The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Watcharee Yui, 2024-01-26 10:15:03

Unseen Assumption 135th

Unseen Assumption 135th

UNSEEN ASSUMPTION 47 ภาพถ่ายนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ใน ค.ศ. 1914 ณ บริเวณสนามเล็ก อาคารไม้ด้านหลังครั้งหนึ่งเคยเป็น ที่ทำการสโมสรนักเรียนเก่าอัสสัมชัญ ต่อมาได้สร้างเป็น สำ นักพระสังฆราชแห่งมิสซังสยาม (มิสซังกรุงเทพฯ) ในปัจจุบันติดกับตรอกโอเรียนเต็ล


48 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 49 สมณทูตเล กรอ อาร์ต (S.E. Mgr. Henri L’croart) (ยืนกลาง) มาเยี่ยมโรงเรียนอัสสัมชัญเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ท่านได้อบรมนักเรียนทั้งโรงเรียนประมาณ 1,600 คน พระสังฆราชแปร์รอสยืนด้านซ้าย ฟ.ฮีแลร์ยืนด้านขวาสุดติดกับ ภราดาไมเกิล ถ่ายหน้าบริเวณตึกเก่า ภาพถ่ายนักเรียนคาทอลิก บริเวณบันไดทางขึ้นอาคารมิสซัง กรุงเทพฯ (ปัจจุบันบันไดส่วนนี้ไม่มีแล้ว) บาทหลวงกอลมเบต์ อยู่ด้านบนสุดตรงกลางบันได ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913


50 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น คณะภราดาและบาทหลวงที่มีคุณพ่อกอลมเบต์ เป็นประธานการตัดสินกีฬา ขณะจัดแข่งกรีฑา บริเวณลานระหว่างตึกเก่ากับห้างสิงห์โต ฝั่ง ตรอกโอเรียนเต็ล ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913 ศิษย์เก่าอัสสัมชัญและคณะครูฉลองต้อนรับ คุณพ่อกอลมเบต์ที่รักษาตัวกลับจากฝรั่งเศส อันนำ ไปสู่การก่อตั้งสโมสรนักเรียนเก่าอัสสัมชัญ - แถวสองที่นั่งซ้ายสุดคือ Mr. F.G. de Jesus อัสสัมชนิกเลขที่ 99 - แถวหลังสุดไว้เปียคือ เซียวเม่งเต็ก อัสสัมชนิก เลขที่ 1 ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913


UNSEEN ASSUMPTION 51 (บน) นักเรียนเลิกเรียน พวกรถยนต์ รถจักรยาน เตรียมตัวจะกลับบ้าน (ล่าง) ด้านหลังคือเรือนไม้ชั่วคราว 3 ชั้น (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาคารนักบุญหลุยส์- มารีย์) บริเวณที่คนยืนกับโรงหลังคาคือ บริเวณลานแดงในปัจจุบัน เตะระเบิด ส่วนเรือนไม้สามชั้นนั้นเล่า ก็ต้องรื้อไปสร้างไว้ที่ ศรีราชา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1944 ในคราว อพยพนักเรียนในกรุงเทพฯ ไปเรียนอยู่หัวเมือง หาไม่ก็คงจะเปนเหยื่อของลูกระเบิดเพลิงมิวันใด ก็วันหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะลูกระเบิดชนิดนี้ ได้มาเยี่ยมเรือนไม้หลังนี้แล้วหนหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1943 เวลา 10.30 น. ถ้ามิได้ครู ปีเตอร์ มนู ศศิประภา ผู้กล้าหาญอย่างเสี่ยงชีวิต เข้าแลกกับความเปนอยู่ของโรงเรียนแล้ว ก็น่ากลัว ว่าโรงเรียนคงจะเหลือแต่ซากเถ้าถ่านเท่านั้น มนูได้ เตะลูกระเบิดออกนอกห้องเรียน ทั้งๆ ที่ลูกระเบิด ได้ประทุระเบิดออกแล้ว เชื้อระเบิดได้ลวกร่างกาย ของเขาตั้งแต่หน้าขาทั้งสองจนถึงหน้าอก และลำตัว ถลอกปอกเปิกอย่างน่าสงสาร ความปวดแสบ ปวดร้อนของพิษเชื้อระเบิดระบมไปหมดทั้งตัว แทบจะเอาชีวิตไม่รอด จากหนังสือแดง-ขาว ฉบับปฐมฤกษ์ 20 ธันวาคม 2489 หน้า 41 อ่านเพิ่มเติม ใน แดง - ขาว QR CODE #6 ฉบับปฐมฤกษ์ 20 ธันวาคม 2489


52 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ละครอัสสัมชัญ - นักเรียนแผนกอังกฤษ การแสดงละครประจำ ปีของโรงเรียน อัสสัมชัญเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่ ปีแรกที่ก่อตั้งโรงเรียน คณะศิษย์และครูถ่ายภาพบริเวณสนามเล็ก ตึกเก่า ด้านตรอกบูรพา


