The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Ebook เล่มเอกสารผลงานวิชาการ เขตสุขภาพที่ 6 ปีงบ 66 ณ 30 ส.ค.66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เล่มเอกสารผลงานวิชาการ เขตสุขภาพที่ 6 ปีงบ 66 ณ 30 ส.ค.66

Ebook เล่มเอกสารผลงานวิชาการ เขตสุขภาพที่ 6 ปีงบ 66 ณ 30 ส.ค.66

Keywords: Ebook เล่มเอกสารผลงานวิชาการ

1.ชื่อเรื่อง นวัตกรรมเครื่องเตือนสารละลายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง (Sound Alarm Sensor ) ในผู้ป่วยหลังผ่าตัดต่อมลูกหมากทางท่อปัสสาวะ 2.ผู้วิจัย นางพิศมัย มั่นคง พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสาวณัชชารี ยศเพิ่มศักดิ์ พยาบาลวิชาชีพ ปฏิบัติการ นางรัชนีย์ พิมพ์ใจชน พยาบาลวิชาชีพช านาญการพิเศษ หอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรมเฉลิมราชสมบัติ ชั้น 7 โรงพยาบาลชลบุรี อ.เมืองชลบุรีจ.ชลบุรี 20000 3.ชื่อผู้น าเสนอผลงาน นางพิศมัย มั่นคง 4.ความส าคัญของปัญหา Continuous Bladder Irrigation (CBI) เป็นการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ แบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ท าในผู้ป่วยหลังผ่าต่อมลูกหมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดอุดตันการไหลของ ปัสสาวะ ถ้าปล่อยให้น้ าล้างกระเพาะปัสสาวะหยดไม่ต่อเนื่อง จะท าให้มีลิ่มเลือดมาอุดตัน (Clot blood) ท่อ ของสายสวนปัสสาวะ ถ้าหากมีการอุดตันของสายสวนปัสสาวะและน้ าเกลือคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ จะ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะหดเกร็ง ผู้ป่วยเจ็บปวดและไม่สุขสบาย จากสถิติในปีงบประมาณ 2565 พบว่า ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตที่รักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้องทางท่อปัสสาวะ หลังผ่าตัดจะได้รับการใส่สายสวน ปัสสาวะชนิด 3 หาง เพื่อล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง (CBI) จ านวน 24 ราย มีการอุดตันของท่อ ทางเดินปัสสาวะที่สามารถแก้ไขได้โดยท า Manual irrigation จ านวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.33 แก้ไขโดย การบีบคลึงสาย (milking) สายปัสสาวะจ านวน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.5 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอุดตันของลิ่มเลือด คือการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะขาดความต่อเนื่องของ สารละลายท าให้การล้างขาดช่วงไป ซึ่งห้องพิเศษเป็นห้องปิดมอง ไม่สามารถเห็นผู้ป่วยได้ตลอดเวลา ต้องมี การตรวจเยี่ยมมีความถี่เพิ่มขึ้น หรือต้องมีการประมาณเวลาของการไหลของสารละลาย อีกทั้งยังท าให้ผู้ป่วย และญาติต้องคอยเฝ้าระวังการไหลของสารน้ าเนื่องจากในระยะแรกต้องมีการให้ในอัตราที่เร็วมากเพื่อล้างและ ป้องกันเลือดจากแผลจับตัวเป็นลิ่มเลือด จากความส าคัญดังกล่าวผู้น าเสนอจึงได้จัดท านวัตกรรมเครื่องเตือนเปลี่ยนขวดสารละลาย CBI ก่อน หมดขวดเพื่อความต่อเนื่องในการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ 5.วัตถุประสงค์ 1.เพื่อพัฒนาเครื่องเตือนสารละลายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง “Sound Alarm Sensor ” 2.พยาบาลเจ้ามีความพึงพอใจต่อเครื่องเตือนสารละลายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง“Sound Alarm Sensor” 3.ไม่เกิดอุบัติการณ์การอุดตันของสายสวนปัสสาวะขณะท า Continuous Bladder Irrigation 6.วิธีการศึกษา : เป็นการศึกษาแบบทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่ เข้ารับการผ่าตัดส่องกล้องทางท่อปัสสาวะ ในหอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม โรงพยาบาลชลบุรี ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566 จ านวน 60 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ใช้เครื่อง Sound Alarm Sensor โดยก าหนดสารละลายให้คงเหลือเป็น 3 ระดับคือ 200 ซีซี, 100 ซีซี, 50 ซีซี วิธีการด าเนินงาน 296


1. พัฒนานวัตกรรมเครื่องเตือนสารละลายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง“Sound Alarm Sensor ” แนวคิดที่ใช้ : Sound Alarm Sensor 1.1 เครื่องเตือนก่อนสารละลายหมด 1.2 เครื่องเตือนมีความไวต่อจ านวนของสารละลาย 1.3 การใช้งานของเครื่องมีความปลอดภัย การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์โดยทบทวนวรรณกรรมและสิ่งประดิษฐ์การควบคุมการไหลของสารละลาย และ ปรึกษาวิศวกรช่วยในการจัดท า (รูปที่ 1-2) รายละเอียดหมายเลข (1) สายไฟ (2) รีมิทสวิทซ์ (3) แผงวงจรไฟฟ้าปรับสัญญาณ (4) กล่องบรรจุ (5) ไฟหลอดแลมป์ (6) สวิทซ์ปิด/เปิด (7) ขอแขวนขวดสารละลาย รูปที่ 1 แสดงส่วนประกอบของอุปกรณ์เครื่องเตือนสารละลายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ 2. น าเสนอแก่บุคลากรในหอผู้ป่วยในการท างานของสิ่งประดิษฐ์ 2.1 การพัฒนาเครื่องควบคุมและเครื่องติดตามการให้สารละลายเครื่องควบคุมใช้การท างานด้วยการ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงเมื่อสารละลายที่ใช้ irrigation เหลือตามที่ก าหนด โดยทดลองก าหนดเป็น 3 ระดับ คือ 200 ซีซี, 100 ซีซี, 50 ซีซี 2.2 สามารถก าหนดตั้งอัตราการหยดของสารละลาย 3. เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ปรับปรุง และประเมินผล 7.ผลการศึกษา สรุปผลการศึกษารอบที่1 จากการเก็บข้อมูลจากวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 1 ธันวาคม 2565 หลังจากน า นวัตกรรม “Sound Alarm Sensor ”มาใช้ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่ผ่าตัดต่อมลูกหมากทางท่อปัสสาวะ จ านวน 30 ราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า -อัตราความพึงพอใจของพยาบาลที่ได้ใช้เครื่อง “Sound Alarm Sensor ” ให้กับผู้บริการ พบว่าอยู่ ในระดับดีมาก 95% -อุบัติการณ์การอุดตันของสายสวนปัสสาวะขณะ CBI เมื่อใช้เครื่องเตือน = 0 ข้อดีของอุปกรณ์ เครื่องเตือนน้ าเกลือชะล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง “Sound Alarm Sensor” ส่งเสียงเตือนก่อน สารน้ าหมดตามการตั้งค่าซึ่งปริมาณที่คงเหลือเหมาะสมคือ 100 ซีซีการใช้งานไม่ยุ่งยาก ปัญหาที่พบ 1 7 2 3 5 6 6 4 297


- มีการทดสอบเมื่อสารละลายที่ใช้ irrigation ให้เหลือ 200 ซีซี 100 และ50ซีซี ตามล าดับพบว่าค่าที่ เหมาะสมคือ 100 ซีซี - เครื่อง Sound Alarm Sensor มีขนาดใหญ่ ยาว ไม่สะดวกในการแขวนสารละลาย - การส่งสัญญาณเสียงเตือนดัง และดังต่อเนื่อง ท าให้เกิดความร าคาญของญาติผู้ป่วย การปรับปรุงแก้ไข -ปรับเครื่อง Sound Alarm Sensor ให้ขนาดเล็กลง -ปรับเครื่องเตือนส่งสัญญาณเสียงเมื่อระดับสารละลายที่ใช้ irrigation เหลือ100 ซีซี -เพิ่มสวิทซ์ปิด/เปิดสัญญาณเสียงเพื่อลดการรบกวนของผู้ป่วยและญาติ รูปที่ 2 แสดงรูปภาพการใช้งานและพัฒนาเครื่องเตือนน้ าเกลือชะล้างกระเพาะปัสสาวะ สรุปผลการศึกษารอบที่ 2 จากการเก็บข้อมูลจากวันที่ 1 มกรคม 2566 ถึง 31 มีนาคม 2566 หลังจากน า เครื่อง Sound Alarm Sensor มาใช้ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่ผ่าตัดต่อมลูกหมากทางท่อปัสสาวะจ านวน 30 ราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า -อัตราความพึงพอใจของพยาบาลที่ได้ใช้เครื่อง Sound Alarm Sensor ให้กับผู้บริการ พบว่าอยู่ใน ระดับดีมาก 100 % -อุบัติการณ์การอุดตันของสายสวนปัสสาวะขณะ CBI เมื่อใช้เครื่องเตือน = 0 8.อภิปรายผลการศึกษา :ผลการใช้นวัตกรรมเครื่อง Sound Alarm Sensor พบว่าเครื่องส่งเสียงเตือนตาม การตั้งค่าที่ก าหนด 100 % ท าให้สามารถต่อสารละลายได้อย่างต่อเนื่อง ปริมาณสารละลายคงเหลือที่ เหมาะสมคือ 100 ซีซี ไม่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันทางเดินปัสสาวะ พยาบาลสามารถใช้เครื่องเตือนสารละลาย สวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง (Sound Alarm Sensor )ในการดูแลผู้ป่วย อัตราความพึงพอใจของ พยาบาลต่อการใช้นวัตกรรมร้อยละ100 เนื่องจากการใช้งานไม่ยุ่งยากซับซ้อน 9.สรุปและข้อเสนอแนะ เครื่อง Sound Alarm Sensor สามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก แต่ไม่สามารถส่ง สัญญาณเตือนจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้ ดังนั้นการปรับจ านวนหยดของสารละลายที่เหมาะสมเพื่อป้องกัน การเกิดลิ่มเลือดพยาบาลต้องมีสมรรถนะของในการสังเกตจากสีของปัสสาวะเป็นส าคัญในการปรับอัตรา ความเร็วของสารละลายในการสวนล้างกระพะปัสสาวะ 10.การน าผลงานไปใช้ประโยชน์:สามารถน าไปใช้ในหน่วยงานที่รับผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่ท าผ่าตัดต่อม ลูกหมากที่มีการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง 298


กิตติกรรมประกาศ ขอขอบคุณอาจารย์นายแพทย์กีรติพล เวียงพล นายสมเกียรติ ยศเมศักดิ์ วิศวะกรไฟฟ้า ผู้ป่วยต่อม ลูกหมากโตที่ผ่าตัดต่อมลูกหมากทางท่อปัสสาวะที่ได้รับการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง รวมทั้ง บุคลากร หอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม ชั้น 7 ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการน าเครื่อง Sound Alarm Sensor มาใช้ ในการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะแบบต่อเนื่อง เอกสารอ้างอิง 1. สมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทย. โรคต่อมลูกหมากโต. ค้นเมื่อ 1มกราคม 2566. จาก http://tuanet.org/history/static.html. 2. บุญมี สันโดษ.การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลการสวนล้างกระเพาะแบบต่อเนื่องในผู้ป่วยผ่าตัด ต่อมลูกหมากทางท่อปัสสาวะโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์.วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม 13 ( มกราคม – เมษายน 2559 ) :72-82 3. ภาณุ อดกลั้น, วัจนา สุคนธวัฒน์, ยุคลธร ทองตระกูล, กรรณิการ์ ศุภกิจอนันต์คุณ. การปฏิบัติที่ดีที่สุด ในการล้างกระเพาะปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง(CBI)ภายหลังการตัดต่อมลูกหมากโตผ่านทางท่อปัสสาวะ (TUR-P) ในโรงบาลอุดรธานี. อุดรธานี:วิทยาลัยพยาบาลอุดรธานี;2553 299


นวัตกรรม ใกล้หมอใกล้ใจด้วยไผ่ล้อมดิจิทัล ความสำคัญและความเป็นมา กระทรวงสาธารณสุข ได้มีแนวคิดการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ เข้มแข็ง มีคุณภาพ ทั่วถึง ยั่งยืนและบรรลุ เป้าหมาย ด้วยนโยบาย 3 หมอ มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น เน้นการเสริมสร้าง สุขภาพ และความรู้ด้านสุขภาพ การดูแลสุขภาพองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม มุ่งให้เกิดผลลัพธ์กับ ประชาชนทั้งด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต ในความสุขกาย สุขใจ วิถีชีวิตใหม่อย่างเป็นรูปธรรมได้จริง จากการ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน 3 หมอหรือคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน คือ การประสานการทำงานดูแลประชาชนที่บ้านและ ชุมชนแบบ “ดูแลใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” เพิ่มความครอบคลุมให้ได้รับบริการต่อเนื่อง ลดการเดินทาง ลด ความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และส่งต่อรักษาในโรคซับซ้อน ยุ่งยาก โดยหมอคนที่ 1 หมอประจำบ้าน หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข และหมอคนที่ 3 หมอครอบครัว โดยมี วัตถุประสงค์ ให้คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน เน้นการดูแลที่บ้านและชุมชน หมอคนที่ 1 หมอประจำบ้าน คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. ทำหน้าที่ เยี่ยมบ้าน ให้ คำแนะนำ คัดกรอง ติดตามและดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น โดยหมอประจำบ้าน 1 คนดูแลประชาชน 10-20 หลังคา เรือน และส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารมามีส่วนร่วมในการดูแลคนไข้ หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข คือ บุคลากรในสถานบริการปฐมภูมิ ทั้ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. คลินิกหมอครอบครัว ศูนย์บริการสาธารณสุข ครอบคลุมบุคลากรทุกสาชาวิชาชีพทั้งพยาบาล เภสัชกร นักสาธารณสุขชุมชน และวิชาชีพอื่นๆ ทำหน้าที่ให้การดูแลส่งเสริมสุขภาพ ประสานงานระหว่างหมอคนที่ 1 และหมอคนที่ 3 คัดกรองเพื่อระบุสาเหตุ ยืนยันความผิดปกติและส่งต่อผู้ป่วย โดยหมอสาธารณสุข 1 คน ดูแลประชาชน 1,250 – 2,500คน หมอคนที่ 3 หมอครอบครัว คือ แพทย์ในโรงพยาบาลหรือแพทย์ที่จบเวชศาสตร์ครอบครัว เป็นผู้มอบการ รักษา ดูแล ให้คำปรึกษา ประสานและส่งต่อการรักษาพิเศษ โดยหมอครอบครัว 1 คนดูแลประชาชน 8,000 – 12,000 คน ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง แนวทางการพยาบาลทางไกล (Tele -nursing ) สภาการพยาบาลมีนโยบายในการสนับสนุนระบบบริการพยาบาลทุกรูปแบบที่ให้การพยาบาล แก่ประชาชน อย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพได้มาตรฐาน มีความตระหนักในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ของประชาชนอย่าง 300


