The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-09 03:46:44

ภาษาอังกฤษ 6 อ 33102

แผนอังกฤษ ม.6

- ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรียน หนา้ 86 กจิ กรรม New Language ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสยี งช่อื หน่วย
การเรยี นรู้ As the Sayings Goes

- ใหน้ กั เรียนดูรปู ภาพในหนงั สอื เรยี น หนา้ 86 และถามนักเรียนว่าเหน็ อะไรบ้าง ใหน้ กั เรียนอ่านประโยค
ที่ครเู ขยี นบนกระดาน และช่วยกนั บอกวา่ บุคคลใดในภาพควรจะพดู ประโยคเหลา่ นี้

a. I should do although it is late. (Luke)
b. We are disappointed. (the team)
c. I’m sure I can get it. (Charles)
d. It’s not difficult. I can do it. (Lindsay)
4. ประเมินความเขา้ ใจการอ่านข้อความ
- ครูส่มุ ถามนักเรียนและให้นกั เรยี นช่วยกนั เฉลยคำตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
- ครูประเมินความเขา้ ใจในข้อความท่อี า่ นจากจำนวนคำตอบทถี่ กู ตอ้ งโดยใชเ้ กณฑ์ผ่านร้อยละ 60
5. อ่านออกเสียง
- ครเู ปิดซดี บี นั ทกึ เสยี ง CD 2 Track 33 กิจกรรม New Language ใหน้ ักเรยี นฟัง
- ครเู ปิดซดี ีบันทึกเสียงอีกคร้งั หนึ่งและให้นักเรียนออกเสยี งตาม
- ครบู อกวา่ ข้อความที่ขาดหายไปในกจิ กรรม New Language นักเรียนสามารถหาสุภาษิตมาเติมได้จาก
ประโยคในกิจกรรม Practice

กิจกรรม Practice

1. ฟงั และจบั คู่ข้อความกับภาพ
- ครูเปดิ ซีดบี นั ทกึ เสยี ง CD 2 Track 34 ให้นกั เรยี นฟงั ขอ้ ความในกจิ กรรม Practice A ในหนงั สอื เรยี น

หนา้ 86
- ให้นักเรยี นอ่านออกเสียงคำสง่ั ในกิจกรรม Practice A และจบั คู่ประโยคสุภาษิตกับภาพในกิจกรรม New

Language
2. อภิปราย

- ใหน้ ักเรยี นพูดคยุ กันวา่ นกั เรียนเคยอยู่ในสถานการณ์ท่ีคล้ายคลงึ กับในรปู ภาพหรือไม่
3. ฟังบทสนทนา

- ครเู ปดิ ซีดีบันทึกเสียง CD 2 Track 34 กิจกรรม Practice B ใหน้ ักเรียนฟงั บทสนทนา
- ใหน้ ักเรยี นจบั คพู่ ูดบทสนทนาโดยสลบั กันเปน็ A และ B ครเู ดนิ สงั เกตเพอ่ื ให้แน่ใจว่านักเรยี นสามารถ
พูดไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
- ครูใหน้ ักเรียนจับคู่กนั เขียนบทสนทนาถาม-ตอบตามแนวบทสนทนาในกิจกรรม Practice B โดยใช้ขอ้ มูล
ในกิจกรรม New Language
- นกั เรยี นจบั ค่พู ูดบทสนทนาที่เขยี นขึน้ ครูสุ่มนกั เรียนบางค่พู ดู บทสนทนา
- ครูประเมินการพูดสนทนาโดยใช้แบบประเมนิ การสนทนากิจกรรมคู่ และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้
4. เปรียบเทียบภาษาและวัฒนธรรม
- ครใู หน้ กั เรียนจบั คกู่ นั เขยี นความหมายของภาษาไทยและสุภาษิตไทยทต่ี รงกบั ข้อความท่ี 1-4 ใน
Practice A แลว้ แลกเปลี่ยนคำตอบ อภปิ รายถึงสถานการณ์การใช้ และช่วยกันสรปุ เพม่ิ เติมวา่ ทง้ั ภาษาไทย
และภาษาอังกฤษตา่ งก็มีคำสภุ าษติ ใชป้ ระกอบคำพูด คำสนทนา ซงึ่ สามารถใชเ้ ทยี บเคยี งกันได้ แตอ่ าจจะ
ต่างกันตรงคำ (word) ทใี่ ช้ซ่ึงเปน็ ไปตามวฒั นธรรม เช่น “It was a piece of cake.” ภาษาไทยใช้คำว่ากลว้ ย
แทนเค้ก (ง่ายกว่าปอกกลว้ ยเข้าปาก) เป็นต้น

- ครใู ห้นกั เรยี นจับคูห่ าคำพังเพยหรือสภุ าษติ ภาษาองั กฤษ 2-3 หรอื 5-6 ขอ้ ความ แล้วแต่ระดับ
ความสามารถของผู้เรยี น แล้วเปรียบเทยี บกับข้อความและสถานการณ์ท่ีใช้ในภาษาไทยโดยอธบิ ายความ
แตกต่างและความเหมือน

- ครปู ระเมินการเขยี นอธบิ ายความแตกต่างและความเหมือนโดยดูจากความถกู ตอ้ งของภาษา และ
สอดคลอ้ งกับการใชถ้ ้อยคำในชีวติ ประจำวนั และวัฒนธรรมประเพณีโดยใช้แบบประเมนิ การเขยี น
เปรียบเทยี บ และใช้เกณฑผ์ า่ นระดบั พอใช้

กิจกรรม Pronunciation

1. การออกเสียง Intonation ใน Adverb Clauses
- ครูให้นักเรยี นทำกิจกรรม Pronunciation ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 86 ครเู ปิดซีดีบนั ทกึ เสียง CD 2 Track

35 ครูให้นกั เรียนช้ีคำท่ไี ดย้ ินและใหน้ กั เรียนออกเสยี งตาม
- ใหน้ ักเรียนฟงั ซีดีบันทึกเสียงอกี ครงั้ และพูดออกเสยี งตาม ครูเดินสังเกตเพ่อื ใหแ้ นใ่ จว่านกั เรยี นสามารถ

ออกเสยี งได้อย่างถกู ต้อง
- ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ วา่ เราออกเสียงประโยค (sentence) ทป่ี ระกอบไปดว้ ยประโยคหลกั และ

อนุประโยค (Adverb Clauses) ให้ออกเสยี งต่ำและขน้ึ สูง หยุดระหวา่ งประโยคย่อย และลงต่ำดงั น้ี
- If you BUY one (fall-rise/pause), you’ll get two. (fall).

- ครใู หน้ ักเรยี นผลัดกนั อ่านออกเสียงข้อความท่ี 1 และ 3 ในกจิ กรรม New Language
- ครใู หน้ ักเรียนจบั คอู่ า่ นออกเสยี งประโยค ครูเดินสังเกตเพื่อใหแ้ นใ่ จว่านักเรียนสามารถออกเสียงได้อย่าง
ถูกตอ้ ง
- ครปู ระเมินการอา่ นออกเสยี งโดยใชแ้ บบประเมินการอา่ นออกเสียง และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้
2. ให้ความรดู้ า้ นภาษา
- ครูใหน้ กั เรียนสังเกตขอ้ วามใน New Language วา่ จะมคี ำเชอ่ื มประโยค เช่น when, if, because ซึ่ง
คำเชอื่ มเหลา่ น้ีจะนำหน้า Adverb Clauses และนกั เรยี นจะได้เรียนเรื่องนอ้ี กี ครงั้ ในช่วั โมงต่อไป

กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา

-
7. ส่ือการเรยี นรู้

1. หนงั สอื เรียน New World 6 หน้า 86

2. ซีดบี ันทึกเสยี ง

3. เครือ่ งเลน่ ซีดี

4. สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์

- http://easyeng4you.blogspot.com/2010/09/sayings-and-proverbs.html

- http://englishisfun2013.weebly.com/proverb.html

8. แหลง่ เรียนรู้ -

9. การวัดและการประเมินผล

มาตรฐานการเรยี นรู้ สงิ่ ทต่ี ้องรูแ้ ละปฏิบตั ไิ ด้ ผลงาน/ชน้ิ งาน การวัดผลและประเมนิ ผล

และตวั ชี้วดั สรุปความ ตีความจาก จับคู่ประโยคกับข้อความ ประเมินผลจากจำนวน
ต 1.1 ม.4-6/4
ต 1.2 ม.4-6/1, ขอ้ ความทอี่ ่าน และบุคคลในภาพ ใน คำตอบที่ถูกต้องโดยใช้
ต 4.1 ม.4-6/1
กจิ กรรม NewLanguage เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60
ต 2.1 ม.4-6/2,
ต 2.2 ม.4-6/1 สนทนาโต้ตอบข้อมูล ถ้อยคำสนทนาเกี่ยวกับ ประเมินการพูดสนทนา

ต 1.1 ม.4-6/2 เกี่ยวกับตนเองและเรื่อง สถานการณ์ตามข้อความ โดยใช้แบบประเมินการ

ต ่ า ง ๆ ใ ก ล ้ ต ั ว ใ น และรูปภาพในกิจกรรม สนทนากจิ กรรมคู่ และใช้

สถานการณ์จำลองท่ี New language เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้

เกดิ ขนึ้ ในห้องเรยี น

อธิบายความแตกต่าง ข้อเขียนอธิบายความ ประเมินการเขียนอธิบาย

ร ะ ห ว ่ า ง ค ำ พ ั ง เ พ ย เหมือนความแตกต่าง ความแตกต่างและความ

สุภาษิต อธิบายความ ระหว่างระหว่างสำนวน เหมือน โดยใช้แบบ

เหมือนความแตกต่าง ภาษา สุภาษิต วิถีชีวิต ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร เ ข ี ย น

ระหว่างวถิ ชี วี ิต ความเช่ือ ความเชื่อวัฒนธรรมของ เปรียบเทียบ และใช้

วัฒนธรรมของไทยและ ไทยและของเจ้าของ เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้

ของเจา้ ของภาษา ภาษา

อ ่ า น อ อ ก เ ส ี ย ง คำ ก า ร อ อ ก เ ส ี ย ง ประเมินการอ่านออก

ข้อความถูกต้องตาม Intonation ใน Adverb เสียงโดยใช้แบบประเมิน

หลกั การอ่าน Clauses ในข้อความท่ี การอ่านออกเสียง และ

ก ำ ห น ด ใ น ก ิ จ ก ร ร ม ใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้

Pronunciation

10. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เงื่อนไข 4 มติ )ิ
- การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3 หว่ ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงอ่ื นไข
พอประมาณ เงื่อนไขความรู้
มเี หตผุ ล เง่ือนไขคุณธรรม
มีภูมคิ ุม้ กันในตวั ท่ีดี
มิติสง่ิ แวดลอ้ ม มติ ิวัฒนธรรม
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ
มิตเิ ศรษฐกจิ มติ ิสังคม

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 33

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า อ 33102

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 12 As the Saying Goes จำนวน 5 ช่วั โมง

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 33 Figurative Language จำนวน 1 ช่วั โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น

อย่างมีเหตผุ ล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/2 อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครส้นั

(skit) ถกู ต้อง ตามหลกั การอ่าน

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็น

จากการฟงั และ อา่ นเรือ่ งทีเ่ ปน็ สารคดี และบนั เทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตวั อย่าง ประกอบ

2. สาระสำคญั

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิตในบทเรียนและจาก

การศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรียนจะได้พูดแสดงบทบาทสมมติ การสนทนาที่กล่าวถึงสำนวน

ภาษาและสุภาษิต ฟังบุคคลสนทนาเกี่ยวกับการซุบซิบนินทา เขียนบรรยายเหตุการณ์ สถานการณ์ที่มีถ้อยคำ

สำนวนภาษาและสุภาษิต และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิต นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งหน้าที่ภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพื้นฐานของ

กิจกรรมฟงั พูด อา่ น เขียนในหนว่ ยการเรียนรู้น้ี

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจว่าการฝึกใช้คำศัพท์ สำนวนเกี่ยวกับสำนวนภาษาและสุภาษิต จะทำให้นักเรยี น

สนทนา อ่าน และเขยี นไดด้ ยี ง่ิ ข้ึน

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

3.2.1 ออกเสียงบทสนทนาถกู ต้องตามหลักการอา่ น

3.2.2 แสดงความคิดเห็นจากการฟังและอา่ น

3.3 ด้านเจตคติ/คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค/์ คุณธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก

3.3.1 ใฝ่เรียนรู้ : คน้ คว้าหาความร้จู ากแหล่งเรียนรตู้ ่าง ๆ

3.3.2 รูท้ ันโลก : เรยี นรู้การปรับตวั และรบั ข่าวสารใหม่ ๆ อย่เู สมอ

4. สมรรถนะของผเู้ รียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา

4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. สาระการเรียนรู้

- คำศัพท์

กจิ กรรม Listening

- gossip (n.): talking about other people’s behavior and private lives, often

including unkind remarks (นินทา)

- curiosity* (n.): a strong feeling of wanting to find out about something (ความ

อยากรอู้ ยากเห็น)

- sake* (n.): a benefit, a purpose (ผลประโยชน์, จดุ ม่งหมาย)

Note: * = see in audioscript

- สำนวนภาษา

กิจกรรม Conversation

- get off (one’s) back หมายถงึ เลิกวพิ ากษว์ จิ ารณ์ผอู้ ื่น เลกิ พดู จาค่อนแคะ

- Life isn’t a bed of roses. หมายถงึ ชวี ิตท่ีลำบากและอาจเตม็ ไปด้วยปัญหา ตรงกับสำนวนไทยวา่

ชีวติ ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกหุ ลาบ

- she still… หมายถึง หล่อนแค่ ... , หลอ่ นยังคง ... ใชเ้ มื่อกล่าวถงึ สถานการณ์หรือการกระทำทีย่ ัง

ดำเนนิ อยู่และจะตอ้ งไม่เปลยี่ นแปลงหรอื หยุดลงเสยี กอ่ น

- Big deal! หมายถึง เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใครจะไปสนใจ เป็นคำพูดประชดประชัน ใช้

ใ น ก ร ณ ี ท่ี

ผูพ้ ดู ร้สู กึ ว่าคำพดู การกระทำของค่สู นทนาไม่มปี ระโยชนห์ รอื ไมใ่ ช่ประเด็นสำคญั

- So it’s different (for)… หมายถึง จงึ ต่างกนั .... ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บส่งิ หน่งึ ว่าแตกต่างจากอกี สิ่ง

หนึ่ง

- put off for tomorrow หมายถึง การเลอื่ นภาระหรืองานทต่ี ้องทำในเวลาน้นั ออกไปก่อน ตรงกบั

สำนวนไทยว่า ผลดั วันประกนั พรุ่ง

กิจกรรม Listening

- let the cat out of the bag หมายถึง การกระทำทเี่ ปดิ เผยความลบั ออกมาโดยไมไ่ ด้ตั้งใจ หรอื เป็น

การเผลอหลดุ ปากพูดออกมา

- It is not a secret if it is known by three people หมายถงึ ความลับจะไม่เปน็ ความลับอีกตอ่ ไป

ถ้ามีคนรู้มากกว่า 3 คน

- Closed mouths catch no files เป็นสำนวนเปรยี บเทยี บวา่ บางเร่ืองนนั้ ถึงพดู ไปกไ็ ม่มีประโยชน์

ตรงกับสำนวนไทยว่า พดู ไปสองไพเบี้ย นงิ่ เสียตำลึงทอง

- Out of picture หมายถึง ไมไ่ ดอ้ ยูด่ ว้ ยกัน

- หนา้ ทภี่ าษา

- To talk about complaining and comment

- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์
- Imperative

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

กิจกรรม Conversation

1. นำเขา้ สบู่ ทเรียน
- ครชู ักชวนนกั เรียนพดู คยุ เกีย่ วกบั คำพดู ของญาติผู้ใหญ่ท่ใี ช้อบรบสั่งสอน เชน่ คำพดู ให้คตหิ รือสุภาษิต

โดยอาจใช้แนวคำถามดงั นี้
- What proverbs / folk sayings do your parents often say?
- What proverbs / folk sayings do you often say?

