The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-03-26 01:41:45

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Keywords: บางกอก,วัด

บางกอก บอกเล่า (เรอ่ื ง) วัด

ISBN 978-616-272-044-4

พิมพค์ รง้ั แรก กนั ยายน ๒๕๕๕

เจา้ ของ
สำนักวัฒนธรรม กฬี า และการท่องเทย่ี ว กรงุ เทพมหานคร
เลขท่ี ๑๒๓ ถนนมติ รไมตรี ๓ แขวงดินแดง เขตดนิ แดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐
โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๔๕ ๒๕๔๗, ๐ ๒๒๔๗ ๒๓๓๓

ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหง่ ชาติ
สำนักวฒั นธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร
บางกอก บอกเลา่ (เรอื่ ง) วัด. -กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๕.
๓๒๐ หนา้ .
1. กรงุ เทพฯ-ประวตั ศิ าสตร์
I. ชือ่ เรอื่ ง
ISBN 978-616-272-044-4

คณะทีป่ รึกษา
นายมานติ เตชอภิโชค ผู้อำนวยการสำนักวฒั นธรรม กีฬา และการทอ่ งเทยี่ ว
นางสาวปราณี สตั ยประกอบ รองผอู้ ำนวยการสำนกั วฒั นธรรม กฬี า และการท่องเทย่ี ว
นางสวุ ฒั นี ไชยนนั ทน์ รองผู้อำนวยการสำนกั วฒั นธรรม กฬี า และการท่องเที่ยว
นางอจั ฉราวดี ชัยสุวริ ัตน์ ผู้อำนวยการกองวฒั นธรรม สำนักวัฒนธรรม กฬี า และการทอ่ งเที่ยว

ที่ปรึกษาวิชาการ
รศ. ศรีศกั ร วัลลโิ ภดม นกั วิชาการอิสระ

ผศ. ดร. วรพร ภพู่ งศ์พันธ์ ุ ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะอกั ษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

นางนรสิ า โพธิเดช นกั วิชาการอิสระ

คณะบรรณาธกิ าร นักวชิ าการวัฒนธรรมชำนาญการ กองวฒั นธรรม
นางปรียา ม่านโคกสูง นกั วิชาการวฒั นธรรมปฏบิ ตั กิ าร กองวฒั นธรรม
นายเกษม ปฐมฤกษ์ นกั วชิ าการวฒั นธรรมปฏิบตั กิ าร กองวฒั นธรรม
นางศศิณี ผดุงชอบ

ขอขอบคุณท่ีเออ้ื เฟือ้ ภาพประกอบ
หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรมศิลปากร
นายนคิ ม นิลฉวี

2

คำนำ


นบั แตพ่ ระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์

เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕ จวบจนปัจจุบัน เป็นระยะเวลา ๒๓๐ ปีแล้วที่กรุงเทพมหานคร ราชธานี

แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ดำรงความเป็นมหานครแห่งวัฒนธรรม มีโบราณสถานสำคัญมากมาย

และที่สำคัญย่ิง คือ ศาสนสถาน ในท่ีนี้จะกล่าวถึง “วัด” ศาสนสถานในพระพุทธศาสนาท่ีธำรงอยู่
ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ ด้วยวัดไม่เพียงเป็นสถานท่ีประกอบพิธีกรรม

ทางศาสนา หากแต่ยังเป็นรากฐานของความเป็นมาของมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เป็นแหล่งรวม
ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ศูนย์กลางการศึกษา ตลอดจนวิถีชีวิต

ภูมิปัญญา ประเพณี และศิลปวิทยาแขนงต่างๆ อันหลากหลาย ควบคู่ไปกับการเป็นแหล่งพบปะ

แลกเปลยี่ นความรขู้ องผู้คนในชุมชน


สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเท่ียวจึงได้จัดทำหนังสือบางกอก บอกเล่า (เรื่อง) วัด

ตามโครงการการจัดทำหนังสือรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับวัดสำคัญในกรุงเทพมหานครข้ึน เพื่อให้

คนกรุงเทพฯ ได้เรียนรู้ เข้าใจ ตระหนัก และรับรู้เร่ืองราวเกี่ยวกับวัด สังคม และชุมชนชาวกรุงเทพฯ

ในมิตทิ างวฒั นธรรม และเพือ่ รว่ มกันอนุรักษ์พทุ ธศาสนสถานใหเ้ ปน็ สมบัติล้ำค่าของชาตแิ ละเป็นศูนยร์ วม
จิตใจของประชาชนและชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป






สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเทีย่ ว

กรุงเทพมหานคร


3

สารบญั


บทนำ ๘

บทที่ ๑ พระอารามหลวง ๑๒

๑๔

วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ๑๘

วัดประจำรชั กาล ๑๙

๒๒

วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลารามราชวรมหาวิหาร ๒๕

๒๘

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ๓๑

๓๔

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวหิ าร ๓๗

วัดราชโอรสารามราชวรวหิ าร ๔๐

วัดบวรนเิ วศวหิ ารราชวรวิหาร ๔๓

๖๖

วัดราชประดิษฐส์ ถติ มหาสีมารามราชวรวิหาร ๖๘

วดั ราชบพธิ สถติ มหาสีมารามราชวรวิหาร ๗๐

วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ๗๒

พระอารามหลวงท่พี ระมหากษตั รยิ ์ทรงสรา้ งหรอื ทรงบูรณปฏสิ งั ขรณ์ ๗๕

๗๗

วัดระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวิหาร ๔๔
วัดปากนำ้ ๘๐

๔๗
วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร ๘๒

วัดสวุ รรณารามราชวรวิหาร ๕๐
วดั คูหาสวรรค์วรวิหาร ๘๔

๕๒
วัดยานนาวา
วดั จนั ทารามวรวหิ าร ๕๔
วดั ราชสทิ ธารามราชวรวิหาร
วดั ชัยพฤกษมาลาราชวรวหิ าร ๕๖
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

วัดนางนองวรวหิ าร

วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร ๕๘
วัดนาคกลางวรวิหาร
๖๐
วัดบรมนิวาสราชวรวหิ าร
วัดรัชฎาธิษฐานราชวรวหิ าร ๖๓
วัดเทพธดิ ารามวรวหิ าร
วัดสงั ขก์ ระจายวรวหิ าร

วัดหงสร์ ตั นารามราชวรวหิ าร

วัดราชนัดดารามวรวหิ าร ๘๖
วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ๙๕

วดั ทองธรรมชาตวิ รวิหาร ๘๙
วัดมกฏุ กษตั รยิ ารามราชวรวหิ าร ๙๘

วัดมหาพฤฒารามวรวหิ าร ๙๑
วัดเทพศริ นิ ทราวาสราชวรวิหาร ๑๐๑

วัดโสมนสั ราชวรวิหาร ๙๓
วัดเบญจมบพติ รดสุ ติ วนารามราชวรวิหาร ๑๐๔


พระอารามหลวงทพ่ี ระบรมวงศานวุ งศท์ รงสรา้ ง ๑๐๗

๑๐๘
วดั ศรสี ดุ ารามวรวหิ าร ๑๓๗

วัดราชาธิวาสราชวรวหิ าร ๑๑๑
วัดมหรรณพารามวรวหิ าร ๑๓๙


วัดเทวราชกญุ ชรวรวิหาร ๑๑๔
วดั มหาธาตุยวุ ราชรงั สฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ๑๔๑


วัดภคนิ นี าถวรวหิ าร ๑๑๖
วดั ชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ๑๔๓


วดั อมรนิ ทรารามวรวหิ าร ๑๑๙
วัดปทมุ คงคาราชวรวหิ าร ๑๔๕


วัดบพิตรพมิ ขุ วรวิหาร ๑๒๑
วัดสมั พันธวงศารามวรวหิ าร ๑๔๗


วดั นวลนรดิศวรวิหาร ๑๒๓
วัดดาวดงึ ษาราม ๑๔๙


วดั หนังราชวรวิหาร ๑๒๕
วดั เศวตฉัตรวรวหิ าร ๑๕๑


วัดดุสดิ ารามวรวิหาร ๑๒๗
วดั อัปสรสวรรคว์ รวหิ าร ๑๕๓


วัดอนิ ทรวิหาร ๑๒๙
วดั ชิโนรสารามวรวิหาร ๑๕๕


วัดราชคฤหว์ รวิหาร ๑๓๑
วดั ราชผาติการามวรวิหาร ๑๕๗


วดั อนิ ทารามวรวิหาร ๑๓๓
วดั ตรีทศเทพวรวิหาร ๑๕๙


วัดบวรมงคลราชวรวหิ าร ๑๓๕
วดั ราชบุรณราชวรวิหาร ๑๖๑


วดั กาญจนสิงหาสนว์ รวหิ าร

พระอารามหลวงที่ขนุ นางสร้าง ๑๖๓

๑๖๔
วัดหิรัญรจู วี รวิหาร ๑๖๘

วัดพระยาทำวรวหิ าร ๑๖๖
วดั ปรนิ ายกวรวิหาร ๑๗๐


วัดนางชโี ชติการาม

วดั จกั รวรรดริ าชาวาสวรมหาวิหาร ๑๗๒
วัดเวฬุราชิณ ๑๙๐

วดั สามพระยา ๑๗๔
วดั ชัยชนะสงคราม ๑๙๒

วดั คฤหบดี ๑๗๖
วัดทองนพคุณ ๑๙๔

วัดนรนาถสุนทรกิ าราม ๑๗๘
วัดอนงคารามวรวหิ าร ๑๙๖

วดั กลั ยาณมติ รวรมหาวิหาร ๑๘๐
วดั บุรณศิรมิ าตยาราม ๑๙๘

๑๘๒
วดั สร้อยทอง ๒๐๐

วัดประยรุ วงศาวาสวรวิหาร ๑๘๔
วัดบุปผารามวรวิหาร ๒๐๒

๑๘๖
วดั อาวธุ วิกสิตาราม ๒๐๔

วดั เครือวลั ยว์ รวิหาร ๑๘๘
วัดพระศรมี หาธาตุวรมหาวิหาร ๒๐๖

วัดพิชยญาติการามวรวิหาร ๒๐๘

วดั เทพลีลา ๒๒๐

๒๒๒

พระอารามหลวงที่ประชาชนหรอื พระภิกษสุ รา้ ง ๒๒๓

๒๒๕

วดั ดอนเมอื ง ๒๐๙
วัดโพธนิ มิ ิตรสถติ มหาสมี าราม ๒๒๖

๒๑๑
วดั หลกั ส ี่
วดั ราชสิงขรวรวหิ าร ๒๑๓
วัดบางนาใน ๒๒๘

๒๓๙

วดั หวั ลำโพง ๒๑๕
วัดบุณยประดษิ ฐ ์ ๒๔๐

๒๔๒

วดั นมิ มานรด ี ๒๑๗
วดั วชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ๒๔๔

๒๔๕

วดั ไตรมติ รวิทยารามวรวหิ าร ๒๑๙


วดั เสมยี นนาร ี

บทที่ ๒ วดั ราษฎร ์
วัดชอ่ งนนทร ี ๒๓๑
วัดแจงรอ้ น
๒๓๓
วัดมหาบศุ ย ์
วัดอัมพวา ๒๓๔
วดั บำเพญ็ เหนือ

วัดสิงห ์ ๒๓๕
วัดไผต่ ัน

วัดหัวกระบือ ๒๓๗
วดั ไก่เต้ยี

วัดประดษิ ฐาราม

วดั บางไสไ้ ก ่ ๒๔๖
วดั สมณานมั บริหาร ๒๗๕

๒๔๗
วัดบงึ ทองหลาง ๒๗๗

วัดสะพาน ๒๔๘
วดั ลาดกระบงั ๒๗๙

๒๘๑

วดั ใหม่อมตรส ๒๕๐
วัดบางกระด ี่ ๒๘๒

๒๘๔

วดั บางปะกอก ๒๕๒
วัดนวลจันทร ์ ๒๘๕

๒๘๗

วัดเวตวนั ธรรมาวาส ๒๕๓
วดั แป้นทองโสภาราม ๒๘๘

๒๘๙

วดั กระทมุ่ เสือปลา ๒๕๕
วดั บางนานอก ๒๙๑

๒๙๓

วดั จำปา ๒๕๗
วดั ใหม่เจรญิ ราษฏร ์ ๒๙๔

๒๙๕

วดั มว่ ง ๒๕๘
วดั ราษฎร์ศรัทธาธรรม ๒๙๗

๒๙๘

วัดคลองเตยนอก ๒๖๐
วดั สุทธาโภชน ์ ๓๐๐

๓๐๑

วัดศรบี ุญเรือง ๒๖๑
วัดบางบอน ๓๐๒

๓๐๓

วดั ประสาทบุญญาวาส ๒๖๒
วดั กุนนทรี ุทธาราม ๓๑๐


วัดประเสริฐสทุ ธาวาส ๒๖๔
วัดเลา

วัดใหม่พิเรนทร ์ ๒๖๕
วดั ธาตุทอง

วดั ปุรณาวาส ๒๖๖
วัดพุทธบชู า

วดั พระยายัง ๒๖๘
วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร

วัดภาษ ี ๒๗๐
วัดพรหมวงศาราม

วัดลครทำ ๒๗๑
วัดสาครสุ่นประชาสรรค ์

วัดใหม่ชอ่ งลม ๒๗๒
วดั อมราวราราม

วดั หนองแขม ๒๗๓
วดั โกมทุ พุทธรงั ส ี

วดั มังกรกมลาวาส ๒๗๔


วัดลาดบัวขาว

ภาคผนวก

ภาพจิตรกรรมฝาผนงั พระอโุ บสถวัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลารามราชวรมหาวหิ ารเร่อื ง “ปฐมสมโพธกิ ถา” หรือประวตั ขิ องพระพทุ ธเจา้

สะท้อนเรอ่ื งราววิถชี ีวิตของชมุ ชนในสมัยตน้ รัตนโกสนิ ทร์ทีม่ ีความผูกพันอยา่ งลึกซ้ึงกับพระพทุ ธศาสนา

8

บทนำ


กว่า ๒๐๐ ปีที่กรุงเทพมหานครได้รับการสถาปนาขึ้น
“วดั ” มคี วามหมายตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน
เป็นราชธานีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลาง พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่า สถานที่ทางศาสนา โดยปกติมีโบสถ์ วิหาร
แห่งการปกครองอันมน่ั คงและศูนยก์ ลางแหง่ เศรษฐกจิ อนั ม่ังคงั่ และทอี่ ยู่ของสงฆ์หรอื นกั บวช เป็นต้น มีรากศพั ทม์ าจากภาษา
เท่านั้น หากยังเป็นศนู ย์กลางแห่งวฒั นธรรมอนั รุ่งเรอื งและเปน็ บาลีว่า “วตวา” (วะ-ตะ-วา) หมายถึง ท่ีสนทนาธรรม

ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้จากพระราช แตเ่ ดมิ ในสมยั พทุ ธกาล พทุ ธบรษิ ทั เรยี กพทุ ธศาสนสถาน
ปณิธานของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ว่า “อาราม” ซง่ึ มาจากภาษาบาลีวา่ “อาราเม” หมายถึง สวน
รัชกาลที่ ๑ ทว่ี ่า “...ตง้ั ใจจะอปุ ถมั ภก ยอยกพระพทุ ธศาสนา เช่น เชตวเนอนาถบิณฑิกสสอาราเม แปลว่า สวนของอนาถ
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตรี...” ทั้งยัง บณิ ฑกิ เศรษฐที ป่ี า่ เชต ด้วยเหตุที่เมื่อแรกเร่ิม ยังไม่มีการสร้าง
โปรดเกล้าฯ ให้มีการออกกฎหมายสงฆ์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๖ เสนาสนะหรืออาคารท่ีจำพรรษาถาวร หมู่สงฆ์จึงพำนักตาม
สงั คายนาพระไตรปฎิ กเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๓๑ เพอ่ื ชำระพระศาสนา โคนไมใ้ นสวน

ให้บริสุทธิ์ และการสร้างพระอารามหลวงและวัดราษฎร์ต่างๆ ในสมัยหลังยังเรียกพุทธศาสนสถานอีกช่ือหนึ่งว่า
เปน็ จำนวนมาก
“วหิ าระ” และ “อาวาส” อนั หมายถึง ทอ่ี ย่ขู องหมสู่ งฆ์

การก่อสร้างวัดทั่วท้ังพระนครนับเนื่องจากการสถาปนา พระวินัยปิฎกเสนาสนะขันธกะ ระบุว่า เมื่อสมเด็จ

กรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕ เร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานพระพุทธศาสนาในดินแดน
นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ ชมพูทวีป มีกุลบุตรผู้เล่ือมใสศรัทธาเข้ามาอุปสมบท

ศาสนาของทั้งพระมหากษัตริย์และราษฎรอย่างต่อเน่ืองแล้ว ในบวรพระพทุ ธศาสนาเป็นจำนวนมาก จึงทรงกำหนดให้เหล่า

วัดยังเป็นแหล่งศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดา ถ่ายทอด พระภิกษุอยู่อาศัยอย่างสมถะ คือ “รุกขมูลเสนาสนะ”

ความรทู้ ง้ั ทางโลกและทางธรรม เปน็ แหลง่ สรา้ งสรรคศ์ ลิ ปกรรม อนั หมายถึง การอยตู่ ามโคนไม้ ภเู ขา ซอกเขา ถำ้ เขา ปา่ ชา้
ดว้ ยบทบาทท่ีเปน็ เสมอื นเบ้าหลอมแห่งความศรทั ธา ความเชือ่ ป่าชัฏ ท่ีแจ้ง และลอมฟาง ไม่มีพุทธานุญาตให้พระภิกษ

วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามท่ีบรรพบุรุษได้ส่ังสมสืบทอด อยู่อาศัยในอาคารหรือเรือนเป็นหลักแหล่งถาวร ด้วยจะทำให

มาอย่างยาวนานให้กลายเป็นหน่ึงเดียวกันอย่างแท้จริง ส่งผล ยึดติดในลาภสักการะและความสะดวกสบาย เป็นอุปสรรค

ให้เกิดเป็น “อัตลักษณ์” และ “เสน่ห์” ของกรุงเทพมหานคร ตอ่ การประพฤติและปฏบิ ตั ิธรรม

จนเป็นทร่ี ู้จกั แพรห่ ลายไปทว่ั โลก


9

วดั พระศรรี ัตนมหาธาตุ อำเภอศรสี ชั นาลยั จังหวดั สุโขทยั

10

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพุทธสาวก
เพื่อจะได้ไปเกิดในภพภูมิท่ีดีกว่า และก่อให้เกิดความเชื่อ

ออกเผยแผ่พระศาสนาตามแคว้นต่างๆ จึงมีพุทธบริษัทท่ีมี
ที่ว่าการทำบุญท่ไี ดอ้ านสิ งส์สงู สุด คือ “การสร้างวดั ”

จติ ศรทั ธาถวายทดี่ นิ สรา้ งพระวหิ ารใหเ้ ปน็ ทพ่ี ำนกั ของหมสู่ งฆ์ สมัยอยุธยา ความนิยมในการสร้างวัดแพร่หลายย่ิงขึ้น
เพื่อความสะดวกในการประพฤติธรรม เช่น ราชคฤหเศรษฐี เกิดคติการสร้างวัดอีกนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัด

ถวายพระวิหารจนมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุอาศัยในเสนาสนะ ให้เป็นศาสนสถานคบู่ า้ นคเู่ มอื ง การสร้างวดั ประจำพระราชวัง
๕ ชนิด คือ วิหาร ๑ เรือนมุงแถบเดียว ๑ เรือนชั้น ๑
สำหรับใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีและบำเพ็ญพระราช
เรอื นโลน้ ๑ ถ้ำ ๑ นอกจากนี้ พระเจ้าพมิ พิสาร ผู้ครองนคร กุศล การสร้างวัดในบริเวณนิวาสสถานเดิม หรือสถานที่
ราชคฤห์ แควน้ มคธ ยงั ไดถ้ วาย “เวฬวุ นั ” หรอื “เวฬวุ นาราม” ฌาปนกจิ ของบุพการหี รือผู้มีพระคณุ ท่ีลว่ งลบั เปน็ ตน้

(ป่าไผ่หรือสวนตาลหนุ่ม) ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จ
จากหนงั สอื ตำนานกรงุ เกา่ ของพระยาโบราณราชธานนิ ทร์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพุทธสาวก เหตุการณ์ในครั้งนี้ (พร เดชะคุปต์) กล่าวถึงมูลเหตุของการสร้างวัดในสมัย

นับเป็นมูลเหตุแห่งพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์สามารถรับ อยุธยาว่า สาเหตุท่ีกรุงศรีอยุธยาแทบทุกตารางน้ิวเต็มไปด้วย
อารามที่เหล่าทายกและทายิกาถวายได้
วัดวาอาราม เกิดจากการแข่งขันทำบุญเพื่อแสดงฐานะ

“เวฬุวนาราม” จึงถือเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ทางสังคม จนถึงกับมีคำกล่าวท่ีว่า “...ครั้งกรุงเก่า คนเป็น
และทำให้เกิดการสร้างวัดถวายเป็นพุทธบูชาแพร่หลายท่ัวไป เศรษฐีมีเงินมากถึงสร้างวัดให้บุตรเล่น ถ้าบุตรผู้ใดไปเล่นวัด

ในดินแดนชมพูทวีปและลังกาทวีป จนกลายเป็นแบบแผน ผู้อนื่ ก็เปน็ ทอ่ี ับอาย...”

ธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติสืบต่อมาและแผ่ขยายไปยังดินแดน ล่วงถึงสมัยรัตนโกสินทร์ การสร้างวัดไม่ได้เป็นเพียง

ตา่ งๆ ทีน่ ับถอื พระพุทธศาสนา
การทำนุบำรุงสืบต่ออายุพระศาสนา เป็นที่พำนักของพระภิกษุ
เมื่อพระพุทธศาสนาเข้ามาประดิษฐานม่ันคงในสยาม เป็นท่ีประกอบพิธีกรรมทางศาสนา การสั่งสมบุญ หรือ

ประเทศ เหล่าพุทธบริษัทมีจิตศรัทธาสร้างวัดเพ่ือถวายเป็น การแสดงฐานะทางสังคมเช่นในอดีต หากแต่การสถาปนา

พุทธบูชาและสังฆบูชาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในสมัย
และบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม คือ การช่วยเหลือราชสำนัก
กรุงสุโขทัย ความเช่ือเรื่องคติ “ไตรภูมิ” (ไตรภูมิพระร่วง
ดูแลชุมชนต่างๆ ท่ีหลั่งไหลเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร

พระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ ลิไท กษัตริย์แห่ง และต้ังถ่ินฐานให้ได้ประกอบศาสนกิจตามความนิยมของตน
กรุงสุโขทัยในราว พ.ศ. ๑๘๘๘) ได้แพร่หลายไปทั่ว โดยมี ท้ังยังสืบทอดหน้าที่สำคัญของวัดในการเป็นสถานศึกษา
เน้ือหาเก่ียวกับเร่ือง ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา คือ การให้ผล
ถ่ายทอดความรู้ท้ังทางโลกและทางธรรม และเป็นแหล่ง
ของกรรม อันเป็นปจั จัยสู่ภพชาติ นรก และสวรรค์ ส่งผลให้ สร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาติไม่ให้

คนในสงั คมกลวั เกรงต่อบาปกรรมและม่งุ ประกอบแต่กุศลกรรม เลือนหายไปจากสงั คมไทย


11

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวหิ ารเปน็ พระอารามสำคญั มาแต่ครัง้ กรุงธนบรุ ี จึงได้รบั การสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชนั้ เอก (พิเศษ)

ชนดิ ราชวรมหาวหิ าร

12

บทที่ ๑

พระอารามหลวง


พุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่า สมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

มาแต่คร้ังโบราณกาล เม่ือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า รัชกาลที่ ๖ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๗ มีการกำหนดแบ่งชนิดของ

จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระอารามหลวงตามลำดับความสำคญั ออกเป็น ๓ ช้นั ได้แก

เป็นราชธานี ทรงรวบรวมบา้ นเมอื งใหเ้ ปน็ ปกึ แผน่ ม่ันคง และมี พระอารามหลวงชนั้ เอก โท และตรี ดังนี

พระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทรงฟื้นฟูกรุงรัตนโกสินทร์ให้เป็น ชั้นเอก ได้แก่ วัดท่ีมีเจดียสถานสำคัญบรรจุพระบรมอัฐิ
ศูนยก์ ลางของพระพุทธศาสนาเฉกเชน่ กรุงศรีอยธุ ยาในอดตี
หรือพระสรีรางคาร หรือเป็นวัดท่ีมีเกียรติสูง มี ๓ ชนิด คือ
ทรงทำนบุ ำรงุ พระศาสนานานปั การ เชน่ โปรดเกลา้ ฯ ให้ ราชวรมหาวหิ าร ราชวรวหิ าร และวรมหาวหิ าร

สงั คายนาพระไตรปฎิ ก (พ.ศ. ๒๓๓๑) และออกกฎหมายสงฆ์ ชน้ั โท ไดแ้ ก่ วัดทมี่ ีเจดยี สถานสำคัญ หรือวัดทมี่ ีเกียรติ
(พ.ศ. ๒๓๒๖) เพ่ือชำระพระศาสนาใหบ้ ริสทุ ธิ์ เป็นหลกั ปฏบิ ตั ิ มี ๔ ชนิด คือ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร วรมหาวิหาร
แก่พระภิกษุและฆราวาส ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณ และวรวิหาร

ปฏิสังขรณ์พระอารามที่มีอยู่มาแต่ครั้งเมืองบางกอกและทรง ชั้นตรี ได้แก่ วัดท่ีมีเกียรติ วัดประจำหัวเมือง หรือวัด
สถาปนาพระอารามข้นึ ใหม่อกี เป็นจำนวนมาก
สามัญ มี ๓ ชนิด คือ ราชวรวหิ าร วรวิหาร และสามัญ

พระบรมวงศานุวงศ์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ล้วนแล้วแต่
อีกท้ังสามารถแบ่งชนิดและขนาดของพระอารามหลวง

มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ทรงสืบสานพระราช ไดด้ ังน้ี

ปณิธานขององค์ปฐมบรมกษัตริย์ในการสืบทอดพระพุทธ ราชวรวิหาร ได้แก่ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ และ
ศาสนา โดยการบูรณปฏิสังขรณ์และการสร้างพระอารามถวาย พระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างหรือทรงปฏิสังขรณ์เป็นการ

เป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลอกี มาก
ส่วนพระองค์

พระอารามที่ทรงสร้างและทรงปฏิสังขรณ์เหล่านี้เรียกว่า
วรวิหาร ได้แก่ พระอารามท่ีพระมหากษัตริย์และ

พระอารามหลวง ซ่ึงมีความหมายต่างจากในสมัยอยุธยา
พระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างหรือทรงปฏิสังขรณ์ พระราชทาน

ท่ีมีความหมายครอบคลุมเพียงวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง เป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักด์ิลงมาหรือแก่วัดเอง รวมท้ังเป็นวัด

หรือทรงบูรณปฏิสังขรณ์เท่าน้ัน ในสมัยต้นรัตนโกสินทร
์ ที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอาราม
พระอารามหลวงมีความหมายรวมถึงวัดบางแห่งทโี่ ปรดเกล้าฯ หลวง ควรยกเป็นเกยี รตยิ ศจัดวา่ เปน็ วัดมเี กียรต

ให้สร้างพระราชทานเพ่ือเป็นเกียรติแก่ผู้ต่ำศักด์ิลงมา หรือแก่ ราชวรมหาวิหาร ได้แก่ พระอารามประเภทราชวรวิหาร

วัดเอง หรือพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารผู้ใหญ่
ท่เี ปน็ พระอารามขนาดใหญ่ และมสี ง่ิ ก่อสร้างขนาดใหญ

ทรงสร้างหรือสร้างขึ้น หรือโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะหรือสร้างข้ึน วรมหาวิหาร ได้แก่ พระอารามประเภทวรวิหารท่ีเป็น

แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง รวมท้งั วัดทปี่ ระชาชนสร้างหรือ พระอารามขนาดใหญ่ และมีส่ิงกอ่ สร้างขนาดใหญ่

ปฏสิ ังขรณ์และทรงรบั ไวเ้ ป็นพระอารามหลวงดว้ ย
สามัญ ได้แก่ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าในหลักเกณฑ์

ข้างต้น


13

พระอโุ บสถวดั พระศรรี ัตนศาสดารามสร้างขึ้นพรอ้ มกบั การสถาปนากรงุ เทพฯ เป็นราชธานเี มื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕

14

พระพทุ ธมหามณีรตั นปฏมิ ากรหรอื พระแกว้ มรกต
พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกและพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย พระพุทธรูป

พระพุทธรปู คบู่ ้านคูเ่ มืองของชาวไทย
ทรงเครอื่ งปางหา้ มสมทุ ร ฉลองพระองคร์ ชั กาลที่ ๑ และรัชกาลท่ี ๒

วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม
ประดษิ ฐานภายในพระอุโบสถวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม

เม่ือสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นใน พ.ศ. ๒๓๒๕ สำคญั แห่งกรุงรตั นโกสินทร์ วัดแห่งน้จี งึ มชี อ่ื เรียกอีกชื่อหนึง่ วา่
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ วดั พระแกว้

โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอารามหลวงพร้อมไปกับการสร้าง วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดเพียงแห่งเดียว

พระบรมมหาราชวงั ตามราชประเพณกี ารสรา้ งพระอารามหลวง ในกรุงเทพฯ ที่มีเฉพาะเขตพุทธาวาส ไม่มีเขตสังฆาวาส คือ
ในพระราชฐานสมัยอยุธยา ดังปรากฏในพระราชวิจารณ์
ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แต่ใช้เป็นสถานที่บรรพชาและ
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมาย อุปสมบทนาคหลวง กับท้ังเป็นสถานท่ีประกอบพระราชพิธ

ความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทว
ี ถือน้ำพระพพิ ฒั น์สตั ยา