UNSEEN ASSUMPTION 53 ละครอัสสัมชัญ - นักเรียนแผนกฝรั่งเศส ภ.ฮิวเบโต้ ถ่ายพร้อมภราดาผู้ช่วยและครูผู้สอน นักเรียนแผนกสยาม (ทั่วไป) ชั้น Preparatory ถ่ายเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 (ชั้น Preparatory หมายถึง ชั้นปรับพื้นฐาน ก่อนขึ้นชั้น Standard สำ หรับเด็กที่ย้ายมาจาก โรงเรียนอื่น)


54 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น Gymkhana (การแข่งขันกรีฑาประจำ ปีของ โรงเรียน) - ผู้ชนะการแข่งขันถ่ายรูปร่วมกับ กรรมการ ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913 กรรมการจากสโมสรนักเรียนเก่าฯ ร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับ “เหรียญเรียนดี”


UNSEEN ASSUMPTION 55 (บน) เจ้าหน้าที่จากสถานทูตฝรั่งเศส เป็นประธานมอบรางวัล ถ่ายรูปหมู่ ร่วมกับพระสังฆราชแปร์รอส พระเจ้า น้องยาเธอ กรมหลวงดำ รงราชานุภาพ ภายในบริเวณอาคารโรงเล่น ราว ค.ศ. 1912 (ล่าง) นักกีฬาฟุตบอลรุ่นใหญ่ ค.ศ. 1912 ในชุดนักกีฬาที่ส่งตรงมาจาก ประเทศฝรั่งเศส


56 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น (ซ้ายบน) ตึกเล็กๆ มุมซ้ายของภาพคือที่ทำการของ หนังสือพิมพ์สยามอ๊อบเซอเวอร์ (Siam Observer) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ชั้นนำ ในสมัยนั้น (ซ้ายล่าง) อาคารคู่แฝดของตึกเก่าเป็นที่ตั้งของ ห้างสิงห์โต ที่ออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกัน บริเวณที่ทำกิจกรรมกันคือ ลานระหว่างตึกเก่ากับ ห้างสิงห์โต (ทางฝั่งซอยเจริญกรุง 40) พลศึกษาและกีฬา เป็นวิชาใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับการศึกษา แบบตะวันตก มุ่งหมายให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะทางด้าน กายภาพควบคู่ไปกับวิชาการ อัสสัมชัญได้ว่าจ้างครูมาสอน พลศึกษาเป็นการเฉพาะตั้งแต่ ค.ศ. 1889 คือ พันเอก ออคอร์แม็น และสิบเอกออแรลล์


UNSEEN ASSUMPTION 57 ภาพถ่าย ณ อ่างหิน (อ่างศิลา) ปรากฏเรือใบสำ เภา ด้านหลัง ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913 26 ธันวาคม ค.ศ.1935 ภราดาเฟรเดอริก ยัง พร้อมด้วยภราดาอีก 8 ท่าน พาคณะนักเรียน 70 คนเศษ พร้อมครู 2 คนขึ้นรถไฟที่กรมรถไฟหลวง จัดไว้เป็นพิเศษ เดินทางไปสถานีอยุธยา ถึงเวลาประมาณ 11 นาฬิกาเศษ แวะรับประทานอาหารที่ตลาดหัวรอ จากนั้นเที่ยวชมวิหารพระมงคลบพิตร (รูปบนซ้าย) วัดพระศรีสรรเพชญ์ (รูปล่าง) พระเจดีย์พระนางสุริโยทัย และ พระราชวังจันทรเกษม โดยมีเจ้าหน้าที่นำชมให้ความรู้ตลอดทาง จากหนังสืออัสสัมชัญ อุโฆษสมัย


58 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ทีมฟุตบอลสมาคมอัสสัมชัญชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงเครื่องบินจำลองของกรมอากาศยาน เพื่อเก็บเงินบำ รุงการบินแห่งชาติ รอบชิงชนะเลิศ แข่งขันกันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1935 ทีมสมาคมอัสสัมชัญชนะทีมไปรษณีย์ไป 3 ประตูต่อ 1 ได้รับรางวัลเครื่องบินจำ ลอง รุ่น นิเออปอร์ต จากหลวงพิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ได้นำ เครื่องบิน จำลองมาแสดงที่หน้าประตูโรงเรียนดังปรากฏในรูป


UNSEEN ASSUMPTION 59 ทีมฟุตบอลสมาคมอัสสัมชัญ กับสมาคม นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ในการแข่งขันเก็บเงิน บำ รุงการสื่อสารครั้งที่ 3 ค.ศ. 1935 ผลการ แข่งขันปรากฏว่าเสมอกัน 0 ประตูต่อ 0 โดยมีนางสาวสยามคนที่ 2 ของประเทศไทย คุณวณี เลาหเกียรติ ร่วมถ่ายรูปด้วย คณะภราดาเยี่ยมชมเครื่องบินทิ้งระเบิดฝรั่งเศส สองเครื่องยนต์ รุ่น Bloch MB.200 ที่ดอนเมือง ภาพถ่ายระหว่าง ค.ศ. 1933 - 1939


