The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Keywords: ทางหลวงชนบท,กรม,ทช

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ใหใ้ ชข้ อ้ กาหนดในการออกแบบโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตของชนั้ binder course เป็น
ขอ้ กาหนดในการออกแบบโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตของไหลท่ าง
(3) การทดลองหาคา่ percent strength index ใชว้ ธิ ี ontario vacuum immersion marshal test หรือวธิ ี
อ่ืนท่ีเทียบเทา่ การทดสอบรายการนีก้ รมทางหลวงชนบท จะพิจารณาทาการทดสอบตามความ
เหมาะสมใหมไ่ ดต้ ามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน

ตารางท่ี 4 เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนท่ียอมใหส้ าหรบั สตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน

ผ่านตะแกรงขนาด ร้อยละ
2.36 มม.(เบอร์ 8) และขนาดใหญ่กวา่
1.18 มม.(เบอร์ 16) 0.600 มม.(เบอร์ 30) 5
4
0.150 มม.(เบอร์ 100) 3
0.075 มม.(เบอร์ 200) 2
ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์  0.3

4. เครือ่ งจักรและเครื่องมือทใ่ี ช้ในการก่อสร้าง
เคร่อื งจกั รและเคร่ืองมือทกุ ชนิดท่ีจะนามาใชง้ าน จะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี โดยจะตอ้ งผา่ นการตรวจ

สอบและหรือตรวจปรบั และผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้ ในระหวา่ งการก่อสรา้ งผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษา
เคร่อื งจกั รและเคร่ืองมือทกุ ชนดิ ใหอ้ ยใู่ นสภาพดีอยเู่ สมอ

4.1 โรงงานผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต (polymer modified asphalt concrete mixing
plant) ผรู้ บั จา้ งตอ้ งมีโรงงานผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ซง่ึ ตงั้ อย่ใู นสายทางท่ีกอ่ สรา้ ง
หากจาเป็นอาจตงั้ อยนู่ อกสายทางภายในระยะขนสง่ เฉล่ีย 80 กิโลเมตร หรือตามท่ีกรมทางหลวงชนบท
เห็นชอบทงั้ นี้ เพ่ือใหส้ ามารถควบคมุ อณุ หภมู ขิ องสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไดต้ ามท่ี
กาหนด โรงงานผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตนีต้ อ้ งมีกาลงั การผลิต (rated capacity) ไม่
นอ้ ยกวา่ 60 ตนั ตอ่ ช่วั โมง โดยจะเป็นแบบชดุ (batch type) หรอื แบบผสมตอ่ เน่ือง (continuous type)
ก็ได้ แตต่ อ้ งสามารถผลติ สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือปอ้ นเคร่ืองปู (paver) ให้
สามารถปไู ดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง และเป็นสว่ นผสมท่ีมีคณุ ภาพสม่าเสมอตรงตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน (job
mix formula) โดยมีอณุ หภมู ิถกู ตอ้ งตามขอ้ กาหนด ดว้ ยโรงงานผสมนีจ้ ะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี และอยา่ ง
นอ้ ยตอ้ งมีเคร่ืองมืออปุ กรณต์ า่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้

147

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.1.1 อปุ กรณส์ าหรบั การเตรียมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์ (equipment for preparation of

asphalt) โรงงานผสมตอ้ งมีถงั เก็บโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต(์ storage tank)ซ่งึ มีอปุ กรณ์
ใหค้ วามรอ้ นประเภททอ่ เวียนไอนา้ รอ้ นหรือนา้ มนั รอ้ น (steam or oil coil) หรือประเภทใชไ้ ฟฟา้
(electricity) หรอื ประเภทอ่ืนใดท่ีไมม่ ีเปลวไฟสมั ผสั กบั ถงั เก็บแอสฟัลตซ์ ีเมนตโ์ ดยตรง อปุ กรณท์ กุ
ประเภทตอ้ งสามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ มีเคร่ืองควบคุมให้อุณหภูมิของโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ ดต้ รงตามข้อกาหนด และตอ้ งมีระบบทาให้โพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ หลเวียน (circulating system) ท่ีเหมาะสมท่ีทาใหโ้ พลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนตไ์ หลเวียนไดอ้ ย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาขณะทางานพรอ้ มกันนีต้ อ้ งมีอุปกรณใ์ หห้ รือรักษา
ความรอ้ นท่ีระบบท่อไหลเวียนโดยอาจเป็นประเภทใชไ้ อนา้ (steam jacket) หรือนา้ มนั รอ้ น (hot
oil jacket) หรือประเภทฉนวนรักษาความร้อน(insulation) เพ่ือรักษาอุณหภูมิของโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ นท่อส่งแอสฟัลต์ มาตรวัดแอสฟัลต์ ท่อพ่นแอสฟัลต์ ถังบรรจุ
แอสฟัลต์ และอ่ืนๆ ใหม้ ีอณุ หภูมิตามท่ีกาหนด ปลายทอ่ ไหลเวียนแอสฟัลตต์ อ้ งอย่ทู ่ีใตร้ ะดบั
แอสฟัลตใ์ นถงั เก็บแอสฟัลตข์ ณะป๊ัมแอสฟัลตท์ างาน

4.1.2 ยงุ้ หินเยน็ (cold bin) และเคร่อื งปอ้ นหนิ เยน็ (aggregate feeder) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ หนิ เย็น

ไม่นอ้ ยกว่า 4 ยงุ้ สาหรบั แยกใส่วสั ดหุ ินหรือวสั ดอุ ่ืนๆ แตล่ ะขนาด ช่องเปิดปากยงุ้ จะตอ้ งเป็น
แบบปรบั ได้ ยงุ้ หินเย็นตอ้ งประกอบดว้ ยเคร่ืองปอ้ นหินเย็นแบบท่ีเหมาะสมสามารถปอ้ นหินเย็นได้
อยา่ งสม่าเสมอไปยงั หมอ้ เผา (dryer) ไดถ้ กู ตอ้ งตามอตั ราสว่ นท่ีตอ้ งการ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เคร่ือง
ปอ้ นหนิ เยน็ สาหรบั ยงุ้ มวลละเอียด เชน่ หินฝ่นุ หรอื ทราย จะตอ้ งเป็นแบบสายพานยางตอ่ เน่ืองหรือ
สายพานอ่ืนใดท่ีใหผ้ ลเทียบเทา่

4.1.3 หมอ้ เผา (dryer) โรงงานผสมตอ้ งมีหมอ้ เผาอยใู่ นสภาพ ดี มีประสทิ ธิภาพในการทางานดพี อ

ท่ีจะทาใหม้ วลรวมแหง้ และมีอณุ หภมู ิตามท่ีกาหนด โดยตอ้ งมีเคร่ืองวดั อณุ หภมู ิท่ีเหมาะสม เช่น
เคร่อื งวดั อณุ หภมู ิแบบแปรความรอ้ นเป็นคา่ ไฟฟา้ (electric pyrometer) ท่ีอา่ นอณุ หภมู ิไดล้ ะเอียด
ถึง 2.5 องศาเซลเซียส ติดตงั้ อยู่ท่ีปากทางท่ีมวลรวมเคล่ือนตวั ออก และจะตอ้ งมีเคร่ืองบันทึก
อณุ หภมู ขิ องมวลรวมท่ีวดั ไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ

4.1.4 ชดุ ตะแกรงรอ่ น (screening unit) โรงงานผสมตอ้ งมีชดุ ตะแกรงรอ่ นมวลรวมท่ีผา่ นมาจากหมอ้
เผาเพ่ือแยกมวลรวมเป็นขนาดตา่ งๆ ตามท่ีตอ้ งการ โดยในชดุ ตะแกรงรอ่ นนีต้ อ้ งประกอบดว้ ย
ตะแกรงคดั (scalping screen) สาหรบั คดั มวลรวมกอ้ นโตเกินขนาดท่ีกาหนด (oversize) ออกทงิ้

148

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตะแกรงทกุ ขนาดตอ้ งอยใู่ นสภาพดี เหล็กตะแกรงไมข่ าดหรอื สกึ หรอมากเกินไป อนั จะใหม้ วลรวม
ท่ีรอ่ นออกมาผดิ ขนาดไปจากท่ีตอ้ งการ
4.1.5 ยงุ้ หินรอ้ น (hot bin) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ หินรอ้ นอยา่ งนอ้ ย 4 ยงุ้ ทงั้ นีไ้ มร่ วมยงุ้ วสั ดผุ สม
แทรก สาหรบั เก็บมวลรวมรอ้ นท่ีผา่ นตะแกรงแยกขนาดแลว้ ยงุ้ หนิ รอ้ นนีต้ อ้ งมีผนงั แข็งแรงไมม่ ีรอย
ร่วั มีความสูงพอท่ีจะป้องกันไม่ให้มวลรวมไหลข้ามยุง้ ไปปะปนกันได้ และตอ้ งมีความจุมาก
พอท่ีจะปอ้ นมวลรวมรอ้ นใหก้ บั หอ้ งผสม (pugmill mixer) ไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอเม่ือโรงงานผสมทาการ
ผสมเตม็ กาลงั ผลิต ในแตล่ ะยงุ้ ตอ้ งมีท่อสาหรบั ใหม้ วลรวมไหลออกไปขา้ งนอก เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หไ้ ป
ผสมกบั มวลรวมท่ีอยใู่ นยงุ้ อ่ืนๆ ในกรณีท่ีมีมวลรวมในยงุ้ นนั้ ๆ มากเกินไป
4.1.6 ยงุ้ เก็บวสั ดผุ สมแทรก (mineral filler storage bin) โรงงานผสมตอ้ งมียงุ้ เก็บวสั ดผุ สมแทรก
ตา่ งหาก พรอ้ มกบั มีเคร่ืองช่งั หรอื เคร่ืองปอ้ นวสั ดผุ สมแทรกซง่ึ สามารถควบคมุ ปรมิ าณวสั ดเุ ขา้ สู่
หอ้ งผสมอยา่ งถกู ตอ้ ง และสามารถปรบั เทียบ (calibrate) ได้
4.1.7 เคร่ืองเก็บฝ่ นุ (dust collector) โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่อื งเก็บฝ่นุ สาหรบั เก็บวสั ดสุ ว่ นละเอียดหรือ
ฝ่นุ ท่ีมีประสทิ ธิภาพดีและเหมาะสมท่ีสามารถเก็บฝ่นุ กลบั ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งสม่าเสมอหรือนาไปทงิ้ ได้
ทงั้ หมด หรือบางสว่ น และเคร่อื งเก็บฝ่นุ ดงั กลา่ วตอ้ งสามารถควบคมุ ฝ่นุ ไมใ่ หม้ ีฝ่นุ เหลือออกสู่
อากาศภายนอกมากจนทาใหเ้ กิดมลภาวะตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม
โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่อื งเก็บฝ่นุ ทงั้ ชดุ หลกั (primary) และชดุ รอง (secondary) ชดุ หลกั ใหเ้ ป็น
เป็นแบบแหง้ (dry type) และชดุ รองเป็นแบบเปียก (wet type) หรือแบบอ่ืนๆ ท่ีมีประสทิ ธิภาพ
ทดั เทียมกนั
4.1.8 เคร่อื งวดั อณุ หภมู ิ (thermometric equipment) โรงงานผสมตอ้ งมีเทอรโ์ มมเิ ตอรแ์ บบแทง่
แกว้ หมุ้ ดว้ ยปลอกโลหะ (armoured thermometer) หรือแบบอ่ืนใดซ่งึ วดั อณุ หภูมิไดร้ ะหว่าง
90-200 องศาเซลเซียส ตดิ ตงั้ ไวท้ ่ีทอ่ สง่ แอสฟัลตท์ ่ีตาแหนง่ ท่ีเหมาะสมใกลท้ างออกของแอสฟัลตท์ ่ี
หอ้ งผสมนอกจากนีจ้ ะตอ้ งมีเคร่อื งวดั อณุ หภมู ิ เชน่ เทอรโ์ มมเิ ตอรแ์ บบใชป้ รอท ชนดิ มีหนา้ ปัทม์
(dial scale mercury activated thermometer)เคร่ืองวดั อณุ หภูมิแบบแปรความรอ้ นเป็นคา่ ไฟฟ้า
(electric pyrometer) หรือแบบอ่ืนๆ ท่ีเหมาะสมท่ีกรมทางหลวงชนบทอนุญาตใหใ้ ชไ้ ด้ ตดิ ตงั้ ท่ี
ปลายทางออกของมวลรวม เพ่ือใชว้ ัดอุณหภูมิของมวลรวมรอ้ นท่ีออกจากหมอ้ เผา เคร่ืองวัด
อุณหภูมิชนิดใดๆ ท่ีใช้ต้องมีความสามารถแสดงอุณหภูมิได้อย่างถูกต้อง เม่ือมีอัตราการ
เปล่ียนแปลงอณุ หภมู เิ รว็ กวา่ 5 องศาเซลเซียสตอ่ นาที
4.1.9 ชดุ อปุ กรณค์ วบคมุ ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ (polymer modified asphalt
control unit) โรงงานผสมตอ้ งมีชดุ อปุ กรณค์ วบคมุ ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ ซ่งึ
อาจใชว้ ิธีช่งั นา้ หนกั หรือวิธีวดั ปริมาตรก็ได้ แต่ตอ้ งสามารถควบคมุ ปริมาณโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์

149

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แอสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีใชใ้ หอ้ ยู่ในช่วงท่ีกาหนดไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานกรณีใช้วิธีช่ังนา้ หนัก
เคร่ืองช่งั ท่ีใชต้ อ้ งมีความละเอียดไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 2 ของนา้ หนกั โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนตท์ ่ีต้องการใช้ผสม กรณีท่ีใช้วิธีวัดปริมาตร มาตรท่ีใช้วัดอัตราการไหลของโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีปล่อยเขา้ สู่หอ้ งผสมจะตอ้ งเท่ียงตรง โดยยอมใหค้ ลาดเคล่ือนจาก
ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีตอ้ งการใชเ้ ม่ือเทียบเป็นนา้ หนกั ไมเ่ กินรอ้ ยละ 2
4.1.10 ขอ้ กาหนดพเิ ศษสาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ
(1) ถงั ช่งั มวลรวม (weigh box or hopper) โรงงานผสมแบบชดุ ตอ้ งมีอปุ กรณส์ าหรบั ช่งั มวลรวมท่ี
ปลอ่ ยออกมาแตล่ ะยงุ้ ไดอ้ ย่างละเอียดถกู ตอ้ ง ถงั ช่งั นา้ หนกั ตอ้ งแขวนอยกู่ บั เคร่อื งช่งั และตอ้ งมี
ขนาดใหญ่พอท่ีจะบรรจมุ วลรวมไดเ้ ตม็ ชดุ (batch) โดยมวลรวมไมล่ น้ ถงั ถงั ช่งั นา้ หนกั จะตอ้ ง
วางบนฟัลครมั (fulcrum) ซ่งึ วางอยบู่ นขอบใบมีด (knife edge) อยา่ งแนน่ หนาอีกทีหน่งึ ซ่งึ เม่ือ
ขณะทางานฟัลครมั และขอบใบมีดตอ้ งไมเ่ คล่ือนตวั ออกจากแนวเดมิ ประตยู งุ้ หนิ รอ้ นและถงั ช่งั
นา้ หนกั ตอ้ งแขง็ แรงและไมร่ ่วั
(2) หอ้ งผสม (pugmill mixer) หอ้ งผสมของโรงงานผสมแบบชุดนี้ จะตอ้ งเป็นชนิดมีเพลาผสมคู่ มี
อปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นหอ้ งผสม และสามารถผลิตโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตไ์ ดส้ ว่ นผสมท่ี
สม่าเสมอ ประตปู ล่อยส่วนผสมเม่ือปิดจะตอ้ งปิดสนิทโดยไม่มีวสั ดรุ ่วั ไหล ตอ้ งมีเคร่ืองตงั้ เวลา
และควบคมุ เวลาการผสมเป็นแบบอตั โนมตั ิ ซ่งึ จะควบคมุ ไม่ใหป้ ระตหู อ้ งผสมเปิดจนกว่าจะได้
เวลาตามท่ีกาหนดไว้ภายในห้องผสมประกอบดว้ ยใบพาย (paddle tip) จานวนเพียงพอ
จดั เรียงตวั กนั อย่างเหมาะสมท่ีจะผสมส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไดอ้ ย่าง
ถกู ตอ้ งสม่าเสมอ ระยะหา่ งระหวา่ งปลายใบพายและผนงั หอ้ งผสม จะตอ้ งนอ้ ยกวา่ ครง่ึ หนง่ึ ของ
ขนาดมวลรวมกอ้ นโตสดุ
(3) เคร่อื งช่งั (plant scale) เคร่อื งช่งั ตอ้ งมีความละเอียด ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 0.5 ของมวลรวม
สูงสุดท่ีตอ้ งการช่ัง หน้าปัทมเ์ คร่ืองช่ังตอ้ งมีขนาดใหญ่พอ ซ่ึงสามารถอ่านนา้ หนักได้ใน
ระยะห่างอย่างนอ้ ย 7 เมตรและตอ้ งอย่ใู นตาแหน่งท่ีพนกั งานควบคมุ เคร่ืองมองเห็นไดช้ ัดเจน
หน้าปัดเคร่ืองช่ังมวลรวมจะตอ้ งมีเข็มชีน้ า้ หนักแต่ละยุ้ง สาหรับเคร่ืองช่ังต้องมีตุม้ นา้ หนัก
มาตรฐานหนกั ตมุ้ ละ 25 กิโลกรมั ไม่นอ้ ยกว่า 10 ตมุ้ หรือมีจานวนเพียงพอท่ีจะใชต้ รวจสอบ
ความถกู ตอ้ งของเคร่อื งช่งั
(4) การควบคมุ ปรมิ าณมวลรวม และโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตท์ ่ีใชผ้ สมในแตล่ ะชดุ จะตอ้ งเป็น
แบบอตั โนมตั ิ
4.1.11 ขอ้ กาหนดพเิ ศษสาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง
(1) ชดุ อปุ กรณค์ วบคมุ มวลรวม (gradation control unit) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ งมีอปุ กรณ์

150

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ค ว บ คุม ป ริ ม า ณ ม ว ล ร ว ม ท่ี ไ ห ล อ อ ก ม า จ า ก ยุ้ง หิ น ร้อ น แ ต่ ล ะ ยุ้ง ไ ด้อ ย่ า ง ถู ก ต้อ ง แ น่ น อ น
ประกอบดว้ ยเคร่ืองปอ้ นหิน (feeder) อยภู่ ายใตย้ งุ้ หินรอ้ น สาหรบั การปอ้ นวสั ดผุ สมแทรกจะตอ้ ง
มีอปุ กรณค์ วบคมุ ปริมาณตา่ งหาก ติดตงั้ ในตาแหน่งท่ีทาใหค้ วบคมุ การปอ้ นวสั ดผุ สมแทรกลงใน
หอ้ งผสมเพ่ือผสมกบั มวลรวมในจงั หวะของการผสมแหง้ (dry mixing) ก่อนท่ีจะไปผสมกบั โพ
ลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ ท่ีจ่ายเข้ามาภายหลังในจังหวะของการผสมเปียก (wet
mixing)
(2) จงั หวะสมั พนั ธข์ องการควบคมุ การปอ้ นมวลรวม และโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์
(synchronization of aggregate and polymer modified asphalt feed) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ ง
มีอปุ กรณค์ วบคมุ การปอ้ นมวลรวมแตล่ ะขนาด และโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตเ์ ขา้ สู่
หอ้ งผสมเป็นแบบขบั เคล่ือนท่ีสมั พนั ธก์ นั เพ่ือใหไ้ ดอ้ ตั ราสว่ นผสมท่ีคงท่ีตลอดเวลา
(3) ชดุ หอ้ งผสม (pugmill mixer unit) หอ้ งผสมของโรงงานผสมแบบตอ่ เน่ืองนีต้ อ้ งเป็นแบบ
ทางานตอ่ เน่ือง (continuous mixer) เป็นชนิดมีเพลาผสมคู่ มีอปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นหอ้ งผสม และ
สามารถผลิตโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไดส้ ่วนผสมท่ีสม่าเสมอ ใบพายจะตอ้ งเป็น
ชนิดปรบั มุมใหไ้ ปในทางเดียวกนั เพ่ือใหส้ ่วนผสมเคล่ือนตวั ไดเ้ ร็ว หรือใหก้ ลบั ทางกัน เพ่ือถ่วง
เวลาใหส้ ว่ นผสมเคล่ือนตวั ชา้ ลงได้ และหอ้ งผสมจะตอ้ งมีอปุ กรณค์ วบคมุ ระดบั ของส่วนผสมดว้ ย
ระยะหา่ งระหว่างปลายใบพายและผนงั หอ้ งผสมจะตอ้ งนอ้ ยกวา่ คร่งึ หน่งึ ของขนาดมวลรวมกอ้ น
โตสุด ท่ีหอ้ งผสมจะตอ้ งมีแผ่นแสดงปริมาตรของหอ้ งผสม เม่ือมีส่วนผสมบรรจุในหอ้ งผสมท่ี
ความสงู ตา่ งๆ ติดตงั้ ไวอ้ ย่างถาวร นอกจากนนั้ จะตอ้ งมีตารางแสดงอตั ราการป้อนวสั ดมุ วล
รวมตอ่ นาที เม่ือโรงงานผสมทางานในอตั ราเรว็ ปกติ

การคานวณเวลาในการผสม ใหก้ าหนดโดยใชน้ า้ หนกั ตามสตู รดงั นี้ คือ
เวลาในการผสม (วนิ าที) = A/B

เม่ือ A =ปรมิ าณของสว่ นผสมทงั้ หมดในหอ้ งผสม (pugmill dead capacity) มีหน่วยเป็น กิโลกรมั
B = สว่ นผสมท่ีออกจากหอ้ งผสม (pugmill output) มีหนว่ ยเป็นกิโลกรมั ตอ่ นาที

(4) ยงุ้ พกั สว่ นผสม (discharge hopper) โรงงานผสมแบบนีต้ อ้ งประกอบดว้ ยยงุ้ สาหรบั พกั
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีออกมาจากหอ้ งผสม ยงุ้ พกั ส่วนผสมนีม้ ีประตู
เปิดท่ีดา้ นลา่ งของยงุ้ และจะปลอ่ ยสว่ นผสมไดเ้ ม่ือสว่ นผสมเตม็ ยงุ้ แลว้

(5) สญั ญาณแจง้ ปรมิ าณมวลรวมในยงุ้ หินรอ้ นโรงงานผสม ตอ้ งมีสญั ญาณซ่งึ จะแจง้ ใหท้ ราบ
ทราบว่าปรมิ าณมวลรวมในยงุ้ หินรอ้ น ยงั มีปรมิ าณเพียงพอท่ีจะดาเนนิ การตอ่ ไปไดห้ รอื ไม่ ถา้