(เจ้าครอกวัดโพธ)ิ์ ความตอนหน่ึงว่า
ภายหลังการสถาปนาและสมโภชแล้ว วัดพระศรีรัตน

“...พระโองการให้ถาปนาที่ท้องสนามในเปนพระอุโบสถ ศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม
หอไตรเสร็จเชิญพระแก้วมรกฎมาประดิษฐาน ส่วนพระธรรม
เป็นประจำทุก ๕๐ ปี ได้แก่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ

ไว้หอไตร...” ทรงยกให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็น
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ในโอกาสเฉลิมฉลองกรุง
พระอารามหลวงประจำพระบรมมหาราชวังตามพระราช รตั นโกสนิ ทร์ครบ ๕๐ ปี เม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๕ รชั สมยั พระบาท
ปณิธานที่ว่า “...ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ เนื่องในพระราช
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตรี...”
พิธีฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ รัชสมยั พระบาท
เม่ือการก่อสร้างแล้วเสร็จ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ
สมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๗ เน่อื งในพระราชพธิ ี
พระแก้วมรกตจากวัดอรุณราชวรารามมาประดิษฐานเม่ือวันท่ี ฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ และรชั สมยั พระบาท
๒๗ มนี าคม พ.ศ. ๒๓๒๗ โดยพระราชทานนามวา่ พระพทุ ธ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ในงานสมโภชกรุง
มหามณีรัตนปฏิมากร ซ่ึงถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๕


15

ภาพจติ รกรรมภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรตั นศาสดาราม เจา้ ชายสิทธัตถะเสดจ็ ประพาสอทุ ยาน

ทอดพระเนตรเทวทตู ทัง้ ๔ คอื คนแก่ คนเจบ็ คนตาย และสมณะ ซง่ึ เทวดาแสรง้ นริ มติ ไว้ระหว่างทาง


ยกั ษว์ ดั พระแกว้ เป็นรปู ปนู ปั้นสงู ประมาณ ๖ เมตร ประดับกระเบ้ือง บริเวณโดยรอบวัดพระศรีรัตนศาสดารามในอดีต

เคลือบสตี ่างๆ ยนื ประจำเรียงรายไปทกุ ช่องประตูพระระเบยี งคด (หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต)ิ

รวม ๖ คู่ (หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ)

16

จติ รกรรมฝาผนงั เรอ่ื งรามเกียรต์ิ


ในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จมีเร่ืองเล่าว่า รัชกาลที่ ๓
สถานทแ่ี ปลพระราชสาสน์ ปัจจบุ นั เป็นทเี่ กบ็ พระไตรปฎิ กฉบบั
ทรงตั้งโรงเรียนสอนหนังสือไทยข้ึนเป็นแห่งแรกท่ีโรงทาน ต่างๆ ประดษิ ฐานไว้ในตลู้ ายรดน้ำและตูป้ ระดบั มกุ

บริเวณทางเข้าประตูศรีสุนทร (ประตูต้นสน) เมื่อถึงเทศกาล
หอพระนากเป็นท่ีประดิษฐานพระอัฐิพระบรมราชวงศ์
ท่ีขุนทินขุนทานสวดมหาชาติคำหลวงในพระอุโบสถวัด
ฝ่ายในที่ทรงศักดิ์เสมอด้วยพระองค์เจ้าลูกหลวง (หมายถึง

พระศรีรัตนศาสดาราม จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดเด็กท่ีโรงทาน
พระพี่นาง พระน้องนาง และพระราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัว

มาสวดโอ้เอ้วิหารรายอย่างโบราณท่ีศาลาราย ครั้นเมื่อยกเลิก ที่ดำรงพระยศพระองค์เจ้า) พระมณฑปประดิษฐานตู้พระไตร
โรงเรียนที่โรงทาน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ปิฎก ซงึ่ เป็นตู้ยอดมณฑปประดับมกุ ฝมี ือเจา้ พระยามหาเสนา
ดำรงราชานุภาพ (พระองคเ์ จ้าดศิ วรกมุ าร ตน้ ราชสกลุ ดศิ กลุ ) (บุนนาค) พระศรีรัตนเจดีย์สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระอนุชาในรัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งให้โรงเรียนชั้นประถมศึกษา พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ตามแบบพระเจดีย์วัด

ของหลวงแห่งอื่นๆ จัดเด็กนักเรียนมาสวดโอ้เอ้วิหารรายแทน พระศรีสรรเพชญ์ กรุงเก่า องค์เจดีย์ประดับด้วยโมเสกสีทอง
เด็กโรงทาน โดยแบ่งเป็นโรงเรียนละหน่ึงศาลารายรอบ
ภายในเจดีย์องคเ์ ลก็ ประดษิ ฐานพระบรมสารรี กิ ธาต

พระอุโบสถ แต่เป็นท่ีน่าเสียดายท่ีประเพณีน้ีถูกยกเลิกไป
ด้านตะวันออกของวัดมีพระอัษฎามหาเจดีย์หรือ

ในสมัยของรัชกาลท่ี ๖
พระปรางค์แปดองค์ ตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้าพระอาราม

ปูชนียสถานสำคัญภายในพระอาราม คือ พระระเบียง
อยนู่ อกวงพระระเบยี ง ๖ องค์ ในวงพระระเบยี ง ๒ องค์

ซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังเร่ืองรามเกียรต์ิที่ยาวท่ีสุดในโลก
หอพระคันธารราษฎร์ประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฎร์
มีคำโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดไว้ท่ีเสาระเบียง
(พระพุทธรูปปางขอฝน) พระประธานในพระราชพิธีพืชมงคล
ประพนั ธ์โดยพระบรมวงศานุวงศแ์ ละข้าราชการ
จรดพระนงั คลั แรกนาขวญั

หอมณเทียรธรรมเปรียบเสมือนหอสมุดแห่งแรก
วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นพระอารามสำคัญท่ีมี
ของกรงุ เทพฯ เน่อื งจากเคยเปน็ ท่ีบอกหนังสอื พระสงฆ์และเป็น คณุ คา่ ทางสถาปตั ยกรรม ศลิ ปกรรม และวฒั นธรรม เปน็ มรดก
ของชาตทิ ีอ่ ยคู่ กู่ รงุ รตั นโกสนิ ทร์สบื มาจนทกุ วนั น
้ี

17

วัดประจำรัชกาล


วัดพระเชตุพนวิมลมงั คลารามราชวรมหาวหิ าร
วัดบวรนเิ วศวหิ ารราชวรวหิ าร

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
วัดราชประดิษฐส์ ถติ มหาสีมารามราชวรวิหาร

วัดสุทศั นเทพวรารามราชวรมหาวหิ าร
วดั ราชบพธิ สถติ มหาสีมารามราชวรวหิ าร

วดั ราชโอรสารามราชวรวิหาร
วัดพระราม ๙ กาญจนาภเิ ษก


18

พระพุทธไสยาสนป์ ระดิษฐานภายในพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพทุ ธปฏิมาปางสีหไสยาสน์องคแ์ รก

ของกรุงเทพฯ ซง่ึ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างประเทศ


วดั พระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวหิ าร

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามต้ังอยู่ด้านทิศใต้ของ สมภารในสมัยธนบุรี ลุถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระอารามแห่งนี้
พระบรมมหาราชวัง เดิมช่ือวัดโพธารามหรือวัดโพธิ์ สร้างข้ึน ได้ทวีความสำคัญขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในพระราชพงศาวดาร

ในปลายสมัยอยุธยาระหว่างรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชาถึง
กรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค)
รัชสมัยสมเด็จพระท่ีนั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ด้วยไม่ปรากฏ ระบุว่า วัดโพธิ์เป็นสถานท่ีประกอบพระราชพิธีสำคัญ คือ

ตำแหน่งท่ีตั้งของพระอารามแห่งนี้ในแผนท่ีเมืองบางกอก
พระราชพิธีปราบดาภิเษกและพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน

ที่ชาวฝรั่งเศสเขียนข้ึนในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สัตยา เมื่อคร้ังสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี ด้วยเหตุนี้

อาทิ ผังเมืองบางกอกในหนังสือจดหมายเหตุลาลูแบร์ (Du วดั โพธจิ์ งึ เปน็ วัดทม่ี ีความสำคัญย่งิ ต่อพระบรมราชจักรวี งศ์

Royaume de Siam)
เมื่อบ้านเมืองว่างเว้นจากศึกสงคราม พระบาทสมเด็จ
สันนิษฐานว่า วัดโพธ์ิเดิมเป็นวัดราษฎร์ขนาดเล็กของ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ

ชุมชนชาวบางกอกในสมัยอยุธยา แล้วขยายสู่การเป็น ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธ์ิคร้ังใหญ่ ทั้งให้อัญเชิญพระพุทธรูป
ศูนย์กลางชุมชนชาวจีนและชาวญวนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิ สำคัญจากหัวเมืองมาประดิษฐานที่วัดจำนวนมาก และทรง

19

พระมณฑปประดษิ ฐานพระไตรปฎิ ก


พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอโุ บสถ
พระเจดียป์ ระจำรชั กาลท่ี ๑ รัชกาลท่ี ๒ รัชกาลที่ ๓ และรัชกาลท่ี ๔


สถาปนาวัดโพธิ์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า
ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาวาส เพอ่ื ใหพ้ อ้ งกบั นามวดั พระเชตวนั รัชกาลที่ ๓ เกิดการเปลี่ยนแปลงคร้ังสำคัญข้ึนกับวัด
มหาวิหาร พระอารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายเป็น
พระเชตุพนวิมลมังคลาราม ด้วยในห้วงเวลานี้ บ้านเมือง

พุทธบูชาแต่ครั้งพุทธกาล ภายหลังพระบาทสมเด็จ ต้องเผชิญกับความท้าทายทางความคิดจากการเข้ามาเผยแผ่
พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ ๔ ทรงเปลย่ี นชอ่ื พระอาราม ศาสนา วิชาการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ของคณะมิชชันนารี
ใหมว่ า่ วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม
ชาวตะวันตกท่ีแพร่หลายอย่างรวดเร็วในสังคมและมีอิทธิพล

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามได้รับการยอมรับกัน
ตอ่ แนวคดิ ความรู้ และภูมปิ ัญญา

โดยท่ัวไปว่า เป็นวัดประจำรัชกาลท่ี ๑ ด้วยเป็นพระอาราม รชั กาลที่ ๓ มรี บั สง่ั วา่ สรรพวชิ าความรทู้ บี่ รรพบรุ ษุ ส่ังสม
สำคัญท่ีทรงทำนุบำรุงตลอดรัชกาล จนเม่ือเสด็จสวรรคตได้มี มาแตค่ รง้ั โบราณถกู จำกดั ใหส้ ามารถศกึ ษาไดแ้ ตเ่ ฉพาะชนชน้ั สงู
การอัญเชิญพระบรมอัฐิมาประดิษฐานใต้ฐานชุกชีของพระพุทธ และพระภิกษุสงฆ์ ราษฎรท่ัวไปไม่สามารถเข้าถึงความร
ู้
เทวปฏิมากร พระประธานในพระอโุ บสถ
อันทรงคุณค่าและคุณประโยชน์เหล่านี้ได้ จนอาจส่งผลให้วิชา

20

พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอย่หู วั รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้
จารึกสรรพวชิ าความรู้ลงบนแผ่นหินประดบั ภายในพระอาราม


เพือ่ เป็นวทิ ยาทานแก่พสกนกิ ร จนวดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม

ได้รับการยกยอ่ งวา่ เปน็ “มหาวิทยาลยั เปิดแหง่ แรกของสยาม”


อนามัย ประเพณี วรรณคดีไทย สุภาษิต ทำเนียบ และ
พระพุทธศาสนา โดยจารึกความรู้ต่างๆ ลงบนแผ่นหินอ่อน
ประดับภายในพระอารามเพื่อเป็นวิทยาทานเผยแพร่ความรู้แก่
พสกนิกรทุกหมู่เหล่า จนวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามได้รับ
การยกยอ่ งวา่ เป็นมหาวทิ ยาลัยเปิดแห่งแรกของสยาม

จวบจนปัจจุบัน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามยังคง
สืบสานพระราชปณิธานในการเป็นแหล่งศึกษาหาความรู

ของประชาชนทั่วไปท้ังนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ได้เข้ามา
วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลารามมีรปู ป้นั ฤษีดัดตนพร้อมจารึกตำรา เรียนรู้มรดกทางภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้ส่ังสมสืบทอดมา
นวดแผนไทย ซงึ่ ได้รับการสบื ทอดจนเป็นท่รี ู้จกั แพรห่ ลายไปท่วั โลก
อย่างยาวนาน ตลอดจนผู้สนใจศึกษาวิชาการแพทย์แผนไทย

ความรู้ตา่ งๆ สูญหายไปจากสงั คมไทยในทีส่ ุด จงึ โปรดเกลา้ ฯ ทางวัดจัดให้มีสมาคมแพทย์แผนโบราณและโรงเรียนแพทย์

ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามคร้ังใหญ่ แผนโบราณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธ์ิ) (Watpo
ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๕-๒๓๙๑ ขยายอาณาเขตวดั ใหก้ วา้ งขวาง Thai Traditional Medical School) ตามพระราชดำริ

ข้ึน พร้อมสร้างถาวรวัตถุและส่ิงศักด์ิสิทธิ์อันเป็นที่เคารพ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ซึ่งม

ให้ประณีตงดงามเป็นเอกลักษณ์แหง่ ยคุ สมยั เช่น โปรดเกลา้ ฯ พระราชประสงค์ให้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการนวดให้เป็น
ให้ประดับตกแต่งพระอารามตามศิลปะนอกอย่าง (ไทยผสม หมวดหมู่และจัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนท่ีได้
จีน) เพ่ือความคงทนแข็งแรงของอาคารและความงดงาม
มาตรฐาน โดยเปดิ ทำการมาตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๐๕ จนถงึ ปจั จบุ นั

ตามพระราชนิยม โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธไสยาสน
์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาง
ตามคติการสร้างพระพุทธปฏิมาประจำราชธานีแต่โบราณ
วัฒนธรรมท่ีสำคัญ ดึงดูดนักท่องเท่ียวจากทั่วทุกมุมโลก

ให้พุทธบริษัทน้อมระลึกถึงปัจฉิมโอวาท ดำรงชีวิตด้วยความ ให้เข้ามาสัมผัสกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของไทย

ไม่ประมาท ซ่งึ นบั เป็นพระพุทธไสยาสนอ์ งคแ์ รกของกรุงเทพฯ อีกทั้งจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามยังได้รับการยกย่อง
นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมคัดเลือก และ จากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม

ชำระตำราความรู้แต่คร้ังโบราณ แบ่งความรู้ต่างๆ ออกเป็น
แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้เป็นมรดกแห่งความทรงจำ
๘ หมวด ได้แก่ ประวัติการสร้างพระอาราม ตำรายาแพทย์ ของโลกอกี ดว้ ย


21

พระปรางค์วดั อรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารและพระบรมราชานสุ าวรยี ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย รัชกาลที่ ๒


วัดอรณุ ราชวรารามราชวรมหาวหิ าร

วดั อรณุ ราชวรารามตง้ั อยรู่ มิ ฝง่ั แมน่ ำ้ เจา้ พระยา ฝง่ั ธนบรุ ี นายชา่ งเดอ ลามาร์ (de Lamare) ชาวฝรง่ั เศส ทำข้นึ ในสมยั
ระหว่างพระราชวังเดิมกับคลองนครบาล (คลองวัดแจ้ง) เดิม ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้แสดงที่ตั้งของวัดแห่งน
ี้
ชอื่ วัดมะกอกนอกหรือวดั แจง้
ไว้อย่างเด่นชัด ในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จที่สมเด็จพระเจ้า

เหตุท่ีเรียกว่าวัดมะกอกนอกน้ันมีท่ีมาจากการเรียกช่ือวัด บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พระองค์เจ้าดิศวร

ตามชอื่ ตำบล คอื ตำบลบางมะกอก และเรยี กวัดมะกอกนอก กมุ าร ต้นราชสกลุ ดิศกลุ ) เคยทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เพราะตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซ่ึงคู่กับวัดมะกอกใน
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (พระองค์เจ้าจิตรเจริญ

(วัดนวลนรดิศ) ซ่ึงอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) ต้นราชสกุล จิตรพงศ์) เก่ียวกับเร่ืองน้ีไว้ ความตอนหนึ่งว่า
ถัดไปด้านใน นักวิชาการบางคนสันนิษฐานว่า ช่ือวัดทั้ง
“...หม่อมฉันเคยเห็นแผนที่เมืองธนบุรีท่ีฝรั่งเศสทำเม่ือรัชกาล
๒ แห่งน้ีและชื่อตำบลบางมะกอกอาจกร่อนเสียงจนเป็นที่มา สมเดจ็ พระนารายณ์ ในแผนทน่ี น้ั มแี ต่วัดเลยี บกบั วดั แจ้ง...”

