คมู่ ือการสอนอา่ นเขยี น
โดยการแจกลูกสะกดคำา
กอ - อา กา
ขอ - อา ขา
สถาบนั ภาษาไทย สำานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
สำานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร
ปีทพ่ี มิ พ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
จำานวนพิมพ ์ ๓๕,๐๐๐ เลม่
จดั ทำาโดย สถาบนั ภาษาไทย สาำ นักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
สาำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
ISBN 978-616-395-734-4
พมิ พท์ ่ี โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำากัด
๗๙ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐
โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑
นายโชคด ี ออสุวรรณ ผพู้ ิมพ์ผโู้ ฆษณา
“คู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำา” เล่มนี้ จัดทำาข้ึนเพื่อเป็นแนวทาง
จัดการเรียนรู้สำาหรับครูผู้สอนภาษาไทย ใช้แก้ปัญหานักเรียนท่ีอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ด้วยวิธีการ
สอนแบบแจกลูกสะกดคำา ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นวิธีการสอน
ที่สร้างความเข้าใจทางภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทำาให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้
การจดั ทาำ “คูม่ ือการสอนอา่ นเขยี นโดยการแจกลูกสะกดคาำ ” ไดม้ ีการศึกษาค้นควา้ สว่ นที่เป็นสาระ
ความรู้จากหนังสือและตำาราทางภาษาไทย สำาหรับแนวทางการจัดการเรียนรู้ และการวัดและ
ประเมินผลจัดทำาข้ึนโดยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการสอนภาษาไทย และด้านการวัดและประเมินผล
จากสถาบันอดุ มศึกษา ศึกษานิเทศก์ทร่ี ับผิดชอบภาษาไทย ครผู ู้สอนภาษาไทย และนักวิชาการศกึ ษา
ท่ีมีความรู้ความเช่ียวชาญในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย และการวัดและประเมินผล
ซง่ึ ครผู สู้ อนหรอื ผทู้ สี่ นใจสามารถนาำ คมู่ อื นไี้ ปใชเ้ ปน็ แนวทางการสอนอา่ นเขยี นภาษาไทย พฒั นาวชิ าชพี
หรือพัฒนาตนเองในด้านการสอนแก่นักเรียนในวัยเริ่มเรียน และซ่อมเสริมนักเรียนที่มีปัญหา
อา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ด ้ โดยสามารถนาำ ไปปรับใชใ้ ห้เหมาะสมกบั บรบิ ทของตนเองได้เปน็ อยา่ งดี
ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ คณะทำางาน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ร่วมจัดทำา
และให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำาหนังสือเล่มน้ี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “คู่มือการสอนอ่านเขียน
โดยการแจกลกู สะกดคำา” น้ ี จะเปน็ แนวทางในการพัฒนาการอ่านการเขียนของนกั เรยี น เพื่อให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดกบั ผูเ้ รยี นเปน็ สาำ คัญ หากมขี ้อเสนอแนะประการใด โปรดแจ้งสาำ นกั งานคณะกรรมการ
การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน เพื่อเปน็ ขอ้ มลู การพฒั นาตอ่ ไป
(นายการณุ สกลุ ประดิษฐ์)
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน
คาำ นาำ หน้า
บทนำา
๑
สอนอย่างไรใหอ้ ่านออก อา่ นคลอ่ ง และอา่ นเปน็
สาำ หรบั นกั เรียนระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ ๘
หนว่ ยที่ ๑ รปู และเสยี งพยญั ชนะ ๑๓
หนว่ ยที่ ๒ รปู และเสียงสระ ๔๕
หนว่ ยที่ ๓ รูปและเสียงวรรณยุกต ์ ๖๗
หน่วยที่ ๔ การแจกลูกสะกดคำาในแม ่ ก กา ๘๒
หน่วยท่ี ๕ การผันวรรณยุกตค์ ำาในแม่ ก กา ๑๒๑
หน่วยท่ี ๖ การแจกลกู สะกดคำาที่มตี ัวสะกดตรงตามมาตรา ๑๔๖
หน่วยที่ ๗ การผนั วรรณยกุ ต์คำาท่มี ีตวั สะกดตรงตามมาตรา ๑๘๔
หน่วยท่ี ๘ การแจกลูกสะกดคำาทมี่ ตี ัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ๒๑๐
หนว่ ยที่ ๙ การแจกลูกสะกดคำาทีม่ อี ักษรควบ ๒๓๖
หนว่ ยที่ ๑๐ การแจกลูกสะกดคำาทีม่ ีอักษรนำา ๒๖๔
บรรณานกุ รม ๒๙๔
คณะผจู้ ดั ทำา ๒๙๖
บทน�ำ
การศึกษาเป็นเครื่องมือสำาคัญในการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ความคิดให้กับเยาวชน
ของประเทศ โดยเฉพาะในโลกของศตวรรษท่ี ๒๑ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้าน
เทคโนโลยีการสือ่ สาร และการคิดค้นพฒั นาองคค์ วามรใู้ หม ่ ๆ ทีก่ ลา่ วได้ว่าการอา่ นและการรู้หนังสือ
(Reading & Literacy) เป็นทักษะที่จำาเป็นอย่างย่ิงสำาหรับการเรียนรู้และการดำาเนินชีวิต เน่ืองจาก
การอ่านและการรู้หนังสือทำาให้เกิดความรู้ ความสามารถ และส่งเสริมให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์
แยกแยะ ประยุกตใ์ ชข้ อ้ มูลทเี่ ป็นประโยชน์ต่อชวี ิต ซ่งึ หากผู้ใดมคี วามบกพรอ่ งหรอื ขาดความสามารถ
ในการอ่านการเขียนก็จะส่งผลให้เกิดความยากลำาบากในการสื่อสารและการเรียนรู้ และจะเป็นปัญหา
ในการดาำ รงชวี ติ ต่อไปได้
กระทรวงศึกษาธิการเล็งเห็นถึงความสำาคัญของการพัฒนาการอ่านการเขียนว่าเป็นพ้ืนฐาน
สำาคัญในการพัฒนาไปสู่การเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นของผู้เรียน จึงกำาหนดนโยบายพัฒนาการจัด
การศึกษาที่มุ่งเน้นคุณภาพการอ่านรู้เรื่องและสื่อสารได้ โดยมีมาตรการให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
เรง่ ดาำ เนนิ การเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นในระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานสามารถอา่ นออกเขยี นได้ เพอื่ นาำ ไปสกู่ ารเรยี นรู้
ในระดบั ตา่ ง ๆ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ จากผลการประเมนิ การอา่ นการเขยี นของนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษา
ปที ่ี ๑ - ๖ ในภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๘ พบว่า ยงั มนี กั เรียนจาำ นวนหนึง่ ทมี่ ผี ลการประเมิน
ในระดบั อา่ นไมไ่ ด้/อา่ นไม่คล่อง (รอ้ ยละ ๗.๓๗, ๔.๓๐, ๓.๓๐, ๒.๓๓, ๒.๕๑ และ ๑.๖๑ ตามลำาดับ)
และระดับเขียนไม่ได้/เขียนไม่คล่อง (ร้อยละ ๑๕.๕๑, ๗.๒๔, ๗.๐๐, ๔.๐๖, ๓.๖๐ และ ๓.๑๑
ตามลาำ ดบั ) และเม่อื พจิ ารณาผลการประเมินการอ่านออกเขยี นได้ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท ่ี ๑
