The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศาสตราจารย์เกียรติคุณสุชาติ เถาทอง. (2562).
วิธีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่. ชลบุรี: บางแสนการพิมพ์.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by artdesign.btu, 2022-08-02 00:02:13

ศาสตราจารย์เกียรติคุณสุชาติ เถาทอง. วิธีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่_e-book

ศาสตราจารย์เกียรติคุณสุชาติ เถาทอง. (2562).
วิธีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่. ชลบุรี: บางแสนการพิมพ์.

Keywords: สุชาติ เถาทอง,วิธีคิด,ศิลปะ,ออกแบบ,วิเคราะห์,สังเคราะห์,บูรณาการความรู้ใหม่,ศิลปกรรม,วิธีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง,คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่

ท่มี า : ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ณุ ปรีชา เถาทอง

วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบข้ันสูง
คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่

เขยี นและเรียบเรยี ง : สชุ าติ เถาทอง
พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๑ : สิงหาคม ๒๕๖๒
ออกแบบและจัดรูปเล่ม : พงศพ์ ฒั น์ เจรญิ วารี
ออกแบบปก : ชินวัฒน์ ประยูรรัตน์
จดั พมิ พ์ : วีณา ศรสี วัสดิ์
ภาพกราฟฟกิ : พงศ์พัฒน์ เจริญวารี
พสิ ูจนอ์ กั ษร : จิรัชยา วงศ์ชัยวะ

ข้อมลู ทางบรรณานุกรม
สชุ าติ เถาทอง วิธีคดิ ทางศิลปะออกแบบขนั้ สูง : คดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ บรู ณาการความรใู้ หม่
สุชาติ เถาทอง เขียน : พิมพ์ครง้ั ที่ ๑ ชลบรุ ี : ๒๕๖๒, ๒๖๑ หนา้

ส�ำนักงาน : คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา ต�ำบลแสนสขุ อำ� เภอเมือง จังหวดั ชลบรุ ี ๒๐๑๓๑
โทรศพั ท์ ๐-๓๘๑๐-๒๕๑๐

พมิ พ์ท่ี : บางแสนการพมิ พ์ 62 ถนนบางแสนล่าง ต�ำบลแสนสขุ อำ� เภอเมอื ง จังหวดั ชลบรุ ี ๒๐๑๓๐
โทรศัพท์ ๐-๓๘๓๘-๖๖๗๔

ค�ำนำ�

“วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบข้ันสงู ” คดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรใู้ หม่ เขยี นและเรียบเรียงขนึ้
เพอื่ ประการแรก : ไว้เป็นคมู่ อื ประกอบการเรียนรู้ การรับร้แู ละการศึกษาวจิ ัยในระดับบณั ฑติ ศกึ ษา ของหลกั สตู ร
ปรัชญาดุษฎีบัณฑติ สาขาทศั นศลิ ป์และการออกแบบ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา ประการทส่ี อง :
เพอ่ื นำ� สาระความรจู้ ากหนงั สือไปเผยแพร่ยงั สถาบนั การศึกษาทางศิลปะออกแบบในระดบั บัณฑิตศกึ ษาไว้ใช้
ประโยชน์
สบื เน่อื งจากการเรยี นรูท้ างศลิ ปะออกแบบในระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาคอื ปริญญาโท และปรญิ ญาเอก ของไทย
ยังขาดหนงั สือ ตำ� รา และเอกสารเกี่ยวข้องเพื่อชว่ ยส่งเสรมิ พัฒนาเรือ่ งของความคิด (Idea) แนวความคิด
(Concept) และวิธีคดิ (Mindset) แบบกา้ วหนา้ “Advance Thinking” และความคดิ สร้างสรรค์ในมิตมิ มุ มอง
แบบใหมท่ ส่ี ูงขนึ้ ไป หรือแสดงการไต่ระดบั ความคดิ ที่กา้ วหนา้ สร้างสรรค์อย่างมนี ยั สำ� คญั เปน็ ต้น
หลกั คิดข้างตน้ เปน็ ไปเพอ่ื การยกระดับความคดิ แนวความคิด และวธิ คี ิดจากการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์
และบูรณาการของการศกึ ษาเรียนรสู้ ว่ นตนใหก้ ้าวหน้า จนน�ำไปสู่คณุ ภาพและมาตรฐานทางวิชาความรทู้ ี่สูงขนึ้ ไป
และสามารถนำ� ไปแขง่ ขันทางศิลปะออกแบบในระดับสากลไดอ้ ยา่ งทดั เทยี มกนั
ความส�ำเรจ็ ลลุ ว่ งไปด้วยดีของหนังสือเล่มนี้ ตอ้ งขอขอบคณุ ผมู้ ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งทกุ ฝ่าย ไดม้ ีส่วนช่วยเหลือ
สนับสนุนทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม ได้แก่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา บริษัท ปตท. จำ� กดั (มหาชน)
และศษิ ย์เก่าหลกั สตู รปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาทศั นศลิ ปแ์ ละการออกแบบอีกหลายคนท่ไี ม่ได้กลา่ วนาม
สดุ ทา้ ยนี้ คาดหวังว่าสาระความรแู้ ละแง่คดิ มมุ มองอื่นใดในหนังสือ “วิธีคดิ ทางศิลปะออกแบบขนั้ สงู ”
คิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ บูรณาการความรู้ใหม่ จะชว่ ยสอ่ งทางและยกระดบั ความคิดและวิธีคิดของผู้สนใจให้
ไตร่ ะดับทสี่ งู ขึน้ ไปไดบ้ ้างไม่มากกน็ อ้ ย และหากหนังสือเลม่ นมี้ ีขอ้ บกพร่องผดิ พลาดประการหนึ่งประการใด
ผ้เู ขียนขอน้อมรับข้อเสนอแนะและคำ� ติชมอันจะเป็นประโยชน์ทางวิชาการต่อไป

ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณสชุ าติ เถาทอง
๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

สารบัญ ก

พระบรมราชโชวาทรชั กาลที่ ๙ ๑
คำ� น�ำ ๑
สารบญั ……………..........................................................................……...........................................… ๔
เกริน่ น�ำ……………………………………………………………………..............….......................…………………… ๖
บทที่ ๑ บริบททางความคิดศิลปะออกแบบ…………………………………………..................…………… ๑๐
๑.๑ ความคิดคอื อะไร………………………………………………………......................…………… ๑๙
๑.๒ อะไรคอื ความคิดทางศลิ ปะออกแบบ………………………………………………............... ๒๔
๑.๒.๑ ความคิดจากการรับร้…ู …......................…………………………………………… ๒๔
๑.๒.๒ ความคดิ จากการนึกคิด……………………......................………………………… ๒๖
๑.๓ ธรรมชาตคิ วามคดิ ทางศลิ ปะออกแบบ…………..............………………………………..... ๒๗
๑.๔ สาเหตกุ ารกอ่ ความคิดทางศลิ ปะออกแบบ………………...........…………………………. ๒๙
๑.๔.๑ สิง่ เรา้ และแรงจูงใจ………………………......................…………………………… ๓๒
(๑) แรงกระตุ้นภายนอก……………...................………………………………... ๓๒
(๒) แรงกระตุ้นภายใน…………......................…………………………………… ๓๕
๑.๔.๒ การเปล่ยี นกระบวนทศั นะ…….......................…………………………………… ๓๗
๑.๔.๓ เง่ือนปม – ปรศิ นาของโลกใหม่……..................………………………………… ๓๗
๑.๔.๔ จินตนาการสรา้ งสรรค์…………………………………......................……………. ๓๗
สรุป………………………………………………………….....................................………………………… ๓๘
๔๐
บทท่ี ๒ กระบวนการและระดับความคิดศิลปะออกแบบ……………………..............………………….. ๔๐
๒.๑ กระบวนการและนัยทางความคดิ ………………………....................………………………….. ๔๐
๒.๑.๑ กระบวนการทางความคิดของสมองและใจ……..............…………………….. ๔๕
(๑) มโนภาพ.......................................................................................... ๔๘
(๒) ภาษา……………………………………………..........................………………. ๕๐
(๓) แนวความคดิ หรือความคิดรวบยอด…………..............………………….. ๕๐
๒.๑.๒ นัยทางความคิด…………………………………….........................………………… ๕๒
(๑) ภาพซอ้ นนยั ความคิดของจติ ใจ………................…………………………. ๕๔
๒.๑.๓ การจดั ระเบยี บภาษาความคิดและเหตผุ ล…………..............………………….
(๑) การอ้างเหตผุ ลแบบนริ นยั ………………………………...................………
(๒) การใชเ้ หตุผลแบบอุปนัย………………………........…………............…….
๒.๒ การไตร่ ะดบั ความคิด………………………………………………….............................…………
๒.๒.๑ การไต่ระดับความคิดทางศิลปะออกแบบ……………................………………



(๑) การคดิ แบบมีแนวทาง-เป้าหมาย…………………………..............……... ๕๕
(๑.๑) ความคดิ ……………………………………………...................... ๕๕
(๑.๒) แนวความคดิ ………………………………..................………… ๕๘
(๑.๓) จนิ ตภาพสมมติ………………………….................…………… ๗๑
๒.๓ ตวั บ่งชี้การไต่ระดบั ความคิด………………………………………….........................…………. ๗๖
๒.๓.๑ แสดงความรคู้ ิดหาหนทางใหม…่ ……………………....................………………. ๗๖
๒.๓.๒ แสดงความรู้คดิ ประดษิ ฐ์สร้างสรรค…์ ……………….................………………. ๗๘
๒.๓.๓ แสดงความรู้คดิ ถงึ ประโยชนพ์ งึ ได…้ ………………..................………………… ๗๙
สรุป………………………………………………………………………...................................…………….. ๘๓
บทที่ ๓ คิดแบบก้าวหน้าและมีวธิ ีคิด……………………………………........................……………………. ๘๕
๓.๑ ความเขา้ ใจความหมายและทฤษฎ.ี ............................................................................ ๘๕
๓.๑.๑ ความเข้าใจตามมุมมองใหม่………………………...................…………………… ๘๕
๓.๑.๒ ความหมายของวิธคี ิด............................................................................... ๘๙
๓.๒ วิธคี ิดทางศิลปะออกแบบไทยและสากล……………………………...................…………….. ๙๔
๓.๒.๑ ความคิดนามธรรมกับภาพอุดมคติไทย………………................………………. ๙๗
๓.๒.๒ วธิ คี ิดนามธรรมกับสุนทรยี ศาสตรไ์ ทย……………….................………………. ๙๙
(๑) การสรา้ งรูปสุนทรียจากนามไรร้ ูป................................................... ๑๐๒
(๒) รูปสุนทรยี มรี ากและไรร้ าก…………………………...................…………. ๑๐๕
๓.๒.๓ วธิ ีคดิ นามธรรมกบั สุนทรยี ศาสตรส์ ากล………………......……............……… ๑๐๘
(๑) การสร้างรปู สนุ ทรยี จากรปู การเคลือ่ น………………..............…………. ๑๑๒
๓.๓ คิดแบบกา้ วหนา้ กบั บริบทไทยใหม…่ …………………………………......................…………. ๑๑๔
๓.๓.๑ คิดจากรากไทยสสู่ ากล………………………………………….......................……. ๑๑๗
(๑) รูปหรอื ภาพแบบ ๒ มติ ิ และ ๓ มติ .ิ ......................................... ๑๑๗
(๒) กาล (Time) เวลาและเหตุการณ.์ ................................................ ๑๒๑
(๓) เทศะ (Space) และพ้นื ท่ี.............................................................. ๑๒๔
(๔) การเคล่ือน (Move)………………………………………..................……... ๑๒๖
๓.๔ คิดวธิ ีใหม่ตอบโจทยโ์ ลกใหม…่ ………………………………………….........................………. ๑๓๐
๓.๔.๑ ปรบั ขยบั ทางความคิดมงุ่ ส่สู ากล……………....................………………………. ๑๓๒
๓.๔.๒ แสวงหาทดลองกบั วิธีคิดแบบกา้ วหนา้ ..................................................... ๑๓๕
สรปุ ………………………………………………………………………......................................…………… ๑๓๙



บทที่ ๔ วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบสูโ่ ลกใหม…่ ……………………….……….........................…………… ๑๔๑
๔.๑ ตั้งหลักคิดใหม…่ ……………………………………………………….............................………… ๑๔๑
๔.๒ ออกแบบและสร้างศลิ ปะแบบใหม่…………………………………......................……………. ๑๔๔
๔.๓ คดิ วธิ กี ารขยับปรับเปล่ียน………………………………………………….........................…….. ๑๔๘
๔.๔ คิดวธิ ีวิทยาหาหลักวิชา………………………………………………………..........................…… ๑๕๑
๔.๔.๑ รอู้ จั ฉริยภาพของนกั คดิ โลก………………………………......................………… ๑๕๑
๔.๔.๒ รู้คดิ ตอ่ คดิ ตา่ งแบบก้าวหน้าสรา้ งสรรค์…………………..................…………. ๑๕๕
(๑) ต่อราก ตอ่ ยอด และภาพตอ่ ใหม.่ ................................................. ๑๕๖
๔.๔.๓ รกู้ ลยุทธแ์ ละการวางแผน……………………………….....................……………. ๑๖๓
๔.๔.๔ รู้วธิ วี ิทยาเชื่อมโยงความร้…ู …………………………….......................………….. ๑๖๖
(๑) การคิดเชงิ ปรชั ญาศลิ ปะ…………………………………....................…….. ๑๖๗
(๒) การคดิ เชงิ สารัตถะศลิ ปะ………………………...................………………. ๑๖๙
(๓) การคิดเชงิ ทฤษฎ…ี ………………………………......................…………….. ๑๗๑
สรุป……………………………………………………………......................................……………………… ๑๗๓
บทที่ ๕ การวเิ คราะห์กบั เครอ่ื งมือช่วยพลังคดิ ……………………………........................………………… ๑๗๕
๕.๑ การวิเคราะห์และรอ้ื สรา้ งแก่นความรู…้ ………………………………...................………….. ๑๗๕
๕.๑.๑ การวเิ คราะห์…………………………………………….........................…………….. ๑๗๕
(๑) หลักเกณฑท์ ่วั ไป…………………………………….....................……………. ๑๗๘
(๒) หลักเกณฑ์เฉพาะ…………………………………....................……………… ๑๗๘
๕.๑.๒ สหวทิ ยาการวเิ คราะห์.............................................................................. ๑๗๘
๕.๑.๓ การรื้อสรา้ ง…………………………………………………...........................……….. ๑๘๓
๕.๑.๔ การตีความ………………………………………………..........................……………. ๑๘๕
๕.๒ การวิเคราะหอ์ ย่างมวี ธิ ี……………………………………………….........................……………. ๑๘๖
๕.๒.๑ มองเห็นปญั หาและเจตจำ� นง………………………...................…………………. ๑๘๖
(๑) คดิ เห็นปญั หาตระหนักถึงปัญหา………….............……………………….. ๑๘๘
(๒) รถู้ งึ ขอ้ มลู ………………………………………….....................……………….. ๑๙๐
๕.๓ การวเิ คราะหอ์ ย่างมหี ลกั คิด………………………………………....................…………………. ๑๙๗
๕.๓.๑ แสวงหาความน่าจะเปน็ ………………………………………...................………… ๑๙๘
(๑) การวิเคราะห์การรอ้ื สรา้ งคน้ หาคุณสมบตั …ิ …………........……………. ๑๙๘
(๒) แสดงขอ้ อา้ งความนา่ จะเปน็ ด้วยเครื่องมือชว่ ยคิด…….......………….. ๒๐๓



๕.๔ แสดงความเปน็ ไปไดด้ ว้ ยสถติ ิและการเปรยี บเทยี บ………….............…………………….. ๒๐๙
๕.๔.๑ การแจกแจงแบบสถิตแิ ละตัวเลข…………………................…………………… ๒๐๙
๕.๔.๒ การวิเคราะหเ์ ชงิ เปรยี บเทยี บ................................................................... ๒๑๒
สรุป………………………………………………………………….....................................…………………. ๒๑๓

บทท่ี ๖ บูรณาการและสังเคราะหผ์ ลกึ ความคิดใหม…่ ……………...................……………………………. ๒๑๕
๖.๑ หลกั การแสดงความนัย……………………………………..........................……………………… ๒๑๖
๖.๑.๑ สังเคราะห์ (Synthesis)……………………....................………………………… ๒๑๖
๖.๑.๒ บรู ณาการ (Integration)……………..................………………………………... ๒๑๘
๖.๒ ผลกึ พลงั นำ� การเปลี่ยนแปลงใหม่……………......................…………………………………… ๒๒๐
๖.๒.๑ สรา้ งสรรค์สิ่งใหม่…………………………..........................………………………… ๒๒๓
๖.๒.๒ แนวความคิดใหม…่ …………………………………….........................……………. ๒๒๖
๖.๓ ก่อแกนและโครงนำ� ทางสร้างภาวะสมบรู ณ์………………………..................……………… ๒๒๖
๖.๓.๑ บรู ณาการเชอื่ มโยง “แกนหลกั ”…………………………..................…………. ๒๒๗
๖.๓.๒ สังเคราะหผ์ สมผสานในโครงความคดิ …………………...................…………… ๒๒๙
๖.๔ อาศัยคำ� กญุ แจกอ่ ผลกึ ความสมบูรณ…์ …………………………………....................………… ๒๓๐
๖.๔.๑ ผสมผสานสอ่ื สิ่ง....................................................................................... ๒๓๐
๖.๔.๒ ถักทอความรู…้ …………………………………….........................………………….. ๒๓๓
๖.๔.๓ เช่ือมโยงสร้างสัมพันธภาพ…………………….....................…………………….. ๒๓๔
๖.๕ น�ำเสนอข้อคน้ พบใหม่………………………………………………..........................……………. ๒๓๕
๖.๕.๑ ขอ้ คน้ พบจากความรู้ใหม…่ …………………………………......................………. ๒๓๕
(๑) ความรใู้ หม่และแบบจำ� ลองความรู้………………...............……………… ๒๓๖
(๒) ปรชั ญาความร้สู ่วนตน……………………………...................…………….. ๒๓๙
(๓) ปัจเจกลกั ษณ์ทางศลิ ปะ…………………………………...................……… ๒๓๙
๖.๕.๒ ขอ้ ค้นพบวฒั นธรรมและสิ่งใหม่............................................................... ๒๔๐
สรปุ …………………………………………………………….....................................……………………… ๒๔๔

บรรณานุกรม................................................................................................................................... ๒๔๖
ดัชนี……………………………………………………………………………….........................................……………. ๒๕๐
ศพั ทานุกรม………………………………………………………………………………....................................……… ๒๕๕
ประวตั ผิ เู้ ขียน……………………………………………………………………...................................……………… ๒๖๑



