296
4. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่อื งการมองเหน็ วตั ถุ หน้า 90 โดยครูกาหนดเวลาตามความเหมาะสมใน
การทาใบงาน
5. เม่อื นกั เรยี นทาใบงานเสร็จแลว้ ครใู หต้ วั แทนกลุ่มออกมานาเสนอ และรว่ มกันอภปิ รายโดยใช้คาถามดงั น้ี
5.1 แผนภาพใดเป็นการมองวตั ถุที่เปน็ แหล่งกาเนดิ แสง (แผนภาพท่ี 1 )
5.2 เรามองเห็นวัตถุท่เี ป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้อย่างไร (มแี สงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคลอื่ นทมี่ าถึงตา)
5.3 แผนภาพใดเป็นการมองวตั ถทุ ่ไี มเ่ ป็นแหลง่ กาเนดิ แสง (แผนภาพที่ 2 และ3 )
5.4 เรามองเห็นวัตถุท่ไี มเ่ ปน็ แหลง่ กาเนิดแสงได้อยา่ งไร (มีแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงไปกระทบวตั ถนุ ้นั แล้ว
สะท้อนแสงมาถึงตา)
ขัน้ สรุป (เวลา 5 นาที)
6. ครูใชส้ ่อื สไลดโ์ ดยเปดิ โอกาสให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปผลที่ไดจ้ ากกจิ กรรมนีด้ ้วยตนเองวา่
เม่ือมองวัตถุที่เป็นแหล่งกาเนิดแสง จะมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงมาถึงตา เราสามารถเขียนแผนภาพแสดง
แนวการเคล่อื นท่ขี องแสงโดยเขียนลกู ศรใหห้ ัวลกู ศรมที ศิ ทางพุ่งออกจากแหลง่ กาเนิดแสงมาถงึ ตา
เม่ือมองวัตถุทไ่ี ม่เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง จะสามารถมองเห็นไดเ้ มื่อมีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงมากระทบวัตถุน้ัน
แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงได้ โดยเขียนให้หัวลูกศรมีทิศทาง
พงุ่ ออกจากแหล่งกาเนิดแสงไปกระทบวตั ถุนัน้ แลว้ สะทอ้ นแสงเข้าสู่ตา
8. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้
8.1 ส่ือสไลด์ เร่อื ง การมองเห็นวัตถุ (5)
8.2 ใบงาน 01 การมองเหน็ วัตถุตา่ ง ๆ หน้า 88-89
8.3 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่ืองการมองเหน็ วัตถุ หนา้ 90
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การมองเหน็ วัตถุตา่ ง ๆ หนา้ 88-89
9.2 ใบงาน 02 แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการมองเหน็ วัตถุ หนา้ 90
10. การวัดและประเมินผล
ประเด็นการประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑ์การตัดสิน
1) อธิบายการมองเหน็ สังเกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
วัตถุ ชัน้ เรยี นและในใบงาน คาถามในช้นั เรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
2) ทกั ษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง แบบประเมนิ ทกั ษะ คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
ประเด็นการประเมนิ วธิ ีการ เคร่อื งมือ 297
- ตคี วามหมายข้อมูลและ วิทยาศาสตรใ์ นการทา กระบวนการทาง
ลงข้อสรุปเกีย่ วกับการ กิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การตดั สิน
มองเห็นวัตถุทีเ่ ปน็ คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
แหลง่ กาเนดิ แสงและไม่ สังเกตดา้ นคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรงุ
เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง อนั พึงประสงค์ คุณลักษณะ
- สร้างแบบจาลองอธบิ าย อันพงึ ประสงค์ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
การมองเหน็ วัตถทุ ่ีเป็น คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
แหลง่ กาเนดิ แสงและไม่ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
เปน็ แหล่งกาเนิดแสง
โดยการเขียนแผนภาพ
แสดงแนวการเคลื่อนที่
ของแสง
3) สังเกตพฤตกรรมการมี
วนิ ยั และใฝ่เรียนรู้
298
แบบประเมินการตอบคาถามในช้ันเรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 30 การมองเห็นวตั ถุ (5)
ชอ่ื ผ้ปู ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่ี………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ช่อื -สกุล/กลุ่ม คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ชัน้ เรียน (4) เน้ือหาในใบงาน
(4) (2)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) นา้ หนกั คะแนน
การประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถูกต้อง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรียน ถูกต้องทง้ั หมด ถกู ต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น 4
ส่วนใหญ่ 2
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม สรปุ ความรูเ้ ข้าใจ 1.0
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ เก่ียวกบั เรื่องที่
เกี่ยวกบั เร่ืองที่ เร่ืองท่ีศึกษาได้ เร่ืองท่ีศึกษาได้ ศึกษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไมค่ รบถว้ น
และครบถว้ น ครบถว้ น และไมค่ รบถ้วน
เนอื้ หาท่เี ขียนใน เนอื้ หาทเี่ ขยี นใน 1.0
3. ความถูกต้อง เน้ือหาที่เขียนใน เนอ้ื หาทเ่ี ขยี นใน ใบงานมคี วาม ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างส่วน ถูกต้องเป็น
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถว้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี ส่วนน้อย
ตามทีก่ าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรับปรงุ
299
แบบประเมินด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 30 การมองเห็นวตั ถุ (5)
ชอ่ื ผูป้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน ผลรวม
ช่อื -สกุล/กลุ่ม การตคี วามหมาย การสรา้ งแบบจาลอง คะแนน ผลการประเมิน
ข้อมูลและ (3) (6 คะแนน)
ลงขอ้ สรปุ (3)
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์
การตีความหมาย ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1)
ข้อมูลและลงข้อสรุป