151

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ปริมาณมวลรวมยงุ้ ใดขาดหรือนอ้ ยไป สญั ญาณดังกล่าวจะทาใหผ้ คู้ วบคมุ งานทราบทนั ที ผรู้ บั
จา้ งตอ้ งหยดุ การดาเนินการและทาการแกไ้ ข จนกวา่ ผคู้ วบคมุ งานจะเหน็ สมควร จงึ จะอนญุ าตให้
ดาเนินการตอ่ ไปได้
4.2 รถบรรทกุ (haul truck)
รถบรรทกุ ท่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมีจานวนพอเพียงกบั กาลงั ผลิตของโรงงานผสม และความสามารถใน
การปขู องเคร่ืองปู ทงั้ นีเ้ พ่ือใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดอ้ ย่าง
ตอ่ เน่ืองมากท่ีสดุ ในแตล่ ะวนั ท่ีปฏิบตั งิ าน จานวนรถบรรทกุ ท่ีใชใ้ หค้ านวณใหเ้ หมาะสมกบั กาลงั ผลิตของ
โรงงานผสม ความจุของรถบรรทกุ เวลาในการบรรจุส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตลง
รถบรรทกุ ระยะทางและระยะเวลาในการขนส่ง เวลาในการรอและการเทสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตลงในเคร่อื งปู ความสามารถในการปขู องเคร่อื งปู และอ่ืนๆ
กระบะรถบรรทกุ จะตอ้ งไมร่ ่วั พืน้ กระบะจะตอ้ งเป็นแผน่ โลหะเรยี บ ภายในกระบะจะตอ้ งสะอาด
ปราศจากวสั ดทุ ่ีไมพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนๆ ตกคา้ งอยกู่ อ่ นใชข้ นสง่ ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
จะตอ้ งพน่ หรอื เคลือบภายในกระบะดว้ ยนา้ สบู่ นา้ ปนู ขาว หรอื สารเคมีเคลือบชนิดใดๆ ท่ีมีนา้ หนกั ผสมไม่
เกินรอ้ ยละ 5 โดยไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน หา้ มใชน้ า้ มนั เบนซิน นา้ มนั ก๊าด นา้ มนั ดเี ซล หรอื
นา้ มันประเภทเดียวกัน การพ่นหรือเคลือบภายในกระบะให้ทาเพียงบางๆ เท่านั้น และก่อนบรรจุ
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตลงกระบะ ใหย้ กกระบะเทวสั ดหุ รือสารเคลือบท่ีอาจมีมาก
เกินความจาเป็นออกใหห้ มด ในการขนส่งจะตอ้ งมีผา้ ใบหรือแผ่นวสั ดอุ ่ืนใดท่ีใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมคลุม
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือรกั ษาอณุ หภูมิและปอ้ งกนั นา้ ฝนหรือส่ิงสกปรกอ่ืนๆ
ดว้ ย
4.3 เคร่อื งปู (paver or finisher)
เคร่อื งปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตจะตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง โดย
จะเป็นชนิดลอ้ เหล็กตีนตะขาบหรอื ชนิดลอ้ ยางท่ีมีคณุ ภาพเทียบเท่า มีกาลงั มากพอและสามารถควบคมุ
ความเรว็ ในการเคล่ือนท่ีไดอ้ ย่างสม่าเสมอ ทงั้ ในขณะท่ีเคล่ือนไปพรอ้ มกบั รถบรรทกุ ส่วนผสมโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตและในขณะเคล่ือนตวั ไปตามลาพงั เคร่ืองปจู ะตอ้ งสามารถปรบั ความเร็วการ
ปไู ดห้ ลายอตั รา และปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ไดค้ วามลาด
4.3.1 สว่ นขบั เคล่ือน (tractor unit) ประกอบดว้ ยเคร่ืองยนตต์ น้ กาลงั มีอปุ กรณค์ วบคมุ ความเรว็
รอบเคร่ืองยนต์ (governor) ใหค้ งท่ีระหว่างทางาน กระบะบรรจุส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต (hopper) จะตอ้ งเป็นแบบขา้ งกระบะหบุ ได้ สายพานปอ้ นสว่ นผสมแอสฟัลต์
คอนกรีต (slat conveyor) เกลียวเกล่ียจ่ายส่วนผสมโพลีเมอร์โมดิฟายด์แอสฟั ลต์
คอนกรีต (auger หรือ screw conveyor) แยกเป็น 2 ขา้ ง ซา้ ยและขวาซ่งึ สามารถแยกทางาน

152

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เป็นอิสระแก่กันได้ ประตคู วบคมุ การไหล(flow gate) ของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรตี สามารถปรบั ระดบั ความสงู ของชอ่ งประตไู ด้
4.3.2 สว่ นเตารดี (screed unit) ประกอบดว้ ยอปุ กรณค์ วบคมุ ความหนา (thickness control)
อปุ กรณค์ วบคมุ ความลาดเอียงท่ีผิว (crown control) อปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ นแผน่ เตารีด (screed
header) แผ่นเตารีด (screed plate)และอุปกรณป์ ระกอบอ่ืนๆ ท่ีจาเป็น ระบบการควบคมุ ความ
ลาดชนั (grade control) และระดบั โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตควรเป็นแบบอตั โนมัติ
โดยอาจเป็นแบบ (1) erected grade line (2) mobile string line (3) ski (4) floating beam หรอื
(5) joint-matching shoe สาหรบั แบบท่ี (2) แบบท่ี (3) และแบบท่ี (4) ตอ้ งมีความยาวไม่นอ้ ยกวา่
9 เมตร แผน่ เตารดี จะตอ้ งตรงแนวและไดร้ ะดบั ไมบ่ ดิ งอหรอื สกึ หรอมากเกินสมควร ไมส่ กึ เป็นหลมุ
มีระบบการอัดโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตชัน้ ต้นเป็นแบบส่ันสะเทือน (vibratory
screed) หรือแบบคานกระแทก (tamper bar) หรือเป็นทงั้ 2 แบบประกอบกนั ซ่งึ สามารถปรบั
ความถ่ีของการส่นั สะเทือนหรือการกระแทกไดต้ ามตอ้ งการ สาหรบั แบบคานกระแทกจะต้องมี
ระยะหา่ งระหวา่ งแผน่ เตารีดกบั คานกระแทก 0.25-0.50 มลิ ลเิ มตร ผิวของคานกระแทกดา้ นล่างท่ี
ใชอ้ ดั โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตอ้ งอยู่
ในสภาพดี และไมส่ กึ หรอมากกวา่ ครง่ึ หน่งึ ของขนาดความหนาของใหม่
4.4 รถเกล่ียปรบั ระดบั (motor grader)
รถเกล่ียปรบั ระดบั นีถ้ า้ จาเป็นตอ้ งนามาใชง้ าน จะตอ้ งเป็นชนดิ ขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง มีลอ้ ยางผวิ
เรยี บ มีใบมีดยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 3.6 เมตร และมีความยาวของชว่ งเพลา (wheel base) ไมน่ อ้ ยกวา่ 4.8
เมตร การใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน
4.5 เคร่ืองจกั รบดทบั
เคร่อื งจกั รบดทบั ทกุ ชนิดจะตอ้ งเป็นแบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง ตอ้ งมีนา้ หนกั และคณุ สมบตั อิ ่ืนๆ
ถกู ตอ้ งตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นรายละเอียดท่ีกาหนดสาหรบั เคร่ืองจกั รบดทบั แตล่ ะชนิด นา้ หนกั ในการบดทบั
ของเคร่ืองจกั รบดทบั แตล่ ะชนิดจะตอ้ งเหมาะสมกบั ชนิดและลกั ษณะของสว่ นผสมความหนาของชนั้ ท่ีปู
ขนั้ ตอนการบดทบั และอ่ืนๆ เคร่อื งจกั รบดทบั ตอ้ งมีจานวนเพียงพอท่ีจะอานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดโ้ ดยปกตไิ มต่ ิดขดั หรือหยดุ ชะงกั เพ่ือใหไ้ ดช้ นั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความแน่น ความเรียบ และคณุ สมบัติอ่ืนๆ ตามกาหนด การกาหนด
นา้ หนกั เคร่อื งจกั รบดทบั นา้ หนกั ในการบดทบั ของเคร่อื งจกั รแตล่ ะคนั ตลอดจนการเพ่ิมจานวนเคร่ืองจกั ร
บดทับจากจานวนชั้นต่าท่ีกาหนดไว้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ควบคุมงาน เคร่ืองจักรบดทับจะต้อง
ประกอบดว้ ยเคร่ืองจกั รชนิดต่างๆ ซ่ึงตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบและอนุมตั ิใหใ้ ชไ้ ดจ้ ากผคู้ วบคมุ งานก่อน
โดยมีจานวนอยา่ งนอ้ ยดงั ตอ่ ไปนี้

153

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ก. รถบดลอ้ เหลก็ ชนดิ 2 ลอ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 คนั และรถบดส่นั สะเทือน 1 คนั หรือรถบดลอ้ เหล็กชนดิ
2 ลอ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คนั ในกรณีท่ีไมม่ ีรถบดส่นั สะเทือน

ข. รถบดลอ้ ยาง ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 คนั
รายละเอียดของเคร่ืองจกั รชนดิ ตา่ ง ๆ เป็นดงั นี้

4.5.1 รถบดล้อเหล็ก 2 ล้อ (steel-tired tandem roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนักไม่นอ้ ยกว่า 8 ตนั และ
สามารถเพ่มิ นา้ หนกั ไดจ้ นมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ตนั จะตอ้ งมีนา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของลอ้ รถบด
ไม่นอ้ ยกว่า 37.9 กิโลกรมั ต่อเชนติเมตร รถบดจะตอ้ งอย่ใู นสภาพดี สามารถขบั เคล่ือนเดินหนา้
และถอยหลงั ได้ การขบั เคล่ือนไปขา้ งหนา้ การหยุด และการถอยหลงั จะตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ลอ้
เหล็กทงั้ 2 ลอ้ จะตอ้ งตรงตามแนว ท่ีผิวลอ้ เหล็กจะตอ้ งเรียบไม่เป็นร่อง (groove) ลึกเป็นหลมุ
หรือเป็นรอยบมุ๋ (pit) สลกั ยึดลอ้ (king pin) และลกู ปืนลอ้ (wheel bearing) ตอ้ งไม่สกึ หรอมาก
เกินไปจนทาใหล้ อ้ หลวม ตอ้ งมีถังนา้ มีระบบฉีดนา้ (sprinkler system) มีอปุ กรณค์ ราดผิวลอ้
เหล็ก (scraper) และแผน่ วสั ดสุ าหรบั ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ สาหรบั เลีย้ งลอ้ รถบดท่ีใชก้ าร
ไดด้ ี และถกู ตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหส้ ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีติด
ลอ้ ขณะบดทบั

4.5.2 รถบดลอ้ ยาง (pneumatic-tired roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไม่นอ้ ยกว่า 10 ตนั และสามารถเพ่ิม
นา้ หนกั ได้ มีลอ้ ยางไมน่ อ้ ยกวา่ 9 ลอ้ ลอ้ รถบดตอ้ งเป็นชนดิ ผิวหนา้ เรียบ มีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ของล้อ (rim diameter) ไม่น้อยกว่า 500 มิลลิเมตร มีผิวหน้าล้อยางกว้างไม่น้อยกว่า 225
มลิ ลิเมตร มีขนาดและจานวนชนั้ ผา้ ใบเทา่ กนั ทกุ ลอ้ สว่ นลอ้ และเพลาเคล่ือนตวั ขนึ้ ลงไดอ้ ิสระอย่าง
นอ้ ย 1 แถว มีแรงอดั ท่ีผิวหนา้ สมั ผสั ของลอ้ รถบดขณะบดอดั ไม่มากกว่า 620 กิโลปาสกาล (90
ปอนดต์ อ่ ตารางนวิ้ ) และตอ้ งมีถงั นา้ มีระบบฉีดนา้ มีอปุ กรณค์ ราดผวิ ลอ้ ยาง และแผน่ วสั ดสุ าหรบั
ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ สาหรบั เลีย้ งลอ้ รถบดท่ีใชไ้ ดด้ ีและถกู ตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ เพ่ือปอ้ งกนั
ไม่ใหส้ ่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตติดลอ้ ขณะบดทบั รถบดลอ้ ยางขณะใชง้ าน
จะตอ้ งมีความดนั ลมยางเท่ากนั ทกุ ลอ้ โดยอนญุ าตใหม้ ีความดนั ลมยางแตล่ ะลอ้ แตกตา่ งกนั ไดไ้ ม่
เกิน 35 กิโลปาสกาล (5 ปอนดต์ อ่ ตารางนวิ้ )

4.5.3 รถบดส่นั สะเทือน (vibratory roller) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 4 ตนั สาหรบั ชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนาไมเ่ กิน 35 มลิ ลิเมตร และตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกว่า
6 ตนั สาหรบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนาตงั้ แต่ 40 มิลลเิ มตรขนึ้ ไป
โดยอาจเป็นแบบส่นั สะเทือนลอ้ เดียวหรือสองลอ้ ก็ได้ ตอ้ งมีความถ่ีการส่นั สะเทือน (frequency) ไม่
นอ้ ยกวา่ 33 เฮริ ตซ์ (2000 รอบตอ่ นาที) และมีระยะเตน้ (amplitude) ระหวา่ ง 0.20-0.80 มิลลเิ มตร
มีนา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของรถบดไมน่ อ้ ยกวา่ 22 กิโลกรมั ตอ่ เซนตเิ มตร รถบดจะตอ้ งอยใู่ นสภาพดี

154

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

สามารถบดทบั โดยการเดินหนา้ และถอยหลงั ได้ การขบั เคล่ือนไปขา้ งหนา้ การหยดุ และการถอย
หลงั จะตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ลอ้ ทงั้ 2 ลอ้ จะตอ้ งตรงแนว ท่ีผิวลอ้ เหล็กจะตอ้ งเรียบ ไม่สกึ เป็นหลมุ
หรือเป็นรอยบมุ๋ สลกั ลอ้ และลกู ปืนลอ้ ตอ้ งไมส่ ึกหรอมากเกินไป จนทาใหล้ อ้ หลวม ตอ้ งมีถงั นา้ มี
ระบบฉีดนา้ มีอปุ กรณค์ ราดผิวลอ้ และแผ่นวสั ดสุ าหรบั ซึมซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ เลีย้ งลอ้ รถ
บด เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหส้ ่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตติดลอ้ ขณะบดทบั มีระบบการ
ส่นั สะเทือนท่ีอยใู่ นสภาพดี
4.6 เคร่ืองพน่ แอสฟัลต์ (asphalt distributor)
ตอ้ งเป็นชนดิ ขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองมีถงั บรรจแุ อสฟัลตต์ ิดตงั้ บนรถบรรทกุ หรือรถพว่ งและประกอบ
ดว้ ยอปุ กรณท์ ่ีจาเป็นในการใชง้ าน ดงั นี้
4.6.1 ไมว้ ดั (dipstick) หรือเคร่อื งวดั ปรมิ าณแอสฟัลตใ์ นถงั
4.6.2 หวั เผาใหค้ วามรอ้ นแอสฟัลต์ (burner)
4.6.3 เทอรโ์ มมเิ ตอรว์ ดั อณุ หภมู ิแอสฟัลต์ (thermometer)
4.6.4 ป๊ัมแอสฟัลต์ (asphalt pump)
4.6.5 เคร่ืองตน้ กาลงั หรือเคร่ืองทา้ ย (power unit)
4.6.6 ทอ่ พน่ แอสฟัลต์ (spray bar) พรอ้ มหวั ฉีด (nozzle)
4.6.7 ทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือ (hand spray)
4.6.8 อปุ กรณว์ ดั ปรมิ าณการพน่ แอสฟัลต์ (bitumeter)
4.6.9 ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ (asphalt tank)
เคร่อื งพน่ แอสฟัลตต์ อ้ งมีระบบหมนุ เวียน (circulating system) มีป๊ัมแอสฟัลตท์ ่ีสามารถใชไ้ ดด้ ี
ตงั้ แตก่ บั แอสฟัลตเ์ หลวจนถึงแอสฟัลตซ์ ีเมนต์ และตอ้ งทางานไดด้ งั นี้
- ดดู แอสฟัลตเ์ ขา้ ถงั ได้
- หมนุ เวียนแอสฟัลตใ์ นทอ่ พน่ แอสฟัลต์ และในถงั บรรจแุ อสฟัลตไ์ ด้
- พน่ แอสฟัลตผ์ า่ นทางท่อพน่ แอสฟัลต์ หรือผ่านทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือได้
- ดดู แอสฟัลตจ์ ากถงั บรรจหุ รือทอ่ พน่ แอสฟัลตแ์ บบมือถือเขา้ สถู่ งั ได้
- ป๊ัมแอสฟัลตจ์ ากถงั บรรจปุ ระจารถพน่ แอสฟัลตไ์ ปยงั ถงั เก็บแอสฟัลตภ์ ายนอกได้
- เคร่ืองตน้ กาลงั หรอื เคร่ืองทา้ ย ตอ้ งมีมาตรบอกความดนั หรอื อ่ืน ๆ
เคร่ืองป๊ัมแอสฟัลตต์ อ้ งติดเคร่ืองวดั ปริมาณแอสฟัลตท์ ่ีผา่ นป๊ัม โดยวดั เป็นรอบหรือวดั เป็นความดนั หรือ
อ่ืนๆ ทอ่ พน่ แอสฟัลต์ อาจประกอบดว้ ยทอ่ หลายทอ่ นตอ่ กนั มีหวั ฉีดตดิ ตงั้ โดยมีระยะห่างระหว่างหวั ฉีดเทา่ ๆ กนั
หัวฉีดปรบั ทามุมกับท่อพ่นแอสฟัลตไ์ ด้ และตอ้ งมีอุปกรณป์ ิดเปิดได้ ท่อพ่นแอสฟัลตต์ อ้ งเป็นแบบท่ีแอสฟัลต์
หมนุ เวียนผา่ นได้ เม่ือใชง้ านตอ้ งมีความดนั สม่าเสมอตลอดความยาวของท่อและสามารถปรบั ความสงู และความ

155

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กวา้ งในการพ่นแอสฟัลตไ์ ดท้ อ่ พ่นแอสฟัลตแ์ บบมือถือท่ีเคล่ือนท่ีไดอ้ ิสระตอ้ งเป็นแบบใชห้ วั ฉีด ใชพ้ น่ แอสฟัลตบ์ น
พืน้ ท่ีท่ีรถพ่นแอสฟัลตเ์ ขา้ ไปไมไ่ ดอ้ ปุ กรณว์ ดั ปริมาณการพ่นแอสฟัลต์ ประกอบดว้ ยลอ้ วดั ความเรว็ (ลอ้ ท่ีหา้ )
ตอ่ สายเช่ือมไปยงั มาตรวดั ความเร็วในเก๋งรถ มาตรวดั ความเร็วนีต้ อ้ งวดั ความเร็วเป็นเมตรตอ่ นาที หรือฟุตต่อ
นาที พรอ้ มทงั้ นีม้ ีตวั เลขบอกระยะทางรวมท่ีรถว่ิง ถงั บรรจแุ อสฟัลตบ์ นรถ เป็นชนิดมีฉนวนหมุ้ ปอ้ งกนั ความรอ้ น
ภายในถงั ประกอบดว้ ยท่อนาความรอ้ นจากหวั เผา (หน่งึ หวั เผาหรือมากกว่า) มีแผน่ โลหะชว่ ยกระจายความรอ้ น มี
ท่อระบายแอสฟัลต์ ท่ีถงั ตอ้ งมีเคร่ืองวัดปริมาณแอสฟัลตเ์ ป็นแบบไมว้ ัด หรือเข็มวดั บอกปริมาณหรือทงั้ สอง
ชนิด มีเทอรโ์ มมิเตอรว์ ดั อณุ หภูมิเป็นแบบหนา้ ปัทม์ (dial) หรือแบบแท่งแกว้ หมุ้ ดว้ ยปลอกโลหะ (armoured
thermometer) หรอื ทงั้ สองชนิด ท่ีอา่ นไดล้ ะเอียดถงึ 1 องศาเซลเซียส
อปุ กรณส์ าหรบั เคร่ืองพ่นแอสฟัลตต์ ่างๆ เหลา่ นี้ ก่อนนาไปใชง้ านตอ้ งตรวจสอบใหอ้ ย่ใู นสภาพใชง้ านไดด้ ี การ
ตรวจสอบและตรวจปรับอุปกรณต์ อ้ งดาเนินการตามวิธีท่ีกาหนด ซ่ึงแอสฟัลตท์ ่ีพ่นออกมาจะตอ้ งมีปริมาณ
สม่าเสมอตลอดความกวา้ งและความยาวและเม่ือตรวจสอบโดยวิธีทดลองหาปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนตท์ ่ีลาดตามขวางและตามยาว จะตอ้ งถกู ตอ้ งตามขอ้ กาหนดกลา่ วคือปรมิ าณ โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนต์ ท่ีลาดตามขวางคลาดเคล่ือนไดไ้ ม่เกินรอ้ ยละ 17 และปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีลาด
ตามยาวคลาดเคล่ือนไดไ้ มเ่ กินรอ้ ยละ15 ตามลาดบั

4.7 เคร่ืองจกั รและเคร่อื งมือทาความสะอาดพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ ง
4.7.1 รถบรรทกุ นา้ (water truck) ตอ้ งอยใู่ นสภาพดี ทีทอ่ พน่ นา้ และอปุ กรณฉ์ ีดนา้ ท่ีใชก้ ารไดด้ ี
4.7.2 เคร่ืองกวาดฝ่นุ (rotary broom) อาจเป็นแบบลาก แบบขบั เคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เองหรือแบบตดิ
ตงั้ ท่ีรถไถนา (farm tractor) หรือรถอ่ืนใด แตต่ อ้ งเป็นแบบไมก้ วาดหมนุ โดยเคร่ืองกล ขนไมก้ วาด
อาจทาดว้ ยไฟเบอร์ ลวดเหล็ก ไนล่อน หวาย หรือวสั ดอุ ่ืนๆ ท่ีเหมาะสมโดยความเห็นชอบของผู้
ควบคมุ งาน ทงั้ นีต้ อ้ งมีประสิทธิภาพพอท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะกอ่ สรา้ งสะอาด
4.7.3 เคร่อื งเป่าลม (blower) เป็นแบบตดิ ตงั้ ท่ีรถไถนาหรอื รถอ่ืนใด มีใบพดั ขนาดใหญ่ ใหก้ าลงั ลมแรง
และมีประสทิ ธิภาพเพียงพอท่ีจะทาใหพ้ ืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ งสะอาด

4.8 เคร่ืองมือประกอบ
4.8.1 เคร่อื งมือบดทบั แบบส่นั สะเทือนขนาดเล็ก (small vibratory compactor) ตอ้ งมีขนาดนา้ หนกั
เหมาะสมท่ีจะใชบ้ ดทบั แอสฟัลตค์ อนกรีตบรเิ วณท่ีรถบดไมส่ ามารถเขา้ ไปดาเนนิ การได้ หรือใชใ้ น
งานซอ่ มขนาดเลก็ การใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผคู้ วบคมุ งาน
4.8.2 เคร่ืองมือกระทงุ้ แอสฟัลตค์ อนกรีต (hand tamper) ตอ้ งเป็นแบบและมีขนาดนา้ หนกั เหมาะสมท่ี
จะใชก้ ระทงุ้ อดั แอสฟัลตค์ อนกรตี บรเิ วณท่ีเคร่ืองบดทบั ขนาดเล็กเขา้ ไปบดทบั ไมไ่ ดห้ รือใชง้ าน
ซอ่ มขนาดยอ่ ย การใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน

156

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

4.8.3 เคร่ืองมือตดั รอยตอ่ อาจเป็นแบบติดกบั รถบดลอ้ เหล็กหรือเป็นแบบรถเขน็ ขนาดเล็ก หรอื จะมีทงั้ 2
แบบก็ได้ หรือมีแบบอ่ืนๆ ซง่ึ สามารถตดั แนวรอยตอ่ ไดเ้ รียบรอ้ ย ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผู้
ควบคมุ งาน

