๑๕๘
รหัสตัวชี้วัด
ว.2.1 ม.3/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8
ว.2.3 ม.3/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8, ม.1/9, ม.1/10, ม.1/11, ม.1/12
ว.4.2 ม.3/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4,
รวมทั้งหมด 24 ตัวชีว้ ัด
๑๕๙
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน
รหสั ว๒๓๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ
ศกึ ษา วิเคราะห กฎการสะทอ้ นของแสง การเคล่อื นที่ของแสง ภาพจากกระจกเงา การหกั เห
ของแสง การกระจายแสงของแสงขาว การเกิดภาพจากเลนส์ ปรากฏการณท์ ่ีเก่ยี วกบั แสง และการ
ทำงานของทัศนอุปกรณ์ ความสวา่ งท่ีมตี ่อดวงตา วดั ความสว่างของแสง ปฏิสมั พันธข์ ององคป์ ระกอบ
ของระบบนิเวศ รปู แบบความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิง่ มชี วี ติ กับสิ่งมีชวี ิตรูปแบบต่าง ๆ แบบจำลองในการ
อธบิ ายการถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร ความสมั พันธ์ของผผู้ ลิต ผู้บริโภค และผู้ยอ่ ยสลาย
สารอนิ ทรียใ์ นระบบนเิ วศ การสะสมสารพษิ ในสงิ่ มชี ีวิตในโซอ่ าหาร ความสัมพันธร์ ะหว่าง ยีน ดีเอ็นเอ
และโครโมโซม การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ การแบ่งเซลลแ์ บบไม
โทซสิ และไมโอซสิ การเปลย่ี นแปลงของยนี หรอื โครโมโซมอาจทำให้เกิดโรคทางพันธกุ รรม ส่ิงมีชีวติ ดัด
แปรพนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วง
แบบจำลองที่อธบิ ายการเกิดฤดู และการเคล่อื นทีป่ รากฏของดวงอาทิตย์ แบบจำลองท่ีอธิบายการเกดิ
ข้างขนึ้ ข้างแรม การเปลยี่ นแปลงเวลาการข้นึ และตกของดวงจนั ทร์ และการเกิดนำ้ ขึ้นน้ำลงการใช้
ประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ ปัจจยั ท่สี ่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ของ
เทคโนโลยกี ับศาสตรอ์ น่ื โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ปญั หาหรือความต้องการของชมุ ชน
หรอื ท้องถิ่น เพื่อพฒั นางานอาชีพ วธิ กี ารแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมูล
ท่ีจำเปน็ ภายใต้เง่ือนไขและทรพั ยากรท่ีมอี ยู่ ใช้ความรู้ และทักษะเก่ยี วกับวสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก
ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ ห้ถูกต้องกับลักษณะของงาน และปลอดภยั เพ่อื แก้ปญั หาหรือพัฒนางาน
โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสบื ค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความ
เข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม
๑๖๐
รหสั ตัวช้ีวัด
ว 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6
ว 1.3 ม.3/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8, ม.1/9, ม.1/10, ม.1/11
ว 2.3 ม.1/13, ม.1/14, ม.1/15, ม.1/16, ม.1/17, ม.1/18, ม.1/19, ม.1/20, ม.1/21
ว 4.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5
รวมทั้งหมด 31 ตัวชวี้ ัด
๑๖๑
เกณฑก์ ารจบการศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านปา่ คาป่าม่วง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑ์สำหรับการจบการศึกษา ดงั น้ี
เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
(๑) ผู้เรียน ต้องเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๕,๐๔๐ ชั่วโมงและรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรม
เพิม่ เตมิ ไม่น้อยกว่า จำนวน ๔๘๐ ช่วั โมง
(๒) ผ้เู รยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ ในรายวิชาพืน้ ฐานระดับ ๑ ขนึ้ ไปทุกรายวิชา
(๓) ผูเ้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นผา่ นเกณฑ์การประเมิน
ในระดับ “ผา่ น” ข้ึนไปทุกดา้ น
(๔) ผ้เู รียนต้องมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
ในระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไปทกุ ด้าน
(๕) ผเู้ รียนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน และมผี ลการประเมนิ ในระดับ “ผ่าน”
ทุกกิจกรรม
เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
(๑) ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน ๒,๖๔๐ ชั่วโมง (๖๖ หน่วยกิต) และรายวิชา
เพมิ่ เติมไม่นอ้ ยกว่า ๔๘๐ ชว่ั โมง (๑๒ หน่วยกติ )
(๒) ผ้เู รียนต้องมผี ลการประเมินรายวิชาพน้ื ฐานในระดับ ๑ ขนึ้ ไปทุกรายวชิ า
(๓) ผู้เรียนต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนผ่านเกณฑ์การประเมิน
ในระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไปทุกด้าน
(๔) ผู้เรยี นมีผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ในระดับ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ในระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไปทุกด้าน
(๕) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน”
ทกุ กิจกรรม
การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง
ประสงคข์ องผูเ้ รยี น เปน็ เปา้ หมายสำหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน
๑๖๒
