256
สำหรับระบบหลายประจุ เมื่อพิจารณาแรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อประจหุ นึ่งๆ ในระบบ ต้องหาแรง
ไฟฟ้าลัพธ์เนื่องจากประจุอืน่ ๆ ในระบบที่กระทำต่อประจุนั้นๆ โดยหาได้จากผลรวมแบบเวกเตอร์ของแรง
ไพฟ้าที่กระทำต่อประนั้น เช่น แรงไฟฟ้าที่กระทำต่อประจุ 1 เนื่องจากประจุ 2, 3, …,
เท่ากบั
1 = 12 + 13 + 14 + ⋯ + 1
1 = ∑ 1
=2
เมอื่ | 12| = 1 2 , | 13| = 1 2 , … , | 1 | = 1
122 13 2 1 2
จากรูป 13.11 แรงไฟฟ้าของระบบประจุ 3 ประจุ และการผลรวมแบบเวกเตอร์ของแรง
ไฟฟ้าทก่ี ระทำต่อประจุ 1
รปู 13.11 แรงไฟทก่ี ระทำต่อประจุ 1 เนือ่ งจากประจุ 2, 3
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อ่าน ฟงั พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบคน้ ผา่ นคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและคา่ นิยม
เปน็ ผู้มคี วามรับผดิ ชอบและเป็นผู้มีความมุ่งม่ันในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกับกลุม่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรอื่ ง การแกส้ มการ
257
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรเู้ ดมิ โดยตงั้ คำถาม
1) ประจไุ ฟฟา้ มกี ีช่ นดิ อะไรบ้าง (แนวการตอบ 2 ชนดิ คือ ประจบุ วก และประจลุ บ)
2) แรงระหว่างประจุไฟฟ้ามีกี่ชนิด อะไรบ้าง (แนวการตอบ 2 ชนิด คือ แรงดึงดูด และ
แรงผลกั )
3) แรงระหว่างประจไุ ฟฟา้ ชนิดเดียวกัน เรยี กวา่ แรงอะไร (แนวการตอบ แรงผลกั )
4) แรงระหวา่ งประจไุ ฟฟา้ ตา่ งชนิดกัน เรียกว่าแรงอะไร (แนวการตอบ แรงดงึ ดดู )
1.2 ครูตงั้ คำถามเพ่อื นำเข้าสู่การทำกิจกรรม
1) นักเรยี นคิดว่าขนาดของแรงระหวา่ งประจุ มคี า่ ขน้ึ กับปรมิ าณใดบ้าง
ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา
2.1 ครูใหน้ กั เรียนชมวดี ทิ ศั น์จำลองการทดลองกฎของคูลอมบ์ แล้วให้นักเรียนศกึ ษาแรงระหวา่ ง
ประจุตามรายละเอียดในหนังสอื เรียน
https://www.youtube.com/watch?v=r1zUxtQWNwo
2.2 จากนน้ั ครนู ำอภิปรายจนสรุปได้วา่ ขนาดของแรงระหว่างประจไุ ฟฟ้าทั้งสอง มีคา่ แปรผนั ตาม
ผลคูณขนาดประจแุ ต่ละตัว และแปรผกผนั กับกำลงั สองของระยะหา่ งระหว่างประจทุ ั้งสอง เรยี กวา่ กฎของ
คูลอมบ์ ตามสมการ = 1 2
2
2.3 ครูนำนกั เรียนศึกษาตัวอย่างโจทย์ปญั หาในหนงั สอื หนา้ 94 – 96 อย่างละเอียด
2.4 ครูทดสอบนกั เรียนโดยให้ทำแบบฝึกหัด 13.3 เรอื่ ง กฎของคลู อมบ์ จำนวน 3 ข้อ
2.5 ครใู หน้ กั เรียนตอบคำถาม เร่อื ง กฎของคลู อมบ์ จำนวน 2 ข้อ ลงในสมุด เพ่ือตรวจสอบความรู้
ความเขา้ ใจ
ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูต้ังคำถามใหน้ ักเรียนตอบเพอ่ื ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจ (โดยสมุ่ เลขที่) คำถามดงั ตอ่ ไปนี้
1) จงอธิบายกฎของคูลอมบ์ (แนวการตอบ แรงระหว่างประจุไฟฟ้าทั้งสอง มีค่าแปรผัน
ตามขนาดประจุแต่ละตัว และแปรผกผันกับกำลังสองของระยะห่างระหว่างประจุทั้งสอง โดยทิศทางของ
แรงท่ีประจกุ ระทำตอ่ กนั จะอยู่ในแนวเส้นตรงที่ลากเชื่อมต่อระหว่างประจุคู่น้นั ๆ ถา้ ประจุท้ังสองเป็นชนิด
258
เดียวกัน (บวกทั้งคู่หรอื ลบทั้งคู่) แรงที่กระทำต่อประจุทั้งสองเป็นแรงผลกั และมีทิศชีอ้ อกจากกันในแนว
เส้นตรงท่ีเช่ือมระหว่างประจุทั้งสอง แต่ถา้ ประจทุ ง้ั สองเป็นคนละชนิด (บวกและลบ) แรงทกี่ ระทำตอ่ ประจุ
ทง้ั สองเปน็ แรงดึงดดู และมีทศิ ทางช้เี ขา้ หากนั ในแนวเส้นตรงทเ่ี ชื่อมระหวา่ งประจทุ งั้ สอง)
2) จงอธิบายแรงระหว่างประจุไฟฟ้า 2 ประจุ 12 และ 21 เหมือนหรือแตกต่างกัน
อย่างไร (แนวการตอบ 12 และ 21 เป็นแรงตามกฎของคูลอมบ์ โดยแรงที่ประจุ 2 กระทำต่อประจุ
1 และแรงทีป่ ระจุ 1 กระทำตอ่ ประจุ 2 แรงที่ท้ังสองมขี นาดเท่ากัน แต่มที ศิ ทางตรงข้ามกัน จึงเป็น
แรงคกู่ ริ ยิ า-ปฏกิ ริ ยิ าตามกฎการเคลอ่ื นที่ข้อทส่ี ามของนวิ ตัน)
3.2 ครูสุม่ นกั เรียน 3 คน โดยสมุ่ เลขที่ออกมาแสดงวธิ ีการหาคำตอบหนา้ ชั้นเรยี น
ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายใหค้ วามรู้เพ่มิ เติมเกยี่ วกับ สภาพยอมในสญุ ญากาศ ในหนงั สอื เรียน หน้า 93
4.2 ครูยกตัวอย่างโจทยป์ ัญหาทคี่ อ่ นขา้ งยากใหน้ กั เรยี นไดร้ ว่ มกันวิเคราะหแ์ ละหาคำตอบพรอ้ มกัน
ขั้นที่ 5 ขนั้ ประเมนิ ผล
5.1 นกั เรยี นตอบคำถาม เร่ือง กฎของคูลอมบ์ จำนวน 2 ขอ้
5.2 นักเรยี นทำแบบฝึกหัด 13.3 เร่อื ง กฎของคลู อมบ์ จำนวน 3 ขอ้
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนนำความรทู้ ่ีเรยี นไปคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ ทห่ี อ้ งสมุด หรอื เว็บไซต์ แล้วนำเสนอใน
ช้ันเรียน
8. ส่ือการเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เลม่ 4 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=r1zUxtQWNwo
9. การวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายแรงที่กระทำต่อกนั ระหวา่ งจดุ 1) ตรวจสมดุ ของ 1) แบบประเมนิ 1) นกั เรียนสามารถ
ประจุตามกฎของคลู อมบไ์ ด้ นักเรียน กิจกรรม ตอบคำถามได้ระดับ
2) อธิบายแรงไฟฟา้ ลัพธ์ที่กระทำตอ่ จดุ ประจุ 2) คำถาม 2 ขอ้ ดี ผา่ นเกณฑ์
ได้
ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณแรงท่ีกระทำตอ่ กันระหว่างจดุ 1) ตรวจสมดุ ของ 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นสามารถ
ประจตุ ามกฎของคลู อมบไ์ ด้ นักเรยี น กจิ กรรม ทำแบบฝกึ หดั ได้
2) คำนวณแรงไฟฟา้ ลัพธ์ท่ีกระทำตอ่ จุด 2) แบบฝกึ หัดจำนวน ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
ประจุได้ 3 ข้อ
259
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมุด 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นทำภาระ
1) เปน็ ผูม้ ีความรบั ผิดชอบและ งานท่ีได้รบั มอบหมาย
เปน็ ผมู้ ีความมุ่งม่นั ในการทำงาน ของนกั เรียน กิจกรรม ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เร่ือง กฎของคลู อมบ์
ประเดน็ การ คา่ นำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องครบถว้ นทกุ ขอ้
(K) 2 ตอบคำถามได้ถกู ต้อง เพยี ง 1 ข้อ
1 ตอบคำถามไม่ถูกตอ้ ง
ด้าน 3 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ กู ต้องครบถว้ นทุกขอ้
กระบวนการ 2 ทำแบบฝกึ หดั ได้ถูกตอ้ งครบถ้วน 2 ขอ้
(P) 1 ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น 1 ข้อ
ดา้ น 3 ทำภาระงานท่ีได้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถกู ต้องครบถว้ น
คุณลกั ษณะ 2 ทำภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน
1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางส่วน
(A)
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
260
การประเมินการทำกจิ กรรม เร่อื ง กฎของคลู อมบ์
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
261
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
262
บันทกึ หลงั การสอน
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 13 เรอื่ ง ไฟฟา้ สถิต พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 17 เรื่อง กฎของคลู อมบ์ .
