236 วธิ คี ิดทางศลิ ปะออกแบบข้ันสงู
ความรู้ใหม่ที่ไดร้ ับจากปฏบิ ัตสิ ร้างสรรคน์ ้ ี จะรู้วิธีปฏิบัติว่าทำ� อยา่ งไร (How to Do) และรูอ้ ะไรทท่ี ำ�
(What to Do) ซ่งึ เป็นความรวู้ ธิ ีหรอื “Know How” จากผลของการกระท�ำและภาพสะทอ้ นหนงึ่ นน้ั ไดก้ ระจ่างชดั
มคี วามครอบคลุมกระบวนการในขนั้ ตอนก่อนการสร้างสรรค ์ ระหว่างการสร้างสรรคแ์ ละหลังการสรา้ งสรรค์อย่าง
เปน็ ระบบ มคี วามเช่ือมโยงระหวา่ งแตล่ ะขนั้ ตอนนนั้ จนท้ายทส่ี ดุ ความรวู้ ธิ ีอย่างเป็นล�ำดบั ขา้ งต้น จะกลายเป็น
หลกั การอันเป็นแนวปฏบิ ตั ขิ องการสรา้ งความร้แู บบใหม่ ทม่ี อี งคป์ ระกอบของสุนทรยี ความหมาย ความคดิ
หรอื การใชป้ ระโยชนอ์ ย่างสมั พนั ธ์กับส่ือวตั ถุ และความหมายของสือ่ วตั ถุน้ัน โดยสามารถใหข้ อ้ ค้นพบดังน้ี
(๑) ความรูใ้ หม่และแบบจำ� ลองความรู้ ข้อค้นพบใหมจ่ ะมีความเป็นรูปธรรมบังเกดิ ข้ึน จากการคดิ
การสร้างของเราเอง ด้วยความเอาใจใส ่ ความกระตอื รอื รน้ และสะท้อนผา่ นการน�ำเสนอเปน็ สญั ลักษณ์หนง่ึ ๆ
จากการปฏบิ ตั ิการกระท�ำ และการใชเ้ หตผุ ลที่ถูกสร้างข้ึนโดยตัวเราเอง สว่ นการนำ� เสนอความรใู้ หมแ่ ละ
แบบจำ� ลองความรู้ (Model of Knowledge) คือการน�ำความรู้ท่ไี ดจ้ ากกระบวนการคิดวิเคราะห ์ สังเคราะห์
และบูรณาการตามวตั ถปุ ระสงค์มาเปน็ ล�ำดบั มาน�ำเสนอแกน่ สารทไี่ ดผ้ า่ นอรรถาธบิ ายดว้ ยภาษา และแบบจ�ำลอง
(Model) ของความรอู้ นั เป็นแบบแผน แสดงผลสรุปปลายทางของการศึกษาวจิ ัย - สรา้ งสรรค์ และเปน็ แบบ
จำ� ลองความรู้ของหลักการหลกั วิชาและแนวทางอนั เป็นบรรทดั ฐานทส่ี ามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ต่อไปได้
ภาษาและวาทปฏบิ ตั ิ (Discursive Practice) เปน็ การใชถ้ ้อยค�ำ ขอ้ คิดเหน็ ในทางการกระท�ำ อย่างมี
แบบแผนด้วยรูปของวธิ ีคิด วธิ อี ธบิ ายและเหตุผลจนนำ� ไปสคู่ วามรจู้ ากการปฏบิ ัตขิ องตน เป็นความรจู้ ากการ
ปฏบิ ัตสิ ร้างสรรค์ทถี่ อื ได้ว่า กิจกรรมการปฏบิ ตั ิเป็นปัญญาเช่นกนั และเราสามารถคิดผ่านงานศิลปะออกแบบได้
ดว้ ยการผสมผสานระหวา่ งทฤษฎี และปฏิบตั อิ ย่างบรู ณาการกันบนแกนหลกั ของความคิด (ดูข้อ ๖.๓) ก็
สามารถจะน�ำมาส่คู วามรู้ใหม่ แบบจ�ำลองใหม ่ และงานสร้างสรรค์ใหม่สะทอ้ นผ่านเอกสาร (Dissertation)
และผลงานศิลปะออกแบบอยา่ งเชือ่ มโยงกัน
วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สูง 237
238 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบข้ันสูง
ภาพที่ ๑๐๔ แบบจ�ำลองความรู้ “เรือนรา่ งสตรบี นสื่อโฆษณาในสังคมบริโภค” ของภาณุ สรวยสุวรรณ
แก่นสารของความรู้ใหมท่ างศิลปะจะมลี ักษณะแบบ “ภาพรวมหรือองคร์ วม” (Holistic) หลอมรวมไปสู่
ข้อค้นพบหน่ึงๆ ในระบอบทมี่ ีความซบั ซ้อนแบบตรงกันขา้ มหรอื ขดั แยง้ กนั ให้หลอมรวม ถักทอ หรือ
ผสมผสานจนเกิดความสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงกันในโครงความคิดหรอื แกนหลกั ความคิดที่ก�ำหนดไว้
(ดขู อ้ ๖.๒ ตวั อยา่ ง : “ยกระดับภาพลกั ษณใ์ หมข่ องวัฒนธรรมอาเซยี น เพ่อื ความสันตสิ ุขด้วยศลิ ปะ
สมั พนั ธ์” (Relational Art)
วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบข้นั สูง 239
ความรู้ใหมจ่ ากตัวอย่างข้อ ๖.๒ ขา้ งตน้ จะมองเห็นแนวทางการสร้างความสมั พันธก์ นั หลายมติ ิมมุ มอง
และแนวทางโดยมี “ศิลปะสัมพนั ธ”์ เป็นกจิ กรรมและเปน็ ผลงานท่ีชว่ ยลดความเป็นเขาความเปน็ เราท่ีมีความเช่อื
คา่ นยิ มและวฒั นธรรมทีแ่ ตกต่างกัน แต่สามารถอยรู่ ว่ มกันไดอ้ ย่างสันติสขุ จนเกดิ บรู ณาภาพบนผนื แผ่นดินไทย
ของเรา
(๒) ปรัชญาความรสู้ ว่ นตน การวิจยั สร้างสรรคท์ างศลิ ปะออกแบบ มักนำ� เสนอแนวความคดิ และ
แนวทางการสร้างงานศลิ ปะออกแบบขน้ึ ใหม่ โดยสว่ นใหญ่จะแฝงไปกับปรัชญาบรสิ ุทธป์ิ ระจ�ำใจของแตล่ ะคน
สะทอ้ นผ่านการกระท�ำ และภาพสะทอ้ นการกระท�ำหน่ึงๆ นัน้ (ดูบทที่ ๒ (๒.๒.๑) ศิลปวจิ ยั : สุชาติ เถาทอง)
ไมว่ า่ จะเป็นเรอื่ งของ Passion Inspiration ความปรารถนาและแนวความคิดเปน็ ต้น ปรัชญาความรู้สว่ นตนน ี้
มคี ่าย่งิ เพราะจะชว่ ยใหเ้ ข้าถงึ โลกศิลปะของศิลปินนักออกแบบได ้ เปน็ โลกทีเ่ ป็นไปไดท้ างศิลปะออกแบบท่ี
สะท้อนผา่ นสัญญาณเชงิ นัยของรปู ความหมาย สญั ญะ สัญลักษณ์ เครอ่ื งหมายตา่ งๆ กันไปเป็นต้น
โดยผลงานแตล่ ะแบบอย่างและกระบวนแบบ (Style) ตา่ งล้วนสือ่ สารแนวคิดปรัชญาสว่ นตน เปน็ วิธคี ดิ
และการมองโลกในแงม่ มุ และมิตใิ หมแ่ บบก้าวหนา้ หรอื ในการหย่ังเหน็ (Intuition) ดว้ ยจินตนาการอนั ลึกซง้ึ
สะทอ้ นถึงจติ ใตส้ ำ� นกึ ไรส้ �ำนกึ และความทะยานอยากอยา่ งไม่รจู้ กั จบส้นิ ของสญั ชาตญาณมนษุ ย์ทอ่ี ยู่ภายใต้
หลกั แห่งความพึงพอใจ
(๓) ปัจเจกลกั ษณ์ทางศิลปะ คือ เรื่องของตัวตนหรอื ปจั เจกมคี วามแตกต่างกนั ไปดจุ เดียวกับรูปรา่ ง
หน้าตา และบคุ ลิกภาพ (Personality) ของแต่ละคนท่ไี ม่เหมือนใคร คล้ายกับ Signature หรือลายเซน็ ที่
สะท้อนผา่ นการลงนามอย่างมคี วามต่าง ด้วยการแสดงตวั ตนและการมีอยหู่ รือเป็นอย่ขู องเขาเหล่านัน้
ปจั เจกลกั ษณแ์ ละตัวตนทางศิลปะ ราชบัณฑติ ยสถานให้คำ� นิยามว่า Character อตั ลกั ษณ์ หมายถงึ คุณภาพ
คณุ สมบัตทิ ่ีเป็นเคร่ืองแสดงให้เหน็ ถึงลกั ษณะ สารัตถะสำ� คัญของบุคคล หรือสิ่งใดส่ิงหนงึ่ ซ่งึ ตวั ตนทางศิลปะ
จะใชว้ ัตถุเปน็ เกณฑ ์ มีโครงสรา้ งคือสว่ นทท่ี ำ� หน้าท่ีทางสนุ ทรยี หรือ Function Structure มนั ถูกบรรจุอยูภ่ ายใน
ถา้ ขาดตวั ตนก็สูญสิ้นโครงสร้างหลัก
การแสดงใหเ้ ห็นค่าสว่ นตน และการก�ำหนดขนาด ปรมิ าณความจ ุ การประกอบการซอ้ น การผสม
การถักทอ และการเชื่อม ล้วนเป็นการกระทำ� ทด่ี เี พอื่ ก่อผลกึ ความสมบูรณท์ างรปู ธรรม และนามธรรมใหก้ ระจ่าง
และดีข้ึนส�ำหรับตนเอง ขณะเดียวกันก็ยงั ช่วยใหผ้ ู้อน่ื ไดร้ ับรู ้ และเข้าถึงแกน่ สารอันลุ่มลึกสว่ นตนของเราได้อกี
สว่ นหน่งึ เช่น ความไมเ่ หมือนใคร หรอื ความต่างจากคนอื่นทางศลิ ปะออกแบบ ไมว่ ่าจะเป็นเรอ่ื งของรูปแบบ
มลู ธาต ุ หลักการ (ไวยากรณ์ศลิ ปะ) อกั ขรวิธแี ละเทคนคิ วิธีของปจั เจก อนั เปน็ หลักคดิ ของเราเพื่อใชค้ วบคุมการ
คดิ การกระทำ� ของตนเอง จนน�ำไปส่กู ารประกอบตัวตนของตนเอง หรือ “Technology of Self” หรือ
“Practice of Self” ตามมา
ดังน้ัน การใช้ การเลอื ก และการควบคมุ ข้อมลู และเร่อื งของวัตถุสอื่ สิง่ รูปแบบหรอื หลกั การ ฯลฯ
ในแนวทางนน้ั อย่างต่อเนื่อง ด้วยการทดลองและพิสจู น์ซำ�้ ไปมา เพื่อแสวงหาความรูล้ งตัวของการออกแบบและ
สรา้ งงานศิลปะจะเปน็ หนทางน�ำไปสคู่ วามเปน็ ปัจเจกลักษณ์ในท้ายทส่ี ุด และให้มันได้แสดงออกอย่างชดั เจนถงึ
ความตระหนกั ร ู้ ส�ำนึกรู้จากปรากฏการณ ์ เหตกุ ารณแ์ ละการกระทำ� หนง่ึ ๆ ของเราในทางศลิ ปะออกแบบ
ในแตล่ ะข้นั ตอน และอธิบายดว้ ยการระบุถงึ สถานการณ์ใหม่ การมีปฏสิ ัมพนั ธใ์ หม่ท่ไี ดร้ บั จากส่งิ ทรี่ ับรู้หรือสง่ิ ท่ี
