The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

NEW คู่มือ มทช.หมวดงานทาง

Keywords: ทางหลวงชนบท,กรม,ทช

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางท่ี1 ขนาดคละของมวลรวมและปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รับปรุงคุณภาพดว้ ยยางธรรมชาติ

ชนั้ ทาง Wearing Course Binder Base
Course Course
ขนาดท่ีใช้ มิลลิเมตร 9.5 12.5 19.0 25.0
3/8 ½
เรยี ก นวิ้ 25 – 35 40 - 70 ¾ 1
40 - 80 70 – 100
ความหนา (มิลลเิ มตร)

ขนาดตะแกรง ปรมิ าณผา่ นตะแกรง รอ้ ยละโดยมวล

มลิ ลิเมตร นวิ้

37.5 1 ½ 100
90 – 100
25.0 1 100
90 – 100 -
19.0 ¾ 100 56 – 80
100 80 – 100 -
12.5 ½ 90 – 100 - 56 – 80 -
55 – 85 44 – 74 35 – 65 29 – 59
9.5 3/8 32 – 67 28 – 58 23 – 49 19 – 45
--
4.75 เบอร์ 4 -- - -
7 – 23 5 – 21 - -
2.36 เบอร์ 8 -- 5 – 19 5 – 17
2 - 10 2 - 10 - -
1.18 เบอร์ 16 2-8 1-7

0.600 เบอร์ 30

0.300 เบอร์ 50

0.150 เบอร์ 100

0.075 เบอร์ 200

ปรมิ าณ แอสฟัลตซ์ ีเมนต์

ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยาง

ธรรมชาติ 4.0 – 8.0 3.0 – 7.0 3.0 – 6.5 3.0 – 6.0

(รอ้ ยละโดยนา้ หนกั ของมวล

รวม)

247

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หมายเหตุ กรมทางหลวงชนบท อาจพิจารณาเปล่ียนแปลงขนาดคละของมวลรวม และปรมิ าณ
แอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตทิ ่ีใช้ แตกตา่ งจากตารางท่ี 1 ก็ได้ ทงั้ นีแ้ อสฟัลต์
คอนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาตทิ ่ีได้ ตอ้ งมีคณุ สมบตั ิและความแข็งแรงถกู ตอ้ งตามตารางท่ี 3

ตารางท่ี 2 ขนาดคละของวัสดุผสมแทรก

ขนาดตะแกรง รอ้ ยละผา่ นตะแกรง
มิลลเิ มตร โดยนา้ หนกั

0.600 (เบอร์ 30) 100
0.300 (เบอร์ 50) 75 – 100

0.75 บอร์ 200) 55-100

ตารางท่ี 3 ข้อกาหนดในการออกแบบแอสฟัลตค์ อนกรตี ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ

ชนั้ ทาง Wearing Course Binder Course Base Course

ขนาดท่ีใชเ้ รียก มลิ ลิเมตร 9.5 12.5 19.0 25.0

(นวิ้ ) (3/8) (1/2) (3/4) (1)

ความหนา มิลลิเมตร 25 – 35 40 - 70 40 - 80 70 - 100

Number of Blows (Each End) 75 75 75 75

Stability N Min. 9786 9786 9786 9786

(lb) Min. (2200) (2200) (2200) (2200)

Flow 0.25 mm (0.01 in.) 9 - 17 9 - 17 9 - 17 9 - 17

Percent Air Voids 3–5 3-5 3-6 3-6

Percent Voids in Mineral 15 14 13 12
Aggregate (VMA) Min.

Stability / Flow Min.

N / 0.25 mm 750 750 750 750

(lb / 0.01 in.) 170 170 170 170

Percent Strength Index Min. 75 75 75 75

หมายเหตุ (1) การทดสอบเพ่ือออกแบบสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ

ใหด้ าเนินการตาม มทช. (ท) 607 : มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลตค์ อนกรตี โดยวิธีมารแ์ ชลล์

248

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

(Marshall) โดยใชอ้ ณุ หภมู ิในการทดสอบตามขอ้ แนะนาของบริษัทผผู้ ลิตแอสฟัลตซ์ ีเมนต์
ปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ
(2) การทดสอบหาคา่ ดชั นีความแขง็ แรง (Strength Index) ใหด้ าเนนิ การตามวิธีการทดลองท่ี
ทล.-ท. 413 : วิธีการทดลองหาคา่ ดชั นีความแข็งแรงของสว่ นผสมแอสฟัลตค์ อนกรีต

ตารางที่ 4 เกณฑค์ วามคลาดเคลอื่ นทยี่ อมใหข้ องวัสดตุ ่างๆ สาหรับสูตรผสมเฉพาะงาน

วสั ดุ เปอรเ์ ซ็นต์

1. มวลรวม ±5
1.1 ผ่านตะแกรงขนาด 2.36 มิลลิเมตร (เบอร์ 8) และขนาด ±4
ใหญ่กวา่
1.2 ผ่านตะแกรงขนาด 1.18 มิลลิเมตร (เบอร์ 16) 0.600 ±3
มลิ ลเิ มตร (เบอร์ 30) และ 0.300 มิลลิเมตร (เบอร์ 50) ±2
1.3 ผา่ นตะแกรงขนาด 0.150 มิลลเิ มตร (เบอร์ 100)
1.4 ผา่ นตะแกรงขนาด 0.075 มลิ ลิเมตร (เบอร์ 200)

2. ปรมิ าณแอสฟัลตซ์ ีเมนตป์ รบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยยางธรรมชาติ ± 0.3

249

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 101-2545
มาตรฐานงานคอนกรีต และคอนกรตี เสรมิ เหล็ก

ขอบข่าย มาตรฐานนีค้ รอบคลมุ ถึงงานโครงสรา้ งของส่ิงก่อสรา้ ง ดงั ตอ่ ไปนี้ อาคารท่วั ไป สะพาน ท่ีขงั นา้ และ
เข่ือน เป็นตน้ นอกจากรายการประกอบแบบเฉพาะงาน จะระบเุ ป็นอยา่ งอ่ืน

1. ขอ้ กาหนดสาหรบั วสั ดกุ อ่ สรา้ ง และการทดสอบ (specifications and tests for materials)
1.1ปนู ซีเมนต์
1.1.1 ปูนซีเมนตท์ ่ีใช้ในงานก่อสรา้ งโครงสรา้ งทั้งหมด ให้ใช้ปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ ตามมาตรฐาน
ผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 15 : ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ ซ่งึ แบง่ เป็นประเภทตา่ ง ๆ ดงั นี้
1.1.1.1 ประเภท 1 เป็นปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดธ์ รรมดา สาหรบั ใชใ้ นการกอ่ สรา้ งท่วั ไป
1.1.1.2 ประเภท 2 เป็นปูนซีเมนต์ปอรต์ แลนด์ ท่ีให้ความร้อนเพียงปานกลาง และมีความ
ตา้ นทานตอ่ ซลั เฟตปานกลาง
1.1.1.3 ประเภท 3 เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภทเกิดแรงสูงเร็ว (high early strength
portland cement) สาหรบั ใชใ้ นงานคอนกรีตท่ีตอ้ งการใหร้ บั นา้ หนกั ไดเ้ ร็ว
1.1.1.4 ประเภท 4 เป็นปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ ประเภทใหค้ วามรอ้ นต่า
1.1.1.5 ประเภท 5 เป็นปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ ประเภทตา้ นทานซลั เฟตสงู
1.1.1.6 ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนตป์ อซโซลาน เป็นปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดท์ ่ีใชใ้ นงานก่อสรา้ งโครงสรา้ ง
ท่ีสัมผัสหรือได้รับอิทธิ พลจากดินเค็ม น้าเค็ม หรือน้ากร่อย ตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก.849 : ปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ อซโซลาน

1.2 ทราย
1.2.1 ตอ้ งเป็นทรายนา้ จืดหรือทรายบก ท่ีมีเม็ดหยาบ คม แข็งแกรง่ สะอาดปราศจากวสั ดอุ ่ืน เช่น เปลือก
หอย ดนิ เถา้ ถ่าน และสารอินทรียต์ า่ ง ๆ เจือปน
1.2.2 ทรายท่ีใชใ้ นการก่อสรา้ งจะตอ้ งมีคา่ พิกดั ความละเอียด (fineness modulus) ตงั้ แต่ 2.3 ถงึ 3.1
1.2.3 ตอ้ งผา่ นการทดสอบคณุ สมบตั ติ าม มทช.(ท) 101 : มาตรฐานการทดสอบวสั ดมุ วลผสมคอนกรตี

1.3 หินหรือกรวด
1.3.1 หิน หรอื กรวดท่ีใชต้ อ้ งแข็งแกรง่ เหนียว ไมผ่ ุ และสะอาด ปราศจากวสั ดอุ ่ืนเจือปน
1.3.2 ขนาดใหญ่สดุ ของหิน หรือกรวดท่ีใชต้ อ้ งไม่ใหญ่กวา่ 40 มม. และไม่ใหญ่กว่า 1/5 ของดา้ นในท่ีแคบ
ท่ีสดุ ของแบบหลอ่ และตอ้ งไมใ่ หญ่กวา่ ¾ ของชอ่ งหา่ งระหวา่ งเหลก็ เสรมิ แตล่ ะเสน้ หรือแตล่ ะมดั
1.3.3 ตอ้ งผา่ นการทดสอบคณุ สมบตั ติ าม มทช.(ท) 101 : มาตรฐานการทดสอบวสั ดมุ วลผสมคอนกรตี

250

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

1.4 นา้
1.4.1 นา้ ท่ีใชผ้ สมคอนกรตี ใหใ้ ชน้ า้ ประปา
1.4.2 ในกรณีท่ีหานา้ ประปาไม่ได้ ตอ้ งเป็นนา้ จืดปราศจากสารท่ีเป็นอนั ตรายตอ่ คอนกรีต และเหล็กเสริม
และตอ้ งผา่ นการทดสอบคณุ สมบตั ติ าม มทช.(ท) 104 : มาตรฐานการทดสอบนา้ ท่ีใชใ้ นงานคอนกรีต

1.5 คอนกรีต
1.5.1 ชนิด และกาลงั ของคอนกรีต
ชนิดของคอนกรีตท่ีใชง้ านในงานก่อสรา้ ง มีดงั นี้ ค1, ค1-2, ค2, ค3 และ ค4 ดงั แสดงในตารางท่ี 1
และหากไมม่ ีการกาหนดเป็นอยา่ งอ่ืน คอนกรีตท่ีใชใ้ นโครงสรา้ งท่วั ไปใหใ้ ชช้ นิด ค1

ตารางที่ 1 ชนิดของคอนกรีต และค่าแรงอัดประลัยตา่ สุด

จานวนปนู ซีเมนตท์ ่ีใช้ แรงอดั ประลยั ต่าสดุ ของแทง่ คอนกรีต
ตอ่ คอนกรีต 1 ลบ.ม.
ชนิดของ (เป็นกิโลกรมั ) ตอ้ งไมน่ อ้ ย มาตรฐาน ท่ีอายุ 28 วนั (เป็นกิโลกรมั /
คอนกรตี
กวา่ ตารางเซนตเิ มตร)
ค1
ค 1-2 290 ลกู บาศก์ ทรงกระบอก
ค2 300
ค3 320 15x15x15 ซม.  15x30 ซม.
ค4 350
400 180 145

210 175

240 200

300 250

420 350

1.6 เหล็กเสรมิ คอนกรีต
ใหเ้ ป็นไปตาม มทช. 103 : มาตรฐานเหล็กเสน้ เสรมิ คอนกรตี

2. ขอ้ กาหนดในการก่อสรา้ ง (construction requirements)
2.1 ปนู ซีเมนต์

ปนู ซีเมนตท์ ่ีใชใ้ นงานก่อสรา้ งทงั้ หมด ถา้ แบบหรือรายการประกอบแบบเฉพาะงานไม่ไดก้ าหนดว่าเป็นปนู ซีเมนต์
ประเภทใด

251

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.1.1 ถา้ ใชป้ นู ซีเมนตป์ ระเภทเกิดแรงสงู เร็วในการก่อสรา้ งของโครงสรา้ ง ใหใ้ ชป้ นู ซีเมนตป์ อรต์ แลนด์
ประเภท 3 ตามขอ้ 1.1

2.1.2 ตอ้ งเป็นปนู ซีเมนตท์ ่ีบรรจถุ งุ เรยี บรอ้ ย หรือเป็นปนู ซีเมนตท์ ่ีเก็บในภาชนะบรรจขุ องบริษัทผผู้ ลิต
2.1.3 ปนู ซีเมนตบ์ รรจถุ งุ ตอ้ งเก็บไวบ้ นพืน้ ท่ียกสงู กวา่ พืน้ ดนิ อย่างนอ้ ย 30 เซนตเิ มตร ในโรงท่ีมีหลงั คา

คลมุ และมีฝากนั้ กนั ฝนไดด้ ี
2.1.4 หา้ มใชป้ นู ซีเมนตเ์ ส่ือมคณุ ภาพ เชน่ ปนู ซีเมนตซ์ ่งึ แขง็ ตวั จบั กนั เป็นกอ้ น เป็นตน้
2.1.5 ในโครงสรา้ งชิน้ เดียวกนั เช่น เสา คาน พืน้ เป็นตน้ หา้ มใชป้ นู ซีเมนตต์ า่ งประเภทผสมคอนกรตี

ปนกนั
2.2 มวลผสม

ทราย หนิ หรอื กรวด ตอ้ งกองในลกั ษณะท่ีแยกขนาด และปอ้ งกนั มใิ หป้ ะปนกนั
2.3 นา้

2.3.1 ใหใ้ ชน้ า้ ประปาตามขอ้ 1.4 แตถ่ า้ จาเป็นตอ้ งใชน้ า้ ท่ีข่นุ มาผสมคอนกรีตแลว้ ตอ้ งทานา้ ใหใ้ ส
ก่อนจึงนามาใชไ้ ด้ โดยอาจปฏิบตั ิดงั นี้ ใหใ้ ชป้ นู ซีเมนต์ 1 ลิตร ต่อนา้ ข่นุ 200 ลิตร ผสมทิง้ ไว้
ประมาณ 5 นาที หรอื จนตกตะกอนนอนกน้ หมดแลว้ จงึ ตกั เอานา้ ใสมาใชไ้ ดแ้ ตท่ งั้ นี้ นา้ ตอ้ งผา่ น
การทดสอบคณุ สมบตั ติ าม มทช.(ท) 104 : มาตรฐานการทดสอบนา้ ท่ีใชใ้ นงานคอนกรีต

2.4 คอนกรีต
2.4.1 สว่ นผสมของคอนกรีต ค1, ค1-ค2, ค3 และ ค4 ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งเป็นผทู้ ดลองทาสว่ นผสมนีข้ นึ้ เอง
โดยรว่ มปรกึ ษากบั วิศวกรผอู้ อกแบบ หรอื วิศวกรของผวู้ า่ จา้ ง ถงึ สว่ นผสมท่ีเหมาะแก่คณุ ภาพของ
วัสดุเป็นคราว ๆ ไป การทดลองหาส่วนผสมจะต้องทาล่วงหน้าก่อนใช้งานคอนกรีตจริงใน
ระยะเวลาอนั สมควร และจะตอ้ งแจง้ ถึงอตั ราส่วนท่ีผ่านการทดลอง และตดั สินใจใชใ้ หผ้ วู้ ่าจา้ ง
ทราบก่อน อย่างไรก็ดีการแจ้งส่วนผสมให้ทราบนีไ้ ม่เป็นการทาให้ผู้รับจ้างพ้นภาระความ
รบั ผิดชอบในเร่อื งคอนกรตี ไมไ่ ดก้ าลงั ตามตอ้ งการ
2.4.2 การเลือกสว่ นผสมใหถ้ ือหลกั ดงั นี้
ก. ปนู ซีเมนตใ์ หม้ ีไมน่ อ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไว้ ตามตารางท่ี 1
ข. ปรมิ าณปนู ซีเมนตผ์ สมเถา้ ลอยและปนู ซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ อซโซลาน จะตอ้ งมีอตั ราสว่ นท่ี
เหมาะสมตาม มาตรฐานวิธีการออกแบบสว่ นผสม โดยวศิ วกรและตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบ
จากผวู้ า่ จา้ ง
ค. ปรมิ าณนา้ ใหม้ ีนอ้ ยท่ีสดุ เพ่ือใหค้ อนกรีตมีความขน้ เหลวพอเหมาะไมเ่ หลวเกินไป และมี
ความคลอ่ งตวั ในการเท (workability)
ง. อตั ราสว่ นผสม และขนาดของมวลผสม ตอ้ งเหมาะสมกบั ประเภทของโครงสรา้ งและการใชง้ าน

252

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.5 การผสมคอนกรีต
2.5.1 การผสมคอนกรีตในสถานท่ีกอ่ สรา้ ง ใหผ้ สมดว้ ยเคร่ืองผสม และการผสมแตล่ ะครงั้ ใหผ้ สมตอ่
ปนู ซีเมนต์ 1 หรอื 2 ถงุ
2.5.2 สาหรบั เคร่อื งผสมท่ีมีความจุ 1 ลกู บาศกเ์ มตร หรือนอ้ ยกวา่ ตอ้ งใชเ้ วลาผสมนานอยา่ งนอ้ ย 1 ½ นาที
และใหเ้ พ่มิ ระยะเวลาผสม 15 วินาที ทกุ ๆ ความจทุ ่ีเพ่มิ ขนึ้ 0.5 ลกู บาศกเ์ มตร หรือเศษของลกู บาศก์
เมตร
2.5.3 เคร่อื งผสมตอ้ งหมนุ ดว้ ยความเรว็ สม่าเสมอตามท่ีผผู้ ลิตกาหนดอตั ราความเรว็ ท่ีขอบนอกควร
ประมาณ 1 เมตร ตอ่ วินาที
2.5.4 การนบั เวลาท่ีใชผ้ สมใหเ้ รม่ิ นบั เม่ือใสม่ วลวสั ดตุ า่ ง ๆ ท่ีใชผ้ สมทงั้ หมดลงในเคร่ืองผสมแลว้

2.6 การลาเลียงและการเทคอนกรีต
2.6.1 ตอ้ งตรวจดแู บบหลอ่ และการวางเหล็กเสรมิ ว่าม่นั คง และถกู ตอ้ งตามแบบรายละเอียดพรอ้ มทงั้ ทา
ความสะอาดใหป้ ราศจากเศษวสั ดทุ ่ีอยใู่ นแบบท่ีจะเท และอดุ รอยร่วั ตา่ ง ๆ เพ่ือมใิ หน้ า้ ปนู หนีออก
เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ จะทาการเทคอนกรีตได้
2.6.2 การลาเลียงและการเทคอนกรีตตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั ไมใ่ หเ้ กิดการแยกตวั ของคอนกรตี
2.6.3 คอนกรตี ท่ีผสมแลว้ ตอ้ งรบี นาไปเทลงในแบบ โดยเรว็ ก่อนท่ีคอนกรีตนนั้ จะแข็งตวั (ไมค่ วรเกิน 30
นาที) และตอ้ งระมดั ระวงั มิใหเ้ หล็กเสรมิ เคล่ือน หรอื เปล่ียนไปจากตาแหนง่ เดมิ
2.6.4 ถา้ หากเทคอนกรีตในโครงสรา้ ง สว่ นหนง่ึ สว่ นใดไมเ่ สร็จในรวดเดยี วแลว้ ตอ้ งหยดุ เทคอนกรีตตามท่ี
วิศวกรผคู้ วบคมุ งานของผวู้ ่าจา้ ง กาหนดหรือตามตาแหนง่ ดงั นี้
ก. สาหรบั เสา ท่ีระดบั ไมเ่ กิน 7.5 เซนตเิ มตร ต่าจากทอ้ งคานหวั เสา
ข. สาหรบั คาน ท่ีกลางคานโดยใชไ้ มก้ นั้ ตงั้ ฉาก ในกรณีท่ีคานซอยตดั กบั คานหลกั ตรงบรเิ วณ
ก่งึ กลางชว่ งใหเ้ ล่ือนรอยตอ่ ในคานออกไปอีกระยะ 1 เทา่ ของความลกึ ของคานหลกั
ค. สาหรบั พืน้ ท่ีกลางแผน่ โดยใชไ้ มก้ นั้ ตงั้ ฉาก เม่ือจะเทคอนกรตี ตอ่ ใหท้ าผิวคอนกรีตใหห้ ยาบ ตาม
วธิ ีท่ีไดร้ บั การรบั รองแลว้ จนเหน็ เม็ดหนิ โผลโ่ ดยตลอด ปราศจากฝา้ นา้ ปนู หรือเศษหิน ปนู ทราย
ท่ีหลดุ รว่ ง ลา้ งผวิ ท่ีทาหยาบนนั้ ดว้ ยนา้ สะอาดทนั ที ก่อนเทคอนกรีตใหมใ่ หพ้ รมนา้ ท่ีผิวคอนกรีต
ใหช้ ืน้ แตไ่ มเ่ ปียกโชก
2.6.5 หา้ มเทคอนกรีตในขณะท่ีมีฝนตกเวน้ แตจ่ ะมีท่ีปอ้ งกนั