ใ เดอื น ใ
วนั ที่
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงชอื่ ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)
ลงช่อื ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
263
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18
เร่อื ง สนามไฟฟ้า
รายวิชา ฟิสกิ ส์ 4 รหสั วิชา ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 13 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2
บรู ณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ
1. สาระฟสิ ิกส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟ้า การเปลย่ี นพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟ้ากระแสสลับ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ และการสือ่ สาร รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
6. อธบิ ายและคำนวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ ทก่ี ระทำกับอนภุ าคทีม่ ีประจไุ ฟฟ้าทอ่ี ยู่ในสนามไฟฟ้า รวมทั้ง
หาสนามไฟฟา้ ลัพธเ์ น่ืองจากระบบจุดประจุโดยรวมกันแบบเวกเตอร์
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความหมายสนามไฟฟา้ ได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) คำนวณหาปริมาณต่างๆ ทโี่ จทย์กำหนดได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1) เป็นผมู้ คี วามรับผิดชอบและเป็นผมู้ ีความมุง่ มัน่ ในการทำงาน
4. สาระสำคัญ
สนามไฟฟ้า คือ บริเวณที่ประจุมีแรงทางไฟฟ้าไปถึง มีค่าเท่ากับแรงที่กระทำต่อจุดประจุบวกขนาดหนึง่
หน่วย ซงึ่ วาง ณ ตำแหน่งใดๆ ตามสามการ ⃑ = สนามไฟฟ้าจะมีทศิ ทางพ่งุ ออกจากประจุบวกและพุ่งเข้าหา
ประจุลบ สนามไฟฟ้าภายในตัวนำรูปทรงใดๆ มีค่าเป็นศูนย์และสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งติดกับผิวของตัวนำจะมี
ทิศทางตั้งฉากกับผิวเสมอ โดยเส้นที่ใช้เขียนเพื่อแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ประจุไฟฟ้า เรียกว่า
เสน้ สนามไฟฟ้า
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ ณ ตำแหน่งซึ่งห่างจากประจุต้นกำเนิด เป็นระยะทาง หาได้จาก
= สนามไฟฟ้ามีทิศพุง่ ออกจากประจุต้นกำเนิดทีเ่ ป็นประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจุต้นกำเนดิ ที่เปน็ ประจุ
2
ลบ
264
สนามไฟฟ้าของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจดุ
ประจุแตล่ ะประจุ
เส้นสนามไฟฟ้าเป็นเส้นต่อเน่ืองแสดงทิศทางของสนามไฟฟา้ ซึ่งพิจารณาได้ว่าเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณ
รอบจุดประจุมที ิศอยูใ่ นแนวพุ่งออกจากประจุบวกเข้าหาประจลุ บตามแนวรัศมี ณ ตำแหน่งหนึ่งๆ มเี ส้นสนามไฟฟ้า
ผ่านได้เสน้ เดียว ความหนาแน่นของเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณหนึ่ง ๆ แสดงถึงขนาดของสนามไฟฟ้าในบรเิ วณนั้นๆ
ตำแหนง่ ทส่ี นามไฟฟา้ มีค่าเป็นศนู ย์ จะไม่มีเสน้ สนามไฟฟา้ ผา่ นเรียกวา่ จดุ สะเทนิ (neutral point)
สำหรับตัวนำทรงกลมประจุไฟฟ้าจะกระจายอย่างสม่ำเสมอบริเวณผิวตัวนำ และสนามไฟฟ้าภายในตัวนำ
เป็นศูนย์สนามไฟฟ้าของตัวนำทรงกลม มีทิศตั้งฉากกับผิวตวั นำ ต่อเนื่องออกไปจากผวิ ในแนวรัศมีทรงกลม หาได้
เช่นเดียวกบั สนามไฟฟ้าเน่อื งจากจุดประจุทีม่ ีประจุ เท่ากนั แตอ่ ย่ทู จ่ี ุดศนู ย์กลางของตัวนำทรงกลม ตามสมการ
=
2
เมื่อนำ ประจุ มวล วางในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า ⃑ จะมีแรงไฟฟ้าทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
ความเร่งเน่อื งจากแรงไฟฟ้า ตามสมการ ⃑ = ⃑ ⃑
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
สามารถแสดงว่าบริเวณหนึ่งมีสนามไฟฟ้าได้ โดยนำประจบุ วก เรียกว่า ประจุทดสอบ (outer
space) ไปวาง ณ ตำแหนง่ ที่ต้องการ หากมแี รงไฟฟ้า กระทำต่อประจุทดสอบ ณ ตำแหนง่ น้ัน แสดงว่า
ตำแหนง่ นน้ั มสี นามไฟฟ้า ⃑ ดงั รูป 13.12 ก. มีแรง กระทำตอ่ ประจุที่จดุ P แสดงวา่ มสี นามไฟฟา้ ⃑ ท่ี
จดุ P เนือ่ งจากวตั ถุมีประจุ ดังรูป 13.12 ข.
รูป 13.12 ก. แรงไฟที่กระทำตอ่ ประจุ ข. สนามไฟฟา้ ทีจ่ ุด P
สนามไฟฟ้า ⃑ ท่ีจดุ P เน่ืองจากวตั ถุทม่ี ีประจุ นิยามไดเ้ ป็น
⃑ =
โดยประจทุ ดสอบ ควรมคี า่ ประจนุ อ้ ยๆ หากประจุทดสอบมคี ่าประจุมาก สนามไฟฟา้ จากประจุ
ทดสอบจะไปเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟ้าในบริเวณที่พิจารณาได้ สนามไฟฟ้าเป็นปริมาณเวกเตอร์ เช่น
เดียวกับแรงไฟฟ้า มีหน่วยเป็นนิวตันต่อคูลอมบ์ (N/C) และมีทิศทางเดียวกับแรงไฟฟ้าที่กระทำต่อประจุ
บวกท่ใี ชท้ ดสอบ แต่จะมีทิศทางตรงข้ามกับทศิ ทางของแรงไฟฟ้าที่กระทำตอ่ ประจุลบเมอ่ื วางในสนามไฟฟา้
265
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟัง พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลุม่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผา่ นคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลกั ษณะและค่านิยม
เป็นผูม้ ีความรบั ผิดชอบและเป็นผ้มู ีความมงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เร่ือง การแก้สมการ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้เดมิ เรื่อง กฎของคลู อมบ์ และสมการหาระหว่างประจไุ ฟฟา้
1.2 ครตู ้ังถามใหน้ ักเรียนตอบ
ครู : ถ้าเราต้องการทราบว่า ตำแหน่งใดมีสนามไฟฟ้าหรือไม่ ต้องทำอย่างไร (แนวการ
ตอบ อาจตรวจสอบได้โดยนำประจุทดสอบ ไปวางไว้ ณ ตำแหน่งนั้น ถา้ มีแรงกระทำกบั ประจุทดสอบ
แสดงวา่ ตำแหนง่ น้นั มีสนามไฟฟา้ ถ้าไมม่ แี รงกระทำก็แสดงว่าไมม่ ีสนามไฟฟา้ ณ ตำแหน่งน้นั )
ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา
2.1 ครูนำอภปิ รายเก่ยี วกบั ความหมายของสนามไฟฟ้าตามเนือ้ หาในหนังสือเรียน
2.2 ครูนำนกั เรียนศกึ ษาตัวอย่างโจทยป์ ัญหาในหนังสอื หนา้ 100 อย่างละเอยี ด
2.3 ครทู ดสอบนกั เรียนโดยให้ทำแบบฝึกหัด 13.3 เร่อื ง สนามไฟฟ้า จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมุด
2.4 ครใู ห้นักเรียนตอบคำถาม เร่อื ง สนามไฟฟา้ จำนวน 1 ข้อ ลงในสมดุ เพือ่ ตรวจสอบความรู้
ความเขา้ ใจ
ข้นั ที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูต้งั คำถามใหน้ กั เรยี นตอบเพ่อื ตรวจสอบความรูค้ วามเข้าใจ (โดยสมุ่ เลขท่ี) คำถามดงั ตอ่ ไปนี้
1) จงอธิบายความหมายสนามไฟฟา้ (แนวการตอบ บรเิ วณที่ประจุมีแรงทางไฟฟา้ ไปถึง มี
ค่าเทา่ กบั แรงทีก่ ระทำต่อจดุ ประจุบวกขนาดหนึ่งหนว่ ย ซ่ึงวาง ณ ตำแหนง่ ใดๆ ตามสามการ ⃑ =
สนามไฟฟา้ จะมีทิศทางพุ่งออกจากประจบุ วกและพุง่ เข้าหาประจุลบ)
3.2 ครสู มุ่ นักเรยี น 1 คน โดยสุ่มเลขท่ีออกมาแสดงวิธกี ารหาคำตอบหนา้ ชั้นเรียน
ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครยู กตวั อย่างโจทยป์ ญั หาทคี่ ่อนขา้ งยากให้นกั เรยี นได้ร่วมกนั วิเคราะห์และหาคำตอบพร้อมกนั
266
ข้นั ท่ี 5 ขนั้ ประเมินผล
5.1 นักเรยี นตอบคำถาม เรอ่ื ง สนามไฟฟา้ จำนวน 1 ขอ้
5.2 นักเรียนทำแบบฝกึ หัด 13.3 เรือ่ ง สนามไฟฟา้ จำนวน 1 ข้อ
ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนนำความรทู้ ่ีเรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมท่หี อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ชั้นเรียน
8. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เล่ม 4 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
9. การวดั และประเมินผล วิธกี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี น กจิ กรรม ตอบคำถามไดร้ ะดบั
1) อธบิ ายความหมายสนามไฟฟ้าได้ 2) คำถาม 1 ข้อ ดี ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) แบบประเมิน 1) นกั เรียนสามารถ
1) คำนวณหาปรมิ าณต่างๆ ทีโ่ จทยก์ ำหนด 1) ตรวจสมดุ ของ
ได้ นกั เรยี น กจิ กรรม ทำแบบฝึกหดั ได้
2) แบบฝกึ หดั จำนวน ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
1 ขอ้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมุด 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นทำภาระ
1) เป็นผูม้ คี วามรบั ผดิ ชอบและ ของนักเรยี น
เปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ ม่ันในการทำงาน ทำกจิ กรรม งานท่ีได้รบั มอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
267
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เร่อื ง สนามไฟฟา้
ประเด็นการ ค่านำ้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน
ดา้ นความรู้ 2 ตอบคำถามได้ถกู ต้องครบถว้ น
(K) 1 ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง
ด้าน 2 ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝึกหดั ไม่ถูกตอ้ ง
ดา้ น 2 ทำภาระงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรยี บรอ้ ยถูกตอ้ งครบถ้วน
คุณลักษณะ 1 ทำภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางสว่ น
(A)
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
268
การประเมนิ การทำกิจกรรม เร่อื ง สนามไฟฟ้า
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกุล ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
269
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถงึ ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 2-3 หมายถึง ระดับปานกลาง
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับปรับปรุง
คะแนน
270
บนั ทึกหลงั การสอน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 13 เรอ่ื ง ไฟฟา้ สถติ พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 18 เรอ่ื ง สนามไฟฟา้ .