4.8.4เคร่ืองมือเจาะตวั อย่าง อาจเป็นชนิดใชเ้ คร่ืองยนตห์ รือใชไ้ ฟฟ้าท่ีสามารถใชเ้ จาะตวั อยา่ งท่ีมีขนาด
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 100 มิลลิเมตร ไดอ้ ยา่ งเรยี บรอ้ ย

4.8.5 ไมบ้ รรทดั วดั ความเรยี บ (straightedge) ตอ้ งเป็นไมบ้ รรทดั วดั ความเรียบท่ีมีขนาดเหมาะสม มี
ความยาว 3.00 เมตรเครอ่ื งจกั ร เครอื่ งมอื หรอื อปุ กรณอ์ ืน่ ใด นอกเหนือจากท่กี าหนดไวแ้ ลว้ ขา้ งตน้ การ

นามาใชง้ านและการใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ พินิจของผคู้ วบคมุ งาน

4.9 เคร่ืองมือทดลองและหอ้ งปฏิบตั กิ ารทดลอง
4.9.1 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั หาเคร่ืองมือทดลองท่ีไดม้ าตรฐานและมีสภาพดี เพ่ือใหผ้ คู้ วบคมุ งานใชเ้ ป็น
เคร่อื งมือตรวจสอบคณุ ภาพแอสฟัลตค์ อนกรตี ระหวา่ งการกอ่ สรา้ ง
4.9.2 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั สรา้ งหอ้ งปฏิบตั กิ ารทดสอบ ใหอ้ ยใู่ นบรเิ วณท่ีสามารถมองเห็นการทางานของ
โรงงานผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี จากหอ้ งนนั้ ได้ หอ้ งปฏิบตั ิการทดสอบตอ้ งมี
ขนาดพืน้ ท่ีไมน่ อ้ ยกวา่ 40 ตารางเมตร หรือตามแบบท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด พรอ้ มทงั้
ตดิ ตงั้ อปุ กรณอ์ านวยความสะดวกท่ีจาเป็นตามท่ีกาหนด เพ่ือใหผ้ คู้ วบคมุ งานใชเ้ ป็นสถานท่ี
ตรวจสอบคณุ ภาพโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตระหวา่ งการก่อสรา้ ง

5. การเตรียมการก่อนการก่อสร้าง
5.1 การเตรยี มสถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวสั ดุ
สถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวสั ดจุ ะตอ้ งเหมาะสม มีบริเวณกวา้ งพอท่ีจะดาเนินการไดโ้ ดยสะดวก
นอกจากนนั้ จะตอ้ งจดั ใหม้ ีการระบายนา้ ท่ีดี อนั จะเป็นการปอ้ งกนั มใิ หม้ ีนา้ ทว่ มกองวสั ดไุ ด้ พืน้ ท่ีสาหรบั
กองวสั ดทุ ่ีนามาใชง้ านจะตอ้ งสะอาดปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงค์ เชน่ วชั พืช ส่ิงสกปรกอ่ืนๆ ควรรองพืน้
ดว้ ยวสั ดหุ ินหรือปดู ว้ ยแผ่นวสั ดทุ ่ีเหมาะสม สถานท่ีกองวสั ดจุ ะตอ้ งราบเรียบไดร้ ะดบั พอควร การกอง
วสั ดแุ ตล่ ะขนาด จะตอ้ งกองแยกไวอ้ ยา่ งชดั เจน โดยการกองแยกใหห้ ่างกันตามสมควร หรือทายงุ้ กนั้ ไว้
เพ่ือปอ้ งกนั วสั ดทุ ่ีจะใชแ้ ตล่ ะชนดิ แตล่ ะขนาด ไมใ่ หป้ ะปนกนั หรือปะปนกบั วสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนๆ การ
กองวสั ดตุ อ้ งดาเนินการใหถ้ กู ตอ้ งเพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหว้ สั ดเุ กิดการแยกตวั โดยการกองวสั ดเุ ป็นชนั้ ๆ สงู ชนั้
ละไม่เกินความสงู ของกองวสั ดกุ องเด่ียวๆ เม่ือเทจากรถบรรทุกเททา้ ยคนั หน่งึ ๆ ถา้ จะกองวสั ดชุ นั้ ตอ่ ไป
จะตอ้ งแตง่ ระดบั ยอดกองใหเ้ สมอ และไมค่ วรกองวสั ดสุ งู เป็นรูปกรวย
5.2 การเตรียมมวลรวมและวสั ดผุ สมแทรก
กองวสั ดทุ ่ีใชท้ กุ ชนิด จะตอ้ งมีมาตรการปอ้ งกนั ไมใ่ หว้ สั ดเุ ปียกนา้ ฝน โดยการกองวสั ดใุ นโรงท่ีมี

157

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หลงั คาคลมุ หรอื คลมุ ดว้ ยผา้ ใบหรือแผ่นวสั ดอุ ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม หรือโดยวิธีอ่ืนใดท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบจาก
ผคู้ วบคมุ งานวสั ดทุ ่ีใชท้ กุ ชนดิ เม่ือปอ้ นเขา้ โรงงานผสม ตอ้ งไม่มีความชืน้ เกินกาหนด ตามขอ้ แนะนาของ
บรษิ ทั ผผู้ ลติ โรงงานผสมท่ีใชง้ านนนั้ ๆ ทงั้ นีเ้ พ่ือใหโ้ รงงานผสมทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
5.3 การเตรียมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์
โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ นถงั เก็บโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตต์ อ้ งมีอณุ หภมู ิไม่
สงู กวา่ 140 องศาเซลเซียส เม่ือผสมกบั มวลรวมท่ีโรงงานผสมจะตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 170 5
องศาเซลเซียส หรอื มีอณุ หภมู ิท่ีโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ มีความหนืด 170 20
เซนตสิ โตกส์ (centistokes) หรอื มีอณุ หภมู ติ รงตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน
การจ่ายโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ ปยงั หอ้ งผสม จะตอ้ งเป็นไปโดยตอ่ เน่ืองและมีอุณหภมู ิท่ี
กาหนดสม่าเสมอตลอดเวลา
5.4 การเตรยี มเคร่ืองจกั ร เคร่อื งมือ และอปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง
เคร่อื งจกั ร เคร่อื งมือ และอปุ กรณท์ กุ ชนิดตามท่ีระบไุ วใ้ นขอ้ 4 ท่ีนามาใชง้ านตอ้ งมีสภาพใชง้ าน
ไดด้ ี โดยจะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบและหรอื ตรวจปรบั ตามรายการและวธิ ีการท่ีกรมทางหลวงชนบท
กาหนดและผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดก้ ่อน เคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ และอุปกรณท์ ุกชนิดตอ้ งมีจานวน
พอเพียงท่ีจะอานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ดาเนินไปโดยต่อเน่ือง
ไม่ติดขดั หรือหยุดชะงัก และในระหว่างการก่อสรา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษาใหอ้ ยู่ในสภาพดีอยู่เสมอตลอด
ระยะเวลาทางาน
5.5 การเตรยี มพืน้ ท่ีก่อสรา้ ง
5.5.1 รองพืน้ ทาง พืน้ ทาง หรอื ไหลท่ าง จะตอ้ งเรยี บสม่าเสมอ ไดร้ ะดบั และความลาดตามรูปแบบ

กอ่ นทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั กรณีรองพืน้ ทางหรอื พืน้ ทางหรือไหลท่ างมี
ความเสียหายเป็นคล่ืน เป็นหลมุ บอ่ มีจดุ ออ่ นตวั หรอื ไมถ่ กู ตอ้ งตามรูปแบบ ใหแ้ กไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งก่อน
โดยไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งาน
5.5.2 ผิวทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ทบั มีผวิ หนา้ ไม่
สม่าเสมอ หรือเป็นคล่ืน และไมม่ ีการทาชนั้ ปรบั ระดบั ใหป้ รบั แตง่ ใหส้ ม่าเสมอ ถา้ มีหลมุ บอ่ รอย
แตก จดุ ออ่ นตวั หรือความเสียหายของชนั้ ทางใดๆ จะตอ้ งตดั หรอื ขดุ ออก แลว้ ปะซอ่ ม หรอื ขดุ ซ่อม
แลว้ แตก่ รณี แลว้ บดทบั ใหแ้ นน่ และมีผวิ หนา้ ท่ีเรียบสม่าเสมอ โดยใหม้ ีระดบั และความลาดถกู ตอ้ ง
ตามแบบ วสั ดทุ ่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมีคณุ ภาพดี ขนาดและปรมิ าณวสั ดทุ ่ีใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ
ความเสียหายและพืน้ ท่ีท่ีจะซอ่ ม

158

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

5.5.3 พืน้ ทางหรือไหลท่ าง ท่ีมีไพรมโคท (prime coat )หลดุ หรือเสียหาย ตอ้ งแกไ้ ขใหมใ่ หเ้ รียบรอ้ ยตาม
วธิ ีการท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนด แลว้ ทงิ้ ไวจ้ นครบกาหนดเวลาบม่ ตวั ของแอสฟัลตท์ ่ีใชซ้ อ่ มกอ่ น จงึ
ทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั ได้

5.5.4 พืน้ ทางหรือไหลท่ างท่ีทา ไพรมโคท ทงิ้ ไว้ มีผิวหลดุ เสียหายเป็นพืน้ ท่ีตอ่ เน่ืองมากเกินกวา่ ท่ีจะซอ่ ม
ตามขอ้ 5.5.3 ใหไ้ ดผ้ ลดี ใหพ้ ิจารณาคราด (scarify) พืน้ ทางหรือไหลท่ างนนั้ แลว้ บดทบั ใหมใ่ หไ้ ด้
ความแน่นตามท่ีกาหนด แลว้ ทาไพรมโคทใหมท่ งิ้ ไวจ้ นครบกาหนดเวลาบม่ ตวั ของแอสฟัลตท์ ่ีใชท้ า
ไพรมโคทกอ่ น จงึ ทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ทบั ได้

5.5.5 พืน้ ทางหรือไหลท่ างท่ีทาไพรมโคททงิ้ ไวน้ านโดยไมไ่ ดท้ าชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตตามขัน้ ตอนการก่อสรา้ งปกติ แต่ไพรมโคทไม่หลุดเสียหาย ก่อนทาชั้นทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั อาจพิจารณาใหท้ าแทคโคท ( tack coat ) โดยใหด้ าเนินการตาม
มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท ( tack coat ) ทงั้ นีใ้ หอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน 5.5.6
ในงานเสรมิ ผิวทาง (overlay) ดว้ ยโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตบนผิวทางเดิม ซ่งึ เกิด
การยบุ ตวั (sag and depression) หรือเป็นแอ่งเฉพาะแห่ง แตไ่ ม่ใช่จดุ อ่อนตวั (soft spot) ให้
ดาเนนิ การดงั นี้

(1) กรณียบุ ตวั หรือเป็นแอง่ ลกึ ไมเ่ กิน 30 มิลลิเมตร อาจแยกปเู สรมิ เพ่ือปรบั ระดบั เฉพาะสว่ นท่ียบุ ตวั
หรอื เป็นแอง่ ก่อน หรือจะปรู วมไปพรอ้ มกบั การปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ก็
ได้ โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของผคู้ วบคมุ งาน แตท่ งั้ นีค้ วามหนารวมท่ีปจู ะตอ้ งไมเ่ กิน 80
มลิ ลิเมตร หากความหนารวมเกิน 80 มลิ ลเิ มตร จะตอ้ งแยกปเู สรมิ เพ่ือปรบั ระดบั เฉพาะสว่ นท่ี
ยบุ ตวั หรือเป็นแอง่ กอ่ น

(2) กรณียบุ ตวั หรือเป็นแอง่ ลกึ เกิน 50 มลิ ลิเมตร จะตอ้ งแยกปเู สรมิ ปรบั ระดบั เฉพาะส่วนท่ียบุ ตวั หรือ
เป็นแอง่ กอ่ น โดยใหป้ เู ป็นชนั้ ๆ หนาไมเ่ กินชนั้ ละ 50 มลิ ลิเมตร การแยกปเู สรมิ ปรบั ระดบั เฉพาะ
ส่วนท่ียุบตวั หรือเป็นแอ่งดว้ ยโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตนีใ้ หบ้ ดทบั ดว้ ยรถบดลอ้
ยางจนไดค้ วามแนน่ ตามท่ีกาหนด แลว้ จงึ ปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตอ่ ไป

5.5.7 รองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหลท่ าง หรือผิวทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตทบั ตอ้ งสะอาด ปราศจากฝ่นุ วสั ดสุ กปรก หรือวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคอ์ ่ืนๆ ปะปน

5.5.8 การทาความสะอาดรองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหลท่ าง หรอื ผวิ ทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ทบั โดยการกวาดฝ่นุ วสั ดหุ ลดุ หลวม ทรายท่ีสาดทบั ไพรมโคท
สาหรบั พืน้ ทางหรือไหลท่ างออกจนหมดดว้ ยเคร่ืองกวาดฝ่ นุ ตอ้ งปรบั อตั ราเร็วการหมนุ และนา้ หนกั
ท่ีกดลงบนรองพืน้ ทาง พืน้ ทาง ไหลท่ างหรือผิวทางลาดยางเดมิ ใหพ้ อดี โดยไมท่ าใหร้ องพืน้ ทาง พืน้

159

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ทาง ไหลท่ าง หรือผิวทางเดมิ เสียหาย เสรจ็ แลว้ ใหใ้ ชเ้ คร่ืองเป่าลมเป่าฝ่ นุ หรือวสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออก
จนหมด
5.5.9 กรณีท่ีมีคราบฝ่นุ หรือวสั ดจุ บั ตวั แขง็ อยทู่ ่ีพืน้ ทาง ไหลท่ าง หรือผวิ ทางลาดยางเดมิ ท่ีจะทาชนั้ ทางโพ
ลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั ใหก้ าจดั คราบแข็งดงั กลา่ วออกโดยการใชเ้ คร่ืองมือใดๆ ท่ี
เหมาะสมตามท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนดหรือเหน็ ชอบ ขดู ออก ลา้ งใหส้ ะอาด ทงิ้ ไวใ้ หแ้ หง้ ใชเ้ คร่ือง
กวาดฝ่ นุ กวาด แลว้ ใชเ้ คร่อื งเป่าลมเป่าฝ่นุ หรอื วสั ดทุ ่ีหลดุ หลวมออกใหห้ มด
5.5.10 ผิวทางลาดยางเดมิ ท่ีมีแอสฟัลตเ์ ยมิ้ ก่อนทาชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั
จะตอ้ งแกไ้ ขใหเ้ รียบรอ้ ยก่อน โดยการปาดแอสฟัลตท์ ่ีเยิม้ ออก หรือโดยวธิ ีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสมท่ี
ผคู้ วบคมุ งานกาหนดหรือเห็นชอบ
5.5.11 ผิวทางลาดยางเดิมหรือชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใดๆ ท่ีจะทาชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั จะตอ้ งทาแทคโคทก่อนโดยใหด้ าเนินการตาม มทช.227 :
มาตรฐานงานแทคโคท( tack coat )
5.5.12 โครงสรา้ งของคอนกรีตใดๆ หรอื ผวิ หนา้ ตดั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
เดมิ ท่ีตอ่ เช่ือมกบั โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีจะก่อสรา้ งใหม่ จะตอ้ งทาแทคโคทก่อน
โดยใหด้ าเนนิ การ ตามมทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท( tack coat )
5.5.13 ผิวพืน้ สะพานคอนกรีตท่ีจะตอ้ งปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งขดู วสั ดุ
ยาแนวรอยแตกและรอยตอ่ สว่ นเกินท่ีตดิ อยทู่ ่ีผิวพืน้ คอนกรีตใหห้ มด ลา้ งทาความสะอาดทงิ้ ไวใ้ ห้
แหง้ แลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่ าลมเป่ าฝ่ นุ ออกใหห้ มด แลว้ ทาแทคโคท โดยใหด้ าเนินการตาม มทช.227 :
มาตรฐานงานแทคโคท( tack coat )

6. ก่อสร้าง
6.1 การควบคมุ การผลิตสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีโรงงานผสม
การดาเนนิ การ ควบคมุ การผลิตสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ท่ีโรงงานผสม มี
รายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
6.1.1 การควบคมุ คณุ ภาพสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต มวลรวมและโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตต์ อ้ งมีคณุ สมบตั ติ ามขอ้ 1 คณุ ภาพของสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตค์ อนกรตี ตอ้ งสม่าเสมอ ตรงตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานท่ีไดก้ าหนดขนึ้ สาหรบั โพลีเมอร์
โมดฟิ ายด์ แอสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ ๆ สตู รสว่ นผสมเฉพาะงานอาจเปล่ียนแปลงไดต้ ามเหตผุ ลในขอ้
3.5 และ ขอ้ 3.6

160

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.1.2 การควบคมุ เวลาในการผสมสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต โรงงานผสมตอ้ งมี
เคร่อื งตงั้ เวลาและควบคมุ เวลาแบบอตั โนมตั ิ ท่ีสามารถตงั้ และปรบั เวลาในการผสมแหง้ และผสม
เปียกไดต้ ามตอ้ งการ สาหรบั โรงงานผสมแบบชดุ ระยะเวลาในการผสมแหง้ และผสมเปียกควรใช้
ประมาณ 15 วินาที และ 30 วินาที ตามลาดบั
สาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง ระยะเวลาในการผสมใหค้ านวณจากสตู รตามขอ้ 4.1.11 (3)
ในการผสมส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตโดยโรงงานผสมทงั้ 2 แบบ ตอ้ งได้
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีสม่าเสมอ ในกรณีท่ีผสมกนั ตามเวลาท่ีกาหนด
ไวแ้ ลว้ แตส่ ่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตยงั ผสมกนั ไดไ้ มส่ ม่าเสมอตามตอ้ งการ
ก็ใหเ้ พ่ิมเวลาในการผสมขนึ้ อีกก็ได้ แตเ่ วลาท่ีใชใ้ นการผสมทงั้ หมดตอ้ งไมเ่ กิน 60 วินาที ทงั้ นีใ้ ห้
อย่ใู นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน การกาหนดเวลาในการผสมของโรงงานผสมใดๆ ใหก้ าหนด
โดยการทดลองหาปริมาณท่ีโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม ตามวิธีการทดลอง
AASHTO T 195-67 “Determining Degree of Particle Coating of Bituminous-Aggregate
Mixtures" โดยใหถ้ ือหลกั เกณฑก์ าหนดตามตารางท่ี 5

6.1.3 การควบคมุ อณุ หภมู ิของวสั ดกุ ่อนการผสมและอณุ หภมู ิของสว่ นผสม โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต

(1) มวลรวม ก่อนการผสมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 180  10 องศาเซลเซียส และมี
ความชืน้ ไมเ่ กินรอ้ ยละ 1 และขณะผสมกบั โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ จะตอ้ งมีอณุ หภมู ิ
ตรงตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน

ตารางท่ี 5 ปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม

ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์ ปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผวิ มวลรวม
แอสฟัลตค์ อนกรีต รอ้ ยละโดยพืน้ ท่ี
พืน้ ทาง
ไมน่ อ้ ยกวา่ 90
ผวิ ทาง รองผิวทางไหลท่ าง ปรบั ระดบั ไมน่ อ้ ยกวา่ 95

161

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

(2) โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ ขณะเก็บในถงั เก็บรอใชง้ านตอ้ งมีอณุ หภมู ิไมเ่ กิน 140
องศาเซลเซียส เม่ือจะผสมกบั มวลรวมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นเพ่มิ จนไดอ้ ณุ หภมู ิ 170  5 องศา
เซลเซียส หรืออณุ หภมู ทิ ่ีโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ มีความหนืด 170  20 เซนตสิ
โตกส์ (centistokes) หรืออณุ หภมู ติ รงตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน

(3)โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีผสมเสรจ็ ก่อนออกจากหอ้ งผสมจะตอ้ งมีอณุ หภมู ริ ะหวา่ ง
170–190 องศาเซลเซียสหรือตามท่ีระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานถา้ มีอณุ หภมู แิ ตกตา่ งไปกวา่
ท่ีกาหนดนี้ หา้ มนาสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดงั กลา่ วไปใชง้ าน

(4) ตอ้ งมีการบนั ทกึ อณุ หภูมิของมวลรวมท่ีผา่ นหมอ้ เผา อณุ หภมู ขิ องโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตซ์ ีเมนตข์ ณะก่อนผสมกับมวลรวม และอุณหภูมิของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต ตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน โดยใชเ้ คร่ืองบนั ทึกอณุ หภมู ิแบบอตั โนมตั ิ พรอ้ มท่ีจะ
ใหต้ รวจสอบไดต้ ลอดเวลา และผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งสง่ บนั ทึกรายการอณุ หภมู ิดงั กลา่ วประจาวนั แกผ่ ู้
ควบคมุ งานทกุ วนั ท่ีปฏิบตั งิ าน

(5)การวัดอุณหภูมิของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีอยู่ในรถบรรทุก ตอ้ งใช้
เคร่ืองวดั อณุ หภูมิท่ีอา่ นอณุ หภมู ิไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว การวดั อณุ หภมู ิใหว้ ดั ผ่านรูท่ีเจาะไวข้ า้ งกระบะ
รถบรรทกุ ทงั้ 2 ดา้ น ท่ีประมาณก่ึงกลางความยาวของกระบะ และสงู จากพืน้ กระบะประมาณ
150 มลิ ลเิ มตร การวดั อณุ หภมู ใิ หว้ ดั จากรถบรรทกุ ทกุ คนั แลว้ จดบนั ทกึ อณุ หภมู ิไว้

6.2 การขนสง่ สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
การขนสง่ สว่ นผสม โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต จากโรงงานผสมไปยงั สถานท่ีก่อสรา้ ง
ตอ้ งใชร้ ถบรรทกุ ท่ีเตรียมไวแ้ ลว้ โดยถกู ตอ้ งตามขอ้ 4.2 ในการขนสง่ จะตอ้ งมีผา้ ใบ หรือแผ่นวสั ดอุ ่ืนใดท่ี
ใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมคลมุ ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต เพ่ือรกั ษาอณุ หภมู ิและป้องกนั
นา้ ฝนหรือส่งิ สกปรกอ่ืนๆ

6.3 การปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี
การปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี จะตอ้ งใชเ้ คร่อื งปทู ่ีถกู ตอ้ งตามท่ีกาหนดในขอ้
4.3 โดยตอ้ งผ่านการตรวจสอบ ตรวจปรบั และอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้ จากผู้ควบคมุ งาน การปสู ว่ นผสมโพ
ลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งคานวณความเร็วของเคร่ืองปใู หเ้ หมาะสมกบั กาลงั ผลิตของ
โรงงานผสมและปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งอ่ืนๆ การปจู ะตอ้ งดาเนินการไปโดยตอ่ เน่ืองมากท่ีสดุ ดว้ ยความเรว็ การปู
ท่ีสม่าเสมอ ปรมิ าณสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีออกจากเตารีดของเคร่ืองปจู ะตอ้ งมี
ปริมาณสม่าเสมอตลอดความกว้างของพืน้ ทีท่ีปู โดยขณะปูควรป้อนส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตจากกระบะบรรจผุ า่ นไปยงั เกลียวเกล่ียจา่ ยทงั้ 2 ขา้ ง จนถงึ สว่ นเตารีดโดยสม่าเสมอ มี
ระดบั สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตคงท่ี และในการปฏิบตั นิ ีใ้ หเ้ ป็นไปโดยตอ่ เน่ืองมาก