ของชอื่ “บางกอก” ดว้ ยกเ็ ปน็ ได้
วัดมะกอกนอกต้ังอยู่บนพ้ืนที่ซ่ึงเป็นหน้าด่านทางการค้า
วัดแห่งน้ีเป็นวัดโบราณที่สร้างมาแต่สมัยอยุธยา ท่ีเรียกว่า “ขนอนบางกอก” ของเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร

สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างข้ึนก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมา เม่ือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรี
มหาราช ราว พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑ เพราะในแผนทีเ่ มอื งธนบุรี ข้ึนเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
ท่ีเรือเอก คล็อด เดอ ฟอร์แบง (Claude de Forbin) กับ
พระราชวังขึ้นบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เป็นเหตุ

22

ในอดตี ริมท่านำ้ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวหิ ารคลาคลำ่ ไปด้วยเรือแพของราษฎร พระปรางคว์ ดั อรุณราชวรารามราชวรมหาวหิ าร

(หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต)ิ
สรา้ งตามคติการจำลองเขาพระสุเมรุ

ศูนยก์ ลางจกั รวาล


ให้วัดมะกอกนอก ซึ่งนิยมเรียกกันในสมัยต่อมาว่า วัดแจ้ง
พฒั นามาเปน็ พระอารามหลวงทต่ี งั้ อยใู่ นพระราชวงั เชน่ เดยี วกบั
วดั พระศรสี รรเพชญ์ครัง้ กรุงเก่า

สมัยธนบุรี วัดแจ้งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
สำคัญ คือ พระแก้วมรกตและพระบาง ซึ่งสมเด็จเจ้าพระยา
มหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช รัชกาลที่ ๑) อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทน์เมื่อ
พ.ศ. ๒๓๒๑ ก่อนท่ีจะนำมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวังเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๒๗ หลังจากสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ๒ ปี
ส่วนองค์พระบางโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญกลับคืนไปยังนคร
เวยี งจนั ทน์

แม้มีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่ ยกั ษ์วดั แจ้ง ตวั ละครสำคญั ในตำนานยักษว์ ัดโพธ์ิและยักษ์วัดแจง้

แต่วัดแจ้งยังคงได้รับการทำนุบำรุงจากพระมหากษัตริย

แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เร่ือยมา เห็นได้จากภายหลังเสด็จขึ้น
ครองราชย์ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งเมื่อ พ.ศ. ในพระอุโบสถ พระราชทานนามว่า พระพุทธธรรมมิศรราช

๒๓๕๒ แต่สำเร็จเพยี งแค่กฏุ ิกเ็ สดจ็ สวรรคตเสียกอ่ น
โลกธาตดุ ิลก ทงั้ ยงั ได้พระราชทานนามพระอารามวา่ วัดอรุณ
การบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาท ราชธาราม เม่ือเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า

สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒ พระองค์
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิ

มีพระราชศรัทธาทรงป้ันหุ่นพระพุทธรูปด้วยพระองค์เอง และ ของสมเด็จพระบรมชนกนาถมาประดิษฐานใต้ฐานองค

โปรดเกล้าฯ ให้หล่อข้ึนเป็นองค์พระประธานเพ่ือประดิษฐาน
พระประธานในพระอโุ บสถ


23

พระปรางค์วัดอรณุ ราชวรารามราชวรมหาวหิ ารยามค่ำคืน
พระพุทธธรรมมศิ รราชโลกธาตดุ ิลก พระประธานในพระอโุ บสถ
ฝีพระหัตถ์การปั้นหนา้ หุ่นของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้
นภาลัย รัชกาลที่ ๒


รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
วัดอรุณราชวรารามมีความโดดเด่นที่สถาปัตยกรรม

ที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการบรู ณปฏิสงั ขรณเ์ พม่ิ เตมิ พรอ้ มทง้ั โดยเฉพาะพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามถือเป็นพระปรางค์
พระราชทานนามใหม่วา่ วัดอรณุ ราชวราราม ดงั ทเ่ี รียกขานกัน แบบไทยแท้ เป็นเอกลักษณ์อย่างหน่ึงของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็น

มาจนถงึ ปัจจุบนั
ที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก เร่ิมสร้างขึ้นในสมัยของรัชกาลที่ ๒
เน่ืองด้วยที่ตั้งของวัดอรุณราชวรารามอยู่บริเวณ
แต่ทำได้เพียงร้ือพระปรางค์องค์เดิมและขุดดินรากฐานไว้

ปากคลองบางกอกใหญ่ซึ่งเป็นด่านตรวจตราเรือสินค้าที่มี
กส็ ิ้นรัชกาลเสยี กอ่ น มาแลว้ เสรจ็ ในสมัยของรชั กาลที่ ๓ และ

ความสำคัญ จึงเป็นสถานท่ีแวะพักเรือสินค้าของพ่อค้าชาวจีน โปรดเกล้าฯ ให้ยกยอดนภศูลและอัญเชิญพระมหามงกุฎของ
และชาวตะวันตก และมีราษฎรตั้งถิ่นฐานอยู่อย่างหนาแน่น
พระพุทธมหาจักรพรรดิ พระพุทธรูปทรงเครื่องพระประธาน

มาแต่สมัยอยุธยา โดยเฉพาะหลังจากสยามทำสนธิสัญญา
ในพระอุโบสถวดั นางนองมาประดิษฐานไวบ้ นยอดพระปรางค์

เบาริงกับอังกฤษเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ ส่งผลให้บรรดาพ่อค้าและ ในอดีต บริเวณพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

คณะมิชชันนารีชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามายังสยาม
เปรียบเสมือน “หน้าเมือง” ของกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยเป็น
จำนวนมากและมักตั้งบ้านเรือนอยู่ร่วมกับชุมชนชาวต่างชาติ เคร่ืองหมายแสดงให้เรือสินค้าท่ีเข้ามาในพระนครเห็นว่า

ซึ่งอาศัยอยู่มาแต่เดิม ส่งผลให้ริมน้ำวัดอรุณราชวรารามตั้งแต
่ ถึงที่หมายและเป็นจุดจอดเรือแห่งหนึ่งก่อนจะไปติดต่อ

ปากคลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) ไปจนถึงปากคลอง สถานกงสุลและบ้านพักราชทูต ซ่ึงต้ังอยู่ฝ่ังตรงข้ามท่าเตียน
บางกอกนอ้ ยคลาคล่ำไปดว้ ยเรือนแพและเรือสนิ คา้
ใกลก้ บั สวนนาคราภริ มยใ์ นปจั จบุ นั


24

พระวหิ ารหลวง วัดสุทศั นเทพวรารามราชวรมหาวิหาร


วดั สุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวหิ าร


วัดสุทัศนเทพวรารามต้ังอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ใกล้กับ โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามในบริเวณที่เคย
เสาชิงช้าและศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หนังสือประวัติวัด เป็นหนองบึง โดยถมอิฐและหินลงไปในบึงนั้น ๗-๘ ชั้น

บันทึกไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถานท่ีกว้างใหญ่พอที่จะสร้างวัด โดยมีพระราชประสงค์
รัชกาลท่ี ๑ มีพระราชดำริให้สร้างพระวิหารข้ึนกลางพระนคร เพ่ือประดิษฐานพระศรีศากยมุนีที่อัญเชิญมาจากวิหารหลวง
ใน พ.ศ. ๒๓๕๐ ศ. ดร. ศักด์ิชัย สายสิงห์ อาจารย์ประจำ
วัดพระศรีมหาธาตุ เมืองสุโขทัย ปรากฏการกล่าวถึงมูลเหตุ
ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัย การสร้างวัดในตำนานพระอารามหลวงว่า “...เม่ือสร้างกรุง
ศิลปากร ระบุว่า การก่อสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามเป็น รัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีแล้ว ความมุ่งหมายจะทำนุบำรุง
“สัญลักษณ์ท่ีเปรียบเสมือนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และศูนย์กลาง ให้เหมือนกรุงศรีอยุธยาเดิม ด้วยนับถือกันว่า คร้ังกรุง
จักรวาลแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร” ท้ังนี้ รัชกาลท่ี ๑ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานี เป็นสมัยท่ีบา้ นเมืองรงุ่ เรอื ง เรยี กกนั ว่า

25

พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวงวัดสทุ ศั นเทพวราราม
ราชวรมหาวิหาร


ครั้งบ้านเมืองยังดี รั้ววังวัดวาท่ีสร้างข้ึนในสมัยรัตนโกสินทร
์ งานประตแู กะสลักไม้ฝีพระหตั ถ์ของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย รัชกาลท่ี ๒ ซึ่งแกะสลกั จำลองขึน้ ใหม่แทนบานประตเู ดมิ ท่ีถกู
ก็มักถ่ายแบบมาจากกรุงศรีอยุธยา ยกตัวอย่างเช่นการสร้าง
เพลงิ ไหมแ้ ละถอดไปเก็บรักษาทพี่ พิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

วดั สทุ ัศน์ฯ เป็นที่ประดษิ ฐานพระโต ซง่ึ เชญิ มาแตเ่ มอื งสโุ ขทยั
วัดสุทัศนเทพวรารามเป็นศูนย์กลางชุมชนท่ีสำคัญ

ในรัชกาลท่ี ๑...”
มาแต่อดีต โดยเมื่อแรกก่อต้ังกรุงเทพฯ บริเวณนี้เต็มไปด้วย
ด้วยเหตุท่ีวัดสุทัศนเทพวรารามเป็นที่ประดิษฐาน
เรือกสวนที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเบาบาง เป็นท่ีพักอาศัย

พระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ที่ม
ี ของชาวไทย ชาวจีน ชาวเขมร และแขกพราหมณ์ ประกอบ
ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีหน้าตักกว้าง ๓ วา ๑ คืบ อาชพี ที่เกย่ี วเนื่องกบั เครื่องอฐั บรขิ าร ท้ังเครื่องบวช ผ้าไตรจีวร
สูง ๔ วา ชาวบ้านจึงนิยมเรียกวัดนี้ว่า วัดพระใหญ่บ้าง
เชน่ เดียวกับย่านปา่ ผ้าเหลอื งในสมยั กรุงเกา่

วัดพระโตบ้าง วัดเสาชิงช้าบ้าง ด้วยต้ังอยู่บริเวณเสาชิงช้า สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ย่านเสาชิงช้าเป็นท่ีต้ังของตลาด
แม้ว่าการก่อสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามจะเริ่มขึ้นในสมัยของ การค้าท่ีสำคัญของพระนคร ในบันทึกความทรงจำของ
รัชกาลท่ี ๑ ทั้งยังพระราชทานช่ือวัดไว้เม่ือแรกสร้างว่า
ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เล่าว่า ในอดีต

วดั มหาสุทธาวาส ตามท่ปี รากฏอย่ใู นหมายรับสง่ั แตก่ ารสรา้ ง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดสุทัศนเทพวราราม (ตรงตึกโค้ง

วัดยังไม่แล้วเสร็จ จนล่วงเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จ
ริมถนนบำรุงเมือง ข้างเทวสถานในปัจจุบัน) เป็นที่ตั้งของ
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ ๓ การก่อสรา้ งจึงเสร็จบรบิ ูรณ์
ตลาดเสาชงิ ช้า (เกา่ ) แหลง่ ขายเคร่ืองประดบั เชน่ สายสรอ้ ย
เม่ือ พ.ศ. ๒๓๙๐ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองสมโภช
แหวน ตุ้มหู ซึ่งทำด้วยทองเหลืองทั้งสิ้น ชาวบ้านเรียกว่า

พระอารามและพระราชทานชื่อว่า วัดสุทัศนเทพวราราม
ทองเสาชิงช้า ดังปรากฏในสุภาษิตสอนหญิงของพระสุนทร
อันหมายความว่า อารามอันงามประดุจวิมานของพระอินทร
์ โวหาร (ภู)่ หรอื สนุ ทรภู่ ความตอนหนงึ่ วา่ “...หาทองแทแ้ ก้ไข
ซึ่งมีนามว่า สุทัศน์ บริเวณหน้าบันประดับด้วยภาพพระอินทร์ มันไม่คลอ่ ง ตอ้ งเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย แต่ลว้ นเนือ้ สิบนำ้
ทรงช้างเอราวณั
ทองคำทวาย สายสรอ้ ยสายหนึ่งกถ็ ึงสลึงเฟอื้ ง...”


