The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Keywords: ทางหลวงชนบท,กรม,ทช

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.1.3 ปรมิ าณยางแอสฟัลตท์ ่ีใชป้ ระมาณ 0.8-1.4 ลิตรตอ่ ตารางเมตร จานวนยางท่ีราดจะมี
ปรมิ าณเทา่ ไรขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะผิวของพืน้ ทางใหอ้ ยใู่ นดลุ พินิจของผคู้ วบคมุ งาน

2.1.4 สตู รการคานวณปรมิ าณยางแอสฟัลตท์ ่ีใชท้ า prime coat
ปรมิ าณยางแอสฟัลตท์ ่ีใชท้ า prime coat = P/R (1 - /G) ลิตร/ตารางเมตร
เม่ือ P = ความลกึ ท่ีจะใหย้ างแอสฟัลตซ์ มึ ลงไปเป็นมลิ ลเิ มตร
R = คา่ ของ residual asphalt
 = ความแน่นแหง้ สงู สดุ (maximum dry density) เป็นกรมั ตอ่ ลกู บาศก์
เซนตเิ มตร ของวสั ดพุ ืน้ ทาง modified proctor
G = คา่ ความถว่ งจาเพาะแบบ bulk ของวสั ดพุ ืน้ ทาง
- คา่ P ขนึ้ อยกู่ บั ความพรุน (porosity) ของวสั ดพุ ืน้ ทาง ชนดิ และเกรดของยางแอสฟัลตท์ ่ี
ใชร้ าด สาหรบั คา่ P แนะนาใหใ้ ชเ้ ท่ากบั 4.5 มิลลิเมตร แทนคา่ ในสูตรขา้ งบนคานวณอตั รายาง
แอสฟัลตท์ ่ีจะใชร้ าด และทดลองราดยางแอสฟัลตต์ ามปรมิ าณท่ีคานวณได้ ถา้ เห็นวา่ มีปรมิ าณ
ยางแอสฟัลตม์ ากหรือนอ้ ยไปยงั ไมพ่ อเหมาะใหเ้ ปล่ียนคา่ P ใหม่ หรือเปล่ียนชนิดและเกรดของ
ยางแอสฟัลต์ ตามความเหมาะสม เพ่ือใหไ้ ดค้ ่าอตั รายางแอสฟัลตเ์ ม่ือใชร้ าดแลว้ มีปริมาณท่ี
พอเหมาะตอ่ ไป
- คา่ R ใหใ้ ชต้ ามตาราง ดงั นี้

ชนิดและเกรดของยางแอสฟัลต์ R
MC. – 30 0.62
MC. – 70 0.73
SC. – 70 0.80
SS. – K 0.75

47

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

- คา่ G ใหค้ านวณจากสตู ร

G = P1 + P2
P1 + P2
G1 G2

เม่ือ P1 = คือส่วนของวสั ดพุ ืน้ ทางท่ีคา้ งอยบู่ นตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 4
(4.75 มิลลเิ มตร) เป็นรอ้ ยละ

P2 = คือสว่ นของวสั ดพุ ืน้ ทางท่ีผา่ นตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 4
(4.75 มิลลเิ มตร) เป็นรอ้ ยละ

G1= ความถ่วงจาเพาะแบบ bulk ของวสั ดพุ ืน้ ทางชนิดหยาบซ่งึ คา้ งอยบู่ น
ตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 4 (4.75 มิลลเิ มตร)

G2= ความถ่วงจาเพาะแบบ bulk ของวสั ดพุ ืน้ ทางชนิดละเอียดซง่ึ ผา่ นตะแกรง
มาตรฐาน เบอร์ 4 (4.75 มลิ ลิเมตร)

2.2 ทรายละเอียด ถา้ มีความจาเป็นท่ีจะทบั หนา้ prime coat ทรายท่ีใชจ้ ะตอ้ งมีสว่ นละเอียดผา่ น ตะแกรง
เบอร์ 4 ซง่ึ ไมม่ ีหญา้ หรือวสั ดอุ ่ืนเจือปน และจะตอ้ งไดร้ บั การยินยอมอนญุ าตใหส้ าดทรายไดจ้ ากผู้ควบคมุ
งานเสียก่อน

3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 การทา prime coat ดว้ ยยาง cut back
3.1.1 พืน้ ทางท่ีจะ prime coat ผวิ หนา้ จะตอ้ งสะอาดปราศจากฝ่นุ และหินท่ีหลดุ หรอื วสั ดอุ ่ืนใด
โดยการกวาดและเป่าเศษวสั ดอุ อกดว้ ยเคร่อื งจกั ร หรือวิธีอ่ืนท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นสมควร
3.1.2 ถา้ ผิวหนา้ ของพืน้ ทางแหง้ และมีฝ่นุ เกาะใหพ้ รมนา้ (spray) บางๆ เล็กนอ้ ยก่อนราดยาง (prime)
3.1.3 เคร่อื งพน่ ยางและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการ prime coat ตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบเพ่ือควบคมุ
อตั ราจานวนยางท่ีราดบนพืน้ ทางไดส้ ม่าเสมอ
3.1.4 การราดยางควรราดใหเ้ ตม็ ความกวา้ งของถนน หากจาเป็นจะราดยางทีละครง่ึ ของความกวา้ ง
หรอื ทีละชอ่ งทางว่ิงก็ได้
3.1.5 บรเิ วณรอยตอ่ การราดยางตอ่ เน่ืองแตล่ ะครงั้ ตอ้ งมีอตั รายางสม่าเสมอ โดยเฉพาะรอยตอ่ ตามขวาง
ท่ีราดโดยวิธีการใชท้ อ่ พ่นยาง (spray bar) ท่ีตดิ กบั รถว่งิ ราด ใหใ้ ชก้ ระดาษแขง็ หรือวสั ดทุ ่ีไม่ดดู ซมึ
กวา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 40 เซนตเิ มตร ปิดผวิ ยางท่ีราดไปแลว้
3.1.6 หลงั จากราดยางแลว้ ใหท้ งิ้ บม่ (curing) ยางไว้ 24-48 ช่วั โมง โดยไมใ่ หย้ วดยานว่งิ ผา่ นเขา้ ไปใน

48

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

บรเิ วณท่ีราดไวเ้ ป็นอนั ขาด หลงั จากพน้ กาหนดเวลานีแ้ ลว้ ถา้ จะอนญุ าตใหย้ วดยานว่งิ ผา่ นไดห้ ามี
ยางสว่ นเกินเหลือใหป้ รากฏอยใู่ หใ้ ชท้ รายละเอียดสาดซบั บางสว่ นท่ีเกินใหแ้ หง้ ไดใ้ นกรณีท่ีจาเป็น
จรงิ ๆ เชน่ ทางเขา้ บา้ นหรอื ทางแยกท่ีมียวดยานผา่ น การทา prime coat ธรรมดาโดยท่วั ไปใน
ภาวะอากาศแจม่ ใสปราศจากฝน พืน้ ทางแหง้ หรอื วสั ดพุ ืน้ ทางมีความชืน้ (moisture content) ไม่
เกินรอ้ ยละ 5 ใหใ้ ชย้ าง cut back และชนดิ ยาง cut back ท่ีจะใชน้ นั้ แลว้ แตล่ กั ษณะของสภาพพืน้
ทาง ความแนน่ สภาพการ เวลาและการจราจรของเสน้ ทางนนั้ ๆ สว่ นพืน้ ทางท่ีมีความชืน้ สงู เปียก
(ไมแ่ ฉะ) สภาวะอากาศไมด่ หี รือมีลกั ษณะความจาเป็นเรง่ ดว่ นอนญุ าตให้ ใชย้ าง asphalt
emulsions ได้ แตต่ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานเสียก่อน
3.2 การทา prime coat ดว้ ยยาง asphalt emulsions
3.2.1 พืน้ ทางท่ีจะ prime coat ผิวหนา้ จะตอ้ งสะอาดปราศจากฝ่นุ หรอื หนิ ท่ีหลดุ หรือวสั ดอุ ่ืนใด
และผคู้ วบคมุ งานตรวจสอบเห็นชอบแลว้
3.2.2 ถา้ ผิวหนา้ ของพืน้ ทางแหง้ ตอ้ งพรมนา้ ใหเ้ ปียกชืน้ เสียก่อน
3.2.3 เคร่ืองพน่ ยางและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการ prime coat ตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบ เพ่ือควบคมุ
อตั ราจานวนยางท่ีราดบนพืน้ ผวิ ทางไดส้ ม่าเสมอ
3.2.4 เม่ือราดยาง (prime) แลว้ ตอ้ งทิง้ ไวจ้ นกวา่ asphalt จะแยกตวั ออกเสียก่อนจงึ จะทาชนั้ ผิวทางได้
การแยกตวั ของ emulsified asphalt คือสว่ นผสมของนา้ ท่ีอย่ใู นemulsion ระเหยออกไปจะสงั เกต
ไดจ้ ากการเปล่ียนสีของ emulsion ซง่ึ ปกตมิ ีสีนา้ ตาลเขม้ เปล่ียนเป็นสีดา การแยกตวั นีจ้ ะชา้ หรือ
เรว็ ขนึ้ อยกู่ บั ชนิดของ emulsions asphalt ในอณุ หภมู ิธรรมดาจะใชเ้ วลาประมาณ 3ช่วั โมง
3.2.5 เม่ือ asphalt แยกตวั แลว้ ถา้ ยงั ไมส่ ามารถทาผวิ ทางไดท้ นั ทีมีความจาเป็นตอ้ งเปิดใหย้ วดยาว่ิง
บนชนั้ prime coat ใหใ้ ชท้ รายละเอียดสาดปิดหนา้ ได้
3.2.6 หา้ มราดยาง (prime emulsion) ในขณะท่ีมีฝนตกเป็นอนั ขาด และเม่ือราดยาง (prime) แลว้ ใหม่ ๆ
ก่อนท่ี emulsion จะแตกตวั ถา้ มีฝนตกมากนา้ ฝนจะชะบางสว่ นของ emulsion บนผิวหนา้ ผวิ หนา้
ออกไปจะตอ้ งทาการราด emulsion เพ่ิมเตมิ ในสว่ นนนั้ ใหม่

4. ข้อควรระวัง
4.1 ยาง cut back asphalt เป็นยางชนิดตดิ ไฟไดง้ า่ ยมาก ดงั นนั้ ในขณะตม้ ยางหรือขณะทาการราดยางราด
ยางจะตอ้ งระมดั ระวงั มใิ หม้ ีเปลวไฟจากภายนอกมาถกู ยางได้
4.2 ยาง emulsified asphalt เป็น asphalt ท่ีแตกตวั เป็นอนภุ าคเลก็ ๆ กระจายอยใู่ นสารละลายซ่งึ
ประกอบดว้ ยนา้ อิมลั ซิไฟองิ เอเจนต์ (emulsifying agent) และอ่ืนๆ ผสมใหเ้ ขา้ เป็นเนือ้ เดียวกนั
มีลกั ษณะง่ายตอ่ การแยกตวั จงึ ตอ้ งระมดั ระวงั ดงั นี้

49

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
4.2.1 การขนสง่ ตอ้ งกระทาดว้ ยความระมดั ระวงั มิใหถ้ งั บรรจุ emulsion ไดร้ บั การกระทบกระเทือน

กระเทือนอยา่ งรุนแรงมาก เพราะอาจจะทาใหเ้ กิดการแยกตวั ขนึ้
4.2.2 emulsion ชนดิ บรรจถุ งั ถา้ เก็บไวน้ าน ๆ จะตอ้ งกลงิ้ ถงั ไปมาทกุ ดา้ นหลาย ๆ ครงั้ เป็นประจา

อยา่ งนอ้ ยอาทิตยล์ ะครงั้ เพ่ือให้ emulsion มีลกั ษณะเหลวเป็นเนือ้ เดียวกนั ท่วั ทงั้ ถงั
4.2.3 เม่ือเปิดถงั บรรจุ emulsion ออกใช้ ควรใชใ้ หห้ มดถงั หรือตอ้ งปิดฝาใหแ้ น่น มิฉะนนั้ นา้ ในสว่ น

ผสม emulsion จะระเหยทาให้ asphalt เกิดการแยกตวั และหมดคณุ ภาพ
4.2.4 ทกุ ครงั้ ท่ีบรรจุ emulsion ลงในรถราดยางหรือเคร่ืองพน่ ยาง ควรใชใ้ หห้ มดแลว้ ใชน้ า้ สะอาด

ลา้ งใหส้ ะอาด โดยเฉพาะท่ี spray bar เพราะถา้ ไมล่ า้ งออกทนั ที asphalt จะแยกตวั เกาะตดิ แนน่
ทาใหไ้ มส่ ะดวกในการใชง้ านของวนั ตอ่ ไป และปอ้ งกนั การกดั กรอ่ นของกรดใน emulsion
4.2.5 emulsion ตอ้ งเหลวมีเนือ้ เดียวกนั และมีสีนา้ ตาลเขม้ ถา้ หากมีลกั ษณะเปล่ียนแปลงเกิดขนึ้
ใหใ้ ชไ้ มพ้ ายกวนผสมใหเ้ ขา้ เป็นเนือ้ เดียวกนั จงึ จะนาไปใชไ้ ด้ ถา้ หากกวนผสมแลว้ emulsion ไม่
เขา้ เป็นเนือ้ เดียวกนั แสดงวา่ emulsion นนั้ เส่ือมคณุ ภาพ หา้ มนาไปใชเ้ ป็นอนั ขาด

50

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.226-2545
มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ (surface treatment)

1. ขอบข่าย
งานผวิ จราจรแบบเซอรเ์ ฟชทรีตเมนต์ หมายถงึ การกอ่ สรา้ งผิวหรอื ผวิ ไหลท่ าง ดว้ ยการลาดแอสฟัลต์ และ
เกล่ียวสั ดหุ นิ ยอ่ ยปิดทบั โดยจะก่อสรา้ งเป็นชนั้ เดียวหรือหลายชนั้ บนชนั้ พืน้ ทางท่ีไดล้ าดแอสฟัลตไ์ พรมโคท
(prime coat) แลว้ หรือบนพืน้ ท่ีอ่ืนใดท่ีไดเ้ ตรยี มไวแ้ ลว้

2. วัสดุ

2.1 วสั ดยุ างแอสฟัลต์ ท่ีใชต้ อ้ งเป็นประเภทและชนิด ดงั ตอ่ ไปนีอ้ ยา่ งใดอยา่ งหน่งึ

2.1.1 แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (asphalt cement) AC 60-70, AC 80-100 ตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์

อตุ สาหกรรม มอก.851 : มาตรฐานแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ สาหรบั งานทาง

2.1.2 คทั แบคแอสฟัลตช์ นดิ บม่ เรว็ (rapid curing cut back asphalt) RC-800, RC-3000 ตาม

มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 865 : มาตรฐานคทั แบคแอสฟัลต์

2.1.3 แคตอิออนกิ แอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั (cationic asphalt emulsion) CRS-1,CRS-2 มาตรฐานผลิต-

ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 371 : มาตรฐานแคตอิออนกิ แอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั สาหรบั ถนน

อณุ หภมู ทิ ่ีใชล้ าดแอสฟัลตช์ นิดตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วมาแลว้ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1

ชว่ งอณุ หภมู ิของแอสฟัลตท์ ่ีใชล้ าด

ชนิดแอสฟัลต์ ชว่ งอณุ หภมู ทิ ่ีใชล้ าด
C F

AC 60-70 145-175 295-345

AC 80-100 140-175 285-345

RC 3000 120-160 250-310

RC 800 100-120 210-250

CRS-1 40-65 100-150

CRS-2 50-85 125-185

51

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.1.4 แอสฟัลตช์ นดิ อ่ืน ๆ หรือแอสฟัลตท์ ่ีปรบั ปรุงคณุ สมบตั ิดว้ ยสารใดๆ นอกเหนือจากนีต้ อ้ งมี
คณุ ภาพเทียบเท่าหรอื ดกี วา่ ทงั้ นีต้ อ้ งผา่ นการทดสอบคณุ ภาพ และตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดจ้ าก
กรมทางหลวงชนบท เป็นกรณีไป

2.1.5 กรณีท่ีทางมีความลาดชนั มากหรอื มีปัญหาแอสฟัลตไ์ หลก่อนลงหินย่อย ผคู้ วบคมุ งานอาจหา้ มใช้
แอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั หรือคทั แบคแอสฟัลตช์ นดิ นนั้ ๆ

2.1.6 กรณีท่ีมีปรมิ าณการจราจรมาก หรอื ไมส่ ามารถปิดการจราจรไดน้ านผคู้ วบคมุ งาน อาจกาหนดให้
ใชเ้ ฉพาะแอสฟัลตซ์ ีเมนตเ์ ทา่ นนั้

2.1.7 กรณีท่ีอณุ หภมู ขิ องผิวทางต่ากวา่ 15 องศาเซลเซียส หา้ มใชแ้ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ หากมีความจาเป็น
ตอ้ งใชจ้ ะตอ้ งใชน้ า้ มนั (cutter) ผสมและไดร้ บั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคมุ งานก่อน ปริมาณของ
นา้ มนั ท่ีใชใ้ หเ้ ป็นไปตามท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนดแตไ่ มม่ ากกวา่ คา่ ท่ีแสดงไวใ้ นตารางท่ี 2

ตารางท่ี 2
ปรมิ าณนา้ มนั (Cutter) ท่ีใช้

หินยอ่ ย ปรมิ าณนา้ มนั ท่ีใชผ้ สม
ขนาดท่ีใชเ้ รียก มลิ ลเิ มตร ( นวิ้ ) รอ้ ยละโดยปรมิ าตรของแอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ี 15 C

19.0 ( 3/4 ) ไมเ่ กิน 2
12.5 ( 1/2 ) ไมเ่ กิน 4
9.5 ( 3/8 ) ไมเ่ กิน 4

52

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

การผสมนา้ มนั ลงในแอสฟัลตซ์ ีเมนตน์ นั้ ในการปฏิบตั กิ ารในสนาม ตอ้ งใหค้ วามรอ้ น
แอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีอุณหภูมิระหว่าง 160-185 องศาเซลเซียส จากนนั้ ใชเ้ คร่ืองสูบ (pump) สูบนา้ มันจากท่ีเก็บ
นา้ มันไปใส่ในถังบรรจุแอสฟัลตข์ องเคร่ืองพ่นแอสฟัลตต์ ามปริมาณท่ีไดค้ านวณไว้ แล้วให้ เวียนส่วนผสม
แอสฟัลตซ์ ีเมนตก์ บั นา้ มนั ในถงั บรรจแุ อสฟัลตป์ ระมาณ 20 นาที จงึ นาไปลาดไดใ้ นระหวา่ งท่ีสบู นา้ มนั เตมิ ลงใน
ถงั บรรจแุ อสฟัลตข์ องเคร่อื งพน่ แอสฟัลต์ เพ่ือผสมกบั แอสฟัลต์

ซีเมนตน์ นั้ ตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ใหม้ ีประกายไฟเกิดขึน้ เช่น การจดุ ไฟ การสูบบุหร่ี หรือการใชเ้ ตาฟ่ ู
ภายในรศั มี 15 เมตร จากเคร่ืองพ่นแอสฟัลต์ เพราะระหว่างการผสมนี้ จะมีไอระเหยของนา้ มนั และแอสฟัลต์
ซีเมนตซ์ ่งึ ตดิ ไฟไดง้ ่ายเกิดขนึ้ นอกจากนนั้ จะตอ้ งระมดั ระวงั ไมใ่ หม้ ีการติดเคร่ืองยนตท์ ่ีมีการสนั ดาปภายใน
ในบรเิ วณดงั กลา่ ว ซ่งึ จะทาใหเ้ กิดประกายไฟท่ีสามารถจดุ ไอระเหยนา้ มนั ใหล้ กุ เป็นไฟได้

2.2 หินยอ่ ย
หินยอ่ ยใหเ้ ป็นไปตาม มทช.207 : มาตรฐานวสั ดชุ นิดเมด็ สาหรบั ผวิ จราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนต์

2.3 สารเคลือบผวิ หนิ ยอ่ ย (pre-coating material)
สารท่ีใชเ้ คลือบผิวหนิ ย่อย อาจเป็นนา้ มนั ก๊าดหรือนา้ มนั ดีเซล ซง่ึ เป็นเกรดท่ีใชก้ นั ท่วั ไป หรือสารอ่ืน
ใดท่ีไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรมทางหลวงชนบทใหใ้ ชไ้ ด้

2.4 สารผสมแอสฟัลต์ (additive)
สารผสมแอสฟัลตท์ ่ีนามาใชต้ อ้ งเป็นชนิดท่ีกรมทางหลวงชนบทตรวจสอบแลว้ และอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้

2.5 การเลือกใชข้ นาดของหินยอ่ ย
2.5.1 ผิวทางแบบเซอรเ์ ฟชทรีตเมนตช์ นั้ เดยี ว (single surface treatment)
- ใหใ้ ชข้ นาด 12.5 มลิ ลเิ มตร (1/2 นิว้ )
2.5.2 ผิวทางแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตส์ องชนั้ (double surface treatment)
- ชนั้ ท่ีหน่งึ ใหใ้ ชข้ นาด 19.0 มิลลิเมตร (3/4 นวิ้ )
- ชนั้ ท่ีสอง ใหใ้ ชข้ นาด 9.5 มิลลิเมตร (3/8 นวิ้ )
2.5.3 ผิวไหลท่ างแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนตช์ นั้ เดียว
- ใหใ้ ชข้ นาด 19.0 มิลลเิ มตร (3/4 นิว้ ) หรือ 12.5 มิลลิเมตร (1/2 นวิ้ )
2.5.4 ผวิ ไหลท่ างแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนตส์ องชนั้
- ชนั้ ท่ีหน่งึ ใหใ้ ชข้ นาด 19.0 มิลลเิ มตร (3/4 นวิ้ )
- ชนั้ ท่ีสอง ใหใ้ ชข้ นาด 9.5 มิลลิเมตร (3/8 นวิ้ )

53

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3. เครอื่ งจักรและเคร่ืองมือ
เคร่อื งจกั รและเคร่ืองมือทกุ ชนิด ท่ีจะนามาใชง้ าน จะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ โี ดยจะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบ
หรือตรวจปรบั โดยผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้ ในระหวา่ งการก่อสรา้ งผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษาเคร่ืองจกั ร
และเคร่อื งมือทกุ ชนิดใหอ้ ยใู่ นสภาพดเี สมอ
3.1 เคร่ืองพน่ แอสฟัลต์ (asphalt distributor)
ตอ้ งเป็นชนดิ ขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง โดยมีถงั บรรจแุ อสฟัลตต์ ิดตงั้ บนรถบรรทกุ หรือรถพว่ งและ
ประกอบดว้ ยอปุ กรณท์ ่ีจาเป็นในการใชง้ านดงั นี้
3.1.1 ไมว้ ดั (dipstick) หรือเคร่อื งวดั ปรมิ าณแอสฟัลตใ์ นถงั
3.1.2 หวั เผาใหค้ วามรอ้ นแอสฟัลต์ (burmer)
3.1.3 เทอรโ์ มมเิ ตอรว์ ดั อณุ หภมู ิแอสฟัลต์ (thermometer)
3.1.4 ป๊ัมแอสฟัลต์ (asphalt pump)
3.1.5 เคร่ืองตน้ กาลงั หรือเคร่อื งทา้ ย (power unit)
3.1.6 ทอ่ พน่ แอสฟัลต์ (spray bar) พรอ้ มหวั ฉีด (nozzle)
3.1.7 ทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบถือ (hand spray)
3.1.8 อปุ กรณว์ ดั ปรมิ าณการพน่ แอสฟัลต์ (bitumeter)
3.1.9 ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ (asphalt tank)
เคร่อื งพน่ แอสฟัลตต์ อ้ งมีระบบหมนุ เวียน (circulating system) โดยมีป๊ัมแอสฟัลตท์ ่ีสามารถใชไ้ ดด้ ี

