สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
สารบัญ
1
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
หมวดงานทาง หน้า
1. มทช.201 – 2545 : มาตรฐานวสั ดถุ มคนั ทาง 1-2
2. มทช.202 – 2557 : มาตรฐานวสั ดรุ องพืน้ ทาง 3-4
3. มทช.203 – 2557 : มาตรฐานวสั ดพุ ืน้ ทาง 5-6
4. มทช.204 – 2545 : มาตรฐานวสั ดคุ ดั เลือก 7-8
5. มทช.205 – 2545 : มาตรฐานวสั ดไุ หลท่ าง 9-10
6. มทช.206 – 2545 : มาตรฐานวสั ดลุ กู รงั ชนดิ ทาผิวจราจร 11-12
7. มทช.207 – 2545 : มาตรฐานวสั ดชุ นิดเมด็ สาหรบั ผิวจราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ 13
8. มทช.208 – 2545 : มาตรฐานวสั ดชุ นิดเมด็ สาหรบั ผวิ ทางแมคคาดมั 14-15
9. มทช.209 – 2545 : มาตรฐานวสั ดมุ วลรวมสาหรบั งานแอสฟัลตค์ อนกรตี 16-18
10. มทช.213 – 2545 : มาตรฐานวสั ดยุ างคทั แบคแอสฟัลตช์ นดิ บม่ ชา้ 19-20
มทช.215-2557: มาตรฐานวสั ดมุ วลรวมผสมเยน็ ดว้ ยแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั 21-24
11. มทช.216 – 2545 : มาตรฐานวสั ดชุ นิดเม็ดสาหรบั ผิวจราจรคอนกรีต 25-27
12. มทช.217 – 2545 : มาตรฐานเหล็กเสน้ เสรมิ คอนกรตี 28-31
13. มทช.218 – 2545 : มาตรฐานงานถางป่า ขดุ ตอ 32
14. มทช.219 – 2545 : มาตรฐานงานตกแตง่ เกล่ียคนั ทางเดมิ 33
15. มทช.220 – 2545 : มาตรฐานงานถมคนั ทาง 34-40
16. มทช.221 – 2545 : มาตรฐานงานดินตดั คนั ทาง 39-40
17. มทช.222 – 2545 : มาตรฐานงานชนั้ รองพืน้ ทาง 41-42
18. มทช.223 – 2545 : มาตรฐานงานชนั้ พืน้ ทาง 43-44
2
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
หมวดงานทาง หน้า
19. มทช.224 – 2545 : มาตรฐานงานไหลท่ าง 45
20. มทช.225 – 2545 : มาตรฐานงานไพรมโคท (Prime Coat) 46-50
21. มทช.226 – 2545 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบ เซอรเ์ ฟซ ทรีตเมนต์ (Surface Treatment) 51-66
22. มทช.227 – 2545 : มาตรฐานงานแทคโคท (Tack Coat) 67-69
23. มทช.228 – 2545 : มาตรฐานงานซีลโคท (Seal Coat) 70-72
24. มทช.229 – 2545 : มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบ เพเนเตรช่นั แมคคาดมั 73-77
25. มทช.230 – 2545 : มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต 78-110
26. มทช.231 – 2545 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบคอนกรีต 111-122
27. มทช.232 – 2545 : มาตรฐานการฉาบผวิ ทางแบบสเลอร่ซี ีล 123-130
28. มทช.233 – 2545 : มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบเคพซีล 131-137
29. มทช.234 – 2545 : มาตรฐานวสั ดโุ พลีเมอร์ โมดฟิ ายต์ แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ 138-139
สาหรบั งานโมดฟิ ายต์ แอสฟัลตค์ อนกรีต
30. มทช.235 – 2545 : มาตรฐานวสั ดโุ พลีเมอร์ โมดฟิ ายต์ แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ 140-142
สาหรบั งานพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
31. มทช.236 – 2545 : มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบโพลีเมอร์ โมดฟิ ายต์ แอสฟัลต์ คอนกรตี 143-177
32. มทช.237 – 2545 : มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต 178-190
33. มทช.238 – 2545 : มาตรฐานวสั ดโุ พลีเมอร์ โมดฟิ ายต์ แอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั CRS – 1 191-192
สาหรบั งานแทคโคท
34. มทช.239 – 2551 : มาตรฐานพืน้ ทางตะกรนั เหลก็ โม่ 193-194
3
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
หมวดงานทาง หน้า
35. มทช.240 – 2551 : มาตรฐานวสั ดมุ วลรวมตะกรนั เหลก็ สาหรบั งานแอสฟัลตค์ อนกรีต 195-197
36. มทช.241 – 2553 : งานทาเคร่อื งหมายจราจรบนผวิ ทางดว้ ยวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ สะทอ้ นแสง 198-208
37. มทช.242 – 2555 : งานหมนุ เวียนวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ มาใชใ้ หมแ่ บบในท่ี 209-218
38. มทช.243 – 2555 : งานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอร่ีซีล 219-227
39. มทช.244 – 2556 : งานพืน้ ทางดนิ ซีเมนต์ 228-234
40. มทช.245 – 2557 : มาตรฐานวสั ดแุ อสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ 235-238
41. มทช.246 – 2557 : มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ 239-249
หมวดงานโครงสร้าง หน้า
1. มทช.101 – 2545 : มาตรฐานงานคอนกรตี และคอนกรตี เสรมิ เหลก็ 250-257
2. มทช.102 – 2545 : มาตรฐานงานคอนกรตี อดั แรง 258-263
3. มทช.103 – 2545 : มาตรฐานงานเหล็กเสน้ เสรมิ คอนกรีต 264-274
4. มทช.104 – 2545 : มาตรฐานงานไม้ 275-281
5. มทช.105 – 2545 : มาตรฐานงานฐานราก 282-286
6. มทช.106 – 2545 : มาตรฐานงานเสาเขม็ 287-299
4
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 201-2545
มาตรฐานวัสดถุ มคันทาง (embankment : material)
1. ขอบข่าย
วสั ดถุ มคนั ทาง หมายถึง วสั ดทุ ่ีไดจ้ ากบอ่ ยืมขา้ งทาง ถนนเดมิ หรือท่ีอ่ืน ๆ แลว้ นามาใชก้ ่อสรา้ งคนั ทาง
2. คุณสมบัติ
2.1 วสั ดถุ มคนั ทางประเภทวสั ดดุ นิ ท่วั ไป (soil)
2.1.1 เป็นวสั ดทุ ่ีปราศจากรากไม้ ใบไม้ หรือวสั ดอุ ินทรีย์ ซง่ึ เป็นสารผพุ งั ปนอยู่ อนั อาจจะทาใหเ้ กิด
การยบุ ตวั เสียหายในอนาคต
2.1.2 คา่ ความแน่นแหง้ สูงสดุ แบบมาตรฐานไม่นอ้ ยกว่า 1,440 กิโลกรมั ตอ่ ลูกบาศกเ์ มตร ตาม
มทช.(ท) 501.1: วิธีการทดสอบความแนน่ แบบมาตรฐาน
2.1.3 มีคา่ ซี.บี.อาร์ จากหอ้ งทดลอง (lab C.B.R.) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 4 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความ
แนน่ แหง้ สงู สดุ แบบมาตรฐาน (standard proctor density) ตาม มทช.(ท) 501.3 : วิธีการ
ทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) หรือไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2.1.4 มีคา่ การพองตวั (swelling) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 4 ตาม มทช.(ท) 501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือ
หาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.)
2.1.5 มีคณุ สมบตั อิ ่ืน ๆ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2.2 วสั ดถุ มคนั ทางประเภทวสั ดมุ วลรวม (soil aggregate)
2.2.1 เป็นวสั ดทุ ่ีมีความคงทน ปราศจากกอ้ นดนิ เหนียว (clay lump) หนา้ ดนิ (top soil) รากไม้
ใบไมห้ รอื วสั ดอุ ินทรีย์ ซง่ึ เป็นสารผพุ งั ปนอย่อู นั อาจจะทาใหเ้ กิดการยบุ ตวั เสียหายในอนาคต
2.2.2 มีขนาดเมด็ โตสดุ ไมเ่ กิน 50 มิลลิเมตร
2.2.3 มีสว่ นละเอียดผา่ นตะแกรงขนาด 0.075 มิลลิเมตร (เบอร์ 200) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 35 โดยนา้ หนกั
เม่ือทดสอบตาม มทช.(ท) 501.8 : วธิ ีการทดสอบหาขนาดเมด็ ของวสั ดุ
2.2.4 มีคา่ ซี.บี.อาร์ จากหอ้ งทดลอง ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 8 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ
แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.(ท) 501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่อื
หาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) หรือไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2.2.5 มีคา่ การพองตวั (swelling) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 3 ตาม มทช.(ท) 501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือ
หาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.)
2.2.6 มีคณุ สมบตั อิ ่ืน ๆ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
1
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.3 วสั ดถุ มคนั ทางประเภททราย (sand)
2.3.1 เป็นวสั ดทุ ่ีมีคา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ เป็นศนู ย์ (non plasticity index) ปราศจากกอ้ นดนิ
เหนียว (clay lump) หนา้ ดนิ (top soil) รากไม้ ใบไม้ หรือวสั ดอุ นิ ทรีย์ ซง่ึ เป็นสารผพุ งั ปนอยู่
อนั อาจจะทาใหเ้ กิดการยบุ ตวั เสียหายในอนาคต
2.3.2 มีขนาดเม็ดโตสดุ ไมเ่ กิน 9.5 มลิ ลิเมตร (3/8 นวิ้ )
2.3.3 มีสว่ นละเอียดผา่ นตะแกรงขนาด 0.075 มลิ ลเิ มตร (เบอร์ 200) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 20 โดยนา้ หนกั
ตาม มทช.(ท) 501.8 : วธิ ีการทดสอบหาขนาดเม็ดของวสั ดุ
2.3.4 มีคา่ ซี.บี.อาร์ จากหอ้ งทดลอง ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้
สงู สดุ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.(ท) 501.3 : วธิ ีการ
ทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) หรือไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2.3.5 มีคณุ สมบตั อิ ่ืน ๆ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 202 - 2557
มาตรฐานวัสดรุ องพนื้ ทาง
1. ขอบข่าย
วสั ดรุ องพืน้ ทาง หมายถงึ วสั ดมุ วลรวม (soil aggregate) สาหรบั ใชใ้ นการก่อสรา้ งถนน โดยก่อสรา้ งบน
ชนั้ วสั ดคุ ดั เลือกหรือชนั้ อ่ืนใดซง่ึ ไดผ้ า่ นการตรวจสอบแลว้
2. คุณสมบัติ
2.1 ตอ้ งมีขนาดคละกนั อยา่ งสม่าเสมอจากใหญ่ไปหาเลก็ มีเมด็ ท่ีแข็ง ทนทาน และมีเชือ้ ประสานท่ีดี
2.2 ปราศจากกอ้ นดนิ เหนียว (clay lump) วสั ดจุ าพวกเชล (shale) รากไม้ และวชั พืชอ่ืน ๆ
2.3 มีขนาดวสั ดโุ ตสดุ ไมเ่ กินกวา่ 5 เซนตเิ มตร
2.4 มีคา่ ขีดจากดั เหลว ( liquid limit ) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 35 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช. (ท) 501.5 : วธิ ีการ
ทดสอบเพ่ือหาขีดเหลว
2.5 มีคา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ ( plasticity index ) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 11 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.(ท)
501.6 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดพลาสติก
2.6 มีค่าของความสึกหรอ ( percentage of wear ) ไม่มากกว่ารอ้ ยละ 60 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท)
501.9 : วิธีการทดสอบหาความสึกหรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบโดยใชเ้ คร่ืองมือทดสอบหาความสึกหรอ
los angeles abrasion
2.7 มีคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.3 :
วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 25 หรือไม่
นอ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ งตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช. (ท) 501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์
2.8 มีขนาดคละท่ีตามตารางท่ี 1 ตารางขนาดคละของวสั ดรุ องพืน้ ทาง ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.8 :
วิธีการทดสอบหาขนาดเม็ดวสั ดุ
2.9 กรณีใชว้ สั ดมุ ากกวา่ 1 ชนิดผสมกนั ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากกรมทางหลวงชนบท ทงั้ นีเ้ ม่ือผสมกนั แลว้
ตอ้ งมีคณุ ภาพไดต้ ามมาตรฐานกรมทางหลวงชนบท
3
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 1 ตารางขนาดคละของวัสดุรองพนื้ ทาง
ขนาด นา้ หนักผ่านตะแกรงคิดเป็ นร้อยละ
ตะแกรง
มาตรฐาน ชนิด ก. ชนิด ข. ชนิด ค. ชนิด ง. ชนิด จ.
