The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-03-26 01:41:45

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Keywords: บางกอก,วัด

พระอโุ บสถสรา้ งขนึ้ ในสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้
พระศาสดา พระพุทธรูปปางมารวชิ ยั ประดิษฐานภายในพระอโุ บสถ

จุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑


ปัจจุบัน ชุมชนโดยรอบวัดสุวรรณารามยังคงอยู่อาศัย
และสืบทอดงานช่างฝีมือและขนบธรรมเนียมประเพณีของ
บรรพบุรษุ ไว้อย่างเหนยี วแนน่ เชน่ ชุมชนบา้ นบุ ซงึ่ สนั นิษฐาน
ว่า เป็นชาวกรุงเก่าที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งถิ่นฐานแต่
ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ประกอบอาชีพช่างบุ ทำขัน
ลงหินหรือขันสัมฤทธ์ิท่ีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นท่ีมาของ
นาม “บ้านบุ” โดยเรียกชุมชนบ้านบดุ ้านตดิ กบั วดั สวุ รรณาราม
ว่า บา้ นบุบน และเรยี กชุมชนด้านปากคลองวา่ บ้านบลุ ่าง

ชาวชุมชนบ้านบุยังคงรักษาธรรมเนียมในการไหว้

เคร่ืองมือ เตาตี ภมร และการไม่เหยยี บหรือก้าวขา้ มเครื่องมอื
ทำมาหากิน รวมทั้งสืบสานประเพณีท่ีสำคัญ คือ การไหว

ครูชา่ งหรือพระเพชรฉลูกณั ฑ์หรอื พระเพชรฉลกู รรม อันเปน็ พธิ ี จติ รกรรมฝาผนงั เล่าเรอื่ งเนมริ าชชาดก

แบบพุทธและพราหมณ์ โดยกำหนดเป็นวันพฤหัสบดี ช่วง
ฝมี อื ครูทองอย่หู รือหลวงวิจติ รเจษฏา

ขา้ งขน้ึ เดอื น ๙ เปน็ วนั ไหวค้ รเู ปน็ ประจำทกุ ปี และมวี นั หยดุ งาน
ในวนั พระใหญ่และวนั สำคญั ทางศาสนา
ชีวิตของผู้คนย่านนี้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งมีการเขียน
วัดสุวรรณารามยังเป็นพระอารามที่มีความโดดเด่น
ภาพแสดงความเคล่ือนไหวของคนและสตั วไ์ ดอ้ ย่างมชี วี ติ ชวี า

ในด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมควรค่าแก่การศึกษา
มีเร่ืองเล่าว่า คร้ังหนึ่งครูคงแป๊ะต้องโทษถึงประหารชีวิต
โดยเฉพาะพระอุโบสถท่ีสร้างข้ึนในสมัยของรัชกาลที่ ๑ เป็นท่ี แต่รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานอภัยโทษ โดยตรัสว่า
ประดิษฐานพระศาสดา พระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย ศิลปะ ช่างฝมี ือยอดเยยี่ มอย่างคงแป๊ะนหี้ ายาก

สุโขทัย ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือครูคงแป๊ะหรือ
หลวงเสนบี รริ กั ษแ์ ละครทู องอยหู่ รอื หลวงวจิ ติ รเจษฏา จติ รกรเอก
ในสมัยของรัชกาลที่ ๓ อันเป็นภาพที่ได้รับการยกย่องว่า

งามยอดเยี่ยมแห่งรัตนโกสินทร์ จิตรกรรมเหล่าน้ีเป็นภาพ

เทพชุมนุม ภาพเร่ืองทศชาติ ภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ
และภาพพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยสอดแทรกวิถี

49

พระอุโบสถวัดจันทารามวรวิหารเป็นศิลปกรรม “นอกอยา่ ง” ตามพระราชนยิ มของพระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๓


วัดจันทารามวรวหิ าร

วัดจันทารามต้ังอยู่ใกล้กับคลองบางกอกใหญ่ เป็นวัด
ราชานุภาพ (พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ต้นราชสกุล ดิศกุล)
ท่ีสร้างขึ้นตั้งแต่สมยั อยธุ ยา ชาวบา้ นนยิ มเรยี กชือ่ กนั มาแตเ่ ดิม และพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ฉบับ
ว่าวัดบางยี่เรือกลางหรือวัดกลางตลาดพลู โดยเรียกตามท่ีต้ัง เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค) ระบุตรงกันว่า

ของวัด ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างวัดบางยี่เรือนอก (วัดอินทาราม) กับ วัดบางย่ีเรือกลางได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยพระยาสุรเสนา
วัดบางยี่เรือใน (วัดราชคฤห์) ซึ่งธรรมเนียมการเรียกช่ือวัด
(ขุนเณร) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
เช่นนี้เป็นความนิยมของชาวบ้านที่เรียกกันตามเส้นทาง
รัชกาลที่ ๓ เมื่อแล้วเสร็จได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า

การล่องเรือจากปากคลองบางกอกใหญ่เข้ามายังพื้นที่ด้านใน วดั จันทาราม

เป็นสำคญั
ในสมัยอยุธยา บริเวณอันเป็นที่ตั้งของวัดจันทาราม

ตามตำนานพระอารามหลวงโดยสังเขปที่ปรากฏ
ซ่ึงอยู่ในย่านบางย่ีเรือนั้นเคยหนาแน่นไปด้วยป่าสะแก ส่วน
ในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรง
บริเวณฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นท่ีราบลุ่ม มีหญ้าและต้นกกข้ึนอยู่ใน

50

พระพทุ ธรูปไม้บุลวดลาย

ทเี่ ป็นโลหะ ปางห้ามสมุทร
ทรงเคร่อื ง


เรอื บรรทกุ โอง่ อ่าง หมอ้ ไหจากเมืองราชบรุ ี เรอื บรรทุกนำ้ ตาล
จากเมืองเพชรบุรีและเมืองแม่กลอง เพื่อมาแลกเปล่ียนกับพลู
และหมากท่ปี ลูกกันมากในยา่ นบางย่ีเรือแห่งนี้ บางยีเ่ รือจงึ เปน็
ศูนย์กลางการค้าขายหมากพลูท่ีสำคัญท่ีสุดของพระนคร

ในสมัยนนั้

การค้าหมากพลูในย่านบางยี่เรือยิ่งคึกคักมากข้ึน

ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายในพระอโุ บสถวันจนั ทารามประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั
รัชกาลท่ี ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟสายแม่กลอง

และมีภาพจิตรกรรมฝาผนงั เปน็ ลายดอกไม้และโต๊ะหมบู่ ูชาแบบจีน
จากสถานีคลองสาน เมืองธนบุรี ถึงสถานีมหาชัย เมือง

สมุทรสาคร นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการ

น้ำตื้นๆ คล้ายป่าพรุ ในสงครามกอบกู้เอกราชของสมเด็จ เดนิ ทางแลว้ ยงั เพมิ่ ปรมิ าณการขนส่งสินคา้ ไดม้ ากขน้ึ ดว้ ย

พระเจ้าตากสินมหาราชได้อาศัยพ้ืนที่บริเวณน้ีเป็นท่ีดักซุ่มยิง อย่างไรก็ตาม การค้าหมากพลูมีอันต้องซบเซาลงไป

ข้าศึกศัตรู อันเป็นที่มาของคำเรียกพื้นท่ีบริเวณน้ีว่า บังยิงเรือ ภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสัญจรจากทางน้ำ
ก่อนที่จะเพี้ยนเป็นบางยี่เรือในภายหลัง และปรากฏเป็นช่ือ มาสู่ทางบกมากข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเกิดเหตุการณ์
เรยี กพ้ืนท่บี รเิ วณน้เี ร่อื ยมาจนถึงปจั จบุ ัน
สงครามโลกครัง้ ท่ี ๒ ต่อเนอ่ื งด้วยการประกาศห้ามการบรโิ ภค
ภายหลังการสถาปนากรุงธนบุรี ย่านบางย่ีเรือได้พัฒนา หมากพลูภายใต้นโยบายของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม
มาเป็นย่านการค้าท่ีสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นพ้ืนท่ีอันอุดม ทำให้ชาวบ้านที่เคยประกอบอาชีพเพาะปลูกหมากและพลูต้อง
สมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ุธัญญาหารแล้ว ยังเป็นจุดบรรจบของ เปล่ียนอาชีพไปประกอบการค้า และสร้างที่พักอาศัยให้เป็น
คลองใหญ่ ๓ สายท่ีไหลมารวมกัน คอื คลองบางหลวง (คลอง บ้านเช่าสำหรับผู้คนที่อพยพเข้ามาอาศัยในบริเวณนี้จำนวน
บางกอกใหญ)่ คลองสนามชัย และคลองภาษเี จริญ ซึง่ ขดุ ข้นึ มาก โดยเฉพาะในช่วงท่ีฝ่ังพระนครได้รับผลกระทบจาก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ สงครามโลกคร้ังที่ ๒ และการตัดถนนจรัญสนิทวงศ์ในท้องที่
ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณปากคลองด่าน อันเป็นด่านเก็บอากร วัดทา่ พระและบางกอกใหญ่เม่ือ พ.ศ. ๒๔๘๓ เป็นเหตุให้พนื้ ท่ี
ขนอนจากเรือสินค้าท่ีเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายกับสยาม
สวนลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว (ถนนจรัญสนิทวงศ์เดิมเป็น
ตั้งแต่สมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นอีกด้วย ถนนลูกรังไมม่ ีชือ่ ตัดครง้ั แรกในสมยั ของรัชกาลที่ ๕)

ทำให้ย่านน้ีกลายเป็นชุมทางการติดต่อเพื่อแลกเปล่ียนสินค้า
วัดจันทารามมีรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนผสมไทย

ที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้จากสวนในคลองซอย ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ ๓ ภายใน

ต่างๆ ของเมืองบางกอก ข้าวจากเมืองสุพรรณบุรี เมือง พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยและปางห้าม
อ่างทอง มีเรือเกลือ เรือปลาทู เรือบรรทุกกะปิ น้ำปลา
สมุทรทรงเครื่อง ท้ังยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนลาย
ไม้แสม และของทะเลแห้งล่องมาจากเมืองเพชรบุรี เรือพริก ดอกไม้และโต๊ะหม่บู ชู าแบบจนี ฝมี ือช่างในสมยั ของรัชกาลที่ ๓

หอม กระเทียมจากบางช้าง เรือขนไม้รวกจากเมืองกาญจน์


51

พระอโุ บสถหลังใหมว่ ดั ชยั พฤกษมาลาราชวรวิหาร


วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร

วัดชัยพฤกษมาลาตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย บริเวณ การดำเนินการสร้างกำแพงพระนครแล้วเสร็จ รัชกาลที่ ๑

แม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่า เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัย โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศร
อยุธยา เดิมเรยี กกนั ว่า วดั ชัยพฤกษ์
สนุ ทรทรงทำผาติกรรมวดั ชัยพฤกษ์ขึ้นใหม่ทดแทนวดั เดิม

ในคราวท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก การบูรณปฏิสังขรณ์วัดชัยพฤกษ์ดำเนินการมาอย่าง

มหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี
ตอ่ เนอื่ งจนเมอื่ รชั กาลท่ี ๒ เสดจ็ ขน้ึ ครองราชย์ ไดพ้ ระราชทาน
โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวง
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพ่ือสร้างอุโบสถ วิหาร และศาลา
อิศรสุนทร (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล
การเปรียญ เม่ือแล้วเสร็จโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็น

ท่ี ๒) เป็นแม่กองดำเนินการก่อสร้างกำแพงพระนคร พระอารามหลวงและให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ
พระองค์ได้ขอพระบรมราชานุญาตร้ือเอาอิฐจากวัดชัยพฤกษ์ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔) เป็น
ซ่ึงในขณะน้ันเป็นวัดร้าง มาใช้ในการก่อสร้าง ภายหลังจาก แม่กองในการบรู ณปฏิสงั ขรณว์ ัดชยั พฤกษส์ บื ต่อมา


52

กระทงั่ เม่อื สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟา้ มงกฎุ ฯ เสด็จขึน้
ครองราชย์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่น

มเหศวรศิววิลาส (พระองค์เจ้านพวงศ์ ต้นราชสกุล นพวงศ์)
พระราชโอรส ทรงเป็นแม่กองในการบูรณปฏิสังขรณ

พระอาราม ทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อท่ีสวนเพ่ิมเติมให้พื้นท่ี
วัดกวา้ งขวางออกไป รวมทง้ั ขุดครู อบวัด จากนั้นพระราชทาน
นามวัดแห่งน้ีว่า วัดชัยพฤกษมาลา เพ่ือให้คล้องจองกับนาม
ของวัดเขมาภิรตาราม เมืองนนทบุรี และจัดให้มีงานฉลองวัด
ชัยพฤกษมาลาที่ท้องสนามหลวงในคราวเดียวกับวัดท่ีทรงบูรณ
ปฏิสังขรณ์พร้อมกันอีก ๓ วัด คือ วัดเขมาภิรตาราม วัด

รัชฎาธษิ ฐาน และวดั ราชสทิ ธาราม เมอื่ พ.ศ. ๒๔๐๖

สิ่งสำคัญภายในพระอาราม คือ พระอุโบสถหลังเก่า

มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมไทยฝีมือช่างสมัยอยุธยา หนา้ บนั
พระอโุ บสถดา้ นหนา้ ประดบั ลายปนู ปน้ั รปู ครฑุ ยดุ นาค พระราช
สญั ลกั ษณป์ ระจำรชั กาลท่ี ๒ และทหี่ นา้ บนั มขุ ลดมปี นู ปน้ั เป็น
รูปพระมหาพิชัยมงกุฎ ซ่งึ เป็นพระราชลญั จกรในรชั กาลที่ ๔

คลองริมวัดชัยพฤกษมาลาเดิมเคยเป็นเส้นทางของแม่น้ำ
เจ้าพระยา จนกระทั่งเมื่อมีการขุดคลองลัดในรัชสมัยสมเด็จ
พระไชยราชาธิราชเมื่อ พ.ศ. ๒๐๖๕ แม่น้ำเจ้าพระยา

ท่ีเคยไหลผ่านข้างวัดจึงแคบลงกลายเป็นคลองบางกอกน้อย
ดังท่ีสุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวไว้ในหนังสือแม่น้ำลำคลองสาย
ประวัติศาสตร์ว่า ย่านดังกล่าวกลายเป็นเกาะและขยายชุมชน
ใหญ่ขึ้นเป็นบ้านเรือนและเรือกสวนมากมาย สอดคล้องกับ
บันทกึ ของมองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตผ้มู ีอำนาจ พระบรมราชานุสาวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย

เต็มของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส ท่ีเข้ามาเจริญ รัชกาลท่ี ๒


สัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๐ ท่ีบรรยายถึงพ้ืนที่บริเวณย่าน โดยเป็นคลองขดุ ใหมย่ าว ๖๗๖ เส้น เชอ่ื มตอ่ กับคลองเกา่ ท่ขี ุด
บางกอกไว้ความตอนหน่ึงว่า “...สวนผลไม้ที่บางกอกนั้น
แกอ้ ีก ๘ เส้น

มีอาณาบริเวณยาว ไปตามชายฝ่ังแม่น้ำโดยทวนข้ึนไปสู่เมือง ชุมชนแรกๆ ท่ีเข้ามาต้ังรกรากในบริเวณนี้ ได้แก่

สยาม ถึง ๔ ล้ี กระทั่งจรดตลาดขวญั ทำใหเ้ มอื งหลวงแหง่ น้ี ชาวบ้านที่ย้ายถิ่นฐานมาจากริมแม่น้ำนครชัยศรี บริเวณ

อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลาหารซ่ึงคนพื้นเมืองชอบบริโภคกัน ดอนหวาย บางเตย และชาวจีนที่เป็นแรงงานในการรับจ้าง

นกั หนา ข้าพเจา้ หมายถึงผลไม้นานาชนิดเปน็ อันมาก...”
ขุดคลอง ผู้คนเหล่าน้ีเองได้กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้
ความอุดมสมบูรณ์ในย่านบางกอกน้อยอันเป็นที่ต้ัง ชุมชนบริเวณริมคลองมหาสวัสดิ์เจริญก้าวหน้าสืบมาจนถึง

ของวัดชัยพฤกษ์ นอกจากจะยังผลให้มีผู้คนเข้ามาอาศัยและ ทุกวันน้ี

ติดตอ่ คา้ ขายอยา่ งคกึ คกั แลว้ ยงั ทวคี วามสำคญั ยิง่ ข้ึนภายหลงั
จากท่ีรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองมหาสวัสด์ิหรือ


ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คลองชัยพฤกษ์ขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๒

แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๓ เพื่อเชื่อมฝ่ังตะวันตกของแม่น้ำ
เจ้าพระยากับฝ่ังตะวันออกของแม่น้ำนครชัยศรี (แม่น้ำท่าจีน)
แล้วไปเชื่อมต่อกบั คลองเจดีย์บชู า มีระยะทางยาว ๖๘๔ เส้น

53

พระพุทธมหาจักรพรรดิ พระพุทธรูปทรงเคร่ืองปางมารวิชัย ประดษิ ฐานอยภู่ ายในพระอโุ บสถวัดนางนองวรวหิ าร

ด้านหลังเขยี นภาพจิตรกรรมฝาผนังเลา่ เร่ือง “ชมพูบดสี ตู ร”


วัดนางนองวรวิหาร


วัดนางนองต้ังอยู่บริเวณริมคลองด่านฝ่ังใต้ ตรงข้าม “...สาชลพฤกษพรา่ งขึน้ ไขเสดิง

วัดหนัง เดิมเป็นวัดราษฎร์ สร้างข้ึนปลายสมัยอยุธยา
นองท่านางนองสนาน สน่ันหล้าย

ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ)
สายสินธสุ์ ำเริงฟอง ฟดั ฟาด ฝงั่ เอย

ราว พ.ศ. ๒๒๔๕-๒๒๕๒ สันนษิ ฐานวา่ ชือ่ วดั นางนองมที ี่มา นองยา่ นนางคลา้ ยคลา้ ย คลงั่ ไหล...”

จากสภาพทางภูมิศาสตร์ของบริเวณท่ีต้ังวัด ซึ่งเป็นท่ีราบลุ่ม
ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ดอนน้ำทะเลข้ึนถึงส่งผล
น้ำท่วมถึงและมีคลองเล็กคลองน้อยหลายสายไหลมารวมกับ ให้พื้นท่ีบริเวณวัดนางนองอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและ

คลองด่าน ทำให้เกิดน้ำท่วม “เจ่ิงนอง” เรือกสวนไร่นาในฤดู สารอาหารที่เหมาะแก่การทำสวนผลไม้และการตั้งถ่ินฐาน

นำ้ หลาก จนเป็นทม่ี าของชื่อตำบล “บางน้ำนอง” หรอื “บาง บ้านเรือน กอปรกับบริเวณวัดตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรทางน้ำ
นางนอง” และวดั นางนอง ดงั ปรากฏในโคลงนริ าศของพระยา ระหว่างหัวเมืองปักษ์ใต้กับพระนคร จึงเป็นจุดพักการเดินทาง
ตรัง กวีในสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ศูนย์กลางแลกเปลี่ยนสินค้า และมีการตั้งถ่ินฐานบ้านเรือน
รัชกาลท่ี ๓ ซง่ึ เดินทางโดยเรอื ผา่ นตำบลน้ี ความตอนหนึ่งวา่
อย่างหนาแนน่ มาแตส่ มัยอยธุ ยา


54

พระอโุ บสถสรา้ งข้นึ ดว้ ยรูปแบบศิลปกรรม “นอกอยา่ ง”
จติ รกรรมฝาผนังเร่อื ง “สามกก๊ ” ภายในพระอโุ บสถ


ล่วงถึงสมัยธนบุรี เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับ แขง็ แรงตามสถาปตั ยกรรมแบบจนี ผสมผสานกบั ความออ่ นชอ้ ย
วัดและชุมชนบางนางนอง ส่งผลให้วัดราษฎร์เล็กๆ ริมคลอง ตามแบบศิลปะไทยประเพณี ซ่งึ เปน็ พระราชนิยม

ด่านแห่งน้ี พัฒนาสู่การเป็นท่ีต้ังของชุมชนข้าหลวงเดิมและ
ปฏิมากรรมที่สำคัญและมีชื่อเสียงของวัดนางนอง ได้แก่
วัดสำคญั ของกรุงรตั นโกสนิ ทรใ์ นเวลาต่อมา
พระพุทธมหาจักรพรรดิ พระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย

จากหนังสือแม่น้ำลำคลองสายประวัติศาสตร์ของสุจิตต์ ที่ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในพระอุโบสถ ฝีมือช่าง
วงษ์เทศ ระบุว่า ในปลายสมัยธนบุรี ท่านชู ธิดาคหบดี
ในสมัยของรัชกาลท่ี ๓ เป็นพระพุทธปฏิมาที่มีความงดงาม

ชาวสวนบางนางนองได้สมรสกับพระยาราชวังสัน (หวัง)
ทางพุทธศิลป์จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ือง
เชื้อสายแขกสุหนี่ ซ่ึงตั้งนิวาสสถานอยู่ริมคลองบางหลวง ข้าง ท่ีงดงามทีส่ ุดองคห์ น่ึงของประเทศไทย

วัดหงส์รัตนาราม มีธิดา ๓ คน คือ เพ็ง ปล้อง และรอด ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมที่สอดคล้องกับองค์
(พระนมรอดในรัชกาลท่ี ๓) พระชนนีเพ็งสมรสกับพระยา พระประธาน โดยเลา่ เรือ่ ง “ชมพูบดสี ตู ร” (มหายาน) หรือสตู ร
นนทบุรีศรีมหาอุทยาน (บุญจัน) มีธิดาหน่ึงคนชื่อ เรียม
ท่ีว่าด้วยพระพุทธเจ้านิรมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช

ไดถ้ วายตวั เปน็ เจา้ จอมในสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวง
เพ่ือทรมานท้าวชมพูบดี ผู้มีมิจฉาทิฐิ ให้ละพยศ แล้วหันมา
อิศรสุนทร (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล
นับถือพระพุทธศาสนา นักวชิ าการหลายคนสนั นิษฐานวา่ เหตุ
ที่ ๒) และมีประสูตกิ ารหม่อมเจ้าทบั (รชั กาลที่ ๓) พระชนนี ท่รี ัชกาลท่ี ๓ โปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างพระพทุ ธรปู ทรงเครื่องและ
เพ็ง มารดาของเจ้าจอมมารดาเรียม (สมเด็จพระศรีสุลาลัย) เขียนจิตรกรรมเรื่องชมพูบดีสูตรนั้น ด้วยมีพระราชประสงค

