The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-03-26 01:41:45

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัด

Keywords: บางกอก,วัด

พระอุโบสถวัดดาวดึงษาราม


วดั ดาวดึงษาราม

วัดดาวดึงษารามตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี เมื่อเหตุการณ์คล่ีคลายไปในทางที่ดีแล้ว เจ้าจอมแว่น

สร้างข้ึนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงสร้างวัดขนาดเล็กขึ้น อุโบสถและเสนาสนะสงฆ์สร้างด้วย
มหาราช รัชกาลท่ี ๑ โดยเจ้าจอมแว่นหรือ “คุณเสือ”
ไม้แก่น และนิมนต์พระอาจารย์อิน ผู้ทรงคุณวิเศษด้าน
พระสนมเอกชาวเวียงจันทน์ในรัชกาลท่ี ๑ เพื่อแก้บนเร่ืองท่ี วิปัสสนาธุระรูปหนึ่งในสมัยนั้น มาครองวัด ชาวบ้านจึงเรียก
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (พระบาท กนั วา่ วดั ขรวั อิน

สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒) ทรงรักใคร่ ในสมัยของรัชกาลที่ ๒ เม่ือเจ้าจอมแว่นถึงแก่กรรมแล้ว
ชอบพอกับสมเด็จเจ้าฟ้าบุญรอด (สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา
“อนิ ” ขา้ ราชการฝ่ายในและญาติของเจ้าจอมแว่น ปฏสิ ังขรณ์

บรมราชินี) พระธิดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า วัดน้ีใหม่ทั้งวัด โดยปรับปรุงเสนาสนะสงฆ์จากไม้เป็นตึกและ
กรมพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอในรัชกาลที่ ๑ สร้างอโุ บสถหลงั ใหม่ข้ึนทดแทนหลังเดมิ ท่ีทรุดโทรมมาก

กระท่ังทรงพระครรภ์ ทำใหร้ ัชกาลที่ ๑ ทรงกรว้ิ มาก
ด้วยเหตุท่ีทั้งผู้ซ่อมแซมวัดและเจ้าอาวาสมีนามว่า อิน
เจ้าจอมแว่นรักเจ้าฟ้าท้ัง ๒ พระองค์นี้มาก จึงบนบาน เหมอื นกนั รชั กาลท่ี ๒ จงึ พระราชทานนามวดั วา่ วดั ดาวดงึ ษา
ว่า หากเรื่องคล่ีคลายไปในทางท่ีดีแล้ว จะสร้างวัดถวายไว้ใน สวรรค์ ซงึ่ เป็นชอื่ สวรรคช์ ัน้ ที่พระอนิ ทรส์ ถติ อย่

พระพทุ ธศาสนาวัดหน่ึง


149

ภาพจิตรกรรมภายในพระอโุ บสถ
ซมุ้ ประตูพระอุโบสถเป็นปนู ปน้ั ประดบั กระจกสี

บานประตูดา้ นนอกเขยี นลายรดน้ำรูปท้าวจตโุ ลกบาล


ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กระจกสี ประดิษฐาพระราชสญั ลักษณ์ “ปราสาท” ของรชั กาล
รชั กาลท่ี ๓ จมน่ื ราชามาตย์ (ทองปาน ปาณกิ บุตร ตอ่ มาเปน็ ท่ี ๓ บานหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำเรื่องทศชาติและ
พระยามหาเทพเสพกษตั รยิ ์) เจ้ากรมพระตำรวจในซ้าย ซงึ่ ต้งั พุทธประวัติ ประตูด้านนอกเขียนลายรดน้ำรูปท้าวจตุโลกบาล
บา้ นเรือนอยู่ใกลว้ ัดดาวดงึ ษาสวรรค์ มีจติ ศรัทธาปฏิสังขรณว์ ัด ด้านในเขียนรูปทวารบาลถือพระขรรค์ยืนแท่นมียักษ์แบก
ขึน้ อีกครง้ั และถวายเปน็ พระอารามหลวง จึงได้รับพระราชทาน ระบายสีงดงาม ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปูน
เปล่ียนนามให้ใหม่วา่ วดั ดาวดึงษาราม
ป้ันปางสมาธิ ลงรักปิดทอง กระหนาบข้างด้วยพระอัครสาวก
หลังจากการปฏิสังขรณ์ในสมัยของรัชกาลที่ ๓ แล้ว
ซ้ายขวา

ในรัชกาลต่อๆ มาก็ได้มีการปฏิสังขรณ์เร่ือยมา แต่เป็นเพียง ภาพเขียนจิตรกรรมของพระอารามน้ีโดดเด่นแปลกตา
การซ่อมแซมเล็กน้อยเท่านั้น พระอุโบสถจึงชำรุดทรุดโทรมลง กวา่ วดั อ่ืนๆ ตรงทม่ี ีการเขยี นผนงั ด้านหนา้ ของเฉลียงหอ้ งหนึง่
เปน็ อย่างมาก กระท่งั พ.ศ. ๒๕๐๔ คญุ หญงิ กลาโหมราชเสนา
เป็นเร่ืองพระพุทธโฆษาจารย์ไปแปลพระไตรปิฎกท่ีลังกา มีรูป
(มิ ปาณิกบุตร) มีจิตศรัทธาบูรณะพระอุโบสถให้กลับคืนสู่ เศรษฐีปลูกตึกแบบจีนอยู่ริมน้ำ มีเรือนแพจอดอยู่เรียงราย
สภาพเดมิ เพื่ออุทิศเปน็ ส่วนกศุ ลแก่บรรพบุรุษ
และภาพผู้คนกำลังประกอบกิจกรรมต่างๆ อันแสดงให้เห็นถึง
สง่ิ สำคญั ภายในพระอาราม ไดแ้ ก
่ ความเป็นอยู่ของประชาชนในสมัยนั้น นอกจากน้ี ยังมีภาพ
พระอุโบสถเป็นอาคารไทยประเพณีก่ออิฐถือปูน หลังคา จติ รกรรมทน่ี า่ สนใจ เชน่ บานหนา้ ตา่ งดา้ นนอกของพระอโุ บสถ

ทำมุขลด ๒ ช้ันอยา่ งพระอารามหลวง ประดบั ช่อฟ้า ใบระกา เขียนลายรดน้ำเล่าเรื่องทศชาติและพุทธประวัติ ประตู

หางหงส์ หน้าบันทำด้วยไม้สักสลักเป็นรูปดอกไม้ใหญ่ประดับ ด้านนอกเขียนรูปท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ด้านในเป็นรูปทวารบาล
กระจกปิดทอง ประตูหน้าต่างทำเป็นซุ้มดอกไม้ปูนปั้นประดับ ถือพระขรรค์ยนื แท่นมียักษแ์ บก เป็นต้น


150

พระอุโบสถ (ซ้าย) พระวิหาร (ขวา) วัดเศวตฉัตรวรวิหาร


วดั เศวตฉัตรวรวิหาร


วัดเศวตฉตั รต้งั อยู่รมิ ถนนเจรญิ นคร คลองสาน ฝงั่ ธนบรุ ี คร้ันถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
หนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๑ ของกอง
รัชกาลท่ี ๒ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์
พุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า (พระองค์เจ้าฉัตร ต้นราชสกุล ฉัตรกุล) พระราชโอรส

วัดเศวตฉัตรเป็นวัดท่ีสร้างข้ึนในปลายสมัยอยุธยา แต่ไม่ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาล

ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง มีเพียงพระอุโบสถเก่าแก
่ ท่ี ๑ ทรงดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ให้สมบูรณ

ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาเป็นหลักฐาน
เสียใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๙ อันเป็นช่วงปลายสมัยของรัชกาล

โดยปรากฏชือ่ ทีช่ าวบา้ นนิยมเรยี กแตกตา่ งกนั ไปหลายชือ่ เช่น ท่ี ๒ โดยโปรดเกล้าฯ ให้ร้ือพระตำหนักของพระองค์ไปสร้าง
วดั แมลงภทู่ อง วดั กมั พฉู ตั ร วดั บางลำภใู น และวดั บางลำภลู า่ ง เป็นกุฏิหลังใหม่จำนวน ๕ หลัง ดังที่ปรากฏเป็นกุฏิของ

เปน็ ต้น
เจ้าอาวาสในปัจจุบัน พร้อมท้ังสร้างอุโบสถ วิหาร ศาลา

เดิมด้านหน้าวัดต้ังอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ความ
การเปรียญ และพระปรางค์ข้ึนใหม่ในท่ีต้ังปัจจุบัน แต่อุโบสถ
เชี่ยวกรากของสายน้ำทำให้ตะกอนดินถูกพัดมาทับถมที่ริมตลิ่ง เกา่ ยังอยทู่ เี่ ดมิ

ทำให้ตัววัดต้องห่างออกจากแม่น้ำมากข้ึน ดังจะเห็นจากท่ีต้ัง การบูรณปฏิสังขรณ์มาแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาท
ของพระอุโบสถหลังเดิมอยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำประมาณ ๕๐๐ สมเด็จพระนง่ั เกล้าเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี ๓ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
เมตร (ปัจจุบัน มีถนนเจริญนครตัดระหว่างวัดกับพระอุโบสถ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง

หลังเดิม)


151

ศูนย์การค้าและหมู่บ้านจัดสรรดังท่ีเป็นอยู่ในทุกวันนี้ แต่ถึง
กระนน้ั วถิ ีชีวติ ของผู้คนในย่านนย้ี ังคงผูกพนั อยกู่ ับสายนำ้ และ
ความสงบร่มเยน็ ของวดั วาอารามเก่าแกเ่ ชน่ เดิม

ส่งิ สำคญั ในพระอาราม ได้แก

พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมนอกอย่างตามพระราช
นิยมในรัชกาลท่ี ๓ หลังคาทำชั้นลด ๒ ช้ัน ไม่มีช่อฟ้า
ใบระกา หน้าบันตอนบนประดับลายปูนป้ันรูปดอกไม้

ตอนล่างเป็นกระเบ้ืองเคลือบรูปสัตว์ต่างๆ ภูเขา ต้นไม้ และ
ดอกไม้แบบจีน ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับลายปูนป้ัน

รูปดอกไม้ บานประตูและหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำ

รูปฉตั ร ๕ ชั้น กบั รปู พมุ่ ข้าวบิณฑ์ ผนังภายในเขียนเปน็ ลาย
ดอกไมร้ ว่ ง

หลวงพ่อโบสถบ์ น พระประธานปางสมาธิ สานดว้ ยไม้ไผ่ พอกปนู ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปาง
ลงรกั ปิดทอง ประดษิ ฐานในพระอุโบสถหลงั เกา่

นาคปรก แต่ลักษณะดูจะเป็นพระปางมารวิชัยมาก่อน ต่อมา
ดังปรากฏหลักฐานในจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓ ตอนท่ีว่าด้วย จึงต่อเศียรพระยานาคกับต้นจิกขึ้น ด้วยพระหัตถ์ขวากด
การปฏสิ ังขรณแ์ ละสร้างวัด พ.ศ. ๒๓๙๓ ว่า “...วัดเจ้าและวัด พระเพลาอย่างปางมารวิชัย

ขุนนางสร้างถวายเป็นวัดหลวงก็มี ไม่ได้ถวายก็มี กรมหม่ืน พระวิหารพระพุทธไสยาสน์เป็นพระวิหารหลังคา

สรุ ินทรรักษ์สร้างวัดหน่ึง...”
มุงกระเบ้ือง ปั้นลมปูนไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ประดิษฐาน
ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธไสยาสน์มีพระนามว่า พระพุทธบัณฑูรพูลประดิษฐ
รชั กาลท่ี ๔ ไมเ่ พยี งแตโ่ ปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระราชทรพั ย์ สถิตไสยาสน์ ท่านพระครูวินัยสังวร (มูล) เจ้าอาวาสรูปแรก

เพ่ือดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นเท่าน้ัน เปน็ ผู้สร้างไว

หากแตย่ งั ไดพ้ ระราชทานนามวดั ใหมว่ า่ วัดเศวตฉตั ร เพอ่ื เป็น พระอุโบสถหลังเก่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา

อนุสรณ์แด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนสุรินทรรักษ์ ผู้ทรง ตอนปลาย หลังคาทำชัน้ ลด ๒ ชั้น มชี อ่ ฟ้า ใบระกา ภายใน
ทำนุบำรุงวดั มาแตก่ อ่ น
ประดิษฐานพระพุทธรูปซ่ึงลือเลื่องถึงความเก่าแก่และความ
พ้ืนท่ีบริเวณเขตคลองสานอันเป็นท่ีต้ังวัดเศวตฉัตรนี
้ ศักดิ์สิทธิ์ คือ พระพุทธสมาธิคุณสุนทรสมาทานบุราณสุคต
เป็นเส้นทางการค้าทางทะเลที่สำคัญมาแต่อดีต โดยเฉพาะ หรือทีช่ าวบา้ นนยิ มเรียกวา่ หลวงพ่อโบสถบ์ น เป็นพระพทุ ธรปู
อย่างยิ่งในสมัยอยุธยา ซ่ึงเป็นยุคเฟื่องฟูของย่านคลองสาน ปางสมาธิ สานด้วยไม้ไผ่แล้วพอกด้วยปูน ลงรักปิดทอง เป็น
ด้วยมีพ่อค้าวาณิชหลายชาติหลากภาษาพากันล่องเรือเข้ามา พระพุทธรูปเก่าแก่ท่ีสร้างขึ้นคู่กับวัดมาแต่สมัยอยุธยา
เพื่อติดต่อค้าขาย ทั้งชาวไทย ชาวจีน และชาวมุสลิม โดย
สันนิษฐานว่า ที่เรียกว่าหลวงพ่อโบสถ์บน เพราะองค์พระ
พากันมาต้ังบ้านเรือน เพาะปลูก และทำการค้าสืบเน่ืองมา ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังเก่า ซ่ึงตั้งอยู่ด้านทิศเหนือ
จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ย่านนี้ยังเคยเป็นแหล่งค้าเคร่ืองเทศ
ของพระอุโบสถหลงั ใหมท่ สี่ ร้างขน้ึ ในสมยั ของรัชกาลที่ ๓

และของป่าในอดีต ก่อนที่จะพัฒนาเป็นที่ต้ังของโกดังสินค้า ตามตำนานกลา่ ววา่ สมยั สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ เครอื่ งบนิ
มากมายภายหลังจากที่มีการเปิดการค้าเสรีในสมัยของรัชกาล ของฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดพวกทหารญี่ปุ่นและอู่

ที่ ๔ เป็นต้นมา ทั้งยังได้เปล่ียนจากวิถีชีวิตเมืองน้ำไปสู
่ ซ่อมเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา เคร่ืองบินทิ้งระเบิดพลาดมายัง
เมืองบกมากขึ้นภายหลงั จากทีม่ ีการตดั ถนน และท่สี ำคญั คอื
บรเิ วณวดั หลายลกู แตก่ ลบั ไมร่ ะเบดิ แมแ้ ตล่ กู เดยี ว ตกกลางคนื
เมื่อประเทศไทยได้ก้าวสู่การพัฒนาประเทศอย่างมีแบบแผน หลวงพ่อโบสถ์บนได้ไปเข้าฝันชาวบ้านว่า ท่านได้เอามือปัด

และทิศทางตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต
ิ ลูกระเบิดจนเจ็บมอื และไหล่ พอเชา้ วันรุ่งขนึ้ ชาวบา้ นเขา้ ไปดู
นับจาก พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นต้นมา สภาพพื้นที่ภายในย่าน ในพระอุโบสถ จึงเห็นที่ไหล่ด้านขวาของหลวงพ่อเป็นรอยร้าว
คลองสานจึงได้เปลี่ยนแปลงไปจากเรือกสวนไร่นาเป็น จึงนำยาหม่องมาทาถวายทา่ น


152

พระวหิ ารวดั อปั สรสวรรค์วรวิหารสรา้ งขน้ึ ด้วยศิลปะ “นอกอย่าง” พระราชนยิ มในพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ ๓


วัดอปั สรสวรรค์วรวหิ าร


วัดอัปสรสวรรค์ต้ังอยู่ ณ บริเวณจุดตัดระหว่างคลอง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล

บางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) และคลองด่าน ฝั่งธนบุรี
ที่ ๓ วัดคอกหมูทรุดโทรมลงไปมาก เจ้าจอมน้อย (มีความ
ในย่านท่ีอยู่อาศัยของชาวจีนซ่ึงต้ังถ่ินฐานบ้านเรือนมาแต่สมัย สามารถในการแสดงละครเร่ืองอิเหนา เป็นตัวสุหรานากงได้ดี
อยธุ ยา
จนมีฉายาว่า เจ้าจอมนอ้ ยสหุ รานากง) ในรัชกาลที่ ๓ ไดท้ ลู

วดั แห่งน้ไี ม่ปรากฏหลักฐานแน่ชดั วา่ สรา้ งข้นึ เมือ่ ใด ตาม ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปฏิสังขรณ์วัดคอกหมู

หนงั สอื ประวตั ิวัดอปั สรสวรรค์ ระบวุ ่า เศรษฐีจนี ผู้หนง่ึ ช่อื ว่า อู๋ เพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) ผู้เป็นบิดา
เป็นผู้สร้างวัด ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า วัดอู๋บ้าง วัดจีนอู๋บ้าง เม่ือบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จได้ถวายเป็นพระอารามหลวง
แล้วเพี้ยนไปเป็นวัดหมู อีกกระแสหนึ่ง ระบุว่า นายอู๋สร้างวัด รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า วัดอัปสรสวรรค์ เพ่ือเป็น
ในท่ีดินที่เคยใชเ้ ล้ยี งหมมู ากอ่ น เมือ่ สรา้ งเสร็จแลว้ มหี มมู าเดนิ เกียรติแกเ่ จา้ จอมนอ้ ย ซึ่งงดงามดจุ “นางฟา้ นางสวรรค”์

เพ่นพ่านเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดหมู

หรอื วัดคอกหม


153

หอพระไตรปฎิ กศิลปะอยธุ ยาตอนปลาย
ภายในพระอุโบสถ วดั อปั สรสวรรค์เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระประธาน

(อยู่ระหว่างการบูรณปฏสิ งั ขรณ)์
ถงึ ๒๘ องค์ ซ่ึงมเี พียงแห่งเดยี วในประเทศ


ด้วยวัดอัปสรสวรรค์ตั้งอยู่ระหว่างจุดเช่ือมต่อของ
วัดอัปสรสวรรค์นอกจากจะเป็นย่านชุมชน ตลาดน้ำ
คลองด่านและคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้า และพื้นท่ีเกษตรกรรมท่ีสำคัญของพระนครแล้ว ภายใน

