The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รากเหง้าและเบ้าหลอม
ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชนตำบลท่าข้าม นับเป็นการบอกเล่าเรื่องของคนในตำบลท่าข้ามทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการถอดเกร็ดองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่ย้อนอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื้อหาครอบคลุมทุกๆ ด้าน บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในตำบลท่าข้ามได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษาและด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา มีคนผู้เล่าเรื่องราว เอกสาร วัตถุและสิ่งของ ความเชื่อและการสืบทอดภูมิปัญญาที่ประชาชนในตำบลท่าข้ามได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีและฟื้นฟูวัฒนธรรมภูมิปัญญา ปรากฏการสืบทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญา เช่น งานวัฒนธรรมเดือน ๕ มีการลากพระเดือน ๕ และการแสดงวัฒนธรรมทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นท่าข้ามตลอดมา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ได้สนองงานพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้เป็นการจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่นชุมชนตำบลท่าข้าม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษา และด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งอาคารศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่นตำบลท่าข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ขอขอบคุณประชาชนตำบลท่าข้ามทุก ๆ ท่าน ที่ได้บอกรากเหง้าและเล่าเรื่อง ความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ และอาจารย์จรูญ หยูทองนักวิชาการอิสระและคณะ ที่ได้รวบรวมและร้อยเรียงเนื้อหา ภาพถ่าย สัมภาษณ์และเรียบเรียงเรื่องราวด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิด “รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย” ที่เป็นอัตลักษณ์และทรงคุณค่ายิ่ง

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจของคนท่าข้ามและสังคมโดยรวมสืบไป

นายสินธพ อินทรัตน์

ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thakham.146m5, 2022-09-25 23:26:58

รากเหง้าและเบ้าหลอม

รากเหง้าและเบ้าหลอม
ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชนตำบลท่าข้าม นับเป็นการบอกเล่าเรื่องของคนในตำบลท่าข้ามทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการถอดเกร็ดองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่ย้อนอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื้อหาครอบคลุมทุกๆ ด้าน บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในตำบลท่าข้ามได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษาและด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา มีคนผู้เล่าเรื่องราว เอกสาร วัตถุและสิ่งของ ความเชื่อและการสืบทอดภูมิปัญญาที่ประชาชนในตำบลท่าข้ามได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีและฟื้นฟูวัฒนธรรมภูมิปัญญา ปรากฏการสืบทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญา เช่น งานวัฒนธรรมเดือน ๕ มีการลากพระเดือน ๕ และการแสดงวัฒนธรรมทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นท่าข้ามตลอดมา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ได้สนองงานพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้เป็นการจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่นชุมชนตำบลท่าข้าม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษา และด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งอาคารศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่นตำบลท่าข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ขอขอบคุณประชาชนตำบลท่าข้ามทุก ๆ ท่าน ที่ได้บอกรากเหง้าและเล่าเรื่อง ความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ และอาจารย์จรูญ หยูทองนักวิชาการอิสระและคณะ ที่ได้รวบรวมและร้อยเรียงเนื้อหา ภาพถ่าย สัมภาษณ์และเรียบเรียงเรื่องราวด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิด “รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย” ที่เป็นอัตลักษณ์และทรงคุณค่ายิ่ง

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจของคนท่าข้ามและสังคมโดยรวมสืบไป

นายสินธพ อินทรัตน์

ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

รากเหง้าและเบ้าหลอม

ท่าข้าม : ชมุ ชนร่วมสมยั อยธุ ยาตอนปลาย

รวบรวม/เรยี บเรียงเร่ือง จรญู หยูทอง

บอกรากเหง้า/เลา่ เรอื่ ง อรณุ แก้วสตั ยา

ถ่ายภาพประกอบเรอื่ ง ฐิตวิ ัฒน์ อุณาตระการ

ออกแบบปก บรษิ ทั น�ำศิลป์โฆษณา จำ� กดั

พิมพ์ครงั้ ท่ี ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔

จำ� นวน ๔๐๐ เลม่

จัดพิมพ์โดย โครงการจดั ท�ำประวัตศิ าสตร์ชมุ ชน

ต�ำบลทา่ ข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่

จังหวัดสงขลา ปีงบประมาณ ๒๕๖๔

โดยองคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลทา่ ข้าม

อ�ำเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา

กระทรวงมหาดไทย

พมิ พท์ ่ี บริษัท น�ำศลิ ป์โฆษณา จ�ำกัด

๓๒ ซอย ๑๐ ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ ๑

อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ๙๐๑๑๐

Tel/Fax : ๐๗๔-๒๓๖๖๓๗, ๐๗๔-๒๓๖๖๓๘

E-mail : [email protected]

© ลขิ สทิ ธ์เิ ปน็ ขององค์การบริหารส่วนตำ� บลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา

ขอ้ มลู ทางบรรณานกุ รมของหอสมุดแห่งชาติ
จรญู หยทู อง. (๒๕๖๔). รากเหงา้ และเบา้ หลอม : นำ� ศลิ ปโ์ ฆษณา จำ� กดั , ๒๘๖ หนา้ .
ISBN : 978-974-458-705-3

ปรายหน้าบท

กติ ติกรรมประกาศ

โครงการจัดทำ� ประวัติชมุ ชนท่าขา้ มส�ำเร็จลลุ ว่ ง
ไปดว้ ยดที า่ มกลางสถานการณโ์ ควดิ -๑๙ ระบาดจนตอ้ ง
ทำ� สญั ญาถงึ สองครง้ั สองคราในทส่ี ดุ กไ็ ดผ้ ลงานออกมา
ตามกรอบกำ� หนดภายใตข้ อ้ จำ� กดั ทมี่ นี านาประการ ตอ้ ง
ขอขอบคณุ นายสนิ ธพ อนิ ทรตั น์ นายกองคก์ ารบรหิ าร
ส่วนต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ผู้ติดต่อประสานงานมาตั้งแต่ต้นและเป็นก�ำลังใจ
ในการด�ำเนินงานด้วยดีเสมอมาในท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด ขอบคุณ
นางสาวสุจิตร ผลยฤทธิ์ นักวิชาการศึกษา (รก.ผอ.กองการศึกษา) ผู้ประสานงาน
อ�ำนวยความสะดวกในการด�ำเนินการด้านธุรการและจัดเก็บข้อมูลตลอดจน
ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดท�ำโครงการจัดท�ำประวัติชุมชนท่าข้าม ขอบคุณ
รศ.ดร.ณฐพงศ์ จติ รนิรตั น์ เจ้าของข้อมูลงานวจิ ยั การสร้างประชาธิปไตยในชนบท
ชมุ ชนทา่ ขา้ ม ขอบคณุ นายอรณุ แกว้ สตั ยา ปราชญช์ าวบา้ นและสารพดั ชา่ งสารพดั
ครูหมอผู้มากความสามารถผู้บอกข้อมูลหลักและน�ำลงภาคสนามเก็บข้อมูลต้ังแต่ต้น
จนส�ำเร็จตามโครงการ ขอบคุณนางเผือน พินิจสกูล ภรรยาของนายหนังจวน
แม่นาง (พนิ ิจสกูล) และนางบพุ ผา เจียมสวสั ด์ิ ลูกสาวคนโต ผบู้ อกขอ้ มูลหลกั และ
เลา่ เกรด็ เลก็ เกรด็ นอ้ ยเบอื้ งลกึ เบอ้ื งหลงั ของฉายา “จวน แมน่ าง” ทค่ี นสว่ นใหญอ่ าจจะ
ยังไม่ทราบ ขอบคุณพระใบฏีกาชอบ ถาวโร เจ้าอาวาสวัดหินเกลี้ยง ผู้อนุเคราะห์
หนงั สอื ประวตั วิ ดั ทว่ั ราชอาณาจกั รดว้ ยความเมตตา ขอบคณุ พระสมหุ บ์ รรจง สเุ มโธ
เจ้าอาวาสวัดแม่เตย บอกเล่าเรื่องราวเก่ียวกับทวดของชุมชนท่าข้าม ขอบคุณ
เจ้าอาวาสวัดเขากลอย เจ้าอาวาสวัดท่าข้าม และเจ้าอาวาสวัดโคกสูง ท่ีเมตตา
อำ� นวยความสะดวกในการเกบ็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั วดั แตล่ ะวดั ขอบคณุ นายสมโภชน์ นาคกลอ่ ม
ผู้เขียน “ประวัติศาสตร์ชุมชนคนท่าข้ามไม่ไร้ราก” ขอบคุณนายบ้านทั้ง ๘ หมู่บ้าน
เจา้ ของแผนชมุ ชนอนั เปน็ ทมี่ าของขอ้ มลู หลกั ของหมบู่ า้ น ขอบคณุ หนงั ประเสรฐิ รกั ษว์ งศ์
ผอู้ นเุ คราะหใ์ นการเกบ็ ขอ้ มลู หนงั จวน แมน่ าง ขอบคณุ โตะ๊ ฮจั ยยี ซู ปุ เบน็ หมดั ทบี่ อกเลา่

ที่มาของมัสยิดบ้านหนองบัวโดยสังเขป ขอบคุณพันเอกอรุณ นิลสุวรรณ
อดีตอนุศาสนาจารย์ กองทัพภาคที่ ๔ ผู้เขียนเรื่องราวเก่ียวกับส�ำนักสงฆ์วชิรธรรม
(เกาะปลกั ) ขอบคณุ ครอบครวั และทายาทของกำ� นนั ทองเสน ผอ่ งแผว้ ครเู ลอ่ื น ผอ่ งแผว้
ครูเพียร อุไรรัตน์ ครูรักษ์ แก้วฉิมพลี โนรารักษ์ ไชยภักดี โนราอินแก้ว ทองสมสี
โนราสีนุ่น รัตนะนุพงศ์ และผู้เข้าร่วมประชุมรับฟังและเสนอแนะความคิดเห็นเมื่อวันท่ี
๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้ามทุกท่าน ฯลฯ
ด้วยอานิสงส์จากความกรุณาของท่านเหล่านี้ท�ำให้มีเอกสารของท้องถิ่นอันเป็นจุด
เร่ิมต้นของการสร้างตัวตนของท้องถิ่นที่เป็นพ้ืนฐานของสังคมประชาธิปไตยท่ีแท้จริง
ที่ช่ือ “รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย”
รากเหง้าและเบ้าหลอมของที่น่ีคือลัทธิความเชื่อด้ังเดิม ความเช่ือทางศาสนา
ความเช่ือเกี่ยวกับครูหมอหนัง ครูหมอโนรา ความเชื่อเก่ียวกับพระภูมิเจ้าที่ โดยมี
วัด ส�ำนักสงฆ์ มัสยิด และสถาบันการศึกษาเป็นสถาบันกล่อมเกลาทางสังคม
มปี ระเพณพี ธิ กี รรมทางศาสนาและทางสงั คมเปน็ สะพานเชอื่ มสชู่ วี ติ จติ วญิ ญาณอนั ดงี าม
รุ่นแล้วรนุ่ เลา่ มผี นู้ ำ� ในระบบและนอกระบบ รวมท้ังปชู นียบุคคลเป็นทย่ี ดึ เหน่ียวและ
เปน็ แบบอย่างในการด�ำเนนิ ชีวิต

คณะผู้ด�ำเนนิ งานโครงการจดั ท�ำประวตั ชิ มุ ชนท่าข้าม
สงิ หาคม ๒๕๖๔

บอกเรือ่ ง

ขา้ พเจ้าไดร้ บั การตดิ ตอ่ จากนายก อบต.ทา่ ขา้ ม
นายสินธพ อินทรัตน์ ตอนกลางปี ๒๕๖๓ ให้ไป
รับงานเขียนประวัติต�ำบลท่าข้ามพร้อมจัดพิมพ์
เป็นหนงั สือเลม่ แต่พอลงนามในสัญญาวา่ จา้ งกเ็ กิด
การระบาดของโควิด-๑๙ อย่างหนัก แต่ข้าพเจ้า
ก็เดินหน้าไปได้ระยะหน่ึงจากการจัดเก็บข้อมูลจาก
เอกสารไมล่ งภาคสนาม แตพ่ อออกแบบการเกบ็ ขอ้ มลู แบบสนทนากลมุ่ และสมั ภาษณ์
เจาะลึกก็ประสบปัญหาเพราะทางราชการส่ังห้ามจัดประชุมและเข้าออกในชุมชน
สุดทา้ ยจึงขอยกเลิกสัญญามาเรมิ่ ต้นใหมใ่ นปี ๒๕๖๔
ครั้นถึงเวลาที่จะลงนามในสัญญาปี ๒๕๖๔ ก็พบกับสถานการณ์แพร่ระบาด
ของโควดิ -๑๙ ระลอกใหมอ่ กี ครง้ั แตข่ า้ พเจา้ กเ็ ดนิ หนา้ ลงภาคสนามตามความจำ� เปน็
จนสามารถนำ� ขอ้ มลู และภาพมารวบรวมเรยี บเรยี งไดเ้ นอื้ หาครบถว้ นตามความตอ้ งการ
แนวการรวบรวมเรยี บเรยี งเนอ้ื หาเปน็ ไปตามสาระในสญั ญาจา้ ง แตเ่ นน้ ใหเ้ หน็
“รากเหง้าและเบ้าหลอม” ของสังคม วัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม ท่ีมีวัด มัสยิดและ
สถาบนั ทางการศกึ ษาเปน็ จดุ ศนู ยก์ ลางของการขบั เคลอ่ื นชมุ ชน มคี วามเชอ่ื ทางศาสนา
ความเชื่อทางประเพณีและพิธีกรรมเป็นเครื่องยึดเหน่ียว ในรูปของหลาทวด
ครูหมอโนรา ครูหมอหนัง หลักพ่อท่านอุ้ย มีก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นแกนน�ำในการ
พัฒนาและมีนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลคนรุ่นใหม่อย่างนายสินธพ อินทรัตน์
เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนชุมชนไปในทิศทางท่ีทันโลกทันเหตุการณ์และเป็นที่
ยอมรับของแวดวงการพฒั นาในวงกวา้ งทั้งระดบั ภาคและระดบั ประเทศ
เน่ืองจากข้อมูลหลักฐานเก่ียวกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของชุมชน
ท่าข้ามท่ีเป็นเอกสารหาได้ยากมาก ข้าพเจ้าจึงต้องกอบเก็บประวัติศาสตร์ที่แตก
กระจดั กระจายอยใู่ นความทรงจำ� ของผคู้ นมาปะตดิ ปะตอ่ โดยเดนิ เรอื่ งตามประวตั วิ ดั
ประวัติโรงเรียน ประวัติของนายหนังตะลุง นายโรงโนรา โดยอาศัยประวัติศาสตร์
บอกเล่าของนายหนัง/นายโรงโนรา/ครูหมอ/ช่างอรุณ แก้วสัตยา ให้เขาเล่าทุกเร่ือง

ทเี่ ขารแู้ ละอยากจะเลา่ แลว้ ขา้ พเจา้ นำ� มาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ รวบรวม เรยี บเรยี ง และ
ตรวจทานกับค�ำบอกเล่าเร่ืองราวในความทรงจ�ำของลูกหลานนายโรงโนรา นายหนัง
กำ� นนั นายบา้ นและผรู้ ซู้ ง่ึ เปน็ ผเู้ ฒา่ ผแู้ กท่ ย่ี งั พอมคี วามทรงจำ� รว่ ม ในทส่ี ดุ จงึ ไดห้ นงั สอื
เลม่ ขนาดพอประมาณทมี่ เี นอื้ หาสาระพอจะเปน็ ปฐมบทของการเรยี นรทู้ ำ� ความเขา้ ใจ
ประวัติศาสตร์บอกเล่าของชุมชนท่าข้ามได้ระดับหนึ่งซ่ึงน่าจะเป็นประโยชน์ในการ
ทบทวนกระบวนทัศน์ของการพัฒนาก่อนจะก้าวย่างไปข้างหน้าด้วยความม่ันใจและ
เกิดความม่นั คงในศตวรรษหน้า
ขอบคุณทุกสมองและสองมือของผู้ท่ีช่วยกันกอบเก็บประวัติศาสตร์ท้องถ่ิน
ทกี่ ระจดั กระจายมาประกอบเปน็ เรอื่ งเลา่ ผา่ นการกลนั่ กรอง เชอื่ มตอ่ และอรรถาธบิ าย
เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่จ�ำเป็นส�ำหรับคนท้องถิ่น เพ่ือลูกหลานและอนุชนคนท้องถ่ิน
ในอนาคตสืบไป