ตึกเตี้ยสมัยแรกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง


UNSEEN ASSUMPTION 61 (ซ้าย) อาสนวิหารอัสสัมชัญขณะกำลังก่อสร้าง ยังไม่ประดับกระจกสีหน้าต่างรอบอาคาร ด้านล่าง เป็นตึกเตี้ยหลังแรกที่จะมีซุ้มโค้ง ต่อมาได้ถูกรื้อลงและสร้างตึกเตี้ยหลังที่สองเชื่อมระหว่าง ตึกกอลมเบต์กับตึกเก่า ภาพนี้คาดว่าถ่ายจากเรือนไม้ชั่วคราว 3 ชั้น (ขวา) ด้านหน้าอาสนวิหารอัสสัมชัญ เริ่มสร้างใน ค.ศ. 1909 และเสร็จใน ค.ศ. 1919 อาสนวิหารอัสสัมชัญ


62 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1935 ทหารกองพันผสมแห่งมณฑลทหารบกที่ 1 ในความควบคุม ของพันเอก พระประจนปัจจนึก พร้อมด้วยอาวุธยุทธภัณฑ์สงคราม รถถังแบบ 77 สองคัน, รถถังแบบ 76 สองคัน, รถถังลอยน้ำ 2 คัน, ปืนใหญ่ 2 กระบอกพร้อมรถยนต์ลาก, รถ ปตอ. 2 คัน, ปตอ. ขนาด 75 มม. 2 กระบอกพร้อมรถยนต์ลาก มาเยี่ยมนักเรียนอัสสัมชัญที่สนามวิลล่า มงฟอร์ต ในเวลา 08.30 น. ภราดาเฟรเดอริก ยัง (อธิการ) กล่าวต้อนรับหลวงพิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมในขณะนั้นกล่าวปลุกใจ ยุวชนทหารอัสสัมชัญ


UNSEEN ASSUMPTION 63 24 มิถุนายน ค.ศ. 1939 ฉลองวันชาติ โรงเรียนหยุดเรียน นักเรียนและครูโรงเรียนอัสสัมชัญ นักเรียนโรงเรียน อัสสัมชัญคอนแวนต์ สาขาทั้งหญิงและชาย และโรงเรียนอิศรานุกูล (โรงเรียนอิสระนุกูล) รวมกันประมาณ 2,500 คนเศษ ได้มาประชุมกันที่ลานโรงเรียนอัสสัมชัญ พอเวลา 9 นาฬิกา ภราดาไมเกิล ให้สัญญาณ เริ่มพิธี ยุวชนทหาร 3 นายเชิญธงชาติมาประดิษฐานไว้กลางดาดฟ้าตึกเตี้ย เชื่อมระหว่างตึกกอลมเบต์กับ ตึกอัสสัมชัญเก่า นักเรียนทำความเคารพหยุดนิ่ง 1 นาที เสร็จการคำ นับธง แตรวงของโรงเรียนทำ เพลงชาติ พอเสร็จแล้ว ครูยงยุทธ สกุลวัฒน์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ อ่านคำชี้แจงเรื่องวันชาติให้นักเรียนฟัง พออ่านจบ นักเรียนเปล่งเสียงไชโยพร้อมกัน 3 ครั้ง แล้วอัญเชิญธงกลับ เป็นอันเสร็จพิธี (จากหนังสืออัสสัมชัญ อุโฆษสมัย เล่ม 94 ค.ศ. 1939 หน้า 221)


64 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น วงเครื่องเป่า AC Band (Harmonie) มีภราดาไมเกิล, ภราดาฮิวเบิร์ต, ภราดา หลุยส์ แตร ภาพถ่ายก่อน ค.ศ. 1913 งานฉลองแสดงความยินดีกับ ภราดาฮิวเบิร์ต ใน ค.ศ. 1918


UNSEEN ASSUMPTION 65 กบฏนักเรียน 9 กันยายน 2475 นายสกุล สามเสน เคยเป็นนักเรียน เซนต์คาเบรียลสามเสน แต่ความ ประพฤติไม่ดี บิดา (นายมังกร สามเสน) เลยให้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียน อัสสัมชัญ แต่ก็ยังแสดงอาการ “อคารวะ อย่างอุกฤษฏ์” ท่านอธิการจึงคัดชื่อออก ต่อมาขอกลับเข้ามาเรียนที่อัสสัมชัญอีก ทางโรงเรียนรับไว้ แต่คราวนี้กลับก่อ ความวุ่นวายในโรงเรียนด้วยการขัดขืน คำสั่งครู ไม่เอาใจใส่การเรียน และแต่งตัว ตลกๆ ให้เพื่อนฝูงโห่ร้องเฮฮาอยู่ร่ำ ไป โรงเรียนจึงคัดชื่อออกอีกเป็นครั้งที่ 2 นายสกุล สามเสน จึงก่อความวุ่นวายด้วย การปลุกระดมนักเรียนชั้นโตของโรงเรียน อัสสัมชัญและโรงเรียนเซนต์คาเบรียล สามเสน ประท้วงไม่ยอมเข้าเรียน และ ไปชุมนุมหน้าบ้านเสนาบดีกระทรวง ธรรมการ พร้อมข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 1. ขอให้ลดค่าเล่าเรียน 2. ให้โรงเรียนหยุดเรียนในวันสำคัญ ทางพุทธศาสนา 3. ให้รับนายสกุล สามเสน กลับเข้าเป็น นักเรียนอัสสัมชัญ เรื่องเดือดร้อนไปถึงตำ รวจ สมาชิกคณะ ราษฎร และพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ส่วนหนังสือพิมพ์ หัวต่างๆ ในสมัยนั้นก็เอาเหตุการณ์นี้ มาลงข่าวพาดพิงกันไปกันมา ถึงเรื่อง “ระบอบเก่า” กับ “ระบอบใหม่” เพราะใน เวลานั้นสยามเพิ่งเปลี่ยนการปกครอง มาได้เพียงสามเดือนกว่าๆ เท่านั้น QR CODE #7 กบฏ 9 กันยา 2475