จงึ เป็นพระอัยกใี นรชั กาลที่ ๓
จะบำเพ็ญบารมีให้ถึงที่พระจักรพรรดิราชหรือราชาเหนือราชา
วัดนางนองต้ังอยู่ติดกับนิวาสสถานของพระชนนีเพ็ง
ในดินแดนชมพูทวีป ซ่ึงเป็นอุดมคติและจุดมุ่งหมายของ

ซ่ึงบรรพบุรุษได้ทำนุบำรุงรักษาพระอารามแห่งนี้สืบมา
พระมหากษตั รยิ ์ในหมรู่ ฐั จารีตมาแตค่ รง้ั โบราณกาล

คนท่ัวไปจึงเรียกชุมชนวัดบางนางนองอีกชื่อหน่ึงว่า ชุมชน พระพุทธรูปทรงเครื่ององค์นี้มีลักษณะพิเศษ เนื่องจาก
ข้าหลวงเดิมหรอื ชุมชนราชินิกลุ (ญาตพิ ระมหากษตั ริยข์ า้ งฝา่ ย เครื่องทรงต่างๆ สร้างขึ้นแยกจากองค์พระ สามารถถอดได้
พระมเหสี) รัชกาลท่ี ๓ ทรงผูกพันอย่างลึกซ้ึงกับวัดนางนอง เป็นฝีมือช่างในสมัยของรัชกาลที่ ๓ รศ. ศรีศักร วัลลิโภดม
และชุมชนแห่งน้ีเป็นอย่างมาก เม่ือเสด็จข้ึนครองราชย
์ อธิบายว่า มงกุฎของพระพุทธมหาจักรพรรดิองค์ท่ีสวมอยู่นี้
จึงโปรดเกล้าฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั นางนอง แลว้ สถาปนาขึ้น เป็นองค์ที่ ๒ ส่วนองค์แรกนั้น รัชกาลที่ ๓ ทรงอัญเชิญไป
เปน็ พระอารามหลวงประจำราชนิ ิกลุ ฝา่ ยสมเดจ็ พระชนน
ี ประดิษฐานบนยอดนภศูลพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

สถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมของวดั นางนอง ไมว่ า่ จะเปน็ เมอื่ ครั้งทรงปฏสิ ังขรณ์พระปรางค์ให้สูงข้ึนกว่าเดิม

พระอโุ บสถ พระวิหาร และพระพทุ ธเจดยี ์ ลว้ นสร้างขนึ้ ในสมยั

ของรัชกาลท่ี ๓ เป็นศิลปกรรม “นอกอยา่ ง” ทมี่ ีความคงทน

55

พระอุโบสถวดั โมลีโลกยารามราชวรวิหาร หนา้ บันประดับพระราชลัญจกรไอยราพรต

พระราชลญั จกรสำหรับแผน่ ดนิ ในสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔


วดั โมลโี ลกยารามราชวรวิหาร

วัดโมลีโลกยารามต้ังอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ในบริเวณ
วัดท้ายตลาดเร่ิมมีความสำคัญภายหลังจากท่ีสมเด็จ
ที่ต้ังของพระราชวงั เดิม ใกล้กบั ปอ้ มวไิ ชยประสทิ ธ์ิ สันนษิ ฐาน พระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี
ว่า สร้างข้ึนในสมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ แห่งใหม่ ด้วยทรงเล็งเห็นว่า นอกจากบริเวณนี้จะเป็นเมือง

มหาราช เพราะมีการค้นพบศิลปวัตถุหลายอย่างท่ีอยู่ในยุค
หน้าด่านชายทะเล สามารถควบคุมเส้นทางการเดินเรือ

ดังกล่าว ดังปรากฏว่า บริเวณใต้ถุนกุฏิมีการก่อสร้างเป็นวง เข้าออกไดเ้ ปน็ อย่างดีแลว้ ยังเป็นเมอื งทม่ี ีปอ้ มปราการท่สี ำคญั
โค้งยอดแหลม ซง่ึ เป็นอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวนั ตกทป่ี รากฏ คือ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ซึง่ สรา้ งขน้ึ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
อยู่ท่ัวไปในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชาวบ้านเรียกวัด มหาราช และเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามจำนวนมาก อันเป็น
แห่งน้ีว่า วัดท้ายตลาด เพราะอยู่ในบริเวณอันเป็นท่ีตั้งของ ความพรัง่ พรอ้ มในการกอ่ สรา้ งราชธานใี นยามนน้ั

“ตลาดท้ายสนม” ในสมยั ธนบุรีและยังคงเปน็ ชือ่ ทีน่ ยิ มเรียกสบื ในการก่อสร้างพระราชวังหลวง สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ต่อมาจนถงึ ปัจจบุ ัน
มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างขึ้นทางฝ่ังตะวันตกของแม่น้ำ

56

พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ยั ประดิษฐาน
พระวิหารฉางเกลือ

ณ ห้องด้านหลงั พระวิหารฉางเกลือ

เจ้าพระยา ซึ่งกินอาณาบริเวณมาจนถึงคลองเหนือวัดแจ้ง
เมืองหน้าด่านในการป้องกันพระราชอาณาจักรมาต้ังแต่สมัย
(วัดอรุณราชวราราม) โดยรวมวัดแจ้งกับวัดท้ายตลาดเข้าเป็น อยุธยาเท่าน้ัน หากยังเป็นพื้นท่ีเรือกสวนที่อุดมสมบูรณ์ เป็น
ส่วนหนง่ึ ในเขตพระราชวงั หลวง ใหเ้ ปน็ พระอารามหลวงทไี่ มม่ ี ย่านชุมชนท่ีมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นมาแต่สมัยอยุธยา

พระสงฆ์จำพรรษา เช่นเดียวกนั กับวดั พระศรสี รรเพชญ์ในสมัย
ตอ่ เนอ่ื งมาจนถึงรตั นโกสนิ ทร์

อยุธยา
วัดโมลีโลกยารามมีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม

เม่ือสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี พระบาทสมเด็จ ทน่ี า่ สนใจควรคา่ แก่การศึกษา ไดแ้ ก่

พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกลา้ ฯ ให้ พระอุโบสถมีลักษณะสถาปัตยกรรมไทยยุคต้น
นิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษาที่วัดแจ้งและวัดท้ายตลาด
รัตนโกสินทร์ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์คร้ังใหญ่ในสมัยของ
โดยทรงแต่งตั้งพระมหาศรี วัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) เป็น
รัชกาลที่ ๓ บานประตูหน้าต่างพระอุโบสถแกะสลักไม้เป็นรูป
พระเทพโมลี (พระพทุ ธโฆษาจารย)์ เปน็ เจา้ อาวาสวดั ทา้ ยตลาด ตน้ ไม้และดอกไม้

วัดท้ายตลาดได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเน่ือง
พระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ต้ังอยู่

โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร แนวเดียวกับพระอุโบสถ หันออกคลองบางกอกใหญ่ กั้นเป็น

(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒)
๒ ห้อง ด้านหลังเป็นห้องเล็กมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย

โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และสร้างพระอุโบสถ พร้อมท้ัง ขนาดใหญ่และพระอัครสาวกประทับผินพระพักตร์ไปทาง

พระราชทานนามว่า วัดพุทไธศวรรย์ ต่อมา พระบาทสมเด็จ พระอุโบสถ ผนังและเพดานเขียนลวดลายงดงาม ด้านหน้า
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ มีรับสั่งให้ดำเนินการ เป็นห้องใหญ่ตรงกลางมีฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปาง
ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดโมลีโลกย ตา่ งๆ ประมาณ ๒๐ องค์

สธุ าราม ภายหลงั นิยมเรยี กกันว่า วดั โมลโี ลกยาราม จนกลาย พระวิหารหลังน้ีได้รับการก่อสร้างมาต้ังแต่สมัยอยุธยา
เปน็ ชื่อท่เี รียกกนั มาจนถึงทกุ วนั น้ี
โดยปรากฏหลักฐานว่า รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
บริเวณอันเป็นที่ต้ังของวัดโมลีโลกยาราม ปากคลอง เคยโปรดเกลา้ ฯ ให้ใชส้ ถานทแ่ี ห่งนเี้ ปน็ ท่ีเก็บรกั ษาเกลือ จงึ ได้
บางกอกใหญ่ มีความสำคัญเป็นอย่างย่ิง ด้วยไม่เพียงเป็น ช่ือพระวิหารฉางเกลอื


57

พระอุโบสถวัดรชั ฎาธษิ ฐานราชวรวหิ าร


วดั รัชฎาธษิ ฐานราชวรวหิ าร

วัดรัชฎาธิษฐานต้ังอยู่ริมคลองบางพรม เขตตลิ่งชัน
จฬุ าโลกมหาราช รชั กาลท่ี ๑ และพระบดิ าของเจา้ ฟ้าบญุ รอด
อันเป็นคลองที่แยกจากคลองชักพระฝั่งซ้าย เชื่อมต่อกับคลอง (สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินีในพระบาทสมเด็จ
ทวีวัฒนา เดิมช่ือว่าวัดเงิน เป็นวัดหน่ึงในจำนวนหลายวัด พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒) มีจิตศรัทธาบูรณ
บริเวณริมคลองบางพรมที่เชื่อว่า น่าจะสร้างข้ึนมาตั้งแต่สมัย ปฏิสังขรณ์เพือ่ ใหค้ ู่กับวดั ทอง (วดั กาญจนสงิ หาสน์) ทต่ี ้ังอยู่อกี
อยุธยาตอนต้น ด้วยขุดพบศิลปกรรมสมัยอยุธยาจำนวนมาก ฟากหนึ่งของคลองบางพรม สร้างขึ้นโดยเจ้าขรัวทอง ผู้เป็น
ภายในวดั
นอ้ งชาย

สมยั ธนบุรี เจ้าขรัวเงนิ เศรษฐชี าวจีน แซ่ตนั พระภสั ดา หลังจากที่เจ้าขรัวเงินเสียชีวิตในสมัยธนบุรี คร้ันสมัย
ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ รัตนโกสินทร์ สมเด็จพระอมรินทรา บรมราชินีในรัชกาลท่ี ๑
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า (ในสมยั ของรชั กาลท่ี ๒ ทรงได้รับการสถาปนาเป็นกรมสมเด็จ

58

กระทำให้สำเร็จเพ่ือจะฉลองพระเดชพระคุณในสมเด็จ
พระบรมราชมหาอยั ยิกาเจ้า ซงึ่ สวรรคตล่วงไปแล้วนาน แตย่ ัง
ไม่ได้ทรงพระราชทานพระนามเป็นบรรดาศักด์ิสมควรแก่

พระอารามหลวง บัดน้ี ทรงพระราชดำรใิ หแ้ ปลงชอ่ื พระอาราม
เดมิ วา่ วดั เงนิ วดั ทองนนั้ ใหเ้ ปน็ นามมคธภาษา วัดเงนิ ให้เรียก
ว่า วดั รัชฎาธษิ ฐาน วัดทองใหเ้ รียกวัดกาญจนสงิ หาศน

“ใหม้ หาดไทย กลาโหม กรมทา่ หมายปา่ วประกาศให้ร
ู้
จงทว่ั กัน อย่าใหข้ าดได้ตามรับสง่ั ...”

บริเวณอันเป็นท่ีต้ังของวัดรัชฎาธิษฐานนับเป็นแหล่ง

ผลไม้อันอุดมสมบูรณ์ เช่น ทุเรียน มะม่วง หมาก มะพร้าว
กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ส้มโอ เป็นต้น โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งทุเรียนบางบนในคลองบางกอกน้อย ตามท่ีเจ้าพระยา
ภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เม่ือครั้งดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดี
กรมสวนในสมัยของรัชกาลท่ี ๕ ได้บรรยายไว้ในสาระสำคัญ
พระวหิ ารมีลักษณะทางสถาปตั ยกรรมแบบนอกอย่าง
เรื่องสวน ตีพิมพ์ในหนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ว่า “...แต่
ตามพระราชนิยมในพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓
ก่อนนั้นทุเรียนบางบนในคลองบางกอกน้อย มีบางผักหนาม
เป็นต้น เป็นทุเรียนดีมีชื่อจำเพาะต้นนั้นพันธ์ุน้ัน ผลโตงาม

พูใหญ่ สีเน้ือเหลืองหยาบ รสมันมากกว่าหวาน ซื้อขายกัน

พระอมรินทรามาตย์) ทรงสถาปนาวัดเงินใหม่ทั้งพระอาราม ได้ราคา เรียกว่า ทุเรียนบางบน...” ด้วยความอุดมสมบูรณ์
จากน้นั มพี ระดำริว่า วัดแห่งนี้มแี ต่วหิ าร ไม่มอี ุโบสถ พระภิกษุ ของพื้นท่ีบริเวณคลองบางพรมจึงดึงดูดให้ชาวบ้านเข้ามา

สามเณรต้องข้ามคลองไปทำสังฆกรรมที่วัดทอง (วัดกาญจน ต้ังรกรากหนาแนน่ จนเกิดเปน็ ชุมชนขนาดใหญ่

สิงหาสน)์ จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งอโุ บสถข้นึ
ภายในวัดรัชฎาธิษฐานมีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม

ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่น่าสนใจ ไดแ้ ก่

รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ พระอุโบสถเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา

ภายในวัด เช่น กุฏิ หอสวดมนต์ หอไตร และสร้างหอระฆัง ทำชั้นลด ๓ ชน้ั มุงกระเบ้อื ง ประดับชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์
ขน้ึ ใหม่ จากนนั้ รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ใหบ้ รู ณะพระอาราม หน้าบันทำเป็นลายปูนป้ันลายดอกไม้ทาสีเหลือง บานประตู
ครั้งใหญ่ โดยทรงมอบหมายใหพ้ ระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง และหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
สรรพศิลป์ปรีชา (พระองค์เจ้าชุมแสง ต้นราชสกุล ชุมแสง) ปางมารวิชยั

พระเจ้าน้องยาเธอ รับผิดชอบการลงรักปิดทองวัดเงินและ
พระวิหารต้ังอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ มีลักษณะทาง
วัดทอง พร้อมกับพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดรัชฎาธิษฐาน
สถาปัตยกรรม “นอกอย่าง” ไทยผสมจีนตามพระราชนิยม

(รัชฎา หมายถึง เงิน) ดังมีประกาศพระบรมราชโองการ
ในรัชกาลที่ ๓ คือ ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นปูนปั้น

เม่อื วันศกุ ร์ ข้ึน ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปขี าล ฉศก จ.ศ. ๑๒๑๖ ลายดอกไม้ บานประตูเขียนลายรดน้ำรูปฝรั่งขี่ม้า ภายใน
(พ.ศ. ๒๓๙๗) (คัดจากหมายรับส่ัง) ความว่า “...ขุนมหาสทิ ธิ ประดษิ ฐานพระพุทธรปู ปางสมาธิ

โวหารรับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณา
พระแท่นศิลาก่ออิฐถือปูน ลักษณะคล้ายโต๊ะหมู่บูชา
โปรดเกล้าฯ สั่งว่า วัดเงิน วัดทอง วัดพรม เป็นท่ีอันสมเด็จ พระแท่นนี้เป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถของพระบาท
พระบรมราชมหาอัยยิกาเจ้า กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ สมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รัชกาลท่ี ๕ เม่ือคราวเสดจ็
ทรงฐาปนาการสร้างไว้แต่ก่อน ครั้นเมื่อสมเด็จพระบรมเชษฐา พระราชดำเนินไปทรงถวายผา้ พระกฐนิ ณ พระอารามแห่งนี

ธิราช คือสมเด็จฯ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จดำรงอยู่ใน
ราชสมบัติ ได้ทรงพระราชอุตสาหะให้ปฏิสังขรณ์เพ่ิมเติม

ให้บริบูรณ์เป็นพระอารามหลวง ด้วยบริจาคพระราชทรัพย์

59

พระอโุ บสถวัดสงั ขก์ ระจายวรวหิ ารเปน็ สถาปัตยกรรมไทยประเพณีแบบทรงโรงมี “จั่นหับ” (หลงั คาท่คี ลมุ เฉลียง)

ซง่ึ เปน็ ศิลปะสมยั อยธุ ยาตอนปลาย


วดั สงั ข์กระจายวรวิหาร

วัดสังข์กระจายตั้งอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ (คลอง
“สังขก์ จายสังฆ์กจัดด้วย เหตใุ ด พระเอย

บางหลวง) ปรากฏในทำเนียบพระอารามหลวงว่า เป็นวัด สังฆเภทฤาพาลไภย ออกอา้ ง

โบราณ สรา้ งขนึ้ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
สังขท์ รงจักรีไกร เกรยี งเดช ดอกพ่อ

ช่ือวัดสังข์กระจายเท่าที่ปรากฏหลักฐานในประวัติศาสตร์ สังข์ราพมารายน์ลา้ ง ตา่ งลี้ หนีกจาย”

พบวา่ มกี ารเขียนแตกตา่ งกันไปหลายแบบ ทงั้ วัดสังขก์ ัจจายน์ ส่วนด้านหลงั จารึกไว้วา่
ใชส่ งฆ์ กจายเอย

วัดสังกระจาย วัดสังฆจาย วัดสังฆจายน์ วัดสังข์กระจาย
“สังขก์ จายหมายชอ่ื ชี ้ ถ่นิ นี้

ปัจจุบันนี้ ภายในพระอุโบสถยังคงปรากฏคำโคลงจารึก
สงั ข์บจากเขตคง สงั ขจ์ ัก กรนี า

บนแผน่ หนิ เกยี่ วกบั ชอ่ื วดั ไว้ ดา้ นหนา้ มใี จความวา่
สังข์ราพตอ่ ยทุ ธองค์ หลบเรน้ กจายหาย”


สงั ขห์ มู่สงั ขอ์ สูรล้ ี

60

หลวงพ่อกจั จายน์จำลองหล่อขนึ้ แทนองค์เดมิ ทถ่ี ูกขโมยไป ประดิษฐานภายในพระวิหารหลวงพอ่ กจั จายน์




ท่ีมาของช่ือวัดสังข์กระจายนั้น จากหลักฐานที่เล่าขาน ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของตน

สืบต่อมากล่าวไว้ว่า ในช่วงปลายสมัยธนบุรี มีข้าราชการ เจ้าจอมแว่นได้มอบทุนให้จำนวนหน่ึงเพ่ือสร้างวัดตามที่
ในกรมพระสุรัสวดี ช่ือนายสังข์ ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมคลอง
นางจ่ายขอ ครั้นวัดสร้างแล้วเสร็จ นายสังข์และนางจ่ายม

บางวัวทอง (เป็นคลองลำประโดงท่ีขุดแยกมาจากคลอง ปากเสียงกัน ด้วยต่างจะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
บางกอกใหญ่) มีจิตศรัทธาจะสร้างวัด จึงปรึกษากับนายพลับ ชือ่ วัดตามชือ่ ของตน

ผู้ชอบพอคุ้นเคยกัน เพ่ือขอไม้ซุงมาสักต้นหนึ่ง เมื่อนายพลับ นางจ่ายจึงแจ้งแก่เจ้าจอมแว่น เจ้าจอมแว่นนำความ
ไดท้ ราบดังนก้ี อ็ นุโมทนาบญุ และมอบซงุ ให้แกน่ ายสังข
์ กราบบังคมทูลพระกรุณาเพ่ือขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา
ขณะล่องซุงในคลองบางวัวทอง นายสังข์ได้ตั้งสัตยา
รัชกาลที่ ๑ มีพระราชดำริว่า วัดท่ีนายสังข์และนางจ่ายสร้าง
ธิษฐานว่า “หากซุงท่ีข้าพเจ้าปล่อยให้กระแสน้ำพัดล่องไปตาม ข้ึนนั้นไม่งามสมเกียรติพระสนมเอกเช่นเจ้าจอมแว่น ทรงรับ

ลำคลองน้ีลอยไปติด ณ ที่ใด ข้าพเจ้าก็จักจัดการสร้างวัดขึ้น จะสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้า
ตรงน้ัน” ปรากฏว่า ทอ่ นซงุ ไดล้ อยมาตดิ ตรงบรเิ วณวัดโบราณ บรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนไกรสรวิชิต (พระองค์เจ้าสุทัศน

(หน้าพระวหิ ารหลวงพ่อกจั จายนใ์ นปัจจบุ ัน) นายสังข์จงึ ได้เร่มิ ต้นราชสกุล สุทัศน์) พระราชโอรส เป็นนายงานควบคุม

สรา้ งวดั ข้ึน ณ ทแี่ ห่งนต้ี ามกำลังของตน
การกอ่ สร้างพระอโุ บสถ โดยใหห้ ันหน้าไปทางคลองบางววั ทอง

สมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าจอมแว่นหรือที่เรียกขานกันว่า
ในขณะสร้างพระอุโบสถน้ันเองได้ขุดพบพระกัจจายน

คุณเสือ พระสนมเอกชาวเวียงจันทน์ในพระบาทสมเด็จ สัมฤทธ์ิองค์หน่ึงหน้าตักกว้าง ๑๐ นิ้ว และสังข์ขอนหนึ่ง

พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ได้ส่งข้าหลวง จงึ เกบ็ รักษาไว้คู่วัด เมือ่ การกอ่ สร้างแลว้ เสรจ็ จึงพระราชทาน

สนิทคนหน่ึงช่ือนางจ่าย ให้ไปเฝ้าสวนของตนซ่ึงมีเน้ือท่ีติดกับ วิสุงคามสีมาและทรงถือเอาเหตุที่ขุดพบพระกัจจายน์สัมฤทธิ์
ที่ของนายสังข์ ภายหลังนางจ่ายกับนายสังข์มีความสนิทสนม และสงั ข์ พระราชทานชอ่ื วดั วา่ วดั สังข์กระจาย ซึ่งพ้องกบั เหตุ
ชอบพอกัน จึงร่วมใจกันสรา้ งวัดนี้ตอ่ ไป และนางจ่ายรบั อาสา อกี ประการทว่ี ัดน้นี ายสังข์กบั นางจา่ ยเปน็ ผู้รเิ ร่ิมสรา้ ง


61

จากนนั้ โปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ ต้ังเจ้าอาวาสไปครองวดั ดงั
ปรากฏความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา
ความตอนหน่ึงว่า “...ปีขาล จัตวาศก ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๒๕
ตรงกับปีสร้างกรุงเทพมหานครนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ตั้งใหพ้ ระเทพโมลวี ัดสังข์กระจายเปน็ ทเ่ี ทพมุนี...”