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร
กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็น
สมรรถนะสำคญั ให้ผเู้ รยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย
๑. หลักการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ
สำคัญ และคุณลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามทกี่ ำหนดไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
โดยยดึ หลกั วา่ ผ้เู รยี นมีความสำคัญท่ีสุด เชือ่ วา่ ทกุ คนมีความสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้
ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ คำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้น
ให้ความสำคญั ท้ังความรู้ และคุณธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรยี นรู้ท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ผู้เรยี นจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรู้
ท่ีหลากหลาย เป็นเครื่องมือท่ีจะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็น
สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด
กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย
กระบวนการเรียนรกู้ ารเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลักษณะนสิ ยั
กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา
เพราะจะสามารถชว่ ยให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรไู้ ด้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผูส้ อน
จึงจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัด
กระบวนการเรียนรไู้ ด้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ
สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึง
พิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัด
และประเมินผล เพ่ือใหผ้ ้เู รียนได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายทก่ี ำหนด
๔. บทบาทของผูส้ อนและผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ควรมีบทบาท ดังนี้
๑๖๓
๔.๑ บทบาทของผูส้ อน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน
การจดั การเรยี นรู้ ที่ท้าทความสามารถของผเู้ รียน
๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ
ท่เี ปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมท้ังคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพัฒนาการทางสมอง เพ่อื นำผ้เู รยี นไปสเู่ ปา้ หมาย
๔) จัดบรรยากาศทเ่ี อือ้ ตอ่ การเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรยี นให้เกดิ การเรยี นรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใชส้ อ่ื ใหเ้ หมาะสมกับกจิ กรรม นำภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน เทคโนโลยี
ทเ่ี หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการจัดการเรยี นการสอน
๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผเู้ รียนดว้ ยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ
ของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุง
การจัดการเรียนการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผเู้ รียน
๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถึงแหลง่ การเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม
คดิ หาคำตอบหรือหาแนวทางแกป้ ัญหาด้วยวิธกี ารตา่ งๆ
๓) ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ สรปุ ส่งิ ท่ีได้เรียนรู้ดว้ ยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกตใ์ ชใ้ น
สถานการณ์ตา่ งๆ
๔) มปี ฏิสมั พนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู
๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื ง
สื่อการเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง
ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สื่อการ
เรียนรู้มีหลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ
ที่มีในท้องถ่ิน การเลือกใช้ส่ือควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้
ทห่ี ลากหลายของผู้เรยี น
การจัดหาส่ือการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุง
เลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากส่ือต่างๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถ
๑๖๔
ส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาให้
ผู้เรียน เกดิ การเรยี นรู้อยา่ งแทจ้ รงิ สถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานท่ีเกีย่ วข้องและผู้มีหน้าท่ี
จัดการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ควรดำเนินการดังน้ี
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหว่างสถานศึกษา ทอ้ งถ่ิน ชุมชน สังคมโลก
๒. จัดทำและจัดหาส่ือการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน
รวมทัง้ จดั หาส่ิงทมี่ ีอย่ใู นทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใช้เป็นสอื่ การเรียนรู้
๓. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง
กับวิธกี ารเรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผู้เรยี น
๔. ประเมนิ คณุ ภาพของสอ่ื การเรยี นรทู้ เ่ี ลือกใช้อยา่ งเป็นระบบ
๕. ศึกษาค้นควา้ วจิ ัย เพือ่ พฒั นาสือ่ การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรยี นร้ขู องผู้เรียน
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือ
การเรียนรู้เปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษา
ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสอ่ื การเรยี นรู้ เช่น ความสอดคลอ้ งกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย
ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ
ท่เี ข้าใจง่าย และน่าสนใจ
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรยี นต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ
ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให้บรรลุ
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็น
เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับ
สถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดง
พัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ตอ่ การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิด การพัฒนาและเรียนรูอ้ ยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ
๑๖๕
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ
สถานศกึ ษา ระดับเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา และระดับชาติ มีรายละเอียด ดงั น้ี
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมนิ ผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง
หลากหลาย เชน่ การซักถาม การสงั เกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้นิ งาน/
ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้
ผู้เรียนประเมินตนเอง เพอื่ นประเมินเพ่ือน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไมผ่ ่านตัวช้ีวดั ให้มีการสอน
ซอ่ มเสริม
การประเมนิ ระดบั ช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความกา้ วหนา้ ในการ
เรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้อง
ได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียน
การสอนของตนดว้ ย ทัง้ นโี้ ดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสินผล
การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของ
สถานศึกษา ว่าสง่ ผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรยี นมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ัง
สามารถนำผลการเรยี นของผเู้ รียนในสถานศกึ ษาเปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมนิ ระดับ
สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการ
จัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ
สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้ปกครอง
และชมุ ชน
๓. การประเมินระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคณุ ภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูล
พ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ
ดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานท่ีจัดทำและดำเนินการโดย
เขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา หรือด้วยความร่วมมอื กับหน่วยงานต้นสงั กดั ในการดำเนินการจดั สอบ นอกจากนยี้ ัง
ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษาในเขตพืน้ ที่การศึกษา
๔. การประเมนิ ระดับชาติ เป็นการประเมินคณุ ภาพผู้เรียนในระดับชาตติ ามมาตรฐานการ
เรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน สถานศึกษาต้องจดั ให้ผ้เู รยี นทุกคนทีเ่ รียน ในช้ัน
ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เข้ารบั การประเมิน ผลจากการประเมนิ ใช้เป็นข้อมูลในการ
๑๖๖
เทยี บเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับตา่ ง ๆ เพอ่ื นำไปใชใ้ นการวางแผนยกระดบั คุณภาพการจดั
การศกึ ษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนนุ การตัดสินใจในระดบั นโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ
ทบทวนพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแล
ช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพ้ืนฐานความ
แตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนท่ัวไป กลุ่ม
ผเู้ รียนท่มี ีความสามารถพิเศษ กล่มุ ผู้เรียนทมี่ ีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นต่ำ กลุ่มผู้เรยี นท่มี ีปัญหาด้านวนิ ัย
และพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรยี น กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการ
ทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ
ดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ
ในการเรยี น
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็น
ข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือให้บุคลากรที่เก่ียวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
