The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Keywords: ทางหลวงชนบท,กรม,ทช

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.4 วสั ดมุ วลรวมตอ้ งมีขนาดคละดงั ตารางตอ่ ไปนี้

ขนาดท่ีใชเ้ รียก มิลลเิ มตร 9.5 12.5 19.0 25
(นวิ้ )
(3/8) (1/2) (3/4) (1.0)

สาหรบั ชนั้ ทาง wearing wearing binder binder

course course course course

ขนาดตะแกรง มิลลเิ มตร (นิว้ ) ปรมิ าณผา่ นตะแกรงคดิ เป็นรอ้ ยละโดยมวล
37.5 (1 ½)
25.0 (1.0) 100
19.0 (3/4)
12.5 (1/2) 100 90 – 100
9.5 (3/8)
4.75 (เบอร์ 4) 100 90 – 100 -
2.36 (เบอร์ 8)
100 80 – 100 - 56 – 80
1.18 (เบอร์ 16)
0.600 (เบอร์ 30) 90 – 100 - 56 – 80 -
0.300 (เบอร์ 50)
0.150 (เบอร์ 100) 55 – 85 44 – 74 35 – 65 29 – 59
0.075 (เบอร์ 200)
32 – 67 28 – 58 23 – 49 19 – 45

----

----

7 – 23 5 – 21 5 – 21 5 – 17

----

2 – 10 2 – 10 2 – 8 1 – 7

197

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 241 - 2553
งานทาเครื่องหมายจราจรบนผิวทางดว้ ยวัสดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ สะทอ้ นแสง

(reflective thermoplastic road marking material)

1. ขอบข่าย
งานทาเคร่ืองหมายจราจรบนผิวทางดว้ ยวัสดุเทอรโ์ มพลาสติกสะท้อนแสง หมายถึง การตีเสน้ การทา

เคร่ืองหมายจราจร หรือการขีดเขียนข้อความดว้ ยวัสดุเทอรโ์ มพลาสติกสะท้อนแสงลงบนผิวทางโดยวิธี พ่น
(spray) อดั รดี (extrude) หรอื วิธีปาดลาก (screed)
2. วัสดุ

2.1 วัสดุเทอรโ์ มพลาสติก (thermoplastic) เป็นผลิตภัณฑท์ ่ีผลิตภายในประเทศ ซ่ึงแสดงเคร่ืองหมาย
มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก.542 : วสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ สะทอ้ นแสงสาหรบั ทาเคร่อื งหมายบน
ผิวทาง ไวท้ ่ีภาชนะบรรจผุ ลิตภัณฑ์ โดยมีปรมิ าณลกู แกว้ ท่ีผสมอยใู่ นเนือ้ สีไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 30 โดย
นา้ หนกั

2.2 ลกู แกว้ (glass beads) ท่ีใชโ้ รยบนเคร่ืองหมายจราจร เป็นผลิตภัณฑท์ ่ีผลิตภายใน ประเทศ ซ่ึงแสดง
เคร่อื งหมายมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก.543 : ลกู แกว้ ท่ีใชก้ บั วสั ดทุ าเคร่ืองหมายบนผิวทาง
ประเภท 2 หรอื ประเภท 3 ไวท้ ่ีภาชนะบรรจผุ ลติ ภณั ฑ์ โดยมีสว่ นคละ(gradation)ตามตารางตอ่ ไปนี้

198

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ขนาดตะแกรง รอ้ ยละของสว่ นท่ีผา่ นตะแกรงโดยนา้ หนกั
มาตรฐาน
No.12 ประเภท 2 ประเภท 3
No.14
No.16 100
No.18
No.20 90 ถึง 100
No.25
No.30 80 ถึง 95
No.40
No.50 10 ถงึ 40
No.100
No.200 100 0 ถงึ 5

- 0 ถงึ 2

90 ถงึ 100

35 ถึง 75

15 ถงึ 45

0 ถงึ 5

0 ถงึ 1

2.3 วสั ดรุ องพืน้ (tack coat หรือ primer) ตอ้ งเป็นผลิตภณั ฑท์ ่ีมีคณุ ลกั ษณะตามขอ้ กาหนดของผผู้ ลิตวสั ดุ
เทอรโ์ มพลาสตกิ ท่ีเลือกใช้ และเหมาะสมกบั ลกั ษณะผวิ ทางท่ีจะนาไปใชง้ าน

3. เครื่องจักรและเครอื่ งมอื
ชนิดและคณุ ลกั ษณะของเคร่ืองจกั รและเคร่ืองมือรวมทงั้ อปุ กรณท์ ่ีตอ้ งจดั เตรียมสาหรบั ใชใ้ นงานทา

เคร่อื งหมายจราจรบนผวิ ทางดว้ ยวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ สะทอ้ นแสง
3.1 เคร่อื งตเี สน้ จราจร
3.1.1 เคร่ืองแบบพน่ ตอ้ งตีเสน้ จราจรตามแนวยาวไดค้ วามเรว็ ในการทางานไม่นอ้ ยกวา่ 5 กิโลเมตรตอ่
ช่วั โมง และสามารถตีเสน้ จราจรชนิดเสน้ ประขนาดความกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 10 เซนตเิ มตร ความ
ยาว 3.00 เมตร เวน้ 9.00 เมตร ไดเ้ ป็นระยะตามความยาวบนทางไมน่ อ้ ยกวา่ 5 กิโลเมตร โดยไม่
ตอ้ งหยดุ รถ โดยสามารถปรบั แตง่ ใหต้ ีเสน้ จราจรขนาดความกวา้ งตงั้ แต่ 10 - 30 เซนตเิ มตร และ
เวน้ ระยะของเสน้ ไดแ้ ม่นยาตามท่ีกาหนด ขอบของเสน้ ตอ้ งคมและมีความหนาสม่าเสมอตลอด
พืน้ ท่ีของเสน้
3.1.2 เคร่อื งแบบอดั รีดหรือปาดลาก ตอ้ งตเี สน้ จราจรตามแนวยาวไดค้ วามเร็วในการทางานไมน่ อ้ ยกวา่
1 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง และสามารถตีเส้นจราจรชนิดเส้นประขนาดความกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 10
เซนตเิ มตร ความยาว 3.00 เมตร เวน้ 9.00 เมตร ไดเ้ ป็นระยะตามความยาวบนทางไมน่ อ้ ยกวา่ 1

199

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กิโลเมตร โดยไมต่ อ้ งหยดุ รถ โดยสามารถปรบั แตง่ ใหต้ เี สน้ จราจรขนาดความกวา้ งตงั้ แต่ 10 - 30
เซนติเมตร และเวน้ ระยะของเสน้ ไดแ้ ม่นยาตามท่ีกาหนด ขอบของเสน้ ตอ้ งคมและมีความหนา
สม่าเสมอตลอดพืน้ ท่ีของเสน้
3.2 หมอ้ ตม้ กวนวัสดุเทอรโ์ มพลาสติกหลกั ตอ้ งเป็นชนิดท่ีไม่ให้ความรอ้ นโดยตรงและจะตอ้ งติดตงั้ บน
รถบรรทกุ ท่ีจดั เฉพาะโดยม่นั คง ขนาดความจขุ องหมอ้ ตม้ กวนตอ้ งบรรจวุ สั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ ไดไ้ มน่ อ้ ย
กว่า 400 กิโลกรมั สาหรบั เคร่ืองแบบพ่น และไม่นอ้ ยกว่า 100 กิโลกรมั สาหรบั เคร่ืองแบบอดั รีดหรือ
ปาดลาก โดยมีใบกวนวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสติกเพ่ือใหผ้ สมกนั ไดอ้ ย่างสม่าเสมอ พรอ้ มทงั้ สามารถควบคมุ
ความรอ้ นไดท้ ุกระดบั อุณหภูมิ แตไ่ ม่เกิน 200 องศาเซลเซียส เพ่ือใหว้ สั ดเุ ทอรโ์ มพลาสติกในหมอ้ ตม้
กวนมีอณุ หภมู คิ งท่ี เหมาะสมตามท่ีตอ้ งการในการทางานตลอดเวลา
3.3 หมอ้ ตม้ กวนวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ สารอง ตอ้ งเป็นชนิดท่ีไมใ่ หค้ วามรอ้ นโดยตรง และ
ตอ้ งมีตดิ ตงั้ ประจาอยอู่ ยา่ งนอ้ ย 1หมอ้ ตม้
3.4 เคร่ืองโรยลูกแก้ว ต้องสามารถควบคุมการโรยลูกแก้วให้เกาะฝังและกระจาย บนเสน้ จราจรอย่าง
สม่าเสมอและท่วั ถงึ ในอตั ราไมน่ อ้ ยกวา่ 400 กรมั ตอ่ ตารางเมตร
3.5 เคร่ืองพ่นวสั ดรุ องพืน้ ตอ้ งเป็นเคร่ืองแบบลากเข็น ใชแ้ รงลมในการฉีดพ่นวสั ดรุ องพืน้ สามารถพ่นให้
กระจายลงบนผิวทางในอตั ราท่ีพอเหมาะ ก่อนพ่น อดั รีดหรือปาดลากวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสติกลงบนผิว
ทาง และตอ้ งสามารถควบคมุ แนวพืน้ ท่ีท่ีตอ้ งการไดโ้ ดยสม่าเสมอ
3.6 เคร่ืองจกั รสาหรบั ลบเคร่ืองหมายจราจรบนผิวทาง ตอ้ งสามารถลบเคร่ืองหมายจราจรบนผิวทางไดโ้ ดย
ไมท่ าความเสียหายตอ่ โครงสรา้ งความแข็งแรงของผวิ ทางและชนั้ โครงสรา้ งทาง
3.7 เคร่อื งเป่าฝ่นุ สาหรบั ใชท้ าความสะอาดผวิ ทางกอ่ นพน่ วสั ดรุ องพืน้ ลงบนผวิ ทาง

4. วิธีการก่อสร้าง
4.1 ก่อนการก่อสรา้ งผรู้ บั จา้ งตอ้ งส่งแผนการปฏิบตั งิ าน บญั ชีเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือและบคุ คลากร พรอ้ มกบั
แจง้ ตราสนิ คา้ ผผู้ ลิตวสั ดุ ปรมิ าณวสั ดทุ ่ีจะนามาใชใ้ นการทางาน และตอ้ งสาเนาใบรบั รองเคร่ืองหมาย
มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมซง่ึ รบั รองโดยผผู้ ลิต เพ่ือใหผ้ วู้ ่าจา้ งตรวจสอบและเห็นชอบก่อนลงมือ
ทางาน
4.2 การเตรียมพืน้ ท่ี วสั ดุ และขนั้ ตอนการดาเนินงาน
4.2.1 การเตรียมพืน้ ท่ี
4.2.1.1 จดั การจราจร โดยตดิ ตงั้ ปา้ ยจราจร กรวยจราจร และอปุ กรณอ์ านวยความปลอดภยั
อ่ืนๆ อยา่ งเพียงพอ และเหมาะสมกบั สภาพการจราจร

200

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.2.1.2 ผิวทางตอ้ งสะอาดและแหง้ ปราศจากฝ่ นุ ละอองหรือส่ิงแปลกปลอมอ่ืนใด และตอ้ ง
ไม่ทาเคร่ืองหมายจราจรลงบนผิวทางท่ีชารุด ในกรณีท่ีผิวทางมีเคร่ืองหมายจราจร
เดิม ผรู้ บั จา้ งตอ้ งลบออกก่อน และทาความสะอาดโดยใชเ้ คร่ืองจักร ตามขอ้ 3.6,
3.7

4.2.1.3 กรณีทาเคร่ืองหมายจราจรบนผิวทางท่ีก่อสรา้ งใหม่ ใหด้ าเนินการภายหลงั การปผู ิว
ทางแลว้ เสรจ็ ไมน่ อ้ ยกวา่ 7 วนั

4.2.2 การเตรียมวสั ดุ
วัสดุเทอรโ์ มพลาสติกต้องหลอมตัวดว้ ยความร้อนเพ่ือละลายส่วนผสมต่างๆ เขา้ เป็นเนือ้
เดียวกันอย่างสม่าเสมอ มีการกวนอยู่ตลอดเวลาและตอ้ งไม่ให้ความรอ้ นสูงกว่าท่ีผู้ผลิต
กาหนด เม่ือวสั ดเุ หลวแลว้ ตอ้ งรีบใชท้ นั ที หา้ มมิใหน้ าวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสติกหลอมเหลวเกิน 6
ช่วั โมงมาใชง้ าน

4.2.3 ขนั้ ตอนการดาเนินงาน
4.2.3.1 การทางานตอ้ งใชเ้ คร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ และอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ตามลกั ษณะการทางาน
และข้อกาหนดคุณสมบัติวัสดุท่ีใช้ ปริมาณของวัสดุต้องอยู่ในขอบข่ายท่ีผูผ้ ลิต
กาหนดไว้ หากมีการทามากกวา่ 1 ชนั้ ขนึ้ ไป ตอ้ งรอใหช้ นั้ แรกแขง็ ตวั เสียก่อน
4.2.3.2 ก่อนเร่ิมทางานต้องทดลองตีเส้นจราจรในแปลงทดลอง เพ่ือหาความสัมพันธ์
ระหว่างอัตราการใช้วัสดุ และความเร็วของเคร่ืองตีเสน้ จราจร โดยใชแ้ ผ่นโลหะ
สะอาดผิวเรียบขนาดยาวไม่น้อยกว่า 300 มิลลิเมตร กว้างไม่น้อยกว่า 100
มิลลิเมตร วางในแนวท่ีเคร่อื งตเี สน้ จราจรจะผา่ น เม่ือพน่ อดั รีดหรอื ปาดลากวสั ดลุ ง
บนแผ่นโลหะแลว้ โดยไม่โรยลกู แกว้ ทิง้ ไวจ้ นแหง้ แลว้ นามาวดั ความหนาของวสั ดุ
เทอรโ์ มพลาสติกบนแผ่นโลหะโดยใช้เคร่ืองมือตามข้อ 6.1 ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2
มลิ ลเิ มตร สาหรบั เคร่อื งแบบพน่ และไมน่ อ้ ยกวา่ 3 มิลลเิ มตร สาหรบั เคร่อื งแบบอดั
รีดหรอื ปาดลาก นาผลการทดลองท่ีไดไ้ ปใชใ้ นการปฏิบตั งิ านจรงิ

4.2.3.3 ทดลองโรยลกู แกว้ โดยปฏิบตั ดิ งั นี้
(1) คานวณหาความยาวของเสน้ จราจรท่ีมีพืน้ ท่ี 1 ตารางเมตร
(2) กาหนดจดุ เร่มิ ตน้ และจดุ สนิ้ สดุ บนเสน้ จราจรท่ีคานวณไดจ้ ากขอ้ (1)
(3) ทดลองเดินเคร่ืองตีเสน้ จราจรตามความเร็วท่ีไดจ้ ากการทดลอง ในขอ้ 4.2.3.2
โดยให้ตาแหน่งท่ีจะเร่ิมโรยลูกแก้วอยู่ท่ีจุดเร่ิมตน้ และเดินเคร่ืองไปจนให้

201

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตาแหน่งสดุ ทา้ ยท่ีจะโรยลูกแกว้ อย่ตู รงจุดสิน้ สดุ จบั เวลาจากจุดเร่ิมตน้ ถึงจุด
สดุ ทา้ ย
(4) ดาเนินการทดลองตามข้อ (3) อีกอย่างนอ้ ย 2 ครงั้ แลว้ นาระยะเวลาท่ีไดม้ า
เฉล่ียจะไดเ้ วลาท่ีใชโ้ รยลกู แกว้ บนพืน้ ท่ี 1 ตารางเมตร
(5) นาเวลาเฉล่ียท่ีไดจ้ ากขอ้ (4) มาทดลองหาอตั ราการโรยลกู แกว้ โดยทดลองโรย
ลกู แกว้ ลงในภาชนะท่ีเตรียมไวใ้ นช่วงเวลาท่ีกาหนด นาลกู แกว้ ไปช่งั หานา้ หนกั
ทดลองหลายๆครงั้ โดยปรบั อตั ราการปลอ่ ยลกู แกว้ ไปเร่ือยๆ จนไดอ้ ตั ราการโรย
ลกู แกว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 400 กรมั ตอ่ ตารางเมตร เพ่ือนาผลการทดลองไปใชใ้ นงาน
จรงิ
4.2.3.4 ก่อนทาเคร่ืองหมายจราจรลงบนผิวทางตอ้ งทาความสะอาดผิวทางก่อน และลงวสั ดุ
รองพืน้ โดยใชว้ ธิ ีพน่ เทา่ นนั้
4.2.3.5 เม่ือพน่ อดั รีดหรอื ปาดลาก วสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ ลงบนผิวทางแลว้ ใหโ้ รยลกู แกว้ ทบั
หนา้ บนผิววสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสติกในขณะท่ียงั ไม่แข็งตวั จากเคร่ืองโรยลกู แก้วซ่ึงติด
ตงั้ อยกู่ บั เคร่ืองพน่ อดั รีดหรือปาดลากโดยตอ่ เน่ือง อตั ราการโรยลกู แกว้ ตอ้ งไมน่ อ้ ย
กวา่ 400 กรมั ตอ่ ตารางเมตร
4.2.3.6 ในระหว่างการทาเคร่ืองหมายจราจร ใหม้ ีการตรวจสอบความหนาเม่ือแหง้ และค่า
การสะทอ้ นแสง ทุกระยะทาง 250 เมตร จานวน 3 ตาแหน่ง ก่อนท่ีจะอนุญาตให้
ดาเนินการต่อไปจนแลว้ เสร็จ โดยการวัดความหนาใหว้ ัดบนผิวทางเท่านัน้ หาก
ความหนาท่ีวดั ไดต้ ่ากวา่ ท่ีกาหนด ผรู้ บั จา้ งตอ้ งดาเนนิ การแกไ้ ขทนั ที
4.2.3.7 ความหนาของวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ บนผิวทางเม่ือแหง้ จะตอ้ งมีความหนาเฉล่ีย ไม่
นอ้ ยกว่า 2.0 มิลลิเมตร สาหรบั วิธีพ่น และไม่นอ้ ยกวา่ 3.0 มิลลิเมตร สาหรบั วิธีอดั
รดี หรอื ปาดลาก
4.2.3.8 หา้ มปฏิบตั งิ านทาเคร่อื งหมายจราจรบนผวิ ทางท่ีเปียกหรือชืน้ โดยเดด็ ขาด
4.3 ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั งิ านทงั้ หมด เชน่ การควบคมุ คณุ ภาพวสั ดุ อณุ หภมู ขิ องการตม้ สี
อัตราการพ่น อดั รีดหรือปาดลาก อตั ราการโรยลูกแกว้ ความเร็วของเคร่ืองจกั ร และอ่ืนๆ เพ่ือใหไ้ ด้
เคร่อื งหมายจราจรเป็นไปตามท่ีกาหนด

202

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5. เกณฑก์ าหนดคุณลักษณะของเครอ่ื งหมายจราจรบนผิวทาง

ตารางที่ 1

แสดงเกณฑก์ าหนดคุณลกั ษณะของเคร่ืองหมายจราจรบนผวิ ทางชนิดวัสดุเทอรโ์ มพลาสตกิ สะท้อนแสง

รายการคณุ ลกั ษณะเคร่ืองหมายจราจร เกณฑก์ าหนด
1. ตรวจสอบคณุ ลกั ษณะขณะทางาน
> 2.0
1.1 ความหนาเฉล่ียเม่ือแหง้ ,มิลลิเมตร > 3.0
- วิธีพน่ > 400
- วิธีอดั รีด หรือปาดลาก
> 2.0
1.2 อตั ราการใชล้ กู แกว้ (โรยจากเคร่อื ง), กรมั ตอ่ ตารางเมตร > 3.0
2. ตรวจสอบคณุ ลกั ษณะเม่ือตรวจรบั งาน
ดชั นีความเหลือง0-0.12
2.1 ความหนาเฉล่ียเม่ือแหง้ ,มลิ ลิเมตร ใกลเ้ คยี งกบั highway
- วิธีพน่ yellow # 13538
- วิธีอดั รดี หรอื ปาดลาก
> 130
2.2 สี (color) > 100
- สีขาว
- สีเหลือง > 200
> 130
2.3 การสะทอ้ นแสง เม่ือวดั ดว้ ยเคร่อื งวดั ท่ีมี geometry ของการวดั ท่ี
ระยะ 30 เมตร
2.3.1 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางวนั (Qd30),mcd.lx-1.m-2
- สีขาว
- สีเหลือง
2.3.2 การวดั คา่ จาลองการมองเหน็ ในเวลากลางคืน (RL30),mcd.lx-1.m-2
- สีขาว
- สีเหลือง

รายการท่ีกาหนด เกณฑก์ าหนด

203

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.4 การสะทอ้ นแสง เม่ือวดั ดว้ ยเคร่อื งวดั ท่ีมี geometry ของการวดั ท่ี > 75
ระยะ 15 เมตร > 45
2.4.1 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางวนั
(1) แฟคเตอรก์ ารสะทอ้ นแสง (reflectance), รอ้ ยละ > 300
- สีขาว > 200
- สีเหลือง
2.4.2 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางคนื (RL15),mcd.lx-1.m-2
- สีขาว
- สีเหลือง

หมายเหตุ การวดั คา่ สะทอ้ นแสงโดยท่วั ไปใหใ้ ชต้ าม ขอ้ 2.3 หากมีความ
จาเป็นใหใ้ ชต้ ามขอ้ 2.4 ไดโ้ ดยอนโุ ลม

3. ตรวจสอบคณุ ลกั ษณะหลงั ใชง้ าน (ระยะเวลาประกนั ) 12 เดือน 1 ครงั้
24 เดือน 1 ครงั้
3.1 สี (color)
- สีขาว ดชั นีความเหลือง0-0.12
- สีเหลือง ใกลเ้ คยี งกบั highway
yellow # 13538
3.2 การสะทอ้ นแสง เม่ือวดั ดว้ ยเคร่อื งวดั ท่ีมี geometry ของการวดั ท่ี
ระยะ 30 เมตร > 65
3.2.1 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางวนั (Qd30),mcd.lx-1.m-2 > 50
- สีขาว
- สีเหลือง

3.2.2 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางคนื (RL30),mcd.lx-1.m-2 > 100
- สีขาว > 65

- สีเหลือง 204

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4. ระยะเวลาประกนั 24 เดือน

6. การตรวจวัดคุณลักษณะเคร่อื งหมายจราจร
ผตู้ รวจวดั จะตอ้ งใชเ้ คร่อื งมือและดาเนนิ การตรวจวดั ดงั นี้

6.1 การตรวจวดั ความหนาใหใ้ ชเ้ คร่ืองมือวดั ความหนาท่ีสามารถอา่ นคา่ ความละเอียดไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 0.10
มิลลิเมตร

6.2 วธิ ีการตรวจวดั
6.2.1 วดั ความหนาของวสั ดเุ ทอรโ์ มพลาสตกิ เม่ือแหง้ โดยทงิ้ ไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 1 ช่วั โมง หรอื เม่ือแขง็ ตวั
6.2.2 วดั ความหนาบนผิวทางทกุ ระยะทาง 250 เมตร จานวน 3 ตาแหน่ง โดยการวดั ใหว้ ดั บนผิวทาง
เทา่ นนั้
6.2.3 บนั ทกึ คา่ ความหนาเม่ือแหง้ พรอ้ มเฉล่ียคา่ ความหนาของแตล่ ะตาแหนง่ บรเิ วณท่ีวดั