2.7 การทาใหค้ อนกรีตแนน่ ตวั
เม่ือใชเ้ คร่ืองส่นั สะเทือนชนิดจมุ่ เพ่ือทาใหค้ อนกรีตแนน่ ตวั ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้
2.7.1 ใหจ้ มุ่ ปลายขนึ้ ลงตรง ๆ ชา้ ๆ การจมุ่ ตอ้ งจมุ่ จนสดุ ชนั้ คอนกรีตท่ีเทใหม่ และเลยเขา้ ไปในชนั้ ใต้
เลก็ นอ้ ย

253

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.7.2 ใหจ้ มุ่ หวั ส่นั สะเทือนเป็นจดุ ๆ ระยะหา่ งตงั้ แต่ 45-75 เซนตเิ มตร โดยใชเ้ วลาจมุ่ นาน 5-15 วนิ าที

2.7.3 การถอนหวั ส่นั สะเทือนขนึ้ ใหถ้ อนชา้ ๆ ประมาณ 7.5 เซนตเิ มตร ตอ่ วนิ าที

2.7.4 ในการจมุ่ ตอ้ งระวงั อยา่ ใหห้ วั ส่นั สะเทือนถกู แบบหล่อและเหล็กเสรมิ เพราะจะทาใหแ้ บบหล่อเสียรูป

หรือเหล็กเสรมิ เคล่ือนผดิ ตาแหนง่ ได้

2.7.5 หา้ มจมุ่ หวั ส่นั สะเทือนทงิ้ ไวน้ านเกินไป หรือจมุ่ ซา้ ท่ีบรเิ วณเดยี วกนั เพราะจะทาใหค้ อนกรีตแยกตวั

และหา้ มใชเ้ กล่ียคอนกรีต

2.8 การบม่ คอนกรีต

เม่ือเทคอนกรีตเสรจ็ แลว้ ในระหวา่ งท่ีคอนกรีตยงั ไมแ่ ขง็ ตวั ตอ้ งปกคลมุ มใิ หถ้ กู แสงแดด และกระแส

ลมรอ้ นตอ้ งปอ้ งกนั มใิ หค้ อนกรีตไดร้ บั ความสะเทือน และเม่ือพน้ ระยะเวลา 24 ช่วั โมง หรอื เม่ือคอนกรตี

แขง็ ตวั แลว้ ตอ้ งจดั การบม่ ใหค้ อนกรีตชมุ่ นา้ อยตู่ ลอดเวลาตอ่ เน่ืองกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ 7 วนั ดว้ ยการใช้

กระสอบชบุ นา้ คลมุ หรือดว้ ยการขงั นา้ ฯลฯ

2.9 การแตง่ ผวิ คอนกรีต

2.9.1 เม่ือถอดแบบออกแลว้ ถา้ เนือ้ คอนกรตี มีลกั ษณะเป็นรูพรุน หรือขรุขระก่อนท่ีจะดาเนนิ การตอ่ ไปให้

แจง้ ผคู้ วบคมุ งาน หรือวิศวกรของผวู้ า่ จา้ งตรวจสอบพจิ ารณาเสียก่อน

2.9.2 เม่ือตอ้ งการจะฉาบปนู ทบั ผวิ หนา้ คอนกรีต ทาใหผ้ ิวหนา้ คอนกรีตใหข้ รุขระ ราดนา้ ใหช้ ืน้ แลว้ จงึ ฉาบ

ปนู เม่ือฉาบปนู เสรจ็ แลว้ ใหม้ ีการปอ้ งกนั ผิวหนา้ แหง้ เป็นเวลาตอ่ เน่ืองไมน่ อ้ ยกว่า 3 วนั

2.9.3 การฉาบปนู ภายในของผวิ คอนกรีตท่ีจะใชข้ งั นา้ ใหฉ้ าบปนู ขดั มนั สว่ นผิวคอนกรีตภายนอกใหฉ้ าบ

ปนู ตกแตง่ ใหเ้ รียบรอ้ ยหรือตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นแบบรายละเอียด

2.10 สว่ นหมุ้ ของคอนกรตี

ถา้ มไิ ดแ้ สดงไวใ้ นแบบรายละเอียดแลว้ ใหใ้ ชส้ ว่ นหมุ้ คอนกรตี จากผวิ ไมแ้ บบถึงผวิ นอกเหลก็ เสรมิ ดงั ตอ่ ไปนี้

ยกเวน้ โครงสรา้ งท่ีสมั ผสั ดนิ เคม็ หรือนา้ เคม็

พืน้ ท่วั ไป ทางเทา้ รางระบายนา้ ท่ีหนาไมเ่ กิน 12 เซนตเิ มตร 1.5 เซนตเิ มตร

พืน้ สะพาน และโครงสรา้ งระบายนา้ 2.5 เซนตเิ มตร

เสา และคาน 2.5 เซนตเิ มตร

เสาตอมอ่ 4.0 เซนตเิ มตร

ฐานราก 5.0 เซนตเิ มตร

เสาเข็ม 5.0 เซนตเิ มตร

โครงสรา้ งท่ีสมั ผสั ดนิ เคม็ หรือนา้ เคม็ 7.5 เซนตเิ มตร

254

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.11 การหลอ่ ตวั อยา่ งคอนกรีตและการทดสอบ
2.11.1 ในการเทคอนกรีตตอ้ งทดสอบหาคา่ การยบุ ตวั (slump test) ทกุ ครงั้ ท่ีเปล่ียนอตั ราส่วนผสมของ
นา้ กบั ปนู ซีเมนตห์ รอื ผคู้ วบคมุ งานของผวู้ า่ จา้ งเหน็ วา่ คอนกรตี ขน้ หรอื เหลวเกินไปวธิ ีทา slump test
ตอ้ งเป็นไปตาม มทช.(ท) 103 : มาตรฐานการทดสอบการยบุ ตวั ของคอนกรีต คา่ การยบุ ตวั ของ
คอนกรตี ควรเป็นไปตามคา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 2

ตารางที่ 2 ค่าการยบุ ตัวสาหรับงานก่อสร้างชนิดต่าง ๆ เมือ่ ใช้เคร่ืองส่ันสะเทอื น

ชนิดของงานก่อสรา้ ง คา่ การยบุ ตวั (ซม.)
สงู สดุ ต่าสดุ
ฐานราก 7.5 5
แผน่ พืน้ , คาน, ผนงั ค.ส.ล. 10 5
เสา 12.5 5
ครบี ค.ส.ล. และผนงั บาง ๆ 15 5

2.11.2 เพ่ือเป็นการตรวจคณุ ภาพของคอนกรตี วา่ เป็นไปตามขอ้ กาหนดหรอื ไม่ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั หาแบบ
เหลก็ มาตรฐานมาหล่อตวั อย่างคอนกรตี ขนาด 15x15x15 เซนตเิ มตร หรือทรงกระบอกขนาดเสน้
ผา่ นศนู ยก์ ลาง 15 เซนตเิ มตร สงู 30 เซนตเิ มตร แลว้ เก็บตวั อยา่ งคอนกรตี ในหนา้ งานนนั้ ๆ ตอ่ หนา้ ผู้
ควบคมุ งานของผวู้ า่ จา้ ง แลว้ นาไปเก็บบารุงรกั ษาตาม มทช.(ท) 102 : มาตรฐานการเก็บตวั อยา่ ง
คอนกรตี ในหนา้ งานและการนาไปบารุงรกั ษา

2.11.3 การเก็บตวั อยา่ งคอนกรีตท่ีจะทดสอบ ใหเ้ ก็บทกุ วนั เม่ือมีการเทคอนกรีต และอยา่ งนอ้ ยตอ้ งเก็บ 3
กอ้ น เพ่ือทดสอบกาลงั คอนกรีตเม่ืออายุ 28 วนั โดยใชว้ ิธีการเก็บ ดงั นี้
ก. เก็บเม่ือหล่อคอนกรตี แตล่ ะส่วนของโครงสรา้ ง เชน่ ฐานราก เสา คาน และพืน้
ข. เก็บทกุ ครงั้ ท่ีมีการเทคอนกรีตทกุ ๆ 50 ลกู บาศกเ์ มตร และเศษของ 50 ลกู บาศกเ์ มตร
ค. เก็บทกุ ครงั้ เม่ือมีการเปล่ียนแหลง่ ทราย หรอื หิน-กรวด สาหรบั คอนกรตี ผสมเสรจ็ (ready mixed
concrete) การเก็บใหเ้ ก็บท่ีปาก กลาง และกน้ โม่ จานวนตวั อยา่ งท่ีเก็บใหเ้ ป็นไปตามขอ้ ก. และ ข.

2.12 การพจิ ารณาผลการทดสอบ
2.12.1 คอนกรีตท่ีหลอ่ แลว้ จะยอมรบั ไดต้ อ่ เม่ือผลการทดสอบแทง่ ตวั อยา่ งคอนกรีตทดลองมาตรฐาน ท่ี
เก็บมาทงั้ สามกอ้ นเม่ืออายคุ รบ 28 วนั นนั้ ตรงตามความตอ้ งการขอ้ ใดขอ้ หน่งึ ในสองขอ้ ตอ่ ไปนี้

255

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ก. กาลงั อดั ของแทง่ คอนกรีตแตล่ ะกอ้ น ตอ้ งไมต่ ่ากวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 1 ขอ้ 1.5.1
ข. ถา้ กอ้ นใดมีกาลังอดั ต่ากว่าท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 1 ขอ้ 1.5.1 แลว้ กาลงั อดั เฉล่ียของทงั้ สาม
กอ้ นนนั้ ตอ้ งสงู กวา่ ท่ีกาหนดไว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 5 และผลตา่ งของกาลงั อดั ของกอ้ นท่ีมีกาลงั ต่าสดุ
กบั คา่ ท่ีกาหนดไวต้ อ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 10 ของคา่ ท่ีกาหนดไว้ ในกรณีท่ีทดสอบค่าของกาลงั คอนกรีต
เม่ืออายุ 7 วนั คา่ กาลงั อดั ของแตล่ ะกอ้ นตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 70 ของคา่ ท่ีกาหนดเม่ืออายคุ รบ 28
วนั อยา่ งไรก็ตามการพิจารณาตดั สินกาลงั คอนกรีตขนั้ สดุ ทา้ ย ถือเม่ือกอ้ นคอนกรีตอายคุ รบ 28 วนั
เป็นเกณฑ์
2.12.2 หากปรากฎวา่ คา่ แรงอดั ประลยั ของผลการทดสอบดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ไม่เป็นไปตามท่ีไดก้ าหนด
ไวใ้ นขอ้ 1.5.1 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งสกดั หรอื รอื้ สว่ นท่ีเทคอนกรีตไปแลว้ นนั้ ออกเสียแลว้ จดั การหลอ่ ใหม่โดย
ใชค้ อนกรตี ซง่ึ มีคณุ ภาพไดแ้ รงอดั ประลยั ไม่ต่ากวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นขอ้ 1.5.1 หรือผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งใชว้ ิธี
ตรวจสอบท่ีผู้ว่าจ้างเห็นชอบ ความเสียหายหรือค่าใชจ้ ่ายต่าง ๆ ท่ีเกิดขึน้ เน่ืองจากกา รหล่อ
คอนกรีตใหม่ หรือการตรวจสอบความม่ันคงแข็งแรงของโครงสรา้ งส่วนนั้น ๆ ผูร้ บั จ้างตอ้ งเป็น
ผรู้ บั ผิดชอบเองทงั้ สนิ้ จะคดิ มลู คา่ เพ่มิ เตมิ จากผวู้ า่ จา้ งไมไ่ ด้
2.12.3 การทดสอบหาค่าแรงอดั ประลยั ของตวั อย่างคอนกรีตมาตรฐานนนั้ ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งส่งมาใหก้ รม
ทางหลวงชนบท หรือส่วนราชการอ่ืนใด หรือท่ีท่ีผแู้ ทนผวู้ ่าจา้ งสามารถรว่ มทาการทดสอบได้ เป็นผู้
ทดสอบคา่ ใชจ้ า่ ยในการนีผ้ รู้ บั จา้ งจะตอ้ งเป็นผอู้ อกเองทงั้ สนิ้
2.13 แบบหลอ่
2.13.1 แบบหลอ่ ตอ้ งทาจากวสั ดทุ ่ีแขง็ แรง ไมผ่ ุ ไมค่ ดงอ อาทิ เหล็ก ไม้ ฯลฯ
2.13.2 แบบหลอ่ ตอ้ งเขา้ แบบใหส้ นิท เพ่ือกนั นา้ ปนู ร่วั ผิวดา้ นในของแบบท่ีถกู กบั คอนกรีตตอ้ งเรียบและ
ตอ้ งลา้ งใหส้ ะอาดกอ่ นลงมือเทคอนกรีตเสมอ
2.13.3 แบบหล่อและน่งั รา้ นรองรบั คอนกรีตเหลวตอ้ งม่นั คงแข็งแรงพอรบั นา้ หนกั และแรงส่นั สะเทือนเม่ือ
ใชเ้ คร่ืองส่นั สะเทือนคอนกรีตได้ โดยไม่ทรุดตวั หรือแอ่นตวั จนเสียระดบั หรือแนว หากเกิดการเสีย
ระดบั หรือแนวหรือผิดขนาดจนเห็นว่าจะเกิดผลเสียหาย ผูร้ บั จา้ งตอ้ งทุบทาลายชิน้ ส่วนนนั้ ทงั้ ชิน้
แลว้ หล่อใหม่ใหถ้ ูกตอ้ งโดยจะคิดมลู ค่าเพ่ิมเติมจากผวู้ ่าจา้ งไมไ่ ด้ ทงั้ นีม้ ิไดท้ าใหผ้ รู้ บั จา้ งพน้ ความ
รบั ผดิ ชอบตอ่ ผลเสียหายใด ๆ ท่ีอาจจะเกิดจากการทบุ ทาลายชนิ้ สว่ นนนั้ ๆ
2.13.4 แบบหล่อจะถอดออกไมไ่ ดจ้ นกวา่ จะไดก้ าหนดเวลา การถอดแบบตอ้ งไมใ่ หค้ อนกรตี ไดร้ บั ความ
กระเทือน และใหถ้ ือกาหนดเวลาการถอดแบบดงั ตอ่ ไปนี้

แบบขา้ งคาน กาแพง ฐานราก 2 วนั
แบบขา้ งเสา 3 วนั

256

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แบบลา่ งรองรบั พืน้ -คาน 14 วนั

และเม่ือถอดแลว้ ใหค้ า้ ตามจดุ ตา่ ง ๆ ท่ีเหมาะสมไวอ้ ีก 14 วนั

ทั้งนี้ ให้ยกเว้นในกรณีท่ีใช้ปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดช์ นิดแข็งตัวเร็ว ให้ถือกาหนดถอดแบบตาม

มาตรฐานกาหนดของคอนกรีตประเภทนนั้

2.13.5 หา้ มทาการกอ่ สรา้ งหรอื องคป์ ระกอบใดๆ บนคอนกรีตท่ีเทแลว้ เสรจ็ จนกวา่ จะผา่ น 24 ช่วั โมง

หลงั จากเทคอนกรีตครงั้ สดุ ทา้ ยแบบหลอ่ สว่ นนนั้

2.13.6 แบบหล่อท่ีรือ้ ออกแลว้ ก่อนท่ีจะนามาใช้ใหม่จะตอ้ งทาความสะอาดและตกแต่งให้เรียบร้อย

เสียก่อนจงึ จะนาไปใชอ้ ีกได้

257

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 102-2545
มาตรฐานงานคอนกรีตอัดแรง

ขอบข่าย มาตรฐานนีค้ รอบคลมุ ถงึ งานโครงสรา้ งของส่ิงกอ่ สรา้ งทกุ ประเภทท่ีเป็นคอนกรตี อดั แรง
1. ขอ้ กาหนดสาหรบั วสั ดกุ ่อสรา้ งและการทดสอบ(specifications and tests for materials)

1.1 คอนกรีต
1.1.1 ใหใ้ ชป้ ูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดป์ ระเภท 1 ประเภท 3 หรือ ประเภท 5 ท่ีมีคุณสมบตั ิตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรม มอก.15 : มาตรฐานปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดแ์ ละค่าของแรงอัดประลัย
(ultimate compressive strength) ของแท่งทรงกระบอกคอนกรีตมาตรฐานขนาดเส้นผ่าน
ศนู ยก์ ลาง 15x30 เซนติเมตร ถา้ ไม่ไดร้ ะบไุ วใ้ นแบบรายละเอียดแลว้ เม่ือมีอายคุ รบ 28 วนั ตอ้ งมี
คา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ 350 กิโลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร
1.1.2 ปนู ซีเมนต์ ทราย หนิ และนา้ ท่ีนามาใชผ้ สมคอนกรีตนนั้ จะตอ้ งมีคณุ สมบตั เิ ป็นไปตาม มทช. 101
: มาตรฐานงานคอนกรีต และคอนกรตี เสรมิ เหล็ก ของกรมทางหลวงชนบท

1.2 ลวดเหล็ก (prestressing wire)
1.2.1 ลวดเหล็กท่ีใชต้ อ้ งมีสมบตั ิทางกลตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 95 : มาตรฐานลวด
เหลก็ สาหรบั งานคอนกรีตอดั แรง ดงั มีรายละเอียดตามตารางตอ่ ไปนี้
ตารางแสดงสมบัตทิ างกลของลวดเหล็ก
ลวดเหล็กประเภทไม่คลายแรงและคลายแรง (stress-relieved and nonstress-relieved)

ชื่อขนาด เสน้ ผา่ น ความเคน้ ดงึ สงู สดุ ความเคน้ พิสจู น์ การทดสอบ ความลา้
ศนู ยก์ ลาง กิโลกรมั แรงตอ่ ท่ี 0.2% offset การดดั กลบั คิดเป็น
PC 4 มิลลเิ มตร ตารางมลิ ลเิ มตร กิโลกรมั แรงตอ่ รอ้ ยละ
ตารางมิลลเิ มตร
PC 4A 4.00 ไมน่ อ้ ย ไมม่ าก ไมน่ อ้ ย ไมม่ าก จานวนครงั้ รศั มหี วั ตดั ไมม่ ากกวา่
PC 5 กวา่ กวา่ กวา่ กวา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ มลิ ลเิ มตร 4.5
PC 5A 5.00 175 200 130 150
PC 7 3 12.5
PC 7A 7.00 175 200 150 170
PC 9A 9.00 175 200 130 150 3 15 4.5
175 200 150 170
160 185 120 140 3 20 4.5
160 185 135 160
140 170 125 150 3 25 4.5

258

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หมายเหตุ ค่าความลา้ ท่ีกาหนดในตารางนีไ้ วส้ าหรับการทดสอบนาน 10 ช่วั โมงเท่านนั้ ส่วนค่าท่ีใชใ้ นการ
ออกแบบใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานของการออกแบบสากล

1.2.2 ความคลาดเคล่ือนของเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเหล็กท่ียอมให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 95 : มาตรฐานลวดเหล็กสาหรบั งานคอนกรีตอดั แรง ดงั มีรายละเอียด
ตามตารางตอ่ ไปนี้

ตารางแสดงความคลาดเคลื่อนทย่ี อมให้สาหรับเส้นผ่านศูนยก์ ลางของลวดเหลก็

ช่ือขนาด เสน้ ผา่ น ความคลาดเคล่ือน พืน้ ท่ีหนา้ ตดั ระบุ นา้ หนกั ระบุ
ศนู ยก์ ลาง ท่ียอมให้ (ตาราง (กิโลกรมั ตอ่
PC 4, PC 4A (มลิ ลิเมตร) (มลิ ลิเมตร) มลิ ลิเมตร) กิโลเมตร)
PC 5, PC 5A 0.050
PC 7, PC 7A 4.00 0.050 12.75 98.7
PC 9A 5.00 0.050 19.64 154.0
7.00 0.050 38.48 302.0
9.00 63.62 499.0