หลบั ตามองเห็นจะใหค้ วามเป็นไปเช่นนนั้ ของภาพความคิดได ้ และมีส่วนช่วยส่องทางความเขา้ ใจใหง้ อกงาม
ต่อปจั เจกลักษณต์ อ่ ไป
240 วิธีคดิ ทางศิลปะออกแบบขนั้ สงู
๖.๕.๒ ขอ้ ค้นพบนวัตกรรมและส่ิงใหม ่ ขอ้ ค้นพบขอ้ น้ีมีความเกยี่ วข้องกับพลังกำ� ลงั ของการ
คิดสรา้ งสรรค์อยู่มาก เพือ่ แสวงหาความแปลกแตกต่างออกไป ความเปน็ ไปไดใ้ นโลกท่ีเป็นไปได้ทางศิลปะ
ออกแบบใหก้ ว้างออกไปได้แกก่ ารคิดแบบนอกกรอบ นอกกระแส และนอกคร ู ด้วยการคดิ แบบย้อนแย้งของ
“ทฤษฎคี ู่ตรงกันขา้ ม” “ทฤษฎีรศั ม”ี และ “ทฤษฎคี ่ขู นาน” และการมองโลกในศตวรรษใหม่อย่างเขา้ ใจและ
เขา้ ถึง จนนำ� มาสู่การพฒั นาต่อไป
การรู้จกั เลอื กน�ำสิง่ ใหม ่ และการนำ� เทคโนโลยีมาขบั เคลอื่ นนวัตกรรมใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ด้วยการ
Renovate Reuse Renew ผลติ ภัณฑ์ชุมชนทอ้ งถน่ิ ไปสนู่ วัตศิลป ์ นวัตวถิ แี ละอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ผสมผสาน
บรบิ ทของพื้นที ่ และสงั คมวฒั นธรรมยุคใหม ่ มีการแสดงให้เหน็ ถงึ “การรอู้ ะไรท่ีทำ� ” อนั เป็นขอ้ คน้ พบ
นวตั กรรมและส่งิ ใหมท่ างศลิ ปะออกแบบ ด้วยการสะท้อนความรคู้ วามจรงิ จากส่งิ ท่ีตนเองสร้างข้ึนออกแบบขึน้
จนนำ� ไปสูก่ ารใชจ้ รงิ และเกิดผลดอี ย่างไม่เคยมีเคยเป็นมากอ่ น
ข้อคน้ พบส่งิ ใหม่ทางศลิ ปะ จะมีความเกีย่ วขอ้ งกบั การรบั ร้เู ร่อื งของสนุ ทรียและสนุ ทรยี ศาสตร์อย่มู าก
ไดแ้ ก่ “สุนทรยี ข้ามวัฒนธรรมไทย - จีน” “สนุ ทรียภาพทางอดุ มคติไทยสมัยใหม”่ และ “สนุ ทรยี นามธรรม
ท้องถนิ่ อษุ าคเนย”์ เปน็ ตน้ ผลลพั ธข์ องขอ้ ค้นพบทีไ่ ด้บางส่วนจะเกีย่ วข้องกบั การรับรู้ถงึ สนุ ทรยี ในแงม่ มุ ใหมๆ่
สสี ันใหม่ รวมไปถงึ การติดตั้งการจัดวางและการจัดพ้ืนท่เี พื่อใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธใ์ หมร่ ะหว่างผสู้ รา้ งงาน และ
ผชู้ มงานไปพรอ้ มกัน ให้ผชู้ มได้มีบทบาทมสี ่วนร่วมคดิ รว่ มสร้างผลงานและเปน็ สว่ นหนง่ึ ของผลงานตามท่ ี
ศิลปินได้ออกแบบและวางแผนไว้
วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สูง 241
ตัวอย่าง : การบรู ณาการสื่อใหม่ของรูปทรงแสง สี และการติดตงั้ เพอื่ สะทอ้ นถงึ นรกภูมิ
ของธนพล จลุ กะเศียน
242 วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบขน้ั สูง
การออกแบบและนวัตกรรมแบบไทยใหม ่ มีการคน้ พบวัสดสุ ังเคราะหท์ ีม่ ีรากเหง้าและสว่ นใหญ่เป็น
วัสดุธรรมชาติของหัตถกรรม ไดแ้ ก่ ไม้ไผ ่ หวาย กก ผกั ตบชวา และจดุ เดน่ วตั ถุขา้ งต้นมีคุณสมบตั ิเฉพาะท่ ี
บ่งบอกถึงสิ่งบง่ ชท้ี างภมู ศิ าสตร ์ เช่น หวายและไม้ไผเ่ ป็นพชื ที่เจริญงอกงามในเขตร้อนของทวีปเอเชยี การ
ออกแบบดว้ ยวัสดทุ มี่ รี ากเหง้ารว่ มกัน และอาศัยความแตกต่างของความคิดความเช่ือจากแผน่ ดินแมข่ องเราจะ
สร้างโอกาสให้การคน้ หาผลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุสังเคราะห์จากธรรมชาติของไทย มคี วามเขม้ แข็งและก้าวหน้าขึ้น
นกั ออกแบบไทยหลายคน คน้ พบคณุ คา่ ใหม่ของด้วยการอาศัยเทคนิคของหวายท้องถิ่น และวัฒนธรรม
ไทยจนนำ� ไปสกู่ ารออกแบบผลติ ภัณฑ์รว่ มสมัยและกา้ วไปสสู่ ากล หรือการอาศัยวสั ดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพ่อื
การออกแบบทางเลอื กใหม ่ เช่น หญ้าแฝกผสมสารยึดตดิ โพลิเมอร์ ไดพนิ ิลมเี ทน อดั ร้อนเป็นแผน่ แขง็ ซง่ึ
เหมาะส�ำหรับทำ� ผนงั เพดาน เฟอร์นเิ จอรแ์ ละโต๊ะ มกี ารสร้างผิวสัมผัสทางรูปและการจบั ต้องจากนามธรรม
ไร้รปู ได้อยา่ งมสี ุนทรียและแปลกตา
วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบขัน้ สูง 243
ภาพที่ ๑๐๕ ความเปน็ นวตั กรรมจากการวจิ ัยสรา้ งสรรคเ์ รื่อง “นธิ ปิ ญั ญา” ปรศิ นาธรรมแหง่ พทุ ธมหาเจดีย์
วดั ปัญญานนั ทาราม ด้วยการบูรณาการศาสตร์ระหวา่ งศิลปะ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเพ่ือนำ� เสนอ
ภาพปริศนาธรรมในจติ รกรรมฝาผนงั ในสมัยรัตนโกสนิ ทร ์ ปริศนาธรรมของท่านพุทธทาสภกิ ข ุ สวนโมกข์
พระราม สะท้อนถึงองค์ประกอบใหม่และภาพแทนสญั ลกั ษณป์ รศิ นาธรรม (อริยสจั ๔) ผ่านเทคนิค
การสรา้ งภาพลวงตาแบบ ๓ มติ ิ ผสมผสานกบั สุนทรยี ภาพจากความคดิ เห็นสว่ นตน เพื่อสร้างปฏิสัมพนั ธ์
จากการรบั รหู้ ลกั ธรรมคําสอนของพระพทุ ธเจา้ ผา่ นนวัตกรรมการสร้างสรรคไ์ ดอ้ ย่างมสี ีสนั และมี
ส่วนร่วมกบั สอื่ ทางธรรมไปพรอ้ มกนั (ภาพซ้าย) Bodhi Theater : Buddhist Prayer Retold โครงการ
งานศิลปะท่เี นรมติ พระอโุ บสถ “วัดสทุ ธวิ ราราม” ให้เปน็ โรงภาพยนตร์ขนาดยอ่ ม ฉายงานศลิ ปะใน
รปู แบบ “Projection Mapping” หรอื ใช้เทคนิคโปรเจคเตอร์ฉายแอนิเมชั่นและกราฟกิ ตา่ งๆ จนเกดิ
เปน็ แสงสบี นพืน้ ผิวฝาผนังพระอุโบสถประกอบกับเสียงอย่างนา่ ต่ืนตาตื่นใจโดยทง้ั สองโครงการ เพือ่ ช่วย
ให้พระพทุ ธศาสนาเข้ามาใกลช้ ดิ กับชีวิต และประชาชนรบั รู้ได้มีความสนกุ สนานตืน่ เตน้ โดยคงไวซ้ ่ึง
แก่นสารและคำ� สอนทางพระพุทธศาสนาเดมิ
ที่มา : สมพร ธุรี : คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี,
Email : deaw ๒๐๐๑- @yahoo.co.th
244 วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สงู
สรุป
“การสังเคราะหแ์ ละการบรู ณาการ” สองคำ� กุญแจน้มี ีความสาํ คัญต่อวิธคี ดิ ทางศิลปะออกแบบขัน้ สูงมาก
ดว้ ยเงือ่ นไขและบริบทของโลกใหม่ศตวรรษท่ี ๒๑ และยุค Industrial ๔.๐ เป็นเกณฑ์ ดว้ ยการมงุ่ เนน้ เรอื่ งของ
ความคิดวธิ ีคดิ การสรา้ งสรรค์นวัตกรรม การเพ่มิ คณุ คา่ และมูลค่า รวมไปถึงการใชเ้ ทคโนโลยีและปญั ญา
ประดษิ ฐ์ขับเคล่ือนนวัตกรรมเป็นตน้
ความเปน็ ไปและการเคล่ือนไปของธรรมชาติ และการเปลีย่ นแปลงไปในโลกใบใหมท่ มี่ ีความสลับซอ้ นและ
ย่งุ เหยงิ เชน่ ปจั จบุ นั นี้ อนั เปน็ ผลจากพลานภุ าพของเทคโนโลยสี ารสนเทศ และวัฒนธรรมทางการเหน็ จากการ
ผสมผสานตืน่ ส่ิงท่มี องเห็นได้บนพ้นื ทีเ่ มอื ง บอกเลา่ ถงึ ความเปลยี่ นไปของการรับรแู้ บบใหมข่ องภูมทิ ศั นเ์ มือง
ในมิตขิ องกาลเทศะแบบใหม่ที่เกดิ ขน้ึ จากการซอ้ นทับของเครือ่ งหมาย ปา้ ยโฆษณา สญั ลักษณ์ สัญญะ และ
การเคลอ่ื นไหวของแสงสเี สยี ง ท้งั นยี้ ังไมห่ มายรวมถงึ การเปลีย่ นกระบวนทัศนแ์ บบหลงั สมยั ใหม่นยิ ม การเคลื่อน
ยา้ ยของผู้คนขา้ มวัฒนธรรม การสังสรรคท์ างวฒั นธรรมและการแสดงตัวตนของเพศสภาพอนั หลากหลาย ใน
สงั คมปจั จุบันเปน็ ต้น
ปญั หาและโจทย์ใหมข่ องโลกท่มี ีความซบั ซ้อนและขัดแย้ง ควบคูไ่ ปกับความเห็นตา่ งทางความคดิ และ
ความเชื่อใหมใ่ นยุคหลังตะวนั ตก (Post Western) ในทฤษฎีอารยธรรมของโลกตะวันตกและตะวันออก มี
ความเจรญิ ทางปรชั ญาความคดิ แบบคู่ขนานกนั ระหว่างโลกทงั้ สองไม่ใชเ่ ป็นเส้นนอน โดยมีจุดเริม่ ตน้ จากกรกี
และโรมนั ตามทีเ่ ชือ่ กนั ความเป็นเช่นนี้เองของโลกใหม่ การจะศกึ ษาวิจยั สรา้ งสรรคท์ างศลิ ปะออกแบบให้
คดิ แบบกา้ วหน้า คดิ เปล่ียนโลกด้วยนวัตกรรมและนวัตศลิ ปเ์ ง่ือนไขดังกล่าว จงึ จำ� เป็นต้องมีหลกั ปรัชญาด้วย
