๗๔
เรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หาที่ ช่ัวโมง คะแนน
สอน
ชัน้ มัธยมศึกษ
กลมุ่ สาระการเรียนร.ู้ ..................วทิ ยาศา
จำนวนมาตรฐาน......๗.....มาตรฐาน และจำน
สาระ มาตรฐาน ตวั ชวี้ ัด สาระกา
สาระที่ ๑ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจ ๑. เปรียบเทยี บรูปรา่ ง - เซลลเ์ ปน็ หน่วยพ้นื ฐาน
วิทยาศาสตร์ สมบัติของสิง่ มชี ีวติ หนว่ ย ลกั ษณะ และ เซลล์เพียงเซลลเ์ ดยี ว เช
ชวี ภาพ พ้นื ฐานของสงิ่ มีชวี ิต การ โครงสรา้ ง ของเซลล์ ชนิดมีหลายเซลล์ เช่น พ
ลำเลียงสารเข้า และออก พชื และเซลลส์ ัตว์
จากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ รวมท้ังบรรยายหน้าท่ี - โครงสรา้ งพน้ื ฐานทพ่ี บ
ของโครงสรา้ งและหน้าที่ ของผนงั เซลล์ เยื่อหุ้ม สามารถสังเกตได้ดว้ ยกล
ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์ เซลล์ ไซโทพลาซึม เซลล์ ไซโทพลาซึม และ
และมนษุ ย์ทท่ี ำงาน นวิ เคลียส แวคิวโอล พชื แต่ไมพ่ บในเซลลส์ ตั ว
สัมพันธก์ ันความสัมพนั ธ์ ไมโทคอนเดรยี และ
ของโครงสรา้ งและหน้าท่ี คลอโรพลาสต์ - โครงสรา้ งต่าง ๆ ของเ
ของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื
ท่ีทำงานสมั พนั ธก์ นั ๒. ใช้กล้องจุลทรรศน์ - ผนังเซลล์ ทำหนา้ ท่ีให
รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ ใช้แสงศึกษาเซลล์ และ
ประโยชน์ โครงสรา้ งต่าง ๆ - เยอื่ หุม้ เซลล์ ทำหนา้ ท
ภายในเซลล์ ลำเลยี งสารเข้าและออก
- นิวเคลียส ทำหนา้ ท่คี ว
๗๕
ษาปที ี่ ๑
าสตร์.................ช้นั ......ม.๑............
นวนตัวชี้วดั .......๕๒...........ตัวชี้วัด ต่อปี
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู/้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชัว่ โมง) เกบ็
นของสิ่งมีชวี ติ สิง่ มีชวี ติ บางชนิดมี หนว่ ยของส่ิงมชี ีวติ ๑๒
ช่น อะมีบา พารามีเซยี ม ยสี ต์ บาง ๑. เซลล์ของส่ิงมชี ีวิต
พชื สตั ว์
บทง้ั ในเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ และ -ประเภทของสง่ิ มชี ีวติ
ล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสง ไดแ้ ก่ เย่อื หุ้ม -กลอ้ งจุลทรรศน์
ะนิวเคลยี ส โครงสร้างท่ีพบในเซลล์ -โครงสรา้ งของเซลล์
ว์ ไดแ้ ก่ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์
เซลล์มีหน้าทีแ่ ตกต่างกนั ๒. การลำเลียงสารเข้าและ
ออกจากเซลล์
ห้ความแข็งแรงแกเ่ ซลล์ -การแพร่
ทีห่ ่อหุ้มเซลลแ์ ละควบคุม การ -การออสโมซิส
กจากเซลล์
วบคุมการทำงานของเซลล์
สาระ มาตรฐาน ตัวชีว้ ัด สาระกา
- ไซโทพลาซึม มีออร์แก
- แวควิ โอล ทำหน้าทเี่ ก
- ไมโทคอนเดรีย ทำหน
เพ่อื ใหไ้ ด้พลงั งานแก่เซล
- คลอโรพลาสต์ เปน็ แห
๓. อธบิ าย - เซลล์ของสงิ่ มชี วี ติ มรี ปู
ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ความเหมาะสมกบั หนา้ ท
รปู รา่ ง กับการทำ ส่วนใหญ่ มีเสน้ ใยประส
หน้าท่ขี องเซลล์ ประสาทไปยังเซลลอ์ ืน่ ๆ
เปน็ เซลล์ผิวของราก ที่ม
ออกมา ลักษณะคลา้ ยข
ดดู น้ำและธาตุอาหาร
๔. อธิบายการ - พชื และสตั ว์เป็นสิง่ มีช
จดั ระบบของสิง่ มชี ีวิต เร่มิ จากเซลลไ์ ปเป็นเนือ้
โดยเรมิ่ จาก เซลล์ สงิ่ มีชวี ติ ตามลำดับ เซล
๗๖
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
กเนลล์ทีท่ ำหนา้ ท่แี ตกตา่ งกัน เกบ็
กิจกรรม (ช่วั โมง)
กบ็ นำ้ และสารต่าง ๆ
น้าท่ีเกี่ยวกับการสลายสารอาหาร
ลล์
หลง่ ทเ่ี กดิ การสงั เคราะห์ ด้วยแสง
ปร่าง ลกั ษณะ ที่หลากหลาย และมี
ทขี่ องเซลลน์ ้นั เชน่ เซลลป์ ระสาท
สาทเป็น แขนงยาว นำกระแส
ๆ ท่ี อยู่ไกลออกไป เซลล์ขนราก
มผี นังเซลลแ์ ละเย่อื หุ้มเซลลย์ นื่ ยาว
ขนเสน้ เลก็ ๆ เพ่ือเพิม่ พ้ืนทีผ่ วิ ใน การ
ชวี ติ หลายเซลล์มีการจัด ระบบ โดย
อเย่ือ อวยั วะ ระบบอวยั วะ และ
ลลห์ ลาย เซลลม์ ารวมกนั เป็นเนื้อเยื่อ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระกา
เน้ือเยอ่ื อวัยวะ ระบบ เนอื้ เย่ือหลายชนิดมา รว
อวยั วะ จนเป็น อวยั วะต่าง ๆ ทำงานรว่
สิ่งมชี ีวิต ทกุ ระบบทำงานร่วมกัน
๕. อธบิ ายกระบวน - เซลลม์ กี ารนำสารเขา้ ส
การแพร่และออสโมซสิ ของเซลล์ และมีการขจดั
จาก หลักฐานเชงิ ออกนอกเซลล์ การนำส
ประจกั ษ์ และ เช่น การแพร่ เป็นการเค
ยกตวั อย่างการแพร่ เข้มขน้ ของสารสงู ไปสบู่
และออสโมซิสใน สว่ นออสโมซิส เปน็ การ
ชีวติ ประจำวนั ดา้ นทม่ี คี วามเข้มข้นของ
เข้มข้นของ สารละลายส
๖. ระบุปัจจัยท่จี ำเปน็ - กระบวนการสังเคราะ
ในการสงั เคราะห์ดว้ ย โรพลาสต์ จำเป็นตอ้ งใช
แสง และผลผลิตท่ี คลอโรฟิลล์ และน้ำ ผล
เกิดขนึ้ จากการ แสง ได้แก่ น้ำตาลและ
สงั เคราะห์ดว้ ยแสง
โดยใช้หลกั ฐานเชงิ
๗๗
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เนอ้ื หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชัว่ โมง) เกบ็
วมกันและทำงานรว่ มกันเปน็ อวัยวะ
วมกนั เปน็ ระบบอวัยวะ ระบบอวยั วะ
นเปน็ สิ่งมชี ีวติ
สู่เซลล์ เพื่อใช้ในกระบวนการ ตา่ ง ๆ
ดสารบางอยา่ ง ท่ีเซลล์ไมต่ ้องการ
สารเข้า และออกจากเซลล์มีหลายวธิ ี
คล่ือนทข่ี องสารจากบริเวณท่ีมีความ
บรเิ วณที่มคี วามเข้มขน้ ของสารต่ำ
รแพรข่ องนำ้ ผา่ นเยือ่ หุ้มเซลล์ จาก
ง สารละลายต่ำไปยังด้านทม่ี ีความ
สงู กว่า
ะห์ดว้ ยแสงของพืชที่เกดิ ขึน้ ใน คลอ การดำรงชวี ิตของพืช ๒๒
ช้แสง แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
ลผลิตที่ได้จาก การสงั เคราะหด์ ้วย ๑. การสังเคราะห์ดว้ ยแสง
แก๊สออกซิเจน
-กระบวนการสงั เคราะห์
ด้วยแสง
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระกา
ประจักษ์
๗. อธิบายความสำคญั - การสังเคราะหด์ ้วยแส
ของการสังเคราะหด์ ว้ ย ส่งิ มชี วี ติ เพราะเป็นกระ
แสง ของพืชตอ่ พลังงานแสงมาเปล่ยี นเป
สงิ่ มชี ีวิตและ อนิ ทรยี ์และเกบ็ สะสมใน
ส่ิงแวดล้อม พชื พืชจงึ เปน็ แหล่ง อา
๘. ตระหนกั ในคุณคา่ ส่ิงมชี ีวติ อนื่ นอกจากนี้
ของพืชทีม่ ตี ่อสง่ิ มีชีวติ เปน็ กระบวน การหลักใ
และ สิง่ แวดลอ้ ม โดย บรรยากาศ เพอ่ื ใหส้ ่งิ มีช
การรว่ มกนั ปลกู และ
ดแู ลรกั ษา ตน้ ไม้ใน
โรงเรียนและชมุ ชน
๗๘
ารเรยี นร้แู กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เนอื้ หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชว่ั โมง) เกบ็
-ปจั จัยท่สี ำคัญต่อ
กระบวนการสังเคราะห์
ด้วยแสง
สง เปน็ กระบวนการทส่ี ำคัญ ต่อ ๒. การลำเลยี งสารในพืช
ะบวนการเดยี ว ท่ีสามารถนำ -การลำเลยี งน้ำและแร่
ปน็ พลังงาน ในรูปสารประกอบ ธาตุ
นรูปแบบ ต่าง ๆ ในโครงสร้างของ
าหารและพลังงานท่ีสำคัญของ -การลำเลียงอาหาร
กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงยงั ๓. การเจรญิ เตบิ โตของพชื
ในการสร้างแกส๊ ออกซิเจนให้กับ
ชวี ติ อ่ืน ใช้ในกระบวนการ หายใจ ๔. การสบื พนั ธ์ุของพชื
-การสืบพันธุ์แบบไม่
อาศยั เพศของพชื
-การสืบพันธแุ์ บบอาศยั
เพศของพชื
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ดั สาระกา
๙. บรรยายลักษณะ - พชื มีไซเล็มและโฟลเอ
และหน้าทขี่ องไซเลม็ ทอ่ เรียงตัวกันเปน็ กลุ่ม
และ โฟลเอม็ นำ้ และธาตอุ าหาร มีทิศ
และ สว่ นต่าง ๆ ของพชื
๑๐. เขยี นแผนภาพท่ี รวมถงึ กระบวนการอ่ืนๆ
บรรยายทศิ ทาง การ อาหารที่ไดจ้ ากการสงั เค
ลำเลยี งสารในไซเลม็ บรเิ วณทีม่ ีการสังเคราะห
และโฟลเอ็ม ของพชื
๑๑. อธิบายการ - พชื ดอกทุกชนดิ สามาร
สืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศ บางชนดิ สามารถสืบพนั
และ ไม่อาศัยเพศของ - การสบื พันธ์ุแบบอาศัย
พชื ดอก กันของสเปิร์มกับเซลลไ์
๑๒. อธบิ ายลกั ษณะ พืชดอกเกดิ ขึ้นทดี่ อก โด
โครงสรา้ งของดอกทม่ี ี ผมู้ ีเรณู ซ่ึงทำหนา้ ที่ สร
ส่วน ทำใหเ้ กดิ การถ่าย เกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบ
เรณู รวมทั้งบรรยาย -การสืบพนั ธ์แุ บบไม่อาศ
การปฏสิ นธิของพชื ใหมไ่ ม่ได้เกิดจากการปฏ
๗๙
ารเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรยี นร/ู้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
กจิ กรรม (ชั่วโมง) เกบ็
อ็ม ซ่ึงเปน็ เน้อื เยื่อ มลี กั ษณะคล้าย
มเฉพาะที่ โดยไซเลม็ ทำหน้าท่ีลำเลียง
ศทางลำเลียงจากรากไปสลู่ ำตน้ ใบ
ช เพื่อใชใ้ นการสังเคราะหด์ ้วยแสง
ๆ สว่ นโฟลเอ็มทำหน้าท่ี ลำเลียง
คราะห์ด้วยแสง มีทศิ ทางลำเลยี งจาก
ห์ด้วย แสงไปสสู่ ว่ นตา่ งๆ ของพืช
รถสบื พนั ธ์ุแบบอาศยั เพศได้ และ
นธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศได้
ยเพศเป็นการสืบพันธท์ุ ่ีมีการ ผสม
ไข่ การสืบพนั ธุ์ แบบอาศัยเพศของ
ดยภายใน อบั เรณูของสว่ นเกสรเพศ
รา้ งสเปิร์ม ภายในออวุลของสว่ น
บริโอ ทำหนา้ ทส่ี รา้ งเซลล์ไข่
ศยั เพศ เป็นการสบื พันธุ์ท่ีพืช ต้น
ฏสิ นธริ ะหว่างสเปริ ์ม กบั เซลลไ์ ข่ แต่
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระกา
ดอก การเกิดผลและ เกดิ จากส่วนตา่ งๆ ของพ
เมล็ด การกระจาย เจรญิ เติบโตและพฒั นาข
เมลด็ และการงอกของ
เมล็ด
๑๓. ตระหนกั ถงึ -การถา่ ยเรณู คือ การเค
ความสำคญั ของสตั ว์ที่ ยอดเกสรเพศเมีย ซงึ่ เกี่ย
ชว่ ยในการ ถา่ ยเรณู ของดอก เชน่ สีของกลีบ
ของพชื ดอก โดยการไม่ เกสรเพศ เมีย โดยมสี ่งิ ท
ทำลายชีวติ ของสัตวท์ ่ี - การถ่ายเรณจู ะนำไปส
ชว่ ยในการถา่ ยเรณู เอม็ บรโิ อภายในออวุล ห
เอนโดสเปริ ม์ ไซโกตจะพ
พัฒนาไปเป็นเมล็ด และ
- ผลและเมล็ดมีการกระ
ตา่ งๆ เมื่อเมลด็ ไปตกใน
การงอกของเมล็ด โดยเอ
ออกมา โดยระยะแรก จ
๘๐
ารเรยี นรูแ้ กนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
พชื เช่น ราก ลำตน้ ใบ มีการ กิจกรรม (ช่วั โมง) เกบ็
ข้นึ มา เปน็ ตน้ ใหม่ได้
คล่ือนยา้ ยของเรณจู ากอับเรณูไปยงั
ยวข้องกบั ลกั ษณะและโครงสร้าง
บดอก ตำแหน่งของเกสรเพศผแู้ ละ
ทชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณู เชน่ แมลง ลม
สู่การปฏสิ นธิ ซึง่ จะเกดิ ข้ึนที่ ถงุ
หลงั การปฏิสนธจิ ะได้ ไซโกต และ
พัฒนาต่อไป เป็นเอม็ บรโิ อ ออวุล
ะรังไข่ พฒั นาไปเปน็ ผล
ะจายออกจากต้นเดิม โดย วิธีการ
นสภาพแวดล้อมท่ี เหมาะสมจะเกิด
อม็ บริโอ ภายในเมลด็ จะเจรญิ
จะอาศัยอาหารทส่ี ะสมภายในเมล็ด
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระกา
จนกระท่ัง ใบแท้พัฒนา
เต็มที่ และสรา้ งอาหารไ
๑๔. อธิบายความ - พชื ต้องการธาตุอาหาร
สำคญั ของธาตอุ าหาร เจรญิ เตบิ โตและการดำร
บางชนิดทม่ี ีผลต่อการ -พชื ต้องการธาตอุ าหารบ
เจรญิ เตบิ โต และการ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โ
ดำรงชวี ติ ของพืช และกำมะถัน ซงึ่ ในดินอ
๑๕. เลอื กใชป้ ยุ๋ ท่ีมีธาตุ การเจรญิ เติบโตของพืช
อาหารเหมาะสมกับพืช ของป๋ยุ กับพืชอยา่ งเหมา
ในสถานการณท์ ี่
กำหนด
๑๖. เลอื กวิธกี าร - มนุษยส์ ามารถนำความ
ขยายพันธ์ุพืชให้ และไมอ่ าศยั เพศ มาใชใ้
เหมาะสมกบั ความ เช่น การใช้เมล็ด ท่ไี ด้จา
ตอ้ งการของมนุษย์ เพาะเลี้ยง วธิ ีการนจี้ ะได
โดยใชค้ วามรู้ เกีย่ วกับ ลักษณะ ทแี่ ตกต่างไปจา
๘๑
ารเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นร/ู้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
เกบ็
า จนสามารถสงั เคราะหด์ ้วยแสงได้ กจิ กรรม (ชั่วโมง)
ไดเ้ องตามปกติ
รทจ่ี ำเปน็ หลายชนิดในการ
รงชวี ติ
บางชนดิ ในปรมิ าณมาก ไดแ้ ก่
โพแทสเซียม แคลเซยี ม แมกนเี ซยี ม
อาจมีไมเ่ พยี งพอ สำหรบั
ช จึงตอ้ งมีการให้ ธาตุอาหารในรปู
าะสม
มรเู้ ร่อื งการสบื พนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศ
ในการ ขยายพนั ธ์เุ พ่ือเพิ่มจำนวนพืช
ากการสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศมา
ด้พืชในปรมิ าณมาก แต่อาจมี
ากพ่อแม่ สว่ นการตอนกงิ่ การปักชำ
สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระกา
การสบื พันธขุ์ องพืช การต่อกิ่ง การติดตา กา
เปน็ การนำความรู้เรื่องก
๑๗. อธบิ ายความ พชื มาใช้ในการขยายพัน
สำคญั ของเทคโนโลยี ตน้ เดมิ ซึง่ การขยายพนั
การเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ่ื ควรเลือกให้ เหมาะสมก
พืชในการใชป้ ระโยชน์ คำนึงถงึ ชนดิ ของพชื และ
ด้านตา่ ง ๆ
- เทคโนโลยีการเพาะเล
๑๘. ตระหนกั ถงึ เก่ียวกับปจั จัยทจี่ ำเป็นต
ประโยชน์ของการ การเพ่ิมจำนวนพืช และ
ขยายพันธ์ุพืช โดยการ หลอดทดลอง ซ่งึ จะได้ พ
นำความรไู้ ปใช้ใน สามารถนำ เทคโนโลยีก
ชีวติ ประจำวนั เพ่ือการอนรุ ักษ์พนั ธุกรร
ความสำคัญทางเศรษฐก
พชื และอ่นื ๆ
๘๒
ารเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ช่วั โมง) เกบ็
ารทาบกิ่ง การเพาะเล้ยี ง เน้ือเยื่อ
การสืบพนั ธ์ุแบบ ไม่อาศัยเพศของ
นธุ์ เพื่อให้ได้พืชท่ีมีลักษณะเหมือน
นธุ์ แตล่ ะวิธี มขี ้ันตอนแตกต่างกัน จึง
กับความตอ้ งการของมนุษย์ โดยต้อง
ะลักษณะการสืบพันธขุ์ องพืช
ล้ียงเน้ือเยอ่ื พืช เป็นการนำ ความรู้
ต่อการเจรญิ เตบิ โต ของพชื มาใชใ้ น
ะทำให้พืช สามารถเจริญเตบิ โตไดใ้ น
พชื จำนวนมากในระยะเวลาสัน้ และ
การเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่อื มาประยุกต์
รมพืช ปรับปรุงพันธ์ุพืช ทม่ี ี
กิจ การผลิตยาและ สาระสำคัญใน
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระกา
สาระท่ี ๒ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจ ๑. อธิบายสมบตั ทิ าง - ธาตุแต่ละชนิดมสี มบัต
วทิ ยา- สมบัติของสสาร องค์ กายภาพบางประการ บางประการเหมือนกนั แ
ศาสตร์ ประกอบของสสาร ของ ธาตโุ ลหะ อโลหะ นำมาจดั กลุ่มธาตุ เปน็ โล
กายภาพ ความสัมพันธ์ระหวา่ ง และก่ึงโลหะ โดยใช้ มีจดุ เดือด จุดหลอมเหล
สมบัตขิ องสสารกับ หลกั ฐาน เชิงประจักษ์ ไฟฟ้า ดงึ เป็นเสน้ หรือตเี
โครงสรา้ งและแรงยึด ทไี่ ดจ้ ากการสังเกตและ หนาแนน่ ท้งั สูงและตำ่ ธ
เหนย่ี วระหวา่ งอนุภาค การทด สอบ และใช้ หลอมเหลวตำ่ มีผิวไม่ม
หลักและธรรมชาติ ของ สารสน เทศทไ่ี ด้จาก เปราะ แตกหักง่าย และ
การเปลย่ี นแปลงสถานะ แหล่ง ข้อมลู ตา่ ง ๆ สมบัติ บางประการเหม
ของสสาร การเกดิ รวมทงั้ จดั กลมุ่ ธาตุเป็น เหมอื นอโลหะ
สารละลาย และการ โลหะ อโลหะ และ กึง่
เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี โลหะ
๒. วเิ คราะหผ์ ลจาก - ธาตโุ ลหะ อโลหะ และ
การใชธ้ าตโุ ลหะอโลหะ จัดเป็นธาตกุ มั มันตรังสี
๘๓
ารเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นร/ู้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน
เกบ็
กิจกรรม (ชัว่ โมง)
ตเิ ฉพาะตวั และมีสมบัติ ทางกายภาพ สารรอบตวั ๒๖
และ บางประการต่างกนั ซ่ึงสามารถ ๑. สารและการจำแนกสาร
ลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะ
ลวสงู มีผวิ มันวาว นำความรอ้ น นำ -สมบัตขิ องสาร
เปน็ แผ่นบาง ๆ ได้ และ มีความ -การจำแนกสาร
ธาตุอโลหะ มีจุดเดอื ด จดุ
มันวาว ไม่นำความรอ้ น ไม่นำไฟฟ้า ๒. การเปลย่ี นแปลงของ
ะมีความหนาแนน่ ต่ำ ธาตกุ งึ่ โลหะมี สาร
มือนโลหะ และสมบัติบางประการ ๓. สารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม
-สารบรสิ ุทธิ์
-สารผสม
-สมบตั ิของสารบริสทุ ธ์ิ
และสารผสม
ะกงึ่ โลหะ ท่สี ามารถแผร่ ังสไี ด้
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระกา
ก่ึงโลหะ และธาตุ
กัมมนั ตรังสี ที่มตี ่อ
สงิ่ มีชีวิตสิ่งแวดลอ้ ม
เศรษฐกจิ และสงั คม
จากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้
๓. ตระหนักถงึ คุณคา่ - ธาตมุ ที ัง้ ประโยชน์และ
ของการใช้ธาตโุ ลหะ
อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตกุ ัม
กมั มนั ตรังสี โดยเสนอ ตอ่ สิง่ มีชวี ติ สง่ิ แวดลอ้ ม
แนวทาง การใช้ธาตุ
อย่างปลอดภัย คมุ้ คา่
๔. เปรียบเทียบจดุ - สารบรสิ ุทธป์ิ ระกอบด
เดอื ด จุดหลอมเหลว ประกอบด้วยสารตัง้ แต่
ของสารบริสุทธิ์ และ ชนดิ มีสมบตั ิบางประกา
สารผสม โดยการวัด และ จุดหลอมเหลวคงท
อณุ หภมู ิ เขียนกราฟ หลอมเหลวไม่คงท่ี ขน้ึ อ
๘๔
ารเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ช่วั โมง) เกบ็
ะโทษ การใช้ธาตุโลหะ
มมนั ตรังสี ควรคำนึงถงึ ผลกระทบ
ม เศรษฐกิจ และสงั คม
ด้วยสารเพียงชนิดเดียว สว่ นสารผสม
๒ ชนิด ขน้ึ ไป สารบริสุทธ์แิ ต่ละ
าร ทีเ่ ป็นค่าเฉพาะตวั เชน่ จุดเดือด
ที่ แต่สารผสมมีจดุ เดือด และจุด
อย่กู ับชนิดและ สัดส่วนของสารท่ี
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระกา
แปลความหมายขอ้ มูล ผสมอยู่ด้วยกนั
จากกราฟ หรอื
สารสนเทศ
๕. อธิบายและ - สารบรสิ ุทธแิ์ ต่ละชนิด
เปรียบเทียบความ หน่วยปรมิ าตรคงท่ี เป็น
หนาแน่นของ สาร และอุณหภมู หิ นึง่ แต่สา
บรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสม กับชนิด และสัดสว่ นขอ
๖. ใช้เครือ่ งมือเพื่อวดั
มวลและปรมิ าตรของ
สารบรสิ ุทธิ์และสาร
ผสม
๗. อธบิ ายเกีย่ วกับ -สารบริสุทธแิ์ บง่ ออกเป
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ประกอบด้วยอนภุ าคทีเ่
อะตอม ธาตุ และ เรียกวา่ อะตอม ธาตุแต
สารประกอบ โดยใช้ ชนิดเดยี วและไม่ สามาร
แบบจำลอง และ ทางเคมี ธาตเุ ขียนแทนด
๘๕
ารเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชั่วโมง) เกบ็
ดมคี วามหนาแน่น หรอื มวลตอ่ หนงึ่
นค่าเฉพาะ ของสารนนั้ ณ สถานะ
ารผสมมคี วามหนาแนน่ ไม่คงทีข่ ้นึ อยู่
องสารท่ีผสมอย่ดู ้วยกนั
ป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุ
เล็กทส่ี ุดทยี่ งั แสดง สมบัติของธาตนุ ั้น
ต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพียง
รถแยกสลายเป็นสารอนื่ ไดด้ ้วยวธิ ี
ด้วยสัญลกั ษณ์ธาตุ สารประกอบ
สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระกา
สารสนเทศ เกิดจากอะตอมของธาต
เคมใี นอตั ราสว่ นคงท่ี มสี
องค์ประกอบ สามารถ แ
และสารประกอบสามาร
๘. อธิบายโครงสร้าง -อะตอมประกอบด้วยโป
อะตอมท่ีประกอบด้วย โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบว
โปรตอน นวิ ตรอน โปรตอนเท่ากนั และเปน็
และอเิ ล็กตรอน โดยใช้ กลางทางไฟฟา้ สว่ นอิเล
แบบจำลอง อะตอม มจี ำนวนโปรตอ
กลางทางไฟฟา้ โปรตอน
อะตอมเรียกว่า นิวเคลยี
ทีว่ า่ งรอบนิวเคลยี ส
๙. อธบิ ายและ -สสารทุกชนดิ ประกอบด
เปรยี บเทยี บการ มสี ถานะของแข็ง ของเห
จดั เรียงอนภุ าค แรงยึด แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ ง อ
เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค แตกต่างกนั ซึ่งมีผลต่อร
และการเคลือ่ นที่ ของ
๘๖
ารเรยี นรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนร/ู้ เนอ้ื หา/ เวลา คะแนน
กจิ กรรม (ชว่ั โมง) เกบ็
ตตุ งั้ แต่ ๒ ชนดิ ข้นึ ไป รวมตวั กันทาง
สมบตั ิ แตกตา่ งจากธาตุท่ีเป็น
แยกเป็นธาตุไดด้ ้วยวธิ ีทางเคมี ธาตุ
รถเขียนแทนไดด้ ว้ ยสูตรเคมี
ปรตอน นวิ ตรอน และ อิเล็กตรอน
วก ธาตุ ชนดิ เดยี วกันมจี ำนวน
น ค่าเฉพาะของธาตุนั้น นิวตรอนเปน็
ล็กตรอนมปี ระจุไฟฟ้าลบ เม่ือ
อนเทา่ กบั จำนวนอิเลก็ ตรอน จะเปน็
นและนวิ ตรอน รวมกนั ตรงกลาง
ยส ส่วนอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่ใน
ด้วยอนภุ าค โดยสาร ชนดิ เดียวกนั ที่
หลว แก๊ส จะมีการจัดเรียงอนภุ าค
อนภุ าค การเคล่ือนท่ีของอนุภาค
รูปรา่ งและปรมิ าตรของสสาร
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ดั สาระกา
อนภุ าคของสสารชนดิ - อนภุ าคของของแขง็ เร
เดียวกนั ในสถานะ อนภุ าคมากที่สดุ อนภุ า
ของแข็ง ของเหลว ปรมิ าตรคงที่
และแกส๊ โดยใช้
แบบจำลอง -อนุภาคของของเหลวอ
อนุภาคนอ้ ยกว่าของแข
ไดแ้ ต่ไม่เป็นอสิ ระเท่าแก
ปริมาตรคงที่
-อนุภาคของแกส๊ อยหู่ ่าง
อนุภาคนอ้ ยทีส่ ุด อนภุ า
ทำให้มรี ูปร่างและปรมิ า
๑๐. อธบิ าย -ความร้อนมีผลต่อการเป
ความสัมพันธร์ ะหว่าง รอ้ นแก่ของแข็ง อนภุ าค
พลงั งานความร้อนกับ อุณหภูมิเพม่ิ ข้ึนจนถงึ ระ
การเปลย่ี นสถานะ ของ ในการเปลี่ยนสถานะ เป
สสาร โดยใชห้ ลกั ฐาน การเปล่ียน สถานะจาก
เชงิ ประจกั ษ์และ แฝง ของการหลอมเหลว
๘๗
ารเรียนรูแ้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู/้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
เกบ็
รยี งชิดกนั มีแรงยดึ เหน่ยี ว ระหว่าง กจิ กรรม (ชัว่ โมง)
าคสน่ั อยกู่ ับที่ ทำให้มีรปู ร่างและ
อยู่ใกล้กนั มีแรงยดึ เหนีย่ ว ระหว่าง
ขง็ แต่มากกวา่ แก๊ส อนุภาคเคล่ือนที่
กส๊ ทำให้ มีรปู รา่ งไม่คงท่ี แต่
งกนั มาก มแี รงยดึ เหนย่ี ว ระหว่าง
าคเคลื่อนท่ไี ด้ อยา่ งอสิ ระทุกทิศทาง
าตร ไม่คงท่ี
ปล่ยี นสถานะของสสาร เม่ือใหค้ วาม
คของของแข็ง จะมีพลงั งานและ
ะดับหน่งึ ซึ่งของแข็งจะใช้ความรอ้ น
ป็นของเหลว เรียกความรอ้ นทใี่ ช้ใน
กของแข็งเป็นของเหลววา่ ความรอ้ น
ว และอณุ หภูมขิ ณะเปล่ยี นสถานะ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระกา
แบบจำลอง จะคงท่ี เรียกอุณหภมู ิน้ีว
- เม่ือใหค้ วามร้อนแก่ขอ
พลังงานและอุณหภมู ิเพ
จะใชค้ วามร้อนในการเป
รอ้ นที่ใชใ้ นการเปลีย่ นส
ความร้อนแฝงของการก
เปลี่ยนสถานะ จะคงท่ีเร
- เมื่อทำให้อณุ หภูมิของ
เปลย่ี นสถานะเปน็ ของเห
ควบแน่น ซ่งึ มีอุณหภมู เิ
- เมื่อทำให้อณุ หภูมิของ
ของเหลวจะเปลยี่ นสถา
จุดเยอื กแข็ง ซึง่ มีอุณหภ
ของแข็งนน้ั
๘๘
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หน่วยการเรยี นร/ู้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน
ว่า จุดหลอมเหลว
กิจกรรม (ชั่วโมง) เกบ็
องเหลว อนภุ าคของของเหลว จะมี
พิ่มขึ้นจนถึงระดับหนงึ่ ซ่ึงของเหลว
ปลี่ยนสถานะ เปน็ แก๊ส เรยี กความ
สถานะ จากของเหลวเป็นแก๊สว่า
กลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะ
รยี กอุณหภูมนิ ว้ี ่า จดุ เดอื ด
งแกส๊ ลดลงจนถงึ ระดบั หน่ึง แก๊สจะ
หลว เรียกอุณหภูมิ นีว้ ่า จุด
เดยี วกับจุดเดอื ด ของของเหลวนนั้
งของเหลวลดลงจนถึง ระดบั หนึง่
านะเป็นของแขง็ เรยี กอุณหภมู นิ ี้ว่า
ภมู ิ เดียวกบั จุดหลอมเหลวของ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วดั สาระกา
สาระที่ ๒ มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจ ๑. สร้างแบบจำลองที่ - เมอื่ วตั ถอุ ยู่ในอากาศจ
วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติของแรงใน อธบิ ายความ สมั พนั ธ์ ทุกทิศทาง แรงทีอ่ ากาศ
กายภาพ ชีวติ ประจำวนั ผลของแรง ระหว่าง ความดัน ของวตั ถนุ ัน้ แรงที่อากา
ท่ีกระทำต่อวตั ถุ ลกั ษณะ อากาศกบั ความสูงจาก หน่วยพืน้ ที่ เรยี กวา่ ควา
การเคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ พืน้ โลก
ของวตั ถุ รวมทง้ั นำ -ความดนั อากาศมคี วาม
ความรู้ไปใช้ประโยชน์ โดยบริเวณท่สี ูงจากพืน้ โ
อากาศน้อยลง ความดัน
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจ ๑. วเิ คราะห์ แปล -เมอ่ื สสารไดร้ บั หรือสูญ
ความหมายของพลังงาน
การเปลยี่ นแปลงและการ ความหมายข้อมูล และ เปล่ียนอณุ หภมู ิ เปลี่ยน
ถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งสสาร คำนวณ ปริมาณความ -ปริมาณความร้อนทที่ ำ
และพลงั งาน พลังงานใน รอ้ นท่ีทำใหส้ สาร ความรอ้ นจำเพาะ และอ
ชวี ิตประจำวันธรรมชาติ เปล่ียนอุณหภมู ิ และ
ของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่
เปล่ยี นสถานะ โดยใช้ -ปรมิ าณความร้อนท่ที ำ
สมการ ขึน้ กับมวลและความร้อ
๘๙
ารเรียนร้แู กนกลาง* หน่วยการเรยี นร้/ู เน้อื หา/ เวลา คะแนน
กจิ กรรม (ช่ัวโมง) เกบ็
จะมีแรงทอ่ี ากาศกระทำต่อ วตั ถุใน บรรยากาศ
ศกระทำตอ่ วัตถุ ข้นึ อยกู่ ับขนาดพืน้ ท่ี (หน่วยเดยี วกับ สาระท่ี ๓
าศ กระทำตั้งฉากกบั ผวิ วตั ถตุ ่อหนงึ่ มาตรฐาน ว ๓.๒)
ามดันอากาศ
มสมั พันธ์กับความสงู จากพืน้ โลก
โลกขึ้นไป อากาศเบาบางลง มวล
น อากาศก็จะลดลง
ญเสยี ความร้อนอาจทำให้ สสาร พลงั งานความรอ้ น ๒๑
นสถานะ หรือเปลย่ี น รูปร่าง ๑. อณุ หภูมแิ ละการวัด
ำใหส้ สารเปล่ียนอณุ หภมู ิ ขึ้นกับมวล - เคร่อื งมอื วัดอณุ หภมู ิ
อุณหภูมิ ท่ีเปล่ยี นไป - หนว่ ยวดั อุณหภูมิ
๒. ผลของความรอ้ นต่อ
ำให้สสารเปล่ยี นสถานะ การเปลีย่ นแปลงของสาร
อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่ สสาร
สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั สาระกา
เกีย่ วข้องกับเสียง แสง Q = mc∆t และ เปลยี่ นสถานะ อุณหภูม
และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า
รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ Q = mL
ประโยชน์
๒. ใช้เทอรม์ อมเิ ตอร์ใน
การวดั อุณหภูมิของ
สสาร
๓. สร้างแบบจำลองที่ - ความรอ้ นทำให้สสารข
อธบิ ายการขยายตัว สสารไดร้ ับความร้อนจะ
หรือ หดตวั ของสสาร เกดิ การขยายตวั แต่เม่ือส
เน่อื งจากได้รับหรือ เคลือ่ นทช่ี ้าลง ทำใหเ้ กิด
สญู เสีย ความรอ้ น
-ความรเู้ รอื่ งการหดและ
๔. ตระหนักถงึ
ประโยชนข์ องความรู้ เนือ่ งจากความร้อนนำไป
ของการหด และ การสรา้ งถนน การสรา้ ง
ขยายตวั ของสสาร
เน่ืองจากความรอ้ น
๙๐
ารเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
มจิ ะไม่เปลยี่ นแปลง กจิ กรรม (ช่วั โมง) เกบ็
- ผลของความร้อนต่อ
การขยายตัวหรือหดตัว
ของสาร
- ผลของความรอ้ นต่อ
การเปล่ยี นแปลงของ
อุณหภูมิของสสาร
ขยายตัวหรอื หดตวั ได้ เนอ่ื งจากเม่ือ - ผลของความรอ้ นท่ีมี
ะทำให้ อนภุ าคเคลื่อนทีเ่ ร็วข้นึ ทำให้ ผลตอ่ การเปลี่ยนสถานะ
สสารคายความร้อนจะทำให้อนุภาค ของสาร
ดการหดตวั ๓. สมดุลความร้อน
ะขยายตัวของสสาร ๔. การถ่ายโอนความร้อน
ปใช้ประโยชนไ์ ดด้ ้าน ต่าง ๆ เชน่ - การนำความร้อน
งรางรถไฟ การทำเทอร์มอมิเตอร์
-การพาความร้อน
-การแผร่ ังสคี วามร้อน
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระกา
โดยวิเคราะห์
สถานการณป์ ัญหา
และเสนอแนะ
วิธีการนำความร้มู า
แกป้ ัญหาใน
ชีวิตประจำวัน
๕. วเิ คราะห์ - ความร้อนถ่ายโอนจาก
สถานการณ์การถ่าย ที่มีอุณหภมู ติ ำ่ กว่าจนกร
โอนความรอ้ น และ เท่ากัน สภาพที่สสารท้ัง
คำนวณปรมิ าณความ สมดลุ ความรอ้ น
ร้อนทถี่ ่ายโอน ระหวา่ ง - เม่ือมกี ารถา่ ยโอนควา
สสารจนเกดิ สมดุล
ความรอ้ นโดยใช้ อุณหภูมติ ่างกนั จนเกิดส
สมการ ของสสารหนึ่งจะเท่ากบั
Qสูญเสยี = Qไดร้ ับ ซ่งึ เป็นไป ตามกฎการอน
๙๑
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร้/ู เนื้อหา/ เวลา คะแนน
กจิ กรรม (ชัว่ โมง) เกบ็
กสสารท่มี ีอุณหภูมสิ งู กวา่ ไปยังสสาร
ระทั่งอณุ หภมู ิ ของสสารทง้ั สอง
งสอง มอี ณุ หภมู เิ ท่ากนั เรยี กวา่
ามร้อนจากสสารทีม่ ี
สมดุลความร้อน ความร้อนทีเ่ พิม่ ข้นึ
บ ความร้อนทลี่ ดลงของอีกสสารหนึ่ง
นรุ ักษ์พลงั งาน
สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ัด สาระกา
สาระที่ ๓ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจ ๖. สรา้ งแบบจำลองที่ -การถ่ายโอนความร้อนม
วิทยาศาสตร์ องคป์ ระกอบและ อธิบายการถ่ายโอน พาความร้อน และ การแ
โลก และ ความสมั พันธ์ของระบบ ความรอ้ น โดยการนำ เป็นการถา่ ยโอน ความร
ความร้อน การพา ไมเ่ คลื่อนท่ี การพาความ
อวกาศ โลก กระบวนการ ความร้อน การแผร่ งั สี อาศยั ตวั กลาง โดยที่ตัวก
ความร้อน รงั สีความร้อน เป็นการถ
ตวั กลาง
๗. ออกแบบ เลือกใช้
และสร้างอุปกรณ์ เพื่อ -ความรู้เกยี่ วกับการถ่าย
แก้ ปญั หาใน ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำ
ชีวติ ประจำวนั โดยใช้ นำมาทำภาชนะบรรจุอา
ความรู้เก่ียวกับ การ ออกแบบระบบ ระบายค
ถ่ายโอนความร้อน
๑. สร้างแบบจำลองที่ - โลกมีบรรยากาศห่อห
อธบิ ายการแบ่งชัน้ องค์ประกอบของบรรยา
บรรยากาศ และ ออกเปน็ ช้นั ซง่ึ แบ่งได้ห
เปรียบเทียบประโยชน์ กัน โดยท่ัวไปนกั วิทยาศ
อณุ หภูมติ ามความสูง แ
๙๒
ารเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรียนร/ู้ เนอ้ื หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชว่ั โมง) เกบ็
มี ๓ แบบ คอื การนำความร้อน การ
แผ่รงั สีความรอ้ น การนำความร้อน
รอ้ นท่ีอาศัยตัวกลาง โดยทต่ี วั กลาง
มรอ้ นเปน็ การถา่ ยโอน ความร้อนที่
กลาง เคล่ือนท่ีไปดว้ ย สว่ นการแผ่
ถา่ ยโอนความร้อนท่ีไมต่ ้องอาศยั
ยโอนความรอ้ นสามารถ นำไปใช้
ำวันได้ เชน่ การเลอื กใช้วัสดเุ พื่อ
าหาร เพื่อเกบ็ ความร้อน หรอื การ
ความร้อนในอาคาร
หุ้ม นักวิทยาศาสตรใ์ ช้สมบตั ิ และ บรรยากาศ ๒๓
ากาศในการแบ่งบรรยากาศ ของโลก ๑. ชน้ั บรรยากาศ
หลายรูปแบบ ตามเกณฑ์ทีแ่ ตกตา่ ง
ศาสตร์ ใชเ้ กณฑ์การเปลีย่ นแปลง - องค์ประกอบของ
แบง่ บรรยากาศไดเ้ ปน็ ๕ ช้ัน ได้แก่
สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วดั สาระกา
เปลี่ยนแปลง ของบรรยากาศแต่ละชนั้ ชนั้ โทรโพสเฟียร์ ชั้นสต
ภายในโลกและบนผิวโลก โมสเฟียร์ และชั้นเอกโซ
ธรณพี บิ ัติภยั กระบวนการ - บรรยากาศแต่ละชนั้ ม
เปลย่ี นแปลง ลมฟ้าอากาศ โดยชัน้ โทรโพสเฟียรม์ ปี
และภมู ิอากาศโลก รวมทั้ง ต่อการดำรงชวี ติ ของสิ่งม
ผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และ ดูดกลนื รังสอี ลั ตราไวโอ
ส่ิงแวดลอ้ ม มากเกนิ ไป ชั้นมีโซสเฟีย
มา ใหเ้ กดิ การเผาไหมก้ ล
จะทำความเสียหายแกส่
สามารถสะท้อนคล่ืนวทิ
สำหรบั การโคจรของ ดา
๒. อธิบายปัจจยั ทีม่ ผี ล -ลมฟา้ อากาศ เปน็ สภาว
ตอ่ การเปลยี่ นแปลง หนึง่ ทมี่ ีการเปล่ยี นแปล
องคป์ ระกอบของลม ลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณ
ฟา้ อากาศ จากข้อมูล ความชื้น เมฆ และหยาด
๙๓
ารเรยี นรูแ้ กนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ชวั่ โมง) เกบ็
ตราโตสเฟยี ร์ ชนั้ มโี ซสเฟยี ร์ ชน้ั เทอร์
ซสเฟียร์ บรรยากาศ
มีประโยชนต์ อ่ ส่งิ มีชวี ติ แตกตา่ งกนั - การแบง่ ชนั้
ปรากฏการณ์ ลมฟ้าอากาศทส่ี ำคัญ บรรยากาศ
มีชีวิต ช้นั สตราโตสเฟยี ร์ชว่ ย
อเลต จากดวงอาทิตยไ์ มใ่ หม้ ายังโลก ๒. องค์ประกอบของ ลม
ยรช์ ่วยชะลอวตั ถนุ อกโลกท่ผี า่ นเข้า ฟา้ อากาศ
ลายเป็นวตั ถขุ นาดเลก็ ลดโอกาสท่ี
สงิ่ มีชีวติ บนโลก ช้นั เทอร์โมสเฟยี ร์ - อณุ หภูมิของอากาศ
ทยุ และ ช้นั เอกโซสเฟยี ร์เหมาะ
าวเทยี มรอบโลกในระดับตำ่ - ความดันอากาศ
- ความชืน้ ของอากาศ
- ลม
- การเกิดเมฆและฝน
วะของอากาศในเวลาหนงึ่ ของพื้นที่
ลงตลอดเวลา ข้นึ อย่กู ับองค์ประกอบ
ณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม
ดน้ำฟ้า โดยหยาดนำ้ ฟ้าท่ีพบบอ่ ย
สาระ มาตรฐาน ตวั ชวี้ ัด สาระกา
ทรี่ วบรวมได ในประเทศไทยได้แก่ ฝน
เปล่ยี นแปลงตลอดเวลา
รังสจี ากดวงอาทิตยแ์ ละ
ลกั ษณะพ้นื ผิวโลกส่งผล
อุณหภูมิอากาศและปริม
กดอากาศสง่ ผลต่อลม ค
๓. เปรยี บเทยี บ - พายุฝนฟ้าคะนอง เกิด
กระบวนการเกิดพายุ ความช้นื สงู เคล่ือนที่ข้ึนส
ฝนฟ้าคะนอง และพายุ จนกระท่งั ไอน้ำ ในอากา
หมนุ เขตรอ้ น และผลที่ และ เกดิ ต่อเน่ืองเป็นเม
มีตอ่ สิง่ มชี วี ิต และ ให้เกิดฝนตกหนัก ลมกร
สิ่งแวดลอ้ ม รวมท้ัง ก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี
นำเสนอแนวทางการ - พายหุ มนุ เขตร้อนเกิดเ
ปฏบิ ัตติ นให้เหมาะสม อุณหภมู ิสูงต้งั แต่ ๒๖-๒
และปลอดภยั อากาศที่มีอุณหภูมิและค
สูงขึน้ อยา่ งรวดเรว็ เปน็
๙๔
ารเรียนร้แู กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู้/เนื้อหา/ เวลา คะแนน
กจิ กรรม (ชวั่ โมง) เกบ็
น องค์ประกอบ ลมฟ้าอากาศ
าขึน้ อยู่กับปจั จัย ต่าง ๆ เชน่ ปรมิ าณ
ะ
ลตอ่ อุณหภูมิอากาศ
มาณไอนำ้ ส่งผลต่อ ความชน้ื ความ
ความชื้น และลมส่งผลต่อเมฆ
ดจากการทีอ่ ากาศที่มี อุณหภมู ิและ บรรยากาศ ๒ ๑๖
สู่ระดับ ความสงู ท่ีมีอุณหภมู ติ ่ำลง ๑. ความแปรปรวนของลม
าศเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำ ฟา้ อากาศ
มฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง ทำ
รรโชกแรง ฟา้ แลบ ฟ้าผ่า ซงึ่ อาจ - พายฝุ น ฟ้า คะนอง
วติ และทรัพย์สิน - พายหุ มนุ เขตรอ้ น
๒. การพยากรณ์อากาศ
เหนอื มหาสมุทรหรอื ทะเล ทน่ี ้ำมี - เกณฑก์ ารรายงาน
๒๗ องศาเซลเซยี ส ข้นึ ไป ทำให้
ความชน้ื สงู บรเิ วณนนั้ เคล่อื นท่ี
บรเิ วณกว้าง อากาศจากบรเิ วณอน่ื
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ดั สาระกา
เคลือ่ นเขา้ มา แทนที่แล
ย่งิ ใกล้ศูนย์กลาง อากาศ
วงกลมและมีอัตราเร็วสูง
คลนื่ พายซุ ดั ฝงั่ ฝนตกห
ชวี ติ และทรพั ย์สนิ จงึ คว
ขา่ วสาร การพยากรณ์อ
เสี่ยงภัย
๔. อธบิ ายการ - การพยากรณอ์ ากาศเป
พยากรณอ์ ากาศ และ เกิดขนึ้ ในอนาคต โดยมีก
พยากรณ์ อากาศอย่าง อากาศ การส่ือสารแลก
งา่ ยจากข้อมูลท่ี อากาศระหว่างพ้นื ท่ี กา
รวบรวมได พยากรณ์อากาศ
๕. ตระหนักถงึ คุณคา่ - การพยากรณ์อากาศส
ของการพยากรณ์ ๆ เชน่ การใช้ชวี ติ ประจ
อากาศ โดยนำเสนอ
๙๕
ารเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนร้/ู เนื้อหา/ เวลา คะแนน
กิจกรรม (ช่วั โมง) เก็บ
ละพัดเวียนเขา้ หาศูนยก์ ลางของพายุ
ศจะเคลื่อนท่พี ดั เวียน เกือบเป็น พยากรณอ์ ากาศ
งทส่ี ดุ พายหุ มุน เขตร้อนทำใหเ้ กดิ
หนัก ซึ่งอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อ - แผนท่ีอากาศ
วรปฏิบัตติ นให้ปลอดภัยโดยติดตาม
อากาศ และไม่เขา้ ไปอยู่ในพน้ื ที่ ท่ี ๓. การเปล่ียนแปลง
ภมู อิ ากาศของโลก
- ปรากฎการณ์เรอื น
กระจก
- รโู หวโ่ อโซน
ปน็ การคาดการณ์ลมฟา้ อากาศ ท่จี ะ
การตรวจวัด องคป์ ระกอบลมฟา้
กเปล่ียน ขอ้ มูลองค์ประกอบลมฟา้
ารวเิ คราะหข์ ้อมูลและสรา้ งคำ
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ ดา้ นต่าง
จำวนั การคมนาคม การเกษตร การ
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระกา
แนวทางการปฏบิ ตั ิตน ป้องกนั และเฝ้าระวังภยั
และการใช้ ประโยชน์
จากคำพยากรณอ์ ากาศ
๖. อธิบายสถานการณ์ - ภูมอิ ากาศโลกเกดิ การ
และผลกระทบการ ปจั จัยทางธรรมชาติ แต
เปลีย่ นแปลง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนือ่
ภมู อิ ากาศโลกจาก ปลดปล่อยแกส๊ เรือนกระ
ข้อมลู ท่รี วบรวมได ท่ีถกู ปลดปล่อย มากทีส่
ซ่งึ หมนุ เวยี นอยใู่ นวฏั จัก
๗. ตระหนักถงึ - การเปลย่ี นแปลงภูมิอา
ผลกระทบของการ กระทบตอ่ สง่ิ มีชีวิตและ
เปลี่ยนแปลง ของน้ำแขง็ ข้ัวโลก การเ
ภมู อิ ากาศโลก โดย เปลย่ี นแปลงวฏั จักรน้ำ
นำเสนอแนวทางการ และการเกิด ภัยพิบตั ิทา
ปฏบิ ตั ติ น ภายใต้การ ควร เรียนร้แู นวทางการ
เปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศ ดงั กลา่ ว ท้ังแนวทางการ
๙๖
ารเรยี นรูแ้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
ยพบิ ัติ ทางธรรมชาติ
กจิ กรรม (ช่วั โมง) เกบ็
รเปล่ียนแปลงอย่างต่อเน่ือง โดย
ตป่ จั จบุ ันการเปล่ียนแปลง ภูมอิ ากาศ
องจากกิจกรรม ของมนุษย์ในการ
ะจกสู่ บรรยากาศ แกส๊ เรอื นกระจก
สุด ได้แก่ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
กรคารบ์ อน
ากาศโลกก่อให้เกิดผล
ะสง่ิ แวดล้อม เช่น การหลอมเหลว
เพ่ิมขึน้ ของระดับทะเล การ
การเกิดโรคอุบัติใหมแ่ ละอบุ ตั ิซำ้
างธรรมชาตทิ ีร่ ุนแรงข้ึน มนษุ ยจ์ งึ
รปฏบิ ัตติ นภายใตส้ ถานการณ์
รปฏบิ ัติตนใหเ้ หมาะสม และ
สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระกา
โลก แนวทางการลดกิจกรรม
ภูมิอากาศโลก
สาระท่ี ๔ มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจ ๑. อธิบายแนวคดิ หลกั - เทคโนโลยี เป็นสงิ่ ทีม่ น
เทคโนโลยี เป็นไดท้ ัง้ ชน้ิ งานหรือวิธ
แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ของเทคโนโลยีใน ตอ้ งการ หรอื เพิ่มความส
เพ่ือการดำรงชีวติ ในสงั คม ชีวติ ประจำวนั และ - ระบบทางเทคโนโลยี เ
ท่มี ีการเปลีย่ นแปลง อย่าง วเิ คราะห์สาเหตหุ รอื ตง้ั แต่สองสว่ นข้ึนไปประ
เพอ่ื ให้บรรลวุ ัตถุประสง
รวดเร็ว ใช้ความรแู้ ละ ปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อการ เทคโนโลยจี ะประกอบไป
(process) และผลผลิต
ทกั ษะทางด้าน เปลยี่ นแปลงของ ระบบทางเทคโนโลยอี าจ
ใช้ปรับปรงุ การทำงานได
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยีช่ว
ทำงานของเทคโนโลยี ร
และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ เพื่อ เทคโนโลยที ำงานไดต้ าม
แกป้ ญั หาหรือพัฒนางาน -เทคโนโลยมี ีการเปลีย่ น
อย่างมีความคิดสร้างสรรค์
ด้วยกระบวนการออกแบบ
เชงิ วิศวกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อ
ชวี ติ สังคม และ
๙๗
ารเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นรู้/เนือ้ หา/ เวลา คะแนน
มท่ีส่งผลตอ่ การ เปลีย่ นแปลง
กิจกรรม (ชวั่ โมง) เกบ็
นษุ ยส์ รา้ งหรอื พัฒนาขนึ้ ซึง่ อาจ เทคโนโลยีกบั มนุษย์ ๕
ธีการ เพ่ือใช้แกป้ ญั หา สนองความ ๑. เทคโนโลยีคืออะไร
สามารถ ในการทำงานของมนุษย์
เป็นกลุ่มของส่วนตา่ งๆ - ความหมายของ
เทคโนโลยี
ะกอบเข้าดว้ ยกันและ ทำงานร่วมกนั - รูปแบบของเทคโนโลยี
งค์ โดย ในการทำงานของระบบทาง
ปดว้ ยตัวปอ้ น (input) กระบวนการ ๒. แนวคดิ หลกั ของ
(output) ที่สัมพนั ธ์กัน นอกจากนี้ เทคโนโลยี
จมีข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพ่ือ - การพฒั นาแนวทาง
ด้ตาม วตั ถุประสงค์ ซึ่งการวิเคราะห์ ปฏบิ ตั ิในการแก้ปญั หา
วยให้เขา้ ใจองค์ประกอบและ การ
รวมถึงสามารถ ปรบั ปรงุ ให้ - การตอบสนองความ
มต้องการ จำเป็นและความตอ้ งการ
นแปลงตลอดเวลาต้งั แต่อดีต จนถึง ของมนษุ ย์
สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั สาระกา
สิ่งแวดลอ้ ม
ปจั จุบัน ซ่ึงมสี าเหตหุ รือ
ปัญหา ความตอ้ งการ ค
เศรษฐกจิ สงั คม
๒. ระบปุ ญั หาหรอื -ปัญหาหรอื ความต้องกา
ความตอ้ งการใน บรบิ ทขึ้นกบั สถานการณ
ชวี ติ ประจำวัน อาหาร
รวบรวม วิเคราะห์
ขอ้ มูลและแนวคดิ ท่ี -การแก้ปญั หาจำเป็นตอ้
เก่ยี วขอ้ ง กบั ปญั หา ศาสตร์ตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวข้อ
ทางการแกป้ ัญหา
๓. ออกแบบวธิ ีการ - การวเิ คราะห์ เปรียบเ
แกป้ ัญหา โดย จำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เงื่อน
วเิ คราะห์ เปรียบเทียบ ได้แนวทางการแกป้ ญั ห
๙๘
ารเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน
เกบ็
อปัจจัยมาจาก หลายด้าน เช่น กิจกรรม (ชั่วโมง)
ความก้าวหน้า ของศาสตร์ต่าง ๆ
- ประเภทของเทคโนโลยี
๓. ระบบทางเทคโนโลยี
๔. ผลกระทบการ
เปลยี่ นแปลงของ
เทคโนโลยี
ารในชีวิตประจำวนั พบได้จากหลาย กระบวนการเทคโนโลยี ๕
ณ์ทป่ี ระสบ เช่น การเกษตร การ ๑. กระบวนการเทคโนโลยี
องสืบคน้ รวบรวมขอ้ มูล ความรู้จาก - ระบุปญั หาหรือความ
อง เพ่ือนำไปสู่ การออกแบบแนว ต้องการ
- รวบรวมข้อมูลท่ี
เกยี่ วข้องกับปญั หา
เทียบ และตดั สนิ ใจเลือกข้อมูล ท่ี - เลือกวิธีการแกป้ ญั หา
นไข และทรพั ยากร ท่ีมีอยู่ ช่วยให้ - ออกแบบวิธกี าร
หาทีเ่ หมาะสม
สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระกา
และตัดสนิ ใจเลือก - การออกแบบแนวทาง
ข้อมลู ที่จำเป็น เชน่ การรา่ งภาพ การเข
นำเสนอแนวทางการ - การกำหนดข้ันตอนแล
แก้ปญั หาใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ ดำเนินการแกป้ ญั หาจะช
วางแผนและ เปา้ หมายและลดขอ้ ผิดพ
ดำเนนิ การแกป้ ัญหา
๔. ทดสอบประเมินผล -การทดสอบ และประเม
และระบุข้อบกพร่อง ที่ หรอื วิธีการว่าสามารถแ
เกิดขึ้น พร้อมทั้งหา กรอบของปัญหา เพ่ือหา
แนวทางการปรับปรุง ปรับปรงุ โดยอาจทดสอ
แก้ไข และนำเสนอผล -การนำเสนอผลงานเป็น
การแก้ปัญหา เขา้ ใจเก่ียวกับกระบวนก
ได้ ซ่งึ สามารถทำได้ หล
แผ่นนำเสนอ ผลงาน กา