1.3 ลวดเหล็กตเี กลียวชนิด 7 เสน้ (uncoated seven-wire stress-relieved strand)
1.3.1 ลวดเหล็กตีเกลียวท่ีใชต้ อ้ งมีคุณสมบตั ิทางกลตามมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 420 :
มาตรฐานลวดเหล็กตีเกลียวชนิด 7 เสน้ สาหรบั งานคอนกรีตอัดแรง ดงั มีรายละเอียดตามตาราง
ตอ่ ไปนี้

259

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางแสดงคุณสมบัตทิ างกลของลวดเหล็กตเี กลยี ว

ช่ือขนาด ความตา้ นแรงดงึ ท่ีจดุ ยืด แรงดงึ สงู สดุ ความยืด ความลา้
ความตา้ นแรงดงึ (กิโลกรมั แรง) รอ้ ยละ รอ้ ยละ
SPC 6A ไมน่ อ้ ยกวา่ ไมน่ อ้ ยกวา่
SPC 7A แรงดงึ เร่มิ ตน้ ท่ีจดุ ยืด รอ้ ยละ 1 ไม่
SPC 9A (กิโลกรมั แรง) (กิโลกรมั แรง) 4,080 3.5 มากกวา่
SPC 11A 6,580 3.5
SPC 12A ไมน่ อ้ ยกวา่ 9,070 3.5 3.0
SPC 15A 410 3,470 12,240 3.5 3.0
SPC 9B 660 5,580 16,320 3.5 3.0
SPC 11B 910 7,710 24,490 3.5 3.0
SPC 12B 1,220 10,430 10,430 3.5 3.0
SPC15B 1,630 13,880 14,060 3.5 3.0
2,450 20,820 18,730 3.5 3.0
1,040 8,870 26,580 3.5 3.0
1,410 11,950 3.0
1,880 15,910 3.0
2,660 22,580

1.3.2 ความคลาดเคล่ือนของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของลวดเหล็กตีเกลียวท่ียอมให้ ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม มอก. 420 : มาตรฐานลวดเหล็กตเี กลียวชนดิ 7 เสน้ สาหรบั งานคอนกรีตอดั
แรงดงั มีรายละเอียดตามตารางตอ่ ไปนี้

260

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ตารางแสดงความคลาดเคล่อื นทยี่ อมให้สาหรับเส้นผ่านศูนยก์ ลางของลวดเหล็กตเี กลยี ว

ชนั้ คณุ ภาพ ช่ือขนาด เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง คา่ ความแตกตา่ ง พืน้ ท่ี นา้ หนกั
มิลลิเมตร ไมน่ อ้ ยกวา่ ภาคตดั ขวาง กิโลกรมั ตอ่
1725 SPC 6A (มลิ ลเิ มตร) ตารางมลิ ลิเมตร
1860 SPC 7A 6.35  0.40 0.03 เมตร
SPC 9A 7.94  0.40 0.04 23.22 182
SPC 11A 9.53  0.40 0.05 37.42 294
SPC 12A 11.11  0.40 0.07 51.61 405
SPC 15A 12.70  0.40 0.08 69.68 548
SPC 9B 15.24  0.40 0.10 92.90 730
9.53 + 0.65 0.05 139.35 1,094
SPC 11B 54.84 432
- 0.15 0.07
SPC 12B 11.11 + 0.65 74.19 582
0.08
SPC 15B - 0.15 98.71 775
12.70 + 0.65 0.10
140.00 1,102
- 0.15
15.24 + 0.65

- 0.15

1.4 การดงึ ลวดเหล็กและลวดเหลก็ ตเี กลียวชนิด 7 เสน้
ถา้ ไมไ่ ดก้ าหนดไวใ้ นแบบรายละเอียดเป็นอยา่ งอ่ืนแลว้ ลวดเหล็กและลวดเหลก็ ตเี กลียวจะทาการดงึ หรือตดั ก็

ไดต้ อ่ เม่ือคา่ แรงอดั ของแทง่ ทรงกระบอกคอนกรีตมาตรฐาน  15x30 เซนตเิ มตร ของคอนกรีตโครงสรา้ งนนั้ มีคา่
ไมน่ อ้ ยกวา่ คา่ ท่ีกาหนด ดงั นี้

- งานอาคาร รอ้ ยละ 80 ของแรงอดั ประลยั ท่ีกาหนดให้
- งานสะพาน รอ้ ยละ 85 ของแรงอดั ประลยั ท่ีกาหนดให้
- งานเสาเขม็ รอ้ ยละ 70 ของแรงอดั ประลยั ท่ีกาหนดให้

261

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แตท่ งั้ นีก้ ารดงึ ลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียว จะตอ้ งทาใหเ้ กิดคา่ แรงอดั ในคอนกรีตไมเ่ กินรอ้ ยละ 60 ของ
คา่ แรงอดั ประลยั ของคอนกรีตในขณะดงึ ลวด
1.5 ทอ่ รอ้ ยลวดเหล็กและลวดเหล็กตเี กลียว

1.5.1 ทอ่ รอ้ ยตอ้ งไมร่ ่วั และไมท่ าปฏิกิรยิ ากบั คอนกรีต
1.5.2 เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางภายในท่อตอ้ งโตกว่าเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของลวดเหล็กหรือกล่มุ ลวดเหล็กอยา่ ง

นอ้ ย 6 มิลลิเมตร หรือมีพืน้ ท่ีหนา้ ตดั ภายในอย่างนอ้ ย 2 เท่า ของพืน้ ท่ีหนา้ ตดั ของลวดเหล็ก หรือ
กลมุ่ ลวดเหลก็ นนั้
1.6 การอดั ซีเมนตเ์ หลว
1.6.1 ซีเมนตเ์ หลวท่ีใชใ้ นการอดั ฉีดเขา้ ไปในโครงสรา้ งคอนกรีตอดั แรงนนั้ ส่วนผสมของนา้ ตอ่ ปนู ซีเมนต์
(W/C ratio) จะตอ้ งเหมือนกบั ส่วนผสมของคอนกรีตอดั แรง และมีสว่ นผสมของอลมู ิเนียมฟลายแอช
หรือวสั ดอุ ่ืนท่ีใชใ้ นการนีโ้ ดยเฉพาะ ซง่ึ จะตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบเสียก่อน
1.6.2 การฉีดซีเมนตเ์ หลวจะตอ้ งทาดว้ ยเคร่ืองอดั ใชแ้ รงดนั ประมาณ 6 กิโลกรมั ตอ่ ตารางเซนติเมตร และ
จะเลิกอดั ฉีดซีเมนตเ์ หลวไดก้ ็ตอ่ เม่ือท่ีปลายอีกขา้ งหน่งึ มีซีเมนตเ์ หลวพงุ่ ไหลออกมาเตม็ ทอ่ และพงุ่ ไหล
สม่าเสมอแลว้ จงึ อดุ ทอ่ ได้
1.7 การตดั ลวดภายหลงั การอดั ซีเมนตเ์ หลว
การตดั ลวดใหต้ ดั ไดเ้ ม่ือซีเมนตเ์ หลวแข็งตวั แลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 3 วนั โดยการตดั ทาไดด้ งั นี้
1.7.1 ใชเ้ คร่ืองตดั ชนิดความเร็วสูง (high-speed abrasive cutting wheel) หรือเล่ือยตดั (friction saw)
หรือวธิ ีอ่ืนใด ท่ีไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากวศิ วกรของผวู้ า่ จา้ งแลว้
1.7.2 ใชเ้ คร่ืองตดั โลหะชนิดใส่แก๊ส acetylene-oxygen ตดั โดยเพ่ิมปริมาณของออกซิเจนเขา้ ไปขณะท่ี
โลหะเร่ิมหลอมละลายแต่ควรระวังไม่ให้เปลวไฟ หรือประกายไฟ กระเด็นไปถูกสมอยึด
(anchorage) หรอื เสน้ ลวดเหลก็ (tendons)
หมายเหตุ ในระบบดงึ เหล็กภายหลงั (post tension) วิธีการตดั ทิง้ วิธีท่ี 1 และ 2 จะตอ้ งมีระยะหา่ งไมนอ้ ยกว่า 1
เท่าของเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางลวดเหล็ก จากสมอยดึ และอณุ หภมู ิภายในเสน้ ลวดเหล็กท่ีใกลก้ บั สมอยึด
ตอ้ งไมเ่ กิน 200 องศาเซนเซียส เม่ือตดั เรียบรอ้ ยแลว้ ใหพ้ อกหมุ้ รอยตดั ดว้ ยปนู ทรายอตั ราสว่ น 1:1
2. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง (construction requirements)
2.1 คอนกรีต
2.1.1 ในกรณีท่ีผรู้ บั จา้ งตอ้ งการจะใชส้ ารผสม (admixture) เชน่ สารท่ีชว่ ยใหค้ อนกรีตแขง็ ตวั ชา้ ในระยะแรก
เพ่ือชว่ ยในการปฏิบตั งิ าน จะตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผวู้ า่ จา้ งก่อน

262

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.1.2 กรรมวิธีในการผลิตคอนกรีต เช่น การเท การบารุงรกั ษา การติดตงั้ ไมแ้ บบ การควบคมุ คณุ ภาพ การ
ยอมรบั การวดั ผลของกาลงั คอนกรีตและอ่ืน ๆ ใหถ้ ือปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั มทช. 101 : มาตรฐานงาน
คอนกรตี และคอนกรีตเสรมิ เหล็ก

2.2 ลวดเหล็กและลวดเหลก็ ตีเกลียว
2.2.1 ลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวท่ีใชจ้ ะตอ้ งมีรายงานการทดสอบเก่ียวกับความลา้ (relaxation)
จากโรงงานผลิตสง่ มายงั ผวู้ า่ จา้ งดว้ ย
2.2.2 ลวดเหล็กและลวดเหลก็ ตเี กลียวท่ีสง่ มาตอ้ งเป็นมว้ น และเป็นของใหมไ่ มเ่ คยใชง้ านมาก่อน
2.2.3 เหล็กเสริมอ่ืน ๆ ท่ีมิใช่ลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียว ซ่ึงนามาใช้ในงานคอนกรีตอัดแรงนี้
จะตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานงานเหล็กเสริมคอนกรีต ของกรมทางหลวงชนบท มทช . 103 :
มาตรฐานงานเหลก็ เสรมิ คอนกรีต
2.2.4 การเก็บตวั อยา่ ง
2.2.4.1 จะตอ้ งเก็บลวดเหลก็ และลวดเหล็กตเี กลียวตวั อยา่ งตอ่ หนา้ ผคู้ วบคมุ งานของผวู้ ่าจา้ ง
2.2.4.2 การเก็บลวดตัวอย่างให้เก็บจากทุกวันท่ีต้นม้วนและปลายม้วนอย่างน้อยแห่งละ 2
ตวั อย่าง แตล่ ะตวั อย่างตอ้ งยาวไม่นอ้ ยกว่า 100 เซนติเมตร เพ่ือทาการทดสอบสมบตั ิ
ทางกลตาม มอก. 95 : มาตรฐานลวดเหล็กสาหรบั งานคอนกรีตอดั แรง และ มอก. 420 :
มาตรฐานลวดเหล็กตีเกลียวชนดิ 7 เสน้ สาหรบั งานคอนกรีตอดั แรง

2.3 การดงึ ลวดเหลก็ และลวดเหลก็ ตีเกลียว ชนิด 7 เสน้
2.3.1 การดึงลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียว ในกรณีท่ีเป็นแบบดึงเหล็กภายหลงั (post-tension) ถา้ ความ
ยาวของลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวยาวเกิน 20 เมตร ใหด้ งึ ทงั้ สองปลายและใหด้ งึ พรอ้ มๆ กนั ใน
กรณีท่ีตอ้ งการดึงเหล็กปลายเดียว ยาวเกินกว่า 20 เมตร ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจาก วิศวกรของผู้
วา่ จา้ งกอ่ น ถา้ เป็นแบบดงึ เหลก็ ก่อน (pre-tension) ใหด้ งึ เหลก็ ปลายเดียวได้
2.3.2 ส่วนยืดของลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวท่ีดึง จะต้องได้ความยาวตามท่ีได้ระบุไวัในแบบ
รายละเอียดในระหว่างการดึงลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวนนั้ ใหต้ รวจสอบความยาวของหลวด
เหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวท่ีดงึ ยืดออกมากบั เคร่ืองวดั แรงอดั (pressure gauge) ของเคร่ืองมือท่ีใช้
สาหรบั ดงึ ลวดเหล็กและลวดเหล็กตีเกลียวนนั้ ดว้ ย
2.3.3 การหดตวั เม่ือ cone ถกู อดั เขา้ ท่ีแลว้ ลวดจะตอ้ งไม่ล่ืนไปตาม cone มากกวา่ 4.5 มลิ ลิเมตร ตอ่ cone
หากมากกวา่ นีใ้ หอ้ ยใู่ นการวนิ ิจฉยั ของวศิ วกรของผวู้ า่ จา้ ง

263

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 103-2545
มาตรฐานงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรตี

1. ขอบข่าย
มาตรฐานงานเหล็กเสน้ เสรมิ คอนกรีตนี้ ครอบคลมุ ถึงงานคอนกรีตท่วั ไปทงั้ หมด ยกเวน้ งานเหลก็ แรงดงึ

สงู ท่ีใชใ้ นคอนกรีตอดั แรง

2. วัสดุ
2.1 เหล็กเสน้ กลม (round bar)
2.1.1 สมบตั ทิ างกล ตอ้ งเป็นไปตาม ตารางท่ี 1

ตารางที่ 1 สมบัตทิ างกลของเหลก็ เส้นกลม

ความตา้ นแรง ความตา้ นแรงดงึ ความยืดในชว่ ง การทดสอบดว้ ยการดดั โคง้ เยน็
ดงึ สงู สดุ ความยาว 5 เทา่
สญั ลกั ษณ์ ของเสน้ ผา่ นศนู ย-์ มมุ การ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางวง
ท่ีจดุ คราก ไมน่ อ้ ยกวา่ กลางไมน่ อ้ ยกวา่ ดดั ดดั
ไมน่ อ้ ยกวา่ (กก./ตร.ซม.)
(กก./ตร.ซม.) (รอ้ ยละ) (องศา)

SR 24 2400 3900 21 180 1.5 เทา่ ของเสน้ ผา่ น -
ศนู ยก์ ลางระบุ

สมบตั ิอ่ืน ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 20 : มาตรฐานเหล็กเสน้ เสริม
คอนกรตี (เหล็กเสน้ กลม)
2.1.2 ความคลาดเคล่ือนท่ียอมให้

ความคลาดเคล่ือนท่ียอมใหส้ าหรบั มวลตอ่ เมตร ของเหลก็ เสน้ กลม ตอ้ งเป็นไปตาม ตารางท่ี 2

264

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
ตารางท่ี 2 เกณฑค์ วามคลาดเคล่อื นสาหรับมวลตอ่ เมตรสาหรับเหลก็ เส้นกลม

ช่ือขนาด มวลตอ่ เมตร เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนสาหรบั มวลตอ่ เมตร
กิโลกรมั
RB 6 0.222 เฉล่ีย รอ้ ยละ แตล่ ะเสน้ รอ้ ยละ
RB 9
RB 12 0.499  5.0  10.0
RB 15 0.888
RB 19 1.387  3.5  6.0
RB 22 2.226
RB 25 2.984
RB 28 3.853
RB 34 4.834
7.127

2.2 เหล็กขอ้ ออ้ ย (deformed bar)
2.2.1 สมบตั ทิ างกล ตอ้ งเป็นไปตาม ตารางท่ี 3

ตารางที่ 3 สมบัติทางกลของเหล็กข้ออ้อย

ขนาดเสน้ ความตา้ น ความยืดในชว่ ง การทดสอบดว้ ยการดดั โคง้ เยน็
ผา่ น แรงดงึ สงู สดุ ความยาว 5 เทา่
สญั ความตา้ นแรง ไมน่ อ้ ยกวา่ มมุ การ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางวงดดั
ลกั ษณ์ ศนู ยก์ ลาง ดงึ ท่ีจดุ คราก (กก./ตร. ของเสน้ ผา่ น ดดั
ระบุ ไมน่ อ้ ยกวา่ ศนู ยก์ ลางไมน่ อ้ ย
(กก./ตร.ซม.) ซม.) (องศา)
(มลิ ลเิ มตร) กวา่

(รอ้ ยละ)

SD 30 ไมเ่ กิน 16 3000 4900 17 180 3 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระบุ
เกิน 16 4 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระบุ

SD 40 ทกุ ขนาด 4000 5700 15 180 5 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระบุ

SD 50 ไมเ่ กิน 25 5000 6300 13 90 5 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระบุ
เกิน 25 6 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระบุ

265

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

สมบตั ิอ่ืนตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 24 : มาตรฐานเหล็กเสน้ เสริมคอนกรีต
(เหลก็ ขอ้ ออ้ ย)

2.2.2 ความคลาดเคล่ือนท่ียอมให้
ความคลาดเคล่ือนท่ียอมใหข้ องเหล็กขอ้ ออ้ ยตอ้ งเป็นไปตาม ตารางท่ี 4

ตารางที่ 4 เกณฑค์ วามคลาดเคลอื่ นสาหรับมวลต่อเมตรของเหลก็ ข้ออ้อย

ช่ือขนาด มวลตอ่ เมตร เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนสาหรบั มวลตอ่ เมตร
กิโลกรมั
DB 6 เฉล่ีย รอ้ ยละ แตล่ ะเสน้ รอ้ ยละ
DB 8 0.222 7 8
DB 10 0.395
DB 12 0.616 5 6
DB 16 0.888
DB 20 1.578 4 5
DB 22 2.466
DB 25 2.984  3.5  4
DB 28 3.853
DB 32 4.834
DB 36 6.313
DB 40 7.990
9.865

2.3 ตะแกรงลวดเหล็กเสรมิ คอนกรีต (wire mesh)
ตะแกรงลวดเหลก็ เสรมิ คอนกรีต ตอ้ งใหต้ ะแกรงลวดเหลก็ กลา้ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ดงั นี้
2.3.1 ตะแกรงลวดเหล็กกลา้ ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสหกรรม มอก.737 : ตะแกรง
เหล็กกลา้ เช่ือมตดิ เสรมิ คอนกรีต
2.3.2 ตะแกรงลวดเหล็กกลา้ ข้อออ้ ย ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.926 :
ตะแกรงลวดเหลก็ กลา้ ขอ้ ออ้ ยเช่ือมตดิ เสรมิ คอนกรีต