พบว่า มีผลการประเมินการอ่านออกเขียนได้ในระดับปรับปรุง ร้อยละ ๔.๖๘ ซึ่งจากการติดตาม
การดำาเนินงานการอ่านการเขียน พบว่า ครูผู้สอนภาษาไทยมีความคิดเห็นว่าการสอนแบบแจกลูก
สะกดคาำ มคี วามเหมาะสมทีจ่ ะนาำ มาใช้กับการสอนการอ่านการเขียน เพือ่ ให้นกั เรยี นอ่านออกเขียนได ้
ซึ่งสอดคล้องกับผลการติดตามการดำาเนินงานพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทย ที่พบว่า
ศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบงานภาษาไทยและครูผู้สอนภาษาไทยต้องการได้รับความรู้เกี่ยวกับเร่ือง
การสอนอา่ นเขยี นแบบแจกลกู สะกดคำา เนอ่ื งจากปจั จบุ นั ครผู สู้ อนภาษาไทยสว่ นหนงึ่ ไมไ่ ดจ้ บวชิ าเอก
ภาษาไทย
คูม่ ือการสอนอ่านเขยี น 1 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ในการน ี้ สำานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา จงึ จดั ทาำ เอกสาร “คู่มือการสอนอา่ นเขียน
โดยการแจกลูกสะกดคำา” ข้ึน โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นแนวทางสำาหรับครูผู้สอนสำาหรับนำาไปใช้
ในการจดั การเรียนร้ไู ด้อย่างมีประสิทธภิ าพต่อไป
วตั ถุประสงคข์ องการจดั ทาำ คูม่ ือสอนอ่านเขยี นโดยการแจกลกู สะกดคำา
๑. เพอื่ เป็นแนวทางการสอนอ่านเขียนให้นักเรียนอา่ นออกเขยี นได้
๒. เพ่ือเป็นแนวทางใช้สอนซอ่ มเสริมนักเรียนใหอ้ ่านออกเขียนได้
๓. เพื่อนาำ ไปประยุกตใ์ ช้ในการจัดการเรยี นรกู้ ลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
คมู่ ือการสอนอ่านเขยี น 2 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
การดาำ เนนิ การจัดทาำ คูม่ อื การสอนอา่ นเขียนโดยการแจกลูกสะกดคาำ
สถาบันภาษาไทย สาำ นกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษาไดจ้ ัดทาำ “ค่มู อื การสอนอา่ นเขยี น
โดยการแจกลูกสะกดคาำ ” ขึ้น โดยมกี ารดำาเนนิ การดังน้ี
๑. แต่งตั้งคณะทำางานประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการสอนภาษาไทย ด้านการวัด
และประเมนิ ผล ตวั แทนศกึ ษานเิ ทศกท์ ่รี ับผิดชอบภาษาไทย และครผู ู้สอนภาษาไทยจากทกุ ภมู ภิ าค
๒. จัดประชุมปฏิบัติการจัดทำาคู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำา ๓ คร้ัง
ดงั นี้
การประชุมครั้งท่ี ๑ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำาและพัฒนาคู่มือการสอนอ่านเขียน
โดยการแจกลูกสะกดคาำ ประกอบด้วยการบรรยาย การอภิปราย และปฏิบัตงิ านกล่มุ เพอื่ ใหเ้ กิดการมี
ส่วนร่วมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการในการจัดทำาคู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูก
สะกดคำา การประชุมคร้ังนี้ คณะทำางานได้ร่วมพิจารณาส่วนประกอบของคู่มือการสอนอ่านเขียน
โดยการแจกลกู สะกดคาำ ซงึ่ สรปุ ไดเ้ ปน็ ๓ สว่ น คอื ความรสู้ าำ หรบั คร ู ตวั อยา่ งแนวทางการจดั การเรยี นร ู้
และแนวทางการวัดและประเมินผลประจำาหน่วย จากนั้นกำาหนดเน้ือหาสำาหรับนำาไปใช้ในการจัด
การเรียนการสอน โดยยึดตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักในการจัดทำา จากน้ัน
ดำาเนินการจัดทำาคู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำา โดยมีการวิพากษ์ผลงาน
โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอนภาษาไทย และการวดั และประเมินผล เพอื่ ให้ได้เนอ้ื หาทมี่ ีความถกู ต้อง
ตามหลกั วิชาการและนำาไปปฏิบัตไิ ดจ้ ริงในการจัดการเรียนการสอน
การประชุมคร้ังที่ ๒ มีวัตถุประสงค์เพ่ือจัดทำาและพัฒนาคู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการ
แจกลูกสะกดคำา คณะทำางานได้ร่วมจัดทำาคู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำา ต่อจาก
การประชุมคร้ังที่ ๑ โดยมีการวิพากษ์ผลงานโดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอนภาษาไทย และการวัด
และประเมินผล เพื่อให้ได้เน้ือหาท่ีมีความถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถนำาไปปฏิบัติได้จริง
ในการจัดการเรียนการสอน รวมท้ังตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของคู่มือการสอนอ่านเขียน
โดยการแจกลูกสะกด
คมู่ ือการสอนอา่ นเขยี น 3 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
การประชุมครั้งท่ี ๓ มีวัตถุประสงค์เพ่ือจัดทำาแนวทางการติดตามและประเมินผลการใช้
คู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคาำ การประชุมในคร้ังน้ีแบ่งการดาำ เนินงานเป็น ๒ ส่วน
เพอื่ ใหค้ มู่ อื การสอนอา่ นเขยี นโดยการแจกลกู สะกดคำา มคี วามถกู ตอ้ งสมบรู ณก์ อ่ นนำาไปใชใ้ นการอบรม
ให้แก่ศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบงานภาษาไทย ทั้ง ๒๒๕ เขต โดยส่วนที่ ๑ เป็นการบรรณาธิการกิจ
คู่มือการสอนอ่านเขียน ส่วนที่ ๒ เป็นการพิจารณาร่างแนวทางและเครื่องมือการติดตาม
และประเมินผลการใชค้ มู่ ือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลกู สะกดคาำ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขยี น 4 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
การใชค้ มู่ ือการสอนอา่ นเขยี นโดยการแจกลกู สะกดคาำ ภาษาไทย
คู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำา จัดแบ่งเป็นหน่วยการสอนตามลำาดับ
ของการสอนภาษาไทยข้ันพ้นื ฐาน เปน็ ๑๐ หน่วย
หนว่ ยท ่ี ๑ รูปและเสียงพยัญชนะ
หนว่ ยที่ ๒ รปู และเสียงสระ
หน่วยที่ ๓ รปู และเสียงวรรณยุกต์
หนว่ ยท ี่ ๔ การแจกลูกสะกดคำาในแม ่ ก กา
หนว่ ยท ่ี ๕ การผนั วรรณยกุ ต์คำาในแม่ ก กา
หน่วยท ่ี ๖ การแจกลกู สะกดคำาที่มตี วั สะกดตรงตามมาตรา
หนว่ ยที่ ๗ การผนั วรรณยุกตค์ ำาทีม่ ีตัวสะกดตรงตามมาตรา
หนว่ ยที่ ๘ การแจกลกู สะกดคำาท่ีมตี ัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
หนว่ ยที่ ๙ การแจกลกู สะกดคำาทมี่ อี ักษรควบ
หนว่ ยที่ ๑๐ การแจกลกู สะกดคำาทม่ี ีอกั ษรนำา
แตล่ ะหนว่ ย มีส่วนประกอบสาำ คัญ ๓ ส่วน คอื
ส่วนท่ี ๑ ความรู้สำาหรับครู เป็นส่วนท่ีให้ความรู้ความเข้าใจ เป็นการเตรียมความรู้
ให้แก่ครูเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจสาระสำาคัญ และหลักการของเร่ืองที่สอนอย่างถูกต้องตาม
หลกั วชิ าการ
