196
หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๒
แสง
197
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั ของหนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ ๒
แสง (จำนวน ๑๕ ช่วั โมง)
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั
มำตรฐำน ว ๒.๓
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน
พลังงานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณท์ ี่เกีย่ วขอ้ งกับเสียง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ดั
ว ๒.๓ ป.๒/๑ บรรยายแนวการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุจากหลักฐาน
เชงิ ประจักษ์
ว ๒.๓ ป.๒/๒ ตระหนักในคุณค่าของความรู้ของการมองเห็น โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกันอนั ตรายจากการ
มองวัตถทุ ีอ่ ย่ใู นบริเวณทีม่ แี สงสวา่ งไม่เหมาะสม
198
ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๒ แสง
สง่ิ ทีท่ าใหเ้ กดิ แสงไดเ้ ปน็ แหล่งกาเนิดแสง
แสงเคล่อื นทีจ่ ากแหล่งกาเนดิ แสงทกุ ทิศทางและเป็นแนวตรง
การมองวัตถุท่ีเปน็ แหล่งกาเนิดแสง จะมแี สงจากแหล่งกาเนิดแสงเข้าสตู่ าโดยตรง
การมองวัตถทุ ี่ไมเ่ ป็นแหลง่ กาเนิดแสง ตอ้ งอาศยั แสงจากวตั ถทุ ีเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง ตกกระทบวัตถุแล้ว
สะท้อนเขา้ สตู่ า
การมองวัตถใุ นบรเิ วณท่ีมีแสงสว่างมากหรือน้อยเกินไปจะเปน็ อนั ตรายต่อตา ป้องกันไดโ้ ดยการจดั ความสวา่ ง
ให้เหมาะสมกบั การทากจิ กรรมต่าง ๆ
199
ตวั อยำ่ งโครงสร้ำงแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒ แสง
แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
การเคลื่อนทขี่ องแสง การมองเห็นวัตถุ
(๕ ชั่วโมง)
(๔ ช่ัวโมง)
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยย่อยท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรู้
แหล่งกาเนดิ แสง (แสงและการ (การป้องกนั อนั ตรายจาก
(๓ ชว่ั โมง)
มองเหน็ ) แสง)
(๓ ชัว่ โมง)
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒
แสง
(๑๕ ชวั่ โมง)
หมำยเหตุ : โครงสรา้ งเวลานเ้ี ปน็ ตวั อย่างสาหรบั ในการจดั การเรยี นการสอน ซึ่งสามารถปรับได้ตาม
ความเหมาะสมกบั วันและเวลา
200
หนว่ ยย่อยที่ ๑
แสงและกำรมองเห็น
201
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ แสงและกำรมองเหน็
หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย แสง
จำนวนเวลำเรยี น ๑๘ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ๔ แผน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำระสำคญั ของหน่วย
แสงเคลอื่ นท่ีเปน็ แนวตรงจากแหล่งกาเนิดแสงทกุ ทิศทาง แสงช่วยในการมองเห็นสงิ่ ต่าง ๆ ซึ่งการท่ี
จะมองเห็นส่งิ นั้น ๆ ได้ ต้องมีแสงเข้าสู่ตา การมองวัตถุในบริเวณที่มแี สงสว่างไมเ่ หมาะสมจะเปน็ อนั ตรายต่อ
ตา จงึ ตอ้ งจัดความสว่างให้เหมาะสมกบั การทากิจกรรมตา่ ง ๆ
มำตรฐำนและตวั ชี้วัด
มำตรฐำน ว ๒.๓
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคลื่น
แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้วี ัด
ว ๒.๓ ป.๒/๑ บรรยายแนวการเคลื่อนท่ีของแสงจาก แหล่งกาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุ
จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
ว ๒.๓ ป.๒/๒ ตระหนักในคุณค่าของความรู้ของการมองเห็น โดยเสนอแนะแนวทางการป้องกัน
อันตราย จากการมองวัตถทุ ่ีอยใู่ นบรเิ วณทม่ี ีแสงสว่างไมเ่ หมาะสม
202
ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลักของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ แสงและกำรมองเห็น
สิง่ ท่ที าใหเ้ กิดแสงได้เปน็ แหล่งกาเนิดแสง
↓
แสงเคลื่อนทจ่ี ากแหลง่ กาเนิดแสงทกุ ทิศทางและเปน็ แนวตรง
↓
การมองวัตถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนิดแสง จะมแี สงจากแหล่งกาเนิดแสงเข้าสตู่ าโดยตรง
↓
การมองวัตถทุ ่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง ต้องอาศัยแสงจากวตั ถุทเี่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง ตกกระทบวัตถแุ ลว้
สะท้อนเขา้ สู่ตา
↓
การมองวัตถุในบริเวณที่มแี สงสวา่ งมากหรอื น้อยเกนิ ไปจะเป็นอันตรายต่อตา ป้องกันไดโ้ ดยการจดั ความสว่าง
ให้เหมาะสมกบั การทากิจกรรมตา่ ง ๆ
โครงสรำ้ งของหนว่ ยย่อยที่ ๑ แสงและกำรมองเห็น
หน่วยกำรเรียนรู้ ช่ือหน่วยย่อย จำนวนแผน ชอื่ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ จำนวนช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ หนว่ ยย่อยที่ ๑ ๔ แหล่งกาเนิดแสง ๓
๒ แสง แสงและการ ๔
การเคลื่อนที่ของแสง ๕
มองเห็น ๓
การมองเห็นวตั ถุ
การป้องกันอนั ตรายจากแสง
203
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แสง หนว่ ยย่อยที่ 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 19 เรอื่ ง แหล่งกาเนิดแสง (1) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ งสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสงและคล่ืน
แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุจาก
หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคัญ
ส่ิงท่ีเกดิ แสงได้ หรอื ส่ิงทใ่ี ห้แสงจากตวั เองได้จัดเป็นแหล่งกาเนิดแสง
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- ระบสุ งิ่ ต่าง ๆ ทที่ าให้เกิดแสง หรอื เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตวัตถทุ ี่มีแสงออกมา
3.3 ด้านคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A)
- มวี ินัย
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สาระการเรียนรู้
สิง่ ตา่ ง ๆ ท่ีอยูร่ อบตวั เรามที ั้งทเี่ กดิ แสงได้ เช่น หลอดไฟฟ้า ดวงอาทิตย์ และส่งิ ที่ไม่เกิดแสง เชน่ โต๊ะ ดินสอ
5. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ระบวุ ัตถุท่ีให้แสงได้
204
5.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ัญหาในการทางานกลุ่มรว่ มกนั
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
- มวี ินยั
- ใฝ่เรียนรู้
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวนิ ยั
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน (เวลา 5 นาที)
1. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ เกี่ยวกับแหล่งกาเนดิ แสง โดยใชค้ าถามดงั น้ี
1.1 สิ่งทอ่ี ย่รู อบ ๆ ตัว ส่งิ ใดบา้ งเป็นแหลง่ กาเนิดแสง (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
1.2 สิง่ เหลา่ น้ันเป็นแหล่งกาเนิดแสง เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ครูจดคาตอบชองนักเรียนไว้บนกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง
ขัน้ สอน (เวลา 40 นาท)ี
2. ครูชวนนักเรียนหาคาตอบท่ถี ูกต้องโดยเรม่ิ ทากิจกรรมที่ 1 อะไรบ้างเป็นแหล่งกาเนิดแสง หน้า 63 โดยใหน้ กั เรียน
อ่านช่ือกิจกรรม และจดุ ประสงค์ จากนนั้ ใช้คาถามต่อไปนี้
2.1 กจิ กรรมน้ีนกั เรยี นจะได้เรยี นเร่ืองอะไร (แหลง่ กาเนิดแสงต่าง ๆ)
2.2 นักเรยี นจะเรยี นเรอื่ งนด้ี ้วยวธิ ใี ด (การสารวจ)
2.3 เมอื่ เรยี นแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (ระบุแหลง่ กาเนิดแสงตา่ ง ๆ)
3. ครูให้นักเรียนอา่ นวธิ ที าในใบกจิ กรรมที่ 1 ข้อ 1 หน้า 63 จากนัน้ ครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการทา
กิจกรรมของนักเรียนจนแน่ใจวา่ นักเรียนทาได้ โดยครูอาจใชค้ าถามดังต่อไปนี้
3.1 นักเรียนจะต้องสารวจอะไร (สงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตัวทใี่ หแ้ สงได)้
3.2 นักเรยี นจะไปสารวจที่ใดไดบ้ า้ ง (ในห้องเรียนและรอบห้องเรยี น เช่น ไฟฉาย กระจกเงา เลเซอร์ โคมไฟ
กระดาน สมุด)
3.3 นกั เรียนต้องบนั ทกึ ผลการสารวจลงท่ีใด (บันทกึ ลงในใบงาน 01 หนา้ 64)
4. ครเู ตรียมอปุ กรณห์ รือภาพสงิ่ ต่าง ๆ ทที่ ง้ั ให้แสงและไมใ่ ห้แสงมาวางไว้รอบ ๆ ห้องเรียน ให้นักเรียนสารวจและ
สาหรับการสาธติ จากนนั้ นกั เรยี นสารวจภายในห้องเรยี น หรอื พูดคุยกับเพอ่ื นในกลุม่ ให้ไดม้ ากที่สดุ พร้อมบนั ทึกผล
ลงในใบงาน 01 หน้า 64 โดยครูแจง้ นกั เรียนว่าให้บันทกึ เฉพาะส่ิงทีน่ กั เรียนคดิ ว่าเปน็ ส่ิงทีใ่ หแ้ สงได้ตามความเขา้ ใจ
ของนักเรยี น ซึ่งจะเป็นแหล่งกาเนดิ แสงหรือไม่เปน็ แหลง่ กาเนดิ แสงก็ได้ ในการบันทกึ ผลครชู ่วยเหลือในการเขียน
บนั ทึกผลตามความจาเป็น
205
5. ครูให้นักเรียนนาเสนอผลการสารวจ และเปรียบเทียบกับกลมุ่ อ่นื ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ข้ันสรปุ (เวลา 5 นาที)
6. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ทไี่ ดเ้ รียนเกยี่ วกบั เรอื่ งอะไรบ้างเปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง โดยใชส้ อื่ สไลด์
สง่ิ ต่าง ๆ ที่อยูร่ อบตัวเรามีทั้งท่ใี ห้แสงได้และไม่มีแสง
8. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้
8.1 สอ่ื สไลด์ เร่ือง แหล่งกาเนดิ แสง (1)
8.2 กิจกรรมที่ 1 อะไรบ้างเป็นแหล่งกาเนิดแสง หนา้ 63
8.3 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนดิ แสง หนา้ 64
9. ช้ินงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนิดแสง หน้า 64
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การตัดสิน
แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
1) ระบุส่งิ ต่าง ๆ ทท่ี าให้ สงั เกตการตอบคาถามใน คาถามในชัน้ เรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
เกิดแสง หรือเป็น ช้ันเรยี นและในใบงาน คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
แหล่งกาเนิดแสง คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
2) ทักษะกระบวนการ สังเกตทักษะกระบวนการ แบบประเมนิ ทักษะ
ทางวทิ ยาศาสตร์
- สังเกตวัตถทุ ม่ี ีแสง ทางวิทยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง
ออกมา
ทากจิ กรรม วิทยาศาสตร์
3) สังเกตพฤติกรรมการ สงั เกตด้านคุณลักษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
มวี ินัยและใฝ่เรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
อันพึงประสงค์ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
206
แบบประเมินการตอบคาถามในชัน้ เรียนและตรวจใบงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 19 เรอ่ื ง แหล่งกาเนดิ แสง (1)
ช่ือผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ การตอบคาถาม การสรุปความรู้ รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ในชน้ั เรียน (4)
(6)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ น้าหนกั คะแนน
1.5 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 6
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในชน้ั เรยี น ถกู ต้องทั้งหมด ถูกต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ
ส่วนใหญ่ เกย่ี วกบั เร่ืองท่ี
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรุปความรคู้ วาม และไม่ครบถว้ น
ความเข้าใจ เขา้ ใจเก่ียวกับ เขา้ ใจเก่ียวกับ
เกย่ี วกับเรื่องท่ี เรอื่ งท่ีศกึ ษาได้ เรือ่ งท่ีศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น
และครบถ้วน ครบถว้ น และไม่ครบถว้ น
เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
207
แบบประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 19 เรอ่ื ง แหลง่ กาเนิดแสง (1)
ชอื่ ผู้ประเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลคร้ังที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลุ่ม รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลการประเมิน
การสงั เกต (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์
การสงั เกต สามารถใช้ประสาทสัมผัส พอใช้ (2) สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั
ในการรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกับ ในการรวบรวมข้อมูล
สงิ่ ท่ที าใหเ้ กดิ แสงไดด้ ว้ ย สามารถใช้ประสาทสัมผสั เก่ยี วกบั สิ่งทที่ าให้เกิดแสง
ตนเอง ในการรวบรวมขอ้ มลู ไดบ้ างอยา่ ง แม้จะได้รับ
เก่ียวกบั สิ่งที่ทาใหเ้ กิดแสง คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ื่น
ได้ โดยการช้ีแนะของครู
หรอื ผอู้ ื่น
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
208
แบบประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 19 เรอื่ ง แหลง่ กาเนิดแสง (1)
ชอื่ ผปู้ ระเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชือ่ กลุ่มรบั การประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครงั้ ท่ี………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับพฤตกิ รรม
รวมคะแนนทีไ่ ด้ทงั้ หมด
1 มีวนิ ยั เกดิ = 1 ไมเ่ กิด = 0
2 ใฝ่เรียนรู้
เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
209
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 20
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว12101
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แสง หนว่ ยยอ่ ยที่ 1 แสงและการมองเห็น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 20 เรอื่ ง แหล่งกาเนิดแสง (2) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดั
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างสสาร
และพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ที่เก่ยี วข้องกับเสยี ง แสง
และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคล่ือนท่ีของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุจาก
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. สาระสาคญั
ส่ิงทเ่ี กดิ แสงได้ หรอื ส่งิ ทใ่ี หแ้ สงจากตัวเองได้ จัดเปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- ระบสุ ง่ิ ต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
- บอกความหมายของแหล่งกาเนิดแสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตสิ่งต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ แหล่งกาเนดิ แสง และไม่เปน็ แหล่งกาเนิดแสง
- จาแนกประเภทส่งิ ตา่ ง ๆ โดยใช้การเป็นแหล่งกาเนิดแสงเปน็ เกณฑ์
- ลงความเหน็ จากข้อมลู เกยี่ วกับส่ิงต่าง ๆ ทีเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง และไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A)
- มวี นิ ัย
- ใฝ่เรยี นรู้
4. สาระการเรียนรู้
รอบตัวเรามีสิง่ ตา่ ง ๆ มากมาย ซ่ึงมที ั้งส่ิงที่เกิดแสงได้ หรอื ส่งิ ท่ใี หแ้ สงจากตวั เองได้ จดั เป็น
แหล่งกาเนิดแสง เช่น ไฟฉาย เลเซอร์ หลอดไฟฟ้า และส่งิ ทไี่ มเ่ กิดแสง หรือสิง่ ท่ีไม่ใหแ้ สงจากตวั เอง ไมเ่ ปน็
แหล่งกาเนดิ แสง เชน่ ดวงจนั ทร์ กระจกเงา
210
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
- บอกความหมายของแหล่งกาเนดิ แสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- การใหเ้ หตผุ ลวา่ สง่ิ นัน้ เปน็ แหล่งกาเนดิ แสงหรือไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
- มวี ินัย
- ใฝเ่ รยี นรู้
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มวี ินัย
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน (เวลา 5 นาท)ี
1. ตรวจสอบความร้เู ดมิ เกยี่ วกับแหลง่ กาเนิดแสงโดยใชส้ ่ือสไลดภ์ าพดวงอาทติ ยส์ ะท้อนนา้ แลว้ ถามคาถาม ดังนี้
1.1 สงิ่ ทนี่ ักเรยี นสงั เกตจากภาพมีอะไรบา้ ง (ดวงอาทิตย์ แม่นา้ )
1.2 สง่ิ ใดบ้างเปน็ แหลง่ กาเนิดแสง (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ ดวงอาทิตย์ แมน่ า้ )
1.3 ส่ิงทีใ่ หแ้ สงได้เหลา่ นี้เป็นแหลง่ กาเนิดแสงหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขั้นสอน (เวลา 40 นาที)
2. ครูชีแ้ จงจุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบวา่ ในช่ัวโมงน้จี ะไดร้ ะบสุ ง่ิ ตา่ ง ๆ ที่เป็นแหล่งกาเนดิ แสงและไม่เป็น
แหล่งกาเนิดแสง รวมทั้งบอกความหมายของแหล่งกาเนิดแสง โดยใช้ส่อื สไลด์
3. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านวิธีทาขอ้ 2 ในใบกจิ กรรมท่ี 2 อะไรบ้างเป็นแหลง่ กาเนิดแสง หนา้ 63 จากนั้นครตู รวจสอบ
ความเข้าใจในขั้นตอนการทากจิ กรรมโดยใช้คาถามดังนี้
3.1 นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับเร่อื งอะไร (ความหมายของแหล่งกาเนดิ แสง)
3.2 นักเรยี นต้องทาอะไรตอ่ (ระบสุ ง่ิ ทส่ี ารวจว่าเปน็ แหล่งกาเนิดแสงหรอื ไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง)
3.3 นักเรียนบันทึกลงท่ใี ด (บันทึกลงในใบงาน 01 แหล่งกาเนดิ แสง หน้า 64-65)
4. ครชู วนนักเรยี นสังเกตอุปกรณ์ทคี่ รูเตรียมมา เช่น ไฟฉาย โคมไฟ เทียนไข ลูกบอล กระจกเงา จากน้ันครแู ละ
นักเรยี นอภปิ รายโดยใชค้ าถาม ดังน้ี
4.1 จากการสังเกตอุปกรณใ์ ดบ้างทเ่ี กิดแสง หรอื ให้แสงจากตวั เอง (ไฟฉาย เทียนไข โคมไฟ)
4.2 จากการสังเกตอปุ กรณใ์ ดบ้างทไี่ มเ่ กิดแสง หรอื ไมใ่ ห้แสงจากตัวเอง (ลูกบอล กระจกเงา)
5. ครูใหค้ วามร้เู พิ่มเตมิ ว่าสิง่ ท่ีใหแ้ สงจากตัวเองได้ เรียกว่า แหล่งกาเนิดแสง และอธิบายเพมิ่ เติมวา่ สงิ่ ของบางอยา่ ง
211
ท่ีเรามองเหน็ วา่ มีแสงออกมาจากตวั น้นั แสงอาจจะไม่ไดม้ าจากสิง่ ของนนั้ เอง แต่เป็นแสงทสี่ ะท้อนมาจาก
แหล่งกาเนดิ แสงอื่น เชน่ กระจกเงาทส่ี ะทอ้ นแสงจากดวงอาทติ ย์ แมน่ ้าทส่ี ะท้อนแสงจากดวงอาทติ ย์
จงึ มองเห็นเป็นแสงวิบวบั จากกระจกเงา หรือแสงระยิบระยบั บนผวิ น้า แต่อยา่ งไรก็ตามทั้งกระจกเงาและน้าไมใ่ ช่
แหล่งกาเนดิ แสง เพราะไม่ได้ใหแ้ สงจากตวั เอง
6. หลังจากทนี่ ักเรียนเขา้ ใจความหมายของแหลง่ กาเนิดแสงแล้ว ครูให้นกั เรียนระบสุ ่ิงท่ีสารวจไดใ้ นใบงาน 01 ว่าส่ิง
ทใี่ หแ้ สงได้ สิง่ ใดเป็นแหลง่ กาเนดิ แสง และสง่ิ ใดไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
7. ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการทากิจกรรมพร้อมบอกเหตุผล ครจู ดบนั ทึกช่ือสิ่งตา่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
และไม่เปน็ แหลง่ กาเนิดแสงที่นักเรียนสารวจไดบ้ นกระดาน และครูตรวจสอบความถกู ต้อง หากพบนักเรยี นยังมี
ความเข้าใจคลาดเคล่ือนครแู กไ้ ขความเข้าใจคลาดเคลอ่ื น
8. นกั เรยี นตอบคาถามหลงั ทากิจกรรมในใบงาน 01 หน้า 66-67
ข้ันสรปุ (เวลา 5 นาที)
9. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้สรปุ ความรทู้ ่ไี ด้เรยี นเกย่ี วกบั เรื่อง อะไรบ้างเป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใช้สือ่ สไลด์
สรปุ ได้วา่ ส่งิ เกิดแสงได้ หรือใหแ้ สงจากตัวเอง จัดเปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
8. สื่อ /แหล่งเรียนรู้
8.1 สอื่ สไลด์ เรอื่ ง แหล่งกาเนิดแสง (2)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 อะไรบา้ งเปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง หน้า 63
8.3 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนดิ แสง หน้า 64-67
8.4 วตั ถทุ ่ีใหแ้ สง เช่น ไฟฉาย เทยี นไข โคมไฟ
8.5 วตั ถทุ ่ีไมใ่ หแ้ สง เชน่ ลกู บอล กระจกเงา
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนิดแสง หนา้ 64-67
10. การวัดและประเมินผล
ประเดน็ การประเมนิ วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การตดั สิน
แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
1) ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ สงั เกตการตอบคาถามใน คาถามในชั้นเรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
- ระบสุ ิ่งตา่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ ช้นั เรียนและในใบงาน คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
แหล่งกาเนดิ แสง
- บอกความหมายของ
แหลง่ กาเนิดแสง
ประเด็นการประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมือ 212
2) ทักษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 7 - 9 หมายถงึ ดี
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรบั ปรุง
- สังเกตส่ิงต่าง ๆ ทเี่ ปน็ ทากิจกรรม วิทยาศาสตร์
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
แหลง่ กาเนิดแสง และไม่ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เป็นแหล่งกาเนดิ แสง
- จาแนกประเภทส่ิงตา่ ง ๆ
โดยใช้การเป็น
แหล่งกาเนดิ แสงเปน็
เกณฑ์
- ลงความเห็นจากข้อมลู
เก่ียวกับสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีเปน็
แหลง่ กาเนิดแสง และ
ไม่เปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี สังเกตด้านคุณลักษณะ แบบประเมิน
วินยั และใฝ่เรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ คุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
แบบประเมนิ การตอบคาถามในชั้นเรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 20 แหลง่ กาเนิดแสง (2)
ช่ือผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดับคะแนน
การตอบ การสรุป ความถูกต้อง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ช่อื -สกุล/กลมุ่ คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ช้ันเรียน (4) เน้อื หาในใบงาน
(4) (2)
213
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดบั คุณภาพ นา้ หนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) 1.0 4
ตอบคาถามไม่
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 1.0 4
คาถามในชั้นเรียน ถูกต้องท้งั หมด ถูกต้องเป็น ถกู ต้องบางสว่ น
สรปุ ความรเู้ ขา้ ใจ 2
ส่วนใหญ่ เกีย่ วกบั เรือ่ งที่
ศึกษาไม่ถกู ต้อง
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรูค้ วาม สรปุ ความรูค้ วาม และไมค่ รบถ้วน
ความเข้าใจ เขา้ ใจเก่ยี วกับ เขา้ ใจเก่ียวกับ เน้อื หาทเ่ี ขยี นใน
เกยี่ วกับเรอื่ งที่ เรือ่ งที่ศกึ ษาได้ เรือ่ งท่ีศึกษาได้ ใบงานไม่ถกู ตอ้ ง
ศึกษาได้ ถูกตอ้ ง ถูกต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางส่วน
และครบถว้ น ครบถว้ น และไม่ครบถ้วน
เนือ้ หาทเ่ี ขยี นใน
3. ความถูกต้อง เนอ้ื หาท่เี ขียนใน เนือ้ หาท่เี ขยี นใน ใบงานมคี วาม
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างสว่ น ถกู ต้องเปน็
เนอื้ หาในใบงาน ถูกต้องครบถ้วน ไมถ่ ูกต้อง ตามท่ี สว่ นนอ้ ย
ตามท่ีกาหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
214
แบบประเมินดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 20 แหลง่ กาเนิดแสง (2)
ชื่อผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลคร้งั ท่ี………………….... วนั ท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดับคะแนน ผลรวม ผลการ
คะแนน ประเมิน
ชอื่ -สกุล/กล่มุ การสงั เกต การจาแนก การลงความเหน็ (9 คะแนน)
(3) ประเภท จากขอ้ มูล
(3)
(3)
เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะกระบวนการ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ปรบั ปรงุ (1)
ทางวทิ ยาศาสตร์ สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัส พอใช้ (2) สามารถใช้ประสาทสัมผสั
การสังเกต ในการรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับ ในการรวบรวมขอ้ มูล
ส่งิ ท่ที าใหเ้ กิดแสงได้ดว้ ย สามารถใช้ประสาทสมั ผัส เกย่ี วกับสงิ่ ทท่ี าให้เกดิ แสง
การจาแนกประเภท ตนเอง ในการรวบรวมขอ้ มลู ไดบ้ างอยา่ ง แมจ้ ะไดร้ ับ
เกยี่ วกบั สิง่ ทที่ าใหเ้ กิดแสง คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ่นื
การลงความเห็น สามารถจัดกลมุ่ หรือระบุ ได้ โดยการช้แี นะของครู สามารถจัดกลุ่มหรือระบุ
จากข้อมลู ส่ิงตา่ ง ๆ โดยใชก้ ารเปน็ หรอื ผ้อู น่ื ส่ิงต่าง ๆ โดยใชก้ ารเป็น
แหล่งกาเนิดแสงเปน็ เกณฑ์ สามารถจดั กลมุ่ หรือระบุ แหลง่ กาเนดิ แสงเปน็ เกณฑ์
จากการทากจิ กรรมไดด้ ้วย ส่งิ ตา่ ง ๆ โดยใชก้ ารเป็น จากการทากิจกรรมได้
ตนเอง แหลง่ กาเนิดแสงเปน็ เกณฑ์ บางอยา่ ง แม้จะไดร้ ับคา
จากการทากจิ กรรมไดโ้ ดย ชแ้ี นะจากครูหรือผอู้ ่ืน
สามารถใช้ความรูห้ รือ อาศยั การชีแ้ นะของครูหรือ สามารถใช้ความรหู้ รือ
ประสบการณเ์ ดมิ มาใชร้ ะบุ ผู้อ่นื ประสบการณเ์ ดิมมาใช้ระบุ
สง่ิ ทท่ี าใหเ้ กดิ แสงได้เป็น สามารถใช้ความรู้หรือ ส่ิงท่ที าให้เกิดแสงไดเ้ ปน็
แหล่งกาเนดิ แสง ด้วยตนเอง ประสบการณเ์ ดิมมาใช้ระบุ แหล่งกาเนิดแสงได้
ส่งิ ที่ทาใหเ้ กดิ แสงได้เปน็
แหล่งกาเนิดแสง โดยการ
ชแ้ี นะของครูหรือผู้อ่นื
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ 215
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)
ปรับปรุง (1)
บางอยา่ ง ถงึ แม้จะได้รับ
คาแนะนาจากครหู รือผู้อน่ื
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 7 - 9 หมายถึง ดี
คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถึง ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 20 แหล่งกาเนิดแสง (2)
ผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ ..................................................................................................................................................
ชื่อกลุ่มรับการประเมนิ ....................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครัง้ ท่ี...............วนั ที่...........เดือน..................................................พ.ศ.......................................
เร่ือง.................................................................................................................................................................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม
เกดิ = 1 ไม่เกดิ = 0
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
รวมคะแนนทั้งหมด
เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
216
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 21
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 21 เรื่อง แหล่งกาเนดิ แสง (3) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับเสียง แสง
และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลอ่ื นที่ของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุ
จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคญั
สงิ่ ที่เกิดแสงได้ หรือส่ิงท่ใี ห้แสงจากตวั เองได้ จัดเป็นแหล่งกาเนิดแสง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K)
- ระบสุ ิง่ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนดิ แสง
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- ลงความเห็นจากข้อมลู เกย่ี วกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นแหล่งกาเนิดแสง
- การจาแนกแหลง่ กาเนิดแสง
- ตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ เกย่ี วกบั สงิ่ ต่าง ๆ ทเ่ี ป็นแหล่งกาเนิดแสง
3.3 ด้านคุณลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- มวี ินยั
- ใฝ่เรียนรู้
4. สาระการเรียนรู้
รอบตัวเรามีส่ิงตา่ ง ๆ มากมาย ซึง่ มที ง้ั สิง่ ท่เี กดิ แสงได้ หรือสงิ่ ท่ีให้แสงจากตัวเองได้ จัดเป็น
แหล่งกาเนดิ แสง เชน่ หิ่งห้อย หลอดไฟฟา้ เปลวเทียนไข ไฟฉาย โทรศพั ท์มือถอื ส่วนสิ่งที่ไม่เกิดแสง
หรือสง่ิ ท่ีไมใ่ หแ้ สงจากตวั เองจึงไม่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง เช่น ดวงจันทร์ ผนังกระจกบนตึก เพชร
217
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- ระบุแหล่งกาเนดิ แสงตา่ ง ๆ
5.2 ความสามารถในการคิด
- เพมิ่ เติมความคิดเหน็ อยา่ งมีเหตเุ กยี่ วกบั วัตถทุ ี่ใหแ้ สงออกมา
5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแกป้ ญั หาในการทางานกล่มุ รว่ มกนั
5.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
- มวี ินยั
- ใฝ่เรยี นรู้
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี ินัย
6.2 ใฝ่เรียนรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรยี น (เวลา 10 นาท)ี
1. ครทู บทวนท่ไี ด้เรยี นในชั่วโมงทีผ่ ่านมา โดยใช้คาถามวา่ แหล่งกาเนิดแสงหมายถึงอะไร (วัตถุท่ีทาให้เกดิ แสงได้)
2. ครเู ล่านทิ านเรื่อง ไปเทยี่ วบา้ นสวนคุณยาย โดยใช้สื่อสไลด์ให้นักเรียนฟัง ดงั นี้
นิทาน เรอ่ื ง ไปเท่ยี วบา้ นสวนคณุ ยาย
ช่วงปิดเทอม น้าตาลไปเทย่ี วบา้ นสวนคณุ ยายกับคุณพอ่ คุณแมท่ จี่ งั หวัดจันทบรุ ี ท่บี า้ นคุณยายเป็นสวนผลไม้
ร่มร่นื มาก คุณยายทาอาหารอร่อยมาก เรารับประทานอาหารเย็นฝมี อื คุณยายด้วยกนั และหลังรบั ประทานอาหารเย็น
เสร็จ เรานงั่ รบั ลมชมห่ิงห้อยอยู่ทรี่ ะเบยี งบ้าน หง่ิ หอ้ ยหลายสิบตวั สอ่ งแสงระยิบระยับสวา่ งไสวสวยงามมาก และเพิ่ม
บรรยายกาศด้วยแสงจากดวงจันทรย์ ามคา่ คนื ไม่นานก็มีลมพัดมาแรงมาก เหมือนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง หลงั จากที่ลม
พดั ไม่นาน ฝนกต็ กลงมาอยา่ งหนกั ทาให้ไฟดับ นา้ ตาลตกใจกลัวมากรบี กระโดดกอดคุณพ่อ เพราะมืดมากเมอื่ ไมม่ ีไฟฟ้า
เมอ่ื คุณยายเห็นนา้ ตาลกลวั จึงรีบจุดเทียนไขให้ความสวา่ ง พร้อมปลอบนา้ ตาลว่าไม่ต้องกลวั เดยี๋ วไฟก็มา ผ่านไป
1 ช่วั โมง หลอดไฟฟา้ ก็กลับมาสว่างเหมือนเดมิ และถงึ เวลาเขา้ นอนพอดี
3. หลงั จากนกั เรียนฟังนิทานจากนน้ั ครถู ามดังน้ี
3.1 จากนทิ านมีอะไรบ้างที่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง เพราะเหตุใด (หงิ่ ห้อย หลอดไฟฟ้า เปลวเทยี นไข เพราะเปน็ สง่ิ ท่ี
เกดิ แสงได้ หรอื ใหแ้ สงจากตัวเองได)้
3.2 จากนทิ านมีอะไรบ้างทีไ่ ม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสง เพราะเหตุใด (ดวงจันทร์ เพราะเปน็ สิ่งทไี่ ม่เกิดแสง หรอื ไม่ให้
แสงจากตัวเอง ครูอาจใหค้ วามรูเ้ พม่ิ เติมแสงจากดวงจันทร์เปน็ แสงท่ีสะท้อนมาจากดวงอาทิตย์)
218
ขนั้ สอน (เวลา 35 นาท)ี
4. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้วา่ ในช่ัวโมงนน้ี ักเรียนจะได้ระบุส่ิงทีเ่ ปน็ แหลง่ กาเนิดแสง โดยใชส้ อื่ สไลด์
5. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ แข่งกนั บอกช่ือแหล่งกาเนิดแสงใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุดภายในเวลา 2 นาที โดยเขยี นลงในกระดาษ
6. ครูให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายชอ่ื ของแหลง่ กาเนดิ แสงทน่ี ักเรยี นเขยี นมา พร้อมบอกเหตผุ ลวา่ เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง
อย่างไร
7. ครูให้นักเรยี นทาใบงาน 02 แบบฝกึ หดั เรือ่ งแหล่งกาเนดิ แสง หนา้ 68
8. ครสู ุ่มนกั เรียนเฉลยใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรื่องแหลง่ กาเนดิ แสง หนา้ 68 และอภิปรายรว่ มกนั โดยใชค้ าถามดงั นี้
8.1 มีอะไรบ้างทไี่ ม่ใช่แหล่งกาเนดิ แสง (เพชร และผนงั กระจกบนตึก)
8.2 เพราะเหตุใดเพชรและผนงั กระจกบนตึกจึงไม่ใช่แหล่งกาเนิดแสง (เพราะไม่มีแสงออกมาจากตวั เอง แสงท่ี
เห็นเปน็ การสะท้อนของแสงจากแหล่งกาเนิดแสงอ่ืน)
ข้ันสรปุ (เวลา 5 นาที)
9. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้สรุปความรทู้ ี่ได้เรียนเก่ยี วกบั เร่อื ง อะไรบ้างเป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใช้สื่อสไลด์
สรุปไดว้ ่ารอบตวั เรามสี งิ่ ตา่ ง ๆ มากมาย ซึ่งมีทั้งส่ิงทเ่ี กิดแสงได้ หรือสิ่งท่ีให้แสงจากตัวเองได้ จัดเป็นแหลง่ กาเนดิ
แสง เชน่ หิ่งหอ้ ย หลอดไฟฟา้ เปลวไฟเทียนไข ไฟฉาย โทรศัพท์มอื ถอื สว่ นสิง่ ทไ่ี ม่เกดิ แสง หรอื สิ่งทไี่ มใ่ ห้แสงจาก
ตัวเองจงึ ไม่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง เชน่ ดวงจันทร์ ผนงั กระจกบนตกึ เพชร
8. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
8.1 สอื่ สไลด์ เร่อื ง แหล่งกาเนิดแสง (3)
8.2 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เรอ่ื งแหล่งกาเนดิ แสง หน้า 68
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรือ่ งแหล่งกาเนดิ แสง หน้า 68
10. การวัดและประเมินผล
ประเดน็ การประเมนิ วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์การตดั สนิ
1) ระบุแหล่งกาเนิดแสง
ต่าง ๆ สงั เกตการตอบคาถาม แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
2) ทกั ษะกระบวนการ ในชั้นเรียนและในใบงาน คาถามในชน้ั เรียน คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ทางวิทยาศาสตร์
และตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
สงั เกตทักษะ แบบประเมนิ ทกั ษะ คะแนน 7 - 9 หมายถึง ดี
กระบวนการ กระบวนการทาง คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรบั ปรุง
ทากจิ กรรม
ประเด็นการประเมนิ วิธีการ เครอื่ งมือ 219
- ลงความเหน็ จากข้อมลู แบบประเมิน เกณฑ์การตัดสิน
คณุ ลกั ษณะ
เก่ยี วกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ท่ีเปน็ อนั พึงประสงค์ คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
แหล่งกาเนิดแสง คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
- การจาแนกแหล่งกาเนดิ
แสง
- ตีความหมายข้อมูลและลง
ขอ้ สรปุ เกีย่ วกับสิ่งตา่ ง ๆ ท่ี
เปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี สังเกตดา้ นคุณลักษณะ
วนิ ัยและใฝ่รู้ อนั พงึ ประสงค์
220
แบบประเมนิ การตอบคาถามในช้นั เรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 21 แหล่งกาเนิดแสง (3)
ช่ือผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ท่ี………………….... วนั ที่ ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดับคะแนน
การตอบ การสรปุ ความถกู ตอ้ ง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ชือ่ -สกุล/กลุ่ม คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของเน้ือหา
ช้นั เรยี น (4) ในใบงาน
(4) (2)
เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง) น้าหนกั คะแนน
การประเมิน 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถูกต้อง 1.0 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในช้ันเรยี น ถูกต้องทั้งหมด ถูกต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น สรปุ ความรเู้ ขา้ ใจ 1.0 4
เกี่ยวกบั เรอ่ื งท่ี
สว่ นใหญ่ ศึกษาไม่ถกู ต้อง 2
และไมค่ รบถ้วน
2. การสรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรู้ความ เนื้อหาที่เขียนใน
ความเข้าใจ เขา้ ใจเกยี่ วกับ เข้าใจเก่ียวกับ ใบงานไม่ถกู ตอ้ ง
เกี่ยวกบั เรื่องท่ี เรื่องท่ีศกึ ษาได้ เรือ่ งท่ีศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางส่วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไม่ครบถว้ น
เน้ือหาท่ีเขยี นใน
3. ความถูกต้อง เนือ้ หาทีเ่ ขียนใน เนอื้ หาท่เี ขยี นใน ใบงานมคี วาม
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมีบางส่วน ถูกต้องเป็น
เน้ือหาในใบงาน ถกู ต้องครบถว้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามที่ สว่ นน้อย
ตามทก่ี าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรับปรุง
221
แบบประเมินดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 21 แหลง่ กาเนดิ แสง (3)
ชอื่ ผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครงั้ ท่ี………………….... วันที่ ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวม ผลการ
คะแนน ประเมิน
ชือ่ -สกุล/กลุ่ม การสงั เกต การจาแนก การลงความเห็น (9 คะแนน)
(3) ประเภท จากข้อมูล
(3)
(3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ ปรบั ปรุง (1)
ทางวทิ ยาศาสตร์ สามารถใช้ประสาทสมั ผสั พอใช้ (2) สามารถใชป้ ระสาทสัมผัส
การสังเกต ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั ในการรวบรวมขอ้ มูล
สง่ิ ที่ทาใหเ้ กดิ แสงได้ด้วย สามารถใชป้ ระสาทสัมผัส เกี่ยวกับสิง่ ท่ที าใหเ้ กดิ แสง
การจาแนกประเภท ตนเอง ในการรวบรวมขอ้ มูล ได้บางอย่าง แมจ้ ะไดร้ บั
เกยี่ วกับส่งิ ทท่ี าให้เกิดแสง คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ืน่
การลงความเห็น สามารถจดั กลุ่มหรือระบุ ได้ โดยการชีแ้ นะของครู สามารถจัดกลุ่มหรือระบุ
จากข้อมูล ส่ิงต่าง ๆ โดยใชก้ ารเปน็ หรอื ผู้อืน่ ส่งิ ต่าง ๆ โดยใช้การเปน็
แหล่งกาเนิดแสงเป็นเกณฑ์ สามารถจดั กลมุ่ หรือระบุ แหลง่ กาเนิดแสงเป็นเกณฑ์
จากการทากจิ กรรมไดด้ ้วย สิ่งต่าง ๆ โดยใชก้ ารเป็น จากการทากิจกรรมได้
ตนเอง แหล่งกาเนิดแสงเปน็ เกณฑ์ บางอย่าง แม้จะได้รบั คา
จากการทากิจกรรมได้ โดย ชแี้ นะจากครูหรือผอู้ ่นื
สามารถใชค้ วามร้หู รือ อาศยั การชี้แนะของครูหรอื สามารถใช้ความรู้หรือ
ประสบการณ์เดิมมาใชร้ ะบสุ ิ่ง ผอู้ นื่ ประสบการณเ์ ดมิ มาใช้ระบุ
ทที่ าให้เกิดแสงไดเ้ ป็น สามารถใชค้ วามรูห้ รือ ส่งิ ทีท่ าใหเ้ กดิ แสงไดเ้ ป็น
แหลง่ กาเนดิ แสง ดว้ ยตนเอง ประสบการณ์เดิมมาใชร้ ะบุ แหล่งกาเนิดแสงได้
สง่ิ ทีท่ าใหเ้ กดิ แสงได้เป็น
แหลง่ กาเนดิ แสง โดยการ
ช้ีแนะของครูหรือผู้อนื่
222
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ ปรับปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) บางอยา่ ง ถงึ แม้จะได้รับ
คาแนะนาจากครหู รือผู้อน่ื
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 7 - 9 หมายถึง ดี
คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถึง ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 21 แหล่งกาเนิดแสง (3)
ผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ ..................................................................................................................................................
ชื่อกลุ่มรับการประเมนิ ....................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครัง้ ท่ี...............วนั ที่...........เดือน..................................................พ.ศ.......................................
เร่ือง.................................................................................................................................................................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม
รวมคะแนนทั้งหมด เกดิ = 1 ไม่เกดิ = 0
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
223
เฉลยใบงาน
224
คาตอบขึ้นอย่กู ับทน่ี กั เรยี นสารวจได้ เช่น
หลอดไฟฟ้าท่เี ปดิ ไฟ √
พ้ืนถนนลาดยาง √
โคมไฟ √
√
สงั กะสี
225
คาตอบข้นึ อยูก่ ับทนี่ ักเรียนสารวจได้ เชน่
226
สง่ิ ทเ่ี กดิ แสงได้ หรอื สงิ่ ที่ให้แสงจากตัวเองได้
นักเรียนตอบตามทสี่ ารวจได้ เช่น หลอดไฟฟ้าท่ีเปิดไฟเปน็
แหล่งกาเนิดแสง รไู้ ดจ้ ากเกดิ แสงได้
นกั เรียนตอบตามที่สารวจได้ เชน่ ถนนลาดยางหรอื สังกะสีไมเ่ ปน็
แหล่งกาเนิดแสง ร้ไู ด้จากสง่ิ นั้นไมส่ ามารถเกดิ แสงได้
227
ส่งิ ท่เี กิดแสงไดเ้ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
228
√√
√√
√
เป็นส่ิงทีเ่ กดิ แสงได้
229
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว12101
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 แสง หนว่ ยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการเรยี นร้ทู ่ี 22 เรื่อง การเคลอ่ื นทข่ี องแสง (1) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับเสียง แสง
และคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ัด
ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลือ่ นที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง และอธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุ
จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
2. สาระสาคญั
แสงเคลื่อนทจ่ี ากแหลง่ กาเนดิ แสงเป็นแนวตรง
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- บรรยายเส้นทางการเคล่ือนทข่ี องแสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตเส้นทางการเคล่ือนที่ของแสง
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A)
- มีวินัย
- ใฝเ่ รียนรู้
4. สาระการเรียนรู้
แหลง่ กาเนิดแสงทุกชนิดใหแ้ สงได้ แสงเคล่ือนท่จี ากแหลง่ กาเนดิ แสงเป็นแนวตรง
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
- นาเสนอผลการสงั เกตเสน้ ทางการเคลอื่ นทีข่ องแสง
230
5.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ัญหาในการทางานกลมุ่ ร่วมกัน
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
- มวี ินัย
- ใฝ่เรยี นรู้
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น (เวลา 5 นาที)
1. ครูทบทวนความรทู้ ่ีไดเ้ รยี นมาแลว้ เกยี่ วกับแหลง่ กาเนดิ แสง และตรวจสอบความรเู้ ดิมเก่ียวกบั การเคล่อื นที่ของแสง
โดยใหน้ กั เรยี นสงั เกตรปู สง่ิ ตา่ ง ๆ เช่น แมงกะพรนุ เรืองแสง แทง่ เรืองแสง สมดุ จากนั้นครใู ช้คาถามดังน้ี
1.1 แหล่งกาเนิดแสงไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง เพราะเหตใุ ดจึงจดั เปน็ แหล่งกาเนดิ แสง (แมงกะพรุนเรอื งแสง แท่งเรืองแสง
เพราะเกิดแสงได)้
1.2 อะไรบ้างท่ีไม่ใช่แหล่งกาเนดิ แสง เพราะเหตุใด (สมุด เพราะไม่เกดิ แสง)
1.3 แสงเคล่ือนทจี่ ากแหล่งกาเนิดแสงอยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ครูจดคาตอบของนักเรยี น
ไวบ้ นกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบ
ข้ันสอน (เวลา 40 นาท)ี
2. ครูชวนนักเรียนหาคาตอบท่ถี ูกต้องโดยทากิจกรรมท่ี 1 แสงเคล่อื นทจี่ ากแหลง่ กาเนิดแสงอย่างไร (1) หน้า 70
โดยใหน้ ักเรียนอา่ นชอ่ื กจิ กรรมและจดุ ประสงค์ จากน้นั ใชค้ าถามต่อไปน้ี
2.1 กจิ กรรมนีน้ กั เรยี นจะได้เรียนเรือ่ งอะไร (เส้นทางการเคลอ่ื นท่ีของแสง)
2.2 นักเรยี นจะเรยี นเรอ่ื งน้ีดว้ ยวิธใี ด (สังเกต)
2.3 เมือ่ เรียนแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายเส้นทางการเคล่อื นทขี่ องแสง)
3. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นวธิ ที าในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 1-5 หน้า 70-71 จากนน้ั ครูตรวจสอบความเขา้ ใจในข้ันตอนการทา
กจิ กรรมของนักเรียนจนแนใ่ จว่านกั เรียนทาได้ โดยครูอาจใช้คาถามดงั ต่อไปนี้ แล้วเขยี นสรปุ สนั้ ๆ เก่ยี วกับข้ันตอน
การทากจิ กรรม
3.1 นกั เรียนทั้ง 4 คนต้องนงั่ อยา่ งไร (นั่งล้อมรอบหลอดไฟฟ้า)
3.2 นักเรยี นต้องสังเกตอะไร และสงั เกตอยา่ งไร (สังเกตแสงจากหลอดไฟฟ้า สังเกตผ่านรูท่ีเจาะบนกระดาษแข็ง)
3.3 นกั เรยี นแตล่ ะคจู่ ะได้รับอปุ กรณอ์ ะไรบ้างและใช้เพ่ือทาอะไร (แผน่ กระดาษทีเ่ จาะรู 1 รู ตรงกลางกระดาษ หรือ
เจาะค่อนไปทางด้านบน 3 แผน่ นากระดาษทั้ง 3 แผน่ วางเรยี งบนโตะ๊ ยึดไว้ด้วยดนิ นา้ มันให้แนน่ แลว้ รอ้ ยไหม
พรมผา่ นรทู งั้ สาม และจัดใหร้ ูบนกระดาษทง้ั 3 แผน่ ตรงกับหลอดไฟฟา้ ดังภาพที่ 2 ในหนา้ 71)
3.4 นักเรยี นต้องบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมน้ีทใ่ี ด (บนั ทกึ ลงในตารางหน้า 72)
4. ครูสาธิตการยึดดินน้ามนั กับกระดาษแข็งวางเรียงกนั 3 แผน่ บนโตะ๊
231
5. ครอู ธิบายแบบบันทึกผลการสงั เกตในใบงาน 01 การเคล่ือนที่ของแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง เมอ่ื นกั เรยี นเขา้ ใจแลว้
ใหน้ กั เรยี นมารบั อปุ กรณแ์ ละเร่มิ ทากจิ กรรมในข้อที่ 4 แล้วบันทกึ ลงในตารางหน้า 72 คอลมั น์ที่ 2 เม่ือรูบน
กระดาษแข็งเรยี งกนั เป็นเสน้ ตรง และครคู อยให้คาแนะนาขณะนักเรยี นทากิจกรรม โดยครกู าหนดเวลาในการทา
กจิ กรรมตามความเหมาะสม
6. เมื่อนกั เรยี นบันทึกผลการทากจิ กรรมในข้อท่ี 4 เสรจ็ เรียบร้อยแล้ว ใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรมในข้อที่ 5 โดยครูสาธิต
การขยบั กระดาษแผ่นใดแผ่นหน่งึ เพียงเลก็ น้อย เม่ือนกั เรียนเข้าใจแลว้ ให้นักเรยี นเร่ิมทากจิ กรรมและบนั ทึกผล
การทากิจกรรมลงในตารางหนา้ 72 คอลัมน์ที่ 3 เมื่อรูบนกระดาษแข็งไม่เรียงกนั เป็นเส้นตรง โดยครกู าหนดเวลา
ในการทากจิ กรรมตามความเหมาะสม
7. ครสู มุ่ นักเรยี น 2 กลุ่มนาเสนอผลการสังเกตและอภปิ รายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม
7.1 ทาอย่างไรจึงมองเห็นแสงจากหลอดไฟฟ้าผา่ นรูท่เี จาะบนกระดาษแข็งได้ (มองผา่ นรบู นกระดาษแข็งทวี่ าง
เรยี งกันเป็นเสน้ ตรง)
7.2 ทาอยา่ งไรจึงมองไมเ่ ห็นแสงจากหลอดไฟฟ้าทีผ่ า่ นรูท่ีเจาะบนกระดาษแข็ง (เม่ือรบู นกระดาษแข็งไมเ่ รียง
เป็นเส้นตรง)
ขั้นสรุป (เวลา 5 นาที)
8. ครเู ปดิ โอกาสนักเรยี นรว่ มกันสรุปผลการทากิจกรรมดว้ ยตนเองให้ไดว้ า่ การมองหลอดไฟฟ้าผ่านรบู นกระดาษเม่ือรู
บนกระดาษแข็งเรียงกันเป็นเสน้ ตรงจะมองเหน็ แสงจากหลอดไฟฟ้าได้ และเม่ือมองหลอดไฟฟา้ ผา่ นรบู นกระดาษ
เม่ือรบู นกระดาษแข็งไม่เรยี งกันเปน็ เสน้ ตรงจะมองไม่เหน็ แสงจากหลอดไฟฟ้า
8. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้
8.1 ส่อื สไลด์ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ขี องแสง (1)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 แสงเคลอื่ นทจ่ี ากแหล่งกาเนิดแสงอยา่ งไร (1) หน้า 70-71
8.3 ใบงาน 01 การเคล่อื นทีข่ องแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง หนา้ 72
8.4 อปุ กรณ์การทดลอง ไดแ้ ก่
- กระดาษแข็งขนาด 5x5 เซนตเิ มตรทีเ่ จาะรูกลางแผน่
- กรรไกร
- ดนิ นา้ มนั
- ชดุ หลอดไฟฟา้ พรอ้ มฐาน
- โตะ๊
- ไหมพรม
- เทปใส
9. ช้ินงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การเคลอื่ นทขี่ องแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง หนา้ 72
232
10. การวดั และประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมิน วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การตัดสิน
1) บรรยายเส้นทางการ สงั เกตการอภิปรายความรู้ แบบประเมนิ การ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดมี าก
เคล่ือนท่ีของแสง ในชั้นเรยี น อภปิ รายความรู้ใน คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ช้นั เรยี น คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
2) ทกั ษะกระบวนการ สังเกตทักษะกระบวนการ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ในการ แบบประเมินทักษะ คะแนน 3 หมายถึง ดี
- สงั เกตเส้นทางการ ทากจิ กรรม กระบวนการทาง คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
เคลอื่ นที่ของแสง วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี สงั เกตดา้ นคุณลักษณะ
วินยั และใฝ่รู้ อันพึงประสงค์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
อันพงึ ประสงค์ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
233
แบบประเมินการอภปิ รายความรู้ในช้ันเรียน
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 22 เร่อื ง การเคล่อื นทีข่ องแสง (1)
ชื่อผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลคร้ังที่………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ชือ่ -สกุล/กลุ่ม รายการประเมนิ /ระดับคะแนน รวมคะแนน
(10 คะแนน)
การสรุปความรู้ การตอบคาถาม
(6) ในชั้นเรยี น
(4)
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ น้าหนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 4
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 6
คาถามในชัน้ เรียน ถกู ต้องทงั้ หมด ถกู ต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความรู้เขา้ ใจ
สว่ นใหญ่ เกีย่ วกับเรอื่ งท่ี
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ความ สรุปความร้คู วาม และไม่ครบถว้ น
ความเข้าใจ เขา้ ใจเก่ียวกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ
เกย่ี วกับเร่ืองที่ เรอ่ื งท่ีศึกษาได้ เร่อื งที่ศึกษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถ้วน ครบถว้ น และไม่ครบถ้วน
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
234
แบบประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เรอื่ ง การเคลื่อนที่ของแสง (1)
ชอ่ื ผู้ประเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครั้งที่………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชื่อ-สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ / ผลรวม ผลการประเมนิ
ระดบั คะแนน คะแนน
การสงั เกต (3) (3 คะแนน)
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์
การสังเกต สามารถใชป้ ระสาทสัมผัส พอใช้ (2) สามารถใช้ประสาทสมั ผสั
ในการรวบรวมขอ้ มูลเส้นทาง ในการรวบรวมข้อมลู
การเคล่อื นทข่ี องแสงไดด้ ้วย สามารถใช้ประสาทสมั ผัส เส้นทางการเคล่อื นที่ของ
ตนเอง ในการรวบรวมขอ้ มูล แสงไดบ้ างสว่ น แมจ้ ะไดร้ บั
เส้นทางการเคลอ่ื นท่ีของ คาแนะนาจากครูหรือผู้อื่น
แสงได้จากการช้ีแนะของครู
หรอื ผู้อืน่
เกณฑ์การตดั สิน
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
235
แบบประเมินด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ีของแสง (1)
ผูป้ ระเมิน/กลุ่มประเมิน............................................................................................................................. ....................
ช่อื กลุ่มรับการประเมนิ ....................................................................................................................................................
ประเมินผลคร้ังที่...............วนั ท่ี...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรอื่ ง.................................................................................................................................................................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับพฤตกิ รรม
1. มวี ินยั เกิด = 1 ไม่เกิด = 0
2. ใฝ่เรยี นรู้
รวมคะแนนที่ได้ท้งั หมด
เกณฑ์คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
236
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 23
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว12101
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 แสง หนว่ ยยอ่ ยที่ 1 แสงและการมองเห็น
แผนการเรียนรทู้ ่ี 23 เรือ่ ง การเคล่ือนทขี่ องแสง (2) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งสสาร
และพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณท์ ่ีเกีย่ วข้องกบั เสยี ง แสง
และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลือ่ นท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง และอธิบายการมองเหน็ วตั ถุ
จากหลักฐานเชิงประจักษ์
2. สาระสาคญั
แสงเคลอ่ื นทีจ่ ากแหลง่ กาเนดิ แสงเปน็ แนวตรง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- บรรยายเสน้ ทางการเคลื่อนท่ีของแสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- ลงความเหน็ จากข้อมูลเกีย่ วกบั เสน้ ทางการเคล่ือนทขี่ องแสง
- ตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุปเกีย่ วกับเส้นทางการเคลอ่ื นท่ีของแสง
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A)
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
แหล่งกาเนิดแสงทกุ ชนิดให้แสงได้ แสงเคล่ือนทจี่ ากแหลง่ กาเนดิ แสงเป็นแนวตรง
237
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- บรรยายเสน้ ทางการเคลื่อนทีข่ องแสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- เพ่ิมเติมความคดิ เห็นอย่างมเี หตุผลเกี่ยวกบั เสน้ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องแสง
5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแก้ปญั หาในการทางานกลุ่มร่วมกัน
5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
- มวี ินยั
- ใฝเ่ รียนรู้
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น (เวลา 5 นาท)ี
1. ครทู บทวนการทากจิ กรรมในช่วั โมงทผ่ี า่ นมา โดยให้นกั เรียนดูภาพการทากิจกรรมครัง้ ทแ่ี ล้ว จากนน้ั ครใู ช้คาถาม
ดงั น้ี
1.1 จากกิจกรรม เม่อื งมองผา่ นรูทีเ่ จาะบนกระดาษแข็ง นกั เรยี นจะมองเห็นแสงจากหลอดไฟฟ้าเม่ือใด (เมื่อรูบน
กระดาษแข็งเรียงกนั เป็นเส้นตรง)
1.2 จากกจิ กรรม เมอ่ื เล่ือนแผ่นกระดาษเลก็ นอ้ ยผลการสังเกตเมื่องมองผ่านรทู ่ีเจาะบนกระดาษแข็ง เป็นอยา่ งไร
(มองไมเ่ ห็นแสงจากหลอดไฟฟา้ )
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
2. ครชู ้แี จงจดุ ประสงคใ์ นช่ัวโมงนว้ี า่ นกั เรียนจะได้อธบิ ายเส้นทางการเคล่ือนท่ีของแสง โดยใชส้ อื่ สไลด์
3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายผลการทากจิ กรรมที่ 1 แสงเคลอ่ื นที่จากแหล่งกาเนิดแสงอยา่ งไร (1) หนา้ 70-71
จากคาถามต่อไปน้ี
3.1 เมื่อมองผา่ นรบู นกระดาษแข็ง จะมองเห็นแสงจากหลอดไฟฟ้าได้เมื่อใด (เมื่อวางกระดาษแข็งให้รบู นกระดาษ
แข็งทัง้ 3 แผ่น ตรงกัน)
3.2 นักเรยี นสงั เกตจากอะไรวา่ รขู องกระดาษทุกแผ่นตรงกัน (สงั เกตจากไหมพรมที่ร้อยผ่านรูเป็นเส้นตรง)
3.3 เมื่อเลื่อนแผ่นกระดาษแผน่ ใดแผน่ หนึ่งออกจากตาแหน่งเดมิ ไปทางซ้ายหรือทางขวาเลก็ น้อย เสน้ ไหมพรมอยู่
ในลักษณะใด (เส้นไหมพรมไม่เปน็ เสน้ ตรง)
3.4 แสงมีลกั ษณะการเคล่ือนท่ีอย่างไร ทราบได้อย่างไร (แสงเคลอ่ื นท่ีจากแหลง่ กาเนิดแสงเปน็ แนวตรง ทราบได้
จากเม่ือมองผา่ นรูบนกระดาษแข็งทว่ี างเรยี งตรงกัน จะมองเห็นแสงจากหลอดไฟฟา้ ได้ แต่เมอ่ื เลอื่ นกระดาษ
แผน่ ใดแผ่นหนงึ่ ออกจากตาแหนง่ เดิม ทาใหร้ ูไมไ่ ด้อยู่ตรงกัน ทาให้มองไม่เห็นแสงจากหลอดไฟฟ้า)
238
4. ครูใหน้ กั เรียนตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม หนา้ 73
5. ครสู มุ่ นกั เรยี นเฉลยคาถามหลังทากิจกรรม หนา้ 73 ข้อละ 2 คน และครูช่วยตรวจสอบคาตอบ
ขน้ั สรปุ (เวลา 5 นาที)
6. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันสรุปเก่ยี วกับการเคล่ือนท่ขี องแสงดว้ ยตนเองว่าแสงเคลอ่ื นท่ีจากแหล่งกาเนดิ แสง
เป็นแนวตรง
8. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้
8.1 สือ่ สไลด์ เรื่อง การเคล่ือนทข่ี องแสง (2)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 1 แสงเคลอื่ นท่ีจากแหล่งกาเนดิ แสงอยา่ งไร หน้า 70-71
8.3 ใบงาน 01 การเคลอื่ นท่ีของแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง หนา้ 73
หมายเหตุ ในชว่ั โมงต่อไปครูตอ้ งเตรยี มชดุ สาธิตการเคลื่อนท่ีของแสง ซ่ึงมีขั้นตอนการทาชุดสาธติ ดงั
เอกสารแนบทา้ ยของแผนนี้
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การเคลอื่ นทข่ี องแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง หน้า 73
10. การวดั และประเมินผล
ประเดน็ การประเมิน วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การตัดสิน
1) อธบิ ายเสน้ ทางการ สังเกตการอภิปรายความรู้ แบบประเมนิ การ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดีมาก
เคลือ่ นท่ีของแสง ในช้ันเรยี น อภปิ รายความรู้ใน คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ชั้นเรยี น คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
2) ทกั ษะกระบวนการ สงั เกตทกั ษะกระบวนการ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ แบบประเมินทกั ษะ คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
- ลงความเหน็ จากข้อมูล ทากจิ กรรม กระบวนการทาง คะแนน 3 - 4 หมายถึง
เกยี่ วกับเสน้ ทางการ วิทยาศาสตร์ พอใช้
เคลอื่ นท่ีของแสง สงั เกตดา้ นคุณลักษณะ คะแนน 1 - 2 หมายถึง
- ตีความหมายข้อมูลและ อันพึงประสงค์ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ปรับปรงุ
ลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกับเส้นทาง อันพึงประสงค์
การเคลอ่ื นทีข่ องแสง คะแนน 3 หมายถึง ดี
3) สังเกตพฤติกรรมการมี คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
วนิ ัยและใฝ่รู้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
239
แบบประเมินการอภปิ รายความรู้ในช้ันเรียน
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 23 เร่อื ง การเคล่อื นทีข่ องแสง (2)
ชือ่ ผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครัง้ ท่ี………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ /ระดับคะแนน รวมคะแนน
การสรุปความรู้ การตอบคาถาม (10 คะแนน)
(6) ในชั้นเรยี น
(4)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ น้าหนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 4
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 6
คาถามในช้ันเรยี น ถกู ต้องทั้งหมด ถกู ต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความรู้เขา้ ใจ
สว่ นใหญ่ เกีย่ วกับเรอื่ งท่ี
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ความ สรุปความร้คู วาม และไม่ครบถว้ น
ความเขา้ ใจ เข้าใจเก่ียวกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ
เกยี่ วกบั เรอ่ื งที่ เรอ่ื งที่ศึกษาได้ เร่อื งที่ศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไม่ครบถ้วน
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
240
แบบประเมินด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 23 เรื่อง การเคลอ่ื นที่ของแสง (2)
ชือ่ ผู้ประเมิน………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………….... วันที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวม
คะแนน
ชอ่ื -สกุล/กลุม่ การลงความเหน็ การตคี วามหมายข้อมลู (6 คะแนน) ผลการประเมิน
จากขอ้ มูล และลงข้อสรุป
(3) (3)
เกณฑก์ ารประเมนิ
ทกั ษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ ปรับปรุง (1)
ทางวทิ ยาศาสตร์
สามารถใชค้ วามรู้หรือ พอใช้ (2) สามารถใชค้ วามร้หู รือ
การลงความเห็นจาก ประสบการณ์เดมิ เพ่อื ลง ประสบการณ์เดิมเพอ่ื ลง
ข้อมูล ความเหน็ เกี่ยวกบั เส้นทางการ สามารถใช้ความรหู้ รือ ความเห็นเกี่ยวกบั เส้นทาง
เคลื่อนที่ของแสงได้ดว้ ย ประสบการณ์เดิมเพ่อื ลง การเคลอ่ื นทีข่ องแสงได้
ตนเอง ความเหน็ เก่ยี วกับเสน้ ทาง บางส่วน แมจ้ ะได้รับ
การเคลื่อนทข่ี องแสงได้ คาแนะนาจากครหู รือผูอ้ น่ื
การตีความหมาย สามารถตคี วามหมายข้อมูล จากการช้แี นะของครหู รือ สามารถตคี วามหมายข้อมลู
ขอ้ มูลและลงข้อสรปุ จากสังเกตและลงข้อสรุปได้ ผูอ้ นื่ จากสงั เกตและลงข้อสรปุ ได้
วา่ แสงเคลือ่ นทจี่ าก สามารถตีความหมายข้อมลู วา่ แสงเคลอื่ นทจี่ าก
แหล่งกาเนิดแสงเป็นแนวตรง จากสงั เกตและลงข้อสรปุ ได้ แหล่งกาเนดิ แสง แต่ไม่
ไดด้ ว้ ยตนเอง วา่ แสงเคลือ่ นทจ่ี าก สามารถระบุไดว้ า่ เคล่ือน
แหล่งกาเนดิ แสงเป็นแนว เปน็ แนวตรง แม้จะได้รับ
ตรง โดยการชี้แนะของครู คาแนะนาจากครหู รือผู้อน่ื
หรอื ผ้อู ่นื
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรงุ
241
แบบประเมินดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 23 เรื่อง การเคลื่อนท่ีของแสง (2)
ผปู้ ระเมิน/กลุ่มประเมิน............................................................................................................................. ....................
ช่อื กลุ่มรับการประเมนิ ............................................................................................................................. .......................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี...............วนั ที่...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรื่อง............................................................................................................................. ....................................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั พฤติกรรม
1. มวี นิ ัย เกดิ = 1 ไม่เกดิ = 0
2. ใฝ่เรยี นรู้
รวมคะแนนทไ่ี ด้ทงั้ หมด
เกณฑค์ ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ
242
การเตรยี มทาชดุ สาธิตการเคล่อื นท่ขี องแสง
เตรยี มทาชุดสาธติ การเคลื่อนที่ของแสงไวล้ ่วงหน้า (ดังรปู ท่ี 1 และรูปที่ 2) ซ่ึงมีข้ันตอนดังน้ี
1. ครูใช้สีสเปรย์สีดาพ่นด้านในของกล่องกระดาษ (อาจทามาจากกล่องใส่เค้ก) เพื่อใช้ทาเป็นชุดสาธิตการ
เคล่ือนที่ของแสง
2. พน่ สีลูกปงิ ปองด้วยสีสเปรยใ์ หเ้ ป็นสีดา
3. ตัดกล่องด้านหน่ึงเป็นช่องสี่เหลี่ยมเพื่อใช้เป็นช่องสาหรับสงั เกต จากนั้นใช้พลาสติกใสท่ีตัดให้มีขนาดใหญ่
กว่าชอ่ งเปดิ เล็กน้อย ติดแผ่นพลาสติกใสด้วยเทปใส
4. นาขั้วหลอดไฟฟ้าขนาด 2.5 V เจาะเข้ากับด้านล่างของกล่อง ต่อสายไฟฟ้าของขั้วหลอดออกมาด้านนอก
ของกล่องเพือ่ ต่อเขา้ กับถ่านไฟฉายขนาด AA 1.5 V จานวน 2 ก้อน
5. เจาะลูกปิงปองท่ีพ่นสีแล้วให้เป็นรูพอที่จะครอบหลอดไฟฟ้าได้ จากน้ันใช้หมุดเจาะรูให้รอบลูกปิงปอง
แล้วนาลกู ปงิ ปองท่ีเจาะรแู ลว้ มาครอบติดกบั หลอดไฟฟ้า
6. ประกอบกล่องโดยใช้เทปใสในการยึดติดภายในกล่องมีขั้วหลอดไฟฟ้าครอบด้วยลูกปิงปอง ต่อสายไฟฟ้า
เขา้ กบั ถ่านไฟฉายดา้ นนอกกลอ่ ง และเจาะรูดา้ นข้าง 1 รู เพอ่ื ใชส้ อดธปู
รปู ท่ี 1
รปู ท่ี 2
243
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 24
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แสง หน่วยยอ่ ยที่ 1 แสงและการมองเห็น
แผนการเรยี นรู้ที่ 24 เร่ือง การเคลือ่ นที่ของแสง (3) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัด
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง
และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชว้ี ดั
ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลอ่ื นท่ีของแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง และอธิบายการมองเห็นวตั ถุ
จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคญั
แสงเคลื่อนทจี่ ากแหล่งกาเนดิ แสงทุกทิศทางเป็นแนวตรง
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K)
- บรรยายลกั ษณะการเคลื่อนทข่ี องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตลกั ษณะการเคล่ือนท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง
- ลงความเห็นจากข้อมลู เกยี่ วกบั การเคล่อื นท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง
- ตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ เกีย่ วกบั การเคลื่อนทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มีวนิ ยั
- ใฝ่เรียนรู้
4. สาระการเรยี นรู้
แสงเคล่ือนที่จากแหล่งกาเนดิ แสงเปน็ แนวเสน้ ตรง และเคล่ือนทอี่ อกจากแหลง่ กาเนิดแสง
ทุกทิศทาง
244
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- บรรยายลกั ษณะการเคล่อื นทีข่ องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ จากขอ้ มูลเก่ยี วกบั การเคล่ือนที่ของแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง
- ลงขอ้ สรุปเกย่ี วกับการเคลอ่ื นทข่ี องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง
5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปัญหาในการทางานกลมุ่ ร่วมกัน
5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
- มวี ินัย
- ใฝ่เรียนรู้
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน (เวลา 5 นาที)
1. ครทู บทวนความรูท้ ่ีได้เรียนมาเก่ยี วกบั แนวการเคลื่อนทีข่ องแล้วโดยใช้คาถามวา่ แสงเคล่ือนท่ีในลกั ษณะใด
(แสงเคลอ่ื นท่ีออกจากแหล่งกาเนิดแสงเป็นแนวตรง)
2. ครูตรวจสอบความร้เู ดิมเก่ียวกบั ลกั ษณะการเคลอ่ื นทข่ี องแสง โดยครูใช้คาถามวา่ แสงเคล่อื นทจ่ี ากแหลง่ กาเนิด
แสงในทิศทางใด (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเองโดยอาจใหน้ ักเรียนวาดรูป) ครูจดคาตอบของนักเรียน
บนกระดาน
ข้นั สอน (เวลา 40 นาที)
3. ครูชวนนักเรียนหาคาตอบเกย่ี วกบั ลักษณะการเคลื่อนท่ีของแสงโดยทากจิ กรรมที่ 2 แสงเคล่อื นที่จากแหลง่ กาเนดิ
แสงอยา่ งไร (2) หน้า 74 โดยให้นกั เรยี นอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ จากนน้ั ใช้คาถามตอ่ ไปน้ี
3.1 กิจกรรมน้นี ักเรียนจะไดเ้ รยี นเรื่องอะไร (การเคลอ่ื นทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง)
3.2 นักเรียนจะเรยี นเร่ืองนี้ด้วยวิธีใด (การสงั เกต)
3.3 เม่ือเรยี นแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (เขียนแผนภาพและบรรยายการเคล่ือนท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง)
4. ครูแจง้ จดุ ประสงคใ์ ห้นักเรียนทราบวา่ ในชัว่ โมงน้ีนกั เรียนจะได้สังเกตและบรรยายทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของแสงจาก
แหลง่ กาเนดิ แสง
5. ครใู ห้นักเรยี นอ่านวิธที าในใบกิจกรรมท่ี 2 แสงเคล่ือนที่จากแหลง่ กาเนิดแสงอย่างไร ขอ้ 1-4 หนา้ 74-75 ครูตรวจสอบ
ความเขา้ ใจในขั้นตอนการทากจิ กรรม โดยครูอาจใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี และเขียนสรปุ ส้นั ๆ เกี่ยวกบั ขน้ั ตอนการทา
กจิ กรรม
245
5.1 นักเรยี นตอ้ งสงั เกตสิ่งใดในชดุ สาธติ การเคล่อื นท่ีของแสง (สังเกตส่วนประกอบในชดุ สาธติ และการ
เปลย่ี นแปลงที่เกิดขึน้ ในชุดสาธติ )
5.2 เมื่อสังเกตส่วนประกอบในชดุ สาธติ แล้ว ตอ้ งสงั เกตส่ิงใดตอ่ (สงั เกตการเปลี่ยนแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชดุ สาธิตเมอ่ื
เปิดหลอดไฟฟ้า)
5.3 เมอ่ื ใส่ควันธูปเข้าไปในกล่องชดุ สาธิต นกั เรยี นตอ้ งสงั เกตอะไร (สังเกตลักษณะการเคล่อื นที่ของแสงจาก
แหลง่ กาเนดิ แสง)
5.4 เม่ือนกั เรียนสังเกตเสร็จแลว้ นักเรียนต้องร่วมกันอภปิ รายเรื่องอะไร (ลักษณะการเคล่ือนทีข่ องแสงจาก
แหล่งกาเนดิ แสง)
6. เมือ่ นักเรียนเขา้ ใจขนั้ ตอนการทากจิ กรรมแล้ว ครูนาชดุ สาธิตการเคลือ่ นท่ขี องแสงมาแสดงใหน้ กั เรยี นสังเกต
ร่วมกนั จากนั้นครชู วนนกั เรียนอภิปรายส่วนประกอบของชุดสาธิต โดยใชค้ าถามดังนี้
6.1 ชุดสาธิตการเคล่ือนท่ีของแสงประกอบดว้ ยอะไรบ้าง (กลอ่ งสีดาปดิ ทบึ ซ่งึ มีด้านหน้าเป็นพลาสติกใส กระบะใส่
ถ่าน สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้าอยใู่ นลูกปงิ ปองสีดาทเ่ี จาะรูโดยรอบ)
6.2 ในชดุ สาธิตนี้มอี ะไรเป็นแหล่งกาเนดิ แสง (หลอดไฟฟ้า)
7. ครูเปดิ หลอดไฟฟ้าในชุดสาธติ แล้วให้นกั เรียนสังเกตสง่ิ ทเี่ กิดขน้ึ ในชดุ สาธิต และบนั ทกึ ผลหน้า 76
8. ครูเปิดหลอดไฟฟ้าและนาธูปสอดเข้าไปในกล่องทึบ แล้วให้นักเรียนสังเกตส่ิงที่เกิดขึ้นในชุดสาธิตอีกคร้ัง และ
บันทึกผลหนา้ 76
9. ครูใหน้ ักเรียนนาผลการทากิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียน
10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย โดยใช้คาถามดังนี้
10.1 ก่อนสอดธูปและหลงั สอดธูปใส่ในกลอ่ ง สงั เกตเห็นการเปล่ยี นแปลงแตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน
ก่อนสอดธูป สังเกตเหน็ แสงเป็นจุด ๆ ทรี่ รู อบ ๆ ลกู ปิงปอง แตเ่ มอื่ หลงั สอดธปู สงั เกตเห็นลาแสงออกมา
เป็นเส้นตรงออกจากรขู องลูกปงิ ปองทุกรู)
10.2 แนวลาแสงมีลกั ษณะเป็นอย่างไร (เป็นเส้นตรง)
10.3 แนวลาแสงทอ่ี อกจากหลอดไฟฟ้ามที ศิ ทางใดบา้ ง (ทุกทศิ ทาง ทง้ั ด้านหน้า ด้านบน ด้านซ้าย
ด้านขวา และดา้ นลา่ งของลกู ปิงปอง)
10.4 เพราะเหตใุ ดจึงต้องสอดธูปเข้าไปในกล่อง (ควันธูปชว่ ยใหเ้ ห็นแนวลาแสงได้)
10.5 แสงเคลอ่ื นทจ่ี ากแหล่งกาเนิดแสงในลกั ษณะใด (เปน็ แนวเสน้ ตรง ทกุ ทิศทาง)
ข้นั สรปุ (เวลา 5 นาที)
11. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรู้ดว้ ยตนเองให้ได้วา่ แสงเคลือ่ นท่ีจากแหล่งกาเนิดแสงเปน็ แนวตรง ทุกทศิ ทาง
8. สื่อ /แหล่งเรียนรู้
8.1 สื่อสไลด์ เร่ือง การเคลื่อนที่ของแสง (3)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 2 แสงเคล่อื นที่จากแหล่งกาเนิดแสงอย่างไร (2) หน้า 74-75
8.3 ใบงาน 02 ทิศทางการเคลือ่ นทข่ี องแสง หนา้ 76
8.4 ชุดสาธติ การเคล่อื นที่ของแสง