2” 100 100 - - -
1”
3/8” - - 100 100 100
เบอร์ 10
เบอร์ 40 30-65 40-75 50-85 60-100 -
เบอร์ 200
15-40 20-45 25-50 40-70 40-100
8-20 15-30 15-30 25-45 20-50
2-8 5-20 5-15 5-20 6-20
4
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 203 - 2557
มาตรฐานวัสดุพนื้ ทางหนิ คลุก
1. ขอบข่าย
วสั ดพุ ืน้ ทางหนิ คลกุ หมายถึง วสั ดมุ วลรวมหินโม่ (crushed rock soil aggregate type) สาหรบั ใชใ้ นการ
กอ่ สรา้ งถนน โดยกอ่ สรา้ งบนชนั้ รองพืน้ ทางหรือชนั้ อ่ืนใดซ่งึ ผา่ นการตรวจสอบแลว้
2. คุณสมบัติ
2.1 ตอ้ งมีขนาดคละกนั อยา่ งสม่าเสมอจากใหญ่ไปหาเลก็ มีเม็ดท่ีแข็งเหนียวไมผ่ ุ
2.2 สะอาดปราศจากวสั ดอุ ่ืนเจือปน หา้ มนาวสั ดจุ าพวกเชล (shale) มาใชง้ าน
2.3 มีคา่ ขีดจากดั เหลว ( liquid limit ) ไมม่ ากกว่ารอ้ ยละ 25 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช. ( ท ) 501.5 : วธิ ี
ทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดเหลว
2.4 มีคา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ ( plasticity index ) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 6 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.(ท)
501.6 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดพลาสติก
2.5 มีค่าของความสึกหรอ (percentage of wear) ไม่มากกว่ารอ้ ยละ 40 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท)
501.9 : วิธีการทดสอบหาความสึกหรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบ โดยใชเ้ คร่ืองมือทดสอบหาความสึกหรอ
los angeles abrasion
2.6 มีคา่ ของสว่ นท่ีไมค่ งทนไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 9 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.12 : วิธีการทดสอบหา
คา่ ความคงทน ( soundness ) ของมวลรวม โดยใชโ้ ซเดียมซลั เฟต จานวน 5 รอบ
2.7 มีคา่ ซี.บี.อาร์ ( C.B.R. ) ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.3 :
วิธีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80
สาหรบั ผวิ ทางแบบแอสฟัลตค์ อนกรีต และไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 90 สาหรบั ผิวทางแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์
หรอื ไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบกอ่ สรา้ ง ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.3 : วิธีการทดสอบเพ่ือหา
คา่ ซี.บี.อาร์
2.8 มีขนาดคละตามตารางท่ี 1 ตารางขนาดคละของวสั ดพุ ืน้ ทางหนิ คลกุ ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.(ท)
501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเมด็ วสั ดุ
2.9 ส่วนละเอียด (fine aggregate) ต้องเป็ นวัสดุชนิดและคุณสมบัติเดียวกันกับส่วนหยาบ (coarse
aggregate) หากมีความจาเป็นตอ้ งใชว้ สั ดสุ ่วนละเอียดชนิดอ่ืนเจือปนเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ ตอ้ งไดร้ บั
5
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ความเห็นชอบจากกรมทางหลวงชนบท ทงั้ นีเ้ ม่ือผสมกันแลว้ ตอ้ งมีคณุ ภาพไดต้ ามมาตรฐานกรมทาง
หลวงชนบท
ตารางที่ 1 ขนาดคละของวัสดพุ นื้ ทางหนิ คลุก
ขนาดตะแกรง นา้ หนักผ่านตะแกรงคิดเป็ นร้อยละ
มาตรฐาน
2” ชนิด ก. ชนิด ข.
1”
3/8” 100 100
เบอร์ 4
เบอร์ 10 - 75-95
เบอร์ 40
เบอร์ 200 30-65 40-75
25-55 30-60
15-40 20-45
8-20 15-30
2-8 5-20
6
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.204-2545
มาตรฐานวัสดคุ ดั เลือก (selected material)
1. ขอบข่าย
วสั ดคุ ดั เลือก หมายถงึ วสั ดุ soil aggregate ซง่ึ นามาใชเ้ สรมิ ระหวา่ งวสั ดคุ นั ทาง และวสั ดรุ องพืน้
ทาง หรือตามตาแหนง่ ชนั้ อ่ืน ๆ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบ
2. คุณสมบัติ
2.1 วสั ดคุ ดั เลือกประเภท ก. ตอ้ งเป็นวสั ดุ soil aggregate ท่ีไมใ่ ชท่ ราย
2.1.1 ปราศจากกอ้ นดนิ เหนียว (clay lump) วสั ดจุ าพวกเชล (shale) รากไม้ หรือวชั พืชอ่ืน ๆ
2.1.2 ขนาดวสั ดใุ หญ่ท่ีสดุ ไมโ่ ตกวา่ 5 เซนตเิ มตร
2.1.3 ขนาดวสั ดผุ ่านตะแกรงเบอร์ 200 ไม่มากกว่า รอ้ ยละ 25 โดยนา้ หนกั เม่ือทดสอบตาม มทช.(ท)
501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเม็ดของวสั ดุ
2.1.4 คา่ ขีดเหลว (liquid limit) ตาม มทช.(ท)501.5 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดเหลว (liquid limit : LL.)
ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 40
2.1.5 คา่ ดชั นีความเป็นพลาสติก (plasticity index) ตาม มทช.(ท)501.6 : วิธีการทดสอบเพ่ือหา คา่ ขีด
พลาสตกิ (plasticity index : PL.) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 20
2.1.6 คา่ ซี.บี.อาร.์ จากหอ้ งทดลอง (lab. C.B.R.) ไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้
สงู สดุ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.(ท) 501.3 : วิธีการทดสอบ
เพ่ือหาคา่ ซี.บ.ี อาร์ (C.B.R.) หรือท่ีกาหนดไวใ้ นแบบ และไมน่ อ้ ยกวา่ วสั ดคุ นั ทาง ณ บรเิ วณนนั้
2.1.7 คา่ การพองตวั (swelling) ตาม มทช.501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) ไม่
มากกวา่ รอ้ ยละ 3
2.2 วสั ดคุ ดั เลือกประเภท ข. ตอ้ งเป็นวสั ดุ soil aggregate ทราย หรือวสั ดอุ ่ืนใดท่ียอมใหใ้ ชไ้ ด้
2.2.1 ปราศจากกอ้ นดนิ เหนียว (clay lump) วสั ดจุ าพวกเชล (shale) รากไม้ หรือวชั พืชอ่ืน ๆ
2.2.2 ขนาดวสั ดทุ ่ีใหญ่ท่ีสดุ ไมโ่ ตกว่า 5 เซนตเิ มตร
2.2.3 ขนาดวสั ดผุ า่ นตะแกรงเบอร์ 200 ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 30 โดยนา้ หนกั เม่ือทดสอบตาม มทช.(ท)
501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเมด็ ของวสั ดุ
2.2.4 คา่ ซี.บี.อาร์ จากหอ้ งทดลอง (lab C.B.R.) ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ
แบบสงู กว่ามาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.(ท) 501.3 : วิธีการทดสอบเพ่ือหา
คา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) หรอื ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบและไมน่ อ้ ยกวา่ วสั ดคุ นั ทาง ณ บรเิ วณนนั้
7
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.2.5 คา่ การพองตวั (swelling) ตาม มทช.(ท)501.3 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) ไม่
มากกวา่ รอ้ ยละ 4
2.2.6 ถา้ เป็นทราย ขนาดผ่านตะแกรง เบอร์ 200 ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 20 โดยนา้ หนกั ความแนน่
แหง้ สงู สดุ (maximum dry density) ไมน่ อ้ ยกวา่ 2,000 กิโลกรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร ตาม มทช.(ท)
501.2 : วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
8
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.205-2545
มาตรฐานวัสดไุ หล่ทาง (shoulder)
1. ขอบข่าย
วสั ดไุ หลท่ าง หมายถงึ วสั ดลุ กู รงั กรวด หนิ หินคลกุ หรือวสั ดทุ ่ีมีสว่ นผสมของวสั ดดุ งั กลา่ วแลว้
ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือใชใ้ นการก่อสรา้ งไหลท่ าง (shoulder) ของถนน
2. คุณสมบัติ
2.1 ปราศจากกอ้ นดินเหนียว (clay lump) วสั ดจุ าพวกเชล (shale) รากไม้ หรอื วชั พืชอ่ืน ๆ
2.2 ขนาดวสั ดใุ หญ่สดุ ตอ้ งไมโ่ ตกวา่ 5 เซนตเิ มตร
2.3.ขนาดผา่ นตะแกรงเบอร์ 200 ไมม่ ากกวา่ 2/3 ของขนาดผา่ นตะแกรง เบอร์ 40 โดยนา้ หนกั ตาม มทช.(ท)
501.8 : วธิ ีการทดสอบหาขนาดเม็ดของวสั ดุ
2.4 คา่ ขีดเหลว (liquid limit) ตาม มทช.(ท)501.5 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดเหลว (liquid limit : LL.) ไม่
มากกวา่ รอ้ ยละ 35
2.5 คา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ (plasticity index) ตาม มทช.(ท)501.6 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดพลาสตกิ
(plasticity index : PL.) อยใู่ นระหวา่ งรอ้ ยละ 4-15
2.6 คา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสึกหรอ (percentage of wear) ตาม มทช.(ท)501.9 : วธิ ีการทดสอบหา
ความสกึ หรอของวสั ดเุ มด็ หยาบดว้ ยเคร่ือง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 60
2.7 คา่ ซี.บี.อาร.์ จากหอ้ งทดลอง (lab. C.B.R.) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 30 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ
แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.501.3 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.อาร์
(C.B.R.) หรือไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดในแบบ
2.8 มีมวลคละผา่ นตะแกรง ดงั ตารางขา้ งลา่ งนี้
9
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ขนาดของ นา้ หนักทผี่ ่านตะแกรงเป็ นร้อยละ
ตะแกรง
มาตรฐาน ชนิด ก. ชนิด ข. ชนิด ค. ชนิด ง. ชนิด จ.
2” 100 100 - --
1”
3/8” - 75-95 100 100 100
เบอร์ 4
เบอร์ 10 30-65 40-75 50-85 60-100 -
เบอร์ 40
เบอร์ 200 25-55 30-60 35-65 50-85 55-100
15-40 20-45 25-50 40-70 40-100
8-20 15-30 15-30 25-45 20-50
2-8 5-20 5-15 10-25 6-20
10
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.206-2545
มาตรฐานวัสดลุ ูกรังชนิดทาผวิ จราจร
1. ขอบข่าย
วสั ดลุ กู รงั ชนิดทาผิวจราจร หมายถงึ ลกู รงั หรอื soil aggregate ซ่งึ นามาเสรมิ บนชนั้ รองพืน้ ทางเพ่ือใช้
เป็นผวิ จราจร
2. คุณสมบัติ
2.1 ปราศจากกอ้ นดนิ เหนียว (clay lump) วสั ดจุ าพวกเชล (shale) รากไม้ หรือวชั พืชอ่ืน ๆ
2.2 ขนาดวสั ดใุ หญ่สดุ ตอ้ งไมโ่ ตกว่า 5 เซนตเิ มตร
2.3 ขนาดผา่ นตะแกรงเบอร์ 200 ไมม่ ากกวา่ 2/3 ของขนาดผา่ นตะแกรง เบอร์ 40 โดยนา้ หนกั ตาม มทช.(ท)
501.8 : วธิ ีการทดสอบหาขนาดเมด็ ของวสั ดุ
2.4 คา่ ขีดเหลว (liquid limit) ตาม มทช.(ท)501.5 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดเหลว (liquid
limit : LL.) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 35
2.5 คา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ (plasticity index) ตาม มทช.(ท)501.6 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดพลาสตกิ
(plasticity index : PL) อยใู่ นระหวา่ งรอ้ ยละ 4-11
2.6 คา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสึกหรอ (percentage of wear) ตาม มทช.(ท)501.9 : วิธีการทดสอบหา
ความสกึ หรอของวสั ดเุ มด็ หยาบดว้ ยเคร่ือง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 60
2.7 คา่ ซี.บี.อาร.์ จากหอ้ งทดลอง (lab. C.B.R.) ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 30 ท่ีรอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ
แบบสงู กวา่ มาตรฐาน (modified proctor density) ตาม มทช.(ท)501.3 : วิธีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ซี.บี.
อาร์ (C.B.R.) หรือไมน่ อ้ ยกว่าท่ีกาหนดไวใ้ นแบบ
2.8 มีมวลคละผา่ นตะแกรง ดงั ตารางขา้ งลา่ งนี้
11
สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ขนาดของตะแกรง นา้ หนักผ่านตะแกรงเป็ นร้อยละ
มาตรฐาน
2” ชนิด ก. ชนิด ข. ชนิด ค. ชนิด ง.