162

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ท่ีสดุ ในสว่ นของเตารีดอตั ราเร็วการกระแทกของคานกระแทก และจานวนรอบการส่นั สะเทือนของเตารีด
แบบส่นั สะเทือนตลอดจนระยะเตน้ จะตอ้ งคงท่ี และใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชนดิ ลกั ษณะของส่วนผสมโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตความหนาของชั้นทาง และอ่ืนๆ ในการปูส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต ผวิ หนา้ ของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ขณะยงั ไมไ่ ดบ้ ดทบั จะตอ้ งมี
ลกั ษณะผิวหนา้ ท่ีมีความเรียบ ความแน่น สม่าเสมอทงั้ ทางดา้ นตามขวางและตามยาว โดยไม่มีรอยฉีก
(tearing) รอยเคล่ือนตวั เป็นแอ่ง (shoving) การแยกตวั ของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตหรือลักษณะความเสียหายอ่ืนๆ ขณะปหู ากปรากฏว่ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึน้ ใหร้ ีบแก้ไข
ในทนั ที สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีลกั ษณะจบั ตวั เป็นกอ้ นแขง็ หา้ มนามาใช้
6.3.1 สภาพผวิ ชนั้ ทางกอ่ นการปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งแหง้ หา้ มปู

สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตขณะฝนตกหรอื เม่ือผิวชนั้ ทางท่ีจะปเู ปียกชืน้
6.3.2 อณุ หภมู ิของสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตขณะปู ไมค่ วรคลาดเคล่ือนไป

จากอณุ หภมู ิเม่ือออกจากโรงงานผสมท่ีกาหนดใหโ้ ดยผคู้ วบคมุ งาน เกินกว่า 15 องศาเซลเซียส
แตท่ งั้ นีจ้ ะตอ้ งไมต่ ่ากว่า 155 องศาเซลเซียส การตรวจวดั อณุ หภมู ิโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตท่ีปูแลว้ บนถนนจะตอ้ งดาเนินการเป็นระยะๆ ตลอดเวลาของการปู หากปรากฏว่า
อณุ หภมู ิของสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไมถ่ กู ตอ้ งตามท่ีกาหนด ใหต้ รวจสอบ
หาสาเหตแุ ละแกไ้ ขโดยทนั ที
6.3.3 การวางแนวก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ก่อนการก่อสรา้ งชนั้ ทาง
โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทุกชนั้ จะตอ้ งวางแนวขอบชั้นทางท่ีจะปกู ่อน โดยการใช้
เชือกขึงวางแนว และยดึ ตดิ กบั พืน้ ท่ีท่ีจะปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหแ้ นน่
หรอื วธิ ีการกาหนดแนวอ่ืนใดท่ีเหมาะสมตามท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบ โดยเฉพาะอย่างย่ิงเม่ือจะปู
ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตช่องจราจรแรกของชนั้ ทางแต่ละชนั้ ทงั้ นีเ้ พ่ือใหไ้ ด้
ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีตรงแนวเรียบรอ้ ยตามแบบ การดาเนินการนีไ้ ม่
รวมถึงการปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตติดกบั curb และ gutter หรือสว่ นของ
โครงสรา้ งใดๆ ท่ีมีแนวถกู ตอ้ งตามแบบอยแู่ ลว้
6.3.4 ลาดบั การก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต การก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ จะตอ้ งดาเนินการปชู ่องจราจรหลกั หรือทางตรงก่อน ส่วนช่อง
จราจรหรือบริเวณอ่ืนๆเช่นทางแยก ทางเช่ือม ส่วนขยายหรือบริเวณย่อยอ่ืนๆให้ดาเนินการ
ภายหลงั
6.3.5 การก่อสรา้ งรอยตอ่ ตามขวาง รอยตอ่ ตามขวาง หมายถึง แนวกอ่ สรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิ
ฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ตามขวางท่ีปลายแปลงก่อสรา้ งท่ีสนิ้ สดุ การก่อสรา้ งประจาวนั

163

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

การก่อสรา้ งรอยตอ่ ตามขวาง อาจดาเนนิ การไดห้ ลายวธิ ี คอื
(1) การใชไ้ มแ้ บบ โดยใชไ้ มแ้ บบท่ีมีความหนาเทา่ กบั ความหนาของชนั้ ทางท่ีปู วางท่ีจดุ สนิ้ สดุ ของการ

ปแู ตล่ ะแปลงใหต้ งั้ ฉากกบั แนวการปู เม่ือปโู พลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ถงึ ไมแ้ บบนีใ้ ห้
ปเู ลยไปเป็นทางลาดท่ีมีความยาวเพียงพอท่ีจะไมท่ าใหย้ วดยานสะดดุ เม่ือแลน่ ผ่านและอาจ
อนญุ าตใหใ้ ชท้ รายรองพืน้ สว่ นลาดไดเ้ พ่ือความสะดวกในการลอกโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรตี สว่ นท่ีเป็นทางลาดออก โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของผคู้ วบคมุ งาน
(2) การใช้กระดาษแข็งสาเร็จรูปหรือแผ่นวัสดุสาเร็จรูปใดๆ ท่ีใช้สาหรับทารอยต่อตามขวาง
โดยเฉพาะ ซ่ึงใชง้ านไดต้ ามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบ โดยนามาวางท่ีจุดสิน้ สดุ
ของการปแู ตล่ ะแปลงใหต้ งั้ ฉากกับแนวการปู แลว้ ปโู พลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทับ
เป็นทางลาดท่ีมีความยาวเพียงพอท่ีจะไมท่ าใหย้ วดยานสะดดุ เม่ือแลน่ ผา่ น เม่ือจะปชู นั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตอ่ จากรอยตอ่ ตามขวางนนั้ ก็ใหย้ กไมแ้ บบแผ่นกระดาษแข็ง
หรือแผ่นวสั ดสุ าเร็จรูปนนั้ รวมทงั้ ชนั้ ทางส่วนท่ีปเู ป็นทางลาดออกไป ตรวจสอบระดบั ดว้ ยไม้
บรรทดั วดั ความเรียบ หากระดบั หรือความหนาของชนั้ ทางสว่ นใดไม่ถกู ตอ้ งตามแบบ ใหต้ ดั ชนั้
ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตส่วนนนั้ ออกไปจนถึงชนั้ ทางสว่ นท่ีมีระดับและความ
หนาถูกตอ้ งตามแบบดว้ ยเคร่ืองตัดรอยต่อแอสฟัลตค์ อนกรีตให้ไดแ้ นวตรงและตงั้ ฉากโดย
เรียบรอ้ ย ก่อนท่ีจะปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตอ่ ไป ใหท้ ารอยตอ่ ตามขวาง
นั้นด้วยแอสฟัลตบ์ างๆเพ่ือให้รอยต่อต่อเช่ือมกับชั้นทางท่ีจะปูใหม่ได้ดีการทรอยต่อด้วย
แอสฟัลตน์ ีใ้ หด้ าเนินการตาม มทช.227: มาตรฐานงานแทคโคท (tack coat )
ในกรณีท่ีการปสู ว่ นผสม โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต หยดุ ชะงกั ดว้ ยเหตใุ ดก็ตาม
ในระหว่างการก่อสรา้ งประจาวนั จนทาใหอ้ ณุ หภูมิของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตบริเวณหนา้ เตารีดลดลงต่ากว่าท่ีกาหนด ก็ใหท้ ารอยต่อตามขวางท่ีบริเวณนนั้ ดว้ ย
โดยใหต้ ดั รอยตอ่ ถึงบรเิ วณท่ีมีความหนาตามแบบและไดบ้ ดทบั เรียบรอ้ ยแลว้ โดยตดั ใหต้ งั้ ฉาก
พรอ้ มกับตกั ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตส่วนท่ีตดั ออกทิง้ ไป ใหท้ ารอยต่อ
ตามขวางนั้นดว้ ยแอสฟัลต์บางๆ เพ่ือใหร้ อยต่อ ต่อเช่ือมกับชัน้ ทางท่ีจะปูใหม่ไดด้ ี การทา
รอยตอ่ ดว้ ยแอสฟัลตใ์ หด้ าเนินการตาม มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท ( tack coat )การปู
ชนั้ ทาง โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตอ่ เช่ือมกบั รอยตอ่ ตามขวางในครงั้ ใดๆ เม่ือเร่มิ ปู
สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไปใหไ้ ดก้ ระบะแรก ใหใ้ ชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบ
ตรวจสอบระดับท่ีรอยต่อ หากไม่ไดร้ ะดบั ตามท่ีกาหนด ใหด้ าเนินการแก้ไขโดยด่วนขณะท่ี
สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปใู หม่นนั้ ยงั รอ้ นอยใู่ นการปชู นั้ ทาง โพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี แตล่ ะช่องจราจร รอยตอ่ ตามขวาง

164

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ของการก่อสรา้ งชนั้ ทางท่ีช่องจราจรขา้ งเคียงตอ้ งไม่อย่ใู นแนวเดียวกัน โดยตอ้ งก่อสรา้ งใหม้ ี
ระยะห่างกันไม่นอ้ ยกว่า 5 เมตร ทัง้ นีเ้ พ่ือไม่ให้เกิดเป็นจุดอ่อน ทาให้เกิดความเสียหาย
ภายหลงั ได้ ในกรณีท่ีปโู พลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตหลายชนั้ รอยตอ่ ตามขวางของ
แตล่ ะชนั้ จะตอ้ งหา่ งกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 เมตร และจะตอ้ งหา่ งจากรอยตอ่ ตามขวางของช่องจราจร
ขา้ งเคยี งไมน่ อ้ ยกวา่ 5 เมตร ดว้ ย
6.3.6 การก่อสรา้ งรอยต่อตามยาว ในการปชู นั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตประกบกับชนั้ ทางช่องจราจร
ขา้ งเคียงท่ีไดด้ าเนนิ การเรียบรอ้ ยแลว้ นนั้ อาจทาได้ 2 วิธี คือ
(1) การปูส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตให้เหล่ือมเข้าไปในขั้นทางช่องจราจร
ขา้ งเคียงท่ีไดด้ าเนินการเรียบรอ้ ยแลว้ 25-50 มิลลิเมตร แลว้ ดนั ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตส่วนท่ีเหล่ือมเขา้ ไปนีใ้ หช้ นแนวรอยต่อ โดยใหส้ งู กว่าระดบั ท่ีดา้ นนอกถัดไป
ใหม้ ากพอท่ีเม่ือบดทบั แลว้ รถบดจะไปอดั ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตรง
รอยตอ่ นนั้ แนน่ และเรยี บไดร้ ะดบั สม่าเสมอกบั ผิวชนั้ ทางท่ีก่อสรา้ งประกบนนั้
(2) การปูส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหเ้ หล่ือมเขา้ ไปในชั้นทางช่องจราจร
ขา้ งเคียงท่ีไดด้ าเนินการเรียบรอ้ ยแลว้ 25-50 มิลลิเมตร คดั เม็ดวสั ดกุ อ้ นโตบริเวณท่ีเหล่ือมกนั
ตรงรอยตอ่ นนั้ ออกทิง้ ไป ซ่งึ เม่ือบดทบั จะไดร้ อยตอ่ ตามยาวท่ีแนน่ ไมข่ รุขระ และเรียบไดร้ ะดบั
สม่าเสมอกับผิวทางท่ีก่อสรา้ งประกบนนั้ ก่อนจะปูชนั้ ทาง โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตใหม่ ประกบกบั ชนั้ ทางของช่องจราจรท่ีไดด้ าเนินการเรียบรอ้ ยแลว้ ใหต้ ดั แตง่ รอยต่อ
ตามยาวนนั้ ดว้ ยเคร่ืองมือตดั รอยตอ่ ตามท่ีระบไุ วใ้ นขอ้ 4.8.3 โดยตดั ใหต้ งั้ ฉากกบั ชนั้ ทางท่ีปทู บั
และรอยตอ่ นนั้ จะตอ้ งตรงแนว เรยี บรอ้ ย คม ไมฉ่ ีกขาด เสรจ็ แลว้ ใหท้ ารอยตอ่ นนั้ ดว้ ยแอสฟัลต์
บาง ๆ เพ่ือใหร้ อยต่อ ต่อเช่ือมกันไดด้ ีกับชนั้ ทางท่ีประกบ การทารอยต่อดว้ ยแอสฟัลตน์ ี้ ให้
ดาเนินการตาม มทช.227 : มาตรฐานงานแทคโคท ( tack coat )
ในการปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตหลายชนั้ แตล่ ะชนั้ ใหก้ อ่ สรา้ งใหม้ ี
รอยต่อตามยาวเหล่ือมกันไม่นอ้ ยกว่า 150 มิลลิเมตร ถ้าเป็นชัน้ ทาง 2 ช่องจราจร รอยต่อ
ตามยาวของชัน้ ทางชั้นบนสุดใหอ้ ยู่ในแนวขอบช่องจราจรตามแบบการปูชั้นทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตหลายชอ่ งจราจรพรอ้ มกนั โดยใชเ้ คร่ืองการปชู นั้ ทางโดยเคร่ืองปทู ่ี
ตามหลงั ใหป้ สู ่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตเหล่ือมเขา้ ไปในชนั้ ทางท่ีกาลงั ปู
โดยเคร่ืองปเู คร่ืองหนา้ 25-50 มิลลิเมตร ในกรณีเชน่ นีไ้ มจ่ าเป็นตอ้ งตดั รอยต่อตามยาว และ
ไมต่ อ้ งทาแทคโคท

165

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.3.7 การปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในทางโคง้ ใหป้ ชู อ่ งจราจรดา้ นโคง้ ในก่อนไป
ตามลาดบั จนถึงโคง้ นอก แต่ถ้าก่อสรา้ งในฤดูฝนจะตอ้ งดาเนินการก่อสรา้ งใหเ้ สร็จเต็มโคง้
โดยเรว็ ท่ีสดุ เพ่ือปอ้ งกนั นา้ ขงั บนชนั้ ทาง

6.3.8 การตรวจวดั ความหนาของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ใหต้ รวจวดั ความหนา
ของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปแู ลว้ แตย่ งั ไมไ่ ดบ้ ดทบั เป็นระยะๆ ชว่ งละไม่
เกิน 8 เมตร โดยใหต้ รวจวดั ความหนาตลอดความกวา้ งของชนั้ ทาง หากปรากฏว่าความหนา
ของชนั้ ทางคลาดเคล่ือนไปจากความหนาท่ีกาหนด ใหแ้ กไ้ ขโดยทนั ทีขณะท่ีส่วนผสมโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตยงั มีอณุ หภูมิตามท่ีกาหนด กรณีท่ีมีความหนานอ้ ยกว่าท่ีกาหนด
ใหค้ ราดผิวแลว้ นาสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีคณุ ภาพถกู ตอ้ งมาปเู สรมิ
เกล่ียใหไ้ ดร้ ะดบั สม่าเสมอ แลว้ ตรวจสอบระดบั ใหถ้ กู ตอ้ ง

6.3.9 การปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ดว้ ยรถเกล่ียปรบั ระดบั การปสู ว่ นผสม
โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี บรเิ วณท่ีเคร่อื งปไู มส่ ามารถเขา้ ไปดาเนินการไดห้ รือไม่
เหมาะสมท่ีจะเขา้ ไปดาเนินการ อาจพจิ ารณาใหใ้ ชร้ ถเกล่ียปรบั ระดบั ท่ีถกู ตอ้ งตามท่ีระบไุ วใ้ น
ขอ้ 4.4 ดาเนินการไดแ้ ลว้ ตรวจสอบดว้ ยไมบ้ รรทดั วดั ความเรียบใหไ้ ดร้ ะดบั ถกู ตอ้ ง ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ น
ดลุ ยพนิ จิ ของผคู้ วบคมุ งาน

6.3.10 การปดู ว้ ยแรงคน กรณีท่ีเป็นพืน้ ท่ีจากดั หรอื พืน้ ท่ีท่ีตอ้ งการปรบั ระดบั พืน้ ท่ีท่ีมีส่ิงกีดขวาง
และอ่ืนๆ ท่ีเคร่ืองปแู ละรถเกล่ียปรบั ระดบั เขา้ ไปดาเนนิ การไมไ่ ด้ ไมเ่ หมาะสมหรอื ไมส่ ะดวกท่ีจะ
เขา้ ไปดาเนินการ อาจพจิ ารณาใชค้ นปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใน
บรเิ วณดงั กลา่ วได้ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของ ผคู้ วบคมุ งาน ในการใชค้ นดาเนินการนี้ ใหใ้ ชพ้ ล่วั
ตกั สว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตไปกองเรียงกันบนพืน้ ท่ีท่ีตอ้ งการปู แตล่ ะกอง
เป็นกองเด่ยี วๆ หา้ มกองทบั กนั เป็นกองสงู เกล่ียแตง่ ใหเ้ รยี บสม่าเสมอ แลว้ ตรวจสอบดว้ ยไม้
บรรทดั วดั ความเรยี บใหไ้ ดร้ ะดบั ถกู ตอ้ ง

6.3.11 การตรวจสอบความเรยี บในการปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ใหด้ าเนนิ
การตรวจสอบภายหลงั จากการบดทบั เท่ียวแรก โดยใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบวางทาบไป
บนผิวหนา้ ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต หากตอ้ งเสริมแตง่ ปรบั ระดบั ใหม่ ให้
ดาเนนิ การขณะท่ีสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ยงั มีอณุ หภมู ติ ามท่ีกาหนด

6.4 การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี
การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ จะตอ้ งใชเ้ คร่อื งจกั รบดทบั ท่ีถกู ตอ้ ง
ตามท่ีกาหนดในข้อ 4.5 และจะต้องมีจานวนเพียงพอท่ีจะอานวยให้การก่อสร้างชั้นทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดาเนนิ ไปไดโ้ ดยปกติ ไมต่ ดิ ขดั หรือหยดุ ชะงกั เคร่อื งจกั รบดทบั ตา่ งๆ ดงั กลา่ ว

166

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ก่อนนาไปใชง้ านจะตอ้ งผ่านการตรวจสอบ ตรวจปรบั ใหเ้ หมาะสมตามรายการและวิธีการตามท่ีกรมทาง
หลวงชนบทกาหนด และอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดจ้ ากผคู้ วบคมุ งาน การบดทบั จะตอ้ งกระทาทนั ที หลงั จากการปู
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต และเร่ิมบดทับขณะท่ีส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตยงั รอ้ นอยู่ โดยมีอณุ หภมู ิระหวา่ ง 155 -190 องศาเซลเซียส เม่ือบดทบั แลว้ จะตอ้ งไดช้ นั้
ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความแนน่ ความเรียบสม่าเสมอ ไดร้ ะดบั และความลาดตาม
แบบ ไม่มีรอยแตก รอยเคล่ือนตวั เป็นแอ่ง รอยคล่ืน รอยลอ้ รถบด หรือความเสียหายของผิวชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตอ่ืนๆ
6.4.1 หลกั การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่วั ๆ ไป ในกรณีท่ีขอ้ กาหนด

ไมไ่ ดร้ ะบวุ ธิ ีการบดทบั เป็นอยา่ งอ่ืน การบดทบั ใหพ้ ิจารณาดาเนนิ การตามหลกั การบดทบั ดงั นี้
ในเบอื้ งตน้ ใหบ้ ดทบั รอยตอ่ ตา่ งๆ ก่อนโดยทนั ที ตอ่ จากนนั้ ก็ใหบ้ ดทบั ชนั้ ตน้ (initial or break
down rolling) โดยใหร้ ถบดทบั ตามหลงั เคร่ืองปใู หใ้ กลช้ ิดเคร่ืองปมู ากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะมากได้ และใน
การบดทับชั้นทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีกาลังบดทับตอ้ งไม่มีรอยแตก ไม่มี
ส่วนผสมโพลีเมอร์โมดิฟายดแ์ อสฟัลต์คอนกรีตติดล้อรถบด ต่อไปเป็นการบดทับชั้นกลาง
(intermediate rolling) โดยใหบ้ ดทบั ตามติดการบดทบั ในขนั้ ตน้ ใหใ้ กลช้ ิดท่ีสดุ เท่าท่ีสามารถจะทา
ไดแ้ ละตอ้ งดาเนนิ การขณะท่ีสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตยงั มีอณุ หภมู เิ หมาะสม
ท่ีจะทาใหไ้ ดค้ วามแน่นตามท่ีกาหนด ต่อจากนนั้ เป็นการบดทับชนั้ สุดท้าย (finish rolling) ซ่ึง
จะตอ้ งดาเนินการขณะท่ีส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตยงั มีอุณหภูมิท่ีรถบดจะ
สามารถลบรอยลอ้ รถบดทบั ท่ีผา่ นมาไดเ้ รยี บรอ้ ยในการบดทบั จะตอ้ งเร่มิ บดทบั ท่ีขอบชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดา้ นต่า หรือดา้ นขอบนอกก่อน แลว้ จึงคอ่ ยๆ บดทบั เหล่ือมเขา้
ไปส่ดู า้ นเสน้ แบง่ ก่ึงกลางถนน เวน้ แต่การบดทบั ช่วงการยกโคง้ ซ่ึงจะตอ้ งบดทบั ทางดา้ นต่าก่อน
แลว้ จึงบดทับเหล่ือมไปทางดา้ นสงู การบดทบั แตล่ ะเท่ียวใหบ้ ดทบั ขนานไปกับเสน้ แบง่ ก่ึงกลาง
ถนน และใหแ้ นวบดทบั เหล่ือมกนั (overlap) ประมาณ 150 มิลลิเมตร แตถ่ า้ บดทบั แลว้ เกิดเป็น
คล่ืนตามขวางหรือส่วนผสมเคล่ือนตวั เป็นแอ่งก็ใหเ้ ปล่ียนเป็นบดทบั เหล่ือมกันครง่ึ หน่งึ ของความ
กวา้ งของลอ้ รถบด การหยดุ รถบดแตล่ ะเท่ียวของการบดทบั ตอ้ งไมห่ ยดุ ท่ีแนวเดยี วกนั รอยหยดุ ของ
รถบดเท่ียวก่อน แตค่ วรหยดุ รถบดใหเ้ หล่ือมกนั เป็นระยะห่างพอสมควร ในระหว่างการบดทบั
หากมีสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตตดิ ลอ้ รถบด ควรใชน้ า้ หรอื สารสาหรบั เคลือบ
ลอ้ รถบดใดๆ ท่ีเหมาะสมท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบ พ่นลอ้ รถบดบางๆ เพียงเพ่ือเคลือบผิวหนา้ ลอ้ รถ
บดใหเ้ ปียกชืน้ เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหส้ ่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตติดลอ้ รถบด หาก
หมดความจาเป็นแลว้ ใหเ้ ลิกใช้ การบดทบั รถบดจะตอ้ งว่งิ ดว้ ยความเรว็ ต่าและสม่าเสมอ โดยใชล้ อ้
ขบั (drive wheel) นาหนา้ ใหใ้ กลช้ ิดเคร่ืองปมู ากท่ีสดุ หากมีการเปล่ียนความเรว็ รถบดขณะบดทบั