26

ภาพจิตรกรรมเปรตภูมทิ ่เี สารายพระวหิ ารหลวง




แม้ว่าทุกวันนี้ บริเวณวัดสุทัศนเทพวรารามจะไม่ได้เป็น
ย่านการค้าท่ีมีความสำคัญเช่นในอดีต เน่ืองจากศูนย์กลาง

การค้าได้กระจายไปยังจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ มากขึ้น

แต่บริเวณน้ียังคงเป็นแหล่งค้าขายเครื่องสังฆภัณฑ์แหล่งใหญ

ท่ียังคงอยคู่ ูก่ รุงเทพฯ มาโดยตลอด

วัดสุทัศนเทพวรารามยังมีความพิเศษอีกหลายประการ
คือ เป็นที่ต้ังของพระอุโบสถท่ียาวที่สุดของประเทศและเป็น

ท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ ๓ องค์ ซ่ึงรัชกาลที่ ๔

ทรงผูกนามให้คล้องจองกันว่า พระศรีศากยมุนีประดิษฐาน

อยู่ในพระวิหารหลวง พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ประดิษฐานอยู่ใน

พระอุโบสถ และพระพุทธเสฏฐมุนี (พระพุทธรูปหล่อด้วย

พระบรมราชานสุ าวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
กลกั ฝนิ่ ทถี่ ูกทำลายเม่อื ครั้งรชั กาลที่ ๓ มีพระบรมราชโองการ
มหาอานนั ทมหิดล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร รชั กาลท่ี ๘
ให้ประกาศเลกิ สบู ฝิ่นทว่ั ราชอาณาจักร) ประดิษฐานอยทู่ ศ่ี าลา
ประดษิ ฐานอยบู่ รเิ วณดา้ นหนา้ พระวหิ ารหลวง
การเปรียญ และบานประตูจำหลักลายพันธุ์พฤกษาฝีพระหัตถ์

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒ แตเ่ ม่ือ
ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ใน พ.ศ. ๒๕๐๑ ทำให้บานประตู
รัชกาลท่ี ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๖ มีการตัดถนนบำรุงเมือง
แกะสลักเสียหายบางส่วน ปัจจุบันจึงนำไปเก็บรักษาไว้

(แนวถนนเสาชิงช้าเดิม) และสร้างตึกแถวสถาปัตยกรรม
ทีพ่ พิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร และแกะสลักข้นึ ใหม่แทน
ตะวันตกที่ถ่ายแบบมาจากสิงคโปร์ท้ังสองฟากฝ่ังถนน ส่งผล บานประตูเดิมทถี่ ูกเพลงิ ไหม้

ให้ยา่ นเสาชงิ ช้าเจรญิ ขนึ้ โดยลำดับ
วัดสุทัศนเทพวรารามยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชา

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล

รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตลาดเสาชิงช้า (ใหม่) ขึ้น
พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลท่ี ๘ โดยได้มีการอัญเชิญ
(ท่ีตั้งของศาลาว่าการกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) ส่งผลให้ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาบรรจุท่ีผ้าทิพย์ด้านหน้า
บรรดาพ่อค้าชาวจีนและชาวตะวันตกต่างพากันเข้ามาตั้ง
พุทธบลั ลังก์พระศรีศากยมุนเี ม่อื พ.ศ. ๒๔๙๓ และมีพระราช
ร้านค้าในย่านนี้เพิ่มมากขึ้น จนย่านเสาชิงช้า หน้าวัดสุทัศน พิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันคล้ายวันสวรรคตของรัชกาล

เทพวราราม เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญแห่งหน่ึงของ ท่ี ๘ ในวนั ที่ ๙ มิถุนายนของทกุ ปี จงึ ถือวา่ พระอารามแหง่ น้ี
พระนครในยุคนัน้
เป็นวัดประจำรชั กาลท่ี ๘


27

พระอโุ บสถวดั ราชโอรสารามราชวรวหิ าร




วัดราชโอรสารามราชวรวหิ าร

วดั ราชโอรสารามต้ังอยรู่ มิ คลองดา่ นฝ่งั ตะวนั ตก มีคลอง เล่าลือ ดังน้ัน เมื่อทรงเลิกทัพ เสด็จกลับพระนครแล้ว จึงมี
บางหว้าอยู่ด้านเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา พระศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทอง

จากหลักฐานที่ปรากฏมีช่ือเรียกแตกต่างกันหลายชื่อ เช่น
ซ่ึงทรุดโทรมไปมากใหม่ท้ังหมด โดยกินเวลายาวนาน

วดั จอมทอง วัดเจ้าทอง และวดั กองทอง
ถึง ๑๔ ปี เม่ือสำเร็จสมบูรณ์จึงน้อมเกล้าฯ ถวายเป็น

วัดจอมทองได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์จากการท่ีพระเจ้า พระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ลูกเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า รัชกาลที่ ๒ พระราชทานช่ือใหม่ใหแ้ กว่ ัดแหง่ นีว้ ่า วดั ราชโอรส
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓) เสด็จมาประทับแรมที่หน้าวัดแห่งน้ี
อันหมายถึง วดั ของพระราชโอรส

ในคราวท่ีทรงยกทัพไปปราบทัพพม่าตามข่าวเล่าลือเม่ือ พ.ศ. วัดราชโอรสเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มี
๒๓๖๓ ในขณะท่ีประทับที่วัดแห่งน้ี ทรงทำพิธีเบิกโขลนทวาร ความสำคัญมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ด้วยคลองด่านเป็นเส้นทาง
ตามตำราพิชัยสงคราม และทรงอธิษฐานขอให้ได้รับชัยชนะ สัญจรสำคัญที่เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน จาก

แต่การศึกครั้งนั้นไม่เกิดขึ้น เพราะพม่าไม่ได้ยกทัพมาตามที่ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่ือว่า บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้ง


28

บานประตพู ระอโุ บสถประดบั มกุ ลายมงั กรดน้ั เมฆฝมี อื ชา่ งสมยั ของ พระประธานภายในพระอโุ บสถ ทีฐ่ านองค์พระประดษิ ฐาน

พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๓
พระบรมราชสรรี างคารของพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

รชั กาลท่ี ๓

ของ “ด่านขนอน” เพื่อตรวจตราสิ่งของต้องห้ามและเก็บภาษี บริเวณท่มี ีความอดุ มสมบูรณเ์ หมาะแกก่ ารเพาะปลูก จึงมผี ู้คน
จากเรือสินค้าต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายกับ
เข้ามาพักอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ดังเห็นได้จากการที่มีวัด
กรุงศรีอยุธยา โดยมีด่านตรวจเรือ ท้ังเรือท่ีเดินทางมาทาง ต่างๆ ตง้ั อยู่ใกลเ้ คียงกนั หลายวดั ได้แก่ วดั ปากน้ำภาษเี จรญิ
แม่น้ำเจ้าพระยาและเรือที่มาทางแม่น้ำท่าจีน สมัยของรัชกาล วดั อปั สรสวรรค์ วดั นางชี วดั หนัง วัดขนุ จันทร์ วดั ใหมย่ ายนุ้ย
ที่ ๓ ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ และวัดนางนอง เป็นต้น บริเวณนี้เป็นท่ีพักอาศัยของชุมชน
ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค) กล่าวถึงการท่ี ข้าหลวงเดมิ คอื ชมุ ชนอนั เปน็ ทตี่ ั้งบ้านเรือนของข้าราชบรพิ าร
รชั กาลที่ ๓ โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี (ทองจีน) ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เช่น ท่านชู ธิดา
เป็นแม่กองจ้างชาวจีนขุดคลองเก่าที่ต้ืนเขินเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๔ คหบดีชาวบางนางนองท่ีได้แต่งงานกับพระยาราชวังสัน (หวัง)
โดยขุดต้ังแต่ด่านวัดปากน้ำไปถึงบางขุนเทียนตอนหน่ึง กว้าง มีบุตรีคนหนึ่งชื่อ เพ็ง ได้แต่งงานกับพระยานนทบุรีศรีมหา
๑๔ วา ลึก ๔ ศอก ยาว ๗๑ เสน้ ๑๘ วา เปน็ เงิน ๒๕๕ ช่ัง อุทยาน (บุญจัน) มีบุตรีคนหน่ึงได้ถวายตัวแด่สมเด็จพระเจ้า
๑๘ ตำลงึ ๑ บาท ๒ สลึง
ลกู เธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอศิ รสุนทร (รชั กาลท่ี ๒) คือ เจ้าจอม
นอกจากบริเวณคลองด่านอันเป็นที่ต้ังของวัดราชโอรส
มารดาเรียม (สมเด็จพระศรีสุลาลัย) สมเด็จพระราชชนน

จะเป็นจุดสำคัญในการเดินทางผ่านของเรือสินค้านานาชนิด ในรัชกาลท่ี ๓ ด้วยเหตุน้ี บางนางนองจึงเป็นนิวาสสถานเดิม
จากนานาประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับสยามแล้ว ยังเป็น ของพระอัยกี (เพง็ ) ในรชั กาลท่ี ๓ และยังเปน็ ทีต่ ้ังของชมุ ชน

29

วหิ ารพระนอนประดิษฐานพระพุทธไสยาสนน์ ารถชนนิ ทร์ ชนิ สากยบรม สมเดจ็ สรรเพชญพทุ ธบพติ ร


ชาวจีนแต้จ๋ิวที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยของ เป็นวดั แรกคิดสรา้ งออกนอกแบบอยา่ งวัด ซ่งึ สร้างกนั อย่างเปน็
รัชกาลท่ี ๓ โดยตั้งบ้านเรือนประกอบอาชีพเกษตรกรรมและ สามัญ จะเรียกต่อไปในจดหมายนี้ว่า “วัดนอกอย่าง”
การค้าจนร่งุ เรือง อาทิ ตระกลู จิราธิวฒั น์
พิจารณาดูวัดราชโอรสเห็นได้ว่า วัดนอกอย่างน้ันไม่ใช่แต่เอา
วัดราชโอรสเป็นวัดแห่งแรกของสยามท่ีมีลักษณะทาง ช่อฟ้าใบระกาออกเท่านั้น ถึงสิ่งอื่นเช่นลวดลายและรูปภาพ
สถาปัตยกรรมไทยผสมจีนตามพระราชนิยมในรัชกาลท่ี ๓
เป็นต้น ก็แผลงไปเป็นอย่างอื่นหมด คงไว้แต่ส่ิงอันเป็นหลัก
ดังท่ีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ของวัดอนั จะเปลี่ยนแปลงไมไ่ ด้ เช่น โบสถ์ วหิ าร เปน็ ตน้ ...”

(พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ต้นราชสกุล ดิศกุล) ได้ทูลแสดง วัดนอกอย่างดังว่านั้นเห็นได้จากพระอุโบสถและ

ความเห็นในเร่ืองนี้ต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า
พระวหิ ารไม่มชี ่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ แตห่ ลงั คาพระอุโบสถ
กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ (พระองคเ์ จา้ จติ รเจรญิ ตน้ ราชสกลุ มุงกระเบ้ืองเคลือบแบบไทย ส่วนบานประตูหน้าต่างของ

จิตรพงศ์) ในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จ ความตอนหน่ึงว่า พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ประดับด้วยเส้ียวกางแทนลาย
“...หม่อมฉันเคยเห็นกลอนหรือโคลงซ่ึงพระยาไชยวิชิต (เผือก) เทพนม เป็นต้น

แต่งเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใต้ฐานของพระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร

จารึกศิลาไว้ท่ีในโบสถ์หน้าพระเมรุ มีความแห่งหน่ึงกล่าวถึง พระประธานในพระอุโบสถประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร
ทรงสร้างวัดราชโอรส ชมพระปญั ญาว่าช่างแก้ไขยักเยื้อง มใิ ห้ ของรัชกาลท่ี ๓ พระอารามนี้จึงถือเป็นวัดประจำรัชกาล

มีช่อฟา้ ใบระกา อันเปน็ ของหกั พังงา่ ยไมถ่ าวร กว็ ัดราชโอรส ที่ ๓

นัน้ สร้างในรชั กาลที่ ๒ ความท่พี ระไชยวชิ ติ กลา่ วถึงน้ัน ส่อว่า


30

จิตรกรรมฝาผนงั ภายในพระอุโบสถวดั บวรนิเวศวหิ าร ฝีมือขรวั อินโขง่


วัดบวรนเิ วศวหิ ารราชวรวิหาร
วดั บวรนเิ วศวหิ ารตงั้ อยใู่ นยา่ นบางลำพู รมิ คลองรอบกรงุ ประทับจำพรรษาเพ่ือครองตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดแห่งน้ีเม่ือ
(คลองโอง่ อา่ ง) เปน็ วดั ทสี่ มเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาศกั ดพิ ลเสพ พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช
กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดว่า วัดบวรนิเวศวิหาร ทำให้วัด

เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ ทรงสถาปนาข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๗
ไดร้ บั การบรู ณปฏิสงั ขรณแ์ ละมสี ง่ิ กอ่ สร้างต่างๆ เพมิ่ ขึ้น

ใกลก้ บั วัดรงั ษีสุทธาวาส ซึง่ สมเด็จพระสมั พันธวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้า
กาลต่อมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหา
กรมขุนอศิ รานุรกั ษ์ (สมเด็จเจ้าฟา้ เกศ ต้นราชสกลุ อิศรางกูร) วชิราวธุ สยามมกฎุ ราชกมุ าร (พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้า
พระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖) ซ่ึงเคยทรงผนวช ณ วัดแห่งน
ี้
มหาราช รัชกาลท่ี ๑ ทรงสร้าง เรียกชื่อวัดในขณะน้ันว่า
ทรงเห็นวา่ วดั รังษสี ุทธาวาสทรุดโทรมมาก จงึ โปรดเกลา้ ฯ ให้
วดั ใหมห่ รือวัดบน
รวมวัดรังษีสุทธาวาสเข้ากับวัดบวรนิเวศวิหาร และทรงทำนุ
ขณะที่การก่อสร้างวัดใหม่ยังไม่เสร็จส้ิน สมเด็จพระบวร บำรุงมาตลอด ทั้งมีพระบรมราชโองการประกาศไว้ในพระราช
ราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเสด็จสวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ ๓
พินัยกรรมว่า หากเสด็จสวรรคตและถวายพระเพลิงพระบรม
จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดเพ่ิมเติม จากน้ัน ทรงอาราธนา ศพแล้ว ให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์

พระวชิรญาณมหาเถร (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั มาบรรจุไว้ ณ ใต้บัลลังก์พระพุทธชินสีห์ในพระอุโบสถ

รัชกาลท่ี ๔) จากวัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) ให้เสด็จมา พระอารามแหง่ นจ้ี งึ ถือเปน็ วดั ประจำรัชกาลที่ ๖


31

หนา้ บนั พระอุโบสถประดับตราพระมหามงกุฎและพระขรรค์ประดิษฐานเหนอื พานแว่นฟ้า

พระราชลัญจกรในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี ๔

วัดบวรนิเวศวิหารเป็นสถานที่ทรงผนวชหรือท่ีประทับ
ภายในวัดบวรนิเวศวิหารยังมีถาวรวัตถุและศิลปกรรม

ขณะทรงผนวชของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ อันทรงคณุ ค่าท่คี วรคา่ แกก่ ารศึกษาอกี หลายแห่ง ไดแ้ ก

หลายพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอุโบสถเป็นอาคารตรีมุข ผสมผสานกันระหว่าง
รชั กาลท่ี ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาล ศลิ ปะจนี ตามแบบพระราชนยิ มในรชั กาลที่ ๓ และศลิ ปะทไ่ี ดร้ บั
ท่ี ๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตกในสมยั ของรชั กาลท่ี ๔ ภายในประดษิ ฐาน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ และ พระพทุ ธรปู สำคัญหลายองค์ เช่น

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว รชั กาลปจั จุบนั รวมท้งั พระบรม พระสุวรรณเขตหรือ “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปโลหะ
วงศานวุ งศอ์ ีกหลายพระองค์
ลงรักปิดทองปางมารวิชัย ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ
พระอารามแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี พลเสพทรงอญั เชิญมาจากวัดสระตะพาน เมืองเพชรบุร