1”
3/8” ----
เบอร์ 4
เบอร์ 10 100 100 100 100
เบอร์ 40
เบอร์ 200 50-85 60-100 - -
25-65 50-85 55-100 70-100
25-50 40-70 40-100 55-100
15-30 25-45 20-50 30-70
8-15 8-25 8-20 8-25
12
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.207-2545
มาตรฐานงานวัสดชุ นิดเมด็ สาหรับผวิ จราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ (surface treatment)
1. ขอบข่าย
วสั ดชุ นิดเม็ดทาผิวจราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ (surface treatment) หมายถึง วสั ดหุ นิ ยอ่ ย ซ่งึ มีคณุ สมบตั ิ
ตามท่ีกาหนด
2. คุณสมบัติ
2.1 ตอ้ งสะอาด ปราศจากฝ่ นุ ดนิ หรอื วสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคใ์ ดๆ
2.2 ตอ้ งแขง็ คงทน และมีคา่ ของความสกึ หรอ (percentage of wear) ตาม มทช.(ท)501.9 : วธิ ีการทดสอบหา
ความสกึ หรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบดว้ ยเคร่อื ง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่
รอ้ ยละ 35
2.3 มีคา่ ของการหลดุ ลอกของยางแอสฟัลต์ (ทดสอบโดยวิธี plate test) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 20
2.4 ตอ้ งไมม่ ีขนาดยาว หรอื แบนมากเกินไป และมีคา่ ดชั นีความแบน (flakiness index) ไมม่ ากกวา่
รอ้ ยละ 35
2.5 มีคา่ ของสว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) เม่ือทดสอบหาคา่ ความคงทน (soundness) ของมวลรวม โดยใช้
โซเดยี มซลั เฟต จานวน 5 รอบแลว้ ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 5 หรอื ไมม่ ากกว่ารอ้ ยละ 10 เม่ือใชแ้ มกนีเซียม
ซลั เฟต
2.6 มีมวลคละผา่ นตะแกรงมาตรฐาน (แบบไมล่ า้ ง) ดงั ตารางขา้ งลา่ งนี้
นา้ หนักผ่านตะแกรงเป็ นร้อยละ
ขนาดทใ่ี ช้ 25.0 19.0 12.5 มม. 9.5 มม. 4.75 2.36 1.18
เรยี ก มม. มม. (1/2”) (3/8”) มม. มม. มม.
(1”) (3/4”) (เบอร์ (เบอร์ (เบอร์
มลิ ลิเมตร 4) 8) 16)
(นิว้ )
100 90-100 0-30 0-8 - 0-2 0-0.5
19.0 (3/4”)
- 100 90-100 0-30 0-4 0-2 0-0.5
12.5 (1/2”)
100 90-100 0-30 0-8 0-2
9.5 (3/8”)
13
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.208-2545
มาตรฐานวัสดุชนิดเมด็ สาหรับผิวทางแมคคาดมั (penetration macadam)
1. ขอบข่าย
วสั ดชุ นิดเม็ดทาผวิ ทางแมคคาดมั (penetration macadam) หมายถงึ วสั ดหุ ินยอ่ ย หรอื กรวดยอ่ ย ซ่งึ มี
คณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
2. คุณสมบัติ
2.1 สะอาดปราศจากวสั ดอุ ่ืน เชน่ วชั พืช ดนิ เหนียว เป็นตน้
2.2 คา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสกึ หรอ (percentage of wear) ตาม มทช.501.9 : วิธีการทดสอบ
หาความสกึ หรอของวสั ดชุ นิดเมด็ หยาบดว้ ยเคร่ือง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 40
2.3 มีคา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของยาง แอสฟัลต์ เคลือบผิวไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 95
2.4 มีคา่ ดชั นีความแบน (flakiness index) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 30
2.5 มีคา่ ดชั นีความยาว (elongation index) ไมม่ ากกว่ารอ้ ยละ 30
2.6 เม่ือทดสอบการคงตวั (soundness test) นา้ หนกั ของวสั ดหุ ินยอ่ ย หรือกรวดย่อย ท่ีหายไปตอ้ ง
ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 9 หรือไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 18 เม่ือใชแ้ มกนีเซียมซลั เฟต
2.7 กรณีท่ีใชก้ รวดยอ่ ย สว่ นท่ีคา้ งตะแกรงมาตรฐานเบอร์ 4 ของกรวดแตล่ ะขนาดตอ้ งมีหนา้ ซ่งึ ถกู โม่
ใหแ้ ตกเป็นเหล่ียมเป็นจานวนไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 โดยนา้ หนกั
2.8 มีมวลคละผา่ นตะแกรง ดงั ตารางขา้ งลา่ งนี้
14
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ขนาดของ นา้ หนักผ่านตะแกรงเป็ นร้อยละ
ตะแกรง 2 1 เบอร์ เบอร์ เบอร์
1/2” 1/2” 4 8 16
มาตรฐาน 2” 1” 3/4” 1/2” 3/8”
ขนาดระบุ
2”-1” 100 90- 30- 0-15 - 0-5 - - - -
1”-1/2” 100 70 90- 20- 0-15 0-5 - - -
3/4” 100 100 60 0-30 0-8 - 0-2 0-0.5
1/2” 100 90- 90- 0-40 0-8 0-2 0-0.5
3/8” 100 100 90- 0-30 0-8 0-2
100 100 100
15
สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.209-2545
มาตรฐานวัสดมุ วลรวมสาหรับงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
(aggregates for asphalt concrete)
1. ขอบข่าย
วสั ดมุ วลรวมสาหรบั ใชท้ าแอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete) ประกอบดว้ ย
1.1 วสั ดมุ วลหยาบ (coarse aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีมีขนาดคา้ งตะแกรงขนาด 4.75 มิลลิเมตร (เบอร์ 4)
ขนึ้ ไป ไดแ้ ก่ หินยอ่ ย (crushed rock) หรือวสั ดอุ ่ืนใด ท่ีกรมทางหลวงชนบทอนมุ ตั ิใหใ้ ชไ้ ด้ ซ่งึ มีคณุ สมบตั ิ
ตามท่ีกาหนด
1.2 วสั ดมุ วลละเอียด (fine aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีมีขนาดผา่ นตะแกรงขนาด 4.75 มลิ ลเิ มตร (เบอร์ 4) ลง
มา ไดแ้ ก่ วสั ดหุ ินฝ่นุ ทราย หรือวสั ดอุ ่ืนใด ท่ีกรมทางหลวงชนบทอนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ด้ ซ่งึ มีคณุ สมบตั ติ ามท่ี
กาหนด
1.3 วสั ดผุ สมแทรก (mineral filler) หมายถงึ วสั ดทุ ่ีมีขนาดผา่ นตะแกรงขนาด 0.600 มลิ ลเิ มตร (เบอร์ 30) ลงมา
ไดแ้ ก่ วสั ดหุ ินฝ่นุ ปอรต์ แลนดซ์ ีเมนต์ ซิลิกาซีเมนต์ หรือวสั ดอุ ่ืนใด ท่ีกรมทางหลวงชนบทอนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ด้ ซ่งึ
มีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
2. คุณสมบัติ
ในกรณีท่ีไมไ่ ดร้ ะบคุ ณุ สมบตั ิของวสั ดมุ วลรวมไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน วสั ดมุ วลรวมตอ้ งมีคณุ สมบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้
2.1 วสั ดมุ วลหยาบ
2.1.1 ตอ้ งเป็นวสั ดทุ ่ีแขง็ และคงทน (hard and durable) สะอาด ปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงค์ ท่ีอาจทาให้
แอสฟัลตค์ อนกรีตมีคณุ ภาพดอ้ ยลง
2.1.2 มีคา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสกึ หรอ (percentage of wear) ตาม มทช.(ท)501.9 : วธิ ีการ
ทดสอบหาความสกึ หรอของวสั ดชุ นิดเมด็ หยาบดว้ ยเคร่ือง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่
รอ้ ยละ 40
2.1.3 เม่ือทดสอบหาความคงทน (soundness test) ของมวลรวม โดยใชส้ ารละลายโซเดียมซลั เฟต จานวน
5 รอบ นา้ หนกั ของวสั ดทุ ่ีหายไป (loss) ตอ้ งไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 9 หรือไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 18 เม่ือใช้
แมกนีเซียมซลั เฟต
2.1.4 มีคา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของยางแอสฟัลตเ์ คลือบผิวได้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95
2.1.5 มีคา่ ดชั นีความแบน (flakiness index) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 30
2.1.6 มีคา่ ดชั นีความยาว (elongation index) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 30
16
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.2 วสั ดมุ วลละเอียด
2.2.1 หนิ ฝ่นุ หรอื ทราย ตอ้ งสะอาด ปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงค์ ปะปนอยซู่ ง่ึ อาจทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตมี
คณุ ภาพดอ้ ยลง
2.2.2 มีคา่ สมมลู ยข์ องทราย (sand equivalent) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50
2.2.3 เม่ือทดสอบหาความคงทน (soundness test) ของมวลรวม โดยใชส้ ารละลายโซเดียมซลั เฟต จานวน
5 รอบ นา้ หนกั ของหินฝ่นุ หรือทรายท่ีหายไป (loss) ตอ้ งไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 9 หรือไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ
18 เม่ือใชแ้ มกนีเซียมซลั เฟต
2.3 วสั ดผุ สมแทรก ใชผ้ สมเพ่มิ ในกรณีเม่ือผสมมวลหยาบกบั มวลละเอียดเป็นมวลรวมแลว้ สว่ นละเอียดในมวล
รวมยงั มีไมเ่ พียงพอ หรอื ใชผ้ สมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพของแอสฟัลตค์ อนกรตี
2.3.1 สะอาดปราศจากวสั ดอุ ่ืน เชน่ วชั พืช ดนิ เหนียว เป็นตน้
2.3.2 ตอ้ งแหง้ และไมจ่ บั กนั เป็นกอ้ น
2.3.3 มีขนาดคละผา่ นตะแกรงมาตรฐานตามตารางท่ี 1
ตารางท่ี 1 ขนาดคละของวสั ดผุ สมแทรก
ขนาดของตะแกรงมาตรฐาน ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล
0.600 (เบอร์ 30) 100
0.300 (เบอร์ 50) 75-100
0.075 ( เบอร์ 200) 55-100
17
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.4 วสั ดมุ วลหยาบ มวลละเอียด และวสั ดผุ สมแทรก เม่ือผสมกนั แลว้ ตอ้ งมีขนาดคละผา่ นตะแกรงมาตรฐาน
ตามตารางท่ี 2
ตารางท่ี 2 ขนาดคละของมวลรวมและชนิดของแอสฟัลตค์ อนกรีต
ขนาดท่ีใชเ้ รียก มิลลิเมตร 9.5 12.5 19.0 25.0
(นวิ้ ) (3/8) (1/2) (3/4) (1)
Wearing Wearing Binder Base
Course
สาหรบั ชนั้ ทาง Course Course Course
100
ขนาดตะแกรง มลิ ลเิ มตร (นวิ้ ) 90-100 ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล 100
37.5 (1 1/2) 55-85 90-100
25.0 (1) 32-67 100 100
19.0 (3/4) 80-100 90-100 -
12.5 (1/2) - 56-80
9.5 (3/8) - - -
4.75 (เบอร์ 4) 7-23 44-74 56-80 -
2.36 (เบอร์ 8) - 28-58 35-65 29-59
1.18 (เบอร์ 16) 2-10 23-49 19-45
0.600 (เบอร์ 30) -
0.300 (เบอร์ 50) - - -
0.150 (เบอร์ 100) 5-21 - -
0.075 (เบอร์ 200) - 5-19 5-17
2-10 - -
2-8 1-7
18
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 213-2545
มาตรฐานวัสดุยางคัทแบคแอสฟัลตช์ นิดบ่มช้า
(slow curing cut-back asphalt)
1. ขอบข่าย
วสั ดยุ างคทั แบคแอสฟัลตช์ นิดบม่ ชา้ ใชท้ าผวิ จราจรซง่ึ มีช่ือเรยี กตามคณุ สมบตั ทิ ่ีกาหนดตามแบบระดบั
ความหนืดทางจลน์ (kinematic viscosity grades) จานวน 4 เกรด คือ SC*- 70, SC-250, SC-800 และ SC-3000
2. คุณสมบัติ
2.1 ไมม่ ีนา้ เจือปน
2.2 ไมเ่ ป็นฟอง เม่ือไดร้ บั ความรอ้ นถึงอณุ หภมู ิท่ีใชง้ าน
2.3 การทดสอบคณุ สมบตั ิ ใหเ้ ป็นไปตามตารางตอ่ ไปนี.้ -
ทดสอบ ทดสอบ เกรด
โดยวธิ ี โดยวิธี
รายการ AASHTO ASTM SC - 70 SC - 250 SC - 800 SC-3000
Kinematic Viscosity at 140F(60 C), cst. T 201 D 2170 70-140 250-500 800-1600 3000-6000
F 150+ 175+ 200+ 225+
T 48 D 92 (66+) (79) (93) (107)
Flash Point (Cleveland Open Cup), (C)
Distillagion Test : Total Distillate T 78 D 402 10-30 4-20 2-12 5-
To 680 F (360 C) % by Volume
Kinematic Viscosity of Residue, 140F, T 201 D 2170 4-70 B-100 20-160 40-350
(60 C) Stokes T 56 D 243 50+** 60+ 70+ 80+
Asphalt Residue of 100 Penetration, %
Ductility of 100 Penetration Residue at T 51 D 113 100+ 100+ 100+ 100+
77 F (25 C) cm. T 44 D 2042 99.0+ 99.0+ 99.0+ 99.0+
Solubility in Trichloroethylene, % T 55 D 95 0.5-*** 0.5- 0.5- 0.5-
Water, %
19
สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
หมายเหตุ * SC หมายถึง slow curing cut-back asphalt
** เคร่ืองหมาย + ท่ีอยหู่ ลงั คา่ ตวั เลขท่ีระบหุ มายถงึ คา่ ตงั้ แตต่ วั เลขท่ีระบขุ นึ้ ไป
*** เคร่อื งหมาย - ท่ีอยหู่ ลงั คา่ ตวั เลขท่ีระบหุ มายถงึ คา่ ตงั้ แตต่ วั เลขท่ีระบลุ งมา
20
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 215 – 2557
มาตรฐานวัสดุมวลรวมผสมเยน็ ดว้ ยแอสฟัลตอ์ ิมัลชัน
(cold mixed asphalt)
1. ขอบข่าย
วสั ดมุ วลรวมผสมเย็นดว้ ยแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั (cold mix) หมายถึง วสั ดผุ สมท่ีไดจ้ ากการผสมระหว่างวสั ดุ
มวลรวม (aggregate) กบั ยางแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั โดยกระบวนการผสมดาเนนิ ไปในอณุ หภมู ปิ กติ
2. คุณสมบัติ
2.1 วสั ดมุ วลรวม ( aggregate) ตอ้ งมีขนาดคละเป็นไปตามท่ีกาหนด โดยงานซอ่ มผิวทาง ( patching ) ให้
ใชข้ นาดคละตามตารางท่ี 1 งานก่อสรา้ ง งานปรบั ระดบั ( levelling ) และงานเสรมิ ผวิ ( overlay ) ใหใ้ ช้
ขนาดคละตามตารางท่ี 2
2.1.1 ตอ้ งเป็นหินโมท่ ่ีสะอาด แข็ง และมีความคงทน ( hard and durable) ปราศจากดนิ หรอื วสั ดอุ ่ืนท่ี
ไมพ่ งึ ประสงค์
2.1.2 มีคา่ ของการสกึ หรอ ( percentage of wear ) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 40 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.