66 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ขบวนแห่ศพคุณพ่อกอลมเบต์ภายใน ลานโรงเรียนอัสสัมชัญ ภราดาเฟรเดอริก ยัง กับ ฟ.ฮีแลร์ ในงาน มรณภาพบาทหลวงกอลมเบต์ งานมรณภาพบาทหลวงกอลมเบต์ (ค.ศ. 1849 - 1933) อัญเชิญศพจากตำ หนักพระสังฆราช บาทหลวงกอลมเบต์มรณภาพเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1933 พิธีฝังศพมีขึ้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1933 โดยเชิญศพลงจาก ตำ หนักพระสังฆราชแห่ไปตั้งไว้บนสังเค็ดใหญ่ ภายในโบสถ์อัสสัมชัญ นักเรียนถือพวงหรีด ที่ได้รับจากมหาชนเดินตาม พระสังฆราชแปร์รอส ทำ พิธีมิสซา แล้วกล่าวอำลาส่วนหนึ่งว่า “...วันนี้พระศาสนาคฤศตังเสียพระสงฆ์ใจ สัทธากล้าแท้องค์หนึ่ง, ประเทศฝรั่งเศสก็เสีย พลเมืองสัตย์ซื่อไปคนหนึ่ง, ประเทศสยามก็เสีย นักการศึกษาใจกุศลอันหาผู้เสมอเหมือนยาก...” เสร็จแล้วทำ พิธีสวดหน้าศพ แล้วเริ่มแห่ศพรอบ โบสถ์ เวียนด้านใต้ของโบสถ์มาโรงเรียนอัสสัมชัญ กระบวนแห่ผ่านตลอดลานภายในโรงเรียน ออก ทางประตูโรงเรียนเข้าโบสถ์ทางด้านเหนือ แล้ว เข้าไปฝังในคูหาใต้พระแท่นใหญ่ภายในโบสถ์


UNSEEN ASSUMPTION 67 อัญเชิญศพออกจากโบสถ์อัสสัมชัญ


68 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ภายหลังจากคุณพ่อกอลมเบต์มรณภาพ ภราดาเฟรเดอริก ยัง ได้เรียกประชุม อัสสัมชนิกเพื่อปรึกษากันในการสร้าง อนุสรณ์สถานบาทหลวงกอลมเบต์ ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1933 ที่ประชุมได้แต่งตั้ง คณะกรรมการเรี่ยไรจัดหาทุนเพื่อสร้าง อนุสรณ์สถานบาทหลวงกอลมเบต์ โดยมี เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศเป็นประธาน


UNSEEN ASSUMPTION 69 (บน) สันนิษฐานว่าเป็นรูปตอน ฟ.ฮีแลร์ ระหว่างเรี่ยไรเงินมาสร้างตึกกอลมเบต์ ที่ ประเทศฝรั่งเศส ราว ค.ศ. 1934 (ล่าง) ในช่วงท้ายของการก่อสร้างตึก กอลมเบต์ ขณะรอติดตั้งเข็มนาฬิกา ทาง โรงเรียนได้รื้อตึกเตี้ยเก่าออก เพื่อสร้าง ตึกเตี้ย (ใหม่) ที่เป็นทางเดินเชื่อมระหว่าง ตึกเก่ากับตึกกอลมเบต์ โดยซ้ายมือคือ อาคารเรือนไม้ชั่วคราว ซึ่งถูกระเบิดจาก สงครามโลกครั้งที่สอง ระเบิดลงตึกกอลมเบต์ ท่านที่รัก หากข้าพเจ้าจะพูดว่า ตึกที่ท่านได้ร่วมใจร่วมมือ กันสร้างเปนพะยานแห่งความกตัญญูกตเวทีนี้ ได้ถูก ลูกระเบิดทำ ลายอย่างเสียโฉมเสียแล้ว เมื่อคืนวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1944 ตรงยอดหอนาฬิกาพอดี ซึ่งเปนกำ ลังทรัพย์ของนักเรียนในยุคนั้นได้เสียสละ คนละเล็กละน้อยทุกวันเปนเวลา 3 ปี เพื่ออุทิศซื้อนาฬิกา เรือนนี้ เปนเงินถึงสามพันบาทเศษ อันเปนจำ นวนมิใช่ น้อยเลยสำ หรับในสมัยนั้น อำ นาจของลูกระเบิดได้ ทำความเสียหายอย่างมหันต์ ตัวนาฬิกาซึ่งเคยทำ เวลา อย่างเที่ยงตรงของมัน ได้หยุดชงักลงที่เลข 9.42 น. เปนเวลาที่กำ หนดการถูกลูกระเบิดอย่างดี นอกจากความเสียหายแก่ตัวนาฬิกาแล้ว หลังคาซึ่งทำ ด้วยกระเบื้องสลักหักพังหมดอย่างไม่มีชิ้นดี กระจก บังเสียงในห้องเรียนทุกห้องของตึกหลังนี้กับตึกเตี้ย ซึ่งเชื่อมกับตึกสามชั้นเดิม ได้แตกกระจายละเอียด หาชิ้นดีไม่ได้ เพราะความกระเทือนของเสียง อนิจจา! ตึกอันสวยงาม ตึกอันเปนยอดแห่งความศรัทธาของมวล อัสสัมชนิก ต้องพินาศลงเพราะภัยสงคราม จากหนังสือ แดง-ขาว “ฉบับปฐมฤกษ์ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2489” หน้า 40 - 41