ร่วมกัน
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียน
การตัดสินผลการเรยี น
ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นน้นั ผ้สู อนตอ้ งคำนงึ ถึงการพฒั นานักเรียนแต่ละ
คนเป็นหลกั และต้องเก็บข้อมูลของนักเรยี นทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในแตล่ ะภาคเรยี น
มีเกณฑด์ ังนี้
(๑) ผูเ้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมด
(๒) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินทกุ ตวั ชี้วัด และผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐
ของจำนวนตวั ชี้วดั
(๓) ผ้เู รยี นต้องไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า
(๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษา
กำหนดในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
๑๖๗
การใหร้ ะดับผลการเรยี น
๑๓.๑ การตดั สนิ ผลการเรียนรายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ใหใ้ ช้ระบบตัวเลข
แสดงระดับการเรยี นในแตล่ ะกลุ่มสาระ ดงั น้ี
ระดบั ผลการเรียน ความหมาย ชว่ งคะแนนรอ้ ยละ
๔ ผลการเรียนดีเยยี่ ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรยี นดีมาก ๗๕ - ๗๙
๓ ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรียนดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรยี นคอ่ นข้างดี ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๕๕ - ๕๙
๑ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรยี นพอใช้ ๐ - ๔๙
ผลการเรยี นผ่านเกณฑข์ ัน้ ตำ่
ผลการเรยี นต่ำกว่าเกณฑ์
๑๓.๒ การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เป็นผ่านและไมผ่ า่ น
ถ้ากรณีทีผ่ า่ น กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเย่ยี ม ดี และผา่ น
ดีเยี่ยม หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
ท่มี คี ุณภาพดีเลศิ อยู่เสมอ
ดี หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
ทีม่ คี ณุ ภาพเปน็ ทย่ี อมรบั
ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น
ท่ีมคี ณุ ภาพเป็นท่ยี อมรบั แต่ยงั มขี ้อบกพรอ่ งบางประการ
ไมผ่ า่ น หมายถงึ ไม่มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์
และเขยี น หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนน้ั ยังมขี ้อบกพร่องท่ีต้องได้รบั การปรับปรุงแก้ไขหลายประการ
๑๓.๓ การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลกั ษณะเพื่อการเลอื่ นช้นั
และจบการศกึ ษา เป็นผา่ นและไม่ผา่ น ในการผ่าน กำหนดเกณฑ์การตัดสนิ เป็นดีเยยี่ ม ดี และผ่าน
และความหมายของแตล่ ะระดับ ดงั นี้
ดเี ยีย่ ม หมายถึง ผู้เรียนปฏบิ ตั ิตนตามคุณลักษณะจนเปน็ นสิ ยั และนำไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ดีเยยี่ ม
จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกวา่ ระดบั ดี
๑๖๘
ดี หมายถึง ผูเ้ รียนมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อใหเ้ ปน็ การยอมรับของ
สงั คมโดยพจิ ารณาจาก
๑) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเยยี่ มจำนวน ๑ - ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับดี หรอื
๒) ไดผ้ ลการประเมินระดับดี เยีย่ มจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ได้ผลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับผา่ นหรือ
๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ล
การประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับผา่ น
ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนรบั ร้แู ละปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด
โดยพิจารณาจาก
๑) ได้ผลการประเมินระดับผา่ น จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใด
ได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับผา่ น หรอื
๒) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับผ่าน
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผูเ้ รยี นรับรู้และปฏิบตั ไิ ด้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศกึ ษา
กำหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดับไมผ่ ่านตง้ั แต่ ๑ คุณลกั ษณะ
๑๓.๔ การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะต้องพจิ ารณาทงั้ เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม
การปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดและใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผ่าน
และไมผ่ า่ นให้ใช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั นี้
“ผ” หมายถงึ ผเู้ รียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐
ปฏิบตั กิ ิจกรรมและมผี ลงานเปน็ ทปี่ ระจกั ษ์
“มผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ปฏิบตั กิ จิ กรรมและมี
ผลงาน
ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด
ในกรณที ่ผี ูเ้ รยี นได้ “มผ” ครผู ูด้ ูแลกิจกรรมต้องจัดซ่อมเสริมใหผ้ เู้ รยี นทำกิจกรรมในส่วน