สามารถตีความหมายข้อมลู ที่ สามารถตคี วามหมายข้อมูล สามารถตคี วามหมายข้อมลู ที่
การสรา้ งแบบจาลอง สารวจไดแ้ ละลงข้อสรปุ
เกี่ยวกับการมองเหน็ วัตถทุ ี่ ท่สี ารวจได้และลงข้อสรปุ สารวจได้และลงข้อสรุป
เป็นแหล่งกาเนิดแสงและไม่ เกยี่ วกบั การมองเห็นวัตถทุ ี่ เกีย่ วกับการมองเหน็ วัตถทุ ่เี ป็น
เป็นแหล่งกาเนิดแสงได้อยา่ ง เป็นแหลง่ กาเนดิ แสงและไม่ แหลง่ กาเนดิ แสงและไมเ่ ป็น
ถกู ต้อง และมเี หตุผลดว้ ย เป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้ และ แหล่งกาเนดิ แสงได้บางอย่าง
ตนเอง มีเหตผุ ล โดยการช้แี นะของ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก
สามารถอธบิ ายการมองเห็น
วัตถุท่ีเป็นแหลง่ กาเนิดแสง ครูหรอื ผ้อู น่ื ครหู รือผู้อื่น
และไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง
โดยการเขียนแผนภาพแสดง สามารถอธบิ ายการมองเหน็ สามารถอธบิ ายการมองเห็น
แนวการเคลือ่ นท่ีของแสงได้
ถกู ต้อง ดว้ ยตนเอง วัตถทุ ี่เปน็ แหล่งกาเนดิ แสง วัตถุที่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง
และท่ีไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนิด และที่ไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง
แสง โดยการเขียนแผนภาพ โดยการเขียนแผนภาพแสดง
แสดงแนวการเคลื่อนท่ีของ แนวการเคลือ่ นที่ของแสงได้
แสงได้ถูกต้อง โดยการชแ้ี นะ บางอยา่ ง แมจ้ ะไดร้ ับ
ของครหู รอื ผอู้ น่ื คาแนะนาจากครหู รือผอู้ นื่
300
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรงุ
แบบประเมินด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 30 การมองเห็นวตั ถุ (4)
ชื่อผ้ปู ระเมิน/กลมุ่ ประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชื่อกลุ่มรับการประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครั้งท่ี………………….... วันที่ ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม
รวมคะแนนทีไ่ ดท้ งั้ หมด
1 มีวนิ ัย เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0
2 ใฝเ่ รยี นรู้
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
301
เฉลยใบงาน
302
มองเหน็ เปลวเทียนไข มองไม่เหน็ เปลวเทยี นไข
เปน็ แสงสีสม้
303
เทียนไขทีจ่ ดุ ไฟหรอื เปลวเทียนไข
แสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงเคลอื่ นที่มาถงึ ตา
เมื่อมแี สงจากแหลง่ กาเนิดแสงเคลอ่ื นที่มาถงึ ตาจะทาให้
มองเหน็ วตั ถุทีเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้
304
มองไม่เหน็ วัตถุ มองเห็นวตั ถุ
305
ขึ้นอยู่กับการทากจิ กรรม เช่น หลอดไฟฟา้ ดวงอาทติ ย์
แตกตา่ งกัน คอื เมอ่ื มองวัตถทุ อ่ี ยใู่ นแก้วกระดาษที่ครอบสนิท
จะมองไม่เห็นวตั ถุ แตเ่ มื่อเอยี งแก้วกระดาษ จะทาให้มองวตั ถุท่ี
อยใู่ นแกว้ กระดาษได้
แสงจากแหล่งกาเนิดแสง และตา
306
แสงจากแหล่งกาเนดิ แสงตกกระทบวตั ถุน้ัน แล้วสะทอ้ น
แสงมาถึงตา
เมือ่ มีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงตกกระทบวตั ถนุ ั้นแลว้ สะท้อน
แสงมาถงึ ตา จะทาใหม้ องเหน็ วัตถุที่ไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้
307
308
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 31
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเห็น
แผนการเรยี นรู้ที่ 31 เรอ่ื ง การปอ้ งกันอนั ตรายที่เกดิ จากแสง (1) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเสียง แสง
และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วดั ว 2.3 ป.2/2 ตระหนกั ในคุณค่าของความรู้ของการมองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกันอันตราย
จากการมองวตั ถุทอ่ี ยใู่ นบริเวณท่ีมีแสงสวา่ งไม่เหมาะสม
2. สาระสาคญั
การมองวัตถใุ นบรเิ วณท่มี ีแสงสวา่ งมากหรือน้อยเกนิ ไปจะเปน็ อันตรายต่อตา สามารถป้องกนั ได้
โดยการจดั แสงสว่างใหเ้ หมาะสมกับการทากจิ กรรมต่าง ๆ หรือสวมอปุ กรณป์ อ้ งกันแสง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- บอกกจิ กรรมในชวี ิตประจาวันที่มีการใชแ้ สง
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตกิจกรรมในชวี ติ ประจาวนั ที่มกี ารใชแ้ สง
- ลงความเห็นจากข้อมูลเก่ียวกบั การใชแ้ สงในแต่ละกิจกรรม
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มวี ินยั
- มุ่งมนั่ ในการทางาน
4. สาระการเรียนรู้
กิจกรรมหลายกิจกรรมในชีวติ ประจาวันท้ังท่ีบ้าน ระหว่างทางมาโรงเรียน และท่ีโรงเรียน เช่น การแปรงฟัน
การอาบน้า การแต่งตัว การเดินทางมาโรงเรียน เก่ียวข้องกับการใช้แสงท้ังที่มีแสงจ้า แสงสว่างปานกลาง และแสง
สลัว
309
5. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
- บอกกิจกรรมในชวี ติ ประจาวนั ที่มีการใช้แสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ จากขอ้ มลู เกี่ยวกบั การใช้แสงในแตล่ ะกิจกรรม
5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแก้ปัญหาในการทางานกล่มุ ร่วมกนั
5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
- มวี นิ ยั
- มุ่งม่นั ในการทางาน
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวินัย
6.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น (เวลา 5 นาที)
1. ครทู บทวนความร้ทู ี่ไดเ้ รียนมาแลว้ ของนักเรยี น โดยใชค้ าถามจากสื่อสไลดด์ ังนี้
1.1 เรามองเหน็ วตั ถุทเ่ี ป็นแหล่งกาเนดิ แสง และไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้อย่างไร (เรามองเหน็ วตั ถุทเี่ ป็น
แหล่งกาเนิดแสงได้เพราะมีแสงจากแหล่งกาเนิดเคลื่อนท่มี าถึงตา ส่วนการมองเหน็ วัตถุทไี่ ม่เป็นแหล่งกาเนิด
แสงตอ้ งอาศยั แสงจากแหล่งกาเนิดแสงมากระทบวตั ถุน้ัน แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา)