ใ เดอื น ใ
วนั ที่
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ .............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่ือ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)
ลงชอ่ื ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
271
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19
เรือ่ ง สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ
รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 13 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟา้ สถติ รวม 30 ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศักยไ์ ฟฟ้า ความจุไฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปล่ียนพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟ้ากระแสสลับ คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าและการส่ือสาร รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
6. อธิบายและคำนวณสนามไฟฟา้ และแรงไฟฟ้าที่กระทำกบั อนุภาคทม่ี ปี ระจุไฟฟ้าทอี่ ยูใ่ นสนามไฟฟา้ รวมทัง้
หาสนามไฟฟ้าลพั ธเ์ น่อื งจากระบบจดุ ประจุโดยรวมกนั แบบเวกเตอร์
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายความหมายสนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณท่เี ก่ียวขอ้ งกบั สนามไฟฟา้ ของจุดประจุได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) เป็นผมู้ ีความรบั ผดิ ชอบและเป็นผู้มคี วามมุ่งมัน่ ในการทำงาน
4. สาระสำคัญ
สนามไฟฟ้า คือ บริเวณที่ประจุมีแรงทางไฟฟ้าไปถึง มีค่าเท่ากับแรงที่กระทำต่อจุดประจุบวกขนาดหนงึ่
หน่วย ซึง่ วาง ณ ตำแหนง่ ใดๆ ตามสามการ ⃑ = สนามไฟฟ้าจะมที ิศทางพงุ่ ออกจากประจุบวกและพุ่งเข้าหา
ประจุลบ สนามไฟฟ้าภายในตัวนำรูปทรงใดๆ มีค่าเป็นศูนย์และสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งติดกับผิวของตัวนำจะมี
ทิศทางตั้งฉากกับผิวเสมอ โดยเส้นที่ใช้เขียนเพื่อแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ประจุไฟฟ้า เรียกว่า
เสน้ สนามไฟฟา้
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ ณ ตำแหน่งซึ่งห่างจากประจุต้นกำเนิด เป็นระยะทาง หาได้จาก
= สนามไฟฟ้ามีทศิ พุ่งออกจากประจุตน้ กำเนิดที่เป็นประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจตุ ้นกำเนิดที่เป็นประจุ
2
ลบ
272
สนามไฟฟ้าของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุด
ประจุแต่ละประจุ
เส้นสนามไฟฟ้าเปน็ เส้นต่อเนื่องแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้า ซึ่งพิจารณาได้ว่าเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณ
รอบจดุ ประจุมีทศิ อยู่ในแนวพุง่ ออกจากประจุบวกเขา้ หาประจุลบตามแนวรัศมี ณ ตำแหน่งหนง่ึ ๆ มีเสน้ สนามไฟฟ้า
ผ่านได้เสน้ เดยี ว ความหนาแน่นของเส้นสนามไฟฟา้ ในบริเวณหนึ่ง ๆ แสดงถึงขนาดของสนามไฟฟา้ ในบรเิ วณน้ันๆ
ตำแหน่งทสี่ นามไฟฟ้ามคี า่ เป็นศนู ย์ จะไมม่ ีเสน้ สนามไฟฟา้ ผ่านเรยี กว่า จดุ สะเทนิ (neutral point)
สำหรับตัวนำทรงกลมประจุไฟฟ้าจะกระจายอย่างสม่ำเสมอบริเวณผิวตัวนำ และสนามไฟฟ้าภายในตัวนำ
เป็นศูนย์สนามไฟฟา้ ของตัวนำทรงกลม มีทิศตั้งฉากกับผิวตวั นำ ต่อเนื่องออกไปจากผวิ ในแนวรัศมีทรงกลม หาได้
เชน่ เดยี วกับสนามไฟฟา้ เนือ่ งจากจุดประจุทมี่ ีประจุ เทา่ กัน แต่อยทู่ ี่จดุ ศนู ยก์ ลางของตวั นำทรงกลม ตามสมการ
=
2
เมื่อนำ ประจุ มวล วางในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า ⃑ จะมีแรงไฟฟ้าทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
ความเร่งเน่ืองจากแรงไฟฟา้ ตามสมการ ⃑ = ⃑⃑
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ แรงไฟฟ้าทีก่ ระทำระหวา่ งสองจดุ ประจุ เกดิ จากประจุไฟฟา้ หน่งึ อยู่ใน
สนามไฟฟ้าของอีกประจุไฟหนึ่ง เช่น ให้ประจุ เป็นประจุทดสอบที่อยู่ในสนามไฟฟ้าที่มาจากประจุ
ซง่ึ เป็นประจุต้นกำเนดิ (source charge) ณ ตำแหนง่ หา่ งเปน็ ระยะทาง
จากกฎของคลู อมบ์ =
2
และ E =
จะไดว้ ่า สนามไฟฟา้ เนื่องจากจุดประจุ ท่ตี ำแหน่งหนึ่งๆ ท่หี า่ งจากประจุ เป็นระยะทาง
kqQ
2
มีค่า คือ = 2 =
q
จากสมการข้างต้น ขนาดสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุ แปรผันตรงกับประจุไฟฟ้า และ
แปรผกผันกับกำลังสองของระยะห่างจากจุดประจุ โดยสนามไฟฟ้ามีค่ามากเมื่ออยู่ใกล้จุดประจุ
ต้นกำเนิดและมีค่าลดลงเมื่อไกลออกไป กราฟระหว่างสนามไฟฟ้า ( ) กับระยะห่าง ( ) จากประจุ
ตน้ กำเนดิ เปน็ ดังรูป 13.13
273
รูป 13.13 กราฟระหว่างขนาดสนามไฟฟ้า ( ) กับระยะห่างจากจดุ ประจุ ( )
เนื่องจากทิศทางของสนามไฟฟ้า พิจารณาจากแรงกระทำต่อประจุบวกทดสอบ และเนื่องจาก
ประจุชนิดเดียวกันจะผลักกัน ประจุชนิดตรงข้ามกันดึงดูดกัน จะสรุปได้ว่าสนามไฟฟ้ามีทิศทางออกจาก
ประจุต้นกำหนดท่ีเป็นประจุบวก และเขา้ หาประจุต้นกำเนดิ ท่ีเป็นประจุลบ ดังรปู 13.14
รปู 13.14 ก. ทศิ ทางของสนามไฟฟ้าทจ่ี ุด P ห่างจากประจตุ ้นกำเนดิ + เป็นระยะ
ข. ทิศทางของสนามไฟฟา้ ที่จุด P ห่างจากประจตุ น้ กำเนิด − เปน็ ระยะ
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผา่ นคอมพวิ เตอร)์
5.3 คุณลักษณะและคา่ นยิ ม
เปน็ ผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเป็นผมู้ ีความมงุ่ ม่ันในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ เร่ือง การแก้สมการ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความหมายของสนามไฟฟ้า และสมการที่เก่ียวข้อง
274
ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครนู ำอภิปรายเกยี่ วกับความหมายของสนามไฟฟ้าของจุดประจุตามเน้อื หาในหนังสือเรยี น
2.2 ครูนำนักเรยี นศกึ ษาตวั อย่างโจทย์ปญั หาในหนังสือ หนา้ 102 อยา่ งละเอยี ด
2.3 ครูทดสอบนกั เรียนโดยให้ทำแบบฝึกหัด 13.3 เรือ่ ง สนามไฟฟ้าของจดุ ประจุ จำนวน 1 ขอ้
ลงในสมดุ
2.4 ครูใหน้ กั เรียนตอบคำถาม เรื่อง สนามไฟฟา้ ของจุดประจุ จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมุด เพอ่ื
ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจ
ขน้ั ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูต้ังคำถามให้นักเรยี นตอบเพอ่ื ตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจ (โดยส่มุ เลขที่) คำถามดังตอ่ ไปนี้
1) จงอธบิ ายความหมายสนามไฟฟ้าของจุดประจุ (แนวการตอบ สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ
ณ ตำแหนง่ ซึง่ ห่างจากประจตุ ้นกำเนดิ เป็นระยะทาง หาได้จาก = สนามไฟฟ้ามที ิศพุ่งออก
2
จากประจุต้นกำเนดิ ทเ่ี ปน็ ประจุบวกและพงุ่ เข้าหาประจตุ ้นกำเนดิ ที่เปน็ ประจลุ บ)
3.2 ครสู ุม่ นักเรยี น 1 คน โดยสุม่ เลขท่ีออกมาแสดงวธิ กี ารหาคำตอบหน้าชนั้ เรียน
ขั้นที่ 4 ข้นั ขยายความรู้
4.1 ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาทคี่ อ่ นข้างยากใหน้ ักเรยี นได้รว่ มกนั วิเคราะห์และหาคำตอบพร้อมกัน
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1 นักเรียนตอบคำถาม เร่อื ง สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ จำนวน 1 ขอ้
5.2 นกั เรียนทำแบบฝึกหดั 13.3 เรอื่ ง สนามไฟฟ้าของจุดประจุ จำนวน 1 ขอ้
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนนำความรทู้ ี่เรยี นไปค้นคว้าเพ่ิมเติมท่หี อ้ งสมุด หรอื เว็บไซต์ แล้วนำเสนอใน
ชั้นเรียน
8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟิสกิ ส)์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 เล่ม 4 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ น็ต
275
9. การวดั และประเมินผล วิธีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ตรวจสมดุ ของ
นักเรียน 1) แบบประเมิน 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) กิจกรรม ตอบคำถามได้ระดบั
1) อธบิ ายความหมายสนามไฟฟา้ ของจุด 1) ตรวจสมดุ ของ 2) คำถาม 1 ข้อ ดี ผ่านเกณฑ์
ประจุได้ นักเรยี น
1) แบบประเมนิ 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจการส่งสมดุ
1) คำนวณปริมาณที่เกยี่ วข้องกบั ของนกั เรยี น กจิ กรรม ทำแบบฝึกหัดได้
สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุได้
2) แบบฝึกหัดจำนวน ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) เป็นผูม้ ีความรบั ผิดชอบและ 1 ข้อ
เป็นผู้มีความมุ่งม่ันในการทำงาน
1) สมดุ ของนักเรยี น 1) นักเรยี นทำภาระ
งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรือ่ ง สนามไฟฟ้าของจุดประจุ
ประเด็นการ ค่านำ้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 2 ตอบคำถามได้ถกู ต้องครบถว้ น
(K) 1 ตอบคำถามไม่ถกู ต้อง
ดา้ น 2 ทำแบบฝกึ หัดได้ถกู ต้องครบถ้วน
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝกึ หัดไม่ถูกต้อง
ด้าน 2 ทำภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถูกต้องครบถ้วน
คุณลกั ษณะ 1 ทำภาระงานที่ได้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางส่วน
(A)
ระดับคะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
276
การประเมนิ การทำกิจกรรม เร่อื ง สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