2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- ครบู อกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรยี นรนู้ น้ี ักเรียนจะไดฝ้ ึกการออกเสยี งบทสนทนา ฟงั บคุ คลสนทนา

เกี่ยวกับการขอความเห็นใจและให้ข้อเสนอแนะ นกั เรียนจะได้ฝกึ อา่ นออกเสียงบทสนทนาให้ถกู ต้องตาม
หลักการอ่านและสามารถตอบคำถามแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั บทสนทนาได้
3. ฟงั และอา่ นบทสนทนา

- ครูเปดิ ซดี ีบนั ทกึ เสียง CD 2 Track 36 กจิ กรรม Conversation (ให้นักเรยี นปิดหนงั สือเรยี น) ใหน้ กั เรยี น
ช่วยกันบอกวา่ บทสนทนาเป็นเรอ่ื งเก่ยี วกับอะไร โดยให้ชว่ ยกนั ตอบคำถามดงั นี้

- What is the conversation about?
- How many people are talking? Who are they?
- ครเู ปดิ ซีดบี ันทกึ เสียงอกี ครั้ง ให้นักเรียนทำกจิ กรรม About the Conversation ในหนังสือเรยี น หนา้
87
- ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมในกรณที ่ีนักเรยี นยังตอบไม่
ถกู ต้อง
4. อา่ นออกเสยี ง
- ครูเปดิ ซดี ีบนั ทึกเสียง CD 2 Track 36 ให้นกั เรียนฟัง หยดุ ซีดีบนั ทึกเสยี งเม่ือจบคำพดู ของบุคคลเพื่อให้
นักเรยี นออกเสยี งตาม
- ครูใหน้ กั เรยี นจบั คู่ฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรยี น หนา้ 87 ครอู าจสุ่มนกั เรียนบางคู่อ่านในชน้ั เรยี น
พร้อมกับทำท่าทางประกอบ
- ครูประเมินการอา่ นออกเสยี งโดยใชแ้ บบประเมนิ การออกเสยี ง และใช้เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้
5. พฒั นา Conversation Strategy
- ครใู หน้ กั เรยี นดูกจิ กรรม Conversation Strategy ในหนังสือเรียน หน้า 87 พร้อมทั้งให้นักเรยี นอา่ นคำ
ในแถบสีฟ้า ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันดูประโยคกอ่ นหนา้ และข้อความต่อจากคำพดู เหล่านี้ ถามนักเรยี นวา่ คำพูด
เหล่าน้ใี ชเ้ พ่อื อะไร ใชเ้ มอื่ ไร แลว้ ครสู รปุ ให้นกั เรียนฟงั ว่าสำนวนท้ังสามใช้อยา่ งไร กลา่ วคือ Big deal! เปน็
คำพูดบอกว่าเร่ืองทไ่ี ด้ยิน
ไม่สำคญั และ she still… กับ So it’s different (for)… ใช้พูดแสดงการเปรียบเทียบ
6. แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั บทสนทนา
- ให้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับบทสนทนาตามประเด็นดงั นี้
- What’s Sean’s problem?
- Do you sympathize with Sean?

- Do you think he works hard?
- ครูประเมนิ การพดู แสดงความคิดเห็นโดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการพดู และใช้เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้

กิจกรรม Listening
1. นำเขา้ สูบ่ ทเรียน

- ครูเขียนความหมายของ gossip บนกระดาน ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันทายคำศัพทแ์ ละชวนพุดคุย โดยอาจใช้
แนวคำถามดังน้ี

- Do you know what word means “talk, often unkind, about other people”?
- Do you like it? Why?
2. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ครูบอกนกั เรียนว่าในหนว่ ยการเรยี นรูน้ ี้นกั เรียนจะไดฟ้ งั บคุ คลสองคนคยุ กัน
เกีย่ วกบั “gossip” หลงั จากฟงั แลว้ นักเรยี นจะได้สรุปใจความ และตอบคำถามเกีย่ วกับเรอื่ งทอ่ี า่ น
3. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั นึกสุภาษิตของไทยและของภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวกบั การนนิ ทาและเขียนบน
กระดาน ครูเพิม่ เติมสุภาษติ ข้างลา่ งใหน้ กั เรียนชว่ ยบอกความหมาย
- It is not a secret if it is known by three people.
- Closed mouths catch no flies.

CULTURE CORNER

สำนวน/คำศัพท์เกีย่ วกับการพดู นินทา
- Listeners hears no good of themselves ตรงกับสำนวนไทยว่า อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ หมายถึง

คำตเิ ตียนลับหลังเป็นสงิ่ ทค่ี นเราหนีไม่พ้น
- Confide in an aunt and the world will know ตรงกับสำนวนไทยว่า ปากคนยาวกว่าปากกา หมายถึง

คนเราสามารถพูดนินทาหรือพูดให้เรื่องราวต่าง ๆ แพร่กระจายไปได้ไกล ซึ่งสำนวนนี้ใช้ในเชิงนินทาว่าร้าย
หรือกลา่ วในเชงิ ลบ
- Gossiper หมายถึง คนทช่ี อบซบุ ซิบนินทา หรอื เรียกไดว้ ่าเป็นพวกปากหอยปากปู
- Talk behind one’s back หมายถึง พูดลับหลงั พดู นินทา

4. ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันนึกถึงสาเหตุท่ีคนพูดนินทาหรือชอบอ่านคอลัมนซ์ บุ ซบิ ตามความคดิ ของนักเรียน ใน
ขน้ั ตอนน้ี นักเรยี นอาจจะใชค้ ำศพั ท์ไมถ่ ูกตอ้ ง ครชู ่วยแกไ้ ขซึง่ เป็นการเตรยี มความพร้อมกอ่ นฟงั แนวคำถาม
คำตอบอาจเปน็ ดังนี้

- Do you like to read a gossip column? Why? (for curiosity sake)
- Why do people gossip? (to blame, to discuss)

etc.

5. ฟงั บทสนทนา
- ครใู ห้นกั เรยี นจับคู่ ครเู ปิดซีดบี นั ทกึ เสียง CD 2 Track 37 กจิ กรรม Listening ให้นกั เรียน

ฟงั 2 รอบ แต่ละรอบครูอาจจะหยดุ ซีดีบันทึกเสียงเปน็ ช่วง ๆ ตามท่คี รเู หน็ วา่ เหมาะสมกบั ระดับความสามารถ

ของนกั เรียน
- ใหน้ ักเรยี นบอกถงึ ขอ้ มูลทีน่ ักเรียนไดย้ ินจากการสนทนาลงใน Worksheet 1 สุม่ ถามนกั เรยี นบางคู่และ
ชว่ ยกันเฉลยคำตอบ
Worksheet 1

What do you know from the CD about the following items?

1. male Items What do you know from the CD?
(1. more open and frank)
(2. provide more gossip than females)
2. female
3. Lilian Anderson

4. Elaine
5. What they want to know later.
6. Ethan and Liz’s feeling about
gossip?

เฉลยคำตอบ

2. keep things more to themselves

3. 1. probably visited Elaine, 2. went out with Elaine’s boyfriend

4. used to be Lilian’s best friend.

5. whether Lilian and Elaine become friends again.

6. They say they hate goosip but they are gossiping about Elaine and Lilian.

- ใหน้ ักเรยี นอา่ นคำสั่งในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หนา้ 87
- ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เขียน T หรือ F ลงหนา้ ประโยคในกจิ กรรม Listening
- สุ่มถามคำตอบนักเรียน
- ครเู ปดิ ซีดีบนั ทึกเสยี งใหน้ ักเรยี นฟังอีกคร้งั เพื่อใหน้ ักเรยี นแน่ใจในคำตอบ
- ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกวา่ ขอ้ แนะนำใดทน่ี กั เรยี นไม่เคยทราบมาก่อน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
6. ประเมนิ การฟัง
- ครูประเมนิ การฟงั เพื่อจับใจความสำคญั จากจำนวนคำตอบท่ีถกู ตอ้ งในการทำกจิ กรรม Listening ใน
หนังสือเรยี น หนา้ 87 โดยใชเ้ กณฑผ์ า่ นร้อยละ 60

กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- ใหน้ ักเรยี นพูดคยุ และสนทนาเก่ยี วกบั บุคคลท่ีมีชื่อเสียงทีเ่ สยี สละทำงานเพอ่ื ส่วนรวมตามท่ีนักเรยี นเคย

อา่ นหรอื ดูโทรทศั น์

7. สื่อการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน New World 6 หน้า 87

2. ซีดีบันทึกเสยี ง

3. เคร่อื งเลน่ ซดี ี

4. Worksheet 1

5. สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์

www.engtest.net/forum/detail.php?type_id=03-03&&topic_id=2602

www.mrthaijob.com/column/viewbrows.php?aid=17818&catid=13

http://funtales4u.blogspot.com/2011/11/blog-post.html

http://writer.dek-d.com/nipapo/story/viewlongc.php?id=568119&chapter=48

http://ton4181.blogspot.com/2012/09/blog-post_23.html

http://englishidiomsaday.blogspot.com/p/blog-page.html

http://www.englishbaby.com/lessons/224/slang/talk_about_her_behind_her_back

8. แหล่งเรียนรู้ -

9. การวดั และการประเมนิ ผล

มาตรฐานการเรียนรู้ ส่ิงทตี่ อ้ งร้แู ละปฏิบัติได้ ผลงาน/ช้ินงาน การวดั ผลและประเมินผล
และตัวชีว้ ดั

ต 1.1 ม.4-6/2 ออกเสียงบทสนทน า การอ ่านออกเสียงบท ประเมินการอ่านออกเสียง

ถกู ต้องตามหลักการอา่ น สนทนา ใ น ก ิ จ ก ร ร ม โดยใช้แบบประเมินการ

Conversation อ่านออกเสียง และใช้

เกณฑผ์ า่ นระดับพอใช้

ต 1.1 ม.4-6/4 แสดงความคิดเห็นจาก ถ ้ อ ย ค ำ พ ู ด แ ส ด ง ประเมนิ การพูดแสดงความ

การฟงั และอา่ น ความคิดเห็นเกี่ยวกับ คิดเห็นโดยใช้เกณฑ์การ

บทสนทนาตามประเด็นที่ ประเมินการพูด และใช้

กำหนด เกณฑผ์ า่ นระดับพอใช้

ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ คำตอบจากกิจกรรม ประเมนิ การฟังจากจำนวน
ค ำ ต อ บ ท ี ่ ถ ู ก ต ้ อ ง โ ด ย ใ ช้
สรุปความจากการฟัง Listening เกณฑผ์ ่านรอ้ ยละ 60
บทสนทนา

10. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 ห่วง 2 เงอื่ นไข 4 มติ )ิ

- การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงอ่ื นไข

พอประมาณ เงอ่ื นไขความรู้
มีเหตุผล เง่ือนไขคณุ ธรรม
มีภูมิคุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4 มติ ิ มิติส่งิ แวดล้อม มิติวัฒนธรรม
มติ ิเศรษฐกิจ มิตสิ งั คม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 34 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ

รายวชิ า ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ 33102

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 12 As the Saying Goes จำนวน 5 ชว่ั โมง

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 34 Figurative Language จำนวน 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก

และความคิดเห็นอย่างมีประสทิ ธภิ าพเหตผุ ล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว

ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว/ เหตุการณ์ ประเดน็ ทอี่ ย่ใู นความสนใจของสังคม และส่อื สารอย่างต่อเนื่อง

และเหมาะสม

2. สาระสำคญั

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิตในบทเรียนและจาก

การศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรียนจะได้พดู แสดงบทบาทสมมติ การสนทนาที่กล่าวถึงสำนวน

ภาษาและสุภาษิต ฟังบุคคลสนทนาเกี่ยวกับการซุบซิบนินทา เขียนบรรยายเหตุการณ์ สถานการณ์ที่มีถ้อยคำ

สำนวนภาษาและสุภาษิต และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิต นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมท้ังหน้าที่ภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพื้นฐานของ

กิจกรรมฟัง พูด อา่ น เขียนในหน่วยการเรียนร้นู ี้

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจวา่ การฝึกใช้คำศัพท์ สำนวนเกี่ยวกับสำนวนภาษาและสุภาษิต จะทำให้นักเรยี น

สนทนา อา่ น และเขยี นได้ดีย่ิงขึน้

3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ

3.2.1 เขยี นข้อมลู เก่ยี วกับตนเอง

3.3 ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค/์ คุณธรรมจริยธรรมทสี่ อดแทรก

3.3.1 ใฝเ่ รยี นรู้ : คน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ

3.3.2 รู้ทันโลก : เรยี นรูก้ ารปรบั ตวั และรบั ข่าวสารใหม่ ๆ อย่เู สมอ

4. สมรรถนะของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา

4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรียนรู้

- คำศัพท์
-

- สำนวนภาษา
-

- หนา้ ทภ่ี าษา
- To give reasons, contrast, manner, and time of action

- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- Adverb Clauses
- Prepositions

6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

กิจกรรม Grammar

1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- ครบู อกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรยี นรูน้ นี้ ักเรียนจะได้เรียนรู้การ

ใช้ Adverb Clauses และ Prepositions เพ่อื นำไปใช้พูดและสื่อสารเกย่ี วกับการขยายกรยิ าดว้ ยประโยคหรอื
คำนาม
2. นำเสนอการใช้ Adverb Clauses

- ครูนำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยเขียนประโยคท่ีมี Adverb Clauses ใหน้ ักเรยี นช่วยกันเติมคำลงในประโยคท่ี
มี Prepositions และมคี วามหมายเหมือนกันดังน้ี

- The film star is going to marry to an old man because he is rich.
= The film star is going to marry to an old man because of __________. (his richness)

- My brother did not go to school because he was sick.
= My brother did not go to school because of ____________. (his sickness)

- ครถู ามนักเรียนถึงความแตกตา่ งระหว่างคำทต่ี ามหลงั because และ because of และถามถงึ หนา้ ทใี่ น
ประโยคของ Adverb Clauses และ Prepositions + Noun

- ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นกรอบ Grammar ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 88 ในส่วนแรก (Adverb Clauses) ให้
นักเรยี นสงั เกตโครงสร้างของ Adverb Clauses ท่ีประกอบด้วย Subject + Verb อธิบายว่า Adverb Clauses
สามารถอยู่ส่วนหน้าหรอื ส่วนหลังของประโยค (sentence) กไ็ ด้ ถา้ อยสู่ ่วนหน้าต้องมีเคร่อื งหมายคอมมา
คั่นกลางดงั ตัวอย่าง

- She missed the concert because she was sick.
- Because she was sick, she missed the concert.
- ให้นกั เรียนชว่ ยบอกความหมายของ Conjunctions และ Clauses
3. นำเสนอการใช้ Prepositions และเปรยี บเทียบกับ Adverb Clauses
- ครใู หน้ ักเรยี นอ่านกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 88 ในส่วนที่สอง (Prepositions) ใหน้ กั เรยี น

สังเกตคำท่ตี ามหลังคำ Prepositions ซง่ึ จะเป็น Prepositions + Noun/Gerund
- ให้นกั เรยี นสังเกตวา่ ประโยคท่มี ี Conjunctions และ Prepositions มคี วามหมายเหมอื นกนั ได้แต่

โครงสรา้ งไม่เหมอื นกนั ทงั้ Conjunctions และ Prepositions สามารถบอกทงั้ เหตุผล ความขัดแย้ง ทา่ ทาง
และเวลา

- ให้นกั เรยี นอา่ นประโยคตัวอยา่ งในกรอบไวยากรณแ์ ละชว่ ยกนั บอกความหมายของ Conjunctions และ
Prepositions

- ครเู ขียนตารางวา่ งบนกระดาน (ยกเว้นดา้ นบนละด้านซา้ ย) ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เตมิ คำในตารางดงั นี้

Modify: Conjunctions Prepositions
Reason because, since, as because of, due to
Contrast although, even though In spite of, despite
Manner as though, as if like
Time as, while at, on, during

- ใหน้ ักเรยี นแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 4 คน เขยี นประโยคตัวอย่างด้วยคำในตาราง
- ครตู รวจสอบความเข้าใจโดยครูเขียนประโยคบนกระดานใหน้ ักเรยี นช่วยกนั เลือกคำในวงเล็บทีถ่ กู ต้อง
ดงั น้ี

- He didn’t do his homework (since / due to) he was busy with his chores.
- (Although / In spite of) her hard work, she didn’t get a good grade in the class.
- (While / During) we were driving home, we saw a rainbow.
4. ฝึกพูดและเขียน
- ครใู ห้นักเรียนฝึกใช้ Adverb Clauses และ Prepositions โดยใหน้ กั เรียนทำกิจกรรม Grammar A ถึง D
ในหนงั สือเรยี น หนา้ 88-89 ในแตล่ ะกิจกรรมดำเนินการดงั น้ี
กจิ กรรม Grammar A
- ครูให้นกั เรียนดูกิจกรรม Grammar A ในหนังสอื เรียน หน้า 88 อ่านออกเสยี งคำส่ังและถามนักเรยี น
เพ่ือทบทวนถงึ ความหมายของ even though หรือ because ว่า even though มคี วามหมายเชงิ ขัดแย้ง
(คลา้ ย but) ส่วน because มคี วามหมายบอกเหตุผลของบางสิ่งบางอยา่ ง
- อ่านออกเสียงประโยคในขอ้ 1 ให้นกั เรยี นช่วยเลือกคำมาเติม โดยใหม้ คี วามหมายสอดคล้องกบั ประโยค
ทกี่ ำหนด (even though)
- ครูใหน้ กั เรยี นจบั คู่กนั ทำข้อท่เี หลอื
- ครสู ุม่ นกั เรยี นอ่านออกเสยี งประโยคท่สี มบูรณแ์ ละใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) ครู
ช่วยอธบิ ายและแก้ไขในกรณที ี่เห็นว่ายังไมถ่ กู ต้อง
กิจกรรม Grammar B
- ครใู ห้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำส่งั กิจกรรม Grammar B ในหนังสอื เรยี น หน้า 89
- ครถู ามนักเรียนถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ ง in spite of และ although และช่วยสรปุ เพม่ิ เตมิ วา่ in spite
of + Noun / Pronoun / Gerund ส่วน although + Subject + Verb
- อ่านออกเสียงประโยคในข้อ 1 ให้นักเรยี นช่วยกนั เตมิ ขอ้ ความ คำตอบคือ in spite of เพราะคำท่ี
ตามหลังชอ่ งวา่ งเปน็ คำนาม
- ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนทำขอ้ ที่เหลอื

- ครสู ุม่ นกั เรียนอ่านออกเสยี งประโยคทสี่ มบูรณ์ ครูช่วยอธิบายและแก้ไขในกรณที ี่เหน็ ว่ายังไมถ่ ูกตอ้ ง (ดู
เฉลยท้ายเล่ม)

กิจกรรม Grammar C
- ครูใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสยี งคำสั่งกิจกรรม Grammar C ในหนังสือเรียน หน้า 89
- ครูบอกนักเรยี นวา่ Conjunctions หลายตัวมคี วามหมายเหมือน Prepositions
- ใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสียงข้อความในข้อ 1 ใหน้ ักเรียนเลือกคำทอ่ี ยู่ในวงเล็บว่าใช้ like หรอื as (like)
เพราะคำขา้ งหลังเปน็ คำนาม ไมใ่ ช่ Subject + Verb
- ครใู หน้ กั เรียนจบั คกู่ ันทำในข้อทีเ่ หลือ
- ครูสมุ่ นักเรยี นอา่ นออกเสียงประโยคแต่ละขอ้ และให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคำตอบ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) ครู
ชว่ ยอธิบายและแก้ไขในกรณีทีเ่ ห็นวา่ ยังไมถ่ กู ตอ้ ง
กิจกรรม Grammar D
- ครูใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสียงคำสงั่ กจิ กรรม Grammar D ในหนังสอื เรียน หนา้ 85
- ครูบอกนกั เรียนว่าในแบบฝกึ หัดน้ีเปน็ แบบปลายเปดิ นักเรยี นตอ้ งหาคำมาเติมเองตามความคดิ ของ
นกั เรียน
- ครูถามนักเรียนวา่ ในขอ้ 1 จะเติมอะไรถ้าขา้ งหนา้ เปน็ like (เปน็ Prepositions) ให้เติมคำนามหรือ
Gerund ซ่ึงอาจจะเตมิ like a desert หรือ like land after a fire
- ครูให้นกั เรียนเขยี นตอบในข้อที่เหลอื
- ครสู มุ่ นกั เรียนอ่านออกเสียงประโยคทีส่ มบรู ณ์ ครชู ว่ ยอธิบายและแก้ไขในกรณที ีเ่ ห็นวา่ ยังไม่ถกู ต้อง
5. พดู และเขยี นในหวั ขอ้ “The Steps in My Planning after Graduating M.6 and Reasons”
- ครูถามนกั เรียนเกี่ยวกบั แผนการในอนาคตหลังจากจบ ม.6 โดยอาจใช้แนวคำถามดงั นี้

- What are you going to do after you finish M.6? (I am going to study in the field of
education in a university.)

- Why? (Because I’m interested in it. Education can make people wise and progress.)
- What are you going to do after that? Why? (I’m going to study abroad although my
parents must pay a lot of money. Because I want to speak English fluently and get some
experiences to establish an international school.)
- ครูให้นักเรียนเขยี นประโยค 6-8 ประโยค ในหวั ข้อ “The Steps in My Planning after Graduating
M.6 and Reasons” พรอ้ มท้งั ใช้ Conjunctions และ Prepositions ให้สอดคลอ้ งกับข้อความ
- ใหน้ กั เรียนจับคู่อา่ นประโยคท่เี ขยี นให้เพื่อนฟงั ครูส่มุ นกั เรียนอ่านใหเ้ พื่อนฟังในชัน้ เรยี น
- ครปู ระเมินการพูดโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพูด และใชเ้ กณฑผ์ ่านระดับพอใช้
6. ประเมนิ การเขียน
- ครปู ระเมนิ ข้อเขยี นหัวขอ้ “The Steps in My Planning after Graduating M.6 and Reasons” โดย
ใชเ้ กณฑก์ ารประเมินการเขยี น และใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดับพอใช้

กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา

- ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั ข้อ A-F ในหนังสอื แบบฝึกหดั New World 6 หนา้ 57-59 (ดูเฉลยท้ายเล่ม)

7. ส่อื การเรียนรู้

1. หนังสือเรียน New World 6 หน้า 88-89

2. หนงั สอื แบบฝึกหัด New World 6 หนา้ 57-59

8. แหลง่ เรยี นรู้ -

9. การวดั และการประเมินผล

มาตรฐานการเรียนรู้ สง่ิ ท่ีต้องรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้ ผลงาน/ช้นิ งาน การวดั ผลและประเมินผล
และตวั ชี้วดั

ต 1.2 ม.4-6/1 เขียนข้อมูลเกี่ยวกับ ถ้อยคำพูดและข้อเขียน - ประเมินการพูดโดยใช้

ตนเอง ในหัวขอ้ “The Steps in เกณฑ์การประเมินการ

My Planning after พูด และใช้เกณฑ์ผ่าน

Graduating M.6 and ระดบั พอใช้

Reasons” ด้วยประโยค - ประเมินข้อเขียนโดยใช้

ท ี ่ มี Adverb Clauses เกณฑ์การประเมินการ

หรือ Prepositions เขยี น และใช้เกณฑ์ผา่ น

ระดับพอใช้

10. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข 4 มิต)ิ

- การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3 ห่วง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 เงอ่ื นไข

พอประมาณ เงือ่ นไขความรู้

มีเหตุผล เง่ือนไขคุณธรรม

มภี ูมคิ ุ้มกันในตวั ท่ดี ี

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มติ ิ

มิตเิ ศรษฐกิจ มิตสิ งั คม มติ ิส่งิ แวดล้อม มติ ิวัฒนธรรม

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 35

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6

รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ 33102

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 12 As the Saying Goes จำนวน 5 ชวั่ โมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 35 Figurative Language จำนวน 1 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็

อย่างมเี หตผุ ล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/4 จับใจความส าคัญ วิเคราะหค์ วาม สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็น

จากการฟังและ อา่ นเรอ่ื งท่ีเป็นสารคดี และบนั เทิงคดี พร้อมทงั้ ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อย่าง ประกอบ

2. สาระสำคญั

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิตในบทเรียนและจาก

การศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรียนจะได้พดู แสดงบทบาทสมมติ การสนทนาที่กล่าวถึงสำนวน

ภาษาและสุภาษิต ฟังบุคคลสนทนาเกี่ยวกับการซุบซิบนินทา เขียนบรรยายเหตุการณ์ สถานการณ์ที่มีถ้อยคำ

สำนวนภาษาและสุภาษิต และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิต นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมท้ังหน้าที่ภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพื้นฐานของ

กิจกรรมฟงั พูด อา่ น เขียนในหน่วยการเรียนรูน้ ้ี

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจวา่ การฝึกใช้คำศัพท์ สำนวนเกี่ยวกับสำนวนภาษาและสุภาษิต จะทำให้นักเรยี น

สนทนา อา่ น และเขยี นไดด้ ยี ิ่งขนึ้

3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ

3.2.1 จับใจความสำคญั วเิ คราะห์ความ สรุปความ ตีความบทความทีอ่ ่าน

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค/์ คณุ ธรรมจริยธรรมท่ีสอดแทรก

3.3.1 ใฝเ่ รียนรู้ : ค้นควา้ หาความรู้จากแหลง่ เรยี นรูต้ ่าง ๆ

3.3.2 ร้ทู นั โลก : เรยี นรกู้ ารปรับตัว และรับข่าวสารใหม่ ๆ อยเู่ สมอ

4. สมรรถนะของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา

4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรียนรู้

- คำศพั ท์ group of words with a special meaning (สำนวนของภาษา)
กจิ กรรม Reading a power to tell people what they must do (อำนาจ)
- idiom (n.): words spoken about something is happening (คำวิจารณ์)
- authority (n.): existing only in the mind rather in practice, theoretical (ท่ี
- commentary (n.): จนิ ตนาการ, ทีเ่ พ้อฝัน)
- notional (adj.): to join or fix one thing to another thing (ติด, ผกู กัน)
a circle that is tied in one end of a rope with a knot that
- attach (v.): allows the circle to get smaller as the other end of the rope
- noose (n.): is pulled (บว่ ง)
a long piece of wood, melt, etc. used to support weight,
- beam (n.): especially as part of the roof in a building (คาน, ข่ือ)
therefore, for this reason, from this origin (นบั จากนั้นเป็นต้นไป,
- hence (adv.): ดงั นน้ั , เพราะฉะนั้น)
a story, handed down from olden times, containing the early
- myth (n.): beliefs of a race (ตำนาน, นทิ าน)
to warn someone of a possibly dangerous situation (เตือน)
- alert (v.): to return to a normal after a period of activity (กลับคืน)
- recover (v.):

- สำนวนภาษา
กิจกรรม Reading
- the apple of your eye หมายถงึ แกว้ ตาดวงใจหรอื ส่ิงท่ีรักยง่ิ ใชใ้ นกรณีท่ีตอ้ งการบอกว่าบุคคล
ไหนหรอื ส่ิงของใดเปน็ ทร่ี ักชอบ
- to bring down the house เป็นสำนวนท่ใี ชเ้ ปรียบเทยี บเมอ่ื การแสดงต่าง ๆ สร้างความประทับใจ
ใหก้ บั ผู้ชม ทำให้ผู้ชมปรบมือให้ราวกับโรงละครจะถล่ม
- to put his foot down เปน็ การพูดยืนยัน ไม่เปล่ียนแปลง ตรงกบั สำนวนไทยว่า ยืนกระตา่ ยขาเดยี ว
- monkey business ใช้เรียกพฤติกรรมที่ไม่ดี การกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ซื่อสัตย์ หรือใช้ในกรณีท่ี
เปน็ เรอื่ งซุกซน เหลวไหล
- to spill the beans ใช้ในกรณที ีอ่ ยากให้ใครสักคนเผยความลับออกมา

- หน้าที่ภาษา

- To talk about the origin and meaning of idioms
- To discuss personal ideas about proverbs
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์
- If clause, so that, hence
6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

กจิ กรรม Reading

1. นำเขา้ ส่บู ทเรยี น
- ครเู ขยี นสำนวนภาษาต่อไปนบี้ นกระดานให้นักเรยี นชว่ ยกนั เดาความหมาย
- the apple of your eye
- to bring down the house
- to put his foot down
- monkey business
- to spill the beans
- ครเู ฉลยความหมายท่ถี ูกตอ้ งและบอกนกั เรยี นวา่ คำเหลา่ นีเ้ ป็นสำนวนภาษา (idiom) และใหน้ กั เรียน