บริเวณอันเป็นท่ีต้ังของวัดสังข์กระจายอยู่ใกล้กับคลอง
บางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่า และมีชุมชน
โบราณอาศัยมาแต่สมัยอยุธยา บริเวณนี้จึงมีวัดและชุมชน

เกา่ แกจ่ ำนวนมาก ดงั ปรากฏความในชมุ นมุ พระบรมราชาธบิ าย
ในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ ๔ ความ
ตอนหนง่ึ ว่า “...ฝัง่ ขา้ งกะดีจนี ไมม่ ีวดั เพราะเปน็ แมน่ ำ้ วดั ไป
มฝี งั่ แมน่ ำ้ เกา่ คอื วดั ดอกไม้ วดั ใหญ่ วดั นอ้ ยบางไสไ้ ก่ วดั เหลา่ นี้
อยู่ฝั่งแม่น้ำโบราณ กลายเป็นวัดกลางสวนไปเสียแล้ว ไปถึง งานพระราชกศุ ลเทศน์มหาชาติมีการทำกระจาดใหญบ่ ชู ากัณฑเ์ ทศน์
บางย่ีเรือจึงมีวัดริมคลองเป็นฝั่งน้ำเก่า ก็แนวฝ่ังข้างวัด (ภาพจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร)

สังกระจายต่อไปมีวัดดีดวด วัดเจ้ามูล อยู่ในฝั่งแม่น้ำเก่า
เด๋ยี วนี้กลายเปน็ วัดกลางสวนไปเสียแล้ว...”

วัดสังข์กระจายมีถาวรวัตถุและศิลปกรรมที่น่าสนใจ กฎมณเฑียรบาล ทั้งยังทรงแผ่พระราชกุศลเกณฑ์เจ้าต่างกรม
ได้แก
่ ขา้ ราชการผใู้ หญฝ่ ่ายหนา้ ฝ่ายใน และเจ้าจอม พระสนมเอกให้
พระอุโบสถเป็นอาคารไทยประเพณีแบบทรงโรง มี
ทำกระจาดใหญ่บูชากัณฑ์เทศน์มหาชาติรวม ๑๓ กระจาด
“จ่ันหับ” (หลังคาท่ีคลุมเฉลียง) ซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยา
ประกวดประชันกัน โดยกระจาดของเจ้าจอมแว่นแปลก
ตอนปลาย หลังคาประดับด้วยกระเบื้องดินเผา ประดับช่อฟ้า ประหลาดกว่ากระจาดอ่ืน ด้วยแต่งเด็กไว้ผมจุกแต่งเครื่อง
ใบระกา และหางหงส์ หนา้ บันเป็นไม้แกะสลักปิดทองเป็นภาพ หมดจดงดงาม ถวายพระเป็นสทิ ธขิ าด

เทวดาประทับบนดอกบัว ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม นอกจากน้ี เจ้าจอมแว่นยังรับอาสานิมนต์พระเทพมุนี
ฝาผนังเลา่ เรือ่ งพทุ ธประวัติฝมี อื ชา่ งในสมยั ของรัชกาลท่ี ๑
(ด้วง) วัดสังข์กระจาย พระภิกษุผู้ทรงภูมิธรรม ให้นิพนธ์
รอบพระอุโบสถมีซุ้มเสมาตั้งประจำท้ัง ๘ ทิศ เป็นซุ้ม มหาชาติคำหลวง “กัณฑ์ชูชก” ถวายรัชกาลท่ี ๑ ดังปรากฏ
คูหายอดแบบหน้านางหรือทรงกูบมียอด (ซุ้มเสมาที่ทำเป็นรูป ความในหนังสือวชิรญาณวิเศษตอนหน่ึงว่า “...มีพระราช
หลังคาโค้งอย่าง “กูบ” ที่ใช้ประกอบสำหรับนั่งบนหลังช้าง) บริหารดำรัสเหนือเกล้าสั่งสมเด็จอัคราโชรส และสมเด็จ

ภายในเป็นเสมาคู่ สลักจากหนิ เขยี ว (เสมาค่หู รอื เสมา ๒ ใบ พระอัคคราชนัดดาบรมวงศานุวงศ์ท้ังปวง ให้แจกรับปัน

หมายถึง พระอุโบสถของพระอารามหลวงที่มีเสมาของ
ซ่ึงกัณฑ์มหาชาติ...เจ้าจอมฝ่ายในรับกัณฑ์ชูชก พระเทพมุนี
คณะสงฆ์ท้ังฝ่ายคามวาสี (พระบ้าน) และอรัญวาสี (พระป่า) วดั สังขก์ ระจายสำแดง...”

ผกู พทั ธสมี าพร้อมกนั สามารถทำสงั ฆกรรมรว่ มกนั ได)้
มหาชาติคำหลวง “กัณฑ์ชูชก” สำนวนพระเทพมุนี
พระวิหารหลวงพ่อกัจจายน์ต้ังอยู่ด้านหลังพระอาราม
(ดว้ ง) มีความงดงามทางวรรณศลิ ปอ์ ย่างมาก รัชสมยั พระบาท
มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อกัจจายน์ สมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒ เมอ่ื ทรงอาราธนา
จำลองและพระพทุ ธรปู ปางตา่ งๆ
ให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
วัดสังข์กระจายยังเป็นสำนักท่ีให้กำเนิดวรรณกรรมทาง (พระองค์เจ้าวาสุกรี) พระอนุชา ทรงนิพนธ์มหาชาติคำหลวง

ศาสนาอันทรงคุณคา่ ยิ่ง คอื มหาชาตคิ ำหลวง (มหาเวสสันดร ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต
ชาดก) กัณฑ์ชูชก (มที ง้ั หมด ๑๓ กัณฑ์)
ชิโนรสไม่ทรงรับนิมนต์นิพนธ์กัณฑ์ชูชก โดยมีรับส่ังว่า
ใน พ.ศ. ๒๓๕๐ รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ให้มีงาน
มหาชาติคำหลวง กัณฑ์ชูชก สำนวนของพระเทพมุนี (ด้วง)
พระราชกุศลเทศน์มหาชาติ ซง่ึ เปน็ งานพระราชพธิ ที บ่ี รรจุไวใ้ น ได้แตง่ ไว้ดแี ล้ว


62

พระอุโบสถวัดหงสร์ ัตนารามราชวรวหิ าร


วัดหงสร์ ัตนารามราชวรวหิ าร

วัดหงส์รัตนารามตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของพระราชวังเดิม พ.ศ. ๒๓๑๔ สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกลา้ ฯ
(กองบัญชาการกองทัพเรือในปัจจุบัน) เป็นวัดโบราณสร้างขึ้น ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่ ด้วยการขยายพื้นท่ีวัดออกไป

ตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชาวบ้านเรียกวัดน้ีว่า วัดเจ๊สัวหงบ้าง
ใหก้ ว้างขวาง กอ่ สร้างอุโบสถหลงั ใหมข่ น้ึ แทนทีห่ ลังเดมิ สร้าง
วดั เจา้ สวั หงบา้ ง หรอื วดั เจา้ ขรวั หงบา้ ง โดยเรยี กตามชอื่ ผสู้ รา้ ง ศาลาโรงธรรมขนาดเท่าอุโบสถและหันหน้าเข้าหาอุโบสถ รวม
คือ คหบดีชาวจีนชื่อ นายหง ดังปรากฏหลักฐานใน ท้ังยังมีการสร้างกุฏิเสนาสนะต่างๆ จากน้ัน พระราชทานชื่อ
จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ บันทึกไว้ว่า “...วัดหงส์รัตนารามน้ี วดั แห่งน้ีว่า วัดหงสอ์ าวาสวิหาร

วัดเดิมเป็นของโบราณมีมานานสำหรับเมืองธนบุรี คำคนแก่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงผูกพันกับพระอาราม
เก่าๆ เป็นอันมากเรียกว่า วัดเจ้าขรัวหง แลว่ากันว่าจีนเจ๊สัว แห่งนี้เปน็ อนั มาก ดังเห็นได้จากการท่ีโปรดเกล้าฯ ใหอ้ าราธนา
มัง่ มี บ้านอยกู่ ะดจี ีน สร้างขนึ้ ไวแ้ ตค่ รัง้ โนน้ ...”
พระอาจารย์ชื่นจากเมืองแกลง (ปัจจุบัน เป็นอำเภอหนึ่ง

สมัยธนบุรี วัดหงส์รัตนารามนับเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง) ผู้เคยให้ความช่วยเหลือเก้ือกูลพระองค์

ดว้ ยตัง้ อยใู่ กล้กบั พระราชวัง (พระราชวงั เดมิ ) อนั เป็นท่ปี ระทบั ตามสมควรแก่สมณวิสัยมาแต่ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่ง

ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงเป็นวัดท่ีอยู่ในพระบรม
ราชปู ถมั ภ์


63

ด้วยเหตนุ ี้ จึงมผี สู้ นั นิษฐานว่า ในสมัยธนบรุ ี วัดหงส์เปน็
พระอารามสำคัญเปรียบได้กับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
(วดั โพธาราม) และวัดมหาธาตยุ ุวราชรังสฤษฎ์ิ (วัดสลักหรอื วดั
นิพพานาราม) ในสมัยรัตนโกสินทร์ ด้วยเป็นพระอารามท่ีมี
พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาท่ีอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง เป็นท่ี
สถิตของสมเด็จพระสังฆราช และเป็นสำนักพระปริยัติธรรม

ที่มีชื่อเสียง กล่าวกันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ทรงอุปถัมภ์พระอารามแห่งนี้ตลอดรัชสมัยของพระองค

ชาวบ้านละแวกวัดจึงร่วมกันตั้งศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชไว้ริมคลองคูวัด รู้จักกันในนามศาลเจ้าพ่อตากวัดหงส์
ซึ่งยงั คงเปน็ ที่เคารพสักการะตราบจนทกุ วันนี

สมัยรัตนโกสินทร์ เม่ือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า

กรมหลวงอศิ รสุนทร (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั
รัชกาลท่ี ๒) ทรงได้รับพระราชทานอุปราชาภิเษกเป็นสมเด็จ
พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ไม่โปรด
ประทับ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) แต่เสด็จ

มาประทับ ณ พระราชวังเดิม (พระราชวังเดิมในเวลาน้ัน

จึงมีฐานะเป็นพระราชวังบวรสถานมงคล) วัดหงส์อาวาสวิหาร
จึงมีฐานะเป็นวัดประจำพระราชวังบวรและมีการเปล่ียนช่ือวัด
เป็นวดั หงส์อาวาสบวรวหิ าร

คร้ังถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพทุ ธรปู ปนู ปนั้ ลงรกั ปิดทอง
รชั กาลท่ี ๓ ทรงชักชวนให้สมเด็จพระศรสี ุริเยนทรา บรมราชินี
หนา้ ฐานองค์พระประธานประดษิ ฐานหลวงพอ่ แสน
(สมเด็จพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระพทุ ธรปู สัมฤทธิน์ วโลหะปางมารวชิ ยั

รัชกาลท่ี ๔) และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุน
พระยาวชิรปราการ มาครองวัด ภายหลงั พระอาจารย์ชน่ื ได้รบั
อิศเรศรังสรรค์ พระราชโอรสในสมเด็จพระศรีสุริเยนทรา

การสถาปนาขึน้ เปน็ สมเด็จพระสังฆราช (ชืน่ )
บรมราชินี (ในสมัยของรัชกาลที่ ๔ ทรงได้รับพระราชทาน

พระอารามแห่งนี้จึงเป็นท่ีจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ บวรภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซ่ึงใน
ผู้ทรงสมณศักดิ์ เป็นแหล่งการศึกษาใหญ่ และเป็นวัด
รัชกาลน้ีทั้ง ๒ พระองค์ประทับ ณ พระราชวังเดิม ทรงรับ
ที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน บูรณปฏิสังขรณ์วัดหงส์อาวาสบวรวิหารทั้งพระอารามร่วมกัน
มหาราช ซึ่งมักจะเสด็จมาทรงบำเพ็ญพระกุศลและศึกษา ส่วนรัชกาลที่ ๓ ทรงรับการลงรักปิดทองในพระอุโบสถและ

หาความรู้อยู่เนืองนิตย์ เช่น เป็นสถานท่ีบำเพ็ญพระกุศลของ พระวิหาร ตลอดจนทรงบูรณปฏิสังขรณ์หมู่กุฏิน้อยใหญ่ท่ัวท้ัง
สมเด็จพระอัครมเหสี กรมหลวงบาทบริจา (สอน) หรือเจ้า
พระอาราม ท้ังนี้ ด้วยทรงเห็นว่า สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา
หอกลางในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และกรมหลวง
บรมราชินีมีพระราชประสงค์จะบูรณะวัดเขมาภิรตาราม
เทวินทรสุดา (อ๋ัน) พระน้านางเธอในสมเด็จพระเจ้าตากสิน เป็นการไม่เหมาะสม เพราะมีพระชนมายุมากถึง ๖๐ พรรษา
มหาราช ทั้งยังเป็นสถานท่ีทรงผนวชของสมเด็จพระเจ้า
เศษแล้ว และวัดเขมาภิรตารามอยู่ไกล ไม่ได้ทอดพระเนตร
ลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ (เจ้าฟ้าจุ้ย)
ใกล้ชิด ถ้าทรงบูรณะวัดหงส์อาวาสบวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดท่ีอยู่
พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใกล้กวา่ จะเป็นท่เี จริญพระศรทั ธามาก

ตลอดจนเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมักจะ สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินีจึงรับสนองพระบรม
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงน่ังวิปัสสนากรรมฐานภายใน
ราชโองการ โดยทรงมอบหมายให้พระวชิรญาณมหาเถร
พระอโุ บสถเม่ือทรงวา่ งเว้นจากพระราชภารกจิ อยูเ่ สมอ
(รชั กาลท่ี ๔ ครง้ั ทรงผนวช) พระราชโอรส ทรงรอ้ื พระอโุ บสถเกา่

64

ศาลสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช

ผ้าพระกฐิน มีพระราชดำริว่า วัดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี จึงมี
พระบรมราชโองการให้บูรณะพระอารามหลวงคร้ังใหญ่และ

โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระแสน พระพุทธรูปสัมฤทธ์ินวโลหะ
ปางมารวิชัยจากเมืองเชียงแตง (ปัจจุบัน คือ เมืองสตึงเตรง

ต้ังอยู่ตอนเหนือของประเทศกัมพูชา) อันเป็นเมืองท่ีอยู่ภายใต้
การปกครองของนครจำปาศักดิ์ ซึ่งเป็นประเทศราชของสยาม
หลวงพ่อสขุ พระพุทธรปู ทองคำปางมารวชิ ัย ศลิ ปะสโุ ขทยั
ในขณะนั้น มาประดิษฐานภายในพระอุโบสถ เม่ือการบูรณ

มาปลูกแปลงเป็นพระวิหาร และทรงมอบหมายให้สมเด็จ ปฏิสังขรณ์พระอารามแล้วเสร็จได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า
พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ทรงร้ือ
วดั หงสร์ ตั นาราม

โรงธรรมหน้าพระอุโบสถท่ีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
วัดหงส์รัตนารามมีพระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมไทย
ทรงสร้าง แล้วทรงก่อเป็นโรงธรรมใหม่เป็นตึกใหญ่ แต่
ประเพณี หลังคาเป็นชั้นลด ๒ ชั้นอย่างพระอารามหลวง
พระวชิรญาณมหาเถรทรงปฏิเสธ ดังปรากฏความในชุมนุม ประดับช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันประดับลายหงส์ เสาระเบียง
พระบรมราชาธิบายในรัชกาลท่ี ๔ เร่ืองตำนานวัดหงษ รายรอบพระอุโบสถ คันทวยรูปหงส์ ภายในพระอุโบสถ
รตั นาราม ความตอนหนงึ่ ว่า “...ทรงเหน็ ว่าหนา้ ท่ซี ึง่ ทรงเกณฑ์ ประดิษฐานพระประธานปูนป้ัน ลงรักปิดทอง มีหลวงพ่อแสน
มาให้ช่วยทำพระวิหารน้ันเป็นของเล็กเหมือนเรือน้อยห้อยท้าย พระพุทธรูปสัมฤทธ์ินวโลหะปางมารวิชัย ศิลปะอู่ทอง
เรือใหญ่อยู่ นานไปใครไม่รู้เร่ืองความพระราชพงศาวดาร ประดิษฐานด้านหน้าองค์พระประธาน และมีภาพจิตรกรรม

เป็นการท่ีแท้ ก็จะเข้าใจปรวนแปรว่าไปอย่างอื่น เป็นท่ีเส่ือม สีฝุ่นใส่กรอบกระจกแขวน เรื่องรัตนพิมพวงศ์หรือตำนาน

พระเกียรติยศไป ไหนๆ ก็เกิดมาเป็นชาย ชีวิตยังไม่ทำลาย
พระแก้วมรกต ฝมี อื ช่างในสมัยของรัชกาลที่ ๔

ไม่ควรจะประมาทดูหมิ่นกัน เพราะฉะนั้นจึงได้รับส่ังห้ามเสีย พระวิหารตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ ภายในประดิษฐาน
ไม่รับทำ...” แต่พระวชิรญาณมหาเถรขอรับบูรณะวัดเขมา
หลวงพอ่ สุข พระพุทธรปู ทองคำปางมารวิชยั ศลิ ปะสโุ ขทัย

ภิรตารามตามพระประสงคเ์ ดมิ ของสมเด็จพระราชชนนี
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งอยู่บริเวณริมคลอง
การบูรณะวัดหงส์อาวาสบวรวิหารไม่ทันแล้วเสร็จ
คูวัด มีตำนานเล่าว่า สร้างข้ึนในบริเวณท่ีเชื่อกันว่า เป็นที่
สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินีก็เสด็จสวรรคต งานบูรณ สำเรจ็ โทษสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช

ปฏิสังขรณ์จึงตกเป็นพระราชภาระของพระบาทสมเด็จ
ปชู นยี สถานทีส่ ำคญั อกี แหง่ หนง่ึ คือ สระน้ำที่ต้งั อยทู่ าง
พระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลา
ทิศตะวันตก ด้านหลังวัด เล่ากันว่า เป็นสระน้ำท่ีสมเด็จ

โรงธรรม ศาลาการเปรียญ ศาลารายรอบพระอุโบสถ และ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) วัดพลับ
ศาลาท่าน้ำ แต่ไม่ทันฉลองวัด รัชกาลที่ ๓ ก็เสด็จสวรรคต
(วัดราชสิทธาราม) ทรงเสกน้ำในสระให้เป็นน้ำพระพุทธมนต์
ในรชั กาลนเ้ี รยี กพระอารามแห่งนวี้ า่ วดั หงศาราม
ชาวบ้านเช่ือว่า เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธ์ิสามารถรักษาโรคภัย

รชั สมัยรัชกาลที่ ๔ เมือ่ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงถวาย ไข้เจ็บได


65

ห่นุ ขผี้ ้งึ พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร หรือหลวงพ่อสด) พระนักปฏิบัตสิ ายวปิ สั นากรรมฐาน ผูใ้ ห้กำเนดิ วชิ า “ธรรมกาย”


วัดปากน้ำ


วดั ปากน้ำตง้ั อยรู่ ิมคลองด่าน เขตภาษเี จริญ สันนิษฐาน หลายฉบับ แม้จะพบหลักฐานว่า มีการเรียกช่ือวัดแห่งน้ีว่า

ว่า เป็นวัดท่ีสร้างข้ึนในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดสมุทธารามในแผนท่ีกรุงเทพฯ ท่ีทำขึ้นเมื่อ ร.ศ. ๑๓๑

ช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑ ด้วยปรากฏหลักฐานทาง (พ.ศ. ๒๔๕๕) และ พ.ศ. ๒๔๗๔ แตช่ อ่ื วัดปากนำ้ ยังคงเป็น

โบราณวัตถุ เช่น อุโบสถ ธรรมมาสน์ หอระฆังโบราณ
ทนี่ ยิ มเรียกขานกนั มาจนถึงปจั จุบัน

หอพระไตรปฎิ ก และตู้พระไตรปิฎกทรงบุษบก ฝมี อื ช่างหลวง วัดปากน้ำได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเน่ือง

สมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ดังท่ี น. ณ ปากน้ำ เม่ือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้น
(ประยูร อุลชุ าฎะ) บรรยายไวใ้ นหนังสือศลิ ปกรรมในบางกอก เป็นราชธานีใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้พระราชทานพระราชทรัพย

เมื่อคราวไปเย่ียมชมวัดปากน้ำก่อนการบูรณะคร้ังใหญ่เม่ือ ส่วนพระองค์ในการซ่อมแซมหลังคาพระอุโบสถให้บริบูรณ

พ.ศ. ๒๕๐๕ ความตอนหนง่ึ วา่ “...ทั้งวดั ยงั เหลือของเก่าเพียง ดังเดิม ต่อมา วัดปากน้ำได้รับการบูรณฏิสังขรณ์ครั้งใหญ

หอไตรข้างพระอุโบสถ ฝีมือช่างสมัยพระนารายณ์ ศิลปวัตถุ โดยสถาปนาใหม่ทั้งวัดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า

ทำด้วยไม้ซึ่งมีอายุคงทนน่ามหัศจรรย์มาก ฝีมือสลักไม้รูป เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ และยกฐานะเป็นพระอารามหลวง

กระจังซุ้มประตู หนา้ ต่าง หน้าบนั งามวเิ ศษเหลอื เกิน...”
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล


ท่ีมาของชื่อวัดปากน้ำนั้นเรียกตามลักษณะที่ตั้งของวัด ที่ ๕

ซงึ่ อยบู่ รเิ วณปากคลองดา่ นชว่ งทแี่ ยกไปจากคลองบางกอกใหญ่ ในอดีต บริเวณคลองด่านอันเป็นท่ีต้ังของวัดปากน้ำ

(คลองบางหลวง) โดยปรากฏช่ือน้ีในจดหมายเหตุโบราณ
เป็นจุดเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่าช่วงคลอง

66

หอไตรวัดปากน้ำ สร้างใหม่เลยี นอยา่ งหอไตรโบราณของเดิม
พระพุทธรปู กอ่ อฐิ ถอื ปนู ลงรกั ปดิ ทอง พระประธานในพระอุโบสถ


