The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutthasangarii, 2022-08-20 03:33:48

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 4 ว30204 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

406

การประเมินการทำกจิ กรรม เรอื่ ง ความต้านทาน

จุดประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

407

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน

408

บนั ทกึ หลังการสอน

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 14 เรอื่ ง ไฟฟา้ กระแส พ.ศ. ท
แผนการสอนท่ี 32 เร่ือง ความตา้ นทาน .

ใ เดือน ใ

วนั ที่

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื .............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)

ลงชอ่ื ............................................. รองฯ กลุ่มบริหารวิชาการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)

ลงช่ือ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..

409

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 33

เร่ือง การต่อความตา้ นทาน

รายวิชา ฟิสิกส์ 4 รหสั วิชา ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 14 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟา้ กระแส รวม 24 ชัว่ โมง

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2

บรู ณาการ

 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง  อาเซยี น  STEM  PLC

 สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น  มาตรฐานสากล  ข้ามกลุ่มสาระ

1. สาระฟสิ กิ ส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟา้ และกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟ้า ความจุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม

วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกำลังไฟฟา้ การเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแมเ่ หล็ก
แรงแมเ่ หล็ก ทก่ี ระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ การเหนี่ยวนำแม่เหลก็ ไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้
กระแสสลับ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าและการส่อื สาร รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

2. ผลการเรียนรู้
11. ทดลองและอธิบายกฎของโอหม์ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความต้านทานกับความยาวพืน้ ที่หน้าตัด

และสภาพต้านทานของตัวนำ โลหะที่อุณหภูมิคงตัว และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอธิบายและ
คำนวณความตา้ นทานสมมูลเมื่อนำ ตวั ตา้ นทานมาต่อกนั แบบอนุกรมและแบบขนาน

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความหมายของการตอ่ ตวั ตา้ นทาน ทง้ั แบบอนุกรม แบบขนานและแบบผสมได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) คำนวณความต้านทานสมมูลเมื่อนำตวั ต้านทานมาตอ่ กนั แบบอนุกรมและแบบขนานได้
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ (A)
1) เป็นผ้มู ีความรบั ผิดชอบและเป็นผู้มีความมุง่ มัน่ ในการทำงาน

4. สาระสำคญั
ความต้านทาน (resistance) แทนด้วยสัญลกั ษณ์ โดยความต้านทานของวัตถุขึ้นอยู่กับชนดิ และรูปรา่ ง

ของวัตถุ สำหรับลวดตวั นำยาว พืน้ ที่หน้าตัด ที่อุณหภมู ิคงตัว ความต้านทานของลวดตัวนำเปน็ ไปตามสมการ
= ( ) เม่อื เป็นสภาพต้านทานไฟฟ้า (electrical resistivity)



ส่วนกลับของสภาพต้านทานไฟฟ้า เรียกว่า สภาพนำไฟฟ้า (electrical conductivity) แทนด้วย
สญั ลักษณ์ σ

410

ตัวต้านทาน (resistor) เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าและ

ความต่างศักย์ในวงจรไฟฟ้าให้พอเหมาะกับการใช้งานต่าง ๆ โดยตัวต้านทานที่ใช้ทั่วไปในวงจรไฟฟ้า ส่วนใหญ่เปน็

ชนิดท่เี รยี กวา่ ตัวต้านทานคา่ คงตัว (fixed resistor)

การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม (series combination) ตัว จะได้ความต้านทานสมมูล (equivalent

resistance) มคี ่าเพิม่ ขึน้ ตามสมการ = 1 + 2 + 3 + ⋯ +
การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน (parallel combination) ตัว จะไดค้ วามต้านทานสมมูล มีค่าลดลง

ตามสมการ 1 = 1 + 1 + 1 + ⋯ + 1
1 2 3

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
การตอ่ ตวั ตา้ นทาน
ความต้านทานรวมท่ีได้จากการต่อตัวต้านทานมากกว่าหนึ่งตัวข้ึนไปเรียกวา่ ความต้านหาสมมูล
(equivalent resistance) โดยวิธีการต่อตัวต้านทานมี 2 วิธีหลักได้แก่ การต่อแบบอนุกรมและการต่อ
แบบขนาน ซึ่งสามารถพจิ ารณาหาความดา้ นทานสมมูลไดด้ งั ต่อไปนี้
1. การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม คือการนำตัวต้านทานมาต่อเรียงกนั ดงั รูป 14.13 ก. ซ่ึงถ้านำ
ชุดตัวต้านทานนี้ไปต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเป็นวงจร จะทำให้มีกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ระหว่าง
ปลายของตัวต้านทานแต่ละตวั ดังรูป 14.3 ข. ซ่ึงเขียนวงจรของความต้านทานสมมลู ได้ ดังรปู 14.13 ค.

รปู 14.13 ตัวอย่างการตอ่ ตัวต้านทานแบบอนุกรม

กำหนดให้ เป็นกระแสไฟฟ้าในวงจร และ 1, 2 และ 3 เป็นกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน
ตัวต้านทานที่มีความต้านทาน 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ในการต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม
กระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นตวั ต้านทานแตล่ ะตัวจะเทา่ กนั และเท่ากบั กระแสไฟฟ้าในวงจรที่ผ่านตนั ทานจาก A ไป
B นัน่ คอื

= 1 = 2 = 3
ส่วนความต่างศักย์ระหว่างปลายของตัวต้านทานแต่ละตัว ∆ 1, ∆ 2 และ ∆ 3 จะมีค่า
รวมกนั เทา่ กับความต่างศกั ย์ระหว่าง A กับ B นน่ั คอื

∆ = ∆ 1 + ∆ 2 + ∆ 3
จากกฎของโอหม์ จะไดว้ า่ ∆ = , ∆ 1 = 1 1, ∆ 2 = 2 2 ,
และ ∆ 3 = 3 3

411

ดังน้นั = 1 + 2 + 3
เม่ือนำตัวตา้ นทานสามตัวมาตอ่ อนกุ รมกนั จะได้ความตา้ นทานสมมลู เทา่ กับผลบวกความต้านทาน
แต่ละตวั ในกรณีท่นี ำตวั ตา้ นทาน ตวั มาตอ่ กันแบบอนกุ รม จะได้ความตน้ ทานสมมูลเป็น

= 1 + 2 + 3 + ⋯ +
เมื่อนำตวั ตา้ นทานมาตอ่ อนุกรมกัน จะไดค้ วามต้านทานสมมูลเพมิ่ ขึ้น
การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน คอื การนำตัวตา้ นทานมาตอ่ กันในลักษณะ ดงั รูป 14.14 ก. ซ่ึงถ้า
นำชุดตัวต้านทานนี้ไปต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเป็นวงจร จะทำให้มีกระแสไฟฟ้าผ่านและความต่างศักย์
ระหว่างปลายของตัวต้านทานแต่ละตัว ดังรูป 14.14 ข. และเขียนวงจรของความต้านทานสมมูลได้ดังรปู
14.14 ค.

รูป 14.14 ตัวอย่างการต่อตวั ตา้ นทานแบบขนาน

ในการตอ่ ตัวต้นทานแบบขนาน จะไดว้ ่า กระแสไฟฟ้าทีผ่ า่ นจาก A ไป B จะแยกไปยงั ตัวต้านทาน

แตล่ ะตวั เป็น 1, 2 และ 3 น่นั คือ
= 1 + 2 + 3

ในขณะที่ความต่างศักย์ระหว่างปลาย A กับ Bหรือ V จะเท่ากับความต่างศักย์ระหว่างปลายตัว

ตา้ นทานแต่ละตวั นนั่ คอื

∆ = ∆ 1 = ∆ 2 = ∆ 3
เมื่อนำตัวต้นทานมาต่อขนานกัน จะได้ส่วนกลับของความต้านทานสมมูลจะเท่ากับผลบวกของ

สว่ นกลับของความต้านทานแต่ละตัว ในกรณีทน่ี ำตัวต้นทาน ตัวมาต่อกันแบบขนาน จะได้ความต้นทาน

สมมลู เปน็

1 111 1
= 1 + 2 + 3 + ⋯ +
เมอื่ นำตวั ต้านทานมาต่อขนานกนั จะได้ความตน้ ทานสมมูลมคี ่าลดลง

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื ค้นผา่ นคอมพิวเตอร)์

412

5.3 คุณลักษณะและคา่ นยิ ม
เปน็ ผู้มีความรับผิดชอบและเป็นผ้มู ีความมุ่งมนั่ ในการทำงาน

6. บูรณาการ
-

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกบั การต่อตวั เกบ็ ประจุแบบอนกุ รม และแบบขนาน ครตู ัง้ คำถามให้
นกั เรยี นตอบ
ครู : การต่อตัวเก็บประจแุ บบอนุกรมจะไดผ้ ลลัพธ์อย่างไร (แนวการตอบ สว่ นกลบั ของความจุ
รวมจะเทา่ กับผลรวมของสว่ นกลบั ของความจุแต่ละตวั ส่งผลใหค้ วามจุรวมมีค่านอ้ ยกวา่ ความจุของ
ตัวเก็บประจแุ ตล่ ะตวั )
ครู : การต่อตัวเกบ็ ประจแุ บบขนานจะไดผ้ ลลัพธอ์ ยา่ งไร (แนวการตอบ ความจรุ วมจะเทา่ กับ
ผลรวมของความจุแตล่ ะตัว ส่งผลให้ความจุรวมมคี ่ามากกว่าความจขุ องตัวเก็บประจุแต่ละตัว)
ครู : ถา้ เปลีย่ นจากตวั เก็บประจเุ ป็นตวั ตา้ นทาน การต่อแบบอนุกรมและแบบขนานจะได้ผลลัพธ์
อย่างไร (ใหน้ ักเรียนคิด)
ครู : การตอ่ ตัวเก็บประจุแบบอนุกรมจะไดผ้ ลลพั ธ์อยา่ งไร (แนวการตอบ สว่ นกลับของความจุ
รวมจะเท่ากับผลรวมของส่วนกลบั ของความจุแตล่ ะตัว ส่งผลให้ความจุรวมมีค่านอ้ ยกวา่ ความจุของ
ตัวเกบ็ ประจุแต่ละตัว)
ครู : ถา้ เปลีย่ นจากตวั เกบ็ ประจุเปน็ ตวั ตา้ นทาน การต่อแบบอนุกรมและแบบขนานจะไดผ้ ลลพั ธ์
อยา่ งไร (ให้นักเรียนคดิ )

ขั้นที่ 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา
2.1 ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาและทำความเขา้ ใจเนอ้ื หา เร่อื ง การต่อตวั ต้านทาน ในหนังสอื เรียน หน้า

192 - 195

ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเนือ้ หา เรอ่ื ง การตอ่ ตัวต้านทานแบบอนุกรมและการตอ่ ตวั

ต้านทานแบบขนาน
3.2 ครอู ธบิ ายตวั อย่าง 14.6 ตามหนังสอื เรยี น อย่างละเอยี ด

ข้ันท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายให้ความรเู้ พ่ิมเติมเกี่ยวกับ ตัวต้านทานชนิดอนื่ ๆ ตามหนังสอื เรยี น หน้า 198-199

ข้นั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจ 14.2 ขอ้ 5. – 6.
5.2 ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัด 14.2 ขอ้ 7. - 8.