ส่วนที่ ๒ แนวทางการจัดการเรียนรู้ เป็นการนำาเสนอขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
พร้อมส่ือการเรยี นร ู้ และการวัดและประเมินผลการเรียนร ู้ โดยเป็นการวดั ผลระหวา่ งเรยี นเพื่อพฒั นา
การเรียนการสอน (Formative test) ซึ่งสอดแทรกระหว่างการจัดการเรียนรู้ เป็นการบันทึกผลจาก
การฝึกทักษะการอา่ นและการเขียนในระหว่างเรยี นเพื่อใหค้ รูได้ใชเ้ ปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรู้
ส่วนท่ี ๓ แนวทางการวัดและประเมินผลประจำาหน่วย เป็นการนำาเสนอตัวอย่าง
การวัดและประเมินผลประจำาหน่วย เพื่อตัดสินว่าหลังการจัดการเรียนรู้ครบตามหน่วยน้ันแล้ว
นกั เรยี นมคี วามร้คู วามสามารถตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ในหน่วยนัน้ ในระดับใด ซึ่งนาำ ผลจากการวดั
มาตรวจสอบความสามารถในการอ่านและเขียนในหนว่ ยนน้ั ๆ
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 5 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ส่วนท่ี ๑ ความรสู้ าำ หรบั ครู
จุดประสงค์ของความรู้สำาหรับครู เป็นสาระสำาคัญสำาหรับให้ครูได้ศึกษา ให้มีความรู้
ความเข้าใจเบ้ืองต้นเกี่ยวกับหลัการใช้ภาษาท่ีเป็นพ้ืนฐานสำาคัญของการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วย
รวมท้ังเพื่อนำาเสนอขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยตามแบบการแจกลูกสะกดคำา เพ่ือให้
ครูดาำ เนนิ การตามได้อยา่ งเปน็ ระบบ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นอ่านและเขยี นได้
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการจดั การเรียนรู้
จุดประสงคข์ องส่วนท ี่ ๒ นี้ คอื เพ่อื เป็นตัวอย่างใหค้ รนู าำ ไปประยกุ ต์ใชต้ ามความเหมาะสม
และบรบิ ทของสถานศึกษา ในหัวขอ้ นป้ี ระกอบด้วย
ตวั อยา่ งแนวการจัดการเรยี นรู้
๑. ระบุชื่อหน่วยและเวลาที่ใช้ในแต่ละหน่วย โดยผู้นำาไปใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตาม
ความเหมาะสม เวลาท่กี าำ หนดไวเ้ ป็นการกำาหนดโดยประมาณเท่านน้ั
๒. จุดประสงค์ของการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ครูกำาหนดว่า เม่ือสอนหน่วยนี้แล้ว
ผเู้ รยี นตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และมคี วามสามารถในการอา่ นและเขยี นตามจดุ ประสงคข์ องหนว่ ยนน้ั
ในระดบั ใด ซงึ่ แนวทางการจดั การเรยี นรสู้ ามารถนำาไปประยุกตใ์ ชก้ บั การสอนภาษาไทยตามหลกั สตู ร
โดยการกาำ หนดจุดประสงค์ของการจดั การเรยี นรู้ท่ีพิจารณาจากจุดประสงค์การเรียนรู้ในหลักสตู ร
๓. แนวทางการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นว่าหน่วยน้ีแบ่งการสอนเป็นขั้นตอนในการจัด
การเรียนรู้ไดก้ ี่ครง้ั แต่ละครงั้ ใช้เวลาครั้งละ ๑ ช่ัวโมง ครูสามารถปรับเปลีย่ นจาำ นวนครง้ั และเวลาได้
ตามความเหมาะสมและการนาำ ไปใชข้ องคร ู แตต่ อ้ งใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรยี นรตู้ ามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ทก่ี าำ หนด
๔. แนวการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ ทุกหน่วยจะเขียนตัวอย่างแนวทางการจัดการเรียนรู้ไว้ให ้
๑ เรื่อง ประกอบด้วย
๔.๑ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร ู้ (ระบผุ ลลพั ธท์ เี่ กดิ จากการเรยี นรเู้ ฉพาะเรอื่ งทสี่ อนในชว่ั โมงนน้ั )
๔.๒ ขนั้ ตอนการจัดการเรียนรู้ เสนอให้เหน็ ขั้นตอนการสอนตงั้ แต ่
ข้ันนำา: มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสนใจและทบทวนความรู้ที่เช่ือมโยงกับ
หัวขอ้ ท่จี ะเรียนต่อไป
คู่มอื การสอนอา่ นเขยี น 6 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ขน้ั สอน: เสนอแนวทางการจดั เรยี นรใู้ หไ้ วเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง โดยครสู ามารถปรบั เปลยี่ น
สอ่ื ไดต้ ามความเหมาะสม แตจ่ ดุ เนน้ ของการจดั การเรยี นรตู้ อ้ งการใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ ทกั ษะการอา่ นและ
การเขยี นเปน็ หลกั
ข้ันสรุป: เปน็ ขนั้ การทบทวนให้นกั เรยี นเขา้ ใจในเรอ่ื งท่ีสอน
๔.๓ ส่ือการสอน เป็นการเสนอแนะส่อื ท่ใี ช้ในการสอนของช่ัวโมงน้ัน ๆ
๔.๔ การวัดและประเมินผล เป็นการเสนอวิธีการวัดและประเมินผลการฝึกทักษะ
การอา่ นและการเขยี นระหวา่ งเรียนของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล
ตัวอย่างแนวการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ และต่อ ๆ ไป เป็นการนำาเสนอจุดประสงค์การเรียนรู้
ของหน่วยน้ัน และแนวทางการจัดการเรียนรู้อย่างกว้าง ๆ เพ่ือให้ครูผู้สอนได้นำาไปประยุกต์ใช้ได้
และบางหนว่ ยไดเ้ สนอแนะแนวทางการจดั การเรียนร้ไู วจ้ นครบทกุ ข้ันตอน
สว่ นที่ ๓ การวดั และประเมินผลประจำาหน่วย
การวัดและประเมินผลประจำาหน่วย เป็นการประเมินตามจุดประสงค์ของการเรียนรู้
ประจาำ หนว่ ย เพื่อตัดสนิ ผลการเรยี นของหนว่ ยนัน้ โดยจะกาำ หนด
๑. แบบวดั ตามจดุ ประสงคข์ องหน่วยน้ัน
๒. วธิ ีการวดั
๓. เกณฑ์การประเมิน
หมายเหตุ
การวดั ระหวา่ งเรยี นจะเปน็ การฝกึ ทกั ษะหรอื การใชแ้ บบวดั อนื่ ๆ ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ในชวั่ โมงน้ัน ๆ เปน็ การวดั เพือ่ การพัฒนาการเรยี นของนกั เรยี น
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 7 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
สอนอยา่ งไรให้อา่ นออก อา่ นคล่อง และอ่านเป็น
สาำ หรบั นักเรยี นระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๓*
รองศาสตราจารย์ปิตินนั ธ์ สุทธสาร
คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั
และกรรมการวิชาการของราชบณั ฑติ ยสภา
การอ่านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เด็กจะต้องรู้จักสัญลักษณ์ที่เป็นตัวอักษรไทย คือ
พยญั ชนะ สระ และวรรณยกุ ต์ เพอ่ื นาำ มาประสมแลว้ สามารถเปลง่ เสยี งคำา ๆ นนั้ และเขา้ ใจความหมาย
ของคำา โดยโยงประสบการณข์ องตนเขา้ มาชว่ ยเสรมิ ให้เขา้ ใจยิง่ ขน้ึ ดงั นน้ั การอา่ นจงึ เปน็ สิง่ ทจี่ าำ เปน็
ท่ีครูจะต้องสอนให้แก่เด็ก รู้วิธีการสอนหลาย ๆ แบบ ไม่มีวิธีการสอนใดเป็นสูตรสำาเร็จ