277
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2-3 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
278
บนั ทึกหลังการสอน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 เรื่อง ไฟฟา้ สถติ ใ
แผนการสอนท่ี 19 เรื่อง สนามไฟฟา้ ของจุดประจุ .
ใ เดอื น พ.ศ. ใ
วนั ท่ี
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงชื่อ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)
ลงชอื่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
279
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 20
เรอื่ ง สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ
รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 13 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้าสถิต รวม 30 ชั่วโมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
บูรณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ
1. สาระฟสิ ิกส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟ้า ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกำลังไฟฟ้า การเปลีย่ นพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ และการสอื่ สาร รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
6. อธิบายและคำนวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ ทีก่ ระทำกับอนุภาคทมี่ ปี ระจุไฟฟ้าทีอ่ ย่ใู นสนามไฟฟา้ รวมทง้ั
หาสนามไฟฟ้าลัพธ์เนอ่ื งจากระบบจดุ ประจโุ ดยรวมกันแบบเวกเตอร์
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายความหมายสนามไฟฟา้ ลัพธข์ องระบบจดุ ประจุได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณที่เกีย่ วข้องกับสนามไฟฟ้าลัพธ์ของระบบจุดประจุได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1) เป็นผู้มีความรับผิดชอบและเปน็ ผมู้ คี วามมุ่งม่นั ในการทำงาน
4. สาระสำคัญ
สนามไฟฟ้า คือ บริเวณที่ประจุมีแรงทางไฟฟ้าไปถึง มีค่าเท่ากับแรงที่กระทำต่อจุดประจุบวกขนาดหนึง่
หน่วย ซ่งึ วาง ณ ตำแหนง่ ใดๆ ตามสามการ ⃑ = สนามไฟฟ้าจะมีทิศทางพงุ่ ออกจากประจุบวกและพุ่งเข้าหา
ประจุลบ สนามไฟฟ้าภายในตัวนำรูปทรงใดๆ มีค่าเป็นศูนย์และสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งติดกับผิวของตัวนำจะมี
ทิศทางตั้งฉากกับผิวเสมอ โดยเส้นที่ใช้เขียนเพื่อแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ประจุไฟฟ้า เรียกว่า
เสน้ สนามไฟฟ้า
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ ณ ตำแหน่งซึ่งห่างจากประจุต้นกำเนิด เป็นระยะทาง หาได้จาก
= สนามไฟฟ้ามีทิศพุ่งออกจากประจุตน้ กำเนิดทีเ่ ป็นประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจุต้นกำเนดิ ที่เป็นประจุ
2
ลบ
280
สนามไฟฟ้าของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุด
ประจุแตล่ ะประจุ
เส้นสนามไฟฟ้าเปน็ เส้นต่อเน่ืองแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้า ซึ่งพิจารณาไดว้ ่าเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณ
รอบจดุ ประจุมที ศิ อยู่ในแนวพงุ่ ออกจากประจุบวกเขา้ หาประจุลบตามแนวรัศมี ณ ตำแหนง่ หนึ่งๆ มีเสน้ สนามไฟฟ้า
ผ่านได้เส้นเดียว ความหนาแน่นของเส้นสนามไฟฟา้ ในบริเวณหน่ึง ๆ แสดงถึงขนาดของสนามไฟฟ้าในบริเวณน้นั ๆ
ตำแหน่งทีส่ นามไฟฟา้ มีค่าเปน็ ศูนย์ จะไม่มเี สน้ สนามไฟฟ้าผา่ นเรียกว่า จดุ สะเทิน (neutral point)
สำหรับตัวนำทรงกลมประจุไฟฟ้าจะกระจายอยา่ งสม่ำเสมอบริเวณผิวตัวนำ และสนามไฟฟ้าภายในตัวนำ
เป็นศูนย์สนามไฟฟ้าของตัวนำทรงกลม มีทิศตั้งฉากกบั ผิวตวั นำ ต่อเนื่องออกไปจากผวิ ในแนวรัศมีทรงกลม หาได้
เช่นเดยี วกับสนามไฟฟ้าเน่ืองจากจดุ ประจุที่มีประจุ เทา่ กนั แต่อยู่ท่จี ดุ ศนู ย์กลางของตัวนำทรงกลม ตามสมการ
=
2
เมื่อนำ ประจุ มวล วางในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า ⃑ จะมีแรงไฟฟ้าทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
ความเรง่ เนื่องจากแรงไฟฟ้า ตามสมการ ⃑ = ⃑ ⃑
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
สนามไฟฟ้าของระบบประจุ สำหรับระบบประจุ ประจุ สนามไฟฟา้ ลพั ธท์ ต่ี ำแหน่งหน่งึ ๆ มคี ่า
เท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเน่ืองจากจุดประจุแต่ละประจุ
⃑ = ⃑ 1 + ⃑ 2 + ⋯ + ⃑
⃑ 1 = ∑ ⃑
=1
เชน่ สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ 2 ประจุ และการรวมแบบเวกเตอรข์ องสนามไฟฟ้าที่ตำแหน่ง P
รูป 13.15 สนามไฟฟา้ ทต่ี ำแหนาง P จาก 2 ประจุ
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แก้สมการ)
281
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นยิ ม
เปน็ ผมู้ คี วามรับผิดชอบและเป็นผมู้ ีความมงุ่ มั่นในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกับกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรอ่ื ง การแก้สมการ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความหมายของสนามไฟฟ้าจดุ ประจุ และสมการท่เี กีย่ วข้อง
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครูนำอภปิ รายเก่ยี วกบั ความหมายของสนามไฟฟา้ ของระบบประจุตามเน้อื หาในหนังสือเรียน
2.2 ครูนำนักเรยี นศึกษาตัวอย่างโจทย์ปัญหาในหนงั สอื หนา้ 102 อยา่ งละเอยี ด
2.3 ครูทดสอบนกั เรียนโดยให้ทำแบบฝกึ หัด 13.3 เรอ่ื ง สนามไฟฟา้ ลพั ธข์ องระบบจดุ ประจุ
จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมดุ
2.4 ครูให้นกั เรียนตอบคำถาม เรือ่ ง สนามไฟฟ้าของระบบประจุ จำนวน 1 ข้อ ลงในสมุด เพอื่
ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ
ขั้นที่ 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูต้งั คำถามให้นกั เรียนตอบเพื่อตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจ (โดยสุ่มเลขท่ี) คำถามดงั ต่อไปนี้
1) จงอธบิ ายความหมายสนามไฟฟ้าของระบบประจุ (แนวการตอบ สนามไฟฟา้ ของระบบ
ประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุแต่ละ
ประจุ)
3.2 ครูสุ่มนักเรียน 1 คน โดยสุม่ เลขท่ีออกมาแสดงวิธกี ารหาคำตอบหนา้ ช้ันเรยี น
ขั้นท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูยกตวั อยา่ งโจทย์ปัญหาที่ค่อนขา้ งยากใหน้ กั เรยี นได้รว่ มกนั วเิ คราะห์และหาคำตอบพร้อมกนั
ข้นั ที่ 5 ขัน้ ประเมินผล
5.1 นกั เรียนตอบคำถาม เรอ่ื ง สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ จำนวน 1 ข้อ
5.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด 13.3 เรอื่ ง สนามไฟฟา้ ลัพธ์ของระบบจุดประจุ จำนวน 1 ขอ้
ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
ครใู ห้นักเรยี นแต่ละคนนำความรทู้ ่ีเรยี นไปค้นคว้าเพ่ิมเตมิ ทหี่ ้องสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนำเสนอใน
ช้ันเรียน
282
8. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 4 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
9. การวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K)
1) อธิบายความหมายสนามไฟฟ้าของระบบ 1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นสามารถ
กิจกรรม ตอบคำถามได้ระดับ
ประจุได้ นกั เรยี น 2) คำถาม 1 ข้อ ดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P) 1) ตรวจสมดุ ของ 1) แบบประเมนิ 1) นักเรยี นสามารถ
1) คำนวณปริมาณทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั นักเรียน
สนามไฟฟ้าลัพธข์ องระบบจุดประจุได้ กิจกรรม ทำแบบฝึกหัดได้
2) แบบฝกึ หดั จำนวน ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
1 ขอ้
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการสง่ สมดุ 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นทำภาระ
1) เปน็ ผ้มู คี วามรับผดิ ชอบและ ของนักเรยี น กจิ กรรม งานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
เป็นผู้มคี วามมงุ่ ม่ันในการทำงาน ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรอ่ื ง สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ
ประเดน็ การ คา่ น้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 2 ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น
(K) 1 ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง
ด้าน 2 ทำแบบฝกึ หดั ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝกึ หดั ไม่ถูกต้อง
ดา้ น 2 ทำภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด และเรยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถ้วน
คุณลกั ษณะ 1 ทำภาระงานท่ีได้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางส่วน
(A)
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
283
การประเมนิ การทำกิจกรรม เรื่อง สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
284
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2-3 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
285
บนั ทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 13 เร่อื ง ไฟฟา้ สถิต ใ
แผนการสอนท่ี 20 เรื่อง สนามไฟฟา้ ของระบบประจุ .