70 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 71 ภายหลังมรณกรรมของคุณพ่อกอลมเบต์ ทางโรงเรียนและอัสสัมชนิก ได้ปรึกษากันเห็นควรสร้างอนุสาวรีย์เป็นถาวรสถาน เพื่อให้อนุสาวรีย์นั้น ทำ ประโยชน์เช่นเดียวกับเจตนารมณ์ของคุณพ่อกอลมเบต์ ในการดำ รง การศึกษาให้แก่เยาวชนไทย และสำ หรับเป็นที่ระลึกและเชิดชูคุณความดี ของคุณพ่อกอลมเบต์ เมื่ออนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1938 ตึกกอลมเบต์จึง กลายเป็นอาคารถาวรหลังที่ 2 ของโรงเรียน และถือว่าเป็นตึกใหม่ ส่งผล ให้ตึกโรงเรียนอัสสัมชัญที่สร้างเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ได้ชื่อใหม่ว่า “ตึกเก่า” นักเรียนอัสสัมชัญแผนกอังกฤษ ชั้นประถมและ มัธยมตอนต้น ถ่ายภาพร่วมกันหน้าตึกกอลมเบต์ เมื่อ ค.ศ. 1938


72 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ดาดฟ้าทางเชื่อมระหว่างตึกเก่า กับตึกกอลมเบต์ ชุดขาว ภราดาโรเกชั่น ชุดดำ ฟ.ฮีแลร์ ขณะกำลังก่อสร้างหอนาฬิกา อาคารหอระฆังโบสถ์อัสสัมชัญ


UNSEEN ASSUMPTION 73 ระฆังใบบน หล่อใน ค.ศ. 1938 โดยโรงหล่อชื่อ HENRY LEPAUTE PARIS ซึ่งเป็น กิจการของลูกศิษย์ของ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) มีกลไกตีระฆังเชื่อม กับหอนาฬิกาตามเวลาที่ กำ หนดไว้ ระฆังใบล่าง หล่อใน ค.ศ.1950 โดยโรงหล่อ FONDERIE PACCARD ANNERY ที่มี ชื่อเสียงระดับโลก วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1939 นาฬิกาตึกกอลมเบต์เดินเป็น ครั้งแรกเวลา 17.00 น. เครื่องจักรกล ภายในหอนาฬิกา บริษัท ยี.แบคเกอร์ เป็นผู้รับ ประมูล ลงเข็มรากตึกกอลมเบต์ ในวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1936 เริ่มก่อสร้างโดยบริษัท ฮับเย็ก ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1937 อนุกรรมการตรวจรับได้รับมอบ ตัวตึกกอลมเบต์ ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1938 ระฆัง 1938 ระฆัง 1950 QR CODE #8 QR CODE #9


74 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 75 ต้นจามจุรี หรือก้ามปู บาทหลวงหลุยส์ รอมิเออ ได้ปลูกไว้ใน ค.ศ. 1901 โดยนำ มาจากเมืองไซ่ง่อน ก่อนการเข้ามาของคณะภราดาเซนต์คาเบรียล ต่อมา ได้ยืนต้นตายและตัดโค่นลงในราว ค.ศ. 1951 ต้นก้ามปูรุ่นแรกๆ แห่งสยามประเทศ จากหนังสืออัสสัมชัญ อุโฆษสมัย เล่มที่ 51 ค.ศ. 1926 QR CODE #10


76 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ต้นก้ามปูเป็นเหมือนต้นไม้ระลึกชาติในอัสสัมชัญ เมื่อศิษย์เก่า พูดถึงขึ้นมาเมื่อไร เป็นต้องนึกภาพความแก่นซนในวัยเด็ก ออกมาเล่าให้ฟังอย่างมีอรรถรส บทความ จามจุรี ไม้ระลึกชาติ ในอัสสัม โดย ส.ศิวรักษ์ QR CODE #7