167

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

จะตอ้ งคอ่ ยๆ เปล่ียนความเรว็ ทีละนอ้ ย ในชอ่ งทางการบดทบั ช่องทางใดๆ การบดทบั เดนิ หนา้ และ
ถอยหลงั ใหอ้ ยใู่ นแนวช่องทางการบดทบั เดียวกัน ก่อนเดินหนา้ และถอยหลงั รถบดจะตอ้ งหยุดน่ิง
ก่อน ถา้ เป็นรถบดส่นั สะเทือนจะตอ้ งหยดุ การส่นั สะเทือนก่อนดว้ ย การเปล่ียนแนวช่องทางบดทบั
จะตอ้ งคอ่ ยๆ เปล่ียน โดยใหไ้ ปเปล่ียนบนชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตบริเวณท่ีได้
บดทบั และเย็นตวั แลว้ หา้ มเปล่ียนบนผิวชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีกาลงั บด
ทบั หรือท่ียงั รอ้ นอยู่ การบดทบั ช่องทางบดทับถัดไปจะตอ้ งขนานกับช่องทางเดิม การจอดรถบด
ขณะบดทบั หรือบดทบั เสร็จแลว้ ใหจ้ อดบนผิวชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตบริเวณท่ีเย็นตวั แลว้ หา้ ม
จอดบนผิวชั้นทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ียังร้อนอยู่ ถ้าในการบดทับทาให้
ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตเกิดการเคล่ือนตวั ออกไป ตอ้ งแกไ้ ขโดยดว่ นโดย
การคราดส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตบรเิ วณดงั กลา่ วใหห้ ลวม แลว้ นาสว่ นผสม
โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีคณุ ภาพและอณุ หภมู ิถกู ตอ้ งมาเพ่ิม พรอ้ มกบั แตง่ ระดบั
ใหส้ ม่าเสมอไดร้ ะดบั ถกู ตอ้ งแลว้ จงึ บดทบั ใหม่
6.4.2 ความเรว็ ของรถบดในการบดทบั ในการบดทบั โดยท่วั ๆ ไป รถบดจะตอ้ งว่ิงดว้ ยความเรว็ ต่า
และสม่าเสมอ ความเร็วสูงสุดท่ีใชใ้ นการบดทับขึน้ อยู่กับชนิดของรถบดอุณหภูมิ ชนิด ลักษณะ
และความหนาของสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ขนั้ ตอนการบดทบั และปัจจยั ท่ี
เก่ียวขอ้ งอ่ืนๆ ความเรว็ สงู สดุ ในการบดทบั สาหรบั รถบดลอ้ เหล็กแบบไมส่ ่นั สะเทือน รถบดลอ้ เหล็ก
แบบส่นั สะเทือนซ่งึ บดทบั โดยไม่ส่นั สะเทือน และรถบดลอ้ ยาง ในการบดทบั ขนั้ ตอนตา่ งๆ ควรจะ
เป็นไปตามตารางท่ี 6

ตารางที่ 6 ความเร็วของรถบดในการบดทับ

ความเรว็ ของการบดในการบดทบั

ชนิดของรถบด การบดทบั ชนั้ ตน้ การบดทบั ชนั้ กลาง การบดทบั ชนั้ สดุ ทา้ ย
กม./ชม. ไมล/์ ชม.
กม./ชม. ไมล/์ ชม. กม./ชม. ไมล/์ ชม.
5* 3*
รถบดลอ้ เหล็กชนิด 2 3 2 5 3
85
รลถอ้ บดลอ้ ยาง 5353 --

รถบดส่นั สะเทือน** 4-5 2.5-3 4-5 2.5-3

หมายเหตุ * รวมถงึ รถบดส่นั สะเทือนบดทบั โดยไมส่ ่นั สะเทือน
** ดตู ารางท่ี 7 ประกอบ

168

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ความเรว็ สงู สดุ ของการบดทบั สาหรบั รถบดส่นั สะเทือนท่ีมีความถ่ีในการส่นั สะเทือนใดๆ ขนึ้ อยู่
กบั ระยะกระแทกของลอ้ รถบด (impact spacing) ซ่งึ ตามปกติระยะการกระแทกของลอ้ รถบดจะ
นอ้ ยกว่าความหนาของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีบดทับแลว้ ในการบดทับ
ระยะกระแทกของลอ้ รถบดไม่ควรนอ้ ยกว่า 10 ครงั้ ตอ่ ระยะทาง 300 มิลลิเมตร (หรือ 33 ครงั้ ต่อ
ระยะทาง 1 เมตร) ท่ีรถบดเคล่ือนตัวไป สาหรบั ความเร็วท่ีเหมาะสมในการบดทับของรถบด
ส่นั สะเทือนท่ีความถ่ีการส่นั สะเทือนใดๆ ท่ีใช้ และระยะกระแทกของลอ้ รถบดท่ีกาหนด ควรจะ
เป็นไปตามตารางท่ี 6
6.4.3 การทาแปลงทดลองเพ่ือกาหนดรูปแบบของการบดทบั กอ่ นเร่มิ การกอ่ สรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตเพ่ือใหใ้ ชเ้ คร่ืองจกั รบดทบั ท่ีมีอย่ไู ดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมตอ่ งานและเกิด
ประโยชนส์ งู สดุ ควรทาแปลงทดลองในสนามยาวประมาณ 100-150 เมตร เพ่ือกาหนดรูปแบบของ
การบดทบั (pattern of rolling) ท่ีเหมาะสมกบั ชนิด จานวน สภาพเคร่อื งจกั รท่ีนามาใชง้ าน โดยเม่ือ
บดทบั เสร็จแลว้ จะตอ้ งไดช้ นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความเรียบความแน่น
สม่าเสมอ ไดร้ ะดบั ความลาดตามแบบและมีคณุ สมบตั ิอ่ืนๆ ถูกตอ้ งตามท่ีกาหนด การทาแปลง
ทดลองบดทบั นีใ้ หด้ าเนินการแกไ้ ข ปรบั การใชง้ านหรือเพ่ิมจานวนเคร่ืองจกั รบดทบั ไดแ้ ลว้ แตก่ รณี
จนกว่าจะสามารถบดทบั ไดถ้ กู ตอ้ งตามท่ีกาหนด และผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบแลว้ จึงนาไปใชเ้ ป็น
บรรทดั ฐานในการก่อสรา้ งชัน้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในงานนัน้ ๆ ต่อไป ใน
ระหว่างการก่อสรา้ ง หากมีการเปล่ียนแปลงใดๆ เก่ียวกบั ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตหรือเคร่ืองจกั รบดทบั ท่ีใชง้ านและอ่ืนๆ ผคู้ วบคมุ งานอาจพิจารณาใหป้ รบั ปรุงแกไ้ ขหรือ
ทาแปลงทดลองในสนามเพ่ือทดลองหาความเหมาะสมใหม่ก็ได้ ทงั้ นีใ้ หอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของผู้
ควบคมุ งานการกาหนดรูปแบบการบดทบั ท่ีเหมาะสมสาหรบั เคร่อื งจกั รบดทบั ชดุ ใด ท่ีใชง้ านนนั้ ให้
ผรู้ บั จา้ งดาเนินการทดลองบดทบั เพ่ือกาหนดขนาดพืน้ ท่ีบดทบั ท่ีสมั พนั ธก์ บั กาลงั ผลิตสว่ นผสมโพ
ลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตของโรงงานผสม อัตราการปูส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต และเพ่ือทราบจานวนเท่ียวการบดทับเต็มผิวหนา้ ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีต (coverage) จานวนเท่ียวการบดทับซา้ ท่ีช่องทางบดทับแต่ละช่อง (pass)
ความเรว็ ของรถบดแตล่ ะชนดิ ในการบดทบั และอ่ืน ๆ
6.4.4 ลาดบั ขนั้ ตอนการบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
(1) เม่ือปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตช่องจราจรแรก หรอื เตม็ ผิวจราจรในคราวเดยี ว
การบดทบั จะตอ้ งดาเนนิ การตามลาดบั ดงั นี้
ก. บดทบั รอยตอ่ ตามขวาง
ข. บดทบั ขอบผวิ ชนั้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตดา้ นนอก

169

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ค. บดทบั ชนั้ ตน้
ง. บดทบั ชนั้ กลาง
จ. บดทบั ชนั้ สดุ ทา้ ย
(2) เม่ือปชู นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตหลายชอ่ งจราจรพรอ้ มกนั หรือปชู นั้ ทาง
โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหมป่ ระกบกบั ชอ่ งจราจรเดมิ ท่ีไดด้ าเนนิ การเรียบรอ้ ยแลว้
หรอื ประกบกบั แนวโครงสรา้ งใดท่ีมีอย่แู ลว้ การบดทบั จะตอ้ งดาเนนิ การตามลาดบั ดงั นี้
ก. บดทบั รอยตอ่ ตามขวาง
ข. บดทบั รอยตอ่ ตามยาว
ค. บดทบั ขอบผวิ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ดา้ นนอก
ง. บดทบั ชนั้ ตน้
จ. บดทบั ชนั้ กลาง
ฉ. บดทบั ชนั้ สดุ ทา้ ย

170

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางที่ 7 ความสัมพันธร์ ะหว่างความเรว็ ความถี่ และจานวนคร้ังการกระแทก
(ช่วงทคี่ วรใช้อยใู่ นกรอบเส้นทบึ )

ความถ่ีการส่นั สะเทือน จานวนครงั้ การกระแทกตอ่ ระยะ 1 เมตร

เฮริ ตซ์ (รอบตอ่ นาที) (จานวนครงั้ การกระแทกตอ่ ระยะ 1 ฟตุ )

30 (1800) 45.0 33.8 27.0 22.5 19.3
33 (2000) (13.6) (10.2) (8.2) (6.8) (5.8)
50.0 37.5 30.0 25.0 21.4
(15.2) (11.4) (9.1) (7.6) (6.5)
37 (2200) 55.0 41.3 33.0 27.5 23.6
40 (2400) (16.7) (12.5) (10.0) (8.3) (7.1)
43 (2600) 60.0 45.0 36.0 30.0 25.7
(18.2) (13.6) (10.9) (9.1) (7.8)
65.0 48.8 39.0 32.5 27.9
(19.7) (14.8) (11.8) (9.8) (8.4)
47 (2800) 70.0 52.5 42.0 35.0 30.0
50 (3000) (21.2) (15.9) (12.7) (10.6) (9.1)
75.0 56.3 45.0 37.5 32.1
(22.7) (17.0) (13.0) (11.4) (9.7)
กม./ชม. 2.4 3.2 4.0 4.8 5.6

ความเรว็ ไมล/์ ชม. 1.5 2.0 2.5 3.0 3.5

รถบด ม./นาที 40.0 53.3 66.7 80.0 93.3

ฟตุ /นาที 132 175 220 264 308

6.4.5 การบดทบั รอยตอ่ ตามขวาง ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ เหล็ก 2 ลอ้ หรือรถบดส่นั สะเทือน แต่ใหบ้ ดทบั โดยไม่
ส่นั สะเทือนสาหรบั การก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตช่องจราจรแรก ก่อน
การบดทบั รอยตอ่ ตามขวาง ควรใชแ้ ผ่นไมท้ ่ีมีความหนาเหมาะสม วางรองชิดขอบชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตบรเิ วณรอยตอ่ ตามขวางทงั้ 2 ดา้ น เพ่ือรองรบั ลอ้ รถบดเวลาบดทบั เลย
ขอบชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตออกไป เป็นการปอ้ งกนั มิใหข้ อบชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปลายรอยตอ่ ตามขวางเสียหาย เสรจ็ แลว้ จงึ บดทบั รอยตอ่ ตามขวาง
โดยในการบดทบั เท่ียวแรกใหร้ ถบดว่ิงบนชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ ง
เสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว และให้ลอ้ รถบดเหล่ือมเข้าไปในบริเวณชัน้ ทางแอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปูใหม่
ประมาณ 50 มิลลิเมตร ใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบตรวจสอบความเรียบของรอยตอ่ หากไมถ่ กู ตอ้ ง
ใหแ้ ก้ไขใหเ้ รียบรอ้ ยทันที และในการบดทับเท่ียวต่อๆ ไป ใหแ้ นวบดทับค่อยๆ เล่ือนเขา้ ไปใน

171

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

บริเวณชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปใู หม่เท่ียวละ 150-200 มิลลิเมตร จนใน
ท่ีสุดลอ้ รถบดจะเข้าไปบดทับบนชัน้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีปูใหม่ทงั้ หมด
สาหรบั การก่อสรา้ งชนั้ ทาง โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ชอ่ งจราจรประกบกบั ชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตชอ่ งจราจรท่ีไดก้ ่อสรา้ งเรียบรอ้ ยแลว้ การบดทบั ในครงั้ แรกใหบ้ ด
ทบั บริเวณปลายรอยต่อตามขวางดา้ นท่ีบรรจบกับรอยต่อตามยาว โดยใหบ้ ดทับขนานไปตาม
รอยต่อตามยาวเป็นระยะประมาณ 0.5-1 เมตร แลว้ ใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบตรวจสอบความ
เรียบของรอยตอ่ หากไมถ่ กู ตอ้ งใหแ้ กไ้ ขใหเ้ รียบรอ้ ยทนั ที ตอ่ จากนนั้ ใหเ้ ร่มิ บดทบั รอยตอ่ ตามขวาง
ก่อนบดทับควรใช้แผ่นไม้ท่ีมีความหนาเหมาะสม วางรองชิดขอบชั้นทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตบริเวณรอยต่อตามขวางดา้ นนอก เสร็จแลว้ ใหบ้ ดทบั รอยต่อตามขวาง โดยให้
ดาเนินการตามวิธีการบดทบั ดงั กลา่ วขา้ งตน้
6.4.6 การบดทบั รอยตอ่ ตามยาว รอยตอ่ ตามยาวแบง่ ออกเป็น 2 แบบ คือ
(1) รอยตอ่ เยน็ หรอื รอยตอ่ เก่า (cold joint) หมายถึง รอยตอ่ ตามยาวระหวา่ งชอ่ งจราจรท่ีได้

กอ่ สรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต และบดทบั เรยี บรอ้ ยแลว้ กบั ชั้นทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหมท่ ่ีกอ่ สรา้ งประกบกนั ในการบดทบั รอยตอ่ ตามยาว เม่ือใช้
รถบดลอ้ เหล็กชนดิ ไมส่ ่นั สะเทือน การบดทบั เท่ียวแรกใหล้ อ้ รถบดส่วนใหญ่อยบู่ นชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีก่อสรา้ งเสรจ็ แลว้ โดยใหล้ อ้ รถบดเหล่ือมเขา้ ไปบนชั้นทางโพ
ลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ งใหม่ 100-150 มิลลิเมตร และในการบดทบั เท่ียว
ตอ่ ๆ ไป ใหล้ อ้ รถบดคอ่ ยๆ เล่ือนแนวบดทบั เหล่ือมเขา้ ไปบนชนั้ ทางท่ีกอ่ สรา้ งใหมเ่ พ่มิ ขนึ้
จนกระท่งั ลอ้ รถบดทงั้ หมดจะอยบู่ นชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีกอ่ สรา้ งใหม่
ในกรณีใชร้ ถบดส่นั สะเทือนบดทบั การบดทบั จะตอ้ งใหล้ อ้ รถบดสว่ นใหญ่อยบู่ นชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีสรา้ งใหม่ โดยใหล้ อ้ รถบดเหล่ือมเขา้ ไปบนชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีกอ่ สรา้ งสรา้ งแลว้ 100-150 มลิ ลเิ มตร และใหด้ าเนินการบดทบั
ซา้ ตามแนวบดทบั ดงั กลา่ ว จนกระท่งั ไดร้ อยตอ่ ตามยาวท่ีเรยี บรอ้ ยและไดค้ วามแนน่ ตามท่ี
กาหนด
(2) รอยต่อรอ้ นหรือรอยต่อใหม่ (hot joint) หมายถึง รอยต่อตามยาวของชั้นทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ระหว่างช่องจราจร 2 ช่อง ท่ีก่อสรา้ งพรอ้ มกัน โดยการปูดว้ ย
เคร่ืองปู 2 ชุดในการบดทบั รอยตอ่ ตามยาวแบบนี้ ใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ เหล็กเขา้ บดทบั พืน้ ท่ีบริเวณ
รอยตอ่ ทงั้ 2 ขา้ งของรอยตอ่ ตามยาว กวา้ งประมาณ 400 มลิ ลิเมตร ท่ีเวน้ ไวใ้ นการบดทบั ชนั้ ตน้
การบดทบั ใหแ้ นวรอยตอ่ ตามยาวอยู่ก่งึ กลางความกวา้ งของลอ้ รถบด โดยใหบ้ ดทบั จนกวา่ จะได้
รอยตอ่ ตามยาวท่ีเรียบรอ้ ยและไดค้ วามแน่นตามท่ีกาหนด

172

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.4.7 การบดทับชนั้ ตน้ (initial or breakdown rolling) ภายหลงั จากท่ีไดบ้ ดทบั รอยต่อต่างๆ เสร็จ
เรียบรอ้ ยแลว้ ใหด้ าเนินการบดทบั ชนั้ ตน้ เม่ือส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตมี
อุณหภูมิไม่ต่ากว่า 155 องศาเซลเซียส การบดทบั ใหใ้ ชไ้ ดท้ งั้ รถบดลอ้ เหล็กแบบไม่ส่นั สะเทือน
หรือรถบดส่นั สะเทือน เคร่ืองจกั รบดทบั ท่ีใชต้ อ้ งถกู ตอ้ งตามขอ้ 4.5 โดยนา้ หนกั รถบด นา้ หนกั
บดทับ นา้ หนักต่อความกว้างของล้อรถบด ความถ่ีการส่ันสะเทือน ระยะเต้นของล้อรถบด
ความเรว็ ของรถบด และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งอ่ืน ๆ จะตอ้ งพิจารณาใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชนิด ลกั ษณะ
ความคงตวั อณุ หภมู ิ ความหนาของชนั้ ทางท่ีปู และสภาพของชนั้ ทางท่ีอยภู่ ายใตท้ ่ีจะกอ่ สรา้ งชนั้
ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตทบั การบดทบั ใหเ้ ร่ิมบดทบั จากขอบชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดา้ นต่า หรือขอบชั้นทางดา้ นนอก ไปหาขอบชั้นทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดา้ นสงู หรือขอบชนั้ ทางดา้ นในการบดทบั โดยใชร้ ถบดส่นั สะเทือน
ควรใชค้ วามถ่ีการส่นั สะเทือน และระยะเตน้ ของลอ้ รถบดใหเ้ หมาะสม ความถ่ีการส่นั สะเทือนควร
อยรู่ ะหว่าง 30-50 เฮิรตซ์ (2000-3000 รอบตอ่ นาที) และระยะเตน้ ของลอ้ รถบดควรอย่รู ะหว่าง
0.2-0.8 มิลลิเมตร สาหรบั การบดทับชัน้ ผิวทางหรือผิวไหล่ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีต ควรใชค้ า่ ความถ่ีการส่นั สะเทือนดา้ นสงู และใชค้ า่ ระยะเตน้ ดา้ นต่า แตถ่ า้ เป็นชนั้ ทางโพ
ลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีไม่ใชช้ นั้ ผิวทางและมีความหนามากกวา่ 50 มิลลิเมตร อาจ
ใชค้ า่ ความถ่ีการส่นั สะเทือนดา้ นต่า และใชค้ า่ ระยะเตน้ ดา้ นสงู ได้ อยา่ งไรก็ตามการใชค้ า่ ความถ่ี
การส่นั สะเทือนและคา่ ระยะเตน้ ของรถบดในการบดทบั ใหพ้ ิจารณาจากผลการทาแปลงทดลอง
ตามขอ้ 6.4.3 การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนานอ้ ยกวา่ 25
มิลลิเมตร ตอ้ งพิจารณาความเหมาะสมเป็นพิเศษ หากใชร้ ถบดลอ้ เหล็ก ไม่ควรบดทบั โดยการ
ส่นั สะเทือนหากจะใชร้ ถบดบดทบั โดยการส่นั สะเทือน ก็ใหใ้ ชค้ า่ ระยะเตน้ ของลอ้ รถบดดา้ นคา่ ต่า
โดยเม่ือบดทบั แลว้ จะตอ้ งไมเ่ กิดความเสียหายของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
เชน่ เกิดการยบุ ตวั ทงั้ นีต้ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ งานก่อนการบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนาระหว่าง 25-50 มลิ ลิเมตร หากใชร้ ถบดส่นั สะเทือนบด
ทบั ควรใชค้ า่ ความถ่ีการส่นั สะเทือนดา้ นสงู และใชค้ า่ ระยะเตน้ ของลอ้ รถบดดา้ นต่า การบดทบั
ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนามากกวา่ 50 มิลลเิ มตร
ดว้ ยรถบดส่นั สะเทือน สาหรบั การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตท์ ่ีไม่ใช่ชนั้ ผิวทาง
อาจใชค้ ่าระยะเตน้ ของลอ้ รถบดดา้ นสูงได้ แต่สาหรบั ชนั้ ผิวทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรตี ควรจะใชค้ า่ ความถ่ีการส่นั สะเทือนดา้ นสงู และใชค้ า่ ระยะเตน้ ของลอ้ รถบดดา้ นต่า
การบดทบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนามากกวา่ 50 มิลลิเมตร

173

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

และไม่มีแนวส่ิงก่อสรา้ ง เช่น curb หรือชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ ง
แลว้ ชว่ ยอดั ดา้ นขา้ งไวห้ ากบดทบั ตามวธิ ีการปกตแิ ลว้ ปรากฏวา่ มีการเคล่ือนตวั ของสว่ นผสมโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตดา้ นขา้ งใหเ้ ปล่ียนวิธีการบดทบั ใหม่ โดยใหร้ น่ แนวบดทบั เท่ียว
แรกเขา้ ไปใหห้ า่ งจากขอบชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตประมาณ 300 มิลลิเมตร
หลงั จากนนั้ ใหบ้ ดทบั ตอ่ ไปตามปกติ เสร็จแลว้ จึงกลบั มาบดทบั ขอบชนั้ ทางโพลีเมอร์โมดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตส่วนท่ีเวน้ ไว้นนั้ ในเท่ียวสุดทา้ ยของการบดทับเต็มหนา้ เท่ียวแรกต่อไปการ
ก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี 2 ชอ่ งจราจรพรอ้ มกนั การบดทบั ในชนั้ ตน้
นีใ้ หด้ าเนินการพรอ้ มกนั ทงั้ 2 ชอ่ งจราจร โดยใหเ้ วน้ ระยะของแนวบดทบั ใหห้ ่างจากรอยต่อรอ้ น
หรือรอยต่อใหม่ของแต่ละช่องจราจร ไวข้ า้ งละประมาณ 200 มิลลิเมตร พืน้ ท่ีแนวรอยต่อ
ดงั กลา่ วนี้ ใหด้ าเนนิ การบดทบั ตามขอ้ 6.4.6 (2) ตอ่ เน่ืองกนั ไป
6.4.8 การบดทบั ชนั้ กลาง (intermediate rolling) ใหบ้ ดอดั ชนั้ กลางทนั ที ท่ีการบดอดั ชนั้ ตน้ แลว้
เสรจ็ การบดทบั ชนั้ กลางควรดาเนินการตามรูปแบบการบดทบั ชนั้ ตน้ โดยใหบ้ ดทบั ตามหลงั การ
บดทบั ชนั้ ตน้ ใหใ้ กลช้ ิดท่ีสุด และใหบ้ ดทบั โดยต่อเน่ืองไปจนกว่าจะไดค้ วามแน่นตามท่ีกาหนด
และสม่าเสมอท่ัวทั้งแปลงท่ีก่อสรา้ งการบดทับชัน้ กลางตามปกติให้ใชร้ ถบดลอ้ ยางเป็นหลัก
โดยเฉพาะชนั้ ผิวทางและผิวไหล่ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหป้ รบั นา้ หนกั รถบด
และความคน้ ลมยาง เพ่ือใหไ้ ดแ้ รงอดั ท่ีผวิ หนา้ สมั ผสั ของลอ้ รถบดท่ีเหมาะสมกบั ชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีกาลงั บดทบั สาหรบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
อ่ืนๆ หรือชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความหนามากกว่า 50 มิลลิเมตร
ท่ีไม่ใชช่ นั้ ผิวทางและผิวไหล่ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต อาจพิจารณาใหใ้ ชร้ ถบด
ล้อเหล็ก รถบดส่ันสะเทือนร่วมกับรถบดล้อยางดว้ ยไดต้ ามความเหมาะสม โดยรถบดตอ้ งมี
นา้ หนกั นา้ หนกั บดทบั นา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของลอ้ รถบด ความถ่ีการส่นั สะเทือนระยะเตน้ ของ
ลอ้ รถบด และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งอ่ืนๆ เหมาะสมกบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ี
กาลงั บดทบั ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน
6.4.9 การบดทบั ชนั้ สดุ ทา้ ย (finish rolling) มีจดุ ประสงคเ์ พ่ือลบรอยลอ้ รถบดท่ีผวิ หนา้ และทาให้
ผิวหนา้ เรียบสม่าเสมอเท่านนั้ ทงั้ นีใ้ หเ้ ร่ิมดาเนินการเม่ือชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตมีอณุ หภมู ไิ มต่ ่ากว่า 120 องศาเซลเซียส โดยใหใ้ ชร้ ถบดลอ้ เหลก็ แบบไมส่ ่นั สะเทือนหรือ
ใชร้ ถบดส่ันสะเทือนแต่บดทับโดยไม่ส่ันสะเทือนเท่านัน้ รถบดตอ้ งมีนา้ หนัก นา้ หนักบดทับ
นา้ หนักต่อความกวา้ งของลอ้ รถบด และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งอ่ืนๆ เหมาะสมกับชนั้ ทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีกาลงั บดทบั
6.4.10 การบดทบั พืน้ ท่ีพิเศษ