เกร่นิ นำ�

“การคดิ ” (Think) “ความคิด” (Idea) เปน็ ถ้อยค�ำทไ่ี ดร้ บั การพดู ถงึ กันมากในวงการธุรกิจ การค้าและ
การศึกษา ดว้ ยค�ำกุญแจดังกลา่ วลว้ นสะท้อนถึง ความคิดอ่านท่ีแฝงไวด้ ว้ ยประเด็นเชิงนัยอนั มีความหมาย
และคุณคา่ ตอ่ การปรบั ปรุง เปล่ยี นแปลงการเรยี นรู้ (Learning) ส่อื สิ่งตา่ งๆ ใหก้ ้าวหน้าและพัฒนาไปใน
อนาคตได้ ความคิดนนั้ มี “วธิ ีคดิ ” Mindset มีพลงั ก�ำลงั ด้วยสาระแก่นสารของสญั ลกั ษณ์และรูปความจาก
การน�ำเสนอหนึง่ ๆ นัน้ ได้ หรอื ถา้ การรอ้ ยเรยี งถอ้ ยความไดร้ ับการประดิษฐอ์ ย่างแนบเนียน อย่างเสมอต้น
เสมอปลายมคี �ำกุญแจหรือค�ำสำ� คัญ (Keyword) ใหร้ ับรไู้ ด้ถึงเปา้ หมายของวิธคี ิดตอ่ ผลกระทบ (Impact)
อยา่ งใดอย่างหนง่ึ ได้กระจ่างชัดด้วยแลว้ ความคิดนัน้ จะมีคุณคา่ ความสำ� คัญมากข้ึนไปตามล�ำดบั
การคิดและความคดิ อยา่ งมีวธิ ี เพ่ือน�ำไปสูก่ ารออกแบบภาพและสรา้ งงานทางศลิ ปะก็เช่นเดยี วกัน
การเริ่มตน้ ความคดิ จำ� เป็นตอ้ งมี ความรอบคอบและรอบรู้สรรพสงิ่ ในมิตติ ่างๆ อย่างกว้าง รอบ และลึก
ใหถ้ ่องแท้ กอ่ นจะคดิ การสรา้ งงาน หรอื ออกแบบภาพอยา่ งใดอย่างหนึง่ ออกมา เพ่อื ใหส้ าระจากความคิดมี
ความสมั พนั ธ์สอดคล้องไป กบั สังคมวัฒนธรรมโลกปจั จุบัน และเปน็ โลกใบใหมข่ องศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีมี
ความสุดข้วั สดุ โต่งของความคดิ แบบตรงกันข้าม มีความย้อนแย้งกับแก่นสารทเี่ คยมเี คยเปน็ เดิม
การเปลย่ี นแปลงของกระบวนทศั นใ์ หมม่ กี ารเคล่ือนไหวเปล่ียนแปลงของภูมิทัศน์ และส่ิงแวดล้อมทาง
นิเวศวิทยา และวัฒนธรรมทางทศั น์ (Visual Culture) อยา่ งพลกิ ฝา่ มือแบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
เปน็ ความเปน็ ไปการเคลื่อนไปของบ้านเมืองทางกายภาพทรี่ ับรูไ้ ด้ถงึ สอื่ สิง่ ต่างๆ ได้ถูกจัดวางประกอบและสร้าง
ให้มกี ารซ้อนทับกันบนตึกอาคารเชน่ ภาพโฆษณา ป้ายไฟ สญั ลักษณ์ เครื่องหมาย ดชั นี สรา้ งการรับรทู้ เ่ี ห็นได้
ในมติ มิ ุมมองใหม่ผสมผเสกนั ไป
ประกอบกบั หลงั สมัยใหม่นยิ ม (Post Modernism) แนวคิดและทฤษฎหี ลังสมยั ใหม่นยิ มก็ไดเ้ ขา้ มา
มบี ทบาทต่อความสนใจ และไดก้ ารยอมรบั ในศาสตรท์ างศิลปะและออกแบบสาขาตา่ งๆ จนก้าวเขา้ สู่การเปลยี่ น
ผ่านยุค ๔.๐ (Industry ๔.๐) (Thailand ๔.๐) มกี ารเนน้ การใช้เทคโนโลยี ความคดิ สร้างสรรคข์ บั เคลื่อน
นวัตกรรม (Innovation) ศลิ ปะส่อื ใหม่ (New Media) และยกระดบั เศรษฐกจิ อตุ สาหกรรมและการศึกษา
ด้วย Digital Skill Literacy ICT Literacy Media Literacy
มกี ารบ่มเพาะเทคโนโลยกี ารออกแบบ และการคดิ สร้างสรรคเ์ พอ่ื พัฒนาวสิ าหกิจการขบั เคล่อื นนวตั กรรม
และการพฒั นาทักษะแรงงานใหม่รองรับการเปลยี่ นแปลงในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของอตุ สาหกรรมการ
สรา้ งสรรค์ (Creative Industry) ด้วยการใช้ความคดิ แบบแปลกใหมม่ าตอ่ ยอด Renovate Reconstruction
ผลติ ภณั ฑ์จากวัฒนธรรม และภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ดัง้ เดมิ ใหเ้ กดิ คณุ ค่าใหมจ่ นกา้ วไปสคู่ วามลำ้� คา่ และ เลอค่า
ของผลติ ภณั ฑ์ตน้ แบบ กอ่ ใหเ้ กิดมลู ค่าเพ่มิ กับผลติ ภณั ฑน์ วัตกรรมเหลา่ น้ัน



“ธุรกิจอินเทรนด์” (Intrend) หรอื ธุรกิจดาวรุ่งมาแรงในอนาคตจะมคี วามเก่ียวข้องกบั ๕ E คือ
E : Environment E : Energy E : Education E : Entertainment E : Electronic เป็นชว่ งเวลาของยคุ อวกาศ
สังคมโลกมีความกา้ วล�ำ้ ยคุ ทันสมัยด้วยปัญญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence) แบบใหม่ทเี่ ข้ามาใช้ทดแทน
แรงงานมนษุ ย์ โลกท่ีสามหรอื ชาตกิ ำ� ลังพัฒนาอย่างประเทศไทยเราจะก้าวไปอย่างไร เพอื่ สร้างดลุ ยภาพใน
การเปล่ยี นแปลงของโลกใบใหม่นี้ ได้อยา่ งมีความกลมกลืน อยูบ่ นฐานความพอเพยี ง พอเหมาะพอดกี ับชาติไทย
ของเราท่มี พี ื้นฐานทางเกษตรกรรมและ การปลูกขา้ วเปน็ สินค้าส่งออก มอี ุตสาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วและ
อตุ สาหกรรมบริการเปน็ ธุรกิจหลกั
เรือ่ งของสิ่งแวดล้อม E: ตวั แรกอันประกอบดว้ ยความมสี นุ ทรยี ทางธรรมชาตมิ ีความหลากหลายทาง
นเิ วศวทิ ยา ภูมิประเทศ มีลกั ษณะแตกตา่ งหลากหลาย ประกอบไปกบั ความมีศิลปวฒั นธรรมอนั วจิ ิตรเลอคา่
และสูงคา่ จากมรดกตกทอดของบรรพบรุ ษุ เป็นทุนทางวฒั นธรรมท่ีสามารถน�ำมาประยุกตใ์ ช้ ใหเ้ กิดคณุ ค่าและ
มูลคา่ เพ่มิ กับธุรกจิ การค้าการท่องเท่ยี วได้อย่างไมม่ วี ันจบสิ้น ท้ังในแบบรว่ มสมยั (Contemporary) แบบ
สมัยใหม่ (Modern) และแบบประเพณี (Tradition)
เชน่ เดียวกบั “การบนั เทิง” E : ตวั ท่ีสอง เป็นเรอ่ื งธุรกิจและอตุ สาหกรรมบรกิ าร ไดแ้ ก่ โรงแรม
รสี อร์ท สปา โรงภาพยนตร์ Fitness Center บ้าน Condominium ห้างสรรพสินคา้ พิพธิ ภัณฑ์ หอศลิ ป์
โรงละคร เป็นตน้ ธุรกิจอินเทรนด์ กล่มุ นี้เป็นกลุ่มใหญม่ ากเพื่อขายสนิ ค้าและบรกิ ารในหลายรูปแบบ หลายรสนิยม
ให้ความสุขนิยมแกล่ กู ค้า ด้วยความคิดและจนิ ตนาการแบบไร้ขอบเขตกบั Gen ใหม่ๆ Life Style แบบแปลก
แตกต่าง ซ่งึ การออกแบบสรา้ งสรรคต์ ้องคำ� นึงถงึ ชดุ ของจนิ ตนาการช่วยก่อความคดิ ฝันแบบบรรเจิด สรา้ ง
การรับร้สู ึกไดถ้ งึ ความล้�ำค่าเหนอื การบรรยายใดๆ เพื่อเป็นการตอบสนองจริตและตัณหาของ “สงั คมฐานบันเทงิ ”
อย่างไม่ร้ลู ืมทงั้ ในเชงิ จิตส�ำนึกและจิตไรส้ ำ� นกึ เองก็ตาม
บรบิ ทและปัจจัยหลายด้านดังกล่าวคือ เงือ่ นปมปริศนาและได้กลายเป็นโจทยแ์ ละเง่อื นไขของโลกใบใหม่น้ี
ให้ศลิ ปิน นักออกแบบ ต้องขบคิดหาชุดความรูค้ วามคิดแบบใหมอ่ งคค์ วามรชู้ ุดใหม่และแนวทางวธิ ีการท่เี ปน็ ไปได้
อยา่ งใหม่อันเปน็ ค�ำตอบทสี่ อดคลอ้ งสัมพันธ์ไปกบั ปญั หาและเง่ือนไขของโลก และเทรนด์ทางธรุ กจิ ในอนาคต
ซง่ึ กลา่ วได้ว่า การออกแบบและสรา้ งสรรคท์ างธุรกจิ เหล่าน้ี มกี ารเคล่ือนไหวรวดเร็วมากและเปลย่ี นแปลงไปตาม
โลกยุคสือ่ สารสนเทศ ทมี่ ีความเลก็ และแคบเขา้ มาทกุ ขณะ โดยเฉพาะมีการแข่งขันระหวา่ งสินคา้ ผลติ ภัณฑ์
และบริการอย่างเขม้ ขน้ รนุ แรง ชิงความไดเ้ ปรียบในสนามธุรกิจการคา้ และบรกิ าร
ดงั นน้ั “วธิ คี ิดที่ด”ี มีการยกระดับวธิ คี ิดใหก้ า้ วหน้า มีพลงั แบบโดนจติ โดนใจทางศิลปะออกแบบเทา่ นั้น
จึงจะสามารถดงึ ดดู โน้มนา้ วจรติ ความสนใจสว่ นตนของลูกคา้ ผบู้ ริโภคใหห้ วนกลับมาได้ ไม่วา่ จะเป็นการอาศัย
รูปลกั ษณภ์ ายนอก ไดแ้ ก่ การออกแบบหนา้ รา้ น เปลือก ผิว หบี ห่อ เรือนรา่ งรปู กาย ใหเ้ กิดความอภิรมย์
ทางตาและความสขุ ทางใจ ไปกับผิวสัมผัสแห่งอนาคต วสั ดแุ หง่ ภมู ปิ ัญญา การใช้งานแบบอเนกประสงค์
ความเปน็ ต้นแบบของผลติ ภัณฑ์ จิตวญิ ญาณอันสูงคา่ เป็นต้น ซ่ึงแนวทางวธิ ีการท่ีดีมีพลัง ในท้ายท่สี ดุ จะนำ� จิต
นำ� ใจลูกค้า ใหไ้ ปสคู่ วามภักดีตอ่ สนิ คา้ ภาพลกั ษณ์และแบรนด์ทถ่ี กู สรา้ งและออกแบบความคิดไว้



แผนภูมิท่ี ๑ การเคลอ่ื นไหวของโลกศตวรรษที่ ๒๑ นำ� มาสู่ชุดความคดิ แบบเป็นไปได้ทางศลิ ปะ
และการออกแบบในมติ แิ บบใหม่

โลกของศตวรรษท่ี ๒๑ จงึ เปน็ โจทยท์ ่ีมคี วามท้าทายในหลายมิติให้ตอ้ งขบคิด หาวิธคี ิด และแนวทาง
แบบเหมาะสม มคี วามสอดคล้องไปกบั การเคลอื่ นไหว และเปลยี่ นแปลงตามท่ีกล่าวมาแลว้ โดยเฉพาะ
โลกทางศลิ ปะ (World Art) ออกแบบทางทศั น์ (Visual Design) จากการรับรูไ้ ดม้ องเห็นไดต้ ามแบบการสมั ผสั
ดว้ ยอายตนะทางใดทางหน่ึง (ตา หู จมูก ปาก และจบั ตอ้ ง) ก้าวไปสู่ “พหุสัมผสั ” (Multisensory) จาก
การผสมผสานผสั สะ การรบั รจู้ ากอายตนะหลายทาง ออกมาเปน็ ผลงานศลิ ปะแนวใหม่คอื สหศลิ ป์ (Multi Art)
ศิลปะส่อื ประสม (Mixed Media Art) ศลิ ปะสื่อใหม่ (New Art Media) เปน็ ตน้ เช่นเดยี วกบั การออกแบบ
จะคดิ สร้างสรรคอ์ ะไรต่อไปในวนั พรงุ่ น้ี จะพฒั นาแนวทางการออกแบบภาพให้กา้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ งไร มีหนทางทด่ี ี
อกี มากในวิธกี ารคดิ ในโลกของ ๓ D และมิติท่ี ๓ จะนำ� ไปสูก่ ารพฒั นาศาสตรส์ าขาใหม่ เช่น Animation Game
Development, Web Design



ในเสน้ ทางการออกแบบสรา้ งสรรคข์ า้ งต้น จำ� เปน็ ต้องทำ� ความเข้าใจ ความหมายของคณุ สมบัตพิ นื้ ทว่ี ่าง
ในมิตใิ หม่ เปน็ ความวา่ งชอ่ งวา่ งทมี่ ีชวี ิต มพี ลังสง่ เสริมเกื้อกลู รปู ทรง (Form) เนอื้ หา (Content) ให้สมบรู ณข์ ึน้
พรอ้ มๆ ไปกับเข้าถงึ คุณสมบัตขิ องสอื่ ทางการรับรูอ้ ่ืนเชน่ เสียง ความเคลอ่ื นไหว (Movement) การสัมผสั
จบั ต้อง (Touch) ใหเ้ กิดการผสมผสานรอ้ ยลดั กนั จนกอ่ เกิดสีสนั ท่วงทำ� นองทางสหศิลปแ์ บบใหม่ปรากฏขึ้น
การบูรณาการของศาสตรแ์ ละสาขา เพอ่ื หาวิธีคิดและคำ� ตอบใหมเ่ ป็นวธิ วี ทิ ยาแบบใหม่ของโลกยุค ๔.๐ ซ่ึงมี
ความขัดแย้งสลบั ซับซอ้ น มีความเหน็ ต่างทางความคดิ ความเชอื่ ให้เข้ามาร่วมผนกึ ก�ำลังกนั คดิ ทำ� ในเป้าหมาย
เดยี วกัน (ภาพท่ี ๑) และหลักการ “บูรณาการ” ขา้ งต้นได้ถกู น�ำมาใชก้ ับการวจิ ยั สร้างสรรค์ทางศลิ ปะและ
ออกแบบ (Creative Based Research in Art and Design) และการสร้างสรรค์ศลิ ปะและการออกแบบ เพื่อ
สร้างแนวทางและกลยุทธ์ให้มีพลังมากขน้ึ
ตอบโจทยแ์ ละปัญหาแบบมีความสลับซบั ซอ้ น ไมส่ ามารถใชว้ ิธีการใดวธิ ีการหนึง่ แบบลำ� พังได้ เชน่
การออกแบบแฟชัน่ (Fashion Design) ตอ้ งมีความร้คู วามเขา้ ใจสาขาศิลปะ (นักออกแบบช่างภาพ)
วิทยาศาสตร์ (การผลติ ผา้ เนอ้ื ผา้ ) มนษุ ยศาสตร์ (นกั โฆษณา นักขา่ ว) และสังคมศาสตร์ (จิตวิทยาผ้บู ริโภค
ธรุ กิจการตลาด) บูรณาการไปส่อู ตุ สาหกรรมแฟชนั่ ทคี่ รบวงจรในหลายมติ ิ
โลกใบใหมจ่ ากการแยกกันอยู่เปน็ กลุ่มพวก รฐั ชาติ ชาติพันธ์ุ แบง่ นนั่ เปน็ พวกเขา และนีเ่ ปน็ พวกเรา
ด้วยเงื่อนไขเขตแดน สงั คมวฒั นธรรมและความเชือ่ ปจั จุบนั เง่ือนไขและขอ้ จำ� กดั เดิมได้ถูกทลายลงด้วยพลงั
การเคลอื่ นตวั ของเทคโนโลยีสารสนเทศแบบใหม่ สามารถสอ่ื สารความรู้ ความคดิ ความเชื่อไปมาระหวา่ งกันได้
อย่างรวดเร็ว แบบช่วั พรบิ ตาเดียวสามารถเปลยี่ นรปู แบบการเรยี นรูแ้ บบไร้ขีดจาํ กดั ทง้ั เนอื้ หา สถานที่ เวลา
ระยะทางในลักษณะที่เรียกวา่ “สานความร้”ู แบบสหสาขาวชิ าดว้ ยการเน้นการลงมือปฏบิ ัตแิ ละประยกุ ต์ในแบบ
E : Education สามารถโตต้ อบมสี ว่ นร่วมระหวา่ งกันได้ แบบการส่อื สารหลายวธิ ี หลายสถานการณ์
การเรยี นรู้ของโลกศตวรรษท่ี ๒๑ หรือ E : Learning จงึ เปน็ การรับรเู้ รียนร้ผู า่ นจอภาพของ
Computer / Smartphone / Impact เช่น E : Journals E - Serial ผา่ น Online ผา่ นรายการทีไ่ ด้รบั การคดิ
การออกแบบเพอื่ น�ำเสนอสาระความรู้ ความบนั เทิงแบบใหม่ๆ แปลกๆ เรอ่ื งเหลา่ นีม้ ผี ลตอ่ ความคดิ ความเชื่อ
และวธิ ีคิดเปน็ อยา่ งมาก เชน่ การเรยี นรู้ขา้ มวัฒนธรรมระหวา่ งโลกตะวันตก โลกตะวันออกและสังคมวัฒนธรรม
ของกลุม่ ประเทศโลกชายขอบ แถบอาฟริกาและชาวเกาะทง้ั หลาย
การเรียนรู้จากธรรมชาตขิ องโลก สงั คมและวฒั นธรรมของโลกอย่างถึงแกน่ มีผลตอ่ การสรา้ ง “วิธีคดิ ให้
มกี ำ� ลงั พลัง” ถงึ ความร้คู วามจรงิ ใหมท่ างศิลปะและออกแบบ ใหก้ ้าวหนา้ และพฒั นาไป เชน่ วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะ
แบบไทยหรอื ตะวันออก และสากลตะวันตก จะเนน้ ความหลากหลาย (Diversity) ซับซ้อน (complexity)
และสงั คมวัฒนธรรมทม่ี พี ลวัต (Dynamic) มีความหลากหลายแบบพหุสังคมวฒั นธรรม ประกอบกับคำ� นงึ ถงึ
บรบิ ทเก่ยี วข้อง (Contextualization) ของธรรมชาติส่งิ แวดล้อม นเิ วศ ภูมิทศั นว์ ัฒนธรรม และความ
เคลือ่ นไหวของผคู้ นเทคโนโลยี