413

8. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 เล่ม 4 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต

9. การวัดและประเมินผล วิธีการวดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ตรวจสมดุ ของ 1) แบบประเมิน 1) นกั เรยี นสามารถ
นักเรยี น กิจกรรม ตอบคำถามได้ระดับ
ด้านความรู้ (K) 2) คำถาม 2 ข้อ ดี ผา่ นเกณฑ์
1) ตรวจสมุดของ
1) อธิบายความหมายของการต่อตวั นักเรียน 1) แบบประเมิน 1) นักเรยี นสามารถ
ต้านทาน ทั้งแบบอนกุ รม แบบขนานและ
แบบผสมได้ 1) ตรวจการสง่ สมุด กจิ กรรม ทำแบบฝึกหดั ได้
ด้านกระบวนการ (P) ของนักเรยี น
1) คำนวณความตา้ นทานสมมูลเมือ่ นำตวั 2) แบบฝกึ หัดจำนวน ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ตา้ นทานมาตอ่ กันแบบอนุกรมและแบบ
ขนานได้ 2 ข้อ

ด้านคุณลักษณะ (A) 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นทำภาระ
1) เป็นผูม้ ีความรบั ผดิ ชอบและ
เปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ มน่ั ในการทำงาน ทำกจิ กรรม งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรอื่ ง การตอ่ ความต้านทาน

ประเดน็ การ ค่านำ้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ
คะแนน ตอบคำถามได้ถกู ต้องครบถว้ นทุกข้อ
ดา้ นความรู้ ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น 1 ข้อ
(K) 3 ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง
2 ทำแบบฝึกหัดได้ถกู ต้องครบถว้ นทกุ ข้อ
ดา้ น 1 ทำแบบฝึกหัดได้ถูกตอ้ งครบถ้วน 1 ขอ้
กระบวนการ 3 ทำแบบฝกึ หดั ไม่ถกู ตอ้ ง
2 ทำภาระงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด และเรยี บร้อยถกู ตอ้ งครบถ้วน
(P) 1 ทำภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยงั ผิดพลาดบางส่วน
ด้าน 3 ทำภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางสว่ น
คณุ ลักษณะ 2
(A) 1

ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน

414

การประเมินการทำกิจกรรม เร่อื ง การตอ่ ความต้านทาน

จุดประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

415

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน

416

บันทึกหลงั การสอน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 14 เรื่อง ไฟฟา้ กระแส พ.ศ. ท
แผนการสอนท่ี 33 เรือ่ ง การต่อความต้านทาน .

ใ เดอื น ใ

วันที่

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชื่อ............................................ครผู ้สู อน ลงชอื่ .............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)

ลงชือ่ ............................................. รองฯ กลุ่มบริหารวิชาการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)

ลงชอ่ื ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุรยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..

417

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34

เรอ่ื ง พลังงานไฟฟ้าและความตา่ งศักย์

รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 4 รหสั วชิ า ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 14 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้ากระแส รวม 24 ชวั่ โมง

กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 2

บูรณาการ

 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง  อาเซยี น  STEM  PLC

 สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน  มาตรฐานสากล  ขา้ มกลุม่ สาระ

1. สาระฟิสกิ ส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟ้า ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม

วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้า
กระแสสลบั คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าและการส่ือสาร รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

2. ผลการเรียนรู้
12. ทดลอง อธิบาย และคำนวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งอธิบายและคำนวณ

พลังงานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟ้า

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอีเอ็มเอฟของแบตเตอรี่กับความต่างศกั ยร์ ะหว่างข้ัวของแบตเตอร่ีได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทดลองหาความสมั พันธ์ระหว่างอีเอม็ เอฟของแบตเตอรีก่ ับความต่างศักย์ระหวา่ งข้ัวของแบตเตอรี่ได้
2) คำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ที่เกีย่ วข้องกับอีเอ็มเอฟของแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสตรงได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) เปน็ ผมู้ ีความรับผดิ ชอบและเปน็ ผมู้ ีความมุ่งมนั่ ในการทำงาน

4. สาระสำคัญ
พลังงานไฟฟา้ ทป่ี ระจไุ ฟฟา้ ไดร้ ับต่อหน่ึงหน่วยประจุไฟฟ้าเมอ่ื เคลอื่ นทผ่ี ่านแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ เรยี กว่า อีเอ็ม

เอฟ (emf หรือ electromotive force) แทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ ซ่ึงในบรบิ ทอืน่ อาจเรียกว่า แรงเคลือ่ นไฟฟ้า หรือ
แรงดันไฟฟ้า

อเี อม็ เอฟของแบตเตอรี่ มีความสมั พนั ธ์กับความตา่ งศกั ย์ระหว่างขว้ั แบตเตอรี่ ∆ กระแสไฟฟา้ ในวงจร
และ ความต้านทานภายใน (internal resistance) ของแบตเตอร่ี ตามสมการ ε = ∆ +

418

พลังงานไฟฟา้ (electrical energy) เปน็ พลังงานทป่ี ระจุไฟฟ้าไดร้ บั จากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าแลว้ นำไปถ่าย
โอนให้กับส่วนต่าง ๆ ของวงจร โดยพลังงานไฟฟ้าที่ประจุไฟฟ้าหนึ่งหน่วยถ่ายโอนให้ส่วนต่าง ๆ ของวงจรเรียกว่า
ความต่างศกั ย์ (potential difference) แทนดว้ ยสัญลักษณ์∆

พลังงานไฟฟา้ ทถ่ี กู ใชไ้ ปในเครื่องใชไ้ ฟฟ้าในเวลา ∆ มีคา่ เปน็ = ∆ ∆
กำลังไฟฟ้า (power) เป็นพลังงานไฟฟา้ ที่ประจุไฟฟ้าถ่ายโอนใหก้ ับส่วนต่าง ๆ ของวงจรในหนึ่งหน่วย
เวลา หรอื พลังงานไฟฟ้าทเี่ ครอ่ื งใช้ไฟฟ้าใช้ไปในหนึง่ หน่วยเวลา มคี า่ เป็น = ∆
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้

พลังงานไฟฟ้าและความต่างศักย์ แบตเตอรี่ และเซลล์สุริยะ ที่ใช้เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของ
วงจรไฟฟา้ กระแสทัว่ ไปหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมรี ปู ร่างและขนาดแตกต่างกนั ไป ดงั รปู 14.18 ก. และ
14.18 ข. สัญลักษณท์ ี่ใช้แทนแหลง่ กำเนิดไฟฟ้าของวงจรไฟฟ้ากระแสตรงมีลักษณะเป็นเสน้ ขนานสองเส้น
โดยเส้นยาวแทนขั้วบวกและเส้นสั้นแทนข้ัวลบ ดังรูป 14.18 ค. และอาจมีการแสดงสัญลักษณ์ของความ
ต้านทานภายในไวด้ ว้ ย ดังรปู 14.18 ง.

รูป 14.18 ก. แบตเตอรีแ่ บบต่างๆ ข.เซลล์สุริยะ ค.และ ง.สญั ลกั ษณ์แบตเตอรีใ่ นวงจรไฟฟ้า
เมื่อนำแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่มาต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟ ดังรูป 14.19
สามารถพิจารณาพลังงานของประจุไฟฟา้ ท่ีเคลื่อนท่ใี นวงจรโดยใชก้ ราฟในรูป 14.20 ประกอบได้ดงั นี้

รปู 14.19 วงจรไฟฟา้ ทปี่ ระกอบด้วยหลอดไฟและแบตเตอรี่

ให้ประจุไฟฟ้า มีพลังงานไฟฟ้า 1เคลื่อนที่ออกจากขั้วบวกของแบตเตอรี่ที่ A ไปตามลวด
ตัวนำในสายไฟถึง B (กำหนดให้ในลวดตัวนำและส่วนอื่น ๆ ของวงจรไฟฟ้าไม่ความต้านทาน) เมื่อประจุ
ไฟฟ้าเคล่อื นท่ีผ่านหลอดไฟจาก B ไปยงั C จะถา่ ยโอนพลงั งาน 2 ให้กับหลอดไฟ ทำให้หลอดสว่างและ
พลังงานของประจุไฟฟ้าลดลงเท่ากับ 1 − 2 จากนั้น ประจุไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ต่อไปยังขั้วลบของ
แบตเตอร่ที ่ี D ระหวา่ งท่ปี ระจุไฟฟ้าเคล่ือนท่จี าก D ไปยงั A จะได้รบั พลังงานจากแบตเตอร่ี 2 ทำให้มี
พลังงานเท่ากับ 1 ทำให้ประจุไฟฟ้าสามารถเคลื่อนที่ได้ครบวงจรอีก และเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จน
แบตเตอร่ีไม่สามารถจ่ายพลังงาน

419
การเปลี่ยนแปลงพลังงานของประจุไฟฟ้าในวงจรดังรูป 14.19 เปรียบได้กับการเปลี่ยนแปลง
พลังงานจลน์ของน้ำในระบบท่อที่มีเครื่องปั๊มน้ำและกังหัน ดังรูป 14.21 โดยแหล่งกำเนิดไฟฟ้าหรือ
แบตเตอรี่เปรียบเสมือนเครื่องปั๊มน้ำ ประจุไฟฟ้าในลวดตัวนำเปรียบเสมือนน้ำในท่อ และกังหัน
เปรียบเสมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อน้ำออกจากเครื่องป๊ัมที่ A จะมีพลังงานจลน์ที่ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไป
ตามทอ่ และเมอื่ น้ำไหลจาก B ไปยงั C จะผ่านกงั หัน จะทำใหก้ ังหันหมนุ
การท่นี ้ำจะสามารถไหลมาหมนุ กังหันได้อกี ครงั้ จะตอ้ งไดร้ บั การป๊มั โดยเครื่องป๊ัมน้ำให้มีพลังงาน
จลน์เพม่ิ ข้นึ เชน่ เดียวกับ ประจุไฟฟ้าทต่ี อ้ งไดร้ บั พลงั งานจากแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า จึงจะสามารถเคลอ่ื นที่ผ่าน
เครอื่ งใช้ไฟฟา้ และครบวงจรได้

รูป 14.20 กราฟระหว่างพลงั งานกบั ตำแหนง่ ของประจไุ ฟฟ้า

รปู 14.21 น้ำในระบบท่อท่ีประกอบดว้ ยเครื่องป๊ัมนำ้ และกงั หนั
พลังงานจากแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้าท่ีประจไุ ฟฟ้าได้รบั ตอ่ หนึ่งหนว่ ยประจุเมื่อเคลื่อนทผ่ี า่ นแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้า เรียกว่า อีเอ็มเอฟ (emf หรือ electromotive force) แทนด้วยสัญลักษณ์ มีหน่วยเป็น
จูลต่อคูลอมบ์หรือ โวลต์ (V) ซึ่งในแบตเตอร่ี พลังงานน้ีมาจากการเปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟา้
ส่วนในเชลล์สรุ ยิ ะ พลังงานน้ีมาจากการเปล่ยี นพลังงานแสงเปน็ พลงั งานไฟฟ้า
ดังนั้น ในวงจรไฟฟ้าประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่ผ่านแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่มีอีเอ็มเอฟ เท่ากับ ε จะ
ได้รับพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ ε ซึ่งพลังงานนี้จะถ่ายโอนไปยังส่วนต่าง ๆ ของวงจร โดยพลังงานไฟฟ้าท่ี
ถ่ายโอนใหส้ ว่ นต่างๆ ของวงจรต่อหน่ึงหน่วยประไฟฟา้ เรียกวา่ ความต่างศกั ย์ (potential difference)
แทนดว้ ยสัญลักษณ์ นัน่ คอื เม่ือประไฟฟ้า เคลอื่ นท่ผี ่านส่วนต่าง ๆ ของวงจรทีม่ คี วามต่างศักย์ระหว่าง
ปลายเป็น ∆ พลงั งานไฟฟ้าทีถ่ ่ายโอนให้กับส่วนนั้นจะเท่ากบั ∆

420

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จัดกล่มุ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (ศึกษาหรือรับรูข้ ้อมูลมองเหน็ และเข้าใจปัญหาสำคัญทเ่ี กิดข้นึ ได้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสบื ค้นผ่านคอมพวิ เตอร)์

5.3 คุณลักษณะและคา่ นยิ ม
เป็นผู้มคี วามรับผิดชอบและเปน็ ผมู้ คี วามม่งุ ม่ันในการทำงาน

6. บรู ณาการ
6.1 บูรณาการ PLC นักเรียนแต่ละคนแลกเปลี่ยนเรียนรู้เล่าสู่กันฟังถึงความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และ

ปัญหาทเ่ี กิดขึน้ ระหวา่ งการทำกจิ กรรม

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ ที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ

รปู 14.19 วงจรไฟฟา้ ที่ประกอบดว้ ยหลอดไฟและแบตเตอรี่

1.1 ครูยกสถานการณ์การตอ่ แบตเตอรก่ี ับหลอดไฟดังรปู 14.19 แล้วตง้ั คำถามใหน้ ักเรยี น
อภิปรายร่วมกัน ดังน้ี

- การเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าและการถ่ายโอนพลังงานจากแบตเตอรี่ให้กับหลอดไฟฟา้
เกิดขน้ึ อย่างไร (โดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนตอบอภปิ รายอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำตอบที่ถูกตอ้ ง)

1.2 ครูตง้ั คำถามเพือ่ นำเขา้ สู่การทำกจิ กรรม
1) พลงั งานท่ีประจุไฟฟ้าถ่ายโอนให้กับวงจรไฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้าในวงจรมคี วามสัมพันธ์

กันอยา่ งไร (โดยเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นตอบอภิปรายอยา่ งอิสระ ไมค่ าดหวังคำตอบทถ่ี ูกตอ้ ง)

ขั้นท่ี 2 ข้ันสำรวจและค้นหา
2.1 ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดและกราฟรูป 14.20 ตามหนังสอื เรียน ครนู ำอภิปรายจนสรุปได้

ว่า
- เม่ือประจุไฟฟ้าเคลื่อนออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าจะมีพลังงานไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง เมื่อ

เคลื่อนผา่ นเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ จะเสียพลงั งานไฟฟ้าให้เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าทำงานจำนวนหนึ่ง เมื่อเคล่ือนที่วนกลับมา
ผ่านแหล่งกำเนิดไฟฟ้าก็จะได้รับพลังงานทดแทนส่วนทีเ่ สยี ให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า กลับมามีพลังงานเทา่ เดิม
อกี คร้ัง

421

2.2 ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าของประจุไฟฟ้าใหก้ ับหลอดไฟ กับการ
ถ่ายโอนพลังงานจลน์ของน้ำ ให้กับกังหัน ตามรายละเอียดจากหนังสือเรียนหน้า 203 จากนั้นครูนำ
อภปิ รายจนสรปุ ไดว้ า่

- หลังจากน้ำเคลื่อนผ่านและหมุนกงั หันแล้ว น้ำจะสามารถไหลกลับมาหมุนกังหันได้อกี
ครั้ง จะต้องได้รับพลังงานกลจากปั๊ม โดยเมื่อน้ำ ผ่านเครื่องปั้มจะทำให้น้ำมีพลังงานจลน์เพิ่มขึ้น
เชน่ เดยี วกับ ประจุไฟฟา้ เมื่อผา่ นเครื่องใช้ไฟฟา้ แลว้ ตอ้ งได้รับพลังงานจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า จึงจะสามารถ
เคล่ือนทคี่ รบวงจรกลับมาผา่ นเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ซ้ำได้อีก

2.3 นกั เรียนแบง่ กลุ่มๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.4 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาใบกิจกรรม 14.2 การทดลองหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ย์
ระหว่างขัว้ แบตเตอร่ีกับกระแสไฟฟา้ ในวงจร
2.5 ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ อปุ กรณ์ และขั้นตอนการทดลองอยา่ งละเอียด
2.6 นักเรียนรับอปุ กรณก์ ารทดลอง พร้อมตดิ ตงั้ อปุ กรณ์
2.7 นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ทำการทดลอง สังเกตและบันทึกผลการทดลอง

ขัน้ ที่ 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูนำนกั เรียนอภปิ รายเพอื่ นำไปส่กู ารสรุปโดยใชค้ ำถามต่อไปนี้
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ

ได้ผลเหมอื นกัน)
2) ในขณะที่ยังไม่ต่อสายไฟ X กับตัวต้านทาน ความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่และ

กระแสไฟฟา้ ในวงจรมคี ่าแตกต่างจากเมื่อต่อสายไฟ X กบั ตัวต้านทานอนื่ ๆ อยา่ งไร (แนวการตอบ ในขณะ
ที่ยังไม่ต่อสายไฟ X กับตัวต้านทาน ความต่างศักยร์ ะหว่างขั้วแบตเตอรี่มีคา่ มากที่สุด แต่กระแสไฟฟ้าเปน็
ศูนย์)

3) เมื่อต่อสายไฟ X กับตัวต้านทานที่มีค่าเพิ่มขึ้น ความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่และ
กระแสไฟฟ้าในวงจรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวการตอบ เมื่อต่อสายไฟ X กับตัวต้านทานที่มีค่า
เพิม่ ขึน้ ความต่างศกั ย์ระหวา่ งขวั้ แบตเตอรม่ี คี ่าเพ่มิ ขึน้ แต่กระแสไฟฟา้ มีคา่ ลดลง)

4) กราฟระหว่างความต่างศกั ย์ระหวา่ งขั้วแบตเตอรี่กับกระแสไฟฟา้ มีลักษณะอย่างไร และ
สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณทั้งสองได้อย่างไร (แนวการตอบ กราฟมีลักษณะเป็นกราฟ
เส้นตรงที่มีความชันเป็นลบ ซึ่งอธิบายได้วา่ ความสัมพันธร์ ะหว่างปริมาณท้ังสองเป็นความสัมพันธ์เชิงเสน้
โดยความตา่ งศักยร์ ะหว่างขวั้ แบตเตอรีล่ ดลงเมอื่ กระแสไฟฟ้าเพม่ิ ขึน้ )
เขตนำ้ ตน้ื 3.2 นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทำการทดลอง จนสรปุ ได้ ดังน้ี

จากการทำการทดลอง พบวา่ เมือ่ แบตเตอรไี่ ม่ต่ออยู่กับตวั ตา้ นทาน ความตา่ งศักย์ระหว่างข้ัว
ของแบตเตอรี่จะมีค่ามากที่สุด ส่วนกระแสไฟฟ้มคี ่าเป็นศูนย์ และเมื่อตอ่ แบตเตอรี่กับตัวตน้ ทานที่มีความ
ต้านทานเพิ่มขึ้น ความต่างศักย์ระหว่างข้ัวของแบตตอรี่จะมีค่าเพิ่มขึ้น ส่วนกระแสไฟฟ้ามีค่าลดลง
โดยขณะต่อแบตเตอร่ีกบั ตวั ตา้ นทานท่ีมีค่าน้อย (กระแสไฟฟ้มาก) ความตา่ งศกั ย์ระหว่างข้ัวแบตเตอรี่มีค่า
น้อยกว่า เมื่อต่อกับตัวต้นทานค่มาก (กระแสไฟพับอย) เมื่อเขียนกราฟระหว่างความต่างศักย์ระหว่าง

422

ขว้ั แบตเตอร่กี บั กระแสไฟฟ้า พบวา่ กราฟมีลักษณะเปน็ เส้นตรงที่มีความชันเป็นลบ แสดงว่า ความต่างศกั ย์
ระหว่างขวั้ แบตเตอรีแ่ ปรผันเชิงเสน้ กบั กระแสไฟฟ้า

ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ียวกบั การถา่ ยโอนพลงั งานในวงจรไฟฟ้าในหนงั สอื เรียนหน้า 207
4.2 ครูอธิบายให้ความร้เู พิม่ เตมิ เกี่ยวกับการนำไฟฟา้ ในตัวกลางตา่ ง ๆ
4.3 ครูอธบิ ายตัวอย่าง 14.7 ในหนงั สอื เรยี น

ข้ันท่ี 5 ข้นั ประเมนิ ผล
5.1 นักเรียนส่งใบกิจกรรม 14.2 การทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ระหว่างข้ัว

แบตเตอรกี่ บั กระแสไฟฟ้าในวงจร
5.2 นักเรยี นทำแบบฝกึ หัด 14.3 ข้อ 3.- 4.

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
-

8. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 เลม่ 4 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 ใบกิจกรรม 14.2 การทดลองหาความสมั พันธ์ระหว่างความตา่ งศักยร์ ะหว่างข้วั แบตเตอรก่ี บั

กระแสไฟฟ้าในวงจร

9. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวดั เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจใบกิจกรรม 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) 14.2 การทดลองหา
1) อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างอเี อม็ เอฟ ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ทำกจิ กรรม สรุปผลการทดลองได้
ของแบตเตอรก่ี บั ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้ัว ความต่างศกั ย์ระหว่าง
ของแบตเตอรีไ่ ด้ ข้ัวแบตเตอรก่ี บั 2) ใบกิจกรรม 14.2 ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
กระแสไฟฟา้ ในวงจร
การทดลองหา

ความสัมพันธร์ ะหว่าง

ความตา่ งศกั ย์

ระหวา่ งข้วั แบตเตอรี่

กับกระแสไฟฟ้าใน

วงจร

423

ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
1) ทดลองหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอีเอ็ม 14.2 การทดลองหา ทำกจิ กรรม บันทกึ ผลกจิ กรรมได้
เอฟของแบตเตอร่ีกบั ความตา่ งศักย์ระหวา่ ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง 2) แบบฝึกหัด 14.3 ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ขั้วของแบตเตอร่ไี ด้ ความต่างศกั ย์ระหวา่ ง ข้อ 3.- 4. 2) นักเรยี นสามารถ
2) คำนวณปริมาณต่างๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ ขั้วแบตเตอรก่ี บั ทำแบบฝกึ หัดได้
อเี อ็มเอฟของแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ กระแสตรง กระแสไฟฟ้าในวงจร 1) แบบประเมนิ การ ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
ได้ 2) แบบฝกึ หัด 14.3 ทำกิจกรรม
ขอ้ 3.- 4. 1) นกั เรียนทำภาระ
ด้านคุณลักษณะ (A) งานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
1) เป็นผมู้ ีความรบั ผดิ ชอบและ 1) ตรวจใบกจิ กรรม ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
เป็นผมู้ ีความม่งุ ม่ันในการทำงาน 14.1 การทดลองเรื่อง
กฎของโอห์ม

10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน

เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เร่อื ง พลังงานไฟฟ้าและความต่างศักย์

ประเดน็ การ คา่ นำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 สรุปผลการทดลองได้ถูกต้องครบถ้วน
(K) 2 สรปุ ผลการทดลองได้คอ่ นข้างถูกตอ้ งครบถว้ น
1 สรุปผลการทดลองไดค้ อ่ นข้างถูกตอ้ ง

3 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วนทุกขอ้

ดา้ น 2 ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกต้องครบถว้ น 1 ข้อ
กระบวนการ 1 ทำแบบฝกึ หดั ไม่ถกู ต้อง
3 บันทกึ ผลการทดลองได้ถูกตอ้ งครบถ้วน
(P) 2 บนั ทึกผลการทดลองไดค้ ่อนขา้ งถกู ต้องครบถ้วน

1 บันทกึ ผลการทดลองได้คอ่ นข้างถูกต้อง

ด้าน 3 ทำภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถกู ต้องครบถ้วน

คุณลกั ษณะ 2 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยงั ผิดพลาดบางส่วน

(A) 1 ทำภาระงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน

ระดับคะแนน

คะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้

* หมายเหตุ คะแนนด้านกระบวนการ ใหห้ าค่าเฉลีย่ ของคะแนน แล้วนำคะแนนลงในแบบประเมินการทำกิจกรรม

424

การประเมนิ การทำกจิ กรรม เรอื่ ง พลังงานไฟฟา้ และความตา่ งศักย์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

425

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน

426

บันทกึ หลงั การสอน

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 14 เรื่อง ไฟฟ้ากระแส ท
แผนการสอนท่ี 34 เร่อื ง พลงั งานไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ .

ใ เดอื น พ.ศ. ใ

วนั ที่

ผลการจดั การเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอ่ื ............................................ครผู ูส้ อน ลงชือ่ .............................................หัวหน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)

ลงช่ือ............................................. รองฯ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)

ลงชือ่ ............................................ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..

