ ความจุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟ้า การเปล่ยี นพลงั งานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟา้ กระแสสลับ คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และการสื่อสาร รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
8. อธิบายสว่ นประกอบของตวั เกบ็ ประจุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างประจุไฟฟา้ ความตา่ งศักย์ และความจุของ
ตวั เกบ็ ประจุ และอธิบายพลังงานสะสมในตัวเกบ็ ประจุ และความจุสมมูล รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งของความจุสมมลู กบั ความจุของตวั เก็บประจุแตล่ ะตัว เมือ่ นำมาต่อ
แบบอนกุ รมและแบบขนาน
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) สามารถคำนวณหาคา่ ประจุทโ่ี จทย์กำหนดให้ได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) เป็นผ้มู ีความรบั ผิดชอบและเปน็ ผู้มีความมงุ่ มั่นในการทำงาน
4. สาระสำคญั
ความจทุ ไี่ ดจ้ ากการต่อตัวเก็บประจุหลายตัว เรยี กว่า ความจุสมมลู (equivalent capacitance)
การต่อตวั เก็บประจแุ บบอนกุ รม (capacitors in series) ทำใหค้ วามจสุ มมูลลดลง หาได้จากสมการ
11 1 1
= 1 + 2 + 3 + ⋯
การต่อตัวเกบ็ ประจุแบบขนาน (capacitors in parallels) ทำให้ความจสุ มมลู มีคา่ เพมิ่ ขนึ้ หาไดจ้ าก
สมการ = 1 + 2 + 3 + ⋯5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
337
การต่อตัวเก็บประจุ ในการต่อตวั ประจไุ ปใชง้ าน บางครง้ั ต้องนำตัวเก็บประจมุ ากกว่าหนง่ึ ตัวมา
ต่อกัน เพ่ือให้ไดค้ วามจุทีต่ อ้ งการ ความจรุ วมทไ่ี ด้จากการต่อตวั เก็บประจมุ ากกว่าหนง่ึ ตัวข้นึ ไป เรียกว่า
(equivalent capacitance) โดยวธิ ีการต่อตวั เกบ็ ประจมุ ี 2 วธิ หี ลกั ได้แก่
1. การตอ่ ตวั เกบ็ ประจุแบบอนกุ รม พิจารณาการตอ่ ตวั เก็บประจสุ ามตัว ท่ีมีความจุ 1, 2
และ 3 แบบอนุกรมและต่อกบั แบตเตอร่ี ดงั รูป 13.41
รูป 13.41 การตอ่ ตวั เก็บประจแุ บบอนุกรม
อิเล็กตรอนอิสระที่แผ่นตัวนำ L1 จะเคลื่อนที่ไปยังขั้วบวกของแบตเตอร่ี และในขณะเดียวกัน
อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระที่ข้วั ลบของแบตเตอรจี่ ะเคล่ือนที่ไปยังแผ่นตวั นำ R3 โดยปรมิ าณประจทุ ่เี คลอ่ื นท่เี ขา้ และ
ออกจากแบตเตอรี่จะมีค่าเท่ากัน ถ้ากำหนดให้อิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ไปเข้าขั้วบวกของแบตเตอรี่ทำให้มี
ประจบุ นตวั นำ L1 เท่ากบั + และอิเลก็ ตรอนท่ีเคลื่อนทีอ่ อกจากข้วั ลบของแบตเตอรท่ี ำให้มีประจุบน
แผน่ ตัวนำ R3 ทก่ บั − ประจุท่ีอยู่บนแผน่ ตัวนำทัง้ สองจะเหนี่ยวนำใหแ้ ผ่นตัวนำทอี่ ยใู่ กล้เคียงมีประจุ
ในปริมาณเท่ากนั แต่มีชนดิ ตรงข้าม น่ันคือแผ่นตวั นำ R1 , L2 , R2 และ L2 จะถกู เหนี่ยวนำให้มีประจุ
เป็น – , + , – และ + ตามลำดับ ดังนั้นประจุที่สะสมบนตัวเก็บประจุแต่ละตัวที่นำมาต่อ
อนุกรมกันจึงมีค่าเท่ากันและเท่ากับประจุที่เคลื่อนที่เข้าและออกจากแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นประจุสุทธิใน
วงจร
ถา้ ให้ 1, 2และ 3 เป็นประจสุ ะสมที่ตัวเกบ็ ประจุทมี่ ีความจุ 1, 2 และ 3
ตามลำดบั จะได้ 1 = 2 = 3 =
ในกรณีทนี่ ำตัวเกบ็ ประจมุ ากกวา่ 3 ตัวมาต่อกนั แบบอนกุ รม จะไดค้ วามจสุ มมูลเป็น
