เจดยี ์องค์ใหญ่ ประยกุ ต์จากศิลปะสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ภายในบรรจุ
พระพิมพผ์ งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํส)ี
ภายในวัดมีรูปหลอ่ สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พรฺ หมฺ รํส)ี พระพทุ ธรูปภายในวดั ใหม่อมตรส
ผู้ให้การอุปถัมภ์อารามแห่งนี้มาโดยตลอด รูปหล่อสมเด็จ
249
พระพุฒาจารย์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน พระราชทานแผ่นศิลาจารึก
พระปรมาภไิ ธยและดวงพระฤกษเ์ ททองหลอ่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๙
วัดแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรม
และการละเล่นของคนไทยสมัยก่อนไว้ โดยเฉพาะอาชีพ
“แทงหยวก” ของชาวบ้านในชุมชนวัดใหม่อมตรส ซึ่งใช้ใน
การตกแต่งจิตกาธาน (เคร่ืองบนเชิงตะกอนมีผ้าขาวกรุขึงเป็น
เพดาน มีเหลี่ยม มีเสาส่ีเสา การประดับเครื่องบนมักทำเป็น
รูประบายด้วยตาข่ายทั้งส่ีด้านและประดับเสาด้วยกาบกล้วย)
และเชิงตะกอน อันเป็นวิธีการเก่าแก่ท่ีสืบทอดกันมาตั้งแต่
โบราณ โดยพระครูอมรคุณาจารย์ พระเขมร อดีตเจ้าอาวาส
ของวัด เป็นผถู้ า่ ยทอดการแทงหยวกใหแ้ กส่ ปั เหร่อในวดั ก่อน
สืบทอดต่อๆ กนั มา
อุโบสถวดั บางปะกอก
วัดบางปะกอก
วดั บางปะกอกตง้ั อยรู่ มิ คลองบางปะกอก เขตราษฎรบ์ รู ณะ เป็นหลัก แต่ในสมัยหลังค่อยๆ เปล่ียนแปลงไปกลายเป็น
เป็นวัดโบราณท่สี ร้างมาแต่ครัง้ อยุธยา ตอ่ มา กลายเปน็ วดั รา้ ง ยา่ นทพ่ี กั อาศัยและร้านค้า
เม่อื คราวเสียกรุงศรอี ยธุ ยา คร้ังที่ ๒
ภายในวัดบางปะกอกมีเจดีย์ ๒ องค์ มีลักษณะ
เมื่อมีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ บ้านเมืองกลับเข้าสู่ ทางสถาปัตยกรรมมอญและเขมร สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพล
ความสงบร่มเย็นอีกครั้งหน่ึง จึงเร่ิมมีผู้คนอพยพเข้ามาต้ัง ทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากเช้ือชาติท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณน้ี
ถิ่นฐานบ้านเรือนและพร้อมใจกันบูรณปฏิสังขรณ์วัด พร้อมกับ แต่สิ่งสำคัญภายในวัดบางปะกอก คือ ศาลาอินทโชตานุสรณ์
เรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดบางปะกอก ตามชื่อคลองบางปะกอก
หอไตรท่ีสร้างข้ึนเป็นศาลาทรงไทยกลางน้ำ อันเป็น
อันเป็นทต่ี ง้ั ของวัด
ที่ประดิษฐานรูปหล่อพระครูวิสุทธิศิลาจารย์หรือหลวงปู่พร้ิง
พื้นท่ีริมคลองบางปะกอกเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดบางปะกอก ซ่ึงชาวราษฎร์บูรณะ
มาแต่ด้ังเดิม บริเวณนี้น่าจะเคยมีต้นมะกอกขึ้นจำนวนมาก
ใหค้ วามเคารพนับถอื อย่างมาก
จนกลายเป็นที่มาของช่ือบางนี้ ชาวบ้านที่อาศัยในละแวกน้
ี มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง
มีทั้งชาวไทย มอญ และเขมร ส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนผลไม
้ ชุมพรเขตรอุดมศักด์ิ (พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
250
รูปหลอ่ พระครูวสิ ุทธิศิลาจารย์ (หลวงปพู่ รง้ิ )
หอไตร
ตน้ ราชสกลุ อาภากร) เกดิ เหตเุ รอื เสยี ทป่ี ากคลองวดั บางปะกอก พระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอดุ มศักดิ
์
พระองคไ์ ด้ชักปืนเพอื่ ยงิ นก แตป่ ืนกลับยิงไม่ออก จึงสอบถาม 251
กับชาวบา้ นไดค้ วามวา่ ในละแวกน้ี มีวดั บางปะกอกและมีเกจิ
อาจารย์ช่ือดัง คือ หลวงปู่พร้ิง พระองค์จึงได้ฝากตัวเป็น
ลูกศิษย์ของหลวงปูพ่ ร้งิ
ประวัติของหลวงปู่พริ้งยังเก่ียวข้องกับนางนากพระโขนง
ดงั ปรากฏในหนงั สอื ประวตั สิ มเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต พรฺ หมฺ รสํ )ี
ของมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหนันทน์)
บรรยายไว้ว่า ภายหลังจากที่นางนากออกอาละวาดหนัก
สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เดินทางไปที่วัดมหาบุศย์ และเรียก
นางนากมาพูดคุยจนยอมสงบ ก่อนท่ีท่านจะนำเอากระดูก
หน้าผากของนางนากมาลงยันต์และทำเป็นป้ันเหน่งคาดเอว
ส. พลายน้อยเล่าถึงเร่ืองน้ีต่อมาว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต พฺรหฺมรํสี) ได้ประทานปั้นเหน่งชิ้นนี้ให้กับสมเด็จ
พระพุฒาจารย์ (ทัต เสนีย์วงศ์) ก่อนท่ีจะตกทอดมาสู่
หลวงปู่พริ้ง และเช่อื กันวา่ ท่านได้มอบปน้ั เหนง่ นใี้ ห้แกพ่ ระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมหลวงชมุ พรเขตรอุดมศักด์ิรักษาสืบตอ่ มา
อโุ บสถวัดเวตวนั ธรรมาวาส
บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ให้นำท่านขึ้นมาสักการบูชา จึงได้
พระพุทธรปู แกะจากศลิ าแลง พระประธานในอโุ บสถ
คน้ หาและนำท่านขึ้นมาประดษิ ฐานทวี่ ัดจวบจนถงึ ปจั จุบนั
นอกจากน้ัน ยังมีความเชื่อกันด้วยว่า หากปีใดทางวัด
วัดเวตวนั ธรรมาวาส
ไม่ได้จัดให้มีพิธีแห่เรือชักพระ อัญเชิญหลวงพ่อสัมฤทธ
ิ์
มาประดิษฐานในลำเรือท่ีตกแต่งอย่างสวยงามและชักแห
่
ไปตามคลองให้ประชาชนกราบไหว้บูชา ในวันแรม ๔ ค่ำ
วัดเวตวันธรรมาวาสต้ังอยู่ในเขตบางซื่อ เป็นวัดโบราณ เดือน ๑๒ แล้วจะเกิดเรื่องราวไม่ดีข้ึนในวัด อาทิ พระในวัด
สร้างข้ึนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยชาวบ้านท่ีอพยพหนี ทะเลาะเบาะแวง้ กัน เป็นตน้
ภยั สงครามมาจากกรงุ ศรอี ยุธยา
หนงั สอื ยา่ นเก่าในกรุงเทพฯ เลม่ ๒ ของปราณี กล่ำสม้
แต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดเซิงหวาย เนื่องจากที่ต้ัง เล่าถึงงานชักพระท่ีวัดเซิงหวายในสมัยก่อนว่า เส้นทางของ
ของวดั มตี น้ หวายขน้ึ อยจู่ ำนวนมาก ตอ่ มา พระราชนนั ทาจารย์ ขบวนแห่ชักพระทางน้ำต่อเน่ืองเป็นวงกลม คือ เร่ิมต้นทาง
หรือหลวงพ่อผล ต้ังชื่อให้แก่โรงเรียนท่ีอยู่ในอาณาเขตวัด
คลองกระดาษ คลองส้มป่อย ไปยังวัดสร้อยทอง อ้อมไปเข้า
วา่ โรงเรยี นเวตวันธรรมาวาส และไดน้ ำมาเปน็ ช่ือวัดด้วย ทวา่ คลองบางซ่ือ ผ่านวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ วัดสะพานสูง เล้ียว
ชาวบา้ นในแถบนน้ั ก็ยงั คงเรียกวดั เซิงหวายเชน่ เดิม
เข้าคลองเปรมประชากร แวะพักท่ีวัดแคราย (วัดเสมียนนารี)
ภายในวัดมีเสนาสนะรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย อุโบสถ เพื่อถวายภัตตาหารเพลและถวายผ้าป่า แล้วจึงต่อไปยัง
ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักจากศิลาแลง มีหอระฆังเก่า วดั สแ่ี ยก (วดั เทวสนุ ทร) เลยี้ วเขา้ คลองบางเขน คลองบางเขนใหม่
สร้างในสมัยกรุงธนบุรี แขวนระฆังเน้ือสัมฤทธิ์ นอกจากน้ี
ผ่านวัดมัชฌันติการาม ไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาท่ีบริเวณ
ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัยนามว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ
์ สะพานพระราม ๖ มกี ารแข่งเรอื แลว้ วกกลับสู่วัดเซงิ หวาย
ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปศักด์ิสิทธ์ิที่ชาวบ้านให้ความเคารพบูชา
ปจั จบุ นั คลองตา่ งๆ ตนื้ เขนิ บา้ งหรอื ตดิ ประตกู นั้ นำ้ ไมใ่ ห้
อย่างมาก มีเร่ืองเล่าว่า เดิมองค์พระถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินด้าน
น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลท่วมพื้นท่ีกรุงเทพฯ ชั้นในบ้าง
ทศิ เหนือของอโุ บสถ หลวงพอ่ มาเขา้ ฝนั ชาวบา้ นว่า ถา้ อยากให้ บางช่วงจึงต้องอัญเชิญหลวงพอ่ สัมฤทธิ์ขึ้นรถสลบั กบั ลงเรอื
252
อโุ บสถวัดกระทมุ่ เสือปลา
วัดกระทุ่มเสือปลา
วดั กระทมุ่ หรอื วดั กระทมุ่ เสอื ปลาตงั้ อยใู่ นซอยออ่ นนชุ ๖๗ สุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือเจ้าคุณทหาร เป็นแม่กอง
เขตประเวศ เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นราว พ.ศ. ๒๓๔๕
ขุดคลอง แล้วเสร็จเม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๓ เรียกคลองใหม่นี้ว่า
ไมป่ รากฏชอื่ ผู้สร้าง เหตทุ ่ชี าวบา้ นเรียกวา่ วดั กระทุ่มเสอื ปลา “คลองประเวศบุรรี มย”์
เพราะพื้นท่ีบริเวณน้ีเดิมเป็นเว้ิงทุ่งราบสลับกับหนองน้ำและป่า ค่าใช้จ่ายในการขุดคลองน้ัน นอกจากใช้เงินหลวง
รกชัฎ และในอดตี พนื้ ทีน่ ี้เปน็ สว่ นหนึ่งของเมอื งนครเขอื่ นขันธ์ ส่วนหน่ึงแล้ว ยังทรงขอให้ราษฎรช่วยจ่ายเงินค่าขุดคลองด้วย
(ปัจจุบัน คือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ)
โดยราษฎรจะได้รับผลประโยชน์จากการจับจองที่ดินสองฝั่ง
ฝั่งชานเมืองด้านตะวันออกของพระนคร มีต้นกระทุ่มข้ึนอยู่ คลองเป็นค่าตอบแทน ชุมชนบริเวณนี้จึงมีความหลากหลาย
จำนวนมากและมีเสอื ปลาชกุ ชมุ จงึ เป็นทีม่ าของช่ือวัด
ทางวัฒนธรรม ทัง้ ชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาว
จวบจน พ.ศ. ๒๔๒๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ไทยมสุ ลิม
เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองต่อจากคลอง พ.ศ. ๒๔๖๗ ขุนประเวศชนารกั ษ์และนางสน้ั กติ ติโกวทิ
พระโขนงไปเช่ือมกับคลองด่าน ออกสู่แม่น้ำบางปะกง เพ่ือ ร่วมกันบรู ณปฏสิ งั ขรณ์วดั นับแต่นนั้ มาจงึ มีการสรา้ งเสนาสนะ
ขยายพ้ืนที่เกษตรกรรมและการคมนาคม โดยมีเจ้าพระยา
ตา่ งๆ ทำใหว้ ัดมคี วามเจริญและพัฒนาขน้ึ เปน็ อนั มาก
253
พพิ ธิ ภณั ฑพ์ ระพทุ ธรปู ๘๐ ปาง
ภายในวัดมีอุโบสถเป็นอาคารทรงไทย สร้างขึ้นแทน
อุโบสถหลังเก่าท่ีเป็นศิลปะแบบจีนและเส่ือมโทรมลงตามกาล
เวลา มีองค์พระพุทธชินราชจำลองที่ชาวบ้านให้ความเคารพ
สักการะชื่อหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ประดิษฐานภายในซุ้มเรือนแก้ว จำลองแบบมาจากพระพุทธ
ชินราช จีวรประดบั ดว้ ยเพชรรัสเซยี นับพันเม็ด
วิหารเจ้าพ่อเสือหรือศาลเจ้าพ่อเสือเป็นสิ่งศักด์ิสิทธิ์
ท่ีเชอ่ื กันว่า เปน็ เจา้ ที่อยู่ภายในวดั มานานหลายร้อยปี
วิหารหลวงพ่อพุทธโสธร เดิมเป็นอุโบสถหลังเดิมของวัด
และได้รับการบรู ณะโดยขุนประเวศชนารักษ์
วิหารเทพประทานพรเป็นวิหารจีนที่ญาติโยมชาวไทย
เชื้อสายจีนร่วมทำบญุ กับทางวดั
วัดแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและให้ความรู้ท่ีน่าสนใจ พระพุทธรปู ภายในพิพธิ ภณั ฑ
์
คือ พิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป ๘๐ ปาง บอกเล่าเรื่องราวของ
พระพุทธเจ้า โดยใช้ปฏิมากรรมพระพุทธรูปหล่อเล่าเร่ือง
และพิพิธภัณฑ์หุ่นคณาจารย์ เกจิอาจารย์ช่ือดังท่ีหล่อขึ้นด้วย
ไฟเบอร์กลาส
254
อุโบสถวดั จำปา
วดั จำปา
วัดจำปาต้ังอยู่ริมคลองบางระมาด เขตตลิ่งชัน เป็นวัด วัดจำปาได้รับการบูรณะและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอมาจนถึง
โบราณสร้างข้ึนราว พ.ศ. ๒๓๖๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ ปจั จุบนั
พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั รัชกาลท่ี ๒ แต่ไมป่ รากฏชือ่ ผูส้ รา้ ง
บนสันหลังคามณฑปของวัดจำปาปรากฏรูปปั้นจระเข้
จากหลักฐานการจารึกประวัติบนแผ่นหินอ่อนภายใน
ซึ่งสอดคล้องกับความเช่ือประจำท้องถ่ินเกี่ยวกับจระเข้
อุโบสถ ระบวุ ่า เม่ือ พ.ศ. ๒๓๙๑ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (นาค) ศักดิ์สิทธิ์ท่ีเป็นส่ิงเคารพนับถือของชาวบ้านย่านน้ีว่า คุ้งน้ำนี้
วัดราชบุรณะ ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จ
เคยเป็นที่อาศัยของจระเข้ใหญ่ อันเป็นพาหนะของเจ้าพ่อจุ้ย
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ ขอพระราชทานที่สวน
แหง่ ศาลเจา้ พ่อจยุ้ -เจา้ พอ่ กมุ ภกรรณ์ และมเี ร่อื งเล่าวา่ บรเิ วณ
แปลงหน่ึงเป็นกัลปนา (ผลประโยชน์) แก่วัดจำปา ทั้งยัง ใต้ต้นมะพลับใกล้ศาลเจ้ามีถ้ำจระเข้ ส่วนอีกตำนานหนึ่ง
พระราชทานของตา่ งประเทศ คอื ”ของจนี ๕ อยา่ ง ลกู พลับ เล่าว่า ช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา พม่ายกทัพผ่านมาย่านน้ี
เขง่ หนง่ึ สม้ จนี เขง่ หนงึ่ มกอ่ เขง่ หนงึ่ แหว้ จนี ลงั หนง่ึ กะเทยี มดอง จระเข้จึงเนรมิตพื้นท่ีให้กลายเป็นคลองใหญ่ขวางการเดินทัพ
สิบไห” ไปทรงช่วยในงานฉลองวัดจำปาด้วย หลังจากนั้น
ของพมา่ ตำนานเหลา่ น้นี อกจากจะทำใหช้ าวบ้านเกดิ ความรัก
255
พระพทุ ธรูปปางมารวิชัย
ตลาดน้ำวัดจำปา ปจั จุบนั ไดย้ ้ายมาขายภายในบรเิ วณวดั
ถิ่นฐานและสามัคคีกันแล้ว ยังเป็นการยืนยันว่า ในอดีต อันทรงคุณค่าอีกหลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปไม้ทรงเคร่ือง
ละแวกนี้เคยมจี ระเขช้ กุ ชมุ
สมัยอยุธยาตอนตน้ และพระพทุ ธรปู สมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้
นอกจากน้ัน ยังมีประวัติว่า เดิมวัดแห่งนี้เคยเป็นสำนัก พื้นที่โดยรอบวัดมีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยมีคลอง
มูลกัจจายน์ แหล่งเรียนรู้บาลีไวยากรณ์ ซึ่งเป็นวิชาการช้ันสูง บางระมาดและคลองบางไทรตัดผ่านท่ีดินของวัดจําปา จึงเป็น
สำหรับผู้ศึกษาเล่าเรียน ข้าวของต่างๆ ในวัดจึงเป็นของดี เส้นทางทางน้ำที่สําคัญอย่างมากในการขนส่งสินค้าทาง
อาทิ ตูพ้ ระไตรปิฎกมีลวดลายวจิ ติ รงดงาม
การเกษตร ชาวบ้านในชุมชนโดยรอบส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
ภายในวดั มีอาคารเสนาสนะ ทั้งอุโบสถ ซ่งึ เป็นอาคารตึก ทำสวน มีการนําความรู้ทางการเกษตรมาปรับใช้ในชีวิต
คร่ึงไม้ ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ภาพจิตรกรรม ประจําวัน เกิดเป็นเกษตรกรรมในครัวเรือน จนสามารถนํา
ฝาผนงั ในอโุ บสถเปน็ ภาพเศษกระเบ้ืองประดับ เล่าเรอื่ งวถิ ชี ีวิต ผลผลิตท่ีเหลือจากการบริโภคในครอบครัว ออกจําหน่าย
ชาวนา ฝีมือหลวงพ่อช่วงหรือพระครูอรรถกิจจาทร (ช่วง
มีสถานที่ท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ คือ ตลาดน้ำวัดจำปา และ
สวุ ณณฺ โชโต) อดีตเจา้ อาวาส
ที่สำคัญ คือ เป็นสถานท่ีทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
ในศาลาการเปรยี ญประดษิ ฐานพระประธานปางประทานพร อีกท้ังเป็นสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาและให้การศึกษาและ
มีหอสวดมนต์ วิหารพระพุทธลอยน้ำ และวิหารมณฑป ความร้แู กผ่ สู้ นใจ คอื มหี ้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี”
ประดิษฐานรูปเหมือนเจ้าอธิการเผือก อดีตเจ้าอาวาส และรูป ศาลาโรงราชรถ และสถานทป่ี ฏบิ ัตธิ รรม “เจษฎาวนารมย์”
เหมือนพระครูอรรถกิจจาทร นอกจากน้ี ยังมีปูชนียวัตถุ
256
อโุ บสถหลังเดมิ
พระพุทธรปู ปางมารวิชัย พระประธานในอุโบสถ
วัดมว่ ง
วดั มว่ งต้ังอย่รู มิ คลองภาษีเจริญ เขตบางแค สร้างขึน้ เม่ือ ภายหลังมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยหนาแน่นขึ้นเม่ือมีการขุดคลอง
พ.ศ. ๒๓๖๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ภาษีเจริญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นภาลัย รัชกาลท่ี ๒ โดยปรากฏเร่ืองเล่าขานสืบต่อกันมาว่า
รัชกาลที่ ๔ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๙ โดยเร่ิมจากบริเวณวดั ปากนำ้
มีภิกษุรูปหน่ึง ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงปู่เฒ่า นามเดิมว่า ที่ปากคลองบางกอกใหญ่และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกัน
หลิมหรือบาง เป็นพระวิปัสสนาชาวกรุงเก่า ได้พายเรืออีแปะ เพื่อออกไปยังแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลดอนไก่ดี การขุดคลอง
หรือเรือสามแผ่นธุดงค์และมาพักยังบริเวณน้ี ชาวบ้าน
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุล
จึงนิมนต์ให้อยู่ต่อและสร้างวัดให้ โดยขนานนามวัดว่า
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ยังผลให้พื้นท่ีน้ีเจริญ
วดั ราชครูสทิ ธาราม
ขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยพ้ืนท่ีสองฝั่งคลองเป็นไร่นา ท้ังยังเป็น
บรเิ วณดา้ นหนา้ วดั ซงึ่ อยตู่ ดิ กบั คลองภาษเี จรญิ เสน้ ทาง เส้นทางสำคัญในการขนส่งสินค้าจากหัวเมืองภายนอก เช่น
สำคัญในการลำเลียงพืชผลทางการเกษตรไปยังพระนคร แต่ บางช้าง ดำเนินสะดวก เข้ามายังพระนคร นับจากนั้น พ้ืนท่ี
เม่ือเรือสัญจรมาถึงบริเวณหลักสอง อันเป็นตำบลที่วัดแห่งน้
ี ริมคลองบริเวณหน้าวัดม่วงจึงกลายเป็นแหล่งพักอาศัยของ
ตั้งอยู่ ลำคลองตื้นเขินจนเรือไม่สามารถสัญจรต่อไปได้ ชาวเรือ ขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญด้วย
ชาวสวนจึงต้องพากันนำผลไม้ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นมะม่วง ข้ึนมา ท้ังข้าวสาร อาหารแห้ง ทขี่ น้ึ ช่ือมาก คอื พริกแห้งบางชา้ ง
ตากไว้บริเวณลานวัด เน่ืองจากบางส่วนอาจสุกงอมจนเน่าเสีย ส่งิ สำคัญในอาราม ได้แก่
เหตนุ ้ี ชาวบ้านจึงพากนั เรยี กวัดแห่งนีว้ ่า วัดมะม่วง และกร่อน อโุ บสถประดิษฐานพระพุทธรปู ปางมารวิชัย อายุมากกวา่
เสยี งสัน้ ลงจนกลายเป็นวัดมว่ งในปจั จบุ ัน
๑๐๐ ปี ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ีถ่ายทอดเร่ืองราว
ละแวกโดยรอบของวัดม่วงเป็นพื้นท่ีราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ พุทธประวตั ิ นอกจากน้ันยังมหี อสวดมนต์ กฏุ สิ งฆ์ และศาลา
มีน้ำหลากในฤดูฝน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ส่วนใหญ
่ การเปรียญด้วย
จึงประกอบอาชีพเพาะปลูกพืชสวนและทำนา เม่ือย้อนกลับไป วัดม่วงมีโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาในวัด รวมท้ัง
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ท่ีดินบริเวณน้ียังเป็นที่รกร้าง
เป็นทีต่ งั้ ของศนู ยเ์ ยาวชนดว้ ย
257
อโุ บสถหลังใหมว่ ดั คลองเตยนอก
วดั คลองเตยนอก
วัดคลองเตยนอกตั้งอยู่ในชุมชนคลองเตย จากลักษณะ ชาวมอญอพยพมาต้ังถ่ินฐานบริเวณปากคลอง (ชักน้ำ) เป็น
ของอุโบสถหลังเดมิ เปน็ ศิลปะพระราชนยิ มในสมยั ของพระบาท จำนวนมาก จึงมีชื่อเรียกปากคลองนี้ว่า ปากคลองบ้านลาว
สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ จึงสันนิษฐานว่า
และชาวบ้านต่างนิยมเรียกชื่อวัดว่า วัดปากคลองบ้านลาว
วัดคลองเตยนอกเป็นวัดโบราณท่ีน่าจะสร้างขึ้นราว พ.ศ. ตามท้องท่ีท่ีตั้งวัด ภายหลังชาวบ้านเรียกเพี้ยนเสียงเป็น
๒๓๗๐ แต่เดิมวัดน้ีมีช่ือว่า วัดกุเกษมคงคาราม เน่ืองจาก วัดบ้านเล่า กระท่ังเมื่อสภาพแวดล้อมในบริเวณชุมชนน้ัน
เจ้าของท่ีดินสร้างวัดนั้นช่ือ กุ ส่วนผู้บริจาคเงินชื่อ เกษม เปล่ียนแปลงไป ชาวบ้านได้เรียกขานช่ือวัดเปลี่ยนไปอีกเป็น
ความหมายของช่ือวัดเดิมนั้นแปลตรงตัวว่า วัดริมแม่น้ำของ วดั คลองเตยนอก ตามทต่ี ้งั ของวัดซ่งึ อยตู่ ดิ กับแม่นำ้ เจ้าพระยา
ทา่ นผมู้ นี ามว่า กุและเกษมเปน็ ผู้สรา้ ง
อนั เป็นเส้นทางคมนาคมหลกั ในสมัยนนั้ ส่วนวัดอกี แหง่ ในท้อง
สันนิษฐานว่า สมยั ก่อน บรเิ วณวดั คลองเตยนอกมีคลอง ท่ีมีชื่อว่า วัดคลองเตยใน เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่ถัดเข้ามาใน
ขุดชักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน (สันนิษฐานว่าเป็น คลอง (ชกั น้ำ)
คลองขุดเช่ือมแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองเตย) มีชาวลาวและ
258
ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ภายในอโุ บสถเลา่ เร่อื งพทุ ธประวัต
ิ
พระพทุ ธรปู ปางมารวิชัยพระประธานภายในอโุ บสถ
ภายในวดั ประกอบด้วยอโุ บสถหลงั ใหม่ ซงึ่ สร้างใน พ.ศ.
๒๕๒๒ เป็นอุโบสถทรงไทยหลงั คา ๓ ช้ัน มจี ติ รกรรมฝาผนงั
เขียนเรื่องพุทธประวัติและทศชาติชาดก วาดโดยนายชัยวัฒน์
วรรณานนท์ ช่างฝีมือดีจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี นอกจากน
้ี
ยังมีกุฏิสงฆ์ ศาลาบำเพ็ญกุศล และฌาปนสถาน รวมไปถึง ศาลฮวดใช้สถานทีป่ ระดษิ ฐานหลวงพ่อฮวด สริ ธิ ัมโม
ศาลฮวดใช้ ทีเ่ ก็บรา่ งของหลวงพอ่ ฮวด สริ ิธัมโม ซึ่งมรณภาพ วัดคลองเตยนอกเป็นวัดท่ีตั้งอยู่ใจกลางชุมชนชาวลาว
แล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเป่ือย จึงได้นำร่างของท่านมาบรรจุไว้ และชาวมอญ ท้ังยังอยู่ในชุมชนท่าเรือคลองเตย ทำให้วัด
ในตู้กระจกให้ชาวบ้านได้สักการบูชา หลายคนเชื่อว่า หาก
แห่งน้ีเป็นวัดที่มีชาวบ้านเข้าวัดมาทำบุญสร้างกุศลอย่าง
มาบนบานกับหลวงพ่อฮวดแล้วจะสมหวังตามท่ีต้องการ
ต่อเน่ืองท้ังในวันธรรมดาและวันพระ นอกจากน้ี วัดยังตั้งอยู่
ทุกประการ
บนเส้นทางสัญจรสายสำคัญในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่าง
ชุมชนและทา่ เรือขา้ มฟากไปยังฝ่ังพระประแดงอีกดว้ ย
259
ชาวบ้านจึงเข้ามาตั้งหลักแหล่งเป็นท่ีพักอาศัยและที่ทำกิน
ต่อมา กระทั่งเสร็จศึกสงครามใน พ.ศ. ๒๓๗๓ ชาวบ้าน
ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณน้ีได้ร่วมกันก่อสร้างวัดข้ึนและให้ชื่อว่า
วัดทำนบ ตามลักษณะทำนบที่สร้างขึ้นบริเวณคลองแสนแสบ
แห่งน้ี ทั้งยังมีชาวลาวท่ีถูกเทครัวมากับกองทัพสยามเข้ามา
ตั้งถ่ินฐานในบริเวณน้ีด้วย ต่างพากันเรียกบริเวณนี้ว่า
“แหลมไผ”่ หรือ “หัวไผ่” และเรยี กชื่อวัดว่า วัดหวั ไผ่ จนลว่ ง
มาถึง พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะกรรมการวัดได้ดำเนินการสร้าง
อุโบสถหลังใหม่ก่ออิฐถือปูน (หลังปัจจุบัน) แทนหลังเดิม
ท่ีทำด้วยไม้ จากน้ันเปล่ียนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า
วัดศรบี ุญเรอื ง
ในอดตี พน้ื ทโ่ี ดยรอบเปน็ ทรี่ าบลมุ่ และนาขา้ ว การเดนิ ทาง
มาทำบุญท่ีวัดศรีบุญเรืองจึงต้องอาศัยการเดินเท้าผ่านทุ่งนา
หรอื ลอ่ งเรอื มาทที่ า่ นำ้ หนา้ วดั ปจั จบุ นั ทา่ นำ้ หนา้ วดั ศรบี ญุ เรอื ง
ยังคงอำนวยประโยชน์ให้แก่ชาวกรุงเทพฯ ท่ีนิยมการสัญจร
ทางนำ้ เร่อื ยมา นัน่ คือ เปน็ ทา่ เรอื เรอื โดยสารคลองแสนแสบ
สิ่งสำคัญภายในอาราม มีปูชนียสถานและปูชนียวัตถุ
ทส่ี ำคัญหลายอยา่ ง ท้ังอโุ บสถ ศาลาการเปรยี ญ หอสวดมนต์
ที่สำคัญคือ หลวงปู่วัดศรีบุญเรือง พระประธานท่ีประดิษฐาน
อยู่ในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเน้ือทองสัมฤทธ์ิ ปางมารวิชัย
ศลิ ปะสุโขทัย
อโุ บสถหลังใหม่วัดศรีบญุ เรือง
ตามประวัติท่ีชุมชนชาวหัวไผ่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า
วัดศรีบุญเรือง
หลวงปู่ได้ลอยน้ำมาตามลำคลองแสนแสบ และลอยมาอยู่
บริเวณหน้าวัดศรีบุญเรืองนับเป็นเวลาร้อยปีมาแล้ว แต่ไม่
สามารถระบุปีท่ีแน่นอนได้ โดยมีชาวญวน ซึ่งมีอาชีพจับปลา
วดั ศรบี ญุ เรืองต้งั อยูร่ ิมคลองแสนแสบ สรา้ งขนึ้ ในรัชสมยั และล่าจระเข้ ได้ลากติดอวน จึงอัญเชิญข้ึนมาไว้บนตลิ่ง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เดิมช่ือ
ใต้ต้นจิก ต่อมา ชาวบ้านสร้างเพิงเพ่ือบังแดดบังฝนถวาย
วัดทำนบ ตามประวตั ิวัด ระบวุ ่า เมอ่ื ครง้ั เกิดเหตกุ ารณ์ปราบ จากน้ัน ทางวัดร่วมกับชาวบ้านอัญเชิญหลวงปู่ไปประดิษฐาน
สมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ (พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๕) แห่ง
ไว้ท่ีหน้าองค์พระประธานในอุโบสถ (อุโบสถหลังแรกของวัด
เวียงจันทน์ราว พ.ศ. ๒๓๖๙-๒๓๗๑ รัชกาลที่ ๓ มีพระบรม ทำด้วยไม้ ภายหลังได้ปรับปรุงเป็นอุโบสถซีเมนต์ขาว ส่วน
ราชโองการให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี ต่อมา
พระประธานเป็นพระปูนปั้น) ตั้งอยู่บริเวณศาลาการเปรียญ
เปน็ เจา้ พระยาบดนิ ทรเดชา) ว่าทส่ี มุหนายก นำทพั ไปปราบใน ในปจั จุบนั
ครั้งนัน้
เม่ือยกทัพออกจากพระนคร พระยาราชสุภาวดีได้มา
หยุดพักตรงบริเวณอันเป็นที่ต้ังของวัดศรีบุญเรืองในปัจจุบันนี้
และให้ทหารหักล้างถางพงเพื่อตั้งค่าย พร้อมทั้งให้ขุด
“สำโหรก” เป็นทำนบก้ันน้ำ เพ่ือเป็นแหล่งน้ำด่ืมน้ำใช้ใน
กองทัพ ภายหลังจากเคล่ือนทัพไปแล้ว ท่ีตรงน้ีจึงเป็นท่ีว่าง
260
ดา้ นหนา้ อุโบสถประดิษฐานรปู เหมือนปูนปัน้ หลวงป่ทู วด
วดั ประสาทบญุ ญาวาส
วัดประสาทบุญญาวาสต้ังอยู่ริมคลองสามเสน เขตดุสิต วัดประสาทบุญญาวาสมีการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด
สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้า มาแล้วหลายรุ่น พุทธศาสนิกชนเดินทางไปเคารพสักการะ
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แต่เดิมชื่อว่า วัดคลองสามแสน ตาม กันอยา่ งเนืองแนน่
ทำเลท่ตี งั้ ซ่งึ ในปัจจบุ ันเรยี กกนั วา่ คลองสามเสน
ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ ได้แก่ อุโบสถ
ภายหลังชาวบ้านเรียกวัดคลองสามแสนว่า วัดขวิด มกี ำแพงแกว้ ล้อมรอบ สร้างเมือ่ พ.ศ. ๒๕๐๒ มกี ฏุ สิ งฆ์ ศาลา
เพราะบริเวณข้างอุโบสถมีต้นมะขวิดขนาดใหญ่ ราว พ.ศ. การเปรียญ ศาลาบำเพญ็ กุศล นอกจากน้ี ยังมีปูชนียวตั ถุ คือ
๒๔๘๗ จึงได้เปลี่ยนช่ืออกี ครงั้ เป็นวัดประสาทบญุ ญาวาส
เจดยี ์ ๓ องค์ องค์แรกสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๙ ส่วน
ตอ่ มา ใน พ.ศ. ๒๔๙๘ วดั ถูกไฟไหม้เสยี หายเกือบหมด
องคท์ ่ี ๒ และองคท์ ี่ ๓ สร้างเม่ือประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๗
คงเหลือเพียงศาลาการเปรียญไม้สัก ซ่ึงทางวัดยังคงรักษาไว้ ไม่ไกลจากที่ต้ังของวัดประสาทบุญญาวาส มีชุมชน
เป็นอย่างดี เช่ือกันว่า ศาลาการเปรียญหลังนี้สร้างตั้งแต่สมัย ริมน้ำเรียกกันว่า ชุมชนสามเสน ในอดีต ชุมชนแห่งนี้มิได้
รชั กาลท่ี ๓
มีเพียงคนไทยเท่านั้น ยังมีชาวจีนไหหลำทำมาหากินประกอบ
วัดแห่งนี้ยังมีเรื่องเล่าขานว่า เคยเป็นท่ีพักปักกลดของ
ธุรกิจโรงสีข้าว โรงเล่ือยไม้ โรงรำ ค้าขายพืชพันธุ์ธัญญาหาร
หลวงปู่ทวดเหยียบทะเลน้ำจืดในช่วงระยะเวลาหน่ึง เมื่อครั้ง
โดยใช้ท่าน้ำสามเสนเป็นสถานที่ข้ึนลงสินค้าท่ีมาทางเรือ
ท่ีวัดยังเป็นเพียงสำนักสงฆ์ โดยหลวงปู่ทวดมาแวะพักท่ีนี่ จนถึงปัจจุบันก็ยังมีโรงรำและโรงเล่ือยต้ังอยู่ถัดจากวัด
ระหว่างเดินทางไปเล่าเรียนท่ีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้ ประสาทบุญญาวาสเข้าไปไม่มากนัก ส่วนโรงสีข้าวไม่มีให้เห็น
แลว้
261
วิหาร (ซา้ ย) และอโุ บสถ (ขวา) วัดประเสริฐสทุ ธาวาส
วัดประเสริฐสุทธาวาส
วัดประเสริฐสุทธาวาสต้ังอยู่ริมคลองราษฎร์บูรณะ เขต บุญพสุธาวาส แต่ต่อมาเปลี่ยนช่ือเป็นวัดประเสริฐสุทธาวาส
ราษฎรบ์ รู ณะ เปน็ วัดเก่าแกท่ ี่สร้างขึน้ ตงั้ แต่สมัยอยธุ ยา ได้รบั ตามช่ือภพภูมิพรหมช้ันสุทธาวาสในคติไตรภูมิ อันเป็นภพภูมิ
การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยของพระบาทสมเด็จ
พรหมที่สถิตย์ของพระอริยบุคคลช้ันพระอนาคามี แต่ชาวบ้าน
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓
โดยท่ัวไปเรียกอารามแห่งนี้ว่า วัดกลาง รองศาสตราจารย์
ปรากฏหลักฐาน “จารึกบุญ” ของผู้สร้างเป็นแผ่นหิน นรนติ ิ เศรษฐบุตร อรรถาธบิ ายไว้ในหนงั สอื สสู่ ยามนามขจรว่า
ภาษาไทยและภาษาจีนติดไว้ท่ีฝาผนังด้านหลังพระประธาน
เหตุที่เรียกว่าวัดกลาง น่าจะหมายถึงเป็นวัดกลางคลอง
ในอุโบสถ สรปุ ใจความสำคญั ได้ว่า เมอื่ ปีจอ สมั ฤทธิศก พ.ศ. ตามท่ตี งั้ ของวัด ซง่ึ ตัง้ อยลู่ ึกเข้ามาจากปากคลองราษฎร์บรู ณะ
๒๓๘๑ พระประเสรฐิ วานิช (โป)้ ขนุ นางกรมทา่ ซา้ ย เช้อื สาย ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร
จีนแซ่แต้ (เป็นบรรพบุรษุ ของตระกลู จีนสำคญั ๕ ตระกูล คอื วัดประเสริฐสุทธาวาสตั้งอยู่บนพ้ืนที่ท่ีมีความสำคัญทาง
เศรษฐบุตร โปษยะจินดา ประนิช ภิรมย์ภักดี และเสถบุตร)
ประวัติศาสตร์ ด้วยเป็นที่ต้ังของชุมชนชาวจีนมาตั้งแต่สมัย
มีจิตศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา ได้ชกั ชวนญาตมิ ติ รร่วมกัน อยุธยา ล่วงถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พ้ืนท่ีแห่งนี
้
บูรณปฏิสังขรณ์อารามแห่งน้ีข้ึน แล้วให้ช่ือวัดว่า วัดประเสริฐ เป็นท่ีต้ังของ “สวนในบางกอก” ย่านสวนผลไม้และผลิตผล
262
จติ รกรรมฝาผนงั ภายในอโุ บสถเลา่ เร่อื งสามก๊ก
พพิ ธิ ภณั ฑท์ ้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตราษฎรบ์ รู ณะ
จากสวนชื่อดังท่ีส่งไปขายยังพ้ืนที่ต่างๆ ท่ัวพระนคร ต่อมา บนพื้นขาว มีอักษรจีนบอกชื่อตอนและชื่อบุคคลในภาพกำกับ
เมอื่ สยามทำสนธิสัญญาเบารงิ พ.ศ. ๒๓๙๘ ชาวจีนโพน้ ทะเล ไว้ด้วยทุกภาพ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นจิตรกรรมฝาผนัง
อพยพเข้ามาต้ังถิ่นฐานและทำการค้าบริเวณน้ีเป็นจำนวนมาก เรอ่ื งสามก๊กชดุ ใหญ่ท่ีสดุ ทพี่ บในประเทศไทย
ยังผลให้พ้ืนบริเวณโดยรอบวัดคลาคล่ำไปด้วยคลังสินค้า โรงสี วัดประเสริฐสุทธาวาสยังเป็นที่ต้ังของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
โกดัง และท่าเรือ จนพัฒนามาเป็นย่านอุตสาหกรรมและ
กรุงเทพมหานคร เขตราษฎร์บูรณะ ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียน
การสง่ ออกสำคญั ของกรงุ เทพฯ
วัดประเสริฐสุทธาวาส ภายในจัดแสดงวัตถุและนิทรรศการ
นอกจากจะเป็นย่านท่ีอยู่อาศัยของชุมชนชาวจีนที่มี ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของพ้ืนที่น้ีอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
บทบาทสำคัญในการร่วมกันพัฒนากรุงเทพฯ ให้เจริญรุ่งเรือง ประวัติความเป็นมา บทบาท และพัฒนาการของพ้ืนท่ี
มาจนทุกวันนี้แล้ว ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของวัดประเสริฐ เขตราษฎร์บูรณะในบริบทของกรุงเทพมหานคร สะท้อนผ่าน
สุทธาวาส คือ ศิลปกรรมภายในวัด ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้น วิถีชีวิต อาชีพ และภูมิปัญญาของชุมชนที่ยังคงสืบทอด
ด้วยศิลปะแบบจีนตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ โดยเฉพาะ มาจนถึงปัจจบุ นั
ในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเร่ืองสามก๊ก วาดด้วยเส้นหมึกดำ
263
ครั้นสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รชั กาลที่ ๓ พระพเิ รนทรเทพ (ขำ อินทรกำแหง ณ ราชสมี า)
กรมพระตำรวจหลวง บุตรของเจ้าพระยากำแหงสงคราม
หรือเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินหรือทองอินทร์ อินทร
กำแหง) เดินทางมาเยี่ยมญาติบริเวณน้ี เห็นวัดใหม่บ้าน
ข้าวหลามมีเสนาสนะชำรุดทรุดโทรมมาก จึงปรารภกับญาติ
และผู้ติดตามว่า จะบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ไว้เป็นสถานที่
สำหรับพระภิกษุสามเณรปฏิบัติศาสนธรรมทางพระพุทธ