ตงั้ แตก่ บั แอสฟัลตเ์ หลวจนถึงแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ และตอ้ งทางานไดด้ งั นี้
- ดดู แอสฟัลตท์ ่ีเตรียมไวแ้ ลว้ เขา้ ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถได้
- หมนุ เวียนแอสฟัลตใ์ นทอ่ พ่นแอสฟัลต์ และในถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถได้
- พน่ แอสฟัลตผ์ ่านทางท่อพน่ แอสฟัลต์ และทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือได้
- ดดู แอสฟัลตจ์ ากท่อพน่ แอสฟัลต์ และทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือ กลบั เขา้ สถู่ งั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถได้
- ดดู แอสฟัลตจ์ ากถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถไปยงั ถงั เก็บแอสฟัลตภ์ ายนอกได้
- เคร่ืองตน้ กาลงั หรือเคร่ืองทา้ ย ตอ้ งมีมาตรบอกความดนั หรอื อ่ืน ๆ
เคร่อื งป๊ัมแอสฟัลตต์ อ้ งตดิ เคร่อื งวดั ปรมิ าณแอสฟัลตท์ ่ีผ่านป๊ัมโดยวดั เป็นรอบ หรือวดั เป็นความดนั หรอื

อ่ืนๆท่อพ่นแอสฟัลต์ อาจประกอบดว้ ยท่อหลายท่อนต่อกนั มีหวั ฉีดติดตงั้ โดยมีระยะห่างระหว่างหวั ฉีดเท่ากัน
หวั ฉีดปรบั ทามมุ กับท่อพ่นแอสฟัลตไ์ ด้ และตอ้ งมีอปุ กรณป์ ิดเปิดได้ ท่อพ่นแอสฟัลตต์ อ้ งเป็ นแบบท่ีแอสฟัลต์
หมนุ เวียนผา่ นได้ เม่ือใชง้ านตอ้ งมีความดนั สม่าเสมอตลอดความยาวของทอ่ และตอ้ งปรบั ความสงู ต่าได้ การพ่น
แอสฟัลตส์ ามารถปรบั ใหพ้ น่ แอสฟัลตท์ ่ีมีความกวา้ งตา่ ง ๆ กนั ไดท้ อ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือ ตอ้ งเป็นแบบใชห้ วั ฉีด
เคล่ือนตัวได้อิสระ ใชพ้ ่นแอสฟัลตบ์ นพืน้ ท่ีรถพ่นแอสฟัลตเ์ ข้าไปไม่ไดอ้ ุปกรณ์วัดปริมาณการพ่นแอสฟัลต์

54

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ประกอบดว้ ย ลอ้ สาหรบั วดั ความเร็วตอ่ สายเช่ือมไปยงั มาตรวดั ความเร็วในเก๋งรถ มาตรวดั ความเร็วนีต้ อ้ งบอก
ความเร็วเป็นเมตรตอ่ นาทีหรือฟุตตอ่ นาที พรอ้ มทงั้ มีตวั เลขบอกระยะทางรวมท่ีรถว่ิงถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ เป็น
ชนดิ มีฉนวนหมุ้ ปอ้ งกนั ความรอ้ น ภายในถงั ประกอบดว้ ยทอ่ นาความรอ้ นจากหวั เผา (หน่งึ หวั เผาหรอื มากกวา่ ) มี
แผ่นโลหะช่วยกระจายความรอ้ น มีทอ่ ระบายแอสฟัลต์ ท่ีถงั ตอ้ งมีเคร่ืองวดั ปรมิ าณแอสฟัลตเ์ ป็นแบบไมว้ ดั หรือ
เข็มวดั บอกปริมาณหรือทงั้ สองชนิดมีเทอรโ์ มมิเตอร์ วดั อุณหภูมิ เป็นแบบหนา้ ปัทม์ (dial) หรือแบบแท่งแกว้ หมุ้
ดว้ ยโลหะ (armoured thermometer) หรือทงั้ สองชนิดท่ีอา่ นไดล้ ะเอียด ถึง 1 องศาเซลเซียส

3.2 เคร่ืองโรยหนิ (aggregate spreader)
ตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนดว้ ยตวั เอง (self propelled) และตอ้ งประกอบดว้ ยอปุ กรณส์ าคญั ดงั นี้
3.2.1 เคร่ืองยนตข์ บั เคล่ือน
3.2.2 กระบะบรรจหุ นิ
3.2.3 สายพานลาเลียงหิน เป็นชนดิ ท่ีมีประตปู รบั ปรมิ าณการไหลของหินได้
3.2.4 เคร่ืองขบั เคล่ือนสายพานลาเลียงหนิ ซ่งึ สามารถปรบั ความเรว็ สายพานได้
3.2.5 ยงุ้ โรยหนิ (spread hopper) ท่ีปากยงุ้ ดา้ นล่าง ปรบั ความกวา้ งได้ เพ่ือใหส้ ามารถปรบั
ปรมิ าณและความสม่าเสมอในการโรยหินไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เคร่ืองโรยหินตอ้ งมีความสามารถโรย
หินได้ แต่ละครงั้ ไม่นอ้ ยกว่าความกวา้ งของแอสฟัลตท์ ่ีไดพ้ ่นไวแ้ ลว้ เคร่ืองโรยหินนีจ้ ะตอ้ งไดร้ บั
ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนใชง้ าน และหา้ มเทหินจากรถบรรทกุ ลงบนแอสฟัลตท์ ่ีลาดไว้
แลว้ โดยตรง

3.3 เคร่ืองเคลือบผิวหินย่อย
ควรมีอปุ กรณด์ งั ตอ่ ไปนีค้ อื อปุ กรณส์ าหรบั ปอ้ นหนิ ตะแกรงรอ่ นหนิ ท่ีสามารถคดั กอ้ นใหญ่หรือเลก็
เกินไปและฝ่นุ ออกได้ หวั ฉีดสาหรบั พน่ สารท่ีใชเ้ คลือบผวิ ถงั กวนหรืออปุ กรณอ์ ่ืนใดท่ีสามารถทา
ใหห้ ินยอ่ ย ไดร้ บั การเคลือบผิวดว้ ยสารเคลือบผวิ อยา่ งท่วั ถงึ และสม่าเสมอสายพานลาเลียง และ
อปุ กรณอ์ ่ืนๆ ท่ีจาเป็น

3.4 เคร่ืองลา้ งหนิ ย่อย
ควรมีอปุ กรณด์ งั ต่อไปนี้ คือ อุปกรณส์ าหรบั ป้อนหิน ตะแกรงร่อนหินท่ีสามารถคดั กอ้ นใหญ่หรือ
เล็กเกินไปและฝ่ ุนออกได้ หัวฉีดนา้ ท่ีสามารถล้างหินให้สะอาดได้ และอุปกรณ์อ่ืนๆ ท่ีจาเป็น
ทงั้ นีอ้ าจนาเคร่ืองเคลือบผิวหินยอ่ ยมาใชแ้ ทนก็ไดโ้ ดยตอ้ งเปล่ียนใชห้ วั ฉีดนา้ ท่ีเหมาะสม และหรือ
ใชฉ้ ีดนา้ จากภายนอกช่วย โดยตอ้ งสามารถลา้ งหินไดส้ ะอาด ทงั้ นีต้ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผู้
ควบคมุ งาน

3.5 เคร่ืองกวาดฝ่นุ (rotary broom)
อาจเป็นแบบลาก แบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง หรือแบบติดตงั้ ท่ีรถไถนา (farm tractor) แตต่ อ้ ง

55

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เป็นแบบไมก้ วาดหมนุ โดยเคร่อื งกล ขนไมก้ วาดอาจทาดว้ ยไฟเบอร์ ลวดเหล็กไนลอ่ น หวาย หรอื
วสั ดอุ ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม โดยความเห็นชอบของผคู้ วบคมุ งาน ทงั้ นีต้ อ้ งมีประสทิ ธิภาพพอท่ีจะทาให้
พืน้ ท่ีท่ี จะกอ่ สรา้ งสะอาดหรือกาจดั หินสว่ นเกินออกกอ่ นการเปิดการจราจร
3.6 เคร่ืองเกล่ียหนิ ชนดิ ลาก (drag broom)
ตอ้ งสามารถเกล่ียหนิ ย่อย ท่ีไดโ้ รยจากเคร่ืองโรยหินแลว้ ใหส้ ม่าเสมอและกระจายออกไป โดยไม่
ทาใหห้ นิ ย่อยสว่ นท่ีเร่มิ จบั ตวั กบั แอสฟัลตแ์ ลว้ หลดุ ออก
3.7 เคร่ืองเป่าลม (blower)
เป็นแบบตดิ ตงั้ ทา้ ยรถไถนา มีใบพดั ขนาดใหญ่ใหก้ าลงั ลมแรง และมีประสทิ ธิภาพพอเพียงท่ีจะทา
ใหพ้ ืน้ ท่ี ท่ีจะก่อสรา้ งสะอาด
3.8 รถบดลอ้ ยาง (pneumatic tired roller)
ตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตนเอง (self propelled) มีจานวนลอ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 9 ลอ้ นา้ หนกั ไมต่ ่า
กวา่ 6 ตนั ซ่งึ เม่ือเพ่มิ นา้ หนกั แลว้ มีนา้ หนกั ไมเ่ กิน 12 ตนั ลอ้ ยางตอ้ งเป็นชนิดผิวหนา้ ยางเรยี บ มี
ขนาดและจานวนชนั้ ผา้ ใบเท่ากนั ทกุ ลอ้ การเพ่ิมนา้ หนกั รถและความดนั ลมของลอ้ ยาง ตอ้ งให้
ถกู ตอ้ งตามลกั ษณะงานท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนด ความดนั ลมของยางควรอยู่ระหวา่ ง 345-830 กิโล
ปาสกาล (50-120 ปอนดต์ อ่ ตารางนวิ้ ) ทงั นีข้ นึ้ อยกู่ บั ขนาดของยางชนดิ และนา้ หนกั รถ
3.9 รถตกั (loader)
ตอ้ งมีรถตกั สาหรบั ตกั หินยอ่ ยจากกองรวมขนึ้ รถบรรทกุ หรืออปุ กรณล์ าเลียงหนิ ย่อยอ่ืนๆ เพ่ือขนสง่
ไปใชท้ ่ีหนา้ งานไดต้ ลอดเวลา
3.10 รถกระบะเททา้ ย (dump truck)
ตอ้ งเป็นแบบท่ีสามารถเช่ือมตอ่ เคร่อื งโรยหินท่ีดา้ นทา้ ยรถไดอ้ ย่างเรยี บรอ้ ย และใชง้ านไดอ้ ยา่ ง
ถกู ตอ้ ง

4. ข้อกาหนดในการออกแบบกาหนดปริมาณการใช้วัสดุ
4.1 ปรมิ าณของหนิ ยอ่ ย และปรมิ าณการใชแ้ อสฟัลต์ โดยประมาณใหเ้ ป็นไปตาม ตารางท่ี 3

56

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางที่ 3
ปรมิ าณวัสดุทใ่ี ช้โดยประมาณ

ขนาดท่ีใชเ้ รียก มลิ ลเิ มตร (นิว้ ) 19.0 (3/4) 12.5 (1/2) 9.5 (3/8)
หนิ ยอ่ ย กิโลกรมั ตอ่ ตารางเมตร 16-22 12-18 7-11

แอสฟัลต์ ท่ีอณุ หภมู ิ 15 C 0.8-2.1 0.6-1.5 0.4-1.0
แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ลติ รตอ่ ตารางเมตร 1.0-2.6 0.7-1.9 0.4-1.2
คทั แบคแอสฟัลต์ ลิตรตอ่ ตารางเมตร 1.2-3.3 0.9-2.3 0.5-1.5
แอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั ลิตรตอ่ ตารางเมตร

4.2 ปรมิ าณของวสั ดตุ ามตารางท่ี 3 นี้ เป็นเพียงการแนะนาเทา่ นนั้ ในการทาการก่อสรา้ งผวิ แบบเซอรเ์ ฟชท
รตี เมนตท์ กุ ครงั้ ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งสง่ ตวั อยา่ งหินยอ่ ยและแอสฟัลตช์ นิดท่ีใชใ้ หก้ รมทางหลวงชนบท
ตรวจสอบและออกแบบ กาหนดปรมิ าณการใชว้ สั ดตุ อ่ ตารางเมตร ในกรณีท่ีใชค้ ทั แบคแอสฟลต์ หรือ
แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ตอ้ งสง่ ตวั อยา่ งสารเคลือบผิวหินย่อยและสารผสมแอสฟัลตม์ าดว้ ย

4.3 สาหรบั ผวิ แบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตส์ องชนั้ อาจจาเป็นตอ้ งเปล่ียนแปลงปรมิ าณของแอสฟัลตท์ ่ี
ออกแบบไวต้ ามความเหมาะสม กลา่ วคอื ปรมิ าณแอสฟัลตล์ าดชนั้ ท่ีหนง่ึ อาจลดปรมิ าณลงและปรมิ าณท่ี
ลดลงนีใ้ หน้ าไปเพ่มิ ในการลาดชนั้ ท่ีสอง

4.3 หากมีการเปล่ียนแปลง อนั เน่ืองมาจากแหลง่ วสั ดุ หรอื หินยอ่ ยท่ีใชม้ ีขนาดเปล่ียนแปลงไปโดยมีความ
หนาเฉล่ีย (average least dimension) ตา่ งไปจากท่ีกาหนดไวใ้ นการออกแบบ 0.3 มลิ ลิเมตรขนึ้ ไป หรอื
ผูร้ บั จา้ งขอเปล่ียนประเภทและชนิดของแอสฟัลตท์ ่ีใช้ ผูร้ บั จา้ งตอ้ งส่งตวั อย่างหินย่อยและแอสฟัลตท์ ่ี
เปล่ียนแปลง ใหก้ รมทางหลวงชนบทตรวจสอบและออกแบบกาหนดปริมาณการใชต้ อ่ ตารางเมตรใหมไ่ ด้
ทงั้ นีก้ ารเปล่ียนแปลงทกุ ครงั้ ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากกรมทางหลวงชนบทก่อน

4.5 การทดสอบและการตรวจสอบการออกแบบ กาหนดปรมิ าณการใชว้ สั ดทุ ่ีทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตท์ กุ
ครงั้ หรอื ทกุ สญั ญาจา้ ง คา่ ใชจ้ า่ ยในการนี้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบทงั้ สนิ้

4.6 ในการออกแบบผิวเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ ปริมาณแอสฟัลตท์ ่ีใชจ้ ะกาหนดไว้ เป็นมาตรฐานท่ีอุณหภูมิ 15
องศาเซลเซียส ในการทาผิวเม่ือจะลาดแอสฟัลตท์ ่ีอุณหภูมิต่าง ๆ ตามตารางท่ี 1 จะตอ้ งคานวณ
แอสฟัลตเ์ ป็นปรมิ าตรท่ีอณุ หภูมิท่ีใชล้ าด โดนใชล้ าด โดยใชต้ ารางท่ี 4 สาหรบั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ และคทั
แบคแอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีมีความถ่วงจาเพาะท่ี 15 องศาเซลเซียส ตงั้ แต่ 0.966 ถึง 1.076 และตามตารางท่ี

57

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
5 สาหรับแอสฟัลตอ์ ิมัลช่ัน การคานวณปริมาตรของแอสฟัลตท์ ่ีใช้ลาดท่ีอุณหภูมิต่างๆ คานวณได้
ดงั ตอ่ ไปนี้

ปรมิ าตรหรอื อตั ราการลาดแอสฟัลตท์ อ่ี ณุ หภมู ิที่ใชล้ าด = ปรมิ าตรหรอื อตั ราการลาดแอสฟัลตท์ อี่ ณุ หภมู ิ 15 C
คา่ ปรบั ปรมิ าตรที่อณุ หภมู ทิ ่ใี ชล้ าด

58

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางท่ี 4
ค่าปรับปรมิ าตรแอสฟัลตซ์ ีเมนตแ์ ละคัทแบคแอสฟัลตต์ ามอุณหภูมิตา่ ง ๆ

อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั
ปรมิ าตร ปรมิ าตร ปรมิ าตร
C C C
15 1.000 81 0.959 147 0.620
18 0.998 84 0.957 150 0.918
21 0.996 87 0.956 153 0.916
24 0.994 90 0.954 156 0.914
27 0.993 93 0.952 159 0.913
30 0.991 96 0.950 162 0.911
33 0.989 99 0.948 165 0.909
36 0.987 102 0.946 168 0.907
39 0.985 105 0.945 171 0.905
42 0.983 108 0.943 174 0.904
45 0.981 111 0.941 177 0.902
48 0.979 114 0.939 180 0.900
51 0.978 117 0.937 183 0.899
54 0.976 120 0.936 186 0.897
57 0.974 123 0.934 189 0.895
60 0.972 126 0.932 192 0.893
63 0.970 129 0.930 195 0.892
66 0.968 132 0.928 198 0.890
69 0.967 135 0.927 201 0.888
72 0.965 138 0.925 204 0.886
75 0.963 141 0.923
78 0.961 144 0.921

59

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางท่ี 5
ค่าปรับปรมิ าตรแอสฟัลตอ์ มิ ัลช่ัน ตามอุณหภูมติ า่ ง ๆ

อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั อณุ หภมู ิ คา่ ปรบั
ปรมิ าตร ปรมิ าตร ปรมิ าตร
C C C
15 1.000 51 0.984 87 0.969
18 0.999 54 0.983 90 0.967
21 0.997 57 0.981 93 0.966
24 0.996 60 0.980 96 0.965
27 0.995 63 0.979 99 0.964
30 0.993 66 0.978 102 0.962
33 0.992 69 0.976 105 0.961
36 0.991 72 0.975 108 0.960
39 0.989 75 0.974 111 0.959
42 0.988 78 0.972 114 0.957
45 0.987 81 0.971 117 0.956
48 0.985 84 0.970 120 0.955

5. วิธีการก่อสร้าง
5.1 การเตรยี มการก่อนการก่อสรา้ ง
5.1.1 การเตรียมวสั ดุ
ใหแ้ ยกกองหนิ ยอ่ ยแตล่ ะขนาดไวโ้ ดยไมป่ ะปนกนั และตอ้ งไมใ่ หม้ ีวสั ดทุ ่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนใด
มาปะปน บรเิ วณท่ีเตรียมไวก้ องวสั ดจุ ะตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งาน โดยปราศจากส่งิ
ไมพ่ งึ ประสงคต์ า่ ง ๆ
5.1.2 การตรวจสอบ ตรวจปรบั เคร่ืองจกั ร เคร่อื งมือและอปุ กรณ์
5.1.2.1 เคร่ืองพน่ แอสฟัลต์ ก่อนนาเคร่ืองพน่ แอสฟัลตไ์ ปใชง้ านจะตอ้ งตรวจสอบและตรวจ
ปรบั อปุ กรณต์ ่างๆ ใหอ้ ย่ใู นสภาพใชง้ านไดด้ ี เพ่ือใหส้ ามารถลาดแอสฟัลตไ์ ดป้ ริมาณท่ี
ถกู ตอ้ งและสม่าเสมอ

60

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.1.2.2 เคร่ืองโรยหิน ก่อนจะนาไปใชง้ านตอ้ งตรวจสอบใหถ้ กู ตอ้ ง และตรวจปรบั ใหส้ ามารถ
โรยหินยอ่ ยไดต้ ามปรมิ าณท่ีกาหนดและสม่าเสมอท่วั พืน้ ท่ีท่ีโรยหินยอ่ ย นนั้

5.1.2.3 รถบดลอ้ ยาง ก่อนจะนาไปใชต้ อ้ งตรวจสอบใหถ้ ูกตอ้ ง นา้ หนกั รถและความดนั ลม
ยางใหผ้ คู้ วบคมุ งานกาหนดใหเ้ หมาะสมกบั งานกอ่ สรา้ ง

5.1.2.4 รถเทกระบะเททา้ ย ก่อนจะนาไปใชง้ านตอ้ งตรวจสอบใหถ้ ูกตอ้ ง และจะตอ้ งมีจานวน
พอเพียงท่ีจะขนส่งหินย่อยไปใชใ้ นการก่อสรา้ งไดอ้ ย่างต่อเน่ือง โดยไม่ทาใหก้ ารโรยหิน
ยอ่ ยหยดุ ชะงกั เม่ือไดล้ ากแอสฟัลตไ์ ปแลว้

5.1.2.5 เคร่อื งจกั ร เคร่อื งและอปุ กรณอ์ ่ืนๆ นอกเหนือจากท่ีไดก้ าหนดไวแ้ ลว้ หากจาเป็นตอ้ ง
นามาใชง้ าน ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน โดยจะตอ้ งตรวจสอบ และตรวจปรบั
ใหถ้ กู ตอ้ งก่อนนาไปใชง้ าน