บางกอกใหญ่ลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ออกสู่แม่น้ำท่าจีน
หอพระไตรปฎิ ก ซงึ่ มลี กั ษณะทางสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรม
ท่ีจังหวัดสมุทรสาคร เป็นชุมทางปากแม่น้ำ ศูนย์กลาง
ฝีมือช่างสมัยอยุธยาไว้เช่นเดิม โดยเป็นอาคารไม้จำหลัก

การคมนาคมและการตดิ ตอ่ คา้ ขาย เมอ่ื เมอื งธนบรุ ศี รมี หาสมทุ ร ทั้งหลัง หลังคาหอไตรเป็นหลังคา ๒ ชั้น ประดับช่อฟ้า
ได้รับการยกฐานะข้ึนเป็นเมืองหน้าด่านทางการค้าท่ีสำคัญของ ใบระกา ถัดลงมาเป็นแผงลาดคอสอง มีกระจังฐานพระ
กรุงศรีอยุธยา มีการตั้งด่านหรือขนอนข้ึนบริเวณคลองด่าน ประดับโดยรอบ มีช้ันลดหลังคา ลายแกะสลักไม้ตามหน้าบัน
เพื่อเป็นด่านเก็บภาษีเรือสินค้าทั้งขาเข้าและออกสืบเนื่องมา และซุม้ ประตหู นา้ ตา่ ง

จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏในหนังสือแม่น้ำลำคลอง พ.ศ. ๒๕๒๙ วัดปากน้ำดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์
สายประวัติศาสตร์ของสุจิตต์ วงษ์เทศ ท่ีอ้างถึงข้อความ
หอไตรซึ่งชำรดุ ทรุดโทรมมาก ด้วยการร้ือเพือ่ สร้างใหม่ท้งั หลัง
ในนิราศพระแท่นดงรังของเณรกล่ัน ศิษย์เอกของพระสุนทร โดยถอดแบบเท่าของเดิม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
โวหาร (ภู่) หรือสุนทรภู่ บรรยายภาพของด่านขนอนคลองดา่ น พระเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลปัจจุบัน ดงั ปรากฏจารึกบรเิ วณดา้ นนอก
ไว้ในคราวท่ีเดินทางตามสุนทรภู่ไปนมัสการพระแท่นดงรัง หอไตรว่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมอื งกาญจน์ ในราว พ.ศ. ๒๓๗๖ ความตอนหนึง่ วา่
องคอ์ คั รศาสนปู ถมั ภก พระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธนั วาคม
“...ถงึ นาขวางข้างซา้ ยนายภาษี
๒๕๓๐

ต้ังอยู่ที่ปากคลองเกบ็ ของหลวง
วัดปากน้ำนับเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรม

เรยี กภาษีท่ีเรือเกลือทั้งปวง
และภาษาบาลีที่เล่ืองชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยพระสมุห์

บ้างทักท้วงเถยี งกนั สน่ันดงั ...”
สด จนฺทสโร ซ่ึงต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักด์ิที่

การเปิดเสรีทางการค้าภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาริง พระมงคลเทพมุนีหรือที่รู้จักกันในช่ือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ
ระหว่างสยามกบั องั กฤษเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ ในรัชสมยั พระบาท เป็นผู้ดำริให้สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมข้ึนและจัดให้ม

สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ทำให้คลองด่าน การเรียนการสอนวิปัสสนากรรมฐาน โดยหลวงพ่อสดเป็นผ้

กลายเป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งสินค้าที่สำคัญและเมื่อ
ค้นพบวิชา “ธรรมกาย” วิปัสสนากรรมฐานแนวหนึ่ง

มีการขุดคลองภาษีเจริญใน พ.ศ. ๒๔๐๙ ย่ิงส่งเสริมให้พ้ืนท่ี ซ่ึงปรากฏในคัมภีร์วิสุทธิมรรค อันเป็นคำสอนขององค์สมเด็จ
บริเวณน้กี ลายเป็นชุมทางการคา้ ระหวา่ งเมอื งต่างๆ ของสยาม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้มีพระภิกษุสามเณรและอุบาสก
แม้ปัจจุบัน วัดปากน้ำได้รับการบูรณปฏิสังขรณ
์ อบุ าสกิ าเข้ามาขอศกึ ษาและปฏิบัติธรรม ณ สำนกั หลวงพ่อสด
จนเปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก โดยมีการปรับปรุงเสนาสนะ วดั ปากนำ้ จำนวนมาก พระอารามจงึ เจรญิ โดยลำดบั กลายเปน็
เกือบท้ังวัด รวมทั้งพระอุโบสถและพระวิหารศิลปะสมัย ศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน
รัตนโกสินทร์ใน พ.ศ. ๒๕๐๕ ก็ตาม แต่ก็ยังคงอนุรักษ์
จวบจนปัจจุบัน


67

พระอโุ บสถวัดสงั เวชวศิ ยารามวรวิหาร


วดั สงั เวชวิศยารามวรวิหาร

วัดสังเวชวิศยารามตั้งอยู่ริมคลองรอบกรุงหรือคลอง สมัยของรัชกาลท่ี ๑ วัดบางลำภูบนแปรเปล่ียนจากวัด
บางลำภู (สันนิษฐานว่า คลองบางลำภูเป็นคลองขุดซึ่งมีมา เก่าแก่ในหมู่บ้านชาวสวนเล็กๆ มาเป็นพระอารามหลวงท่ีต้ัง
ก่อนการขุดคลองรอบกรุงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
อยู่ริมคลองบางลำภู ภายหลังการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑) เป็นวัดโบราณสร้างขึ้น การสร้างวังเจ้านาย และการขุดคลองรอบกรุง ทำให้ราษฎร
มาตั้งแตส่ มัยอยุธยา
เขา้ มาต้งั ถ่นิ ฐานบา้ นเรอื นในบริเวณนี้จำนวนมาก

ในอดีต ชาวบ้านเรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดบางลำภูบน คู่กับ เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรม
วัดบางลำภูล่าง (วัดเศวตฉัตร) เหตุท่ีชื่อนี้บ้างก็ว่า เพราะตั้ง พระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ได้รับพระราชทาน
อยู่ริมคลองบางลำภูบน ซ่ึงอยู่ตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินเพื่อสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และ

บ้างกว็ า่ บรเิ วณท่ตี งั้ วัดมตี ้นลำพูขน้ึ อยู่ดาษดน่ื บางทชี าวบา้ น รับสนองพระบรมราชโองการดูแลชุมชนต่างๆ โดยรอบบริเวณ
ก็เรียกว่า วัดสามจีนเหนือ ด้วยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า
อาทิ ชุมชนชาวมอญ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณ
มีชาวจีน ๓ คนร่วมกันสร้างวัดนี้ขึ้น และมีขุมทรัพย์อยู่ใต้ดิน
ปฏิสงั ขรณว์ ัดเกา่ แก่รมิ กำแพงพระนครขา้ งทศิ เหนือ ๒ วดั คือ
มีปริศนาลายแทงผูกไว้เป็นคำกลอนระบุตำแหน่งท่ีซ่อน วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) และวัดบางลำภูบน เพื่อเป็น
ขมุ ทรพั ย์ ความตอนหน่งึ ว่า “...ตำบลวัดสามจีนมีหนิ สามกอ้ น ศนู ยก์ ลางแห่งความศรทั ธาของชุมชน

ท่ีนอนสามอนั มีตน้ โศกเอนทีเ่ จา้ เณรนัง่ ฉัน...”


68

ท่ี ๕ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๑๒ ดงั ปรากฏในบนั ทกึ ของมหาอำมาตยต์ รี
พระยาทพิ โกษา (สอน โลหนนั ทน์) ความตอนหน่ึงวา่ “...เพลงิ
ลุกลามข้ามกำแพงพระนคร ไหม้เลียบกำแพง และริมคลอง
บางลำภู ไปถงึ สะพานข้ามคลอง ไหม้สะพานข้ามคลองไปขา้ ง
วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนมเหศวรศิววิลาศ ไหม้บ้าน
ช้อนหอยทัพพี วัดสังเวชวิศยาราม...”

ครง้ั นนั้ รชั กาลท่ี ๕ เสดจ็ ฯ มาประทบั ณ สะพานฮงอทุ ศิ
(ข้ามคลองบางลำภูหรือคลองรอบกรุงหน้าพระอาราม) เพ่ือ

ทรงบัญชาการดับเพลิงด้วยพระองค์เอง เม่ือเพลิงสงบ

โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการช่วยกันรื้อ
พระเมรุมาศรัชกาลที่ ๔ ตลอดจนเครื่องสังเค็ด นำไปสร้าง
ผนงั ภายในพระอุโบสถเขียนเปน็ ลายประแจจีนและดอกไมร้ ว่ ง
เป็นเสนาสนะถวายพระสงฆ์ที่วัดสังเวชวิศยารามแทนของเก่า


ทรงบูรณะวัดบางลำภูบนเพื่อพระราชทานเป็นที่พำนัก ท่ีเสียหายจากเพลิงไหม้ ภายหลังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้า

ของนักนางแม้นหรือนักชี (บวชเป็นรูปชี) มารดาของเจ้าจอม บรมวงศ์เธอ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล (พระองค์เจ้า
มารดานักองค์อี พระสนมเชื้อสายเขมร และยังเป็นขรัวยาย สุบรรณ ต้นราชสกุล สุบรรณ) ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์

ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากำพุชฉัตรและพระเจ้า พระวิหารและพระอุโบสถ ขณะที่ข้าราชการและประชาชนผู้มี
ราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์มาลา พระราชธิดาในสมเด็จ จิตศรัทธาได้ร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัด

พระบวรราชเจา้ มหาสุรสิงหนาท
ให้กลับบริบูรณ์ดังเดิม เช่น หอพระไตรปิฎก หอระฆัง กุฏ

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล หอสวดมนต์ และศาลาการเปรยี ญ เปน็ ต้น

ที่ ๒ เกิดเหตุอหิวาตกโรคระบาด ผู้คนล้มตายจำนวนมาก ชุมชนโดยรอบวัดสังเวชวิศยารามเป็นชุมชนการค้า

เม่อื เผาไมท่ ันจงึ โยนศพทิ้งในแม่นำ้ ลำคลอง เจ้าพระยาพลเทพ มาต้ังแต่สมัยของรัชกาลที่ ๓ โดยเฉพาะบริเวณตลาดน้ำ

(เอ่ยี ม ชโู ต) ออกเงนิ จา้ งสัปเหร่อมาเกบ็ ศพในแม่น้ำเจา้ พระยา ปากคลองบางลำภู ล่วงถึงสมัยของรัชกาลที่ ๕ เมื่อมีการ
และคลองบางลำภูมาเผาท่ีวัดบางลำภูบนอย่างหามรุ่งหามค่ำ ตัดถนนสามเสนผ่านพื้นท่ีตำบลบางลำพู ย่านบางลำพูจึงมี
เมอื่ โรคอหวิ าตห์ มดไปจึงขยายวัดให้กวา้ งขวางขน้ึ
ตลาดบกและห้างร้านเกิดข้ึนมากมาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดี
ต่อมา สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในอดีต ได้แก่ ตลาดยอด (ตลาดยอดพิมาน) ตลาดนานา
รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดบางลำภูบนใหม่ทั้ง
และตลาดทุเรียน กอปรกับมียานพาหนะและรถรางว่ิงผ่าน

พระอารามและให้สร้างพระอุโบสถใหมใ่ นสถานที่ตั้งปจั จุบัน
ในสมัยของรัชกาลท่ี ๕ ตลาดน้ำปากคลองบางลำภูจึงลด
วัดบางลำภูบนได้รับการปฏิสังขรณ์อีกครั้งในแผ่นดิน
บทบาทลง พร้อมๆ กับวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำท่ีเริ่มเปล่ียนไป

ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
เป็นทางบกมากข้ึน ในช่วงเวลานี้เองท่ีปรากฏช่ือเรียกพ้ืนท่

โดยโปรดเกล้าฯ ให้นายสุด ปลดั กรมชา่ งหล่อ บรู ณปฏสิ งั ขรณ์
ตามการประกอบอาชีพ เช่น ชุมชนบ้านช้อนหอยทัพพี
พระประธานในพระอุโบสถ แล้วพระราชทานนามวัดใหม่ว่า ประกอบอาชีพทำเครื่องครัว ชุมชนบ้านบุประกอบอาชีพ

วดั สังเวชวศิ ยาราม ท่ีมาของนามวดั สังเวชวิศยารามน้ี บ้างเช่ือ ทำขนั ลงหิน ปจั จุบัน ไม่มกี ารทำหตั ถกรรมเหลา่ น้แี ลว้ เพราะ
ว่า มาจากความสังเวชในเหตุการณ์เม่ือคร้ังเกิดอหิวาตกโรค เหตุเพลงิ ไหม้ยา่ นบางลำพูครง้ั ใหญ่ในสมัยของรัชกาลที่ ๕

ระบาดในสมัยของรัชกาลที่ ๒ บ้างก็เชื่อว่า เป็นนามมงคล
ชุมชนวัดสังเวชวิศยารามยังเป็นแหล่งเรียนรู้ดนตรีไทย

อันหมายถึง สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล คือ สถานท่ีประสูติ ท่ีมีช่ือเสียง ด้วยเป็นที่ตั้งของสำนักดนตรีดุริยประณีตของ

ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ท่ีหวนให้ระลึกถึง
ครูศุข ดุริยประณีต ที่มีฝีมือทางป่ีพาทย์ บ้านพระพาทย์
ความเมตตากรุณาของสมเดจ็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้
บรรเลงรมย์ (พิม วาทนิ ) เช่ียวชาญระนาดทุ้ม บา้ นครูโองการ
วัดสังเวชวิศยารามต้องประสบความเสียหายครั้งใหญ่ กลบี ช่นื มีฝีมอื ทางป่พี าทย์ บา้ นเจา้ เทพกัญญา ณ เชียงใหม่
จากเหตุเพลิงไหม้ย่านบางลำพูจนลุกลามไปไหม้พระอาราม
เช่ียวชาญซอสามสาย และบ้านตระกูลโตสง่า เชี่ยวชาญ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ระนาดเอก หลายสำนกั สืบทอดโดยลูกหลานมาจนถึงปจั จุบนั


69

พระอโุ บสถวัดคูหาสวรรค์วรวหิ าร


วัดคหู าสวรรค์วรวิหาร


วัดคูหาสวรรค์ตั้งอยู่ใกล้กับคลองบางกอกใหญ่
เล็กตามหลังคาลดชั้น และใบสีมาคู่ทำด้วยหินทรายแดง
เขตภาษีเจริญ เดิมมีช่ือว่า วัดศาลาส่ีหน้า (ตามช่ือศาลา ประดิษฐานบนแท่นปูน (ซุ้มสีมาท่ีปรากฏในปัจจุบันสร้าง

การเปรียญสี่หน้าของวัด) เป็นวัดโบราณสร้างข้ึนตั้งแต่สมัย เพม่ิ เตมิ ภายหลงั )

อยุธยาในบริเวณซึ่งเคยเป็นท่ีต้ังของเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร คร้ันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
(เดิม) และด่านขนอนบางกอก (เดิม) ริมเส้นทางแม่น้ำ รัชกาลที่ ๑ เสด็จขึ้นครองราชย์ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ

เจ้าพระยาสายเก่า (คลองบางกอกใหญ่) ภายหลังสมเด็จ
พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในอุโบสถวัดศาลาส่ีหน้า
พระไชยราชาธิราชโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดตรงท่ีโค้ง ไปประดิษฐานยังพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
แม่น้ำเจ้าพระยาระหว่าง พ.ศ. ๒๐๗๗-๒๐๘๙ และย้ายเมือง ด้วยมีพระราชดำริว่า เป็นพระพุทธรูปสำคัญมาแต่สมัยอยุธยา
ธนบุรีศรีมหาสมุทรและด่านขนอนบางกอกมาอยู่ที่บริเวณ
สมควรประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ด้วยในเวลานั้น

ปากคลองบางกอกใหญ่แทน ดังปรากฏหลักฐานลายหน้าบัน การคมนาคมยังไม่สะดวก วัดศาลาสี่หน้าเป็นวัดท่ีอยู่ห่างไกล
สลักไม้ท้ังด้านหน้าและด้านหลังของอุโบสถ ปีกของหน้าบัน จากพระบรมมหาราชวังมาก ทรงเกรงวา่ พระพุทธปฏิมาจะไม่

ไดร้ ับการทำนุบำรุงให้สมคา่


70

หอพระไตรปิฎกวัดคูหาสวรรค์วรวิหาร
บานประตแู ละบานหนา้ ตา่ งดา้ นในพระอโุ บสถเขยี นลายกำมะลอ


รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ใหบ้ ูรณปฏสิ ังขรณท์ ั้งวัดและจัด บริเวณริมคลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) นี้นับว่า
สร้างพระประธานข้ึนใหม่แทนองค์เดิม จากน้ัน ทรงรับเป็น
เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำท่ีมีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัย

พระอารามหลวงและพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า วัดคูหาสวรรค์ กรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นพ้ืนที่เรือกสวนอันอุดมสมบูรณ์และทวี
ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ความสำคัญข้ึนภายหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงกล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์
ทรงสถาปนากรุงธนบุรีข้ึน ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก
วัดวาอารามในสมยั รชั กาลท่ี ๑ เร่อื งวดั สมอราย ฉบบั โรงพิมพ์ บรรดาขา้ ราชการและขนุ นางชนั้ ผใู้ หญจ่ งึ พากนั มาตงั้ หลกั แหลง่
บำรุงนุกูลกิจ ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) ความตอนหน่ึงว่า ในบริเวณนี้มากขึ้น ต้ังแต่ปากคลองบางกอกใหญ่จนถึง

“...โปรดให้สถาปนาพระอุโบสถศาลาการเปรียญและเสนาสนะ ท้ายคลอง จนมีคำเรียกขานว่า คลองบางข้าหลวง ก่อนที

ข้ึนอีกเป็นอันมาก เมื่อสถาปนาสำเร็จบริบูรณ์แล้ว จึง จะกลายเป็นคลองบางหลวงในท่สี ุด

พระราชทานนามใหมว่ ่า วัดคหู าสวรรค.์ ..”
ปัจจุบัน บริเวณนี้เป็นที่ต้ังของชุมชนริมคลองบางหลวง

วัดคูหาสวรรค์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมาอย่างต่อเนื่อง ที่ยังคงดำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่
ดังเห็นได้จากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเรือนไทยริมน้ำ ซ่ึงกลายเป็นสถานท่

รัชกาลท่ี ๒ พระราชทานโคมและเสาโคม ๔ ใบ เน่ืองในวัน ท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมท่ีสำคัญแห่งหน่ึงของ
วิสาขบชู าเม่อื พ.ศ. ๒๓๖๐ ซง่ึ โปรดเกล้าฯ ใหร้ ้ือฟ้ืนประเพณี กรุงเทพฯ โดยยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของชาวคลองแบบด้ังเดิม

สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนาขึน้ ในปนี ี้
ทงั้ ร้านกาแฟ ร้านค้าของทรี่ ะลึก และ “บา้ นศิลปนิ ” บา้ นเกา่
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ของตระกูลรักสำหรวจ ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ทุกวันน้ี

ที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ใหเ้ จ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ บุตรชาย กลายเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะที่สะท้อนวัฒนธรรมไทย

เจ้าพระยามหาโยธา (เจง่ ) ต้นสกลุ คชเสนี) ดำเนนิ การบูรณะ เป็นที่รวมตัวของศิลปินหลากหลายสาขา ที่สำคัญ คือ

ท้ังพระอาราม และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การแสดงห่นุ ละครเลก็ คลองบางหลวง โดยคณะคำนาย

รัชกาลที่ ๕ พระราชทานเงินพระคลงั ข้างท่ี (เงนิ สว่ นพระองค)์
จำนวน ๔๐๐ บาท ช่วยในการกุศลเมื่อวันท่ี ๒๓ เมษายน
ร.ศ. ๑๒๒ (พ.ศ. ๒๔๔๖)


71

เจดยี ์สำเภา วดั ยานนาวา เป็นอนุสรณ์ให้หวนระลกึ ถงึ การค้าสำเภาในอดีตท่ีสรา้ งความเจรญิ ร่งุ เรอื งใหแ้ กส่ ยาม


วดั ยานนาวา

วัดยานนาวาต้ังอยู่ท่ีแขวงยานนาวา เขตสาทร ตอนใต้ ในอดีต ที่ตั้งของวัดยานนาวาเคยเป็นท่ีตั้งบ้านเรือน

คลองสาทร เป็นวัดโบราณสร้างข้ึนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ของครัวชาวทวายท่ีอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร

เดิมเรียกว่า วัดคอกควาย ตามช่ือตำบลท่ีตั้งซ่ึงเป็นที่แวะพัก ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๑ ฉบับ
ของกองคาราวาน “พอ่ คา้ วัวตา่ ง”
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค) ระบุว่า เม่ือ พ.ศ.
รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ ๒๓๓๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงสถาปนาวัดคอกควายขึ้นเป็นพระอารามหลวง พร้อมทั้ง รัชกาลที่ ๑ เสด็จนำทัพไปปราบเมืองอังวะ ขณะเดินทัพผ่าน

พระราชทานนามใหมว่ ่า วัดยานนาวา
เมืองทวาย ในขณะน้ันชาวเมืองทวายถูกชาวอังวะข่มเหง

ในหนังสือฟ้ืนความหลังของเสฐียรโกเศศ (พระยา ดว้ ยประการต่างๆ เจ้าเมอื งทวายจงึ นำชาวเมืองเขา้ สวามิภกั ดิ์
อนุมานราชธน) ระบุว่า “...ช่ือวัดคอกควายลางคนว่ามีเสียง ตอ่ กองทัพสยาม

กระเดียดไปข้างหยาบ จึงเรียกเสียใหม่ว่า วัดคอกกระบือ...
เมือ่ เสดจ็ กลบั ถึงพระนคร โปรดเกลา้ ฯ ให้ครวั ชาวทวาย
ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ แห่งกรุงเทพรัตนโกสินทร์ ทรงบูรณ ต้ังบ้านเรือนพำนักช่ัวคราวอยู่ริมคลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง)
ปฏิสังขรณ์วัดนี้แล้วยกเป็นพระอารามหลวง พระราชทานช่ือ ด้านหลังวัดสระเกศ ก่อนพระราชทานที่หลวงให้ตั้งถ่ินฐาน
ใหม่ว่าวัดยานนาวา...”
ถาวรอยตู่ อนใตข้ องพระนครบรเิ วณวดั คอกกระบอื (วดั ยานนาวา)

72

พระเศวตกุฎาคาร (วหิ ารยอด) หอพระไตรปฏิ ก


พระสำเภาเจดยี ์ วดั ยานนาวา กอ่ นการบรู ณปฏสิ งั ขรณ
์ ตราวัดยานนาวาทำเป็นรปู พระมหาพชิ ัยมงกุฎ

ในสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๕
อยเู่ หนอื พระสำเภาเจดีย


(หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)


จึงเรยี กท้องทต่ี ำบลนีว้ า่ บา้ นทวาย ด้วยเปน็ ตำบลท่ีชาวทวาย พระนคร และภายหลังเปล่ยี นชอื่ เป็นอำเภอยานนาวา ตามชือ่
เขา้ มาตงั้ ถิ่นฐาน
วัดซ่ึงตั้งอยู่ในพื้นที่ เน่ืองจากช่ือบ้านทวายมีสำเนียงเป็นภาษา
ต่อมา เม่ือมีการปรับปรุงลักษณะการปกครองในสมัย ตา่ งชาต

ของรัชกาลท่ี ๕ บริเวณน้ีได้รับการจัดต้ังเป็นอำเภอบ้านทวาย
บริเวณโดยรอบวัดยานนาวายังมีชนชาติอื่นๆ อพยพ

ข้ึนกับจังหวัดพระประแดง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ เข้ามาอยู่อาศัยในชว่ งเวลาตา่ งๆ อีกหลายกลมุ่ เช่น พวกลาว
พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว รชั กาลที่ ๖ ได้ยา้ ยมาขึ้นกับจังหวัด บางไส้ไก่ ฝ่ังธนบุรี ที่ถูกเกณฑ์ให้มาเป็นแรงงานสำหรับ


73

การต่อเรือรบที่อู่เรือสำเภาหลวง เมื่อคร้ังสยามทำสงคราม

กับญวนในสมยั ของรัชกาลที่ ๓ ตอ่ มา ชาวลาวเหลา่ น้ลี งหลกั
ปักฐานและสร้างวัดประจำชุมชนของตนข้ึนเรียกว่า วัดลาว
(วดั สทุ ธวิ ราราม)

ครั้นมีการตัดถนนเจริญกรุงตอนนอกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๔
ส่งผลให้อาณาบริเวณโดยรอบวดั ยานนาวากลายเป็นย่านท่าเรอื
และแหล่งอุตสาหกรรมใหม่ของกรุงเทพฯ เกิดโรงสี โรงเล่ือย
อู่ต่อเรือ และห้างร้านของท้ังพ่อค้าชาวจีนและชาวตะวันตก
เรยี งรายลงไปทางดา้ นใตต้ ลอดสองฝงั่ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา ปจั จบุ นั
ยังคงปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอู่เรือกรุงเทพฯ
เดิมคือ อู่ต่อเรือบริษัทบางกอกด๊อกของพระวิสูตรสาครดิฐ
(กัปตันบุช) ท้ังยังเป็นที่ต้ังของสุสานฝรั่ง มัสยิดของชุมชน
มุสลิม วัดวิษณุของชาวฮินดูจากรัฐอุตตรประเทศ ศาลเจ้า
ต่างๆ รวมถึงสุสานวัดดอน สุสานของชาวจีนแต้จิ๋วและ

ชาวไทยเช้ือสายจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นพหุสังคม

ในพ้ืนที่บริเวณน้ี แต่ชุมชนท่ีมีบทบาทมากท่ีสุดในย่านน้ี คือ
ชุมชนชาวจีน ด้วยมีการรวมตัวอย่างหนาแน่นจนเกิดเป็น
ตลาดการค้าและท่าเทียบเรือสำเภาจีนอย่างท่าเรือหวั่งหลี

ทพ่ี ัฒนามาเปน็ ชุมชนวัดยานนาวาหรือชมุ ชนหวงั่ หลใี นปัจจุบัน

ในอดีต บริเวณชุมชนวัดยานนาวาคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าและรับส่งผู้โดยสารทั้งชาวไทย
และชาวต่างชาติจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
พระบรมราชานุสาวรียพ์ ระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจา้ อยู่หวั

มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลท่ี ๘
ประดษิ ฐานอยูบ่ รเิ วณด้านหนา้ พระสำเภาเจดยี ์


และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เม่ือคร้ัง
สร้างสำเภาดว้ ยเครอื่ งกอ่ ไวห้ ลังพระอโุ บสถลำ ๑ ยาว ๑ เสน้
ทรงพระเยาว์เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงลงเรือไป
ด้วยทรงเห็นว่านานไปจะไม่มีผู้เห็นสำเภา จึงทำข้ึนไว้เป็น
ต่างประเทศทที่ า่ เรือหวัง่ หลีนีด้ ้วย
สำเภาโลกอุดร...”

อย่างไรก็ตาม ความรุ่งเรืองด้านการขนส่งสินค้าของ พระราชประสงคท์ ส่ี ำคญั อกี ประการหนงึ่ คอื การเชอ่ื มโยง
ท่าเรือชุมชนวัดยานนาวาต้องยุติลง เม่ือรัฐเปิดดำเนินการ รูปแบบพระเจดีย์กับคติธรรมทางพระพุทธศาสนาในเรื่องของ
ทา่ เรอื คลองเตยใน พ.ศ. ๒๔๙๔ นบั แตน่ นั้ มา การขนส่งสนิ คา้ การบำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดรเพื่อให้หลุดพ้น

ทางเรือเกือบท้ังหมดก็ย้ายจากท่าเรือหว่ังหลีไปท่ีท่าเรือ จากวัฏสงสาร ดุจดังเรือสำเภาท่ีจะพาผู้ทำความดีผ่าน

คลองเตย
วัฏสงสารขึ้นสวรรค์ไปพบกับเจดีย์จุฬามณีท่ีอยู่บนสวรรค์

ศิลปกรรมทสี่ ำคญั ของวัดยานนาวา คือ พระสำเภาเจดีย์ ชน้ั ดาวดึงส

เป็นเจดยี ์แบบเรือสำเภาทีร่ ชั กาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งขึ้น ภายในเรอื สำเภามเี จดยี ท์ รงเครอื่ ง ๒ องค์ แทนตำแหนง่
เม่ือครั้งทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. เสากระโดงเรือ องค์ใหญ่อยู่ตรงกลางลำ ส่วนองค์เล็กอย
ู่
๒๓๘๗ เพ่ือให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก เพราะทรงเล็งเห็นว่า ต่อไป ทหี่ วั เรอื เหตทุ โี่ ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งเจดยี ข์ น้ึ ในสำเภานน้ั ดว้ ยมี
ภายหน้าเรือกำป่ันอย่างฝร่ังจะมีมากข้ึนและจะแทนท่ีเรือ พระราชดำริว่า เจดีย์ หมายถึง ตัวแทนของพระพุทธเจ้า

สำเภา ซึ่งนับวันจะหมดความสำคัญลง ดังปรากฏในพระราช เป็นท่ีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระสำเภาเจดีย์วัดยานนาวา

พงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๓ ฉบับเจ้าพระยา
ท่ีทรงดัดแปลงข้ึนทั้งรูปแบบและคติการสร้างจึงเป็นเอกลักษณ์
ทิพากรวงศฯ์ (ขำ บุนนาค) ทีก่ ล่าวว่า “...วัดคอกกระบอื น้ันให้ เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย


74

พระอุโบสถวัดราชสทิ ธารามราชวรวหิ ารเป็นอาคารไทยประเพณแี บบทรงโรง โดดเด่นดว้ ยหน้าบันพระอโุ บสถ

ฝีมอื ชา่ งในสมยั ของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒


ทีป่ ระดับลายปูนปั้นรปู พระนารายณท์ รงครฑุ คล้ายกบั หน้าบนั พระทน่ี งั่ ดุสติ มหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวงั


วัดราชสทิ ธารามราชวรวิหาร

วัดราชสิทธารามต้ังอยู่ใกล้คลองบางกอกใหญ่ (คลอง (พระบา้ น) และอรญั วาสี (พระป่า) เช่นเดยี วกับกรุงศรีอยธุ ยา

บางหลวง) ฝั่งธนบุรี เดิมช่ือว่าวัดพลับ เป็นวัดราษฎร์โบราณ
ในอดตี เพอ่ื ใหพ้ สกนกิ รประกอบกศุ ลกรรม ทงั้ ยงั เปน็ การสบื ตอ่
ที่มีมาแตส่ มยั อยธุ ยา
พระศาสนาให้คงอยูค่ รู่ าชอาณาจกั ร

ครั้นสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ
ในปีแรกท่ีสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี รัชกาลที่ ๑
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ มีพระราชดำริที่จะ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอารามขึ้นใหม่ติดกับวัดพลับ

สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ตามแบบอย่างกรุงศรีอยุธยา ทั้ง
เพื่อให้เป็นพระอารามคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสีเช่นเดียวกับ

การสถาปนาพระนคร การสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณี
วัดป่าแก้วครั้งกรุงเก่า และให้ผนวกวัดพลับเข้ากับพระอาราม

อันดีงาม และการทำนุบำรุงพระศาสนา โดยโปรดเกล้าฯ ให้ แห่งใหม่น้ี พรอ้ มกับพระราชทานนามว่า วดั ราชสิทธาราม

บูรณปฏิสังขรณ์และสถาปนาพระอารามทั้งฝ่ายคามวาส


75

สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน)
จนมีตำนานเล่าว่า ท่านสามารถแผ่พรหมวิหารธรรมจนไก่ป่า
เชอื่ งได้ คนทว่ั ไปจงึ ขนานนามทา่ นว่า “พระสงั ฆราชไก่เถอื่ น”

สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สกุ ไกเ่ ถอื่ น)
เป็นพระอาจารย์ของพระมหากษัตริย์และกรมพระราชวัง

บวรสถานมงคล (วังหน้า) หลายพระองค์ คือ รัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ สมเด็จพระบวร
ราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล

ในรัชกาลที่ ๑ และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์
กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๒ ท่านจึงเป็น

ที่เคารพศรัทธาของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
เมื่อส้ินพระชนม์ รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระรูป
เหมือนองค์ท่านสำหรับประดิษฐานในพระบรมมหาราชวัง

(ในรัชกาลต่อมา โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปประดิษฐาน ณ

พระวิหารวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์) นับเป็นการหล่อพระรูป
เหมอื นของบคุ คลเป็นคร้ังแรกในสยาม

สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของวัดราชสิทธาราม

งดงามตามแบบอย่างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อาคารและ
ปูชนียสถานต่างๆ อันได้แก่ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลา
การเปรียญ เสนาสนะสงฆ์ และตำหนักจันทน์ รัชกาลท่ี ๒
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอโุ บสถ เล่าเร่ืองมหาเวสสันดรชาดก
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเม่ือคร้ังพระเจ้าลูกเธอ กรมหม่ืน
แสดงทา่ โศกเศรา้ ของหกกษตั รยิ ์ เปน็ ทา่ ละครอนั เปน็ ลักษณะ
เจษฎาบดนิ ทร์ (รชั กาลท่ี ๓) ทรงผนวช ณ วัดราชสทิ ธาราม
การเขียนภาพบุคคลในจติ รกรรมไทยสกุลช่างอยุธยา ธนบรุ ี
และมกี ารบรู ณปฏิสังขรณค์ ร้ังใหญ่ในสมัยของรชั กาลท่ี ๓

และรัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้

ศิลปกรรมอันโดดเด่นของวัดราชสิทธารามอยู่ท่ีหน้าบัน
เมื่อสถาปนาพระอารามแล้วเสร็จ โปรดเกล้าฯ ให้
พระอุโบสถ เป็นลายปูนป้ันประดับรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ
นิมนต์พระอาจารย์สุกจากวัดท่าหอย ริมคลองคูจามกรุงเก่า
ประกอบลายก้านขด ประดับกระจกสีปิดทอง ฝีมือช่างหลวง
ซึ่งเป็นพระเถระผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเลิศทางด้าน ในสมัยของรัชกาลท่ี ๒ ซ่ึงมีลักษณะคล้ายหน้าบันพระท่ีนั่ง
วิปัสสนาธุระและเป็นผู้สืบทอดวิชาพระกรรมฐานแนวมัชฌิมา ดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวงั

ปฏิปทาแบบลำดับ (ของพระราหุลเถระ) ให้เป็นเจ้าคณะใหญ่ ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปกระบวน
ฝา่ ยอรญั วาสี ครองวัดราชสิทธาราม และได้พฒั นาพระอาราม พยุหยาตราทางสถลมารค พุทธประวัติ และมหาเวสสันดร
แห่งนใี้ หเ้ ป็นสำนกั พระกรรมฐานทีม่ ชี อื่ เสยี งท่ีสดุ ของพระนคร
ชาดก ฝีมอื ช่างในสมยั ตน้ รตั นโกสินทร์

พระอาจารย์สุกเป็นพระเถระองค์แรกของสยามท่ีได้รับ ส่ิงท่ีน่าสนใจอีกประการหนึ่งของวัดราชสิทธาราม คือ
พระราชทานสมณศักด์ิเป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ
พิพิธภัณฑ์กรรมฐาน ซ่ึงรวบรวมโบราณวัตถุและของเก่า

ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (ญาณสังวร หายากต่างๆ รวมท้ังของใช้และของท่ีได้รับพระราชทาน

หมายถงึ ผสู้ ำรวมในญาณ คอื ความร)ู้ จากพระบาทสมเด็จ ของสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช (สุก ไกเ่ ถือ่ น)
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒ ซึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษ
เช่น ไม้เท้าเบิกไพรไผ่ยอดตาล อุณาทิกัณฑ์ท่ีทรงคัดลอกด้วย
ท่ีพระราชทานแด่พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระเท่านั้น ลายพระหตั ถ์ พระคัมภีรม์ ูลกัจจายน์ บาตรดนิ เผา ธรรมาสน

(พระองค์ที่ ๒ คอื สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช แสดงธรรม เปน็ ต้น


76

พระบรมบรรพตหรอื ภูเขาทอง


วดั สระเกศราชวรมหาวหิ าร

วัดสระเกศต้ังอยู่ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง ทำความสะอาดพระเกศาเมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากเมืองเขมร
(คลองโอง่ อา่ ง) ใกลส้ ะพานผา่ นฟา้ ลลี าศ เปน็ วดั โบราณ สรา้ งขน้ึ เพ่อื เขา้ มาปราบจลาจลในกรงุ ธนบรุ

ต้งั แต่สมัยอยุธยา เดมิ ชอ่ื วดั สะแก
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ท้ังพระอารามและสร้าง
มหาราช รชั กาลที่ ๑ ทรงสถาปนาใหมท่ ้งั พระอาราม พระราช ส่ิงต่างๆ เพ่ิมเติมขึ้นอีก เช่น ภาพเขียนภายในพระอุโบสถ
วิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เร่ือง สร้างศาลาการเปรียญ และมีพระราชดำริให้จัดสร้างพระเจดีย์
จดหมายความทรงจำของพระเจา้ ไปยิกาเธอ กรมหลวงนรนิ ทร ภูเขาทองไว้เป็นปูชนียสถานในพระนครเหมือนดังที่กรุงเก่า

เทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ)์ ระบุว่า รชั กาลท่ี ๑ ทรงปฏสิ งั ขรณว์ ัด มีวัดภูเขาทอง ซ่ึงตั้งอยู่ที่ชายทุ่ง บริเวณโดยรอบเป็นที่สำหรับ

พร้อมโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองรอบพระอาราม (คลอง ชาวพระนครประชุมเล่นเพลงและสักวาในเทศกาลประจำป

มหานาค) เพื่อเป็นที่สำหรับชาวพระนครได้ลงเรือไปประชุม สมดังพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช โดย

เล่นเพลงและสักวาในเทศกาลฤดูน้ำเหมือนอย่างคร้ังกรุงเก่า ทรงกำหนดให้เป็นภูเขายอดพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง
ครั้นสถาปนาวัดแล้วเสร็จ พระราชทานชื่อว่า วัดสระเกศ
แต่การสร้างไม่แลว้ เสร็จในรัชกาลนี้

ด้วยวัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับเพ่ือการพิธีกระยาสนานหรือ


77

พระอุโบสถวดั สระเกศราชวรมหาวิหาร
พระบรมสารีริกธาต


พระบรมบรรพตหม่ ผา้ แดงเมอ่ื มีงานวัดภูเขาทองในเทศกาล
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล

ลอยกระทงของทกุ ป
ี ที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี
78 (แพ บุนนาค) บตุ รสมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาพไิ ชยญาติ (ทตั
บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย เป็นแม่กองสร้าง

พระปรางค์ซ่ึงยังสร้างไม่เสร็จในสมัยของรัชกาลที่ ๓ ทรงให้
เปลี่ยนแบบไปเป็นสร้างภูเขา มีพระเจดีย์บนยอด และเสด็จ
พระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์เม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๗ พร้อม
พระราชทานชื่อว่า พระบรมบรรพต ตามช่ือยอดเขาพระสุเมรุ
ศูนย์กลางจักรวาลตามคติไตรภูมิ ที่ต้ังของสวรรค์ช้ันดาวดึงส์
สถานท่ีประดิษฐานพระเจดีย์จุฬามณี ซึ่งภายในบรรจุพระทาฐ
ธาตุ (พระเข้ยี วแก้ว) และพระจุฬาโมลี (มวยผม) ของสมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจา้


พ.ศ. ๒๔๔๐ ตรงกับแผ่นดินของพระบาทสมเด็จ

พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั รชั กาลที่ ๕ รัฐบาลอังกฤษทอ่ี ินเดยี
ทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมสารีริกธาตุท่ีค้นพบที่ตำบลปิปราห์วะ
เมอื งบสั ติ ประเทศอนิ เดยี เชอื่ กนั วา่ เปน็ ทต่ี งั้ ของกรงุ กบลิ พสั ดุ์
ในสมัยพุทธกาล ผู้เช่ียวชาญด้านโบราณคดีลงความเห็นว่า
เป็นพระบรมสารีริกธาตุองค์ท่ีโทณพราหมณ์แบ่งให้กับกษัตริย์
แห่งศากยวงศ์หลังการถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะ


รชั กาลท่ี ๕ ทรงแบ่งพระราชทานแก่ประเทศญ่ีปุ่น ลงั กา
และพม่า แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
ส่วนที่เหลือขึ้นประดิษฐานบนยอดภูเขาทองและพระราชทาน

พระทาฐธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จำลองประดิษฐานบนพระบรม

ภเู ขาทองในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั พระประธานปางสมาธิภายในพระอโุ บสถ

รชั กาลท่ี ๕ (สมบัตขิ องเอกชน)


บรรพตให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชาเมื่อมีงานนักขัตฤกษ์ ในพ้ืนท่ีวัดสระเกศและคลองมหานาคเมื่อครั้งที่พระนคร

กลางเดอื น ๑๒
ขยายตัวในสมัยของรัชกาลท่ี ๔ มีการตัดถนนบำรุงเมืองและ

จากหลกั ฐานในราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๗ พ.ศ. ๒๔๓๓ สร้างตึกแถวข้ึนบริเวณน้ี ชาวจีนกลุ่มนี้จึงลงหลักปักฐานท่ีนี่
บันทึกไว้ว่า เดิมภูเขาทองมีผู้คนไปนมัสการและจัดการละเล่น พร้อมกบั นำวชิ าช่างไม้ท่ตี ิดตวั มาประกอบอาชพี ทำเฟอรน์ ิเจอร์
ตา่ งๆ ในหนา้ นำ้ ทกุ ปี ครน้ั เกดิ การละเลกิ เพราะเขา้ ใจกนั เองวา่ ไม้ต่างๆ และเปิดกิจการค้าไม้กันตลอดทั้งซอย กลายเป็น

เป็นที่หลวงเขาห้ามปรามขัดขวางเลยหยุดไป กระท่ัง พ.ศ. แหล่งค้าไม้และงานช่างไม้แหล่งใหญ่แห่งหน่ึงของพระนคร

๒๔๓๓ รัชกาลที่ ๕ จงึ ทรงจดั ข้นึ อีกครง้ั โดยมีสมเด็จพระเจา้ มาจนถงึ ทกุ วันน
ี้
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พระองค์เจ้าดิศวร
นอกจากบริเวณโดยรอบวัดสระเกศจะเป็นท่ีต้ังของชุมชน
กุมาร ต้นราชสกลุ ดศิ กุล) ทรงเปน็ ตน้ คดิ มกี ารออกรา้ นและ หัตถศิลป์และมีภูเขาทองเป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นที่รู้จักกัน
มีมหรสพต่างๆ หลังจากน้ันจึงมีการจัดงานออกร้านประจำป
ี อยา่ งแพรห่ ลายแลว้ ภายในพระอารามแหง่ นยี้ งั มสี ถาปตั ยกรรม
เรื่อยมา เม่ือถึงเทศกาลลอยกระทง หากพระเจดีย์ห่มผ้าแดง และศลิ ปกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่

แสดงว่า กำลังมีงานวัดภูเขาทอง ซึ่งจัดนานราวหน่ึงสัปดาห์ พระอุโบสถสร้างขึ้นในสมัยของรัชกาลท่ี ๑ เป็นอาคาร
และจัดเป็นประเพณสี บื มาจนปจั จุบัน
ไทยประเพณีแบบทรงโรง หน้าบันเป็นไม้แกะสลักประดับ
เน่ืองจากวัดสระเกศเป็นวัดหน่ึงท่ีอยู่ภายนอกกำแพง กระจกสภี าพพระนารายณท์ รงครุฑ ประกอบด้วยลายเครอื เถา

พระนคร ต้ังอยู่บริเวณชุมชนใหญ่และเดินทางสะดวกกว่าวัด แบบเดียวกับหน้าบันพระที่น่ังดุสิตมหาปราสาท ภายใน
อ่ืนๆ เมื่อเกิดอหิวาตกโรคระบาดในสมัยของพระบาทสมเด็จ ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ลงรักปิดทองโดย
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒ ชาวพระนครเจ็บป่วย
ปนั้ หมุ้ พระประธานองคเ์ ดิมของพระอโุ บสถ

ลม้ ตายเปน็ จำนวนมาก และตอ้ งนำศพมาฌาปนกจิ นอกกำแพง ผนังภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม ซ่ึงรัชกาลที่ ๓
พระนครตามประเพณีบ้านเมือง ราษฎรจึงนิยมนำศพมาท้ิง
โปรดเกล้าฯ ให้เขียนขึ้น เล่าเรื่องไตรภูมิ ทศชาติชาดก และ
ณ วัดแห่งนี้ จนเกิดตำนานแร้งวัดสระเกศข้ึน ด้วยเมื่อมีศพ พุทธประวัติตอนมารผจญ

จำนวนมากถูกนำมาทิ้งในคราวเดียวกัน กอปรกับสัปเหร่อ
โพธิลังกาประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของ

ไม่สามารถจัดการเผาหรือฝังศพได้ทัน ฝูงแร้งท่ีรอท่าอยู่ในวัด พระอุโบสถ ได้หน่อมาจากกรุงอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
จึงพากันรุมท้งึ ศพจนเหลือแต่โครงกระดูก
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๗ ซ่ึงเป็นหน่อเดียวกันกับพระศรีมหาโพธ

ชุมชนท่ีอยู่บริเวณโดยรอบวัดมีหลายชุมชน ท้ังชุมชน ทพี่ ทุ ธคยา (ปจั จบุ นั คอื เมอื งคยา ประเทศอนิ เดยี ) รชั กาลที่ ๒
ป้อมมหากาฬ บ้านบาตร บ้านดอกไม้ และชุมชนวัดสระเกศ โปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

ในตรอกเซี่ยงไฮ้ ซ่ึงเป็นชุมชนชาวจีนเซี่ยงไฮ้ที่อพยพเข้ามาอยู่ วดั สุทัศนเทพวราราม และวัดสระเกศ


79

พระอุโบสถวดั นาคกลางวรวหิ าร


วัดนาคกลางวรวิหาร

วัดนาคกลางตั้งอยู่ริมคลองมอญฝ่ังใต้ เยื้องวัดนาค
รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้รวมช่ือวัดนาค วัดกลาง และ

(วัดพระยาทำ) ท่ีอยูฝ่ ัง่ เหนือ สร้างข้ึนในสมัยอยุธยาตอนปลาย วัดน้อยเข้าด้วยกันเป็นวัดนาคกลาง และเสด็จพระราชดำเนิน
เดมิ ชอ่ื วัดกลาง ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงในสมัย มาทรงถวายผ้าพระกฐนิ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๓๐

ธนบุรี เน่ืองจากอาณาเขตวัดตั้งอยู่ห่างจากพระราชวังเดิม
วัดนาคกลางเป็นพระอารามสำคัญที่พระมหากษัตริย

ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพียง ๕๐๐ เมตรเท่านั้น แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทรงอุปถัมภ์มาอย่างต่อเนื่อง ดังเห็น
และพระสนมของพระองค์ได้สร้างพระวิหารหรือโบสถ์น้อยไว้ ได้จากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล

ภายในวดั ด้วย
ท่ี ๒ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จ

ต่อมา สมัยรัตนโกสินทร์ เม่ือวัดนาคเปลี่ยนช่ือเป็นวัด พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณ
พระยาทำ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฏิสังขรณ์และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงถวายผ้าพระกฐิน

80

หลวงพอ่ โคนสมอมหาลาภ พระพทุ ธรูปปางฉนั สมอ
หลวงพ่อพระพุทธประสิทธ์

ประดษิ ฐานภายในพระมณฑปจตุรมุข
พระประธานปางมารวิชัยภายในพระอุโบสถ


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ พระพุทธรูป

พระราชดำเนินมาทรงถวายผ้าพระกฐินถึง ๒ คร้ัง คือ พ.ศ. ปางฉันสมอหรือปางถือสมออยู่ในอิริยาบถน่ังขัดสมาธิเพชร
๒๓๙๘ และ พ.ศ. ๒๓๙๙
หม่ จวี รคลา้ ยพระพทุ ธรปู ของจนี และทเิ บต เปน็ พระทม่ี พี ทุ ธคณุ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เด่นในดา้ นรกั ษาโรคภัยไขเ้ จบ็ ทกุ วันน้ี จงึ มผี ปู้ ่วยไปกราบไหว้

โปรดเกล้าฯ ให้วัดนาคกลางจัดพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาต
ขอพรให้หายจากโรค ส่วนคนทั่วไปก็ขอพรให้ไม่เจ็บป่วย
ในพระบรมมหาราชวัง ให้พระบรมวงศานุวงศ์จุดเทียนพรรษา ประทานโชคลาภและความเจริญรงุ่ เรือง

เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา และให้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ ตามตำนานเล่าว่า เดิมหลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ
พระอารามอีกหลายครั้ง
ประดิษฐานอยู่ทางภาคเหนือ สันนิษฐานว่า มีอายุเก่าแก่กว่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๖ ๘๐๐ ปี ลอยมาตามลำน้ำต่างๆ จนมาติดอยู่ท่ีคลองมอญ

เสด็จพระราชดำเนินมาทรงถวายผ้าพระกฐิน และพระบาท วัดนาคกลางจึงอัญเชิญข้ึนประดิษฐานท่ีหอระฆัง ภายหลังเกิด
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๗ โปรดเกลา้ ฯ ให้ย้าย อคั คภี ัยรอบๆ บริเวณนน้ั ลกุ ลามมาจนถงึ หอระฆัง ไฟไดไ้ หม้
กุฏจิ ากริมคลองมอญมาสรา้ งข้ึนใหม่เปน็ ๒ คณะ
เพียงปลายผ้าห่มองค์หลวงพ่อเท่าน้ัน มิได้ไหม้สิ่งอื่นเลย

วันท่ี ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จ เป็นท่ีอัศจรรย์ในความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินมาทรง
จึงอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประจำวัด แต่ก็มิได้
เททองหล่อพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ
เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชาบ่อยนัก นอกจากมีงาน
พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) เทศกาลต่างๆ จึงเป็นที่รู้จักกันเฉพาะชาวบ้านในละแวกนั้น
สมเด็จพระสังฆราชองค์ท่ี ๑๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซ่ึงเป็น เทา่ นั้น

พระกรรมวาจาจารย์ของพระเทพสิทธินายก (เหรียง อินฺทสร
ชุมชนวัดนาคกลางริมคลองมอญเป็นชุมชนเก่าแก่ต้ังแต่
มหาเถร) อดีตเจ้าอาวาส
สมัยของรัชกาลท่ี ๕ โดยยังคงไว้ซ่ึงเอกลักษณ์ของตนเอง

พระอุโบสถของวัดนาคกลางสร้างขึ้นในสมัยของรัชกาล
มบี า้ นเรอื นไทยโบราณ ผคู้ นในชมุ ชนสว่ นมากเปน็ เครอื ญาตกิ นั
ท่ี ๒ ตั้งอยู่ก่ึงกลางที่ดินของวัด สร้างขนานไปกับคลองมอญ จึงพบปะสังสรรค์และช่วยเหลือพ่ึงพากันมาโดยตลอด ปัจจุบัน
ภายในประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธประสิทธิ์ พระประธาน
ชุมชนแห่งน้ีกลายเป็นสถานท่ีท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์เนื่องจาก

ด้านทิศใต้ของพระอุโบสถเป็นท่ีตั้งของพระมณฑปจตุรมุข มพี ืน้ ทีส่ ว่ นหนึ่งติดกบั คลองมอญฝั่งใต้


81

ภาพจิตรกรรมปริศนาธรรมภายในพระอุโบสถวดั บรมนวิ าสราชวรวหิ าร ฝมี ือขรวั อินโข่ง จติ รกรเอกแหง่ ยุค


วดั บรมนวิ าสราชวรวหิ าร


วัดบรมนิวาสต้ังอยู่ใกล้กับบริเวณจุดตัดระหว่างคลอง เรียกกันโดยทั่วไปว่า วัดนอก เพราะอยู่นอกกำแพงพระนคร
มหานาคและคลองผดุงกรุงเกษม เป็นวัดโบราณ เดิมช่ือ
เม่ือพระวชิรญาณมหาเถรเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ จึง
วัดบรมสุข ผู้สร้างวัดเสียชีวิตในสงครามกับเขมร บุตรหลาน
พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดบรมนิวาส

จึงน้อมเกล้าฯ ถวายให้อยู่ในพระราชูปถัมภ์ของพระวชิรญาณ สันนิษฐานว่า รัชกาลที่ ๔ มีพระราชประสงค์ให

มหาเถร (พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว รชั กาลที่ ๔) วัดบรมนิวาสเป็นพระอารามคู่กันกับวัดบวรนิเวศวิหาร

เป็นที่พอพระหฤทัยมาก เนื่องจากเป็นวัดนอกกำแพงพระนคร กล่าวคือ วัดบวรนิเวศวิหารเป็นวัดของคณะสงฆ์ฝ่ายคามวาสี
และเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้ (พระบ้าน) ของธรรมยุติกนิกาย เป็นศูนย์ศึกษาพระปริยัติ
บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัด แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ธรรม ส่วนวัดบรมนิวาสเป็นวัดของคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี

82

(พระปา่ ) ของธรรมยตุ กิ นกิ าย เปน็ ศนู ยศ์ กึ ษาวปิ สั สนากรรมฐาน
นอกจากนี้ ยังมีพระราชประสงค์ให้วัดบรมนิวาสเป็นสถานท่ี
หลกี หนรี าชภยั หากเมอื่ รชั กาลที่ ๓ เสดจ็ สวรรคต แลว้ เจา้ นาย
บางพระองคท์ ี่เคยทรงมเี รือ่ งบาดหมางกันได้ครองราชสมบัต

วัดบรมนิวาสได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์คร้ังใหญ่ในสมัย
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอาราม ต่อมา เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๓๗ กระทรวงโยธาธิการจะทำสะพานรถไฟข้ามคลอง
มหานาค อันจะส่งผลให้กีดขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน
ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารคและต้องตัดทางเข้าไปในเขต
บ้านเรือนราษฎรและเขตวัด รัชกาลที่ ๕ จึงมีพระราชดำริให้
เลี่ยงถ้ากระทำได้ จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๔๗ พระอุบาลี
คณุ ปู มาจารย์ (จนั ทร)์ เมือ่ คร้งั เป็นพระญาณรกั ขติ เจ้าอาวาส
วัดบรมนิวาส ได้เร่ียไรเงินซื้อที่สร้างถนนหลังวัดตัดไปบรรจบ
กับถนนพระรามที่ ๑ ตรงริมทางรถไฟ (เชงิ สะพานกษตั ริยศ์ กึ ) พระอโุ บสถวัดบรมนวิ าสราชวรวิหาร

แล้วถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลท่ี ๕ พระราชทานชื่อถนน (หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ


สายน้ีว่า ถนนนอก ตามช่ือเดิมของวัด แต่ชาวบ้านนิยมเรียก
วา่ ถนนวดั บรมนิวาส

แต่เดิมชุมชนใกล้เคียงวัดบรมนิวาสเป็นท่ีอยู่ของชาว วัดบรมนิวาสมีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมท่ีน่าสนใจ
มุสลมิ ประกอบดว้ ย แขกจาม คือ ชาวมุสลิมเชื้อสายจามปา ได้แก่

(เมอื งจามปา ปจั จบุ นั คอื เมอื งเว้ ประเทศเวยี ดนาม) ทเ่ี ขา้ มา พระอุโบสถเป็นอาคารไทยประเพณีแบบทรงโรง หลังคา
ตั้งถ่ินฐานในสมัยธนบุรีและในสมัยของรัชกาลที่ ๓ ภายหลัง ทำชั้นลด ๒ ช้ัน ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันเป็นไม้
สงคราม ๑๔ ปี ระหว่างสยามและญวนหรือสงครามอานาม จำหลักเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ ล้อมด้วยพันธ์ุพฤกษา

สยามยุทธ และแขกมลายูท่ีถูกเทครัวมาในรัชสมัยพระบาท ฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา

สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ จึงเกิด นรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ (พระองคเ์ จา้ จติ รเจรญิ ตน้ ราชสกลุ จติ รพงศ)์
เปน็ ชมุ ชนบา้ นครวั ขนึ้ มฝี มี อื และมชี อื่ เสยี งโดง่ ดงั ดา้ นการทอผา้ ภายในพระอโุ บสถประดษิ ฐานพระทศพลญาณ พระพทุ ธรปู
ทว่า ปัจจุบันเหลือเพียงบางครอบครัวในชุมชนเท่าน้ันท่ียังคง โลหะปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง
ยึดอาชพี ทอผ้าไหมขาย
จิตรกรเอกแห่งยุค เหนือช่องหน้าต่างมีภาพปริศนาธรรมที่เป็น
ทางตะวันตกของวัดติดกับชุมชนโบ๊เบ๊ ซึ่งเป็นชื่อท่ีเรียก รูปบุคคลชายหญิงตา่ งชาตแิ ละทวิ ทัศน์ตามแบบตะวันตก สว่ น
เพี้ยนมาจากคำว่า “บ๊งเบ้ง” อันมีที่มาจากอดีตขณะท่ียังเป็น ตรงข้ามพระประธานเป็นภาพเมืองที่ตกอยู่ในความมืดรอให้
ตลาดขายเส้ือผ้าเก่า ผู้คนท่ีมาค้าขายมักจะส่งเสียงดังหนวกหู แสงแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ส่องให้รอดพ้นจาก
จนคนแถบนี้เรียกว่า ตลาดบ๊งเบ้ง ตลาดแห่งน้ีเร่ิมก่อตัวเป็น ความมดื อนั ไดแ้ ก่ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น

ชุมชนราว พ.ศ. ๒๔๗๐ แต่เดิมชาวโบ๊เบ๊ประกอบอาชีพ
ด้านหลังพระอุโบสถมีเจดีย์ทรงโอคว่ำหรือทรงลังกา

หลากหลาย เช่น ย้อมผา้ โดยอาศยั น้ำจากคลองผดงุ กรงุ เกษม ตามแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๔ และมีกุฏิสงฆ์และ

ปลกู เพงิ ขายนำ้ ชา ฯลฯ ระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ชาวบา้ น ซุม้ ประตูซง่ึ สรา้ งข้ึนตามสถาปตั ยกรรมแบบตะวันตก

ได้ย้ายทำเลมาอาศัยปลูกเพิงวางของขายกันในบริเวณลานดิน
หน้าวัดบรมนิวาสด้านริมคลองแสนแสบ เมื่อสงครามยุติลง

ตลาดนั้นก็ได้ยกเลิกไป พ่อค้าแม่ค้าย้ายข้ามฟากทางรถไฟ

ไปต้ังใหม่ในบริเวณที่ดินของวัด ซ่ึงเป็นที่ต้ังของตลาดโบ๊เบ๊
ตลาดคา้ ผ้าทม่ี ีช่อื เสียงในปัจจุบัน


83

พระอโุ บสถวัดเทพธิดารามวรวิหาร
กุฎสิ ุนทรภู่ วัดเทพธดิ ารามวรวิหาร ภายในจัดแสดงเครอื่ งอัฐบริขาร
และผลงานเมอ่ื ครง้ั พระสนุ ทรโวหาร (ภู่) หรอื สุนทรภบู่ วชเปน็ พระ

และจำพรรษา ณ พระอารามแหง่ น้ี

วัดเทพธิดารามวรวหิ าร

วัดเทพธิดารามต้ังอยู่ริมถนนมหาไชยใกล้กับวัด
อัปสรสุดาเทพทรงร่วมบริจาคทุนส่วนพระองค์ในการก่อสร้าง
ราชนัดดาราม หันหน้าออกสู่คลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง)
เม่ือการสร้างวัดสำเร็จใน พ.ศ. ๒๓๘๒ รัชกาลที่ ๓
อันเป็นบริเวณกำแพงพระนครด้านทิศตะวันออกในสมัยก่อน พระราชทานนามวัดให้สอดคล้องกับพระนาม พระจริยวัตร
เดิมเป็นสวนผลไม้และบ้านเรือนของชาวบ้าน เม่ือแรกสร้างวัด และพระคณุ สมบตั อิ นั งดงามท้งั ปวงนีว้ ่า วดั เทพธดิ าราม

ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า วัดพระยาไกรสวนหลวง เนื่องจาก
เม่ือแรกสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี ก่อนการสร้าง
ตั้งอยทู่ ี่ตำบลสวนหลวงพระยาไกร
วัดเทพธิดาราม บริเวณน้ีเป็นที่ตั้งของชุมชนหลากหลาย
ในการก่อสร้างวัดเทพธิดารามน้ัน พระบาทสมเด็จ
วัฒนธรรมท่ีอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยเฉพาะ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้า ภายหลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
บรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนภูมินทรภักดี (พระองค์เจ้าลดาวัลย์
รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองรอบกรุงขึ้นเม่ือ พ.ศ.
ต้นราชสกุล ลดาวัลย์) พระราชโอรส ทรงเป็นแม่กองอำนวย ๒๓๒๗ ทำให้มรี าษฎรเข้ามาตง้ั ถ่ินฐานในบริเวณนจี้ ำนวนมาก

การสร้างวัดเทพธิดารามข้ึนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ เพ่ือ ชุมชนที่เข้ามาต้ังรกรากบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นราษฎรที่มี
เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนอัปสรสุดาเทพ ฝีมือด้านงานหัตถศิลป์ซ่ึงได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
(พระองค์เจ้าวิลาส) พระราชธดิ าผทู้ รงเป็นที่รกั ยง่ิ ด้วยไมเ่ พยี ง เช่น ชุมชนบ้านบาตรประกอบอาชีพทำบาตรพระ ชุมชนบ้าน
แต่มีพระสิริโฉมงดงามเท่าน้ัน หากแต่ยังมีพระปรีชาสามารถ ดอกไม้ประกอบอาชีพทำดอกไม้ไฟ ชุมชนบ้านสายประกอบ
ปฏิบัติพระราชกจิ ทีท่ รงมอบหมายให้สำเร็จลลุ ่วงด้วยดีเสมอมา อาชีพทำสายรัดประคดหรือผ้าคาดเอวสำหรับพระภิกษุ ชุมชน
ท้ังยังมีพระศรัทธาเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
บ้านกรงนกประกอบอาชีพผลิตกรงนกเขาและกรงนกปรอด

อีกด้วย ในการสร้างวัดแห่งน้ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืน หัวจุกของชุมชนชาวมุสลิม กระท่ังมีการสร้างวัดเทพธิดาราม

84

รปู หล่อหมอู่ ริยสาวิกา (ภกิ ษณุ ี) จำนวน ๕๒ องค์ในพระวหิ าร
พระพุทธเทววิลาสหรือ “หลวงพ่อขาว” พระประธานในพระอโุ บสถ


รัชกาลที่ ๓ ได้พระราชทานที่ดินบริเวณกำแพงพระนคร
พระบรมมหาราชวัง ภายหลังได้รับพระราชทานชื่อจาก
ฝง่ั ตะวนั ออก ตรงปอ้ มมหากาฬ ให้เป็นที่พักอาศยั ของข้าพระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ว่า พระพุทธ

หรือ “เลกวัด” ตลอดจนพระราชทานที่ดินแก่ชาวเขมรท่ีได้รับ เทววิลาส ซึ่งพ้องกับพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
ความเดือดร้อนจากการรุกรานของอาณาจักรญวนและขอ กรมหมนื่ อปั สรสดุ าเทพ

ติดตามกองทัพสยามเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพระนครหลังสงคราม พระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระอุโบสถ
อานามสยามยุทธ โดยตง้ั บา้ นเรือนรว่ มกับชมุ ชนเดมิ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ใต้ฐานองค์พระ
วัดเทพธิดารามยังมีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
ประธานประดิษฐานรูปหล่อหมู่พระอริยสาวิกา (ภิกษุณี) หล่อ
อันงดงามที่แสดงถึงพระราชศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระบวร ด้วยดีบุก ลงรักปิดทอง จำนวนถึง ๕๒ องค์ โดยแต่ละองค

พุทธศาสนาของรัชกาลท่ี ๓ ซึ่งได้ทรงทำนุบำรุงวัดวาอาราม มีใบหน้าและอิริยาบถที่แตกต่างกัน ตรงกลางประดิษฐาน

เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกร สถาปัตยกรรมและ รูปหล่อของพระนางปชาบดีโคตมี พระน้านางของสมเด็จ

ศลิ ปกรรมทีน่ า่ สนใจของวดั เทพธดิ าราม ไดแ้ ก
่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นภิกษุณีองค์แรกในพระพุทธ
พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบ “นอกอย่าง”
ศาสนา รูปหล่อพระอริยสาวิกานี้มีที่พระอารามแห่งนี้เพียง

พระราชนิยมในรัชกาลท่ี ๓ คือ ไม่มีช่อฟ้าและใบระกา
แหง่ เดยี วในประเทศไทย

หน้าบันประดับด้วยลายกระเบื้องเคลือบแบบจีน ที่มุม
วัดเทพธิดารามยังมีความสัมพันธ์กับพระสุนทรโวหาร
พระอุโบสถท้ัง ๔ ทิศ มีพระปรางค์ต้ังอยู่บนลานทักษิณสูง
(ภ่)ู หรือสุนทรภู่ กวีเอกของกรงุ รัตนโกสินทร์และบคุ คลสำคัญ
ทฐ่ี านพระปรางคแ์ ตล่ ะองคม์ รี ูปท้าวจตุโลกบาล คือ ท้าวธตรฐ ของโลกด้านวรรณกรรม ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การ

ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และท้าวกุเวร ประจำรักษาในทิศ
การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ

ทัง้ ๔ พระปรางคแ์ ต่ละองค์เปรียบไดก้ ับเขาพระสุเมรุ (ในคติ (ยูเนสโก) เมือ่ พ.ศ. ๒๕๒๙ ด้วยเคยเปน็ ที่พำนกั ของสุนทรภู่
ไตรภูมิ ท้าวจตุโลกบาลจะสถิต ณ สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เมื่อครั้งบวชเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม
ซ่ึงเป็นสวรรค์ช้ันท่ี ๑ และเป็นสวรรค์ชั้นท่ีต่ำที่สุดใน ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๒-๒๓๘๕ ปัจจุบัน กุฏิสุนทรภู่เปิดเป็น
ฉกามาพจรสวรรค์ ๖ ชัน้ ตงั้ อยูบ่ รเิ วณทศิ ทงั้ ๔ ของเชิงเขา พพิ ธิ ภัณฑแ์ สดงประวัตแิ ละผลงานใหอ้ นุชนรุ่นหลังไดเ้ ย่ยี มชม

พระสุเมร)ุ ภายในพระอโุ บสถ เหนอื เวชยันต์บษุ บกประดิษฐาน

หลวงพ่อขาว ซ่ึงรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจาก

85

วัดราชนดั ดารามวรวหิ าร


วดั ราชนดั ดารามวรวหิ าร


วัดราชนัดดารามต้ังอยู่ริมคลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง) กรมหมน่ื อปั สรสดุ าเทพเปน็ พระพน่ี างเธอของพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
ติดกับวัดเทพธิดาราม เป็นพระอารามท่ีพระบาทสมเด็จ
พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระบิดาของสมเด็จพระนางเจ้า
พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ ๓ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนาขนึ้ โสมนัสวฒั นาวดี)

เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัส ความพิเศษของวัดราชนัดดารามคือเป็นท่ีตั้งของ

วัฒนาวดี (พระราชนัดดาเพียงพระองค์เดียวในรัชกาลที่ ๓ ที่ โลหะปราสาท ซึ่งรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเม่ือ
ดำรงพระอสิ รยิ ยศเป็นพระเจา้ หลานเธอ พระองค์เจา้ และทรง พ.ศ. ๒๓๘๙ ด้วยมีพระราชประสงคใ์ หเ้ ป็นธรรมสถานสำหรับ
ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวด
ี ปฏิบัติธรรมและเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของกรุงรตั นโกสินทร

พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
โลหะปราสาทวัดราชนัดดารามเป็นโลหะปราสาทแห่ง

เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลที่ ๔) ณ บริเวณใกลเ้ คียงกบั วัดเทพธิดาราม ท่ี ๓ ของโลก และแห่งเดียวท่ียังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน โดย
ทโ่ี ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ เพอื่ เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ โลหะปราสาทแห่งแรกของโลก คือ มิคารมาตุปราสาท อยู่ใน
กรมหมนื่ อปั สรสุดาเทพ (พระองค์เจา้ วลิ าส) พระราชธิดา ด้วย วัดบุพพาราม เมืองสาเกต ด้านทิศตะวันตกของนครสาวัตถี
ขัตติยนารีท้ัง ๒ พระองค์มีพระสิริโฉมงดงาม ทรงถือกำเนิด ประเทศอินเดีย สร้างข้ึนในสมัยพุทธกาล โดยนางวิสาขามหา
ร่วมราชสกลุ เดยี วกัน และทรงเปน็ ทรี่ กั ยง่ิ (พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ อุบาสิกาได้ประมูลราคาเคร่ืองประดับของตนช่ือมหาลดา


86

โลหะปราสาทวัดราชนดั ดารามวรวหิ าร
มิคารมาตปุ ราสาท โลหะปราสาทแห่งแรกของโลก

ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัว รชั กาลที่ ๗
นางวิสาขามหาอุบาสกิ าสร้างขึ้นถวายเปน็ พุทธบูชาในสมัยพุทธกาล


(หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ)
(จิตรกรรมฝาผนงั พระวิหารพระพุทธไสยาสน

วัดพระเชตพุ นวิมลมงั คลารามราชวรมหาวหิ าร)


ประสาธน์ แล้วนำเงินมาสร้างถวายเป็นพุทธบูชา ปัจจุบัน
โลหะปราสาทแห่งนีไ้ ด้สูญสลายไปตามกาลเวลา

โลหะปราสาทแห่งที่ ๒ ตั้งอยู่ ณ เมืองอนุราธปุระ
ประเทศศรีลังกา สร้างโดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย เมื่อ พ.ศ.
๓๘๗ โดยทรงมอบหมายให้พระอรหันต์ ๘ องค์ เป็นผู้
ออกแบบ บุหลังคาองค์ปราสาทด้วยทองแดงจึงเรียกว่าโลหะ
ปราสาท ทุกวันนี้ โลหะปราสาทแห่งนี้หลงเหลือเพียงซาก
ปราสาทและเสาศลิ า

รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ช่างออกแบบก่อสร้างโลหะ
ปราสาทวัดราชนัดดารามตามลักษณะของโลหะปราสาทแห่ง

ที่ ๒ ดังที่มีการพรรณนาไว้ในโลหปาสาทมหปริจเฉทที่ ๒๗

แห่งคัมภีร์มหาวงศ์พงศาวดารลังกา ทั้งยังมีการเล่าขานกัน พระวิหาร (ซ้าย) พระอโุ บสถ (กลาง) ศาลาการเปรยี ญ (ขวา)


ดว้ ยวา่ ทรงส่งชา่ งไปดแู บบฐานโลหะปราสาทท่ีกรุงอนรุ าธปุระ
ประเทศศรีลังกา แต่โปรดเกล้าฯ ให้ดัดแปลงแบบอาคาร
รวมเป็น ๓๗ ยอด มีความหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗
เพอ่ื ให้มลี ักษณะทางพทุ ธศลิ ป์และสถาปัตยกรรมแบบไทย โดย ประการ อันเป็นหลักธรรมสมู่ รรคผลนพิ พาน

ทำเป็นอาคารยอดปราสาท ๗ ชั้น ต้ังท่อนซุงขนาดใหญ
่ วัดราชนัดดารามยังมีความพิเศษอยู่ท่ีรูปแบบ
ยดึ เป็นแม่บันได อาคารชั้นล่าง ชั้นที่ ๓ และชน้ั ที่ ๕ จะเป็น สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นแบบไทยประเพณี ไม่ได้เป็นแบบ
คูหาและระเบยี งรอบ ในชนั้ ที่ ๒ ช้นั ที่ ๔ และชั้นที่ ๖ ทำเป็น นอกอย่างตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ ดังเห็นได้จาก

คูหาจตรุ มขุ มยี อดเปน็ บษุ บกช้ันละ ๑๒ ยอด และชัน้ ท่ี ๗ เปน็ พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมทรงโรง หลังคาทำช้ันลด

ยอดปราสาทจตุรมุขสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ๓ ชั้น หน้าบันสลักลวดลายเครือเถาดอกพุดตานใบเทศ


87

ปิดทอง และประดับกระจกสี บานหน้าต่างและบานประตู
เขียนภาพจิตรกรรมรูปเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ


ภายในพระอโุ บสถประดิษฐานพระพทุ ธเสฏฐตุ ตมมุนนิ ทร์
พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดงท้ังองค์ซึ่งขุดพบ

ท่ีเมืองนครราชสีมา ด้านหลังพระประธานมีภาพจิตรกรรม

ฝาผนังเล่าเร่ืองพุทธประวัติ ตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังโปรดพระพุทธมารดา

ซึ่งแตกต่างจากวัดอ่ืนๆ ท่ีมักเขียนเป็นภาพมารผจญ ทั้งยัง
เขียนรูปเทวดาและเทวธิดาจากกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ กลุ่ม

ในอากปั กิริยาเหาะเหินมาส่งเสด็จพระพทุ ธองค


พระวิหารตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของพระอุโบสถ เป็น
สถาปตั ยกรรมแบบเดยี วกบั พระอโุ บสถ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู
ปางห้ามสมุทร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตร

สุขุมพันธ์ุ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (ต้นราชสกุล บริพัตร) พระพทุ ธเสฏฐตุ ตมมุนินทร์ พระประธานในพระอโุ บสถ

พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี ๕ มีพระศรัทธาลงรักปิดทอง แล้วถวายพระนามว่า
พระชุตินนราสภ ผนังด้านหลังเหนือพระประธานเจาะเป็น

ห้องเวชยันต์พิมาน ๓ ห้อง อันเป็นพระราชสัญลักษณ์ของ
รัชกาลท่ี ๓ ประดิษฐานพระพทุ ธรูปหล่อทั้ง ๓ หอ้ ง สองข้าง
ของเวชยันต์พิมานมีฉัตรเบญจาประดับ ท้ังหมดทอดเหนือช้าง
สามเศยี รปนู ปน้ั


ศาลาการเปรียญต้ังอยู่ด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปางรำพึงและพระบรมรูป
รชั กาลท่ี ๓


จิตรกรรมฝาผนังในพระอโุ บสถเลา่ เร่อื งพุทธประวตั ิ

ตอนเสด็จลงจากสวรรคช์ น้ั ดาวดงึ ส์


ทกุ วันนี้ วัดราชนัดดารามได้สืบสานพระราชปณธิ านของ
รัชกาลท่ี ๓ โดยการส่งเสรมิ ใหโ้ ลหะปราสาทวัดราชนดั ดาราม
เป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยในแต่ละชั้นของโลหะ
ปราสาทมีพ้ืนท่ีจัดแสดงนิทรรศการ ห้องสมุด สถานท่ีจงกรม
และสถานที่วิปัสสนากรรมฐาน โดยเปรียบโลหะปราสาททั้ง

๗ ช้ัน เสมอื นบันได ๗ ข้ัน สูพ่ ระนิพพาน เร่มิ ต้ังแต่การศกึ ษา
พระปริยัติ ปฏบิ ตั ิ และปฏเิ วธ


ปัจจบุ นั ภายในโลหะปราสาทวดั ราชนัดดารามวรวหิ าร

ไดร้ ับการพัฒนาให้เปน็ ห้องสมุดและสถานปฏิบตั ิธรรม


88

ภาพจติ รกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดทองธรรมชาตวิ รวหิ าร

แสดงภาพวิถชี ีวติ ความเปน็ อยขู่ องผคู้ นและชมุ ชนในสมัยของพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓


วดั ทองธรรมชาตวิ รวหิ าร

วดั ทองธรรมชาตติ ง้ั อยรู่ มิ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา เขตคลองสาน เนื่องจากกรมหม่ืนนรินทรพิทักษ์ส้ินชีพิตักษัยเสียก่อนใน พ.ศ.
ฝ่ังธนบุรี เปน็ วดั โบราณสร้างขึน้ ในสมยั อยธุ ยา แตไ่ มป่ รากฏชอ่ื ๒๓๖๐

ผสู้ รา้ งและปที สี่ รา้ ง เดิมเรียกว่า วัดทองบน คู่กับวัดทองล่าง เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓
(วดั ทองนพคณุ ) ที่อยูใ่ กลเ้ คยี ง
เสดจ็ ขน้ึ ครองราชย์ ทรงทราบวา่ วดั แห่งน้บี รู ณะแลว้ ยงั คา้ งอยู่
ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรของกองพุทธศาสน โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา

สถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า รัชสมัย เดชาดิศร (พระองคเ์ จ้าม่ัง ตน้ ราชสกุล เดชาตวิ งศ์) ทรงเป็น
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั รชั กาลท่ี ๒ พระเจา้ แม่กองสานต่อการบูรณปฏิสังขรณ์วัดทองบน พร้อมทั้งขยาย
บรมวงศ์เธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (พระองค์เจ้ากุหรือ
อาณาเขตของวัดออกไปกว้างขวาง เมื่อแล้วเสร็จทรงรับไว้เป็น
เจ้าครอกวัดโพธ์ิ ต้นราชสกุล นรินทรกุล) พระขนิษฐภคินี
พระอารามหลวงและพระราชทานนามว่า วัดทองธรรมชาต

ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาล
ราชปฏิสงั ขรณ์ ภายหลังตดั เหลือเพียงวดั ทองธรรมชาต

ที่ ๑ และกรมหม่ืนนรินทรพิทักษ์ (หม่อมมุก) พระภัสดา มี รัชกาลที่ ๓ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานแก

ศรัทธาบูรณปฏิสังขรณ์วัด แต่การดำเนินงานมีอันต้องชะงักลง เจ้าจอมมารดาน่ิม พระมารดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

89

พระอโุ บสถเปน็ อาคารไทยประเพณีแบบทรงโรงมี “จ่ันหบั ” ศลิ ปะสมยั อยุธยาตอนปลาย


กรมพระยาเดชาดิศร และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานสมโภชเป็น เคยเป็นที่ต้ังของโรงพักสินค้าและเก็บอากรของบริษัทชาวจีน

เวลา ๓ วัน ๓ คืน ในอดีต พื้นที่บริเวณโดยรอบของวัด
ซึ่งรู้จักกันในช่ือว่า “วังค้างคาว” ท้ังยังเคยเป็นห้างร้านและ

ทองธรรมชาติเป็นท่ีตั้งของชุมชนชาวสวนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย บ้านพักของบรรดาพ่อค้าชาวจีนตระกูลต่างๆ ได้แก่ บ้าน

ผลไม้นานาชนิด ดังท่ีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) หวั่งหลี หมู่ตึกฮวยจุ่งโล้ง (ท่าเรือกลไฟ) บ้านโปก่ีของตระกูล
เขียนบรรยายไว้ในหนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ เมื่อครั้ง
โปษยานนท์ บ้านตระกูลพิศาลบุตร (ท่าน้ำท่าดินแดง

ที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพระคลังสวน ถึงพื้นท่ีบริเวณโดย ในปจั จุบัน) ซ่ึงตั้งเรยี งรายอยูต่ ามรมิ แมน่ ำ้ เจา้ พระยาอีกด้วย

รอบของวัดทองธรรมชาติว่า มีการปลูกผลไม้อย่างหนาแน่น นอกจากจะเป็นที่ต้ังของย่านชุมชนและย่านการค้า

เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง มะปราง ลางสาด หมากพลู ท่ีสำคัญในอดีตแล้ว วัดทองธรรมชาติยังมีสถาปัตยกรรมและ
เปน็ ตน้
ศิลปกรรมควรค่าแก่การศึกษา โดยเฉพาะพระอุโบสถ
ด้วยทำเลท่ีตั้งของวัดอยู่บริเวณพระนครตอนใต้ ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมไทยประเพณีแบบทรงโรงมี “จั่นหับ” (หลังคา

เส้นทางออกสู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย ส่งผลให้ ที่คลุมเฉลียง) ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าบันสลักไม้
บรรดาพ่อค้าคหบดีชาวจีนเข้ามาตั้งบ้านเรือน ท่าเรือ และ เป็นรปู เทพนมลายก้านขด ฝีมอื ช่างสกลุ อยธุ ยา

โกดังเก็บสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณต้ังแต่ท่าเรือ ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ีแสดงให้เห็น
ท่าดินแดงลงมาทางใต้ ซึ่งเป็นท่าจอดเรือสินค้านานาชาติ ท้ัง ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและชุมชนในสมัยของรัชกาล

เรือสินคา้ จากจนี มลายู และชาติทางตะวนั ตก
ที่ ๓ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาพมมุ สูงบรเิ วณป้อมมหาไชย
ปัจจุบันน้ี ยังคงมีอาคารโกดังเก่าหลงเหลืออยู่ เช่น
(ย่านวังบูรพาในปัจจุบัน) แสดงภาพห้องแถว ห้างร้าน และ

โรงเกลอื แหลมทอง โกดังเซ่งกเ่ี ก็บเคร่ืองเทศ รงั นก หนงั สัตว์ ท่ีอยู่อาศัยของชาวไทยและชาวจีนในยุคท่ีเศรษฐกิจการค้าของ
เป็นต้น ส่วนบริเวณท้ายถนนเชียงใหม่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สยามเจริญร่งุ เรืองถงึ ขดี สดุ


90

พระอุโบสถวดั มหาพฤฒารามวรวหิ าร


วดั มหาพฤฒารามวรวิหาร

วัดมหาพฤฒารามตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม เป็นวัด
โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยใด เดิมช่ือวัด พระพทุ ธไสยาสน์ประดิษฐานภายในพระวิหารพระพทุ ธไสยาสน์

ท่าเกวียน มีตำนานเล่าว่า พระเจ้าอู่ทองทรงหนีโรคห่า
(อหวิ าตกโรค) มาพักกองเกวยี นบรเิ วณนี้ บางตำนานกล่าววา่
บริเวณนี้เป็นท่ีพักหมู่เกวียนของพ่อค้าท่ีเดินทางมาจากหัวเมือง
ต่างๆ ดังปรากฏศิลปกรรมรูปเกวียนติดที่บานประตูและบาน
หนา้ ต่างพระอุโบสถ ซ่ึงสนั นษิ ฐานวา่ เป็นที่มาของช่อื วดั


พ.ศ. ๒๓๙๓ พระวชิรญาณมหาเถร (พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) เสด็จมาประทับ

ณ วัดนอก (วัดบรมนิวาส) และเสด็จมาทรงถวายผ้าพระกฐิน

ณ วัดท่าเกวียน ในสมัยที่พระอธิการแก้วเป็นเจ้าอาวาส

พระอธิการแกว้ เป็นพระเถระผูใ้ หญท่ ่ีมีอายุถงึ ๑๐๗ ปี แต่ยังมี
สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ท่านได้จับพระหัตถ์พระวชิรญาณ

มหาเถร พรอ้ มกบั พยากรณว์ า่ “จะไดเ้ ปน็ เจา้ ชวี ติ ในเร็วๆ นี”้
พระวชิรญาณมหาเถรทรงรับสงั่ ตอบว่า “ถา้ ไดค้ รองแผน่ ดนิ จรงิ
จะมาสรา้ งวดั ให้อยู่ใหม”่


91

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้
ตัดถนนกรุงเกษม เลียบคลองผดุงกรุงเกษมข้ึนเมื่อ พ.ศ.
๒๔๓๕ เชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง ถนนข้าวหลาม ถนน
ทรงวาด ถนนเยาวราช ทำให้บริเวณนี้ก่อเกิดเป็นย่านการค้า
ที่ขยายมาจากย่านสำเพ็ง ชาวจีนเรียกย่านการค้าแห่งนี้ว่า

“ตัก๊ ลกั เกีย้ ” ซง่ึ แปลเป็นไทยว่า “ตลาดนอ้ ย”

ภายในวัดมหาพฤฒารามมีปูชนียวัตถุและปูชนียสถาน

ที่น่าสนใจ ได้แก

พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี สร้าง
ข้ึนในสมัยของรัชกาลท่ี ๔ แทนพระอุโบสถหลังเดิม หลังคา

ทำช้ันลด ๒ ช้ัน อย่างพระอารามหลวง หน้าบันทำปูนป้ัน
ลงรักปิดทอง ประดับกระจกเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ
จติ รกรรมฝาผนงั เรอ่ื งธดุ งควตั ร ๑๓ ภายในพระอโุ บสถ
ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า ภายในบุษบกซึ่งอยู่เหนือช้าง
ไอยราพต ๓ เศียร กระหนาบด้วยฉตั ร ๗ ช้นั แวดล้อมดว้ ย
ครั้นเม่ือเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ รัชกาลที่ ๔
ลายกนกเปลวอันจำลองมาจากพระราชลญั จกรในรชั กาลที่ ๔

ทรงระลึกถึงพระราชดำรัสท่ีทรงรับสั่งกับพระอธิการแก้ว
บานประตูและบานหน้าต่างด้านนอกทำลายรูปเกวียน
วัดท่าเกวียน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดท่าเกวียนใหม่ทั้ง เทียมโคและชา้ งเผือก เหนือขึน้ ไปเป็นรปู เทวดากำลังเหาะ ถอื
พระอาราม โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต พานประดิษฐานพระมหาพิชัยมงกุฎ เหนือพระมหาพิชัยมงกุฎ
บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยเป็นแม่กองในการ มีฉัตรเปล่งรัศมี หมายถึง รัชกาลท่ี ๔ เสด็จข้ึนครองราชย์
ก่อสรา้ ง ระหวา่ งการซ่อมแซมวดั พระภิกษุสามเณรในวัดยา้ ย ตามคำพยากรณ์ ด้านในเขียนลายรดน้ำ ภายในพระอุโบสถ
ไปพำนักท่ีวัดปทุมคงคาเป็นการช่ัวคราว แต่สมเด็จเจ้าพระยา ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ฝาผนังพระอุโบสถ
บรมมหาพิไชยญาติถึงแก่พิราลัยเสียก่อนใน พ.ศ. ๒๔๐๐ เขียนรูปธุดงควัตรของพระสงฆ์ ๑๓ ประการ (ธุดงควัตร
รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่น
หมายถึง กิจวัตรของการธุดงค์ท่ีพระพุทธเจ้าทรงอนุญาต

ภูมินทรภักดี (พระองค์เจ้าลดาวัลย์ ต้นราชสกุล ลดาวัลย์)
มี ๑๓ วิธี จัดเป็นข้อสมาทานละเว้นและข้อสมาทานปฏิบัติ)
ผกู้ ำกับกรมชา่ งสบิ หมู่ ทรงรับจัดการสร้างตอ่ การก่อสร้างเริม่ เชน่ ละเวน้ ใช้ผา้ ท่ปี ระณตี เหมือนท่ีคหบดใี ช้ สมาทานถือใชแ้ ต่
ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๙๗-๒๔๐๙ เป็นเวลา ๑๒ ปี เม่ือแล้วเสร็จ ผา้ บังสกุ ลุ ทีเ่ ขาทง้ิ แล้ว เป็นตน้

โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อวัดท่าเกวียนเป็นวัดตะเคียน เพราะ พระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระอุโบสถ
เหตุท่ีบริเวณวัดในสมัยน้ันมีต้นตะเคียนใหญ่หลายต้น ได้เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (รัชกาลที่ ๕)

ร่มเงาให้พวกเกวียนได้อาศัย ภายหลังโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยน มีพระราชศรัทธาทรงสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดข้ึนเพ่ือเป็นพระราช
ช่ือวัดตะเคียนเป็นวัดมหาพฤฒาราม เพื่อเป็นเกียรติแด
่ กุศลร่วมกับสมเด็จพระบรมชนกนาถ หน้าบันพระวิหารจึงทำ
พระอธกิ ารแกว้ ทไ่ี ดร้ บั สถาปนาสมณศกั ดท์ิ พ่ี ระมหาพฤฒาจารย์ เป็นจุลมงกุฎประดิษฐานอยู่เหนือพานแว่นฟ้า ๒ ข้างพาน

(แกว้ ) และเปน็ ผ้ถู วายคำพยากรณ์เมือ่ ครงั้ ยงั ทรงผนวช
กระหนาบด้วยฉัตร ๕ ชั้น ซ่ึงจำลองมาจากพระราชลัญจกร

บริเวณวัดมหาพฤฒารามเคยเป็นย่านชุมชนมาแต่สมัย ในรัชกาลท่ี ๕ คู่กับหน้าบันพระอุโบสถที่ประดิษฐาน

อยุธยา ด้วยเป็นที่พักหมู่เกวียนท่ีเดินทางมาจากหัวเมืองต่างๆ พระราชลญั จกรในรชั กาลท่ี ๔

แต่มีราษฎรอาศัยอยู่เบาบาง จนเม่ือรัชกาลท่ี ๔ โปรดเกล้าฯ ภายในวัดยังมีส่ิงสำคัญอ่ืนๆ เช่น พระวิหารพระพุทธ
ให้ขุดคลองผดุงกรุงเกษมขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ เพื่อขยาย ไสยาสน์ พระปรางค์ ๔ องค์ ซุ้มประตกู ำแพงแกว้ มีลวดลาย
พระนครออกไป จึงสง่ ผลให้ราษฎรทั้งชาวไทย จีน ญวน และ ปูนป้ันที่หน้าบันเป็นตราแผ่นดินในรัชกาลที่ ๕ และหมู่กุฏ

มอญเริ่มเข้ามาต้ังถ่ินฐานอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษมใกล้กับ แบบไทยในเขตสังฆาวาส

บริเวณวัดมากย่ิงขึ้น ต่อมา สมัยของพระบาทสมเด็จ


92

พระวหิ ารหลวงวัดโสมนัสราชวรวิหาร


วดั โสมนสั ราชวรวหิ าร

วัดโสมนัสต้ังอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษมใกล้สะพาน พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ได้รับการสถาปนา

มัฆวานรังสรรค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สมเด็จพระวันรัต) จากวัดราชาธิวาสมาครองพระอาราม

รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนใน พ.ศ. ๒๓๙๖ เพื่อ ใน พ.ศ. ๒๓๙๙ พรอ้ มพระสงฆ์อกี ๔๐ รปู ทรงพระราชอทุ ศิ
เฉลิมพระเกียรติและอุทิศพระราชกุศลแก่สมเด็จพระนางเจ้า วิสุงคามสีมาและพระราชทานนามพระอารามว่า วัดโสมนัส
โสมนัสวัฒนาวดี พระอัครมเหสีพระองค์แรก ซึ่งสิ้นพระชนม์ วหิ าร ตามพระนามของพระอคั รมเหสี

ใน พ.ศ. ๒๓๙๕ ขณะมพี ระชนมายเุ พยี ง ๑๙ พรรษา ดว้ ยมี เมื่อแรกสร้างวัดโสมนัส บริเวณนี้เป็นเขตชานพระนคร

พระราชประสงค์ให้วัดโสมนัสเป็นพระอารามหลวงริมคู มีราษฎรอาศัยอยู่อย่างเบาบาง ส่วนใหญ่เป็นข้าพระหรือ
พระนครคู่กับวัดพระนามบัญญัติ (วัดมกุฏกษัตริยาราม)
“เลกวัด” ท่ีพระราชทานแด่พระอารามที่โปรดเกล้าฯ ให้
ท่ีโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นก่อนหน้าเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา สถาปนาขึ้นใหม่ ต้ังถิ่นฐานอยู่โดยรอบพระอารามเพ่ือคอย

ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดกุฎีดาว อุปฐากพระภิกษุสงฆ์ และยังมีชาวมอญอีกกลุ่มหนึ่งอพยพ

บริเวณคูเมืองตรงข้ามกับวัดสมณโกฏของพระมเหสี โดย เข้ามาต้ังรกรากอยู่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมและตำบล
พระราชทานพระราชทรัพย์อันเป็นส่วนของสมเด็จพระนางเจ้า สนามควายหรือตำบลบ้านอีเลิ้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดโสมนัส
โสมนัสวัฒนาวดีเป็นทุนในการก่อสร้างเสนาสนะและส่ิง เท่าใดนัก

ก่อสร้างต่างๆ ในพระอาราม
สมยั ของรัชกาลท่ี ๕ เม่ือโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวงั
เม่ือการสถาปนาพระอารามแล้วเสร็จ โปรดเกล้าฯ ให้ ดุสิตและวังเจ้านายข้ึนริมคลองผดุงกรุงเกษมต้ังแต่ พ.ศ.
อาราธนาพระอรยิ มนุ ี (ทับ พุทธสิริ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จ ๒๔๔๑ เป็นต้นมา ได้มกี ลมุ่ ข้าราชบริพารของเจ้านายพระองค์

93

หอระฆังและหอกลองทำเปน็ หอกลมแปลกกวา่ วดั อื่นๆ
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั เรอื่ งอเิ หนาภายในพระวหิ ารหลวง


ต่างๆ ยา้ ยเข้ามาตัง้ บ้านเรอื นในบรเิ วณน้ีเป็นจำนวนมาก และ และพระอัครมเหสี ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่างเป็นปูนป้ัน ลงรัก
เมื่อมีโครงการตัดถนนตำบลดุสิต เช่น ถนนคอเส้ือ (ถนน ปิดทอง ประดับกระจกลายดอกพุดตาน มีตราพระมหามงกุฎ
พิษณุโลก) ถนนฮก (ถนนนครปฐม) ถนนลก (ถนนพระราม
อยู่ด้านบน บานประตูและบานหน้าต่างด้านนอกเขียนลาย
ท่ี ๕) เป็นต้น พร้อมกับสร้างทางรถราง เป็นผลให้บริเวณ
รดน้ำรูปสมบัติจักรพรรดิหรือจักรรัตนะท้ัง ๗ ของพระ
โดยรอบวดั เจรญิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ โดยมวี ดั โสมนสั เปน็ ศนู ยก์ ลาง จกั รพรรดริ าช เชน่ จกั รแก้ว ช้างแกว้ ม้าแกว้ นางแก้ว ฯลฯ

แห่งความศรทั ธาแหง่ หนึ่งของชุมชน
ภายในพระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อด้วย
วัดโสมนัสยังเป็นพระอารามท่ีมีความพิเศษและน่าสนใจ ทองสัมฤทธิ์ ตั้งอยู่ในบุษบก กระหนาบข้างด้วยพระอัครสาวก
คอื เป็นวดั ท่มี ีสีมา ๒ ชัน้ ซ่ึงเกิดจากพระราชดำรขิ องรชั กาล
ซ้ายขวา เป็นพระพุทธรูปที่หล่อขึ้นในพระบรมมหาราชวังและ
ท่ี ๔ ด้วยทรงเห็นว่า หากมีการทำสังฆกรรมต่างลักษณะ
พระราชทานพระอาราม ผนงั ดา้ นในพระวหิ ารมภี าพจติ รกรรม
เกิดข้ึนพร้อมกัน ย่อมไม่สามารถใช้พระอุโบสถเพียงแห่งเดียว เล่าเรื่องอิเหนา อสุภกรรมฐาน ธุดงควัตร ที่เสาเขียนภาพ
กระทำร่วมกันได้ จึงทรงกำหนดให้มีสีมาอีกลักษณะหนึ่ง
ปริศนาธรรม ซง่ึ มีความโดดเดน่ ในดา้ นอาคาร สถาปตั ยกรรม

เรียกว่า “มหาสีมา” หมายถึง สีมาขนาดใหญ่ล้อมสีมาเล็ก ท่ีปรากฏในภาพล้วนได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก

(พทั ธสมี า) ไวอ้ กี ชน้ั หนง่ึ เพือ่ ให้ทุกพื้นทีข่ องวัดนนั้ สามารถทำ พระวิหารหลวงมีระเบียง ๓ ด้าน สุดระเบียงเป็นประตูเข้าสู่
สงั ฆกรรมได้ เช่น พระวหิ ารหลวง ศาลาราย ศาลาการเปรียญ พระวิหารคดและพระเจดียซ์ ่ึงประดิษฐานพระบรมสารีริกธาต

หรือแม้แต่กุฎิสงฆ์ อย่างไรก็ดี เพ่ือมิให้การทำสังฆกรรมต้อง พระอุโบสถตั้งอยู่ด้านหลังพระเจดีย์นอกระเบียง

“สังกระ” หมายถึง คาบเก่ียวซ้อนกันขึ้นระหว่างมหาสีมาและ พระวิหารคด เป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระวิหารหลวง

พัทธสีมา จึงมีการกำหนดพ้ืนที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้คั่นระหว่าง แต่มีขนาดย่อมกว่า หน้าบันเป็นปูนป้ัน ประดับกระเบื้อง
สีมาทั้ง ๒ น้ัน เรียกว่า “สีมันตริก” วัดท่ีมีมหาสีมา ได้แก่
เคลอื บสี ตรงกลางเป็นพระราชสญั ลกั ษณข์ องรัชกาลท่ี ๔ และ
วัดโสมนัส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐ์
พระอัครมเหสี ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายดอกพุดตาน

สถติ มหาสมี าราม และวัดมกุฏกษตั ริยาราม
ปูนปั้น ลงรักปิดทอง ประดับกระจก บานประตูและบาน
วัดโสมนัสมีความพิเศษอยู่ท่ีแผนผังการสร้างพระอาราม หน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำเช่นเดียวกับพระวิหารหลวง
คล้ายคลึงกับวัดในสมัยสุโขทัย อยุธยา และล้านนา กล่าวคือ ด้านในเขียนภาพเนื้อที่ห้ามภิกษุฉัน ๑๐ ชนิด และเรื่องผลไม้

มีพระวิหารหลวงอยู่ด้านหน้าพระเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วย ทท่ี ำนำ้ อฏั ฐบาน ๘ ชนิด ภายในประดษิ ฐานพระประธานนาม
พระวหิ ารคด และมีพระอโุ บสถอยู่ด้านหลัง
วา่ พระสมั พทุ ธสริ ิ

พระวิหารหลวงเป็นอาคารทรงไทยฐานสูง หลังคามุง วัดโสมนัสยังมีหอระฆังและหอกลองทรงกลมท่ีมีลักษณะ
กระเบื้อง ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันประดับด้วยกระเบื้อง แปลกกวา่ พระอารามอนื่ คือ สร้างเปน็ หอกลม หลงั คาแบบจนี
เคลือบสีและสีทอง ทำเป็นพระราชสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ ๔ เจาะหน้าตา่ งเป็นชอ่ งลม


94

วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ ารยงั คงต้ังตระหงา่ นเปน็ ศนู ยก์ ลางความศรทั ธาของคนกรงุ เทพฯ

ทา่ มกลางความเจริญทางด้านวตั ถแุ ละความเปล่ียนแปลงทางสังคมอยา่ งไม่หยดุ ยง้ั


วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร

วัดปทุมวนารามต้ังอยู่บริเวณย่านปทุมวัน ศูนย์กลาง สระทางด้านเหนือเรียกว่า “สระใน” สระทางด้านใต้
เศรษฐกจิ การค้าทสี่ ำคัญของกรุงเทพฯ ในปัจจบุ นั
เรียกวา่ “สระนอก” ปลูกบัวพนั ธ์ตุ ่างๆ ไวใ้ นสระ ทางฝ่งั เหนือ
ในอดีต ที่ตั้งของวัดปทุมวนารามอยู่ในพื้นท่ีนาหลวง
ของสระในกอ่ กำแพงลอ้ มกน้ั เปน็ เขตพระราชฐาน ภายในสร้าง
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระนคร พ.ศ. ๒๓๙๖ พระท่ีน่ัง ๒ ชั้น คือ พระท่ีนั่งประทุมมาภิรมย์ สำหรับเป็น

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ โปรดเกลา้ ฯ ที่ประทับแรมตั้งอยู่ริมสระ มีพลับพลาที่ประทับ เรือนฝ่ายใน
ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือ โรงครัว และโรงละคร ส่วนสระนอกให้เป็นท่ีเล่นเรือของ
สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย เป็นแม่กองขุดตกแต่งบริเวณ ขา้ ราชการและราษฎรทว่ั ไป พระราชทานชอื่ บรเิ วณนว้ี า่ ปทมุ วนั

ขอบเขตนาหลวง ซ่ึงเป็นที่ลุ่มต่ำน้ำขังอยู่เสมอให้เป็นสระบัว เม่ือสร้างสระบัวแล้วเสร็จ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดข้ึน

และโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองอรชร (เป็นคลองท่ีขนานไปกับ ที่ริมฝั่งตะวันตกของสระนอก เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ

ถนนสนามม้าหรือถนนอังรีดูนังต์) ไขน้ำจากคลองแสนแสบ
พระเทพศิรินทรา บรมราชินี พระอัครมเหสีพระองค์ท่ี ๒
ทำทางเดนิ เรอื เข้ามาในสระ ๒ สระ ใหเ้ ชอื่ มตอ่ ถึงกัน (บรเิ วณ (สมเดจ็ พระราชชนนใี นพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ศนู ยก์ ารคา้ สยามพารากอนและเซน็ ทรลั เวิลดใ์ นปจั จบุ นั )
รัชกาลที่ ๕) พระราชทานชื่อวา่ วัดปทมุ วนาราม แต่ชาวบ้าน
นิยมเรียกวา่ วัดสระปทุมหรือวัดสระ


95

แผนที่แสดงที่ต้งั วัดปทมุ วนารามราชวรวิหารในสมัยของพระบาท เม่ือการก่อสร้างพระอารามแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๐๔
สมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๖
รัชกาลท่ี ๔ มีพระราชดำริที่จะจัดการสมโภชพระอาราม

(หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ)
ครงั้ ใหญ่ แตก่ ารณไ์ มส่ มดงั พระราชประสงค์ ดว้ ยในปเี ดยี วกนั น้ี
สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินีเสด็จสวรรคต งานฉลอง

จิตรกรรมเร่ืองศรีธนญไชยภายในพระวิหารหลวง
วัดปทุมวนารามจงึ จำตอ้ งเลือ่ นออกไป

สะท้อนวิถีชุมชนชาวลาวในอดตี

96 สนั นษิ ฐานว่า รชั กาลที่ ๔ ไมเ่ พยี งสร้างวดั ปทุมวนาราม
เพอ่ื เฉลิมพระเกยี รติพระอัครมเหสีเทา่ น้ัน หากแตย่ ังมีพระราช
ประสงค์เพื่อให้วัดปทุมวนารามเป็นเสมือนศูนย์กลางการขยาย
ขอบเขตพระนครให้กว้างขวางออกไปทางด้านตะวันออก

เพอื่ พัฒนาพื้นทบ่ี รเิ วณปทมุ วัน ซึง่ ในสมยั นั้นเปน็ เพยี งทงุ่ กว้าง
ชานพระนคร ใหพ้ ร้อมรองรบั ประชากรทีจ่ ะเพิ่มขึ้นในอนาคต


ท้องทุ่งปทุมวันแต่เดิมนั้นเป็นพื้นที่ทำนาหลวงและเป็น

ท่ีตั้งบ้านเรือนของครัวลาวท่ีถูกเทครัวมาหลังการปราบสมเด็จ
พระเจา้ อนวุ งศ์ (พระเจา้ ไชยเชษฐาธิราชที่ ๕) แหง่ เวียงจันทน์
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓

เมื่อรัชกาลที่ ๔ มีพระราชดำริให้สร้างวัดปทุมวนาราม

ได้โปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระครูกล่ำ พระภิกษุชาวลาว แขวง
จำปาศักด์ิ ซึ่งเคยเป็นพระฐานานุกรมเมื่อคร้ังที่ทรงผนวชเป็น
พระวชิรญาณมหาเถรครองวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นเจ้า
อาวาสวัดปทุมวนารามและพระราชทานสมณศักด์ิที่พระครู
ปทุมธรรมธาดา พร้อมกับโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสายน์
(พระใส) พระเสริม (พระเสิม) และพระแสน ซ่ึงเป็นท่ีเคารพ
ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวลาวมาประดิษฐานท่ีวัดปทุม
วนาราม โดยเฉพาะพระสายน์นั้น รชั กาลที่ ๔ มีพระราชดำริ
ว่า “...ลาวเลา่ ฦๅออกช่ือเชิดชวู า่ ศักด์สิ ิทธ.ิ์ ..” มฤี ทธิ์ดลบันดาล
ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็น
พระพุทธปฏิมาประธานประจำวัดปทุมวนาราม เพื่อเป็นเคร่ือง
ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวลาว ซึ่งต้ังถ่ินฐานอยู่ในบริเวณท้องทุ่ง
ปทมุ วัน


พระราชกุศโลบายผูกใจชาวลาวที่มีบ้านเรือนในแถบ

ท้องทงุ่ ปทุมวันยังมกี ารใหน้ ำนิทานเรื่อง “ศรีธนญไชย” ซ่ึงเป็น

ที่รู้จักกันในหมู่ชาวลาวและชาวไทยมาเขียนเป็นภาพจิตรกรรม
ฝาผนังภายในพระวหิ ารหลวง พุทธศาสนสถานแหง่ นจี้ งึ เปรียบ
เสมอื นบทบนั ทกึ หนา้ หนงึ่ ในประวตั ศิ าสตรข์ องกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์และการสอดประสานกัน
อย่างกลมเกลียวในทางวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยกับชาวลาว
อันเป็นชนชาติที่มีความใกล้ชิดมีวิถีชีวิตท่ีเรียบง่ายและเคารพ
นบั ถือพระพุทธศาสนาเชน่ เดยี วกนั


วัดปทุมวนารามมีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่น่า
สนใจ ไดแ้ ก


พระเสริมและพระแสนประดิษฐานภายในพระวหิ ารหลวง


พระเจดีย์ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็น
เจดีย์ทรงระฆัง ภายในพระเจดีย์ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
จำลอง พระพุทธปฏมิ าไสยาสน์ และพระบรมสารีริกธาต

วัดปทุมวนารามยังเป็นท่ีตั้งของพระสถูปเจดีย์ที่
ประดิษฐานของพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคาร และ
พระอฐั ิของเจ้านายราชสกุลมหิดลอกี ดว้ ย

พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ
ในอดีต พ้ืนท่ีบริเวณโดยรอบวัดปทุมวนารามนอกจาก

จะเป็นชุมชนท่ีอยู่อาศัยของชาวลาวแล้ว นับแต่สมัยของ
รัชกาลท่ี ๕ เป็นต้นมา ยังมีชาวจีนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน

พระอุโบสถเป็นอาคารไทยประเพณีแบบทรงโรง หลังคา ในบริเวณน้ีเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ

ทำเปน็ มขุ ลด ๒ ช้นั ประดบั ช่อฟ้า ใบระกา หนา้ บันประดบั ทำสวนผัก

ดว้ ยเครอื่ งลำยองนาคสะดุ้งแบบไทยประเพณี ลวดลายหนา้ บัน นับแต่ พ.ศ. ๒๕๐๔ เม่ือรัฐบาลประกาศใช้แผนพัฒนา
เป็นเคร่ืองไม้แกะสลัก ลงรักปิดทอง ประดับกระจกส
ี เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซ่ึงมุ่งเน้นการสร้างความเจริญ
ตอนกลางทำเป็นรูปมงกุฎ มีกระบังทอดเหนือพานแว่นฟ้า ทางวตั ถุ พ้นื ท่ยี ่านปทมุ วนั เปล่ยี นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ มกี าร
ตอนล่างผูกเป็นลายกอบัว ใบบัว และฝักบัว อยู่บนคล่ืนน้ำ
ก่อสร้างโรงภาพยนตร์ โรงโบว์ล่ิง ลานสเกตน้ำแข็ง และ
มปี ลาแหวกว่าย
ศูนย์การค้า (เป็นที่รู้จักกันในช่ือสยามสแควร์ในเวลาต่อมา)
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระสายน์หรือพระใส เป็นผลให้วัดปทุมวนารามพัฒนาจากวัดริมชานพระนครมาเป็น
พระพทุ ธรปู หลอ่ ปางมารวิชัย ศลิ ปะลา้ นชา้ ง ฝาผนังเขียนภาพ พระอารามใจกลางย่านการค้าและธุรกิจท่ีสำคัญท่ีสุดแห่งหนึ่ง
จิตรกรรมเล่าเร่ืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซ่ึงแตกต่างจากวัดท่ัวไป ของกรุงเทพฯ

ท่มี กั เขียนภาพพทุ ธประวัตหิ รือทศชาตชิ าดก
ท่ามกลางความเจริญทางด้านวัตถุและการเปลี่ยนแปลง
พระวิหารหลวงเป็นอาคารไทยประเพณีแบบทรงโรง ทางสังคมอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบัน วัดปทุมวนารามได้ฟื้นฟู
ภายในประดษิ ฐานพระเสริมและพระแสน พระพุทธรปู ปางมาร ประเพณีการแห่ปราสาทผ้ึง ซ่ึงเป็นประเพณีโบราณของชุมชน
วิชัย และเขียนจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าใน
ชาวลาวท่ีเคยอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงข้ึนมาอีกคร้ังหลังจาก
ภัทรกัป กระบวนเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ศรีธนญไชย ห่างหายไปกว่า ๖๗ ปี เพ่ือรักษาขนบ ธรรมเนียมประเพณ

และการทอดผา้ ปา่ วิเศษท่ีวดั ปทมุ วนาราม
อนั ดีงามให้อยูส่ ืบต่อไปในอนาคต


97

พระวหิ ารหลวงวัดมกฏุ กษตั ริยารามราชวรวิหาร


วัดมกุฏกษัตรยิ ารามราชวรวหิ าร

วัดมกุฏกษัตริยารามต้ังอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม
รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง
ใกล้กับวัดโสมนัส เป็นพระอารามที่พระบาทสมเด็จ บุนนาค ต่อมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์)
พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลที่ ๔ มพี ระราชดำรใิ หส้ ถาปนา จางวางมหาดเลก็ เป็นแมก่ องในการก่อสรา้ ง และพระเจ้าบรม
ขึ้นภายหลังการขุดคลองผดุงกรุงเกษมและการสร้างวัดโสมนัส วงศเ์ ธอ กรมขนุ ราชสีหวิกรม (พระองคเ์ จา้ ชมุ สาย ตน้ ราชสกลุ
เพื่ออุทิศพระราชกุศลแก่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ชมุ สาย) ซงึ่ ทรงกำกบั กรมชา่ งสบิ หมแู่ ละกรมชา่ งศลิ า ทรงเปน็
พระอัครมเหสีพระองค์แรกแล้ว ด้วยมีพระราชดำริว่า สมัย นายช่าง

อยุธยามีการสร้างวัดเรียงรายตามคูเมือง เช่น สมเด็จพระเจ้า เม่อื ก่อสรา้ งเสนาสนะแลว้ เสรจ็ บางส่วน โปรดเกลา้ ฯ ให้
อยู่หัวบรมโกศทรงสถาปนาวัดกุฎีดาว ริมคูเมือง ตรงข้ามกับ อาราธนาพระจันทรโคจรคุณ (ย้ิม จนฺทรสี) มาครองวัด และ
วัดสมณโกฏิของพระมเหสี จึงมีพระราชประสงค์จะสร้างวัด พระภิกษุสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวิหารจำนวน ๒๐ รูป มาจำ
ส่วนพระองค์ค่กู บั วดั โสมนัส
พรรษา พระราชทานนามว่า วัดมกุฏกษัตริยาราม แต่เมื่อ


98


Click to View FlipBook Version