6.3 การวดั คา่ จาลองการมองเห็นในเวลากลางวนั (day visibility )
6.3.1 การวดั คา่ จาลองการมองเหน็ ในเวลากลางวนั ซ่งึ จะวดั คา่ การสะทอ้ นแสงจากแหลง่ กาเนิดแสงทกุ
ทิศทาง ( diffuse illumination : Qd30 ) ใหใ้ ชเ้ คร่ืองวดั การสะทอ้ นแสง (retroreflectometer) ท่ีมี
มุมวัดแสงตกกระทบ (co-viewing angle) 2.29 องศา และมีคุณลักษณะตามมาตรฐาน EN
1436 หรอื ASTM E 2302
6.3.2 วิธีการตรวจวดั ตอ้ งวดั เคร่ืองหมายจราจรเม่ือแหง้ ปราศจากส่ิงสกปรกหรอื วสั ดแุ ปลกปนใดๆ โดย
ทาการวดั ดงั นี้
6.3.2.1 ใหว้ ดั หลงั จากโรยลกู แกว้ แลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 1 ช่วั โมง โดยใชแ้ ปรงปัดบริเวณท่ีจะวดั เบาๆ
เพ่ือกาจดั ลกู แกว้ ส่วนท่ีไม่เกาะติดออก และก่อนท่ีจะวดั ผิวของเคร่ืองหมายจราจรตอ้ ง
แหง้ และสะอาด ตอ้ งไมล่ า้ งหรือกระทาการใดๆกับเคร่ืองหมายจราจรก่อนทาการวดั ถา้
เคร่ืองมือวดั มีแผ่นมาตรฐานใหป้ รบั เทียบเคร่ืองมือวดั โดยวางเคร่ืองบนแผ่นมาตรฐาน
และปรบั คา่ ท่ีอา่ นไดใ้ หต้ รงกบั คา่ ของแผน่ มาตรฐาน (standardization control)
6.3.2.2 วางเคร่ืองมือวดั ตามแนวยาวของเคร่ืองหมายจราจร ใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีเคร่ืองจะวัดอยู่ในแนว
ความกวา้ งของเสน้ แนวท่ีจะวดั ใหอ้ ยใู่ นทิศทางเดียวกบั การจราจร การอา่ นคา่ ใหท้ าใน

205

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แตล่ ะทิศทางการจราจรและสาหรบั เสน้ กลางถนน (center lines) หรือเสน้ แบง่ ทิศทาง
การจราจร ใหเ้ ฉล่ียตา่ งหาก
6.3.2.3 บันทึกค่าท่ีอ่านไดแ้ ละยา้ ยไปวัดท่ีตาแหน่งอ่ืนท่ีเป็นชุดของตวั อย่างเดียวกัน (same
sample set) จานวน 10 ตาแหนง่ โดยแตล่ ะตาแหนง่ ใหว้ ดั อยา่ งนอ้ ย 3 คา่
6.3.2.4ในทกุ ช่วงเวลา 1 ช่วั โมง ใหต้ รวจสอบมาตรฐานเคร่ืองมือ (standardization) และปรบั คา่
ใหถ้ กู ตอ้ งทกุ ครงั้ เม่ือคา่ ท่ีวดั ไดเ้ ปล่ียนแปลงเกิน 5 %
6.4 การวดั คา่ จาลองการมองเหน็ ในเวลากลางคนื (night visibility retroreflectivity)
6.4.1 การวัดค่าจาลองการมองเห็นในเวลากลางคืน ซ่ึงจะวัดค่าการสะทอ้ นแสงแบบย้อนกลับ (
retroreflectivity : RL30 หรือ RL15 ) ให้ใชเ้ คร่ืองวัดการสะท้อนแสง (retroreflectometer) ท่ีมี
geometry ของการวดั ท่ีระยะ 30 เมตร มมุ วดั แสง 1.05 องศา มมุ แสงตกกระทบ 88.76 องศา
และมีคณุ ลกั ษณะตามมาตรฐาน EN 1436 และ ASTM E 1710 หรือใชเ้ คร่ืองวดั การสะทอ้ น
แสง (retroreflectometer) ท่ีมี geometry ของการวดั ท่ีระยะ 15 เมตร มุมวัดแสง 1.5 องศา
และมมุ แสงตกกระทบ 86.5 องศา
6.4.2 วิธีการตรวจวดั ตอ้ งวดั เคร่ืองหมายจราจรเม่ือแหง้ ปราศจากส่ิงสกปรกหรือวสั ดแุ ปลกปนใดๆ
โดยทาการวดั ดงั นี้
6.4.2.1 หลงั จากโรยลกู แกว้ แลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 1 ช่วั โมง ใชแ้ ปรงปัดบริเวณท่ีจะวดั เบาๆ เพ่ือกาจดั
ลกู แกว้ สว่ นท่ีไม่เกาะติดออก และก่อนท่ีจะวดั ผิวของเคร่ืองหมายจราจรท่ีจะวดั ตอ้ งแหง้
สะอาด ตอ้ งไมล่ า้ งหรือกระทาการใดๆ กบั ผวิ หนา้ ของเคร่อื งหมายจราจรกอ่ นทาการวดั
6.4.2.2 เปิดเคร่อื งและปลอ่ ยทงิ้ ไวจ้ นเคร่อื งไดส้ มดลุ ตามคมู่ ือใชเ้ คร่ือง
6.4.2.3 ถา้ เคร่ืองมีป่ มุ ปรบั ค่าท่ีคา่ อ่านไดใ้ หเ้ ป็นศนู ย์ (zero–adjust control) ใหป้ รบั คา่ เป็นศนู ย์
ในขณะท่ีเคร่อื งวางอยบู่ นแผน่ สีดาท่ีมีคา่ สะทอ้ นแสง (retroreflectance) ต่าท่ีสดุ
6.4.2.4 ถา้ มีแผ่นมาตรฐาน ใหป้ รบั เทียบเคร่ืองมือโดยวางเคร่ืองบนแผ่นมาตรฐานและปรบั คา่ ท่ี
อา่ นไดใ้ หต้ รงกบั คา่ ของแผน่ มาตรฐาน (standardization control)
6.4.2.5 ถา้ เคร่ืองมีแผน่ อา้ งอิงภายใน (Internal reference surface) ใหส้ อดแผน่ นนั้ ผ่านลาแสง
และอา่ นคา่ ท่ีไดบ้ นั ทกึ คา่ ไว้
6.4.2.6 ตรวจดโู ดยสงั เกตบริเวณท่ีมีการโรยลกู แกว้ นอ้ ยผิดปกติ วดั ในบรเิ วณนนั้ โดยวางเคร่ือง
ตามแนวเคร่อื งหมายจราจร ใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีเคร่อื งจะวดั อยใู่ นแนวความกวา้ งของเสน้ แนวท่ีจะ
วดั ใหอ้ ยใู่ นทิศทางเดียวกบั การจราจร การอ่านคา่ ใหท้ าในแตล่ ะทิศทางการจราจร และ
สาหรบั เสน้ กลางถนน (center lines) หรอื เสน้ แบง่ ทศิ ทางการจราจร ใหเ้ ฉล่ียตา่ งหาก

206

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.4.2.7 บนั ทึกคา่ ท่ีอ่านได้ และยา้ ยไปวดั ท่ีตาแหน่งอ่ืน ท่ีเป็นชดุ ของตวั อย่างเดียวกัน (same
sample set) จานวน 10 ตาแหนง่ โดยแตล่ ะตาแหนง่ ใหว้ ดั อยา่ งนอ้ ย 3 คา่

6.4.2.8 ในทกุ ช่วงเวลา 1 ช่วั โมง ใหต้ รวจสอบมาตรฐาน เคร่ืองมือ (standardization) และปรบั
คา่ ใหถ้ กู ตอ้ ง ทกุ ครงั้ เม่ือคา่ ท่ีวดั ไดเ้ ปล่ียนแปลงเกิน 5 %

6.5 หลกั เกณฑก์ ารทดสอบการสะทอ้ นแสง และแฟคเตอรก์ ารสะทอ้ นแสง
6.5.1 ใหถ้ ือวา่ ผลของการทดสอบการสะทอ้ นแสง หรือแฟคเตอรก์ ารสะทอ้ นแสงของเคร่ืองหมายจราจร
ท่ีจดั ทาไวเ้ ป็นเกณฑก์ ารยอมรบั คณุ ภาพ ในการตรวจรบั งาน ( ตามตารางท่ี 1 ขอ้ 2 ) และการ
รบั ประกนั คณุ ภาพ ( ตามตารางท่ี 1 ขอ้ 3 )
6.5.2 ผวู้ า่ จา้ งและผรู้ บั จา้ ง จะรว่ มทาการทดสอบเคร่อื งหมายจราจรท่ีจดั ทาไวด้ ว้ ยเคร่ืองวดั การสะทอ้ น
แสง หรอื เคร่อื งวดั แฟคเตอรก์ ารสะทอ้ นแสง ตามท่ีระบใุ นขอ้ 6.3, 6.4
6.5.3 จานวนวาระการทดสอบมีดงั นี้
6.5.3.1 การทดสอบการสะทอ้ นแสง หรือแฟคเตอรก์ ารสะทอ้ นแสง เพ่ือตรวจรบั งาน ใหท้ าการ
วดั หลงั จากเคร่ืองหมายจราจรแข็งตวั แลว้ โดยคา่ ท่ีวดั ไดต้ อ้ งเป็นไปตามท่ีกาหนดไว้ ตาม
ตารางท่ี 1 ขอ้ 2
6.5.3.2 การตรวจสอบคณุ ลกั ษณะหลงั ใชง้ าน (ระยะเวลาประกนั ) ตามตารางท่ี 1 ขอ้ 3 นบั ถดั จาก
วนั ตรวจรบั งาน ผรู้ บั จา้ งมีหนา้ ท่ีตอ้ งมารว่ มทาการทดสอบ เพ่ือใชผ้ ลการทดสอบในการ
พิจารณาเร่ืองการประกนั คณุ ภาพของการสะทอ้ นแสงตามท่ีกาหนดไว้ ตามตารางท่ี 1 ขอ้
3 หากผรู้ บั จา้ งไมม่ ารว่ มดาเนินการในระยะเวลาดงั กลา่ ว ผวู้ า่ จา้ งจะเป็นผทู้ ดสอบแตฝ่ ่ าย
เดยี ว โดยผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งยอมรบั ผลการทดสอบนนั้ หากมีคา่ ใชจ้ า่ ยเกิดขนึ้ ผรู้ บั จา้ งเป็นผู้
ออกคา่ ใชจ้ า่ ยในการทดสอบทงั้ สนิ้
6.5.4 จานวนตวั อยา่ งบรเิ วณและจานวนครงั้ ในการทดสอบ
6.5.4.1 การทดสอบเพ่ือใชผ้ ลในการตรวจรบั งาน ใหค้ ณะกรรมการตรวจการจา้ งเลือกบริเวณ
ตวั อยา่ งในปรมิ าณงานไมเ่ กิน 100 ตารางเมตรตอ่ 1 ตวั อยา่ ง
6.5.4.2 การทดสอบเพ่ือการประกนั คณุ ภาพ ใหท้ าการทดสอบท่ีบรเิ วณใกลเ้ คียงตามขอ้ 6.5.4.1
6.5.5 การทดสอบในแตล่ ะตวั อย่างใหอ้ า่ นคา่ จากเคร่ืองวดั การสะทอ้ นแสงหรือจากเคร่ืองวดั แฟคเตอร์
การสะทอ้ นแสง จานวน 10 ตาแหนง่ แตล่ ะตาแหนง่ อยา่ งนอ้ ย 3 คา่

6.6 การตรวจโดยใชส้ ายตา
6.6.1 การตรวจโดยใชส้ ายตาในเวลากลางวนั
6.6.1.1 เคร่ืองหมายจราจรตอ้ งไม่เกิดการคายสี (bleeding) หรือการเกิดสีดา หรือการซีดของสี
ตอ้ งไมม่ ีการเกาะตดิ ของส่งิ สกปรก และไมเ่ กิดเชือ้ รา

207

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.6.1.2 เคร่ืองหมายจราจรสีเหลือง จากการมองเห็นในเวลากลางวนั ท่ีระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร
เม่ือพิจารณาสี (color) เปรียบเทียบกับแถบสีมาตรฐาน หมายเลข 13538 (highway
yellow) ตาม federal standard 595 a ตอ้ งใกลเ้ คยี งกนั

6.7 การตดั สนิ ผลการตรวจสอบ ใหใ้ ชว้ ธิ ีวดั โดยใชเ้ คร่อื งมือ เทา่ นนั้

7.ความคลาดเคลื่อนในรูปแบบทยี่ อมให้
7.1 เสน้ จราจรเม่ือแหง้ ความยาว ความกวา้ ง และความหนา ใหม้ ีความคลาดเคล่ือนไดด้ งั นี้

รูปแบบเคร่ืองหมายจราจร คลาดเคล่ือนได้
ความยาว > 300 เซนตเิ มตร ± 5.0 เซนตเิ มตร
ความยาว 30 – 300 เซนตเิ มตร ± 3.0 เซนตเิ มตร
ความยาว < 30 เซนตเิ มตร ± 1.5 เซนตเิ มตร
ความกวา้ ง 20 เซนตเิ มตร ± 1.0 เซนตเิ มตร
ความกวา้ ง 10 - 15 เซนตเิ มตร ± 0.5 เซนตเิ มตร
ความหนาบนผวิ ทาง ± 0.2 มิลลเิ มตร

7.2 เคร่ืองหมายจราจรอ่ืนๆ เชน่ ตวั อกั ษร สญั ลกั ษณต์ า่ งๆ ใหใ้ ชต้ ามขอ้ 7.1 โดยอนโุ ลม

208

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 242 - 2555
งานหมุนเวยี นวัสดุชั้นทางเดมิ มาใช้ใหม่แบบในท่ี

(pavement in - place recycling)

1. ขอบข่าย
งานหมนุ เวียนวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ มาใชใ้ หมแ่ บบในท่ี (pavement in - place recycling ) หมายถงึ การนาวสั ดชุ นั้

ทางเดิมมาปรบั ปรุงคณุ ภาพแลว้ นากลบั ไปใชง้ านใหม่ โดยการปรบั ปรุงคุณภาพทาในสายทางท่ีจะดาเนินการ
ก่อสรา้ ง เพ่ือใหม้ ีคณุ ภาพตามรูปแบบและขอ้ กาหนด

2. วัสดุ
2.1 วสั ดชุ นั้ ทางเดมิ หมายถึง วสั ดทุ ่ีไดจ้ ากการขดุ รอื้ ขดู ไสจากชนั้ ทางเดมิ แลว้ ทาใหร้ ว่ นถึงความลกึ ตาม
รูปแบบท่ีกาหนด ซง่ึ อาจจะประกอบดว้ ยผิวลาดยาง หินคลกุ ลกู รงั แลว้ แตส่ ภาพของสายทางท่ีจะ
ดาเนนิ การก่อสรา้ ง ในกรณีวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ มีขนาดคละท่ีไมเ่ หมาะสม หรือคณุ สมบตั อิ ่ืน ไมไ่ ดต้ าม
รูปแบบและขอ้ กาหนด ใหแ้ กไ้ ขปรบั ปรุงหรอื นาวสั ดผุ สมเพ่มิ มาผสม เพ่ือใหไ้ ดต้ ามรูปแบบและ
ขอ้ กาหนด
2.2 วสั ดผุ สมเพ่ิม จะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิท่ีเหมาะสม และเขา้ กนั ไดด้ ีกบั วสั ดชุ นั้ ทางเดมิ หรือวสั ดผุ สมเพ่ิมชนิด
อ่ืนท่ีนามาใชง้ าน เพ่ือทาใหค้ ณุ สมบตั ิทางวิศวกรรมของส่วนผสมมีความแข็งแรง เป็นไปตามรูปแบบ
และขอ้ กาหนด ซง่ึ ประกอบดว้ ยวสั ดตุ า่ งๆ ดงั นี้
2.2.1 วสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงขนาดคละและ/หรือเพ่ิมปริมาณ หมายถึง วสั ดจุ ากแหล่งอ่ืนท่ีนามา
ผสมกบั วสั ดชุ ัน้ ทางเดิมเพื่อปรบั ปรุงขนาดคละและ/หรือเพิ่มปริมาณ ใหไ้ ดต้ ามรูปแบบและ
ขอ้ กาหนด เชน่ หนิ ทราย และวสั ดมุ วลรวม (soil aggregate) เป็นตน้
2.2.2 วสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ หมายถึง วสั ดทุ ่ีนามาผสมกับวสั ดชุ นั้ ทางเดิมเพ่ือปรบั ปรุง
คณุ ภาพ ซ่งึ ตอ้ งเป็นชนิดท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนดตอ่ ไปนี้ หากเป็นชนิดอ่ืนตอ้ งไดร้ บั ความ
เห็นชอบกอ่ นนาไปใชง้ าน
2.2.2.1 ปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ ระเภท 1 ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม มอก.15 :
ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ และตอ้ งเป็นปนู ซีเมนตใ์ หม่บรรจอุ ยใู่ นถงุ หรืออยใู่ นไซโล
2.2.2.2 ปนู ขาว ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก.241:ปนู ขาวสาหรบั งานกอ่ สรา้ ง

2.2.2.3 เถา้ ลอย ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2135: เถา้ ลอยจากถ่านหนิ ใชเ้ ป็น
วสั ดผุ สมคอนกรตี

209

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.2.2.4 แอสฟัลต์ ตอ้ งเป็นชนิดท่ีมีคณุ สมบตั ิเหมาะสมกบั วสั ดชุ นั้ ทางเดมิ ท่ีจะปรบั ปรุง และตอ้ ง
เป็นชนิดเดยี วกนั ตลอดงาน

2.2.2.5 วสั ดผุ สมเพ่ิมตามขอ้ 2.2.2.1 - ขอ้ 2.2.2.4 อาจนามาออกแบบส่วนผสมรวมกนั ได้ แต่
ตอ้ งเหมาะสมกบั วสั ดชุ นั้ ทางเดิมท่ีจะปรบั ปรุง และสว่ นผสมตอ้ งไดค้ ณุ ภาพตามรูปแบบ
และขอ้ กาหนด ทงั้ นีต้ อ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากกรมทางหลวงชนบท เป็นแตล่ ะกรณี

2.3 สารผสมเพ่ิม (Admixture) ตอ้ งเป็นชนิดท่ีมีคณุ สมบตั ิเหมาะสมกับวสั ดชุ นั้ ทางเดิมท่ีจะปรบั ปรุง และ
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเสนอเอกสารคณุ สมบตั ขิ องสารผสมเพ่มิ ใหก้ รมทางหลวงชนบทพจิ ารณาก่อนนาไปใชง้ าน

2.4 นา้ ตอ้ งเป็นนา้ สะอาด ปราศจากสารท่ีส่งผลกระทบตอ่ คณุ ภาพของชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง และตอ้ งไดร้ บั
ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนนามาใชง้ าน

3. เครื่องจักร เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการก่อสร้าง
ชดุ เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือท่ีจะนามาใชใ้ นการก่อสรา้ ง ตอ้ งผ่านการตรวจสอบขนึ้ ทะเบียนกบั กรมทางหลวง

ชนบท ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งจดั ชุดเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือไวใ้ หพ้ รอ้ มท่ีสถานท่ีก่อสรา้ ง เพ่ือรบั การตรวจสอบหรือสอบ
เทียบ (calibrate) จากผคู้ วบคมุ งาน ตามวิธีการท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด หากเคร่อื งจกั ร เคร่อื งมือใดไมผ่ า่ น
การตรวจสอบหรือสอบเทียบ ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งแกไ้ ขหรือจดั หาเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือท่ีขนึ้ ทะเบียนกบั กรมทางหลวง
ชนบท และผา่ นการตรวจสอบหรือสอบเทียบมาเปล่ียนหรือเพ่มิ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน และชดุ
เคร่อื งจกั ร เคร่อื งมือตอ้ งมีความเหมาะสมกบั งานทงั้ ชนิด ขนาดและจานวน มีขีดความสามารถพอท่ีจะดาเนินการ
ก่อสรา้ งไดถ้ ูกตอ้ งตามรูปแบบและขอ้ กาหนดใหแ้ ลว้ เสร็จในแต่ละวัน ในระหว่างการก่อสรา้ งผูร้ บั จา้ งจะตอ้ ง
บารุงรกั ษาเคร่ืองจักร เคร่ืองมือให้อยู่ในสภาพใชง้ านไดด้ ีมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ซ่ึงเคร่ืองจกั รท่ีจะต้อง
นามาใชง้ านมีดงั นี้

3.1 ชดุ เคร่ืองจกั รผสมวสั ดุ อาจเป็นชนิดท่ีแยกการทางานเฉพาะอย่าง เชน่ เคร่ืองจกั รขดุ ตดั ผสม (reclaimer /
stabilizer) เคร่ืองจกั รขดู ไส (milling machine) และ/หรือเป็นชนิดทางานเสร็จในตวั เช่น เคร่ืองจกั รขดุ
ผสมพรอ้ มปูวัสดุ (cold recycler) หรือเคร่ืองจกั รอ่ืนใดท่ีมีลกั ษณะการทางานพิเศษเหมาะสมกับงาน
เคร่ืองจกั รขดุ ผสมจะตอ้ งมีระบบควบคมุ การทางานแบบอตั โนมตั ิ สามารถขดุ ตดั หรือขดู ไสชนั้ ทางเดิม
ไดค้ วามลกึ ตามท่ีกาหนด และสามารถผสมวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ กบั วสั ดใุ หมใ่ หเ้ ขา้ กนั ไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอ

3.2 เคร่ืองจกั รปวู สั ดุ ตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีกาลงั มากพอและควบคมุ ความเรว็ ในการปไู ด้
อยา่ งสม่าเสมอ สามารถปวู สั ดใุ หม้ ีผิวเรียบและปวู สั ดใุ นระดบั ลาดเอียงไดต้ ามรูปแบบท่ีกาหนด โดยมี
อปุ กรณค์ วบคมุ ระดบั ความลาดเอียงอตั โนมตั ิ

3.3 เคร่อื งจกั รบดทบั จะตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีชนดิ และขนาด ดงั นี้
- เคร่อื งบดทบั ส่นั สะเทือนขนาดไมน่ อ้ ยกวา่ 17.5 ตนั

210

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

- รถบดลอ้ ยางชนิดลอ้ เรียบขนาดไมน่ อ้ ยกว่า 8 ตนั
สามารถบดทบั ชนั้ ทางใหไ้ ดค้ วามแน่นตามรูปแบบและขอ้ กาหนด โดยมีจานวนมากพอท่ีจะดาเนินการ
ก่อสรา้ งไปอย่างตอ่ เน่ืองและมีประสิทธิภาพ การกาหนดชนิดและนา้ หนกั ของเคร่ืองจกั รบดทบั ใหพ้ ิจารณาจาก
การก่อสรา้ งแปลงทดสอบในสนามเป็นหลกั ซ่งึ ตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน
3.4 ชดุ เคร่อื งจกั รประกอบการก่อสรา้ ง
3.4.1 เคร่ืองจกั รเกล่ียปรบั ระดบั ตอ้ งเป็นชนิดขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีขนาดและกาลงั มากพอท่ีจะ