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วนั ท่ี
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงชือ่ ............................................. รองฯ กลมุ่ บริหารวชิ าการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)
ลงช่อื ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุรยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
286
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 21
เรื่อง เส้นสนามไฟฟ้า
รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 13 ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟ้าสถติ รวม 30 ชวั่ โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2
บูรณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ
1. สาระฟิสกิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟ้ากระแสสลับ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ และการส่ือสาร รวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
6. อธบิ ายและคำนวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าทก่ี ระทำกับอนุภาคที่มีประจไุ ฟฟ้าทอี่ ยใู่ นสนามไฟฟ้า รวมทัง้
หาสนามไฟฟ้าลัพธ์เนอ่ื งจากระบบจดุ ประจุโดยรวมกนั แบบเวกเตอร์
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายความหมายของเส้นสนามไฟฟา้ ได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถจดั กระทำและสื่อความหมายของข้อมูลทศ่ี กึ ษาค้นควา้ ได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) เป็นผู้มีความรับผิดชอบและเป็นผมู้ คี วามมุง่ มัน่ ในการทำงาน
4. สาระสำคญั
สนามไฟฟ้า คือ บริเวณที่ประจุมีแรงทางไฟฟ้าไปถึง มีค่าเท่ากับแรงที่กระทำต่อจุดประจุบวกขนาดหนง่ึ
หน่วย ซึ่งวาง ณ ตำแหน่งใดๆ ตามสามการ ⃑ = สนามไฟฟ้าจะมีทศิ ทางพ่งุ ออกจากประจบุ วกและพุ่งเข้าหา
ประจุลบ สนามไฟฟ้าภายในตัวนำรูปทรงใดๆ มีค่าเป็นศูนย์และสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งติดกับผิวของตัวนำจะมี
ทิศทางตั้งฉากกับผิวเสมอ โดยเส้นที่ใช้เขียนเพื่อแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ประจุไฟฟ้า เรียกว่า
เส้นสนามไฟฟ้า
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ ณ ตำแหน่งซึ่งห่างจากประจุต้นกำเนิด เป็นระยะทาง หาได้จาก
= สนามไฟฟ้ามีทิศพุ่งออกจากประจุตน้ กำเนิดทีเ่ ป็นประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจตุ ้นกำเนิดที่เป็นประจุ
2
ลบ
287
สนามไฟฟ้าของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจุด
ประจแุ ตล่ ะประจุ
เส้นสนามไฟฟ้าเปน็ เส้นต่อเนื่องแสดงทิศทางของสนามไฟฟา้ ซึ่งพิจารณาได้ว่าเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณ
รอบจดุ ประจมุ ีทศิ อยู่ในแนวพ่งุ ออกจากประจุบวกเข้าหาประจลุ บตามแนวรัศมี ณ ตำแหนง่ หน่งึ ๆ มเี ส้นสนามไฟฟ้า
ผ่านได้เสน้ เดยี ว ความหนาแน่นของเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณหน่ึง ๆ แสดงถึงขนาดของสนามไฟฟ้าในบรเิ วณน้นั ๆ
ตำแหนง่ ที่สนามไฟฟ้ามีค่าเป็นศูนย์ จะไม่มีเส้นสนามไฟฟ้าผ่านเรียกวา่ จดุ สะเทิน (neutral point)
สำหรับตัวนำทรงกลมประจุไฟฟ้าจะกระจายอยา่ งสม่ำเสมอบริเวณผิวตวั นำ และสนามไฟฟ้าภายในตัวนำ
เป็นศูนย์สนามไฟฟ้าของตัวนำทรงกลม มีทิศตั้งฉากกบั ผิวตวั นำ ต่อเนื่องออกไปจากผิวในแนวรัศมีทรงกลม หาได้
เช่นเดยี วกบั สนามไฟฟา้ เนอ่ื งจากจดุ ประจุทีม่ ีประจุ เทา่ กนั แตอ่ ยทู่ ี่จดุ ศูนย์กลางของตวั นำทรงกลม ตามสมการ
=
2
เมื่อนำ ประจุ มวล วางในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า ⃑ จะมีแรงไฟฟ้าทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
ความเร่งเน่ืองจากแรงไฟฟา้ ตามสมการ ⃑ = ⃑⃑
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
เส้นสนามไฟฟ้า สนามไฟฟา้ มีอย่ใู นบรเิ วณทม่ี ีแรงไฟฟา้ กระทำต่อประจทุ ดสอบ โดยสนามไฟฟ้ามี
ทิศทางออกจากประจุต้นกำเนดิ ทเ่ี ปน็ ประจุบวก และมีทิศทางเข้าหาประจุต้นกำเนิดท่ีเป็นประจุลบดงั แสดง
ในรูป 13.14 ทิศทางของสนามไฟฟ้าดังกล่าว นำมาใช้เป็นเส้นต่อเนื่องในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า เรียกว่า
เส้นสนามไฟฟ้า (electric field ilne)
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อ่าน ฟัง พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จัดกลมุ่ สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผ่านคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
เป็นผู้มีความรับผดิ ชอบและเป็นผมู้ คี วามมุ่งมั่นในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการ PLC นักเรียนแต่ละคนแลกเปลี่ยนเรียนรู้เล่าสู่กันฟังถึงความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และ
ปญั หาท่ีเกดิ ขึน้ ระหวา่ งการทำกจิ กรรม
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความหมายของสนามไฟฟา้ ของระบบประจุ และสมการทีเ่ กี่ยวข้อง
288
1.2 ครูนำ เขา้ สหู่ ัวขอ้ ท่ี 13.3.4 โดยนำอภปิ รายเก่ียวกบั เส้นสนามไฟฟา้ จนสรุปได้ว่า เส้นต่อเนื่อง
ที่แสดงทิศทางสนามไฟฟา้ ในบริเวณท่ีมสี นามไฟฟา้ เรยี กว่า เสน้ สนามไฟฟา้ (electric field line)
1.3 ครสู าธิตลกั ษณะเส้นสนามไฟฟ้าจากข้ัวโลหะปลายแหลมด้วยดา่ งทับทิม แลว้ ครตู ง้ั คำถามเพื่อ
นำเขา้ สกู่ ารทำกิจกรรม
- แนวเส้นสีม่วงมีลกั ษณะอย่างไร และสามารถเขียนแสดงลักษณะเสน้ สนามไฟฟ้าจากจุด
ประจุสองจุดทตี่ ่างกนั ไดอ้ ยา่ งไร
ขั้นที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา
2.1 ให้นักเรียนแบง่ กล่มุ ๆ ละ 4 คน
2.2 นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ แบ่งหนา้ ทค่ี วามรับผิดชอบและศกึ ษาคน้ ควา้ และทำความเข้าใจเนอ้ื หา
เร่ือง เส้นสนามไฟฟ้า ในหนงั สอื เรียน หนา้ 106-110 แล้วสรุปองค์ความรูจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าลงใน
กระดาษ A4 ในรปู แบบ Mind mapping
ขน้ั ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูสุม่ นักเรยี น 1 คน โดยสุ่มเลขท่ีออกมานำเสนอ Mind mapping ของกล่มุ ตนเอง
หน้าชน้ั เรยี น
ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูนำโจทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั เรอ่ื ง จดุ สะเทิน มาอธบิ ายให้ความรูเ้ พิม่ เตมิ
ข้นั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ ผล
5.1 นักเรยี นสง่ สมดุ สรปุ องค์ความรู้จากการศกึ ษาคน้ คว้า ในรูปแบบ Mind mapping
ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
-
8. ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ (ฟิสกิ ส์) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 เล่ม 4 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
289
9. การวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
1) แบบประเมินการ
ดา้ นความรู้ (K) ทำกจิ กรรม 1) นักเรยี นสามารถ
สรุปเนือ้ หาท่ีศึกษา