“วธิ ีคดิ วเิ คราะห์” คอื กระบวนการเก่ยี วเน่ืองกบั ความคดิ เป็นแนวทางและวิธีการเพอื่ การจ�ำแนกแยกแยะ
ถอดรอื้ หารหสั ของสญั ญาณความหมาย ความรู้ทแ่ี ฝงซ่อนอยู่ในสอ่ื ส่ิงตา่ งๆ เพอ่ื จะวิเคราะห์ ทง้ั ทร่ี บั รู้ได้ด้วย
ผัสสะของประสาทสมั ผัสเชิงวเิ คราะห์ และการหยัง่ รู้ (Intuition) ดว้ ยใจจากปญั ญาญาณ (Intellect) และ
ปญั ญาทีแ่ ตกฉานจนสามารถอา่ น แปลและถอดรหัสปริศนาความนัยของคำ� และคุณคา่ อนั ลึกซ้งึ จากขอ้ มลู เชงิ
คณุ ภาพและข้อมูลคา่ ขจรต่างๆ ออกมาได้ เช่น มลู ธาตทุ างวัฒนธรรม นวัตกรรมวฒั นธรรม จิตวญิ ญาณไรร้ ูป
ผิวสมั ผัสอนาคตและวฒั นธรรม สุนทรียความเลอคา่
การวเิ คราะหข์ ้ามวฒั นธรรม หรอื พหวุ ัฒนธรรมต้องอาศยั ภูมิร้แู ละปญั ญาอยา่ งสงู เพ่ือถอดหารหสั
วฒั นธรรมอื่นท่ผี สมผสานอยูด่ ว้ ยกนั ความยากในการวเิ คราะหเ์ กีย่ วข้องกบั ขอ้ มูลของ “วฒั นธรรมจบั ต้องไม่ได”้
(Intangible Culture) มคี วามเป็นนามธรรมสงู ผูว้ เิ คราะหจ์ ะอาศยั การรับรแู้ บบการสัมผสั รปู้ กติของสง่ิ ทีเ่ หน็
ทางตา หรอื อายตนะท่วั ไปไม่ได้ ตอ้ งอาศัยความจำ� เป็นภายในและ “ใจรสู้ กึ ” ถึงสญั ญาณเชิงค่าไรร้ ปู ทไี่ หล
อบอวลกระทบจติ ใจของเรา เพื่อถอดรูปความหมายหรอื จบั สาระของคา่ ที่ ให้สญั ญาณความนยั ถึงค่า คณุ คา่
อย่างหนงึ่ อยา่ งใด จากการรบั ร้สู ึกและวเิ คราะห์ได้ ทดลองตคี วามคา่ นั้นวา่ มีความเปน็ ไปได้อะไรไดบ้ า้ ง มีความ
หมายแฝงถึงอะไรอยา่ งไร
การคิดวิเคราะหแ์ บบมีเปา้ หมาย และมีกลยทุ ธ์จะช่วยให้การวเิ คราะหข์ อ้ มลู นน้ั มีทศิ ทาง มีความรู้ ด้วย
การคดิ จากปัจจยั เก่ยี วขอ้ งต่างๆ ให้ครอบคลมุ จนกว่าภาพรวมของข้อมูลหลกั ในการนำ� ไปใช้มีความอม่ิ ตวั การ
ดำ� เนินตามกระบวนอยา่ งเปน็ ไปตามลำ� ดบั จะนำ� การคดิ ไปสู่ก�ำลงั พลังของความนยั หลายมติ ไิ ดแ้ ก่ แสดงความ
เป็นไปไดใ้ หม่ ความคดิ ก้าวหน้า แสดงสุนทรียและคณุ คา่ และแสดงระดับความคดิ ความรูเ้ ป็นตน้ และการอาศยั
วิธคี ดิ สังเคราะหแ์ ละการบูรณาการในความหมายทางศลิ ปะออกแบบดว้ ยการผสมผสาน การถักทอ การเช่อื มโยง
และการหลอมรวมในอตั ราส่วนของสือ่ สิ่งอยา่ งเหมาะสม ภายใต้โครงหลกั แกนหลักน�ำทางสภาวะสมบูรณจ์ าก
การออกแบบไว้อยา่ งเหมาะสมก็จะน�ำผลท่ไี ดไ้ ปสู่ผลึกความรูใ้ หม่และแบบจำ� ลองความรู้ใหม่จากการค้นพบตามมา
ความเป็นไปไดแ้ ละผลทไ่ี ดร้ ับทางศิลปะออกแบบ ตามกระบวนการขา้ งตน้ ลว้ นตอ้ งอาศัยเครื่องมอื และ
อาวธุ ช่วยวธิ คี ิด ใหเ้ กิดพลงั คดิ แบบน่าเชือ่ ถอื และยอมรับได้ โดยมีอุปกรณเ์ ครือ่ งชว่ ยคิด แบบแผน ตาราง
แบบจำ� ลอง เปน็ เครอื่ งมอื อปุ กรณเ์ สริม และมี “มนษุ ย์คอื เครอื่ งมือ” ดว้ ยการอาศัยศักยภาพของสมอง สรา้ ง
ความคดิ แบบอเนกนัย จิตสร้างภาพและปัญญาอยา่ งแตกฉาน ญาณน�ำการหยั่งรถู้ ึงสง่ิ สูงค่า ใจแยกแยะความ
ร้สู ึกอนั ลึกซงึ้ และภาษาสะท้อนภาพใหป้ รากฏต้งั แตภ่ าพลักษณ์ (Image) ไปจนถึงจนิ ตลักษณ์ (Mental
Image) ภาพทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในจิตใจจากความคดิ หรือจิตภาพ (Idea)
ดังนน้ั ธงชยั ของ “วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบข้นั สงู : คิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ บรู ณาการความรู้ใหม”่
ในหนังสอื เล่มนี้ คอื ตอ้ งอาศยั แนวทางการสร้างความคดิ แบบก้าวหนา้ วธิ ีคิดใหม่จากหลายปัจจยั เชน่ Passion
Inspiration Intuition จนิ ตนาการสร้างสรรค์และการสง่ั สมบม่ เพาะความคิด ปลูกปญั ญาความคดิ การลับความคิด
ให้แหลมคมอยู่เสมอ พร้อมไปกับใช้ภาษาถอ้ ยค�ำของคำ� สำ� คัญ Key Content และ Key Concept ดว้ ยการ
แสดงใหเ้ ห็นศัพท์เซตของชดุ ภาษาแสดงถึงความคิดที่ไต่ระดบั ของวิธคี ิดให้สงู ขน้ึ ลุ่มลกึ ลกึ ซ้ึงมากข้ึน



ผลตามมาของวธิ คี ิดท่ีดี ควรมีคุณลักษณะของการบง่ ช้ถี ึงความมสี อื่ สิง่ ดีๆ มีสสี นั มีความน่าสนใจ มี
หน่วยก้านและตนื่ ตาตืน่ ใจแบบ “โดนใจ” ไดแ้ ก่
๑. มบี างสิ่งบางอยา่ งของส่อื ส่งิ ท่ีคิดสร้างขน้ึ ใหม่
๒. มีคำ� กล่าวบางส่ิงบางอยา่ งท่ีไมเ่ คยมีใครกล่าวมากอ่ น
๓. มกี ารกา้ วขา้ มความร้แู ละใช้วธิ กี ารท่แี ตกตา่ งกนั
๔. มีการมองเห็นหัวขอ้ ซ่งึ คนอนื่ ไม่เคยมองมาก่อน และ
๕. มีความคิดตน้ แบบผา่ นงานสร้างสรรคท์ างศิลปะและนวัตกรรมทางการออกแบบ เปน็ ตน้
โดยความนัยของแต่ละประเดน็ ท่กี ลา่ วมา ๕ ขอ้ ตา่ งลว้ นให้ผลกระทบ (Impact) ถงึ ความรู้ ความจรงิ
ตอ่ แวดวงทางวชิ าการ ธุรกิจการค้า อตุ สาหกรรม สิ่งแวดลอ้ ม ในมติ ิใดมิตหิ น่ึงหรอื หลายมิตริ วมกัน
คาดหวงั ว่าสาระในหนงั สอื เลม่ นี้ พอจะมีประโยชน์กบั ผู้สนใจไดบ้ า้ ง สามารถช่วยสอ่ งทางสร้างความรู้
และกอ่ ปัญญาของผลกึ ความคิดแบบใหม่ วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบใหม่ทีส่ งู ขึน้ ไป จนนำ� ไปสกู่ ารเปล่ียนนวัตกรรม
และนวัตกรรมทางศิลปะออกแบบ และก้าวหนา้ ไปสกู่ ารเปล่ยี นแปลงโลกได้ในท้ายที่สดุ

ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ สชุ าติ เถาทอง
๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒



บทท่ี ๑

บรบิ ททางความคดิ ศลิ ปะออกแบบ

โลกยคุ ปจั จบุ นั ในสหสั วรรษใหมถ่ อื ไดว้ า่ เป็นโลกใหม่และกาละเทศะใหม ่ ซง่ึ ไม่ใชโ่ ลกใบเดมิ อีกต่อไป
หลายส่ือสงิ่ ท่เี คลื่อนไหวเปลีย่ นแปลงล้วนสะท้อนถึงความกา้ วหน้าการพัฒนาไปของสังคมและวัฒนธรรมอย่างไมห่ ยดุ ย้งั
ก้าวเขา้ ไปสยู่ ุคหลังสมัยใหม ่ (Post Modern) ยุคสารสนเทศ (Information Aid) และโลกของอุตสาหกรรม ๔.๐
“Industry ๔.๐” ซ่ึงเป็นการเปลยี่ นแปลงคร้ังสำ� คญั เพือ่ เพม่ิ ศักยภาพของตนเองในการแขง่ ขันกับประเทศอื่น
โดยเฉพาะกลุม่ อุตสาหกรรมสรา้ งสรรค ์ (Creative Industry) วัฒนธรรมและบริการท่ีมีมลู คา่ สูง ท่จี ะตอ้ งพัฒนา
ศกั ยภาพของศิลปะวฒั นธรรมให้กา้ วหนา้ ไปพร้อมกนั กล่มุ ดจิ ิทัล (Digital) เทคโนโลยีอนิ เตอรเ์ นต็ (Technology
Internet) ทีเ่ ชอ่ื มต่อกับอปุ กรณ์และการบรกิ ารทางการออกแบบสอื่ สารและศลิ ปะในรปู แบบใหม่และสอื่ ใหม่
ปัญหาจากโลกใบใหมม่ คี วามซบั ซ้อนและมมี ูลเหตใุ หม่ๆ แปลกๆ ใหต้ ้องขบคดิ คดิ อ่าน และคดิ หนา้ คิดหลงั
อยา่ งรอบคอบ เพื่อให้ส่ิงท่เี ราคิดมวี ธิ ีคิดท่ีดี และมีความก้าวหน้าทันสมยั กับโลกยุคปัจจุบันจนสามารถสร้างกำ� ลังพลงั
น�ำไปสูก่ ารขบั เคลือ่ นทางศลิ ปะออกแบบ และวัฒนธรรมให้พฒั นาไปพร้อมกนั ดงั นนั้ การคดิ แบบซำ้� ซากวนเวยี นอยูก่ บั
ชดุ ความคดิ เดมิ ๆ ดว้ ยการปรบั โนน่ นดิ นหี่ น่อยใหด้ ูมีสสี ันขนึ้ แต่โดยรูปกายและโครงสร้างแทบเหมือนเดมิ หรือคดิ อยู่
ในกรอบความคิดเดมิ ความเชอื่ เดิม ผลของความคดิ เชน่ ทว่ี ่านนั้ จะไม่สามารถตอบโจทยข์ องโลกใบใหมน่ ไ้ี ด้
ลักษณะของภูมิลักษณะดงั กล่าว ได้มบี ทบาทและอิทธพิ ลตอ่ การก�ำหนดวิถีชีวติ ความเป็นมาเปน็ ไปและ
ความเป็นอย่ขู องผ้คู น และศลิ ปวฒั นธรรมในทอ้ งถ่นิ ของภมู ิภาคแถบน้ีอยา่ งมีอัตลกั ษณ์
๑.๑ ความคิดคอื อะไร
“ความคดิ ” (Idea) หรอื “คดิ ” คอื การทำ� ให้ปรากฏเป็นรูปหรือประกอบเปน็ รปู หรือเปน็ เร่ืองข้ึนในใจ หรือ
“จติ ภาพ” คลา้ ยกบั ส่ิงทีป่ ฏิสนธิขึ้นในใจและนกึ รูถ้ งึ ความรู้ทีเ่ กดิ ขึ้นในใจ จนน�ำไปสูก่ ารแสวงหาความร้อู ่นื อีกตอ่ ไป
เชน่ เครือ่ งมันเกดิ ข้ึนไดเ้ พราะความคดิ ของมนษุ ย ์ และสตปิ ญั ญาเพื่อจะทำ� สง่ิ หนึ่งส่งิ ใดอย่างถกู ต้องสมควร
(พจนานกุ รม พ.ศ.๒๕๔๒)
ถอ้ ยค�ำว่า “ความคดิ ” คล้ายกบั สิ่งทเ่ี ป็นขอ้ มลู บรรจุเอาไวใ้ นสมอง พรอ้ มเสมอในการหยิบจบั มาใชไ้ ดใ้ น
ทกุ โอกาส การมขี อ้ มลู มาก ความคิดของเราจะมากตามไปด้วย อกี ทัง้ ค�ำวา่ ความคิดสามารถวเิ คราะห์หรือนำ� มาผสม
กนั ได้จนเกดิ เปน็ ค�ำส�ำคญั ใหม่ๆ ได้อีกมาก การมีความคดิ จำ� เปน็ ตอ้ งมี “ไตรต่ รอง” (Thought) เกี่ยวกับความคิด
เหตผุ ลและจติ ใจ กลา่ วได้วา่ สตั ว์มีความคดิ ไดแ้ ตไ่ ม่มีไตร่ตรองและครนุ่ คิดถึงความพอเหมาะพอดดี ้วยการใชเ้ หตุผลและ
ใจร้สู ึก
เรอ่ื งของไตร่ตรอง (Thought) และครุ่นคดิ มหี ลายระดบั มีด ี มชี วั่ มีบวก มลี บ มหี ยาบ มลี ะเอียด
ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของใจเรา จะหลงใหลเพลดิ เพลนิ กับไตต่ รอง แต่กับความคดิ เราหลงเพลดิ เพลนิ ไม่ได้ จะเก่ียวข้อง
กับสมองและความเปน็ เหตุผล

2 วิธคี ิดทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สงู

“สมอง” เปน็ อวัยวะศนู ยร์ วมของระบบประสาท ศูนยก์ ลางของการควบคมุ และจดั ระเบียบการท�ำงาน
ทุกชนิดของรา่ งกายและจิตใจ มีหนา้ ท่ ี “จดจ�ำความคดิ ” และ “ความรสู้ กึ ” ของอารมณ์ทัง้ หลาย เป็นตน้
จงึ เกิดการผสมผสานกนั เป็นการเรียนร้ ู จนนำ� ไปสกู่ ารปรับตวั อย่างเฉลยี วฉลาดของคนแต่ละคน รอเจอร์ เพอร์ร ี่
และรอเบริ ต์ ออรนั สไตย์ ได้คน้ พบว่า สมองของมนษุ ย์แบง่ ออกเปน็ ๒ ซกี คอื สมองซกี ซ้าย (Left Hemisphere)
จะควบคุมดูแลความคดิ ท่ีมีการใช้เหตผุ ล เชน่ ตวั เลข การวางแผน การแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ ความจริง
ภาษา และสมองซีกขวา (Right Hemisphere) จะควบคุมดูแลเกยี่ วกบั อารมณ์ความร้สู ึก ประสบการณ์ ศิลปะ
ดนตร ี จิตวิญญาณ เปน็ ตน้ (ภาพท่ ี ๑)
สมองซีกซ้ายและขวามีระบบการทำ� งานท่สี ัมพันธ์สอดคลอ้ งกันไป สมดุลระหวา่ งกัน หากวา่ สมองท้งั ๒
ซกี ทำ� หนา้ ที่ไมเ่ ตม็ ตามระดับของสมองเอง หรือได้รับการพัฒนาสมองแตล่ ะซีกไมเ่ ทา่ กัน กจ็ ะส่งผลให้การคิด
อารมณ์ความรู้สึก และพฤตกิ รรมทไี่ ดม้ คี วามแตกต่างกันไป ตามปจั จยั จากการควบคุมของสมองแตล่ ะซกี ดว้ ย
จนเกิดผลเชิงปฏิกริ ิยาเช่นวา่ มปี ฏกิ ิริยากับเชาวป์ ัญญา (Intelligible) ของกระแสความคดิ อ่านทางสมอง
(Coneiere) หรอื ปฏิกริ ิยากบั เชาวป์ ญั ญากระแสความรสู้ กึ (Sensible) ทางจติ ใจอยา่ งใดอย่างหนึง่ จนเกดิ เป็น
ระบบของกระบวนความคิดรสู้ ึกอยา่ งมีระบบทีเ่ รยี กว่า “สมองคดิ ” “จติ ชอบ” และ “ใจรูส้ ึก” (ภาพท่ี ๒)

ภาพท ่ี ๑ แสดงภาพรปู ร่างของสมอง ๒ ซกี ระหว่างเหตผุ ลและอารมณ์ความรู้สกึ (ภาพขวา) ซกี ระหวา่ ง
เหตผุ ลและอารมณ์ความรูส้ กึ (ภาพซ้าย) ซีกระหว่างเหตผุ ลและอารมณ์ความรู้สกึ ระบบของ
กระบวนการคิดรูส้ ึกเปน็ การทำ� งานร่วมกนั ของสมองและจติ ใจ
การพฒั นาสมองเพื่อใหเ้ กดิ การรบั รู้และเรียนรอู้ ยา่ งมดี ุลยภาพของสมอง ๒ ซีก ให้ได้รับการกระตุ้นด้วย
การสรา้ งบทเรียนที่ส่งเสรมิ ปฏิกริ ยิ ากับเชาว์ปัญญาทางความคิด และความรสู้ กึ ในสมอง ๒ ซีกให้ครอบคลุม
จะส่งผลใหผ้ เู้ รียนรูเ้ กิดการพัฒนาความรู้ ความสามารถและความถนดั ทางธรรมชาตใิ นศาสตร์สาขาตา่ งๆ ใหม้ ี
ความก้าวหน้าและเตบิ โตอยา่ งทีม่ นั ควรจะเปน็ ได้ หรอื พฒั นาสมอง ๒ ซกี ใหม้ ีการพฒั นาเซลล์ของกระแสความคิด
และความรสู้ ึกให้มีการงอกงามและเตบิ โตไปพรอ้ มกัน

วิธคี ิดทางศลิ ปะออกแบบข้ันสงู 3

คำ� ว่า “ความคดิ ” ดว้ ยความหมายของมันไม่สามารถเห็นรูปเห็นร่างได้ว่า มีเน้อื ตัวหนา้ ตาเป็นอย่างไร
กนั แน่ เนื่องจากเป็นส่งิ ที่จับตอ้ งไมไ่ ด้ เปน็ จิตภาพจากการกอ่ ขน้ึ เปน็ ภาพมาในใจ (มโนภาพ) ของเราแต่ละคน
กบั ท้ังความคดิ จะมีการเคลอ่ื นไปเคลอื่ นมา เปล่ยี นรปู เปลย่ี นร่างไปมาของรปู นามสิง่ นัน้ สง่ิ นี้อยอู่ ย่างต่อเนื่อง
บางครง้ั มันเกิดขนึ้ มาจะนกึ คิดได้ บางครง้ั ไมม่ าก็ทำ� ใหค้ ดิ ไม่ออก ย่งิ หากยิง่ คิดไปเร่ือยเขา้ กจ็ ะพากันเขา้ รกเข้าพง
กลายเป็นคดิ แบบฟ้งุ ซา่ น คิดไมเ่ ขา้ เร่อื งเข้าราว การคดิ ท�ำนองนส้ี ว่ นใหญ่จะตรงกนั ข้ามกบั ความจริง

ภาพท ี่ ๒ ล้ินชกั ความคิดและความทรงจ�ำของสมองสองซีก เปรียบไดก้ ับคลงั ข้อมูลทางเหตุผล และอารมณ์
ความรสู้ กึ ภายในตัวเรา มคี วามพร้อมเสมอจะนำ� มาใชไ้ ดใ้ นแตล่ ะโอกาสและสถานการณ์

4 วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สงู

ความคดิ คล้ายสอ่ื สิง่ อาจเรียกไดว้ า่ เป็นขอ้ มูลบรรจุไวภ้ ายในสมอง พร้อมเสมอจะหยบิ และน�ำมาใช้ได้
ทุกเม่อื การมีข้อมลู มากจะชว่ ยในการเลือกใช้ทางความคดิ ไดม้ ากเชน่ เดียวกัน ไม่ว่าจะเปน็ ดา้ นบวกและด้านลบ
ซ่งึ แตล่ ะเรอ่ื งล้วนก่อให้เกิดจากความคดิ แทบท้งั สน้ิ มีผกู้ ล่าวว่าผมู้ ีข้อมลู มาก และจดั เก็บสะสมไว้ในความทรงจำ�
ไดด้ ี คล้ายกบั ม ี “ลนิ้ ชักความคิด” ภายในสมองหากรูจ้ ักจัดการกลุม่ ความคิดของเหตุผลและความรสู้ ึกของ
สมอง ๒ ซีกให้เปน็ กลุ่ม และจดั ลำ� ดับชน้ั ได้อยา่ งเหมาะสมและไม่สับสน จะช่วยให้การดึงออกมาใชใ้ หถ้ ูกกับงาน
และมคี ุณภาพย่งิ ดังนั้นการเรียงลำ� ดับการเกิดจริงเปน็ ส่งิ ท่ขี าดไมไ่ ด้ (ภาพที่ ๒)
“สมอง” มคี วามสามารถสรา้ งมโนภาพ แนวความคดิ (Concept) จนิ ตภาพ (Image) ด้วยการน�ำ
ขอ้ มลู ทีไ่ ดร้ บั บนั ทึกลงตาม “ลนิ้ ชักความทรงจ�ำ” (Memory) หรอื “ภาพจำ� ” เรือ่ งตา่ งๆ ภายในสมอง แต่
สมองเองมีความสามารถและ ข้อจำ� กัดในการสะสมขอ้ มลู จดั ระเบยี บข้อมลู จากสอื่ สงิ่ ต่างๆ ทม่ี ีอยู่มากมหาศาล
จนกลนั่ กรองออกมาเป็นเร่ืองเดียวกนั ได ้ สมองของความทรงจ�ำจงึ จำ� กัดอยู่เฉพาะเรอ่ื งหรอื สอ่ื สงิ่ ท่ีเราสนใจเท่านัน้
หรอื เรอื่ งและสอื่ สิง่ ของคนส่วนใหญ่สนใจให้คณุ คา่ หรอื เร่อื งสื่อสงิ่ ทเี่ รามปี ระสบการณ ์ (ตรง - ออ้ ม) มาก่อน
เปน็ ตน้
การบรรลตุ ามความคิดคอื พยายามถงึ ความจำ� หรือความทรงจำ� อ่ืนทม่ี ีความเกยี่ วข้องทางออ้ มกบั เรือ่ งสือ่
สิง่ ทสี่ นใจ พร้อมไปกับสืบเสาะค้นหาข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องจากแหล่งตา่ งๆ ภายนอก (ปจั จัยภายนอก) น�ำมาผสม
ผสานไปดว้ ยกนั กบั เรอ่ื งส่อื สิง่ ท่เี ราสนใจ เพือ่ ให้ไดผ้ ลอันเป็นแนวทางแก้ปญั หาท่คี รบถว้ นในทกุ มติ ิ และน�ำไป
ใช้ได้จรงิ มคี วามสำ� เรจ็
๑.๒ อะไรคอื ความคดิ ทางศิลปะออกแบบ
ความคิดของเราทีผ่ า่ นเข้ามาในสมองของแตล่ ะวันมคี วามคิดหรอื จติ ภาพ (Idea) อะไรดๆี นา่ สนใจแฝง
ซ่อนอยู่ภายในความคิดอยูม่ ากน้อยเป็นลำ� ดับ ในความคิดเหลา่ นี้เปน็ สง่ิ ทจ่ี บั ตอ้ งไมไ่ ด ้ มคี วามเคลื่อนไหว เปลย่ี น
รปู เปลยี่ นรา่ งของมโนภาพอย่ไู ปมาอย่างรวดเร็ว เปน็ สง่ิ น้ันรปู น้นั สิง่ น้ีรปู นไ้ี ปๆ มาๆ และในความคิดนมี้ ลี ักษณะ
แปลกคือ “เมื่อถงึ เวลาจะมา ก็มา” “ถงึ เวลาจะไป ก็ไป” แบบท่เี รยี กว่าตั้งตวั ไม่ทัน จนไม่สามารถหยบิ จับ
ความคดิ อะไรดีๆ มีความน่าสนใจ มสี ีสนั มีชีวติ ชวี า ตามความปรารถนาของเราไวไ้ ด ้ แบบผ่านมาและผ่านไป
จนคิดอะไรไมอ่ อก
“ความคิดทางศลิ ปะออกแบบ” มลี ักษณะของความเป็นไปได้ทางความคดิ อยา่ งอสิ ระและยืดหยุน่
ไปพรอ้ มกัน เพือ่ คน้ คว้าทดลองถึงสุนทรียทางศลิ ปะออกแบบในแบบแปลกใหม ่ มีความก้าวหน้าพัฒนาของ
ความคดิ ทีไ่ ต่ระดับ มีความแตกตา่ งไปจากความคดิ ทางศิลปะออกแบบเดมิ และลัทธิเดมิ ทผี่ า่ นมา เช่นเดียวกับ
สีเ่ หล่ยี มมุมฉากขยายตวั กวา้ งออกไปเป็นล�ำดับของลทั ธิทางศลิ ปะจากจดุ เรมิ่ ของความเปน็ จรงิ ด้วยการเลียนแบบ
โลกภายนอก (Eternal world) การรบั รูท้ างตา (Visual Perception) ที่กา้ วและพัฒนาไปสู่การลดทอน
ความจริงทางตาตามธรรมชาติไปสโู่ ลกภายใน (Internal World) เพือ่ แสวงหาความรคู้ วามจริงทางศิลปะแบบ
ใหม่ๆ ด้วยความคิด วิธีคดิ (Mindset) จากเหตปุ ัจจยั และบรบิ ทของโลกศตวรรษที่ ๒๑ (ภาพท่ี ๓) ที่มอง
เหน็ ตา่ งและย้อนแยง้ กับโลกในอดีต

วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สูง 5

ภาพท ี่ ๓ อปุ มาความคิดทางศิลปะเชน่ เดียวกบั สเ่ี หลย่ี มมุมฉากขยายตัว
ทม่ี า : ไพโรจน ์ ชมนุ ี
ความคิดทางศลิ ปะมคี วามแตกต่างหลากหลาย และสรา้ งภาพความเป็นไปได้ใหมๆ่ แปลกๆ เกิดข้ึนจาก
ความคดิ หรือจติ ภาพ (เป็นภาพทางศลิ ปะภายในสมอง) ด้วยความ Apprehension ของเหตุผลทางใจ มี
ลกั ษณะนิสัยประจ�ำตัวคอื “มักรู้” เพื่อการรบั ร ู้ และการเรยี นรู้สรรพสอ่ื สง่ิ รอบตัว ไดแ้ ก่เรอื่ งของ “มโนภาพ”
หรอื แนวความคิด (Concept) เปน็ ภาพความเข้าใจสื่อสงิ่ ทัว่ ไป เขา้ ใจอะไรหนง่ึ อย่างเป็นมโนภาพเช่น เขา้ ใจ
มโนภาพของคน เขา้ ใจศลิ ปนิ คืออะไร ความเขา้ ใจจากการรบั รเู้ รยี นรู้แบบน้ ี จะไมเ่ จาะจงวา่ เปน็ ใคร เป็นคน
เปน็ ศลิ ปินทัว่ ไป และมคี วามเปน็ สากล (Universal)

6 วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบข้นั สูง

เรื่องของ “จินตภาพ” (Image) เปน็ ภาพความเขา้ ใจทป่ี รากฏอยใู่ นความทรงจำ� เป็นภาพเฉพาะ
หน่วยในความทรงจำ� น้นั มกี ภี่ าพกไ็ ดจ้ ำ� นวนเทา่ นัน้ จินตภาพเช่น ภาพนายกรัฐมนตรที ่เี ราคดิ ถึงเป็นหนงึ่
จนิ ตภาพ ภาพความฝันของเราเป็นหนึ่ง จินตภาพ ซึ่งภาพความเขา้ ใจแบบจินตภาพน้ี จะมคี วามจำ� เพาะเจาะจง
ของสือ่ สง่ิ ใดสง่ิ หน่งึ (Particular) ทปี่ รากฏ ในความทรงจ�ำ

ภาพท ี่ ๔ แสดงจินตภาพ แสดงจนิ ตภาพทางความคิดระหวา่ งความเขา้ ใจภาพความคดิ ท่วั ไปหรอื สากล (A)
และความเข้าแบบจำ� เพาะเจาะจง (B)
อนงึ่ ความคดิ จากความเข้าใจและเหตุผลภายในสมองน ี้ อาจจะมมี โนภาพและจนิ ตภาพปรากฏขึน้
พรอ้ มกันกไ็ ด้ อยู่กบั สมองที่คดิ จติ ท่ีชอบ และใจที่รสู้ กึ จดจ่อตอ่ สอื่ สิ่งใดส่งิ หนง่ึ ณ กาลเทศะใดเปน็ ปัจจยั
โดยมที มี่ าของการก่อเกดิ ๒ ทางหลักคือ
๑.๒.๑ ความคดิ จากการรับร ู้ (Perception) เป็นการ “Perceive” ด้วยอายตนะเช่น การ
เห็นรปู ไดย้ นิ เสียง ได้ลิ้มรส และได้สมั ผัสจับต้อง การประจักษส์ ือ่ สิง่ ใดส่ิงหนงึ่ โดยตรงนัน้ เป็นปรากฏการณ์
ทางจิต เกดิ ขึน้ ภายในหว้ งแหง่ ความรสู้ กึ ตวั (Consciousness) นนั้ ๆ ได้เลือกสรรสงิ่ ทร่ี ับร้ปู ้อนเขา้ สู่ความรูส้ ึก
นกึ คดิ ทางสมองและจิตใจ และเกดิ ปฏกิ ริ ิยาขึน้ ที่ประสาทภายในสมอง จนปรากฏภาพตัวแทนของสื่อสิง่ ขน้ึ
อนั เปน็ สงิ่ ทรี่ ับรู้หรือเรียกว่า “จติ ภาพ” ความคดิ หรอื จินตภาพทางศิลปะน้ีเกดิ ขนึ้ จากความจ�ำเป็นภายนอก
เชิงวัตถุและส่อื ส่งิ มคี วามเปน็ รปู ธรรมจากการรับร้ไู ดเ้ ชน่ คน สตั ว ์ ต้นไม้ เปน็ ความจริง ขอ้ เท็จจรงิ จากการ
เห็นได้ ฟงั ออกเปน็ ภาพน้ัน รูปน้ัน เสยี งนั้น ขณะรบั รตู้ ่อเบ้ืองหนา้
การรบั รู้ทางการเห็นและได้ยนิ ได้กลิน่ เกิดจากการรับสมั ผสั ด้วยอวยั วะส่วนต่างๆ และมกี ารตคี วามหมาย
ออกมาเป็นภาพ เสยี ง กลนิ่ อย่างใดอยา่ งหนงึ่ หรอื หลายอย่างไปพร้อมกนั การตีความหมายการรับสัมผัสจาก
การรบั รู้นั้น มเี ป้าหมายเพื่อให้ทราบว่าส่ิงท่ีรบั รนู้ ั้นคอื อะไร มีความหมายว่าอยา่ งไร ในช้ันน้ีจะตีความหมายได้
มากนอ้ ย จะขึ้นอย่กู ับประสบการณ์การรับสัมผสั หรอื รบั รูส้ กึ กบั สอื่ สิง่ ทจ่ี ะตีความน้นั ๆ ดว้ ย

วิธีคดิ ทางศิลปะออกแบบข้ันสูง 7

ระดับของการมอง (Looking) และการเห็น (Seeing) คือศักยภาพของประสาทสมั ผัสเบอื้ งต้นและ
เปน็ ตน้ ทางหนึ่งทีจ่ ะนำ� ไปสู่ความรูส้ กึ ทางการรับรู้ มีระดับการรับร้จู ากการมองหรือการเห็น มมี ากน้อยแตกต่าง
กันไป เชน่ การมองมีลกั ษณะความเปน็ ไปแบบไมต่ ้ังใจ แบบปกตธิ รรมดา ขาดเปา้ ประสงค ์ ส่วนการเห็นเปน็
กระบวนการท่ลี กึ ซงึ้ กว่าการมอง และมเี ปา้ หมายการท�ำความเข้าใจกับภาพที่มองเห็นน้นั โดยมีความสมั พันธ์
เกยี่ วขอ้ งไปถงึ การท�ำงานของสมองและระบบประสาทของผูด้ ู ขณะเรยี นรหู้ รอื รบั รู้สกึ กับสอ่ื ส่ิงนนั้ ๆ ด้วย
การรับรู้ทางการเหน็ (Visual Perception) คือการรบั รู้จนิ ตภาพหรือภาพลกั ษณ์ (Visual Image)
จากส่ือสงิ่ ท่ีเหน็ รอบตวั และวฒั นธรรมทางทศั น ์ (Visual Culture) ทรี่ ายรอบของ ปา้ ยโฆษณาของผ้คู นที่
เคล่ือนไหวไปมา จินตภาพหรอื ภาพลักษณ์เหลา่ นล้ี ว้ นเป็นตัวส่ือความหมาย จากส่ิงทม่ี องเหน็ ของรปู และ
ความหมาย (ตรง - แฝง) ตา่ งๆ กนั ไป และชวนให้เราไดร้ ับรแู้ ละแปลความหมายได้ว่า ส่อื สิง่ ทเี่ ราเหน็ น้ันมรี ูป
และความหมายลกั ษณะใดและหมายถงึ อะไร
การพฒั นาการรับรทู้ างการเห็นให้ม ี ประสิทธภิ าพประสิทธผิ ลอย่เู ปน็ ล�ำดบั จะช่วยยกระดับการรับรู้
สอ่ื ส่ิงและวัฒนธรรมทางทศั น์ใหส้ ามารถสัมผัสรู้ในคุณค่า สุนทรีย ความหมายตรงและแฝงทมี่ องเห็นได้และ
มองเห็นไมไ่ ด ้ จนนำ� ไปสกู่ ารวเิ คราะหถ์ อดรหัสภาษาภาพ ออกมาใหร้ บั ร้แู ละเขา้ ใจได ้ เริ่มต้งั แต ่ “การรบั ร้ตู าม
สายตา” (Seeing) แบบพ้นื ฐานท่วั ไปมองเห็นรูปลกั ษณข์ องธรรมชาตแิ บบปกตจิ ากตา ไมว่ ่าจะเป็นลกั ษณะ
ขนาด สณั ฐาน และสสี นั แบบมองรูด้ อู อกวา่ เปน็ อะไร และพัฒนาไปส ู่ “การรับรตู้ ามความคิดและความรู้สึก”
(Thinking & Feeling) เป็นอีกระดับหน่งึ ของการรับรทู้ างการมองเหน็ มีความรอบคอบถี่ถ้วนมากขึน้ และเป็นไป
เพอื่ คน้ หาคุณภาพ และคณุ คา่ จากรูปและความหมาย (ตรง - แฝง) ของสือ่ สิ่งและเพอื่ จะประเมนิ และตัดสนิ
ตามทีต่ นเองสัมผัสได ้ (รายละเอียดดูการวจิ ัยสรา้ งสรรค์ทัศนศลิ ป์ของสุชาติ เถาทอง. หน้า ๑๖ - ๑๗)
ทา้ ยสุดคือ “การรบั รู้ตามการหย่ังร”ู้ (Intuition) คือการรับรูด้ ้วยความซาบซึง้ และความเข้าใจและเขา้
ถึงแบบทะลุปรุโปร่ง สามารถวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ผลกึ ความคดิ ความรู้ได้อย่างถึงแก่นสาร สามารถประเมิน
คณุ ค่าสอ่ื ส่งิ ได้อย่างมเี หตผุ ล หรอื มีการยนื ยนั อยา่ งสมบรู ณแ์ บบ (Confirmation Completion) ซึ่งจะช่วย
การพัฒนา “ความคดิ จากการนึกคิด” (Conception) ในข้อ ๑.๒.๒ ให้มีกำ� ลงั พลังเพ่มิ มากขึ้น
ความคดิ จากการรับรู้ทางการเห็นในทางทัศนศลิ ป์ (จติ รกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ วาดเสน้
ส่อื ประสม และศิลปะเก่ยี วเนอ่ื งต่างๆ) ชว่ งก่อนสมัยใหม่ (Pre Modern) เป็นกระบวนการลดทอนรู้ความจริง
จากการรบั รูท้ างตาเหน็ โดยอาศยั ธรรมชาติสง่ิ แวดลอ้ มเป็นพืน้ ฐาน ลทั ธสิ ัจนิยม (Realism) มกี ารไตร่ ะดบั การ
ลดทอนรูปความจริงจากธรรมชาติ ตั้งแต่ความเป็นรูปลกั ษณ ์ (Figurative) ค่อยๆ ลดรูปเปลยี่ นรูปเป็นก่งึ ไร้
รูปลักษณ์ (Semi - Figurative) และไร้รูปลกั ษณ์ (Non - Figurative) กงึ่ ไม่แสดงรปู ความจริงทางตาเหน็ จาก
ธรรมชาต ิ มคี วามเปน็ รูปลักษณ์แบบนามธรรมบริสุทธ์ิ ไม่เปน็ ภาพตัวแทนโลกภายนอกอันเป็นธรรมชาติมีเคยมี
เคยเปน็ มาส่คู วามเปน็ จริงแบบใหมท่ างศิลปะที่เรียกว่า “Minimal art” หรือสารตั ถศิลป์ ในยคุ ศิลปะสมยั ใหม่
(Modern Art) บนหลกั คิด “Less is More”

8 วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สูง

กระบวนการลดทอนความจริงมากน้อยทางทัศนศิลป ์ จากการรบั รทู้ างการเห็นในชว่ งก่อนสมัยใหมห่ าก
นำ� มาวเิ คราะหจ์ ะเทยี บเคียงไดก้ ับเสน้ แกน ๒ ขั้ว คอื แกนขา้ งซ้ายเป็นทัศนศลิ ป์รูปลกั ษณห์ รอื รปู ธรรม แกนข้าง
ขวาเปน็ ไรร้ ปู ลกั ษณห์ รือนามธรรม และมรี ะหวา่ งแกนทั้งสองขา้ งเปน็ ก่ึงไร้รปู ลักษณห์ รือกึง่ นามธรรม ความคดิ
จากการรบั ร้ทู างทศั นศิลป ์ ถ้าการสรา้ งงานเคล่ือนตวั ไปทางแกนขวามากเทา่ ใด ลักษณะของแบบผลงานก็จะมี
ความเปน็ ไร้รปู ลกั ษณม์ ากข้นึ เท่าน้นั หากถ้าไม่เคล่อื นตวั ไปแกนขา้ งขวา หรือข้างซ้ายมากอยรู่ ะหวา่ งกลางของ
เสน้ แกนทง้ั สองแบบผลงานของทศั นศิลป์กจ็ ะออกมาแบบกงึ่ ไร้รปู ลกั ษณ์หรือกง่ึ นามธรรม เชน่ เดียวกบั ทศั นศลิ ป์
บนแกนขา้ งขวามีแบบไรร้ ปู ลกั ษณห์ รอื นามธรรมหากเคลื่อนตัวไปทางแกนซ้ายมากกจ็ ะมคี วามเป็นรูปลักษณห์ รอื
รปู ธรรมเช่นเดียวกัน กลา่ วได้ว่าศลิ ปนิ ในช่วงก่อนสมยั ใหมม่ กี ระบวนการคิดและลดทอนแบบเพื่อแสวงหาความ
เปน็ ไปได้ใหมๆ่ ทางทศั นศิลป์ ในแต่ละลัทธิความเชื่อตามล�ำดบั จากความเป็นรูปลกั ษณ์จนพัฒนาไปสไู่ ร้รปู ลกั ษณ์
บนแกนสองข้ัวน้ ี (ตารางที ่ ๑)
ตารางท่ี ๑ แสดงเสน้ แกน ๒ ขว้ั และการเคลือ่ นตวั ทางทศั นศลิ ป์ไปยงั ข้วั ใดขั้วหนง่ึ มากนอ้ ย รปู แบบทางทัศน์
จะมลี กั ษณะเป็นนามธรรมและรปู ธรรมมากขนึ้

ความคิดจากการรับรูท้ างทศั นศิลป์ขา้ งต้น เปรยี บไดก้ บั “วภิ าษวธิ ี” (Dialectic) ทางศิลปะ กล่าวคอื
ความคิดความรูเ้ ดมิ ทางทศั นศลิ ป์ในชว่ งลทั ธคิ วามเชอื่ ก่อนหนา้ ไดถ้ ูกทบทวน ตรวจสอบ และท้าทาย หรอื ต้ัง
ค�ำถามจนเกดิ ความรใู้ หมท่ ส่ี ามารถสังเคราะห์คุณลักษณะเดิมไวไ้ ด้ เปน็ การรบั รทู้ างความคดิ จากการมองเห็น
ความจรงิ แบบสจั นิยมเปน็ ปฐม เป็นโลกของการรับรูไ้ ด้ดว้ ยสายตาตามสอื่ สง่ิ ที่ปรากฏแบบเชงิ ประจกั ษข์ องลัทธ ิ
Realism and Naturalism และขยายตัวออกไปสู่ลทั ธ ิ Impressionism (Neo - Post) กา้ วไปสูล่ ัทธ ิ Cubism
Analytic - Synthetic) และ Surrealism Pop-art และ Minimal art ศลิ ปะสมัยใหม่ตอ่ มา
กระบวนการเคล่ือนตัวไปของลทั ธศิ ลิ ปะและแบบอย่างในช่วงกอ่ นศิลปะสมัยใหม่จะเปน็ ไปในลักษณะ
วิภาษวิธแี ละการลดทอนรปู และความหมายของกระบวนแบบ (Style) เพอ่ื แสวงหาความบริสทุ ธิ์เรยี บง่ายของ
ผลงานแบบใหมแ่ ละก้าวไปสู่สนุ ทรียบริสทุ ธ์ขิ องรปู ทรง ใหแ้ สดงนยั ความสำ� คัญของรูปความหมายแบบเรียบงา่ ย
แบบน้อยแตม่ ีสุนทรยี ของตัวมันเองเช่นตวั อยา่ ง

วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบข้ันสูง 9

ภาพที ่ ๕ กระบวนการลดทอนรูปและความหมายทางทัศนศิลป์แบบ “วภิ าษวธิ ี” จากศลิ ปะรปู ลักษณ์
ของภาพววั ไบซนั ลดทอนใหล้ ดนอ้ ยลงจนมลี กั ษณะไร้รูปลกั ษณข์ องปาโบล ปีกสั โซ แสดงถงึ
พฒั นาการของการลดสกดั และตดั ทอน ให้เหลือเพียงแกน่ ของความเป็นสากลของเสน้ อนั เรยี บง่าย
ของภาพวัวไบซัน

10 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบขนั้ สูง

ความคิดจากการรับร้ทู างทศั นศลิ ปจ์ ะสะท้อนออกมาผา่ นจินตภาพทม่ี องเห็น (Visual Image) จาก
โลกภายนอกรอบตวั เช่น ธรรมชาติสิง่ แวดล้อม อาคารบา้ นเรือน ผ้คู น ดว้ ยรูปและความหมายอันเป็นภาพ
ตวั แทนของความคิด (Representation) หนึง่ ดว้ ยสติระลึกรไู้ ด ้ เกย่ี วข้องกับตวั เรา เปน็ สว่ นหน่งึ ของเรา เปน็
หว้ งความรูส้ กึ ตัวเรา เป็นจติ ภาพทอ่ี ยู่ในใจเรา อายตนะของเราตอ้ งให้ความจรงิ ท่ีคล้อยตามความคิดในสง่ิ ท่ชี อบ
และรู้สกึ ดงั น้นั การประจกั ษ์จากการรบั รู้ และการคิดหรือจิตภาพ (ภาพจากจิต) เปน็ เร่ืองเดยี วกัน เราสามารถ
แสวงหา คน้ คว้า ทดลองหาความรู้ ความจรงิ ทางศิลปะในโลกท่ีเราประจกั ษภ์ ายนอกและโลกความจริงภายใน
ตนเอง จากการคดิ การปรับการผสมผสานทไี่ ดจ้ ากความตอ้ งการของจิตใจเชน่ เดียวกัน
๑.๒.๒ ความคิดจากการนึกคิด (Conception) เปน็ การ “Conceive” ขอรูปข้ึนในใจมี
ลกั ษณะความคดิ แบบซับซอ้ น เกดิ ข้ึนจากความจำ� เป็นภายใน ดว้ ยการตระหนกั ร้ ู หยง่ั ร ู้ (Intuition) ของตน
ดว้ ยการอาศยั ฌานขดุ ลกึ ลงไปข้างในและดงึ รปู ความหมายออกมา สะท้อนให้เหน็ ถึงจนิ ตภาพทางใจ (Mental
Image) หรือจินตภาพภายในดว้ ยรูปแทนความรสู้ กึ นึกคดิ ความแปลกพิสดารถึงความเปน็ ไปไดใ้ หมๆ่ ซ่ึงมีการ
เคลอื่ นไหว การเปล่ยี นแปลงแบบไมต่ ายตวั มีการยดื หยนุ่ ปรบั รูปเปลีย่ นร่างไดต้ ลอดเวลา
ความคดิ การนึกคดิ มีความเกยี่ วข้องกับเร่อื งของจติ คือเป็นสงิ่ ทีม่ ีหน้าที่รูค้ ิดและนกึ มีบทบาทส�ำคัญ
ต่อความนกึ คิดทางศิลปะในแตล่ ะระดับเรมิ่ ตัง้ แต ่ “จิตสำ� นกึ ” (Conscious) การมีจติ ต่ืนและรู้ตวั สามารถตอบ
สนองต่อส่ิงเร้าจากประสาทสัมผสั ท้งั ๕ สะท้อนออกมาในผลงานศิลปะแนวสัจนิยม หรือก่งึ สัจนยิ ม หรอื รปู
ลักษณ ์ และกึ่งไรร้ ูปลักษณ ์ ตามด้วย “จติ กึง่ สำ� นกึ ” (Sub Conscious) ภาวะจิตไมค่ อ่ ยรู้สกึ ตวั เมอ่ื ปลกุ อาจ
รู้สกึ ตัว แต่ไม่รู้ตัวเตม็ ท่ี
ตอ่ มา “จิตใต้ส�ำนกึ ” (Unconscious) ภาวะของจติ ที่ไม่อาจรูส้ ึกได ้ เพราะอย่ใู นส่วนลึกของจติ และ
สดุ ทา้ ย “จติ ไรส้ าํ นึก” เป็นความจริงความรสู้ กึ และแรงผลกั ดันซึ่งถกู เก็บไวภ้ ายในจิตใจโดยไม่รูส้ กึ ตวั แม้จะ
พยายามดึงอย่างไรกน็ ึกคดิ ไมอ่ อก ผลงานของความคิดทำ� นองนจี้ ะสะท้อนออกมาในแนวฝันเฟอื ง มลี กั ษณะ
มายา แปลกประหลาด และมหศั จรรยอ์ ยา่ งไม่คาดคดิ ว่าจะมอี ยู่ในโลกน ้ี ตวั อยา่ ง ผลงานศลิ ปะแบบจติ ใต้ส�ำนึก
ของลทั ธเิ หนือจรงิ (Surrealism) ของซาลวาดอร ์ ดาลี (Salvador Dali) ได้น�ำอุดมคตบิ างลกั ษณะของคติดาดา
(Dada) และจติ วทิ ยาของซิกมันด ์ ฟรอยด ์ (Sigmund Freud) ในเรอ่ื งจติ ใตส้ �ำนึกมาผสมผสานเป็นมลู เหต ุ
การแสดงออกในแนวฝันเฟือง มลี กั ษณะมายาและแปลกประหลาด ดว้ ยการสรา้ งจิตภาพขึน้ จากความทรงจำ�
จากความคดิ ทมี่ ีตอ่ ความจริง และสรา้ งรูปทรงอย่างใหมข่ ึ้น เช่น ภาพนาฬกิ าบดิ เบ้ียว แขวนบนกง่ิ ไม้แหง้
มฝี งู มดก�ำลงั กัดกนิ นาฬิกา เปน็ ต้น (ภาพท่ ี ๖)

วธิ ีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สูง 11

ภาพท่ี ๖ ผลงานนาฬิกาเหลว The Persistence of Memory จิตรกรรมเหนอื จริง มีความคิดด้วยการเลอื กใช้
วัสดุหลายลักษณะเชน่ นาฬกิ า ก่ิงไม้ กลอ่ งไม ้ ภเู ขา มาประกอบเข้าดว้ ยกันดว้ ยจินตนาการ
สรา้ งสรรค์รปู ทรงของความหมายขน้ึ ใหม่ ให้แปลกพสิ ดารอยา่ งไม่นา่ เป็นไปไดต้ ามความจริง
แต่มีความเปน็ ไปได้ในโลกทางศลิ ปะ
“การนึกคิด” เปน็ เรอื่ งของโลกภายในและโลกของวฒั นธรรมวิญญาณ (Ideal World) ตามคตคิ วามเช่ือ
ทางตะวันออกและของไทย อนั เกดิ ความนกึ คิดขึน้ จากประสบการณ์ จากการสัมผสั รูภ้ ายในของจติ ใจและมีการ
ปรุงแต่งภาพความคิดนั้น ด้วยความชอบและรสู้ กึ ในรูปสญั ลกั ษณ์ตา่ งๆ นานา โดยสนุ ทรียจากความนึกคดิ ทไ่ี ด้
รบั มาจากการหยั่งรู้ หรือหยงั่ เห็น ไดม้ คี วามเกยี่ วข้องกับเร่ืองของจติ วิญญาณ (Soul) และมคี วามเกย่ี วข้องกับ
ความเช่ือ ความลกึ ลับในสิง่ ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ หนือธรรมชาติ เชน่ ภูตผปี ีศาจ เทพารักษ์และความเปน็ จักรวาลทางอุดมคติ
ของความเชื่อเกีย่ วกบั มนษุ ย ์ และความเช่อื มโยงกบั ภมู ทิ ้งั ๓ คอื มนุษยภูม ิ สวรรคภมู ิ และนรกภูม ิ ทีต่ า่ ง
เปน็ วิถที างวัฒนธรรมวญิ ญาณตามความเชื่อของผูค้ นตะวนั ออกและไทยมาอยา่ งช้านาน
การนกึ คดิ ตามความเชื่อเหล่านี้ การเข้าถงึ ได้นนั้ จะเกินไปกวา่ ธรรมชาตปิ กติไม่สามารถรบั รู้ได้และ
มองเหน็ ได้ด้วยตา เนือ่ งจากเป็นสญั ลกั ษณ์ทีเ่ กดิ ขึ้นจากการผสมผสานระหวา่ งภาพความจรงิ ของโลกภายนอกกบั
ภาพความจรงิ ตามความนกึ คดิ จนประกอบเขา้ ดว้ ยกันของสัญลกั ษณ์ในรูป-นามหรอื ความหมายแบบใหมป่ รากฏขึ้น
(ในรายละเอียดดูในภาพที่ ๓ ขอ้ ๑.๒)

12 วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบข้ันสูง

ตัวอย่าง :

“พระเมรุมาศ” ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรม
หาภมู ิพลอดุลยเดชบรมนาถบพติ ร (รชั กาลที่ ๙) พุทธศักราช ๒๕๖๐ คือภาพตัวแทนสูตรทาง
ศลิ ปะไทยอันสงู คา่ จากคตคิ วามเชือ่ การจ�ำลองภูมิจกั รวาลกลางใจเมอื ง มเี ขาพระสเุ มรุเป็น
ศนู ย์กลาง (ท่ปี ระทับของพระอนิ ทร ์ เทพสงู สุดบนสรวงสวรรคช์ ั้นดาวดงึ ส)์ ออกแบบขึ้นเพอ่ื
สร้างรูปธรรมแห่งภมู ิจักรวาล ไตรภูมิ โลกสณั ฐาน ท่ีผสมผสานกับลัทธคิ วามเชื่อเรื่องเทวราชา
ของพราหมณ์
มกี ารออกแบบพระเมรมุ าศแวดลอ้ มดว้ ยอาคารตา่ งๆ มีระเบยี งลอ้ มรอบเป็นขอบเขต
เปน็ ชนั้ ๆ ก�ำหนดผงั ของพระเมรุมาศตามลกั ษณะเชน่ พระทีน่ ัง่ ทรงธรรม หอเปลอ้ื ง หรือศาลา
เปลอื้ ง ฯลฯ เป็นศูนย์กลางของมณฑลพิธ ี ลงไปถงึ อาคารประกอบของเขาพระสุเมรปุ ระดบั ฉตั ร
ธงทวิ แวดลอ้ มดว้ ยหมเู่ ทวดาและสตั ว์ปา่ หิมพานต ์ และมีประติมากรรม จิตรกรรม ประณตี ศิลปะ
ราชยาน ราชรถ เกรนิ บนั ไดเป็นองค์ประกอบร่วม
พระเมรุมาศและการผสมผสาน กลุ่มอาคารประกอบกบั ศลิ ปกรรมการตกแต่งด้วยองคร์ วม
(ภาพรวม) ในพระราชพธิ นี ้ี ไดน้ �ำไปสสู่ ารัตถะของสงิ่ ท่เี รยี กวา่ นามธรรมอันสงู คา่ คือ “ทิพยสถาน”
หรอื ภาพแหง่ คุณงามความดีบนสรวงสวรรค์ชน้ั ดาวดงึ ส ์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพล
อดลุ ยเดชบรมนาถบพติ ร (รชั กาลท่ี ๙) จะทรงไปประทบั อยู่

วิธคี ดิ ทางศิลปะออกแบบข้ันสูง 13

ภาพที่ ๗ การวเิ คราะห์และถอดรอ้ื พระเมรุมาศในองค์ประกอบหลกั และรอง เพอ่ื แสดงใหเ้ ห็นถงึ การผสมผสาน
ของศิลปกรรม งานประณตี ศิลป์ และสว่ นตกแต่งตา่ งๆ ตามคตคิ วามเชื่อของไทยมาแตค่ รง้ั กรงุ ศรอี ยุธยา

14 วิธคี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สงู

“ความคดิ ทางการออกแบบ” (Idea Design) การแสดงความคดิ แนวคดิ ใหผ้ ู้อ่นื เข้าใจไดว้ า่ มจี ดุ ยืนคดิ
ของความคดิ ในการออกแบบคืออะไร อย่ตู รงไหน ความคดิ แต่ละแบบทางการออกแบบ จะต้องเปน็ การคิดหา
แนวทางพฒั นาความรู้ งานออกแบบใหก้ า้ วหนา้ มีความเข้าใจธรรมชาตแิ ละศักยภาพงานออกแบบแตล่ ะชนดิ
ประเภทไดก้ ระจ่างทั้งกวา้ งและลึก พร้อมไปกลับเขา้ ใจเขา้ ถึงธรรมชาต ิ เหตกุ ารณ ์ ปรากฏการณท์ างสงั คม
วฒั นธรรมของโลก (อดีต - ปจั จบุ ัน - อนาคต) ได้เป็นอยา่ งดี เนือ่ งจากงานออกแบบแตล่ ะสาขามีการเปลย่ี นแปลง
พฒั นาไปแบบก้าวกระโดด หากเมือ่ ใด “ความคดิ หมดอาย”ุ หรอื “มีวสิ ัยทศั นป์ ดิ ” อยา่ งใดอยา่ งหนึ่งเกดิ ขนึ้
กบั นกั ออกแบบแลว้ ความคดิ ทางการออกแบบใหก้ ้าวหน้าพัฒนาจึงเป็นไปไมไ่ ด้ คล้ายส�ำนวนไทยท่วี า่ “กบอยู่ใน
กะลา”

ตัวอยา่ ง : จดุ ออ่ นและภัยคกุ คามความคิด

ศิลปะและอารมณค์ วามรูส้ ึกของศิลปะสมยั ใหม ่ มีอทิ ธพิ ลส�ำคัญต่อการขยายความคิดทางการออกแบบ
ในภาษาความคิดใหมใ่ ห้เกดิ การเคลอ่ื นไหวในงานศิลปะและออกแบบขึ้น เช่น ลทั ธคิ ิวบซิ มึ (Cubism) ฟวิ เจอร์
รซิ มึ (Futurism) ดาดา (Dada) คอนสตรักทิวิซึม (Constructivism) เดอ สไตล์ (De Stijl) จนมผี ลให้ความ
คดิ การออกแบบ มีวิวัฒนาการควบคู่ไปกับงานศลิ ปะสาขาตา่ งๆ และมีความก้าวหน้าเกี่ยวกับการน�ำเสนอความ
คิดในการพฒั นาภาพแนวคิด (Conceptual Image) ในงานออกแบบ (ภาพท่ ี ๘)

วธิ ีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สงู 15

ภาพท่ี ๘ การออกแบบภาพโฆษณาของจิมม ี่ เฮนดริก ค.ศ. ๑๙๗๔ ออกแบบโดยวอลเตอร์ อาร์ สาเวยี สซี
สะทอ้ นถึงแนวคดิ ของการใช้ element แบบการเคล่อื นไหวของกระแสไฟฟา้ และการใชค้ ณุ สมบัติสี
อย่างสดใสฉดู ฉาด สื่อความหมายถึงพลงั ของเสียงเพลงร็อค (ภาพซ้าย) โฆษณา ของซอสพริกทาบาสโก้
(Tabasco) ใชร้ ูปสัญญะของขวดซอสพรกิ สแี ดงมีที่จบั และสายของถังดับเพลิงเพื่อส่ือสะท้อนถึงความ
หมายทเี่ ผ็ดร้อนของซอส (ภาพขวา)
ทีม่ า : www.polishposter.com./Merchant๒/merch ant. mve Screen=PROD&ProductCode=๓๗๐
และ https://www.ateriet.com/creative-tabasco-ads/
โจทย์ของการออกแบบในยุคศตวรรษที ่ ๒๑ เรื่องของทอ้ งถ่ินนยิ ม (Localization) ทเ่ี นน้ ความมีตัวตน
ในการเพ่มิ คุณค่าและมูลคา่ กบั ศิลปะและหัตถกรรม (Art and Craft) เป็นการเปล่ียนกระบวนทัศน์ทางการ
ออกแบบให้เรอ่ื งของความคดิ พุ่งเปา้ ไปสู่ถ่ินฐานรากเหงา้ อยา่ งจริงจัง ความตน่ื ตัวและการตระหนักถึงความมี
ตัวตนผา่ นความคิดทางการออกแบบนับว่าเปน็ นมิ ิตหมายทีด่ ีส�ำหรับวงการออกแบบไทย หากแต่วา่ ไมค่ วรเป็น
ความคิดแบบฉาบฉวย มกั ง่ายแบบทเี่ รียกวา่ “ตดั ตอ่ ” จบั โนน่ นิดนี่หน่อยมาประกอบเขา้ ดว้ ยกันแล้วบอกวา่
“เป็นไทย” โดยขาดองคค์ วามร ู้ ฐานความรใู้ นเร่อื งนน้ั มาสนับสนุนความคิดใหห้ นักแน่น มคี วามล่มุ ลึกและลึกซงึ้
(ภาพท่ี ๙)

16 วธิ ีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขั้นสูง

ภาพที่ ๙ การออกแบบชดุ ประกวดการแต่งกายประจ�ำชาติลาว ได้รับรางวลั ยอดเยี่ยมในการประกวด Miss
Universe ค.ศ.๒๐๑๘ โดยชดุ นี้ออกแบบมาจาก “ตัวนางกนิ ร”ี ใชเ้ ทคนคิ การแสดงโชว์แบบหนุ่ เตน้
เปิดหมวกที่พบเห็นไดท้ ่วั ไป (ภาพขวา) วดั ศาลาลอย อำ� เภอเมือง จังหวดั นครราชสีมา ออกแบบ
พระอุโบสถแบบทอ้ งถนิ่ ประยกุ ต์ (แบบอสี าน) มีลกั ษณะพิเศษคือการลดทอนรปู มีความเรยี บงา่ ย
ไดร้ บั รางวลั สถาปัตยกรรมดเี ดน่ จากแนวบกุ เบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนกิ สยามฯ
(ภาพซา้ ย)
ศูนยศ์ ิลปาชีพระหวา่ งประเทศไดใ้ ห้ความส�ำคัญ กับความคิดการออกแบบวธิ ใี หมท่ เี่ รยี กวา่ “นวตั ศิลป์”
(The New Traditional) และการออกแบบนวัตกรรมวฒั นธรรม (Cultural Innovation) ดว้ ยการสืบสาน
ความเปน็ ไทยส่สู ากล ผา่ นงานศลิ ปะและออกแบบในกรอบความคิดดังน ้ี การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื ก่อให้เกิดการ
พฒั นาค้นคว้าและทดลองวัตถใุ หม่ ค้นหารูปแบบท่ีมีอัตลกั ษณห์ รอื “Crafty Creations” และมีรปู แบบเรียบงา่ ย
มคี วามอบอุ่น กระบวนแบบ (Style) เอเชีย สะท้อนกล่ินอายของภูมภิ าคอาเซยี นไปประยกุ ตก์ ับงานออกแบบ
สมัยใหมห่ รือ “Asian of the World” หรือ งานออกแบบทไ่ี ด้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ กบั การออกแบบ
ดว้ ยจินตนาการใหมม่ ีแรงบันดาลใจจากรปู ทรงธรรมชาติ

วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบขัน้ สงู 17

ภาพที่ ๑๐ ตัวอยา่ งผลงานนวัตกรรมการออกแบบด้วยจนิ ตนาการสร้างสรรค์สุนทรยี แบบไทยใหม่ ของศูนย์
ศลิ ปาชีพระหว่างประเทศของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชนิ นี าถในรัชกาลท ี่ ๙
ที่มา : https://www.google.co.th/ผลงานนวตั กรรมการออกแบบ ศูนยศ์ ิลปาชีพระหวา่ งประเทศบางไทร
ความคิดทางการออกแบบ เพ่อื ค้นหาความแตกตา่ งของท้องถ่นิ นยิ มหรอื “ทอ้ งถน่ิ ภิวตั น์” จงึ เปน็ เรอื่ ง
ทา้ ทาย เพ่ือนำ� เสนอสนิ ค้าและงานบรกิ าร กบั ตลาดท่นี กั ออกแบบไมเ่ คยสัมผัสมาก่อน ซงึ่ นอกจากสาระส�ำคญั
สำ� หรับนกั ออกแบบจะตอ้ งตอบสนองในเร่ืองของประโยชน์ใช้สอยและสุนทรียแล้ว โจทยข์ องวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ
ในแตล่ ะพ้นื ทกี่ ็มสี ่วนส�ำคญั อยา่ งยิ่ง ต่อการพัฒนาสินคา้ และงานบรกิ าร ดว้ ยการรวบรวมขอ้ มลู และการวิเคราะห์
เพื่อน�ำเสนอความคดิ แนวคดิ ใหมๆ่ และเป็นสิง่ สำ� คญั อย่างมากตอ่ การคน้ หาโอกาส (Opportunity)

18 วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สูง

ตัวอยา่ ง :

ศิลปหตั ถกรรมจากไม้ไผข่ องจังหวัดนครนายก ได้แรงดลใจจากลักษณะเดน่ และคุณสมบัติ
ของรูปเงาต้นไผ่มีลกั ษณะเป็นก้อนของมวลรูปทรงขนาดต่างๆ มรี ากแขนง รากฝอย เป็นเส้น
ส้นั ยาวตา่ งๆ กนั ไป น�ำมาตัดแตง่ สลักเสลา ส่วนของลูกเหง้า และรากให้เปล่ยี นรูปถ้าเป็นผู้สูงอายุ
มหี นวดเครารกรงุ รัง ในสว่ นของลำ� ตน้ ไผ่ก็ตดั ให้เรยี บไว้เปน็ ท่ีใสข่ อง บางส่วนของตน้ ไผ่มีล�ำต้น
ได้ขนาดมกี ารน�ำมาสรปุ และสลกั เปน็ ภาพชา้ ง และลวดลายต่างๆ ใหเ้ ปน็ ช่องลายตา่ งๆ ใหแ้ สง
ผา่ นได ้ ไวท้ �ำโปะ๊ ไฟ

ภาพที่ ๑๑ ภมู ิปัญญาเชิงช่างจากเหงา้ และรากไผข่ องรา้ นแปลก ตำ� บลหนิ ตัง้ อ�ำเภอเมือง จงั หวดั นครนายก

วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขั้นสงู 19

ประเทศทใี่ ชค้ วามคิดการพฒั นาดว้ ยการออกแบบและงานสรา้ งสรรคจ์ ากทนุ ทางวฒั นธรรมท่ีชดั เจน
ที่สุดในเอเชียคือ เกาหลใี ต ้ ตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมาประเทศเกาหลีใต้ประสบความส�ำเร็จอยา่ งมากต่อการส่งออก
“วฒั นธรรมเกาหล”ี (Korean Ware) ไปทว่ั ทกุ มมุ โลกผ่านงานภาพยนตร ์ ดนตรี นกั ร้อง แฟชัน่ ศิลปะการ
แสดง อาหาร และศลั ยกรรมทางความงามเปน็ ตน้ สนิ คา้ ทางวัฒนธรรมเหลา่ นีไ้ ด้ก่อใหเ้ กดิ รายได ้ และการ
จ้างงานภายในประเทศอยา่ งมากมหาศาล จนไดร้ ับการยกยอ่ งว่าเปน็ ประเทศ “Creative Economy”
หลังจากนั้น ประเทศจีนกไ็ ดด้ �ำเนนิ ตามตอ่ มาดว้ ยหลักว่า “การสรา้ งสรรค์อตุ สาหกรรมแบบพ้ืนฐาน
วฒั นธรรม” (Cultural Industry) เช่นทีเ่ กาะฮ่องกงไดน้ �ำเร่ืองราวของวัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ มาปรุงรสใหม่จน
กลายเป็นการออกแบบร่วมสมัย และสามารถเปลีย่ นมุมมองทศั นคตขิ องคนทั่วโลกต่องานออกแบบฮอ่ งกง
ไดค้ วามคดิ ใหมท่ ไ่ี ดผ้ ลการตอบรับที่ดีคือ ผลงานการออกแบบของรา้ น “G.O.D” (มาจากค�ำว่า “Good of
Desire”) ไดส้ ะทอ้ นความคิดการออกแบบอย่างเปน็ ฮอ่ งกงจรงิ ๆ หรอื Very Hong Kong Street Culture

ภาพท ี่ ๑๒ ตัวอย่างผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์จากรา้ น “G.O.D” อาศยั เรื่องราวจากวัฒนธรรมบนทอ้ งถนน
มาประยกุ ตป์ ระกอบลงไปในผลิตภณั ฑ์ปัจจุบนั
ที่มา : https: //good.com.hk
๑.๓ ธรรมชาตคิ วามคิดทางศลิ ปะออกแบบ
“สนุ ทรยี และความจรงิ ” ไม่ใช่ความจริงที่อยูน่ อกตวั เรา หากเป็นความจริงของมนษุ ย์สรา้ งข้นึ เพอ่ื สนอง
ความต้องการ ความปรารถนาและความจำ� เปน็ สว่ นตน เป็นความคิดที่มนษุ ย์สรา้ งขึน้ เพือ่ ใหโ้ ลกน้ีมีความหมาย
มีสสี นั มีความนา่ สนใจ มคี วามต่ืนตาตืน่ ใจ แปลกแตกตา่ งไปจากความคนุ้ เคยเดิม จากการรบั รู้แบบปกติของ
มนษุ ยด์ ้วยอายตนะทัง้ 5 บนพนื้ โลก ไปสู่ความคดิ ท่มี องกวา้ งออกไปสงู ขน้ึ ไป สคู่ วามสมั พันธเ์ กี่ยวเน่ืองของสิง่
ทั้งหลายท่ีมีอยใู่ นจักรวาล และโลกอนั ย่งุ เหยิงสลับซับซ้อน ความทา้ ทายจากปรากฏการณ์และประสบการณใ์ หม่
และเทคโนโลยีใหม่ของโลกและจกั รวาล ได้ชว่ ยใหม้ นุษยไ์ ด้คน้ พบความรู้ ความจรงิ และสนุ ทรียในมติ ิแปลกใหม่
อีกมาก

20 วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขั้นสงู

“อะไรคอื ความคิดทางศลิ ปะออกแบบ” คือจินตภาพของความเชือ่ พนื้ ฐานตอ่ สือ่ สิง่ ใดส่ิงหนงึ่ และข้ออา้ ง
ถงึ ความน่าจะเป็น หรอื เป็นไปไดอ้ ยา่ งหนง่ึ อย่างใดในโลกท่เี ปน็ ไปไดท้ างศลิ ปะออกแบบ น�ำทางภาพสะท้อนถงึ
ความปรารถนา ความสนใจ ความบนั ดาลใจในสอ่ื ส่ิงท่จี ะลงมอื ท�ำมันขึน้ มาใหป้ รากฏ และความคิดขา้ งตน้ น้ี คอื
สาระที่ศิลปนิ – นกั ออกแบบยึดถอื มนั มคี วามศรทั ธาเลือ่ มใสและยากจะลบเลือนไปจากจติ ใจที่ชอบและรสู้ กึ
ส่ิงนี้ถอื ได้วา่ เปน็ พน้ื ฐานความคดิ ทางศิลปะหรอื ออกแบบ หรือสรา้ งงานศิลปะอนั เปน็ ปัจจยั หลกั ต่อการตัดสินใจ
ว่าจะคดิ ท�ำอะไรต่อไป
“ความคิดทางศิลปะออกแบบ” ความมีอิสรเสรภี าพทางความคิด มลี กั ษณะของการคดิ ทำ� ในส่ิงที่ชอบ
และชอบท�ำในส่ิงทค่ี ิดไมเ่ ปน็ ทาสของสงิ่ ใด ไมว่ า่ จะเปน็ ศาสนาลทั ธคิ วามเช่ือและความคิดของตนเอง หากเปน็ ไป
เชน่ นไ้ี ด้ความคิดของเราจะน�ำไปสู่ การเขา้ ถึงแก่นสารของเนอ้ื ในทางความคดิ ศลิ ปะอนั ลมุ่ ลกึ สุกสว่างกวา่ ตาเหน็
ปกติจะรับรไู้ ด้ เป็นนามธรรมอนั สูงค่า ลำ้� คา่ ทางสุนทรียของความคิดความเขา้ ถงึ สารตั ถะอะไรใหมๆ่ แปลกๆ
ช่วยสร้างภาพความคิดทางศลิ ปะออกแบบ ดว้ ยรปู แทนความหมายจากส่ิงที่เราใชส้ ่อื สาระให้ผอู้ ่นื ได้รับรู้และรูส้ กึ
ในส่งิ เดียวกับความปรารถนาของเรา
ความมธี รรมชาตเิ ป็นศาสตร์อ่อน (Soft Science) และศาสตร์ประยุกต์ (Applied Science) ทางศิลปะ
ออกแบบเป็นอีกปัจจยั หนึ่งทเี่ ออ้ื อ�ำนวยความคิดและมมุ มองใหม่ทางศิลปะออกแบบใหส้ ามารถ ปรับขยบั
ประกอบซอ้ นหรือผสมผสาน ข้ามศาสตรส์ าขาไปมาระหวา่ งกันจนก่อเกดิ ความคดิ วธิ คี ิดแบบใหม่ๆ ได้ ท่ขี ยาย
พรมแดนความร้คู วามคิดใหก้ วา้ งขวางออกไป จนหาค�ำนยิ ามทางศลิ ปะวา่ คอื อะไร นับวนั จะยากขนึ้ ทกุ ขณะ

ตวั อยา่ งที่ ๑
ผลงาน “ประตมิ ากรรมเพอื่ การบำ� บดั เด็กออทิสติก” ของตฤณ กติ ตกิ ารอ�ำพล มีความ
คิดในการนำ� รปู ทรงโครงสร้างมูลฐานทางศิลปะมาใชใ้ นการบ�ำบดั เพื่อกระต้นุ ระบบประสาทสมั ผัส
และพัฒนากลา้ มเนอื้ มดั ใหญ่ กลา้ มเนื้อมดั เลก็ เด็กออทิสติก โดยพฒั นาเครอื่ งมือหรอื วตั ถสุ ่ิงของ
ประกอบและโครงสร้างมลู ฐานทางศิลปะใหม้ ีสุนทรยี เพ่ือกระตนุ้ การรับรเู้ รียนรูพ้ ร้อมไปกับผลท่ ี
ไดร้ บั จากการบ�ำบัดอกี สว่ นหนงึ่ ดว้ ย

วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบขั้นสูง 21

ภาพที่ ๑๓ ตฤณ กติ ตกิ ารอ�ำพล ประติมากรรมบ�ำบัดเดก็ ออทิสติก ศูนย์การศกึ ษาพิเศษเขต ๑๒
อ�ำเภอบา้ นบงึ จังหวัดชลบรุ ี

22 วิธคี ิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง

ตัวอยา่ งที่ ๒

ผลงาน “เยบ็ แผ่นดิน” ของพิน สาเสาร ์ มคี วามคดิ ในการใช้กระบวนการศลิ ปะ เพื่อ
เยยี วยาบาดแผลความขัดแยง้ ในอดตี ของประชาชนทีม่ ีภูมลิ �ำเนาและดำ� เนินชีวติ ตามแนวพรมแดน
ของไทยและกมั พูชา ได้รบั ภยั ภิบัตจิ ากหนุ่ ระเบดิ ทีย่ งั หลงเหลืออยเู่ ป็นจ�ำนวนมาก เป็นความทุกข์
กายและใจมาโดยตลอดแม้สงครามจะยุติลง การอาศยั กระบวนการศลิ ปะจะชว่ ยเสริมสร้างความ
เป็นมติ รไมตรี ความเขา้ ใจอันดีระหว่างสองประเทศให้เข้ามาหากนั ติดตอ่ กันเปรยี บเสมอื นการสลาย
เส้นแบง่ พรมแดนรัฐชาติสมยั ใหม ่ ดว้ ยกระบวนการสรา้ งสรรค์ศลิ ปะ เปน็ กิจกรรมศิลปะอย่าง
หลากหลายทีจ่ ะดึงประชาชนและผเู้ กี่ยวขอ้ งจากสองประเทศ (แผ่นดิน) ใหเ้ ขา้ มาร่วมกนั เปน็ ตน้ ว่า
ฝ่ายความมนั่ คง นกั ปกครอง นกั ขายอปุ กรณ์ เทคนิคทางการแพทย ์ นกั กายภาพบาํ บัด ผู้พกิ าร
ขาขาดจากกบั ระเบดิ นกั ศกึ ษาศิลปะและศลิ ปิน ความเป็นไปได้ของโครงการศิลปะชดุ น้ี นอกจาก
จะสร้างความร่วมมือระหวา่ งกัน ติดตอ่ ประสานเขา้ ดว้ ยกนั แล้ว ยังเปน็ การสลายเสน้ แบง่ ศาสตร์
สาขา วชิ าชีพให้เขา้ มาท�ำกิจกรรมทางศิลปะรว่ มกนั มาบรู ณาการดว้ ยการผนึกก�ำลังอยา่ งมคี วาม
น่าสนใจยงิ่

วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบขน้ั สงู 23

ภาพท ่ี ๑๔ พิน สาเสาร์ “เย็บแผ่นดิน” โครงการสร้างขาเทียมลายศลิ ปใ์ ห้กบั ผู้ได้รบั ผลกระทบจากกับ
ระเบดิ จากประเทศไทยและกมั พูชา

24 วิธคี ิดทางศิลปะออกแบบขนั้ สงู

ความคิดทางการออกแบบมธี รรมชาติของการถ่ายทอดสิ่งทอี่ ยใู่ นความคิด หรือภายในใจออกมาสูโ่ ลก
ภายนอก เพอ่ื ก�ำหนดมาตรฐานและแนวทาง (Standard & Guideline) ในการผลติ และพัฒนาชิน้ งาน
(Applied) มีลกั ษณะไมเ่ ปน็ ไปตามธรรมชาต ิ และถกู สร้างข้ึนโดยฝีมอื มนษุ ยแ์ ละเทคโนโลยี เรยี กผลติ ภัณฑ ์
เรมิ่ แรกจากสิ่งท่ีมนุษยท์ �ำขนึ้ ว่า “สิ่งประดิษฐ์” (Invention) อนั เป็นเทคโนโลยพี ้นื ฐาน ต่อมาไดอ้ อกแบบพัฒนา
ไปส่ผู ลติ ภัณฑใ์ หม่ มีคุณคา่ และการใชส้ อยดขี ึ้นกวา่ เดมิ จะเรยี กวา่ “เทคโนโลยสี ง่ิ ประดษิ ฐ”์ และเทคโนโลยี
ขบั เคล่อื นนวตั กรรม (Innovation) ตามล�ำดับเพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการใช้สอยของมนุษย์ในโลกศตวรรษท่ี ๒๑
ที่มีความแตกต่างหลายของความคิด ความเชอ่ื และเพศสภาพเป็นตน้
ดังน้นั ธรรมชาตขิ องศาสตรอ์ ่อน ศาสตรป์ ระยุกต์ทางศลิ ปะออกแบบจงึ มีผลตอ่ “ความคดิ แบบยดื หยุ่น”
(Flexibility) ในความนัยของคำ� สำ� คญั นเี้ ป็นอยา่ งมาก ถงึ ความนา่ จะเปน็ (Possibility) และความเปน็ ไปได้
(Possibility) ทางศิลปะออกแบบ ในโลกที่เปน็ ไปได้อย่างไร้ขอบเขตดว้ ยจิตภาพทางการคิด (Probability) และ
จินตนาการอันทรงพลังสรรค์สร้างสื่อสง่ิ และนวัตกรรมอยา่ งไม่รจู้ บ (ดูรายละเอียด ข้อ ๑.๔.๓)
การครนุ่ คิด การคน้ ควา้ การแสวงหาและการผจญภยั ทางความคดิ อยเู่ ปน็ ลำ� ดบั เพอ่ื บ่มเพาะความคิดอ่าน
ใหม้ ีความกระจา่ งในประเดน็ และ มคี วามแหลมคมของความคิดในมิติมุมมองใหม ่ และความลมุ่ ลึกลึกซึ้งทาง
ศิลปะออกแบบจึงเป็นเรือ่ งส�ำคัญ เพอ่ื หาทางออกอย่างเหมาะสมวา่ ความคิดแนวคิดแบบใดมีความชัดเจนถกู ต้อง
และมีความเปน็ ไปไดแ้ ละแนน่ อนว่า คำ� ตอบตอ่ ความคดิ นจี้ ะไมม่ เี พียงค�ำตอบเดียว เสน้ ทางเดียวเช่นวธิ กี าร
ทางวทิ ยาศาสตร ์ (Scientific Method) แตจ่ ะมรี ปู นยั ความนยั ของรูปการณ์หรือเกณฑ์อนั เปน็ ค�ำตอบในความคดิ
มอี ยู่มากของความรู้ ความจริง และความงาม (สุนทรีย) ตามทีศ่ ลิ ปินนักออกแบบได้คน้ พบสอ่ื ส่งิ ใหมอ่ ยตู่ ลอดเวลา
๑.๔ สาเหตุการกอ่ ความคดิ ทางศิลปะออกแบบ
เรื่องของความคดิ หรือจติ ภาพทางศิลปะออกแบบ มีสาเหตกุ ารกอ่ ความคิดใหเ้ กิดขน้ึ ปรากฏข้นึ มีหลาย
ทาง และเปน็ ไปตามเหตุปัจจัยของสิ่งท่ีมากระทบการรับร้จู ากโลกภายนอกคอื ธรรมชาต ิ ส่งิ แวดล้อม สังคม
วัฒนธรรม ฯลฯ และการรบั ร้สู กึ จากโลกภายในคอื ความคดิ จนิ ตนาการ ความปรารถนา ความร้สู กึ Passion
เปน็ ตน้ โดยจำ� แนกรายละเอยี ดดงั นี้
๑.๔.๑ ส่งิ เร้าและแรงจูงใจ ท่มี าของการคิดและสาเหตุอนั เป็นต้นทางของความคิดศลิ ปะ
ออกแบบคอื “ส่งิ เร้า” (Stimulus) จากปรากฏการณ์ สถานการณ ์ และปัญหาท่เี กิดขึ้นในชีวิตประจ�ำวนั ลว้ น
กระตนุ้ การรับรู้ทางการเหน็ การได้ยนิ และการเคลอื่ นไหว ใหร้ ู้คดิ รสู้ กึ ไปกับรปู ความหมาย ทว่ งทำ� นองของภาพ
และเสยี งในความนกึ คิดต่างๆ นาๆ ไม่มขี อบเขตแนน่ อน บางครง้ั กเ็ ป็นไปตามสิง่ เรา้ จากการกระตนุ้ ทำ� ให้จติ
ใส่ใจกบั ส่งิ เร้า และสมองน�ำขอ้ มูลหรือความรทู้ ไี่ ดม้ าประมวล เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลจากการคดิ แบบใดแบบหน่ึง
“สงิ่ เร้าทางศิลปะออกแบบคอื อะไร?” คอื สอื่ สง่ิ หลายลักษณะหลายแบบทมี่ ีคุณสมบัตแิ ละคณุ คา่
ก่อให้เกดิ พฤติกรรม (Behavior) บางสงิ่ บางอยา่ งต่อตวั เรา พร้อมไปกบั ชว่ ยสรา้ งแรงจูงใจ (Incentive) และแรง
บันดาลใจ (Inspiration) ใหเ้ กิดขน้ึ กับตวั เราด้วย สภาวะขา้ งตน้ เป็นอาการแสดงของอนิ ทรีย ์ (Organism) ได้
ตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ที่มากระทบอายตนะน้ัน (ตา ห ู จมกู ปาก และสัมผสั ) ให้เกิดปฏกิ ิรยิ าของการแสดงออก
ทางความรู้สึก ความคดิ และจินตนาการ หรือ “สงิ่ ทีต่ อ้ งคดิ ” (Have to Think)

วิธคี ิดทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สูง 25

ภาพท ่ี ๑๕ พีต มอนดรีอนั ไดร้ บั แรงบันดาลใจและส่งิ เรา้ จากสิ่งแวดลอ้ มภายนอกของบ้าน ตน้ ไมแ้ ละ
เงาสะทอ้ นในสระน้ำ� ในชนบท จนพัฒนาไปสู่การเขยี นภาพจิตรกรรมแบบเหมือนจรงิ ตามการเห็นใน
ระยะเริ่มต้น และทค่ี ลายแบบอย่างด้วยการลดทอนภาพของรปู ความจริงลดนอ้ ยลงไปเป็นล�ำดบั และ
กา้ วไปสแู่ บบนามธรรมบรสิ ุทธ์ิในผลงานตามแนวคดิ Neo-plastic ซ่ึงส่องทางงานออกแบบ Furniture
Fashion design ต่อมา
ทมี่ า : ปรบั ปรงุ จาก John Canaday. What is Art. Hutchinson, ๑๙๘๐

26 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสูง

สงิ่ เรา้ ที่กอ่ ให้เกดิ แรงจงู ใจ การตราตรึง การตอบสนองแรงกระตุ้นใจ (Impulse) มีท่ีมา ๒ ทางคอื
(๑) แรงกระตนุ้ จากภายนอก (Outside Impulse) ไดแ้ ก่ ธรรมชาต ิ สงิ่ แวดล้อม สงั คม วัฒนธรรม
เทคโนโลย ี สถานการณ์ เหตุการณ ์ ฯลฯ เปน็ ปรากฏการณส์ ภาวการณท์ ี่มากระทบจติ ใจให้คิด (ชอบ - รสู้ ึก)
เพอ่ื นำ� มาแสดงออกใหเ้ กดิ ผลเปน็ ภาพแทนจากการรบั รู้จากแรงกระต้นุ ภายนอก กรณที ศั นศิลป์จะนำ� เสนอออกมา
เป็นจนิ ตภาพทางทศั น ์ (Visual Image) โลกภายนอกท่ีมองเหน็ ได้ด้วยคณุ สมบัติของรปู และความหมายอยา่ งใด
อยา่ งหนึ่ง ตามแรงคดิ จิตชอบและใจรสู้ ึกตอ่ ผลกระทบจากสิ่งเร้าภายนอกน้นั (ภาพท ี่ ๑๕)
การรับรู้ของตะวนั ตกจะใหค้ วามสำ� คญั กับ ภาพความคิดจากโลกภายนอกตามทเี่ ห็นจริง และเปน็ จรงิ
เป็นหลัก โดยเช่ือว่าการรบั รูจ้ ากอายตนะท้ัง ๕ และประสบการณต์ รงนั้น จะนำ� มาซ่งึ ความรู้ความจริงไดส้ มจรงิ
จนนำ� ไปส่กู ารถา่ ยทอดรปู แทนของโลกภายนอก จากส่ือสง่ิ ทั้งหลายไดต้ ามทม่ี ันเป็น และเปน็ ไปไดอ้ ย่างน่าเช่อื ถอื
จนเกิดความคิดทางศิลปะออกแบบในแบบอยา่ งต่างๆ จากการรับรู้โลกได้แก่ เลียนแบบนิยม (Imitationalism)
เหมอื นจรงิ ใหม่ (New Realist) ศลิ ปรปู ลักษณ ์ (Figurative art) Virtual Reality เป็นตน้ (ภาพท่ ี ๑๖)

ภาพที ่ ๑๖ แสดงพัฒนาการของภาพความจรงิ ทางศลิ ปะในแต่ละชว่ งเวลา มองเห็นความคิดแนวคดิ ของลทั ธิ
ความเช่อื และความเข้าใจต่อการมองโลกเกยี่ วกับภาพความจริงเปน็ ล�ำดับ เร่ิมตั้งแตม่ มุ มองแบบ
surrealist เปน็ ล�ำดบั จนถงึ Abstract และ land-art หรือภมู ศิ ิลปต์ ามลำ� ดบั
ที่มา : John Russell. The Meaning of Modern Art. ๑๙๘๕

วิธีคิดทางศลิ ปะออกแบบข้นั สูง 27

(๒) แรงกระตุน้ ภายใน (Inside impulse) ได้แกค่ วามหมายของโลกภายใน ความจ�ำเปน็ ภายในตวั
เปน็ การถา่ ยทอดออกมาของความปรารถนา Passion จินตนาการ ความเช่อื ความรู้สกึ ให้เกดิ ผลเปน็ ภาพแทน
จากความนึกคดิ เป็นมโนภาพ การคดิ ฝันจากปจั จัยภายในออกมาเป็น “จนิ ตภาพทางใจ” (Mental image)
หรอื จนิ ตภาพภายในของพวกจนิ ตนาการทางสมองจาการคดิ และจิตใจชอบและรู้สึก
ภาพแทนทางความคิด (จติ ภาพ) ไมต่ อ้ งแสดงให้เหน็ ความจรงิ หรอื สาระขอ้ มลู ท่ีเป็นจริงทแ่ี ฝงเร้นอย ู่
ในธรรมชาติ หากเป็นการออกแบบภาพจากความจําเปน็ ภายในอาศัยเชาว์ปัญญาช่วยนำ� มโนภาพภายในจากเรอื่ ง
จนิ ตนาการในสมอง มาแสดงออกให้เหน็ ภาพแทนทางศิลปะออกแบบ เปน็ ความจรงิ จากการหยง่ั รู้ดว้ ยญาณเจาะ
ทะลุลงไป คน้ หาความรู้ความจริงทางใจใหม ่ ไมผ่ า่ นกระบวนการคดิ หรือเหตผุ ลแตเ่ ปน็ การเข้าใจดว้ ย
สัญชาตญาณจากการรู้สกึ เอง และหยั่งรถู้ งึ ความเป็นไดข้ องรูปความหมายทางศิลปะออกแบบ
โลกตะวนั ออกจะใหค้ วามส�ำคัญกับเร่ืองของจติ วิญญาณ (Spiritual) หรอื โลกภายในเปน็ ตัวก�ำหนดสื่อสง่ิ
ทรี่ บั รู้นกึ คิดไดต้ ่างๆ โดยเชื่อว่า จติ (Citta) เปน็ ตัวสมั ผัสของเชาว์ปัญญา สร้างเปน็ สญั ญาขึ้นในใจหรือจิตใจ
ด้วยรปู และนามเปน็ ช่อื นนั้ เป็นรปู นัน้ ตามจติ สัมผัสเห็นและ วญิ ญาณ (Spirit) คือ รปู ความหมายอนั บริบูรณ์
ด้วยความรู ้ ความมีเหตผุ ล ความมีชีวิตของความรแู้ ละปัญญา
ความคดิ ทางตะวนั ออกจะเป็นการสังเคราะหท์ างความคิด และความรูส้ ึกทางสมองผ่านพลงั ของ
จนิ ตนาการการหยัง่ เหน็ ไปตามสภาวะ และเงือ่ นไขไปตามรูปนยั อนื่ ในวัฒนธรรมพราหมณ ์ พทุ ธได้น�ำมาผสม
จนเป็นเนือ้ เดยี วกนั ด้วยการคดิ ค�ำนวณเชงิ จินตนาการผา่ นอดุ มคตทิ างสุนทรีย มีความบรสิ ุทธข์ิ องพลงั ทสี่ ุขใสลึก
ซงึ้ ในความสมบรู ณ์ของจิตอันชดั แจ้ง จากความปิตเิ ลศิ ลอยของอารมณน์ น้ั
การคดิ และออกแบบความหมายในวฒั นธรรมทางจติ วญิ ญาณจะอาศัย “ญาณสมาธิ” เป็นวถิ ีทาง
สรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะทุกรูปแบบ ดว้ ยการก่อรปู ก่อรา่ งมาจากปรัชญาทางสุนทรียในจกั รวาลของอุดมคติ มคี วาม
พิถีพถิ นั ละเอียดถถ่ี ้วนในแตล่ ะสว่ นของรปู ลักษณะโดยการคิดคำ� นวณทางจนิ ตนาการ (Calculative
Imagination) ด้วยการอาศัยระบบมาตรฐานเชิงอดุ มคติ (Ideal Matra) มากกวา่ สาระของสุนทรียจากการรบั รู้
ส่วนใดสว่ นหนงึ่ จากธรรมชาติท่พี บเหน็ ได้โดยตรงบนพ้นื โลก

ตวั อย่าง : การกอ่ รูปสญั ลกั ษณท์ างอดุ มคติ

“การวาดหรอื ปั้นรปู เคารพทางศาสนาพราหมณ ์ พทุ ธ ตามคติความเชือ่ ของตะวนั ออก
ตอ้ งสรา้ งใหม้ ีสุนทรียอันวิเศษเหนือบคุ คลทว่ั ไป มหาปุริสลกั ษณ อนั สมบูรณ ์ สามารถช่วย
สรรพสตั ว์ขา้ มสังสารวัฎไดจ้ ำ� นวนมาก การถ่ายทอดต้องถอดบคุ ลกิ ลกั ษณะ คณุ วิเศษออกมาให้รับรู้
ได้ถึงความเปน็ รปู ทิพย์ ความมีพลังอำ� นาจเหนอื มนุษยท์ ัง้ ปวง ให้มีเป้าหมายไปสกู่ ารรบั สนุ ทรียรส
ที่ถึงพรอ้ มไปด้วยความปติ สิ ุขใจจากรูปความหมายอันสงู คา่ น้ัน”

28 วิธคี ดิ ทางศิลปะออกแบบขน้ั สูง

ภาพท่ี ๑๗ ประตมิ ากรรม “ศวิ นาฎราช” สมั ฤทธแิ์ บบอินเดียใต ้ หมายถงึ อวิชาในสมยั ศิลปะโจฬะ
ภาพที่ ๑๘ การออกแบบลายเส้นพระมญั ชุศรโี พธิสัตวป์ างยมานตกะแบบทเิ บต มีองคป์ ระกอบหลักของปาง
คอื พระขรรค ์ พระสูตร สิงโต ดอกบวั มงกุฎ คว้ิ และลกั ษณะเคร่อื งแตง่ กายและเครอ่ื งประดับกาย
(ภาพซ้าย) วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบหลักของระมญั ชศุ รีโพธิสตั ว์ (ภาพขวา)
ทม่ี า : Xia Fei “การสร้างศิลปะภาพเคลอ่ื นไหวเพื่อนำ� เสนอแนวคดิ ปัจจบุ นั ของพุทธศาสนาแบบทเิ บต
ทส่ี อดคลอ้ งกบั การรับรู้ของเยาวชนจนี ด้วยการประยกุ ต์ใช้สื่อมัลตมิ ีเดยี สมยั ใหม”่ พ.ศ.๒๕๖๒

วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สงู 29

๑.๔.๒ การเปลี่ยนกระบวนทัศนะ เป็นกระบวนทัศน์ (Paradigm) หลงั สมัยใหม่นิยมของ แผนท่ ี
เข็มทศิ ลายแทง หรือเครอ่ื งมอื ที่ประชาคมวชิ าการ ประชาคมหน่ึงประชาคมใดน�ำมาใช้อธิบายเหตผุ ล
ปรากฏการณท์ างสังคมวัฒนธรรมใหม่ เปน็ กระบวนทศั น์ที่มพี ลังมากกวา่ และมีความแกร่งท่ที ้าทายกระบวนทัศน์
เดมิ จนส่งผลให้กระบวนทัศนส์ มัยใหมน่ ิยมเดิมเริ่มลดความสำ� คัญลงไปเป็นล�ำดบั โดยมปี ระเดน็ ปรชั ญาทาง
วิธีคิดที่มองเหน็ ย้อนแย้งกบั ความคิดความเชื่อเดมิ ในทกุ กรณเี ช่น “สงั คมพหุนยิ ม” มคี วามคิด ความเชอ่ื และ
ธรรมชาตทิ ี่แสดงออกมาอยา่ งหลากหลายยากต่อการสรปุ ความร้คู วามจริงว่าควรจะเปน็ ไปอย่างใด จึงถูกต้อง
เหมาะสมหรือสมควร
“คนไม่สนใจสัจธรรม” (Truth) ละเลยความถูกต้องชอบธรรมของกฎเกณฑ์ศลี ธรรม ขอใหส้ กั แต่วา่ ใช้
เทคนคิ วิธกี ารอะไรก็ได้ จะมีสนุ ทรียหรือไม่มไี มใ่ ช่สาระ ขอให้ได้แสดงออกถือวา่ สมบรู ณ์แล้ว “อะไรจรงิ อะไร
หลอก” (Reality-Virtual Reality) ในการนำ� เสนอเป็นสิ่งท่ีแยกออกจากกนั ได้ยาก คนผูร้ บั สื่อยนิ ยอมและพอใจ
ท่จี ะถูกหลอก ใหจ้ มลงไปสโู่ ลกเสมอื นจรงิ เปน็ ภาพมายาท่ีมอมเมา หรอื สร้างใหด้ นู ่าเชอ่ื ถือเป็นต้น

ตวั อย่าง :

การออกแบบศตวรรษท่ี ๒๑ ในโลกของความจริงเสมือนทุกสง่ิ อยา่ งจาก Sensor Network
สู่การทำ� งานแบบinteractive Surface มนั ไดก้ ลายเปน็ สอื่ ใหมห่ รอื platform ของการสอื่ สาร
ปัจจบุ นั ผลงาน “Participatory Universe” ของ Hyun Ju Yang, Art Center College of
Design Pasadena California U.S.A ทำ� งานออกแบบร่วมไปกับนกั วทิ ยาศาสตร์จากมหาวทิ ยาลยั
เกาหลีใต้และสถาบนั เทคโนโลยแี คลิฟอร์เนีย (ศาลเด็ก) Yang ออกแบบโปรแกรมแบบผสมผสาน
ภาษาทางทศั นก์ ับ Physics Quantum เปน็ ต้น ออกมาในรูปของการออกแบบไดอะแกรม
แอมิเนชั่นภาพจ�ำลองและ Interactive Kiosk

30 วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบข้ันสูง

ภาพที่ ๑๙ Hyun Ju Yang กับงานออกแบบ Media Design หลกั การผสมผสานสอื่ เทคโนโลยีแบบล�ำ้ ยคุ
สร้างภาพทางทศั น์แบบใหม่มคี วามแตกต่างให้ชวนคดิ
ท่ีมา : Art center ๒๐๑๑ – ๒๐๑๒ Pasadena
ความเช่ือและค่านิยมทไ่ี ม่รูว้ า่ จะเปน็ ไปในทิศทางใดของสงั คมหลังสมยั ใหม่ในศตวรรษท่ี ๒๑ ไดเ้ ปน็ พลงั
ขบั ดนั ท่นี �ำไปสกู่ ารคดิ ที่มคี วามยุ่งยากหรอื ซับซ้อน มผี ลใหท้ ศิ ทางของศลิ ปะหรอื ออกแบบเช่น Media Art,
Multi media Art High Design Media Design Environment Design ไปสู่ประสบการณม์ นุษยด์ ว้ ยการ
ออกไปหาศลิ ปะนามธรรมท่ีไมจ่ ำ� ลอง (Represent) แบบของจรงิ ส่งิ ใดในโลกของวัตถุเลย
รปู ทรงในการแสดงออกทางศลิ ปะ ไม่มีกระบวนแบบ แบบอยา่ ง จำ� เพาะ แตเ่ ปน็ กระบวนแบบรวม
เกิดจากการเก็บเอารูปลักษณ ์ (Motifs) รปู ทรง หรือเนือ้ หาสาระจากสง่ิ ท่ีศลิ ปนิ นกั ออกแบบเหน็ วา่ เหมาะสม
จากงานศลิ ปะ หรอื งานออกแบบในอดีตนำ� มารอ้ื สรา้ ง (Deconstruction) หรอื สร้างทวนซ้ำ� ใหม ่
(Reconstruction) ใหเ้ กดิ ความเปน็ ไปได้ใหมๆ่ แบบต่างๆกนั ไป (ภาพท่ ี ๒๐)
“กระบวนทศั นศ์ ิลปะใหม่” กับโลกใบใหม่กบั ความสบั สนวนุ่ วาย ผสมผเสปนเปกนั ไปเชน่ ทกุ วนั นี้
การหาความคดิ หรอื วธิ คี ิดอยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ งกนั ไป ตามบรบิ ทในสงั คมวัฒนธรรมใหมเ่ ช่นน ้ี การตง้ั โจทย์
และค�ำถามดว้ ยแนวทางและวิธีการเดมิ อาจไม่ตอบปัญหาทางสุนทรยี ะไดต้ รงจุด หรือแก้ปัญหาการออกแบบ
ได้โดยตรง เนอื่ งจากความรู้ความจริงทางสนุ ทรียะและศลิ ปะปัจจบุ ันเคลือ่ นไปในทกุ ขณะ และมีความเป็นไปได้
ในแตล่ ะแบบแทบท้งั สิ้นท้ังเชิงบวกและเชงิ ลบ ขนึ้ อยู่กบั วา่ ผคู้ ดิ ผสู้ ร้างผอู้ อกแบบ จะมองเห็นและเข้าถงึ แก่นสาร
ดงั กลา่ วมากน้อยเพยี งใด

วิธคี ิดทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สงู 31

ภาพท่ี ๒๐ แสดงการหยบิ ยมื ความคิดผลงานของบราก + ปิกัสโซ จะได้ผลงานจากการสังเคราะห์ใหม ่ และ
แนวคิดของพตี ์ มอนดรอิ ัน น�ำมาต่อยอดความคิดใหม่ผา่ นผลงานออกแบบเฟอร์นเิ จอร์และการ
ออกแบบเสอื้ ผา้
ความน่าจะเป็นของศิลปะใหม่และออกแบบใหมใ่ นอนาคต คงไม่มแี นวทางและวิธกี ารเดียวหากมคี วาม
แตกตา่ งหลากหลายเหมอื นแสงจากรศั มที ่แี ตกออกไปหลายทิศทาง หรอื เสน้ ทางน้ำ� ทแ่ี ยกออกไปหลายสาย
การหาเสน้ ทางหรือแนวทางอย่างเหมาะสมเพอื่ จะคดิ อะไรในสิ่งแปลกใหม ่ แหวกแนว นอกกรอบ นอกกระแส
น้นั ต้องอาศยั วธิ คี ิดด้วยการศกึ ษาขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ มูล สงั เคราะห์และบรู ณาการข้อมูลจากบริบทและปัจจยั
จากส่ือสงิ่ ต่างๆ ให้กวา้ ง รอบ และลึกจนมคี วามอ่มิ ตวั
หลังจากนนั้ จึงน�ำชดุ ความรตู้ ่างๆ หรอื ผลกึ ความคิดความรใู้ นข้นั ท้ายสดุ ทีไ่ ด้รบั นนั้ นำ� มาผสมผสาน
หลอมรวม ถกั ทอ ในรูปเคา้ โครงของแบบจ�ำลองทางความรใู้ หม ่ การสร้างสรรคใ์ หม่เป็นต้น ผลทไ่ี ดจ้ ะเปน็ รูป
นามใหม่จากขอ้ มลู เดมิ ทีม่ สี สี ันมชี ีวติ ชวี า (รายละเอียดจะกล่าวถึงในบทท่ี ๕ การสังเคราะหก์ อ่ ผลกึ ความคิดรแู้ จง้ )