11 1 1
= 1 + 2 + 3 + ⋯
2. การต่อตัวเก็บประจุแบบขนาน พิจารณาการต่อตัวเก็บประจุสามตัวที่มีความจุ 1, 2
และ 3 แบบนาน และตอ่ กับแบตเตอรี่ ดงั รปู 13.42 การเคลื่อนท่ขี องอเิ ล็กตรอนอสิ ระบนแผน่ ตัวนำแต่
ละแผ่นที่ต่อกบั ข้ัวบวกของแบตเตอรี่จะเข้าสู่ขัว้ บวกของแบตเตอร่ี และในขณะเดียวกนั อิเล็กตรอนอิสระ
จากขั้วลบของแบตเตอร่ี จะเคล่อื นทีไ่ ปสะสมบนแผ่นตวั นำดา้ นท่ีต่อกับขวั้ ลบของแบตเตอรี่ โดยเป็นการ
แยกเคล่อื นทไี่ ปแตล่ ะแผน่
338
รูป 13.42 การตอ่ ตวั เก็บประจุสามตัวแบบขนาน
ถา้ ให้ประจุท้ังหมดท่ีเคลอื่ นทเ่ี ขา้ และออกจากแบตเตอรี่ เท่ากับ และให้ประจทุ ีส่ ะสมบนตัวเก็บ
ประจุความจุ 1, 2 และ 3 มีขนาดเป็น 1, 2และ 3 ตามลำดบั จะได้ว่าประจทุ ีเ่ คล่ือนทีเ่ ขา้
และออกจากแบตเตอรี่เทา่ กับผลรวมของประจุทสี่ ะสมบนตวั เก็บประจุ ดงั สมการ
= 1 + 2 + 3
ใ น ก า ร ต ่ อ ต ั ว เ ก ็ บ ป ร ะ จ ุ แ บ บ ข น า น ค ว า ม ต่ า ง ศ ั กย ์ ร ะห ว ่ า ง ป ล า ย ข อ ง ต ั ว เ ก็ บ ป ะ จ ุ แ ต่ ละตัว
∆ 1, ∆ 2 และ ∆ 3 มคี า่ เทา่ กันและเท่ากบั ความต่างศักยร์ ะหว่างขั้วของแบตเตอร่ี ดังสมการ
∆V = ∆ 1 = ∆ 2 = ∆ 3
ในกรณีท่นี ำตวั เก็บประจมุ ากกว่า 3 ตวั มาตอ่ กันแบบขนาน จะได้ความจุสมมูลเป็น
= 1 + 2 + 3 + ⋯
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบคน้ ผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลกั ษณะและค่านยิ ม
เป็นผู้มีความรับผดิ ชอบและเปน็ ผ้มู คี วามม่งุ มนั่ ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เร่อื ง การแก้สมการ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั ท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้ของตัวเก็บประจุ อุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า เกี่ยวกับหลักการทำงานและ
โครงสรา้ งภายใน
339
1.2 ครูตง้ั คำถามเข้าสู่บทเรยี น
ครู : นกั เรียนคิดวา่ การตอ่ ตวั เก็บประจุ มกี ี่แบบ อะไรบ้าง (แนวการตอบ 2 แบบ คอื การต่อแบบ
อนุกรม และการตอ่ แบบขนาน)
ขน้ั ท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา
2.1 ครูใหน้ กั เรียนศึกษาเน้อื หาและทำความเข้าใจ เร่ือง การตอ่ ตัวเก็บประจุ ในหนังสอื เรยี น หน้า
136 - 139
2.2 ครูนำนกั เรียนศกึ ษาตวั อยา่ งโจทยป์ ัญหา 13.15 ในหนงั สือ หน้า 139 อย่างละเอียด
2.3 ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั ที่ 13.5 (ขอ้ 4. - 6.) ในหนงั สือ หน้า 140 จำนวน 3 ข้อ ลงใน
สมุด
2.4 ครูใหน้ กั เรยี นตอบคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจ 13.5 (ขอ้ 4. - 5.)จำนวน 2 ข้อ ลงในสมดุ
ขั้นท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูตงั้ คำถามใหน้ ักเรยี นตอบเพ่ือตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจ (โดยสุม่ เลขที่) คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี
1) การตอ่ ตวั เกบ็ ประจแุ บบอนกุ รม ความจุสมมูลมคี ่าเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ ลดลง)
2) การต่อตัวเก็บประจแุ บบขนาน ความจุสมมูลมีคา่ เป็นอย่างไร (แนวการตอบ เพ่ิมข้ึน)
3.2 ครสู มุ่ นักเรียน 3 คน โดยสุ่มเลขที่ออกมาแสดงวิธกี ารหาคำตอบแบบฝึกหัดที่ 13.5 ข้อ 4. - 6.