การสอนที่ดี จึงต้องใช้วิธีสอนหลากหลายวิธีผสมผสานกันตามความสามารถของเด็กแต่ละวัย
และพจิ ารณาถึงความเหมาะสมของสภาพแวดลอ้ ม
การอ่านเป็นทักษะท่ีครูจะต้องฝึกฝนให้เด็กจนเกิดความชำานาญ และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
และสม่ำาเสมอ
ทกั ษะการอ่านท่ีครูตอ้ งสอนใหแ้ กเ่ ดก็ ไดแ้ ก่
๑. การอ่านคำา และรู้ความหมายของคำา นั่นคือให้เด็กอ่านออกเป็นคำา และเข้าใจ
ความหมายของคำานน้ั ซึ่งเป็นทกั ษะเบือ้ งตน้ คือสอนให้เดก็ อา่ นออก
๒. การอ่านจับใจความ เม่ือเด็กอ่านออกเป็นคำา วลี และประโยคได้แล้ว จะต้องเข้าใจ
ในสงิ่ ทอี่ า่ น บอกได้วา่ ใครทาำ อะไร ท่ีไหน อยา่ งไรในเร่อื งทอี่ า่ น เลา่ เรอ่ื งได ้ สรปุ เรื่องได ้ นั่นคอื การสอน
ใหเ้ ด็ก อา่ นเปน็
๓. การอ่านออกเสียงใหช้ ัดเจน ถกู ตอ้ ง โดยเฉพาะคำาทอ่ี อกเสียง ร ล คำาควบกลาำ้ คำาที่มี
อกั ษรนำา รจู้ กั จงั หวะในการอา่ นให้ถูกวรรคตอนฝึกจนอ่านคล่อง
* คำาบรรยายในการประชมุ ปฏิบตั กิ ารการสอนอา่ นเขยี นโดยการแจกลกู สะกดคาำ โดยรองศาสตราจารยป์ ิตนิ ันธ์ สทุ ธสาร
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 8 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๔. การอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ รู้จักวิธีค้นคว้าความรู้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทักษะนี้
เหมาะท่ีจะใช้กับเดก็ ในชน้ั ประถมปลายไปจนถงึ ชนั้ ท่ีสูง
๕. ฝกึ ให้เดก็ มนี ิสัยรกั การอา่ น ครูจัดบรรยากาศในชน้ั เรียนเพือ่ กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ อา่ นหนังสอื
จดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทเี่ ชญิ ชวนใหเ้ ดก็ อยากอา่ น ขอ้ สาำ คญั คอื ครตู อ้ งเปน็ ตวั อยา่ งทด่ี แี กเ่ ดก็ อา่ นหนงั สอื
หลากหลายนาำ มาเลา่ ใหเ้ ดก็ ฟงั
๖. การอ่านเพื่อให้คุณค่าและเกิดความซาบซึ้ง นั่นคือ การสอนอ่านวรรณคดีและ
วรรณกรรมสำาหรับเด็ก ให้เด็กมองเห็นประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านเพ่ือนำามาใช้ในชีวิตประจำาวัน
ให้เด็กรู้รสไพเราะของการอ่านร้อยกรองต่าง ๆ การอ่านวรรณคดีที่จัดไว้ให้เด็กแต่ละช้ันเพื่อให้เห็น
ความงดงามของภาษา
การสอนให้อา่ นออก
การสอนให้อ่านออกมีหลายวิธี ครูไม่ควรยึดวิธีใดวิธีหน่ึง ควรผสมผสานหลายวิธี
จนสามารถทาำ ใหเ้ ดก็ อ่านออกเปน็ คำาและรู้ความหมายของคำา
๑. สอนโดยวิธีประสมอักษร เป็นการสอนที่ใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท่ีแสดงถึง
ภมู ิปญั ญาการสอนอ่านแบบไทย ซง่ึ ทาำ ใหเ้ ด็กอ่านหนังสือไทยได้แตกฉานวิธีหนึ่ง
วิธีสอนแบบน้ีเป็นการนำาพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ มาประสมกัน แล้วฝึกอ่านแบบ
แจกลูก การอ่านแบบสะกดคำา เป็นการสอนอ่านท่ีเน้นการฟังเสียงของพยัญชนะต้น สระ ตัวสะกด
และวรรณยุกตท์ ี่นำามาประสมกันเปน็ คาำ เมอื่ ฝึกฝนบ่อย ๆ จนชนิ หกู จ็ ะอา่ นไดถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยาำ
การอ่านแบบแจกลกู เป็นการอ่านโดยยึดพยัญชนะตน้ เป็นหลกั ยดึ สระเป็นหลัก หรอื
ยดึ สระ และตัวสะกดเป็นหลกั เช่น
ยดึ พยัญชนะตน้ –ะ –า –ิ –ี –ึ –ื –ุ –ู
เป็นหลกั
กะ กา ก ิ ก ี ก ึ กือ กุ กู
ก ขะ ขา ข ิ ข ี ข ึ ขอื ข ุ ขู
ข คะ คา คิ คี ค ึ คือ คุ คู
ค
คู่มือการสอนอา่ นเขยี น 9 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ยดึ สระเป็นหลัก ก จ ต อ ข ส มย
–า กา จา ตา อา ขา สา มา ยา
–ี กี จ ี ตี อ ี ขี ส ี มี ยี
–ู ก ู จู ต ู อู ข ู สู ม ู ยู
ยึดสระและตวั สะกด กจ ต อ ข ส มย
เป็นหลกั
กาง จาง ตาง อาง ขาง สาง มาง ยาง
–า ง กาน จาน ตาน อาน ขาน สาน มาน ยาน
–า น กาด จาด ตาด อาด ขาด สาด มาด ยาด
–า ด
การอ่านแบบสะกดคำา เป็นการอ่านโดยสะกดคำา หรือออกเสียงพยัญชนะ สระ ตัวสะกด
วรรณยุกต์ การนั ต ์ ทป่ี ระกอบเปน็ คาำ เชน่
ตา สะกดว่า ตอ - อา ตา
บา้ น สะกดว่า บอ - อา - นอ บาน - ไม้โท บา้ น
เรื่อง สะกดวา่ รอ - เออื - งอ เรอื ง - ไม้เอก เร่อื ง
ถนน สะกดว่า ถอ - นอ - โอะ - นอ ถะ - หฺนน
สัตว์ สะกดว่า สอ - อะ - ตอ - วอการันต ์ สดั
๒. สอนดว้ ยการเดาคำาจากภาพ หรือ การสอนอ่านจากภาพ
เด็กเริ่มหัดอ่านจากรูปภาพก่อน แล้วจึงนำาไปสู่การอ่านจากตัวอักษร รูปภาพจะเป็น
ส่งิ ช้แี นะให้เด็กอา่ นคาำ น้นั ได ้ เช่น
กระตา่ ย เรอื ใบ
คมู่ อื การสอนอา่ นเขียน 10 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๓. สอนอา่ นจากรปู รา่ งของคาำ เมอ่ื เดก็ เหน็ รปู รา่ งของคาำ โดยสว่ นรวมกจ็ ะจาำ ได ้ แลว้ จะนาำ
ไปเปรยี บเทยี บกบั คำาทเี่ คยอา่ นออกแลว้ คาำ ใดทม่ี รี ปู รา่ งคลา้ ยคลงึ กนั กส็ ามารถเดาและเทยี บเสยี งไดว้ า่
อ่านอย่างไร การสอนแบบนี้ครูต้องตีกรอบคำาท่ีทำาให้เด็กสามารถมองเห็นรูปร่างคำาได้อย่างชัดเจน
เนน้ การฝกึ ใหเ้ ด็กสังเกตรปู ร่างของคาำ เช่น
หน หม ื ื
ู ู เ รอ เ สอ
ิิ ใจ
บน กน ใน
๔. สอนด้วยการเดาคำาจากบริบท หรอื คำาท่อี ยแู่ วดลอ้ ม สาำ หรบั เดก็ มักจะใช้บริบทท่เี ป็น
ปริศนาคำาทาย หากครูต้องการให้เด็กอ่านคำาใดก็สร้างปริศนาคำาทาย เมื่อเด็กทายคำาได้ถูกก็สามารถ
อา่ นคาำ นั้นออก
ตวั อยา่ งปรศิ นาคาำ ทายทใ่ี ช้สระอะ
๏ ฉันเป็นผักสวนครัว เนื้อตัวเป็นตะปุ่มตะป่ํา แต่มีคุณค่าเลิศลำ้า คั้นเอานำ้าแม้ขมหน่อย
อร่อยดี (มะระ)
๏ ฉันเปน็ ของใช ้ มไี วใ้ นครวั เอาไวผ้ ัดค่วั ทว่ั ทกุ บา้ นตอ้ งม ี (กระทะ)
๕. สอนอ่านโดยให้รู้หลักภาษา วิธีน้ีเด็กจะรู้หลักเกณฑ์ของภาษาเพ่ือการอ่านการเขียน
เช่น อักษร ๓ หมู่ สระเสียงเด่ียว สระเสียงประสม มาตราตัวสะกด การผันวรรณยุกต์ การอ่านคำา
ควบกล้ำา การอ่านอักษรนำา เป็นต้น วิธีน้ีต้องหาวิธีสอนท่ีหลากหลาย จัดกิจกรรมที่น่าสนใจ
ใหเ้ ดก็ เรยี นรหู้ ลกั ภาษาทง่ี า่ ย ๆ ดว้ ยวธิ งี า่ ย ๆ ทท่ี าำ ใหเ้ ดก็ สนกุ สนาน กจิ กรรมทเี่ ดก็ ชอบ เชน่ เลา่ นทิ าน
รอ้ งเพลง เลน่ เกม เป็นต้น
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 11 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตวั อย่างการสอนโดยใช้เพลง
เพลง สระ อะ คำาร้อง รศ.ปิตนิ นั ท ์ สทุ ธสาร
ทาำ นอง THIS IS THE WAY