ที่ผูเ้ รยี นไม่ได้เข้ารว่ มหรือไมไ่ ดท้ ำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้
ท้งั น้ี ต้องดำเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปีการศึกษานั้น ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ัยห้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมาย
๑๖๙
การเลอ่ื นชน้ั
เมื่อสนิ้ ปกี ารศึกษา ผ้เู รยี นจะได้รับการเลื่อนชน้ั เมื่อมีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ดังต่อไปน้ี
(๑) ผู้เรียนตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมด
(๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมนิ ทกุ ตัวชี้วดั และผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของ
จำนวนตัวช้วี ดั
(๓) ผูเ้ รียนต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา ไม่นอ้ ยกวา่ ระดบั “ ๑ ” จึงจะ
ถือวา่ ผา่ นเกณฑต์ ามท่สี ถานศึกษากำหนด
(๔) นักเรียนต้องได้รบั การประเมนิ และมีผลการประเมิน การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละ
เขียน ในระดับ “ ผ่าน ” ขนึ้ ไป มผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในระดับ“ ผา่ น ” ข้นึ ไป
และมผี ลการประเมินกจิ กรรมพฒั นานักเรยี น ในระดบั “ ผ่าน ”
ทั้งน้ี ถา้ ผู้เรียนมีข้อบกพรอ่ งเพียงเล็กน้อย และพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอน
ซ่อมเสรมิ ไดใ้ ห้อยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษาที่จะผอ่ นผันใหเ้ ล่ือนชน้ั ได้
อนง่ึ ในกรณีทผี่ ู้เรียนมหี ลักฐานการเรียนรูท้ ่ีแสดงว่ามีความสามารถดีเลศิ สถานศึกษา
อาจให้โอกาสผู้เรยี นเล่อื นชนั้ กลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการประกอบดว้ ยฝา่ ย
วิชาการของสถานศกึ ษาและผู้แทนของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือตน้ สังกดั ประเมนิ ผู้เรียนและตรวจสอบ
คณุ สมบตั ใิ ห้ครบถ้วนตามเงื่อนไขทัง้ ๓ ประการต่อไปน้ี
๑. มผี ลการเรยี นในปกี ารศึกษาทีผ่ ่านมาและมผี ลการเรียนระหวา่ งปีทกี่ ำลงั ศึกษาอยู่
ในเกณฑ์ดเี ย่ียม
๒. มวี ฒุ ิภาวะเหมาะสมท่ีจะเรียนในชนั้ ท่สี งู ขึน้
๓. ผา่ นการประเมินผลความรคู้ วามสามารถทุกรายวิชาของชน้ั ปีทเ่ี รียนปจั จุบนั และ
ความรู้ความสามารถทุกรายวิชาในภาคเรยี นแรกของชนั้ ปที ่ีจะเลือ่ นขึน้
การอนมุ ัติให้เล่ือนชน้ั กลางปีการศกึ ษาไปเรยี นช้นั สูงขึน้ ได้ ๑ ระดับชนั้ น้ี ต้องไดร้ บั
การยินยอมจากผเู้ รียนและผปู้ กครองและต้องดำเนนิ การใหเ้ สร็จส้ินกอ่ นเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปี
การศึกษานั้น สำหรับในกรณีทีพ่ บว่ามีผู้เรียนกลุ่มพเิ ศษประเภทตา่ งๆ มีปัญหาในการเรียนรูใ้ ห้
สถานศกึ ษาดำเนินงานรว่ มกับสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาเฉพาะความพกิ ารหาแนวทางการแก้ไขและ
พัฒนา
๑๗๐
การสอนซ่อมเสรมิ
การสอนซ่อมเสริม เปน็ การสอนเพื่อแกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง กรณีท่ผี ูเ้ รียนมีความรู้ ทกั ษะ
กระบวนการ หรือคณุ ลกั ษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกำหนด จะต้องจัดสอนซ่อมเสริมเพือ่ พฒั นาการ
เรยี นรู้ของผ้เู รยี นเต็มตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องกรณีท่ีผู้เรียน
มคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคต/ิ คณุ ลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำหนด
สถานศกึ ษาตอ้ งจดั สอนซ่อมเสริมเปน็ กรณีพเิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกตเิ พ่ือพฒั นาใหผ้ ู้เรียน
สามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัดทก่ี ำหนดไว้เป็นการใหโ้ อกาสแก่ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้และ
พัฒนา โดยจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
การเปลย่ี นผลการเรยี น
การเปล่ยี นผลการเรยี น“๐”
สถานศึกษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ดั ทผี่ ู้เรียนสอบไม่
ผ่านก่อนแลว้ จงึ สอบแก้ตวั ไดไ้ มเ่ กิน ๒ ครัง้ ถา้ ผู้เรยี นไมด่ ำเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาที่
สถานศกึ ษากำหนดใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น
สำหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิน้ ภายในปีการศึกษาน้ัน
ถ้าสอบแก้ตวั ๒ ครัง้ แล้ว ยังไดร้ ะดับผลการเรยี น “๐” อีก ให้สถานศึกษาแตง่ ต้ัง
คณะกรรมการดำเนนิ การเก่ียวกับการเปลีย่ นผลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏบิ ตั ดิ งั นี้
๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ าน้ัน
๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพ่มิ เติมให้เรยี นซำ้ หรอื เปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ทง้ั นี้ให้อย่ใู น
ดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ในกรณีท่เี ปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี น
แสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวชิ าใด
การเปล่ยี นผลการเรยี น“ร”