ช่วยกันเดาความหมายของสำนวนภาษา (ดูขอ้ มูลดา้ นสำนวนภาษา) และอธิบายเพ่ิมเตมิ วา่ สำนวนภาษาจะ
เป็นขอ้ ความที่มคี วามหมายไมต่ รงตามคำและบางสำนวนในภาษาอังกฤษนน้ั ไดใ้ ชม้ าหลายรอ้ ยปี บางคำมาจาก
คมั ภีร์ไบเบลิ หรือคำประพันธข์ องเชกสเปียร์ซ่ึงเจ้าของภาษาจะใช้พดู อยเู่ สมอในปัจจุบัน ถา้ นักเรียนจำและ
นำไปพูดบ้างก็จะทำให้ภาษาอังกฤษท่ีนักเรยี นพดู ฟงั ดเู ปน็ ธรรมชาติและใกลเ้ คยี งกับเจ้าของภาษามากขน้ึ
2. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้

- ครูบอกนักเรยี นว่าในหน่วยการเรยี นรู้นน้ี ักเรยี นจะไดอ้ ่านขอ้ ความเก่ียวกบั ความเป็นมาและความหมาย
ของสำนวนภาษาในภาษาอังกฤษ 6 สำนวน เม่อื อ่านแล้วนกั เรียนจะบอกได้ว่าแต่ละสำนวนภาษามีความหมาย
และที่มาอยา่ งไร พรอ้ มทั้งแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น
กจิ กรรมกอ่ นอ่าน
1. ให้นักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี น หน้า 90 กิจกรรม Reading ดูอยา่ งรวดเรว็ ท่ตี ัวหนงั สือทเี่ ปน็ หวั เรื่องยอ่ ย (ยัง
ไมต่ ้องอา่ นข้อความ) ซึง่ คือสำนวนภาษา (idiom) ใหน้ ักเรียนช่วยกันเดาความหมายเป็นภาษาไทย
2. ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นออกเสียงหวั เรอื่ งพรอ้ มทง้ั เดาที่มาของแต่ละสำนวนภาษา
กิจกรรมระหวา่ งอ่าน
1. อา่ นบทความ

- ครูใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ใชเ้ วลาประมาณ 10-15 นาทีแลว้ แต่ระดบั ความสามารถของ
นักเรยี น อา่ นบทความและช่วยกนั บอกว่าแตล่ ะสำนวนภาษาจะใชภ้ าษาไทยเทียบเคยี งไดอ้ ย่างไร ตรงกับที่เดา
ไว้หรอื ไม่

สำนวนภาษา ความหมายภาษาไทย
1. Backseat driver
2. Back to square one
3. deadline

4. kick the bucket
5. rain cats and dogs
6. saved by the bell

เฉลยคำตอบ 1. บอกบทคนอน่ื 2. เร่มิ ตน้ ใหมห่ ลังจากพกั 3. เส้นตาย 4. ชีวิตอยู่บนเสน้ ด้าย 5. ฝนตกไม่

ลืมหูลมื ตา 6. ระฆังชว่ ย

- ครูสมุ่ ถามนกั เรียนและใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เลอื กความหมายภาษาไทยที่คดิ ว่าเหมาะสมที่สดุ สำหรับแต่ละ
สำนวนภาษา

- ใหน้ ักเรียนฟังซีดีบันทึกเสยี ง CD 2 Track 38 กจิ กรรม Reading และอา่ นในใจตาม
- ใหน้ กั เรียนสรปุ ความเป็นมาของแต่ละสำนวนภาษาด้วยถ้อยคำของตนเองเพื่อทำตามคำสง่ั ในกจิ กรรม
About the Reading ในหนงั สือเรยี น หนา้ 90
กจิ กรรมหลังอ่าน
1. ตรวจสอบความเข้าใจบทอา่ น
- ครูและนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องของคำตอบในกิจกรรม About the Reading (ดเู ฉลยท้าย
เลม่ )
2. ประเมนิ การอา่ น
- ครปู ระเมินความเขา้ ใจบทอา่ นจากการสรปุ ความหมายและความเป็นมาของสำนวนภาษาจากจำนวน
คำตอบท่ถี ูกต้อง โดยใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60
3. พัฒนาคำศัพท์
- ครใู หน้ ักเรียนอ่านบทอ่านอกี คร้งั ขีดเสน้ ใต้คำศัพทท์ ี่นักเรียนไมท่ ราบความหมาย และให้นกั เรยี นจบั คู่
กันเขยี นความหมายคำศัพทโ์ ดยดจู ากบริบททอ่ี า่ น
- ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกันบอกความหมายคำศัพทท์ ่ีเขียน คำศพั ท์ใดทีน่ กั เรยี นเขยี นความหมายไม่ได้ ครู
อธบิ ายเพมิ่ เติมหรอื ใหน้ กั เรียนค้นหาจากพจนานุกรม
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจคำศพั ท์
- ครูใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรม Vocabulary ในหนังสือเรียน หน้า 91 และช่วยกันเฉลยคำตอบ (ดูเฉลยท้าย
เลม่ )
5. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรอื่ งท่ีอ่าน
- ครูให้นกั เรยี นอภิปรายว่าอะไรเป็นสิ่งท่ีนา่ สนใจท่สี ุดหรอื น่าประหลาดใจที่สุดในบทอ่าน

- What is the most surprising or interesting in the Reading? Why?
- ให้นักเรียนชว่ ยกันบอกความเป็นมาของสำนวนภาษาในภาษาไทยที่นักเรยี นทราบ

กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา

- ครูใหน้ กั เรียนทำงานกลุ่ม วาดภาพการต์ นู และเขียนบทพูดทีม่ ีสำนวนภาษาทีน่ ักเรียนอา่ นในบทอ่าน
และนำมาแสดงใหเ้ พ่อื นดูในช้นั เรยี น

- ให้นักเรียนชว่ ยกนั เขียนสำนวนภาษาหรือสภุ าษติ ท่ีค้นควา้ ความหมายจากอินเทอร์เนต็ ลงในบตั รคำแลว้
แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 2 กลุ่ม แตล่ ะกลุม่ ส่งตัวแทนออกมาอ่านบัตรคำและทำท่าใบ้ให้เพ่ือนทง้ั กลุ่มชว่ ยกนั ทาย
ในเวลาท่กี ำหนด ถ้ากลุ่มใดทายถูกมากกวา่ เปน็ ฝา่ ยชนะ

7. ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียน New World 6 หนา้ 90-91

2. ซีดีบนั ทกึ เสยี ง

3. เครอ่ื งเล่นซดี ี

4. สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์

http://idioms.thefreedictionary.com/bring+down+the+house

www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=337

www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtuble_id=391

8. แหลง่ เรียนรู้ -

9. การวดั และการประเมนิ ผล

มาตรฐานการเรียนรู้ สง่ิ ท่ีต้องรแู้ ละปฏิบัติได้ ผลงาน/ชิ้นงาน การวดั ผลและประเมินผล
และตวั ชวี้ ัด

ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ สรุปความหมายของ ประเมินผลจากจำนวน

วิเคราะห์ความ สรุปความ สำนวนภาษาในบท คำตอบที่ถูกต้องโดยใช้

ตีความบทความทอี่ ่าน อ่านเปน็ ภาษาไทย เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60

ต 1.1 ม.4-6/4 จ ั บ ใ จ ค ว า ม ส ำ คั ญ สรุปความเป็นมาของ ประเมินผลจากจำนวน
วิเคราะห์ความ สรุปความ สำนวนภาษาจากบท คำตอบที่ถูกต้องโดยใช้
ตีความบทความทอ่ี า่ น อ ่ า น ใ น ก ิ จ ก ร ร ม เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60

About the Reading

10. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (3 ห่วง 2 เง่ือนไข 4 มติ )ิ

- การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงื่อนไข

พอประมาณ เงอ่ื นไขความรู้
มีเหตุผล เง่ือนไขคณุ ธรรม
มีภูมิคุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4 มติ ิ มิติส่งิ แวดล้อม มิติวัฒนธรรม
มติ ิเศรษฐกิจ มิตสิ งั คม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 36 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ

รายวิชา ภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ 33102

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 12 As the Saying Goes จำนวน 5 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 36 Figurative Language จำนวน 1 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก

และความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพเหตผุ ล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่อง

ต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และ ข่าว/เหตุการณ์อยา่ งมีเหตุผล

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ

ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม

ตัวชี้วัดท่ี ม.4-6/1 อธบิ าย/เปรยี บเทยี บความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน

คำพงั เพย สุภาษติ และบทกลอนของ ภาษา ตา่ งประเทศและภาษาไทย

ตวั ชีว้ ดั ท่ี ม.4-6/2 วิเคราะห์/อภปิ ราย ความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างวถิ ีชีวิต ความเช่ือ

และวัฒนธรรม ของเจา้ ของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างมีเหตุผล

มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น

พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั นข์ องตน

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับข้อมูลทีเ่ ก่ียวข้อง

กบั กลุ่มสาระการ เรียนรู้อนื่ จากแหล่งเรยี นรตู้ ่างๆ และ นำเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น

2. สาระสำคัญ

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิตในบทเรียนและจาก

การศึกษาค้นคว้าและนำเสนอในห้องเรียน นักเรียนจะได้พูดแสดงบทบาทสมมติ การสนทนาที่กล่าวถึงสำนวน

ภาษาและสุภาษิต ฟังบุคคลสนทนาเกี่ยวกับการซุบซิบนินทา เขียนบรรยายเหตุการณ์ สถานการณ์ที่มีถ้อยคำ

สำนวนภาษาและสุภาษิต และรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสำนวนภาษา สุภาษิต นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งหน้าที่ภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพื้นฐานของ

กิจกรรมฟัง พูด อา่ น เขยี นในหน่วยการเรียนรู้นี้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจวา่ การฝึกใช้คำศัพท์ สำนวนเกี่ยวกับสำนวนภาษาและสุภาษิต จะทำให้นักเรยี น

สนทนา อา่ น และเขยี นได้ดยี ่ิงขน้ึ

3.1.2 วิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งวิถีชีวิต ความเชื่อและวัฒนธรรมของเจ้าของ

ภาษากับของไทยและนำไปใช้อย่างมีเหตุผล

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

3.2.1 พดู แสดงความคิดเหน็ ของตนเกี่ยวกบั ความแตกต่างระหว่างสำนวนของภาษาตา่ งประเทศและ

ภาษาไทยอยา่ งมเี หตุผล

3.2.2 คน้ ควา้ /สบื คน้ บันทกึ สรุป และแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ข้อมูลทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั กล่มุ สาระการ

เรยี นร้อู ื่นจากแหล่งการเรียนร้ตู า่ ง ๆ และนำเสนอด้วยการพดู และเขยี น

3.3 ด้านเจตคติ/คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์/คณุ ธรรมจรยิ ธรรมทสี่ อดแทรก

3.3.1 ใฝเ่ รยี นรู้ : คน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหล่งเรียนรตู้ า่ ง ๆ

3.3.2 รทู้ นั โลก : เรยี นรู้การปรบั ตัว และรับข่าวสารใหม่ ๆ อยเู่ สมอ

4. สมรรถนะของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา

4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้

- คำศัพท์
-

- สำนวนภาษา
กจิ กรรม Writing
- a big mouth ใชพ้ ดู ถงึ คนที่ชอบโพนทะนาเร่ืองต่าง ๆ หรือคนทช่ี อบเปดิ เผยความลบั อาจเรียกว่า
คนปากสว่าง หรอื คนขีน้ นิ ทา
- blow the whistle ใช้ในการรายงานหรือบอกว่าใครทำอะไรในสง่ิ ท่ีไม่ถกู ตอ้ ง เพอื่ ใหห้ ยุดการ
กระทำนั้น
- pull someone’s leg ใช้พดู แสดงวา่ ไม่เชื่อ
- let off stream เป็นการกระทำทช่ี ่วยลดความโกรธโดยการทำตัวให้รา่ เรงิ
- kick oneself หมายถงึ หงดุ หงิดกับตัวเองท่ที ำบางส่ิงบางอย่างผดิ พลาด หรือพลาดโอกาสสำคญั
- get one’s foot in the door ใช้พดู ถึงคนท่ีตงั้ ใจคว้าโอกาสไม่ให้หลดุ มอื ไป หรอื อาจหมายถึง การ
ไดร้ ว่ มงานหรอื เข้าสูว่ งการ

- give someone an earful หมายถงึ การตะโกนเสยี งดังใสผ่ ูอ้ ื่นหรือบอกกบั คนอืน่ วา่ ตนโกรธมาก
ขนาดไหน

- get the ball rolling หมายถึง การเร่มิ ทำอะไรสักอย่าง มักใชก้ ับการเร่ิมทำโครงการสำคญั
- on the tip of one’s tongue ใช้บอกถึงอาการท่ีพยายามจะนึกถงึ อะไรบางอยา่ งแต่นึกไมอ่ อก หรือ

ท่ีใชก้ ันทวั่ ไปว่า ติดอยทู่ ่รี ิมฝีปาก
- หนา้ ท่ีภาษา

- To talk about idiom
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์

- Adverb Clauses
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

กิจกรรม Speaking

1. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ครูบอกนักเรียนว่าในหน่วยการเรยี นรนู้ ้นี กั เรยี นจะได้พูดแลกเปลย่ี นประสบการณ์เกี่ยวกับสำนวนภาษาที่

พบในภาษาของตนเองและภาษาอังกฤษ

CULTURE CORNER

ตวั อย่างสุภาษิต/คำพังเพยภาษาอังกฤษ
- Two wrongs don’t make a right เป็นคำพังเพยของชาวตะวันตกซึ่งเตือนใจว่า ถ้าใครมาก่อกรรมทำเข็ญ

กบั เรา และเราทำรา้ ยเขาเป็นการโต้ตอบ แล้วจะถือว่าหายกนั ไปนัน้ เปน็ ส่งิ ทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง
- People who live in glass houses should not throw stones หมายถึง อย่าตำหนิคนอื่นในเมื่อตัวเราก็

ไม่ต่างกัน ซึ่งตรงกับสำนวนไทยว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเปน็ เอง
- Better late than never หมายถึง ทำอะไรถึงแม้ว่าจะล่าช้าก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย มีความหมายคล้าย

กับสำนวนไทยทว่ี ่า มาช้าดีกว่าไมม่ า
- A picture is worth a thousand words หมายถึง ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้พันคำ ซึ่งตรงกับสำนวนไทย

ทีว่ ่า สบิ ปากวา่ ไม่เท่าตาเหน็
- Keep your friends close and your enemies’ closer หมายถึง เก็บเพื่อนไว้ใกล้ตัว แต่เก็บศัตรูให้

ใกล้กว่า

2. พูดแสดงความคิดเหน็ และรายงาน
- ครใู ห้นกั เรียนทำกจิ กรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 91
- สุม่ นกั เรยี น 1 คนอา่ นออกเสียงประโยคคำถามในกจิ กรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หนา้ 91
- ให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน ถาม-ตอบแลกเปลยี่ นประสบการณ์โดยตอบคำถามในกจิ กรรม

Speaking
- แตล่ ะกลมุ่ รวบรวมความคดิ เห็นของสมาชิกท่ีน่าสนใจ รายงานในช้นั เรียน
- นำหัวข้อที่มีคำตอบคล้าย ๆ กนั และแตกต่างกนั มาอภิปรายในชั้นเรียน

3. ประเมินการพดู นำเสนอขอ้ มลู

- ครูประเมนิ การพูดนำเสนอข้อมลู โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การพูด และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้

กจิ กรรม Writing
1. นำเขา้ สบู่ ทเรียน

- ครูให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งคำสง่ั ในกิจกรรม Writing ในหนงั สือเรยี น หนา้ 91
2. แจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้

- ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหน่วยการเรียนรู้นน้ี กั เรยี นจะไดฝ้ กึ เขยี นขอ้ ความหรอื สถานการณ์ทม่ี ีสำนวนภาษาที่
นักเรียนสนใจ
กิจกรรมกอ่ นเขยี น

1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตัวอย่างสำนวนภาษาในกิจกรรม Writing (a big mouth, blow the whistle,
pull someone’s leg, let of steam, kick oneself, get one’s foot in the door, give someone an
earful, get the ball rolling, on the tip of one’s tongue)
2. ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั คน้ ควา้ ความหมายของสำนวนภาษาดงั กล่าวจากพจนานุกรม (ดูข้อมูลด้านสำนวนภาษา)
3. ครูและนักเรียนชว่ ยการเขียนขอ้ ความท่มี ีสำนวนภาษาทน่ี ักเรียนสนใจดงั ตัวอย่าง

- I told Leah I couldn’t go out because I had a lot of homework. Leah told me we
didn’t have to do homework for the rest of the year. But she was just pulling my
leg. Leah can’t be trusted to keep a secret. She tells people anything she knows
about people. She has a big mouth. She told everyone that Denise really liked Jonah.