5.1.3 การเตรยี มพืน้ ทาง หรือผิวทางเดมิ
5.1.3.1 กรณีพืน้ ทาง หรือผวิ ทางเดมิ ท่ีจะทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนตไ์ มส่ ม่าเสมอ หรือเป็นคล่ืน
ใหป้ รบั แต่งใหส้ ม่าเสมอ ถา้ มีหลุมบ่อจะตอ้ งตดั หรือขุดออก แลว้ ซ่อมแบบสกินแพตช่ิง
(skin paatching) หรือแบบดีพ แพตช่ิง (deep patching) แลว้ แต่กรณี บดอดั ใหแ้ น่น มี
ผิวท่ีเรียบสม่าเสมอ วสั ดทุ ่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมีคุณภาพดี ขนาดและปริมาณวสั ดุท่ีใชต้ อ้ ง
เหมาะสมกบั ลกั ษณะความเสียหาย และพืน้ ท่ีท่ีจะซอ่ ม
5.1.3.2 กรณีพืน้ ทางท่ีทาไพรมโคท (prime coat) หลดุ หรือเสียหายตอ้ งซอ่ มแซมใหมใ่ หเ้ รียบรอ้ ย
ตามวิธีการท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนด แลว้ ทงิ้ ไวจ้ นครบกาหนดท่ีตอ้ งการบม่ ตวั ของแอสฟัลต์
ท่ีใชซ้ อ่ มเสียก่อนจงึ ทาผวิ ทางได้
5.1.3.3 กรณีพืน้ ทางท่ีทาไพรมโคท ทงิ้ ไวน้ านมีผิวหลดุ เสียหายเป็นพืน้ ท่ีตอ่ เน่ืองหรอื มากเกินกวา่ ท่ี
จะซอ่ มตามขอ้ 5.1.3.2 ใหไ้ ดผ้ ลดใี หค้ ราด (scarify) พืน้ ทางออกแลว้ บดทบั ใหมใ่ หไ้ ดต้ าม
มาตรฐานกาหนด ทาไพรมโคทใหม่ ทงิ้ ไพรมโคทไวจ้ นครบกาหนดท่ีตอ้ งบม่ ตวั เสียก่อน จงึ
ทาผิวทางได้
5.1.3.4 กรณีผิวทางเดมิ มีแอสฟัลตเ์ ยมิ้ กอ่ นทาผิวทางจะตอ้ งแกไ้ ขใหเ้ รยี บรอ้ ยเสียก่อนโดยการ
ปาดออกหรอื โดยวิธีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสมท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนดหรือเหน็ ชอบแลว้
5.1.3.5 ขอบพืน้ ทาง พืน้ ทางหรอื ผิวทางเดมิ ท่ีจะทาผวิ แบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ ตอ้ งสะอาด
ปราศจากฝ่นุ และวสั ดสุ กปรกอ่ืน ๆ ปะปน
5.1.3.6 การทาความสะอาดพืน้ ทาง หรอื ผิวทางเดมิ ท่ีจะทาผวิ แบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ โดย
การกวาดฝ่นุ วสั ดหุ ลดุ หลวม ทรายท่ีสาดทบั ไพรมโคทออกใหห้ มดดว้ ยเคร่ืองกวาดฝ่นุ ตอ้ ง
ปรบั อตั ราเรว็ การหมนุ และนา้ หนกั กด ท่ีกดลงบนพืน้ ทางเดมิ ใหพ้ อดี โดยไมท่ าใหพ้ ืน้ ทาง

61

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หรอื ผิวทางเดมิ เสียหาย เสร็จแลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่ืองเป่าลม เป่ าฝ่นุ หรือวสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกจน
หมด
5.1.3.7 กรณีท่ีคราบฝ่นุ หรือวสั ดจุ บั ตวั แขง็ ท่ีพืน้ ทางหรือผิวทางเดิมท่ีจะทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์
ใหก้ าจดั คราบแข็งดงั กลา่ วออกเสียก่อนโดยการใชเ้ คร่ืองมือใดๆ ท่ีเหมาะสมตามท่ีผู้
ควบคมุ งานกาหนดหรอื เห็นชอบแลว้ ขดู ออกแลว้ ลา้ งใหส้ ะอาดทงิ้ ไวใ้ หแ้ หง้ ใชเ้ คร่อื งกวาด
ฝ่นุ กวาด และใชเ้ คร่อื งเป่าลม เป่าฝ่นุ หรอื วสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกใหห้ มด
5.1.4 การเคลือบผวิ หรือการลา้ งหนิ ยอ่ ย
5.1.4.1 ในกรณีท่ีใชแ้ อสฟัลตซ์ ีเมนตห์ รือคทั แบคแอสฟัลต์ การเคลือบผิวหินย่อยใหป้ ฏิบตั ิ ดงั นี้
(1) หนิ ยอ่ ย ตอ้ งไมม่ ีความชืน้ มากเกินไป จนทาใหเ้ คลือบผวิ ไดไ้ มท่ ่วั ถงึ ถา้ หนิ มีความชืน้
มากเกินไป ผคู้ วบคมุ งานอาจใชผ้ สมสารผสมแอสฟัลต์ ซ่ึงกรมทางหลวงชนบทไดต้ รวจสอบ
และอนญุ าตแลว้ ลงในสารเคลือบผิวหินยอ่ ย ดว้ ยปรมิ าณไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 0.5 โดยปรมิ าตร
ของสารเคลือบท่ีใชจ้ นทาใหเ้ คลือบผวิ ไดท้ ่วั ถงึ
(2) การเคลือบผิวใหท้ าการเคลือบผวิ หินย่อยโดยใชเ้ คร่ืองเคลือบผวิ หินยอ่ ย ปรมิ าณ 4-10
ลติ รตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร ทงั้ นีข้ นึ้ อย่กู บั ชนิดและการดดู ซมึ ของวสั ดหุ ินย่อย และชนิดของสารท่ีใช้
เคลือบผิว
(3) เคร่อื งเคลือบผิวหินย่อย จะรอ่ นคดั ขนาดของหินยอ่ ยแยกเอาฝ่นุ และขนาดท่ีไมต่ อ้ งการออก
แลว้ นาสว่ นท่ีเหลือมาเคลือบผิวใหท้ ่วั ถึง ดว้ ยการใชห้ วั ฉีดพน่ สารเคลือบผิวลงบนหินยอ่ ยการ
เคลือบผวิ ตอ้ งเคลือบบางๆ ไมใ่ หม้ ีสารเคลือบผวิ เยมิ้
(4) เม่ือเคลือบผิวหินยอ่ ยเสรจ็ แลว้ ควรนาไปใชง้ านทนั ที หากเก็บไวน้ านจนสารเคลือบผวิ
แหง้ ตอ้ งเคลือบผิวใหม่ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของผคู้ วบคมุ งาน
5.1.4.2 ในกรณีท่ีใชแ้ อสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั ไมต่ อ้ งเคลือบผวิ แตต่ อ้ งลา้ งหินยอ่ ยใหส้ ะอาด โดยใช้
เคร่อื งลา้ งหินยอ่ ยตาม ขอ้ 3.4 หรอื วธิ ีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสม ซง่ึ ผคู้ วบคมุ งานเหน็ ชอบแลว้
ใหร้ ีบนาไปใชโ้ ดยเรว็ หากปล่อยทงิ้ ไวจ้ นแหง้ หรือสกปรกตอ้ งลา้ งใหม่
5.1.5 การใชส้ ารผสมแอสฟัลต์
สารผสมแอสฟัลต์ อาจใชผ้ สมกบั สารเคลือบผวิ หินยอ่ ย หรือผสมกบั แอสฟัลตโ์ ดยตรงก็ได้
แลว้ แตช่ นดิ และความเหมาะสมโดยใหเ้ ป็นไปตามคาแนะนาของผผู้ ลิตถา้ ผสมสารผสมแอสฟัลตล์ ง
ในแอสฟัลตโ์ ดยตรง ควรผสมก่อนใชง้ านเล็กนอ้ ยแลว้ ทาใหแ้ อสฟัลตใ์ นถงั บรรจแุ อสฟัลตป์ ระจา
รถพน่ แอสฟัลตไ์ หลเวียนผสมเขา้ กนั ดี โดยใชเ้ วลาประมาณ20 นาที แลว้ จึงนาไปใชง้ านทนั ที หา้ ม
ตม้ แอสฟัลตท์ ่ีผสมสารผสมแอสฟัลตแ์ ลว้ ท่ีช่วงอณุ หภมู ิ สาหรบั พ่นแอสฟัลตท์ ิง้ ไวน้ านเพราะสาร
ผสมแอสฟัลตอ์ าจเส่ือมคณุ ภาพไดภ้ ายในไมก่ ่ีช่วั โมงเท่านนั้ หากจาเป็นจะตอ้ งนาแอสฟัลตท์ ่ีผสม

62

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

สารผสมแอสฟัลต์ และตม้ ท่ีอณุ หภมู ิท่ีใชล้ าดทงิ้ ไวเ้ กินกวา่ 3 ช่วั โมงมาใชใ้ หม่ ตอ้ งดาเนินการตาม
ขอ้ แนะนาของผผู้ ลิตสารผสมแอสฟัลต์ โดยความเหน็ ชอบของผคู้ วบคมุ งาน
5.2 การก่อสรา้ ง
เม่ือไดต้ รวจสอบ ตรวจปรบั เคร่อื งจกั ร เคร่อื งมือ อปุ กรณต์ า่ งๆ และเตรียมพืน้ ท่ีท่ีจะกอ่ สรา้ งเสรจ็
เรียบรอ้ ยตามขอ้ 5.1 แลว้ ใหด้ าเนนิ การก่อสรา้ งดงั ตอ่ ไปนี้
5.2.1 การกอ่ สรา้ งผิวแบบเซอรเ์ ฟชทรีตเมนตช์ นั้ เดียว (single surface treatment) คอื การลาด
แอสฟัลต์ 1 ครงั้ และโรยหนิ ยอ่ ยทบั หนา้ 1 ครงั้ แลว้ บดทบั ใหแ้ นน่ โดยดาเนินการดงั ตอ่ ไปนี้
5.2.1.1 ใชเ้ คร่ืองพน่ แอสฟัลต์ ลาดแอสฟัลตต์ ามอณุ หภมู ทิ ่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 1
5.2.1.2 เม่ือลาดแอสฟัลตแ์ ลว้ ใหโ้ รยหนิ ยอ่ ยปิดทบั แอสฟัลตท์ นั ที ตามปรมิ าณท่ีกาหนด ถา้

ในพืน้ ท่ีบางสว่ นไมม่ ีหินยอ่ ยปิดทบั หนา้ หรือหินย่อยไมเ่ รียงกอ้ นสม่าเสมอ ใหใ้ ชค้ นตกั สาด
หรือเกล่ียช่วยทนั ที จนหินยอ่ ยเรียงกอ้ นตดิ กนั แนน่ สม่าเสมอ
5.2.1.3 ในกรณีท่ีลาดแอสฟัลตค์ รงั้ ละครง่ึ ความกวา้ งของถนน ในการลาดแอสฟัลตค์ รง่ึ ถนน
แรก การโรยหินย่อยใหโ้ รยเวน้ ไว้ 100 หรือ 150 มิลลิเมตร เขา้ มาจากขอบดา้ นในของ
แอสฟัลตท์ ่ีลาด เพ่ือแอสฟัลตจ์ ากการลาดแอสฟัลตใ์ นอีกคร่งึ ถนนท่ีเหลือเขา้ มาซอ้ นทบั
บนพืน้ ท่ีท่ีเวน้ ไวน้ ี้ ทงั้ นีเ้ พ่ือจะไดป้ รมิ าณแอสฟัลตท์ ่ีถกู ตอ้ ง และสม่าเสมอท่วั พืน้ ท่ีในกรณีท่ี
ใช้หัวฉีดชนิดพิเศษท่ีริมท่อพ่นแอสฟัลตด์ า้ นนอกสุด ซ่ึงหัวฉีดชนิดพิเศษนีจ้ ะทาให้มี
ปริมาณแอสฟัลตท์ ่ีพ่นออกมาสม่าเสมอเท่ากับปริมาณแอสฟัลตด์ า้ นในแลว้ ก็ใหโ้ รยหิน
ย่อยเต็มความกวา้ งของพืน้ ท่ีท่ีลาดแอสฟัลตไ์ ด้ แต่ทงั้ นีห้ ัวฉีดชนิดพิเศษท่ีนามาใช้ เม่ือ
ตรวจสอบความสม่าเสมอของการลาดแอสฟัลตต์ ามขวางและตามยาวถนนแล้วจะ
คลาดเคล่ือนไดไ้ ม่เกินรอ้ ยละ 17 และรอ้ ยละ 15 ตามลาดบั และผคู้ วบคมุ งานอนญุ าต
ใหใ้ ชไ้ ดเ้ สียก่อน
5.2.1.4 ขณะท่ีกาลงั โรยหนิ ยอ่ ยปิดทบั แอสฟัลต์ ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ ยางบดทบั ตามใหเ้ ตม็ ผวิ หนา้
ทนั ที ประมาณ 2-3 เท่ียว
5.2.1.5 รถบดลอ้ ยางท่ีใชต้ อ้ งมีจานวนอยา่ งนอ้ ย 2 คนั และหากในเวลา 1 ช่วั โมง ทาผวิ ทางไดเ้ กิน
500 เมตรสาหรบั 1 ชอ่ งจราจรแลว้ จะตอ้ งเพ่มิ รถบดลอ้ ยางอีกไมน่ อ้ ยกว่า 1 คนั จานวนรถ
บดลอ้ ยางท่ีเพ่มิ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของผคู้ วบคมุ งาน
5.2.1.6 หลงั จากท่ีรถบดลอ้ ยางบดทบั เตม็ หนา้ ผิวทางประมาณ 2-3 เท่ียวแลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่อื งเกล่ียหิน
เกล่ียหินย่อยท่ีเหลือคา้ งซอ้ นกันอยู่ในกระจายลงส่วนท่ีขาด จนหินย่อยปิดทับผิวหน้า
แอสฟัลตส์ ม่าเสมอ และตอ้ งไมใ่ หม้ ีหินย่อยท่ีติดแอสฟัลตอ์ ย่แู ลว้ หลดุ ออก การเกล่ียนีใ้ ห้
เกล่ียเตม็ หนา้ ประมาณ 2 เท่ียว

63

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.2.1.7 ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ ยางบดทบั ตอ่ ไปอีก จนกระท่งั หินยอ่ ยฝังตวั ลงไปในเนือ้ แอสฟัลตเ์ ป็นอยา่ งดี
มีลกั ษณะผิวสม่าเสมอ และแอสฟัลตแ์ ขง็ ตวั หรือแตกตวั เรยี บรอ้ ยแลว้

5.2.1.8 ในบางกรณีท่ีจาเป็นอาจใชร้ ถบดลอ้ เหล็ก 2 ลอ้ ชนิดขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองขนาด 4-6
ตนั บดทบั เป็นครงั้ สุดทา้ ยได้ โดยบดทบั เต็มหนา้ ไม่เกิน 2 เท่ียว และตอ้ งไม่ทาใหห้ ิน
ยอ่ ยแตกทงั้ นีใ้ ห้ อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของผคู้ วบคมุ งาน

5.2.1.9 ใหป้ ิดการจราจรไวใ้ หน้ านท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทาได้ หากสามารถเบ่ยี งการจราจรไมใ่ หผ้ า่ น
พืน้ ท่ี ท่ีก่อสรา้ งผิวทางได้ แต่ถ้าไม่สามารถปิดการจราจรไดก้ ็ใหค้ วบคุมความเร็วของ
การจราจรท่ีผา่ นไมใ่ หเ้ กิน 30 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 24 ช่วั โมง

5.2.1.10 หลงั จากแอสฟัลตย์ ดึ หินยอ่ ยแนน่ และแหง้ ดแี ลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่ืองกวาดฝ่นุ หรอื เคร่อื งมือ
อ่ืนใดท่ีเหมาะสม กาจดั หินย่อยท่ีอาจหลงเหลืออย่บู นผิวทางออกใหห้ มด โดยไม่ทา
ใหห้ นิ ยอ่ ยท่ีตดิ แนน่ แลว้ หลดุ ออก

5.2.2 การก่อสรา้ งผิวแบบเซอรเ์ ฟชทรีตเมนตส์ องชนั้ (double surface treatment) คือการลาดแอสฟัลต์
แลว้ โรยหินยอ่ ย แลว้ บดทบั ใหแ้ นน่ สลบั กนั ไป โดยดาเนินการกอ่ สรา้ งเป็นสองชนั้ ดงั ตอ่ ไปนี้

5.2.2.1 สาหรบั การลาดแอสฟัลตค์ รงั้ ท่ีหน่งึ และการโรยหินยอ่ ยชนั้ ท่ีหน่งึ ใหป้ ฏิบตั เิ ชน่ เดยี วกบั
การทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตช์ นั้ เดียวตามขอ้ 5.2.1

5.2.2.2 ภายหลงั จากการลาดแอสฟัลตค์ รงั้ ท่ีหน่ึง และโรยหินย่อยชนั้ ท่ีหน่ึงพรอ้ มทงั้ บดทบั แน่น
เรียบรอ้ ยแลว้ ใหป้ ล่อยทิง้ ไวจ้ นกว่าแอสฟัลตย์ ึดหินย่อยแน่นก่อนท่ีจะก่อสรา้ งชนั้ ต่อไป
ระยะเวลาท่ีปลอ่ ยทงิ้ ไวค้ วรเป็น ดงั นี้
5.2.2.2.1 สาหรบั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ควรปลอ่ ยทงิ้ ไว้ ประมาณ 2 ช่วั โมง
5.2.2.2.2 สาหรบั แอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั ควรปลอ่ ยทงิ้ ไว้ ประมาณ 10 ช่วั โมง
5.2.2.2.3 สาหรบั คทั แบคแอสฟัลต์ ควรปล่อยทงิ้ ไว้ ประมาณ 18 ช่วั โมง

ทงั้ นี้ หมายถึง ภาวะอากาศปกติ เพ่ือใหน้ า้ มนั หรือนา้ แล้วแต่ชนิดของแอสฟัลตร์ ะเหย
ออกไปเกือบหมด แต่ถา้ มีฝนตกหรือสภาวะอากาศท่ีมีความชืน้ มาก อาจตอ้ งทิง้ ไวเ้ ป็นนานกว่าท่ีได้
กาหนดไวข้ า้ งตน้ ก็ได้ โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน
5.2.2.3 ก่อนท่ีลาดแอสฟัลตค์ รงั้ ท่ีสอง ใหท้ าความสะอาดผิวทางชนั้ ท่ีหน่ึงดว้ ยเคร่ืองมือท่ีเหมาะสม
เช่นใชเ้ คร่ืองกวาดฝ่ นุ กวาดหินย่อยท่ีหลดุ หลวม หรือคา้ งอย่บู นผิวทางชนั้ ท่ีหน่งึ ออก แลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่ า
ลม เป่ าฝ่ นุ หรือวสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกใหห้ มดในกรณีท่ีมีส่ิงสกปรกเกาะติดแน่น ใหล้ า้ งออกใหห้ มด แลว้
จงึ ลาดแอสฟัลตต์ ามอณุ หภมู ิท่ีกาหนดไวต้ ามตารางท่ี 1 ในอตั ราท่ีกาหนดให้

64

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.2.2.4 ในบางกรณีโดยดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน อาจพิจารณาใหท้ าผวิ แบบเซอรเ์ ฟซทรตี

เมนตเ์ พียงชนั้ ท่ีหนง่ึ ก่อน แลว้ เปิดการจราจรไวเ้ ป็นระยะเวลาหน่งึ ท่ีเหมาะสมโดยพจิ ารณา
ถึงสภาพพืน้ ท่ีท่ีก่อสรา้ ง สภาวะอากาศ สภาพลักษณะ และปริมาณการจราจร เป็นตน้
เพ่ือใหผ้ ิวทางชนั้ ท่ีหน่ึง ปรบั ตวั เสียก่อน แลว้ จึงทาผิวชนั้ ท่ีสอง โดยก่อนท่ีจะทาผิวชัน้ ท่ี
สองใหท้ าความสะอาดผิวชนั้ ท่ีหน่งึ พรอ้ มทงั้ ใหด้ าเนินการตามขอ้ 5.2.2.3 ตอ่ ไปดว้ ย

5.2.2.5 ทนั ทีท่ีลาดแอสฟัลตค์ รงั้ ท่ีสองใหโ้ รยหินยอ่ ยตามปรมิ าณท่ีถกู ตอ้ งซ่งึ ไดเ้ ตรียมไวแ้ ลว้
ปิดทบั แอสฟัลตท์ นั ที ขนั้ ตอนการก่อสรา้ งใหป้ ฏิบตั เิ ชน่ เดียวกบั การก่อสรา้ งผิวแบบเซอร์
เฟซทรีตเมนตช์ นั้ เดียว ตามขอ้ 5.2.1

6. รายละเอียดเพมิ่ เตมิ
6.1 การทาผวิ แบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนต์ จะตอ้ งพิจารณาสภาพดนิ ฟา้ อากาศใหเ้ หมาะสม หา้ มลาดแอสฟัลต์
ในขณะท่ีมีลมพัดแรงหรือในขณะท่ีมีเคา้ ว่าฝนจะตกหรือระหว่างฝนตกถ้าผิวหนา้ ของพืน้ ท่ีท่ีจะลาด
แอสฟัลตเ์ ปียกหา้ มลาดแอสฟัลตซ์ ีเมนตห์ รือคดั แบคแอสฟัลต์
6.2 ความยาวของแปลงท่ีจะลาดแอสฟัลต์ ควรกาหนดใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของแอสฟัลตท์ ่ีใช้ ปรมิ าณ
การจราจร สภาวะอากาศ เคร่อื งจกั ร และหินยอ่ ยท่ีไดเ้ ตรียมไว้
6.3 ก่อนเร่มิ ลาดแอสฟัลต์ ใหจ้ อดเคร่อื งพน่ แอสฟัลตห์ า่ งจากจดุ เร่มิ ตน้ แปลงท่ีจะลาดแอสฟัลตพ์ อประมาณ
เพ่ือใหเ้ คร่ืองพน่ แอสฟัลตท์ าความเรว็ ของการลาดแอสฟัลตไ์ ดต้ ามท่ีกาหนดไว้
6.4 ท่ีจดุ เร่มิ ตน้ และจดุ สนิ้ สดุ ของการลาดแอสฟัลตแ์ ตล่ ะแปลงใหใ้ ชก้ ระดาษหนาหรือวสั ดทุ บึ ใดๆ
กวา้ งอย่างนอ้ ย 500 มิลลิเมตร วางยาวตลอดความกวา้ งของการลาดแอสฟัลต์ เพ่ือป้องกันไม่ใหล้ าด
แอสฟัลตซ์ า้ โดยตอ้ งเร่ิมและหยุดลาดแอสฟัลตแ์ ปลงนัน้ บนกระดาษ หรือวัสดุทึบดงั กล่าว เพ่ือใหไ้ ด้
รอยตอ่ การลาดแอสฟัลตท์ ่ีเรยี บรอ้ ย ไมม่ ีแอสฟัลตเ์ ลอะลา้ ไปในแปลงท่ีไดล้ าดแอสฟัลตไ์ วแ้ ลว้
6.5 การลาดแอสฟัลตไ์ มค่ วรลาดจนหมดถงั ควรเหลือแอสฟัลตใ์ นถงั ไวไ้ มน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 5 ของความจขุ องถงั
ทงั้ นีเ้ พราะแอสฟัลตท์ ่ีออกจากเคร่ืองสบู แอสฟัลตจ์ ะมีปริมาณลดลงทาใหอ้ ตั ราแอสฟัลตท์ ่ีพน่ ออกมาผิด
ไปจากท่ีกาหนดไว้
6.6 ความสงู ของทอ่ พน่ แอสฟัลตก์ ่อนและหลงั จากการลาดแอสฟัลตใ์ นแปลงใดๆ ไมค่ วรมีความแตกตา่ งเกิน
12.5 มลิ ลิเมตร
6.7 การลาดแอสฟัลตค์ วรว่งิ สวนทศิ ทางลม เพ่ือใหค้ วนั หรือละอองแอสฟัลตอ์ อกไปทางดา้ นทา้ ยของ
เคร่อื งพน่ แอสฟัลต์
6.8 ในการทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตส์ องชนั้ ควรลาดแอสฟัลตช์ นั้ ท่ีหน่งึ และชนั้ ท่ีสอง ใหส้ วนทาง

65

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กนั ทงั้ นีเ้ พ่ือเป็นการเฉล่ียปรมิ าณแอสฟัลตใ์ หส้ ม่าเสมอท่วั ทงั้ แปลง
6.9 เม่ือก่อนสรา้ งทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนตเ์ สรจ็ แลว้ หา้ มเปิดการจราจรจนกวา่ แอสฟัลตจ์ ะยดึ หิน