หนา้ ชนั้ เรียน
ข้ันที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครยู กตัวอยา่ งโจทย์ปัญหาทคี่ ่อนข้างยากให้นกั เรยี นไดร้ ่วมกันวเิ คราะห์และหาคำตอบพรอ้ มกัน
ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1 นกั เรยี นตอบคำถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจ 13.5 จำนวน 2 ข้อ ลงในสมุด
5.2 นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ที่ 13.5 (ข้อ 4. - 5.) ในหนังสอื หนา้ 140 จำนวน 3 ขอ้
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนนำความรทู้ ี่เรียนไปคน้ คว้าเพิ่มเติมที่หอ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนำเสนอใน
ชนั้ เรยี น
8. สอื่ การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ (ฟสิ กิ ส์) ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 เลม่ 4 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
340
9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี น
1) อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างของความจุ ทำกิจกรรม ตอบคำถามไดร้ ะดับ
สมมูลกับความจขุ องตัวเกบ็ ประจแุ ต่ละตัว 1) ตรวจสมดุ ของ
เมอ่ื นำมาตอ่ แบบอนกุ รมและแบบขนาน นักเรยี น 2) คำถาม 2 ขอ้ ดี ผ่านเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) สามารถคำนวณหาคา่ ประจุทโ่ี จทย์ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนสามารถ
กำหนดใหไ้ ด้
ทำกจิ กรรม ทำแบบฝกึ หดั ได้
2) แบบฝกึ หดั จำนวน ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
3 ขอ้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมดุ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นทำภาระ
1) เปน็ ผู้มีความรบั ผดิ ชอบและ ของนักเรียน
เปน็ ผมู้ ีความมุ่งมั่นในการทำงาน ทำกิจกรรม งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรยี น
เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรอื่ ง การต่อตวั เก็บประจุ
ประเด็นการ ค่านำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ นทกุ ข้อ
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคำถามได้ถูกตอ้ งครบถว้ นเพียง 1 ขอ้
(K) 2 ตอบคำถามไมถ่ ูกตอ้ ง
1 ทำแบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องครบถ้วน 3 ขอ้
ด้าน 3 ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน 2 ขอ้
กระบวนการ 2 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน 1 ขอ้
1 ทำภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถูกตอ้ งครบถว้ น
(P) 3 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยงั ผิดพลาดบางส่วน
ดา้ น 2 ทำภาระงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางสว่ น
คุณลกั ษณะ 1
(A)
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้
คะแนน
341
การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง การตอ่ ตัวเกบ็ ประจุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
342
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
343
บนั ทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 13 เรือ่ ง ไฟฟา้ สถิต พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 27 เร่ือง การต่อตัวเก็บประจุ .
ใ เดือน ใ
วันท่ี
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่ือ............................................. รองฯ กลมุ่ บริหารวชิ าการ
(นายบพิตร เหลา่ กอ)
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
344
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28
เรื่อง การนำความรู้เก่ียวกบั ไฟฟ้าสถิตไปใช้ประโยชน์