266

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3. การก่อสร้าง
3.1 เหลก็ เสน้ เสรมิ คอนกรีต
เหล็กเสน้ เสรมิ คอนกรีต ตอ้ งเป็นเหล็กเสน้ ใหมท่ ่ีไมเ่ คยใชง้ านมาก่อน ตอ้ งมีผิวสะอาดไมม่ ีสนมิ กรอ่ น ไม่
เปื้อนนา้ มนั ไมม่ ีรอยแตกรา้ ว
3.2 การเก็บวสั ดุ
3.2.1 เหล็กเสน้ ท่ีนามาใชใ้ นงานก่อสรา้ ง ตอ้ งเก็บไวใ้ นท่ีท่ีมีหลงั คาคลมุ หรือมีท่ีกาบงั ฝนและตอ้ งเก็บไว้
เหนือพืน้ ดนิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 20 เซนตเิ มตร
3.2.2 เหล็กเสน้ ท่ีนามาใชง้ าน ตอ้ งแยกเก็บไวเ้ ป็นพวก ๆ โดยมีปา้ ยบอกชนดิ และขนาดไวอ้ ยา่ งชดั เจน
3.3 การดดั เหล็กเสน้
3.3.1 หา้ มดดั เหล็กเสน้ โดยวธิ ีเผาใหร้ อ้ น
3.3.2 การดดั เหลก็ เสน้ ใหเ้ ป็นไปตาม ผนวก ก. มทช. 103 : การดดั และการตอ่ เหล็กเสน้
3.3.3 การดดั เหลก็ คอมา้ ความลาดเอียงของเหลก็ คอมา้ นอกจากแบบระบตุ อ้ งดดั เอียง เป็นมมุ 45 องศา
ทงั้ หมด
3.4 การตอ่ เหล็กเสรมิ
3.4.1 เหล็กเสริมของคาน-พืน้ นอกจากท่ีเป็นคานย่ืน พืน้ ย่ืน หรือท่ีแบบระบุตอ้ งต่อในตาแหน่ง
ตอ่ ไปนี้
เหล็กลา่ งของคาน-พืน้ ใหต้ อ่ ตรงบรเิ วณหวั เสาหรอื คาน
เหลก็ บนของคาน-พืน้ ใหต้ อ่ ตรงบรเิ วณกลางคาน-พืน้
สาหรบั เหล็กเสาใหต้ อ่ ตรงจดุ หลงั พืน้ และใหเ้ ป็นไปตาม ผนวก ก. มทช. 103 : การดดั และตอ่ เหล็กเสน้
3.4.2 รอยต่อของเหล็กเสริมแต่ละเส้นท่ีอยู่ข้างเคียง ต้องไม่อยู่ในแนวเดียวกัน และควรเหล่ือมกัน
ประมาณ 1.00 เมตร หากไมจ่ าเป็นจรงิ ๆ แลว้ หา้ มตอ่ เหลก็
3.4.3 การตอ่ เหลก็ อาจทาไดห้ ลายวิธี คอื
3.4.3.1 ในการตอ่ เหล็กแบบวางทาบเหล่ือมกนั สาหรบั เหลก็ เสน้ กลมใหว้ างทาบโดยใหเ้ หล่ือมกนั มี
ระยะยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 40 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหลก็ เสน้ นนั้ และปลายของเหล็กท่ี
ตอ่ ตอ้ งดดั งอขอใหไ้ ดต้ าม ผนวก ก. ขอ้ 1 ส่วนเหล็กขอ้ ออ้ ยใหว้ างทาบกนั มีระยะยาวไม่
นอ้ ยกวา่ 30 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหลก็ ขอ้ ออ้ ยนนั้ โดยมิตอ้ งงอขอ
3.4.3.2 การตอ่ โดยวิธีการเช่ือมดว้ ยไฟฟา้
(1) ไฟฟ้าท่ีใชเ้ ช่ือมตอ้ งมีกาลงั เพียงพอ การตอ่ ใหเ้ ช่ือมแบบตอ่ ชน (butt weld) และตอ้ ง
เป็นไปตามมาตรฐานของการเช่ือมต่อ รอยต่อตอ้ งมีแรงตา้ นแรงดึง ไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า

267

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

1.25 เท่าของแรงตา้ นแรงดึงสงู สุดของเหล็กเสน้ ท่ีคานวณไดจ้ าก ตารางท่ี 1 สาหรบั
เหลก็ เสน้ กลมและจากตารางท่ี 3 สาหรบั เหล็กขอ้ ออ้ ย
(2) การเช่ือมตอ่ เหล็กใหป้ ฏิบตั ิ ดงั นี้
ก. ตดั ปลายเหล็กทงั้ 2 ท่อน ท่ีนามาเช่ือมใหเ้ อียงลาดตาม ผนวก ข. มทช. 103 :

การเช่ือมตอ่ เหลก็ ดว้ ยไฟฟ้า
ข. ทาความสะอาดปลายเหล็กท่ีตัดแลว้ นามาวางใหไ้ ดแ้ นวหรือไดศ้ ูนย์ และมี

ระยะหา่ งไดต้ าม ผนวก ข. มทช. 103 : การเช่ือมตอ่ เหลก็ ดว้ ยไฟฟา้
ค. ทาการเช่ือมเป็นชนั้ หรือเป็นแนว ภายหลงั การเช่ือมแนวหน่ึง หรือชนั้ หน่ึงแลว้

จะตอ้ งเคาะเอาขีเ้ หล็กหมุ้ ชนั้ หรือแนวนนั้ ๆ ออกทกุ ครงั้ ไป แลว้ ใชแ้ ปรงลวดถใู ห้
สะอาดก่อนจะทาการเช่ือมครงั้ ต่อไป ปฏิบตั ิดงั นีเ้ ร่ือยไปจนเช่ือมไดค้ วามหนา
เตม็ ตามกาหนด
3.5 การเก็บตวั อยา่ งเหล็กเสน้ เพ่ือการทดสอบ
3.5.1 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งตดั เหล็กเสน้ ทกุ ๆ ขนาด แตล่ ะขนาดยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 1.00 เมตร เพ่ือทาการทดสอบตาม
ขอ้ 1
3.5.2 การเก็บตวั อยา่ งใหเ้ ก็บหน่งึ ตวั อย่างจากเหล็กเสน้ เสน้ หนง่ึ ตอ่ จานวนเหล็กเสน้ ทกุ ๆ 100 เสน้ หรือเศษ
ของ 100 เสน้ แตจ่ านวนตวั อยา่ งแตล่ ะขนาดท่ีสง่ มาทดสอบในแตล่ ะชดุ ตอ้ งตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ตวั อยา่ ง
3.5.3 การเก็บตวั อย่างตอ้ งเก็บจากกองเหล็กเสน้ แต่ละชุดท่ีอย่ใู นสถานท่ีก่อสรา้ ง และตอ้ งเก็บตวั อย่างตอ่
หนา้ ผคู้ วบคมุ งานของผวู้ า่ จา้ ง
3.5.4 เม่ือเก็บตวั อยา่ งไดเ้ รียบรอ้ ยแลว้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งนาส่งมายงั ผวู้ ่าจา้ งเพ่ือทาการทดสอบ ทงั้ นีผ้ วู้ ่าจา้ งอาจ
แจง้ ใหน้ าไปทดสอบท่ีหน่วยราชการอ่ืน ท่ีผวู้ ่าจา้ งเช่ือถือก็ได้ คา่ ใชจ้ ่ายในการทดสอบนี้ผรู้ บั จา้ งตอ้ ง
เป็นผอู้ อกเองทงั้ สนิ้
3.6 การพจิ ารณาผลการทดสอบ
ถา้ ปรากฎว่าเหล็กเสน้ ตวั อยา่ งท่ีนามาทดสอบนนั้ ไม่เป็นไปตามขอ้ กาหนด ใหถ้ ือวา่ เหล็กเสน้
เสรมิ คอนกรีตชดุ นนั้ ใชไ้ มไ่ ด้

268

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ก. มทช. 103
การดัด และการต่อเหล็กเส้น
1. การงอขอปลายเหล็ก
การงอขอใหใ้ ชว้ ธิ ีดดั เย็น ดงั รูป

ของอ 180 องศา

D ไมน่ อ้ ยกวา่ 4 d สาหรบั เหลก็ เสน้ กลม

D ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 d สาหรบั เหล็กขอ้ ออ้ ย SD-30, SD-40 และ SD-50

การงอขอ 90 องศา ใชไ้ ดใ้ นเหลก็ ขอ้ ออ้ ยทกุ ขนาด และเหลก็ เสน้ กลมขนาดตงั้ แต่ 15 มม. ขนึ้ ไป

การงอขอเหลก็ ปลอก คาน และ เสา ใชเ้ หลก็ ขนาด 6 มม. หรือ 9 มม. ใหป้ ฏิบตั ดิ งั นี้

D = 4 ซม. สาหรบั เหลก็ แกนขนาดใหญ่กวา่ 25 มม.

269

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

D = 3 ซม. สาหรบั เหล็กแกนขนาด 19 มม.- 25 มม.
D = 2 ซม. สาหรบั เหลก็ แกนขนาด 12 มม.- 16 มม.

2. การดัดเหล็กคอม้า ถา้ ไม่ระบุไว้ในแบบรายละเอียด ใหป้ ฏบิ ัติ ดังนี้

L1/7 L1/5 L1/5

หมายเหตุ ก. รูปท่ีแสดงเป็นการแสดงการเสรมิ ดว้ ยเหลก็ ขอ้ ออ้ ย ถา้ เป็นเหลก็ เสน้ กลมธรรมดา ปลายเหล็กตอ้ ง
งอขอ ตามขอ้ 1
ข. ในกรณีท่ีคานมีความลึกมากกวา่ 1/10 ของความยาวช่วงตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ของเหลก็ คอมา้ จะใช้
ตามรูปขา้ งบนนีไ้ มไ่ ด้

3. การตอ่ เหลก็ เสา ถา้ ไมร่ ะบไุ วใ้ นแบบรายละเอียด ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั นี้

270

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
รูปท่ี 3.1 กรณีเสามีหน้าตัดเทา่ กัน

271

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท
รูปที่ 3.2 กรณีเสามีหน้าตัดไม่เท่ากันศูนยต์ รงกัน

รูปท่ี 3.3 กรณีเสาหน้าตดั ไม่เท่ากันศูนยเ์ ยอื้ งกัน
4.การดาเนินการเช่อื ม

4.1 เหล็กท่ีจะนามาเช่ือมจะตอ้ งตดั ปลายแลว้ วางใหไ้ ดร้ ูป ตามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นขอ้ 2
4.2 บรเิ วณปลายเกหล็กท่ีตดั กอ่ นท่ีจะนามาเช่ือมจะตอ้ งขดั ใหเ้ รียบและสะอาดปราศจากฝ่ นุ สีนา้ มนั
4.3 เหล็กเสน้ ท่ีจะนามาเช่ือมต่อกันจะตอ้ งวางใหไ้ ดแ้ นวเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของกนั และกนั ขณะท่ีทาการเช่ือม

ควรวางอยบู่ นท่ีรองรบั ยาวประมาณขา้ งละ 1 เมตร หา่ งจากจดุ ท่ีจะเช่ือมตอ่
4.4 การเช่ือมจะตอ้ งเช่ือมเป็นชนั้ ๆ หรอื เป็นแนว ๆ ตามลาดบั ดงั ตวั อยา่ งท่ีไดแ้ สดงไวใ้ นรูป

272

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เม่ือเช่ือมเสรจ็ แตล่ ะชนั้ หรือแตล่ ะแนว การเช่ือมชนั้ ต่อไปจะตอ้ งเคาะขีเ้ หล็กออกใหห้ มดทุกครงั้
แลว้ แปรงใหส้ ะอาดเสียก่อน
4.5 ระหว่างการเช่ือมแต่ละแนวใหป้ ล่อยทิง้ ไวใ้ นอากาศน่ิงจนอณุ หภูมิลดลงต่ากว่า 250 องศาเชลเซียส โดย
การวดั ท่ีผิวตรงจดุ ก่งึ กลางความยาวของแนวเช่ือม หา้ มกระทาการใด ๆ เพ่ือท่ีจะเรง่ ใหอ้ ณุ หภูมิลดลง

ผนวก ข. มทช. 103

การเชื่อมตอ่ เหล็กด้วยไฟฟ้า

1. ลวดเชื่อมและกระแสไฟฟ้าทใี่ ช้
ลวดเช่ือมท่ีนามาใชเ้ ช่ือมใหใ้ ชล้ วดเช่ือมท่ีมีคณุ สมบตั ิเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรม

มอก. 49 : มาตรฐานลวดเช่ือมมีสารพอกหมุ้ ใชเ้ ช่ือมเหลก็ กลา้ ละมนุ ดว้ ยอารก์
ขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางลวดเช่ือม และกระแสไฟฟ้าท่ีใชเ้ ช่ือม จะตอ้ งเป็นไปตามบริษัทผผู้ ลิตลวดเช่ือมนนั้ ๆ
กาหนดไว้

2. การต่อเหล็กเส้นกลมและเหลก็ ข้ออ้อย
การเช่ือมตอ่ จะตอ้ งเป็นไปตามแบบท่ีกาหนดใหแ้ บบใดแบบหน่งึ ท่ีกาหนดไวใ้ นขอ้ 3

ตาแหนง่ การตอ่ เหล็กจะตอ้ งไมต่ อ่ ณ จดุ ท่ีเหล็กงอ รอยตอ่ จะอยหู่ ่างจากจดุ ท่ีเหล็กงออยา่ งนอ้ ย 50 เทา่ ของเสน้
ผา่ นศนู ยก์ ลางเหล็กเสน้ นนั้

การต่อเหล็กใหต้ ่อ ณ ตาแหน่งท่ีเหล็กรบั แรงนอ้ ยท่ีสุด ในกรณีท่ีไม่สามารถต่อเหล็ก ณ จดุ ท่ีกาหนด
ดงั กล่าวได้ ใหเ้ สริมเหล็กปลอกมากขึน้ จากเดิมเป็นสองเทา่ ในระยะห่างจากปลายของเหล็กท่ีเช่ือมแตล่ ะปลาย
ออกไปอยา่ งนอ้ ย 15 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหล็กเสน้ นนั้

273

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

Single – V – groove weld Double – V – groove weld

3. รูปแบบของการต่อเหลก็ กลมและเหล็กข้ออ้อย

Full penctration welds

274

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 104-2545
มาตรฐานงานไม้

ขอบข่าย มาตรฐานนีค้ รอบคลมุ ถึงไมท้ ่ีใชใ้ นงานก่อสรา้ งทกุ ชนดิ ยกเวน้ ไมแ้ บบ ไมบ้ านประตู หนา้ ตา่ ง และไมอ้ ดั
ประเภทตา่ ง ๆ

1. ขอ้ กาหนดสาหรบั วสั ดกุ อ่ สรา้ งและการทดสอบ(specification and test for materials)
1.1 ชนิดและประเภทของไม้
1.1.1 ไมท้ ่ีใชเ้ ป็นโครงสรา้ งหลกั ของอาคาร ตอ้ งเป็นไมเ้ นือ้ แข็งท่ีมี modulus of rupture ไมน่ อ้ ยกวา่ 800
กิโลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร proportional limit ไมน่ อ้ ยกว่า 600 กิโลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร
ปรมิ าณความชืน้ รอ้ ยละ 10-14 และมีความทนทาน ไมน่ อ้ ยกว่า 6 ปี ตาม ผนวก ก. มทช. 104 : บญั ชี
รายช่ือไมเ้ นือ้ แขง็ มาตรฐาน
1.1.2 ในกรณีท่ีผรู้ บั จา้ งจาเป็นตอ้ งใชไ้ มน้ อกจากระบไุ วใ้ น ผนวก ก. มทช. 104 : (บญั ชีรายช่ือไมเ้ นือ้ แขง็
มาตรฐาน) ผรู้ บั จา้ งตอ้ งสง่ ตวั อยา่ งไมท้ ่ีจะใช้ ตามขนาดและจานวนท่ีระบใุ นขอ้ 1.5 เพ่ือใหผ้ วู้ า่ จา้ ง
ทาการทดสอบ
1.2 ขนาดของไม้
1.2.1 ขนาดของไมต้ า่ ง ๆ ท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นแบบรายละเอียดหรือในรายการ เป็นขนาดระบขุ องไมท้ ่ียงั มิได้
ไสเรียบท่ีใชเ้ รียกกนั อยใู่ นตลาด
1.2.2 ไมต้ า่ ง ๆ ท่ีนามาใชโ้ ดยไมต่ อ้ งไสเรยี บยอมใหม้ ีความหนา หรือความลกึ นอ้ ยกวา่ ขนาดระบไุ ดไ้ มเ่ กิน
6 มม. สาหรบั ไมท้ ่ีมีความหนา หรือความลกึ ตงั้ แต่ 2 นวิ้ (50.8 มม.) ขนึ้ ไป และไมเ่ กิน 4 มม. สาหรบั
ไมท้ ่ีมีความหนา หรอื ความลกึ นอ้ ยกวา่ 2 นวิ้
1.2.3 ไมท้ ่ีไสเรยี บยอมใหม้ ีความหนาหรือความลกึ เม่ือไสแลว้ นอ้ ยกวา่ ขนาดระบุ ดงั นี้

ความหนาหรือความลกึ ของขนาดระบุ ความหนาหรือความลกึ ท่ียอมใหน้ อ้ ยกวา่
ขนาดระบไุ มเ่ กิน (มลิ ลเิ มตร)
เกินกวา่ 6 นวิ้ (150.4 มม.) ขนึ้ ไป 12.0
เกินกวา่ 2 นวิ้ (50.8 มม.) แตไ่ มเ่ กิน 6 นวิ้ 9.0
เกินกวา่ 1 นวิ้ (25.4 มม.) แตไ่ มเ่ กิน 2 นวิ้ (50.8 มม.) 7.5
1 นวิ้ (25.4 มม.) 6.0

275

สำนกั วิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

1.3 ไมท้ ่ีใชง้ านตา่ ง ๆ ใหจ้ าแนกดงั นี้ คอื
ไมก้ ่อสรา้ งชนั้ หน่งึ ไดแ้ ก่ ไมใ้ ชส้ าหรบั โครงสรา้ งของอาคารพิเศษตามพระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร เชน่

โรงมหรสพ อฒั จนั ทร์ หอประชมุ อเู่ รอื อาคารท่ีสงู เกินกว่า 15 เมตร เป็นตน้
ไมก้ อ่ สรา้ งชนั้ สอง ไดแ้ ก่ ไมใ้ ชส้ าหรบั โครงสรา้ งของอาคารสาธารณะตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร

เชน่ โรงแรม โรงเรียน ภตั ตาคาร โรงพยาบาล เป็นตน้
ไมก้ ่อสรา้ งชนั้ สาม ไดแ้ ก่ ไมใ้ ชส้ าหรบั โครงสรา้ งของบา้ นพกั อาศยั ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร

เชน่ ตกึ บา้ น เรือน โรง แพ เป็นตน้
1.4 เกณฑจ์ ากดั ขอ้ บกพรอ่ งในเนือ้ ไม้

ไมต้ า่ ง ๆ ท่ีนามาใชง้ านนอกจากจะมีคณุ ภาพและไดม้ าตรฐานตามขอ้ กาหนดตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วมาแลว้ ตอ้ ง
มีคณุ ภาพเป็นไปตามเกณฑก์ าหนด ดงั ตอ่ ไปนี้

1.4.1 ตา ขนาดตาถือเอาคา่ เฉล่ียของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของสว่ นท่ีกวา้ งท่ีสดุ และแคบท่ีสดุ
ก. ขนาดสงู สดุ ของตาท่ียอมใหม้ ี ดงั นี้

ขนาดสงู สดุ ของตา (นิว้ )

หนา้ ไม้ บนหนา้ บน ¼ ของหนา้ กวา้ งตอนบนและ บนก่งึ กลาง
(นวิ้ ) แคบ ลา่ ง ของหนา้ กวา้ ง
(ดรู ูป)

1¼ - ¼

1 ½ 3/8 ¼ 3/8

2½ 3/8 ½

3¾ ½ ¾

41 ¾ 1

51 ¾ 1¼

61 1 1½

81 1½ 2

10 1 2 2½

12 1 2 1/8 3

14 1 2¼ 3¼

16 1 2 ½ 3 1/2

276

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

หมายเหตุ ถา้ เป็นเสาท่ีมีหนา้ ตดั ส่ีเหล่ียมจตั รุ สั ใหถ้ ือเป็นหนา้ กวา้ ง ทงั้ 2 หนา้
ข. ผลบวกของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของตาทงั้ หมดในระหวา่ งชว่ งกลาง (1/3 ของความยาว
ชว่ ง) ของความยาวของคาน หรอื ตง ตอ้ งนอ้ ยกว่าขนาดความกวา้ งของหนา้ ไมใ้ นชว่ ง
กลางนนั้

ก/4

ก ก/4

หนา้ กวา้ งของไม้ (ก)

ค. ตาหลดุ หรือตาผยุ อมใหม้ ีไดใ้ นขนาดเดียวกบั ตาท่ีระบไุ วใ้ นขอ้ ก. และ ข.
ง.
1.4.2 รอยแตกรา้ ว ความยาวของรอยแตกรา้ ว วดั ตามเสีย้ นท่ีปลายหนง่ึ ปลายใดของไมค้ วามยาวสงู สดุ
ของรอยแตกกาหนดใหม้ ี ดงั นี้

หนา้ ไม้ (นวิ้ ) ความยาวสงู สดุ ของรอยแตก
(นวิ้ )
ไมเ่ กิน 3
เกิน 3 แตไ่ มเ่ กิน 4 1
เกิน 4 แตไ่ มเ่ กิน 6 1 1/2
เกิน 6 แตไ่ มเ่ กิน 8
เกิน 8 แตไ่ มเ่ กิน 10 2
เกิน 10 แตไ่ มเ่ กิน 12 2 5/8
เกิน 12 แตไ่ มเ่ กิน 14 3 1/4
เกิน 14 แตไ่ มเ่ กิน 16
4
4 1/4
5/8