ความเขา้ ใจโลกชวี ิต และหลกั การเพื่อชว่ ยให้เข้าใจแก่นสารหรือหลกั ปฏบิ ตั ใิ ห้เกิดผลอยา่ งถ่องแท้
อาศัยวิธกี ารมองสรรพส่งิ ของโลกภายนอกอันเปน็ ธรรมชาต ิ สง่ิ แวดลอ้ มทางวัตถ ุ เป็น “สัจจภาวะ”
ตามการรบั รูไ้ ด้ดว้ ยอายตนะและผัสสะ กับโลกภายในอันเปน็ ความเช่ือ คา่ นยิ ม ความรูส้ กึ นกึ คดิ เปน็
“สมมติภาวะ” ตามการหยัง่ เห็นหยัง่ รู้ไดด้ ว้ ยปัญญาญาณ เปน็ การมองใหเ้ ห็นถงึ ภาพรวมหรือองคร์ วมของสื่อส่ิง
และองค์ประกอบนอ้ ยใหญท่ ่ีเกาะเก่ยี วเชื่อมโยงกันเป็นหน่วยเดียวกันของโลกทั้งสอง โดยเขา้ ใจโลกแบบรวม
หน่วยเห็นถึงเหตุปจั จยั ของสรรพส่ิงลว้ นเก้อื กูลและผนวกรวมกันเช่นเดยี วกับ “การบูรณาการและการสงั เคราะห”์
เพ่ือการผสมผสาน การถกั ทอ การเชอื่ มโยง เพอื่ ผนึกพลังให้มกี ารเปล่ยี นแปลงใหมเ่ พิ่มข้ึน เพื่อศกั ยภาพของ
แต่ละสือ่ ส่งิ ให้เกิดประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลทวขี ึ้นไป
วธิ ีคดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สูง 245
การจะนำ� ไปส่ผู ลึกความคดิ ใหม่ และชุดความคิดความรใู้ หมไ่ ด้ ในการบูรณาการและการสงั เคราะห์
ต้องอาศยั “แกนและโครงความคดิ นำ� ทางสร้างภาวะสมบรู ณ์” หรือสรา้ งความรแู้ ละสงิ่ ใหม่ให้เกิดข้นึ โดยการ
ก�ำหนดวัตถปุ ระสงค์ของการบรู ณาการ และการสังเคราะหท์ างศิลปะออกแบบในเร่อื งใดเร่อื งหนึง่ มีการก�ำหนด
ลกั ษณะขอบเขต คุณสมบัต ิ คุณลักษณะของสือ่ สงิ่ มีการถอดร้อื เฉพาะคุณสมบตั ิเฉพาะเน้อื หาเฉพาะท่เี กยี่ วข้อง
มาจดั เรียงไวต้ ามลำ� ดบั ใน “แกนหลกั ” หรือ “โครงความคดิ ” เพอื่ น�ำทางภาวะสมบรู ณ์ให้รไู้ ดแ้ ละตอบ
วตั ถุประสงค์ทก่ี ำ� หนดไว้
อาศัยคำ� กญุ แจสำ� คัญคือ การผสมผสาน การถกั ทอ และการเชือ่ มโยงมาหลอมรวม ยดึ โยงแก่นสาร
ของคุณสมบตั ิ เนือ้ หา หรือแนวคดิ ท่ีจดั เตรียมไว้ใหเ้ ข้าสู่แกนหลกั ท่กี �ำหนดไว ้ หรอื โครงความคิดท่ีวางไว ้
จนสารตั ถะค่อยๆ ตกผลึก คอ่ ยๆ ผนวกรวม ควบรวมกันทลี ะนอ้ ยๆ ในแกนและโครงทไี่ ดก้ ่อไวแ้ ตแ่ รก ซ่งึ ผล
ทไี่ ดจ้ ากการผสมผสาน ถักทอ และเชือ่ มโยงดว้ ยหลกั การนี้ จะน�ำไปสขู่ อ้ ค้นพบใหมใ่ หบ้ งั เกดิ ข้นึ ไมว่ ่าจะเป็น
ความรู้ใหมแ่ ละแบบจำ� ลองความรู้ ปรัชญาความรู้สว่ นตน ปัจเจกลักษณ์ทางศิลปะ และผลงานทางศิลปะ
ออกแบบใหม่ อันเป็นเป้าหมายปลายทางของ “วธิ คี ิดทางศิลปะออกแบบขน้ั สูง”
246 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบขั้นสงู
บรรณานกุ รม
กำ� จร สนุ พงษศ์ ร.ี (๒๕๕๕). สุนทรียศาสตร.์ กรุงเทพฯ : สำ� นักพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
กรี ต ิ บญุ เจือ. (๒๕๒๒). ปรัชญาศลิ ปะ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ไทยวัฒนาพานิช.
__________. (๒๕๒๗). ตรรกวิทยาทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พไ์ ทยวฒั นาพานิช.
กรมวชิ าการ. (๒๕๔๐). พจนานกุ รมศัพทแ์ ละเทคนิคทางศลิ ปะ กรุงเทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
เกรียงศกั ด ิ์ เจริญวงศ์ศกั ด.ิ์ (๒๕๔๔). การคิดเชิงบูรณาการ. กรงุ เทพฯ : ซัคเซสมเี ดยี จ�ำกดั .
__________. (๒๕๕๓). การคดิ เชิงวิเคราะห.์ กรุงเทพฯ : ซัคเซสมีเดียจ�ำกัด.
__________. (๒๕๕๓). การคดิ เชงิ สรา้ งสรรค.์ กรุงเทพฯ : ซคั เซลมีเดียจ�ำกัด.
เจตนา นาควัชระ. (๒๕๔๗). “แนวทางการวจิ ัยทางมนษุ ย์ศาสตร์” ในการวิจยั ทางมนษุ ย์ศาสตร.์
ส�ำนักพมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จนั ทนี เจริญศร.ี (๒๕๔๕). โพสต์โมเด้ินกบั สังคมนยิ ม. กรงุ เทพฯ : สำ� นักพิมพ์วิภาษา.
ชลดู นม่ิ เสมอ. (๒๕๕๕). เอกสารประกอบการสมั มนาวจิ ัยแบบสรา้ งสรรค์ศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ :
คณะจิตรกรรมประตมิ ากรรมและภาพพมิ พ ์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร.
__________. (๒๕๓๑). องคป์ ระกอบของศลิ ปะ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พไ์ ทยวฒั นาพานชิ .
__________. (๒๕๕๓). Concepts of concepts. กรงุ เทพฯ : คณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและ
ภาพพิมพ ์ มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
ชยั รตั น์ เจรญิ สินโอฬาร. (๒๕๕๔). แนะนำ� สกลุ ความคิดหลงั โครงสร้างนิยม. กรงุ เทพฯ.
__________. (๒๕๔๕). สัญวิทยาโครงสร้างนิยมหลังโครงสร้างนยิ มกับการศกึ ษาเชิงศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ :
ส�ำนกั พิมพว์ ภิ าษา.
ชาญณรงค ์ พรรุ่งโรจน์. (๒๕๔๖). ความคดิ สรา้ งสรรค.์ กรงุ เทพฯ : ส�ำนักพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
ตฤณ กติ ติการอำ� พล. (๒๕๕๘). ประติมากรรมเพอ่ื การบำ� บดั เดก็ ออทสิ ตกิ . ดษุ ฎีนพิ นธ์หลักสตู รปรัชญาดษุ ฎี
บณั ฑิต สาขาทัศนศลิ ป์และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา.
ธีรยทุ ธ บุญมี. (๒๕๔๖). การวพิ ากษ์และถอดรื้อแนวคดิ ศิลปะแบบตะวนั ตกนิยม. กรุงเทพฯ :
ส�ำนักพมิ พ์สายธาร.
__________. (๒๕๔๗). โลก Modern & Postmodern. กรุงเทพฯ : ส�ำนักพิมพส์ ายธาร.
นรนิ ทร ์ รตั นจนั ทร.์ (๒๕๔๙). ศลิ ปะกบั เทคโนโลยใี นยคุ สมยั ใหม.่ กรุงเทพฯ : คณะจิตรกรรมประติมากรรม
และภาพพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร.
ปรชี า สวุ ีรานนท์. (๒๕๕๔). อา้ งถงึ เจมส์ ดลิฟฟอร์ท : ๑๙๙๓ อัตลกั ษณไ์ ทย : จากไทยส่ไู ทยฯ. กรุงเทพฯ :
ฟา้ เดยี วกัน.
ไพโรจน์ ชมุนี. (มปท). สนุ ทรียศาสตร์ : ปรชั ญาและการสรา้ งสรรค์ศลิ ปกรรม. คณะมณั ฑนศลิ ป์
มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
__________. (๒๕๕๓). สุนทรยี ศาสตร์. กรุงเทพฯ : คณะมณั ฑนศิลป์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร.
วธิ ีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขัน้ สูง 247
มะลิฉตั ร เอ้ืออานันท์. (๒๕๔๓). การเรียนการสอนและประสบการณด์ ้านสนุ ทรียภาพและศลิ ปวจิ ารณ.์
กรุงเทพฯ : ส�ำนกั พมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๔๒). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน. บรษิ ทั นานมีบุ๊คส์พับลเิ คช่ัน จำ� กัด
ราชบณั ฑิตยสถาน. (๒๕๔๑). พจนานุกรมศัพทศ์ ลิ ปะองั กฤษไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว.
ศรี นวิ าสนั จ.ี (๒๕๔๕). สนุ ทรยี ศาสตร์. สเุ ชาว์ พลอยชมุ พล แปลเรียบเรียง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
มหามกุฎราชวทิ ยาลัย.
ศิลป์ พีระศรี. (๒๕๒๗). ศิลปสงเคราะห์. กรุงเทพฯ : ไพศาลศลิ ป์การพิมพ.์
สมเกียรต ิ ตง้ั มโน. (๒๕๔๙). มองหาเรือ่ งวัฒนธรรมทางสายตา. มหาสารคาม : ส�ำนกั พมิ พ์มหาวทิ ยาลัย
มหาสารคาม.
สกุ ร ี เจริญสุข. (๒๕๓๒). จะฟังดนตรอี ยา่ งไรให้ไพเราะ. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพเ์ รอื นแกว้ การพิมพ์.