ด้วยศรทั ธาคารวะ
อ.จรูญ หยูทอง และคณะ

สิงหาคม ๒๕๖๔

บทเกี้ยวจอ

คำ� ปรารภจากนายก อบต.ทา่ ขา้ ม

หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชนต�ำบลท่าข้าม
“รากเหงา้ และเบา้ หลอม ทา่ ขา้ ม : ชมุ ชนร่วมสมัย
อยธุ ยาตอนปลาย” เลม่ นี้ นบั เปน็ การบอกเลา่ เรอื่ ง
ของคนในตำ� บลทา่ ขา้ มทกุ ๆ คนทมี่ สี ว่ นรว่ มในการ
ถอดเกร็ดองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชน
ทอ้ งถนิ่ ทยี่ อ้ นอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั เนอ้ื หาครอบคลมุ
ทุกๆ ด้าน บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในต�ำบลท่าข้ามได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะ
ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นการสง่ เสรมิ อาชพี ดา้ นการศกึ ษาและดา้ นศาสนา วฒั นธรรม และ
ภูมิปัญญา มีคนผู้เล่าเร่ืองราว เอกสาร วัตถุและสิ่งของ ความเช่ือและการสืบทอด
ภมู ปิ ญั ญาทปี่ ระชาชนในตำ� บลทา่ ขา้ มไดอ้ นรุ กั ษส์ บื สานประเพณแี ละฟน้ื ฟวู ฒั นธรรม
ภูมิปัญญา ปรากฏการสืบทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญา เช่น งานวัฒนธรรมเดือน ๕
มีการลากพระเดือน ๕ และการแสดงวัฒนธรรมทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นความเข้มแข็งของ
ชมุ ชนท้องถ่นิ ทา่ ข้ามตลอดมา
องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม ได้สนองงานพระราชดำ� ริ โครงการอนรุ ักษ์
พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้
เป็นการจัดท�ำฐานทรัพยากรท้องถิ่นชุมชนต�ำบลท่าข้าม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการ
สง่ เสรมิ อาชพี ดา้ นการศกึ ษา และดา้ นศาสนา วฒั นธรรม และภมู ปิ ญั ญา เพอื่ นำ� ไปสู่
การจัดตงั้ อาคารศนู ยอ์ นรุ ักษ์และพัฒนาทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ ต�ำบลท่าขา้ ม
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม ขอขอบคณุ ประชาชนตำ� บลทา่ ขา้ มทกุ ๆ ทา่ น
ทไ่ี ดบ้ อกรากเหงา้ และเลา่ เรอื่ ง ความเปน็ มาของชมุ ชนแหง่ นี้ และอาจารยจ์ รญู หยทู อง
นักวิชาการอิสระและคณะ ท่ีได้รวบรวมและร้อยเรียงเนื้อหา ภาพถ่าย สัมภาษณ์
และเรียบเรียงเรื่องราวด้วยความต้ังใจ และมุ่งม่ันอย่างยิ่งเพื่อให้เกิด “รากเหง้าและ
เบา้ หลอม ทา่ ขา้ ม : ชมุ ชนรว่ มสมยั อยธุ ยาตอนปลาย” ทเี่ ปน็ อตั ลกั ษณแ์ ละทรงคณุ คา่ ยง่ิ

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มน้ี จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สร้างคณุ คา่ และความภาคภูมิใจของคนทา่ ข้ามและสงั คมโดยรวมสืบไป

นายสนิ ธพ อินทรัตน์
ประธานสภาวัฒนธรรมต�ำบลท่าข้าม
นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สารบญั
รากเหง้าและเบา้ หลอม
๑ ความเป็นมา

๑ ตำ� นานในชมุ ชนทา่ ข้าม

๒ การตั้งถน่ิ ฐาน/ท�ำมาหากนิ

๗ ชมุ ชนเรม่ิ แรกและการขยายตัว

๘ ชมุ ชนกบั การเปล่ยี นแปลง ๑ ๙
๙ การเขา้ มาของกองทนุ สงเคราะห์ ๑๒
การท�ำสวนยาง
๑๔
๑๐ การเขา้ มาของโรงงานอตุ สาหกรรม
และบ้านจดั สรร ๑๖
๑๐
๑๑ ชือ่ บา้ นนามเมอื ง

๑๒ ประวตั ิความเป็นมาของหมู่บา้ น

๑๒ บ้านทา่ ข้าม

๑๓ บา้ นหินเกล้ยี ง ๑๓
๑๔ บ้านแม่เตย

๑๕ บา้ นคลองจิก

๑๖ บา้ นปีก (เกาะปลกั )

๑๖ บา้ นหนองบัว

๑๘ บา้ นเขากลอยออก ๑๕
๑๘ บ้านเขากลอยตก

๑๙ สภาพทัว่ ไป

๒๐ ที่ตั้งและอาณาเขต

๒๑ สภาพภูมปิ ระเทศ

๒๒ แม่นำ้� ลำ� คลอง รากเหง้าและเบ้าหลอม

องคก์wาwรwบร.tหิ hาaรkสh่วaนmต.g�ำoบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบัญ (ต่อ)
คลองทา่ ขา้ ม ๒๒

คลองวังนายสาม ๒๓

คลองแม่เตย ๒๓

คลองเขากลอย ๒๓

๒๒ ๒๓ คลองหนองบวั ๒๓

อาชพี ของประชากร ๒๓

การคมนาคม ๒๔

ถนนกาญจนวณชิ ๒๔

ถนนรพช.สายใหม ่ ๒๕

ถนนรพช.สายหัวนอนหนน -

๒๕ บ้านทุ่งหวัง ๒๕
ถนนรพช.เขากลอย - บ้านท่งุ ร ี ๒๕


ถนนรพช.สายแม่เตย ๒๖

การมีไฟฟ้าใช ้ ๒๖

๒๖ สภาวะเศรษฐกิจของชุมชน

หมบู่ ้าน ๒๗

พัฒนาการทางการเมือง ๓๕

การเมอื งการปกครอง ๓๕

การศกึ ษา ๔๖

๓๕ ๕๑ โรงเรียนวัดเขากลอย ๔๘
โรงเรยี นวัดหินเกล้ียง ๕๑

โรงเรยี นวัดทา่ ข้าม ๕๕

โรงเรยี นวดั แม่เตย ๕๘

ศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ ๖๐

รากเหงา้ และเบ้าหลอม

องคก์wาwรwบร.tิหhาaรkสhว่aนmต.g�ำoบ.ลthท/า่ ขา้ ม

สารบญั (ต่อ)
๖๑ สาธารณสุข

๖๑ ศาสนา

๖๒ วัดท่าขา้ ม

๖๖ วดั เขากลอย

๗๑ วดั หินเกล้ียง ๖๒ ๖๑
๗๔ วดั แมเ่ ตย
๙๘
๘๙ ส�ำนกั สงฆว์ ชริ ธรรม (เกาะปลกั ) ๑๐๓

๙๔ มสั ยิดบา้ นหนองบัว

๙๕ สงั คม ประเพณี และวัฒนธรรม

๙๗ วันสำ� คัญทางศาสนาพุทธ ๖๖

๙๗ วันโกนและวันพระ

๙๘ วนั มาฆบูชา

๑๐๑ วนั วิสาขบูชา

๑๐๒ วันอาสาฬหบูชา ๗๑
๑๐๓ วนั เข้าพรรษา

๑๐๔ ประเพณลี าซงั

๑๐๖ ประเพณีลากพระเดอื นห้า

๑๐๗ ประเพณสี งกรานต์/วันวา่ ง ๑๐๑
๑๐๙ ประเพณีวนั ออกพรรษา

๑๑๑ ประเพณีการทอดกฐิน

๑๑๒ ประเพณกี ารทอดผา้ ปา่

๑๑๒ ประเพณที ำ� บุญวันสารทเดอื นสบิ /ชงิ เปรต

รากเหงา้ และเบ้าหลอม

องคก์wาwรwบร.tิหhาaรkสh่วaนmต.gำ� oบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบัญ (ตอ่ )
ประเพณงี านลากพระเดอื น ๑๑ ๑๑๖

ประเพณรี ับเทียมดา ๑๑๗

ประเพณีวันลอยกระทง ๑๒๑

ประเพณตี กั บาตรปีใหม ่ ๑๒๒

๑๑๖ ๑๑๗ ประเพณถี ือศลี อด ๑๒๔
ประเพณที ำ� บญุ วันส�ำคญั ประจำ� ปี

ของมุสลิมบา้ นหนองบัว ๑๒๕

ประเพณตี รุษจีน ๑๒๖

๑๒๔ ๑๒๖ ประเพณเี ชงเมง้ ๑๒๗

ประเพณไี หวพ้ ระจนั ทร ์ ๑๒๗

พระลาก ๑๒๘

พระลากวดั หนิ เกลีย้ ง ๑๒๙

พระลากทรงเครือ่ งวดั แมเ่ ตย ๑๒๙

๑๓๑ พระลากวดั ท่าขา้ ม ๑๒๙

ปชู นียบคุ คลทางศาสนา ๑๓๐

พระครูปนาทธรรมคณุ (เทือน ปนาโท) ๑๓๐

พระครูภัทรธรรมรตั น์ (หลวงพอ่ พลัด ภทฺทิโย) ๑๓๑
๑๒๙
พระครูสารธรรมคุณ (จ้ี ปวฑฒฺ โน) ๑๓๙

ท่านพลบั (พระครจู นั ทโสภาคย)์ ๑๔๐

ปูชนยี บุคคลทางการศกึ ษา ๑๔๒

ครเู ลื่อน ผ่องแผ้ว ๑๔๒

ครเู พียร อไุ รรตั น์ ๑๔๓

ครูรักษ์ แกว้ ฉิมพลี ๑๔๔

รากเหง้าและเบ้าหลอม

องคก์wาwรwบร.tิหhาaรkสh่วaนmต.gำ� oบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบญั (ต่อ)
๑๔๖ ปราชญ์ชาวบ้าน

๑๕๓ คนตน้ แบบ

๑๕๕ ลัทธคิ วามเชอ่ื

๑๕๕ ความเชือ่ เรอื่ งทวด

๑๕๗ ครหู มอโนรา ๑๕๗ ๑๖๑
๑๕๗ ทวดโคกระทิง
๑๖๕
๑๕๗ ทวดหินผุด ๑๖๗

๑๕๗ ทวดเกาะสองห้อง

๑๕๗ ทวดคลองวังนายสาม

๑๕๗ ทวดตน้ มะม่วง

๑๕๗ ทวดเขียวนาต้นยอ ๑๕๘
๑๕๗ ทวดบ่อแพ

๑๕๗ ทวดสี (หลาจันทร์แกว้ )

๑๕๗ ทวดเทพพระยาขันธ์

ศาลาเอนกประสงคบ์ ้านแม่เตย

๑๕๗ ความเชอ่ื เรือ่ งครูหมอโนรา ๑๖๓
๑๖๑ หอ่ เหมรยฺ

๑๖๓ ความเชื่อทางศาสนา

๑๖๓ ความเชื่อพ้นื ฐานทวั่ ไป

๑๖๕ พทุ ธศาสนิกชน ๑๖๖
๑๖๖ มุสลมิ

๑๖๗ ชาวจีนท่าข้าม

๑๖๘ ความเช่ือเกยี่ วกบั พระภมู เิ จา้ ท่ี

๑๖๘ ไหว้เจา้ ท่ี รากเหง้าและเบ้าหลอม

องคก์wาwรwบร.tหิ hาaรkสhว่aนmต.g�ำoบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบญั (ต่อ)

ไหว้เจ้าทน่ี า ๑๗๑

ไหว้เจา้ ทวี่ วั ควาย ๑๗๓

ไหว้พระภมู ิ ๑๗๕

สาวย่านนบั โยด ตระกูลผ้รู ่วม

๑๙๖ ๒๐๑ สรา้ งประโยชน์ใหช้ ุมชนทา่ ข้าม ๑๗๘
หนงั ตะลุง ๑๙๒

หนงั ตะลงุ ในชมุ ชนทา่ ขา้ ม ๑๙๖

หนงั จวน แมน่ าง ๒๐๐

หนงั จวน ชุมพล ๒๐๑

หนงั เลือ่ น (สะ) พานสูง ๒๐๑

๒๐๓ ๒๐๖ หนังแช่ม ทองสมสี ๒๐๓

หนังเขียวทา่ ข้าม ๒๐๕

โนรา ๒๐๖

ต�ำนานโนรา ๒๐๖

๒๑๐ การเหยียบลูกนาว ๒๐๙

เหยยี บเสน ๒๐๙

ร�ำคล้องหงส์ ๒๑๐

แทงเข้ ๒๑๑

๒๑๑ ๒๑๔ เฆยี่ นพราย ๒๑๔

ขุนพราน พระยาพราน ๒๑๖

ขุนศรทั ธา ๒๑๗

โนราในชุมชนทา่ ข้าม ๒๑๙

โนราคลา้ ย แก้วสตั ยา ๒๒๐

รากเหงา้ และเบา้ หลอม

องค์กwาwรwบร.tหิ hาaรkสhว่aนmต.gำ� oบ.ลthท/า่ ข้าม

สารบญั (ต่อ)
๒๒๑ โนราบุญแก้ว ทองสมสี

๒๒๑ โนราอินแกว้ ทองสมสี

๒๒๒ โนราไขแ่ กว้

๒๒๒ โนราเรอื ง ทองสมสี

๒๒๒ โนราสนี ุน่ รัตนะนพุ งศ์ ๒๒๒ ๒๒๕
๒๒๔ โนรารกั ษ์ ไชยภักดี

๒๒๕ โนราชุม แก้วสัตยา

๒๒๖ โนราคลอ้ ย แก้วสตั ยา

๒๒๖ โนราอรณุ แกว้ สตั ยา

๒๒๗ ทายาทผู้สบื ทอดศิลปะการแสดงโนรา

๒๒๗ ภูมปิ ัญญาชาวบ้าน ๒๒๖

๒๒๘ บ่อบม่ เพาะของภูมิปัญญาชาบ้านภาคใต้

๒๒๙ ประเภทของภูมิปญั ญาชาวบา้ นภาคใต้

๑๓๐ ภมู ปิ ญั ญาชาวบ้านในชุมชนทา่ ข้าม

๒๓๓ ประเภทของภูมปิ ญั ญาชาวบ้านทา่ ขา้ ม

๒๓๕ บา้ นแม่เตย ๒๒๗
๒๓๖ บา้ นคลองจิก

๒๓๖ บา้ นทา่ ข้าม

๒๓๖ บ้านปกี

๒๓๖ บา้ นหนองบัว

๒๓๗ บ้านหินเกล้ียง

๒๓๗ บ้านเขากลอยออก

รากเหงา้ และเบา้ หลอม

องคก์wาwรwบร.tหิ hาaรkสh่วaนmต.g�ำoบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบัญ (ตอ่ )
บ้านเขากลอยตก ๒๓๗