ใบกจิ กรรม 14.2 การทดลองหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งข้ัวแบตเตอรก่ี ับกระแสไฟฟา้ ในวงจ4ร27

1. รายชื่อสมาชิกท่ี …………………………………………………….. ชน้ั …………………………………

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................

ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

2. จุดประสงค์การทำกจิ กรรม
ทดลองเพ่ืออธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้ัวแบตเตอร่แี ละกระแสไฟฟา้ ในวงจร

3. วัสด-ุ อปุ กรณ์ อยา่ งละ 1 ตัว
1) ตวั ตา้ นทาน 1Ω, 3.3Ω, 10Ω, 100Ω และ 1 kΩ 1 ชดุ
2) แบตเตอรี่ 1 กอ้ นพรอ้ มกระบะ 4 เสน้
3) สายไฟพรอ้ มปากหนบี 1 เครอ่ื ง
4) โวลตม์ เิ ตอร์

4. วธิ ีทำกิจกรรม
1) นำปลายข้างหนึ่งของตัวต้านทานที่มีความต้านทาน 1 โอห์ม 3.3 โอห์ม 10 โอห์ม 100 โอห์ม และ 1 กิโลโอห์ม
มาตอ่ กนั แลว้ ตอ่ ปลายรวมเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอร่ี ส่วนปลายท่ีเหลือของตวั ต้านทานปลอ่ ยอิสระ และต่อสาย
X เข้ากบั ขวั้ ลบของแบตเตอร่ี ดังรปู ก. ซึ่งแสดงการต่อ อปุ กรณ์ได้ดงั รปู ข.
2) วัดความต่างศักยร์ ะหวา่ งขัว้ แบตเตอรี่ซึ่งค่านี้ คือพลังงานที่ประจุไฟฟ้าหน่ึงหน่วยถ่ายโอนให้กับวงจรไฟฟ้า โดยต่อ
ขั้วบวกของแบตเตอรีก่ ับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ ต่อขั้วลบของแบตเตอรี่กับขั้วลบของโวลต์มิเตอร์ ดังรูป อ่านและ
บันทกึ คา่ ความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่จากโวลตม์ เิ ตอร์

3) ใช้สายไฟ X ต่อกับตัวต้นทาน 1 โอห์ม ที่ตำแหน่ง a ดังรูป อ่านและบันทึกความตา่ งศักย์ระหว่างขัว้ แบตเตอรี่จาก
โวลต์มิเตอร์

4) ทำซ้ำข้อ 3. แต่เปลี่ยนให้สายไฟต่อกับตัวต้านทาน 3.3 โอห์ม 10 โอห์ม 100 โอห์ม และ1 กิโลโอห์ม ทีละตัว ท่ี
ตำแหนง่ b, c, d และ e ตามลำดับ

5) คำนวณกระแสไฟฟ้าสำหรบั แตล่ ะค่าของความต่างศักย์ระหว่างขวั้ จากน้นั เขียนกราฟระหวา่ งความต่างศักย์ระหวา่ ง
ขั้วกบั กระแสไฟฟ้า โดยใหค้ วามตา่ งศักยอ์ ยู่บนแกนตง้ั และกระแสไฟฟ้าอย่บู นแกนนอน

428

5. ผลการทำการทดลอง ความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งข้ัวแบตเตอร่ี กระแสไฟฟ้า (A)
ความตา้ นทานทีต่ ่อกับแบตเตอร่ี (V)
(Ω)
1.0

3.3

10

100

1k

ความต่างศกั ย์ระหว่างข้ัว (V)

1.6

1.4

1.2

1.0

0.8

0.6

0.4

0.2
กระแสไฟฟ้า (A)

0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0

กราฟระหว่างความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้ัวแบตเตอรีก่ บั กระแสไฟฟา้
6. คำถามท้ายการทดลอง

1) ในขณะท่ียงั ไมต่ อ่ สายไฟ X กบั ตัวต้านทาน ความต่างศกั ยร์ ะหว่างขั้วแบตเตอรี่และกระแสไฟฟ้าในวงจรมคี า่ แตกตา่ ง
จากเมื่อตอ่ สายไฟ X กับตวั ต้านทานอืน่ ๆ อย่างไร
ตอบ ในขณะท่ยี งั ไม่ต่อสายไฟ X กบั ตัวต้านทาน ความต่างศกั ย์ระหวา่ งขวั้ แบตเตอรีม่ ีค่ามากที่สดุ แต่กระแสไฟฟ้าเปน็
ศนู ย์ มกี าร

2) เมือ่ ต่อสายไฟ X กับตวั ต้านทานท่ีมคี ่าเพ่มิ ข้ึน ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้วั แบตเตอร่ีและกระแสไฟฟา้ ในวงจรมีการ

เปลี่ยนแปลงอย่างไร

ตอบ เมื่อตอ่ สายไฟ X กับตวั ต้านทานท่มี ีค่าเพมิ่ ข้ึน ความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งขัว้ แบตเตอรม่ี คี ่าเพม่ิ ขึน้ แตก่ ระแสไฟฟา้ มคี ่า

ลดลง เขตนำ้ ลึกและเขตนำ้ ตน้ื ถ้า หน้า

429

3) กราฟระหวา่ งความตา่ งศักย์ระหว่างขัว้ แบตเตอรก่ี ับกระแสไฟฟ้า มีลกั ษณะอย่างไร และสามารถอธบิ ายความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งปรมิ าณท้ังสองได้อย่างไร
ตอบ กราฟมีลกั ษณะเป็นกราฟเสน้ ตรงทมี่ คี วามชันเปน็ ลบ ซึ่งอธบิ ายได้ว่าความสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณท้งั สองเป็น

ความสัมพนั ธเ์ ชงิ เสน้ โดยความต่างศกั ย์ระหวา่ งขว้ั แบตเตอร่ีลดลงเมอ่ื กระแสไฟฟ้าเพ่ิมขน้ึ ม

เขตนำ้ ลึกและเขตนำ้ ตน้ื ถ้า หนา้

7. สรปุ ผลการทดลอง

จากการทำการทดลอง พบว่า เมื่อแบตเตอรีไ่ ม่ต่ออย่กู บั ตัวต้านทาน ความต่างศักยร์ ะหวา่ งข้ัวของแบตเตอร่ีจะ

มคี ่ามากทีส่ ดุ ส่วนกระแสไฟฟ้มคี ่าเปน็ ศูนย์ และเมือ่ ต่อแบตเตอรกี่ ับตัวตน้ ทานที่มคี วามต้านทานเพิ่มขึ้น ความต่างศักย์

ระหว่างขั้วของแบตตอรี่จะมีค่าเพิ่มขึ้น ส่วนกระแสไฟฟ้ามีค่าลดลง โดยขณะต่อแบตเตอรี่กับตัวต้านทานที่มีค่าน้อย

(กระแสไฟฟ้มาก) ความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรีม่ ีค่าน้อยกว่า เมื่อต่อกับตัวต้นทานค่มาก (กระแสไฟพับอย) เมื่อ

เขียนกราฟระหว่างความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่กับกระแสไฟฟ้า พบว่า กราฟมีลักษณะเป็นเส้นตรงที่มีความชนั

เปน็ ลบ แสดงวา่ ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้ัวแบตเตอรี่แปรผันเชิงเสน้ กบั กระแสไฟฟ้าะ ;

b

b

b

b

b

b

b

b

เฉลยใบกจิ กรรม 14.2 การทดลองหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต่างศักยร์ ะหว่างข้วั แบตเตอรก่ี ับกระแสไฟฟา้ ในว4ง3จ0ร

1. รายชือ่ สมาชิกท่ี …………………………………………………….. ชน้ั …………………………………

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................

ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................

2. จดุ ประสงค์การทำกิจกรรม
ทดลองเพ่ืออธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งข้วั แบตเตอรแี่ ละกระแสไฟฟา้ ในวงจร

3. วัสด-ุ อุปกรณ์ อย่างละ 1 ตวั
1) ตัวต้านทาน 1Ω, 3.3Ω, 10Ω, 100Ω และ 1 kΩ 1 ชดุ
2) แบตเตอร่ี 1 ก้อนพรอ้ มกระบะ 4 เส้น
3) สายไฟพรอ้ มปากหนบี 1 เครื่อง
4) โวลตม์ ิเตอร์

4. วิธีทำกิจกรรม
1) นำปลายข้างหนึ่งของตัวต้านทานที่มีความต้านทาน 1 โอห์ม 3.3 โอห์ม 10 โอห์ม 100 โอห์ม และ 1 กิโลโอห์ม
มาต่อกนั แล้วตอ่ ปลายรวมเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอร่ี สว่ นปลายท่ีเหลือของตวั ต้านทานปลอ่ ยอิสระ และต่อสาย
X เข้ากบั ขัว้ ลบของแบตเตอร่ี ดงั รูป ก. ซงึ่ แสดงการตอ่ อุปกรณ์ได้ดงั รปู ข.
2) วัดความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่ซึ่งค่าน้ี คือพลังงานที่ประจไุ ฟฟ้าหนึ่งหน่วยถ่ายโอนให้กับวงจรไฟฟา้ โดยต่อ
ขั้วบวกของแบตเตอรี่กับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ ต่อขั้วลบของแบตเตอรีก่ ับขัว้ ลบของโวลต์มิเตอร์ ดังรูป อ่านและ
บันทกึ คา่ ความต่างศักย์ระหวา่ งข้วั แบตเตอรจี่ ากโวลต์มิเตอร์

3) ใช้สายไฟ X ต่อกับตัวต้นทาน 1 โอห์ม ที่ตำแหน่ง a ดังรูป อ่านและบันทึกความต่างศักย์ระหว่างขัว้ แบตเตอรี่จาก
โวลต์มเิ ตอร์

4) ทำซ้ำข้อ 3. แต่เปลี่ยนให้สายไฟต่อกับตัวต้านทาน 3.3 โอห์ม 10 โอห์ม 100 โอห์ม และ1 กิโลโอห์ม ทีละตัว ท่ี
ตำแหน่ง b, c, d และ e ตามลำดบั

5) คำนวณกระแสไฟฟา้ สำหรับแตล่ ะค่าของความต่างศักย์ระหวา่ งขวั้ จากนนั้ เขียนกราฟระหวา่ งความต่างศักยร์ ะหว่าง
ขั้วกบั กระแสไฟฟา้ โดยให้ความต่างศกั ยอ์ ยบู่ นแกนตั้ง และกระแสไฟฟา้ อยูบ่ นแกนนอน

5. ผลการทำการทดลอง ความต่างศกั ย์ระหว่างข้ัวแบตเตอร่ี 431
ความต้านทานทต่ี อ่ กบั แบตเตอรี่ (V)
(Ω) กระแสไฟฟ้า (A)
0.30
1.0 0.90
0.57 0.38
3.3 1.35 0.14
10 1.40 0.014
100 1.42 0.0014
1k

กราฟระหวา่ งกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์จากผลการทดลอง

6. คำถามท้ายการทดลอง
1) ในขณะท่ยี ังไมต่ ่อสายไฟ X กบั ตัวตา้ นทาน ความต่างศกั ยร์ ะหวา่ งขวั้ แบตเตอร่แี ละกระแสไฟฟา้ ในวงจรมีค่าแตกต่าง
จากเมื่อต่อสายไฟ X กบั ตัวต้านทานอ่ืน ๆ อย่างไร

ตอบ ในขณะทยี่ งั ไม่ต่อสายไฟ X กบั ตวั ตา้ นทาน ความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งขั้วแบตเตอร่ีมคี ่ามากท่ีสดุ แตก่ ระแสไฟฟ้าเป็น
ศนู ย์ มีการ

2) เม่อื ตอ่ สายไฟ X กับตวั ต้านทานท่ีมีค่าเพมิ่ ขึ้น ความตา่ งศักย์ระหว่างขวั้ แบตเตอร่แี ละกระแสไฟฟ้าในวงจรมกี าร