174

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

(1) การบดทบั บนพืน้ ท่ีลาดชนั สงู (steep grade) สาหรบั ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรตี ท่ีก่อสรา้ งบนพืน้ ท่ีท่ีมีความลาดชนั สงู หรือในทางโคง้ ท่ีมีการยกโคง้ สงู การบดทบั โดยรถ
บดลอ้ เหล็กแบบไมส่ ่นั สะเทือน ใหใ้ ชล้ อ้ ตาม (tiller wheel) เดนิ หนา้ โดยใหบ้ ดทบั ตามหลงั เคร่ือง
ปู โดยใกลช้ ิดท่ีสดุ ไมว่ า่ เคร่อื งปจู ะปสู ว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตชนั้ ทางลาด
ชนั หรือปลู งตามทางลาดชนั ก็ตาม ในการบดทบั โดยใชร้ ถบดส่นั สะเทือนนนั้ การบดทบั ในเท่ียว
แรกใหบ้ ดทบั โดยไมส่ ่นั สะเทือน แตห่ ลงั จากท่ีส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตของ
ชนั้ ทางมีความคงตวั (stability) สงู ขนึ้ มากพอท่ีจะบดทบั โดยการส่นั สะเทือนได้ ก็ใหบ้ ดทบั ตอ่ ไป
โดยการส่นั สะเทือน โดยใหใ้ ชค้ า่ ระยะเตน้ ของลอ้ รถบดดา้ นต่า

(2) การบดทบั บนพืน้ ท่ีท่ีรถบดเขา้ ไปดาเนินการไม่ได้ (inaccessible area) สาหรบั พืน้ ท่ีท่ี
กอ่ สรา้ งชนั้ ทาง โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ท่ีรถบดเขา้ ไปดาเนินการไมไ่ ด้ เชน่ บรเิ วณ
ท่ีชิดกับ curb และ gutter สะพาน ขอบบ่อพัก (manhole) และส่ิงกีดขวางอ่ืนๆ จะตอ้ งใช้
เคร่ืองจกั รหรือเคร่ืองมือบดทบั ขนาดเล็กท่ีถูกตอ้ งตามขอ้ 4.8.1 และหรือขอ้ 4.8.2 การนามาใช้
และการใชง้ านใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของผคู้ วบคมุ งาน

(3) การบดทบั บรเิ วณทางแยก ทางเช่ือม (bell mouth area) อาจดาเนนิ การได้ 2 วิธี คือ
ก. การบดทบั ทะแยงมมุ ในชนั้ แรกใหด้ าเนินการบดทบั ทะแยงมมุ ตอ่ จากนนั้ จงึ บดทบั
ขนานกบั ขอบทางโคง้
ข. การบดทบั ขนาน ในชนั้ แรกใหด้ าเนินการบดทบั ขนาน ตอ่ จากนนั้ จงึ บดทบั ขนานกบั ขอบทาง
โคง้

7. การตรวจสอบชั้นทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ทกี่ ่อสร้างเสร็จแล้ว
หลกั เกณฑใ์ นการตรวจสอบชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีก่อสรา้ งเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ มี

อยา่ งนอ้ ย 3 ประการดงั ตอ่ ไปนี้
7.1 ลกั ษณะผิว (surface texture)
ชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีก่อสรา้ งเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งไดร้ ะดบั และความลาด
ตามแบบ มีลักษณะผิว และลักษณะการบดทับท่ีสม่าเสมอ ไม่ปรากฏความเสียหาย เช่น โพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนรีตท่ีผิวหนา้ หลุด (pull) รอยฉีก (torn) ผิวหนา้ หลวมหรือแยกตวั (segregation)
เป็นคล่ืน (ripple) หรือความเสียหายอ่ืน ๆ หากตรวจสอบแลว้ ปรากฏความเสียหายดงั กล่าว จะตอ้ ง
ดาเนนิ การแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งเรียบรอ้ ยตามท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นสมควร
7.2 ความเรียบท่ีผิว (surface tolerance)
เม่ือใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบตามขอ้ 4.8.5วางทาบบนผิวของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์

175

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

คอนกรีตในแนวตงั้ ฉากและในแนวขนานกับแนวเสน้ แบ่งก่ึงกลางถนนระดบั ผิวของชั้นทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตภายใตไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรยี บ จะแตกตา่ งจากระดบั ของไมบ้ รรทดั วดั ความ
เรียบได้ ไมเ่ กิน6 มิลลิเมตร และ 3 มลิ ลเิ มตร ตามลาดบั
7.3 ความแนน่ (density)
การตรวจสอบรบั รอง ความแนน่ ของชนั้ ทาง โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต ท่ีกอ่ สรา้ งเสรจ็
เรียบรอ้ ยแลว้ ไดจ้ ากการเปรียบเทียบค่าความแน่นของตวั อย่างชั้นทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีต กบั คา่ ความแน่นของตวั อย่างท่ีบดอดั ในหอ้ งทดสอบตาม มทช.(ท) 607 : มาตรฐานการทดสอบ
แอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวิธีมารแ์ ชลลโ์ ดยคานวณเป็นคา่ ความแนน่ รอ้ ยละของคา่ ความแน่นของตวั อย่างท่ี
บดอดั ในหอ้ งทดลอง ตามรายละเอียดดงั นี้
7.3.1 การจดั เตรียมกอ้ นตวั อย่างโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในหอ้ งทดลอง ใหเ้ ก็บตวั อยา่ ง

ส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตจากรถบรรทุกท่ีโรงงานผสมก่อนส่งออกไปยัง
สถานท่ีก่อสรา้ ง โดยการส่มุ ตวั อย่างจากรถบบรรทุกจากการผลิตส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตประจาวัน เป็นระยะๆ แล้วนาไปดาเนินการในห้องทดลอง โดยให้ไดก้ ้อน
ตวั อย่างอย่างนอ้ ย 8 กอ้ นตวั อย่างในแต่ละวนั ท่ีปฏิบตั ิงาน ทดลองหาคา่ ความแน่น แลว้ นาค่า
ความแน่นท่ีทดลองไดจ้ ากก้อนตัวอย่างทั้งหมดมาหาค่าเฉล่ีย เป็นความแน่นในห้องทดลอง
ประจาวนั สาหรบั ใชใ้ นการคานวณเปรียบเทียบเป็นคา่ ความแน่นรอ้ ยละของตวั อย่างชนั้ ทางโพลี
เมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในสนามการเก็บตวั อยา่ ง และการเตรยี มตวั อยา่ ง สว่ นผสม
โพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตใหด้ าเนินการตามรายละเอียดและวิธีการท่ีกาหนด การ
ทดลองหาค่าความแน่นให้ดาเนินการตาม มทช.(ท)607 : มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลต์
คอนกรีต โดยวิธีมารแ์ ชลล์ สาหรบั อณุ หภูมิของส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต
ในขณะบดอัดก้อนตวั อย่างในหอ้ งทดลอง จะตอ้ งตรงตามท่ีระบุไวใ้ นสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน
สาหรบั ตวั อยา่ งสว่ นผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตระหวา่ งดาเนินการในหอ้ งทดลอง
นนั้ อนญุ าตใหน้ าเขา้ อบในเตาอบเพ่ือรกั ษาอณุ หภมู ิสาหรบั การบดอดั ท่ีกาหนด ไดน้ านไมเ่ กิน 30
นาที ในระหว่างดาเนินการถ้าอุณหภูมิของตัวอย่างส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตลดลงต่ากวา่ อณุ หภูมิการบดอดั ท่ีกาหนด ใหน้ าตวั อยา่ งส่วนผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตค์ อนกรีตดงั กล่าวนนั้ ไปทิง้ หา้ มนาไปอบ เพ่ือนามาใชบ้ ดอดั ทากอ้ นตวั อยา่ งทดลองอีก
ตอ่ ไป
7.3.2 การจดั เตรียมก้อนตวั อย่างของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในสนาม ใหเ้ จาะ
กอ้ นตวั อย่างตวั แทนของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในสนามท่ีก่อสรา้ งเสร็จ
เรียบรอ้ ยแลว้ ดว้ ยเคร่ืองเจาะตวั อย่างท่ีถูกตอ้ งตามข้อ 4.8.4 โดยใหเ้ จาะเก็บกอ้ นตวั อย่าง

176

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

จานวน 1 ก้อนตัวอย่างทุก ๆ ระยะทางประมาณ 250 เมตร หรือทุก ๆ ส่วนผสมโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีนามาใชง้ านประมาณ 100 ตนั แลว้ นาไปทดลองหาคา่ ความแน่น
ตาม มทช.(ท)607 : มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวธิ ีมารแ์ ชลลส์ าหรบั ชนั้ ผิวทาง
ชนั้ รองผิวทาง และชนั้ ปรบั ระดบั โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีมีความหนาไมน่ อ้ ยกวา่
25 มิลลิเมตร คา่ ความแน่นของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในสนามจะตอ้ งไม่
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 98 ของค่าความแน่นเฉล่ียของก้อนตวั อย่างจากหอ้ งทดลองท่ีใชเ้ ปรียบเทียบ
ประจาวนั สาหรบั ชนั้ พืน้ ทาง และผิวไหลท่ างโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีต คา่ ความแน่น
ของชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตในสนามจะตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 97 และ 96
ของคา่ ความแนน่ ของกอ้ นตวั อยา่ งจากหอ้ งทดลองท่ีใชเ้ ปรียบเทียบประจาวนั ตามลาดบั

8. การอานวยการและควบคุมการจราจรระหว่างการก่อสร้าง
ในระหวา่ งการก่อสรา้ งชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตจะตอ้ งจดั และควบคมุ การจราจรไม่

ใหผ้ ่านชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ งใหม่ จนกว่าชนั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลต์
คอนกรีตจะเย็นตัวลงมากพอดี เม่ือเปิดใหก้ ารจราจรผ่านแลว้ จะไม่ทาใหเ้ กิดร่องรอยบนชั้นทางโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ โดยจะตอ้ งตดิ ตงั้ ปา้ ยจราจร พรอ้ มอปุ กรณค์ วบคมุ การจราจรอ่ืนๆ ท่ีจาเป็นตามท่ี
กรมทางหลวงชนบทกาหนด พรอ้ มจดั บคุ ลากรเพ่ืออานวยการจราจรใหผ้ า่ นพืน้ ท่ีก่อสรา้ งไดโ้ ดยสะดวกปลอดภัย
และไมท่ าใหช้ นั้ ทางโพลีเมอรโ์ มดิฟายดแ์ อสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ งใหม่นนั้ เสียหาย ระยะเวลาในการปิดและเปิด
การจราจรใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน

9. หนังสืออ้างอิง
9.1 กรมทางหลวง มาตรฐานท่ี ทล.-ม.408/2532 “แอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete or hot-mix asphalt)”
9.2 กรมทางหลวงชนบท มทช.230-2531 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบแอสฟัลตต์ กิ คอนกรตี ( asphaltic
concrete )
9.3 AMERICAN SOCIETY OF TESTING METERIALS ASTM. STANDARD D-1559
9.4 THE ASPHALT INSTITUTE “MIX DESIGN METHODS FOR ASPHALT CONCRETE AND THE HOT-
MIX TYPES” MANUAL SERIES NO.2 (MS-2)

177

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.237-2545
มาตรฐานงานผวิ จราจรแบบ พอรัสแอสฟัลตค์ อนกรีต

(porous asphalt concrete)

1. ขอบข่าย
งานผวิ จราจรแบบ พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต หมายถงึ การก่อสรา้ งผิวจราจรดว้ ยการปผู ิวจราจรดว้ ยวสั ดุ

พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต ซ่งึ ไดจ้ ากการผสมรอ้ นระหว่างมวลรวม (aggregate) กบั โพลีเมอร-์ โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนต์ สาหรบั งานพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี (polymer modified asphalt cement for porous asphalt concrete
) ท่ีโรงงานผสม (asphalt concrete mixing plant) โดยควบคมุ อตั ราสว่ นผสมและอณุ หภมู ติ ามกาหนด มีลกั ษณะ
ผิวหนา้ หยาบ มีรูพรุนสงู นา้ ซึมผ่านไดด้ ี เพ่ิมค่าความฝืดของผิวทาง ไม่เกิดแผ่นฟิ ลม์ ของนา้ (hydroplaning)
และลดระดบั เสียงขณะรถว่งิ ผา่ น มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือใชเ้ ป็นชนั้ ผวิ ทาง โดยการปหู รือเกล่ียแตง่ และบดทบั บนชนั้ รอง
ผิวทาง (binder course) หรือชนั้ ผิวทางเดิมซ่งึ นา้ ซมึ ผา่ นไม่ได้ ท่ีไดร้ ะดบั ความลาด และไดท้ าการแทคโคท (tack
coat) ก่อนเสมอ

2. วัสดุ
2.1 แอสฟัลต์ ใหเ้ ป็นไปตามมทช.236 : มาตรฐานวสั ดโุ พลีเมอร-์ โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ สาหรบั งานพอรสั
แอสฟัลตค์ อนกรตี
2.1.1 ปรมิ าณการใชโ้ พลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ สาหรบั พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตโดยประมาณ
ใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1
2.1.2 แอสฟัลตท์ ่ีใชส้ าหรบั แทคโคท (tack coat )
2.1.2.1 ใหเ้ ป็นไปตาม มทช.238 : มาตรฐานวสั ดโุ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั CRS-1 สาหรบั งาน
แทคโคท (modified asphalt emulsion CRS-1 for tack coat)
2.1.2.2 ปริมาณการใช้ โมดิฟายดแ์ อสฟัลตอ์ ิมลั ชนั CRS-1 สาหรบั งานแทคโคท ใหใ้ ชป้ ระมาณ
0.4 - 0.8 ลิตรต่อตารางเมตร การใชแ้ อสฟัลตอ์ ่ืนๆ หรือแอสฟัลตท์ ่ีปรบั ปรุงคณุ สมบัติ
ดว้ ยสารใดๆนอกเหนือจากนีต้ อ้ งมีคณุ ภาพเทียบเทา่ หรอื ดีกวา่ ทงั้ นีต้ อ้ งผ่านการทดสอบ
คณุ ภาพและพิจารณาความเหมาะสม รวมทงั้ ตอ้ งไดร้ บั อนุมตั ิใหใ้ ชไ้ ด้ จากกรมทาง
หลวงชนบท เป็นกรณีไป

178

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.2 มวลรวม
2.2.1 มวลหยาบ หมายถงึ สว่ นท่ีคา้ งตะแกรงขนาด 4.75 มิลลเิ มตร (เบอร์ 4) เป็นหนิ ยอ่ ย crushed rock)
หรือวสั ดอุ ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบทอนุมตั ิใหใ้ ชไ้ ด้ ตอ้ งเป็นวัสดทุ ่ีแข็งและคงทน (hard and
durable) สะอาด ปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคใ์ ดๆ ท่ีอาจทาใหพ้ อรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตมีคณุ ภาพ
ดอ้ ยลง ในกรณีท่ีไม่ไดร้ ะบุคณุ สมบตั ิของมวลหยาบไวเ้ ป็นอย่างอ่ืน มวลหยาบตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ
ดงั ตอ่ ไปนี้
2.2.1.1 ตอ้ งมีคา่ จานวนสว่ นรอ้ ยละของความสึกหรอ (percentage of wear) ไมม่ ากกว่ารอ้ ย
ละ 30 ตาม มทช.(ท) 501.9 : วธิ ีการทดสอบหาความสกึ หรอของวสั ดชุ นดิ เม็ดหยาบ
2.2.1.2 ตอ้ งมีคา่ ความคงทน (Soundness) ของมวลรวมโดยใชโ้ ซเดยี มซลั เฟต จานวน 5 รอบ
สว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) ตอ้ งไมเ่ กินรอ้ ยละ 5
2.2.1.3 ผวิ ของมวลหยาบตอ้ งมีแอสฟัลตเ์ คลือบเตม็ ผิวของมวลรวมเม่ือทดสอบตาม AASHTO
T 182 "Coating and Stripping of Bitumen Aggregate Mixtures"
2.2.1.4 ตอ้ งมีคา่ ดรรชนีความแบน (flakiness index) ไม่เกินรอ้ ยละ 25
2.2.1.5 มวลหยาบจากแหล่งเดิมท่ีมีหลกั ฐานแสดงผลทดลองหาความคงทนว่าใชไ้ ด้ อาจจะ
ยกเวน้ ไมต่ อ้ งทดสอบอีกก็ได้ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของกรมทางหลวงชนบท
2.2.2 มวลละเอียด หมายถึงส่วนท่ีผ่านตะแกรงขนาด 4.75 มิลลิเมตร(เบอร์ 4) เป็นหินฝ่ นุ หรือทรายท่ี
สะอาด ปราศจากวสั ดไุ มพ่ งึ ประสงคใ์ ดๆท่ีอาจทาใหพ้ อรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตมีคณุ ภาพดอ้ ยลง ใน
กรณีท่ีไม่ได้ระบุคุณสมบัติของมวลละเอียดไว้เป็นอย่างอ่ืน มวลละเอียดต้องมีคุณสมบัติ
ดงั ตอ่ ไปนี้
2.2.2.1 ตอ้ งมีคา่ สมมลู ยข์ องทราย (sand equivalent) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50
2.2.2.2 ตอ้ งมีคา่ ความคงทน (soundness) ของมวลรวม" โดยใชโ้ ซเดียมซลั เฟต จานวน 5 รอบ
สว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) ตอ้ งไมเ่ กินรอ้ ยละ 5
2.2.2.3 มวลละเอียดจากแหลง่ เดิมท่ีมีหลกั ฐานแสดงผลทดลองหาความคงทนว่าใชไ้ ด้ อาจจะ
ยกเวน้ ไมต่ อ้ งทดสอบอีกก็ได้ ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของกรมทางหลวงชนบท
2.2.3 มวลรวมท่ีจะนาไปผสมทาพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต ตอ้ งใหก้ รมทางหลวงชนบท ตรวจคณุ ภาพและ
อนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ดก้ ่อน

179

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
2.2.4 มวลรวมตอ้ งมีขนาดคละตามตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1
ขนาดคละ(gradation) ของมวลรวมและปริมาณโพลเี มอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ใี่ ช้

ขนาดตะแกรง ปรมิ าณผา่ นตะแกรง
รอ้ ยละโดยมวล
มลิ ลเิ มตร นวิ้ 100
19.0 3/4 70-100
50-80
12.5 1/2 15-30
10-22
9.5 3/8 6-13
3-6
4.75 เบอร์ 4 4.0-6.0

2.36 เบอร์ 8 35-50

0.600 เบอร์ 30

0.075 เบอร์ 200

ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์

รอ้ ยละโดยมวลของมวลรวม

ความหนา มลิ ลเิ มตร

กรมทางหลวงชนบท อาจใชข้ นาดคละของมวลรวม และปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตซ์ ีเมนตแ์ ตกตา่ งจากตารางท่ี 1 ก็ได้ แตท่ งั้ นีค้ ณุ ภาพของพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
ตอ้ งเป็นไปตามขอ้ กาหนดตามตารางท่ี 3
2.2.5 วัสดผุ สมแทรก ใชผ้ สมเพ่ิมในกรณีเม่ือผสมมวลหยาบกับมวลละเอียดเป็นมวลรวมแลว้ ส่วน
ละเอียดในมวลรวมยงั มีไม่พอ หรือใชผ้ สมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพของพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
วสั ดผุ สมแทรกอาจเป็น stone dust,portland cement, silica cement, hydrated lime หรือ
วสั ดอุ ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบท อนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ด้ วสั ดผุ สมแทรกตอ้ งแหง้ ไม่จบั กันเป็นกอ้ น เม่ือ
ทดสอบตาม.มทช.(ท)501.8 : วิธีการทดสอบหาขนาดเม็ดวสั ดโุ ดยผ่านตะแกรงแบบลา้ ง ตอ้ งมี
ขนาดคละตามตารางท่ี 2

180

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางที่ 2 ขนาดคละของวัสดผุ สมแทรก

ขนาดตะแกรง ปรมิ าณผา่ นตะแกรง
มิลลิเมตร รอ้ ยละโดยมวล
100
0.600 ( เบอร์ 30 ) 75-100
0.300 ( เบอร์ 50 ) 55-100
0.075 ( เบอร์ 200 )

ในกรณีท่ีกรมทางหลวงชนบท เห็นว่าวัสดุท่ีมีขนาดคละแตกต่างไปจากตารางท่ี 2 แต่เม่ือ
นามาใชเ้ ป็นวสั ดผุ สมแทรกแลว้ จะทาใหพ้ อรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตมีคณุ ภาพดีขนึ้ ก็อาจอนมุ ตั ิ
ใหใ้ ชว้ สั ดนุ นั้ เป็นวสั ดผุ สมแทรกได้

3. การออกแบบส่วนผสมพอรัสแอสฟัลตค์ อนกรตี
3.1 ก่อนเรม่ิ งานไมน่ อ้ ยกวา่ 30 วนั ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเสนอเอกสารการออกแบบสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
แก่ผคู้ วบคมุ งาน แลว้ ใหผ้ คู้ วบคมุ งานเก็บตวั อยา่ งวสั ดทุ ่ีจะใชส้ ง่ กรมทางหลวงชนบท รวมทงั้ เอกสารการ
ออกแบบสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตมาพรอ้ มกนั เพ่ือทาการตรวจสอบ
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผดิ ชอบตอ่ ความเสียหายใดๆ ท่ีอาจเกิดขนึ้ ในการก่อสรา้ งจากแบบสว่ นผสมท่ีผรู้ บั

จา้ งเสนอมา และคา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินการในขอ้ 3.1 นี้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผรู้ บั ผิดชอบทงั้ สนิ้