(ท) 501.9 : วิธีการการทดสอบหาความสึกหรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบโดยใชเ้ คร่ือง los angles
abrasion
2.1.3 มีค่าของส่วนท่ีไม่คงทนไม่มากกว่ารอ้ ยละ 9 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.12 : วิธีการ
ทดสอบหาคา่ ความคงทน ( soundness ) ของมวลรวม โดยใชโ้ ซเดยี มซลั เฟต จานวน 5 รอบ
2.1.4 มีค่าสมมูลยข์ องทรายไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.13 วิธีการ
ทดสอบหาคา่ ความสมมลู ยข์ องทราย (sand equivalent)
21
สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 1 ขนาดคละของวัสดมุ วลรวม (aggregate) และปรมิ าณแอสฟัลตอ์ ิมัลชันดว้ ยแอสฟัลต์
ของวัสดผุ สมเยน็ อมิ ัลชัน (cold mix) สาหรับงานซ่อมผิว (patching)
ขนาดของตะแกรง ปรมิ าณผ่านตะแกรงร้อยละ โดยนา้ หนัก
เกรด 1 เกรด 2 เกรด 3 เกรด 4
25.0 มม. (1") 100
19.0 มม. (3/4") 90 - 100 100
12.5 มม. (1/2") - 90 - 100 100 100
9.5 มม. (3/8") 60 - 80 - 90 - 100 85 - 100
4.75 มม. (เบอร์ 4) 35 - 65 45 - 70 60 - 80 -
2.36 มม. (เบอร์ 8) 20 - 50 25 - 50 35 - 65 0 - 10
300 ไมครอน (เบอร์ 50) 3 - 20 5 - 20 6 - 25 0 - 5
75 ไมครอน (เบอร์ 200) 0-2 0-2 0-2 0-2
ปรมิ าณยางแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั 6.0 – 8.0 7.0 – 9.0 9.0 – 10.0 9.0 – 10.0
รอ้ ยละโดยนา้ หนกั ของหนิ แหง้
หมายเหตุ การเลือกใชว้ สั ดมุ วลรวมเกรดใดๆ ใหข้ นึ้ อยกู่ บั ความหนาของชนั้ วสั ดผุ สมเย็นหลงั บดทบั แลว้
เสรจ็ ของแตล่ ะชนั้ ซง่ึ ตอ้ งหนาไมน่ อ้ ยกวา่ 2.5 เท่าของขนาดโตท่ีสดุ (maximum size) ของ
วสั ดมุ วลรวมของเกรดนนั้ ๆ หรือใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาหนดเฉพาะของแตล่ ะงาน
22
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 2 ขนาดคละของวัสดมุ วลรวม ( aggregate ) และปริมาณแอสฟัลตอ์ ิมัลชัน ของวัสดผุ สมเยน็
ด้วยแอสฟัลตอ์ มิ ัลชัน (clod mix) สาหรับงานก่อสร้างทาง งานปรับระดบั (leveling) และงาน
เสรมิ ผิวทาง (overlay)
ขนาดตะแกรง Binder Course Wearing Course
เกรดหยาบ เกรดปานกลาง เกรดละเอียด
38.1 มม. (1 1/2") 100
25.0 มม. (1") 80 - 100 100
19.0 มม. (3/4") - 80 - 100
12.5 มม. (1/2") 25 - 60 - 100
9.5 มม. (3/8") - 20 - 55 80 - 100
4.75 มม. (เบอร์ 4) 0 - 20 5 - 30 10 - 40
2.36 มม. (เบอร์ 8) 0-5 0-5 0 - 10
1.8 มม. (เบอร์ 16) - - 0-5
75 ไมครอน (เบอร์ 200) 0-2 0-2 0-2
ปรมิ าณยางแอสฟัลต์ 4.5 – 6.5 5.0 – 7.0 6.0 – 8.0
อิมลั ชนั รอ้ ยละโดย
นา้ หนกั ของหนิ แหง้
หมายเหตุ การเลือกใชว้ สั ดมุ วลรวมเกรดใดๆ ใหข้ นึ้ อยกู่ บั ความหนาของชนั้ วสั ดผุ สมเยน็ หลงั บดทบั แลว้ เสรจ็ ของ
แตล่ ะชนั้ ซง่ึ ตอ้ งหนาไมน่ อ้ ยกวา่ 2.5 เทา่ ของขนาดโตท่ีสดุ (maximum size) ของวสั ดมุ วลรวมของเกรดนนั้ ๆ
หรอื ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาหนดเฉพาะของแตล่ ะงาน
2.2 ยางแอสฟัลต์ ใหใ้ ชย้ างแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ชนิด CMS - 2h ตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 371 : แคตอิออนิกแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั สาหรบั ถนน
23
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
3. วธิ ีผสม
อาจใชเ้ คร่ืองผสมคอนกรีตหรือเคร่ืองผสมอ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม ท่ีสามารถผสมวสั ดมุ วลรวมใหเ้ ขา้ กบั ยาง
แอสฟัลตอ์ ิมัลชันไดด้ ี โดยทาการผสมในสถานท่ีท่ีไดเ้ ตรียมไวอ้ ย่างเหมาะสม การผสมในแต่ละครงั้ ไม่ควรมี
ปรมิ าณมากเกินไป เพราะจะทาใหไ้ ม่สามารถผสมวสั ดมุ วลรวมใหเ้ ขา้ กบั ยางแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ไดด้ ี วสั ดมุ วล
รวมท่ีพรอ้ มจะผสมควรจะมีปริมาณความชืน้ ประมาณรอ้ ยละ 0.5 – 3.0 ของนา้ หนกั หินแหง้ ตามธรรมชาติ การ
ผสมใหพ้ ่น สาด หรือเทลาด ยางแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ตามปริมาณท่ีกาหนด ลงบนวสั ดมุ วลรวมใหท้ ่วั ถึง แลว้ ผสม
คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ จนเป็นเนือ้ เดียวกนั โดยระยะเวลาในการผสมจนแลว้ เสรจ็ ไมเ่ กิน 4 นาที หลงั จากผสมเสรจ็ ใหท้ ิง้
ไวอ้ ย่างนอ้ ย 24 ช่วั โมงแลว้ จงึ นาไปใชง้ าน หรือกองรวมโดยใชผ้ า้ ใบคลมุ ไวใ้ นสถานท่ีท่ีมีหลงั คาคลมุ และควร
ใชใ้ หห้ มดภายใน 2 สปั ดาห์ หากตอ้ งการเก็บไวใ้ หไ้ ดน้ าน ใหบ้ รรจุในถงุ พลาสติกแลว้ ปิดใหแ้ น่นเพ่ือป้องกัน
อากาศเขา้ ถงึ
24
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.216-2545
มาตรฐานวัสดุชนิดเมด็ (aggregates) สาหรับผิวจราจรคอนกรตี
1. ขอบข่าย
วสั ดชุ นิดเม็ด ใชท้ าผิวจราจรคอนกรตี แบง่ เป็น 2 ชนิด คือ
1.1 วสั ดชุ นิดเมด็ หยาบ (coarse aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีคา้ งตะแกรงเบอร์ 4 ขนึ้ ไป ไดแ้ ก่ หนิ
ยอ่ ย กรวดย่อย ซง่ึ มีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
1.2 วสั ดชุ นิดเมด็ ละเอียด (fine aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีผา่ นตะแกรงเบอร์ 4 ลงมา ไดแ้ ก่ ทราย
ซง่ึ มีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
2. คุณสมบัติ
2.1 วัสดชุ นิดเม็ดหยาบ (coarse aggregates)
2.1.1 สะอาดปราศจากวสั ดอุ ่ืน เชน่ วชั พืช ดนิ เหนียว เป็นตน้
2.1.2 คา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสกึ หรอ (percentage of wear) ตาม มทช.(ท)501.9 : วธิ ีการทดสอบ
หาความสกึ หรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบดว้ ยเคร่ือง los angeles abrasion ไมม่ ากกวา่
รอ้ ยละ 40
2.1.3 เม่ือทดสอบการคงตวั (soundness test) โดยใชส้ ารละลายโซเดยี มซลั เฟต จานวน 5 รอบ
นา้ หนกั ของวสั ดหุ ินยอ่ ยหรือกรวดยอ่ ยท่ีหายไปตอ้ งไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 12 หรือไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ
24 เม่ือใชแ้ มกนีเซียมซลั เฟต
2.1.4 มีคา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของการดดู ซมึ นา้ ไมเ่ กิน 5 ตาม มทช.(ท)101.4 : วิธีการทดสอบหา
คา่ ความถ่วงจาเพาะและคา่ ความดดู ซมึ นา้ ของวสั ดมุ วลรวมหยาบ
2.1.5 มีคา่ ดชั นีความแบน (flakiness index) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 25
2.1.6 มีสว่ นท่ีผา่ นตะแกรง เบอร์ 200 ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 0.25
2.1.7 กรณีท่ีใชก้ รวดยอ่ ยสว่ นท่ีคา้ งตะแกรงมาตรฐานเบอร์ 4 ของกรวดแตล่ ะขนาดตอ้ งมีหนา้
ซง่ึ ถกู โมใ่ หแ้ ตกเป็นเหล่ียม เป็นจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 โดยนา้ หนกั
25
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.1.8 มีมวลคละผา่ นตะแกรงมาตรฐานตามตาราง ดงั นี:้ -
ขนาดของ 2” นา้ หนกั ท่ีผา่ นตะแกรงเป็นรอ้ ยละ 1/2”
ตะแกรง 100 1 1/2” 1” 3/4”
มาตรฐาน 95-100 100
2 1/2” 100 100 100 90-100
35-70 95-100 95-100 90-100 40-70
2” 0-5
1 1/2” 10-30 35-70 25-60 20-55 0-5
0-10
1” 0-5 10-30 0-10 0-5
3/4” 0-5 0-5
1/2”
3/8”
เบอร์ 4
เบอร์ 8
2.2 วสั ดชุ นิดเม็ดละเอียด (fine aggregate)
2.2.1 เป็นทรายนา้ จืดท่ีหยาบคมแข็งแกรง่
2.2.2 ปราศจากวสั ดอุ ่ืนปะปนอยู่ เชน่ วชั พืช ดินเหนียว เปลือกหอย เถา้ ถา่ น เป็นตน้
2.2.3 มีสารอนิ ทรียป์ ะปนอยใู่ นทรายเม่ือทดสอบตาม มทช.(ท)101.3 : วธิ ีการทดสอบหาสาร
อินทรยี เ์ จือปนดว้ ยสารละลาย (sodium hydroxide) เขม้ ขน้ 3 เปอรเ์ ซ็นต์ สีของสารละลาย
ท่ีไดจ้ ากการทดสอบตอ้ งอ่อนกวา่ สีของกระจกเทียบมาตรฐานเบอร์ 3 หรือออ่ นกวา่ สารละลาย
potassium dichrormate
2.2.4 มีคา่ โมดลู สั ความละเอียด (fineness modulus) อยรู่ ะหวา่ ง 2.3-3.1
2.2.5 เม่ือทดสอบการคงตวั (soundness test) โดยใชส้ ารละลายโซเดยี มซลั เฟต จานวน
5 รอบ นา้ หนกั ของมาตรฐานทรายท่ีหายไปตอ้ งไมม่ ากกว่ารอ้ ยละ 10 หรือไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 20
เม่ือใชแ้ มกนีเซียมซลั เฟต
2.2.6 มีสว่ นท่ีผา่ นตะแกรงเบอร์ 200 ไมเ่ กินรอ้ ยละ 3
26
สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.2.7 มีมวลคละผา่ นตะแกรงมาตรฐาน ตามตารางดงั นี:้ -
ขนาดของตะแกรง นา้ หนกั ท่ีผ่านตะแกรงเป็นรอ้ ยละ
มาตรฐาน
3/8” 100
เบอร์ 4 95-100
เบอร์ 8 80-100
เบอร์ 16 50-85
เบอร์ 30 25-60
เบอร์ 50 10-30
เบอร์ 100 2-10
27
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.217-2545
มาตรฐานเหลก็ เส้นเสริมคอนกรตี
1. ขอบข่าย
เหลก็ เสน้ เสรมิ คอนกรีต หมายถึง เหล็กเสรมิ ในงานคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ท่ีใชท้ าผวิ จราจรคอนกรีต ซง่ึ แบง่
ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ เหลก็ เสน้ กลม (round bar) และเหลก็ เสน้ ขอ้ ออ้ ย (deformed bar)
2. คุณสมบัติ
2.1 เหลก็ เสน้ กลม (round bar)
ตอ้ งมีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 20 : มาตรฐานเหลก็ เสน้ เสรมิ คอนกรีต
(เหล็กเสน้ กลม) ซ่งึ มีรายละเอียดดงั นี้
2.1.1 คณุ สมบตั ิทางกล ตามตารางดงั นี:้ -
ความตา้ นแรง ความตา้ นแรง ความยืดในชว่ ง การทดสอบดว้ ยการดดั โคง้ เย็น
ดงึ ดงึ ความยาว 5 เทา่
เหลก็ สงู สดุ มมุ การดดั เสน้ ผา่ น
เสน้ กลม ท่ีจดุ คลาก ของ (องศา) ศนู ยก์ ลาง
ไมน่ อ้ ยกวา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
SR 24 วงดดั
(กก./ตร.ซม.) (กก./ตร.ซม.) ไมน่ อ้ ยกวา่
(รอ้ ยละ) 1.5 เทา่ ของเสน้
2,400 3,900 180 ผา่ นศนู ยก์ ลาง
21
ระบุ
28
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.1.2 เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือน สาหรบั เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหล็กเสน้ กลมตามตารางดงั นี:้ -
ช่ือขนาด เสน้ ผา่ น เกณฑค์ วามคลาด มวลตอ่ เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือน
ศนู ยก์ ลาง เคล่ือน เมตร สาหรบั มวลตอ่ เมตร
RB 6 (มิลลิเมตร) ไมเ่ กินกวา่ (กิโลกรมั )
RB 9 เฉล่ียรอ้ ยละ แตล่ ะเสน้ รอ้ ยละ
RB 12 6 (มิลลิเมตร)
RB 15 9 0.4 0.222 5.0 10.0
RB 19 12 0.4 10.0
RB 22 15 0.4 0.499 5.0 10.0
RB 25 19 0.4 10.0
RB 28 22 0.5 0.888 5.0 6.0
RB 34 25 0.5 1.387 5.0 6.0
28 0.5 2.226 6.0
34 0.6 2.984 3.5 6.0
0.6 3.853 3.5 6.0
4.834 3.5
7.127 3.5
3.5
2.2 เหล็กขอ้ ออ้ ย (deformed bar) ตอ้ งมีคณุ สมบตั ติ ามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม
มอก. 24 : มาตรฐานเหลก็ เสน้ เสรมิ คอนกรีต (เหลก็ ขอ้ ออ้ ย) ซ่งึ มีรายละเอียด ดงั นี้
29
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.2.1 คณุ สมบตั ิทางกล ตามตารางดงั นี:้ -
ความตา้ นแรง ความตา้ นแรง ความยืดในชว่ ง การทดสอบดว้ ยการดดั โคง้ เย็น
ดงึ ท่ีจดุ คลาก ดงึ สงู สดุ ความยาว 5 เทา่
สญั ลกั ษณ์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ ของเสน้ ผา่ น มมุ การดดั เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
(กก./ตร.ซม.) (กก./ตร.ซม.) ศนู ยก์ ลาง ไมน่ อ้ ย (องศา) วงดดั
กวา่
(รอ้ ยละ)
SD 30 3,000 4,900 17 180 4 เทา่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
180 ระบุ
SD 40 4,000 5,700 15 90 5 เทา่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
SD 50 5,000 6,300 13 ระบุ
5 เทา่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ระบุ
2.2.2 เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนสาหรบั มวลตอ่ เมตรของเหลก็ ขอ้ ออ้ ย ตามตารางดงั นี:้ -
มวลตอ่ เมตร เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนสาหรบั มวลตอ่ เมตรของทกุ
ช่ือขนาด กิโลกรมั ขนาด
เฉล่ีย รอ้ ยละ แตล่ ะเสน้ รอ้ ยละ
DB 10 0.617
DB 12 0.888
DB 16 1.578
DB 20 2.466 3.5 6
DB 22 2.984
DB 25 3.853
DB 28 4.834
DB 32 6.313
30
สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
หมายเหตุ = yield stress
ความตา้ นแรงดงึ ท่ีจดุ คลาก = maximum tensile stress
ความตา้ นแรงดงึ สงู สดุ = elongation
ความยืด
การทดสอบดว้ ยการดดั โคง้ เย็น = cold bend test
มมุ การดดั = bending angle
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางวงดดั = diameter of bends
ชว่ งความยาว 5 เทา่ ของเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง = gauge length
31
สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.218-2545
มาตรฐานงานถางป่ า ขุดตอ (clearing and grubbing)
1. ขอบข่าย
งานถางป่า ขดุ ตอ หมายถึงการกาจดั ตน้ ไม้ ตอไม้ พมุ่ ไม้ เศษไม้ ขยะ วชั พืช และส่งิ อ่ืน ๆ ท่ีไมต่ อ้ งการ ภายใน
เขตทาง
2. วธิ ีการก่อสร้าง
2.1 การถางป่ าใหท้ าภายในบรเิ วณตลอดเขตทางและการขดุ ตอใหท้ าภายในบรเิ วณท่ีจะทาการก่อสรา้ ง
คนั ทาง คขู า้ งทาง บอ่ ยืม แหลง่ วสั ดุ และการขดุ เพ่ือการก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง
2.2 บรเิ วณท่ีจะก่อสรา้ งคนั ทาง ใหข้ ดุ ตอรากไมอ้ อกต่ากวา่ ระดบั ดนิ เดมิ ตามธรรมชาตไิ มน่ อ้ ยกวา่ 30
เซนตเิ มตร ในกรณีท่ีคนั ทางสงู กวา่ ระดบั ดนิ เดมิ มากกวา่ 60 เซนตเิ มตร ใหต้ ดั ตน้ ไมแ้ ละตอจนชิดใกล้
ระดบั ดนิ เดมิ ใหม้ ากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทาได้ สว่ นการขดุ เพ่ือก่อสรา้ งงานโครงสรา้ งอ่ืนๆ ใหข้ ดุ ตอรากไม้
ออกต่ากวา่ ระดบั ต่าสดุ ของแบบโครงสรา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 30 เซนตเิ มตร
2.3 บรเิ วณบอ่ ยืมและแหลง่ วสั ดุ ใหเ้ อาตอไม้ รากไมแ้ ละวสั ดอุ ่ืนๆ ท่ีไมต่ อ้ งการปะปนอยอู่ อกจนเห็นวา่
ไมม่ ีส่งิ ดงั กลา่ ว ปนกบั วสั ดทุ ่ีจะนามาใชใ้ นการก่อสรา้ ง
2.4 ตน้ ไมใ้ หญ่ท่ีอยนู่ อกคนั ทาง หรอื อยนู่ อกเชงิ ลาดดนิ
ตดั ใหค้ งไว้ ในกรณีจาเป็นท่ีจะตอ้ งตดั ใหอ้ ยใู่ นดลุ พนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน สาหรบั ตน้ ไมท้ ่ีคงไว้ ก่ิงท่ีย่ืนเขา้
ไปในผวิ จราจร และสงู จากระดบั ผวิ จราจรไมเ่ กิน 6.00 เมตร ใหต้ ดั ก่ิงออกใหเ้ รียบรอ้ ย และใหเ้ หลือโคน
ก่ิงตดิ ลาตน้ ยาวไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร
2.5 วสั ดจุ ากการถางป่า ขดุ ตอ ใหน้ าไปทงิ้ ตามบรเิ วณท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นสมควร
2.6 ตลอดระยะเวลาท่ีถางป่ า ขดุ ตอ ใหท้ าดว้ ยความระมดั ระวงั ในการตดั ตน้ ไม้ ไมใ่ หเ้ กิดอนั ตราย
และทาความเสียหายแก่ตน้ ไมท้ ่ีคงไว้
2.7 หลงั จากการถางป่า ขดุ ตอ ใหป้ าดเกล่ีย ปรบั แตง่ และเก็บเศษวสั ดไุ ปทงิ้ นอกเขตทางใหเ้ รียบรอ้ ย
32
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.219-2545
มาตรฐานงานตกแตง่ เกล่ียคันทางเดมิ (reshaping and levelling)
1. ขอบข่าย
การตกแตง่ เกล่ียคนั ทางเดมิ หมายถงึ การเกล่ียปรบั ระดบั ของพืน้ ถนนและไหลท่ างเดมิ ใหไ้ ดร้ ะดบั
รวมทงั้ เอาวชั พืช และส่งิ สกปรกออกใหห้ มด
2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีใชใ้ นการตกแตง่ เกล่ียคนั ทางเดมิ ตอ้ งเป็นวสั ดทุ ่ีมีคณุ สมบตั ติ าม มาตรฐานวสั ดคุ ดั เลือก :
(มทช.204-2545) ซ่งึ ไดผ้ ่านการทดสอบ และรบั รองใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้
3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 ใหใ้ ชร้ ถเกรด หรือเคร่อื งมืออ่ืน ปรบั เกล่ีย แตง่ ผวิ หนา้ ของคนั ทางเดมิ ตลอดความกวา้ งของคนั ทาง
รวมทงั้ ไหลท่ างทงั้ สองขา้ งดว้ ย
3.2 ใหเ้ ก็บวชั พืช และส่งิ สกปรกบนคนั ทางเดมิ ออกใหห้ มด
3.3 ตอนใดท่ีสงู ใหป้ าดออกใหไ้ ดร้ ะดบั และตอนใดเป็นหลมุ บอ่ หรือแอง่ ใหท้ าการขดุ แตง่ แลว้ ใชว้ สั ดคุ ดั เลือก
ลงบนคนั ทางเกล่ียเป็นชนั้ ๆ ใหส้ ม่าเสมอตลอดพืน้ ท่ี พรมนา้ แลว้ ทาการบดอดั แนน่ โดยใหม้ ีความแนน่
ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 standard proctor dry density ตาม มทช.(ท)501.4 : วธิ ีการทดสอบหาคา่ ความ
แนน่ ของวสั ดงุ านทางในสนาม
3.4 การตกแตง่ เกล่ียคนั ทางเดมิ เม่ือเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ผวิ ของคนั ทางเดมิ ตอ้ งเรียบสม่าเสมอไดร้ ะดบั
สะอาด และไมม่ ีแอง่ หลมุ บอ่
33
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช. 220-2545
มาตรฐานงานถมคันทาง (embankment : construction)
1. ขอบข่าย
งานถมคนั ทาง หมายถึง การก่อสรา้ งถมคนั ทาง การถมขยายคนั ทาง รวมทงั้ การกลบแตง่ หลมุ บอ่ ตา่ ง ๆ ดว้ ย
วสั ดคุ นั ทางท่ีมีคณุ ภาพและถกู ตอ้ งตามขอ้ กาหนด จากแหลง่ ท่ีไดร้ บั การเหน็ ชอบแลว้ มาถมเป็นคนั ทาง โดยการ
เกล่ียแตง่ และบดอดั ใหไ้ ดแ้ นว ระดบั และรูปรา่ ง ตามท่ีแสดงไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2. วัสดุ
2.1 กรณีแบบกอ่ สรา้ งไมร่ ะบไุ วเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ใหใ้ ชว้ สั ดถุ มคนั ทางประเภทดนิ ท่วั ไป ตาม มทช. 201 :
มาตรฐานวสั ดถุ มคนั ทาง
2.2 กรณีบรเิ วณกอ่ สรา้ งคนั ทางมีลกั ษณะเป็นหนองนา้ คนู า้ ท่ีมีเลนและซากวสั ดตุ กตะกอนอยู่ ใหใ้ ชว้ สั ดถุ ม
คนั ทางประเภทวสั ดมุ วลรวม หรือวสั ดถุ มคนั ทางประเภททราย ตาม มทช. 201 : มาตรฐานวสั ดถุ มคนั
ทาง
2.3 กรณีบรเิ วณกอ่ สรา้ งคนั ทางมีลกั ษณะเป็นดนิ ออ่ น มีคา่ ซี.บี.อาร์ (C.B.R.) นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 2 ท่ีมีเลนและ
ซากวสั ดตุ กตะกอนอยหู่ รือแบบก่อสรา้ งระบใุ หใ้ ชท้ รายเป็นวสั ดถุ มคนั ทาง (sand embankment) ใหใ้ ช้
วสั ดถุ มคนั ทางประเภททราย ตาม มทช. 201 : มาตรฐานวสั ดถุ มคนั ทาง
3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 การถมคนั ทางดว้ ยวสั ดตุ ามขอ้ 2.1
3.1.1 กอ่ นถมดนิ คนั ทาง ถา้ มีหลมุ แอง่ หรือโพรงท่ีเกิดขนึ้ จากการถางป่า ขดุ ตอ ตอ้ งใชว้ สั ดทุ ่ี
เหมาะสม กลบแลว้ บดอดั ใหแ้ นน่ สม่าเสมอเสียกอ่ น
3.1.2 การถมคนั ทาง จะตอ้ งถมใหไ้ ดแ้ นว ระดบั และรูปรา่ งตามท่ีแสดงไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
3.1.3 ดินเดิมหรือลาดคนั ทางของถนนเดิม ซ่ึงอย่ตู ่ากว่าระดบั คนั ทางท่ีจะทาการก่อสรา้ งใหม่ นอ้ ย
กว่า 1 เมตร ตามแบบก่อสรา้ ง หลังจากกาจัดส่ิงไม่พึงประสงคต์ ่าง ๆ ออกหมดแล้ว หรือ
หลงั จากการถางป่ า และขดุ ตอแลว้ จะตอ้ งทาการบดอดั ชนั้ 15 เซนตเิ มตรสดุ ทา้ ย วดั จากระดบั
ดินเดิมหรือผิวถนนเดิมลงไปใหไ้ ดค้ วามแน่นแหง้ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแน่นแหง้
สงู สดุ (maximum dry density) ตาม มทช.(ท) 501.1 : วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบมาตรฐาน
3.1.4 ก่อนการถมวัสดชุ นั้ แรกใหร้ าดนา้ ชนั้ ดินเดิม หรือชนั้ คนั ทางเดิมท่ีไดเ้ ตรียมไวแ้ ลว้ ใหเ้ ปียกชืน้
อย่างสม่าเสมอโดยตลอด วัสดุท่ีจะใช้ทาการถมและบดอัดในแต่ละชั้นต้องนามาเกล่ีย
34
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กันก่อน แลว้ พรมนา้ ตามจานวนท่ีตอ้ งการ ใชร้ ถเกรด (motor grader) ปาด
เกล่ียใหว้ สั ดมุ ีความชืน้ สม่าเสมอกอ่ นทาการบดอดั แนน่
3.1.5 การถมคนั ทางใหถ้ มเป็นชนั้ ๆ เม่ือทาการบดอดั แนน่ ตามมาตรฐานแลว้ มีความหนาไมเ่ กิน 20
เซนตเิ มตร ไดค้ วามแน่นแหง้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตาม มทช.(ท)
501.1 : วิธีการทดสอบความแนน่ แบบมาตรฐาน
3.1.6 ในกรณีท่ีจะขยายคนั ทางเดมิ ใหต้ ดั ลาดคนั ทางเดมิ เป็นแบบขนั้ บนั ได (benching) จากปลาย
เชิงลาดถึงขอบไหลท่ าง มีความกวา้ งพอท่ีเคร่อื งมือบดอดั ท่ีเหมาะสมลงไปทางานได้ วสั ดทุ ่ีตดั นี้
ใหเ้ กล่ียแผว่ สั ดอุ ยา่ งสม่าเสมอในแนวราบ โดยใหด้ าเนินการก่อสรา้ งเป็นชนั้ ๆ เม่ือทาการบดอดั
แนน่ ตามมาตรฐานแลว้ มีความหนาไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร ไดค้ วามแนน่ แหง้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ
95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.1 : วิธีการทดสอบความแนน่ แบบมาตรฐาน
3.1.7 วสั ดทุ ่ีใชท้ าคนั ทางท่ีอยตู่ ดิ กบั ทอ่ หรือคอสะพาน หรือบรเิ วณอ่ืนใดก็ตาม ท่ีไมส่ ามารถบดอดั
ดว้ ยเคร่อื งจกั รขนาดใหญ่ไดท้ ่วั ถึง ใหใ้ ชเ้ คร่ืองมือบดอดั ขนาดเล็กทาการบดอดั ได้ ทงั้ นีเ้ คร่อื งมือ
และวธิ ีการบดอดั จะตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งานกอ่ น และใหด้ าเนนิ การก่อสรา้ ง
เป็นชนั้ ๆ เม่ือทาการบดอดั แนน่ ตามมาตรฐานแลว้ มีความหนาไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร ไดค้ วาม
แนน่ แหง้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.1 : วิธีการ
ทดสอบความแนน่ แบบมาตรฐาน
3.1.8 ในกรณีท่ีแบบก่อสรา้ งไมไ่ ดร้ ะบไุ วเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ทางเดมิ ท่ียงั ไม่มีผวิ ถาวรและตอ้ งการจะถมคนั
ทางใหส้ งู ขนึ้ อีกไมเ่ กิน 30 เซนตเิ มตร จากระดบั เดมิ จะตอ้ งคราดไถผิวทางเดมิ ใหล้ กึ ไมน่ อ้ ยกวา่
15 เซนตเิ มตร แลว้ ทาการบดอดั รวมไปกบั ชนั้ ใหม่ ท่ีถมของวสั ดถุ มคนั ทางนนั้ ความหนาของชนั้
ท่ีคราดไถรวมกบั วสั ดใุ หมจ่ ะตอ้ งมีความหนาของแตล่ ะชนั้ ไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร เม่ือทาการบด
อดั แนน่ ตามมาตรฐานแลว้
3.1.9 ในกรณีท่ีงานชนั้ ดนิ เดมิ เป็นบรเิ วณ ไหลเ่ ขา หรอื ทางลาด หรืองานดนิ ตดั ก่อนทาการถมดนิ ชนั้
แรกในบรเิ วณดงั กลา่ ว ใหท้ าการคราดไถชนั้ ดินเดมิ ลกึ ไมน่ อ้ ยกวา่ 20 เซนตเิ มตร เพ่ือการยดึ
เกาะท่ีดีระหวา่ งชนั้ ดินเดมิ และวสั ดถุ มคนั ทาง
3.1.10 เม่ือถมวสั ดจุ นเสรจ็ ถึงชนั้ สดุ ทา้ ยแลว้ ใหเ้ กล่ียวสั ดจุ นไดแ้ นว ระดบั ความลาด ขนาดและรูปตดั
ตามท่ีแสดงในแบบก่อสรา้ ง บดทบั จนไดค้ วามแนน่ ตามขอ้ กาหนด ไมม่ ีหลมุ บอ่ หรือวสั ดทุ ่ีหลมุ
หลวม ไมแ่ นน่ อยบู่ นผิว แลว้ ก่อสรา้ งชนั้ ทางชนั้ ถดั ไปปิดทบั ทนั ที
3.2 การถมคนั ทางดว้ ยวสั ดตุ ามขอ้ 2.2
3.2.1 ใหท้ าการถางป่ า ขดุ ตอ และกาจดั วสั ดอุ ่ืน ๆ ท่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ อกจากบรเิ วณท่ีจะก่อสรา้ งคนั
ทาง
35
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
3.2.2 ในบรเิ วณพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ งคนั ทางท่ีเป็น คนู า้ ซ่งึ มีเลนหรือวสั ดอุ ่ืนท่ีไม่ตอ้ งการตกตะกอนทบั
ถมอย่จู ะตอ้ งทาการกาจดั วสั ดุดงั กล่าวออกจากบริเวณท่ีจะเป็นฐานรองรบั คนั ทาง (working
platform) โดยสบู นา้ ออก และใชเ้ คร่อื งจกั รตกั หรือปาดเลนออกใหม้ ากท่ีสดุ แลว้ ใชว้ สั ดุ ตามขอ้
2.2 ถมไลเ่ ลน
3.2.3 การถมวัสดุไล่เลนให้เร่ิมถมจากแนวก่ึงกลางทางหรือจากเชิงลาดคันทางเดิมออกไปทาง
ดา้ นขา้ งจนพืน้ บรเิ วณท่ีตอ้ งการโดยไมม่ ีเลนเหลือตกคา้ ง อนั อาจทาใหเ้ กิดความเสียหายแก่คนั
ทางได้
3.2.4 การถมวัสดเุ พ่ือทาเป็นฐานรองรบั คนั ทางชนั้ แรก โดยใหถ้ มวัสดอุ ยู่เหนือระดบั นา้ ไม่เกิน 20
เซนติเมตร แลว้ ทาการบดอดั ใหไ้ ดค้ วามแน่นแหง้ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแน่นแหง้
สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.2 : วิธีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
3.2.5 ในกรณีท่ีจะขยายคนั ทางเดมิ เม่ือดาเนินงานตามขอ้ 3.2.2 เรียบรอ้ ยแลว้ ใหท้ าการก่อสรา้ งคนั
ทางโดยตดั ลาดคนั ทางเดิมออกไปเป็นแบบขนั้ บนั ไดจากปลายเชิงลาดถึงขอบไหลท่ าง มีความ
กวา้ งพอท่ีเคร่ืองมือบดอดั ท่ีเหมาะสมลงไปทางานได้ แลว้ ถมวสั ดเุ ป็นชนั้ ๆ เม่ือทาการบดอัด
แน่นตามมาตรฐานแลว้ มีความหนาไม่เกิน 20 เซนตเิ มตร ไดค้ วามแนน่ แหง้ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ
95 ของค่าความแน่นแหง้ สูงสุด ตาม มทช.(ท) 501.2 : วิธีการทดสอบความแน่นแบบสูงกว่า
มาตรฐาน
3.2.6 เม่ือถมวสั ดจุ นเสรจ็ ถึงชนั้ สดุ ทา้ ยแลว้ ใหเ้ กล่ียวสั ดจุ นไดแ้ นว ระดบั ความลาด ขนาดและรูปตัด
ตามท่ีแสดงในแบบก่อสรา้ ง บดทบั จนไดค้ วามแนน่ ตามขอ้ กาหนด ไมม่ ีหลมุ บอ่ หรือวสั ดทุ ่ีหลดุ
หลวม ไมแ่ นน่ อยบู่ นผิว แลว้ ก่อสรา้ งชนั้ ทางชนั้ ถดั ไปปิดทบั ทนั ที
3.2.7 ใหท้ าการปอ้ งกนั ลาดคนั ทาง (slope protection) เพ่ือปอ้ งกนั นา้ เซาะ ดว้ ยวสั ดุ และวธิ ีการท่ี
เหมาะสมหรอื ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
3.3 การถมคนั ทางดว้ ยวสั ดตุ ามขอ้ 2.3
3.3.1 ใหท้ าการถางป่ า ขดุ ตอ และกาจดั วสั ดอุ ่ืน ๆ ท่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ อกจากบรเิ วณท่ีจะก่อสรา้ งคนั ทาง
3.3.2 ในบรเิ วณพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ งคนั ทางท่ีเป็น คนู า้ ซ่งึ มีเลนหรอื วสั ดอุ ่ืนท่ีไมต่ อ้ งการตกตะกอนทบั
ถมอยู่ จะตอ้ งทาการกาจดั วสั ดดุ งั กลา่ วออกจากบรเิ วณท่ีจะเป็นฐานรองรบั คนั ทาง (working
platform) โดยสบู นา้ ออก และใชเ้ คร่อื งจกั รตกั หรือปาดเลนออกใหม้ ากท่ีสดุ แลว้ ใชว้ สั ดุ 2.3 ถม
ไลเ่ ลน
3.3.3 การถมทรายไล่เลนใหเ้ ร่มิ ถมจากแนวก่ึงกลางทางหรือจากเชิงคนั ทางเดิมออกไปทางดา้ นขา้ ง
จนพน้ บรเิ วณท่ีตอ้ งการ โดยไมม่ ีเลนเหลือตกคา้ ง อนั อาจทาใหเ้ กิดความเสียหายแกค่ นั ทางได้
36
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
3.3.4 การถมทรายเพ่ือทาเป็นฐานรองรบั คนั ทางชนั้ แรก โดยใหถ้ มวสั ดุอย่เู หนือระดบั นา้ ไม่เกิน 20
เซนติเมตร แลว้ ทาการบดอดั ใหไ้ ดค้ วามแนน่ แหง้ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแน่นแหง้
สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.2 : วิธีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
3.3.5 ในกรณีท่ีดนิ เดมิ เป็นดินออ่ นท่ีมีอตั ราการทรุดตวั สงู การดาเนินงานตามขอ้ 3.3.4 ถา้ ไมไ่ ดร้ ะบไุ ว้
เป็นอย่างอ่ืน จะตอ้ งทิง้ ฐานรองรบั คนั ทาง ไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 45 วนั ก่อนท่ีจะทาการบดอดั ใหไ้ ดค้ วาม
แนน่ แหง้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.2 : วิธีการ
ทดสอบความแนน่ แบบสงู กว่ามาตรฐาน
3.3.6 เม่ือไดก้ ่อสรา้ งถมคันทางจนเสร็จชั้นสุดท้ายแลว้ ถ้าไม่ตอ้ งทิง้ ไวใ้ นช่วงระยะเวลาถมทิง้ ไว้
(waiting period) ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง ใหเ้ กล่ียทรายจนไดแ้ นว ระดบั ความลาด
ขนาด และรูปตดั ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง บดอัดจนไดค้ วามแน่นตามขอ้ กาหนด ให้
ก่อสรา้ งชนั้ ทางชนั้ ถดั ไปปิดทบั ทนั ที ในกรณีท่ีตอ้ งทิง้ ไวใ้ นชว่ งระยะเวลาถมทงิ้ ไว้ ตามท่ีกาหนด
ไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง เม่ือครบระยะเวลาถมทิง้ ไว้ ใหต้ รวจสอบระดบั ผิวชนั้ ทรายถมคนั ทางและทา
การปรบั ระดบั เสรมิ ดว้ ยทรายท่ีมีคณุ ภาพถกู ตอ้ งก่อสรา้ งขนึ้ มาเป็นชนั้ ๆ ตามวิธีการขา้ งตน้ จน
เสรจ็ ชนั้ สดุ ทา้ ย เกล่ียแตง่ จนไดแ้ นวระดบั ความลาด ขนาด และรูปตดั ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบ
ก่อสรา้ ง บดอดั จนไดค้ วามแนน่ ตามขอ้ กาหนดและตอ้ งก่อสรา้ งชนั้ ทางชนั้ ถดั ไปปิดทบั ทนั ที
3.3.7 ในกรณีท่ีจะขยายคนั ทางเดิม เม่ือดาเนินงานตามขอ้ 3.3.4 หรือ 3.3.5 เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหท้ าการ
กอ่ สรา้ งคนั ทางสว่ นท่ีขยายโดยทาการตดั เชิงลาดคนั ทางเดมิ ออกไปเป็นแบบขนั้ บนั ได แลว้ ถม
ทรายเป็นชนั้ ๆ เม่ือทาการบดอดั แนน่ ตามมาตรฐานแลว้ มีความหนาไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร และ
ไดค้ วามแนน่ แหง้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 ของคา่ ความแนน่ แหง้ สงู สดุ ตาม มทช.(ท) 501.2 :
วิธีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
3.3.8 ใหท้ าการปอ้ งกนั ลาดคนั ทาง เพ่ือปอ้ งกนั นา้ เซาะตามท่ีกาหนดโดยเรว็ ท่ีสดุ โดยปิดทบั ลาดคนั
ทางดว้ ยดนิ เหนียวหนา 20 เซนตเิ มตร และปลกู หญา้ โดยชนดิ ปแู ผน่ เตม็ พืน้ ท่ีลาดคนั ทาง หรือ
ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
3.3.9 เคร่อื งจกั รท่ีใชใ้ นการกอ่ สรา้ งคนั ทางตอ้ งเป็นเคร่อื งจกั รท่ีมีขนาดเบา เชน่ รถแทรคเตอร์ (bull
dozer tractor) ขนาด D-4 และหา้ มบดอดั โดยใชก้ ารส่นั สะเทือนเป็นอนั ขาด
3.3.10 ในระหวา่ งก่อสรา้ งไมค่ วรกองวสั ดุ หรอื จอดเคร่ืองจกั ร หรือจอดรถบรรทกุ ใด ๆ บนคนั ทางสว่ นท่ี
ขยายใหม่
37
สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
4. ความคลาดเคลื่อนทย่ี อมให้ (tolerance)
4.1 งานถมคนั ทางท่ีกอ่ สรา้ งเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งมีรูปรา่ งตามแบบก่อสรา้ ง และตอ้ งมีคา่ ระดบั ชว่ ง 3.00
เมตร ตามแนวขนาน และตงั้ ฉากกบั ศนู ยก์ ลางทาง ตา่ งกนั ไมเ่ กิน 1 เซนตเิ มตร การตรวจสอบคา่ ระดบั ให้
ทาทกุ ระยะ 25 เมตร
4.2 คา่ ระดบั ก่อสรา้ งของงานถมคนั ทาง ตอ้ งไมต่ ่ากวา่ ท่ีกาหนดไวแ้ บบก่อสรา้ ง เกิน 1.5 เซนตเิ มตร และตอ้ งไม่
สงู กวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
38
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.221-2545
มาตรฐานงานดนิ ตดั คนั ทาง (roadway excavation)
1. ขอบข่าย
ดินตดั คนั ทาง หมายถึง การขดุ ตดั วสั ดทุ ่ีอย่ใู นเขตทาง ซ่ึงไดแ้ ก่การนาวสั ดทุ ่ีขุดแลว้ ไปใชใ้ นงานก่อสรา้ งคนั
ทาง ตบแตง่ คนั ทาง และนาวสั ดทุ ่ีไมต่ อ้ งการซง่ึ ขดุ ตดั แลว้ ไปทงิ้ ในท่ีท่ีเหมาะสม งานตดั แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ ดงั นี้
1.1 งานตดั ชนิดท่ีไม่ระบุประเภทของวสั ดุ ซ่ึงหมายถึง การขดุ ตดั วสั ดชุ นิดใด ๆ ก็ได้ เพ่ือการก่อสรา้ งคนั
ทางตบแตง่ คนั ทางนาวสั ดทุ ่ีไมต่ อ้ งการไปทงิ้ และเพ่ือการวางอาคารระบายนา้
1.2 งานตดั ชนิดท่ีระบปุ ระเภทของวสั ดุ ซ่งึ หมายถึง การขดุ ตดั คนั ทางท่ีระบปุ ระเภทของวสั ดทุ ่ีจะตอ้ งขดุ ตดั
โดยระบตุ ามชนดิ และเคร่อื งจกั รท่ีใช้
2. วัสดุ
หมายถึง วสั ดทุ ่ีจะตอ้ งขดุ ตดั ตามงานตดั ขอ้ 1.1 และขอ้ 1.2 ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้
2.1 วสั ดทุ ่ีไมไ่ ดร้ ะบปุ ระเภท ใหห้ มายถึงวสั ดใุ ด ๆ ก็ไดท้ ่ีตอ้ งขดุ ตดั
2.2 วสั ดทุ ่ีระบปุ ระเภท ใหห้ มายถงึ วสั ดทุ ่ีจะขดุ ตดั ตอ่ ไปนี้
2.2.1 ดนิ และวสั ดคุ นั ทางอ่ืนทงั้ หมด ยกเวน้ หินผุ และหนิ แข็ง
2.2.2 หินผแุ ละวสั ดคุ นั ทางอ่ืนทงั้ หมด ยกเวน้ ดนิ และหินแข็ง
2.2.3 หนิ แขง็ และวสั ดคุ นั ทางอ่ืนทงั้ หมด ยกเวน้ ดนิ และหนิ ผุ
การขดุ ตดั วสั ดทุ ่ีระบปุ ระเภท ใหข้ นึ้ อยกู่ บั ดลุ พินจิ ของผคู้ วบคมุ งานวา่ ควรจะใชเ้ คร่อื งจกั ร
ชนิดใดท่ีเหมาะสม
2.3 วสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมในการขดุ ตดั ใหห้ มายถงึ วสั ดดุ งั ตอ่ ไปนี้
2.3.1 ดนิ ท่ีมีปรมิ าณอนิ ทรียส์ ารสงู หนิ ท่ีเกิดจากการทบั ถมเนา่ เป่ือยของซากพืชตา่ งๆ ซ่งึ มีรากไม้
หญา้ และพวกผกั ตา่ งๆ
2.3.2 ดนิ ออ่ น ดนิ ไมม่ ีเสถียรภาพของตวั เอง มีความชืน้ สงู เม่ือเปียก และแหง้ มากเกินไป เม่ือไมม่ ี
ความชืน้ ซง่ึ ทงั้ นีจ้ ะตอ้ งอยใู่ นดลุ พินิจของผคู้ วบคมุ วา่ เป็นวสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมหรือไม่
39
สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
3. วธิ ีการก่อสร้าง
3.1 การขดุ ตดั วสั ดทุ ่ีอยใู่ นเขตทาง ถา้ วิศวกรผคู้ วบคมุ งานพิจารณาแลว้ เห็นวา่ เป็นวสั ดทุ ่ีเหมาะสม ควร
จะนาไปใชง้ านดนิ คนั ทาง ก็ใหน้ าไปทดสอบคณุ สมบตั ิ การมีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐานของวสั ดคุ นั ทาง ให้
นาไปใชท้ าคนั ทางได้
3.2 สาหรบั วสั ดทุ ่ีขดุ ตดั ออกมาแลว้ ผคู้ วบคมุ งานพจิ ารณาเหน็ วา่ เป็นวสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมท่ีจะนาไปใชง้ าน ก็
ใหน้ าออกไปทงิ้ ในท่ีเหน็ สมควร แลว้ นาวสั ดทุ ่ีเหมาะสมมาใสแ่ ทน
3.3 วสั ดทุ ่ีพิจารณาแลว้ เหน็ วา่ ไมเ่ หมาะสมในการขดุ ตดั หา้ มทาการขดุ ตดั โดยเดด็ ขาด
4. ความคลาดเคลือ่ นทยี่ อมให้ (tolerance)
ระดบั ของงานดนิ ตดั คนั ทางท่ีปรบั แตง่ ใหไ้ ดร้ ูปลกั ษณะตามแบบแลว้ เม่ือใชไ้ มบ้ รรทดั วดั สอบระยะ
3.00 เมตร ตามแนวขนานกบั แนวศนู ยก์ ลางของถนน ระดบั หลงั ตดั คนั ทางในระยะ 3.00 เมตรใหต้ า่ งกนั ไดไ้ มเ่ กิน
1 เซนตเิ มตร และยอมใหค้ ลาดจากระดบั ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบได้ 1.5 เซนตเิ มตร
40
สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.222-2545
มาตรฐานงานชั้นรองพนื้ ทาง (subbase)
1. ขอบข่าย
งานชนั้ รองพืน้ ทาง หมายถึง การก่อสรา้ งชนั้ รองพืน้ ทางโดยถมและบดอดั วสั ดรุ องพืน้ ทาง ใหไ้ ดร้ ูปรา่ ง
และระดบั ตามแบบกอ่ สรา้ ง
2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีจะนามาใชต้ อ้ งมีคณุ สมบตั ผิ า่ นการทดสอบตรงตามมาตรฐานวสั ดรุ องพืน้ ทาง: (มทช.202-2545)
3. วธิ ีการก่อสร้าง
3.1 ในกรณีท่ีคนั ทางเป็นถนนเดมิ ท่ีมีผวิ จราจรเป็นผวิ รองพืน้ ทางหรอื คนั ทาง
3.1.1 ถนนเดมิ ซง่ึ มีผวิ จราจร เป็นผิวรองพืน้ ทางหรือคนั ทางท่ีไมไ่ ดแ้ นวและระดบั ตอ้ งถมแตง่ ใหไ้ ด้
แนวและระดบั ตามรูปแบบท่ีกาหนด
3.1.2 ถนนเดมิ ซง่ึ มีผิวจราจรเป็นชนั้ รองพืน้ ทางหรอื คนั ทาง บริเวณใดซง่ึ มีดนิ ชนั้ ลา่ งออ่ น (soft
spot) ตอ้ งขดุ ออกแลว้ นาวสั ดทุ ่ีมีคณุ สมบตั ทิ ่ีตรงตามมาตรฐานวสั ดคุ ดั เลือก มาถมบดอดั เป็นชนั้ ๆ
ใหม้ ีความแน่นไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 standard proctor density
3.1.3 การเสรมิ บรเิ วณใดท่ีทาใหช้ นั้ รองพืน้ ทางท่ีเสรมิ ใหมม่ ีความหนานอ้ ยกวา่ 10 เซนตเิ มตร ตอ้ ง
ขดุ คยุ้ วสั ดชุ นั้ รองพืน้ ทางเดมิ ช่วงนนั้ ออกไมน่ อ้ ยกวา่ 5 เซนตเิ มตร แลว้ ผสมคลกุ เคลา้ กบั วสั ดุ ชนั้
รองพืน้ ทางใหมใ่ หเ้ ขา้ เป็นเนือ้ เดียวกนั จงึ จะทาการบดใหแ้ นน่ และไดร้ ะดบั ตามแบบ
3.2 วสั ดทุ ่ีหลดุ รอ่ นไมค่ งทนหรอื ท่ีมีคณุ ภาพเลวบนถนนเดมิ ซง่ึ มีผวิ จราจรเป็นชนั้ รองพืน้ ทาง หรอื บนคนั ทาง
ใหม่ ตอ้ งกวาดออกใหห้ มด
3.3 หลมุ บอ่ ตา่ งๆ บนถนนเดมิ ซง่ึ มีผวิ จราจรเป็นชนั้ รองพืน้ ทางหรอื บนคนั ทางใหม่ จะตอ้ งกลบและบด
อดั และบดอดั ใหแ้ นน่ ดว้ ยวสั ดทุ ่ีมีคณุ สมบตั ติ รงตามมาตรฐานวสั ดคุ ดั เลือก
3.4 เม่ือไดต้ บแตง่ ถนนเดิมท่ีมีผิวจราจรเป็นชนั้ รองพืน้ ทางหรือคนั ทางใหม่เรียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ าวสั ดรุ องพืน้
ทางท่ีมีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด มาเกล่ียแผ่บดอดั เป็นชนั้ ๆ ชนั้ หน่งึ หนาไม่เกิน 20 เซนติเมตร และใหม้ ี
ความแนน่ แตล่ ะชนั้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 modified proctor density
3.5 บรเิ วณใดหรอื ชว่ งใด วสั ดรุ องพืน้ ทางท่ีเกล่ียแผบ่ ดอดั มีมวลหยาบและมวลละเอียดแยกตวั จากกนั
(segregation) ใหแ้ กไ้ ขโดยขดุ คยุ้ (scarify) ออก แลว้ ทาการผสมใหเ้ ขา้ เป็นเนือ้ เดียวกนั หรือรือ้ ออก
41
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ใสว่ สั ดรุ องพืน้ ทางท่ีมีสว่ นผสมสม่าเสมอแทน
3.6 ในกรณีท่ีใชว้ สั ดมุ ากกวา่ 1 ชนดิ มาผสมเป็นวสั ดรุ องพืน้ ทางบนท่ีกอ่ สรา้ ง วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ นนั้ จะ
ตอ้ งไดร้ บั การคลกุ เคลา้ ใหม้ ีลกั ษณะสม่าเสมอ และตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบถกู ตอ้ งตรงตามมาตรฐาน
วสั ดรุ องพืน้ ทางเสียก่อน จงึ จะทาการเกล่ียแผบ่ ดอดั ได้
3.7 เม่ือทาการกอ่ สรา้ งชนั้ รองพืน้ ทางเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งมีผวิ หนา้ เรยี บแนน่ สม่าเสมอมีระดบั
ถกู ตอ้ งตามแบบกอ่ สรา้ ง
4. ความคลาดเคลอ่ื นทยี่ อมให้ (tolerance)
ระดบั หลงั ชนั้ รองพืน้ ทางท่ีบดอดั แนน่ แลว้ ทกุ จดุ ยอมใหส้ งู หรอื ต่ากวา่ ระดบั ตามแบบก่อสรา้ งไดไ้ มเ่ กิน
1.5 เซนตเิ มตร หากชว่ งใดตอนใดท่ีมีระดบั ผิดไปจากนี้ ใหต้ ดั สว่ นท่ีเกินออกหรือขดุ คยุ้ (scarify) ออกหนาไมน่ อ้ ย
กวา่ 10 เซนตเิ มตร แลว้ ทาการบดอดั ใหมใ่ หแ้ นน่ และไดร้ ะดบั สม่าเสมอตามแบบ
42
สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.223-2545
มาตรฐานงานชัน้ พนื้ ทาง (base)
1. ขอบข่าย
งานชนั้ พืน้ ทาง หมายถงึ การกอ่ สรา้ งชนั้ พืน้ ทางโดยการถมและบดอดั วสั ดพุ ืน้ ทางใหไ้ ดร้ ูปรา่ งและระดบั
ตามแบบก่อสรา้ ง
2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีจะนามาใชต้ อ้ งมีคณุ สมบตั ผิ า่ นการทดสอบตรงตาม มาตรฐานวสั ดพุ ืน้ ทาง : (มทช.203-2545)
3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 ตอ้ งตรวจสอบระดบั และความเรยี บรอ้ ยตา่ ง ๆ ของชนั้ รองพืน้ ทางหรือคนั ทางใหถ้ กู ตอ้ งก่อน
3.2 ถา้ แบบกาหนดความหนาชนั้ พืน้ ทางมากกวา่ 15 เซนตเิ มตร ใหแ้ บง่ ทาเป็น 2 ชนั้ หนาชนั้ ละเทา่ ๆกนั
โดยประมาณ
3.3 นาวสั ดพุ ืน้ ทางลงบนชนั้ รองพืน้ ทางแลว้ พน่ นา้ (spray) ผสมคลกุ เคลา้ โดยใหม้ ีความชืน้ สม่าเสมอและ
ใกลเ้ คียงกบั optimum moisture content จงึ เกล่ียแผแ่ ลว้ บดอดั ทนั ทีดว้ ยรถบดลอ้ ยางหรือเคร่อื งจกั รกล
บดอดั ท่ีเหมาะสม ใหม้ ีความแนน่ สม่าเสมอไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 modified proctor density
3.4 ในระหวา่ งการบดอดั ใหม้ ีการเกล่ียแตง่ ชว่ ยเพ่ือใหผ้ วิ หนา้ เรยี บ ปราศจากหลมุ บอ่ และวสั ดหุ ลวมๆและ
เพ่ือใหผ้ วิ หนา้ ราบเรียบแนน่ สม่าเสมอ ใหบ้ ดอดั ตบแตง่ ชนั้ สดุ ทา้ ยดว้ ยรถบดลอ้ เหล็ก
3.5 บรเิ วณใดหรือชว่ งใด พบวา่ วสั ดพุ ืน้ ทางเกิดการแยกตวั (segregation) จากการเกล่ียแผบ่ ดอดั จะตอ้ งขดุ
คยุ้ (scarify) ออกและผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ใหม่ หากมีความชืน้ ลดลงใหพ้ น่ นา้ เพ่ิมเตมิ หากวสั ดพุ ืน้ ทาง
ท่ีขดุ คยุ้ ทาการผสมคลกุ เคลา้ ใหมน่ นั้ ตรวจพบว่าคณุ สมบตั ไิ มถ่ กู ตอ้ งตามขอ้ กาหนดจะตอ้ งขนวสั ดนุ นั้
ออกและนาวสั ดทุ ่ีมีคณุ สมบตั ทิ ่ีถกู ตอ้ งมาใสแ่ ทน
3.6 ในระหวา่ งก่อสรา้ ง หากมีนา้ ขงั หรือเกิดมีฝนตกหรือมีนา้ ในพืน้ ทางมากกว่าปริมาณท่ีกาหนดเพ่ือการบด
อดั จนเป็นเหตใุ หช้ นั้ รองพืน้ ทางเสียหาย ตอ้ งรือ้ พืน้ ทางออกและทาการตบแตง่ บดอดั ชนั้ รองพืน้ ทางใหม่
ใหถ้ กู ตอ้ ง
3.7เม่ือทาการก่อสรา้ งพืน้ ทางเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งมีหนา้ เรียบสม่าเสมอ มีระดบั ถกู ตอ้ งตามแบบกอ่ สรา้ ง
43
สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
4. ความคลาดเคล่อื นทย่ี อมให้ (tolerance)
เม่ือวดั สอบดว้ ยไมบ้ รรทดั ขา้ งตรง (straight edge) ยาว 3.00 เมตร กบั ผวิ หนา้ ของพืน้ ทางในทศิ ทาง
ขนานกบั แนวศนู ยก์ ลางทาง ระดบั ตา่ งกนั ตอ้ งไมเ่ กิน 1.25 เซนตเิ มตร หากเกินกวา่ ท่ีกาหนดนีต้ อ้ งปรบั ระดบั โดยวธิ ี
เสรมิ พืน้ ทางท่ีต่าและปาดพืน้ ทางท่ีสงู ออก บดอดั ใหแ้ นน่ แลว้ เกล่ียแตง่ จนไดร้ ะดบั ท่ีกาหนด
44
สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.224-2545
มาตรฐานงานไหล่ทาง (shoulder)
1. ขอบข่าย
งานไหลท่ าง หมายถงึ การก่อสรา้ งไหลท่ างหลงั จากการก่อสรา้ งชนั้ รองพืน้ ทางเสรจ็ แลว้ โดยทาการถมเสรมิ
และบดอดั วสั ดไุ หลท่ างตามแนวบรเิ วณท่ีจะทาไหลท่ างบนขอบชนั้ รองพืน้ ทางขนึ้ มาจนไดร้ ะดบั ตามรูปแบบ
ก่อสรา้ ง
2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีจะนามาใชต้ อ้ งมีคณุ สมบตั ผิ า่ นการทดสอบตรงตาม มาตรฐานวสั ดไุ หลท่ าง : (มทช.205-2545)
3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 วสั ดทุ ่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งผสมนา้ และคลกุ เคลา้ จนเรียบรอ้ ยแลว้ จาก stockpile โดยใหม้ ีความชืน้ สม่าเสมอ
ใกลเ้ คยี งกบั ความชืน้ ท่ี optimum moisture content และนามาเกล่ียถมแตง่ บดอดั ทนั ทีถา้ นาวสั ดทุ ่ีจะใช้
มาทาการผสมคลุกเคลา้ กับนา้ บนชนั้ รองพืน้ ทาง ส่วนท่ีจะทาไหล่ทางตอ้ งกระทาดว้ ยความระมดั ระวงั
ตอ้ งมิใหโ้ ครงสรา้ งทางส่วนอ่ืนเสียหาย หากเกิดเสียหายขึน้ จะตอ้ งทาการแก้ไขส่วนนัน้ ๆ ใหถ้ ูกตอ้ ง
เรียบรอ้ ย
3.2 ใหน้ าวสั ดไุ หลท่ างท่ีมีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนดมาเกล่ียแผบ่ ดอดั เป็นชนั้ ๆ หนาชนั้ ละไมเ่ กิน 15 เซนตเิ มตร
และแตล่ ะชนั้ ใหม้ ีความแนน่ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95 modified proctor density
3.3 เม่ือกอ่ สรา้ งเสรจ็ แลว้ ตอ้ งมีผิวหนา้ เรยี บและความแนน่ สม่าเสมอตลอดแนว โดยเฉพาะท่ีรอยตอ่ ระหวา่ ง
พืน้ ทางกบั ไหลท่ าง
3.4 ในกรณีฤดฝู นไมค่ วรก่อสรา้ งไหลท่ างกอ่ นทาพืน้ ทาง เพราะจะทาใหช้ นั้ รองพืน้ ทางเสียหาย อนั เน่ือง
มาจากนา้ ขงั บนชนั้ รองพืน้ ทาง
45
สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
มทช.225-2545
มาตรฐานงานไพรมโคท (prime coat)
1. ข่ายงาน
งาน prime coat หมายถงึ การราดยางแอสฟัลตล์ งบนพืน้ ทางท่ีไดต้ บแตง่ และเตรียมไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้
เพ่ือใหว้ สั ดผุ ิวหนา้ ของพืน้ ทางเกาะยดึ ไดด้ ี และชว่ ยปอ้ งกนั นา้ มิใหไ้ หลซมึ เขา้ ไปในพืน้ ทางไดด้ ว้ ย
2. วัสดุ
2.1 แอสฟัลตเ์ หลวท่ีจะนามาใช้ ตอ้ งมีคณุ สมบตั ผิ า่ นการทดสอบตรงตามมาตรฐานแอสฟัลตแ์ ตล่ ะ
ประเภทและเกรด ดงั นี้
2.1.1 cut back RC. 70 – 250
MC. 30 – 250
SC. 70
2.1.3 asphalt emulsions
ตารางอุณหภมู ิของแอสฟัลตท์ ใ่ี ช้ราด
ชนดิ ของ อณุ หภมู ิ
แอสฟัลต์
C F
RC. - 70
RC. - 250 50-90 120-190
MC. - 30
MC. - 70 75-110 165-230
MC. - 250
SC. - 70 30-70 85-155
50-90 120-190
75-110 165-230
50-90 120-190
46