เกล่ียปรบั ระดบั วสั ดใุ หไ้ ดต้ ามรูปแบบท่ีกาหนด
3.4.2 รถบรรทกุ ตอ้ งเป็นชนิดและขนาดท่ีเหมาะสมกบั งาน มีจานวนมากพอกับปริมาณงาน เพ่ือให้

การกอ่ สรา้ งดาเนนิ ไปไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง
3.4.3 เครื่องจกั รอปุ กรณเ์ กี่ยวกบั วสั ดผุ สมเพิ่มเพื่อปรบั ปรุงคณุ ภาพและ/หรือนา้ ประกอบดว้ ย

รถบรรทกุ ท่ีตดิ ตงั้ ถงั หรือยงุ้ บรรจุวสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพแตล่ ะชนิด และ/หรือนา้ หรือ
อาจเป็นรถบรรทุกท่ีติดตงั้ ถงั หรือยงุ้ บรรจแุ ยกวสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพแตล่ ะชนิดและ
นา้ รวมในรถบรรทุกคันเดียวกันก็ได้ โดยรถบรรทุกดังกล่าวจะต้องมีถังหรื อยุ้งขนาดบรรจุ
เหมาะสมกบั งาน อีกทงั้ มีอปุ กรณค์ วบคมุ ปริมาณการจ่ายวสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพแต่
ละชนดิ และ/หรือ นา้ ท่ีเท่ียงตรง สม่าเสมอ ตามท่ีกาหนด
3.4.4 ถงั บรรจแุ อสฟัลต์ ตอ้ งเป็นถงั ชนดิ ท่ีตดิ ตงั้ บนรถบรรทกุ มีขนาดความจมุ ากพอท่ีจะปอ้ นแอสฟัลต์
ไดอ้ ย่างต่อเน่ืองขณะท่ีก่อสรา้ ง ถังบรรจุต้องมีสภาพดี ไม่ร่วั ซึม และตอ้ งมีอุปกรณ์ท่ีจาเป็น
ดงั ตอ่ ไปนี้
3.4.4.1 มีฉนวนกนั ความรอ้ นเพ่ือรกั ษาอณุ หภมู ขิ องแอสฟัลต์
3.4.4.2 มีชอ่ งสาหรบั นาแอสฟัลตเ์ ขา้ - ออก และมีวาลว์ ควบคมุ
3.4.4.3 มีอปุ กรณต์ รวจวดั ปรมิ าณแอสฟัลต์ ท่ีวดั ไดล้ ะเอียดเหมาะสมกบั งาน
3.4.4.4 มีระบบใหค้ วามรอ้ นท่ีมีประสทิ ธิภาพ สามารถเพ่มิ อณุ หภมู ิแอสฟัลตใ์ นอตั ราท่ีเหมาะสม

ไดอ้ ยา่ งท่วั ถึงตามท่ีกาหนด
3.4.4.5 มีอปุ กรณแ์ ละแสดงวดั อณุ หภมู ิแอสฟัลตต์ ดิ ตงั้ ในตาแหนง่ ท่ีเหมาะสม หรือ ท่ีระยะความ

สงู 1 ใน 3 จากกน้ ถงั บรรจุ
3.4.5 เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือและอปุ กรณอ์ ่ืนใด นอกเหนือจากท่ีไดก้ าหนดไวข้ า้ งตน้ แลว้ ก่อนจะนามาใช้

งานตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งาน
3.5 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั หา เคร่ืองมือ และอปุ กรณก์ ารทดสอบท่ีไดม้ าตรฐาน มีสภาพพรอ้ มใชง้ านเพ่ือใชใ้ นการ

ทดสอบและตรวจสอบคณุ ภาพ ตามท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนดจนกวา่ งานก่อสรา้ งจะแลว้ เสรจ็

211

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4. การออกแบบปรับปรุงชั้นทางเดมิ
4.1 การออกแบบท่วั ไป หมายถึง ขอ้ แนะนาท่ีใหไ้ วเ้ พ่ือใชป้ ระกอบการพิจารณาในการออกแบบ โดยมีหวั
ขอ้ แนะนาตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
4.1.1 การปรบั ปรุงชนั้ ทางเดมิ เป็นชนั้ ทางใหม่ สามารถนาวสั ดชุ นั้ ทางเดิมใด ๆ ท่ีเหมาะสมมารวมกัน
เพ่ือปรบั ปรุงใหเ้ ป็นชนั้ ทางใหมก่ ็ได้
4.1.2 การปรบั ปรุงชนั้ ทางเดิมแบบในท่ี ถา้ ผิวทางแอสฟัลตเ์ ดิมมีความหนามากเกินขีดความสามารถ
ของเคร่อื งจกั รขดุ ผสมท่ีจะดาเนนิ การไดด้ ี ใหข้ ดู ผิวทางสว่ นท่ีมีความหนาเกินออก
4.2 การออกแบบส่วนผสม ก่อนเร่ิมงานไม่นอ้ ยกว่า 2 สปั ดาห์ ผคู้ วบคมุ งานและผรู้ บั จา้ งตอ้ งรว่ มกันเจาะ
เก็บตวั อย่างวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ ท่ีจะปรบั ปรุงทกุ ระยะ 1 กิโลเมตร หรือเม่ือคณุ สมบตั ิของวสั ดชุ นั้ โครงสรา้ ง
ทางเปล่ียนแปลงไป โดยแยกออกเป็นชนั้ ๆ เช่น ชนั้ ผิวทาง ชนั้ พืน้ ทาง และชนั้ รองพืน้ ทาง ส่งใหก้ รม
ทางหลวงชนบทออกแบบสว่ นผสม หากในระหวา่ งก่อสรา้ งวสั ดชุ นั้ ทางเดิมเปล่ียนแปลงไปจากท่ีนามา
ออกแบบส่วนผสม ผูร้ บั จา้ งจะตอ้ งทาการปรบั ปรุงแก้ไขหรือเก็บตวั อย่างวสั ดุ ส่งใหก้ รมทางหลวง
ชนบทออกแบบสว่ นผสมใหม่ โดยผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้
4.3 การออกแบบส่วนผสม สามารถจะกาหนดข้อกาหนดพิเศษเพ่ือให้เหมาะสมกับงานแต่ละ
โครงการได้ โดยพิจารณาจากสภาพการใชง้ าน ราคาคา่ ก่อสรา้ ง วสั ดทุ อ้ งถ่ิน และส่ิงแวดลอ้ ม ทงั้ นีต้ อ้ ง
เป็นไปตามหลกั วิชาการ

5. การเตรยี มการก่อสร้าง
กอ่ นการก่อสรา้ งตอ้ งกาจดั วชั พืชและวสั ดทุ ่ีไมพ่ งึ ประสงค์ ออกจากแนวพืน้ ท่ีท่ีจะกอ่ สรา้ ง พรอ้ มทงั้ ปรบั ระดบั

ผวิ ถนนเดมิ ใหเ้ รียบสม่าเสมอ และกาหนดแนวขดุ ตดั ตามยาวไวบ้ นผิวชนั้ ทางเดมิ ในกรณีท่ีมีความเสียหายหรือมี
จดุ อ่อนตวั ของชนั้ ดินเดิมใตช้ นั้ ทางท่ีจะปรบั ปรุง ใหข้ ุดรือ้ วสั ดุแตล่ ะชนั้ ทางท่ีจะปรบั ปรุงออกนาไปกองแยกไว้
ไม่ให้ปะปนกัน จากนั้นให้ขุดรือ้ วัสดุชั้นทางท่ีเป็นปัญหาออก แล้วแทนท่ีด้วยวัสดุท่ีมีคุณสมบัติไม่ต่ากว่า
มาตรฐานของชนั้ นนั้ ๆ ตามท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด บดทบั ใหไ้ ดค้ วามแน่นตามขอ้ กาหนด แลว้ จงึ นาวสั ดุ
แตล่ ะชนั้ ทางท่ีกองแยกไวก้ ลบั มาปลู งเป็นชนั้ ๆ พรอ้ มบดทบั ทีละชนั้ ใหไ้ ดค้ วามแนน่ ตามขอ้ กาหนด โดยความหนา
ของชนั้ วสั ดทุ ่ีบดทบั แตล่ ะชนั้ ไมม่ ากกวา่ 20 เซนตเิ มตร

6. การตรวจสอบความชืน้ ของวัสดุช้ันทางเดมิ
ก่อนเร่ิมการก่อสรา้ งไม่เกิน 1 สัปดาห์ ผูร้ บั จา้ งร่วมกับผูค้ วบคุมงานตอ้ งเจาะเก็บตวั อย่างชนั้ ทางเดิมท่ีจะ

ก่อสรา้ ง เพ่ือตรวจสอบหาปรมิ าณความชืน้ ทกุ ระยะ 500 เมตร หรือทกุ ระยะท่ีปรมิ าณความชืน้ มีเปล่ียนแปลง
และหากวนั ท่ีตรวจสอบหาปริมาณความชืน้ มีระยะเวลาหา่ งจากวนั ท่ีเร่มิ การก่อสรา้ งนานเกิน 1 สปั ดาห์ หรือมี

212

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เหตุซ่ึงอาจจะทาให้ปริมาณความชืน้ เปล่ียนแปลงไป ใหผ้ ูร้ บั จ้างเจาะเก็บตัวอย่างเพ่ือตรวจสอบหาปริมาณ
ความชืน้ ใหม่ ในกรณีท่ีวสั ดชุ นั้ ทางเดมิ มีความชืน้ สงู เกินไป ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งแกไ้ ขใหอ้ ย่ใู นเกณฑท์ ่ีกาหนด และ
วธิ ีการแกไ้ ขตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน

7. การก่อสร้างแปลงทดสอบในสนาม
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งก่อสรา้ งแปลงทดสอบในสนามโดยมีความยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 100 เมตร มีความกวา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 1

ช่องจราจร เพ่ือใชเ้ ป็นแบบอย่างในการก่อสรา้ ง ในกรณีท่ีมีการเปล่ียนแปลงวัสดุ เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ หรือผรู้ บั
จา้ งไม่สามารถดาเนินการก่อสรา้ งใหถ้ ูกตอ้ งตามรูปแบบและขอ้ กาหนด ใหผ้ ูร้ บั จา้ งดาเนินการก่อสรา้ งแปลง
ทดสอบใหม่จนกว่าจะไดต้ ามรูปแบบและขอ้ กาหนด ซ่ึงตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนใชแ้ ปลง
ทดสอบนนั้ เป็นแบบอยา่ งในการก่อสรา้ งตอ่ ไป

8. การก่อสร้าง
การก่อสรา้ งจะตอ้ งมีการวางแผนท่ีดี และตอ้ งคานึงถึงสภาพอากาศท่ีเหมาะสม เช่น ไมม่ ีฝนตก อณุ หภมู ิของ

อากาศ ซ่ึงอาจจะส่งผลกระทบต่อการผสมวสั ดุ การบดทบั และการบม่ ในระหว่างก่อสรา้ งช่วงนนั้ ๆ ผรู้ บั จา้ ง
ตอ้ งดาเนินการไปอย่างต่อเน่ืองโดยไม่หยดุ ชะงัก และควบคมุ การจราจรเพ่ือไม่ใหช้ นั้ ทางท่ีกาลงั ก่อสรา้ งเสียหาย
โดยติดตงั้ ปา้ ยจราจรพรอ้ มอปุ กรณค์ วบคมุ การจราจรอ่ืน ๆ รวมทงั้ สญั ญาณไฟกลางคืนตามท่ีกรมทางหลวงชนบท
กาหนด พรอ้ มทงั้ จดั การจราจรใหผ้ ่านพืน้ ท่ีก่อสรา้ งไดต้ ลอดเวลา และปลอดภัย การก่อสรา้ งใหด้ าเนินการ
ดงั ตอ่ ไปนี้

8.1 การดาเนินการก่อสรา้ งใหใ้ ชเ้ คร่ืองจกั ร เคร่ืองมือในขอ้ 3 ซ่ึงไดผ้ ่านการตรวจสอบรบั รองและตรวจปรบั
จากผคู้ วบคมุ งานแลว้ ขนั้ ตอนการก่อสรา้ งจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะวิธีการก่อสรา้ ง

8.2 การเติมวสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงขนาดคละและ/หรือเพ่ิมปริมาณ ทาไดโ้ ดยการปเู กล่ียลงบนถนนเดิม
ก่อนการขดุ ผสม ทงั้ นีเ้ ม่ือ ก่อสรา้ งแลว้ เสรจ็ ชนั้ วสั ดทุ ่ีปรบั ปรุงแลว้ ตอ้ งเรียบ มีความลาดเอียง มีความ
แนน่ มีความหนา และมีคณุ ภาพสม่าเสมอ ไดต้ ามรูปแบบและขอ้ กาหนด

8.3 การเติมวสั ดผุ สมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือท่ีใชต้ อ้ งสมั พนั ธก์ บั ชนิดของวสั ดผุ สม
เพ่มิ เพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ และเหมาะสมตามลกั ษณะงาน ไมป่ เู กล่ียวสั ดผุ สมเพ่มิ เพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ
ชนิดท่ีเป็นผงในขณะที่มีลมแรงทาใหว้ สั ดปุ ลิวสญู หาย ซ่งึ จะกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มและชมุ ชน ในกรณี
ท่ีวสั ดชุ นั้ ทางเดิมมีการเปล่ียนแปลงไปจากท่ีเคยนาไปออกแบบส่วนผสม หรือมีสาเหตอุ ่ืนท่ีอาจทาให้
อตั ราส่วนผสมเปล่ียนแปลงไป ใหผ้ คู้ วบคมุ งานนาวสั ดชุ นั้ ทางเดิมไปตรวจสอบคณุ ภาพและออกแบบ
สว่ นผสมใหม่ คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้ วธิ ีการเตมิ วสั ดผุ สมเพ่มิ เพ่ือปรบั ปรุง
คณุ ภาพแตล่ ะชนดิ ทาได้ ดงั นี้

213

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

8.3.1 การเตมิ ปนู ซีเมนตผ์ สมกับชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง ตอ้ งเติมในอตั ราส่วนท่ีกาหนด ซ่งึ ปนู ซีเมนตท์ ่ีใช้
ควรเป็นเคร่ืองหมายการคา้ เดียวกันตลอดงาน หากมีเหตุจาเป็นตอ้ งเปล่ียนไปใชป้ ูนซีเมนต์
เคร่ืองหมายการคา้ อ่ืน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งออกแบบส่วนผสมใหม่และเสนอใหผ้ คู้ วบคมุ งานพิจารณา
ในกรณีท่ีปนู ซีเมนตเ์ ก็บไวน้ านหรือเก็บรกั ษาไวใ้ นท่ีไม่เหมาะสม ซ่ึงอาจทาใหป้ นู ซีเมนตเ์ ส่ือม
คุณภาพ ให้ผู้ควบคุมงานระงับการนามาใช้งาน หากประสงคจ์ ะนามาใช้งานใหม่ ให้นา
ปนู ซีเมนตไ์ ปตรวจสอบคณุ ภาพและออกแบบส่วนผสมใหม่ คา่ ใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อก
คา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

8.3.2 การเตมิ ปนู ขาวผสมกบั ชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง ในกรณีท่ีแบบกาหนดใหใ้ ชป้ นู ขาว ตอ้ งเตมิ ในอตั ราส่วน
ท่ีกาหนด ซ่งึ ปนู ขาวท่ีใชค้ วรเป็นแหล่งเดียวกนั ตลอดงาน หากมีเหตจุ าเป็นตอ้ งเปล่ียนไปใชป้ นู
ขาวจากแหล่งอ่ืน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งออกแบบส่วนผสมใหมแ่ ละเสนอผคู้ วบคมุ งานพิจารณา ในกรณีท่ี
ปูนขาวเก็บไวน้ านหรือเก็บรกั ษาไวใ้ นท่ีไม่เหมาะสม ซ่ึงอาจทาให้ปูนขาวเส่ือมคุณภาพ ให้ผู้
ควบคมุ งานระงับการนามาใชง้ าน หากประสงคจ์ ะนามาใชง้ านใหม่ ใหน้ าปนู ขาวไปตรวจสอบ
คณุ ภาพและออกแบบสว่ นผสมใหม่ คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

8.3.3 การเติมเถ้าลอยผสมกับชั้นทางท่ีปรบั ปรุง ในกรณีท่ีแบบกาหนดให้ใชเ้ ถ้าลอย ตอ้ งเติมใน
อัตราส่วนท่ีกาหนด ซ่ึงเถ้าลอยท่ีใชค้ วรเป็นแหล่งเดียวกันตลอดงาน หากมีเหตุจาเป็นตอ้ ง
เปล่ียนไปใชเ้ ถา้ ลอยจากแหล่งอ่ืน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งออกแบบส่วนผสมใหม่และเสนอผูค้ วบคมุ งาน
เพ่ือพิจารณา ในกรณีท่ีเถา้ ลอยมีคณุ สมบตั ิเปล่ียนแปลงไป ใหผ้ คู้ วบคมุ งานระงบั การนามาใช้
งาน หากประสงคจ์ ะนามาใชง้ านใหม่ ใหน้ าเถา้ ลอยไปตรวจสอบคณุ ภาพและออกแบบส่วนผสม
ใหม่ คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

8.3.4 การเตมิ แอสฟัลตผ์ สมกบั ชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง ตอ้ งเตมิ ในขนั้ ตอนขดุ ตดั หรือขนั้ ตอนผสม โดยการ
สูบจ่ายจากรถบรรทุกแอสฟัลต์ ซ่ึงตอ้ งคงอณุ หภูมิของแอสฟัลตไ์ วท้ ่ี ± 5 องศาเซลเซียส จาก
อณุ หภูมิของแอสฟัลตท์ ่ีกาหนด เคร่ืองมือและอุปกรณก์ ารจ่ายแอสฟัลตจ์ ะตอ้ งสามารถปรบั
ปรมิ าณแอสฟัลตใ์ หส้ มั พนั ธก์ บั การทางานของเคร่ืองจกั ร หรือปรมิ าณวสั ดผุ สมไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ
ในอตั ราท่ีกาหนด แอสฟัลตท์ ่ีใชต้ อ้ งเป็นชนิดท่ีมีคณุ สมบตั ิเหมาะสมเฉพาะงาน และควรเป็น
แหล่งผลิตและชนิดเดียวกันตลอดงาน ซ่ึงผูร้ บั จา้ งตอ้ งระบุแหล่งผลิตและชนิดของแอสฟัลต์ท่ี
นามาใชง้ าน หากมีเหตจุ าเป็นตอ้ งเปล่ียนแหล่งผลิตหรือชนิดแอสฟัลต์ ใหผ้ ูค้ วบคุมงานเก็บ
ตวั อยา่ งเพ่ือนาไปออกแบบสว่ นผสมใหมก่ อ่ นอนมุ ตั ใิ หน้ ามาใชง้ าน

8.3.5 การเติมแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ผสมกบั ชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง ตอ้ งตรวจสอบเวลาการแตกตวั ของแอสฟัลต์
อิมลั ชันในวัสดุท่ีปรบั ปรุงแลว้ โดยเก็บตวั อย่างส่วนผสมทนั ทีหลังขนั้ ตอนการขุดตดั และผสม
เพ่ือนาไปตรวจสอบ ในกรณีท่ีแอสฟัลตอ์ ิมัลชนั แตกตวั ก่อนการบดทับเสร็จสิน้ ให้หยุดการ

214

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ก่อสรา้ งไวก้ ่อนเพ่ือดาเนินการปรบั แก้โดยในแปลงถัดไปอาจนาแอสฟัลตอ์ ิมลั ชันท่ีมีระยะเวลา
การแตกตวั ยาวนานกวา่ มาใชใ้ นการก่อสร้างแทน หรือเรง่ การบดทบั ใหแ้ ลว้ เสร็จก่อนท่ีแอสฟัลต์
อิมลั ชนั แตกตวั ส่วนแปลงท่ีเกิดความเสียหายแลว้ ใหท้ าการรือ้ แกไ้ ขใหม่ใหถ้ กู ตอ้ ง ทงั้ นีต้ อ้ ง
ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน
8.3.6 การเติมโฟมแอสฟัลตผ์ สมกบั ชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง ตอ้ งตรวจสอบลกั ษณะของโฟมแอสฟัลตท์ ่ีได้
จากหวั ฉีดทดสอบ และตรวจสอบส่วนผสมวสั ดทุ ่ีปรบั ปรุงแลว้ ทนั ทีตลอดความกวา้ งของการปู
หากปรากฏวา่ วสั ดทุ ่ีปรบั ปรุงแลว้ มีคณุ ภาพไม่เป็นไปตามขอ้ กาหนด จะตอ้ งหยดุ การก่อสรา้ งไว้
ก่อน จนกวา่ จะปรบั แกไ้ ดถ้ กู ตอ้ งตามขอ้ กาหนด จงึ อนญุ าตใหด้ าเนินการกอ่ สรา้ งตอ่ ไปได้
8.3.7 การเตมิ สารเคมี หากผผู้ ลติ ไมก่ าหนดเป็นอยา่ งอ่ืน ใหด้ าเนินการดงั นี้
8.3.7.1 การเติมสารเคมีชนิดท่ีเป็นผง ทาไดโ้ ดยการใชเ้ คร่ืองจกั รปเู กล่ียลงบนชนั้ ทางเดิมก่อน
การขุดผสม ถา้ เคร่ืองจักรเขา้ ปูเกล่ียไม่ไดใ้ หใ้ ชแ้ รงคนแทน การปูเกล่ียตอ้ งทาสม่าเสมอเต็ม
ความกวา้ งของการขดุ ผสมแตล่ ะเท่ียว
8.3.7.2 การเตมิ สารเคมีชนิดท่ีเป็นของเหลว ทาไดโ้ ดยการใชเ้ คร่ืองจกั รผสมสารเคมีเขา้ กบั นา้ ให้
สม่าเสมอ แลว้ ฉีดพน่ เขา้ กบั วสั ดชุ นั้ ทางเดิมในขนั้ ตอนการผสม ระบบการสูบจ่ายตอ้ งเป็นแบบ
ควบคมุ โดยอตั โนมตั ิและตอ้ งสมั พนั ธก์ บั เคร่ืองจกั รผสม
8.4 ระหว่างการก่อสรา้ ง ตอ้ งควบคุมความชืน้ วสั ดใุ หไ้ ดต้ ามท่ีกาหนด หากวสั ดุส่วนใดมีความชืน้ ไม่ได้
ตามท่ีกาหนด ผูร้ ับจ้างตอ้ งแก้ไขให้ถูกตอ้ ง ในกรณีท่ีใช้แอสฟัลตอ์ ิมัลชันร่วมดว้ ย ปริมาณนา้ รวม
ทงั้ หมดในระหวา่ งการบดทบั ไดแ้ ก่ ปรมิ าณแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั รวมกบั ปริมาณความชืน้ ของวสั ดกุ ่อนการ
ผสมและปรมิ าณนา้ ท่ีเพ่มิ ภายหลงั
8.5 การก่อสรา้ งรอยตอ่ ในการก่อสรา้ งปรบั ปรุงชนั้ ทางเดมิ มี 2 แบบ คือ รอยตอ่ ตามยาว และรอยตอ่ ตาม
ขวาง ซ่ึงมีความสาคญั ต่อความแข็งแรงของโครงสรา้ งถนน รอยต่อท่ีไม่ถูกตอ้ งจะทาใหช้ ั้นทางไม่
สม่าเสมอเป็นจุดอ่อนทาใหถ้ นนเสียหายภายหลงั ได้ ในกรณีก่อสรา้ งชนั้ ทางมากกว่าหน่ึงชนั้ ทางควร
กอ่ สรา้ งใหร้ อยตอ่ ในแตล่ ะชนั้ เหล่ือมกนั รอยตอ่ ตามยาวแตกตา่ งกบั รอยตอ่ ตามขวาง จงึ ตอ้ งพิจารณา
แตล่ ะแบบดงั นี้
8.5.1 รอยตอ่ ตามยาว ตอ้ งจดั แนวรอยต่อไม่ใหอ้ ย่ใู นแนวรอยลอ้ รถ ก่อนก่อสรา้ งต้องทาเคร่ืองหมาย
แนวขดุ ตดั แนวแรกใหช้ ัดเจน เพ่ือใหอ้ ปุ กรณข์ ุดตดั เดินตรงตามแนวขุดตดั ท่ีทาเคร่ืองหมายไว้
ความกวา้ งและการเหล่ือมทบั ของแนวขดุ ตดั ตามยาว ขนึ้ อย่กู บั ความหนาของชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุง
แลว้ ขนาดวสั ดุ ชนิดและประสิทธิภาพของเคร่ืองจกั ร ความกวา้ งและการเหล่ือมทบั แนวขดุ ตดั
ตามยาวปกตอิ ยรู่ ะหวา่ ง 5 ถึง 10 เซนตเิ มตร ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน

215

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

8.5.2 รอยตอ่ ตามขวาง เกิดขนึ้ เม่ือเคร่ืองจกั รขดุ ตดั เร่มิ ทางานหรือหยุด หรือเม่ือชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงแลว้

นนั้ เลยเกณฑร์ ะยะเวลาดาเนินการก่อสรา้ งในสนามตามท่ีระบุ ฉะนนั้ เพ่ือหลีกเล่ียงไม่ใหเ้ กิด

รอยตอ่ ตามขวางมาก จึงควรทาการก่อสรา้ งอยา่ งต่อเน่ืองไม่ควรหยดุ การก่อสรา้ งโดยไม่จาเป็น

เม่ือเคร่ืองจกั รหยุดการขดุ ตดั ในแตล่ ะครงั้ ใหท้ าเคร่ืองหมายแนวท่ีเคร่ืองจกั รหยุดบนชนั้ ทางตรง

กบั ก่งึ กลางของอปุ กรณข์ ดุ ตดั ซ่งึ เป็นจดุ ท่ีเคร่อื งจกั รหยดุ จา่ ยวสั ดผุ สมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพ เม่ือ

เคร่ืองจกั รขุดตดั จะทางานต่อไป ใหข้ ุดตดั เหล่ือมทับรอยต่อเขา้ ไปในชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงแล้วไม่

นอ้ ยกวา่ ความยาวเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของอปุ กรณข์ ดุ ตดั ทงั้ นีต้ อ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 150 เซนตเิ มตร

8.6 การบดทบั ใหด้ าเนินการทนั ทีเม่ือเคร่ืองจกั รปูเกล่ียชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงแลว้ โดยดาเนินการควบค่กู ันไป

จนกว่าจะไดต้ ามรูปแบบและขอ้ กาหนด ซ่ึงการใชช้ ดุ เคร่ืองจกั รบดทบั วิธีการและขนั้ ตอนการบดทบั

ใหด้ าเนนิ การตามท่ีกาหนดจากแปลงทดสอบเป็นหลกั การบดทบั ใหด้ าเนินการใหเ้ สรจ็ เรยี บรอ้ ยภายใน

เวลาท่ีกาหนด และตอ้ งใหไ้ ดค้ วามแนน่ ตามท่ีกาหนดในคราวเดียว

8.7 ระยะเวลาการดาเนินการผสมวสั ดผุ สมเพ่ิมปรบั ปรุงคณุ ภาพกบั วสั ดชุ นั้ ทางเดิมจนถึงการบดทบั เสรจ็ สิน้

ขึน้ อยู่กับชนิดวัสดุผสมเพ่ิมปรับปรุงคณุ ภาพท่ีนามาใชผ้ สม ในกรณีท่ีใชว้ ัสดุผสมเพ่ิมปรับปรุงคุณ

ภาพรวมตงั้ แต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไป ระยะเวลาดาเนินการใหก้ าหนดโดยระยะเวลาดาเนินการของวสั ดผุ สมเพ่ิม

ปรบั ปรุงคณุ ภาพท่ีสนั้ ท่ีสดุ เป็นเกณฑ์ ดงั นี้

8.7.1 ปนู ซีเมนต์ ไมเ่ กิน 2 ช่วั โมง

8.7.2 ปนู ขาว, เถา้ ลอย ไมเ่ กิน 24 ช่วั โมง

8.7.3 แอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั กอ่ นแอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั แตกตวั

8.7.4 โฟมแอสฟัลต์ (Foamed Asphalt)ไมเ่ กิน 7 วนั

8.7.5 สารเคมีอ่ืน ๆ ใหใ้ ชต้ ามขอ้ แนะนาของผผู้ ลิต

ในกรณีจาเป็นตอ้ งเพ่ิมระยะเวลาดาเนินการก่อสรา้ งมากกว่าท่ีกาหนด ให้ผู้ควบคุมงานพิจารณา

อนญุ าตไดเ้ ป็นแตล่ ะกรณี เพราะชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงดว้ ยวสั ดผุ สมเพ่มิ เพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพบางชนิด เชน่

ปนู ซีเมนต์ การบดทบั เพ่ิมในภายหลงั จะทาใหช้ นั้ ทางเสียหาย

8.8 ในกรณีใชป้ นู ซีเมนตป์ รบั ปรุงคุณภาพ และยังไม่ลาดยางชั้นไพรม์ โคท้ (prime coat) ใหบ้ ่มชนั้ ทางท่ี

ปรบั ปรุงแลว้ เพ่ือควบคมุ ความชืน้ ไว้ โดยการพน่ นา้ ใหท้ ่วั ถงึ เป็นระยะๆ สม่าเสมอ เพ่ือใหผ้ ิวชนั้ ทางคง

ความเปียกชืน้ ไวไ้ ดต้ ิดต่อกันอย่างนอ้ ย 3 วนั นบั จากวนั ท่ีบดทบั แลว้ เสร็จ ส่วนการใชว้ สั ดปุ รบั ปรุง

คณุ ภาพอ่ืน ใหบ้ ม่ ตามกาหนดเวลาของผลการออกแบบสว่ นผสมกาหนด

216

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

9. การตรวจสอบช้ันทางทป่ี รับปรุงคุณภาพแล้วเสรจ็
9.1 การตรวจสอบดา้ นคณุ ภาพ
9.1.1 การทดสอบหาคา่ ความแน่นการบดทบั ในสนาม ใหด้ าเนินการตาม มทช. (ท) 501.4 : วิธีการทดสอบ
หาคา่ ความแน่นของวสั ดงุ านทางในสนาม โดยทาการทดสอบภายในเวลาท่ีเหมาะสมหลงั จากการ
บดทบั แลว้ เสร็จ ซ่ึงใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของนายช่างควบคมุ งาน โดยทาการทดสอบทุกระยะ 100
เมตร ตอ่ ความกวา้ ง 1 ชอ่ งของการขดุ ตดั หรอื 200 ตารางเมตรตอ่ 1 จดุ คา่ ความแนน่ ในสนาม
ของชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงแลว้ หากไมไ่ ดก้ าหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ใหใ้ ชข้ อ้ กาหนดดงั ตอ่ ไปนี้
9.1.1.1 กรณีปรบั ปรุงคณุ ภาพด้วยวสั ดผุ สมเพ่มิ เพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพประเภท ปูนซีเมนต์ ปูนขาว
หรือเถ้าลอย คา่ ความแน่นในสนามตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 95 เปอรเ์ ซ็นต์ Modified Proctor
Density ตาม มทช. (ท) 501.2 : วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
9.1.1.2 กรณีปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยวัสดุผสมเพ่ิมเพ่ือปรบั ปรุงคุณภาพท่ีมีแอสฟัลตร์ ่วมดว้ ย ค่า
ความแนน่ ในสนามตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่า 97 เปอรเ์ ซ็นต์ Modified Proctor Density ตาม มทช.
(ท) 501.2 : วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน
9.1.2 การทดสอบหาค่ากาลังรับแรงอัด ใช้ตรวจสอบชั้นทางท่ีปรับปรุงคุณภาพดว้ ยวัสดุผสมเพ่ิมเพ่ือ
ปรบั ปรุงคณุ ภาพประเภทสารเคมี เช่น ปนู ซีเมนต์ หรือวสั ดผุ สมเพ่ิมรวมท่ีไม่มีแอสฟัลตผ์ สม โดย
การนาวัสดุท่ีปรบั ปรุงคุณภาพแลว้ ในขณะดาเนินการก่อสรา้ งมาทาการบดอัด ตาม มทช. (ท)
501.2: วิธีการทดสอบความแน่นแบบสงู กวา่ มาตรฐาน จานวนไม่นอ้ ยกว่า 3 ตวั อยา่ ง ตอ่ 1 ช่วง
ความยาวของการขดุ ตดั บม่ กอ้ นตวั อยา่ งโดยใชพ้ ลาสตกิ ห่อเป็นเวลา 7 วนั แลว้ เอาถงุ พลาสติก
ออกนาไปแช่นา้ 2 ช่วั โมง จากนนั้ นาขึน้ มาผ่ึงใหแ้ หง้ ดว้ ยอากาศจนใหม้ ีสภาพอ่ิมตวั ผิวแหง้
นาไปทดสอบหาคา่ กาลงั รบั แรงอดั แกนเดียว (unconfined compressive strength) ซ่งึ ตอ้ งได้
ไมน่ อ้ ยกวา่ แบบกาหนด
9.1.3 การทดสอบหาคา่ กาลงั รบั แรงดงึ ใชต้ รวจสอบเฉพาะชนั้ ทางท่ีปรับปรุงคณุ ภาพดว้ ยวสั ดผุ สมเพ่ิม
เพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพประเภทแอสฟัลต์ และ/หรือวสั ดผุ สมเพ่ิมรวมท่ีมีแอสฟัลตร์ ว่ มดว้ ย โดยนา
วัสดุท่ีปรบั ปรุงคุณภาพแลว้ ในขณะดาเนินการก่อสรา้ งมาทาการบดอัดตาม มทช.(ท) 607 :
มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลตต์ ิกคอนกรีตโดยวิธีมารแ์ ชลล์ จานวนไม่นอ้ ยกว่า 3 ตวั อยา่ ง ตอ่
1 ชว่ งความยาวของการขดุ ตดั แลว้ นาไปทดสอบกาลงั รบั แรงดงึ ตาม ASTM D : 4123 Standard
Test Method for Indirect Tension Test ซง่ึ ตอ้ งไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ แบบกาหนด
9.2 การตรวจสอบดา้ นกายภาพ
9.2.1 ชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงคณุ ภาพแลว้ จะตอ้ งมีแนวความกวา้ ง ความหนา คา่ ระดบั และความลาดเอียง
เป็นไปตามรูปแบบและขอ้ กาหนด

217

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
9.2.2 ผิวของชนั้ ทางท่ีปรบั ปรุงคณุ ภาพแลว้ ตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ไมป่ รากฏความเสียหายใดๆ เม่ือใชไ้ ม้

บรรทดั ขอบตรงยาว 3 เมตร วางทาบบนผิวทางในแนวตงั้ ฉากและขนานกบั ถนน ระดบั ผิวทาง
จะแตกตา่ งจากระดบั ของไมบ้ รรทดั ไดไ้ มเ่ กิน 10 มลิ ลิเมตร

218

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 243 - 2555
งานฉาบผวิ ทางแบบพาราสเลอรซ่ี ลี (para slurry seal)

1. ขอบข่าย
พาราสเลอร่ซี ีล (para slurry seal) หมายถึง การฉาบผิวทางชนดิ หนง่ึ ซ่งึ ประกอบดว้ ยพาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั

(para asphalt emulsion) มวลรวม (aggregate) วสั ดผุ สมแทรก (mineral filler) และสารผสมเพ่ิม (additive) มี
ลกั ษณะแข็งแรง ชว่ ยใหผ้ วิ ทางมีความคงทนสงู ลกั ษณะผิวหนา้ ไมล่ ่ืน ทนตอ่ การแปรเปล่ียนของดนิ ฟา้ อากาศและ
ปอ้ งกนั นา้ ซมึ ในการก่อสรา้ งสามารถเปิดการจราจรไดร้ วดเรว็ จงึ เหมาะสาหรบั พืน้ ท่ีก่อสรา้ งท่วั ไป และยา่ นชมุ ชน
โดยใชส้ าหรบั ฉาบผวิ ทาง และผวิ ไหลท่ าง แบง่ ออกเป็น 3 ชนดิ มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ตามท่ีกาหนดในตารางท่ี 1
ซง่ึ จะแตกตา่ งกนั ตามวตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชง้ าน ขนาดคละของมวลรวม ปรมิ าณเนือ้ ยางท่ีใชแ้ ละอตั ราการใชว้ สั ดุ
การท่ีจะกาหนดใหฉ้ าบผิวพาราสเลอร่ีซีลชนิดใดขนึ้ อยกู่ ับสภาพผิวทางเดิม ปริมาณการจราจร และวตั ถปุ ระสงค์
ในการใชง้ านการฉาบผิวพาราสเลอร่ีซีลจะตอ้ งเลือกชนิดท่ีมีคุณสมบตั ิเหมาะสมตามความตอ้ งการ ซ่ึงแบง่ ได้
ดงั ตอ่ ไปนี้

1.1 พาราสเลอร่ีซีลชนิดท่ี 1 เป็นชนิดท่ีสามารถแทรกซึมรอยแตกได้ดี ใช้สาหรับฉาบผิวทาง โดยมี
วตั ถปุ ระสงคด์ งั นี้
1.1.1 ยารอยแตก
1.1.2 ฉาบเป็นผวิ ทาง กรณีตอ้ งการปรบั ปรุง texture ของผวิ ทางเดมิ เลก็ นอ้ ย
1.1.3 ฉาบปอ้ งกนั การเกิด Oxidation หรอื Weathering บนผิวทางเดมิ

1.2 พาราสเลอร่ีซีลชนิดท่ี 2 เป็นชนิดท่ีมีผิวหนา้ หยาบกว่าชนิดท่ี 1 ใชส้ าหรบั ฉาบผิวทาง หรือผิวไหล่ทาง
โดยมีวตั ถปุ ระสงคด์ งั นี้
1.2.1 เพ่มิ skid resistance ของผิวทางเดมิ
1.2.2 ใหผ้ ิวทางระบายนา้ ออกไปไดร้ วดเรว็
1.2.3 ฉาบปอ้ งกนั การเกิด oxidation หรอื weathering บนผวิ ทางเดมิ

1.3 พาราสเลอร่ซี ีลชนิดท่ี 3 เป็นชนิดท่ีมีผวิ หนา้ หยาบท่ีสดุ ใชส้ าหรบั ฉาบผิวทาง หรอื ผวิ ไหลท่ าง
โดยมีวตั ถปุ ระสงคด์ งั นี้
1.3.1 เพ่มิ skid resistance ของผวิ ทางเดมิ
1.3.2 ใหผ้ วิ ทางระบายนา้ ออกไปไดร้ วดเรว็ ย่งิ ขนึ้
1.3.3 ฉาบปอ้ งกนั การเกิด oxidation หรือ weathering บนผิวทางเดมิ
1.3.4 ฉาบปรบั ระดบั ไดเ้ ลก็ นอ้ ย
1.3.5 ปรบั แก้ crown slope ไดเ้ ลก็ นอ้ ย

219

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
1.3.6 ฉาบปิดผวิ ทางเดมิ ท่ีหลดุ (raveling)

ตารางที่ 1 ขนาดคละของมวลรวม ปริมาณเนือ้ ยางแอสฟัลต์ และอัตราการฉาบพาราสเลอร่ีซลี

ชนดิ ของพาราสเลอร่ซี ีล

ผา่ นตะแกรงขนาด ชนดิ ท่ี 1 ชนิดท่ี 2 ชนิดท่ี 3

9.5 มม. (3/8 นิว้ ) ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล
4.75 มม. (เบอร์ 4)
2.36 มม. (เบอร์ 8) 100 100 100
1.18 มม. (เบอร์ 16)
0.600 มม. (เบอร์ 30) 90 – 100 90 – 100 70 – 90
0.300 มม. (เบอร์ 50)
0.150 มม. (เบอร์ 100) 65 – 90 65 – 90 45 – 70
0.075 มม. (เบอร์ 200)
residue ของแอสฟัลต์ รอ้ ยละ 40 – 65 45 – 70 28 – 50
โดยมวลของมวลรวมแหง้
อตั ราการฉาบ เป็น กก./ตร.ม. 25 – 42 30 – 50 19 – 34

15 – 30 18 – 30 12 – 25

10 – 20 10 – 21 7 – 18

5 – 15 5 – 15

10.0 – 16.0 7.5 – 13.5 6.5 – 12.0

3.0 – 5.5 5.5 – 10.0 10.0 – 16.0

2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีใชท้ าชนั้ พาราสเลอร่ซี ีลประกอบดว้ ย
2.1 แอสฟัลต์ คอื พาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ชนิด CSS-1hP ซง่ึ เป็น polymer modified asphalt emulsion ชนิด
quick set ผลิตขึน้ มาจากแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ชนิด CSS-1 หรือ CSS-1h ผสมกับยางธรรมชาติ (natural
rubber) โดยมีคณุ ภาพตาม มอก. 2157 : มอดฟิ ายดแ์ อสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั สาหรบั งานทาง
2.2 สารผสมเพ่ิม (additives) ใชเ้ พ่ือทาใหแ้ อสฟัลตอ์ ิมลั ชนั แตกตวั เรว็ ขึน้ หรือชา้ ลง หรือใชเ้ พ่ือใหแ้ อสฟัลต์
อิมลั ชนั เคลือบมวลรวมไดด้ ีย่ิงขึน้ ปริมาณท่ีใชต้ อ้ งพอเหมาะเพ่ือใหส้ ามารถเปิดการจราจรไดภ้ ายใน
เวลาท่ีตอ้ งการ สารผสมเพ่มิ นีจ้ ะใชห้ รือไมก่ ็ไดแ้ ลว้ แตก่ ารออกแบบ ซ่งึ จะตอ้ งไดร้ บั การเหน็ ชอบจากกรม
ทางหลวงชนบทกอ่ น
2.3 นา้ ตอ้ งเป็นนา้ สะอาด ปราศจากสารท่ีส่งผลกระทบตอ่ คณุ ภาพของส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีล และตอ้ ง
ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนนามาใชง้ าน

220

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.4 มวลรวม (aggregate) ตอ้ งเป็นหินโม่ซ่ึงแข็ง คงทน สะอาด ปราศจากดินหรือวสั ดไุ ม่พึงประสงคอ์ ่ืนใด
อาจมีวสั ดผุ สมแทรกดว้ ยก็ได้
ในกรณีท่ีไมไ่ ดร้ ะบคุ ณุ สมบตั ไิ วเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน มวลรวมตอ้ งมีคณุ สมบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้
2.4.1 มีค่า sand equivalent เม่ือทดลองตาม ASTM : D2419 “วิธีทดลองหาคา่ sand equivalent ไม่
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60
2.4.2 มีคา่ ความสกึ หรอ เม่ือทดลองตาม มทช. (ท) 501.9 – 2545 : วิธีการทดสอบหาความสกึ หรอของ
วสั ดชุ นิดเม็ดหยาบโดยใชเ้ คร่ืองมือทดสอบหาความสึกหรอ los angeles abrasion ไม่มากกว่า
รอ้ ยละ 35
2.4.3 มีคา่ สว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) เม่ือทดลองตาม ASTM: C88 - 05“วิธีการทดลองหาความคงทน
(soundness) ของมวลรวม โดยใชโ้ ซเดียมซลั เฟต จานวน 5 รอบ ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 9

2.5 วสั ดผุ สมแทรก (mineral filler) วสั ดผุ สมแทรก เชน่ ปนู ซีเมนต์ ปนู ขาว ซ่งึ เป็นสว่ นหน่งึ ของมวลรวมตอ้ ง
ใชใ้ นปรมิ าณนอ้ ยท่ีสดุ เท่าท่ีจาเป็น จะใชเ้ ม่ือตอ้ งการปรบั ปรุงความสะดวกในการทางาน (workability)
หรอื ปรบั ปรุงขนาดคละ (gradation)

3. เครอ่ื งจักรและเครอ่ื งมอื
เคร่ืองจักรและเคร่ืองมือต่างๆ ท่ีจะนามาใชจ้ ะตอ้ งไดร้ บั การดูแลรกั ษาใหอ้ ยู่ในสภาพท่ีใชก้ ารไดด้ ีตลอด

ระยะเวลาของการดาเนินงาน หากอปุ กรณเ์ คร่ืองจกั รหรือเคร่ืองมือนนั้ ไม่สามารถทางานไดผ้ ลตามตอ้ งการ ผรู้ บั
จา้ งจะตอ้ งแกไ้ ขใหด้ กี อ่ นนาไปใชง้ าน

3.1 เคร่อื งจกั รพาราสเลอร่ซี ีล
เคร่อื งจกั รพาราสเลอร่ซี ีลตอ้ งเป็นเคร่อื งจกั รท่ีขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง ประกอบดว้ ย
- เคร่อื งผสม (mixer)
- เคร่อื งฉีดนา้
- เคร่อื งฉาบ (spreader)
- เคร่อื งป๊ัมพาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั นา้ และสารผสมเพ่มิ
- สายพานลาเลียงมวลรวมและวสั ดผุ สมแทรกไปยงั เคร่อื งผสม
- ถงั ใสม่ วลรวม (aggregate bin)
- ถงั ใสว่ สั ดผุ สมแทรก (filler bin)
- ถงั ใสน่ า้ และใสพ่ าราแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั
- ถงั ใสส่ ารผสมเพ่มิ (additive tank)
- อปุ กรณค์ วบคมุ อตั ราสว่ นผสมของวสั ดุ

221

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

สว่ นประกอบของเคร่อื งจกั รดงั กลา่ วขา้ งตน้ สาหรบั รายการซง่ึ เป็นสว่ นประกอบท่ีสาคญั มีราย
ละเอียดดงั นี้
3.1.1 เคร่ืองผสม ตอ้ งเป็นเคร่ืองชนิดท่ีผลิตสว่ นผสมของพาราสเลอร่ีซีลไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองไม่ขาดตอน มี