ยอ่ ยแนน่ ดีแลว้ แตถ่ า้ มีความจาเป็นตอ้ งเปิดการจราจร ใหจ้ ากดั ความเรว็ ของการจราจรไมใ่ หเ้ กิน 30
กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 24 ช่วั โมง
6.10 เม่ือก่อสรา้ งทาผิวแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนตเ์ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ควรเปิดการจราจรขณะท่ีผวิ ทางมี
อณุ หภมู ิต่า เชน่ ตอนเยน็ หรือค่า หา้ มเปิดการจราจรในขณะท่ีฝนตก

7. ข้อควรระวัง
7.1 ในการใชค้ ดั แบคแอสฟัลต์ เน่ืองจากคทั แบคแอสฟัลตน์ นั้ ตดิ ไฟไดง้ ่าย การปฎิบตั งิ านจะตอ้ งระมดั ระวงั
มใิ หเ้ ปลวไฟมาถกู ได้ ทงั้ ในขณะตม้ หรือขณะลาดคทั แบคแอสฟัลตน์ นั้ ตดิ ไฟไดง้ ่าย การปฏิบตั งิ านจะตอ้ ง
ระมดั ระวงั มิใหเ้ ปลวไฟมาถกู ได้ ทงั้ ในขณะตม้ หรือขณะลาดคทั แบคแอสฟัลต์
7.2 การขนสง่ แอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั แบบบรรจถุ งั (drum) โดยเฉพาะการขนขนึ้ และขนลง ตอ้ งระมดั ระวงั ไมใ่ หถ้ งั
บรรจแุ อสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั ไดร้ บั การกระทบกระเทือนรุนแรง เพราะอาจจะทาใหแ้ อสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั แตกตวั ได้
7.3 การใชแ้ อสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั แบบบรรจถุ งั ก่อนถ่ายเทแอสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั ลงในเคร่อื งพน่ แอสฟัลต์ ควรกลงิ้ ถงั ไป
มาหรอื กวนใหเ้ ขา้ กนั เสียก่อน ทงั้ นีเ้ พ่ือใหแ้ อสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั มีลกั ษณะเดียวกนั ท่วั ถงั หากใชไ้ มห่ มดถงั ควร
ปิดฝาใหแ้ นน่ เพ่ือปอ้ งกนั นา้ ในแอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั ระเหยออกไป ทาใหแ้ อสฟัลตอ์ มิ ลั ช่นั แตกตวั และหมด
คณุ ภาพการเป็นแอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั ได้
7.4 หลงั การลาดแอสฟัลตป์ ระจาวนั ควรดดู แอสฟัลตใ์ นเคร่อื งพน่ แอสฟัลตอ์ อกใหห้ มดแลว้ ลา้ งเคร่อื งพน่
แอสฟัลตโ์ ดยเฉพาะท่ีท่อพ่นแอสฟัลต์ การลา้ งควรใชน้ า้ มนั ก๊าดหรือสารทาละลายใดๆ สบู ผา่ นทอ่ ต่างๆ
ของเคร่อื งพน่ แอสฟัลต์ เพ่ือลา้ งสว่ นท่ีตกคา้ งอยอู่ อกใหห้ มด ทงั้ นีเ้ พ่ือปอ้ งกนั แอสฟัลตเ์ กาะตดิ แน่น ทาให้
ไม่สะดวกในการใชง้ านต่อไปและช่วยป้องกันไม่ใหถ้ ังบรรจุแอสฟัลตใ์ นเคร่ืองพ่นแอสฟัลตถ์ ูกกรดใน
แอสฟัลตอ์ ิมลั ช่นั บางชนิดกดั ทะลเุ สียหายได้
7.5 ในการผสมนา้ มนั (cutter) กบั แอสฟัลตใ์ หด้ าเนินการตามรายละเอียดในขอ้ 2.1.7 โดยเครง่ ครดั
เพ่ือปอ้ งกนั อนั ตรายจากการลกุ ไหม้

8. หนังสอื อ้างอิง
- กรมทางหลวง เอกสาร “งานผิวจราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรตี เมนต”์

66

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.227-2545
มาตรฐานแทคโคท (tack coat)

1. ขอบข่าย
แทคโคท หมายถงึ การราดยางแอสฟัลตช์ นิดเหลว (liquid asphalt) บนไพรมโคทเดมิ บนผวิ ทางเดมิ

และบนพืน้ ทางเดมิ ชนิดแอสฟัลตต์ กิ คอนกรีต ตามชนิดเกรด อณุ หภมู ิ ปรมิ าณเคร่ืองจกั ร และเคร่อื งมือท่ีกาหนดให้
เพ่ือทาหนา้ ท่ียดึ เหน่ียวชนั้ ผิวทางหรอื ชนั้ พืน้ ทางชนิดแอสฟัลตต์ กิ คอนกรีตท่ีกาลงั จะก่อสรา้ งใหม่

2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีใชแ้ ทคโคทตอ้ งเป็นวสั ดยุ างแอสฟัลตช์ นิดเหลวท่ีมีคณุ สมบตั ติ ามมาตรฐานของวสั ดยุ าง

แอสฟัลตต์ อ่ ไปนี้
2.1 วสั ดยุ างคทั แบค แอสฟัลต์ ชนิดบม่ เรว็ (rapid curing cut-back asphalt) ซง่ึ ไดแ้ ก่ RC-70,
RC-250
2.2 วสั ดยุ างแคตอิออนกิ แอสฟัลต์ อมิ ลั ชนั (cationic asphalt emulsion) ซ่งึ ไดแ้ ก่ RS-2K
วสั ดใุ นขอ้ 2.1 และ 2.2 ดงั กลา่ ว ตอ้ งไดผ้ า่ นการทดสอบคณุ สมบตั ิ และรบั รองใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้
2.3 อณุ หภมู ิของวสั ดยุ างแอสฟัลตด์ งั กลา่ วท่ีใชร้ าดทาแทคโคท ใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนด ดงั นี้

2.4 ขอ้ ควรปฏิบตั ิ ชนดิ ของยาง อณุ หภมู ทิ ่ีใชร้ าด เก่ียวกบั วสั ดยุ าง
cationic asphalt emulsion
RC - 70 C F
2.4.1 ใน RC – 250 กรณีท่ีผสมยาง
แอสฟัลต์ RS – 2K 50 – 100 120 – 215 กบั นา้ เขา้ ดว้ ยกนั

80 – 110 180 - 235

ไมต่ อ้ งใหค้ วามรอ้ นใชอ้ ณุ หภมู ิปกติ

67

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตามอตั ราท่ีกาหนดใหเ้ รียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ าไปใช้
งานใหห้ มด ถา้ เหลือแลว้ ยางแอสฟัลตเ์ กิดแตกตวั จะนามาใชอ้ ีกไมไ่ ด้

2.4.2 ขอ้ ควรปฏิบตั อิ ่ืน นอกเหนือจากขอ้ 2.4.1 ใหป้ ฏิบตั ิตามขอ้ ควรปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ยาง cationic
asphalt emulsion ในเร่ืองไพรมโคท (prime coat) ทกุ ประการ

2.4.3 ปรมิ าณยางแอสฟัลตท์ ่ีใชร้ าด ใหใ้ ชต้ ามท่ีกาหนด ดงั นี้
2.4.3.1 กรณีท่ีพืน้ ผวิ เดมิ เป็นไพรมโคท ใช้ RC-70 ในอตั รา 0.1-0.3 ลิตรตอ่ ตารางเมตร หรือ
ใช้ CRS-1 ผสมนา้ เทา่ ตวั ในอตั รา 0.2-0.6 ลิตรตอ่ ตารางเมตร
2.4.3.2 กรณีท่ีพืน้ ผวิ เดมิ เป็นผวิ จราจรแบบ เซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ หรอื เป็นผวิ จราจร แบบ
เพเนเตรช่นั แมคคาดมั ใช้ RC-250 ในอตั รา 0.1-0.3 ลติ รตอ่ ตารางเมตร
2.4.3.3 ในกรณีท่ีพืน้ ผวิ เดมิ เป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลตต์ ิกคอนกรีต หรอื เป็นพืน้ ทางแบบ
แอสฟัลตต์ กิ คอนกรตี ใช้ RC-70 ในอตั รา 0.1-0.3 ลิตรตอ่ ตารางเมตร ใช้ RS-2K
ผสมนา้ เทา่ ตวั ในอตั รา 0.2-0.6 ลิตรตอ่ ตารางเมตร

3. วธิ ีการก่อสร้าง แบ่งเป็ น 2 ตอน
3.1 การเตรียมพืน้ ผิวเดมิ
3.1.1 ถา้ พืน้ ผวิ เดมิ เป็นไพรมโคทท่ีทาทงิ้ ไวน้ าน เม่ือจะทาผวิ จราจรแบบแอสฟัลตต์ กิ คอนกรตี ผิว
จะไมย่ ดึ ตดิ กบั ไพรมโคทเดมิ ทาใหก้ าร อดุ ปะ หลมุ บนผิวไพรมโคท (ถา้ มี) ดว้ ย hot mixed หรอื
premixed แลว้ บดอดั แนน่ ใหเ้ รียบรอ้ ย แลว้ ใชเ้ คร่ืองกวาดฝ่นุ กวาดฝ่ นุ ออกจนหมด และไมท่ าให้
ผิวไพรมโคทเดมิ เสียหาย เสร็จแลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่าลม ทาการเป่าฝ่นุ ออกใหห้ มด
3.1.2 ถา้ พืน้ ผิวเดมิ เป็นผิวจราจรแบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ หรือผวิ จราจร แบบเพเนเตรช่นั แมคคาดมั
ใหใ้ ชเ้ คร่ืองกวาดฝ่นุ กวาดฝ่ นุ และหนิ ท่ีหลดุ หลวมออกจนหมด แลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่าลม เป่าฝ่นุ ออกให้
หมด
3.1.3 ถา้ พืน้ ผวิ เดมิ เป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลตต์ กิ คอนกรีต หรือเป็นพืน้ ทางแบบแอสฟัลตต์ กิ
คอนกรตี ใหใ้ ชเ้ คร่อื งกวาดฝ่ นุ หรอื เคร่อื งเป่ าลมกวาด หรือเป่าฝ่นุ ออกใหห้ มด
3.2 การราดยางแอสฟัลต์
3.2.1 ใชเ้ คร่ืองราดยางแอสฟัลต์ ซง่ึ เตรียมพรอ้ มท่ีจะทางาน ดาเนินการราดยางแอสฟัลต์ ตามชนดิ
เกรด อณุ หภมู ิ และอตั รา ท่ีกาหนดไวใ้ หแ้ ลว้ ขา้ งตน้ ถา้ พืน้ ท่ีซ่งึ จะทาแทคโคทมีปรมิ าณนอ้ ย ใหใ้ ช้
เคร่อื งพน่ ดว้ ยมือราดยางแอสฟัลตไ์ ด้ แตถ่ า้ ไมม่ ีเคร่อื งพ่นดว้ ยมือ ใหใ้ ชภ้ าชนะใสย่ างแอสฟัลตส์ ลดั

68

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ราดบางๆ ใหท้ ่วั พืน้ ท่ี แลว้ ใชร้ ถบดลอ้ ยางบดทบั ไปมาเพ่ือท่ีจะใหย้ างแอสฟัลตก์ ระจายบนพืน้ ท่ีโดย
สม่าเสมอ
3.2.2 เม่ือราดยางแอสฟัลต์ ทาแทคโคทแลว้ ใหท้ งิ้ ไวป้ ระมาณ 10-18 ช่วั โมง เพ่ือท่ีจะให้ volatile
matter ใน rapid curing cut-back asphalt ระเหยออกไป และนา้ ใน cationic asphalt
emulsion ระเหยออกไปเชน่ กนั จงึ จะทาผิวชนั้ ตอ่ ไปได้
3.2.3 ใหป้ ิดการจราจร หา้ มยวดยานผา่ น หลงั จากทาแทคโคทแลว้ จนกว่าจะทาการก่อสรา้ ง
ผิวทางหรือพืน้ ทางแบบแอสฟัลตต์ กิ คอนกรีตเสรจ็

69

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.228-2545
มาตรฐานงานซลี โคท (seal coat)

1. ขอบข่าย
ซีลโคท หมายถึง การราดยางแอสฟัลตช์ นิดเหลว (liquid asphalt) หรือยางแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (asphalt

cement) บนผวิ ทางราดยางเก่าในงานบารุงผวิ ทาง ตามชนดิ เกรด อณุ หภมู ิ ปรมิ าณ เคร่อื งจกั ร เคร่อื งมือ
ท่ีกาหนดใหเ้ พ่ือปิดรอยแตกรา้ วซง่ึ เป็นช่องวา่ ง ปอ้ งกนั การซมึ ผา่ นของนา้ ผวิ ทางลงไปยงั ชนั้ ลา่ งของถนน
อนั เป็นสาเหตทุ ่ีทาใหถ้ นนเสียหาย แลว้ สาดทบั ดว้ ยวสั ดชุ นดิ เม็ดบดอดั แนน่ ดว้ ยรถบดลอ้ ยาง แลว้ ตามดว้ ย
รถบดลอ้ เหล็ก

2. วัสดุ
วสั ดทุ ่ีใชซ้ ีลโคท ตอ้ งเป็นวสั ดยุ างแอสฟัลตช์ นิดเหลวหรือยางแอสฟัลต์ ซีเมนต์ และวสั ดชุ นิดเม็ดสาหรบั

ผวิ จราจรแบบเซอรเ์ ฟชทรีตเมนตช์ นั้ เดียว ซ่งึ มีคณุ สมบตั ติ ามมาตรฐานยางแอสฟัลต์ และมาตรฐานวสั ดุ
ชนดิ เมด็ ดงั ตอ่ ไปนี้

2.1 วสั ดยุ างคทั แบค แอสฟัลต์ ชนิดบม่ เรว็ (rapid curing cut-back asphalt) ซ่งึ ไดแ้ ก่ RC-800,
RC-250

2.2 วสั ดยุ าง แคตอิออนิกแอสฟัลต์ อิมลั ช่นั ซ่งึ ไดแ้ ก่ CRS-1, CRS-2
2.3 วสั ดยุ าง แอสฟัลต์ ซีเมนต์ ซง่ึ ไดแ้ ก่ AC 60-70, AC 80-100, AC 120-150
2.4 วสั ดชุ นดิ เม็ดสาหรบั งานซีลโคท จะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐานวสั ดชุ นิดเม็ด สาหรบั ผวิ จราจร

แบบเซอรเ์ ฟซทรีตเมนต์ มทช. 207-2545 และวสั ดใุ นขอ้ 2.1 ถึงขอ้ 2.3 ดงั กลา่ ว ตอ้ งไดผ้ า่ นการ
ทดสอบคณุ สมบตั แิ ละรบั รองใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้
2.4 อณุ หภมู ิของวสั ดยุ างแอสฟัลตด์ งั กลา่ ว ท่ีใชร้ าดทาซีลโคทใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนด ดงั นี้

70

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ชนิดของยาง อณุ หภมู ทิ ่ีใชร้ าด F
180-230
RC-250 C 210-250
RC-800 80-110 110-160
CRS-1 100-120 140-180
CRS-2 45-70 285-350
AC 60-70 60-80 285-350
AC 80-100 140-175 285-350
AC 120-150 140-175
140-175

2.6 ขอ้ ควรปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ยางแอสฟัลต์
2.6.1 สาหรบั ยางคทั แบคแอสฟัลตช์ นดิ บม่ เรว็ (RC) ระวงั อยา่ ใหเ้ ปลวไฟมาถกู ในขณะตม้ ใหค้ วาม
รอ้ น หรอื ในขณะทาการราด เพราะยางแอสฟัลตช์ นิดนีต้ ดิ ไฟไดโ้ ดยงา่ ย
2.6.2 ยางแคตออิ อนิก แอสฟัลต์ อมิ ลั ช่นั ใหป้ ฏิบตั ิตามขอ้ ควรปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ยางแคตออิ อนิก
แอสฟัลต์ อิมลั ช่นั ในเร่อื งไพรมโคท ทกุ ประการ

2.7 ปรมิ าณยางแอสฟัลตท์ ่ีใชร้ าด ตามท่ีกาหนดให้ ใหใ้ ชต้ ามขนาดของวสั ดชุ นิดเมด็ ดงั นี้

วสั ดชุ นิด ปรมิ าณยางแอสฟัลต์ ปรมิ าณวสั ดชุ นิดเม็ด
เมด็ โดยประมาณ โดยประมาณ

ขนาดระบุ ลิตร ตอ่ ตารางเมตร กิโลกรมั ตอ่ ตารางเมตร
0.6 – 1.5 8 - 12
3/8”

2.8 ก่อนทาการก่อสรา้ งซีลโคททกุ ครงั้ ใหส้ ง่ วสั ดชุ นิดเม็ดซง่ึ ไดแ้ ก่ หินย่อย หรือกรวดย่อย และยาง
แอสฟัลต์ ชนิดท่ีจะใช้ มาทาการทดสอบคณุ สมบตั ิ และเพ่ือทาการออกแบบกาหนดปรมิ าณของวสั ดทุ ่ี
ใชต้ อ่ ตารางเมตรให้

71

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
3. วิธีการก่อสร้าง

3.1 ปรบั แตง่ ผิวทางราดยางเกา่ ท่ีจะซีลโคท ใหเ้ รียบสม่าเสมอก่อนท่ีจะทาการซีลโคท
3.2 ถา้ มีผิวขรุขระ เป็นหลมุ บอ่ ใหใ้ ชว้ ธิ ีปปู ะดว้ ย hot mixed หรือ cold mixed ใหม้ ีสภาพท่ีเรยี บ

สม่าเสมอกอ่ น
3.3 ใชเ้ คร่ืองราดยางแอสฟัลต์ ซง่ึ เตรียมพรอ้ มท่ีจะทางาน ทาการราดยางแอสฟัลต์ ตามชนิด เกรด

อณุ หภมู ิ และปรมิ าณท่ีกาหนดไวใ้ หแ้ ลว้ ขา้ งตน้ ทนั ทีท่ีราดยางแอสฟัลตใ์ หท้ าการโรยหนิ ชว่ ยปิดทบั
หนา้ ยางแอสฟัลตต์ ลอดพืน้ ท่ีโดยท่วั ถึง
3.4 ใชร้ ถบดลอ้ ยางบดตามขณะท่ีทาการโรยหินยอ่ ยลว่ งหนา้ ไปแลว้ บดทบั จนเห็นวา่ หนิ ยอ่ ยจมลงไป
ในเนือ้ ยางแอสฟัลตด์ แี ลว้ ตลอดพืน้ ท่ี ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ เหลก็ ทบั อีกเป็นครงั้ สดุ ทา้ ย โดยบดทบั ใหเ้ ตม็ พืน้ ท่ี
2 เท่ียว
3.5 ใหป้ ิดการจราจรไวใ้ หน้ านพอท่ีจะแสดงวา่ ยางแอสฟัลตไ์ ดย้ ึดจบั หินย่อยแนน่ และแหง้ ดีแลว้ จงึ จะ
เปิดการจราจรไดแ้ ละการเปิดการจราจรใหเ้ ปิดในตอนเย็นหรือค่า หา้ มเปิดในขณะท่ีมีฝนตก
3.6 ขอ้ ควรปฏิบตั ติ รงรอยตอ่ ของการราดยางแอสฟัลต์ ใหใ้ ชก้ ระดาษหนา หรือวสั ดทุ บึ ใดๆ กวา้ ง
อยา่ งนอ้ ย 50 เซนตเิ มตร ยาวตลอดความกวา้ งของพืน้ ท่ีท่ีจะราดยางแอสฟัลต์ ปบู นพืน้ ท่ีราดยางไวแ้ ลว้
ทงั้ นีเ้ พ่ือปอ้ งกนั การราดยางแอสฟัลตซ์ า้ กนั และเม่ือเร่มิ ราดยางแอสฟัลตต์ อ่ ไป ใหร้ าดบนกระดาษหรือ
วสั ดดุ งั กลา่ วตอ่ เน่ืองออกไป

72

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.229-2545
มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบ เพเนเตรช่ัน แมคคาดมั

(penetration macadam)

1. ขอบข่าย
งานผิวจราจรแบบเพเนเตรช่นั แมคคาดมั (penetration macadam) หมายถึง การก่อสรา้ งผิวจราจรดว้ ย

วธิ ีโรยเกล่ียวสั ดชุ นิดเม็ด บดทบั แลว้ ราด หรือพน่ ยางแอสฟัลต์
2. วัสดุ

2.1 วสั ดยุ างแอสฟัลตท์ ่ีจะนามาใชเ้ ป็นแอสฟัลตซ์ ีเมนตช์ นิด AC 60-70, AC 80-100 และ AC 120-150
ท่ีมีคณุ สมบตั ผิ า่ นการทดสอบตรงตามมาตรฐานยางแอสฟัลตแ์ ลว้

2.2 วสั ดชุ นิดเม็ดท่ีจะนามาใชต้ อ้ งมีคณุ สมบตั ติ าม มทช. 208-2545 : มาตรฐานวสั ดชุ นดิ เม็ดสาหรบั
ผวิ ทางแมคคาดมั

2.3 ปรมิ าณวสั ดทุ ่ีใชป้ รมิ าณของวสั ดชุ นิดเม็ด (aggregate) และยางแอสฟัลตท์ ่ีใชใ้ หเ้ ป็นไปตามท่ี
กาหนดไว้ ทงั้ นีค้ วามหนาของผวิ จราจรจะตอ้ งเป็นไปตามกาหนดในแบบ

73

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 1 แสดงขนาดและปรมิ าณวัสดทุ ่ีใช้ตอ่ ตารางเมตร

ชนิดและความหนา

ขนาดวสั ดชุ นดิ เมด็ และวิธีกอ่ สรา้ ง 5.0 ซม. 5.5 ซม. 6.0 ซม. 7.0 ซม.
A B C D

เกลย่ี วสั ดชุ นิดเม็ดรองพนื้

วสั ดชุ นิดเม็ด 2” – 1” กก. - - 116-145 116-145
87-116 87-116 - -
วสั ดชุ นดิ เม็ด 1” – 1/2 “ กก. 3.4-5.4 3.4-5.4 4.5-6.8 4.5-6.8

พน่ ยางแอสฟัลตค์ รงั้ แรก ลติ ร

เกลยี่ วสั ดชุ นดิ เม็ดชนั้ ที่สอง

วสั ดชุ นิดเมด็ 3/4” กก. - - 12-20 12-20
9-15 9-15 - -
วสั ดชุ นิดเมด็ 1/2” กก. 1.3-2.3 1.3-2.3 2.3-3.1 2.3-3.1

พน่ ยางแอสฟัลตค์ รงั้ ที่สอง ลติ ร

เกลย่ี วสั ดชุ นดิ เมด็ ชนั้ ทส่ี าม

วสั ดชุ นดิ เม็ด 1/2” กก. - - 9-12 9-12
9.12 9-12 - -
วสั ดชุ นดิ เมด็ 3/8” กก. - 0.80-1.00 - 0.9-1.1
- 9-12 - 9.12
พน่ ยางแอสฟัลตค์ รงั้ ท่สี าม ลิตร
105-143 114-155 133-177 146-189
เกลยี่ หินเกลด็ กก. 4.7-7.7 5.5-8.7 6.8-9.9 7.7-11.0