รายวิชา ฟิสิกส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 13 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ช่วั โมง
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกล่มุ สาระ
1. สาระฟิสิกส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้า ความจไุ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้า
กระแสสลบั คลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ และการสือ่ สาร รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
9. นำความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตไปอธิบายหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด และปรากฏการณ์ ใน
ชีวิตประจำวนั
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) ยกตัวอย่างการนำความรเู้ รือ่ งไฟฟ้าสถิตไปอธบิ ายหลกั การทำงานของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าบางชนิดได้
2) อธบิ ายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรเู้ ร่ืองไฟฟ้าสถิต
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถจัดกระทำและสอ่ื ความหมายของขอ้ มลู ท่ีศกึ ษาค้นควา้ ได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) เปน็ ผมู้ ีความรบั ผิดชอบและเป็นผู้มคี วามมุง่ มนั่ ในการทำงาน
4. สาระสำคญั
ความรู้ทางไฟฟ้าสถิตสามารถนำไปอธิบายหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น เครื่องถ่าย
เอกสาร เครื่องพิมพ์เลเซอร์สีเครื่องเคลือบสีฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต เครื่องฟอกอากาศและเคร่ืองตกตะกอน ไฟฟ้าสถติ
นอกจากน้คี วามรู้ทางไฟฟ้าสถิตยงั สามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น ฟ้าผ่า ฟา้ แลบ การเกิด
ประกายไฟจากการเสียดสกี นั ซึง่ ช่วยใหส้ ามารถหาแนวทางปอ้ งกนั อันตรายทอ่ี าจเกิดขนึ้ ได้
345
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
การนำความรู้เกย่ี วกับไฟฟา้ สถติ ไปใช้ประโยชน์
1. เครื่องถ่ายเอกสาร ใช้ประโยชน์จากแรงระหว่างประจุไฟฟ้าในการทำให้ผงหมึกยึดติดกับ
กระดาษ โดยอุปกรณส์ ำคญั คือ ดรมั (drum) ที่มีรูปทรงกระบอกและท่ีผิวด้านนอกฉาบด้วยวัสดุตัวนำไว
แสง ดงั รูป 13.43
รูป 13.43 ขัน้ ตอนการทำงานของเคร่ืองถา่ ยเอกสาร
การทำงานของเครอ่ื งถ่ายเอกสาร (photocopier) ประกอบดว้ ย 5 ขน้ั ตอนหลัก ดังนี้
1. เมื่อกดสวิตซ์ให้เครื่องทำงาน แหล่งกำเนิดแสงจะฉายแสงไปทั่วเอกสารต้นฉบับขณะเดียวกัน
ดรมั จะถูกทำให้มปี ระจไุ ฟฟ้าชนิดหนง่ึ ไปท่ัวผวิ ของดรัม
2. แสงทีฉ่ ายไปท่เี อกสารต้นฉบับจะสะทอ้ นไปตกลงบนผวิ ของดรัม โดยบริเวณทมี่ ีสีดำบนต้นฉบับ
แสงจะสะท้อนได้น้อยผิวของดรัมจึงมีประจุชนิดเดิมอยู่ ส่วนบริเวณที่มีสีขาวแสงจะสะท้อนมาตกกระทบ
ได้มาก ผวิ ของดรมั จงึ มีสภาพเปน็ กลางทางไฟฟ้า
3. ดรัมจะหมุนต่อไปจนส่วนที่มีประจุไฟฟ้าไปพบกับอุปกรณ์ปล่อยผงหมึกที่มีประจุตรงข้ามอยู่
แรงดึงดูดทางไฟฟ้าระหว่างประจุตรงข้ามทำให้ผงหมึกติดกับบริเวณที่มีประจุไฟฟ้าบนดรัม ซึ่งมีรูปแบบ
และลวดลายเหมือนกับลายเสน้ บนเอกสารต้นฉบบั
4 ดรัมจะหมุนต่อไป จนส่วนของดรัมที่มีผงหมึกติดอยู่ไปพบกับแผ่นกระดาษเปล่าที่เคลื่อนที่มา
ตามสายพานโดยแผ่นกระดาษเปล่าน้ี ไดถ้ กู ทำใหม้ ีประจุชนิดเดียวกับท่ีอย่บู นดรมั แตม่ ีปรมิ าณมากกว่าจึง
ทำใหผ้ งหมึกทีอ่ ย่บู นดรมั ถูกดึงดดู ดว้ ยแรงไฟฟ้าที่มากกวา่ ให้ไปติดอยู่บนแผน่ กระดาษเปลา่
5. แผ่นกระดาษที่มีผงหมึกจะเคลื่อนที่ผ่านลูกกลิ้งที่ให้ความร้อนและแรงกด ทำให้ผงหมึกยึดติด
กบั เนื้อกระดาษได้แน่นไม่หลุดออกมาไดง้ ่าย
2. เครื่องพิมพ์เลเซอร์สี (color laser printer) ขั้นตอนการทำงานหลักจะคล้ายกับเคร่ืองถ่าย