ระหว่างพระนครและหัวเมืองปักษ์ใต้ บริเวณนี้จึงเป็นเว้ิงน้ำ
พระอารามแห่งน้ียังมีศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมอันงดงาม
มีตลาดซ้ือขายแลกเปล่ียนสินค้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะของสด เช่น พระอุโบสถและพระวิหารซึ่งสร้างขึ้นด้วยศิลปกรรม

ประเภทเนื้อสัตว์อย่าง “หมู” จนชาวต่างชาติที่เข้ามาในสมัย “นอกอย่าง” ไทยผสมจีน ซึ่งมีความอ่อนช้อยงดงามตามแบบ
รัตนโกสินทร์ได้บันทึกไว้ว่า บริเวณปากคลองด่านใกล้กับวัด ศิลปกรรมไทยและความคงทนแข็งแรงตามสถาปัตยกรรม

อัปสรสวรรค์เป็นแหล่งขายส่งเน้ือหมูท่ีใหญ่ท่ีสุดของพระนคร จนี

ในสมัยของรัชกาลที่ ๓ เม่อื พระสุนทรโวหาร (ภ่)ู หรือสุนทรภู่ ความพเิ ศษอีกอยา่ งหน่งึ ของวัดอปั สรสวรรค์ คือ เป็นวัด
ได้เดินทางไปเมืองเพชรบุรีโดยใช้เส้นทางคลองด่าน เม่ือผ่าน ทม่ี พี ระประธานภายในพระอุโบสถถึง ๒๘ องค์ ซึง่ มีเพยี งแห่ง
บรเิ วณวดั อปั สรสวรรคไ์ ดพ้ รรณนาถงึ ความคกึ คกั ของการคา้ หมู เดียวในประเทศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาด

ในย่านนี้ที่ได้พบเห็นในนิราศเมอื งเพชรว่า
เท่ากัน หนา้ ตักกวา้ ง ๑ ศอก สงู ๑ ศอก ๔ น้วิ ตง้ั อยบู่ นฐาน
“...ถึงบางหลวงลว่ งลอ่ งเขา้ คลองเลก็
ชกุ ชเี ดยี วกนั ลดหล่ันเป็นทรงจอมสูง มพี ระนามจารึกทุกองค ์

ลว้ นบา้ นเจก๊ ขายหมูอยอู่ ักโข
พระประธานท้ัง ๒๘ องค์ หมายถึง พระพุทธเจ้า

เมียขาวขาวสาวสวยลว้ นรายโป
ทั้ง ๒๘ องค์ ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนา เช่น

หัวอกโออ้ ายใจมิใชเ่ ล็ก…”
พระกัสสปะ พระทีปังกร พระสมณโคดม เป็นต้น และด้วย
สมัยของรัชกาลที่ ๓ น้ำตาลเป็นสินค้าส่งออกซ่ึงเป็น
ความที่วัดแห่งน้ีเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีพระประธาน ๒๘ องค์
ที่ต้องการของตลาดโลก ราชสำนักจึงส่งเสริมให้ราษฎรและ จึงมีบทสวดมนต์พระพุทธเจ้า ๒๘ องค์ เป็นบทสวดมนต์
ชาวจีนปลูกอ้อยเพ่ือผลิตน้ำตาลตามสถานท่ีต่างๆ ท้ังใน เฉพาะของวัดอัปสรสวรรค์ ซ่ึงจะใช้สวดทุกครั้งท่ีทำวัตรเช้า
พระนครและหัวเมือง บริเวณวัดอัปสรสวรรค์ได้มีชาวจีนแต้จ๋ิว และเย็น และจะเพิ่มบทสวดนี้เป็นกรณีพิเศษในการสวดมนต์
อพยพเขา้ มาตง้ั ถนิ่ ฐาน ประกอบอาชพี เพาะปลกู ออ้ ยในบรเิ วณน้ี ในพิธีการต่างๆ อกี ดว้ ย

จำนวนมาก สง่ ผลให้บริเวณวดั อัปสรสวรรค์เปน็ พนื้ ท่ีเพาะปลูก นอกจากนี้ วัดอัปสรสวรรค์ยังมีหอพระไตรปิฎก

อ้อยที่สำคัญอีกแห่งหน่ึงของพระนคร อย่างไรก็ตาม คร้ันถึง กลางสระนำ้ ที่งดงาม พระเจา้ วรวงศ์เธอ กรมหมนื่ นครสวรรค์
แผน่ ดนิ ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ศักดิพินิตเคยเสด็จมาทอดพระเนตรหอไตรหลังน้ี แล้วนำไป
ราคาน้ำตาลในตลาดโลกกลับลดต่ำลงทำให้การปลูกอ้อย
เปน็ ตน้ แบบเพอื่ ซอ่ มแซมหอเขียนที่วังสวนผักกาด

ในบรเิ วณนี้พลอยซบเซาตามไปดว้ ย


154

พระอโุ บสถวัดชโิ นรสารามวรวหิ ารมลี กั ษณะเปน็ สถาปัตยกรรมไทยประเพณีแบบทรงโรง ซ่ึงเปน็ ทน่ี ยิ มในสมยั ต้นรัตนโกสินทร


วัดชิโนรสารามวรวหิ าร


วัดชิโนรสารามตั้งอยู่ริมคลองมอญ ฝ่ังธนบุรี เป็นวัด
เป็นสถานทหี่ ลบภัยนอกพระนคร หากมีเหตกุ ารณผ์ ลัดแผน่ ดิน
ที่กรมหม่ืนนุชิตชิโนรสฯ (พระองค์เจ้าวาสุกรี ภายหลัง
ดังปรากฏมูลเหตุแห่งการสร้างวัดในพระราชพงศาวดาร

ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระ กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ
ปรมานุชิตชิโนรส) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธ (ขำ บุนนาค) ความตอนหนึง่ วา่

ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ขณะทรงผนวช
“...ในการสร้างวัดครั้งน้ี มีเร่ืองซึ่งเป็นความลับ รู้กันแต่
ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
พระราชวงศ์เล่ากันต่อๆ มาว่ากรมสมเด็จพระปรมานุชิตฯ

เม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยทรงให้ไวยาวัจกรในพระองค์ซื้อที่สวน กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เม่ือยังทรงผนวชอยู่ได้เคย
ของชาวบ้านริมคลองมอญฝ่ังเหนือ เพ่ือเป็นท่ีจำพรรษาและ ทรงปรกึ ษาปรารภกนั วา่ ถา้ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

155

พระพุทธรปู ปางมารวชิ ัย พระประธานภายในพระอุโบสถ


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔

จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสามภพพ่าย (หนู ต่อมาเป็นพระยา
เพ็ชรพิชัย) ทำหน้าท่ีเป็นแม่กองดำเนินการก่อสร้างวัดใหม

หรือวัดสุกรีนี้ให้เสร็จส้ิน ตลอดเวลาในการดำเนินการนั้น
รัชกาลที่ ๔ ทรงใส่พระราชหฤทัยในทุกรายละเอียดของ

การก่อสร้าง เพราะไม่ว่าจะก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ส่ิงใด
ภายในวัด ก็โปรดเกล้าฯ ให้ช่างจัดการป้ันหรือเขียนภาพ

ให้เป็นรูปนาคไว้ทั่วไป เพ่ือเป็นเครื่องหมายให้ตรงกับพระนาม
ของพระองค์เจ้าวาสกุ รเี ปน็ สำคญั

เม่ือการบูรณปฏิสังขรณ์สำเร็จบริบูรณ์ รัชกาลท่ี ๔
พระอุโบสถประดบั ตกแต่งดว้ ยลายดอกพดุ ตานทอง
พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดชิโนรสาราม เพ่ือรำลึกถึง
เปน็ พระราชนยิ มในรชั กาลที่ ๓
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส

สวรรคต หากราชสมบัติได้แก่เจ้านายบางพระองค์ บางที
ผู้ทรงสร้างวัด ด้วยทรงเป็นพระญาติท่ีทรงคุ้นเคยและทรง
จะถูกเบียดเบียนให้ได้รับความเดือดร้อน ทรงดำริเห็นพ้อง
เคารพรกั กนั ยงิ่ ถงึ กระน้นั ชาวบา้ นยงั คงนิยมเรยี กกันโดยทั่วไป
กันว่า ควรจะมีวัดเล็กๆ ไว้ในสวนสักแห่งหน่ึง ถ้าถึงเวลา วา่ วัดใหมช่ โิ นรส            

คับขันเม่ือไรก็จะเสด็จออกไปอยู่เสียท่ีวัดนั้นให้ห่างไกล ไม่ให้ นอกจากพระอุโบสถและพระเจดียเ์ หลีย่ มแลว้ เอกลักษณ์
เปน็ ทกี่ ดี ขวางแก่ทางราชการ…”
ของวัดชิโนรสารามวรวิหาร คือ จิตรกรรมฝาผนังที่มีภาพ
ชาวบ้านต่างพากันเรียกวัดที่ก่อสร้างขึน้ ใหมน่ วี้ ่า วดั ใหม่ แผนท่ีวัดชิโนรส แผนที่พระบรมมหาราชวัง แผนท่ีเส้นทาง
หรือวัดสุกรีตามพระนามเดิมของผู้สร้าง แต่การก่อสร้างวัด
ลำคลอง แม่น้ำภายในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถบอกเล่าเร่ืองราว
ยังไม่ทันแล้วเสร็จ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จ
ทางประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบัน ภาพจิตรกรรมเหล่าน้ีลบเลือน
พระปรมานุชติ ชโิ นรสสนิ้ พระชนม์เสยี ก่อนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖
ไปมากแล้ว


156

พระอุโบสถวัดราชผาติการามวรวิหารและซมุ้ เสมาเปน็ สถาปัตยกรรมจีนผสมผสานกับตะวนั ตก


วดั ราชผาติการามวรวหิ าร

วัดราชผาติการรามตั้งอยู่ริมถนนราชวิถี เชิงสะพาน ในบังคับบัญชาของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุน
กรุงธน (ซังฮ้ี) เดิมช่ือวัดส้มเกลี้ยง เป็นวัดโบราณสร้างข้ึน
อิศเรศรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว)

ตง้ั แตส่ มัยอยธุ ยา
เรียกว่า กองญวนสวามิภักด์ิ เกิดเป็นชุมชนบ้านญวนสามเสน
คร้ันแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดเกล้าฯ ให้ปกครองกันเองตามรูปแบบเดิมเหมือน

รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ชาวญวนผู้นับถือคริสต์ศาสนา
เมื่อครง้ั อยู่ในอาณาจักรญวน

ที่ติดตามกองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
ด้วยเหตุท่ีวัดส้มเกล้ียงในขณะนั้นเป็นวัดร้าง ไม่มีพระ

เม่ือคร้ังสงครามอานามสยามยุทธ ไปตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณ
จำพรรษา พวกญวนจึงร้ือเอาอิฐของวัดไปสร้างวัดฝร่ังและ

วัดส้มเกล้ียง เหนือบ้านเขมร เพราะนับถือศาสนาคริสต์
บ้านเรือนจนวัดไม่เหลือสภาพเดิม เมื่อความทราบถึงรัชกาล

เช่นเดียวกับชาวเขมรและชาวโปรตุเกสท่ีอยู่มาก่อนที่ตำบล ท่ี ๓ จึงทรงปรับโทษสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า

สามเสน โปรดเกล้าฯ ให้ชาวญวนเหล่าน้ันเป็นทหารปืนใหญ่ กรมขนุ อิศเรศรงั สรรค์ พร้อมกับทรงให้สร้างวดั ใหม่ข้นึ ทดแทน

157

ภาพจิตรกรรมเรอ่ื งพระมหาชนก
ศาลาการเปรยี ญวดั ราชผาตกิ ารามวรวิหาร

ฝมี อื นายเฉลิมชัย โฆษติ พิพฒั น

ศลิ ปนิ แห่งชาติ (พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั

กับงานศิลปะและการออกแบบ)


เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ แต่การสร้างวัดข้ึนใหม่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ ในสมัยของรัชกาลที่ ๕ นี้เอง มีการประกาศยกเลิก

รัชกาลที่ ๓ ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
การให้ชาวญวนปกครองกันเอง โดยนำระเบียบลักษณะ

เจา้ อยู่หัว รชั กาลที่ ๔ พระราชทานนามวา่ วัดราชผาตกิ าราม การปกครองท้องท่ีเข้าไปบังคับใช้ และต่อมา ได้ประกาศใช้
ซึ่งหมายถึง วัดท่ีพระราชาสร้างข้ึนเพื่อเป็นการผาติกรรม
พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร พ.ศ. ๒๔๔๘ ชาวญวน
เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงการแลกเปล่ียนทดแทนของสงฆ์
สามเสนจงึ อยภู่ ายใต้กฎหมายไทยเชน่ เดียวกบั คนไทยทว่ั ไป

ท่ีชำรุดไป ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
พ.ศ. ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาล
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวร ปัจจุบัน ทรงสดับพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์
สถานมงคล (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) พระโอรสพระองค์ (วิน ธมฺมสารเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม

ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบูรณ เร่ืองพระมหาชนก ตอนพระมหาชนกเสด็จทอดพระเนตร

ปฏสิ ังขรณต์ ่อ
พระราชอุทยานในกรุงมิถิลา พระองค์สนพระราชหฤทัย

จากน้ันเป็นต้นมา ละแวกวัดราชผาติการามได้รับ
และทรงค้นคว้าเร่ืองพระมหาชนกในพระไตรปิฎกต้ังแต่ต้น

การพัฒนามาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นการตัดถนนซังฮ้
ี จนจบจากนั้นทรงดัดแปลงเน้ือเรื่องให้เหมาะสมกับสังคม
หรือถนนราชวิถีผ่านหน้าวัดเพื่อขยายพระนครในสมัยรัชกาล
ปัจจบุ ัน โดยมีพระราชดำรวิ า่ พระมหาชนกจะบรรลุโมกขธรรม
ที่ ๕ การสร้างวงั เจ้านายและคฤหาสน์ของขา้ ราชบริพารแทรก
ไดง้ า่ ยกวา่ หากไดป้ ระกอบพระราชกรณยี กจิ ในโลกใหค้ รบถว้ น

อยู่ร่วมกับบ้านเรือนของราษฎรในละแวกสามเสน ดังเช่น
เพ่ือสนองพระราชศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและ

วังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ พระบรมราชานุเคราะห์ทีท่ รงมตี ่อวัดราชผาติการาม คณะสงฆ์
(พระองคเ์ จา้ เกษมศรศี ภุ โยค ตน้ ราชสกลุ เกษมศร)ี วงั ตรอกคำ ของวัด เจ้าคณะเขตดุสิต และคณะศิษย์ของสมเด็จพระมหา

ของพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมนื่ มหศิ รราชหฤทยั (พระองคเ์ จา้ วีรวงศ์ โปรดเกล้าฯ ให้ทีมจิตรกรเขียนภาพชุดพระมหาชนก
ไชยันตมงคล ต้นราชสกลุ ไชยันต์) และการสรา้ งสะพานซังฮี้ ตามที่ปรากฏในชาดก ทั้งยังประมวลภาพพระมหาชนกไว้ใน
หรอื สะพานกรงุ ธนขา้ มแม่นำ้ เจ้าพระยาในยุคถัดมา
ภาพเดยี วกันบนบานหน้าต่างของพระอโุ บสถ


158

พระอุโบสถวดั ตรที ศเทพวรวหิ าร


วดั ตรที ศเทพวรวิหาร


วัดตรีทศเทพต้ังอยู่ริมคลองรอบกรุง (คลองบางลำภู) ก็ส้ินพระชนม์เสียก่อนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๕ รัชกาลท่ี ๔ จึงมี
สรา้ งขน้ึ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๓ โดยพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหมืน่ พระบรมราชโองการให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนมเหศวร
วิษณุนาถนิภาธร (พระองค์เจ้าสุประดิษฐฯ ต้นราชสกุล
ศวิ วลิ าส (พระองค์เจา้ นภวงศฯ์ ต้นราชสกุล นพวงศ)์ ซึ่งเปน็
สุประดิษฐ) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
พระเชษฐาร่วมพระมารดากับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่น
เจ้าอยหู่ วั รชั กาลที่ ๔ กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรม วิษณนุ าถนภิ าธร ทรงดำเนินการก่อสร้างพระอารามตอ่ แต่ยงั
ราชานุญาตสร้างวัดใกล้วังของพระองค์ที่ริมคลองบางลำภู
ไม่ทันสำเร็จก็ส้ินพระชนม์อีกพระองค์หน่ึงใน พ.ศ. ๒๔๑๐
ฝั่งเหนือ แต่หลังจากทรงกำหนดที่และเร่ิมงานเพียงเล็กน้อย
รัชกาลท่ี ๔ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการก่อสร้างวัดแห่งน
้ี

159

ป้อมหักกำลังดัสกร ดังท่ีมีพระราชดำริว่า “...ท้องที่ตำบล

บ้านพานถมถึงท้องที่ตำบลป้อมกำลังดัสกรเป็นท่ีเรือกสวน
เปลี่ยว อยู่ระหวา่ งถนนพฤฒบิ าศ ยงั ไมเ่ ปน็ ทสี่ มบรู ณท์ นั เสมอ
ท้องท่ีตำบลอื่น เพราะยังไม่มีถนนหลวงที่จะทำให้ประชาชน
ทำการคา้ ขายสะดวกขึ้น...”