ภมู ิปญั ญาสาขาเกษตรกรรม ๒๓๗

การน�ำ่ ขา้ ว ๒๓๗

ผลิตภณั ฑ์ชุมชน ๒๓๘

ขนมเป๊ียะ ๒๓๘

ขนมเคก้ กล้วยหอม ๒๓๘

๒๓๘ ๒๓๙ เห็ดแครงอบแหง้ ๒๓๙
แซนวชิ เห็ดแครงนำ�้ ผึ้งรวง ๒๓๙

ตม้ สามเหลยี่ มอบ ๒๓๙

กลว้ ยฉาบอบ ๒๓๙

ขนมกะหรี่ปบั๊ ไส้ไกเ่ ห็ดแครง ๒๓๙

แปง้ ขา้ วหมาก ๒๔๐

ถว่ั ควั่ ทราย ๒๔๐

๒๓๙ ๒๔๐ สร้อยลกู ปดั ๒๔๐

กลมุ่ องค์กรชาวบา้ นชุมชน ๒๔๑

กล่มุ เศรษฐกจิ และสวสั ดกิ ารชมุ ชน ๒๔๑

กลุ่มออมทรัพยเ์ พอื่ การผลิต

๒๔๐ บา้ นเขากลอยตก ๒๔๑

สจั จะวันละบาท ๒๔๑

กลุ่มออมทรพั ย์เพอ่ื การผลติ บ้านแมเ่ ตย ๒๔๒

กล่มุ โรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพท่าขา้ ม ๒๔๒

กล่มุ เครือ่ งแกงสมุนไพรบ้านคลองจิก ๒๔๒

รากเหง้าและเบา้ หลอม

องคก์wาwรwบร.tิหhาaรkสhว่aนmต.g�ำoบ.ลthท/่าข้าม

สารบัญ (ตอ่ )
๒๔๓ กลมุ่ การจดั การระบบสขุ ภาพ

๒๔๔ ชมรมทา่ ข้ามใจดสี ัมพนั ธ์

๒๔๕ กลุม่ สิง่ แวดล้อม

๒๔๖ กลมุ่ กองทุนใหมใ่ นชุมชน

งานฐานทรัพยากรทอ้ งถ่ิน อพ.สธ. ๒๔๗

๒๔๗ อบต.ทา่ ข้าม

โครงการอนุรกั ษพ์ นั ธุกรรมพชื อนั เนือ่ ง

มาจากพระราชดำ� ริ

สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ ๒๕๕
๒๔๗ สยามบรมราชกมุ ารี

๒๕๕ สถานที่ทอ่ งเท่ียวของชุมชน

๒๕๕ ควนสชี าย (ผาหินงาม) ๒๕๕
๒๕๕ หลาต้นโด

๒๕๕ อารยะสถาปัตย์

ส่งิ ศักด์ิสทิ ธ์ทิ ่เี คารพนบั ถือ

๒๕๗ และสาธารณสถาน

๒๕๗ หลาตน้ โด ๒๕๗

๒๕๗ ศาลากลางหนบ้านหนิ เกลี้ยง

๒๕๙ หลาต้นโด

๒๕๙ หลาเกาะกลาง

๒๕๙ ศาลาทวดไกรแก้ว

รากเหงา้ และเบา้ หลอม

องค์กwาwรwบร.tิหhาaรkสhว่aนmต.g�ำoบ.ลthท/่าขา้ ม

สารบญั (ต่อ)
หลักพ่อท่านอ้ยุ ๒๖๐

พอ่ ทา่ นอยุ้ ๒๖๒

ควนสีชาย ๒๖๒

คลองบอนดำ� (บอ่ นำ้� ศักดส์ิ ทิ ธ)ิ์ ๒๖๓

๒๖๒ บอ่ บ้าน

๒๖๐ (บ่อน�้ำดม่ื - น�ำ้ ใชป้ ระจำ� หมู่บา้ น) ๒๖๓

พระพุทธวรัตน์วราชติ มงคล ๒๖๓

เขอื่ นหรอื บวั บรรจอุ ฐั ติ ระกลู อไุ รรตั น ์ ๒๖๔

๒๖๕ พอ่ จอม ๒๖๕

หลาทวด ๒๖๖

ชมุ ชาติ

๒๖๓ ๒๖๖ (ก่อนโยนหยวก และเกบ็ จอ) ๒๖๗
เอกสารอ้างอิง ๒๖๘

บุคลานุกรม ๒๗๒

รากเหงา้ และเบ้าหลอม

องค์กwาwรwบร.tหิ hาaรkสhว่aนmต.gำ� oบ.ลthท/่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 1

ตงั้ เมือง

รากเหงา้ และเบ้าหลอม

ทา่ ข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ประวตั คิ วามเป็นมา

ต�ำนานในชุมชนท่าข้าม มีเรื่องราวเล่าขานเก่ียวกับ
บา้ นทา่ ขา้ มกนั มานานแลว้ วา่ มชี มุ ชนหนงึ่ ตงั้ อยกู่ ลางปา่ มลี ำ� คลอง
ไหลผา่ น ไมป่ รากฏชอ่ื หมบู่ า้ น ฐานะของคนแตล่ ะครอบครวั ในหมบู่ า้ นมคี วามแตกตา่ งกนั
แต่ก็อยกู่ ันมาอยา่ งมคี วามสุข มีการชว่ ยเหลือเอ้อื เฟือ้ กันแบบพน่ี อ้ ง อาชพี หลกั ของ
ชาวบา้ นสว่ นใหญค่ อื ถางปา่ ทำ� ไร่ ปลกู ขา้ ว ปลกู ผกั ทำ� นา ขา้ วปลาอาหารอดุ มสมบรู ณ์
ในน�้ำมีปลาในนามีข้าว ล�ำคลองหนองน้�ำ น�้ำท่าสมบูรณ์ ในป่าเป็นแหล่งอาหาร
ตามธรรมชาติ ชาวบา้ นส่วนใหญ่มสี ขุ ภาพดีไม่ค่อยมโี รคภัย

ต�ำนานคลองนายสามและบ้านแม่เตย
ในหมู่บ้านมีครอบครัว ๆ หน่ึง มีฐานะปานกลาง
มสี มาชกิ จำ� นวน ๓ คน พอ่ แม่ ลกู คอื นายสาม แมเ่ ตย
และลูกอ้าย ท้ังสามช่วยกันท�ำมาหากินด้วยความ
ขยนั ขนั แขง็ วนั หนงึ่ ในฤดแู ลง้ นำ�้ ในลำ� คลองแหง้ ขอด
โดยไม่คาดฝัน นายสามชวนแม่เตยและลูกอ้าย
ไปหาปลาในลำ� คลองเมอ่ื เหน็ คลองแหง้ ขอดกช็ ว่ ยกนั
ท�ำคันดินกั้นน้�ำแล้วใช้โพงวิดน้�ำจนกระท่ังแห้ง
เห็นตวั ปลา แตป่ ลาพยายามวา่ ยน�ำ้ หนเี อาตัวรอด
ท่ีริมคลองมีโพรงขนาดใหญ่ ปลาช่อนตัวใหญ่
ใช้เป็นช่องทางหลบหนี เมื่อนายสามเห็นดังน้ัน
ก็วางโพงวิดน�้ำเพื่อไล่จับปลาท่ีก�ำลังหนีเข้าไป
ในโพรง แตไ่ มส่ ามารถจบั ปลาชอ่ นตวั นน้ั ไดท้ นั ตอ้ งคลานตามเขา้ ไปในโพรง ทนั ใดนนั้
มีน�้ำไหลออกมาจากโพรง แม่เตยกับลูกอ้ายตกใจสุดขีด พยายามจับปลายเท้าของ
นายสามแต่น้�ำไหลทะลักอย่างแรงและรวดเร็วท�ำให้คนท้ังสามจมน้�ำเสียชีวิตอยู่
ในคลองนน้ั ในเวลาตอ่ มาชาวบา้ นเรยี กชอ่ื คลองนน้ั วา่ “คลองนายสาม” และเรยี กชอ่ื
หมู่บา้ นแห่งน้วี ่า “บ้านแม่เตย” ส่วนลูกอ้ายซึ่งยังเป็นสาวบริสุทธิ์ วิญญาณของเธอ

องค์การบริหารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

2 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

จึงเป็นวญิ ญาณบรสิ ุทธ์ิ อมตะ มีบารมี ชาวบ้านไดเ้ ห็นอภนิ ิหารของวิญญาณลูกอา้ ย
อยเู่ ป็นประจ�ำรจู้ ักกันในนามว่า “เจ้าหญงิ กายทองคำ� ”
ต�ำนานควนหินกลิ้งและหนองบัว บนควนหรือเนินเขาเล็ก ๆ มีผู้พบเห็น
หญิงสาวก�ำลังเล่นก้อนหินโดยจับก้อนหินแล้วผลักให้กล้ิงไปกลิ้งมาจนก้อนหินน้ัน
เกลยี้ งกลม เม่ือชาวบา้ นมามงุ ดหู ญงิ สาวคนน้นั ก็หายตวั ไป ต่อมาชาวบ้านเรียกควน
ตรงนน้ั วา่ “ควนหนิ กลงิ้ ” และเพย้ี นมาเปน็ ควนหนิ เกลย้ี งหรอื บา้ นหนิ เกลยี้ งจนปจั จบุ นั
และว่ากันว่าหญิงสาวคนนั้นเมื่อเหน่ือยจากการกล้ิงหินเล่นแล้วจะลงไปอาบน�้ำ
ในหนองนำ้� บริเวณใกล้เคียง ต่อมาจึงเรียกหนองน�้ำแห่งนั้นว่า “หนองบัว” เพราะมี
บัวหลวงอย่ใู นหนองนำ้� (นายบญุ เจือ มาลากลุ . เลา่ เรือ่ ง. ๒๒ มถิ ุนายน ๒๕๖๔)

การตงั้ ถิ่นฐาน/ทำ� มาหากนิ
จากปากค�ำของชาวบ้านท่าข้ามเล่าต่อกันมาว่าต�ำบลท่าข้ามหรือบ้านท่าข้าม
อำ� เภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลาปรากฏชื่อ “ท่าข้าม” เม่ือประมาณเกอื บรอ้ ยปที ่ีแลว้
ในยคุ ทก่ี ำ� นนั แสง ผดงุ ชาวบา้ นทา่ ขา้ มไดร้ บั เลอื กเปน็ กำ� นนั ในชมุ ชนชานเมอื งหาดใหญ่
เลยใช้ช่ือบ้านท่าข้ามที่ตนอาศัยอยู่เป็นช่ือต�ำบล ตอนแรกประกอบด้วย ๕ หมู่บ้าน
คือ บ้านแม่เตย บ้านท่าขา้ ม บา้ นหนิ เกล้ียง บา้ นเขากลอยและบา้ นหนองบัว ต่อมา
มเี พมิ่ อกี ๓ หมบู่ า้ น คอื บา้ นปกี (เกาะปลกั ) บา้ นคลองจกิ และบา้ นเขากลอยแยกเปน็
บ้านเขากลอยออกและบา้ นเขากลอยตก
สันนิษฐานกนั วา่ นายเซง่ อน้ั หรอื เฒ่าแก่ฮก หรือขุนวิจารณ์ธารารักษ์ กำ� นัน
คนแรก ชาวบ่อยางเดินทางไปท�ำเหมืองแร่ดีบุกท่ีบ้านควนกรด แถววัดเนินพิจิตร
อ�ำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลาในปัจจุบัน เม่ือเดินทางกลับบ่อยางพร้อมภรรยา
และเพ่ือนร่วมงานพบว่าแถวนี้มีท่ีดินว่างเปล่า สภาพดินน�้ำอุดมสมบูรณ์จึงจับจอง
ตั้งถิ่นฐานบริเวณใกล้คลองท่าข้าม ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยที่ตั้งบ้านและบ่อน�้ำ
โบราณ สว่ นตวั บา้ นถกู รอื้ ไปถวายวดั ทงุ่ หวงั นานแลว้ (อรณุ แกว้ สตั ยา ๕ พ.ค. ๒๕๖๓)

ร่องรอยที่ต้งั บา้ นกำ� นันเซ่งอั้นใกลค้ ลองทา่ ข้าม คลองท่าข้าม

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 3

จากการศึกษาประวัติวัดต่าง ๆ ในชุมชนท่าข้ามและละแวกใกล้เคียง พบว่า
ชุมชนบริเวณน้ี เป็นชุมชนที่มีอายุร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตรงกับรัชสมัย
ราชวงศ์ปราสาททอง กษัตริย์พระองค์ท่ี ๔ คือพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์
ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๐) มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานของผู้คนจากละแวก
ใกล้เคียงเม่ือประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๒๒ เป็นอย่างน้อย สังเกตและสันนิษฐาน
จากการมีวัดเก่าแก่ร่วมสมัย ๓ วัด คือ วัดหินเกล้ียง วัดท่าข้าม และวัดแม่เตย
วดั เหล่านีม้ คี วามเก่าแกก่ วา่ ๒๐๐ - ๓๕๐ ปมี าแล้ว เพราะวัดท่าข้ามก่อตง้ั มาต้ังแต่
ปี พ.ศ. ๒๒๐๐ (ร่วมสมัยพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์ปราสาททอง ครองราชย์
ปี พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) ไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี า พ.ศ. ๒๒๙๐ (รชั สมยั สมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) วัดหินเกลี้ยงก่อต้ังมาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๐๐ (ร่วมสมัยพระเจ้า
เอกทัศน์ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครองราชย์ระหว่าง
พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๐๑ กอ่ นเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยา ครง้ั ที่ ๒) ไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมิ า
เมอ่ื วนั ที่ ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๔๗๘ รชั สมยั พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล (ครองราชย์
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๗ - ๒๔๘๙) วัดแม่เตย ก่อต้ัง พ.ศ. ๒๓๐๑ (รัชสมัยสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. ๒๓๒๗ (รัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กรุงรัตนโกสินทร์ ครองราชย์
ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๕๒) และวดั ทก่ี อ่ ตงั้ หลงั จากนนั้ คอื วดั เขากลอย กอ่ ตง้ั เมอื่
พ.ศ. ๒๔๔๙ (สมยั รชั กาลพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั รชั กาลท่ี ๕ ครองราชย์ระหว่าง
พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) และไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี าเมอื่ วนั ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๖๗
(รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครองราชยร์ ะหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๕๒ - ๒๔๖๘) และวดั โคกสงู
ก่อต้งั เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๔
วัด ๓ วัดแรกน้ีมีมาก่อนอ�ำเภอเหนือหรือ
อ�ำเภอหาดใหญ่ ท่ีปรากฏชื่อในปี พ.ศ. ๒๔๓๙
สมัยรัชกาลท่ี ๕ ในการจัดต้ังมณฑลนครศรีธรรมราช
ขึ้นตามพระราชประสงค์ที่จะทรงปฏิรูปการปกครอง
แผ่นดิน โดยจัดแบ่งแขวงข้ึนเมืองสงขลาออกเป็น
๕ อ�ำเภอ คือ อ�ำเภอกลางเมือง ปละท่า ฝ่ายเหนือ
(ตอ่ มาเปลี่ยนชือ่ เปน็ อ�ำเภอหาดใหญ)่ จะนะและเทพา

องค์การบริหารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

4 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
นอกจากนน้ั จากการสบื คน้ เพอ่ื จะทราบถงึ อายขุ องชมุ ชนจากโบราณวตั ถพุ บวา่
วดั แมเ่ ตยและวดั หนิ เกลยี้ งมี “พระลาก” หรอื พระพทุ ธรปู ทนี่ ำ� ไปประดษิ ฐานในเรอื พระ
ในประเพณีชักพระของชาวบ้านเป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ืองน้อยและทรงเครื่องใหญ่
ปางห้ามสมุทรและปางอุ้มบาตรตามล�ำดับ หากพระพุทธรูปเหล่าน้ีมีมาแต่ดั้งเดิม
ควบคกู่ บั วดั แมเ่ ตยและวดั หนิ เกลยี้ งแสดงวา่ ชมุ ชนเหลา่ นมี้ อี ายรุ ว่ มสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา
ตอนกลางและตอนปลายเพราะศลิ ปะพระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งนอ้ ยและทรงเครอ่ื งใหญ่
เป็นศิลปะสมัยดังกล่าว ส่วนพระลากของวัดท่าข้ามและวัดเขากลอยถูกโจรกรรม
ไปนานหลายปีแลว้ องคป์ จั จุบันสรา้ งขึ้นใหมจ่ ากช่างพ้ืนบา้ น

พระลากวดั แมเ่ ตยพระทรงเครอื่ งปางหา้ มสมุทร พระลากวัดหนิ เกลย้ี งพระทรงเคร่อื งปางอ้มบาตร