เอกสาร แต่จะใช้แหล่งกำเนิดแสงเปน็ แสงเลเซอร์ และจะฉายแสงเลเซอร์ผ่านปริซึมไปตกลงทีผ่ ิวของดรมั
ดงั รูป 13.44 โดยดรมั ที่ผ่านการฉายแสงเลเซอร์จะมปี ระจุไฟฟา้ ในรปู แบบและลวดลายที่สอดคล้องกับไฟล์
ต้นฉบับในหนา้ จอคอมพวิ เตอร์
346
รูป 13.44 ข้ันตอนการทำงานของเคร่ืองพิมพ์เลเซอร์
3. การเคลอื บสีฝ่นุ ดว้ ยไฟฟ้าสถิต (electrostatic powder coating) เป็นการเคลือบ
สีด้วยผงหรือละอองสีที่มีประจุไฟฟ้าชนิดตรงข้ามกับที่อยู่บนชิ้นงาน เพื่อให้สีเกาะติดชิ้นงานได้
ดีกว่าการพ่นแบบธรรมดา และช่วยให้ประหยัดปริมาณสีที่ใช้ในการพ่น เนื่องจากละอองสีไม่ฟ้งุ
กระจายมาก โดยเครื่องพ่นสีฝุน่ จะทำใหผ้ งหรือละอองสีกลายเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เมื่อถูก
พ่นออกจากเครื่อง ส่วนชิ้นงานจะถูกทำให้มีประจุไฟฟ้าชนิดตรงข้ามกับผงหรือละอองสีพ่น
ดังรปู 13.45 ก. ทำใหแ้ รงไฟฟ้าดงึ ดูดผงหรือละอองสใี ห้ยึดกับผิวชิ้นงาน
รปู 13.45 ก. เครอื่ งพ่นสฝี ุ่นพน่ ละอองสที ี่มีประจุไฟฟ้าลบไปยงั ชนิ้ งานทม่ี ปี ระจไุ ฟฟา้ บวก
ข. การพน่ สชี ้นิ งานที่เปน็ โลหะ
4. เครอื่ งฟอกอากาศ (air purifier) เป็นอุปกรณท์ ่ชี ว่ ยลดไรฝ่นุ เชือ้ รา ไวรสั แบคทเี รยี
และกลิ่นที่ไม่พงึ ประสงค์ในอากาศ การทำงานของเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ใช้หลายวิธีร่วมกัน
เช่น การใช้แผ่นกรองดกั จับอนุภาคฝุน่ และมลพษิ การใช้รังสอี ัตราไวโอเลตในการกำจัดไวรัสและ
แบคทีเรีย รวมทั้งการทำให้อนุภาคมลพิษมีประจุไฟฟ้าเพื่อการดักจับไว้ด้วยแผ่นกรองที่มีประจุ
ไฟฟ้าชนดิ ตรงขา้ มดังรปู 13.46
รปู 13.46 ก. เครื่องฟอกอากาศ
ข. กระบวนการฟอกอากาศของเครอ่ื งฟอกอากาศ
347
5. เครื่องตกตะกอนไฟฟ้าสถิต (electrostatic precipitator) ใช้หลักการเดียวกับ
เครอ่ื งฟอกอากาศ ดังรูป 13.47 โดยมกี ารนำมาประยุกตใ์ ช้ในการควบคมุ มลพิษอย่างแพร่หลายใน
โรงงานอุตสาหกรรม โรงโม่หิน การทำปูนซีเมนต์ เขม่าควันจากไอเสียของเครื่องยนต์ หรือ จาก
ปรากฏการณธ์ รรมชาติ เชน่ ไฟปา่ เปน็ ต้น
รปู 13.47 ขนั้ ตอนการทำให้อากาศสะอาดของเครือ่ งตกตะกอนไฟฟา้ สถติ
6. การอธบิ ายปรากฏการณ์ฟ้าผา่ (lightning) และฟ้าแลบ (flash) เป็นปรากฏการณ์
ธรรมชาติที่เกิดจากการเสียดสีกันระหว่างโมเลกุลของนำ้ และอากาศ ท่ีเคลื่อนที่ในก้อนเมฆ เมื่อ
ก้อนเมฆมีประจไุ ฟมากพอจะถ่ายโอนประจุไฟฟ้าไปยงั บริเวณอ่ืน ทำใหป้ ระจจุ ำนวนมากเคล่ือนท่ี
ด้วยอัตราเร็วสูงผ่านอากาศ เกิดความร้อนและแสงสว่างตามเสน้ ทางทีป่ ระจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ ซึ่งถ้า
เป็นการถ่ายโอนประจุระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน จะเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่าฟ้าผ่า ถ้าเป็น
การถา่ ยโอนประจุระหวา่ งกอ้ นเมฆกับก้อนเมฆ จะเรียกว่า ฟ้าแลบ
รูป 13.48 ปรากฏการณ์ฟ้าผ่า
7. สายล่อฟ้า (lightning rod) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันอันตรายจากฟ้าผา่ ซึ่งจะตดิ ต้งั
บรเิ วณยอดของตกึ หรอื ส่งิ ก่อสร้างทีม่ ีความสูงกวา่ บริเวณรอบ ๆ โดยจะมสี ายไฟโยงจากสายล่อฟ้า
ไปยังพื้นดิน เมื่อมีประจุไฟฟ้าจำนวนมากในก้อนเมฆที่ลอยอยู่ใกล้ ๆ ตึกหรือสิ่งกอ่ สร้าง การถ่าย
โอนประจุจากก้อนเมฆมายังพื้นดินจะเป็นการถ่ายโอนผ่านสายล่อฟ้า เป็นการลดประจุไฟฟ้าใน
บรรยากาศรอบๆ ทำใหไ้ มเ่ กิดฟ้าผา่ อาคารทม่ี ีสายล่อฟ้า ดังรปู 13.49
รูป 13.49 สายล่อฟ้าบนตงึ สูงช่วยใหป้ ระจุจากฟา้ ผ่าเคล่ือนทลี่ งไปยังพน้ื ดิน
348
8. การใช้สายรัดข้อมือของช่างอิเล็กทรอนิกส์ ในการทำงานกับชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ทีม่ ีความไวต่อไฟฟ้าสถติ สูง อยา่ งเช่น อุปกรณข์ องเครือ่ งคอมพิวเตอร์ การถ่ายโอน
ประจุไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย สามารถทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้ จึงต้องมีการ
ป้องกันด้วยการใช้สายรัดข้อมือที่ต่อกับพื้น ดังรูป 13.50 เพื่อให้ประจุไฟฟ้าสถิตที่เกิดจากการ
เคลอ่ื นท่ีหรอื เสยี ดสขี องร่างกาย ถ่ายโอนไปทพี่ ้ืนแทนท่จี ะไปที่อุปกรณ์
รปู 13.50 การใช้สายรัดขอ้ มือป้องกันอันตรายจากไฟฟา้ สถิต
9. การเติมน้ำมัน ในการเติมน้ำมันยานพาหนะบางครั้ง ผู้ขับขี่อาจมีโอกาสได้สัมผัสกับ
หัวจ่ายน้ำมัน ดังรูป 13.51 ก. ถ้าผู้ขับขี่ใส่เส้ือผ้าที่ทำให้เกิดการสะสมประจุไฟฟ้าได้ง่ายจากการ
เสียดสีกับเบาะรถหรือจากวสั ดุอืน่ ๆ และเมื่อผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับส่วนของหัวจ่ายนำ้ มนั ท่ีเปน็ โลหะ
อาจทำใหม้ กี ารถ่ายโอนประจอุ ย่างรวดเร็ว จนเกดิ เปน็ ประกายไฟทที่ ำให้ไอน้ำมนั ท่ีระเหยออกมา
ลกุ ตดิ ไฟและเกิดอนั ตรายได้ ดังนนั้ ถ้าต้องมีการเตมิ น้ำมนั ควรระวังไม่สัมผัสกบั หวั จ่ายน้ำมันหรือ
ถ้าจำเป็นตอ้ งสมั ผสั ให้ถ่ายโอนประจุไฟฟ้าออกจากร่างกายให้เหลือนอ้ ยลงก่อน โดยอาจใช้ส่วนที่
เป็นโลหะของกญุ แจแตะกับสว่ นทเี่ ปน็ โลหะของรถบรเิ วณห่างจากหวั จา่ ยนำ้ มันดังรูป 13.51 ข.
รูป 13.51 ก. หวั จา่ ยนำ้ มันในสถานีบรกิ ารน้ำมนั
ข. การใชก้ ญุ แจแตะตวั ถังรถเพอื่ ลดประจุไฟฟา้ ทส่ี ะสมในรา่ งกาย
สำหรบั รถขนสง่ น้ำมนั ท่ีเดินทางระยะไกล น้ำมนั เชื้อเพลิงภายในถังจะมีการเสียดสีกับถัง
เป็นเวลานานทำให้มีประจไุ ฟฟ้าสถติ สะสมบนถังเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เกิดประกายไฟ
ได้ในขั้นตอนการถ่ายเทน้ำมันจากรถไปยังที่เก็บซึ่งอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ ดังนั้นใน
กระบวนการถ่ายเทน้ำมันจงึ ต้องมีการตอ่ ตัวนำระหวา่ งถังเกบ็ ของรถขนสง่ นำ้ มันกับจุดต่อลงดินดัง
รปู 13.52 เพอื่ ใหม้ ีการถา่ ยโอนประจุไฟฟา้ ออกจากรถลงสู่พนื้ ดนิ
รูป 13.52 การต่อตัวนำระหวา่ งถังเกบ็ น้ำมันของรถขนสง่ น้ำมนั กับจดุ ตอ่ ลงดนิ
349
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลุม่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (ศึกษาหรอื รับรูข้ ้อมลู มองเห็นและเข้าใจปัญหาสำคญั ที่เกิดข้นึ ได้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผ่านคอมพวิ เตอร)์
5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม
เปน็ ผู้มีความรับผิดชอบและเป็นผู้มีความมุ่งมน่ั ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการ PLC นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้เล่าสู่กันฟังถึงความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และ
ปัญหาท่ีเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการทำกจิ กรรม
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้ที่เรียนผ่านมา เรื่อง ธรรมชาติของเสียง กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า
ศกั ย์ไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ และตัวเกบ็ ประจุ
1.2 ครูต้งั คำถามเพอื่ นำเข้าสู่การทำกิจกรรม
1) นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาใน เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ไปใช้ประโยชน์ใน
เรอ่ื งใดได้บา้ ง
ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 จัดกลมุ่ นกั เรียน กลุ่มละประมาณ 9 คน โดยใหส้ มาชกิ แต่ละกลุ่มมีความรู้ความสามารถท่ีคละ
กนั กลุม่ นจี้ ะเปน็ กลุม่ ประจำ
2.2 ครูจดั แบง่ เนือ้ หาท่จี ะเรียนเปน็ เน้อื หายอ่ ย ๆ เท่ากบั จำนวนสมาชิกในกล่มุ ของนกั เรียนอาจ
จดั ทำเปน็ บทเรียนหนา้ เดยี วก็ได้
2.3 ให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับฉลากหมายเลขของเนื้อหา คนละ 1 ฉลาก เพื่อรับผิดชอบใน