UNSEEN ASSUMPTION 77


78 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 79 (ซ้ายบน) ภาพขณะลำ เลียงไม้ซุงเข้าผ่านประตูโรงเรียน เพื่อนำ ไปทำ เป็นเสาเข็มสำ หรับก่อสร้างหอประชุม สุวรรณสมโภช (ซ้าย) แพท่อนซุงที่ลำ เลียงมาทางแม่น้ำ เจ้าพระยา เพื่อมาขึ้นที่ท่าน้ำ (กลาง) ขณะทำการตอกเสาเข็ม ด้านซ้ายของรูปมีการรื้อ โรงเล่นที่เคยเป็นโรงประชุมในอดีตออก ตึกสุวรรณสมโภช สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคารของโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และ เพื่อรองรับนักเรียนที่มาสมัครเข้าเรียนใหม่จำ นวนมากหลังสงคราม การก่อสร้างแล้วเสร็จ ในปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 1951 ตัวตึกมีความยาว 86.28 เมตร กว้างส่วนกลาง 17.84 เมตร และปีกระเบียงกว้าง 8.70 เมตร สูง 26 เมตร ตรงกลางเป็นหอประชุมใหญ่สามารถ บรรจุคนได้ 2,800 คน สามารถเป็นเวทีละครและห้องฉายภาพยนตร์ได้ ในตัวอาคาร ยังมีห้องเรียนอีก 6 ห้อง ส่วนห้องประชุมเก่า ห้องซ้อมดนตรี และห้องที่ใช้ประโยชน์ทั่วไป จากอาคารอื่น ก็ย้ายมาใช้ที่ตัวอาคารหลังนี้แทน ส่งผลให้โรงเรียนได้ห้องเรียนเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 14 ห้อง เนื่องจากปีที่ก่อสร้างแล้วเสร็จตรงกับ ค.ศ. 1951 อันเป็นปีครบรอบ 50 ปี ของคณะภราดา เซนต์คาเบรียลในประเทศไทย จึงใช้โอกาสดังกล่าวตั้งชื่อหอประชุมนี้ว่า ตึกสุวรรณสมโภช และมีพิธีเปิดเมื่อ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1951 โดยมีพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภ พฤฒิยากร เป็นประธาน อาคารหลังนี้ได้เริ่มรื้อถอนออกไปใน ค.ศ. 2000 เพื่อสร้างอาคารอัสสัมชัญ 2003 ขึ้นมาแทน บทความ ตึกสุวรรณสมโภช โดย ม.เฉลิมวงศ์ ปีตรังสี QR CODE #12


80 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ฟ.ฮีแลร์ ออกจดหมายในนามโรงเรียนขอรับบริจาคไม้สัก เป็นจำ นวนมากจากสมาคมโรงเลื่อยจักร์แห่งประเทศไทย สำ หรับการก่อสร้างหอประชุมสุวรรณสมโภช ในจดหมาย มีการระบุประเภท ขนาด และจำ นวนของไม้แต่ละชนิด เอาไว้อย่างละเอียด W O O D S F O R J U B I L E E HALL


UNSEEN ASSUMPTION 81 สภาพการเตรียมพื้นที่เพื่อก่อสร้างหอประชุมสุวรรณสมโภช ด้านขวาเป็น โครงหลังคาของโรงเล่น (Study hall) โดยเห็นตึกกอลมเบต์อยู่ด้านหลัง


82 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 83 การเปลี่ยนกระเบื้องหลังคา ตึกสุวรรณสมโภช ราว ค.ศ. 1970


84 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 85


86 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ภาพร่างภายในหอประชุมสุวรรณสมโภช ลงวันที่ไว้เมื่อ 22 มีนาคม ค.ศ. 1948


UNSEEN ASSUMPTION 87 ภาพปูนปั้นฝีมือ อ.ศิลป์ พีระศรี และลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งนอกจาก ฝากผลงานไว้กับประติมากรรมชิ้นนี้แล้ว ยังได้นำ รูปร่างหน้าตาตัวเอง ไปเป็นแบบในการปั้นด้วย ซึ่งบุคคลที่นั่งอ่านหนังสืออย่างแตกฉาน อยู่ใต้ร่มไม้อย่างสงบร่มเย็นก็คือ อ.สนั่น ศิลากรณ์ ประติมากรชั้นครู ปัจจุบันภาพปูนปั้นนี้ประดับอยู่ในห้องประชุม Auditorium ชั้น 10 อาคารอัสสัมชัญ 2003 อ่านเพิ่มเติม ประติมากรรมนูนสูง ส�ำหรับหอประชุมตึกสุวรรณสมโภช QR CODE #13