ทั่วถึงและเท่าเทียม ประชาชนสามารถดูแลและจัดการสุขภาพตนเองได้ ประกอบกับ ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยี ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบบริการการพยาบาลทางไกล เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการ พยาบาลทางไกลสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ อาศัยมติคณะกรรมการสภาการพยาบาลในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ สภาการพยาบาลจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง แนวทางการพยาบาลทางไกล (Tele - nursing)” ๒. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ๓. ในประกาศฉบับนี้ “การพยาบาลทางไกล (Tele -nursing)” หมายความว่า การพยาบาลและการ ผดุงครรภ์เพื่อให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาเกี่ยวกับสุขอนามัยภายใต้กรอบความรู้แห่งวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ ทั้งนี้ โดยความรับผิดชอบของผู้ให้การพยาบาล ทางไกล “ดิจิทัล” หมายความว่า เทคโนโลยีที่ใช้วิธีการนำสัญลักษณ์ศูนย์และหนึ่งหรือสัญลักษณ์อื่น มาแทน ค่าสิ่งทั้งปวง เพื่อใช้สร้าง หรือก่อให้เกิดระบบต่าง ๆ เพื่อให้มนุษย์ใช้ประโยชน์ “สถานพยาบาล ” หมายความว่า สถานพยาบาลที่เป็นของภาครัฐและ/หรือเอกชน ที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง “ผู้ให้การพยาบาลทางไกล ” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบ วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจาก สภาการพยาบาลและ ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล มีความรู้และทักษะการพยาบาลทางไกล ตามที่สภาการพยาบาลกำหนด “ผู้รับการพยาบาลทางไกล ” หมายความว่า บุคคลที่ต้องการการดูแลต่อเนื่องและหรือการดูแลระยะ ยาวจากสถานพยาบาล ๔. องค์ประกอบในการให้การพยาบาลทางไกล มีดังต่อไปนี้๔.๑ สถานพยาบาลที่ให้การพยาบาล ทางไกลต้องจัดให้มี ๔.๑.๑ ระบบดิจิทัลที่นำมาใช้ในการพยาบาลทางไกล สามารถสื่อสารระหว่างผู้ให้การพยาบาล ทางไกลและผู้รับการพยาบาลทางไกลอย่างชัดเจน 301


๔.๑.๑ ระบบดิจิทัลที่นำมาใช้ในการพยาบาลทางไกล สามารถสื่อสารระหว่างผู้ให้การพยาบาล ทางไกลและผู้รับการพยาบาลทางไกลอย่างชัดเจน ๔.๑.๒ ระบบทะเบียนและการบันทึกประวัติผู้รับการพยาบาลทางไกลและข้อมูล การพยาบาล ทางไกล ๔.๑.๓ ระบบการบันทึกข้อมูล เสียง/ภาพ หรือวิดีโอ ระหว่างการพยาบาลทางไกล โดยต้อง รักษาความลับของผู้รับการพยาบาลทางไกล ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ๔.๑.๔ ยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมการบริการ การพยาบาลทางไกลต่อสำนักงาน สาธารณสุข จังหวัด หรือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ๔.๒ ผู้ให้การพยาบาลทางไกล ๔.๒.๑ ให้การพยาบาลทางไกลตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาล และ การผดุงครรภ์ พ.ศ. ๒๕๒๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อจำกัดและเงื่อนไขที่สภาการพยาบาล กำหนด และต้อง รักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ๔.๒.๒ สามารถปฏิเสธการให้บริการ หากพบว่ามีข้อจำกัดในเรื่องข้อมูลด้านสุขภาพ และการ ติดต่อสื่อสารทางโทรคมนาคม ๔.๓ ผู้รับการพยาบาลทางไกล ๔.๓.๑ ต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสถานพยาบาล และเคยได้รับการพยาบาลแบบต่อหน้า กับผู้ให้การพยาบาลทางไกลมาก่อน ๔.๓.๒ ต้องยอมรับการบันทึก ข้อมูลเสียงหรือวิดีโอในขณะให้บริการ ๔.๓.๓ สามารถยกเลิกการรับการพยาบาลทางไกลได้ ๕. แนวทางปฏิบัติการให้การพยาบาลทางไกล ๕.๑ ต้องมีการยืนยันตัวตนของผู้ให้การพยาบาลทางไกล และผู้รับการพยาบาลทางไกล ภายใต้มาตรฐานสารสนเทศของสถานพยาบาลนั้น ๕.๒ ประเมินผู้รับการพยาบาลทางไกลโดยการทบทวนจากประวัติสุขภาพเดิม และประเมิน ภาวะสุขภาพเพิ่มเติม ๕.๓ วิเคราะห์ข้อมูลและวินิจฉัยการพยาบาล โดยประเมินอาการและความรุนแรง ความเสี่ยง ข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพ และเกณฑ์ที่สภาการพยาบาลประกาศ ๕.๔ วางแผนการพยาบาลและให้การพยาบาล จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล 302


๕.๕ บันทึกการพยาบาลทางไกลที่ให้แก่ผู้รับการพยาบาลทางไกล ๕.๖ ประเมินผลการให้การพยาบาลทางไกล ๕.๗ ประสานการส่งต่อเมื่อประเมินแล้วพบว่าผู้รับการพยาบาลทางไกลควรไปรับบริการ ใน สถานพยาบาลที่มีศักยภาพที่เหมาะสมกับอาการหรือปัญหาสุขภาพของผู้รับการพยาบาลทางไกล ๖. การปรึกษาระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์กับบุคลากร สาธารณสุขอื่น ที่มีกฎหมายอื่นกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ไม่ถือว่าเป็นการพยาบาลทางไกล ตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕ ๖ 3 รองศาสตราจารย์ทัศนา บุญทอง นายกสภาการ พยาบาล ระบบการเยี่ยมบ้านโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ปี 2564 จำนวนคนไข้ติดบ้านติดเตียง 38 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก 1-2 สัปดาห์ มี 8 ราย ประเภทที่ติดบ้าน มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 30 ราย มีภาวะแทรกซ้อน 3 ราย ปี 2565 จำนวนคนไข้ติดบ้านติดเตียง 42 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก1- 2 สัปดาห์มี 10 ราย ประเภทที่ติดบ้าน มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 32 ราย มีภาวะแทรกซ้อน 2 ราย ปี2566 จำนวนคนไข้ติดบ้านติดเตียง 51 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก1- 2 สัปดาห์ มี 16 ราย ประเภทที่ติดบ้าน มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 35 ราย ยังไม่เกิด ภาวะแทรกซ้อน ปัญหาในพื้นที่ หน่วยบริการปฐมภูมิในโรงพยาบาล วัดไผ่ล้อม รับผิดชอบประชากร 13,273 คน 7ขุมชน เป็นผู้สูงอายุ 3,125 คน คิดเป็นร้อยละ 23.55 ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 51 คน ใส่สายให้อาหารจำนวน 10 คน ใส่สายสวนปัสสาวะ จำนวน 6 คน เจาะคอ 5 คน มีแผลกดทับ 3 คน 1. บุคลากรในการดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยทำให้บางครั้งการ ดูแลอาจไม่ทั่วถึงและแพทย์เวชปฎิบัติครอบครัวรับผิดชอบดูแลงานอาชีวอนามัยด้วย 2. ญาติของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดูแลผู้ป่วย 303


3. ญาติไม่มีช่องทางในการขอคำปรึกษาในเบื้องต้น ทำให้มุ่งเน้นไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ส่งผลให้มี ความแออัดมากขึ้นในโรงพยาบาล สูญเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเสียเวลาในการรอคอยบริการ ทั้งที่ปัญหาบางครั้งสามารถจัดการได้ที่บ้าน 4. ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นถ้าได้รับการดูแลล่าช้า วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่บ้านและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน 3. เพื่อแก้ไขปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว 4. เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคลากรสาธารณสุขและญาติ กระบวนการดำเนินงาน 1. สร้างกลุ่ม LINE Official โดยมีแพทย์เวชปฏิบัติครอบครัว และ จนท.หน่วยบริการปฐมภูมิฯ เป็นแอดมิน 2. คัดเลือกกลุ่มผู้ดูแลที่มีความพร้อมด้าน smart phone 3. ดึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วย CG ญาติผู้ป่วย อสม. เข้ากลุ่ม 4. แจ้งวัตถุประสงค์และข้อตกลงในการใช้งาน 5. สร้างบทความรู้ให้ผู้ดูแลผู้ป่วย ได้อ่านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลคนไข้ เดืนอละ 3 เรื่อง 6. จัดทำตารางมอบหมายงาน และเวลาที่อ่านไลน์ 7. จัดทำเกณฑ์การ consult แพทย์และการลงเยี่ยมด้วยตนเองถ้าจำเป็น ผลงานหรือนวัตกรรมที่ได้ กลุ่มไลน์การดูแลคนไข้ติดบ้านติดเตียงโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสื่อกลางในการดูแลคนไข้ แนวทางการนำนวัตกรรมไปใช้ ญาติหรือผู้ดูแลคนไข้สามารถสอบถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับคนไข้ ส่งภาพหรือวิดิโอปัยหาเกี่ยวกับคนไข้ มา ในไลน์ off 304


ผลลัพธ์ 1. ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงทุกรายมีผู้ดูแลและที่ปรึกษาด้านสุขภาพทุกรายที่บ้าน โดยมีหมอประจำตัว ดูแลครบ 3 คน 2. ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงมีผู้ดูแลตลอดเวลาและไม่มีการเกิดภาวะติดเชื้อ/ไม่มีแผลกดทับเพิ่มขึ้น 3. ผู้ป่วยได้รับการแก้ไขที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว 4. ผู้ป่วยและญาติมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และมีความพึงพอใจในการรับบริการ จากงานวิจัยจากราชวิทยาลัย จุฬาภรณ์ ( Nursing in Technology Era ) พบว่าทางด้านการแพทย์ นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานการพยาบาลและวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจโดยมาจากองค์ ความรู้ทางด้านวิทยาศาตร์การแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์นำมาประยุคร่วมกัน ได้แก่ Mobile health technology เป็นระบบดูแลผู้ป่วยผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของ แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เราสามารถนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เข้ามามีส่วนใช้ทางการดูแลคนไข้ ทำให้คนไข้สามารถ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือจากผู้ป่วยและญาติ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ในการรักษา โดยภาพรวมจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับการพยาบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นการ เปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ( เอกสารอ้างอิง เบญจมาศ ปรีชาคุณ,ฤชุตา โมเหล็ก ,ดารารัตน์ ชูวงศ์อินทร์,เพ็ญพักตร์ กองเมือง ,มาริษา สมบัตรบูรณ์ การสื่อสารเพื่อการพยาบาลในยุคการแพทย์เปลี่ยนวิถี วาราสารวิชาการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 305


1 1. เรื่อง ใกล้หมอ ใกล้ใจ ด้วยไผ่ล้อมดิจิทัล 2. ประเภทผลงาน การพัฒนาคุณภาพการพยาบาลในชุมชน 3. ชื่อหน่วยงาน/เจ้าของผลงาน น.ส.วราพรรณ ดาวลอย พยาบาลวิชาชีพช านาญการและคณะ หน่วยบริการปฐมภูมิศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองโรงพยาบาลตราดวัดไผ่ล้อม 4. หลักการและเหตุผล กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายยกระดับสุขภาพปฐมภูมิให้เข้มแข็ง มีคุณภาพ ทั่วถึง และยั่งยืน มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนบริการให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสริมสร้างสุขภาพ ความรู้ด้านสุขภาพ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม มุ่งให้เกิดผลลัพธ์กับประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มี ความสุขกาย สุขใจ ด้วยวิถีชีวิตใหม่อย่างเป็นรูปธรรม จากการมีความรอบรู้ด้านสุขภาพและการมีส่วนร่วมของ ประชาชน 3 หมอหรือคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจ าตัว 3 คน คือ การประสานการท างานดูแลประชาชนที่ บ้านและชุมชนแบบ “ดูแลใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” เพิ่มความครอบคลุมให้ได้รับบริการต่อเนื่อง ลดการ เดินทาง ลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และส่งต่อรักษาในโรค ซับซ้อนยุ่งยาก โดยหมอคนที่ 1 หมอประจ าบ้าน หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข และหมอคนที่ 3 หมอ ครอบครัว ด้วยกลไกการดูแลที่บ้านและชุมชนหมอคนที่ 1 หมอประจ าบ้าน คือ อาสาสมัครสาธารณสุข ประจ าหมู่บ้านหรือ อสม. ท าหน้าที่เยี่ยมบ้าน ให้ค าแนะน า คัดกรอง ติดตามและดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น โดยหมอ ประจ าบ้าน 1 คนดูแลประชาชน 10-20 หลังคาเรือน และส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารมามี ส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข คือ บุคลากรในสถานบริการปฐมภูมิ ทั้งโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพต าบลหรือ รพ.สต. คลินิกหมอครอบครัว ศูนย์บริการสาธารณสุข ครอบคลุมบุคลากรทุกสาชา วิชาชีพทั้งพยาบาล เภสัชกร นักสาธารณสุขชุมชน และวิชาชีพอื่นๆ ท าหน้าที่ให้การดูแลส่งเสริมสุขภาพ ประสานงานระหว่างหมอคนที่ 1 และหมอคนที่ 3 คัดกรองเพื่อระบุสาเหตุ ยืนยันความผิดปกติและส่งต่อ ผู้ป่วย โดยหมอสาธารณสุข 1 คนดูแลประชาชน 1,250 – 2,500 คน หมอคนที่ 3 หมอครอบครัว คือ แพทย์ ในโรงพยาบาลหรือแพทย์ที่จบเวชศาสตร์ครอบครัว เป็นผู้รักษา ดูแล ให้ค าปรึกษา ประสานและส่งต่อการ รักษา โดยหมอครอบครัว 1 คนดูแลประชาชน 8,000 – 12,000 คน และเพื่อให้เกิดบริการใกล้บ้าน ใกล้ใจ กระทรวงสาธารณสุขยังก าหนดนโยบายการแพทย์ทางไกล เพื่อลดการเดินทางและค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งกองการพยาบาลได้ตอบรับนโยบายดังกล่าวในปี 2566 ด้วยการก าหนดแผนงานที่ 1 เร่งรัดพัฒนาระบบ บริการพยาบาลวิถีอนาคต ตามมาตรฐานวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และสภาการพยาบาลได้ออกประกาศ วันที่ 10 ก.พ. 2564 ที่ราชกิจจานุเบกษา เรื่องแนวทางพยาบาลทางไกล (Tele-nursing) ปัญหาในพื้นที่ในเขตเทศบาล อ.เมืองตราด มีหน่วยบริการปฐมภูมิศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลตราดวัดไผ่ล้อมรับผิดชอบประชากร 13,273 คน รวม 7 ชุมชน เป็นผู้สูงอายุ 3,125 คน คิดเป็น ร้อยละ 23.55 โดยมีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 51 คน ใส่สายให้อาหารจ านวน 10 คน ใส่สายสวนปัสสาวะ จ านวน 6 คน เจาะคอ 5 คน มีแผลกดทับ 3 คน ผลการติดตามการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน พบปัญหาดังนี้ 1. บุคลากรสาธารณสุขที่ร่วมดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงมีจ านวนน้อยเมื่อเทียบกับจ านวนผู้ป่วยท า ให้บางครั้งการดูแลอาจไม่ทั่วถึงและแพทย์เวชปฏิบัติครอบครัว มี1 คน รับผิดชอบดูแลงานอาชีวอนามัยด้วย 306


2 2. ญาติ/ผู้ดูแล ของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดูแลผู้ป่วย 3. ญาติ/ผู้ดูแล ไม่มีช่องทางในการขอค าปรึกษาเบื้องต้น ท าให้มุ่งเน้นไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ตราด ส่งผลให้มีความแออัดมากขึ้นในโรงพยาบาล สูญเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเสียเวลาในการรอคอย บริการ ทั้งที่ปัญหาบางครั้งสามารถจัดการได้ที่บ้าน 4. ผู้ป่วยบางรายเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นเพราะได้รับการดูแลล่าช้า เช่น แผลกดทับ ติด เชื้อสายสวนปัสสาวะ ติดเชื้อจาการส าลักอาหาร เป็นต้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพด้วย 3 หมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. เพื่อค้นหาปัญหาภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงได้รวดเร็ว (Early detect) และลดการเกิด ภาวะแทรกซ้อน 3. เพื่อให้ญาติ/ผู้ดูแล/ผู้ป่วย สามารถดูแลตนเองได้ที่บ้าน ด้วยความรู้ และการปฏิบัติตัวตามศักยภาพ ของแต่ละครอบครัว 4. เพื่อให้ผู้ดูแล/ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง มีสุขภาพจิต/พลังใจ ในการดูแลสุขภาพที่บ้านได้ต่อเนื่อง 6.การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง แนวทางการพยาบาลทางไกล (Tele -nursing ) อาศัยมติคณะกรรมการสภาการพยาบาลในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ สภาการพยาบาลจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง แนวทางการพยาบาลทางไกล (Tele - nursing)” ๒. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ๓. ในประกาศฉบับนี้ “การพยาบาลทางไกล (Tele -nursing)” หมายความว่า การพยาบาลและการ ผดุงครรภ์เพื่อให้ค าปรึกษาและแก้ปัญหาเกี่ยวกับสุขอนามัยภายใต้กรอบความรู้แห่งวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ โดยน าระบบดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ ทั้งนี้ โดยความรับผิดชอบของผู้ให้การพยาบาล ทางไกล “ดิจิทัล” หมายความว่า เทคโนโลยีที่ใช้วิธีการน าสัญลักษณ์ศูนย์และหนึ่งหรือสัญลักษณ์อื่น มาแทน ค่าสิ่งทั้งปวง เพื่อใช้สร้าง หรือก่อให้เกิดระบบต่าง ๆ เพื่อให้มนุษย์ใช้ประโยชน์ “สถานพยาบาล ” หมายความว่า สถานพยาบาลที่เป็นของภาครัฐและ/หรือเอกชน ที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง “ผู้ให้การพยาบาลทางไกล ” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบ วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจาก สภาการพยาบาลและ ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล มีความรู้และทักษะการพยาบาลทางไกล ตามที่สภาการพยาบาลก าหนด 307