277

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

1.4.3 เนือ้ ไมแ้ หวง่ ท่ีขอบไม้ ยอมใหเ้ นือ้ ไมแ้ หวง่ ไดไ้ มเ่ กินเศษสว่ นของหนา้ แคบ ดงั นี้
1/8 สาหรบั ไมก้ ่อสรา้ งชนั้ หนง่ึ

1/5 สาหรบั ไมก้ ่อสรา้ งชนั้ สอง

1/5 สาหรบั ไมก้ ่อสรา้ งชนั้ สาม

1.4.4 มมุ เสีย้ น มมุ เสีย้ นตอ้ งมีความลาดชนั ไมเ่ กิน 1 ใน 15
1.4.5 กระพี้ กระพีย้ อมใหม้ ีไดส้ าหรบั งานก่อสรา้ งช่วั คราว ถา้ เป็นงานก่อสรา้ งถาวร หนา้ ทงั้ ส่ีของไมแ้ ต่

ละหนา้ ตอ้ งมีสว่ นท่ีเป็นแกน่ ใหเ้ หน็ ไดอ้ ยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 85 และตอ้ งทาการอาบนา้ ยารกั ษาเนือ้ ไม้
เสียกอ่ น
1.4.6 ไมท้ อ่ นใดท่ีมีนา้ หนกั เบาผิดปกติ มีรูมอดหรือมีเนือ้ ผดุ ว้ ยเหตใุ ดก็ตามใหค้ ดั ออกหา้ มนามาใช้
1.4.7 การจาแนกไมต้ ามคณุ สมบตั ิ ไมก้ อ่ สรา้ งชนั้ หนง่ึ ยอมใหม้ ีตาหนิตา่ ง ๆ ไดเ้ พียงครง่ึ หน่งึ ของไมช้ นั้
สอง เวน้ แตต่ าหลดุ ตาผุ ไมย่ อมใหม้ ี
มมุ เสีย้ นตอ้ งไมช่ นั ถึง 1 ใน 20 ไมก้ อ่ สรา้ งชนั้ สาม ยอมใหม้ ีตาหนิตา่ ง ๆ ไดเ้ ป็นเทา่ ครง่ึ ของไมช้ นั้ สอง มมุ
เสีย้ นยอมใหม้ ีได้ ถึง 1 ใน 12

หมายเหตุ มมุ เสีย้ น คือ มมุ เนือ้ ไมท้ ากบั ความยาวของตวั ไม้
1.5 การเก็บและสง่ ตวั อยา่ งไมเ้ พ่ือทดสอบ

ในการสง่ ตวั อยา่ งไมแ้ ตล่ ะชนดิ ตอ้ งสง่ ชนดิ ละ 3 ทอ่ นเป็นอยา่ งนอ้ ย แตล่ ะทอ่ นยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 100
เซนตเิ มตร การเก็บตวั อยา่ งไมต้ อ้ งเก็บตอ่ หนา้ ผคู้ วบคมุ งานของผวู้ า่ จา้ งแลว้ นาสง่ กรมทางหลวงชนบท หรอื ส่วน
ราชการอ่ืนใด หรือท่ีท่ีตวั แทนของผวู้ า่ จา้ งสามารถรว่ มทาการทดสอบได้ เพ่ือทดสอบตาม มทช.(ท) 201 ถึง
มทช.(ท) 207 : มาตรฐานการทดสอบไม้ ของกรมทางหลวงชนบท คา่ ใชจ้ า่ ยในการนีท้ งั้ หมดเป็นของผรู้ บั จา้ ง

2 ขอ้ กาหนดในการก่อสรา้ ง (construction requirements)
2.1 ไมท้ ่ีใชเ้ ป็นสว่ นประกอบท่วั ไป ซง่ึ มิใชไ่ มส้ าหรบั โครงสรา้ งหลกั อาทิ ไมส้ าหรบั ทาครา่ วฝา ครา่ วเพดาน
ถา้ แบบและรายการมไิ ดร้ ะบไุ วเ้ ป็นอย่างอ่ืนแลว้ ใหใ้ ชไ้ มเ้ นือ้ ออ่ นได้ ไดแ้ ก่ ไมย้ าง ไมก้ ราด ไมต้ ะเคยี น
ทราย ไมอ้ า้ ยกลงิ้ ไมโ้ อบ ไมก้ ะบาก ไมไ้ ขเ่ ขียว และไมช้ มุ แพรก เป็นตน้ ไมเ้ นือ้ อ่อนท่ีนามาใชง้ าน
กอ่ สรา้ งนีต้ อ้ งอาบดว้ ยนา้ ยารกั ษาเนือ้ ไม้

การอาบนา้ ยา ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานการอาบนา้ ยาไมข้ ององคก์ ารอตุ สาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ปลายไมท้ ่ี
ตดั ในการก่อสรา้ งใหท้ าดว้ ยนา้ ยากนั แมลง

278

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ก. มทช. 104 : บัญชีรายชอื่ ไม้เนือ้ แข็งมาตรฐาน

ลาดบั ชนิดไม้ ช่ือพฤกษศาสตร์ หมายเหตุ

1 ตะเคียนทอง Hopea odorata Roxb.
2 กอ่ Quercus sp.
3 กะโดน Careya arborea Roxb.
4 กระถินพิมาน Acacia siamensis Craib
5 กะพีเ้ ขาควาย Dalbergia cultrata Graham
6 คนั เกรา Fagraea fragrans Roxb.
7 ขานาง Homalium tomentosum Benth.
8 เขล็ง Dialium cochinchinense Pierre
9 เค่ียม Cotylelobium lanceolatum Craib
10 เค่ียมคะนอง Shorea sericeiflora Fisch. & Hutch.
11 แคทราย Stereospermum neuranthum Kurz
12 เฉียงพรา้ นางแอ Carallia brachiata Merr.
13 ชนั หรือ เตง็ ดง Shorea thorelii Pierre
14 ชงิ ชนั Dalbergia oiiveri Gamble
15 ซาก Erythrophleum teysmannii Craib
16 แดง Xylia kerrii Craib & Hutch.
17 ตะเคยี นชนั ตาแมว Balanocarpus heimii King
18 ตะเคียนราก (ก) Hopea avellanea Heim
Hopea pierrei Hance
ตะเคยี นราก (ข) Hopea ferrea Pierre
19 ตะเคียนหิน Terminalia mucronata Craib & Hutch.
20 ตะแบกเลือด Lagerstroemia calyculata kurz
21 ตะแบกใหญ่ Vitex sp.
22 ตนี นก Shorea obtusa Wall.
23 เตง็ Shorea foxworthyi Sym.
24 เตง็ มาเลเชีย หรือ Balau Shorea maxwelliana King
25 เตง็ มาเลเชีย หรือ Balau Mesue ferred Linn.
26 บนุ นาค Pterocarpus spp.
27 ประดู่ Shorea talura Roxb.
28 พะยอม Dalbergia cochinchinansis Pierre
29 พยงุ Dipterocarpus tuberculatus Roxb.
30 พลวง Diospyros mollis Griff.
31 มะเกลือ Sindora spp.
32 มะคา่ แต้ Afzelia xylocarpa Craib
33 มะคา่ โมง

279

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ก. มทช. 104 : บัญชีรายชื่อไม้เนือ้ แข็งมาตรฐาน

ลาดบั ชนดิ ไม้ ชือ่ พฤกษศาสตร์ หมายเหตุ

34 มะชาง Madhuca pierrei H.J. Lam. อินโดนเิ ซีย
35 มงั คะ Cynometra sp.
36 ยมหนิ Chukrasia velutina Wight & Arn.
37 รกฟ้า Terminalia alata Heyne
38 รงั Shorea siamensis Miq.
39 เลียงมนั Berrya mollis Wall.
40 สะทติ Phoebe sp.
41 สกั (สวน) Tectona grandis Linn.f.
42 สกั (ป่า) Tectona grandis Linn.f.
43 สาธร หรือ ขะเจ๊าะ Millettia leucantha Kurz
44 เสลา Lagerstroemia tomentosa Presl
45 หลมุ พอ Intsia bakeri Prain
46 เหียง Dipterocarpus obtusifolius Tejsm.
47 แอ๊ก Shorea glauca King
Cotylelobium melanoxylon Pierre

48 Giam

ท่ีมา : ฝ่ายวจิ ยั ไมช้ นั้ พืน้ ฐาน กองวจิ ยั ผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ “ไมเ้ นือ้ แขง็ ของประเทศไทย”

280

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ข. 104

บญั ชเี ปรยี บเทยี บรายช่ือไมเ้ นือ้ แขง็ ภาษาไทย ประเทศใกล้เคียง

ลา ชื่อไทย THAI MALASIA SABAH SARA INDONE INDO PHILIP MYAN CEYLON INDIA

ดบั LAND WAK SIA CHINA PINES MA

1 กนั เกรา Kan Krao Tembusu Tamasu Tembusu Tembusu Trai Urang Ananma Termbusu Anan

,ตาเสา

2 เขลง็ ,หมาก Khleng Keranji Keranji Keranji Xoay - - - - -

เค็ง,หยี

3 เค่ยี ม Kian Giam,Resak, - - Giam - - - - -

Bukit

4 เคี่ยม Kiam Meranti - - - -----

คะนอง Kanong Meranti

Pa’ang

Group

5 เฉียงพรา้ - Chiang Phra Meransi Perapat Sabak - Sang–ma Bakauan Manianga Dawata, Calallia

นางแอ Hutan Bakau – Gubat Uberiya Wood

6 ตะเคียนชนั Ta Kianchan Chengal - - - -----

ตะเคียน-

ชนั ตาแมว

7 ตะเคยี นทอง Takianthong Merawan Gagil, Gagil Luis Cengal Sao Mangga Thingan - Thingan

ตะเคียนใหญ่ Selangan Selangan chapui

,แคน

8 ตะเคียนหิน Takianhin Malut - - - -----

9 ตนี นก Tin nok Leban Kulimpape Leban - Binhlinh, Molave Kyetyo Milla Miilla

Leban Hap

10 บนุ นาค, Bunnak Penaga - Penaga - Vap - Gangau Na Betta

นาคบตุ ร

11 ประดู่ Pra doo Sena - - Sono - Narra - - -

Kembeng

12 พลวง Pluang - --- Cho–nau - In Hora Cham–

pagam

13 มะคา่ โมง Maka mong - --- Beng - Tatlum, - Eng

Tatalum -

14 มะขาง Ma Sang Bitis - - - - - - - Bullet

15 มะคา่ แต้ Ma Ka Tae Sepetir Sepetir Sepetir - Gu,Gomat Supa,Kayu, - - Wood

หรอื มะคา่ ลงึ Ei – Kling Galu

และอา้ ยกลงิ้

281

สำนกั วเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 105-2545
มาตรฐานงานฐานราก

ขอบข่าย มาตรฐานงานนีค้ รอบคลมุ ถึงงานฐานรากคอนกรีตเสรมิ เหล็กท่วั ไป (นอกจากรายการประกอบแบบ

เฉพาะท่ีระบเุ ป็นอยา่ งอ่ืน) ดงั ตอ่ ไปนี้ อาคารท่วั ไป สะพาน และท่ีขงั นา้
ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง (construction requirements)
1. ฐานรากแผ่

1.1 ฐานรากตอ้ งวางอย่บู นดินเดมิ เสมอ นอกจากรายการประกอบแบบเฉพาะท่ีระบเุ ป็นอย่างอ่ืน ความลึก
ของฐานราก ขนาดและรายละเอียดการเสรมิ เหล็กตอ้ งเป็นไปตามแบบรายละเอียดท่ีไดก้ าหนดให้

1.2 การก่อสรา้ งฐานรากท่ีมีระดบั ลึกตา่ งกนั ตอ้ งทาการก่อสรา้ งฐานรากท่ีมีระดบั ลึกมากท่ีสดุ ก่อนเสมอไป
ทงั้ นีเ้ พ่ือเป็นการปอ้ งกนั ฐานรากท่ีมีระดบั ตนื้ กว่าพงั ขณะทาฐานรากตวั ท่ีอยลู่ กึ กวา่

1.3 ฐานรากท่ีระดบั ลึกต่างกันนนั้ ตอ้ งมีระดบั ลึกต่างกันไม่เกินขอ้ กาหนดขา้ งล่าง หากแบบรายละเอียด
กาหนดระดบั ตา่ งกนั ของฐานรากเกินขอ้ กาหนดแลว้ ตอ้ งสอบถามวิศวกรผอู้ อกแบบ เพ่ือวินิจฉัยความ
ถกู ตอ้ งอีกครงั้ หน่งึ เสียกอ่ น จงึ จะดาเนนิ การตอ่ ไปได้

ขอ้ กาหนด
สาหรบั ฐานรากวางบนดนิ (soil) b ไมม่ ากกวา่ a/2
สาหรบั ฐานรากวางบนหิน (rock) b ไมม่ ากกวา่ a

1.4 ในการก่อสรา้ งฐานรากบนพืน้ ท่ีเอียงลาดนนั้ ฐานรากตวั ริมท่ีติดกับพืน้ ท่ีเอียงลาดนนั้ ตอ้ งมีระยะจาก
ขอบนอกสดุ ส่วนบนของฐานถึงพืน้ ท่ีเอียงลาดนนั้ (edge distance) เป็นไปตามขอ้ กาหนดท่ีระบุ ทงั้ นี้
เพ่ือเป็นการปอ้ งกนั การสกึ กรอ่ นของผวิ ดนิ อนั จะเป็นอนั ตรายแกฐ่ านรากภายหลัง

282

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ขอ้ กาหนด
สาหรบั ฐานรากวางบนดนิ (soil) a ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 เมตร
สาหรบั ฐานรากวางบนหนิ (rock) a ไมน่ อ้ ยกวา่ 0.75 เมตร
สาหรบั รากฐานวางบนดนิ และหนิ b ไมน่ อ้ ยกวา่ 0.30 เมตร
หากแบบและรายละเอียดไดก้ าหนดระยะของขอบฐานรากดงั กล่าวไวเ้ ป็นอ่ืนแลว้ ใหถ้ ือปฏิบตั ิ
ตามแบบและรายละเอียดท่ีไดก้ าหนดไว้ แตต่ อ้ งมีคา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ คา่ ท่ีไดก้ าหนดไวข้ า้ งบน

1.5 ในกรณีเม่ือขดุ ดินเพ่ือทาฐานรากลกึ ไมไ่ ดร้ ะดบั ตามแบบหรือรายละเอียด เน่ืองจากขดุ ถึงชนั้ ลูกรงั หรือ
ชนั้ หินพืดแลว้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งปฏิบตั ดิ งั นี้
1.5.1 รีบแจง้ รายละเอียดใหผ้ วู้ ่าจา้ งทราบทนั ที เพ่ือตรวจสอบวินิจฉัยว่าตอ้ งปฏิบตั ิอยา่ งไร คาวินิจฉัย
ดงั กลา่ วถือเป็นเดด็ ขาด ผรู้ บั จา้ งตอ้ งปฏิบตั ติ ามอยา่ งเครง่ ครดั
1.5.2 หากเป็นชนั้ หินพืด ฐานรากตอ้ งฝังอยู่ในหินพืดนนั้ ลึกไม่นอ้ ยกว่า 0.50 เมตร (วดั ตรงท่ีตืน้ สุด)
และเพ่ือใหท้ ราบแนน่ อนว่าเป็นหนิ พืดจริงหรือไม่ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเจาะรูมีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางไม่
เล็กกวา่ 2.50 เซนตเิ มตร ลกึ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2.00 เมตร ฐานรากหน่งึ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 รู เพ่ือประกอบการ
พิจารณา คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ในการนีผ้ รู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผอู้ อกเองทงั้ สนิ้
1.5.3 หากเป็นชนั้ ลกู รงั ใหถ้ ือปฏิบตั เิ หมือนชนั้ หนิ พืดในขอ้ 1.5.2 ทกุ ประการ
ในกรณีเม่ือทาการเจาะชนั้ หินพืดหรือชั้นลูกรงั แลว้ ปรากฎว่ามีความหนาไม่เพียงพอตามข้อ
1.5.2 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทาการทดสอบหาคา่ ความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ของพืน้ นนั้ ๆ ทงั้ นี้
ขนึ้ อยกู่ บั ดลุ พนิ ิจของผวู้ า่ จา้ ง

1.6 ในกรณีท่ีทาการขดุ ดินจนถึงระดบั กน้ ฐานรากตามท่ีแบบ หรือรายละเอียดไดก้ าหนดไวใ้ หแ้ ลว้ ปรากฎวา่
ดินใตฐ้ านรากนนั้ เป็นดินถมหรือมีคณุ ภาพไมด่ ีพอ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งขดุ ดนิ ใหล้ กึ ลงไปอีกจนถึงชนั้ ดนิ แข็ง และ
เพ่ือเป็นการทราบแน่นอนว่าพืน้ ดินชนั้ ดงั กล่าว จะมีความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ไดต้ ามท่ีแบบ
หรือรายละเอียดกาหนดหรือไม่ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทาการทดสอบหาคา่ ความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทุก
ของพืน้ ดนิ ทกุ ประการ

1.7 การทดสอบความสามารถในการรับนา้ หนักบรรทุกของพืน้ ดิน ให้เป็นไปตาม ผนวก ก . มทช. 105 :
มาตรฐานการทดสอบความสามารถในการรบั นา้ หนกั ของพืน้ ดนิ

2. ฐานรากทต่ี ้องใช้เสาเข็ม
2.1 ความลึกของฐานราก ขนาดและรายละเอียดการเสริมเหล็ก ต้องเป็นไปตามแบบรายละเอียดท่ีได้
กาหนดให้
2.2 การดาเนนิ การกอ่ สรา้ งฐานรากใหป้ ฏิบตั ติ ามขอ้ 1 (1.2, 1.3 และ 1.4) ทกุ ประการ

283

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.3 เสาเข็มท่ีใชต้ อ้ งมีคณุ ภาพและคณุ สมบตั เิ ป็นไปตาม มทช. 106 : มาตรฐานงานเสาเขม็
2.4 การยก การตอก ใหเ้ ป็นไปตาม อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการตอกเสาเข็มคอนกรีตและวิธีการตอกเสาเข็มคอนกรีต

ใหเ้ ป็นไปตาม มทช. 106 : มาตรฐานงานเสาเข็ม ทุกประการ และการทดสอบความสามารถในการรับ
นา้ หนักบรรทุกของเสาเข็มใหเ้ ป็นไปตาม ผนวก ก. มทช. 106 : มาตรฐานการทดสอบการรบั นา้ หนกั
เสาเข็ม
2.5 เสาเข็มไม้ จะเป็นเสาเข็มสนั้ หรือยาวก็ตาม หวั เสาเข็มตอ้ งจมอยใู่ ตร้ ะดบั นา้ ใตด้ นิ ตลอดเวลา ดงั นนั้ หาก
ปรากฎวา่ เม่ือขดุ ดนิ ถงึ ระดบั กน้ ฐานรากไดต้ ามแบบ และรายละเอียดท่ีกาหนดแลว้ ยงั ไม่ถึงระดบั นา้ ใตด้ ิน
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งตอกลงไปอีกหรือตดั เพ่ือใหห้ วั เสาเข็มอยใู่ ตร้ ะดบั นา้ ใตด้ นิ ตลอดเวลา ทงั้ นีข้ นึ้ อย่กู บั วินิจฉยั
ของผวู้ า่ จา้ ง
2.6 ฐานรากท่ีใชเ้ สาเข็มยาว การตอกเสาเข็มตอ้ งตอกดว้ ยความระมดั ระวงั มิใหเ้ กิดความเสียหายแก่อาคาร
ขา้ งเคียง ความเสียหายตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผิดชอบและชดใชค้ า่ เสียหายนนั้ ๆ แตผ่ เู้ ดียว การ
ตอกเสาเข็มตอ้ งตอกใหเ้ ป็นระเบียบ โดยตอกเสาเข็มเป็นแนว ๆ หรือเสร็จเป็นฐาน ๆ ไป หา้ มตอกสลบั ไป
สลบั มา
2.7 ในกรณีท่ีเสาเข็มจมลงเร็วผิดปกติในขณะตอกสาหรบั ฐานรากเดียวกนั ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรายงานใหผ้ ู้ว่าจา้ ง
ทราบทนั ที เพ่ือจะไดพ้ จิ ารณาวา่ ควรจะแกไ้ ขอยา่ งไร คาวนิ ิจฉยั ดงั กลา่ วถือเป็นเดด็ ขาด
2.8 หากมีความจาเป็นตอ้ งถมดินหรือทรายภายในบริเวณท่ีไดต้ อกเสาเข็มไวแ้ ลว้ การถมตอ้ งถมดว้ ยความ
ระมดั ระวงั มิใหเ้ สาเข็มชารุด เอน เอียง หรอื หนีศนู ยก์ ลาง และเพ่ือมใิ หเ้ กิดปัญหาดงั กล่าว ผรู้ บั จา้ งตอ้ งถม
ดินหรือทรายรอบเสาเข็มแตล่ ะตน้ ใหส้ งู กว่าระดบั อ่ืน ๆ เสียก่อน จากนนั้ จงึ ถมบริเวณอ่ืน ๆ ตอ่ ไป หา้ ม
ถมไปทางดา้ นเดียว ความเสียหายตา่ ง ๆ ท่ีอาจเกิดขนึ้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผดิ ชอบทงั้ สนิ้