ศาสนา
พระพิเรนทรเทพและญาติพ่ีน้องร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์
วดั ใหม่บา้ นข้าวหลามเมือ่ พ.ศ. ๒๓๘๔ จงึ ขนานนามวัดตาม
บรรดาศักดิ์ผู้สร้างว่า วัดใหม่พิเรนทร์ โดยเพ่ิมคำว่า “ใหม่”
เขา้ ไปดว้ ย เพอื่ ไมใ่ หซ้ ำ้ กบั วดั พระพเิ รนทรห์ รอื วดั ขำเขมการาม
ท่ีพระพิเรนทรเทพ (ขำ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) ได้บูรณ
ปฏสิ งั ขรณเ์ ช่นเดยี วกัน
วัดแห่งน้ีมีช่ือเรียกหลายอย่าง บ้างก็เรียกวัดใหม่
โพธ์ิสามต้น เพราะเม่ือทางการตัดถนนผ่านหน้าวัด (ถนน
อิสรภาพ) ทำให้ถนนไปบรรจบกับสามแยกโพธ์ิสามต้น
ชาวบ้านจงึ เรียกชอื่ วัดตามท่ีตั้ง บา้ งก็เรยี กวัดใหม่ขหี้ มู เพราะ
อโุ บสถวัดใหมพ่ ิเรนทร์
เดิมก่อนสร้างวัดก็ดีหรือสร้างวัดแล้วก็ดี บริเวณนี้มีหมูป่า
จำนวนมาก และหมูเหล่านี้ถ่ายเอาไว้เหม็นท่ัวไปหมด
วดั ใหมพ่ ิเรนทร
์ ชาวบ้านจึงเรยี กว่า วดั ใหมข่ ้ีหมู
เม่ือมีวัดสร้างข้ึนใหม่และแม้ภายหลังจะมีผู้คนมาต้ัง
วัดใหม่พิเรนทรต์ ั้งอยรู่ มิ ถนนอิสรภาพ ฝ่งั ธนบรุ ี เดมิ เป็น บ้านเรอื นกนั มากขน้ึ ทำใหห้ มปู ่าหมดไปจากย่านนี้ แตก่ ม็ ีผู้นำ
วัดขนาดเล็ก สร้างข้ึนต้ังแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย แต่ก่อน
หมูมาเล้ียง ปล่อยไว้ตามใตถ้ ุนกฏุ พิ ระเปน็ จำนวนมาก
วัดแห่งนี้ชื่อวัดใหม่บ้านข้าวหลาม ด้วยตั้งอยู่ในหมู่บ้าน
ส่ิงสำคญั ภายในอาราม ได้แก
่
ทีร่ าษฎรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพทำข้าวหลามขาย
หลวงพ่อเทพมงคลเป็นพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัยปาง
อารามแห่งน้ีต้ังอยู่ใกล้กับที่ตั้งของพระราชวังเดิม มารวิชัย เน้ือสัมฤทธิ์ พระพิเรนทรเทพไดัรับพระราชทาน
(กรุงธนบุรี) มีเร่ืองเล่าว่า เม่ือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระพุทธรูปองค์นี้จากรัชกาลที่ ๓ และนำมาประดิษฐานไว้ท่ี
ทรงกอบกู้เอกราชได้ ทรงสถาปนากรุงธนบุรีข้ึนเป็นราชธานี
หอฉัน หลังจากท่ีได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดใหม่พิเรนทร์เพื่อให้
ณ เมืองบางกอก ฝ่ังตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็น
ชาวบ้านไดส้ ักการบชู า
ที่ตั้งของชุมชนมาแต่สมัยโบราณ มีวัดท่ีสร้างมาแล้วหลายวัด
แต่มีสภาพทรุดโทรมและมีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาน้อย
เช่น วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) วัดโมลีโลกยาราม
วัดหงส์รัตนาราม วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) วัดนาคกลาง
วัดเครือวัลย์ วัดใหม่บ้านข้าวหลาม (วัดใหม่พิเรนทร์) วัด
ทั้งหมดนี้เป็นพระอารามหลวง มีเพียงวัดใหม่บ้านข้าวหลาม
(วดั ใหมพ่ เิ รนทร)์ เพยี งวดั เดยี วทีเ่ ป็นวัดราษฎร์
264
หลวงพอ่ อินทร์ หลวงพอ่ จันทร์ ประดิษฐานในอุโบสถ
วัดราชบุญธรรม ต่อมา นายบุญ ผู้อุปถัมภ์บำรุงวัดมาโดย
ตลอด ได้สร้างอุโบสถข้ึนอีก ทางวัดเห็นความสำคัญจึงขนาน
นามวัดใหมว่ ่า วดั บญุ ญาวาสน์ราชศรัทธาธรรม กระทัง่ พ.ศ.
๒๔๘๐ สมัยท่ีพระอธิการพร้อม ฐานิสสโรเป็นเจ้าอาวาส
ได้มอบหมายให้พระมหาโชติเปลี่ยนช่ือวัดเป็นวัดปุรณาวาส
ชาวบ้านจึงเรียกกนั ตดิ ปากมาจนถงึ ทุกวันนี้
พ้ืนท่ีต้ังของวัดปุรณาวาสเป็นเรือกสวนไร่นามาแต่เดิม
แต่หลังจากขุดคลองมหาสวัสด์ิเพื่อเชื่อมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ
เจ้าพระยากับฝั่งตะวันออกของแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำ
ท่าจีน แล้วเช่ือมต่อกับคลองเจดีย์บูชา มีระยะทางยาวท้ังสิ้น
วดั ปุรณาวาส
อุโบสถวัดปุรณาวาส
๖๘๔ เสน้ จึงมีการบุกเบกิ ทีด่ นิ รกรา้ งให้กลายเป็นท่ีนาผืนใหญ่
ดังท่ีสุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวไว้ในหนังสือแม่น้ำลำคลองสาย
ประวัติศาสตร์ว่า “...แสดงให้เห็นความพยายามของหลวงที่จะ
ปรับปรงุ ทดี่ ินรกร้างวา่ งเปลา่ ให้เป็นไรน่ า...”
วัดปุรณาวาสหรือวัดนกต้ังอยู่ริมคลองมหาสวัสด์ิ เขต
การขุดคลองมหาสวัสดิ์ยังส่งเสริมให้เกิดความเจริญ
ทวีวัฒนา สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของ ด้านการคมนาคมขนส่ง เพราะใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่ง
นายบุญเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๗ ในสมัยของพระบาทสมเด็จ อ้อยและน้ำตาลจากแถบแม่น้ำนครชัยศรีและคลองเจดีย์บูชา
พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว รัชกาลที่ ๔ เพื่อเป็นสำนักสงฆ์ เหตทุ ่ี
มายังฝ่ังตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการส่งออกต่อไป
ชาวบ้านเรยี กวา่ วดั นกนัน้ มาจากที่ตัง้ ของวัด ซงึ่ อยูร่ มิ คลอง
ด้วยเหตุน้ี จึงมีผู้คนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้หนาแน่น
มหาสวัสดิ์หรือคลองชัยพฤกษ์ มีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มและมีนก ขึน้ ชมุ ชนแรกๆ ทีเ่ ข้ามาตัง้ หลกั แหล่ง ได้แก่ ชาวบา้ นท่ีย้าย
อาศัยอยู่จำนวนมาก แต่บ้างก็เรียกว่า วัดกลางคลอง เพราะ
มาจากริมแม่น้ำนครชัยศรี บริเวณดอนหวาย ดาวคะนอง
ตง้ั อยู่กง่ึ กลางระหวา่ งคลองมหาสวัสดิ์และแมน่ ้ำนครชยั ศร
ี บางเตย รวมถึงชาวจีนที่มาเป็นแรงงานในการขุดคลอง ซึ่งได้
ครั้งรัชกาลท่ี ๔ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร ร่วมกันพัฒนาให้พ้ืนที่บริเวณน้ีมีความเจริญขึ้นนับจากน้ัน
การขุดคลองมหาสวัสดิ์ ซ่ึงโปรดเกล้าฯ ให้เร่ิมดำเนินการขุด เปน็ ตน้ มา
เม่ือ พ.ศ. ๒๔๐๐ ได้เสด็จพระราชดำเนินผ่านวัดนกในช่วง วัดปุรณาวาสมีอุโบสถที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมไทย
เวลาเพล จึงถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ พร้อมทั้งตรัส สมัยรัตนโกสินทร์และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ได้รับ
ถามถึงความเป็นมาของวัด พระราชทานพระราชทรัพย์ร่วม ความเคารพนับถือในหมู่พุทธศาสนิกชน คือ หลวงพ่ออินทร์
ก่อสร้างเสนาสนะกับนายบุญ แล้วพระราชทานชื่อว่า
และหลวงพ่อจันทร์
265
อโุ บสถวดั พระยายัง
วัดพระยายัง
วัดพระยายังต้ังอยู่ริมคลองแสนแสบฝ่ังเหนือ เย้ืองไป รัชกาลที่ ๓ พระราชทานที่ดินบริเวณริมคลองแสนแสบ
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวัดบรมนิวาส หนังสือประวัติ ฝั่งเหนือต่อจากคลองมหานาคให้เป็นที่ต้ังถิ่นฐานบ้านเรือน
วัดท่ัวราชอาณาจักร เล่ม ๑ ของกองพุทธศาสนสถาน ของชาวมุสลิมเขมรท่ีเรียกว่า “แขกจาม” ซ่ึงการอพยพเข้ามา
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า วัดพระยายังสร้าง เป็นจำนวนมากน้ี เกิดมีคำว่า “ยกครัว” ดังท่ีปราณี กล่ำส้ม
ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๐ โดยพระยามหานิเวศนานุรักษ์ (ยัง
อธบิ ายความหมายไวใ้ นหนงั สอื ยา่ นเกา่ ในกรงุ เทพฯ วา่ หมายถงึ
รักตะประจิตต์) ซึ่งเคยเป็นแม่ทัพที่ยกทัพไปตีเมืองเขมร แล้ว มาอยู่กันทั้งครอบครัว หลายๆ ครอบครัวมาอยู่รวมกัน
ได้รับชัยชนะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณน้ีจึงเรียกว่า “บ้านครัว” ท้ังยังเรียกแขกจามผู้นับถือ
รัชกาลที่ ๓ จึงมีชาวเขมรติดตามกองทัพสยามเข้ามาพ่ึง ศาสนาอสิ ลามกลมุ่ นว้ี า่ “แขกครวั ” ชาวแขกครวั ทเี่ ขา้ มาอาศยั
พระบรมโพธิสมภารเปน็ จำนวนมาก
ในบริเวณนี้จัดเป็นชุมชนชาวมุสลิมเขมรท่ีเก่าแก่และใหญ่ท่ีสุด
แห่งหน่ึงในกรุงเทพฯ
266
กาลต่อมา วัดพระยายังชำรุดทรุดโทรมลงมาก สมเด็จ
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้า
มนุษยนาคมานพ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระดำริว่า วัดพระยายังเป็นวัดราษฎร์
ขนาดเล็ก มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ไม่มาก จะปฏิสังขรณ์ให้เป็น
ดังเดิมได้ยาก จึงรับส่ังให้วัดพระยายังขึ้นอยู่ในการปกครอง
ของวัดบรมนิวาส ซ่ึงเป็นพระอารามหลวง เพ่ือให้ง่ายต่อ
การบรู ณะและพัฒนาวัดใหเ้ จริญยงิ่ ขึ้น
พระญาณรักขิต (จันทร์ สิริจันโท ต่อมาเป็นพระอุบาลี
คุณูปมาจารย์) เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส ได้ให้พระครูใบฎีกา
เพ็ง (ต่อมาเป็นพระราชาคณะท่ีพระปราจีนมุนี เจ้าคณะ
จงั หวัดปราจีนบุร)ี มาอยู่เปน็ เจ้าคณะพระยายงั
ส่ิงที่น่าสนใจภายในวัดพระยายัง ประกอบด้วย อุโบสถ
ที่ก่อสร้างตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยในสมัยของ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ ๕ และมี
พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง
๘๐ นวิ้ สงู ๑๑๘ นวิ้ เป็นพระประธาน และพระปรางค์ทีส่ รา้ ง
ขึ้นใหม่ เพ่ือครอบพระพุทธรูปองค์เดิมที่เคยเป็นพระประธาน
ในอุโบสถเก่า เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปท่ีก่อด้วยปูนไม่อาจ
เคลื่อนย้ายได้ ท้ังยังได้บรรจุพระพุทธรูปสำคัญอ่ืนๆ เข้าไว้ใน
พระปรางคด์ ว้ ย
พระปรางค์วัดพระยายงั ภายในบรรจุพระพทุ ธรูปสำคญั
ปัจจุบันน้ี มีการจัดแบ่งกลุ่มชุมชนบ้านครัวออกเป็น
ชุมชนย่อยๆ เพ่ือให้ง่ายต่อการดูแล ได้แก่ ชุมชนบ้านครัว
เหนอื ชมุ ชนบ้านครัวใต้ และชุมชมวดั พระยายงั ทั้ง ๓ ชุมชน
ได้ช่ือว่า มีฝีมือด้านการทอผ้าไหมมาต้ังแต่สมัยของพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ซึ่งรู้จัก
ภายหลังจากท่ีได้ก่อตั้งบ้านเรือนให้ชาวเขมรกลุ่มนี้แล้ว กันอยา่ งดีว่า “ไหมบ้านครวั ”
ด้านตะวันตกของบ้านครัวเขมรถึงคลองส้มป่อยฝั่งตะวันออก ในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ มิสเตอร์จิม ทอมป์สัน
ยังมีที่ดินเหลืออยู่พอท่ีจะสร้างวัดได้ กอปรกับมีประเพณี
(ชอ่ื จริงวา่ ฮาร์รสิ นั วิลสัน ทอมปส์ ัน) ชาวอเมริกันทเ่ี ดนิ ทาง
สืบต่อกันมาแต่คร้ังกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีจนถึงกรุง เข้ามาทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของ
รัตนโกสินทร์ว่า แม่ทัพผู้มีชัยชนะในการศึกจะนิยมสร้างวัด สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
เป็นอนุสรณ์ อีกทั้งพระยามหานิเวศนานุรักษ์ เป็นผู้ที่นับถือ ได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ผ้าไหมไทยของบ้านครัวเป็นท่ีรู้จัก
และเล่ือมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า จึงสร้างวัดน้ีขึ้น
ในตลาดโลก จนมีช่ือเสียงภายใต้ตราจิม ทอมป์สันจนถึง
แต่เมื่อสร้างวัดแล้วเสร็จไม่ได้ขอพระราชทานชื่อวัด ชาวบ้าน ทุกวนั น้ี
จึงเรียกว่า วัดพระยายัง ตามช่ือผู้สร้าง และใช้ช่ือน้ีมาจนถึง
ปัจจบุ ัน
267
ศาลาพุทธคยาประดิษฐานสงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล (จำลอง) ชัน้ บนสดุ ประดิษฐานพระบรมสารรี กิ ธาตุ
วดั ภาษ
ี
วดั ภาษตี งั้ อยทู่ ถ่ี นนสขุ มุ วทิ ซอย ๖๓ ใกลค้ ลองแสนแสบ ด้วยท่ีต้ังของวัดอยู่ห่างไกลจากพระนครในสมัยน้ันและ
เขตวัฒนา ที่ดินแถบนี้เดิมเป็นที่ต้ังด่านเก็บค่าผ่านหัวนาหรือ อยู่ท่ามกลางท่ีนาของชาวมุสลิม เมื่อหมดยุคของกำนันเพชร
ค่าผ่านทางของกำนันเพชร โดยเก็บค่าผ่านทางจากพ่อค้า แล้ว วัดจงึ ขาดการทำนบุ ำรงุ เสนาสนะตา่ งๆ ทรุดโทรมลง
แม่ค้าท่ีนำเรือขนสินค้าผ่านคลองแสนแสบ จากฝั่งตะวันออก ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไปทางฝั่งตะวันตก เพื่อเข้าไปขายของในบางกอก เรียกว่า
รัชกาลที่ ๗ ทางราชการได้ใช้พื้นที่ป่าช้าท้ายวัดเป็นสถานท่ี
ด่านเก็บภาษีชั้น ๓ ซ่ึงในอดีต จะมีด่านเก็บภาษีหลายแห่ง ประหารชีวิตนักโทษ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิต
และจุดท่ีต้ังวัดภาษีก็เป็นหนึ่งในด่านภาษีนั้น เม่ือได้เงินภาษี โดยการตัดคอเม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๑ คือ นายบุญเพ็ง หีบเหล็ก
จำนวนมากจึงได้รวบรวมเงินมาสร้างวัดข้ึนราว พ.ศ. ๒๓๙๐ ผ้กู อ่ คดสี ยองขวญั ฆ่าห่ันศพ แลว้ ยดั ใสห่ ีบเหลก็ ก่อนใสร่ ถลาก
และใหช้ ่อื วัดวา่ วดั ภาษี
ไปท้ิงลงน้ำเพื่อทำลายหลักฐาน
268
ซุ้มประตูทางเขา้ วัดภาษี
กฏุ ิพระครูพศิ าลอนกุ ลู พัฒนกจิ เจ้าอาวาสวัดภาษี
ตามตำนานระบุว่า บุญเพ็งเป็นชายหนุ่มรูปงาม บวชที่ ศาลาการเปรียญทรงไทยยกพืน้ เปน็ อาคารไม้ทง้ั หลัง ซุม้
วัดสุทัศนเทพวราราม ระหว่างบวชยังเป็นพ่อค้าเพชรพลอย ประตูหน้าวัดสร้างด้วยศิลาแลงล้านนา
ผลิตเหรียญกษาปณ์ปลอม เป็นนักเลงการพนัน และได้ฆ่า
สิ่งท่ีน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ หุ่นข้ีผ้ึงขนาดเท่าจริง
คนตายหลายคน เม่ือบุญเพ็งลาสิกขาบท และทางราชการ
ของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ ตั้งอยู่ใน
สืบทราบวา่ เปน็ อาชญากร จึงไดจ้ บั กุมตวั ระหว่างเขา้ พธิ สี มรส ศาลาศูนย์สัพพะมงคล มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทุกวันที่
เม่ือประหารชีวิตแล้ว ศพของบุญเพ็งถูกนำไปฝังไว้ในบริเวณ
๑๓ มิถนุ ายนของทกุ ปี ณ ศาลาน้
ี
อนั เป็นที่ตั้งของโรงเรยี นวัดภาษีในปัจจุบัน ในวดั ยงั มีรูปจำลอง แม้ในอดีต วดั ภาษีจะเปน็ ท่ีรจู้ กั ในฐานะเป็นแดนประหาร
ของบุญเพ็ง เพื่อเตือนสติชนรุ่นหลังเร่ืองกฎแห่งกรรมว่า ทำดี แต่ตลอดมาวัดและโรงเรียนวัดภาษีได้ร่วมกันพัฒนาปรับปรุง
ไดด้ ี ทำชั่วไดช้ ่ัว
พื้นที่ต่างๆ ให้สวยงามเพ่ือลบเลือนร่องรอยอันน่ากลัวของ
สง่ิ สำคญั ในอาราม ไดแ้ ก
่ แดนประหาร ท้ังยังคงมีกิจกรรมหลายอย่างท่ีจัดข้ึนเพื่อชุมชน
อุโบสถกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๔ เมตร ซ่ึงเปิดให้ เชน่ การเปดิ สอนพระปรยิ ตั ิธรรม สถานทสี่ วดมนตแ์ ละปฏบิ ตั ิ
ประชาชนลอดอุโบสถผ่านใต้ฐานพระประธานเพื่อให้เกิด
ธรรม มีโรงเรียนสายสามัญและห้องสมุดสำหรับศึกษาค้นคว้า
ความเปน็ สริ ิมงคลแก่ชวี ติ อนั เป็นความเชอ่ื ทมี่ ีมาแต่โบราณ
ธรรมะ ตลอดจนพิพิธภัณฑ์รวบรวมสิ่งของเครื่องบริขารของ
ศาลาพทุ ธคยาประดษิ ฐานสงั เวชนยี สถานทัง้ ๔ (จำลอง) ผู้ปฏิบัติธรรม และเป็นสถานท่ีให้ความช่วยเหลือประชาชน
ช้ันบนสุด ประดิษฐานพระบรมสารีรกิ ธาต
ุ ในด้านต่างๆ
269
อุโบสถวดั ลครทำ
ทางวัดไดท้ ำประตมิ ากรรมรปู เจดีย์นอนไว้
เป็นอนุสรณบ์ รเิ วณซ้มุ ประตอู าราม
วัดลครทำ
วัดลครทำตั้งอยู่ริมถนนอิสรภาพ ใกล้สี่แยกพรานนก
ในหนังสือประวัติสังเขปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต
สร้างขึ้นปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว พฺรหฺมรํสี) ของพระมหาเฮง อิฏฐาจาโร กล่าวถึงเจดีย์นอน
รัชกาลที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ โดยนายบุญยัง นายโรง
ในวัดความว่า “...ในการก่อสร้างน้ันปรากฎว่าเจ้าประคุณ
คณะละครนอก ผู้มีความเล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต พฺรหฺมรํส)ี ไดส้ รา้ งถาวรวตั ถุหลาย
เป็นอย่างมาก ชาวบ้านช่วยกันตั้งช่ือวัดน้ีว่า วัดลครทำ
อย่าง และท่านมักสร้างของแปลกๆ ของโตๆ และท่านได้
ตามอาชีพของนายบุญยัง ผูส้ รา้ งวัด
สร้างพระเจดีย์นอน ที่หลังโบสถ์วัดละครทำไว้สององค์หันหน้า
คร้ังหนึ่ง คณะละครของนายบุญยังเคยว่าจ้างพระสุนทร เข้าหากนั ...”
โวหาร (ภู่) หรือสุนทรภู่มาเป็นผู้แต่งบทและบอกบทละคร ทว่า เจดีย์นอนได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จึงมีการ
พร้อมกับร่วมเดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละคร ดังปรากฏใน ร้ือถอนเจดีย์ดังกล่าวออกไป แล้วสร้างเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นแทน
โคลงนิราศสพุ รรณ ความตอนหนง่ึ ว่า
ปัจจุบัน ทางวัดได้ทำปูนปั้นรูปเจดีย์นอนไว้ท่ีซุ้มประตูวัด
“...บางรมาดมิง่ มดิ ครั้ง คราวงาน
เพอ่ื เป็นอนสุ รณ
์
บอกบทบุญยงั พยาน พยกั หนา้
อุโบสถของวัดลครทำเป็นอุโบสถทรงไทยก่ออิฐถือปูน
ประทุนประดิศถาน แทนฮ่อง หอเอย
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แหวนประดบั กับผา้ พี่อา้ งรางวันฯ...”
รัชกาลปัจจุบัน ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงพระสุหร่าย
นิทานเร่ืองสำคัญท่ีสุดของพระสุนทรโวหาร คือ
ทรงเจิม และทรงตัดลูกนิมิต ณ อุโบสถ เมื่อวันศุกร์ท่ี ๑๓
พระอภัยมณี สันนิษฐานว่า เร่ิมแต่งในช่วงน้ีด้วย แต่เพียงแค่ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๓
เรมิ่ แต่ง มไิ ด้แต่งตลอดทงั้ เร่ือง พระอภัยมณเี ป็นนทิ านที่แปลก
แหวกแนวยิ่งกว่านิทานเร่ืองใดท่ีเคยมีมาในสมัยน้ัน ยังผลให้
คณะละครนายบุญยังมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ต้องการของผู้ว่า
จ้างไปแสดงทว่ั ทั้งพระนครและหัวเมืองใกลเ้ คียง
270
ท่ีต้ังของวัดใหม่ช่องลมริมคลองแสนแสบ เดิมเป็นทุ่งนา
ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อทุ่งบางกะปิ มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง
จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓
โปรดเกล้าฯ ใหข้ ดุ คลองแสนแสบขน้ึ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ เส้นทางขนส่ง
เสบียงอาหาร ลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ในการสงครามอานาม
สยามยุทธ พร้อมทัง้ กวาดตอ้ นผู้คนเขา้ มาตง้ั ถิ่นฐาน ภายหลัง
จากเสร็จศึกสงครามแล้ว ทำให้พื้นท่ีบริเวณน้ีมีผู้คนเข้ามา
อาศัยและทำการเพาะปลูก เป็นการบุกเบิกท่ีดินให้มีความ
เจริญข้ึน
วัดแห่งน้ีเดิมมีเนื้อที่ยาวจรดถนนเพชรบุรี มีถนนตัด
เข้าไปในวัดและมีสะพานเล็กๆ ข้ามไปยังชุมชนประชันคดี
และพรอ้ มพงษ์ ทว่า เนือ่ งจากพระครสู งั ฆกิจโกศล เจา้ อาวาส
ในขณะน้ันเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการคมนาคม
จึงได้มอบท่ีดินของวัดให้แก่ทางการ เพื่อตัดเป็นถนนเพชรบุร
ี
ตัดใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ ทำให้อาณาเขตวัดเล็กลงเหลอื เพียง
เท่าที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนพื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นย่านการค้า
และท่ีพกั อาศัย ซึ่งเจรญิ ข้ึนอยา่ งรวดเรว็
สง่ิ สำคัญภายในอาราม คือ
อุโบสถลอยฟ้า ซึ่งมีความแตกต่างจากอุโบสถของวัด
อื่นๆ โดยเป็นอุโบสถ ๒ ช้ัน ใช้สำหรับสวดมนต์ทำวัตร
ชั้นบนมีงาช้างท่ีเจ้าของฝันเห็นอุโบสถของวัดนี้จึงนำงาช้างนั้น
มาถวายวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่วนจิตรกรรมฝาผนังวาดโดย
พระประธานในอโุ บสถวดั ใหมช่ อ่ งลม
คู่พ่อลูกจากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีวิธีการวาดภาพเป็น
เอกลักษณ์ ด้วยการเอาไม้ไผ่ขัดกันเป็นน่ังร้าน ลงลายด้วย
ดินสอแล้วลงสีก่อนจะลงรักปิดทอง เล่าเรื่องทศชาติชาดกและ
วดั ใหมช่ อ่ งลม
ประเพณสี ิบสองเดือนของชาวพทุ ธแตโ่ บราณ
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระสยัมภูสุวัณโณภาส
วัดใหม่ช่องลมตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ เขตห้วยขวาง พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างข้ึนในสมัยอยุธยา ทำด้วย
สรา้ งขนึ้ เม่อื พ.ศ. ๒๔๑๑ ตรงกบั ปลายรชั สมยั พระบาทสมเด็จ ทองเหลืองหล่อขัดมัน ซ่ึงต้องหล่อถึง ๓ คร้ังจึงสำเร็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ต่อเน่ืองมาจนถึงต้น
มเี รอ่ื งเลา่ ต่อกนั มาวา่ ในการหลอ่ ครงั้ ท่ี ๓ มชี ีปะขาวเขา้ รว่ ม
รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ พิธี เมื่อกะเทาะแบบออกมา พระพุทธรูปนี้จึงเสร็จสมบูรณ์
แต่ไม่ปรากฏชื่อและประวัติผู้สร้าง เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ หลังหล่อพระพุทธรูปเสร็จ ชีปะขาวได้หายตัวไป ชาวบ้าน
แต่ภายหลังเม่ือชุมชนขยายตัวข้ึน ชาวบ้านจึงร่วมกันบริจาค เชอื่ กนั วา่ ชปี ะขาวเปน็ เทวดาจำแลงกายมาชว่ ยหลอ่ พระพทุ ธรปู
เงินเพื่อพัฒนาสำนักสงฆ์เป็นวัด โดยมีพระครูสังฆกิจโกศล และยังมีเร่ืองเล่าด้วยว่า ในสมัยสงครามโลกคร้ังที่ ๒ ภายใน
(หลวงพ่อเทียนชัย) เป็นเจ้าอาวาส ส่วนช่ือของวัดสันนิษฐาน วดั เคยมหี อคอยเตอื นภยั สงู เทา่ ตกึ ๒๕ ชน้ั ไวค้ อยสงั เกตการณ์
ว่า ตั้งข้ึนตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ของวัดที่ตั้งอยู่ในทิศทาง เมื่อมเี ครื่องบินมาท้ิงระเบิด
ของลมหรือช่องลม ทั้งยังเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ จึงพากันเรียก
ว่า วดั ใหมช่ ่องลม
271
อโุ บสถวดั หนองแขม
วดั หนองแขม
วัดหนองแขมตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝ่ังใต้ บริเวณโดยรอบวัดหนองแขมมีผู้คนอาศัยอยู่อย่าง
ในอดตี บริเวณทตี่ ั้งของวดั มีสภาพเปน็ ท่รี าบลุ่ม บางแหง่ มนี ำ้ กระจัดกระจาย กระท่ังเม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ทว่ มขงั ตลอด (หนองนำ้ ) และมตี น้ แขม (หญา้ ขนาดสงู ชนดิ หนงึ่ ) เจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกลา้ ฯ ให้ขุดคลองภาษเี จรญิ ขนึ้
ขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นพง ก่อนหน้าน้ันเคยมีช่ือเรียกว่า “หนอง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๙ เพ่ือเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าที่สำคัญคือ
น้ำแดง” จนกระท่ังใน พ.ศ. ๒๔๑๓ รัชสมัยพระบาทสมเด็จ
น้ำตาล ท้ังยังมีการขุดคลองซอยเพ่ือการเกษตร ทำให้มีผู้คน
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระวินัยธร (คำ)
พากันอพยพเข้ามาตัง้ ชมุ ชนในบรเิ วณนม้ี ากข้ึน
เจ้าอาวาสวัดเชิงเลน ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน เมอื ง แม้ปัจจุบันนี้ พื้นที่เกษตรกรรมส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไป
นครปฐม ได้สร้างวัดข้ึนที่ริมหนองน้ำแห่งหน่ึง ส่วนชาวบ้าน กลายเป็นเขตที่อยู่อาศัย เป็นที่ต้ังของโรงงานอุตสาหกรรม
ก็ได้ขุดบ่อไว้ริมหนองเพ่ืออาศัยใช้น้ำจืดและเรียกว่า “บ่อ ขนาดย่อมหลายแห่งก็ตาม แต่ถึงกระน้ันก็ยังมีบางบริเวณ
หนองแขม”
เชน่ บรเิ วณแนวคลองย่อยทีย่ งั มกี ารทำสวน โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ
เน่ืองจากวัดท่ีสร้างขึ้นใหม่น้ีต้ังอยู่ใกล้เคียงกันกับ
สวนกล้วยไม้ที่มีอยู่มากมาย จนเขตหนองแขมได้ชื่อว่าเป็น
หนองน้ำใหญ่ ซ่ึงมีต้นแขมข้ึนปกคลุมอยู่ท่ัวท้ังหนองน้ำ เม่ือ แหล่งปลูกกล้วยไม้ท่ีสำคัญแห่งหน่ึงของกรุงเทพฯ เช่น สวน
วัดสร้างแล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงพากันตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า วัด กล้วยไม้ขนาดใหญ่ในซอยเพชรเกษม ๑๑๐ นับเป็นแหล่งปลูก
หนองแขม จนล่วงเข้าสู่สมัยท่ีพระครูวิทยาวรคุณ (พร)
กลว้ ยไม้พันธโุ์ จแดงท่ปี ระชาชนนิยมนำมาบูชาพระ
เป็นเจ้าอาวาส เม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๕ ได้พัฒนาวัดหนองแขม
ภายในวัดหนองแขมมีส่ิงสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งข้ึน และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดบำรุงราษฎร์ ท่ีประดิษฐานของพระมหากัจจายนะ (หลวงพ่อโต) รูปหล่อ
ศรัทธา แต่ในคราวที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
พระครูวิทยาวรคุณ (หลวงพ่อพร) ขนาดเท่าองค์จริงท่ีคณะ
วชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ) สมเด็จ
ศิษยานุศิษย์สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ รอยพระพุทธบาทจำลอง
พระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จ ประดิษฐานในมณฑป ซึ่งมีการจัดงานปิดทองในช่วงเดือน ๓
ตรวจการณ์คณะสงฆ์มาตามลำคลองภาษีเจริญถึงวัด ของทุกปี ศาลาที่รัชกาลที่ ๕ ประทับเม่ือครั้งเสด็จ
หนองแขม มีรับส่ังว่า วัดนี้ควรเรียกช่ือตามตำบลจะไดเ้ ปน็ วดั พระราชดำเนินทางชลมารคมาท่ีวัดแห่งน้ี รวมท้ังมณฑป
ประจำตำบลต่อไป จึงเปลี่ยนนามวัดกลับมาเป็นวัดหนองแขม จตรุ มขุ ซ่ึงตั้งอย่กู ลางน้ำ
ดงั เดมิ และคงเรยี กชอ่ื น้ตี อ่ มาจนถงึ ปัจจุบัน
272
วัดน้ีมีสถาปัตยกรรมเป็นแบบจีนตอนใต้ของสกุลช่าง
แต้จ๋ิว โดยวางแปลนตามแบบวัดหลวง คือ มีวิหารท้าว
จตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นอุโบสถ ข้างหลัง
อุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ
มีโรงเรยี นสำหรับพระสงฆ์ ๓๐๐ รูป และบริเวณสำหรบั เคารพ
บชู า โดยเฉพาะรูปปน้ั ของเทพเจ้าตา่ งๆ
วิหารท้าวจตุโลกบาลมีเทพเจ้า ๔ องค์ (ขา้ งละ ๒ องค์)
ในชุดนักรบจนี ถืออาวุธและส่ิงของตา่ งๆ กัน เชน่ พิณ ดาบ
ร่ม เจดีย์ ชาวจีนเรยี กวา่ “ซีไ้ ต๋เทยี งอ้วง” หมายถงึ เทพเจ้า
วดั มังกรกมลาวาสเป็นวัดฝา่ ยจีนนกิ าย
ท่ีปกปกั รกั ษาและคมุ้ ครองทิศต่างๆ ทงั้ ๔ ทิศ
อุโบสถประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระศากย
มุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า
รวมทงั้ หมด ๓ องค์ หรือ “ซำป้อหุกโจว้ ” พรอ้ มพระอรหนั ต์
อกี ๑๘ องค์ หรือท่ีเรยี กวา่ “จบั โปย๊ หล่อหงั่ ”
ทางด้านขวามีเทพเจ้าต่างๆ หลายองค์ เช่น เทพเจ้า
คุ้มครองดวงชะตาหรือ “ไท้ส่วยเอ๊ียะ” เทพเจ้าแห่งยาหรือ
หมอเทวดา “หว่ั ทอ้ เซยี งซือกง” และทน่ี ยิ มไหว้ขอพรมาก คือ
เทพเจา้ แหง่ โชคลาภ “ไฉซ่ ิ้งเอี๊ยะ” เทพเจา้ เฮง่ เจยี หรอื “ไตเ่ สีย่
หุกโจ้ว” พระเมตไตรยโพธิสัตว์หรือ “ปู๊กุ่ยหุกโจ้ว” ซ่ึงคล้าย
กับพระสังกัจจายน์ “กวนอิมผู่สัก” หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม
จากซา้ ยไปขวา พระศากยมุนพี ุทธเจา้ พระอมติ าภพุทธเจา้
“แปะ๊ กง” และ “แปะ๊ มา่ ” รวมเทพเจา้ ในวดั ท้ังหมด ๕๘ องค์
พระไภษชั ยครุ ุพทุ ธเจา้ พระประธานในอโุ บสถ
วัดมังกรกมลาวาสตั้งอยู่ในย่านเยาวราชที่เรียกช่ือย่าน
วัดมงั กรกมลาวาส
ตามชื่อถนนที่รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้ตัดข้ึนเม่ือ พ.ศ.