(พระพุทธรูปทรงเครื่อง หมายถึง พระพุทธรูปสวมเคร่ืองทรงกษัตริย์หรือ
พระจักรพรรดิ ซ่ึงนิยมเรียกกันท่ัวไปว่าพระพุทธรูปทรงเครื่อง เคยปรากฏแพร่หลาย
ที่อินเดีย รวมถึงบ้านเมืองต่าง ๆ ที่นับถือพุทธศาสนา คาดว่าคติความเชื่อเก่ียวกับ
พระพุทธรปู ทรงเครอ่ื งคงผนั แปรไปตามยุคสมยั และทอ้ งที่ต่าง ๆ
ส�ำหรับในประเทศไทย พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย เป็นศิลปะสมัยอยุธยา
ตอนกลาง ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๒ พระพทุ ธรปู ไดร้ บั การออกแบบใหส้ วมเครอ่ื ง
ทรงน้อยชน้ิ ได้แก่ มงกุฎ กระบงั หน้า รัดเกลา้ กรองศอ กุณฑล ทับทรวงและพาหรุ ัด
คล้ายกับเครื่องทรงเทวดาร่วมสมยั และเครือ่ งทรงเทวรปู ศลิ ปะสโุ ขทยั

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 5

พระพุทธรปู ทรงเครือ่ งใหญ่ เป็นศิลปะสมยั อยธุ ยาตอนปลาย อายุราวปลาย
พทุ ธศตวรรษที่ ๒๒ เครอื่ งทรงประกอบดว้ ย มงกฎุ กณุ ฑล (ตมุ้ ห)ู กรองศอ (สรอ้ ยคอ)
สังวาล ๒ เส้น เฉวียงพระอังสาท้ังสอง โดยมีทับทรวงวางทับอยู่ท่ีก่ึงกลาง พาหุรัด
(กำ� ไลแขน) ทองพระกร (ก�ำไลข้อมือ) ทองพระบาท (กำ� ไลขอ้ เทา้ ) บางองค์มกั จะสวม
ฉลองพระบาท (รองเทา้ ) ดว้ ยและตกแตง่ สบงดว้ ยเครอื่ งประดบั (รงุ่ โรจน์ ธรรมรงุ่ เรอื ง.
๒๕๖๐ : ๑๕๐ - ๑๕๖)
ปลาย ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) พระยาวเิ ชยี รครี ี (ชม) ผวู้ า่ ราชการเมอื งสงขลา
เหน็ วา่ กรมการในเมอื งสงขลามมี าก ไมม่ ปี ระโยชนอ์ นั ใดจงึ คดิ ยกเลกิ นายอำ� เภอและ
นายแขวงเสยี ตงั้ เปน็ ตำ� บลบา้ นคอื บา้ นหนง่ึ มนี ายบา้ นผหู้ นง่ึ กำ� กบั ดงั นน้ั อำ� เภอหนงึ่
จึงแยกมีนายบ้านหลายสิบต�ำบล นายบ้านทั้งปวงในอ�ำเภอหน่ึงให้รวมไปขึ้นกับ
กรมการเมืองผู้หนึ่ง บริเวณอ�ำเภอหาดใหญ่ในปัจจุบันสมัยนั้นรวมถึงท้องที่
อ�ำเภอนาหม่อม อ�ำเภอคลองหอยโข่ง อ�ำเภอบางกล�่ำอยู่ในการปกครองของ
หลวงรักษาพลสยาม ประกอบด้วยบ้านต่าง ๆ ๑๑๓ บ้าน เรือน ๒,๘๐๕ เรือน
วดั ๑๔ อาราม ปรากฏช่อื บา้ นหนองบวั ๒๒ เรือนของต�ำบลท่าขา้ ม (สงบ สง่ เมือง
และลกั ษมี จิระนคร. ๒๕๔๒ : ๘๖๐๑ - ๘๖๑๓)
จากรายงานการตรวจราชการแหลมมลายใู นพระราชอาณาเขตของพระสฤษด์ิ
พจนกรณ์ ร.ศ.๑๑๓ (พ.ศ. ๒๔๓๗) ท้องท่ีในต�ำบลท่าข้ามปัจจุบันปรากฏ
ในเอกสารดังกลา่ วกอ่ น พ.ศ. ๒๔๔๐ ว่าเมอื งสงขลาแบ่งเป็น ๑๕ สว่ น
เรียกว่าอ�ำเภอ เช่น อ�ำเภอคลังตรงกับอ�ำเภอหลวงคลัง อ�ำเภอ
จะท้ิงพระตรงกับอ�ำเภอหลวงสิทธิประการ อ�ำเภอพะวงตรงกับ
อ�ำเภอหลวงอภัยพิทักษ์ อ�ำเภอการ�ำตรงกับอ�ำเภอหลวงนุชิตภักดี
เปน็ ตน้ อำ� เภอหลวงอภยั พทิ กั ษ์ (อำ� เภอพะวง) มบี า้ นทา่ ขา้ ม ๑ บา้ น
๖๗ เรือน บ้านหนองบัว ๑ บ้าน ๓๖ เรือน บ้านเขากลอย
๑ บา้ น ๔๙ เรอื น บา้ นแมเ่ ตย ๑ บา้ น ๓๘ เรอื น บา้ นนาหลา
๑ บา้ น ๔ เรอื น วดั บา้ นทา่ ขา้ ม ๑ อาราม วดั บา้ นแมเ่ ตย
๑ อาราม และวดั บา้ นหนิ เกลี้ยง ๑ อาราม (อนุสรณยี .์
สุชาติ รตั นปราการ) ๒๕๒๘ : ไมม่ เี ลขหน้า)

องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลท่าข้าม

6 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

พ.ศ. ๒๒๐๐ มีการก่อตั้งวัดทา่ ขา้ ม ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ประมาณ
พ.ศ. ๒๒๙๐ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๑๕ เมตร ได้ผูกพัทธสีมา
ประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐
พ.ศ. ๒๓๐๐ มกี ารกอ่ ตง้ั วดั หนิ เกลย้ี ง โดยมพี ระมหาพรหมแกว้ เปน็ ผมู้ าบกุ เบกิ
ริเริ่มด�ำเนินการสร้างวัดขึ้น ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๔๗๘ เขตวิสุงคามสีมา กวา้ ง ๑๕ เมตร ยาว ๑๙ เมตร
พ.ศ. ๒๓๐๑ มีการกอ่ ตงั้ วัดแมเ่ ตย ไดร้ ับพระราชทานวิสุงคามสมี า ประมาณ
พ.ศ. ๒๓๒๗ ไดผ้ กู พัทธสมี าประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๐
พ.ศ. ๒๔๔๙ มีการก่อตั้งวัดเขากลอย
โดยมีนายมงคล นางหนูนุ้ย พุทธวาศรี
บริจาคที่ดินถวายแด่ท่านอาจารย์คง อุตฺตโม
เพื่อด�ำเนินการสร้างวัด ต่อมาได้รับการทะนุ
บ�ำรุงจากประชาชนด้วยดี มีผู้มาสร้างอาคาร
และถาวรวัตถุต่าง ๆ ถวายไว้ท่ีควรกล่าวถึง
มนี ายคำ� นึง อไุ รรตั น์ นางแดง อินทสุวรรณโณ
เป็นต้น วัดเขากลอยได้รับพระราชทาน
วสิ ุงคามสีมาวันท่ี ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
เขตวสิ งุ คามสมี า กวา้ ง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร
ผนู้ ำ� ทางศาสนาคอื พระหรอื เจา้ อาวาส ผนู้ ำ� ทางการปกครองคอื กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น
ผู้น�ำทางการศึกษาคือครูใหญ่และคณะครู กรรมการศึกษาและผู้ปกครองร่วมกัน
พัฒนาการศึกษาของชุมชนขน้ึ ในวัด เช่น โรงเรียนประชาบาลต�ำบลทา่ ข้าม เปิดสอน
ครง้ั แรกทว่ี ดั ท่าขา้ ม พ.ศ. ๒๔๖๕ ตอ่ มา พ.ศ. ๒๔๗๖ พระอปุ ชั ฌายช์ ่วย ธรรมชูโต
อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่เตยและเป็นครูคนแรกก่อต้ังโรงเรียนวัดแม่เตย เรียนที่ศาลาวัด
พ.ศ. ๒๕๑๐ สร้างอาคารเรียนขนาด ๓ ห้องเรียนบนที่ดินวัด โดยก�ำนันทองเสน
ผอ่ งแผว้ และเจา้ อาวาสวดั แมเ่ ตยเปน็ ผนู้ ำ� การสรา้ ง โรงเรยี นประชาบาลตำ� บลทา่ ขา้ ม
๒ (วดั ทา่ ขา้ ม) เปดิ สอนครงั้ แรก พ.ศ. ๒๔๘๑ บนศาลาการเปรยี ญวดั ทา่ ขา้ ม พ.ศ. ๒๕๐๑
พระอธิการพลับ จนั ทโสภาคย์ เจ้าอาวาสวัดทา่ ข้ามพรอ้ มคณะครู ก�ำนัน ผ้ใู หญ่บา้ น
และผูป้ กครองจัดหาเงนิ สร้างอาคารเรียนขนาด ๔ ห้องเรียน

องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 7

ชุมชนเรม่ิ แรกและการขยายตวั
กอ่ น พ.ศ. ๒๒๐๐ เกดิ ชุมชนบ้านปา่ ชานเมืองหาดใหญ่
บริเวณชุมชนบ้านท่าข้าม ต่อมาอีกประมาณ ๑๐๐ ปีหรือ
ทศวรรษที่ ๒๓๐๐ เกิดชุมชนบ้านป่าแถวบ้านหินเกลี้ยง
บ้านแม่เตย และบา้ นเขากลอย ตามล�ำดับ
ชุมชนบ้านท่าข้ามก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้ช่ือว่าเป็น
ชุมชนบ้านป่า มีความทุรกันดาร เป็นชุมชนชายขอบของ
เมืองบ่อยางและโคกเสม็ดชุนหรือหาดใหญ่ เป็นแหล่ง
หลบซ่อนตัวของอาชญากรผู้ประกอบอาชญากรรม ท�ำผิด กฎหมาย ชาวบ้านที่นี่
ถูกคนเมืองมองว่าเป็น “คนบ้านนอกคอกนา” ห่างไกลความเจริญ เพราะเส้นทาง
คมนาคมไม่สะดวก ต้องเดินเท้าเข้าเมือง สภาพสังคมสมัยน้ันยังยึดติดอยู่กับจารีต
และลัทธิความเชื่อในทางศาสนา ตลอดจนโชคลาภและสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ วิถี
การผลิตและการบริโภคยังอาศัยภูมิปัญญาละเทคโนโลยีพ้ืนบ้านแบบดั้งเดิมอยู่มาก
เปน็ สงั คมเครอื ญาตมิ กี ารผกู เกลอผกู ดอง มขี า้ วในนามปี ลาในนำ้� อดุ มสมบรู ณ์ จนถงึ
สมัยรัชกาลท่ี ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงปฏิรูปการเมืองการปกครองและพัฒนา
ประเทศให้ทันสมัย โดยเฉพาะระบบราชการ แผนการศึกษาชาติ การคมนาคมขนสง่
ไปรษณียโ์ ทรเลข เสน้ ทางรถไฟสายใต้ วัฒนธรรมจากภายนอกชุมชนแผข่ ยายเข้ามา
โดยผา่ นทางระบบราชการและระบบการศกึ ษานำ� ความเปลย่ี นแปลงมาสชู่ มุ ชนทา่ ขา้ ม
อย่างตอ่ เนอื่ งตลอดมา
ช่วง พ.ศ. ๒๕๐๘ ชาวบา้ นบอกว่าตอ้ งใช้เวลาในการเดนิ เท้าจากในชุมชนไป
ยังถนนกาญจนวนิชท่ีตัดผ่านเชื่อมต่อระหว่างสงขลา-หาดใหญ่ ที่บ้านควนหินต้ังแต่
เชา้ มดื ใชเ้ วลาค่อนวันเพ่อื เข้าเมอื งสงขลาและหาดใหญ่
กอ่ น พ.ศ. ๒๕๐๐ การตงั้ ถนิ่ ฐานของชมุ ชนยงั ไมก่ ระจายตวั มากนกั สว่ นใหญ่
ตง้ั ถนิ่ ฐานรวมกลมุ่ กนั อยบู่ รเิ วณบา้ นหนิ เกลย้ี ง ตอ่ มามกี ารบกุ เบกิ หาทท่ี ำ� กนิ กระจาย
ไปตามบรเิ วณตา่ ง ๆ ของชมุ ชน โดยเฉพาะการตง้ั ถนิ่ ฐานกระจายไปตามแนวเสน้ ทาง
ถนนสายใหม่ - บา้ นควนหนิ บา้ นเขากลอย - บา้ นทงุ่ รี บา้ นหวั นอนถนน - บา้ นทงุ่ หวงั
และบ้านแมเ่ ตย - บ้านท่งุ ใหญ่

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

8 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
ชาวชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพท�ำนา ปลูกพืชผักตามฤดูกาล ปลูกพลู
ลกู เดอื ย ถว่ั ลสิ งและหาของปา่ สว่ นยางพารากป็ ลกู กนั ทวั่ ไปกระจายไปเกอื บทกุ พน้ื ที่
แต่ทั้งหมดเป็นยางพันธุ์พื้นเมืองหรือ “ยางบ้าน” สวนมีสภาพเป็น “ป่ายาง”
มีความรกเรอื้ เพราะมีพชื ผลยนื ต้นชนิดอ่ืนผสมผสานแบบทีเ่ รยี กวา่ “สวนสมรม”
การยงั ชพี ขน้ึ อยกู่ บั การทำ� นาขา้ วเปน็ หลกั นอกนนั้ เปน็ ผลผลติ ทางการเกษตร
และเก็บหาของป่า การท�ำนาในยุคแรก ๆ ใช้แรงงานคนและสัตว์ เป็นแรงงานคน
ในครอบครัวและพัฒนาการเพ่ิมผลผลิตด้วยปุ๋ยธรรมชาติหรือ “มายา” เช่น มูลวัว
มลู ค้างคาว ทหี่ าไดใ้ นทอ้ งถน่ิ และละแวกใกลเ้ คยี ง
พันธุ์ข้าวท่ีปลูก เป็นพันธุ์ข้าวพ้ืนเมืองที่ทนต่อสภาพภูมิอากาศแบบมรสุม
เมืองร้อน อากาศร้อนช้ืน ฝนตกชุก แต่ให้ผลผลิตต�่ำ เช่น พันธุ์ข้าวด�ำ ข้าวขาว
ข้าวดอกแบก ข้าวช่อลุง ข้าวเหนียวด�ำ ข้าวสังข์หยด ข้าวดอกจันทร์ ข้าวด�ำตาแปด
ขา้ วเล็บนก เปน็ ต้น

ชุมชนกับการเปล่ียนแปลง

พ.ศ. ๒๕๐๐ เรมิ่ มพี อ่ คา้ จากตา่ งถน่ิ เขา้ มาขายปยุ๋ มลู คา้ งคาว ชาวชมุ ชนหนั ไป
ใชป้ ยุ๋ นกี้ นั มาก และมคี นในชมุ ชน ๒ - ๓ รายรบั ซอ้ื มลู คา้ งคาวจากพทั ลงุ มาตระเวนขาย
ใหก้ ับคนในชมุ ชน
พ.ศ. ๒๕๐๓ มรี ถจกั รไถนาแบบเดนิ ตามเขา้ มาในชมุ ชนเปน็ คนั แรกในหมทู่ ี่ ๒
บ้านคลองจิก เป็นของสุพิศ รักแก้ว ส่ิงที่ตามมาคือข้าวพันธุ์ใหม่ที่ชาวบ้านเรียกว่า
“ข้าวพันธุ์ส่งเสริม” เพราะได้รับการส่งเสริมจากกรมการข้าว ให้ผลผลิตต่อไร่สูง
แต่ไม่ค่อยทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ อีกท้ังต้องการการบ�ำรุงดูแลด้วยปุ๋ยเคมีและ
ยาฆ่าแมลงท่เี ขา้ มาพรอ้ มหนังกลางแปลงที่เรียกว่า “หนังฉายขายยา ขายปุ๋ย”