3. การขุดดนิ เพอ่ื ทาฐานราก
3.1 การขดุ บอ่ ทาฐานราก ผรู้ บั จา้ งตอ้ งขดุ ใหไ้ ดข้ นาด และระดบั ตามแบบและรายละเอียดพรอ้ มทงั้ ปอ้ งกันมิ
ใหด้ นิ พงั ทะลายหรือเกิดความเสียหายใด ๆ ซ่งึ อาจจะทากาแพงคนั ดนิ หรือขดุ ดนิ ลดเป็นชนั้ ๆ ลงไป ดินท่ี
ขดุ ตอ้ งนาไปกองไวใ้ หเ้ รียบรอ้ ยตามคาแนะนาของผูค้ วบคมุ งานของผูว้ ่าจา้ ง หากมีความเสียหายใด ๆ
เกิดขนึ้ เน่ืองจากการขดุ ดนิ นี้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผิดชอบทงั้ สนิ้
3.2 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งสบู นา้ กน้ บอ่ ออกใหห้ มด ก่อนท่ีจะเทคอนกรีตฐานราก และตลอดเวลาดาเนินการเทคอนกรีต
ฐานราก
3.3 เม่ือทาฐานรากเสรจ็ ตามแบบรายละเอียดแลว้ ก่อนท่ีจะทาการกลบบอ่ ดิน ผรู้ บั จา้ งตอ้ งแจง้ ใหผ้ คู้ วบคมุ
งานของผวู้ า่ จา้ งทราบ เพ่ือตรวจดคู วามเรียบรอ้ ยของฐานรากนนั้ แลว้ จงึ จะทาการกลบดนิ ได้
3.4 การกลบดนิ ตอ้ งถมดนิ เป็นชนั้ ๆ ชนั้ หน่งึ ๆ หนาไมเ่ กิน 30 เซนตเิ มตร โดยกระทงุ้ ใหแ้ นน่ ทกุ ๆ ชนั้

284

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ก มทช. 105-2545
มาตรฐานการทดสอบความสามารถในการรับนา้ หนักบรรทกุ ของพนื้ ดนิ

ขอบข่าย การทดสอบความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ของพืน้ ดนิ (bearing capacity of soil) ใชเ้ ฉพาะงาน
ฐานรากของโครงสรา้ ง อาทิ อาคารท่วั ไป สะพานและท่ีขงั นา้

1. ท่วั ไป
1.1 การดาเนินการทดสอบใหท้ า ณ สถานท่ีก่อสรา้ งฐานรากจรงิ เฉพาะฐานรากท่ีมีปัญหาในการก่อสรา้ ง
หรอื ณ ตาแหนง่ ท่ีผวู้ า่ จา้ งกาหนด
1.2 ใหด้ าเนินการทดสอบดว้ ยแผน่ เหล็กตา่ งขนาดอยา่ งนอ้ ย 2 จดุ โดยตาแหนง่ ทดสอบหา่ งกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ 5
เทา่ ของขนาดแผน่ เหล็กทดสอบอนั ใหญ่ท่ีสดุ
1.3 ระดบั ชนั้ ดนิ ท่ีจะทดสอบตอ้ งเป็นระดบั เดยี วกนั กบั ระดบั ฐานรากท่ีจะทาการก่อสรา้ ง
1.4 ใหด้ าเนินการตอกหย่งั เพ่ือตรวจสอบสภาพชนั้ ดนิ ใตฐ้ านราก อยา่ งนอ้ ย 4 จดุ ในบรเิ วณทดสอบลกึ ลงไป
ไมน่ อ้ ยกวา่ สองเทา่ ของขนาดฐานรากท่ีใหญ่ท่ีสดุ
1.5 การตดิ ตงั้ เคร่ืองมือและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ตอ้ งไดร้ บั การตรวจและเห็นชอบจากผคู้ วบคมุ การทดสอบของผู้
วา่ จา้ งกอ่ น จงึ จะเร่มิ การทดสอบได้
1.6 คา่ ใชจ้ า่ ยในการทดสอบทงั้ หมด ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผอู้ อกเองทงั้ สนิ้

2. การเตรียมเครอ่ื งมือและอุปกรณ์
2.1 หลุมทดสอบตอ้ งขดุ ลงไปใหม้ ีความกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 4 เท่าของขนาดแผน่ เหล็กทดสอบ อย่าปล่อยกน้
หลมุ ทดสอบไว้ โดยไมม่ ีส่ิงใดปอ้ งกนั ความชืน้ ท่ีจะเสียไป และใหร้ บี ดาเนินการทดสอบ
2.2 แผ่นเหล็กทดสอบ (steel bearing plate) ต้องเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ขนาด 30 เซนติเมตร หรือ 45
เซนตเิ มตร หรือ 60 เซนตเิ มตร และหนาไมน่ อ้ ยกว่า 25 มิลลิเมตร หรือแผ่นเหล็กกลมท่ีมีความหนาและ
เนือ้ ท่ีเทา่ กนั
2.3 ชดุ เพ่มิ นา้ หนกั (hydraulic jack whth pressure gauge) ตอ้ งมีกาลงั อดั ไมต่ ่ากวา่ 15 เมตรกิ ตนั มีมาตร
วดั แรงกด (pressure gauge) วดั แรงกดท่ีเกิดขนึ้ โดยยอมใหผ้ ิดพลาดไดไ้ มเ่ กินรอ้ ยละ 0.2 ของนา้ หนกั
ท่ีเพ่ิมในแตล่ ะชว่ ง พรอ้ มทงั้ มีใบรบั รองแสดงผลทดสอบ (calibrated and tested report) มาแสดงก่อน
ใชช้ ดุ เพ่ิมนา้ หนกั ดงั กลา่ ว ใบรบั รอง ตอ้ งมีอายไุ มเ่ กิน 3 เดือน จากสถาบนั ท่ีผวู้ า่ จา้ งเห็นชอบ
2.4 แครบ่ รรทกุ นา้ หนกั (loading platform) ตอ้ งแข็งแรงและมีนา้ หนกั บรรทกุ มากพอท่ีจะใหแ้ รงกดไดต้ ลอด
การทดสอบ ท่ีรองรบั ตอ้ งหา่ งจากตาแหนง่ ทดสอบไมน่ อ้ ยกวา่ 2.50 เมตร

285

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

2.5 ใหใ้ ชม้ าตรวดั การทรุดตวั (dial gauge) อยา่ งนอ้ ย 2 ตวั ติดตงั้ ไวใ้ นทิศทางตรงกนั ขา้ ม เพ่ือวดั การทรุด
ตวั ของแผ่นเหล็กทดสอบ และมาตรวัดทุกตวั ท่ีใชต้ อ้ งมีระบบและความละเอียดในไม่นอ้ ยกว่า 0.25
มิลลิเมตร

2.6 ใหต้ ิดตงั้ คานรบั มาตรวดั (reference beam) แยกอิสระโดยใหย้ ึดกับเหล็ก หรือคอนกรีตท่ีตอกไวห้ ่าง
จากแผน่ เหลก็ ทดสอบไมน่ อ้ ยกวา่ 2.50 เมตร

3. วิธีการทดสอบ
3.1 นา้ หนกั สงู สดุ ท่ีใชใ้ นการทดสอบจะเป็น 2 เทา่ ของนา้ หนกั ปลอดภยั ท่ีใชใ้ นการออกแบบ
3.2 เพ่มิ นา้ หนกั ทดสอบขนั้ ตอนและประมาณ 1 ใน 10 ของนา้ หนกั สงู สดุ ท่ีกาหนดไว้
3.3 ก่อนเพ่ิมนา้ หนกั แต่ละขนั้ ตอนตอ้ งรกั ษานา้ หนกั ไวไ้ ม่นอ้ ยกว่า 1 ช่วั โมง และอตั ราการทรุดตวั ตอ้ งไม่
มากกวา่ 0.02 มิลลิเมตร ตอ่ นาที จงึ จะเพ่มิ นา้ หนกั ขนึ้ ตอ่ ไปได้ เม่ือเพ่มิ นา้ หนกั สงู สดุ ท่ีใชใ้ นการทดสอบ
และไมแ่ สดงลกั ษณะวา่ ถึงจดุ ประลยั (ultimate) ใหร้ กั ษานา้ หนกั ไว้ 1 ช่วั โมง ก่อนจะเร่มิ ลดนา้ หนกั
3.4 ใหล้ ดนา้ หนกั ลงขนั้ ตอนละ รอ้ ยละ 25 ของนา้ หนกั ท่ีใชใ้ นการทดสอบใชเ้ วลาขนั้ ตอนละ 1 ช่วั โมง หรือ
จนกวา่ การคืนตวั หมดไป
3.5 บนั ทกึ การทรุดตวั ทกุ ครงั้ กอ่ นและหลงั การเปล่ียนนา้ หนกั และทกุ ๆ 1, 2, 5, 10, 20, 40 และ 60 นาที
3.6 ในกรณีท่ีรกั ษานา้ หนกั ทดสอบไวจ้ นครบ 1 ช่วั โมงแลว้ แตอ่ ตั ราการทรุดตวั ยงั สงู กว่า 0.02 มิลลิเมตรตอ่
นาที ใหค้ งนา้ หนกั ทดสอบนนั้ ไวอ้ ีก 1 ช่วั โมง หากอตั ราการทรุดตวั ยงั สงู กว่า 0.02 มิลลิเมตรตอ่ นาทีอีก
ใหย้ กเลิกการทดสอบนนั้ และใหถ้ ือเป็นนา้ หนกั บรรทกุ สงู สดุ เพ่ือใชใ้ นการคานวณหาคา่ ความสามารถ
ในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ของพืน้ ดนิ ตอ่ ไป แตห่ ากอตั ราการทรุดตวั ในช่วั โมงท่ี 2 ต่ากว่า 0.02 มิลลิเมตร
ต่อนาที และการทรุดตวั ทงั้ หมด (total settlement) ไม่มากกว่า 25 มิลลิเมตร ก็ใหด้ าเนินการทดสอบ
โดยเพ่ิมนา้ หนกั บรรทกุ ตอ่ ไป จนถงึ นา้ หนกั ทดสอบสงู สดุ

4. เกณฑก์ ารตัดสนิ
4.1 ในระหวา่ งเวลาทดสอบ ถา้ ปรากฎวา่ การทรุดตวั รวมกนั เกินกวา่ 25 มลิ ลเิ มตร หรืออาการทรุดตวั เรว็ เกิน
0.02 มลิ ลเิ มตรตอ่ นาที หรือไมส่ ิน้ สดุ ลงภายใน 2 ช่วั โมงแลว้ ผวู้ า่ จา้ งมีสิทธิ์ท่ีจะส่งั เลกิ การทดสอบครงั้ นี้
และใหเ้ รม่ิ ทาการทดสอบใหม่ ตามท่ีผูว้ า่ จา้ งจะกาหนดหรือตดั สินวา่ นา้ หนกั ท่ีใชท้ ดสอบถงึ ขณะนนั้ เป็น
นา้ หนกั สงู สดุ ใหน้ าไปใชใ้ นการคานวณหาคา่ ความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ของพืน้ ดนิ ได้
4.2 ถา้ ดาเนินการทดสอบตามขนั้ ตอนต่าง ๆ แลว้ การทรุดตวั ทงั้ หมดไม่เกิน 25 มิลลิเมตร และไม่แสดง
ลกั ษณะวา่ ถึงจดุ ประลยั ก็ใหถ้ ือวา่ ผลการทดสอบนีพ้ อกบั ความตอ้ งการแลว้

286

สำนักวเิ ครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

มทช. 106-2545
มาตรฐานงานเสาเข็ม

ขอบข่าย มาตรฐานนีใ้ ชบ้ งั คบั สาหรบั งานเสาเข็มคอนกรีต (ยกเวน้ เสาเข็มคอนกรีตหล่อในท่ี cast in-situ pile)
และเสาเข็มไมท้ ุกประเภทท่ีใชใ้ นงานก่อสรา้ งดงั ต่อไปนี้ อาคารท่วั ไป สะพานและท่ีขงั นา้ นอกจาก
รายการประกอบแบบเฉพาะงานท่ีระบเุ ป็นอยา่ งอ่ืน ก็ใหถ้ ือเฉพาะสว่ นท่ีแตกตา่ งดงั ระบไุ วใ้ นรายการ
ประกอบแบบเฉพาะงานนนั้ เป็นหลกั สว่ นขอ้ ความอ่ืนใดไมม่ ีระบไุ วใ้ นรายการประกอบแบบเฉพาะงาน
ใหถ้ ือปฏิบตั ติ ามมาตรฐานฉบบั นี้

1.ข้อกาหนดสาหรับวัสดกุ ่อสร้างและการทดสอบ (specification and tests for materials)

1.1 เสาเขม็ ไม้
1.1.1 ไมท้ ่ีนามาใชเ้ ป็นเสาเขม็ ตอ้ งเป็นไมเ้ บญจพรรณหรือไมส้ นท่ีไดม้ าจากตน้ ท่ีแข็งแรง และยงั สดอยู่
ขณะท่ีนามาใชต้ อ้ งไมผ่ หุ รอื มีราขนึ้ ไมท้ ่ีผงุ ่าย เชน่ ไมย้ างพารา ไมย้ คู าลิปตัส เป็นตน้ หา้ มนามาใช้
1.1.2 เสาเข็มตอ้ งทบุ หรือถากเปลือกออก อย่างนอ้ ยรอ้ ยละ 80 ตาไมต้ า่ ง ๆ ตอ้ งตดั ใหเ้ รียบเสมอผิวของ
ตน้ เสาเข็ม ปลายเสาเข็มตอ้ งใชเ้ ล่ือยตดั เรียบไดฉ้ ากกบั ลาตน้ ตาไมใ้ นเสาเข็มตอ้ งมีขนาดเสน้ ผา่ น
ศนู ยก์ ลางของตาไมไ้ มเ่ กินกวา่ 1 ใน 3 ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเสาเข็มตรงตาแหนง่ ท่ีมีตานนั้ แต่
ตอ้ งไมเ่ กิน 10 เซนตเิ มตร
1.1.3 เสาเข็มตอ้ งตรงมากท่ีสดุ เสาเขม็ ท่ีคดจะใชไ้ ดก้ ็ตอ่ เม่ือขงึ เชือกจากแนวศนู ยก์ ลางปลายทงั้ สองขา้ ง
ของเสาเข็มแลว้ เชือกไมล่ า้ ออกจากลาตน้
1.1.4 ขนาดโตของเสาเข็มตามท่ีระบไุ วใ้ นแบบรายละเอียดนนั้ ถือเป็นขนาดเฉล่ียของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ของเสาเข็มท่ีวดั ตรงจดุ กลางความยาวของเสาเข็ม โดยใชเ้ ทปพนั รอบใหต้ งึ ความยาวท่ีไดถ้ ือเป็น
เสน้ รอบวงซง่ึ เทา่ กบั 3.14 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางเฉล่ีย

1.2 เสาเข็มคอนกรีต
1.2.1 คณุ สมบตั ทิ ่วั ไปของเสาเข็มคอนกรีต
1.2.1.1 วสั ดตุ า่ งๆ ท่ีใชใ้ นการหลอ่ เสาเข็ม สว่ นผสมของคอนกรตี ตลอดจนการปฏิบตั ติ อ้ งเป็นไป
ตาม
มทช. 101 : มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสรมิ เหลก็
มทช. 102 : มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง
มทช. 103 : มาตรฐานงานเหลก็ เสรมิ คอนกรีต

287

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

คา่ แรงอดั ประลยั ของคอนกรีตตอ้ งเป็นไปตามท่ีรายการกาหนด แตต่ อ้ งไม่นอ้ ยกว่าคา่ ท่ีไดก้ าหนดไวใ้ น
มอก. เสาเขม็ คอนกรีตประเภทนนั้ ๆ

1.2.1.2 เสาเข็มท่ีนามาใชต้ อ้ งมีความยาว เนือ้ ท่ีหนา้ ตดั ท่ีกดบนดนิ (project area) และรบั นา้ หนกั
บรรทกุ ไดต้ ามท่ีระบใุ นแบบหรือในรายการประกอบแบบเฉพาะงาน

1.2.1.3 รูปร่างภายนอกของเสาเข็มตอ้ งเหมือนกันตลอดความยาวของเสาเข็ม ยกเวน้ ส่วนหัว
เสาเข็มท่ีรบั ตมุ้ ตอกเสาเข็ม สาหรบั ส่วนปลายเสาเข็มในระยะซ่ึงยาวไม่เกิน 1.5 เท่าของ
ความกวา้ งของเสาเขม็ ยอมใหส้ อบปลายได้

1.2.1.4 เสาเขม็ จะนามาตอกใชง้ านไดต้ อ่ เม่ืออายขุ องคอนกรีตของเสาเข็มนนั้ เป็นดงั นี้
ก. 28 วนั สาหรบั เสาเขม็ คอนกรีตเสรมิ เหล็ก หรือเสรมิ เหล็กอดั แรงท่ีหลอ่ ดว้ ยปนู ซีเมนต์
ปอรต์ แลนดป์ ระเภท 1 หรือประเภท 5

ข. 7 วนั สาหรบั เสาเขม็ คอนกรีตเสรมิ เหล็ก หรือเสรมิ เหล็กอดั แรงท่ีหลอ่ ดว้ ยปนู ซีเมนต์
ปอรต์ แลนดป์ ระเภท 3

ค. ในกรณีท่ีตอ้ งการนาเสาเข็มคอนกรีตในขอ้ (ก) มาใชก้ ่อนกาหนดเวลา กาลงั คอนกรีต
ของเสาเข็มตอ้ งมีคา่ ไมน่ อ้ ยกว่า คา่ กาลงั ของคอนกรีตท่ีอายุ 28 วนั ทงั้ นีต้ อ้ งสง่ ผลการ
ทดสอบกาลงั ของคอนกรตี มาใหว้ ศิ วกรของผวู้ า่ จา้ งเหน็ ชอบก่อน

ในกรณีท่ีใชส้ ารเคมีผสมเพ่ิมเพ่ือเรง่ กาลงั ของคอนกรีต ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากวศิ วกรของผวู้ า่ จา้ ง
กอ่ น เพ่ือกาหนดอายขุ องเสาเข็มท่ีจะนามาตอกใชง้ าน

1.2.1.5 เสาเข็มตอ้ งมีลาตน้ ตรง ระยะความงอท่ีส่วนใด ๆ ของเสาเข็มนี้ ถา้ วดั ระหวา่ งเสน้ ตรงท่ีตอ่
ปลายทงั้ สองของส่วนงอกบั ผิวกับผิวดา้ นใด ๆ ก็ตาม ตอ้ งไม่เกินความยาวส่วนท่ีงอหาร
ดว้ ย 360

1.2.1.6 หากเป็นเสาเข็มกลวงหรือเว้าข้าง รูกลวงหรือส่วนเว้าขา้ งตอ้ งไม่ทาใหห้ นา้ ตดั เสาเข็ม
เสียศนู ย์

1.2.1.7 เสาเข็มตอ้ งแข็งแรงทนทานต่อการตอกของตุม้ ตอกเสาเข็ม และการกระทบกระแทก
ระหว่างการขนส่งได้ และตอ้ งมีรูปรา่ งหนา้ ตดั ภายนอกเป็น ส่ีเหล่ียม หา้ เหล่ียม หกเหล่ียม
หรือมากกว่า หรือกลม หรือรูปตวั ไอ หรือท่ีคลา้ ยตวั ไอ ซ่งึ มีความหนาของส่วนท่ีบางท่ีสุด
ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 เซนตเิ มตร