เปลยี่ นแปลงอย่างไร

ตอบ เมอื่ ตอ่ สายไฟ X กบั ตวั ตา้ นทานท่มี ีคา่ เพ่มิ ขึ้น ความตา่ งศกั ยร์ ะหวา่ งขวั้ แบตเตอร่มี คี ่าเพ่มิ ขนึ้ แต่กระแสไฟฟ้ามีคา่

ลดลง เขตนำ้ ลึกและเขตนำ้ ตื้น ถ้า หน้า

3) กราฟระหวา่ งความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งข้วั แบตเตอรก่ี ับกระแสไฟฟา้ มลี กั ษณะอย่างไร และสามารถอธิบายความสัมพนั ธ์

ระหวา่ งปรมิ าณทงั้ สองไดอ้ ย่างไร

ตอบ กราฟมลี กั ษณะเป็นกราฟเส้นตรงทม่ี ีความชันเปน็ ลบ ซึง่ อธิบายได้วา่ ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณทง้ั สองเปน็

ความสัมพนั ธ์เชิงเสน้ โดยความต่างศกั ย์ระหวา่ งขั้วแบตเตอรลี่ ดลงเมอ่ื กระแสไฟฟา้ เพิ่มข้ึน ม

432

7. สรุปผลการทดลอง

จากการทำการทดลอง พบวา่ เมือ่ แบตเตอรี่ไมต่ อ่ อยูก่ ับตวั ต้านทาน ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างข้ัวของแบตเตอรี่จะ

มคี ่ามากทส่ี ดุ สว่ นกระแสไฟฟม้ ีค่าเป็นศูนย์ และเมอื่ ตอ่ แบตเตอรีก่ ับตวั ต้นทานท่ีมีความต้านทานเพิ่มขึ้น ความต่างศักย์

ระหว่างขั้วของแบตตอรี่จะมีค่าเพิ่มขึ้น ส่วนกระแสไฟฟ้ามีค่าลดลง โดยขณะต่อแบตเตอรี่กับตัวต้านทานที่มีค่าน้ อย

(กระแสไฟฟ้มาก) ความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่มีค่าน้อยกว่า เมื่อต่อกับตัวต้นทานค่มาก (กระแสไฟพับอย) เม่ือ

เขียนกราฟระหว่างความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่กับกระแสไฟฟ้า พบว่า กราฟมีลักษณะเป็นเส้นตรงที่มีความชนั

เป็นลบ แสดงวา่ ความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งขั้วแบตเตอรี่แปรผนั เชิงเส้นกบั กระแสไฟฟ้าะ ;

b

b

b

b

b

b

b

b

433

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 35

เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและกำลงั ไฟฟ้าของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้ากระแสตรง

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 4 รหัสวชิ า ว30204 เวลา 3 ชั่วโมง

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 14 ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ ไฟฟ้ากระแส รวม 24 ชัว่ โมง

กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2

บรู ณาการ

 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง  อาเซียน  STEM  PLC

 สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน  มาตรฐานสากล  ข้ามกลมุ่ สาระ

1. สาระฟิสิกส์
3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม

วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหล็ก ที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้า
กระแสสลบั คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสือ่ สาร รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

2. ผลการเรยี นรู้
12. ทดลอง อธิบาย และคำนวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งอธิบายและคำนวณ

พลังงานไฟฟา้ และกำลังไฟฟา้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานไฟฟ้า กำลังไฟฟา้ ความต่างศักย์ และกระแสไฟฟ้าของ
เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) สามารถคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้องจากสถานการณท์ ่กี ำหนดให้ได้
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) เปน็ ผูม้ คี วามรบั ผดิ ชอบและเปน็ ผมู้ ีความมุ่งมนั่ ในการทำงาน

4. สาระสำคญั
พลงั งานไฟฟ้าทปี่ ระจไุ ฟฟา้ ไดร้ บั ตอ่ หน่ึงหน่วยประจุไฟฟ้าเมอ่ื เคลื่อนทีผ่ ่านแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เรียกว่า อีเอ็ม

เอฟ (emf หรอื electromotive force) แทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ ซึง่ ในบริบทอนื่ อาจเรียกว่า แรงเคลอ่ื นไฟฟ้า หรือ
แรงดันไฟฟา้

อีเอม็ เอฟของแบตเตอร่ี มีความสัมพันธ์กับความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่ ∆ กระแสไฟฟ้าในวงจร
และ ความต้านทานภายใน (internal resistance) ของแบตเตอรี่ ตามสมการ ε = ∆ +

434

พลงั งานไฟฟา้ (electrical energy) เปน็ พลังงานท่ปี ระจไุ ฟฟา้ ได้รับจากแหลง่ กำเนิดไฟฟ้าแลว้ นำไปถ่าย

โอนให้กับส่วนต่าง ๆ ของวงจร โดยพลังงานไฟฟ้าที่ประจุไฟฟ้าหนึ่งหน่วยถ่ายโอนให้ส่วนต่าง ๆ ของวงจรเรียกว่า

ความตา่ งศกั ย์ (potential difference) แทนด้วยสัญลักษณ์ ∆

พลังงานไฟฟ้า ท่ีถูกใชไ้ ปในเครื่องใชไ้ ฟฟ้าในเวลา ∆ มีค่าเป็น = ∆ ∆

กำลังไฟฟ้า (power) เป็นพลังงานไฟฟ้าที่ประจุไฟฟ้าถ่ายโอนให้กับส่วนต่าง ๆ ของวงจรในหนึ่งหน่วย

เวลา หรือ พลงั งานไฟฟ้าทเี่ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ใช้ไปในหนงึ่ หนว่ ยเวลา มีคา่ เปน็ = ∆

5. สาระการเรยี นรู้

5.1 ความรู้

พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสตรง ในเรื่องเก่ียวกับงานและพลังงาน

กำลัง(power) หมายถึง งานที่ทำได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ดังนั้นกำลังไฟฟ้า (electric power) หมายถึง

งานทีป่ ระจุไฟฟา้ ทำได้ในหน่งึ หนว่ ยเวลา หรือ พลังงานไฟฟา้ ของประจไุ ฟฟ้าท่ถี า่ ยโอนไปยังส่วนต่างๆ ของ

วงจรในหนึ่งหน่วยเวลา ซึ่งเมื่อพิจารณาการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว สามารถกล่าวได้ว่า

กำลงั ไฟฟ้าคอื พลังงานไฟฟา้ ทเ่ี ครอ่ื งใช้ไฟฟ้าใช้ไปในหนงึ่ หนว่ ย

จากนิยามของกำลังไฟฟ้า เราจะได้วา่ =

โดยท่ี เป็นกำลงั ไฟฟ้า เปน็ พลังงานไฟฟ้าท่ีเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าไปในเวลา ∆ ซงึ่ พลังงานไฟฟ้า

มีความสัมพันธ์กับความต่างศักย์ระหว่างขั้วของเครื่องใช้ไฟฟ้า ∆ ตามสมการ = ∆

โดยที่ เปน็ ประจุไฟทีเ่ คล่อื นที่ผ่านเคร่ืองใช้ไฟฟ้าในเวลา ∆ จาก = ∆ แทนคา่ ใน ( ) จะได้

= ∆ ∆

แทน จาก = ∆ ∆ ลงใน = จะได้


∆ ∆
= ∆ = ∆
ดังนน้ั เราสมารถหากำลังไฟฟ้าได้จากผลคูณระหวา่ งกระแสไฟฟ้าในวงจรกบั ความต่างศกั ย์ ตาม

สมการหรอื = ∆

นอกจากนี้ แทนค่า จากความสัมพนั ธ์ตามกฎของโอห์ม = (1)∆ ลงในสมการ =



∆ จะได้ = (∆ )2



หรือแทนค่า = ลงในสมการ = ∆ จะได้ = 2

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลมุ่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แกส้ มการ)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผ่านคอมพิวเตอร์)

435

5.3 คุณลกั ษณะและค่านิยม
เป็นผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและเป็นผู้มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทำงาน

6. บูรณาการ
-

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ให้นกั เรียนยกตวั อย่างแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ กระแสตรงทน่ี กั เรยี นรู้จัก
1.2 ครนู ำภาพข้อมูลของเครอื่ งใช้ฟา้ ที่ใช้กบั กระแสตรง 2-3 ประเภท มาใหน้ กั เรียนดู แล้วต้งั
คำถามให้นักเรยี นตอบ
ครู : ตัวเลขและอักษร 60W 220V หรือ 750W 220V บนเครื่องใช้ไฟฟา้ นนั้ หมายถงึ
อะไร
ครู : นักเรียนคิดว่าตวั เลขเหลา่ น้ันสามารถนำไปใช้ในคำนวณหาค่าพลังงานงานไฟฟ้าของ
เคร่ืองใช้ไฟฟา้ ไดห้ รือไม่
1.3 ครแู ละนักเรียนอภปิ รายทบทวนเกีย่ วกบั ความร้เู รื่อง งาน พลังงาน และกำลงั ทไ่ี ด้เรียนรใู้ น
หวั ข้องานและพลงั งานท่ผี า่ นมา จากน้นั ครูถามนักเรียนว่าพลงั งานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟา้ หมายถงึ อะไร และ
สามารถหาค่าไดอ้ ย่างไร

ข้นั ที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา
2.1 ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเกี่ยวกับพลังงานไฟฟา้ และกำลังไฟฟ้า ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 210 - 211
2.2 ให้นกั เรียนศึกษาตัวอย่าง 14.8 และ 14.9 โดยครเู ป็นผใู้ ห้คำแนะนำ
2.3 ครูให้นักเรียนศึกษาตาราง 14.2 เพื่อหาคำตอบท่ีไดถ้ ามไว้ในช่วงเริม่ ต้น เกี่ยวกับการเปลี่ยน

สายไฟที่ต่อระหว่างแบตเตอรี่กับหลอดไฟเป็นตัวนำโลหะชนิดอื่น มีผลอย่างไรกับกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน
หลอดไฟ และสามารถอธิบายได้อย่างไร จากนั้น ครูตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายว่า หน่วยวัดพลังงาน
ไฟฟ้าที่บ้านของนักเรียนใช้ไปซึ่งปรากฏในใบแจ้งค่าไฟฟ้าที่ใช้มีหน่วยเป็นอะไร เพราะเหตุใด แล้วครูนำ
อภปิ รายจนสรุปได้ตามรายละเอยี ดในหนงั สือเรียนหน้า 213

2.4 นกั เรียนทำแบบฝึกหดั 14.3 เร่ือง ข้อ 5
2.5 นกั เรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจ 14.3 ข้อ 4. – 6.

ข้ันที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายจนได้ขอ้ สรปุ เรอื่ ง สภาพต้านทานไฟฟา้ และสภาพตวั นำไฟฟา้

ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายเพมิ่ เติม

436

ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัด 14.3 เร่อื ง ข้อ 5.
5.2 นกั เรยี นตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจ 14.3 ขอ้ 4. – 6.

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
-

8. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ กิ ส์) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 เล่ม 4 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต

9. การวัดและประเมินผล วิธกี ารวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ตรวจสมุดของ
นกั เรียน 1) แบบประเมิน 1) นักเรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) กิจกรรม ตอบคำถามไดร้ ะดับ
1) อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพลังงาน 1) ตรวจสมุดของ 2) คำถามตรวจสอบ ดี ผ่านเกณฑ์
ไฟฟา้ กำลงั ไฟฟ้า ความตา่ งศักย์ และ นกั เรียน ความเข้าใจ 14.3
กระแสไฟฟ้าของ ขอ้ ขอ้ 4. – 6
เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ได้ 1) ตรวจการสง่ สมดุ
ของนักเรยี น 1) แบบประเมนิ 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นกระบวนการ (P) กจิ กรรม ทำแบบฝึกหดั ได้
1) สามารถคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี 2) แบบฝึกหัด 14.3 ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
เกี่ยวข้องจากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ได้ ข้อ 5.

ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนทำภาระ
1) เปน็ ผ้มู ีความรบั ผดิ ชอบและ
เปน็ ผูม้ ีความมุ่งม่นั ในการทำงาน ทำกิจกรรม งานที่ไดร้ ับมอบหมาย

ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์

437

10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรอื่ ง พลังงานไฟฟา้ และกำลังไฟฟา้ ของเคร่ืองใช้ไฟฟ้า

กระแสตรง

ประเด็นการ คา่ น้ำหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ ตอบคำถามได้ถกู ต้องครบถ้วนทุกข้อ
(K) 3 ตอบคำถามได้ถูกต้องครบถว้ น 2 ขอ้
2 ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องครบถ้วน 1 ข้อ
ดา้ น 1 ทำแบบฝึกหัดไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน
กระบวนการ 3 ทำแบบฝึกหดั ได้แตไ่ ม่ถกู ต้องครบถ้วน
2 ทำแบบฝึกหัดไม่ถกู ต้อง
(P) 1 ทำภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ต้องครบถ้วน
ดา้ น 3 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยงั ผิดพลาดบางสว่ น
คณุ ลักษณะ 2 ทำภาระงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางสว่ น
(A) 1

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน

438

การประเมนิ การทำกจิ กรรม เร่อื ง พลงั งานไฟฟา้ และกำลังไฟฟา้ ของเคร่อื งใช้ไฟฟา้ กระแสตรง

จุดประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

439

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน

440

บนั ทึกหลังการสอน

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 14 เรื่อง ไฟฟ้ากระแส ท
แผนการสอนท่ี
35 เรอ่ื ง พลงั งานไฟฟา้ และกำลงั ไฟฟา้ ของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ากระแสตรง .

เดอื น พ.ศ. ใ
วนั ที่

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงช่ือ.............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)

ลงช่ือ............................................. รองฯ กลุม่ บริหารวิชาการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)

ลงชอื่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..

441

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 36

เรอื่ ง การต่อแบตเตอร่ี

รายวิชา ฟสิ ิกส์ 4 รหสั วิชา ว30204 เวลา 2 ช่ัวโมง

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 14 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้ากระแส รวม 24 ชั่วโมง

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2

บูรณาการ

 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง  อาเซียน  STEM  PLC

 สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น  มาตรฐานสากล  ขา้ มกลุม่ สาระ

1. สาระฟิสกิ ส์
3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของโอหม์

วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกำลังไฟฟา้ การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟา้ สนามแม่เหล็ก
แรงแม่เหลก็ ทกี่ ระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ การเหน่ยี วนำแมเ่ หล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้
กระแสสลบั คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และการส่ือสาร รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

2. ผลการเรียนรู้
13. ทดลองและคำนวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรมและแบบขนาน รวมทั้งคำนวณ

ปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซึ่งประกอบดว้ ยแบตเตอรแ่ี ละตัวต้านทาน

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายความหมายของอเี อม็ เอฟสมมูลและความตา้ นทานภายในสมมูล เมอ่ื ตอ่ แบตเตอรแ่ี บบ
อนกุ รมและแบบขนานได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) ทดลองเพอื่ อธบิ ายอเี อ็มเอฟสมมลู และความต้านทานภายในสมมูล เม่ือตอ่ แบตเตอร่แี บบอนุกรม
และแบบขนานได้
2) คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งได้
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) เปน็ ผู้มคี วามรบั ผิดชอบและเปน็ ผู้มคี วามมุ่งมั่นในการทำงาน

4. สาระสำคญั

การต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรม ก้อน จะได้อีเอ็มเอฟสมมูล (equivalent emf) แทนด้วยสัญลักษณ์ ε

และความต้านทานภายในสมมูล (equivalent internal resistance) แทนด้วยสัญลักษณ์ มีค่าเพิ่มขึ้นตาม

สมการ = 1 + 2 + ⋯ + และ = 1 + 2 + ⋯ + ตามลำดับ
การตอ่ แบตเตอรแ่ี บบขนาน กอ้ น จะได้อีเอม็ เอฟสมมลู มคี ่าคงเดิม และความตา้ นทานภายในสมมูล

มีคา่ ลดลงตามสมการ = 1 = 2 = ⋯ = และ1 = 1+1 + ⋯ + 1 ตามลำดับ

1 2

442
กระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ประกอบดว้ ยแบตเตอรแ่ี ละตวั ตา้ นทาน มคี ่าเป็น =

+

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
การนำแบตเตอรี่หลายก้อนมาต่อกันสามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ แบบอนุกรม และแบบขนาน
เช่นเดียวกับการต่อตัวต้นทาน โดยการต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรมเป็นการนำแบตเตอรี่มาต่อเรียงขั้วกัน
ดงั รปู 14.27 ก. ซึง่ เขียนสัญลกั ษณ์ของการตอ่ แบตเตอร่ีแบบอนกุ รมจำนวน กอ้ น ไดด้ งั รูป 14.27 ข.

รูป 14.27 ก. การต่อแบตเตอรี่แบบนรม ข. สัญลักษณ์การต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรม
การต่อแบตเตอร่ีแบบนาน เปน็ การนำแบตเตอรี่มาตอ่ แบบขวั้ เดียวกันต่อรวมกนั ดงั รปู 14.28 ก.
ซ่งึ เขียนสัญลักษณข์ องการตอ่ แบตเตอร่ีแบบขนานจำนวน ก้อน ได้ดังรปู 14.28 ข.

รูป 14.28 ก. การตอ่ แบตเตอรแ่ี บบขนาน ข. สญั ลกั ษณก์ ารตอ่ แบตเตอร่ีแบบขนาน
5.2 กระบวนการ

1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุม่ สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม
เป็นผ้มู คี วามรบั ผดิ ชอบและเป็นผ้มู คี วามมุ่งมัน่ ในการทำงาน
6. บูรณาการ
-

443

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ ท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรเู้ ก่ียวกบั การตอ่ ตัวต้านทาน ท้ังแบบอนกุ รม แบบขนานและแบบผสม
1.2 ใหน้ ักเรียนศกึ ษาลักษณะการตอ่ แบตเตอรใ่ี นรูป 14.27 และ 14.28 แลว้ อภปิ รายร่วมกัน
เกีย่ วกบั ลักษณะการต่อแบตเตอรี่ จนสรปุ ไดว้ า่ การตอ่ แบตเตอร่มี ี 2 ลักษณะ คอื
1. การตอ่ แบบอนุกรม เป็นการต่อแบบนำ ขวั้ ลบตอ่ กบั ข้วั บวกของแบตเตอรเี่ รียงกันไป
2. การตอ่ แบบขนาน เปน็ การนำ ขวั้ บวกของแบตเตอร่ีแตล่ ะก้อนมาต่อรวมกัน และนำ
ขั้วลบของทกุ แบตเตอร่ีแต่ละก้อนมาตอ่ รวมกนั
1.3 ครูอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ แบตเตอรี่ทีต่ อ่ กันแล้ว จะเสมอื นเปน็ แบตเตอรีก่ ้อนใหม่เพยี งก้อนเดียวท่ี
มอี เี อ็มเอฟสมมลู และความต้านทานภายในสมมลู ค่าหนึ่ง
1.2 ครูต้งั คำถามเพอื่ นำเขา้ สู่การทำกจิ กรรม
1) การต่อแบตเตอรี่แต่ละแบบ จะให้อีเอ็มเอฟสมมูลกับความต้านทานภายในสมมูล
แตกต่างกันอยา่ งไร และแตกต่างจากการต่อตวั ต้านทานหรอื ไม่

ขั้นท่ี 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา
2.1 ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาและทำความเข้าใจเนือ้ หา เร่ือง การตอ่ ตัวต้านทาน ในหนังสอื เรียน หน้า

215 – 216
2.2 นกั เรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.3 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศกึ ษาใบกิจกรรม 14.3 อเี อม็ เอฟสมมลู และความตา้ นทานภายในสมมลู

ของแบตเตอร่ี
2.4 ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ อปุ กรณ์ และข้ันตอนการทดลองอย่างละเอยี ด
2.5 นกั เรยี นรับอุปกรณก์ ารทดลอง พรอ้ มติดตง้ั อปุ กรณ์
2.6 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำการทดลอง สังเกตและบนั ทกึ ผลการทดลอง

ขั้นที่ 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครนู ำนกั เรยี นอภิปรายเพือ่ นำไปสกู่ ารสรุปโดยใชค้ ำถามตอ่ ไปน้ี
ตอนท่ี 1
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ

ไดผ้ ลเหมือนกนั )
2) ในการต่อแบตเตอรี่แบบอนกุ รม อีเอ็มเอฟสมมูลแตกต่างจากอีเอ็มเอฟของแบตเตอรี่แต่

ละก้อนหรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ แตกต่างกัน การต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรม อีเอ็มเอฟสมมูลเพิม่ ขน้ึ
และใกล้เคียง จนถอื ได้ว่าเท่ากบั ผลบวกอีเอ็มเอฟของแบตเตอรีท่ ่ีนำมาตอ่ กนั )

3) ในการต่อแบตเตอรี่แบบขนาน อีเอ็มเอฟสมมูลแตกต่างจากอีเอ็มเอฟของแบตเตอรี่แต่ละ
ก้อนหรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ ไม่แตกตา่ งกนั การต่อแบตเตอรี่แบบขนาน อเี อม็ เอฟสมมูลเท่ากบั อีเอ็ม
เอฟของแบตเตอรแ่ี ต่ละกอ้ น)

444

4) จากกจิ กรรม 14.3 ตอนที่ 1 สามารถสรุปผลไดว้ ่าอยา่ งไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่
แบบอนกุ รมทำให้อีเอ็มเอฟสมมูลเพิ่มมากข้ึน โดยมีค่าเท่ากับผลบวกอเี อม็ เอฟของแบตเตอร่ีที่นำมาต่อกัน
สว่ นการตอ่ แบตเตอร่แี บบขนาน อีเอม็ เอฟสมมูลจะมีค่าเทา่ กบั อีเอม็ เอฟของแบตเตอร่แี ตล่ ะกอ้ น)

เตอนท่ี 2
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ
ได้ผลเหมือนกนั )

2) ในการต่อแบตเตอรแ่ี บบอนกุ รม กระแสไฟฟา้ 1, 2 และ ตา่ งกนั หรอื ไม่ และผลรวม
ของ ∆ 1 และ ∆ 2 เท่ากับ หรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรม
1 = 2 = และผลรวมของ ∆ 1 กับ ∆ 2 ใกล้เคียงจนถอื ไดว้ า่ เท่ากับ )

3) ในการตอ่ แบตเตอรแี่ บบอนกุ รม ผลรวมของ 1 และ 2 เทา่ กับ หรือไม่ อยา่ งไร (แนว
การตอบ การต่อแบตเตอรแี่ บบอนกุ รม ผลรวมของ 1 และ 2 ใกลเ้ คียงจนถอื ได้วา่ เท่ากบั )

4) จากกจิ กรรม 14.3 ตอนท่ี 1 สามารถสรุปผลไดว้ ่าอย่างไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่
แบบอนุกรม กระแสไฟฟา้ จากแบตเตอรี่ที่ต่อแบบอนุกรมกนั เท่ากบั กระแสไฟฟ้าที่ผ่านแบตเตอรี่แต่ละก้อน
และความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ที่ต่อแบบอนุกรมกันมีค่าเท่ากับผลบวกความต้านทานภายในของ
แบตเตอรแี่ ต่ละกอ้ น)

เตอนที่ 3
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ
ได้ผลเหมือนกนั )

2) ในการต่อแบตเตอรี่แบบขนาน ผลรวมของกระแสไฟฟ้า 1, 2 เท่ากบั หรือไม่ และ
ความต่างศักย์ ∆ 1 และ ∆ 2 เท่ากับ ตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่
แบบขนาน ผลรวมของกระแสไฟฟ้า 1กับ 2 ใกลเ้ คยี งจนถอื ได้วา่ เทา่ กับ และความต่าง
ศกั ย์ ∆ 1 = ∆ 2 = )