สำคัญต่างๆ ของพระมหากษัตริย์นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปโลหะปางมารวิชัยท่ีสมเด็จ
จึงมีอาคารเสนาสนะท่ีสร้างขึ้นเพื่อประกอบพระราชพิธี
พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพทรงอัญเชิญมาจากวัดพระศรี
โดยเฉพาะ ได้แก่ พลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับเป็นที่ประทับ รัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก ซ่ึงสร้างคราวเดียวกับพระพุทธ

เปลยี่ นเครอื่ งทรงของพระมหากษตั รยิ ์ เมอ่ื เสดจ็ พระราชดำเนนิ ชนิ ราชและพระศาสดา

โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ประตูเซี่ยวกางเปิดใช้ พระอัฏฐารส พระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ฝีมือช่าง

เฉพาะเมื่อมีงานพระราชพิธี โอกาสพิเศษ หรือวันธรรมสวนะ ในสมัยของรัชกาลท่ี ๓

เท่านั้น ศาลาแดงเป็นศาลาที่ประทับในงานพระเมรุต้ังแต่คร้ัง
รชั กาลท่ี ๔


32

พระประธานองค์หน้า คือ พระพุทธชนิ สหี
์ ตำหนักเพ็ชรเคยเปน็ ท่ปี ระทบั ของสมเด็จ

และองคห์ ลงั คือ พระสวุ รรณเขต (พระโต)
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


วิหารพระศาสดาสร้างขึ้นในสมัยของรัชกาลท่ี ๔ เพ่ือ ภาพจิตรกรรมฝาผนงั แบบตะวันตกท่แี สดงระยะใกล้ไกล
ประดิษฐานพระศาสดา พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย และพระ ฝีมือขรวั อินโขง่ จิตรกรเอกแหง่ ยุคที่ผสมผสาน

ไสยา พระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ ศิลปะสุโขทัย ซ่ึงรัชกาล
แนวดำเนนิ ชวี ติ แบบไทยกบั ตะวนั ตกเข้าดว้ ยกนั

ที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากวัดพระพายหลวง เมือง
สุโขทยั


พระตำหนักเพ็ชรเป็นพระตำหนักท่ีรัชกาลที่ ๕

โปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนเป็นท้องพระโรงของสมเด็จพระมหา
สมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาค
มานพ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๐ แห่งกรุง
รตั นโกสินทร์


ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ รัชกาลท่ี ๔
โปรดเกล้าฯ ให้ขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในรัชสมัยของพระองค์
เขียนข้ึน นับเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่อันเป็นยุค

แห่งการรับอิทธิพลด้านจิตรกรรมจากชาติทางตะวันตกเข้ามา

ผสมผสานกับแนวคิดตามขนบนิยมของไทย ปรากฏเป็น

ภาพเขียนท่ีเสาพระอุโบสถแสดงปริศนาธรรมอันเปรียบด้วย
จิตใจของคน ๖ ประเภท ทเี่ รียกวา่ ฉฬาภิชาติหรอื หกชาติ คอื
ตง้ั แตด่ ำสนิทจนถึงขาวสะอาด


วัดบวรนิเวศวิหารยังเป็นแหล่งสรรพวิชาความรู้ท้ัง
สำหรับประชาชนและพระภิกษุ โดยเป็นสถานศึกษาช้ันสูงของ
คณะสงฆ์ในนามมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัย

พุทธศาสนาแห่งแรกของไทยตามพระปณิธานของสมเด็จ

พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


33

พระวหิ ารหลวงวดั ราชประดษิ ฐ์สถติ มหาสีมารามราชวรวหิ าร


วัดราชประดษิ ฐส์ ถติ มหาสมี ารามราชวรวหิ าร

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามตั้งอยู่ริมคลองคูเมือง อุทิศถวายแด่พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายโดยเฉพาะ
เดิม (คลองหลอด) ตรงข้ามกับวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องจากวัดในธรรมยุติกนิกาย ก่อนๆ น้ันได้ดัดแปลงมาจาก
บริเวณที่ต้ังของวัดเคยเป็นสวนกาแฟหลวงตั้งแต่รัชสมัย วดั มหานกิ ายท้งั สนิ้ และพระราชทานนามวดั ตั้งแต่ก่อนสร้างไว้
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ว่า วัดราชประดิษฐส์ ถติ ยธ์ รรมยุตตกิ าราม

ครั้นสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
เมื่อการสร้างวัดแล้วเสร็จ รัชกาลท่ี ๔ ทรงเปลี่ยนนาม
ท่ี ๔ ท่ีดินบริเวณดังกล่าวถูกทิ้งร้าง ไม่มีผู้ดูแลรักษา จึงม
ี วัดเป็นวัดราชประดิษฐ์สถิตย์มหาสีมารามหรือวัดราชประดิษฐ์
พระราชดำริให้สร้างวัดข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๗ โดยทรงสละ
ดังปรากฏในประกาศรชั กาลที่ ๔ ณ วันจันทร์ เดอื น ๙ ขึ้น ๑
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซ้ือที่ดินเพื่อสร้างเป็นวัดหลวง
คำ่ ปมี ะโรง สัมฤทธิศก จลุ ศักราช ๑๒๓๐ (พ.ศ. ๒๔๑๑) เพอื่
ตามประเพณีการสร้างพระนครแต่โบราณอย่างเมืองสุโขทัย ให้เหมาะสมกับเป็นที่ประดิษฐานหลักศิลา ซึ่งเป็นสีมาจารึก
เมืองสวรรคโลก เมอื งพษิ ณุโลก และกรงุ เก่าทว่ี ่า ราชธานีต้อง คาถาบาลีและภาษาไทย อันเป็นบทพระราชนิพนธ์รวม

มีวดั สำคญั ประจำอยู่ ๓ วดั ไดแ้ ก่ วดั มหาธาตุ วดั ราชบรุ ณะ ๑๐ หลัก วัดแห่งนีจ้ ึงเป็นเสมอื นวดั ตน้ แบบของคณะธรรมยุติก
และวัดราชประดิษฐาหรือวัดราชประดิษฐ์ โดย ๒ วัดแรก
นกิ าย (ปจั จบุ นั ชอ่ื วดั สะกดวา่ วดั ราชประดษิ ฐส์ ถติ มหาสมี าราม
ทรงบูรณะแล้ว ยังขาดแต่วัดราชประดิษฐ์เท่าน้ัน อีกทั้งเพื่อ (ราชบณั ฑติ ))


34

ภาพจติ รกรรมฝาผนงั พระราชพธิ ีสิบสองเดอื นภายในพระวิหารหลวง


วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามมีพื้นท่ีขนาดเล็กเพียง ภาพถ่ายทางอากาศวดั ราชประดษิ ฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

๑,๐๙๘ ตารางวา หรอื ๒ ไร่ ๒ งาน ๙๘ ตารางวาเท่านั้น เม่ือ พ.ศ. ๒๔๘๙ (หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต)ิ

และเป็นวัดท่ีมีมหาสีมาล้อมพระอารามอยู่แล้ว ภายในวัดจึง
ไม่มีพระอุโบสถ มีแต่พระวิหารหลวง ซ่ึงใช้เป็นที่ทำสังฆกรรม
ตัวพระวิหารยาว ๗ ห้อง มีมุขด้านหน้าและด้านหลัง ผนัง
ภายนอกประดับด้วยหินอ่อน หน้าบันหน้าและหลังเป็นรูป

พระราชลัญจกรในรัชกาลที่ ๔ คือ รูปพระมหาพิชัยมงกุฎ

อยู่เหนอื พระแสงขรรค์คู่ มพี านแวน่ ฟ้ารองรับ วางบนหลังช้าง
๖ เชือก กระหนาบด้วยฉัตร ๕ ชั้น


ภายในพระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธสิหังค
ปฏิมากร ซึ่งรัชกาลท่ี ๔ ทรงจำลองมาจากพระพุทธสิหิงค์
ฐานองค์พระบรรจพุ ระบรมอฐั ิรชั กาลท่ี ๔ จงึ ได้รับการยอมรับ
โดยท่ัวไปว่า เป็นวัดประจำรัชกาล ท้ังยังประดิษฐานพระพุทธ
ชินราชจำลอง พระพทุ ธชินสีห์จำลอง พระศาสดาจำลอง และ
พระนริ นั ตรายจำลองด้วย


35

พระพทุ ธสหิ ังคปฏิมากร พระประธานภายในพระวหิ ารหลวง
หนังสือเที่ยววัดของเอนก นาวิกมูล เล่าว่า ระหว่าง

ใต้ฐานองคพ์ ระประดษิ ฐานพระบรมอฐั ิของพระบาทสมเด็จ การก่อสร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม พระยา

พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ ๔
ราชสงคราม (ทองสุก) แม่กองสร้างวัด กราบบังคมทูลว่า
ปาสาณเจดีย์ เจดีย์ทรงกลมประดบั ด้วยหินออ่ นท้ังองค์
พื้นที่ท่ีจะสร้างพระวิหารหลวงกับพระเจดีย์ซ่ึงสร้างติดกันนั้น
เปน็ ทต่ี ่ำ เน้ือดินออ่ น ถา้ จะสรา้ งปชู นยี วัตถุขนาดใหญอ่ าจเกดิ
การทรดุ ตวั ได้ รชั กาลที่ ๔ จึงทรงออกประกาศบอกบญุ ใหผ้ ู้มี
จิตศรัทธาเอาไหกระเทียม ท้ังท่ีดีอยู่หรือแตกร้าว หรือไหเล็ก
ไหนอ้ ย ขวดนำ้ ชา กระถางแตก ตุ่ม หรือบรรดาของจากเมือง
จีนมาถมพื้นชานนอกพระวิหารและพระเจดีย์ให้สูงกว่าพ้ืนดิน
๔ ศอกเศษ (ประมาณ ๒ เมตร) เพราะดินไหกระเทียมนั้น
แข็งแกร่ง ไม่ผุเป่ือยเหมือนดนิ ตมุ่ ซงึ่ ใครจะทลู เกลา้ ฯ ถวาย
หรอื จะเอามาขายกไ็ ด้ ไมเ่ รย่ี ไร เงินทองอะไร จะมีละครรับขา้ ว
บิณฑแ์ ละไหกระเทยี มในเดือน ๙ เปน็ เวลา ๓ วัน ใครเอาของ
มาสง่ กจ็ ะใหด้ ลู ะคร


ท้ายประกาศทรงชี้แจงว่า การเอาไหกระเทียมถมท
่ี
ใครอย่าตื่นไปว่าเป็นการฝังเงินฝังทอง อย่าเอาไปลือผิดๆ

แล้วคิดขุดวัดให้ยับเยินเสียเปล่าๆ ใครไม่เช่ือ เวลาถมไห
กระเทยี มให้มาดไู มม่ กี ารปิดบังอะไร


ประกาศฉบับน้ีแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถของ
รัชกาลที่ ๔ ซึ่งนอกจากจะทรงแก้ปัญหาด้านการก่อสร้างแล้ว

ยังแสดงถงึ ความเขา้ พระราชหฤทัยถงึ จิตใจของผคู้ นดว้ ย


วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามยังมีถาวรวัตถุและ
ศิลปกรรมทส่ี ำคัญ ได้แก่


ปาสาณเจดยี ์เป็นเจดยี ท์ รงกลมฐานส่ีเหลย่ี ม ประดับดว้ ย
กระเบื้องหินอ่อนทั้งองค์ (ปาสาณเจดีย์ หมายถึง เจดีย์หิน
สร้างตามเจดยี สถาน ณ แคว้นมคธในสมัยพทุ ธกาล)


อีกสิ่งหนึ่งท่ีถือเป็นมรดกอันทรงคุณค่าของวัดน้ี คือ
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระวิหารหลวง ได้แก่ ภาพวาด

พระราชพิธีสิบสองเดือน อันเป็นพระราชพิธีที่มีการกำหนด

ไว้ในกฎมณเฑียรบาลตั้งแต่สมัยอยุธยาให้พระมหากษัตริย์ไทย
พึงทรงประกอบเพื่อรักษาไว้ซ่ึงโบราณราชประเพณี เช่น ภาพ
พระราชพิธีตรียัมปวาย ภาพการพระราชกุศลเลี้ยงขนมเบื้อง
ภาพพระราชพิธีลอยพระประทีป พระราชพิธีเลี้ยงพระตรุษจีน
เปน็ ต้น ภาพเหลา่ นีโ้ ปรดเกลา้ ฯ ให้เขยี นขน้ึ ในสมยั ของรชั กาล
ท่ี ๕ และได้รบั การบรู ณะจากกรมศลิ ปากรเมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๐-
๒๕๐๑


36

พระอุโบสถวดั ราชบพธิ สถิตมหาสมี ารามราชวรวหิ ารมีลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมไทย

ผสมผสานกบั สถาปตั ยกรรมตะวันตก


วัดราชบพธิ สถติ มหาสีมารามราชวรวิหาร

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามตั้งอยู่ริมคลองคูเมืองเดิม มหาเสมาหรอื เสมาใหญ่ เนือ่ งจากมเี สาศลิ าจำหลกั ยอดเป็นรูป
(คลองหลอด) ตรงข้ามกับวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม เสมาธรรมจักร ๘ เสา ตั้งเป็นสีมาท่ีกำแพง ๘ ทิศ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
พระอารามท่ีมีมหาเสมาเช่นน้ีมีเพียง ๓ แห่ง คือ วัด

โปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งข้นึ เพื่อเป็นวัดประจำรชั กาล แลว้ เสร็จเมอื่ ราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พ.ศ. ๒๔๑๓ ทรงให้วางผังวัดตามอย่างโบราณ คือ
และวัดบรมนิวาส ลักษณะพิเศษของพระอารามมหาสีมานั้น
การสถาปนาพระมหาเจดีย์เป็นหลัก ล้อมด้วยพระระเบียง
การทำสังฆกรรมจะไม่จำกัดเฉพาะพระอุโบสถ แต่สามารถ
พระอุโบสถ พระวิหารหลวง และพระวิหารทิศโดยรอบ
ทำไดท้ ุกแหง่ ในขอบเขตของมหาสีมา

แลว้ พระราชทานนามว่า วัดราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามยังเป็นวัดแห่งเดียวของ

นามวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน กรุงรัตนโกสินทร์ที่เป็นวัดประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ถึง
คือ “ราชบพิธ” หมายถึง เป็นพระอารามท่ีพระเจ้าแผ่นดิน ๒ พระองค์ คอื รัชกาลที่ ๕ และพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้
สร้าง และ “สถิตมหาสีมาราม” หมายถึง พระอารามซึ่งม
ี เจ้าอย่หู ัว รัชกาลที่ ๗ เน่ืองจากรชั กาลท่ี ๗ มีพระราชศรัทธา
ให้บรู ณะวดั ราชบพธิ สถติ มหาสีมารามแทนการสรา้ งวดั ใหม ่


37

พระเจดยี ์ทรงกลม ต้ังอย่บู นฐานทกั ษณิ
พระระเบยี งรอบองค์พระเจดียป์ ระดับดว้ ยกระเบอื้ งเคลอื บเบญจรงค์

ยอดพระเจดยี ์ประดษิ ฐานพระบรมสารีรกิ ธาต


สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ
(พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ต้นราชสกุล ดิศกุล) ทรงอธิบายถึง
เรื่องคตินิยมในการสร้างวัดประจำรัชกาลไว้ในหนังสือความ
ทรงจำ ความตอนหน่ึงว่า “...เป็นคติถือกันมาว่าเม่ือพระเจ้า
แผ่นดินเสวยราชย์แล้ว ต้องสร้างวัดประจำรัชกาลทุกพระองค์
ในกรุงรัตนโกสินทร์น้ี...”

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามถือเป็นพระอารามสำคัญ

จึงเป็นที่สถิตของสมเด็จพระราชาคณะช้ันผู้ใหญ่ โดยเคยเป็น

ที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง ๒ พระองค์ คือ สมเด็จ
พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์
ชมพูนุท) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๑ แห่งกรุง
รัตนโกสินทร์ และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ

พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (วาสน์ วาสโน) สมเด็จ
พระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กับทั้งเคย
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ ๕
เป็นท่ีประทับแรมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้า

มีพระราชประสงคใ์ ห้สร้างสสุ านหลวงเพอื่ ให้ผทู้ ่พี ระองค์รักใครใ่ กล้ชิด
มหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก เม่ือคราว

ไดอ้ ยู่ร่วมกนั หลังจากลว่ งลบั ไปแลว้
ทรงผนวชเป็นสามเณรและเสด็จมาทรงซ้อมการเทศนามหา


เวสสนั ดรชาดก กณั ฑส์ กั กบรรพ ถวายสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ
(รชั กาลท่ี ๕)


38

ส่ิงสำคัญของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามท่ีถือเป็น
เอกลักษณ์แตกต่างจากวัดอ่ืน คือ สถาปัตยกรรมของ

พระอุโบสถท่ีมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบไทย
และตะวนั ตก

ในหนังสือปกิณกะสารคดีไทยของศาสตราจารย์พิเศษ
ทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา เล่าว่า พระอุโบสถวัดราชบพิธ
สถิตมหาสีมารามมีความพิเศษไม่เหมือนวัดใดๆ กล่าวคือ
สถาปตั ยกรรมภายนอกเป็นศิลปะแบบไทยประเพณี แต่ภายใน
ประดับตกแต่งเป็นแบบยุโรปผสมไทย โดยเพดาน เสา และ
ลวดลายประดับผนัง มีความงดงามเหมือนพระที่นั่งองค์หน่ึง
ในพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝร่ังเศส อาทิ เพดานภายใน
พระอุโบสถท่ีได้รับการตกแต่งด้วยศิลปะตะวันตกแบบโกธิค
ซ่ึงเกิดจากพระราชดำริของรัชกาลท่ี ๕ ซ่ึงมีพระราชประสงค์
ให้พสกนิกรได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่น่าต่ืนตา ตื่นใจเหมือนที่
ทอดพระเนตรเมอื่ ครง้ั เสดจ็ ประพาสทวีปยโุ รป

นอกจากน้ัน ประตูหน้าต่างมีซุ้มปูนป้ัน ลงรักปิดทอง
ยอดมณฑป บานประตูหน้าต่างด้านนอกด้านในเป็นลายรดน้ำ
พุ่มข้าวบิณฑ์ ด้านนอกเป็นงานประดับมุก ลายเครื่องราช
อิสริยาภรณ์ช้ันสายสะพาย ๕ ตระกูล เรียงตามลำดับลงมา
คอื นพรตั นร์ าชวราภรณ์ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ ปฐมจลุ จอมเกลา้
ประถมาภรณ์ชา้ งเผอื ก และประถมาภรณม์ งกฎุ ไทย

ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธอังคีรส (อังคีรส
เป็นอีกพระนามหน่ึงของเจ้าชายสิทธัตถะ หมายถึง มีรัศม

ซ่านออกจากพระวรกาย) เป็นพระพุทธรูปท่ีรัชกาลท่ี ๔

โปรดเกล้าฯ ให้หล่อข้ึนเม่ือปลายรัชกาล คร้ันสมัยของรัชกาล
บานประตูพระวหิ ารทำเปน็ ซมุ้ ปูนปัน้ ยอดมณฑป ดา้ นนอกเป็นไม้

ท่ี ๕ ทรงอุทิศเครื่องทองประดับพระองค์แต่ครั้งยังทรง
แกะสลักเป็นลายเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ ๕ ดวง


พระเยาวเ์ ป็นทองเนอื้ แปดหนัก ๑๘๐ บาท มากะไหลอ่ งคพ์ ระ
เบื้องบนพระประธานมีเศวตฉัตรกางก้ัน ซึ่งเคยใช้ในงาน พระเจา้ พิมพสิ าร กษัตรยิ แ์ ห่งกรงุ ราชคฤห์ โปรดดอกมะลมิ าก
พระบรมศพรัชกาลท่ี ๕ ท่ีฐานชุกชีประดับด้วยหินอ่อนจาก ในแต่ละวันจะรับสั่งให้นายมาลาการนำดอกมะลิมาถวายถึง

ประเทศอติ าลี ประดษิ ฐานพระบรมราชสรรี างคารของรชั กาลที่ ๕
วันละ ๘ กำมือ วันหนึ่งขณะท่ีนายมาลาการกำลังเก็บ

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามยังเป็นที่ต้ังของสุสานหลวง ดอกมะลิ ได้พบพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์กลุ่มหน่ึง

ซงึ่ ตงั้ อยู่ทางทิศตะวนั ตกของวดั รชั กาลท่ี ๕ โปรดเกล้าฯ ให้ ออกบิณฑบาต จึงถวายดอกมะลิน้ัน ด้วยคิดว่าการนำดอกไม้
สร้างขึ้นด้วยมีพระราชประสงค์ให้ผู้ท่ีพระองค์ทรงรักใคร่ ถวายบูชาแก่พระพุทธองค์สร้างอานิสงส์ท้ังในภพนี้และภพหน้า
ห่วงใยใกล้ชิด คือ พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอม หากตนเองถูกประหารชีวิตเพราะไม่มีดอกมะลิไปถวาย

มารดา ตลอดจนพระราชโอรส พระราชธิดา พระราชนัดดา ก็ยินยอม ครั้นเม่ือพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบเรื่อง กลับ
และพระราชปนัดดาไดอ้ ยูร่ ่วมกันหลังจากได้ลว่ งลับ
พระราชทานรางวัลให้นายมาลาการ ชาวพุทธจึงถือปฏิบัต

ท่สี ำคญั พระอารามแหง่ นเ้ี ป็นหนงึ่ ในไม่กว่ี ัดในกรุงเทพฯ เป็นประเพณีตกั บาตรดอกไม้สืบมาจนถึงปัจจุบนั

ท่ียังคงสืบทอดประเพณีตักบาตรดอกไม้ในวันเข้าพรรษา
ในอดีต นิยมนำดอกไม้ท่ีออกดอกในช่วงเข้าพรรษา
หรือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปีจนกระท่ังปัจจุบัน
เท่าน้ันมาใส่บาตร เรียกว่า ดอกเข้าพรรษาหรือดอกหงส์เหิน
ด้วยชาวพุทธเช่ือว่า “การตักบาตรดอกไม้” เป็นการสร้าง แต่เม่ือดอกไม้ที่ข้ึนเองตามธรรมชาติมีไม่เพียงพอกับความ
อานิสงส์ท่ีสูงส่งอย่างย่ิง โดยปรากฏตามพุทธตำนานว่า ตอ้ งการ จงึ ใช้ดอกไมช้ นดิ อืน่ ๆ แทน


39

พระอโุ บสถวดั พระราม ๙ กาญจนาภเิ ษกมขี นาดกะทดั รัด ตกแตง่ อย่างเรยี บง่าย สะท้อนแนวพระราชนยิ ม
ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลปจั จบุ นั


วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก


วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษกต้ังอยู่บริเวณบึงพระราม ประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท เพ่ือให้สมพระเกียรติ แต่เมื่อนำ
๙ ย่านมักกะสัน เป็นวัดท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราช
รัชกาลปัจจุบัน มีพระราชดำริให้สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๘ กระแสรับสั่งให้ปรับแบบเสนาสนะให้มีขนาดเล็กลงจากเดิม
เพ่ือเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบริเวณบึงมักกะสัน ด้วยมีพระราช เน่ืองจากมพี ระราชประสงค์ให้เป็นเพียงวัดขนาดเล็ก มีสถานท่ี
ประสงค์จะพัฒนาพ้ืนที่บริเวณบึงพระราม ๙ ให้เป็นเมือง ให้พระสงฆ์ได้ใช้เพ่ือการส่ังสอนอบรม เป็นท่ีพ่ึงพิงทางใจ

ตัวอย่าง ภายใต้แนวคิด “บวร” ซ่ึงพรั่งพร้อมด้วยบ้าน วัด ของราษฎร โดยยดึ หลกั แห่งความประหยัด เรียบงา่ ย และเกดิ
โรงเรียน และโรงพยาบาล ท่ีเอื้อให้ทุกฝ่ายต่างพึ่งพากัน
ประโยชนส์ ูงสดุ ตอ่ ชมุ ชนเปน็ สำคญั

และกัน ท้ังยังก่อเกิดประโยชน์ร่วมกัน เดิมพ้ืนที่บริเวณน้ีเป็น การกอ่ สร้างวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษกเริม่ ต้นข้นึ จาก
ทีร่ าบล่มุ ว่างเปลา่ โดยเปน็ ท่ีดินของนางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี การถมดินปรับพื้นท่ีให้เสมอเม่ือวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.
ที่ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นสาธารณกุศล ในขั้นแรกคณะ ๒๕๓๘ ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารภายในวัด

อนุกรรมการฝ่ายออกแบบได้ต้ังวงเงินในการก่อสร้างวัดไว้ที่ เม่ือวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ ต่อมา วันท่ี ๑

40

พระพุทธกาญจนธรรมสถิต พระประธานในพระอุโบสถ


กรกฎาคมปเี ดยี วกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ แห่งประเทศไทยได้เข้ามาขุดบึงขนาดใหญ่เพ่ือเป็นแหล่งรองรับ
ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จ น้ำเสียและน้ำมันเคร่ืองจากโรงงานรถไฟมักกะสันเม่ือ พ.ศ.
พระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ
๒๔๗๔ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พร้อมทั้งทรงเปิดอาคารเรียนโรงเรียนวัดพระราม ๙ รัชกาลท่ี ๗ ทำให้พื้นท่ีบริเวณนี้ ซ่ึงเคยมีสภาพเป็นทุ่ง
กาญจนาภเิ ษก
ชานเมือง ไม่มีผู้คนเข้ามาอาศัย กลายเป็นย่านพักอาศัย

สมยั อยุธยาตอนปลาย ทต่ี ั้งของวดั พระราม ๙ เป็นพนื้ ท่ี แห่งใหม่ท่ีมีผู้คนเข้ามาต้ังหลักแหล่งเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง

รกร้างว่างเปล่า มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเบาบางส่วนใหญ่เป็น
จนกลายเป็นชุมชนแออัด เป็นเหตุให้น้ำในบึงมักกะสันเกิด

ชาวมุสลิมท่ีมีพ้ืนเพมาจากเมือง “มาคัสซาร์” (Makassar) การเน่าเสียอย่างรุนแรง ชาวชุมชนเจ็บป่วย ส่งผลเสียต่อ
เกาะซีลีบีส ((Celebes) ปัจจุบัน อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย) สุขภาพจิตและการดำรงชวี ติ

สนั นิษฐานวา่ คำว่า “มาคัสซาร์” ไดเ้ พ้ยี นมาเป็น “มักกะสัน” จากปัญหาดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ซึ่งเปน็ ชอ่ื ใช้เรยี กชอ่ื ชุมชนและชาวมสุ ลมิ ที่มาจากเมืองนีด้ ว้ ย
จึงพระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียด้วย

ภายหลังเกิดเหตุการณ์ “กบฏมักกะสัน” เม่ือวันท่ี ๒๗ วิธีการทางธรรมชาติผสมผสานกับหลักวิชา โดยการปลูก

กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐ ในปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ผักตบชวาและการใช้เครื่องกลเติมอากาศเพื่อเพิ่มปริมาณ
มหาราช ชาวมุสลิมมักกะสันส่วนหนึ่งได้อพยพมาตั้งถ่ินฐาน ออกซิเจนในน้ำ จนสามารถคลี่คลายปัญหาน้ำเน่าเสียในบึง
บา้ นเรือนในบริเวณนี้ จงึ เปน็ ท่ีมาของช่อื ตำบลมักกะสันดว้ ย
มักกะสันลงได้ ดังกระแสพระราชดำรัสที่ว่า “สวนสาธารณะ
เม่ือเวลาล่วงผ่านไป การขยายตัวของเมืองซ่ึงมาพร้อม คือ ปอด และบึงพระราม ๙ คือ ไตของกรุงเทพมหานคร”
กับความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อการรถไฟ
ด้วยเหตุนี้ ชุมชนบริเวณบึงพระราม ๙ อันเป็นที่ต้ังของวัด

41

หนา้ บนั พระอุโบสถประดิษฐานพระราชลญั จกร
ภาพเหตกุ ารณก์ บฏมักกะสัน ซ่งึ เปน็ ท่ีมาของชอื่ ตำบลมกั กะสัน

ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว รัชกาลปจั จุบนั
ท่ีตัง้ ของวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก

(ภาพจากหนังสอื กรุงเทพฯ มาจากไหน)


พระราม ๙ จึงถือเป็นชุมชนตัวอย่างของการมีส่วนร่วมของ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ประชาชนในการรักษาและร่วมกนั ฟ้นื ฟูสภาพแวดลอ้ มให้น่าอยู
่ ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชวินิจฉัยให้สร้าง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้
ข้ึนและพระราชทานนามว่า พระพุทธกาญจนธรรมสถิต

วดั พระราม ๙ ทำหนา้ ทเ่ี ป็นเสมือนศูนย์กลางของชุมชนบรเิ วณ ท้ังโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้า

บึงพระราม ๙ การก่อสร้างพระอุโบสถภายใต้การออกแบบ
มหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนิน
ของพลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ สาขา แทนพระองค์ไปทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจาก
สถาปัตยกรรมไทย จึงเน้นความเรียบง่ายและประหยัด
พระสถูปโบราณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่
เป็นสำคัญ โดยเห็นได้จากการก่อสร้างพระอุโบสถท่ีใช้ ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าในพระเกศพระประธานและทรงยก
โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงด้วยแผ่นเหล็ก
ฉตั รพระประธานเม่อื วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๐

สีขาว แต่มีองค์ประกอบบนหลังคาประดับด้วยปูนปั้นลาย
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษกได้รับการยกย่องให้เป็น

ดอกพุดตาน ตกแต่งหน้าบันด้วยปูนป้ันปิดทองเฉพาะที่
วัดตัวอย่างของการเป็นศูนย์กลางเพื่อการพัฒนาชุมชน

พระราชลัญจกรในรัชกาลท่ี ๙ ส่วนช่อฟ้า ใบระกาเป็น และเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านวิชาการสายสามัญเพ่ือให้
ลวดลายปูนปั้นไม่ปิดทอง ผนังและเสาก่ออิฐฉาบปูน ทาสีขาว ความรู้แกเ่ ด็กและเยาวชนทอี่ าศยั อยู่ในบรเิ วณน้ี

บานประตูหน้าตา่ งใช้กรอบอลมู ิเนยี ม เปน็ ต้น


42

พระอารามหลวงทีพ่ ระมหากษัตริย

ทรงสร้างหรือบรู ณปฏสิ งั ขรณ


วดั ระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
วัดราชสทิ ธารามราชวรวิหาร

วดั สุวรรณารามวรวิหาร
วดั สระเกศราชวรมหาวิหาร

วดั จนั ทารามวรวิหาร
วดั นาคกลางวรวิหาร


วัดชยั พฤกษมาลาราชวรวิหาร
วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร

วดั นางนองวรวหิ าร
วดั เทพธดิ ารามวรวหิ าร


วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร
วัดราชนัดดารามวรวหิ าร

วัดรชั ฎาธิษฐานราชวรวหิ าร
วดั ทองธรรมชาติวรวหิ าร

วัดสงั ข์กระจายวรวหิ าร
วดั มหาพฤฒารามวรวิหาร

วดั หงส์รัตนารามราชวรวิหาร
วดั โสมนัสราชวรวหิ าร

วัดปากน้ำ
วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร

วัดสงั เวชวศิ ยารามวรวิหาร
วัดมกฏุ กษตั ริยารามราชวรวหิ าร

วดั คหู าสวรรค์วรวิหาร
วัดเทพศริ ินทราวาสราชวรวิหาร

วดั ยานนาวา
วัดเบญจมบพติ รดสุ ติ วนารามราชวรวิหาร


43

วัดระฆงั โฆสิตารามวรมหาวิหาร


วดั ระฆังโฆสิตารามวรมหาวหิ าร

วัดระฆังโฆสิตารามหรือวัดหลวงพ่อโตต้ังอยู่ริมแม่น้ำ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาล

เจา้ พระยาฝ่งั ตะวันตกบรเิ วณปากคลองบางกอกน้อย เดิมเรยี ก ที่ ๑ ทรงร่วมกนั กับรัชกาลท่ี ๑ ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณว์ ดั

กันว่า วัดบางหว้าใหญ่หรือวัดบางว้าใหญ่ เป็นวัดที่มีมาต้ังแต่ ซึ่งชำรุดทรุดโทรมลงมาก การน้ี มีการขุดพบระฆังโบราณ

สมยั อยุธยา
จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำระฆงั ทพี่ บนน้ั ไปเก็บรกั ษาไว้ทห่ี อระฆังวดั
เมอื่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงสถาปนากรงุ ธนบรุ ี พระศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวัง แล้วมี
เป็นราชธานี โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดบางหว้าใหญ่ขึ้นเป็น รับส่ังให้สร้างระฆังใหม่ประดิษฐานไว้ที่วัด ๕ ลูก พร้อม
พระอารามหลวง เป็นท่ีประทับของสมเด็จพระสังฆราช และ พระราชทานชื่อใหม่ให้วัดบางหว้าใหญ่ว่า วัดระฆังโฆสิตาราม
เป็นศูนย์กลางในการชำระพระไตรปิฎก ซ่ึงอัญเชิญมาจาก หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันท่ัวไปว่า วัดระฆัง แม้พระบาท
เมืองนครศรธี รรมราช
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้
สมัยรัตนโกสินทร์ วัดบางหว้าใหญ่ยังคงเป็นวัดที่อยู่ใน เปลี่ยนชื่อเป็นวัดราชคัณฑิยาราม แต่ชาวบ้านยังคงเรียก

พระอุปถัมภ์ของบรรดาเจ้านายท่ีสำคัญ คือ สมเด็จพระเจ้า วดั แห่งน้วี า่ วัดระฆังอยเู่ ชน่ เดมิ

บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคิน
ี บริเวณที่ต้ังของวัดระฆังเป็นพ้ืนท่ีท่ีมีความสำคัญทาง

44

สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรสํ ี)

(หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)


ประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง คือ เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการเมือง
การค้า และท่ีพักอาศัย โดยเฉพาะภายหลังจากที่ได้รับการยก
ฐานะข้ึนเป็นเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทรในสมัยอยุธยา และยังคง
ความสำคญั สบื เนือ่ งมาจนถึงสมยั รัตนโกสนิ ทร
์ ระฆงั ท่ีขดุ พบปจั จุบนั แขวนอยทู่ ีห่ อระฆังวดั พระศรีรตั นศาสดาราม


ต่อมา เม่ือสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานีแลว้ บรเิ วณน้ี
และวังใหญ่เป็นท่ีประทับของพระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหม่ืน
ยงั คงเปน็ ที่ต้งั ของวงั เจ้านายที่มีความสำคญั สบื ตอ่ มาถงึ ๓ วงั นราเทเวศร์ (พระองค์เจ้าปาน ต้นราชสกุล ปาลกะวงศ์)
ด้วยกัน คือ วังสวนมังคุดของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
บริเวณอันเป็นพื้นท่ีของวังใหญ่นี้กลายเป็นท่ีต้ังของโรงพยาบาล
เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี วังบ้านปูนของพระองค์เจ้า
ศิริราชในปจั จบุ ัน

ขุนเณร บุตรพระอินทรรกั ษา (เสม) ซึ่งเป็นพระภสั ดาในสมเด็จ บริเวณโดยรอบวัดระฆังโฆสิตารามยังเป็นที่ตั้งของชุมชน
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี (ปัจจุบัน ขนาดใหญ่ มีบ้านเรือนของเหล่าข้าราชบริพารและขุนนาง

เป็นท่ีต้ังของโรงเรียนสุภัทราและภัทราวดีเธียเตอร์) และ อยรู่ ายรอบพระอารามจำนวนมาก ทสี่ ำคญั คอื ชมุ ชนหตั ถศลิ ป์
พระราชวังบวรสถานพิมุขหรือวังหลัง อันเป็นวังท่ีประทับของ ท่ีมีช่ือเสียงมาแต่สมัยอยุธยา เช่น ชุมชนบ้านช่างหล่อที่มี
กรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ขุ ฝา่ ยหลงั (สมเดจ็ พระเจา้ หลานเธอ อาชีพหล่อพระพุทธรปู และชุมชนบ้านบมุ ีอาชพี ทำขันลงหนิ

เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์) พระโอรสในสมเด็จพระเจ้า เอกลักษณ์หนึ่งของพระอารามแห่งน้ี คือ หอพระไตร
บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ภายหลังจาก ปิฎก ซึ่งแต่เดิมเป็นท่ีเป็นประทับหรือจวนเดิมของรัชกาลท่ี ๑

ทิวงคต พื้นท่ีบริเวณน้ีแบ่งออกเป็น ๓ วัง คือ วังน้อย
เม่ือครั้งยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา

เป็นที่ประทับของพระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหม่ืนนเรศร์โยธี ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บริเวณ

(พระองค์เจ้าบวั ) วงั กลางเปน็ ท่ีประทับของพระสมั พนั ธวงศ์เธอ
พระนิเวศน์เดิม ปากคลองมอญ (บริเวณกรมอู่ทหารเรือ

กรมหลวงเสนีบริรกั ษ์ (พระองค์เจ้าแตง ต้นราชสกลุ เสนวี งศ)์ ในปัจจุบัน)


45

หอไตรวดั ระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร


เมื่อรัชกาลท่ี ๑ เสด็จปราบดาภิเษกและสถาปนา

กรุงรัตนโกสินทร์ได้อุทิศถวายแด่วัดระฆังเพ่ือเป็นท่ีประดิษฐาน

พระไตรปิฎก โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลกู เธอ เจา้ ฟ้า
กรมหลวงอศิ รสนุ ทร (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั
รัชกาลที่ ๒) เป็นแม่กองในการรื้อถอนจวนเดิมแล้วนำมา

สร้างใหม่ให้เป็นหอไตรกลางน้ำ ในคราวขุดสระน้ำเพ่ือสร้าง
หอไตรนัน้ เองเป็นเหตุให้ไดพ้ บกับระฆงั ใบใหญ่ทีฝ่ งั อยู
่ พระประธานยม้ิ รบั ฟา้ พระประธานภายในพระอโุ บสถ

หอพระไตรปฎิ กวดั ระฆงั มีลกั ษณะเปน็ เรือนไทยเครือ่ งสบั
หรือที่เรียกกันว่า เรือนฝากระดาน ๒ หลัง เชื่อมต่อกันด้วย
มุงกระเบื้องสามหลังแฝด มีชานหน้า ปลูกอยู่กลางสระ

ชานกลาง จึงมองดูคล้ายเรือนแฝด ๓ หลัง ฝาเรือนทำเป็น
ดูเหมือนหนึ่งว่าหลังซ้ายขวาจะเป็นที่ไว้คัมภีร์พระปริยัติธรรม
ฝาปะกน หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ ภายในเขียนรูปภาพ
หลังกลางจะเป็นที่บอกหนังสือหรือดูหนังสือ ฝีมือที่ทำหอนี้
บานประตูห้องด้านใต้เขียนลายรดน้ำ บานประตูห้องกลางโถง อย่างประณีตแบบกรงุ เก่า...” ทง้ั ยังทรงบรรยายไว้อีกว่า“...ผูใ้ ด
ตะวันออกแกะเปน็ ลายนกวายภุ ักษ์ ประกอบด้วยกนกเครือเถา ท่ีรักการช่าง ได้ไปชมท่ีน้ันแล้วจะไม่อยากกลับบ้าน เป็น
บานประตูนอกชานแกะเปน็ ลายมงั กร ลายกนกดอกไม้ และซมุ้ เคราะห์ดมี ากทีห่ อพระไตรปิฎกนย้ี งั อย่ใู หด้ ูไดด้ ีๆ ไม่พงั เสีย...”
ขา้ งบนเป็นลายกนกดอกไม้เชน่ กนั ภายนอกติดคันทวย และม
ี ด้วยเหตุที่เป็นเรือนไม้ต้ังอยู่กลางสระน้ำ เมื่อกาลล่วง
ตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่ศิลปะอยุธยา ปรากฏความท่ีสมเด็จ เลยไปเสาหลักของเรือนจึงชำรุดทรุดโทรมลงมาก คณะ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กรรมการอนุรักษ์ศิลปกรรมของสมาคมสถาปนิกสยามใน
(พระองคเ์ จ้าจติ รเจริญ ต้นราชสกุล จติ รพงศ)์ ทรงมถี ึงสมเดจ็ พระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์

พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ (พระองคเ์ จา้ (โต พฺรหฺมรํงสี) ดำเนินการเคลื่อนย้ายหอพระไตรปิฎกจาก

ดิศวรกุมาร ต้นราชสกุล ดิศกุล) กล่าวชื่นชมถึงความงดงาม ที่ต้ังเดิมมาสร้างใหม่ในเขตพุทธาวาสเม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๑

ของหอพระไตรปิฎกวัดระฆังในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จ ความ โดยยังคงรักษาโครงสร้างและองค์ประกอบอื่นๆ ของอาคารไว้
ตอนหน่งึ วา่ “...หอพระไตรปฎิ ก จับไดแ้ นว่ า่ ทำในรชั กาลท่ี ๑ ดังเดิมทุกประการ

ท่วงทีประหลาดกว่าหอไตรท่ีไหนหมด เป็นฝากระดาน


46

ภาพจิตรกรรมฝาผนงั รปู ทหารอาสาแขกภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร

ฝมี ือครูคงแปะ๊ หรอื หลวงเสนบี รริ ักษ์ จติ รกรเอกในสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจา้ อยู่หวั รัชกาลท่ี ๓


วัดสวุ รรณารามราชวรวิหาร


วัดสุวรรณารามตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี ฌาปนกิจผู้มีบรรดาศักด์ิชั้นรองจากการทำเมรุกลางเมืองลงมา
เป็นวัดโบราณของชุมชนชาวบางกอกท่ีสร้างมาแต่สมัยอยุธยา ซ่ึงตามประเพณีบ้านเมืองแต่เดิม ต้องทำการก่อสร้างเมรุ
เดิมช่ือวัดทอง คร้ันสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จ ช่ัวคราวนอกกำแพงพระนครเป็นการส้ินเปลือง เมรุหลวงวัด
พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช รชั กาลที่ ๑ โปรดเกลา้ ฯ ให้ สุวรรณารามจึงนับเป็นเมรุก่ออิฐถือปูนแห่งแรกของสยาม
สร้างถาวรวัตถุและเสนาสนะใหม่ทั่วทั้งพระอาราม พร้อมทั้ง (ประเพณีการพระราชทานเพลิงพระศพนี้ หากเป็นเจ้านาย
พระราชทานนามใหมว่ ่า วัดสุวรรณาราม สว่ นสมเดจ็ พระบวร พระองค์สำคัญหรือสมเด็จพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่จะ

ราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมรุหลวงหรือเมรุผ้าขาวกลางเมือง

ในรัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมรุหลวงก่ออิฐถือปูนขึ้น ท่ีท่งุ พระเมรุ (ทอ้ งสนามหลวง)

ภายในพระอาราม โดยมีพระราชดำริจะให้เมรุหลวงนี้เป็นท่ี

47

ภาพจติ รกรรมฝาผนังเลา่ เรอ่ื งมโหสถชาดก ฝีมอื ครูคงแปะ๊ หรือหลวงเสนบี รริ ักษ


ล่วงถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว และครัวชาวลาวพุงขาว (ล้านช้าง) และลาวพุงดำ (ล้านนา)

รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ที่ถูกเทครัวมาตั้งบ้านเรือนแต่คร้ังกรุงธนบุรี ต่อมา สมัย
(ทัต บุนนาค ต่อมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ รัตนโกสินทร์ ด้วยพ้ืนที่แห่งน้ีต้ังอยู่บริเวณปากคลอง
หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย) จางวางพระคลังสินค้า สร้าง บางกอกน้อย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพระนคร
เมรุหลวงก่ออิฐถือปูนข้ึนอีกแห่งหน่ึงที่หลังวัดสระเกศ ส่วน
รชั กาลที่ ๑ จงึ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระราชวังพระราชทานแก่
เมรุหลวงวัดสุวรรณารามสันนิษฐานว่า ได้ยกเลิกไปเมื่อมี
กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ฝ่ายหลัง (สมเด็จพระเจ้า

การสรา้ งเมรุหลวงแห่งใหม่ ณ วัดเทพศริ นิ ทราวาส ในรชั สมยั หลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรกั ษ์เทเวศร์) เพ่อื ให้ทรงป้องกนั
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี ๕
รกั ษาพระนครและดแู ลชมุ ชนในบรเิ วณน้ี โดยมวี ดั สวุ รรณาราม

ท่ีต้ังของวัดสุวรรณารามเป็นย่านชุมชนชาวกรุงเก่า
เป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธาของชุมชนร่วมกับวัดท่ีตั้งอยู่
ที่อพยพหนีภัยสงครามเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังท่ี ๒
บรเิ วณใกลเ้ คียง


48


Click to View FlipBook Version