88 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น โถงทางขึ้นหอประชุมฯ ประดับด้วยสัตว์สตัฟฟ์ต่าง ๆ เช่น งู เสือ ผีเสื้อ นกเงือก ฯลฯ ที่ภราดาฮูแบร์โตได้ทำการศึกษาไว้ ทุกวันเสาร์นักเรียนจะถูกเรียกขึ้นไป “ประชุม” เพื่อสั่งสอน อบรม และลงโทษ โดยภราดาวิริยะ ฉันทวโรดม รวมถึงกิจกรรม มากมาย เช่น สอบ ประกาศผลสอบ ฉลองอธิการ แสดงละคร มอบรางวัลเรียนดี ฯลฯ ด้านบนชั้น 3 ตรงกลางมีเครื่องฉายภาพยนตร์ ที่จะฉาย ภาพยนตร์คุณภาพ ให้นักเรียนชมทุกคืนวันพุธ เวลา 19.00 น. เพราะต้องรอให้ท้องฟ้ามืดเสียก่อน


UNSEEN ASSUMPTION 89


90 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 91 งานฉลองอธิการวิริยะ ฉันทวโรดม โดยมี AC Band อยู่มุมขวาล่าง ส่วน 4 - 5 แถวหน้าเป็นนักเรียนรุ่น AC 89 ซึ่งในขณะนั้นอยู่ชั้น ป.5 กำลังฟัง ม.บรรณา ชโนดม อย่างสนุกสนาน ราว ค.ศ. 1966


92 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น ที่ตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญบนแผนที่กรุงเทพ ในยุค ค.ศ. 1893-1903 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น


UNSEEN ASSUMPTION 93 ภาพส่วนขยายเฉพาะจุด UNSEEN ASSUMPTION


94 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น มิสซังสยาม ภาพถ่ายครูและนักเรียนอัสสัมชัญ ฟ.ฮีแลร์นั่งอยู่ตรงกลางโดยมีฉากหลัง เป็นส�ำนักพระสังฆราชแห่งมิสซังสยามในอดีต ปัจจุบันคือหอจดหมายเหตุอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และโรงพิมพ์อัสสัมชัญ หากจะพูดถึงประวัติ ที่มาของมิสซังสยาม อาจจะต้องไล่ย้อนไปถึง ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอาณาจักรอยุธยา (ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1656 - 1688) ซึ่งหากจะไล่ย้อนให้ไกลไปกว่านั้น อีกก็ย่อมได้ เพราะก่อนที่จะยกขึ้นเป็น “มิสซัง” โดยบรรดา บาทหลวงชาวฝรั่งเศสนั้น ก็ได้มีบาทหลวงชาวโปรตุเกสเข้ามา เผยแผ่ศาสนาคริสต์ในอยุธยาก่อนหน้านั้นเป็นเวลาร่วมศตวรรษ มาแล้ว แต่เหตุที่กล่าวถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ ก็เพราะว่า “มิสซังสยาม” อันมีสถานะเป็นเขตผู้แทนพระสันตะปาปา วัฒภูมิ ทวีกุล อสช. 47985


UNSEEN ASSUMPTION 95 (Apostolic Vicariate) ได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1669 แม้ว่า “สยาม” จะไม่ได้เป็นเป้าหมายแรกในพันธกิจของบรรดาคณะสงฆ์จากคณะ มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (Missions Étrangères de Paris: M.E.P) เพราะปลายทางที่มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสก�ำหนดมา คือ โคชินไชน่า ตังเกี๋ย และจีน แต่ในช่วงเวลานั้นดินแดนทั้งสาม ก�ำลังเผชิญกับการเบียดเบียนศาสนาคริสต์อย่างหนัก ท�ำให้คณะสงฆ์ เข้ามาหลบภัย ตั้งหลักกันที่กรุงศรีอยุธยา และด้วยเห็นว่าราชอาณาจักร อยุธยานี้ให้อิสระในการเผยแพร่และนับถือศาสนา จึงได้ขออนุญาต ไปยังกรุงวาติกันให้ประกาศจัดตั้ง “มิสซังสยาม” โดยมีหลุยส์ ลาโน (Louis Laneau) ท�ำหน้าที่เป็นผู้แทนพระสันตะปาปาประจ�ำ กรุงสยามเป็นคนแรก เมื่อ ค.ศ. 1674 เมื่อหลุยส์ ลาโน ได้รับการ อภิเษกให้เป็นพระสังฆราช เมื่อไล่ย้อนขึ้นไปถึงสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ต่อมาก็ คงต้องไล่ลงมาให้ถึงปัจจุบันให้จงได้ เพราะนับตั้งแต่พระสังฆราช หลุยส์ ลาโน เป็นต้นมา กิจการของมิสซังสยามก็ได้เจริญงอกงาม จวบจน กระทั่งปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 350 ปีแล้ว ที่หน้ามุขของตึกเก่า ของโรงเรียนอัสสัมชัญ ปรากฏสัญลักษณ์ไม้กางเขน พร้อมอักษรย่อ ME อันเป็นตราของ คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ME ย่อมาจาก Missions Étrangères มิสซังสยามถือได้ว่าเป็นมิสซังแห่งแรกของคณะมิสซังต่างประเทศ แห่งกรุงปารีส ความเจริญก้าวหน้าของการประกาศศาสนา ก็งอกงามขึ้นเป็นล�ำดับ มีการจัดตั้งโรงพิมพ์ มีการก่อตั้งบ้านเณรขึ้น ที่ต�ำบลมหาพราหมณ์ เพื่อผลิตสงฆ์ออกมาประกาศศาสนาต่อไป ถือเป็นวิทยาลัยกลางแห่งแรกของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส อีกด้วย ซึ่งการพิมพ์และการศึกษานี้เป็นสิ่งที่ด�ำเนินกิจการควบคู่ มาตลอดประวัติศาสตร์ของมิสซังสยาม ต่อมา ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1965 ทางวาติกันได้แต่งตั้งและ แบ่งแยกมิสซังสยามออกเป็นแขวงการปกครองของพระศาสนจักร 2 แขวงด้วยกัน คือ แขวงกรุงเทพฯ กับ แขวงท่าแร่-หนองแสง ซึ่งมีฐานะเป็น Ecclesiastical Province หรือ Metropolitans ซึ่งมีฐานะทางศาสนจักรเทียบเท่ากับบรรดาประเทศที่เจริญแล้ว