นบั จากน้ัน ย่านบา้ นพานถมจึงมผี คู้ นเข้ามาตง้ั บา้ นเรอื น
และค้าขายหนาแน่นขึ้น แต่เม่ือศูนย์กลางความเจริญ

ทางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ได้ขยายตัวไปสู่พ้ืนที่ด้านในมาก
ข้ึน พร้อมท้ังความนิยมในเครื่องถมที่เคยผลิตจากย่านบ้าน
พานถมได้ลดความนิยมลง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นเพียง
ท่ีพักอาศัยเท่าน้นั

ความพิเศษอีกอย่างหน่ึงของวัดตรีทศเทพ คือ เป็น
ฌาปนสถานตำรวจ ซึ่งเป็นหน่ึงในสวัสดิการของสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติท่ีมอบให้แก่บุคลากรและประชาชนท่ีได้สร้าง
คุณงามความดีใหแ้ ก่ชาตบิ ้านเมือง

สงิ่ สำคัญในพระอาราม ไดแ้ ก่

พ ร ะ อุ โ บ ส ถ วั ด ต รี ท ศ เ ท พ เ ป็ น อ า ค า ร ค อ น ก รี ต

เสริมเหล็ก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทยทรงตรีมุข
จติ รกรรมฝาผนงั ภายในพระอุโบสถวัดตรีทศเทพวรวิหาร
ประดับลวดลายปูนป้ัน บริเวณหน้าบันเป็นรูปพระมหามงกุฎ
ฝมี อื นายจกั รพนั ธ์ุ โปษยกฤต ศลิ ปินแหง่ ชาต
ิ พระราชลัญจกรในรัชกาลที่ ๔ ภายในประดิษฐานพระพุทธ

นวราชบพิธ พระประธาน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลปัจจบุ นั เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงเททองหล่อเมื่อวันที่
จนสำเร็จ พร้อมท้ังพระราชทานนามว่า วัดตรีทศเทพ อัน ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๐

หมายถึงวัดที่เทพ ๓ องค์สร้าง ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ส่ิงท่ีเป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัดแห่งน้ี คือ ภาพ
กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืน จิตรกรรมฝาผนังเขียนโดยนายจักรพันธ์ุ โปษยกฤต ศิลปิน

มเหศวรศวิ วลิ าส และพระองคเ์ อง
แห่งชาติและคณะลูกศิษย์ ประกอบด้วยภาพพุทธประวัต

วัดตรีทศเทพต้ังอยู่บริเวณบ้านพานถม อันเป็นชุมชนที่มี ตอนต่างๆ บริเวณผนังด้านหน้าเขียนเร่ืองพุทธประวัติ

มาต้ังแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่เป็นชาวเมือง ตอนตรัสรู้มีมารผจญ ด้านหลังพระประธานเขียนเร่ืองยมก
นครศรีธรรมราชที่เข้ามาต้ังหลักแหล่งในบริเวณน้ีในรัชสมัย ปาฏิหาริย์ คือ ปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ท่ีแสดงแก่เหล่า
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒
เดียรถีย์ พวกนอกรีตทง้ั หลายท่ีมาท้าทายพระพุทธบารมี ผนัง
มีอาชีพทำเครือ่ งถม พาน ขัน ผอบ
ด้านซ้ายเขียนภาพเร่ืองราวตอนประสูติ ตรงกลางเป็นโลก
ชุมชนบ้านพานถมเจริญก้าวหน้ายิ่งข้ึนภายหลังจากที่มี มนุษย์ที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาในพระครรภ์มารดา ด้านล่าง
การตัดถนนราชดำเนินเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยในช้ันแรก ซ้ายขวาเป็นภาพในขมุ นรก เตือนใจใหท้ ำดี ต้ังมัน่ อยู่ในธรรม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ด้านขวาเป็นเรือ่ งการเสดจ็ ดับขันธปรนิ พิ พาน

โปรดเกล้าฯ ให้เร่ิมตัดถนนจากบริเวณบ้านพานถมถึงตำบล

160

พระพทุ ธปรางคว์ ัดราชบรุ ณราชวรวหิ ารสร้างขึ้นเป็นประธานของพระอาราม

สือ่ แสดงถึงยอดเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาลตามรปู แบบสถาปัตยกรรมสมยั อยุธยา


วัดราชบรุ ณราชวรวิหาร


วัดราชบุรณะต้ังอยู่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี พระราชประสงคใ์ หส้ มเดจ็ พระเจา้ หลานเธอผู้ชำนาญในการศกึ
เป็นวัดโบราณ เดิมชื่อวัดเลียบ สร้างในสมัยอยุธยา วัดแห่งน
้ี ประทบั เปน็ ประธาน ณ บริเวณใกลก้ บั ปอ้ มสำคัญมมุ พระนคร
มีฐานะเป็นวัดราษฎร์มาโดยตลอด กระท่ังรัชสมัยพระบาท ข้างทศิ ใต

สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรง คร้ันสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวง

สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมกับโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลอง เทพหริรักษ์เสด็จมาประทับ ณ วังริมป้อมจักรเพชร และ

รอบกรุง สร้างกำแพงพระนครและป้อมปราการต่างๆ เม่ือ
ทอดพระเนตรวัดเลียบ ซึ่งต้งั อยู่บรเิ วณใกลเ้ คียง มีสภาพชำรดุ
แล้วเสร็จ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังริมป้อมจักรเพชรขึ้น ทรุดโทรมมาก จึงมีพระศรัทธาบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งน้ีให้เป็น
พระราชทานแก่สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวง ศูนย์กลางแห่งความศรัทธาและประกอบกุศลกรรมของชุมชน
เทพหริรักษ์ (เจ้าฟ้าตัน ต้นราชสกุล เทพหัสดิน) พระโอรส หลากหลายวัฒนธรรมที่อยู่ในสังกัดของพระองค์ เช่น ชุมชน
พระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระ
ลาวพวน บา้ นลาว ชมุ ชนญวน บา้ นหม้อและพาหรุ ัด

ศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอในรัชกาลที่ ๑ ด้วยม


161

วดั ราชบุรณราชวรวหิ ารในสมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้

เจ้าอยหู่ วั รชั กาลที่ ๖ เห็นโรงไฟฟา้ วดั เลียบ (การไฟฟ้านครหลวง)
อย่ดู ้านหลัง (หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต)ิ


พระอโุ บสถเป็นอาคารไทยประเพณีทรงจตุรมุข

หลงั คาทำชน้ั ลด ๒ ชั้นอย่างพระอารามหลวง


เม่ือการบูรณะวัดแล้วเสร็จ จึงขอพระราชทานพระบรม จึงประกาศยุบวัดราชบุรณะเม่ือวันท่ี ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.
ราชานุญาตรัชกาลที่ ๑ สถาปนาเป็นพระอารามหลวงและ
๒๔๘๘

ได้รับพระราชทานนามว่า วัดราชบุรณะ เพือ่ ให้เป็นพระอาราม จากเหตุระเบดิ ชว่ งสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ น้ีเองที่ทำใหว้ ัด

สำคัญประจำพระนคร ตามประเพณีการสร้างเมืองแต่โบราณ
ถูกทำลายราบเรียบ หลายคนจึงเข้าใจผิดว่า เป็นที่มาของช่ือ
ที่วา่ ในราชธานจี ะต้องมีวดั สำคัญประจำพระนคร ๓ วัด คอื วัดเลียบ แต่แท้จริงแล้ว ช่ือวัดเลียบสันนิษฐานว่า มาจาก

วัดมหาธาตุ วัดราชบุรณะ และวัดราชประดิษฐ์ ภายหลัง การที่วัดแห่งนี้มีต้นเลียบอยู่หน้าวัด หรือบ้างก็ว่า มาจาก

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
ชาวจีนชื่อ จีนเล๊ียบ ล่องเรือสำเภามาอาศัยขายของที่ริมฝ่ัง
โปรดเกล้าฯ ให้นำพระพุทธรูป ๑๖๒ องค์ มาประดิษฐาน
แม่น้ำเจ้าพระยา เม่ือร่ำรวยจึงสร้างศาลาไว้ทำบุญ ต่อมา

ไว้รอบพระอุโบสถและให้สร้างพระวิหารไว้เป็นท่ีประดิษฐาน ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเจดีย์และวิหาร แล้วเรียกว่า
พระพทุ ธรูปและรปู พระอสตี ิมหาสาวก ๘๐ องค์ ซง่ึ มีการบูรณ วัดจีนเลยี๊ บ แตภ่ ายหลงั ชื่อได้กร่อนเสยี งลงเหลอื เพียงวดั เลยี บ

ปฏิสงั ขรณ์มาโดยตลอดในรัชกาลต่อๆ มา
หลังจากสงครามสงบลง ผู้มีจิตศรัทธาหลายฝ่าย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๘
กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตบูรณะ

วัดราชบุรณะถูกระเบิดเสียหาย เน่ืองจากตั้งอยู่ใกล้เคียงกับ วัดราชบุรณะ เพ่ือให้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองตามประวัติศาสตร์
สถานท่ีสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างสะพานพระพุทธยอดฟ้า ชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการจึงมีประกาศบูรณะวัดทั้ง

และโรงไฟฟ้าวัดเลียบ เป็นเหตุให้ถาวรวัตถุที่สร้างข้ึนในอดีต พระอารามเม่ือวันท่ี ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑ โดยยกเลิก
เหลือแต่เพียงพระปรางค์องค์เดียว กระทรวงศึกษาธิการ
ประกาศ พ.ศ. ๒๔๘๘ ไป


162

พระอารามหลวง

ทขี่ ุนนางสรา้ ง


วัดพระยาทำวรวหิ าร
วัดพชิ ยญาตกิ ารามวรวหิ าร

วัดนางชโี ชติการาม
วดั เทพลลี า

วดั หิรญั รจู ีวรวหิ าร
วดั เวฬุราชณิ

วดั ปรนิ ายกวรวหิ าร
วดั ชัยชนะสงคราม

วัดจักรวรรดริ าชาวาสวรมหาวหิ าร
วดั ทองนพคุณ


วัดสามพระยา
วัดอนงคารามวรวหิ าร

วัดคฤหบดี
วัดบุรณศิรมิ าตยาราม


วัดนรนาถสนุ ทรกิ าราม
วดั สร้อยทอง

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วดั บุปผารามวรวิหาร

วดั ประยรุ วงศาวาสวรวหิ าร
วัดอาวธุ วิกสิตาราม


วดั เครอื วลั ยว์ รวหิ าร
วัดพระศรมี หาธาตุวรมหาวหิ าร


163

เจดีย์พญาครุฑ (เจดยี ย์ กั ษ)์ (ซ้าย) และพระอุโบสถวดั พระยาทำวรวหิ าร (ขวา)


วัดพระยาทำวรวิหาร

วัดพระยาทำเป็นวัดเก่าแก่ท่ีสร้างข้ึนมาตั้งแต่สมัย
พระโสดาน้ันก็บมิควร...” ภายหลัง พระพิมลธรรมได้เลื่อน

อยธุ ยาตอนปลายราว พ.ศ. ๒๒๘๐ เดิมช่อื วัดนาค อยฝู่ ั่งเหนอื สมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต (แก้ว) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ (วัด
คูก่ บั วัดกลางทีต่ ้ังอยูฝ่ ่งั ใตข้ องคลองมอญ
พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม) รูปแรกในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ และ
วัดนาคปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราช เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระ
หัตถเลขาว่า เมื่อคร้ังแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปรมานุชิตชิโนรส (พระองค์เจ้าวาสุกรี) พระราชโอรสใน
มหาราช เกิดเหตพุ ระราชาคณะ ๔ รูปต้องอธกิ รณ์ เมอื่ ชำระ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช รชั กาลท่ี ๑

คดีแล้วเป็นความสัตย์จึงให้สึกเสีย จากนั้น “...โปรดให้พระ ต้นรัชกาลท่ี ๑ เคยมีกรณีการให้รวมวัดนาคกับวัดกลาง
ธรรมเจดีย์วัดนาค เล่ือนเป็นพระพิมลธรรม มาอยู่ครองวัด ให้มีพัทธสีมาเดียวกัน ซึ่งสันนิษฐานว่า เนื่องจากมีการบูรณ
โพธารามสืบไป...” พระพิมลธรรมเป็นหน่ึงในพระราชาคณะ
ปฏิสังขรณ์วัดใดวัดหนึ่งหรือทั้ง ๒ วัด ดังความปรากฏ

ซ่ึงถือม่ันในพระพุทธวจนะได้ถวายพระพรแก่สมเด็จพระเจ้า
ในพระราชพงศาวดารตอนหน่ึงว่า พระพุฒาจารย์ (อยู่)

ตากสินมหาราช ความตอนหนึ่งว่า “...อันพระสงฆ์ถึงเป็น วัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) ปรึกษากับพระธรรม
ปุถุชน ก็ตั้งอยู่ในอุดมเพศอันสูง เหตุทรงผ้ากาสาวพัสตร์และ ธีรราชมหามุนี (ช่ืน) วัดหงส์รัตนาราม แล้วนำความขึ้น

พระจตุปาริสุทธิศีลอันประเสริฐ ซ่ึงจะไหว้นบคฤหัสถ์อันเป็น กราบบังคมทูลว่า “วัดนาคกับวัดกลางมีอุปจารใกล้กันนัก


164

พระพทุ ธศรีธรรมมุนนี าถหรือหลวงพอ่ ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ

ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ


เจ้าพระยารตั นาธเิ บศร์ (กุน รตั นกุล) ผู้บูรณปฏสิ งั ขรณ์
วัดพระยาทำนี้ เดิมเป็นพ่อค้าเรือสำเภา เข้ารับราชการใน

รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายหลังได้เล่ือนช้ันยศ
เปน็ พระยาศรพี พิ ฒั นร์ ตั นราชโกษา จางวางกรมพระคลงั สนิ ค้า
นิยมเรียกกันว่า “ท่านท่าเรือจ้าง” ในสมัยของรัชกาลท่ี ๑

ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้แต่งเรือสำเภาไปค้าขายที่เมืองจีน

อยเู่ สมอ ครั้นสมัยของรัชกาลท่ี ๒ ไดร้ บั การเลื่อนบรรดาศักดิ์
เป็นพระยาพระคลัง และเจา้ พระยารัตนาธเิ บศรใ์ นที่สดุ

สิ่งสำคัญในพระอาราม ได้แก

พระประธานประจำพระอุโบสถวัดพระยาทำวรวิหาร

เจดยี พ์ ญาครฑุ (เจดยี ย์ กั ษ์) ในอดีต (หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ)
มีนามว่า พระพุทธศรีธรรมมุนีนาถ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า

จะมีพัทธสีมาต่างกันมิควร ควรจะมีพัทธสีมาเดียวกัน
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธลักษณะแบบปางมารวิชัย ศิลปะ
ร่วมกระทำอุโบสถสงั ฆกรรมในพัทธสมี าเดียวกัน”
อยุธยาตอนปลาย สมัยพระนารายณ์มหาราช เข้าใจว่า เป็น
รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ให้พระราชาคณะประชุม พระพุทธรปู ที่มีมาพรอ้ มกับการสรา้ งวดั และเช่ือวา่ มีอภนิ ิหาร
วินิจฉัยเรื่องนี้ โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) เป็นประธาน โดยมีเรื่องเล่ากันว่า ท่านสามารถเข้าฝันคนท่ัวไปและให

และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า วัดท้ัง ๒ แห่งมีคลองคั่นเป็นเขตอยู่
โชคลาภ แมผ้ ู้ท่ไี มเ่ คยมาวดั พระยาทำหลายรายยังฝนั เห็นทา่ น
ควรมีพัทธสีมาต่างกันได้ ดังตัวอย่างเคยมีมาเมื่อคร้ังกรุงเก่า ให้มาทำบุญ บางคนเล่าว่า มาเข้าฝันติดต่อกันหลายคืน

ภายหลังมตินี้ทำให้พระพุฒาจารย์ (อยู่) ถูกลงพระอาญา
ทั้งเปล่งวาจาด้วย ท่านจึงเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชน

ถอดจากพระราชาคณะ เน่อื งจากเจรจาอวดรูก้ วา่ ผู้ใหญ่
อย่างมาก

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เจดีย์พญาครุฑ (เจดีย์ยักษ์) ท่ีอยู่ด้านขวาของหน้า

รัชกาลท่ี ๒ เจ้าพระยารัตนาธเิ บศร์ (กุน รัตนกุล) สมหุ นายก พระอุโบสถ ตามเอกสารของวัดเรียกว่า เจดีย์ยักษ์ เนื่องจาก

ได้บูรณะวัดข้ึนใหม่ท้ังหมด คร้ันเสร็จแล้วก็น้อมเกล้าฯ ถวาย มรี ูปป้ันยกั ษป์ ระดบั อยตู่ รงส่วนฐาน น. ณ ปากน้ำ สันนษิ ฐาน
เป็นพระอารามหลวงและได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า วัด ว่า เป็นหอระฆังโบราณ ซ่ึงนับเป็นสถาปัตยกรรมช้ินเอกของ
พระยาทำ
กรุงรตั นโกสินทร์


165

พระอโุ บสถและพระวหิ ารวัดนางชีโชติการามมลี ักษณะทางสถาปัตยกรรม “นอกอยา่ ง” (ไทยผสมจีน)

อนั เป็นพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอย่หู ัว รชั กาลท่ี ๓


วัดนางชีโชตกิ าราม

วัดนางชีโชติการามตั้งอยู่ริมคลองด่านฝ่ังเหนือ เป็นวัด สาเหตุที่วัดนี้ช่ือวัดนางชีหรือวัดชีน้ัน มีเรื่องเล่าว่า

โบราณ ไมท่ ราบแนช่ ดั วา่ สรา้ งในสมยั ใด ตามประวตั วิ ดั ระบวุ า่ ปลายแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา มีผู้ร่วมสร้าง คือ เจ้าพระยา มหาราช รชั กาลท่ี ๑ พระบรมวงศานวุ งศฝ์ า่ ยในมคี วามขดั แยง้
พิชิตชัยมนตรี พระยาฤาชัยณรงค์ และออกหลวงเสนาสุนทร กัน สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์ มหานาคนารี พระชนนี

เนื่องจากแม่อิ่ม ลูกสาวของเจ้าพระยาพิชิตชัยมนตรีป่วยโดย ในสมเดจ็ พระอมรนิ ทรา บรมราชินใี นรัชกาลที่ ๑ จงึ ทรงบวช
ไม่ทราบสาเหตุ มีชีปะขาวมาเข้าฝันให้เจ้าพระยาพิชิตชัย เป็นชีและทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งน้ี จึงเป็นที่มาของช่ือ

มนตรีบนเพื่อให้ลูกสาวหายป่วย โดยให้ลูกสาวบวชชี เมื่อแม่ วัดนางชหี รือวดั ชีนับแต่นน้ั

อ่ิมหายป่วย เจา้ พระยาพชิ ยั มนตรจี งึ ให้ลกู สาวบวชชี พรอ้ มกบั ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
สร้างวัดนี้และเสนาสนะต่างๆ ขึ้น เช่น อุโบสถ วิหาร เจดีย์ รัชกาลที่ ๓ พระยาราชานุชติ (จอ๋ ง) ได้บรู ณะวดั น้ี ซงึ่ กำลงั

พระปรางค์ และศาลาการเปรียญ ต่อมาวัดได้ร้างไปในปลาย ทรุดโทรมท้ังอาราม เช่น อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ
แผน่ ดินของสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวบรมโกศ
เสนาสนะต่างๆ ให้รื้อของเก่าและสร้างขึ้นใหม่ตามศิลปะ
“นอกอย่าง” พระราชนิยมในรชั กาลท่ี ๓


166

พระวหิ าร
พระอุโบสถ (ซ้าย)


รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเคร่ืองเคลือบ

รูปเรือสำเภา สัญลักษณ์ของการค้าขายที่ทรงสั่งทำจากจีน

แก่วัดนางชี ๑ คู่ พร้อมกับทรงบูรณะวัดและยกฐานะข้ึนเป็น

พระอารามหลวง พระราชทานนามวา่ วดั นางชโี ชตกิ าราม

พ.ศ. ๒๔๒๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี ๕ เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคมาทรงถวาย

ผา้ พระกฐินพระราชทาน ณ วดั แหง่ น้ี หลังจากนั้นกม็ กี ารบรู ณ
ปฏิสงั ขรณว์ ัดเรอื่ ยมา

วัดแห่งนี้จัดงานบุญประจำปีท่ีถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลา
ช้ า น า น แ ล ะ เ ป็ น ท่ี รู้ จั ก ข อ ง ค น ฝ่ั ง ธ น บุ รี แ ล ะ ก รุ ง เ ท พ ฯ

อย่างกว้างขวางคือ งานชักพระวัดนางชี หรือท่ีเรียกกัน

ในปัจจุบันว่า งานแห่พระบรมสารีริกธาตุ เป็นงานเทศกาล
ประจำปีท่ีครึกคร้ืนท่ีสุดในแถบน้ัน ตามประเพณีที่ปฏิบัติ
สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานกว่าร้อยปี โดยชาวบ้านเชื่อว่า พระพทุ ธปรางคต์ ั้งอยู่ระหว่างพระอโุ บสถและพระวิหาร

ถ้าปีใดไม่มีการจัดประเพณีชักพระข้ึนจะเกิดอาเพศขึ้น
เปน็ รปู แบบสถาปัตยกรรมสมยั อยธุ ยาตอนปลาย


ในชมุ ชน ชาวบ้านจะเกดิ โรคภัยไขเ้ จบ็ หรอื ภยั พิบตั ิตา่ งๆ
จะเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้ึนประดิษฐานบนที่ซ่ึงทางวัดจัดไว้
ในวันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี หลังจาก
เพ่ือให้ชาวบ้านแถบนั้นได้สักการบูชา หลังจากนั้น ยกขบวน
วันลอยกระทงและเทศน์มหาชาติแล้ว ทางวัดจะจัดให้มีงาน ล่องไปยังปากคลองบางกอกน้อย มาตามแม่น้ำเจ้าพระยา

สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาต
ุ เข้าคลองบางกอกใหญ่ แล้ววกเข้าคลองด่านกลับมายัง

และพระธาตุสาวกขึ้นประดิษฐานยังบุษบกท่ีอยู่บนเรือ แล้ว
วัดนางชีโชติการาม การแห่คร้ังน้ีชาวบ้านมักเรียกว่า

ชกั แหจ่ ากหน้าวดั ไปทางคลองด่าน เลยี้ วซ้ายออกไปตามคลอง “แหอ่ ้อมเกาะ”

บางกอกใหญ่ และผ่านมาช่วงปลายของคลองซ่ึงเรียกว่า
แม้วัดนางชีโชติการามจะเป็นวัดเล็กๆ และสิ่งก่อสร้าง
“คลองชักพระ” (ปัจจุบัน คำว่า คลองชกั พระยังปรากฏเปน็ ชื่อ ต่างๆ จะไม่แตกต่างจากวัดอ่ืนๆ แต่ถือเป็นวัดสำคัญวัดหน่ึง

ของสถานที่ต่างๆ ในบริเวณนั้น เช่น แขวง สะพาน ถนน ท่ีรักษาพระพุทธศาสนา สืบสานความเชื่อ ความศรัทธา

เป็นต้น) แล้วไปทะลุคลองบางกอกน้อย พอถึงวัดไก่เตี้ย
ของบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกรุ่นหลานผ่านประเพณีงานชักพระ

อนั งดงามและเปน็ สริ ิมงคลแกพ่ ุทธศาสนิกชน


167

พระอุโบสถวดั หริ ัญรจู วี รวหิ ารสร้างขนึ้ ตามพระราชนิยม

ในพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๓


วดั หริ ญั รูจวี รวิหาร

วัดหิรัญรูจีต้ังอยู่ริมถนนประชาธิปก ฝ่ังธนบุรี ใกล้กับ วัดน้ียังมีผู้เรียกว่า วัดน้อยบางไส้ไก่ ด้วยตั้งอยู่ติดกับ
คลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) เดมิ ชอ่ื วดั นอ้ ย สรา้ งข้ึน คลองบางไส้ไก่ สันนิษฐานว่า แต่เดิมวัดน้อยอยู่ใกล้คลอง
ในสมัยธนบุรีเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๑ โดยเจ้าขรัวเงิน พระบิดาของ บางกอกใหญ่มากกว่าปัจจุบัน แต่เนื่องจากกระแสน้ำไหล

สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี (สมเด็จเจ้าฟ้าบุญรอด) กัดเซาะตล่ิงบางตอนและพาดินตะกอนมาทับถม ทำให้
พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลำคลองบางช่วงเปล่ียนแปลงไป เป็นผลให้ที่ต้ังของวัดน้อย

รัชกาลท่ี ๒ ส่วนเหตุที่ชื่อว่า วัดน้อย น่าจะหมายถึง วัดท
ี่ อยู่ห่างจากคลองบางกอกใหญ่มากข้ึนกว่าในอดีต ดังปรากฏ
ผ้เู ป็นนอ้ งไดส้ ร้างไว้คู่กบั วัดใหญ่ (วัดใหญศ่ รีสุพรรณ) ซึ่งสร้าง ในบันทึกจดหมายเหตทุ ี่พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
โดยเจา้ ขรัวทอง พีช่ ายของเจ้าขรวั เงนิ
รัชกาลท่ี ๔ ทรงบรรยายถงึ พืน้ ท่ีรมิ คลองบางกอกใหญว่ ่า


168

พระประธานในพระอุโบสถ


พระวหิ ารเปน็ อาคารกอ่ อิฐถอื ปูนทรงไทย
โปรดเกล้าฯ ให้มาต้ังรกรากอยู่บริเวณนี้ เรียกว่า “ลาว
บางไส้ไก่” ซ่ึงยังสามารถพบเห็นอาชีพท่ีสะท้อนภาพของ
“...อย่างหนึ่งให้สังเกตด้วยวัด วัดเรียงไปตามข้างดอน
วัฒนธรรมลาว คือ การทำขลุ่ยและแคน ที่สืบทอดต่อเน่ือง

แต่ปากคลองไปจนจดวัดสังกระจายก็ฝ่ังกะดีจีน ไม่มีวัดเพราะ มาจนปัจจุบนั

เป็นแมน่ ้ำ วดั ไปมีฝั่งมนี ้ำเก่า คอื วัดดอกไม้ วดั ใหญ่ วดั นอ้ ย ในสมัยของรัชกาลท่ี ๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระยาสีหราช
บางไส้ไก่ วัดเหล่านีอ้ ยู่บนฝง่ั แม่นำ้ โบราณ...”
เดโชไชย (แก้ว) เป็นแม่กองบูรณะวัดแห่งน้ี ต่อมา พระยา
คำว่า “ไส้ไก่” นั้นสันนิษฐานว่า แผลงมาจากคำว่า อนชุ ติ (สนั นษิ ฐานวา่ คอื พระยาอนุชิตชาญไชย (อนุ่ ) หน่งึ ใน
“จักกาย” ซึ่งเป็นชื่อตำแหน่งปลัดนายกองในภาษามอญ และ ตุลาการ ซึ่งรัชกาลที่ ๔ มีรับส่ังให้ชำระความคดีเจ้าจอม
เรียกเพ้ียนเป็น “สะกาย” และ “ไส้ไก่” ในปัจจุบัน บริเวณ มารดากลีบกับพวกว่า ทำเสน่ห์ยาแฝดใส่พระบาทสมเด็จ

คลองบางไส้ไก่มีชุมชนมอญจากเมืองทวายและเมืองมะริด
พระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระอนุชาธิราช) มีศรัทธาสร้าง
ท่อี พยพเขา้ มาตัง้ รกรากอยมู่ าก มคี วามชำนาญทางเรอื จึงทำ อุโบสถข้ึนใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง จึงได้รับ
หน้าท่ีเป็นฝีพายเรือหลวงในกรุงสยาม ซึ่งกองเรือหลวงนี้อยู่ใน พระราชทานนามว่า วัดหิรัญรูจี ซึ่งมีความหมายว่า “เงิน”
บังคับบัญชาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง ตามนามของเจ้าขรัวเงิน พระอัยกา และโปรดเกล้าฯ ให้หล่อ
บุนนาค) และเป็นที่มาของชื่อเรียก “มอญบางไส้ไก่” หรือ พระพุทธรูปปางมารวิชัยด้วยเงินท้ังองค์ ประดิษฐานเป็น

“มอญบา้ นสมเด็จ”
พระประธานในพระอุโบสถ เพ่ือเป็นพระพุทธรูปประจำวัด
นอกจากนั้น ยังมีชุมชนลาวท่ีสันนิษฐานว่า เกิดจาก
สันนิษฐานว่า ภายหลังทางวัดได้ทำการพอกปูนปั้นทับองค์
การกวาดต้อนเชลยศึกกบฏเมืองเวียงจันทน์ในสมัยธนบุรีและ พระพทุ ธรูปเงินและลงรกั ปิดทองดังท่ีปรากฏในปัจจบุ นั


169

พระอุโบสถวัดปรนิ ายกวรวหิ ารสรา้ งขนึ้ ดว้ ยรูปแบบสถาปตั ยกรรมไทยประเพณพี ระราชนยิ ม

ในสมัยของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๔


วดั ปรนิ ายกวรวหิ าร

วัดปรินายกต้ังอยู่ใกล้กับคลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง) ราชการแผ่นดินแทนพระจักรพรรดิราชได้) หนึ่งในสมบัต

ด้านหลังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. พระจักรพรรดิของพระองค์ ดังท่ีปรากฏในพระบรมราชปุจฉา
๒๓๕๒ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เม่ือครั้งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนอัปสรสุดาเทพ

รัชกาลที่ ๒ โดยพระพรหมสุรินทร (สงิ ห์ สงิ หเสน)ี วัดแห่งนี้
(พระองค์เจ้าวิลาส) พระราชธิดา ส้ินพระชนม์ รัชกาลท่ี ๓
จงึ มีชอ่ื เม่อื แรกสรา้ งว่า วดั พรหมสุรนิ ทร
ทรงตง้ั พระบรมราชปจุ ฉาในทป่ี ระชมุ พระสงฆค์ วามตอนหนง่ึ วา่
เม่ือพระพรหมสุรินทรได้เลื่อนบรรดาศักด์ิเป็นเจ้าพระยา
“...ท่โี ยมว่ามขี นุ พลแก้วน้ัน คือ พีบ่ ดนิ ทรเดชา...”

บดินทรเดชา จึงทำนุบำรุงวัดให้กว้างขวางงดงามข้ึน แต่ยัง
ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไม่แล้วเสร็จก็ถึงแก่อสัญกรรมเสียก่อน พระบาทสมเด็จ
รัชกาลท่ี ๕ ทรงทำนุบำรุงการก่อสร้างเสนาสนะ ถาวรวัตถุ
พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ จงึ ทรงรบั เปน็ พระอารามหลวง ต่างๆ ตลอดจนสร้างพระอุโบสถขึน้ ใหม

และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนสำเร็จ พระราชทานนามว่า
ส่ิงสำคัญภายในวัดที่คนในชุมชนให้ความเคารพนับถือ
วดั ปรนิ ายก ดว้ ยทรงยกยอ่ งเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชาวา่ เปรยี บดงั เป็นอย่างยิง่ คือ พระสุรภีพุทธพิมพ์ พระประธานปางมารวิชยั
ปรินายกแก้ว (อัครมหาเสนาบดี ผู้มีปรีชาสามารถอาจสำเร็จ สมัยสุโขทยั ประดิษฐานอยู่ภายในพระอโุ บสถ


170

พระสรุ ภีพุทธพิมพ์ พระประธานปางมารวิชยั สมยั สุโขทยั รปู หล่อเจา้ พระยาบดินทรเดชา (สงิ ห์ สิงหเสน)ี

ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ด้านหน้าพระประธาน ผสู้ ถาปนาพระอาราม

ประดิษฐาน “ชมพบู ดีวัตถุ” หรอื พระพุทธรูปทรงเครอ่ื ง


ด้านหลังของวัดเป็นท่ีตั้งของชุมชนบ้านพานถม ชุมชน ดำรงรักษ์ในขณะน้ี) ฝึกหัดเป็นช่างปูนช่างศิลา เรียกว่า

หัตถศิลป์เก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ บรรพบุรุษของชาว “ไพร่หลวงเกณฑ์บุญ” และโปรดเกล้าฯ ให้อีกส่วนหน่ึง

ชุมชนบ้านพานถมอพยพมาจากเมืองนครศรีธรรมราชในสมัย ต้ังบ้านเรอื นบรเิ วณริมคลองรอบกรุง ดา้ นหลังวดั ปรินายก เกิด
ของรชั กาลที่ ๓ เม่อื พ.ศ. ๒๓๗๕ โดยสมเดจ็ เจา้ พระยาบรม เปน็ ชมุ ชนบา้ นพานถม ซ่ึงเป็นท่เี ลื่องลือถึง “เคร่อื งถม” ฝมี ือ
มหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าพระยา
งานหัตถศิลป์ชั้นสูง ได้ทรงให้ช่างถมผู้มีฝีมือจากชุมชนน้

พระคลัง ได้รับพระบรมราชโองการให้กรีธาทัพลงไปรักษา เข้ารับราชการเป็นช่างหลวงในกรมชา่ งสิบหม่จู ำนวนมาก

ความสงบทางหัวเมืองปักษ์ใต้ กอปรกับในช่วงเวลาน้ันเกิด แม้ปัจจุบัน ชาวชุมชนบ้านพานถมจะมิได้ยึดอาชีพ

วิกฤตข้าวยากหมากแพง เม่ือกองทัพสยามเดินทางกลับ
ผลิตงานหัตถศิลป์ดังเช่นบรรพบุรุษ แต่ผลงานฝีมือถมทอง

ชาวเมืองนครศรีธรรมราช เมืองพัทลุง และเมืองสงขลาจึงขอ ของชาวชุมชนบ้านพานถมยังคงหลงเหลือเป็นมรดก

อพยพติดตามกองทพั มายังกรงุ รตั นโกสินทร์ดว้ ย
ทางวัฒนธรรมของชาติอยู่มาก เช่น พระแท่นท่ีเสด็จ
รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้อพยพตั้งบ้านเรือนอย
ู่ พระราชดำเนินออกขนุ นาง พระเสลี่ยง พระที่น่งั ภัทรบิฐ และ
ณ ตำบลสนามกระบือ (บริเวณถนนหลานหลวงและถนน พนักเรือพระทน่ี ่ัง เป็นตน้


171

วดั จักรวรรดริ าชาวาสวรมหาวหิ ารหรือวัดสามปลืม้ อยู่คกู่ ับชุมชนชาวจนี สำเพง็ มาแตแ่ รกสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์


วัดจักรวรรดริ าชาวาสวรมหาวิหาร

วัดจักรวรรดิราชาวาสต้ังอยู่เชิงสะพานพระปกเกล้า
ทรงฉลองพระทรงผนวชใหมว่ า่ วัดจกั รวัตริ าชาวาษ

ฝ่ังพระนคร เดิมเป็นวัดราษฎร์ท่ีมีมาแต่คร้ังกรุงศรีอยุธยา
ใน พ.ศ. ๒๓๖๒ เจ้าพระยาบดนิ ทรเดชาบรู ณปฏิสงั ขรณ์
ชาวบา้ นเรยี กกนั หลายชอื่ วดั แม่นางปล้ืมบ้าง วดั สามปลม้ื บ้าง วัดเพิ่มเติมและน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง

ท่ีเป็นเช่นนี้เนื่องจากสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่มีผู้หญิง ๓ คน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
ร่วมกันสร้าง ประกอบกับมีคลองสามปลื้มไหลผ่านข้างวัด
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘ และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า

จงึ เรียกชื่อวัดกนั เช่นนน้ั
วดั จักรวรรดริ าชาวาส

ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในห้วงเวลาน้ีเอง เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพไปปราบ
มหาราช รัชกาลท่ี ๑ เจ้าพระยาอภัยราชา (ป่ิน) อัครมหา สมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ (พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๕) แห่ง

เสนาบดีและบิดาของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระบาง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิ

เป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์วัดสามปล้ืมครั้งใหญ่อย่างท่ีเรียกกันว่า กลับมาพระนครด้วย รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐาน
“มหาปฏิสังขรณ์” และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง ไว้ที่วัดจักรวรรดิราชาวาส ด้วยมีตำนานเล่าว่า พระบางและ
ได้รับพระราชทานนามดังปรากฏหลักฐานช่ือวัดในหมายรับส่ัง พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในท่ีแห่งเดียวกันไม่ได้ ต้องสร้าง
รชั กาลท่ี ๑ จ.ศ. ๑๑๖๔ (พ.ศ. ๒๓๔๕) เรอ่ื งหมายกำหนดการ พระวิหารเพื่อประดิษฐานโดยเฉพาะแต่ละองค์ ภายหลัง

172

ว่า “โบสถ์เต้ียกว่าวิหารพระบาง” เจ้าพระยาบดินทรเดชา

จึงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ทางด้านเหนือของพระอุโบสถเดิม
ส่วนพระอโุ บสถเดมิ กลายมาเปน็ พระวหิ าร

พระวิหารต้ังอยู่ด้านใต้ของพระอุโบสถ เดิมเคยเป็น

พระอุโบสถมาก่อน ตามประวัติเมื่อเจ้าพระยาบดินทรเดชา
สร้างวัดน้ีราว พ.ศ. ๒๓๖๒-๒๓๖๓ นั้น ได้มอบให้บุตรชาย

คนโตชื่อ เกต (ในสมัยของรัชกาลที่ ๔ เป็นเจ้าพระยา

มุขมนตรี) เป็นผู้อำนวยการสร้างด้านเหนือเข้ามาหาด้านใต้
ให้บุตรชายคนรองชื่อ แก้ว (ในสมัยของรัชกาลท่ี ๔ เป็น
เจ้าพระยายมราช) เป็นผู้อำนวยการสร้างด้านใต้ข้ีนไปหา

ด้านเหนอื แลว้ มาบรรจบกันตรงกลาง

ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสน)ี สรา้ งเสร็จ
ในวันท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ประดิษฐานรูปหล่อ

ของเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชา ซ่งึ หล่อขึ้นระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๔๑-
๒๔๔๗ โดยป้ันจากภาพเขียนท่ีถ่ายแบบมาจากรูปปั้น

ของเจ้าพระยาบดินทรเดชาที่สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบด

(นักองค์ด้วง) พระเจ้ากรุงกัมพูชา ทรงให้สร้างไว้สักการะ

ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๒

ย่านวัดจักรวรรดิราชาวาสถือเป็นย่านที่พักอาศัยของ
ชุมชนชาวจีนในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เม่ือ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ
ให้ชาวจีนย้ายถ่ินฐานจากบริเวณท่ีจะสร้างพระบรมมหาราชวัง
ไปอยู่นอกเขตกำแพงพระนครทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่คลองวัดสามปลื้มหรือวัด
พระพุทธปรางคป์ ระดับหนิ อ่อน
จักรวรรดิราชาวาสไปจนถึงคลองสำเพ็ง ชาวจีนจึงได้ตั้งหลัก
สัญลกั ษณ์ของวดั จักรวรรดิราชาวาสวรมหาวหิ าร
ปักฐานสร้างชุมชนและย่านการค้าจนรุ่งเรืองและขยายพ้ืนที่

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ออกไปอย่างกว้างขวาง กลายเปน็ ย่านสามเพ็ง ตลาดบกทใ่ี หญ่
พระราชทานพระบางแก่เจ้านครหลวงพระบางท่ีทรงเข้าถวาย ท่ีสุดในพระนคร

เคร่ืองราชบรรณาการเม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๙ และโปรดเกล้าฯ ให้ ชาวตะวันตกท่ีเข้ามาติดต่อการค้ากับสยามในสมัยของ
อัญเชิญพระนาก พระพทุ ธรูปปางหา้ มสมทุ ร ซงึ่ เป็นโลหะนาก รัชกาลท่ี ๓ เรียกขานย่านสามเพ็งว่าเป็น “ตลาดจีน” หรือ
ทั้งองค์จากหอพระในพระบรมมหาราชวังไปประดิษฐานไว้ใน “Chinese Bazaar” มีบันทึกของมิชชันนารีท่ีได้เข้ามาเยือน
พระวิหารแทน
ย่านสามเพ็งเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๘ ระบุความไว้ตอนหนึ่งว่า
ภายในวัดมีพระปรางค์ท่ีเจ้าพระยาบดินทรเดชาสร้าง “...ตลาดทั้งหมดดูแล้วน่าจะเรียกว่าเมืองการค้า (trading
หลังจากเสร็จศึกเขมรประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๐ ประดับด้วย
town) มากกว่า ที่น่ีมีร้านค้ามากมายหลากหลาย ต้ังอยู่บน
หินอ่อนมีฐานทักษิณ ๒ ช้ัน ว่ากันว่า สูงที่สุดในฝ่ังพระนคร สองฝ่ังฟากถนนยาวราว ๒ ไมล์ แต่ด้วยเหตุที่ร้านค้าต่างๆ
วัดจากพ้ืนถงึ ยอด ๓๙.๒๕ เมตร นภศูลสูง ๔.๒๐ เมตร
ตั้งอยู่ปะปนกัน เดินเพียงไม่ก่ีหลาก็สามารถหาซ้ือสินค้า
ตามประวัติเล่าสืบต่อกันมาว่า เม่ือรัชกาลท่ี ๓ เสด็จ ประเภทตา่ งๆ ได้ครบตามที่ต้องการ...”

พระราชดำเนินมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ได้ทอดพระเนตร

พระวิหารพระบางสูงกว่าพระอุโบสถ จึงมีพระราชกระแสท้วง

173

พระพทุ ธเกสร พระประธานในพระอโุ บสถ


วดั สามพระยา

วัดสามพระยาต้งั อยู่ใกลก้ บั ถนนสามเสน สรา้ งขนึ้ เม่ือตน้ ทำงอบ เป็นต้น เป็นเหตุให้ชื่อของตำบลบริเวณวัดเปลี่ยนเป็น
กรุงรัตนโกสินทร์ โดยหลวงวิสุทธิโยธามาตย์ (ตรุษ) ขุนนาง บางขนุ พรหมตามไปดว้ ย

เช้ือสายมอญ และญาติได้อุทิศท่ีดินพร้อมท้ังบ้านเรือนของ
ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขุนพรหม (สารท) ผู้เป็นน้องชาย ถวายให้สร้างวัดเพ่ือเป็น
รัชกาลที่ ๓ วัดบางขุนพรหมได้ทรุดโทรมลง หลานของ

ผลบุญและเป็นอนุสรณ์แก่ขุนพรหมที่เสียชีวิตด้วยไข้ป่าในคราว ขุนพรหม ๓ คน (บุตรของนางพวา น้องสาวคนสุดท้องของ
ที่ได้ร่วมกันสร้างมณฑปพระพุทธบาทตามพระบรมราชโองการ หลวงวิสทุ ธโิ ยธามาตย์และขนุ พรหม) ได้แก่ พระยาราชสภุ าวดี
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาล (ขุนทอง) พระยาเทพวรชุน (ทองปาน) และพระยาราชนิกูล
ท่ี ๑ วดั น้จี ึงไดช้ ือ่ วดั บางขนุ พรหม
(ทองคำ) บตุ รของพระยาสุรนิ ทรามาตย์ (มะทอเป้นิ ) ร่วมกนั
ตำบลบ้านบริเวณน้ันเดิมเรียกว่า บ้านลาน เพราะ บูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ีทรุดโทรมจนสำเร็จบริบูรณ์ แล้ว
ตระกูลของขุนพรหมผูกขาดการค้าใบลาน ซึ่งสามารถนำมา น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๖ ไดร้ ับ
จารคัมภีร์ พระไตรปิฎก ตำราเรียนของพระสงฆ์ ทำหมวก พระราชทานนามวดั ใหม่วา่ วัดสามพระยา


174

หลวงพ่อนัง่ ชาวบ้านเรียกตามพุทธลกั ษณะพระพทุ ธรูป

ที่เปน็ พระน่งั อ้มุ บาตร


พระอโุ บสถวัดสามพระยา


มีประวัติกล่าวไว้ด้วยว่า นอกจาก ๓ ท่านน้ันแล้ว

ยังมีพระยาเกษตรรักษา (บุญชู) น้องคนเล็กของพระยาท้ัง

๓ ท่าน ร่วมช่วยสร้างวัดด้วย แต่ในเวลาที่สร้างวัดน้ัน ยังมี
บรรดาศกั ด์ิเปน็ พระพพิ ิธโภไคย จงึ ไมป่ รากฏในนามผู้สรา้ งวดั
สงิ่ สำคัญภายในพระอาราม ไดแ้ ก่ พระอุโบสถ ลักษณะ หลวงพ่อนอน ชาวบ้านเรยี กตามพทุ ธลักษณะของพระพุทธรปู

ปางไสยาสน

ทางสถาปัตยกรรมในสมยั ของรัชกาลท่ี ๓ ตอ่ รัชกาลที่ ๔ จงึ มี
ลักษณะแบบจนี ผสมตะวนั ตก
พระภิกษุสามเณรและชาวชุมชนละแวกน้ันเล่ือมใส

ซุ้มประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นช่อดอกพุดตาน
ในความศักด์ิสิทธ์ิของหลวงพ่อนอนและหลวงพ่อนั่งอย่างมาก
ใต้กรอบล่างหน้าต่างทำเป็นฐานสิงห์ บานประตูหน้าต่างเขียน เป็นท่ีโจษจันกันว่า คร้ังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อเคร่ืองบิน

ลายรดน้ำลายพรรณพฤกษาแบบจีน
ทิ้งระเบิดย่านนี้ชาวบ้านได้พากันมาอาศัยอยู่รอบองค์หลวงพ่อ
พระประธานในพระอุโบสถ คือ พระพุทธเกสร เป็น นอนอย่างเนืองแน่น บริเวณโดยรอบเสียหายหนัก แต่วัดอยู่ใน
พระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั ประทับบนรตั นบลั ลงั ก
์ สภาพเดมิ

นอกจากน้ี ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิของวัดสามพระยาท่ีชาวบ้าน

ในย่านนี้และบริเวณใกล้เคียงให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
คือ หลวงพ่อนอนและหลวงพ่อน่ัง โดยหลวงพ่อนอน
ประดิษฐานอยู่ท่ีศาลาพระนอน เป็นพระพุทธรูปไสยาสน์ ปาง
โปรดอสุรินทราหู ด้านหลังของศาลาหลวงพ่อนอน คือ ศาลา
หลวงพ่อน่ัง พระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางปาลิไลยก์ ซ่ึงคนนิยม
เรยี กวา่ พระน่งั อมุ้ บาตร


175

พระวิหารวัดคฤหบด


วดั คฤหบด

วัดคฤหบดีต้ังอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงบางย่ีขัน
วัดคฤหบดีได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์คร้ังใหญ่ในสมัยของ
ฝั่งธนบุรี สร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๗ เดิมเป็นที่ตั้งเรือนของ รชั กาลท่ี ๕ ตอ่ มา ราว พ.ศ. ๒๔๖๓ วัดสวนสวรรค์ ซึง่ อยตู่ ิด
พระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่ ภมรมนตรี) อธิบดีกรมพระคลัง กบั วัดคฤหบดกี ลายเปน็ วดั รา้ ง จงึ ไดม้ กี ารรวมวดั ท้ัง ๒ แหง่ นี้

มหาสมบัติในสมัยของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เขา้ ด้วยกนั

รัชกาลท่ี ๓
สงิ่ สำคัญภายในพระอาราม ได้แก

ต่อมา พระยาราชมนตรีได้รับพระราชทานเรือนของ
พระอุโบสถกอ่ อฐิ ถอื ปูน หลงั คาชั้นลด ๒ ช้ัน ไมม่ ชี อ่ ฟา้
พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือสุนทรภู่ ซึ่งอยู่บริเวณท่าพระ ใบระกา ตามแบบท่ีนิยมกันในสมัยของรัชกาลท่ี ๓ ภายใน
(ท่าช้างวังหลวง) พระยาราชมนตรีจึงอุทิศท่ีดินและบ้าน
ประดิษฐานพระแซกคำ (บางแห่งเขียนว่า พระแทรกคำ)

หลังเดิมของตน เพื่อสร้างวัด และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็น
ในองคพ์ ระบรรจพุ ระบรมสารีรกิ ธาตุ ๑๐๐ องค์

พระอารามหลวง ได้รบั พระราชทานนามวา่ วัดคฤหบดีอาวาส ตามตำนานกล่าวว่า เดิมพระแซกคำเป็นพระพุทธรูป
หมายถงึ วดั ของผมู้ ีฐานะดี และไดร้ ับพระราชทานพระพุทธรูป สำคัญองค์หนึ่งในอาณาจักรล้านนา เม่ือพระเจ้าไชยเชษฐา

จากเวียงจันทน์ คือ พระแซกคำ เป็นพระประธานใน
ธริ าช (สมเด็จพระเจ้าอภัยพุทธบวร ไชยเชษฐาธิราช) เสด็จมา
พระอโุ บสถ
ครองเมืองเชียงใหม่ระยะหน่ึง แล้วเสด็จกลับหลวงพระบาง

176

พระแซกคำพระพทุ ธรูปศิลปะแบบล้านช้าง

พระประธานในพระอุโบสถ


ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต พระแซกคำ และพระพุทธรูป
สำคัญอื่นๆ ไปด้วย และเม่ือทรงย้ายราชธานีไปอยู่ที่
เวียงจันทน์เมื่อ พ.ศ. ๒๑๐๗ ก็ได้ทรงอัญเชิญพระพุทธรูป
สำคัญเหล่านี้ไปด้วยเช่นกัน กระท่ังพระยาราชสุภาวดี (สิงห์
สิงหเสนี ต่อมาเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา) นำกองทัพ
ศาลาโรงธรรม


ไปปราบสมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ (พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๕)
แห่งเวียงจันทน์ และได้รับชัยชนะกลับมาเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๙
พวกทำปูนขาวตามที่ต่างๆ ยังได้มาซื้อท่ีเขาน้ีไปทำด้วย
จงึ อัญเชญิ พระแซกคำกลบั พระนคร รัชกาลท่ี ๓ พระราชทาน เหมือนกัน...”

ให้มาประดษิ ฐาน ณ วัดคฤหบดี มาจนทกุ วนั น
ี้ การทำปูนที่บางย่ีขันเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน

พระวิหารมีลักษณะโครงสร้างและขนาดเช่นเดียวกับ
ในสมัยก่อนน้ันหากใครต้องการซื้อปูนแดงเพ่ือกินกับหมากที่มี
พระอุโบสถและต้ังอยู่คู่กันภายในบริเวณกำแพงแก้ว เป็นท่ี คณุ ภาพดกี ต็ อ้ งมาท่บี า้ นปูน

ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปปางต่างๆ หลายองค
์ ท่าเรือวัดคฤหบดีเป็นอีกส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์

ศาลาโรงธรรมมีประวัติว่า หลวงวุฒิธนภูมิ (ต้นสกุล
บ้านปูน ด้วยเป็นท่าเรือที่ชาวบ้านจะนำเรือที่นำปูนใส่ปี๊บไว้
ธนภูมิและดารสวสั ด)ิ์ ซ่งึ มีบ้านอยูใ่ นยา่ นนี้ เป็นผู้สร้าง มีเรื่อง แล้วมาจอดรอท่าตัง้ แตเ่ ยน็ พอล่วงเข้าเชา้ มืดของวันร่งุ ข้นึ ก็จะ
เล่าวา่ ในสมัยก่อน ผูม้ อี ันจะกนิ ไมน่ ิยมใหล้ ูกสาวไปวดั เพราะ มานำเรือออกไปขายปนู ทปี่ ากคลองตลาด

เกรงจะไปพบปะกับชายหนุ่ม จึงได้สร้างศาลาไว้ใกล้บ้าน
อาชีพขายปูนสร้างรายได้ท่ีดีให้กับชาวบ้านในยุคน้ัน
เพื่อเป็นสถานท่ีทำบุญหรือนิมนต์พระมาแสดงธรรม และเป็น เพราะนอกจากจะรบั ประทานกบั หมากแลว้ ยงั นำไปใชฆ้ า่ เชอื้ รา
โรงทานเพ่อื บรจิ าคทานและเลีย้ งอาหารแก่ผอู้ ื่น
ในพืช แช่อาหาร ดองผลไม้ ผสมเป็นยารักษาโรค และผสม
พื้นท่ีบริเวณวัดคฤหบดีเดิมเป็นชุมชนทำปูน เรียกว่า ชนั ยาเรือ ตุ่ม และไหไดด้ ้วย อยา่ งไรกด็ ี อาชพี ทำปูนต้องเลิก
บ้านปูน ดังปรากฏหลักฐานในสมุดราชบุรี พ.ศ. ๒๔๖๙
กิจการไปในสมัยสงครามโลกคร้ังที่ ๒ เนื่องจากต้องพรางไฟ
ซง่ึ บันทึกไวว้ า่
ไมใ่ ห้เครื่องบินข้าศกึ ทง้ิ ระเบดิ กอปรกับรัฐบาลจอมพล แปลก
“...หนิ ปนู ทเี่ ขางูน้ี นอกจากเราชาวราชบุรีจะนำมาทำปนู พิบูลสงคราม ประกาศนโยบายสร้างความศิวิไลซ์ให้ชาติ โดย
ใช้ในการตา่ งๆ แล้ว พวกทำปนู แดงที่บางย่ขี นั กรงุ เทพฯ และ ให้ประชาชนเลิกกนิ หมาก


177

พระอโุ บสถวดั นรนาถสุนทริการามมีลกั ษณะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประเพณ


วดั นรนาถสุนทริการาม

วัดนรนาถสุนทริการามตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม
บริเวณอันเป็นท่ีต้ังของวัดนรนาถสุนทริการามในย่าน
ใกล้กับวังเทเวศร์ เดิมชื่อวัดเทพยพลี แต่เรียกเพี้ยนไปเป็นวัด เทเวศร์น้ี เม่ือแรกสร้างในช่วงต้นรัตนโกสินทร์นั้นเป็นพ้ืนท่

ฉิมพลี สร้างข้ึนในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ เป็นร่องสวนและมีพันธุ์ไม้นานาชนิด
เลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ
์ คล้ายป่ารก จนมีเร่ืองเล่าว่า คร้ังหนึ่งเคยมีพลตระเวนไล่กวด
คร้ังใหญ่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ร้ายไปในวัดแล้วจับตัวไม่ได้เพราะผู้ร้ายหลบไปซ่อนตัว

รชั กาลที่ ๕ โดยพระยานรนาถภักดี (เถียน โชตกิ เสถยี ร ต่อมา หลังวัด

เปน็ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี) พร้อมด้วยคณุ หญงิ สุ่น ภรรยา ได้ ต่อมา เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

มีจิตศรัทธาสละทรัพย์เพ่ือบูรณปฏิสังขรณ์วัดใหมท่ ง้ั หมด โดย รัชกาลท่ี ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองผดุงกรุงเกษมพาดผ่าน
มกี ารสรา้ งอโุ บสถ วหิ าร ศาลาการเปรยี ญ พระเจดยี ์ และกุฏิ พ้ืนที่ของวัดเม่ือ พ.ศ. ๒๓๙๔ เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคม
สงฆ์ขึ้นใหม่ใน พ.ศ. ๒๔๑๘ ภายหลังจากการบูรณะเสร็จส้ิน สำคัญในการติดต่อค้าขายของชาวพระนคร ทำให้บริเวณน้ี
ได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง และได้รับ เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว สองฝั่งคลองกลายเป็นท่ีตั้งบ้านเรือน

พระราชทานนามว่า วัดนรนาถสนุ ทรกิ าราม
ทส่ี วน เปน็ ตลาด เปน็ โรงสี ยิง่ เมอ่ื มกี ารตดั ถนนสามเสนผ่าน



178

พระประธานภายในพระอโุ บสถ
ซมุ้ พระพทุ ธรูปทรงโกธิก

ภายในประดิษฐานพระพุทธรปู ปางหา้ มสมุทร


บรเิ วณน้ยี งิ่ เจรญิ ขึ้นกวา่ แต่ก่อนมาก ดังที่ ส. พลายนอ้ ยเลา่ ถึง นิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี พระราชธิดาใน

ย่านเทเวศร์ไว้ในหนังสือร้อยแปดที่กรุงเทพฯ ว่า “...ในสมัยท่ี พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
ตัดถนนใหม่ๆ ถ้าใครน่ังรถม้าจากในพระนครไปถึงคลองผดุง ทรงช่วยซ่อมแซมพระอุโบสถ พระวิหาร และกุฏิสงฆ์

กรุงเกษมได้ กถ็ ือว่าไปได้ไกลมากแล้ว...”
จนสมบูรณ์ทั้งวัด แม้ว่าในช่วงสงครามโลกครั้งท่ี ๒ วัดได้รับ
โดยเฉพาะอย่างย่ิงภายหลังจากที่มีการก่อสร้างสะพาน ความเสียหายจากเหตุการณ์ท้ิงระเบิดในกรุงเทพฯ แต่ก็ได้รับ
เทเวศรนฤมิตร ทอดข้ามคลองผดุงกรุงเกษมในสมัยรัชกาล
การบรู ณะใหด้ ีดงั เดมิ ในเวลาตอ่ มา