เคร่ืองลาเลียงวสั ดุต่างๆ พรอ้ มมาตรวดั ปริมาณ สามารถลาเลียงมวลรวม วัสดุผสมแทรก นา้
พาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั และสารผสมเพ่ิมลงส่ถู งั ผสมตามอตั ราสว่ นท่ีกาหนดไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง มวล
รวมและวสั ดผุ สมแทรกถกู ลาเลียงลงสู่ถังผสมในตาแหน่งเดียวกัน เคร่ืองผสมสามารถลาเลียง
วสั ดทุ ่ีผสมเขา้ กนั อยา่ งดีแลว้ ลงเคร่อื งฉาบไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองไมข่ าดตอน
3.1.2 เคร่อื งฉีดนา้ ตดิ ตงั้ อยหู่ นา้ เคร่อื งฉาบ เชน่ fog spray bar สามารถฉีดนา้ ใหเ้ ป็นฝอยหรอื
ละออง ใชส้ าหรบั ฉีดนา้ ใหผ้ ิวทางเปียกไดอ้ ยา่ งท่วั ถงึ
3.1.3 เคร่ืองฉาบติดอย่ทู างดา้ นทา้ ยของเคร่ืองผสม ตอ้ งสามารถปรบั อตั ราการฉาบไดต้ ามท่ีกาหนด
ปรบั ความกวา้ งไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 1 ชอ่ งจราจร ฉาบไดเ้ รยี บและสม่าเสมอ
3.1.4 เคร่อื งป๊ัมแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั นา้ และสารผสมเพ่มิ ตอ้ งมีมาตรวดั ปรมิ าณและสามารถอา่ น
มาตรไดต้ ลอดเวลาในการทาพาราสเลอร่ซี ีล
3.1.5 สายพานลาเลียงมวลรวมและวสั ดผุ สมแทรกไปยงั เคร่ืองผสม ตอ้ งมีมาตรวดั ปรมิ าณและสามารถ
อา่ นมาตรไดต้ ลอดเวลาในการทาพาราสเลอร่ซี ีล
3.2 เคร่ืองกวาดฝ่ นุ เป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองหรือแบบลากท่ีติดตงั้ ท่ีรถไถนา (farm tractor) หรือรถ
อ่ืนใด ซ่ึงเป็นชนิดไมก้ วาดหมุนโดยเคร่ืองกล ขนไมก้ วาดอาจทาดว้ ยไฟเบอร์ ลวดเหล็ก ไนล่อน หวาย
หรอื วสั ดอุ ่ืนใดท่ีเหมาะสม ทงั้ นีต้ อ้ งมีประสิทธิภาพพอท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ งสะอาด อาจใชร้ ว่ มกบั
เคร่อื งเป่าฝ่นุ และไมก้ วาดมือซง่ึ สามารถทาความสะอาดผิวทางและรอยแตกได้
3.3 เคร่ืองเป่ าลม (blower) เป็นแบบติดตงั้ ท่ีรถไถนาหรือรถอ่ืนใด มีใบพดั ขนาดใหญ่ใหก้ าลงั ลมแรงและมี
ประสทิ ธิภาพพอเพียงท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะกอ่ สรา้ งสะอาด
3.4 เคร่ืองจกั รบดทบั ตอ้ งเป็นรถบดลอ้ ยางแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีนา้ หนกั ประมาณ 5 ตนั ลอ้ ยาง
ตอ้ งเป็นชนิดผิวหน้ายางเรียบ มีขนาดและจานวนชัน้ ผา้ ใบเท่ากันทุกลอ้ ความดันลมยางประมาณ
345 กิโลพาสคลั (50 ปอนดแ์ รงตอ่ ตารางนวิ้ )
3.5 อปุ กรณอ์ ่ืนๆ ท่ีจาเป็นในการดาเนนิ งาน เชน่ เคร่อื งฉาบดว้ ยมือ พล่วั

4. ข้อกาหนดในการออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรซ่ี ลี
4.1 การออกแบบสว่ นผสมนี้ ใหใ้ ชว้ ิธีของ the asphalt institute manual series No.19 โดยวิธีหาคา่ C.K.E.
และตามมาตรฐาน ASTM. D 3910 ( standard practice for design, testing, and construction of
slurry seal) หรือใชม้ าตรฐานและวิธีทดลองของ international slurry surfacing association (ISSA)

222

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หรือวธิ ีอ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบทเห็นชอบ ซง่ึ กอ่ นเร่มิ งานใหผ้ รู้ บั จา้ งทาการออกแบบสว่ นผสม แลว้
ใหผ้ คู้ วบคมุ งานเก็บตวั อย่างวสั ดพุ รอ้ มเอกสารการออกแบบจากผรู้ บั จา้ ง ส่งใหก้ รมทางหลวงชนบททา
การตรวจสอบ โดยผรู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้
4.2 คณุ ภาพของวสั ดทุ ่ีจะใชอ้ อกแบบจะตอ้ งผ่านการทดลองคณุ ภาพใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้ การออกแบบส่วนผสม
จะตอ้ งออกแบบใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน
4.3 สว่ นผสมพาราสเลอร่ซี ีลตอ้ งมีคณุ สมบตั ดิ งั นี้
4.3.1 เวลาในการผสม (mixing time) ท่ี 25 องศาเซลเซียส ไมน่ อ้ ยกวา่ 120 วนิ าที
4.3.2 คา่ flow อยรู่ ะหวา่ ง 10-20 มิลลิเมตร
4.3.3 initial setting time ไมม่ ากกวา่ 30 นาที
4.3.4 เวลาในการบม่ (curing time) ไมม่ ากกวา่ 2 ช่วั โมง
4.3.5 คา่ wet track abrasion loss ไมม่ ากกวา่ 500 กรมั ตอ่ ตารางเมตร
4.3.6 คา่ hubbard field stability ท่ี 25 องศาเซลเซียส ไมน่ อ้ ยกวา่ 11.8 กิโลนวิ ตนั (1,200 กิโลกรมั แรง)
4.4 กรมทางหลวงชนบทอาจพิจารณาเปล่ียนแปลงขนาดคละของมวลรวม ปริมาณเนือ้ ยางแอสฟัลตแ์ ละ
อตั ราการฉาบแตกตา่ งไปจากตารางท่ี 1 ก็ไดต้ ามความเหมาะสม แตค่ ณุ สมบตั ขิ องสว่ นผสมตอ้ งถกู ตอ้ ง
ตามขอ้ 4.3
4.5 หากวสั ดผุ สมมีการเปล่ียนแปลงเน่ืองจากมวลรวม หรือเหตอุ ่ืนใด ผรู้ บั จา้ งตอ้ งออกแบบส่วนผสมใหม่
ตามขอ้ 4.1
4.6 ระหว่างการฉาบพาราสเลอร่ีซีล ถ้าผูค้ วบคมุ งานเห็นว่าส่วนผสมของพาราสเลอร่ีซีลท่ีออกแบบไวไ้ ม่
เหมาะสมกบั สภาพความเป็นจรงิ ในสนาม มวลรวมหรือวสั ดผุ สมแอสฟัลตผ์ ิดพลาดจากขอ้ กาหนด ให้
ถือว่าส่วนผสมท่ีออกแบบไวไ้ ม่ไดต้ ามคณุ ภาพท่ีตอ้ งการ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทา การปรบั ปรุงแกไ้ ข แลว้ ทา
การออกแบบสว่ นผสมใหม่ โดยผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้
4.7 เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนของสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 2

223

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางที่ 2 เกณฑค์ วามคลาดเคล่อื นทย่ี อมให้สาหรับสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน

ผา่ นตะแกรงขนาด รอ้ ยละ
2.36 มม. (เบอร์ 8) และใหญ่กวา่ +5
1.18 มม. (เบอร์ 16) 0.600 มม. (เบอร์ 30) และ 0.300 มม. (เบอร์ 50) +4
0.150 มม. (เบอร์ 100) +3
0.075 มม. (เบอร์ 200) +2
residue ของแอสฟัลต์ โดยมวลของมวลรวมแหง้ + 0.5

หมายเหตุ กรณีท่ีกรมทางหลวงชนบทเห็นควรใหก้ าหนดขอบเขตของสตู รส่วนผสมเฉพาะงานแตกตา่ งไป
จากตารางท่ี 2 ก็สามารถดาเนินการไดต้ ามความเหมาะสม

4.8 การทดลองและการตรวจสอบการออกแบบการฉาบผวิ ทางแบบพาราสเลอร่ซี ีลทกุ ครงั้ ผรู้ บั จา้ ง
ตอ้ งชาระคา่ ธรรมเนียมตามอตั ราท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด

5. การเตรยี มการก่อสร้าง
กอ่ นทาการก่อสรา้ งใหด้ าเนนิ การดงั นี้
5.1 ใหก้ องมวลรวมใหเ้ ป็นระเบียบ โดยกองในบรเิ วณท่ีนา้ ไมข่ งั หรอื บรเิ วณท่ีจะไมท่ าใหม้ วลรวมมีคณุ สมบตั ิ
เปล่ียนแปลงไป กอ่ นนามวลรวมไปใชง้ านจะตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบและไดร้ บั การอนญุ าตจากผคู้ วบคมุ
งานกอ่ น
5.2 กรณีผิวทางเดิมเป็นผิวทางแอสฟัลต์ ใหท้ าการตรวจสอบพืน้ ท่ีท่ีจะทาการก่อสรา้ งและแก้ไข ความ
บกพรอ่ งตา่ งๆ ก่อนฉาบผิว เชน่ ถา้ ผิวเดิมบางจดุ มีความเสียหายหรือระดบั ไมด่ ี ใหท้ า deep patching
หรอื skin patching แลว้ แตก่ รณี
5.3 กรณีผวิ ทางเดมิ เป็นผิวทางคอนกรตี ใหท้ าการตรวจสอบรอยตอ่ และรอยแตกตา่ งๆแลว้ ทาการแกไ้ ข
ซอ่ มแซมตามความเหมาะสม ทาความสะอาดใหเ้ รียบรอ้ ยแลว้ ทาการ tack coat ก่อนทาการฉาบผิว
พาราสเลอร่ซี ีล
5.4 ตรวจสอบอุปกรณ์ เคร่ืองจกั รและเคร่ืองมือใหอ้ ย่ใู นสภาพท่ีพรอ้ มจะนาออกใชง้ านและผลิตส่วนผสม
พาราสเลอร่ซี ีลไดต้ ามท่ีออกแบบไว้
5.5 ใหท้ าการตรวจสอบและตรวจปรบั มาตรวดั ตา่ งๆ เพ่ือใหใ้ ชว้ สั ดไุ ดต้ ามอตั ราสว่ นท่ีตอ้ งการ

224

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.6 ในกรณีท่ีจาเป็นตอ้ งกวาดฝ่ นุ ใหใ้ ชเ้ คร่ืองกวาดฝ่ นุ กวาดวสั ดทุ ่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ อกจากผิวทางจนสะอาด
ถา้ จาเป็นใหใ้ ชน้ า้ ลา้ งดว้ ย

5.7 ตอ้ งพจิ ารณาสภาวะอากาศใหเ้ หมาะสม หา้ มทาการฉาบผวิ ในระหวา่ งฝนตกและอณุ หภมู ิของ
อากาศขณะฉาบตอ้ งไมต่ ่ากวา่ 10 องศาเซลเซียส

6. การก่อสร้าง
วัสดุต่างๆท่ีจะนามาผสมเป็นพาราสเลอร่ีซีลต้องเป็นวัสดุท่ีผ่านการทดลองและมีคุณภาพใช้ไดแ้ ล้ว
6.1 ขอ้ กาหนดท่วั ไปในการก่อสรา้ ง
6.1.1 กรณีท่ีผิวทางเดิมเป็นผิวทางแอสฟัลตท์ ่ีมีผิวแหง้ ตอ้ งทาใหเ้ ปียกสม่าเสมอดว้ ยเคร่ืองฉีดนา้ เป็น
ฝอยหรอื เป็นละอองทนั ทีกอ่ นทาการฉาบผิว
6.1.2 กรณีท่ีผิวทางเดิมเป็นผิวคอนกรีต ใหท้ าการ tack coat ดว้ ยแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ชนิด CSS-1 หรือ
CSS-1h ในอตั รา 0.1 – 0.3 ลิตรต่อตารางเมตรหรือจะผสมนา้ ในอัตราส่วน 1:1 แลว้ tack coat
ในอตั รา 0.2 – 0.6 ลิตรตอ่ ตารางเมตร ก่อนทาการฉาบผิว
6.1.3 พาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ในสว่ นผสมตอ้ งไมแ่ ตกตวั ในเคร่ืองฉาบก่อนท่ีจะฉาบ
6.1.4 พาราสเลอร่ซี ีลท่ีผสมแลว้ ตอ้ งสามารถกระจายไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอในเคร่อื งฉาบ ตอ้ งมีปรมิ าณมาก
พอตลอดเวลาเพ่ือใหก้ ารฉาบ ฉาบไดเ้ ตม็ ความกวา้ งตามตอ้ งการ
6.2 การฉาบ
6.2.1 สว่ นผสมพาราสเลอร่ซี ีลเม่ือฉาบบนผวิ ทางแลว้ ตอ้ งมีสว่ นผสมคงท่ีถกู ตอ้ งตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
6.2.2 ส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีลตอ้ งไม่จบั กนั เป็นกอ้ นหรือแตกตวั ในเคร่ืองฉาบ ไม่มีมวลรวมใดท่ีไมถ่ กู
เคลือบดว้ ยพาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ไมเ่ กิดการแยกตวั ระหว่างพาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั กบั มวลรวม
ละเอียดออกจากมวลหยาบหรือมีมวลหยาบตกลงสู่ส่วนล่างของวัสดผุ สม ถา้ มีกรณีดงั กล่าว
เกิดขนึ้ จะตอ้ งตกั วสั ดผุ สมนีอ้ อกไปจากผิวทาง
6.2.3 ตอ้ งไมม่ ีรอยครูดซ่งึ อาจเกิดจากหินกอ้ นใหญ่เกินไปปรากฏใหเ้ ห็นบนผิวทางท่ีฉาบเรียบรอ้ ยแลว้
ถา้ เกิดกรณีเช่นนีต้ อ้ งทาการตกแต่งและแกไ้ ขใหเ้ รียบรอ้ ย ผคู้ วบคมุ งานอาจใหใ้ ชต้ ะแกรงร่อน
มวลรวมก่อนนามาผสม
6.2.4 กรณีท่ีไมส่ ามารถใชเ้ คร่อื งฉาบทาการฉาบไดเ้ พราะสถานท่ีจากดั การฉาบดว้ ยมือตอ้ งได้
รบั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งานกอ่ น
6.3 รอยตอ่ ตามยาวหรือตามขวาง ตอ้ งไมเ่ ป็นสนั นนู หรอื มองเห็นชดั เจนวา่ ไมเ่ รียบรอ้ ย ถา้ เกิดกรณี
เชน่ นีต้ อ้ งทาการตกแตง่ และแกไ้ ขใหเ้ รยี บรอ้ ยโดยวธิ ีท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบ
6.4 การบดทบั

225

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.4.1 พาราสเลอร่ซี ีลชนิดท่ี 1 และชนิดท่ี 2 ไมต่ อ้ งทาการบดทบั
6.4.2 พาราสเลอร่ีซีลชนิดท่ี 3 อาจจะทาการบดทับหรือไม่ก็ได้ ขึน้ อยู่กับดลุ ยพินิจของผูค้ วบคมุ งาน

หากตอ้ งทาการบดทบั ใหบ้ ดทบั ขณะท่ีสว่ นผสมกาลงั แข็งตวั (ขณะบม่ ) โดยใชร้ ถบดลอ้ ยางตาม
ขอ้ 3.4 บดทบั ดว้ ยความเรว็ ประมาณ 6 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง จานวนไมน่ อ้ ยกวา่ 5 เท่ียว
6.5 การบม่ เม่ือฉาบผิวพาราสเลอร่ีซีลเสรจ็ แลว้ ตอ้ งปลอ่ ยใหบ้ ม่ ตวั ระยะเวลาหน่งึ ก่อนเปิดการจราจร การ
บม่ ตวั จะนานเทา่ ไรใหต้ รวจสอบการแตกตวั ของพาราแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั ในสว่ นผสมพาราสเลอร่ซี ีล โดยดู
การเปล่ียนสีของส่วนผสมจากสีนา้ ตาลเป็นสีดาและปราศจากนา้ ในส่วนผสม ซ่ึงสามารถจะทาการ
ตรวจสอบไดโ้ ดยใชก้ ระดาษซบั นา้ บนผิวพาราสเลอร่ีซีล ถา้ ไม่มีนา้ ปรากฎบนผิวและผวิ นนั้ เป็นสีดาแลว้
ก็สามารถเปิดการจราจรได้ โดยปกตจิ ะใชเ้ วลาบม่ ไม่เกิน 2 ช่วั โมง ระหวา่ งการบม่ ตวั ถา้ จาเป็นตอ้ งเปิด
ใหก้ ารจราจรผา่ น อาจใชห้ ินฝ่นุ หรอื ทรายสาดปิดเพ่ือใหร้ ถยนตผ์ า่ นก็ได้

7. การตรวจสอบคุณสมบัตสิ ่วนผสมในสนาม
เป็นการตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องส่วนผสมวา่ เป็นไปตามขอ้ กาหนดท่ีออกแบบไวห้ รือไม่ โดยมีการตรวจสอบดงั นี้
7.1 ตรวจสอบขนาดคละของมวลรวมทงั้ จาก stock pile (general test) และจากหนา้ งานแตล่ ะวนั (control
test) ว่าอย่ใู น tolerant limit ของสตู รส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่ ซ่ึงขนาดของมวลรวมมีผลต่อความ
หนาของผวิ ทางแบบพาราสเลอร่ซี ีล และคณุ สมบตั โิ ดยรวมของสว่ นผสมดว้ ย
7.2 ตรวจสอบความชืน้ (moisture content) ของมวลรวมเพ่ือใชป้ รบั เปอรเ์ ซ็นต์ water content ในสว่ นผสม
และใชค้ านวณนา้ หนกั มวลรวมแหง้ ท่ีใชง้ านในแตล่ ะวนั ท่ีทาการฉาบผิวทาง
7.3 ตรวจสอบคา่ sand equivalent ของมวลรวมท่ีมีขนาดผ่านตะแกรงเบอร์ 4 ซ่ึงจะตอ้ งมีคา่ ไม่นอ้ ยกว่า
รอ้ ยละ 60
7.4 ตรวจสอบส่วนผสม วา่ สามารถผสมมวลรวมกบั แอสฟัลตใ์ หเ้ ขา้ กนั ไดอ้ ยา่ งท่วั ถึงและสม่าเสมอในเวลาท่ี
ระบใุ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานหรอื ไม่ (mixing time) ซง่ึ จะตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 120 วนิ าที
7.5 ตรวจสอบคา่ flow ของสว่ นผสม ซง่ึ ตอ้ งอยรู่ ะหวา่ ง 10 – 20 มลิ ลิเมตร
7.6 ตรวจสอบชว่ งเวลาในการแตกตวั หรือแยกตวั (initial setting time) ของอนภุ าคแอสฟัลตว์ า่ เป็นไปตามท่ี
กาหนดในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่ ทัง้ นีต้ อ้ งไม่เกิน 30 นาที นับตงั้ แต่เวลาท่ีเร่ิมฉาบผิวทาง
บรเิ วณนนั้ โดยใชก้ ระดาษสีขาวบางๆซบั ท่ีผวิ ทาง ซ่งึ ตอ้ งไมม่ ีสีดาของแอสฟัลตเ์ ปื้อนตดิ กระดาษ
7.7 ตรวจสอบเวลาการบ่ม (curing time) ว่าเป็นไปตามข้อกาหนดในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่
วธิ ีการตรวจสอบทาไดโ้ ดยการเก็บตวั อยา่ งส่วนผสมจากสว่ นทา้ ยของรถฉาบผวิ มาทาการทดลองวดั คา่
Torque ด้วยเคร่ือง Cohesion Tester จับเวลาจนกว่าได้ค่า Torque ไม่น้อยกว่า 20 กก.-ซม. หรือ
ทดสอบผิวทางในสนามโดยใชว้ ิธี Shoe Test ทาไดโ้ ดยการยืนบนผิวทางใหน้ า้ หนกั ตวั ลงบนขาขา้ งท่ี

226

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ถนดั คอ่ นไปทางปลายเทา้ เผยอสน้ เทา้ ขนึ้ เล็กนอ้ ยแลว้ บิดเทา้ ไปมา 2-3 ครงั้ หากไมป่ รากฏว่าเม็ดของ
มวลรวมหลุดจากผิวทางจนเป็นแอ่งรอยเท้า แสดงว่าเกิดการบ่มตัวของผิวทางจนสามารถเปิ ด
การจราจรไดแ้ ลว้ หรือใชร้ ถยนตน์ า้ หนักไม่เกิน 1.5 ตนั ว่ิงผ่านบนผิวทางท่ีฉาบแล้วดว้ ยความเร็ว
ประมาณ 30 กม.ต่อช่วั โมง ซ่ึงตอ้ งไม่มีเม็ดหินหลุดกระเด็นขึน้ มาจนสามารถมองเห็นรอยร่องลอ้ ได้
ชดั เจน

ในกรณีท่ีผลตรวจสอบคณุ สมบตั สิ ว่ นผสมในสนามไมเ่ ป็นไปตามสตู รส่วนผสมเฉพาะงาน ตอ้ ง
หยดุ การก่อสรา้ ง เพ่ือตรวจหาสาเหตแุ ละทาการแกไ้ ข แลว้ เก็บตวั อยา่ งมวลรวมและแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ท่ี
ใชก้ อ่ สรา้ งในแปลงนนั้ ไวเ้ พ่ือการตรวจสอบในภายหลงั ระหวา่ งการฉาบพาราสเลอร่ซี ีลถา้ ผคู้ วบคมุ งาน
เหน็ วา่ สว่ นผสมของพาราสเลอร่ซี ีลท่ีออกแบบไว้ ไมเ่ หมาะสมกบั สภาพความเป็นจรงิ ในสนาม หรอื เห็น
วา่ มวลรวมวสั ดผุ สมแอสฟัลตผ์ ิดพลาดจากขอ้ กาหนดของสตู รส่วนผสมเฉพาะงาน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทาการ
ปรบั ปรุงแกไ้ ขหรอื ทาการเก็บตวั อยา่ งเพ่ือออกแบบสว่ นผสมใหม่ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ พินิจของผคู้ วบคมุ งาน

8. การอานวยการและการเปิ ดการจราจร
ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งอานวยความสะดวกและความปลอดภยั ในระหวา่ งการก่อสรา้ ง โดยจดั หาติดตงั้ อปุ กรณ์ ปา้ ย

เคร่ืองหมายและสญั ญาณจราจรเตือนล่วงหนา้ เพ่ือป้องกนั อุบตั ิเหตรุ ะยะเวลาท่ีจะเปิดการจราจรควรพิจารณา
ตามความจาเป็นในสนาม ควรเปิดการจราจรไดเ้ ม่ือบ่มตวั ครบ 2 ช่ัวโมงแลว้ ผู้ควบคุมงานจะเป็นผู้กาหนด
ระยะเวลาในการเปิดการจราจรตามความเหมาะสม

