หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม
ว๓๐๒๐๔ ฟสิ กิ ส์ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ
ศึกษาหลักการของไฟฟาและแมเหล็กในเร่ือง กฎของคูลอมบ สนามไฟฟา ศักยไฟฟา ความจุ
และตัวเก็บประจุ กฎของโอหม สภาพตานทานและสภาพนาไฟฟา การวิเคราะหวงจรไฟฟากระแสตรง
อยางงายการหาพลังงานไฟฟาทใ่ี ชในเครื่องใชไฟฟา สนามแมเหลก็ ความสมั พันธระหวางแมเหลก็ และ
ไฟฟาหลักการของมอเตอร กฎการเหน่ียวนาแมเหล็กไฟฟาของฟาราเดยและกฎของเลนซ หลักการ
ของเคร่ืองกาเนิดไฟฟา ไฟฟากระแสสลับ การแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเปนไฟฟากระแสตรง แนวคิด
ทฤษฎีแมเหลก็ ไฟฟาของแมกซเวลล คลน่ื แมเหล็กไฟฟาและสเปกตรมั คลน่ื แมเหล็กไฟฟา
โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสบื ค้นขอ้ มูลและการอภิปราย เพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความ
เขา้ ใจ สามารถสอ่ื สารส่ิงท่เี รยี นรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ การแกป้ ัญหา
เห็นคุณค่าการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม
คุณธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
๑. ทดลอง และอธิบายการทาวัตถุที่เป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการขัดสีกัน
และการเหนีย่ วนาไฟฟา้ สถิต
๒. อธบิ าย และคานวณแรงไฟฟ้าตามกฎของคูลอมบ์
๓. อธิบาย และคานวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าที่กระทากับอนุภาคทมี่ ปี ระจไุ ฟฟา้ ท่ี
อยใู่ นสนามไฟฟ้า รวมท้งั หาสนามไฟฟา้ ลพั ธ์เนือ่ งจากระบบจุดประจโุ ดยรวมกนั แบบเวกเตอร์
๔. อธิบายและคานวณพลงั งานศกั ย์ไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้าและความต่างศักย์ระหวา่ งสองตาแหน่งใด ๆ
๕. อธิบายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุความสัมพันธ์ระหว่างประจุไฟฟ้า ความต่างศักย์
และความจุของตัวเก็บประจุ และอธิบายพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุและความจุสมมูล รวมท้ัง
คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
๖. นาความรู้เรอ่ื งไฟฟ้าสถิตไปอธิบายหลกั การทางานของเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ บางชนดิ และ
ปรากฏการณ์ในชวี ิตประจาวัน
๗. อธิบายการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนา ความสัมพันธ์
ระหว่างกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนากับความเร็วลอยเล่ือนของอิเล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่น
ของอเิ ลก็ ตรอนในลวดตัวนาและพืน้ ทห่ี นา้ ตดั ของลวดตัวนา และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ียวข้อง
๘. ทดลอง และอธิบายกฎของโอห์ม อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความต้านทานกับความยาว
พ้ืนที่หน้าตัด และสภาพต้านทานของตัวนาโลหะทอี่ ุณหภูมิคงตัว และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้อง รวมท้ังอธิบายและคานวณความต้านทานสมมูล เมื่อนาตัวต้านทานมาต่อกันแบบอนุกรม
และแบบขนาน
๙. ทดลอง อธิบายและคานวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมท้ังอธิบาย
และคานวณพลังงานไฟฟ้า และกาลงั ไฟฟ้า
งานพัฒนาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๔๕
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
๑๐. ทดลอง และคานวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรมและแบบขนาน
รวมท้ังคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งประกอบด้วยแบตเตอรี่
และตัวต้านทาน
๑๑. อธิบายการเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งสืบค้นและอภิปรายเกี่ยวกับ
เทคโนโลยี ทีน่ ามาแก้ปญั หาหรอื ตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นพลังงานไฟฟา้ โดยเนน้ ดา้ น
ประสทิ ธิภาพและความคุ้มคา่ ดา้ นค่าใช้จา่ ย
๑๒. สังเกต และอธิบายเส้นสนามแมเ่ หลก็ อธบิ ายและคานวณฟลกั ซแ์ ม่เหล็กในบริเวณ ท่ี
กาหนดรวมท้ังสังเกต และอธิบายสนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเส้นตรง
และโซเลนอยด์
๑๓. อธิบายและคานวณแรงแมเ่ หลก็ ทก่ี ระทาตอ่ อนุภาคทม่ี ีประจุไฟฟ้าเคล่ือนท่ี ใน
สนามแม่เหลก็ แรงแม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รัศมี
ความโค้งของการเคล่ือนที่เมื่อประจุเคลื่อนท่ีตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก รวมท้ังอธิบายแรงระหว่าง
เสน้ ลวดตัวนาคขู่ นานทมี่ ีกระแสไฟฟ้าผ่าน
๑๔. อธิบายหลักการทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งคานวณ
ปริมาณต่างๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง
๑๕. สังเกต และอธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนากฎการเหนี่ยวนาของฟาราเดย์ และคานวณ
ปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง รวมทัง้ นาความรูเ้ รอื่ งอีเอ็มเอฟเหน่ยี วนาไปอธิบายการทางาน ของ
เคร่อื งใช้ไฟฟา้
๑๖. อธิบาย และคานวณความต่างศักย์ อาร์เอม็ เอสและกระแสไฟฟ้าอาร์เอ็มเอส
๑๗. อธิบายหลักการทางานและประโยชน์ของเครื่องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ๓ เฟส การแปลง
อเี อม็ เอฟของหมอ้ แปลง และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
๑๘. อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์แสงโพลาไรส์
เชิงเส้นและแผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธบิ ายการนาคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในชว่ งความถี่ต่าง ๆ ไป
ประยกุ ตใ์ ชแ้ ละหลกั การทางานของอุปกรณ์ทีเ่ กีย่ วข้อง
๑๙. สบื ค้นและอธบิ ายการส่ือสารโดยอาศัยคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าในการสง่ ผ่านสารสนเทศ และ
เปรียบเทยี บการสือ่ สารด้วยสญั ญาณแอนะล็อกกับสัญญาณดจิ ทิ ัล
รวมท้งั หมด ๑๙ ผลการเรยี นรู้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๔๖
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
โครงสร้างรายวชิ า
ว๓๐๒๐๔ ฟิสกิ ส์ ๔ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ
ช่อื หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ/ เวลาเรียน น้าหนกั
การเรยี นรู้ ขอ้ ๑-๖ ความคิดรวบยอด (ชัว่ โมง) คะแนน
(๒๐) (๓๐)
๑ ไฟฟ้า ๑.๑ พืน้ ฐานของไฟฟา้ เรียกว่าไฟฟ้าสถติ
สถิต ไดแ้ ก่ ประจุไฟฟ้า สภาพเปน็ กลางทาง ๖ ๔
ไฟฟ้า การอนุรกั ษไ์ ฟฟ้า ตวั นาและฉนวน
การเหน่ียวนาไฟฟา้ ๔ ๖
๑.๒ แรงระหวา่ งประจุ ๒ ประจแุ ปรผัน
ตรงกับผลคณู ของขนาดของประจแุ ละ ๖ ๘
แปรผกผนั กบั กาลังสองของระยะห่าง
ระหวา่ งประจุ ๔ ๕
ซ่งึ เรยี กว่ากฎของคลู อมบ์ ๔ ๕
๑.๓ สนามไฟฟ้าคือบริเวณรอบๆประจุ ๒ ๒
ไฟฟา้ ซึง่ เมือ่ นาประจทุ ดสอบไปวางจะมแี รง
กระทากบั ประจทุ ดสอบนน้ั ในสนามไฟฟา้
ประกอบดว้ ยเสน้ แรงไฟฟ้า
๑.๔ บริเวณรอบๆประจุไฟฟ้าจะมีพลงั งาน
ศักย์ไฟฟ้า พลังงานศักย์ไฟฟ้าต่อหนงึ่ หนว่ ย
ประจุเรียกว่าศักย์ไฟฟ้า
๑.๕ตวั เกบ็ ประจุมีหน้าท่เี กบ็ ประจุความจุ
ไฟฟ้าของตวั เกบ็ ประจุหาได้จากอัตราสว่ น
ของประจตุ อ่ ศกั ย์ไฟฟ้า
๑.๖ ความรู้เกี่ยวกบั ไฟฟา้ สถิตนาไปใช้ผลิต
เครอ่ื งใชต้ า่ งๆได้
งานพัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๔๗
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ช่อื หน่วย ผล สาระสาคัญ/ เวลาเรียน น้าหนั
การเรียนรู้ การเรียนรู้ ความคิดรวบยอด (ชว่ั โมง) ก
(๑๘)
๒ ไฟฟ้า ขอ้ ๗-๑๑ ๒.๑ กระแสไฟฟา้ เกิดจากการถา่ ยเท คะแน
กระแสตรง ของประจไุ ฟฟ้าในตวั นาเน่ืองจากมคี วาม ๖ น
ตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ แหลง่ ทีท่ าใหเ้ กดิ ความตา่ ง (๓๐)
ศกั ย์ เรยี กว่า แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ ได้แก่ ๒ ๖
เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ๓
เครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้า ค่คู วบความรอ้ น ๒
เซลลส์ ุรยิ ะ แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ ๑ ๖
จากส่งิ มีชวี ติ ๒
๒.๒ กระแสไฟฟา้ คิดจากจานวนประจไุ ฟฟ้า ๒
ที่ผา่ นภาคตดั ขวางของตัวนาในหนงึ่ หน่วย
เวลา ๒
๒.๓ กฎของโอห์มกลา่ ววา่ ที่อุณหภมู ิคงตัว
กระแสไฟฟ้าทผี่ า่ นตวั นาหนึง่ จะแปรผนั ตรง
กบั ความตา่ งศักยร์ ะหว่างปลายทั้งสองของ
ตวั นานัน้ อตั ราสว่ นระหวา่ งศกั ย์ไฟฟ้ากับ
กระแสไฟฟา้ เรียกว่าความต้านทาน
๒.๔ เมอื่ อุณหภมู ิของสารเปลี่ยนไปความ
ตา้ นทานจะเปลี่ยนไปดว้ ยตามประเภทของ
สาร เชน่ ตวั นาความต้านทานจะแปรผันตรง
กบั อุณหภมู ิสมั บรู ณ์
๒.๕ แรงเคลอื่ นไฟฟา้ คอื พลังงานไฟฟา้ ที่
แหล่งกาเนิดไฟฟา้ ให้ต่อหน่งึ หน่วยประจุซ่ึง
เคล่อื นท่ผี า่ นแหลง่ กาเนิดไฟฟ้าน้ัน
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๔๘
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั / เวลาเรียน น้าหนัก
(ชั่วโมง) คะแนน
การเรียนรู้ การเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด ความคดิ รวบยอด (๑๖) (๓๐)
๓ ขอ้ ๑๒-๑๗ ๔ ๒
๒ ๒
ไฟฟา้ และ ๓.๑สนามแม่เหล็กหมายถึงบรเิ วณรอบๆ
๒ ๒
แมเ่ หลก็ แทง่ แม่เหล็ก ซึ่งเมื่อนาสารแม่เหล็กไป
๒ ๒
วาง จะมีแรงกระทากบั สารแม่เหลก็ น้นั
๑ ๒
รอบๆแท่งแม่เหล็กจะมีเส้นแรงแม่เหลก็
๑ ๒
๓.๒ เม่อื อนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟ้าเคลอื่ นท่ี
อยูใ่ นบรเิ วณที่มสี นามแมเ่ หล็กจะมีแรง
กระทาต่ออนุภาคไฟฟา้ น้ี โดยขนาด
ของแรงแปรผนั ตรงกับขนาดของประจุ
ไฟฟา้ ขนาดของความเรว็ และขนาด
ของสนามแม่เหล็ก โดยทิศของแรงหาได้
จากแบบการหมนุ ตะปเู กลียวขวา
๓.๓ เมื่อมลี วดตวั นาทีม่ รี ะแสไฟฟ้าผ่าน
อย่ใู นบรเิ วณท่ีมสี นามแมเ่ หลก็ จะมีแรง
กระทากบั ลวดตัวนานั้น โดยขนาดของ
แรงแปรผนั ตรงกับกระแสไฟฟา้ ความ
ยาวของเส้นลวดตวั นา และขนาดของ
สนามแมเ่ หลก็ โดยทิศของแรงกระทาหา
ไดจ้ ากแบบการหมนุ ตะปูเกลียวขวา
๓.๔ เมอ่ื มีกระแสไฟฟ้าผา่ นลวดตัวนาจะ
มีสนามแม่เหลก็ เกิดขนึ้ รอบๆลวดตัวนา
น้นั ทศิ ของสนามแม่เหล็กหาได้โดยใช้
มอื ขวาการอบเส้นลวดโดยน้ิวหัวแม่มือช้ี
ทิศของกระแสไฟฟ้านิ้วท่เี หลือจะแสดง
ทศิ สนามแมเ่ หล็ก
๓.๕ แรงระหว่างลวดตวั นาสองเสน้ ทมี่ ี
กระแสไฟฟา้ และขนานกันถา้
กระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางเดียวกันจะ
ดูดกนั ไหลในทิศทางตรงกนั ขา้ มกนั จะ
ผลักกัน
๓.๖ แรงกระทาต่อขดลวดที่อยใู่ น
บริเวณท่ีมสี นามแมเ่ หลก็ เมื่อมี
กระแสไฟฟา้ จะมีโมเมนต์ของแรงคู่ควบ
ทาให้ขดลวดเกดิ การหมนุ
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๔๙
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญ/ เวลาเรียน นา้ หนัก
เรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
การเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ัด ความคดิ รวบยอด
๑ ๓
๓.๗ แกลแวนอมิเตอรเ์ ป็นเคร่ืองมือท่ใี ช้
๑ ๓
วัดกระแสไฟฟ้าท่มี ีปรมิ าณน้อยๆทางาน
๒ ๒
โดยอาศยั หลักวา่ เม่ือมีกระแสไฟฟ้าไหล
๒ ๒
ผา่ นขดลวดทอ่ี ยู่ในสนามแมเ่ หล็กจะมี ๒ ๖
แรงกระทากับขดลวดน้นั ๑ ๑
๑ ๑
๓.๘ มอเตอรก์ ระแสตรง ใช้สาหรับ
เปล่ียนพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานกล
ทางานโดยอาศยั หลกั ว่าเมื่อมีกระแสไหล
ในขดลวดที่อยู่ในสนามแม่เหลก็ จะมีแรง
กระทา
๓.๙ กระแสเหน่ียวนาคอื กระแสท่เี กดิ
จากการเคลอ่ื นท่เี ส้นลวดตัวนาตดั กบั
สนามแมเ่ หล็กหรือเคลื่อนที่
สนามแมเ่ หล็กตัดกับเสน้ ลวดตวั นา
๓.๑๐ การผลติ พลังงานไฟฟา้ และการสง่
กาลังไฟฟา้
๓.๑๑ หมอ้ แปลงไฟฟ้าคอื เครื่องมือทใ่ี ช้
แปลงแรงเคล่ือนไฟฟ้าให้สงู ข้ึนหรือ
ลดลงตามตอ้ งการ
๓.๑๒ การนาความร้ทู างแม่เหลก็
ไฟฟา้ ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์
๓.๑๓ การอนรุ ักษธ์ รรมชาติกับการผลิต
ไฟฟ้า
๓.๑๔ ความรเู้ บ้ืองต้นเกี่ยวกับ
วงจรไฟฟ้ากระแสสลับและปริมาณต่างๆ
ท่ีเกย่ี วข้องกับวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ
งานพัฒนาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๕๐
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ย ผลการเรยี นรู สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
การเรยี นรู้ ขอ้ ๑๘-๒๓ (ช.ม.) คะแนน
- ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์
๔. เวลล์ได้ทานายว่า คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า (๖) (๑๐)
คลืน่ เ กิ ด ข้ึ น จ า ก ก า ร เ ห นี่ ย ว น า อ ย่ า ง
แมเ่ หล็ก ต่ อ เ น่ื อ ง กั น ร ะ ห ว่ า ง ส น า ม ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ
ไฟฟา้ สนามแม่เหล็ก คาทานายน้ีได้รับการ
ยืนยันว่าเป็นจริงจากการทดลองของ
เฮิรตซ์ นอกจากนี้เฮิรตซ์ยังทาการ
ทดลองได้ว่า คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า มี
ความเรว็ เท่ากบั ความเรว็ แสง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดจากการ
เคล่ือนที่ของประจุไฟฟ้าที่ถูกเร่ง เช่น