3) ในการต่อแบตเตอรแี่ บบขนาน ผลรวมของสว่ นกลับของ 1 กบั ส่วนกลบั ของ 2 เทา่ กับ
ส่วนกลับของ หรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่แบบขนาน ผลรวมของส่วนกลับของ 1
กับส่วนกลับของ 2 ใกลเ้ คยี งจนถือไดว้ า่ เท่ากบั )

4) จากกิจกรรม 14.3 ตอนที่ 1 สามารถสรปุ ผลได้วา่ อย่างไร (แนวการตอบ การต่อแบตเตอรี่
แบบขนาน กระแสไฟฟา้ จากแบตเตอรี่ท่ตี ่อขนานกนั เทา่ กับผลบวกของกระแสไฟฟ้าท่ผี ่านแบตเตอรีแ่ ตล่ ะ
ก้อน และ ความต่างศกั ย์ระหวา่ งขัว้ แบตเตอรี่ทตี่ ่อขนานกนั เท่ากบั ความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งข้ัวของแบตเตอร่ี
แตล่ ะก้อน สว่ นกลับความต้านทานภายในของแบตเตอรที่ ตี่ ่อขนานกนั เท่ากับผลบวกของส่วนกลับของ
ความตา้ นทานภายในของแบตเตอร่ีแต่ละก้อน)
ตื้น 3.2 นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและสรุปผลการทำการทดลอง ท้ัง 3 ตอน จนสรุปดังน้ี

การต่อแบตเตอรี่แบบขนาน กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่ต่อขนานกันเท่ากับผลบวกของ
กระแสไฟฟา้ ทีผ่ ่านแบตเตอรีแ่ ต่ละก้อน และ ความต่างศักยร์ ะหว่างขั้วแบตเตอรีท่ ี่ต่อขนานกันเท่ากับความ

445

ต่างศักย์ระหว่างขั้วของแบตเตอรี่แต่ละก้อน ส่วนกลับความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ที่ต่อขนานกัน
เทา่ กับผลบวกของสว่ นกลบั ของความตา้ นทานภายในของแบตเตอร่แี ต่ละก้อน

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครอู ธิบายใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เตมิ เกี่ยวกับเกี่ยวกับประโยชน์ของการใชง้ านในการตอ่ แบตเตอรี่แบบ

อนุกรมและแบบขนานจนสรปุ ไดต้ ามรายละเอยี ดในหนังสอื เรยี น
4.2 ครอู ธิบายตวั อย่างโจทย์ปญั หา ตัวอยา่ งท่ี 14.10 – 14.11

ข้ันที่ 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 นกั เรียนส่งใบกจิ กรรม 14.3 อีเอม็ เอฟสมมูลและความต้านทานภายในสมมูลของแบตเตอร่ี
5.2 ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั 14.4 ข้อ 1. - 3.

ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
-

8. สอ่ื การเรยี นร้/ู แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ กิ ส์) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 เล่ม 4 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
8.3 ใบกจิ กรรม 14.3 อีเอม็ เอฟสมมูลและความต้านทานภายในสมมลู ของแบตเตอร่ี

9. การวัดและประเมนิ ผล

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K)
1) อธิบายความหมายของอเี อ็มเอฟสมมลู 1) ตรวจใบกิจกรรม 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นสามารถ
และความต้านทานภายในสมมูล เมอื่ ต่อ 14.3 อเี อ็มเอฟสมมูล
แบตเตอร่แี บบอนุกรมและแบบขนานได้ และความต้านทาน ทำกจิ กรรม สรุปผลการทดลองได้
ภายในสมมลู ของ
ดา้ นกระบวนการ (P) แบตเตอรี่ 2) ใบกิจกรรม 14.3 ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
1) ทดลองเพือ่ อธิบายอเี อม็ เอฟสมมูลและ
ความต้านทานภายในสมมลู เมอื่ ตอ่ 1) ตรวจใบกิจกรรม อีเอม็ เอฟสมมูลและ
แบตเตอร่ีแบบอนกุ รมและแบบขนานได้ 14.3 อเี อม็ เอฟสมมลู
2) คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งได้ และความต้านทาน ความตา้ นทานภายใน
ภายในสมมูลของ
แบตเตอร่ี สมมลู ของแบตเตอรี่
2) แบบฝึกหดั 14.4
ขอ้ 1. - 3. 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นสามารถ

ทำกิจกรรม บันทึกผลกจิ กรรมได้

2) ใบกจิ กรรม 14.3 ระดับดี ผ่านเกณฑ์

อีเอ็มเอฟสมมูลและ 2) นักเรียนสามารถ

ความต้านทานภายใน ทำแบบฝกึ หัดได้

สมมลู ของแบตเตอร่ี ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

446

3) แบบฝึกหดั 14.4
ขอ้ 1. - 3.

ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนทำภาระ
1) เปน็ ผมู้ คี วามรบั ผิดชอบและ
เป็นผมู้ คี วามม่งุ ม่นั ในการทำงาน 14.1 การทดลองเร่ือง ทำกจิ กรรม งานที่ได้รับมอบหมาย

กฎของโอหม์ ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน
เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรอื่ ง การตอ่ แบตเตอรี่

ประเดน็ การ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน

ด้านความรู้ 3 สรปุ ผลการทดลองได้ถูกต้องครบถว้ น
(K) 2 สรปุ ผลการทดลองได้ค่อนข้างถูกตอ้ งครบถ้วน
1 สรปุ ผลการทดลองได้ค่อนข้างถูกต้อง

3 ทำแบบฝึกหดั ไดถ้ ูกต้องครบถว้ นทุกขอ้

ดา้ น 2 ทำแบบฝกึ หัดได้ถูกต้องครบถว้ น 2 ขอ้
กระบวนการ 1 ทำแบบฝึกหัดได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน 1 ข้อ
3 บันทึกผลการทดลองได้ถูกตอ้ งครบถว้ น
(P) 2 บันทกึ ผลการทดลองไดค้ ่อนข้างถูกตอ้ งครบถ้วน

1 บันทกึ ผลการทดลองไดค้ อ่ นขา้ งถูกต้อง

ดา้ น 3 ทำภาระงานท่ไี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น
คุณลักษณะ 2 ทำภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางส่วน
1 ทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน
(A)

ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน

* หมายเหตุ คะแนนดา้ นกระบวนการ ให้หาค่าเฉล่ียของคะแนน แล้วนำคะแนนลงในแบบประเมินการทำกิจกรรม

447

การประเมนิ การทำกจิ กรรม เร่อื ง การตอ่ แบตเตอร่ี

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชอื่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

448

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน

449

บันทึกหลงั การสอน

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 14 เรอ่ื ง ไฟฟา้ กระแส พ.ศ. ท
แผนการสอนท่ี 36 เรื่อง การต่อแบตเตอรี่ .

ใ เดอื น ใ

วนั ท่ี

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชื่อ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หัวหน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)

ลงชอ่ื ............................................. รองฯ กลุ่มบริหารวิชาการ
(นายบพติ ร เหลา่ กอ)

ลงช่ือ............................................ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..

ใบกจิ กรรม 14.3 อเี อม็ เอฟสมมูลและความต้านทานภายในสมมูลของแบตเตอรี่ 450

1. รายชอื่ สมาชกิ ท่ี …………………………………………………….. ช้ัน …………………………………

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

2. จดุ ประสงค์การทำกจิ กรรม
1) หาอีเอ็มเอฟสมมูลของแบตเตอร่ีท่ีต่อแบบอนุกรมและแบบขนาน
2) หาความตา้ นทานภายในสมมลู ของแบตเตอร่ีท่ีต่อแบบอนกุ รม
3) หาความตา้ นทานภายในสมมลู ของแบตเตอรี่ที่ต่อแบบขนาน

3. วัสด-ุ อปุ กรณ์ 2 ชุด
1) แบตเตอร่ีขนาด 1.5 โวลต์ 1 ก้อนพร้อมกระบะ 1 ตัว
2) ตวั ตา้ นทาน 10 - 100Ω 8 เส้น
3) สายไฟพรอ้ มปากหนีบ 1 เครื่อง
4) โวลตม์ เิ ตอร์ 1 เคร่ือง
5) แอมมเิ ตอร์

4. วิธที ำกจิ กรรม
ตอนท่ี 1 อีเอ็มเอฟสมมลู ของแบตเตอร่ที ่ีตอ่ แบบอนุกรมและแบบขนาน

1) ใช้โวลตม์ เิ ตอร์วดั ความความต่างศักยร์ ะหว่างขัว้ แบตเตอร่ที อ่ี ยู่ในกระบะแตล่ ะก้อนดังรูป ก. ซ่ึงแสดงการต่ออุปกรณ์

ได้ดงั รปู ข. อา่ นและบนั ทกึ ค่าทีว่ ดั ได้ ค่าสองคา่ น้ีใช้แทนอีเอ็มเอฟของแบตเตอรีแ่ ต่ละกอ้ น ( 1 และ 2)
2) นำแบตเตอรมี่ าตอ่ แบบอนุกรม ใช้โวลตม์ ิเตอร์วัดความต่างศกั ยร์ ะหวา่ งข้วั ของชดุ แบตเตอรี่ ดังรปู ค. ซ่ึงแสดงการต่อ

อปุ กรณ์ไดด้ ังรูป ง. อ่านและบนั ทึกค่าทว่ี ัดได้ ค่าน้ีใชแ้ ทนอเี อม็ เอฟสมมลู ของการตอ่ แบบอนุกรม ( s)
3) เปลีย่ นการต่อแบตเตอรเี่ ป็นการตอ่ แบบขนาน ใช้โวลตม์ เิ ตอร์วัดความต่างศกั ยร์ ะหวา่ งขว้ั ของชดุ แบตเตอรี่ ดังรูป จ.

ซึ่งแสดงการตอ่ อุปกรณไ์ ดด้ งั รูป ฉ. อา่ นและบนั ทึกค่าทว่ี ดั ได้ ค่านี้ใช้แทนอเี อม็ เอฟสมมลู ของการตอ่ แบบขนาน ( p)

451

ผลการทำการทดลอง (ตอนที่ 1) อีเอม็ เอฟ
แบตเตอรี่
1 = 1.50
ก้อนท่ี 1 2 = 1.51
อเี อ็มเอฟสมมลู
ก้อนท่ี 2 s = 3.03
แบตเตอรี่ 2 กอ้ นทีต่ อ่ แบบ P = 1.50

อนกุ รม
ขนาน

คำถามทา้ ยการทดลอง (ตอนท่ี 1)
1) ในการตอ่ แบตเตอร่ีแบบอนกุ รม อีเอม็ เอฟสมมูลแตกตา่ งจากอีเอม็ เอฟของแบตเตอรแ่ี ตล่ ะก้อนหรือไม่ อยา่ งไร

ตอบ แตกต่างกนั การต่อแบตเตอร่ีแบบอนกุ รม อเี อม็ เอฟสมมูลเพ่มิ ขน้ึ และใกลเ้ คียง จนถือได้วา่ เท่ากับผลบวกอีเอ็มเอฟ

ของแบตเตอร่ีท่นี ำมาต่อกัน มกี าร

2) ในการตอ่ แบตเตอรี่แบบขนาน อเี อ็มเอฟสมมลู แตกต่างจากอีเอ็มเอฟของแบตเตอรแ่ี ต่ละกอ้ นหรอื ไม่ อย่างไร

ตอบ ไม่แตกต่างกัน การตอ่ แบตเตอรแ่ี บบขนาน อีเอ็มเอฟสมมลู เท่ากบั อีเอม็ เอฟของแบตเตอร่ีแต่ละกอ้ น อ

เขตนำ้ ลกึ และเขตนำ้ ตื้น ถ้า หนา้

3) กราฟระหว่างความต่างศักย์ระหวา่ งขัว้ แบตเตอร่ีกับกระแสไฟฟ้า มลี กั ษณะอยา่ งไร และสามารถอธิบายความสมั พันธ์
ระหวา่ งปรมิ าณทั้งสองไดอ้ ย่างไร
ตอบ กราฟมลี ักษณะเป็นกราฟเสน้ ตรงที่มีความชันเปน็ ลบ ซง่ึ อธิบายไดว้ า่ ความสมั พันธ์ระหวา่ งปรมิ าณทง้ั สองเป็น