สชุ าต ิ เถาทอง. “จนิ ตภาพสมมติ : การสร้างความน่าจะเป็นของรูปความหมายสันนิษฐานเพอ่ื การวจิ ัยศลิ ปะ”
สูจบิ ตั รนทิ รรศการศิลปะภาพสะท้อนตวั ตน ศาสตราจารย์สุชาต ิ เถาทอง ในโอกาสเกษยี ณราชการ
๖๕ ปี. ณ พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติหอศิลป์. ๒๕๕๘.
__________. (๒๕๕๖). สหวทิ ยาการ : การวิเคราะห์หาความเชอ่ื มโยงแบบบรู ณาการทางศิลปะ. ชลบรุ ี :
บัณฑิตศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา
__________. (๒๕๕๕). แนวทางการคิดหัวข้อและโจทยก์ ารวจิ ยั สร้างสรรคศ์ ลิ ปะการออกแบบระดบั
บณั ฑิตศึกษาในมิติมมุ มองปจั จบุ นั . ชลบรุ ี : บัณฑิตศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร ์ มหาวิทยาลัยบรู พา.
__________. (มปท). ทศั นศิลป์กับมนุษย.์ กรงุ เทพฯ : ส�ำนักพิมพอ์ กั ษรเจรญิ ทศั น์.
__________. (๒๕๕๙). ศลิ ปวิจยั . สร้างวชิ าการแบบการปฏิบตั สิ ร้างสรรค์ศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ :
จรลั สนทิ วงศก์ ารพมิ พ์จำ� กัด.
__________. (๒๕๕๓). การวิจัยสร้างสรรคท์ ศั นศลิ ป์. ชลบรุ ี : คณะศลิ ปกรรมศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา.
สชุ าติ สทุ ธ.ิ (มปท). มองร้ดู อู อกทางศลิ ปกรรม. ความเข้าใจในฐานศาสตร์และความชัดแจง้ เบื้องตน้ .
กรุงเทพฯ : ส�ำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาต.ิ
__________. (๒๕๓๕). เรียนรกู้ ารเห็น พ้ืนฐานการวจิ ารณ์ทัศนศลิ ป.์ กรงุ เทพฯ : บริษัทโอเดียนสโตร์
__________. (๒๕๔๓). สนุ ทรยี ภาพของชีวติ . สุพรรณบุร.ี โครงการจดั ตัง้ คณะศิลปกรรมศาสตร,์
ราชภฎั สวนดสุ ติ .
สำ� นกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษา. (๒๕๕๘). การวจิ ยั เพอ่ื จดั ท�ำมาตรฐานคุณวฒุ ิระดับบณั ฑิตศึกษา
สาขาศิลปกรรมศาสตร์ (มคอ.๑) ส�ำนกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษา. กระทรวงศกึ ษาธิการ.
อทิ ธพิ ล ต้งั โฉลก. (๒๕๕๐). แนวทางการสอนและสร้างสรรคจ์ ติ รกรรมช้ันสงู . กรงุ เทพฯ :
บริษัทอมั รินทร์พริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลชิ ชงิ่ จำ� กัด (มหาชน).
อภิภา ปรัชพฤทธิ.์ (๒๕๔๔). หลงั สมยั ใหมน่ ยิ มและการอดุ มศกึ ษา. กรุงเทพฯ : สำ� นักพิมพ์อนิ ทภาษา.
อานันท ์ กาญจนพันธ์. (๒๕๔๘). ทฤษฎแี ละวิธีวิทยาของการวิจัยวฒั นธรรม. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั อมั รนิ ทร์
พร้ินตง้ิ แอนด์พับลิชชิ่งจำ� กดั (มหาชน).
248 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบขนั้ สูง
Anderson, L.W., D.R. Krathwoh/. (๒๐๐๑). A Taxonomy for Learning, and Assesing : A Revision
of Bloom ‘s Taxonomy of Educational objectives : New York : Longman.
Burgin, Victor (๒๐๐๙). Thoughts on Research Degree in Visual Art Department, Artist with
PhDs. New Academia, Publishing, U.S.A.
Candy, Linda. (๒๐๐๖). Practice Based Research : A Guide, Creativity & Cognition Studios http:/
www.creativity and cognition.com University of Technology, Sydney. CCS Report :
๒๐๐๖ – V๑.๐ November.
Clifford, JAME. On Collecting Art and Culture. P ๒๑๖ – ๒๕๑. The predicament of culture.
๑๙๑๓.
D.A., Kolb. (๑๙๘๔). Experiential learning. New York : prentice Hall.
Dewey, John. (๑๙๓๔). Art as Expericnce New York : Minton, Balck & Co.,.
EIKins, James. (๒๐๐๙). On Beyond Research and New Knowledge, Artisths with PhDs.
New AcademiaPublishing, U.S.A.
Emlyn Jones, Timothy. (๒๐๐๙). Research Degree in Art and Design, Artists with PhDs.
New AcademiaPublishing, U.S.A.
Feinstein, Hermine. (๑๙๘๒). Meaning and Visual Mataphor. Studies in Art Education ๒๓ (๒)
: ๔๔ - ๔๕
Gray, Carole and Julian Malins. (๒๐๐๔). Visualizing Research. A Guide to the Research Proccss
in Art and Design. Ashgate Publishing Limited Gower House, England.
Lovegrove, Sue, (๒๐๐๙). The Unsolidity of Ground, Artist with PhDs. New Academia
Publishing, U.S.A
Mountain vetreat. Org/g /ossary. htm/.
Mottram, Judith. (๒๐๐๙). Researching Research in Art and Design, Artists with PhDs,
New Academia Publishing, U.S.A.
Merleau, Maurice-Ponty. (๑๙๖๒). Phenomenology of perception translated by Conlin Smith.,
London : Routledge, xx.
Nuttacha. Semiology. Signification. เข้าถงึ เมือ่ ๒๔ มิถนุ ายน ๒๕๖๐ /http://nuttacha.blogspot.com
New Collins Concise Dictionary ๑๙๘๖.
Noble Ian, Russell Bestley. (๒๐๐๕). Visual Research. AVA Publishing SA, Switzerland.
Nelson, Robert. (๒๐๐๙). The Jealousy of Idea. Goldsmith, University of London.
Ocvirk, G. Otto. Bone O Robert. And Other. (๑๙๗๕). Art Fundamentals. Theory and Practice.
WM. C. Brown Company Publishers.
Park, A John. (๒๐๑๕). Universal principle of Art. ๑๐๐ key concept of Understanding.
Analyzing, and Practioning Art. Beverly, MA : Rock port publisher
วธิ คี ิดทางศลิ ปะออกแบบข้นั สูง 249
Phaidon Press. (๒๐๑๔). Art in time : ๒ word history of styles and movement. (London :
Phaidon Press ๑๔)
Read, Herbert. (๑๙๗๗). The Meaning of Art. London : Faber and Faber.
Schon, Donald. (๑๙๘๓). The Reflective Practtioner : How Professional Think in Action
New York. : Basic Book.
Slager, Henk. (๒๐๐๙). Art and Method, Artists with PhDs, New Academia Publishing U.S.A.
Smith, George. (๒๐๐๙). The Non – studio PhD for Visual Artists, Artists with PhDs.
New AcademiaPublishing, U.S.A.
Stangos, Nikos. (๑๙๙๕). Concepts of Modern Art. Thames and Hudson. Inc, New York.
Steiner, E. (๑๙๘๑). Educology of Free. New York Philosophical Library Press.
URL http : //sitem. Herts. ac.uk/artdes research/papers/wpades/vo/./dog/as.htm/
Virilio, Paul. (๑๙๙๔). The vision Machine. London : Brittsh Film Institue.
Wosk, J. (๑๙๙๒). Breaking Frame : Technology and The Visual arts in The nineteenth century.
New Jersy,Rutgers University Press.
Wallak & Kogan. (๑๙๗๕). Model of thinking in Young children. New York : Holt Richart and
Winston. Inc.