กจิ กรรมการเขยี น
1. ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนเขยี นข้อความตามคำส่ังในกิจกรรม Writing
2. นกั เรยี นจับคู่กับเพอื่ นแลกกนั อา่ นงานเขยี นของกนั และกัน และใหข้ อ้ เสนอแนะในการปรับปรงุ ตามท่ี
เหน็ สมควร
3. นักเรียนปรับปรงุ งานเขียน
กจิ กรรมหลังเขียน
1. ประเมนิ การเขียนข้อความ

- ครูประเมินขอ้ เขียนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้
2. นำเสนองานเขียน

- ครสู ุ่มนักเรียน 2-3 คน อ่านงานเขียนของตนเองใหเ้ พอ่ื นฟงั ในชั้นเรยี น
- ครูใหน้ กั เรียนติดงานเขยี นของตนที่บอร์ดในห้องเรียนเพ่ือให้เพ่ือนอ่าน ให้นักเรยี นสังเกตและบอกความ
แตกต่างของขอ้ ความหรือสถานการณ์ในกรณีทีเ่ ขียนข้อความหรอื สถานการณ์ท่ีมีสำนวนภาษาเดียวกนั

กจิ กรรม World Link

1. ใหน้ กั เรียนอ่านคำสงั่ ในกจิ กรรม World Link ในหนังสือเรยี น หน้า 91
2. ใหน้ ักเรียนจบั ค่เู ลือกประเภทของสำนวนภาษาท้ังของประเทศท่อี ยู่ในกลมุ่ อาเซียนและประเทศนอกกลุ่ม

อาเซียนอย่างนอ้ ย 5 สำนวน โดยหาความหมายและเขียนประโยคท่ีมีสำนวนเหลา่ น้ีดงั ตัวอย่าง
- ตัวอยา่ งหวั ขอ้ และสำนวนภาษา มีดงั ต่อไปน้ี

Food: a piece of cake, etc.
Animals: go to the dogs, etc.
Color: feel blue, etc.
Weather: under the weather, etc.
The body: see eye to eye, etc.
- ตวั อยา่ งการเขยี น “idioms with fruit”
Example: go bananas Meaning: go crazy
Jessica hasn’t gotten over her break up with Todd.
She went bananas when she heard he had a new girlfriend.
- ให้นักเรยี นแตล่ ะคู่สรปุ ขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการคน้ ควา้ ลงบนแผน่ โปสเตอร์

3. นำเสนอขอ้ มลู
- ใหน้ กั เรียนแลกเปล่ียนขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการค้นควา้ โดยตดิ แผน่ โปสเตอรร์ อบห้องเรียน

- ให้นักเรียนเดินดูผลงานเพื่อน และขณะที่เพื่อนเดินดูให้แต่ละคู่สรุปรายงานความรู้ที่ได้จากการ
คน้ คว้า

4. ประเมนิ การค้นคว้า
- ครูประเมินการค้นคว้าของนักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียน และใช้เกณฑ์ผ่าน
ระดับพอใช้

นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง
- นกั เรยี นทำแบบประเมนิ Self-Evaluation เพื่อประเมินตนเองเก่ียวกับเน้ือหาท่ีได้เรียนไปแลว้ (แบบ

ประเมิน Unit 12 Self-Evaluation ท้ายค่มู อื คร/ู ท้ายหนังสอื แบบฝกึ หดั )
กิจกรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา

- ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขอ้ G-H ในหนงั สอื แบบฝกึ หัด New World 6 หน้า 60 (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม)

7. ส่ือการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น New World 6 หน้า 91
2. หนังสอื แบบฝึกหัด New World 6 หนา้ 60
3. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
http://traipope.blogspot.com/2009/10/blog-post_1323.html
www.8ducationway.com/เรียนภาษาอังกฤษ-idiom/#L
www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181
www.oknation.net/blog/print.php?id=570883
www.reurnthai.com/index.php?topic=5531.10;wap2
www.sereechai.com/news/index.php/2013-05-01-06-35-40/2013-05-01-07-36-25/1574-

2014-03-07-08-13-20
www.gotoknow.org/posts/84723
www.sereechai.com/demo/news.php?no=8046
www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=132190.5;wap2
www.rakenglish.com/สภุ าษิตภาษาองั กฤษ

8. แหลง่ เรียนรู้ -

9. การวดั และการประเมนิ ผล

มาตรฐานการเรียนรู้ สิง่ ท่ตี อ้ งรู้และปฏบิ ตั ิได้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวัดผลและประเมนิ ผล
และตวั ชี้วดั

ต 1.2 ม.4-6/5, พูดแสดงความคิดเห็น ถ้อยคำพูดนำเสนอข้อมูล ประเมินการพูดนำเสนอ

ต 2.2 ม.4-6/1 ของตนเกี่ยวกับความ จาก ก าร แลก เปลี่ยน โดยใช้เกณฑ์การประเมิน
แตกต่างระหว่างสำนวน ประสบการณ์เกี่ยวกับ การพดู และใช้เกณฑผ์ า่ น

ของภาษาต่างประเทศ สำนวนภาษาที่พบใน ระดบั พอใช้

และภาษาไทยอย่างมี ภาษาของตนเอง และ

เหตผุ ล ภาษาองั กฤษ

ต 2.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความเหมือน ข้อเขียนข้อความหรือ ป ร ะ เ ม ิ น ข ้ อ เ ข ี ย น
ต 3.1 ม.4-6/1
แ ล ะ ค ว า ม แ ต ก ต ่ า ง สถานการณ์ที่มีสำนวน โดยใช้เกณฑ์การประเมิน

ระหวา่ งวถิ ชี ีวติ ความเช่ือ ภาษา (idiom) ทน่ี กั เรยี น การเขียน และใช้เกณฑ์

แ ล ะ ว ั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง สนใจ ผา่ นระดบั พอใช้

เจ้าของภาษากับของไทย

และ น ำไ ปใช้อ ย่างมี

เหตผุ ล

ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก รายงานข้อมูลเกี่ยวกับ ปร ะ เมิน ก าร ค้น คว้า

สรุป และแสดงความ สำนวนภาษา (idiom) และรายงานข้อมูลโดยใช้

คิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลท่ี ของประเทศในกลุ่มและ เกณฑ์การประเมินการ

เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ นอกกลมุ่ อาเซยี น เขียน และใช้เกณฑ์ผ่าน

การเรียนรู้อื่นจากแหล่ง ระดบั พอใช้

การเรียนรู้ต่าง ๆ และ

นำเสนอด้วยการพูดและ

เขียน

10. การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 ห่วง 2 เง่ือนไข 4 มิต)ิ

- การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข

พอประมาณ เง่อื นไขความรู้

มีเหตุผล เงื่อนไขคณุ ธรรม

มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ

มติ ิเศรษฐกิจ มติ สิ งั คม มิติสง่ิ แวดลอ้ ม มติ วิ ัฒนธรรม

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 37

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

รายวชิ า ภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า อ 33102

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 12 Review 4 จำนวน 4 ชวั่ โมง

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 37 Review 4 จำนวน 1 ช่วั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก

และความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพเหตุผล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/5 พูดและเขียนบรรยายความรูส้ ึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่อง

ต่างๆ กจิ กรรม ประสบการณ์ และ ขา่ ว/เหตกุ ารณอ์ ย่างมเี หตุผล

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ

ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ขอ้ ความ สำนวน

คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของ ภาษา ตา่ งประเทศและภาษาไทย

ตวั ชว้ี ัดท่ี ม.4-6/2 วิเคราะห/์ อภิปราย ความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างวิถีชวี ิต ความเช่ือ

และวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษากบั ของไทย และนำไปใช้อยา่ งมเี หตผุ ล

มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น

พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับข้อมูลทีเ่ ก่ียวข้อง

กับกลมุ่ สาระการ เรียนรูอ้ ื่น จากแหลง่ เรยี นรูต้ ่างๆ และ นำเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน

2. สาระสำคัญ

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทบทวนและประเมินความสามารถของนักเรียนในการใช้

คำศัพท์ หน้าท่ีภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ท่ีเรียนมาแล้วในหน่วยการเรียนรู้ที่ 10-12 เสริมศักยภาพใน

การฟัง พูด อ่าน เขียน รวมทั้งการทำกิจกรรมทางภาษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอันได้แก่ การพูดแสดงความ

คิดเห็น การอภปิ ราย การศกึ ษาค้นคว้าและการนำเสนอข้อมูล

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจว่าการฝึกและทบทวนความรู้ด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์ การฝึกอ่านและเขียน

ตลอดจนการทดสอบทางภาษา การได้รบั ขอ้ มูลย้อนกลับ จะช่วยทำให้การใช้ภาษาของนักเรียนมีความคงทน

สามารถใชภ้ าษาในการสอื่ สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

3.2.1 พูดแสดงความคดิ เหน็ ของตนเก่ียวกับความแตกตา่ งระหว่างสำนวนของภาษาต่างประเทศและ

ภาษาไทยอยา่ งมีเหตผุ ล

3.2.2 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรปุ และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทเ่ี ก่ียวข้องกบั กลุ่มสาระการ

เรียนรู้อื่นจากแหลง่ การเรียนรูต้ ่าง ๆ และนำเสนอดว้ ยการพดู และเขยี น

3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์/คุณธรรมจรยิ ธรรมทสี่ อดแทรก

3.3.1 ใฝเ่ รยี นรู้ : ค้นควา้ หาความร้จู ากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ

3.3.2 ร้ทู นั โลก : เรียนรกู้ ารปรบั ตัว และรบั ขา่ วสารใหม่ ๆ อยเู่ สมอ

4. สมรรถนะของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา

4.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้

- คำศัพท์
กิจกรรม Focus on the World
- erosion (n.): the natural process of gradually destroying or wearing down
something by wind and rain (การกรอ่ น, การเซาะ)
- landscape (n.): a view of the countryside (ภูมปิ ระเทศ)
- formation (n.): the process during which something develops or is created (การ
สร้าง, การก่อตวั )
- pillar (n.): a tall solid post that holds up a building, a column (เสาหิน, เสา
รองรับโครงสร้าง)
- inhabit (v.): to live in a place (อาศัยอยู่)
- flee (v.): to escape from a dangerous situation or place very quickly (หนี,
หนอี อกจาก)

- persecution (n.): extremely bad treatment of someone, especially because of
their race, religion, or political beliefs (การจบั มาลงโทษ, การก่อกวน)
- tunnel (n.): a long hole through the ground for a road or railway (อุโมงค)์
- defense (n.): guarding, protecting (เครอ่ื งป้องกัน)
- resident (n.): someone who lives in a particular place (ผ้อู ย่ปู ระจำ)
- survive (v.): to go on living through a difficult or dangerous (รอดชีวิต)
- dwelling (n.): houses, flat, or other shelter in which some lives (บา้ น)
- fresco (n.): painting done a plastered surface (ภาพวาดติดผนัง, การเขยี นภาพสี
บนผนัง)
- isolation (n.): keeping away from others (การเกบ็ หรือแยกไวต้ า่ งหาก)
- unique (adj.): not the same as anything or anyone else (ซึ่งเปน็ หนงึ่ เดยี ว)
- accommodation (n.): room(s), etc. provided for visitors (ท่พี กั อาศัย)

- สำนวนภาษา

-

- หน้าทภ่ี าษา

- To talk about unreal events in the past

- To give more detail of the main verb / main clause

- To talk about historical places

- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์

- Adverb

- Phrases with –ing and with Past Participles

- Adverb Clauses

- Prepositions

- Third Conditional

- Relative Clauses

6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ทบทวนโครงสรา้ งไวยากรณ์

1. ทบทวน Adverbs
แบบฝึกหัด A
- ครูเขยี นประโยคบนกระดาน ให้นักเรยี นเตมิ คำในรูป Adjective หรือ Adverbs ประโยคให้สมบูรณ์โดย

ช่วยกันเติมคำในรปู Adjectives or Adverbs
- It rained heavily.
- There was a heavy rainfall.