ความสัมพันธเ์ ชิงเสน้ โดยความต่างศักยร์ ะหวา่ งข้วั แบตเตอร่ีลดลงเมือ่ กระแสไฟฟ้าเพ่ิมข้นึ ม

เขตนำ้ ลึกและเขตน้ำตื้น ถ้า หนา้

7. สรปุ ผลการทดลอง (ตอนท่ี 1)

จากการทำการทดลอง พบว่า การต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรมทำให้อีเอ็มเอฟสมมูลเพ่ิมมากขน้ึ โดยมีค่าเท่ากับ

ผลบวกอีเอ็มเอฟของแบตเตอรี่ที่นำมาต่อกัน ส่วนการต่อแบตเตอรี่แบบขนาน อีเอ็มเอฟสมมูลจะมีค่าเท่ากับอีเอ็มเอฟ

ของแบตเตอรแ่ี ตล่ ะกอ้ น ะ;

เขตนำ้ ลึกและเขตนำ้ ตนื้ ถ้า หนา้

เขตนำ้ ลกึ และเขตน้ำตื้น ถา้ หน้า

เขตนำ้ ลึกและเขตนำ้ ตนื้ ถ้า หนา้

452

วธิ ที ำกจิ รรม
ตอนที่ 2 ความตา้ นทานภายในสมมลู ของแบตเตอร่ที ตี่ ่อแบบอนุกรม

1) นำแบตเตอรี่พร้อมกระบะ 2 ชุด มาต่อแบบอนุกรมแล้วต่อกับตัวต้านทานและแอมมิเตอร์ ดงั รปู ก. ซงึ่ แสดงการต่อ
อุปกรณด์ ังรูป ข. วัดกระแสไฟฟ้าที่ผา่ นแบตเตอรีก่ ้อนท่ี 1 ( 1) อา่ นและบนั ทกึ ค่ากระแสไฟฟ้าท่ีวัดได้

2) เปลี่ยนตำแหน่งแอมมิเตอร์ไปต่อเข้ากับวงจรที่จุด a เพื่อวัดกระแสไฟฟ้าที่ผ่านแบตเตอรี่ก้อนท่ี 2 ( 2) จากน้ัน
เปล่ยี นไปทจ่ี ุด b เพ่อื วดั กระแสไฟฟ้าในวงจร ( ) อ่านและบนั ทึกค่ากระแสไฟฟา้ ที่วดั ได้แตล่ ะครัง้

3) นำแอมมเิ ตอร์ออก จากนนั้ ต่อโวลต์มิเตอรเ์ ข้าในวงจร เพ่ือวัดความต่างศกั ยร์ ะหว่างขั้วแบตเตอร่ีกอ้ นที่ 1 (∆ 1)
ดังรปู ค. ซง่ึ แสดงการตอ่ อปุ กรณ์ดังรปู ง. อา่ นและบันทกึ ค่าความตา่ งศกั ย์ทวี่ ัดได้

4) เปลย่ี นตำแหนง่ การวัดของโวลต์มิเตอร์ไปวดั ความต่างศกั ย์ระหว่างจดุ d กบั e ซง่ึ เป็นความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างขั้ว

แบตเตอรี่กอ้ นท่ี 2 (∆ 2) จากน้ัน เปลยี่ นไปวดั ความต่างศักย์ระหวา่ งจดุ c กบั e (∆ ce) อ่านและบนั ทึกค่าความ
ตา่ งศักยท์ วี่ ดั ไดแ้ ต่ละคร้งั
5) จากค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ท่ีวัดได้ รวมทั้งค่าอีเอม็ เอฟสมมูลของการตอ่ แบตเตอรี่ แบบอนกุ รมในกจิ กรรม

ตอนท่ี 1 คำนวณความต้านทานภายในของแบตเตอรแี่ ตล่ ะก้อน ( 1 และ 2) และความต้านทานภายในสมมูล ( )
ของแบตเตอรีท่ ่ีต่อแบบอนกุ รม บันทกึ ผล

ผลการทำการทดลอง (ตอนที่ 2)

แบตเตอรี่ กระแสไฟฟา้ (mA) ความต่างศกั ย์ (V) ความตา้ นทานภายใน (Ω)

แบตเตอร่ีกอ้ นท่ี 1 1 = 78.2 ∆ 1 = 1.39
2 = 76.7 ∆ 2 = 1.46 = ( − ∆ )
แบตเตอร่ีก้อนท่ี 2 ∆ = 2.83 1 = 1.41
แบตเตอร่ี 2 ก้อนที่ต่อ = 78.8 2 = 1.04

แบบอนุกรม = 2.54

453

คำถามทา้ ยการทดลอง (ตอนท่ี 2)

1) ในการตอ่ แบตเตอรแี่ บบอนกุ รม กระแสไฟฟ้า 1, 2 และ ต่างกนั หรือไม่ และผลรวมของ ∆ 1 และ ∆ 2
เท่ากับ หรือไม่ อย่างไร

ตอบ การต่อแบตเตอรแี่ บบอนกุ รม 1 = 2 = และผลรวมของ ∆ 1 กบั ∆ 2

ใกล้เคยี งจนถอื ไดว้ า่ เทา่ กบั มกี าร

2) ในการต่อแบตเตอร่แี บบอนกุ รม ผลรวมของ 1 และ 2 เทา่ กบั หรือไม่ อยา่ งไร อ
ตอบ การตอ่ แบตเตอร่แี บบอนุกรม ผลรวมของ 1 และ 2 ใกล้เคยี งจนถอื ไดว้ า่ เทา่ กับ

สรปุ ผลการทดลอง (ตอนที่ 2)

จากการทำการทดลอง พบว่า การต่อแบตเตอรี่แบบอนุกรม กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอร่ีที่ต่อแบบอนุกรมกัน

เท่ากับกระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นแบตเตอรี่แต่ละก้อน และความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ท่ีต่อแบบอนกุ รมกันมีค่าเท่ากับ

ผลบวกความต้านทานภายในของแบตเตอร่แี ตล่ ะก้อน ะ

เขตนำ้ ลกึ และเขตน้ำตน้ื ถา้ หน้า

เขตน้ำลึกและเขตนำ้ ตน้ื ถ้า หนา้

เขตนำ้ ลึกและเขตน้ำต้ืน ถา้ หนา้

เขตน้ำลกึ และเขตนำ้ ตน้ื ถ้า หน้า

เขตนำ้ ลกึ และเขตน้ำตื้น ถา้ หน้า

454

วธิ ที ำกจิ รรม
ตอนที่ 3 ความตา้ นทานภายในสมมลู ของแบตเตอรที่ ่ตี ่อแบบขนาน

1) นำแบตเตอร่ี 2 ชุด มาต่อแบบขนานแล้วตอ่ กับตัวต้านทานและแอมมิเตอร์ ดังรูป ก. ซึ่งแสดงการต่ออุปกรณ์ดังรูป
ข. วดั กระแสไฟฟา้ ที่ผา่ นแบตเตอร่กี ้อนที่ 1 ( 1) อ่านและบันทกึ ค่ากระแสไฟฟา้ ท่วี ัดได้

2) เปลี่ยนตำแหน่งแอมมิเตอร์ไปต่อเข้ากับวงจรที่จุด a เพื่อวัดกระแสไฟฟ้าที่ผ่านแบตเตอรี่ก้อนท่ี 2 ( 2) จากน้ัน
เปลยี่ นไปที่จดุ b เพอื่ วดั กระแสไฟฟ้าในวงจร ( ) อ่านและบนั ทึกค่ากระแสไฟฟ้าทีว่ ดั ไดแ้ ต่ละคร้งั

3) นำแอมมเิ ตอร์ออก จากน้ันตอ่ โวลต์มิเตอร์เข้าในวงจร เพอื่ วดั ความต่างศักยร์ ะหวา่ งข้วั แบตเตอรี่ก้อนท่ี 1 (∆ 1)
ดังรปู ค.ซึง่ แสดงการต่ออปุ กรณด์ งั รูป ง. อ่านและบันทึกค่าความต่างศักยท์ ่ีวัดได้

4) เปล่ยี นตำแหนง่ การวัดของโวลต์มเิ ตอร์ไปวดั ความต่างศักย์ระหว่างจุด c กบั d ซงึ่ เปน็ ความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งข้ัวแบตเตอรี่

กอ้ นท่ี 2 (∆ 2) จากน้นั เปล่ยี นไปวดั ความต่างศกั ยร์ ะหว่างจดุ e กบั f (∆ ef) อ่านและบนั ทกึ ค่าความต่างศักย์ทีว่ ดั
ได้แตล่ ะคร้ัง
5) จากค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ทว่ี ัดได้ รวมท้งั ค่าอีเอม็ เอฟสมมูลของการตอ่ แบตเตอรีแ่ บบขนานในกจิ กรรมตอน

ท่ี 1 คำนวณความต้านทานภายในสมมูลของแบตเตอร่แี บบขนาน ( ) บันทกึ ผล

ผลการทำการทดลอง (ตอนท่ี 3)

แบตเตอรี่ กระแสไฟฟ้า (mA) ความตา่ งศกั ย์ (V) ความต้านทานภายใน (Ω)

แบตเตอรี่กอ้ นท่ี 1
= ( − ∆ )
แบตเตอรี่ก้อนที่ 2
แบตเตอรี่ 2 ก้อนท่ีตอ่

แบบขนาน

455

คำถามท้ายการทดลอง (ตอนที่ 3)

1) ในการต่อแบตเตอรีแ่ บบขนาน ผลรวมของกระแสไฟฟา้ 1, 2 เทา่ กับ หรอื ไม่ และความตา่ งศกั ย์ ∆ 1 และ
∆ 2 เท่ากบั ต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร

ตอบ การต่อแบตเตอร่ีแบบขนาน ผลรวมของกระแสไฟฟา้ 1กบั 2 ใกลเ้ คยี งจนถือไดว้ า่ เทา่ กับ และ

ความต่างศกั ย์ ∆ 1 = ∆ 2 = การ

2) ในการตอ่ แบตเตอรี่แบบขนาน ผลรวมของส่วนกลับของ 1 กับสว่ นกลบั ของ 2 เทา่ กับส่วนกลบั ของ หรือไม่
อย่างไร

ตอบ การต่อแบตเตอร่ีแบบขนาน ผลรวมของสว่ นกลับของ 1 กบั ส่วนกลับของ 2 ใกลเ้ คียงจนถอื ได้

วา่ เทา่ กบั อ ท

สรปุ ผลการทดลอง (ตอนท่ี 3)

จากการทำการทดลอง พบว่า การต่อแบตเตอรี่แบบขนาน กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่ต่อขนานกันเท่ากับ

ผลบวกของกระแสไฟฟ้าท่ีผ่านแบตเตอร่ีแต่ละก้อน และ ความต่างศักย์ระหวา่ งขั้วแบตเตอร่ีที่ต่อขนานกนั เท่ากับความ

ต่างศักย์ระหว่างขัว้ ของแบตเตอรีแ่ ต่ละก้อน ส่วนกลับความต้านทานภายในของแบตเตอร่ีที่ต่อขนานกันเท่ากับผลบวก

ของส่วนกลับของความต้านทานภายในของแบตเตอร่แี ตล่ ะกอ้ น ม

เขตน้ำลึกและเขตน้ำตนื้ ถ้า หนา้

เขตนำ้ ลกึ และเขตน้ำตน้ื ถ้า หนา้

เขตน้ำลึกและเขตน้ำตืน้ ถ้า หน้า

เขตนำ้ ลึกและเขตน้ำตน้ื ถ้า หนา้

เขตน้ำลกึ และเขตนำ้ ตื้น ถา้ หนา้

เขตนำ้ ลึกและเขตน้ำต้นื ถ้า หนา้

เขตนำ้ ลึกและเขตน้ำตื้น ถา้ หนา้

เขตน้ำลึกและเขตนำ้ ตน้ื ถ้า หน้า


Click to View FlipBook Version