ดิน + - ๊ ด๊ิน (เสยี งตร)ี
ดนิ + - ๋ ด๋นิ (เสยี งจตั วา)
จากน้ัน จึงสอนให้ผันเสียงแบบแจกลูก โดยยึดพยัญชนะต้น สระ ตัวสะกด
และวรรณยกุ ต ์ เช่น
กาง กา่ ง กา้ ง กา๊ ง กา๋ ง
จาม จา่ ม จ้าม จ๊าม จ๋าม
ดอย ด่อย ดอ้ ย ดอ๊ ย ด๋อย
ตอน ต่อน ต้อน ต๊อน ต๋อน
บวิ บ่ิว บิว้ บิ๊ว บว๋ิ
อูด อ่ดู อู้ด อู๊ด อ๋ดู
ครูออกเสียงอ่านนำา แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามครูช้าๆ พร้อมกันเป็นกลุ่ม
และเป็นรายบุคคลใหช้ ัดเจน ควรฝึกซา้ำ ๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความแม่นยำาโดยใชส้ ือ่ ประกอบ
๒.๒ ครูยกตัวอย่างฝึกออกเสียงผันคำาโดยการแจกลูกและสะกดคำาที่มีพยัญชนะต้น
อกั ษรกลาง ประสมสระเสยี งยาว และสระเสยี งสนั้ ตวั สะกดตรงตามมาตรา และวรรณยกุ ต ์ ยกตวั อยา่ ง
การผนั วรรณยุกตท์ ม่ี ตี ัวสะกดตรงมาตราในแมก่ ก แม่กบ แมก่ ด เชน่
๑) พยญั ชนะต้นอกั ษรกลาง + สระเสียงยาว + ตวั สะกด + วรรณยุกต ์
จาก จ + า + ก จาก (เสยี งเอก)
จาก + - ้ จา้ ก (เสยี งโท)
จาก + - ๊ จ๊าก (เสียงตร)ี
จาก + - ๋ จา๋ ก (เสยี งจตั วา)
๒) พยญั ชนะต้นอกั ษรกลาง+ สระเสียงสน้ั + ตัวสะกด + วรรณยกุ ต์
กบ ก + โ-ะ + บ กบ (เสียงเอก)
กบ + - ้ ก้บ (เสยี งโท)
กบ + -๊ ก๊บ (เสยี งตร)ี
กบ + -๋ ก๋บ (เสียงจัตวา)
คมู่ ือการสอนอ่านเขยี น 195 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๒.๓ ครูสอนการผันเสียงวรรณยุกต์แบบแจกลูกและสะกดคำา โดยเริ่มที่การสอนผัน
พยัญชนะต้นอักษรกลาง โดยครูนำาตารางการผันติดไว้บนกระดานดำา ครูอ่านนำาและให้นักเรียน
อ่านตาม (ครูให้นักเรียนฝึกอ่านพร้อมกัน อ่านเป็นรายกลุ่ม และอ่านเป็นรายบุคคล) จากน้ัน
ครหู าคำาท่ีเปน็ เสยี งสามัญใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นตามตาราง
ตารางการฝกึ ผันวรรณยุกต์
คำา สามญั เสยี งวรรณยุกต์ จัตวา
กาง เอก โท ตรี กา๋ ง
กาง จาม จ๋าม
จาม ดอย กา่ ง กา้ ง กา๊ ง ด๋อย
ดอย ตอน จา่ ม จา้ ม จา๊ ม ตอ๋ น
ตอน บิว ดอ่ ย ดอ้ ย ดอ๊ ย บิ๋ว
บิว ตอ่ น ต้อน ตอ๊ น
บว่ิ บวิ้ บิว๊
๒.๔ ใหน้ กั เรยี นฝึกผันทีละคน ถ้าผันไมถ่ ูกตอ้ ง ครแู นะนาำ แกไ้ ข
๒.๕ ครูแจกบัตรคาำ ให้นักเรียนทุกคน แล้วสุ่มนกั เรียนผนั คาำ ทีละคนใหเ้ พื่อนฟงั
๒.๖ ให้นักเรียนทำาแบบฝึกการผันวรรณยุกต์คำาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตรา
โดยให้นักเรียนออกเสียงการผันคำาเป็นรายบุคคล หากพบว่านักเรียนคนใดยังเขียนไม่ได้หรือเขียน
ไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขทันที โดยให้ทำาแบบฝึกซำ้า ๆ หรือถ้านักเรียนคนใดเข้าใจดีแล้ว ให้นักเรียนทำา
แบบฝึกเสรมิ อน่ื ๆ
หมายเหตุ ครูเตรียมเอกสารหรือหนังสือไว้ให้นักเรียนค้นหาคำา เม่ือนักเรียนทำา
แบบฝึกอา่ นไดป้ ระมาณ ๓ ข้อ สมุ่ นกั เรียนนำาเสนอรายบคุ คล
๓. ขั้นสรุป
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ การผนั วรรณยกุ ตแ์ ละเขยี นแจกลกู คาำ ทม่ี ตี วั สะกดตรงมาตรา
ในกลมุ่ พยัญชนะตน้ อักษรกลาง
คูม่ ือการสอนอ่านเขยี น 196 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
สื่อการสอน
๑. บัตรคาำ
๒. บตั รภาพ
๓. เกม/เพลง
๔. ตารางผนั วรรณยกุ ต์
๕. แบบฝกึ
การวดั และประเมินผล
การตรวจแบบฝึก
ค่มู อื การสอนอา่ นเขยี น 197 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบฝกึ การผนั วรรณยกุ ต์คาำ ท่มี ีตัวสะกดตรงตามมาตรา
คาำ ชีแ้ จง
ใหน้ ักเรียนผนั วรรณยุกตค์ ำาตอ่ ไปน้ใี หค้ รูฟังเปน็ รายบุคคล ใชเ้ วลา ๑๐ นาที
ข้อที่ คาำ เอก โท ตรี จตั วา
๑. กาน กา่ น ก้าน กา๊ น ก๋าน
๒. ตงั ต่ัง ต้ัง ตง๊ั ตั๋ง
๓. บน บน่ บ้น บน๊ บน๋
๔. กม กม่ ก้ม ก๊ม ก๋ม
๕. เดิม เด่มิ เดิ้ม เดม๊ิ เดม๋ิ
๖. ดาว ด่าว ด้าว ด๊าว ด๋าว
๗. ปวย ป่วย ป้วย ปว๊ ย ปว๋ ย
๘. ตูน ตู่น ตนู้ ตูน๊ ตนู๋
๙. แปง แป่ง แปง้ แปง๊ แป๋ง
๑๐. จอง จ่อง จ้อง จ๊อง จอ๋ ง
คู่มอื การสอนอ่านเขียน 198 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทกึ ผลการผนั วรรณยุกตค์ ำาที่มตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมิน
ท่ี ชื่อ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผา่ น ผ่าน
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพฒั นานักเรยี น
๒. วิธีการบันทึก ถ้าทำาถูกต้องให้ใส่เคร่ืองหมาย √ ถ้าทำาผิดให้ใส่เคร่ืองหมาย X (เคร่ืองหมาย √ เท่ากับ
๑ คะแนน เครือ่ งหมาย X เทา่ กบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพฒั นานักเรยี นเปน็ รายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพื่อนำาไปใช้ในการปรับปรงุ และพัฒนาการจดั การเรียนการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีท่ีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรียนผนั วรรณยกุ ตไ์ ด้
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 199 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ส่วนที่ ๓ แนวทางการวดั และประเมินผลประจำาหน่วย
ฉบับท่ี ๑ การผนั วรรณยุกต์คำาทีม่ ตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
คาำ ชี้แจง
ใหน้ กั เรียนเขยี นเสยี งและรปู วรรณยุกต์ของคาำ ให้ถกู ต้อง
ขอ้ ท่ี คำา เสยี งวรรณยกุ ต์ รปู วรรณยกุ ต์
ตวั อยา่ ง บา้ น โท -้
๑. ดนิ้
๒. ย่อง
๓. หอ้ ง
๔. ขา้ ว
๕. กอด
๖. เล้ยี ว
๗. เจ๊ยี บ
๘. ซ้าย
๙. ส้ม
๑๐. อา่ ง
คูม่ ือการสอนอา่ นเขียน 200 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
เฉลยคำาตอบ คำา เสียงวรรณยกุ ต์ รปู วรรณยกุ ต์
ข้อที่ ดิน้ เสียงโท -้
๑ ยอ่ ง เสยี งโท -่
๒ หอ้ ง เสียงโท -้
๓ ขา้ ว เสยี งโท -้
๔ กอด เสียงเอก -
๕ เลยี้ ว เสียงตรี -้
๖ เจ๊ียบ เสียงตรี -๊
๗ ซ้าย เสยี งตรี -้
๘ ส้ม เสียงโท -้
๙ อา่ ง เสยี งเอก -่
๑๐
คูม่ อื การสอนอา่ นเขยี น 201 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบนั ทึกผลการผนั วรรณยุกต์คำาที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา
ข้อท่ี ผลการ
รวม ประเมนิ
ท่ี ชอื่ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผา่ น ผา่ น
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพฒั นานกั เรยี น
๒. วิธีการบนั ทึก ถา้ ทำาถูกต้องให้ใส่เคร่ืองหมาย √ ถา้ ทำาผิดให้ใส่เคร่ืองหมาย X (เครอื่ งหมาย √ เท่ากับ
๑ คะแนน เคร่ืองหมาย X เทา่ กับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพัฒนานกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพอื่ นาำ ไปใช้ในการปรับปรงุ และพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีท่ีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรียนเขียนได้
คู่มอื การสอนอา่ นเขียน 202 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ฉบบั ที่ ๒ การอ่านสะกดคาำ ทม่ี วี รรณยกุ ตแ์ ละมตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
คาำ ชีแ้ จง
๑. ให้นักเรียนอ่านสะกดคำาให้ ภายในเวลา ๕ นาที
๒. ครูยกตวั อย่างการอ่านสะกดคาำ ว่า “บ้าน” กอ่ นจับเวลา
ตวั อย่างการอ่านสะกดคำา
บ้าน สะกดว่า บอ - อา - บา - บา - นอ - บาน - บาน - โท บา้ น