9. ข้อควรระวัง
9.1 การขนส่งพาราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ในกรณีท่ีเป็นถงั บรรจุ drum โดยเฉพาะการขนขนึ้ หรือลงตอ้ งระมดั ระวงั
ไม่ใหถ้ ังบรรจุพาราแอสฟัลตอ์ ิมัลชันไดร้ ับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เพราะอาจทาใหพ้ ารา
แอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั แตกตวั ได้
9.2 ก่อนใชพ้ าราแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั ท่ีบรรจถุ งั เก็บไวเ้ ป็นเวลานาน ควรกลงิ้ ถงั ไปมาอย่างนอ้ ยดา้ นละ 5
ครงั้ ก่อนบรรจลุ งในเคร่ืองผสมพาราสเลอร่ซี ีล ทงั้ นีเ้ พ่ือใหพ้ าราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั มีลกั ษณะเดียวกนั อย่าง
ท่วั ถงึ
9.3 ทกุ ครงั้ ท่ีทาการผสมพาราสเลอร่ีซีลเสรจ็ แลว้ ควรลา้ งเคร่ืองผสมใหส้ ะอาด มิฉะนนั้ จะมีแอสฟัลตเ์ กาะตดิ
ในเคร่อื ง ทาใหไ้ มส่ ะดวกในการทางานในครงั้ ตอ่ ไป
9.4 เม่ือเปิดถงั บรรจพุ าราแอสฟัลตอ์ ิมลั ชนั ออกใช้ ควรใชใ้ หห้ มดถงั หรอื ตอ้ งปิดฝาอยา่ งดี มิฉะนนั้ จะทาให้
นา้ ในถงั ระเหยได้ ซง่ึ จะทาใหพ้ าราแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั เส่ือมสภาพ

227

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 244 – 2556
งานพนื้ ทางดนิ ซเี มนต์ (Soil Cement Base)

1. ขอบข่าย
งานพืน้ ทางดนิ ซีเมนต์ (soil cement base) หมายถงึ การนาดนิ มาผสมกบั ปนู ซีเมนตด์ ว้ ยโรงผสม เพ่ือนาไป

กอ่ สรา้ งเป็นชนั้ พืน้ ทาง โดยใหม้ ีคณุ ภาพตามรูปแบบและขอ้ กาหนด

2. วัสดุ
2.1 ดินท่ีใช้ผสมกับปูนซีเมนตต์ อ้ งมีคุณสมบตั ิเป็นไปตามท่ีไดร้ ะบุไว้ในแบบหรือในรายละเอียดต่อทา้ ย
สญั ญา ซ่ึงตอ้ งเป็นวสั ดทุ ่ีปราศจากหนา้ ดิน วชั พืช หรืออินทรียว์ ตั ถุอ่ืน ๆ และไม่มีสารอ่ืนท่ีอาจเป็น
อนั ตรายตอ่ คณุ ภาพของดนิ ซีเมนตเ์ จือปน หา้ มใชว้ สั ดจุ าพวก Shale ในกรณีท่ีไมไ่ ดร้ ะบคุ ณุ สมบตั ิของ
ดนิ ไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ดนิ ท่ีจะใชท้ าดนิ ซีเมนตจ์ ะตอ้ งมีคณุ สมบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้
2.1.1 มีขนาดคละท่ีดี เม่ือทดสอบตาม มทช. (ท) 501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเมด็ ของวสั ดุ (sieve
analysis) มีขนาดเม็ดโตสดุ ไมเ่ กิน 50 มลิ ลิเมตร มีสว่ นท่ีผา่ นตะแกรงขนาด 2.00 มิลลเิ มตร
(เบอร์ 10) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 70 และสว่ นท่ีผา่ นตะแกรงขนาด 0.075 มลิ ลิเมตร (เบอร์ 200) ไมเ่ กิน
รอ้ ยละ 25
2.1.2 มีคา่ liquid limit เม่ือทดสอบตาม มทช. (ท) 501.5 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดเหลวไมเ่ กินรอ้ ยละ
35
2.1.3 มีคา่ plasticity index เม่ือทดสอบตาม มทช. (ท) 501.6 : วธิ ีการทดสอบเพ่ือหาคา่ ขีดพลาสติก ไม่
เกินรอ้ ยละ 11
2.1.4 มีคา่ ความสึกหรอ เม่ือทดสอบตาม มทช. (ท) 501.9 : วิธีการทดสอบหาความสึกหรอของวสั ดชุ นิด
เม็ดหยาบ (coarse aggregate) โดยใช้ los angeles abrasion ไมเ่ กินรอ้ ยละ 60
2.1.5 ในกรณีท่ีคา่ liquid limit หรือคา่ plasticity index เกินกวา่ คา่ ท่ีกาหนด จะตอ้ งใชป้ นู ขาวผสมเพ่ือ
ลดคา่ ดงั กลา่ วใหอ้ ยใู่ นเกณฑท์ ่ีกาหนด แตท่ งั้ นีต้ อ้ งไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 2 โดยนา้ หนกั ของดนิ
2.2 ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ ระเภท 1 ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 15 : ปนู ซีเมนตป์ อรต์
แลนดโ์ ดยตอ้ งเป็นปนู ซีเมนตใ์ หมบ่ รรจอุ ยใู่ นถงุ หรืออยใู่ นไซโล หา้ มใชป้ ูนซีเมนตท์ ่ีเส่ือมคณุ ภาพ โดย
สงั เกตไดจ้ ากการแข็งตวั จบั กนั เป็นกอ้ น
2.3 ปนู ขาว ตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก.241:ปนู ขาวสาหรบั งานก่อสรา้ ง

228

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.4 นา้ ท่ีจะนามาใชผ้ สมหรือบม่ ชนั้ พืน้ ทางดนิ ซีเมนตจ์ ะตอ้ งเป็นนา้ สะอาด ปราศจากสารท่ีสง่ ผลกระทบตอ่
คณุ ภาพของดนิ ซีเมนต์ และตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนนามาใชง้ าน

3. เครื่องจักร เครื่องมือทใี่ ช้ในการก่อสร้าง
ก่อนเร่มิ งานผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งเตรียมเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือท่ีดีมีประสิทธิภาพ ท่ีจาเป็นจะตอ้ งใชใ้ นการดาเนินงาน

ทางดา้ นวสั ดุ และการก่อสรา้ งไวใ้ หพ้ รอ้ มท่ีสถานท่ีกอ่ สรา้ ง ทงั้ นีต้ อ้ งมีความเหมาะสมกบั งาน ทงั้ ชนิด ขนาด และ
จานวน ตามท่ีผคู้ วบคมุ งานเหน็ สมควร และมีขีดความสามารถพอท่ีจะดาเนนิ การก่อสรา้ งไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตาม
รูปแบบและขอ้ กาหนดใหแ้ ลว้ เสรจ็ ในแตล่ ะวนั ถา้ เคร่อื งจกั รเคร่ืองมือชนิ้ ใดทางานไดไ้ มเ่ ตม็ ท่ี หรอื ทางานไมไ่ ดผ้ ล
ตามวตั ถปุ ระสงค์ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทาการแกไ้ ข หรอื จดั หาเคร่อื งจกั รเคร่ืองมืออ่ืนใดมาใชแ้ ทนหรอื เพ่มิ เตมิ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยู่
ในดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน โดยเคร่อื งจกั รท่ีจะนามาใชง้ านมีดงั นี้

3.1 โรงผสมดนิ ซีเมนต์
โรงผสมดินซีเมนตม์ ี 2 แบบ คือ โรงผสมแบบชุด (batch mixer) และโรงผสมแบบผสมต่อเน่ือง
(continuous mixer) ซ่ึงโรงผสมทงั้ สองแบบจะมีเคร่ืองปอ้ นวสั ดแุ ละมาตรวดั ปริมาณวสั ดทุ ่ีผา่ นเขา้ ไป
ในเคร่อื งผสมตามปรมิ าณท่ีไดก้ าหนดไวจ้ ากการออกแบบ โดยโรงผสมดนิ ซีเมนตต์ อ้ งอยใู่ นสภาพท่ีใช้
งานไดด้ ีมีประสทิ ธิภาพ และผูร้ บั จา้ งมีสิทธิท่ีจะเลือกใชโ้ รงผสมแบบชุดหรือแบบผสมต่อเน่ือง โดย
ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนนามาใชง้ าน
3.1.1 โรงผสมดินซีเมนตแ์ บบชุด (batch mixer) ประกอบดว้ ยเคร่ืองผสมท่ีมีตวั ผสมท่ีเหมาะสม ทา
หนา้ ท่ีคลกุ เคลา้ ดินกับซีเมนตใ์ หเ้ ขา้ กัน มีเครื่องจบั เวลาของการผสมติดตงั้ อยู่ในตาแหน่งที่ผู้
ควบคมุ งานสามารถมองเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน สามารถอา่ นเวลาไดล้ ะเอียดถึง 2 วนิ าที นอกจากนี้
โรงผสมตอ้ งติดตงั้ เคร่ืองนับจานวนชุดท่ีผสมแลว้ เสร็จไวท้ ่ีโม่ การผสมจะตอ้ งดาเนินไปอย่าง
ตอ่ เน่ืองจนกระท่งั ดนิ กบั ซีเมนตค์ ลกุ เคลา้ เขา้ กนั โดยสงั เกตไดจ้ ากสีและลกั ษณะของสว่ นผสมจะ
กลมกลืนกนั ดี เวลาของการผสมใหเ้ ร่ิมนบั เม่ือวสั ดทุ กุ อย่างถูกใส่ลงในหอ้ งผสมจนถึงเวลาเม่ือ
ดนิ ซีเมนตถ์ กู ปลอ่ ยออกจากหอ้ งผสม ปกตเิ วลาของการผสมไมค่ วรจะนอ้ ยกวา่ 30 วินาที
3.1.2 โรงผสมดินซีเมนตแ์ บบผสมต่อเน่ือง (continuous mixer) โรงผสมแบบนีจ้ ะจัดสดั ส่วนของดิน
ปูนซีเมนตแ์ ละปนู ขาว โดยส่งจากยุง้ ผ่านสายพานหรือเคร่ืองป้อนอ่ืนใดเข้าไปยังโรงผสมอย่าง
ตอ่ เน่ือง ปรมิ าณของดิน ปนู ซีเมนต์ นา้ และปนู ขาว จะถกู ควบคมุ โดยเคร่ืองควบคมุ อตั โนมัติ
ซ่ึงระบบการป้อนดินเขา้ สู่โรงผสมอาจจะเป็นระบบทางกลหรือทางไฟฟ้าก็ได้ แต่ควรเป็นระบบ
เดียวกนั กับระบบการปอ้ นปนู ซีเมนต์ ในการผสมดินซีเมนตแ์ บบผสมต่อเน่ือง ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ ง
เตรียมเคร่อื งช่งั สาหรบั ช่งั หานา้ หนกั ของดิน ปนู ซีเมนต์ นา้ และปนู ขาว เพ่ือตรวจสอบสว่ นผสมให้
ถกู ตอ้ ง

229

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3.2 เคร่อื งช่งั
เคร่ืองช่งั ท่ีใชใ้ นการช่งั นา้ หนกั ดิน ปูนซีเมนต์ นา้ และปูนขาว จะตอ้ งเป็นแบบคาน มีความละเอียด
ผิดพลาดไม่เกินรอ้ ยละ 0.5 ของนา้ หนกั ท่ีช่งั โดยเคร่ืองช่งั ท่ีใชช้ ่งั ปนู ซีเมนตใ์ นแตล่ ะชดุ จะตอ้ งอ่านได้
ละเอียดกวา่ เคร่อื งช่งั ท่ีใชช้ ่งั ดนิ หา้ มใชเ้ คร่อื งช่งั ซง่ึ เป็นแบบท่ีใชส้ ปรงิ กรณีควบคมุ ปรมิ าณนา้ โดยปรมิ าตร
เคร่ืองมือควบคมุ ปริมาณนา้ จะตอ้ งมีความละเอียดผิดพลาดไม่เกินรอ้ ยละ 0.5 ของปริมาตรท่ีตวง และ
ผูร้ บั จา้ งจะตอ้ งจดั หาตมุ้ นา้ หนกั มาตรฐานขนาด 25 กิโลกรมั อย่างนอ้ ย 10 ตมุ้ ไวท้ ่ีหนา้ งาน เพ่ือใช้
ตรวจสอบหาความถกู ตอ้ งของเคร่อื งช่งั

3.3 เคร่อื งจกั รบดทบั
จะตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีชนิดและขนาด ดงั นี้
3.1.1 รถบดส่นั สะเทือน(vibrating roller) ขนาดไมน่ อ้ ยกวา่ 100 แรงมา้ หรือรถบดชนิด 2 ลอ้ หรือ 3 ลอ้
ขนาดไมน่ อ้ ยกวา่ 8 ตนั
3.1.2 รถบดลอ้ ยางชนิดลอ้ เรียบขนาดไมน่ อ้ ยกว่า 8 ตนั สามารถบดทบั ชนั้ ทางใหไ้ ดค้ วามแน่นตาม
รูปแบบและข้อกาหนด โดยมีจานวนมากพอท่ีจะดาเนินการก่อสรา้ งไปอย่างต่อเน่ืองและมี
ประสิทธิภาพ การกาหนดชนิดและนา้ หนกั ของเคร่ืองจกั รบดทบั ใหพ้ ิจารณาจากการก่อสรา้ ง
แปลงทดสอบในสนามเป็นหลกั ซ่งึ ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งาน

3.4 ชดุ เคร่ืองจกั รประกอบการก่อสรา้ ง
3.4.1 เคร่อื งจกั รเกล่ียปรบั ระดบั (motor grader) ตอ้ งเป็นชนิดขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีขนาดไมน่ อ้ ย
กวา่ 115 แรงมา้ สามารถเกล่ียปรบั ระดบั วสั ดใุ หไ้ ดต้ ามรูปแบบท่ีกาหนด
3.4.2 รถบรรทกุ เททา้ ย (dump truck) ตอ้ งเป็นชนิดและขนาดท่ีเหมาะสมกบั งาน มีจานวนมากพอกบั
ปรมิ าณงาน เพ่ือใหก้ ารก่อสรา้ งดาเนินไปไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง
3.4.3 รถบรรทกุ นา้ ขนาดความจุไม่นอ้ ยกว่า 5000 ลิตร มีอุปกรณ์ควบคุมปริมาณการจ่ายนา้ ท่ี
เท่ียงตรง สม่าเสมอ ไดต้ ามท่ีกาหนด
3.4.4 เคร่ืองมือเจาะเก็บตวั อย่างดินซีเมนต์ เป็นระบบเคร่ืองยนตห์ รือระบบไฟฟ้า ซ่ึงมีหวั เจาะขนาด
เสน้ ผ่าศูนยก์ ลางไม่นอ้ ยกว่า 10 เซนติเมตร และมีกาลังมากพอท่ีจะเจาะเก็บตวั อย่างไดด้ ี
มีประสิทธิภาพ
3.4.5 เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือและอปุ กรณอ์ ่ืนใด นอกเหนือจากท่ีไดก้ าหนดไวข้ า้ งตน้ แลว้ ก่อนจะนามาใช้
งานตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน

3.5 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั หาเคร่อื งมือ และอปุ กรณก์ ารทดสอบท่ีไดม้ าตรฐาน มีสภาพพรอ้ มใชง้ าน เพ่ือใชใ้ นการ
ทดสอบและตรวจสอบคณุ ภาพ ตามท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนดจนกวา่ งานกอ่ สรา้ งจะแลว้ เสรจ็

230

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4. การออกแบบส่วนผสมดนิ ซเี มนต์
4.1 ก่อนเร่มิ งานไมน่ อ้ ยกวา่ 2 สปั ดาห์ ผคู้ วบคมุ งานและผรู้ บั จา้ งตอ้ งรว่ มกนั เก็บตวั อยา่ งวสั ดทุ ่ีจะนามาใช้
ทาดนิ ซีเมนต์ ส่งใหก้ รมทางหลวงชนบทเพ่ือออกแบบส่วนผสม และหากในระหว่างการก่อสรา้ งวสั ดุ
เปล่ียนแปลงไปจากท่ีนามาออกแบบส่วนผสม ผูร้ บั จา้ งจะตอ้ งเก็บตวั อย่างวัสดุส่งใหก้ รมทางหลวง
ชนบทออกแบบสว่ นผสมใหม่ โดยผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้
4.2 การออกแบบสว่ นผสมของดนิ ซีเมนต์ ทาไดโ้ ดยการผสมดินกบั ซีเมนต์ในอัตราส่วนต่างๆ จานวน
อัตราส่วนละ 3 ตวั อย่าง นามาบดอัดตาม มทช. (ท) 501.2 : วิธีการทดสอบความแน่นแบบสูงกว่า
มาตรฐาน นาตวั อย่างดินซีเมนตอ์ อกจากแบบ (mold) แลว้ บ่มโดยใชพ้ ลาสติกห่อเป็นเวลา 7 วนั เมื่อ
ครบกาหนดใหเ้ อาพลาสติกออกแลว้ นาไปแช่นา้ 2 ช่วั โมง นาขึน้ จากนา้ ปล่อยใหแ้ หง้ ดว้ ยอากาศจนมี
สภาพอ่ิมตวั ผิวแหง้ นาไปทดสอบหาคา่ กาลงั รบั แรงอดั (unconfined compressive strength ) เขียน
กราฟความสมั พนั ธร์ ะหว่างปริมาณซีเมนตก์ บั กาลงั รบั แรงอดั แลว้ เลือกปรมิ าณปนู ซีเมนตท์ ่ีทาใหแ้ ทง่
ตวั อยา่ งดนิ ซีเมนตร์ บั กาลงั รบั แรงอดั ไดเ้ ทา่ กบั 17.50 กิโลกรมั แรง ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร หรอื ตามท่ีแบบ
กาหนด และเลือกปรมิ าณปนู ซีเมนตท์ ่ีใหค้ า่ กาลงั รบั แรงอดั รอ้ ยละ 115 ของคา่ กาลงั รบั แรงอดั ท่ี 17.50
กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตรหรือตามท่ีแบบกาหนด เพื่อใชเ้ ป็นส่วนผสมในก่อสรา้ งแปลง
ทดสอบในสนาม

5. การก่อสร้างแปลงทดสอบในสนาม
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งก่อสรา้ งแปลงทดสอบในสนาม มีความยาวไม่นอ้ ยกว่า 200 เมตร โดยใชป้ ริมาณปนู ซีเมนตท์ ่ี

ใหค้ ่ากาลงั รบั แรงอดั รอ้ ยละ 115 ของค่ากาลังรบั แรงอัดท่ี 17.50 กิโลกรมั แรงต่อตารางเซนติเมตรหรือตามท่ี
กาหนดไวใ้ นแบบ ตามขอ้ 4.2 ในกรณีท่ีมีการเปล่ียนแปลงวสั ดุ เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ หรือผรู้ บั จา้ งไม่สามารถ
ดาเนินการก่อสรา้ งใหถ้ กู ตอ้ งตามรูปแบบและขอ้ กาหนด ใหผ้ รู้ บั จา้ งดาเนินการก่อสรา้ งแปลงทดสอบใหมจ่ นกวา่
จะไดต้ ามรูปแบบและขอ้ กาหนด โดยตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานก่อนใชแ้ ปลงทดสอบนั้นเป็น
แบบอยา่ งในการก่อสรา้ งตอ่ ไป

6. การก่อสร้าง
การก่อสรา้ งจะตอ้ งมีการวางแผนท่ีดี และตอ้ งคานงึ ถึงสภาพอากาศท่ีเหมาะสม เชน่ ไมม่ ีฝนตก อณุ หภมู ขิ อง

อากาศ ซ่งึ อาจจะส่งผลกระทบตอ่ การผสมวสั ดุ การบดทบั และการบม่ ในระหว่างก่อสรา้ งช่วงนนั้ ๆ ผรู้ บั จา้ ง
ตอ้ งดาเนินการไปอย่างต่อเน่ืองโดยไมห่ ยดุ ชะงัก และควบคมุ การจราจรเพ่ือไม่ใหช้ นั้ ทางท่ีกาลงั ก่อสรา้ งเสียหาย
โดยติดตงั้ ปา้ ยจราจรพรอ้ มอปุ กรณค์ วบคมุ การจราจรอ่ืน ๆ รวมทงั้ สญั ญาณไฟกลางคืนตามท่ีกรมทางหลวงชนบท

231

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กาหนด พรอ้ มทงั้ จดั การจราจรใหผ้ ่านพืน้ ที่ก่อสรา้ งไดต้ ลอดเวลา และปลอดภยั การก่อสรา้ งใหด้ าเนินการ
ดงั ตอ่ ไปนี้

6.1 การก่อสรา้ งพืน้ ทางดินซีเมนต์ หา้ มผสมดนิ กบั ปนู ซีเมนตโ์ ดยการฉีกถงุ โรยผสมในสายทาง และหา้ มนา
เคร่ืองจักรขุดตดั ผสมงาน recycling มาขุดตดั ผสมดินกับปูนซีเมนตใ์ นสายทาง การก่อสรา้ งให้ใช้
เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือในขอ้ 3 ซ่งึ ไดผ้ า่ นการตรวจสอบรบั รองและตรวจปรบั จากผคู้ วบคมุ งานแลว้ เทา่ นนั้
และขนั้ ตอนการก่อสรา้ งจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะวธิ ีการกอ่ สรา้ ง

6.2 การเตมิ ปนู ซีเมนต์ สาหรบั แปลงก่อสรา้ งถดั จากแปลงทดสอบในสนาม ตอ้ งเตมิ ในปรมิ าณท่ีกาหนด ซง่ึ
ปูนซีเมนตท์ ่ีใช้ควรเป็นเคร่ืองหมายการคา้ เดียวกันตลอดงาน หากมีเหตุจาเป็นตอ้ งเปล่ียนไปใช้
ปนู ซีเมนตเ์ คร่ืองหมายการคา้ อ่ืน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเก็บตวั อย่างสง่ ใหก้ รมทางหลวงชนบทออกแบบส่วนผสม
ใหม่ และเสนอใหผ้ ูค้ วบคุมงานพิจารณา ในกรณีท่ีปูนซีเมนตเ์ ก็บไวน้ านหรือเก็ บรักษาไว้ในท่ีไม่
เหมาะสม ซง่ึ อาจทาใหป้ นู ซีเมนตเ์ ส่ือมคณุ ภาพ ใหผ้ คู้ วบคมุ งานระงบั การนามาใชง้ าน หากประสงคจ์ ะ
นามาใชง้ านใหม่ ใหน้ า ปนู ซีเมนตไ์ ปตรวจสอบคณุ ภาพและออกแบบส่วนผสมใหม่ คา่ ใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ
ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

6.3 การเตมิ ปนู ขาวผสมกับดนิ ในกรณีท่ีจาเป็นตอ้ งใชป้ นู ขาว ตอ้ งเติมในปริมาณท่ีกาหนด ซ่งึ ปนู ขาวท่ีใช้
ควรเป็นเคร่ืองหมายการคา้ เดียวกนั ตลอดงาน หากมีเหตจุ าเป็นตอ้ งเปลี่ยนไปใชป้ นู ขาวเคร่ืองหมาย
การคา้ อ่ืน ผูร้ บั จา้ งตอ้ งเก็บตวั อย่างส่งให้กรมทางหลวงชนบทออกแบบส่วนผสมใหม่ และเสนอผู้
ควบคมุ งานพิจารณา ในกรณีท่ีปนู ขาวเก็บไวน้ านหรือเก็บรกั ษาไวใ้ นท่ีไมเ่ หมาะสม ซง่ึ อาจทาใหป้ นู ขาว
เส่ือมคณุ ภาพ ใหผ้ คู้ วบคมุ งานระงบั การนามาใชง้ าน หากประสงคจ์ ะนามาใชง้ านใหม่ ใหน้ าปนู ขาวไป
ตรวจสอบคณุ ภาพและออกแบบสว่ นผสมใหม่ คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