คาำ สระอะ จะมีเสียงสั้น อย่คู ู่เคียงกนั พยญั ชนะ
จะ ปะ กระบะ กระทะ ตะกละ มะระ ล้วนอะตามเรียงราย
คาำ สระอะมตี ัวสะกด อะจะกระโดดเป็น หนั อากาศ
เชน่ กะ - น - กนั และฉนั นั้น ม่นั ตวั อะ แปรผัน เป็น หนั อากาศ (ซำา้ )
๖. สอนอา่ นตามครู
วธิ นี เ้ี ปน็ การสอนทง่ี า่ ย ครสู ว่ นใหญช่ อบมาก ถา้ ครไู มค่ ดิ พจิ ารณาใหด้ วี า่ เมอื่ ใดควรสอน
ดว้ ยวธิ นี ้ีจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ครจู ะใช้วธิ ีนี้ต่อเมอ่ื เปน็ คาำ ยาก คำาท่มี ีตวั สะกดแปลก ๆ หรือครูได้ใช้
วธิ อี ่ืนแลว้ เดก็ ยงั อ่านไมไ่ ด้
สาำ หรบั ชั้น ป. ๑ ครูอาจใช้วิธีนไ้ี ด ้ โดยครูอา่ นนาำ แล้วใหน้ ักเรียนอา่ นตาม เมอ่ื เด็กอ่าน
ไดแ้ ล้ว จงึ ฝกึ ให้อา่ นเป็นกลมุ่ เปน็ รายบุคคล
การอา่ นบทร้อยกรองนนั้ ครจู ำาเป็นต้องอา่ นนาำ กอ่ น เพือ่ ให้ร้จู งั หวะ และลลี าการอ่าน
บทรอ้ ยกรองตามประเภทของคาำ ประพันธน์ ้ัน ๆ
วิธกี ารสอนทัง้ ๖ วิธนี ้ี ครูควรนำาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หผ้ สมผสานให้เหมาะสมแก่วัยของเดก็
จะทาำ ใหเ้ ดก็ อ่านออกอ่านเกง่ ตอ่ ไปครจู ึงสอนอ่าน วล ี ประโยค ข้อความ เรือ่ งราวส้ัน ๆ และการฝึก
การอา่ นจบั ใจความในลาำ ดับตอ่ ไป
ค่มู ือการสอนอ่านเขียน 12 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
หน่วยท่ี ๑ รูปและเสียงพยัญชนะ
ส่วนท่ี ๑ ความรสู้ าำ หรบั ครู
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยเพ่ือมุ่งให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ท่ีประสบผล
สำาเร็จมีหลากหลายวิธี ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของครูเป็นสำาคัญ แต่ส่ิงที่สำาคัญ
ทคี่ รูควรคาำ นึงถงึ คอื การศกึ ษาผูเ้ รยี นเป็นรายบุคคล และจดั การเรียนรตู้ ามความแตกตา่ งของผเู้ รยี น
ดว้ ยความรกั ความเข้าใจ โดยครูควร
๑. ตระหนักถึงความสำาคัญของการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยเพื่อพัฒนาให้
นักเรียนอ่านออกเขียนได้ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ และการสื่อสารในชีวิตตาม
วัตถุประสงคต์ ่าง ๆ ของตน
๒. มคี วามร้เู ก่ียวกบั รูปและเสยี งของพยัญชนะไทย
๓. ใหค้ วามสาำ คญั กบั การสอนและฝกึ ฝนใหน้ กั เรยี นเขยี นพยญั ชนะไดถ้ กู วธิ ี ตลอดจนวธิ กี าร
จบั ดินสอ การวางสมุด และทา่ นง่ั ท่ถี กู ต้อง
๔. จัดเตรียมสื่อให้น่าสนใจ ครบตามจำานวนนักเรียน และให้นักเรียนทุกคนได้ฝึกปฏิบัติ
จนเกดิ ทักษะและความแมน่ ยาำ
รูปพยัญชนะ
พยัญชนะไทยมีทั้งหมด ๔๔ ตัว ปัจจบุ นั ใช้เพียง ๔๒ ตวั พยัญชนะตวั ทไี่ ม่ใช้ คอื ฃ และ ฅ
คมู่ อื การสอนอา่ นเขียน 13 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตัวอกั ษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ
พยญั ชนะไทย
ขอ้ สังเกต
๑. พยัญชนะ ฬ ในรปู แบบของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารใช้หางสงู กวา่ บรรทดั ท ่ี ๑ ขึ้นไป ๒ สว่ น
๒. พยัญชนะ อ ฐานของ อ จะโค้งหรือตรงกไ็ ด้
ช่อื พยญั ชนะ
ชื่อพยัญชนะไทยท่ีใช้กำากับพยัญชนะแต่ละตัว ท่ีใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นช่ือที่
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาำ รงราชานภุ าพ ไดส้ รรหาคาำ มากาำ กบั ซงึ่ ตอ่ มามผี แู้ ตง่ รอ้ ยกรอง
ประกอบช่ือพยัญชนะข้ึนหลายสำานวน เพ่ือให้นักเรียนท่องจำาได้ง่ายข้ึน สำานวนท่ีใช้กันมานานอย่าง
แพรห่ ลาย คอื สาำ นวนทปี่ รากกฏในแบบเรียน ก ไก่ ของบรษิ ทั ประชาชา่ ง ดงั น้ี
ค่มู ือการสอนอ่านเขียน 14 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขียน 15 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ข้อสังเกตเกย่ี วกับรอ้ ยกรองทป่ี ระกอบพยญั ชนะ
๑. พยญั ชนะ ซ บางตาำ ราใช ้ ลา่ มตี หมายถึง ล่ามและตตี รวน แต่ในท่ีนใี้ ช้ ลา่ มที
๒. พยัญชนะ ฌ ที่ถูกใช้ เฌอ หมายถึง ต้นไม้ ซึ่งตรงตามรูปประกอบ กระเชอ นั้น
หมายถึง ภาชนะสานชนิดหนึ่งมีรูปร่างคล้ายกระจาดแต่สูงกว่า ก้นสอบ ปากกว้างกว่า ใช้สำาหรับ
กระเดียด
๓. พยัญชนะ ศ ใช ้ ศ ศาลา เทา่ นั้น ทงั้ น้ไี มใ่ ช ้ ศ คอ ศาลา
๔. พยญั ชนะ ษ ใช ้ ษ ฤๅษี เท่าน้ัน ทง้ั นไ้ี ม่ใช ้ ษ บอ ฤๅษี
อย่างไรก็ตาม สิง่ สาำ คัญ คอื ครตู อ้ งสอนให้นกั เรยี นรจู้ ักรปู และเสยี งของพยญั ชนะใหถ้ ูกต้อง
ตรงกัน ส่วนชื่อเรียกพยัญชนะและคำาสร้อยนั้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยและสำานักพิมพ์
ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันได ้
คูม่ อื การสอนอ่านเขยี น 16 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
การฝึกเขยี นพยัญชนะ
กรณีท่ีนักเรียนยังไม่เคยเรียนเร่ืองการอ่านและการเขียนพยัญชนะมาก่อนเลย ครูควรสอน
พืน้ ฐานสำาคญั สาำ หรับการเร่มิ ต้นเขยี นพยัญชนะให้ถกู ต้องก่อน ดงั นี้
๑. วธิ ีการจับดินสอทีถ่ กู ตอ้ ง
๒. ลกั ษณะการน่งั ท่ีถกู วิธี
๓. การเขียนเสน้ พืน้ ฐานในการเขยี นพยัญชนะ
๑. วิธจี บั ดินสอท่ถี กู ตอ้ ง
การจบั ดนิ สอทจ่ี ะทาำ ใหไ้ มเ่ กดิ การเกรง็ ของนวิ้ และขอ้ มอื มากเกนิ ไป และยงั เปน็ การจบั แบบ
ธรรมชาติตามสรรี ะของนว้ิ และมอื คอื
นิ้วหัวแมม่ ือและนิว้ ชี้จับตวั ดินสอ
นว้ิ กลางใช้เปน็ ฐานรองดินสอ
ภาพการจับดนิ สอท่ถี กู วิธี
๒. ลกั ษณะการน่ังท่ถี กู วิธี
๒.๑ นกั เรยี นนงั่ ตวั ตรง หนั หนา้ เขา้ หาโตะ๊ เรยี น ทง้ั นไ้ี มค่ วรนง่ั เอยี งเพราะอาจทาำ ใหห้ ลงั คด
๒.๒ แขนท้งั ๒ ข้าง วางอยู่บนโตะ๊ ประมาณ ๓ ใน ๔ ของความยาวระหวา่ งศอกกับข้อมอื
โดยวางพาดไวก้ บั ขอบโต๊ะ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขียน 17 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๒.๓ วางกระดาษสำาหรับเขียนไว้ตรงหน้า ท้ังนี้ควรวางกระดาษให้ตรง หรือเอียงเพียง
เลก็ นอ้ ย หากวางเอยี งมากไปอาจทาำ ใหผ้ เู้ ขยี นตอ้ งเอยี งคอ สง่ ผลใหส้ ายตาทาำ งานมาก อาจทาำ ใหส้ ายตา
นักเรียนผดิ ปกตไิ ด้
๒.๔ มอื ทใี่ ชเ้ ขยี นตอ้ งทาำ มมุ ใหเ้ หมาะสมกบั ตวั อกั ษร ขอ้ ศอกตอ้ งไมก่ างออกหรอื แนบลาำ ตวั
มากเกินไป
๒.๕ การวางมอื ใช้ฝ่ามอื ควาำ่ ลง มอื งอ ทำามมุ ๔๕ องศากบั ข้อมือ น้ิวกลางรองรบั ดนิ สอ