1.2 ถา้ ไม่มีแสง เราจะมองเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ได้หรอื ไม่ (มองไม่เห็นสิง่ ต่าง ๆ)
ขนั้ สอน (เวลา 40 นาที)
2. ครูใช้สื่อสไลด์ชวนนกั เรียนหาคาตอบโดยทากิจกรรมที่ 1 การป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากแสงทาได้อย่างไร หน้า 92
โดยใหน้ กั เรียนอา่ นช่อื กิจกรรมและจุดประสงค์ ข้อท่ี 1 จากนน้ั ใช้คาถามตอ่ ไปน้ี
2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (กิจกรรมในชีวิตประจาวันที่มีการใช้แสง และความเหมาะสมของแสง
ท่ใี ชท้ ากจิ กรรม)
2.2 นักเรยี นจะเรียนเรอ่ื งนี้ดว้ ยวธิ ีใด (สารวจ)
2.3 เมือ่ เรยี นแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (บอกความเหมาะสมของแสงท่ใี ชท้ ากจิ กรรม)
3. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 1-2 หน้า 92 จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการทา
กจิ กรรมของนักเรียนจนแนใ่ จว่านกั เรยี นทาได้ โดยครอู าจใช้คาถามดังต่อไปน้ี
3.1 นักเรียนแต่ละคนต้องทาอะไรเป็นลาดับแรก (สารวจกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีทาใน 1 วัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้แสง
และความสว่างของแสงขณะที่ทากจิ กรรม)
310
3.2 นักเรียนในกลุ่มต้องทาอะไรต่อ (ร่วมกันอภิปรายในกลุ่มว่ากิจกรรมท่ีสารวจใช้แสงได้เหมาะสมหรือไม่ และ
นาเสนอ)
4. ครูอธิบายวิธีการบันทึกผลการทากิจกรรมในตาราง โดยร่วมกันอภิปรายตัวอย่างการบันทึกผลการสารวจกิจกรรม
ในชวี ติ ประจาวัน หน้า 94-95 และครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั ความสวา่ งของแสงจา้ แสงสวา่ งปานกลาง และแสง
สลวั
5. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนทากจิ กรรมที่ 1 แล้วครคู อยสังเกตการปฏบิ ัติกิจกรรมของนักเรยี นแต่ละคน และใหน้ ักเรียน
ออกมานาเสนอ จากนั้นครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ ราย โดยใชค้ าถามดงั น้ี
5.1 นักเรียนได้ทากิจกรรมใดบ้างใน 1 วัน ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้แสง (นักเรียนตอบตามท่ีสารวจได้ เช่น แปรงฟัน
อาบนา้ นั่งรถมาโรงเรียน เดิน เล่นกบั เพ่ือน อา่ นหนังสอื นอนหลับ)
5.2 กิจกรรมใดบา้ งท่ที าขณะท่ีมแี สงสว่างจา้ (นกั เรยี นตอบตามทส่ี ารวจได)้
5.3 กิจกรรมใดบา้ งท่ีทาขณะทีม่ แี สงสว่างปานกลาง (นกั เรียนตอบตามทส่ี ารวจได้)
5.4 กจิ กรรมใดบา้ งที่ทาขณะที่มแี สงสลวั (นกั เรียนตอบตามทสี่ ารวจได)้
5.5 กิจกรรมที่ทาเกีย่ วข้องกับการใชแ้ สงน้นั เกิดข้ึนท่ีไหนบา้ ง (ทง้ั ท่บี ้าน ระหวา่ งทางมาโรงเรียน และท่โี รงเรยี น)
5.6 กจิ กรรมใดบ้างที่ทาแลว้ ใชแ้ สงสว่างเหมาะสม เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบตามทีบ่ นั ทกึ จริง เชน่ ดโู ทรทัศน์ได้
ใชแ้ สงสวา่ งเหมาะสม เพราะหลอดไฟฟา้ ในหอ้ งน่ังเลน่ สวา่ งปานกลาง)
5.7 กจิ กรรมใดบ้างที่ทาแล้วใช้แสงสวา่ งไม่เหมาะสม เพราะเหตุใด (นักเรยี นตอบตามท่ีบนั ทกึ จริง เชน่ อาบน้าใช้
แสงสวา่ งไม่เหมาะสม เพราะหลอดไฟในห้องน้าให้แสงสลวั หรอื ไม่ไดเ้ ปดิ ไฟเพราะใชแ้ สงจากธรรมชาติ
ข้นั สรปุ (เวลา 5 นาท)ี
6. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ท่ีได้เรียนเก่ียวกับการใช้แสงทากจิ กรรมในชีวิตประจาวัน โดยใช้สอื่ สไลด์ สรุป
ได้ว่า กิจกรรมหลายกิจกรรมในชีวิตประจาวัน ท้ังที่บ้าน ระหว่างทางมาโรงเรียน และท่ีโรงเรียน เช่น แปรงฟัน
อาบน้า แต่งตัว นั่งรถเพื่อเดินทางมาโรงเรียน เกี่ยวข้องกับการใช้แสงท้ังท่ีมีแสงจ้า แสงสว่างปานกลาง และแสง
สลัว
8. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สือ่ สไลด์ เร่อื ง การปอ้ งกนั อันตรายทีเ่ กิดจากแสง (1)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 1 การป้องกนั อันตรายท่ีเกิดจากแสงทาได้อย่างไร หนา้ 92
8.3 ใบงาน 01 การปอ้ งกันอนั ตรายทีเ่ กดิ จากแสง หนา้ 94-95
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การป้องกนั อันตรายทีเ่ กิดจากแสง หนา้ 94-95
311
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารตัดสิน
1) บอกกจิ กรรมใน สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
ชวี ติ ประจาวันทีมีการใช้ ช้นั เรียนและในใบงาน คาถามในชัน้ เรยี นและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
แสงจากแหล่งกาเนดิ แสง ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
2) ทกั ษะกระบวนการ สังเกตทักษะกระบวนการ แบบประเมนิ ทักษะ คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
ทางวทิ ยาศาสตร์ คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
- สงั เกตกจิ กรรมใน ทางวิทยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรงุ
ชีวติ ประจาวันที่มีการใช้
แสง ทากจิ กรรม วิทยาศาสตร์ คะแนน 3 หมายถึง ดี
- ลงความเหน็ จากข้อมลู คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
เกีย่ วกบั การใชค้ วามสวา่ ง สังเกตดา้ นคุณลักษณะ แบบประเมิน คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
ของแสงในแตล่ ะกจิ กรรม อันพึงประสงค์ คุณลักษณะ
3) สงั เกตพฤติกรรมการมี อนั พงึ ประสงค์
วินยั และมงุ่ ม่นั ในการ
ทางาน
312
แบบประเมนิ การตอบคาถามในชั้นเรียนและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 31 เร่อื ง การปอ้ งกันอันตรายทเ่ี กิดจากแสง (1)
ชื่อผูป้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ท่ี………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน
การตอบ การสรุป ความถูกตอ้ ง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ชอ่ื -สกุล/กลุม่ คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ช้นั เรยี น (4) เนื้อหาในใบงาน
(4) (2)
เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ นา้ หนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 4
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในชัน้ เรยี น ถกู ต้องทงั้ หมด ถกู ต้องเปน็ ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความรู้เข้าใจ
ส่วนใหญ่ เกีย่ วกับเร่ืองท่ี
ศกึ ษาไม่ถกู ต้อง
2. การสรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม และไม่ครบถว้ น
ความเขา้ ใจ เข้าใจเก่ียวกับ เขา้ ใจเก่ยี วกับ
เก่ยี วกับเรอื่ งที่ เร่อื งท่ีศกึ ษาได้ เร่อื งท่ีศึกษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถ้วน ครบถ้วน และไม่ครบถ้วน
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
313
แบบประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 31 เร่ือง การปอ้ งกนั อนั ตรายที่เกิดจากแสง (1)
ชือ่ ผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลคร้ังที่………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่อื -สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ /ระดับคะแนน ผลรวม ผลการประเมิน
การสังเกต (3) การลงความเห็น คะแนน
(6 คะแนน)
จากขอ้ มูล (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์
การสังเกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
การลงความเห็นจาก สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ใน สามารถใชป้ ระสาทสัมผัสใน สามารถใช้ประสาทสัมผัสใน
ขอ้ มลู การรวบรวมข้อมูลเก่ยี วกบั การรวบรวมข้อมลู เก่ยี วกบั การรวบรวมขอ้ มูลเกยี่ วกบั
กิจกรรมในชวี ติ ประจาวนั ท่ี กิจกรรมในชวี ิตประจาวันที่ กิจกรรมในชวี ติ ประจาวันท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั การใช้แสง ดว้ ย เกยี่ วขอ้ งกบั การใชแ้ สง โดย เกย่ี วขอ้ งกบั การใช้แสงได้
ตนเองโดยไมเ่ พ่ิมความคดิ เห็น การชแ้ี นะของครูหรือผู้อื่น บางอย่าง แมจ้ ะได้รับ
คาแนะนาจากครหู รือผอู้ ื่น
สามารถใชค้ วามรู้หรือ สามารถใชค้ วามรู้หรือ สามารถใชค้ วามร้หู รือ
ประสบการณ์เดิมเพ่อื ลง ประสบการณเ์ ดิมเพื่อลง ประสบการณเ์ ดิมเพอ่ื ลง
ความเห็นเก่ยี วกับการใช้แสง ความเหน็ เกยี่ วกับการใช้แสง ความเห็นเกี่ยวกบั การใชแ้ สง
ในการทากิจกรรมใน ในการทากจิ กรรมใน ในการทากจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจาวนั ได้ ชวี ติ ประจาวันได้ โดยการ ชีวิตประจาวันไดบ้ างอย่าง
ด้วยตนเอง ช้แี นะของครูหรือผู้อื่น แมจ้ ะได้รับคาแนะนาจากครู
หรอื ผ้อู ื่น
314
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 31 เร่อื ง การปอ้ งกันอันตรายทีเ่ กดิ จากแสง (1)
ชื่อผู้ประเมิน/กลุ่มประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………………..
ช่ือกลุ่มรบั การประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลคร้ังที่………………….... วนั ท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดับพฤตกิ รรม
1 มวี นิ ยั เกิด = 1 ไม่เกิด = 0
2 มุง่ ม่ันในการทางาน
รวมคะแนนทีไ่ ดท้ ั้งหมด
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
315
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 32
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 32 เรื่อง การปอ้ งกนั อันตรายที่เกดิ จากแสง (2) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ่เี กย่ี วข้องกบั เสียง แสง
และคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวดั ว 2.3 ป.2/2 ตระหนักในคุณค่าของความรูข้ องการมองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกนั อันตราย
จากการมองวัตถุทีอ่ ย่ใู นบรเิ วณทีม่ ีแสงสวา่ งไม่เหมาะสม
2. สาระสาคัญ
การมองวัตถใุ นบริเวณทมี่ แี สงสว่างมากหรือน้อยเกนิ ไปจะเปน็ อันตรายต่อตา สามารถป้องกนั ได้
โดยการจดั แสงสวา่ งให้เหมาะสมกับการทากิจกรรมต่าง ๆ หรือสวมอุปกรณป์ อ้ งกนั แสง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- อธิบายการใช้แสงสวา่ งที่เหมาะสมและไมเ่ หมาะสม ในการทากิจกรรมในชีวิตประจาวัน
- บอกแนวทางการป้องกันอนั ตรายท่เี กดิ กบั ตา เนื่องจากมองวตั ถใุ นบริเวณท่ีมแี สงสวา่ งไม่เหมาะสม
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- ลงความเหน็ จากข้อมูลเกย่ี วกับการใช้แสงสว่างท่ีเหมาะสมในชวี ิตประจาวนั
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A)
- มวี ินยั
- ใฝ่เรียนรู้
4. สาระการเรยี นรู้
กจิ กรรมหลายกจิ กรรมในชวี ติ ประจาวนั เก่ยี วขอ้ งกบั การใช้แสง มที ัง้ ท่ีใชแ้ สงสว่างจ้า แสงสวา่ ง
ปานกลาง หรือแสงสลัว ซงึ่ บางกจิ กรรมเป็นการใช้แสงสวา่ งทเี่ หมาะสมหรอื ไม่เหมาะสม การป้องกันอันตราย
ท่ีเกิดกับตา เน่ืองจากมองวตั ถใุ นที่มีแสงสวา่ งไม่เหมาะสมทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น ไม่จ้องจอโทรศัพท์เคลอื่ นทเ่ี ป็น
เวลานาน หรอื ใส่อปุ กรณ์ทชี่ ว่ ยปอ้ งกันแสงจ้า
316
5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- บอกแนวทางการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับตา เนื่องจากการมองวัตถุในบริเวณทม่ี ีแสงสวา่ ง
ไมเ่ หมาะสม
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงความเห็นจากข้อมลู เกย่ี วกบั การใชแ้ สงสวา่ งท่ีเหมาะสมในชีวติ ประจาวนั
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รียนรู้
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มวี นิ ัย
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรยี น (เวลา 5 นาท)ี
1. ครูทบทวนผลการสารวจท่นี กั เรียนไดบ้ นั ทกึ ไว้ แล้วใชค้ าถามวา่ ในชีวิตประวนั ของนกั เรยี นมกี จิ กรรมใดบ้างท่มี กี าร