6.4 การเติมนา้ ทาไดโ้ ดยการฉีดพ่นเข้าไปผสมดินซีเมนตใ์ นเคร่ืองผสม โดยใชป้ ริมาณนา้ ท่ี ( optimum
moisture content )โดยประมาณ ระบบการสบู จ่ายตอ้ งเป็นแบบควบคมุ โดยอตั โนมตั แิ ละตอ้ งสมั พนั ธ์
กบั เคร่อื งผสม โดยระหวา่ งการก่อสรา้ งตอ้ งควบคมุ ความชืน้ วสั ดใุ หไ้ ดต้ ามท่ีกาหนด หากวสั ดสุ ว่ นใดมี
ความชืน้ ไมไ่ ดต้ ามท่ีกาหนด ผรู้ บั จา้ งตอ้ งแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง

6.5 ผสมดนิ กบั ซีเมนตโ์ ดยใชโ้ รงผสม เม่ือผสมเขา้ กนั ดีแลว้ ใชร้ ถบรรทกุ เททา้ ยบรรทกุ ดนิ ซีเมนตจ์ ากโรงผสม
ไปปลู งบนชนั้ รองพืน้ ทางท่ีผ่านการทดสอบความแนน่ ของการบดทบั ซ่งึ มีความลาดและระดบั ไดต้ าม
รูปแบบและขอ้ กาหนด ทาการบดทบั โดยใชเ้ คร่ืองจกั รบดทบั ระยะเวลาตงั้ แตเ่ ร่ิมผสมจนบดทบั แลว้
เสร็จไมค่ วรเกิน 2 ช่วั โมง และภายหลงั การบดทบั ใหท้ าการแตง่ ระดบั ขนั้ สุดทา้ ย (fine grading) ดว้ ย
เคร่อื งจกั รเกล่ียปรบั ระดบั ทนั ที

6.6 ฉีดพน่ นา้ เลีย้ งผวิ หนา้ พืน้ ทางดนิ ซีเมนตใ์ นขณะบดทบั ใหช้ ืน้ อย่ตู ลอดเวลา โดยควบคมุ ปรมิ าณความชืน้
ในดนิ ซีเมนตใ์ หอ้ ยทู่ ่ี optimum moisture content โดยประมาณ เพ่ือชว่ ยใหเ้ กิดปฏิกิรยิ าระหว่าง

232

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ปนู ซีเมนตก์ บั ดนิ สมบรู ณย์ ่งิ ขนึ้ สง่ ผลใหก้ าลงั รบั แรงอดั ของพืน้ ทางซีเมนตเ์ พ่มิ ขนึ้ และยงั ชว่ ยลดรอย
แตกของผิวหนา้ พืน้ ทางดนิ ซีเมนตอ์ นั เน่ืองมาจากการสญู เสียความชืน้ ควรทาการพน่ นา้ เลีย้ งผิวหนา้ พืน้
ทางดนิ ซีเมนตต์ ดิ ตอ่ กนั ในชว่ ง 3 วนั แรกหลงั การบดทบั
6.7 การก่อสรา้ งพืน้ ทางดินซีเมนต์ ใหก้ ่อสรา้ งเป็นชนั้ ๆ โดยใหม้ ีความหนาหลงั จากบดทบั แตล่ ะชนั้ ไม่เกิน
15 เซนตเิ มตร แลว้ ทาการทดสอบความแน่นการบดทบั ในสนามตามขอ้ 7.1.1 และทดสอบกาลงั รบั
แรงอดั ตามขอ้ 7.1.2 หากผลทดสอบเป็นไปตามขอ้ กาหนด ใหด้ าเนินการก่อสรา้ งชนั้ ทางในชนั้ ตอ่ ไปได้
6.8 ในกรณีท่ีแบบกาหนดใหพ้ ืน้ ทางดนิ ซีเมนตห์ นา 20 เซนตเิ มตร ใหผ้ รู้ บั จา้ งก่อสรา้ งพืน้ ทางเป็น 2 ชนั้ โดย
ใหม้ ีความหนาหลงั การบดทบั ชนั้ ละประมาณ 10 เซนติเมตร แลว้ ทาการทดสอบความแน่นการบด
ทบั ในสนามตามขอ้ 7.1.1 และทดสอบกาลงั รบั แรงอดั ตามขอ้ 7.1.2 หากผลทดสอบเป็นไปตาม
ขอ้ กาหนด ใหด้ าเนินการก่อสรา้ งชนั้ ทางในชนั้ ตอ่ ไปได้
6.9 ในกรณีก่อสรา้ งพืน้ ทางดินซีเมนตม์ ากกว่า 1 ชัน้ ให้ฉีดพ่นนา้ ลงบนผิวหนา้ พืน้ ทางดินซีเมนตท์ ่ีได้
ก่อสรา้ งไวแ้ ลว้ ใหช้ มุ่ ชืน้ ถา้ ผิวหนา้ ของพืน้ ทางดนิ ซีเมนตเ์ รียบเป็นมนั ใหผ้ รู้ บั จา้ งทาการครูดผวิ ใหเ้ ป็น
รวิ้ รอยก่อนแลว้ คอ่ ยพน่ นา้ ใหช้ มุ่ ชืน้ เพ่ือชว่ ยใหเ้ กาะยดึ กนั ไดด้ ี
6.10 ผรู้ บั จา้ งอาจก่อสรา้ งพืน้ ทางดินซีเมนตใ์ หม้ ีความหนาแตล่ ะชนั้ มากกว่า 15 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 20
เซนติเมตร ทงั้ นีต้ อ้ งแสดงรายการเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือท่ีเหมาะสม แสดงวิธีการปฏิบตั ิงาน และตอ้ ง
ก่อสรา้ งแปลงทดสอบในสนามยาวไม่นอ้ ยกว่า 200 เมตร ใหต้ รวจสอบคุณภาพก่อน เพ่ือขอรบั การ
พิจารณาอนุญาตจากกรมทางหลวงชนบท หากพบว่าระหว่างการก่อสรา้ งมีปัญหาเก่ียวกับความแนน่
หรือกาลังรับแรงอัดของพืน้ ทางดินซีเมนตไ์ ม่ไดต้ ามข้อกาหนด ผูค้ วบคุมงานอาจพิจารณาระงับการ
กอ่ สรา้ งพืน้ ทางดนิ ซีเมนต์ ท่ีมีความหนามากกวา่ ชนั้ ละ 15 เซนตเิ มตร
6.11 การบ่มและการเปิดการจราจร ในกรณีท่ีผรู้ บั จา้ งยงั ไม่ลาดแอสฟัลตช์ นั้ ไพรม์ โคท้ (prime coat) หลงั
กอ่ สรา้ งเสรจ็ ใหบ้ ม่ ดนิ ซีเมนตท์ กุ ชนั้ โดยพน่ นา้ ลงไปบนผิวหนา้ ของพืน้ ทางดนิ ซีเมนตท์ ่ีก่อสรา้ งเสรจ็ แลว้
ใหช้ ่มุ ชืน้ ตลอดเวลา ติดตอ่ กันอย่างนอ้ ยท่ีสุด 3 วนั นบั จากวนั ท่ีบดทับเสร็จ ในช่วงเวลาของการบ่ม
อนญุ าตใหเ้ ปิดการจราจรไดต้ ามปกติ
6.12 ใหผ้ รู้ บั จา้ งทาการลาดแอสฟัลตช์ นั้ ไพรม์ โคท้ (prime coat) ภายหลงั จากก่อสรา้ งพืน้ ทางดนิ ซีเมนตแ์ ลว้
เสรจ็ ในเวลาอนั สมควร เน่ืองจากพืน้ ทางดินซีเมนตม์ ีผวิ หนา้ แนน่ มาก ใหล้ าดแอสฟัลตช์ นั้ ไพรม์ โคท้ โดย
ใช้ cut – back asphalt ชนิด MC – 70 หากพบว่าแอสฟัลต์ไม่ซึมลงไปในชั้นพื้นทางดินซีเมนตด์ ี
เท่าท่ีควร ใหผ้ ูร้ บั จา้ งพิจารณาใชแ้ อสฟัลต์ MC – 30 ลาดแทน ตาม มทช. 225 : มาตรฐานงานไพร์
มโคท้ ในอตั ราการลาด 0.8 – 1.4 ลติ รตอ่ ตารางเมตร
6.13การก่อสรา้ งชนั้ ผวิ ทางใหผ้ รู้ บั จา้ งก่อสรา้ งไดภ้ ายหลงั จากกอ่ สรา้ งพืน้ ทางดนิ ซีเมนตแ์ ลว้ เสรจ็ เป็นระยะ
เวลานานไมน่ อ้ ยกวา่ 15 วนั

233

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

7. การตรวจสอบชั้นพนื้ ทางดนิ ซเี มนต์
7.1 การตรวจสอบดา้ นคณุ ภาพ
7.1.1 การทดสอบหาคา่ ความแนน่ การบดทบั ในสนาม ควรทดสอบในวนั ท่ีทาการบดทบั แลว้ เสรจ็ โดย
ใหด้ าเนินการตาม มทช. (ท) 501.4 : วธิ ีการทดสอบหาคา่ ความแนน่ ของวสั ดงุ านทางในสนาม ทกุ
ระยะประมาณ 100 เมตร ตอ่ ความกวา้ ง 1 ชอ่ งจราจร หรอื ประมาณพืน้ ท่ี 500 ตารางเมตร ตอ่ 1
หลมุ ตวั อยา่ ง หรือตามท่ีแบบกาหนด โดยคา่ ความแน่นการบดทบั ในสนามตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ
95 ของความแนน่ ตาม มทช. (ท) 501.2 : วธิ ีการทดสอบความแนน่ แบบสงู กวา่ มาตรฐาน หรอื
ตามท่ีแบบกาหนด
7.1.2 การทดสอบกาลงั รบั แรงอดั ใหเ้ ก็บตวั อยา่ งดินซีเมนตใ์ นขณะทาการก่อสรา้ งแตล่ ะช่วง จานวน 3
ตวั อยา่ ง ในกรณีก่อสรา้ งดนิ ซีเมนตห์ นา 15 เซนตเิ มตร ใหเ้ ก็บตวั อย่างใหค้ รอบคลมุ พืน้ ท่ีก่อสรา้ ง
ไม่เกิน 1,500 ตารางเมตร และใหถ้ ือวา่ ตวั อยา่ งดนิ ซีเมนต์ 3 ตวั อยา่ งนีเ้ ป็น 1 ชดุ ทดสอบ นามา
บดอัดตาม มทช. (ท) 501.2 : วิธีการทดสอบความแน่นแบบสูงกว่ามาตรฐาน นาตัวอย่างดิน
ซีเมนตอ์ อกจากแบบ (mold) แลว้ บม่ โดยใชพ้ ลาสติกหอ่ เป็นเวลา 7 วนั เมื่อครบกาหนดใหเ้ อา
พลาสติกออกแลว้ นาไปแช่นา้ 2 ช่วั โมง นาขึน้ จากนา้ ปล่อยใหแ้ หง้ ดว้ ยอากาศจนมีสภาพอ่ิมตวั
ผิวแหง้ นาไปทดสอบหาคา่ กาลงั รบั แรงอดั (unconfined compressive strength ) ซ่ึงตอ้ งได้
ไม่นอ้ ยกว่าท่ีแบบกาหนด ทงั้ นีอ้ นุญาตใหม้ ีแท่งตัวอย่างท่ีมีค่ากาลงั รับแรงอัดต่ากว่าท่ีแบบ
กาหนดไดไ้ มเ่ กิน 1 ตวั อยา่ ง แตต่ อ้ งไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 85 ตามท่ีแบบกาหนด ในกรณีท่ีคา่ กาลงั
รบั แรงอดั แทง่ ตวั อยา่ งแตล่ ะชดุ ทดสอบต่ากวา่ ท่ีแบบกาหนด ผรู้ บั จา้ งอาจขอใหเ้ จาะเก็บตวั อย่าง
ดนิ ซีเมนตใ์ นชว่ งนนั้ มาทดสอบหาคา่ กาลงั รบั แรงอดั ใหม่ โดยผลการทดสอบกาลงั รบั แรงอดั ของ
ตวั อยา่ งดินซีเมนตท์ ่ีเจาะจากสนามจานวน 3 ตวั อย่าง ตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 85 ของกาลงั รบั
แรงอดั ท่ีแบบกาหนด จึงจะถือว่าการก่อสรา้ งดินซีเมนตใ์ นช่วงนนั้ ใชไ้ ด้ ทงั้ นีอ้ นุญาตใหม้ ีแท่ง
ตวั อยา่ งท่ีกาลงั รบั แรงอดั ต่ากวา่ รอ้ ยละ 85 ของกาลงั รบั แรงอดั ท่ีแบบกาหนดไดไ้ มเ่ กิน 1 ตวั อยา่ ง
แต่ตอ้ งไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 70 ของกาลังรับแรงอัดท่ีแบบกาหนด ถ้าผลการทดสอบกาลังรับ
แรงอดั ของแท่งตวั อย่างไม่ไดต้ ามท่ีกาหนด ใหถ้ ือว่าการก่อสรา้ งดินซีเมนตใ์ นช่วงนนั้ ใชไ้ ม่ได้
ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งรือ้ ออกทงิ้ ไป และทาการก่อสรา้ งใหมใ่ หไ้ ดม้ าตรฐานตามขอ้ กาหนด โดยผรู้ บั จา้ ง
จะตอ้ งเป็นผอู้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ สนิ้

234

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 245-2557
มาตรฐานวัสดแุ อสฟัลตซ์ เี มนตป์ รับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ

(Natural Rubber Modified Asphalt Cement)

1. ขอบข่าย
วัสดุแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ (Natural Rubber Modified Asphalt Cement)

หมายถึง การนายางแอสฟัลตซ์ ีเมนตผ์ สมปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ และอาจมีสารผสมเพ่ิมอ่ืนท่ี
เหมาะสม เพ่ือใหไ้ ดค้ ณุ สมบตั ติ ามขอ้ กาหนด โดยใชส้ าหรบั งานก่อสรา้ งและบารุงรกั ษาทาง

2. คุณสมบัติ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตอ้ งมีลกั ษณะเป็นเนือ้ เดียวกนั มีการกระจายของเนือ้

ยางธรรมชาติอย่างสม่าเสมอ ปราศจากสารแปลกปลอมอ่ืนใดเจือปน เม่ือใหค้ วามร้อนท่ีอณุ หภูมิ 170 องศา
เซลเซียส ตอ้ งไม่มีฟอง ไมแ่ ยกตวั ในขณะใหค้ วามรอ้ น ในขณะปล่อยใหเ้ ย็น และในขณะขนส่ง การทดสอบทา
ไดโ้ ดยการตรวจพินจิ และมีคณุ สมบตั อิ ่ืนๆ ดงั ตอ่ นี้

2.1 มีความคงทนตอ่ การเส่ือมสภาพท่ีอณุ หภมู ผิ สมกบั วสั ดมุ วลรวม
2.2 มีความหนืดท่ีเหมาะสมสาหรบั เคลือบวสั ดมุ วลรวมท่ีอณุ หภมู ใิ ชง้ าน
2.3 รกั ษาคณุ สมบตั ติ า่ งๆ ไดใ้ นขณะอยใู่ นถงั เก็บ และในขนั้ ตอนการนาไปใช้
2.4 คณุ ลกั ษณะอ่ืนๆใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1 (ขอ้ กาหนดคณุ สมบตั วิ สั ดแุ อสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพ

ดว้ ยยางธรรมชาติ) การเก็บรกั ษา ตอ้ งเก็บในไวถ้ ังเก็บท่ีมีระบบการกวนและการควบคุมอุณหภูมิ
ระยะเวลาในการนาไปใชง้ านหลงั การผลติ แลว้ เสรจ็ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 2

3. การควบคุมคุณภาพ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติท่ีนามาใช้งาน ตอ้ งผ่านการตรวจสอบและรบั รอง

คณุ ภาพจากกรมทางหลวง และตอ้ งมีเอกสารกากบั ดงั นี้
3.1 ใบกากบั สินคา้ จากบรษิ ทั ผผู้ ลิต
3.2 ใบส่งั จา่ ยผลิตภณั ฑจ์ ากบรษิ ัทผผู้ ลิต
3.3 หนงั สือรบั รองคณุ ภาพจากกรมทางหลวง

235

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางท่ี 1 ข้อกาหนดคุณสมบัตวิ ัสดแุ อสฟัลตซ์ เี มนตป์ รับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ

ลาดบั คณุ ลกั ษณะ หนว่ ย เกณฑท์ ่ี วิธีทดสอบตาม
ที่ กาหนด

1 เพนิเทรชนั ทอ่ี ณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส - 50 ถึง มอก.1201
นา้ หนกั กด 100 กรมั เวลา 5 วนิ าที 70

2 จดุ ออ่ นตวั ไมน่ อ้ ยกวา่ องศาเซลเซียส 50 มอก.1216

3 จดุ วาบไฟ ไมน่ อ้ ยกวา่ องศาเซลเซียส 220 มอก.1182 เลม่ 2

4 ความยืดหยนุ่ กลบั ( Elastic recovery ) รอ้ ยละ 40 ASTM D 6084
ที่อณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซียส ระยะ 10 เซนติเมตร

ไมน่ อ้ ยกวา่

5 เสถียรภาพต่อการเก็บท่ี 24 ช่ัวโมง อุณหภูมิ 163 องศาเซลเซียส 4 IS 15462
หรอื มอก.1216
องศาเซลเซียส ค่าความแตกต่างของจุดอ่อนตัว

ระหวา่ งบนและลา่ งของหลอดทดสอบ ไมเ่ กิน

6 ความหนืดบรูคฟิลด์ อตั ราเฉือน 18.6 วินาที-1 แกน มิลลพิ าสคลั 200 ถงึ ASTM D 4402
( Spindle ) 21 ทอ่ี ณุ หภมู ิ 150 องศาเซลเซียส วนิ าที 600

7 ความตา้ นแรงเฉือนไดนามิก G*/sin ที่อุณหภูมิ 70 กิโลพาสคลั 1.0 AASHTO
T 315
องศาเซลเซยี ส 10 rad/s ไมน่ อ้ ยกวา่

8 ปริมาณเนือ้ ยางธรรมชาติ ( Rubber content ) ไม่ รอ้ ยละโดย 5.0 Certificate
นอ้ ยกวา่ นา้ หนกั

กากทเี่ หลอื จากการอบ ( Test on Residue from Thin Film Oven Test )

9 นา้ หนกั ท่ีสญู เสยี ไปเม่อื ใหค้ วามรอ้ น ไมเ่ กิน รอ้ ยละโดย 1.0 มอก.1223

นา้ หนกั

10 เพนเิ ทรชนั ท่ีอณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซียส รอ้ ยละของเพนิ 60 มอก.1201
นา้ หนกั กด 100 กรมั เวลา 5 วนิ าที ไมน่ อ้ ยกวา่ เทรชนั เดมิ

11 จดุ ออ่ นตวั แตกตา่ งจากเดมิ ไมเ่ กิน องศาเซลเซียส + 6 มอก.1216

12 ความยดื หยนุ่ กลบั ( Elastic recovery ) รอ้ ยละ 25 ASTM D 6084
ที่อณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซียส ระยะ 10 เซนติเมตร

ไมน่ อ้ ยกวา่

หมายเหตุ มาตรฐานวิธีการทดสอบตาม มอก. ASTM AASHTO และ IS ใหใ้ ชเ้ ป็นปีลา่ สดุ

การเก็บรกั ษา ตอ้ งเก็บในไวถ้ ังเก็บท่ีมีระบบการกวน การควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการ

นาไปใชง้ านหลงั การผลิตแลว้ เสรจ็ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 2

236

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางท่ี 2 การควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการนาไปใช้งานหลังการผลิตแล้วเสรจ็

อณุ หภมู ใิ นถงั เก็บ ระยะเวลาไมเ่ กิน
( องศาเซลเซียส ) ( ช่วั โมง )
3
180 4
170 12
160 18
150 48
140 72
130

ในกรณีมีเหตจุ าเป็นท่ีตอ้ งเก็บรกั ษาแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีก่อนนามาใช้
งานเป็นระยะเวลานานกว่าในตารางท่ี 2 ใหเ้ ก็บรกั ษาไวท้ ่ีอณุ หภูมิ 90-100 องศาเซลเซียส จะเก็บไวไ้ ดน้ าน
14-20 วนั หากเก็บรกั ษาไวท้ ่ี 80 องศาเซลเซียส จะเก็บไวไ้ ดน้ านมากกวา่ 20 วนั ทงั้ นีต้ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบ
จากกรมทางหลวงชนบท

4. เอกสารอ้างองิ
4.1 ปรีมนต์ เสถียรกาล. บนั ทึกส่วนวิเคราะหว์ สั ดทุ างวิทยาศาสตร์ ลงวนั ท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ 2545 ผล
การศกึ ษาเร่อื ง การทดลองยางแอสฟัลตซ์ ีเมนตผ์ สมยางธรรมชาติ
4.2 มาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม. มอก.1182 เล่ม 2 การทดสอบปิโตเลียมและผลิตภณั ฑป์ ิโตเลียม
เลม่ 2 จดุ วาบไฟและจดุ ตดิ ไฟโดยถว้ ยเปิดคลีฟแลนด์
4.3 มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม. มอก.1201 วธิ ีทดสอบเพนิเทรชนั ของวสั ดยุ างมะตอย
4.4 มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม. มอก.1202 วิธีทดสอบความยืดดงึ ของวสั ดยุ างมะตอย
4.5 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม. มอก.1216 วธิ ีทดสอบจดุ ออ่ นตวั ของวสั ดยุ างมะตอยโดยใชว้ งแหวน
กบั ลกู ปืน
4.6 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม. มอก.1223 วิธีทดสอบผลของความรอ้ นและอากาศท่ีมีตอ่ สมบตั ิของ
วสั ดยุ างมะตอย

237

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
4.7 สานกั วิเคราะหแ์ ละตรวจสอบ กรมทางหลวง ขอ้ กาหนดพิเศษท่ี สว.พิเศษ 1/2555 ขอ้ กาหนดพิเศษ

Natural Rubber Modified Asphalt Concrete สาหรับงานวิจัยก่อสร้างแปลงทดสอบแอสฟัลต์
คอนกรีตผสมยางพารา ทางหลวงหมายเลข 305 กม. 51 + 750 – กม. 53 + 750 RT.
4.8 ขอ้ กาหนดท่ี ทล.-ก. 409/2556 กรมทางลวง กระทรวงคมนาคม
4.9 American Association of State Highway and Transportation Officials. AASHTO T 315
Standard method of Test for Determining the Rheological Properties of Asphalt Binder
Using a Dynamic Shear Rheometer( DSR )
4.10 American Society for Testing and Materials. ASTM D 4402 Standard Test Method for
Viscosity Determination of Asphalt at Elevated Temperatures Using a Rotational
Viscometer.
4.11 American Society for Testing and Materials. ASTM D 6084 Standard Test Method for
Elastic Recovery of Bituminous Materials by Ductilometer.
4.12 Indian Standard IS 15462 : 2004 Polymer and Rubber Modified Bitumen – Specification
4.13 P D Thompson. Natural Rubber Producers ‘ Research Association ( London ) The Use of
Natural Rubber in Road Surfacings.