WWW.Cyberclass.MSU.ac.th/
250 วธิ ีคิดทางศลิ ปะออกแบบขนั้ สงู
ดัชนี
ก จนิ ตภาพสมมต.ิ .......................................................๗๑
จติ ภาพ.............................................................ฌ, ๓, ๔
กระบวนทศั น.์ ..........................................................๑๙ จนิ ตภาพทางใจ..............................๔, ๗, ๑๐, ๒๗, ๗๑
การคดิ คำ� นวณทางจินตนาการ......................๒๗, ๑๐๓ จนิ ตคด.ี .................................................................๔, ๘
การคดิ แบบรัศมี....................................................๑๔๘ โจเชพ อัลเบอร์....................................................๑๓๓
การคิดเชงิ ปรัชญาศิลปะ.......................................๑๖๗ จมิ มี ่ เฮนดริก..........................................................๑๕
ปรชั ญาวา่ ดว้ ยศิลปะ...............................๑๖๗ จนิ ตภาพทางทศั น.์ ...........................................๑๕, ๒๖
ปรัชญาในศลิ ปะ......................................๑๖๗ จักรวาลอุดมคต.ิ ............................................๕, ๙, ๙๙
การรอื้ สร้าง...........................................................๑๘๓ จติ วิญญาณ..............................................................๓๕
การสรา้ งทวนซำ้� ใหม่.............................................๑๘๔ เจตจ�ำนงแห่งสติปัญญา...........................................๓๕
กรกต อารมณด์ .ี ..................................................๑๑๕ เจมส ์ คลิฟฟอร์ด.......................................๑๐๕, ๑๗๑
กฤษฎางค์ อนิ ทะสอน..........................................๒๒๕ จักรพนั ธ์ โปษยกฤต...............................................๓๙
กฤช งามสม.........................................................๑๘๒
กุสตาฟ คลิม้ ...........................................................๖๑ ช
กมล ทศั นาญชลี.....................................................๘๒
กนิษฐา เรอื งวรรณศักด์ิ..........................................๘๑ ชโิ นโปรตกุ ริส........................................................๒๓๔
แกนความคดิ .........................................................๒๒๑ ชอรช์ บราก............................................................๓๑
ชลดู นิม่ เสมอ......................................................๑๒๙
ค ชยั ยศ วนชิ วัฒนานวุ ัติ............................................๙๖
ชนิ วัฒน์ ประยรู รตั น.์ ...........................................๑๖๓
ความจำ� เป็นภายใน.............................................๔, ๑๐
คารล์ แจสเปอร์......................................................๘๕ ซ
ความคิดเอเนกนัย....................................................๙๒
ความคิดเอกนยั ........................................................๙๒ ซาลวาดอร์ ดาลี..............................................๑๐, ๖๓
ความคิดยืดหยุ่น............................................๒๔, ๑๔๘ ซิกมนั ด ์ ฟรอยด์......................................................๑๐
คติดาดา................................................................๑๕๔ ซินดี้ เชอรแ์ มน....................................................๑๓๘
เคยี รต แฮร่งิ ........................................................๑๓๗ ซลี ล ์ เดออสิ .........................................................๑๕๙
คุณคา่ ขจร.............................................................๑๙๐
โครงความคดิ ........................................................๒๒๖ ฌ
จ ฌาคส ์ แดรดิ า......................................................๑๘๓
จิตวิทยาเกสตลั ต์...................................................๑๓๔ ญ
จติ วิญญาณไร้รูป........................................................ฌ
จนิ ตลักษณ์.................................................................ฌ ญาณสมาธิ.......................................................๑๗, ๒๗
ญาณวิถี....................................................................๗๓
วธิ คี ดิ ทางศิลปะออกแบบข้นั สงู 251
ณ นวัตศิลป.์ ..............................................๑๖, ๕๔, ๑๔๔
เณรศ จึง..............................................................๒๒๕ นัยทางความคดิ .......................................................๔๐
ด บ
เดรดิ คาเรพว์......................................................๑๔๖ เบนจามิน เอส บลมู ..............................................๕๔
เดอสตลิ ................................................................๑๕๑ บาศกนยิ ม................................................................๖๗
บวร.......................................................................๑๘๘
ฤ บรรยวสั ถ์ ประเสริฐวรชัย......................................๙๕
บาศกนิยมสังเคราะห์............................................๒๑๗
ฤกษฤ์ ทธ์ิ ตรี ะวนิช...............................................๑๐๗ แบบจำ� ลองความรใู้ หม่..........................................๒๒๖
บญุ เสริม วัฒนกิจ.................................................๑๕๗
ต
ป
ไตรภมู .ิ ....................................................................๑๒
ตฤน กิตติการอำ� พล...............................................๒๐ ปัญญาประดิษฐ.์ ..........................................................ฉ
ประสาทสัมผัสเชิงวเิ คราะห.์ .............................ง, ๑๗๘
ถ ป่าหิมพานต์................................................................๘
ปางยมานตกะ..........................................................๒๘
ถกั ทอความรู้.........................................................๒๓๓ ประสบการณ์ทางเชาว์นปญั ญา..................................๕
ปาโบล ปิกัสโซ..................................................๙, ๓๑
ท ปอล เซซาน............................................................๖๗
ปรชี า เถาทอง........................................................๗๐
ทุนทางวฒั นธรรม.......................................................ฉ ปรีชาญาณ...............................................................๘๙
ทพิ ยสถาน..................................................................๘ ปัญญาญาณ.............................................................๘๙
ทัศนียภาพทางวัฒนธรรม........................................๓๒ ปจั เจกพทุ ธเจา้ .........................................................๙๕
ทฤษฎแี หง่ ความรู้..................................................๑๖๖ ปจั เจกลักษณ.์ .......................................................๑๑๔
ทฤษฎีลดทอน.......................................................๑๓๓ ประตมิ านวทิ ยา....................................................๒๐๓
โทน ี่ บชู าน...........................................................๑๔๘ ปรชั ญาความรู้ใหม่................................................๑๒๖
ทักษะทางปญั ญา..................................................๑๙๒
ท้องถน่ิ ภวิ ฒั น.์ .........................................................๑๗ ผ
ธ ผิวสมั ผสั วฒั นธรรม.....................................................ฉ
ผลกึ ความคิด......................................................๘, ๓๑
ธนพล จุลกะเศยี น...............................................๒๔๑ ผลึกก�ำลงั ..............................................................๒๓๕
แผนที่ความคิด......................................................๑๕๘
น
นวตั กรรม........................................................ญ, ๒๔๑
นวตั กรรมวัฒนธรรม...................................ฌ, ๑๖, ๕๔
นาฏภาพ.....................................................................๔
252 วิธีคิดทางศิลปะออกแบบขนั้ สูง
พ ย
พหุสัมผัส.............................................ข, ๔๐, ๑๐๗, ๑๖๐ ยนี เอ มิทเลอร.์ ...........................................๑๗๗
พหคุ ณู ...........................................................................๕๑
พหสุ งั คมวฒั นธรรม..........................................................ซ ร
พระเมรุมาศ...................................................................๑๒
พระท่ีนง่ั ทรงธรรม.........................................................๑๒ รหัสนัย................................................................ฌ
พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช.......๑๒ ไรร้ ูปลกั ษณ.์ ....................................................๓, ๗
พระมัญชุศรีโพธิสตั ว์......................................................๒๘ รอเจอร ์ เพอรร่.ี ..................................................๒
พระอรหนั ตข์ ีณาสพ.........................................................๙ รอเบริ ต์ ออรน์ สไตน์...........................................๒
พีต มอนดริอัน......................................................๒๕, ๓๑ รอเบิรต์ สมทิ สนั ...........................................๑๕๘
พิเชษฐ ์ กล่ันชนื่ .........................................................๑๒๘ แรงจูงใจ............................................................๑๕