1.2.2 คณุ สมบตั เิ ฉพาะเสาเข็มคอนกรีตเสรมิ เหล็ก
1.2.2.1 ตอ้ งคณุ สมบตั ทิ ่วั ไป เป็นไปตามขอ้ 1.2.1

288

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

1.2.2.2 แรงดดั (bending moment) ท่ีเกิดจากการยกเสาเข็มตอ้ งไมก่ อ่ ใหเ้ กิดแรงดงึ (tensile
stress) ในเหล็กเสรมิ เกิน 1,200 กิโลกรมั แรงตอ่ ตารางเซนตเิ มตร เม่ือใชเ้ หล็กเสน้ กลมหรือ
เกินกวา่ 1,500 กิโลกรมั แรงตอ่ ตารางเซนตเิ มตรเม่ือใชเ้ หล็กขอ้ ออ้ ย (compressive
stress) ในคอนกรีตไมเ่ กินรอ้ ยละ 37.5 ของแรงอดั ประลยั ของแทง่ คอนกรีตรูปทรงกระบอก
มาตรฐานท่ีอายุ 28 วนั

1.2.3 คณุ สมบตั เิ ฉพาะเสาเขม็ คอนกรตี เสรมิ เหล็กอดั แรง
1.2.3.1 ตอ้ งมีคณุ สมบตั ิท่วั ไปเป็นตามขอ้ 1.2.1
1.2.3.2 เสาเข็มคอนกรีตเสรมิ เหลก็ อดั แรง แรงดดั (bending moment) ซ่งึ เกิดจากการยกเสาเขม็
ตอ้ งไมก่ ่อใหเ้ กิดแรงดงึ (tensile stress) ในคอนกรีตมากกวา่ 1.59 คณู ดว้ ยรากท่ีสองของ
แรงอดั ประลยั ของแทง่ คอนกรตี รูปทรงกระบอกมาตรฐาน ท่ีอายุ 28 วนั
1.2.3.3 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งแสดงคา่ F (effective prestressing force) ในเสาเข็มคอนกรตี เสรมิ เหล็กอดั
แรงไวด้ ว้ ย ถา้ ใหน้ า้ หนกั บรรทกุ ท่ีเสาเข็มแตล่ ะตน้ ตอ้ งรบั เม่ือใชง้ าน = P ตามระบใุ นแบบ
คา่ ของ P + F ตอ้ งไมเ่ กินรอ้ ยละ 40 ของ PU เม่ือ PU มีคา่ เทา่ กบั รอ้ ยละ 85 ของกาลงั อดั
ของแทง่ คอนกรีตรูปทรงกระบอกมาตรฐาน ท่ีอายุ 28 วนั คณู กบั พืน้ ท่ีหนา้ ตดั เนือ้ คอนกรตี
ในสว่ นท่ีเล็กท่ีสดุ ของเสาเขม็

2. ข้อกาหนดในการก่อสร้าง (construction requirements)
2.1 เสาเข็มไม้
2.1.1 เสาเขม็ ตอ้ งตอกใหจ้ มอยใู่ นระดบั นา้ ใตด้ นิ ถาวรทกุ ตน้
2.1.2 เสาเข็มเม่ือนาไปใชใ้ นนา้ ทะเลตอ้ งอาบนา้ ยารกั ษาเนือ้ ไม้ (creosote oil) ประมาณ 22 ปอนด์ ตอ่ เนือ้
ไมห้ น่งึ ลกู บาศกฟ์ ตุ ทงั้ นีเ้ พ่ือปอ้ งกนั แมลงเจาะไช
2.2 เสาเข็มคอนกรีต
2.2.1 เสาเข็ม (ยกเวน้ เสาเข็มรูปตวั ไอ หรือท่ีคลา้ ยตวั ไอ) อนญุ าตใหต้ อ่ ได้ แตร่ วมแลว้ ตอ้ งไม่เกิน 2 ทอ่ น
โดยวิธีเช่ือมดว้ ยไฟฟ้า และทงั้ สองท่อนเม่ือต่อกันแลว้ ตอ้ งเป็นเสน้ ตรงเดียวกัน โดยท่ีขอ้ ต่อของ
เสาเขม็ ทงั้ สองทอ่ นตอ้ งมีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้
2.2.1.1 ตอ้ งเป็นเหลก็ เหนียว
2.2.1.2 ขอ้ ตอ่ ตอ้ งมีลกั ษณะเป็นหมวกครอบปลายหวั เสาเข็มในส่วนท่ีจะตอ่ กนั นนั้ หรือมีลกั ษณะ
คลา้ ยคลึงกัน และสามารถกนั มิใหค้ อนกรีตเนือ้ เสาเข็มท่ีรองรบั ขอ้ ต่อนนั้ แตกในขณะรบั

289

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

แรงกระแทกจากการตอกเสาเข็มขอ้ ต่อนีใ้ หห้ ล่อยึดติดกบั ตวั เสาเข็ม และตอ้ งมีเนือ้ ท่ีหนา้
ตดั ไมน่ อ้ ยกวา่ เนือ้ ท่ีหนา้ ตดั ของเสาเข็มท่ีจดุ นนั้ แตจ่ ะโตเกินขนาดภายนอกของเสาเขม็ มิได้
2.2.1.3 ตอ้ งมีเหล็กยึดขอ้ ต่อดังกล่าวใหต้ ิดแน่นกับท่อนคอนกรีตเสาเข็ม จนสามารถรบั แรงดัด
(bending moment) ไดด้ ไี มน่ อ้ ยกวา่ สว่ นอ่ืนของเสาเข็ม
2.2.1.4 ความหนาของแผ่นเหล็กขอ้ ตอ่ ของแตล่ ะแผ่น เฉพาะส่วนท่ีวางประกบกนั ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า
6 มลิ ลิเมตร
2.2.1.5 พืน้ ท่ีผวิ ของขอ้ ตอ่ สว่ นท่ีประกบกนั ตอ้ งไส กลงึ หรือ ฝาน ใหเ้ รียบทงั้ สองชนิ้ เพ่ือใหป้ ระกอบ
กนั แนบสนิท
2.2.1.6 เสาเข็มในส่วนท่ีชิดกับขอ้ ตอ่ ตอ้ งไดร้ บั การป้องกนั การแตกดว้ ยการเสริมเหล็กปลอกเป็น
พเิ ศษ
2.2.1.7 ผรู้ บั จา้ งตอ้ งนาตวั อย่างเหล็กขอ้ ต่อมาใหผ้ ูว้ ่าจา้ งตรวจสอบ และรบั รองเป็นลายลกั ษณ์
อกั ษรเสียก่อนจงึ นาไปใชไ้ ด้
2.2.2 ผูร้ บั จา้ งตอ้ งส่งรายการคานวณทางวิศวกรรมของเสาเข็มมาใหผ้ ูว้ ่าจา้ งตรวจสอบ และ
รบั รองเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรกอ่ นจงึ นาไปใชไ้ ด้
2.2.3 เสาเข็มท่ีผ่านการรบั รองใหใ้ ชไ้ ดแ้ ลว้ หากปรากฎภายหลงั ว่ามีคณุ สมบตั ิดอ้ ยลงไปกว่าท่ี
กาหนดในรายการมาตรฐานนี้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั การแกไ้ ข หากแกไ้ ขไม่ไดเ้ ป็นหนา้ ท่ีของผู้
รับจา้ งตอ้ งเปล่ียนเสาเข็มให้มีคุณสมบัติถูกตอ้ ง ตามข้อกาหนดในมาตรฐานนีห้ ากมี
คา่ ใชจ้ า่ ยเพ่ิมขนึ้ ใหเ้ ป็นภาระของผรู้ บั จา้ ง
2.2.4 ในการตอกเสาเข็มถ้าขณะหน่ึงขณะใดปรากฎว่า จานวนเสาเข็มท่ีตอกมีการแตกหัก
เสียหายถึงจานวนรอ้ ยละ 10 ของจานวนเสาเข็มท่ีตอกไปไดใ้ นขณะนนั้ แลว้ ให้ตอกเข็ม
ต่อไปอีก 10 ตน้ หากปรากฎว่าใน 10 ตน้ นัน้ มีเข็มหักเพ่ิมขึน้ อีกให้ถือว่าเข็มนั้นขาด
คณุ สมบตั ิตามมาตรฐานนีแ้ ละใหถ้ ือปฏิบตั ิตาม ขอ้ 2.2.2 ทงั้ นีใ้ หย้ กเวน้ กรณีท่ีมีเสาเข็ม
เหลือจะตอ้ งตอกอีกไมเ่ กิน 10 ตน้ ในงานนนั้ ใหค้ งใชเ้ สาเข็มนนั้ ตอ่ ไป
2.2.5 ในกรณีท่ีมีการแกไ้ ขเปล่ียนแปลงตลอดจนการพิจารณาคณุ สมบตั ขิ องเสาเข็มคอนกรีต ให้
ขนึ้ อยกู่ บั ดลุ พนิ จิ ของผวู้ า่ จา้ ง และเม่ือผวู้ า่ จา้ งเห็นชอบแลว้ จงึ อนญุ าตใหใ้ ชไ้ ด้

3. อุปกรณท์ ใี่ ช้ในการตอกเสาเขม็ คอนกรีตและวิธีการตอกเสาเขม็ คอนกรีต
3.1 ปั้นจ่นั ท่ีนามาใชใ้ นการตอกเสาเข็มตอ้ งมีความม่นั คงแข็งแรง และมีความกวา้ งของฐานปั้นจ่นั พอท่ีจะมี
การทรงตวั ไดด้ ีเม่ือยกเสาเข็มขึน้ ตงั้ ชิน้ ส่วนท่ีประกอบกันขึน้ เป็นตวั ปั้นจ่ันตอ้ งไม่คดงอหรือแตกรา้ ว
ตะเกียบคหู่ นา้ ของปั้นจ่นั ตอ้ งเป็นเสน้ ตรงและไมห่ ลวมคลอน

290

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3.2 เคร่ืองยนตท์ ่ีใชบ้ นปั้นจ่นั ตอ้ งมีสภาพสมบรู ณส์ ามารถใหก้ าลงั ไดโ้ ดยสม่าเสมอ หา้ มลอ้ ครทั ชแ์ ละท่ีหา้ ม
การคลายตวั ของเชือกลวดตอ้ งอย่ใู นสภาพท่ีใชก้ ารไดโ้ ดยปลอดภัย เชือกลวดตอ้ งมีขนาดพอเหมาะกบั
ขนาดของนา้ หนกั เสาเขม็ และตมุ้ ท่ียก และไมส่ กึ หรอจนสอ่ ใหเ้ ห็นวา่ จะเกิดอนั ตรายไดโ้ ดยงา่ ย

3.3 พืน้ ท่ีท่ีรองรบั ปั้นจ่นั ตอ้ งเสริมใหแ้ ข็งแรงพอท่ีจะรบั นา้ หนกั ปั้นจ่นั และอปุ กรณต์ ่าง ๆ ได้ โดยขณะตอก
ปั้นจ่นั ตอ้ งไม่โยกคลอนหรือทรุดตวั ลงจนทาใหเ้ สียแรงด่ิงของตะเกียบบงั คบั เสาเข็มหรือเกิดแรงเบียด
เสาเข็ม

3.4 ถา้ ใชห้ มวกเหล็กครอบหวั เสาเข็มในการตอกเสาเข็มหมวกตอ้ งมีขนาดพอเหมาะกับหวั เสาเข็ม คือไม่ได้
โตกว่าหวั เสาเข็มเกิน 1 เซนติเมตร และภายในหมวกใหใ้ ชไ้ มเ้ นือ้ อ่อนรองหัวเสาเข็มไดห้ นาไม่เกิน 3
เซนตเิ มตร และเม่ือไมร้ องในหมวกแตกยยุ่ จนทาใหป้ ระสทิ ธิภาพของการตอกลดลง ตอ้ งเปล่ียนไมร้ องใหม่
หมวกเหลก็ จะตอ้ งมีท่ีบงั คบั กบั ตะเกียบดว้ ย

3.5 ตมุ้ ท่ีใชต้ อกเสาเขม็ ตอ้ งมีนา้ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 70 ของนา้ หนกั เสาเขม็ แตต่ อ้ งหนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 3
เมตรกิ ตนั

3.6 ก่อนตอกเสาเข็มตอ้ งปักหมุดแสดงตาแหน่งของเสาเข็มท่ีจะตอกแต่ละตน้ ใหช้ ัดเจน และตอ้ งมีเคร่ือง
บงั คบั เสาเข็มท่ีแข็งแรงพอ เพ่ือว่าเม่ือยกเสาเข็มขึน้ ตงั้ ในท่ีบงั คบั เสาเข็ม ปลายเสาเข็มตอ้ งอย่ตู รงศนู ย์
เสาเข็มท่ีทาเคร่ืองหมายไว้ โดยเคร่ืองบงั คบั เสาเข็มตอ้ งไมเ่ คล่ือนท่ีหรือหกั พงั ไปจนกว่าปลายเสาเข็มจะ
จมลงไปในดนิ แลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 เมตร

3.7 การตอกเสาเข็มตอ้ งพยายามจดั ใหแ้ รงกระทบของตมุ้ ท่ีมีตอ่ หวั เสาเข็ม ถ่ายกาลงั ไปตามแนวเสน้ แกนของ
เสาเข็ม หากอุปกรณใ์ นการตอกเสาเข็มหลวมคลอนก่อใหเ้ กิดแรงกระทบเสาเข็มเบนออกนอกแนวเสน้
แกนจนเสาเขม็ สะบดั คลอนไปในทางราบแลว้ ตอ้ งหนนุ การตอกเสาเขม็ ทนั ที จนกวา่ จะมีการแกไ้ ขสาเหตทุ ่ี
ทาใหเ้ สาเขม็ สะบดั เสียก่อน หากแกไ้ ขไมไ่ ดต้ อ้ งเปล่ียนปั้นจ่นั ทงั้ ชดุ

3.8 เม่ือเสาเขม็ จมเสมอระดบั ดนิ แลว้ แตย่ งั ไมไ่ ดร้ ะดบั ใหใ้ ชเ้ สาสง่ วางบนหวั เสาเข็มได้ โดยท่ีเสาสง่ ตอ้ งยาว
ไมเ่ กินกวา่ ระยะท่ีหวั เสาเข็มจมดนิ บวกดว้ ย 60 เซนตเิ มตร ในการใชเ้ สาสง่ ปลายเสาส่วนท่ีวางอยบู่ นหวั
เสาเขม็ ตอ้ งมีท่ีบงั คบั ไมใ่ หเ้ คล่ือนหลดุ ออกนอกแนวหวั เสาเขม็ ในขณะตอกใหใ้ ชว้ สั ดรุ องหวั เสาเขม็ ดว้ ย
ไมเ้ นือ้ ออ่ นหนาไมเ่ กิน 3 เซนตเิ มตร ท่ีบงั คบั เสาสง่ ตอ้ งม่นั คงจนไมโ่ ยกคลอนในขณะตอก และในกรณีใช้
หมวกครอบหวั เสาสง่ ตอ้ งไมม่ ีวสั ดรุ องทงั้ ภายในและภายนอกหมวกครอบ สาหรบั คณุ สมบตั ขิ องเสาสง่ อยู่
ในดลุ พนิ จิ ของวิศวกรของผวู้ ่าจา้ ง

3.9 การตอกเสาเขม็ ตอ้ งตอกดว้ ยความระมดั ระวงั รวมทงั้ ตอ้ งจดั ทาหาวธิ ีปอ้ งกนั มิใหเ้ กิดอนั ตรายใด ๆ ตอ่
บคุ คลอ่ืนหรอื ทรพั ยส์ ินของอาคารขา้ งเคียง ความเสียหายตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ้ อนั มีสาเหตเุ น่ืองมาจากการตอก
เสาเข็มแลว้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเป็นผชู้ ดใชค้ วามเสียหายดงั กล่าวนนั้ แตผ่ เู้ ดยี ว

291

สำนกั วิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

3.10ขณะตอกเสาเข็มถา้ ปรากฎวา่ เสาเขม็ หกั หรือเกิดรอยแตกรา้ วดว้ ยเหตปุ ระการใด ๆ ซง่ึ สามารถมองเห็นได้
ให้ สกดั ส่วนท่ีแตกรา้ วหรือหกั ออกแลว้ หลอ่ คอนกรีตใหม่ เม่ือคอนกรีตไดก้ าลงั ตามท่ีรายการกาหนดแลว้
จงึ จะทาการตอกตอ่ ไปได้ หรอื อนญุ าตใหถ้ อนเสาเขม็ ตน้ ท่ีชารุดขนึ้ แลว้ ใชเ้ สาเข็มตน้ ใหมท่ ่ีดีตอกลงแทนท่ี
ได้ ในกรณีท่ีไมส่ ามารถปฏิบตั ไิ ดท้ งั้ สองประการ ใหผ้ รู้ บั จา้ งรายงานใหผ้ วู้ า่ จา้ งทราบเพ่ือพิจารณาส่งั การ
ตอ่ ไป

3.11เสาเข็มคอนกรีตท่ีหกั หา้ มนามาใช้ เสาเข็มท่ีมีรอยรา้ วต่อเน่ืองกันไม่เกินคร่งึ ของเสน้ รอบรูปและทามุม
ระหวา่ ง 80 ถึง 90 องศากบั แนวแกนสะเทิน รอยรา้ วแตล่ ะรอยห่างกนั เกิน 1 เมตร และกวา้ งไมเ่ กิน 0.2
มิลลิเมตร แลว้ ยอมใหใ้ ชไ้ ดแ้ ตท่ งั้ นีต้ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผวู้ า่ จา้ งกอ่ น

3.12ผรู้ บั จา้ งตอ้ งทารายงานผลการตอกเสาเขม็ แตล่ ะตน้ พรอ้ มทงั้ แบบแปลนแสดงตาแหนง่ เสาเข็มตน้ ท่ีทาการ
ตอก โดยใหป้ ฏิบตั เิ ป็นไปตาม ผนวก ข. มทช. 106 : การบนั ทกึ รายงานการตอกเสาเขม็ สง่ ใหผ้ คู้ วบคมุ
งานของผวู้ า่ จา้ ง เพ่ือพิจารณาวา่ เสาเข็มตน้ นนั้ ๆ จะสามารถรบั นา้ หนกั บรรทกุ ไดต้ ามท่ีกาหนดหรือไม่

3.13ในกรณีเม่ือตอกเสาเข็มไปจนสดุ ความยาวของเสาเข็มตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นแบบรายละเอียดแตเ่ สาเขม็ นนั้ ไม่
สามารถรบั นา้ หนกั บรรทกุ โดยปลอดภยั ตามท่ีไดก้ าหนดแลว้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งแกไ้ ขตามความเห็นชอบของผู้
วา่ จา้ ง โดยคา่ ใชจ้ า่ ยในการนีเ้ ป็นของผรู้ บั จา้ งทงั้ สนิ้

3.14ถา้ ปรากฎวา่ เสาเข็มตอกจมลงไมถ่ ึงระดบั ท่ีระบไุ วใ้ นแบบ หรอื รายการรายละเอียด จะเน่ืองจากชนั้ ดนิ แข็ง
หรือ เหตอุ ่ืนใด ๆ ก็ตาม ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรีบแจง้ ผวู้ า่ จา้ งทราบทนั ที ขอ้ วินิจฉัยของผวู้ ่าจา้ งถือเป็นเดด็ ขาด
ผรู้ บั จา้ งตอ้ งปฏิบตั ติ ามโดยปราศจากเง่ือนไขใด ๆ

3.15ในกรณีท่ีตอ้ งการตอกเสาเข็มดว้ ยเคร่อื งตอกชนดิ ดเี ซล แฮมเมอร์ (diesel hammer) ตอ้ งไดร้ บั ความ
เหน็ ชอบจากผวู้ า่ จา้ งเสียก่อน

4. การทดสอบการรับนา้ หนักของเสาเขม็
4.1 การทดสอบการรบั นา้ หนกั ของเสาเข็ม ตอ้ งเป็นไปตามภาคผนวก ก. มทช. 106 : มาตรฐานการทดสอบการ
รบั นา้ หนกั ของเสาเขม็
4.2 การบนั ทกึ รายงานการตอกเสาเขม็ ตอ้ งเป็นไปตามภาคผนวก ข. มทช. 106 : การบนั ทกึ รายงานการตอก
เสาเขม็

292

สำนักวิเครำะห์ วิจัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ผนวก ก.มทช. 106-2545
มาตรฐานการทดสอบการรับนา้ หนักเสาเข็ม