หรอื ปากกา สว่ นนว้ิ หัวแมม่ อื กับนวิ้ ชี้จะประคองดินสอรว่ มกับนิ้วกลาง
๒.๖ จบั ดนิ สอใหพ้ อเหมาะ ไมแ่ นน่ หรอื หลวมเกนิ ไป สว่ นนวิ้ ทจี่ บั ดนิ สอควรโคง้ งอเลก็ นอ้ ย
๒.๗ ขณะทคี่ ัดลายมือ แขน มือ และนวิ้ ตอ้ งเคล่อื นไหวให้สมั พันธ์กนั
๒.๘ การเคล่ือนไหวของดินสอขณะท่ีคัดตัวพยัญชนะ จะต้องเริ่มต้นจากการเขียนส่วนหัว
ของพยัญชนะทุกตัวเสมอ ทั้งน้ตี อ้ งเขียนพยญั ชนะแต่ละตัวใหเ้ สร็จเรียบร้อยก่อนท่ีจะยกดินสอ
๓. การเขยี นเส้นพนื้ ฐานในการเขยี นพยญั ชนะ
ก่อนสอนเขียนพยัญชนะไทย ครูควรฝึกการเขียนเส้นพื้นฐานจากง่ายไปหายาก จำานวน
๑๓ เสน้ ใหก้ ับนกั เรียน โดยใช้บรรทัด ๕ เส้น (๔ ส่วน) จนนกั เรยี นเกิดความชาำ นาญ
ตัวอย่างเส้นพ้นื ฐานในการเขียนพยัญชนะ
๑. เสน้ ตรงจากบนลงล่าง
๒. เสน้ เฉยี งจากบนขวามาลา่ งซ้าย
คู่มอื การสอนอ่านเขียน 18 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๓. เสน้ เฉยี งจากบนซา้ ยมาล่างขวา
๔. เสน้ เฉียงจากล่างซ้ายไปบนขวา
๕. เสน้ ตรงจากลา่ งไปบน
๖. เส้นเฉียงจากลา่ งขวาไปบนซา้ ย
๗. เสน้ ตรงล่างจากซ้ายไปขวา
คูม่ ือการสอนอา่ นเขยี น 19 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๘. เส้นตรงล่างจากขวาไปซ้าย
๙. เสน้ โค้งบนจากซ้ายไปขวา
๑๐. เส้นโคง้ ลา่ งจากซ้ายไปขวา
๑๑. เสน้ โคง้ บนจากขวาไปซา้ ย
๑๒. เส้นวงกลมจากซา้ ยไปขวา
คูม่ ือการสอนอา่ นเขยี น 20 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๑๓. เส้นวงกลมจากขวาไปซา้ ย
การสอนให้นักเรียนเกิดทักษะการเขียนเส้นพื้นฐาน ครูควรให้นักเรียนเขียนเส้นพ้ืนฐาน
ทั้ง ๑๓ เส้น ตามรูปแบบที่กำาหนดให้ต่อเน่ืองจนเกิดความชำานาญ และเมื่อนักเรียนคุ้นเคย
กับการเขียนเส้นข้ันพ้ืนฐานท้ัง ๑๓ เส้นแล้ว ครูสามารถเร่ิมสอนเขียนพยัญชนะไทยตามรูปแบบ
พยัญชนะไทยท่ีถูกต้อง ท้ัง ๔๔ ตัว อย่างต่อเนื่องจนเกิดความชำานาญ โดยยึดหลักเกณฑ์ท่ีสำาคัญ
ดงั น ี้
๑. การเขียนพยัญชนะไทยต้องเน้นให้นักเรียนเขียนตัวพยัญชนะก่อนแล้วจึงเขียนเชิง
หาง หรือไส้ และใหเ้ ริม่ เขียนท่ตี ้นตัวพยัญชนะแลว้ ลากเส้นตดิ ต่อกันไปจนจบทป่ี ลายพยญั ชนะ
หาง
เชิง ไส้
๒. การเขยี นหัวพยญั ชนะ ตอ้ งเขียนให้กลม มีเสน้ เรียบคมและสมา่ำ เสมอ ในทน่ี ้ขี อเสนอวธิ ี
การเขียนพยญั ชนะไทยตามลำาดบั ความยากง่าย ดงั นี้
๒.๑ หวั อย่สู ่วนท่ี ๑ กลมเตม็ ๑ ส่วน
๒.๑.๑ หัวหลงั บน ได้แก่ ผ ฝ ย
คู่มือการสอนอ่านเขียน 21 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๒.๑.๒ หัวหน้าบน ได้แก ่ ง บ ป น ม ท ห พ ฟ ษ ฬ
๒.๒ หวั อยใู่ นส่วนท่ี ๒ กลมเต็มส่วน ๑ สว่ น
๒.๒.๑ หวั หลงั กลาง ไดแ้ ก ่ ค ศ อ ฮ
๒.๒.๒ หัวหนา้ กลาง ได้แก่ จ ฉ ด ต ฒ ฐ
๒.๓ หัวอย่ใู นส่วนที่ ๔ กลมเต็ม ๑ สว่ น
๒.๓.๑ หวั หลงั ลา่ ง ไดแ้ ก ่ ถ ล ส ฌ ณ ญ
๒.๓.๒ หวั หนา้ ล่าง ได้แก ่ ฎ ฏ ภ
คู่มอื การสอนอา่ นเขียน 22 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๒.๔ หวั ขมวดหกั หน้าบน ได้แก่ ข ช
๒.๕ หัวหยกั หกั เหล่ียมหน้าบน ได้แก่ ซ ฑ ฆ
วิธีคัดพยัญชนะไทย
พยญั ชนะกลุ่มที่ ๑ พยัญชนะไม่มหี วั
พยญั ชนะกลุ่มที่ ๒ พยญั ชนะท่มี หี วั เรมิ่ ท่ีบรรทดั ส่วนท่ ี ๑
พยัญชนะกลุม่ ท่ี ๓ พยญั ชนะทมี่ หี ัวระหวา่ งบรรทดั ส่วนท ี่ ๑ และส่วนท ี่ ๒
พยัญชนะกล่มุ ที่ ๔ พยัญชนะท่มี หี ัวเริ่มทบ่ี รรทัดส่วนที่ ๒
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 23 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
พยัญชนะกลมุ่ ที่ ๕ พยัญชนะท่มี ีหัวระหวา่ งบรรทดั ส่วนท่ี ๓ และส่วนท ่ี ๔
ลาำ ดับพยญั ชนะทค่ี วรสอน กอ่ น - หลงั
พยัญชนะไทยทั้ง ๔๔ ตัว มีระดับความยากง่ายในการอ่านออกเสียง และการเขียนรูป
พยัญชนะทแ่ี ตกต่างกนั ครูควรเลอื กพยัญชนะท่ีงา่ ยต่อการออกเสยี งและเขียนรปู ให้นักเรยี นฝกึ อ่าน
ฝกึ เขียนตามลาำ ดับก่อน ทัง้ นี้เพือ่ เปน็ การเสริมแรงและเพ่มิ กำาลงั ใจในการเรยี นรู้ใหก้ บั นักเรียน
ลำาดบั พยัญชนะไทยท่ีควรสอนกอ่ น - หลงั เป็นชุด ๆ ดงั นี้
ชดุ ที่ ๑ ก จ ด ต บ ป อ
ชุดท ่ี ๒ ค ง ช ซ ท น
ชดุ ท ่ี ๓ พ ฟ ม ย ร ล ว ฮ
ชุดที่ ๔ ข ฉ ถ ผ ฝ ส ห
ชุดที่ ๕ ฃ ฅ ฆ ฑ ธ ภ ศ ษ ฬ
ชดุ ท่ี ๖ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฒ ณ
คมู่ ือการสอนอ่านเขียน 24 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการจดั การเรยี นรู้
๑. สอนให้เห็นรูป สอนใหร้ จู้ ักเสียง สอนใหเ้ ขียนรูป
๒. สอนทลี ะขน้ั ตอน คอ่ ยเป็นค่อยไป
๓. หากพบนักเรียนคนใดยังอ่านออกเสียงไม่ถูกต้อง หรือเขียนไม่ได้ ให้หยุดรอ พร้อมท้ัง
ช่วยเหลือและแก้ไขเสียก่อน อย่าปล่อยท้ิงไว้เป็นเวลานาน เพราะจะเกิดความเสียหาย
และสายจนแกไ้ ขได้ยาก
คู่มอื การสอนอา่ นเขียน 25 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ตัวอยา่ งการนาำ แนวทางการจัดการเรียนรไู้ ปใช้ในห้องเรยี น
หน่วยท่ี ๑ รูปและเสียงพยญั ชนะ
จุดประสงค์การเรียนร้ขู องหนว่ ย (๒ ชว่ั โมง) (๑ ชั่วโมง)
เพ่ือใหน้ กั เรยี นอา่ นเขียนรูปและเสยี งพยัญชนะได้ (๑ ช่ัวโมง)
แนวทางการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ การอา่ นรปู และเสยี งพยัญชนะ
แนวทางการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ การเขยี นพยญั ชนะ
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ การอา่ นรูปและเสยี งพยญั ชนะ (๑ ช่วั โมง)
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นอา่ นรูปและเสียงพยัญชนะไทยท้งั ๔๔ ตัว ไดถ้ กู ตอ้ ง
ข้ันตอนการจดั การเรียนรู้
๑. ขัน้ นำา
ครูสอนให้นักเรียนรู้จัก “ชื่อพยัญชนะ” ท้ังหมดโดยใช้วิธี “อ่านท่องร้องเล่น” ตามที่
ทอ่ งกนั โดยทวั่ ไป ซงึ่ จะตอ้ งเรยี งตามลาำ ดบั พยญั ชนะ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดร้ จู้ กั “ชอื่ ” ของพยญั ชนะแตล่ ะตวั
ท้ังน้ีควรฝึกให้นักเรียนอ่านท่องร้องเล่นบ่อย ๆ จนเกิดความชำานาญและควรเน้นความสนุกสนาน
เพลิดเพลนิ กบั การท่องร้องเลน่ ชือ่ พยญั ชนะพร้อมปรบมือใหจ้ งั หวะ
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 26 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๒. ขั้นสอน