บอ - อา - นอ - บาน - บาน - โท บ้าน
หรือ บอ - อา - นอ - บาน - บาน - ไม้โท บา้ น
๑. กา้ น ๖. ออ้ ย
๒. จ๋อม ๗. เล้ยี ง
๓. ขา้ ว ๘. เชา้
๔. ท้าย ๙. จง้ิ จอก
๕. ปี๊บ ๑๐. เรอื่ งราว
คูม่ ือการสอนอา่ นเขยี น 203 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
เฉลยคาำ ตอบ
ข้อที่ คาำ อา่ นสะกดคาำ
๑. ก้าน กอ - อา - กา - กา - นอ - กาน - กาน - โท ก้าน
กอ - อา - นอ - กาน - กาน - โท ก้าน
หรือ กอ - อา - นอ - กาน - กาน - ไม้โท ก้าน
๒. จอ๋ ม จอ - ออ - จอ - จอ - มอ - จอม - จอม - จตั วา จ๋อม
จอ - ออ - มอ - จอม - จอม - จัตวา จอ๋ ม
หรอื จอ - ออ - มอ - จอม - จอม - ไมจ้ ัตวา จ๋อม
๓. ขา้ ว ขอ - อา - ขา - ขา - วอ - ขาว - ขาว - โท ขา้ ว
ขอ - อา - วอ - ขาว - ขาว - โท ข้าว
หรือ ขอ - อา - วอ - ขาว - ขาว - ไม้โท ขา้ ว
๔. ทา้ ย ทอ - อา - ทา - ทา - ยอ - ทาย - ทาย - โท ทา้ ย
ทอ - อา - ยอ - ทาย - ทาย - โท ทา้ ย
หรือ ทอ - อา - ยอ - ทาย - ทาย - ไม้โท ท้าย
๕. ป๊ีบ ปอ - อ ี - ป ี - ปี - บอ - ปีบ - ปบี - ตรี ปีบ๊
ปอ - อี - บอ - ปีบ - ปีบ - ตร ี ปีบ๊
หรือ ปอ - อ ี - บอ - ปีบ - ปบี - ไมต้ รี ปบี๊
๖. อ้อย ออ - ออ - ออ - ออ - ยอ - ออย - ออย - โท ออ้ ย
ออ - ออ - ยอ - ออย - ออย - โท อ้อย
หรือ ออ - ออ - ยอ - ออย - ออย - ไมโ้ ท อ้อย
๗. เลี้ยง ลอ - เอยี - เลีย - เลีย - งอ - เลยี ง - เลียง - โท เลีย้ ง
ลอ - เอีย - งอ - เลยี ง - เลียง - โท เล้ยี ง
หรือ ลอ - เอยี - งอ - เลยี ง - เลยี ง - ไม้โท เลยี้ ง
คู่มอื การสอนอา่ นเขียน 204 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ข้อที่ คาำ อา่ นสะกดคำา
๘. เชา้ ชอ - เอา - เชา - เชา - โท เช้า
หรอื ชอ - เอา - เชา - ไมโ้ ท เชา้
๙. จง้ิ จอก จอ - อ ิ - จ ิ - จ ิ - งอ - จงิ - จิง - โท จ้ิง
จอ - ออ - จอ - จอ -กอ จอก จง้ิ จอก
จอ - อิ - งอ - จงิ - จงิ - โท จ้ิง จอ - ออ - กอ จอก จง้ิ จอก
หรอื จอ - อิ - งอ - จงิ - จงิ - ไมโ้ ท จิ้ง จอ - ออ - กอ จอก จ้ิงจอก
๑๐. เรอ่ื งราว
รอ - เออื - เรือ - เรือ - งอ - เรอื ง - เรือง - เอก เร่อื ง
รอ - อา - รา - รา - วอ ราว เร่ืองราว
รอ - เอือ - งอ - เรือง - เรือง - เอก เรือ่ ง
รอ - อา - วอ ราว เรอื่ งราว
หรอื รอ - เออื - งอ - เรือง - ไม้เอก เร่อื ง
รอ - อา - วอ ราว เร่อื งราว
ค่มู ือการสอนอ่านเขยี น 205 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบนั ทกึ ผลการอา่ นสะกดคำาที่มวี รรณยุกตแ์ ละมีตัวสะกดตรงตามมาตรา
ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมนิ
ท่ี ชอื่ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผ่าน ผา่ น
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรับปรุงและพัฒนานกั เรยี น
๒. วิธกี ารบนั ทึก ถา้ อา่ นถูกตอ้ งใหใ้ ส่เครอื่ งหมาย √ ถา้ อ่านผดิ ให้ใส่เครอื่ งหมาย X (เครอื่ งหมาย √ เทา่ กับ
๑ คะแนน เครือ่ งหมาย X เท่ากับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรุงและพัฒนานกั เรยี นเปน็ รายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพื่อนาำ ไปใช้ในการปรบั ปรงุ และพัฒนาการจดั การเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรยี นอา่ นได้
คูม่ ือการสอนอา่ นเขียน 206 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ฉบับท่ี ๓ การเขยี นคำาทม่ี ีวรรณยกุ ตแ์ ละตัวสะกดตรงตามมาตรา
คาำ ชแี้ จง
๑. ใหน้ ักเรียนเขียนตามคำาบอก โดยใช้เวลา ๒๐ นาที
๒. ให้ครอู ่านคาำ ให้นักเรียนฟังคำาละ ๒ คร้ัง โดยเวน้ เวลาใหน้ ักเรียนเขยี นก่อนบอกคาำ ในขอ้
ตอ่ ไป
คำาท่ีกำาหนดใหเ้ ขยี น
๑. แมว
๒. ช้าง
๓. ฉง่ิ
๔. โอ่ง
๕. นว้ิ มือ
๖. ตกุ๊ แก
๗. กว๋ ยเตยี๋ ว
๘. ต๊ักแตน
๙. บา้ น
๑๐. มะม่วง
คู่มอื การสอนอ่านเขยี น 207 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทึกผลการเขยี นคำาทมี่ วี รรณยกุ ตแ์ ละตัวสะกดตรงตามมาตรา
ข้อที่ ผลการ
รวม ประเมนิ
ที่ ชอื่ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผา่ น ผา่ น
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้ในการ
ปรบั ปรงุ และพฒั นานักเรยี น
๒. วิธีการบนั ทกึ ถ้าเขยี นถกู ตอ้ งให้ใส่เคร่ืองหมาย √ ถ้าเขยี นผดิ ใหใ้ ส่เคร่อื งหมาย X (เครื่องหมาย √ เทา่ กับ
๑ คะแนน เครอื่ งหมาย X เทา่ กับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพอื่ ประโยชนใ์ นการวนิ จิ ฉยั ขอ้ บกพรอ่ งของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล และนำาไปใชใ้ นการ
ปรับปรงุ และพฒั นานักเรียนเปน็ รายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพือ่ นำาไปใชใ้ นการปรับปรงุ และพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรียนเขียนได้
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 208 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตัวอยา่ งสรปุ ผลการประเมนิ การผันวรรณยกุ ต์คำาท่มี ตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
ผลการประเมิน รวม สรปุ ผลการประเมิน
ที่ ชอ่ื - สกลุ ฉบบั ที่ ๑ ฉบบั ท่ี ๒ ฉบับท่ี ๓ คะแนน ผา่ น ไม่ผ่าน
(๑๐ คะแนน) (๑๐ คะแนน) (๑๐ คะแนน) (๓๐ คะแนน)
หมายเหตุ
๑. ถ้ารวมคะแนนได้ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป และคะแนนรายแบบประเมนิ ได้รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ทุกแบบประเมนิ
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
๒. ถ้ารวมคะแนนได้ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป แต่คะแนนรายแบบประเมินบางแบบประเมินได้ไม่ถึงร้อยละ ๘๐
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ แตใ่ ห้ซอ่ มเสริมส่วนที่ไม่ถงึ รอ้ ยละ ๘๐
๓. ถ้ารวมคะแนนได้ไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ให้สอนซ่อมเสริม ในกรณีที่นักเรียนได้คะแนน
บางแบบประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ไม่ต้องซ่อมเสริมส่วนนั้น
คมู่ ือการสอนอ่านเขียน 209 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
หนว่ ยท่ี ๘ การแจกลกู สะกดคำาทมี่ ตี วั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
สว่ นที่ ๑ ความรู้สาำ หรับครู
มาตรา คือ แม่บทแจกลูกอักษรตามหมวดคำาที่มีตัวสะกดหรือออกเสียงอย่างเดียวกัน
แบง่ ออกเปน็ ๘ มาตรา หรือ ๘ แม่ คือ แมก่ ก แมก่ ด แม่กบ แม่กม แม่เกย แมเ่ กอว แมก่ ง และแมก่ น
แบง่ ไดเ้ ปน็ ๒ กลุม่ ดงั นี้
๑. มาตราท่ีมีพยญั ชนะเปน็ ตวั สะกดเพยี งตัวเดียว ๔ มาตรา คือ
แม่กง ใช ้ ง สะกด เช่น หาง ปลงิ สอง แรง ฯลฯ
แมก่ ม ใช ้ ม สะกด เชน่ สม แต้ม โสม สนาม งอมฯลฯ
แมเ่ กย ใช ้ ย สะกด เชน่ สาย โปรย เฉย ปุ๋ย ฯลฯ
แม่เกอว ใช ้ ว สะกด เช่น แหว้ กาว เปลว เปร้ียว ฯลฯ
๒. มาตราท่ีมีพยัญชนะเป็นตัวสะกดในแต่ละมาตราหลายตัว แต่ออกเสียงเพียงเสียงเดียว
มี ๔ มาตรา คือ
แมก่ ก มพี ยญั ชนะ ก ข ค ฆ สะกด แลว้ ออกเสียงเปน็ เสยี ง /ก/ เช่น เลข
โรค เมฆ ฯลฯ
แมก่ ด มพี ยัญชนะ ด จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ต ถ ท ธ ศ ษ ส สะกด
แลว้ ออกเสยี งเปน็ เสียง /ด/ เชน่ กิจ ราช กฎ ปรากฏ อิฐ ครุฑ พฒั นา
ทตู รถ บาท พุธ อากาศ พิษ ทาส ฯลฯ
แม่กบ มพี ยญั ชนะ บ ป พ ฟ ภ สะกด แล้วออกเสียงเป็นเสยี ง /บ/ เชน่ บาป
ภาพ ยรี าฟ ลาภ ฯลฯ
แมก่ น มีพยัญชนะ น ญ ณ ร ล ฬ สะกด แลว้ ออกเสียงเป็นเสียง /น/ เชน่
เชญิ คูณ หาร ศลี วาฬ ฯลฯ
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 210 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
การอา่ นสะกดคาำ ทมี่ ีตวั สะกดไมต่ รงตามมาตรา
การอ่านออกเสียงคาำ โดยให้นกั เรียนรจู้ ักเสยี งพยญั ชนะต้น สระ ตวั สะกด และวรรณยกุ ต ์
ตามลาำ ดับ เชน่
กรณเี ปน็ คาำ พยางค์เดียวใหอ้ า่ นสะกดคาำ ดงั น้ี
เขต แบบท่ ี ๑ ขอ - เอ - ตอ เขด
แบบท ี่ ๒ ขอ - เอ - เข - เข - ตอ เขด
บาป แบบท ่ี ๑ บอ - อา - ปอ บาบ
แบบท ่ี ๒ บอ - อา - บา - บา - ปอ บาบ
เลข แบบท ่ี ๑ ลอ - เอ - ขอ เลก
แบบท ่ี ๒ ลอ - เอ - เล - เล - ขอ เลก
เชิญ* แบบท่ี ๑ ชอ - เออ - ญอ เชนิ
แบบท ่ี ๒ ชอ - เออ - เชอ - เชอ - ญอ เชิน
*ถา้ ใช ้ ย แทน ญ ในการอา่ นสะกดคำา จะทำาให้สับสนกบั แม่เกยได ้ จงึ คงรปู พยัญชนะ ญ ไว ้
กรณที ีค่ ำามมี ากกว่า ๑ พยางค์ใหอ้ ่านสะกดคำา ดงั นี้
สนุ ขั แบบท ี่ ๑ สอ - อ ุ ส ุ นอ - อะ - ขอ นกั ส ุ - นัก
แบบท ่ี ๒ สอ - อ ุ ส ุ นอ - อะ - นะ - นะ - ขอ นัก ส ุ - นัก
เคารพ แบบท ี่ ๑ คอ - เอา เคา รอ - โอะ - พอ รบ เคา - รบ
แบบท ี่ ๒ คอ - เอา เคา รอ - โอะ - โระ - โระ - พอ รบ เคา - รบ
อาหาร แบบท ี่ ๑ ออ - อา อา หอ - อา - รอ หาน อา - หาน
แบบท ่ี ๒ ออ - อา อา หอ - อา - หา - หา - รอ หาน อา - หาน
โอกาส แบบท ี่ ๑ ออ - โอ โอ กอ - อา - สอ กาด โอ - กาด
แบบท ่ี ๒ ออ - โอ โอ กอ - อา - กา - กา - สอ กาด โอ - กาด
อ้างองิ เพมิ่ เตมิ : กาำ ชยั ทองหล่อ. (๒๕๓๗). หลกั ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : รวมสาส์น.
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 211 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
การเขยี นสะกดคำาที่มตี ัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
การเขยี นสะกดคาำ ใหถ้ กู ตอ้ งจะสะกดคาำ ตามรปู ตวั อกั ษรทป่ี ระกอบกนั เปน็ คาำ โดยสะกดเรยี ง
จากรูปตัวอักษรท่ปี รากฏอย่ใู นคาำ นน้ั ๆ ซง่ึ แตกต่างจากการอ่านสะกดคำา เช่น
กรณีเป็นคาำ พยางคเ์ ดียวใหเ้ ขยี นสะกดคำา ดงั น้ี
เลข เขียนสะกดว่า สระเอ - ลอ ลงิ - ขอ ไข่
บาป เขยี นสะกดวา่ บอ ใบไม้ - สระอา - ปอ ปลา
เชิญ เขียนสะกดวา่ สระเอ - ชอ ชา้ ง - สระอิ - ญอ หญงิ
เขต เขยี นสะกดว่า สระเอ - ขอ ไข่ - ตอ เต่า
กรณีเป็นคาำ ทมี่ มี ากกวา่ ๑ พยางค์ให้เขียนสะกดคาำ ดังนี้
สนุ ขั เขียนสะกดวา่ สอ เสอื สระอุ นอ หน ู ไม้หนั อากาศ ขอ ไข่
เคารพ เขียนสะกดวา่ สระเอ คอ ควาย สระอา รอ เรอื พอ พาน
อาหาร เขียนสะกดว่า ออ อ่าง สระอา หอ หีบ สระอา รอ เรือ
โอกาส เขียนสะกดว่า สระโอ ออ อา่ ง กอ ไก ่ สระอา สอ เสอื
หมายเหตุ
ความแตกตา่ งระหว่างการอา่ นสะกดคำากับการเขยี นสะกดคำา มีดงั ตอ่ ไปน้ี
การอ่านสะกดคำา เน้นที่เสียงตัวอักษรของพยัญชนะ สระ ตัวสะกด และวรรณยุกต์
ทป่ี ระกอบกันเป็นคาำ
การเขียนสะกดคำา เน้นเรียงตามรูปตัวอักษรท่ีปรากฎทั้งพยัญชนะ สระ ตัวสะกด
และวรรณยกุ ตท์ ี่ประกอบกันเป็นคาำ น้ัน
คู่มอื การสอนอ่านเขียน 212 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
สว่ นที่ ๒ แนวทางการจดั การเรียนรู้
การแจกลกู สะกดคำาท่ีมตี ัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา มขี ้นั ตอนการจัดการเรียนรู ้ ดังน้ี
ข้ันท่ี ๑ ขนั้ นาำ (แนะนำาตวั สะกด)
๑. เชื่อมโยงความรู้คำาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตรากับคำาท่ีมีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
โดยครูเขียนคำาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตรา ให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำาพร้อมกัน เป็นการทบทวน
เรื่องตัวสะกดท่ีตรงตามมาตรา เชื่อมโยงไปยังตัวสะกดที่ไม่ตรงมาตรา อธิบายว่านอกจากพยัญชนะ
ท่ีเป็นตัวสะกดตามมาตราแล้ว ยังมีพยัญชนะอ่ืนท่ีนำามาเป็นคำาสะกดแล้วออกเสียงเหมือนตัวสะกด
เดยี วกัน
๒. ครนู าำ คาำ ในมาตราทมี่ ตี วั สะกดไมต่ รงตามมาตราใหน้ กั เรยี นเหน็ รปู คำาและอา่ นออกเสยี ง
โดยอธิบายเสยี งพยัญชนะท่เี ป็นตัวสะกด
๓. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึงตัวสะกดท่ีออกเสียงเหมือนพยัญชนะที่สะกดตรงตาม
มาตรา เชน่ มาตราในแมก่ ด มี “ด” สะกด จากคำาต่าง ๆ โดยใช้คำาท่ีนกั เรียนพบเหน็ ในชวี ิตประจาำ วนั
เชน่ รถ รส ตรวจ เปน็ ตน้ หลงั จากนนั้ ครอู าจใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั คน้ หาคาำ ทม่ี อี า่ นออกเสยี งเหมอื น “ด”
สะกด มาใหไ้ ด้มากที่สุด แล้วนาำ มาจัดหมวดหมู่ตามตัวสะกด
๔. ครูตรวจสอบจนแน่ใจว่านักเรียนรู้จักคำาตัวสะกดที่ไม่ตรงตามมาตราถูกต้องหรือไม่
ท้ังนี้อาจไม่จาำ เป็นต้องครบถ้วนทุกตัว แต่อาจเป็นตัวสะกดที่ใช้บ่อย พบในคำาจำานวนมาก หรือคำาใน
บญั ชคี ำาพน้ื ฐาน เชน่ จ ช ต ท ธ เป็นต้น เน่ืองจากตวั สะกดบางตวั มคี าำ ที่พบนอ้ ยมาก เช่น ซ ฐ เป็นตน้
คมู่ ือการสอนอา่ นเขยี น 213 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ขัน้ ที่ ๒ ขน้ั สอนการสะกดเพ่อื อา่ นคำา
๑. ครูเขียนคำาในมาตราที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราลงบนกระดานดำา แล้วอ่านออกเสียง
จนแน่ใจวา่ นักเรียนอ่านถูกต้อง
๒. ครูเขียนคำาท่ีมีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราให้นักเรียนสังเกตตัวสะกด แล้วจึงให้อ่านคำา
พรอ้ มอธิบายเร่ืองรูปและเสยี งของตวั สะกด เชน่
เลข สะกดว่า สระเอ ลอ ลงิ ขอ ไข่ อา่ นวา่ เลก รปู ข
ออกเสียงเป็น ก
๓. ครนู ำาคาำ ทมี่ ีตวั สะกดไมต่ รงตามมาตราใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงคาำ จนแน่ใจว่านักเรยี น
อ่านถกู ตอ้ งทุกคาำ เมื่อพบว่ามนี กั เรยี นอ่านสะกดคาำ ไมถ่ กู ต้อง ครตู ้องแก้ไขทันที
ขน้ั ที่ ๓ ขนั้ สอนสะกดเพือ่ เขยี นคำา
๑. ให้นักเรียนเขียนสะกดคำาท่ีมีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา อาจแข่งขันเป็นกลุ่มหรือเดี่ยว
โดยใชค้ ำาตามระดบั ช้นั โดยตรวจสอบจากบญั ชคี าำ พน้ื ฐานหรือหนงั สอื เรยี น
๒. ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ งจนแน่ใจวา่ นักเรียนเขียนสะกดคาำ ไดถ้ ูกต้องทกุ คน เมอื่ พบว่า
มีนกั เรียนเขยี นสะกดคาำ ไม่ถูกตอ้ งครูตอ้ งแก้ไขทนั ที
ขนั้ ท่ี ๔ ข้นั สรปุ (ฝึกทักษะ)
ขั้นตอนน้ีครูอาจใช้กิจกรรมหรือแบบฝึกทักษะ โดยให้อ่านประโยคและเรื่องราว
ที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถของนักเรียนอย่างหลากหลาย เพ่ือฝึกทักษะการอ่าน
และเขียนคาำ จนแน่ใจวา่ นักเรยี นอ่านและเขยี นคำาได้อย่างถกู ตอ้ งคล่องแคลว่
ค่มู อื การสอนอ่านเขียน 214 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ข้อเสนอแนะ
๑. ครูควรจดั กิจกรรมตามลำาดบั ข้ันตอน ได้แก ่ ข้นั รูจ้ ักตวั สะกด ข้นั เชือ่ มโยงเสยี งตวั สะกด
ข้ันอ่านสะกดคำาและอ่านคำา ขั้นเขียนสะกดคำาและเขียนคำา โดยไม่รีบร้อนและไม่ข้ามขั้นตอน
จนแน่ใจว่านักเรียนประสบผลสาำ เร็จตามข้ันตอน แล้วจึงฝึกทักษะให้เกิดความคล่องแคล่วในการอ่าน
และเขียนคาำ
๒. การสอนแตล่ ะขนั้ ตอน ครคู วรหากจิ กรรมนาำ ทสี่ นกุ สนานเหมาะสมกบั วยั และสถานการณ์
ของการเรยี นรู้ ใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นร่วมในกิจกรรม สร้างแรงจูงใจใหน้ ักเรยี นสนใจเรียน เชน่ การใชเ้ กม
เพลง กิจกรรมต่าง ๆ ควรหลีกเลย่ี งการสอนท่ใี ห้นักเรยี นเป็นผู้ฟงั หรือผู้รบั ความร้เู พยี งฝา่ ยเดยี ว
๓. ครูควรจัดกิจกรรมที่ทำาให้นักเรียนเกิดความชัดเจนระหว่างเสียงตัวสะกดกับรูปตัว
สะกด เชน่ การทำาซำ้า การเขยี นคาำ อา่ น การใชร้ ูปคาำ เปน็ ต้น เนือ่ งจากคาำ ที่มตี วั สะกดไมต่ รงตามมาตรา
เปน็ คาำ ทีไ่ ม่ใช่คำาไทยแท ้ แต่เป็นคาำ ทีม่ าจากภาษาอนื่ จึงมคี วามแตกต่างระหว่างเสียงท้ายคำากับรปู คำา
เชน่ คาำ ว่า “สขุ ” อา่ นออกเสียง “ก” เปน็ ตัวสะกด แต่ใช้ “ข” ในการเขยี นเปน็ ตวั สะกด หากพบวา่
นักเรียนบางคนยังไม่เข้าใจ ครูควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษและต้องทำาให้นักเรียนเข้าใจความหมายของ
คาำ นน้ั ๆ
๔. การใช้แบบฝึกทักษะหรือกิจกรรมฝึกทักษะท่ีมีอยู่อย่างหลากหลาย ครูควรเลือกและ
ประยกุ ตใ์ ช้อย่างเหมาะสม โดยเลือกใหส้ อดคลอ้ งกับขัน้ ตอนการสอน สภาพปญั หาและความตอ้ งการ
ในการฝกึ ทกั ษะ
๕. ครคู วรตรวจงานทค่ี รมู อบหมายใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ ทกั ษะ และมกี ารแกไ้ ขใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ิ
ไดถ้ กู ตอ้ งทกุ ครง้ั เมือ่ พบวา่ นักเรยี นปฏบิ ตั ิไม่ถกู ตอ้ ง
๖. สำาหรับเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละขั้นตอน ครูผู้สอนอาจปรับเปล่ียนเวลาตามความ
เหมาะสม
คูม่ ือการสอนอ่านเขยี น 215 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตวั อย่างการนาำ แนวทางการจดั การเรยี นรไู้ ปใช้ในห้องเรยี น
หน่วยท่ี ๘ การแจกลกู สะกดคำาที่มตี ัวสะกดไมต่ รงมาตรา
จุดประสงคก์ ารเรียนร้ขู องหนว่ ย (๔ ช่วั โมง)
เพื่อใหน้ ักเรียนอ่านและเขียนคาำ ทีม่ ตี ัวสะกดไมต่ รงตามมาตราได้ (๑ ชว่ั โมง)
(๑ ชัว่ โมง)
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ (๑ ช่ัวโมง)
การอ่านเขียนสะกดคาำ ท่ีมตี วั สะกดแมก่ ก ไมต่ รงตามมาตรา (๑ ชว่ั โมง)
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒
การอ่านเขยี นสะกดคาำ ที่มตี ัวสะกดแมก่ บ ไมต่ รงตามมาตรา
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓
การอา่ นเขียนสะกดคาำ ทมี่ ตี วั สะกดแม่กด ไมต่ รงตามมาตรา
แนวทางการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔
การอ่านเขยี นสะกดคาำ ทีม่ ตี ัวสะกดแม่กน ไม่ตรงตามมาตรา
คูม่ ือการสอนอ่านเขียน 216 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แนวการจัดการเรยี นรู้ ท่ี ๑ การอ่านเขยี นสะกดคาำ ท่ีมตี ัวสะกดแม่กก (๑ ชั่วโมง)
ไมต่ รงตามมาตรา
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
เพือ่ ให้นกั เรยี นอา่ นและเขยี นคำาท่มี ีตัวสะกดแม่กก ไม่ตรงตามมาตราได้
ข้ันตอนการจัดการเรียนรู้
๑. ขน้ั นำา (แนะนาำ ตวั สะกด)
๑.๑ เชื่อมโยงความรู้เร่ืองคำาที่มีตัวสะกดแม่กก ตรงตามมาตรา โดยครูเขียนคำา
แผนภูมิ หรือบัตรคำา คำาท่ีมีตัวสะกดแม่กกตรงตามมาตรา เช่น สุก นาก จิก เสก บนกระดานดำา
ให้นักเรียนอ่านออกเสียงคาำ พร้อมกัน เป็นการทบทวนเสียงตัวสะกดแม่กก ตรงตามมาตราเช่ือมโยง
ไปยงั ตัวสะกดทีไ่ มต่ รงมาตรา โดยอธิบายวา่ พยัญชนะตวั ก เปน็ ตวั สะกดแลว้ ยังมพี ยญั ชนะอีก ๓ ตวั
ท่ีออกเสยี งเหมอื น ก เปน็ ตวั สะกด ไดแ้ ก่ ข ค ฆ
๑.๒ ครูเขียนคำาท่ีมี ข ค ฆ เป็นตัวสะกดบนกระดานดำา เช่น สุข นาค เลข โชค
ภาค เมฆ ครอู ่านให้นักเรียนฟัง และใหน้ ักเรียนอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั
๒. ขนั้ สอนการสะกดเพอื่ อ่านคำา
๒.๑ ครูนำาบัตรคำาหรือเขียนคำาว่า นาก และ นาค ให้นักเรียนสังเกตและบอกความ
แตกต่าง โดยครใู ชค้ ำาถามนาำ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นตอบคาำ ถาม เชน่
นาก และ นาค เขยี นเหมอื นกันหรอื ไม ่ แตกต่างกันอย่างไร
นาก และ นาค อ่านออกเสยี งเหมือนกนั หรอื ไม่ เพราะอะไร
นาก หมายถงึ อะไร และ นาค หมายถงึ อะไร
๒.๒ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความแตกต่างของคำาท้ังสองคาำ เชน่ ตัวอย่างการสรปุ
คอื “นาก” หมายถงึ โลหะผสมชนิดหนงึ่ โดยนาำ ทองคำา เงิน กบั ทองแดงผสมเขา้ ดว้ ยกัน นิยมใชท้ ำา
รปู พรรณตา่ ง ๆ หรอื ชอ่ื สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม ขนลาำ ตวั สนี าำ้ ตาลอมเทาม ี ๒ ชนั้ ชน้ั ในละเอยี ด ชน้ั นอกหยาบ
หัวกวา้ ง และแบน ระหว่างนิว้ มีแผน่ พังผดื ขึงอยคู่ ล้ายตนี เปด็ หางแบน ขาหลงั ใหญ่และแข็งแรงกวา่
คู่มอื การสอนอ่านเขยี น 217 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ขาหน้า ใช้ว่ายนำ้าร่วมกับหาง ไล่จับปลาและสัตว์นำ้าเล็ก ๆ ครูอาจนำาของจริงมาให้นักเรียนดู
และ “นาค” หมายถึง คนทีเ่ ตรียมบวช
๒.๓ ครูนำาบัตรคำา คำาว่า “สุข” ให้นักเรียนอ่านออกเสียงและอ่านสะกดคำา
และยกตวั อย่างคาำ อื่น ๆ เพ่ิมเติมอกี เชน่ มาก เลข นาค เมฆ แลว้ ให้นักเรียนอ่านและสะกดคำา
สขุ สะกดวา่ สอ - อ ุ - ขอ สุก
เลข สะกดวา่ ลอ - เอ - ขอ เลก
มาก สะกดว่า มอ - อา - กอ มาก
นาค สะกดวา่ นอ - อา - คอ นาก
เมฆ สะกดวา่ มอ - เอ - ฆอ เมก
๒.๔ ให้นักเรียนสังเกตคำาที่อ่านว่า แต่ละคำามีพยัญชนะตัวใดเป็นตัวสะกด เช่น สุข
เลข มี ข เป็นตัวสะกด มาก มี ก เป็นตัวสะกด นาค มี ค เป็นตัวสะกด และเมฆ มี ฆ เป็นตวั สะกด
๒.๕ รว่ มกันสรุป “คำาท่ีมตี วั สะกดแมก่ ก ไม่ตรงตามมาตรา” คือ คำาท่มี ี ข ค ฆ เปน็
ตวั สะกด แต่ออกเสียง ก
๒.๖ ครูให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียนคำาท่ีมีตัวสะกดแม่กก ไม่ตรงตามมาตราจาก
แบบฝกึ ที่ ๑
๓. ขั้นสอนการสะกดเพือ่ เขยี นคาำ
ครูให้นักเรียนเขียนคำาท่ีมีตัวสะกดแม่กก ไม่ตรงตามมาตราลงในสมุดงานของนักเรียน
โดยครูอ่านออกเสียงคาำ ให้ถูกต้องและชัดเจน คำาละ ๒ ครั้ง แล้วให้นักเรียนเขียนลงในสมุด จำานวน
๑๐ คำา คอื สขุ เลข ประมขุ โชค ภาค เทคนคิ วหิ ค นาค บริจาค เมฆ เปน็ ต้น
๔. ขน้ั สรปุ (ฝึกทกั ษะ)
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านคำาจากแบบฝึกท่ี ๑ จากน้ันให้นักเรียนอ่านให้ครูฟังเป็น
รายบคุ คล โดยเลือกอ่านคำาครั้งละ ๕ คำา ขณะที่นักเรียนอ่าน ครูบนั ทึกขอ้ มลู การอ่านลงในแบบบันทึก
นอกจากนี้ครูอาจใช้แบบฝึกที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถของนักเรียนได้อย่างหลากหลาย
เพ่ือฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำา จนแน่ใจว่านักเรียนอ่านและเขียนคำาได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่ว
ตามแบบฝึกท ่ี ๒
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 218 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
สื่อการสอน
๑. บัตรคาำ
๒. แบบฝกึ
การวดั และประเมนิ ผล
การตรวจแบบฝกึ
คูม่ ือการสอนอ่านเขยี น 219 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบฝึกที่ ๑ การอา่ นคาำ ทีม่ ีตวั สะกดไม่ตรงตามมาตราในแม่กก
คาำ ชีแ้ จง
ให้นักเรยี นอ่านคาำ ที่กำาหนดให้ภายในเวลา ๕ นาที
คาำ ทก่ี ำาหนดให้
๑. เลข
๒. นาค
๓. สนุ ัข
๔. สขุ
๕. โชค
๖. โรค
๗. ภาค
๘. วิหค
๙. เมฆ
๑๐. โชค
เฉลยคาำ ตอบ ข้อที่ คำา อา่ นว่า
๑. เลข เลก
๒. นาค นาก
๓. สนุ ขั สุ - นัก
๔. สขุ สุก
๕. โชค โชก
๖. โรค โรก
๗. ภาค พาก
๘. วหิ ค วิ - หก
๙. เมฆ เมก
๑๐. ประมุข ปฺระ - มกุ
ค่มู ือการสอนอ่านเขียน 220 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แบบบนั ทึกผลการอ่านคาำ ที่มีตัวสะกดแมก่ ก ไม่ตรงตามมาตรา
ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมิน
ท่ี ชือ่ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผ่าน ผ่าน
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพฒั นานักเรียน
๒. วิธกี ารบนั ทึก ถ้าอ่านถูกตอ้ งให้ใส่เครื่องหมาย √ ถา้ อา่ นผดิ ให้ใส่เครอื่ งหมาย X (เคร่อื งหมาย √ เท่ากบั
๑ คะแนน เครอ่ื งหมาย X เทา่ กบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรบั ปรุงและพฒั นานกั เรียนเป็นรายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพอื่ นาำ ไปใชใ้ นการปรับปรุงและพัฒนาการจดั การเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนกั เรยี นอ่านได้
คูม่ อื การสอนอ่านเขียน 221 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แบบฝกึ ที่ ๒ การเขยี นคาำ ทม่ี ตี วั สะกดแม่กก ไม่ตรงตามมาตรา
คาำ ช้ีแจง
๑. ให้นักเรียนเขียนตามคำาบอก โดยใช้เวลา ๕ นาที
๒. ให้ครูอ่านคำาให้นักเรียนฟัง คำาละ ๒ คร้ัง โดยเว้นเวลาให้นักเรียนเขียนก่อนบอกคำา
ในขอ้ ตอ่ ไป
คำาที่ให้เขยี น
๑. เลข
๒. นาค
๓. สุนัข
๔. สุข
๕. โชค
๖. โรค
๗. ภาค
๘. วหิ ค
๙. เมฆ
๑๐. ประมขุ
คมู่ อื การสอนอา่ นเขียน 222 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทึกผลการเขียนคำาทีม่ ตี วั สะกดในแมก่ ก
ที่ ชอื่ -สกลุ ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมนิ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ผ่าน ไม่
ผ่าน
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรบั ปรุงและพฒั นานักเรียน
๒. วธิ ีการบันทึก ถา้ เขยี นถูกตอ้ งใหใ้ สเ่ ครอ่ื งหมาย √ ถ้าเขยี นผิดให้ใส่เครื่องหมาย X (เครื่องหมาย √ เท่ากบั
๑ คะแนน เครือ่ งหมาย X เท่ากับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพัฒนานักเรียนเปน็ รายบคุ คล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพื่อนาำ ไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรียนอ่านได้
คูม่ อื การสอนอา่ นเขยี น 223 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แนวการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ การอ่านเขียนสะกดคำาทม่ี ีตัวสะกดแมก่ บ (๑ ชวั่ โมง)
ไม่ตรงตามมาตรา
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
อา่ นและเขยี นคำาท่ีมตี ัวสะกดแม่กบ ไม่ตรงมาตราได้
ขัน้ ตอนการจัดการเรยี นรู้
๑. ข้ันนาำ (แนะนำาตวั สะกด)
๑.๑ เชื่อมโยงและทบทวนก่อนเร่ิมต้นจัดกิจกรรมเรียนรู้เรื่องใหม่ เสนอแนะให้ครู
มีการตรวจแก้ไขผลงานของนักเรียนจากชั่วโมงท่ีผ่านมา เพราะการตรวจแก้ไขผลงานหรือการบ้าน
ของนักเรียน เป็นส่ิงสำาคัญและจำาเป็นอย่างยิ่งในการปลูกฝังอุปนิสัยที่ดีแก่นักเรียนในด้านความ
รบั ผิดชอบ และความใสใ่ จต่อส่ิงที่นกั เรียนไดเ้ รียนรไู้ ปแลว้ รวมทั้งเปน็ การตรวจสอบว่า นักเรยี นเขา้ ใจ
เนือ้ หาหรอื สงิ่ ที่เรียนร้หู รือไม่ อยา่ งไร
๑.๒ เช่ือมโยงความร้คู าำ ท่ีมตี วั สะกดแม่กบ ตรงตามมาตรา โดยครเู ขยี นคาำ ทีม่ ตี ัวสะกด
ตรงมาตรา เชน่ ทาบ แบบ โอบ บนกระดานดำา ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาำ พรอ้ มกนั เป็นการทบทวน
เสียงตัวสะกดแม่กบ เชื่อมโยงไปยังตัวสะกดที่ไม่ตรงมาตรา โดยอธิบายให้กับนักเรียนว่านอกจาก
พยัญชนะตวั บ เป็นตัวสะกดแลว้ ยงั มพี ยัญชนะอีก ๔ ตัว ท่ีออกเสยี งเหมือน บ เปน็ ตวั สะกด ไดแ้ ก่
ป พ ฟ ภ
๑.๓ ครูเขียนคำาที่มี ป พ ฟ ภ เป็นตัวสะกดบนกระดานดำา เช่น สรุป ยุโรป ภาพ
เคารพ ยรี าฟ ลาภ ครอู า่ นใหน้ กั เรียนฟังและให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงพรอ้ มกนั
๒. ขน้ั สอนการสะกดเพือ่ อา่ นคำา
๒.๑ ครูนำาบัตรคำา คำาว่า “ลาภ” ให้นักเรียนอ่านออกเสียงและอ่านสะกดคำา
และยกตวั อยา่ งคาำ อนื่ ๆ เพ่ิมเติมอกี เชน่ ธูป ภาพ กาบ แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นและสะกดคาำ
ลาภ สะกดว่า ลอ - อา - ภอ ลาบ
ธูป สะกดวา่ ธอ - อ ู - ปอ ทูบ
กาบ สะกดวา่ กอ - อา - บอ กาบ
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 224 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๒.๒ ให้นักเรียนสังเกตคำาท่ีอ่านว่าแต่ละคำามีพยัญชนะตัวใดเป็นตัวสะกด เช่น ลาภ
มี ภ เป็นตัวสะกด ธูป มี ป เป็นตัวสะกด และกาบ มี บ เป็นตัวสะกด
๒.๓ ร่วมกันสรุป “คำาท่ีมีตัวสะกดแม่กบ ไม่ตรงตามมาตรา” คือ คำาท่ีมี พ ฟ ภ ป
เป็นตวั สะกดแต่ออกเสยี ง บ
๒.๔ ครใู ห้นักเรยี นฝกึ อา่ นและเขียนคาำ ทม่ี ตี ัวสะกดแมก่ บไมต่ รงตามมาตรา แลว้ เลอื ก
และเขียนคาำ โดยแยกตามตัวสะกด ป พ ฟ ภ ตามแบบฝกึ หัดท ี่ ๑
๓. ขัน้ สอนสะกดเพือ่ เขียนคำา
ให้นักเรียนฝึกเขียนคำาท่ีมีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา โดยครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม
ตามความเหมาะสม หลังจากน้ันครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาครั้งละ ๑ คน เพื่อเขียนคำาท่ีมี
ตัวสะกดแม่กบ ตรงตามมาตราและไม่ตรงมาตราตามที่ครูบอก เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จ ๑ คำา
ครตู รวจสอบความถกู ต้องและให้คะแนนทนั ท ี ถ้าพบวา่ กลุม่ ไหนเขียนผดิ ให้แก้ไขทนั ที
๔. ข้นั สรุป (ฝกึ ทักษะ)
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านคำาจากแบบฝึกท่ี ๒ หลังจากน้ันให้นักเรียนอ่านให้ครูฟังเป็น
รายบุคคล เลือกอ่านคำาครั้งละ ๕ คำา ขณะท่ีนักเรียนอ่านครูบันทึกข้อมูลการอ่านลงในแบบบันทึก
ทั้งนี้ครูอาจใช้แบบฝึกที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถของนักเรียนได้อย่างหลากหลาย
เพ่อื ฝกึ ทักษะการอ่านและเขยี นคาำ จนแน่ใจวา่ นักเรยี นอา่ นและเขยี นคาำ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งคลอ่ งแคลว่
ส่อื การสอน
๑. บัตรคาำ
๒. แบบฝึก
การวัดและประเมนิ ผล
การตรวจแบบฝึก
คู่มือการสอนอ่านเขียน 225 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แบบฝึกท่ี ๑ การอา่ นคาำ ท่มี ตี วั สะกดแม่กบ ไมต่ รงตามมาตรา
คาำ ชีแ้ จง
ใหน้ ักเรยี นอ่านสะกดคาำ ท่กี ำาหนดให้ ภายในเวลา ๓ นาที
๑. ภาพ
๒. รปู
๓. บาป
๔. ธปู
๕. โลภ
เฉลยคาำ ตอบ
ข้อที่ สะกดว่า
๑.
๒. ภอ - อา - บอ พาบ
๓. รอ - อ ู - ปอ รูป
๔. บอ - อา - นอ บาน
๕. ทอ - อู - ปอ ทบู
ลอ – โอ - ภอ โลบ
คูม่ ือการสอนอ่านเขยี น 226 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบนั ทึกผลการอา่ นคาำ ทีม่ ีตัวสะกดแมก่ บ ไม่ตรงตามมาตรา
ที่ ช่ือ -สกลุ ขอ้ ที่ รวม ผลการประเมิน
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ คะแนน* ผา่ น ไม่
ผ่าน
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรบั ปรุงและพัฒนานักเรยี น
๒. วธิ กี ารบันทกึ ถ้าอ่านถูกตอ้ งใหใ้ สเ่ ครอ่ื งหมาย √ ถ้าอา่ นผิดใหใ้ สเ่ คร่ืองหมาย X (เครอื่ งหมาย √ เทา่ กับ
๑ คะแนน เคร่ืองหมาย X เทา่ กับ ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพฒั นานกั เรียนเปน็ รายบคุ คล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของชั้นเรียน
เพอ่ื นำาไปใช้ในการปรบั ปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรยี นอ่านได้
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 227 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบฝึกที่ ๒ การเขยี นคาำ ทีม่ ีตวั สะกดแมก่ บ ไมต่ รงตามมาตรา
คาำ ช้ีแจง
๑. ใหน้ กั เรยี นเขยี นตามคำาบอก โดยใช้เวลา ๕ นาที
๒. ให้ครูอา่ นคำาใหน้ ักเรยี นฟังคำาละ ๒ ครง้ั โดยเวน้ เวลาใหน้ ักเรียนเขียนกอ่ นบอกคาำ ในขอ้
ต่อไป
คำาที่กำาหนดใหเ้ ขยี น
๑. บาป
๒. รูป
๓. สภุ าพ
๔. ลาภ
๕. เคารพ
๖. อาชพี
๗. โลภ
๘. ยีราฟ
๙. รปู ร่าง
๑๐. ธูป
คมู่ ือการสอนอ่านเขยี น 228 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทึกผลการเขียนคำาท่ีมีตวั สะกดแม่กบ ไม่ตรงตามมาตรา
ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมิน
ท่ี ชอื่ -สกลุ
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ คะแนน* ไม่
ผา่ น ผา่ น
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพ่ือให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพัฒนานกั เรียน
๒. วธิ ีการบันทกึ ถ้าเขียนถกู ตอ้ งให้ใส่เครอื่ งหมาย √ ถ้าเขยี นผิดให้ใสเ่ ครอื่ งหมาย X (เคร่ืองหมาย √ เทา่ กับ
๑ คะแนน เคร่ืองหมาย X เทา่ กบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพฒั นานกั เรยี นเปน็ รายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพอ่ื นำาไปใช้ในการปรบั ปรุงและพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีท่ีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนักเรยี นเขียนได้
คู่มอื การสอนอ่านเขยี น 229 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ส่วนที่ ๓ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลประจำาหนว่ ย
ฉบบั ที่ ๑ การอา่ นคำาท่ีมีตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา
คาำ ชแี้ จง
ให้นกั เรียนอา่ นคาำ ท่กี ำาหนดให ้ โดยใชเ้ วลา ๕ นาที
๑. ความสุข ๑๑. รปู ภาพ
๒. ประมขุ ๑๒. โลภมาก
๓. โชคดี ๑๓. เคารพ
๔. โอกาส ๑๔. คณู
๕. กฎ ๑๕. ทาส
๖. ฟตุ บอล ๑๖. กญุ แจ
๗. ตาำ รวจ ๑๗. อาหาร
๘. อากาศ ๑๘. วาฬ
๙. วเิ ศษ ๑๙. ลูกบอล
๑๐. ครฑุ ๒๐. โบราณ
คู่มือการสอนอ่านเขียน 230 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
เฉลยคำาตอบ
ข้อท่ี คาำ อ่านว่า
๑. คฺวาม - สกุ
๒. ความสุข ปฺระ - มุก
๓. ประมุข โชก - ดี
๔. โชคด ี โอ - กาด
๕. โอกาส กด
๖. กฎ ฟดุ - บอน
๗. ฟุตบอล ตาำ - หรฺ วด
๘. ตาำ รวจ อา - กาด
๙. อากาศ ว ิ - เสด
๑๐. วเิ ศษ คฺรุด
๑๑. ครุฑ รบู - พาบ
๑๒. รปู ภาพ โลบ
๑๓. โลภ เคา - รบ
๑๔. เคารพ คนู
๑๕. คณู ทาด
๑๖. ทาส กนุ - แจ
๑๗. กุญแจ อา - หาน
๑๘. อาหาร วาน
๑๙. วาฬ ลูก - บอน
๒๐. ลูกบอล โบ - ราน
โบราณ
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 231 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
แบบบนั ทกึ ผลการอา่ นคาำ ท่ีมีตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
ข้อท่ี ผลการ
รวม ประเมนิ
ท่ี ชือ่ -สกุล
๒๐ คะแนน* ไม่
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ผา่ น ผ่าน
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรบั ปรงุ และพฒั นานักเรียน
๒. วธิ ีการบันทกึ ถ้าอ่านถกู ตอ้ งใหใ้ ส่เครอ่ื งหมาย √ ถ้าอา่ นผดิ ให้ใส่เครือ่ งหมาย X (เครอ่ื งหมาย √ เท่ากบั
๑ คะแนน เครอ่ื งหมาย X เท่ากบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพัฒนานกั เรยี นเปน็ รายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพือ่ นำาไปใช้ในการปรบั ปรงุ และพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีท่ีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนกั เรียนอา่ นได้
คมู่ อื การสอนอ่านเขยี น 232 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ฉบับท่ี ๒ การเขียนคำาที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
คาำ ช้แี จง
๑. ใหน้ กั เรียนเขียนตามคำาบอก โดยใชเ้ วลา ๕ นาที
๒. ใหค้ รูอ่านคาำ ใหน้ กั เรยี นฟังคำาละ ๒ คร้ัง โดยเว้นเวลาใหน้ กั เรยี นเขยี นกอ่ นบอกคาำ ในข้อ
ต่อไป
คาำ ทใี่ ห้เขียน ๑๑. ยาเสพติด
๑๒. ถ่ายรปู
๑. นาค ๑๓. โชคลาภ
๒. บวช ๑๔. เชญิ ธง
๓. ความสขุ ๑๕. กนั ดาร
๔. ประมาท ๑๖. ถอื ศลี
๕. พเิ ศษ ๑๗. ขอบคุณ
๖. โอรส ๑๘. วาฬ
๗. สญั ญา ๑๙. อทุ ิศ
๘. ฟุตบอล ๒๐. บาำ เพญ็
๙. จิตใจ
๑๐. รถไฟ
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 233 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
แบบบันทึกฉบับท่ี ๒ ผลการเขยี นคาำ ทมี่ ีตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
ขอ้ ท่ี ผลการ
รวม ประเมิน
ท่ี ชอื่ -สกุล
๒๐ คะแนน* ไม่
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ผา่ น ผา่ น
คะแนนรวม**
หมายเหตุ
๑. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายข้อ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนมีข้อบกพร่องใด สำาหรับนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพัฒนานักเรยี น
๒. วธิ ีการบนั ทกึ ถา้ เขยี นถูกตอ้ งใหใ้ ส่เคร่อื งหมาย √ ถ้าเขียนผดิ ใหใ้ สเ่ ครื่องหมาย X (เครอื่ งหมาย √ เท่ากบั
๑ คะแนน เคร่อื งหมาย X เท่ากบั ๐ คะแนน)