ใช้แสง และใช้แสงสว่างแตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ ง ไร (นักเรียนตอบตามสงิ่ ทบี่ ันทึก)
2. ครูตรวจสอบความรูเ้ ดิมโดยใชค้ าถามว่า ถา้ เราจดั แสงสว่างไม่เหมาะสมในการทากจิ กรรมจะเกดิ ผลเสยี กับตา
หรอื ไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ครจู ดคาตอบของนักเรียนไวบ้ นกระดาน เพ่อื นาคาตอบ
กลับมาแก้ไขเมอ่ื เรียนจบกจิ กรรมแล้ว
ข้นั สอน (เวลา 40 นาท)ี
3. ครูใช้ส่ือสไลด์ชวนนกั เรียนหาคาตอบโดยทากิจกรรมท่ี 1 การป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากแสงทาได้อยา่ งไร หน้า 92
โดยใหน้ ักเรียนอา่ นชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ ขอ้ ที่ 2 จากนั้นใช้คาถามต่อไปน้ี
3.1 กิจกรรมนนี้ กั เรียนจะได้เรยี นเรอ่ื งอะไร (แนวทางการป้องกันอนั ตรายท่ีเกิดกบั ตา เน่ืองจากมองวตั ถใุ น
ท่ีมีแสงสวา่ งไม่เหมาะสม)
3.2 นักเรยี นจะเรียนเรอื่ งนด้ี ้วยวธิ ีใด (รวบรวมขอ้ มลู )
3.3 เมอ่ื เรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (บอกแนวทางการป้องกันอันตรายท่เี กิดกบั ตา เนอื่ งจากมองวตั ถุใน
ท่ีมีแสงสวา่ งไมเ่ หมาะสม)
4. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นักเรียนทราบอีกครั้งว่านักเรียนจะได้อธิบายการจัดแสงสว่างที่เหมาะสมในการ
ทากิจกรรม และบอกแนวทางการปอ้ งกันอนั ตรายทีเ่ กดิ กับตา เนอื่ งจากมองวตั ถุในบริเวณท่ีมแี สงสวา่ ง ไม่
เหมาะสม
5. ครใู ชส้ ื่อสไลดช์ วนนกั เรียนหาคาตอบโดยใหน้ ักเรยี นอ่านวธิ ีทาในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 3-5 หนา้ 92-93 แล้วทาความ
เขา้ ใจในขน้ั ตอนการทากจิ กรรมจนแนใ่ จว่านกั เรยี นทาได้ โดยใชค้ าถามดงั นี้
317
5.1 นกั เรยี นตอ้ งอา่ นใบความรเู้ ร่ืองอะไร (ใบความรู้เร่ืองอันตรายจากการมองเหน็ วตั ถใุ นบรเิ วณท่ีมีแสงสวา่ งไม่
เหมาะสม)
5.2 หลงั จากอ่านใบความรู้แล้ว นักเรียนต้องนาเสนอเก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร (การมองเห็นวตั ถุในบริเวณท่มี แี สงสวา่ ง
ไมเ่ หมาะสม และแนวทางในการปอ้ งกันอนั ตรายที่อาจเกิดขึน้ กับตา)
5.3 นักเรยี นตอ้ งรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร (อภิปรายเกี่ยวกับกิจกรรมที่สารวจได้ในชัว่ โมงท่ี 1 วา่ ใช้
แสงสวา่ งไดเ้ หมาะสมหรือไม่ และอภิปรายสงิ่ ท่ีควรทาเพอื่ ไม่ใหเ้ กดิ อนั ตรายกับตาในการมองวัตถุ)
6. ครชู ักชวนนักเรียนอา่ นใบความรเู้ รอ่ื งอันตรายจากการมองเหน็ วตั ถุในบริเวณท่ีมีแสงสว่างไม่เหมาะสม หน้า 96-97
ด้วยวิธกี ารอา่ นท่เี หมาะสม และชวนนักเรียนอภิปรายทลี ะย่อหนา้ โดยใชค้ าถามดงั นี้
6.1 การจอ้ งมองจอโทรศัพท์เคลอ่ื นที่เปน็ เวลานาน ๆ อาจจะเกดิ ผลเสียอย่างไรบา้ ง เพราะเหตุใด (อาจทาใหเ้ กิด
อาการตาพรา่ มวั เพราะจอโทรศัพทเ์ คลื่อนท่ีมแี สงสวา่ งจา้ )
6.2 บริเวณท่มี แี สงสวา่ งไมเ่ หมาะสมเป็นอย่างไร (บรเิ วณที่มีแสงสลวั หรือแสงสว่างจ้าสาหรับทากิจกรรมต่าง ๆ)
6.3 วิธกี ารปอ้ งกันอันตรายที่อาจเกดิ กบั ตาจากการมองวัตถใุ นบริเวณทีม่ ีแสงสวา่ งไม่เหมาะสมได้ ทาไดอ้ ย่างไร
บ้าง (ไมจ่ ้องมองจอโทรศัพท์หรอื คอมพิวเตอรเ์ ปน็ เวลานาน ไม่มองจอโทรทศั น์ในห้องทป่ี ิดไฟมืด และต้องจัด
แสงสวา่ งให้เหมาะสมกับลกั ษณะการทางาน การใสแ่ ว่นตากนั แดดเมื่ออยู่กลางแจง้ )
6.4 อาชพี ใดท่ีอาจต้องทางานกบั แสงจ้า และจะมวี ธิ กี ารป้องกันได้อยา่ งไร (ช่างเชือ่ มเหลก็ มีวธิ ปี ้องกนั คอื ต้องใส่
หน้ากากป้องกนั แสงจ้าจากประกายไฟในขณะทางานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกดิ กบั ตา)
ครอู าจเปิดวดี ิทัศน์ที่เกี่ยวกบั การเลน่ โทรศพั ท์แลว้ เป็นอนั ตรายกับตา และวธิ ีการทางานของชา่ งเช่ือมเหล็ก
มาให้นักเรยี นดูประกอบ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจมากยง่ิ ขนึ้
7. เมอ่ื นกั เรยี นอ่านใบความรู้จบแลว้ ให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและตรวจสอบกจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่บี นั ทกึ ไว้ในใบงาน
หน้า 94-95 ว่าใช้แสงสวา่ งในการทากิจกรรมเหมาะสมหรือไม่ หากยงั ไม่ถูกต้องใหป้ รบั แก้ไขใหถ้ กู ต้อง
8. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายและบนั ทึกกิจกรรมท่ีใชแ้ สงสวา่ งไมเ่ หมาะสมรวมทั้งบนั ทกึ แนวทางที่ควรทาเพ่ือไม่ให้
เกิดอันตรายกับตาในการมองวัตถุ ลงในใบงาน หน้า 98
ขน้ั สรุป (เวลา 5 นาที)
9. ครูใช้สื่อสไลด์โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปผลท่ีได้จากกิจกรรมนี้ด้วยตนเองว่า
กจิ กรรมหลายกิจกรรมในชวี ติ ประจาวันเก่ียวข้องกบั การใชแ้ สง มที ั้งท่ีใช้แสงสว่างจา้ แสงสว่างปานกลาง หรือแสง
สลัว ซึ่งบางกิจกรรมเป็นการใช้แสงสว่างท่ีเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม การป้องกันอันตรายที่เกิดกับตา เน่ืองจาก
มองวัตถุในท่ีมีแสงสว่างไม่เหมาะสม ทาได้หลายวิธี เช่น ไม่จ้องจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน หรือใส่อุปกรณ์ที่ช่วย
ป้องกนั แสงจ้า
8. สื่อ /แหล่งเรียนรู้
8.1 ส่อื สไลด์ เรือ่ ง การป้องกันอนั ตรายท่เี กดิ จากแสง (2)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 การป้องกันอันตรายที่เกิดจากแสงทาได้อย่างไร หนา้ 92
8.2 ใบงาน 01 การป้องกันอันตรายทเ่ี กิดจากแสง หนา้ 94-95 และ 98
8.3 ใบความรู้ เรือ่ งอนั ตรายจากการมองวตั ถุในบริเวณท่ีมแี สงสวา่ งไมเ่ หมาะสม หนา้ 96-97
318
9. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การป้องกันอันตรายทเี่ กดิ จากแสง หนา้ 94-95 และ 98
10. การวัดและประเมินผล
ประเดน็ การประเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
1) อธบิ ายการใช้แสงสวา่ ง สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
ที่เหมาะสมและไม่ ชนั้ เรยี นและในใบงาน คาถามในช้ันเรยี นและ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
เหมาะสมทใ่ี ช้ทากิจกรรม ตรวจใบงาน คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
ในชีวิตประจาวัน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
2) ทกั ษะกระบวนการ สังเกตทักษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง
- ลงความเหน็ จากข้อมลู ทากจิ กรรม วทิ ยาศาสตร์
เก่ยี วกับการใช้แสงสวา่ งท่ี
เหมาะสมในชีวิตประจาวนั
3) สงั เกตพฤติกรรมการมี สังเกตด้านคุณลักษณะ แบบประเมนิ
วนิ ัยและใฝ่เรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
319
แบบประเมนิ การตอบคาถามในช้ันเรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 32 เรื่อง การป้องกันอนั ตรายทเ่ี กิดจากแสง (2)
ชื่อผู้ประเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครั้งที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
การตอบ การสรปุ ความถูกตอ้ ง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ชือ่ -สกุล/กลุม่ คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ช้นั เรียน (4) เน้อื หาในใบงาน
(4) (2)
เกณฑ์การประเมิน
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง) น้าหนัก คะแนน
การประเมิน 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถูกต้อง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชนั้ เรียน ถกู ต้องท้งั หมด ถูกต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น 4
สว่ นใหญ่ 2
2. การสรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรูค้ วาม สรุปความรู้ความ สรุปความรูเ้ ข้าใจ 1.0
ความเข้าใจ เขา้ ใจเกย่ี วกับ เขา้ ใจเกยี่ วกับ เก่ียวกับเรอื่ งท่ี
เกยี่ วกบั เรื่องท่ี เรื่องที่ศกึ ษาได้ เรอ่ื งที่ศกึ ษาได้ ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางส่วน และไม่ครบถ้วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
เนอ้ื หาท่เี ขียนใน เนอ้ื หาทเ่ี ขยี นใน 1.0
3. ความถูกต้อง เนอ้ื หาท่เี ขียนใน เนอื้ หาท่ีเขียนใน ใบงานมคี วาม ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ ใบงานมบี างสว่ น ถูกต้องเปน็
เนอ้ื หาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ตามที่ สว่ นน้อย
ตามท่กี าหนด กาหนด
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
320
แบบประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 32 เรื่อง การปอ้ งกนั อันตรายที่เกิดจากแสง (2)
ช่อื ผู้ประเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครั้งท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่ือง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่อื -สกุล/กลุ่ม รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวม ผลการประเมนิ
การลงความเหน็ จากข้อมูล (3) คะแนน
(3 คะแนน)
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
การลงความเห็นจาก ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
ข้อมลู
สามารถใชค้ วามรหู้ รือ สามารถใช้ความรู้หรือ สามารถใช้ความรหู้ รือ
ประสบการณเ์ ดมิ เพอ่ื ลง ประสบการณ์เดิมเพือ่ ลง ประสบการณเ์ ดมิ เพ่อื ลง
ความเห็นเก่ยี วกับความ ความเห็นเกี่ยวกบั ความ ความเหน็ เก่ยี วกบั ความ
เหมาะสมในการใชแ้ สงสว่าง เหมาะสมในการใชแ้ สงสว่าง เหมาะสมในการใชแ้ สงสว่าง
เพือ่ ทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ด้วย
ตนเอง เพ่ือทากิจกรรมตา่ ง ๆ โดย เพือ่ ทากิจกรรมตา่ ง ๆ ได้
การชแี้ นะของครหู รือผู้อนื่ บางอยา่ ง แมจ้ ะไดร้ บั
คาแนะนาจากครูหรือผู้อ่นื
เกณฑ์การตดั สิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
321
แบบประเมินด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 32 เร่ือง การปอ้ งกันอนั ตรายทเ่ี กิดจากแสง (2)
ชื่อผ้ปู ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชือ่ กลุ่มรับการประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครั้งที่………………….... วนั ท่ี ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดบั พฤติกรรม
รวมคะแนนท่ีได้ท้ังหมด
1 มวี นิ ัย เกดิ = 1 ไม่เกิด = 0
2 ใฝเ่ รียนรู้
เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
322
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 33
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แสง หนว่ ยย่อยที่ 1 แสงและการมองเห็น
แผนการเรยี นรทู้ ่ี 33 เรือ่ ง การปอ้ งกันอนั ตรายทเี่ กดิ จากแสง (3) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัด
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งสสาร
และพลงั งาน พลงั งานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วข้องกับเสียง แสง
และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ัด ว 2.3 ป.2/2 ตระหนักในคุณคา่ ของความรู้ของการมองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกนั อันตราย
จากการมองวัตถทุ อ่ี ยู่ในบรเิ วณทม่ี ีแสงสว่างไมเ่ หมาะสม
2. สาระสาคัญ
การมองวัตถุในบรเิ วณทีม่ แี สงสว่างมากหรือน้อยเกินไปจะเป็นอนั ตรายต่อตา สามารถป้องกันได้
โดยการจัดแสงสวา่ งใหเ้ หมาะสมกับการทากจิ กรรมต่าง ๆ หรือสวมอปุ กรณป์ ้องกนั แสง
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- บอกแนวทางการป้องกนั อนั ตรายท่ีอาจเกดิ กับตา เนอ่ื งจากการมองวัตถุในบริเวณท่ีมแี สงสวา่ ง
ไมเ่ หมาะสม
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- ตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ เกยี่ วกับการจัดแสงสว่างให้หมาะสม และแนวทางการป้องกัน
อนั ตรายท่ีเกิดกับตา เนื่องจากมองวัตถใุ นบริเวณทม่ี แี สงสว่างไมเ่ หมาะสม
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- มวี ินัย
- ใฝ่เรยี นรู้
4. สาระการเรียนรู้
กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวันต้องใช้แสง การมองวัตถุในบริเวณที่มแี สงสวา่ งไมเ่ หมาะสมจะเป็น
อันตรายต่อตา เชน่ การมองจอโทรศพั ท์เคล่ือนท่ีในท่ีมืด การมองดูดวงอาทิตย์โดยตรง การเชื่อมเหล็ก ซงึ่
ป้องกนั ไดโ้ ดยการจดั ความสวา่ งใหเ้ หมาะสม หรือสวมเคร่ืองป้องกันแสงสว่างจา้
323
5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- บอกแนวทางการป้องกันอันตรายท่ีอาจเกิดกับตา เน่ืองจากการมองวัตถุในบริเวณที่มีแสงสว่าง
ไมเ่ หมาะสม
5.2 ความสามารถในการคดิ
- ตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุปเกยี่ วกบั การจัดแสงสวา่ งให้หมาะสม และแนวทางการป้องกันอันตราย
ที่เกดิ กบั ตา เนือ่ งจากมองวตั ถใุ นบริเวณที่มแี สงสวา่ งไม่เหมาะสม
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
- มวี นิ ัย
- ใฝเ่ รยี นรู้
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มีวินัย
6.2 ใฝ่เรียนรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น (เวลา 5 นาที)
1. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตรปู ภาพเด็กทก่ี าลงั อา่ นหนังสือในห้องนอนทีม่ ีแสงสลัว จากนั้นใชค้ าถามดงั นี้
1.1 จากรูปภาพเปน็ การใช้แสงสว่างท่เี หมาะสมหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (ไม่เหมาะสมเพราะ อ่านหนงั สอื ในบรเิ วณที่
มแี สงสลวั )
1.2 ถ้าเป็นนักเรยี นควรจดั แสงสว่างอยา่ งไรใหเ้ หมาะสม (ควรเปิดไฟใหม้ ีแสงสว่าง)
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
2. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมท่ี 1 การป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากแสงทาได้อย่างไร ให้นักเรียนทราบอีกครั้งว่า
นักเรียนจะได้บอกแนวทางการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับตา เนื่องจากการมองวัตถุในบริเวณท่ีมีแสงสว่าง
ไม่เหมาะสม
3. ครูส่มุ นกั เรียนออกมานาเสนอกจิ กรรมทบ่ี ันทึกไวใ้ นใบงาน 01 การปอ้ งกนั อนั ตรายที่เกิดจากแสง หนา้ 98
4. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปราย โดยใชค้ าถามดงั น้ี
4.1 กจิ กรรมใดบ้างทใ่ี ช้แสงสวา่ งไมเ่ หมาะสม (นักเรียนตอบตามทีบ่ ันทึกไว้ เช่น การเล่นกับเพ่ือนกลางแจง้ ในเวลา
กลางวัน เลน่ เกมในโทรศัพท์ในบริเวณท่มี ดื )
4.2 สงิ่ ท่ีควรทาเพอื่ ไม่ให้เกิดอันตรายกบั ตา เมื่อทากิจกรรมที่ใช้แสงสว่างไม่เหมาะสม (นักเรยี นตอบตามทีบ่ นั ทึก
ไว้ เชน่ การเลน่ กบั เพื่อนไม่ควรเล่นกลางแจ้งตอนกลางวนั ควรเล่นในทรี่ ่ม การเล่นเกมในโทรศัพท์ควรเล่นใน
บริเวณท่มี ีแสงสว่างเหมาะสม)
324
5. ครใู ช้สอ่ื สไลดช์ วนนกั เรยี นตอบคาถามหลงั ทากิจกรรม ในใบงาน หน้า 99-100 โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอา่ นคาถาม
และเฉลยคาตอบท่ถี กู ตอ้ ง
ขั้นสรปุ (เวลา 5 นาที)
6. ครใู ช้สือ่ สไลดโ์ ดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรปุ จากกจิ กรรมดว้ ยตนเองว่า กจิ กรรมตา่ ง ๆ
ในชวี ติ ประจาวันต้องใชแ้ สง การมองวัตถุในบรเิ วณท่ีมีแสงสว่างไมเ่ หมาะสมจะเปน็ อนั ตรายต่อตา เช่น การมองจอ
โทรศัพทเ์ คลื่อนท่ีในบรเิ วณท่ีมดื การมองดูดวงอาทิตย์โดยตรง การเชอื่ มเหล็ก ซง่ึ ป้องกันได้โดยการจัดความสว่าง
ใหเ้ หมาะสม หรือสวมเคร่ืองป้องกนั แสง
7. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงาน 02 แบบฝึกหดั เร่ืองการป้องกันอันตรายทเ่ี กดิ จากแสง หน้า 101 เป็นการบ้าน
8. ส่ือ /แหลง่ เรียนรู้
8.1 ส่ือสไลด์ เร่อื ง การปอ้ งกันอันตรายทีเ่ กิดจากแสง (3)
8.2 ใบงาน 01 การป้องกันอันตรายที่เกิดจากแสง หน้า 99-100
8.3 ใบงาน 02 แบบฝกึ หัด เร่อื งการป้องกันอนั ตรายท่เี กิดจากแสง หน้า 101
9. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การป้องกันอันตรายที่เกิดจากแสง หนา้ 99-100
9.2 ใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรื่องการป้องกันอันตรายที่เกิดจากแสง หน้า 101
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดีมาก
1) บอกแนวทางการ สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
ปอ้ งกนั อนั ตรายท่อี าจเกิด ชั้นเรยี นและในใบงาน คาถามในชัน้ เรียนและ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
กบั ตา เนือ่ งจากการมอง ตรวจใบงาน คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
วตั ถุในบรเิ วณที่มีแสงสวา่ ง คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
ไมเ่ หมาะสม
2) ทกั ษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง
- ตคี วามหมายข้อมลู และ ทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์
ลงข้อสรุปเกีย่ วกับการจดั
แสงสว่างให้หมาะสม และ
แนวทางการป้องกนั
อันตรายทเ่ี กดิ กับตา
ประเด็นการประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือ 325
เนอื่ งจากมองวัตถใุ นท่ีมี
แสงสวา่ งไมเ่ หมาะสม สังเกตด้านคุณลกั ษณะ แบบประเมิน เกณฑ์การตดั สนิ
3) สงั เกตพฤติกรรมการมี อนั พงึ ประสงค์ คุณลักษณะ
วินัยและใฝเ่ รียนรู้ อนั พงึ ประสงค์ คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
แบบประเมนิ การตอบคาถามในชัน้ เรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 33 เรอ่ื ง การปอ้ งกันอันตรายทเี่ กิดจากแสง (3)
ชอื่ ผปู้ ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งที่………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่อื -สกุล/กลมุ่ รายการประเมิน/ระดับคะแนน รวมคะแนน
การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง (10 คะแนน)
คาถามในช้นั ความรู้ ครบถว้ นของ
เรยี น (4) เนือ้ หาในใบงาน
(4) (2)
326
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) น้าหนกั คะแนน
การประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถกู ต้อง 1.0 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรยี น ถกู ต้องทั้งหมด ถูกต้องเป็น ถกู ต้องบางสว่ น สรุปความรู้เข้าใจ 0.5 4
เกย่ี วกับเรือ่ งท่ี
สว่ นใหญ่ ศกึ ษาไม่ถูกต้อง 2
และไม่ครบถ้วน
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรุปความรูค้ วาม
ความเขา้ ใจ เขา้ ใจเกยี่ วกับ เข้าใจเก่ยี วกับ เนอ้ื หาท่เี ขียนใน
เกย่ี วกบั เรอ่ื งที่ เรื่องที่ศกึ ษาได้ เรอื่ งท่ีศกึ ษาได้ ใบงานไม่ถกู ตอ้ ง
ศกึ ษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถว้ น และไม่ครบถว้ น
3. ความถูกต้อง เนอ้ื หาท่เี ขยี นใน เนอื้ หาท่เี ขยี นใน เนือ้ หาทเี่ ขียนใน
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ ใบงานมีบางสว่ น ใบงานมคี วาม
เนื้อหาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ตามท่ี ถกู ต้องเปน็ สว่ น
ตามทกี่ าหนด กาหนด น้อย
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
327
แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 33 เร่อื ง การป้องกนั อนั ตรายท่ีเกิดจากแสง (3)
ชอื่ ผ้ปู ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชื่อ-สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลการประเมิน
การตคี วามหมายข้อมลู และ
ลงข้อสรุป (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์
สามารถตีความหมายข้อมลู ที่ พอใช้ (2) สามารถตีความหมายข้อมลู
การตคี วามหมาย สารวจไดแ้ ละจากการอา่ นใบ ท่ีสารวจได้และจากการอ่าน
ข้อมูลและลงข้อสรปุ ความรแู้ ละลงขอ้ สรุปได้วา่ สามารถตคี วามหมายข้อมูล ใบความรู้และลงข้อสรปุ
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ใชแ้ สงควร ท่สี ารวจไดแ้ ละจากการอา่ น ไดว้ า่ กจิ กรรมต่าง ๆ ทใ่ี ช้
จัดแสงสวา่ งใหเ้ หมาะสม เพื่อ ใบความรแู้ ละลงข้อสรปุ แสงควรจดั แสงสวา่ งให้
ไม่ให้เกิดอันตรายกบั ตา และ ไดว้ า่ กจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีใช้ เหมาะสม เพื่อไมใ่ หเ้ กิด
บอกแนวทางการป้องกัน แสงควรจดั แสงสวา่ งให้ อนั ตรายกบั ตา และบอก
อันตรายจากแสงได้อยา่ ง เหมาะสม เพ่อื ไมใ่ ห้เกดิ แนวทางการป้องกัน
ถูกต้อง และมเี หตุผล ด้วย อนั ตรายกบั ตา และบอก อันตรายจากแสงได้ถูกต้อง
ตนเอง แนวทางการป้องกนั บางอยา่ ง แมจ้ ะไดร้ ับ
อันตรายจากแสงได้อยา่ ง คาแนะนาจากครหู รือผูอ้ ่นื
ถูกต้อง และมเี หตุผล โดย
การช้ีแนะของครูหรือผู้อ่ืน
328
เกณฑ์การตดั สิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
แบบประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 33 เรอ่ื ง การปอ้ งกันอันตรายที่เกิดจากแสง (3)
ชื่อผ้ปู ระเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ช่ือกลุ่มรับการประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลคร้งั ที่………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับพฤตกิ รรม
รวมคะแนนทไี่ ด้ทง้ั หมด
1 มวี นิ ยั เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 ใฝ่เรียนรู้
เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สิน
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
329
เฉลยใบงาน
330
นกั เรียนตอบตามทส่ี ารวจได้
331
นกั เรียนตอบตามทส่ี ารวจได้
332
เลน่ กลางแจง้ อ่านหนงั สือในที่มแี สงสว่าง
พอเหมาะ
เล่นในทร่ี ม่ มีแสงสว่าง
พอเหมาะ
333
การแปรงฟนั อาบนา้ การเดนิ ทางมาโรงเรียน การเลน่ กับเพ่อื น
การอ่านหนงั สือ
แสงสวา่ งท่นี ้อยเกินไปหรือจ้ามากเกินไป
ตาพรา่ มัว หรอื ตาบอดได้
334
เช่น ไมจ่ อ้ งมองจอโทรศัพท์เคลื่อนทหี่ รอื จอคอมพวิ เตอร์เปน็
เวลานาน ไมม่ องจอโทรทัศนใ์ นห้องท่ีปิดไฟมดื จดั แสงสว่าง
ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะการทางาน สวมหนา้ กากป้องกันแสง
การมองวตั ถุในบริเวณทีม่ แี สงสว่างมากหรอื นอ้ ยเกินไป เป็นอนั ตราย
ต่อตา สามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดยการจัดแสงสวา่ งใหเ้ หมาะสมกับการทา
กจิ กรรมต่าง ๆ หรอื สวมอปุ กรณป์ ้องกนั แสง
335
ขคงจ รปู ข ค และ จ ทากิจกรรมใน
บรเิ วณทม่ี ีแสงสวา่ งนอ้ ยเกินไป รูป ง มองวัตถทุ ี่มีแสงจ้าเกินไป
336
เฉลยแบบทดสอบ
337
338
X
X
X
339
X
X
X
340
X
X
X
X
341
X
X
342
X
X
X
343
บรรณานกุ รม
สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๖๑). คมู่ อื การใชห้ ลักสตู ร
รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราข ๒๕๕๑ วชิ าวิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา.
สืบคน้ เม่อื วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒, จาก https://www.scimath.org/ebook-science/item/8923-2018-10-01-
01-59-16.
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๖๑). ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พช์ มุ ชนุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๙). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๖๒). หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เลม่ ๑. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๖๒). หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ เลม่ ๒. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.
บันทกึ ความจาํ
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
บันทกึ ความจาํ
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................