3 “ผู้รับการพยาบาลทางไกล ” หมายความว่า บุคคลที่ต้องการการดูแลต่อเนื่องและหรือการดูแลระยะ ยาวจากสถานพยาบาล ๔. องค์ประกอบในการให้การพยาบาลทางไกล มีดังต่อไปนี้ ๔.๑ สถานพยาบาลที่ให้การพยาบาลทางไกลต้องจัดให้มี ๔.๑.๑ ระบบดิจิทัลที่น ามาใช้ในการพยาบาลทางไกล สามารถสื่อสารระหว่างผู้ให้การพยาบาลทางไกล และผู้รับการพยาบาลทางไกลอย่างชัดเจน ๔.๑.๒ ระบบทะเบียนและการบันทึกประวัติผู้รับการพยาบาลทางไกลและข้อมูล การพยาบาลทางไกล ๔.๑.๓ ระบบการบันทึกข้อมูล เสียง/ภาพ หรือวิดีโอ ระหว่างการพยาบาลทางไกล โดยต้องรักษาความลับ ของผู้รับการพยาบาลทางไกล ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และ พระราชบัญญัติธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ๔.๑.๔ ยื่นแบบค าขอบริการเพิ่มเติมการบริการ การพยาบาลทางไกลต่อส านักงาน สาธารณสุขจังหวัด หรือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๔.๒ ผู้ให้การพยาบาลทางไกล ๔.๒.๑ ให้การพยาบาลทางไกลตามที่ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาล และการผดุงครรภ์ พ.ศ. ๒๕๒๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อจ ากัดและเงื่อนไขที่สภาการพยาบาล ก าหนด และต้องรักษาจริยธรรม แห่งวิชาชีพ ๔.๒.๒ สามารถปฏิเสธการให้บริการ หากพบว่ามีข้อจ ากัดในเรื่องข้อมูลด้านสุขภาพ และการ ติดต่อสื่อสารทางโทรคมนาคม ๔.๓ ผู้รับการพยาบาลทางไกล ๔.๓.๑ ต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสถานพยาบาล และเคยได้รับการพยาบาลแบบต่อหน้า กับผู้ให้การพยาบาล ทางไกลมาก่อน ๔.๓.๒ ต้องยอมรับการบันทึกข้อมูลเสียงหรือวิดีโอในขณะให้บริการ ๔.๓.๓ สามารถยกเลิกการรับการพยาบาลทางไกลได้ ๕. แนวทางปฏิบัติการให้การพยาบาลทางไกล ๕.๑ ต้องมีการยืนยันตัวตนของผู้ให้การพยาบาลทางไกล และผู้รับการพยาบาลทางไกล ภายใต้มาตรฐาน สารสนเทศของสถานพยาบาลนั้น ๕.๒ ประเมินผู้รับการพยาบาลทางไกลโดยการทบทวนจากประวัติสุขภาพเดิม และประเมิน ภาวะสุขภาพ เพิ่มเติม ๕.๓ วิเคราะห์ข้อมูลและวินิจฉัยการพยาบาล โดยประเมินอาการและความรุนแรง ความเสี่ยง ข้อจ ากัดและ เงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพ และเกณฑ์ที่สภาการพยาบาลประกาศ ๕.๔ วางแผนการพยาบาลและให้การพยาบาล จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล ๕.๕ บันทึกการพยาบาลทางไกลที่ให้แก่ผู้รับการพยาบาลทางไกล ๕.๖ ประเมินผลการให้การพยาบาลทางไกล 308


4 ๕.๗ ประสานการส่งต่อเมื่อประเมินแล้วพบว่าผู้รับการพยาบาลทางไกลควรไปรับบริการ ในสถานพยาบาลที่มี ศักยภาพที่เหมาะสมกับอาการหรือปัญหาสุขภาพของผู้รับการพยาบาลทางไกล ๖. การปรึกษาระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์กับบุคลากร สาธารณสุขอื่น ที่มีกฎหมายอื่นก าหนดไว้เป็นการเฉพาะ ไม่ถือว่าเป็นการพยาบาลทางไกล ตามประกาศนี้ จากการศึกษาของเบญจมาศ ปรีชาคุณและคณะ(2563) ที่ศึกษาเรื่องการพยาบาลในยุคเทคโนโลยี แห่งข้อมูล พบว่าทางด้านการแพทย์ นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานการพยาบาลและวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจโดย มาจากองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาตร์การแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์น ามาประยุคร่วมกัน ได้แก่ Mobile health technology เป็นระบบดูแลผู้ป่วยผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาให้อยู่ในรูปแบบ ของแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เราสามารถน านวัตกรรมทางเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เข้ามามีส่วนใช้ทางการดูแลคนไข้ ท าให้คนไข้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างรวดเร็ว ด้วย ความร่วมมือจากผู้ป่วยและญาติ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการรักษา โดยภาพรวมจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้ เข้ามามีบทบาทกับการพยาบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล สอดคล้อง กับบุษยารัตน์ ศิลปะวิทยาทรและคณะ(2563) ที่ศึกษาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพในการพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยประเด็นด้านประโยชน์ต่อระบบบริการสุขภาพเนื่องจากการขับเคลื่อนการ ด าเนินการในระบบบริการสุขภาพให้มีประสิทธิภาพนั้น จ าเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหาร จัดการและสนับสนุนให้เกิดประสิทธิภาพต่อองค์ประกอบต่างๆ ในระบบสุขภาพเทคโนโลยีสารสนเทศด้าน สุขภาพสามารถน ามาใช้ในการวางกลยุทธ์ด้านสุขภาพ เนื่องจากโลกดิจิทัลที่มีการเจริญเติบโตและขยายตัวมาก ขึ้นได้กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การลงทุนทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระบบบริการสุขภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของ ประชาชนทุกระดับ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างมีคุณภาพเป็นธรรม และปลอดภัย 7.วิธีด าเนินการ 1. สร้างกลุ่ม LINE Official โดยมีแพทย์เวชปฏิบัติครอบครัวและจนท.หน่วยบริการปฐมภูมิฯ เป็นแอดมิน 2. ก าหนดคุณสมบัติคัดเข้า/คัดออก เลือกกลุ่มผู้ดูแลที่มีความพร้อม เช่น smart phone 3. เชิญกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วย/ CG /ญาติผู้ป่วย/ อสม. เข้ากลุ่ม 4. แจ้งวัตถุประสงค์และข้อตกลงในการใช้งาน 5. สร้างชุดความรู้ ให้ผู้ดูแลผู้ป่วยอ่าน/ถาม/ปฏิบัติ เพื่อน าไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่บ้านเดือนละ 3 เรื่อง 6. จัดท าตารางมอบหมายงาน และเวลาที่อ่านไลน์ของทีมสุขภาพ 7. จัดท าเกณฑ์การ consult แพทย์และการลงเยี่ยมบ้านด้วยตนเองถ้าจ าเป็น 8. ผลการด าเนินการและการน าไปใช้ เดิมระบบการเยี่ยมบ้านโดยทีมสหสาขาวิชาชีพต้องออกไปเยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่บ้านในปี 2564 จ านวนผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 38 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก 1-2 สัปดาห์ มี 8 ราย ประเภทติดบ้านติดเตียง มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 30 ราย มีภาวะแทรกซ้อน 3 ราย ปี 2565 จ านวนผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 42 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก1-2 309


5 สัปดาห์มี 10 ราย ประเภทที่ติดบ้าน มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 32 ราย มีภาวะแทรกซ้อน 2 ราย ปี2566 จ านวนผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 51 ราย ประเภทที่ติดเตียงมีความรุนแรงในระดับ 3 เยี่ยมทุก1-2 สัปดาห์ มี 16 ราย ประเภทที่ติดบ้าน มีความรุนแรงในระดับ 2 เยี่ยมทุก 1 เดือน 35 ราย ผลการการน าระบบ “ใกล้หมอ ใกล้ใจ ด้วยไผ่ล้อมดิจิทัล” มาใช้โดยใช้กลุ่ม LINE Official ท าให้ 1. ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงในปี 2566 จ านวน 51 ราย มี3 หมอครบทุกครอบครัว 2. ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 51 ราย สามารถค้นหาปัญหาภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงได้ รวดเร็ว (Early detect) และไม่เกิดการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดย 2.1 ผู้ป่วยใส่สายให้อาหารจ านวน 10 คน ไม่พบการส าลักอาหาร 2.2 ผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ จ านวน 6 คน ไม่พบการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ 2.3 ผู้ป่วยเจาะคอ 5 คน ไม่พบปัญหาทางเดินหายใจอุดตันหรือติดเชื้อ 2.4 ผู้ป่วยแผลกดทับ 3 คน (แผลกดทับลดระดับลงทุกคน) 3. ญาติ/ผู้ดูแล/ผู้ป่วย มีชุดความรู้ และการปฏิบัติตัวได้ตามศักยภาพของแต่ละครอบครัว 4. ผู้ดูแล/ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ลดภาวะเครียดและมีที่พึ่ง/พลังใจ ได้ตลอดทุกวัน 9.ความคุ้มค่าคุ้มทุน 1. ทีมสหสาขาวิชาชีพบุคลากรสาธารณสุขสามารถเยี่ยมติดตามผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงได้ทุกวัน 2. ลดการเดินทางและค่าใช้จ่ายของญาติ/ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ 3. ลดการแออัดในโรงพยาบาล 4. ลดภาวะเครียดของผู้ดุแลและผู้ป่วย 10.แนวทางการน าไปใช้ประโยชน์ 1. Early detect. ปัญหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว 2. สามารถประเมินปัญหาของผู้ป่วยว่าต้องส่งโรงพยาบาลหรือไม่โดยมีช่องทางการเข้าถึงปัญหาผู้ป่วย ได้อย่างรวดเร็ว 11. การพัฒนาต่อเนื่อง เพิ่มการพัฒนาระบบแอพพลิแคชั่นเพื่อเชื่อมต่อกับระบบการส่งต่อในโรงพยาบาลตราดในกรณีฉุกเฉิน เอกสารอ้างอิง ( References) ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง แนวทางการพยาบาลทางไกล (Tele -nursing ) ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 รองศาสตราจารย์ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล เบญจมาศ ปรีชาคุณ,ฤชุตา โมเหล็ก ,ดารารัตน์ ชูวงศ์อินทร์,เพ็ญพักตร์ กองเมือง ,มาริษา สมบัตรบูรณ์ การ สื่อสารเพื่อการพยาบาลในยุคการแพทย์เปลี่ยนวิถี วาราสารวิชาการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ บุษยารัตน์ ศิลปวิทยาทร พย.ม.* บุญพิชชา จิตต์ภักดี ปร.ด.**Busayarat Silapavitayatorn M.N.S.* Bunpitcha Chitpakdee PhD** การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพในการพยาบาลเพื่อความปลอดภัย ของผู้ป่วยThe Use of Health Information Technology inNursing for Patient Safety 310


การรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลส เคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลลัพธ์ของการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า โดยใช้รูปแบบการศึกษานี้เป็น กรณีศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีแผลเปิด, บาดแผลเรื้อรัง (chronic wounds) หรือบาดแผลที่รักษายาก (difficult wounds) ที่ส่งปรึกษา Wound care Clinic เมษายน - กรกฏาคม 2566 จ านวน 4 ราย โดยใช้วิธีการท าแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า ผลการวิจัยพบว่า จากการศึกษากรณีศึกษาเปรียบเทียบผู้ป่วยจ านวน 4 ราย พบว่าการอักเสบบริเวณรอบ แผล ลดลงภายใน 3 วัน บริเวณแผลที่มีการติดเชื้อ Biocellulose with Blue Silver Nano จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และจะเป็นสีฟ้าคงเดิมเมื่อการติดเชื้อลดลง แผลหายไวขึ้น แพทย์สามารถเย็บแผลหรือท า Skin graft ได้ไวขึ้นร้อย ละ 100, จ านวนครั้งในการเปิดแผลลดลงเฉลี่ยร้อยละ 73.9, ลดความเจ็บปวดจากการเปิดแผล ลดการใช้ยาแก้ ปวดเฉลี่ย ร้อยละ 78, ลดค่าใช้จ่ายจากการท าแผลเฉลี่ยร้อยละ 54.5, คะแนนความพึงพอใจในการรักษาแผล ด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า ร้อยละ 98 จากศึกษาพบว่าการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโน เซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้าช่วยให้แผลหายไวขึ้น แต่ผู้ศึกษาด าเนินการศึกษาในระยะเวลาที่จ ากัด และ จ านวนกลุ่มตัวอย่างค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยและแพทย์เจ้าของไข้จึงควรมี การศึกษาเพิ่มเติม ในรูปแบบของงานวิจัย 311


1. ชื่อผลงาน/โครงการพัฒนา การรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า 2. ชื่อผู้วิจัย/ผู้น ำเสนอ นางสุภาภรณ์ วงษ์นิกร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร 3. สรุปผลงานโดยย่อ พัฒนาการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้าช่วยให้แผลหายไวขึ้น โดยใช้ข้อมูลและหลักฐานเชิง ประจักษ์ 4. ความสำคัญของปัญหา บาดแผลขนาดใหญ่ บาดแผลเรื้อรังและบาดแผลที่รักษายาก ทำให้ผู้ป่วย ต้องทุกข์ทรมาน เจ็บปวดโดยเฉพาะเวลาทำแผล ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความเครียด สูญเสียรายได้ เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล บางรายมีการติดเชื้อแทรกซ้อนทำให้ค่าใช้จ่ายในการ รักษาเพิ่มสูงขึ้นหรือหากการติดเชื้อรุนแรงและลุกลามผู้ป่วยอาจต้องสูญเสียอวัยวะหากรุนแรงอาจถึงขั้น เสียชีวิต การทำแผลโดยใช้ Negative Pressure Wound Therapy หรือ Vacuum Dressing มาใช้ในการ รักษาแผล Negative Pressure จะช่วยดูด Interstitial fluid ที่มากเกินไปออก นอกจากจะทำให้บาดแผล ยุบบวมแล้ว ยังพบว่าใน Interstitial fluid ยังมี metalloproteinese enzyme ซึ่งเป็นสารที่ยับยั้ง กระบวนการหายของแผล เมื่อแผลยุบบวมเลือดจะมาเลี้ยงแผลได้มากขึ้น ลดปริมาณของแบคทีเรียแผลจะ มี Granulation tissue มากขึ้น ซิลเวอร์นาโนมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลติดเชื้อ โดยอนุภาคของซิล เวอร์นาโนจะไปจับกับแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ยับยั้งการเพิ่มจำนวน ทำให้เชื้อโรคตายในที่สุด จึงได้นำไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้ามาใช้ร่วมกับการทำ Vacuum Dressing ในแผลเรื้อรังและแผลที่สงสัยการติดเชื้อ ทำให้สามารถเริ่มทำ Vacuum Dressing ได้เร็วขึ้น ส่งผลให้บาดแผลของผู้ป่วยหายไวขึ้น จากการทำงานในคลินิก Wound care โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรพบว่าในปี 2564 มี ผู้ป่วยที่มีบาดแผลขนาดใหญ่ บาดแผลเรื้อรังและบาดแผลที่รักษายากที่ส่งปรึกษาจำนวน 94 ราย พบว่า 90% ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแผลด้วย VAC dressing แผลหายไวขึ้น จำนวนครั้งในการเปิดแผลลดลง ถึง 67.5% การใช้ยาแก้ปวดลดลง 78% เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยที่ทำแผลแบบปกติ แต่เนื่องจากผู้ป่วยบาง รายที่แผลอาจยังมีการติดเชื้อ แผลที่มีลักษณะค่อนข้างยุ่ย หรือมีอวัยวะที่บอบบางเช่น อวัยวะภายใน เส้น เอ็น ทำให้ไม่สามารถให้การรักษาโดยการใช้ VAC dressing ตั้งแต่ในระยะแรก ประกอบกับ Silver Reticulated Foam มีราคาสูง ดังนั้นจึงพัฒนาการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า เพื่อให้สามารถให้รักษาด้วย การทำ VAC dressing ได้ไวขึ้น สามารถจำนวนครั้งในการเปิดแผล ลดความเจ็บปวดจากการทำแผล ลด ค่าใช้จ่ายในการรักษา ช่วยให้แผลหายไวขึ้น ลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลและเพิ่มคุณภาพชีวิต ให้แก่ผู้ป่วย 312


วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาผลลัพธ์ของการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า วิธีการศึกษา การศึกษานี้เป็นกรณีศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีแผลเปิด, บาดแผลเรื้อรัง (chronic wounds) หรือ บาดแผลที่รักษายาก (difficult wounds) ที่ส่งปรึกษา Wound care Clinic เมษายน - กรกฏาคม 2566 หลังจากโครงร่างวิจัยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของโรงพยาบาลเจ้าพระยา อภัยภูเบศรตามหมายเลข ( IRB-BHUBEJHR-220) ลงวันที่ 21 เมษายน 2566 ภายหลังได้รับการอนุมัติ แล้วผู้วิจัยเดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามกระบวนการโดยการทำแผลด้วยวิธีการดังนี้ 1. เตรียม wound bed และกำจัดเนื้อตาย วาง Biocellulose with Blue Silver Nano ห่างๆหรือ บริเวณที่ไม่ต้องการให้ Pressure ลงโดยตรง วาง Vaccuum dressing Keep pressure 80-120 mmHg. เปิดทำแผลทุก 3 วัน ประเมินการติดเชื้อจากการเปลี่ยนสีของ Biocellulose with Blue Silver Nano ถ้าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแสดงว่าบริเวณนั้นยังมีการติดเชื้ออยู่ ผลการศึกษา (Results) จากการศึกษากรณีศึกษาเปรียบเทียบผู้ป่วยจำนวน 4 ราย พบว่าการอักเสบบริเวณรอบแผล ลดลงภายใน 3 วัน บริเวณแผลที่มีการติดเชื้อ Biocellulose with Blue Silver Nano จะเปลี่ยนเป็นสี เหลือง และจะเป็นสีฟ้าคงเดิมเมื่อการติดเชื้อลดลง แผลหายไวขึ้น แพทย์สามารถเย็บแผลหรือทำ Skin graft ได้ไวขึ้นร้อยละ 100, จำนวนครั้งในการเปิดแผลลดลงเฉลี่ยร้อยละ 73.9, ลดความเจ็บปวดจากการ เปิดแผล ลดการใช้ยาแก้ปวดเฉลี่ย ร้อยละ 78, ลดค่าใช้จ่ายจากการทำแผลเฉลี่ยร้อยละ 54.5, คะแนน ความพึงพอใจในการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโน เซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้าร้อยละ 98 313


อภิปรายผล (Discussion) จากการศึกษาการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy ร่วมกับ Biocellulose with Blue Silver Nano สามารถช่วยลดการอักเสบบริเวณแผล ช่วยให้แผลหายไวขึ้นสอดคล้องกับ งานวิจัยของ Da Xu,Tongbin Chu และ Guilu Tao ที่พบว่าการรักษาแผลด้วยซิลเวอร์นาโนร่วมกับ Prontosan Gel สามารถช่วยลดปฏิกริยาการอักเสบได้อย่างรวดเร็วแผลหายไวขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลด การใช้ยาแก้ปวดและลดค่าใช้จ่ายในการทำแผลเมื่อเทียบกับการทำแผลปกติ สรุปและข้อเสนอแนะ จากการ ศึกษาพบว่าการรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy (NPWT) และ ไบโอนาโนเซลลูโลสเคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้าช่วยให้แผลหายไวขึ้น แต่ผู้ศึกษาดำเนินการศึกษาใน ระยะเวลาที่จำกัด และจำนวนกลุ่มตัวอย่างค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยและ แพทย์เจ้าของไข้จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติม ในรูปแบบของงานวิจัย การนำผลงานไปใช้ประโยชน์ 1. การรักษาแผลด้วย Negative Pressure Wound Therapy ร่วมกับ Biocellulose with Blue Silver Nano ช่วยให้แผลหายไวขึ้น ลดจำนวนครั้งในการเปิดแผล ความเจ็บปวดของผู้ป่วย ช่วยลด ภาระงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำแผลได้ 2. ช่วยให้การประเมินการติดเชื้อบริเวณบาดแผลง่ายขึ้นจากการเปลี่ยนสีของไบโอนาโนเซลลูโลส เคลือบด้วยโลหะเงินนาโนสีฟ้า 3. สามารถเริ่มการรักษาแผลด้วย NPWT ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอให้แผลหายติดเชื้อ (Reference) 1. Da Xu,Tongbin Chu and Guilu Tao. (2021). Clinical Study on the Efficacy of Silver Ion Dressing Combined with Prontosan Gel Dressing in the Treatment of Diabetic Foot Ulcers and the Effect on Serum Inflammatory Factors. https://doi.org/10.1155/2023/9814547. 2. Orawan Chansanti, Atthawit Mongkornwong. (2020). Treating hard-to-heal ulcers: biocellulose with nanosilver compared with silver sulfadiazine. Journal of Wound Care; 29(12). https://doi.org/10.12968/jowc.2020.29.Sup12.S33. 314


ข ชื่อเรื่อง : ประสิทธิผลของการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ต่อพฤติกรรมการดูแล ตนเองและบุตรหลังคลอด มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ ผู้วิจัย : นางวันเพ็ญ เพชรรักษ์ น.ส.ชลธิชา ผึ่งแช่ม และนางวิมลรัตน์ เนติธรรมวัฒนา บทคัดย่อ การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบ แอพพลิเคชั่นไลน์ เปรียบเทียบความรู้ คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองแล ะบุต ร หลังคลอด ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับมารดาและบุตรหลังคลอด และประเมินความพึงพอใจต่อการเตรียมมารดาใน ระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ ในระหว่างเดือน พฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2566 กลุ่มตัวอย่าง คือ มารดาครรภ์แรกที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 34 สัปดาห์ขึ้นไป ฝาก ครรภ์และคลอดที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยการสุ่มอย่างง่าย จ านวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 5 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรู้ แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองและบุตร ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับ มารดาและบุตรหลังคลอด และแบบประเมินความพึงพอใจ และเครื่องมือที่ใช้ในการท าวิจัย ซึ่งผ่านการ ตรวจสอบความตรงโดยผู้เชี่ยวชาญและทดสอบความเชื่อมั่นด้วยวิธีอัลฟาของครอนบาคได้ค่าความเชื่อมั่นของ แบบวัดความรู้ เท่ากับ.701 และแบบวัดเจตคติ เท่ากับ .650 ตามล าดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และ สถิติอนุมาน ได้แก่ Independent t-test , Chi-Square ผลการศึกษา คะแนนเฉลี่ยความรู้และการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดกลุ่มทดลอง สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p=.000) ความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X=2.89) ข้อเสนอแนะจากการวิจัยนี้ได้แก่ การเตรียมความพร้อมมารดาหลังคลอดก่อนการจ าหน่ายผ่าน แอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อให้มารดาหลังคลอดสามารถน าไปทบทวนที่บ้านได้และสามารถขยายผลไปยังผู้ป่วยกลุ่ม อื่นในการเตรียมความพร้อมก่อนการจ าหน่ายได้ด้วย 315


1. ชื่อเรื่อง : ประสิทธิผลของการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ต่อพฤติกรรม การดูแลตนเองและบุตรหลังคลอด มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ 2. คณะผู้วิจัย : นางวันเพ็ญ เพชรรักษ์ นางสาวชลธิชา ผึ่งแช่ม และนางวิมลรัตน์ เนติธรรมวัฒนา หน่วยงานโรงพยาบาลสมุทรปราการ/หอผู้ป่วยสูติกรรมหลังคลอดและหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด 3. ชื่อผู้น าเสนอผลงาน : นางวันเพ็ญ เพชรรักษ์ และนางสาวชลธิชา ผึ่งแช่ม 4. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา : จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580)1 ที่ให้ความส าคัญกับการปฏิรูประบบการสร้างเสริมความ รอบรู้และจิตส านึกทางสุขภาพเพื่อให้มีศักยภาพในการจัดการสุขภาวะที่ดีได้ด้วยตนเอง ช่วงการตั้งครรภ์ เน้น การเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ ควบคู่กับการปฏิรูปสื่อให้มีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ในการ ให้ความรู้ต่อการพัฒนาและสร้างเสริมความเข้มแข็งของครอบครัวน ามาสู่นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย คือ นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ2 โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย ได้รับการดูแลหลังคลอดที่ดี เด็กได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตและ พัฒนาการสมวัยพร้อมที่จะเรียนรู้ในช่วงต่อไปอย่างมั่นคง งานมาตรฐานอนามัยแม่และเด็ก มุ่งเน้นการดูแล สุขภาพหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอดและเด็กให้มีสุขภาพดี เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจและมีทักษะที่ถูกต้องใน การดูแลสุขภาพตนเองและบุตรหลังคลอดให้ปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา3 อย่างไรก็ตาม ระยะหลัง คลอดเป็นระยะพัฒนาการช่วงหนึ่งของสตรี4 มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมากมายทั้งทางด้านร่างกายและ จิตใจ เป็นช่วงเวลาที่ส าคัญในการเปลี่ยนผ่านของชีวิต โดยเฉพาะมารดาหลังคลอดครรภ์แรกที่ไม่เคยมี ประสบการณ์ในการดูแลตนเองและบุตรมาก่อน การขาดความรู้ความมั่นใจ และประสบการณ์ในการดูแลตนเองและ บุตรที่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวล รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่อสุขภาพของตนเองและบุตรได้3 5 6 7 จากการทบทวนงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า การเตรียมความพร้อม คุณภาพการสอน การให้ความรู้อย่างมี แบบแผน ท าให้มารดาหลังคลอดสามารถการดูแลตนเองและบุตรได้8 9 10 อย่างไรก็ตาม มารดาหลังคลอดมี ระยะเวลาอยู่โรงพยาบาลเพียง 48-72 ชั่วโมง ท าให้มารดาหลังคลอดครรภ์แรกยังไม่สามารถเรียนรู้และฝึก ปฏิบัติได้อย่างครอบคลุม ส่งผลให้มารดาขาดความมั่นใจ ขาดความรู้และทักษะในการดูแลตนเองและบุตรได้ หากมารดาไม่มีความรู้และขาดทักษะในการดูแลตนเองและบุตร มารดาที่ขาดความพร้อมก่อนการจ าหน่าย ออกจากโรงพยาบาล พบว่าอัตราการเกิดปัญหาสุขภาพในระยะสัปดาห์แรกหลังคลอดของผู้เป็นมารดาครรภ์ แรก สูงถึงร้อยละ 9411 เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตรมาก่อน ส าหรับโรงพยาบาลสมุทรปราการ จากรายงานประจ าปีสถิติปี 2562-2565 พบว่า มีมารดาครรภ์แรก มาคลอด 2,281 , 2,284 , 2,092 และ 2,154 คน คิดเป็นร้อยละ 39.70, 40.80, 39.65 และ 46.78 ของ จ านวนมารดาที่มาคลอดทั้งหมด ตามล าดับ และในระยะหลังคลอดมารดาใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน ขณะอยู่ในโรงพยาบาล ได้รับการความรู้ในการดูแลตนเอง และการดูแลบุตรเมื่อโทรศัพท์สอบถามพบว่า ร้อย ละ 80 ยังขาดความรู้และทักษะในการดูแลตนเองและเลี้ยงดูบุตรหลังคลอด ทั้งนี้จากข้อมูล ในปี 2562-2565 พบอุบัติการณ์การติดเชื้อที่สะดือ ร้อยละ 0.26, 0.31, 0.47 และ 0.11 ตาแฉะ ร้อยละ 0.27, 0.33, 0.37 และ 0.08 การ re-admit บุตรภายใน 28 วันจากภาวะตัวเหลืองจากการได้รับน้ านมแม่ไม่เพียงพอ ร้อยละ 0.41, 316


0.90, 0.79 และ 1.04 มารดาแผลฝีเย็บแยกจากการดูแลตนเองไม่ถูกต้อง ร้อยละ 0.17, 0.32, 0.38 และ 0.04 ตามล าดับ แสดงว่าการเตรียมความพร้อมและการให้ความรู้ในการดูแลตนเองที่ผ่านมายังไม่เพียงพอ ที่ ส่งผลไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นผู้วิจัยจึงศึกษาประสิทธิผลของการเตรียมมารดาในระยะ เปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดมารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ กรอบแนวคิดในการวิจัยครั้งนี้น ามาจากทฤษฎีการเปลี่ยนผ่านของ Meleis4 และ ทฤษฎีการเรียนรู้ เบนจามิน บลูมและคณะ12 5. วัตถุประสงค์: 1. เพื่อพัฒนาการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชันไลน์ 2. เพื่อเปรียบเทียบความรู้ในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ 3. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองและบุตร หลังคลอด ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบ แอพพลิเคชั่นไลน์มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ 4. เพื่อเปรียบเทียบภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับมารดาและบุตรหลังคลอดระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์มารดาครรภ์แรกโรงพยาบาลสมุทรปราการ 5. เพื่อประเมินความพึงพอใจต่อการเตรียมมารดาในระยะเปลี่ยนผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ มารดาครรภ์แรก โรงพยาบาลสมุทรปราการ 6. วิธีการศึกษา : รูปแบบการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลัง ตัวอย่างเป็นมารดาครรภ์แรกที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 34 สัปดาห์ขึ้นไป ฝากครรภ์และคลอดที่ โรงพยาบาลสมุทรปราการ ระหว่างเดือนพฤษภาคม–กรกฎาคม พ.ศ.2566 ขนาดกลุ่มตัวอย่างจ านวน 40 คน กลุ่มละ 20 คน13 โดยการ สุ่มอย่างง่าย ด้วยวิธีการจับฉลากมี 2 ใบ คือ เลขคู่ เป็นกลุ่มควบคุม และ เลขคี่ เป็นกลุ่มทดลอง ให้ตัวอย่าง เป็นผู้จับฉลากเอง เกณฑ์การคัดเข้า (Inclusion Criteria) คือ 1)อายุ 18 ปีขึ้นไป หากอายุน้อยกว่า 18 ปีต้อง ได้รับการยินยอมจากผู้มีอ านาจกระท าการแทนโดยลงนามในเอกสารแสดงความยินยอม 2)อายุครรภ์ตั้งแต่ 34 สัปดาห์ขึ้นไป 3)ไม่มีประสบการณ์ในการดูแลทารกแรกเกิดถึง 1 ปี 4)ไม่มีโรคประจ าตัวเรื้อรัง และไม่มี ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ 5)สามารถอ่าน เขียน และพูดภาษาไทยได้ 6)อยู่ร่วมกับบุตร 7)มีโทรศัพท์ ที่สามารถใช้ไลน์ได้เกณฑ์การคัดออก (Exclusion Criteria) คือ 1)มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด ได้แก่ ตกเลือด ขณะคลอดและหลังคลอด มีภาวะชักขณะคลอดและหลังคลอด 2)บุตรแรกคลอดป่วยและแยกกับมารดา บุตรมี ความพิการ 3)ขอถอนตัวจากการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล / สถิติที่ใช้: 1) วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ จ านวน ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) เปรียบเทียบความแตกต่างความรู้และการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและบุตรหลัง คลอด ภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด โดยใช้สถิติอนุมาน ได้แก่ independent sample t-test, Chi-Square 7. ผลการศึกษา : พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดเท่ากับ 13.65 และ 18.15 ตามล าดับ กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดสูงกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p=.000) กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและ 317