๓. ใช้ รวมคะแนน* เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนเป็นรายบุคคล และนำาไปใช้
ในการปรับปรงุ และพฒั นานักเรียนเป็นรายบุคคล
๔. ใช้ คะแนนรวม** เพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าข้อบกพร่องของนักเรียนในภาพรวมของช้ันเรียน
เพอ่ื นำาไปใช้ในการปรับปรุงและพฒั นาการจัดการเรียนการสอน
๕. นักเรียนต้องได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป จึงจะผ่านเกณฑ์ กรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูต้องฝึก
จนนกั เรยี นเขยี นได้
คมู่ ือการสอนอ่านเขยี น 234 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตวั อยา่ งสรปุ ผลการประเมนิ การแจกลูกสะกดคำาทีม่ ีตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
ที่ ชื่อ - สกุล ผลการประเมนิ รวม สรปุ ผลการประเมิน
ฉบับท่ี ๑ ฉบับที่ ๒ คะแนน ผ่าน ไม่ผา่ น
(๒๐ คะแนน) (๒๐ คะแนน) (๔๐ คะแนน)
หมายเหตุ
๑. ถ้ารวมคะแนนได้ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป และคะแนนรายแบบประเมินไดร้ ้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ทกุ แบบประเมนิ
ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
๒. ถ้ารวมคะแนนได้ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป แต่คะแนนรายแบบประเมินบางแบบประเมินได้ไม่ถึง
ร้อยละ ๘๐ ถือว่าผา่ นเกณฑ ์ แตใ่ หซ้ อ่ มเสรมิ สว่ นทไี่ มถ่ งึ ร้อยละ ๘๐
๓. ถา้ รวมคะแนนไดไ้ มถ่ งึ รอ้ ยละ ๘๐ ถอื วา่ ไมผ่ า่ นเกณฑใ์ หส้ อนซอ่ มเสรมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นไดค้ ะแนน
บางแบบประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ไม่ตอ้ งซ่อมเสริมสว่ นนน้ั
คูม่ ือการสอนอา่ นเขียน 235 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
หน่วยท่ี ๙ การแจกลูกสะกดคำาที่มอี กั ษรควบ
ส่วนท่ี ๑ ความรูส้ าำ หรบั ครู
คำาควบกลำ้า แบ่งตามลักษณะการออกเสียงได้ ๒ ประเภท คือ อักษรควบแท้ และอักษร
ควบไมแ่ ท้
๑. อกั ษรควบแท้ คอื อกั ษรควบทอ่ี อกเสยี งพยญั ชนะทง้ั ๒ ตวั ควบกลา้ำ กนั ม ี ๑๕ ลกั ษณะ
คือ พยัญชนะตน้ ตัวแรกเปน็ ก ข ค ต ป ผ พ ควบกบั ร หรือ ล หรือ ว ดงั ต่อไปน ี้
พยัญชนะตน้ ตัวแรก ก ข ค ต ป พ ผ
พยัญชนะควบ ร ร ร ร ร ร ร -
พยัญชนะควบ ล ล ล ล - ล ล ล
พยัญชนะควบ ว ว ว ว - - - -
คาำ ท่พี ยัญชนะตน้ ควบกับ ร ม ี ๖ ลักษณะ คือ กร ขร คร ตร ปร และ พร ดังน ี้
กร เชน่ ไกร กรอง กราย กรีด แกรง่
ขร เช่น ขรัว ขรุขระ ขรบิ
คร เช่น ใคร ครบ ครนั ครา้ ม ครัว ครอง ครอบ
ตร เช่น ตรอง ตริ ตร ี ตรง ตรึง ตระ
ปร เช่น ปราณ เปรม เปราะ ประปราย
พร เช่น พรวน พรง้ิ พรุง่ พราย เพรง พริก
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 236 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
คาำ ที่พยัญชนะตน้ ควบกบั ล มี ๕ ลกั ษณะ คือ กล ขล คล ปล และ ผล ดงั น ี้
กล เช่น กล้ำา กลนื กลม กลอง กล่อม กลาด เกลา เกลียว เกล่อื น
ขล เช่น ขลาด เขลา โขลง โขลน ขลัง ขลิบ
คล เช่น คล้ำา คลาด คลาย คลอ้ ย คลัง
ปล เช่น ปลา เปลีย้ ปลม้ื ปลกั ปลวก ปลอบ
ผล เช่น ผลาญ ผลุง ผลุบ เผลอ เผล่ เผล้
คาำ ที่พยัญชนะต้นควบกับ ว มี ๓ ลักษณะ คือ กว ขว และ คว ดงั น ้ี
กว เชน่ กวาด กวกั ไกว แกว่ง กวาง เกวยี น
ขว เช่น ขวา ขวาน ขวิด ขวกั ไขว ่ ขวนขวาย
คว เชน่ ควาน ความ ควาย ควัก ควา้ ง ควนั
๒. อักษรควบไม่แท้ คือ อักษรควบที่ออกเสียงแต่พยัญชนะต้นตัวหน้าตัวเดียวบ้าง
ออกเสียงกลายเป็นตัวอน่ื ไปบ้าง ม ี ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี
๒.๑ คาำ ทม่ี พี ยญั ชนะตน้ ควบกับ ร แตไ่ มอ่ อกเสยี ง /ร/ ไดแ้ ก่ พยญั ชนะ จร ซร ศร สร
เช่น
จริง อา่ นว่า จงิ
เศร้า อ่านว่า เส้า
สรอ้ ย อ่านว่า สอ้ ย
ศรี อา่ นว่า สี
ศรทั ธา อา่ นวา่ สัด - ทา
เศรษฐ ี อา่ นวา่ เสด - ถี
อาศรม อ่านวา่ อา - สม
เสรมิ อา่ นว่า เสิม
สรา้ ง อา่ นวา่ ส้าง
สระ อา่ นวา่ สะ
สรง อา่ นวา่ สง
คู่มือการสอนอ่านเขียน 237 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
สร่าง อ่านวา่ สา่ ง
เสรจ็ อ่านว่า เส็ด
ประเสรฐิ อา่ นวา่ ปรฺ ะ - เสดิ
กำาสรวล อ่านว่า กาำ - สวน
๒.๒ คำาที่มีพยัญชนะต้น ท ควบกับ ร แล้วออกเสียงเป็น /ซ/ มีท้ังหมด ๑๘ คำา
นอกเหนือจากน้ี คำา ทร ควบกล้ำากันท่ีเป็นคำายืมจากภาษาบาลีสันสกฤต จะออกเสียง /ทร/
เช่น อินทรา จนั ทรา นิทรา เป็นตน้
ทรง อ่านวา่ ซง
ทราบ อา่ นวา่ ซาบ
ทราม อ่านว่า ซาม
ทราย อา่ นวา่ ซาย
แทรก อา่ นวา่ แซก
ทรดุ อา่ นวา่ ซดุ
โทรม อ่านว่า โซม
ทรวง อ่านวา่ ซวง
ทรพั ย ์ อา่ นว่า ซบั
ไทร อา่ นว่า ไซ
มทั ร ี อ่านว่า มดั - ซี
อินทร ี อ่านวา่ อนิ - ซี
อินทรีย ์ อา่ นว่า อิน - ซี
นนทร ี อา่ นวา่ นน - ซี
พุทรา อา่ นวา่ พุด - ซา
ฉะเชิงเทรา อ่านว่า ฉะ - เชงิ - เซา
เทริด อ่านวา่ เซดิ
ทรวด อา่ นว่า ซวด
คมู่ อื การสอนอ่านเขียน 238 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
หรืออาจใช้บทร้อยกรอง กาพย์ยานี ๑๑ คำาควบกลำ้าไม่แท้ ให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียน
เพ่อื ชว่ ยจำา ดังนี้
ทรวดทรงทราบทรามทราย ทรดุ โทรมหมายนกอินทรี
มัทรีอนิ ทรยี ์ม ี เทริดนนทรพี ทุ ราเพรา
ทรวงไทรทรพั ย์แทรกวดั โทรมนัสย*์ ฉะเชิงเทรา
ตัว ทร เหล่าน้ีเรา ออกสาำ เนยี งเป็นเสียง ซ
(กำาชัย ทองหล่อ)
* คำานี้ ไมม่ ีใช้ในภาษาไทยแลว้
การสอนอ่านสะกดคำาทม่ี ีอกั ษรควบ
การสอนอ่านสะกดคำาท่ีมีอักษรควบมีหลายวิธี ครูควรเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการสอน
เม่ือนักเรียนจดจำารูปและเสียงของตัวอักษรได้แล้ว นักเรียนสามารถเรียนรู้การอ่านและการเขียน
ไปพรอ้ ม ๆ กันได้ แตค่ รคู วรสอนใหน้ กั เรยี นอา่ นกอ่ น แล้วจงึ เรมิ่ ฝกึ การเขยี นสะกดคำา
๑. การสอนอา่ นและเขยี นคำาทม่ี ีอกั ษรควบแท ้ สอนอา่ นได ้ ๒ แบบ คือ อ่านเรียงตัวอักษร
ทปี่ รากฏ และอา่ นออกเสยี งตัวควบพรอ้ มกัน ดังนี้
๑.๑ การสอนอา่ นคาำ ท่มี อี ักษรควบแท้
สอนอ่านเรยี งตัวอักษรทปี่ รากฏ แล้วใหอ้ า่ นเปน็ เสียงเดยี ว ดังตวั อยา่ ง
ตัวอย่างท่ี ๑ การอ่านคาำ ทพี่ ยัญชนะต้นควบกับ ร และไม่มีตัวสะกด
ไกร สะกดว่า กอ - รอ - ไอ ไกรฺ
ขรัว สะกดวา่ ขอ - รอ - อวั ขฺรัว
ครู สะกดว่า คอ - รอ - อ ู คฺรู
ตรี สะกดว่า ตอ - รอ - อ ี ตรฺ ี
ประ สะกดว่า ปอ - รอ - อะ ปรฺ ะ
พระ สะกดวา่ พอ - รอ - อะ พรฺ ะ
ค่มู อื การสอนอา่ นเขยี น 239 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
ตวั อย่างท่ี ๒ การอ่านคาำ ทพ่ี ยญั ชนะตน้ ควบกับ ร และมีตวั สะกด
กราบ สะกดว่า กอ - รอ - อา - บอ กรฺ าบ
ขรมึ สะกดว่า ขอ - รอ - อึ - มอ ขรฺ ึม
เครยี ด สะกดวา่ คอ - รอ - เอีย - ดอ เครฺ ยี ด
ตรวจ สะกดว่า ตอ - รอ - อวั - จอ ตรฺ วจ
ตวั อยา่ งที่ ๓ การอ่านคาำ ทพ่ี ยญั ชนะต้นควบกับ ล และไม่มตี วั สะกด
ไกล สะกดว่า กอ - ลอ - ไอ ไกฺล
คละ สะกดว่า คอ - ลอ - อะ คฺละ
ปลา สะกดว่า ปอ - ลอ - อา ปลฺ า
พล ุ สะกดว่า พอ - ลอ - อุ พลฺ ุ
ตวั อย่างท่ี ๔ การอ่านคาำ ทพี่ ยัญชนะตน้ ควบกับ ล และมตี วั สะกด
กลอง สะกดว่า กอ - ลอ - ออ - งอ กฺลอง
โขลง สะกดว่า ขอ - ลอ - โอ - งอ โขฺลง
คลาน สะกดว่า คอ - ลอ - อา - นอ คลฺ าน
ปลวก สะกดวา่ ปอ - ลอ - อัว - กอ ปฺลวก
เพลิน สะกดว่า พอ - ลอ - เออ - นอ เพฺลนิ
ผลัก สะกดวา่ ผอ - ลอ - อะ - กอ ผฺลัก
ตัวอยา่ งท่ี ๕ การอา่ นคาำ ที่พยัญชนะตน้ ควบกบั ว และไมม่ ีตัวสะกด
กวา สะกดวา่ กอ - วอ - อา กวฺ า
ขวา สะกดวา่ ขอ - วอ - อา ขวฺ า
ค่มู อื การสอนอ่านเขียน 240 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ตัวอยา่ งที่ ๖ การอ่านคาำ ที่พยญั ชนะตน้ ควบกับ ว และมตี ัวสะกด
กวาง สะกดวา่ กอ - วอ - อา - งอ กฺวาง
แขวน สะกดวา่ ขอ - วอ - แอ - นอ แขฺวน
ควาย สะกดวา่ คอ - วอ - อา - ยอ คฺวาย
๑.๒ การสอนอา่ นคำาที่มีอักษรควบแทโ้ ดยการแจกลกู
เมื่อนักเรียนฝึกอ่านคำาท่ีมีอักษรควบจนเข้าใจแล้ว ครูควรให้นักเรียนฝึกอ่าน
เพม่ิ เติม โดยการแจกลูก ดงั นี้
ตวั อย่างที่ ๑ การอา่ นแจกลกู คาำ ทมี่ อี ักษรควบแท้แบบไม่มีตัวสะกด
สระ อา (-า) สระ อี ( -ี ) สระอู ( -ู )
กร กรา กรี กฺรู
ขร ขรา ขรี ขฺรู
คร ครา ครี ครฺ ู
ตร ตรา ตร ี ตรฺ ู
ปร ปรา ปรี ปรฺ ู
พร พรา พรี พฺรู
ตัวอย่างท่ี ๒ การอ่านแจกลูกคาำ ท่มี ีอกั ษรควบแทแ้ บบมตี ัวสะกด
อกั ษรควบ สระ ตวั สะกด อ่านว่า
อา ง ปรฺ าง
อา บ ปรฺ าบ
เปรฺ ียบ
ปร เอีย บ
โอ ด โปฺรด
แอ ง แปรฺ ง
คมู่ อื การสอนอา่ นเขยี น 241 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
๑.๓ การเขยี นสะกดคาำ ท่ีมีอักษรควบแท้
การสอนเขียนสะกดคำาที่มีอักษรควบแท้ครูจะต้องฝึกให้นักเรียนสะกดคำา
ให้คล่องกอ่ น โดยใชว้ ธิ กี ารสะกดแบบเรียงตามลาำ ดบั ตวั อักษร ดังน้ี
ตวั อยา่ งที่ ๑ การเขยี นสะกดคาำ ทีม่ ีอักษรควบแท้แบบไม่มีตวั สะกด
ไกร เขยี นสะกดว่า สระไอไม้มลาย กอ ไก่ รอ เรอื
ขรวั เขียนสะกดว่า ขอ ไข่ รอ เรอื สระอัว
ครู เขียนสะกดวา่ คอ ควาย รอ เรือ สระอู
ตร ี เขียนสะกดวา่ ตอ เต่า รอ เรือ สระอ ี
ประ เขียนสะกดวา่ ปอ ปลา รอ เรือ สระอะ
พระ เขียนสะกดวา่ พอ พาน รอ เรอื สระอะ
ตวั อย่างที่ ๒ การเขยี นสะกดคำาทีม่ อี ักษรควบแทแ้ บบมตี วั สะกด
พราว เขียนสะกดว่า พอ พาน รอ เรอื สระอา วอ แหวน
กราบ เขยี นสะกดว่า กอ ไก่ รอ เรือ สระอา บอ ใบไม ้
กรวย เขียนสะกดว่า กอ ไก่ รอ เรือ วอ แหวน ยอ ยกั ษ์
คราด เขยี นสะกดว่า คอ ควาย รอ เรือ สระอา ดอ เด็ก
กรดี เขยี นสะกดว่า กอ ไก ่ รอ เรือ สระอี ดอ เด็ก
คมู่ อื การสอนอา่ นเขียน 242 โดยการแจกลกู สะกดคาำ
๑.๔ การผันวรรณยกุ ต์
การผันเสียงวรรณยุกต์คำาที่มีอักษรควบแท้ใช้หลักการเดียวกันกับการผันเสียง
วรรณยุกต์ของคำาท่ีมีพยัญชนะต้นตัวเดียว โดยยึดกฎการผันวรรณยุกต์ของพยัญชนะต้นตัวแรก
ไมใ่ ช่ตวั ทีม่ าควบ ดงั ตาราง
คาำ เสียงวรรณยุกต์
สามญั เอก ( -่ ) โท ( -้ ) ตรี ( -๊ ) จัตวา ( -๋ )
พยญั ชนะตน้ อกั ษรกลาง กรา กรา่ กร้า กรา๊ กรา๋
พยัญชนะตน้ อักษรตำา่ เครอื ง - เครอ่ื ง เคร้อื ง -
พยญั ชนะต้นอกั ษรสงู
- ขว่าง ขวา้ ง ขวาง
๒. การสอนอา่ นและเขียนคำาทีม่ ีอกั ษรควบไมแ่ ท้
๒.๑ การสะกดคาำ เพอ่ื อ่านคำาทมี่ อี ักษรควบไม่แท้
๒.๑.๑ การสะกดคาำ ทค่ี วบกับ ร แต่ไม่ออกเสียง /ร/
จรงิ สะกดว่า จอ - รอ - อ ิ - งอ จิง
ไซร ้ สะกดว่า ซอ - รอ - ไอ - ไม้โท ไซ้
หรือ ซอ - รอ - ไอ - ไซ - ไม้โท ไซ ้
เศร้า สะกดว่า สอ - รอ - เอา - ไม้โท เส้า
หรอื สอ - รอ - เอา - เสา - ไม้โท เสา้
สร้อย สะกดว่า สอ - รอ - ออ - ยอ - สอย - ไม้โท สอ้ ย
๒.๑.๒ การสอนอ่านและเขียนคำาที่มีพยัญชนะ ท ควบกับ ร แล้วออกเสียง
เปน็ /ซ/ ให้นักเรยี นทอ่ งจาำ คำาท้งั ๑๘ คำา
๒.๒ การสะกดคำาเพ่อื เขยี นให้สะกดแบบเรยี งตามลาำ ดบั ตวั อักษร ดังน้ี
จรงิ เขียนสะกดวา่ จอ จาน รอ เรือ สระอิ งอ งู
ศร ี เขียนสะกดวา่ สอ ศาลา รอ เรอื สระอี
สร้าง เขยี นสะกดวา่ สอ เสอื รอ เรือ สระอา งอ งู ไมโ้ ท
ค่มู ือการสอนอ่านเขียน 243 โดยการแจกลูกสะกดคาำ
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการจดั การเรยี นรู้
การสอนอ่านเขียนสะกดคำาที่มีอักษรควบควรแยกอธิบายคำาท่ีมีอักษรควบแท้ท่ีพยัญชนะต้น
ควบกับ ร ล ว ควบ และคำาควบกล้ำาไม่แท้ เม่ือนักเรียนจดจำารูปและเสียงของตัวอักษรได้แล้ว
นักเรียนสามารถเรยี นรู้การอ่านและการเขียนไปพรอ้ มกันได ้ แต่ครูกค็ วรสอนใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสยี ง
ให้คลอ่ งก่อน แล้วจึงเรมิ่ ฝกึ การเขียนสะกดคำา ดงั นี้
ข้นั ที่ ๑ การอา่ นเขยี นโดยการแจกลกู สะกดคาำ ทม่ี อี กั ษรควบทพ่ี ยญั ชนะตน้ ควบกบั ร
แบบไม่มีตวั สะกด
๑.๑ ครใู หน้ กั เรียนสงั เกตการออกเสียงคำาทม่ี พี ยัญชนะต้น ก ข ค ต ป พ ควบกบั ร คอื กร
ขร คร ตร ปร พร แล้วฝกึ ให้นกั เรียนออกเสยี งใหถ้ ูกต้อง
๑.๒ ให้นักเรียนฝึกอ่านคำาที่มีอักษรควบท่ีมีพยัญชนะ ก ข ค ต ป พ ควบกลำ้ากับ ร
แบบไมม่ ตี ัวสะกด โดยการสะกดคำา เช่น คำาวา่ ไกร ขรัว คร ู ตรี เปน็ ตน้ โดยครอู ่านนำาให้นักเรียนอา่ น
ตามพรอ้ ม ๆ กัน และอ่านเป็นรายบุคคล
๑.๓ ครูฝึกให้นักเรียนอ่านโดยการแจกลูกคำาท่ีมีอักษรควบท่ีมีพยัญชนะ ก ข ค ต
ป พ ควบกับ ร แบบไมต่ ัวสะกด
๑.๔ ครฝู ึกให้นักเรยี นผนั วรรณยกุ ตค์ ำาท่ีมอี กั ษรควบ
๑.๕ ครูฝึกให้นักเรียนเขียนโดยการสะกดคำาท่ีมีอักษรควบกับ ร แบบไม่มีตัวสะกด
ใหเ้ ขยี นเรยี งตามตวั อกั ษร เช่น คาำ ว่า ไกร เขียนสะกดคาำ วา่ สระไอ ไมม้ ลาย กอ ไก่ รอ เรอื
คู่มือการสอนอ่านเขยี น 244 โดยการแจกลูกสะกดคาำ