การเปลี่ยนผลการเรียน“ร” ใหด้ ำเนินการดังนี้ ใหผ้ ู้เรยี นดำเนินการแก้ไข “ร” ตาม
สาเหตุ เมอ่ื ผเู้ รียนแก้ไขปญั หาเสรจ็ แล้วให้ได้ระดบั ผลการเรยี นตามปกติ (ต้ังแต่ ๐ - ๔) ถ้าผู้เรยี นไม่
ดำเนนิ การแกไ้ ข “ร” กรณีท่ีสง่ งานไม่ครบแตม่ ีผลการประเมนิ ระหวา่ งภาคเรียนและปลายภาคให้
ผู้สอนนำข้อมูลทมี่ ีอยู่ตัดสินผลการเรียนยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วสิ ัยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาท่จี ะขยาย
เวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไม่เกนิ ๑ ภาคเรียนสำหรับภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ งดำเนินการให้เสร็จสน้ิ
ภายในปกี ารศึกษาน้นั เม่ือพ้นกำหนดนีแ้ ล้วใหเ้ รียนซำ้ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนนิ การแก้ไข
ตามหลักเกณฑ์
๑๗๑
การเปลยี่ นผลการเรียน “มส”
การเปลี่ยนผลการเรยี น“มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้
๑) กรณีผู้เรยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ยละ ๘๐
แตม่ ีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ใหจ้ ดั ให้เรยี นเพิม่ เตมิ โดยใช้
ช่ัวโมงสอนซอ่ มเสรมิ หรือใช้เวลาว่าง หรือใช้วนั หยดุ หรอื มอบหมายงานให้ทำจนมเี วลาเรยี นครบตามท่ี
กำหนดไวส้ ำหรับรายวชิ านนั้ แล้วจึงใหว้ ดั ผลปลายภาคเปน็ กรณีพิเศษ
ผลการแก้ “มส” ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการเรยี นไมเ่ กิน “๑” การแก้
“มส” กรณนี ้ใี ห้กระทำใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน ถา้ ผู้เรียน ไม่มา
ดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี ำหนดไวน้ ีใ้ หเ้ รยี นซ้ำ ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ให้อยู่ในดุลยพนิ จิ
ของสถานศกึ ษาท่จี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรยี น แตเ่ ม่อื พน้ กำหนดน้แี ลว้
ให้ปฏบิ ตั ิดงั น้ี
(๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพ้ืนฐานให้เรียนซำ้ รายวชิ านน้ั
(๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพิม่ เติมใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้ำหรือ
เปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหม่
๒) กรณีผเู้ รียนได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของ
เวลาเรียนทง้ั หมดใหส้ ถานศึกษาดำเนินการดงั น้ี
(๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพ้ืนฐานใหเ้ รยี นซำ้ รายวชิ านั้น
(๒) ถ้าเปน็ รายวชิ าเพิ่มเติมใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซำ้ หรอื
เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ในกรณีทเี่ ปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่า
เรยี นแทนรายวชิ าใด
การเรียนซำ้ รายวชิ า ผู้เรียนท่ไี ด้รับการสอนซอ่ มเสริมและสอบแก้ตัว ๒ คร้งั แลว้ ไม่ผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ ใหเ้ รียนซ้ำรายวิชานน้ั ทง้ั นี้ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจัดใหเ้ รียนซำ้
ในชว่ งใดชว่ งหนง่ึ ทีส่ ถานศกึ ษาเห็นว่าเหมาะสม เชน่ พักกลางวัน วนั หยดุ ชว่ั โมงว่างหลังเลกิ เรยี น
ภาคฤดูรอ้ นเป็นตน้
ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผ้เู รยี นยังมผี ลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนินการ
ใหเ้ สร็จสิน้ ก่อนเปดิ เรียนปีการศกึ ษาถัดไป สถานศกึ ษาอาจเปดิ การเรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพ่ือ
แกไ้ ขผลการเรียนของผเู้ รียนได้
การเปลีย่ นผล“มผ”
กรณที ่ผี เู้ รยี นไดผ้ ล “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผูเ้ รียนทำกิจกรรมในสว่ นท่ี
ผเู้ รยี นไม่ไดเ้ ขา้ รว่ มหรอื ไม่ได้ทำจนครบถว้ น แล้วจึงเปลี่ยนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทง้ั นี้ดำเนินการ
ใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในภาคเรยี นนั้น ๆ ยกเวน้ มเี หตุสุดวิสยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาทีจ่ ะพิจารณา
๑๗๒
ขยายเวลาออกไปอีกไม่เกนิ ๑ ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปี
การศกึ ษานน้ั
การเรยี นซ้ำช้นั
ผ้เู รียนที่ไม่ผา่ นรายวชิ าจำนวนมากและมแี นวโนม้ วา่ จะเปน็ ปญั หาต่อการเรียนในระดบั ชน้ั
ทส่ี ูงขึ้นสถานศึกษา ต้องต้ังคณะกรรมการพจิ ารณาให้เรียนซำ้ ช้นั ได้ ทง้ั น้ีใหค้ ำนงึ ถึงวฒุ ิภาวะและ
ความรูค้ วามสามารถของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ผู้เรยี นทไี่ ม่มีคณุ สมบัตติ ามเกณฑก์ ารเลื่อนชนั้ สถานศึกษาควรให้เรยี นซ้ำชน้ั ทงั้ นี้
สถานศกึ ษาอาจใช้ดลุ ยพินิจใหเ้ ลื่อนช้นั ได้ หากพจิ ารณาว่าผู้เรยี นมคี ณุ สมบตั ิขอ้ ใดข้อหน่งึ ดงั ต่อไปน้ี
๑) มีเวลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐ อันเนือ่ งจากสาเหตุจำเป็นหรอื เหตสุ ดุ วสิ ยั แตม่ ี
คุณสมบัติตามเกณฑ์การเลอ่ื นชั้นในขอ้ อ่นื ๆ ครบถว้ น
๒) ผ้เู รียนมผี ลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้ีวดั ไมถ่ งึ เกณฑ์ตามท่ี