32 วิธีคดิ ทางศิลปะออกแบบขัน้ สงู

๑.๔.๓ เงื่อนปม - ปริศนาของโลกใหม่ ความเป็นไปของภูมิทศั นว์ ฒั นธรรมและทางทศั น์ใน
ศตวรรษที่ ๒๑ คือ การเปลย่ี นผา่ นของกาลเทศะอยา่ งรวดเร็ว จากช่วงเวลาหนึ่งก้าวขา้ มไปอีกชว่ งเวลาหน่งึ
ทัศนียภาพทางวัฒนธรรมและวัฒนธรรมจอภาพสื่อใหม่ทางศิลปะ พืน้ ทท่ี างศิลปะ (Art Space) Cyber
Space เปน็ ตน้ ปรากฏการณ์ดงั กล่าวลว้ นเป็นปจั จัยตอ่ การเปลยี่ นผ่าน “ความเป็นมนษุ ยท์ างกายภาพ”
(Physical Humanity) ไปสู่ “ความเป็นมนษุ ย์ทางดิจทิ ัล” (Digital Humanity) มีผลเช่ือมโยงไปสรู่ ะบบ
ความเปน็ สงั คมเดมิ ให้กา้ วขา้ มไปสู่ระบบเทคโนโลยีทางสงั คมใหมห่ รือ Social Technical System คือ
เทคโนโลยีมีผลต่อวฒั นธรรมการด�ำรงชวี ติ ในทกุ ส่ือสิ่ง
พลวัตของโลกและกระบวนทศั น์ใหม่ไดน้ ำ� มาซึ่งโอกาส และความทา้ ทายของศลิ ปิน นกั ออกแบบทาง
ศิลปะประยุกต์ ในการคดิ คน้ แสวงหาความเปน็ ไปได้ใหม่ๆ ของการสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะและการออกแบบให้
สอดคล้องกบั โจทย์ใหม่ที่มีความท้าทายน้ ี ผนู้ �ำร่องทางความคดิ ต่อกระบวนทศั นด์ ้านการออกแบบสรา้ งสรรค์
ชุดใหม่ไดแ้ ก่ ประเทศเกาหลีใตใ้ ชแ้ นวคิด “เศรษฐกิจสรา้ งสรรค”์ (Creative Economy ) เปน็ แบบจำ� ลอง
(Model) การพัฒนาประเทศดว้ ยการนาํ ทุนทางวัฒนธรรมของเกาหลเี ช่น อาหาร ดนตรี การแสดง ภาพยนตร ์
เป็นทุนการสรา้ งสรรค์เป็นสินค้าผลิตภัณฑ์ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ขณะทป่ี ระเทศสิงคโปร ์ ใช้แนวคดิ
“Smart Nation” ออกแบบระบบเทคโนโลยเี ป็นแบบจำ� ลอง (Model) การพฒั นาประเทศ เชน่ เดียวกบั
ประเทศองั กฤษใช้แนวคดิ “การออกแบบนวตั กรรม” (Design Innovation) เป็นแบบเพ่อื สรา้ งผลิตภัณฑใ์ หม่
ของประเทศเปน็ ต้น
“ประเทศไทย” ในบริบทของโลกใหมแ่ ละศตวรรษใหมม่ ปี ัญหาอันเป็นเงอ่ื นปม มภี ยั คุกคามอนั เปน็
ความท้าทายอยูม่ ากและเปน็ กบั ดกั ของชาติใหป้ ระเทศไทย ไม่สามารถก้าวข้ามไปส่ปู ระเทศทีม่ ีรายไดส้ ูงขน้ึ ได้
ไมว่ า่ จะเปน็ เรื่องของ สงั คมผู้สูงอาย ุ คนรุน่ ใหม่ทง้ิ ถ่ิน เกษยี ณไมพ่ อกิน และเยาวชนหลดุ ออกนอกกรอบ
ลว้ นเป็นทงั้ ปริศนาและโจทย์ใหต้ ้องขบคดิ กันตอ่ ไป โดยเฉพาะอะไรคอื ทกั ษะ เครอ่ื งมือและพฤตกิ รรมใหม่ ใน
ศตวรรษท่ี ๒๑ และอะไรคือทกั ษะใหม ่ เคร่ืองมอื ใหม ่ และชดุ ลกั ษณะนิสัยใหม ่ อันเป็นประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธิผลใหม่
๑.๔.๔ จนิ ตนาการคิดสรา้ งสรรค ์ จินตนาการ (Imagination) คือการคิดเดา นึกฝัน สมมตุ ิ
ข้นึ แต่งขนึ้ คิดขึ้นเอง เป็นการกระท�ำหรือพลงั อำ� นาจของจติ ไดส้ รา้ งรูปทมี่ ไิ ด้มใี หป้ รากฏเห็นหรือสรา้ งรปู ที่
พเิ ศษพิสดารกว่าสิง่ ท่ไี ด้เห็นขนึ้ ในจิต เป็นการกระทำ� หรือพลงั อ�ำนาจทีส่ ร้างมโนคติข้ึนในจิตใจ จากการผสม
ผสานกนั ของประสบการณต์ า่ งๆที่ผ่านมา
จินตนาการเป็นความคดิ (จติ ภาพ) ทกี่ วา้ งไม่มีขอบเขต มคี วามคดิ สรา้ งภาพแบบแปลกใหม่ ซงึ่ ความคดิ
แบบแปลกๆ ต่างนอกกรอบนอกคอกลว้ นต้องอาศยั จินตนาการเปน็ สิง่ รเิ รมิ่ เพอ่ื ชว่ ยขยายพรมแดน ของความ
คิดให้เกดิ ส่ือสงิ่ ใหม่เพม่ิ มากขึ้น ด้วยเหตุว่าความร้ขู องมนษุ ย ์ มีขอบเขตจ�ำกดั กว่าจินตนาการซึ่งมีความกว้างไกล
ไรข้ อบเขต มีความกา้ วหน้าและพัฒนาจนก่อกำ� เนดิ เป็นนวตั กรรม งานสร้างสรรค์ สงิ่ ประดษิ ฐ์ต่างๆ มาก
อลั เบรติ ์ ไอสไตน ์ (Albert Einstein) ไดเ้ คยกลา่ วเก่ียวกับจนิ ตนาการไว้วา่
“Imagination is more importance than Knowledge. For Knowledge is limited whereas
imagination embraces the entire world, stimulating Progress, giving birth to evolution”

วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขั้นสูง 33

จินตนาการมคี วามส�ำคัญอยา่ งย่งิ ในการคดิ สรา้ งสรรคศ์ ิลปะออกแบบทกุ สาขา มีความหมายใกลเ้ คยี งกบั
“มโนภาพ” (Conceive - Conception) ตา่ งกันตรงมโนภาพเกดิ จากหลักการและแนวคิดของตนเองมหี ลาย
ระดบั ตงั้ แต่ง่ายจนถงึ สลบั ซบั ซอ้ น งานศลิ ปะบางช้นิ จึงมอี งคป์ ระกอบท่ยี ิ่งใหญส่ ลับซบั ซอ้ นมาก เร่ืองของ
จินตนาการไม่ไดเ้ กดิ ข้ึนเฉพาะภายในหอ้ งท�ำงานของศิลปินเทา่ นนั้ หากแตเ่ กดิ จากการส่ังสม และต่อยอดมาจาก
ภายนอกห้องทำ� งานของศลิ ปนิ เปน็ ตน้ วา่ เครอ่ื งมือ อุปกรณแ์ ละสอ่ื อะไรต่างๆ ลว้ นเปน็ องค์ประกอบแหง่ ความ
ส�ำเร็จท้งั ส้ิน สัจธรรมของจนิ ตนาการคือ “ พลงั ทีใ่ สลึกซงึ้ ในชอ่ งวา่ งของจติ มีเหตผุ ลจากความปิติยินดอี นั สงู ค่า
ตามสภาวะอารมณช์ ่ัวขณะทมี่ ี”
ศิลปินบางคนอาจเกิดประกายความคดิ ข้ึนมา ในขณะกำ� ลงั เดินขา้ มถนนหรือฟงั เพลง เช่นเดยี วกับศิลปนิ
ไดพ้ รงั่ พรูความคดิ ขน้ึ มาในใจ ขณะจ้องมองท่กี รอบภาพหรือคียบ์ อรด์ พวกเขาจะแสดงความรสู้ กึ ที่ออกมาตาม
มโนภาพ จนิ ตภาพ ท่ีได้สรา้ งไวแ้ ลว้ ภายใน (จิตใจ) ภาพท่เี กิดขึน้ แบบนี้ เป็นส่งิ ไมอ่ าจบ่มเพาะกันได ้ มันตดิ ตวั
มาต้งั แต่เกิดเช่น ลโี อนารโ์ ด คาวินชี (Leonardo Da Vinci) ไดอ้ าศยั จินตนาการส่วนตนในการคดิ ประดิษฐ์
สรา้ งสรรคผ์ ลงานทางศิลปะและวทิ ยาศาสตรเ์ ชน่ แพทย ์ เครอ่ื งจักรกล การบนิ ไว้บนโลกนไี้ ดอ้ ยา่ งน่าอศั จรรย ์
ดา้ นการบินดาวินชแี่ นใ่ จวา่ มนษุ ย์จะตอ้ งใชเ้ ครื่องจักรกลเขา้ ช่วยในการบิน ดว้ ยการตดิ ปกี อย่างนกเชน่ ทเ่ี คย
ทดลองบินมา เขาจงึ ได้ออกแบบลูกข่างอากาศ (Air Gyroscope) และเคร่ืองบินเฮลคิ อปเตอร์ขนึ้ มา และเขา
เป็นผูเ้ หน็ การณไ์ กลในเรอื่ งร่มชูชพี ขน้ึ ก่อนใคร นอกจากน้นั ยังมีความสามารถดา้ นพฤกษศาสตร์ กายวิภาคศาสตร์
และดาราศาสตร ์ ซ่ึงเขาได้คดิ คำ� นวณขนาดของดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจันทร์ในเวลานี้

ภาพท่ ี ๒๑ ลีโอนาร์โด ดาวินชี ่ ผูม้ ีความสามารถทางศิลปะและวิทยาศาสตรแ์ ละผลงานสง่ิ ประดษิ ฐท์ ่ีคดิ คน้ ขึ้น
มาในหลายศาสตรส์ มยั ฟ้นื ฟูศิลปวทิ ยาการ (Renaissance)

34 วธิ คี ิดทางศิลปะออกแบบข้นั สงู

จินตนาการนนั้ เราจะมมี ันเอง และถา้ เราไม่มมี าต้ังแต่เกดิ เราจะไม่มมี ันเลย (นอกจากบ่มเพาะภายหลัง)
มนั เปรยี บเสมือนปฏิภาณท่ีมมี าแตก่ ำ� เนดิ เป็นความสามารถทจ่ี ะรบั ร้ดู ้วยประสาทสัมผัส (หู ตา จมกู ปาก
จับต้อง) หรอื นอกเหนือประสาทสมั ผัส บางคนมคี วามสามารถในการวาดมโนภาพ จนิ ตภาพโดยทนั ทีมาได้
ต้งั แตเ่ กิด ในขณะที่บางคนไมส่ ามารถตระหนักร้ดู ว้ ยมโนภาพ จินตภาพภายในเวลาห้านาที นอกเหนอื จากวา่
สงิ่ ท่ปี รากฏใหพ้ วกเขาเห็นจะมีค�ำอธิบายใต้ภาพแสดงไวอ้ ยู่
จนิ ตนาการเปน็ สิง่ อันวิเศษ ไม่ได้เกิดขึน้ ในระยะเวลาอนั สนั้ ความพเิ ศษของมันจะมาจากการบม่ เพาะ
จินตนาการให้เกิดขนึ้ ได้ และมนั เก่ียวขอ้ งกันอยา่ งชดั เจนกับการพฒั นาการท�ำงาน การสรา้ งศลิ ปะและอน่ื ๆ
ของเรา โดยเฉพาะจินตนาการทางสุนทรยี ศาสตร ์ เปน็ ความสามารถทางธรรมชาตเิ กยี่ วข้องกับความสนใจกับ
สิ่งหน่ึงสิง่ ใดเปน็ การพเิ ศษแบบเจาะจง จนิ ตนาการชนิดนจ้ี ะประกอบไปด้วย ความสามารถในการเก็บสงิ่ ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเสยี ง ส ี หรอื รปู ภาพ เปน็ ความสามารถสร้าง การจดั เรยี งความหมายทม่ี อี ยใู่ นส่งิ ที่พบนนั้ อย่าง
มเี หตผุ ลได้ การสร้างสรรคท์ างศิลปะออกแบบท่ที รงพลัง จนทำ� ให้ตรึงใจได้น้นั ต้องอาศยั ความสามารถนี้และ
การสร้างสรรคเ์ น้อื เพลงที่ไพเราะตรึงใจก็เปน็ เช่นเดียวกัน มกี ารทบั ซอ้ นกันอย่างมากมายในความสามารถ
ทางจินตนาการเหลา่ นี้

ตวั อย่าง :

“จินตนาการทางดนตรีกบั จนิ ตนาการทางความรูส้ กึ และความคดิ ฝัน มกั เกิดขนึ้ ซอ้ นทบั กัน
อยา่ งเชน่ กวผี ู้เล่าเรื่อง นักเล่าเรอื่ งในความคดิ ของตนผา่ นการใช้เสียงสมั ผสั ทีเ่ กิดข้ึนสม�ำ่ เสมอได ้
กวีมคี วามสามารถท่ีจะสรา้ งเร่ืองราวในใจของเขา ขณะเดยี วกนั กวีจะคดิ ถึงการใช้ค�ำทม่ี เี สยี งท่ัวไป
ซง่ึ จะสร้างเสียงสะทอ้ นในตอนทา้ ยบรรทดั ได้อีกดว้ ย เช่นเดยี วกบั ศลิ ปนิ มีความใฝ่ฝนั อยากบนิ ได้
อยา่ งนก จนนำ� ไปสู่การประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งรอ่ น เครอ่ื งบิน หรอื จนิ ตนาการเดนิ ทางไปในหว้ งอวกาศ
กลายเป็นความจริงขน้ึ ได้ เม่ือมนุษย์อวกาศคนแรกไดเ้ ดินทางไปส่ดู วงจนั ทร”์

ภาพท่ี ๒๒ ความเป็นไปไดใ้ นโลกที่เป็นไปไดท้ างศลิ ปะของวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยที างอวกาศ ตามจินตนาการ
ของนักเขยี น Jules Verne และนกั สร้างภาพยนตร ์ Star War

วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สงู 35

จนิ ตนาการเหมอื นจิตวิญญาณทีม่ องไมเ่ หน็ เช่นเดยี วกบั จติ ใจของเรา ท่ีนา่ จะเปน็ อะไรทม่ี ากกวา่
เร่อื งของชีวเคมใี นทางระบบประสาท การบม่ เพาะจินตนาการใหส้ ุกสวา่ งกบั ตัวเรา จะตอ้ งแสวงหาความร้ใู นสิง่
ที่เราสนใจไวเ้ สมอ จะตอ้ งรถู้ งึ ความมุง่ หมายในใจเรา มีเจตจ�ำนงบางอยา่ งทมี่ ลี กั ษณะแตกต่างจากเจตจำ� นง
ประเภทอื่นๆ นัน่ คอื “เจตจำ� นงแหง่ สติปญั ญา” จะปรากฏผา่ นการกระท�ำของเราที่แสดงออกมา และแตกต่าง
จากเจตจ�ำนงประเภทอ่ืนๆ (แรงขบั แสวงหาอาหาร การสืบพนั ธุ์ ฯลฯ)
เจตจาํ นงแห่งสติปญั ญา จะมีลักษณะเป็นอสิ ระจากขอ้ กำ� หนดทางสังคมอย่างเช่น เร่ืองการมงุ่ หมาย
ท่ีจะมีอำ� นาจ และสถานภาพท่ีเหนอื ผอู้ นื่ เจตจำ� นงนมี้ นั เป็นอำ� นาจขบั เคลอื่ นทางความคดิ มนั อาจดวู า่ เป็น
เรอื่ งเปลือยเปลา่ ในการมองเห็นความบรสิ ทุ ธแ์ิ หง่ เจตจำ� นง โดยแยกออกจากความทะยานอยาก ซง่ึ ไม่ไดท้ �ำให้
เกิดจินตนาการ แต่บอ่ ยครัง้ ที่ท�ำรา้ ยจนิ ตนาการดว้ ยเนื่องจากว่าความทะยานยาก ความทะเยอทะยานนน้ั จะ
มาพรอ้ มกบั การตอ้ งการทจี่ ะท�ำใหต้ นเองอยเู่ หนอื ผูอ้ ืน่ ในขณะทีจ่ นิ ตนาการมักกระตุ้นให้เกิดการขวนขวายใน
การเข้าถงึ กระบวนการทางสตปิ ัญญาทางความคดิ จนนำ� ไปส่กู ารคิดสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหมใ่ หเ้ กดิ ข้นึ
“การศกึ ษาผา่ นจินตนาการคดิ สรา้ งสรรค์” จะมีสาระประโยชน์ตอ่ มนุษยชาติและศาสตร์สาขาต่างๆ
เป็นอยา่ งมาก เชน่ การศกึ ษาวจิ ัยศลิ ปะออกแบบจะช่วยเพิม่ ก�ำลงั ความนึกคดิ พลิกผนั จากความคิดหรอื แนว
ความคดิ ที่เคยฟงุ้ ซา่ น ล่นื ไหลกระจดั กระจายไมแ่ นน่ อน จะช่วยเปน็ เครื่องมือก�ำกบั ควบคมุ สาระความหมาย
ของรูปธรรมทีจ่ บั ตอ้ งไม่ได ้ ใหเ้ ข้ารูปเข้าร่างมากย่ิงขนึ้ ดูเป็นเนอ้ื เปน็ ตัวจบั ตอ้ งได้ ดงั นนั้ การศกึ ษาผา่ น
จินตนาการไปตามธรรมชาติของศาสตร์สาขาตา่ งๆ ไมว่ ่าจะเป็นจินตนาการทางสุนทรียศาสตร ์ จนิ ตนาการ
ในการรบั รู้ อารมณค์ วามรูส้ ึกหรือการคดิ ฝนั หรือจนิ ตนาการทางวิทยาศาสตร์หรือเชิงเป็นเหตุเป็นผลล้วนนำ� ไปสู่
การศกึ ษาทางจนิ ตนาการได้แทบท้งั สน้ิ ตามสาระรายละเอียดจากบทต่อๆ ไป

สรปุ

ความคิดทางศลิ ปะออกแบบมีบทบาทสำ� คัญมาก ในการเปลีย่ นกระบวนทศั นใ์ หมข่ องโลกการเรียนรู้
ศตวรรษท่ี ๒๑ เพราะเกี่ยวขอ้ งกบั ค�ำกุญแจหลกั คือ “การคิดสร้างสรรค”์ “คุณคา่ ” และเรือ่ งของการพฒั นา
ทางความคิดให้มีความก้าวหนา้ และพฒั นาให้สูงยงิ่ ขนึ้ ไป โดยเฉพาะการบม่ เพาะสมองซกี ขวา (Right brain)
ใหไ้ ดร้ บั การส่งเสรมิ ทางการรับรู้และเรียนรู้ในมติ ิด้านจติ ใจ จินตนาการ อารมณ์ ความรสู้ กึ ทางศิลปะ ดนตรี
การแสดงออกทางสนุ ทรีย และความคิดสร้างสรรค์ตา่ งๆ เปน็ ต้น เพอื่ ใหก้ จิ กรรมการเรียนรูด้ ีๆไดม้ ีสว่ นช่วย
ส่งเสริม พัฒนาผเู้ รียนร้ใู ห้มีความคิดความก้าวหนา้ เชน่ เดียวกบั ศาสตร์ในสาขาอนื่ ๆ และบูรณาการทางความคดิ
ระหว่างเหตุผลและอารมณค์ วามรู้สกึ ให้มีดุลยภาพ
การฝกึ ฝนและพฒั นาความคิดผา่ นการรับรู้และการนึกคิด ลว้ นเป็นปจั จยั น�ำการคิดไปสู่ความเปน็ ไปได้
ในทางศลิ ปะออกแบบ ในความแตกต่างหลากหลายและ ด้วยธรรมชาตขิ องศิลปะออกแบบในหลายกรณี มคี วาม
ยืดหยุน่ สามารถประกอบ ซอ้ น ผสมผสานกบั ศาสตร์อน่ื ไดง้ ่าย จนก่อรปู ความรผู้ ลผลติ แบบแปลกใหมไ่ ด้
อยา่ งต่อเนอ่ื ง นำ� ไปสู่การเพ่มิ ผลผลติ ทางคุณค่าและมลู ค่าผ่านงานนวตั กรรมทางศลิ ปะและงานออกแบบ และ
เพมิ่ ศกั ยภาพทางการแขง่ ขนั ใหแ้ ข็งแกร่ง เปน็ ทีย่ อมรบั ในเวทีนานาชาต ิ ดว้ ยอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม
(Cultural Industry) อุตสาหกรรมสร้างสรรค ์ (Creative Industry) น�ำไปสตู่ ลาดสากลต่อไป


Click to View FlipBook Version