การศึกษาหัวขอ้ ยอ่ ยของเนอ้ื หา คนละ 1 หวั ข้อ
2.4 ให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาและทำความเข้าใจเนื้อหาตามหมายเลขที่ตวั เองได้ ซ่ึงครูติดเน้ือหา
บนโตะ๊
2.5 นักเรียนแต่ละคนท่ีศกึ ษาและทำความเข้าใจเน้ือหา (ใช้เวลา 10 นาท)ี ใหก้ ลับไปยังกล่มุ ตนเอง
แล้วอธิบายความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศึกษาและทำความเข้าใจในเนื้อหาที่ไดร้ ับมอบหมายใหเ้ พอ่ื นในกลุ่มฟัง
2.6 นักเรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันสรุปความร้ทู ไ่ี ดใ้ นการศึกษาลงในกระดาษปรูฟ๊ (นำ้ ตาล)
350
ข้นั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ
3.1 ครสู ุ่มนักเรยี น 2 กลมุ่ ออกมานำเสนอผลการสืบค้นของกลุ่มตนเองหน้าชั้นเรยี น
3.2 ครูนำนกั เรยี นอภิปรายเพอ่ื นำไปสู่การสรปุ โดยใชค้ ำถามต่อไปน้ี
1) จากทน่ี กั เรยี นทกุ กลมุ่ ได้ศึกษาเนื้อหาท่ีครูให้ เราสามารถการนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้า
สถิตไปใชป้ ระโยชน์ในเร่ืองได้ได้บา้ ง (แนวการตอบ การทำงานของเคร่ืองถ่ายเอกสาร เครื่องพมิ พ์เลเซอร์สี
การเคลือบสีฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต เครื่องฟอกอากาศ เครื่องตกตะกอนไฟฟ้าสถิต การอธิบายปรากฏการณ์
ฟ้าผา่ (lightning) และฟ้าแลบ (flash) สายล่อฟา้ การใช้สายรัดข้อมือของช่างอิเลก็ ทรอนกิ ส์ และการเติม
นำ้ มนั )
2) ขั้นตอนการทำงานของเคร่ืองถ่ายเอกสารข้นั ตอนใด ที่สามารถอธิบายไดโ้ ดยใช้ความรู้
ทางไฟฟ้าสถิต (แนวการตอบ ขั้นตอนที่ผงหมึกถูกแรงดึงดูดทางไฟฟ้าให้ยึดติดกับผิวของดรัม ซึ่งผงหมึก
และผิวของดรัมมีประจุไฟฟ้าต่างชนิดกัน รวมทั้งขั้นตอนที่ผงหมึกถูกแรงดึงดูดทางไฟฟ้าให้ยึดติดกับ
แผน่ กระดาษเปลา่ ซง่ึ ผงหมึกและกระดาษเปล่ามปี ระจุไฟฟา้ ต่างชนิดกนั )
3) การพ่นสีโดยอาศัยไฟฟา้ สถติ มีขอ้ ดีอยา่ งไร (แนวการตอบ ช่วยให้สีเกาะตดิ ชิ้นงานได้ดี
และประหยดั ปรมิ าณสเี น่อื งจากละอองสไี ม่ฟงุ้ กระจาย)
4) เครื่องฟอกอากาศและเครื่องตกตะกอนไฟฟ้าสถิตใช้ความรู้ทางไฟฟ้าสถิตอย่างไรใน
การกำจัดมลพิษ (แนวการตอบ เครื่องฟอกอากาศและเครื่องตกตะกอนไฟฟ้าสถิตทำให้อนุภาคมลพิษมี
ประจไุ ฟฟา้ ชนิดตรงขา้ มกบั แผน่ กรอง จึงสามารถดกั จับอนุภาคมมี ลพษิ ไวไ้ ด้)
5) เพราะเหตใุ ดปรากฏการณ์ฟา้ ผ่าและฟ้าแลบจึงมกั เกิดในชว่ งก่อนหรอื ระหว่างมีฝนตก
(แนวการตอบ เนอื่ งจากในช่วงก่อนหรือระหวา่ งมฝี นตก มกี อ้ นเมฆจำนวนมาก ทำใหม้ โี อกาสของการเสียด
สีกันระหว่างโมเลกุลของน้ำ และอากาศในก้อนเมฆมากกว่าเวลาปกติซึ่งการเสียดสีดังกล่าว ส่งผลให้เกิด
การสะสมประจไุ ฟฟา้ ในกอ้ นเมฆ)
6) ข้นั ตอนการทำงานของเครื่องถ่ายเอกสารขน้ั ตอนใด ท่ีสามารถอธบิ ายได้โดยใช้ความรู้
ทางไฟฟ้าสถิต (แนวการตอบ ขั้นตอนที่ผงหมึกถูกแรงดึงดูดทางไฟฟ้าให้ยึดติดกับผิวของดรมั ซึ่งผงหมึก
และผิวของดรัมมีประจุไฟฟ้าต่างชนิดกัน รวมทั้งขั้นตอนที่ผงหมึกถูกแรงดึงดูดทางไฟฟ้าให้ยึดติดกับ
แผ่นกระดาษเปลา่ ซงึ่ ผงหมึกและกระดาษเปลา่ มีประจไุ ฟฟ้าตา่ งชนดิ กนั )
3.3 นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและสรุปการศกึ ษาคน้ คว้าจนไดข้ อ้ สรุป เรือ่ ง การนำความรู้
เก่ียวกบั ไฟฟา้ สถติ ไปใช้ประโยชน์
ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูอธิบายใหค้ วามรู้เพ่มิ เติมเกย่ี วกับตัวแปรทีเ่ กี่ยวข้อง เรื่อง ไฟฟ้าสถติ
4.2 ครูอธบิ ายให้ความรู้ เร่อื ง วธิ ีการป้องกนั อนั ตรายจากไฟฟา้ สถิต
ข้นั ท่ี 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 นักเรยี นส่งกระดาษปรูฟ๊ (น้ำตาล) ของแตล่ ะกลมุ่ ทไี่ ด้จากการศกึ ษาคน้ คว้า