238

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 246-2557
มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ

(Natural Rubber Modified Asphalt Concrete)

1. ขอบข่าย
งานแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ (Natural Rubber Modified Asphalt Concrete)

หมายถึง การนาวสั ดผุ สมรอ้ นระหว่างวสั ดมุ วลรวม (Aggregate) กบั แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยาง
ธรรมชาติ (Natural Rubber Modified Asphalt Cement) โดยควบคุมอัตราส่วนผสมและอุณหภูมิใหไ้ ดต้ ามท่ี
กาหนด เพ่ือนามาใชใ้ นงานกอ่ สรา้ ง งานบรู ณะ และงานบารุงรกั ษาทาง

2. วัสดุ
งานแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ประกอบดว้ ยวสั ดมุ วลรวมท่ีไดจ้ ากการผสมวสั ดุ

มวลหยาบ (Coarse Aggregate) กบั วสั ดมุ วลละเอียด (Fine Aggregate) ซ่ึงอาจเพ่ิมวสั ดผุ สมแทรก (Mineral
Filler) ไดต้ ามความเหมาะสม เพ่ือใหม้ ีขนาดคละตามตารางท่ี 1 และแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยาง
ธรรมชาติ

2.1 วสั ดมุ วลหยาบ หมายถึง ส่วนท่ีคา้ งตะแกรงขนาด 4.75 มิลลิเมตร (เบอร์ 4) เป็นหินย่อย (Crushed
Rock) ตะกรนั เหล็ก (Slag) หรือวสั ดอุ ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบทอนมุ ตั ใิ หใ้ ช้ ตอ้ งเป็นวสั ดทุ ่ีแข็งคงทน
สะอาด ปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคใ์ ดๆ ท่ีทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตมิ ี
คุณภาพด้อยลง ในกรณีไม่ไดร้ ะบุคุณสมบัติของวัสดุมวลหยาบไวเ้ ป็นอย่างอ่ืน ตอ้ งมีคุณสมบัติ
ดงั ตอ่ ไปนี้
2.1.1 มีคา่ ของการสกึ หรอ ( Percentage of Wear ) ไมม่ ากกวา่ รอ้ ยละ 35 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.
(ท) 501.9 : วิธีการการทดสอบหาความสกึ หรอของวสั ดชุ นิดเม็ดหยาบโดยใชเ้ คร่ือง Los Angles
Abrasion
2.1.2 มีค่าของส่วนท่ีไม่คงทนไม่มากกว่ารอ้ ยละ 9 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.12 : วิธีการ
ทดสอบหาคา่ ความคงทน ( Soundness ) ของมวลรวม โดยใชโ้ ซเดียมซลั เฟต จานวน 5 รอบ
2.1.3 มีแอสฟัลตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตเิ คลือบผวิ ของวสั ดมุ วลรวมหยาบไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ
95 ตามวิธีการทดสอบ AASHTO T 182 ( Coating and Stripping of Bitumen Aggregate
Mixtures )
2.1.4 มีค่าดรรชนีความแบนไม่มากกว่ารอ้ ยละ 35 ตามวิธีการทดสอบหาค่าดรรชนีความแบน
(Flakiness Index)

239

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.1.5 มีค่าดรรชนีความยาวไม่มากกว่าร้อยละ 35 ตามวิธีการทดสอบหาค่าดรรชนีความยาว
(Elongation Index)

2.1.6 มีคา่ ปรมิ าณการแตกหกั ของวสั ดมุ วลรวมเม่ือถกู บดไมม่ ากกว่ารอ้ ยละ 25 ตามวธิ ีการทดสอบ (
BS 812: Part 110 “Aggregate Crushing Value (ACV) หรือตามวิธีทดลองท่ี ทล.-ท. 208 :
วธิ ีการทดลองหาคา่ ปรมิ าณการแตกหกั ของวสั ดมุ วลรวมเม่ือถกู แรงตกกระแทก

2.2 วสั ดลุ ะเอียด หมายถงึ สว่ นท่ีผา่ นตะแกรงขนาด 4.75 มิลลิเมตร (เบอร์ 4) เป็นหนิ ฝ่นุ ตะกรนั เหลก็ หรือ
ทราย และปราศจากวสั ดอุ ่ืนท่ีไม่พึงประสงค์ ซ่งึ อาจทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยาง
ธรรมชาติมีคุณภาพด้อยลง ในกรณีไม่ได้ระบุคุณสมบัติของวัสดุละเอียดไว้เป็นอย่างอ่ืน ตอ้ งมี
คณุ สมบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้
2.2.1 มีคา่ Sand Equivalent ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ตามวธิ ีการทดสอบท่ีมทช.(ท)501.13 :
มาตรฐานวิธีการทดสอบหาคา่ ความสมมลู ยข์ องทราย (Sand Equivalent )
2.2.2 มีค่าของส่วนท่ีไม่คงทนไม่มากกว่ารอ้ ยละ 9 ตามวิธีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.12 : วิธีการ
ทดสอบหาคา่ ความคงทน ( Soundness ) ของมวลรวม โดยใชโ้ ซเดยี มซลั เฟต จานวน 5 รอบ

2.3 วสั ดผุ สมแทรก ตอ้ งแหง้ ไม่จบั กันเป็นกอ้ น ซ่ึงอาจเป็นฝ่ นุ หิน ปนู ซีเมนต์ ปนู ซีเมนตผ์ สมปนู ขาว หรือ
วสั ดอุ ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบทอนุมตั ิใหใ้ ช้ โดยใชผ้ สมเพ่ิมในกรณีท่ีส่วนละเอียดในวสั ดมุ วลรวมไม่
พอ มีขนาดคละตามตารางท่ี 2 ตามวธิ ีการทดสอบท่ี มทช.(ท) 501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเม็ดวสั ดุ
ในกรณีท่ีวสั ดผุ สมแทรกมีขนาดคละแตกตา่ งไปจากตารางท่ี 2 แตเ่ ม่ือนามาใชเ้ ป็นวสั ดผุ สมแทรกแลว้
จะทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติมีคณุ ภาพดีขึน้ ใหใ้ ชว้ สั ดนุ นั้ เป็นวสั ดุ
ผสมแทรกได้ แตต่ อ้ งไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากกรมทางหลวงชนบท

2.4 แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติตอ้ งมีคุณสมบตั ิตาม มทช.245 : มาตรฐานวัสดุ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ

3. การออกแบบส่วนผสม
3.1 ก่อนเร่ิมงานไม่นอ้ ยกว่า 30 วนั ผูร้ บั จา้ งตอ้ งเสนอเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต
ปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติต่อผูค้ วบคุมงาน แลว้ ผูค้ วบคมุ งานตอ้ งเก็บตวั อย่างวสั ดพุ รอ้ ม
เอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกกรีตปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ส่งใหก้ รมทาง
หลวงชนบทเพ่ือทาการตรวจสอบ ผรู้ บั จา้ งอาจรอ้ งขอใหก้ รมทางหลวงชนบทเป็นผอู้ อกแบบส่วนผสม
แอสฟัลตค์ อนกรตี ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตใิ หก้ ็ได้
3.2 คุณสมบตั ิของวัสดุท่ีจะใช้ทาแอสฟัลตค์ อนกรีตปรับปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ขนาดคละและ
ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1

240

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3.3 ขอ้ กาหนดในการออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี
3

3.4 กรมทางหลวงชนบท เป็นผูต้ รวจสอบเอกสารการออกแบบ หรือทาการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ พรอ้ มทงั้ พิจารณากาหนดสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน (Job
Mix Formula) ซ่งึ มีเกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนท่ียอมให้ (Tolerant Limit) ของวสั ดตุ า่ งๆ ตามตารางท่ี 4
เพ่ือใชค้ วบคมุ งานนนั้ ๆ กรณีท่ีกกรมทางหลวงชนบทเห็นควรใหก้ าหนดเกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนท่ียอม
ใหใ้ นสตู รส่วนผสมเฉพาะงาน ใหม้ ีพิสยั แคบกว่าท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 4 สามารถดาเนินการไดต้ าม
ความเหมาะสม

3.5 การผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีโรงงานผสม ถ้ามวลรวมขนาดหน่ึง
ขนาดใด หรือปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ หรือคุณสมบัติอ่ืนใด
คลาดเคล่ือนเกินกว่าขอบเขตท่ีกาหนดไวใ้ นสตู รส่วนเฉพาะงาน จะถือส่วนผสมของแอสฟัลตค์ อนกรีต
ปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีผสมไวใ้ นครงั้ นั้น มีคุณภาพไม่ถูกตอ้ งตามท่ีกาหนด ผู้รับจา้ ง
จะตอ้ งทาการปรบั ปรุงแกไ้ ข

3.6 ผูร้ บั จา้ งอาจขอเปล่ียนสูตรส่วนผสมเฉพาะงานใหม่ได้ ถ้าวสั ดุท่ีใชผ้ สมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุง
คณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตเิ กิดการเปล่ียนแปลง โดยตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากกกรมทางหลวงชนบท
กอ่ น

3.7 กรมทางกลวงชนบทสามารถตรวจสอบ แก้ไข เปล่ียนแปลง ปรับปรุง หรือกาหนดสูตรส่วนผสม
เฉพาะงานใหมไ่ ดต้ ามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน

4. เครอ่ื งจักรและเคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการก่อสร้าง
เคร่ืองจกั รและเคร่ืองมือทกุ ชนิดท่ีนามาใชง้ านตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี โดยตอ้ งผ่านการตรวจสอบและหรือ

สอบเทียบ และผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชง้ านได้ ในระหว่างการก่อสรา้ งผรู้ บั จา้ งตอ้ งบารุงรกั ษาเคร่ืองจกั รและ
เคร่อื งมือทกุ ชนดิ ใหอ้ ยใู่ นสภาพใชง้ านไดด้ ีอยเู่ สมอ

4.1 โรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ตอ้ งตงั้ อยใู่ นระยะทางท่ีสามารถขนส่ง โดยควบคมุ อณุ หภมู ิของส่วนผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติไดต้ ามท่ีกาหนด และระยะเวลาในการขนส่งตอ้ ง
ไม่เกิน 2 ช่วั โมง โรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต อาจเป็นโรงงานผสมแบบชดุ หรือแบบผสมตอ่ เน่ือง แต่
ตอ้ งสามารถผลิตส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติเพ่ือป้อนเคร่ืองปใู ห้
สามารถปไู ดอ้ ย่างตอ่ เน่ือง และเป็นสว่ นผสมท่ีมีคณุ ภาพสม่าเสมอตรงตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน มี
อณุ หภมู ิถกู ตอ้ งตามขอ้ กาหนด หากไมไ่ ดร้ ะบกุ าลงั ผลิตไวเ้ ป็นอย่างอ่ืน ตอ้ งมีกาลงั การผลิตไดไ้ ม่นอ้ ย
กวา่ 80 ตนั ตอ่ ช่วั โมง และตอ้ งมีเคร่อื งมือ อปุ กรณต์ า่ งๆ อยา่ งนอ้ ยดงั ตอ่ ไปนี้

241

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.1.1 อุปกรณส์ าหรบั การเตรียมแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตอ้ งมีถังเก็บ
แอสฟัลตข์ นาดความจไุ มน่ อ้ ยกวา่ 30 ตนั พรอ้ มอปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นประเภทท่ีไมม่ ีเปลวไฟสมั ผสั
กับถังโดยตรง เช่น ท่อเวียนไอนา้ รอ้ น นามันรอ้ น หรือประเภทใชไ้ ฟฟ้า และตอ้ งมีระบบทาให้
แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติไหลเวียนอย่างสม่าเสมอ พรอ้ มกบั อุปกรณ์
รกั ษาอณุ หภมู ขิ องแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ท่ีไหลเวียนอยใู่ นระบบให้
มีอณุ หภมู ิตามท่ีกาหนด

4.1.2 ยงุ้ หินเยน็ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
4.1.3 หมอ้ เผา ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
4.1.4 ชดุ ตะแกรงรอ่ น ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.1.5 ยงุ้ หินรอ้ น ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
4.1.6 เคร่อื งดกั ฝ่นุ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.1.7 เคร่อื งวดั อณุ หภมู ิ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.1.8 ชุดอุปกรณค์ วบคุมปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รับปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตอ้ งสามารถ

ควบคมุ ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ท่ีใชใ้ หอ้ ย่ใู นช่วงท่ีกาหนดไว้
ในสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานทงั้ นีอ้ าจใชว้ ิธีช่งั มวลหรือวิธีวดั ปริมาตร กรณีใชว้ ิธีช่งั มวล เคร่ืองช่งั
ตอ้ งมีความละเอียดไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 2 ของมวลแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยาง
ธรรมชาติท่ีตอ้ งการใชผ้ สม กรณีท่ีใชว้ ิธีวดั ปริมาตร มาตรท่ีใชว้ ดั อตั ราการไหลของแอสฟัลต์
ซีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีปล่อยเขา้ ส่หู อ้ งผสมจะตอ้ งเท่ียงตรง โดยยอมใหม้ ี
ความคลาดเคล่ือนจากปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตทิ ่ีตอ้ งการใช้
เม่ือเทียบเป็นมวลไมเ่ กินรอ้ ยละ 2
4.1.9 ขอ้ กาหนดสาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ
(1) ถงั ช่งั มวลรวม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
(2) หอ้ งผสม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
(3) เคร่อื งช่งั ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
(4) การควบคมุ ปริมาตรมวลรวมและแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตอ้ ง
สามารถควบคมุ อตั ราสว่ นใหถ้ กู ตอ้ งตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
4.1.10 ขอ้ กาหนดสาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง
(1) ชดุ อปุ กรณค์ วบคมุ มวลรวม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต

242

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

(2) อุปกรณค์ วบคมุ การป้อนมวลรวมและแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพด้วยยางธรรมชาติ
ต้องเป็นแบบขับเคล่ือนท่ีสัมพันธ์กัน เพ่ือให้ป้อนมวลรวมแต่ละขนาดและแอสฟัลตซ์ ีเมนต์
ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตเิ ขา้ สหู่ อ้ งผสมไดอ้ ตั ราสว่ นผสมท่ีคงท่ีตลอดเวลา
(3) ชดุ หอ้ งผสม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
(4) ยงุ้ พกั สว่ นผสม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
(5) อุปกรณส์ ัญญาณแจง้ ปริมาณมวลรวมในยุง้ หินรอ้ น สาหรบั ส่งสญั ญาณแจง้ ใหท้ ราบว่า
ปรมิ าณมวลรวมในยงุ้ หินรอ้ นมีปรมิ าณเพียงพอท่ีจะดาเนนิ การตอ่ ไป
4.2 รถบรรทกุ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.3 เคร่อื งปู ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.4 เคร่อื งจกั รบดทบั ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.5 เคร่อื งพน่ แอสฟัลต์ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
4.6 เคร่อื งจกั รและเคร่อื งมือทาความสะอาดพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ ง
เคร่ืองจักรและเคร่ืองมือทาความสะอาดพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ ง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มทช.23 0:
มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
4.7 เคร่อื งมือประกอบ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
4.8 เคร่ืองมือทดลองและหอ้ งปฏิบตั กิ ารทดลองใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรตี

5. การเตรยี มการก่อนการก่อสร้าง
5.1 การเตรียมสถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวัสดุ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงาน
แอสฟัลตค์ อนกรีต
5.2 การเตรียมมวลรวมและวสั ดุผสมแทรกใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
5.3 การเตรียมแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ถงั เก็บตอ้ งมีอณุ หภมู ิเป็นไปตาม มทช.
245 : มาตรฐานวสั ดแุ อสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ เม่ือจะผสมกับมวลรวมท่ี
โรงงานผสมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนมีอณุ หภูมิ 170±5 องศาเซลเซียส หรือมีอณุ หภมู ิตามขอ้ แนะนาการใช้
งานผลิตภัณฑข์ องบริษัทผูผ้ ลิตแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ หรือมีอุณหภูมิ
ตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน การจา่ ยแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตไิ ป
ยงั หอ้ งผสมจะตอ้ งเป็นไปโดยตอ่ เน่ืองและมีอณุ หภมู ิตามท่ีกาหนด

243

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.4 การเตรียมเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ และอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการก่อสรา้ ง ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230:
มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต

5.5 การเตรยี มพืน้ ท่ีก่อสรา้ ง ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต

6. การก่อสร้าง
6.1 การควบคุมการผลิตส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีโรงงานผสมมี
รายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
6.1.1 การควบคมุ คณุ ภาพสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ
วสั ดมุ วลรวมและแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตอ้ งมีคณุ สมบตั ติ ามขอ้ 2
คณุ ภาพของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติตอ้ งสม่าเสมอ ตรง
ตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานท่ีไดก้ าหนดขนึ้
6.1.2 การควบคุมเวลาในการผสมส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ
โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่อื งตงั้ เวลาและควบคมุ เวลาแบบอตั โนมตั ิ ท่ีสามารถตงั้ และปรบั เวลาในการ
ผสมแหง้ และผสมเปียกไดต้ ามตอ้ งการ สาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ ระยะเวลาในการผสมแหง้
และผสมเปียกควรใช้ประมาณ 15 วินาที และ 30 วินาที ตามลาดับ สาหรับโรงงานผสม
แบบตอ่ เน่ือง ระยะเวลาในการผสมใหค้ านวณจากสูตรตามขอ้ 4.1.10 (3) ในการผสมสว่ นผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ โดยโรงงานผสมทั้ง 2 แบบ ตอ้ งได้
สว่ นผสมท่ีสม่าเสมอ ในกรณีท่ีผสมกนั ตามเวลาท่ีกาหนดไวแ้ ลว้ แตย่ งั ผสมกนั ไดไ้ ม่สม่าเสมอ
ตามท่ีตอ้ งการ ใหเ้ พ่ิมเวลาในการผสมขนึ้ อีกได้ แตเ่ วลาท่ีใชใ้ นการผสมทงั้ หมดตอ้ งไมเ่ กิน 60
วินาที ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน การกาหนดเวลาในการผสมของโรงงานผสมใดๆ
ใหก้ าหนดโดยการทดลองหาปริมาณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม ตามวิธีการทดลอง AASHTO
T 195 “Determining Degree of Particle Coating of Bituminous-Aggregate Mixtures” โดย
ปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวมตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95
6.1.3 การควบคมุ อณุ หภูมิของวสั ดกุ ่อนการผสมและอณุ หภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุง
คุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ให้เป็นไปตามข้อแนะนาการใช้งานผลิตภัณฑข์ องบริษัทผูผ้ ลิต
แอสฟัลตค์ อนกรตี ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ กรณีไมร่ ะบเุ ป็นอยา่ งอ่ืน ใหใ้ ชอ้ ณุ หภมู ิของ
วัสดุก่อนการผสมและอุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยาง
ธรรมชาติ ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) วสั ดมุ วลรวม ก่อนการผสมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภูมิ 170±10 องศาเซลเซียส และมี
ความชืน้ ไม่เกินรอ้ ยละ 1 โดยนา้ หนกั ของวัสดมุ วลรวม และเม่ือขณะผสมกับแอสฟัลตซ์ ีเมนต์

244

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีโรงงานผสม จะตอ้ งมีอุณหภูมิตรงตามท่ีระบุไวใ้ นสูตร
สว่ นผสมเฉพาะงาน
(2) แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ขณะเก็บในถงั ตอ้ งมีอณุ หภมู เิ ป็นไปตาม
มทช. 245 : มาตรฐานวสั ดแุ อสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ เม่ือจะผสมกบั
มวลรวมท่ีโรงงานผสมจะตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 170±5 องศาเซลเซียส หรอื ตามท่ีระบไุ ว้
ในสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
(3) ส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติเม่ือผสมเสร็จ ก่อนนาออก
จากโรงงานผสมจะตอ้ งมีอุณหภูมิระหว่าง 170±10 องศาเซลเซียส หรือตามท่ีระบุไว้ในสูตร
ส่วนผสมเฉพาะงาน ถา้ มีอณุ หภมู ิแตกตา่ งไปกวา่ ท่ีกาหนดนี้ หา้ มนาส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต
ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตดิ งั กลา่ วไปใชง้ าน
(4) ตอ้ งมีการบนั ทึกอณุ หภูมิของมวลรวมท่ีผ่านหมอ้ เผา อุณหภูมิของแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุง
คุณภาพด้วยยางธรรมชาติขณะก่อนผสมกับมวลรวม และอุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ านโดยใชเ้ คร่ืองบนั ทึกอณุ หภมู ิ
แบบอตั โนมตั พิ รอ้ มท่ีจะใหต้ รวจสอบไดต้ ลอดเวลา และผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งสง่ บนั ทกึ รายการอณุ หภมู ิ
ดงั กลา่ วประจาวนั แกผ่ คู้ วบคมุ งานทกุ วนั ท่ีปฏิบตั งิ าน
(5) การวดั อุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีอยู่ใน
รถบรรทุก ตอ้ งใชเ้ คร่ืองวัดอุณหภูมิท่ีอ่านอุณหภูมิไดอ้ ย่างรวดเร็ว การวัดอุณหภูมิใหว้ ัดจาก
รถบรรทกุ ทกุ คนั แลว้ จดบนั ทกึ อณุ หภมู ไิ ว้
6.2 การขนส่งส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน
มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
6.3 การปสู ่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.
230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต ทงั้ นีอ้ ุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพ
ดว้ ยยางธรรมชาตขิ ณะปู ไมค่ วรต่ากวา่ อณุ หภมู ิตามขอ้ 6.1.3 (3) เกิน 14 องศาเซลเซียส การตรวจวดั
อุณหภูมิจะตอ้ งดาเนินการเป็นระยะๆ ตลอดเวลาของการปู หากปรากฏว่าอุณหภูมิไม่ถูกตอ้ งตามท่ี
กาหนด ใหต้ รวจสอบหาสาเหตแุ ละแกไ้ ขโดยทนั ที
6.4 การบดทบั ชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ใหเ้ ป็นไปตาม มทช.230 :
มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต ทงั้ นีอ้ ณุ หภมู ใิ นการบดทบั ขนั้ ตน้ (Initial or Breakdown Rolling) ตอ้ ง
ไม่ต่ากว่า 140 องศาเซลเซียส หรือตามคาแนะนาของบริษัทผูผ้ ลิต ส่วนขนั้ ตอนการบดทับขนั้ กลาง
(Intermediate Rolling) และการบดทบั ขนั้ สดุ ทา้ ย (Finish Rolling) ใหด้ าเนินการโดยตอ่ เน่ืองทนั ที

245

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
7. การตรวจสอบแอสฟัลตค์ อนกรีตปรับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาตทิ ก่ี ่อสร้างแล้วเสร็จ

หลกั เกณฑใ์ นการตรวจสอบชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติท่ีก่อสรา้ งแลว้ เสรจ็
มีอยา่ งนอ้ ย 3 ประการดงั ตอ่ ไปนี้

7.1 ลกั ษณะผวิ (Surface Texture) ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
7.2 ความเรียบท่ีผิว (Surface Tolerance) ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลต์

คอนกรีต
7.3 ความแนน่ (Density) ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต
8. การอานวยการและควบคุมการจราจรระหว่างการก่อสร้าง
การอานวยการและควบคมุ การจราจรระหว่างการก่อสรา้ ง ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน มทช.230: มาตรฐาน
งานแอสฟัลตค์ อนกรีต

246


Click to View FlipBook Version