ขอบข่าย มาตรฐานนีใ้ ชบ้ งั คบั สาหรบั การทดสอบความสามารถในการรบั นา้ หนกั เสาเขม็ ในแนวด่งิ ดว้ ยแรงกด
(static compressive load) ตามแกนของเสาเขม็ เม่ือรายการก่อสรา้ งไมไ่ ดร้ ะบรุ ายละเอียดวธิ ีการ
ทดสอบการรบั นา้ หนกั ไวแ้ ลว้ ใหด้ าเนินการทดสอบตามขอ้ 4 ของผนวก ก. มทช. 106 : มาตรฐานการ
ทดสอบการรบั นา้ หนกั เสาเข็ม

1. ข้อกาหนดของเสาเขม็ ต้นทจี่ ะทดสอบ
1.1 ลกั ษณะ ขนาดและความยาวของเสาเข็มตอ้ งเหมือนกบั เสาเข็มท่ีใชต้ อกจรงิ ทกุ อย่าง เคร่ืองมือและ
อปุ กรณท์ ่ีใชต้ อกตอ้ งเหมือนกบั ท่ีใชจ้ รงิ ดว้ ย
1.2 ถา้ ตาแหนง่ ของเสาเข็มตน้ ท่ีจะทดสอบอยนู่ อกผงั การตอกควรอยใู่ กลก้ บั ตาแหนง่ ของหลมุ เจาะสารวจ
ดนิ ซง่ึ ทราบคณุ สมบตั ิของดนิ แลว้ หรือตอ้ งเป็นตาแหนง่ ท่ีคาดวา่ ชนั้ ดนิ ตรงจดุ นนั้ จะเลวท่ีสดุ
1.3 ถา้ จะทาการทดสอบเสาเขม็ ตน้ ท่ีตอกไปแลว้ ในผงั ตอ้ งทดสอบตน้ ท่ี
1.3.1 อยใู่ นบรเิ วณท่ีคาดวา่ มีชนั้ ดนิ เลวท่ีสดุ หรือ
1.3.2 เสาเขม็ หนีศนู ยม์ ากท่ีสดุ หรือ
1.3.3 มีคา่ blow count ต่าหรอื นา่ สงสยั
1.4 เสาเข็มตน้ ทดสอบท่ีตอกใน clay หรือ silt ตอ้ งรออย่างนอ้ ย 7 วนั จงึ จะเรม่ิ การทดสอบนา้ หนกั แตถ่ า้ ตอก
ในทรายใหร้ ออยา่ งนอ้ ย 3 วนั
1.5 บนั ทึกการตอกเสาเข็มตาม ภาคผนวก ข. มทช. 106 : การบนั ทึกรายงานการตอกเสาเข็ม พรอ้ มทงั้ ค่า
ทรุดตวั และคืนตวั สาหรบั การตอก 10 ครงั้ สดุ ทา้ ย กราฟแสดงการทรุดตวั และคืนตวั ของเสาเข็ม ถา้ ใช้
เสาเข็มสมอก็ใหบ้ นั ทึกคา่ การทรุดตวั สาหรบั การตอก 10 ครงั้ สดุ ทา้ ย ของการตอกเสาเข็มสมอทงั้ หมด
ดว้ ย

2. อุปกรณแ์ ละเครอ่ื งมอื ในการเพมิ่ นา้ หนัก
2.1 ชดุ เพ่มิ นา้ หนกั (hydraulic jack wtth pressure gauge) ตอ้ งมีใบรบั รองแสดงผลทดสอบการเพ่ิม
หรอื การลดนา้ หนกั (calibrated and tested report) มาแสดงก่อนใชเ้ คร่อื งมือชดุ นีใ้ นการปฏิบตั งิ าน
ใบรบั รองตอ้ งมีอายไุ มเ่ กิน 3 เดือน และจากสถาบนั ท่ีผวู้ า่ จา้ งเหน็ ชอบ ตอ้ งสามารถควบคมุ การเพ่มิ
นา้ หนกั เม่ือทาการทดสอบได้ โดยยอมใหผ้ ดิ พลาดไดไ้ มเ่ กินรอ้ ยละ 5 ของนา้ หนกั ท่ีกระทาตอ่ เสาเข็ม

293

สำนักวเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

เม่ือใชแ้ ม่แรงนา้ มัน (hydraulic jack) มากกว่าหน่ึงตัว ตอ้ งเพ่ิมนา้ หนักจาก ปั้มไฮดรอลิค (hydraulic
pump) ตวั เดียวกัน และใชท้ ่อจ่ายร่วม (common manifold) และมาตรวดั ความดนั อนั เดียวใหใ้ ชร้ ะบบ
อตั โนมตั ิ (automatic regulator) ในการควบคมุ นา้ หนกั ใหค้ งท่ีเม่ือมีการทรุดตวั เกิดขนึ้
2.2 การเพ่ิมนา้ หนกั โดยใชแ้ มแ่ รงนา้ มนั ตวั เดียวหรือหลายตวั ดนั โครงสรา้ งเหล็กท่ีติดตายไวก้ บั เสาเข็มสมอ
จานวนเสาเข็มสมอตอ้ งมากพอท่ีจะไมถ่ อนเม่ือรบั แรงดงึ ตลอดการทดสอบและตอ้ งมีระยะชอ่ งหา่ ง (clear
distance) จากเสาเข็มทดสอบไม่นอ้ ยกว่า 5 เท่าของเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางท่ีใหญ่ท่ีสุดของเสาเข็มสมอแต่
ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 2 เมตร การยดึ ระหว่างโครงสรา้ งเหลก็ กบั เสาเข็มสมอตอ้ งแข็งแรงไมม่ ีการเคล่ือนท่ีใด ๆ
เกิดขนึ้ และตอ้ งตดิ ตงั้ แมแ่ รงนา้ มนั ใหไ้ ดก้ ่งึ กลางท่ีสดุ เพ่ือถ่ายนา้ หนกั ไปยงั เสาสมอไดเ้ ทา่ กนั ทกุ จดุ
2.3 การเพ่ิมนา้ หนกั โดยใชแ้ มแ่ รงนา้ มนั ตวั เดยี วหรอื หลายตวั ดนั โครงสรา้ งเหลก็ ท่ีบรรทกุ นา้ หนกั นนั้ นา้ หนกั
บรรทกุ ทงั้ หมดบนโครงเหลก็ ตอ้ งมากกวา่ นา้ หนกั ท่ีจะใชใ้ นการทดสอบไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 จดุ ท่ีรองรบั
นา้ หนกั ตอ้ งมีระยะช่องหา่ งจากเสาเขม็ ทดสอบไมน่ อ้ ยกวา่ 1.5 เมตร
2.4 การเพ่ิมนา้ หนกั ของแมแ่ รงนา้ มนั ตอ้ งกระทาไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอ

3. การวัดการทรุดตวั ของเสาเข็ม
3.1 ท่วั ไป
3.1.1 มาตรวดั การทรุดตวั (dial gauge) ท่ีใชใ้ นการทดสอบตอ้ งมีระบบ และความละเอียดในการวดั คา่
(division) เหมือนกนั หมดเพ่ือปอ้ งกนั ความผิดพลาด และเพ่ือความสะดวกในการอา่ นคา่ ตอ้ ง
สามารถวดั คา่ การทรุดตวั ไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 50 มิลลิเมตร และอา่ นไดล้ ะเอียดถงึ 0.25 มิลลิเมตร หรือ
0.01 นวิ้
3.1.2 คานท่ีใชร้ บั มาตรวดั ตอ้ งเป็นคานเหล็กและตดิ ตงั้ แยกอสิ ระโดยใหย้ ดึ กบั เสาเหลก็ หรือเสา
คอนกรตี ท่ีตอกลกึ ลงในดนิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1.00 เมตร โดยมีระยะชอ่ งหา่ งจากเสาเขม็ ทดสอบไมน่ อ้ ย
กวา่ 2.50 เมตร และตอ้ งมีความแข็งแรงเพียงพอท่ีจะไมเ่ กิดการโกง่ ตวั และขยบั ไปทางดา้ นขา้ งได้
ปลายดา้ นหนง่ึ ของคานตอ้ งขยบั ไดเ้ ม่ือมีการยืดหดตวั ไดเ้ น่ืองจากการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิ
3.1.3 ตอ้ งมีการปอ้ งกนั การกระทบกระแทกเคร่อื งมือทงั้ หมดท่ีตดิ ตงั้ ไว้ รวมทงั้ มีการปอ้ งกนั แสงแดด
และฝนท่ีมากระทบตอ่ อปุ กรณแ์ ละเคร่อื งมือท่ีตดิ ตงั้ ไว้
3.1.4 จดุ ท่ีรบั ขามาตรวดั การทรุดตวั ทกุ จดุ ตอ้ งมีผวิ หนา้ เรียบ อาทิ แผน่ กระจก
3.1.5 หวั เสาเขม็ ทดสอบหรอื คอนกรีตท่ีหลอ่ หมุ้ เสาเข็มทดสอบตอ้ งมีผวิ หนา้ เรยี บไดฉ้ ากกบั แนวด่งิ
3.2 การตดิ ตัง้ อุปกรณแ์ ละเครื่องมือในการวัดการทรุดตัวของเสาเข็มทดสอบ
3.2.1 ตดิ ตงั้ มาตรวดั การทรุดตวั อยา่ งนอ้ ย 2 ตวั ไวบ้ นคานรบั มาตรวดั โดยอย่คู นละดา้ นของหวั เสาเข็ม
ทดสอบหรือแทน่ หวั เข็ม (pile cap) มาตรวดั เหล่านีต้ อ้ งใหห้ า่ งจากจดุ ศนู ยก์ ลางของหวั เสาเขม็

294

สำนักวิเครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ทดสอบเทา่ กนั ทงั้ สองดา้ นและอยตู่ รงกนั ขา้ มในแนวเดียวกนั ดว้ ย ตอ้ งปรบั ใหข้ าของมาตรวดั ทกุ
ตวั ขนานกบั ทิศทางของนา้ หนกั ท่ีกระทาตอ่ หวั เสาเข็ม
3.2.2 ขึงเชือกเอ็นใหต้ ึง (โดยถ่วงดว้ ยนา้ หนกั ) ไวข้ า้ งหวั เสาเข็มทดสอบดา้ นละเสน้ อย่ใู นแนวท่ีตงั้ ได้
ฉากกับแนวด่ิงและใหผ้ ่านไมบ้ รรทัดเหล็ก (scale) ท่ีแนบไวบ้ นกระจกเงาซ่ึงติดแน่นไว้กับหัว
เสาเขม็ ทดสอบ
3.2.3 ตดิ ตงั้ เคร่อื งมือหรืออปุ กรณเ์ พ่ือวดั การเคล่ือนท่ีของเสาเขม็ สมอทกุ จดุ ตลอดเวลาท่ีทาการทดสอบ
ถา้ เสาเข็มสมอขยบั ตวั ใหเ้ ลิกการทดสอบพรอ้ มทงั้ บนั ทึกการคืนตวั คงท่ีไวด้ ว้ ย แลว้ ใหท้ าการ
ทดสอบใหมต่ ามคาแนะนาของผวู้ า่ จา้ ง

4. การทดสอบแบบมาตรฐาน (standard loading)
4.1 นา้ หนกั ท่ีกระทาลงบนหนา้ ตดั ของเสาเข็มทดสอบตอ้ งตงั้ ฉากและอยใู่ นแนวดง่ิ
4.2 นา้ หนกั ทดสอบสงู สดุ เป็น 2 เทา่ ของนา้ หนกั ท่ีออกแบบเสาเข็มแตล่ ะตน้ (design load)
4.3 เพ่ิมนา้ หนกั ทดสอบเป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 25, 50, 75, 100, 125, 150, 175 และ 200 ของนา้ หนักท่ี
ออกแบบ
4.4 ในแตล่ ะขนั้ ตอนใหร้ กั ษานา้ หนกั ไวจ้ นครบ 1 ช่วั โมง อา่ นและบนั ทกึ คา่ การทรุดตวั ท่ี 1, 5, 10, 15, 20, 30,
40 และ 60 นาที ตรวจสอบอตั ราการทรุดตวั ของเสาเข็ม ซ่งึ ตอ้ งไมเ่ กิน 0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมง จงึ จะเพ่มิ
นา้ หนกั ขนั้ ตอนตอ่ ไป ในกรณีท่ีรกั ษานา้ หนกั ไวค้ รบ 1 ช่วั โมงแลว้ อตั ราการทรุดตวั ของเสาเข็มยงั สงู กว่า
0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมง ใหร้ กั ษานา้ หนกั นนั้ ไวอ้ ีก 1 ช่วั โมง อา่ นและบนั ทกึ คา่ การทรุดตวั ของเสาเข็มทกุ
ๆ 20 นาที เม่ือครบช่วั โมงท่ี 2 แลว้ อตั ราการทรุดตวั ของเสาเข็มไม่เกิน 0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมง ก็ใหเ้ พ่มิ
นา้ หนกั ขนั้ ตอนตอ่ ไปได้ หากอตั ราการทรุดตวั ของเสาเข็มยงั สงู กว่า 0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมงอีก ใหถ้ ือวา่
การทดสอบนนั้ ลม้ เหลว หรือถึงจดุ วิบตั แิ ลว้
4.5 เม่ือเพ่ิมนา้ หนกั ถึง 2 เท่าของนา้ หนกั ท่ีออกแบบแลว้ และเสาเข็มทดสอบไม่ถึงจดุ วิบตั ิใหค้ งนา้ หนกั ไว้ 24
ช่วั โมง อา่ นและบนั ทึกคา่ การทรุดตวั ตามชว่ งเวลาท่ีกาหนด หากอตั ราการทรุดตวั ไม่เกิน 0.25 มิลลิเมตร
ตอ่ ช่วั โมง ใหด้ าเนินการตามขอ้ 4.6 แตถ่ า้ อตั ราการทรุดตวั ยงั สงู กวา่ 0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมง ก็ใหร้ กั ษา
นา้ หนกั นนั้ ไวอ้ ีก 24 ช่วั โมง อ่านและบนั ทึกคา่ การทรุดตวั ตามชว่ งเวลาท่ีกาหนดตอ่ ไปอีก ถา้ อตั ราทรุดตวั
ไมเ่ กิน 0.25 มิลลเิ มตรตอ่ ช่วั โมง ใหด้ าเนนิ การตามขอ้ 4.6 หากอตั ราการทรุดตวั ในชว่ ง 24 ช่วั โมงหลงั ยงั
สงู กวา่ 0.25 มิลลิเมตรตอ่ ช่วั โมง ใหถ้ ือวา่ การทดสอบนนั้ ลม้ เหลว หรอื ถึงจดุ วิบตั แิ ลว้
การอ่านและบนั ทกึ คา่ การทรุดตวั ชว่ ง 24 ช่วั โมงแรก และ 24 ช่วั โมงหลงั ดงั นี้
ทกุ ๆ 20 นาที สาหรบั ชว่ งเวลา 2 ช่วั โมงแรก
ทกุ ๆ 1 ช่วั โมง สาหรบั ชว่ งเวลา 10 ช่วั โมงตอ่ มา

295

สำนกั วเิ ครำะห์ วจิ ัยและพัฒนำ กรมทำงหลวงชนบท

ทกุ ๆ 2 ช่วั โมง สาหรบั ชว่ งเวลาท่ีเหลือ
4.6 ทาการลดนา้ หนกั ทกุ ๆ ช่วั โมงใหเ้ หลือเป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 150, 100, 50 และ 0 บนั ทกึ การคนื ตวั ทกุ ๆ

10 นาที และเม่ือลดนา้ หนกั หมดแลว้ ใหอ้ า่ นตอ่ ไปทกุ ๆ ช่วั โมง จนครบ 24 ช่วั โมง หรือการคนื ตวั คงท่ี
4.7 ตอ้ งอา่ นคา่ จากมาตรวดั การทรุดตวั ทกุ ตวั และทกุ ครงั้ ก่อนและหลงั ท่ีมีการเปล่ียนนา้ หนกั

5. การทดสอบถงึ จุดวิบัติ (loading to failure)
5.1 ชดุ ทดสอบตอ้ งมีสมรรถนะใชง้ านไดอ้ ย่างนอ้ ย 3 เทา่ ของคา่ นา้ หนกั ท่ีออกแบบ
5.2 ก่อนดาเนินการทดสอบถึงจดุ วบิ ตั ิ ใหท้ าการทดสอบตามขอ้ 4 กอ่ น
5.3 การทดสอบถงึ จดุ วิบตั ใิ หเ้ พ่มิ นา้ หนกั เป็นขนั้ ตอน ดงั นี้
5.3.1 เพ่มิ นา้ หนกั รอ้ ยละ 50 ของนา้ หนกั ท่ีออกแบบ และรกั ษานา้ หนกั ไว้ 20 นาที
5.3.2 เพ่มิ นา้ หนกั อีกรอ้ ยละ 10 ของนา้ หนกั ท่ีออกแบบทกุ ๆ 20 นาที จนกวา่ จะเกิดการวิบตั ขิ องเสาเขม็
ทดสอบ หรือชดุ ทดสอบ
5.4 ดาเนนิ การบนั ทกึ ผลการทดสอบตามขอ้ 4.7 และตอ้ งอา่ นคา่ การทรุดตวั ท่ี 1, 5, 10, 15 และ 20 นาที

6. การทดสอบเป็ นวงจร (cyclic loading)
6.1 วงจรท่ีหนง่ึ ใหเ้ พ่มิ นา้ หนกั เป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 25 และ 50 ของนา้ หนกั ท่ีออกแบบไวแ้ ตล่ ะขนั้ ตอนการ
เพ่มิ นา้ หนกั ใหด้ าเนนิ การตามขอ้ 4.4 และเม่ือครบ 2 ช่วั โมงแลว้ จงึ ลดนา้ หนกั ลงทกุ ๆ ช่วั โมง เป็นขนั้ ตอน
ดงั นี้ รอ้ ยละ 50 และ 0
6.2 วงจรท่ีสอง ใหเ้ พ่มิ นา้ หนกั เป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 25, 50, 75 และ 100 ของนา้ หนกั ท่ีออกแบบไวแ้ ตล่ ะ
ขนั้ ตอนการเพ่มิ นา้ หนกั ใหด้ าเนนิ การตามขอ้ 4.4 และเม่ือรกั ษานา้ หนกั ไวค้ รบ 24 ช่วั โมงแลว้ ใหท้ าการลด
นา้ หนกั ทกุ ๆ ช่วั โมงเป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 50, 25 และ 0
6.3 วงจรท่ีสาม ใหเ้ พ่มิ นา้ หนกั เป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 25, 50, 75, 100, 125, 175 และ 200 ของนา้ หนกั ท่ี
ออกแบบแตล่ ะขนั้ ตอนของการเพ่ิมนา้ หนกั ใหด้ าเนินการตาม ขอ้ 4.4 และเม่ือรกั ษานา้ หนกั ไวค้ รบ 24
ช่วั โมงแลว้ ใหท้ าการลดนา้ หนกั ทกุ ๆ ช่วั โมงเป็นขนั้ ตอนดงั นี้ รอ้ ยละ 150, 100, 50 และ 0
6.4 การเพ่ิมนา้ หนกั แตล่ ะขนั้ ตอนใหร้ กั ษานา้ หนกั ไวจ้ นครบ 2 ช่วั โมง หรือในช่วั โมงแรก อตั ราการทรุดตวั ไม่
เกิน 0.25 มลิ ลเิ มตรตอ่ ช่วั โมง แลว้ แตก่ รณีใดจะเกิดขนึ้ ก่อนจงึ จะเพ่มิ นา้ หนกั ขนั้ ตอ่ ไป
6.5 บนั ทกึ คา่ การทรุดตวั ทกุ ครงั้ ก่อนหรือหลงั การเปล่ียนนา้ หนกั ใหอ้ า่ นคา่ ท่ี 1, 5, 10, 15, 20, 30, 40, 60 นาที
และ ทกุ ๆ 20 นาที
6.6 เม่ือเพ่มิ นา้ หนกั ตามขอ้ 6.2 หรอื 6.3 จนถงึ รอ้ ยละ 100 หรือ 200 แลว้ เสาเขม็ ไมถ่ งึ จดุ วบิ ตั ใิ นขณะรกั ษา
นา้ หนกั ไวใ้ หบ้ นั ทกึ คา่ การทรุดตวั ของเสาเข็ม

296


Click to View FlipBook Version