รวม กก.
วสั ดชุ นิดเมด็

ยางแอสฟัลต์ ลติ ร

หมายเหตุ อณุ หภมู ิของยางแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (AC) ขณะพน่ 275F–350F หรอื (135C-175C)

3. วิธีการก่อสร้าง
3.1 การกองวสั ดชุ นิดเม็ด
3.1.1 ใหแ้ ยกกองวสั ดแุ ตล่ ะขนาดโดยไมป่ ะปนกนั
3.1.2 บรเิ วณกองวสั ดตุ อ้ งสะอาดปรบั ใหเ้ รยี บสม่าเสมอ อยบู่ นพืน้ ท่ีม่นั คง และสามารถระบายนา้
ไดด้ ี
3.1.3 ผิวหนา้ บรเิ วณท่ีกองวสั ดุ ควรเป็นวสั ดชุ นิดมีเชือ้ ประสานท่ีไมเ่ กิดเป็นฝ่นุ ง่ายเม่ือแหง้ หรือ
เป็นโคลนตมเม่ือเปียกนา้
3.2 การเตรยี มการก่อสรา้ ง

74

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3.2.1 พืน้ ทางเก่าหรอื พืน้ ทางท่ีทาไพรมโคตไวแ้ ลว้ ตอ้ งไดร้ ะดบั ถกู ตอ้ งตามแบบ
3.2.2 วสั ดพุ ืน้ ทางเกา่ วสั ดพุ ืน้ ทางวสั ดใุ ดท่ีหลดุ ตวั หรอื ทรายท่ีสาดทบั พืน้ ทางไว้ ตอ้ งกวาดออก

จากผวิ หนา้ ของชนั้ ท่ีทาผิวทางใหส้ ะอาด
3.2.3 หลมุ บอ่ ตา่ งๆ บนพืน้ ทาง ตอ้ งแตง่ ขอบของหลมุ บอ่ ใหต้ งั้ ฉากตลอดความลกึ ของหลมุ บอ่ นนั้

แลว้ กวาดวสั ดทุ ่ีหลดุ รว่ งในหลมุ บอ่ ออกใหห้ มด กลบใหแ้ นน่ ดว้ ยวสั ดชุ นิดเม็ดผสมยางแอสฟัลตจ์ น
ไดห้ นา้ เรยี บเสมอพืน้ ทาง
3.2.4 ในกรณีท่ีไพรมโคทหลดุ หรือเสียหาย ตอ้ งทาการซ่อมใหเ้ รียบรอ้ ยแลว้ ทงิ้ ไวจ้ นครบอายขุ อง
การบม่ ยางแอสฟัลตน์ นั้ ๆ
3.2.5 เคร่ืองราดยาง เคร่ืองพน่ ยางหรอื เคร่อื งโรยหิน และอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใช้ ตอ้ งไดร้ บั การตรวจ
สอบจากผคู้ วบคมุ งาน เพ่ือควบคมุ อตั ราจานวนยางและอตั ราจานวนวสั ดชุ นิดเม็ดท่ีใชใ้ หถ้ กู ตอ้ ง
สม่าเสมอ
3.2.6 ตอ้ งพจิ ารณาสภาพดินฟา้ อากาศใหเ้ หมาะสมก่อนท่ีจะมีการทาผิวทางทกุ ครงั้ หา้ มราดยาง
ในขณะท่ีมีลมพดั แรง หรือระหวา่ งฝนตก
3.2.7 หา้ มทาผิวทางในขณะท่ีผิวหนา้ ของพืน้ ท่ีท่ีจะราดยางหรือวสั ดชุ นดิ เม็ด มีความชืน้ เกิน
กวา่ รอ้ ยละ 5
3.3 การก่อสรา้ ง
3.3.1 เกล่ียหินหยาบชนั้ แรก ขนาด 2”- 1” ดว้ ยมือ หรือเคร่อื งเกล่ียท่ีผคู้ วบคมุ งานเหน็ ชอบแลว้ ในกรณี
ใชม้ ืออาจใชห้ ินท่ีกองอยขู่ า้ งถนนหรือราดลงจากรถบรรทกุ ก็ไดแ้ ตห่ า้ มราดหินจากรถบรรทกุ ลงบน
พืน้ ทางท่ีจะเกล่ียโดยตรง ชนั้ ของหินเม่ือบดทบั แลว้ จะตอ้ งมีความหนาเท่ากบั ท่ีกาหนดให้ หา้ ม
ลงหินบนพืน้ ท่ีเปียก ใชร้ ถ motor grader ชว่ ยตบแตง่ หินไดแ้ ตห่ า้ มใชเ้ กล่ียหิน หินซ่งึ แยกตวั ออก
(segregate) ใหเ้ อาออกและเอาหนิ ใหม่ซ่งึ มีขนาดถกู ตอ้ งดมี าใสแ่ ทน ตอ้ งไมเ่ ปิดการจราจรจนกว่า
จะบดทบั แนน่ และราดยางเรยี บรอ้ ยแลว้ ถา้ จาเป็นตอ้ งเปิดการจราจรใหท้ าทีละครง่ึ ถนน
3.3.2 เม่ือลงหนิ และเกล่ียจนไดช้ นั้ สม่าเสมอแลว้ ใหบ้ ดใหแ้ นน่ ตอ่ ไป ครงั้ แรกใหบ้ ดทบั ดว้ ย three wheel
steel roller หนกั 8-10 ตนั แลว้ ใชร้ ถบด tandem steel wheel roller หนกั 8-10 ตนั บดทบั ตอ่ จน
กระท่งั หินอดั กนั แน่นดี การบดทบั จะตอ้ งเร่มิ ตามความยาวจากขอบนอกเขา้ หาศนู ยก์ ลาง หรือ
จะต้องเร่ิมจากดา้ นต่าไปหาดา้ นสูงในตอนท่ีมีการยกโคง้ โดยให้บดรอยเหล่ือมบนแนวท่ีบด
ต่อเน่ืองกนั อย่างนอ้ ยคร่งึ หน่ึงของความกวา้ งของลอ้ หลงั ของรถบดลอ้ เหล็ก การเปล่ียนแนว
ของรถบดจะตอ้ งเปล่ียนทีละนอ้ ยและจะตอ้ งกวาดเกล่ียหินใหส้ ม่าเสมออย่ตู ลอดเวลาการบดทบั
จะตอ้ งกระทาตดิ ตอ่ กนั จนหินอดั ขดั กนั แนน่ ไมเ่ คล่ือนตวั การบดทบั จะตอ้ งบดไมใ่ หห้ ินแตก ถา้ หิน
เร่ิมแตกต้องหยุดทันที ในกรณี ท่ีบดทับด้วย three wheel steel roller หรือ tandem

75

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

steelwheel roller แลว้ ปรากฎว่าหินเร่ิมแตก ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ ยางช่วยบดทบั และเติมหินลงไปจน
เหน็ วา่ หนิ จบั กนั แนน่ ดีแลว้ จงึ ใชร้ ถ tandem steel wheel roller ชว่ ยบดทบั อีก และถา้ ปรากฎวา่ หิน
เร่มิ แตกตอ้ งหยดุ ทนั ที ถา้ การบดทบั ในขอ้ นีท้ าใหห้ ินแตกอนั ก่อใหเ้ กิดฝ่ นุ แลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่อื งเป่ าฝ่ นุ
เป่าฝ่นุ ออกเสียจนสะอาด กอ่ นท่ีจะทาการราดยาง
3.3.3 การพน่ ยาง แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (AC) ครงั้ ท่ี 1 (first application) ใชร้ ถพน่ ยาง AC ท่ีอณุ หภมู ิ
และอตั ราของยาง AC ตามตารางท่ีกาหนด อตั ราของยางแอสฟัลตท์ ่ีจะราด ตอ้ งใหพ้ อเหมาะทีจะ
ไมใ่ หน้ า้ ซมึ เขา้ ผวิ ทางและไมเ่ ยมิ้ (bleed) ในอนาคต
3.3.4 ทนั ทีท่ีพน่ ยางชนั้ แรกแลว้ ใหล้ งหนิ ชนั้ ท่ีสอง โดยใชเ้ คร่อื งโรยหินหรือเกล่ียหนิ ใหป้ ิดหรืออดุ
ชอ่ งวา่ งจนไดท้ ่ีสม่าเสมอ เม่ือทาการโรยหินเรียบรอ้ ยจนปิดผิวหนา้ หรืออดุ ช่องว่างสม่าเสมอแลว้
ใหบ้ ดทบั ใหแ้ น่น โดยใชร้ ถบดลอ้ ยาง (rubber tired roller) บดทบั ตลอดหนา้ ของหินชนั้ ท่ีสอง
พรอ้ มทงั้ ใหเ้ กล่ียหนิ ชว่ ยเพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ อดุ ชอ่ งวา่ งสม่าเสมอกนั เม่ือแนใ่ จวา่ หินอดุ ชอ่ งวา่ งเรียบรอ้ ย
และบดทับดว้ ยรถบดล้อยางแน่นดีแล้วใหใ้ ช้รถ tandem steel wheel roller ช่วยบดทับอีก 1-2
เท่ียว วิธีการบดทับใหถ้ ือปฏิบตั ิเช่นเดียวกับ ขอ้ 3.3.2 โดยอนุโลมจนกระท่งั ผิวหนา้ แข็งและ
เรียบรอ้ ยสม่าเสมอดี ในกรณีท่ีไม่สามารถทาชนั้ ต่อไปไดท้ นั ทีใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ ยาง (rubbertired
roller) บดตอ่ ไปจนกระท่งั ยางแอสฟัลตเ์ ยน็ ลงจนเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องอากาศจงึ หยดุ บดได้
3.3.5 ในกรณีท่ีแบบระบคุ วามหนามากขนึ้ อีกใกลเ้ คียงกบั ความหนาท่ีกาหนดใหใ้ นขา้ งตน้ ใหด้ าเนินการ
ตามวธิ ีท่ีกลา่ วมาแลว้ ตงั้ แต่ ขอ้ 3.3.1 ถงึ ขอ้ 3.3.4
3.3.6 การพ่นยาง AC. ครงั้ ท่ี 2 (second application) เม่ือดาเนินการตาม ขอ้ 3.3.4หรือขอ้ 3.3.5แลว้ แต่
กรณีเรียบรอ้ ยแลว้ ใหท้ าการพ่นยางครงั้ ท่ี 2 (ใหป้ ฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ขอ้ 3.3.3 เวน้ แตก่ าหนดอตั รา
ของยาง AC ใหไ้ ดต้ ามท่ีกาหนดไวส้ าหรบั การพน่ ยางครงั้ ท่ี 2)
3.3.7 การเกล่ียหิน หลงั จากพน่ ยาง AC ครงั้ ท่ีสองแลว้ ใหเ้ กล่ียหินตามท่ีกาหนดใหท้ บั ผิวหนา้ ทนั ท่ีขณะท่ี
ยางยงั อนุ่ อยู่ หินตอ้ งเกล่ียบดทบั และกวาดตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นขอ้ 3.3.4 ผิวหนา้ ตอ้ งไมม่ ีหนิ ตกคา้ ง
อยู่ ตอ้ งเรียบและแนน่ มีระดบั และแนวลาดชนั ตามแบบโดยสม่าเสมอ
3.3.8 ในกรณีท่ีแบบระบใุ หม้ ีการราดยางแอสฟัลต์ และสาดหนิ เพ่มิ ขนึ้ เพ่ือเป็นซีลโคท (seal coat)
อีกชนั้ หนง่ึ ก็ใหร้ าดยางสาดหินและบดทบั ตามวิธีการเช่นเดียวกบั ท่ีไดก้ ลา่ วแลว้
3.3.9 การนวด (kneading) เม่ือกอ่ สรา้ งชนั้ สดุ ทา้ ยเรียบรอ้ ยแลว้ หลงั จากภายใน 7 วนั ใหใ้ ชร้ ถบด
ลอ้ ยางหนกั ประมาณ 150 กิโลกรมั ตอ่ ความกวา้ งยาง 2.5 เซนตเิ มตร กลบั มาบดทบั ผิวหนา้ ของ
ชนั้ ผวิ ทางใหท้ ่วั ตลอดความกวา้ งอยา่ งนอ้ ย 8 ช่วั โมงตดิ ตอ่ กนั จนกระท่งั ผวิ ทางแนน่ เรยี บเสมอกนั
ดแี ละนา้ ซมึ ไมไ่ ด้ ในกรณีท่ีผวิ ทางมีอาการท่ีแสดงวา่ ไมเ่ รียบและเคล่ือนตวั ไดบ้ า้ ง อาจใชร้ ถบด
ลอ้ เหล็กขนาด 8-10 ตนั ชว่ ยบดทบั เทา่ ท่ีจาเป็นก็ได้

76

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
4. รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ

4.1 ในระหวา่ งท่ีทาการราดยางอยกู่ ่อนท่ีจะเสรจ็ เรยี บรอ้ ย ไมค่ วรเปิดการจราจร เวน้ แตย่ านพาหนะท่ีใชใ้ น
การก่อสรา้ งเทา่ ท่ีจาเป็นเทา่ นนั้
4.2 การราดยางตอ่ เน่ืองแตล่ ะครงั้ ใหใ้ ชก้ ระดาษหนาหรือวสั ดทุ ึบอ่ืนใดกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 50 เซนตเิ มตร ปู
บนผิวท่ีราดยางไวแ้ ลว้ เพ่ือชว่ ยใหก้ ารพน่ ยางมะตอยมีอตั รามากเกินไป
4.3 วสั ดแุ อสฟัลตท์ ่ีเก็บไวใ้ น storage tank ก่อนใชง้ านจะตอ้ งมีอณุ หภมู ิไมเ่ กิน 110C หรือ230F หาก
สงสยั วา่ จะมีการเปล่ียนแปลงคณุ ภาพเน่ืองจากการใหค้ วามรอ้ นไวน้ านๆ ใหน้ าตวั อยา่ งแอสฟัลตน์ นั้ สง่ ไป
ทดลองตรวจสอบใหม่

77

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.230-2545
มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี

(asphalt concrete)

1. ขอบข่าย
แอสฟัลตค์ อนกรีต หมายถึงวสั ดทุ ่ีไดจ้ าก การผสมรอ้ นระหวา่ งมวลรวม(aggregate) กบั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์

(asphalt cement) ท่ีโรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete mixing plant) โดยการควบคมุ อตั รา
สว่ นผสมและอณุ หภมู ติ ามท่ีกาหนด มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือใชใ้ นงานก่อสรา้ ง งานบรู ณะและบารุงทาง โดยการปหู รอื
เกล่ียแตง่ และบดทบั บนชนั้ ทางใดๆ ท่ีไดเ้ ตรียมไวแ้ ละผ่านการตรวจสอบแลว้ ใหถ้ กู ตอ้ งตามแนว ระดบั ความลาด
ขนาด ตลอดจนรูปตดั ตามท่ีไดแ้ สดงไวใ้ นแบบ

2. วัสดุ
2.1 แอสฟัลต์ ในกรณีท่ีไมไ่ ดร้ ะบชุ นดิ ของแอสฟัลตไ์ วเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ใหใ้ ชแ้ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ AC 60-70 ตาม
มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก.851: มาตรฐานแอสฟัลตซ์ ีเมนตส์ าหรบั งานทางการใชแ้ อสฟัลต์
อ่ืนๆ หรือแอสฟัลตท์ ่ีปรบั ปรุงคณุ สมบตั ิดว้ ยสารใด ๆ นอกเหนือจากนีต้ อ้ งมีคณุ ภาพเทา่ หรือดกี วา่ ทงั้ นี้
ตอ้ งผา่ นการทดสอบคณุ ภาพและพจิ ารณาความเหมาะสม รวมทงั้ ตอ้ งไดร้ บั อนุญาตใหใ้ ชไ้ ดจ้ ากกรมทาง
หลวงชนบทเป็นกรณีไป สาหรบั ปรมิ าณการใชแ้ อสฟัลตซ์ ีเมนตโ์ ดยประมาณ ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1
2.2 มวลรวม ใหเ้ ป็นไปตาม มทช. 209 : มาตรฐานวสั ดมุ วลรวมสาหรบั งานแอสฟัลตค์ อนกรีต

3. การออกแบบส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรตี
3.1 กอ่ นเรม่ิ งานไมน่ อ้ ยกวา่ 30 วนั ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเสนอเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ของ
ตนเองตอ่ ผคู้ วบคมุ งานแลว้ ใหผ้ คู้ วบคมุ งานเก็บตวั อย่างวสั ดทุ ่ีจะใชจ้ ากแหลง่ ท่ีระบใุ นเอกสารการออกแบบ
ส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ส่งใหก้ รมทางหลวงชนบท รวมทงั้ ส่งเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีต มาพรอ้ มกนั เพ่ือทาการตรวจสอบดว้ ย หรือผรู้ บั จา้ งอาจรอ้ งขอใหก้ รมทางหลวงชนบท เป็น
ผอู้ อกแบบสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตใหก้ ็ได้ คา่ ใชจ้ า่ ยในการนีผ้ รู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบทงั้ สนิ้
3.2 คุณภาพท่ัวไปของวัสดุท่ีจะใช้ทาแอสฟัลตค์ อนกรีตให้เป็นไปตามข้อ 2 ส่วนขนาดคละและปริมาณ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ หเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1
3.3 ขอ้ กาหนดในการออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรีต ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 2
3.4 กรมทางหลวงชนบท จะเป็นผตู้ รวจสอบเอกสารการออกแบบ หรือทาการออกแบบสว่ นผสมแอสฟัลต์
คอนกรีต พรอ้ มทงั้ พจิ ารณากาหนดสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน (job mix formula) ซง่ึ มีขอบเขตตา่ งๆ

78

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตามตารางท่ี 2 เพ่ือใชค้ วบคมุ งานนนั้ ๆ กรณีท่ีกรมทางหลวงชนบท เห็นควรใหก้ าหนดขอบเขตของ
สตู รสว่ นผสมเฉพาะงานแตกตา่ งไปจากตารางท่ี 2 ก็สามารถดาเนนิ การไดต้ ามความเหมาะสม
3.5 ในการผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตในสนาม ถา้ มวลรวมขนาดหน่ึงขนาดใด หรือปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์
หรือคณุ สมบตั ิอ่ืนใด คลาดเคล่ือนเกินกว่าขอบเขตท่ีกาหนดไวใ้ นสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน จะถือว่า
ส่วนผสมของแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีผสมไวใ้ นแตล่ ะครงั้ นนั้ มีคณุ ภาพไมถ่ กู ตอ้ งตามท่ีกาหนด ผรู้ บั จา้ ง
จะตอ้ งทาการปรบั ปรุงแกไ้ ข คา่ ใชจ้ า่ ยในการนีผ้ รู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผรู้ บั ผิดชอบทงั้ สนิ้
3.6 ผูร้ บั จา้ งอาจขอเปล่ียนสูตรส่วนผสมเฉพาะงานใหม่ได้ ถ้าวัสดทุ ่ีใชผ้ สมแอสฟัลตค์ อนกรีต เกิดการ
เปล่ียนแปลงไปดว้ ยสาเหตุใดๆก็ตาม การเปล่ียนสูตรส่วนผสมเฉพาะงานทุกครงั้ ตอ้ งไดร้ บั ความ
เหน็ ชอบจากกรมทางหลวงชนบทก่อน
3.7 กรมทางหลวงชนบท อาจตรวจสอบ แกไ้ ข เปล่ียนแปลง ปรบั ปรุง หรือกาหนดสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
ใหมไ่ ด้ ตามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน
3.8 การทดสอบและตรวจสอบการออกแบบสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตทกุ ครงั้ หรือทกุ สญั ญาจา้ ง ผรู้ บั จา้ ง
ตอ้ งชาระคา่ ธรรมเนียมตามอตั ราท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด

79

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางที่ 1 ขนาดคละของมวลรวมและปรมิ าณแอสฟัลตซ์ เี มนตท์ ใ่ี ช้

ขนาดท่ีใชเ้ รียก มิลลิเมตร 9.5 12.5 19.0 25.0
(นวิ้ ) (3/8) (1/2) (3/4) (1)
Wearing Wearing Binder Base
Course
สาหรบั ชนั้ ทาง 25-35 Course Course Course
40-70 40-80
ความหนา มลิ ลิเมตร 100 70-100
90-100
ขนาดตะแกรง มิลลิเมตร (นวิ้ ) 55-85 ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล 100
32-67 90-100
37.5 (1 1/2)
- -
25.0 (1) - 100 56-80
7-23 90-100
19.0 (3/4) - 100 -
2-10 80-100 - 29-59
12.5 (1/2) 56-80 19-45
- 35-65
9.5 (3/8) 44-74 23-49 -
28-58 -
4.75 (เบอร์ 4) - 5-17
- - -
2.36 (เบอร์ 8) - 5-19 1-7
5-21 -
1.18 (เบอร์ 16) - 2-8
2-10
0.600 (เบอร์ 30)

0.300 (เบอร์ 50)

0.150 (เบอร์ 100)

0.075 (เบอร์ 200)

ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ รอ้ ยละโดย

มวล 4.0-8.0 3.0-7.0 3.0-6.5 3.0-6.0

ของมวลรวม

หมายเหตุ กรมทางหลวงชนบท อาจพจิ ารณาเปล่ียนแปลงขนาดคละของมวลรวม และปรมิ าณแอสฟัลต์
ซีเมนตท์ ่ีใช้ แตกตา่ งจากตารางท่ี 1 ก็ได้ ทงั้ นีแ้ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีได้ ตอ้ งมีคณุ สมบตั แิ ละ
ความแขง็ แรงถกู ตอ้ งตามตารางท่ี 2

80

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางที่ 2 ข้อกาหนดในการออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรีต

รายการ Wearing Wearing ชนั้ ทาง Base Shoulder
Binder
Aggregate Size Course Course Course 25.0 mm.
9.5 mm. 12.5 mm. Course 25.0 mm. 75
Blows 19.0 mm. 7,117
75 75 75 1,600
Stability Min. N 8,006 8,006 75 7,117 8-16
1,800 1,800 8,006 1,600 3-5
lb. 8-16 8-16 1,800 8-16 12
3-5 3-5 8-16 3-6
Flow 0.25 mm.(0.01 in) 15 14 3-6 12 645
13 145
Percent Air Voids 712 712 645 75
160 160 712 145
Percent Voids in Mineral Aggregate(VMA) 75 75 160 75
75
Min.

Stability / Flow Min. N/0.25 mm.

lb./0.01 in.

Percent Strength Index Min.