การเคลือ่ นที่
แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของประจุไฟฟ้า
ในสายอากาศที่ต่อกับแหล่งกาเนิดไฟฟ้า
กระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคล่ืน
ต า ม ข ว า ง มี ค ว า ม ถี่ ต่ อ เ น่ื อ ง กั น เ ป็ น
ช่วงกว้าง เรียกรวมกันว่า สปกตรัมคล่ืน
แมเ่ หล็ก
ไฟฟา้
- คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีมีสนามไฟฟ้า
เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาในแนวเดียว
เสมอ กล่าวว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็น
ค ลื่ น โ พ ล า ไ ร ส์ แ ส ง เ ป็ น ค ล่ื น
แม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีท้ังคลื่นโพลาไรส์และ
คลื่นไมโ่ พลาไรส์
รวม ๖๐ ๑๐๐
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๕๑
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ
ว๓๐๒๐๕ ฟสิ กิ ส์ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต
ศึกษาหลักการของสสารและฟสิกสแผนใหม่ในเรื่อง ความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสาร
การถ่ายโอนพลังงานความร้อนตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน สภาพยืดหยุ่น ความเค้น ความเครียดและ
มอดุลัสของยัง ความดันในของไหลและกฎพาสคัล แรงพยุงและหลักอารคิมีดีส ความตึงผิว การ
เคลื่อนท่ีในของไหล และหลักแบร์นูลลี แก๊สอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส กฎของแก๊สและพลังงาน
ภายในระบบของแกส แนวคิดเก่ียวกับแบบจาลองอะตอม สมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์
การเกิดเส้นสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจน การคนพบอิเล็กตรอน ปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก ทวิ
ภาวะของคล่ืนและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี การสลายกัมมันตรังสี ปฏิกิริยานิวเคลียร พลังงานนิว
เคลยี ร รังสีในธรรมชาติ การปองกนั อันตรายและการใชประโยชนจากกมั มันตภาพรังสี และพลงั งานนิว
เคลียร
โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ทกั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นขอ้ มลู และการอภิปราย เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความ
เขา้ ใจ สามารถสอ่ื สารส่งิ ทเ่ี รียนรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ การแกป้ ัญหา
เห็นคุณค่าการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม
คุณธรรมและคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู
๑.อธิบายและคานวณความร้อนที่ทาให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ความร้อนท่ีทาให้สสารเปล่ียน
สถานะ และความรอ้ นที่เกิดจากการถ่ายโอนตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน
๒.อธิบายสภาพยืดหยุ่นและลักษณะการยืดและหดตัวของวัสดุท่ีเป็นแท่งเมื่อถูกกระทาด้วยแรง
คา่ ต่าง ๆรวมทั้ง ทดลอง อธิบายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาว และมอดุลัสของ
ยัง และนาความร้เู รื่องสภาพยืดหยุน่ ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั
๓.อธิบายและคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบาย
หลกั การทางานของแมนอมิเตอร์ บารอมิเตอร์ และเครอ่ื งอัดไฮดรอลิก
๔.ทดลอง อธบิ ายและคานวณขนาดแรงพยุงจากของไหล
๕.ทดลอง อธิบายและคานวณความตึงผิวของของเหลว รวมท้ังสังเกตและอธิบายแรงหนืดของ
ของเหลว
๖.อธิบายสมบัตขิ องของไหลอดุ มคติ สมการความต่อเน่ือง และสมการแบร์นลู ลี รวมทั้งคานวณ
ปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง และนาความรู้เก่ียวกับสมการความต่อเนื่องและสมการแบร์นูลลีไปอธิบาย
หลกั การทางานของอปุ กรณ์ต่าง ๆ
๗.อธบิ ายกฎของแกส๊ อุดมคติและคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
๘.อธิบายแบบจาลองของแก๊สอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส และอัตราเร็วอาร์เอ็มเอสของ
โมเลกลุ ของแก๊ส รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกย่ี วขอ้ ง
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๕๒
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๙.อธิบายและคานวณงานที่ทาโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดันคงตัว และอธิบาย
ความสัมพันธ์ระหว่างความร้อน พลังงานภายในระบบ และงาน รวมท้ังคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี
เกี่ยวข้อง และนาความรู้เร่ืองพลังงานภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเครื่องใช้ใน
ชีวิตประจาวัน
๑๐.อธิบายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ และการเกิดเส้นสเปกตรัมของอะตอม
ไฮโดรเจน รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง
๑๑.อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคานวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ของโฟโต
อิเล็กตรอนและฟงั กช์ ันงานของโลหะ
๑๒.อธิบายทวภิ าวะของคลื่นและอนภุ าค รวมทั้ง อธบิ ายและคานวณความยาวคลืน่ เดอบรอยล์
๑๓.อธิบายกัมมนั ตภาพรังสีและความแตกต่างของรงั สีแอลฟา บตี าและแกมมา
๑๔.อธิบายและคานวณ กัมมันตภาพของนิวเคลียส กัมมันตรังสี รวมทั้ง ทดลอง อธิบาย และ
คานวณจานวนนิวเคลียสกมั มันตภาพรงั สที ี่เหลอื จากการสลาย และคร่งึ ชวี ิต
๑๕.อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลังงานยึดเหน่ียว รวมทั้งคานวณ
ปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
๑๖.อธิบายปฏิกิรยิ านวิ เคลียร์ ฟชิ ชัน และฟิวชัน รวมท้ังคานวณพลังงานนิวเคลียร์
๑๗.อธิบายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ และรังสี รวมท้ัง อันตรายและการป้องกันรังสีใน
ดา้ นตา่ ง ๆ
๑๘.อธิบายการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคแบบจาลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์จาก
การค้นควา้ วจิ ยั ดา้ นฟสิ กิ สอ์ นุภาคในดา้ นต่าง ๆ
รวมทั้งหมด ๑๘ ผลการเรียนรู้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๕๓
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
โครงสรา้ งรายวิชา
ว๓๐๒๐๕ ฟสิ ิกส์ ๕ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ
หนว่ ย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
การเรียนรู้ (ช.ม.) คะแนน
๑ ของไหล ๑.๑ความดันในของเหลวขนึ้ อย่คู วามลกึ ๒๕ ๒๕
และความหนาแนน่ ของของเหลวตาม
สมการ P = g h
๑.๒แรงทีน่ า้ กระทาต่อเข่ือนหรอื ประตู
กั้นน้าแปรผันตรงกับความลึกยกกาลังสอง
๑.๓เคร่อื งมอื วัดความดันในของไหลมีหลาย
ชนดิ ได้แก่ แมนอมิเตอร์ บารอมิเตอร์
ปรอท บารอมิเตอร์แอนรี อยด์ และ
เครือ่ งวดั บูรด์ อน
๑.๔กฎของพาสคัลกล่าววา่ เม่ือเพิ่มความดัน
ในของเหลวทอ่ี ยู่น่ิงในภาชนะปิด ความดัน
ท่เี พิ่มจะถูกถา่ ยทอดไปยงั ทกุ ๆตาแหน่งใน
ของเหลว รวมทัง้ ที่ผนังของภาชนะนน้ั ดว้ ย
๑.๕ หลักของอาร์คิมีดีส กล่าววา่ วตั ถทุ ่ีจม
ในของเหลวหมดทง้ั ก้อนหรือจมแต่เพยี ง
บางส่วนจะถกู แรงลอยตวั กระทา และแรง
ลอยตัวจะเท่ากับนา้ หนักของของเหลวท่ีถูก
วัตถุนน้ั แทนที่
๑.๖ท่ีผิวของของเหลวจะมแี รงดึงผิวของ
ของเหลวซงึ่ มีทศิ ขนานกบั ผวิ ของของเหลว
และต้งั ฉากกบั ขอบท่ีของเหลวสมั ผัส
๑.๗ ของเหลวต่างชนดิ กนั จะมีความหนดื
ตา่ งกนั และจะมีแรงหนดื กระทาต่อวัตถุที่
เคลื่อนทใี่ นของเหลวในทิศตรงขา้ มกบั ทิศ
การเคลอื่ นทข่ี องวัตถุ
๑.๘ของไหลอุดมคติเปน็ ของไหลท่ไี หลอย่าง
สมา่ เสมอ โดยไมห่ มุน ไม่มีแรงต้าน
เนื่องจากความหนืดและไมส่ ามารถอัดได้
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๕๔
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
การเรียนรู้ (ช.ม.) คะแนน
๑ของไหล
(ตอ่ ) ๑.๙ ขณะของไหลอุดมคติเคลือ่ นที่ เราสมา ๒๕
๒ ความ รถศึกษาพฤตกิ รรมได้ดว้ ยสมการความ
ร้อน
ตอ่ เนื่อง สมการของแบรน์ ลู ลี และหลกั ของ
แบร์นูลลี
๑.๑๐ สมการของแบรน์ ูลลีสามารถอธบิ าย
ปรากฏการณต์ ่างๆ ที่เกี่ยวกับการไหลของ
ของไหลได้หลายเรื่อง เช่น การหาอตั ราเร็ว
ของของเหลวอุดมคตทิ พี่ ุ่งออกจากรเู ลก็ ๆ
การทางานของเครื่องพน่ สี และการ
ออกแบบปีกเคร่ืองบนิ เป็นต้น
๒.๑ความร้อนเป็นพลังงานรูปหน่ึงท่สี ามารถ ๒๕
ถ่ายโอนจากแหล่งท่ีมีอุณหภมู สิ งู ไปยงั แหลง่ ที่
มอี ณุ หภูมติ า่ กวา่ ได้
๒.๒ พลงั งานความร้อนท่ีทาใหว้ ตั ถุมวล m
มอี ุณหภมู สิ งู ข้ึน ∆T เทา่ กบั mc ∆T
๒.๓ความรอ้ นทาให้สารมกี ารเปลย่ี นสถานะ
จากของแขง็ เปน็ ของเหลว และแก๊ส
๒.๔ ความร้อนทท่ี าให้ของแข็งหลอมเหลวเป็น
ของเหลวเรียกว่าความรอ้ นแฝงของการ
หลอมเหลว และความรอ้ นทท่ี าใหข้ องเหลว
กลายเปน็ ไอเรียกวา่ ความร้อนแฝงของการ
กลายเป็นไอ
๒.๕ แก๊สอดุ มคตเิ ป็นแกส๊ ท่มี ีการ
เปลย่ี นแปลงสอดคลอ้ งกบั สมการPV = nRT
๒.๖แบบจาลองของแกส๊ อดุ มคตกิ าหนดวา่
แกส๊ ประกอบดว้ ยโมเลกลุ ขนาดเล็กจานวน
มาก มีการเคลือ่ นที่แบบสมุ่ และไม่มแี รงใดๆ
กระทาต่อโมเลกลุ ของแกส๊
๒.๗ ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ เป็นทฤษฎที ีส่ มบตั ิ
ต่างๆ ของแก๊สโดยถือว่าโมเลกุลของแก๊สมี
การเคลื่อนท่ตี ลอดเวลา
๒.๘พลงั งานภายในระบบ คอื พลังงานท้ังหมด
ของโมเลกุลของแกส๊ ในระบบนั้น
๒.๙ทฤษฎีจลน์ของแก๊สสามารถใชว้ ิเคราะห์
และอธบิ ายปรากฏการณต์ า่ งๆได้
งานพฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๕๕
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
การเรยี นรู้ (ช.ม.) คะแนน
๓ ฟสิ ิกส์ - แนวความคดิ เกยี่ วกับอะตอมในสมยั กรีก ๒๕ ๒๕
อะตอม
โบราณ เร่ิมต้งั แตท่ ฤษฎอี ะตอมของ
ดอลตนั จนกระท่งั มาเป็นการทดลอง
ซ่งึ นาไปสู่ข้อสรปุ ทวี่ ่า สารประกอบดว้ ย
หน่วยท่ีสดุ คือ อะตอม
- การค้นพบอิเล็กตรอนของทอมสัน
ซงึ่ ทาใหท้ ราบว่าอิเลก็ ตรอน
เป็นองคป์ ระกอบหนง่ึ ของอะตอม
- วธิ ีหามวลและประจุของอเิ ล็กตรอน
ตามวิธีการของทอมสันและมิลลิแกน
- พฒั นาการทางความคิดเกยี่ วกบั โครงสรา้ ง
อะตอม เรมิ่ ต้งั แต่แบบจาลองอะตอมของ
ทอมสนั รัทเทอร์ฟอรด์
- ทดลองเพ่ือศึกษาสเปกตรัมของแก๊ส
ไฮโดรเจนและแกส๊ นีออน และพบว่า
สเปกตรัมของแก๊สท้ังสองมลี กั ษณะเฉพาะ
ของแตล่ ะแกส๊
- การแผร่ งั สีของวัตถุดาตามสมมติฐานของ
พลงั ค์ ซึ่งเป็นพืน้ ฐานให้ไอสไตน์นาไปอธบิ าย
ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทริก
- ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทริกจาก
สถานการณต์ วั อยา่ ง และจากสมมติฐานของ
พลงั ค์ โบรเ์ สนอแบบจาลองอะตอมของ
ไฮโดรเจน โดยสามารถคานวณหารศั มวี ง
โคจรของอิเลก็ ตรอนและพลงั งานอะตอมได้
- สถานการณ์การทดลองของฟรงั ก์
และเฮริ ตซ์ จนสรปุ ได้วา่ อะตอมมีระดับ
พลงั งานไมต่ ่อเน่อื ง ซึ่งเปน็ การสนบั สนุน
แบบจาลองอะตอมของโบร์
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๕๖
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
การเรยี นรู้ (ช.ม.) คะแนน
๔ ฟสิ ิกส์ - การเกดิ รงั สเี อกซท์ ั้งแบบต่อเน่ือง
นิวเคลียร์
และแบบเฉพาะตัว
- ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ซง่ึ ทาให้
ไดผ้ ลสรปุ ว่า คลน่ื สามารถแสดงสมบตั ิของ
อนุภาคได้ นอกจากนจี้ ากปรากฏการณ์
คอมป์ตันยังไดผ้ ลสรปุ สนับสนุนแนวคิด
ดังกลา่ วอกี ด้วย
- สมมตฐิ านของเดอ บรอยล์ ซ่งึ จะนาไปสู่
ความคิดเก่ียวกบั ทวภิ าพของคลน่ื
และอนภุ าค และไดน้ าความคิดทว่ี า่
อเิ ล็กตรอนมีสมบตั ิทั้งคลื่นและอนภุ าค
ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการทากลอ้ งจลุ ทรรศน์
อเิ ลก็ ตรอน
- พืน้ ฐานของกลศาสตรค์ วอนตมั
หลักความไมแ่ นน่ อนของไฮเซนเบิรก์
ซง่ึ เป็นแนวคดิ เกีย่ วกับการศกึ ษา
แบบจาลองอะตอมในปัจจบุ นั
- การค้นพบกัมมันตภาพรงั สี ๒๕ ๒๕
ของแบ็กเกอเรล
- การทดลองของนักวิทยาศาสตร์
เพ่อื ศกึ ษาสมบัตขิ องรังสีท่ีแผ่ออกมาจาก
ธาตกุ ัมมันตรงั สี
- โครงสรา้ งของนิวเคลยี ส จากการคน้ พบ
นิวตรอนทาใหม้ ีการต้งั สมมติฐานเกี่ยวกับ
องค์ประกอบของนิวเคลยี ส เพ่ือนามาใช้
อธิบายเกีย่ วกับการสลายของธาตุ
กัมมันตรังสี ที่สลายให้รงั สีแอลฟา บตี า
และแกมมา
- สมมติฐานทีร่ ัทเทอร์ฟอร์ดและซอดดี
ไดต้ ง้ั ข้นึ เพอื่ ใชอ้ ธบิ ายการสลายของธาตุ
กัมมันตรังสี ซึง่ จะทาให้ทราบความหมาย
ของคา่ คงตวั การสลาย กมั มนั ตภาพและครึ่ง
ชีวติ
งานพัฒนาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๕๗
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
การเรียนรู้ (ช.ม.) คะแนน
- ทดลองอุปมาอุปมัยการทอดลกู เตา๋
เปรียบเทียบกบั การสลายของธาตุ ๖๐ ๑๐๐
กัมมนั ตรงั สี ซึง่ จะทาให้เขา้ ใจปรมิ าณท่ี
เกย่ี วข้องไดด้ ี
- วธิ ีวเิ คราะห์หาจานวนไอโซโทป
ของธาตแุ ละมวลอะตอมของไอโซโทป โดย
ใช้แมสสเปกโตรมิเตอร์
- แรงนิวเคลียร์ และพลงั งานยดึ เหน่ียว
พลงั งานยดึ เหน่ียวต่อนวิ คลอี อน
- หาพลังงานนวิ เคลียร์จากปฏิกิรยิ า
