แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ 33102
ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 จำนวน 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน
จำนวน 1.0 หน่วยการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
การกำหนดการใชแ้ ผนจดั การเรียนรู้
รายการตรวจสอบและกล่นั กรองการใช้แผนจัดการเรียนรู้
ความคิดเหน็ ความคดิ เห็น
.................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................. ..................................................................................
ลงชื่อ................................................. ลงชอื่ .................................................
(นางองั คณา แก้วเมือง) (นางณัฐญิ า คาโส)
หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ฯ หวั หนา้ กลมุ่ งานวิชาการ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงช่อื .................................................
(นางผกา สามาร)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นพนมศึกษา
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพราะ
เปน็ เอกสารหลกั สตู ร ทใี่ ชใ้ นการบรหิ ารงานของครูผูส้ อนใหต้ รงตามนโยบายในการปฏริ ูปการศกึ ษา กำหนด
ไว้ในแผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงาน
วชิ าการถือว่า “แผนจดั การเรยี นร”ู้ เป็นเอกสารทางวิชาการท่ีสำคญั ที่สุดของครู เพราะในแผนจัดการเรียนรู้
ประกอบด้วย
๑. การกำหนดเวลาเรยี น กำหนดการสอน กำหนดการสอบ
๒. สาระสำคัญของเน้ือหาวชิ าท่ีเรียน
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๔. กจิ กรรมการเรยี นการสอน
๕. สื่อและอุปกรณ์
๖. การวัดผลประเมินผล
การจัดทำแผนการจัดการเรยี นรู้ ถือวา่ เปน็ การสร้างผลงานทางวิชาการ เปน็ ผลงานที่แสดงถึงความ
ชำนาญในการสอนของครู เพราะครูใชศ้ าสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เชน่ การออกแบบ การสอน การจดั การ
และการประเมนิ ผล ในการจัดทำแผนจดั การเรยี นรู้นั้นจะทำให้เกิดความม่ันใจในการสอนได้ตรงจุดประสงค์
การเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนในรายวิชาทีร่ ับผิดชอบสูงข้ึน ทั้งยังเป็นข้อมูลในการนเิ ทศ
ติดตามตรวจสอบและปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างมีระบบและครบวงจร ยังผลให้คุณภาพการศึกษา
โดยรวมพฒั นาไปอย่างมที ิศทางบรรลุเป้าหมายของหลกั สตู ร
นางจารุณี แซ่โงว้
ครูผู้สอน
สารบัญ หนา้
1
เรือ่ ง 2
กำหนดการใชแ้ ผน 3
คำนำ 4
วิเคราะห์หลักสตู ร 5
▪ คำอธิบายรายวชิ า
▪ ตารางวิเคราะหร์ ายวิชา
▪ โครงสรา้ งรายวิชา
วเิ คราะหผ์ เู้ รียน
▪ ตารางวเิ คราะห์ผู้เรยี นด้านผลสมั ฤทธ์ิ
▪ แบบวิเคราะห์ผู้เรยี นเป็นรายบุคคล/ความถนดั /ความสนใจ
การวัดผลประเมินผล
แผนการจดั การเรียนรู้
▪ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 Fashion
▪ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 2 Fashion
▪ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3 Fashion
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 Fashion
▪ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 Fashion
▪ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 Fashion
▪ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 7 Health and Welfare
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 Health and Welfare
▪ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 Health and Welfare
▪ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 10 Health and Welfare
▪ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 11 Health and Welfare
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 12 Health and Welfare
▪ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 Energy
▪ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 14 Energy
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15 Energy
▪ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 16 Energy
เรื่อง หนา้
▪ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 17 Energy
▪ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 18 Energy
▪ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 19 Review 3
▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 Review 3
▪ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 21 Review 3
▪ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 22 Wishful Thinking
▪ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 23 Wishful Thinking
▪ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 24 Wishful Thinking
▪ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 25 Wishful Thinking
▪ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 26 Wishful Thinking
▪ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 27 Weather
▪ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28 Weather
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 29 Weather
▪ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 30 Weather
▪ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 31 Weather
▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32 Figurative Language
▪ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 33 Figurative Language
▪ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 34 Figurative Language
▪ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 35 Figurative Language
▪ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 36 Figurative Language
▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37 Review 4
▪ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 38 Review 4
▪ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 39 Review 4
▪ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 40 Review 4
คำอธิบายรายวชิ า พ้ืนฐาน
รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหสั วิชา อ 33102 กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต
ฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ค าศัพท์ สำนวน ภาษา ประโยค และข้อความที่ใช้ในการขอ และให้
ข้อมูล แสดงความรู้สึก และแสดงความคิดเห็น ข้อมูล สารคดี และบันเทิงคดี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี และวถิ ีชีวิต
สามารถตีความ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ อภิปราย แสดงความคดิ เห็น เปรียบเทียบ นำเสนอ ขอ้ มูลชื่นชม
และเห็นคณุ คา่ ของภาษา สามารถนำภาษาไปใชใ้ นชวี ติ ประจ าวนั ในการศึกษาต่อและ การประกอบอาชพี
ตระหนักและเห็นคุณค่า ความสำคัญของภาษาอังกฤษ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มีความมั่นใจ ในการใช้ ภาษา
และกล้าแสดงออก อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา สามารถบูรณา การ
ประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจำวัน
รหัส ตัวช้วี ัด
ต. 1.1 ม. 6/4 ต. 1.2 ม. 6/4 ต. 1.2 ม. 6/5 ต. 1.3 ม. 6/3 ต. 2.1 ม. 6/3 ต. 2.1 ม 6/3 ต. 2.2 ม.
6/2 ต. 3.1 ม. 6/1 ต. 4.2 ม. 6/1 ต. 4.2 ม. 6/2
รวมทั้งหมด 10 ตัวช้ีวัด
โรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตารางวเิ คราะห์ผเู้ รียนดา้ นผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น
วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ นำไปออกแบบการเรียนรู้ ใหส้ อดคล้องกบั ความสามารถของนักเรยี น
2. เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลมุ่
สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ 33102 ภาคเรียนท่ี 2/2564
ชอื่ ผสู้ อน นางจารณุ ี แซ่โงว้
สรุปผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นพ้นื ฐานทใี่ ชใ้ นการเรียนวชิ านี้
ระดบั คณุ ภาพของ GPA ของกลุม่ จำนวนคน รอ้ ยละ
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
ต่ำกวา่ 2.00
ปรับปรุง 2.00 – 2.50
พอใช้ สงู กว่า 2.50
ดี
แนวทางการจัดกิจกรรม
ผลสัมฤทธิ์ ร้อยละ กิจกรรมแกไ้ ขหรือพัฒนาในแผนการ จำนวน เครื่องมอื /วิธีการ
ทางการ เดิม เปา้ หมาย เรียนรู้ ประเมนิ
เรยี น
ดี
ปรับปรุง
แบบวเิ คราะห์นกั เรียนเปน็ รายบุคคล
เกย่ี วกับความถนัด / ความสนใจ / ภาษาองั กฤษ
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ห้อง 1
เลขที่ ชื่อ – สกลุ ระดบั ความถนดั / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
1 นายจติ ต์วิสุทธ์ิ ขลบิ เอม
2 นายณัฐวุฒิ สมคลองศก
3 นายธรรมนูญ เดชมณี
4 นายอนวชั ชูชม
5 นางสาวกรี ณา แสงตาขนุ
6 นางสาวแก้วกัลยา บัวมณี
7 นางสาวจุฑาทพิ ย์ พฒั นช์ ู
8 นางสาวชุตกิ าญ เกษสวุ รรณ์
9 นางสาวฐิตมิ า มงกฏุ แกว้
10 นางสาวณัฐยา ร่มเมือง
11 นางสาวธัญวรตั ม์ ไชยชำนิ
12 นางสาวนันทวดี พลจร
13 นางสาวพทั ธนนั ท์ เกตแุ ก้ว
14 นางสาวภาวิณี ลิ้มวชิ ิต
15 นางสาวมณีรัตน์ ทรฤทธ์ิ
16 นางสาวลลติ ภัทร แก้วย้มิ
17 นางสาววราภรณ์ พทิ ักษ์
18 นางสาวศศธิ ร ชัยธรรม
19 นางสาวศิรยิ ากร ชูเชิด
20 นางสาวสภุ ทั รา กฎไทยสงค์
21 นางสาวอจั ฉรา ยอดชล
แบบวิเคราะหน์ ักเรียนเปน็ รายบคุ คล
เก่ยี วกับความถนัด / ความสนใจ / ภาษาอังกฤษ
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ห้อง 2
เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนดั / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
1 นายกิตพิ งศ์ ชสู วุ รรณ์
2 นายนันทกร เพชรทอง
3 นายภรู ิณัฐ ละม้าย
4 นายภูรณิ ัฐ สมบรู ณ์ดี
5 นายวรพงษ์ ทองสมั ฤทธ์ิ
6 นายศกั ดร์ิ ะพี ภิรมย์กอ้ ย
7 นายอนันดา มงั กรรตั น์
8 นางสาวกนกภทั ร พรหมคุ้ม
9 นางสาวจิรพรรณ ฤทธกิ ุล
10 นางสาวชาลิสา สาริพัฒน์
11 นางสาวดวงพร แสตมป์
12 นางสาวธิดารตั น์ ใฝจนั ทร์
13 นางสาวนฤมล ขุนกำแหง
14 นางสาวปิยวรรณ ปู่จนั ทร์
15 นางสาวปยิ วรรณ มะลทิ อง
16 นางสาวปยิ ะรัช ภรู วิ ัฒนกุล
17 นางสาวยมลภัทร นรารกั ษ์
18 นางสาวลออรัตน์ มีเพ็ญ
19 นางสาววสินี ทรพั ย์เรืองเนตร
20 นางสาวศศิธร พืชผล
21 นางสาวสนั ตฤ์ ทัย บุญญะ
22 นางสาวสภุ าวดี พริกทอง
23 นางสาวสุวนนั ท์ กจิ เจริญ
แบบวเิ คราะหน์ กั เรียนเป็นรายบุคคล
เกย่ี วกับความถนดั / ความสนใจ / ภาษาอังกฤษ
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ห้อง 3
เลขท่ี ชื่อ – สกลุ ระดับความถนดั / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
1 นายธรี พงศ์ ปานขาน
2 นายธรี ะศักด์ิ สวนโน
3 นายเพชรปัญญา พลสุวรรณ
4 นายภูธเนศ ชศู รี
5 นายวริทธิ์ วายกุ ลุ
6 นายวชั รากร วชิ ติ ชู
7 นายสิริกร ชพู นม
8 นายอภวิ ชิ ญ์ สวุ รรณคง
9 นายอาณตั ิ ชูฤกษ์
10 นางสาวกญั ญารัตน์ มากแก้ว
11 นางสาวจฑุ ารตั น์ ชุมชว่ ย
12 นางสาวจไุ รรัตน์ หลวงปลอด
13 นางสาวชุติพรรณ นำ้ แก้ว
14 นางสาวทพิ ย์รตั น์ เผอื กภูมิ
15 นางสาวธมลวรรณ แกว้ รตั นะ
16 นางสาวธมุ วดี ศรเี ทพ
17 นางสาวปรียานุช อักษรทพิ ย์
18 นางสาวปาริชาติ ชูสทิ ธิ์
19 นางสาวรัตน์ชุดา แซ่เลย้ี ว
20 นางสาวลลิตา ภาระกลุ
21 นางสาววรนุช เพชรแกว้
22 นางสาวศรุตยา สีห์รา
23 นางสาวสุดารตั น์ ผวิ แกว้ ดี
24 นางสาวสภุ าวดี บญุ พัฒน์
25 นางสาวอริสดา สวุ รรณคช
26 นางสาวอฤทัย ชูศรี
เลขที่ ช่อื – สกลุ ระดับความถนดั / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
27 นางสาวอาทิตติยา คำเกดิ
28 นางสาวอาธติ ยา อินคง
แบบวเิ คราะห์นกั เรียนเปน็ รายบุคคล
เกีย่ วกบั ความถนดั / ความสนใจ / ภาษาอังกฤษ
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 หอ้ ง 4
เลขท่ี ชื่อ – สกุล ระดบั ความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
1 นายจริ ายสุ โกมาลย์
2 นายเจษฎา ขนั สมาน
3 นายชยั ณรงค์ รักกะเปา
4 นายภทั รพงศ์ ศรนี ิล
5 นายภูวรินทร์ น้ำรอบ
6 นายสิทธิชยั พลภักดี
7 นายสทุ ธพิ งศ์ ใยปางแกว้
8 นายสวุ รรณรัฐ แสงสขุ
9 นายอรรถวุฒิ รอดเจริญ
10 นางสาวจนั ทิมา แต่งนวล
11 นางสาวจฑุ ามาศ คงไล่
12 นางสาวจุฑามาศ ชศู รี
13 นางสาวจุฑารตั น์ จิตรธรรม
14 นางสาวชลธชิ า ทองมุสิทธิ์
15 นางสาวชาลิสา คารว์
16 นางสาวชุตินันท์ เพชรรตั น์
17 นางสาวฐาปณี ทองคำ
18 นางสาวณฐั รดา เขียวศรี
19 นางสาวธญั ชนก พลภักดี
20 นางสาวธญั วรรณ รักดี
21 นางสาวนุสราพร อนิ ทรบุตร
22 นางสาวปณิตตา สว่างใจ
23 นางสาวปริฉตั ร อนิ ทร์เน่อื ง
24 นางสาวเยาวลกั ษณ์ เดชมณี
25 นางสาวรตริ ส เรอื นดี
26 นางสาวรวงขา้ ว นดิ นาค
เลขท่ี ชอ่ื – สกุล ระดบั ความถนดั / ความสนใจ หมายเหตุ
3210
27 นางสาวรัตนภรณ์ แสงแก้ว
28 นางสาวสกุ ญั ญา แสงศรี
29 นางสาวสนุ ษิ า นาคพงั กาญจน์
30 นางสาวอาทิตยา จรูญรกั ษ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6
รายวิชา ภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ 33102
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 In Style จำนวน 6 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 Fashion จำนวน 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/2 อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสน้ั
(skit) ถกู ตอ้ ง ตามหลักการอ่าน
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็น
จากการฟงั และ อา่ นเร่ืองที่เป็นสารคดี และบันเทงิ คดี พร้อมทงั้ ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพเหตุผล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว
ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว/ เหตุการณ์ ประเดน็ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอย่างต่อเน่ือง
และเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการ
พดู และการเขยี น
ตัวช้วี ดั ท่ี ม.4-6/1 พูดและเขยี นนำเสนอขอ้ มูลเก่ียวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เรื่อง
และประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 ใช้ภาษาสื่อสาร ในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลอง ที่เกิดขึ้นในหอ้ งเรยี น
สถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม
2. สาระสำคัญ
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นกั เรียนจะไดพ้ ูดแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ตา่ ง ๆ ทีป่ ระทบั บนเส้ือยืด นอกจากนีย้ ังได้เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดงั กล่าว รวมทั้งหน้าท่ีภาษา
โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณท์ ี่เปน็ พนื้ ฐานของกิจกรรมฟงั พูด อ่าน เขยี นในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้
3.1.1 นกั เรยี นเขา้ ใจว่าการฝึกใชค้ ำศพั ท์ สำนวนเก่ยี วกบั เสอ้ื ผ้า เครอ่ื งแตง่ กาย ฯลฯ จะทำให้
นกั เรยี นสนทนา อา่ น และเขียนได้ดยี งิ่ ข้นึ
3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
3.2.1 พดู นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง/ประสบการณ์ ตามความสนใจ
3.2.2 สนทนาโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ ัวในสถานการณจ์ ำลองที่เกิดขน้ึ ใน
ห้องเรียน
3.2.3 อ่านออกเสยี งข้อความถูกตอ้ งตามหลักการอา่ น
3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลกั ษณะอันพึงประสงค/์ คุณธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
3.3.1 ใฝ่เรยี นรู้ : คน้ ควา้ หาความรู้จากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ
3.3.2 นักเรียนมคี วามรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา
4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู้
- คำศัพท์
กจิ กรรม New Language
- the universal look (n.): appearance of all people (การแต่งกายทเ่ี ป็นสากล)
- straw (n.): cut stalks of dried grain plants (ฟาง)
- fabric (n.): material, especially woven material (ผ้า, ส่ิงทอ)
- fashion statement (n.): clothes worn to show your style (เสื้อผา้ สมัยนยิ ม)
- sporting (adj.): wearing, in this context (ที่สวมใส่)
- bolt (n.): a screw holding two pieces of metal together (สลัก, ทย่ี ึด, ที่
เกี่ยว)
- rural (adj.): in the country (ในชนบท)
- urban (adj.): of or in a town (ในเมือง)
- affordable (adj.): not very expensive (ไมแ่ พงมาก, สามารถซือ้ หาได้)
- สำนวนภาษา
-
- หนา้ ทีภ่ าษา
- To talk about fashion
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- Present Perfect Simple
- Present Perfect Progressive
6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
กิจกรรม New Language
1. นำเข้าสบู่ ทเรยี น
- ครแู สดงรปู ภาพเกย่ี วกับแฟชั่นการแต่งกายแบบตา่ ง ๆ เช่น การแต่งกายของวัยร่นุ การแต่งกายไป
ทำงาน การแต่งกายไปงานเลีย้ ง และชักชวนนักเรยี นพดู คยุ โดยอาจใชแ้ นวคำถามดงั นี้
- What is this? / What are these? (a dress, a T- shirt, trousers, etc.)
- Who would wear them? (teens, office workers, etc.)
- Where would they wear them? (for parties, for weddings)
- What kinds of clothes do you/people wear for …..?
2. แจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้
- ครูบอกนักเรียนว่าในหนว่ ยการเรียนรนู้ ีน้ ักเรยี นจะได้อา่ นขอ้ ความสั้น ๆ เกย่ี วกับเสอ้ื ผา้ และเคร่ืองแต่ง
กาย นกั เรยี นจะไดฝ้ ึกอา่ นออกเสียงขอ้ ความ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เสือ้ ผา้ และเคร่ืองแตง่
กาย และสรุปข้อมูลรายงานในชั้นเรียน
3. อ่านข้อความ
- ครใู หน้ กั เรียนเปดิ หนังสือเรยี น หนา้ 50 กจิ กรรม New Language ใหน้ กั เรียนดูภาพและถามนักเรยี น
เกยี่ วกบั เสื้อผา้ ทบ่ี ุคคลในภาพสวมใส่ และเขยี นคำศพั ท์บนกระดานเพ่อื เปน็ การนำเสนอคำศพั ทใ์ หม่กรณีท่ี
นกั เรยี นไม่ทราบ โดยอาจใช้แนวคำถามดงั น้ี
- What items of clothing are they wearing? (baseball cap, T-shirt, jeans, tennis shoes)
- ครใู หค้ วามรูเ้ พ่ิมเติมเกีย่ วกับ Baseball caps
CULTURE CORNER
- Baseball caps เป็นสิ่งทีพ่ ลเมืองในประเทศสหรฐั อเมริกาใชส้ วมใส่กันอยา่ งแพรห่ ลายในคนหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ผู้
กำกับภาพยนตร์ เช่น สไปค ลี (Spike Lee) และสตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) จนถึงคนงานใน
โรงงาน (blue-collar worker) เช่น คนขบั รถบรรทุก และแฟน ๆ ของกฬี าเบสบอล
- ครูให้นักเรยี นอ่านข้อความในกจิ กรรม New Language ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 50 แล้วใหน้ ักเรยี น
ช่วยกันตอบคำถามใน Worksheet 1
Worksheet 1
Directions: Read the passages on page 50 and fill in the table.
Item of clothing Who wore it at first? When and where do you wear it?
Baseball cap New York team - in general walking
- walk in the sunshine
- walk in the rain
- show a fashion statement
T-shirt
Jeans
Tennis shoes
เฉลยคำตอบ
Directions: Read the passages on page 50 and fill in the table.
Item of clothing Who wore it at first? When and where do you wear it?
Baseball cap New York team - in general walking
- walk in the sunshine
- walk in the rain
- show a fashion statement
T-shirt It isn’t mentioned. - for sporting
Jeans It isn’t mentioned. - from rural farmers to urban
executions
Tennis shoes Athletes - hiking, going to the gym, or even to
walk to the office
4. ประเมนิ การอา่ น
- ให้นักเรยี นจับคเู่ ปรยี บเทยี บคำตอบ ครสู ่มุ ถามนักเรยี นบางคนและชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ
- ครูประเมนิ ความเข้าใจขอ้ ความทอ่ี า่ นจากจำนวนคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งโดยใช้เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60
5. พัฒนาคำศพั ท์
- ครูเปิดซดี บี นั ทึกเสยี ง CD 2 Track 2 กจิ กรรม New Language ใหน้ กั เรยี นออกเสียงตาม และขดี เส้น
ใต้คำศพั ท์ทนี่ ักเรียนไม่ทราบความหมาย
- ครูสมุ่ นักเรียนบางคนออกมาเขียนคำศพั ท์ทไี่ มท่ ราบบนกระดาน
- ให้นกั เรยี นชว่ ยกันเดาความหมายจากคำท่เี พือ่ นเขยี นจากบรบิ ท ถ้านักเรยี นไม่ทราบครูอธิบายเพิม่ เตมิ
6. พดู อภปิ ราย
- ครูให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน อภปิ รายพูดคยุ ในหัวข้อ “What clothes are in style?” ใหแ้ ต่
ละกล่มุ นำเสนอ และให้กลุ่มอนื่ แสดงความคดิ เห็นว่าเหน็ ด้วยหรือไม่ อย่างไร
- ครูใหน้ กั เรยี นกล่มุ เดิมอภิปรายพดู คยุ และสรปุ บรรยายหัวขอ้ “Our Favorite Outfits”
- ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ สรุปและนำเสนอขอ้ มลู รายงานหน้าชน้ั เรยี น และแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็
- ครูประเมนิ การพูดนำเสนอข้อมูลโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพดู และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้
7. เลน่ เกม
- ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 10 คน เขียนชอ่ื เส้ือผ้าและเครือ่ งแตง่ กายให้มากท่ีสดุ เท่าท่ีจะมากได้ภายใน
เวลา 5 นาที กลุม่ ใดเขยี นได้ถูกต้อง และไดจ้ ำนวนมากท่ีสุดจะเปน็ ฝ่ายชนะ
กจิ กรรม Practice
1. พดู บทสนทนาเกี่ยวกับช่วงเวลาหรอื เวลาเริ่มต้นของการมีและการใส่เส้อื ผา้
- ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในบทเรยี นนี้และบทเรยี นตอ่ ไปเราจะฝึกการใช้ Present Perfect และ Present
Perfect Progressive พรอ้ มท้ังเขยี นรูปของกรยิ าใน tense ดงั กลา่ วใหน้ กั เรยี นดูบนกระดานดำดงั น้ี
- Present Perfect = have/has + Past Participle
- Present Perfect Progressive = have/has + been + Present Participle
- ครกู ำหนดคำกริยา เช่น live, sit, sleep, study, etc. ให้นักเรยี นช่วยกนั ผันให้อย่ใู นรูปของ tense
ดงั กล่าว
- ครเู ปิดซีดบี ันทึกเสียง CD 2 Track 3 ให้นักเรยี นฟังบทสนทนาและอา่ นออกเสยี งบทสนทนาในกิจกรรม
Practice ในหนังสือเรียน หน้า 50
- ให้นักเรยี นจบั ค่พู ดู บทสนทนาโดยสลบั กนั เปน็ A และ B ครเู ดินสงั เกตเพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ นักเรยี นสามารถ
พูดได้อยา่ งถูกตอ้ ง
- ครูใหน้ กั เรียนจบั คเู่ ขยี นบทสนทนาของตนเองตามแนวบทสนทนาในกิจกรรม Practice ในหนงั สอื
เรียน หน้า 50 โดยใหน้ กั เรยี นเปล่ยี นคำนามทเ่ี ป็นเส้ือผา้ เอง หรือครูอาจกำหนดประโยคคำถามใหด้ ังตัวอย่าง
- How long have you been wearing those old jeans?
- Have you always had short hair?
- Have you been buying clothes online for a long time?
etc.
- ครูสุ่มนกั เรยี นบางค่พู ดู บทสนทนาใหเ้ พ่อื นฟัง
- ครปู ระเมินการพดู สนทนาโดยใชแ้ บบประเมนิ การสนทนากจิ กรรมคู่ และใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดับพอใช้
กิจกรรม Pronunciation
1. การออกเสียง th /θ/ ใน thing และ th /ð/ ใน the
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Pronunciation ในหนงั สือเรียน หน้า 51 ครูเปดิ ซดี บี นั ทึกเสียง CD 2 Track
5 แล้วให้นักเรียนชีค้ ำทไี่ ดย้ ินและออกเสียงตาม
- ให้นกั เรียนฟงั ซีดีบนั ทึกเสยี งอีกครงั้ และพดู ออกเสยี งตาม ครูเดนิ สังเกตเพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ นักเรยี นสามารถ
ออกเสยี งได้อย่างถกู ตอ้ ง
- ครูและนกั เรียนชว่ ยกันสรุปวา่ ทัง้ สองเสยี งคือ th /θ/ ใน thing และ th /ð/ ใน the ออกเสยี งด้วยการ
ใช้ปลายล้ินแตะทก่ี กฟนั บนและมีลมออกมา แต่เสียง th /θ/ใน thing เป็นเสียงไม่ส่นั (voiceless) สว่ น
เสียง th /ð/ ใน the เป็นเสียงส่นั (voiced – vocal cords vibrating)
- ครใู หน้ กั เรยี นจับคู่อ่านออกเสยี งประโยค ครเู ดนิ สังเกตเพือ่ ให้แน่ใจว่านักเรียนสามารถออกเสียงไดอ้ ยา่ ง
ถกู ต้อง
- ครใู หน้ กั เรียนจับคชู่ ่วยกันเขียนประโยคทม่ี ีคำทอี่ อกเสียง th และใหน้ ักเรียนอา่ นออกเสียงประโยค เชน่
- I think there are three things in your bag.
- They think the thin boy is a thief.
- They thank me after I finish teaching them on Thursday.
- ครปู ระเมินการอา่ นออกเสยี งโดยใชแ้ บบประเมนิ การอ่านออกเสยี ง และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้
กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา
- ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ทำสมุดภาพคำศัพท์เกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายพร้อม
ภาพประกอบ ท้งั นี้อาจจะแยกหวั ข้อย่อยตามอายขุ องผ้สู วมใส่ หรอื โอกาสทส่ี วมใส่กไ็ ด้
7. สอ่ื การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน New World 6 หนา้ 50
2. ซีดบี ันทกึ เสียง
3. เคร่ืองเลน่ ซีดี
4. Worksheet 1
5. สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์
- http://en.wikipedia.org/wiki/Baseball_Cap
8. แหลง่ เรยี นรู้ -
9. การวดั และการประเมนิ ผล
มาตรฐานการเรยี นรู้ สง่ิ ทตี่ อ้ งรูแ้ ละปฏบิ ัตไิ ด้ ผลงาน/ชนิ้ งาน การวดั ผลและประเมินผล
และตัวช้วี ัด
ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ คำตอบที่ถูกต้องจากการ ประเมินความเข้าใจ
จากขอ้ ความทอ่ี ่าน อ่านข้อความในกิจกรรม ข้อ คว ามที่อ ่าน จ า ก
New Language จำนวนคำตอบที่ถูกต้อง
(Worksheet 1) โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ
60
ต 1.3 ม.4-6/1 พูดนำเสนอขอ้ มลู ถ้อยคำพูดนำเสนอข้อมลู ประเมินการพูดนำเสนอ
เก่ียวกบั ตนเอง/ ที่น่าสนใจของสมาชิกใน ข้อมูลโดยใช้เกณฑ์การ
ประสบการณ์ กลุ่ม เกี่ยวกับเสื้อผ้าใน ประเมินการพูด และใช้
ตามความสนใจ สมัยนิยมและเสื้อผ้าที่ เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้
ชอบใส่
ต 1.2 ม.4-6/1, สนทนาโต้ตอบข้อมูล ถ ้ อ ย ค ำ พ ู ด ส น ท น า ประเมินการพูดสนทนา
ต 4.1 ม.4-6/1 เกี่ยวกับตนเองและเรื่อง เกี่ยวกับช่วงเวลาหรือ โดยใช้แบบประเมินการ
ต ่ า ง ๆ ใ ก ล ้ ต ั ว ใ น จุดเริ่มต้นที่มีหรือสวมใส่ สนทนากจิ กรรมคู่ และใช้
สถานการณ์จำลองที่ เส้อื ผา้ เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้
เกิดขึ้นในหอ้ งเรียน
10. การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่อื นไข 4 มติ )ิ
- การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 ห่วง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2
เงือ่ นไข
พอประมาณ เงือ่ นไขความรู้
มเี หตผุ ล เงอ่ื นไขคุณธรรม
มีภมู ิคุม้ กันในตัวทีด่ ี
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ
มติ ิเศรษฐกจิ มิติสงั คม มิติสิง่ แวดลอ้ ม มติ วิ ัฒนธรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
รายวิชา ภาษาองั กฤษ รหสั วิชา อ 33102
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 In Style จำนวน 6 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 2 Fashion จำนวน 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/2 อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสน้ั
(skit) ถกู ตอ้ ง ตามหลกั การอ่าน
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็น
จากการฟังและ อ่านเรือ่ งทเี่ ป็นสารคดี และบันเทงิ คดี พร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่าง ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพเหตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดง
ความคิดเหน็ เกี่ยวกับเร่ือง/ประเดน็ /ขา่ ว/ เหตุการณท์ ่ีฟังและอ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ชีว้ ัดท่ี ม.4-6/1 ลอื กใชภ้ าษา น้ าเสียง และกิรยิ าทา่ ทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และ
สถานท่ี ตาม มารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2. สาระสำคัญ
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศึกษาคน้ คว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรยี นจะไดพ้ ดู แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ต่าง ๆ ท่ปี ระทบั บนเสื้อยืด นอกจากนีย้ ังได้เรียนรู้คำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับเหตุการณ์ดงั กล่าว รวมท้ังหน้าท่ีภาษา
โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณท์ ่ีเป็นพ้นื ฐานของกิจกรรมฟัง พูด อ่าน เขียนในหน่วยการเรียนรนู้ ี้
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้
3.1.1 นักเรียนเข้าใจวา่ การฝึกใชค้ ำศัพท์ สำนวนเกย่ี วกับเส้อื ผ้า เครือ่ งแต่งกาย ฯลฯ จะทำให้
นักเรยี นสนทนา อา่ น และเขียนไดด้ ยี ิ่งขึน้
3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
3.2.1 ออกเสยี งบทสนทนาถูกต้องตามหลักการอ่านและเลอื กใช้ภาษา น้ำเสียงและกิรยิ าท่าทางเหมาะ
กบั ระดบั ของบคุ คล โอกาสและสถานท่ีตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
3.2.2 พูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับเรื่องทฟ่ี งั
3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์/คุณธรรมจรยิ ธรรมท่ีสอดแทรก
3.3.1 ใฝเ่ รียนรู้ : คน้ คว้าหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรูต้ ่าง ๆ
3.3.2 นักเรยี นมคี วามรับผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา
4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู้
- คำศัพท์
กจิ กรรม Conversation
- fashion designer (n.): a person who designs clothing (นกั ออกแบบเสอ้ื ผ้า)
- agro business (n.): farming business (ธุรกิจเกย่ี วกับการเพาะปลูก)
- transition (n.): the process of changing from one situation, form, or state
to another (การเปลีย่ นแปลง)
- talent (n.): a natural skill (ความสามารถพเิ ศษ)
- switch (v.): to change (เปลี่ยน)
- traditional clothing styles (n.): style of clothing that a group of people have
traditionally worn (such as in the past) (เส้ือผ้าตามประเพณี
นยิ ม)
กิจกรรม Listening
- conservative* (adj.): modest / not showing a lot of skin (ท่สี ภุ าพ, เรยี บรอ้ ย)
- blunders* (n.): a foolish and careless mistake (ความสะเพรา่ , ความผิดพลาด)
- tip* (n.): a suggestion (ข้อแนะนำ)
- jangles* (v.): to give out metallic noise (ส่งเสียงดังกร๊งิ )
- bracelet* (n.): a band / chain worn on armor wrist as an ornament (กำไล,
สร้อยขอ้ มือ, สร้อยขอ้ เท้า)
- hemlines* (n.): a border or edge of cloth (ชายเส้อื , ชายกระโปรง)
- inconspicuous* (adj.): not easily noticed (ซ่งึ ไม่สะดดุ ตา)
Note: * see in audioscript
- สำนวนภาษา
กิจกรรม Conversation
- I believe (that) ใชพ้ ูดแสดงความคิดเหน็ อาจเป็นการคาดการณ์ไวก้ อ่ น มีความหมายวา่ ฉนั คิดวา่ ...
- I take it (that) มีความหมายเหมือน I assume (that) หมายถงึ ฉันสันนษิ ฐานวา่ ... ซึ่งเป็นการลง
ความเห็นไว้กอ่ นหรือเป็นการคาดคะเนไว้ล่วงหน้า
- หน้าท่ภี าษา
- To talk about fashion
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- Past Simple Tense
- Past Continuous Tense
- Present Perfect Tense
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรม Conversation
1. นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
- ครูให้นกั เรียนดูรูปภาพกจิ กรรม Conversation ในหนงั สือเรยี น หนา้ 51 ครูชกั ชวนนักเรยี นพูดคยุ
เกี่ยวกบั ภาพดงั นี้
- What are the woman looking at? (a fashion book / a fashion picture / a fashion
magazine)
- What is her occupation?
2. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้
- ครูบอกนักเรยี นว่าบคุ คลในรูปภาพกิจกรรม Conversation คือ นักออกแบบเครอ่ื งแตง่ กาย (a fashion
designer) กำลงั ถกู สมั ภาษณโ์ ดยผู้สื่อข่าวนติ ยสาร (a magazine reporter) ในหน่วยการเรียนรูน้ ี้นกั เรยี นจะได้
ฝึกการออกเสยี งบทสนทนา ฟงั บคุ คลสองคนคุยกนั นักเรยี นจะตอ้ งอ่านออกเสยี งใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน
และสามารถตอบคำถามเก่ยี วกบั บทสนทนาได้
3. นำเสนอ/ทบทวนคำศพั ท์
- ครูชกั ชวนนกั เรยี นพูดคยุ เกีย่ วกบั a fashion designer ครูใชค้ ำถามนำและทบทวน นำเสนอคำศัพท์ใน
บทสนทนาโดยใชแ้ นวคำถามดังน้ี
- What does a fashion designer do? (designs clothing / creates style of clothing)
- What allows a fashion designer to make good work? (talent/gift/study/major in)
- What do we call a fashion designer’s work? (collection)
- What is another word for change? (switch, transition)
4. อ่านบทสนทนา
- ครูเปดิ ซีดีบนั ทกึ เสยี ง CD 2 Track 4 กิจกรรม Conversation ใหน้ ักเรียนฟงั โดยปดิ หนงั สือเรยี น แล้ว
ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ฟงั และบอกว่าบทสนทนาเกีย่ วกบั เรอ่ื งอะไร
- ใหน้ กั เรียนเปิดหนังสือเรยี น หน้า 51 และใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั อ่านบทสนทนาเพอื่ หาคำตอบในกจิ กรรม
About the Conversation ในหนงั สอื เรยี น หน้า 51
- ครูและนักเรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบ ครูอธบิ ายเพิ่มเติมในกรณีทีน่ กั เรียนยังตอบไมถ่ ูกต้อง
5. อ่านออกเสียง
- ครูเปิดซดี บี นั ทึกเสยี ง CD 2 Track 4 ใหน้ กั เรียนฟงั หยุดซีดบี นั ทกึ เสียงเม่อื จบคำพดู ของบคุ คลเพื่อให้
นักเรียนพูดออกเสยี งตาม
- ครูให้นักเรียนจับคู่กนั ฝกึ อ่านบทสนทนาในหนังสอื เรยี น หนา้ 51 ครูอาจสุ่มนกั เรียนบางคอู่ ่านในชั้น
เรยี น
6. พัฒนา Conversation Strategy
- ครใู ห้นกั เรยี นดูกิจกรรม Conversation Strategy ในหนังสอื เรยี น หนา้ 51 พร้อมให้นกั เรยี นอา่ นคำใน
แถบสฟี ้า ให้นกั เรียนช่วยกนั ดปู ระโยคก่อนหนา้ และข้อความตอ่ จากคำพูดเหลา่ น้ี ถามนกั เรียนวา่ คำพดู เหลา่ น้ี
ใชเ้ พอื่ อะไร ใชเ้ มอื่ ไร แลว้ ครูสรปุ ใหน้ ักเรียนฟงั ว่าสำนวนท้ังสองสำคญั เพราะเป็นการส่ือสารใหผ้ ้ฟู งั ร้วู ่าเรา
สนใจคูส่ นทนาและพยายามทำความเข้าใจในสิง่ ท่ีคู่สนทนาพูด
- ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันเดาความหมายคำศัพท์และสำนวนอ่ืน ๆ จากบริบทเพม่ิ เติม เช่น agro business,
talent, etc. (ดขู ้อมูลด้านคำศัพท์)
7. แสดงบทบาทสมมติ
- ครูให้นักเรยี นจับคูพ่ ูดแสดงบทบาทสมมตโิ ดยใช้บทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 51
- ครูประเมนิ การแสดงบทบาทสมมติโดยใชแ้ บบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ และใช้เกณฑผ์ ่านระดับ
พอใช้
กจิ กรรม Listening
1. นำเข้าสบู่ ทเรียน
- ครชู ักชวนนกั เรียนพดู คุยถงึ การแตง่ ตวั เพอ่ื เข้ารับการสัมภาษณ์เขา้ ทำงานโดยใช้แนวคำถามดังนี้
- Have you ever been interviewed?
- How did you prepare for it?
2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- ครูบอกนกั เรยี นว่าในหน่วยการเรยี นรนู้ ีน้ ักเรยี นจะไดฟ้ ังบุคคลให้คำแนะนำเกี่ยวกบั การแต่งกายเพือ่ เข้ารับ
การสมั ภาษณเ์ ขา้ ทำงาน หลังจากฟงั แลว้ นักเรยี นจะไดฝ้ ึกสรปุ ใจความโดยการเตมิ ข้อความในแผนผงั ใน
กิจกรรม Listening และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองท่ีฟัง
3. กิจกรรมกอ่ นฟงั
- ใหน้ ักเรยี นสมมติตัวเองว่าจะไปเข้ารับการสมั ภาษณ์เพอ่ื สมัครเขา้ ทำงาน นักเรียนจะมปี ระเดน็ การแต่ง
กายอะไรบา้ งที่ควรให้ความสำคัญทงั้ ของชายและหญงิ โดยให้นักเรยี นชว่ ยกนั เขยี นเตมิ บนกระดานดงั น้ี
Women - Wearing to an interview - nails
- Jewelry
- ………………
- ………………
- ………………
- ………………
- ………………
Men - Wearing to an interview - hair
- ………………
- ………………
- ………………
- ………………
- ครชู ักชวนนกั เรียนพูดคยุ เกยี่ วการแตง่ ตัวในแตล่ ะประเดน็ วา่ ควรจะเป็นอย่างไร หรอื อะไรควร
หลีกเล่ียง ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันหาคำศพั ท์ภาษาองั กฤษให้ตรงกับทนี่ ักเรยี นบอกและเขยี นบนกระดานเชน่
Shoes - What kind of shoes should we wear? - What kind should we avoid?
- conservative - extremely high heels
- low – heels
- high – heels
etc.
4. ฟังบทสนทนา
- ให้นักเรียนดูคำสัง่ และแผนผังในกจิ กรรม Listening ในหนังสือเรยี น หนา้ 51
- ครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ และครเู ปิดซดี ีบันทกึ เสยี ง CD 2 Track 6 กิจกรรม Listening ให้นกั เรียนฟงั 2 รอบ
และเตมิ ข้อมลู ในแผนผงั ในกจิ กรรม Listening
- สุ่มถามข้อมูลทน่ี ักเรียนเติมในแผนผัง
- ครูเปดิ ซดี ีบนั ทึกเสียงใหน้ ักเรยี นฟงั อีกคร้งั เพ่ือให้นกั เรยี นแนใ่ จในคำตอบ
5. ประเมนิ การฟงั
- ครูประเมนิ การฟงั เพ่ือจับใจความสำคัญจากจำนวนคำตอบท่ถี กู ต้องในการเติมข้อมลู ลงในแผนผงั ในการ
ทำกิจกรรม Listening ในหนังสอื เรียน หนา้ 51 โดยใช้เกณฑก์ ารผา่ นรอ้ ยละ 60
6. แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั เรื่องที่ฟัง
- ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นวา่ เหน็ ด้วยหรือไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั ข้อแนะนำ
ในบทฟงั เพราะเหตใุ ด โดยใหป้ ระเด็นคำถามดังน้ี
- What tip do you agree with? Why?
- What tip do you disagree with? Why?
- ให้ตวั แทนกล่มุ นำเสนอขอ้ สรปุ ความคิดเห็นในชัน้ เรยี น และสรปุ วา่ ข้อใดทีม่ ีความคดิ เห็นเหมอื นกันมาก
ท่สี ุด
- ครปู ระเมนิ การพูดแสดงความคิดเห็นโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพดู และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้
กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา
7. สอ่ื การเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี น New World 6 หน้า 51
2. ซีดบี ันทึกเสยี ง
3. เคร่อื งเล่นซีดี
8. แหล่งเรียนรู้ -
9. การวดั และการประเมนิ ผล
มาตรฐานการเรียนรู้ สิ่งทต่ี อ้ งรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวัดผลและประเมินผล
และตวั ชี้วดั
ต 1.1 ม.4-6/2, ออกเสียงบทสนทนา การออกเสียงและ ประเมินการแสดง
ต 2.1 ม.4-6/1 ถูกต้องตามหลักการอ่าน แสดงบทบาทสมมติตาม บทบาทสมมติโดยใช้แบบ
และเลือกใช้ภาษา บทสนทนาในกิจกรรม ป ร ะ เ ม ิ น ก า รแสดง
น้ำเสียงและกิริยาท่าทาง Conversation บทบาทสมมติ และใช้
เหมาะกับระดับของ เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้
บุคคล โอกาสและ
สถานที่ตามมารยาท
สังคมและวัฒนธรรมของ
เจ้าของภาษา
ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ คำตอ บจาก ก าร ร ะบุ ปร ะ เมิน ก าร ฟ ัง จาก
สรปุ ความจากการฟงั ข้อแนะนำเกี่ยวกับการ จำนวนคำตอบที่ถูกต้อง
แต่งกายเพื่อเข้ารับการ โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ
สัมภาษณ์ตามประเด็นใน 60
แผนผังกิจกรรม
Listening
ต 1.2 ม.4-6/4 พูดแสดงความคิดเห็น ถ้อยคำพูดแสดงความ ประเมินการพูดแสดง
เกี่ยวกบั เรือ่ งทฟี่ งั ค ิ ด เ ห ็ น เ ก ี ่ ย ว กั บ คว ามคิดเห็น โ ดยใช้
ข้อแนะนำเกี่ยวกับการ เกณฑ์การประเมินการ
แต่งกายเพื่อเข้ารับการ พูด และใช้เกณฑ์ผ่าน
สัมภาษณ์จากข้อสรุป ระดบั พอใช้
ของกลุ่มที่รายงานใน
ห้องเรยี น
10. การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือนไข 4 มิต)ิ
- การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3 หว่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2
เงอ่ื นไข
พอประมาณ เงือ่ นไขความรู้
มีเหตผุ ล เง่ือนไขคณุ ธรรม
มีภมู ิคมุ้ กันในตัวทด่ี ี
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มติ ิ
มิติเศรษฐกจิ มติ สิ งั คม มติ ิส่งิ แวดล้อม มิตวิ ัฒนธรรม
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 3
กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
รายวชิ า ภาษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ 33102
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 7 In Style จำนวน 6 ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 Fashion จำนวน 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตัวช้ีวัดที่ ม.4-6/3 อธบิ ายและเขยี นประโยคและข้อความให้สมั พันธ์กบั สอ่ื ทีไ่ ม่ใช่ความเรียงรูปแบบ
ต่างๆ ทอี่ ่าน รวมทงั้ ระบแุ ละเขยี นสอื่ ทไ่ี ม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ งๆ ให้สมั พนั ธก์ บั ประโยค และข้อความท่ีฟัง
หรืออ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพเหตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว
ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว/ เหตกุ ารณ์ ประเด็น ท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม และส่อื สารอย่างต่อเนื่อง
และเหมาะสม
2. สาระสำคัญ
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศึกษาคน้ คว้าและนำเสนอในหอ้ งเรียน นักเรยี นจะได้พูดแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ตา่ ง ๆ ท่ีประทบั บนเส้ือยืด นอกจากน้ยี ังได้เรียนรู้คำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งหน้าที่ภาษา
โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณท์ ่ีเปน็ พน้ื ฐานของกิจกรรมฟัง พูด อ่าน เขียนในหนว่ ยการเรียนรู้น้ี
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้
3.1.1 นักเรยี นเข้าใจวา่ การฝึกใชค้ ำศัพท์ สำนวนเกย่ี วกบั เสอ้ื ผ้า เครอ่ื งแตง่ กาย ฯลฯ จะทำให้
นกั เรียนสนทนา อา่ น และเขยี นได้ดีย่งิ ขน้ึ
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
3.2.1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบข้อมลู ให้สัมพันธ์กบั สื่อทไ่ี ม่ใช่ความเรยี งรูปแบบต่าง ๆ ท่ีอ่าน
3.3 ด้านเจตคต/ิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค/์ คณุ ธรรมจริยธรรมท่ีสอดแทรก
3.3.1 ใฝ่เรียนรู้ : คน้ ควา้ หาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ
3.3.2 นกั เรียนมคี วามรับผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา
4. สมรรถนะของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู้
- คำศพั ท์
-
- สำนวนภาษา
-
- หนา้ ทภี่ าษา
- To talk about actions that have been completed
- To talk about actions that started in the past and that are still taking place
- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์
- Present Perfect Simple
- Present Perfect Progressive
- Present Perfect Simple vs. Present Perfect Progressive
6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรม Grammar
1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- ครบู อกนักเรยี นว่าในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ีน้ ักเรยี นจะไดเ้ รียนรู้การ
ใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive เพอ่ื นำไปใช้พูดและสื่อสารเก่ียวกบั การ
กระทำในอดตี แตม่ ผี ลเกี่ยวเน่อื งกับปจั จุบันและการกระทำทีท่ ำตอ่ เนื่องตัง้ แตอ่ ดตี จนถึงปจั จบุ นั
2. นำเสนอการใช้ Present Perfect Simple
- ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยวาดรปู (เช่นรปู ปลา) บนกระดาน ปดิ ประตหู ้อง ถามนกั เรยี นและเขยี นประโยค
บนกระดานดงั นี้
- ครวู าดรูปปลา
What have I done? I have drawn a picture of fish on the board.
- ครูเดนิ ไปปดิ ประตหู อ้ ง
What have I done? I have closed the door.
- ครถู ามนักเรียนถึงรปู กรยิ าทข่ี ีดเส้นใต้ และการใช้โดยสังเกตจากประโยคข้างตน้
- ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นกรอบ Grammar ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 52 ในสว่ นแรกเพ่อื เฉลยคำตอบข้างตน้ ครูสุ่ม
ถามความเขา้ ใจและอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา่ เราสามารถใช้ Present Perfect Simple (have/has + Past
Participle) กับการกระทำที่ทำเสร็จแลว้ ในอดีตแตม่ ผี ลเกีย่ วเนือ่ งถงึ ปัจจบุ ัน เช่น วาดรปู สนุ ัขบนกระดานแล้ว
รปู ยงั อยู่ (ยังไม่ได้ลบท้ิง ถ้าลบแล้วจะใชเ้ ปน็ Past Simple Tense) หรอื ปดิ ประตูแล้วประตยู ังปดิ อยู่ (ยังไมไ่ ด้
เปิดถ้าเปดิ แลว้ จะใช้เปน็ Past Simple Tense)
3. นำเสนอการใช้ Present Perfect Progressive
- ครนู ำเสนอประโยคในรปู Present Perfect Progressive โดยถามนกั เรยี นเกย่ี วกับเหตุการณ์จรงิ ของ
นกั เรยี น พรอ้ มทัง้ พดู และเขียนประโยคบนกระดาน (นักเรยี นอาจจะตอบครั้งแรกไมถ่ ูกตอ้ ง ครูใช้คำถามนำเพื่อให้
ได้ประโยคดงั กล่าว) แนวคำถามดงั นี้
- What are you doing? (We are sitting.)
- How long have you been sitting here? (We have been sitting here for twenty minutes.)
- What is the name of your school?
- How long have you been studying there?
(We have been studying there for two years.)
- ครถู ามนกั เรยี นถึงรูปกริยาท่ขี ดี เส้นใต้ และการใช้โดยสงั เกตจากประโยคข้างตน้
- ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นกรอบ Grammar ในหนงั สอื เรียน หนา้ 52 ในส่วนทส่ี องเพ่อื เฉลยคำตอบข้างตน้ ครู
สุ่มถามความเขา้ ใจและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ เราสามารถใช้ Present Perfect Progressive (have/has + been
+ Present Participle) กับการกระทำทที่ ำซ้ำ ๆ ต่อเนอ่ื งมาจนถงึ ปัจจุบนั หรือการกระทำทท่ี ำตอ่ เน่อื งมาจนถงึ
ปัจจุบนั เช่น นง่ั อยู่ในหอ้ งนมี้ านาน 20 นาที หรอื เรียนท่ีโรงเรียนน้ีมาเป็นเวลา 2 ปี
4. เปรียบเทยี บการใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive
- ครูแสดงภาพหรอื วาดภาพให้นกั เรียนดู ถามเหตกุ ารณจ์ ากภาพ พูดและเขียนประโยคในแตล่ ะภาพดงั
แนวทางต่อไปน้ี
at 1 p.m. at 3 p.m. then
Tim has been running since 1 p.m. Tim has run for a long time. He is very
tired now.
at 7.00 at 7.20 then
Jo has been having breakfast. Jo has had breakfast. He is full now.
then
at 9.00 at 9.15
He has been cleaning a car. He has cleaned the car. It is clean now.
- ครใู ห้นกั เรยี นถามถึงความแตกต่างระหวา่ งการใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect
Progressive Tense โดยการสังเกตจากประโยคข้างตน้
- ครใู หน้ ักเรียนอ่านกรอบ Grammar ในหนงั สือเรียน หนา้ 52 ในสว่ นสดุ ท้ายเพ่อื เฉลยคำตอบขา้ งต้น ครู
สมุ่ ถามความเขา้ ใจและอธิบายเพ่ิมเติมว่า เราใช้ Present Perfect Progressive กับเหตุการณห์ รอื การกระทำ
ทที่ ำอย่างต่อเน่อื งในชว่ งเวลาใดเวลาหนง่ึ และขณะทพี่ ดู หรือเอ่ยถึงก็ยังคงกำลังทำกริยานัน้ อยู่ เราใช้ Present
Perfect Simple กบั เหตุการณท์ ่ีได้ทำเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ และมกี ริยาบางตวั ที่ไม่ใชร้ ปู Present Perfect
Progressive จะใช้ Present Perfect Simple แทน เช่น กริยาท่ีบอกสภาพหรอื การรับรู้ เช่น be, believe,
belong, exist, have (แปลว่า ‘มี’) understand และ know เปน็ ตน้
5. ฝึกการใช้
- ครูให้นักเรียนฝึกใชป้ ระโยคในรปู Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive โดย
ให้นักเรียนทำกิจกรรม Grammar A และ B ในหนงั สือเรยี น หนา้ 52-53 ในแตล่ ะกิจกรรมดำเนนิ การดังน้ี
กิจกรรม Grammar A
- ครูทบทวนการใช้ Present Perfect Simple (การกระทำท่ีทำเสร็จแลว้ ในอดีตแตม่ ีผลเก่ียวเน่ืองถึง
ปัจจุบัน) และให้นกั เรียนดกู ิจกรรม Grammar A ในหนงั สอื เรียน หน้า 52
- ใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งประโยคในขอ้ 1 ครอู ธิบายย้ำนักเรียนอีกคร้งั วา่ จากข้อความในประโยคว่า วันน้ี
เปน็ วันเกิดของ Logan เขาไดอ้ อกไปงานเล้ียงแลว้ จึงใชป้ ระโยคว่า Logan has gone out dancing. เพราะเขาได้
ออกไปแลว้ และยงั ไม่กลับ
- ครใู ห้นักเรียนจับค่กู นั ทำในข้อทเ่ี หลือ
- ครสู ุ่มนกั เรียนอ่านออกเสียงประโยคท่ีสมบรู ณ์ และใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครู
ชว่ ยอธิบายและแกไ้ ขในกรณที เ่ี ห็นว่ายังไม่ถูกตอ้ ง
กจิ กรรม Grammar B
- ครูให้นกั เรยี นดูกิจกรรม Grammar B ในหนงั สอื เรียน หนา้ 53 และอ่านออกเสยี งคำสง่ั
- ครูทบทวนความแตกต่างของการใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive
Tense
- ครูให้นักเรียนช่วยกนั เตมิ กรยิ าในข้อ 1 โดยดูจากบริบทวา่ การกระทำได้ทำอย่างต่อเน่ือง (Present Perfect
Progressive) และตอนนีก้ ็ยงั ดำเนินอยู่หรือทำเสร็จแล้ว (Present Perfect Simple) ซงึ่ จะไดค้ ำตอบ คอื have
been fixing
- จากประโยคในขอ้ 1 ครถู ามนักเรียนวา่ ถ้าเราจะใชก้ รยิ าในรูป Present Perfect Simple เราจะเปล่ยี น
บริบทเป็นอยา่ งไร ตวั อย่าง The mechanic just called to say that they have fixed my car and it’s
as good as new.
- ครูใหน้ กั เรียนจับคกู่ นั ทำในข้อทเี่ หลอื
- ครูสุ่มนักเรียนอา่ นออกเสียงประโยคที่สมบรู ณ์ และให้นักเรียนชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครู
ชว่ ยอธบิ ายและแกไ้ ขในกรณีท่ีเห็นว่ายงั ไมถ่ กู ต้อง
- ครูอาจใหน้ ักเรียนฝึกเพม่ิ เติม โดยให้นกั เรียนเปลีย่ นกริยาบางข้อเป็น Present Perfect Simple หรือ
Present Perfect Progressive (ท่ีไม่ตรงกับ tense ที่ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั เฉลย) และเปลี่ยนบรบิ ทใน
ประโยคใหส้ อดคล้องกัน ดังตวั อย่าง
ขอ้ 4 เปล่ยี นเปน็ He has been appearing on TV a lot recently.
6. พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั รปู ภาพ
- ให้นักเรียนอา่ นคำส่งั และดรู ูปภาพกิจกรรม Grammar C ในหนังสือเรียน หนา้ 53
- ครทู บทวนความแตกต่างระหว่างการ
ใช้ Present Perfect Progressive กบั Present Perfect Simple (Present Perfect Progressive ใชก้ ับ
เหตกุ ารณ์หรือการกระทำทีท่ ำอย่างตอ่ เนื่องในช่วงเวลาใดเวลาหนง่ึ และขณะท่พี ดู หรอื เอย่ ถึงกย็ งั คงกำลงั ทำ
กริยานน้ั อยู่ สว่ น Present Perfect Simple ใช้กับเหตุการณท์ ไ่ี ดท้ ำเสร็จเรยี บร้อยแลว้ )
- ครใู ห้นกั เรยี นดูรปู ภาพท่ี 1 ถามนกั เรยี นว่าเหตุการณใ์ ดทีก่ ระทำอย่างตอ่ เนอ่ื งและเหตุการณ์ใดไดท้ ำ
เสร็จเรียบร้อยแลว้ และให้นักเรียนอา่ นเสียงบทสนทนาตัวอยา่ ง ให้นักเรยี นดวู ่า tense ในบทสนทนา
สอดคลอ้ งกบั คำตอบหรอื ไม่ ครูให้นักเรียนช่วยกนั อธบิ ายและบอกความแตกต่างระหว่างการกระทำของ
tense ทง้ั สอง
- ครใู ห้นกั เรยี นจับคพู่ ูดบทสนทนาถาม-ตอบเกี่ยวกับรูปภาพที่ 1 ถึง 5 และแลกเปลย่ี นคำตอบซง่ึ กนั และ
กนั
- ในภาพหน่งึ ๆ ครอู าจสุ่มใหน้ กั เรยี น 2-3 คู่ พดู บทสนทนาครูชว่ ยอธิบายและแกไ้ ขในกรณีที่เห็นวา่ ยังไม่
ถกู ตอ้ ง
- ครใู ห้นกั เรียนเขียนบทสนทนาลงสมุดแบบฝกึ หัด
7. ประเมนิ การพูดถาม-ตอบ
- ครูประเมนิ การพูดถาม-ตอบโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพดู และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้
กจิ กรรมเสริมทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- ใหน้ ักเรยี นจับคู่กนั วาดภาพหรือหาภาพในทำนองเดยี วกันกับภาพในกิจกรรม Grammar C และเขียนประโยค
บรรยายภาพ
- ใหน้ ักเรียนเลน่ เกม Detective Game อาจแบง่ กลุ่มเป็นกลมุ่ ใหญท่ ้งั หอ้ งหรอื กลมุ่ เลก็ กล่มุ ละ 4 คน
แลว้ แบ่งนกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่มยอ่ ย โดยให้กลมุ่ หนึ่งชว่ ยกนั เขยี นประโยคบอกเหตกุ ารณ์ผดิ ปกติ
อยา่ งหน่งึ และใหอ้ กี กลุม่ หน่ึงสรปุ วา่ ได้เกิดอะไรขน้ึ ก่อนหนา้ เหตกุ ารณน์ นั้ ๆ หรือมเี หตกุ ารณ์ใดที่ทำต่อเนือ่ ง
จนถงึ ปัจจบุ นั แลว้ สลับหนา้ ทีก่ ัน กลมุ่ ใดสรุปได้ถกู ต้อง (ตามเหตผุ ลและตาม tense) จะเป็นฝ่ายชนะ ดัง
ตวั อย่าง
กลุ่ม A : I walk into the room, and I can smell cigarette smoke.
กลมุ่ B : Someone has been smoking in the room.
กลมุ่ B : I can’t find my purse after I go to the toilet.
กลมุ่ A : Someone has stolen your purse.
- ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขอ้ A-F ในหนงั สอื แบบฝึกหดั New World 6 หน้า 33-35 (ดเู ฉลยท้ายเล่ม)
7. สือ่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น New World 6 หนา้ 52-53
2. หนังสอื แบบฝึกหัด New World 6 หนา้ 33-35
8. แหล่งเรยี นรู้ -
9. การวดั และการประเมนิ ผล
มาตรฐานการเรียนรู้ สง่ิ ทตี่ อ้ งรูแ้ ละปฏิบตั ไิ ด้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวดั ผลและประเมินผล
และตัวช้วี ดั
ต 1.2 ม.4-6/1, สนทนาและเขียนโต้ตอบ ถ้อยคำพูดถาม-ตอบใน ประเมินการพูดถาม-
ต 1.1 ม.4-6/3 ข้อมูลให้สัมพันธ์กับสื่อท่ี ร ู ป Present Perfect ตอบโดยใช้เกณฑ์การ
ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบ Simple แ ล ะ Present ประเมินการพูด และใช้
ต่าง ๆ ทอ่ี า่ น Perfect Continuous เกณฑผ์ า่ นระดบั พอใช้
tense แ ล ะ ข ้ อ เ ข ี ย น
เกี่ยวกับภาพในกิจกรรม
Grammar C
10. การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่อื นไข 4 มติ )ิ
- การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3 หว่ ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2
เงื่อนไข
พอประมาณ เงือ่ นไขความรู้
มีเหตุผล เง่อื นไขคุณธรรม
มีภูมคิ ้มุ กันในตัวท่ดี ี
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
มิตเิ ศรษฐกิจ มติ ิสงั คม มิติส่งิ แวดล้อม มติ วิ ัฒนธรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหสั วิชา อ 33102
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 In Style จำนวน 6 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 Fashion จำนวน 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 จับใจความส าคัญ วิเคราะหค์ วาม สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็
จากการฟังและ อ่านเรื่องที่เปน็ สารคดี และบันเทงิ คดี พรอ้ มทั้งให้เหตุผลและยกตัวอยา่ ง ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเหตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 พูดและเขียนเพือ่ ขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดง
ความคดิ เหน็ เกยี่ วกับเรอ่ื ง/ประเดน็ /ขา่ ว/ เหตุการณ์ท่ีฟงั และอา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้
อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวัดท่ี ม.4-6/2 อธบิ าย/อภิปรายวิถชี วี ติ ความคิด ความเชอ่ื และท่มี าของขนบธรรมเนยี ม และ
ประเพณีของ เจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
ตัวชว้ี ัดท่ี ม.4-6/2 วเิ คราะห/์ อภิปราย ความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างวิถีชวี ิต ความเช่ือ
และวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษากบั ของไทย และน าไปใช้อย่างมเี หตผุ ล
2. สาระสำคญั
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศกึ ษาคน้ คว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรียนจะไดพ้ ูดแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ต่าง ๆ ที่ประทบั บนเสื้อยืด นอกจากนย้ี ังได้เรียนรู้คำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งหน้าที่ภาษา
โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพนื้ ฐานของกิจกรรมฟงั พูด อ่าน เขียนในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้
3.1.1 นกั เรียนเข้าใจวา่ การฝกึ ใชค้ ำศพั ท์ สำนวนเกี่ยวกับเสอื้ ผ้า เครอื่ งแตง่ กาย ฯลฯ จะทำใหน้ ักเรยี น
สนทนา อา่ น และเขียนไดด้ ียิง่ ขนึ้
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
3.2.1 พูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เรือ่ ง/ประเด็น/เหตกุ ารณท์ ี่ฟงั อย่างเหมาะสม
3.2.2 วิเคราะห์/อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อและที่มา ความเหมือน ความแตกต่าง
ของ วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มและประเพณขี องเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม
3.2.3 เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ ประเทศชาติเป็น
ภาษาต่างประเทศ
3.3 ด้านเจตคติ/คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมทส่ี อดแทรก
3.3.1 ใฝเ่ รยี นรู้ : คน้ คว้าหาความร้จู ากแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ
3.3.2 นกั เรียนมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา
4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- คำศัพท์ soldiers (ทหาร)
กิจกรรม Reading containing a lot of water vapor or moisture in the air, damp
- troops (n.): (ชื้น)
- humid (adj.): to make someone feel that they cannot breathe (ทำใหห้ ายใจ
ลำบาก)
- stifle (v.): of or at the beginning (ในตอนแรก)
used for emphasizing that something is available to or
- initially (adv.): limited to one specific person, thing, or group (พเิ ศษ)
- exclusively (adv.): to increase suddenly (เพ่มิ ข้นึ ทันที)
modern, up-to-date, fashionable (รว่ มสมยั , ทนั สมัย)
- skyrocket (v.):
- contemporary (adj.):
- stylish (adj.): showing good judgment about how to look attractive and
fashionable
(เก๋, เท,่ หรู, ทันสมยั )
- come into one’s own (idm.):to show one’s true worth, or abilities, to gain a high
degree or of popularity or success (ให้เห็นคา่ , เหน็ ความสามารถ
, แสดงใหเ้ ห็นตวั ตน)
- hot (adj.): popular, in great demand (ซง่ึ ได้รับความนิยม)
- merchandise (n.): things that are sold, goods (สนิ คา้ )
- decade (n.): a period of ten years (ทศวรรษ)
- variant (adj.): something that is slightly different from the usual form of
something
(ทม่ี ีรปู แบบแตกตา่ งออกไป)
- tight (adj.): fitting the body very closely (คับ, แน่น)
- establish (v.): to start a company or organization that will continue for a
long time (ก่อตงั้ )
- สำนวนภาษา
-
- หนา้ ที่ภาษา
- To talk about history of T-shirt
- To talk about history of costumes
- To compare the costumes of Thailand and other countries
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- Past Simple Tense
- Present Simple Tense
- Present Perfect Tense
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรม Reading
1. นำเขา้ สู่บทเรยี น
- ครูให้นักเรียนพูดคยุ เกยี่ วกบั T-shirts ในกล่มุ กลุ่มละ 4 คน โดยครเู ขียนคำถามบนกระดานดงั นี้
- How many T-shirts do you own?
- What do your T-shirts look like? Are they plain or patterned? Are they brightly
colored?
- Do you have T-shirts that show a name or a phase? What do they say?
- Which is your favorite T-shirts and why?
- What do you consider to be a reasonable price for a T-shirt?
CULTURE CORNER
- มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando, 1924-2004) เปน็ ดาราในช่วงทศวรรษ 1950 ภาพยนตร์ทเ่ี ขาแสดง ได้แก่
A Streetcar Named Desire (1951), The Wild One (1953) แล ะ On the Waterfront (1954) เขาได้รับ
รางวัลนักแสดงนำชายยอดเย่ียมยอดเย่ียมจากเรือ่ ง On the Waterfront หลังจากนั้นถัดมา 4 ปี อาชีพของเขา
ตกต่ำลง แต่ในปี ค.ศ. 1972 เขากลับมาแสดงเรื่อง The Godfather ซึ่งทำให้คนตะลึง เพราะเขาได้รับรางวัล
นกั แสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเร่ืองนเ้ี ป็นครงั้ ที่ 2
- ข้อมูลจริงเก่ยี วกับ T-shirts มดี ังนี้
1) มยี อดขายปลี ะ 20 ลา้ นตัว
2) ผลิตภัณฑ์ T-shirts ท่นี ำมาโปรโมทครง้ั แรกได้พิมพช์ อ่ื ภาพยนตร์เรอื่ ง The Wizard of Oz บนตัวเสอ้ื
3) สถิติโลกไดบ้ นั ทกึ ไว้ว่ามคี นใส่ T-shirts พร้อมกนั ถงึ 247 คน
4) ประมาณร้อยละ 62 ของคนอเมริกันบอกว่ามี T-shirts เป็นของตนเองมากกว่า 10 ตัว
2. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้
- ครบู อกนกั เรียนว่าในหน่วยการเรยี นรนู้ ้นี กั เรียนจะไดอ้ า่ นบทความประวตั คิ วามเป็นมาของ T-shirt เมอ่ื
อ่านแลว้ นักเรียนจะทราบประวัตคิ วามเป็นมาของ T-shirt และสามารถแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับเรอ่ื งที่อา่ น
กจิ กรรมกอ่ นอา่ น
1. ให้นักเรยี นเขียนคำถามบนหวั เรื่องบทอา่ นในกิจกรรม Reading บนกระดานดงั นี้
- How do you think the T-shirt originated?
- Where was it created?
2. ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เดาคำตอบของคำถามในขอ้ 1 และเดาวา่ เร่อื งทีอ่ า่ นน่าจะบอกข้อมลู อะไรบา้ ง
3. ใหน้ ักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี น หนา้ 54 ดูรปู ภาพในกจิ กรรม Reading และพูดคยุ เก่ยี วกับบุคคลในรูปภาพ
กิจกรรมระหวา่ งอ่าน
1. อ่านบทความ
- ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นบทความในหนังสือเรียน หน้า 53 ในกิจกรรม Reading ประมาณ 5 นาที และขดี เส้น
ใต้คำศัพทท์ น่ี ักเรียนไมท่ ราบความหมาย
- ใหน้ กั เรยี นเขียนคำศพั ทท์ ไี่ ม่ทราบความหมาย ช่วยกันเดาความหมายจากบริบท และหาความหมายใน
พจนานกุ รม
- ใหน้ กั เรียนอา่ นบทความอกี คร้งั และจับคเู่ วลากับเหตุการณเ์ กี่ยวกบั T-shirt ใน Worksheet 2
Worksheet 2
Directions: Match the events in column 2 to the time in column 1
Time Action about T-shirt
_ _1. World War a. The T-shirt became fashionably cool to wear as an
I outer garment.
_ _2. By the b. There are various styles of T-shirts and they became
1920s (World hot merchandise.
War II)
_ _3. By the c. Americans began wearing T-shirts because they were
1950s suitable for hot weather.
_ _4. By the d. The T-shirt is an outerwear and fashion item.
1960s
_ _5. By the e. The T-shirt is a standard piece of underwear.
1980s –1990s
to now.
เฉลยคำตอบ 1. c 2. e 3.a 4. b 5. d
- ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่แลกเปลีย่ นคำตอบท่จี บั คู่ใน Worksheet 2
- ครสู ่มุ นักเรียนบอกคำตอบที่จับคู่ใน Worksheet 2
- ใหน้ กั เรยี นฟงั ซีดบี ันทึกเสียง CD 2 Track 7 กิจกรรม Reading และอา่ นในใจตาม แล้วใหน้ ักเรียนตอบ
คำถามในกิจกรรม About the Reading ในหนังสือเรียน หนา้ 54
- ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
กิจกรรมหลงั อ่าน
1. ตรวจสอบความเข้าใจบทอ่าน
- ครูและนกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในกิจกรรม About the Reading (ดูเฉลยทา้ ย
เล่ม)
2. ประเมินการอ่าน
- ครปู ระเมินความเข้าใจบทอ่านจากจำนวนคำตอบที่ถกู ต้องในการทำกจิ กรรม About the Reading
โดยใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 60 และประเมินจากจำนวนคำตอบทถี่ ูกตอ้ งในการจับคใู่ น Worksheet 2 โดยใช้
เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60
3. ตรวจสอบความเข้าใจคำศัพท์
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Content Vocabulary และ Academic Vocabulary ในหนังสือเรยี น หนา้
55 และช่วยกนั เฉลยคำตอบ (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม)
4. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวธิ กี ารเขียนบทความ
- ครใู ห้นกั เรียนสังเกตวธิ กี ารเขียนบทความ ซงึ่ เป็นการเขียนกอ่ นหลงั ตามลำดับของเวลา นกั เรียน
สามารถใช้เป็นแนวการเขยี นบอกประวัตคิ วามเป็นมาของอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ได้
5. แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับเรอื่ งทอ่ี า่ น
- ครูใหน้ ักเรียนอภปิ รายวา่ อะไรเป็นส่งิ ทนี่ ่าสนใจทีส่ ุดหรอื นา่ ประหลาดใจท่ีสดุ ในบทอ่าน
- What is the most surprising or interesting in the Reading?
- ครใู ห้นักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั T-shirt ตามประเดน็ ดงั นี้
- Do Thai people wear T-shirts? Why or why not?
- Will people in the U.S.A and Thailand wear T-shirts in the future? Why or why not?
- ครปู ระเมินการพดู แสดงความคิดเห็นโดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการพดู และใชเ้ กณฑผ์ ่านระดบั พอใช้
6. ทำโครงงานศกึ ษาความเปน็ มาและเปรยี บเทียบวัฒนธรรมการแตง่ กาย
- ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน ศกึ ษาความเปน็ มา เปรยี บเทียบความเหมือน ความแตกตา่ งของ
วฒั นธรรมการแตง่ กายของคนไทยและคนท่เี ป็นเจา้ ของภาษา เช่น คนองั กฤษ อเมรกิ นั หรือคนในประเทศ
ออสเตรเลยี อยา่ งน้อยประเทศละ 2 รายการ (two clothing items) เช่น
- คนไทย – T-shirts, a loincloth (ผา้ ขาวม้า), a simple skirt (ผา้ ถงุ , ผา้ นงุ่ โจงกระเบน), cloth (ผา้
สไบ), a kind of farmer’s hat (งอบ), etc.
- คนทเ่ี ป็นเจ้าของภาษา – stockings (ถุงเทา้ ยาว), gloves (ถุงมือ), hat (หมวก), cowboy’s suits (ชุด
คาวบอย), waistcoat (เส้อื กกั๊ ), etc.
- ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลมุ่ รายงานผลงานหน้าชน้ั เรยี น และชว่ ยกันคัดเลอื กรายการเส้ือผา้ ไทยท่ี
น่าสนใจ ช่วยกันตรวจสอบการใชภ้ าษาอังกฤษ และลงบทความเผยแพร่ในวารสารหรือเวบ็ ไซตข์ อง
โรงเรียน และทำเป็นแผ่นพับสำหรับแจกในนิทรรศการวชิ าการของโรงเรียน
- ครูประเมนิ ขอ้ เขยี นเกี่ยวกับการศึกษาความเปน็ มา เปรียบเทียบวัฒนธรรมการแตง่ กายโดยใชแ้ บบ
ประเมนิ การเขยี นเปรียบเทียบ และใช้เกณฑผ์ า่ นระดบั พอใช้
- ครูประเมินการเขยี นบทความเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของชน้ิ สว่ นเสื้อผ้าของไทยโดยใช้เกณฑก์ าร
ประเมินการเขียน และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้
กิจกรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา
- ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคนออกแบบ T-shirt ของตนเอง และวาดรูประบายสีให้สวยงาม ติดที่ป้ายนเิ ทศใน
หอ้ งเรียน
- ใหน้ กั เรยี นตัง้ คำถามเกีย่ วกับบทอ่านคนละ 2-3 ข้อ และถามเพ่ือนในชนั้ เรยี น
- ใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน แสดงบทบาทสมมติ radio phone ให้คนหนง่ึ ในกลุ่มเป็นคนตอบ
คำถาม ส่วนคนอน่ื ๆ เปน็ ผ้โู ทรศพั ทไ์ ปปรกึ ษาเก่ยี วกบั เส้ือผ้าทค่ี วรสวมใสห่ รือไมค่ วรสวมในใส่โอกาสตา่ ง ๆ
- ครอู าจจะให้นักเรยี นทำกิจกรรมเก่ียวกับ Famous Designers โดยศึกษาประวัตแิ ละผลงานของนัก
ออกแบบทีม่ ชี ือ่ เสยี งของไทยหรอื ต่างประเทศ
7. สือ่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน New World 6 หน้า 54-55
2. ซดี บี นั ทกึ เสียง
3. เคร่ืองเล่นซีดี
4. Worksheet 2
5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
- http://en.wikipedia.org/wiki/Marlon_Brando
- http://en.wikipedia.org/wiki/T-shirt
8. แหล่งเรียนรู้ -
9. การวดั และการประเมินผล
มาตรฐานการเรยี นรู้ สิ่งที่ต้องรแู้ ละปฏิบตั ไิ ด้ ผลงาน/ชิ้นงาน การวัดผลและประเมนิ ผล
และตวั ชว้ี ัด
ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ คำตอบที่นักเรียนได้จาก ประเมินผลจากจำนวน
วิเคราะห์ความ สรุป การทำกิจกรรม About คำตอบที่ถูกต้องจาก
ความ ตีความบทความท่ี the Reading คำตอบที่นักเรียนได้ทำ
อ่าน ในกิจกรรม About the
Reading โดยใช้เกณฑ์
ผา่ นรอ้ ยละ 60
ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ คำตอบที่นักเรยี นจับค่ใู น ประเมินผลจากจำนวน
วิเคราะห์ความ สรุป Worksheet 2 คำตอบที่ถูกต้องโดยใช้
ความ ตีความบทความที่ เกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ 60
อ่าน
ต 1.2 ม.4-6/4 พูดแสดงความคิดเห็น ถ ้ อ ย ค ำ พ ู ด แ ส ด ง ประเมินการพูดแสดง
เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ คว ามคิดเห็น โ ดยใช้
เหตุการณ์ที่ฟังอย่าง เรื่องที่อ่านในกิจกรรม เกณฑ์การประเมินการ
เหมาะสม หลังอ่าน พูด และใช้เกณฑ์ผ่าน
ระดบั พอใช้
ต 2.1 ม.4-6/2, ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ / อ ธ ิ บาย/ ข ้ อ เ ข ี ย น เ ก ี ่ ย ว กั บ ประเมินขอ้ เขียนเก่ียวกับ
ต 2.2 ม.4-6/2
อภปิ รายวถิ ชี ีวิต ความคดิ การศึกษาความเป็นมา การศึกษาความเป็นมา
ความเชื่อและท่ีมา ความ เปรียบเทียบวัฒนธรรม เปรียบเทียบวัฒนธรรม
เหมือน ความแตกต่าง การแต่งกาย การแต่งกายโดยใช้แบบ
ของ วัฒนธรรม ป ร ะ เ มิ น
ขนบธรรมเนียมและ การเขียนเปรียบเทียบ
ประเพณีของเจ้าของ และใช้เกณฑ์ผ่านระดับ
ภาษากับของไทย และ พอใช้
นำไปใช้อย่างเหมาะสม
ต 4.2 ม.4-6/2 เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ บทความเผยแพร่ประวัติ ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร เ ข ี ย น
ข ้ อ ม ู ล ข ่ า ว ส า ร ข อ ง ความเป็นมาของชิ้นส่วน บทความเผยแพร่ประวัติ
โรงเรียน ชุมชน และ เสอ้ื ผา้ ของไทย ความเป็นมาของชิ้นส่วน
ท้องถิ่น/ ประเทศชาติ เสื้อผ้าของไทยโดยใช้
เปน็ ภาษาต่างประเทศ เกณฑ์การประเมินการ
เขียน และใช้เกณฑ์ผ่าน
ระดับพอใช้
10. การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 ห่วง 2 เง่ือนไข 4 มติ )ิ
- การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2
เงื่อนไข
พอประมาณ เงื่อนไขความรู้
มีเหตผุ ล เงื่อนไขคณุ ธรรม
มภี มู ิคุม้ กนั ในตวั ที่ดี
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ
มิตเิ ศรษฐกจิ มิตสิ ังคม มติ ิสิง่ แวดลอ้ ม มิตวิ ัฒนธรรม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5
กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6
รายวิชา ภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ 33102
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 In Style จำนวน 6 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 5 Fashion จำนวน 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ต 1.2 ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเหตผุ ล
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว
ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว/ เหตกุ ารณ์ ประเดน็ ท่อี ย่ใู นความสนใจของสังคม และส่ือสารอย่างต่อเนื่อง
และเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 น าเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งตา่ งๆ โดยการ
พูดและการเขียน
ตวั ช้ีวัดที่ ม.4-6/1 พดู และเขียนน าเสนอขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรอื่ ง
และประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจของสงั คม
2. สาระสำคญั
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นกั เรียนจะได้พดู แสดงบทบาทสมมติเก่ียวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ตา่ ง ๆ ท่ปี ระทับบนเส้ือยืด นอกจากนีย้ ังได้เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมท้ังหน้าท่ีภาษา
โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ท่ีเปน็ พนื้ ฐานของกิจกรรมฟัง พดู อา่ น เขียนในหน่วยการเรียนรูน้ ี้
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้
3.1.1 นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ การฝึกใชค้ ำศัพท์ สำนวนเก่ยี วกบั เส้ือผา้ เครอ่ื งแตง่ กาย ฯลฯ จะทำใหน้ กั เรยี น
สนทนา อา่ น และเขยี นได้ดยี ิ่งขึน้
3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
3.2.1 พูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เรอื่ ง/ประเดน็ /ข่าว
3.2.2 เขยี นนำเสนอขอ้ มลู เกยี่ วกบั ตนเอง/ประสบการณ์ตามความสนใจของสังคม
3.3 ด้านเจตคต/ิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค/์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมทส่ี อดแทรก
3.3.1 ใฝเ่ รียนรู้ : คน้ คว้าหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรูต้ ่าง ๆ
3.3.2 นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา
4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- คำศัพท์
-
- สำนวนภาษา
-
- หนา้ ท่ภี าษา
- To talk about fashion
- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์
- Present Simple Tense
- Present Perfect Tense
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรม Speaking
1. แจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้
- ครูบอกนักเรยี นว่าในหนว่ ยการเรยี นร้นู ้ีนักเรียนจะไดพ้ ดู อภิปราย แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั โอกาสที่
นักเรียนใส่ T-shirt และไมใ่ ส่ T-shirt แล้วนำเสนอหน้าช้นั เรยี น
2. พดู แสดงความคิดเห็นและรายงาน
- ครใู หน้ ักเรียนทำกจิ กรรม Speaking ในหนงั สือเรียน หน้า 55 โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุม่ กล่มุ ละ 4
คน
- สุ่มนักเรยี น 1 คนอ่านออกเสียงประโยคคำสัง่ ในกิจกรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หน้า 55
- Discuss with your classmates on what occasions you wear a T-shirt and why.
- ใหส้ มาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ตอบคำถามในกจิ กรรม Speaking
- แตล่ ะกลุ่มรวบรวมความคดิ เหน็ ของสมาชิกรายงานในชั้นเรียน
3. สำรวจความคดิ เห็น
- ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เขียนขอ้ สรปุ โอกาสตา่ ง ๆ ทน่ี ักเรียนใส่ T-shirt
- ให้นักเรยี นยกมอื ในหัวขอ้ โอกาสทนี่ กั เรยี นตนเองใส่ T-shirt มากที่สุด
4. อภิปรายโอกาสทีน่ กั เรยี นไมใ่ ส่ T-shirt
- ใหแ้ ต่ละกล่มุ เขยี นข้อสรุปโอกาสต่าง ๆ ที่นกั เรียนไม่ใส่ T-shirt
- แต่ละกลมุ่ รวบรวมความคิดเห็นของสมาชกิ รายงานในห้องเรียน
5. ประเมินการอภิปรายและการพูดนำเสนอข้อมลู
- ครปู ระเมินการพดู อภิปรายโดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการอภิปรายกล่มุ และใช้เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้
- ครปู ระเมนิ การพูดนำเสนอข้อมลู โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการพูด และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้
กิจกรรม Writing
1. นำเข้าสูบ่ ทเรียน
- ครชู ักชวนนักเรยี นพูดคุยเกี่ยวกับ new clothing styles โดยใช้แนวคำถามดงั นี้
- What types of clothes are in fashion in your country nowadays?