1) อธบิ ายความหมายของเสน้ สนามไฟฟ้า 1) ตรวจ Mind mapping 1) แบบประเมนิ การ และทำความเขา้ ใจได้
ได้ ทำกิจกรรม ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนสามารถ
ทำกจิ กรรม สรุปเนือ้ หาท่ีศึกษา
1) นักเรียนสามารถจัดกระทำและสือ่ 1) ตรวจ Mind mapping และทำความเข้าใจได้
ความหมายของขอ้ มลู ที่ศกึ ษาค้นควา้ ได้ ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ตรวจ Mind mapping 1) นกั เรยี นทำภาระ
งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
1) เป็นผู้มคี วามรบั ผดิ ชอบและ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
เป็นผู้มีความมงุ่ มั่นในการทำงาน
10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรือ่ ง เส้นสนามไฟฟ้า
ประเดน็ การ คา่ น้ำหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ 3 สรุปเนือ้ หาท่ีศึกษาและทำความเข้าใจได้ถกู ต้องครบถว้ น
(K) 2 สรุปเนอื้ หาที่ศกึ ษาและทำความเขา้ ใจได้ค่อนข้างถูกตอ้ งครบถว้ น
1 สรปุ เน้อื หาท่ีศกึ ษาและทำความเข้าใจได้ แต่ไมค่ รบถ้วน
ด้าน 3 จัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมูลท่ศี กึ ษาค้นคว้าได้ถูกตอ้ งครบถ้วน สะอาดและ
กระบวนการ 2 สวยงาม
1
(P) จัดกระทำและส่อื ความหมายของข้อมูลทศ่ี กึ ษาค้นคว้าค่อนขา้ งถูกต้องครบถ้วน สะอาด
และสวยงาม
จดั กระทำและสื่อความหมายของข้อมูลท่ีศึกษาค้นคว้าได้ค่อนข้างถกู ตอ้ งครบถว้ น
สะอาดและสวยงาม
ด้าน 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถ้วน
2 ทำภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด แตง่ านยังผดิ พลาดบางส่วน
คุณลกั ษณะ 1 ทำภาระงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน
(A)
ระดับคะแนน
คะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
290
การประเมินการทำกจิ กรรม เรอ่ื ง เส้นสนามไฟฟา้
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่อื - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
291
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
292
บันทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 13 เรอ่ื ง ไฟฟ้าสถิต พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 21 เร่ือง เสน้ สนามไฟฟ้า .
ใ เดอื น ใ
วันท่ี
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่อื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ.............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(นายบพิตร เหลา่ กอ)
ลงชื่อ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุรยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
293
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 22
เร่อื ง แรงกระทำต่ออนุภาคที่มีประจุในสนามไฟฟ้า
รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 13 ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ ไฟฟ้าสถิต รวม 30 ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2
บูรณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มาตรฐานสากล ข้ามกล่มุ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลงั ไฟฟ้า การเปล่ยี นพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟา้ กระแสสลบั คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสือ่ สาร รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
6. อธบิ ายและคำนวณสนามไฟฟา้ และแรงไฟฟ้าทกี่ ระทำกบั อนุภาคทม่ี ปี ระจุไฟฟา้ ที่อยูใ่ นสนามไฟฟ้า รวมทั้ง
หาสนามไฟฟา้ ลพั ธ์เนือ่ งจากระบบจดุ ประจโุ ดยรวมกันแบบเวกเตอร์
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายแรงไฟฟา้ ท่ีกระทำต่ออนภุ าคทมี่ ปี ระจุท่ีอยูใ่ นสนามไฟฟ้าได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณท่ีเกยี่ วข้องได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
1) เป็นผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ มน่ั ในการทำงาน
4. สาระสำคญั
สนามไฟฟ้า คือ บริเวณที่ประจุมีแรงทางไฟฟ้าไปถึง มีค่าเท่ากับแรงที่กระทำต่อจุดประจุบวกขนาดหน่ึง
หน่วย ซ่งึ วาง ณ ตำแหนง่ ใดๆ ตามสามการ ⃑ = สนามไฟฟา้ จะมที ิศทางพงุ่ ออกจากประจุบวกและพุ่งเข้าหา
ประจุลบ สนามไฟฟ้าภายในตัวนำรูปทรงใดๆ มีค่าเป็นศูนย์และสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งติดกับผิวของตัวนำจะมี
ทิศทางตั้งฉากกับผิวเสมอ โดยเส้นที่ใช้เขียนเพื่อแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ประจุไฟฟ้า เรียกว่า
เสน้ สนามไฟฟ้า
294
สนามไฟฟ้าของจุดประจุ ณ ตำแหน่งซึ่งห่างจากประจุต้นกำเนิด เป็นระยะทาง หาได้จาก
= สนามไฟฟ้ามีทิศพุง่ ออกจากประจุตน้ กำเนิดทีเ่ ป็นประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจุต้นกำเนดิ ที่เป็นประจุ
2
ลบ
สนามไฟฟ้าของระบบประจุที่ตำแหน่งใด ๆ มีค่าเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้าเนื่องจากจดุ
ประจุแต่ละประจุ
เส้นสนามไฟฟ้าเปน็ เส้นต่อเน่ืองแสดงทิศทางของสนามไฟฟา้ ซึ่งพิจารณาไดว้ ่าเส้นสนามไฟฟ้าในบริเวณ
รอบจุดประจุมีทิศอยู่ในแนวพุ่งออกจากประจุบวกเข้าหาประจุลบตามแนวรัศมี ณ ตำแหนง่ หนง่ึ ๆ มีเส้นสนามไฟฟ้า
ผ่านได้เส้นเดยี ว ความหนาแน่นของเสน้ สนามไฟฟา้ ในบริเวณหนึ่ง ๆ แสดงถึงขนาดของสนามไฟฟ้าในบริเวณนั้นๆ
ตำแหน่งท่ีสนามไฟฟ้ามคี ่าเปน็ ศูนย์ จะไมม่ ีเสน้ สนามไฟฟา้ ผา่ นเรียกว่า จุดสะเทิน (neutral point)
สำหรับตัวนำทรงกลมประจุไฟฟ้าจะกระจายอย่างสม่ำเสมอบริเวณผิวตัวนำ และสนามไฟฟ้าภายในตัวนำ
เป็นศูนย์สนามไฟฟา้ ของตัวนำทรงกลม มีทิศตั้งฉากกับผิวตวั นำ ต่อเนื่องออกไปจากผิวในแนวรัศมีทรงกลม หาได้
เช่นเดียวกับสนามไฟฟ้าเน่ืองจากจุดประจุท่ีมีประจุ เทา่ กนั แตอ่ ยทู่ จ่ี ดุ ศูนยก์ ลางของตวั นำทรงกลม ตามสมการ
=
2
เมื่อนำประจุ มวล วางในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้า ⃑ จะมีแรงไฟฟ้าทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
ความเร่งเนอื่ งจากแรงไฟฟา้ ตามสมการ ⃑ = ⃑ ⃑
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
แรงกระทำต่ออนุภาคที่มีประจุในสนามไฟฟ้า เมื่อนำประจุบวก มวล วางในบริเวณที่มี
สนามไฟฟ้า ⃑ บนโลก แรงที่กระทำต่อประจุมี 2 แรง คือ แรงโน้มถ่ง ( ) และแรงไฟฟ้า ( E) ดังรูป
13.24
รูป 13.24 แรงท่ีกระทำตอ่ ประจบุ วก ท่อี ยู่ในสนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอ
ในกรณีมวล น้อยมาก แรงโน้มถ่วงจะมีขนาดน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงไฟฟ้า จึงอาจไม่
พิจารณาแรงโน้มถ่วง ทำให้แรงลัพธ์ที่กระทำต่อประจุ คือ แรงไฟฟ้าซึ่งมีค่า ⃑ จากกฎการเคลื่อนท่ี
ข้อสองของนิวตัน จะได้
= E = ⃑
ประจไุ ฟฟ้าจึงมคี วามเรง่ = ⃑
295
ถา้ สนามไฟฟ้า ⃑ สม่ำเสมอ (คงตวั ทัง้ ขนาดและทิศทาง) ความเรง่ จะมีค่าคงตัว โดยความเร่งจะมี
ทิศทางเดียวกับสนามไฟฟ้าสำหรับประจบุ วก และมีทิศทางตรงข้ามกับสนามไฟฟ้าสำหรับประจุลบ ดังรปู
13.25 ก. และ ข.
รปู 13.25 ก. ทศิ ทางความเร่งของประจุบวก ในสนามไฟฟา้
ข. ทิศทางความเรง่ ของประจุลบ ในสนามไฟฟ้า
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อ่าน ฟงั พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กลุม่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผ่านคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลักษณะและคา่ นยิ ม
เปน็ ผมู้ ีความรับผิดชอบและเป็นผู้มีความม่งุ มน่ั ในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เร่อื ง การแกส้ มการ
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความหมายของเส้นสนามไฟฟ้า
ข้ันท่ี 2 ข้นั สำรวจและค้นหา
2.1 ครนู ำอภปิ รายเกี่ยวกบั ความหมายของแรงกระทำตอ่ อนุภาคท่ีมปี ระจุในสนามไฟฟา้ ตาม
เนื้อหาในหนังสือเรียน
2.2 ครูนำนกั เรียนศกึ ษาตวั อย่างโจทยป์ ญั หาในหนงั สอื หนา้ 112 - 113 อยา่ งละเอียด
2.3 ครูทดสอบนกั เรยี นโดยให้ทำแบบฝึกหัด เรือ่ ง แรงกระทำตอ่ อนภุ าคทม่ี ีประจุในสนามไฟฟา้
จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมดุ (โดยเปล่ียนตวั เลขในโจทย์ปัญหา ตวั อยา่ ง 13.8)
2.4 ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามตรวจความเขา้ ใจ 13.3 เร่อื ง แรงกระทำตอ่ อนุภาคที่มีประจใุ น
สนามไฟฟ้า จำนวน 1 ขอ้ ลงในสมดุ
296
ขัน้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูต้งั คำถามให้นักเรยี นตอบเพื่อตรวจสอบความร้คู วามเข้าใจ (โดยสุม่ เลขที่) คำถามดงั ต่อไปน้ี
1) เส้นสนามไฟฟ้าเป็นเส้นตรงขนานกัน แสดงว่าสนามไฟฟ้ามีขนาดและทิศทางเป็น
อย่างไร และถ้ามีจุดประจุไฟฟ้าอยู่ในบริเวณนั้น แรงที่กระทำ ต่อประจุไฟฟ้านั้น จะมีค่าคงตัว
หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวการตอบ เส้นสนามไฟฟ้าแสดงสนามไฟฟ้าบริเวณระหว่างแผ่นโลหะ
คู่ขนานเป็นสนามไฟฟ้าสมำ่ เสมอ เนื่องจากเส้นท่ีเขยี นแทนเส้นสนามไฟฟ้ามีขนาดและระยะห่าง
เท่ากนั ซงึ่ แสดงว่าสนามไฟฟ้ามขี นาดคงตวั และทิศทางเดียวกัน หากมปี ระจไุ ฟฟา้ ในบริเวณน้ีจะมี
แรงลพั ธท์ ีก่ ระทำต่อประจุท่ีมีค่าคงตัว ซ่งึ มเี พยี งแรงเดยี ว คือ แรงไฟฟ้า ซึ่งมีค่า ⃑ (ไม่คิดแรง
โน้มถ่วง))
3.2 ครูสมุ่ นกั เรียน 1 คน โดยสุ่มเลขท่ีออกมาแสดงวิธีการหาคำตอบหน้าชน้ั เรียน
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูยกตวั อยา่ งโจทยป์ ัญหาทีค่ ่อนขา้ งยากใหน้ กั เรยี นไดร้ ่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละหาคำตอบพร้อมกนั
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 นกั เรียนตอบคำถามตรวจความเข้าใจ 13.3 เรื่อง แรงกระทำต่ออนภุ าคที่มีประจใุ น
สนามไฟฟ้า จำนวน 1 ขอ้
5.2 นกั เรียนทำโจทย์ปญั หา เรื่อง แรงกระทำตอ่ อนุภาคท่ีมปี ระจใุ นสนามไฟฟ้า จำนวน 1 ข้อ
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนนำความรทู้ ี่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมทห่ี ้องสมุด หรือเว็บไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ช้ันเรียน
8. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส)์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 4 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต
297
9. การวัดและประเมินผล วิธีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) นกั เรยี น
1) อธบิ ายแรงไฟฟ้าที่กระทำ ตอ่ อนภุ าคท่ีมี ทำกิจกรรม ตอบคำถามได้ระดับ
ประจทุ อี่ ยูใ่ นสนามไฟฟา้ ได้
2) คำถาม 1 ข้อ ดี ผ่านเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจสมุดของ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นสามารถ
1) คำนวณปริมาณที่เก่ยี วข้องได้ นกั เรียน
ทำกิจกรรม ทำแบบฝกึ หัดได้
2) แบบฝึกหดั จำนวน ระดับดี ผ่านเกณฑ์
1 ข้อ
ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการส่งสมดุ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นทำภาระ
1) เปน็ ผ้มู คี วามรับผิดชอบและ ของนักเรียน
เป็นผู้มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ทำกิจกรรม งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เร่ือง แรงกระทำต่ออนภุ าคที่มปี ระจุในสนามไฟฟ้า
ประเดน็ การ ค่านำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ดา้ นความรู้
(K) 2 ตอบคำถามได้ถกู ต้องครบถว้ น
1 ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง
ด้าน 2 ทำแบบฝึกหดั ได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ
(P) 1 ทำแบบฝึกหัดไมถ่ กู ต้อง
ด้าน 2 ทำภาระงานท่ีไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด และเรียบรอ้ ยถูกต้องครบถ้วน
คณุ ลกั ษณะ 1 ทำภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางส่วน
(A)
ระดับคะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
298
การประเมินการทำกจิ กรรม เรอ่ื ง แรงกระทำตอ่ อนุภาคท่ีมีประจใุ นสนามไฟฟา้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
2 2 26
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
299
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
2 2 26
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 4-5 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2-3 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
300
บันทกึ หลงั การสอน
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 13 เรอ่ื ง ไฟฟา้ สถติ ใ
แผนการสอนท่ี 22 เรือ่ ง แรงกระทำต่ออนุภาคทม่ี ปี ระจุในสนามไฟฟ้า .
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วนั ที่
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่อื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื .............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)
ลงชอื่ ............................................ผ้อู ำนวยการโรงเรียน
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
301
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 23
เรอ่ื ง ศักยไ์ ฟฟ้าและความต่างศักย์เนอื่ งจากสนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอ
รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 13 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ สถิต รวม 30 ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน มาตรฐานสากล ขา้ มกลุม่ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ยไ์ ฟฟ้า ความจไุ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม
วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลย่ี นพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์
ไฟฟา้ กระแสสลับ คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าและการส่ือสาร รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
7. อธบิ ายและคำนวณพลังงานศกั ยไ์ ฟฟา้ ศักยไ์ ฟฟ้า และ ความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งสองตำแหน่งใด ๆ
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธิบายพลังงานศกั ยไ์ ฟฟ้า และศกั ย์ไฟฟ้าได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณท่ีเกย่ี วข้องได้
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) เปน็ ผู้มีความรับผดิ ชอบและเปน็ ผู้มคี วามมงุ่ มั่นในการทำงาน
4. สาระสำคัญ
เม่อื นำประจุไปอยู่ ณ ตำแหนง่ หน่งึ ในบริเวณท่ีมีสนามไฟฟ้าจะทำให้เกิดพลงั งานศักย์ไฟฟ้า ของประจุ
นน้ั เมอ่ื ประจุเคลอื่ นที่ในบรเิ วณที่มีสนามไฟฟ้าจะมีการเปล่ียนแปลงพลังงานศกั ยไ์ ฟฟ้าและ พลงั งานจลน์ของประจุ
เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล
เมื่อประจุ อยู่ในสนามไฟฟ้า ทำให้มีพลังงานศักย์ไฟฟ้า ของประจุ จะมีพลังงานศักย์ไฟฟ้าต่อหนง่ึ
หน่วยประจุ ณ ตำแหน่งนัน้ เรียกว่า ศกั ย์ไฟฟา้ (electric field) ตามสมการ =