ท่ี ๕ ทำให้ย่านเทเวศร์เจริญขึ้น กลายเป็นย่านการค้าสำคัญ ส่ิงที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัดนรนาถสุนทริการาม

แหง่ หนึง่ ของกรุงเทพฯ สืบเนอื่ งมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี ดังเห็นได้จาก คือ การก่อสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ตาม
การเปน็ ทีต่ ง้ั ของตลาดเทวราช ตลาดสดขนาดใหญท่ ่ีมขี องขาย ลักษณะทางสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทย จีน และ
หลากหลายประเภท และตลาดเทเวศร์ แหลง่ ขายตน้ ไมท้ ขี่ นึ้ ชอื่ ตะวันตก กล่าวคือ พระอุโบสถมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม

แหง่ หนงึ่ ในกรงุ เทพฯ
ไทย ในขณะทพ่ี ระวิหารเปน็ สถาปัตยกรรมจีน

ในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาล นอกจากน้ียังมีซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป

ท่ี ๗ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐิน
ปางห้ามสมุทรเป็นสถาปัตยกรรมเลียนแบบศิลปะโกธิกของ
และทอดพระเนตรความทรดุ โทรมของวดั วดั นรนาถสนุ ทรกิ าราม ตะวันตก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปล่ียนแปลงทางด้าน
จึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดข้ึนใหม่อีกคร้ัง
ศิลปะและวัฒนธรรมท่ีเข้ามามีอิทธิพลในสังคมสยามสมัยน้ัน

และ พ.ศ. ๒๔๗๕ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า
ไดเ้ ปน็ อยา่ งด


179

“หลวงพ่อโต” หรือ “ซำปอกง” พระประธานภายในพระวิหาร


วัดกลั ยาณมิตรวรมหาวิหาร


วัดกัลยาณมิตรตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลอง ในอดีต ที่ตั้งของวัดกัลยาณมิตรเคยเป็นศูนย์กลาง

บางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) ฝ่งั ธนบรุ ี เป็นอารามท่ีพระยา
ของชุมชนชาวจีนมาแต่สมัยอยุธยา เรียกตำบลนี้ว่า “กุฎีจีน”
ราชสุภาวดี (เจ้าสัวโตหรือช่ือจีนว่า อ้ึงเตาโต๋ ต้นสกุล ด้วยปรากฏศาลเจ้าโจวซือกง ศาลเจ้ากวนอูโบราณ (ต่อมา

กัลยาณมิตร ต่อมาเป็นเจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหา ในสมัยของรัชกาลท่ี ๓ ชาวจีนฮกเกี้ยนสร้างศาลเจ้าแม่

กัลยาณมิตร) ได้มีจิตศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาอุทิศบ้าน กวนอิมขึ้นแทน เรียกกันทั่วไปว่า ศาลเจ้าเกียนอันเกง)
และท่ีดินสร้างขึ้นเป็นวัดเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๘ และถวายเป็น
ประดษิ ฐานอยูท่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของวดั กลั ยาณมิตร

พระอารามหลวง โดยได้รับพระราชทานนามจากพระบาท ดังปรากฏคำอธิบายในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จ ความ
สมเด็จพระนงั่ เกล้าเจา้ อยู่หวั รัชกาลท่ี ๓ วา่ วัดกัลยาณมิตร ตอนหน่งึ ว่า

อันหมายถงึ มิตรดีหรือเพอื่ นผ้มู กี ลั ยาณธรรม เพ่อื เป็นอนสุ รณ์ “...ที่เรียกว่ากุฎีจีนน้ัน มีกุฎีจริงและเป็นของสำคัญใน
เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกเธอ กรมหม่ืน โบราณคดีด้วย หม่อมฉันก็เผอิญไปรู้เห็นมาโดยมิได้คิดคาด
เจษฎาบดินทร์ ทรงกำกับกรมท่า ซึ่งทรงร่วมกับพระยา
คร้ังหนึ่งหม่อมฉันรับเชิญไปช่วยงานหล่อระฆังใหญ

ราชสุภาวดีฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าให้สยามกลับมาเจริญรุ่งเรือง ที่วัดกัลยาณมิตร กระบวนงานออกจะยุ่งต้องคอยอยู่นานกว่า
เฉกเชน่ เมือ่ คร้ังกรงุ ศรีอยุธยา


180

ภาพถา่ ยทางอากาศวดั กลั ยาณมติ รวรมหาวิหารเมอื่ พ.ศ. ๒๔๘๙
พระวิหารของวดั กัลยาณมิตรวรมหาวหิ าร
(หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)
เปน็ พระวิหารท่มี ีขนาดใหญท่ ส่ี ุดในฝั่งธนบรุ ี


ชั่วโมง หม่อมฉันจึงไปเที่ยวดูวัดกัลยาณมิตร ไปถึงเขตวัด
ว่า พระวิหารวัดกัลยาณมิตรเปรียบดังเครื่องหมายให้บรรดา
ทางดา้ นใตร้ มิ คลองกฎุ จี ีน แลดขู า้ มฟากคลองไป เหน็ ศาลเจา้ นกั เดินทางทราบว่า ถงึ บางกอกแล้ว

จีนอยู่ทางฝ่ังโน้นห่างลับแม่น้ำเข้าไปสักสองเส้น...ศาลเจ้านั้น ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
พวกจีนคงสร้าง แต่เม่ือท่ีตรงน้ันเป็นหัวแหลมแม่น้ำเล้ียว ขนาดใหญ่ที่สดุ ในกรุงเทพฯ ท่ีรู้จกั กันโดยทวั่ ไปว่า หลวงพ่อโต
เหมอื นชอบสร้างในที่อ่นื ๆ เชน่ เดียวกนั คือสร้างเม่อื สายแมน่ ้ำ หรอื ทชี่ าวไทยเชอ้ื สายจนี นยิ มเรยี กวา่ ซำปอฮดุ กงหรอื ซำปอกง
เจ้าพระยายังไปทางคลองบางกอกใหญ่ เวลาตรงวัด ซ่ึงรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อข้ึน ด้วยทรงมีพระราช
กัลยาณมิตรยังเป็นแม่น้ำ ในสมัยเม่ือแรกหรือก่อนขุดคลองลัด ประสงค์ให้เป็นพระพุทธรูปใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฉกเช่น

บางกอก ครงั้ รชั กาลสมเด็จพระไชยราชาธริ าช...”
ท่ีเคยปรากฏอยู่ที่วัดพนัญเชิงในสมัยอยุธยา ต่อมา ภายหลัง
สมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทาน จึงได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า

ท่ีดินตำบลกุฎีจีนให้ชาวคริสตังเชื้อสายโปรตุเกสตั้งบ้านเรือน เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก ทั้งน้ี
และศาสนสถาน จงึ เรยี กชุมชนแห่งน้ีว่า ฝรง่ั กฎุ ีจีน
พระพุทธไตรรัตนนายกหรือซำปอกงนั้น ในประเทศไทยมีอยู่
จวบจนสมัยรัตนโกสินทร์ เม่ือราชสำนักเริ่มผ่อนปรน ๓ แห่ง คือ ท่วี ัดพนญั เชงิ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา วดั อภุ ัย
ทางการค้ากับต่างชาติในปลายสมัยของรัชกาลที่ ๓ ส่งผลให้ ภาติการาม จังหวดั ฉะเชิงเทรา และวดั กลั ยาณมติ ร กรงุ เทพฯ

บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ใกล้กับวัดกัลยาณมิตร ย่ิงทวี วัดกัลยาณมิตรเป็นศูนย์รวมจิตใจของท้ังชาวไทย

ความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมย่ิงกว่าในอดีต และชาวไทยเชื้อสายจีนท่ีนับถือศาสนาพุทธ โดยเป็นสถานท่ี
บริเวณท่าน้ำวัดกลั ยาณมติ รคลาคลำ่ ไปด้วยเรอื สินค้า เรือนแพ ประกอบพิธีกรรม ท้ังการสรงน้ำหลวงพ่อโต การเทศน์
และผู้คนท่ีหล่ังไหลเข้ามาติดต่อค้าขายจากทุกสารทิศ ก่อเกิด มหาชาติก่อนการออกพรรษา ที่สำคัญ คือ เป็นท่ีประกอบ
เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายทางเช้ือชาติ ศาสนา พิธีกรรมอันเกี่ยวเน่ืองกับเทศกาลตรุษจีนและวันสารทจีนของ
และวัฒนธรรมแหง่ หนงึ่ ในพระนคร
ชาวไทยเช้ือสายจีนทั้งที่อาศัยอยู่ในละแวกน้ันและชาวไทย

ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของวัดกัลยาณมิตร คือ เชอื้ สายจนี ท่ีอยใู่ นทอ่ี ืน่ ๆ

พระวิหารหลังใหญ่ท่ีเคียงคู่กับพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
จนมีการกล่าวขานในหมู่ชาวตะวันตกที่เข้ามาค้าขายในสยาม

181

วดั ประยุรวงศาวาสวรวิหารหรอื “วดั รั้วเหลก็ ”


วัดประยรุ วงศาวาสวรวิหาร


วัดประยุรวงศาวาสต้ังอยู่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า
วัดแห่งน้ีว่า วัดรั้วเหล็ก เน่ืองจากร้ัวของวัดน้ีบางช่วงเป็น

ฝั่งธนบุรี เปน็ วัดท่เี จ้าพระยาพระคลงั (ดศิ บุนนาค ตอ่ มาเป็น รวั้ เหล็กสงู ประมาณ ๓ ศอก ทำเปน็ รูปอาวุธ ไดแ้ ก่ หอก ดาบ
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ หรือสมเด็จเจ้าพระยา ขวาน จากหนังสือประวัติวัดประยุรวงศาวาส พ.ศ. ๒๔๗๑
องคใ์ หญ)่ ได้อุทศิ สวนกาแฟ ณ ตำบลกุฎจี นี สถาปนาขึ้นเปน็ ระบุว่า เจ้าพระยาพระคลังได้นำน้ำตาลทราย สินค้าออก

พระอารามเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๑ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ท่ีสำคัญในเวลาน้ันแลกกับรั้วเหล็กที่นำเข้าจากอังกฤษแบบ
โดยได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
“น้ำหนักต่อน้ำหนัก” และน้อมเกล้าฯ ถวายแด่รัชกาลท่ี ๓
เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ ว่า วัดประยุรวงศาวาส หมายถึง เพอื่ ใชล้ อ้ มกำแพงวงั แตพ่ ระองคไ์ มโ่ ปรด จงึ ทลู ขอพระราชทาน
พุทธสถานแห่งวงศ์พระประยูรญาติ ด้วยเจ้าพระยาพระคลัง รั้วเหลก็ มาใช้ลอ้ มเปน็ รว้ั วดั ทต่ี นสรา้ งแทน

เป็นบุตรของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับเจ้าคุณ ในห้วงเวลาท่ีสถาปนาวัดประยุรวงศาวาส เศรษฐกิจ

พระราชพนั ธ์ุ (นวล) ซง่ึ เปน็ พระขนษิ ฐาของสมเดจ็ พระอมรนิ ทรา การค้าของสยามกับต่างประเทศกำลังเจริญรุ่งเรือง เป็นผลให

บรมราชินี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าในพระนครเป็นจำนวนมาก
จุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ตระกูลบุนนาคจึงถือเป็น เจ้าพระยาพระคลังมีหน้าท่ีดูแลชุมชนการค้า ท้ังของชาวจีน
“ราชินิกุล” หรือญาติข้างฝ่ายพระอัครมเหสีของพระมหา และชาวตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขายและเผยแผ่ศาสนา

กษตั ริย์
ดังนั้น บริเวณโดยรอบวัดประยุรวงศาวาสริมแม่น้ำเจ้าพระยา

แม้จะมีชื่อวัดเป็นทางการแต่ชาวบ้านกลับนิยมเรียก
จึงเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของขุนนางตระกูลบุนนาค ชุมชน


182

เขามอ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
พระบรมธาตุมหาเจดยี ์ พระเจดยี ท์ รงระฆงั องค์แรก

ของกรุงรตั นโกสนิ ทร


ชาวต่างชาตทิ เี่ ขา้ มาพ่ึงพระบรมโพธิสมภาร รวมทง้ั โกดังสนิ คา้ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของวัดประยุรวงศาวาส คือ
และท่าเรือของพ่อค้าจีนกลุ่มใหญ่ ดังปรากฏรายช่ือในหนังสือ เป็นท่ีต้ังของเขามอหรือภูเขาจำลอง ซึ่งสมเด็จเจ้าพระยา

บางกอกกาแลนเดอร์เม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๕ เช่น พระยาพิศาล
บรมมหาประยูรวงศ์ให้สร้างขึ้น โดยได้แนวคิดมาจาก “หยด
ศุภผล (ชน่ื พิศาลบตุ ร) พระพิสณท์สุรากร เจ้าสัวฟกั แซ่ล้มิ เทียนข้ีผง้ึ ” ท่รี ัชกาลที่ ๓ พระราชทาน ภายในบรเิ วณเขามอ
เจ๊สวั กวางสิว แซอ่ ู๋ เจ๊สัวจัน่ แซ่กิม เปน็ ตน้
เป็นทีต่ ้งั ของอนุสาวรยี ป์ ืนใหญ่ ๓ กระบอก ที่สรา้ งขึ้นเพอื่ เปน็
บริเวณริมท่าน้ำวัดประยุรวงศาวาสยังเป็นที่อยู่อาศัย
อนุสรณ์ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งปืนใหญ่ท่ีเอามาทำเป็นไฟพะเนียง
ของคณะมิชชนั นารแี ละชาวตะวนั ตก เช่น นายแพทยแ์ ดน บชี แตกในงานฉลองสมโภชวัดประยุรวงศาวาสเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๙
บรัดเลย์ หรือหมอบรดั เลย์ นางแอนนา เลียวโนเวนส์ เป็นต้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายคน หมอบรัดเลย์ได้ทำการ
โดยเจ้าพระยาพระคลงั ให้สรา้ งบา้ นไม้ ๒ ชน้ั ขนาด ๙ หอ้ ง รักษาพระภิกษุรูปหน่ึงท่ีกระดูกแขนแตกด้วยวิธีการผ่าตัดแขน
ใหเ้ ชา่
จึงกล่าวได้ว่า การผ่าตัดอวัยวะครั้งแรกในประเทศไทยเกิดข้ึน
วัดประยุรวงศาวาสแม้จะเป็นพระอารามท่ีสร้างขึ้น
ท่วี ัดประยรุ วงศาวาส

ในสมยั ของรชั กาลที่ ๓ แตไ่ ดส้ รา้ งขน้ึ ตามรปู แบบไทยประเพณี ในอดตี ประมาณกลางเดอื น ๔ (เดอื นมนี าคม) ของทกุ ปี
มิได้สร้างด้วยศิลปกรรมตามพระราชนิยมในรัชกาลท่ี ๓
เขามอ วัดประยุรวงศาวาสจัดงานวัดประยูร งานวัดท่ีย่ิงใหญ่
ในหนงั สอื ตระกูลบนุ นาค ระบวุ า่ ทเ่ี ป็นเชน่ นเ้ี พราะเจา้ พระยา และมีชื่อเสียงของฝ่ังธนบุรีเช่นเดียวกับงานนักขัตฤกษ์ฤดูหนาว
พระคลงั คาดหมายวา่ พระวชิรญาณมหาเถร (พระบาทสมเด็จ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามของฝั่งพระนคร แต่งานดังกล่าว
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) ทรงเปน็ ผเู้ หมาะสมทจี่ ะ ไดเ้ ลกิ ไปภายหลังการเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕

ทรงครองราชย์ ดังน้ัน สถาปัตยกรรมและศิลปวัตถุส่วนใหญ่ วัดประยุรวงศาวาสยังเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธ

ภายในวัดประยุรวงศาวาสจึงสร้างข้ึนตามพระราชนิยม
นาคน้อย พระพุทธรูปที่สร้างคู่กับพระศรีศากยมุนี วัด

ในรัชกาลที่ ๔ โดยเฉพาะพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ซึ่งเป็น
สุทัศนเทพวราราม พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีน

พระเจดีย์ทรงกลมหรือทรงลังกาองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ให้ความเคารพศรทั ธาพระพทุ ธปฏิมาองค์น้ีอยา่ งมาก มักเรยี ก
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
กันท่ัวไปว่า พระพุทธนาคน้อย เพ่ือให้คู่กับพระศรีศากยมุนี
(พระองคเ์ จ้าดิศวรกุมาร ตน้ ราชสกลุ ดิศกลุ ) ทรงอรรถาธิบาย หรือพระพุทธนาคใหญ่ ชาวจีนขนานนามพระพุทธนาคน้อย
ไว้ในหนังสือตำนานพุทธเจดีย์ว่า วัดประยุรวงศาวาสเป็น
อีกชื่อหน่ึงว่า “ลกั เนย่ ” แปลวา่ กลีบบัว ๖ ชั้น

พระอารามแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ที่สร้างเจดีย์ทรงระฆัง

ซ่ึงสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ได้รับคำแนะนำ


มาจากพระวชริ ญาณมหาเถร


183

วดั เครือวลั ย์วรวิหารศูนย์กลางความศรทั ธาของชมุ ชนชาวมอญท่อี พยพมาต้ังถ่ินฐานแตค่ รั้งกรงุ ธนบุรี


วัดเครือวัลย์วรวหิ าร
วัดเครือวัลย์ต้ังอยู่ริมคลองบ้านขมิ้น ตรงข้ามกับวัด
เครือวัลย์บุตรีเจ้าพระยาอภัยภูธรสร้างใหม่ การยังไม่แล้วก็
นาคกลาง ฝั่งธนบุรี จากหนังสือประวัติวัดท่ัวราชอาณาจักร ถึงแก่กรรมเสีย จึงโปรดให้ทำตอ่ ไปวดั นนั้ แลว้ พระราชทานชอ่ื
เล่ม ๑ ของกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนา วา่ วดั เครอื วลั ยว์ รวหิ าร…” ช่ือของวัดเครือวัลย์จึงมาจากนาม
แห่งชาติ ระบุว่า วัดเครือวัลย์สร้างมาแต่สมัยอยุธยา ครั้นถึง ของเจา้ จอมเครือวลั ย์นนั่ เอง

พ.ศ. ๒๓๗๔ เจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธ์ุ)
วัดเครือวัลย์เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมคลอง
สมุหนายกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มอญ (คลองบางเสาธง) ไหลผ่านพ้ืนที่เขตบางกอกน้อยและ
รัชกาลท่ี ๓ พร้อมด้วยธิดา คือ เจ้าจอมเครือวัลย์ในรัชกาล
เขตบางกอกใหญ่ สองฝั่งคลองเป็นท่ีต้ังของชุมชนชาวมอญ