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 9

ชาวบา้ นหนั มาปลกู ขา้ วพนั ธส์ุ ง่ เสรมิ แทนขา้ วพนั ธด์ุ งั้ เดมิ มหี นงั ฉายขายยาของ
คนจีนช่ือนายกิ้มเซง่ ขายยาของ บรษิ ัท เทวกรรม เตก๊ เฮงหยู ขายยาประสระนอแรด
ยาทมั ใจ ขายปยุ๋ สารพดั สองสามเดอื นเขา้ มาหนหนง่ึ วยั รนุ่ สมยั นนั้ ตา่ งพากนั ตนื่ เตน้
กบั หนงั ฉายขายยาขายปยุ๋
หลงั พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นตน้ มา ผลผลติ จากการท�ำนาด้วยข้าวพนั ธุ์สง่ เสรมิ เร่ิม
ลดลงเพราะดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ พร้อม ๆ กับหนส้ี ินทพี่ อกพนู เปน็ เงาตามตัว
การผลติ ในชมุ ชนยงั ตอ้ งพงึ่ พานำ�้ ฟา้ จากธรรมชาตแิ บบ “นานำ้� ฟา้ ” เปน็ หลกั คลองสง่ นำ�้
หรือ “ล�ำเหมือง” ที่ชุมชนช่วยกันขุดขึ้นมาเพ่ือผันน�้ำเข้านาสามารถบรรเทาได้
เพียงบางส่วน ท�ำให้ชาวบ้านท่ีท�ำนาต้องทนทุกข์กับปัญหาหน้ีสินและความยากจน
หลายครอบครวั อพยพไปบกุ เบกิ ตง้ั ถน่ิ ฐานใหมต่ ามพน้ื ทจ่ี ดั สรรใหมใ่ นนคิ มสรา้ งตนเอง
อ�ำเภอรัตภูมิหรือบุกเบิกพ้ืนท่ีแถบแนวชายแดนประเทศมาเลเซีย บางส่วนก็หันไป
รับจ้างท�ำงานกอ่ สรา้ งในเมอื งบ่อยางและหาดใหญ่

การเข้ามาของกองทุนสงเคราะหก์ ารทำ� สวนยาง
ช่วงเดียวกันนี้ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการปลูก
ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจแทนยางพันธุ์พื้นเมืองและพืชยืนต้น
ชนิดอ่ืน มีการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยางขึ้นใน
พ.ศ. ๒๕๐๓ เร่ิมด�ำเนินการปลูกยางพาราพันธุ์ดีแทนยางพันธุ์
พืน้ เมืองตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๐๔
ชุมชนท่าข้ามได้รับการส่งเสริมให้ปลูกยางพาราพันธุ์ดี
แทนพนั ธพ์ุ น้ื เมอื งและแปลงบกุ เบกิ ใหมร่ ะยะแรกชว่ ง พ.ศ. ๒๕๐๘ -
๒๕๑๐ ชาวชมุ ชนใหค้ วามสนใจไมม่ ากนกั ดว้ ยวา่ ยงั ไมม่ คี วามมนั่ ใจ
ในเร่ืองผลผลิตและราคา
แต่หลังปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ยางพันธุ์ดีเริ่มให้ผลผลิต มีราคาและตลาดท่ีแน่นอน
ชาวชุมชนท่าข้ามหันมาปลูกยางกันขนานใหญ่ เปล่ียนท่ีนาเป็นสวนยางครอบคลุม
ทกุ พนื้ ท่ี นบั เปน็ ยคุ ทองของการปลกู ยางพารา ยคุ นชี้ มุ ชนทา่ ขา้ มอยใู่ นยคุ “โคน่ ยางบา้ น
ล้างป่า เปลี่ยนนาปลูกยางสงเคราะห์” ไม้ยืนต้นจ�ำพวกมะม่วง ทุเรียน เงาะ พรวน
สะตอ เนียง จ�ำปาดะ ตะเคียน ยาง สะทัง ถูกโคน่ จนโล่งเตียน

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าข้าม

10 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ระหว่างรอผลผลติ จากยางพาราใน ๗ ปีขา้ งหนา้ ชาวบ้านก็สรา้ งรายไดเ้ สรมิ
ด้วยการปลูกพืชผักจำ� พวกถวั่ ลิสง ถั่วฝักยาว แตงโม มันเทศ ผกั และพืชล้มลุกอื่น ๆ
ขายตลาดนัดในชุมชนคือตลาดนาหลา อาทิตย์ละ ๒ วัน คือวันพุธและวันเสาร์ กับ
ตลาดใกล้เคียง ได้แก่ ตลาดทุ่งหวัง ตลาดควนหิน ตลาดทุ่งใหญ่ ตลาดนาม่วงและ
ตลาดนาหม่อม
พ.ศ. ๒๕๒๐ ยคุ ของการหกั รา้ งถางพง พลกิ ผนื นาเปน็ ปา่ ยาง บกุ เบกิ ปา่ ใหม่ ๆ
ขยายพื้นที่ใหม่ ๆ อย่างขนานใหญ่ในชุมชนท่าข้าม ขณะเดียวกันพื้นที่นาก็ลดลง
อย่างรวดเร็ว เหลือไวส้ ำ� หรบั การเพาะปลูกเพื่อการบรโิ ภคภายในครอบครวั เท่าน้ัน
ต่อมาชุมชนติดต่อกับชุมชนภายนอกมากข้ึนด้วยระบบการคมนาคมขนส่ง
ท่ีสะดวกรวดเร็ว มีมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ว่ิงในถนนสายหลักท่ีราดยางท่ีชาวบ้าน
เรียกวา่ “ถนน รพช.” ของสำ� นักงานเร่งรดั พัฒนาชนบท รวมท้งั การรบั รู้ข่าวสารจาก
โลกภายนอกผา่ นทางสือ่ โทรทัศน์ วทิ ยุกระจายเสยี ง ภาพยนตร์ ฯลฯ
เมือ่ เสาไฟฟ้าตน้ แรกปกั เสาลงในชุมชนทา่ ข้ามเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๓ ความเจรญิ
มาถึงบันไดบ้าน หลายครัวเรือนมีเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหม้อหุงข้าว พัดลม ตู้เย็น
ก่อนไฟฟ้าเข้ามาถงึ ๗ - ๘ เดอื น

การเข้ามาของโรงงานอตุ สาหกรรมและบา้ นจดั สรร
พ.ศ. ๒๕๒๔ เกิดโรงงานอุตสาหกรรม
เกย่ี วกบั การแปรรปู อาหารทะเล สตั วน์ ำ้� ทะเลแชแ่ ขง็
อาหารกระป๋อง มาตั้งในหมู่ที่ ๑ บ้านแม่เตย
พ้ืนที่นาถูกกว้านซื้อ แปรสภาพเป็นโรงงาน
คนหนมุ่ สาวมงุ่ หนา้ ทำ� งานในโรงงาน เกดิ ปญั หา
ผลกระทบดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ทง้ั นำ้� เสยี เสยี ง กลน่ิ
บ่อน�้ำตน้ื ใชด้ ื่มกนิ ไม่ได้ พน้ื ท่นี ารอบ ๆ โรงงาน
ไม่สามารถเพาะปลูกได้กลายเป็นนาร้างไปท่ัว
บรเิ วณ

ชาวบ้านละแวกนนั้ บอกว่า “นารา้ งเร่มิ ต้นท่นี ่ี คนแม่เตยซือ้ ขา้ วกนิ ก่อนใคร”

องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 11

หลังเกิดเหตุการณ์นำ้� ท่วมใหญ่ในเมืองหาดใหญ่ พ.ศ. ๒๕๔๓ และ ๒๕๕๓
เกดิ การหลงั่ ไหลของผคู้ นในเขตเมอื งเขา้ มาซอื้ ทดี่ นิ เพอื่ ปลกู สรา้ งทอี่ ยอู่ าศยั โดยเฉพาะ
ในหมู่ที่ ๘ บ้านเขากลอยตก ตามแนวถนนบ้านเขากลอย - ทุ่งรี ราคาที่ดินสูงข้ึน
๓ - ๔ เทา่
บา้ นแมเ่ ตยมหี มบู่ า้ นจดั สรรทด่ี ำ� เนนิ การแลว้ ๒ โครงการ พน้ื ท่ี ๖๓ ไร่ จำ� นวน
๒๕๓ ยนู ติ ราคาตง้ั แต่ ๑,๕๐๐,๐๐๐ - ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท อยใู่ นขน้ั ตอนกำ� ลงั ดำ� เนนิ การ
อกี ๒ โครงการ ขณะพนื้ ทอ่ี น่ื ๆ กม็ กี ารซื้อขายกันโดยท่วั ไป
พ.ศ. ๒๕๕๓ พบวา่ ปจั จบุ นั ชมุ ชนทา่ ขา้ มมสี ดั สว่ นการประกอบอาชพี สว่ นใหญ่
เป็นเกษตรกรและท�ำนา รองลงมาท�ำงานรับจ้างบริษัทเอกชน ธุรกิจส่วนตัวและ
รบั ราชการ

ชอื่ บ้านนามเมอื ง

ภมู ปิ ัญญาในการต้งั ช่อื บ้านนามเมอื งของบรรพชนท่าข้ามมาจากบอ่ บม่ เพาะ
อันเน่ืองมาจากสภาวะตามธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพเกิดภูมิปัญญา
ต้ังถน่ิ ฐาน ความหลากหลายทางภมู ิศาสตรเ์ กิดภูมปิ ญั ญาในการจงั้ ชอื่ บา้ นนามเมอื ง
โดยใช้สภาพภูมิศาสตร์ผนวกกับทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งนั้น หรือลักษณะ
การทำ� มาหากนิ เปน็ ชอื่ บา้ นนามเมอื ง เชน่ บา้ นหนอง/บวั บา้ นทา่ /ขา้ ม บา้ นคลอง/จกิ
บ้านเขา/กลอย บา้ นเกาะ/ปลัก เป็นตน้

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

12 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ประวัตคิ วามเป็นมาของหมูบ่ า้ น

บ้านท่าข้าม
บ้านท่าข้าม หมู่ท่ี ๓ ต�ำบลท่าข้าม
ตามค�ำบอกเล่าของชาวบ้านท่ีสืบต่อกันมา
มี ๓ กระแสคือ เดิมช่ือบ้านท่านางข้าม
มาจากเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนท่ีภูเขาหลง สแี่ ยกนาหลา
(ปจั จบุ นั อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกของหมทู่ ี่ ๕ บา้ นหนองบวั ) มถี ำ้� ซง่ึ นางศกั ดสิ์ ทิ ธอิ์ าศยั อยู่
ภายในถ�้ำมีข้าวของเครื่องใช้มากมายโดยเฉพาะของใช้ส�ำหรับการจัดเล้ียง เช่น ถ้วย
ชาม ชอ้ น หมอ้ ตา่ ง ๆ ชาวบา้ นในละแวกนนั้ เมอื่ มกี ารจดั เลย้ี งหรอื งานบญุ ทบ่ี า้ นกจ็ ะ
ไปท่ีปากถ้�ำ น�ำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชานั่งลงพนมมืออธิษฐานขอยืมเคร่ืองใช้จาก
นางผู้ศักด์สิ ิทธิ์ เมื่อจบค�ำอธิษฐานข้าวของเคร่ืองใช้ทต่ี ้องการก็จะปรากฏอยูต่ รงหนา้
เม่ือเสร็จงานก็น�ำมาคืนที่ปากถ�้ำ ต่อมาชาวบ้านท่ียืมของไปใช้แล้วไม่ยอมน�ำมาคืน
หลายครั้งเข้านางบังเกิดความเสียใจจึงปิดปากถ้�ำและเหาะหนีไปอยู่ที่อ่ืนโดยผ่าน
ทา่ ข้าม ชาวบา้ นจงึ เรยี กวา่ “ท่านางขา้ ม” ต่อมากรอ่ นมาเป็น “ท่าข้าม” จนปัจจุบนั
อกี กระแสหน่งึ เลา่ วา่ ในหมทู่ ่ี ๓ ปัจจุบนั หรอื บา้ นท่าข้ามมคี ลองขนาดใหญ่
ท่ีชาวบ้านที่เดินทางเข้าเมืองต้องเดินข้ามคลอง จึงเรียกกันติดปากว่า “ท่าข้าม”
อกี กระแสเล่าวา่ มีหญิงสาวขา้ มคลองไปยงั ท่านางหอมและเสยี ชวี ติ
จากหลกั ฐานเอกสารทางราชการของกรมศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กลา่ วถงึ
การตงั้ วดั ทา่ ขา้ มวา่ สรา้ งเปน็ วดั เมอ่ื พ.ศ. ๒๒๐๐ แสดงวา่ บา้ นทา่ ขา้ มมกี ารตงั้ ถนิ่ ฐาน
เปน็ ชมุ ชนมานานกอ่ น พ.ศ. ๒๒๐๐ ตรงกบั สมยั พระนารายณม์ หาราช หรอื สมยั กรงุ ศรี
อยธุ ยาตอนปลาย เปน็ ชมุ ชนแรก ๆ ของตำ� บลทา่ ขา้ ม หนงึ่ ในหา้ ชมุ ชนทไ่ี ดร้ บั การรวมเขา้
เป็นพื้นท่ีของต�ำบลท่าข้ามในยุคแรก คือ บ้านแม่เตย บ้านท่าข้าม บ้านหินเกลี้ยง
บ้านเขากลอยและบา้ นหนองบวั มีพน้ื ทที่ ้ังหมด ๑,๕๖๐ ไร่ หรือ ๒.๕ ตารางกโิ ลเมตร
วัดท่าข้ามสร้างขึ้นเป็นวัดนับต้ังแต่ พ.ศ. ๒๒๐๐ ได้รับพระราชทาน
วสิ งุ คามสมี า ประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๐ เขตวสิ งุ คามสมี ากวา้ ง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๑๕ เมตร
ได้ผูกพัทธสีมาประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 13

โรงเรยี นวดั ทา่ ขา้ มเปดิ ทำ� การสอนครง้ั แรกเมอ่ื วนั ที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือติดต่อกับหมู่ที่ ๒ ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา ทิศใต้ติดต่อกับหมู่ที่ ๕ และ ๘ ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา ทิศตะวันออก ติดต่อกับหมู่ที่ ๕ ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา และต�ำบลพะวง อ�ำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทิศตะวันตกติดต่อกับ
หมู่ที่ ๒ และ ๔ ตำ� บลท่าขา้ ม อำ� เภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา

บ้านหนิ เกลยี้ ง
หมทู่ ี่ ๖ ตำ� บลทา่ ข้าม จากคำ� บอกเล่าของชาวบา้ นเลา่ ต่อ ๆ กันมาว่า แตเ่ ดมิ
มีหินใหญ่ก้อนหน่ึงกลิ้งจากบนเขามาอยู่หน้าหมู่บ้าน ต่อมาหินก้อนน้ันถูกแดดลม
นำ�้ ฝน นำ�้ คา้ งขดั เกลาจนมลี กั ษณะผวิ เกลย้ี งเกลา ชาวบา้ นเลยเรยี กวา่ “บา้ นหนิ เกลยี้ ง”

จากหลกั ฐานเอกสารของทางราชการ กรมศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารพบวา่
วัดหินเกล้ียงสร้างเป็นวัดเม่ือ พ.ศ. ๒๓๐๐ แสดงว่าชุมชนบ้านหินเกล้ียงมีการ
ตั้งถ่ินฐานก่อน พ.ศ. ๒๓๐๐ หรือก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๓๑๐)
เปน็ หมู่บา้ นกลมุ่ แรกตอนมกี ารจัดตง้ั ตำ� บลทา่ ข้าม ร่วมกบั หมู่บา้ นอ่ืนอีก ๔ หมบู่ ้าน
คอื บา้ นทา่ ขา้ ม บา้ นแมเ่ ตย บา้ นเขากลอยและบา้ นหนองบวั มพี น้ื ทท่ี งั้ หมด ๓,๙๕๐ ไร่
โรงเรียนวัดหินเกล้ียงกอ่ ต้ังเมอ่ื วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๒
บ้านหินเกลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของต�ำบลท่าข้าม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ
ต�ำบลท่าข้าม ต้ังแต่สมัยโบราณ เป็นชุมชนเก่า มีขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา
การละเล่นพ้นื เมือง เป็นมรดกทางวฒั นธรรม
“หินเกล้ียง” ต้ังชื่อตามลักษณะธรรมชาติ เพราะสภาพแวดล้อมหมู่บ้าน
อยบู่ รเิ วณภเู ขา มหี นิ มากมายสมยั กอ่ นนานนบั กวา่ ๒๐๐ ปี มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาตาม

องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

14 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ทผี่ เู้ ฒา่ ผแู้ กไ่ ดเ้ ลา่ ขานสบื ตอ่ กนั มาวา่ มหี นิ กอ้ นหนง่ึ ไดก้ ลงิ้ ลงมาจากภเู ขา มชี าวบา้ น
ผ่านไปพบเห็นจึงท�ำให้เล่าขานกันไปต่าง ๆ นานา ก็เลยกลายมาเป็นช่ือหมู่บ้าน
“หินกลิ้ง” ตามชื่อหินก้อนน้ัน แต่ท่ีส�ำคัญในหินก้อนน้ัน มีเสียงดังมาจากก้อนหิน
จงึ ทำ� ใหผ้ คู้ นเลา่ ลอื เกดิ ความศรทั ธา วา่ มขี องมคี า่ หรอื อะไรอยใู่ นหนิ กอ้ นนน้ั เมอื่ เกดิ
สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ กต็ อ้ งสญู เสยี หนิ กอ้ นดงั กลา่ วไป เมอื่ ญปี่ นุ่ เขา้ มาพบเหน็ หนิ กอ้ น
ดงั กลา่ ว กไ็ ดผ้ า่ หนิ กอ้ นนนั้ ออกแลว้ เอาของมคี า่ ทอ่ี ยใู่ นกอ้ นหนิ นน้ั ไป ชาวบา้ นทเ่ี หน็
ญป่ี นุ่ ผา่ หนิ กอ้ นนนั้ กไ็ ดร้ อ้ งบอกตอ่ ชาวบา้ นคนอน่ื ๆ วา่ หนิ กอ้ นนน้ั เกลย้ี งแลว้ ญป่ี นุ่
เอาไปหมดแล้ว ก็เลยกลายเป็นที่มาของ ค�ำว่า “หินเกล้ียง” จากหินกลิ้งมาเป็น
หินเกล้ียงตามค�ำเล่าลื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้น ต่อมาหินกล้ิงได้ปรากฏชื่ออยู่ใน
ตำ� บลท่าข้ามตามทางราชการก�ำหนดได้ใชช้ อ่ื “บ้านหนิ เกลี้ยง” ในปัจจบุ ัน
พนื้ ท่ี ๖.๓๒ ตารางกโิ ลเมตร สภาพภมู ปิ ระเทศเปน็ พนื้ ทรี่ าบเชงิ เขา เหมาะแก่
การเพาะปลูก เลย้ี งสตั ว์ ส่วนข้างหลงั หมบู่ า้ นเปน็ ภเู ขา มีแนวยาวจากทิศตะวันออก
ไปทางทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กบั เขตตำ� บลทงุ่ หวงั อำ� เภอเมอื ง และตำ� บลพจิ ติ ร อำ� เภอนาหมอ่ ม
จึงเหมาะแก่การทำ� สวนยางพารา ไมผ้ ล

บา้ นแมเ่ ตย
แต่เดิมบริเวณหมู่บ้านมีแม่น�้ำไหลผ่าน
ช่ือว่า “คลองวังนายสาม” มีต้นเตยขนาดใหญ่
จ�ำนวนมากเป็นสัญลักษณ์ ท�ำให้ชาวบ้านเรียก
บรเิ วณทต่ี ง้ั หมบู่ า้ นวา่ “บา้ นแมเ่ ตย” จากหลกั ฐาน
เอกสารของทางราชการ กรมการศาสนา กระทรวง
ศึกษาธิการระบุว่า วัดแม่เตยจัดสร้างเป็นวัดเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๐๑ ใกลเ้ คยี งกบั วดั หนิ เกลยี้ ง หลงั วดั ทา่ ขา้ ม
รว่ ม ๑๐๐ ปี ตรงกับสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย
กอ่ นเสยี กรงุ ครงั้ ท่ี ๒ เปน็ หนงึ่ ในหา้ หมบู่ า้ นกลมุ่ แรก
ท่ีรวมกันเป็นต�ำบลท่าข้าม ร่วมกับบ้านท่าข้าม
บ้านหินเกล้ียง บ้านเขากลอยและบ้านหนองบัว
พน้ื ท่ี ๓.๙๔ ตารางกโิ ลเมตร

องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลทา่ ขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 15

ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศโดยทวั่ ไปเปน็ ทรี่ าบ ใชท้ ำ� สวนยางพารา และเปน็ ทตี่ งั้ ของ
โรงงานอุตสาหกรรม ได้รบั อิทธพิ ลจากลมมรสมุ ฤดรู ้อนพัดผ่าน
หมทู่ ่ี ๑ เชอื่ กนั วา่ ชอื่ บา้ นแมเ่ ตยมาจากในหมบู่ า้ นมตี น้ เตยขนาดใหญท่ ชี่ าวบา้ น
บอกรถโดยสารวา่ ใหจ้ อดตรงตน้ เตยตน้ ใหญซ่ ง่ึ ชาวบา้ นเรยี กของทใ่ี หญว่ า่ “แม”่ บา้ นนี้
จึงได้ช่ือว่า “แม่เตย” อีกต�ำนานหน่ึงบอกว่า แม่เตยมาจากช่ือภรรยาของนายสาม
ผมู้ ากบารมอี นั เปน็ ทม่ี าของชอื่ “คลองวงั นายสาม” กลา่ วกนั วา่ นายสามมคี วามสำ� คญั
เปน็ ทน่ี บั หนา้ ถอื ตาของชาวบา้ นพอ ๆ กบั กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ชาวบา้ นจงึ เรยี กหมบู่ า้ นน้ี
ว่า “บ้านแม่เตย” ตามช่ือของภรรยานายสาม แต่เมื่อสอบถามความเห็นแล้ว
ชาวบ้านส่วนใหญ่เช่ือว่าชื่อหมู่บ้านมาจากมีเตยต้นใหญ่มากกว่ามีพื้นที่ทั้งหมด
๒,๖๖๔ ไร่ โรงเรียนวดั แมเ่ ตย ก่อตงั้ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๗๖

บา้ นคลองจกิ
จากการสัมภาษณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนี้ ทราบว่า แต่เดิมหมู่บ้านนี้มีคลอง
ตัดผ่านหมู่บ้านและ มีต้นจิกใหญ่อยู่ริมคลองแห่งน้ี ชาวบ้านจึงเรียกช่ือหมู่บ้านน้ีว่า
“บ้านคลองจิก” มาจนถึงปจั จบุ นั เป็นหมู่บ้านท่ีขยายตัวมาเป็นหม่บู า้ นในตอนหลงั
หลงั จากมกี ารจดั ตงั้ ตำ� บลทา่ ขา้ มจากการรวมหา้ หมบู่ า้ นแรก ๆ ดงั กลา่ วขา้ งตน้ พน้ื ที่
๔.๖ ตารางกิโลเมตร

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลท่าขา้ ม

16 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

เป็นพื้นที่ราบ ดินอุดมสมบูรณ์ มีคลองไหลผ่านเหมาะแก่การท�ำเกษตร
ปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ ท�ำสวนยางพารา อยู่ในเขตลมมรสุมฤดูร้อนพัดผ่าน คือ
ลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ ชว่ งเดือนตลุ าคมถึงกลางเดือนมกราคมและลมมรสมุ
ตะวันตกเฉียงใต้ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมกราคม ส่งผลให้มีฤดูร้อน
เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม ส่วนฤดูฝนเร่ิมต้ังแต่เดือนสิงหาคมถึง
เดอื นมกราคม
อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับหมู่ที่ ๑ ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่
จังหวดั สงขลา ทศิ ใต้ ติดต่อกับหมูท่ ี่ ๔ ตำ� บลท่าขา้ ม อำ� เภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา
ทิศตะวันออก ติดต่อกับหมู่ที่ ๓ ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
และต�ำบลพะวง อ�ำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทิศตะวันตก ติดต่อกับต�ำบลทุ่งใหญ่
อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีพ้นื ทท่ี ั้งหมด ๒,๘๖๔ ไร่

บา้ นปกี (เกาะปลัก)
บ้านปกี ต้งั ช่ือตามลกั ษณะทางธรรมชาติ จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่
ในหมู่บ้านบอกว่าหมู่บ้านนี้แต่เดิมมีต้นปีกต้นไม้ขนาดใหญ่คล้ายต้นยาง หรือ
อีกนัยหน่ึงหมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลจากชุมชนอ่ืนเรียกว่า “ปลีก” ออกไปจากชุมชน
แบบโดดเดี่ยว พื้นท่ีเป็นที่ราบเหมาะแก่การเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ หลังหมู่บ้านเป็นที่
ราบลุ่ม เป็นทุ่งนา สวนยาง เหมาะแก่การท�ำสวนยางพารา ไม้ผล มีคลองแม่ทวด
ไหลผ่านอยู่ในหมู่ท่ี ๔ เป็นหมู่บ้านที่เกิดทีหลัง หลังจากการจัดตั้งต�ำบลท่าข้ามแล้ว
ระยะหนงึ่ มีพ้นื ทีท่ ้งั หมด ๑,๖๕๐ ไร่

บ้านหนองบัว
บ้านหนองบัวเป็นส่วนหนึ่งของต�ำบลท่าข้าม ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกของ
ต�ำบลท่าขา้ ม ตัง้ แตส่ มัยโบราณ เปน็ ชุมชนเกา่
มีขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา การละเล่น
พ้ืนเมือง เป็นมรดกทางวฒั นธรรม เปน็ หมู่บ้าน
ไทยพุทธ และมุสลิม สองศาสนาอยู่ร่วมกัน
อย่างมีความสขุ

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 17

“บ้านหนองบัว” ตัง้ ชอื่ ตามลกั ษณะธรรมชาติ เพราะสภาพแวดลอ้ มหมู่บา้ น
อยูบ่ ริเวณเชงิ ภูเขา มหี นองคลองบึงมากมายสมยั กอ่ นนานนบั กว่า ๒๐๐ ปี มปี ระวตั ิ
ความเป็นมาตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าขานสืบต่อ กันมา ว่าเม่ือก่อนมีหนองน้�ำใหญ่
ในหมู่บ้าน ในหนองน�้ำนั้นมีบัวเต็มไปหมด ทุก ๆ วันจะมีดอกสวยงามบานสะพรั่ง
ชาวบา้ นเรยี กขานตามธรรมชาติ “หนองบวั ” มชี าวบา้ นผา่ นไปมาตลอดและชาวบา้ น
ก็ท�ำมาหากินในหนองน้�ำน้ันอยู่บ่อย ๆ มีการหากบ หาปลา อยู่มาวันหน่ึงมีชาย
คนหนึ่งได้ไปหา กบ หาปลา ได้เห็นส่งแปลกประลาดโผล่ข้ึนมาจากหนองน�้ำทม่ี บี วั
เต็มไปหมด ซึ่งเป็นไหและชายคนน้ัน
กค็ ดิ ไปวา่ นา่ จะมที รพั ยส์ มบตั หิ รอื เงนิ ทอง
อยู่ในไหใบนั้น จึงพยามจะเอาไหใบนั้น
แต่เอาไม่ได้ ชายคนน้ันก็ได้เฝ้าอยู่
หลายวนั ไหใบนั้นจะโผล่ทุก ๆ วนั พระ
ชายคนน้ันพยามจะเอาไหแต่เอาไม่ได้
กเ็ ลยไปบอกกล่าวใหเ้ พือ่ นคนอน่ื ๆ ฟัง
ปากต่อปากท�ำใหช้ าวบ้านแถวน้นั แหม่ าดู ทำ� ให้ไหใบนนั้ หายไปเลย ไม่โผลม่ าให้ใคร
เหน็ อกี เลย กเ็ ลยกลายมาเปน็ ชอื่ หมบู่ า้ น “หนองบวั ” ตามชอ่ื หนองนำ�้ นนั้ ไดป้ รากฏชอ่ื
อยู่ในต�ำบลท่าข้ามตามทางราชการก�ำหนดได้ใช้ชื่อ “บ้านหนองบัว” ในปัจจุบัน
เป็นหมู่บ้านกลุ่มแรกตอนต้ังเป็นต�ำบลท่าข้ามพร้อมอีกส่ีหมู่บ้านดังกล่าวข้างต้น
พืน้ ท่ี ๔.๖๘ ตารางกิโลเมตร
เป็นพืน้ ทรี่ าบเชงิ เขา เหมาะแก่การเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ สว่ นข้างหลังหมบู่ ้าน
เป็นภูเขา มีแนวยาวจากทิศตะวันออกไปทางทิศใต้ ติดต่อกับเขตต�ำบลทุ่งหวัง
อำ� เภอเมอื ง และตำ� บลพจิ ติ ร อำ� เภอนาหมอ่ ม จงึ เหมาะแกก่ ารทำ� สวนยางพารา ไมผ้ ล
หมู่ท่ี ๕ ปลาย ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) พระยาวิเชยี รครี ี (ชม) ผู้วา่ ราชการ
เมืองสงขลาเห็นว่า กรมการในเมืองสงขลามีมาก ไม่มีประโยชน์อันใดจึงคิดยกเลิก
นายอ�ำเภอและนายแขวงเสีย ต้ังเป็นต�ำบลบ้านคือบ้านหนึ่งมีนายบ้านผู้หนึ่งก�ำกับ
ดังน้ันอ�ำเภอหน่ึงจึงแยกมีนายบ้านหลายสิบต�ำบล นายบ้านทั้งปวงในอ�ำเภอหน่ึง
ใหร้ วมไปขึ้นกับกรมการเมืองผหู้ น่งึ บริเวณอำ� เภอหาดใหญใ่ นปัจจุบันสมยั นน้ั รวมถึง
ท้องท่ีอ�ำเภอนาหม่อม อ�ำเภอหลองหอยโข่ง อ�ำเภอบางกล�่ำอยู่ในการปกครอง

องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ขา้ ม

18 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ของหลวงรกั ษาพลสยาม ประกอบดว้ ยบา้ นต่าง ๆ ๑๑๓ บ้าน เรือน ๒,๘๐๕ เรือน
วดั ๑๔ อาราม ปรากฏชอื่ บ้านหนองบัว ๒๒ เรือนของตำ� บลทา่ ข้าม มพี ื้นที่ทัง้ หมด
๒,๙๒๖ ไร่

บ้านเขากลอยออก
บา้ นเขากลอยออก จากการสมั ภาษณผ์ เู้ ฒา่ ผแู้ ก่ในหมบู่ า้ นน้ี ทราบว่า แตเ่ ดิม
ชาวบ้านอาศัยอยบู่ นเขาในบริเวณใกลเ้ คียงกนั และก็ได้อพยพมาอยทู่ ี่บ้านเขากลอย
จ�ำนวนมาก ช่ือบ้านเขากลอยน้ันเรียกตามพ้ืนท่ีซ่ึงบริเวณนั้นมีต้นกลอยขึ้นอยู่มาก
ตอ่ มาทางราชการแบง่ เขตหมบู่ า้ นนอ้ี อกเปน็ ๒ หมบู่ า้ น คอื บา้ นเขากลอยออก หมทู่ ี่ ๗
ซึ่งต้ังอยู่ทางทิศตะวันออก และบ้านเขากลอยตกหมู่ที่ ๘ ซึ่งต้ังอยู่ทางทิศตะวันตก
หมู่บ้านน้ีอยู่ทางทิศตะวันออก จึงเรียกหมู่บ้านน้ีว่า “บ้านเขากลอยออก”
พน้ื ท่ี ๓.๗๘ ตารางกโิ ลเมตร
สภาพภมู ิประเทศพอสงั เขป
บา้ นเขากลอยออก ตงั้ อยหู่ ม่ทู ่ี ๗ ต�ำบลท่าข้าม เป็นพื้นทล่ี าดเชงิ เขา มีพ้ืนที่
หมบู่ า้ น ๓.๗๘ ตารางกโิ ลเมตร พน้ื ทท่ี ำ� การเกษตร ๓.๐๔ ตารางกโิ ลเมตร อยหู่ า่ งจาก
อ�ำเภอหาดใหญ่ ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร มีพื้นที่ท้ังหมด
๒,๓๖๐ ไร่

บา้ นเขากลอยตก
บ้านเขากลอยตกเป็นส่วนหนึ่งของต�ำบลท่าข้าม ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกของ
ต�ำบลท่าข้าม ตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นชุมชนเก่า มีขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา
การละเลน่ พน้ื เมือง เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม
“บ้านเขากลอยตก” ต้ังชื่อตามลักษณะธรรมชาติ เพราะสภาพถูกแวดล้อม
ด้วยภเู ขา มลี �ำคลองหนองบึงมีวฒั นธรรมประเพณสี ืบตอ่ กนั มา นานนับกวา่ ๒๐๐ ปี
ประวัติความเป็นมายังไม่มีแน่ชัด แต่จากผู้เฒ่าได้กล่าวมาว่าเม่ือก่อนมีต้นกลอยข้ึน
มากมาย เลยต้ังเป็นช่ือหมู่บ้าน เพี้ยนจากค�ำว่า “ต้นกลอย” มาเป็น “เขากลอย”
ในปัจจุบันนั้น เนื่องจากบ้านเขากลอยเป็นชุมชนใหญ่ มีประชากรเพ่ิมข้ึนเรื่อย ๆ
มากเกินไปต่อการปกครอง ก็เลยแบ่งแยกออกไปเป็น ๑ หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ ๗

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 19

บ้านเขากลอยออก และหมู่ ๘
บ้านเขากลอยตก บ้านพี่เมืองน้อง
พ้นื ท่ี ๖.๒๕ ตารางกิโลเมตร

บ้านเขากลอยตกจัดเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมซ่ึงสามารถรองรับแรงงานของ
คนในชุมชนและต้องการการพัฒนาด้านอาชีพในส่วนของการให้ความรู้ความเข้าใจ
อย่างต่อเน่ืองในการประกอบอาชีพของคนในชุมชนทั้งทางด้านการเกษตรและ
การประกอบอาชพี ในโรงงานอตุ สาหกรรม
หม่ทู ่ี ๘ มีพืน้ ท่ีทั้งหมด ๓,๙๐๐ ไร่
วัดเขากลอยสร้างข้ึนเป็นวัดนับตังแต่วันท่ี ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ โดยมี
นายมงคล นางหนูนุ้ย พุทธวาศรี บริจาคท่ีดินถวายแด่ท่านอาจารย์คง อุตฺตโม
เพื่อด�ำเนินการสร้างวัด ต่อมาได้รับการทะนุบ�ำรุงจากประชาชนด้วยดี มีผู้มา
สร้างอาคารและถาวรวัตถุต่าง ๆ ถวายไว้ที่ควรกล่าวถึงมี นายค�ำนึง อุไรรัตน์
นางแดง อินทสวุ รรณโณ เป็นตน้
วัดเขากลอยได้รบั พระราชทานวิสงคามสมี าวนั ท่ี ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร
โรงเรียนวัดเขากลอยเปิดสอนครั้งแรกเม่ือวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๕
ณ บริเวณวดั ทา่ ขา้ มในปจั จุบนั ใชช้ ือ่ วา่ โรงเรียนประชาบาล ตำ� บลท่าขา้ ม

สภาพทัว่ ไป

ชุมชนท่าข้ามปัจจุบันมีสถานภาพเป็นองค์การบริหารส่วนต�ำบล เป็นชุมชน
ชานเมืองสงขลาและหาดใหญ่ ห่างจากสองเมืองใหญ่ประมาณ ๒๑ กิโลเมตร
โดยเส้นทางรถยนต์บนถนนกาญจนวนิช ท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างถนนติดต่อระหว่างเมืองสงขลากับไทรบุรีหรือ
รฐั เคดาห์ ประเทศมาเลเซยี เปน็ เสน้ ทางขา้ มคาบสมทุ รสายแรก (เสน้ ทางสายสงขลา -

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าข้าม

20 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
หาดใหญ่ - พะตง - พังลา - บ้านปริก - สะเดา เป็นเส้นทางการค้ามาก่อนหน้า
นั้นแล้ว) และถนนส�ำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทที่ตัดผ่านเช่ือมต่อกับถนนสายหลัก
ดังกล่าวในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ถนนบ้านสายใหม่ - บ้านควนหินหรือทางหลวงชนบท
สาย สข.๓๐๓๑ เชอื่ มตอ่ ถนนกาญจนวนชิ ไปจดถนนปณุ ณกณั ฑส์ ายบา้ นทงุ่ รี - เขากลอย
ท่ีสามแยกหน้าวัดเขากลอย ถนนหัวนอนถนน - บ้านทุ่งหวังหรือทางหลวงชนบท
สาย สข.๓๐๐๕ ถนนทุ่งรี - บ้านเขากลอยหรอื ถนนปณุ ณกัณฑ์ และถนนบา้ นแมเ่ ตย

ทีต่ ง้ั และอาณาเขต
ทศิ เหนอื ตดิ กบั ตำ� บลพะวง อำ� เภอเมอื งสงขลา
ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ ตำ� บลเนนิ พจิ ติ ร อำ� เภอนาหมอ่ ม
จงั หวดั สงขลา
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ ตำ� บลทงุ่ ใหญ่ ตำ� บลนำ้� นอ้ ย
อำ� เภอหาดใหญ่
ทิศตะวันออก ติดต่อต�ำบลทุ่งหวัง อ�ำเภอ
เมอื งสงขลา
ประกอบด้วย ๘ หม่บู ้าน คอื หมูท่ ี่ ๑
บ้านแม่เตย หมู่ที่ ๒ บ้านคลองจิก หมู่ที่ ๓
บ้านท่าข้าม หมู่ท่ี ๔ บ้านปีก หมู่ท่ี ๕
บ้านหนองบวั หม่ทู ี่ ๖ บา้ นหินเกลีย้ ง หมทู่ ่ี ๗
บา้ นเขากลอยออก และหมทู่ ่ี ๘ บา้ นเขากลอยตก
มีพื้นที่ทั้งหมด ๓๓.๙๒ ตารางกิโลเมตร

หรอื ประมาณ ๒๑,๒๐๐ ไร่ มปี ระชากรประมาณ ๘,๖๑๐ คน เป็นชาย ๔,๑๕๘ คน

องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 21

เป็นหญิง ๔,๕๕๒ คน จาก ๓,๖๐๑ ครัวเรือน (ส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอหาดใหญ่
กันยายน ๒๕๖๓) ร้อยละ ๙๐ นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ ๑๐ นับถือศาสนาอิสลาม
มีวัดและส�ำนักสงฆ์ ๖ แห่ง มัสยิด ๑ แห่ง มีโรงเรียน ๔ โรง มีพ้ืนท่ีทั้งหมด
๓๓.๙๒ ตารางกิโลเมตร ร้อยละ ๗๕ เป็นพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ท�ำสวนยางพารา
ท�ำนาและท�ำสวนผลไม้ การท�ำสวนยางกระจายไปทุกหมู่บ้านแต่หนาแน่น
ในหมู่ท่ี ๒ (บ้านหนองจิก) หมู่ท่ี ๓ (บ้านท่าข้าม) หมู่ที่ ๔ (บ้านปีก) และหมู่ที่ ๕
(บา้ นหนองบวั ) สวนผลไมห้ มทู่ ่ี ๕ (บา้ นหนองบวั ) หมทู่ ี่ ๖ (บา้ นหนิ เกลยี้ ง) และหมทู่ ี่ ๗
(บ้านเขากลอยออก) ร้อยละ ๑๕ เป็นที่อยู่อาศัย วัด และโรงเรียน ร้อยละ ๗
เปน็ พ้ืนที่สาธารณะประโยชน์ ทุ่งเลี้ยงสัตว์ รอ้ ยละ ๓ เป็นโรงงานทเี่ กย่ี วกบั การผลิต
การแปรรปู สตั วน์ ำ้� ทะเล อาหารแชแ่ ขง็ อาหารกระปอ๋ ง เคมกี ารเกษตร จกั รกลโรงงาน
และการผลติ กล่องบรรจภุ ัณฑ์พาณชิ ย์

สภาพภมู ปิ ระเทศ
ด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ ได้แก่ บ้านหนองบัว บ้านหินเกล้ียง
บา้ นเขากลอยออก และบา้ นเขากลอยตก เปน็ ทล่ี าดเชงิ เขาและลาดเอยี งไปทางทรี่ าบ
บริเวณบ้านแม่เตย บ้านคลองจิก บ้านท่าข้ามและบ้านปีก ลักษณะดินเป็นดินร่วน
ปนทราย มีลำ� คลองไหลผา่ น เช่น คลองเขากลอย คลองแมเ่ ตย วังนายสาม เปน็ ต้น

องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลท่าข้าม

22 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
แม่น้ำ� ลำ� คลอง ชุมชนท่าขา้ มมีล�ำคลองส�ำคญั ไดแ้ ก่

คลองทา่ ขา้ ม ตน้ นำ้� เกดิ จากคลองเขากลอยทไ่ี หลผา่ นบา้ นทา่ ขา้ ม บา้ นเกาะปลกั
บ้านคลองจิก ไปลงคลองวังนายสาม

องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 23

คลองวังนายสาม ต้นน�้ำเกิดจากคลองท่าข้าม ไหลผ่านบ้านแม่เตย
ไปลงคลองน�้ำน้อย

คลองแม่เตย ต้นน้�ำเกิดจากคลองวังนายสามไหลผ่านบ้านแม่เตย
ไปลงคลองน�้ำน้อย

คลองเขากลอย ต้นน้�ำเกิดจากเขากลอยในบ้านเขากลอยตกไหลผ่าน
บา้ นเขากลอยตก บา้ นท่าข้ามไปลงคลองทา่ ขา้ ม
คลองหนองบวั เกดิ จากภเู ขาหลง ไหลผา่ นบา้ นหนองบัวไปลงคลองท่าข้าม

อาชีพของประชากร

อาชพี ของประชากรชมุ ชนทา่ ขา้ มสว่ นใหญค่ อื การเกษตรกรรมทำ� สวนยางพารา
ท�ำนาและสวนผลไม้รอ้ ยละ ๕๓.๖๐ รองลงมาคอื ท�ำงานรับจ้าง เช่น รับจา้ งเกี่ยวขา้ ว
กรีดยาง โรงงาน ก่อสร้าง ร้อยละ ๑๓.๑๕ ท�ำงานบริษัทเอกชน ร้อยละ ๑๒.๑๕
ประกอบธรุ กิจสว่ นตัว/ค้าขาย ร้อยละ ๕.๙๕ และรบั ราชการ รอ้ ยละ ๑๑.๖๖ มีพ้ืนท่ี

องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

24 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ปลกู ยางทงั้ สน้ิ ๒,๐๖๘ ไร่ พน้ื ทที่ ำ� นา ๓๐๒ ไร่
ขา้ วฟ่าง ๑๒ ไร่ มนั ส�ำปะหลัง ๕ ไร่ พริก ๕ ไร่
ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ๑ ไร่ แหล่งท่ีมาของรายได้
มาจากรายไดท้ างการเกษตร รอ้ ยละ ๔๘.๙๔
งานประจ�ำ ร้อยละ ๒๗.๖๘ รับจ้าง ร้อยละ
๑๓.๕๑ และบตุ รหลานสง่ ให้ รอ้ ยละ ๒.๑๒

การคมนาคม

ถนนกาญจนวนชิ ตดั ผา่ นระหวา่ งสงขลา - หาดใหญ่ - ชายแดนมาเลเซยี เปน็
เสน้ ทางการคา้ สำ� คญั ระหวา่ งไทย - มาเลเซยี (ไทรบรุ หี รอื เคดาห)์ เดมิ เรยี กถนนไทรบรุ ี
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ โปรดเกลา้ ฯ
ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (บุญสังข์ ณ สงขลา) จัดสร้างจากสงขลาไปไทรบุรี เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๐๕ เรมิ่ ตน้ จากมมุ กำ� แพงวดั ไทรงาม ตำ� บลบอ่ ยาง เปน็ เสน้ ทางขา้ มคาบสมทุ ร
เป็นสายแรกมีผลให้เมืองสงขลาและหาดใหญ่กลายเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อ
ทางบกบริเวณตอนกลางของคาบสมุทรมลายู หาดใหญ่เริ่มกลายเป็นศูนย์กลาง
ของชุมชนในการติดต่อตามเส้นทางดังกล่าว ดังจดหมายเหตุพระราชกิจในรัชกาล
ท่ี ๕ กล่าวถึงตอนเสด็จพระราชด�ำเนินกลับจากอินเดียผ่านทางเมืองไทรบุรีมาออก
เมืองสงขลาเม่อื พ.ศ. ๒๔๑๕ วา่
“ณ วันจนั ทร์ ขึ้น ๒ คำ่� เดอื น ๕ เวลายำ�่ รงุ่ แลว้ เสดจ็ ข้นึ ทรงมา้ พระทน่ี ง่ั
มาตามระยะทางสถลมารค เวลาเช้า ๕ โมงเศษ ถึงพลบั พลาทป่ี ระทับร้อน
เข้าในเมืองสงขลา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จชึ้นทรงมา้ มาตามระยะทาง
เวลาบา่ ย ๕ โมงเศษ ถึงพลบั พลาท่ีประทบั แรมหาดใหญ่ รงุ่ ขน้ึ ณ วนั องั คาร
ข้นึ ๓ ค�่ำ เดือน ๕ เวลา ๒ โมงเศษ เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ จากทีป่ ระพับแรม
หาดใหญ่ ทรงเรอื พระทนี่ ั่งเก๋ง มาตามทางชลมารค เวลาเท่ียงถึงพลบั พลา
ที่ประพบั แรมเกาะยอ”
(สงบ สง่ เมือง และลักษมี จริ ะนคร. ๒๕๔๒ : ๘๖๐๒)

องค์การบริหารสว่ นตำ� บลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 25

ถนนกาญจนวนชิ สมัยสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ญ่ีปนุ่ บุกสงขลา

ถนน รพช.สายใหม่ ควนหิน - เขากลอย หรือถนนสาย สข.๓๐๐๑ แยกจาก
ถนนกาญจนวนิชท่ีบ้านควนหิน ต�ำบลน้�ำน้อยผ่านส่ีแยกนาหลาไปบรรจบ
ถนนปุณณกณั ฑ์ สายทงุ่ รี - เขากลอยที่สามแยกหน้าวัดเขากลอย

ถนนรพช.สายหวั นอนถนน
- บ้านทุ่งหวัง หรือถนนสาย
สข.๓๐๐๕ ตัดผ่านสี่แยกนาหลา
ไปออกสามแยกถนนสาย ๔๐๘
(สงขลา - จะนะ)

ถนน รพช.สายทงุ่ รี - เขากลอย
หรือถนนปุณณกันฑ์ จากบ้านทุ่งรี
เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ไปบรรจบ
ถนนสายควนหิน - เขากลอยหรือ
ถนนสาย สข.๓๐๓๑ ท่ีสามแยก
หนา้ วดั เขากลอย

องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลท่าขา้ ม

26 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
ถนน รพช.สายบา้ นแมเ่ ตย

การมีไฟฟ้าใช้

ยุคแรก ๆ ชาวชุมชนท่าข้ามใช้ไฟส่องสว่างจากตะเกียงน�้ำมันก๊าดและ
ตะเกยี งเจา้ พายุ ใชไ้ มฟ้ นื และถา่ นเปน็ เชอ้ื เพลงิ ในการหงุ ตม้ เวลามงี านรนื่ เรงิ ทงั้ งานวดั
และงานส่วนบุคคลก็ใช้เครื่องไฟแบบเคร่ืองฉุดหรือเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าและ
เคร่ืองขยายเสยี งของเอกชนใหเ้ ชา่ เหมาเรยี กวา่ “เจา้ ของเครื่องไฟ” เป็นบุคคลส�ำคญั
ของชมุ ชนท่ที กุ คนให้ความส�ำคญั และเปน็ ท่ีรจู้ กั
ตอ่ มาประมาณทศวรรษ ๒๕๒๐ เมื่อมถี นนของสำ� นักงานเรง่ รัดพัฒนาชนบท
ตัดผ่านพ้ืนท่ีของต�ำบลท่าข้ามอย่างทั่วถึง กระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าภูมิภาคจาก
อ�ำเภอหาดใหญ่ ผ่านมาทางเส้นทางสายทุ่งรี - เขากลอย โดยเข้ามาที่ชุมชนทุ่งงาย
โดยการดำ� เนนิ การรอ้ งของของนายบา้ นเพชรและนายหนงั จวน แมน่ างลกู เขยรว่ มกบั
เจ้าอาวาสวัดทุ่งงายคือท่านเพชร อินทตโน โดยการอนุเคราะห์ของนายไสว พัฒโน
รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทยในขณะนนั้ (๒๖ พ.ย. ๒๕๒๙ - ๓ ส.ค. ๒๕๓๑)
นายเคร่ง สุวรรณวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหาดใหญ่และอธิการบดี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในขณะน้ันคือ ศ.นพ.ทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์
(พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๒๘)โดยทา่ นเพชรอนิ ทตโน
เจ้าอาวาสวัดทุ่งงายตัดถนนจากทุ่งงาย
มาเขากลอย พ.ต.เปรม อุไรรัตน์ ตัดถนน
สายหินเกลี้ยง - พรุเตาะ

ตลาดนดั นาหลา ทา่ ข้ามปัจจบุ นั

องค์การบริหารสว่ นต�ำบลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 27

ตลาดนัดนาหลาตลาดเกา่ แก่ของชุมชนทา่ ข้าม
ตลาดนัดนาหลาหรือตลาดนัดท่าข้ามในปัจจุบัน ต้ังอยู่บริเวณสี่แยก
กลางชุมชนท่าข้าม ตรงจุดเชื่อมเส้นทางหลักของชุมชนท่ีมาจากน้�ำน้อย ควนหิน
เนนิ พิจิตร หาดใหญ่ พืน้ ท่ีรอยตอ่ ของหมทู่ ี่ ๕, ๗ และ ๘ ต�ำบลท่าขา้ มผูร้ ิเริ่มก่อต้ัง
คอื กำ� นนั พรหมทอง ทองหอม กำ� นนั ตำ� บลทงุ่ ใหญท่ เี่ คยดแู ลปกครองทง้ั ตำ� บลทงุ่ ใหญ่
และตำ� บลทา่ ขา้ มไปพรอ้ ม ๆ กนั รว่ มกบั นายทองเสน ผอ่ งแผว้ สมยั ยงั ไมไ่ ดเ้ ปน็ กำ� นนั
ต�ำบลท่าข้าม เดิมอยู่ห่างจากท่ีปัจจุบันไปทาง อบต. เก่านิดหน่อย ต่อมาย้ายมา
อยใู่ กลส้ แี่ ยก ทเี่ รยี กนาหลาเพราะบรเิ วณนเี้ ปน็ พนื้ ทนี่ าและมศี าลารมิ ทางของชาวบา้ น
ที่เรียกว่า “ศาลากลางหน” ส�ำหรับชาวบ้านที่เดินเท้าผ่านมาได้พักผ่อน ตลาดนัด
แหง่ นเี้ ดมิ ไมม่ กี ารเกบ็ คา่ “หวั หลาด” ไมเ่ หมอื นปจั จบุ นั เปน็ มรดกตกทอดสลู่ กู หลาน
เหลนของกำ� นนั ทองเสน ผอ่ งแผว้ กำ� นนั ตำ� บลทา่ ขา้ ม คอื บตุ รของนางเยาวนี บตุ รสาว
ครูเลื่อน ผ่องแผ้ว เป็นชุมทางการค้าขายแลกเปลี่ยน ที่น่ีเป็นจุดนัดพบของพ่อค้า
แม่ค้าท่ีน�ำสินค้าส�ำคัญและจ�ำเป็นท่ีเป็นผลผลิตของชุมชน เช่น ปลาจากหัวเขาแดง
เครื่องปั้นดินเผาจากเกาะยอ ท่านางหอม ฯลฯ ต้ังแต่สมัยเดินเท้าเข้ามา จนมีถนน
เปน็ ทางเกวยี นทช่ี าวสงขลาแถววดั กลางหรอื วดั มชั ฌมิ าวาสชว่ ยกนั ตดั เสน้ ทางเพอื่ มาทำ� บญุ
ที่วัดเขากลอย ซึ่งเป็นวัดสังกัดนิกายธรรมยุต สาขาของวัดกลางหรือวัดมัชฌิมาวาส
ด้วยศรทั ธาในปู่เจ้าคง อุตตโม อดีตเจา้ อาวาสรปู แรกและผู้ร่วมกอ่ ตัง้ วัดเขากลอย
ปัจจุบันตลาดนาหลายังมีบทบาทส�ำคัญในการเป็นชุมทางแลกเปล่ียนสินค้า
จำ� เปน็ ในชวี ิตประจำ� วนั มีวันนดั สัปดาหล์ ะ ๒ ครัง้ คอื วนั พุธกบั วันเสาร์

สภาวะเศรษฐกจิ ของชมุ ชน หมบู่ า้ น

บา้ นท่าข้าม
พ้ืนที่ ๒.๕ ตารางกิโลเมตร สภาพ
ภมู ิประเทศ ดา้ นทิศตะวนั ออก ทิศใต้ ซ่ึง
ไดแ้ ก่ พนื้ ท่ี ม.๕, ๖, ๗, ๘ เปน็ ทล่ี าดเชงิ เขา
และลาดเอียงไปท่ีราบบริเวณหมู่ที่ ๑,
๒, ๓, ๔ ดินมีลักษณะเปน็ ดินปนทราย มคี ลองไหลผา่ นต�ำบล ซ่งึ เรยี กช่อื ตามพืน้ ที่
ทไี่ หลผ่าน เชน่ คลองเขากลอย คลองแม่เตย และคลองวงั นายสาม

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ขา้ ม

28 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

จำ� นวนประชากร รวมทง้ั สน้ิ ๑,๐๕๑ คน แยกเปน็ ชาย ๔๖๘ คน หญงิ ๕๘๓ คน
จ�ำนวนครัวเรือน ๓๓๙ ครัวเรือน ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) รวมทั้งสิ้น
๒๑๓ คน แยกเป็น ชาย ๖๙ คน หญิง ๑๔๔ คน คนพิการ รวมทั้งส้ิน ๑๙ คน
แยกเปน็ ชาย ๑๑ คน หญิง ๑๗
การประกอบอาชพี เกษตรกรรม (ทำ� ไร/่ ทำ� นา/ทำ� สวน/เลยี้ งสตั ว)์ ๙๙ ครวั เรอื น
ประมง ๒ ครวั เรอื น ค้าขาย ๑๑ ครวั เรือน ทำ� งานประจ�ำ/รบั ราชการ ๒๔ ครวั เรือน
ท�ำงานประจ�ำเอกชน/บริษัท/โรงงาน ๑๙๔ ครัวเรือน อ่ืน ๆ ๙ ครัวเรือน ว่างงาน
จำ� นวน ๓๔ คน
หมบู่ ้าน มรี ายได้ ๕๖,๒๙๐,๕๘๕๐ บาท/ปี รายจ่าย ๑๙,๖๔๘,๐๐๐ บาท/ปี
มีหน้ีสิน ๒,๘๖๔,๕๐๐ บาท รายไดเ้ ฉล่ียของประชากร (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี ๒๕๖๒)
จำ� นวน ๖๗,๑๗๒.๘๕ บาท/คน/ปี ครวั เรอื นยากจน (รายไดไ้ มถ่ งึ ๒๒,๐๐๐ บาท/คน/ป)ี
ปี ๒๕๖๒ จำ� นวน - ครวั เรือน
จ�ำนวน กลุ่มกิจกรรม/อาชีพ/มีจ�ำนวน ๓ กลุ่ม ดังน้ี กลุ่มรับซื้อน้�ำยางสด
“ท่าข้ามยางทอง” กลุ่มรับซ้ือน้�ำยางสด “ยางแก้ว หมู่ท่ี ๓” กลุ่มขนมปั้นสิบไส้ปลา
แซลมอน
กองทุนในหมู่บ้าน มีจ�ำนวน ๖ กองทุน ดังน้ี กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต
กลุ่มออมทรัพย์เยาวชน กองทนุ หมู่บา้ น กองทนุ สจั จะวันละ ๑ บาท สถาบันการเงิน
ชมุ ชน โครงการ กข.คจ.

บ้านหนิ เกล้ยี ง
พื้นท่ี ๖.๓๒ ตารางกิโลเมตร เป็นพ้ืนท่ีราบเชิงเขา เหมาะแก่การเพาะปลูก
เลี้ยงสัตว์ ส่วนข้างหลังหมู่บ้านเป็นภูเขา มีแนวยาวจากทิศตะวันออกไปทางทิศใต้
ติดตอ่ กับเขตต�ำบลทงุ่ หวงั อำ� เภอเมือง และต�ำบลพิจติ ร อ�ำเภอนาหมอ่ ม จึงเหมาะ
แก่การทำ� สวนยางพารา ไม้ผล
จ�ำนวนประชากร รวมท้ังสิ้น ๖๐๗ คน จ�ำนวนครัวเรือน ๑๗๑ ครัวเรือน
แยกเปน็ ชาย ๒๙๓ คน หญงิ ๓๑๔ คน ผสู้ งู อายุ (อายุ ๖๐ ปบี รบิ รู ณข์ น้ึ ไป) รวมทงั้ สนิ้
๑๔๑ คน แยกเป็น ชาย ๖๕ คนหญิง ๗๖ คน คนพกิ าร รวมท้งั สนิ้ ๑๙ คน แยกเป็น
ชาย ๑๒ คน หญิง ๗ คน

องค์การบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 29

หลาต้นโด บ้านหินเกล้ียง พระลากทรงเคร่ืองปางอุ้มบาตร

การประกอบอาชพี เกษตรกรรม (ทำ� ไร/่ ทำ� นา/ทำ� สวน/เลยี้ งสตั ว)์ ๙๐ ครวั เรอื น
ประมง ๒ ครวั เรอื น คา้ ขาย ๑๐ ครวั เรือน ท�ำงานประจ�ำ/รบั ราชการ ๑๐ ครวั เรอื น
ท�ำงานประจ�ำเอกชน/บริษัท/โรงงาน ๓๐ ครัวเรือน อื่น ๆ ๒๙ ครัวเรือน ว่างงาน
จำ� นวน ๓๐ คน
หมู่บ้าน มีรายได้ ๓๐,๓๕๘,๓๐๐ บาท/ปี รายจ่าย ๑๖,๕๒๓,๐๐๐ บาท/ปี
มหี นสี้ ิน ๒,๙๗๒,๗๐๐ บาท
รายไดเ้ ฉลยี่ ของประชากร (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี ๒๕๖๑) จำ� นวน ๖๔,๐๔๗.๐๕ บาท/
คน/ปี ครวั เรอื นยากจน (รายไดไ้ มถ่ งึ ๒๒,๐๐๐ บาท/คน/ป)ี ปี ๒๕๖๒ จำ� นวน - ครวั เรอื น
จ�ำนวน กลุ่มกิจกรรม/อาชีพ/มีจ�ำนวน ๖ กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มเล้ียงผึ้งโพรง
กลมุ่ สกย. บา้ นหนิ เกลย้ี งจำ� กดั กลมุ่ บา้ นขนมหม๖ู่ หนิ เกลย้ี ง กลมุ่ เพาะเหด็ แครง หมู่ ๖
หินเกล้ียง กลุ่มถวั่ คว่ั ทราย กลุ่มขนม
กองทุนในหมู่บ้าน มีจ�ำนวน ๓ กองทุน ดังนี้ กองทุนหมู่บ้านหินเกล้ียง
กลุ่มออมทรัพยบ์ ้านบา้ นหนิ เกล้ียง กลุ่มธนาคารหมบู่ ้านท่งุ ในทรา

บ้านแมเ่ ตย
พนื้ ที่ ๓.๙๔ ตารางกโิ ลเมตร บา้ นแมเ่ ตย แตเ่ ดมิ บรเิ วณหมบู่ า้ นมแี มน่ ำ้� ไหลผา่ น
ชอ่ื วา่ “คลองวงั นายสาม” มตี น้ เตยขนาดใหญจ่ ำ� นวนมากเปน็ สญั ลกั ษณ์ ทำ� ใหช้ าวบา้ น
เรียกบริเวณท่ีต้ังหมู่บ้านว่า “บ้านแม่เตย” ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นท่ีราบ
ใชท้ ำ� สวนยางพารา และเปน็ ทตี่ งั้ ของโรงงานอตุ สาหกรรม ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมมรสมุ
ฤดูรอ้ นพดั ผ่าน จ�ำนวนประชากร รวมทั้งส้ิน ๒,๙๒๙ คน แยกเปน็ ชาย ๑,๓๔๙ คน
หญงิ ๑,๕๘๐ คน จำ� นวนครวั เรอื น ๑,๗๖๓ ครวั เรอื น ผสู้ งู อายุ (อายุ ๖๐ ปบี รบิ รู ณข์ น้ึ ไป)

องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

30 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
รวมทง้ั สน้ิ ๓๙๓ คน แยกเปน็ ชาย ๑๕๗ คนหญงิ ๒๓๖ คน คนพกิ าร รวมทงั้ สน้ิ ๔๑ คน
แยกเป็น ชาย ๑๙ คน หญงิ ๒๒ คน

พระลากทรงเคร่อื ง ทวดววั กระทงิ บนหลาทวด

การประกอบอาชพี เกษตรกรรม (ทำ� ไร/่ ทำ� นา/ทำ� สวน/เลยี้ งสตั ว)์ ๓๔๙ ครวั เรอื น
ค้าขาย ๓๗๔ ครัวเรือน ท�ำงานประจ�ำ/รับราชการ ๒๑๕ ครัวเรือน ท�ำงานประจ�ำ
เอกชน/บรษิ ทั /โรงงาน ๖๖๙ ครวั เรอื น อนื่ ๆ ๑๕๖ ครวั เรอื น วา่ งงาน จำ� นวน ๖๒ คน
หมบู่ ้าน มรี ายได้ ๑๕๐,๗๖๕,๒๐๐ บาท/ปี รายจ่าย ๘๐,๒๖๘,๖๐๐ บาท/ปี
มหี นสี้ นิ ๓,๒๓๐,๓๕๐ บาท
รายไดเ้ ฉลยี่ ของประชากร(ตามเกณฑ์จปฐ.ปี๒๕๖๒)จำ� นวน๗๗,๒๓๖.๒๗บาท/
คน/ปี ครวั เรอื นยากจน (รายไดไ้ มถ่ งึ ๒๒,๐๐๐ บาท/คน/ป)ี ปี ๒๕๖๒ จำ� นวน - ครวั เรอื น
จำ� นวน กลมุ่ กจิ กรรม/อาชพี /มจี ำ� นวน ๒ กลมุ่ ดงั น้ี กลมุ่ รบั ซอื้ นำ้� ยางสด และ
กลุม่ ออมทรพั ย์เพือ่ การผลิต
กองทุนในหมู่บ้าน มีจ�ำนวน ๔ กองทุน ดังนี้ กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์
กองทุนหมูบ่ ้านกองทุนสัจจะวันละ ๑ บาท โครงการ กข.คจ. (แผนชุมชน ปี ๒๕๖๓)

บ้านหนองบวั
พน้ื ท่ี ๔.๖๘ ตารางกโิ ลเมตร เปน็ พน้ื ทรี่ าบเชงิ เขา
เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู เลยี้ งสตั ว์ สว่ นขา้ งหลงั หมบู่ า้ น
เป็นภูเขา มีแนวยาวจากทิศตะวันออกไปทางทิศใต้
ตดิ ตอ่ กบั เขตตำ� บลทงุ่ หวงั อำ� เภอเมอื ง และตำ� บลพจิ ติ ร
อำ� เภอนาหมอ่ ม จงึ เหมาะแกก่ ารทำ� สวนยางพารา ไมผ้ ล

องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม


Click to View FlipBook Version