- What do you think about new clothing styles?
- What do you think about new shoes styles?
- What do you think about new dress styles?
etc.
- ครูให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงคำสั่งในกจิ กรรม Writing ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 55
2. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหน่วยการเรียนรู้นนี้ ักเรยี นจะได้ฝกึ เขียนข้อความบรรยายแบบเสื้อผ้าท่ีกำลังเปน็ ที่
นิยม
กจิ กรรมก่อนเขียน
1. ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกเกยี่ วกับเสื้อผา้ ทน่ี ักเรียนใสใ่ นโอกาสต่าง ๆ วา่ มีอะไรบา้ ง ดงั ตวั อยา่ ง
- Your birthday party – a dress, ...
- Your friend’s birthday party – a skirt and a blouse, …
- On holidays – a T-shirt and jeans, …
- Going shopping
- A ball (งานลีลาศ)
etc.
2. ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันบอกถงึ เสอ้ื ผา้ ดังกล่าววา่ กำลังอยู่ในสมัยนิยมหรอื แนวโน้มทจ่ี ะนิยมเปน็ อยา่ งไร
- What are some popular styles of dresses? (long or short, loose or fit, …)
- What are some popular styles of footwear? (boots, shoes, slippers, canvas shoes, high-
heeled or shoes)
etc.
กิจกรรมการเขยี น
1. ให้นักเรียนเขียนข้อความบรรยายเสอื้ ผา้ ในสมยั นิยมตามคำสงั่ ในกิจกรรม Writing หนา้ 55
2. นักเรียนจับคู่กับเพอ่ื นแลกกนั อ่านงานเขยี นของกนั และกนั และให้ข้อเสนอแนะในการปรบั ปรงุ ตามที่
เห็นสมควร
3. นกั เรยี นปรบั ปรงุ งานเขียน และแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน รายงานงานเขยี นของตนในกล่มุ ยอ่ ย
กิจกรรมหลงั เขยี น
1. ประเมนิ การเขยี นขอ้ ความ
- ครปู ระเมนิ การเขยี นของนักเรียนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียน และใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้
2. นำเสนองานเขยี น
- ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน อ่านงานเขียนของตนเองให้เพอ่ื นฟงั
- ครใู ห้นักเรียนติดงานเขียนของตนทบี่ อรด์ ในหอ้ งเรยี นเพือ่ ใหเ้ พอ่ื นอ่าน และชว่ ยกันลงมตวิ ่าผลงานหรือ
คำแนะนำของใครที่น่าสนใจบา้ ง
กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัด ข้อ G-H ในหนงั สือแบบฝกึ หัด New World 6 หน้า 36 (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
7. สื่อการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี น New World 6 หน้า 55
2. หนังสอื แบบฝกึ หดั New World 6 หน้า 36
8. แหลง่ เรยี นรู้ -
9. การวัดและการประเมนิ ผล
มาตรฐานการเรยี นรู้ สิง่ ทต่ี อ้ งรู้และปฏบิ ตั ิได้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวดั ผลและประเมนิ ผล
และตวั ช้วี ัด
ต 1.2 ม.4-6/1 พูดแสดงความคิดเห็น - ถ้อยคำพูดอภิปราย - ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร พู ด
เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ เก่ยี วกบั T-shirt อภิปราย โดยใช้เกณฑ์
ข่าว - ถ้อยคำพูดนำเสนอ ก า ร ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร
ข้อมูลเกี่ยวกบั T-shirt อภิปรายกลุ่ม และใช้
เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้
- ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร พู ด
นำเสนอข้อมูลโดยใช้
เกณฑ์การประเมินการ
พูด และใช้เกณฑ์ผ่าน
ระดบั พอใช้
ต 1.3 ม.4-6/1 เขียน น ำเสน อ ข้อมูล ขอ้ เขยี นเกีย่ วกับเส้ือผ้าท่ี ประเมินการเขียนโดยใช้
เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ต น เ อ ง / กำลงั นิยม เกณฑ์การประเมินการ
ประสบการณ์ตามความ เขียน และเกณฑ์ผ่าน
สนใจของสังคม ระดบั พอใช้
10. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่อื นไข 4 มติ )ิ
- การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2
เงื่อนไข
พอประมาณ เงื่อนไขความรู้
มีเหตุผล เงื่อนไขคุณธรรม
มภี มู ิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มติ ิ
มติ เิ ศรษฐกิจ มติ ิสงั คม มติ ิส่งิ แวดลอ้ ม มติ วิ ัฒนธรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6
กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ 33102
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 In Style จำนวน 6 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 6 Fashion จำนวน 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน
ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับข้อมูลทีเ่ ก่ียวข้อง
กบั กลุ่มสาระการ เรียนรอู้ นื่ จากแหลง่ เรยี นร้ตู ่างๆ และ นำเสนอด้วยการพดู และการเขยี น
2. สาระสำคัญ
หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนรู้จักเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสมัยนิยมในบทเรียนและ
จากการศกึ ษาค้นคว้าและนำเสนอในหอ้ งเรียน นกั เรยี นจะได้พดู แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการออกแบบเครื่อง
แต่งกาย ฟังบุคคลให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแต่งกายไปสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าทำงาน อ่านออกเสียงบท
สนทนา เขียนบรรยายเสื้อผ้าที่อยู่ในสมัยนิยม และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคำพูดภาษาอังกฤษ
ตา่ ง ๆ ทป่ี ระทบั บนเสื้อยืด นอกจากน้ียังได้เรียนรู้คำศัพท์ที่เก่ียวข้องกับเหตุการณ์ดงั กล่าว รวมทั้งหน้าท่ีภาษา
โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณท์ ่ีเป็นพ้ืนฐานของกิจกรรมฟงั พดู อา่ น เขียนในหนว่ ยการเรียนรู้นี้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้
3.1.1 นักเรียนเขา้ ใจวา่ การฝึกใช้คำศพั ท์ สำนวนเกยี่ วกบั เสื้อผา้ เคร่ืองแต่งกาย ฯลฯ จะทำใหน้ ักเรยี น
สนทนา อา่ น และเขยี นได้ดยี ่งิ ข้นึ
3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
3.2.1 ค้นคว้า/สบื ค้น บันทึก สรปุ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขอ้ มูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการ
เรยี นรอู้ นื่ จากแหลง่ การเรยี นร้ตู า่ ง ๆ และนำเสนอดว้ ยการพูดและเขยี น
3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คณุ ธรรมจริยธรรมทีส่ อดแทรก
3.3.1 ใฝ่เรียนรู้ : คน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นร้ตู า่ ง ๆ
3.3.2 นักเรียนมีความรับผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา
4. สมรรถนะของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- คำศัพท์
-
- สำนวนภาษา
-
- หน้าทภ่ี าษา
- To find and express some interesting expressions
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- Present Simple Tense
- Past Simple Tense
6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรม World Link
1. ทำความเขา้ ใจเกย่ี วกบั คำศัพท์
- ครูเขยี นคำว่า words and expressions stamped on T-shirts บนกระดาน ให้นกั เรยี นชว่ ยทายโดย
ดูจากรปู เสอื้ ในกจิ กรรม World Link ในหนงั สอื เรียน หนา้ 55 โดยครพู ูดดงั นี้
- What expression is stamped on the left T-shirt?
- What expression is stamped on the right T-shirt?
- ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั เขียนคำไทยหรือคำภาษาองั กฤษท่ีประทับบนเส้ือยดื เทา่ ท่ีจำไดบ้ นกระดาน
2. ค้นควา้ ข้อมลู เก่ยี วกับคำพดู ภาษาอังกฤษที่ประทับบนเสอ้ื ยืด
- ใหน้ กั เรียนอา่ นคำสัง่ ในกจิ กรรม World Link ในหนงั สือเรียน หนา้ 55
- ให้นกั เรยี นค้นควา้ ขอ้ มูลเกยี่ วกบั คำพูดภาษาองั กฤษท่ีประทบั บนเสื้อยดื โดยอาจจะคน้ คว้าจาก
อนิ เทอรเ์ นต็
3. นำเสนอขอ้ มลู
- ใหน้ ักเรยี นแลกเปลีย่ นขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการคน้ คว้าโดยรายงานหนา้ ชั้นเรยี น
- ให้เพอื่ นในหอ้ งซกั ถามข้อมลู ของบคุ คลทเ่ี พือ่ นรายงาน
4. ประเมนิ ผลงานค้นควา้
- ครปู ระเมนิ การค้นคว้า และรายงานขอ้ มูลของนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการเขียน
และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้
นักเรียนประเมนิ ตนเอง
- นกั เรียนทำแบบประเมนิ Self-Evaluation เพ่ือประเมนิ เกยี่ วกับเน้อื หาทไี่ ด้เรียนไปแลว้ (แบบ
ประเมิน Unit 7 Self-Evaluation ทา้ ยคูม่ ือคร/ู ทา้ ยหนังสอื แบบฝึกหดั )
กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา
- ให้นกั เรียนคิดคำพูดภาษาอังกฤษที่ประทบั บนเสื้อเชติ้ ของตนเอง พรอ้ มทงั้ วาดรูประบายสีติดท่ีปา้ ยนเิ ทศ
ในห้องเรียน
1. พูดคยุ เก่ยี วกับเครอื่ งแต่งกายในประเทศกล่มุ อาเซียน
- ครชู กั ชวนนักเรียนพูดคยุ เกี่ยวกับเคร่ืองแตง่ กายในประเทศกล่มุ อาเซียน โดยใชแ้ นวคำถามดงั น้ี
- What types of clothes do people in Laos/Vietnam/Singapore/…normally wear?
- What types of clothes are in fashion in these counties nowadays?
2. ค้นควา้ เกี่ยวกับแฟช่ัน เครื่องแต่งกายในประเทศกลมุ่ อาเซียน
- ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั คน้ หาภาพแสดงแฟช่นั เครือ่ งแต่งกาย
ในปัจจุบันของประเทศกล่มุ อาเซียน
3. นำเสนอรูปภาพ
- ผู้แทนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอภาพทไ่ี ดจ้ ากการคน้ คว้าหรือติดบอร์ด (ที่เคล่อื นทไ่ี ด้) หรือกระดาษแผ่นใหญ่ แล้ว
มาต้งั หรือตดิ ในห้องใหน้ ักเรียนเดนิ ดู
4. เปรยี บเทียบความแตกตา่ งและความเหมือน
- ให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มเขียนสรุปความแตกต่างและความเหมือนของแฟชั่น เครื่องแต่งกายในประเทศ
กลุ่มอาเซยี น และอา่ นให้เพอ่ื นฟังในช้นั เรียน
7. สอื่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น New World 6 หน้า 55
8. แหล่งเรียนรู้ -
9. การวัดและการประเมนิ ผล
มาตรฐานการเรียนรู้ ส่ิงทีต่ อ้ งรูแ้ ละปฏิบัติได้ ผลงาน/ชนิ้ งาน การวดั ผลและประเมินผล
และตวั ชว้ี ัด
ต 3.1 ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก รายงานข้อมูลคำพูดท่ี ประเมินการค้นคว้าและ
สรุป และแสดงความ ประทบั อยู่บนเสอ้ื ยืด รายงานข้อมูลโดยใช้
คิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลท่ี เกณฑ์การประเมินการ
เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ เขียน และใช้เกณฑ์ผ่าน
การเรียนรู้อื่นจากแหล่ง ระดบั พอใช้
การเรียนรู้ต่าง ๆ และ
นำเสนอด้วยการพูดและ
เขยี น
10. การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข 4 มติ )ิ
- การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2
เง่อื นไข
พอประมาณ เงอ่ื นไขความรู้
มีเหตุผล เงือ่ นไขคณุ ธรรม
มีภูมิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
มิตเิ ศรษฐกิจ มติ ิสังคม มิติส่ิงแวดล้อม มิติวัฒนธรรม