3.2 คณุ ภาพท่วั ไปของวสั ดทุ ่ีจะใชท้ าพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตใหเ้ ป็นไปตามขอ้ 1 สว่ นขนาดคละและปรมิ าณ
โพลีเมอรเ์ มอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ หเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 1

3.3 ขอ้ กาหนดในการออกแบบพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 3

ตารางท่ี 3
ข้อกาหนดในการออกแบบพอรัสแอสฟัลตค์ อนกรตี

คณุ ภาพ ขอ้ กาหนด
1. Cantabro Abrasion Test
- Dry Sample Abrasion Loss Max. 20 Percent
- Soaked Sample Abrasion Loss Max. 40 Percent
2. Air Voids in the Mix Min. 20 Percent

181

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หมายเหตุ
(1) การทดลองบดอดั กอ้ นตวั อยา่ งใหด้ าเนนิ การบดอดั ขา้ งละ 50 ครงั้ ตาม มทช.(ท)607 : มาตรฐาน

การทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวธิ ีมารแ์ ชล (marshall) อณุ หภมู ิท่ีบดอดั ใหใ้ ช้

150  5 องศาเซลเซียส
(2) การหาปรมิ าตรของกอ้ นตวั อยา่ งใหใ้ ชว้ ดั โดย calipers หรอื วิธีอ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบท เห็นชอบก็

ได้
(3) การทดลองหาคา่ cantabro abrasion ใหเ้ ป็นไปตามวิธีการทดลองท่ี NLT. 352/86 (The National

Laboratory of Transportation Madrid, Spain.)
3.3 กรมทางหลวงชนบท จะเป็นผตู้ รวจสอบเอกสารการออกแบบ และพิจารณาสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน (job

mix formula)ซ่งึ มีขอบเขตตา่ ง ๆ ตามตารางท่ี 4 ใหเ้ พ่ือใชค้ วบคมุ งานนนั้ ๆ

ตารางท่ี 4

เกณฑค์ วามคลาดเคลื่อนทยี่ อมให้สาหรับสูตรผสมเฉพาะงาน

ผา่ นตะแกรงขนาด รอ้ ยละ

2.26 มม. (เบอร์ 8) และขนาดใหญ่กวา่ 5

0.600 มม.(เบอร์ 30) 4
0.075 มม.(เบอร์ 200) 1

ปรมิ าณโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ 0.3

กรณีท่ีกรมทางหลวงชนบท เห็นควรใหก้ าหนดขอบเขตของสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานแตกตา่ งไป
จากตารางท่ี 4 ก็สามารถดาเนินการไดต้ ามความเหมาะสม
3.5 ในการผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตในสนาม ถ้ามวลรวมขนาดหน่ึงขนาดใดหรือปริมาณโพลีเมอร์
โมดิฟายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตห์ รือคุณสมบัติอ่ืนใด คลาดเคล่ือนเกินกว่าขอบเขตท่ีกาหนดไว้ในสูตร
ส่วนผสมเฉพาะงาน จะถือว่าส่วนผสมของพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีผสมไวแ้ ต่ละครงั้ นีม้ ีคณุ ภาพไม่
ถูกตอ้ งตามท่ีกาหนด ผู้รับจ้างจะตอ้ งทาการปรับปรุงแก้ไข ค่าใช้จ่ายในการนีผ้ ู้รับจ้างต้องเป็น
ผรู้ บั ผิดชอบทงั้ สนิ้
3.6 ผรู้ บั จา้ งอาจขอเปล่ียนสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานใหมไ่ ด้ ถา้ วสั ดทุ ่ีใชผ้ สมทาพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตเกิด
การเปล่ียนแปลงไปดว้ ยสาเหตใุ ดๆ ก็ตาม การเปล่ียนสูตรส่วนผสมเฉพาะงานทกุ ครงั้ ตอ้ งไดร้ บั ความ

182

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เห็นชอบจากกรมทางหลวงชนบทก่อนกรมทางหลวงชนบท อาจตรวจสอบ แกไ้ ข เปล่ียนแปลง ปรบั ปรุง
หรือกาหนดสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานใหมไ่ ดต้ ามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน
3.7 การตรวจสอบทดลองการออกแบบสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตทกุ ครงั้ หรือทกุ สญั ญาจา้ ง ผรู้ บั จา้ ง
ตอ้ งชาระคา่ ธรรมเนียมตามอตั ราท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด

4. เครอ่ื งจักรและเครื่องมือทใ่ี ช้ในการก่อสร้าง
เคร่อื งจกั รและเคร่ืองมือทกุ ชนดิ ท่ีจะนามาใชง้ าน จะตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ีตลอดเวลา โดยจะตอ้ งผา่ น

การตรวจสอบและหรือตรวจปรบั และผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้ เคร่อื งจกั รและเคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง
ประกอบดว้ ย

4.1 โรงงานผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete mixing plant)
4.2 รถบรรทกุ (haul truck)
4.3 เคร่ืองปู (paver or finisher)
4.4 รถเกล่ียปรบั ระดบั (motor grader)
4.5 เคร่ืองพน่ แอสฟัลต์ (asphalt distributor)
4.6 เคร่ืองจกั รและเคร่อื งมือทาความสะอาดพืน้ ท่ีท่ีจะก่อสรา้ ง
4.7 เคร่ืองมือทดลอง และหอ้ งปฏิบตั กิ ารทดลอง

เคร่อื งจกั รและเคร่ืองมือตามขอ้ 4.1 ถงึ 4.7 ใหม้ ีมาตรฐานตาม มทช.230 : มาตรฐานงานผิวจราจร

แบบแอสฟัลต์ คอนกรีต (asphalt concrete)

4.8 เคร่ืองมือประกอบท่ีจาเป็นอ่ืน ๆ

4.9 เคร่ืองจกั รบดทบั
เคร่อื งจกั รบดทบั ทกุ ชนิด จะตอ้ งเป็นแบบเคล่ือนไดด้ ว้ ยตวั เอง ตอ้ งมีนา้ หนกั และคณุ สมบตั ิอ่ืนๆ

ถกู ตอ้ งตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นรายละเอียดท่ีกาหนดสาหรบั เคร่ืองบดทบั แตล่ ะชนิด นา้ หนกั ในการบดทับของ
เคร่ืองจกั รบดทับแต่ละชนิด จะตอ้ งเหมาะสมกับชนิดและลกั ษณะของส่วนผสม ความหนาของชนั้ ท่ีปู
ขนั้ ตอนการบดทับและอ่ืนๆ เคร่ืองจกั รบดทับตอ้ งมีจานวนเพียงพอ ท่ีจะอานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชัน้ ทาง
พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดโ้ ดยปกติไม่ติดขดั หรือหยุดชะงัก เพ่ือใหไ้ ดช้ นั้ ทางพอรสั แอสฟัลต์
คอนกรตี ท่ีมีความแนน่ ความเรียบและคณุ สมบตั อิ ่ืนๆ ตามท่ีกาหนด การกาหนดนา้ หนกั เคร่ืองจกั รบดทบั
นา้ หนกั ในการบดทบั ของเคร่อื งจกั รแตล่ ะคนั ตลอดจนการเพ่มิ จานวนเคร่ืองจกั รบดทบั จากจานวนขนั้ ต่าท่ี
กาหนดไว้ ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งาน เคร่ืองจกั รบดทบั จะตอ้ งประกอบดว้ ยเคร่ืองจกั รชนิดตา่ งๆ
ซ่งึ ตอ้ งไดร้ บั การตรวจสอบและอนมุ ตั ใิ หใ้ ชไ้ ดจ้ ากผคู้ วบคมุ งานก่อน โดยมีจานวนอยา่ งนอ้ ยดงั ตอ่ ไปนี้

183

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ก. รถบดลอ้ เหลก็ ชนิด 2 ลอ้ 2 คนั
ข. รถบดส่นั สะเทือน 1 คนั
4.9.1 รถบดลอ้ เหล็ก 2 ลอ้ (steel-tired tandem roller) ตอ้ งมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกว่า 10 ตนั และสามารถ

เพ่มิ นา้ หนกั ไดจ้ นมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ตนั จะตอ้ งมีนา้ หนกั ตอ่ ความกวา้ งของลอ้ รถบดไม่นอ้ ย
กว่า 40 กิโลกรมั ตอ่ เซนติเมตร รถบดจะตอ้ งอย่ใู นสภาพท่ีสามารถขบั เคล่ือนเดินหนา้ และถอย
หลงั ได้ การขบั เคล่ือนไปขา้ งหนา้ การหยดุ และการถอยหลงั จะตอ้ งเรียบสม่าเสมอ ลอ้ เหล็ก ทงั้ 2
ลอ้ จะตอ้ งตรงแนว ท่ีผิวลอ้ เหล็กจะตอ้ งเรียบไมเ่ ป็นรอ่ ง (groove) ลกึ เป็นหลมุ หรือเป็นรอยบมุ๋
(pit) สลกั ยดึ ลอ้ (king pin) และลกู ปืนลอ้ (wheel bearing) ตอ้ งไม่สึกหรอมากเกินไปจนทาให้
ล้อหลวม ต้องมีถังนา้ มีระบบฉีดน้า (sprinkler system) มีอุปกรณ์คราดผิวล้อเหล็ก
(scraper) และแผน่ วสั ดสุ าหรบั ซมึ ซบั นา้ และเกล่ียกระจายนา้ สาหรบั เลีย้ งลอ้ รถบด ท่ีใชก้ ารได้
ดแี ละถกู ตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หส้ ว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ตดิ ลอ้ ขณะบดทบั
4.9.2 รถบดส่นั สะเทือน (vibratory roller) ตอ้ งมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 ตนั โดยอาจเป็นแบบส่นั สะเทือน
ลอ้ เด่ียวหรือสองลอ้ ก็ได้ ตอ้ งมีความถ่ีการส่นั สะเทือน (frequency) ไมน่ อ้ ยกวา่ 33 เฮิรตซ์ (200
รอบต่อนาที) และมีระยะเตน้ (amplitude) ระหว่าง 0.20 - 0.80 มิลลิเมตร มีนา้ หนกั ตอ่ ความ
กวา้ งของลอ้ รถบดไมน่ อ้ ยกวา่ 22 กิโลกรมั ตอ่ เซนติเมตร รถบดจะตอ้ งอยใู่ นสภาพดี สามารถบด
ทบั โดยการเดนิ หนา้ และถอยหลงั ได้ การขบั เคล่ือนไปขา้ งหนา้ การหยดุ และการถอยหลงั จะต้อง
เรียบสม่าเสมอ ลอ้ ทงั้ 2 ลอ้ จะตอ้ งตรงแนว ท่ีผวิ ลอ้ เหลก็ จะตอ้ งเรียบไมล่ ึกเป็นหลมุ หรือเป็นรอย
บมุ๋ สลกั ลอ้ และลกู ปืนลอ้ ตอ้ งไม่สกึ หรอมากเกินไปจนทาใหล้ อ้ หลวมตอ้ งมีถงั นา้ มีระบบฉีดนา้ มี
อุปกรณค์ ราดผิวลอ้ และแผ่นวสั ดุสาหรบั ซึมซับนา้ และเกล่ียกระจายนา้ เลีย้ งล้อรถบด เพ่ือ
ปอ้ งกนั ไมใ่ หส้ ว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตตดิ ลอ้ ขณะบดทบั มีระบบการส่นั สะเทือนท่ีอยใู่ น
สภาพดี

5. การเตรยี มการก่อนการก่อสร้าง
5.1 การเตรยี มสถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวสั ดุ
สถานท่ีตงั้ โรงงานผสมและกองวสั ดจุ ะตอ้ งเหมาะสม มีบรเิ วณกวา้ งพอท่ีจะดาเนนิ การไดโ้ ดยสะดวก
นอกจากนนั้ จะตอ้ งจดั ใหม้ ีการระบายนา้ ท่ีดี อนั จะเป็นการปอ้ งกนั มิใหน้ า้ ทว่ มกองวสั ดไุ ด้ พืน้ ท่ีสาหรบั
กองวสั ดทุ ่ีนามาใชง้ าน จะตอ้ งสะอาดปราศจากวสั ดไุ ม่พงึ ประสงค์ เช่น วชั พืช ส่ิงสกปรกอ่ืนๆ ควร
รองพืน้ ดว้ ยวสั ดหุ ินหรือปดู ว้ ยแผ่นวสั ดทุ ่ีเหมาะสม สถานท่ีกองวสั ดจุ ะตอ้ งราบเรียบไดร้ ะดบั พอควร การ
กองวสั ดแุ ตล่ ะขนาดจะตอ้ งกองแยกไวอ้ ยา่ งชดั เจน โดยการกองแยกใหห้ ่างกนั ตามสมควร หรือทายงุ้ กนั้

184

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ไว้เพ่ือป้องกันวัสดุท่ีจะใช้แต่ละชนิด แต่ละขนาด ไม่ให้ปะปนกัน หรือปะปนกับวัสดุไม่พึงประสงค์
อ่ืนๆ การกองวสั ดตุ อ้ งดาเนินการใหถ้ ูกตอ้ งเพ่ือป้องกนั ไม่ใหว้ สั ดเุ กิดการแยกตวั โดยการกองวสั ดุเป็น
ชนั้ ๆ สงู ชนั้ ละไมเ่ กินความสงู ของกองวสั ดุ กองเด่ยี วๆ เม่ือเทจากรถบรรทกุ เททา้ ยคนั หน่งึ ถา้ จะกองวสั ดุ
ชนั้ ตอ่ ไปจะตอ้ งแตง่ ระดบั ยอดกองใหเ้ สมอและไมค่ วรกองวสั ดสุ งู เป็นรูปกรวย

5.2 การเตรียมมวลรวมและวสั ดผุ สมแทรก
กองวสั ดทุ ่ีใชท้ กุ ชนิด จะตอ้ งมีมาตรการปอ้ งกนั ไมใ่ หว้ สั ดเุ ปียกนา้ ฝน โดยการกองวสั ดใุ นโรงท่ีมี
หลงั คาคลุม หรือคลมุ ดว้ ยผา้ ใบ หรือแผ่นวสั ดอุ ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม หรือโดยวิธีอ่ืนใดท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบ
จากผคู้ วบคมุ งานวสั ดุท่ีใชท้ ุกชนิดเม่ือป้อนเขา้ โรงงานผสม ตอ้ งไม่มีความชืน้ เกินกาหนดตามแนะนา
ของบรษิ ทั ผผู้ ลติ โรงงานผสมท่ีใชง้ านนนั้ ๆ ทงั้ นีเ้ พ่ือใหโ้ รงงานผสมทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพมวลรวม
ท่ีใชแ้ ตล่ ะชนิด ก่อนนาไปใชง้ านจะตอ้ งบรรจใุ นยงุ้ หินเย็นแยกกนั แตล่ ะยงุ้ และการผสมมวลรวมแตล่ ะ
ชนิดจะตอ้ งดาเนินการโดยผ่านยุง้ หินเย็นเท่านนั้ หา้ มนามาผสมกันภายนอกยงุ้ หินเย็นในทุกกรณีวัสดุ
ผสมแทรกหากนามาใชจ้ ะตอ้ งแยกใส่ยงุ้ วสั ดผุ สมแทรกโดยเฉพาะ การป้อนวสั ดผุ สมแทรก จะตอ้ งแยก
ตา่ งหากโดยไมป่ ะปนกบั วสั ดอุ ่ืน ๆ และจะตอ้ งปอ้ นเขา้ หอ้ งผสมโดยตรง

5.3 การเตรยี มโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์
โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตใ์ นถงั เก็บ จะตอ้ งรกั ษาอณุ หภมู ใิ หอ้ ยใู่ นช่วง 130-150 องศา
เซลเซียส (266-302 องศาฟาเรนไฮด)์ ตลอดเวลาท่ีใชง้ าน เม่ือจะผสมกบั มวลรวมท่ีโรงงานผสมตอ้ งให้
ความรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 1598 องศาเซลเซียส (31815 องศาฟาเรนไฮด)์ หรือมีอณุ หภมู ติ รงตามท่ีระบุ
ไวใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน การจา่ ยโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตไ์ ปยงั หอ้ งผสมจะตอ้ งเป็นไป
โดยตอ่ เน่ืองและมีอณุ หภมู ติ ามท่ีกาหนดอยา่ งสม่าเสมอ

5.4 การเตรยี มเคร่ืองจกั รเคร่ืองมืออปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการก่อสรา้ ง
เคร่อื งจกั รเคร่อื งมือและอปุ กรณท์ กุ ชนดิ ในขอ้ 4 เม่ือจะนามาใชง้ านตอ้ งมีสภาพใชง้ านไดด้ ี โดยจะตอ้ ง

ผา่ นการตรวจสอบและหรือตรวจปรบั ตามรายการและวิธีการท่ีกรมทางหลวงชนบทกาหนด และนายชา่ ง
ผคู้ วบคมุ งานอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดเ้ สียก่อน เคร่อื งจกั รเคร่อื งมือและอปุ กรณท์ กุ ชนิด ตอ้ งมีจานวนพอเพียงท่ีจะ
อานวยใหก้ ารกอ่ สรา้ งชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ดาเนินไปโดยตอ่ เน่ือง ไมต่ ดิ ขดั หรือหยดุ ชะงกั และ
ระหวา่ งการกอ่ สรา้ งจะตอ้ งบารุงรกั ษาใหอ้ ยใู่ นสภาพดีอยเู่ สมอ

5.5 การเตรียมพืน้ ท่ีก่อสรา้ ง
5.5.1 ชนั้ รองผิวทาง (binder course) หรือชนั้ ผิวทางเดิม ท่ีจะปพู อรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตปิดทบั จะตอ้ ง
เรยี บสม่าเสมอ นา้ ไมข่ งั หรือซมึ ผา่ นได้ มีระดบั และความลาดตามท่ีกาหนด

185

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

กรณีท่ีชนั้ ทางเหลา่ นีม้ ีความเสียหายเป็นคล่ืน เป็นหลมุ บอ่ มีจดุ ออ่ นตวั หรือไมถ่ กู ตอ้ งตามท่ี
กาหนด จะตอ้ งแกไ้ ขใหเ้ รยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งเสียกอ่ น โดยไดร้ บั ความเห็นจากผคู้ วบคมุ งาน
5.5.2 ชนั้ รองผิวทาง ชนั้ ผิวทางเดิมใดๆ ท่ีจะทาพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตปิดทบั ตอ้ งปราศจากฝ่ นุ วัสดุ
สกปรก หรือวสั ดไุ มพ่ ึงประสงคอ์ ่ืนปิดทบั อยู่ หากชนั้ ทางเหลา่ นีม้ ีส่ิงปิดทบั ท่ีไมพ่ ึงประสงคอ์ ยู่ ผรู้ บั
จา้ งตอ้ งทาการกาจดั ส่ิงปิดทับเหล่านีอ้ อกไป โดยวิธีท่ีผคู้ วบคมุ งานเห็นชอบ เช่น วิธีกวาดฝ่ นุ ดว้ ย
เคร่อื งกวาดฝ่นุ เป่าฝ่นุ ขดู ออก ลา้ งใหส้ ะอาด เป็นตน้

5.5.3 ผวิ ทางลาดยางเดมิ ท่ีมีแอสฟัลตเ์ ยมิ้ (bleeding)เป็นบางจดุ ก่อนทาชนั้ ผวิ ทางพอรสั แอสฟัลต์

คอนกรตี จะตอ้ งแกไ้ ขใหเ้ รียบรอ้ ยก่อน โดยการตดั ผิวแอสฟัลตท์ ่ีเยมิ้ ออก หรือแกไ้ ขโดยวิธีการอ่ืนใด
ท่ีเหมาะสมท่ีผคู้ วบคมุ งานกาหนดหรือเห็นชอบ

5.5.4 ชนั้ รองผิวทาง ชนั้ ผิวทางเดมิ ใดๆ ท่ีจะทาพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตปิดทบั ตอ้ งทาการแทคโคทก่อน
เสมอ การทาแทคโคท ใหใ้ ชแ้ อสฟัลตต์ ามขอ้ 2.1.2 ในอตั รา 0.4 - 0.8 ลิตรตอ่ ตารางเมตร ท่ี
อณุ หภมู ิ 50 - 85 องศาเซลเซียส สว่ นเคร่ืองมือและวธิ ีการทาแทคโคท ใหเ้ ป็นไปตาม มทช.277
: มาตรฐานงานแทคโคท (tack coat)

5.5.5 ผิวหนา้ ตดั ชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตเดมิ ท่ีจะตอ่ เช่ือมกบั พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ท่ีจะทาการ
กอ่ สรา้ งใหม่ ตอ้ งทาการแทคโคทดว้ ย แอสฟัลตแ์ ละวธิ ีการตามขอ้ 5.5.4

5.5.6 พืน้ ผิวสะพานคอนกรีต ท่ีจะปชู นั้ พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งขูดวัสดยุ าแนวรอยแตก และ
รอยตอ่ สว่ นเกินท่ีติดอยทู่ ่ีพืน้ ผวิ คอนกรีตออกใหห้ มด ลา้ งทาความสะอาดทิง้ ไวใ้ หแ้ หง้ แลว้ ใชเ้ คร่อื ง
เป่าลมเป่าฝ่นุ ออกใหห้ มดแลว้ จงึ ทาการแทคโคท ดว้ ยแอสฟัลตแ์ ละวิธีการตามขอ้ 5.5.4

5.5.7 ผวิ ทางคอนกรีต ท่ีจะทาชนั้ พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตปิดทบั จะตอ้ งเป็นผวิ ทางคอนกรีตท่ีเรยี บ
สม่าเสมอ นา้ ขงั หรอื ซมึ ผา่ นไมไ่ ด้ จะตอ้ งทาความสะอาดพืน้ ผิวคอนกรีต ตามขอ้ 5.5.6 แลว้ ใหท้ า
การแทคโคท ดว้ ยแอสฟัลตแ์ ละวิธีการตามขอ้ 5.5.4

6. การก่อสร้าง
6.1 การควบคมุ การผลิตสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีโรงงานผสม
การดาเนินการควบคมุ การผสมสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีโรงงานผสมมีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
6.1.1 การควบคมุ คณุ ภาพส่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตมวลรวม และโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลต์
ซีเมนตต์ อ้ งมีคณุ สมบตั ติ ามขอ้ 1. คณุ ภาพของสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ตอ้ งสม่าเสมอ
เป็นไปตามสตู รสว่ นผสมเฉพาะงานท่ีไดก้ าหนดขนึ้ สาหรบั พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตนนั้ ๆ

186

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

6.1.2 การควบคมุ เวลาในการผสมส่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต โรงงานผสมตอ้ งมีเคร่ืองตงั้ เวลา
และควบคมุ เวลาแบบอตั โนมตั ิ ท่ีสามารถตงั้ และปรบั เวลาในการผสมแหง้ และผสมเปียกไดต้ าม
ตอ้ งการสาหรบั โรงงานผสมแบบชุด ระยะเวลาในการผสมแหง้ และผสมเปียกควรใชป้ ระมาณ15
วินาที และ 30 วินาที ตามลาดบั สาหรบั โรงงานผสมแบบตอ่ เน่ือง ระยะเวลาในการผสมใหค้ านวณ
จากสูตร ตาม มทช.230 : มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete )ในการผสม
ส่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตโดยโรงงานผสมทั้ง 2 แบบ ตอ้ งไดส้ ่วนผสมพอรสั แอสฟัลต์
คอนกรีตท่ีสม่าเสมอ ในกรณีท่ีผสมกันตามเวลาท่ีกาหนดไว้แล้ว แต่ส่วนผสมพอรัสแอสฟัลต์
คอนกรีตยงั ผสมกันไม่สม่าเสมอตามตอ้ งการ ก็ใหเ้ พ่ิมเวลาในการผสมขึน้ อีกก็ได้ แต่เวลาในการ
ผสมทงั้ หมดตอ้ งไม่เกิน 60 วินาที ทงั้ นีใ้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผคู้ วบคมุ งานการกาหนดเวลาในการ
ผสมของโรงงานผสมใดๆ ใหก้ าหนดโดยการทาลองหาปรมิ าณท่ีแอสฟัลตเ์ คลือบผิวมวลรวม ตาม
วิธีการทดลอง AASHTO T 195 "Determining Degree of Particle Coating of Bituminous-
Aggregate Mixture"
เวลาท่ีใชใ้ นการผสมโพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตส์ ามารถเคลือบผิวของมวลรวมไดต้ ลอด
กอ้ น หรือเคลือบได้ 100 เปอรเ์ ซ็นต์ แตท่ งั้ นีต้ อ้ งไมเ่ กิน 60 วินาที