พิน สาเสาร์..................................................................๒๐ รื้อสรา้ ง......................................................๑๙, ๓๐
สญั ชีพนรก........................................................๔๔
ภ โรโบตกิ อารต์ ..................................................๑๔๖
เรย ์ ซีซาร์......................................................๑๔๖
ภาพลกั ษณ.์ ......................................................................๓ รอย ลิสเซนสตีน...........................................๑๙๓
ภูมจิ กั รวาล....................................................................๑๒ โรลองค ์ บารท์ ...............................................๒๐๑
ภาพพจน์.......................................................................๗๓ เรอื โยง............................................................๒๓๔
ภูเขาสการ์มาตา.............................................................๙๔
ภราดรภาพ.................................................................๒๒๑ ล
ภานุ สรวยสุวรรณ.....................................................๒๓๘
ลทั ธิสัจนิยม....................................................๓, ๗
ม ล้ินชกั ความทรงจ�ำ...............................................๔
ลัทธิศลิ ปะ............................................................๘
มาตรฐานเชงิ อดุ มคต.ิ ....................................................๒๗ คิวบิสม.์ ..................................................๙
มุทรา.............................................................................๒๗ ดาดา......................................................๙
มหาปรุ ิสลกั ขณ..............................................................๒๗ ลัทธลิ ดทอน......................................๑๑๑
มีส ฟาน เดอร์โรท์.......................................................๕๘ ฟวิ เจอร์ลสิ ม์...........................................๙
มาตราเชงิ อุดมคติ...............................................๒๗, ๑๐๓ ลีโอนารโ์ ด ดาวินซี.................................๓๓, ๒๐๗
มาเซล ดซู อง.............................................................๑๕๕ ลลินธร เพญ็ เจริญ.........................................๒๒๕
มอริส ไวทซ์...............................................................๑๖๙ โลกเสมอื นจรงิ ...................................................๒๙
มอนโร เบยี สลีย์.........................................................๑๗๗ ลโี อ เบอรเ์ น็ทท์..............................................๑๕๓
มายาคติ...........................................................๑๘๕, ๒๑๓ เลอ คอร์บซู ีเย...............................................๑๕๑
มิเชล เออแซน เชิพเริล............................................๑๐๙ ลิลเลยี่ น ชคอร์ท...........................................๑๓๑
วธิ ีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบขน้ั สงู 253
ว สาครินทร์ เครืออ่อน............................................๑๐๗
สหวทิ ยาการวเิ คราะห์...........................................๑๗๘
วัฒนธรรมทางทัศน.์ ..................................จ, ๓, ๗, ๗๘ สุริยา รัตนวงศก์ ุล...................................................๗๗
วฒั นธรรมจบั ต้องไมไ่ ด.้ ......................................ฌ, ๑๙ สุทธนิ ี สุขกลุ ...........................................................๗๙
วิภาษวิธ.ี ................................................................๓, ๘ สดุ ศิร ิ ปุยออ๊ ก......................................................๑๒๗
วัฒนธรรมวญิ ญาณ...........................๔, ๑๑, ๔๔, ๑๐๗ สญั ศาสตร.์ ............................................................๒๐๓
วฒั นธรรมจอภาพ.........................................๓๒, ๑๗๕ สัญวทิ ยา....................................................๒๐๑, ๒๑๓
วจั นภาษา................................................................๔๘ รปู สัญญะ................................................๒๐๑
ไวยากรณ์ทางศิลปะ..............................................๑๗๕ ความหมายสัญญะ................................................๒๐๑
วอลเตอร์ อาร์ สาเวยี สซี..........................................๑๕ สมิ .........................................................................๒๐๘
วิเคเตอร์ วาซาล.ี ..................................................๑๓๑ สงั กสั สะ................................................................๒๓๑
สมมตภิ าวะ...........................................................๑๒๑
ศ สจั จภาวะ..............................................................๑๒๑
สนิทัศน ์ ประดิษฐท์ ัศนีย.์ .....................................๑๘๒
ศาลาเปลอื้ ง................................................................๙ เสกสรรค ์ ตนั ยาภริ มย.์ ...........................................๗๙
ศาสตร์ออ่ น..............................................................๑๒ สวุ ฒั น์ แสนขันติยรัตน.์ ........................................๑๐๔
ศาสตรป์ ระยทุ ธ์.......................................................๑๒ สรไกร เรืองรุ่ง........................................................๘๑
ศิลปะแบบเฉพาะกาล...........................................๑๒๖ สมพร ธุร.ี ............................................................๒๔๓
เศรษฐกิจสรา้ งสรรค.์ ...............................................๓๒
ศมลพรรณ ภเู่ ลก็ .................................................๑๙๘ ห
ศิลปะสัมพันธ์.............................................๑๑๑, ๑๗๒
ศิลป์ พีระศรี........................................................๒๒๕ หลุยส์ เฮนรี ซลั ลิแวน........................................๑๕๓
ศิวนาฏราช..............................................................๒๘ หลังสมัยใหม่นิยม........................................................จ
หยง่ั ร.ู้ .........................................................................๔
ส หอเปลอื้ ง....................................................................๔
หยิน – หยาง.........................................................๑๕๐
สหศลิ ป์.......................................................................ช เหมเวชกร................................................................๓๙
สังคมฐานบนั เทงิ ........................................................๔
สือ่ ตวั หนา้ .............................................................๑๓๐ อ
สารตั ถศิลป.์ ...........................................................๓, ๗
สหสั วรรษ...................................................................๑ อเลสซานโดร เมนดิน.ิ ............................................๗๕
สงั คมพหุนยิ ม...........................................................๒๙ องั คาร กัลยาณพงศ.์ ............................................๒๑๕
สูตรทางศิลปะ............................................................๘ ออทสิ ติก..................................................................๒๑
สรา้ งทวนซ้�ำใหม่......................................๑๙, ๓๐, ๕๘ อภิชัย ภิรมยร์ ักษ์.................................................๒๓๑
สุนทรยี เชงิ สัมพันธ์................................................๑๑๑ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์..............................................๑
สนุ ทรยี ศาสตร์ทางอดุ มคต.ิ ......................................๙๙ ออกแบบทางทัศน.์ ......................................................ช
สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดตวิ งศ.์ .....................๑๐๖
254 วิธคี ิดทางศิลปะออกแบบข้ันสงู
อุตสาหกรรมบริการ....................................................ฉ
อุดมคติทางศิลปะ.......................................................๘
อวจั นภาษา..............................................................๔๘
เอด็ วาร์ด เดอ โบโน..............................................๙๑
เอ อาร ์ เพง็ ค.์ .....................................................๑๓๘
อลั เบริ ต์ ไอสไตน์....................................................๓๒
องคาพยพ.............................................................๒๑๕
อตุ สาหกรรมสรา้ งสรรค.์ ..........................................๓๕
เอด็ เวิรด์ เดมม่ิง...................................................๑๖๕
เอ็ดมันด ์ เบิรก์ เฟลด์แมน..................................๑๗๗
ฮ
ฮนั ส์ อาร์ป...........................................................๑๕๕
เฮอแมน วอน เฮมโฮลต.์ ..........................๑๐๘, ๑๓๔
เฮอร์มีน ไฟสไตน์.................................................๑๘๕
ฮูปแตม้ ..................................................................๒๐๘
ฮตี สบิ สอง.............................................................๒๐๘
วธิ คี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขัน้ สูง 255
ศพั ทานกุ รม
ก
การร้ือสร้าง (Deconstruction) หมายถงึ การอา่ น การถอดร้ือ การวิเคราะหภ์ าษาทางการเห็นของรปู