หมายเหตุ (1) การทดสอบเพ่ือออกแบบส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ใหด้ าเนินการตาม มทช.(ท)607 :
มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวธิ ีมารแ์ ชลล์

(2) การออกแบบไหล่ทางแอสฟัลตค์ อนกรีต ตามขอ้ กาหนดในตารางท่ี 2 ใหใ้ ชม้ วลรวมขนาด
12.5 มิลลิเมตร ยกเว้นกรณีท่ีแบบกาหนดให้ชั้น binder course เป็นไหล่ทางด้วยให้ใช้
ขอ้ กาหนดในการออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรีตของชนั้ binder course เป็นขอ้ กาหนดในการ
ออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรีตของไหล่ทาง

(3) การทดสอบหาค่า percent strength index ใชว้ ิธี ontario vacuum immersion marshall test
หรือวิธีอ่ืนท่ีเทียบเทา่ การทดสอบรายการนีก้ รมทางหลวงชนบท จะพิจารณาทาการทดสอบใหม่
ไดต้ ามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน

81

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางที่ 3 เกณฑค์ วามคลาดเคลอ่ื นทยี่ อมใหส้ าหรับสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน

ผ่านตะแกรงขนาด ร้อยละ
2.36 มม.(เบอร์ 8) และขนาดใหญ่กวา่
1.18 มม.(เบอร์ 16) 0.600 มม.(เบอร์ 30) และ 0.300 มม.(เบอร์ 50) 5
0.150 มม.(เบอร์ 100) 4
0.075 มม.(เบอร์ 200) 3
ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ 2
 0.3

4. เครอื่ งจักรและเครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการก่อสร้าง
เคร่อื งจกั รและเคร่อื งมือทกุ ชนดิ ท่ีจะนามาใชง้ าน จะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี โดยจะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบและ

หรือตรวจปรบั และผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้ ในระหวา่ งการก่อสรา้ งผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษาเคร่ืองจกั รและ
เคร่อื งมือทกุ ชนิด ใหอ้ ยใู่ นสภาพดอี ยเู่ สมอ

4.1 โรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรตี (asphalt concrete mixing plant)
ผรู้ บั จา้ งควรมีโรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ซ่งึ ตงั้ อยใู่ นสายทางท่ีกอ่ สรา้ ง หากจาเป็นอาจตงั้ อยนู่ อกสาย
ทางภายในระยะขนสง่ เฉล่ีย 80 กิโลเมตร หรอื ใชร้ ะยะเวลาขนสง่ ไมเ่ กิน 2 ช่วั โมง หรอื ตามท่ีกรมทางหลวง
ชนบทเห็นชอบ ทงั้ นีเ้ พ่ือใหส้ ามารถควบคุมอุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตไดต้ ามท่ีกาหนด
โรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตนีค้ วรมีกาลงั การผลิต(rated capacity) ไมน่ อ้ ยกว่า 60 ตนั ตอ่ ช่วั โมง โดย
จะเป็นแบบชดุ (batch type) หรือแบบผสมตอ่ เน่ือง (continuous type) ก็ได้ และสามารถผลิตสว่ นผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือปอ้ นเคร่ืองปู (paver) ใหส้ ามารถปไู ดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง และเป็นสว่ นผสมท่ีมีคณุ ภาพ
สม่าเสมอตรงตามสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน โดยมีอณุ หภมู ิถกู ตอ้ งตามขอ้ กาหนดดว้ ย โรงงานผสมตอ้ งมี
หอ้ งปฏิบตั กิ ารทดสอบ ใหอ้ ยใู่ นบรเิ วณท่ีสามารถมองเห็นการทางานของโรงงานผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต
จากหอ้ งนนั้ ได้ และตอ้ งจัดหาเคร่ืองมือทดสอบท่ีไดม้ าตรฐานและมีสภาพดี และจะตอ้ งอนุญาตใหผ้ ู้
ควบคมุ งานใชเ้ ป็นเคร่ืองมือตรวจสอบคณุ ภาพแอสฟัลตค์ อนกรีต ระหว่างการก่อสรา้ งได้ โรงงานผสมนี้
จะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี และอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีเคร่อื งมืออปุ กรณต์ า่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
4.1.1 อปุ กรณส์ าหรบั การเตรียมแอสฟัลต์ (equipment for preparation of asphalt)โรงงานผสมตอ้ งมี
ถงั เก็บแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (storage tank) ซ่งึ มีอปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นประเภททอ่ เวียนไอนา้ รอ้ นหรือ
นา้ มนั รอ้ น (steam or oil coil) หรือประเภทใชไ้ ฟฟ้า (electricity) หรือประเภทอ่ืนใดท่ีไมม่ ีเปลว

82

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ไฟสมั ผสั กับถังเก็บแอสฟัลตซ์ ีเมนตโ์ ดยตรง อปุ กรณท์ ุกประเภทตอ้ งสามารถทางานไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ มีเคร่ืองควบคมุ ใหอ้ ุณหภูมิของแอสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ ดต้ รงตามขอ้ กาหนด และตอ้ งมี
ระบบทาใหแ้ อสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ หลเวียน (circulating system) ท่ีเหมาะสม ท่ีทาใหแ้ อสฟัลต์
ซีเมนตไ์ หลเวียนไดอ้ ย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาขณะทางาน พรอ้ มกนั นีต้ อ้ งมีอปุ กรณใ์ หห้ รือรกั ษา
ความรอ้ นท่ีระบบทอ่ ไหลเวียน โดยอาจเป็นประเภทใชไ้ อนา้ (steam jactket) หรือนา้ มนั รอ้ น (hot
oil jacket) หรือประเภทฉนวนรกั ษาความรอ้ น (insulation) เพ่ือรกั ษาอุณหภูมิของแอสฟัลต์
ซีเมนตใ์ นท่อส่งแอสฟัลต์ มาตรวดั แอสฟัลต์ ท่อพ่นแอสฟัลต์ ถงั บรรจุแอสฟัลต์ และอ่ืนๆ ใหม้ ี
อณุ หภมู ิตามท่ีกาหนด ปลายทอ่ ไหลเวียนแอสฟัลตต์ อ้ งอยทู่ ่ีใตร้ ะดบั แอสฟัลตใ์ นถงั เก็บแอสฟัลต์
ขณะป๊ัมแอสฟัลตท์ างาน
4.1.2 ยงุ้ หนิ เยน็ (cold bin) และเคร่อื งปอ้ นหินเย็น (aggregate feeder) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ หินเยน็ ไม่
นอ้ ยกว่า 4 ยงุ้ สาหรบั แยกใส่วสั ดหุ ินหรือวสั ดอุ ่ืนๆ แตล่ ะขนาด ชอ่ งเปิดปากยงุ้ จะตอ้ งเป็นแบบ
ปรบั ได้ ยงุ้ หินเย็นตอ้ งประกอบดว้ ยเคร่ืองป้อนหินเย็นแบบท่ีเหมาะสมสามารถป้อนหินเย็นได้
อย่างสม่าเสมอไปยงั หมอ้ เผา (dryer) ไดถ้ ูกตอ้ งตามอัตราส่วนท่ีตอ้ งการ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
เคร่ืองป้อนหินเย็นสาหรบั ยงุ้ มวลละเอียด เช่น หินฝ่ นุ หรือทราย จะตอ้ งเป็นแบบสายพานยาง
ตอ่ เน่ือง หรอื สายพานอ่ืนใดท่ีใหผ้ ลเทียบเทา่
4.1.3 หมอ้ เผา (dryer) โรงงานผสมตอ้ งมีหมอ้ เผาอยใู่ นสภาพดี มีประสิทธิภาพในการทางานดีพอท่ีจะ
ทาใหม้ วลรวมแหง้ และมีอุณหภูมิตามท่ีกาหนด โดยตอ้ งมีเคร่ืองวัดอุณหภูมิท่ีเหมาะสม เช่น
เคร่ืองวัดอุณหภูมิแบบแปรความรอ้ นเป็นค่าไฟฟ้า (electric pyrometer) ท่ีอ่านอุณหภูมิได้
ละเอียดถึง 2.5 องศาเซลเซียส ติดตงั้ อย่ทู ่ีปากทางท่ีมวลรวมเคล่ือนตวั ออก และจะตอ้ งมีเคร่ือง
บนั ทกึ อณุ หภมู ิของมวลรวมท่ีวดั ไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ
4.1.4 ชดุ ตะแกรงรอ่ น (screening unit) โรงงานผสมตอ้ งมีชดุ ตะแกรงร่อนมวลรวมท่ีผ่านมาจากหมอ้
เผา เพ่ือแยกมวลรวมเป็นขนาดตา่ งๆ ตามท่ีตอ้ งการ โดยในชดุ ตะแกรงรอ่ นนีต้ อ้ งประกอบดว้ ย
ตะแกรงคดั (scalping screen) สาหรบั คดั มวลรวมกอ้ นโตเกินขนาดท่ีกาหนด (oversize) ออก
ทิง้ ตะแกรงทกุ ขนาดตอ้ งอย่ใู นสภาพดี เหล็กตะแกรงไม่ขาดหรือสึกหรอมากเกินไป อนั จะใหม้ วล
รวมท่ีรอ่ นออกมาผดิ ขนาดไปจากท่ีตอ้ งการ
4.1.5 ยงุ้ หินรอ้ น (Hot Bin) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ หินรอ้ นอย่างนอ้ ย 4 ยงุ้ ทงั้ นีไ้ มร่ วมยงุ้ วสั ดผุ สมแทรก
สาหรบั เก็บมวลรวมรอ้ นท่ีผ่านตะแกรงแยกขนาดแลว้ ยุง้ หินรอ้ นนีต้ อ้ งมีผนังแข็งแรงไม่มีรอย
ร่วั มีความสูงพอท่ีจะป้องกันไม่ใหม้ วลรวมไหลขา้ มยงุ้ ไปปะปนกันได้ และตอ้ งมีความจุมาก
พอท่ีจะปอ้ นมวลรวมรอ้ นใหก้ บั หอ้ งผสม (pugmill mixer) ไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอเม่ือโรงงานผสมทา

83

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

การผสมเต็มกาลงั ผลิต ในแตล่ ะยงุ้ ตอ้ งมีท่อสาหรบั ให้มวลรวมไหลออกไปขา้ งนอก เพ่ือปอ้ งกนั
ไมใ่ หไ้ ปผสมกบั มวลรวมท่ีอยใู่ นยงุ้ อ่ืนๆ ในกรณีท่ีมีมวลรวมในยงุ้ นนั้ ๆ มากเกินไป
4.1.6 ยงุ้ เก็บวสั ดผุ สมแทรก (mineral filler storage bin) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ เก็บวสั ดผุ สมแทรก
ตา่ งหาก พรอ้ มกบั มีเคร่อื งช่งั หรอื เคร่อื งปอ้ นวสั ดผุ สมแทรกซง่ึ สามารถควบคมุ ปรมิ าณวสั ดเุ ขา้
สหู่ อ้ งผสมอยา่ งถกู ตอ้ ง และสามารถปรบั เทียบ (Calibrate) ได้
4.1.7 เคร่อื งเก็บฝ่นุ (dust collector) โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่ืองเก็บฝ่ นุ สาหรบั เก็บวสั ดสุ ว่ นละเอียดหรือ
ฝ่นุ ท่ีมีประสิทธิภาพดีและเหมาะสมท่ีสามารถเก็บฝ่ นุ กลบั ไปใชไ้ ดอ้ ย่างสม่าเสมอหรือนาไปทิง้ ได้
ทงั้ หมด หรือบางสว่ น และเคร่ืองเก็บฝ่ นุ ดงั กล่าวตอ้ งสามารถควบคมุ ฝ่ นุ ไม่ใหม้ ีฝ่ นุ เหลือออกสู่
อากาศภายนอกมากจนทาใหเ้ กิดมลภาวะตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม
โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่ืองเก็บฝ่ นุ ทงั้ ชดุ หลกั (primary) และชุดรอง (secondary) ชดุ หลกั ใหเ้ ป็น
แบบแห้ง (dry type) และชุดรองเป็นแบบเปียก (wet type) หรือแบบอ่ืนๆ ท่ีมีประสิทธิภาพ
ทดั เทียมกนั
4.1.8 เคร่ืองวดั อุณหภูมิ (thermometric equipment) โรงงานผสมตอ้ งมีเทอรโ์ มมิเตอรแ์ บบแท่งแกว้
หมุ้ ดว้ ยปลอกโลหะ (armoured thermometer) หรอื แบบอ่ืนใดซง่ึ วดั อณุ หภมู ิไดร้ ะหวา่ ง 90-200
องศาเซลเซียส ติดตงั้ ไวท้ ่ีท่อส่งแอสฟัลต์ ท่ีตาแหน่งท่ีเหมาะสมใกลท้ างออกของแอสฟัลตท์ ่ีหอ้ ง
ผสม นอกจากนี้จะต้องมีเคร่ืองวัดอุณหภูมิ เช่น เทอร์โมมิเตอร์แบบใช้ปรอท ชนิดมี
หนา้ ปัทม์ (dial scale mercury activated thermometer) เคร่ืองวดั อณุ หภูมิแบบแปรความ
รอ้ นเป็นค่าไฟฟ้า (electric pyrometer) หรือแบบอ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม ท่ีกรมทางหลวงชนบท
อนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้ ติดตงั้ ท่ีปลายทางออกของมวลรวม เพ่ือใชว้ ดั อณุ หภูมิของมวลรวมรอ้ นท่ีออก
จากหมอ้ เผา เคร่ืองวดั อณุ หภูมิชนิดใดๆ ท่ีใชต้ อ้ งมีความสามารถแสดงอุณหภูมิไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
เม่ือมีอตั ราการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิเรว็ กวา่ 5 องศาเซลเซียสตอ่ นาที
4.1.9 ชดุ อปุ กรณค์ วบคมุ ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (asphalt control unit) โรงงานผสมตอ้ งมีชดุ อปุ กรณ์
ควบคมุ ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ซ่งึ อาจใชว้ ิธีช่งั นา้ หนกั หรือวิธีวดั ปริมาตรก็ได้ แตต่ อ้ งสามารถ
ควบคมุ ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีใชใ้ หอ้ ย่ใู นชว่ งท่ีกาหนดไวใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน กรณีใช้
วิธีช่งั นา้ หนกั เคร่อื งช่งั ท่ีใชต้ อ้ งมีความละเอียดไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 2 ของนา้ หนกั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์
ท่ีตอ้ งการใชผ้ สม กรณีท่ีใชว้ ิธีวดั ปริมาตร มาตรท่ีใชว้ ดั อตั ราการไหลของแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ท่ี
ปล่อยเขา้ สู่หอ้ งผสมจะตอ้ งเท่ียงตรง โดยยอมใหค้ ลาดเคล่ือนจากปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ี
ตอ้ งการใชเ้ ม่ือเทียบเป็นนา้ หนกั ไมเ่ กินรอ้ ยละ 2

84

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.1.10 ขอ้ กาหนดพเิ ศษสาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ
(1) ถงั ช่งั มวลรวม (weigh box or hopper) โรงงานผสมแบบชดุ ตอ้ งมีอปุ กรณส์ าหรบั ช่งั มวลรวมท่ีปลอ่ ย

ออกมาแตล่ ะยงุ้ ไดอ้ ยา่ งละเอียดถกู ตอ้ ง ถงั ช่งั นา้ หนกั ตอ้ งแขวนอยกู่ บั เคร่อื งช่งั และตอ้ งมีขนาดใหญ่
พอท่ีจะบรรจมุ วลรวมไดเ้ ตม็ ชดุ (batch) โดยมวลรวมไมล่ น้ ถงั ถงั ช่งั นา้ หนกั จะตอ้ งวางบนฟัลครมั
(fulcrum) ซ่งึ วางอยบู่ นขอบใบมีด (knife edge) อยา่ งแนน่ หนาอีกทีหน่งึ ซง่ึ เม่ือขณะทางานฟัลครมั
และขอบใบมีดตอ้ งไมเ่ คล่ือนตวั ออกจากแนวเดมิ ประตยู งุ้ หินรอ้ นและถงั ช่งั นา้ หนกั ตอ้ งแข็งแรงและ
ไมร่ ่วั
(2) ห้องผสม (pugmill mixer) หอ้ งผสมของโรงงานผสมแบบชุดนีจ้ ะตอ้ งเป็นชนิดมีเพลาผสมคู่ มี
อุปกรณใ์ ห้ความรอ้ นหอ้ งผสม และสามารถผลิตแอสฟัลตไ์ ดส้ ่วนผสมท่ีสม่าเสมอ ประตูปล่อย
ส่วนผสมเม่ือปิดจะตอ้ งปิดสนิทโดยไมม่ ีวสั ดรุ ่วั ไหล ตอ้ งมีเคร่ืองตงั้ เวลาและควบคมุ เวลาการผสม
เป็นแบบอตั โนมตั ิ ซ่งึ จะควบคมุ ไม่ใหป้ ระตหู อ้ งผสมเปิดจนกว่าจะไดเ้ วลาตามท่ีกาหนดไวภ้ ายใน
หอ้ งผสมประกอบดว้ ยใบพาย (paddle tip) จานวนเพียงพอจดั เรียงตวั กนั อยา่ งเหมาะสมท่ีจะผสม
ส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตไดอ้ ย่างถูกตอ้ งสม่าเสมอระยะห่างระหว่างปลายใบพายและผนังหอ้ ง
ผสม จะตอ้ งนอ้ ยกวา่ ครง่ึ หน่งึ ของขนาดมวลรวมกอ้ นโตสดุ
(3) เคร่ืองช่งั (plant scale) เคร่ืองช่งั ตอ้ งมีความละเอียด ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 0.5 ของมวลรวมสงู สุดท่ี
ตอ้ งการช่งั หนา้ ปัทมเ์ คร่อื งช่งั ตอ้ งมีขนาดใหญ่พอ ซ่งึ สามารถอา่ นนา้ หนกั ไดใ้ นระยะหา่ งอยา่ งนอ้ ย
7 เมตร และตอ้ งอย่ใู นตาแหน่งท่ีพนกั งานควบคมุ เคร่ืองมองเห็นไดช้ ดั เจน หนา้ ปัทมเ์ คร่ืองช่งั มวล
รวมจะตอ้ งมีเข็มชีน้ า้ หนักแต่ละยุง้ สาหรับเคร่ืองช่ังตอ้ งมีตุ้มนา้ หนักมาตรฐานหนักตุม้ ละ 25
กิโลกรมั ไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ตมุ้ หรอื มีจานวนเพียงพอท่ีจะใชต้ รวจสอบความถกู ตอ้ งของเคร่อื งช่งั
(4) การควบคมุ ปรมิ าณมวลรวม และแอสฟัลตท์ ่ีใชผ้ สมในแตล่ ะชดุ จะตอ้ งเป็นแบบอตั โนมตั ิ
4.1.11ขอ้ กาหนดพิเศษสาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง
(1) ชุดอุปกรณค์ วบคมุ มวลรวม (gradation control unit) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ งมีอุปกรณค์ วบคมุ
ปริมาณมวลรวมท่ีไหลออกมาจากยงุ้ หินรอ้ นแต่ละยงุ้ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งแน่นอน ประกอบด้วยเคร่ือง
ป้อนหิน (feeder) อยู่ภายใตย้ ุง้ หินรอ้ น สาหรบั การป้อนวสั ดุผสมแทรกจะตอ้ งมีอุปกรณค์ วบคุม
ปรมิ าณตา่ งหาก ตดิ ตงั้ ในตาแหนง่ ท่ีทาใหค้ วบคมุ การปอ้ นวสั ดผุ สมแทรกลงในหอ้ งผสมเพ่ือผสมกบั
มวลรวมในจงั หวะของการผสมแหง้ (dry mixing) กอ่ นท่ีจะไปผสมกบั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ท่ีจา่ ยเขา้ มา
ภายหลงั ในจงั หวะของการผสมเปียก (wet mixing)
(2) จังหวะสัมพันธ์ของการควบคุมการป้อนมวลรวม และแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ (synchronization of
aggregate and asphalt cement feed) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ งมีอปุ กรณค์ วบคมุ การปอ้ นมวลรวม

85

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แต่ละขนาดและแอสฟัลตซ์ ีเมนตเ์ ขา้ สู่ห้องผสมเป็นแบบขับเคล่ือนท่ีสัมพันธ์กัน เพ่ือใหไ้ ดอ้ ัตรา
สว่ นผสมท่ีคงท่ีตลอดเวลา
(3) ชุดหอ้ งผสม (pugmill mixer unit) หอ้ งผสมของโรงงานผสมแบบต่อเน่ืองนีต้ อ้ งเป็นแบบทางาน
ตอ่ เน่ือง (continuous mixer) เป็นชนิดมีเพลาผสมคู่ มีอปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นหอ้ งผสม และสามารถ
ผลิตแอสฟัลตค์ อนกรีตไดส้ ว่ นผสมท่ีสม่าเสมอ ใบพายจะตอ้ งเป็นชนิดปรบั มมุ ใหไ้ ปในทางเดียวกนั
เพ่ือใหส้ ่วนผสมเคล่ือนตวั ไดเ้ ร็ว หรือใหก้ ลบั ทางกนั เพ่ือถ่วงเวลาใหส้ ว่ นผสมเคล่ือนตวั ชา้ ลงได้ และ
หอ้ งผสมจะตอ้ งมีอปุ กรณค์ วบคมุ ระดบั ของส่วนผสมดว้ ย ระยะห่างระหว่างปลายใบพายและผนงั
ห้องผสมจะต้องน้อยกว่าคร่ึงหน่ึงของขนาดมวลรวมก้อนโตสุด ท่ีห้องผสมจะตอ้ งมีแผ่นแสดง
ปริมาตรของห้องผสม เม่ือมีส่วนผสมบรรจุในห้องผสมท่ีความสูงต่างๆ ติดตั้งไว้อย่างถาวร
นอกจากนนั้ จะตอ้ งมีตารางแสดงอัตราการป้อนวสั ดมุ วลรวมต่อนาที เม่ือโรงงานผสมทางานใน
อตั ราเรว็ ปกติ

การคานวณเวลาในการผสม ใหก้ าหนดโดยใชน้ า้ หนกั ตามสตู รดงั นี้ คือ

เวลาในการผสม (วินาที) = A/B

เม่ือ A = ปรมิ าณของสว่ นผสมทงั้ หมดในหอ้ งผสม (pugmill dead capacity) มีหนว่ ยเป็นกิโลกรมั
B = สว่ นผสมท่ีออกจากหอ้ งผสม (pugmill output) มีหนว่ ยเป็นกิโลกรมั ตอ่ วนิ าที

(4) ยงุ้ พกั สว่ นผสม (discharge hopper) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ งประกอบดว้ ยยงุ้ สาหรบั พกั สว่ นผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีออกมาจากหอ้ งผสม ยงุ้ พกั สว่ นผสมนีม้ ีประตเู ปิดท่ีดา้ นล่างของยงุ้ และจะปลอ่ ย
สว่ นผสมไดเ้ ม่ือสว่ นผสมเตม็ ยงุ้ แลว้