บุตรหลังคลอดเท่ากับ 51.55 และ 56.15 ตามล าดับ กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง และบุตรหลังคลอดสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p=.000) ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับ มารดา คือหัวนมแตก ถลอก เจ็บหัวนม ร้อยละ 55 และ 15 น้ าคาวปลามีสีแดงสดนานเกิน 2 สัปดาห์ ร้อยละ 15 ในกลุ่มควบคุม ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดกับบุตร คือ มีผื่น ตุ่มหนองตามร่างกาย ร้อยละ 35 ในกลุ่มควบคุม ในภาพรวมของความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (X=2.89) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจ จากมากไปหาน้อยตามล าดับ ดังนี้ภาพสื่อความหมายชัดเจน ผู้ที่ให้ความรู้ในสื่อมีความเหมาะสม คะแนน เท่ากัน (X =3.00) เนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อการน าไปใช้ กับความชัดเจนของภาพ คะแนนเท่ากัน (X =2.95) 8. อภิปรายผลการศึกษา : หลังการเตรียมความพร้อมมารดาครรภ์แรกที่มารับบริการฝากครรภ์และคลอดที่ โรงพยาบาลสมุทรปราการ มีความรู้และการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอดเพิ่มขึ้น อย่างมี นัยส าคัญทางสถิติ โดยมีกระบวนการเตรียมความพร้อม ดังนี้มีการสนทนากลุ่มพูดคุยสื่อสาร 2 ทาง การบรรยาย การจัดกิจกรรมกลุ่มย่อยแบ่งเป็นฐานฝึกทักษะ รวมทั้งการน าความรู้และการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและ บุตรหลังคลอดที่ผ่านกิจกรรมกลุ่ม ไปทบทวนที่บ้านก่อนการคลอดโดยการใช้สื่อแอพพลิเคชั่นไลน์ “แม่ลูก สุขภาพดี” มีการติดตามกระตุ้นเตือนทางโทรศัพท์ 1 ครั้ง ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของดวงดี ศรี สุขวันและคณะ 14 พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ และคณะ15 วรรษมน ปาพรม16 กิติยาพร สังฆศรีสมบัติและคณะ17 9. สรุปและข้อเสนอแนะ : 1)ความรู้และการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองและบุตร เรื่องน้ าคาวปลามีสีแดงสด นานเกิน 2 สัปดาห์ หัวนมแตก ถลอก เจ็บหัวนม พยาบาลหลังคลอดควรเน้นย้ าทั้งมารดาและครอบครัวเรื่อง การกินยาสมุนไพรขับน้ าคาวปลา รวมทั้งการสอน/ฝึกทักษะมารดาก่อนการจ าหน่ายกลับบ้านให้สามารถน า บุตรเข้าเต้าที่ถูกต้องก่อนจ าหน่าย 2)แอพพลิเคชั่นไลน์ “แม่ลูกสุขภาพดี” ควรน ามาใช้ในการเตรียมมารดาหลัง คลอดก่อนการจ าหน่ายกลับบ้าน เพื่อให้มารดาสามารถน าไปทบทวนเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้านได้3)การเตรียม ความพร้อมก่อนการจ าหน่ายผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นไลน์ สามารถขยายไปสู่การเตรียมจ าหน่ายในกลุ่มผู้ป่วยอื่นได้ 10. การน าผลงานไปใช้ประโยชน์ / อ้างอิง : 1)การเตรียมความพร้อมมารดาครรภ์แรกรูปแบบแอพพลิเคชั่น ไลน์ “แม่ลูกสุขภาพดี” ขยายในเครือข่ายจังหวัดสมุทรปราการ งานมาตรฐานอนามัยแม่และเด็ก 2)สนับสนุนให้ ความส าคัญกับโครงการการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะมารดาครรภ์แรกในการดูแลตนเองและบุตรตั้งแต่ในระยะ ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 เพื่อให้มารดาครรภ์แรกมีความพร้อมทั้งความรู้และทักษะในการดูแลตนเองและบุตรหลังคลอด อ้างอิง : 1. ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580. (2561) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม135 ตอนที่ 82ก 31 ตุลาคม 2561. 2. ส านักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2560).นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา อนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2562-พ.ศ.2569) ว่าด้วยการเกิดและเติบโตอย่างมี คุณภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. 3. ปฤษณพร ศิริจรรยา. (2560). ผลของโปรแกรมการให้สุขศึกษาต่อความรู้และการปฏิบัติตนในหญิงหลัง คลอดโรงพยาบาลชลบุรี. 4. Meleis AI. Transitions theory: middlerangeand situation-specific theories in nursing research and practice. New York: Springer; 2010. 318


5. วรัญญา ชลธารกัมปนาท, จันทิมา ขนบดี, และปรานี ป้องเรือ. (2561).ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้ สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและทาแรกเกิดของมารดาครรภ์แรก.วารสารวิชาการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพระปกเกล้า, 29(1), 29-41. 6. กมลวรรณ ลีนะธรรม,และธนิดา จุลย์วนิชพงษ์, (2557). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้และแรงสนับสนุน ทางสังคมต่อความเครียดของมารดาหลังคลอด.วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการเทคโนโลยีอีส เทิร์น, 11(1), 1-11. 7. Fahey & Shenassa, (2013). Understanding and Meeting the Needs of Women in the Postpartum Period: The Perinatal Maternal Health Promotion Model. Journal of Midwifery and Women’s Health 58(6) 8. ปรียกมล ไกรกิจราษฎร์ กรรณิการ์ กันธะรักษา เสาวนีย์ เหลี่ยมไตรรัตน์ และบุษกร จันทร์จร มานิตย์. (2563). ปัจจัย ท านายความพร้อมส าหรับการจ าหน่ายออกจากโรงพยาบาลของมารดาหลังคลอด. พยาบาลสาร, 47(1), 13-24. 9. พัชรา ประเสริฐวิทย์, (2561). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้อย่างมีแบบแผนในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อ ความรู้ การรับรู้ความสามารถและพฤติกรรมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด ในหอผู้ป่วยสูติ กรรมชั้น 2 โรงพยาบาลอุดรธานี. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี, 26(3), 185-198. 10. จุฑารัตน์ แซ่ล้อ,มาลี แซ่อุน, Malee Sacum. (2563). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความรู้ในมารดาครรภ์แรกที่ คลอดบุตรโดยการผ่าตัดทางหน้าท้องต่อความพร้อมก่อนการจ าหน่าย.(ออนไลน์).สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2566 11. Kaur.J.,& Kaur.K.(2014). Obstetric complication: Primiparity Vs. Multipartity. European Journal of Experimental Biology.2014; 2(5):1462-68. 12. Benjamin, S Bloom. (1986). ‘Learning for Mastery’. Evaluation Comment. Center for the study of instruction program. University of California at Los Angeles. Vol 2:47-62. 13. Cohen, J and Cohen, P. 1983. Applied multiple regression/Correlation. Analysis for the behavioral sciences. (2 nd ed.) New Jersy: Lawrence Erilbaum Associates. 14. ดวงดี ศรีสุขวัน วันทนา มาตเกตุ นฤวรรณ นิไชยโยค.(2563). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ต่อความรู้ และความสามารถในการปฏิบัติตนของมารดาหลังคลอดโรงพยาบาลกระทุ่มแบน.มหาราช นครศรีธรรมราชเวชสาร ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 มกราคม-มิถุนายน 2563 15. พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์,ทิพวิมลชมภูค า,ธเนศยืนสุข. (2562) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการกลับมารักษาซ้ าใน โรงพยาบาลของมารดาหลังคลอด. รายงานการวิจัย.คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 16. วรรษมน ปาพรม. (2561). ผลของโปรแกรมสนับสนุนและแอปพลิเคชันให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแล ของผู้ดูแลทารกแรกเกิดที่มีภาวะตัวเหลืองและได้รับการรักษาโดยการส่องไฟ.วารสารพยาบาลสงขลา นครินทร์, 38(3), 167-168. 17. กิติยาพร สังฆศรีสมบัติ ชรินทร์พร มะชะรา มนัสนันท์ พรมศรีและนิรันดร ผานิจ. (2565). การพัฒนา รูปแบบการให้ความรู้และให้ค าปรึกษาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิเซียสแอดเคานท์ส าหรับมารดาใน การดูแลทารกเกิดก่อนก าหนด. วารสารศูนย์อนามัยที่9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัย สิ่งแวดล้อม.ปีที่ 16 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2565). 319


นวัตกรรม: Grip stronger ผู้ประดิษฐ์และผู้น ำเสนอ โดย : นายชนวัฒน์ น้อยถนอม ต ำแหน่งนักกายภาพบ าบัดปฏิบัติการ โทรศัพท์: 0968209595 หน่วยงำน : งานกายภาพบ าบัด โรงพยาบาลวังน าเย็น 037251108 ต่อ1198 เริ่มด ำเนินกำรจัดท ำ : นวัตกรรม เดือน กุมภาพันธ์ 2566 และใช้จริง เดือน มีนาคม 2566 – ปัจจุบัน บทคัดย่อ จากการด าเนินงานกายภาพบ าบัดในการดูแลกลุ่มผู้ป่วย IMC ตั งแต่ปีพ.ศ. 2562 – จนถึงปัจจุบัน พบว่าร้อยละ 90 เป็น ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกจาก Stroke และ Traumatic Brain Injury ซึ่งโดยปกตินักกายภาพบ าบัดส่วนมากจะฝึกผู้ป่วยในเรื่องของ Gross motor function เป็นหลัก ท าให้ผู้ป่วยขาดการฝึกการเคลื่อนไหวของมือ และเนื่องด้วยโรงพยาบาลวังน าเย็นไม่มีนัก กิจกรรมบ าบัดที่มีความส าคัญในการฝึกการเคลื่อนไหวของมือร่วมไปถึง ไม่มีอุปกรณ์เฉพาะที่ได้มาตรฐานในการฝึกมือส่งผลให้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีก าลังกล้ามเนื อที่อ่อนแรง หรือสูญเสียการเคลื่อนไหวของมือ จึงเป็นที่มาของการจัดท านวัตกรรม Grip stronger โดยประยุกต์จาก Hand grip spring เพื่อเป็น อุปกรณ์ในการฝึกการเคลื่อนไหวโดยมุ่งเน้นที่การก ามือ ในกลุ่มผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก หรือบาดเจ็บที่เส้นประสาทที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของมือ ทั งนี ก่อนการจัดท า นวัตกรรมได้มีการทบทวน เนื อหาวิชาการ Anatomy , เกรด muscle power , เกรด Functional mobility และ เกณฑ์มาตรฐานของการก ามือ กรมพละศึกษา ปี 2562 กำรเตรียมอุปกรณ์แรกเริ่ม ใช้ ก าลังกล้ามเนื อเกรด 1-2 ใช้ ยางวงเส้นเล็ก 2-4 เส้น ก ามือ 10 ครั งต่อเซต ท า 5-10 เซตก าลัง กล้ามเนื อเกรด 3-5เปลี่ยนเป็นยางเส้นใหญ่ขึ น หรือจ านวนยางเพิ่มขึ นตามเหมาะสม เพิ่มจ านวนครั ง 15-20 ครั ง หรือจ านวนเซต 10-20 เซต ตามความสามารถก าลังกล้ามเนื อของผู้ป่วย หากคนไข้มี Flexion spasticity (ภาวะเกร็งงอ) จะไม่ให้เน้นฝึกก ามือ กำรน ำนวัตกรรม Grip stronger มำใช้จริง (ฝีกอย่างน้อย สัปดาห์ละ 4 วัน/วันละ 2 รอบ) 1. ไม่ควรเร่งจังหวะก ามือ ให้ก ามือค้าง 3-5 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื อเกิดการท างานแบบคงค้าง 2. ท าสลับอย่างไวเพื่อกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื อ ให้หลากหลาย Isometric Contraction , Isotonic Contraction , Isokinetic Contraction 3. ขณะฝึกหากมีอาการ Fatigue (ล้าหรือสั่น) ให้หยุดพัก1-2นาที เพื่อป้องกัน Fatigue หรือสั่นมากควรหยุดฝึกทันที ประโยชน์ใช้สอยของนวัตกรรม ผู้ป่วยที่มีก าลังกล้ามเนื อในการก ามือเกรด 1-2 มีอุปกรณ์ฝึกก ามือที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพราะอุปกรณ์ใน ท้องตลาดเหมาะที่ใช้ฝึกคนทั่วไปและนักกีฬา ช่วยเพิ่มโอกาสทางการเคลื่อนไหวของมือ ลดภาวะเครียด ลดโอกาสความพิการ นักกำยภำพบ ำบัด ได้อุปกรณ์ที่ฝึกการก ามือ ที่สามารปรับแรงต้านของยางยืดได้ท าให้การฝึกมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ น องค์กร: งำนกำยภำพบ ำบัด ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื ออุปกรณ์ ของโรงพยำบำลวังน ำเย็น ชุมชนหรือประโยชน์ทำงอ้อมอื่นๆ 1. ผู้ป่วยได้รับนวัตกรรมน าไปใช้ที่บ้านช่วยฝึกก ามือได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อคนไข้เคลื่อนไหวมือได้เป็นการช่วยลดภาระใน การดูแลของคนในครอบครัว เพิ่มโอกาสทางการเคลื่อนไหว ลดภาวะความพิการ 2. ขยายผลน าไปใช้ กับคนทั่วไปหรือนักกีฬา ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก ามือ 3. จากก าฝึกพบว่า Grip strong ยังสามารถปรับเพื่อใช้ในการฝึกเหยียดนิ ว (แบบมือ) โดยค่อยๆฝึกแบบมือ กล้ามเนื อจะ หดตัวเป็นแบบ Concentric Contraction ของ Wrist Extensor (กล้ ามเนื อแบบมือขณะหดสั นเข้า) และ Eccentric Contraction ของ Wrist Flexor (กล้ามเนื อก ามือยืดเหยียดออก) ข้อดีของนวัตกรรม Grip Stronger มีน าหนักเบาขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกท าให้ใช้ฝึกได้ทุกที่ ท าเองได้ง่าย ราคาถูก ข้อเสีย หรือสิ่งที่ควรปรับปรุงของนวัตกรรม Grip Stronger ไม่มีอุปกรณ์วัดค่าแรงต้านของยางยืด ที่เป็นมาตรฐาน ขณะฝึกก า ท่าเริ่มต้นจะอยู่ในท่ากึ่งก ามือใน(PIP joint และ MIP joint. งออยู่ก่อนแล้ว) ท าให้ฝึกได้ไม่เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ผลกำรด ำเนินงำน แผนในอนำคต/กำรขยำยผล/กำรหำผลประโยชน์จำกนวัตกรรม จัดท าชิ นงานนวัตกรรมทั งสิ น20ชิ น ใช้กระตุ้นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกทุกราย (>30 คน) และใช้ในผู้ป่วยเส้นประสาทบาดเจ็บ 5 คน ใช้ในบุคคลทั่วไป นักกีฬา 2 คน ยังไม่มีการจดสิทธิบัตร มีการจ าหน่ายชิ นงาน4 ชิ น ชิ นละ 60 บาท ผู้ดูแลผู้ป่วยเองกล่าวชื่นชมต่อผลงาน นวัตกรรม Grip Stronger ในแง่ของเป็นอุปกรณ์ที่ใส่ใจต่อการฝึกการเคลื่อนไหวมือ ช่วยเพิ่มก าลังใจของผู้ป่วย และของผู้ดูแลเอง 320