ความหมายและโครงสร้างท่ีประกอบผสมผสานอยูด่ ้วยกนั ของมลู ธาต ุ (Element) ทัศนธาต ุ (Visual
Element) และหลักการ (Principle) อนั เป็นไวยากรณท์ างศลิ ปะ ดว้ ยการสลายหรอื รอ้ื ความเปน็
หนว่ ยของโครงสรา้ งทางการเหน็ เหลา่ นั้น และถอดหารปู และความนยั ท่แี สดงความรู ้ ความเขา้ ใจใหม่
ให้กบั ส่งิ ทถ่ี ูกปดิ บังซอ้ นทับหรือฝงั แฝงดว้ ยการนำ� มาสรา้ งความเป็นไปได้แบบใหม่ดว้ ยรูปนัยแบบอน่ื ๆ
โดยยังคงร่องรอยของท่ีมาเดมิ ไว้
การปฏิบัตทิ างปัจเจก (Subjectivation) หมายถึง เทคนิควธิ ขี องความเปน็ ตวั ตนใช้การบังคับควบคุม
เรือ่ งของความคดิ และการกระทำ� หรือวธิ ีปฏบิ ตั สิ ว่ นตนเพ่อื น�ำไปสู่การประกอบสรา้ งตวั ตน หรือ
เทคโนโลยสี ว่ นตนหรอื การปฏิบตั ิสว่ นตน
การสร้างทวนซ�ำ้ ใหม่ (Reconstruction) หมายถึง การทบทวน การสรา้ งซำ�้ เปน็ การศึกษาวจิ ยั จาก
ขอ้ มลู ส่ือสงิ่ หรือหลักฐานเดมิ ดว้ ยการร้ือสรา้ งถอดความหมายอยา่ งมสี าระ มแี กน่ สาร และนำ� มา
ประกอบสร้างซ�้ำขึ้นใหมใ่ นมมุ มองวิธีการใหม่
การหยั่งรหู้ ย่ังเห็น (Intuition) หมายถึง การรับร ู้ การเรยี นร ู้ อนั เกิดข้นึ จากการกระทบร้ภู ายในของจติ ใจ
อยา่ งฉบั พลนั ทนั ที ในความน่าจะเปน็ ของส่ิงใดสิง่ หน่งึ โดยไมค่ ำ� นงึ ถึงเหตผุ ล คล้ายความคดิ (จิตภาพ)
ความเข้าถงึ ท่สี ว่างแวบขึ้นมาแบบปัจจุบนั ทนั ดว่ นเช่นเดยี วกบั ค�ำอทุ านว่า “ยูเรกา้ ”
การสอบทานเชิงคุณคา่ (Qualitative Inquiry) หมายถึง การพนิ ิจพิจารณาใคร่ครวญ ถึงค่าทีม่ คี ุณในสาระ
เชิงปริมาณขณะบังเกดิ ข้ึนจากการสมั ผัสโดยตรงจากการรบั รู้หนงึ่ ๆ
การสะท้อนความคิดกลบั ของตน (Self - Reflexivity) หมายถึง สะท้อนความร ู้ ความจรงิ ซึง่ มีอยู่ภายใน
ตวั ตนของแตล่ ะคนออกมา และนำ� มาศกึ ษาเรียนรู้ร่วมกนั จนนำ� ไปสขู่ ้อสรุปของความร ู้ ความจรงิ
ท่เี กิดขึน้ จากการประกอบสรา้ ง โดยตนเองและบริบทเกี่ยวขอ้ ง
การวจิ ัยเชิงคณุ ค่า (Qualitative Research) หมายถงึ การศกึ ษาวิจยั ข้อมลู เชิงคุณค่าจาก
ปรากฏการณ์ สภาพแวดลอ้ มและหรอื ขอ้ มลู จากความรสู้ กึ นกึ คิดตามจินตนาการ ด้วยการอาศยั
ระเบียบวธิ เี ฉพาะทาง เชน่ วธิ ีการศิลปะ(Artistic Method) ศกึ ษาวเิ คราะหท์ �ำความเข้าใจเขา้ ถึง
เน้อื หาสาระทส่ี ัมผสั ได้จากการรบั ร้ ู และรับรู้สกึ ไดท้ างจติ ชอบและใจรู้สกึ ในนามธรรมอนั สงู ค่าน้นั
การคดิ ค�ำนวณทางจนิ ตนาการ (Calculative Imagination) หมายถงึ การคิดค�ำนวณในมิติต้ืนลกึ
ทางการเห็นเชงิ คณุ คา่ ทางความรู้สึก ทางอารมณ์ เพ่อื คน้ หาค่าความประสานกลมกลืน การไดส้ ดั สว่ น
ของรปู ทรง โครงสรา้ งใหเ้ กดิ มวี ญิ ญาณทางสนุ ทรียในการสร้างศลิ ปะออกแบบ หรอื บางครง้ั เรยี กว่า
การคำ� นวณเชิงคณุ คา่ ” (Qualitative Calculation)
การเขา้ ถงึ (Having Access to) หมายถึง การเข้าใจอยา่ งซาบซึ้งทางศิลปะออกแบบในความเปน็ แก่นสาร
ของสอ่ื ส่ิง ไม่วา่ จะเปน็ คณุ สมบัติ คณุ คา่ ทางสุนทรยี นามธรรม จิตวิญญาณทางวัฒนธรรมเปน็ การ
เขา้ ไปใกล้ชดิ สมั ผสั รไู้ ดถ้ งึ ความมีชวี ติ จติ ใจ และคณุ คา่ เฉพาะจากสิ่งตา่ งๆ เหล่านัน้
256 วธิ คี ิดทางศิลปะออกแบบขน้ั สูง
ข
ข้อมลู ทางใจ (Spiritual Data) หมายถึง ขอ้ มลู ท่ีให้ความคดิ ความรสู้ ึก ความบันดาลใจ และความประทับใจ
ในเบอื้ งต้นต่อการปฏบิ ตั สิ รา้ งสรรค์ทางศิลปะออกแบบ ข้อมลู ส่วนมากมีเน้ือหาทางอารมณไ์ ปตาม
การรบั ร้สู กึ จากขอ้ มูลของผ้สู รา้ งสรรค์ที่แตกตา่ งกันไป
ค
ความคิดนามธรรม - จิตภาพนามธรรม (Abstraction Idea) หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงระดบั การมองธรรมชาติ
สื่อสิง่ และปรากฏการณท์ มี่ ีความเป็นรปู ธรรมทางการรับรู้ และมีลักษณะเฉพาะเจาะจงใหม้ คี วามหมาย
ตอ่ ปรากฏการณอ์ ื่นในรปู ความนยั แบบทว่ั ไป เป็นหลกั การทางความคดิ จิตภาพแบบโดยรวม ไมเ่ ฉพาะ
เจาะจง และสามารถนำ� ไปใช้อธิบายกบั ปรากฏการณอ์ น่ื ๆ ในทำ� นองเดยี วกันไดอ้ กี มาก
ความรคู้ วามจริงทถี่ ูกสร้าง (Knowledge Reality is Construct) หมายถึง ความรู ้ ความจรงิ อยูใ่ นตวั ตน
ของแตล่ ะคนไดถ้ ูกนำ� ออกมาเพ่ือประกอบสร้างให้เกดิ ความนา่ จะเป็นทางศลิ ปะออกแบบและภาพสะทอ้ น
เหล่าน้นั ต่างลว้ นเป็นความรูค้ วามจรงิ ท่ีแตล่ ะคนมสี ว่ นร่วมในการสรา้ งขึ้นมา
คณุ คา่ ขจร (Pervasive Quality) หมายถึง การเคลอ่ื นไหวเปล่ยี นแปลงไปตามการรับรู้สมั ผสั ตอ่ คุณค่าใด
คุณค่าหน่งึ ในชว่ งขณะใดขณะหนง่ึ ต่อค่าทางสนุ ทรียน้ัน
คณุ คา่ ของสนุ ทรียภาพ (Aesthetic or Flavor Qualities) หรอื สนุ ทรียรส หมายถึง การกระทบทางจติ ใจ
(ชอบ - รู้สึก) แล้วรสู้ กึ ไดถ้ ึงตวั คา่ ท่ีมาท�ำกิรยิ าปลุกเรา้ ให้ลักษณะซาบซ่านจากคา่ ขจรและเกิดอาการ
พงึ พอใจ เพลดิ เพลนิ หรือโปรดปรานในจติ ใจไปตามประสบการณก์ ารรบั รสู้ กึ หน่งึ ๆ ของแตล่ ะคน
ความงามในโลกอุดมคติ (Ideal Beuty) หมายถึง ความงามหรอื สุนทรียท่ีแสดงออกมาจากปรชั ญาทาง
อุดมคติ มีความละเอยี ดละออประณตี ในทุกแง่มมุ ด้วย กายภาพภายนอกและจติ ภาพภายในอย่าง
ผสมผสานกัน โดยอาศยั การคดิ คำ� นวณทางความคดิ จิตภาพแบบสังเคราะห์ ด้วยความจำ� และจินตนาการ
สู่ผลงานทสี่ ะทอ้ นถงึ จรยิ ธรรมความดแี ละความงามควบคูก่ นั ไป
ความรเู้ ชิงพุทธปญั ญา (Cognitive Knowledge) หมายถงึ ความรู้ท่ีผ่านกระแสการคดิ วิเคราะหท์ างความคดิ
และการสังเคราะหจ์ ากความรสู้ ึกด้วยการรับรู ้ ชว่ ยทำ� ให้รับรไู้ ดอ้ ย่างลกึ ซ้ึงและสมบูรณ์
ความจำ� เป็นภายใน (Internal Necessity) หมายถงึ ความจำ� เปน็ ของจิตใจจากความปรารถนา Passion
เจตจ�ำนงท่ถี ูกกระตนุ้ หรือผลักดันใหแ้ สดงออกมาทางศิลปะออกแบบ และมคี วามพอเหมาะพอดขี อง
องคป์ ระกอบตา่ งๆ ทไี่ ดร้ ับการสรา้ งขึน้ มา มคี วามเฉพาะแบบเฉพาะท่หี นึง่ ๆ ไป
จ
จินตนาการสร้างสรรคศ์ ลิ ปะออกแบบ (Imagination & Creation in Art and Design) หมายถึง การ
นึกฝันคาดคดิ ด้วยพลงั อ�ำนาจของจิตให้มีความพิเศษพิสดาร และอาศยั ปฏภิ าณไหวพริบ การคดิ ย้อนแยง้
คิดแบบเอกนัยใหภ้ าพส่อื ส่ิงทค่ี ิดมีความแตกต่างออกไปจากเดมิ เพอื่ ใหผ้ ลงานศิลปะออกแบบที่ไดร้ บั
มคี วามใหม่ นวัตกรรมใหม่
จินตลักษณ์ (Mental Image) หมายถึง ภาพลักษณะทเี่ กดิ ขึน้ จากหว้ งของความนกึ คิด นกึ ฝนั ภายในจิตใจ
นำ� มาแสดงออกใหเ้ หน็ เปน็ ภาพแทนท่ีมาจากภายในจิตท่ีชอบและใจท่ีรูส้ กึ
วิธคี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบข้ันสงู 257
จินตภาพ (Visual Image) หรอื ภาพลกั ษณ ์ หมายถึง ภาพลกั ษณ์ท่ีเกิดข้นึ จากการรับรทู้ างการเห็นจาก
โลกภายนอก เช่น ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ปรากฏการณแ์ ละนำ� มาแสดงออกดว้ ยภาพแทนความหมาย
ให้มองเห็นไดไ้ ปตามการรับรหู้ นึง่ ๆ (ดคู ำ� ว่าภาพลกั ษณป์ ระกอบ)
จินตภาพสมมตุ ิ (Image in Hypothetically) หมายถึง การสร้างความนา่ จะเป็นจากสญั ญาณเชงิ นัยของ
รปู ความหมายนำ� ร่อง ท่เี กิดข้ึนจากจนิ ตนาการไดก้ อ่ รปู จนิ ตภาพภายนอก (Visual Image) หรอื
จินตภาพภายใน (Menta Image) ใหเ้ กดิ การคลค่ี ลายพัฒนาไปของภาพความคดิ ทน่ี ่าจะเป็น เหล่าน้ัน
ใหเ้ ปน็ แบบนนั้ แบบน้ีดว้ ยรูปความหมายสมมตใิ นแบบอย่างต่างๆ กัน ของภาพรา่ งแบบจำ� ลองขนาดเล็ก
ในการสอื่ ความคดิ เพ่ือช่วยใหเ้ ข้าใจถงึ เปา้ หมายของภาพสนั นษิ ฐานท่คี าดว่าน่าจะเกิดข้นึ
จิตวิญญาณ (Mind - Spirit) หมายถึง ภาพที่ถกู ออกแบบหรือสร้างข้ึนมาของจติ ใจและปญั ญาเป็นรปู นัน้
นามน้นั ไปตามจิตใจทีเ่ ตม็ ไปด้วยความรู้ ปญั ญาอันบรสิ ทุ ธแ์ิ ละความมีเหตผุ ล ช่วยท�ำใหภ้ าพท่ีเกดิ ขึน้
มีชวี ิตมีจติ ใจ และอารมณ์ความรู้สกึ ตามมา
ต
ตัวค่าของสนุ ทรยี ภาพ (Aesthetic or Flavor Qualities) หรือ คา่ ของรส หมายถึง เนือ้ หาสาระ
คา่ เฉพาะทแ่ี ทจ้ รงิ ของวัตถ ุ ศลิ ปวตั ถ ุ มพี ลงั หรือเสน่หด์ งึ ดูดหรอื กระตนุ้ ให้ประสบการณใ์ นตวั ค่าของ
สุนทรยี ภาพแกผ่ ู้ชมแต่ละคน ค่าขา้ งต้นคือคา่ ของรสทร่ี ับรสู้ กึ ได้อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง
ท
ทกั ษะพิสัย (Skill Motor) หมายถึง การปฏิบัติสรา้ งสรรคม์ ีเกณฑ ์ มที ฤษฎแี บบมาตรฐานในตวั เองในเชงิ
การสร้างอนั เป็นลักษณะของงานช่าง และการสร้างสรรคอ์ ันเปน็ ลักษณะของงานศลิ ปะด้วยเชาว์ปญั ญา
สูค่ วามเปน็ วชิ าชพี เฉพาะตน
ทักษะทางปญั ญา (Intellectual Skill) หมายถึง การปฏบิ ตั สิ รา้ งสรรคแ์ บบต้องใช้ความรู้ ความคดิ
ปฏิภาณไหวพรบิ และการกระท�ำ เพื่อแก้ปญั หาการท�ำงานและกระบวนการในระดบั สูง จนนำ� ไปสู่
ผลลพั ธ์ที่มคี ุณภาพและคุณคา่
น
เน้อื หาทางอารมณ์ (Emotional Content) หมายถึง เนอ้ื หาของผลงานศลิ ปะได้ใหป้ ฏิกริ ยิ าของการสัมผัส
ถึงความหว่นั ไหว ความร้สู กึ สะเทอื นใจจากการรบั รเู้ นือ้ หาทางศิลปะตา่ งๆ ทไี่ ดร้ บั นั้น ซงึ่ การรับรสู้ ึก
ตอ่ เนือ้ หาในศลิ ปะช้ินเดียวกนั ผรู้ บั แต่ละคนอาจไดร้ ับเน้ือหาทางอารมณ์แตกตา่ งกนั ไป ตามพ้ืนฐาน
ความรู้และประสบการณท์ างสนุ ทรยี และทางศิลปะเปน็ กรณไี ป
นวัตศิลป์ (Innovation Art) หมายถึง การตอ่ ยอดการพฒั นางานหตั ถกรรม ศิลปวัฒนธรรมแบบจบั ต้องได้
และจับตอ้ งไม่ได้ด้วยนวตั กรรมการออกแบบและการสร้างสรรค์ทีห่ ลอมรวมเขา้ ดว้ ยกัน จนเกิดคณุ คา่
และมลู คา่ ศิลปะออกแบบรูปแบบใหม่ มคี วามกา้ วหน้าขึ้นกวา่ เดมิ
แนวคิดคตินยิ มแนวการสรา้ ง (Constructivism) หมายถึง การสรา้ งมโนทศั น์ของจิต หรอื นามธรรมทาง
ความคดิ จิตภาพของส่งิ ท่ีร้ขู นึ้ มา เปน็ การเรยี นรู้ด้วยการสรา้ ง (Contucet) ภาพสง่ิ นั้นข้นึ มาในใจ
ของเรา เป็นการสร้างความคิดรวบยอดสร้างแบบจ�ำลอง หรอื สร้างแบบแผนของสง่ิ ทไี่ ด้ประสบนั้น
ขนึ้ มาในใจ เพอ่ื ท�ำความร้จู กั และเข้าใจความหมายของส่งิ นนั้ สิง่ ทส่ี รา้ งขน้ึ มาและสร้างความร้เู กย่ี วกับ
สงิ่ ทเ่ี ราประสาน
258 วธิ ีคิดทางศิลปะออกแบบข้ันสูง
ป
ปรชี าญาณ (Intellect) หมายถึง การทำ� งานของสมองและการใช้เหตุผลของความรู้ความจรงิ มคี วาม