(5) สญั ญาณแจง้ ปรมิ าณมวลรวมในยงุ้ หินรอ้ นโรงงานผสมตอ้ งมีสญั ญาณซง่ึ จะแจง้ ใหท้ ราบวา่ ปรมิ าณ
มวลรวมในยงุ้ หนิ รอ้ น ยงั มีปรมิ าณเพียงพอท่ีจะดาเนินการตอ่ ไปไดห้ รือไม่ ถา้ ปรมิ าณมวลรวมยงุ้ ใด
ขาดหรือนอ้ ยไป สญั ญาณดงั กลา่ วจะทาใหผ้ คู้ วบคมุ ทราบทนั ที ผรู้ บั จา้ งตอ้ งหยดุ การดาเนนิ การและ
ทาการแกไ้ ข จนกว่าผคู้ วบคมุ จะเห็นสมควร จงึ จะอนญุ าตใหด้ าเนินการตอ่ ไปได้

4.2 รถบรรทกุ (haul truck)
รถบรรทกุ ท่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมีจานวนพอเพียงกบั กาลงั ผลิตของโรงงานผสม และความสามารถใน

การปขู องเคร่ืองปู ทงั้ นีเ้ พ่ือใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดอ้ ย่างตอ่ เน่ืองมากท่ีสดุ ใน
แตล่ ะวนั ท่ีปฏิบตั งิ าน จานวนรถบรรทกุ ท่ีใช้ ใหค้ านวณใหเ้ หมาะสมกบั กาลงั ผลิตของโรงงานผสม ความ

86

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

จขุ องรถบรรทกุ เวลาในการบรรจสุ ว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตลงรถบรรทกุ ระยะทางและระยะเวลาในการ
ขนสง่ เวลาในการรอและการเทสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตลงในเคร่ืองปู ความสามารถในการปขู องเคร่อื ง
ปู และอ่ืนๆ

กระบะรถบรรทกุ จะตอ้ งไม่ร่วั พืน้ กระบะจะตอ้ งเป็นแผ่นโลหะเรยี บ ภายในกระบะจะตอ้ งสะอาด
ปราศจากวสั ดทุ ่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืน ๆ ตกคา้ งอยู่ กอ่ นใชข้ นสง่ สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งพน่ หรือ
เคลือบภายในกระบะดว้ ยนา้ สบู่ นา้ ปนู ขาว หรือสารเคมีเคลือบชนิดใดๆ ท่ีมีนา้ หนกั ผสมไมเ่ กินรอ้ ยละ 5
โดยตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งาน หา้ มใชน้ า้ มนั เบนซิน นา้ มนั ก๊าด นา้ มนั ดีเซล หรือนา้ มนั
ประเภทเดียวกัน การพ่นหรือเคลือบภายในกระบะใหท้ าเพียงบางๆ เท่านนั้ และก่อนบรรจุส่วนผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตลงกระบะ ใหย้ กกระบะเทวสั ดหุ รือสารเคลือบท่ีอาจมีมากเกินความจาเป็นออกใหห้ มด
ในการขนสง่ จะตอ้ งมีผา้ ใบหรือแผน่ วสั ดอุ ่ืนใดท่ีใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมคลมุ สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือ
รกั ษาอณุ หภมู ิและปอ้ งกนั นา้ ฝนหรอื ส่งิ สกปรกอ่ืนๆ ดว้ ย

4.3 เคร่อื งปู (paver or finisher)
เคร่ืองปสู ่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตจะตอ้ งเป็นแบบขับเคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองโดยจะเป็นชนิดลอ้

เหล็กตีนตะขาบ หรือชนิดลอ้ ยางท่ีมีคณุ ภาพเทียบเทา่ มีกาลงั มากพอและสามารถควบคมุ ความเร็วใน
การเคล่ือนท่ีไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอ ทงั้ ในขณะท่ีเคล่ือนไปพรอ้ มกบั รถบรรทกุ ส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตและ
ในขณะเคล่ือนตวั ไปตามลาพงั เคร่ืองปจู ะตอ้ งสามารถปรบั ความเร็วการปไู ดห้ ลายอตั รา และปสู ว่ นผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตไดค้ วามลาดถกู ตอ้ งตามแบบ
4.3.1 ส่วนขบั เคล่ือน (tractor unit) ประกอบดว้ ยเคร่ืองยนตต์ น้ กาลงั มีอุปกรณค์ วบคมุ ความเร็วรอบ

เคร่อื งยนต์ (governor) ใหค้ งท่ีระหวา่ งทางาน กระบะบรรจสุ ว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต (hopper)
จะตอ้ งเป็นแบบขา้ งกระบะหบุ ได้ สายพานป้อนส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต (slat conveyor)
เกลียวเกล่ียจา่ ยสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต (auger หรือ screw conveyor) แยกเป็น 2 ขา้ ง ซา้ ย
และขวา ซ่ึงสามารถแยกทางานเป็นอิสระแก่กันได้ ประตูควบคุมการไหล (flow gate) ของ
สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรตี สามารถปรบั ระดบั ความสงู ของชอ่ งประตไู ด้
4.3.2 ส่วนเตารีด (automatic screed unit) ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ควบคุมความหนา (thickness
control) อปุ กรณค์ วบคมุ ความลาดเอียงท่ีผิว (crown control) อปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นแผ่นเตารีด
(screed heater) แผ่นเตารีด (screed plate) และอุปกรณป์ ระกอบอ่ืนๆ ท่ีจาเป็น ระบบการ
ควบคมุ ความลาดชนั (grade control) และระดบั แอสฟัลตค์ อนกรีตควรเป็นแบบอตั โนมตั ิ โดย
อาจเป็นแบบ (1) erected grade line (2) mobile string line (3) ski (4) floating beam หรือ
(5) joint-matching shoe สาหรบั แบบท่ี (2) แบบท่ี (3) และแบบท่ี (4) ตอ้ งมีความยาวไม่นอ้ ย

87

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กวา่ 9 เมตร แผน่ เตารดี จะตอ้ งมีความยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 2.4 เมตร และสามารถขยายไดย้ าวไมน่ อ้ ย
กวา่ 3.5 เมตร แผน่ เตารดี จะตอ้ งตรงแนวและไดร้ ะดบั ไมบ่ ดิ งอหรือสกึ หรอมากเกินสมควร ไมส่ กึ
เป็นหลุม มีระบบการอดั แอสฟัลตค์ อนกรีตขนั้ ตน้ เป็นแบบส่นั สะเทือน (vibratory screed) หรือ
แบบคานกระแทก (tamper bar) หรอื เป็นทงั้ 2 แบบ ประกอบกนั ซ่งึ สามารถปรบั ความถ่ีของการ
ส่นั สะเทือนหรือการกระแทกไดต้ ามตอ้ งการ สาหรบั แบบคานกระแทกจะตอ้ งมีระยะห่างระหวา่ ง
แผน่ เตารีดกบั คานกระแทก 0.25-0.50 มิลลิเมตร ผิวของคานกระแทกดา้ นลา่ งท่ีใชอ้ ดั แอสฟัลต์
คอนกรีตตอ้ งอยใู่ นสภาพดี และไมส่ กึ หรอมากกวา่ ครง่ึ หนง่ึ ของขนาดความหนาของใหม่
4.4 รถเกล่ียปรบั ระดบั (motor grader)
รถเกล่ียปรบั ระดบั นีถ้ า้ จาเป็นตอ้ งนามาใชง้ าน จะตอ้ งเป็นชนิดขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีลอ้ ยางผิวเรียบ
มีใบมีดยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 3.6 เมตร และมีความยาวของชว่ งเพลา (wheel base) ไมน่ อ้ ยกวา่ 4.8 เมตร การ
ใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน
4.5 เคร่ืองจกั รบดทบั
เคร่อื งจกั รบดทบั ทกุ ชนิดจะตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง ตอ้ งมีนา้ หนกั และคณุ สมบตั ิอ่ืนๆ ถกู ตอ้ ง
ตามท่ีไดร้ ะบุไวใ้ นรายละเอียดท่ีกาหนดสาหรบั เคร่ืองจกั รบดทบั แต่ละชนิด นา้ หนักในการบดทบั ของ
เคร่ืองจักรบดทับแต่ละชนิดจะตอ้ งเหมาะสมกับชนิดและลกั ษณะของส่วนผสมความหนาของชัน้ ท่ีปู
ขนั้ ตอนการบดทับและอ่ืนๆ เคร่ืองจกั รบดทับตอ้ งมีจานวนเพียงพอท่ีจะอานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทาง
แอสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดโ้ ดยปกติไม่ติดขดั หรือหยุดชะงกั เพ่ือใหไ้ ด้ชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมี
ความแน่น ความเรียบ และคณุ สมบตั ิอ่ืนๆ ตามกาหนด การกาหนดนา้ หนกั เคร่ืองจกั รบดทบั นา้ หนกั ใน
การบดทบั ของเคร่ืองจกั รแตล่ ะคนั ตลอดจนการเพ่ิมจานวนเคร่ืองจกั รบดทบั จากจานวนขนั้ ต่าท่ีกาหนดไว้
ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน เคร่ืองจกั รบดทับจะตอ้ งประกอบดว้ ยเคร่ืองจกั รชนิดตา่ งๆ ซ่ึงตอ้ ง
ไดร้ บั การตรวจสอบและอนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ดจ้ ากผคู้ วบคมุ งานก่อน โดยมีจานวนอยา่ งนอ้ ยดงั ตอ่ ไปนี้
ก. รถบดลอ้ เหลก็ ชนดิ 2 ลอ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 คนั และรถบดส่นั สะเทือน 1 คนั หรอื รถบดลอ้ เหล็กชนิด 2
ลอ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คนั ในกรณีท่ีไมม่ ีรถบดส่นั สะเทือน
ข. รถบดลอ้ ยาง ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 คนั
รายละเอียดของเคร่ืองจกั รชนดิ ตา่ งๆ เป็นดงั นี้
4.5.1 รถบดลอ้ เหล็ก 2 ลอ้ (steel-tired tandem roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไม่นอ้ ยกว่า 8 ตนั และ
สามารถเพ่ิมนา้ หนกั ไดจ้ นมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ตนั จะตอ้ งมีนา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของลอ้ รถ
บดไม่นอ้ ยกว่า 37.9 กิโลกรัมต่อเซนติเมตร รถบดจะตอ้ งอยู่ในสภาพดี สามารถขับเคล่ือน
เดินหนา้ และถอยหลังได้ การขับเคล่ือนไปขา้ งหน้า การหยุด และการถอยหลังจะตอ้ งเรียบ
สม่าเสมอ ลอ้ เหล็กทงั้ 2 ลอ้ จะตอ้ งตรงตามแนว ท่ีผิวลอ้ เหล็กจะตอ้ งเรียบไม่เป็นรอ่ ง (groove)

88

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ลกึ เป็นหลมุ หรือเป็นรอยบมุ๋ (pit) สลกั ยดึ ลอ้ (king pin) และลกู ปืนลอ้ (wheel bearing) ตอ้ งไม่
สึกหรอมากเกินไปจนทาใหล้ อ้ หลวม ตอ้ งมีถงั นา้ มีระบบฉีดนา้ (sprinkler system) มีอปุ กรณ์
คราดผิวลอ้ เหล็ก (scraper) และแผ่นวสั ดสุ าหรบั ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ สาหรบั เลีย้ งลอ้
รถบดท่ีใชก้ ารไดด้ ี และถกู ตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหส้ ว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตติดลอ้
ขณะบดทบั
4.5.2 รถบดลอ้ ยาง (pneumatic-tired roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกว่า 10 ตนั และสามารถเพ่ิม
นา้ หนกั ได้ มีลอ้ ยางไมน่ อ้ ยกวา่ 9 ลอ้ ลอ้ รถบดตอ้ งเป็นชนิดผิวหนา้ เรียบ มีขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง
ของล้อ (rim diameter) ไม่น้อยกว่า 500 มิลลิเมตร มีผิวหนา้ ล้อยางกว้างไม่น้อยกว่า 225
มิลลิเมตร มีขนาดและจานวนชนั้ ผา้ ใบเท่ากันทุกลอ้ ส่วนลอ้ และเพลาเคล่ือนตวั ขึน้ ลงไดอ้ ิสระ
อย่างนอ้ ย 1 แถว มีแรงอดั ท่ีผิวหนา้ สมั ผสั ของลอ้ รถบดขณะบดอดั ไม่มากกวา่ 620 กิโลปาสกาล
(90 ปอนดต์ อ่ ตารางนิว้ ) และตอ้ งมีถงั นา้ มีระบบฉีดนา้ มีอปุ กรณค์ ราดผิวลอ้ ยาง และแผน่ วสั ดุ
สาหรบั ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ สาหรบั เลีย้ งลอ้ รถบดท่ีใชไ้ ดด้ ีและถูกตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ
เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หส้ ว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตติดลอ้ ขณะบดทบั รถบดลอ้ ยางขณะใชง้ านจะตอ้ งมี
ความดนั ลมยางเท่ากนั ทกุ ลอ้ โดยอนญุ าตใหม้ ีความดนั ลมยางแตล่ ะลอ้ แตกตา่ งกนั ไดไ้ มเ่ กิน 35
กิโลปาสกาล (5 ปอนดต์ อ่ ตารางนวิ้ )
4.5.3 รถบดส่ันสะเทือน (vibratory roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนักไม่น้อยกว่า 4 ตนั สาหรับชัน้ ทาง
แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนาไม่เกิน 35 มิลลิเมตร และตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไม่นอ้ ยกว่า 6 ตนั
สาหรับชัน้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนาตัง้ แต่ 40 มิลลิเมตรขึน้ ไป โดยอาจเป็นแบบ
ส่นั สะเทือนลอ้ เดียวหรือสองลอ้ ก็ได้ ตอ้ งมีความถ่ีการส่นั สะเทือน (frequency) ไม่นอ้ ยกว่า 33
เฮิรตซ์ (2,000 รอบต่อนาที) และมีระยะเตน้ (amplitude) ระหว่าง 0.20-0.80 มิลลิเมตร มี
นา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของรถบดไม่นอ้ ยกวา่ 22 กิโลกรมั ตอ่ เซนติเมตร รถบดจะตอ้ งอยใู่ นสภาพ
ดี สามารถบดทบั โดยการเดนิ หนา้ และถอยหลงั ได้ การขบั เคล่ือนไปขา้ งหนา้ การหยดุ และการ
ถอยหลงั จะตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ลอ้ ทงั้ 2 ลอ้ จะตอ้ งตรงแนว ท่ีผิวลอ้ เหล็กจะตอ้ งเรียบ ไม่ลึก
เป็นหลมุ หรือเป็นรอยบมุ๋ สลกั ลอ้ และลกู ปืนลอ้ ตอ้ งไม่สกึ หรอมากเกินไป จนทาใหล้ อ้ หลวม ตอ้ ง
มีถงั นา้ มีระบบฉีดนา้ มีอปุ กรณค์ ราดผิวลอ้ และแผน่ วสั ดสุ าหรบั ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้
เลีย้ งล้อรถบด เพ่ือป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตติดล้อขณะบดทับ มีระบบการ
ส่นั สะเทือนท่ีอยใู่ นสภาพดี
4.6 เคร่อื งพน่ แอสฟัลต์ (asphalt distributor)
ตอ้ งเป็นชนิดขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองมีถงั บรรจแุ อสฟัลตต์ ดิ ตงั้ บนรถบรรทกุ หรอื รถพว่ ง และประกอบดว้ ย
อปุ กรณท์ ่ีจาเป็นในการใชง้ าน ดงั นี้

89

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.6.1 ไมว้ ดั (dipstick) หรือเคร่อื งวดั ปรมิ าณแอสฟัลตใ์ นถงั
4.6.2 หวั เผาใหค้ วามรอ้ นแอสฟัลต์ (burner)
4.6.3 เทอรโ์ มมเิ ตอรว์ ดั อณุ หภมู ิแอสฟัลต์ (thermometer)
4.6.4 ป๊ัมแอสฟัลต์ (asphalt pump)
4.6.5 เคร่ืองตน้ กาลงั หรือเคร่ืองทา้ ย (power unit)
4.6.6 ทอ่ พน่ แอสฟัลต์ (spray bar) พรอ้ มหวั ฉีด (nozzle)
4.6.7 ทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือ (hand spray)
4.6.8 อปุ กรณว์ ดั ปรมิ าณการพน่ แอสฟัลต์ (bitumeter)
4.6.9 ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ (asphalt tank)

เคร่อื งพน่ แอสฟัลตต์ อ้ งมีระบบหมนุ เวียน (circulating system) มีป๊ัมแอสฟัลตท์ ่ีสามารถใชไ้ ดด้ ี
ตงั้ แตก่ บั แอสฟัลตเ์ หลวจนถึงแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ และตอ้ งทางานไดด้ งั นี้

(1) ดดู แอสฟัลตเ์ ขา้ ถงั ได้
(2) หมนุ เวียนแอสฟัลตใ์ นทอ่ พน่ แอสฟัลต์ และในถงั บรรจแุ อสฟัลตไ์ ด้
(3) พน่ แอสฟัลตผ์ า่ นทางทอ่ พน่ แอสฟัลต์ หรือผา่ นทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือได้
(4) ดดู แอสฟัลตจ์ ากถงั บรรจหุ รอื ท่อพน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือเขา้ สถู่ งั ได้
(5) ป๊ัมแอสฟัลตจ์ ากถงั บรรจปุ ระจารถพน่ แอสฟัลตไ์ ปยงั ถงั เก็บแอสฟัลตภ์ ายนอกได้
(6) เคร่อื งตน้ กาลงั หรอื เคร่อื งทา้ ย ตอ้ งมีมาตรบอกความดนั หรืออ่ืนๆ

เคร่อื งป๊ัมแอสฟัลต์ ตอ้ งติดเคร่อื งวดั ปรมิ าณแอสฟัลตท์ ่ีผา่ นป๊ัม โดยวดั เป็นรอบหรือวดั เป็นความ
ดนั หรืออ่ืนๆ

ท่อพ่นแอสฟัลต์ อาจประกอบดว้ ยท่อหลายท่อนต่อกัน มีหัวฉีดติดตงั้ โดยมีระยะห่างระหว่าง
หวั ฉีดเท่าๆ กนั หวั ฉีดปรบั ทามมุ กบั ทอ่ พน่ แอสฟัลตไ์ ด้ และตอ้ งมีอปุ กรณป์ ิดเปิดได้ ทอ่ พน่ แอสฟัลตต์ อ้ ง
เป็นแบบท่ีแอสฟัลตห์ มุนเวียนผ่านได้ เม่ือใชง้ านตอ้ งมีความดนั สม่าเสมอตลอดความยาวของท่อและ
สามารถปรบั ความสงู และความกวา้ งในการพน่ แอสฟัลตไ์ ด้

ทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือท่ีเคล่ือนท่ีไดอ้ ิสระ ตอ้ งเป็นแบบใชห้ วั ฉีด ใชพ้ น่ แอสฟัลตบ์ นพืน้ ท่ีท่ีรถ
พน่ แอสฟัลตเ์ ขา้ ไปไมไ่ ด้

อปุ กรณว์ ดั ปริมาณการพ่นแอสฟัลต์ ประกอบดว้ ยลอ้ วดั ความเร็ว (ลอ้ ท่ีหา้ ) ตอ่ สายเช่ือมไปยัง
มาตรวัดความเร็วในเก๋งรถ มาตรวัดความเร็วนีต้ อ้ งวัดความเร็วเป็นเมตรต่อนาที หรือฟุตต่อนาที
พรอ้ มทงั้ นีม้ ีตวั เลขบอกระยะทางรวมท่ีรถว่งิ

90

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ เป็นชนิดมีฉนวนหมุ้ ปอ้ งกนั ความรอ้ น ภายในถงั ประกอบดว้ ยทอ่ นาความ
รอ้ นจากหวั เผา (หน่งึ หวั เผาหรือมากกว่า) มีแผ่นโลหะชว่ ยกระจายความรอ้ น มีท่อระบายแอสฟัลต์ ท่ีถงั
ตอ้ งมีเคร่ืองวดั ปริมาณแอสฟัลตเ์ ป็นแบบไมว้ ดั หรือเข็มวดั บอกปรมิ าณหรือทงั้ สองชนิด มีเทอรโ์ มมิเตอร์
วดั อณุ หภูมิเป็นแบบหนา้ ปัทม์ (dial) หรือแบบแท่งแกว้ หมุ้ ดว้ ยปลอกโลหะ (armoured thermometer)
หรือทงั้ สองชนิด ท่ีอา่ นไดล้ ะเอียดถึง 1 องศาเซลเซียส

อปุ กรณส์ าหรบั เคร่ืองพน่ แอสฟัลตต์ า่ งๆเหล่านี้ ก่อนนาไปใชง้ านตอ้ งตรวจสอบใหอ้ ยใู่ นสภาพใช้
งานไดด้ ี การตรวจสอบและตรวจปรบั อปุ กรณต์ อ้ งดาเนินการตามวิธีท่ีกาหนด ซ่ึงแอสฟัลตท์ ่ีพ่นออกมา
จะตอ้ งมีปริมาณสม่าเสมอตลอดความกวา้ งและความยาวและเม่ือตรวจสอบโดยวิธีทดสอบหาปริมาณ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีลาดตามขวางและตามยาว จะตอ้ งถูกตอ้ งตามขอ้ กาหนดกล่าวคือปริมาณแอสฟัลต์
ซีเมนตท์ ่ีลาดตามขวางคลาดเคล่ือนไดไ้ ม่เกินรอ้ ยละ 17 และปริมาณแอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีลาดตามยาว
คลาดเคล่ือนไดไ้ มเ่ กินรอ้ ยละ 15 ตามลาดบั
4.7 เคร่ืองจกั รและเคร่อื งมือทาความสะอาดพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ ง
4.7.1 รถบรรทกุ นา้ (water truck) ตอ้ งอยใู่ นสภาพดี มีทอ่ พน่ นา้ และอปุ กรณฉ์ ีดนา้ ท่ีใชก้ ารไดด้ ี
4.7.2 เคร่ืองกวาดฝ่ นุ (rotary broom) อาจเป็นแบบลาก แบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองหรือแบบติดตงั้ ท่ี

รถไถนา (farm tractor) หรอื รถอ่ืนใด แตต่ อ้ งเป็นแบบไมก้ วาดหมนุ โดยเคร่อื งกล ขนไมก้ วาดอาจ
ทาดว้ ยไฟเบอร์ ลวดเหล็ก ไนล่อน หวาย หรือวัสดุอ่ืนๆ ท่ีเหมาะสมโดยความเห็นชอบของผู้
ควบคมุ งาน ทงั้ นีต้ อ้ งมีประสิทธิภาพพอท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะกอ่ สรา้ งสะอาด
4.7.3 เคร่ืองเป่าลม (blower) เป็นแบบตดิ ตงั้ ท่ีรถไถนาหรอื รถอ่ืนใด มีใบพดั ขนาดใหญ่ ใหก้ าลงั ลมแรง
และมีประสิทธิภาพพอเพียงท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ งสะอาด
4.8 เคร่อื งมือประกอบ
4.8.1 เคร่ืองมือบดทบั แบบส่นั สะเทือนขนาดเล็ก (small vibratory compactor) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนัก
เหมาะสมท่ีจะใชบ้ ดทบั แอสฟัลตค์ อนกรีตบริเวณท่ีรถบดไมส่ ามารถเขา้ ไปดาเนินการได้ หรือใช้
ในงานซอ่ มขนาดเล็ก การใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน
4.8.2 เคร่ืองมือกระทงุ้ แอสฟัลตค์ อนกรีต (hand tamper) ตอ้ งเป็นแบบและมีขนาดนา้ หนกั เหมาะสม ท่ี
จะใชก้ ระทงุ้ อดั แอสฟัลตค์ อนกรีตบริเวณท่ีเคร่ืองบดทบั ขนาดเล็กเขา้ ไปบดทบั ไม่ได้ หรือใชง้ าน
ซอ่ มขนาดยอ่ ย การใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน
4.8.3 เคร่ืองมือตดั รอยตอ่ อาจเป็นแบบติดกบั รถบดลอ้ เหล็กหรือเป็นแบบรถเข็นขนาดเล็ก หรือจะมีทงั้
2 แบบก็ได้ หรือมีแบบอ่ืนๆ ซ่ึงสามารถตดั แนวรอยตอ่ ไดเ้ รียบรอ้ ย ทงั้ นีใ้ หอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของผู้
ควบคมุ งาน