๒.๑ ครูสอนให้รู้จัก “รูป” และ “เสียง” ของพยัญชนะแต่ละตัว เพ่ือนำาสู่การอ่าน
และเขยี นสะกดคาำ ต่อไป โดยใชแ้ ผนภมู พิ ยญั ชนะ
๒.๒ ใหน้ ักเรียนอ่าน ก - ฮ พรอ้ ม ๆ กัน และเปน็ รายบุคคล
๒.๓ ครสู ังเกตความถกู ต้องในการอา่ นออกเสียงพยญั ชนะของนกั เรียน
๒.๔ ใหน้ กั เรยี นทำาแบบฝกึ การอา่ นรูปพยัญชนะ
๓. ขนั้ สรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปชื่อพยัญชนะ ท้ัง ๔๔ ตัว โดยการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง
ดงั นี้
ก ออกเสียงวา่ กอ
ข ออกเสียงว่า ขอ
ค ออกเสยี งวา่ คอ
จ ออกเสียงวา่ จอ
ช ออกเสียงวา่ ชอ
ต ออกเสยี งวา่ ตอ
ฝ ออกเสยี งว่า ฝอ
ร ออกเสยี งวา่ รอ
ส ออกเสยี งว่า สอ
ฮ ออกเสยี งว่า ฮอ
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 27 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ส่ือการเรียนการสอน
๑. แผนภูม ิ ก - ฮ
๒. แบบฝึก
การวัดและประเมินผล
การตรวจแบบฝกึ
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 28 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบฝกึ การอา่ นออกเสียงพยญั ชนะ
คาำ ช้แี จง
๑. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความเหมาะสม การแบ่งกลุ่มของนักเรียนไม่ควรเกิน ๕ คน
หรอื อาจให้นกั เรยี นจบั คกู่ ัน
๒. ครูแจกบัตรพยญั ชนะไทยและบัตรภาพ ก - ฮ แลว้ ให้นักเรยี นจับคพู่ ยญั ชนะและภาพ
ใหถ้ ูกต้อง
๓. ให้นักเรียนจับคู่ คนท่ี ๑ ถือบัตรภาพ และคนที่ ๒ อ่านออกเสียงพยัญชนะให้ตรง
กับภาพ ถา้ นกั เรยี นอ่านออกเสยี งผดิ ให้แก้ไขทนั ที
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 29 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขียน 30 โดยการแจกลกู สะกดคาำ แบบบนั ทกึ ผลการอา่ นออกเสียงพยัญชนะ
ที่ ช่อื -สกลุ พยญั ชนะ รวม
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ คะแนน*
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บนั ทึกคะแนนของนักเรยี นเปน็ รายข้อ เพ่ือให้รู้วา่ นกั เรียนมขี ้อบกพร่องใด สำาหรบั นำาไปใช้ในการปรบั ปรุงและพัฒนานักเรียน
๒. วธิ ีการบันทึก ถา้ อ่านออกเสียงถูกตอ้ งใหใ้ ส่เครอ่ื งหมาย √ ถ้าอ่านออกเสียงผิดใหใ้ ห้ใส่เครอื่ งหมาย X (เครอื่ งหมาย √ เท่ากบั ๑ คะแนน เครอ่ื งหมาย X
เท่ากับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพอื่ ประโยชน์ในการวนิ จิ ฉัยขอ้ บกพร่องของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล และนำาไปใชใ้ นการปรับปรุงและพัฒนานกั เรยี นเป็นรายบคุ คล
๔. ใช ้ คะแนนรวม** เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวนิ จิ ฉยั วา่ ขอ้ บกพรอ่ งของนกั เรยี นในภาพรวมของชนั้ เรยี น เพอื่ นาำ ไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี น
การสอน
๕. นักเรียนต้องอ่านพยัญชนะถกู ตอ้ งทกุ ตวั จึงผา่ นเกณฑ ์ กรณที ่ีนักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ ์ ครูตอ้ งฝึกจนนกั เรียนอ่านได้
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ การเขยี นพยญั ชนะ (๑ ชั่วโมง)
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
เพื่อให้นักเรียนเขยี นพยัญชนะไทย ทง้ั ๔๔ ตวั ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ขัน้ ตอนการจัดการเรียนรู้
๑. ขนั้ นำา
ครูนำาแผนภูมิพยัญชนะไทยซ่ึงมีท้ังหมด ๔๔ ตัว (ปัจจุบันใช้เพียง ๔๒ ตัว พยัญชนะ
ท่ีเลกิ ใช ้ คือ ฃ และ ฅ) ให้นกั เรียนดูและให้นักเรียนอา่ นพรอ้ มกนั
๒. ข้ันสอน
๒.๑ ครูเตรียมความพร้อมด้านการเขียนให้นักเรียน โดยสาธิตและอธิบายเก่ียวกับ
การจบั ดินสอทถ่ี ูกตอ้ งและลกั ษณะการนั่งทถี่ กู วิธี
๒.๒ ให้นักเรียนฝึกการเขียนเส้นพื้นฐานจากง่ายไปหายาก จำานวน ๑๓ เส้น
ตามแบบฝกึ ท ่ี ๑ การเขยี นเสน้ พนื้ ฐานในการเขยี นพยญั ชนะ โดยใชบ้ รรทดั ๕ เสน้ (๔ สว่ น) จนนกั เรยี น
เกิดความชำานาญ ทั้งน้ีครูควรกำาชับให้นักเรียนเขียนเส้นพ้ืนฐานท้ัง ๑๓ เส้น ตามรูปแบบที่กำาหนด
ใหต้ ่อเนอ่ื ง และอาจใหน้ ักเรียนนำาไปฝึกฝนท่ีบ้านเพม่ิ เตมิ กไ็ ด้
๒.๓ ครูสอนใหน้ ักเรยี นเขียนหวั พยญั ชนะไทย ตามแบบฝกึ ที่ ๒ การเขยี นหัวพยญั ชนะ
โดยใช้บรรทัด ๕ เส้น (๔ ส่วน) จนนักเรียนเกิดความชำานาญ โดยให้นักเรียนดูตัวอย่างการเขียน
หวั พยญั ชนะไทย แลว้ ให้นกั เรียนฝึกเขยี นตามตัวอยา่ ง
๒.๔ ครูสอนให้นักเรียนเขียนพยัญชนะไทย โดยเรียงลำาดับพยัญชนะที่เขียนง่าย
ไปหายากตามลำาดับ
๓. ข้ันสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ถึงรูปแบบการเขียนตัวพยัญชนะไทยทถ่ี ูกต้องทัง้ ๔๔ ตวั
คู่มือการสอนอ่านเขียน 31 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
สอื่ การเรียนการสอน
แบบฝึก
การวดั และประเมนิ ผล
การตรวจแบบฝึก
ค่มู อื การสอนอ่านเขียน 32 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบฝึกท่ี ๑ การเขียนเสน้ พ้ืนฐานในการเขียนพยญั ชนะ
คาำ ชีแ้ จง
ให้นักเรียนเขยี นเสน้ พ้ืนฐานในการเขียนพยัญชนะให้ถูกตอ้ ง
๑. เสน้ ตรงจากบนลงลา่ ง
๒. เสน้ เฉยี งจากบนขวามาลา่ งซา้ ย
๓. เสน้ เฉยี งจากบนซ้ายมาลา่ งขวา
๔. เส้นเฉยี งจากลา่ งซา้ ยไปบนขวา
คู่มอื การสอนอา่ นเขยี น 33 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๕. เสน้ ตรงจากลา่ งไปบน
๖. เสน้ เฉยี งจากลา่ งขวาไปบนซา้ ย
๗. เสน้ ตรงลา่ งจากซ้ายไปขวา
๘. เสน้ ตรงล่างจากขวาไปซ้าย
๙. เส้นโคง้ บนจากซา้ ยไปขวา
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 34 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๑๐. เส้นโคง้ ล่างจากซ้ายไปขวา
๑๑. เสน้ โค้งบนจากขวาไปซา้ ย
๑๒. เส้นวงกลมจากซา้ ยไปขวา
๑๓. เสน้ วงกลมจากขวาไปซา้ ย
คมู่ ือการสอนอ่านเขียน 35 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทึกผลการเขยี นเส้นพ้นื ฐานในการเขียนพยัญชนะ
ท่ี ชื่อ - สกุล ข้อที่ รวม
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ คะแนน*
คะแนนรวม*
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้ในการ
ปรับปรงุ และพฒั นานกั เรยี น
๒. วธิ กี ารบันทึก ถา้ เขยี นถกู ตอ้ งให้ใสเ่ คร่ืองหมาย √ ถา้ เขยี นผิดให้ใสเ่ ครอื่ งหมาย X (เครื่องหมาย √ เท่ากบั
๑ คะแนน เครอ่ื งหมาย X เทา่ กับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพฒั นานักเรียนเปน็ รายบคุ คล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพือ่ นาำ ไปใช้ในการปรบั ปรุงและพฒั นาการจดั การเรียนการสอน
๕. นักเรยี นตอ้ งเขียนได้ถกู ต้องทุกขอ้ จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณที นี่ กั เรียนไม่ผา่ นเกณฑ ์ ครูตอ้ งฝกึ จนนกั เรยี น
เขยี นได้
คมู่ ือการสอนอา่ นเขยี น 36 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แบบฝกึ ท่ี ๒ การเขยี นหวั พยัญชนะ
คาำ ช้แี จง
ใหน้ ักเรยี นเขียนหวั พยัญชนะตามท่กี ำาหนดให้ถูกตอ้ ง
๑. หัวอย่สู ว่ นที่ ๑ กลมเต็ม ๑ ส่วน
๑.๑ หัวหลงั บน ได้แก่ ผ ฝ ย
๑.๒ หวั หน้าบน ไดแ้ ก่ ง บ ป น ม ท ห พ ฟ ษ ฬ
๒. หวั อยู่ในส่วนท่ี ๒ กลมเต็มส่วน ๑ ส่วน
๒.๑ หัวหลงั กลาง ได้แก่ ค ศ อ ฮ
๒.๒ หวั หน้ากลาง ไดแ้ ก่ จ ฉ ด ต ฒ ฐ
คู่มือการสอนอา่ นเขยี น 37 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๓. หัวอยู่ในส่วนที่ ๔ กลมเต็ม ๑ สว่ น
๓.๑ หัวหลังลา่ ง ได้แก ่ ถ ล ส ฌ ณ ญ
๓.๒ หัวหน้าล่าง ไดแ้ ก ่ ฎ ฏ ภ
๔. หัวขมวดหักหนา้ บน ไดแ้ ก่ ข ช
๕. หัวหยักหักเหล่ียมหนา้ บน ไดแ้ ก่ ซ ฑ ฆ
คู่มอื การสอนอา่ นเขยี น 38 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบนั ทกึ ผลการเขียนหวั พยญั ชนะ
ที่ ชอ่ื - สกุล ขอ้ ท่ี รวม
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ คะแนน*
คะแนนรวม*
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้ในการ
ปรับปรุงและพฒั นานกั เรียน
๒. วธิ กี ารบนั ทกึ ถ้าเขียนถูกต้องใหใ้ ส่เครือ่ งหมาย √ ถา้ เขียนผดิ ให้ใส่เครอื่ งหมาย X (เครอ่ื งหมาย √ เท่ากับ
๑ คะแนน เคร่อื งหมาย X เทา่ กับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพัฒนานักเรียนเป็นรายบคุ คล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพ่ือนาำ ไปใชใ้ นการปรับปรงุ และพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๕. นักเรยี นต้องเขียนไดถ้ กู ต้องทกุ ข้อ จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีทีน่ กั เรียนไมผ่ ่านเกณฑ ์ ครตู อ้ งฝกึ จนนกั เรยี น
เขยี นได้
คูม่ ือการสอนอ่านเขียน 39 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
สว่ นที่ ๓ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลประจำาหนว่ ย
ฉบับที่ ๑ การอา่ นพยญั ชนะ
คำาชแ้ี จง
ให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งพยัญชนะไทยตามท่กี ำาหนดให้ถกู ต้อง จาำ นวน ๔๔ ตวั โดยครสู ่มุ
จากบัตรพยญั ชนะ ก - ฮ เพ่อื ไม่ให้เรียงตวั อกั ษร
ตวั อยา่ งบัตรพยญั ชนะ
ก ออกเสยี งวา่ กอ
คมู่ ือการสอนอ่านเขียน 40 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขียน 41 โดยการแจกลกู สะกดคาำ แบบบนั ทกึ ผลการอา่ นพยญั ชนะ
ท่ี ชือ่ -สกุล พยัญชนะ รวม
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ คะแนน*
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ใหบ้ ันทึกคะแนนของนกั เรียนเป็นรายขอ้ เพื่อใหร้ ้วู า่ นกั เรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใชใ้ นการปรับปรุงและพฒั นานักเรียน
๒. วิธีการบนั ทึก ถา้ อ่านถกู ตอ้ งให้ใส่เครื่องหมาย √ ถา้ อา่ นผิดให้ใส่เคร่อื งหมาย X (เครอ่ื งหมาย √ เทา่ กบั ๑ คะแนน เคร่ืองหมาย X เท่ากับ ๐ คะแนน)
๓. ใช ้ รวมคะแนน* เพ่อื ประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพรอ่ งของนักเรยี นเป็นรายบุคคล และนำาไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ และพฒั นานกั เรยี นเป็นรายบุคคล
๔. ใช ้ คะแนนรวม** เพอื่ ประโยชนใ์ นการวนิ จิ ฉยั วา่ ขอ้ บกพรอ่ งของนกั เรยี นในภาพรวมของชนั้ เรยี น เพอื่ นาำ ไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี น
การสอน
๕. นกั เรยี นอา่ นพยัญชนะถูกต้องทุกตวั จงึ ผา่ นเกณฑ ์ กรณีทีน่ ักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑ ์ ครตู ้องฝกึ จนนกั เรียนอ่านได้
ฉบับท่ี ๒ การเขยี นพยญั ชนะ
คาำ ชี้แจง
ให้นักเรียนเขียนพยัญชนะไทยตามแผนภูมิท่ีกาำ หนดทั้ง ๔๔ ตัว โดยใช้กระดาษที่มีบรรทัด
๕ เสน้
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 42 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
คมู่ ือการสอนอา่ นเขียน 43 โดยการแจกลกู สะกดคาำ แบบบันทกึ ผลการเขียนพยัญชนะ
ท่ี ช่อื -สกุล พยัญชนะ รวม
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ คะแนน*
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ใหบ้ นั ทกึ คะแนนของนกั เรียนเปน็ รายขอ้ เพอ่ื ให้รวู้ ่านักเรยี นมขี อ้ บกพรอ่ งใด สำาหรบั นำาไปใช้ในการปรับปรงุ และพฒั นานักเรียน
๒. วิธกี ารบันทึก ถ้าเขยี นถูกตอ้ งใหใ้ ส่เคร่อื งหมาย √ ถ้าเขยี นผิดให้ใสเ่ คร่ืองหมาย X (เครือ่ งหมาย √ เท่ากับ ๑ คะแนน เครอ่ื งหมาย X เท่ากบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพอ่ื ประโยชน์ในการวนิ จิ ฉยั ขอ้ บกพรอ่ งของนักเรยี นเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล
๔. ใช ้ คะแนนรวม** เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวนิ จิ ฉยั วา่ ขอ้ บกพรอ่ งของนกั เรยี นในภาพรวมของชน้ั เรยี น เพอื่ นาำ ไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี น
การสอน
๕. นกั เรยี นตอ้ งอ่านพยัญชนะถูกตอ้ งทุกตัว จึงผา่ นเกณฑ ์ กรณที ่ีนักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ ์ ครตู ้องฝกึ จนนักเรยี นอ่านได้
ตวั อย่างสรปุ ผลการประเมินรปู และเสียงพยญั ชนะ
ที่ ชอื่ - สกุล ผลการประเมนิ รวม สรุปผลการประเมิน
ฉบับที่ ๑ ฉบับที่ ๒ คะแนน ผา่ น ไมผ่ า่ น
(๔๔ คะแนน) (๔๔ คะแนน) (๘๘ คะแนน)
หมายเหตุ
นักเรียนต้องได้คะแนนผ่านเกณฑ์ทุกฉบับจึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีท่ีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์
ใหส้ อนซอ่ มเสรมิ
คู่มอื การสอนอา่ นเขียน 44 โดยการแจกลกู สะกดคาำ