โน้มเอียงไปทางการใชค้ วามคิดมาก สมองมากเปน็ สมองซกี ซา้ ย
ปญั ญาญาณ (Intuition) หมายถงึ การท�ำงานของจิตใจและจิตวิญญาณทางความชอบความรูส้ กึ มคี วาม
โนม้ เอียงไปทางการใชจ้ ิตใจอารมณ์ความรู้สกึ มากเปน็ สมองซีกขวา
ภ
ภาพพจน์ (Visual Literacy) หมายถึง การใชถ้ อ้ ยคำ� แบบสำ� นวนโวหาร ชว่ ยใหน้ กึ คดิ เปน็ ภาพไปตาม
ถอ้ ยคำ� จากการรอ้ ยเรียงอยา่ งมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาใหม้ ปี ระสิทธผิ ลต่อความคิด ความเข้าใจ
ให้จนิ ตนาการและถา่ ยทอดอารมณ์ได้อย่างกวา้ งขวางลกึ ซง้ึ กว่าการบอกเล่าแบบตรงไปตรงมา
ภาพลกั ษณ์ (Image) หมายถงึ ภาพทีเ่ กิดข้ึนจากความนกึ คดิ หรอื คดิ ว่าควรเปน็ เช่นน้นั “จนิ ตภาพ” ก็ว่า
หากเปน็ ภาพลักษณท์ ่เี กิดขึ้นจากการรับรภู้ ายนอกจากสง่ิ ตา่ งๆ รอบตัวเรยี กว่า ภาพลักษณ์ มองเห็น
“Visual Image” เป็นภาพลกั ษณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นภายในจากความนึกคิดเรียกว่า ภาพลกั ษณข์ องจติ ใจ
“Mental Image”
ม
มาตราเชงิ อุดมคติ (Ideal Matra) หมายถึง มาตราเพ่อื ใชค้ ดิ คำ� นวณระดบั หรอื ระบบของความตนื้ ลกึ ของ
คณุ คา่ ทางความงามในสุนทรียศาสตร์ The Tabula of Beauty (Rasa) เชน่ การค�ำนวณถงึ ลักษณะ
ความขลังพลงั เทพ พลังตนื้ ลกึ ทางความงามในความรูท้ างศิลปะของศิลปิน (ช่าง) เชน่ การคำ� นวณ
ถึงความสมบูรณด์ า้ นสุนทรยี ของปฏิมากรรมทางพระพุทธรูป จะต้องวดั จากความลงตวั อยา่ งสมบรู ณ์
ของสามเหลยี่ มทาลาม (Perfect Talama Perfect Triangle) หรอื ถา้ ความงามแบบสมบรู ณ์ของกรกี
ตอ้ งเปน็ ความสมบรู ณ์ของส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก (Perfect of Mean Rectangle)
ร
ระบอบเชงิ คณุ ค่า (Regim of Art Qualitic) หมายถึง ระบอบของการใช้ (to Use) การเลอื ก (to Select)
และการควบคุม (to Control) เครอ่ื งมอื ส่ือ และวิธกี าร มกี ารศกึ ษา วิเคราะห ์ และสังเคราะห์เพือ่
เข้าถึงสาระเชงิ คุณคา่ ทางสุนทรยี
ล
ลกั ษณะประจำ� ตวั (Character) หมายถงึ อตั ลักษณ์หรือปจั เจกลกั ษณ ์ อนั เป็นคณุ สมบตั ิทีแ่ สดงให้เห็นถึง
ลักษณะแกน่ สารส�ำคญั ในการกระทำ� หรอื แสดงออกใหม้ คี วามโดดเดน่ เชน่ ทางศิลปะ
ว
วาทปฏิบตั ิ (Discursive Practice) หมายถึง การใชถ้ ้อยค�ำ ขอ้ คดิ เห็นในการกระทำ� อย่างมีแบบแผนดว้ ย
รปู ของวธิ คี ดิ วธิ ีอธิบาย และเหตผุ ล หรอื การสะทอ้ นความคิดความอ่านควบคู่การปฏิบตั ดิ ้วย
การบรรยาย อธบิ าย จนนำ� ไปสู่ความร้คู วามจรงิ จากการปฏิบัตสิ ว่ นตน
วิธีคดิ ทางศลิ ปะออกแบบข้นั สงู 259
วิธวี ทิ ยา (Conceptualization) หมายถึง การจดั ระบบ จดั ความเช่อื มโยงทางความคดิ ทฤษฎีและความ
เขา้ ใจ มคี วามสอดประสานไปกับสถานการณ์ ปรากฏการณ์ ปฏิกริ ิยา หรอื บริบททีเ่ ปลยี่ นแปลงไป
โดยให้ความส�ำคัญกบั วิธคี ดิ และวธิ คี ดิ เชิงวพิ ากษ์มากกว่าด้านเทคนคิ วธิ ี เพือ่ ค้นหาความเก่ยี วโยง
ระหวา่ งความคิดตา่ งๆ ในการสรา้ งความรู้
วิธีการทางศลิ ปะ (Artistic Method) หมายถงึ ความรทู้ างศิลปวทิ ยาเชิงปรมิ าณ เชิงคุณค่า และเชิงปฏบิ ตั ิ
สรา้ งสรรค์อันเปน็ หลักการ หลักคิด และแนวทางวิธีการเฉพาะดา้ น สามารถนำ� มาใชส้ รา้ งความรู้
ทางศลิ ปะได้เชน่ เดยี วกบั เชิงวิทยาศาสตร ์ (Scientific Method)
วฒั นธรรมทางสายตา (Visual Culture) หมายถงึ ท�ำให้ภาพทางสายตาของสอ่ื สิง่ ตา่ งๆ ภายนอกที่รับรู้ได้
ซง่ึ โดยตวั ของมันเองไมไ่ ด้เป็นสิ่งน้นั มาก่อน มาทำ� ให้เปน็ ภาพเก่ียวกับโลก โลกที่เรานึกคิดเขา้ ใจและ
จบั ต้องไดใ้ นฐานะภาพหนึ่งมีความเป็นสหวทิ ยาการ มีความสลบั ซับซ้อนและเปน็ เสมือนภาพๆ หนึง่
วฒั นธรรมทางวิญญาณ (Spiritual Culture) หมายถงึ วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากการบูรณาการร่วมกัน
ระหวา่ งศาสนาปรชั ญา และสนุ ทรียศาสตรอ์ ย่างผสมผสานในโลกของอุดมคตทิ ีม่ ีความกวา้ งใหญ่ไพศาล
และมีชวี ิตจติ ใจไมส่ ามารถจะหย่ังถึงได้ แต่มคี วามเป็นไปได้อยา่ งมากมายของความพงึ พอใจทางจิตใจ
ทางคณุ ธรรม และความปรารถนาทางโลกียะของทางโลกไปพรอ้ มกนั
ศ
ศิลปะแนวไม่จีรัง (Ephemeral Art) หมายถึง ผลงานศลิ ปะทเี่ กิดข้ึนจากศลิ ปินถา่ ยทอดแนวคิดผ่านความ
เปล่ยี นแปลงความไมจ่ รี งั ของส่อื วัสดทุ างกายภาพของตวั ผลงานศลิ ปะทไ่ี ม่มีความคงทนหรอื ถาวร
มเี จตนา เป้าหมายเพอ่ื นำ� เสนอกระบวนการของความเปล่ยี นแปลงใหเ้ กดิ ขนึ้ มากกวา่ แสดงความมี
สนุ ทรียอนั คงที่
ส
สญั วิทยา (Semiology) หมายถึง การศึกษาเพ่อื ให้ได้มาของความร ู้ การแสวงหาความรแู้ นวโครงสร้างนยิ ม
ด้วยกระบวนการสรา้ งมายาคติ และตวั มายาคติเพอื่ ค้นหากระบวนการเกิดของสงิ่ ท่ีตอ้ งมาศกึ ษา
กลวิธนี ำ� เสนอ การเลา่ เรื่องและความหมายแฝง เป็นความหมายเชิงมายาคติทีเ่ กิดจากการบิดเบอื น
ไว้ให้สังคมรับรู้
สร้างสรรค์นยิ ม (Constructivation) หมายถงึ การสร้างความรดู้ ว้ ยตนเองทางศิลปะออกแบบจากการกระท�ำ
(Action) และภาพสะทอ้ น (Reflection) ที่บงั เกิดขึ้น ดว้ ยแนวความคิดวิธคี ดิ แบบกา้ วหนา้ นอกแบบ
นอกกฎเกณฑ์แบบเดมิ จนปรากฏเปน็ ภาพแทนความคิดแบบใหมท่ ี่สะท้อนถงึ ความรู ้ ความจรงิ ไปตาม
กาลเทศะทเ่ี ปลีย่ นไป
สุนทรยี เชิงสมั พนั ธ์ (Relational Aesthetics) หมายถึง การจัดวางศิลปะและกจิ กรรมเชงิ ปฏสิ ัมพันธ์ให้
ควบรวมกัน มุ่งสร้างความสมั พนั ธใ์ หมท่ บ่ี งั เกิดขนึ้ ผ่านประสบการณแ์ ละกระตุน้ ให้เกดิ การสอื่ สาร
ระหวา่ งศลิ ปนิ และผู้ชม การมสี ว่ นรว่ มกับศิลปเชิงสมั พนั ธ์มากไปกวา่ การพจิ ารณาใครค่ รวญผ่านวตั ถุ
ทางสนุ ทรยี ะ แนวคดิ นี้มีรากคิดมาจาก Dada Conceptual art Happening Art
260 วิธคี ดิ ทางศลิ ปะออกแบบขั้นสงู
สุนทรียอารมณ์ (Aesthetic Emotion) หมายถงึ จติ วิญญาณอนั ผ่องใสจะทำ� ให้สามารถรับรู้ความเปน็ ตนเอง
จติ จะสมั ผสั กบั คุณค่าของธรรมชาตริ วมถึงคณุ คา่ ของความงดงามดีงาม จากความชำ� นาญดา้ นฝีมอื
จากการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ ก่อใหเ้ กดิ สภาวะจติ สุนทรยี กบั อารมณใ์ นลกั ษณะความซาบซึง้ อนั เปน็
ความสขุ อีกลกั ษณะหนง่ึ
อ
องค์รวม (Totalization) หรอื ภาพรวม หมายถงึ การมองความรู้ ความจริงว่าเปน็ “องคร์ วม” หรอื แบบ
เบ็ดเสร็จรวบยอด ซ่ึงเป็นสว่ นหน่ึงในกระบวนการสหวิทยาการ วธิ ีการมองภาพรวมจากการศกึ ษาข้างตน้
จะช่วยแกป้ ัญหาสังคมและโลกปัจจบุ ันทมี่ ีความสบั สนและสลับซับซอ้ นให้กระจา่ ง การมองเพียง
ศาสตรใ์ ดศาสตรห์ นงึ่ เพอื่ น�ำมาใชแ้ ก้ปัญหาอาจไมส่ ามารถตอบโจทยแ์ บบมคี วามสัมพันธเ์ ช่อื มโยงกนั
อยหู่ ลายๆ ศาสตรไ์ ด้
องคว์ ิธี (Form of Methed) หมายถงึ การคิดท่เี นน้ กระบวนการปฏบิ ตั สิ รา้ งสรรค ์ มองตน้ ทางมคี วามส�ำคญั
มากกว่าปลายทาง หรอื กระบวนการมีความส�ำคญั กว่าชิ้นงาน และการเดนิ ทางเปน็ สิง่ นา่ สนใจกว่า
จุดหมายปลายทาง การร้อู งคว์ ิธคี อื การรู้ว่าทำ� อยา่ งไร และการรูอ้ ะไรที่ท�ำจนนำ� ไปสอู่ งคค์ วามรู้ทตี่ ้องการ
องค์ความรู้เชิงคณุ คา่ (Qualitative Form of Knowledge) หมายถึง ความร้ทู เี่ กดิ ข้ึนจากการใช้ การเลือก
และการควบคุมคณุ ค่า จนสามารถอ่านคา่ และคณุ คา่ ท่ีเกดิ ขึน้ ไดท้ กุ ขณะอย่างเหมาะสม จวบจน
สิ้นสดุ กระบวนการปฏิบัตสิ รา้ งสรรค ์ และเปน็ ทิศทางทร่ี ้วู ่าตอ้ งการให้ไดอ้ ะไรในกระบวนการน ้ี
องคค์ วามรเู้ ชงิ ปฏิบัติ (Practical Form of Knowledge) หมายถงึ ความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการปฏบิ ัตสิ รา้ งสรรค์
ทผ่ี ่านกระบวนการคดิ และการทำ� มาอย่างต่อเนอ่ื งเช่อื มโยง ด้วยวัตถุเครอ่ื งมือและสอื่ เทคโนโลยีใหม่
จนก่อรปู เปน็ ผลงานขน้ึ มา โดยมคี ำ� ถามเพ่อื การคน้ หาองคค์ วามรู้คอื สร้างสรรค์อะไร และสรา้ งสรรค์
อยา่ งไร
ศาสตราจารย์เกียรตคิ ุณสุชาติ เถาทอง
EMERITUS PROFESSOR SUCHAT THAOTHONG
ทีอ่ ยู่ : ๑๐๐/๓๑๐ หม่ทู ี่ ๒ ตำ� บลเสมด็ อ�ำเภอเมือง จงั หวดั ชลบุรี ๒๐๐๐๐
คุณวุฒิ : ศลิ ปบณั ฑิต คณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและภาพพมิ พ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ศิลปมหาบณั ฑิต M Fine Painting Kalabavana Visvabharati Santiniketan India.
ต�ำแหน่ง : ศาสตราจารย์เกียรตคิ ณุ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา
ผลงานวชิ าการ : ศิลปกบั มนุษย์ วาดเส้น ศิลปวิจารณ์
หลกั การทัศนศลิ ป์ จติ รกรรมสีน�ำ้
ประตมิ ากรรมหนิ จิตรกรรมฝาผนังรมิ ฝ่ังทะเลภาคตะวนั ออกของไทย
วิจัยแบบสร้างสรรคท์ ัศนศิลป์
ศิลปวจิ ัย : สร้างวชิ าการแบบการปฏบิ ตั ิสร้างสรรค์
ภูมบิ ูรพา : พลงั แผน่ ดินวถิ ีทัศน์
ผลงานการบริหาร :
- คณบดีก่อต้ังคณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา
- ประธานด�ำเนนิ การก่อสร้างอาคารหอศิลปวัฒนธรรมภาคตะวนั ออก
- ประธานจดั ตง้ั สภาคณบดีทางศลิ ปะแหง่ ประเทศไทย
- ประธานองค์กรความรว่ มมือทางศลิ ปวฒั นธรรมภาคตะวันออก
- อปุ นายกสภามหาวิทยาลยั ราชภฎั ราชนครินทร์
- ประธานหลักสูตรปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาทศั นศลิ ปแ์ ละการออกแบบ
- ประธานด�ำเนินการวจิ ัยเพื่อจัดท�ำมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั ปริญญาตรแี ละระดับบัณฑิตศึกษา
สาขาศิลปกรรมศาสตร ์ (มคอ.๑) สำ� นกั งานคณะกรรมการอดุ มศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
รางวัล : - รางวัลขา้ ราชการพลเรือนสาย ก ดีเด่น มหาวิทยาลยั บูรพา
- รางวลั รตั นบรู พา สาขาบรกิ ารวชิ าการ
- รางวลั ศลิ ปินดเี ด่นสาขาทัศนศิลป์ จังหวดั ชลบรุ ี
- รางวลั ศิษยเ์ กา่ ดเี ด่นวิทยาลยั เพาะช่าง
- รางวัลอาจารย์ดีเดน่ แห่งชาติสาขาศิลปกรรมศาสตร์ ปอมท.
- AWARD BEST Art & Design, ๒๐๑๖ Incheon International Design Fair.
ขอขอบคุณ
คณะศิลปกรรมศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา
บรษิ ัท ปตท. จ�ำกัด (มหาชน)
ชูฤทธ์ิ จติ วีระ
พงศ์พัฒน ์ เจริญวารี
วณี า ศรสี วัสดิ์
นกิ ร กาเจริญ
ชนิ วฒั น์ ประยูรรตั น์
ธวัชชัย สมคง