- ครูถามนกั เรียนเพื่อทบทวนการใช้ Adjectives และ Adverbs และการเติม –ly ท่ี Adjectives ทั่วไปให้
เป็น Adverbs และการเปลี่ยน y เปน็ i แล้วเตมิ –ly

- ใหน้ กั เรียนดกู รอบไวยากรณ์ในหนังสอื เรียน หนา้ 82 หวั ขอ้ Adverbs
- ให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำสั่งแบบฝกึ หัด A
- ครอู า่ นออกเสยี งประโยคในข้อ 1 แบบฝกึ หดั A ในหนงั สอื เรียน หน้า 92 ให้นักเรียนชว่ ยกันหาว่าคำใดที่

ถกู ขยายซงึ่ ในข้อน้ีเป็นคำนาม (Samantha) จงึ ต้องเป็น Adjectives
- ครใู ห้นักเรยี นจับคู่กนั ทำแบบฝึกหัด A ในหนังสือเรยี น หนา้ 92 ข้อ 2-10
- ครูตรวจสอบโดยสมุ่ นักเรียนบางคูอ่ า่ นประโยคที่สมบูรณ์ (ดเู ฉลยท้ายเล่ม)

2. ทบทวน Phrases with –ing and with Past Participles VS Past Progressive, Present Perfect และ
Past Simple Tenses
แบบฝึกหัด B
- ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำสง่ั แบบฝึกหัด B ในหนังสือเรียน หนา้ 92
- ให้นักเรียนดภู าพประกอบแบบฝึกหดั อย่างรวดเร็ววา่ มีเหตุการณอ์ ะไรกำลังเกิดขึ้นในภาพ และอา่ นบท

สนทนาแบบผ่าน ๆ
- อา่ นออกเสยี งบทสนทนาในสว่ นแรก ถามนกั เรยี นวา่ จะเปล่ยี นคำกรยิ าทใ่ี หม้ าในวงเล็บในรูป Phrases

หรือ Verb ถ้าเปน็ Phrases จะอยู่ในรปู Phrases with –ing หรือ Phrases with Past Participles (คำตอบ
คือ talking) ครูเพม่ิ เตมิ ว่า Phrases with –ing บอกวา่ คำนามนัน้ ๆ กำลังทำกรยิ านัน้ ๆ อยู่

- ใหน้ กั เรียนดูกรอบไวยากรณ์ในหนังสือเรยี น หน้า 82 หวั ขอ้ Phrases with –ing และ Phrases with Past
Participles เพอื่ ทบทวนความแตกต่างของการใช้

- ครูใหน้ ักเรยี นจบั คกู่ ันเตมิ คำในบทสนทนาในสว่ นทีเ่ หลือดว้ ยคำกริยาท่ีกำหนด บอกนักเรยี นว่ามบี าง
ช่องวา่ งทเี่ ปน็ กริยาของประโยคซง่ึ ตอ้ งเติมกรยิ าในรูป Tenses ตา่ ง ๆ และต้องดใู ห้สอดคล้องกบั เหตุการณ์ เชน่
Past Progressive, Past Simple หรอื Present Perfect tenses เปน็ ตน้

- ครูตรวจสอบโดยสุ่มนกั เรียนบางคู่อ่านประโยคที่สมบูรณ์ และครูอธิบายในกรณีที่นกั เรยี นทำไมถ่ ูกต้อง (ดู
เฉลยท้ายเล่ม)

- ครูอาจจะเพม่ิ เตมิ กจิ กรรมโดยให้นกั เรยี นจับคพู่ ดู บทสนทนาและทำท่าทางประกอบ

3. ทบทวน Adverb Clauses และ Prepositions
แบบฝกึ หดั C
- ครูทบทวนโดยเขียนประโยคทีม่ ี Conjunctions และ Prepositions บนกระดาน ดังนี้
- We stayed at a hotel because my friends didn’t have enough room in their apartment.
- Although I was tired, I stayed up and completed my report.
- In spite of the long line, we managed to get tickets to the games.
- The flight delays were due to bad weather.
- I was making sandwiches for the picnic as my friends was making lemonade.
- ครูถามนักเรียนเก่ียวกับประโยคข้างต้นว่าแต่ละประโยคมี Conjunctions หรือ Prepositions หรือไม่

และขอ้ ความใดเป็นเหตุเป็นผล ขัดแย้ง หรอื บอกเก่ยี วกับเวลา ใหน้ กั เรยี นทบทวนโดยอ่านกรอบไวยากรณใ์ น
หนังสอื เรียน หน้า 88 หวั ขอ้ Adverb Clauses และ Prepositions

- ให้นักเรียนอา่ นออกเสียงคำสง่ั และประโยคในขอ้ 1 แบบฝึกหัด C ในหนังสือเรียน หน้า 93
- อา่ นส่วนของประโยคท่ีกำหนดให้เลือกในแถบสี ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ ขอ้ ความใดขน้ึ ตน้ ด้วย Conjunctions
ข้อความใดขน้ึ ตน้ ดว้ ย Prepositions
- ให้นักเรียนจบั คู่กันเลอื กเตมิ ข้อเขยี นลงในข้อที่ 2-8
- ครตู รวจสอบโดยสุม่ นักเรยี นบางคู่อา่ นประโยคทส่ี มบรู ณ์ และให้นกั เรียนชว่ ยกนั ดคู วามหมายของ
ข้อความในแต่ละประโยควา่ เปน็ เหตุเปน็ ผล ขัดแย้ง หรือบอกเกย่ี วกบั เวลา (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม)

4. ทบทวน Third Conditional
แบบฝึกหดั D
- ครูเขยี นประโยค Third Conditional บนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของประโยค
- If I had gone to bed early last night, I wouldn’t be tired today.
(= I didn’t go to bed early, and so I am tired today.)
- If I hadn’t stayed up so late last night, I would be more alert today.
(= I stayed up so late last night, and so I’m not alert today.)
- ให้นกั เรยี นอา่ นทบทวนกรอบไวยากรณใ์ นหนังสือเรยี น หนา้ 76 หวั ข้อ Third Conditional
- ให้นกั เรียนอา่ นออกเสยี งคำสงั่ แบบฝกึ หัด D ในหนังสือเรยี น หน้า 93
- ครอู ่านออกเสียงประโยคในขอ้ 1 แบบฝึกหัด D ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เขียน Third Conditional จากคำที่

กำหนด โดยถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่านกั เรียนเขา้ ใจความหมายของประโยค Third Conditional วา่ บอกหรอื
อธบิ ายเหตุการณ์ท่ไี มไ่ ด้เกดิ ขน้ึ จริงในอดีต เปน็ เพียงการคิดหรือสมมตวิ ่าถา้ ได้ทำแล้วก็จะเกิดอกี เหตหุ น่ึง
ตามมาซงึ่ เปน็ ส่ิงทีต่ รงข้ามกบั ความเป็นจริงหรือเหตุการณท์ เี่ กดิ ขึ้นจริง ดงั นนั้ จึงได้คำตอบในข้อที่ 1 คอื If I’d
known you were going to be upset, I wouldn’t have said anything. (ความจริง I didn’t know)

- ครใู หน้ ักเรยี นจับคทู่ ำแบบฝกึ หดั D ในหนังสือเรยี น หนา้ 93 ในข้อทเ่ี หลอื
- ครสู ุ่มนกั เรียนบางคนอ่านประโยคท่สี มบรู ณ์ (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ )

กจิ กรรม Focus on the World

1. นำเข้าสู่บทเรียน
- ครชู ักชวนนักเรียนพูดคยุ เกย่ี วกบั สถานท่ีในโลกทีเ่ ก่ียวกับประวตั ิศาสตรท์ ี่คนนิยมไปเที่ยวกนั โดยอาจใช้

แนวคำถามดงั น้ี
- Do you know the place that is famous and related to history?
(the Parthenon in Athens, the Mayan pyramids, the Grand Palace in Bangkok)
- Why? What does it like?

2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
- ครบู อกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรยี นรู้นีน้ กั เรยี นจะได้อ่านบทความเกี่ยวกับประวัติศาสตรท์ ่นี ่าสนใจแห่ง

หน่ึงของโลก เมอื่ อ่านแลว้ นักเรียนจะทราบวา่ สถานท่ีแหง่ น้อี ยู่ที่ใด น่าสนใจอยา่ งไร มคี วามเปน็ มา และ
เกี่ยวข้องกับประวัตศิ าสตร์อย่างไร
กจิ กรรมก่อนอ่าน
1. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านคำถามข้างบนหวั เร่ืองในกจิ กรรม Focus on the World ในหนงั สอื เรียน หนา้ 94 ให้
นกั เรียนช่วยกนั เดาคำตอบ
2. ครูใหน้ ักเรยี นดูรปู ภาพในกจิ กรรม Focus on the World ในหนงั สือเรยี น หนา้ 94 (ยงั ไม่ต้องอา่ นขอ้ ความ)

ใหน้ ักเรียนลองเดาคำตอบจากคำถามดงั น้ี
- What is it?
- Where is it?
- What does it look like?
- How is it related to history?
กิจกรรมระหว่างอา่ น
1. อ่านบทความ

- ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนอ่านบทความในหนงั สือเรยี น หนา้ 94 ใชเ้ วลา 10-15 นาทีตามระดับความสามารถ
ของนกั เรยี นและจับค่คู ำถามกบั คำตอบใน Worksheet 1

_______ 1. Worksheet 1
_______ 2.
_______ 3. Match the question to the correct answer.
pillars?
_______ 4. Questions
_______ 5. Where is the GÖreme?
_______ 6. What does the World Heritage site look like?
_______ 7. What made the rocks look like chimneys, mushrooms, cones, and
_______ 8.
Who had lived in the GÖreme area?
Why did the people dig into the soft rock?
Why did the Christian create defense systems?
What is the most important feature of the cave room?
What are the cave rooms used for now?

Answers
a. homes and hotels
b. a scene which comes from a fairy tale book.
c. in Cappadocia, Turkey
d. to make underground cities
e. the Hittites, Greeks, Persians, and Christians
f. volcanic eruption, wind and water
g. to use them to protect the Romans
h. they are warmer in winter and cooler in summer than outside

เฉลยคำตอบ 1. c, 2. b, 3. f,4. e, 5. d, 6. g, 7. h. 8. a
- ให้นกั เรยี นฟังซีดบี ันทึกเสยี ง CD 2 Track 39 กจิ กรรม Focus on the World อ่านในใจตาม และ
ช่วยกันเฉลยคำตอบใน Worksheet 1
- ให้นักเรียนตอบคำถามในกจิ กรรม About the Reading ในหนงั สอื เรียน หน้า 95
กจิ กรรมหลงั อา่ น
1. ตรวจสอบความเข้าใจบทอา่ น
- ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในกิจกรรม About the Reading (ดูเฉลยทา้ ย
เล่ม)
2. พฒั นาคำศัพท์
- ครูให้นกั เรียนอา่ นบทความอกี ครง้ั ขีดเสน้ ใตค้ ำศัพท์ท่ีนกั เรียนไม่ทราบความหมาย และใหน้ ักเรยี นเขียน

คำศพั ท์ท่ีไม่ทราบความหมายบนกระดาน
- ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายคำศัพท์บนกระดาน คำศัพท์ใดทน่ี กั เรยี นไมร่ ู้ ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันเดา

ความหมายจากบริบท ครอู ธิบายคำศัพท์ยากเพิ่มเติม (ดขู อ้ มูลด้านคำศัพท)์
- ให้นกั เรียนช่วยเตมิ คำศัพทใ์ นกิจกรรม Academic Vocabulary ในหนงั สือเรยี น หน้า 95 แลว้ ช่วยกัน

เฉลยคำตอบ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ ในข้อทน่ี กั เรยี นตอบไม่ถูกต้อง
- ใหน้ กั เรียนหาคำศพั ท์ขา้ งต้นในบทอ่าน และเขียนประโยคในบทอา่ นทม่ี ีคำศพั ท์ดงั กล่าว

3. สำรวจ อภิปราย และแสดงบทบาทสมมติ
- ครถู ามนักเรียนเพ่ือสำรวจวา่ มนี ักเรยี นก่คี นทอี่ ยากไปดู GÖreme
- ครูใหน้ ักเรยี นพูดคุยแสดงความคดิ เห็นวา่ อะไรทนี่ ่าสนใจท่ีสุดในบทอา่ น
- ครูใหน้ กั เรียนแสดงบทบาทสมมติโดยให้นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 3 คน ให้คนหน่ึงสมมติวา่ ไดก้ ลับจาก

การไปเทีย่ วท่ี GÖreme และเลา่ ให้เพอื่ นฟงั เกย่ี วกบั ส่ิงทพ่ี บเหน็ ส่วนเพือ่ นอกี 2 คนเป็นผ้ฟู งั และซักถาม
4. สังเกตวิธกี ารเรียบเรียงบทความ

- ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันสังเกตวธิ ีการเรยี บเรียงบทความในบทอ่าน ซ่ึงมกี ารเรยี งลำดบั อย่างเป็น
ระบบ กล่าวคอื 1) อธบิ ายถงึ สถานที่ 2) บอกประวัติความเป็นมาของสถานท่ี 3) ยกตัวอยา่ งสถานทีซ่ ึง่ เปน็
จุดหมายปลายทางของนกั ทอ่ งเท่ยี วในปัจจุบนั

กิจกรรม Speaking

1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- ครูบอกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรียนร้นู นี้ ักเรยี นจะไดพ้ ูดอธบิ ายแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั สถานทที่ ี่

เก่ยี วกบั ประวัติศาสตร์และเกดิ จากธรรมชาติคล้ายกับ GÖreme National Park หรือสถานทีอ่ ื่น ๆ ท่ีนกั เรยี น
เหน็ ว่ามบี างสงิ่ แปลกกวา่ ทอ่ี นื่
2. พดู อธิบาย แสดงความคดิ เห็น และรายงาน

- สุ่มนักเรียน 1 คนอา่ นออกเสียงคำสัง่ ในกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรยี น หนา้ 96
- ครใู หน้ ักเรียนช่วยกนั เขยี นรายชอ่ื สถานท่ีทีม่ ีลักษณะเข้าขา่ ยตามคำสั่งและเขยี นบนกระดาน เชน่

- อุทยานแหง่ ชาตภิ ูหินล่องกลา้ - พษิ ณุโลก
- วนอทุ ยานถำ้ เขาวง - อุทัยธานี
- อุทยานแห่งชาตทิ ะเลบัน - สตูล
- บ้านประทับใจ - แพร่
- พระทนี่ ง่ั วิมานเมฆ - กรงุ เทพฯ

etc.