96 บั น ทึ ก ไ ว้ ใ น เ เ ผ่ น ดิ น บาทหลวงเอมิล เเจเนสต์ ออกุสต์ กอลมเบต์ หรือที่ชาวอัสสัมชัญ เรียกว่า คุณพ่อกอลมเบต์ เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1849 ที่วัดอัสสัมชัญ เมืองกัป (Gap) แขวงโอ๊ตส์ อัลปส์ (Hautes-Alpes) ประเทศฝรั่งเศส ท่านเข้าศึกษาในบ้านเณรมิสซังต่างประเทศเมื่อ วันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1867 และได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ใน วันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1871 และออกเดินทางมามิสซังสยามใน วันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1872 เพียงแค่หนึ่งเดือนเศษ ๆ เท่านั้น หลังจากท่านบวชเป็นพระสงฆ์ คุณพ่อกอลมเบต์มาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1872 ได้เริ่มต้นภารกิจในเมืองไทยที่บ้านเณรบางช้าง 2 ปี จึงกลับมาอยู่ กรุงเทพฯ และได้รับต�ำแหน่งเป็นปลัดวัดกาลหว่าร์ ในช่วงเดือน มกราคม - พฤศจิกายน ค.ศ. 1875 และในปีเดียวกันนี้ท่านได้รับ แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ ท่านเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ทางด้านการศึกษาอย่างแท้จริง โดยเริ่มต้นจากการเปิดโรงเรียน ประจ�ำวัดขึ้นใน ค.ศ. 1877 รับสอนเฉพาะบุตรหลานชาวยุโรป ซึ่งเป็นเด็กก�ำพร้า ต่อมาท่านเห็นว่า ควรจะเปิดโรงเรียนส�ำหรับการ อบรมสั่งสอนโดยไม่จ�ำกัดเชื้อชาติและศาสนา เริ่มเปิดรับนักเรียน ชาวพื้นเมืองเป็นรุ่นแรกเมื่อ ค.ศ. 1885 ต่อมาเรียกขานโรงเรียนนี้ ว่า โรงเรียนอัสสัมชัญ ใน ค.ศ. 1926 คุณพ่อกอลมเบต์อาพาธ และได้ไปพักผ่อนรักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาลของมิสซัง ใน ค.ศ. 1933 คุณพ่อฯ ปรารถนา ที่จะไปร่วมพิธีแห่แม่พระในวันฉลองแม่พระอัสสัมชัญ แต่ท่านก็ ไม่สามารถไปร่วมได้เพราะมีไข้ขึ้นสูง เพียง 7 วันหลังจากนั้น คุณพ่อ ก็มรณภาพลงในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1933 บาทหลวง เอมิล ออกุสต์ กอลมเบต์ ตลอดชีวิตของคุณพ่อฯ ท่านเสียสละ อุทิศตนให้กับโรงเรียนอัสสัมชัญ ท่านได้มองเห็นการเจริญเติบโตงอกงามของโรงเรียนอัสสัมชัญ จากที่ในปีแรกมีนักเรียนเพียงแค่ 33 คน จนกระทั่งในวาระสุดท้าย ของคุณพ่อฯ ซึ่งมีนักเรียนเป็นจ�ำนวนกว่า 2,000 คน เพื่อให้คุณงามความดีของคุณพ่อกอลมเบต์จะได้มีพยานปรากฏ รับรองสืบไป เหมือนดังเช่นการอ�ำลาคุณพ่อฯ ในงานฝังศพคุณพ่อ กอลมเบต์ที่จัดขึ้นที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1933 เวลา 07.30 น. ปรากฏมีมหาชน ผู้ใหญ่ ผู้น้อย ข้าราชการ จ�ำนวนมากมาร่วมงาน ซึ่งพอจะแบ่งรายชื่อมาพิจารณาได้สองกลุ่ม ด้วยกัน อัสสัมชนิกในวันนี้จะได้ลองนึกไตร่ตรองดูว่า เหตุใด คนเหล่านี้ถึงได้มาแสดงความเคารพคุณพ่อฯ เป็นครั้งสุดท้าย วัฒภูมิ ทวีกุล อสช. 47985


Click to View FlipBook Version