ที่ ๓ ได้ร่วมกันสถาปนาวัดข้ึนใหม่ แล้วถวายเป็นพระอาราม มีนิวาสสถานของท้าวทรงกันดานท่ีช่ือทองคำ (แต่เรียกกันว่า
หลวง และได้รับพระราชทานนามว่า วัดเครือวัลย์ จึงถือเป็น ทองมอญบ้าง ท้าวทรงกันดานมอญบ้าง) ซึ่งสมเด็จพระเจ้า

วัดประจำตระกลู บุญยรัตนพนั ธ
ุ์ ตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังถ่ินฐานมาแต่สมัยธนบุรี

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค) บันทึกไว้ใน
รวมทั้งมีบ้านเรือนของบรรดาวงศ์ญาติและข้าทาสบริวารอย
ู่
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๓ เกี่ยวกับวัด อย่างหนาแน่น จึงเรียกคลองย่านนั้นว่า คลองมอญ ตาม

เครอื วัลยว์ รวหิ ารตอนหนึ่งว่า “...ในคลองมอญวัด ๑ เจา้ จอม เชื้อชาติของท้าวทรงกนั ดาน




184

พระพทุ ธเจดยี ์
พระประธานในพระอโุ บสถและภาพจติ รกรรม

ฝาผนงั เขียนเร่อื งพระชาตขิ องพระพุทธเจ้า ๕๐๐ พระชาต


ท้าวทรงกันดานเดิมช่ือนางเม้ยทอ แปลว่า นางทอง
ภายในวัดมีพระอุโบสถแบบหลังคาลด ๒ ชั้น หน้าบัน
รับราชการในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่น่ังสุริยาสน์อมรินทร์ เปน็ ปนู ป้ัน ลวดลายประณีต บานประตูและหน้าตา่ งมีลายปูน
(พระเจ้าเอกทัศน์) เม่ือกรุงศรีอยุธยาแตก ได้เข้าถวายตัวกับ ปน้ั บนแผน่ ไม้ ลงรักปิดทองประดับกระจก และภาพจิตรกรรม

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพราะสนิทสนมคุ้นเคยกันมาแต่ ฝาผนงั เขยี นเรอื่ งพระชาตขิ องพระพทุ ธเจา้ ไวถ้ งึ ๕๐๐ พระชาติ
ครงั้ เยาวว์ ัย จึงโปรดเกล้าฯ แตง่ ตั้งเปน็ ท้าวทรงกันดาน อธบิ ดี ฝมี อื ช่างในสมยั ของรชั กาลท่ี ๓ ซ่ึงมคี วามงดงามและรวบรวม
พระคลงั ฝ่ายในและเป็นใหญ่ในบรรดาฝ่ายในท้ังหมด ดว้ ยเปน็ เร่ืองราวเกี่ยวกับนิทานชาดกจากพระไตรปิฎกไว้อย่างสมบูรณ์
ผู้รู้ขนบธรรมเนียมดี ชาววังนิยมเรียกว่า ท้าวทรงกันดาน
ท่สี ุด ปัจจบุ นั เหลืออยเู่ พยี งแห่งเดยี วในประเทศไทย

ทองมอญ
วัดเครือวัลย์ไม่เพียงแต่เป็นวัดโบราณ ควรค่าแก

พระอารามแห่งน้ีได้รับการทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ
์ การอนุรักษ์เท่านั้น หากยังเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นสถานที่
โดยพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์อยู่เสมอมาตั้งแต่ ทำบุญบำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชนท่ีเล่ือมใสศรัทธา

ครั้งสร้างวัด ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ในพระพุทธศาสนาและเปน็ ฌาปนสถานของกองทพั เรือด้วย

พระราชดำเนินไปทรงทอดผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เอง

หรือโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระบรมวงศานุวงศ์เสดจ็ แทนพระองค์


185

วัดพิชยญาติการามวรวหิ าร


วดั พชิ ยญาติการามวรวิหาร

วัดพิชยญาติการามตั้งอยู่ริมคลองสาน ฝั่งธนบุรี
พระอารามแห่งนี้มีความโดดเด่นที่การผสมผสานศิลปะ
เดิมเป็นวัดร้าง ทว่า พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต แบบจีนเข้ากับศิลปะไทย เน่ืองจากสมเด็จเจ้าพระยาบรม

บุนนาค ต่อมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ หรือ มหาพิไชยญาติมีกำปั่นค้าขายกับต่างประเทศหลายลำ

สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย) บุตรชายของเจ้าพระยาอรรค
และได้หาวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่มาจากจีน เช่น ฐาน

มหาเสนา (บุนนาค) สมุหพระกลาโหมในรัชสมัยพระบาท พระอุโบสถมีหินสลักเร่ืองสามก๊ก ขณะท่ีพระประธาน คือ
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
สมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า พระปางมารวิชัยศิลปะสมัย
ได้ปฏิสังขรณ์ข้ึนใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๔ ตรงกับแผ่นดิน สุโขทัย ซ่ึงอัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลก แต่ชาวบ้านท่ัวไป
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ แล้วถวาย เรียกวา่ หลวงพ่อสมปรารถนา

เปน็ พระอารามหลวง โดยได้รับพระราชทานนามวา่ วัดพระยา บริเวณใกล้กับวัดพิชยญาติการามและบริเวณท่ีดิน

ญาตกิ าราม
เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าเคยเป็นท่ีต้ังของนิวาสสถานเดิม
ครั้นสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของสกลุ บนุ นาค เมอื่ แรกสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์ เจ้าพระยา
รชั กาลท่ี ๔ พระราชทานพระนามใหม่เปน็ วดั พชิ ยญาติการาม อรรคมหาเสนาต้ังบ้านเรือนทางด้านทิศใต้ของพระบรม
ขณะที่คนทั่วไปเรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดพิไชยญาติ สันนิษฐานว่า มหาราชวัง บริเวณถนนทา้ ยวงั ในปจั จบุ นั

เรยี กตามนามของผบู้ ูรณะวัด


186

วดั พิชยญาตกิ ารามวรวิหารในสมยั ของพระบาทสมเด็จ

พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๕ (หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)


สมเด็จพระสทิ ธารถพุทธเจา้ หรือ “หลวงพ่อสมปรารถนา”

พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัยทีช่ าวบ้านเช่อื วา่ หากขอพรใด

กจ็ ะสมดังทตี่ ้ังใจ


ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมของวดั พชิ ยญาตกิ ารามวรวิหาร
ในรชั กาลถัดมา เกิดชุมชนมุสลิมเชือ้ สายอนิ เดีย ไทรบุรี
ยังคงรักษาศลิ ปะนอกอยา่ งตามพระราชนยิ ม
และปัตตานีที่เข้ามาตั้งรกรากในแผ่นดินสยาม สมเด็จ

เจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติได้ยกท่ีดินใกล้กับวัดพิชย
ในพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๓


ต่อมา เมื่อมีการขยายอาณาเขตพระบรมมหาราชวัง
ญาตกิ ารามและจวนของทา่ น ซงึ่ เคยเป็นตกึ อิฐแดง สำนกั งาน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล
พระคลังสินค้า ให้ชาวมุสลิมกลุ่มน้ีใช้เป็นสถานที่ประกอบ
ที่ ๒ ตระกูลบุนนาคได้รับพระราชทานท่ีดินสวนกาแฟ
พิธีกรรมทางศาสนา จงึ เรยี กตกึ แดงนว้ี า่ “สเุ หร่าตกึ แดง” และ
ฝั่งธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยรู วงศ์ (ดิศ บนุ นาค) สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนพุทธศาสนิกชนโดยรอบได้อย่างปกติ
และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพไิ ชยญาติ จึงพาครอบครวั ย้าย สุขใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรม
มาตัง้ บ้านเรือนใหมใ่ นบรเิ วณน้นั เปน็ ทมี่ าของชาววังทม่ี ักเรยี ก ราชจกั รีวงศ

ตระกลู บุนนาควา่ “พวกฟากข้างโนน้ ” หรือ “กก๊ ฟากขะโนน้ ” ย่านสุเหร่าตึกแดงยังเป็นท่ีตั้งของย่านการค้าเพชรพลอย
ด้วยต้ังบ้านเรือนอยู่อีกฟากของแม่น้ำเจ้าพระยา (ปัจจุบัน
และแพรพรรณเก่าแก่ของชาวอินเดียสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ลูกหลานตระกูลบุนนาคได้ย้ายออกไปจากบริเวณน้ีหมดส้ิน เป็นนิวาสสถานเดิมของบรรพบุรุษตระกูลนานาและตระกูล

หลงั การเวนคืนท่ีดินเพื่อสรา้ งสะพานพระพุทธยอดฟา้ เมอื่ พ.ศ. วงศอ์ ารยะ

๒๔๗๕)


187

พระอุโบสถวัดเทพลลี า


วดั เทพลลี า


วัดเทพลีลาต้ังอยู่บริเวณริมคลองแสนแสบ เขตบางกะปิ ได้พบพระพุทธรูปยืนปางลลี า สมยั สุโขทยั สงู ประมาณ ๑.๒๐
สร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๓๘๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
เมตร จึงอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานท่ีริมฝั่งคลองใต้
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ มีประวัติความเป็นมา
ต้นไม้ คร้ันเสร็จศึกแล้ว จึงกลับมายังท่ีท่ีพบพระพุทธรูปและ
กล่าวถึงมูลเหตุของการสร้างวัดแห่งนี้ว่า พระยาราชสุภาวดี สร้างเป็นวัดขึ้น โดยอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐาน
(สิงห์ สิงหเสนี ต่อมาเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ว่าท
ี่ เป็นพระประธานภายในอุโบสถ และตั้งชื่อวัดว่า วัดเทพลีลา
สมุหพระกลาโหม ได้รับพระบรมราชโองการจากรัชกาลที่ ๓ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า วัดตึก ตามลักษณะการก่อสร้าง
ให้เป็นแม่ทัพในราชการสงครามอานามสยามยุทธระหว่าง แบบก่ออิฐถือปูนท่ีแปลกตาสำหรับผู้คนในย่านน้ัน ต่อมา ใน
พ.ศ. ๒๓๗๖-๒๓๙๐ เพื่อปราบพวกญวนในแดนเขมร โดย สมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน จึงขอ
ระหว่างที่กำลังพักพลบริเวณริมคลองแสนแสบในการเดินทัพ พระราชทานวิสุงคามสีมา ก่อนท่ีจะได้รับการยกฐานะข้ึนเป็น
มาจากพระนคร บรรดาทหารท่ีลงอาบน้ำในคลองบังเอิญ
พระอารามหลวงเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๙


188

ศาลาการเปรียญ
ทา่ เรือวัดเทพลีลา

ชมุ ทางการคมนาคมทางน้ำทสี่ ำคัญของคลองแสนแสบ


คลองแสนแสบ ซึ่งเป็นคลองข้างวัดเทพลีลา ขุดข้ึน
และคลองกุ่ม เพ่ือเป็นแรงงานในการเพาะปลูกข้าวสำหรับเป็น
ในสมัยของรัชกาลท่ี ๓ เพ่ือเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำ เสบียงอาหารในการศึกคราน้ันอีกด้วย ดังนั้น เม่ือการศึก
บางปะกงเข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงและ สงครามผ่านพ้นไป พ้ืนท่ีบริเวณริมคลองแสนแสบจึงกลายเป็น
ขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ดังปรากฏหลักฐานกล่าวถึงการขุด ชุมชนที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ทั้งชาวไทย

คลองแสนแสบในบันทึกของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห
์ ชาวเขมร และชาวมสุ ลมิ

สิงหเสนี) ซ่ึงตีพิมพ์ในหนังสืออานามสยามยุทธ เขียนโดย เท่าที่พบจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่า
ก.ศ.ร. กุหลาบ ระบุว่า “...ครั้งถึง ณ เดือนย่ีขึ้นส่ีค่ำ ในปี ที่มาของชื่อคลองแสนแสบ บ้างเชื่อว่า เพ้ียนมาจากคำว่า

ระกานพศกจุลศักราช ๑๑๙๙ ปี เป็นปีท่ี ๑๔ ในรัชกาล
“แสสาบ” ในภาษาเขมร ซ่ึงแปลว่า ทะเลน้ำจดื บ้างวา่ เพีย้ น
แผ่นดินที่ ๓ กรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว
มาจากภาษามลายูว่า “แซนแญบ” แปลว่า คลองท่ีเงียบสงบ
มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตน
และบ้างก็เช่ือว่า มาจากพ้ืนท่ีบริเวณนั้นมียุงมาก จนมือ

ราชโกษา (ทัต) เป็นแม่กองจ้างจีนขุดคลอง ต้ังแต่ตำบล ข้างหน่ึงของราษฎรต้องใช้ปัดยุงเสมอ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า
หัวหมากต่อคลองบางกะปิไปทางตะวันออก ทะลุท่ี
ช่ือคลองแสนแสบมีที่มาจากความเจ็บแสบอย่างสาหัสของ

บางกะหนากฝัง่ แมน่ ้ำเมอื งฉะเชงิ เทรา รางวัดทางยาว ๑,๓๓๗ ชาวบา้ นแถบน้ันทถี่ ูกยงุ กัดนัน่ เอง

เส้น ๑๙ วา ๒ ศอก กว้าง ๖ วา ราคาค่าจ้างขุดเส้นละ
แมว้ า่ คลองแสนแสบจะมที ม่ี าของชอ่ื เรยี กและความหมาย
เจ็ดสิบบาท รวมเงินทั้งค่าฟันตอไม้ ค่าแก้คลองพระโขนง
ที่แตกต่างกันไป แต่ส่ิงท่ีสะท้อนในภูมิสังคมของชุมชน

ขา้ งปลาย รวมเป็นเงนิ พันสองรอ้ ยห้าชั่งสบิ สามตำลงึ สองบาท ริมคลองแสนแสบที่นับเนื่องมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันน้ี คือ

สลึงเฟ้ือง ขุดอยู่ถึงสี่ปีเศษจึงสำเร็จแล้วตลอด เป็นลำคลอง
การหลอมรวมความหลากหลายด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
เรือเดินได้ เมอ่ื ปลายปชี วดโทศกจุลศกั ราช ๑๒๐๒ เป็นปีท่ี ๑๗ ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณน้ีจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ทุกวันนี้
ในรัชกาลท่ี ๓ กรุงเทพฯ ชนสามัญเรียกว่า “คลองแสน ทุ่งบางกะปิเติบโตข้ึนตามความเจริญทางเศรษฐกิจจนกลาย
แสบ”...”
เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยบ้านเรือน ห้างสรรพ
พร้อมกันนี้ รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์ผู้คน
สินคา้ และสถานศึกษาสำคัญอย่างมหาวทิ ยาลัยรามคำแหง

ตามหัวเมืองรายทางมาตั้งถิ่นฐานบริเวณคลองแสนแสบ


189

วัดเวฬุราชิณหรือวดั ใหมท่ อ้ งคงุ้ ศูนยก์ ลางแห่งความศรัทธาอกี แหง่ หนึ่งของคนยา่ นตลาดพลูและตลาดศรธี น


วัดเวฬรุ าชณิ


วัดเวฬุราชิณต้ังอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ (คลอง
การเก็บจากรัฐบาลมาใชใ้ นการสร้างวดั แรกเร่มิ นนั้ วัดมีชือ่ ว่า
บางหลวง) สร้างข้ึนในปลายแผ่นดินของพระบาทสมเด็จ
วัดใหม่ทอ้ งคุ้งตามสภาพภูมิศาสตร์ ซ่ึงเป็นค้งุ น้ำใหญ่ในคลอง
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ โดยเจ้าพระยาพลเทพ บางกอกใหญ่ ต่อมา เม่ือวัดสร้างเสร็จในต้นรัชสมัยพระบาท
(เอี่ยม ชูโต) นำเงนิ ภาษไี มไ้ ผ่สสี กุ ซง่ึ ทา่ นเป็นเจ้าภาษีผกู ขาด สมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ เจา้ พระยาพลเทพ

190

พระอโุ บสถวดั เวฬรุ าชิณ


แหล่งใหญ่ ไดแ้ ก่ วัดราชคฤห์ วดั จันทาราม และวดั อินทาราม
ปัจจุบัน ไม่มีการทำสวนพลูในบริเวณนี้อีกแล้ว เน่ืองจาก
นโยบายรัฐนิยมของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม

ท่ีห้ามปลูก ห้ามกิน และห้ามขายพลู ต่อมาไม่นานก็เกิด
เหตุการณ์น้ำท่วมคร้ังใหญ่ใน พ.ศ. ๒๔๘๕ ทว่า พระอาราม
แห่งน้ีก็ยังคงเป็นศูนย์กลางชุมชนตลาดศรีธน อันเป็นแหล่ง
พระเจดยี ป์ ระดษิ ฐานรูปหลอ่ อดตี เจา้ อาวาส
คา้ ขายหมากพลแู หลง่ ใหญย่ า่ นฝั่งธนบรุ ีอยตู่ ่อไป

วัดเวฬุราชิณมีพระอุโบสถท่ีมีรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย
น้อมเกล้าฯ ถวายเปน็ พระอารามหลวง และไดร้ บั พระราชทาน ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องชาดก ผนัง

นามใหม่ว่า วัดเวฬุราชิณ หมายความว่า วัดที่เกิดจากภาษี ด้านหลังพระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็น
ไม้ไผข่ องพระราชา
ภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระมารดา
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีพระวิหารทิศ ๔ หลัง ภายในประดิษฐาน
รัชกาลที่ ๕ พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) และ
พระพุทธสหี ไสยาสน์ และมเี จดยี ์ทรงลังกาต้งั อยูบ่ นฐานทักษณิ
ขุนตาลวโนชากร (น่ิม เสนะวัต) ร่วมกันปฏิสังขรณ์ใหม่
สเี่ หลีย่ มหักมมุ สรา้ งในสมัยของรชั กาลที่ ๔

ท้ังพระอาราม มีพระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมจีน มีสิงโตคู่

ท่ีบันได ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร

มีพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลานะอยู่เบื้องช้าย

ในพระวิหารประดษิ ฐานพระสหี ไสยาสน

ในอดีต ชาวบ้านในพื้นที่นี้มีอาชีพทำสวนผกั ผลไม้ และ
สวนพลู พื้นที่ย่านวัดเวฬุราชิณเป็นอีกพ้ืนท่ีหนึ่งท่ีมีการค้าขาย
พลูอย่างคึกคัก ด้วยมีท่ีตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตลาดค้าพลู