ความต่างศักย์ หมายถึง ศักย์ไฟฟ้าที่ตำแหน่งหนึ่งเทียบกับอีกตำแหน่งหนึ่ง ความต่างศักย์ที่ตำแหน่ง
เทียบกับตำแหน่ง หาได้จาก − = ∆ = ∆ ซึ่งมีค่าเท่ากับงานเนื่องจากแรงไฟฟ้าในการ
เคลือ่ นที่หน่งึ หน่วยประจบุ วก จาก ไป ตามสมการ − = − →
302
ความต่างศักย์เนื่องจากสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอระหว่างสองตำแหน่งที่ห่างกันเป็นระยะ ในแนวขนาน
สนามไฟฟา้ หาไดจ้ าก ∆ = −
ศักยไ์ ฟฟ้าของจดุ ประจุ ณ ตำแหน่งซงึ่ ห่างจากประจุตน้ กำเนิด เปน็ ระยะทาง หาได้จาก =
ศักย์ไฟฟา้ เนื่องจากประจบุ วกมคี ่าเป็นบวกและศกั ยไ์ ฟฟ้าเน่ืองจากประจลุ บมีค่าเป็นลบ
ศกั ยไ์ ฟฟ้าของระบบประจุท่ีตำแหนง่ ใด ๆ มีคา่ เท่ากบั ผลรวมแบบสเกลารข์ องศักย์ไฟฟา้ เนือ่ งจากจุดประจุ
แต่ละประจุ
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
ศกั ยไ์ ฟฟา้ และความตา่ งศักย์ วัตถุท่มี มี วล เมอ่ื อยู่ในสนามโน้มถว่ งของโลกจะถกู แรงโน้มถ่วง
กระทำ ทำให้วัตถุเคลื่อนที่เข้าสู่ศูนย์กลางโลก มีงานของแรงโน้มถ่วงเกิดขึ้น ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
พลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ ง เช่น เมื่อปล่อยวตั ถจุ ากตำแหนง่ A วัตถจุ ะเคลอ่ื นท่มี ายงั ตำแหนง่ B ได้เอง และมงี าน
เนือ่ งจากแรงโน้มถว่ งเกดิ ข้ึน โดยงานของแรงโน้มถว่ ง ท่กี ระทำต่อวัตถุมวล ดังรปู 13.26
รปู 13.26 แรงกระทำต่อมวล เมอ่ื อยใู่ นสนามโน้มถ่วงของโลก
เมื่อเคลื่อนที่จากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง B ซึ่งมีการกระจัด (∆ = ) ในทิศทางเดียวกับ
แรงโน้มถ่วงมีค่า → = โดยงานน้ีมีคา่ เท่ากับพลงั งานศักยโ์ น้มถว่ งของวตั ถุทีล่ ดลง และมี
ค่าเท่ากับพลงั งานจลนข์ องวัตถุท่เี พ่มิ ข้ึนสามารถเขยี นเปน็ ความสมั พนั ธ์ได้ว่า
→ = = −∆ = ∆
ในทำนองเดียวกัน ถ้านำประจุ + ไปวางทตี่ ำแหน่ง A ซง่ึ อยใู่ นบริเวณที่มีสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ
⃑ ดงั รปู 13.2
รปู 13.27 แรงกระทำตอ่ ประจุ เม่ืออยู่ในสนามไฟฟา้ สม่ำเสมอ
ประจุ + จะถกู แรงไฟฟ้า ⃑ กระทำ ทำใหป้ ระจนุ เ้ี คล่อื นที่จากตำแหนง่ A ไปยงั ตำแหน่ง B
มีขนาดการกระจัด ในทศิ ทางเดยี วกับแรงไฟฟ้า มคี า่ งานของแรงเนอ่ื งจากสนามไฟฟา้ เป็น
→ =
303
โดยงานนี้เท่ากับพลังงานศักย์ไฟฟ้าของประจุ + ที่ลดลงและเท่ากับพลังงานจลน์ของ
ประจุ+ ทเี่ พม่ิ ขน้ึ ดงั สมการ
→ = = −∆ = ∆
จากที่กล่าวมาข้างต้นแสดงว่า การเคลื่อนที่ของวัตถุภายใต้สนามโน้มถ่วงและการเคลื่อนที่ของ
ประจุภายใตส้ นามไฟฟ้า มีการเปลยี่ นแปลงพลังงานจลน์ของวตั ถุสัมพันธก์ ับการเปลี่ยนแปลงพลังงานศักย์
ตามสมการ
จะได้ ∆ = −∆
แสดงว่า ∆ + ∆ = 0
= + = + = คงตัว
ซง่ึ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล
ในกรณีประจุ อยู่ในสนามไฟฟ้า ณ ตำแหน่งหนึ่งจะเกิดพลังงานศักยไ์ ฟฟา้ (ของประจุ ) ซ่ึง
แทนด้วย จะมีพลังงานศักย์ไฟฟ้าต่อหน่วยประจุ ณ ตำแหน่งนั้น เรียกว่า ศักย์ไฟฟ้า (electric
potential) แทนด้วย ตามสมการ =
ศกั ย์ไฟฟ้าเป็นปริมาณสเกลารม์ ีหนว่ ยเป็น มหี นว่ ยเปน็ จูลต่อคูลอมบ์ (J/C) ซง่ึ เรยี กวา่ โวลต์
(volt, V)
จากความสัมพันธ์ระหว่างศักย์ไฟฟ้ากับพลังงานศักย์ไฟฟ้า เราสามารถพิจารณาความต่างศักย์
ระหว่างสองตำแหนง่ ในสนามไฟฟ้าจากการเปลย่ี นแปลงพลังงานศกั ยไ์ ฟฟ้า ตามสมการ
− = − →
∆
− = ∆ =
โดย − หมายถงึ ความต่างศักยร์ ะหว่างตำแหน่ง B เทียบกับตำแหน่ง A แทนด้วย ∆
มีหน่วยโวลต์เช่นเดียวกับศักย์ไฟฟ้า และเป็นปริมาณสเกลาร์ ถ้าให้ตำแหน่งอ้างอิงมีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์
( = 0) จะได้ ความต่างศักย์ระหว่างตำแหน่งที่พิจารณาเทียบกับตำแหน่งองอิง คือ ศักย์ไฟฟ้า
ตำแหนง่ น้นั ตามสมการ
− =
ความต่างศกั ย์เน่ืองจากสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ
ในกรณสี นามไฟฟา้ สม่ำเสมอหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักย์กับสนามไฟฟา้ ไดด้ ังน้ี
304
รูป 13.28 ประจุไฟฟ้า + เม่ืออยู่ในสนามไฟฟา้ สม่ำเสมอ ⃑
จากรปู 13.28 ความต่างศกั ย์ระหว่างตำแหน่ง B เทียบกับตำแหนง่ A หาไดจ้ ากสมการ
− = − →
โดย → ตามรูป 13.28 มีค่าเป็น จะได้
− = −
− = −
ความต่างศกั ย์ทีไ่ ดม้ คี ่าเปน็ ลบ แสดงว่าศักยไ์ ฟฟ้าท่ตี ำแหนง่ A มีคา่ สูงกวา่ ศักยไ์ ฟฟา้ ที่
ตำแหนง่ B
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จดั กลมุ่ สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผา่ นคอมพิวเตอร)์
5.3 คณุ ลักษณะและคา่ นยิ ม
เปน็ ผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเปน็ ผู้มคี วามมุง่ ม่ันในการทำงาน
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการกับกลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ เรื่อง การแกส้ มการ
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันที่ 1 ขัน้ สร้างความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความหมายของแรงระหว่างประจุไฟฟ้า กฎของคลู อมบ์ และสนามไฟฟา้
1.2 ครูทบทวนเก่ียวกบั พลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง ดงั น้ี
1) เม่อื วัตถทุ ่อี ยู่สงู จากระดบั อา้ งอิง วัตถุจะมีพลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ ง โดยถอื ว่าทีร่ ะดับ
อา้ งองิ วตั ถุมพี ลงั งานศักย์โน้มถ่วงเทา่ กับศนู ย์
2) การเลอื กตำแหนง่ อ้างอิงเพอ่ื บอกคา่ พลังงานศกั ย์โน้มถ่วง ผสู้ ังเกตสามารถเลือก
ตำแหนง่ ใดก็ได้
3) เมอื่ ปล่อยวตั ถใุ ห้เคลอื่ นที่อย่างอสิ ระ วตั ถุจะเคล่ือนทจี่ ากตำแหนง่ ทม่ี ีพลังงานศักย์
โน้มถ่วงมากกว่าไปตำแหนง่ ท่ีมพี ลงั งานศกั ย์โนม้ ถว่ งนอ้ ยกว่า
305
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครูนำอภิปรายเกี่ยวกับศกั ยไ์ ฟฟ้าและความต่างศกั ยเ์ นอ่ื งจากสนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอตามเนอื้ หา
ในหนงั สือเรียน
2.2 ครูนำนักเรียนศกึ ษาตัวอยา่ งโจทยป์ ญั หาในหนงั สือ หนา้ 119 อย่างละเอียด
2.3 ครูทดสอบนกั เรยี นโดยให้ทำแบบฝกึ หัดที่ 13 (ปญั หา ข้อ 6.) เรอื่ ง ศกั ยไ์ ฟฟ้าและความต่าง
ศักยเ์ นือ่ งจากสนามไฟฟ้าสมำ่ เสมอ จำนวน 1 ข้อ ลงในสมดุ
2.4 ครใู ห้นกั เรียนตอบคำถามตรวจความเข้าใจ เร่ือง ศักยไ์ ฟฟา้ และความต่างศกั ยเ์ น่อื งจาก
สนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอ จำนวน 1 ข้อ ลงในสมุด
ข้นั ที่ 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูตั้งคำถามให้นักเรียนตอบเพื่อตรวจสอบความรูค้ วามเข้าใจ (โดยสุ่มเลขท่ี) คำถามดังตอ่ ไปน้ี
1) จงอธิบายความหมายของศักย์ไฟฟ้า (แนวการตอบ เมื่อประจุ อยู่ในสนามไฟฟ้า
ทำให้มีพลังงานศักย์ไฟฟ้า ของประจุ จะมีพลังงานศักย์ไฟฟ้าต่อหน่ึงหน่วยประจุ ณ ตำแหนง่
นน้ั )
3.2 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อธิปรายความหมายของพลังงานศกั ยไ์ ฟฟา้ และศักย์ไฟฟ้า
3.3 ครสู ุ่มนกั เรยี น 1 คน โดยสุ่มเลขที่ออกมาแสดงวิธกี ารหาคำตอบหนา้ ช้นั เรยี น
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครยู กตัวอยา่ งโจทยป์ ญั หาทีค่ ่อนขา้ งยากให้นกั เรียนไดร้ ว่ มกันวิเคราะหแ์ ละหาคำตอบพร้อมกัน
ขั้นที่ 5 ขัน้ ประเมนิ ผล
5.1 นกั เรียนตอบคำถามตรวจความเข้าใจ เรือ่ ง ศักย์ไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยเ์ นื่องจากสนามไฟฟา้
สมำ่ เสมอ จำนวน 1 ขอ้
5.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 13 (ปัญหา ข้อ 6.) เรื่อง ศักย์ไฟฟ้าและความต่างศักย์เนื่องจาก
สนามไฟฟ้าสมำ่ เสมอ
ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนนำความรูท้ ่ีเรียนไปค้นคว้าเพ่ิมเติมทีห่ ้องสมุด หรือเวบ็ ไซต์ แลว้ นำเสนอใน
ชั้นเรียน
8. สอ่ื การเรียนร้/ู แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส)์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เล่ม 4 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต