ทักษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ 46
ทำงวิทยำศำสตร์
ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
การลงความเหน็ จาก สามารถใช้ความร้หู รือ สามารถใชค้ วามรหู้ รือ สามารถใช้ความรหู้ รือ
ข้อมลู ประสบการณ์เดิมมาใช้ ประสบการณเ์ ดมิ มาใช้ ประสบการณ์เดิมมาใชอ้ ธบิ าย
อธบิ ายลักษณะของสง่ิ มีชีวติ อธบิ ายลักษณะของส่งิ มชี ีวติ ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ และ
และสงิ่ ไมม่ ีชวี ิตได้ด้วยตนเอง และส่งิ ไมม่ ชี วี ิตได้ โดยการ สิ่งไมม่ ชี วี ติ ไดบ้ างอย่าง ถึงแม้
จะได้รบั คาแนะนาจากครูหรือ
ชแี้ นะของครูหรือผอู้ น่ื ผู้อนื่
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรุง
47
แบบประเมนิ ดำ้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 4 สง่ิ มีชีวติ และสิ่งไม่มชี ีวิต (4)
ชอ่ื ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลครั้งท่…ี ……………….... วนั ที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดับพฤตกิ รรม
รวมคะแนนท่ไี ดท้ ัง้ หมด
1 มีวินยั เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 ใฝเ่ รยี นรู้
เกณฑก์ ำรประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์กำรตดั สิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
48
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 5
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 2
ภำคเรยี นท่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2564 รำยวิชำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว12101
หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 1 สิ่งมีชีวิต หน่วยย่อยที่ 1 สิง่ มีชีวติ และสง่ิ ไมม่ ชี ีวิต
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง ส่ิงมีชีวิตและสงิ่ ไม่มชี ีวติ (5) เวลำ 50 นำที
1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั
สำระที่ 1 วิทยำศำสตร์ชีวภำพ
มำตรฐำน มำตรฐำน ว 1.3
เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมท่ีมผี ลต่อส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ
รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.3 ป. 2/1 เปรยี บเทียบลักษณะของสงิ่ มชี ีวิตและสง่ิ ไม่มีชวี ติ จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
2. สำระสำคญั
สง่ิ มีชวี ิตมลี ักษณะแตกต่างจากสิง่ ไม่มชี วี ติ
3. จุดประสงค์
3.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K)
- เปรยี บเทยี บลักษณะของส่งิ มชี วี ติ และส่งิ ไม่มชี วี ติ
3.2 ด้ำนทักษะกระบวนกำร (P)
- จดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มูลเกยี่ วกับชือ่ ของสิง่ มชี ีวติ และส่ิงไม่มชี ีวิต
3.3 ด้ำนคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่ำนยิ ม (A)
- มีวนิ ัย
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สำระกำรเรียนรู้
ส่ิงมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากส่ิงไม่มีชีวิต คือ สิ่งมีชีวิตหายใจได้ กินอาหารได้ เติบโตได้
ขบั ถา่ ยได้ เคล่ือนไหวได้ด้วยตนเอง สืบพันธุ์ได้ และตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ แตส่ ่ิงไมม่ ีชวี ติ ไมม่ ลี กั ษณะ
ดังกลา่ ว
5. สมรรถนะของผู้เรียน
5.1 ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร
- นาเสนอลกั ษณะของส่งิ มชี ีวิตและสิง่ ไมม่ ชี วี ิต
49
5.2 ควำมสำมำรถในกำรคิด
- บอกช่ือของส่ิงมีชีวิตและสิง่ ไมม่ ีชีวิต และลักษณะของสงิ่ มีชวี ิตและส่ิงไม่มีชวี ิต
5.3 ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ
- การแกป้ ัญหาในการทางานกลมุ่ รว่ มกนั
5.4 ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวติ
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รียนรู้
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี ินัย
6.2 ใฝเ่ รยี นรู้
7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
ข้นั นำเขำ้ สู่บทเรียน (เวลำ 5 นำที)
1. ครูทบทวนความรู้ท่ีได้เรียนมาแล้วเกี่ยวกับลักษณะของส่ิงมีชีวิต โดยให้นักเรียนเล่มเกมส์เปิดภาพจาก
ส่อื สไลด์แล้วให้ทายว่าชื่ออะไร และบอกลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ เช่น อะไรเอ่ย คนสู้ไม่ได้ ว่ายน้าทั้งวัน
มคี รีบ มีหาง หายใจทางเหงอื ก (คาตอบคอื ปลา)
ข้นั สอน (เวลำ 40 นำที)
2. ครใู ช้สื่อสไลดค์ รใู ช้ส่อื สด์แจ้งจุดประสงค์ของกจิ กรรมในชวั่ โมงนใ้ี ห้นักเรยี นทราบอีกครัง้ วา่ ในชว่ั โมงน้ี
นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นร้เู ก่ยี วกบั เรื่อง ลกั ษณะของสงิ่ มีชวี ิตและสิ่งไม่มชี วี ิต
3. ครูชวนนกั เรียนทากิจกรรมท่ี 1 โดยให้นกั เรยี นอ่านวธิ ที าขอ้ ข้อ 5 หน้า 3 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจ
ของนักเรยี นเกยี่ วกบั ขั้นตอนการทากิจกรรม โดยใช้คาถามดงั น้ี
3.1 นักเรียนตอ้ งทาอะไร (นาเสนอชื่อของสง่ิ มชี วี ิตและส่งิ ไมม่ ีชีวิต)
3.2 นักเรียนต้องนาเสนออยา่ งไร (นาเสนอในรปู แบบทีน่ ่าสนใจ)
3.3 นกั เรยี นจะนาเสนอในรูปแบบทน่ี า่ สนใจอยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามท่ีคดิ )
4. ครูแนะนารูปแบบการนาเสนอชอ่ื ของสิ่งมีชวี ิตและส่ิงไม่มีชวี ิต เชน่ แสดงบทบาทสมมติ หรือตั้งคาถามอะไร
เอ่ย ทายชื่อส่ิงมชี วี ิต โดยใช้เวลาตามความเหมาะสม โดยครูอาจเตรียมบตั รภาพสิ่งมชี ีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตไว้
ใหก้ บั นักเรยี นเพ่ือใช้ในการนาเสนอ
5. เม่อื นักเรยี นเข้าใจ ครูให้นักเรียนร่วมกันคดิ และเลือกรูปแบบการนาเสนอชอื่ ของสง่ิ มชี ีวติ และสิ่งไม่มชี ีวติ
6. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชั้นเรยี น และร่วมกันอภิปรายความแตกต่าง
ระหวา่ งสงิ่ มชี ีวิตและสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ
7. ครใู ช้สอ่ื สไลด์ชวนนกั เรียนตอบคาถามหลังจากทากจิ กรรม หน้า 16-17 โดยให้นกั เรยี นรว่ มกันอ่านคาถาม
และนาเสนอคาตอบ โดยครูอาจใชก้ ารสุ่มเปน็ เลขท่ีหรือกลุ่ม จากนนั้ ลงความเห็นขอ้ มลู ที่ถูกต้องอีกคร้งั
แล้วนักเรียนบันทกึ คาตอบลงในใบงาน
50
ขั้นสรุป (เวลำ 5 นำที)
8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ที่ได้เรียนเก่ียวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต โดยใช้
สื่อสไลด์ สรุปได้ว่า สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต คือ สิ่งมีชีวิตหายใจได้ กินอาหารได้ เติบโต
ได้ ขับถ่ายได้ เคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง สืบพันธ์ุได้ และตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ แต่ส่ิงไม่มีชีวิตไม่มีลักษณะ
ดังกล่าว
8. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 ส่ือสไลด์ เรือ่ ง สง่ิ มีชีวิตและสิ่งไมม่ ีชีวติ (5)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 1 รไู้ หมว่า...สง่ิ มชี วี ิตแตกต่างจากส่ิงไมม่ ีชวี ติ อย่างไร หนา้ 3
8.3 ใบงาน 01 สง่ิ ตา่ ง ๆ ที่อยู่รอบตัว หน้า 16-17
8.4 บัตรภาพสงิ่ มชี ีวิตและส่งิ ไม่มีชีวติ
9. ชิน้ งำน/ภำระงำน
9.1 ตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม ในใบงาน หน้า 16-17
10. กำรวัดและประเมินผล
ประเด็นกำรประเมนิ วธิ กี ำร เครอื่ งมือ เกณฑ์กำรตดั สนิ
1) เปรียบเทียบลักษณะ สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
ของสง่ิ มชี ีวิตและ ช้นั เรยี นและในใบงาน คาถามในช้ันเรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
สิ่งไมม่ ีชวี ิต ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
2) จัดกระทาและสื่อ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมนิ ทกั ษะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
ความหมายข้อมลู ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
เกี่ยวกบั ชอื่ ของส่งิ มีชีวิต ทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
และสงิ่ ไมม่ ีชวี ติ
3) สงั เกตพฤตกรรมด้าน สังเกตดา้ นคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
มวี นิ ัยและใฝเ่ รียนรู้ อันพงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
อันพงึ ประสงค์ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
51
แบบประเมินกำรตอบคำถำมในช้นั เรียนและตรวจใบงำน
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 5 เร่อื ง สิ่งมีชีวติ และสิง่ ไม่มชี ีวติ (5)
ช่อื ผูป้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่…ี ……………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลุ่ม รำยกำรประเมนิ /ระดบั คะแนน รวมคะแนน
กำรตอบ กำรสรุป ควำมถูกต้อง (10 คะแนน)
คำถำมในชน้ั ควำมรู้ ครบถ้วนของ
เรียน (4) เน้อื หำในใบงำน
(4) (2)
เกณฑ์กำรประเมิน
ประเด็น 4 (ดีมำก) ระดับคณุ ภำพ 1 (ปรบั ปรุง) นำ้ หนัก คะแนน
กำรประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถาม 1.0 รวม
ไม่ถูกตอ้ ง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรียน ถกู ต้องท้ังหมด ถูกต้องเปน็ ถกู ต้องบางส่วน 4
ส่วนใหญ่ 2
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรคู้ วาม สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ 1.0
ความเข้าใจ เขา้ ใจเก่ยี วกับ เข้าใจเกย่ี วกับ เกย่ี วกับเรื่องท่ี
เกี่ยวกับเร่อื งที่ เรอื่ งท่ีศึกษาได้ เรือ่ งท่ีศึกษาได้ ศกึ ษาไม่ถกู ต้อง
ศกึ ษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางส่วน และไม่ครบถ้วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
เน้ือหาท่ีเขียนใน เน้ือหาท่เี ขียนใน 1.0
3. ความถูกต้อง เนื้อหาท่ีเขียนใน เน้ือหาท่ีเขียนใน ใบงานมคี วาม ใบงานไม่ถกู ต้อง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างสว่ น ถูกต้องเปน็
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ตามที่ สว่ นนอ้ ย
ตามทกี่ าหนด กาหนด
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
52
แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 5 ส่ิงมชี ีวิตและสิ่งไม่มชี วี ติ (5)
ช่อื ผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่อื -สกุล/กลมุ่ รำยกำรประเมนิ /ระดับคะแนน ผลกำรประเมนิ
กำรจัดกระทำและส่อื ควำมหมำยข้อมูล
(3)
เกณฑ์กำรประเมิน
ทกั ษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
การจดั กระทาและสือ่ สามารถนาเสนอขอ้ มลู เกีย่ วกับ
ความหมายข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอข้อมลู ชื่อของสง่ิ มีชวี ิตและส่งิ ไม่มชี วี ิต
และลกั ษณะของส่ิงมชี ีวิตและ
เกีย่ วกบั ชื่อของสงิ่ มีชีวติ และ เกยี่ วกบั ช่ือของสงิ่ มชี ีวิตและ สิ่งไม่มชี ีวติ ให้ผ้อู น่ื เขา้ ใจได้
บางอยา่ ง ถึงแมจ้ ะไดร้ ับ
ส่งิ ไมม่ ชี วี ิต และลักษณะของ สง่ิ ไม่มชี วี ติ และลักษณะของ คาแนะนาจากครหู รือผูอ้ ่ืน
สง่ิ มีชวี ติ และสิง่ ไม่มชี ีวิตให้ สิ่งมชี วี ติ และสงิ่ ไม่มชี ีวติ ให้
ผู้อนื่ เข้าใจไดง้ ่ายและชัดเจน ผอู้ ่นื เข้าใจไดง้ า่ ยและชัดเจน
ด้วยตนเอง โดยการชแี้ นะของครหู รือ
ผู้อนื่
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
53
แบบประเมนิ ดำ้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 5 สง่ิ มีชีวติ และสิ่งไม่มชี ีวิต (5)
ชอ่ื ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลครั้งท่…ี ……………….... วนั ที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดับพฤตกิ รรม
รวมคะแนนท่ไี ดท้ ัง้ หมด
1 มีวินยั เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 ใฝเ่ รยี นรู้
เกณฑก์ ำรประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์กำรตดั สิน
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
54
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ 6
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 2
ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว12101
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ 1 สง่ิ มชี ีวิต หน่วยยอ่ ยท่ี 1 สิ่งมีชีวติ และสงิ่ ไม่มชี ีวติ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 6 เรอื่ ง ส่ิงมีชีวิตและส่งิ ไม่มีชีวติ (6) เวลำ 50 นำที
1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชีว้ ดั
สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตรช์ วี ภำพ
มำตรฐำน มำตรฐำน ว 1.3
เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม
การเปลย่ี นแปลงทางพันธกุ รรมทีม่ ีผลต่อสิง่ มชี ีวติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและววิ ัฒนาการของส่งิ มชี วี ิต
รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.3 ป. 2/1 เปรียบเทยี บลกั ษณะของส่งิ มชี ีวติ และสิง่ ไมม่ ีชวี ติ จากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้
2. สำระสำคัญ
สิง่ มชี ีวติ มลี กั ษณะแตกตา่ งจากส่ิงไม่มีชวี ิต
3. จุดประสงค์
3.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K)
- เปรยี บเทียบลกั ษณะของส่ิงมีชวี ิตกบั สิ่งไม่มีชวี ติ
3.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P)
- ตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุปเกีย่ วกับลักษณะของสง่ิ มชี ีวิตและสิง่ ไม่มีชวี ติ
3.3 ด้ำนคุณลักษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A)
- ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต
- มีวินัย
4. สำระกำรเรียนรู้
ส่ิงมีชีวิตเช่น มนุษย์ มีลักษณะดังน้ี หายใจได้ กินอาหารได้ ขับถ่ายได้ เคล่ือนไหวได้ด้วยตนเอง
สืบพันธไุ์ ด้ และตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าได้ สว่ นส่ิงไมม่ ีชวี ติ เช่น ก้อนหนิ จะไม่มลี ักษณะดังกลา่ ว
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
5.1 ควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร
- ระบสุ ่งิ ที่เปน็ ส่งิ มชี วี ติ และสิ่งไมม่ ชี ีวติ
55
5.2 ควำมสำมำรถในกำรคดิ
- สรุปความรเู้ กย่ี วกับลักษณะของส่งิ มชี วี ติ และสงิ่ ไม่มชี วี ิต
5.3 ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชีวติ
- มีความรบั ผิดชอบในการทางาน
- มีวนิ ัยในการทากิจกรรม
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
6.1 ซ่ือสตั ย์สจุ ริต
6.2 มวี นิ ยั
7. กิจกรรมกำรเรียนรู้
ขัน้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน (เวลำ 5 นำที)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งกันเขียนชื่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต โดยครูแจกกระดาษแผ่นใหญ่หรือออกมา
เขียนหน้ากระดาน จากน้ันร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง หากนักเรียนยังมีแนวคิดคลาดเคลื่อนครูถาม
เหตุผลของนักเรยี น และแกไ้ ขแนวคิดใหถ้ ูกตอ้ ง
ขน้ั สอน (เวลำ 40 นำที)
2. ครใู ชส้ ื่อสด์แจง้ จดุ ประสงค์ของกิจกรรมในชว่ั โมงนี้ใหน้ ักเรยี นทราบว่า นักเรียนจะได้ทบทวนลักษณะของ
สงิ่ มีชวี ติ กับสง่ิ ไม่มีชีวิตได้
3. ครูชักชวนนักเรียนทาใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรอื่ ง ส่งิ มีชีวิตสง่ิ ไม่มีชวี ิต ข้อที่ 1 หนา้ 18 โดยครแู จก
บตั รภาพตามใบงาน 02 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจาแนกสงิ่ มีชวี ติ และสิ่งไมช่ ีวติ โดยกาหนดเวลา 5-10 นาที
4. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอ ส่ิงทน่ี ักเรยี นเลือกมีส่งิ ใดบ้างเป็นส่งิ มชี วี ิตและสงิ่ ไม่มชี วี ติ และบอก
เหตผุ ลที่เลือก
5. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องอีกคร้งั โดยใช้สอื่ สไลด์ จากนัน้ ให้นักเรยี นทาใบงาน 02
แบบฝกึ หดั เร่ือง ส่ิงมีชวี ิตสิ่งไม่มีชวี ิต ข้อที่ 1 หน้า 18 ดว้ ยตนเอง
6. ครอู ธบิ ายวธิ กี ารบนั ทกึ ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เรื่อง สิ่งมีชีวติ สิง่ ไมม่ ชี วี ิต ขอ้ ที่ 2 หนา้ 19 เม่ือนักเรียนเขา้ ใจ
แลว้ ใหน้ ักเรยี นลงมอื ทา และกาหนดเวลา 10-15 นาที จากนัน้ สมุ่ เลขที่ออกมานาเสนอใบงาน 2-3 คน
ให้นกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง หากยังไม่ถกู ต้องให้นักเรยี นแก้ไขให้ถูกต้อง
ขั้นสรปุ (เวลำ 5 นำที)
7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ที่ได้เรียนเก่ียวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต โดยใช้
ส่ือสไลด์ สรุปได้ว่า ส่ิงมีชีวิตมีหลายชนิด เช่น พืชและสัตว์ชนิดต่าง ๆ รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะดังนี้
หายใจได้ กินอาหารได้ เติบโตได้ ขับถา่ ยได้ เคลื่อนไหวได้ดว้ ยตนเอง สืบพนั ธ์ไุ ด้ และตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ได้
แต่ในหน่ึงช่วงเวลาเราอาจจะสังเกตพบได้ลักษณะใดลักษณะหน่ึง เช่น การกินอาหาร การเคล่ือนไหวด้วย
ตนเอง แตบ่ างลักษณะเราอาจไมพ่ บ เชน่ การเจรญิ เตบิ โต การสืบพันธ์ุ การขับถา่ ย เปน็ ตน้ ส่วนสง่ิ ไมม่ ีชีวติ
เช่น กอ้ นหนิ โต๊ะ หลอดไฟ ไม่มลี กั ษณะดงั กล่าว
56
8. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
8.1 สื่อสไลด์ เร่อื ง สิง่ มีชวี ิตและสิ่งไมม่ ีชีวิต (6)
8.2 บัตรภาพตามใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่ือง สิ่งมีชวี ติ สงิ่ ไม่มีชีวติ หน้า 18
8.3 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่อื ง สงิ่ มชี วี ิตส่ิงไมม่ ชี ีวติ หนา้ 18-19
9. ชิ้นงำน/ภำระงำน
9.1 ตอบคาถามใบงาน 02 แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง สิง่ มีชีวติ สิ่งไม่มชี ีวติ หน้า 18-19
10. กำรวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ กำรประเมิน วธิ กี ำร เคร่ืองมอื เกณฑ์กำรตัดสิน
1) เปรยี บเทยี บลักษณะ สังเกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
ของส่งิ มชี ีวิตและ ช้นั เรียนและในใบงาน คาถามในชั้นเรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
2) ทักษะการตคี วาม สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมนิ ทักษะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
หมายข้อมลู และลงข้อสรุป ทางวิทยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกยี่ วกับลักษณะของ ทากจิ กรรม วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
สิง่ มชี ีวิตและส่ิงไม่มีชวี ติ คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
3) สังเกตพฤตกรรมด้านมี สงั เกตด้านคุณลกั ษณะ แบบประเมิน
ความซื่อสัตย์สุจริตและมี อนั พึงประสงค์ คณุ ลักษณะ
วนิ ยั อนั พึงประสงค์
57
แบบประเมินกำรตอบคำถำมในชัน้ เรยี นและตรวจใบงำน
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง ส่ิงมีชีวิตและสง่ิ ไม่มีชีวติ (6)
ช่อื ผูป้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่…ี ……………….... วันท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลุ่ม รำยกำรประเมิน/ระดบั คะแนน รวมคะแนน
กำรตอบ กำรสรุป ควำมถกู ต้อง (10 คะแนน)
คำถำมในชั้น ควำมรู้ ครบถว้ นของ
เรยี น (4) เนอื้ หำในใบงำน
(4) (2)
เกณฑ์กำรประเมิน
ประเด็น 4 (ดีมำก) ระดับคณุ ภำพ 1 (ปรบั ปรงุ ) นำ้ หนัก คะแนน
กำรประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถกู ต้อง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรียน ถกู ต้องท้ังหมด ถูกต้องเปน็ ถูกต้องบางส่วน 4
ส่วนใหญ่ 2
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรูค้ วาม สรปุ ความรู้ความ สรุปความรู้เข้าใจ 1.0
ความเข้าใจ เขา้ ใจเก่ยี วกับ เข้าใจเกย่ี วกับ เก่ยี วกับเรอ่ื งท่ี
เกี่ยวกับเร่อื งที่ เรอื่ งท่ีศึกษาได้ เร่อื งที่ศกึ ษาได้ ศึกษาไม่ถกู ต้อง
ศกึ ษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไม่ครบถว้ น
และครบถ้วน ครบถ้วน และไม่ครบถ้วน
เน้อื หาทเี่ ขียนใน เนอ้ื หาทีเ่ ขียนใน 1.0
3. ความถูกต้อง เนื้อหาท่ีเขียนใน เน้ือหาท่ีเขียนใน ใบงานมีความ ใบงานไม่ถูกตอ้ ง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างสว่ น ถกู ต้องเปน็
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ตามท่ี ส่วนน้อย
ตามทกี่ าหนด กาหนด
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
58
แบบประเมินดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 6 สิ่งมีชีวติ และสิ่งไม่มีชีวติ (6)
ช่อื ผ้ปู ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครั้งท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชื่อ-สกุล/กล่มุ รำยกำรประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลกำรประเมนิ
กำรตคี วำมหมำยข้อมูลและลงข้อสรุป (3)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ทักษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
สามารถอธบิ ายได้วา่ สิง่ มีชีวติ มี
การตคี วามหมายขอ้ มูล สามารถอธิบายไดว้ ่า ส่ิงมีชวี ติ สามารถอธบิ ายไดว้ ่า สง่ิ มีชวี ิต หายใจได้ กินอาหารได้ เตบิ โต
ได้ ขบั ถ่ายได้ เคลื่อนไหวได้
และลงขอ้ สรปุ มี หายใจได้ กนิ อาหารได้ มี หายใจได้ กนิ อาหารได้ ด้วยตนเอง สบื พันธไ์ุ ด้ และ
ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ โดยใช้
เตบิ โตได้ ขบั ถา่ ยได้ เติบโตได้ ขบั ถา่ ยได้ ข้อมูลทรี่ วบรวมจากการสงั เกต
การจาแนกประเภทและ
เคลอ่ื นไหวได้ด้วยตนเอง เคลอ่ื นไหวได้ดว้ ยตนเอง การอภิปราย ไดเ้ พียงบางสว่ น
ถงึ แม้จะไดร้ ับคาแนะนาจากครู
สืบพนั ธไุ์ ด้ และตอบสนอง สืบพนั ธุไ์ ด้ และตอบสนองต่อ หรอื ผูอ้ นื่
ตอ่ สิง่ เร้าได้ โดยใช้ขอ้ มลู ท่ี สิง่ เร้าได้ โดยใชข้ อ้ มูลท่ี
รวบรวมจากการสงั เกต รวบรวมจากการสงั เกต
การจาแนกประเภท และการ การจาแนกประเภท และการ
อภปิ รายได้ ด้วยตนเอง อภิปรายได้ โดยการชแี้ นะของ
ครูหรอื ผูอ้ ื่น
เกณฑ์การตดั สิน
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
59
แบบประเมินดำ้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 6 สงิ่ มีชวี ติ และสิ่งไม่มชี ีวิต (6)
ชื่อผู้ประเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………………..
ช่ือกลุ่มรบั กำรประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลคร้ังท…่ี ……………….... วันที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดบั พฤติกรรม
1 ซื่อสัตย์สุจรติ เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 มวี นิ ยั
รวมคะแนนทไี่ ด้ทง้ั หมด
เกณฑก์ ำรประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ำรตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
60
เฉลยใบงำน
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
หนว่ ยย่อยท่ี ๒
กำรเจริญเตบิ โตของพืช
71
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒ กำรเจริญเติบโตของพืช
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ ชือ่ หน่วย สิ่งมีชีวิต
จำนวนเวลำเรยี น ๙ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๒ แผน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำระสำคัญของหน่วย
พืชตอ้ งการอาหาร น้า แสง ธาตอุ าหาร และอากาศ ในการเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ
มำตรฐำนและตวั ชี้วดั
มำตรฐำน ว ๑.๒
เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหนา้ ที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางานสมั พนั ธ์กัน รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้ีวดั
ว ๑.๒ ป. ๒/๑ ระบวุ า่ พชื ตอ้ งการแสงและน้า เพ่ือการเจริญเตบิ โต โดยใช้ขอ้ มลู จากหลักฐานเชงิ
ประจกั ษ์
ว ๑.๒ ป. ๒/๒ ตระหนกั ถึงความจาเป็นท่พี ืชต้องไดร้ ับน้าและแสงเพ่ือการเจรญิ เตบิ โต โดยดแู ลพืชให้
ไดร้ ับสง่ิ ดงั กล่าวอยา่ งเหมาะสม
72
ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยที่ ๒ กำรเจริญเตบิ โตของพืช
พืชเป็นสิง่ มีชวี ิตท่ีมีการเจรญิ เตบิ โต
การเจรญิ เตบิ โตของพืชเรมิ่ จากเมลด็ ไดร้ ับน้าและอากาศท่เี หมาะสม แล้วงอกเปน็ ต้นอ่อน
การเจริญเตบิ โตของพืชสามารถสังเกตได้จากความสงู และลักษณะของใบและลาตน้
พชื ตอ้ งการน้าและแสงในการเจริญเติบโต
เราควรดูแลพืชให้ได้รับน้าและแสงท่ีเหมาะสมในการดารงชีวติ
โครงสรำ้ งของหน่วยยอ่ ยที่ ๒ กำรเจรญิ เติบโตของพืช
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ชื่อหน่วยย่อย จำนวนแผน ชือ่ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ จำนวนชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ การ ๒ เมลด็ พืชน้อย ๓
๕
๑ สิ่งมชี วี ิต เจรญิ เตบิ โตของพืช สงิ่ ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การ
เจรญิ เตบิ โตของพชื
73
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 7
กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี 2
ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว12101
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ่ี 1 สิ่งมชี ีวิต หน่วยยอ่ ยที่ 2 กำรเจริญเตบิ โตของพืช
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 7 เร่ือง เมล็ดพืชน้อย (1) เวลำ 50 นำที
1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัด
มำตรฐำน ว 1.2
เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสมั พันธก์ นั รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ว 1.2 ป. 2/1 ระบุวา่ พชื ตอ้ งการแสงและน้า เพ่ือการเจริญเติบโต โดยใช้ข้อมูลจากหลกั ฐาน
เชงิ ประจักษ์
2. สำระสำคัญ
นา้ และอากาศท่ีพอเหมาะ เปน็ ส่ิงที่จาเป็นตอ่ การงอกของเมล็ดของพชื
3. จดุ ประสงค์
3.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K)
- ระบสุ ่วนประกอบของเมล็ด
3.2 ดำ้ นทักษะกระบวนกำร (P)
- สงั เกตลกั ษณะของเมลด็ พืช
- ลงความเหน็ จากขอ้ มูลเก่ียวกบั ส่วนประกอบของเมลด็ พืช
3.3 ดำ้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A)
- มุง่ มน่ั ในการทางาน
- มวี ินยั
4. สำระกำรเรยี นรู้
เมล็ดพชื แต่ละชนดิ มีลักษณะภายนอกบางลักษณะท่ีอาจเหมือนหรือแตกต่างกนั เมล็ดแต่ละชนิด
ประกอบด้วยเปลือกหุ้มเมล็ด ภายในเมลด็ มตี ้นออ่ นและใบเล้ยี ง
74
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
5.1 ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร
- ระบสุ ว่ นประกอบของเมลด็ พชื
5.2 ควำมสำมำรถในกำรคดิ
- ลงความเห็นจากข้อมูลเก่ยี วกับลักษณะของเมลด็ และส่วนประกอบของเมล็ดพืชแต่ละชนิด
5.3 ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ
- การแกป้ ญั หาในการทางานกล่มุ รว่ มกนั
5.4 ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต
- มีความรบั ผดิ ชอบในการทางาน
- มีวนิ ัยในการทากจิ กรรม
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6.2 มวี นิ ัย
7. กิจกรรมกำรเรยี นรู้
ขั้นนำเข้ำสู่บทเรยี น (เวลำ 5 นำท)ี
1. ตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั สว่ นประกอบของเมล็ด โดยใชค้ าถามดงั นี้
1.1 ส่วนประกอบของเมลด็ พืชมอี ะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
1.2 แลว้ เมล็ดพชื จะเปน็ ต้นพืชได้หรอื ไม่ อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขนั้ สอน (เวลำ 40 นำที)
2. ครูใช้สือ่ สไลด์ชกั ชวนนกั เรียนอา่ นชอ่ื กจิ กรรมและจดุ ประสงค์ในใบกิจกรรมที่ 1 เมลด็ พชื ต้องการอะไรใน
การงอก หนา้ 21 จากน้นั ครูถามคาถามดงั ต่อไปน้ี
2.1 นักเรยี นจะเรยี นเรอ่ื งอะไร (สง่ิ ที่จาเป็นต่อการงอกของเมล็ดพืช)
2.2 นกั เรยี นจะเรียนด้วยวิธกี ารใด (การสงั เกต)
2.3 เมอื่ เรยี นจบแล้วนกั เรียนจะทาอะไรได้ (ระบุส่งิ ท่จี าเป็นต่อการงอกเมลด็ พชื )
3. นักเรียนอ่านวิธใี นใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 1-2 และทาความเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรม ครตู รวจสอบความ
เข้าใจ โดยใช้คาถามดังนี้
3.1 ส่ิงแรกทตี่ ้องทาคืออะไร (เลอื กเมลด็ พชื ในท้องถิน่ 2-3 เมล็ด)
3.2 นกั เรียนต้องสงั เกตอะไรเก่ียวกบั เมล็ดพืช (ลักษณะของเมล็ดพชื )
3.3 ต้องใชอ้ ะไรบา้ งในการเพาะเมล็ดพชื (กระดาษเยื่อ หรือผา้ ขนหนู และจานพลาสตกิ )
4. ครสู าธิตการใชแ้ วน่ ขยาย และแนะนาการใช้แว่นขยายอย่างถกู วิธีใหก้ บั นักเรยี น
75
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเลอื กเมลด็ ทีส่ นใจจากเมลด็ พืชท่คี รูเตรียมไว้ เชน่ เมล็ดถัว่ เขียว ถวั่ แดง ถว่ั ดา สังเกต
ดว้ ยแว่นขยาย และบนั ทึกผลการทากจิ กรรมลงในใบงาน 01 ส่ิงทจ่ี าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พืช หนา้
22 ชอ่ งรูปของเมลด็ พชื ก่อนเพาะ
6. ครใู ห้นกั เรียนสังเกตลักษณะภายในของเมล็ดพชื โดยครูอาจจะนาเมลด็ พชื ไปแช่น้าให้สามารถแกะไดง้ ่าย
หรือครอู าจผา่ เมลด็ พชื เตรียมไวใ้ หน้ ักเรียนเตรยี มไวใ้ ช้สงั เกต และวาดรูปลงในช่องรปู ของเมลด็ พืชก่อน
เพาะในใบงาน 01 ส่ิงทีจ่ าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พืช หนา้ 22
7. หลงั จากทากจิ กรรมแลว้ ครูสุ่มนักเรียน 3 กลุม่ นาเสนอภาพทวี่ าด และรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้คาถามดังนี้
7.1 เมลด็ พืชท่นี ักเรยี นไดส้ งั เกตในช้ันเรียนมีเมลด็ อะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามช่ือเมลด็ พชื ทมี่ ีอย่ใู น
ห้องเรยี น)
7.2 เมลด็ พชื แตล่ ะชนิดมลี กั ษณะภายนอกอยา่ งไร (นักเรียนตอบตามที่สงั เกตได้ เชน่ เมล็ดถวั่ เขยี วมีสีเชียว
เมล็ดคอ่ นข้างกลม แขง็ เมล็ดถัว่ ดามีรูปร่างกลม แขง็ สดี า)
7.3 เม่ือผ่าหรือแบง่ ครง่ึ เมลด็ แลว้ เมลด็ มลี ักษณะภายในอย่างไร (นกั เรียนตอบตามท่ีสงั เกตได้ เชน่ มสี ีขาว
มีใบ
8. ครอู ธิบายเพมิ่ เติมเกีย่ วกบั สว่ นประกอบของเมลด็ โดยสื่อสไลด์ แล้วให้นกั เรยี นเขียนชี้บอกส่วนประกอบของ
เมล็ดพืชลงในใบงาน จากน้ันครูใช้คาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจดังน้ี
8.1 เมลด็ พืชแต่ละชนิดมสี ่วนประกอบเหมอื นกันหรือไม่ อยา่ งไร (มเี หมือนกนั ได้แก่ มเี ปลือกหุ้มเมล็ด
ตน้ ภายในเมล็ดมตี ้นอ่อน และใบเลี้ยง)
8.2 ถ้านาเมลด็ พชื ไปเพาะ นักเรียนคิดวา่ ส่วนประกอบใดของเมลด็ พชื จะมีการเปลย่ี นแปลง (นักเรียนตอบ
ตามเขา้ ใจของตนเอง)
9. ครูใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรมข้อ 2 โดยครูสอนวิธีการเพาะเมล็ดพืชใหน้ ักเรียน อย่าให้น้ามากเกินไป จากนัน้ ให้
นาเมล็ดพืชที่สังเกตมาเพาะแล้ววางไว้ในทีป่ ลอดภยั จากสง่ิ รบกวน เช่น หนู นก เพ่ือนามาสังเกตในชั่วโมง
ถัดไป โดยเพาะกอ่ นเรียนในชั่วโมงถดั ไป 2 วัน
ขั้นสรุป (เวลำ 5 นำที)
10. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นสรปุ ความรู้ โดยใชค้ าถามจากสื่อสไลด์ดังน้ี
10.1 เมล็ดพืชแต่ละชนิดมีลักษณะภายนอกเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (เมล็ดพืชบางชนิดมีลักษณะ
ภายนอกบางลักษณะเหมือนกนั เช่น เมลด็ ถ่ัวเขยี วและถ่ัวดาแข็งเหมือนกัน แต่มีบางลักษณะแตกต่าง
กนั เชน่ เมลด็ ถั่วเขยี วมสี เี ขียว เมลด็ ถัว่ ดามสี ดี า)
10.2 ในเมลด็ พชื ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง (ต้นออ่ น ใบเลี้ยง เปลือกหุ้มเมลด็ )
11. ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุปให้ได้ว่า เมล็ดพืชแต่ละชนิดมีลักษณะภายนอกบางลักษณะที่อาจเหมือนหรือ
แตกตา่ งกัน เมล็ดแต่ละชนดิ ประกอบด้วยเปลือกหุม้ เมลด็ ต้นอ่อน และใบเลย้ี ง
8. สื่อ /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 ส่อื สไลด์ เรือ่ ง เมลด็ พชื นอ้ ย (1)
8.2 เมล็ดพืช เช่น เมลด็ ถว่ั เขียว เมล็ดถั่วแดง เมล็ดถวั่ ดา
76
8.3 ใบกิจกรรมท่ี 1 เมลด็ พืชต้องการอะไรในการงอก หนา้ 21
8.4 ใบงาน 01 สง่ิ ท่จี าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พืช หน้า 22
9. ช้นิ งำน/ภำระงำน
9.1 ใบงาน 01 ส่งิ ที่จาเป็นต่อการงอกของเมล็ดพชื หน้า 22
10. กำรวดั และประเมนิ ผล
ประเดน็ กำรประเมิน วธิ กี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์กำรตดั สนิ
1) ระบสุ ่วนประกอบของ สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมนิ การตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดีมาก
เมลด็ ช้นั เรียนและในใบงาน คาถามในชัน้ เรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
2) ทักษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรงุ
- สังเกตลักษณะของเมล็ด ทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
พืช คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ
- ลงความเห็นจากข้อมูล
เกี่ยวกับส่วนประกอบของ
เมล็ดพืช
3) สังเกตพฤตกรรมการมี สังเกตดา้ นคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ
วนิ ัยและความมุง่ มนั่ ใน อันพงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
การทางาน อันพงึ ประสงค์
77
แบบประเมนิ กำรตอบคำถำมในชั้นเรยี นและตรวจใบงำน
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 7 เร่อื ง เมล็ดพชื น้อย (1)
ช่ือผู้ประเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………….... วันที่ …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รำยกำรประเมนิ /ระดบั คะแนน
ชือ่ -สกุล/กลุ่ม กำรตอบคำถำม กำรสรปุ ควำมรู้ รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ในชัน้ เรียน (4)
(6)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ประเด็น ระดับคุณภำพ นำ้ หนกั คะแนน
1.5 รวม
กำรประเมนิ 4 (ดีมำก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 6
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในช้นั เรยี น ถูกต้องทง้ั หมด ถกู ต้องเปน็ ถูกต้องบางส่วน
สรุปความรูเ้ ข้าใจ
ส่วนใหญ่ เกีย่ วกบั เรอ่ื งที่
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม และไมค่ รบถว้ น
ความเขา้ ใจ เขา้ ใจเกย่ี วกับ เข้าใจเกีย่ วกับ
เกี่ยวกับเรื่องท่ี เรอ่ื งท่ีศึกษาได้ เรื่องท่ีศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถว้ น และไม่ครบถว้ น
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
78
แบบประเมนิ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอื่ ง เมล็ดพืชน้อย (1)
ชือ่ ผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลคร้งั ท…ี่ ……………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชือ่ -สกุล/กล่มุ รำยกำรประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวม ผลกำรประเมนิ
กำรสังเกต (3) กำรลงควำมเหน็ จำก คะแนน
(6 คะแนน)
ข้อมูล (3)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ทักษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
การสังเกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั ใน
การลงความเห็น สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัสใน การรวบรวมข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ
จากข้อมูล ลั ก ษ ณ ะ ภ า ย น อ ก แ ล ะ
ในการรวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ภ า ย ใ น ข อ ง เ ม ล็ ด ไ ด้
บางอย่าง ถงึ แมจ้ ะไดร้ บั
เกี่ยวกับลักษณะ ลั ก ษ ณ ะ ภ า ย น อ ก แ ล ะ คาแนะนาจากครูหรือผูอ้ ืน่
ภายนอกและภายใน ภายในของเมล็ดได้โดยการ ลงความเห็นจากข้อมูลเกย่ี วกับ
การสังเกตลกั ษณะและ
ของเมล็ดได้ ด้วยตนเอง ช้แี นะของครหู รือผอู้ น่ื สว่ นประกอบของเมล็ด ถึงแม้
จะไดร้ บั คาแนะนาจากครหู รือ
โดยไม่เพ่ิมเติมความ ผู้อนื่
คิดเห็น
ลงความเห็นจากขอ้ มูล ลงความเห็นจากขอ้ มูลเกยี่ วกับ
เกย่ี วกับการสงั เกต การสงั เกตลักษณะและ
ลกั ษณะและส่วนประกอบ ส่วนประกอบของเมล็ด โดย
ของเมลด็ ดว้ ยตนเอง การช้ีแนะของครูหรอื ผู้อน่ื
79
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรงุ
แบบประเมนิ ด้ำนคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 7 เมล็ดพชื น้อย (1)
ผู้ประเมนิ /กลุ่มประเมิน..................................................................................................................................................
ชื่อกลุ่มรับกำรประเมิน....................................................................................................................................................
ประเมินผลครง้ั ท่ี...............วันท่ี...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรอ่ื ง.................................................................................................................................................................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0
1. มีวนิ ัย
2. มุ่งม่นั ในการทางาน
รวมคะแนนท้งั หมด
เกณฑก์ ำรประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ำรตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
80
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 8
กลุม่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษำปที ี่ 2
ภำคเรียนที่ 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 รำยวิชำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว12101
หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 สง่ิ มชี ีวิต หน่วยย่อยที่ 2 กำรเจริญเติบโตของพืช
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอ่ื ง เมลด็ พืชน้อย (2) เวลำ 50 นำที
1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
มำตรฐำน ว 1.2
เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ทีท่ างานสัมพันธก์ นั รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชว้ี ดั ว 1.2 ป. 2/1 ระบุวา่ พืชตอ้ งการแสงและน้า เพ่ือการเจรญิ เติบโต โดยใช้ขอ้ มูลจากหลกั ฐาน
เชิงประจกั ษ์
2. สำระสำคญั
นา้ และอากาศท่ีพอเหมาะ เปน็ สงิ่ ท่จี าเปน็ ตอ่ การงอกของเมล็ดของพชื
3. จดุ ประสงค์
3.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K)
- ระบสุ ง่ิ ทีจ่ าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พชื
3.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P)
- สังเกตลกั ษณะของเมลด็ พชื กอ่ นและหลงั การเพาะ
- ลงความเหน็ จากขอ้ มลู เกยี่ วกบั สิง่ ทจ่ี าเปน็ ต่อการงอกของเมลด็ พชื
3.3 ด้ำนคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คำ่ นิยม (A)
- มวี นิ ยั
- มงุ่ มัน่ ในการทางาน
4. สำระกำรเรยี นรู้
เมื่อเมลด็ พืชไดร้ บั นา้ ที่พอเหมาะจะมรี าก ลาตน้ และใบเลี้ยงงอกออกมาจากเมลด็ พืช
5. สมรรถนะของผ้เู รยี น
5.1 ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร
- ระบสุ งิ่ ท่ีจาเปน็ ตอ่ การงอกของเมลด็ พชื
81
5.2 ควำมสำมำรถในกำรคดิ
- ลงความเห็นจากขอ้ มลู เก่ียวกับสงิ่ ท่ีจาเปน็ ตอ่ การงอกของเมล็ดพืช
5.3 ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ
- การแกป้ ญั หาในการทางานกลุ่มร่วมกนั
5.4 ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชวี ิต
- มีวินัยในการทากจิ กรรม
- มคี วามม่งุ มั่นในการทางาน
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มีวนิ ัย
6.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน
7. กิจกรรมกำรเรียนรู้
ข้นั นำเขำ้ สบู่ ทเรียน (เวลำ 5 นำท)ี
1. ครูตรวจความรเู้ ดิมเก่ยี วกับสงิ่ ท่จี าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พืชโดยใชค้ าถามวา่ พืชตอ้ งการส่ิงใดบ้างทใี่ ช้
ในการเจรญิ เตบิ โตเป็นต้นพชื ได้ (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
ขัน้ สอน (เวลำ 40 นำที)
2. ครแู จ้งจดุ ประสงคใ์ นชั่วโมงนี้วา่ นักเรียนต้องสังเกตลักษณะของเมล็ดกอ่ นและหลังเพาะและระบุสิ่งทจี่ าเป็น
ต่อการงอกของเมล็ด
3. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทาใบกิจกรรมที่ 1 ข้อท่ี 3 หน้า หน้า 21 จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจโดยถามว่า
นกั เรียนจะได้อภปิ รายกนั เรือ่ งอะไร (อภปิ รายเกีย่ วกบั ส่งิ ทีจ่ าเปน็ ต่อการงอกของเมลด็ )
4. ครแู จกเมลด็ พชื ก่อนเพาะ และชวนนกั เรยี นสงั เกตเมล็ดพชื ก่อนเพาะและที่เพาะไวว้ า่ มกี ารเปลย่ี นแปลงจาก
ก่อนเพาะอย่างไรบา้ ง บนั ทึกผลโดยการวาดรูปหรือเขยี นบรรยายในใบงาน หน้า 22 ชอ่ งลกั ษณะของเมลด็
พืชหลังจากเพาะ
5. ครสู มุ่ นักเรียนนาเสนอผลการทากิจกรรมโดยอาจเลือกกลมุ่ ทไ่ี ด้เมล็ดพชื ไม่ซ้ากนั
6. ครูชวนนักเรียนอภปิ รายผลการทากจิ กรรมโดยอาจใช้คาถามดงั ต่อไปนี้
6.1 เมล็ดพืชก่อนเพาะมลี กั ษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามผลการสงั เกต เชน่ เป็นเมลด็ แข็ง มีสดี า สีเขยี ว)
6.2 เมลด็ พืชก่อนเพาะมสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง (มเี ปลือกหุ้มเมล็ด ภายในเมลด็ มใี บเล้ียงและตน้ ออ่ น)
6.3 หลงั จากเพาะแล้ว เมลด็ พชื มีลักษณะอยา่ งไร (แนวคาตอบ เชน่ เปลอื กหมุ้ เมลด็ ออ่ นนุ่ม เมล็ดแตก
มีรากและลาตน้ ออก ใบเลย้ี งงอกออกมาจากเมล็ด)
6.4 สิ่งใดท่ที าให้ตน้ พชื งอกออกมาจากเมลด็ เพราะเหตุใดจงึ คดิ เช่นนนั้ (น้า เพราะในการเพาะเมลด็ เราใช้
กระดาษเยอื่ ทชี่ ่มุ น้าในการเพาะแลว้ เมลด็ ก็งอกออกมาได้)
6.5 ถา้ เราใชน้ า้ มากเกินไป หรือน้อยเกนิ ต้นพชื จะเปน็ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) และ
ครอู ธิบายโดยใช้สอื่ ไสด์ในการงอกของเมล็ดจะงอกได้ต้องมีนา้ ทพี่ อเหมาะ
82
6.6 นอกจากน้าแล้วยังมสี ่ิงใดบา้ งทชี่ ว่ ยใหเ้ มล็ดพืชงอกเป็นตน้ พืชได้ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเองแลว้ ครจู ดคาตอบบนกระดาน
7. ครอู าจอธบิ ายเพมิ่ เติมว่า ส่งิ ที่จาเป็น บางครั้งจะใช้คาว่า ปจั จัยทจ่ี าเป็น ได้
8. ครใู หน้ กั เรยี นระบุสง่ิ ท่ีจาเปน็ ทมี่ ีผลตอ่ การงอกของเมล็ดในใบงาน หนา้ 25
ข้ันสรปุ (เวลำ 5 นำที)
9. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนสรปุ ความรโู้ ดยใชค้ าถามจากส่ือสไลด์ ดงั นี้
9.1 ถ้ากระดาษเยื่อและผ้าขนหนูไม่ชมุ่ นา้ เมล็ดสามารถงอกได้หรือไม่ อย่างไร (ไมเ่ พราะเมลด็ ต้องการนา้
ในงอกของเมลด็ )
9.2 สิ่งทจ่ี าเปน็ ทม่ี ีผลต่อการงอกของเมลด็ คืออะไร (น้าที่พอเหมาะ)
10. ครใู ห้นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายและลงขอ้ สรุปใหไ้ ด้วา่ น้าท่พี อเหมาะเป็นส่งิ ทีจ่ าเป็นตอ่ การงอกของเมล็ด
8. สอื่ /แหลง่ เรียนรู้
8.1 ส่ือสไลด์ เรอื่ ง เมล็ดพืชน้อย (2)
8.2 เมล็ดพชื ที่เพาะแลว้
8.3 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เมลด็ พืชต้องการอะไรในการงอก หน้า 21
8.4 ใบงาน 01 สิ่งทจี่ าเปน็ ตอ่ การงอกของเมลด็ พชื หนา้ 22, 25
9. ช้ินงำน/ภำระงำน
9.1 ใบงาน 01 ส่งิ ท่จี าเป็นตอ่ การงอกของเมลด็ พชื หน้า 22, 25
10. กำรวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ กำรประเมิน วธิ กี ำร เครอื่ งมือ เกณฑ์กำรตดั สิน
1) ระบสุ ง่ิ ท่ีจาเปน็ ต่อการ สังเกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
งอกของเมล็ดพืช ช้ันเรียนและในใบงาน คาถามในชั้นเรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
2) ทักษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทักษะ คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรงุ
- สังเกตลักษณะของเมล็ด ทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์
พชื ก่อนและหลังการเพาะ
- ลงความเหน็ จากข้อมลู
เกีย่ วกบั ส่ิงทจ่ี าเป็นต่อการ
งอกของเมลด็ พชื
ประเด็นกำรประเมนิ วิธกี ำร เคร่อื งมือ 83
แบบประเมนิ
3) สังเกตพฤตกรรมการมี สงั เกตดา้ นคุณลักษณะ คุณลกั ษณะ เกณฑ์กำรตัดสิน
อนั พึงประสงค์ คะแนน 3 หมายถึง ดี
วินัยและมีความมุ่งมั่นใน อนั พึงประสงค์ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
การทางาน
แบบประเมินกำรตอบคำถำมในชั้นเรยี นและตรวจใบงำน
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 8 เมลด็ พชื น้อย (2)
ชอื่ ผูป้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลคร้งั ท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ รำยกำรประเมิน/ระดับคะแนน รวมคะแนน
กำรตอบ กำรสรปุ ควำมถูกตอ้ ง (10 คะแนน)
คำถำมในช้ัน ควำมรู้ ครบถว้ นของ
เรยี น (4) เนอื้ หำในใบงำน
(4) (2)
84
เกณฑก์ ำรประเมิน
ประเดน็ ระดบั คณุ ภำพ นำ้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
กำรประเมิน 4 (ดีมำก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 4
ตอบคาถามไม่
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในชัน้ เรยี น ถกู ต้องท้งั หมด ถกู ต้องเปน็ ถกู ต้องบางสว่ น
2
ส่วนใหญ่
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ความ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรู้เขา้ ใจ 1.0
ความเข้าใจ เข้าใจเกีย่ วกับ เข้าใจเกยี่ วกับ เก่ยี วกับเร่ืองที่
เกี่ยวกับเรอื่ งที่ เรอื่ งที่ศกึ ษาได้ เรือ่ งที่ศกึ ษาได้ ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกตอ้ ง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไม่ครบถ้วน
และครบถว้ น ครบถ้วน และไม่ครบถ้วน
เนื้อหาทเี่ ขียนใน เนอื้ หาทีเ่ ขยี นใน 1.0
3. ความถกู ต้อง เนื้อหาท่ีเขียนใน เน้อื หาที่เขียนใน ใบงานมคี วาม ใบงานไม่ถกู ตอ้ ง
ครบถ้วนของ ใบงานมีความ ใบงานมีบางส่วน ถกู ต้องเปน็
เนือ้ หาในใบงาน ถูกต้องครบถว้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามที่ สว่ นนอ้ ย
ตามท่กี าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
85
แบบประเมินด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ 8 เมลด็ พืชน้อย (2)
ช่ือผปู้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครั้งท่…ี ……………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่ือง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชื่อ-สกุล/กล่มุ รำยกำรประเมนิ /ระดับคะแนน ผลรวม ผลกำรประเมนิ
กำรสงั เกต (3) กำรลงควำมเหน็ จำก คะแนน
(6 คะแนน)
ข้อมูล (3)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ทกั ษะกระบวนกำร ระดบั ควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
การสังเกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
สามารถใชป้ ระสาทรวบรวม
การลงความเห็นจาก สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั สามารถใช้ประสาทสัมผสั ใน ขอ้ มูลเก่ียวกับลักษณะของ
ข้อมูล เมลด็ พืชไดบ้ างอย่าง แมจ้ ะ
ในการรวบรวมข้อมลู การรวบรวมข้อมูลเก่ียวกบั ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
ผู้อ่นื
เกย่ี วกับลักษณะของ ลักษณะของเมลด็ พชื ได้ โดย สามารถเพ่ิมเติมความคิดเห็น
เก่ยี วกบั ลักษณะของเมลด็ พืชท่ี
เมลด็ พืชได้ ด้วยตนเอง การชี้แนะของครหู รือผู้อ่นื งอก และส่งิ ทจี่ าเป็นต่อการงอก
ของเมลด็ พืชไดอ้ ย่างมีเหตผุ ล
โดยไม่เพิ่มความคดิ เห็น จากความรหู้ รือประสบการณ์เดมิ
ได้บางอย่าง ถึงแม้จะได้รบั
สามารถเพิ่มเติมความ สามารถเพิ่มเติมความคิดเหน็ คาแนะนาจากครหู รือผอู้ ่ืน
คดิ เห็นเก่ยี วกับลกั ษณะ เกย่ี วกบั ลักษณะของงอกเมล็ดพชื
ของเมลด็ พืชท่งี อก และสิ่ง และสิ่งท่ีจาเป็นตอ่ การงอกของ
ท่ีจาเป็นตอ่ การงอกของ เมลด็ พืชได้อย่างมเี หตุผล จาก
เมลด็ พชื ได้อยา่ งมเี หตผุ ล ความรู้หรือประสบการณ์เดิมได้
จากความรหู้ รือ โดยอาศัยคาแนะนาของครูหรือ
ประสบการณ์เดมิ ได้ ด้วย ผอู้ นื่
ตนเอง
86
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรงุ
แบบประเมนิ ด้ำนคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 8 เมล็ดพชื น้อย (2)
ผู้ประเมนิ /กลุ่มประเมิน..................................................................................................................................................
ชื่อกลุ่มรับกำรประเมิน....................................................................................................................................................
ประเมินผลครง้ั ท่ี...............วันท่ี...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรอ่ื ง.................................................................................................................................................................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
เกิด = 1 ไมเ่ กิด = 0
1. มีวนิ ัย
2. มุ่งม่นั ในการทางาน
รวมคะแนนท้งั หมด
เกณฑก์ ำรประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ำรตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
87
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 9
กล่มุ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 2
ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว12101
หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 ส่ิงมีชีวิต หน่วยยอ่ ยที่ 2 กำรเจรญิ เติบโตของพืช
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 9 เร่อื ง เมล็ดพชื น้อย (3) เวลำ 50 นำที
1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั
มำตรฐำน ว 1.2
เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหนา้ ทข่ี องอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทางานสัมพนั ธ์กัน รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ดั ว 1.2 ป. 2/1 ระบุวา่ พชื ตอ้ งการแสงและนา้ เพื่อการเจรญิ เตบิ โต โดยใช้ขอ้ มลู จากหลกั ฐานเชงิ
ประจักษ์
2. สำระสำคญั
น้าและอากาศที่พอเหมาะ เป็นสิ่งทีจ่ าเปน็ ต่อการงอกของเมล็ดของพืช
3. จดุ ประสงค์
3.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K)
- ระบสุ งิ่ ทีจ่ าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พชื
3.2 ดำ้ นทักษะกระบวนกำร (P)
- ตีความหมายและลงขอ้ สรปุ เกี่ยวกบั ส่งิ ทจ่ี าเป็นต่อการงอกของเมล็ดพชื
3.3 ดำ้ นคุณลักษณะ เจตคติ คำ่ นิยม (A)
- ม่งุ มนั่ ในการทางาน
- มวี ินยั
4. สำระกำรเรยี นรู้
เม่ือเมล็ดพืชได้รับน้าและอากาศที่พอเหมาะจะมีรากงอกและต้นอ่อนงอกออกมา และรากของพืชจะยาวลึก
ลงไปในดินมากข้ึน เพ่ือดูดน้าและธาตุอาหารในดิน ส่วนยอดก็จะเจริญเติบโตขึ้นไปเร่ือย ๆ พร้อมกับสร้างใบแท้
เจรญิ เติบโตเป็นกล้า
88
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
5.1 ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร
- ระบสุ ิง่ ทจี่ าเปน็ ต่อการงอกของเมลด็ พืช
5.2 ควำมสำมำรถในกำรคิด
- ตีความหมายและลงข้อสรปุ เกี่ยวกับสงิ่ ท่จี าเป็นต่อการงอกของเมล็ดพชื
5.3 ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชีวิต
- มวี นิ ยั ในการทากจิ กรรม
- มคี วามรบั ผิดชอบในการทางาน
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี ินยั
6.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน
7. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
ขั้นนำเขำ้ สบู่ ทเรยี น (เวลำ 5 นำที)
1. ครใู ชส้ ือ่ สไลด์ทบทวนความรทู้ ีเ่ รยี นมาแล้วโดยใหน้ ักเรียนสงั เกตภาพเมล็ดพชื หลงั เพาะและถามคาถามดังนี้
1.1 ขณะที่เมล็ดพืชงอก เมล็ดพืชมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง (เช่น มีรากยาว ต้นอ่อนค่อย ๆ งอก
ออกมา)
1.2 สิง่ ทจ่ี าเป็นต่อการงอกของเมล็ดพืชมอี ะไรบ้าง (น้าทพ่ี อเหมาะ)
2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกบั ส่ิงทจี่ าเป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื โดยใช้คาถามว่า นอกจากน้าเป็นสิง่ ท่ี
จาเป็นต่อการงอกของเมล็ดพืชแล้ว ยังมีสิ่งอ่นื อีกหรือไม่ ส่ิงนั้นคืออะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
ขน้ั สอน (เวลำ 40 นำที)
3. ครูใชส้ ่ือสไลด์แจ้งจุดประสงคข์ องกิจกรรมในช่วั โมงนใ้ี ห้นกั เรียนอีกครัง้ วา่ นักเรียนต้องจะสามารถระบุส่ิงที่
จาเป็นตอ่ การงอกของเมล็ดพืชได้
4. ครชู วนนักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อที่ 4 หนา้ 21 ครูตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นทากจิ กรรม
โดยใชค้ าถามดังนี้
4.1 นักเรียนจะได้อ่านนิทานเร่ืองอะไร (นทิ านเรื่องเมลด็ พืชน้อย)
4.2 เมือ่ นกั เรียนอ่านจบนักเรียนตอ้ งทาอะไรต่อ (อภิปรายเกีย่ วกบั ส่ิงท่ีจาเปน็ ต่อการงอกของเมลด็ พชื )
5. ครชู วนนักเรียนหาคาตอบสงิ่ ทจ่ี าเป็นตอ่ การงอกของเมลด็ จากการอ่านนิทานเร่ืองเมลด็ พืชนอ้ ย หนา้ 22-23
ครใู ห้นักเรียนอา่ นทลี ะย่อหน้า และใชค้ าถามชวนนักเรยี นอภปิ รายข้อมูลที่ได้จากการอ่านใบความรู้
หลงั จากทน่ี ักเรียนอา่ นจบทีละ 1-2 ยอ่ หน้าดังน้ี
ยอ่ หน้าที่ 1-2
5.1 เมลด็ พชื น้อยตกใจต่นื เพราะอะไร (เพราะฝงู มดเดินผ่านมาและได้ยินเสียงมดคุยกัน)
89
5.2 ทาไมฝูงมดต้องเดนิ เร็ว (เพราะฝนกาลังจะตก)
ยอ่ หนา้ ท่ี 3-4
5.3 เมล็ดพชื ใชส้ งิ่ ใดบ้างในการงอก (นา้ และอากาศที่พอเหมาะ)
5.4 อากาศท่ีใช้ในการงอกมาจากไหน (ในดนิ หรืออากาศท่ีอยู่รอบ ๆ เมลด็ )
5.5 สิง่ ใดที่แสดงวา่ เมลด็ พืชงอกแลว้ (มรี ากสีขาวออกจากเมล็ดยาวลงดิน สว่ นยอดอ่อนโผล่พ้นดนิ )
ย่อหน้าที่ 5-6
5.6 รากของเมลด็ พืชแทงลงในดนิ เพ่ืออะไร (เพื่อดูดน้าและธาตอุ าหารในดิน)
5.7 ต้นกลา้ หมายถึงอะไร (ต้นพชื ขนาดเล็กท่ีเกิดจากเมล็ด)
5.8 ขณะท่ตี ้นกลา้ เจริญเติบโตทาไมใบเล้ียงจงึ ค่อย ๆ ลีบเล็กลง (เพราะอาหารสะสมในใบเล้ียงหมด
ใบเล้ียงจงึ ลบี เล็กลง)
6. ครูนกั เรียนบันทึกสิง่ ทจี่ าเป็นต่อการงอกของเมลด็ พืชเพิม่ เติมในหน้า 25
7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปราย โดยครูอาจใช้คาถามดังนี้
7.1 เมลด็ พืชก่อนเพาะและหลงั จากเพาะมีลกั ษณะเหมือนกนั หรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกนั คือ ก่อนเพาะ
เมลด็ ยังไม่มีราก และตน้ อ่อนงอกออกมา)
7.2 สว่ นใดในเมลด็ พืชทีจ่ ะเจริญเปน็ ตน้ พืช (ตน้ อ่อน)
7.3 ใบเล้ียงมีความสาคญั กบั พชื อย่างไร (เปน็ แหลง่ อาหารของตน้ อ่อน)
7.4 สิง่ ใดท่ชี ่วยให้ตน้ อ่อนในเมล็ดพชื งอก (น้าและอากาศที่เหมาะสม)
7.5 อากาศที่พอเหมาะที่ช่วยในการงอกของเมล็ดพืชเป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ และครู
อธิบายเพ่ิมเติมว่า อากาศท่ีพอเหมาะนั้นขึ้นอยู่ชนิดของเมล็ดพืช เพราะเมล็ดพืชบางชนิดต้องการ
อากาศที่ไม่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไปในการงอก แต่เมล็ดพืชบางชนิดอาจต้องการอากาศท่ีร้อน หรือ
บางชนดิ ตอ้ งการอากาศทเ่ี ย็นจึงจะงอกได้)
ขน้ั สรุป (เวลำ 5 นำที)
8. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้สรปุ ความรู้ทีไ่ ดเ้ รียนโดยใชส้ อื่ สไลดส์ รุปได้ว่า สง่ิ ทีจ่ าเป็นตอ่ การงอกของเมล็ด
คอื น้าและอากาศท่พี อเหมาะ
9. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงาน 02 แบบฝกึ หัด เรือ่ งส่งิ ทีจ่ าเป็นตอ่ การงอกของเมล็ดพชื เป็นการบ้าน
8. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สอ่ื สไลดเ์ รอ่ื งเมล็ดพชื นอ้ ย (3)
8.2 ภาพเมลด็ พืชหลงั เพาะ
8.3 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เมลด็ พชื ต้องการอะไรในการงอก หนา้ 21
8.4 นิทานเร่อื งเมลด็ พืชน้อย หน้า 23-24
8.5 ใบงาน 01 ส่ิงท่ีจาเปน็ ตอ่ การงอกของเมลด็ พชื 25-26
8.6 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เรอื่ งสิ่งทจ่ี าเปน็ ต่อการงอกของเมล็ดพชื หน้า 27-28
90
9. ชนิ้ งำน/ภำระงำน
9.1 ใบงาน 01 สง่ิ ทจ่ี าเปน็ ต่อการงอกของเมลด็ พืช 25-26
9.2 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่ืองสง่ิ ทจ่ี าเป็นตอ่ การงอกของเมล็ดพืช หนา้ 27-28
10. กำรวัดและประเมินผล
ประเด็นกำรประเมนิ วิธกี ำร เคร่อื งมอื เกณฑ์กำรตัดสนิ
1) ระบสุ ่งิ ทจ่ี าเปน็ ต่อการ สังเกตการตอบคาถามใน แบบประเมนิ การตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
งอกของเมลด็ พชื ช้ันเรยี นและในใบงาน คาถามในช้ันเรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
2) ทักษะกระบวนการ สงั เกตทักษะ แบบประเมินทักษะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
ทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการ กระบวนการทาง คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
- ตีความหมายและลง ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
ข้อสรุปเกย่ี วกับสง่ิ ที่ ทากจิ กรรม
จาเปน็ ต่อการงอกของ
เมล็ดพชื
3) สังเกตพฤตกรรมการมี สงั เกตดา้ นคุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ คะแนน 3 หมายถึง ดี
วินัยและมีความมุ่งม่ันใน อนั พึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
การทางาน คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
91
แบบประเมินกำรตอบคำถำมในช้ันเรยี นและตรวจใบงำน
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 9 เมล็ดพชื น้อย (3)
ชอ่ื ผปู้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ท่…ี ……………….... วันท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชื่อ-สกุล/กลมุ่ รำยกำรประเมิน/ระดบั คะแนน รวมคะแนน
กำรตอบ กำรสรุป ควำมถกู ต้อง (10 คะแนน)
คำถำมในช้ัน ควำมรู้ ครบถว้ นของ
เรียน (4) เนอ้ื หำในใบงำน
(4) (2)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ประเด็น ระดบั คณุ ภำพ น้ำหนกั คะแนน
1.0 รวม
กำรประเมนิ 4 (ดีมำก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 4
ตอบคาถามไม่
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถูกต้อง 4
คาถามในชน้ั เรยี น ถูกต้องทง้ั หมด ถกู ต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
2
สว่ นใหญ่
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรูค้ วาม สรุปความรคู้ วาม สรุปความรู้เขา้ ใจ 1.0
ความเขา้ ใจ เขา้ ใจเกย่ี วกับ เขา้ ใจเกย่ี วกับ เก่ียวกบั เรอื่ งที่
เกี่ยวกับเรอื่ งท่ี เร่ืองท่ีศกึ ษาได้ เรือ่ งที่ศกึ ษาได้ ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางส่วน และไม่ครบถ้วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
เนอื้ หาทเี่ ขยี นใน เน้อื หาทีเ่ ขยี นใน 0.5
3. ความถูกต้อง เนอื้ หาที่เขยี นใน เน้ือหาท่ีเขียนใน ใบงานมีความ ใบงานไม่ถกู ต้อง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมีบางส่วน ถูกต้องเป็น
เนือ้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไม่ถูกตอ้ ง ตามที่ สว่ นน้อย
ตามทก่ี าหนด กาหนด
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
92
แบบประเมินดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 9 เมลด็ พืชน้อย (3)
ชอ่ื ผ้ปู ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครัง้ ท่ี………………….... วันที่ …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ รำยกำรประเมิน/ระดบั คะแนน ผลกำรประเมนิ
ตคี วำมหมำยและลงข้อสรปุ (3)
เกณฑ์กำรประเมนิ
ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) ระดบั ควำมสำมำรถ ปรบั ปรุง (1)
ทำงวิทยำศำสตร์
สามารถตีความหมายและลง พอใช้ (2) สามารถตคี วามหมายและลง
ตีความหมายและลง ข้อสรปุ เก่ยี วกับสิง่ ทจ่ี าเปน็ ต่อ ข้อสรุปเกยี่ วกับสิ่งท่ีจาเป็นตอ่
ข้อสรปุ การงอกของเมลด็ พชื ได้ ดว้ ย สามารถตีความหมายและลง การงอกของเมล็ดพืชได้บางอยา่ ง
ตนเอง ข้อสรุปเกย่ี วกับสง่ิ ที่จาเป็น แม้จะไดร้ บั คาแนะนาจากครู
ตอ่ การงอกของเมลด็ พืชได้ หรือผู้อ่นื
โดยการชแ้ี นะของครหู รือ
ผ้อู นื่
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
93
แบบประเมนิ ด้ำนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 9 เมลด็ พชื น้อย (3)
ชอื่ ผู้ประเมนิ /กล่มุ ประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชื่อกลุ่มรบั กำรประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครง้ั ที…่ ……………….... วนั ท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดบั พฤตกิ รรม
1 ใฝ่เรยี นรู้ เกดิ = 1 ไม่เกดิ = 0
2 มุ่งมัน่ ในการทางาน
รวมคะแนนทีไ่ ด้ทัง้ หมด
เกณฑ์กำรประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ำรตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
94
เฉลยใบงำน
95
นักเรยี นตอบตำมที่ไดส้ ังเกต เชน่ เมล็ดถวั่ เขยี ว
นกั เรียนวำดรูปตำมท่ีสังเกตได้
นักเรียนวำดรปู ตำมท่สี งั เกตได้