191

พระอโุ บสถวดั ชัยชนะสงคราม


วัดชัยชนะสงคราม


วัดชัยชนะสงครามชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดตึก ตาม
และบ้าน ซ่ึงเคยเป็นบ้านของเจ้าพระยายมราช (อิน) และ

สิ่งก่อสร้างภายในวัดท่ีล้วนก่ออิฐถือปูนเป็นตึกท้ังสิ้นต้ังแต
่ ได้รับพระราชทานจากรัชกาลท่ี ๓ ถวายเป็นวัดเม่ือ พ.ศ.
เม่ือแรกสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๓๙๑ จากน้ันได้สร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์
รชั กาลที่ ๓ ซึง่ เปน็ สถาปัตยกรรมท่ียงั ไมแ่ พร่หลายในขณะนัน้ เพิ่มเติม เพ่ือให้เป็นวัดท่ีสมบูรณ์ พร้อมตั้งช่ือว่า วัดชัยชนะ
โดยเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพใหญ่
สงคราม เพ่ือเป็นอนุสรณ์แห่งการมีชัยชนะในครั้งนั้น จากนั้น
ผู้มีชัยชนะจากการรบกับญวนและเขมรในสงครามอานาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาและผู้สืบสกุลสิงหเสนีได้อุปถัมภ์บำรุง
สยามยุทธ มีศรัทธาแรงกล้าในบวรพระพุทธศาสนาได้ยกท่ีดิน วดั แห่งน้มี าโดยตลอด


192

พระพทุ ธชยั สงิ หมุนนิ ทรธรรมบดินทรโลกนาถเทวนรชาติอภปิ ูชนยี ์

พระประธานภายในพระอุโบสถ

หอพระไตรปิฎกวดั ชัยชนะสงคราม


บริเวณรอบวัดเป็นบ้านเรือนของเชลยชาวญวนท่ีอพยพ
ตามกองทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเข้ามาพ่ึงพระบรมโพธิ
สมภาร โดยตั้งถ่ินฐานอยู่ใกล้กับชุมชนชาวญวนเดิมย่าน
พาหรุ ดั ทีอ่ พยพมาแต่คร้งั สยามตเี มอื งไซง่อนเม่อื พ.ศ. ๒๓๒๗

วัดชัยชนะสงครามมีฐานะเป็นวัดราษฎร์เป็นเวลานาน
กว่าหน่ึงศตวรรษ ครั้นวันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รัชกาลปัจจุบัน โปรดเกลา้ ฯ ให้
ยกฐานะขนึ้ เป็นพระอารามหลวง


ภายในวัดมีถาวรวัตถุท่ีสำคัญซึ่งสร้างข้ึนแต่เม่ือคร้ัง
รชั กาลที่ ๓ เช่น หอพระไตรปฎิ ก เปน็ อาคาร ๒ ชัน้ ชน้ั ที่ ๒
เป็นของเก่าทรงสอบข้ึน หน้าบันเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้าง

๓ เศยี ร พืน้ ลายดอกพดุ ตาน ฝาไมเ้ ขียนลายรดน้ำรปู หนา้ สิงห์
ซุ้มประตูหน้าต่าง ลวดลายหน้าบันลงรักปิดทอง พระปรางค์
องค์ใหญ่มีฐานสิงห์กว้าง ๑๐ เมตร สูง ๒๐ เมตร รูปทรง

โปร่งงาม เหนือขึ้นไปเป็นรูปจำลองพระปรางค์องค์เล็ก ใต้ช้ัน
กลบี ขนนุ ประดับประติมากรรมรปู ครุฑ พระเจดยี เ์ กา่ ๓ องค์
อยู่ดา้ นหลังพระปรางค์ เป็นตน้


พระอุโบสถสร้างขึ้นใหม่ใน พ.ศ. ๒๕๐๑ ภายใน
ประดิษฐานพระประธานนามว่า พระพุทธชัยสิงหมุนินทรธรรม
บดินทรโลกนาถเทวนรชาติอภิปูชนีย์ ซ่ึงหล่อขึ้นใหม่ประมาณ
พ.ศ. ๒๕๐๒


บานประตพู ระอุโบสถเป็นไม้แกะสลกั ปดิ ทองรูปเทพบุตรและเทพธดิ า


193

พระอโุ บสถวัดทองนพคุณได้รบั การยกยอ่ งจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชปู ถมั ภ์ใหเ้ ปน็ ศลิ ปกรรมทรงคณุ ค่า
ทางประวตั ศิ าสตร์ที่ดที สี่ ุดในรอบ ๒๐๐ ปีของกรงุ เทพมหานคร


วัดทองนพคณุ

วัดทองนพคุณเป็นวัดเล็กๆ ตั้งอยู่ริมฝ่ังแม่น้ำ บริเวณอันเป็นท่ีต้ังของวัดทองนพคุณนับเป็นย่านชุมชน
เจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
โบราณท่ีมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นและผืนดินมีความอุดม
ชาวบ้านเรียกว่า วัดทองล่าง คู่กับวัดทองอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ สมบูรณ์เช่นเดียวกับวัดทองธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

บริเวณใกล้กัน คือ วัดทองบนหรือวัดทองธรรมชาติ และยัง เป็นแหล่งทุเรยี นทม่ี ชี ่อื ของพระนคร ดงั ทีเ่ จ้าพระยาภาสกรวงศ์
เป็นหนึ่งในส่ีวัดทองของฝ่ังธนบุรี อันได้แก่ วัดทองธรรมชาติ (พร บนุ นาค) บนั ทึกไว้ในหนังสอื ลทั ธธิ รรมเนียมตา่ งๆ วา่

วัดทองนพคณุ วัดสุวรรณาราม และวดั ทองเพลง
“...ในตำบลวัดทองล่าง ปลูกทุเรียนมาก ก็เรียกว่าสวน

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ทุเรียน ในตำบลนี้ต้นทุเรียนงอกงามได้ผลมาก มีรสดีกว่าที่
ที่ ๓ พระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี (ทองจนี ไกรฤกษ)์ ได้บูรณะวัด ตำบลอน่ื จงึ มชี ่อื ทเุ รยี นเปน็ คณุ พเิ ศษของตำบลน้ี...”

และถวายเป็นพระอารามหลวง ได้รับพระราชทานนามว่า

วัดทองนพคุณ


194

พระประธานในพระอุโบสถแลเหน็ ภาพจิตรกรรมรูปม่านด้านหลังพระประธาน
ภาพจิตรกรรมพระภิกษุปลงอสภุ กรรมฐาน


พ้ืนท่ีบริเวณวัดทองนพคุณไม่เพียงแต่จะเป็นที่ตั้ง
ซุ้มประตูพระอโุ บสถมี ๑๐ ช่อง ดา้ นละ ๕ ชอ่ ง ทำเปน็
ของชุมชนบ้านเรือนชาวสวนทุเรียนเท่าน้ัน หากแต่ยังเป็นที่พัก ซุ้มมงกุฎ พระอุโบสถที่เจาะช่องหน้าต่างเช่นน้ี เรียกว่า
อาศัยของบรรดาขุนนางและลูกหลานตระกูลบุนนาค ดังที่
อุโบสถมหาอดุ เช่อื กนั วา่ ทำพิธีปลุกเสกเคร่ืองรางได้ด

เสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) เล่าไว้ในหนังสือ
ภายในพระอุโบสถของวัดทองนพคุณมีภาพจิตรกรรม

ฟ้ืนความหลังว่า สกุลบุนนาคเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่ีอาศัย ฝาผนังเป็นรูปม่านแหวกอยู่ด้านหลังองค์พระประธาน ปาง

อยู่ทางฝ่ังธนบุรีต้ังแต่ท่าน้ำวัดประยุรวงศาวาส เลียบริมแม่น้ำ มารวิชัย มีความเป็นเอกลักษณ์งดงามและหาชมได้ยากยิ่ง

เรอื่ ยไปจนถงึ แถบคลองสาน
ดังท่ีเสฐียรพงษ์ วรรณปก เล่าถึงประวัติวัดแห่งนี้ไว้ว่า

เมื่อกรุงเทพฯ เริ่มเปลี่ยนแปลงมาสู่ความเป็นสังคมเมือง เมื่อรัชกาลที่ ๔ เสด็จพระราชดำเนินมายังพระอุโบสถ แล้ว
นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมฝาผนังหลังพระประธานแต่ไกล
ที่ ๖ เป็นตน้ มา พ้นื ท่ีสวนทุเรยี นเร่ิมคอ่ ยๆ ถกู แทนทด่ี ้วยโกดงั ถึงกับทรงอุทานว่า “...ใครเอาม่านในวังมาไว้ที่นี่...” ทรง
ห้างร้าน และบ้านเรือน จนเม่ือมีการสร้างสะพานพระพุทธ โปรดปรานภาพจิตรกรรมน้ันอย่างย่ิง ภาพเขียนน้ีวาดโดย
ยอดฟ้าขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้มีการเวนคนื ทด่ี นิ แถบคลองสาน พระครกู สนิ สังวร (ม)ี เจา้ อาวาสวัดในขณะน้ัน ซงึ่ เคยเปน็ ศษิ ย์
คร้ังใหญ่เพื่อสร้างสะพานและถนนเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่าง ของขรวั อนิ โขง่ จติ รกรผ้มู ีชอื่ เสียงในสมยั ของรชั กาลที่ ๔

พระนครและจังหวัดธนบุรี ทำให้ลูกหลานตระกูลบุนนาคย้าย วัดทองนพคุณถือเป็นวัดท่ีให้ความสำคัญด้านการศึกษา
ออกไปอาศัยอยู่ท่ีอื่น บ้างก็ขายที่ดินให้รัฐ ส่งผลให้พื้นที่ พระธรรมและการสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในภาพวัตร
บริเวณวัดทองนพคุณเงียบเหงาลง คงเหลือเพียงที่พักอาศัย
ปฏิบัติอันเคร่งครัดของพระสงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ทง้ั ของชาวบ้านและข้าราชการบางคนเท่านนั้
ดังปรากฏหลักฐานท่ีมีการเล่าว่าคราวหนึ่งท่ีรัชกาลที่ ๔ เสด็จ
วัดทองนพคุณมีความโดดเด่นอยู่ท่ีสถาปัตยกรรม
พระราชดำเนินมาทรงถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดทองนพคุณ

ของพระอุโบสถ เดิมสร้างด้วยศิลปะ “นอกอย่าง” พระราช ได้ทอดพระเนตรภาพพระภิกษุศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม

นิยมในรัชกาลท่ี ๓ ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จ อยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งมียอดสูงข้ึนไปในทางปรมัตถธรรม ทรงเกิด
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ พระครูกสินสังวร (มี)
ความประทับพระราชหฤทัยเป็นอย่างย่ิง จึงโปรดเกล้าฯ ให้
เจ้าอาวาส ได้บูรณะใหม่เปลี่ยนหลังคาเป็นทรงไทยประดับ ช่างหลวงเขียนจำลองภาพน้ันไปประดับเป็นภาพจิตรกรรม

ช่อฟ้าใบระกาและเปลี่ยนซุ้มประตูกำแพงแก้ว หลังคาเก๋ง
ฝาผนังภายในพระวิหารวัดมหาพฤฒาราม ซึ่งปรากฏให้เห็น
ด้านตะวันออกมาเป็นยอดปรางค์ตามพระราชนิยมในรัชกาล
จนถึงปัจจบุ นั

ท่ี ๔


195

พระจุลนาคพระพทุ ธรูปหล่อด้วยโลหะปดิ ทอง ศิลปะสโุ ขทัยประดษิ ฐานภายในพระอโุ บสถ


วดั อนงคารามวรวิหาร

วัดอนงคารามต้ังอยู่ริมคลองสาน ฝ่ังธนบุรี เดิมช่ือ
จึงเรยี กว่าวดั นอ้ ยขำแถม ภายหลงั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
วัดน้อยขำแถม ท่านผู้หญิงน้อย ภริยาของสมเด็จเจ้าพระยา เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ พระราชทานนามใหมใ่ หว้ า่ วดั อนงคาราม

บรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นผู้สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. ในพระอารามมีถาวรวัตถุสำคัญ ได้แก่ พระอุโบสถ

๒๓๙๓ บนท่ีดินสวนกาแฟในสมัยของพระบาทสมเด็จ
และพระวิหารที่ได้รับการยกย่องว่ามีความงามอย่างยิ่ง

พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ และเป็นวัดคู่กับวัด
โดยเฉพาะซมุ้ ประตแู ละหนา้ ตา่ งทำเปน็ ลายปนู ปน้ั พระประธาน
พิชยญาติการามท่ีปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา
ในพระอุโบสถทำเป็นองค์เล็กให้สอดคล้องกับผ้สู ร้างวดั ซึง่ เปน็

พิไชยญาตดิ ้วย
ผู้หญิง พระประธานในพระวิหารเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
ชอ่ื วดั นอ้ ยขำแถมนนั้ มาจากคำวา่ “นอ้ ย” ซงึ่ เปน็ นามของ ปางมารวิชัย ซ่ึงอัญเชิญมาจากสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒

ท่านผู้หญิงน้อย ภริยาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ
หล่อด้วยโลหะปิดทอง ได้รับการถวายนามว่า พระจุลนาค
ผู้สร้างวัด ส่วนคำว่า “ขำ” เป็นนามเดิมของเจ้าพระยาทิพา
นอกจากน้ี ยงั มตี พู้ ระไตรปฎิ ก ฝีมอื ชา่ งสมัยอยธุ ยาตอนปลาย
กรวงศม์ หาโกษาธิบดี (ขำ บนุ นาค) ซง่ึ มีส่วนในการปฏิสงั ขรณ์ ต้ังอยู่ภายในกุฏิสงฆ์ เขียนลายทองเป็นรูปขบวนพยุหยาตรา
วัดน้ี ส่วนคำว่า “แถม” คือ ท่านผู้หญิงน้อยสร้างและ ทางสถลมารคและชลมารค

เจา้ พระยาทพิ ากรวงศฯ์ ผเู้ ปน็ หลาน (ปา้ ) เปน็ ผบู้ รู ณปฏสิ งั ขรณ์

196

พพิ ิธภณั ฑเ์ ทดิ พระเกียรติสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนน


ชุมชนย่านวัดอนงคารามเป็นชุมชนที่มีความสำคัญ

แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ กล่าวคือ เป็นย่านนิวาสสถานเดิม

ท่ีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยประทับหรือ

เรยี กกนั ว่า ย่านตึกขาว ตกึ แดง ต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๖ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน มีพระราชประสงค์ให้
อนุรักษ์อาคารเก่า ซ่ึงมีลักษณะและที่ตั้งใกล้เคียงกับบ้านเดิม
ของพระบรมราชชนนีไว้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา

รับที่ดนิ จำนวน ๔ ไร่ จากนายแดงและนายเลก็ นานา ซึ่งเปน็
ผถู้ ือครองกรรมสิทธท์ิ ด่ี นิ และไดน้ อ้ มเกลา้ ฯ ถวาย เพอ่ื จดั สรา้ ง
พพิ ธิ ภณั ฑเ์ ทดิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี
และพัฒนาพ้ืนที่เป็นสวนสาธารณะระดับชุมชน รวมเป็น
พระอโุ บสถสรา้ งในสมัยของพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
รชั กาลที่ ๓
ศูนย์รวมทางสังคมแห่งหน่ึงของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้น และ

เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและประกอบกิจกรรมต่างๆ ของ
ประชาชนทัว่ ไป

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดอนงคารามคงความงดงาม
และเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนและชุมชม
รายรอบวัด ซ่ึงหลายชุมชนมีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เช่น
ชุมชนชาวจีนฮกเกี้ยน ชาวลาวเวียงจันทน์ ชุมชนช่างฝีมือ

จากเมืองสุไหงโกลก ชุมชนสมเด็จย่า (ชุมชนตรอกนาก

หรือชุมชนช่างนากช่างทอง ซ่ึงมีอาชีพทำเครื่องทองและนาก)
ทั้งยังมีกิจกรรมเผยแผ่ธรรมะตามหลกั ของพระพทุ ธศาสนาและ
ศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเน่ือง โดยมีการสอนพุทธศาสนา
นาฏศิลป์ และวัฒนธรรมไทยในวันอาทิตย์ รวมทั้งมีสำนัก
พิมพ์วัดอนงคารามวรวิหาร ซ่ึงมีการตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือ
ธรรมะเพ่ือให้ประชาชนได้รับความรู้และศึกษาพระธรรม

โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากน้ัน วัดอนงคารามยังเป็นที่ต้ัง
ของห้องสมุดประชาชนกรุงเทพมหานคร วัดอนงคาราม และ
พิพิธภณั ฑท์ อ้ งถิน่ กรงุ เทพมหานคร เขตคลองสาน
พพิ ิธภณั ฑท์ อ้ งถิ่นกรงุ เทพมหานคร เขตคลองสาน อกี ด้วย


197

พระอุโบสถวดั บุรณศิรมิ าตยาราม


วดั บรุ ณศริ มิ าตยาราม

วดั บรุ ณศริ ิมาตยารามต้งั อยูร่ มิ คลองคูเมืองเดมิ สรา้ งขน้ึ รัชกาลท่ี ๕ และได้ใช้ชื่อน้ีสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ สนั นษิ ฐานกันวา่ ช่อื วัดท่ีตงั้ ขึ้นในสมยั ของรชั กาลท่ี ๕ นี้น่าจะ
โดยพระยาพพิ ฒั น์โกษา (บุญศรีิ บรุ ณศริ ิ ตอ่ มาเป็นเจ้าพระยา เรียกตามพระมหาสมณนิยมของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า

สุธรรมมนตรี) ตระกูลขุนนางผู้สืบเช้ือสายมาจากพราหมณ์ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ)
เมืองพาราณสี ไดส้ รา้ งวดั ขนึ้ ในสถานทซี่ งึ่ เปน็ บา้ นเกดิ ของทา่ น สมเด็จพระสังฆราชพระองคท์ ่ี ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร

แลว้ ถวายเปน็ พระอารามหลวง และไดร้ บั พระราชทานนามจาก พระยาพิพัฒน์โกษาเป็นผู้กำกับดูแลกา รช่ าง

รัชกาลท่ี ๓ วา่ วัดศริ ิอำมาตยาราม
หล่อพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธ
อย่างไรก็ตาม มีการเปล่ียนช่ือวัดอีกหลายคร้ัง คือ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ กับพระพุทธปฏิมากร
วัดบุญศิริมาตยารามตามท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย รชั กาล
เจ้าอย่หู วั รัชกาลที่ ๔ พระราชทานนาม และวัดบรุ ณศริ มิ าต ท่ี ๒ ซงึ่ ประดษิ ฐานอยภู่ ายในพระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
ยารามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อเม่ือหล่อสำเร็จและประดิษฐานเรียบร้อยแล้ว รัชกาลท่ี ๓

198


Click to View FlipBook Version