1. ชื่อนวัตกรรม: Grip stronger 2. เจ้าของความคิด ผู้ประดิษฐ์นวัตกรรม และผู้น าเสนอ: นายชนวัฒน์ น้อยถนอม ต าแหน่ง นักกายภาพบ าบัดปฏิบัติการ เบอร์โทรศัพท์: 0968209595 หน่วยงาน: งานกายภาพบ าบัด กลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลวังน าเย็น 3. ความส าคัญของปัญหา จากการด าเนินงานตามนโยบายด้าน Service excellence ของโรงพยาบาลและตาม Service plan ของจังหวัด เขตบริการ และประเทศ ในการดูแลกลุ่มผู้ป่วย intermediate care (IMC: Stroke, Traumatic Brain Injury, Spinal cord injury, Hip fracture >50 ปีขึ นไป) ตั งแต่ปี พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน พบว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกจาก Stroke และ Traumatic Brain Injury มีปัญหาทางด้านการเคลื่อนไหว ซึ่งโดยปกติ นักกายภาพบ าบัดจะฝึกผู้ป่วยในเรื่องของ Gross motor function เป็นหลัก ท าให้ผู้ป่วยขาดการฝึกการเคลื่อนไหวของมือ และเนื่องด้วยโรงพยาบาลวังน าเย็นยังไม่มีนักกิจกรรมบ าบัดที่มี ความส าคัญในการฝึกการเคลื่อนไหวของมือร่วมไปถึง อุปกรณ์อื่นๆในท้องตลาดไม่มีความเหมาะสมในการฝึกเนื่องจากมีแรงต้าน ที่มากเกินไป ไม่มีความเหมาะสมในการฝึก ซึ่งในการฝึกในคลินิกกายภาพบ าบัดโรงพยาบาลวังน าเย็นจะใช้ใช้บอล และ Digital hand grip พบว่าผู้ป่วยมีพัฒนาการที่น้อย เนื่องจากไม่มีการเพิ่มแรงต้าน ในการฝึก ส่งผลให้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่สามารถกลับมาใช้ งานมือข้างที่อ่อนแรงได้หรืออาจกลับมาใช้ได้แบบไม่ปกติ คงไว้ซึ่งความพิการจากปัญหาดังกล่าว จึงได้คิดริเริ่มจัดท านวัตกรรม Grip stronger นี ขึ น 4. วัตถุประสงค์เพื่อ ใช้ฝึกการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื อมือ โดยมุ่งเน้นที่การก ามือ ในกลุ่มผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก หรือบาดเจ็บที่ เส้นประสาทที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของมือ โดยประยุกต์มาจาก Hand grip spring Hand grip spring นวัตกรรม Grip stronger 5. ศึกษา ทบทวนวิชาการ เพื่อจัดท านวัตกรรมและการน าไปใช้จริง ทบทวนการหดตัวของกล้ามเนื้อ (Muscle Contraction) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทบทวนนิยาม การแบ่งเกรด muscle power. เกรด 0 ไม่มีการเคลื่อนไหว,กล้ามเนื อไม่หดตัว เกรด 3 สามารถยกต้านแรงโน้มถ่วงได้แต่ต้านแรงผู้ตรวจไม่ได้ เกรด 1 กล้ามเนื อมีการหดรัดตัวแต่ไม่มีการเคลื่อนไหว เกรด 4 ยกต้านแรงต้านแรงผู้ตรวจได้พอควร เกรด 2 เคลื่อนไหวได้ในแนวราบแต่ต้านแรงโน้มถ่วงไม่ได้ เกรด 5 มีก าลังปกติ สามารถต้านแรงผู้ตรวจได้ ทบทวนนิยาม การแบ่งเกรด Functional mobility. เกรด Poor ไม่สามารเคลื่อนไหวได้ ต้องพึ่งคนอื่นช่วยออกแรง 100% เกรด Fair เคลื่อนไหวเองได้เล็กน้อย ยังต้องพึ่งคนอื่นช่วยเหลือพอสมควร เกรด Good เคลื่อนไหวเองได้แต่ยังไม่สมบูรณ์(อาจยังต้องมีคนช่วยบอกเล็กน้อย) เกรด Normal เคลื่อนไหวเองได้ปกติ 1. Isometric Contraction เคลื่อนไหวแบบเกร็งกล้ามเนื ออยู่กับที่ไม่มีการเคลื่อนไหว โดยการเกร็งกล้ามเนื อ มัดใดมัดหนึ่ง จนมีการเกร็งตัว (Tension) แล้วคลายออก เช่น การดันก าแพง เป็นต้น 2. Isotonic Contraction กล้ามเนื อมีการเคลื่อนไหว หดตัวสั นเข้าและคลายออก แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ Concentric Contraction (กล้ามเนื อขณะหดสั นเข้า) และ Eccentric Contraction(กล้ามเนื อขณะยืดเหยียด ออก) เช่น การยกและวางสิ่งของ การลุกนั่ง เป็นต้น การเคลื่อนไหวประเภทนี สามารถสร้าง ความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื อมัดนั นๆ โดยตรง ท าให้กล้ามเนื อมีขนาดที่ใหญ่ขึ น 3. Isokinetic Contraction กล้ามเนื อมีการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วคงที่สม่ าเสมอ 321


ทบทวน Hand /Forearm Anatomy และภาวะโรคที่มีผลต่อการก ามือ ทบทวนเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย การวัดแรงบีบมือ (Hand grip strength) (ส ำนักวิทยำศำสตร์กำร กีฬำ กรมพละศึกษำ กระทรวงกำรท่องเที่ยวและกีฬำ ปี พ.ศ. 2562) 6. รายละเอียด ความคิด หรือผลงานนวัตกรรม วัสดุจัดท านวัตกรรม Grip stronger ประกอบด้วย 1. ไม้ 3 ท่อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5-2 cm ยาว 15 cm 2. ไม้ 2 ท่อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5-2 cm ยาว 5 cm. 3. เหล็กเส้น 2 เส้น ขนาด 3 mm. ยาว 15 cm 4. หนังยาง (ประเมินตามความสามารถของคนไข้) หมายเหตุแทนล าดับตัวเลข ประกอบเป็นชิ นงานนวัตกรรมดังภาพ ทั งนี ตัวชิ นงานนวัตกรรม Grip stronger อาจมีการปรับ ขนาดให้เหมาะสมกับผู้ใช้ ทบทวน วิเคราะห์อุปกรณ์ที่ใช้ฝึกก ามือ ในท้องตลาด อุปกรณ์ฝึก ข้อดี ข้อเสีย ราคา/บาท Ball, Donald hand exercise. 1. หาได้ง่าย 2. ราคาถูก 3 มีหลายราคาให้เลือกซื อ 4. มีแรงช่วยเหยียดนิ วมือจากตัวยาง 1.ปรับแรงต้านไม่ได้ 2. ผู้ป่วยที่อ่อนแรงมากๆ มักหลุดมือง่าย ถ้าไม่มีสายคล้องนิ ว 3. Donald hand exercise. มีแรงต้านมาก เกินไป ไม่เหมาะกับผู้ป่วยก าลังกล้ามเนื อ เกรด 1-3 Ball 20-300 Donald 150-500 Hand grip spring (ปรับแรงต้านไม่ได้) 1. หาได้ง่าย 2. ราคากลางๆ 3. มีหลายแรงต้านให้เลือกซื อ 4. มีแรงช่วยเหยียดนิ วมือจากสปริง 1.ปรับแรงต้านไม่ได้ 2. แรงต้านที่น้อยที่สุด ก็มีแรงต้านมาก เกินไปไม่เหมาะกับผู้ป่วยก าลังกล้ามเนื อใน การก ามือเกรด 1-3 200-1200 Hand grip spring (ปรับแรงต้านได้) 1. ปรับแรงต้านได้ 2. มีแรงช่วยเหยียดนิ วมือจากสปริง 3. บอกแรงต้าน 1. มีแรงต้านมากเกินไปไม่เหมาะกับผู้ป่วย ก าลังกล้ามเนื อในการก ามือเกรด 1-3 2. ราคาแพง 3. หาได้ยาก 1500-3000 Hand grip spring (แบบระบบคาน) 1. หาได้ง่าย 2. มั่นคงที่สุด 3. มีแรงช่วยเหยียดนิ วมือจากสปริง 1.ปรับแรงต้านไม่ได้ 2. มีแรงต้านมากเกินไปไม่เหมาะกับผู้ป่วย ก าลังกล้ามเนื อในการก ามือเกรด 1-3 3. ราคาแพง 1000-2500 Digital hand grip. 1. หาได้ง่าย 2. แข็งแรงทนทาน 3. ปรับระยะการก ามือได้ 1.ปรับแรงต้านไม่ได้ 2. มีแรงต้านมากเกินไปไม่เหมาะกับผู้ป่วย ก าลังกล้ามเนื อในการก ามือเกรด 1-3 3. ราคาแพง 1000-25000 นวัตกรรม grip stronger. 1. ราคาถูก ท าได้ง่าย 2. ปรับแรงต้านให้มีความเหมาะสมกับผู้ป่วยได้ง่าย 3. เหมาะกับผู้มีก าลังกล้ามเนื อที่ใช้ในการก ามือเกรด 1- 3และ 4-5 4. ขนาดเล็ก เบา พกพาได้ง่ายฝึกได้ทุกที่ 5. มีแรงช่วยเหยียดนิ วจากยางยืด 1. หนีบนิ วเจ็บได้ขณะฝึกหากวางต าแหน่ง มือไม่ดี น้อยกว่า 50 322


7. การน ามาใช้งานจริง ฝีกอย่างน้อย สัปดาห์ละ 4 วัน 1. ไม่ควรเร่งจังหวะก ามือ ให้ก ามือค้าง 3-5 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื อเกิดการท างานแบบคงค้าง 2. ท าสลับอย่างไวเพื่อกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื อ ให้หลากหลาย Isometric Contraction , Isotonic Contraction , Isokinetic Contraction 3. ขณะฝึกหากมีอาการ Fatigue (ล้าหรือสั่น) ให้หยุดพัก1-2นาที เพื่อป้องกัน Fatigue หรือสั่นมากควรหยุดฝึกทันที การฝึก ด้วยนวัตกรรม จ านวนครั้งที่ฝึกก า ยางที่ใช้ ก าลังกล้ามเนื อเกรด 1-2 10 ครั งต่อเซต 5-10 เซต ยางวงเส้นเล็ก 2-4 เส้น ก าลังกล้ามเนื อเกรด 3-5 เพิ่มจ านวนครั ง 15-20 ครั ง หรือจ านวนเซต 10-20 เซต ตามความสามารถก าลังกล้ามเนื อของผู้ป่วย เปลี่ยนเป็นยางเส้นใหญ่ หรือจ านวนยาง เพิ่มขึ นตามเหมาะสม 8. ข้อมูลตัวอย่างหลังฝึกด้วยนวัตกรรม Grip stronger วัดด้วย Digital hand grip 1. นางสุภาพร บูชากุล : DX Ischemic stroke with Lf. Hemiplegia 5 เดือน อายุ55 ปี น าหนักตัว 52 กิโลกรัม วัดแรงก ามือ/Kg. ขวา ซ้าย Muscle power wrist flexor. Hand Functional เกณฑ์มาตรฐานแรงบีบมือ ก่อนฝึก 25 0 0 Poor ต่ ามาก หลังฝึก 1 เดือน 26.4 0 1 Poor ต่ ามาก หลังฝึก 2 เดือน 28.2 6.1 4 Fair ต่ ามาก หลังฝึก 3 เดือน 28.6 8.7 4 Good ต่ ามาก ในการฝึกก ามือพบว่าก าลังกล้ามเนื อเกรด 1-3 จะไม่สามรถก า Digital hand grip ได้เลย และพบว่า อุปกรณ์อื่นๆ ในท้องตลาดไม่มีความเหมาะสมในการฝึกเนื่องจากมีแรงต้านที่มาก เหมาะส าหรับคนที่มีก าลังกล้ามเนื อปกติ ยกเว้น บอล ฟองน า แต่บอลไม่สามารถปรับแรงต้านได้ คนไข้จึงไม่ค่อยมีพัฒนาการ จึงกล่าวได้ว่า นวัตกรรม grip strong มีความ เหมาะสมเป็นอย่างมากในการฝึกก ามือเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทั งนี ยังขยายผลใช้งานกับคนทั่วไปหรือนักกีฬา 9. ข้อเสนอแนะ นวัตกรรม Grip Stronger ไม่มีอุปกรณ์วัดค่าแรงต้านของยางยืด ที่เป็นมาตรฐาน และการฝึกก ามือ จะ อยู่ในท่ากึ่งก ามือ (PIP joint และ MIP joint. งออยู่ก่อนแล้ว) ท าให้ฝึกได้ไม่เต็มช่วงการเคลื่อนไหว อาจพัฒนาเป็นระบบคาน 10. ประโยชน์ใช้สอยของนวัตกรรม ผู้ป่วยที่มีก าลังกล้ามเนื อในการก ามือเกรด 1-2 มีอุปกรณ์ฝึกก ามือที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพราะอุปกรณ์ใน ท้องตลาดเหมาะใช้ฝึกคนทั่วไปและนักกีฬา ช่วยเพิ่มโอกาสทางการเคลื่อนไหวของมือ ลดโอกาสความพิการ นักกายภาพบ าบัด ได้อุปกรณ์ฝึกก ามือที่สามารปรับแรงต้านได้ ท าให้การฝึกมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ น องค์กร: งานกายภาพบ าบัด ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื ออุปกรณ์ ของโรงพยาบาลวังน าเย็น ชุมชนหรือประโยชน์ทางอ้อมอื่นๆ 1. ผู้ป่วยได้รับนวัตกรรมน าไปใช้ที่บ้านช่วยฝึกได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสทางการเคลื่อนไหว ช่วยลดภาวะความ พิการ ลดภาระในการดูแลของคนในครอบครัว 2. จากการใช้งาน นวัตกรรม Grip stronger พบว่ายังสามารถปรับใช้เพื่อการฝึกเหยียดนิ ว (แบบมือ) โดยค่อยๆฝึก แบมือ กล้ามเนื อจะหดตัวเป็นแบบ Concentric Contraction ของ Wrist Extensor (กล้ามเนื อแบบมือขณะหดสั นเข้า) และ Eccentric Contraction ของ Wrist Flexor (กล้ามเนื อก ามือยืดเหยียดออก) 11. ผลการด าเนินงาน แผนในอนาคต/การขยายผล/การหาผลประโยชน์จากนวัตกรรม จัดท านวัตกรรมทั งสิ น20ชิ น ใช้ฝึกผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกทุกรายที่มารับบริการคลินิกกายภาพบ าบัด (>30คน) และใช้ ในผู้ป่วยเส้นประสาทบาดเจ็บ 5 คนใช้ในบุคคลทั่วไปนักกีฬา2 คน ยังไม่มีการจดสิทธิบัตร มีการจ าหน่ายชิ นงาน4 ชิ น ชิ นละ 60 บาท ผู้ดูแลผู้ป่วยเองกล่าวชื่นชมต่อผลงาน นวัตกรรม Grip Stronger ในแง่ของเป็นอุปกรณ์ที่ใส่ใจต่อการฝึกการ เคลื่อนไหวมือ ช่วยเพิ่มก าลังใจของผู้ป่วย และของผู้ดูแลเอง 323


324


บรรณานุกรม


ประวัติวิทยากรบรรยาย


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายโสภณ เมฆธน ตําแหน่ง กรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ระดับ - หน่วยงาน - จังหวัด นนทบุรี โทรศัพท์ - โทรสาร - มือถือ 08 1925 0612 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต วุฒิบัตรผู้มีความช านาญ สาขาตจวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2523 สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2538 ระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 2545 ประวัติการท างาน - พ.ศ. 2524 นายแพทย์ 4 โรงพยาบาลบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี - พ.ศ. 2539 นายแพทย์ 9 วช. (เวชกรรมปูองกัน) จังหวัดกาญจนบุรี - พ.ศ. 2540 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง - พ.ศ. 2543 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี - พ.ศ. 2547 รองอธิบดีกรมอนามัย - พ.ศ. 2552 ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข - พ.ศ. 2554 รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข - พ.ศ. 2556 อธิบดีกรมควบคุมโรค - พ.ศ. 2558 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข - พ.ศ. 2560 คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข - พ.ศ. 2560 ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม - พ.ศ. 2563 ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจ ากระทรวงสาธารณสุข ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ 1. ร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้มีบริการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ และดวงตา ในกระทรวงสาธารณสุข ท าให้มี การบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ และดวงตา เพิ่มมากขึ้น 2. ริเริ่มจัดตั้งคลินิกหมอครอบครัว เพื่อให้คนไทยทุกครอบครัวมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เป็นหมอประจ าตัว เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนและลดความเลื่อมล้ าในงานการแพทย์และสาธารณสุข 3. ร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน Emergency Operation Center (EOC) ในกรม ควบคุมโรค และขยายครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อช่วยควบคุมปูองกันโรคติดต่อและภัยสุขภาพอื่นๆ เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเภทนักบริหารด้านสาธารณสุข ระดับชาติและนานาชาติดีเด่น งานอายุรศาสตร์ จุฬา 65 ปี แห่งความภูมิใจ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2557