FACT FILE

ตวั อยา่ งสถานที่
- อุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้ามีอาณาเขต 3 จังหวัดติดต่อกันคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย มีลักษณะเป็น

ภูเขาสลับซับซ้อน มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ และยังมีความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการเคลื่อนและยกตัว
ของแผ่นเปลอื กโลกทที่ ำใหเ้ กิดลานหินปมุ่ และภหู นิ แตก
- บ้านประทับใจ หรือบ้านเสาร้อยตน้ จ. แพร่ เป็นบา้ นไม้สักทงั้ หลงั มีเสาบ้านเปน็ ท่อนไมข้ นาดใหญ่รวม 130 ต้น แต่
ละต้นมอี ายปุ ระมาณ 300 ปี และแกะสลักอย่างประณีตวจิ ติ รบรรจง
- อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จ.สตูล ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติทางทะเลแต่เป็นการเรียกชือ่ หนองน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจาก
การยบุ ตวั ของพ้นื ดินในอดีต
- พระที่นั่งวิมานเมฆ กรุงเทพฯ เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม
ที่งดงามประณีต ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก และเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต ซ่ึง
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งขน้ึ ใน พ.ศ. 2444

- ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรยี น หน้า 95 โดยใหน้ ักเรยี นจับคูพ่ ดู คุยเกีย่ วกบั หัวขอ้
ท่ีเขยี นไว้บนกระดานตามประเด็นดังนี้

- Have you ever been there?
- How do you know about it? (if you have never been there)
- What does it look like?
- What is its history? / What is the strange thing?
- What is the most interesting there?
- ให้แต่ละคเู่ ลือกสถานท่ีที่เหน็ ว่าน่าสนใจที่สดุ มาแต่งบทสนทนาและแสดงบทบาทสมมติโดยให้คนหนึ่งเป็น
มคั คุเทศก์อกี คนหนึ่งเป็นนกั ทอ่ งเท่ยี ว

กิจกรรม Writing

1. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงคำส่งั ในกจิ กรรม Writing ในหนังสอื เรยี น หน้า 96
2. ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันระดมสมองเขยี นรายการ Famous Historical Place ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ
โดยจะเน้นสถานท่ที ่ีมอี ายตุ ้งั แต่ 100 ปีขนึ้ ไป ซ่ึงสามารถหาไดจ้ ากเว็บไซต์ World Heritage (แต่จะไม่รวมไป
ถงึ สถานที่ทางธรรมชาติ) เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร
3. ให้นกั เรยี นเลือกสถานทแ่ี ละค้นขอ้ มลู และช่วยบอกว่าขอ้ ความทเี่ ขียนควรประกอบไปด้วยประเดน็

อะไรบ้าง เชน่
- location
- description
- its beginning
- important events in its history
- the site today
4. ใหน้ กั เรียนเขียนรา่ ง

5. นกั เรียนจับคกู่ ับเพ่อื นแลกกันอา่ นงานเขยี นของกนั และกนั และให้ขอ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ ตามที่
เห็นสมควร
6. นักเรียนปรับปรุงงานเขียน
7. ครสู ่มุ ให้นกั เรยี นอ่านงานเขยี นของตน และใหบ้ อกว่านกั เรยี นอยากจะไปเย่ียมเยียนสถานที่
นน้ั ๆ หรือไม่ และอภิปรายว่าสถานท่แี ห่งนั้นมอี ะไรนา่ สนใจ

กจิ กรรม World Link
1. ศกึ ษาค้นควา้ เก่ียวกับ World Heritage site

- ให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำสงั่ ในกิจกรรม World Link ในหนงั สอื เรยี น หน้า 95
- ครูชกั ชวนนกั เรียนพูดถงึ World Heritage site ท่นี กั เรียนรู้จกั วา่ มีทใ่ี ดบา้ ง มีลักษณะอย่างไร และ
หลักเกณฑ์ ในการคัดเลือก World Heritage site เปน็ อย่างไร
- ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน เลอื ก World Heritage site ทีส่ มาชิกในกลมุ่ สนใจกล่มุ ละ 1 ท่ี และ
ศึกษาค้นคว้าข้อมูล

FACT FILE

เกณฑ์การขึ้นทะเบยี นมรดกโลก (the criteria for World Heritage sites)
1. เปน็ ตวั แทนขอผลงานชิ้นเอกทจี่ ดั ทำดว้ ยการสรา้ งสรรค์อนั ชาญฉลาดยง่ิ ของมนษุ ย์
2. เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่งในการผลักดันให้เกิดพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม การพัฒนา

ศลิ ปกรรมท่ีเกย่ี วขอ้ งหรอื การพฒั นาตง้ั ถ่นิ ฐานของมนษุ ย์
3. เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่หาไดย้ ากยิง่ หรือเป็นพยานหลักฐานแสดงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี หรือ

อารยธรรม ซ่ึงยังคงหลงเหลืออยหู่ รืออาจสญู หายไปแลว้
4. เป็นตัวอย่างของลักษณะโดยทั่วไปของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของพัฒนาการทางด้านวัฒนธรรม สังคม

ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยหี รืออตุ สาหกรรม

2. นำเสนอขอ้ มลู
- ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าโดยใช้โสตทศั นูปกรณ์
- ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายว่าขอ้ มูลสถานท่ีใดทแ่ี ปลกหรอื ผดิ ปกติมากทส่ี ุด

กิจกรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- ให้นกั เรยี นทำรายการวทิ ยุโดยสมมตใิ หส้ มาชิกของแต่ละกลมุ่ เปน็ คณะผเู้ ช่ียวชาญในแต่ละสถานท่ี และ
นำเสนอข้อมูล ใหน้ กั เรียนท่ีเหลอื อยู่ในห้องเป็นผ้ซู กั ถาม
- ใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหดั ขอ้ A-G ในหนงั สอื แบบฝึกหัด New World 6 หนา้ 61-64 (ดูเฉลยท้ายเลม่ )

7. สื่อการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน New World 6 หน้า 92-95
2. หนงั สือแบบฝึกหดั New World 6 หน้า 61-64
3. ซดี บี นั ทกึ เสียง
4. เคร่อื งเลน่ ซีดี
5. Worksheet 1
6. สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์

http://www.m-culture.go.th/international/index.php/องคค์ วามรู้/2013-08-02-13-50-38/item/
มรดกโลก-world-heritage
http://www.thaiarchaeology.net/web/index.php?option=com_content&view=article&id=157%
3A2012-05-24-08-23-50&catid=59%3A2012-01-02-08-54-28&Itemid=206&lang=th
http://www.khaoko.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=280074
http://www.touronthai.com/บา้ นประทบั ใจ_(บา้ นเสาร้อยตน้ )-11000001.html#.U0-NRqh_tJA
http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1020
http://www.vimanmek.com/
8. แหล่งเรียนรู้ -

9. การวดั และการประเมนิ ผล

มาตรฐานการเรียนรู้ สิง่ ท่ตี อ้ งรู้และปฏบิ ตั ิได้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวัดผลและประเมนิ ผล
และตวั ชี้วดั

ต 1.2 ม.4-6/5, พูดแสดงความคิดเห็น ถ้อยคำพูดนำเสนอข้อมูล ประเมินการพูดนำเสนอ

ต 2.2 ม.4-6/1 ของตนเกี่ยวกับความ จาก ก าร แลก เปลี่ยน โดยใช้เกณฑ์การประเมิน
แตกต่างระหว่างสำนวน ประสบการณ์เกี่ยวกับ การพดู และใช้เกณฑผ์ า่ น

ของภาษาต่างประเทศ สำนวนภาษาที่พบใน ระดบั พอใช้

และภาษาไทยอย่างมี ภาษาของตนเอง และ

เหตผุ ล ภาษาองั กฤษ

ต 2.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความเหมือน ข้อเขียนข้อความหรือ ป ร ะ เ ม ิ น ข ้ อ เ ข ี ย น
ต 3.1 ม.4-6/1
แ ล ะ ค ว า ม แ ต ก ต ่ า ง สถานการณ์ที่มีสำนวน โดยใช้เกณฑ์การประเมิน

ระหวา่ งวถิ ชี ีวติ ความเช่ือ ภาษา (idiom) ทน่ี กั เรยี น การเขียน และใช้เกณฑ์

แ ล ะ ว ั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง สนใจ ผา่ นระดบั พอใช้

เจ้าของภาษากับของไทย

และ น ำไ ปใช้อ ย่างมี

เหตผุ ล

ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก รายงานข้อมูลเกี่ยวกับ ปร ะ เมิน ก าร ค้น คว้า

สรุป และแสดงความ สำนวนภาษา (idiom) และรายงานข้อมูลโดยใช้

คิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลท่ี ของประเทศในกลุ่มและ เกณฑ์การประเมินการ

เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ นอกกลมุ่ อาเซยี น เขียน และใช้เกณฑ์ผ่าน

การเรียนรู้อื่นจากแหล่ง ระดบั พอใช้

การเรียนรู้ต่าง ๆ และ

นำเสนอด้วยการพูดและ

เขียน

10. การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 ห่วง 2 เง่ือนไข 4 มิต)ิ

- การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข

พอประมาณ เง่อื นไขความรู้

มีเหตุผล เงื่อนไขคณุ ธรรม

มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ

มติ ิเศรษฐกิจ มติ สิ งั คม มิติสง่ิ แวดลอ้ ม มติ วิ ัฒนธรรม

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 38

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

รายวชิ า ภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า อ 33102

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 12 Review 4 จำนวน 4 ช่วั โมง

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 38 Review 4 จำนวน 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก

และความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพเหตุผล

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/5 พูดและเขียนบรรยายความรูส้ ึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกีย่ วกับเรื่อง

ต่างๆ กจิ กรรม ประสบการณ์ และ ขา่ ว/เหตกุ ารณอ์ ย่างมเี หตุผล

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ

ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ขอ้ ความ สำนวน

คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของ ภาษา ตา่ งประเทศและภาษาไทย

ตวั ชว้ี ัดท่ี ม.4-6/2 วิเคราะห/์ อภิปราย ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชวี ิต ความเช่ือ

และวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษากบั ของไทย และนำไปใชอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล

มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น

พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน

ตัวชี้วัดที่ ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เก่ียวข้อง

กับกลมุ่ สาระการ เรียนรูอ้ ื่น จากแหลง่ เรยี นรูต้ ่างๆ และ นำเสนอด้วยการพูดและการเขียน

2. สาระสำคัญ

หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทบทวนและประเมินความสามารถของนักเรียนในการใช้

คำศัพท์ หน้าท่ีภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ท่ีเรียนมาแล้วในหน่วยการเรียนรู้ที่ 10-12 เสริมศักยภาพใน

การฟัง พูด อ่าน เขียน รวมทั้งการทำกิจกรรมทางภาษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอันได้แก่ การพูดแสดงความ

คิดเห็น การอภปิ ราย การศกึ ษาค้นคว้าและการนำเสนอข้อมูล

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้

3.1.1 นักเรียนเข้าใจว่าการฝึกและทบทวนความรู้ด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์ การฝึกอ่านและเขียน

ตลอดจนการทดสอบทางภาษา การได้รบั ขอ้ มูลย้อนกลับ จะช่วยทำให้การใช้ภาษาของนักเรียนมีความคงทน

สามารถใชภ้ าษาในการสอื่ สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

3.2.1 พูดแสดงความคดิ เหน็ ของตนเก่ียวกับความแตกตา่ งระหว่างสำนวนของภาษาต่างประเทศและ

ภาษาไทยอยา่ งมีเหตผุ ล

3.2.2 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรปุ และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทเ่ี ก่ียวข้องกบั กลุ่มสาระการ

เรียนรู้อื่นจากแหลง่ การเรียนรูต้ ่าง ๆ และนำเสนอดว้ ยการพดู และเขยี น

3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์/คุณธรรมจรยิ ธรรมทสี่ อดแทรก

3.3.1 ใฝเ่ รยี นรู้ : ค้นควา้ หาความร้จู ากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ

3.3.2 ร้ทู นั โลก : เรียนรกู้ ารปรบั ตัว และรบั ขา่ วสารใหม่ ๆ อยเู่ สมอ

4. สมรรถนะของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา

4.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้

- คำศัพท์
กิจกรรม Focus on the World
- erosion (n.): the natural process of gradually destroying or wearing down
something by wind and rain (การกรอ่ น, การเซาะ)
- landscape (n.): a view of the countryside (ภูมปิ ระเทศ)
- formation (n.): the process during which something develops or is created (การ
สร้าง, การก่อตวั )
- pillar (n.): a tall solid post that holds up a building, a column (เสาหิน, เสา
รองรับโครงสร้าง)
- inhabit (v.): to live in a place (อาศัยอยู่)
- flee (v.): to escape from a dangerous situation or place very quickly (หนี,
หนอี อกจาก)

- persecution (n.): extremely bad treatment of someone, especially because of
their race, religion, or political beliefs (การจบั มาลงโทษ, การก่อกวน)
- tunnel (n.): a long hole through the ground for a road or railway (อุโมงค)์
- defense (n.): guarding, protecting (เครอ่ื งป้องกัน)
- resident (n.): someone who lives in a particular place (ผ้อู ย่ปู ระจำ)
- survive (v.): to go on living through a difficult or dangerous (รอดชีวิต)
- dwelling (n.): houses, flat, or other shelter in which some lives (บา้ น)
- fresco (n.): painting done a plastered surface (ภาพวาดติดผนัง, การเขยี นภาพสี
บนผนัง)
- isolation (n.): keeping away from others (การเกบ็ หรือแยกไวต้ า่ งหาก)
- unique (adj.): not the same as anything or anyone else (ซึ่งเปน็ หนงึ่ เดยี ว)
- accommodation (n.): room(s), etc. provided for visitors (ท่พี กั อาศัย)

- สำนวนภาษา

-

- หน้าทภ่ี าษา

- To talk about unreal events in the past

- To give more detail of the main verb / main clause

- To talk about historical places

- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์

- Adverb

- Phrases with –ing and with Past Participles

- Adverb Clauses

- Prepositions

- Third Conditional

- Relative Clauses

6. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ทบทวนโครงสรา้ งไวยากรณ์

1. ทบทวน Adverbs
แบบฝึกหัด A
- ครูเขยี นประโยคบนกระดาน ให้นักเรยี นเตมิ คำในรูป Adjective หรือ Adverbs ประโยคให้สมบูรณ์โดย

ช่วยกันเติมคำในรปู Adjectives or Adverbs
- It rained heavily.
- There was a heavy rainfall.

- ครูถามนกั เรียนเพื่อทบทวนการใช้ Adjectives และ Adverbs และการเติม –ly ท่ี Adjectives ทั่วไปให้
เป็น Adverbs และการเปลี่ยน y เปน็ i แล้วเตมิ –ly

- ใหน้ กั เรียนดกู รอบไวยากรณ์ในหนังสอื เรียน หนา้ 82 หวั ขอ้ Adverbs
- ให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำสั่งแบบฝกึ หัด A
- ครอู า่ นออกเสยี งประโยคในข้อ 1 แบบฝกึ หดั A ในหนงั สอื เรียน หน้า 92 ให้นักเรียนชว่ ยกันหาว่าคำใดที่

ถกู ขยายซงึ่ ในข้อน้ีเป็นคำนาม (Samantha) จงึ ต้องเป็น Adjectives
- ครใู ห้นักเรยี นจับคู่กนั ทำแบบฝึกหัด A ในหนังสือเรยี น หนา้ 92 ข้อ 2-10
- ครูตรวจสอบโดยสมุ่ นักเรียนบางคูอ่ า่ นประโยคที่สมบูรณ์ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ )

2. ทบทวน Phrases with –ing and with Past Participles VS Past Progressive, Present Perfect และ
Past Simple Tenses
แบบฝึกหัด B
- ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำสง่ั แบบฝึกหัด B ในหนังสือเรียน หนา้ 92
- ให้นักเรียนดภู าพประกอบแบบฝึกหดั อย่างรวดเร็ววา่ มีเหตุการณอ์ ะไรกำลังเกิดขึน้ ในภาพ และอา่ นบท

สนทนาแบบผ่าน ๆ
- อา่ นออกเสยี งบทสนทนาในสว่ นแรก ถามนกั เรยี นวา่ จะเปล่ยี นคำกรยิ าทใ่ี หม้ าในวงเลบ็ ในรปู Phrases

หรือ Verb ถ้าเปน็ Phrases จะอยู่ในรปู Phrases with –ing หรือ Phrases with Past Participles (คำตอบ
คือ talking) ครูเพม่ิ เตมิ ว่า Phrases with –ing บอกวา่ คำนามนัน้ ๆ กำลงั ทำกรยิ านั้น ๆ อยู่

- ใหน้ กั เรียนดูกรอบไวยากรณ์ในหนังสือเรยี น หน้า 82 หวั ขอ้ Phrases with –ing และ Phrases with Past
Participles เพอื่ ทบทวนความแตกต่างของการใช้