๒๔๓๕-๒๔๔๓ ตั้งต้นจากบริเวณคลองโอ่งอ่างถึงวัดไตรมิตร
วิทยารามวรวิหาร คำว่าเยาวราช มีความหมายว่า พระราชา
วดั มงั กรกมลาวาสต้งั อยู่รมิ ถนนเจรญิ กรุง เขตปอ้ มปราบ
ทที่ รงพระเยาว์ อันหมายถงึ รัชกาลที่ ๕ ที่เสด็จขน้ึ ครองราชย์
ศัตรูพ่าย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือมีพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา ภายหลังถนนสายน้ีได้รับ
รัชกาลท่ี ๕ โปรดเกลา้ ฯ ให้เลอื กชยั ภูมทิ ตี่ ้ังวดั บนเนอื้ ที่ ๔ ไร่ การขนานนามว่า ถนนสายมังกร และเป็นไชน่าทาวน์
๑๘ ตารางวา โดยให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้าย ของสยาม เนื่องจากตลอดสายของถนนเป็นแหล่งทำมาหากิน
ร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีนก่อสร้างข้ึนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔
และที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนที่ใหญ่ท่ีสุด
ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ ๘ ปี เม่ือแล้วเสร็จ
ในประเทศไทย
เรยี กกนั โดยทวั่ ไปวา่ เลง่ เนย่ ย่ี (เลง่ แปลวา่ มงั กร เนย่ แปลวา่ ปัจจุบัน วัดแห่งน้ียังคงเป็นวัดสำคัญและได้รับความ
ดอกบัว ย่ี แปลวา่ อาราม)
เคารพนับถืออย่างยิ่งในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนที่เดินทาง
การต้ังชื่อวัดตั้งตามหลักจีนโบราณ คือ ตั้งตามชัยภูมิ มากราบไหว้เคารพบูชารูปสักการะภายในวัดในทุกวันสำคัญ
หรือฮวงจุ้ยของทำเลน้ันๆ วัดเล่งเน่ยย่ีนับเป็นสังฆารามตาม โดยเฉพาะเป็นศูนย์กลางการจัดงานเทศกาลต่างๆ ตาม
นิกายมหายานที่มีศิลปะงดงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประเพณปี ใี หม่ของจนี และเทศกาลกินเจ
ภายหลังได้รับพระราชทานนามใหม่จากรัชกาลท่ี ๕ ว่า
วัดมังกรกมลาวาส และอาราธนาพระอาจารย์สกเห็ง
เปน็ เจา้ อาวาส
273
อุโบสถหลงั เก่า
วดั ลาดบวั ขาว
วัดลาดบัวขาวหรือที่รู้จักกันอีกชื่อหน่ึงว่า วัดราชโยธา
เป็นวัดเพียงแห่งเดียวในเขตสะพานสูง หนังสือประวัติวัด
อุโบสถวดั ลาดบัวขาว
ทัว่ ราชอาณาจกั ร เลม่ ๑ ของกองพทุ ธศาสนสถาน สำนักงาน
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า เป็นวัดที่สร้างข้ึนโดยพระยา ด้านการคมนาคมขนส่งผลผลิตทางการเกษตรเช่ือมต่อกัน
ราชโยธาหรือพระยาสุรินทร์ราชเสนา (เนียม สิงหเสนี) และ ไม่ว่าจะเป็นคลองแสนแสบ คลองบ้านม้า คลองวังใหญ่ และ
พระยาสเุ รนทร์ราชเสนา (พ่ึง สิงหเสน)ี สองพน่ี อ้ ง เมอื่ พ.ศ. คลองวัดลาดบวั ขาว เป็นตน้ สันนิษฐานว่า ความจำเป็นที่ต้อง
๒๔๑๕ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู วั รัชกาลท่ี ๕ สร้างสะพานข้ามคลองทรงสูงจำนวนมาก เพ่ือให้เรือบรรทุก
พระราชทานชื่อวัดว่า วัดลาดบัวขาว เน่ืองจากตั้งอยู่ใกล้กับ
สามารถลอดผา่ นไดน้ ี้ เปน็ ท่มี าของชือ่ เขต “สะพานสูง”
บึงน้ำซ่งึ ดารดาษไปด้วยดอกบวั สีขาวจำนวนมาก
ด้วยเหตุน้ี จึงมีผู้คนเข้ามาปักหลักตั้งถ่ินฐานและ
ภายหลังจากที่การก่อสร้างวัดเสร็จส้ิน พระยาราชโยธา
ประกอบอาชีพทางการเกษตรปรากฏเป็นชุมชนขนาดใหญ่
ได้นิมนต์หลวงปู่ทอง (อายะนะ) ซ่ึงจำพรรษาอยู่ท่ีวัดเงิน
หลายชุมชนมาแต่อดีต ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ
(วัดรัชฎาธิษฐาน) มาครองวัด ท่านได้รับการนับถือและ
แห่งหนึ่งของกรงุ เทพฯ
เล่ือมใสจากชาวบ้านในละแวกวัดและพ้ืนท่ีใกล้เคียงอย่างมาก ส่งิ สำคญั ภายในอาราม
เมื่อมรณภาพใน พ.ศ. ๒๔๘๐ สิริอายุ ๑๑๗ ปี จึงมีการป้ัน
อุโบสถเก่าแกข่ องวดั ลาดบัวขาวมอี ายกุ วา่ ๑๐๐ ปี แมว้ ่า
หุ่นข้ีผ้ึงจำลองรูปท่านประดิษฐานไว้ภายในวัดดังปรากฏให้เห็น
มีการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่เพื่อทดแทนอุโบสถหลังเก่า
จนทุกวนั น
้ี แล้วเสร็จเมื่อวันท่ี ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙ แต่อุโบสถ
ที่ตั้งของวัด ณ ริมคลองสะพานสูงมีความอุดมสมบูรณ์ หลังเก่ายังคงความสำคัญในฐานะปูชนียสถานท่ีควรค่า
มาแต่อดีต ด้วยเป็นพ้ืนท่ีที่มีคลองสายต่างๆ ที่มีความสำคัญ แกก่ ารอนุรกั ษ์
274
อุโบสถวัดสมณานัมบรหิ าร
วดั สมณานัมบรหิ าร
วัดสมณานัมบริหารหรือวัดญวนสะพานขาวต้ังอยู่ริม ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
คลองผดงุ กรุงเกษม ใกลก้ ับสะพานขาว
มหาราช รัชกาลที่ ๑ องเชียงสือ พระนัดดาของเจ้าเมืองเว
้
เดิมชื่อวัดเกี๋ยงเพ้ือกตื่อ สร้างโดยชาวญวนท่ีอพยพ
ได้พาชาวญวนอพยพเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร รัชกาล
เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ ที่ ๑ พระราชทานทีด่ นิ รมิ ฝั่งแมน่ ำ้ เจ้าพระยาทางทิศตะวันออก
พระน่งั เกลา้ เจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ตอ่ มา เม่อื พ.ศ. ๒๔๔๙ บริเวณบ้านต้นสำโรง ตำบลคอกกระบือ (ปัจจุบัน เป็นท่ีต้ัง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ของสถานเอกอคั รราชทตู โปรตเุ กสประจำประเทศไทย) ให้เป็น
พระราชทานนามวัดให้ใหม่ว่า วัดสมณานัมบริหาร หมายถึง ที่อยู่อาศัย หลังจากน้ันก็มีชาวญวนอพยพติดตามเข้ามา
วดั ของพระสงฆ์ชาวญวน
อยเู่ นอื งๆ
ย้อนกลับไปในช่วงแรกท่ีชาวญวนซึ่งนับถือพระพุทธ ทว่า เมื่อองเชียงสือหนีออกจากสยามกลับไปกู้บ้านเมือง
ศาสนาเข้ามาในสยามพร้อมๆ กับการอพยพของผู้นำญวน
เป็นเหตุให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกร้ิวมาก
รนุ่ แรก คอื องเชยี งชุน ต้งั แตค่ ร้ังกรงุ ธนบุรเี มอ่ื พ.ศ. ๒๓๑๙
จงึ ทรงส่ังใหย้ า้ ยชาวญวนขององเชยี งสือไปไวท้ ตี่ ำบลบางโพ
ในครั้งน้ัน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานท่ีดิน พ.ศ. ๒๓๗๖ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
ถนนพาหุรัดให้เป็นท่ีอยู่อาศัยของญวนเหล่านี้ เรียกว่า บ้าน ยกทัพไปตีเมืองเขมรและญวนและได้ครัวญวนกลับมาอีก
ญวนพาหุรัด
๒ พวก พวกที่นับถือศาสนาคริสต์ให้อยู่รวมกับชาวเขมร
275
หุ่นขี้ผ้งึ หลวงพอ่ บา๋ วเอิง อดตี เจา้ อาวาส
กระถางธปู ศิลปกรรมแบบญวณ
ซึง่ เป็นท่เี คารพนับถือของชาวชมุ ชนสะพานขาว
ท่ีนับถือศาสนาคริสต์ที่สามเสน ส่วนพวกที่นับถือพระพุทธ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระโคตมพุทธเจ้าและ
ศาสนาให้ไปตั้งบ้านเรือนที่จังหวัดกาญจนบุรี จนถึงรัชสมัย พระโพธิสตั วข์ องนิกายมหายาน มเี จา้ แมก่ วนอมิ พระถงั ซมั จั๋ง
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ โปรดเกลา้ ฯ ท้าวมหาชมพูหรือพระอุ่ยท้อโพธิสัตว์ และหมอชีวกโกมารภัจจ์
ให้ชาวญวนท่ีจังหวัดกาญจนบุรีมาตั้งถิ่นฐานท่ีริมคลองผดุง ซ่ึงกล่าวกันว่า เป็นรูปปั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์ท่ีมีลักษณะ
กรุงเกษมท่ีขุดขึน้ ใหม
่ เหมือนตัวจริงรูปแรกของโลก มีชื่อว่า บรมคุรุแพทย์ ชีวก
เม่ือตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ท่ีใด ชาวญวนก็ได้สร้างวัดขึ้น
โกมารภจั จ์
ณ ท่ีนั้น แล้วนิมนต์พระสงฆ์ญวนมาประจำเพื่อดูแลรักษาวัด แม้ในระยะแรก วัดญวนมีบทบาทสำคัญในฐานะ
และประกอบพิธที างศาสนาตามทตี่ นนับถอื หนงึ่ ในวัดเหลา่ นนั้ ศูนย์รวมทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวญวนพุทธในกรุงเทพฯ
คือ วัดเก๋ียงเพ้ือกตื่อหรือท่ีชาวบ้านเรียกว่าวัดญวนสะพานขาว แต่ต่อมา ด้วยเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรม ชุมชน
ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษมน่ันเอง ส่วนฝ่ังตรงข้ามหมู่บ้าน วัดญวนได้เปล่ียนจากชุมชนชาวเวียดนามพุทธเป็นชุมชน
ญวนบริเวณริมคลองด้านใต้ มชี าวรามัญอพยพมาอยู่ ประกอบ ชาวไทยจีนและชาวไทยพุทธอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะ
อาชีพรับตุ่มดินขนาดใหญ่จากปทุมธานีหรือท่ีเรียกว่า ตุ่มอีเล้ิง
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ นโยบายของรัฐบาลไทยต่อประเทศ
มาขาย สุดท้ายย่านน้ีขยายเป็นย่านตลาด มีบ่อนการพนัน เวียดนามและลัทธิคอมมิวนิสต์ส่งผลให้ชุมชนชาวญวนพุทธ
ชาวบ้านเรียกย่านนี้ว่า “บ้านอีเล้ิง” ตามชื่อตุ่มดินเผา และ เรมิ่ ขาดการตดิ ต่อกบั วัดญวน พุทธอนัมนิกายจึงจำต้องปรบั ตัว
เปล่ียนเปน็ นางเลิ้งในเวลาตอ่ มา
ให้เข้ากับสังคมท่ีเปลี่ยนไปและสภาพแวดล้อมใหม่เพ่ือความ
วดั แหง่ นีเ้ ป็นศลิ ปะผสมผสานแบบญวนและไทยตามแบบ อยู่รอด ปัจจุบันจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พุทธศาสนิกชน
นิกายมหายาน ด้านหน้าอุโบสถประดิษฐานพระบรมราชา
ส่วนใหญ่ที่มาทำบุญที่วัดญวนน้ันไม่ใช่ชาวญวนอีกต่อไป แต่
นุสรณ์รัชกาลที่ ๕ และพระบรมราชานุสรณ์ของสมเด็จ เป็นชาวไทยมากกวา่
พระเจา้ ตากสนิ มหาราช ซ่ึงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกญวน
อพยพ
276
อโุ บสถหรอื ท่ีชาวบา้ นเรียกว่า “โบสถก์ ลางบึง” เน่ืองจากมลี กั ษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นเรอื สำเภาผสมเก๋งจีน
จำลองแบบมาจากพระทน่ี ัง่ พระสรรเพชญปราสาทคร้ังกรุงศรอี ยุธยา
วดั บงึ ทองหลาง
วัดบึงทองหลางตั้งอยู่ท่ีถนนลาดพร้าว ซอย ๑๐๑ เขต ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุล
บางกะปิ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า ก่อสร้างข้ึนเมื่อใด มีเพียง
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ช่ือของวัดบึงทองหลาง
คำบอกเล่าจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้วัดว่า เดิมพ้ืนท่ีที่ต้ังวัด จึงสันนิษฐานกันว่า น่าจะเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกตามลักษณะ
เป็นท่ีราบลุ่ม เต็มไปด้วยหนอง บึง กอไผ่ และต้นทองหลาง ทีต่ งั้ ของวดั เปน็ สำคญั
มีน้ำท่วมทุกปีจนไม่สามารถเพาะปลูกได้กระทั่งเม่ือมีพระภิกษุ วัดบึงทองหลางได้รับการพัฒนาอย่างมากภายหลัง
ธุดงค์มาปักกลดอาศัยปฏิบัติธรรม ชาวบ้านผู้มีจิตเล่ือมใส จากที่หลวงปู่พัก ธมฺมทตฺโต (ต่อมา ได้รับพระราชทานเล่ือน
ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงพากันมาทำบุญและร่วมกันสร้าง สมณศักด์ิเป็นพระครธู รรมสมาจารย์) ดำรงตำแหน่งเจา้ อาวาส
กุฏิเพื่อให้พระภิกษุได้พักอาศัยอย่างสะดวก โดยนายน่ิมและ ท่านได้ชักชวนชาวบ้านให้ช่วยกันพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง
นางทองอยู่ถวายท่ีดินเพ่ือสร้างเป็นสำนักสงฆ์ข้ึนเมื่อ
ย่ิงข้ึนเป็นลำดับ ตลอดจนรวบรวมจตุปัจจัยจากศรัทธาของ
พ.ศ. ๒๔๑๙ ก่อนที่จะร่วมกันกับชาวบ้านสร้างอุโบสถ
ชาวบา้ นมาซ้อื ทดี่ นิ เพม่ิ เตมิ เมือ่ ลว่ งสูส่ มยั ของหลวงพ่อพระครู
277
ศาลาการเปรยี ญหลังใหม่สรา้ งเสรจ็ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๕
บานหนา้ ต่างแกะสลกั รูปสิงห
์
ใช้เป็นสถานท่ศี กึ ษาพระปรยิ ัติธรรมและสอนพระพุทธศาสนาแก่ประชาชน
พิศาลวิริยคุณ (สิงโต เทศกาล) หรือหลวงพ่อสิงโตเป็นเจ้า ทำให้ในเวลาต่อมา เม่ือทางการขยายถนนลาดพร้าว ซอย
อาวาสระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๑-๒๕๔๗ ไดจ้ ัดให้ประชาชนอาศยั ๑๐๑ เป็น ๔ ช่องจราจร เต็มพื้นที่ทั้ง ๒๐ เมตร จึงไม่ต้อง
อยู่ในที่ธรณีสงฆ์ เพื่อหารายได้และเสริมประโยชน์แก่วัด โดย เวนคืนท่ดี นิ ของชาวบ้านอีก
นำรายได้ส่วนหน่ึงไปทำนุบำรุงวัด จัดสงเคราะห์สาธารณชน ส่ิงท่ีน่าสนใจสำหรับวัดบึงทองหลาง คือ อุโบสถ
และสนบั สนนุ การศกึ ษาแกพ่ ระภกิ ษสุ ามเณรภายในวดั ตลอดจน ชาวบ้านนิยมเรียกกันแต่เดิมว่า “โบสถ์กลางบึง” โดยมี
อนุญาตให้ใช้ที่ธรณีสงฆ์สร้างโรงเรียนวัดบึงทองหลางและ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปเรือสำเภาผสมเก๋งจีน
วิทยาลยั ศิลปหัตถกรรมกรุงเทพ
จำลองแบบมาจากพระท่ีน่ังสรรเพชญปราสาท จังหวัด
หลวงพ่อสิงโตเป็นผู้ริเร่ิมให้มีการตัดถนนจากถนน พระนครศรีอยุธยา มีเร่ืองเล่าว่า เนื่องจากพ้ืนที่ของวัด
ลาดพร้าวมายังตัววัด เนื่องจากการเดินทางสัญจรในสมัยน้ัน บึงทองหลางเป็นท่ีราบลุ่ม และพ้ืนท่ีบริเวณที่สร้างอุโบสถ
ชาวบ้านต้องเดินลัดทุ่ง ลัดคันนา หรือพายเรือจากคลอง
เป็นบึงลึก ต้องใช้เรือพายเก็บดอกบัว เมื่อมีการถมดินเต็มบึง
ลำพวยไปยังคลองแสนแสบ ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ หลวงพ่อสิงโต
จึงสร้างอุโบสถ ฐานเป็นทรงเรือสำเภา เพื่อระลึกถึงบึงนั้น
จึงได้เดินขอท่ีดินของชาวบ้านในละแวกติดถนนลาดพร้าว มีหน้าต่าง ๑๔ ช่อง บานหน้าต่างแกะสลักประดับกระจก
ตลอดแนวต้ังแต่ปากทางจนถึงวัด รวม ๒ ข้าง ข้างละ ๑๐ ลงรักปิดทองและมีรูปสิงห์ อันเป็นสัญลักษณ์หมายถึงหลวงพ่อ
เมตร เป็นระยะทาง ๒,๔๔๐ เมตร และได้รับความร่วมมือ สิงโต ผนังภายในอุโบสถเขียนภาพพุทธประวัติประกอบ
อย่างดีจากชาวบ้าน หลังจากน้ัน ท่านทำหนังสือขอ
ลายไทย ส่วนผนังภายนอกฉาบด้วยปูนขาวทั้งหลังตาม
งบประมาณจากรัฐบาล พร้อมท้ังบริจาคเงินสมทบการสร้าง กรรมวธิ ีโบราณโดยไม่ตอ้ งทาสที บั นบั เปน็ มรดกทางศิลปกรรม
ถนนอกี ๑๗,๐๐๐ บาท เมอ่ื สรา้ งเสร็จได้ถนนกวา้ ง ๑๐ เมตร สำหรับชมุ ชนแหง่ นท้ี ค่ี วรค่าแกก่ ารอนรุ กั ษ์สืบไป
ยาว ๒,๔๔๐ เมตร ด้วยแนวคิดริเริ่มของหลวงพ่อสิงโตน้ีเอง
278
วัดลาดกระบงั
วัดลาดกระบงั
วดั ลาดกระบงั เดมิ ชอ่ื วดั สาม ดว้ ยตง้ั อยดู่ า้ นตะวนั ตกของ รูปแรกของวัดนิมิตเห็นหลวงพ่อขาว จึงดำริกับพระลูกวัดและ
ปากคลองสาม ขณะที่อีกตำนานหนง่ึ เลา่ วา่ ตง้ั ช่อื ตามนายอมิ ชาวบ้านในละแวกน้ันให้ร่วมกันสร้างหลวงพ่อขาวข้ึน ปัจจุบัน
ลูกเขยคนที่ ๓ ของนายน้อย หม่ืนราษฎร์ ผู้ถวายที่ดินและ
ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถและมีงานห่มผ้าหลวงพ่อขาวในวัน