นวิ เคลียรท์ ัว่ ๆ ไป และปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร์
แบบฟิชชันและฟิวชนั
- ประโยชนข์ องกัมมนั ตรงั สี และพลงั งาน
นวิ เคลียร์
- โทษ และวธิ ปี ้องกันอนั ตรายจาก
กมั มนั ตภาพรงั สี
รวม
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๕๘
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๑ เคมี ๑ คาอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เติม
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
ศกึ ษาเกย่ี วกบั สัญลกั ษณ์แสดงความเปน็ อันตรายของสารเคมใี นระบบ GHS และ NFPA ข้อ
ควรปฏิบัติในการทาปฏิบตั ิการเคมี ครั้งก่อนทาปฏบิ ตั กิ าร ขณะทาปฏิบตั ิการ และหลังทาปฏบิ ัติการ
การกาจัดสารเคมี และการปฐมพยาบาลเมื่อได้รบั อุบตั ิเหตจุ ากสารเคมี ศึกษาการพจิ ารณาความ
นา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมลู ท่ีได้จากการวดั จากความเทย่ี ง และความแม่น อปุ กรณว์ ดั ปริมาตรและวดั มวล เลข
นยั สาคญั หน่วยวดั ในระบบ SI แฟคเตอรเ์ ปล่ียนหน่วย รวมทงั้ วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจติ วิทยาศาสตร์
ศึกษาแบบจาลองอะตอมของดอลตนั ทอมสัน รทั เทอร์ฟอรด์ โบร์ และแบบกลมุ่ หมอก เขยี น
และแปลความหมายสญั ลกั ษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุ เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป เขยี นการจัดเรยี ง
อเิ ลก็ ตรอนในอะตอม ศึกษาความหมายของระดบั พลังงานของอเิ ลก็ ตรอน ออบิทอล เวเลนซ์
อิเล็กตรอน ววิ ฒั นาการของการสร้างตารางธาตแุ ละตารางธาตุในปัจจบุ นั แนวโนม้ สมบตั บิ างประการ
ของธาตใุ นตารางธาตตุ ามหมู่และตามคาบเกย่ี วกับขนาดอะตอม ขนาดไอออน พลังงานไอออไนเซชนั
สมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน อเิ ล็กโทรเนกาตวิ ติ ี ศึกษาสมบัติของธาตแุ ทรนซชิ นั ธาตกุ ัมมนั ตรังสี การเกิด
กมั มันตภาพรังสี การสลายตัวและอันตรายจากไอโซโทปกมั มันตรงั สี คานวณครึง่ ชวี ติ ของธาตุ รังสี
ศกึ ษาปฏิกิริยานวิ เคลยี ร์และเทคโนโลยีทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การใช้สารกัมมนั ตรงั สี การนาธาตุไปใช้ประโยชน์
รวมท้ังผลกระทบต่อส่ิงมชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม
ศกึ ษาพนั ธะเคมี สัญลักษณ์แบบจุดของลวิ อสิ และกฎออกเตต การเกดิ พันธะไอออนิก สูตรเคมี
และชอื่ ของสารประกอบไอออนิก พลังงานกบั การเกดิ สารประกอบไอออนิก สมบัติของสารประกอบ
ไอออนิก สมการไอออนิก และสมการไอออนิกสทุ ธิ การเกิดพันธะโคเวเลนต์ โครงสร้างลิวอิส สตู ร
โมเลกุล และชอ่ื ของสารโคเวเลนต์ ความยาวและพลงั งานพันธะ เรโซแนนซ์ การคานวณพลงั งานพันธะ
และพลงั งานของปฏิกริ ยิ า รูปร่างและสภาพขัว้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
และสมบตั ิของสารโคเวเลนต์ สารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย การเกดิ พันธะโลหะ และสมบัตขิ องโลหะ
และการนาสารประกอบชนดิ ต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ สบื คน้ ข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์
เปรยี บเทียบ อธบิ าย และสรุป เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการตดั สินใจ มีทกั ษะ
ปฏิบตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ รวมทงั้ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ น
การคดิ และการแก้ปัญหา หาดา้ นการสื่อสาร สามารถสือ่ สารสิ่งทเี่ รียนรู้และนาความรไู้ ปใช้ในชวี ิตของ
ตนเอง มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. บอกและอธิบายขอ้ ปฏิบตั ิเบื้องต้น และปฏิบัตติ นท่ีแสดงถึงความตระหนักในการทาปฏิบัตกิ าร
เคมีเพ่ือให้มีความปลอดภัย ท้ังต่อตนเองผู้อ่ืนและสงิ่ แวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิด
อุบัตเิ หตุ
๒. เลือกและใชอ้ ปุ กรณห์ รือเครื่องมอื ในการทาปฏิบตั ิการ และวดั ปรมิ าณต่างๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม
งานพัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๕๙
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
๓. หน่วยวดั ปริมาณต่าง ๆของสาร และเปลีย่ นหน่วยวัดใหเ้ ปน็ หน่วยในระบบ SI ด้วยการใชแ้ ฟค
เตอร์เปลย่ี นหน่วย
๔. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง
๕. สืบค้นขอ้ มลู สมมติฐาน การทดลองหรอื ผลการทดลองทเ่ี ป็นประจกั ษ์พยานในการเสนอ
แบบจาลองอะตอมของนักวทิ ยาศาสตร์ และอธบิ ายววิ ัฒนาการของแบบจาลองอะตอม
๖. เขยี นสญั ลกั ษณน์ วิ เคลียร์ของธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอนของ
อะตอม รวมทงั้ บอกความหมายของไอโซโทป
๗. อธิบายและเขยี นการจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนในระดบั พลังงานหลักและระดับพลงั งานยอ่ ยเม่ือ
ทราบเลขอะตอมของธาตุ
๘. ระบุหมู่ คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะของธาตุเรพรีเซนเททีฟ และธาตุแทรนซชิ ัน
ในตารางธาตุ
๙. วิเคราะห์และบอกแนวโน้มสมบัตขิ องธาตเุ รพรเี ซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ
๑๐.บอกสมบตั ิของธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทียบสมบัตกิ ับธาตุโลหะในกลุ่มธาตเุ รพรีเซนเททีฟ
๑๑. อธบิ ายสมบัติและคานวณคร่ึงชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรงั สี
๑๒.สบื คน้ ขอ้ มลู และยกตัวอยา่ งการนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมท้งั ผลกระทบตอ่ ส่งิ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม
๑๓.อธิบายการเกิดไอออนและการเกดิ พันธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สญั ลกั ษณแ์ บบจุดของลวิ อสิ
๑๔.เขียนสูตรและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนิก
๑๕.คานวณพลังงานทเี่ กย่ี วขอ้ งกับปฏิกริ ิยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวฏั จักรบอร์น-ฮาเบอร์
๑๖.อธบิ ายสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนิก
๑๗.เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธขิ องปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนิก
๑๘.อธิบายการเกิดพนั ธะโคเวเลนตแ์ บบพนั ธะเดีย่ ว พนั ธะคู่ และพนั ธะสาม ด้วยโครงสร้างลวิ อิส
๑๙.เขยี นสตู รและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์
๒๐.วิเคราะหแ์ ละเปรยี บเทียบความยาวพันธะ และพลงั งานพันธะในสารโคเวเลนต์ ทง้ั คานวณ
พลังงานท่เี ก่ียวข้องกับปฏกิ ิริยาของสารโคเวเลนตจ์ ากพลงั งานพันธะ
๒๑.คาดคะเนรปู รา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์โดยใชท้ ฤษฎกี ารผลกั ระหวา่ งคูอ่ ิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์
และระบุสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
๒๒.ระบุชนดิ ของแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรยี บเทียบจุดหลอมเหลว จุด
เดือด และการละลายน้าของสารโคเวเลนต์
๒๓.สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงรา่ งตาข่ายชนดิ ตา่ ง ๆ
๒๔.อธบิ ายการเกดิ พันธะโลหะและสมบตั ิของโลหะ
๒๕.เปรยี บเทยี บสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบคน้
ขอ้ มลู และนาเสนอตวั อยา่ งการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
รวมทั้งหมด ๒๕ ผลการเรยี นรู้
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๖๐
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๑ เคมี ๑ โครงสรา้ งรายวิชา
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ
หน่วย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั (ช.ม.) คะแนน
๑.๑ ความปลอดภัยในการทางานกับสารเคมี
๑ ความปลอดภัย ๑ ๖๒
และทักษะใน ๒ ๑.๒ อุบัติเหตจุ ากสารเคมี ๒
ปฏิบัติการเคมี ๓ ๑.๓ การวัดปรมิ าณสาร ๒
๔ ๑.๔ หนว่ ยวดั ๒
๑.๕ วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์
๒ อะตอมและ ๕ ๘
สมบตั ขิ องธาตุ ๖ ๒.๑ แบบจาลองอะตอม ๑๒ ๒
๗ ๒.๒ อนภุ าคในอะตอมและไอโซโทป
สอบกลางภาค ๘ ๒.๓ การจดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในอะตอม ๒
๓ พนั ธะเคมี ๙ ๒.๔ ตารางธาตุและสมบัติของธาตหุ มูห่ ลกั ๔
๑๐ ๒.๕ ธาตแุ ทรนซชิ นั ๒
สอบปลายภาค ๑๑ ๒.๖ ธาตุกมั มันตรังสี ๒
๑๒ ๒.๗ การนาธาตุไปใช้ประโยชน์และ ๒
๒
๑-๑๒ ผลกระทบต่อสงิ่ มชี วี ติ ๒
๑๓ ๑๘
๑๔ ๓.๑ สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและ ๒๐
๑๕ กฎออกเตด ๒๒ ๒
๑๖ ๒
๑๗ ๓.๒ พันธะไอออนิก ๒
๑๘ ๓.๓ พนั ธะโคเวเลนต์ ๒
๑๙ ๓.๔ พนั ธะโลหะ ๒
๒๐ ๓.๕ การใชป้ ระโยชนข์ องสารประกอบ ๔
๒๑ ๒
๒๒ ไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ ๒
๒๓ ๒
๒๔ ๒
๒๕ ๒
๒
๑๓-๒๕ ๒
รวม ๒๔
๓๐
๑๐๐
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๖๑
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๒ เคมี ๒ คาอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต
ศึกษาความหมายและคานวณมวลอะตอม มวลอะตอมสมั พัทธ์ มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ โมล
มวลตอ่ โมล มวลโมเลกลุ และมวลสตู ร ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างจานวนโมล อนภุ าค มวลและปรมิ าตร
ของแกส๊ ที่ STP ศึกษากฎสดั สว่ นคงที่ คานวณอัตราส่วนโดยมวล อตั ราสว่ นโดยโมล ร้อยละโดยมวล
สตู รโมเลกลุ และสูตรเอมพิรคิ ัล
ศึกษาหน่วยความเขม้ ข้น และการคานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยรอ้ ยละ สว่ นใน
ลา้ นสว่ น สว่ นในพนั ล้านสว่ น โมลารติ ี โมแลลิตี และเศษส่วนโมล ศกึ ษาการเตรียมสารละลายจากสาร
บริสทุ ธ์แิ ละจากการเจือจางสารละลายเข้มขน้ เปรียบเทียบจดุ เดือดและจุดหลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิ
และสารละลาย
ศึกษาการเขยี นและดลุ สมการเคมี อัตราสว่ นโดยมวลของสารในปฏิกิริยาเคมี แปลความหมาย
สัญลักษณ์ในสมการเคมี คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิริยาเคมตี ามกฎทรงมวล ศึกษากฎการรวมตวั
ปรมิ าตรแกส๊ ของเกย์ -ลสู แซก และสมมติฐานของอาโวกาโดร คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมี
โดยใช้ความสัมพันธร์ ะหว่างโมล มวล ความเข้มขน้ และปริมาตรแก๊ส คานวณปริมาณสารในปฏิกริ ิยา
เคมหี ลายข้ันตอน ปริมาณสารเม่อื มีสารกาหนดปริมาณ และผลไดร้ ้อยละ
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ สบื ค้นข้อมลู การสงั เกต วเิ คราะห์
เปรยี บเทยี บ อธิบาย และสรุป เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตดั สินใจ มที กั ษะ
ปฏิบตั กิ ารทางวิทยาศาสตร์ รวมท้งั ทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ น
การคดิ และการแกป้ ญั หา หาดา้ นการสือ่ สาร สามารถสือ่ สารสิ่งทเ่ี รียนรูแ้ ละนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ิตของ
ตนเอง
มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุ มวลโมเลกลุ
และมวลสูตร
๒. อธบิ ายและคานวณปริมาณใดปรมิ าณหนงึ่ ความสาคัญของโมล จานวนอนุภาค และปรมิ าณ
ของแก๊สท่ี STP
๓. คานวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงท่ี
๔. คานวนสูตรอยา่ งง่ายและสตู รโมเลกุลของสาร
๕. คานวณความเข้มข้นของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ
๖. อธิบายวิธีการและเตรียมสารละลายใหม้ คี วามเข้มขน้ ในหน่วยโมลารติ ี และปรมิ าตรของ
สารละลายตามที่กาหนด
๗. เปรยี บเทยี บจุดเดือดและจดุ เยอื กแขง็ ของสารละลายกบั สารบรสิ ุทธ์ิ รวมทัง้ คานวณจุดเดือด
และจดุ เยอื กแขง็ ของสารละลาย
งานพัฒนาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๖๒
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๘. แปลความหมายสญั ลกั ษณ์ในสมการเคมี เขยี นและดุลสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าเคมีบางชนิด
๙. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีทเ่ี ก่ียวข้องกับมวลสาร
๑๐.คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมีทเ่ี กี่ยวข้องกบั ความเขม้ ข้นของสารละลาย
๑๑.คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ิยาเคมีทเี่ กย่ี วข้องกับปรมิ าตรแก๊ส
๑๒.คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิริยาเคมีหลายขน้ั ตอน
๑๓.ระบุสารกาหนดปริมาณ และคานวณปรมิ าณสารตา่ ง ๆในปฏกิ ิรยิ าเคมี
๑๔.คานวณผลไดร้ ้อยละของผลิตภณั ฑใ์ นปฏิกริ ิยาเคมี
รวมทงั้ หมด ๑๔ ผลการเรียนรู้
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๖๓
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๒ เคมี ๒ โครงสรา้ งรายวชิ า
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต
หน่วย ช่อื หนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนกั
ที่ เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน
๔ โมลและสตู รเคมี ๑ ๔.๑ มวลอะตอม ๒๒
๒ ๔.๒ โมล ๔๖
๓ ๔.๓ สูตรเคมี ๔๔
๔ ๑๐ ๑๒
๕ สารละลาย ๕ ๕.๑ ความเขม้ ขน้ ของ ๘๘
๖ สารละลาย ๒๔
๗ ๕.๒ การเตรียมสารละลาย
๕.๓ สมบตั ิบางประการของ ๖ ๔
สารละลาย ๑๖ ๑๖
สอบกลางภาค ๑-๖ ๒๐
๖ ปรมิ าณสัมพนั ธ์ ๘ ๖.๑ ปฏิกิริยาเคมี ๒๔
๙ ๖.๒ สมการเคมี ๒๔
๑๐ ๖.๓ การคานวณปริมาณสารใน
๑๑ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ๔๖
๑๒ ๖.๔ สารกาหนดปริมาณ ๔๔
๑๓ ๖.๕ ผลไดร้ อ้ ยละ ๒๔
๑๔
๑๔ ๒๒
สอบปลายภาค ๗-๑๔ ๓๐
รวม ๑๐๐
งานพฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๖๔
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๓ เคมี ๓ คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเตมิ
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
ศึกษาความหมายของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ทดลองเพ่ือศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยา
การคานวณหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาของสารจากกราฟ ศึกษาและวิเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกับการ
เกิดปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ทฤษฎีจลน์และการชนกันของอนุภาค การเกิดสารเชิงซ้อนกัมมันต์ พลังงาน
กับการดาเนินไปของปฏิกิริยาเคมี ศึกษาและทดลองเกี่ยวกับผลของความเข้มข้น พื้นท่ีผิว อุณหภูมิ
ตัวเร่งปฏิกิริยาและหน่วงปฏิกิริยาต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมบัติของตัวเร่งปฏิกิริยาและการใช้
ทฤษฎีจลน์อธิบายผลของปัจจัยต่างๆ ที่มีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ศึกษาปฏิกิริยาเคมีที่เกิดข้ึน
อยา่ งสมบูรณ์ การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาไปขา้ งหน้า ปฏิกิรยิ ายอ้ นกลับและปฏิกิรยิ าผนั กลบั ได้ ทดลองเกี่ยวกับ
ปฏิกิริยาท่ีผันกลับได้ ศึกษาการเปล่ียนแปลงที่ทาให้เกิดภาวะสมดุลระหว่างสถานะ สมดุลใน
สารละลายอ่ิมตัว สมดุลไดนามิก ศึกษาและทดลองสมดุลเคมีในปฏิกิริยา วิเคราะห์ความสัมพันธ์
ระหวา่ งความเข้มขน้ ของสารตา่ งๆ ณ ภาวะสมดลุ ค่าคงท่ีสมดุลกบั สมการเคมี คานวณหาค่าคงท่ขี อง
สมดุลและหาความเข้มข้นของสารในปฏิกิริยา ณ ภาวะสมดุล ทดลองเพื่อศึกษาผลของความเข้มข้น
ความดัน อณุ หภูมติ ่อภาวะสมดุลและค่าคงท่ีสมดุล หลักของเลอชาเตอริเอ และการนาหลักของเลอชา
เตอริเอไปใช้ ในกระบวนการอุตสาหกรรม กระบวนการต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม
ศกึ ษาและทดลองสมบัติ บางประการของสารละลายอิเลก็ โทรไลตแ์ ละสารละลายนอนอเิ ล็กโทร
ไลต์ ประเภทของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ ศึกษาไอออนในสารละลายกรด และเบส ทฤษฎกี รด–เบส
ของอาร์เรเนียส เบรินสเตด–ลาวรี และลิวอิส ศึกษาและทดลองเก่ียวกับการถ่ายโอนโปรตอนของ
สารละลายกรด–เบส ศกึ ษาคกู่ รด–เบส การคานวณ และการเขยี นสมการการแตกตัวของ
กรด–เบส การคานวณค่าคงท่ีการแตกตัวเป็นไอออนของกรดออ่ นและเบสอ่อน ศกึ ษาและทดลองการ
แตกตวั เป็นไอออนของนา้ การคานวณค่าคงท่กี ารแตกตวั ของนา้ pH ของสารละลาย และการคานวณ
ค่า pH อินดิเคเตอร์สาหรับกรด–เบส สาระลายกรด–เบสในชีวิตประจาวันและในส่ิงมีชีวิต ศึกษา
และทดลองเรื่องปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยาการเกิดเกลือจากปฏิกิริยา ระหว่างสารละลายกรด
กับสารละลายเบส ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของเกลือ ศึกษาเกี่ยวกับการไทเทรตสารละลายกรด–เบส
การเขียนกราฟและการหาจุดสมมูลจากกราฟของการไทเทรต และคานวณหาความเข้มข้นของ
สารละลายกรด–เบส ศึกษาหลักการเลือกใช้อินดิเคเตอร์สาหรับการไทเทรตกรด–เบส ประยุกต์
ความรู้เรื่องการไทเทรตไปใช้ในชีวิตประจาวัน ศึกษาและทดลองสมบัติความเป็นบัฟเฟอร์ของ
สารละลาย เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราปฏิกิริยาเคมี สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและ
ส่ิงแวดล้อม และสารละลายกรด–เบส
โดยใช้การเรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ
สามารถ นาความรู้และหลักการไปใช้ประโยชน์ เช่ือมโยง อธิบายปรากฏการณ์หรือการแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจาวัน สามารถ จัดกระทาและวิเคราะห์ข้อมูล ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ ความสามารถในการ
ตดั สินใจ แก้ปญั หา
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๖๕
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ เห็นคุณค่าของวิทยาศาสตร์ มจี ริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มที่
เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. คานวณและเปรียบเทียบอัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมไี ด้
๒. เขยี นและแปลความหมายกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเขม้ ข้นของสารกับเวลา
รวมทั้งสามารถหาอตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีจากกราฟได้
๓. อธบิ ายแนวคดิ เกี่ยวกับการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีโดยใช้ทฤษฎีจลนแ์ ละการชนกันของอนุภาค
และการเกดิ สารเชงิ ซ้อนกมั มันต์ได้
๔. แปลความหมายกราฟแสดงการเปลย่ี นแปลงพลงั งานกับการดาเนินไปของปฏิกริ ิยาเคมีและ
สามารถระบุได้วา่ เปน็ ปฏกิ ิริยาดูดหรือคายพลงั งานได้
๕. ระบุปัจจยั ต่างๆที่มผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมไี ด้
๖. อธิบายผลของความเข้มข้นและพ้ืนท่ผี วิ ของสาร อุณหภูมิ ตัวเรง่ และตัวหนว่ งปฏกิ ริ ยิ าทม่ี ี
ตอ่ อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีได้
๗. อธบิ ายความหมายของปฏิกิรยิ าผันกลับได้ ภาวะสมดลุ สมดลุ ระหว่างสถานะ สมดลุ ใน
สารละลายอ่ิมตัว สมดุลในปฏิกิรยิ าเคมี และค่าคงที่สมดลุ ได้
๘. อธิบายสมบตั ิต่างๆของระบบ ณ ภาวะสมดลุ ได้
๙. เขยี นความสัมพันธ์ระหวา่ งความเข้มขน้ ของสารต้ังตน้ กับผลิตภณั ฑ์ ณ ภาวะสมดลุ ได้
๑๐. คานวณคา่ คงทส่ี มดลุ และความเขม้ ข้นของสารตา่ งๆ ณ ภาวะสมดุลได้
๑๑. ระบุปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสมดุลของระบบ พร้อมทั้งอธิบายการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึน เมื่อ
ภาวะสมดุล ของระบบถกู รบกวนได้
๑๒. ระบุปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ คา่ คงทีส่ มดุลพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลได้
๑๓. อธิบายการปรับตัวของระบบเพ่ือเข้าสู่ภาวะสมดุลโดยใช้หลักของเลอชาเตอริเอ รวมทั้งการ
เลือกภาวะ ท่ีเหมาะสมเพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลิตภัณฑส์ ูงในอตุ สาหกรรมได้
๑๔. อธิบายการเกิดสมดุลเคมีในกระบวนการต่างๆของส่ิงมีชีวิตและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ใน
ธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มได้
๑๕. เปรียบเทียบสมบัติของสารละลายอิเล็กโทรไลต์กับสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ และระบุ
ประเภท ชองสารละลายอิเลก็ โทรไลต์ได้
๑๖. อธิบายการเปล่ียนแปลงเมื่อกรดหรือเบสละลายในน้า พร้อมท้ังระบุชนิดของไอออนที่ทาให้
สารละลายแสดงสมบตั ิเป็นกรดหรือเบสได้
๑๗. อธิบายความหมายของกรดและเบสตามทฤษฎีกรด – เบสอาร์เรเนียส เบรินสเตต – ลาวรี
และลวิ อสิ พร้อมทั้งอธิบายสมบัติของกรดหรือเบสตามทฤษฎกี รด–เบสเหล่านี้ได้
๑๘. ระบุโมเลกลุ หรือไอออนที่เปน็ คู่กรด–เบส ในปฏิกริ ยิ าตามทฤษฎกี รด–เบสเบรนิ สเตด– ลาวรี
ได้
๑๙. อธบิ ายความสามารถในการแตกตวั ของกรดแก่ เบสแก่ กรดอ่อน เบสออ่ น รวมทั้งคานวณหา
รอ้ ยละ การแตกตัว และค่าคงทกี่ ารแตกตัวของกรดอ่อนหรือเบสออ่ นได้
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๖๖
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๒๐. เปรียบเทียบปริมาณการแตกตัวของกรดหรือเบส และคานวณหาความเข้มข้นของ H๓O+
และ OH- โดยใชค้ า่ คงทีก่ ารแตกตัวของกรดและเบสได้
๒๑. อธิบายการเปล่ียนแปลงภาวะสมดุลของน้าเมื่อเติมกรดหรือเบส พร้อมท้ังคานวณหาความ
เขม้ ขน้ ของ H๓O+ และ OH- ในสารละลายได้
๒๒. คานวณหา pH ของสารละลายเม่ือทราบความเข้มข้นของ H๓O+ และ OH- และบอกความ
เป็นกรด – เบสของสารละลายจากคา่ pH ได้
๒๓. อธิบายเหตุผลที่ทาให้อินดิเคเตอร์เปลย่ี นสี และใช้ชว่ งของการเปล่ียนสีของอินดิเคเตอร์ บอก
ค่า pH หรือความเป็นกรด – เบสของสารละลายได้
๒๔. อธิบายความสาคัญของ pH หรอื ความเป็นกรด – เบสของสารละลายในสิ่งมีชวี ติ และ
ส่ิงแวดล้อมได้
๒๕. อธิบายการเกิดเกลือจากปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส และกรดหรือเบสกับสารบางชนิด
พรอ้ มทั้งเขยี นสมการแสดงปฏกิ ิริยา และบอกสมบตั ิของเกลือทเี่ กิดขึ้นได้
๒๖. อธิบายความหมายของปฏกิ ิริยาการสะเทิน พร้อมทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาได้
๒๗. อธบิ ายการเกิดปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเกลือในนา้ พร้อมทงั้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าได้
๒๘. อธิบายวิธีการไทเทรต การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมในการไทเทรตกรด – เบส
ตลอดจนคานวณหาความเข้มข้นของสารละลายจากการไทเทรตได้
๒๙. เขียนกราฟของการไทเทรตและหาจุดสมมูลจากกราฟ พร้อมทั้งบอกค่า pH ของสารละลาย
ณ จุดสมมูลได้
๓๐. อธิบายการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนเมื่อเติมกรดหรือเบสลงในระบบบัฟเฟอร์ เขียนสมการ
แสดงปฏกิ ริ ิยาการควบคุม pH ของสารละลายบฟั เฟอรไ์ ด้
รวมท้ังหมด ๓๐ ผลการเรยี นรู้
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๖๗
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๓ เคมี ๓ โครงสรา้ งรายวชิ า
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
(ช.ม.) คะแนน
๑.อัตราการเกดิ ข้อ๑- ๖ - ศกึ ษาเกี่ยวกับความหมายของอัตราการ ๑๐ ๓๐
ปฏิกิรยิ าเคมี เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี แนวคิดเกย่ี วกบั การ
เกิดปฏิกริ ิยาเคมี พลงั งานกับการดาเนนิ
ไปของปฏกิ ิรยิ าเคมี ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ อตั รา
การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ความเข้มขน้ ของ
สารกับอัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี พนื้ ที่
ผิวของสารกับอัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
อณุ หภมู ิกบั อตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
ตัวเร่งและตัวหนว่ งปฏิกิริยาเคมี
๒.สมดุลเคมี ขอ้ ๗-๑๔ - ศกึ ษาเกย่ี วกับการเปลี่ยนแปลงทีผ่ ันกลับ ๑๐ ๓๐
ได้ การเปล่ยี นแปลงท่ีทาให้เกิดภาวะสมดลุ
สมดลุ ในปฏิกริ ิยาเคมี ความสัมพนั ธ์
ระหวา่ งความเข้มข้นของสารต่างๆ ณ
ภาวะสมดุล ค่าคงทสี่ มดลุ กับสมการเคมี
การคานวณเก่ียวกบั คา่ คงท่ีสมดุลปัจจัยท่ี
มีผลตอ่ ภาวะสมดลุ การเปล่ยี นแปลงความ
เขม้ ข้น การเปลยี่ นแปลงความดนั และ
อณุ หภูมิ หลักของเลอชาเตอลิเอ การใช้
หลกั ของเลอชาเตอลิเอในอุตสาหกรรม
สมดลุ เคมีในสง่ิ มีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม
๓.กรด - เบส ข้อ ๑๕-๓๐ - ศึกษาเกยี่ วกบั สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ ๒๐ ๔๐
และนอนอิเล็กโทรไลต์ สาระลายกรดและ
สารละลายเบส ไอออนในสารละลายกรด
ไอออนในสารละลายเบส ทฤษฎีกรด-เบส
ปฏิกิริยาการให้และรับโปรตอนของสาร
บางชนิด คู่กรด-เบส การแตกตัวของกรด
และเบส การแตกตัวของกรดแกแ่ ละเบสแก่
การแตกตัวของกรดออ่ น การแตกตัวของ
เบสออ่ น การแตกตัวเปน็ ไอออนของน้า
งานพฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๖๘
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
(ช.ม.) คะแนน
๓.กรด – เบส ข้อ ๑๕-๓๐ การเปลย่ี นแปลงความเขม้ ข้นของไฮโดร
(ตอ่ ) เนียมไอออนและไฮดรอกไซด์ไอออนในน้า
pH ของสารละลายอนิ ดเิ คเตอร์สาหรับ
กรด-เบส ปฏิกริ ิยาของกรดและเบส
ปฏิกริ ิยาระหวา่ งกรด-เบส ปฏิกิริยาระหวา่ ง
กรดซลั ฟิวริกกับแบเรียม ไฮดรอกไซด์
ปฏิกิริยาระหวา่ งกรดซลั ฟิวรกิ กบั
โพแทสเซยี มไฮดรอกไซด์ ปฏิกิรยิ าระหวา่ ง
กรดหรือเบสกับสารบางชนดิ ปฏกิ ริ ยิ า
ไฮโดรลิซิส การไทเทรตกรด-เบส
อินดิเคเตอร์กบั การไทเทรตกรด-เบส
การประยุกตใ์ ช้วธิ กี ารไทเทรต ในชีวิต
ประจาวนั สารละลายบฟั เฟอร์
รวม ๔๐ ๑๐๐
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๖๙
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๔ เคมี ๔ คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต
ศกึ ษาทดลองการถ่ายโอนอิเล็กตรอนในปฏิกริ ิยาระหวา่ งโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน
ศึกษาปฏิกิริยาออกซิเดชนั ปฏกิ ิริยารีดักชัน ปฏกิ ิริยารดี อกซ์ ตัวรีดวิ ซ์ ตัวออกซิไดส์ การเขยี นและดลุ
สมการรีดอกซ์โดยใช้เลขออกซเิ ดชนั และครึ่งปฏกิ ิริยา ศึกษาเซลล์ไฟฟ้าเคมี ศึกษาและทดลองเกี่ยวกับ
หลกั การของเซลลก์ ัลวานกิ ศกึ ษาการเขียนแผนภาพของเซลล์กลั วานิก การหาคา่ ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์
และศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของครึ่งเซลล์ ปฏกิ ิรยิ าในเซลล์กลั วานิกประเภทเซลล์ปฐมภมู ิและเซลล์ทตุ ิยภูมิ
บางชนิด ทดลองเพื่อศึกษาหลักการสร้างและการทางานของเซลลส์ ะสมไฟฟา้ แบบตะก่วั ศกึ ษาหลักการ
ของเซลล์อิเล็กโทรไลติก การแยกสารไอออนิกทหี่ ลอมเหลวดว้ ยกระแสไฟฟ้าและทดลองการแยกสาร-
ละลายดว้ ยไฟฟ้าตามหลักการของเซลลอ์ เิ ลก็ โทรไลติก ศกึ ษาและทดลองชบุ โลหะดว้ ยไฟฟ้า ศกึ ษาวิธีการ
ทาโลหะใหบ้ รสิ ุทธ์ิ การถลุงแร่ ศึกษาและทดลองเกยี่ วกับการกัดกร่อนและการป้องกันการกัดกร่อน
ของโลหะ ศกึ ษาความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกบั เซลล์ไฟฟา้ เคมี ศกึ ษาและสืบค้นข้อมลู
เกยี่ วกบั ชนิด สมบตั ิและการนามาใชป้ ระโยชน์ของธาตุและสารประกอบทส่ี าคัญในประเทศไทย ศึกษา
แร่-ประกอบหิน แรเ่ ศรษฐกิจ การถลุงหรือการสกัดแรเ่ พอื่ นาไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตของ
อุตสาหกรรมแร่ อุตสาหกรรมเซรามิกส์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมคลอไรดแ์ ละอุตสาหกรรมปยุ๋
เพ่อื ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั เซลล์ไฟฟ้าเคมีและปฏกิ ิริยาในเซลล์ไฟฟ้าเคมี ธาตุและสารประกอบ
อนินทรีย์ท่สี าคัญในอุตสาหกรรม
โดยใช้การเรียนรดู้ ้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ
การสบื คน้ ข้อมูลและการอภปิ รายเพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารส่งิ ท่เี รียนรู้
มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ สามารถนาความรแู้ ละหลักการไปใช้ประโยชน์ในการอธบิ าย
ปรากฏการณ์หรือแก้ปัญหาในชีวติ ประจาวนั
มจี ิตวิทยาศาสตร์ เห็นคุณค่าของวิทยาศาสตร์ มีจริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายความหมายของปฏิกริ ิยาออกซเิ ดชัน ปฏกิ ริ ิยารีดกั ชนั ปฏิกริ ิยารีดอกซ์
ตัวรีดวิ ซ์และตัวออกซไิ ดส์ในด้านการถ่ายโอนอิเลก็ ตรอนและการเปลยี่ นแปลงเลขออกซเิ ดชนั ได้
๒. จดั ลาดับความสามารถในการรับอเิ ล็กตรอนของธาตหุ รือไอออนและเปรียบเทยี บ
ความสามารถในการเปน็ ตัวรีดิวซห์ รือตวั ออกซิไดส์ได้
๓. ดุลสมการรีดอกซโ์ ดยใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั และคร่งึ ปฏกิ ิริยาได้
๔. ตอ่ เซลลก์ ลั วานิกจากครึ่งเซลลท์ ีก่ าหนดให้ พร้อมท้ังบอกข้วั แอโนด ข้วั แคโทดและเขียน
สมการแสดงปฏิกริ ิยาได้
๕. เขียนแผนภาพเซลล์กัลวานิกได้
๖. อธิบายวธิ หี าคา่ ศักยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของคร่งึ เซลล(์ E๐) โดยการเปรียบเทียบกับคร่งึ เซลล์
ไฮโดรเจนมาตรฐานได้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๗๐
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
๗. ใชค้ า่ E๐ ของคร่งึ เซลล์คานวณคา่ ศกั ย์ไฟฟ้าของเซลล์และทานายการเกิดปฏกิ ิริยารดี อกซ์ได้
๘. อธบิ ายหลักการทางานของเซลล์กลั วานกิ เซลลป์ ฐมภูมิ เซลล์ทตุ ิยภูมิและเซลล์อิเล็กโทรไลติกได้
๙. อธิบายหลักการทางานพร้อมทั้งเขยี นสมการแสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในถ่านไฟฉาย เซลล์แอล
คาไลน์ เซลล์ปรอท เซลล์เงิน เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน - ออกซเิ จน เซลลเ์ ช้ือเพลิงโพรเพน - ออกซิเจน
เซลล์สะสมไฟฟา้ แบบตะกว่ั เซลล์นิกเกลิ -แคดเมยี ม เซลล์ลเิ ทยี ม-ไอออนพอลิเมอร์ และเซลล์โซเดยี ม-
ซัลเฟอร์ได้
๑๐. อธบิ ายหลกั การของการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การชบุ โลหะด้วยไฟฟ้าและการทาโลหะให้
บริสุทธ์ิ พร้อมทัง้ เขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าทเ่ี กดิ ข้ึนได้
๑๑. อธบิ ายสาเหตหุ รอื ภาวะท่ที าให้โลหะเกดิ การกดั กรอ่ นพรอ้ มทง้ั เขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าได้
๑๒. อธบิ ายวิธปี อ้ งกันการกัดกรอ่ นของโลหะโดยวิธีอะโนไดซ์ การรมดา วธิ ีแคโทดิก การเคลือบผิว
ด้วยพลาสตกิ สีหรอื นา้ มนั การชบุ ดว้ ยโลหะได้
๑๓. อธิบายหลักการทางานของแบตเตอร่ีอเิ ล็กโทรไลตข์ องแขง็ แบตเตอรี่อากาศ การทาอิเลก็ โทร
ไดอะลิซิสน้าทะเลได้
๑๔. อธบิ ายหลักการถลุงแร่หรือการสกัดแร่ทองแดง สงั กะสีและแคดเมียม ดบี ุก โคลัมไบต์
แทนทาไลต์ ทงั สเตน พลวง และเซอร์คอน พร้อมทัง้ เขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาทีเ่ กิดขน้ึ ได้
๑๕. บอกประโยชน์ของทองแดง สังกะสีและแคดเทียม ดบี ุก โคลัมไบต์ – แทนทาไลต์
ทังสเตน พลวง และเซอร์คอนได้
๑๖. อธิบายสมบัติและประโยชน์ของแร่รัตนชาตชิ นิดต่าง ๆ ได้
๑๗. อธิบายวธิ ีพัฒนาคุณภาพของแร่รัตนชาติได้
๑๘. อธิบายขั้นตอนสาคัญของการทาผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ได้
๑๙. บอกประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เซรามิกส์พร้อมทั้งยกตัวอย่างได้
๒๐. อธิบายวธิ ีการผลิตแก้วและปูนซีเมนต์ได้
๒๑. อธิบายวธิ ีการผลิตเกลือสมุทรและเกลือสินเธาว์ได้
๒๒. อธบิ ายวธิ ีการผลติ โซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊สคลอรนี จากโซเดียมคลอไรด์ โดยใช้เซลล์เยื่อ
แลกเปล่ียนไอออน พร้อมท้งั เขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าท่เี กิดขึน้ ได้
๒๓. อธิบายกระบวนการผลติ โซดาแอชและสารฟอกขาว พรอ้ มทั้งเขยี นสมการแสดงปฎกิ ริ ิยาทเี่ กิดข้นึ ได้
๒๔. อธิบายกระบวนการผลติ ปุย๋ ไนโตรเจน ปยุ๋ ฟอสเฟต ปุย๋ โพแทสและปุ๋ยผสม ตลอดจนผลกระทบ
ต่อสง่ิ แวดล้อมทเี่ กิดจากการใชป้ ๋ยุ ได้
๒๕. อธิบายผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ มท่เี กดิ จากอุตสาหกรรมประเภทตา่ ง ๆ ได้
รวมท้ังหมด ๒๕ ผลการเรยี นรู้
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๑
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๔ เคมี ๔ โครงสร้างรายวิชา
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕
หนว่ ย ช่อื หน่วย กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
ที่ การเรียนรู้
๑ ไฟฟ้าเคมี มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั / เวลา น้าหนกั
๒ ธาตแุ ละสาร ผลการเรียนรู้ ความคิดรวบยอด (ชัว่ โมง) คะแนน
ประกอบ
อนินทรยี ใ์ น ๑-๑๓ ๑. ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ ๒๕ ๖๒
อุตสาหกรรม
๒. การดลุ สมการรดี อกซ์
๒.๑ ดลุ โดยใช้เลขออกซิเดชัน
๒.๒ ดุลโดยใช้คร่งึ ปฏิกริ ยิ า
๓. เซลล์ไฟฟา้ เคมี
๓.๑ เซลลก์ ลั วานิก
๓.๒ เซลลอ์ ิเล็กโทรไลต์
๓.๓ การกดั กร่อนของโลหะและ
การปอ้ งกัน
๔. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยที ี่
เกี่ยวข้องกับเซลล์ไฟฟา้ เคมี
๔.๑ แบตเตอร่ีอเิ ล็กโทรไลต์
ของแขง็
๔.๒ แบตเตอร่ีอากาศ
๔.๓ การทาอเิ ล็กโทรไดอะลซิ ิส
นา้ ทะเล
๑๔-๒๕ ๕. อุตสาหกรรมแร่ ๑๕ ๓๘
๕.๑ แรท่ องแดง
๕.๒ แร่สงั กะสแี ละแคดเมยี ม
๕.๓ แรด่ บี กุ
๕.๔ แร่โคลมั ไบต์-แทนทาไลต์
๕.๕ แร่ทงั สเตน
๕.๖ แร่พลวง
๕.๗ แร่เซอร์คอน
๕.๘ แร่รัตนชาติ
๖.อุตสาหกรรมเซรามิกส์
๖.๑ วตั ถุดบิ ทใี่ ชใ้ นอตสาหกรรม
เซรามกิ ส์
๖.๒ การข้ึนรูปผลติ ภัณฑ์
๖.๓ การเผาและเคลอื บ
๖.๔ ผลติ ภณั ฑ์เซรามิกส์
งานพัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๗๒
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ/ เวลา นา้ หนัก
ท่ี การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน
ผลการเรยี นรู้ ความคดิ รวบยอด
๒ ธาตแุ ละสาร ๔๐ ๑๐๐
(ตอ่ ) ประกอบ ๑๔-๒๕ ๗. อุตสาหกรรมทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ
อนินทรยี ์ โซเดยี มคลอไรด์
ในตสาหกรรม
(ตอ่ ) ๗.๑ การผลิตโซเดียมคลอไรด์
๗.๒ การผลิตโซเดยี มไฮดรอก
ไซด์และแก๊สคลอรีน
- การผลติ โซเดยี ม
ไฮดรอกไซด์ โดยใชเ้ ยอ่ื
แลกเปลี่ยนไอออน
๗.๓ การผลติ โซดาแอซ
๗.๔ การผลิตสารฟอกขาว
๘. อุตสาหกรรมปุ๋ย
๘.๑ ประเภทของปุ๋ย
๘.๒ ปยุ๋ ไนโตรเจน
๘.๓ ป๋ยุ ฟอสเฟต
๘.๔ ปยุ๋ โพแทส
๘.๕ ปุ๋ยผสม
รวม
งานพฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๓
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๕ เคมี ๕ คาอธิบายรายวชิ าเพิม่ เติม
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
สบื ค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรยี ์ที่มีพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม
ที่พบในชีวิตประจาวัน เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสูตรโครงสร้างแบบเส้น
ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งและระบุประเภทของสารประกอบอินทรียจ์ ากหมู่ฟังกช์ ัน
เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ ท่ีมีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน ๑ หมู่ ตาม
ระบบ IUPAC เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ วิเคราะห์และ
เปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือ
โครงสร้างต่างกนั ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการ
เผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน หรือปฏิกริ ิยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเขียนสมการเคมแี ละอธิบาย
การเกดิ ปฏิกิริยาเอสเทอรฟิ ิเคชนั ปฏกิ ิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาการไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยา
สะปอนนิฟเิ คชัน ทดสอบปฏิกิรยิ าเอสเทอรฟิ ิเคชัน ปฏกิ ิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนฟิ เิ คชัน
สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันและ
อตุ สาหกรรม ระบุประเภทของปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์
วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมท้ังการนาไปใช้
ประโยชน์ ทดสอบและระบุประเภทของพลาสติกและผลิตภัณฑ์ยาง รวมทั้งการนาไปใช้ประโยชน์
อธิบายผลของการปรับเปล่ียนโครงสร้าง และการสังเคราะห์พอลิเมอร์ที่มีต่อสมบัติของพอลิเมอร์
สบื ค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างผลกระทบจากการใช้และการกาจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์และ
แนวทางแก้ไข กาหนดปัญหาและนาเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ทางเคมีจากสถานการณ์ที่
เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน การประกอบอาชพี หรืออุตสาหกรรม แสดงหลกั ฐานถึงการบูรณาการความรู้
ทางเคมีร่วมกบั สาขาวิชาอนื่ รวมท้ังทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรอื กระบวนการออกแบบเชิง
วศิ วกรรม โดยเน้นการคดิ วเิ คราะห์ การแก้ปญั หาและความคิดสร้างสรรค์ เพอ่ื แกป้ ัญหาในสถานการณ์
หรือประเด็นท่ีสนใจ นาเสนอผลงานหรือช้ินงานที่ได้จากการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นท่ี
สนใจโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการสัมนา การเข้าร่วมประชุมวิชาการ
หรอื การแสดงผลงานส่ิงประดิษฐใ์ นงานนิทรรศการ
โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ทกั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสบื คน้ ขอ้ มูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคดิ ความ
เข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. สืบคน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบอนิ ทรยี ์ที่มพี ันธะเด่ยี ว พันธะคู่ หรอื พนั ธะสาม
ได้
งานพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๗๔
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๒. เขยี นสูตรโครงสรา้ งลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสตู รโครงสรา้ งแบบเส้นของสารประกอบ
อนิ ทรียไ์ ด้
๓. วเิ คราะห์โครงสร้างและระบุประเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์จากหม่ฟู งั ก์ชันได้
๔. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกช่ือสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ ท่ีมีหมู่ฟังก์ชันไมเ่ กิน ๑ หมู่
ตามระบบ IUPAC ได้
๕. เขยี นไอโซเมอร์โครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทตา่ งๆ
๖. วิเคราะหแ์ ละเปรียบเทยี บจุดเดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอนิ ทรียท์ ม่ี ีหมู่ฟงั ก์ชัน
ขนาดโมเลกุล หรือโครงสรา้ งต่างกนั ได้
๗. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผาไหม้
ปฏิกริ ยิ ากับโบรมีน หรอื ปฏิกริ ิยากับโพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนตได้
๘. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์
ปฏิกิริยาการไฮโดรลิซสิ และปฏิกิรยิ าสะปอนนิฟิเคชนั ได้
๙. ทดสอบปฏิกริ ิยาเอสเทอรฟิ ิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลซิ สิ และปฏกิ ิรยิ าสะปอนนิฟิเคชัน
๑๐. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ใน
ชวี ิตประจาวนั และอุตสาหกรรมได้
๑๑. ระบปุ ระเภทของปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์จากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์ได้
๑๒. วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมทั้งการ
นาไปใช้ประโยชน์ได้
๑๓. ทดสอบและระบุประเภทของพลาสติกและผลิตภณั ฑ์ยาง รวมทัง้ การนาไปใช้ประโยชน์ได้
๑๔. อธิบายผลของการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และการสังเคราะห์พอลิเมอร์ท่มี ีต่อสมบัติของพอลิ
เมอร์ได้
๑๕. สืบค้นขอ้ มูลและนาเสนอตัวอย่างผลกระทบจากการใชแ้ ละแนวทางการกาจดั ผลิตภัณฑ์พอลิ
เมอร์ได้
๑๖. ระบุปัญหาและนาเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ทางเคมีจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน
ชวี ติ ประจาวนั การประกอบอาชพี หรอื อุตสาหกรรมได้
๑๗. แสดงหลักฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมีร่วมกับสาขาวิชาอื่น รวมท้ังทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ การ
แกป้ ญั หาและความคดิ สร้างสรรค์ เพอื่ แก้ปญั หาในสถานการณห์ รือประเดน็ ทีส่ นใจ
๑๘. นาเสนอผลงานหรือชิ้นงานที่ได้จากการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นท่ีสนใจโดยใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศได้
๑๙. แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการสัมนา การเข้าร่วมประชุมวิชาการ หรือการแสดงผลงาน
สิง่ ประดษิ ฐใ์ นงานนทิ รรศการ
รวมทั้งหมด ๑๙ ผลการเรียนรู
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๕
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๒๕ เคมี ๕ โครงสร้างรายวชิ า
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๖
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา ๔๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ
หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ/ เวลา นา้ หนัก
การเรยี นรู้
สาระเคมีขอ้ ความคิดรวบยอด (ช.ม.) คะแนน
๑. ๑/ม.๖/๑-๑๐
เคมีอินทรยี ์ ๑. พันธะของคาร์บอน ๓๐ ๗๐
๑.๑ การเขยี นสตู รโครงสร้างของ
สารประกอบอินทรีย์
๑.๒ ไอโซเมอริซึม
๒. หม่ฟู ังก์ชนั
๓. สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
๓.๑ สมบัติบางประการของสารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอน
๓.๒ ประเภทของสารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอน
๓.๒.๑ แอลเคน
๓.๒.๒ แอลคีน
๓.๒.๓ แอลไคน์
๓.๒.๔ อะโรมาตกิ ไฮโดรคาร์บอน
๔. สารประกอบอินทรีย์ท่ีมีธาตุออกซิเจนเป็น
องค์ประกอบ
๔.๑ แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอเี ทอร์
๔.๒ แอลดีไฮดแ์ ละคโี ตน
๔.๓ กรดคาร์บอกซิลิก
๔.๔ เอสเทอร์
๕. สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุไนโตรเจนเป็น
องค์ประกอบ
๕.๑ เอมีน
๖. สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนและ
ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ
๖.๑ เอไมด์
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๖
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั / เวลา นา้ หนกั
การเรยี นรู้ ความคิดรวบยอด (ช.ม.) คะแนน
สาระเคมีขอ้ ๑๐ ๓๐
๒. ๑/ม.๖/๑๑- ๑. ตัวอยา่ งพอลเิ มอร์ในชวี ิตประจาวนั
พอลิเมอร์ ๑๕ ๒. ความหมายของพอลิเมอร์ ๔๐ ๑๐๐
สาระเคมีข้อ ๓. ประเภทของพอลเิ มอร์
๓/ม.๖/๑๖-
๑๙ ๓.๑ แหลง่ กาเนดิ
๓.๒ องคป์ ระกอบ
๓.๓ โครงสรา้ ง
๔ .ปฏิกิรยิ าการเกดิ พอลิเมอร์
๕. โครงสร้างและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์
๖. ผลติ ภณั ฑ์จากพอลิเมอร์
๖.๑พลาสติก
๖.๒เสน้ ใย
๖.๓ ยาง
๗. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์
รวม
งานพฒั นาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๗๗
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
คาอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม
ว๓๐๒๔๑ ชีววิทยา ๑ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต
ศกึ ษาวเิ คราะห์ ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ลักษณะเฉพาะของสิง่ มชี ีวิต แขนงวิชาที่เกี่ยวขอ้ งกับ
ชีววิทยาและการใช้ความรู้ทางชีววิทยาท่ีเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ชีววิทยากับการดารงชีวิตของ
สิ่งมชี วี ิต ความตระหนกั ในเรอ่ื งของชวี จริยธรรม การศึกษาวิธกี ารทางานของนักวิทยาศาสตร์ และการ
นาความรู้เก่ียวกับชีววิทยามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน การทากิจกรรมสะเต็มศึกษาโ ดยใช้
กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเพื่อแกป้ ัญหาในชวี ิตจรงิ เคมีทเี่ ป็นพ้ืนฐานของสง่ิ มชี ีวิต โครงสร้าง
และหน้าที่ของสารต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง หลักการทางาน วิธีการใช้ รวมทั้งการดูแลและเก็บรักษา
โครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึมและนวิ เคลียส การลาเลียงสารเข้าและออก
เซลล์ การหายใจระดับเซลล์ซึ่งเป็นกระบวนการท่ีเซลล์สร้างพลังงานจากการสลายสารอาหารสาหรับ
นาไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์และการแบง่ เซลล์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหา การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวเิ คราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธบิ ายและสรุป เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี
ความสามารถในการตดั สินใจ มที กั ษะปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ รวมท้ังทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ใน
ดา้ นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสารสามารถส่ือสาร สง่ิ ท่ี
เรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตของตนเอง
มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ ม
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายและสรปุ สมบตั ทิ สี่ าคัญของส่ิงมชี ีวิตและความสมั พนั ธ์ของการจัดระบบในสง่ิ มีชวี ิตทที่ า
ใหส้ ง่ิ มชี ีวติ ดารงชวี ติ อย่ไู ด้
๒. อภิปรายและบอกความสาคัญของการระบุ ปัญหา ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปญั หา สมมติฐานและ
วธิ ีการตรวจสอบสมมตฐิ านรวมทงั้ ออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมตฐิ าน
๓. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของน้าและบอกความสาคญั ของนา้ ท่ีมตี อ่ ส่ิงมีชีวติ
และยกตวั อย่างธาตุชนดิ ต่างๆ ที่มีความสาคัญตอ่ ร่างกายสิ่งมชี วี ติ
๔. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลมุ่ ของคาร์โบไฮเดรต
รวมทง้ั ความสาคัญ ของคาร์โบไฮเดรตทมี่ ีต่อสง่ิ มชี ีวติ
๕. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งของโปรตีนและความสาคัญของโปรตีนทีม่ ตี ่อสง่ิ มีชีวติ
๖. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างของลิพดิ และความสาคัญของลพิ ดิ ที่มตี ่อส่งิ มชี ีวติ
๗. อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลอิ กิ และระบุ ชนดิ ของกรดนวิ คลอิ กิ และความสาคญั ของ
กรดนิวคลอิ ิกที่มีต่อสง่ิ มชี ีวิต
๘. สบื ค้นขอ้ มูล และอธิบายปฏกิ ิรยิ าเคมีท่เี กิดข้ึนในส่ิงมีชวี ติ
๙. อธิบายการทางานของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกริ ยิ าเคมีในสิ่งมีชวี ติ และระบุปจั จัยที่มผี ล
ตอ่ การทางานของเอนไซม์
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๘
หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
๑๐. บอกวิธีการและเตรยี มตัวอยา่ งสิ่งมชี วี ิตเพื่อศึกษาภายใต้กลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สงวัดขนาด
โดยประมาณและวาดภาพทป่ี รากฏภายใต้กลอ้ ง บอกวิธกี ารใช้และการดูแลรักษา กล้องจลุ ทรรศน์ใช้
แสงที่ถกู ต้อง
๑๑. อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าท่ีของสว่ นที่ห่อหุ้มเซลล์ของเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์
๑๒. สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายและระบุชนิดและหน้าทขี่ องออรแ์ กเนลล์
๑๓. อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ขี องนิวเคลยี ส
๑๔. อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทตและแอกทีฟทรานสปอรต์
๑๕. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายและเขียนแผนภาพการลาเลียงสารโมเลกุลใหญอ่ อกจากเซลลด์ ้วย
กระบวนการเอกโซไซโทซิสและการลาเลียงสารโมเลกุลใหญเ่ ขา้ สู่เซลล์ดว้ ยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ
๑๖. สังเกตการแบ่งนิวเคลยี สแบบไมโทซสิ และ แบบไมโอซิสจากตัวอยา่ งภายใต้กลอ้ งจลุ ทรรศน์
พร้อมท้งั อธิบายและเปรียบเทียบการแบ่ง นิวเคลียสแบบไมโทซิสและแบบไมโอซิส
๑๗. อธบิ าย เปรยี บเทยี บและสรปุ ข้ันตอนการหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่ีมีออกซิเจน เพียงพอ
และภาวะทมี่ ีออกซิเจนไมเ่ พยี งพอ
รวมทั้งหมด ๑๗ ผลการเรยี นรู้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๗๙
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
รายวชิ า ว๓๐๒๔๑ ชีววิทยา ๑ โครงสร้างรายวิชา
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เวลาเรยี น ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
(ช.ม.) คะแนน
๑. การศึกษาชวี วิทยา ข้อ ๑-๒ - ส่ิงมีชวี ติ ทุกชนิดต้องการสารอาหารและ ๘ ๙
๑.๑ ธรรมชาตขิ อง พลงั งาน มีการเจรญิ เติบโต มกี าร
สิ่งมีชวี ติ ตอบสนองต่อส่งิ เรา้ มีการรักษาดลุ ยภาพ
๑.๒ การศกึ ษา ของร่างกายมีการสบื พันธุ์ มีการปรบั ตวั
ชวี วทิ ยาและ ทางวิวัฒนาการและมกี ารทางาน ร่วมกนั
วธิ กี ารทาง ขององคป์ ระกอบต่างๆ อย่างเป็นระบบ
วิทยาศาสตร์ สงิ่ เหล่านจี้ ัดเปน็ สมบตั ทิ ีส่ าคัญของ
๑.๓ กิจกรรม สง่ิ มชี วี ิต
สะเต็มศกึ ษา - การจัดระบบในส่ิงมชี วี ติ เร่ิมจากหน่วยเลก็
และ ไปหนว่ ยใหญ่ ได้แก่ เซลล์ เน้ือเย่ือ
กระบวนการ อวัยวะระบบอวัยวะและสิ่งมีชวี ิต
ออกแบบเชิง ตามลาดับ
วิศวกรรม - วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ในการคน้ หา
คาตอบเกย่ี วกับส่งิ มชี วี ติ เร่มิ จากการ
ต้งั ปญั หาหรอื คาถาม ตงั้ สมมตฐิ าน
ตรวจสอบสมมตฐิ านเกบ็ รวบรวมข้อมลู
วเิ คราะหข์ ้อมูลและสรปุ ผล
- การศกึ ษาส่งิ มีชวี ติ ต้องอาศัยความรจู้ าก
แขนงวชิ าตา่ งๆ ของชีววิทยาและ
สาขาวชิ าอ่ืนทเ่ี กยี่ วข้องและควรคานงึ ถงึ
ชวี จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ การใช้
สตั วท์ ดลอง
๒. เคมีเป็นพนื้ ฐาน ขอ้ ๓-๙ - สง่ิ มีชีวติ ประกอบดว้ ยธาตแุ ละสารประกอบ ๑๕ ๑๕
ของสง่ิ มชี วี ติ ในรา่ งกายของส่ิงมีชีวติ มนี า้ เป็น
๒.๑ อะตอม ธาตุ องคป์ ระกอบมากทีส่ ุด น้าประกอบดว้ ย
และสาร ธาตุไฮโดรเจนและออกซเิ จน มีสมบตั ิใน
ประกอบ การเปน็ ตัวทาละลายท่ีดีเก็บความรอ้ นไดด้ ี
๒.๒ น้า และมีความจคุ วามร้อนสงู ซง่ึ ช่วยรกั ษาดลุ ย
ภาพของเซลล์ได้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๘๐
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
(ช.ม.) คะแนน
๒.๓ สารประกอบ - ธาตทุ สี่ ิ่งมชี วี ติ ตอ้ งการจะอยู่ในรปู ของ
คาร์บอนใน ไอออนในมนุษย์และสัตว์ ธาตุจะชว่ ยให้
ส่ิงมชี ีวติ การทางานของ ระบบต่างๆ ในร่างกาย
๒.๔ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ดาเนนิ ไปตามปกติ นอกจากน้ีในกระดูก
ในเซลลข์ อง ฟนั และกล้ามเน้ือจะมีธาตุเป็นองค์
สง่ิ มีชีวติ ประกอบดว้ ย
- คาร์โบไฮเดรตประกอบดว้ ยธาตุคารบ์ อน
ไฮโดรเจนและออกซเิ จน แบง่ ตามขนาด
โมเลกลุ ออกได้เปน็ ๓ กล่มุ คือ มอโนแซ็ก-
คาไรด์ไดแซ็กคาไรดแ์ ละพอลิแซ็กคาไรด์
- โปรตนี มีกรดอะมิโนเปน็ หน่วยยอ่ ย
ประกอบดว้ ยธาตคุ ารบ์ อน ไฮโดรเจน
ออกซเิ จนและไนโตรเจนบางชนดิ อาจมี
ธาตฟุ อสฟอรัส เหลก็ และกามะถนั เปน็
องคป์ ระกอบ
- ลพิ ิดประกอบดว้ ยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน
และออกซิเจนเป็นสารประกอบทล่ี ะลาย
ไดด้ ีในตัวทาละลายท่ีเปน็ สารอนิ ทรยี ์ ลิพดิ
กล่มุ สาคัญท่ีพบในสง่ิ มชี ีวิต เช่น กรดไขมัน
ไตรกลเี ซอไรด์ ฟอสโฟลิพดิ สเตอรอยด์
- กรดนิวคลิอกิ ประกอบด้วยหนว่ ยย่อย
เรียกวา่ นิวคลีโอไทด์ โมเลกลุของนิวคลโี อ
ไทด์ประกอบด้วยหมฟู่ อสเฟต น้าตาลที่มี
คาร์บอน ๕ อะตอมและเบสที่มีไนโตรเจน
เปน็ องค์ประกอบ
- กรดนิวคลิอกิ เป็นองค์ประกอบของสาร
พันธกุ รรมทาหน้าทเี่ กบ็ และถ่ายทอดข้อมลู
ทางพนั ธกุ รรม มี ๒ ชนดิ คอื DNA และ
RNA
- เมแทบอลซิ ึมเป็นปฏิกิรยิ าเคมีท่เี กดิ ขนึ้
ภายใน เซลล์ของส่ิงมีชวี ิต ปฏิกริ ิยาเคมี
ประกอบดว้ ย ปฏกิ ิรยิ าคายพลังงานและ
ปฏกิ ิริยาดดู พลงั งานปฏกิ ิริยาเคมีเหลา่ นี้
งานพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๘๑
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
(ช.ม.) คะแนน
๒. เคมเี ปน็ พื้นฐาน จะดาเนนิ ไปไดอ้ ย่างรวดเร็ว จาเป็นต้อง
ของสง่ิ มีชวี ติ อาศยั เอนไซมช์ ่วยเรง่ ปฏกิ ริ ยิ า
(ตอ่ ) - เอนไซมส์ ว่ นใหญเ่ ปน็ สารประเภทโปรตนี
ทาหนา้ ที่เร่งปฏกิ ิรยิ าเคมีในขณะที่เกดิ
ปฏกิ ิรยิ าเคมีในเซลล์ สารต้งั ตน้ จะเขา้ ไป
จับกบั เอนไซม์ท่บี รเิ วณจาเพาะของ
เอนไซม์ท่ีเรยี กว่าบริเวณเร่ง ถ้าสารตงั้ ตน้
มโี ครงสร้างเข้ากับบรเิ วณเรง่ ไดส้ ารต้งั ต้น
นั้นจะถกู เปลีย่ นเปน็ สารผลติ ภัณฑ์
- อุณหภูมิ สภาพความเป็นกรด-เบสและตัว
ยับยง้ั เอนไซม์เป็นปจั จัยที่มผี ลตอ่ การ
ทางานของเอนไซม์
สอบกลางภาค ๑ ๒๐
๓. เซลลแ์ ละการ ขอ้ ๑๐-๑๗ - กล้องจุลทรรศนเ์ ป็นเครื่องมือทีใ่ ชศ้ ึกษา ๑๕ ๑๖
ทางานของเซลล์ สง่ิ มชี ีวิต ขนาดเลก็ ท่ีไมส่ ามารถเหน็ ไดด้ ้วย
๓.๑ กลอ้ ง ตาเปลา่ และรายละเอยี ดโครงสรา้ งของ
จลุ ทรรศน์ เซลล์
๓.๒ โครงสร้าง - กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชงิ ประกอบและ
และหนา้ ทข่ี อง กลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สงแบบสเตอริโออาศัย
เซลล์ เลนสใ์ นการทาให้เกิดภาพขยาย
๓.๓ การลาเลยี ง - กล้องจลุ ทรรศน์อเิ ล็กตรอนทาใหเ้ กดิ ภาพ
สารเข้าและ ขยาย โดยอาศัยเลนสแ์ มเ่ หล็กไฟฟา้ รวม
ออกจากเซลล์ ลาอเิ ลก็ ตรอนซึ่งมีอยูด่ ว้ ยกัน ๒ ชนดิ คอื
๓.๔ การแบง่ เซลล์ ชนดิ สอ่ งผ่านและชนดิ สอ่ งกราด
๓.๕ การหายใจ - ตวั อยา่ งส่ิงมชี ีวติ ทนี่ ามาศกึ ษาภายใตก้ ล้อง
ระดับเซลล์ จุลทรรศน์ใชแ้ สงตอ้ งมวี ิธีการเตรียมที่
ถกู ต้องและเหมาะสมกับชนดิ ของส่งิ มีชีวิต
เพอื่ ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพในการศกึ ษา
- กล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสงเป็นเครือ่ งมือท่ีมี
ความละเอียดซบั ซ้อนและราคาค่อนขา้ งสูง
จงึ ควรใชอ้ ย่างถูกวิธีมีการเก็บและดูแล
รักษาที่ถูกต้องเพอื่ ใหส้ ามารถใชง้ านได้
นาน
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๘๒
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
(ช.ม.) คะแนน
๓. เซลล์และการ
ทางานของเซลล์ - สารตา่ งๆ มีการเคลื่อนทเี่ ข้าและออกจาก
(ต่อ)
เซลล์อยู่ตลอดเวลาโดยกระบวนการตา่ งๆ
ไดแ้ ก่ การแพร่ ออสโมซสิ การแพร่
แบบฟาซิลเิ ทตแอกทีฟทรานสปอรต์
กระบวนการเอกโซไซโทซสิ กระบวนการ
เอนโดไซโทซิส
- แกส๊ ตา่ งๆ เข้าหรือออกจากเซลลโ์ ดยการ
แพรส่ ว่ นนา้ เข้าหรือออกจากเซลลผ์ า่ นเยือ่
หมุ้ เซลล์โดยออสโมซสิ
- ไอออนและสารบางอย่างท่ีไม่สามารถ
ลาเลียงผา่ นเยือ่ ห้มุ เซลล์โดยตรงได้
จาเป็นต้องอาศัย โปรตีนท่ีอยู่บนเยือ่ หมุ้
เซลลเ์ ปน็ ตวั พาสารน้นั เข้าและออกจาก
เซลล์ เรยี กวา่ การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต
- แอกทีฟทรานสปอรต์ เป็นการลาเลียงสาร
จากบริเวณทีม่ ีความเข้มขน้ ต่าไปยงั บริเวณ
ทมี่ คี วามเข้มข้นสูง
- สารบางอย่างท่ีไม่สามารถแพรผ่ ่านเย่ือหมุ้
เซลล์หรอื ลาเลยี งผ่านโปรตนี ท่ีเป็นตวั พาได้
จะถูกลาเลียงออกจากเซลล์ ดว้ ย
กระบวนการเอกโซไซโทซสิ
- สารทีม่ ีขนาดใหญส่ ามารถลาเลียงเขา้ สู่
เซลลด์ ว้ ยกระบวนการเอนโดไซโทซิสซึง่
แบ่งเปน็ ๓ แบบ ไดแ้ ก่ พิโนไซโทซิส
ฟาโกไซโทซสิ และการนาสาร เข้าสเู่ ซลล์
โดยอาศยั ตวั รบั
- การแบง่ เซลลข์ องสิ่งมีชวี ิตเปน็ การเพ่ิม
จานวนเซลล์ ซง่ึ เป็นกระบวนการท่ีเกิดขึ้น
ตอ่ เนื่องกนั เปน็ วัฏจักรโดยวฏั จักรของเซลล์
ประกอบด้วย อนิ เตอรเ์ ฟส การแบง่
นวิ เคลยี สแบบไมโทซิสและ การแบง่ ไซ
โทพลาซึม
- การแบ่งนิวเคลียสมี ๒ แบบ คอื การแบ่ง
นวิ เคลียสแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ
งานพฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๘๓
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
(ช.ม.) คะแนน
๓. เซลล์และการ
ทางานของเซลล์ - การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส
(ต่อ)
ประกอบดว้ ย ระยะโพรเฟส เมทาเฟส
แอนาเฟสและเทโลเฟส
- การแบง่ นิวเคลียสแบบไมโอซิสประกอบ
ดว้ ย ระยะโพรเฟส I เมทาเฟส I แอนาเฟส
I เทโลเฟส I ระยะโพรเฟส II เมทาเฟส II
แอนาเฟส II และเทโลเฟส II
- การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซสิ ทาใหเ้ ซลล์
รา่ งกายเพิ่มจานวนเพื่อการเจรญิ เตบิ โต
และซ่อมแซมส่วนท่สี กึ หรอหรือถูกทาลาย
ไปได้ สว่ นการแบ่งนิวเคลยี สแบบไมโอซิส
มีความสาคัญตอ่ สิ่งมชี วี ติ ในกระบวนการ
สรา้ งเซลล์สืบพันธุ์
- การแบ่งไซโทพลาซึมในเซลล์พชื จะมีการ
สร้างแผน่ กั้นเซลลแ์ ละเซลลส์ ัตว์จะมีการ
คอดเวา้ เข้าหากนั ของเย่ือหมุ้ เซลล์
- การหายใจระดบั เซลล์เปน็ การสลายสาร-
อาหารท่มี ีพลังงานสงู โดยมีออกซิเจนเป็น
ตัวรบั อิเลก็ ตรอนตัวสดุ ท้าย ประกอบดว้ ย
๓ ขั้นตอน คือ ไกลโคลิซิส วฏั จักรเครบส์
และกระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน
- การหายใจระดับเซลล์ พลังงานสว่ นใหญ่
ไดจ้ าก ขนั้ ตอนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน
พลังงานน้ีจะถูกเก็บไวใ้ นพนั ธะเคมีใน
โมเลกุลของ ATP
- ในภาวะท่มี อี อกซิเจนไม่เพยี งพอ ทาใหก้ าร
หายใจของเซลล์ไมส่ มบูรณ์จงึ เกดิ ได้เฉพาะ
ไกลโคลซิ ิส ผลท่ีได้จากการหายใจใน
สภาวะน้ีในสตั วจ์ ะได้กรดแลกติกใน
จลุ ินทรยี ์และพชื อาจได้กรดแลกตกิ หรือ
เอทลิ แอลกอฮอล์
สอบปลายภาคเรยี น ๑ ๓๐
จิตวิทยาศาสตร์ ๑๐
รวม ๔๐ ๑๐๐
งานพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๘๔
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๔๒ ชวี วิทยา ๒ คาอธิบายรายวชิ า
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรยี น ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ เกี่ยวกับโครโมโซมและสารพันธุกรรม โครงสร้างของ DNA การจาลอง DNA
การควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของ DNA มิวเทชันและการเกิดมิวเทชัน การถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม การศึกษาพันธกุ รรมของเมนเดล การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม ลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็น
ส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมเพศ ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน ศึกษา
เทคโนโลยีทางดีเอนเอ พนั ธุวิศวกรรมและการโคลนยีน การหาขนาดของ DNA และการหาลาดบั นิวคลี
โอไทด์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดเี อนเอ และเทคโนโลยที างดีเอนเอกับความปลอดภัยทางชีวภาพ
และชีวจริยธรรม หลักฐานและข้อมูลท่ีใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเก่ียวกับ
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต พันธุศาสตร์ประชากร ปัจจัยท่ีทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงความถี่ของแอลลีล
และกาเนดิ สปีชีส์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหา การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวเิ คราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธิบายและสรปุ เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ มี
ความสามารถในการตดั สินใจ มีทกั ษะปฏบิ ตั กิ ารทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทกั ษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ใน
ด้านการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ดา้ นการคิดและการแก้ปญั หา ดา้ นการส่ือสารสามารถส่ือสาร ส่ิงท่ี
เรยี นรู้และนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ของตนเอง
มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยม
ผลการเรยี นรู้
๑. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล
๒. อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแหง่ การรวมกลุ่มอย่างอิสระและนากฎของเมนเดลนี้
ไปอธิบายการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมและใชใ้ นการคานวณโอกาสในการ เกิดฟโี นไทปแ์ ละจีโนไทป์
แบบตา่ งๆ ของรุน่ F๑ และ F๒
๓. สบื ค้นข้อมูล วิเคราะห์ อธบิ ายและสรุปเกีย่ วกับการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่เี ป็น
ส่วนขยายของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล
๔. สืบคน้ ขอ้ มูล วเิ คราะห์และเปรยี บเทยี บลักษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี กี ารแปรผันไม่ตอ่ เน่ือง
และลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ีมกี ารแปรผันต่อเนื่อง
๕. อธบิ ายการถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม และยกตวั อย่างลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีถูกควบคุม
ด้วยยีนบนออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ
๖. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายสมบัติและหน้าที่ของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองคป์ ระกอบทางเคมี
ของ DNA และสรปุ การจาลอง DNA
๗. อธิบายและระบขุ ้ันตอนในกระบวนการ สังเคราะหโ์ ปรตีนและหนา้ ทีข่ อง DNA และ RNA แต่
ละชนดิ ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี
๘. สรปุความสัมพันธ์ระหวา่ งสารพันธุกรรมแอลลลี โปรตีน ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมและเชื่อมโยง
กับความรูเ้ ร่ืองพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๘๕
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๙. สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายการเกดิ มวิ เทชนั ระดบั ยนี และระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มิวเทชัน
รวมทง้ั ยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการท่ีเป็นผลของการเกิดมิวเทชัน
๑๐. อธบิ ายหลักการสรา้ งสิ่งมีชีวติ ดัดแปรพนั ธกุ รรม โดยใช้ดีเอน็ เอรคี อมบิแนนท์
๑๑. สืบคน้ ขอ้ มลู ยกตัวอยา่ ง และอภิปรายการนาเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ใชท้ ้ังในดา้ น
ส่ิงแวดล้อม นติ ิวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์การเกษตรและอตุ สาหกรรมและข้อควรคานงึ ถึงดา้ นชีวจรยิ ธรรม
๑๒. สบื ค้นขอ้ มูล และอธบิ ายเกีย่ วกับหลักฐานทส่ี นับสนนุ และขอ้ มลู ท่ีใชอ้ ธบิ ายการเกิดววิ ฒั นาการ
ของสง่ิ มีชวี ิต
๑๓. อธบิ ายและเปรียบเทียบแนวคิดเกยี่ วกบั ววิ ัฒนาการของส่ิงมีชีวิตของฌอง ลามาร์กและทฤษฎี
เกีย่ วกบั วิวฒั นาการของสง่ิ มีชีวิตของชาลส์ ดาร์วนิ
๑๔. ระบุสาระสาคัญและอธบิ ายเงอื่ นไขของภาวะสมดุลของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิร์ก ปจั จยั ท่ที าใหเ้ กดิ
การเปลย่ี นแปลงความถข่ี องแอลลลี ในประชากรพรอ้ มทั้งคานวณหาความถ่ีของแอลลีลและจีโนไทปข์ อง
ประชากรโดยใชห้ ลักของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์
๑๕. สบื คน้ ขอ้ มูล อภปิ รายและอธิบายกระบวนการเกิดสปชี ีสใ์ หม่ของสิ่งมชี ีวิต
รวมทั้งหมด ๑๕ ผลการเรียนรู้
งานพัฒนาหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๘๖
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๔๒ ชีววิทยา ๒ โครงสร้างรายวิชา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เวลาเรียน ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
(ช.ม.) คะแนน
๔. โครโมโซมและสาร ข้อ ๑-๒ - เมนเดลศกึ ษาการถ่ายทอดลกั ษณะทาง ๙ ๙
พันธกุ รรม พันธุกรรมโดยการผสมพนั ธุ์ถ่ัวลันเตาจน
๔.๑ โครโมโซม สรปุ เปน็ กฎแหง่ การแยกและกฎแห่งการ
๔.๒ สารพนั ธุกรรม รวมกลมุ่ อย่างอสิ ระ
๔.๓ สมบตั ขิ องสาร - กฎแห่งการแยกมใี จความวา่ แอลลลี ทอ่ี ยู่
พนั ธกุ รรม เป็นคจู่ ะแยกออกจากกันในระหวา่ งการ
๔.๔ มวิ เทชนั สรา้ งเซลล์ สืบพันธโ์ุ ดยเซลล์สบื พนั ธ์ุแตล่ ะ
เซลลจ์ ะมเี พยี ง แอลลีลใดแอลลีลหนึ่ง
๕. การถา่ ยทอดลักษณะ ขอ้ ๓-๕ - การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมบาง ๑๐ ๑๑
ทางพันธุกรรม ลักษณะ ใหอ้ ัตราสว่ นท่ีแตกต่างจากผล
๕.๑ การศกึ ษา การ ศกึ ษาของเมนเดล เรียกลักษณะ
พันธกุ รรมของ เหลา่ นี้วา่ ลกั ษณะทางพันธุกรรมทเี่ ปน็ สว่ น
เมนเดล ขยายของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล เช่น การข่ม
๕.๒ ลักษณะทาง ไมส่ มบรู ณ์ การข่มรว่ มกนั มลั ตเิ ปิลแอลลี
พันธกุ รรมทเี่ ป็น ลยีนบนโครโมโซมเพศและพอลิยนี
สว่ นขยายของ - โครโมโซมภายในเซลล์รา่ งกายแบง่ เป็นออ
พันธศุ าสตร์ โตโซมและโครโมโซมเพศ ลกั ษณะทาง
เมนเดล พนั ธกุ รรมส่วนใหญถ่ ูกควบคุมดว้ ยยนี บน
๕.๓ ยนี บนโครโมโซม ออโตโซมบางลักษณะถูกควบคมุ ด้วยยนี
เดียวกนั บนโครโมโซมเพศ ซง่ึ สว่ นมากเปน็ ยนี บน
โครโมโซม X
- เมอ่ื มกี ารสร้างเซลลส์ ืบพนั ธ์ุ ยนี บน
โครโมโซมเดียวกันท่ีอยู่ใกลก้ ันมักจะถูก
ถ่ายทอดไปดว้ ยกันแต่การเกดิ ครอสซิง
โอเวอรใ์ นการแบง่ เซลล์แบบไมโอซิสอาจ
ทาให้ยีนบนโครโมโซมเดยี วกันแยกจากกนั
ไดส้ ง่ ผลให้รปู แบบของเซลลส์ ืบพนั ธุท์ ไ่ี ด้
แตกตา่ งไปจากกรณีทไ่ี มเ่ กดิ ครอสซิง
โอเวอร์
สอบกลางภาคเรียน ๑ ๒๐
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชัยพทิ ยาคม สพม.๓๒ ๘๗
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
(ช.ม.) คะแนน
๖. เทคโนโลยีทาง DNA ขอ้ ๖-๑๑ - การใช้เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอในการสรา้ ง ๑๐ ๑๑
๖.๑ พันธุวิศวกรรม ดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ สามารถนาไปใช้ใน
และการโคลนยีน การสรา้ งสิง่ มีชีวติ ดัดแปรพันธกุ รรม โดย
๖.๒ การหาขนาดของ นายนี ท่ตี ้องการมาตัดตอ่ ใส่ในส่ิงมชี วี ติ ทา
DNA และการหา ให้ส่ิงมชี ีวติ นัน้ มีสมบตั ิ ตามต้องการ
ลาดับนวิ คลโี อไทด์ - เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ สามารถนาไป
๖.๓ การประยกุ ตใ์ ช้ ประยกุ ตใ์ ช้ในด้านต่างๆ เช่น สิงแวดลอ้ ม
เทคโนโลยที าง DNA นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตและ
อุตสาหกรรม โดยการใช้เทคโนโลยีทาง
DNA ตอ้ งคานึงถงึ ความปลอดภัยทาง
ชีวภาพ ชีวจรยิ ธรรม และผลกระทบตอ่
สังคม
๗. ววิ ฒั นาการ ข้อ ๑๒-๑๕ - หลักฐานที่ทาให้เชอ่ื ว่าส่ิงมชี ีวิตมี ๙๙
๗.๑ หลักฐานและ วิวฒั นาการเชน่ ซากดกึ ดาบรรพ์
ข้อมูลท่ีใช้ใน กายวิภาคเปรยี บเทียบวทิ ยาเอ็มบริโอ
การศกึ ษา การแพร่กระจายของสง่ิ มีชวี ิตทาง
วิวฒั นาการของ ภมู ศิ าสตร์ การศึกษาทางชวี ภมู ิศาสตร์
สิ่งมีชวี ติ และดา้ นชวี วิทยาระดบั โมเลกุล
๗.๒ แนวคดิ เกยี่ วกับ - ฌอง ลามาร์ก ได้เสนอแนวคดิ เพื่อ
วิวัฒนาการของ อธิบายเกี่ยวกบั วิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ติ
ส่ิงมชี วี ติ วา่ สง่ิ มชี ีวิตมกี ารเปลี่ยนแปลงโครงสรา้ ง
๗.๓ พันธุศาสตร์ ให้เขา้ กับสภาพแวดล้อมโดยอาศยั กฎ
ประชากร การใช้และไมใ่ ชแ้ ละกฎแหง่ การถา่ ยทอด
๗.๔ ปัจจยั ท่ีทาให้เกิด ลกั ษณะทเี่ กิดขน้ึ มาใหม่
การเปลีย่ นแปลง - เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดลขุ อง
ความถข่ี องอัลลีล ฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ โดยประชากรมีขนาด
๗.๕ กาเนดิ สปีชีส์ ใหญไ่ ม่มีการถา่ ยเทยนี ระหว่างประชากร
ไม่เกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมโี อกาส
ผสมพนั ธไุ ดเ้ ท่ากนั และไม่เกิดการ
คดั เลือกโดยธรรมชาตจิ ะทาใหค้ วามถ่ี
ของแอลลลี ของลักษณะน้นั ไม่ปล่ยี น
แปลงไม่ว่าจะผา่ นไปกรี่ ่นุ กต็ ามเป็นผล
ใหล้ กั ษณะนั้นไมเ่ กดิ วิวัฒนาการ
งานพัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๘๘
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
(ช.ม.) คะแนน
๗. ววิ ัฒนาการ
(ตอ่ ) - การเปล่ยี นแปลงความถขี่ องยีนหรอื
แอลลลี ในประชากรเกิดจากปัจจยั หลาย
ประการ นาไปส่กู ารเกิดววิ ฒั นาการ
- สปชี ีส์ใหม่จะเกดิ ขนึ้ ไดเ้ มื่อไม่มีการ
ถ่ายเทเคลื่อนย้ายยนี ระหวา่ งประชากร
หน่งึ กบั อีก ประชากรหนึ่งในรุ่นบรรพ
บุรุษทาใหป้ ระชากรท้งั สองมีโครงสรา้ ง
ทางพันธกุ รรมทีแ่ ตกตา่ งกันและ
ววิ ฒั นาการเกดิ เปน็ สปีชีส์ใหม่
- ปจั จยั ทท่ี าใหเ้ กดิ สปีชีส์ใหม่อาจเกดิ ได้
๒ แนวทาง คอื การเกดิ สปชี สี ์ใหมจ่ าก
การแบง่ แยกทางภมู ศิ าสตรแ์ ละการ
เกิดสปชี สี ใ์ หม่ในเขตภูมิศาสตร์ เดยี วกัน
สอบปลายภาคเรยี น ๑ ๓๐
จติ วทิ ยาศาสตร์ ๑๐
รวม ๔๐ ๑๐๐
งานพัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๘๙
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๔๓ ชีววิทยา ๓ คาอธิบายรายวิชา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรียน ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
ศึกษาวิเคราะห์ โครงสร้างและหนา้ ทข่ี องพืชดอก เน้อื เย่ือพชื อวัยวะและหนา้ ทขี่ องอวยั วะ
ของพชื การแลกเปล่ียนแก๊สและการคายน้าของพืช การลาเลียงน้าของพืช การลาเลียงสารอาหาร
ของพืช การลาเลยี งอาหารของพืช การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง การคน้ ควา้ ที่เกี่ยวข้องกบั การสังเคราะห์
ด้วยแสง กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงโฟโตเรสไพเรสชนั กลไกการเพมิ่ ความเข้มข้นของคารบ์ อน-
ไดออกไซดใ์ นพชื C๔ และพืช CAM ปัจจยั บางประการทมี่ ผี ลต่ออตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสง การ
ปรับตัวของพชื เพื่อรบั แสง การสบื พันธ์ขุ องพืชดอก วัฏจักรชวี ิตและการสืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศของ
พืชดอก การสืบพนั ธแุ์ บบไม่อาศัยเพศของพชื ดอกและการขยายพนั ธุ์พืช การวดั การเจริญเตบิ โตของพืช
การควบคุมการเจรญิ เตบิ โตและการตอบสนองของพืช สารควบคมุ การเจริญเติบโตของพืช การ
ตอบสนองของพืชต่อสง่ิ แวดล้อม
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหา การสบื ค้นข้อมลู การสงั เกต
การวเิ คราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธิบายและสรุป เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ
มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ มที ักษะปฏิบตั กิ ารทางวิทยาศาสตร์ รวมทง้ั ทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑
ในด้านการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ นการคดิ และการแก้ปญั หา ด้านการส่ือสารสามารถสื่อสาร
สิง่ ท่ีเรยี นรแู้ ละนาความรูไ้ ปใช้ในชีวิตของตนเอง
มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ ม
ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายเกีย่ วกบั ชนดิ และลักษณะของเนื้อเยอ่ื พืชและเขยี นแผนผงั เพื่อสรุปชนดิ ของเน้ือเยื่อพืช
๒. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ ง ภายในของรากพชื ใบเลีย้ งเดี่ยวและรากพืชใบเลีย้ งคู่
จากการตัดตามขวาง
๓. สงั เกต อธบิ ายและเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของลาตน้ พืชใบเลี้ยงเด่ยี วและลาต้นพืช
ใบเลย้ี งคจู่ ากการตัดตามขวาง
๔. สงั เกตและอธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวาง
๕. สืบคน้ ขอ้ มลู สงั เกตและอธบิ ายการแลกเปลยี่ นแกส๊ และการคายน้าของพชื
๖. สบื คน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายกลไกการลาเลยี งน้า และธาตุอาหารของพืช
๗. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายความสาคัญของธาตอุ าหารและยกตวั อยา่ งธาตุอาหารท่สี าคัญท่ีมผี ลตอ่
การเจริญเติบโตของพืช
๘. อธิบายกลไกการลาเลียงอาหารในพืช
๙. สืบคน้ ข้อมูล และสรปุ การศึกษาท่ีได้จากการทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์ในอดีตเกีย่ วกับ
กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
๑๐. อธบิ ายข้ันตอนที่เกิดข้นึ ในกระบวนการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช C๓
๑๑. เปรียบเทียบกลไกการตรึง CO๒ ในพชื C๓ พชื C๔ และ พชื CAM
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนประโคนชยั พทิ ยาคม สพม.๓๒ ๙๐
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๑๒. สบื ค้นข้อมลู อภปิ ราย และสรุปปจั จยั ความเข้มของแสง ความเข้มข้นของ CO๒ และอุณหภูมิ
ทม่ี ผี ลต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
๑๓. อธบิ ายวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก
๑๔. อธบิ ายและเปรียบเทยี บกระบวนการสร้าง เซลล์สบื พันธุ์เพศผูแ้ ละเพศเมยี ของพชื ดอกและ
อธิบายการปฏิสนธขิ องพืชดอก
๑๕. อธบิ ายการเกิดเมลด็ และการเกดิ ผลของพชื ดอก โครงสร้างของเมล็ดและผลและยกตัวอย่าง
การใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสรา้ งตา่ งๆ ของเมล็ดและผล
๑๖. ทดลองและอธบิ ายเกยี่ วกบั ปจั จัยตา่ งๆที่มี ผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของเมล็ด
และบอกแนวทางในการแกส้ ภาพพกั ตัวของเมลด็
๑๗. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายบทบาทและหนา้ ที่ของออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลนิ เอทิลีนและกรด
แอบไซซิกและอภิปรายเกีย่ วกับการนาไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตร
๑๘. สบื คน้ ขอ้ มลู ทดลองและอภปิ รายเก่ยี วกบั ส่งิ เรา้ ภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเตบิ โตของพชื
รวมทั้งหมด ๑๘ ผลการเรียนรู้
งานพัฒนาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๙๑
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
ว๓๐๒๔๓ ชีววิทยา ๓ โครงสร้างรายวิชา
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๕
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรยี น ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
เรยี นรู้ (ช.ม.) คะแนน
๘. โครงสร้างและ ขอ้ ๑-๘ - เนอื้ เยื่อพืชแบง่ เป็น ๒ กล่มุ ใหญ่ คือ เนอ้ื เย่ือ ๑๐ ๑๑
หนา้ ที่ของพชื ดอก เจริญและเนื้อเยอ่ื ถาวร
๘.๑ เน้ือเยือ่ พืช - เนอ้ื เยือ่ เจรญิ แบ่งเป็นเน้ือเยื่อเจรญิ ส่วนปลาย
๘.๒ อวยั วะและ เนือ้ เย่อื เจริญเหนือข้อและเนื้อเย่อื เจรญิ
หนา้ ทข่ี อง ดา้ นข้าง
อวยั วะของพชื - เนื้อเยอื่ ถาวรเปลี่ยนแปลงมาจากเนื้อเย่ือ
๘.๓ การแลกเปลยี่ น เจริญเนอื้ เย่ือถาวรอาจแบ่งได้เปน็ ๓ ระบบ
แกส๊ และการคาย คือระบบ เนือ้ เยื่อผิว ระบบเนื้อเย่อื พ้นื และ
น้าของพืช ระบบเน้ือเยื่อท่อลาเลยี งซึ่งทาหน้าทต่ี ่างกนั
๘.๔ การลาเลียงน้า - พืชมกี ารแลกเปลยี่ นแกส๊ และการคายนา้ ผา่ น
ของพืช ทางปากใบเปน็ ส่วนใหญป่ ากใบพบได้ทใี่ บและ
๘.๕ การลาเลียง ลาต้นอ่อน เม่ือความชน้ื สัมพัทธใ์ นอากาศ
สารอาหารของ ภายนอกตา่ กว่าความชน้ื สมั พัทธ์ภายในใบพชื
พชื ทาให้นา้ ภายในใบพชื ระเหยเป็นไอออกมาทาง
รูปากใบเรียกว่า การคายน้า
- ในสภาวะปกติการลาเลยี งน้าจากรากสูย่ อด
ของพืชอาศยั แรงดงึ จากการคายนา้ รว่ มกับ
แรงโคฮีชนั แรงแอดฮชี นั
- อาหารท่ไี ดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วย
แสงจากแหล่งสร้างจะถูกเปลยี่ นแปลงเปน็
ซโู ครสและลาเลยี งผา่ นทางท่อโฟลเอ็มโดย
อาศยั กลไกการลาเลยี งอาหารในพืชซ่งึ
เกยี่ วขอ้ งกบั แรงดันนา้ ไปยังแหลง่ รับ
งานพฒั นาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชัยพิทยาคม สพม.๓๒ ๙๒
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
เรียนรู้ (ช.ม.) คะแนน
๙. การสังเคราะห์ ข้อ ๙-๑๒ - การศึกษาค้นคว้าของนักวทิ ยาศาสตรใ์ นอดีต ๑๔ ๑๕
แสง ทาใหไ้ ด้ความรู้เกยี่ วกับกระบวนการสงั เคราะห์
๙.๑ การคน้ คว้าที่ ด้วยแสงมาเปน็ ลาดบั ข้ันจนได้ขอ้ สรปุ ว่า
เก่ียวขอ้ งกับการ คาร์บอนไดออกไซด์และนา้ เป็นวัตถดุ ิบท่ีพืชใช้
สงั เคราะหด์ ้วย ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิต
แสง ท่ไี ด้คือ น้าตาล ออกซิเจน
๙.๒ กระบวนการ - กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงมี ๒ ขั้นตอน
การสงั เคราะห์ คือ ปฏกิ ริ ยิ าแสง และการตรงึ CO๒ ปฏิกิรยิ า
แสง แสงเป็นปฏกิ ริ ยิ าที่เปล่ยี นพลงั งานแสง เป็น
๙.๓ กลไกการเพิม่ พลงั งานเคมี โดยแสงออกซิไดซโ์ มเลกลุ สารสีท่ี
ความเข้มข้นของ ไทลาคอยด์ของคลอโรพลาสต์ทาใหเ้ กดิ การ
CO๒ ในพชื C๔ ถ่ายทอดอิเล็กตรอนไดผ้ ลิตภัณฑเ์ ป็น ATP
พืช CAM และ NADPH+ H+ ในสโตรมาของคลอโร-
๙.๔ ปัจจัยทม่ี ผี ล พลาสต์
ต่ออตั ราการ - ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เชน่
สงั เคราะหด์ ว้ ย ความเข้มของแสง ความเขม้ ข้นของ CO๒
แสง อณุ หภูมิ ปริมาณน้าในดิน ธาตุอาหาร อายุใบ
สอบกลางภาคเรยี น ๑ ๒๐
๑๐. การสืบพันธุ์ของ ขอ้ ๑๓-๑๖ - พืชดอกมีวัฏจักรชวี ิตแบบสลบั ประกอบด้วย ๖ ๖
พชื ดอก ระยะทสี่ ร้างสปอร์ เรียกระยะสปอโรไฟต์
๑๐.๑ วฏั จักรชวี ิต (๒n) และระยะทีส่ ร้างเซลลส์ ืบพันธุ์ เรียก
และการ ระยะแกมโี ทไฟต์ (n)
สบื พันธุข์ อง - สว่ นประกอบของดอกที่เก่ียวขอ้ งกบั การ
พืชดอก สบื พนั ธุ์ โดยตรงคอื ช้ันเกสรเพศผู้และชนั้
๑๐.๒ การสบื พนั ธุ์ เกสรเพศเมยี ซงึ่ จานวนรงั ไข่เกย่ี วขอ้ งกบั
แบบอาศัยและ การเจริญเปน็ ผลชนดิ ต่างๆ
ไมอ่ าศยั เพศ
๑๑. การควบคมุ ขอ้ ๑๗-๑๘ - พืชสร้างสารควบคมุ การเจริญเตบิ โตหลาย ๘ ๘
การเจรญิ เติบโต ชนดิ ทส่ี ่วนต่างๆ ซึง่ สารน้ีเป็นสิ่งเร้าภายในท่ี
และการตอบสนอง มผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพืช เชน่ ออกซนิ
ของพืช ไซโทไคนนิ จิบเบอเรลลิน เอทลิ ีน และกรด
แอบไซซิก
งานพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๙๓
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
หน่วยการเรยี นรู้ ผลการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
เรียนรู้ (ช.ม.) คะแนน
๑๑.๑ สารควบคมุ
การจริญเตบิ โต - แสงสว่าง แรงโนม้ ถ่วงของโลก สารเคมแี ละน้า
ของพชื
เปน็ สิ่งเร้าภายนอกทีม่ ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต
๑๑.๒ การ
ตอบสนอง ของพชื
ของพืชต่อ
ส่ิงแวดล้อม - ความรเู้ กย่ี วกับการตอบสนองต่อสิง่ เรา้ ภายใน
และสิง่ เรา้ ภายนอกท่มี ผี ลต่อการเจริญเตบิ โต
ของพืชสามารถนามาประยุกตใ์ ช้ควบคมุ การ
เจริญเตบิ โตของพชื เพ่ิมผลผลติ และยดื อายุ
ผลผลติ ได้
สอบปลายภาคเรียน ๑ ๓๐
จิตวทิ ยาศาสตร์ ๑๐
รวม ๔๐ ๑๐๐
งานพฒั นาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นประโคนชยั พิทยาคม สพม.๓๒ ๙๔