5.2 นกั เรยี นตอบคำถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 13.6 ในหนงั สือเรยี น หน้า 146
351
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
-
8. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 เล่ม 4 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ห้องสมดุ
8.3 อนิ เทอร์เน็ต
9. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
1) แบบประเมิน
ดา้ นความรู้ (K) การทำกจิ กรรม 1) นักเรยี นสามารถ
สรุปเน้ือหาที่ศกึ ษา
1) ยกตวั อยา่ งการนำความร้เู รื่องไฟฟ้าสถติ 1) ตรวจกระดาษปรู๊ฟ 1) แบบประเมนิ และทำความเขา้ ใจได้
การทำกจิ กรรม ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ไปอธิบายหลกั การทำงานของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ (นำ้ ตาล) ของแต่ละกลุ่มที่
1) แบบประเมิน 1) นักเรียนสามารถ
บางชนดิ ได้ ไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ การทำกจิ กรรม สรปุ องค์ความรู้ได้
ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
2) อธบิ ายปรากฏการณ์ในชีวติ ประจำวันโดย
1) นกั เรียนทำภาระ
ใช้ความรูเ้ ร่ืองไฟฟา้ สถติ งานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถจดั กระทำและส่ือ 1) ตรวจกระดาษปรฟู๊
ความหมายของข้อมลู ทศี่ ึกษาคน้ ควา้ ได้ (น้ำตาล) ของแตล่ ะกลุ่มที่
ได้จากการศกึ ษาคน้ ควา้
ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1) เปน็ ผู้มีความรบั ผดิ ชอบและ 1) ตรวจการสง่ กระดาษ
เป็นผูม้ คี วามมุ่งม่ันในการทำงาน ปรู๊ฟ (นำ้ ตาล) ของแตล่ ะ
กลุ่มท่ีได้จากการศึกษา
ค้นควา้
352
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน
เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรื่อง การนำความร้เู ก่ียวกับไฟฟ้าสถติ ไปใชป้ ระโยชน์
ประเดน็ การ ค่านำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 สรุปเนื้อหาท่ีศกึ ษาและทำความเขา้ ใจได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น
(K)
2 สรปุ เนอ้ื หาท่ีศึกษาและทำความเขา้ ใจได้คอ่ นขา้ งถกู ตอ้ งครบถ้วน
1 สรุปเนือ้ หาท่ีศกึ ษาและทำความเข้าใจได้ แต่ไมค่ รบถ้วน
ดา้ น 3 จดั กระทำและสื่อความหมายของขอ้ มูลทีศ่ ึกษาค้นคว้าไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน สะอาดและ
กระบวนการ 2 สวยงาม
1 จัดกระทำและสือ่ ความหมายของข้อมูลท่ีศกึ ษาค้นคว้าคอ่ นขา้ งถกู ตอ้ งครบถว้ น สะอาด
(P) และสวยงาม
จัดกระทำและส่ือความหมายของข้อมูลท่ศี กึ ษาค้นคว้าไดค้ อ่ นข้างถกู ต้องครบถ้วน
สะอาดและสวยงาม
ดา้ น 3 ทำภาระงานท่ีไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด และเรยี บร้อยถกู ตอ้ งครบถ้วน
คณุ ลักษณะ 2 ทำภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยงั ผิดพลาดบางสว่ น
1 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ข้อผดิ พลาดบางสว่ น
(A)
ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
353
การประเมินการทำกิจกรรม เรอ่ื ง การนำความรู้เก่ียวกบั ไฟฟ้าสถติ ไปใช้ประโยชน์
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
354
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
355
บันทึกหลงั การสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรอื่ ง ไฟฟา้ สถิต ใ
แผนการสอนท่ี 28 เร่อื ง การนำความรู้เกยี่ วกับไฟฟ้าสถิตไปใช้ประโยชน์ .
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วันท่ี
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ .............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลุ่มบริหารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชื่อ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..