จัดสร้างเสนาสนะตา่ งๆ ใหแ้ กว่ ัดเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๑๙ นายอิมนั้น ออกพรรษาของทุกปี เม่ือหลวงพ่อสายมรณภาพ มีการหล่อ
เป็นผู้มีศรัทธาและต้ังใจจริงอย่างมากท่ีจะสร้างวัด ทั้งยังเป็น
รูปจำลองของหลวงพ่อสายไว้เพ่ือให้ชาวบ้านท่ียังเคารพบูชา
ผู้หาเสาหาไม้มาสร้างอุโบสถหลังแรกของวัดด้วย ต่อมา
ท่านได้สักการะสืบไปและถือว่าท่านเป็นพระประจำเขต
นายจ่าง พนู พพิ ัฒน์ และบุตรหลาน รว่ มกนั บรู ณะวดั น้ีจนวัด ลาดกระบังดว้ ย
เจรญิ รุง่ เรอื งดงั ปรากฏในปัจจบุ ัน
นอกจากน้ี ในบริเวณวัดยังมีประติมากรรมท่ีสวยงาม
ภายในวัดลาดกระบังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ท่ีชาวบ้าน
และแปลกตา เช่น พระพุทธรูปท่ีมีอิริยาบถแตกต่างไปจาก
ให้ความเคารพศรัทธาอย่างมาก คือ พระพุทธปุสโยภาส
พระพุทธรูปท่ัวไป คือ พระพุทธรูปปางเกศาธาตุ ซึ่งม
ี
หรือหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐ
ลกั ษณะเดน่ ที่มีพระหัตถ์ขวาวางอยู่บนพระเศียร พระหัตถ์ซ้าย
พอกด้วยปูนทาสีขาว มีเร่ืองเล่าว่า หลวงพ่อสาย เจ้าอาวาส
279
พระพุทธปสุ โยภาส (หลวงพอ่ ขาว)
วางไว้บนพระเพลา และพระพุทธรูปปางขับพระวักกล
ิ
มีลักษณะพระหัตถ์ซ้ายวางไว้บนพระอุระ พระหัตถ์ขวาวางไว้
ทา่ น้ำวดั ลาดกระบัง
บนตัก เปน็ ตน้
280
ชุมชนดั้งเดิมในละแวกนี้มีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่สมัย
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕
เป็นกลุ่มชาวรามัญท่ีขยายตัวมาจากชุมชนมอญพระประแดง
และสมุทรสาครตามนโยบายขุดคลองสายต่างๆ ในสมัยน้ัน
เพื่อเพิ่มพื้นท่ีนาสำหรับผลิตข้าวเพื่อการค้าและส่งออก
ชาวมอญบางส่วนจึงย้ายมาลงหลักปักฐานจนเกิดเป็นชุมชน
มอญลาดกระบงั
วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ดึงดูดผู้คนในย่าน
ลาดกระบังและพื้นท่ีใกล้เคียง ตลอดจนคนต่างถิ่นให้เข้ามา
ทำบุญ สรา้ งกศุ ล เปน็ ศูนยร์ วมจิตใจและสถานทีท่ ่องเท่ยี วที่มี
คุณค่าควรแก่การอนุรักษ์และสะท้อนถึงความเป็นมาของ
บรรพบรุ ุษส่ลู ูกหลานต่อไป
อุโบสถและเจดียศ์ ลิ ปะแบบมอญ
ศาลาการเปรียญ
วดั บางกระด
ี่
วัดบางกระดี่ต้ังอยู่ระหว่างคลองสนามชัยและคลอง
แห่งนี้ ชาวมอญในชุมชนน้ีเดิมประกอบอาชีพตัดฟืน เผาถ่าน
บางกระด่ี เขตบางขุนเทียน สร้างขึน้ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๐ ตรงกับ เพ่ือนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับการทำเครื่องป้ันดินเผา ทุกวันน้ี
รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ ๕ ชาวชุมชนบ้านบางกระดี่ยังคงวิถีชีวิตตามประเพณีและ
โดยพระอาจารยเ์ ฒ่า เจา้ อาวาสรปู แรกของวดั ซง่ึ เคยเปน็ ทาส วฒั นธรรมมอญไวอ้ ยา่ งเหนยี วแน่น
ในเรือนของเจ้านายสมัยเก่าผู้หน่ึง เม่ืออายุมากขึ้น จึงขอ วัดบางกระดี่เป็นศูนย์กลางของชุมชนมอญนับแต่อดีต
อนุญาตเจ้านายเพ่ือออกบวช ภายหลังเจ้านายได้ยกท่ีดิน
จนถึงปัจจุบัน และยังคงศิลปกรรมและวัฒนธรรมของ
แถบบางกระดี่ให้สร้างวัด เมื่อแล้วเสร็จจึงเรียกวัดน้ีว่า
ชาวมอญไว้อย่างเข้มแข็ง อุโบสถสร้างด้วยอิฐมอญฉาบปูน
วดั บางกระด่
ี พ้ืนเดิมเคยเป็นไม้กระดานได้เปลี่ยนมาเป็นหินอ่อนในภายหลัง
ละแวกท่ีตั้งของวัดบางกระดี่มีชุมชนมอญขนาดใหญ
่ หากยังคงอยู่ในรูปทรงเดิม และส่ิงท่ีแตกต่างจากวัดอื่น คือ
เข้ามาต้ังบ้านเรือนอยู่ริมสองฟากฝ่ังของคลองสนามชัยและ บริเวณอุโบสถมีการต้ังเสาเรียงรายอยู่ด้านนอกช่วยค้ำหลังคา
คลองบางกระดี่ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์และยังคงรักษา ตามลกั ษณะท่ีเรยี กว่า “โบสถ์ลุ่มน้ำเค็ม” ทัง้ น้ี เพราะช่างทีท่ ำ
ไวซ้ ึง่ วัฒนธรรมประเพณีดัง้ เดมิ อยา่ งเหนียวแนน่
การก่อสร้างเชื่อว่า การมีเสาค้ำยันจะช่วยป้องกันไม่ให้
การเข้ามาต้ังหลักแหล่งของชาวมอญในย่านน้ีสามารถ อุโบสถเสยี หายจากไอน้ำเค็มทพ่ี ัดเขา้ มากัดผิวปูนจนสกึ กร่อน
ยืนยันได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ดังท่ีสุจิตต์ วงษ์เทศ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ศิลปะมอญ
ได้กล่าวเร่ืองมอญบางกระด่ีไว้ในหนังสือแม่น้ำลำคลอง
แกะสลกั จากซงุ ทงั้ ตน้ สว่ นเจดยี ท์ อ่ี ยดู่ า้ นในและนอกกำแพงแกว้
สายประวัติศาสตร์ สรุปได้ว่า ประวัติการต้ังถิ่นฐานของ
ยังคงลักษณะทางศิลปกรรมแบบมอญไว้ แต่เอกลักษณ์สำคัญ
ชาวมอญที่บางกระดี่เล่ากันเป็น ๒ ทาง ทางหน่ึงกล่าวว่า ภายในวัดบางกระด่ีที่จัดว่ามีคุณค่าย่ิง คือ แนวหลังคาคลุม
เป็นกลุ่มชาวมอญท่ีอพยพหนีภัยสงครามมาจากเมืองหงสาวดี ทางเดินสู่อุโบสถและศาลาการเปรียญที่อยู่ติดกับหมู่กุฏิ
ทางแม่สอด ส่วนอีกกลุ่มท่ีเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค
์ บรเิ วณจ่ัวหลงั คาออกแบบเป็นปา้ นลมทำด้วยไมฉ้ ลลุ าย
เป็นชาวมอญบ้านบางกระด่ีท่ีมาจากเมืองเมาะละแหมง่
วัดบางกระด่ีเป็นศูนย์กลางของการสืบทอดวิถีชีวิตและ
สว่ นชื่อบางกระด่กี ม็ ีหลักฐาน ๒ ทางเช่นกนั ทางหนง่ึ ว่า ประเพณีของชาวมอญที่ยังคงปรากฏให้เห็นในกรุงเทพฯ
มาจากชื่อบ้านบางกระดี่ อันเป็นช่ือชุมชนเดิมของมอญกลุ่มน้ี ได้อยา่ งดี ไม่วา่ จะเป็นการถือผี การจัดงานประจำปีแบบมอญ
ท่ีเคยใช้เม่ือคร้ังอาศัยอยู่ในเมืองหงสาวดี ส่วนอีกทางหนึ่งว่า ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลสงกรานต์ การแข่งเรือ
เป็นเพราะบริเวณคลองข้างวัดด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
การเลน่ สะบ้า เป็นตน้
มีปลากระดี่อาศัยอยู่อย่างชุกชุม จึงเป็นท่ีมาของช่ือชุมชน
281
อโุ บสถวัดนวลจนั ทร
์
วัดนวลจันทร
์
วัดนวลจันทร์ต้ังอยใู่ นเขตบงึ กุ่ม เป็นวัดเก่าแก่ สร้างเมอ่ื ท่ีตั้งของวัดนวลจันทร์ในปัจจุบันแต่เดิมเป็นท้องทุ่งนา
พ.ศ. ๒๓๘๙ บ้างก็เรียกวัดสองพี่น้อง เพราะมีพี่น้อง ๒ คน หรือเป็นที่รู้จักกันว่า ทุ่งบางกะปิ ผู้คนท่ีอยู่อาศัยในละแวกน้ี
ร่วมกันบริจาคที่ดินเพ่ือสร้างวัดข้ึนบริเวณฝ่ังตะวันออกของ ประกอบอาชพี เกษตรกรรม ช่วยกันทำนบุ ำรุงวัดสืบทอดกันมา
คลองบางขวด (ปัจจุบันเป็นที่ต้ังของโรงเรียนวัดนวลจันทร์) จากรนุ่ สรู่ นุ่ จนวดั ไดร้ บั การพฒั นาขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะ
บ้างก็เรียกวัดบางขวด ตามช่ือคลองข้างวัด ก่อนท่ีจะย้ายวัด ภายหลังจากที่มีการขุดคลองแสนแสบในสมัยของพระบาท
ข้ามคลองมาสร้างบริเวณฝั่งตะวันตกของคลองบางขวด
สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เพื่อใช้เป็นเส้นทาง
อันเป็นท่ีต้ังในปัจจุบันเม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๓ บนที่ดินบริจาคของ ลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์และยังเกณฑ์ผู้คนมาเพาะปลูกข้าว
นายชม สุทธชิ ื่น และนายสำลี สร้อยเงนิ
เพื่อเป็นเสบียงสำหรับกองทัพสยามในคราวเกิดกบฏที่นคร
เมือ่ วดั สร้างแลว้ เสร็จ ขนุ จงใจระงับพาลหรือกำนันจันทร์ จำปาศักด์ิและหลวงพระบาง โดยมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา
กำนันตำบลคลองกุ่ม ได้ทำเร่ืองทูลเกล้าฯ ขอพระราชทาน
(สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพเดินทางไปปราบปรามจนสำเร็จ
วิสุงคามสีมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งกวาดต้อนผู้คนตามหัวเมืองรายทางมาตั้งถิ่นฐาน
รัชกาลท่ี ๕ ทางราชการจึงเปลี่ยนชื่อวัดน้ีเป็นวัดนวลจันทร์ บริเวณรมิ คลองแสนแสบและคลองก่มุ น้ี
เพ่ือเป็นเกียรติแกข่ ุนจงใจระงบั พาลและนางนวล ภรยิ า
282
พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัย พระประธานในอโุ บสถ
พระพทุ ธรปู ปางต่างๆ ในอโุ บสถ
วัดนี้แต่เดิมมีเสนาสนะไม่มาก เพราะเป็นวัดที่อยู่นอก
พระนคร ชาวบ้านเป็นเพียงเกษตรกร อีกท้ังการขนส่งวัสดุ
ก่อสร้างต่างๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก ฤดูแล้งต้องเดิน
ทางทางบกด้วยระยะทางไกล ฤดูน้ำต้องพายเรือจากคลอง
แสนแสบเขา้ คลองบางเตยกนิ เวลาครง่ึ คอ่ นวนั ดงั นน้ั เสนาสนะ
ต่างๆ จึงสร้างไว้ให้ใช้สอยได้ช่ัวคราวและมีไม่มากนัก คือ
มีเพียงอุโบสถ กุฏิเก่า ๒ หลัง และหอฉันหรือหอสวดมนต์
เท่าน้ัน เม่ือมีการตัดถนนรามอินทราและถนนสุขาภิบาล ๑
(ปัจจุบัน คือ ถนนนวมินทร์) ในเขตสุขาภิบาลบางกะป
ิ
เมือ่ พ.ศ. ๒๔๙๓ และ พ.ศ. ๒๕๒๕ ตามลำดบั ส่งผลให้การ
คมนาคมสะดวกย่ิงข้ึน ผู้คนต่างพากันอพยพเข้ามาตั้ง
หลักแหล่งมากขึ้น ท่ีดินมีราคาสูงขึ้น ย่านนี้จึงกลายเป็นย่าน
ท่พี กั อาศัยทขี่ ยายตัวอย่างรวดเรว็ ในเวลาตอ่ มา
ภายในวัดนวลจันทร์มีถาวรวัตถุสำคัญ เช่น วิหาร
หลวงพ่อชินราช (ต่อมาเป็นอุโบสถหลังปัจจุบัน) เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทย ประดิษฐานพระพุทธรูปปาง
มารวิชัย พระประธาน ศาลาการเปรียญทรงไทย ๒ ชั้น
ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย วิหารหลวงพ่อพุทธโสธร
ประดิษฐานพระสมัยสุโขทัย หลวงปู่หุ่น พระสมัยอู่ทอง
เชยี งแสน และพระพทุ ธรปู ปางตา่ งๆ ซงึ่ ชาวบา้ นใหค้ วามเคารพ
สกั การะอย่างมาก และศาลาธรรมสงั เวช ๑๐ หลัง
พระพทุ ธรูปประดษิ ฐานรอบเฉลียงอโุ บสถ
283
อุโบสถหลังเกา่
พระพทุ ธสวุ รรณเศรษฐี (หลวงพ่อทองเศรษฐ)ี
พระประธานในอโุ บสถหลงั ใหม
่
อโุ บสถหลังใหม่วัดแป้นทองโสภาราม
ชุมชนในละแวกวัดจึงเป็นชุมชนเกษตรกรรม ชาวบ้าน
วัดแป้นทองโสภาราม
ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ด้วยในอดีต บริเวณนี้เคยเป็นอู่ข้าว
อู่น้ำของชาวมอญพระประแดง เมื่อถึงหน้านา ชาวมอญ
พระประแดงจะล่องเรือจากเมืองพระประแดงผ่านมาทางคลอง
วัดแป้นทองโสภารามต้ังอยู่ริมคลองสามวาตะวันออก
แสนแสบ เพื่อมาทำนา ทำให้ชาวชุมชนบางส่วนสืบเช้ือสาย
เขตคลองสามวา เป็นวัดมอญท่ีนายทองและนางแป้น ผู้มีจิต มอญ มีขนบธรรมเนียมประเพณีแบบชาวมอญ และมีวัด
ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้บริจาคที่ดินและดำเนินการ แป้นทองเปน็ วดั ประจำชมุ ชนชาวมอญในยา่ นคลองสามวา
ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๔ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
ทุกวันน้ี ยังคงมีชาวบ้านที่ดูแลรักษาที่นาของตนเองและ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ชาวบ้านเรียกว่า
ทำนาข้าวเพ่ือการบริโภคเหมือนเช่นในอดีต ท้ังยังยึดม่ันกับ
วัดแป้นทอง ตามช่ือผู้บริจาค ภายหลังนายบุญเกิดและ
ประเพณีของชาวมอญอย่างเคร่งครัด เช่น ประเพณีตักบาตร
นางเป้า สิงห์คะนอง นายโกรกและนางเถิก เพ็งสวัสด์ิ
น้ำผ้งึ ประเพณีสงกรานต์
ไดถ้ วายทด่ี ินแก่วดั เพม่ิ เตมิ จงึ มกี ารสรา้ งเสนาสนะอ่ืนๆ
ปูชนียวัตถุและปูชนียสถานที่สำคัญภายในวัดแป้นทอง
ท่ีต้ังวัดแป้นทองในอดีตเป็นท่ีรกร้างว่างเปล่า ภายหลัง โสภาราม เช่น อุโบสถหลังใหม่เป็นศิลปะไทยผสมมอญ
จากที่รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้พัฒนา “ทุ่งหลวง” เมือง หน้าบันอุโบสถเขียนเป็นอักษรมอญ คันทวยเป็นรูปหงส์ทรงไก่
ปทุมธานี โดยการขุดคลองรังสิตประยูรศักด์ิ คลองแยก และ หัวเสากำแพงแก้วเป็นรูปหงส์ทรงเป็ด พระพุทธสุวรรณเศรษฐี
คลองซอยต่างๆ เพื่อพัฒนาเป็นพ้ืนที่เพาะปลูกข้าว ซ่ึงเป็น หรือหลวงพ่อทองเศรษฐี พระประธานในอุโบสถหลังใหม่
สินค้าออกที่สำคัญ และจัดสรรท่ีทำกินให้แก่ราษฎร ส่งผลให้ พระพุทธรูปหลวงปู่ขาว พระพุทธรูปศักด์ิสิทธิ์ประจำวัด
บริเวณนี้มีราษฎรเข้ามาต้ังถิ่นฐานเป็นจำนวนมากและพัฒนา สลกั จากหนิ ออ่ น พระพทุ ธรปู ปางสมาธิและปางมารวิชัย สมัย
เปน็ ชมุ ชนเกษตรกรรมขนาดใหญ่ขน้ึ
รัตนโกสินทร์ และพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ซึ่งหล่อข้ึน
พร้อมกบั การสร้างวดั
284
อุโบสถวดั บางนานอก
วัดบางนานอก
วัดบางนานอกตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลอง บริเวณริมแม่น้ำมีศาลาทรงไทยหลังใหญ่ ประดิษฐาน
บางนา สรา้ งข้ึนราว พ.ศ. ๒๔๒๕ ไม่ปรากฏนามผสู้ รา้ ง เดมิ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา และ
เรียกกันว่า วัดปากคลองบางนา แต่ต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ พระพุทธรูปอีกหลายองค์ องค์สำคัญคือ พระพุทธรูป
ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์และการสัญจรทางน้ำของผู้คน
ทรงเคร่ืองสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และพระสิวลีมหาลาภ
โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ปากคลองบางนา ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ในศาลาเดียวกันยังมีพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
จงึ เรียกวัดบางนานอก
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระรูปพระเจ้าบรม
ทว่า เป็นเรื่องสับสนอยู่พอสมควรสำหรับชาวบ้าน วงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์ิ (พระองค์เจ้าอาภากร
เนื่องจากในท้องท่นี ย้ี งั มีวดั อกี แห่งหน่งึ ซงึ่ อยลู่ กึ เข้าไปในคลอง เกียรตวิ งศ์ ต้นราชสกลุ อาภากร) ใหป้ ระชาชนได้สักการบชู า
คือ วัดบางนาใน แต่เมื่อมีการตัดถนนสุขุมวิท ทำให้รูปแบบ เพื่อความเป็นสิริมงคล ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหงส์สัมฤทธิ์และ
การเดินทางเปล่ียนจากทางน้ำเป็นทางบก จึงกลายเป็นว่า
ธรรมาสน์โบราณทรงบุษบกดว้ ย
วดั บางนาในอยู่ใกล้ถนนมากกวา่
ศาลาแห่งน้ีนอกจากเป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุ
ภายในวัดมีอุโบสถหลังเก่า สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ ท่ีสำคัญแล้ว ยังเป็นสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อายุประมาณ ๑๐๐ ปีเศษ
เพราะมีบรรยากาศท่ีร่มร่ืนเย็นสบายริมฝ่ังแม่น้ำเจ้าพระยา
ถัดไปบริเวณลานด้านหน้าได้จัดให้มีการไถ่ชีวิตโค กระบือ
สามารถเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารปลาจำนวนมากได้
ประชาชนท่วั ไปท่ีมจี ิตศรทั ธาสามารถร่วมบริจาคได้
ในบรเิ วณนี้
285
ศาลาทา่ น้ำ
บุษบกประดิษฐานพระพุทธรปู
พระประธานภายในอโุ บสถ
วัดบางนานอกเป็นศูนย์กลางการทำกิจกรรมหลากหลาย
ภายในวัดยังมีท่าเรือข้ามฟากซึ่งสามารถข้ามฝั่งแม่น้ำ
ของชุมชน เช่น การจัดงานประเพณีลอยกระทงประจำป
ี เจ้าพระยาไปท่องเท่ียวต่อยังตลาดบางน้ำผึ้ง ตลาดขายสินค้า
การฟื้นฟูการแข่งเรือยาวประเพณี ณ ท่าน้ำวัด โดยทางวัด
ของชุมชนทยี่ งั ธำรงไว้ซึง่ วถิ ีชวี ติ ดง้ั เดมิ ของชาวพระประแดง
จัดร่วมกับสำนักงานเขตบางนาและกองทัพเรือ เพื่อส่งเสริม
บริเวณวัดบางนานอกยังเป็นท่ีต้ังของโรงเรียนวัดบางนา
วิถีชีวิตไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย นอก ซ่ึงมีอาคารเรียนหลังแรกเป็นเรือนไม้ทรงป้ันหยา
รวมท้ังประชาสัมพันธ์และส่งเสริมสถานท่ีท่องเท่ียวในเขต ท่ีเจ้าอาวาสวัดบางนานอกร่วมกับชาวบ้านช่วยกันสร้างมอบให้
บางนา
ทางราชการและเปิดทำการสอนครง้ั แรกเม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๑
286
อุโบสถวัดใหมเ่ จรญิ ราษฎร์
พื้นท่ีต้ังของวัดใหม่เจริญราษฎร์ริมคลองสิบส่ีเดิมเป็น
พ้ืนท่ีรกร้างเต็มไปด้วยป่ารก ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย จนกระท่ัง
พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที่ ๓ โปรดเกลา้ ฯ
ให้ขุดคลองแสนแสบขึ้น และพระราชทานท่ีดินแก่ชาวมลาย
ู
ใหม้ าตง้ั รกรากทำมาหากินตามแนวคลองแสนแสบทข่ี ุดขึน้ ใหม่
ทั้งต่อมายังมีการกวาดต้อนชาวลาวจากเวียงจันทน์เข้ามา
ตั้งถิ่นฐานในบริเวณน้ีเพ่ิมขึ้น จึงทำให้ท่ีดินริมคลองแสนแสบ
พระพทุ ธรูปศิลปะแบบมอญ
ทงั้ สองฟากฝั่งกลายเปน็ ที่ตง้ั บ้านเรือนและท้องทงุ่ นา
วัดใหมเ่ จริญราษฎร
์ คร้ันต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รชั กาลท่ี ๕ โปรดเกลา้ ฯ ให้ขดุ คลองสบิ ส่ีขนึ้ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๔๖
แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จ
วัดใหม่เจริญราษฎร์ต้ังอยู่ริมคลองสิบสี่ เขตหนองจอก พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว รชั กาลที่ ๖ เพอ่ื เชอื่ มคลองแสนแสบ
สร้างเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๑ โดยร้อยตรี ซับขุย และนายพวง
ผ่านไปยังคลองหกวา สิ้นสุดท่ีคลองรังสิตประยูรศักด์ิ
ไม่ทราบนามสกุล เดิมวัดมีชื่อว่า วัดใหม่เจริญ แต่ได้เปล่ียน เพื่อประโยชนใ์ นการสง่ นำ้ เขา้ สู่พน้ื ที่เกษตรกรรม ยังผลให้พื้นท่ี
ชื่อวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นวัดใหม่เจริญราษฎร์ศรัทธาธรรม บรเิ วณน้กี ลายเปน็ แหล่งผลติ ข้าวทสี่ ำคญั แหง่ หนึ่งในกรงุ เทพฯ
จากน้ัน พ.ศ. ๒๔๘๖ ได้มีการเปล่ียนชื่อวัดอีกคร้ังเป็น
ความอุดมสมบูรณ์ของย่านคลองสิบส่ี นอกจากจะทำให้
วดั ใหมเ่ จรญิ ราษฎร์ ซ่ึงใช้มาจนถึงปจั จบุ ัน
มีผ้คู นหลากหลายเช้ือชาติ ทัง้ ไทย มลายู และลาว เขา้ มาตง้ั
แม้จะมีช่ือวัดอย่างเป็นทางการ แต่ชาวบ้านในพ้ืนท่ีกลับ บา้ นเรอื นแล้ว ในเวลาต่อมา ยังมีชาวมอญพากันอพยพมาจาก
นิยมเรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดคลองสิบส่ี เน่ืองจากตั้งอยู่ในพื้นที
่ สมุทรสาคร ปทุมธานี และพระประแดงด้วย โดยส่วนใหญ่
ติดกับคลองสิบสี่ บริเวณฝ่ังตรงข้ามวัดเป็นเขตของจังหวัด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และได้อาศัยวัดใหม่เจริญราษฎร์
ฉะเชิงเทรา การเดินทางไปวัดด้วยเส้นทางทางบกนั้นค่อนข้าง เป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและสืบสาน
ลำบาก ชาวบ้านจึงนิยมใช้เส้นทางทางน้ำ เช่นเดียวกับ
ประเพณีต่างๆ ของชาวมอญ ไม่ว่าจะเป็นประเพณีสงกรานต์
พระสงฆ์ที่ยังบิณฑบาตทางเรืออยู่เฉกเช่นในอดีต ท่ีน่าสนใจ การทำข้าวแช่ การเล่นสะบา้ การสรงน้ำพระ การรดนำ้ ดำหวั
คือ วัดแห่งน้ีเน้นการปฏิบัติตามหลัก “ธุดงควัตร” (หมายถึง การปล่อยนกปล่อยปลา การกวนกาละแม ตลอดจนประเพณี
กิจวัตรของการธุดงค์ท่ีพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตมี ๑๓ วิธี
แห่นาคท่ีมีการแต่งกายอย่างสวยงามตามอย่างวัฒนธรรม
จัดเป็นข้อสมาทานละเว้นและข้อสมาทานปฏิบัติ) อาทิ จะฉัน ชาวมอญ
อาหารเฉพาะท่ีชาวบ้านตกั บาตรเทา่ นั้น
287
อโุ บสถวัดราษฎรศ์ รทั ธาธรรม
วดั ราษฎรศ์ รทั ธาธรรม
วัดราษฎร์ศรัทธาธรรมต้ังอยู่ริมคลองบางชัน เขต ภายหลังเม่ือประเทศไทยมุ่งพัฒนาประเทศทางด้าน
บางกะปิ สร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๕ ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง อุตสาหกรรมมากข้ึน พ้ืนท่ีบริเวณน้ีจึงมีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่
เดิมวัดแห่งนีช้ ่ือวัดบางชนั ด้วยตงั้ อย่รู มิ คลองบางชัน
อย่างหนาแน่น กระท่ังกลายเป็นที่ต้ังของหมู่บ้านจัดสรร
บริเวณอันเป็นท่ีต้ังของวัดราษฎร์ศรัทธาธรรมเป็นพื้นท่ี โรงงาน และนิคมอตุ สาหกรรมอย่างท่ีเปน็ อย่ใู นปจั จุบนั
ราบล่มุ ทมี่ คี วามอุดมสมบูรณม์ าแตอ่ ดีต โดยเป็นเรอื กสวนและ ภายในวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม นอกจากจะมีอุโบสถ
ที่นา ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ น่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่อย่าง ที่ก่อสร้างตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทยแล้ว ยังมี
เบาบาง แต่ได้เพิม่ จำนวนมากขน้ึ ภายหลงั จากทม่ี กี ารขดุ คลอง พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ ท้ังพระพุทธรูปศิลปะสมัย
แสนแสบ จากคลองมหานาคไปออกยังแม่น้ำบางปะกง
เชียงแสน พระพุทธรูปทรงเคร่ืองศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓
และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหาร
เพ่ือใช้เป็นเส้นทางขนส่งไพร่พล ลำเลียงอาวุธและเสบียง จำนวนมากกว่า ๓๐ องค์ ที่สำคัญท่สี ุด คอื หลวงพ่อสรุ โิ ยทัย
อาหารในคราวท่ีเกิดสงครามอานามสยามยุทธ การขุดคลอง พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองเหลือง ศิลปะสมัย
ขึ้นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นท่ีริมคลองบางชันซ่ึงเชื่อมต่อ รัตนโกสินทร์ ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดไตรมิตรวิทยารามและเป็น
เป็นคลองซอยฝ่ังซ้ายของคลองแสนแสบ ทำให้มีผู้คนพากัน ท่ีเคารพสักการะของประชาชนในพื้นที่อย่างย่ิง ด้วยเชื่อว่าเป็น
เขา้ มาตง้ั บ้านเรอื นและจับจองพน้ื ท่เี พ่อื ทำนาปลูกข้าวมากข้นึ
พระพุทธรูปศักดสิ์ ทิ ธ์
ิ
288
อโุ บสถวัดสุทธาโภชน์
วดั สุทธาโภชน
์
วัดสุทธาโภชน์ต้ังอยู่ตรงสามแยกปากคลองมอญ เขต ในพระบวรพุทธศาสนา อีกท้ังเพื่อสงเคราะห์บรรดาพี่น้อง
ลาดกระบัง เดิมช่ือวัดสุทธาวาส สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ ชาวรามัญท่ีท่านถือว่าเป็นเสมือนญาติได้สะดวกในการทำบุญ
โดยเจ้าจอมมารดากล่ิน พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จ ตามประเพณี จึงได้สร้างวัดสุทธาโภชน์ที่ลาดกระบังถวายเป็น
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ธิดาของพระยาดำรง
วัดในพระพุทธศาสนา เดิมวัดตั้งอยู่ห่างจากคลองลำปลาทิว
ราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) เชื้อสายรามัญ เป็นพระชนนี
ครน้ั พ.ศ. ๒๔๕๕ จึงไดย้ า้ ยมาอยตู่ รงสามแยกปากคลองมอญ
ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้า ชุมชนมอญท่ีลาดกระบังน้ันเป็นกลุ่มชาวมอญที่ขยายตัว
กฤดาภินหิ าร ตน้ ราชสกลุ กฤดากร )
มาจากพระประแดงและสมุทรสาครเนื่องจากนโยบายขุดคลอง
เจ้าจอมมารดากล่ินเป็นผู้ชอบทำบุญให้ทาน มักเดินทาง สายตา่ งๆ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ไปพกั ผอ่ นตามหัวเมอื งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามชานเมือง รัชกาลที่ ๕ เพือ่ เพม่ิ พน้ื ทน่ี าสำหรบั ผลผลติ ขา้ วเพอ่ื การคา้ และ
รอบนอกพระนครที่เปน็ ชมุ ชนมอญ เช่น ปากลัด พระประแดง การส่งออก มีการชักชวนให้ชาวบ้านมาบุกเบิกท่ีทำมาหากิน
ลาดกระบงั เปน็ ตน้ และดว้ ยความเลอื่ มใสศรทั ธาอยา่ งแรงกลา้ โดยงดเว้นการเก็บภาษีในระยะแรก และเก็บในอัตราลดหย่อน
289
ตกั บาตรพระร้อย วัดสทุ ธาโภชน
์
เป็นพิเศษกว่าพื้นท่ีทำนาเดิมๆ ในระยะต่อมา ขณะเดียวกัน
เมื่อพ้ืนที่ทำนาของชาวมอญพระประแดงเร่ิมแออัด แม้ใน
ช่วงแรก ชาวมอญเหล่าน้ันจะเดินทางมาทำนาท่ีลาดกระบัง
เฉพาะช่วงฤดูทำนา โดยปลูกกระท่อมเล็กๆ ไว้แค่เพียงพอ
กันแดดกันฝน พอหมดหน้านาก็กลับไปอยู่ที่พระประแดง
ต่อมา เมื่อถนนหนทางเจริญ เกิดวัดในชุมชน จนสามารถใช้
เป็นที่ทำบุญทำกุศลในเทศกาลต่างๆ ได้อย่างดีพร้อมแล้ว
ทำให้ชาวมอญเหล่านั้นพากันลงหลักปักฐานยังสถานท่ีทำนา
ใหม่ คอื ยา่ นลาดกระบงั
ภ า ย ใ น วั ด มี พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ท้ อ ง ถิ่ น ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
เขตลาดกระบัง ตั้งอยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์เจ้าจอมมารดากลิ่น
จัดแสดงเรื่องราวของบุคคลสำคัญของเขตลาดกระบัง ได้แก่
เจ้าจอมมารดากลิ่น เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) พพิ ิธภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ กรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบงั
หรือเจ้าคุณทหาร ซึ่งเป็นเจ้าของท่ีดินอันเป็นท่ีตั้งของสถาบัน ประจำบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มาจากฝ่ายบิดามารดาของผู้หญิง
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รวมทั้ง
ชาวมอญเมื่อคราวแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณีเพ่ือรับลูกเขย
จดั แสดงเรอ่ื งราวประเพณแี ละวัฒนธรรมของชาวมอญ
เข้าบ้าน และจะไม่นำสำรับมาใช้ในพิธีอื่น นอกจากการ
เสน่ห์สำคัญของวัดสุทธาโภชน์ คือ ประเพณีตักบาตร
ตักบาตรพระรอ้ ยเทา่ นัน้
พระร้อยทางเรือ ซ่ึงจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกหลังวัน
เม่ือพระสงฆ์เสร็จจากการฉันเพล จะมีการแข่งเรือพาย
ออกพรรษาของทุกปี ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือ พ้ืนบ้าน คือ เรือมาด ซ่ึงเป็นเรือที่ทำจากต้นตะเคียนทั้งต้น
เป็นการนิมนต์พระสงฆ์จำนวนมากกว่า ๑๐๐ รูปจากวัดต่างๆ ขุดเป็นเรือมาด ไมม่ รี อยตอ่ การแข่งเรอื มาดนัน้ เปน็ กศุ โลบาย
ในเขตลาดกระบงั มารับบณิ ฑบาตทางเรือ ซึ่งถือเป็นวฒั นธรรม
ในการสร้างความรักความสามัคคีและแสดงถึงความผูกพันของ
ของชาวมอญทส่ี บื ทอดกันมายาวนาน
ชุมชนท่ีมีตอ่ สายน้ำ ปัจจุบัน วัดมที เ่ี กบ็ เรือมาดท่ีไดร้ ับบริจาค
แม้การตักบาตรในวันออกพรรษาของวัดแห่งนี้จะคล้าย จากชาวบ้านกว่า ๖๐ ลำ เพ่อื นำมาใช้ในการตกั บาตรพระรอ้ ย
การตักบาตรเทโวของวัดอน่ื ๆ หากกแ็ ตกต่างกันทก่ี ารเลี้ยงเพล การจัดประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือของวัด
พระหลังตักบาตร โดยชาวบ้านถนิ่ นจ้ี ะนำสำรบั คาวหวานถวาย สุทธาโภชน์นับเป็นการสืบสานประเพณีโบราณหน่ึงเดียว
พระสงฆ์ ๑ สำรับตอ่ พระสงฆ์ ๑ รปู และสำรบั นัน้ จะตกแต่ง ในกรงุ เทพฯ ให้อยูค่ ู่กับชาวไทยเช้อื สายมอญในเขตลาดกระบัง
วจิ ติ รบรรจงต่างกันไปตามแตล่ ะบา้ น โดยจะมีสำรบั คาวหวาน สบื ไป
290
อุโบสถวัดบางบอน
วดั บางบอน
วดั บางบอนตงั้ อย่รู ิมคลองบางบอน เขตบางบอน เป็นวัด ไม่ได้กำหนดเขตแดนสีมา เบื้องต้นเรียกวัดแห่งน้ีว่า วัดใหม
่
ประจำท้องถิ่นท่ีชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓
ตาเฉยบางบอนใต้ ดังปรากฏช่ือของตาเฉยจารึกไว้ท่ีซุ้มประตู
ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วดั จนทกุ วนั น้ี
รัชกาลที่ ๕ จากหลักฐานที่ปรากฏในหนังสือประวัติของ
วัดใหม่ตาเฉยบางบอนใต้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดบางบอน
วัดบางบอนบันทึกไว้ว่า แต่เดิมบริเวณบางบอนใต้เป็นพ้ืนท
่ี ตามชื่อคลองและย่านในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้
ราบล่มุ อันอดุ มสมบรู ณ์มาตงั้ แตต่ ้นกรงุ รตั นโกสินทร์ ยงั ไม่มีวดั เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ท้ังน้ี ชื่อบางบอนปรากฏในวรรณคดี
เป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ตาเฉย ทป่ี ระพันธ์ขนึ้ ในช่วงต้นกรงุ รตั นโกสินทรห์ ลายเร่อื ง เช่น นิราศ
และยายกัน เปียธัญญา พร้อมด้วยเพ่ือนบ้านซ่ึงอาศัยอยู่ใน นรินทร์ของนายนรินทรธิเบศร์ (อิน) นิราศเมืองเพชรของ
ละแวกน้ันจึงร่วมกันสร้างเพิงไม้ขึ้นเพ่ือนิมนต์พระสงฆ์จาก
พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรอื สุนทรภู่ โดยเป็นชุมชนชาวนามาแต่
วัดอัปสรสวรรค์หรือวัดหมูมาทำพิธีต่างๆ ในช่วงเทศกาล อดีต แม้เวลาผ่านไปผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงประกอบอาชีพ
กิจกรรมเช่นน้ีดำเนินมา ๒-๓ ปี ตาเฉยและยายกันจึงได้ เกษตรกรรม
บรจิ าคท่ีดินเพ่มิ เตมิ เพ่ือสร้างเป็นสำนักสงฆ์หรือที่ต้งั วัด แตย่ ัง
291
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ในอโุ บสถเลา่ เรือ่ งพทุ ธประวัต
ิ ภาพจติ รกรรมฝาผนังในอุโบสถเลา่ เรอ่ื งทศชาตชิ าดก
จากภาพเล่าเร่อื งมหาเวสสันดรชาดก
ในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ ๒ ต่อเน่ืองไปจนถึงเหตุการณ์
น้ำท่วมกรุงเทพฯ คร้ังใหญ่เม่ือ พ.ศ. ๒๔๘๕ ทั้งวัดและ
บ้านพักอาศัยที่อยู่ในบริเวณนี้ประสบความเสียหายอย่างหนัก
ชาวบ้านจึงพากันอพยพมาอาศัยอยู่ที่ศาลาวัด ครั้นเมื่อน้ำลด