91

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.8.4 เคร่อื งมือเจาะตวั อยา่ ง อาจเป็นชนดิ ใชเ้ คร่อื งยนตห์ รอื ใชไ้ ฟฟา้ ท่ีสามารถใชเ้ จาะตวั อยา่ งท่ีมีขนาด
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 100 มลิ ลิเมตร ไดอ้ ยา่ งเรียบรอ้ ย

4.8.5 ไมบ้ รรทดั วดั ความเรียบ (straight-edge) ตอ้ งเป็นไมบ้ รรทดั วดั ความเรียบท่ีมีขนาดเหมาะสม มี
ความยาว 3.00 เมตรเครื่องจกั ร เครื่องมือ หรืออุปกรณอ์ ่ืนใด นอกเหนือจากท่ีกาหนดไวแ้ ลว้ ขา้ งตน้ การ

นามาใชง้ านและการใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของผคู้ วบคมุ งาน

5. การเตรียมการก่อนการก่อสร้าง
5.1 การเตรียมสถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวสั ดุ
สถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวัสดจุ ะตอ้ งเหมาะสม มีบริเวณกวา้ งพอท่ีจะดาเนินการไดโ้ ดยสะดวก
นอกจากนนั้ จะตอ้ งจดั ใหม้ ีการระบายนา้ ท่ีดี อนั จะเป็นการปอ้ งกนั มิใหม้ ีนา้ ท่วมกองวสั ดไุ ด้ พืน้ ท่ีสาหรบั
กองวสั ดทุ ่ีนามาใชง้ านจะตอ้ งสะอาดปราศจากวสั ดไุ ม่พึงประสงค์ เชน่ วชั พืช ส่ิงสกปรกอ่ืนๆควรรองพืน้
ดว้ ยวสั ดหุ ินหรือปดู ว้ ยแผ่นวัสดุท่ีเหมาะสม สถานท่ีกองวสั ดจุ ะตอ้ งราบเรียบไดร้ ะดบั พอควร การกอง
วสั ดแุ ตล่ ะขนาด จะตอ้ งกองแยกไวอ้ ย่างชดั เจน โดยการกองแยกใหห้ ่างกันตามสมควรหรือทายุ้งกนั้ ไว้
เพ่ือปอ้ งกนั วสั ดทุ ่ีจะใชแ้ ตล่ ะชนิด แตล่ ะขนาด ไมใ่ หป้ ะปนกนั หรอื ปะปนกบั วสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนๆ การ
กองวสั ดตุ อ้ งดาเนินการใหถ้ กู ตอ้ งเพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หว้ สั ดเุ กิดการแยกตวั โดยการกองวสั ดเุ ป็นชนั้ ๆ สงู ชนั้ ละ
ไม่เกินความสูงของกองวสั ดกุ องเด่ียวๆ เม่ือเทจากรถบรรทุกเททา้ ยคันหน่ึงๆ ถ้าจะกองวัสดชุ นั้ ต่อไป
จะตอ้ งแตง่ ระดบั ยอดกองใหเ้ สมอ และไมค่ วรกองวสั ดสุ งู เป็นรูปกรวย
5.2 การเตรยี มมวลรวมและวสั ดผุ สมแทรก
กองวสั ดทุ ่ีใชท้ กุ ชนิด จะตอ้ งมีมาตรการป้องกนั ไม่ใหว้ สั ดเุ ปียกนา้ ฝน โดยการกองวสั ดใุ นโรงท่ีมีหลังคา
คลุม หรือคลุมดว้ ยผ้าใบหรือแผ่นวัสดุอ่ืนๆท่ีเหมาะสม หรือโดยวิธีอ่ืนใดท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบจากผู้
ควบคมุ งาน วสั ดทุ ่ีใชท้ กุ ชนิดเม่ือปอ้ นเขา้ โรงงานผสม ตอ้ งไม่มีความชืน้ เกินกาหนด ตามขอ้ แนะนาของ
บรษิ ัทผผู้ ลิตโรงงานผสมท่ีใชง้ านนนั้ ๆ ทงั้ นีเ้ พ่ือใหโ้ รงงานผสมทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
มวลรวมท่ีใชแ้ ตล่ ะชนิด ก่อนนาไปใชง้ านจะตอ้ งบรรจอุ ย่ใู นยงุ้ หินเย็น แยกกนั แตล่ ะยงุ้ และการ
ผสมมวลรวมแตล่ ะชนิดจะตอ้ งดาเนินการโดยผ่านยงุ้ หินเย็นเท่านนั้ หา้ มนามาผสมกนั ภายนอกยงุ้ หินเย็น
ในทกุ กรณี
วสั ดผุ สมแทรก หากนามาใชจ้ ะตอ้ งแยกใส่ยงุ้ วสั ดผุ สมแทรกโดยเฉพาะ การปอ้ นวสั ดผุ สมแทรก
จะตอ้ งแยกตา่ งหากโดยไมป่ ะปนกบั วสั ดอุ ่ืนๆ และจะตอ้ งปอ้ นเขา้ หอ้ งผสมโดยตรง
5.3 การเตรยี มแอสฟัลตซ์ ีเมนต์
แอสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ นถงั เก็บแอสฟัลตซ์ ีเมนตต์ อ้ งมีอณุ หภูมิไมส่ งู กว่า 100 องศาเซลเซียส เม่ือผสมกับมวล
รวมท่ีโรงงานผสมจะตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ุณหภูมิ 159  8 องศาเซลเซียส หรือมีอุณหภูมิท่ีแอสฟัลต์

92

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ซีเมนต์ มีความหนืด 170  20 เซนตสิ โตกส์ (centistokes)หรอื มีอณุ หภมู ติ รงตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสม
เฉพาะงาน การจา่ ยแอสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ ปยงั หอ้ งผสม จะตอ้ งเป็นไปโดยตอ่ เน่ืองและมีอณุ หภมู ิตามท่ีกาหนด
สม่าเสมอตลอดเวลา
5.4 การเตรียมเคร่ืองจกั ร เคร่อื งมือ และอปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการก่อสรา้ ง
เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ และอปุ กรณท์ กุ ชนิดตามท่ีระบไุ วใ้ นขอ้ 4 ท่ีนามาใชง้ านตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี โดย
จะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบและหรือตรวจปรบั ตามรายการและวธิ ีการท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด และผู้
ควบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดก้ ่อน เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ และอปุ กรณท์ ุกชนิดตอ้ งมีจานวนพอเพียงท่ีจะ
อานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีต ดาเนินไปโดยตอ่ เน่ือง ไม่ติดขดั หรือหยดุ ชะงกั และใน
ระหวา่ งการก่อสรา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษาใหอ้ ยใู่ นสภาพดีอยเู่ สมอตลอดระยะเวลาทางาน
5.5 การเตรยี มพืน้ ท่ีกอ่ สรา้ ง

5.5.1 รองพืน้ ทาง พืน้ ทาง หรือไหลท่ าง จะตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ไดร้ ะดบั และความลาดตามรูปแบบก่อน
ทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทบั กรณีรองพืน้ ทางหรือพืน้ ทางหรือไหล่ทางมีความเสียหายเป็น
คล่ืน เป็นหลมุ บอ่ มีจดุ ออ่ นตวั (soft spot) หรอื ไมถ่ กู ตอ้ งตามรูปแบบ ใหแ้ กไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งกอ่ นโดย
ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน

5.5.2 ผิวทางลาดยางเดิม ท่ีจะทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทับมีผิวหนา้ ไม่สม่าเสมอ หรือเป็นคล่ืน
และไม่มีการทาชนั้ ปรบั ระดบั ใหป้ รบั แต่งให้สม่าเสมอ ถา้ มีหลุมบ่อ รอยแตก จุดอ่อนตวั หรือ
ความเสียหายของชนั้ ทางใดๆ จะตอ้ งตดั หรือขดุ ออก แลว้ ปะซอ่ ม หรือขดุ ซอ่ มแลว้ แตก่ รณี แลว้
บดทบั ใหแ้ นน่ และมีผิวหนา้ ท่ีเรียบสม่าเสมอ โดยใหม้ ีระดบั และความลาดถกู ตอ้ งตามแบบ วสั ดทุ ่ี
นามาใชจ้ ะตอ้ งมีคุณภาพดี ขนาดและปริมาณวสั ดุท่ีใชใ้ หเ้ หมาะสมกับลกั ษณะความเสียหาย
และพืน้ ท่ีท่ีจะซอ่ ม

5.5.3 พืน้ ทางหรือไหล่ทาง ท่ีมี ไพรมโคท (prime coat )หลดุ หรือเสียหาย ตอ้ งแกไ้ ขใหม่ใหเ้ รียบรอ้ ย
ตามวิธีการท่ีผูค้ วบคมุ งานกาหนด แลว้ ทิง้ ไวจ้ นครบกาหนดเวลาบ่มตวั ของแอสฟัลตท์ ่ีใชซ้ ่อม
กอ่ น จงึ ทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรตี ทบั ได้

5.5.4 พืน้ ทางหรือไหล่ทางท่ีทา ไพรมโคท ทิง้ ไว้ มีผิวหลุดเสียหายเป็นพืน้ ท่ีต่อเน่ืองมากเกินกว่าท่ีจะ
ซอ่ มตามขอ้ 5.5.3 ใหไ้ ดผ้ ลดี ใหพ้ ิจารณาคราด (scarify) พืน้ ทางหรอื ไหลท่ างนนั้ แลว้ บดทบั ใหม่
ใหไ้ ดค้ วามแนน่ ตามท่ีกาหนด แลว้ ทาไพรมโคทใหมท่ งิ้ ไวจ้ นครบกาหนดเวลาบม่ ตวั ของแอสฟัลต์
ท่ีใชท้ าไพรมโคทก่อน จงึ ทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทบั ได้

5.5.5 พืน้ ทางหรือไหล่ทางท่ีทาไพรมโคททิง้ ไวน้ าน โดยไมไ่ ดท้ าชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตตามขนั้ ตอน
การก่อสรา้ งปกติ แตไ่ พรมโคทไม่หลดุ เสียหายก่อนทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทบั อาจพิจารณา

93

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ใหท้ าแทคโคท (tack coat) โดยใหด้ าเนินการตาม มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท (tack
coat) ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน
5.5.6 ในงานเสรมิ ผวิ ทาง (overlay) ดว้ ยแอสฟัลตค์ อนกรีตบนผิวทางเดมิ ซ่งึ เกิดการยบุ ตวั sag and
depression) หรือเป็นแอง่ เฉพาะแหง่ แตไ่ มใ่ ชจ่ ดุ ออ่ นตวั ใหด้ าเนินการดงั นี้
(1) กรณียบุ ตวั หรือเป็นแอ่งลกึ ไม่เกิน 30 มิลลิเมตร อาจแยกปเู สริมเพ่ือปรบั ระดบั เฉพาะส่วนท่ียุบตวั
หรือเป็นแอ่งก่อน หรือจะปรู วมไปพรอ้ มกบั การปชู นั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตก็ได้ โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ย
พินิจของผคู้ วบคมุ งาน แต่ทงั้ นีค้ วามหนารวมท่ีปจู ะตอ้ งไม่เกิน 80 มิลลิเมตร หากความหนารวม
เกิน 80 มิลลิเมตร จะตอ้ งแยกปเู สรมิ เพ่ือปรบั ระดบั เฉพาะสว่ นท่ียบุ ดว้ ยหรือเป็นแอง่ กอ่ น
(2) กรณียบุ ตวั หรือเป็นแอ่งลึกเกิน 50 มิลลิเมตร จะตอ้ งแยกปเู สริมปรบั ระดบั เฉพาะส่วนท่ียุบตวั หรือ
เป็นแอง่ ก่อน โดยใหป้ เู ป็นชนั้ ๆ หนาไมเ่ กินชนั้ ละ 50 มิลลิเมตรการแยกปเู สรมิ ปรบั ระดบั เฉพาะสว่ น
ท่ียุบตวั หรือเป็นแอ่งดว้ ยแอสฟัลตค์ อนกรีต นีใ้ หบ้ ดทบั ดว้ ยรถบดลอ้ ยางจนไดค้ วามแน่นตามท่ี
กาหนด แลว้ จงึ ปชู นั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตตอ่ ไป
5.5.7 รองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหลท่ าง หรอื ผิวทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรตี ทบั ตอ้ ง
สะอาดปราศจากฝ่นุ วสั ดสุ กปรก หรือวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนๆ ปะปน
5.5.8 การทาความสะอาดรองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหล่ทาง หรือผิวทางลาดยางเดิม ท่ีจะทาชั้นทาง
แอสฟัลตค์ อนกรีตทบั โดยการกวาดฝ่ นุ วสั ดหุ ลดุ หลวม ทรายท่ีสาดทบั ไพรมโคท สาหรบั พืน้ ทาง
หรือไหล่ทางออกจนหมดดว้ ยเคร่ืองกวาดฝ่ นุ ตอ้ งปรบั อตั ราเร็วการหมุนและนา้ หนกั กดท่ีกดลง
บนรองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหล่ทางหรือผิวทางลาดยางเดิมใหพ้ อดี โดยไมท่ าใหร้ องพืน้ ทาง พืน้ ทาง
ไหล่ทาง หรือผิวทางเดมิ เสียหาย เสรจ็ แลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่ืองเป่ าลมเป่ าฝ่นุ หรอื วสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกจน
หมด
5.5.9 กรณีท่ีมีคราบฝ่ นุ หรือวสั ดจุ บั ตวั แข็งอยทู่ ่ีพืน้ ทาง ไหล่ทาง หรือผิวทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทาง
แอสฟัลตค์ อนกรีตทบั ใหก้ าจดั คราบแข็งดงั กลา่ วออกโดยการใชเ้ คร่อื งมือใดๆ ท่ีเหมาะสมตามท่ีผู้
ควบคมุ งานกาหนดหรือเห็นชอบ ขูดออก ลา้ งใหส้ ะอาด ทิง้ ไวใ้ หแ้ หง้ ใชเ้ คร่ืองกวาดฝ่ นุ กวาด
แลว้ ใชเ้ คร่อื งเป่าลมเป่าฝ่นุ หรอื วสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกใหห้ มด
5.5.10 ผิวทางลาดยางเดิมท่ีมีแอสฟัลตเ์ ยิม้ ก่อนทาชัน้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทับจะตอ้ งแก้ไขให้
เรียบรอ้ ยก่อน โดยการปาดแอสฟัลตท์ ่ีเยิม้ ออก หรือโดยวิธีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสมท่ีผคู้ วบคมุ งาน
กาหนดหรือเห็นชอบ
5.5.11 ผิวทางลาดยางเดิมหรือชั้นทางแอสฟัลตค์ อนกรีตใดๆ ท่ีจะทาชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตทับ
จะตอ้ งทาแทคโคทกอ่ น โดยใหด้ าเนินการตาม มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท (tack coat)

94

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.5.12 ขอบของโครงสรา้ งคอนกรีตใดๆ หรือผิวหนา้ ตดั ชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตเดิมท่ีต่อเช่ือมกับ
แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีจะก่อสรา้ งใหม่ จะตอ้ งทาแทคโคทก่อน โดยใหด้ าเนินการตามมทช.227:
มาตรฐานงานแทคโคท (tack coat)

5.5.13 ผิวพืน้ สะพานคอนกรีตท่ีจะตอ้ งปชู นั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งขดู วสั ดยุ าแนวรอยแตกและ
รอยตอ่ สว่ นเกินท่ีตดิ อยทู่ ่ีผิวพืน้ คอนกรีตใหห้ มด ลา้ งทาความสะอาดทงิ้ ไวใ้ หแ้ หง้ แลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่ า
ลมเป่าฝ่นุ ออกใหห้ มด แลว้ ทาแทคโคท โดยใหด้ าเนินการตาม มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท
(tack coat)

6. วธิ ีการก่อสร้าง
6.1 การควบคมุ การผลิตสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีโรงงานผสม
การดาเนนิ การควบคมุ การผลติ สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีโรงงานผสม มีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
6.1.1 การควบคมุ คณุ ภาพส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต มวลรวมและแอสฟัลต์ซีเมนตต์ อ้ งมีคณุ สมบตั ิ
ตามขอ้ 1 คณุ ภาพของสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตตอ้ งสม่าเสมอตรงตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
ท่ีไดก้ าหนดขึน้ สาหรบั แอสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ ๆสูตรส่วนผสมเฉพาะงานอาจเปล่ียนแปลงไดต้ าม
เหตผุ ลในขอ้ 3.5 และ ขอ้ 3.6
6.1.2 การควบคุมเวลาในการผสมส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่ืองตงั้ เวลาและ
ควบคมุ เวลาแบบอตั โนมตั ิ ท่ีสามารถตงั้ และปรบั เวลาในการผสมแหง้ และผสมเปียกไดต้ ามตอ้ งการ
สาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ ระยะเวลาในการผสมแหง้ และผสมเปียกควรใชป้ ระมาณ 15 วินาที และ
30 วนิ าที ตามลาดบั สาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง ระยะเวลาในการผสมใหค้ านวณจากสตู รตาม
ขอ้ 4.1.11 (3) ในการผสมสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตโดยโรงงานผสมทงั้ 2 แบบ ตอ้ งไดส้ ่วนผสม
แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีสม่าเสมอ ในกรณีท่ีผสมกันตามเวลาท่ีกาหนดไวแ้ ลว้ แตส่ ่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตยงั ผสมกันไดไ้ ม่สม่าเสมอตามตอ้ งการ ก็ใหเ้ พ่ิมเวลาในการผสมขนึ้ อีกก็ได้ แตเ่ วลาท่ีใชใ้ น
การผสมทงั้ หมดตอ้ งไมเ่ กิน 60 วินาที ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน การกาหนดเวลาใน
การผสมของโรงงานผสมใดๆใหก้ าหนดโดยการทดสอบหาปริมาณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม
ตามวิธีการทดสอบ AASHTO T 195 "determining degree of particle coating of bituminous-
aggregate mixtures" โดยใหถ้ ือหลกั เกณฑก์ าหนดตามตารางท่ี 5

95

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 5 ปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม

ชนั้ ทาง แอสฟัลตค์ อนกรีต ปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผวิ มวลรวมรอ้ ยละโดยพืน้ ท่ี
พืน้ ทาง ไมน่ อ้ ยกวา่ 90
ผวิ ทาง รองผิวทาง ไหลท่ าง ปรบั ระดบั ไมน่ อ้ ยกวา่ 95

6.1.3 การควบคมุ อณุ หภมู ขิ องวสั ดกุ อ่ นการผสมและอณุ หภมู ิของสว่ นผสม แอสฟัลตค์ อนกรีต

(1) มวลรวม ก่อนการผสมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 163 8 องศาเซลเซียส และมีความชืน้ ไมเ่ กิน
รอ้ ยละ 1 โดยมวล และขณะผสมกบั แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ จะตอ้ งมีอณุ หภมู ิตรงตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู ร
สว่ นผสมเฉพาะงาน

(2) แอสฟัลตซ์ ีเมนต์ ขณะเก็บในถงั เก็บรอใชง้ านตอ้ งมีอณุ หภูมิไม่สงู กว่า 100 องศาเซลเซียส เม่ือจะ

ผสมกบั มวลรวมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นเพ่มิ จนไดอ้ ณุ หภมู ิ 159 8 องศาเซลเซียส หรืออณุ หภมู ทิ ่ีแอสฟัลต์

ซีเมนต์ มีความหนืด 170 20 เซนติสโตกส์ (centistokes) หรืออุณหภูมิตรงตามท่ีระบุไวใ้ นสูตร
สว่ นผสมเฉพาะงาน
(3) แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีผสมเสร็จ ก่อนออกจากห้องผสมจะตอ้ งมีอุณหภูมิระหว่าง121-168 องศา
เซลเซียส หรือตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รส่วนผสมเฉพาะงาน ถา้ มีอณุ หภมู ิแตกตา่ งไปกว่าท่ีกาหนดนี้ หา้ ม
นาสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตดงั กลา่ วไปใชง้ าน
(4) ตอ้ งมีการบนั ทึกอณุ หภมู ิของมวลรวมท่ีผ่านหมอ้ เผา อณุ หภมู ิของแอสฟัลตซ์ ีเมนตข์ ณะก่อนผสมกบั
มวลรวม และอณุ หภมู ิของสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต ตลอดเวลาท่ีปฏิบตั ิงาน โดยใชเ้ คร่ืองบนั ทึก
อณุ หภมู ิแบบอตั โนมตั ิ พรอ้ มท่ีจะใหต้ รวจสอบไดต้ ลอดเวลา และผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งส่งบนั ทกึ รายการ
อณุ หภมู ดิ งั กลา่ วประจาวนั แก่ผคู้ วบคมุ งานทกุ วนั ท่ีปฏิบตั งิ าน
(5) การวดั อณุ หภูมิของส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีอย่ใู นรถบรรทุก ตอ้ งใชเ้ คร่ืองวัดอุณหภูมิท่ีอ่าน
อุณหภูมิไดอ้ ย่างรวดเร็ว การวดั อุณหภูมิใหว้ ดั ผ่านรูท่ีเจาะไวข้ า้ งกระบะรถบรรทุกทงั้ 2 ดา้ น ท่ี
ประมาณก่ึงกลางความยาวของกระบะ และสูงจากพืน้ กระบะประมาณ 150 มิลลิเมตร การวัด
อณุ หภมู ิใหว้ ดั จากรถบรรทกุ ทกุ คนั แลว้ จดบนั ทกึ อณุ หภมู ไิ ว้
6.2 การขนสง่ สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต
การขนส่งส่วนผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตจากโรงงานผสมไปยงั สถานท่ีก่อสรา้ ง ตอ้ งใชร้ ถบรรทกุ ท่ีเตรียมไว้
แลว้ โดยถูกตอ้ งตามขอ้ 4.2 ในการขนส่งจะตอ้ งมีผา้ ใบ หรือแผ่นวสั ดอุ ่ืนใดท่ีใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมคลุม
สว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือรกั ษาอณุ หภมู แิ ละปอ้ งกนั นา้ ฝนหรือส่ิงสกปรกอ่ืนๆ

96


Click to View FlipBook Version