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา ตําแหน่ง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระดับ - หน่วยงาน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จังหวัด กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ - โทรสาร - มือถือ 08 5483 1669 E -mail - ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ.2537 - แพทย์เวชศาสตร์การบิน กองทัพอากาศ พ.ศ. 2538 อนุมัติบัตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวช ศาสตร์ครอบครัว แพทยสภา พ.ศ. 2545 อนุมัติบัตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวช ศาสตร์ปูองกัน แขนงเวช ศาสตร์การจราจร แพทยสภา พ.ศ.2562 ประวัติการทํางาน - แพทย์ใช้ทุนรัฐบาลในกองทัพอากาศ และ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช - หัวหน้าแพทย์เวร โรงพยาบาลแพทย์รังสิต จ.ปทุมธานี - แพทย์ฉุกเฉิน แพทย์เวชศาสตร์การบิน โรงพยาบาลกรุงเทพ - หัวหน้าแพทย์ คลินิกสมิติเวช สนามบินสุวรรณภูมิ - ผู้อ านวยการส านักจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ - ผู้อ านวยการศูนย์ล าเลียงผู้ปุวยทางอากาศกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพส านักงานใหญ่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวช การจ ากัด มหาชน - Chief Medical Officer, Samitivej Airport Medical Center - เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ประสบการณ์ด้านวิชาชีพ - แพทย์ฉุกเฉินดูแลผู้ปุวยฉุกเฉิน ( Emergency Medical Services and Ground Interfacility transfer) มากกว่า 1,000 ราย - แพทย์เวชศาสตร์การบินดูแลนักบินและผู้ท าการในอากาศ กองทัพอากาศและศูนย์เวชศาสตร์การบินพลเรือน ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ - แพทย์เวชศาสตร์การบินล าเลียงผู้ปุวยทางอากาศทั้งในและต่างประเทศ มากกว่า 200 ราย ให้กับศูนย์ การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ - โรงพยาบาลสมิติเวช บริษัท International SOS บริษัท FOX FLIGHT บริษัท AXA บริษัท Siam land flying และอีกหลายบริษัท


ผลงานเด่นด้านการแพทย์ฉุกเฉิน - จัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางบก ทางน้ า (Thai Marine EMS System) และทางอากาศ ( Thai Sky Doctor system) - บริหารจัดการระบบการเคลื่อนย้ายผู้ปุวยทางบก ทางน้ าและอากาศมากกว่า 1.7 ล้านรายต่อปี - พัฒนาและจัดระบบงานด้านการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน ในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน - ผลักดันให้นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (นฉพ.) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรค ศิลปะ - พัฒนานโยบายเจ็บปุวยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิ์ทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) - พัฒนาระบบการช่วยเหลือฉุกเฉินในกรณีเกิดเจ็บปุวยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร - เป็นอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพฯ และคณะอนุกรรมการการศึกษาเสนอแนะแนว ทางการพัฒนาการกู้ชีพฉุกเฉิน วุฒิสภา - เป็นผู้ช่วยด าเนินงานคนที่ 1 ประจ าสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ผลงานเด่นทางวิชาการและงานวิจัย - Disaster medicine in Thailand: a current update. Are we prepared? J Med Assoc Thai. 2012 Jan;95 Suppl 1:S42-50. - Hospital Evacuation: Learning from the Past? Flooding of Bangkok 2011. British Journal of Medicine and Medical Research 4 - Original Assembly Model for Thailand’s Aeromedical Service in Asian Conference of Emergency - The outcome of emergency patient transported by public air ambulance service in Thailand รางวัลเกียรติยศ - ได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่นแห่งปี CEO of The Year Awards 2015 จาก ฯพณฯ นายอ าพล เสนาณรงค์ องคมนตรี พ.ศ. 2558 - ได้รับรางวัลนิสิตเก่าดีเด่น วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ได้รับรางวัลผู้บริหารกองทุนหมุนเวียนดีเด่น (กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน) จากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายอภิชาติรอดสม ตําแหน่ง รองเลขาธิการ ส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระดับ - หน่วยงาน ส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จังหวัด กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 02 1414000 โทรสาร - มือถือ 08 1998 8620 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ - ระดับปริญญาโท เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช - อนุมัติบัตร เวชศาสตร์ปูองกัน - - อนุมัติบัตร เวชศาสตร์ครอบครัว - - ประวัติการฝึกอบรม - หลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) กระทรวงสาธารณสุข วิทยาลัย - หลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) : ผู้น าที่มีวิสัยทัศน์ของส านักงาน ก.พ. - รับทุนฝึกอบรมเพิ่มเติมด้าน Leadership Development ณ ประเทศญี่ปุุน ของส านักงาน ก.พ. - หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาล ส าหรับผู้บริหารทางการแพทย์ สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ราชการเฉลิม พระเกียรติ 80 พรรษา - หลักสูตรวิทยาลัยปูองกันราชอาณาจักรฯ รุ่นที่ 61 ประวัติการท างาน - พ.ศ. 2533 - 2534 นายแพทย์ 4 โรงพยาบาลนาน้อย และโรงพยาบาลนาหมื่น จังหวัดน่าน - พ.ศ. 2534 – 2536 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลบ้านหลวง จังหวัดน่าน - พ.ศ. 2536 – 2544 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน - พ.ศ. 2544 – 2546 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบัว จังหวัดน่าน - พ.ศ. 2546 – 2550 นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมปูองกัน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน - พ.ศ. 2550 – 2555 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา (นายแพทย์ 9) - พ.ศ. 2555 – 30 กันยายน 2556 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี - 1 ตุลาคม 2556 – 27 สิงหาคม 2558 ผู้อ านวยการสถาบันพระบรมราชชนก - 28 สิงหาคม 2558 – 31 พฤษภาคม 2564 สาธารณสุขนิเทศ (ผู้ทรงคุณวุฒิ) - 31 พฤษภาคม 2564 – ปัจจุบัน รองเลขาธิการ ส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - ข้าราชการพลเรือนดีเด่น จังหวัดกาญจนบุรี ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คําขวัญในการทํางาน (Motto) “คนส าราญ งานส าเร็จ” “รัก รับใช้ ให้อภัย”


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายอภิรัต กตัญญุตานนท์ ตําแหน่ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ระดับ อ านวยการระดับสูง หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี จังหวัด ชลบุรี โทรศัพท์ 038 932450 โทรสาร 038 278745 มือถือ 08 9799 6772 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปีพ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2530 ระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2559 ประวัติการทํางาน - 1 เมษายน 2530 – 31 ธันวาคม 2532 ต าแหน่งนายแพทย์ 4 ประจ าโรงพยาบาลเมยวดี ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด - 1 มกราคม 2533 – 10 ธันวาคม 2551 ต าแหน่งนายแพทย์ 5 ประจ าโรงพยาบาลบางปะกง ส านักงานสาธารณสุขหวัดฉะเชิงเทรา - 11 ธันวาคม 2551 – 31 มีนาคม 2552 ต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการพิเศษ ผู้อ านวยการ โรงพยาบาลบางปะกง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา - 1 เมษายน 2552 – 1 ตุลาคม 2560 ต าแหน่งนายแพทย์ (ด้านเวชกรรมปูองกัน) ระดับเชี่ยวชาญ โรงพยาบาลบางปะกง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา - 2 ตุลาคม 2560 – 4 ตุลาคม 2561 ต าแหน่งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว - 5 ตุลาคม 2561 – ปัจจุบัน ต าแหน่งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - ข้าราชการพลเรือนดีเด่น พ.ศ. 2541 - ผู้น าการเปลี่ยนแปลงต้นแบบด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2558 กรมอนามัย


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายอภิรักษ์ พิศุทธ์อาภรณ์ ตําแหน่ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ระดับ ผู้อ านวยการระดับสูง หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี จังหวัด จันทบุรี โทรศัพท์ 039 311166 ต่อ 202 โทรสาร - มือถือ 06 2429 7000 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช - ระดับปริญญาโท สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล - ประวัติการท างาน - พ.ศ. 2534 รับราชการ นายแพทย์ ที่ โรงพยาบาลสอยดาว - พ.ศ. 2548 ผู้อ านวยการ โรงพยาบาลมะขาม - พ.ศ. 2558 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว - พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายกสิวัฒน์ ศรีประดิษฐ์ ตําแหน่ง นายแพทย์ ระดับ เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมปูองกัน) หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัด ฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 038 511189 โทรสาร 038 512400 มือถือ 08 1862 8589 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทย์ศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2536 ระดับปริญญาโท สาธารณสุขศาสตร์ (ส.ม.) มหาวิทยาลัยมหิดล 2554 ประวัติการทํางาน - พ.ศ. 2536 แพทย์ประจ าโรงพยาบาลแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา - พ.ศ. 2537 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา - พ.ศ. 2539 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา - พ.ศ. 2561-ปัจจุบัน นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมปูองกัน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - อาจารย์พิเศษ นิสิตปริญญาโท และหลักสูตรพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี - อาจารย์พิเศษ (ภาคสนาม) นักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดฉะเชิงเทรา - อาจารย์พิเศษ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี - อาจารย์พิเศษ คณะสาธารณสุขศาสตร์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินทร จังหวัดชลบุรี - ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์นิสิตปริญญาโท คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี - หัวหน้าทีมผู้ตรวจประเมินคุณภาพบริการ (Audit Team Leader) ตามมาตรฐานบริการสาธารณสุข - วิทยากร หลักสูตรพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีกรมควบคุมโรค เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - พ.ศ. 2543 รับรางวัลบุคคลดีเด่นสาขาการแพทย์ การดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี - พ.ศ. 2551 ตัวแทนผู้อ านวยการโรงพยาบาลชุมชน ศึกษาดูงานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ - พ.ศ. 2552 กรรมการวางแผนนโยบายบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย - พ.ศ. 2559 เป็นตัวแทนสถานบริการระดับโรงพยาบาลชุมชน พ.ศ. 2566 รับรางวัลบุคคลดีเด่นสาขาแพทย์ ส านักงานเขตตรวจราชการสาธารณสุขที่ 6


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายธนะวัฒน์ วงศ์ผัน ตําแหน่ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด ระดับ สูง หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด จังหวัด ตราด โทรศัพท์ 039 511011 โทรสาร - มือถือ - E -mail - ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทย์ศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2547 ระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2552 อนุมัติบัตร สาขาเวชศาสตร์ปูองกัน แขนงสาธารณสุข แพทยสภา 2553 อนุมัติบัตร สาขาเวชศาสตร์ปูองกัน แขนงระบาดวิทยา แพทยสภา 2562 ประวัติการทํางาน - ปีพ.ศ. 2547 ต าแหน่งนายแพทย์ 4 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2548 ต าแหน่งนายแพทย์ 4 โรงพยาบาลเขาค้อ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ - ปีพ.ศ. 2549 ต าแหน่งนายแพทย์ 5 โรงพยาบาลเขาค้อ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ - ปีพ.ศ. 2551 ต าแหน่งนายแพทย์ 6 โรงพยาบาลเขาค้อ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ - ปีพ.ศ. 2551 ต าแหน่งนายแพทย์ 6 โรงพยาบาล บ้านหมอ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2551 ต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการ โรงพยาบาลบ้านหมอ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2555 ต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการพิเศษ โรงพยาบาลบ้านหมอ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระบุรี - ปีพ.ศ. 2561 ปฏิบัติราชการนายแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมปูองกัน) ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2561 ต าแหน่งผู้อ านวยการโรงพยาบาล(นายแพทย์เชี่ยวชาญ) โรงพยาบาลบ้านหมอ ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2564 ปฏิบัติราชการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ ส านักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข - ปีพ.ศ. 2564 ต าแหน่งผู้อ านวยการโรงพยาบาล (นายแพทย์เชี่ยวชาญ) โรงพยาบาลหนองแค ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี - ปีพ.ศ. 2565 รักษาราชการแทน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ผู้อ านวยการเฉพาะด้าน(แพทย์)) ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง - ปีพ.ศ. 2565 ต าแหน่ง นายแพทย์สาธารณสุข (ผู้อ านวยการเฉพาะด้าน(แพทย์)) ส านักงานสาธารณสุข จังหวัดอุตรดิตถ์ (รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง) - ปีพ.ศ. 2565 ต าแหน่งนายแพทย์สาธารณสุข (ผู้อ านวยการเฉพาะด้าน(แพทย์) ส านักงานสาธารณสุข จังหวัดตราด


การอบรม/ดูงาน - ปีพ.ศ. 2551 หลักสูตรวิชาโรคผิวหนังหลักสูตร 1 เดือน รุ่นที่ 37 ประเทศไทย - ปีพ.ศ. 2553 ประชุมวิชาการ AsiaFluCap ประเทศไต้หวัน - ปีพ.ศ. 2554 ศึกษาดูงานโครงการ JENESYS Programme (Japan-East Asia Network of Exchange for Students and Youths) ประเทศญี่ปุุน - ปีพ.ศ. 2561 หลักสูตรระบาดวิทยาและการบริหารจัดการ ส าหรับผู้บริหารระดับจังหวัด ปีงบประมาณ 2561 ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย - ปีพ.ศ. 2562 หลักสูตรหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อเพื่อสอบสวนโรคติดต่ออันตรายตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ปีงบประมาณ 2562 (รุ่นที่ 1) กรมควบคุมโรคติดต่อ ประเทศไทย - ปีพ.ศ. 2562 หลักสูตรระบาดวิทยาและการบริหารจัดการทีม ส าหรับแพทย์ หัวหน้าทีมและผู้สอบสวนหลัก ประจ าปี 2562 ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย - ปีพ.ศ. 2562 Improving the quality of health services สถาบัน HARVARD T.H. CHAN ประเทศ สหรัฐอเมริกา - ปีพ.ศ. 2566 อบรมหลักสูตร Stanford Executive Program สถาบัน Stanford University เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายสุชาติ ตันตินิรามัย ตําแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลตราด ระดับ - หน่วยงาน โรงพยาบาลตราด จังหวัด ตราด โทรศัพท์ 039 511284 โทรสาร 039 520214 มือถือ 08 1576 7693 E -mail - ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2534 ระดับปริญญาตรี เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2540 วุฒิบัตร แพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2540 อนุมัติบัตร แพทย์สาขาเวชศาสตร์ ครอบครัว 2547 ประวัติการทํางาน - หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมฟื้นฟูโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - หัวหน้ากลุ่มงานแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - ผู้อ านวยการศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - รองผู้อ านวยการด้านผลิตบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - รองผู้อ านวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - ผู้อ านวยการโรงพยาบาลตราด เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - รางวัลผลงานวิชาการดีเด่น ประจ าปี 2548 การประชุมวิชาการแพทย์ศาสตร์ศึกษา ครั้งที่ 4 โครงการ ผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข - รางวัลคนดีพระปกเกล้าประจ าปี 2564 โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - นักสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่น ระดับดี สาขานักบริหาร ปี 2564 ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย - ข้าราชการพลเรือนดีเด่น (ครุฑทองค า) ประจ าปี พ.ศ.2564 จังหวัดจันทบุรี


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายภาณุวัฒน์ โสภณเลิศพงศ์ ตําแหน่ง นายแพทย์ช านาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมปูองกัน) ระดับ - หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด จังหวัด ตราด โทรศัพท์ 039 511011 โทรสาร - มือถือ 06 28879 2891 E -mail - ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทย์ศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2553 วุฒิบัตร สาขาเวชศาสตร์ปูองกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2562 ประวัติการทํางาน - ปี พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2560 ต าแหน่งนายแพทย์ปฏิบัติการ/ช านาญการ โรงพยาบาลแหลมงอบ ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดตราด - ปี พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2561 ต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการพิเศษ โรงพยาบาลเกาะช้าง ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดตราด - ปี พ.ศ. 2561 -พ.ศ. 2566 ด ารงต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการพิเศษ ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเกาะช้าง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด - ปี พ.ศ. 2562 - พ.ศ. 2566 ด ารงต าแหน่งนายแพทย์ช านาญการพิเศษ ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเกาะช้าง ปฏิบัติหน้าที่นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมปูองกัน) ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด - ปี พ.ศ. 2566 ผ่านการประเมินบุคคลนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมปูองกัน) ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - รักษาการในต าแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลแหลมงอบ - รักษาการในต าแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเกาะช้าง - คณะกรรมการบริหารการเงินการคลังระดับจังหวัด (CFO) เขตสุขภาพที่ 6 - คณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพ เขตสุขภาพที่ 6 - คณะอนุกรรมการโรคติดต่อ เขตสุขภาพที่ 6 - คณะกรรมการด าเนินงานเฝูาระวัง ควบคุมและปูองกันโรคไม่ติดต่อจังหวัดตราด - คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลแหลมงอบ เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายสราวุฒิ บุญฤทธิ์ ตําแหน่ง นายแพทย์ ระดับ ช านาญการ หน่วยงาน โรงพยาบาลคลองใหญ่ จังหวัด ตราด โทรศัพท์ 039 513561 ต่อ 177 โทรสาร - มือถือ 09 5951 5141 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2560 วุฒิบัตร สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 2563 ประวัติการท างาน 12 พฤษภาคม 2564 – ปัจจุบัน ผู้อ านวยการโรงพยาบาลคลองใหญ่ ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - รองประธาน Service plan ปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 6 - ทีมตรวจราชการ ประเด็นที่ 2 (สุขภาพปฐมภูมิ) เขตสุขภาพที่ 6 เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายน าพล แดนพิพัฒน์ ตําแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ระดับ - หน่วยงาน โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัด สมุทรปราการ โทรศัพท์ 02 7018132 โทรสาร - มือถือ 06 4946 5916 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2534 ระดับปริญญาโท ว.ว.ศัลยกรรมทั่วไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2537 ประวัติการอบรม หลักสูตร สถาบัน/ประเทศ Hospital Management (Financail perspective) ทุน JICA CA ปี 2546 ประเทศญี่ปุุน Graduate Certificate in Public Health ปี 2550 (ทุน WHO) Queensland University of Technology, Brisbane ประเทศออสเตรเลีย นักบริหารการแพทย์และสาธารณสุขระดับสูง รุ่นที่ 27/2554 กระทรวงสาธารณสุข Executive Management ปี 2557 (ทุน กพ.) Ross School of Business University of Michigan (USA) หลักศุตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ส าหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่น 4/2559 สถาบันพระปกเกล้าและแพทยสภา นักบริหารระดับสูง (นบส.กพ) ประจ าปีงบประมาณ 2561 ส านักงาน ก.พ. ประวัติการท างาน - พ.ศ. 2533 – 2534 แพทย์ประจ า โรงพยาบาลนาดี จังหวัดปราจีนบุรี - พ.ศ. 2537 – 2539 แพทย์ประจ า โรงพยาบาลอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว - พ.ศ. 2539 – 2554 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา - พ.ศ. 2554 – 2561 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ - พ.ศ. 2561 – 2563 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี - พ.ศ. 2563 – ปัจจุบัน ผู้อ านวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ เป็นผู้อ านวยการโรงพยาบาลพนมสารคาม โรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ โรงพยาบาลสมุทรปราการ เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ – นามสกุล นายสุกิจ บรรจงกิจ ตําแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาล ระดับ อ านวยการสูง . หน่วยงาน โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง จังหวัด ระยอง โทรศัพท์ 038 684444 . โทรสาร 038-687340 มือถือ 081-9826227 . E-mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา / หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2540 วุฒิบัตร อายุรศาสตร์โรคเลือด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2546 ประวัติการการทํางาน วัน เดือน ปี ตําแหน่ง/ระดับ สังกัด 11 ธันวาคม 2551 – 1 ตุลาคม 2564 นายแพทย์ช านาญการพิเศษ กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลระยอง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง 20 พฤษภาคม 2558 - 9 พฤศจิกายน 2564 รองผู้อ านวยการฝุายการแพทย์ โรงพยาบาลระยอง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง 10 พฤศจิกายน 2564 - ปัจจุบัน ผู้อ านวยการโรงพยาบาล (ผู้อ านวยการเฉพาะด้าน(แพทย์)) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - รายงานการรักษา acute promyelocytic leukemia ด้วย arsenic trioxide รายแรกในประเทศไทย - Tuberculosis incidence, risk factors and associated mortality in adults on antiretroviral therapy in Thailand. - Switching HIV Treatment in Adults Based on CD4 Count Versus Viral Load Monitoring : A Randomized, Non-inferiority Trial in Thailand เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - รางวัลบุคคลดีเด่น รพ.ระยอง พ.ศ.๒๕๕๐-๒๕๕๔ - รางวัลแพทย์ในดวงใจประจ า จ.ระยอง จากแพทยสมาคม พ.ศ.๒๕๖๑ - รางวัลโลหิตแพทย์ดีเด่น จากสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๖๔


- ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล แพทย์หญิงอุไร ศิลปกิจโกศล ตําแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลพนมสารคาม ระดับ นายแพทย์เชี่ยวชาญ หน่วยงาน โรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 037 551444, 038 551888 โทรสาร 038 551888 ต่อ 1303 มือถือ 08 1861 3979 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทย์ศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร 2535 วุฒิบัตรฯ สาขากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2539 อนุมัติบัตร สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว วิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว แห่งประเทศไทย 2546 ประวัติการทํางาน - แพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลแม่ระมาด จังหวัดตาก และ รพ.พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา - เป็นแพทย์ด้านกุมารแพทย์ ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี - ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 – พ.ศ.2544 - เป็นแพทย์ประจ าที่ โรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 - ด ารงต าแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลพนมสารคาม (นายแพทย์เชี่ยวชาญ) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - การพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลตามแผนบริการสุขภาพ (Service Plan) (โรงพยาบาลชุมชน 90 เตียง ขยาย เป็นโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย 120 เตียง) - การพัฒนาคุณภาพบริการของโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง (เช่น โรงพยาบาลมาตรฐาน Hospital accreditation (HA) , โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ Health Promoting Hospital National Quality Criteria (HPHNQC) , โรงพยาบาลคุณภาพ QSC , โรงพยาบาลคุณธรรม/จริยธรรมดีเด่น) ,การให้บริการศูนย์ ราชการสะดวก (GECC) , โรงพยาบาลต้นแบบองค์กรแห่งสติ (MIO) ,รพ.ต้นแบบการด าเนินงานจัดการความรู้ การดูแลทางสังคม จิตใจในระบบสาธารณสุข BPSC และระบบมาตรฐานบริการสุขภาพ GREEN & CLEAN HOSPITAL เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ - ได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับจังหวัดฉะเชิงเทรา ประจ าปี พ.ศ. 2559 กลุ่มที่ 1 ต าแหน่งประเภทอ านวยการระดับสูง / ต าแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ และได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น จากนายกรัฐมนตรี วันที่ 1 เมษายน 2560 - ได้รับรางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่น ประจ าปี พ.ศ.2559 ประเภทนักบริหารโรงพยาบาลชุมชน จากสมาคมนักบริหารโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายสุกฤษฎิ์ เลิศสกุลธรรม ตําแหน่ง ผู้อ านวยการโรงพยาบาลโคกสูง ระดับ นายแพทย์ช านาญการพิเศษ หน่วยงาน ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว จังหวัด สระแก้ว บรรจุเข้ารับราชการ 1 เมษายน 2556 ครบเกษียณอายุพ.ศ.2592 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รับ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก เมื่อ 1 พฤษภาคม 2564 โทรศัพท์037 441113 โทรสาร - มือถือ 09 5760 8777 E -mail [email protected] ประวัติการศึกษา พ.ศ. คุณวุฒิ สาขา สถานศึกษา 2556 ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2557 เวชศาสตร์ปูองกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ประวัติการทํางานและการรับราชการ วัน เดือน ปี ตําแหน่ง สังกัด 1 เม.ย.2556 ผู้บรรจุได้รับคัดเลือก(ม.50) นายแพทย์กลุ่มงานทางง การแพทย์(เดิม) นายแพทย์ปฏิบัติการ รพช.วัฒนานคร สสจ.สระแก้ว ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข - โรงพยาบาลวัฒนานคร ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว 23 ธ.ค.2557 นายแพทย์ปฏิบัติการ กลุ่มงานบริการทางการแพทย์ รพช.วังน้ าเย็น สสจ.สระแก้ว - โรงพยาบาลวังน้ าเย็น ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว 1 มิ.ย.2558 นายแพทย์ปฏิบัติการ กลุ่มงานผู้ปุวยนอก(เดิม) รพท.อรัญประเทศ สสจ.สระแก้ว - โรงพยาบาลอรัญประเทศ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว 1 มิ.ย.2559 นายแพทย์ปฏิบัติการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อ านวยการโรงพยาบาลโคกสูง จ.สระแก้ว - โรงพยาบาลอรัญประเทศ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว 1 เม.ย.2560 นายแพทย์ช านาญการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อ านวยการโรงพยาบาลโคกสูง จ.สระแก้ว - โรงพยาบาลอรัญประเทศ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว


การศึกษาอบรมและดูงาน วัน เดือน ปี รายการฝึกอบรม/ดูงาน สถานที่ 7 กันยายน 2560 พัฒนาศักยภาพทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการ แพทย์ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี 27 มีนาคม 2561 การเงินการคลังส าหรับผู้บริหารระดับหน่วย บริการ เขตสุขภาพที่ 6 22 สิงหาคม 2561 พัฒนาศักยภาพผู้อ านวยการโรงพยาบาลชุมชน วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข 29 สิงหาคม 2561 Hospital Financial Bootcamp สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมการบริหาร โรงพยาบาล 27 ธันวาคม 2561 ระบาดวิทยาส าหรับหน่วยปฏิบัติการควบคุม โรคติดต่อ CDCU ส านักงานปูองกันควบคุมโรค ที่ 6 20 กันยายน 2562 กัญชาทางการแพทย์ส าหรับแพทย์ ราชวิทยาลัยเวชศาสตร์ครอบครัวแห่ง ประเทศไทย 22 พฤศจิกายน 2562 เวชศาสตร์ปูองกันสุขภาพจิตชุมชน โรงพยาบาลศรีธัญญา ผลงานหรือประสบการณ์ - การพัฒนาระบบสาธารณสุขของอ าเภอโคกสูง และการสร้างทีมบริหารของโรงพยาบาลโคกสูง พ.ศ. 2559 – 2564 - โครงการยกระดับพัฒนาห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินคุณภาพ (ER คุณภาพ) ของโรงพยาบาลในสังกัดส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ประจ าปีงบประมาณ 2564 - การพัฒนาโรงพยาบาลโคกสูงด้าน EMS จนเป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลายๆ ด้าน เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายสุเมธ เถาหมอ ตําแหน่ง นายแพทย์ช านาญการพิเศษ (ด้านเวชกรรม) หน่วยงาน โรงพยาบาลตราด จังหวัด ตราด โทรศัพท์039-511284 โทรสาร 039-520214 มือถือ 08 1340 0462 E-mail [email protected] ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2534 วุฒิบัตร แพทย์สาขาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2540 ประวัติการทํางาน - 1 เมษายน 2534 นายแพทย์ 4 โรงพยาบาลตราด กลุ่มงานอุบัติเหตุและนิติเวชวิทยา - 1 เมษายน 2536 นายแพทย์ 5 โรงพยาบาลตราด กลุ่มงานอุบัติเหตุและนิติเวชวิทยา - 1 ตุลาคม 2541 นายแพทย์ 6 โรงพยาบาลตราด กลุ่มงานศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ - 1 ตุลาคม 2544 นายแพทย์ 7 โรงพยาบาลตราด กลุ่มงานศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ - 28 มิถุนายน 2547 นายแพทย์ 8 โรงพยาบาลตราด กลุ่มงานศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ - หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลตราด - ปี 2563 ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลตราด - ปี 2565 รองผู้อ านวยการด้านการเงินการคลัง โรงพยาบาลตราด - 1 ตุลาคม 2565 รองผู้อ านวยการฝุายบริหาร โรงพยาบาลตราด ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ - ประธานคณะท างานเวชระเบียนโรงพยาบาลตราด และ Auditor เวชระเบียนของเขต 6 - เป็นแพทย์พี่เลี้ยงในโครงการสาธารณสุขชายแดน - ประธานคณะท างานแพทย์พี่เลี้ยงของแพทย์เพิ่มพูนทักษะโรงพยาบาลตราด - แพทย์ร่วมผ่าตัดโครงการข้อเข่าเทียม Happy Walk - ผลงานวิจัยการผ่าตัดกระดูกต้นขาโดยใช้ล็อคสกรูแบบประดิษฐ์เอง เกียรติประวัติ/รางวัลที่เคยได้รับ -


ประวัติวิทยากร ชื่อ-นามสกุล นายสุเทพ เพชรมาก ตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ระดับ สูง หน่วยงาน กระทรวงสาธารณสุข จังหวัด นนทบุรี โทรศัพท์ - โทรสาร - มือถือ - E -mail - ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา สาขา/หลักสูตร สถาบันการศึกษา ปี พ.ศ. ระดับปริญญาตรี แพทย์ศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 2531 ระดับปริญญาตรี เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2534 ระดับปริญญาโท สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล 2536 ระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2539 อนุมัติบัตร เวชศาสตร์ปูองกัน แพทยสภา 2536 อนุมัติบัตร เวชศาสตร์ครอบครัว แพทยสภา 2544 ประวัติการทํางาน - พ.ศ. 2531 – 2533 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลบางแก้ว จังหวัดพัทลุง - พ.ศ. 2534 – 2542 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลเขาสนชัย จังหวัดพัทลุง - พ.ศ. 2542 – 2547 ผู้อ านวยการโรงพยาบาลแม่และเด็ก ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 11 นครศรีธรรมราช - พ.ศ. 2547 – 2558 ผู้อ านวยการศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา - พ.ศ. 2556 – 2558 ผู้ช่วยอธิบดีกรมอนามัย - 5 มกราคม 2559 – 30 กันยายน 2560 รองอธิบดีกรมควบคุมโรค - 1 ตุลาคม 2560 ถึงปัจจุบัน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ผลงานวิชาการ/ประสบการณ์ ประวัติการฝึกอบรม - พ.ศ. 2536 นักบริหารโรงพยาบาลรุ่นที่ 21 - พ.ศ. 2549 นักบริหารการแพทย์และสาธารณสุขระดับสูง (นบส.) รุ่น 22 - พ.ศ. 2553 นักบริหารระดับสูง หลักสูตรที่ 1 (นบส.กพ.) รุ่นที่ 70 - พ.ศ. 2558 ประกาศนียบัตรชั้นสูงบริหารจัดการภาครฐและกฏหมายมหาชน (ปรม.) รุ่นที่ 15 - พ.ศ. 2559 ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ - พ.ศ. 2560 นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่นที่ 3 - พ.ศ. 2561 หลักสูตรผู้ตรวจราชการระดับกระทรวง - พ.ศ. 2562 ประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ส าหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) รุ่นที่ 7 - หลักสูตรการปูองกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 62 กรรมการ อื่นๆ - อนุกรรมการจากการเลือกตั้ง ใน อ.ก.พ. ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข - กรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญขึ้นแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งประเภท อ านวยการระดับสูง และ ประเภท บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงสาธารณสุข


Click to View FlipBook Version