ก็ต้องเผชิญกับโรคระบาดร้ายแรง ด้วยเหตุนี้เอง ทางวัดและ
ชาวบ้านในละแวกน้ันจึงร่วมมือร่วมใจกันปรับปรุง ซ่อมแซม
และพฒั นาวดั ให้สวยงามดังเดิม
สิ่งสำคัญภายในวัดบางบอน คือ หลวงพ่อเกษรหรือ
พระบรมศรีสุคต อุดมพรตชินกูล พุทธบรมบพิธ (พุทโธ)
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งหล่อโดยการจำลองแบบพิมพ์จาก
หลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ เขตธนบุรี โดยทำพิธีเททองหล่อ
พระพทุ ธรปู ทวี่ ัดราชโอรสารามราชวรวิหาร มีเรอื่ งเลา่ ต่อกนั มา
วา่ เมอื่ ครง้ั อญั เชญิ พระพทุ ธรปู ลงเรอื มาตามแมน่ ำ้ เครอ่ื งยนต์
เรือเกิดดับก่อนถึงทางลอดใต้สะพานข้ามทางรถไฟ จึงต้องนำ
พระพุทธรูปข้ึนฝ่ังแล้วเดินทางทางบก เพื่อให้พระพุทธรูปอยู่
เหนอื สะพาน
พระบรมศรสี คุ ต อุดมพรตชนิ กูล พุทธบรมบพิธ (พทุ โธ)
พระประธานในอโุ บสถ
292
อโุ บสถวดั กนุ นทรี ทุ ธาราม
พระพุทธรปู ปางมารวิชยั พระประธานในอุโบสถ
วดั กนุ นทรี ทุ ธาราม
วัดกุนนทีรุทธารามต้ังอยู่ริมคลองห้วยขวาง เขตดินแดง พ.ศ. ๒๕๐๕ พระครโู อภาสธรรมโสภณ (จำรสั คนฺธสีโล)
สร้างเม่ือใดไม่ทราบแน่ชัด เล่ากันว่า แต่เดิมมีนางคล้ายเป็น
จึงชักชวนชาวบ้านให้ร่วมกันสร้างเสนาสนะขึ้นใหม่ทั้งหมด
ผ้บู รจิ าคท่ดี ินใหส้ รา้ งวดั แหง่ นี้ขน้ึ เม่อื พ.ศ. ๒๔๒๘ และตอ่ มา ดงั ทเี่ ห็นอยใู่ นปจั จุบัน
นายฟ้อนให้ท่ีดินเพ่ิม รวมกันได้ประมาณ ๘ ไร่ ชาวบ้าน
จากหลักฐานที่กล่าวมาแล้วจึงอาจกล่าวได้ว่า วัดแห่งนี้
จึงร่วมกันสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำหมู่บ้านและเรียกกันว่า มีบทบาทสำคัญในการช่วยเผยแผ่ศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจ
วัดห้วยขวางหรือวัดดอน (ห้วยขวาง) เพราะวัดต้ังอยู่กลาง
และศูนย์กลางของหมู่บ้านและชุมชนโดยรอบอย่างแท้จริง
ทุ่งนาดอนข้ีไก่ ริมคลองห้วยขวาง ล้อมรอบด้วยห้วย หนอง นบั ต้งั แตแ่ รกเร่ิมสรา้ ง
และบึง สภาพพ้ืนที่โดยรอบกันดาร การสัญจรเป็นไปด้วย ภายในวัดมีสิ่งศักด์ิสิทธ์ิอันเป็นท่ีเคารพสักการะของ
ความยากลำบาก การเข้าถึงวัดจะต้องเดินเท้าผ่านห้วยและ ชาวบ้านมากมาย เช่น รูปหล่อพระพุทธโสธรจำลอง รูปหล่อ
หนองน้ำ ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดกุนนทีรุทธาราม อันมี หลวงพ่อเหลือที่นำทองที่เหลือจากการหล่อพระประธาน
ความหมายวา่ วัดห้วยขวาง
มาหล่อขน้ึ รปู หลอ่ พระสังกจั จายน์ รูปหล่อหลวงปูป่ นั้ ผ้สู ร้าง
ต่อมา พระอาจารย์ป้ัน สุปันโน วัดประชาระบือธรรม อโุ บสถหลงั แรก รอยพระพุทธบาทจำลอง เจดียบ์ รรจพุ ระบรม
บางซ่ือ ร่วมกับชาวบ้านสร้างอุโบสถข้ึน ขณะท่ีนายย่ีเป็น
สารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าแม่กวนอิม
ผู้สร้างพระประธานในอุโบสถ ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพฆิ เนศ พระราหู พระพรหม และต้นตะเคยี นใหญ่ ๒ ต้น
ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ และนางเนยสร้างศาลาการเปรียญไม้ คือ เจ้าแม่ตะเคียนเงินและเจ้าแม่ตะเคียนทอง ซ่ึงชาวบ้าน
ให้อีก ๑ หลัง แต่สิ่งก่อสร้างเหล่าน้ีได้เสื่อมโทรมไปตาม
เล่ือมใสศรัทธามาก ดังเห็นได้จากการท่ีมีผู้ถวายชุดไทยแก่
กาลเวลา
เจา้ แมท่ ั้งสองนับพันชดุ
293
อโุ บสถวัดเลา
วดั เลา
วัดเลาต้ังอยู่ริมคลองสนามชัย เขตบางขุนเทียน เป็นวัด ไม่ขัดศรัทธา ได้บูรณปฏิสังขรณ์และสร้างเสนาสนะต่างๆ
โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้าง สมัยก่อนมีชาวลาว จนแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๖๖ และตั้งช่ือวัดว่า วัดเรา นัยว่า
จากเพชรบุรีและราชบุรีมาทำไร่อ้อยและพักอาศัยอยู่ในบริเวณ หมายถึง วัดของทุกคนในย่านนี้ ต่อมา เห็นว่าไม่เหมาะสม
นี้ แลว้ สร้างวดั ไว้ เรยี กกนั วา่ วัดลาว ตอ่ มา เพ้ียนเป็นวดั เลา
จงึ เปลย่ี นเปน็ วัดเลา ดว้ ยละแวกนม้ี ตี น้ เลาขึน้ อยเู่ ป็นอันมาก
ชาวบา้ นดงั้ เดมิ แถบนม้ี อี าชพี ตดั จากและตดั ฟนื ครงั้ หนง่ึ พ.ศ. ๒๔๗๒ ด้วยเหตุใดไม่เป็นท่ีปรากฏแน่ชัดทำให้
เอามีดไปลับกับหินทรายที่โผล่พ้นดินข้ึนมาจนสึกกร่อน
หลวงพ่อเลียบกราบบังคมทูลขอคืนสมณศักด์ิพระราชาคณะ
เป็นแอ่งลึกท้ังสองข้าง โดยไม่ทราบว่าเป็นเข่าพระพุทธรูป
พระเทพสิทธินายกและคืนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร
เม่ือหลวงพ่อเลียบหรือพระเทพสิทธินายก (ชาวบ้านเรียก
มาจำพรรษาท่ีวัดเลา จากน้ันจึงเริ่มพัฒนาวัด ก่อสร้าง
เจ้าคุณเลียบหรือเจ้าคุณเสือ) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร
โรงเรียนพระปริยัติธรรมและโรงเรียนประชาบาลหรือโรงเรียน
เดินทางผ่านมาเพ่ือเยี่ยมเยียนลูกศิษย์ที่ป่วยไข้จากโรคระบาด วัดเลาจนปจั จุบนั กลายเป็นสถานศกึ ษาสำคญั ของชุมชนแถบนี้
พบเหน็ วดั เลามสี ภาพรกรา้ ง อโุ บสถปรกั หกั พงั และพระพทุ ธรปู วัดเลาเป็นศูนย์กลางการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
ชำรุดทรุดโทรมชวนใหส้ งั เวชใจนกั
ของชมุ ชนในเขตบางขนุ เทยี นเชน่ เดียวกับวัดอน่ื ๆ ในกรุงเทพฯ
ในเบ้ืองต้นนั้น เจ้าคุณเลียบคิดจะปฏิสังขรณ์เฉพาะองค์ แต่มีความโดดเด่นท่ีประเพณีตักบาตรดอกไม้สด ประเพณี
พระพุทธรูปให้สมบูรณ์ดังเดิมและทำร่มเงาให้พอประดิษฐาน เล็กๆ ในชุมชนที่จัดข้ึนเป็นประจำทุกปีในวันเข้าพรรษา
หลบแดดฝนเท่าน้ัน เม่ือปรารภออกไปก็มีบรรดาผู้เคารพเล่ือม โดยผู้ร่วมพิธีส่วนใหญ่เป็นคนเฒ่าคนแก่ในชุมชนและผู้ท่ีมี
ใสช่วยออกทง้ั กำลงั กายกำลังทรัพยจ์ นแลว้ เสรจ็ ชาวบ้านจงึ ขอ ความศรทั ธาตอ่ วดั
ใหท้ า่ นชว่ ยสรา้ งวดั เลาใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งถาวรสบื ไป หลวงพอ่ เลยี บ
294
อุโบสถวัดธาตุทอง
วดั ธาตทุ อง
วัดธาตุทองตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา เป็นวัด
ต้นไม้ที่ควรอยู่ในวัด ไม่สมควรจะอยู่ในบ้าน จะโค่นท้ิงก็กลัว
ที่รวมวัดโบราณ ๒ วัด คือ วัดหน้าพระธาตุและวัด
วา่ จะเป็นอันตรายแกต่ นและครอบครัว นายทองจึงบรจิ าคที่ดนิ
ทองล่างเข้าด้วยกัน วัดหน้าพระธาตุตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สว่ นน้ันสร้างเปน็ วดั เลก็ ๆ พอเปน็ ท่จี ำพรรษาของพระสงฆ์
สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ส่วนวัดทองล่างเป็นวัดที่สร้างข้ึนใน ต่อมา มีสมภารชาวมอญรูปหนึ่งชื่อกะทอ (ภาษารามัญ
สมัยรัตนโกสินทร์
แปลวา่ ปลาตะเพยี นทอง) เขา้ มาจำพรรษาอยทู่ วี่ ดั ซง่ึ ขณะนน้ั
วัดหน้าพระธาตุไม่พบหลักฐานในการก่อสร้างและผู้สร้าง ยังสร้างไม่สำเร็จ สมภารทองกับนายทองจึงร่วมกันทำนุบำรุง
แต่สันนิษฐานว่า เหตุที่ชื่อว่า วัดหน้าพระธาตุน้ันน่าจะมีท่ีมา วัด และต้ังช่ือวัดน้ีว่า วัดโพธ์ิสุวรรณารามหรือวัดโพธิ์ทอง
จากภายในบริเวณวัดมีเจดีย์องค์ใหญ่บรรจพุ ระบรมสารีรกิ ธาต
ุ ให้พ้องกันกับช่ือสมภารและนายทองผู้เป็นเจ้าของที่ดิน
ส่วนวดั ทองลา่ งมีตำนานเล่าวา่ พ้นื ทบ่ี ริเวณนี้แต่เดมิ เปน็ ชาวบา้ นนิยมเรยี กวา่ วัดทอง แต่ช่ือซำ้ กับวัดอืน่ จงึ เพิ่มสรอ้ ย
สวนผลไม้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนายทอง กลางสวน
ท้ายชื่อว่า วัดทองล่าง เพราะต้ังอยู่ต่ำลงมาทางตอนล่างของ
มีต้นโพธ์ิขนาดใหญ่ข้ึนอยู่ ด้วยความกังวลใจว่า ต้นโพธิ์เป็น
แม่น้ำเจ้าพระยา
295
ภายในอุโบสถประดษิ ฐานพระประธานปางมารวิชยั และพระพทุ ธรปู ศิลปะเชียงแสน สุโขทยั และอู่ทอง
ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนงั เปน็ รูปตน้ โพธ์ิ ๙ ตน้
พ.ศ. ๒๔๘๐ รัฐบาลได้เวนคืนท่ีดินตำบลคลองเตย เคยเป็นที่ต้ังของเมืองพระประแดง ซ่ึงเป็นเมืองหน้าด่าน
บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพ วัดหน้า
ปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งอ่าวไทย ก่อนท่ีจะเดินทางเข้าไปสู
่
พระธาตุและวัดทองล่าง ซ่ึงตั้งอยู่บริเวณน้ันจึงถูกเวนคืน แผ่นดินด้านใน จึงมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาแต่อดีต
รัฐบาลได้ทำผาติกรรมชดใช้เงินเพ่ือย้ายวัดไปสร้างที่อ่ืน
จนกระทั่งเม่ือกรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางความเจริญ
หรือรวมเข้ากับวัดอื่น ทั้งวัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่างจึงยุบ ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงภายหลังจากท่ีมีการเปิดใช้
รวมกัน แล้วสร้างเป็นวัดขึ้นใหม่บนสถานท่ีตั้งในปัจจุบัน
ถนนสุขุมวิทเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๙ บริเวณนี้จึงมีท่ีพักอาศัยและ
โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อม ร้านค้าเกิดขึ้นอย่างมากมาย ก่อนขยายตัวกลายเป็นย่านธุรกิจ
ราชวงศช์ ื่น นพวงศ์) เจา้ คณะใหญ่ธรรมยุตใิ นขณะน้ันเปน็ องค์ สำคญั ของกรงุ เทพฯ มาจนถงึ ทุกวนั น
้ี
อุปถัมภ์ และทรงนำมงคลนามของท้ัง ๒ วัดนี้มารวมกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ วัดธาตุทองได้รับพระกรุณาคุณจากสมเด็จ
พระราชทานนามใหมว่ า่ วดั ธาตทุ อง
พระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส
พื้นท่ีอันเป็นที่ต้ังของวัดธาตุทองเป็นบริเวณท่ีสำคัญ
ราชนครินทร์ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ พร้อมกับพระราชทาน
ท้ังด้านยุทธศาสตร์การป้องกันพระนครและเป็นท่ีดินที่อุดม สัญลักษณ์ประจำพระองค์เป็นตราของวัดธาตุทอง เมื่อวันท่ี
สมบูรณ์มาแต่อดีต โดยในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๒๔ บริเวณนี้ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐
296
อุโบสถวดั พทุ ธบูชา
วัดพทุ ธบชู า
วัดพุทธบูชาต้ังอยู่ริมคลองบางมด เขตทุ่งครุ สร้างขึ้น
โดยนายเล็กและนางทองคำ เหมอื นโคว้ คหบดชี าวสวน ซงึ่ ต้งั
บ้านเรือนอยู่ริมคลองบางมด สองสามีภรรยามีจิตศรัทธา
พระพทุ ธชนิ ราช (จำลอง) พระประธานภายในอุโบสถ
ในพระพุทธศาสนา คิดที่จะถวายที่ดินให้สร้างวัด ได้นำความ
ไปปรึกษาพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ และสีของเปลือกมีรอยข้ีมดไม่สวยงาม ไม่มันเงา อันเป็น
วิหาร ลำดับท่ี ๕ ซ่ึงทา่ นเหน็ ชอบดว้ ย จงึ บรจิ าคที่ดินรมิ คลอง เอกลักษณ์ของส้มพันธุ์นี้ แต่ก็มีรสชาติดียิ่ง จะปลูกกันเฉพาะ
บางมด ถนนพุทธบูชา ซ่ึงอยู่ติดกับบ้านของตน เพื่อสร้างวัด พ้ืนท่ีสองฟากฝั่งคลองบางมดเท่าน้นั
เมื่อวันท่ี ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๗ นายเล็กได้นิมนต
์ บริเวณท่าน้ำหน้าวัดพุทธบูชาเป็นศูนย์กลางการค้าขาย
พระมหาเพิม่ กตปญุ โฺ ญ (เพิม่ แผนดี) จากวดั บวรนิเวศวหิ าร ส้มบางมดท่ีสำคัญ โดยเม่ือคร้ังท่ีสวนส้มยังรุ่งเรือง มีเรือนับ
มาครองวัด ท้ังยังได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมกัน ร้อยนับพันลำขนส้มจากสวนออกมาขายให้แก่พ่อค้าท่ีมาจอด
บริจาคทรัพย์เพ่ือก่อสร้างเสนาสนะ รวมทั้งถาวรวัตถุต่างๆ
รถบรรทกุ รอรับซ้อื สม้ ถึงทา่ น้ำวดั พทุ ธบูชา เป็นทน่ี ่าเสยี ดายว่า
จนครบสมบูรณ์ ก่อนท่ีจะมีการซื้อท่ีดินเพ่ิมเติมเพื่อเป็นเขตวัด ความเจริญที่ก้าวเข้าสู่พ้ืนท่ีบางมด ทำให้ปัจจุบันมีสวนส้ม
ในเวลาต่อมา
เหลืออยู่น้อยเต็มที บริเวณท่าน้ำหน้าวัดที่เคยคึกคักไปด้วย
วัดแห่งน้ีตั้งอยู่ริมคลองบางมดในตำบลบางมด ซ่ึงเป็น เรือสินค้ากลายเป็นเพียงวังปลา เขตอภัยทาน สำหรับให้ผู้คน
คลองแยกจากคลองสนามชัย นอกจากจะเป็นเส้นทาง ท่ีเข้าวัดมาทำบุญทำกุศลได้ปลอ่ ยปลาหรือใหอ้ าหารสตั วน์ ้ำ
คมนาคมทางน้ำที่สำคัญของชาวคลองในย่านฝั่งธนบุรีแล้ว
สิ่งสำคัญภายในวัดพุทธบูชา คือ อุโบสถท่ีสร้างข้ึนตาม
ยังเป็นพ้ืนท่ีเรือกสวนอันอุดมสมบูรณ์จากการท่ีมีพื้นที่
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทย ภายในเป็นท่ีประดิษฐาน
ติดชายทะเล กระแสน้ำขึ้นน้ำลงจึงพัดพาเอาดินตะกอนท่ีอุดม
พระพุทธชินราชจำลอง อันเป็นท่ีเคารพสักการะของพุทธ
ไปด้วยแร่ธาตุเข้ามายังคลองบางมดแห่งนี้ตลอดเวลา ทำให้
ศาสนิกชนในละแวกนี้ ทั้งน้ี ทางวัดได้จัดให้มีงานนมัสการ
ผลไม้ท่ีปลูกในย่านนี้มีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ ท่ีขึ้นช่ือที่สุด
ระหว่างวันข้ึน ๑-๓ ค่ำ เดือน ๓ เป็นประจำทุกปี รวมท้ัง
ในย่านบางมด คือ ส้มเขียวหวาน หรือที่รู้จักกันท่ัวไปว่า
มพี ระบรมสารรี กิ ธาตุให้ชาวบ้านมาสักการะดว้ ย
ส้มเขียวหวานบางมด แม้ว่าผลจะมีขนาดไม่ใหญ่ เปลือกบาง
297
พระพทุ ธสุพิโนภาสศาสดา (หลวงพ่อใหญ)่ พระประธานในอโุ บสถ
วดั ธรรมมงคลเถาบญุ ญนนทวิหาร
วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนทวิหารต้ังอยู่ริมคลอง
บุญมา อยู่ประเทศ สองสามีภรรยาคหบดีแห่งย่านบางจาก
บางนางจีน เขตพระโขนง เดิมช่ือวัดป่าสะแก เพราะพื้นท่ี ซ่ึงมีความศรัทธาในหลวงพ่อและมีความปรารถนาแรงกล้า
บริเวณวัดในสมัยก่อนมตี ้นสะแกลอ้ มรอบ ตอ่ มา พ.ศ. ๒๕๐๙ ท่ีจะสร้างวัดให้เป็นพุทธบูชาและสืบอายุพระบวรพุทธศาสนา
ได้ต้ังช่ือวัดเป็นทางการตามนามผู้สร้างว่า วัดธรรมมงคล
จึงได้ถวายที่ดินและร่วมกับชาวบ้านในชุมชนสร้างวัดข้ึนเมื่อ
เถาบญุ ญนนทวหิ าร
พ.ศ. ๒๕๐๘
ตามประวัติวัดระบุว่า พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อ
ในห้วงเวลานั้น พื้นที่บริเวณน้ีเร่ิมมีสภาพเป็นชุมชน
วิริยังค์ สิรินฺธโร) มาปักกลดอยู่ท่ีป่าสะแกแห่งนี้ ชาวบ้าน
หนาแน่น ทั้งย่านการค้า อุตสาหกรรม และท่ีพักอาศัย
ท่ีอาศัยอยู่ใกล้เคียงมีความศรัทธาเล่ือมใสในวัตรปฏิบัติ
ย่านชานพระนคร ด้วยมีถนนสุขุมวิทหรือทางหลวงแผ่นดิน
ของทา่ น จึงพากนั มาทำบญุ ฟังธรรม รกั ษาศีล และนั่งสมาธิ หมายเลข ๓ พาดผา่ น
เช่นเดียวกับเจ้าของท่ีดินป่าสะแกแห่งน้ีคือ นายเถาและนาง
298