- ครูใหน้ ักเรยี นจบั คกู่ ันเตมิ คำในบทสนทนาในสว่ นทีเ่ หลือดว้ ยคำกริยาทก่ี ำหนด บอกนักเรยี นว่ามีบาง
ช่องวา่ งทเี่ ปน็ กริยาของประโยคซง่ึ ตอ้ งเติมกรยิ าในรูป Tenses ตา่ ง ๆ และต้องดใู ห้สอดคล้องกับเหตุการณ์ เชน่
Past Progressive, Past Simple หรอื Present Perfect tenses เป็นตน้

- ครูตรวจสอบโดยสุ่มนกั เรียนบางคู่อ่านประโยคท่ีสมบูรณ์ และครูอธิบายในกรณีที่นักเรยี นทำไม่ถกู ต้อง (ดู
เฉลยท้ายเล่ม)

- ครูอาจจะเพม่ิ เตมิ กจิ กรรมโดยให้นกั เรยี นจบั คพู่ ดู บทสนทนาและทำท่าทางประกอบ

3. ทบทวน Adverb Clauses และ Prepositions
แบบฝกึ หดั C
- ครูทบทวนโดยเขียนประโยคทีม่ ี Conjunctions และ Prepositions บนกระดาน ดงั นี้
- We stayed at a hotel because my friends didn’t have enough room in their apartment.
- Although I was tired, I stayed up and completed my report.
- In spite of the long line, we managed to get tickets to the games.
- The flight delays were due to bad weather.
- I was making sandwiches for the picnic as my friends was making lemonade.
- ครูถามนักเรียนเก่ียวกับประโยคข้างต้นว่าแต่ละประโยคมี Conjunctions หรอื Prepositions หรือไม่

และขอ้ ความใดเป็นเหตุเป็นผล ขัดแย้ง หรอื บอกเก่ยี วกับเวลา ใหน้ กั เรียนทบทวนโดยอา่ นกรอบไวยากรณใ์ น
หนังสอื เรียน หน้า 88 หวั ขอ้ Adverb Clauses และ Prepositions

- ให้นักเรียนอา่ นออกเสียงคำสง่ั และประโยคในขอ้ 1 แบบฝึกหัด C ในหนังสือเรยี น หนา้ 93
- อา่ นส่วนของประโยคท่ีกำหนดให้เลือกในแถบสี ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ ข้อความใดข้นึ ต้นด้วย Conjunctions
ข้อความใดขน้ึ ตน้ ดว้ ย Prepositions
- ให้นักเรียนจบั คู่กันเลอื กเตมิ ข้อเขยี นลงในข้อที่ 2-8
- ครตู รวจสอบโดยสุม่ นักเรยี นบางคู่อา่ นประโยคทส่ี มบรู ณ์ และให้นกั เรียนช่วยกันดคู วามหมายของ
ข้อความในแต่ละประโยควา่ เปน็ เหตุเปน็ ผล ขัดแย้ง หรือบอกเก่ยี วกบั เวลา (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ )

4. ทบทวน Third Conditional
แบบฝึกหดั D
- ครูเขยี นประโยค Third Conditional บนกระดาน ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกความหมายของประโยค
- If I had gone to bed early last night, I wouldn’t be tired today.
(= I didn’t go to bed early, and so I am tired today.)
- If I hadn’t stayed up so late last night, I would be more alert today.
(= I stayed up so late last night, and so I’m not alert today.)
- ให้นักเรยี นอา่ นทบทวนกรอบไวยากรณใ์ นหนังสอื เรียน หนา้ 76 หัวข้อ Third Conditional
- ให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำสั่งแบบฝกึ หัด D ในหนังสอื เรียน หน้า 93
- ครอู ่านออกเสียงประโยคในขอ้ 1 แบบฝกึ หดั D ให้นกั เรยี นชว่ ยกันเขยี น Third Conditional จากคำที่

กำหนด โดยถามยำ้ เพื่อให้แนใ่ จวา่ นักเรยี นเขา้ ใจความหมายของประโยค Third Conditional วา่ บอกหรอื
อธบิ ายเหตุการณท์ ี่ไม่ได้เกิดขนึ้ จรงิ ในอดตี เป็นเพียงการคิดหรือสมมตวิ า่ ถ้าได้ทำแล้วก็จะเกิดอกี เหตหุ น่ึง
ตามมาซงึ่ เปน็ ส่งิ ทตี่ รงข้ามกบั ความเป็นจริงหรอื เหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ข้ึนจรงิ ดังนัน้ จึงได้คำตอบในขอ้ ที่ 1 คอื If I’d
known you were going to be upset, I wouldn’t have said anything. (ความจริง I didn’t know)

- ครใู หน้ ักเรียนจบั คทู่ ำแบบฝึกหดั D ในหนังสือเรยี น หนา้ 93 ในข้อที่เหลอื
- ครสู ุ่มนกั เรียนบางคนอ่านประโยคท่สี มบูรณ์ (ดูเฉลยท้ายเล่ม)

กจิ กรรม Focus on the World

1. นำเข้าสู่บทเรียน
- ครชู ักชวนนักเรียนพดู คยุ เกย่ี วกับสถานที่ในโลกท่เี กี่ยวกับประวตั ิศาสตรท์ ี่คนนิยมไปเที่ยวกนั โดยอาจใช้

แนวคำถามดงั นี้
- Do you know the place that is famous and related to history?
(the Parthenon in Athens, the Mayan pyramids, the Grand Palace in Bangkok)
- Why? What does it like?

2. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- ครบู อกนกั เรียนว่าในหน่วยการเรียนร้นู น้ี กั เรียนจะได้อ่านบทความเก่ียวกับประวัติศาสตรท์ ่นี ่าสนใจแห่ง

หน่ึงของโลก เมื่ออ่านแลว้ นักเรียนจะทราบวา่ สถานที่แห่งน้อี ยู่ทใี่ ด น่าสนใจอยา่ งไร มคี วามเปน็ มา และ
เกี่ยวข้องกับประวตั ิศาสตร์อยา่ งไร
กจิ กรรมกอ่ นอ่าน
1. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านคำถามข้างบนหวั เร่อื งในกิจกรรม Focus on the World ในหนงั สอื เรียน หนา้ 94 ให้
นกั เรียนช่วยกนั เดาคำตอบ
2. ครูใหน้ ักเรยี นดูรูปภาพในกจิ กรรม Focus on the World ในหนังสือเรยี น หนา้ 94 (ยงั ไม่ต้องอา่ นขอ้ ความ)

ใหน้ ักเรียนลองเดาคำตอบจากคำถามดงั นี้
- What is it?
- Where is it?
- What does it look like?
- How is it related to history?
กิจกรรมระหว่างอา่ น
1. อ่านบทความ

- ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนอ่านบทความในหนงั สือเรยี น หนา้ 94 ใชเ้ วลา 10-15 นาทีตามระดับความสามารถ
ของนกั เรยี นและจับค่คู ำถามกบั คำตอบใน Worksheet 1

_______ 1. Worksheet 1
_______ 2.
_______ 3. Match the question to the correct answer.
pillars?
_______ 4. Questions
_______ 5. Where is the GÖreme?
_______ 6. What does the World Heritage site look like?
_______ 7. What made the rocks look like chimneys, mushrooms, cones, and
_______ 8.
Who had lived in the GÖreme area?
Why did the people dig into the soft rock?
Why did the Christian create defense systems?
What is the most important feature of the cave room?
What are the cave rooms used for now?

Answers
a. homes and hotels
b. a scene which comes from a fairy tale book.
c. in Cappadocia, Turkey
d. to make underground cities
e. the Hittites, Greeks, Persians, and Christians
f. volcanic eruption, wind and water
g. to use them to protect the Romans
h. they are warmer in winter and cooler in summer than outside

เฉลยคำตอบ 1. c, 2. b, 3. f,4. e, 5. d, 6. g, 7. h. 8. a
- ให้นกั เรยี นฟังซีดบี ันทึกเสยี ง CD 2 Track 39 กจิ กรรม Focus on the World อ่านในใจตาม และ
ช่วยกันเฉลยคำตอบใน Worksheet 1
- ให้นักเรียนตอบคำถามในกจิ กรรม About the Reading ในหนงั สอื เรียน หน้า 95
กจิ กรรมหลงั อา่ น
1. ตรวจสอบความเข้าใจบทอา่ น
- ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในกิจกรรม About the Reading (ดูเฉลยทา้ ย
เล่ม)
2. พฒั นาคำศัพท์
- ครูให้นกั เรียนอา่ นบทความอกี ครั้ง ขีดเสน้ ใตค้ ำศัพทท์ ่ีนกั เรียนไม่ทราบความหมาย และใหน้ ักเรยี นเขียน

คำศพั ท์ท่ีไม่ทราบความหมายบนกระดาน
- ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายคำศัพท์บนกระดาน คำศัพท์ใดทน่ี กั เรียนไม่รู้ ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกันเดา

ความหมายจากบริบท ครอู ธิบายคำศัพท์ยากเพิ่มเติม (ดขู อ้ มูลด้านคำศพั ท)์
- ให้นกั เรียนช่วยเติมคำศัพท์ในกิจกรรม Academic Vocabulary ในหนงั สือเรียน หนา้ 95 แลว้ ช่วยกัน

เฉลยคำตอบ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ ในข้อทน่ี กั เรียนตอบไมถ่ ูกต้อง
- ใหน้ กั เรียนหาคำศพั ท์ขา้ งต้นในบทอ่าน และเขียนประโยคในบทอ่านทม่ี ีคำศัพทด์ งั กล่าว

3. สำรวจ อภิปราย และแสดงบทบาทสมมติ
- ครถู ามนักเรียนเพ่อื สำรวจวา่ มนี ักเรยี นก่คี นทอี่ ยากไปดู GÖreme
- ครูใหน้ ักเรยี นพูดคุยแสดงความคดิ เห็นวา่ อะไรทนี่ ่าสนใจที่สุดในบทอา่ น
- ครูใหน้ กั เรียนแสดงบทบาทสมมติโดยให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน ให้คนหนงึ่ สมมติวา่ ไดก้ ลับจาก

การไปเทีย่ วท่ี GÖreme และเลา่ ให้เพอื่ นฟงั เกย่ี วกบั ส่ิงทพ่ี บเหน็ ส่วนเพอื่ นอกี 2 คนเป็นผฟู้ งั และซักถาม
4. สังเกตวิธกี ารเรียบเรยี งบทความ

- ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันสังเกตวธิ ีการเรยี บเรียงบทความในบทอ่าน ซึ่งมกี ารเรยี งลำดบั อยา่ งเป็น
ระบบ กล่าวคอื 1) อธบิ ายถงึ สถานที่ 2) บอกประวัติความเป็นมาของสถานที่ 3) ยกตวั อยา่ งสถานทีซ่ ึง่ เปน็
จุดหมายปลายทางของนกั ทอ่ งเท่ยี วในปัจจุบนั

กิจกรรม Speaking

1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- ครูบอกนักเรียนว่าในหน่วยการเรียนร้นู นี้ ักเรยี นจะได้พูดอธิบายแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั สถานทที่ ี่

เก่ยี วกบั ประวัติศาสตร์และเกดิ จากธรรมชาติคล้ายกับ GÖreme National Park หรอื สถานที่อื่น ๆ ท่ีนกั เรยี น
เหน็ ว่ามบี างสงิ่ แปลกกวา่ ที่อนื่
2. พดู อธิบาย แสดงความคดิ เห็น และรายงาน

- สุ่มนักเรียน 1 คนอ่านออกเสียงคำสัง่ ในกิจกรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หน้า 96
- ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันเขยี นรายชอ่ื สถานท่ีทีม่ ีลักษณะเข้าข่ายตามคำสั่งและเขยี นบนกระดาน เชน่

- อุทยานแหง่ ชาตภิ ูหินล่องกลา้ - พษิ ณุโลก
- วนอทุ ยานถำ้ เขาวง - อุทัยธานี
- อุทยานแห่งชาตทิ ะเลบัน - สตูล
- บ้านประทับใจ - แพร่
- พระทนี่ ง่ั วิมานเมฆ - กรงุ เทพฯ

etc.

FACT FILE

ตวั อยา่ งสถานที่
- อุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้ามีอาณาเขต 3 จังหวัดติดต่อกันคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย มีลักษณะเป็น

ภูเขาสลับซับซ้อน มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ และยังมีความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการเคลื่อนและยกตัว
ของแผ่นเปลอื กโลกทที่ ำใหเ้ กดิ ลานหินปมุ่ และภหู นิ แตก
- บ้านประทบั ใจ หรือบ้านเสาร้อยต้น จ. แพร่ เป็นบา้ นไม้สักท้งั หลงั มีเสาบ้านเปน็ ทอ่ นไมข้ นาดใหญ่รวม 130 ต้น แต่
ละต้นมอี ายปุ ระมาณ 300 ปี และแกะสลักอย่างประณีตวิจติ รบรรจง
- อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จ.สตูล ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติทางทะเลแต่เป็นการเรียกชือ่ หนองน้ำขนาดใหญ่ที่เกดิ จาก
การยบุ ตวั ของพ้นื ดินในอดีต
- พระที่นั่งวิมานเมฆ กรุงเทพฯ เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม
ที่งดงามประณีต ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก และเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต ซึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัวโปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างขน้ึ ใน พ.ศ. 2444

- ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรยี น หน้า 95 โดยใหน้ ักเรยี นจับคูพ่ ดู คุยเกีย่ วกับหวั ขอ้
ท่ีเขยี นไว้บนกระดานตามประเด็นดงั นี้

- Have you ever been there?
- How do you know about it? (if you have never been there)
- What does it look like?
- What is its history? / What is the strange thing?
- What is the most interesting there?
- ให้แต่ละคเู่ ลือกสถานท่ีที่เห็นวา่ น่าสนใจที่สดุ มาแต่งบทสนทนาและแสดงบทบาทสมมติโดยให้คนหนงึ่ เป็น
มคั คุเทศก์อกี คนหนึ่งเป็นนกั ทอ่ งเทีย่ ว

กิจกรรม Writing

1. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสียงคำส่งั ในกจิ กรรม Writing ในหนังสอื เรยี น หน้า 96
2. ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันระดมสมองเขยี นรายการ Famous Historical Place ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ
โดยจะเน้นสถานท่ที ่ีมอี ายตุ ้งั แต่ 100 ปีขนึ้ ไป ซ่ึงสามารถหาได้จากเว็บไซต์ World Heritage (แต่จะไม่รวมไป
ถงึ สถานที่ทางธรรมชาติ) เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร
3. ให้นกั เรยี นเลือกสถานทแ่ี ละคน้ ขอ้ มลู และช่วยบอกว่าขอ้ ความทเี่ ขียนควรประกอบไปด้วยประเดน็

อะไรบ้าง เชน่
- location
- description
- its beginning
- important events in its history
- the site today
4. ใหน้ กั เรียนเขียนรา่ ง


Click to View FlipBook Version