สถานศกึ ษากำหนดในแต่ละรายวิชา แตเ่ ห็นวา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปีการศึกษานั้น และมี
คณุ สมบตั ิตามเกณฑ์การเล่อื นชั้นในข้ออน่ื ๆ ครบถ้วน
๓) ผู้เรยี นมผี ลการประเมินรายวชิ าในกลมุ่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมอยู่ในระดับผา่ น
กอ่ นท่จี ะให้ผูเ้ รียนเรียนซ้ำช้นั สถานศกึ ษาต้องแจ้งใหผ้ ปู้ กครองและผู้เรยี นทราบเหตผุ ล
ของการเรียนซ้ำชั้น
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ี
เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของผเู้ รียนในด้านต่าง ๆ แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดังน้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน
ของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล
และออกเอกสารน้ใี ห้ผเู้ รียนเป็นรายบุคคล เมือ่ ผู้เรียนจบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา
๑.๓ แบบรายงานผ้สู ำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมตั ิการจบหลกั สูตรโดยบันทึกรายช่ือ
และข้อมูลของผจู้ บการศึกษาระดับประถมศึกษา
๑๗๓
๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่สี ถานศึกษากำหนด
เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำข้ึนเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ
เก่ียวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียน
สะสม ใบรบั รองผลการเรยี น และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้
การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา
การเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ
การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้
ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการ
ฝกึ อบรมอาชพี การจัดการศกึ ษาโดยครอบครัว
การเทียบโอนผลการเรยี นควรดำเนนิ การในชว่ งก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก
ที่สถานศึกษารบั ผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรยี น ทั้งน้ี ผู้เรียนทีไ่ ด้รับการเทยี บโอนผลการเรยี นตอ้ งศึกษา
ตอ่ เนอ่ื งในสถานศกึ ษาท่ีรบั เทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศึกษาท่รี ับผู้เรยี นจาก
การเทยี บโอนควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหนว่ ยกติ ทีจ่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม
การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี
๑. พจิ ารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอืน่ ๆ ท่ีให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ
ของผู้เรียน
๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการตา่ งๆ ท้ังภาค
ความรู้และภาคปฏิบตั ิ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ิในสภาพจรงิ
การเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
การบรหิ ารจัดการหลักสูตร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา
หลักสูตรน้ัน หน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับ
สถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนา
หลกั สูตรใหเ้ ปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใหก้ ารดำเนนิ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการ
เรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ในระดับชาติคุณภาพของของผู้เรียนท่ีสำคัญ และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
๑๗๔
ระดับท้องถ่ิน ไดแ้ ก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานตน้ สงั กดั อน่ื ๆ เปน็ หนว่ ยงานทีม่ ี
บทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน เพื่อ
นำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้
ประสบความสำเรจ็ โดยมภี ารกิจสำคัญ คอื กำหนดเป้าหมายและจุดเนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ใน
ระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับส่ิงท่ีเป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้
ท้องถน่ิ ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดบั ทอ้ งถ่ิน รวมทงั้ เพ่มิ พูนคณุ ภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวจิ ัย
และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผล
คณุ ภาพของผู้เรยี น
สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้
หลักสูตร การเพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวจิ ัยและพัฒนา การปรับปรุงและพฒั นาหลักสูตร
จดั ทำระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และรายละเอียดที่เขตพ้ืนที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัด
อื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้จัดทำเพ่ิมเติม รวมทั้ง สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เก่ียวกับสภาพ
ปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามี
ส่วนร่วมในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา