The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รากเหง้าและเบ้าหลอม
ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชนตำบลท่าข้าม นับเป็นการบอกเล่าเรื่องของคนในตำบลท่าข้ามทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการถอดเกร็ดองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่ย้อนอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื้อหาครอบคลุมทุกๆ ด้าน บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในตำบลท่าข้ามได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษาและด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา มีคนผู้เล่าเรื่องราว เอกสาร วัตถุและสิ่งของ ความเชื่อและการสืบทอดภูมิปัญญาที่ประชาชนในตำบลท่าข้ามได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีและฟื้นฟูวัฒนธรรมภูมิปัญญา ปรากฏการสืบทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญา เช่น งานวัฒนธรรมเดือน ๕ มีการลากพระเดือน ๕ และการแสดงวัฒนธรรมทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นท่าข้ามตลอดมา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ได้สนองงานพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้เป็นการจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่นชุมชนตำบลท่าข้าม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษา และด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งอาคารศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่นตำบลท่าข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ขอขอบคุณประชาชนตำบลท่าข้ามทุก ๆ ท่าน ที่ได้บอกรากเหง้าและเล่าเรื่อง ความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ และอาจารย์จรูญ หยูทองนักวิชาการอิสระและคณะ ที่ได้รวบรวมและร้อยเรียงเนื้อหา ภาพถ่าย สัมภาษณ์และเรียบเรียงเรื่องราวด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิด “รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย” ที่เป็นอัตลักษณ์และทรงคุณค่ายิ่ง

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจของคนท่าข้ามและสังคมโดยรวมสืบไป

นายสินธพ อินทรัตน์

ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thakham.146m5, 2022-09-25 23:26:58

รากเหง้าและเบ้าหลอม

รากเหง้าและเบ้าหลอม
ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย
หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชนตำบลท่าข้าม นับเป็นการบอกเล่าเรื่องของคนในตำบลท่าข้ามทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการถอดเกร็ดองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่ย้อนอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื้อหาครอบคลุมทุกๆ ด้าน บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในตำบลท่าข้ามได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษาและด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา มีคนผู้เล่าเรื่องราว เอกสาร วัตถุและสิ่งของ ความเชื่อและการสืบทอดภูมิปัญญาที่ประชาชนในตำบลท่าข้ามได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีและฟื้นฟูวัฒนธรรมภูมิปัญญา ปรากฏการสืบทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญา เช่น งานวัฒนธรรมเดือน ๕ มีการลากพระเดือน ๕ และการแสดงวัฒนธรรมทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นท่าข้ามตลอดมา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ได้สนองงานพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้เป็นการจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่นชุมชนตำบลท่าข้าม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านการศึกษา และด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งอาคารศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่นตำบลท่าข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ขอขอบคุณประชาชนตำบลท่าข้ามทุก ๆ ท่าน ที่ได้บอกรากเหง้าและเล่าเรื่อง ความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ และอาจารย์จรูญ หยูทองนักวิชาการอิสระและคณะ ที่ได้รวบรวมและร้อยเรียงเนื้อหา ภาพถ่าย สัมภาษณ์และเรียบเรียงเรื่องราวด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิด “รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย” ที่เป็นอัตลักษณ์และทรงคุณค่ายิ่ง

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจของคนท่าข้ามและสังคมโดยรวมสืบไป

นายสินธพ อินทรัตน์

ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 231

การถนอมอาหารไว้กินในช่วงท่ีขาดแคลน เช่น การตากแห้ง ได้แก่ปลาแห้ง กุ้งแห้ง
หมากแหง้ การเคย่ี วกวน ไดแ้ ก่ นำ�้ ตาลแวน่ เหนยี วกวน ทเุ รยี นกวน ลกู หยกี วน มงั คดุ กวน
การรมควนั ผสม ไดแ้ ก่ ปลายา่ ง กงุ้ ยา่ ง การหมกั เกลอื ไดแ้ ก่ จงิ้ จงั ปเู คม็ กงุ้ เคม็ กงุ้ สม้
แป้งแดง การดอง ได้แก่ สะตอดอง ลูกเนียงดอง ผักเสี้ยนดอง การหมักเกลือและ
น้ำ� ตาล ได้แก่ ปลาร้า ปลาส้ม หนาง หอยสม้ เป็นตน้
บอ่ บม่ เพาะตอ่ มาคอื ภาวะสรา้ งสรรคข์ องบรรพชนและกลมุ่ ชนชาวใตท้ กี่ ระทำ� ขน้ึ
หรือเป็นกลไก เงื่อนไขท่ีเกิดขึ้นเพ่ือก�ำกับ ควบคุมธรรมชาติและผู้คนจนตกผลึกเป็น
โลกทรรศนข์ องชาวทา่ ขา้ ม การสรา้ งสรรคข์ องคนรนุ่ กอ่ น ๆ ยอ่ มกลายเปน็ บอ่ บม่ เพาะ
ใหค้ วามรแู้ ละประสบการณแ์ กค่ นรนุ่ ตอ่ ๆ มา จนเกดิ แตกตอ่ แตง่ เตมิ ตกทอดสบื เนอ่ื งมา
เรอ่ื ย ๆ เช่น ภูมิปญั ญาของคนแต่ละอาชีพ ไดแ้ ก่ ช่างเหลก็ รู้วา่ การนำ� ถ่านไมเ้ คี่ยม
มาเผาเหล็กดีกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ เพราะไม้เค่ียมให้ความร้อนสูงและเม่ือสูบลมเป่า
จะไม่เกิดดอกไฟ ช่างเหล่าน้ีมีภูมิปัญญาในการเลือกเหล็กและโลหะอ่ืนมาผสมตี
ประสานเนอ้ื กนั เพอ่ื ใหเ้ หลก็ เหนยี วและแขง็ แกรง่ ตา่ งกนั และทำ� ใหไ้ ดล้ วดลายสวยงาม
ตามคตคิ วามเชอื่ และความตอ้ งการของผใู้ ช้ ผมู้ อี าชพี ทำ� นำ้� ตาลโตนดรวู้ า่ การนำ� สะเกด็
ไม้เคยี่ มใสใ่ นกระบอกตาลใหพ้ อเหมาะ ความฝาดของเน้อื ไมช้ นิดนจ้ี ะช่วยใหน้ ำ้� ตาล
สดอยู่ได้นาน สามารถน�ำไปเค่ียวท�ำน�้ำผึ้งเหลว น�้ำผึ้งแว่นได้และถ้าเพิ่มรสฝาดและ
เชื้อหมักพอเหมาะก็จะกลายเป็นหวากหรือถ้าลดความฝาดจากเคี่ยมลงแล้วท้ิงไว้
กจ็ ะไดน้ ำ้� สม้ นำ� ไปตม้ แกงได้ ทำ� ใหน้ ำ�้ ตาลเกดิ ประโยชนก์ วา้ งขวางขน้ึ ชาวนามภี มู ปิ ญั ญา
ในการเก็บข้าวด้วยแกะและผูกเป็นเลียงเหมาะแก่การเก็บไว้กินข้ามปีเพราะคอรวง
จะช่วยผ่อนถ่ายความร้อนในเรือนข้าวท�ำให้เมล็ดข้าวร้อนและงันช้าลง ภูมิปัญญา
ในการสร้างขยายและพิทักษ์ฐานอ�ำนาจของบรรพชนชาวท่าข้ามเน้นทางด้าน
การผูกญาติผูกมิตรเพ่ือผนึกก�ำลังเพ่ิม เพิ่มแรงงานตามวัฒนธรรมสังคมพ่ึงพา
และสังคมเกษตรกรรม เพ่ือร่วมกันพิทักษ์รักษาชีวิต ทรัพย์สิน ศักดิ์ศรีและอ�ำนาจ
ของกนั และกนั มปี ระเพณกี ารผกู ดองและผกู เกลอเปน็ เครอ่ื งมอื ในการผกู มติ ร จนเกดิ
วฒั นธรรมรกั พวกพอ้ ง ทอ้ งถนิ่ นยิ มและชาตนิ ยิ มขน้ึ อยา่ งเหนยี วแนน่ ชดั เจน การผกู ดอง
ของชาวทา่ ขา้ มคอื การแตง่ งานระหวา่ งตระกลู ตา่ ง ๆ ทม่ี ชี อ่ื เสยี ง เชน่ ตระกลู อไุ รรตั น์
ตระกลู ผอ่ งแผ้ว การผูกเกลอ เช่น กำ� นนั ทองเสน ผ่องแผว้ กบั โนราสีนนุ่ รัตนะนพุ งศ์
เป็นต้น ท�ำให้เกิดการขยายวงญาติอย่างกว้างขวางและมั่นคงมีผลหนักแน่นกว่า
นิติกรรมสัญญาใด ๆ นบั เป็นภมู ิปญั ญาท่ีดียงิ่

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลท่าขา้ ม

232 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

บอ่ บม่ เพาะอกี ประการหนง่ึ คอื คตคิ วามเชอ่ื เกยี่ วกบั โลกและจกั รวาล ชาวทา่ ขา้ ม
ตงั้ แตโ่ บราณเชอ่ื วา่ สรรพสงิ่ ทง้ั หลายในโลกลว้ นปรงุ แตง่ ขนึ้ จากธาตุ ๔ คอื ดนิ นำ้� ลม ไฟ
องค์ประกอบของธาตุท่ีแตกต่างกันท�ำให้เกิดสภาวะทางภูมิศาสตร์แตกต่างกันไป
ส่งผลให้เกิดทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและภูมิทัศน์แตกต่างกันไป ก่อให้เกิด
พรรณพืช พรรณสัตว์ ผู้คนต่างชาติพันธุ์กัน ถ้าธาตุ ๔ แปรปรวนมาก ๆ จะเกิด
ภัยธรรมชาติอย่างร้ายแรง เช่น อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น แพทย์แผนโบราณเชื่อว่า
ความสมดลุ ของธาตุ ๔ ในรา่ งกายชว่ ยใหแ้ ตล่ ะคนมพี ลานามยั สมบรู ณ์ แตถ่ า้ ธาตุ ๔ พกิ าร
จะท�ำให้ลมพิการ เลือดพิการ เสมหะพิการ น้�ำเหลืองพิการและธาตุไฟพิการ ท�ำให้
เกิดโรคาพยาธิต่าง ๆ กนั ภูมปิ ัญญาของบรรพบรุ ุษชาวท่าข้ามมีว่าถ้าบรโิ ภคอาหาร
ทมี่ ธี าตไุ ฟมาก ๆ จะใหพ้ ลงั และความร้อนไดม้ าก เหมาะแกก่ ารอยใู่ นสภาพแวดลอ้ ม
ที่อากาศค่อนข้างร้อนจัดและลมแรง ชาวท่าข้ามจึงนิยมอาหารท่ีมีรสจัด เปร้ียวจัด
เคม็ จดั หวานจดั และผด็ จดั พชื ผกั ทมี่ ธี าตไุ ฟมากคอื พผื กั ทมี่ รี สฝาด เผด็ และขมเจอื ปน
เช่น สะตอ ลูกเนียง ลูกเหรียง ยอดหมรุย ท�ำมัง ใบมะม่วงหิมพานต์ พาโหม
จึงมีวัฒนธรรมการใช้ “ผักเหนาะ” กินคู่กับอาหารประเภทแกง คั่ว ย�ำ “ขมิ้น”
ที่ใช้ผสมในเคร่ืองแกงใช้แก้รสคาวและเพ่ิมพลัง เป็นพญายาที่สามารถป้องกันยาพิษ
และยาเบอ่ื ได้ นอกจากนีย้ งั นยิ มรับประทานข้าวย�ำซ่งึ มกั ใช้ใบขมน้ิ ใบพาโหม ใบยอ
ตะไคร้ พริกปน่ น�้ำบูดู มะพรา้ วคั่ว และผลไม้หรอื ยอดไม้ที่มรี สเปรย้ี วผสมคลกุ เคล้า
รับประทานคล้ายข้าวราดแกง ท�ำให้ได้ธาตุไฟเพียงพอ ชาวท่าข้ามในอดีตนิยม
กนิ หมากเพราะใบพลู หมาก ปนู และยาเสน้ ลว้ นมรี สเผด็ ฝาด และขม เชอ่ื กนั วา่ ไดธ้ าตไุ ฟ
บริบูรณ์ เหล่าน้ีคือภูมิปัญญาที่ปรากฏในด้านโภชนาการและการป้องกันโรคภัยของ
ชาวท่าข้าม ความเชื่อในต�ำนานการสร้างโลกจากวรรณกรรมท้องถิ่นถือว่าสรรพส่ิง
ท้ังปวงล้วนเกิดแต่พรหมและนางอุมาเทวีและสิ่งเหล่านี้มีเทพทั้งสองและเทพบริวาร
คอยคมุ้ ครองดแู ลใหค้ ณุ ใหโ้ ทษแกผ่ กู้ ระทำ� ไดเ้ สมอ จงึ มอี ำ� นาจเหนอื ธรรมชาตแิ ฝงเรน้
อยู่ทุกหนทุกแห่ง เกิดภูมิปัญญาข้ึนนานาประการ เช่น ภูมิปัญญาอนุรักษ์ธรรมชาติ
เก่ียวกับรุกขเทวดา หรือเทพประจ�ำแมกไม้ขึ้น สร้างเป็นคติให้ตระหนักถึงคุณค่า
ธรรมชาติ เชน่ คตกิ ารบชู าพญาไมห้ รอื ไมใ้ หญ่ มกี ารเซน่ บวงสรวงบชู าประหนงึ่ ตน้ ไมน้ น้ั
มจี ติ วญิ ญาณไมล่ ว่ งละเมดิ ดว้ ยประการทงั้ ปวง แมจ้ ะโคน่ รานไปใชป้ ระโยชน์ สรา้ งบา้ น
ก็ถือว่ามีเทพหรือพญาไม้ติดตามไปด้วย อันนี้เป็นภูมิปัญญาที่เป็นกลอุบายให้เกิด

องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 233

การสงวนทรพั ยากรโดยทางออ้ ม คตเิ รอื่ งพระภมู เิ จา้ ท่ี บรถิ วิ นางธรณี นางมณเี มขลา
แมโ่ พสพ พระอนิ ทร์ พระพาย เหลา่ นล้ี ว้ นม่งุ ใหก้ ตัญญูรคู้ ณุ ของดิน นำ�้ ลม ไฟและ
ทรพั ยากรธรรมชาติท้งั ส้ิน
บ่อบ่มเพาะสุดท้ายคือคติความเชื่อและความศรัทธาอันเนื่องจากศาสนา
หมายถึง ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพทุ ธ และศาสนาอสิ ลามอันเป็นศาสนาสำ� คัญของ
ชมุ ชนทา่ ขา้ ม มผี ลตอ่ การบม่ เพาะภมู ปิ ญั ญา ของชาวทา่ ขา้ ม บางคนอาจถกู บม่ เพาะ
จากทกุ ศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื เชน่ ชาวมสุ ลมิ ในทา่ ขา้ มสว่ นใหญจ่ ะมรี อ่ งรอยของ
ศาสนาพุทธและพราหมณ์ฮินดูผสมผสานอยู่ หรือชาวพุทธในท่าข้ามมีรอยบ่มเพาะ
ของศาสนาพราหมณ์ปนแทรกอยูอ่ ย่างซบั ซอ้ น ภูมิปญั ญาท่ีเกยี่ วกับจติ ใจ นามธรรม
พุทธิปัญญา ศิลปกรรม มักสัมพันธ์กับศาสนธรรม ภูมิปัญญาด้านศิลปกรรมของ
ชาวพุทธมกั กระทำ� เป็นพุทธบูชา ภูมปิ ญั ญาในการครองตนของทุกศาสนกิ ชนมกั ละเว้น
สิ่งที่ถือว่าเป็นบาปที่คนดีพึงรักษาตัวให้ห่าง และมุ่งบ�ำเพ็ญกุศลเพื่อเป็นเน้ือนาบุญ
ภูมิปัญญาเร่ือง “การใช้ชาติ” เป็นภาษิตค�ำสอนให้มีเมตตาธรรม ไม่ทรมานสัตว์
งอกงามขึ้นจากกฎแห่งกรรมหรือกรรมสนองกรรม เช่น ใครตีหัวแมว แมวจะใช้ชาติ
ให้หัวสั่นในวัยชรา ใครผูกล่ามลิงค่างลิงค่างจะใช้ชาติให้มีลูกมีหลานมือเท้ากิ่ว
เหมอื นรอยเชือกมัด

ประเภทของภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นทา่ ขา้ ม
๑. ภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อการยังชีพ ประกอบด้วย ภูมิปัญญาเกี่ยวกับ
การท�ำมาหากิน ได้แก่ งานหัตถกรรม เกษตรกรรม ด้านอาหาร ภูมิปัญญาเกี่ยวกับ
ท่อี ยอู่ าศยั ได้แก่ การเลอื กใช้วัสดุ การดามไม้ ต่อไม้ การเขา้ ลิน้ ใช้สลกั บากประกบ
วิธีต่อเรือนเชื่อมพื้นระเบียง ภูมิปัญญาที่เก่ียวกับวัฒนธรรมโภชนาการ ได้แก่
การเลือกสรรอาหาร วิธีปรุงและวิธีถนอมอาหาร ภูมิปัญญาที่เก่ียวกับเคร่ืองนุ่งห่ม
ไดแ้ ก่ การจำ� แนกดว้ ยรปู แบบเพอื่ การใชส้ อย เชน่ ผา้ ซกั อาบ ผา้ กราบพระ ผา้ หอ่ พาย
ผ้าห่อแคระ ผ้าเช็ดปาก ผ้าห่ม เป็นต้น ภูมิปัญญาเก่ียวกับยารักษาโรค ได้แก่
การน�ำสมุนไพร สัตว์ แร่บางชนิดมาใช้เป็นตัวยา การผสมยา วิธีปรุงยา การใช้ยา
เปน็ ต้น

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลท่าข้าม

234 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

๒. ภูมิปัญญาเกี่ยวการพิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบด้วย ภูมิปัญญา
การพึ่งตนเอง ได้แก่ การบริบาลทารกในครรภ์ให้คลอดออกมามีอาการครบ
๓๒ ประการ แลว้ บ�ำรุงความคลอ่ งแคลว่ แขง็ แรงในการใชม้ อื เทา้ สมอง หู ตา จมูก
และประสาทสมั ผัสอนื่ ๆ เพื่อปกป้องรกั ษาชวี ติ ฝึกภมู ิปัญญาในการแบก หาม หาบ
คอนให้ได้งานมากแต่ไม่เสียสุขภาพ เช่น ภาษิตที่ว่า “หาบดีหวาคอน” ภูมิปัญญา
การหลบเลี่ยงอันตราย ได้แก่ การสังเกตความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศว่าจะเกิด
ฝนหนกั ลมแรง ฟา้ คะนอง นำ�้ ทว่ มใหญ่ เกดิ ภยั แลง้ หรอื การโคน่ ตน้ ไมใ้ หญโ่ ดยสามารถ
บงั คบั ใหล้ ม้ พาดไปในทศิ ทางทต่ี อ้ งการได้ การใชค้ วามรเู้ วลานอน เวลาหากนิ ของสตั ว์
แต่ละชนิดมาช่วยในการเดินทางให้ปราศจากอันตรายได้ มีภาษิตว่า “นายรัก
เหมือนเสือกอด หนีนายรอดเหมือนเสือหา” หมายถึงการอยู่ใกล้นายเหมือนอยู่
ในกรงเล็บเสือ ย่อมมีแต่อันตราย ภูมิปัญญาการรวมพลังและการพึ่งพิง ได้แก่
การยนื่ ขา้ วยนื่ แกง การมีคตวิ า่ “กินขา้ วอย่าให้หมดหม้อจะขวัญขา้ ว” เผ่ือมญี าตมิ ิตร
เดนิ ทางมาพกั อาศยั จะไดร้ บั รองไดท้ นั การ เปน็ ตน้ ภมู ปิ ญั ญาการทำ� และใชศ้ าสตราวธุ
ไดแ้ ก่ ภมู ปิ ญั ญาการทำ� และใชพ้ รา้ จะโหนง นอกจากจะคดิ รปู แบบใหใ้ ชง้ านสบั ฟนั เชอื ด
เหลาอย่างมีดทั่วไปแล้ว ได้เสริมแต่งส่วนท่ีจะใช้ท�ำร้ายคู่ต่อสู้เพื่อให้เกิดผลหนักเบา
ต่างกันตามโทษานโุ ทษ ภมู ิปัญญาการทำ� กริชตระกูลสงขลาท้งั รปู แบบพเิ ศษ เทคนคิ
วิธีการผสมเน้ือเหล็ก การอาบทายาพิษ การท�ำให้ได้สัดส่วนตามโฉลกของเจ้าของ
การผสมเนอื้ เหลก็ และชบุ ตใี หไ้ ดอ้ าวธุ ทเี่ หนยี วคม แกรง่ มรี ปู ทรงและลวดลายไดม้ งคล
ลกั ษณต์ ามคตคิ วามเชอื่ ลว้ นเปน็ ภมู ปิ ญั ญาทง้ั ในแงเ่ ทคโนโลยแี ละในแงห่ ลกั จติ วทิ ยา
ภูมิปัญญาการดูแลรักษาชีวิตและทรัพย์สิน ได้แก่ การมุ่งคุ้มภัยหญิงมีครรภ์และ
เดก็ ในครรภน์ านาประการ เช่น หา้ มหญงิ มีครรภน์ ั่งขวางบันได น่ังขวางประตู หา้ มลง
จากบ้านเวลากลางคืน เป็นต้น ภูมิปัญญาการรักษาทรัพย์สินอื่น ๆ มีหลากหลาย
เชน่ การใช้เหลาะผูกคอสตั ว์เลย้ี ง การจดั เกบ็ อาหารทก่ี นั มดแมลงทเี่ รยี กว่า “ลอยเล”
(มสี ว่ นทข่ี งั นำ�้ โดยรอบ) การ “ทำ� ผลา” ไวเ้ หนอื เตาไฟเพอ่ื เกบ็ ถนอมอาหารโดยวธิ รี มควนั
๓. ภูมปิ ญั ญาเกี่ยวกบั การสรา้ งและพิทักษ์ฐานะและอำ� นาจ ประกอบด้วย
ภมู ปิ ญั ญาการสรา้ งและขยายฐานอำ� นาจ คอื การขยายจำ� นวนวงศาคณาญาตใิ หม้ าก ๆ
เพอ่ื จะไดพ้ วกพงึ่ พงิ และเพมิ่ แรงงาน เรม่ิ แตก่ ารมภี รรยาหลาย ๆ คน เชน่ กำ� นนั ทองเสน
ผอ่ งแผว้ กำ� นนั ปาน ไชยกลู การผกู นำ้� ใจผอู้ นื่ ดว้ ยวฒั นธรรมชายชาตนิ กั เลงคอื ทำ� ตนให้

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 235

เปน็ ทเ่ี ชอื่ ถอื ไดด้ ว้ ยเมตตาธรรม เออ้ื อารี กลา้ ไดก้ ลา้ เสยี เขม้ แขง็ กลา้ หาญ เฉยี บขาด
และยตุ ธิ รรม เชน่ กำ� นนั ทองเสน ผอ่ งแผว้ กำ� นนั ถดั จนิ ดาวงศ์ ภมู ปิ ญั ญาการผกู เกลอ
และการผูกดอง ระหว่างตระกูลดัง เช่น อุไรรัตน์ ผ่องแผ้ว เป็นต้น ภูมิปัญญา
การรกั ษาฐานะและอำ� นาจ มี ๒ ลกั ษณะคอื หนงึ่ การบำ� เพญ็ บญุ บารมเี พอื่ ผดงุ อำ� นาจ
วาสนา โดยอาศัยหลักคุณธรรม โดยให้กระท�ำแต่กรรมดี ประพฤติดี มีสัมมาอาชีพ
บำ� เพ็ญกุศล เปน็ คนมีน�ำ้ ใจ ใชภ้ ูมปิ ญั ญาพฒั นาคุณภาพงาน มคี วามซอื่ สตั ย์ สุจรติ
เช่น ตระกูลโนรา หนังตะลุง ประกอบด้วย โนราตระกูลแก้วสัตยา ทองสมสี และ
นายหนังตะลุงตระกูลทองสมศรี เป็นต้น ภูมิปัญญาการเสริมศรัทธาบารมี ได้แก่
ภูมิปัญญาการรักษาฐานะและอ�ำนาจ มักจะมีโทษลักษณะผสมอยู่ เพราะมักเป็นไป
ในทางแขง่ ขนั เพอ่ื หาทางชนะผอู้ น่ื เชน่ ภมู ปิ ญั ญาการใชเ้ วทมนตค์ าถาและเครอื่ งราง
ของขลงั เชน่ การใชค้ าถาทำ� ลายหนัง โนรา
๔. ภูมิปัญญาการจัดการเพื่อสาธารณประโยชน์ ได้แก่ ภูมิปัญญาที่ก่อ
ใหเ้ กดิ ประโยชนร์ ว่ มกนั มนี านาลกั ษณะ เชน่ การรว่ มกนั กำ� หนดทางสญั จรระหวา่ งบา้ น
เรียกว่า “ทางทลา” หรือ “หว่างลา” การก�ำหนดทางสาธารณะระหว่างท่ีนาหรือ
“ทางหนวน” เพื่อเป็นทางเดนิ ของสัตว์เลีย้ ง การล�ำเลยี งพชื ผล การกำ� หนดทางส่งน้ำ�
ระบายนำ้� เรยี กว่า “ทางมอน” การสร้างศาลากลางหน เชน่ หลาตน้ โด บ้านหินเกล้ยี ง
หลาต้นโดบ้านเขากลอยตก หลาเกาะกลาง หลาทวดไกรแก้ว เป็นต้น การยกหมรับ
การทำ� ขา้ วหม้อแกงหม้อต้อนรบั แขกของหมบู่ า้ น เปน็ ตน้
๕. ภมู ปิ ญั ญาทเี่ ปน็ การสรา้ งสรรคพ์ เิ ศษ ไดแ้ ก่ ภมู ปิ ญั ญาทป่ี ราชญช์ าวบา้ น
หรอื ปญั ญาชนชาวบา้ นใชว้ สิ ยั ทศั นห์ รอื ญาณทศั นะเฉพาะตวั สรา้ งขน้ึ เชน่ การวพิ ากษ์
วจิ ารณผ์ คู้ นและสงั คมโดยใชเ้ พลงรอ้ งเรอื หรอื เพลงกลอ่ มเดก็ และนทิ าน การลากพระ
เดือนห้าของบา้ นหินเกลย้ี ง เขากลอย ท่เี กดิ จากการริเริ่มของนายบา้ นรกั ษ์ จนั ทชโู ต
เพอื่ ให้เกดิ ฝนตกตอ้ งตามฤดูกาลแลพน้ จากโรคระบาดสตั วเ์ ล้ียง

บ้านแม่เตย
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ปราชญช์ มุ ชน ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นอาชพี ในชมุ ชน บา้ นแมเ่ ตย
- เคหะชุมชนฯ หมู่ท่ี ๑ ต�ำบลท่าข้าม มีปราชญ์ชาวบ้านที่น่าส่งเสริมหลายด้าน
ดังน้ี ด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานลากพระ, ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าข้าม

236 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ดา้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เชน่ งานหตั ถกรรม ดา้ นการเกษตร เชน่ การทำ� นา ดา้ นอาหาร
เช่น ขนมพ้นื บา้ น ด้านการจัดการการเงิน เช่น กลุ่มออมทรพั ยเ์ พ่อื การผลติ

บา้ นคลองจกิ
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ปราชญช์ มุ ชน ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นอาชพี ในชมุ ชนบา้ นคลองจกิ
ต�ำบลท่าข้าม มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและปราชญ์ชาวบ้านที่น่าส่งเสริมหลายด้าน ดังนี้
ดา้ นประเพณี วฒั นธรรม และศาสนา เชน่ ผนู้ ำ� พธิ กี รรมทางศาสนา, นายมนต,์ โนราห์
โรงครู ดา้ นศลิ ปะ เชน่ การรำ� มโนราห,์ นายหนงั ตะลงุ , คณะกลองยาว ดา้ นการเกษตร
เชน่ การปลกู พชื บา้ น, การทำ� นาแบบดง้ั เดิม แบบอนิ ทรยี ์, การทำ� ซงั้ ชะลอหรอื ผนั นำ�้
ในทท่ี ำ� การเกษตร

บา้ นท่าข้าม
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ปราชญ์ชุมชน ผูเ้ ชยี่ วชาญด้านอาชพี ในชุมชนบ้านท่าขา้ ม
ต�ำบลท่าข้าม มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและปราชญ์ชาวบ้านที่น่าส่งเสริมหลายด้าน ดังนี้
ดา้ นประเพณี วฒั นธรรม และศาสนา เชน่ ผนู้ ำ� พธิ กี รรมทางศาสนา, นายมนต,์ โนราห์
โรงครู ดา้ นศลิ ปะ เชน่ การรำ� มโนราห,์ นายหนงั ตะลงุ , คณะกลองยาว ดา้ นการเกษตร
เช่น การปลกู พชื บา้ น, การทำ� นาแบบดงั้ เดิม แบบอนิ ทรยี ์, การท�ำซงั้ ชะลอหรอื ผนั นำ้�
ในทที่ ำ� การเกษตร

บ้านปกี
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชุมชน ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพในชุมชนบ้านปีก
มดี ังนี้ ดา้ นปุ๋ยชีวภาพ จักสาน การเกษตร

บ้านหนองบัว
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ปราชญช์ มุ ชน ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นอาชพี ในชมุ ชนบา้ นหนองบวั
ต�ำบลท่าข้าม และปราชญ์ชาวบ้านที่น่าส่งเสริมหลายด้าน ดังนี้ ด้านประเพณี
วฒั นธรรม เชน่ คำ�่ ศกุ ร์ “กนิ นรู ”ี ถอื ศลี อด ดา้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เชน่ ปราชญช์ าวบา้ น
ดา้ นศาสนา ดา้ นการเกษตร เชน่ ปราชญก์ ารทำ� นา, ปราชญก์ ารทำ� เกษตรแบบผสมผสาน
ด้านอาหาร เชน่ ขนมพ้ืนบา้ นของชุมชนชาวมุสลิม

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 237

บา้ นหนิ เกลี้ยง
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ปราชญช์ มุ ชน ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นอาชพี ในชมุ ชนบา้ นหนิ เกลย้ี ง
ตำ� บลทา่ ขา้ ม และปราชญช์ าวบา้ นทนี่ า่ สง่ เสรมิ หลายดา้ น ดงั นี้ ดา้ นประเพณวี ฒั นธรรม
เช่น งานลาซังข้าว ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ปราชญ์ชาวนา ด้านการเกษตร
เช่น การทำ� นา ด้านอาหาร เชน่ ขนมพ้นื บา้ น

บา้ นเขากลอยออก
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชุมชน ผู้เช่ียวชาญด้านอาชีพในชุมชน
บา้ นเขากลอยออก หมู่ท่ี ๗ ตำ� บลทา่ ข้าม มปี ราชญช์ าวบ้านท่ีน่าสง่ เสริมหลายด้าน
ดังน้ี ด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานลากพระ, ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา
ดา้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เชน่ งานหตั ถกรรม, หมอพน้ื บา้ น ดา้ นการเกษตร เชน่ การทำ� นา
ดา้ นอาหาร เชน่ ขนมพนื้ บา้ น ดา้ นการจดั การการเงนิ เชน่ กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอื่ การผลติ

บ้านเขากลอยตก
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ปราชญช์ มุ ชน ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นอาชพี ในชมุ ชนบา้ นเขากลอยตก
ต�ำบลท่าข้าม และปราชญ์ชาวบ้านที่น่าส่งเสริมหลายด้าน ดังนี้ ด้านประเพณี
วฒั นธรรม เชน่ งานลากพระ ดา้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เชน่ ปราชญด์ า้ นศลิ ปว์ ฒั นธรรม
ด้านการเกษตร เช่น ปราชญ์ด้านการปลกู ผกั ดา้ นอาหาร เช่น ขนมพนื้ บ้าน

ภมู ิปัญญาสาขาเกษตรกรรม

การน่ำ� ขา้ ว
การน่�ำข้าว คือการปลูกข้าวในท่ีราบหรือบนเนินที่น�้ำไม่ท่วมขังหรือการท�ำไร่
ในปา่ ยางทโ่ี คน่ ยางเพอื่ ปลกู ใหมห่ รอื กอ่ นเรมิ่ ปลกู ยางใหม่ ชาวบา้ นทา่ ขา้ มโดยเฉพาะ
ในหมทู่ ี่ ๖ บา้ นหนิ เกลย้ี ง นยิ มปลกู ขา้ วเหนยี วดำ� ปลกู ไดเ้ พยี งครงั้ เดยี วกอ่ นจะปลกู ยาง
รอบใหม่แซมดว้ ยพืชลม้ ลกุ บางชนดิ เช่น กลว้ ย มะเขือ พรกิ ขห้ี นู ขา้ วโพด ถัว่ ไร่ ฯลฯ
อปุ กรณส์ ำ� คญั ในการนำ่� ขา้ ว ประกอบดว้ ย ไมแ้ ทงสกั และกระบอกไมไ้ ผใ่ สข่ า้ วปลกู
ไม้สักหรือไม้แทงสักเป็นไม้เนื้อแข็งขนาดพอเหมาะมือไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป
ยาวประมาณ ๑.๕ - ๒ เมตร เสยี้ มตรงโคนใหแ้ หลมเพอ่ื ใช้แทงสักลงไปในดนิ ให้เป็น

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

238 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

หลมุ เลก็ ๆ เรียกวา่ “แทงสกั ” ส่วนกระบอกน่ำ� ข้าวเป็นกระบอกไมไ้ ผข่ นาดพอเหมาะมอื
ยาว ๑ ปล้องล�ำไม้ไผ่มีข้อท่ีก้นกระบอก ส�ำหรับใส่ข้าวปลูกท่ีหยอดลงไปในหลุม
ทีแ่ ทงสกั หลมุ ละประมาณ ๕ - ๘ เมล็ด แล้วแต่วา่ พันธ์ุข้าวทปี่ ลูกจะแตกกอมากนอ้ ย
แคไ่ หนตามประสบการณข์ องชาวบา้ น เมอื่ หยอดขา้ วปลกู ลงหลมุ แลว้ จะใชก้ น้ กระบอก
กระแทกดินเบา ๆ เพอ่ื ปดิ ปากหลมุ
การน�่ำข้าว เม่ือเตรียมดินพร้อมแล้ว รอให้ฝนตกสักระยะ จะมีการออกปาก
กนิ วานหรอื ลงแขกโดยมคี นแทงสกั ถอื ไมส้ กั มอื ละดนุ้ คนละสองดนุ้ ทกุ คน เดนิ ถอยหลงั
แทงสกั ใหเ้ ปน็ หลมุ ระยะหา่ งพอสมควรกะวา่ เมอื่ ขา้ วตง้ั กอกอขา้ วจะไมห่ า่ งหรอื ชดิ กนั
จนเกินไป อีกคนถือกระบอกน�่ำข้าวตามรอยแทงสัก หยอดเมล็ดข้าวลงในหลุมแล้ว
ใช้กน้ กระบอกกระแทกดินปิดปากหลมุ จนเต็มพ้นื ท่ี

ผลติ ภัณฑ์ชุมชน

ผลติ ภณั ฑ/์ สนิ ค้าชุมชน
ไดม้ จี ดั ตงั้ กลมุ่ ผลติ ภณั ฑ์ และสง่ เสรมิ สนิ คา้ ชมุ ชน จำ� นวน ๑๐ ผลติ ภณั ฑ์ ไดแ้ ก่

ผลิตภณั ฑ์ รายละเอยี ดผ้ปู ระกอบการ
๑ ขนมเปย๊ี ะ กลมุ่ แมบ่ า้ นเกษตรกรบา้ นหนิ เกลี้ยง
นางสาวยพุ า แกว้ ฉิมพลี
๗๒ ม.๖ ต.ท่าขา้ ม
โทร. ๐๘๔-๙๖๙๖๕๒๕

๒ ขนมเคก้ กลว้ ยหอม กล่มุ แมบ่ า้ นเกษตรกรบา้ นหินเกลีย้ ง
นางสมคดิ แกว้ ชูเชดิ
๗๓ ม.๖ ต.ท่าข้าม
โทร. ๐๘๙-๒๙๗๓๖๘๑

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 239

ผลติ ภัณฑ์ รายละเอียดผู้ประกอบการ
๓ เหด็ แครงอบแหง้ กลุม่ เหด็ แครงอบแหง้
นางสาวเพญ็ พร ขวญั ค�ำ
๔ แซนวิชเหด็ แครงน�ำ้ ผ้งึ รวง ๓๒ ม.๖ ต.ท่าข้าม
โทร. ๐๘๔-๙๖๙๕๘๘๑
นายนนั ทณ์ รงค์ ยกถาวร
๗ ม.๖ ต.ท่าขา้ ม
โทร. ๐๙๔-๘๐๔๙๕๒๖

๕ ต้มสามเหลยี่ มอบ กลมุ่ ต้มสามเหล่ยี มอบ
๖ กลว้ ยฉาบอบ นางจรีพร แกว้ สมทอง
๓๔/๑ ม.๖ ต.ทา่ ข้าม
โทร. ๐๙๕-๐๗๖๗๖๓๕

กลมุ่ กล้วยฉาบอบ
น.ส.พรรณสริ ิ ปรุ ัษกาญจน์
๑๘ ม. ๖ ต.ท่าข้าม
โทร. ๐๙๕-๐๗๖๗๖๓๕

๗ ขนมกะหรีป่ ๊บั ไส้ไกเ่ หด็ แครง กลุ่มขนมกะหร่ปี ับ๊ ไสไ้ ก่เหด็ แครง
น.ส.อรสร หรับจันทร์
๕๘ ม.๖ ต.ทา่ ขา้ ม
โทร. ๐๙๙-๔๘๑๐๑๙๒

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

240 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ผลติ ภณั ฑ์ รายละเอียดผปู้ ระกอบการ

๘ แปง้ ขา้ วหมาก กลมุ่ แปง้ ขา้ วหมาก
นางฉาย แกว้ ฉิมพลี
๙ ถ่วั ค่วั ทราย ๕๐ ม.๖ ต.ทา่ ขา้ ม
โทร. ๐๙๑-๗๖๑๒๘๔๐

กลมุ่ ถ่วั ค่วั ทราย
นางสวุ ะรี บญุ เพง็
๕๙ ม.๖ ต.ทา่ ขา้ ม
โทร. ๐๘๑-๐๙๙๔๖๑๓

๑๐ สร้อยลูกปดั กลุ่มร้อยลกู ปัดบา้ นหินเกล้ียง

น.ส.สมจิต นวลละออง

๙๑ ม.๖ ต.ท่าขา้ ม

โทร. ๐๘๕-๖๒๙๘๔๑๒

๑) กลุ่มห่อหมกสมุนไพร ๗) กล้วยกรอบแก้ว

๒) กลุม่ เคร่อื งแกงสมนุ ไพร หมูท่ ี่ ๒ ๘) ขนมต้มทอด

๓) ถ่วั ทอดท่าขา้ ม ๙) ลกู ปัดโนราห์

๔) เห็ดแครงสด ๑๐) ขนมเปย๊ี ะ

๕) กะหรี่ป๊ับ ๑๑) กลุ่มขนมปนั้ ขลิบ

๖) เคก้ กล้วยหอม ๑๒) กลมุ่ มันทอด หมทู่ ี่ ๗, ๘

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 241

กลุ่มองคก์ รชาวบา้ นชุมชน

กลุ่มเศรษฐกิจและสวัสดกิ ารชมุ ชน
กลมุ่ เศรษฐกจิ และสวสั ดกิ ารชมุ ชนที่สำ� คัญ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ออมทรัพย์เพอ่ื การผลติ
ท่ีมีในทุกหมู่บ้าน แต่ท่ีมีบทบาทเป็นแหล่งเรียนรู้ของกลุ่ม/องค์กรท้ังภายในและ
ภายนอกชุมชน ไดแ้ ก่ กล่มุ ออมทรัพย์บ้านเขากลอยตก กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พือ่ การผลติ
บา้ นแม่เตย โรงผลติ ปุ๋ยชวี ภาพชุมชนต�ำบลท่าข้าม กล่มุ เคร่อื งแกงบ้านคลองจิก และ
สมาคมฌาปนกิจสงเคราะหต์ �ำบลทา่ ขา้ มและต�ำบลใกล้เคียง

กล่มุ ออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลติ บา้ นเขากลอยตก
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเขากลอยตก ก่อต้ังเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๑
จากนโยบายในการพฒั นาและสง่ เสรมิ จากภาครฐั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จากกรมพฒั นาชมุ ชน
ที่มีพัฒนากรเป็นผู้มีบทบาทส�ำคัญในการจัดต้ังกลุ่มข้ึนโดยให้เหตุผลว่า “เงินที่อยู่
คนละแห่งกันถ้ามาอยู่เป็นแหล่งเดียวกันมันมีค่า” จึงได้มีการรวมกลุ่มจัดต้ังกลุ่ม
ออมทรัพย์ข้ึน

กลมุ่ สัจจะวนั ละบาท
ก่อต้ังในเดือนเมษายน ปี ๒๕๔๘ โดยในคร้ังแรกมีผู้เห็นด้วยและสมัครเป็น
สมาชกิ จำ� นวน ๓๖ คน ออมทรัพย์ครง้ั แรกได้ ๑,๗๕๐ บาท ในระยะแรกมกี ฎกตกิ า
ร่วมกันวา่ จะมีการออมทรัพย์วันละ ๑ บาท และสง่ เงนิ ออมทกุ เดอื น ๆ ละ ๓๐ บาท
และมีการปล่อยกู้แก่สมาชิกคร้ังแรก ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ท�ำให้สามารถจัดสรร แบ่งปัน
ผลก�ำไรให้กับสมาชิกได้อย่างเป็นรูปธรรม ท�ำให้ชาวชมชนให้ความเช่ือถือและ
สมัครเป็นสมาชิกเพ่ิมมากขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เมื่อมีโอกาสเดินทางไป
ศึกษาดูงานเก่ียวกับการออมทรัพย์และการจัดสวัสดิการชมชนจากกลุ่มต่าง ๆ
ในสงขลา และนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอย่างย่ิงที่ชุมชนคีรีวง อ�ำเภอลานสกา
จังหวัดนครศรีธรรมราช ท�ำให้กลุ่มออมทรัพย์เร่ิมมีการจัดการแบ่งปันผลประโยชน์
และการจัดสวัสดิการที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการทนการศึกษา ค่ารักษา
พยาบาล ฌาปนกิจสงเคราะห์ กองทุนโต๊ะ เก้าอ้ี เต้นท์ เป็นต้น ท�ำให้ได้รับรางวัล
หม่บู า้ นดเี ดน่ ระดบั จงั หวดั สงขลา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ปจั จบุ ัน (๒๕๕๓) กลมุ่ มสี มาชกิ

องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

242 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

สัจจะธรรมดา ๒,๐๓๕ คน สัจจะพิเศษ ๓๕๐ คน มีเงินออมประเภทออมทรัพย์
ในธนาคาร จำ� นวน ๑๗,๐๒๒,๘๑๗ บาท ประเภทฝากประจำ� จำ� นวน ๔,๔๖๐,๗๘๒ บาท
ให้สมาชิกกู้ยืม จ�ำนวน ๓,๗๑๓,๐๐๘ บาท และเงินส�ำรองหมุนเวียน ประมาณ
๒๐๐,๐๐๐ บาท มที ดี่ นิ เปน็ ทรัพยส์ นิ ๒ ไร่ ๒ งาน (๒๕๕๓)

กลุ่มออมทรัพยเ์ พ่ือการผลติ บ้านแมเ่ ตย
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านแม่เตย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยมี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ สง่ เสรมิ การออมทรพั ย์ สรา้ งความยง่ั ยนื มนั่ คงในชวี ติ และการใชจ้ า่ ย
ในยามฉุกเฉินส�ำหรับสมาชิกชาวชุมชน ในช่วงเร่ิมต้นมีสมาชิกจ�ำนวน ๒๐๒ คน
ตอ่ มามสี มาชกิ เพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ จนถงึ ปจั จบุ นั มสี มาชกิ ทงั้ สน้ิ ๑,๒๒๐ คน ในระยะแรก
การดำ� เนนิ การในลกั ษณะการใหก้ เู้ พยี งอยา่ งเดยี ว โดยคดิ ดอกเบย้ี รอ้ ยละ ๒ ตอ่ เดอื น
ผกู้ ตู้ อ้ งจา่ ยดอกเบย้ี ทกุ วนั ท่ี ๙ ของเดอื น ทศี่ าลาวดั แมเ่ ตย กรู้ อบใหมไ่ ดเ้ มอื่ คนื เงนิ กู้
และดอกเบ้ียครบตามจ�ำนวนแล้วเท่านั้น ต่อมาได้จัดตั้งกองทุนปุ๋ย (พ.ศ. ๒๕๔๓)
ตอ่ ด้วยร้านค้าสวสั ดิการชมุ ชนกล่มุ ออมทรัพยบ์ า้ นแมเ่ ตย (พ.ศ. ๒๕๔๗)

กลมุ่ โรงงานผลิตปุ๋ยชวี ภาพชมุ ชนท่าขา้ ม
กลุ่มโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพชมชนท่าข้าม จัดตั้งข้ึนเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๖
หลงั การจดั ทำ� แผนแมบ่ ทชมุ ชนในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ แลว้ พบวา่ ในตำ� บลทา่ ขา้ ม เกษตรกร
ชาวนา ชาวสวน มกี ารสงั่ ซอื้ ปยุ๋ เคมเี พอื่ การเกษตรสงู ถงึ ปลี ะ ๑๐ ลา้ นบาท ประกอบกบั
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ตำ� บลท่าข้ามไดร้ บั งบประมาณสนับสนุนจากรฐั บาลตามนโยบาย
การกระต้นเศรษฐกิจ ๑ ล้านบาท จึงได้มีการจัดเวทีประชาคมเพ่ือพิจารณาจัดสรร
งบประมาณตามนโยบายดังกล่าวและมีความเห็นตรงกันว่าจะสร้างโรงงานผลิตปุ๋ย
ชวี ภาพและดำ� เนนิ การผลิตอย่างเป็นทางการในเดอื นพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖

กลมุ่ เครื่องแกงสมนุ ไพรบ้านคลองจิก
กลมุ่ เคร่อื งแกงสมนุ ไพรบา้ นคลองจิก ก่อตัง้ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๔ หลงั รฐั บาล
ได้ด�ำเนินนโยบายทางการเมืองโดยการจัดท�ำโครงการหน่ึงต�ำบลหน่ึงผลิตภัณฑ์หรือ
0T0P ผใู้ หญบ่ า้ นหมทู่ ่ี ๒ บา้ นคลองจกิ จงึ ไดด้ ำ� รกิ บั ชาวชมชนถงึ การรว่ มกนั พฒั นา
ผลิตภัณฑ์ชมชนด้วยการท�ำผลิตภัณฑ์เคร่ืองแกงขึ้น ด้วยเห็นว่าทุกครัวเรือนต้องใช้

องค์การบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 243

เคร่ืองแกงปรุงอาหารในเกือบทุกครัวเรือนอยู่แล้ว จึงได้มีการประชุมกลุ่มแม่บ้าน
เพ่ือขอความร่วมมือและจัดต้ังกลุ่มเคร่ืองแกงข้ึน โดยกลุ่มได้รับการสนับสนุน
งบประมาณกอ้ นแรก จำ� นวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จากโครงการมยิ าซาวาเดมิ มาดำ� เนนิ การ
ในการสรา้ งโรงเรอื นและวสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ ง ๆ และมสี ำ� นกั งานเกษตรอำ� เภอหาดใหญ่ และ
สำ� นกั งานพฒั นาชมชนอำ� เภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
ทา่ ข้าม เปน็ ผสู้ นับสนนุ เก่ียวกับการบรรจภุ ณั ฑแ์ ละการจดั จำ� หนา่ ย

กลุม่ การจดั การระบบสขุ ภาพ
แนวคดิ การจดั การสขุ ภาพชมุ ชนเกดิ ขนึ้ จากกจิ กรรมการถอดบทเรยี น ระหวา่ ง
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลและชาวชมุ ชนในประเดน็ ปญั หาและการจดั การสขุ ภาพของ
ชาวชุมชนท่ีส่วนหน่ึงไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขข้ันพื้นฐาน ปัญหาบุคลากร
ทางการแพทย์และสาธารณสุขชุมชนไม่สามารถรองรับการบริการจ�ำนวนมากจาก
ชมุ ชนได้ ขอ้ เสนอจากการถอดบทเรยี นดงั กลา่ วคอื การสรา้ งระบบการดแู ลสขุ ภาพตนเอง
โดยใช้มิติทางวัฒนธรรม ความเป็นเครือญาติและการใส่ใจตนเองในการดูแลสุขภาพ
ชุมชนจึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้ามจัดต้ังกลุ่ม/องค์กรสุขภาพขึ้น
ทีส่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ ชมรมผู้สงู อายุ ชมรมทา่ ขา้ มใจดี และชมรมผูพ้ ิการ
ชมรมผู้สูงอายุ เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มผู้สูงอายุเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
เปา้ หมายเพ่ือสรา้ งพนื้ ทีใ่ นการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้และใหก้ ำ� ลงั ใจกนั และกัน และ/หรือ
ช่วยเหลือกันและกันในยามเจ็บป่วย ไม่สบาย ด้วยกระบวนการฝึกอบรม ให้ความรู้
เก่ียวกับการดูแลสุขภาพและการสร้างสรรค์กิจกรรมผู้สูงอายุ ผู้ท่ีผ่านการฝึกอบรม
ต้องจบั คูด่ แู ลสขุ ภาพเรยี กว่า “บดั ด้ีคหู่ ูค่ใู จ”
ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ มกี ารจดั ตง้ั คณะกรรมการกลางทม่ี าจากตวั แทนในทกุ หมบู่ า้ น
และมคี ณะกรรมการยอ่ ยอกี ๓ กลมุ่ ตามเครอื ขา่ ยกลมุ่ บา้ นคอื เครอื ขา่ ยชมรมผสู้ งู อายุ
ในหมทู่ ี่ ๑ และ ๒ เครอื ขา่ ยชมรมผ้สู งู อายใุ นหมู่ท่ี ๓, ๔ และ ๕ และเครือขา่ ยชมรม
ผู้สูงอายุในหมู่ท่ี ๖, ๗ และ ๘ โดยแต่ละเครือข่ายจะมีคณะกรรมการอีกประมาณ
๑๔ - ๑๖ คน และมีการประชมุ ประจ�ำเดอื น ๆ ละครงั้ ผลจากการด�ำเนินงานท�ำให้
ไมเ่ พยี งทำ� ใหก้ ารดแู ลสขุ ภาพเปน็ ไปอยา่ งทวั่ ถงึ การลดภาระคา่ ใชจ้ า่ ยในการดแู ลสขุ ภาพ
แตก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื ดแู ลสขุ ภาพรว่ มกนั ระหวา่ งองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม

องค์การบริหารส่วนต�ำบลทา่ ขา้ ม

244 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ในการจดั การสขุ ภาพกบั ศนู ยแ์ พทยส์ ามตำ� บลซงึ่ เปน็ ศนู ยแ์ พทยท์ เี่ กดิ จากความรว่ มมอื
ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลในพ้ืนที่ใกล้เคียงคือ องค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม
องค์การบริหารส่วนต�ำบลทุ่งใหญ่และองค์การบริหารส่วนต�ำบลน�้ำน้อย ซ่ึงถือ
เป็นความร่วมมือนำ� ร่องด้านสุขภาพแห่งแรกของประเทศอกี ดว้ ย

ชมรมทา่ ข้ามใจดีสมั พนั ธ์
เกดิ จากแรงบนั ดาลใจของครสู มใจทมี่ ลี กู ชายเปน็ โรคทางจติ เภท มอี ารมณ์ ๒ ขวั้
คอื ครกึ ครน้ื และซมึ เศรา้ แตเ่ มอื่ ไดม้ โี อกาสแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั เจา้ หนา้ ทแี่ ผนกจติ เวช
จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม
จัดต้ังชมรมท่าข้ามใจดีสัมพันธ์ขึ้น ในหมู่ที่ ๗ บ้านเขากลอยออก ต�ำบลท่าข้าม
เพ่ือให้ผู้ป่วยทางจิต ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุในต�ำบลท่าข้ามอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสขุ และปลอดภยั ภายใตห้ ลกั การอยกู่ นั อยา่ งฉนั ทพ์ นี่ อ้ ง มคี วามรกั สามคั คเี ขา้ ใจ
ผูอ้ ื่น รักกนั ดุจญาติ ตรงตอ่ เวลาในการทำ� กิจกรรม
การดำ� เนนิ งานมกี ารจดั ตงั้ กรรมการชมรมขนึ้ มา ๑๐ คน ประกอบดว้ ย ประธาน
รองประธาน เหรญั ญกิ เลขานกุ ารและทป่ี รกึ ษา ๖ คน มกี ารประชมกรรมการทกุ วนั เสาร์
สปั ดาหท์ ี่ ๒ ของเดอื น ประเดน็ การประชุมเน้นการพูดคุยถงึ กิจกรรม ปญั หาทีเ่ กดิ ข้นึ
และแนวทางการสรา้ งความเข้มแขง็ ให้ชมรม และมีการประชุมประจ�ำปี ระดับสมาชิก
ปีละ ๑ ครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม มีกิจกรรมเด่น ได้แก่ การออกก�ำลังกายโดยการ
ร�ำระบ�ำผ้าขาวม้า ร�ำมโนราห์ประยุกต์ หรือ “โนราบิก” กิจกรรมท�ำดอกไม้จันทน์
การทำ� นำ�้ ยาอเนกประสงค์ สบเู่ หลว สบกู่ อ้ น พมิ เสนนำ�้ ทง้ั สามกจิ กรรมจดั สปั ดาหล์ ะครงั้
ในวนั อาทติ ยแ์ ละกจิ กรรมการตรวจเยย่ี มผพู้ กิ ารและผดู้ อ้ ยโอกาส โดยมงุ่ เนน้ ใหผ้ ดู้ แู ล
คนพิการดูแลคนพิการให้ถูกสุขลักษณะและมีการน�ำชุดอาหารไปฝาก โดยเฉล่ียจัด
๓ เดอื นครงั้ ผลสำ� เรจ็ จากการตงั้ ชมรมสามารถลดสภาวะการปว่ ยซำ�้ ซอ้ นของสมาชกิ ทม่ี ี
อาการปว่ ยทางจติ ได้ หลงั จากออกจากโรงพยาบาลแลว้ เขา้ รว่ มกจิ กรรมและอยภู่ ายใต้
การดูแลเอาใจใส่จากชมรม ผู้ป่วยไม่ต้องกลับเข้ารับการบ�ำบัดท่ีโรงพยาบาลอีกเลย
ผู้ดแู ลคนพกิ ารดูแลไดอ้ ย่างถูกสุขอนามัยและอย่างเอาใจใสม่ ากขึน้

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 245

กลุ่มสงิ่ แวดลอ้ ม
กลุ่มพลังงานทดแทน เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จากการที่ชุมชนท่าข้าม
ได้รับเลือกเป็นชุมชนน�ำร่องด้านพลังงานทดแทน ตามแผนพลังงานระดับท้องถิ่น
ของกระทรวงพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ชุมชนน�ำเช้ือเพลิงท้องถ่ินมาใช้ทดแทน
พลงั งานทน่ี ำ� เขา้ จากภายนอก ลดปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม สง่ เสรมิ พฒั นาเทคโนโลยพี น้ื บา้ น
ยกระดบั ทัศนคติเพ่ือการพึง่ พาตนเอง บรู ณาการรว่ มกบั การพัฒนาด้านอ่ืนๆ รวมถึง
ใหบ้ รกิ ารเทคโนโลยีเพอ่ื แปลงพลงั งานในราคาที่เหมาะสม เพอ่ื การประหยดั พลงั งาน
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ส�ำนักวิชาการพลังงานภาค ๑๒ ได้น�ำเทคโนโลยี
ด้านพลังงาน ทั้งเตาชีวมวล เตาเศรษฐกิจ เตาเผาถ่าน มาสาธิตท่ีวัดท่าข้าม
เพื่อประเมินความต้องการของประชาชนต�ำบลท่าข้าม เวทีน้ีได้ก่อให้เกิดความรู้สึก
การเป็นเจ้าของของชุมชนท่าข้าม ทางองค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้ามได้จัดเวที
ประชาคมตำ� บลจากตวั แทนหมบู่ า้ นละ ๑๐ คน เพอ่ื ปรกึ ษาหารอื เกย่ี วกบั การขบั เคลอื่ น
แผนพลังงานท้องถ่ินของต�ำบลท่าข้าม ปลายปี ๒๕๕๐ เริ่มมีการน�ำเคร่ืองมือ
ทางเทคโนโลยที ไ่ี ดร้ บั การสนบั สนนุ จากกรมพฒั นาพลงั งานคอื เตาเผาถา่ น ๒๐๐ ลติ ร
และซุปเปอร์อ้ังโล่มาใช้ในชุมชน เพื่อถวายแด่ในหลวงครบรอบ ๘๐ พรรษา ต่อมา
กรมพฒั นาพลงั งานไดส้ นบั สนนุ เทคโนโลยใี หก้ บั ชมุ ชนเพม่ิ อกี ๒ ชนดิ คอื เตาชวี มวลและ
เตาเศรษฐกจิ มกี ารฝกึ อบรมอาสาสมคั รพลงั งานชมุ ชน ซงึ่ เปน็ กลมุ่ คนทเ่ี ชอ่ื มประสาน
แนวคดิ การจัดการพลังงานชมชน ร่วมกับเจ้าหนา้ ที่จากกระทรวงพลงั งานเพอื่ นำ� ไปสู่
ความรว่ มมอื ระหวา่ งคนในชมุ ชน หนว่ ยงานในทอ้ งถนิ่ และกระทรวงพลงั งาน มกี ารจดั ตง้ั
อาสาสมัครพลังงานชมุ ชนตำ� บลทา่ ข้าม เข้ามามีบทบาทในการพฒั นากิจกรรมในฝัน
ชมุ ชนปลอดขยะและการทำ� เกษตรอนิ ทรยี ใ์ นครวั เรอื น การพฒั นาระบบพลงั งานทางเลอื ก
ในชมุ ชน เชน่ เตาเศรษฐกจิ เตาอบแหง้ พลงั งานแสงอาทติ ย์ รวมถงึ เครอ่ื งอดั เชอื้ เพลงิ
จากวัตถดุ ิบเหลือใชท้ างการเกษตร
มกี ารจดั คณะกรรมการชอื่ วา่ “คณะกรรมพลงั งานชมุ ชน” คดั เลอื กตวั แทนจาก
หมู่บา้ นละ ๒ คน ท�ำหนา้ ทีใ่ นทกุ กระบวนการจัดการพลังงาน การจดั สรรเทคโนโลยี
สู่ชุมชนและโรงเรียน ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านพลังงานทดแทนเกือบ
ทุกระดบั ต้งั แต่ระดับภมู ภิ าค ระดบั จังหวดั และระดับท้องถิน่

องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลท่าข้าม

246 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

กลมุ่ กองทุนใหมใ่ นชุมชน
กองทนุ ภายใตก้ ารสนบั สนนุ จากองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลและองคก์ รภายนอก
เชน่ กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพทอ้ งถน่ิ เกดิ ขน้ึ จากการทส่ี ำ� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพ
แห่งชาติ (สปสช.) ได้สนับสนุนให้เกิดกองทุนระดับท้องถิ่นหรือพ้ืนที่เพ่ือท�ำกิจกรรม
สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ ทำ� ใหป้ ระชาชนมคี วามรใู้ นการดแู ลสขุ ภาพและปอ้ งกนั โรค ชว่ ยลด
รายจ่ายด้านการรักษาพยาบาล ท�ำให้ประชาชนมีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาวะและ
เพม่ิ ความสามารถ โดยจดั สรรงบประมาณเงนิ อดุ หนนุ เปน็ รายหวั ๓๗.๕๐ บาท/คน/ปี
ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๐ และเพม่ิ เปน็ ๔๐ บาท/คน/ปี ในปงี บประมาณ ๒๕๕๓
แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดสรรงบประมาณสมทบจ�ำนวนหน่ึงในลักษณะ
ทเ่ี รยี กวา่ Co-Matching Fund โดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ มไดเ้ ขา้ รว่ มโครงการ
กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพทอ้ งถน่ิ หรอื ทเี่ รยี กกนั โดยทวั่ ไปวา่ “สปสช.” ตง้ั แตป่ ี ๒๕๔๙
นับเป็นรุ่นแรกท่ีเข้าร่วมน�ำร่องกับสปสช.และมีการสมทบงบประมาณเข้ากองทุนถึง
๕๑ เปอร์เซ็นต์ ในด้านการบริหารมีการจัดตั้งคณะกรรมการการบริหารหลักประกัน
สุขภาพต�ำบล ประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม เป็นประธาน
หวั หนา้ สถานอี นามยั ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ผแู้ ทนสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม ผแู้ ทนจากอสม.และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ เปน็ กรรมการ เพอ่ื สขุ ภาพการดแู ล
และสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การดแู ลและสง่ เสรมิ สขุ ภาพจติ แนวปอ้ งกนั โรค แนวจดั การความรู้
และพัฒนาบุคลากร
นอกจากนีย้ ังมกี องทุนใหม่ ๆ เช่น กองทนุ ส่งเสรมิ อาชีพตำ� บลท่าข้าม จัดตั้ง
โดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ
การประกอบอาชพี ใหก้ บั ชาวชมุ ชนทขี่ าดแคลนเงนิ ทนุ และไมส่ ามารถเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ กู้
จากกองทุนต่าง ๆ ในพ้นื ที่ กองทุนสงเคราะหท์ ั่วไป เพอ่ื ช่วยเหลือชาวชมุ ชนในกรณี
ภัยพิบัติ เช่น น�้ำท่วม ไฟไหม้ กองทุนส่งเสริมการท�ำนา ต้ังข้ึนเพ่ือเป็นการลด
การเปลีย่ นท่นี าไปเปน็ สวนยางพารา เปน็ ต้น

องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 247

งานฐานทรัพยากรท้องถ่นิ อพ.สธ. อบต.ท่าขา้ ม

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม ไดเ้ รม่ิ ดำ� เนนิ การโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
(อพ.สธ.) ในงานฐานทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และได้รับการตอบรับ
ให้เข้ารว่ มโครงการฯ เมื่อวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ล�ำดับสมาชิก ๘-๖๙๐๑๑๑๓
โดยมีการด�ำเนินงาน ในกรอบกิจกรรมที่ ๘ คือกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์
ทรัพยากรมีการด�ำเนินงานตามกรอบและแผนการการด�ำเนินงาน ๓ ด้าน ๖ งาน
และ ๔ ทรพั ยากร คอื
ดา้ นที่ ๑ ด้านการบริหารและการจัดการ
ดา้ นที่ ๒ ดา้ นการด�ำเนนิ งาน ประกอบดว้ ย ๖ งาน และ ๔ ทรัพยากร
- งานปกปักทรัพยากรท้องถนิ่ การปกปกั ทรพั ยากรท้องถนิ่ เปน็ การ
นำ� พนื้ ทสี่ าธารณะประโยชนม์ ากำ� หนดขอบเขต เพอ่ื สำ� รวจ ทรพั ยากร
โดยการบอกต�ำแหน่งทรัพยากรศึกษา เก็บตัวอย่าง บันทึกภาพ
จัดท�ำทะเบียน ตลอดจนการดูแลรักษาทรัพยากรในพื้นท่ีปกปัก
ทรพั ยากรท้องถ่นิ
- งานส�ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น การส�ำรวจเก็บรวบรวม
และจัดทำ� ฐานทรพั ยากรท้องถ่นิ เป็นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ทางดา้ น
กายภาพ ชวี ภาพ รวมทง้ั วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญา ของแต่ละทอ้ งถนิ่
ต้งั แต่อดตี ถงึ ปัจจบุ นั วิเคราะหจ์ ัดท�ำเปน็ ระบบฐานขอ้ มูล
- งานปลูกรักษาทรัพยากรท้องถิ่น การปลูกรักษาทรัพยากรท้องถ่ิน
เป็นการจัดหาและรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น เช่น พืช สัตว์ ชีวภาพ

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

248 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ภูมิปัญญา เพ่ือน�ำมาปลูกและรักษาติดตามการเจริญเติบโต และ
การเปลย่ี นแปลง
- งานอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถิ่น การอนุรักษ์และ
ใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถ่ิน เป็นการฟื้นฟู บ�ำรุงรักษา ขยายพันธุ์
การใช้ประโยชน์ ทรัพยากรท้องถน่ิ อย่างย่ังยืน
- งานศูนย์ข้อมูลทรพั ยากรท้องถิ่น งานศนู ย์ขอ้ มูลทรัพยากรท้องถิ่น
เปน็ การรวบรวมบนั ทกึ ขอ้ มลู ทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ และมรี ะบบการจดั เกบ็
และสบื คน้ ได้
- งานสนับสนุนในการอนุรักษ์และจัดท�ำฐานทรัพยากรท้องถ่ิน
การสรา้ งจติ ส�ำนึกในการอนุรกั ษท์ รัพยากรท้องถนิ่ โดยการสนบั สนุน
งบประมาณ วัสดุ อปุ กรณ์ จากบคุ คล หรอื หน่วยงาน ในการอ�ำนวย
ความสะดวก ส�ำหรับการด�ำเนินงาน เพื่อส่งเสริม สืบสานอนุรักษ์
สู่การพัฒนาอย่างยัง่ ยืน
- ทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ : การศกึ ษาพชื (กะพอ้ ) การศกึ ษาพชื เปน็ การศกึ ษา
ต้งั แต่การขยายพันธ์ุ การปลกู การดูแลรกั ษา การเจรญิ เติบโต รูปร่าง
ลักษณะ รวมท้ังคุณสมบัติความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม ค้นหา
กระบวนการสร้างสรรคผ์ ลิตภณั ฑแ์ ละสง่ิ ใหม่ ๆ มกี ารจัดตงั้ เป็นกลมุ่
ชมรม หรอื ระบบเครอื ข่าย รวมทง้ั มีการจดั แสดงและเผยแพร่
- ทรัพยากรท้องถิ่น : การศกึ ษาสตั ว์ เรยี นรสู้ ัตว์ เป็นการศกึ ษาต้ังแต่
การขยายพนั ธ์ุ การดแู ลรกั ษา การเจรญิ เตบิ โต รปู รา่ ง ลกั ษณะ รวมทง้ั
คณุ สมบตั ิ ความสมั พนั ธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ ม คน้ หากระบวนการสรา้ งสรรค์
ผลติ ภณั ฑแ์ ละสงิ่ ใหมๆ่ มกี ารจดั ตง้ั เปน็ กลมุ่ ชมรม หรอื ระบบเครอื ขา่ ย
รวมทงั้ มกี ารจัดแสดงเผยแพร่ การเรียนรแู้ ละการใช้ประโยชน์
- ทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ : การศกึ ษาชวี ภาพอนื่ ๆ การศกึ ษาชวี ภาพอน่ื ๆ
เป็นการศึกษาตั้งแต่การขยายพันธุ์ การดูแลรักษา การเจริญเติบโต
รปู ร่าง ลักษณะ รวมท้ังคณุ สมบัติความสัมพนั ธ์กับสง่ิ แวดลอ้ ม คน้ หา
กระบวนการสรา้ งสรรค์ผลติ ภณั ฑแ์ ละส่ิงใหม่ ๆ มกี ารจดั ต้ังเปน็ กลมุ่

องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 249

ชมรม หรอื ระบบเครอื ขา่ ย โดยจดั แสดงและเผยแพร่ การศกึ ษาชวี ภาพ
อนื่ ๆ การศกึ ษาการเจรญิ เตบิ โตของชวี ภาพอนื่ ๆ การเรยี นรรู้ ปู ลกั ษณ์
และพฤติกรรมของชีวภาพอ่ืนๆ การเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่าง
ชีวภาพอื่น ๆ และส่ิงแวดล้อม การขยายพันธุ์ การดูแลรักษา
การใช้ประโยชน์จากชีวภาพอื่น ๆ สรุปการเรียนรู้จากชีวภาพอื่น ๆ
และก�ำหนดการใช้ประโยชน์ (ผังความคิด) กระบวนการสรรค์สร้าง
ผลิตภัณฑ์ใหม่ และสิ่งใหม่ ๆ การสร้างจิตส�ำนึก การจัดแสดง หรือ
เผยแพร่ งานจากการเรยี นรแู้ ละการใชป้ ระโยชน์ การจดั ตงั้ กลมุ่ ชมรม
หรือกิจกรรมคา่ ย
- ทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ : การศกึ ษาวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญา การศกึ ษา
วัฒนธรรมและภูมิปัญญา เป็นการศึกษาตั้งแต่ประวัติความเป็นมา
ประเภทและการพัฒนา รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างภูมิปัญญากับ
สงิ่ แวดลอ้ ม มกี ารจดั การ เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารดแู ลรกั ษา และการใชป้ ระโยชน์
โดยหากระบวนการสรรคส์ รา้ งและพฒั นา เพอ่ื ใหเ้ กิดสง่ิ ใหม่ๆ มีการ
จดั ตง้ั กลุ่ม ชมรม หรอื ระบบเครอื ขา่ ย โดยจัดแสดงและเผยแพร่
ดา้ นที่ ๓ ด้านผลการดำ� เนนิ งาน
ผลจากการด�ำเนินงาน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจาก
พระราชด�ำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ในงาน
ฐานทรัพยากรท้องถ่ิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อย่างต่อเน่ือง ท�ำให้องค์การบริหาร
ส่วนต�ำบลท่าขา้ มผ่านการประเมนิ ระดบั ปา้ ยสนองพระราชด�ำริในงานฐานทรพั ยากร
ท้องถ่ิน และรับพระราชทานป้ายเมื่อวันท่ี ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และผ่าน
การประเมินระดับเกียรติบัตรงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น ข้ันท่ี ๑ เกียรติบัตร
แห่งความมุ่งม่ัน อนุรักษ์ สรรพสิ่ง สรรพชีวิต ด้วยจิตส�ำนึกในงานฐานทรัพยากร
ท้องถ่ิน โดยเขา้ รับพระราชทานเกียรติบัตร เมอ่ื วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒
ซงึ่ นบั เปน็ องคก์ รปกครองทอ้ งถนิ่ ลำ� ดบั แรกของภาคใต้ และลำ� ดบั ๔ ของประเทศไทย
ทไ่ี ดร้ ับพระราชทานเกยี รติบตั รงานฐานทรัพยากรท้องถิน่ ขน้ั ท่ี ๑

องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

250 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

อบต.ทา่ ขา้ ม เขา้ รว่ มโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รฯิ ”
งานทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ ” โดยแจง้ เลขาธกิ ารพระราชวงั เมอื่ วนั ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ลำ� ดบั สมาชิกหนว่ ยงาน ๘-๖๙๐๑๑๑๓

๓ กรอบ ๖ งาน และ ๔ ทรพั ยากรการด�ำเนินงานของ อพ.สธ.
๓ กรอบการดำ� เนินงาน ประกอบด้วย
๑. กรอบการเรยี นรู้
๒. กรอบการใช้ประโยชน์
๓. กรอบการสรา้ งจติ สำ� นึก

๖ งานการด�ำเนินงาน ประกอบดว้ ย
๑. งานปกปกั ทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ : พ้นื ที่ป่าชมุ ชน ปา่ ธรรมชาตดิ ้ังเดิม
๒. งานส�ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น : ทรัพยากรภายภาพ ชีวภาพ
ภมู ปิ ัญญา
๓. งานปลูกทรพั ยากรท้องถิน่ : พชื ใกลส้ ญู พนั ธ์ุ พืชอนุรกั ษ์


๔. งานอนรุ ักษแ์ ละใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรทอ้ งถ่นิ : การเพาะปลกู ขยายพันธ์ุ


องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 251

๕. งานศูนยข์ ้อมูลทรัพยากรท้องถนิ่ : การจัดทำ� ฐานขอ้ มูล


๖. งานสนับสนุนการอนุรักษ์และจัดท�ำฐานทรัพยากรท้องถิ่น : งานสวน
พฤกษศาสตร์โรงเรียน


๔ ทรัพยากรการดำ� เนินงาน ประกอบด้วย
๑. ทรพั ยากรท้องถ่นิ : การศึกษาพชื (กะพอ้ )
๒. ทรัพยากรทอ้ งถ่ิน : การศกึ ษาสตั ว์
๓. ทรพั ยากรท้องถิน่ : การศึกษาชวี ภาพอนื่ ๆ
๔. ทรัพยากรท้องถน่ิ : การศึกษาวฒั นธรรม และภมู ิปญั ญา
การดำ� เนนิ งานฐานทรัพยากรทอ้ งถ่นิ
๑. ดา้ นการบรหิ ารและการจัดการ
๒. ด้านการด�ำเนินงาน
๓. ด้านผลการด�ำเนินงาน

องค์การบริหารสว่ นตำ� บลทา่ ข้าม

252 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

๑. ดา้ นการด�ำเนินงาน
๑. งานปกปกั ทรัพยากรท้องถ่ิน : พ้ืนทีป่ ่าชุมชน ปา่ ธรรมชาติดั้งเดิม
๒. งานส�ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น : ทรัพยากรกายภาพ ชีวภาพ
ภมู ปิ ัญญา
๓. งานปลกู รกั ษาทรัพยากรทอ้ งถนิ่ : พชื ใกล้สูญพนั ธ์ุ พืชอนุรกั ษ์
๔. งานอนุรกั ษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถิน่ : การเพาะปลูก ขยายพนั ธ์ุ
๕. งานศนู ยข์ อ้ มูลทรพั ยากรทอ้ งถ่นิ : การจัดทำ� ฐานขอ้ มลู
๖. งานสนับสนุนการอนุรักษ์และจัดท�ำฐานทรัพยากรท้องถิ่น : งานสวน
พฤกษศาสตร์โรงเรียน

๒. งานสำ� รวจเก็บรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น


ผลการดำ� เนนิ งาน


องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 253

การดำ� เนนิ งานตอ่

ทรัพยากรศึกษา พืชกะพ้อ สัตว์ ผ้ึงยวน (ผ้ึงโพรง) ชีวภาพอื่น ๆ เห็ดแครง
ภูมิปญั ญา ซงั้ (ฝายมชี วี ติ )

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

254 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 255

สถานท่ีทอ่ งเที่ยวของชุมชน

ควนสีชาย (ผาหินงาม)

หลาต้นโด

อารยะสถาปัตย์
องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลท่าขา้ ม

256 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ความเปน็ มา
นางถิน้ สุวรรณเพชรเล่าว่า โรงครัว
วัดท่าข้ามสร้างโดยหลวงตาเณรเผียนหวัง
จะเป็นท่าน (เจ้าอาวาส) ชาวบ้านเรียก
“หนูแก้วท่าน” แต่พอท�ำครัวเสร็จท่านสึก
เสียก่อน เขาย้ายท่านยอดมาแทนหนูแก้ว
ท่านที่สึกไปเอาเมีย ลุงเส้งเป็นช่างหลัก โรงครวั วัดทา่ ข้ามจ�ำลองที่ อบต.ท่าข้าม (ด้านขา้ ง)
มชี าวบา้ นชว่ ยกนั ทำ� ลงุ เสง้ เปน็ ชา่ งไม้ ทำ� อยู่ ๓ ปี เสาเจาะทงั้ หมด สวิ่ เหย้ี นไป ๙ เลม่
ท�ำดว้ ยไม้แคขอยแข็งมาก
ปัจจุบันโรงครัวหลังเก่าถูกรื้อมาสร้างใหม่โดยคงรูปแบบโครงสร้างเดิม
ทกุ ประการเพอื่ อนรุ กั ษภ์ มู ปิ ญั ญาดา้ นสถาปตั ยข์ องชา่ งทอ้ งถนิ่ อกี หลงั หนงึ่ จำ� ลองไวท้ ี่
ทที่ ำ� การองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ มแตด่ ดั แปลงสว่ นนอกชานและบนั ไดใหส้ อดคลอ้ ง
กบั ยคุ สมยั (ตามความเหน็ ของสถาปนกิ รว่ มสมยั ) เปน็ สถานทจ่ี ดั นทิ รรศการถาวรของ
โครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธพ์ุ ชื ทอ้ งถนิ่ ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี

โรงครวั วดั ท่าข้ามจ�ำลองที่ อบต.ทา่ ขา้ ม (ด้านหน้า)

องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 257

ส่ิงศักดิ์สิทธ์ทิ ี่เคารพนบั ถอื และสาธารณสถาน ได้แก่

หลาต้นโด
ศาลากลางหนบ้านหนิ เกลย้ี ง
ศาลากลางหน คอื ศาลาสาธารณะ
ซงึ่ เอกชนหรอื ชาวบา้ นผมู้ จี ติ ศรทั ธาสรา้ งขน้ึ
เพื่อเป็นที่หยุดพักของคนเดินทางหรือ
เปน็ ทพี่ กั ผอ่ นของผทู้ อ่ี ยใู่ นละแวกใกลเ้ คยี ง
และบางโอกาสอาจใชเ้ ปน็ ทป่ี ระกอบพธิ กี รรม
บางอยา่ งรว่ มกนั ของชาวบา้ นในทอ้ งถนิ่ นนั้ ๆ
ศาลากลางหน นยิ มสรา้ งไวร้ มิ ทางทม่ี ผี สู้ ญั จรผา่ นเปน็ ประจำ� เชน่ ทา่ นำ้� ทางแยก
ปากทางเข้าหมู่บ้าน หน้าวัด หน้าเมืองและรายทางระหว่างหมู่บ้านซ่ึงอยู่ห่างกัน
ประมาณ ๑ ชั่วพกั ศาลากลางหนสว่ นใหญ่จะสรา้ งอย่างถาวร วสั ดทุ ใ่ี ช้ก่อสร้างและ
ขนาดของศาลาจะแตกตา่ งกนั ไปตามกำ� ลงั ความสามารถของผสู้ รา้ ง รปู ทรงจะสะทอ้ น
ถึงสถาปัตยกรรมพื้นบ้านประสมประสานด้วยคตินิยม เจตนาที่จะให้เกิดประโยชน์
วฒั นธรรมของการใชป้ ระโยชนแ์ ละวสั ดสุ ิ่งกอ่ สรา้ งทน่ี ยิ มกนั ในทอ้ งถนิ่ น้ัน ๆ ตามยคุ
ตามสมัยทสี่ ร้างขนึ้
รูปแบบของศาลากลางหนที่พบมากในภาคใต้คือเป็นอาคารโครงไม้เนื้อแข็ง
ยกพนื้ สงู ประมาณ ๐.๘๐ เมตรถงึ ๑.๒๐ เมตร ไมน่ ยิ มฝงั เสาแตจ่ ะวางเสาไวบ้ นฐานรอง
ซึ่งเรียกว่า “ตีนเสา” จึงเหมาะท่ีจะเคลื่อนย้ายถ้าจ�ำเป็น พ้ืนนิยมปูด้วยไม้เน้ือแข็ง
ไมน่ ยิ มกน้ั ฝา หลงั คาเปน็ แบบทรงไทย มจี วั่ หลงั คาจตั รุ มขุ หลงั คาแบบบลานอ หลงั คา
ปน้ั หยา มงุ ดว้ ยกระเบอื้ งดนิ เผา ทมี่ งุ ดว้ ยสงั กะสกี ม็ บี า้ ง ศาลากลางหนทส่ี รา้ งเปน็ เสา
คอนกรตี กม็ บี า้ ง ถา้ เปน็ ประเภทน้ี พน้ื สว่ นมากกอ่ ลอ้ มดว้ ยอฐิ ถมดนิ อดั แนน่ เตม็ แลว้
ปูดว้ ยแผ่นอิฐหรอื ราดซีเมนต์หรอื เป็นพืน้ คอนกรตี

พ้ืนของศาลากลางหนส่วนมากนิยมท�ำให้มี
๒ ระดับอยู่ในหลังเดียวกัน ต่างระดับกันประมาณ
๒๐ - ๕๐ เซนติเมตร ส�ำหรับเป็นที่น่ังของพระภิกษุ
สามเณรที่นิมนต์มาในพิธีตามคติของการคารวะ ปกติ
ศาลากลางหนจะมีบ่อน�้ำอยู่ด้วยและมักอยู่ใกล้ ๆ กัน

องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม

258 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

มเี ครอ่ื งมอื ตกั และใสน่ ำ้� เพอ่ื ตกั อาบและใชส้ ะดวก และถา้ บอ่ นำ�้ ไมส่ ะอาดพอจะดมื่ ได้
ก็จะมีน้�ำใส่หม้อดินเผาไว้ให้ด้วย มีฝาปิดมิดชิดและมีคนคอยตักน้�ำใส่ไม่ให้ขาดเรียกว่า
“เผล้งหลา” (เผล้ง คือภาชนะเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ส�ำหรับใส่น�้ำหรือใส่ของ
หลา คอื ศาลา)
สงั คมปจั จบุ นั เปลย่ี นไป การสรา้ งศาลาดว้ ยศรทั ธาเฉพาะตวั มนี อ้ ย ศาลากลางหน
ที่เคยมีก็ถูกรื้อทิ้งเสียบ้าง พังทลายไปโดยไม่มีการบูรณะบ้าง การสร้างศาลาริมทาง
ในปจั จบุ นั มกั ตกเปน็ ภาระของหนว่ ยงานราชการบางหนว่ ยและมกั จะมรี ปู แบบเดยี วกนั
เอกลักษณ์และภาพสะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวบ้านจากสาลากลางหนที่เคยมีต่อ
การเสริมสร้างคุณธรรมของชาวใต้ท้ังแก่ผู้สร้างและผู้ใช้ประโยชน์ก็แคบลงตามความ
เปล่ียนแปลงของสังคมและค่านิยม ศาลาริมทางท่ีสร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันบางที
เนน้ สงิ่ ทผี่ สู้ รา้ งตอ้ งการประชาสมั พนั ธม์ ากกวา่ อยา่ งอน่ื (สธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย.์ ๒๕๔๒ :
๗๓๒๔ - ๗๓๒๙)
ศาลากลางหนในชมุ ชนท่าขา้ ม ประกอบด้วย
หลาต้นโด คือ ศาลากลางหนบ้านหินเกลี้ยงที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลาต้นโด”
หมทู่ ี่ ๖ บา้ นหนิ เกลย้ี งเปน็ ศาลาเกา่ แกน่ านนบั กวา่ ๒๐๐ ปี อยคู่ กู่ บั ตน้ ไมศ้ กั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ ปน็ ท่ี
นับถอื ของชาวบา้ นหนิ เกลยี้ งซ่งึ เช่อื กนั วา่ มสี ง่ิ ศกั ดิ์สิทธิ์สิงสถติ อยใู่ นตน้ ไมต้ น้ นัน้ คือ
“ตน้ ประด”ู่ หรอื ชาวบา้ น ในชมุ ชนเรยี กในภาษาใตว้ า่ “ตน้ โด” หลาตน้ โด ตงั้ อยบู่ รเิ วณ
ทงุ่ นาในเขตพน้ื ทบี่ า้ นหนิ เกลยี้ งหมทู่ ี่ ๖ ตำ� บลทา่ ขา้ ม อำ� เภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา
หลังคาทรงจั่ว เดิมมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ปัจจุบันบูรณะใหม่มุงด้วยกระเบ้ืองลอน
เสาเหล่ียมท�ำด้วยไม้เน้ือแข็ง ยกพื้นสูงปูด้วยไม้กระดานเป็นไม้เน้ือแข็ง สมัยก่อน
ชาวบ้านได้มีการก่อสร้างศาลาหลังนี้เพ่ือเป็นที่หลบแดดหลบฝน ของคนเดินทาง
ตั้งอยู่บริเวณสามแยกทางเข้าหมู่บ้าน เดิมบริเวณนี้เป็นที่ตั้งวัดหินเกลี้ยง แต่ต่อมา
วดั หนิ เกลย้ี งยา้ ยไปอยบู่ รเิ วณทอี่ ยปู่ จั จบุ นั นี้ ปจั จบุ นั ไดม้ กี ารบรู ณะกอ่ สรา้ งใหม่ ตอน
มโี ครงการนวตั วถิ พี ฒั นาทงุ่ นาหลาตน้ โดเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทางวฒั นธรรม วถิ ชี มุ ชน
แตย่ งั คงสภาพศาลาทรงเกา่ เอาไว้ เพราะ “หลาตน้ โด” นอกจากจะเปน็ ทห่ี ลบแดดหลบฝน
แลว้ ยงั เปน็ พนื้ ทใ่ี นการประกอบกจิ กรรมทางประเพณวี ฒั นธรรมของชมุ ชน และยงั เปน็
แหลง่ เรยี นรทู้ างดา้ นอารยสถาปตั ยกรรมของชมุ ชนสำ� หรบั เดก็ และเยาวชนหรอื ผสู้ นใจ
ท่จี ะเรยี นรู้ ผสู้ ร้างศาลาหลังนคี้ ือชา่ งหนูน้ยุ บอ็ ก เปน็ ชา่ งแกะกระดาษด้วย เครอ่ื งมือ
ช่างหนูนยุ้ บ็อกปจั จุบนั อย่ทู ชี่ ่างอรุณ แก้วสตั ยา

องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 259

นอกจากนั้น ยังมีหลาต้นโดที่หมู่ที่ ๘ บ้านเขากลอยตก เสาไม้วางบน
ตนี เสาซเี มนต์ พ้ืนไมต้ ่างระดบั หลังคาจั่ว ใช้สำ� หรับการแกบ้ นตน้ ประดู่ศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละ
จดั งานประจ�ำปขี องหมูบ่ ้าน
หลาต้นโด หมูท่ ่ี ๘ เขากลอย

หลาเกาะกลาง เมื่อก่อนเป็นท่ีต้ังวัดเขากลอย ก่อนจะย้ายมาตั้งในท่ีวัด
ปัจจุบัน เป็นท่ีดินส่วนตัวของหลวงพ่อคง อุตฺตโม อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากลอย
อยู่กลางทงุ่ นาระหวา่ งสถานที ่าข้ามกบั วัดเขากลอย

ศาลาทวดไกรแก้ว
อยู่ริมถนนกลางทุง่ นา ใกลบ้ า้ นนางหนูให้ อุไรรัตน์

องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าขา้ ม

260 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

หลักพ่อท่านอ้ยุ

ในวดั หนิ เกลยี้ งและในบา้ นหนิ เกลย้ี งใกลบ้ า้ นนางหนใู ห้
อไุ รรตั นแ์ ละหนา้ บา้ นโนรารกั ษ์ ไชยภกั ดี มหี ลกั พอ่ ทา่ นอยุ้ อยู่
วา่ กนั วา่ ปนี น้ั (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๐) เกดิ เภทภยั ในบา้ นหนิ เกลยี้ ง
มชี าวบา้ นเหน็ เปรตเดนิ ขา้ มโบสถว์ ดั หนิ เกลย้ี ง จงึ มคี นไปนมิ นต์
พ่อท่านอุ้ยจากวัดคอหงส์นิมนต์พระมาสวดแล้วปักหลัก
ไม้แก่นไว้ทั่วบ้านหินเกล้ียง ต่อมาชาวบ้านเอาปูนมาพอก
เป็นเสาปูนและมีหลังคากันแดดกันฝน ชาวบ้านบอกว่า
พ่อท่านอยุ้ เกจิอาจารยด์ งั เป็นหลักปูมบ้านปูเมืองป้องกันรักษาหมู่บ้านให้ปลอดภัย
วดั คอหงส์ จากโจรผู้ร้ายและภยันตรายนานา ปักโดยพ่อท่านอุ้ยหรือ

หลวงพ่ออุ้ย เกจิอาจารย์มีช่ือเสียงท่ีมีพระเคร่ืองเป็นเครื่องรางของขลังมหานิยม
ของนกั เลงพระเคร่อื งทั่วประเทศ

พระอธิการเคล่ือน (เจ้าอาวาสวัดพรุเตาะ ต�ำบลทุ่งใหญ่ อ�ำเภอหาดใหญ่
จงั หวดั สงขลา) เลา่ ว่า ท่านมาจากวดั หงสป์ ระดษิ ฐาราม ทเ่ี ดียวกับพ่อทา่ นอุ้ยเพอื่ ไปที่
วดั หนิ เกลยี้ งในพธิ สี วดบา้ นปดั รงั ควานเพอื่ สรา้ งความเปน็ สริ มิ งคล พอ่ ทา่ นอยุ้ เปน็ คน
กำ� หนดจดุ ทจี่ ะปกั หลกั ตามภมู บิ า้ นหลกั แรกปกั ทกี่ ลางบา้ นหนิ เกลย้ี งปจั จบุ นั ทใ่ี นซอย
ข้างบ้านทายาทนางหนูให้ อุไรรัตน์ บัตรสาวอดีตก�ำนันสอน อุไรรัตน์ หลักท�ำด้วย
ไม้เน้ือแข็ง ท่านจ�ำไม่ได้ว่าเป็นไม้ตะเคียนหรือไม้หลุมพอ ยาวประมาณ ๑ เมตร
เป็นเสาไม้หกเหลี่ยม หัวเสาเป็นหัวบัว
ลงอักขระ เขียนยันต์ก�ำกับ ส่วนก้นหลุม
รองด้วยอิฐลงอักขระ เขียนยันต์ก�ำกับ
โดยพระอธิการเคลื่อนเป็นคนเขียนเอง
ทั้งหมด ก่อนฝังลงลึกประมาณ ๑ ศอก
มพี ธิ สี วดอติ ปิ โิ สเหมอื นสวดบา้ นปดั รงั ควาน
ท่ัวไปเวลามีฟ้าผ่าหรือเกิดรุ้งกินน�้ำ
ในหมู่บ้าน
หลักพอ่ ทา่ นอ้ยุ ท่ีวดั หนิ เกล้ียง

องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 261

หลกั พอ่ ทา่ นอยุ้ ถอื เปน็ สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธใ์ิ นความเชอ่ื ถอื ของชาวบา้ น มกี ารบนบาน
ปิดทองและมีประเพณีการสบถสาบานต่อหน้าหลักพ่อท่านอุ้ยให้มีความเป็นไป
ถ้าไม่พดู ความจริง ว่ากนั วา่ เคยมคี นเสยี ชวี ติ เพราะกล้าสบถสาบานเลยถกู แทงตาย
เวลาจะสบถสาบานจะมคี นทำ� หนา้ ทนี่ ำ� กลา่ วคำ� สบถสาบานเรยี กวา่ “อา่ นเดน”
เชน่ นายยก หลักพ่อทา่ นอยุ้ ทราบมาว่ามี ๔ หลกั แตท่ ีไ่ ปบนั ทึกภาพมามี ๓ หลกั คือ
หลกั แรกอยขู่ า้ งบา้ นทายาทนางหนใู ห้ อไุ รรตั น์ ถดั มาหลกั ท่ี ๒ อยหู่ นา้ บา้ นโนราล่ี ไชยภกั ดี
ลูกชายโนรารักษ์ ไชยภกั ดี หลกั ท่ี ๓ อยู่ในวดั หนิ เกลี้ยง หลกั ที่ ๑ และ ๓ พบรอ่ งรอย
ของการจุดธูปเทียนดอกไม้และปิดทองอยู่ในท่ีรโหฐาน ส่วนหลักที่ ๒ ซุกแอบอยู่
ในมมุ อับหลังบ้านในที่ส่วนบคุ คล

หลกั พ่อทา่ นอุ้ยขา้ งบ้านโนรารกั ษ์ ไชยภักดี หลักพอ่ ทา่ นอุ้ยข้างบ้านหนูให้ อุไรรตั น์

ปจั จบุ นั ชาวบา้ นทา่ ขา้ มเชอื่ วา่ ถา้ ใครสาบถสาบานตอ่ หนา้ หลกั พอ่ ทา่ นอยุ้ แลว้
ไมเ่ ป็นไปตามคำ� สาบานจะตอ้ งมอี ันเป็นไปมามากต่อมากคนแล้ว

องค์การบริหารส่วนตำ� บลท่าข้าม

262 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

พอ่ ทา่ นอยุ้ นามเดมิ คอื อยุ้ แกว้ ครี ี เปน็ ชาวเกา้ เสง้ สงขลา เกดิ เมอื่ วนั จนั ทรท์ ่ี
๘ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๔๓ ทบี่ า้ นเกา้ เสง้ ตำ� บลเขารปู ชา้ ง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา
บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๘ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๑) ท่ีวดั ศาลาหวั ยาง ตำ� บลบ่อยาง
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา เมอ่ื อายุ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๔๖๓) อปุ สมบทโดยมพี ระครวู จิ ติ รคณุ ารกั ษ์
เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้มาร่วมสร้างวัดคอหงส์หรือวัดหงส์ประดิษฐาราม ต้ังแต่เริ่มต้น
วัดอยู่ในค่ายเสนาณรงค์และแลกที่ดินกับค่ายเสนาณรงค์และท่านได้รับการแต่งตั้ง
เปน็ เจา้ อาวาสรปู แรกของวดั หงสป์ ระดษิ ฐารามและเปน็ เจา้ คณะอำ� เภอหาดใหญแ่ ละ
เปน็ เจา้ คณุ ทพี่ ระโศภณพทิ ยาคณุ ตามลำ� ดบั ทา่ นไดป้ ฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ทงั้ งานของคณะสงฆ์
และงานบริหารวัดหนักมาก แต่ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ ออกธุดงค์ปีละ ๑ เดือน
จนมรณภาพในวันท่ี ๒๓ เดอื นเมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ สิรริ วมอายุ ๖๓ ปี พรรษา ๔๕
และกลายเปน็ เกจิอาจารย์ท่ีมีผเู้ คารพนับถอื อยา่ งกว้างขวางในปัจจบุ ัน 

ควนสีชาย
เทือกเขาสูงคู่บ้านหินเกลี้ยง เหมาะแก่การเพาะปลูกเป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์
ด้วยป่าไม้นานา ชนิด สมัยก่อนเป็นป่าทึบมีต้นไม้ใหญ่นานาชนิด เม่ือชาวบ้าน
เรมิ่ บกุ รกุ ทำ� ลายปา่ เพอ่ื ปลกู ยางพารา ควนสชี ายกก็ ลายเปน็ ปา่ ยางเกอื บหมด เหลอื อยู่
เพียงไม่ก่ีไร่ที่ยังเป็นป่าแก่อยู่ท่ีไม่มีเจ้าของ หรือท่ีสาธารณะ เพ่ือเป็นการอนุรักษ์
พื้นท่ีป่าไว้ซ่ึงในปัจจุบันในก�ำหนดเป็น “พื้นที่ปกปัก” โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
(อพ.สธ.) จ�ำนวน ๕๔ ไร่

องค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าขา้ ม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 263

คลองบอนด�ำ (บอ่ น�ำ้ ศักดสิ์ ิทธิ)์
เปน็ บอ่ นำ�้ ศกั ดสิ์ ทิ ธอ์ิ ยบู่ นควนสชี าย เมอื่ กอ่ น มผี เู้ ฒา่ เลา่ ใหฟ้ งั วา่ ใครทไี่ มส่ บาย
ถา้ ไดด้ มื่ นำ�้ จากบอ่ ดำ� กจ็ ะหาย หรอื ใครทโ่ี ดนผเี ขา้ กใ็ หเ้ อานำ้� จากบอ่ ดำ� มารดกจ็ ะหาย
เมอื่ กอ่ นการทจ่ี ะขนึ้ ไปบอ่ นำ�้ ขา้ งบนตอ้ งเดนิ เทา้ ขน้ึ ไปและเปน็ ปา่ รก เมอ่ื เราไปถงึ ทน่ี นั้
ก็จะเห็นเป็นแอ่งน�้ำเล็ก ๆ ท่ีมีหินประดับอยู่รอบบริเวณบ่อ และภายในแอ่งน�้ำนั้น
ก็มีตาน้�ำผุดออกมา ตลอดเวลาตลอดท้ังปี จนท�ำให้กลายเป็นที่มาของน้�ำศักด์ิสิทธ์ิ
ใชด้ มื่ กินและหลอ่ เลยี้ งชาวบ้านตลอดมาในสมัยนนั้

บอ่ บา้ น (บ่อนำ้� ดืม่ - น้�ำใช้ประจำ� หมูบ่ ้าน)
บ่อน�้ำด่ืมน�้ำอาบ ที่ชาวบ้านสร้างข้ึนคู่กับ
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ คือ ต้นประดู่คู่บ้าน ถือได้ว่าเป็น
บ่อแรกของหมู่บ้าน เป็นบ่อน�้ำท่ีสร้างขึ้นด้วย
แรงงานคน ดว้ ยการขดุ ขน้ึ กบั มอื และเทคโนโลยขี อง
ชาวบา้ นทร่ี ว่ มมอื รว่ มใจกนั ขดุ ขน้ึ มาเปน็ บอ่ นำ้� ตนื้
และกลายมาเปน็ บอ่ นำ้� บอ่ แรกของชมุ ชน ดว้ ยการ
ลำ� เลียงก้อนหินขึ้นมาเป็นชน้ั ๆ เป็นบ่อน�้ำท่ีมนี �้ำ
ตลอดฤดกู าลเพราะมตี านำ�้ ทำ� ใหน้ ำ้� ออกเปน็ สายนำ้�
เลก็ ๆ ตลอดเวลา เมื่อกอ่ นชาวบา้ นใชอ้ าบใช้ด่มื
ทุกครัวเรือน แต่ในปัจจุบันชาวบ้านก็เร่ิมมีบ่อน�้ำแบบน้ีกระจัดกระจายท่ัวหมู่บ้าน
สร้างบอ่ น้ำ� ประจำ� บ้านเปน็ ของตนเอง

พระพทุ ธวรตั นว์ ราชติ มงคล (พระพุทธรปู องคใ์ หญใ่ นวดั หินเกล้ยี ง)
ความเปน็ มา ในการจดั สรา้ ง สำ� นกั สาธารณสขุ
จังหวัดสงขลา โดยนายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้เร่ิมสร้าง
พระประธาน ประจำ� วดั หนิ เกลย้ี ง หมทู่ ่ี ๖ ตำ� บลทา่ ขา้ ม
อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นพระพุทธรูป
ปางมารวชิ ยั เนอ้ื ปนู หนา้ ตกั กวา้ ง ๓.๗๐ เมตร สงู ๕ เมตร
เพื่อเปน็ พทุ ธบชู า ฉลองพุทธชยนั ตี มหาธมั มาภิสมัย

องค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม

264 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรสั รู้ของพระพุทธเจ้าและเปน็ ศิริมงคลแคข่ ้าราชการเกษียณอายุ
ราชการกระทรวงสาธารณสขุ ประจำ� ปี ๒๕๕๕ รวมทง้ั ใหป้ ระชาชนไดร้ ว่ มบารมี สรา้ งขวญั
ก�ำลังใจ และสืบทอดพระพุทธศาสนาในม่ันคงถาวรสืบไป ด�ำเนินการวางศิลาฤกษ์
ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๓๙ น. โดยพระครูสังฆรักษ์ชอบ ถาวโร
เจา้ อาวาส วัดหินเกล้ยี ง ประธานฝา่ ยบรรพชติ และนายสทุ ัศน์ วรรโณ สาธารณสุข
อำ� เภอหาดใหญ่ ประธานฝา่ ยฆราวาสและทำ� พธิ บี วงสรวง/เทปนู หลอ่ พระประธานโดย
นายแพทย์ไพจติ ร์ วราชิต ปลดั กระทรวงสาธารณสุข ในวนั ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕
เวลา ๐๙.๓๙ น. ลคั นาสถิตราศีตุล ประกอบด้วย เทศาตรีฤกษ์ ตรงกบั แรม ๑๓ คำ�่
เดือน ๙ ปีมะโรง

เขื่อนหรือบัวบรรจอุ ัฐติ ระกูลอไุ รรตั น์
บัวหรือเขื่อน เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกก่อสร้างข้ึน ส�ำหรับบรรจุอัฐิของบุคคล
อันเป็นที่เคารพบูชาของตนหรือของตระกูลโดยประดิษฐานไว้ในวัดหรือในป่าช้า
เพอ่ื เปน็ อนสุ รณแ์ ละเปน็ คตดิ า้ นคารวะธรรม มหี ลายแบบ นยิ มทำ� เปน็ เรอื นยอด เชน่
ทรงยอดมณฑป ทรงยอดเจดีย์ มักก่อด้วยอิฐถือปูนหรือใช้หินแกะสลักเป็นชิ้น ๆ
แลว้ น�ำมาประกอบกนั
เหตุที่เรียกว่า “บัว” เพราะแต่เดิมนิยมท�ำเป็นรูปดอกบัวตูม (บัวหลวง)
ไว้เหนือเรือนอัฐิ ซง่ึ เปน็ ไปตามคตทิ ่ีวา่ เอาวิญญาณของเจา้ ของอัฐินนั้ เป็นพุทธบูชา
ถ้าทำ� บัวเปน็ ยอดมณฑปก็จะท�ำรปู ดอกบัวไว้ ณ จดุ ศนู ยก์ ลางของพ้นื เรอื นยอดที่อยู่
บนฐานสูง ถ้าท�ำบัวเป็นทรงยอดเจดีย์ก็จะท�ำรูปดอกบัวไว้ที่ปลายยอด ครั้นต่อมา
มีการดัดแปลงสร้างเป็นเรือนยอดแบบอ่ืน ๆ แม้ไม่มีดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ ก็คง
เรียกกนั วา่ “บวั ”
บางท้องถิน่ เชน่ พทั ลุง เรยี กว่า “เขื่อน” แต่ค�ำวา่ เข่อื นในบางท้องถนิ่ จะเรยี ก
จ�ำเพาะท่ีบรรจุกระดูกของพระภิกษุท่ีเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดนั้น ๆ เช่น
เข่ือนของหลวงพอ่ ทวดวดั ชา้ งให้ จังหวัดปตั ตานี
บัว นยิ มบรรจอุ ฐั ขิ องผสู้ ูงอายหุ รอื ผ้ทู ีเ่ ป็นปูชนียบุคคล อาจเป็นภิกษุ อบุ าสก
หรืออุบาสิกาก็ได้ โดยปกติผู้ท่ีตายโหงจะไม่นิยมน�ำอัฐิมาบรรจุในบัว แต่บางราย
ที่ส�ำคัญว่าชาติตระกูลของตนสูงส่งหรืออัฐิของภิกษุที่ศิษยานุศิษย์ศรัทธาแรงกล้า

องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 265

อาจจะฝนื คตดิ งั กล่าวน้กี ็มกี ารน�ำอฐั ิบรรจุในบวั เรียกตามภาษาถ่นิ วา่ “เอาดกู เข้าบัว”
มักท�ำพิธีใหญ่โตและเมื่อถึงวันส�ำคัญของแต่ละปี บรรดาญาติจะท�ำพิธีบังสุกุล
อทุ ิศส่วนกุศลให้ เช่น วนั ท�ำบญุ เดอื นสิบ วนั สงกรานต์ เป็นตน้
ตามปกตบิ วั องคห์ นง่ึ ๆ จะบรรจอุ ฐั ขิ องคนเพยี งคนเดยี วและเชอื่ กนั วา่ วญิ ญาณ
ของเจา้ ของอฐั จิ ะสถติ อยทู่ บี่ วั นน้ั จงึ มคี ตทิ ำ� บวั แฝดหรอื ทำ� เปน็ บวั ๓ องคต์ อ่ เนอ่ื งกนั
ก็มี อันหมายถึงว่าเจ้าของมีความผูกพันกันมาอย่างใกล้ชิดก่อนตาย แต่บางแห่ง
นิยมบรรจุอัฐขิ องสามภี รรยาคกู่ ันในบวั องคเ์ ดยี วกนั กม็ ี
ขนาดและความสวยงามของบวั บางครงั้ เปน็ เครอ่ื งแสดงระดบั ความศรทั ธาของ
บตุ รหลานหรอื แสดงฐานะทางเศรษฐกจิ ของตระกลู ทำ� เลทต่ี ง้ั บางครง้ั แสดงถงึ อำ� นาจ
หรือความผูกพันระหว่างผู้สร้างกับเจ้าอาวาสและเมื่อสร้างแล้วไม่นิยมเคล่ือนย้าย
หรือร้ือถอน บางวัดจึงมีบัวเรียงรายอยู่มากมาย (สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. ๒๕๔๒ :
๓๙๗๙ - ๓๙๘๒)

ในภาพเปน็ บวั หรอื เขอ่ื นของตระกลู อไุ รรตั น์ ทน่ี างหนใู ห้ อไุ รรตั นแ์ ละลกู หลาน
กำ� นนั สอน อไุ รรตั น์ สรา้ งไวเ้ พอ่ื บรรจอุ ฐั ขิ องกำ� นนั สอนและเครอื ญาติ ชาวบา้ นเรยี กวา่
“เขื่อน” เมื่อถึงวันสงกรานต์ลูกหลานตระกูลอุไรรัตน์ รวมทั้งนายอาทิตย์ อุไรรัตน์
จะมาร่วมท�ำบญุ ใหแ้ ก่บรรพชนที่น่ีเปน็ ประจ�ำทุกปี

พอ่ จอม
พ่อจอมหรือท่านขรัวเทพอดีตเจ้าอาวาส
รูปแรกของวัดท่าข้าม สภาพปัจจุบันเป็นเนินดิน
คล้ายจอมปลวก บางคนเข้าใจว่าเป็นจอมปลวก
อยู่บริเวณในวัดท่าข้ามที่เป็นท่ีต้ังของบัวและ

องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลท่าข้าม

266 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

ฮวงซุ้ยคนจีนด้านประตูด้านขวาของวัดท่าข้าม บางคนบอกว่าเป็นท่ีฝังอัฐิของ
ท่านจอมหรือท่านขรัวเทพ มีการก่อแท่นเป็นบัวคว�่ำบัวหงาย เคยเกิดอภินิหารคือ
สมัยที่ยังมีต้นประดูใหญ่อยู่ใกล้ ๆ พ่อจอม บนต้นประตู่มีรังต่อขนาดใหญ่ คืนหน่ึง
มีคนแอบเผาต่อและไฟท่ีเผาต่อเกิดลามถึงโพรงต้นประดู่ท�ำให้กิ่งประดู่กิ่งใหญ่
หกั รว่ งลงมาแตเ่ บยี่ งไปจากศาลาพอ่ จอมอยา่ งนา่ อศั จรรย์ คนทา่ ขา้ มจงึ เชอื่ วา่ พอ่ จอม
มีความศกั ดส์ิ ิทธิ์สามารถอ�ำนวยอวยชยั ให้คนทม่ี าบนบานศาลกล่าวไดต้ ่าง ๆ นานา

หลาทวด
ชมุ ชนทา่ ขา้ มมที วดทสี่ ำ� คญั ทชี่ าวทา่ ขา้ ม
และชมุ ชนใกลเ้ คยี งใหก้ ารเคารพนบั ถอื บนบาน
ศาลกล่าวในโอกาสต่าง ๆ และเม่ือประสบ
ความสมหวงั สำ� เรจ็ ตามทอ่ี ธษิ ฐานกจ็ ะมาแกบ้ น
โดยการวา่ จา้ งโนรามารำ� ถวาย ปจั จบุ นั เจา้ อาวาส
วัดแม่เตย (พระสมุห์บรรจง สุเมโธ) ได้สร้าง
ศาลาทวดให้ทวดโคกระทิงซึ่งเป็นทวดประจ�ำ
บรเิ วณบา้ นแมเ่ ตย เนอื่ งจากทวดอน่ื ๆ ในชมุ ชน
อีกหลายทวดประสบปัญหาเพราะที่สิงสถิตของทวดเหล่าน้ันถูกบุกรุกด้วยการ
ปรับพื้นท่ีสร้างบ้านอยู่อาศัย โรงงานและบ้านจัดสรร ท�ำให้โคกเนินที่ทวดเคยอยู่
ถูกปรับจนราบเป็นหน้ากลอง คนทรงจึงลงทรงขอให้เจ้าอาวาสอัญเชิญทวดอ่ืน ๆ
มาประจ�ำท่ศี าลาทวดวัดแม่เตยด้วย ทวดเหล่านัน้ ประกอบด้วย


ทวดโคกระทิงบ้านแมเ่ ตย (ปรากฏตวั เป็นโคกรทอง)
ทวดหินผุดแถวเขาหลง (ปีชรากฎตวั เปน็ งู)
ทวดเกาะสองห้องหลังวดั โคกสูง

องค์การบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 267

ทวดคลองวังนายสาม (บตู๊ ๊ึง) คลองวังนายสาม (ปรากฏตวั เป็นช้าง)
ทวดต้นมะม่วงบริเวณท่ตี ัง้ องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลท่าขา้ มปจั จบุ นั
ทวดเขยี วนาตน้ ยอบ้านดอนข้เี หลก็
ทวดบ่อแพแถวควนหิน (ปรากฏตวั เป็นง)ู
ทวดสี (หลาจันทร์แกว้ ) บ้านกลางนาแถวหมูบ่ ้านชวนชน่ื
ทวดเทพพระยาขันธ์ ศาลาเอนกประสงค์ บ้านแมเ่ ตย
(พระสมุห์บรรจง สุเมโธ, เจ้าอาวาสวัดแม่เตย. ๗ พ.ค. ๒๕๖๓)

ชมุ ชาติ (ก่อนโยนหยวก และเกบ็ จอ)

ชุมชนท่าข้าม เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรมท่ีมีการผสมผสานระหว่างชุมชน
ไทยพุทธ มุสลิมและชาวจีน มีลัทธิความเชื่อที่ร้อยรัดผู้คนสังคมมาร่วมสามศตวรรษ
โดยผ่านกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมด้วยบทบาทของสถาบันกล่อมเกลา
ทางสังคมสถาบันหลกั ๆ คอื สถาบนั ศาสนาท่มี วี ดั ๔ วัด ๑ ส�ำนักสงฆ์ และ ๑ มัสยดิ
สถาบนั การศกึ ษาทม่ี โี รงเรียนวดั ท่าขา้ ม โรงเรียนวัดหินเกลีย้ ง โรงเรียนวดั แม่เตยและ
โรงเรียนวัดเขากลอย สถาบนั การเมืองการปกครองท่ีมสี ภาต�ำบลและองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม และสถาบนั สนั ทนาการทมี่ หี นงั ตะลงุ โนราและลทั ธคิ วามเชอื่ เกย่ี วกบั
ครูหมอโนรา ครหู มอหนัง ทวดและส่ิงศกั ดส์ิ ิทธท์ิ ี่ชาวบา้ นเคารพนบั ถอื ทงั้ ในรูปของ
ปชู นียบคุ คล สถานท่ี ต้นไม้ บ่อน�้ำ หลักพอ่ ทา่ นอุย้ เปน็ ต้น
สถาบนั ศาสนารว่ มกบั สถาบนั ทางการศกึ ษาไดร้ ว่ มกนั จดั การศกึ ษาแกเ่ ยาวชน
อบรมบม่ เพาะใหเ้ ปน็ สมาชกิ ทดี่ ขี องสงั คมกอ่ นจะออกจากชมุ ชนไปศกึ ษาตอ่ ในระดบั ท่ี
สูงข้ึนท้ังในและนอกพ้ืนที่บริการของสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและ
ตอนปลาย แรก ๆ กไ็ ปตอ่ ยอดทโี่ รงเรยี นธรรมโฆษติ ตอ่ มากก็ ระจายไปยงั โรงเรยี นอน่ื ๆ
ทงั้ ใกล้และไกล
สำ� นกั สงฆ์วชริ ธรรมเกาะปลักได้ผลติ นกั ธรรมช้ันสูงและเยาวชน

องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลท่าข้าม

268 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

เอกสารอา้ งองิ

กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร กรุงเทพ :
กรมการศาสนา, ๒๕๒๗
จรูญ หยูทอง. หนังตะลุง ตาหนาคนใต้ “โหมอ้ายเท่ง อ้ายทอง”. สงขลา :
สถาบนั ทักษิณคดีศึกษา มหาวทิ ยาลัยทักษิณ, ๒๕…
ทนี่ เ่ี ขากลอย. ทรี่ ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ พระครสู ารธรรมคณุ อดตี เจา้ อาวาส
วัดเขากลอย ๙ สงิ หาคม ๒๕๕๒.
พว่ ง บษุ รารตั น.์ “ไหวเ้ จา้ ท”่ี , ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทยภาคใต้ เลม่ ๑๘. กรงุ เทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๗๙๑ -
๘๗๙๒.
______.“ไหวเ้ จา้ ที่นา”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ เลม่ ๑๘. กรงุ เทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๗๙๒ -
๘๗๙๔.
ภิญโญ จติ ต์ธรรม. “ครหู มอโนรา”, ใน สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เลม่ ๒.
กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒.
หน้า ๙๒๔.
______.“หวั พราน”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เลม่ ๑๗. กรงุ เทพฯ :
มลู นิธสิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๕๘๐
- ๘๕๘๔.
______.“เหยยี บลกู นาว”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทยภาคใต้ เลม่ ๑๘. กรงเทพฯ :
มลู นิธสิ ารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๖๘๗
- ๘๖๘๘.
ยงยุทธ ชแู วน่ . “อำ� นาจทางการเมอื งในความสืบเนื่องบทบาทการคา้ ของเมืองสงขลา
ตง้ั แตก่ ลางพทุ ธศตวรรษที่ ๒๒ ถงึ ปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๓”, ใน คาบสมทุ รไทย
ในราชอาณาจกั รสยาม. ยงยทุ ธ ชแู วน่ บรรณาธกิ าร. ปทมุ ธานี : นาคร, ๒๕๕๐.

องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลทา่ ข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 269

ร่งุ โรจน์ ธรรมรุ่งเรอื ง. รู้เรอ่ื งพระพทุ ธรูป. พิมพค์ รง้ั ท่ี ๓. นนทบรุ ี : ๒๕๖๐.
ศาสนพิธี. ที่ระลึก พิธีพระราชทาเพลิงศพ พระครูปนาทธรรมคุณ (เทือน ปนาโท).
ณ เมรชุ ว่ั คราวทพี่ กั สงฆว์ ชริ ธรรม (เกาะปลกั ) หมทู่ ่ี ๔ ตำ� บลทา่ ขา้ ม อำ� เภอหาดใหญ่
จังหวดั สงขลา วันจันทร์ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒.
สงบ สง่ เมือง และลกั ษมี จริ ะนคร. “หาดใหญ่, อำ� เภอ.” ในสารานกุ รมวัฒนธรรมไทย
ภาคใต้ เล่ม ๑๗ กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคาร
ไทยพานิชย์, ๒๕๔๒ หน้า ๘๖๐๑ - ๘๖๑๓
สมคิด ทองสง. “พัฒนาการของชุมชนรอบทะเลสาบสงขลา”, ทักษิณคดี. ๓(๑) ;
ตลุ าคม - มีนาคม ๒๕๓๕ - ๒๕๓๖ : ๑๘ - ๓๗.
สมพันธ์ เตชะอธิก. พิมพ์ครั้งที่ ๓. อบต.ในอุดมคติ. ขอนแก่น : สถาบันวิจัยและ
พัฒนา มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , ๒๕๔๔.
สมโภชน์ นาคกลอ่ ม. ประวตั ศิ าสตรช์ มุ ชน คนทา่ ขา้ มไมไ่ รร้ าก. กรงุ เทพฯ : สถาบนั
เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข, สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้
เพื่อสงั คม.
สว่าง สุวรรณโร. “โนราโรงครู”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ เล่ม ๘.
กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒.
หน้า ๓๙๑๔ - ๓๙๑๙.
สุทโธ. พุทธปฏมิ า. กรุงเทพฯ : ไพลิน, ๒๕๔๘.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. “คล้องหงส์”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ เล่ม ๒.
กรงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒.
หน้า ๙๔๖-๙๔๘.
______.“ความเชอื่ อนั เนอื่ งแตล่ ทั ธศิ าสนาของชาวใต”้ , ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย
ภาคใต้ เล่ม ๑๕. กรงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคาร
ไทยพาณิชย,์ ๒๕๔๒. หน้า ๙๙๘ - ๑๐๐๕.
______.“ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นภาคใต”้ , ใน สธุ วิ งศ.์ ทรี่ ะลกึ เกษยี ณอายรุ าชการ ๒๕๓๙.
สงขลา : สถาบนั ทกั ษณิ คดศี กึ ษา, ๒๕๓๙. หน้า ๑๐๘ - ๑๓๓.

องค์การบริหารส่วนต�ำบลทา่ ขา้ ม

270 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

______.“ศาลากลางหน”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทยภาคใต้ เลม่ ๑๕. กรงเทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๗๓๒๘ -
๗๓๒๙.
______.“ขอ้ จำ� กดั และปจั จยั ทางวฒั นธรรมกบั การพฒั นาชมุ ชน รอบทะเลสาบสงขลา”,
ทกั ษิณคด.ี ๓(๑) ; ตุลาคม-มีนาคม ๒๕๓๕ - ๒๕๓๖ : ๕๖-๖๖.
______.รายงานการวิจัย พุทธศาสนาแถบลุ่มทะเลสาบสงขลา ฝั่งตะวันออก
สมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา. สงขลา : สถาบนั ทักษณิ คดศี ึกษา มศว.สงขลา, ๒๕๒๕.
อนสุ รณีย์ สุชาติ รตั นปราการ. ๒๕๒๗.
อดุ ม หนทู อง. “ขนุ พราน พระยาพราน”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เลม่ ๒.
กรงุ เทพฯ : มูลนิธิวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๗๕๐.
______.“เฆ่ียนพราย”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้เล่ม ๓. กรุงเทพฯ :
มลู นิธวิ ฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒. หน้า ๑๓๓๐.
______.“เทพสิงหร”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๗. กรุงเทพฯ :
มูลนธิ สิ ารานกุ รมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒. หน้า ๓๔๙๓
______.“โนรา : ตำ� นาน”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เลม่ ๘. กรงุ เทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๓๘๙๗ -
๓๙๐๔.
______.“แทงเข้”, ใน สารานกุ รมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ เลม่ ๗. กรงุ เทพฯ : มลู นธิ ิ
สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๓๕๑๑ - ๓๕๑๓.
______.“หนงั ตะลุง”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๑๗. กรงุ เทพฯ :
มลู นิธิวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย์, ๒๕๔๒. หน้า ๘๓๐๖-๘๓๒๒.
______.“เหมรฺย”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๑๘. กรุงเทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๖๖๐ -
๘๖๖๑.

องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 271

______.“เหยียบเสน”, ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๑๘. กรุงเทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๖๘๘ -
๘๖๙๑
______.“ไหวเ้ จา้ ทวี่ วั ควาย”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เลม่ ๑๘. กรงุ เทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๗๙๔ -
๘๗๙๕.
______.“ไหวพ้ ระภูมิ”, ใน สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๑๘. กรงุ เทพฯ :
มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย,์ ๒๕๔๒. หนา้ ๘๗๙๖ -
๘๗๙๘.
http://www.hatyaifocus.com>1082.

องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลทา่ ขา้ ม

272 รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย

บคุ ลานกุ รม

นายชดิ ไชยชนะ
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
นางถนอม อุไรรตั น์
๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๖๔
นางถาวร ทองสมสี
๕๒ ม.๑ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๔ มิถนุ ายน ๒๕๖๔
นางสาวประดบั จินดาวงศ์ อายุ ๘๑ ปี
๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๔
พระครชู ยุต สุตคุณ อายุ ๖๑ ปี
เจ้าอาวาสวดั ท่าขา้ ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
พระครูวนิ ยั ธร (วิเชยี ร วิโรจโน) อายุ ๕๗ ปี
เจา้ อาวาสวัดโคกสงู ต.ท่าขา้ ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔
พระศภุ ณัฐ สันตสุ ฺสโก อายุ ๓๘ ปี
เจา้ อาวาสวดั เขากลอย ต.ทา่ ขา้ ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
พระสมุหบ์ รรจง สเุ มโธ อายุ ๕๙ ปี
เจา้ อาวาสวัดแม่เตย ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖
พระครสู งั ฆรกั ษ์ (ชอบ ถาวโร) อายุ ๖๔ ปี
เจา้ อาวาสวดั หินเกล้ียง ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔

องค์การบริหารส่วนต�ำบลท่าข้าม

รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม : ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย 273

พระอธิการเคลอื่ น ชติ ญาโณ อายุ ๙๖ ปี
เจ้าอาวาสวดั พรุเตาะ ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
นางยอง รัตนะนุพงศ์ อายุ ๗๒ ปี
๔ ม.๔ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๔
นายรักษ์ แก้วฉิมพลี อายุ ๙๓ ปี
๒๓ มิถนุ ายน ๒๕๖๔
นายอรุณ แกว้ สตั ยา อายุ ๕๘ ปี
๑๔/๑ ม.๘ ต.ทา่ ขา้ ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๖๔

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทา่ ขา้ ม






Click to View FlipBook Version