6.1.3 การควบคมุ อณุ หภมู ขิ องวสั ดกุ ่อนการผสมและอณุ หภมู ิของสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
6.1.3.1 มวลรวม กอ่ นการผสมตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 163  8 องศาเซลเซียส
(325  15 องศาฟาเรนไฮด)์ และมีความชืน้ ไม่เกินรอ้ ยละ 1 โดยมวลของมวลรวม ขณะ
เม่ือผสมกบั โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตท์ ่ีโรงงานผสม จะตอ้ งมีอณุ หภมู ิตรงตามท่ี
ระบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน

6.1.3.2 โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนต์ ขณะเก็บในถงั เก็บแอสฟัลตต์ อ้ งรกั ษาอณุ หภมู ิใหอ้ ยู่
ในช่วง130-150 องศาเซลเซียส(266-302 องศาฟาเรนไฮด)์ เม่ือจะผสมกับมวลรวมท่ี
โรงงานผสม จะตอ้ งใหค้ วามรอ้ นจนไดอ้ ณุ หภมู ิ 159  8 องศาเซลเซียส (318  15 องศา
ฟาเรนไฮด)์ หรือมีอณุ หภมู ิตรงตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน

6.1.3.3 ส่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตเม่ือผสมเสร็จ ก่อนนาออกจากโรงงานผสมจะตอ้ งมี
อณุ หภูมิระหว่าง 121-168 องศาเซลเซียส (250-335 องศาฟาเรนไฮด)์ หรือตามท่ีระบุไว้
ในสตู รสว่ นผสมเฉพาะงาน ถา้ มีอณุ หภมู แิ ตกตา่ งไปกว่าท่ีกาหนดนีห้ า้ มนาสว่ นผสมพอรสั
แอสฟัลตค์ อนกรีตดงั กลา่ วไปใชง้ าน

6.1.3.4.. ต้องทาการบันทึกอุณหภูมิของมวลรวมท่ีออกจากหม้อเผา อุณหภูมิของโพลีเมอร์
โมดฟิ ายดแ์ อสฟัลตซ์ ีเมนตข์ ณะกอ่ นผสมกบั มวลรวมและอณุ หภมู สิ ว่ นผสมพอรสั แอสฟัลต์
คอนกรีตตลอดเวลาท่ีปฏิบตั งิ าน โดยใชเ้ คร่ืองบนั ทึกอุณหภูมิแบบอตั โนมตั ิ พรอ้ มท่ีจะให้

187

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตรวจสอบไดต้ ลอดเวลา และผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งส่งบนั ทกึ รายการอณุ หภูมิประจาวนั ดงั กล่าว
แกผ่ คู้ วบคมุ งานทกุ วนั ท่ีปฏิบตั งิ าน
6.1.3.5 การวัดอุณหภูมิของส่วนผสมพอรัสแอสฟัลตค์ อนกรีตในรถบรรทุก ตอ้ งใช้เคร่ืองวัด
อณุ หภมู ิท่ีอา่ นอณุ หภมู ิไดอ้ ย่างรวดเร็ว การวดั อณุ หภูมิใหว้ ดั ผ่านรูท่ีเจาะไวข้ า้ งกระบะ
รถบรรทุกทั้ง 2 ดา้ น ท่ีประมาณก่ึงกลางความยาวของกระบะและสูงจากพืน้ กระบะ
ประมาณ 150 มิลลิเมตร การวดั อณุ หภมู ิใหว้ ดั จากรถบรรทกุ ทกุ คนั แลว้ จดบนั ทกึ อณุ หภมู ิ
ไว้

6.2 การขนสง่ สว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี
การขนสง่ สว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี จากโรงงานผสมไปยงั สถานท่ีก่อสรา้ ง ตอ้ งใชร้ ถบรรทกุ
ท่ีเตรียมไวแ้ ลว้ โดยถูกตอ้ ง ตาม มทช.230 : มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete )ใน
การขนสง่ จะตอ้ งมีผา้ ใบหรือแผน่ วสั ดอุ ่ืนใดท่ีใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมคลมุ สว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
เพ่ือรกั ษาอณุ หภมู ิและปอ้ งกนั นา้ ฝน หรอื ส่ิงสกปรกอ่ืนๆ ระยะทางในการขนสง่ เฉล่ียตอ้ งไมเ่ กิน 80 กม.
หรอื ตามท่ีกรมทางหลวงชนบทเห็นชอบ

6.3 การปสู ว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
การปสู ว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตใหด้ าเนินการ ตาม มทช.230 : มาตรฐานงานแอสฟัลตค์ อนกรตี
(asphalt concrete )

6.4 การบดทบั ชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต
การบดทบั ชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต จะตอ้ งใชเ้ คร่ืองจกั รบดทบั ท่ีถกู ตอ้ งตามท่ีกาหนดในขอ้

4.6 ซ่ึงมีจานวนเพียงพอท่ีจะบดทับใหพ้ อรัสแอสฟัลตค์ อนกรีตไดค้ วามแน่นตามตอ้ งการ โดยสามารถ
อานวยใหก้ ารก่อสรา้ งชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตดาเนินไปไดโ้ ดยปกติ ไมต่ ิดขดั หรือหยดุ ชะงกั ผู้
ควบคมุ งานอาจใหเ้ พ่มิ เคร่ืองจกั รชนิดอ่ืนใด นอกจากขอ้ 4.9 เพ่ือทาการบดทบั เม่ือเหน็ ว่าเป็นประโยชน์
และจาเป็นก็ไดก้ ารบดทบั จะตอ้ งดาเนินการทนั ทีหลงั จากการปสู ่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต และ
เร่ิมทาการบดทับขณะท่ีส่วนผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตยังรอ้ นอยู่ โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 120-
150 องศาเซลเซียส (248-302 องศาฟาเรนไฮด)์ เม่ือบดทับเรียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งไดช้ ั้นทางพอรสั
แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีมีความแน่น ความเรียบสม่าเสมอ ไดร้ ะดบั ความลาดตามแบบหรือขอ้ กาหนด ไมม่ ี
รอยแตก รอยเคล่ือนตวั เป็นแอง่ รอยคล่ืน รอยลอ้ รถบดหรือความเสียหายของชนั้ ผิวทางพอรสั แอสฟัลต์
คอนกรตี รถบดส่นั สะเทือนนนั้ ใชบ้ ดทบั เฉพาะรอยตอ่ ตา่ งๆ ในเท่ียวแรกเทา่ นนั้ สาหรบั พืน้ ท่ีอ่ืนๆใหใ้ ชร้ ถ
บดลอ้ เหล็ก 2 ลอ้ ทาการบดทบั ตงั้ แตเ่ ท่ียวแรกจนกระท่งั ไดค้ วามแนน่ ตามตอ้ งการ ซ่งึ โดยปกติจะตอ้ ง

188

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ทาการบดทบั ประมาณ 4-6 เท่ียว หลกั การและวิธีการบดทบั โดยท่วั ไป ใหด้ าเนินการตาม มทช.230 :
มาตรฐานงานผิวจราจรแบบแอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete )

7. การตรวจสอบชั้นทางพอรัสแอสฟัลตค์ อนกรตี ทก่ี ่อสร้างเสรจ็ แล้ว
พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ งเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ มีหลกั เกณฑก์ ารตรวจสอบ ดงั นี้
7.1 ลกั ษณะผวิ (surface texture)

ชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีกอ่ สรา้ งเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งไดร้ ะดบั และความลาดตาม

แบบหรือขอ้ กาหนด มีลกั ษณะผิวสม่าเสมอ ไมป่ รากฏความเสียหาย เชน่ ผิวหนา้ หลดุ (pull) รอยฉีก (tom)
ผิวหนา้ หลวมหรือแยกตวั (segregation) เป็นคล่ืน (ripple) หรือความเสียหายอ่ืนๆ หากตรวจสอบแลว้
ปรากฏความเสียหายดงั กลา่ ว จะตอ้ งดาเนนิ การแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งเรยี บรอ้ ยตามท่ีผคู้ วบคมุ งานเหน็ สมควร

7.2 ความเรียบท่ีผิว (surface tolerance)
เม่ือใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรียบ ตาม มทช.230 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบแอสฟัลตค์ อนกรีต
(asphalt concrete) วางทาบบนผิวของชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตภายใตไ้ มบ้ รรทดั วดั ความเรยี บจะ
แตกตา่ งไดไ้ มเ่ กิน 6 มิลลเิ มตร และ 3 มิลลลิ เิ มตร ตามลาดบั

7.3 ความแนน่ (density)
การตรวจสอบรบั รองความแนน่ ของชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตท่ีก่อสรา้ งเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ได้
จากการเปรียบเทียบคา่ ความแนน่ ของตวั อยา่ งท่ีบดอดั ในหอ้ งทดลอง ตาม มทช.(ท) 607 : มาตรฐานการ
ทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวธิ ีมารแ์ ชลล์ (Marshall) โดยคานวณเป็นคา่ ความแนน่ รอ้ ยละของคา่
ความแน่นของตวั อยา่ งท่ีบดอดั ในหอ้ งทดลอง ตามรายละเอียดดงั นี้
7.3.1 การจดั เตรียมกอ้ นตวั อย่างพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตในหอ้ งทดลอง ใหเ้ ก็บตวั อย่างส่วนผสมพอรสั
แอสฟัลตค์ อนกรีตจากรถบรรทกุ ท่ีโรงงานผสมก่อนขนส่งออกไปยงั สถานท่ีก่อสรา้ ง โดยการส่มุ
ตัวอย่างจากรถบรรทุกจากการผลิตส่วนผสมพอรัสแอสฟัลตค์ อนกรีตประจาวันเป็นระยะๆ
แลว้ นาไปดาเนินการในหอ้ งทดลองโดยใหไ้ ดก้ อ้ นตวั อย่าง อย่างนอ้ ย 8 กอ้ น ตวั อย่างในแตล่ ะ
วันท่ีปฏิบตั ิงานทดลองหาค่าความแน่น แลว้ นาค่าความแน่นท่ีทดลองไดจ้ ากก้อนตวั อย่าง
ทั้งหมดมาหาค่าเฉล่ียเป็นค่าความแน่นในห้องทดลองประจาวัน สาหรบั ใชใ้ นการคานวณ
เปรียบเทียบเป็นคา่ ความแนน่ รอ้ ยละของตวั อยา่ งชนั้ ทางพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ในสนาม
การเก็บตวั อยา่ งและการเตรียมตวั อยา่ งสว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ใหด้ าเนินการตาม
รายละเอียดและวิธีการท่ีกาหนด การทดลองหาคา่ ความแนน่ ใหด้ าเนนิ การตาม มทช.(ท) 607 :
มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรีต โดยวิธีมารแ์ ชลล์ (marshall) สาหรบั อุณหภูมิของ

189

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
สว่ นผสมพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตในขณะบดอดั กอ้ นตวั อย่างในหอ้ งทดลองจะตอ้ งตรงตามท่ีระบุ
ไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน สาหรับตัวอย่างส่วนผสมพอรัสแอสฟัลต์คอนกรีต ระหว่ าง
ดาเนินการในหอ้ งทดลองนนั้ อนญุ าตใหน้ าเขา้ อบในเตาอบเพ่ือรกั ษาอณุ หภมู ิสาหรบั การบดอดั
ท่ีกาหนดไดน้ านไม่เกิน 30 นาที ในระหว่างดาเนินการถา้ อุณหภูมิของตวั อย่างส่วนผสมพอรสั
แอสฟัลตค์ อนกรีตลดลงต่ากว่าอุณหภูมิการบดอัดท่ีกาหนด ให้นาส่วนผสมพอรัสแอสฟัลต์
คอนกรีตดงั กล่าวนัน้ ไปทิง้ หา้ มนาไปอบเพ่ือเพ่ิมอุณหภูมิเพ่ือนามาใช้บดอัดทาก้อนตวั อย่าง
ทดลองอีกตอ่ ไป
7.3.2 การหาคา่ ความแนน่ ของพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรตี ในสนาม ใหใ้ ช้ LCS permeameter ตามวธิ ีการ
ทดลองท่ี NLT 327 เม่ือบดทบั เสรจ็ หรือวธิ ีการหาคา่ ความแนน่ อ่ืนใดท่ีกรมทางหลวงชนบท
เห็นชอบก็ไดค้ า่ ความแนน่ ของพอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีตในสนาม จะตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 98
ของคา่ ความแนน่ เฉล่ียประจาวนั ของกอ้ นตวั อยา่ งจากหอ้ งทดลอง

8. หนังสืออ้างอิง
8.1 กรมทางหลวง มาตรฐานท่ี ทล.-ม. 414/2536 “พอรสั แอสฟัลตค์ อนกรีต (porous asphalt concrete)”
8.2 กรมทางหลวง มาตรฐานท่ี ทล.-ม. 408/2532 “แอสฟัลตค์ อนกรีต (asphalt concrete or hot-mix
asphalt)”
8.3 AMERICAN SOCIETY OF TESTING METERIALS ASTM. STANDARD D-1559-82
8.4 THE ASPHALT INSTITUTE “MIX DESIGN METHODS FOR ASPHALT CONCRETE AND THE HOT-
MIX TYPES” MANUAL SERIES NO.2 (MS-2)

190

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.238-2545
มาตรฐานวัสดุ โพลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตอ์ มิ ัลชัน CRS-1 สาหรับงานแทคโคท

( porymer modified asphalt emulsion CRS-1 for tack coat)

1. ขอบข่าย
วสั ดโุ พลีเมอรโ์ มดฟิ ายดแ์ อสฟัลตอ์ ิมลั ชนั CRS-1 สาหรบั งานแทคโคท หมายถึง แอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั สาเรจ็ รูปท่ี

ไดจ้ ากการผสมระหวา่ งโพลีเมอร์ (polymer) กบั แอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั (asphalt emulsion) CRS-1 ภายใตก้ ระบวนการ
ผสมท่ีดาเนนิ การในโรงงานผลิต โดยใชเ้ คร่ืองผสมท่ีออกแบบโดยเฉพาะ สารโพลีเมอรท์ ่ีใชผ้ สมไดแ้ ก่ SBS
(styrene butadiene styrene),EVA (ethylene vinyl ace tate)หรือสารโพลีเมอรอ์ ่ืนใด ท่ีผสมแลว้ ไดโ้ มดฟิ ายด์
แอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั มีคณุ สมบตั ิ ตามขอ้ 2
2. คุณสมบัติ

SPECIFICATION FOR POLYMER MODIFIED ASPHALT EMULSION CRS-1 FOR TACK COAT

191

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ลาดบั รายละเอียดคณุ สมบตั ิ หนว่ ย MINIMUM MAXIMUM วิธีทดสอบ

test on emulsion Sec 20 100 มทช.(ท)603
% wt. - 5 ASTM D244
1 Viscosity , Saybolt Furol at % wt. - 1 ASTM D244
% wt. - 0.1 ASTM D244
2 50C Positive Positive ASTM D244
3 Settlement 5 days - 30 - ASTM D244
4 Storage Stability test , 24 hrs. % wt. 60 - ASTM D244
5 Sieve test (Retained on 20 % wt. - 3 ASTM D244
6 mesh) % wt.
7 Particle charge test 45 - ASTM D36
8 Demulsibility test C 100 200 มทช.(ท)609
0.1m
Residue by distillation m. 50 - มทช.(ท)610
97.5 - ASTM D2042
Oil distillate cm.
9 TEST ON RESIDUE FROM % wt.
10 EVAPORATION

Softening point , Ring and Ball
11 Penetration at 25C. , 100
12 gm., 5 sec.

Ductility at 13C. 5 cm/min

Solubility in trichloroethylene

192

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.239-2551
มาตรฐานพนื้ ทางตะกรันเหลก็ โม่
(crushed steel slag aggregates for base)

1. ขอบข่าย
วสั ดพุ ืน้ ทางตะกรนั เหล็กโม่ประกอบดว้ ยมวลรวมตะกรนั เหล็กโม่ท่ีมีขนาดคละกนั อยา่ งสม่าเสมอ โดยนามา

เกล่ียแตง่ บดอดั บนชนั้ คนั ทางหรือรองพืน้ ทางใหม้ ีคณุ สมบตั ถิ กู ตอ้ งตามขอ้ กาหนด

2. คุณสมบัติ
วสั ดพุ ืน้ ทางมวลรวมตะกรนั เหล็กโมจ่ ะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ ดงั ตอ่ ไปนี้
2.1 คา่ ขีดเหลว (liquid limit) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 25
2.2 คา่ ดชั นีความเป็นพลาสตกิ (plastic index) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 4
2.3 คา่ การสกึ หรอ (percentage of wear) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 40
2.4 เม่ือทดสอบหาความคงทน (soundness) ของมวลรวม โดยใชส้ ารละลายโซเดียมซลั เฟต จานวน 5 รอบ
คา่ ของสว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 9
2.5 คา่ สมมลู ของทราย (sand equivalent) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 35
2.6 คา่ ซี.บ.ี อาร.์ จากหอ้ งทดลอง ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ท่ี 95 % ของคา่ ความหนาแนน่ แหง้ สงู สดุ แบบสงู กวา่
มาตรฐาน (modified procter density) หรือไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นแบบก่อสรา้ ง
2.7 คา่ ปรมิ าณการขยายตวั (expansion) ของวสั ดมุ วลรวม ไมเ่ กินรอ้ ยละ 0.5
2.8 ขนาดคละของมวลรวม ดงั ตารางขา้ งลา่ งนี้

193

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ขนาดของตะแกรง นา้ หนกั ท่ีผ่านตะแกรงคิดเป็นรอ้ ยละ
มาตรฐาน
ชนิด ก. ชนดิ ข. ชนิด ค.
2 นวิ้ (50 มม.)
1 นวิ้ (25 มม.) 100 100 -
3/8 นวิ้ (9.5 มม.)
เบอร์ 4 (4.75 มม.) - 75 – 95 100
เบอร์ 10 (2.00 มม.)
เบอร์ 40 (0.425 มม.) 30 – 65 40 – 75 50 – 85
เบอร์ 200 (0.075 มม.)
25 – 55 30 – 60 35 – 65

15 – 40 20 – 45 25 – 50

8 – 20 15 – 30 15 – 30

2 – 8 5 – 20 5 – 15

194

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช.240-2551
มาตรฐานวัสดมุ วลรวมตะกรันเหลก็ สาหรับงานแอสฟัลตค์ อนกรตี

(steel slag aggregates for asphalt concrete)

1. ขอบข่าย
วสั ดมุ วลรวมตะกรนั เหลก็ สาหรบั ใชท้ าแอสฟัลตค์ อนกรีต ประกอบดว้ ย
1.1 วสั ดมุ วลหยาบ (coarse aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีคา้ งตะแกรงขนาด 4.75 มม. (เบอร์ 4) ขนึ้ ไป ซ่งึ มี
คณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
1.2 วสั ดมุ วลละเอียด (fine aggregates) หมายถึง วสั ดทุ ่ีคา้ งตะแกรงขนาด 4.75 มม. (เบอร์ 4) ลงมา ซ่ึงมี
คณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด
1.3 วสั ดผุ สมแทรก (mineral filler) หมายถึง วสั ดทุ ่ีมีขนาดผ่านตะแกรงขนาด 0.600 มม. (เบอร์ 30) ลงมา
หรอื อาจรวมถงึ หนิ ฝ่นุ , ปอรต์ แลนดซ์ ีเมนต,์ ซิลิกาซีเมนต,์ หรอื วสั ดอุ ่ืนใดท่ีกรมทางหลวง-ชนบทอนมุ ตั ใิ ห้
ใชไ้ ด้ ซง่ึ มีคณุ สมบตั ติ ามท่ีกาหนด

2. คุณสมบัติ
วัสดุมวลรวมตะกรนั เหล็กจากแหล่งผลิตท่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมีค่าปริมาณการขยายตัวท่ีเกิดจากปฏิกิริยา

hydration ไมเ่ กินรอ้ ยละ 0.5 และจะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ ดงั ตอ่ ไปนี้
2.1 วสั ดมุ วลหยาบ
2.1.1 ตอ้ งเป็นวสั ดทุ ่ีแข็งและคงทน (hard and durable) สะอาด ปราศจากวสั ดทุ ่ีไม่พงึ ประสงค์ ท่ีอาจ
ทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตมีคณุ ภาพดอ้ ยลง
2.1.2 คา่ การสกึ หรอ (percentage of wear) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 40
2.1.3 เม่ือทดสอบหาความคงทน (soundness) ของมวลรวม โดยใชส้ ารละลายโซเดียมซลั เฟต จานวน
5 รอบ คา่ ของสว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 9
2.1.4 คา่ การเคลือบผวิ ของยางแอสฟัลตไ์ ด้ ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 95
2.1.5 คา่ ดชั นีความแบน (flakiness index) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 30
2.1.6 คา่ ดชั นีความยาว (elongation index) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 30
2.2 วสั ดมุ วลละเอียด
2.2.1 หินฝ่ ุน หรือทราย ตอ้ งสะอาด ปราศจากวสั ดุท่ีไม่พึงประสงค์ ท่ีอาจทาใหแ้ อสฟัลตค์ อนกรีตมี
คณุ ภาพดอ้ ยลง

195

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.2.2 คา่ สมมลู ของทราย (sand equivalent) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 35
2.2.3 เม่ือทดสอบหาความคงทน (soundness) ของมวลรวม โดยใชส้ ารละลายโซเดียมซลั เฟต จานวน

5 รอบ คา่ ของสว่ นท่ีไมค่ งทน (loss) ไมเ่ กินรอ้ ยละ 9
2.3 วสั ดผุ สมแทรก ใชผ้ สมเพ่ิมในกรณีเม่ือผสมมวลหยาบกบั มวลละเอียดเป็นมวลรวมแลว้ สว่ นละเอียดใน

มวลรวมยงั ไมเ่ พียงพอ หรือใชผ้ สมเพ่ือปรบั ปรุงคณุ ภาพของแอสฟัสตค์ อนกรีต
2.3.1 สะอาด ปราศจากวสั ดอุ ่ืน เชน่ วชั พืช ดนิ เหนียว เป็นตน้
2.3.2 แหง้ ไมจ่ บั ตวั เป็นกอ้ น
2.3.3 มีสว่ นคละผา่ นตะแกรงมาตรฐานดงั ตอ่ ไปนี้

ขนาดตะแกรงมาตรฐาน ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล
0.600 (เบอร์ 30) 100
0.300 (เบอร์ 50)
0.075 (เบอร์ 200) 75 – 100
55 - 100

196


Click to View FlipBook Version